Chapter 8 : พี่ใจร้าย
เชนได้ยินเสียงเหมือนของแตก เขารีบกลับลงมายังชั้นล่างเพราะเป็นห่วงน้อง ภาพที่เห็นคือนุ่มนิ่มยืนนิ่งหันหลังให้เขา บนพื้นมีเศษแก้วที่น่าจะเป็นชิ้นส่วนของกรอบรูปและรูปใบนั้นน้องกำลังถือมันไว้ในมือ นุ่มนิ่มคงจะเห็นรูปถ่ายของหนูนาเข้าแล้ว
แต่เชนไม่ได้สนใจมากไปกว่ามือเล็กที่เปื้อนเลือด เขาก้าวเท้าข้ามเศษแก้วอย่างระมัดระวังเพื่อเข้ามาประชิดตัวน้อง
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เชนถามอย่างเป็นห่วง จับมือน้องจะดูแผลให้แต่นุ่มนิ่มเบี่ยงตัวหลบ
“อย่ามายุ่งกับหนู ฮึก…” นุ่มนิ่มถอยหนี ใบหน้าหวานที่อาบไปด้วยน้ำตาทำให้เชนใจเสีย เขาพร้อมจะอธิบายทุกอย่างขอแค่น้องยอมฟัง แต่คงเป็นคนตัวเล็กเสียเองที่ไม่อยากฟัง
นุ่มนิ่มถอยไปจนชิดผนังอีกฝั่ง เท้าเล็กเหยียบกับเศษแก้วแต่ความเจ็บไม่เท่าความรู้สึกของน้องตอนนี้เลยสักนิด เหมือนจะหายใจไม่ออก บริเวณหน้าอกมันเจ็บไปหมดเลย
“หนูจะกลับบ้าน จะกลับบ้าน!” นุ่มนิ่มตะโกนลั่น สะอื้นจนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร เชนทนอยู่เฉยไม่ได้เขาเดินเข้ามากอดน้อง ถึงแม้ว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นแต่เชนก็ยิ่งกอดแน่นเข้าไปอีก
“ปล่อยหนู! อย่ามาจับนะ!” มือเล็กทั้งทุบและตีแขนแกร่งที่กอดตนเองไว้ เชนไม่ยอมปล่อยทำให้น้องกรีดร้องออกมาเสียงดัง คนเป็นพี่ลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบโยนแต่ไม่ได้ช่วยทำให้นุ่มนิ่มสงบลง
“ฟังพี่ก่อน หนูใจเย็นๆ นุ่มนิ่ม มองพี่” เชนคุกเข่าลงข้างๆ น้องที่ทรุดตัวลงบนพื้น นุ่มนิ่มยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น มือหนาประคองใบหน้าหวานขึ้นให้มองหน้าเขา นุ่มนิ่มร้องไห้จนตาแดงจมูกแดงไปหมด เชนยิ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องเสียน้ำตา
“พี่ขอโทษนะคะ…”
“คนโกหก ฮือ…พี่หลอกหนู” นุ่มนิ่มไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต น้องไม่อยากฟังพี่เขาแก้ตัว ไม่อยากจะเชื่ออะไรพี่เชนอีกแล้ว ถ้าไม่บังเอิญเห็นรูปและรู้ความจริงก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะบอกให้รู้ตอนไหน
หรือนุ่มนิ่มอาจจะไม่สำคัญมากพอที่จะได้รู้เรื่องสำคัญของพี่เชนก็ได้
“พี่ไม่ได้จะโกหกหนู แค่ยังไม่มีโอกาสได้บอก” นิ้วยาวค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน นุ่มนิ่มฟังโดยไม่โต้เถียง เชนเบาใจคิดว่าน้องคงจะเข้าใจแล้ว
