## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62  (อ่าน 48236 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะไรท์
ขอให้ไรท์ แข็งแรง สุขภาพดี ประสบแต่สิ่งดีๆ นะคะ  :mew1:

ไรท์มาต่อไวๆนะ  คิดถึงงงงงงงงงงงงงง  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
ยังไงๆก็ทีมพี่ลู แม้จเฝะเอนเอียงไปหาอีวานบางครั้งก็นะ :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ babimild1985

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ตามมาจากกระทู้แนะนำ เฮ้ยมันสนุกจริงไรจริง

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ตัวละครชายเยอะมากเลย (หัวเราะ) แต่ละตัวละครก็มีบทแตกต่างกันไปนะครับ น่าสนใจดี ผมติตรงนิสัยตัวนางเนี่ยแหละครับ กรัณย์เนี่ย ดูเป็นมนุษย์ที่ระบบความคิดพังยังไงก็ไม่รู้ หรือว่าดั้งเดิมอาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีระบบความคิดแบบ Critical Thinking เลยทำให้ดำเนินเส้นทางชีวิตแบบงงๆ (ก็เลยเป็นผลให้อวยเข้าหาลูเซียน)

ตอนแรกที่เสียตัวให้กับอีวานไปแล้ว สืบจนรู้ว่าทำไมถึงต้องไปเสียตัว (เพราะเป็นข้อเสนอของคุณเอง) พอไปเรียกร้องจากลูเซียนแล้วลูเซียนไม่เชื่อ การจะโกรธลูเซียนและจะไม่ไปยุ่งด้วย มันก็น่าจะสมเหตุสมผลแล้ว แต่ปรากฏ พออีวานยังตัดสินใจจะตามตื๊อคุณต่อ คุณกลับคิดว่าจะหนีหมอนี่ยังไงดี เลยกลับไปดีลกับลูเซียนเนี่ยนะ? กลับไปคุยกับไอ้คนที่เพิ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบในคำพูดของตัวเองที่เคยดีลไว้ คนแบบนี้ไว้ใจได้ที่ไหนครับ แถมตัวนางยังโอเค ยอมหมดจะให้ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ทำให้อีวานไม่มายุ่งกับเขาอีก โอ้โห นี่หรือคือมุมมอง ทำไมไม่ไปคุยกับต้นเหตุจริงๆจังๆล่ะ? ถ้าอีวานไม่เลิกตื๊อ เพราะอะไร ก็คุยกันให้เคลียร์ ถ้าเพราะเค้าอยากได้หรืออยากอยู่ด้วย ก็เปิดโอกาสให้เค้าหน่อยสิ ถ้าไม่เวิร์คก็จบเลิกกันไป อีวานก็คงยอมจบด้วยอยู๋แล้วถ้าไม่เวิร์ค ทำไมต้องไปทำอะไรให้ยุ่งยาก มันเหมือนตัวนางปากว่าตาขยิบ โกรธที่เค้าไม่ยอมรับนู่นนี่ แต่พอมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็พร้อมจะวิ่งเข้าหาลูเซียนตลอดเวลา ซึ่งผมว่ามันขัดกับบุคลิกของตัวละครที่พยายามบรรยายออกมาน่ะครับ

