Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
CH. 12
- Onyx
“ทิม..ต่ายบอกว่าเครื่องประดับที่ทิมให้เปลี่ยนจี้เป็นเพชรเสร็จแล้วนะแล้วก็ทองคำขาวที่สั่งทำเพิ่มเดี๋ยวเย็นนี้ต่ายจะเอามาให้ดู แต่ต่ายบอกว่ายังไม่ครบขาดของใครหรือเปล่าเดี๋ยวมันจะไม่ทันนะ”
“…………………………………”
“ทิมได้ยินที่พี่บอกไหม”
“…………………………………”
“ทิม”
“…………………………………”
“ทับทิม!”
พลอยแตะลงบนไหล่ของน้องชายที่ถือดินสอค้างไว้แต่ดวงตากลับมองเหม่อจนหาจุดโฟกัสไม่ได้ พอเธอลองแตะลงบนไหล่เบาๆ ทิมถึงได้รู้สึกตัวสมุดเล่มสีน้ำตาลในมือถูกปิดลงก่อนที่จะบอกให้พลอยพูดซ้ำอีกครั้ง
“แล้วสรุปอันไหนที่ยังไม่เสร็จ”
“แหวนแต่งงานของคุณพอร์ช”
“แก้แบบเยอะเหรอคุณพชรก็ดูไม่เรื่องมากนะ หรือว่าเขาอยากได้แบบอื่น”
“ไม่ใช่ทั้งสองข้อ”
“อ้าวแล้วตรงไหนที่..”
“พอร์ชยังไม่ได้เลือกแบบแล้วก็…ทิมเองไม่รู้จะออกแบบยังไงไม่รู้ด้วยว่าเจ้าของแหวนอีกวงหนึ่งเขาอยากได้แบบไหน”
“ทิม”
“พี่พลอย ทิมคุยกับพอลลีนแล้วถ้ามันไม่ได้…หมายถึงทิมจะให้พอลลีนดูโปรเจกต์นี้ต่อจากทิมไปเลยถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆ ”
ทันทีที่ทิมพูดจบพลอยรู้สึกว่าสมองเธอเบลอไปหมดนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ทับทิม นพจินดายกงานที่ตัวเองทำมาตั้งแต่แรกให้คนอื่นรับช่วงต่อ ในฐานะพี่สาวเธอพอดูออกว่าทั้งสองคนน่าจะมีปัญหาส่วนตัวอะไรสักอย่างไม่งั้นน้องชายเธอไม่มีทางเทงานกลางคันแบบนี้แน่นอน พลอยถอนหายใจแล้วลุกมาหาน้องชายที่นั่งอยู่อีกด้าน
“ทะเลาะกับคุณพชรหรือเปล่า”
“เฮ้ย ไม่ได้ทะเลาะทิมแค่อยากรับงานอื่น ของเจริญกิจธาราเหลือแค่ของพอร์ชคนเดียวเอง พอลลีนจัดการได้อยู่แล้ว”
“แต่แหวนแต่งงานคืองานที่ทิมถนัด”
“มันคิดแบบไม่ออก”
“แล้วเจ้าของแหวนอีกวงไม่ใช่เราหรือไง ทับทิม”“…………………………………….”