“พอถึงเวลาที่เหมาะสมพี่ก็จะบอกหนู พี่ไม่อยากจะปิดบังหนูแม้แต่เรื่องเดียว” เชนจูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียน เขาไม่ได้พูดแค่ให้น้องหายเศร้า แต่เป็นเรื่องที่คิดอยู่ตลอดอยู่แล้ว เขาไม่มีทางปิดนุ่มนิ่มเรื่องหนูนาได้ตลอดไป สักวันน้องก็ต้องรู้อยู่ดี เลยคิดจะหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะบอก
แต่ไม่คิดว่านุ่มนิ่มจะรู้เข้าเสียก่อนอย่างไม่ทันตั้งตัว และน้องคงเข้าใจว่าเขาคิดจะปิดบังเลยไม่เคยบอกให้รู้
“หนูอยากกลับบ้าน อยากกลับไปหาคุณยาย” เสียงของนุ่มนิ่มอ่อนลงจากก่อนหน้า แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด ต่อต้านอย่างหนักว่าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เท้าเล็กที่มีเลือดไหลซึมอยู่ตลอดเวลาพยายามจะลุกขึ้น แต่เชนไม่ปล่อยให้น้องเดินเอง
เขาอุ้มคนตัวเล็กขึ้นในอ้อมแขนและพามานั่งที่โซฟา นุ่มนิ่มกัดปากตนเอง ดื้อจะลุกขึ้นอีกแต่โดนพี่เขากดไหล่ไว้
“อย่าดื้อ พี่จะทำแผลให้”
“หนูจะกลับบ้าน!” พอมีคนขัดใจนุ่มนิ่มก็เอาแต่ใจ ก้าวร้าวขึ้นเสียงใส่พี่เขา เชนไม่ได้ถือสา เขาค้นหาอุปกรณ์ทำแผลและมานั่งทำแผลให้อย่างใจเย็น ถึงแม้ว่านุ่มนิ่มจะไม่ให้ความร่วมมือ
“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่ทำแผลหนูจะโดนตัดเท้า” เชนขู่เพราะน้องเอาแต่ดิ้นไปมา เขาจับเท้าข้างที่เจ็บของนุ่มนิ่มไว้แน่นและวางลงที่ตัก คนเจ็บสะบัดหน้าหนี ซุกหน้าลงกับตุ๊กตาหมีตัวโตและบีบแน่นเป็นบางครั้งถ้าอีกฝ่ายเผลอลงแรงที่แผลแรงไปหน่อย
นุ่มนิ่มไม่ยอมมองหน้าพี่เขา เกยคางลงกับแขนพี่หมีปล่อยให้เชนทำแผลให้จนเสร็จ เรียบร้อยแล้วมือขวาก็ถูกดึงไปทำแผลให้เช่นกัน ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งผ้าพันแผลถูกพันลงที่มืออย่างเรียบร้อย
ได้ยินเสียงพี่เขานำกล่องอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บ ตามมาด้วยเสียงกุกกักในครัว ก่อนที่เชนจะกลับออกมาพร้อมกับพุดดิ้งสีเหลืองน่าทานกับนมสดในแก้วทรงกลม
“กินของหวานหน่อยไหมคะ หนูจะได้อารมณ์ดี” เชนนั่งลงข้างๆ แต่คนตัวเล็กขยับหนี ไม่ยอมแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ
คุณยายเคยบอกว่านุ่มนิ่มดื้อไม่น้อย เชนยังไม่เคยเจอโหมดนั้น แต่วันนี้เขากำลังเผชิญอยู่เลย คำพูดของคุณยายถูกต้อง
นุ่มนิ่มบทจะดื้อก็เรียกได้ว่ารั้น แทบจะไม่ยอมฟังอะไรสักอย่าง และยังแสดงอาการต่อต้านท่าเดียว เหมือนอย่างตอนนี้ที่เอาแต่บอกว่าจะกลับบ้าน
“หนูอยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่กับพี่เชนแล้ว” นุ่มนิ่มโผล่หน้ามาจากหลังของพี่หมี งอแงจะกลับบ้านให้ได้ และเชนก็รู้ว่าเขาต้องรับมือยังไง