ผมไม่รู้พระเอกเป็นใคร แต่ตัวละครชายทุกตัวมีความเด่นที่ชัดเจนดี อย่างลูเซียน ผมคิดว่าภาพลักษณ์ของลูเซียนให้เหมือนกับผู้ปกครองนะครับ คือเป็นคนซึน เย็นชา ผมว่าปริศนาของตัวละครนี้อยู่ที่ภาพวาดในห้องทำงานลูเซียน ในภาพนั้นมีผู้ชายกับผู้หญิง ผู้ชายน่าจะเป็นลูเซียน แล้วผู้หญิงเป็นใคร? ปกติบุคลิกคนมันไม่เย็นชาขนาดนี้ถ้าไม่มีปม ถ้าผู้หญิงเคยเป็นน้องสาว หรือเคยเป็นภรรยา หรือเป็นคนที่ใกล้ชิดมาก่อน เป็นไปได้ว่าลูเซียนไม่อยากเจ็บปวดด้วยการสร้างครอบครัวหรือสนิทสนมกับใคร แต่กับกรัณย์ ผมสัมผัสได้ว่าเค้าให้ลุคเหมือนผู้ปกครอง ลูเซียนเป็นคุณพ่อที่ดีนะครับ ทั้งหัดให้กรัณย์รู้จักทำอะไรด้วยตัวเอง ให้โอกาสเมื่อกรัณย์อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ได้อำนวยความสะดวกเป็นการสปอยล์เด็กเกินไป ถ้าจะเปลี่ยนก็ไปเริ่มจากหนึ่งซะ การที่ลูเซียนไม่เชื่อกรัณย์ง่ายๆและมีเวลาให้แปปเดียวทุกครั้ง มันก็เป็นการสอนว่าเวลาจะคุยกับคน มันต้องมีอะไรให้ระมัดระวังบ้าง ให้กรัณย์รู้จักบริหารเวลาและไม่พูดอะไรพร่ำเพรื่อ แต่ก็มีมุมใจดีเช่นจะสอบเข้าแต่ไม่เข้าใจ ก็มีเวลามานั่งสอนการบ้าน มีมุมใจดีที่อบอุ่นให้เวลาที่อีกฝ่ายต้องการคำปลอบใจจริงๆ ผมคิดว่าเค้าเป็นคุณพ่อที่ดีได้เลยนะครับ เฉียบขาด ตรงเวลา เคร่งครัดวินัย แต่ก็มีมุมที่สอนให้คนอื่นได้รับรู้ประสบการณ์และไม่ทำอะไรที่มันไร้สาระ (เช่นที่ตำหนิจ้าน หรือให้โอกาสไทด์)

สำหรับจ้านกับไทด์ ผมว่าคนเขียนเคลียร์เรื่องไทด์ได้ครบถ้วนดีแล้วนะครับ ให้อารมณ์เหมือนพี่ชาย เป็นคนที่หมั่นไส้และไม่ชอบขี้หน้านิสัยของกรัณย์ที่คงเคยเหมือนตัวเองมาก่อน แต่พอได้มาพัวพัน ได้มาเห็นนิสัยว่าตัวนางเป็นคนซื่อๆ ไทด์ที่กลับตัวได้มาแล้วก็เลยเกิดความเอ็นดูและน่าจะสนิทสนมกับกรัณย์เหมือนพี่ชายคอยดูแลดี แต่กับจ้าน ผมว่าตัวละครนี้มันดูจืดจางไปน่ะครับ

จ้านเป็นตัวละครที่ดูน่าหัวเราะหน่อยๆในเรื่องนี้นะครับ สำหรับผมคาแรกเตอร์แบบนี้เป็นไม่ได้แม้กระทั่งพระรองด้วยมั้ง เพราะว่าออร่าของตัวละครชายอื่นเด่นกว่าจนกลบรัศมีจ้านไปหมดเลย ทุกการกระทำของจิตตากรมันโดนกระแสเรื่องพัดให้ดูเป็นการกระทำที่ดูน่าหัวเราะและไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็น พยายามช่วยเหลือกรัณย์ แต่เจ้าตัวก็วิ่งโร่ไปหาลูเซียนทุกครั้ง ถ้าผมเป็นลูเซียน แค่เยาะเรื่องนี้เบาๆก็เจ็บไปถึงกระดูกดำแล้วแหละ พออยากจะช่วยปกป้องรัณย์จากคนอื่น อยากเอารัณย์ออกจากลูเซียน พยายามหาหลักฐานแทบตาย แต่ปรากฏพอนัดคุย ดันโดนอีกฝ่ายสวนมาจนหน้าซีดปากสั่น อย่างนี้ผมว่าไม่ผ่านล่ะมั้งครับ แถมพอรัณย์โดนจับไป ยังจะบากหน้าไปโวยวายใส่ลูเซียน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนให้อีกฝ่ายคาบหน้าที่ช่วยเหลือไปกินเองด้วยซ้ำ อย่างนี้ผมว่ายังมือไม่ถึงอะ เป็นเด็กเห่อความทรนงหยิ่งในตัวเองแต่ความสามารถยังแทบไม่มีด้วยซ้ำ เหมือนเป็นตัวประกอบที่ส่งบทสนับสนุนให้ตัวละครชายอื่นโดดเด่นกว่าล่ะมั้ง ถ้าเทียบบทก็คงเป็นได้แค่ตัวประกอบเกรดบี พอกับตัวละครที่ชื่อติณณ์อะ