พลอยรอสังเกตท่าทีของน้องชายและมันก็เป็นเหมือนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดเลย ไม่มีคำพูดอะไรต่อมีเพียงแค่สายตาที่ดูว่างเปล่าก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนดินสอในมือไปมา มุมปากนั่นยิ้มนิดๆ แต่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่เกิดจากความสุข
“จะใช่ได้ไหมผมเป็นผู้ชายพี่พลอยก็รู้”ว่าแล้ว..ว่าต้องมีปัญหา พลอยยกมือลูบผมน้องชายคนเล็กเบาๆ เธอไม่ได้ว่าอะไรกับความรักแบบนี้คิดมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า ทับทิม นพจินดาน้องชายที่เธอจับมัดจุกน้ำพุมาตั้งแต่สามขวบควรจะต้องมีคนดูแลและคงไม่ใช่ผู้หญิง เธอคิดว่าทิมกับพอร์ชอาจจะไปด้วยกันได้ดีเพราะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดตัวติดกันยิ่งกว่าคู่รักบางคู่ซะอีก พลอยเองก็เดาว่าคุณย่ากาญจนากับคุณเฟื่องฟ้าก็คงพอระแคะระคายเรื่องนี้อยู่บ้าง
ส่วนแม่เธอแน่นอนป่านนี้โทรไปคุยกับบรรดาแม่ๆ ของแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วแน่ๆ
“พี่เข้าใจนะว่าทิมคงลำบากใจแต่พี่ก็อยากให้ทิมคุยกับคุณพชรก่อน”
“ผมเองก็ยังไม่มีแบบแหวนเสนอให้พอร์ชดูเลยจะให้ไปคุยอะไร เจ้าตัวเขาก็ไม่ได้บอกว่าอยากได้แบบไหนบางทีอาจจะต้องรอถามว่าที่เจ้าสาวเขาก่อน”
พลอยเหลือบมองสมุดคู่ใจของทิมที่วางอยู่บนตักยอมรับว่าเธอเห็นคร่าวๆ ว่ามันเป็นรูปแหวนวาดไว้อาจจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ก็น่าจะใกล้เสร็จแล้วแน่ๆ ท่าทางที่ดูเงียบๆ ของน้องชายที่เธอไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่ทำให้พลอยต้องเอื้อมมือมาจับไหล่เบาๆ
“สำหรับทิมแหวนแต่งงานที่ดีที่สุดก็คือ แหวนทับทิม และพี่ก็เชื่อว่าคุณพชรก็น่าจะคิดแบบเดียวกับพี่”
Jewelry Design
“ทำไมหน้าเป็นงั้นวะโดนลูกค้าให้แก้แบบอีกเหรอไง”
“เรื่องปกติ”
“แล้วมึงเป็นอะไรเห็นเครียดๆ มาทั้งอาทิตย์”
“มีน..ไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ”
“คุณทิม?”
“รู้ได้ไงวะ”
“สัด ทั้งชีวิตมึงมีอยู่แค่นี้ งาน ลูกค้า บ้านสามร้อยล้านแล้วก็ ว่าที่เมียที่จะมาอยู่ที่บ้าน”
พอร์ชพยักหน้ายอมรับว่าเขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ที่จริงเป็นมาทั้งอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่คุณทิมเริ่มพูดเรื่องแหวนในวันนั้นเขาเองก็คิดเรื่องนี้วนไปวนมาไม่รู้จบ ตั้งแต่วันนั้นเราสองคนก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีกทำทุกอย่างตามปกติเหมือนทุกวัน แต่พอร์ชก็รู้ว่าคุณทิมยังคงรอให้เขาเริ่มพูดอีกครั้งแต่ก็นั่นแหละ..เขายังไม่มีคำตอบ
“กูไม่รู้ว่าจะให้คำปรึกษาแบบไหนกับมึง หัวใจมึงเองก็ต้องรู้ด้วยตัวเองสิวะ”
“ไม่ช่วยอะไรกูเลย”
“การบ้านจากกูเอาเป็นว่าเวลากลับบ้านไปมึงอยากเจอใครอยู่ที่บ้านมึง”ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้านพอร์ชได้แต่ยกมือกุมขมับเพราะว่าเครียดมาทั้งอาทิตย์ งานที่ทำอยู่ก็เร่งจนเขาแทบไม่มีเวลานอนเลยสักนิด พอจะนอนก็มีเรื่องให้คิดจนนอนหลับไม่สนิท กลัวว่าตัวเองจะเดินๆ อยู่แล้วล้มลงไปนอนกับพื้นอยู่เหมือนกัน พอร์ชกดปิดประตูบ้านเมื่อเอารถเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้ว ไฟในบ้านเปิดสว่างจ้าแต่เขาก็ไม่แปลกใจหรอก ทันทีที่เดินเข้ามาถึงในห้องครัวพอร์ชก็ต้องหยุดเดินแล้วเลือกที่จะมองแผ่นหลังเล็กที่ยังอยู่ในชุดทำงานกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงเคาน์เตอร์
กุญแจบ้านที่เขาหวงนักหวงหนา
มีแค่ทับทิม นพจินดาที่ได้ไปง่ายๆ
พอร์ชตั้งใจจะเดินเข้ามาเงียบๆ ก่อนจะชะโงกหน้ามาดูว่าคุณทิมกำลังทำอะไรอยู่ พอเห็นว่าไม่ได้ถือของมีคมเลยตัดสินใจสอดมือเข้ามากอดตรงช่วงเอวก่อนจะเอียงหน้ามาหอมแก้มขาวเต็มแรง คนที่กำลังจัดจานอาหารอยู่สะดุ้งสุดตัวจนพอร์ชเองยังหัวเราะออกมา
“ถือมีดอยู่โดนแทงไปแล้วนะ”
“ก็เห็นคุณทิมตั้งใจจนหน้าแทบจะติดจานเลยไม่กล้าทัก”
“ก็ทำอาหารอยู่”
“เทใส่จาน?”