“อยากจะกลับก็กลับเลยค่ะ แต่พี่ไม่ไปส่งนะ” เขาใช้วิธีเดียวกับเวลาที่หนูนาดื้อ รายนั้นถ้ายิ่งห้ามจะเหมือนเป็นการยุ เลยต้องทำเป็นไม่สนใจและปล่อยทิ้งไว้ เพราะยัยหนูจะไม่กล้าทำจริงๆ อย่างมากก็แค่งอนแต่เดี๋ยวก็หายเอง นุ่มนิ่มก็คงจะเหมือนกัน
นุ่มนิ่มมองตามหลังพี่เขาที่กลับไปทำความสะอาดกรอบรูปที่แตก พี่เชนเก็บรูปถ่ายบนพื้นขึ้นมาพลางลูบไปตามรูปนั้นอย่างแผ่วเบา
สายตาแบบนั้น…สายตาของพี่เชนที่มองคนในรูปถ่าย นุ่มนิ่มไม่เห็นจะเคยได้รับบ้างเลย
พอทำความสะอาดเสร็จพี่เชนก็เดินขึ้นชั้นสองไป ทิ้งน้องไว้กับพี่หมีตัวโต
ขอบตาของนุ่มนุ่มร้อนผ่าวก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอีกรอบ พี่เชนไม่รู้หรือไงว่าน้องกำลังเสียใจอยู่ ทำไมถึงได้ทิ้งน้องไว้คนเดียวแบบนี้
ไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว นุ่มนิ่มไม่อยากอยู่กับคนใจร้าย น้องจะกลับไปหาคุณยาย
…
เชนเปลี่ยนกรอบรูปใหม่สำหรับรูปถ่ายใบสุดท้ายของหนูนา รูปนี้เขาเป็นคนถ่ายเองโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขแบบนั้นของลูกสาว
หลังจากกลับมาจากไปเที่ยวด้วยกันแค่ไม่กี่วันหนูนาก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เป็นเขาเองที่ประมาทจนทำให้ยัยหนูต้องตาย
ถึงแม้ว่าหนูนาจะเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ เกิดจากความผิดพลาดของเขากับนาราแต่เชนก็รักลูก เขาเป็นคนเลี้ยงหนูนาตั้งแต่ยัยหนูเกิด ส่วนนารานานๆ ครั้งถึงจะมาเยี่ยมลูกมาอยู่กับลูกสักที
นาราไม่เคยรักหนูนาเหมือนกับแม่คนอื่นๆ แม้กระทั่งตอนที่ยัยหนูเสียนาราไม่เคยมาช่วยงานศพเลยสักวันเพราะอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่ จนเลิกกับฝ่ายนั้นเธอถึงได้กลับมาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาอีกครั้ง
แต่เชนไม่มีวันกลับไปหาเธอ เขายังจำวันที่นารารู้ว่าท้องและบอกกับเขาว่าจะเอาเด็กออกได้ดี ความรักที่เชนมีต่ออีกฝ่ายลดน้อยลงตั้งแต่วันนั้น ยิ่งนาราไม่เคยทำหน้าที่แม่เท่าที่ควร ความรู้สึกที่เขามีต่อแม่ของลูกยิ่งลดถอยลงจนกลายเป็นศูนย์ในที่สุด
ตอนนี้เขากับนาราเหลือเพียงความเป็นเพื่อน ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงแต่เขาไม่รู้สึกกับนาราเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เชนวางกรอบรูปอันใหม่ไว้ที่โต๊ะทำงาน เขาไม่ได้โกรธนุ่มนิ่มที่ทำรูปยัยหนูเสียหาย แต่น้องสาวของเขากำลังอารมณ์ไม่ดีและดูท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