แต่ตัวละครที่ผมคิดว่ามีมิติและน่าสนใจจริงๆคืออีวานนะครับ ด้วยแบ็คกราวน์ชีวิตที่มีมิติ แล้วก็นิสัยที่ให้เกียรติรัณย์ด้วยแม้จะพยายามตื๊อโดยใช้อำนาจในทางที่ประหลาดๆบางครั้ง แต่โดยรวมผมว่าอีวานเป็นคนที่จริงใจกับกรัณย์มากๆแล้วนะครับ แถมด้วยหน้าตารูปร่าง และบุคลิกที่มีความมุ่งมั่น ขี้เล่นนิดหน่อย แต่ก็มีความละเอียดรอบคอบสุขุมสมเป็นผู้มีอิทธิพลในฮ่องกง ก็ไม่ยากที่จะทำให้ตัวละครนี้มีเสน่ห์ขึ้นมามากๆในสายตาของคนอ่าน

ออฟไลน์ Tin Tin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้างงงงงงงงงง
 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :call: :call:ยังคงเชียร์อีวานเป็นพระเอก

ออฟไลน์ wizard_tao

  • หนุ่มใต้อู้กำเมือง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 417
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
งงไปหมดแล้วววววว
ไม่รู้จะเชียร์ใคร

ออฟไลน์ FonJuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังรอเรื่องนี้อยู่นะคะ ค้างมากๆ
มาคลายปมที่พัวพันนี้ทีนะคะคนเขียน
  :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
อยากอ่านต่อแล้วววววว :ling1: :ling1: :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกก ปะทะกันแล้วค่ะท่านผู้ชมมมม  :katai1:  :ling3:

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
เห็นจากกระทู้เเนะนำ  เลยตามมาตั้งใจจะอ่านเลยค่ะ  เเต่แอบส่องคอมเม้นมีแต่คนโหยหวน
รอคุณนักเขียนมาอัพ  ทำไงดีล่ะคะเลยยังไม่กล้าอ่านกลัวค้าง จะยังมาต่อใช่มั้ยคะคุณนักเขียน

 o14 o14 o14

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะว่าไงดีน้า ชอบมากๆแล้วกัน มาไม่ทันตอนคุณนักเขียนอัพเรียลไทม์ เลยไม่ได้เม้นให้กำลังใจ แต่ถ้าคุณนักเขียนแว๊บผ่านมาอยากบอกว่าชอบมากๆๆๆยังรออ่านอยู่น้า ถ้าว่างหรื่อพร้อมก็กลับมานะคะ รออ่านอยู่


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ชอบมาก ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ติดแล้ว
ยังไงก็ให้กำลังใจคนเขียนนะจ๊ะ