“แล้วตัวเองทำได้มากกว่านี้หรือไง”
ทิมหันไปหยิบจานอาหารที่จัดใส่จานเรียบร้อยแล้วมาวางบนโต๊ะอาหาร ท่าทางตั้งอกตั้งใจแถมเมนูยังเป็นของโปรดเขาทั้งหมดทำให้พอร์ชเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว เขาทำงานเหนื่อยๆ มาทั้งวันมาม่ากระป๋องคือมื้ออาหารหรูหราที่เขาใช้ประทังชีวิต แล้วดูตอนนี้ในห้องครัวมีคุณทิมใส่ผ้ากั้นเปื้อนจัดอาหารให้เรียบร้อย พอร์ชเดินไปหยิบกระปุกหนังยางมัดผมมาถือไว้ก่อนจะเดินตามหลังคนที่กำลังเปิดชั้นเพื่อหยิบแก้วน้ำ พอทิมหันหลังกลับมาก็ต้องหยุดชะงัก
“ทำอะไร”
“มัดจุก”
“ไม่มัด”
“ผมทิ่มตา”
เหนื่อยจะเถียงทิมเลยต้องยอมให้พอร์ชค่อยๆ จับผมข้างหน้าขึ้นมาก่อนจะจับมัดให้เป็นจุกเล็กๆ พอร์ชก้มลงมามองคนที่อยู่ตรงหน้าดวงตากลมโตมองตามเขาไม่วางตาคงกลัวว่าจะมัดจุกไม่สวย มันน่าเอ็นดูจนพอร์ชละสายตาไม่ได้ทันทีที่ดวงตานั้นสบตากับเขาทุกอย่างรอบตัวก็เหมือนเงียบลง ระยะห่างระหว่างเราสองคนค่อยลดลงพอร์ชยกมือขึ้นมากอดคนตรงหน้าเมื่อเข้าก้มลงไปหาปากบางๆ นั่น
มันเป็นจูบลึกซึ้งครั้งที่สองทิมหลับตาลงเมื่อพอร์ชจัดการอุ้มแล้ววางลงบนเคาน์เตอร์ มือที่วางอยู่บนอกค่อยๆ เลื่อนไปตรงกลุ่มผมของพอร์ช เมื่ออีกฝ่ายเล่นไล่ต้อนเขาจนแทบหมดแรง มันเริ่มจากสัมผัสของริมฝีปากที่แทบจะไม่แยกออกจากกัน ปรับเปลี่ยนองศาจนทิมต้องกำเสื้อเชิ้ตของพอร์ชไว้แน่น ลิ้นร้อนหยอกล้อ ทั้งดูดดึง ทั้งเอาแต่ใจ เสียงหอบหายใจของคนที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ทำให้พอร์ชยิ้มออกมา แก้มขาวทั้งสองข้างแดงก่ำจนพอร์ชต้องลูบมันเบาๆ อย่างเพลินมือ มีบ้างที่ก้มลงไปฟัดแรงๆ เพราะทนไม่ไหว
“จูบแบบนี้ตายกันพอดี”
“ใครใช้ให้คุณทิมน่ารักล่ะครับ ไม่อยากพูดเลยเดี๋ยวผมจะกลายเป็นผู้ชายไม่ดี”
“คิดอะไรบอกมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่เอาเดี๋ยวคุณทิมตีผม”
“บอกมา”
“คิดว่า”
“ว่า”
“บอกแล้วห้ามโกรธ”
“ลีลาจังเลยวะ”
“คิดว่าถ้าตอนนี้เราสองคนอยู่บนเตียงทับทิมจะต้องสลบคาอกผมแน่ๆ ”
“………………………………………”
คนที่กำลังจะอ้าปากเถียงเงียบลงทันควันสองแก้มขึ้นสีจนมันแดงไปทั้งหน้า แน่นอนว่าคนพูดก็เริ่มเขินขึ้นมาบ้างเหมือนกันอยู่ดีๆ กระป๋องมาม่าก็ถูกเขวี้ยงใส่หัวเขาก่อนที่คนทำจะกระโดดลงมาจากเคาน์เตอร์ทำท่าเดินห่างเขาเป็นวาๆ พอแกล้งเดินไปใกล้ก็รีบเดินไปที่โต๊ะกินข้าวถือช้อนส้อมขึ้นมาเป็นอาวุธ พอเห็นท่าทางแบบนั้นพอร์ชเลยต้องทำเป็นเดินเข้ามาหา คุณทิมก็เดินหนีไปอีกฝั่ง ต่างคนต่างหนีจนเหมือนเล่นไล่จับ พอร์ชหยุดมองคนที่กำลังหัวเราะไปด้วยมือก็กำลังกำช้อนไปด้วย ท่าทางไม่ได้ดูน่ากลัวเลยนะ ตลกมากกว่า