รอให้นุ่มนิ่มใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกที เขาจะได้เล่าเรื่องของหนูนาให้ฟังทั้งหมด รวมถึงเรื่องนาราด้วย จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่ายว่าไม่มีอะไรปิดบังต่อกันอีก
เขานั่งทำงานไปเรื่อยๆ มองนาฬิกาอีกทีก็ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว น้องคงจะหิวแล้วแต่ไม่ยอมขึ้นมาเรียกเขาเพราะยังงอนอยู่
เด็กๆ เป็นแบบนี้กันทุกคนจริงๆ เวลาโดนเขาดุบางครั้งหนูนาถึงกับขังตนเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาทาข้าวก็ยังมี
เชนเดินออกมาจากห้องกลับลงมายังชั้นล่าง แต่นุ่มนิ่มไม่ได้นั่งอยู่ที่โซฟา มีแค่ตุ๊กตาหมีตัวโตนั่งอยู่ตรงนั้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพร้อมๆ กับที่เดินเข้ามาในครัวแต่ก็ยังไม่เจอน้องอยู่เหมือนเดิม
เห็นท่าไม่ดีเชนรีบกดโทรศัพท์หาน้อง แต่นุ่มนิ่มปิดเครื่อง เขาสบถคำหยาบและหยิบกุญแจรถออกมาจากห้องทันที
เขาไม่คิดว่านุ่มนิ่มจะกล้าออกไปไหนคนเดียวในสถานที่ๆ ไม่คุ้นเคยแบบนี้ แต่น้องกลับใจกล้ามากกว่าที่คิด
“ไปอยู่ที่ไหนนะ” เชนบ่นกับตนเองขณะที่ขับรถตามหาน้องบริเวณรอบๆ คอนโด คิดว่านุ่มนิ่มคงจะไปไหนได้ไม่ไกล ขับรถวนหาหน่อยก็คงเจอ
คนผิดเป็นเขาเองที่พูดกับน้องไปแบบนั้น คงจะเข้าใจว่าเขาไล่จริงๆ นุ่มนิ่มถึงได้หนีไป ถ้าเจอน้องเมื่อไหร่คงต้องขอโทษกันยกใหญ่แล้ว
…
ใบหน้าหวานมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง แต่สองเท้ายังเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด นุ่มนิ่มยังไม่รู้ว่าจะเดินไปที่ไหน แต่น้องไม่อยากอยู่กับพี่เชนแล้ว คนใจร้ายไล่น้อง ไม่เห็นจะสนใจกันเลยสักนิด
เดินเท้ามาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน นุ่มนิ่มไม่กล้าเดินออกไปที่ถนนใหญ่เลยเดินเข้ามาในซอยเล็กๆ แทน ถ้าเดินไปจนสุดซอยมันจะต้องไปโผล่ที่ไหนสักที่ เหมือนแถวบ้านที่เชียงใหม่ที่เดินทะลุกันได้
แต่เดินมาจนเมื่อยแล้ว เท้าก็เจ็บด้วย ตรงที่เป็นแผลมีเลือดซึมออกมา ยิ่งเดินยิ่งเข้ามาลึกแต่จะเดินกลับไปทางเดิมหันมองข้างหลังก็มืดจนไม่กล้าเดิน
“น้องคนสวยจะไปไหนจ๊ะ ?”
นุ่มนิ่มสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแหบๆ ดังขึ้น คนตัวเล็กถอยหนีโดยอัตโนมัติเพราะผู้ชายแปลกหน้าสองคนเดินออกมาจากเพิงเก่าๆ ข้างทาง
มัวแต่เดินก้มหน้าก้มตาจนไม่ทันได้สังเกต รู้ตัวอีกทีก็โดนล้อมหน้าล้อมหลังไว้แล้ว
“มาเดินในที่มืดๆ คนเดียวแบบนี้ไม่กลัวเหรอ” ไม่ถามเปล่ามือสากๆ ยังเอื้อมมาจับคางสวย นุ่มนิ่มตกใจถอยกรูดจนแผ่นหลังชนกับกำแพงเย็นเฉียบ น้ำตาคลอจะไหลอยู่รอมร่อ ทั้งกลัวทั้งขยะแขยง
“แล้วน้องคนสวยต้องกลัวอะไรวะ ?”