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 28



ผมยืนประหลาดใจกับสถานการณ์ตรงหน้า อยู่ๆ ลูเซียนก็เดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่ผมเข้าใจตอนแรกว่ามารับอีวาน ตอนนี้ผมอยู่บนเกาะ ห่างจากกรุงเทพเป็นร้อยๆ กิโล ใครจะคิดว่าเวลาผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืน ลูเซียนจะรู้แล้วว่าผมอยู่ไหน แถมยังดั้นด้นมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองอีกต่างหาก
“เสียใจด้วย คุณมาช้าไป” คำพูดของอีวานทำให้ผมหันไปมอง คำพูดนั้นฟังเหมือนแฝงอะไรบางอย่าง กระทั่งตัวเจ้าพูดประโยคถัดมา “ตอนนี้งานประมูลเลิกแล้ว”
หืม? หรือว่าลูเซียนก็ได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย
“เพราะอย่างนั้น คุณถึงพารัณย์ขึ้นมาบนนี้...” ลูเซียนยืนจ้องหน้าอีวาน ในขณะที่ใบพัดโรเตอร์ของเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ หยุดทำงาน “ผมไม่ได้ร่วมงานก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมไม่ได้อยากเสียเวลากับเรื่องนี้อยู่แล้ว”
“หึ... อุตส่าห์มาถึงนี่คงไม่ต้องเสียดายเวลาแล้วมั้งครับ ตอนคุยกันเห็นบอกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ ใครจะคิดว่าบัตรเชิญใบเดียวจะทำให้คุณตัดสินใจทิ้งงานประชุมที่ตั้งใจวางแผนเกี่ยวกับโปรเจคของเราไปได้”
ระหว่างที่ชาวต่างชาติสองคนคุยกัน ผมยืนอยู่ใกล้อีวาน และตรงหน้าเขาก็คือลูเซียน พอได้ยินเรื่องที่บอสใหญ่แห่งซีเอ็กส์ เอ็นเตอร์ไพร์สต้องทิ้งงานมาที่นี่ แม้ผมจะไม่เข้าใจนักแต่ก็แอบรู้สึกดี คงเพราะลูเซียนเป็นคนจริงจังกับงานมาก ขนาดว่าบนโต๊ะที่ทำงาน ที่ไนต์คลับ หรือกระทั่งที่บ้านก็จะมีงานกองอยู่เสมอ
เขามาเพื่อรับผมกลับจริงๆ หรอ...
“คุณจงใจบอกให้ผมรู้ว่าคุณที่นี่เพราะอะไร” ลูเซียนถามเหมือนทั้งสองคนมีโอกาสได้คุยกันก่อนหน้านี้
แต่เดี๋ยวนะ! ที่ลูเซียนรู้ว่าผมอยู่นี่เพราะอีวานเป็นคนบอกเองงั้นหรอ
“ไม่ใช่ว่าคุณรู้เหตุผลอยู่แล้วหรือครับ” อีวานตอบกลับ
“ถ้าการที่ผมมาที่นี่เพื่อทำให้คุณรู้ว่าแคร์เด็กคนนั้น... คุณก็เข้าใจถูกแล้ว”
ผมอึ้งกิมกี่ อีวานเองก็เงียบเสียงไป จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลูเซียนหันมามองผมและพูดว่า “มานี่”
ลูเซียนยื่นมาทางผม คล้ายกับรอรับ ผมไม่แน่ใจว่าสถานการณ์นี้คืออะไร คำพูดและการกระทำของคนตรงหน้ามันประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนหนึ่งคงมาจากการแสดงเพื่อตบตาอีวาน และถ้าจะให้สมบทบาทผมก็ควรฟังคำพูดของเขา เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา
หากแต่อีวานกลับคว้าต้นแขนผมไว้อย่างรวดเร็ว!