จะว่าไปทำงานหนักๆ แล้วได้มาเจอแบบนี้ที่บ้านก็ดีเหมือนกัน
เผลอหลับ..พอร์ชจำได้ว่าหลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็นั่งพักไปสิบนาทีแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอหลับไปแบบนี้ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆ มาสัมผัสบนใบหน้าพอลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าคุณทิมกำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้อยู่มีบ่นเบาๆ ว่ากินแล้วก็นอนเดี๋ยวก็ได้เป็นกรดไหลย้อน จังหวะที่คุณทิมกำลังลุกขึ้นพอร์ชเลยลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับคว้าเอวของคนตรงหน้าให้นั่งลงบนตัก
“ดูแลผมดีจัง”
“เหนื่อยอะไรขนาดนี้ทำงานเหมือนเป็นหนี้ร้อยล้าน”
“ผมถึกกว่าที่คุณทิมคิดนะ”
“สลบไปเมื่อไหร่จะตามไปหัวเราะ”
“งานมันเร่งเดี๋ยวเสร็จงานนี้แล้วผมว่าจะรับงานให้น้อยลงแล้ว อยากมีเวลาให้ตัวเองมากกว่านี้”
“ผมพูดจริงๆ คุณทำงานหนักเกินไปผมคิดว่ารามิลทำงานหนักแล้วนะแต่รายนั้นเลิกงานตรงเวลาเป๊ะ ไม่เหมือนคุณพอร์ชตีสามตีสี่ก็ยังทำงานร่างกายจะแย่เอา”
“ครับผม จะไม่ทำแบบนี้แล้วครับกลับบ้านตรงเวลามาเจอคนที่รออยู่บ้านดีกว่าเนอะ”
“พอร์ช”
“ครับ”
“คือผมไม่ได้อยากจะพูดเรื่องนี้ซ้ำๆ แต่ผมกลัวว่ามันจะไม่ทันแบบแหวนแต่งงานของคุ….”
ทิมยังพูดไม่จบประโยคเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้พอร์ชต้องกดรับเพราะเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วแต่มีนก็โทรมาหา ปกติถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรเร่งด่วน มีนไม่โทรมาแบบนี้เด็ดขาด ทันทีที่กดรับยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรเสียงของมีนก็ตะโกนดังลั่น
“ไอ้พอร์ช! มาที่ร้านพิมด่วนเลยเว้ย! ไอ้กรณ์กลับมาจากญี่ปุ่นแล้วอยู่ดีๆก็โผล่มานี่ทะเลาะกับพิมใหญ่เลย พิมร้องไห้ไม่หยุดเลยว่ะ! รีบมาเลยนะ!”พอร์ชตกลงรับคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแต่งตัวอีกรอบพอร์ชบอกคุณทิมคร่าวๆ ว่าเกิดเรื่องที่ร้านพิมนิดหน่อยเลยต้องไปดู ท่าทางรีบร้อนและเรื่องน่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเพราะทิมเองก็ได้ยินเสียงคุณมีนดังลั่นออกมาจากโทรศัพท์ พอร์ชบอกให้ปิดประตูบ้านให้ดีก่อนที่จะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิมถอนหายใจก่อนจะเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของพอร์ชที่ตกอยู่บนโซฟา น่าจะลืมไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรหรือเปล่าแต่ทิมก็หยิบขึ้นมาถือไว้
.....................
.............................................