“กลัวโดนลากไปข่มขืนไง”
พวกมันตอบรับเข้าคู่กันเป็นอย่างดี หัวเราะอย่างน่ารังเกียจ นุ่มนิ่มกระชับกระเป๋าสะพายไหล่ใบเล็กของตนเองไว้แน่น มองหาทางหนีแต่ไม่รู้จะหนีไปทางไหน ซอยก็แคบแค่นี้เอง ไม่น่าเดินเข้ามาตั้งแต่แรกเลย
“อย่ามายุ่งกับหนูนะ ถอยออกไป!” นุ่มนิ่มทำใจกล้าตะโกนใส่ แต่พวกมันกลับหัวเราะเสียงดังราวกับว่าเป็นเรื่องตลก
“น้องคนสวยบอกว่าให้ถอยออกไปว่ะ”
“ทำไมพี่ต้องถอยด้วยล่ะจ๊ะ เรามาสนุกกันดีกว่า” มือหยาบคว้ามือของนุ่มนิ่มและกระชากเข้าหาตัว ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามร้องให้คนช่วย
“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย!” นุ่มนิ่มพยายามขืนตัว แต่ก็โดนมันคนหนึ่งดึงเข้ามาปะทะอก กระเป๋าของน้องหล่นลงบนพื้นสกปรก น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อสัมผัสหยาบโลนจากมือของมันล้วงเข้ามาใต้กระโปรง
นุ่มนิ่มอยากจะอาเจียน พวกมันดึงทิ้งชุดสวยๆ ราวกับว่าน้องเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิต มือหยาบกร้านบีบไปตามแขนและเนื้อตัวอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ
“ถอดชุดมันออก”
“อย่าทำหนูเลย ฮึก…”
คำอ้อนวอนของนุ่มนิ่มไม่เป็นผล ร่างเล็กๆ ถูกผลักจนล้มลงบนพื้น แขนถูกตรึงไว้โดยผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนขาถูกเข่าของอีกคนกดไว้ มันถลกชุดของนุ่มนิ่มขึ้นมาจนถึงอกและบีบขยำไปทั่ว สองขาดิ้นเท่าที่จะทำได้เลยโดนตบเข้าที่หน้าจนแก้มซีกขวาชาไปหมด
นุ่มนิ่มปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างหมดทางสู้ เสียงชุดถูกกระชากจนฉีกขาดดังบาดหู มือเล็กปัดป้องเมื่อพวกมันก้มลงมาใกล้ ลมหายใจปนกลิ่นเหล้าทำให้ยิ่งรังเกียจ
“อย่านะ ฮือ…ปล่อยหนูไปเถอะ” นุ่มนิ่มร้องขออีกครั้งอย่างสิ้นหวังในตอนที่มือสากกร้านล้วงเข้ามาจะถอดชั้นในออก คนตัวเล็กหลับตาลงยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
จะโทษใครไม่ได้หรอก น้องผิดเองที่หนีออกมาถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
“พี่เชน ฮึก…ช่วยหนูด้วย” นุ่มนิ่มสะอื้นตัวสั่นอย่างน่าสงสาร ทั้งขวัญเสียและหวาดกลัว สิ่งที่ปกปิดของสงวนกำลังถูกรูดออกมาตามเรียวขา
พลั่ก! “เฮ้ย ใครวะ!”
แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายที่กำลังจะถอดกางเกงชั้นในของนุ่มนิ่มล้มลงไป นุ่มนิ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หลังจากนั้นพวกมันอีกคนก็ล้มหงายหลังเพราะโดนถีบเข้าที่กลางอก
ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเสื้อคลุมก็ถูกโยนลงมาคลุมร่างที่เกือบจะเปลือยเปล่า นุ่มนิ่มหรี่ตามองคนที่มาช่วยแต่มองหน้าไม่ชุดเพราะตรงนี้ค่อนข้างมืด แต่เห็นว่าอีกฝ่ายตัวสูงและยังถือบางอย่างไว้ในมือ
ปืน…ดวงตาสวยเบิกกว้างเพราะสิ่งที่ผู้ชายตัวสูงถืออยู่คือปืน และปากกระบอกกำลังจ่อไปที่พวกมันสองคนที่กำลังลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
“กูเป็นตำรวจและกูมีปืน ถ้าพวกมึงสองตัวยังไม่รีบไสหัวไป กูยิงไส้แตกแน่”