“ฉันสัญญาแล้วว่าจะพานายกลับ” อีวานพูดกับผม แววตาจริงจังจนตอบไม่ได้ว่าจริงหรือหลอก
“ผมตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แต่การที่คุณกดดันเขาครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็ไม่ต่างอะไรกับการอยากเอาชนะ” ลูเซียนเริ่มทำเสียงเข้ม ส่งผลให้อีวานปล่อยแขนผมโดนไม่ต้องรอให้ขัดขืน “คุณไม่เคยไล่ตามใครมาก่อน ไม่ได้แปลว่าการพาเขามาโดยที่เขาไม่เต็มใจจะเป็นสิ่งที่ควรทำ... หรือคุณอยากซื้อใจเขาด้วยวิธีนี้”
“ลูเซียน... ดูเหมือนคุณจะก้าวกายเรื่องของผมมากกว่าการทำตัวเป็นหุ้นส่วนนะครับ”
“ผมไม่ทำแน่ ถ้าคนที่คุณพาตัวมาไม่ใช่รัณย์” ผมหันไปมองลูเซียนโดยอัตโนมัติ
“แล้วทำไมถึงไม่มารับเขากลับตั้งแต่ตอนผมให้คนไปพาตัวมาที่บ้านล่ะครับ” อีวานเค้นเสียง “เป็นคนส่งตัวเขาให้ผม แต่ตอนนี้คิดจะมาเอาคืน... คุณเห็นผมเป็นอะไร พอยอมเซ็นสัญญาก็เลยไม่ต้องใช้ของเล่นมาล่อแล้วอย่างนั้นหรอ”
ฟังเหมือนลูเซียนจะเจอคำถามที่ตอบยากจนถึงกับยืนนิ่งไปพักใหญ่...
“ผมแนะนำรัณย์ให้คุณ ไม่ได้แปลว่าจะยกให้”
ท้าทายเกินไปแล้ว! ลูเซียนดูไม่หวั่นใจกับผลของคำพูดตัวเองสักนิด ส่วนผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนเฉยๆ และเก็บอาการไม่ให้รู้ว่ากำลังตกใจแค่ไหน
“คุณเคยพูดเองว่าคนเรามีสิทธิ์เลือกที่จะอยู่กับใครก็ได้ ฉะนั้นถ้าวันหนึ่งใจของรัณย์โอนเอียงมาทางผม คุณก็ต้องหลีกทางไป” อีวานฉายแววตาที่มุ่งมั่น “อันที่จริงผมไม่ได้คิดจะแย่งรัณย์กับใคร... แต่กำลังปกป้องเขาต่างหาก”
“คุณเห็นผมเป็นตัวอันตรายสำหรับเขา?” ลูเซียนแสยะยิ้มราวกับเป็นเรื่องน่าขำ “ดูจากวิธีที่คุณเข้าหาด้วยการลักพาตัว แปลว่าคุณรู้ตัวอยู่แล้วว่ารัณย์ไม่เต็มใจไปด้วย... พูดตามตรงคือคุณกลายเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจสำหรับรัณย์ไปแล้ว ฉะนั้นเรื่องปกป้องคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนที่เขาอยากหนีไปให้ไกลที่สุดในตอนนี้... ก็คือคุณ”
“อย่างน้อยผมก็เห็นค่าของเด็กคนนี้ และเชื่อว่าเขาจะมีความสุขได้ถ้าเลือกที่จะเดินออกมาจากคุณ” สัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุ พอได้ยินอีวานพูดแบบนั้นรู้สึกใจตกวูบ แต่ก็ยังตั้งใจฟังพวกเขาต่อ “คุณอาจเข้าใจว่าผมเห็นรัณย์เป็นแค่เด็กที่คอยปรนเปรอความสุขบนเตียงให้ แต่ทำไมผมต้องไล่ตามเขาเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ด้วย... ถ้าเขาไม่สำคัญ ผมก็คงไม่มั่นใจหรอกครับว่าจะทำให้รัณย์มีความสุขได้”
“แค่เริ่มต้นคุณยังบีบบังคับเขา แล้วจะเอาอะไรมาทำให้มั่นใจ”