นุ่มนิ่มเห็นพวกมันรีบลุกขึ้นและวิ่งไปคนละทิศละทาง ก่อนที่ผู้ชายแปลกหน้าจะเข้ามาช่วยพยุงน้องให้ลุกขึ้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า พวกมันได้ทำอะไรไหม ?” เขาถามพลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น นุ่มนิ่มจับเสื้อไว้แล้วส่ายหน้า
“หนู…หนูไม่เป็นไรค่ะ” อีกฝ่ายประคองนุ่มนิ่มไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และก้มลงไปเก็บกระเป๋าขึ้นมาถือให้
“เดินไหวไหม รถผมจอดอยู่ตรงนู้น” นุ่มนิ่มพยักหน้าถึงแม้ว่าเท้าเจ็บอยู่แต่ก็พอจะเดินไหว ผู้ชายที่ยังไม่เคยเห็นหน้าพาน้องมาที่รถ เปิดประตูและช่วยพยุงให้เข้าไปนั่งก่อนจะเดินอ้อมไปประจำที่คนขับ
ไฟสลัวๆ ในรถทำให้นุ่มนิ่มพอจะมองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน เขาคงจะอายุมากกว่าแน่นอนอยู่แล้ว ตัวสูงใหญ่และดูแข็งแรงมาก ผิวสีแทนอย่างคนสุขภาพดีเห็นได้ชัดภายใต้เสื้อยืดสีขาวพอดีตัว
รวมถึงปลายแขนเสื้อที่ขลิบสีแดงและตราบนหน้าอกทำให้นุ่มนิ่มรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจจริงๆ
“มาเดินทำอะไรแถวนี้คนเดียว ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย” เสียงทุ้มพูดเหมือนจะดุ นุ่มนิ่มลอบมองใบหน้าคมอย่างกลัวหน่อยๆ
“หนูหลงทาง” นุ่มนิ่มโกหกไปเรื่อย เพราะถ้าบอกไปตามตรงว่าหนีออกจากบ้านมาคงจะโดนดุอีก
“บ้านอยู่ไหน ผมจะไปส่ง”
“อยู่เชียงใหม่ค่ะ”
คำตอบทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเด็กที่เพิ่งช่วยมาหยกๆ ตั้งใจกวนประสาท แต่พอหันมองกลับเห็นแต่ใบหน้าใสซื่อที่แก้มขวายังมีรอยมือจากการโดนทำร้ายอย่างชัดเจน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนู ถ้าไม่ได้พี่หนูคง…” นุ่มนิ่มไม่กล้าพูดต่อ ถ้าอีกฝ่ายมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อยก็คงจะแย่เหมือนกัน ยังถือว่าตนเองโชคดีที่ไม่โดนทำอะไรไปมากกว่านั้น
“ไม่เป็นไร แล้วจะให้ผมไปส่งที่ไหน” เขาเริ่มออกรถขับออกมาตามถนนใหญ่ นุ่มนิ่มยังไม่ตอบคำถามในทันที จนรถแล่นมาเรื่อยๆ ได้สักพักเลยชี้บอกให้จอดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ
“จอดตรงนั้นก็ได้ค่ะ”
“บ้านอยู่แถวนี้เหรอ” พี่เขาถามพลางจอดรถเทียบข้างทาง นุ่มนิ่มไม่ได้ตอบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง แต่คนมากประสบการณ์กว่าคงจะดูออกว่าตอนนี้น้องกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
“อย่าบอกนะว่าหนีออกจากบ้านมา” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงคาดคั้นเอาคำตอบ คนตัวเล็กไม่ตอบและยังก้มหน้ามองตักตนเอง แต่คำตอบใช้แทนความเงียบได้เป็นอย่างดี
“ให้ตายสิ เด็กสมัยนี้” เขาบ่น นุ่มนิ่มเงยหน้ามองคุณตำรวจ ถามเสียงเบาอย่างกลัวๆ
“พี่จะจับหนูเข้าคุกไหม”
“ทำไมผมต้องจับคุณเข้าคุก ?”
“ก็…หนูหนีออกจากบ้าน” นุ่มนิ่มถามประสาซื่อ อีกฝ่ายถึงกับหลุดขำออกมา ตำรวจไม่ได้ว่างงานถึงขนาดจะต้องไล่ตามจับเด็กหนีออกจากบ้านเสียหน่อย
“ถ้าไม่อยากให้ผมจับเข้าคุกก็บอกมาสิว่าบ้านอยู่ที่ไหน ผมจะได้ไปส่ง”
“หนูไม่อยากกลับบ้าน” ดวงตากลมมีน้ำตาคลอช้อนขึ้นมอง นายตำรวจหนุ่มถึงกับชะงักไป รีบหากระดาษทิชชู่และส่งให้