“ผมก็ไม่คิดว่าความรู้สึกของตัวเองจะมาไกลขนาดนี้” ว่าจบอีวานก็หันมาพูดกับผม “รัณย์ ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่เคยทำกับนายมันเลวร้ายมาก ถ้าพอจะมีทางไหนที่ฉันสามารถแก้ไขหรือชดเชยให้ได้ ฉันยอมทำทุกอย่าง... แต่ต้องไม่ใช่การปล่อยนายไป”
ผมอยากหนีให้ไกลจากอีวานเหมือนอย่างที่ลูเซียนพูด จนถึงตอนนี้ก็ยังคิด แม้เขาจะขอโทษและโอกาสแก้ไข แล้วไหนจะเรื่องที่บอกชอบผมอีก แต่ความรู้สึกแย่ที่ฝั่งลึก มันยากเหลือเกินหากจะมองหน้าเขาแล้วไม่นึกถึงเรื่องในคืนนั้น เขาแสดงให้ผมรู้ว่าความป่าเถื่อนที่แฝงมากับแรงปรารถนาในใจคนมันบ้าคลั่งแค่ไหน 
จริงอยู่ที่อีวานกลับมาคราวนี้ดูจะเปลี่ยนไปไม่น้อย อย่างตอนที่ถามผมถึงอาการบาดเจ็บตรงข้อมือและซักถามเรื่องเป็นไข้ มีการแสดงความอารมณ์ขัน พยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้ รวมไปถึงการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับผม แต่เอาเข้าจริงหากเป็นมิตรกันมันก็ยังคิดหนักอยู่ เพราะผมคงต้องขอใช้เวลาอีกมากสำหรับการเริ่มใหม่
แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้ว ผมไม่อาจตอบรับความรู้สึกของอีวานได้... ก็ไม่ควรให้ความหวังเขา   
เมื่อได้คำตอบในใจผมก็เลือกที่จะเดินไปหาลูเซียนทันที แม้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้ยื่นมือมา ผมก็จะเป็นฝ่ายไปจับมือเขาเอาไว้เอง จังหวะนั้นลูเซียนทำเพียงมองหน้าผม คงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งผมพูดประโยคหนึ่งออกไป
“ผมรักลูเซียน… ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ปล่อยมือจากเขา” ผมกำมืออีกฝ่าย ในขณะที่หัวใจเต้นรัวเพราะรู้สึกกดดันและตื่นตระหนกไปหมด
“รัก?” อีวานทวนคำที่ได้ยิน จากนั้นค่อยเค้นเสียงกร้าวใส่ผม “เลิกพูดจาไร้สาระกับฉันสักที”
“คุณอีวาน” ลูเซียนพูดแทรกได้ตรงจังหวะ “พอดีว่าผมขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาจากชุมพร รู้สึกว่าจะเป็นบริษัทเช่าเดียวกับที่คุณจะใช้บินกลับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ผมเช่าตัดหน้าคุณ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะผมคุยกับทางนั้นแล้วว่าเรารู้จักกัน แค่ใช้วิธีผมบินมาคุณบินกลับก็ถือว่าได้ใช้งานเหมือนกัน”
จู่ๆ ลูเซียนก็จับมือผมตอบ เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก เขามีความจงใจให้อีวานเห็น ซ้ำยังพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “คุณกลับได้เลยนะครับ ส่วนผมกับรัณย์จะกลับกันวันหลัง”
“เจ้าเล่ห์มาก ลูเซียน” อีวานยิ้มเยาะชอบใจ หากแต่แววตากลับแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