“ไม่กลับก็ไม่กลับ อย่าร้องไห้” สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือเด็กๆ มาร้องไห้ใส่ เพราะเป็นการรับมือที่ยากที่สุดในโลก อะไรตามใจได้ก็ต้องยอมๆ ไปก่อน
นุ่มนิ่มเบะปากสูดน้ำมูก ถามย้ำอีกครั้งว่าพี่เขาจะไม่พาน้องไปส่งบ้านใช่ไหม
“ครับๆ จะพาไปส่งยังไงล่ะบ้านอยู่ไหนยังไม่รู้เลย” ถอนหายใจยาวก่อนจะออกรถอีกครั้ง คราวนี้มุ่งหน้าตรงกลับบ้านเพราะคืนนี้ถามให้ตายเด็กก็คงไม่ยอมบอกว่าบ้านอยู่ที่ไหน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเค้นถามอีกรอบ
…
เชนกลับมาที่ห้องตอนเกือบสามทุ่ม เขาตามหานุ่มนิ่มจนทั่วแถวนี้แต่ไร้วี่แวว สุดท้ายเลยต้องกลับมาตั้งหลักเสียก่อน เผื่อว่าน้องอาจจะกลับมาแล้ว แต่ข้อสันนิฐานของเขาผิดพลาดไปหมดเพราะพอกลับมาถึงห้องก็ยังว่างเปล่าอยู่เหมือนเดิม
ลองโทรหาตั้งหลายสิบสายแต่ไม่มีการตอบรับเพราะน้องปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหนแล้วเป็นยังไงบ้าง
“ถ้ากลับมาพี่จะตีหนู เจ้าเด็กดื้อ” เชนบ่นหลังจากลองโทรอีกครั้งและนุ่มนิ่มยังปิดเครื่อง เขานั่งลงที่โซฟาอย่างหมดแรง แค่วันแรกเขาก็ทำให้น้องไม่พอใจจนหนีออกจากบ้านแล้ว
แล้วอย่างนี้จะกล้าบอกคุณยายได้ยังไงว่านุ่มนิ่มอยู่กับเขาแล้วมีความสุข เขาเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ
เชนถอนหายใจครั้งที่นับไม่ถ้วน เขามืดแปดด้านไม่รู้จะไปตามหาน้องที่ไหน บางทีอาจจะต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยตามหากันอีกที
เขาเอนหลังพิงกับโซฟา คืนนี้ทั้งคืนก็คงจะนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงคนที่หายไป เชนมองโทรศัพท์ในมือตนเอง ลังเลว่าจะกดโทรออกดีหรือไม่
แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะโทรหาเจ้าของเบอร์ที่นานๆ ครั้งจะได้คุยกันสักที ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากฝ่ายนั้นเด็ดขาด
…
นุ่มนิ่มเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามาในบ้านเดี่ยวสองชั้น มือเล็กกระชับเสื้อคลุมไว้ตลอดเวลาเพราะรู้ว่าสภาพของตนเองตอนนี้ไม่น่ามองเท่าไหร่ ดวงตาสวยมองคนตัวสูงที่เดินไปเปิดไฟจนบ้านสว่างจ้า และวางของรวมถึงเสื้อตำรวจพาดไว้กับเก้าอี้
ฟันคมเผลอกัดริมฝีปากเมื่ออีกฝ่ายมองตรงมา รู้หรอกว่ากำลังทำตัวมีปัญหาและยังสร้างความวุ่นวายให้คนอื่น แต่น้องยังไม่อยากกลับไปเจอพี่เชนตอนนี้จริงๆ นี่นา
“ไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ยังไม่อยากติดคุกซะเอง” เห็นเด็กมีปัญหายืนตัวลีบกำเสื้อไว้แน่นแล้วอดพูดไม่ได้ กลัวก็กลัวแต่ยังจะตามมาถึงบ้าน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นรับรองได้ว่ายัยหนูนี่คงจะไม่รอดมือแน่ๆ
“พี่…”
“ผมชื่อดนัย เรียกดินเฉยๆ ก็ได้” ดนัยลืมแนะนำตัวไปสนิท อย่างน้อยก็เป็นมารยาทเพราะคืนนี้ยังไงก็คงต้องอยู่ร่วมบ้านกัน
“หนูชื่อนุ่มนิ่ม พี่ดินไม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหรอก มันแปลกๆ หนูเด็กกว่าพี่ตั้งเยอะ”
“อายุเท่าไหร่แล้วน่ะเรา ?”
“สิบหกค่ะ”
ดนัยเกาหัวตนเองเมื่อได้ยินคำตอบ เวรแล้วไง เกิดพ่อแม่เด็กตามมาเจอเขาคงจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เข้าจริงๆ ว่าแต่เด็กสมัยนี้ทำไมถึงได้ใจกล้าหนีออกจากบ้านกันเหมือนเล่นขายของ และยังเป็นเด็กผู้หญิงอีก
“หนูขอใช้ห้องน้ำได้ไหมคะ” นุ่มนิ่มถาม รู้สึกไม่สบายตัวไปหมดแล้ว ทั้งแผลที่เจ็บไหนจะคราบเปื้อนสกปรกที่เลอะเสื้อผ้าอีก
เจ้าของบ้านพยักหน้าและเดินนำขึ้นมาบนชั้นสอง ดนัยเปิดประตูห้องนอนให้คนตัวเล็กเข้าไป บอกว่าห้องน้ำอยู่ตรงนั้นใช้ได้ตามสบาย
“เสื้อผ้าน้องคงต้องใส่ของพี่ไปก่อนนะ ถ้าไม่รังเกียจ ไม่งั้นก็ต้องโป๊เพราะชุดขาดหมดแล้วนี่” ดนัยเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกกางเกงขายาวกับเสื้อยืดที่คิดว่าน้องคงจะพอใส่ได้ออกมาให้
นุ่มนิ่มรับเสื้อผ้ามาถือไว้พร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณพี่เขา ดนัยบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะเดินออกมาจากห้องปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำธุระส่วนตัว
นายตำรวจหนุ่มเดินกลับลงมาข้างล่าง หยิบเบียร์กระป๋องมานั่งดื่มหน้าทีวีและดูบอลไปด้วย กำลังดูบอลอยู่เพลินๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พอมองรายชื่อคนที่โทรเข้ามาแล้วแปลกใจน่าดู ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยโทรมาสักครั้ง แต่เขาก็กดรับสาย
“ว่าไง เชนเพื่อนรัก” ดนัยหัวเราะพลางยกเบียร์ขึ้นจิบ ปลายสายเงียบไปนานกว่าจะตอบกลับมา
‘มีเรื่องจะรบกวนหน่อย’ สมกับเป็นเชนที่ไม่เคยอ้อมค้อม ดนัยทำเสียงแปลกใจแต่ก็ถามกลับ
“เรื่องอะไรวะ ถึงขนาดต้องพึ่งกูเลยว่างั้น ?”
‘น้องกูหายไป อยากให้มึงช่วยตามหาหน่อย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะดิน กูจริงจัง’ เสียงของปลายสายฟังดูเครียดจริงอย่างที่บอก ดนัยเปลี่ยนท่าเป็นนั่งตัวตรง อย่างน้อยเขาก็ยังมีจรรยาบรรณของความเป็นตำรวจ
“แล้วน้องมึงหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
‘ช่วงเย็นๆ ของวันนี้ ไม่แน่ใจเวลา กูพยายามตามหาแล้วแต่ไม่เจอ’ เขาจดรายละเอียดลงในกระดาษใกล้ๆ มือตามที่ได้ฟัง ถึงจะไม่ค่อยถูกกันแต่ในเมื่ออีกฝ่ายเดือดร้อนมาเขาก็พร้อมจะช่วย
“มีรูปไหม น้องของมึงที่ว่าน่ะ”
‘อืม เดี๋ยวกูส่งให้’ สายตัดไปแล้วในทันที ดนัยจิบเบียร์รออยู่ไม่นานโปรแกรมแชทก็แจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า หน้าแชทของเขากับเขนว่างเปล่าเพราะคุยกันครั้งล่าสุดก็เป็นปีมาแล้ว
ดนัยขมวดคิ้วเมื่อเห็นรูปของคนที่เชนส่งมาให้ทางไลน์ เขาว่าใช่แล้วล่ะ หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะขนาดนี้
“พี่ดิน หนูว่ากางเกงมันยาวไป”
เสียงเรียกทำให้ดนัยเงยหน้าขึ้นมอง เขายิ้มน้อยๆ มองรูปถ่ายในมือถือสลับกับเด็กหนีออกจากบ้านที่เดินลากขากางเกงยาวๆ เข้ามาหา
น้องสาวของเชนเพื่อนรักที่หายตัวไปกับยัยหนูที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เป็นคนๆ เดียวกันไม่ผิดแน่
TBC.
พี่ดินเป็นใครรรร พี่ดินเป็นพระเอกค่า /ผิด
#เรื่องของหนูนิ่ม