“คนของคุณคงพากันไปรอที่สนามบินเพราะเข้าใจว่าคุณจะกลับคืนนี้.... ไม่อยากกลับก็คงไม่ได้” ลูเซียนจัดการเช่าเฮลิคอปเตอร์ตัดหน้าอีวานได้ แสดงว่ารู้เรื่องแผนการเดินทางของอีกฝ่าย และดูจากรูปการณ์เขาไม่น่าจะได้ข้อมูลมาจากอีวานเหมือนที่รู้ว่าผมอยู่ไหนแน่ๆ 
เวลาแค่คืนเดียว เขาเอาเวลาไหนไปสืบกันนะ
คงยากที่อีวานจะเลี่ยง เนื่องจากเวลานี้ดึกมากแล้ว ถ้าเรียกให้ลูกน้องกลับมาก็คงสร้างความลำบาก หรือไม่แน่พรุ่งนี้เขาอาจมีธุระต้องทำที่กรุงเทพ ระหว่างรอว่าเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าจะเอายังไงต่อ เขาก็พาร่างสูงๆ ของตัวเองมาทางผม สองเท้าหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดในขณะที่สายตายังจับจ้องผมอย่างจริงจัง
“ฉันไม่มีทางยอมแพ้เรื่องนาย”
เฮลิคอปเตอร์ถูกติดเครื่องอีกครั้ง กระแสลมรุนแรงพัดสิ่งที่อ่อนนุ่มให้ปลิวไสว ผมรู้สึกหูอื้อไปชั่วขณะ แต่คำพูดของอีวานกลับชัดเจน และแม้ว่าเสียงใบพัดจะดังสนั่นหวั่นไหวแค่ไหน คนตรงหน้าก็ยังร้องตะโกนให้ผมได้ยินในสิ่งที่เขาพูด คล้ายกับมันเป็นข้อความใจความสำคัญ 
“ถ้าความรักทำให้นายเป็นของฉัน... ก็เตรียมตัวหลงรักฉันได้เลย”
พูดจบ อีวานก็เดินผ่านผมเพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หากแต่คำพูดของเขายังคงดังก้องอยู่ในหัว รู้สึกว่าผมจะเจอกับสิ่งที่รับมือยากเข้าให้แล้ว ฉะนั้นการสลัดปัญหาออกคงไม่ใช่หนทางที่ดีอีกต่อไป
ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปแล้ว ผมควรปล่อยมือลูเซียนจากสักที แต่ดูเหมือเขาจะกำแน่นกว่าเดิม...
“ลู... เซียน” ผมเรียกเชื่อเขาเผื่อจะลืมไปว่าเรายังจับมือกันอยู่
“นึกจะจับก็จับ นึกจะปล่อยก็ปล่อย”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ แค่คิดว่าทำแบบนี้แล้วอีวานอาจจะ...” ไม่รอให้พูดจบ ลูเซียนก็ปล่อยมือผมทันที
คนตัวสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีพับแขนสีดำยืนล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาทอดมองไกลออกไปยังท้องทะเล ไม่ก็ท้องฟ้าที่มีดาวเป็นล้านดวง ผมเห็นเขาเงียบก็เลยเงียบบ้าง เก็บคำถามมากมายไว้ก่อนเพราะผมไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี
และในตอนนั้นเอง... 
“ฉันมาหานายแล้ว ไหนล่ะที่บอกว่าโลกจะสั่นสะเทือน” ลูเซียนพูดหน้าตาย ในขณะที่ผมกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ แปลกใจเหมือนกันนะที่เขาจำคำพูดผมได้ ตอนนั้นผมเปรียบเปรยไปเพราะค่อนข้างมั่นใจว่าลูเซียนเป็นคนยังไง แต่ดูๆ ไปเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว
ถ้าจะมีอะไรสั่นสะเทือน... ก็คงเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจผม

ลูเซียนกับผมลงมาจากดาดฟ้าเพื่อไปยังห้องพักที่จองไว้ ตอนเดินเข้าไปกดชั้นในลิฟต์ ผมชักเอะใจ แต่คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกน่า จนเมื่อเดินไปทางห้องฝั่งซ้ายและมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูก็พบว่าเลขห้องตรงกัน
ห้องนี้อีกแล้ว!
หลังจากเดินเข้าไปโถงส่วนกลาง ผมไม่ปริปากพูดอะไรจนลูเซียนเดินมานั่งตรงโซฟาข้างๆ
“เมื่อคืนนายกับอีวานนอนที่ห้องนี้สินะ”
“คุณรู้ด้วยหรอครับ” ผมประหลาดใจ
“นี่เป็นสวีทที่แพงที่สุดของโรงแรม ถ้าพนักงานไม่จัดห้องนี้ให้เขา ฉันคงแปลกใจ” ลูเซียนเปิดผ้าม่านตรงระเบียงเพื่อให้เห็นวิวยามค่ำคืนพร้อมกับพูดไปด้วย “เขาเพิ่งเช็คเอ้าส์ออกไปก็เลยว่างแค่ห้องนี้ห้องเดียว ฉันจำเป็นต้องเอาไว้ก่อน เพราะทุกห้องถูกจองเต็มหมด”
คงเกี่ยวกับการจัดงานประมูล เพราะนอกจากจะมีคนไทยบางส่วนแล้ว ก็ยังมีชาวต่างชาติที่เดินทางมาที่นี่ด้วย โรงแรมนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์และหรูหราโออ่า เหล่าเศรษฐีมีเงินคงเลือกพัก
“ผมยังไงก็ได้ครับ... ที่ห่วงคงเป็นเรื่องงานของคุณมากกว่า ได้ยินอีวานบอกว่าคุณต้องทิ้งการประชุมเพื่อเดินทางมาที่นี่ มันจริงหรือเปล่าครับ” ผมถามให้แน่ใจ เผื่ออีวานจะพูดไปเองเพราะมีเหตุผลอื่นแอบแฝง
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” สิ้นเสียงลูเซียนก็เดินไปทางห้องนอนที่มีสองฝั่ง โดยจะแยกเป็นห้องสองห้อง “อยากนอนห้องไหน เลือกเลย”
“ห้องเดิมก็ได้ครับ” ว่าแล้วผมก็เดินไปเปิดประตูห้องที่นอนเมื่อคืน ก่อนจะได้ยินเสียงลูเซียนเดินตามหลังมาติดๆ พอหันไปมองก็พบว่าสายตาคมกริบกวาดมองรอบห้องด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง ผมไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร
จนกระทั่ง... 
“อีวานนอนห้องนี้ด้วยรึเปล่า” ผมตาโตทันทีที่ได้ยิน
“เปล่าครับ เรานอนคนละห้องกัน”
“เขาไม่ทำอะไรนายใช่มั้ย”
“ไม่ครับ อีวานแค่ให้ผมแต่งตัวดีๆ แล้วก็ไปร่วมงานประมูลวัตถุโบราณกับเขาแค่นั้น”
ลูเซียนขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยตอบ “พานายมางานประมูล?”
“ครับ เห็นเขาว่าอย่างนั้น ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน” พูดไปด้วย แกะโบว์ไทด์ที่คอไปด้วย กะว่าจะรอให้ลูเซียนออกไปก่อนค่อยถอดเสื้อเพื่อไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาท เพราะถ้ามองตามหลักความเป็นจริง ผมเพิ่งรู้จักเขาไม่ถึงเดือนเองนะ หนำซ้ำเราก็ไม่ได้อยู่ในวัยเดียวกัน เขาอายุมากกว่า ยังไงก็ต้องเกรงใจไว้ก่อน
“ไปอาบน้ำเถอะ” ลูเซียนคงเห็นว่าผมอยากถอดชุดสูทนนี้เต็มทน “ฉันออกมาฉุกละหุก ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วย คงต้องใส่เสื้อเชิ้ตนอนไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปซื้อเสื้อผ้าใหม่”
“จริงสิ ของส่วนตัวผมถูกคนของอีวานเอาไปหมด ทั้งกระเป๋าสตางค์ แล้วก็โทรศัพท์...” พูดถึงตรงนี้ ผมก็นึกอะไรขึ้นได้ “คุณเซียน... ผมขอยืมโทรศัพท์คุยกับจ้านได้มั้ยครับ ป่านนี้เขาคงเป็นห่วงผมแย่แล้ว พี่ไทด์อีกคน เขาอยู่กับผมตอนนั้นเลยถูกทำร้าย ไม่รู้ว่าอาการจะเป็นยังไงบ้าง”
ลูเซียนเลิกคิ้ว ลักษณะเหมือนกำลังชั่งใจ แต่ไม่นานก็ควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วยื่นให้โดยไม่พูดอะไร จังหวะนั้นผมรีบรับมาอย่างว่องไว เห็นหน้าจอถูกปลดล็อคเรียบร้อย กำลังจะกดเบอร์ แต่สุดท้าย...
“จ้านเบอร์อะไร” ผมพึมพำถามตัวเอง แต่นึกให้ตายยังไงก็นึกไม่ออก จ้านเป็นคนเมมเบอร์ตัวเองไว้ในเครื่องของผม เวลาจะโทรหาก็แค่กดเลขหนึ่งค้างไว้ จากนั้นชื่อของจ้านก็จะปรากฏบนหน้าจอ แล้วแบบนี้จะให้ผมจำเบอร์เขาได้ยังไง
“ฉันจะหาทางส่งข่าวให้เขาเอง” พูดจบก็หยิบมือถือคืน “ส่วนไทด์... รายนั้นเขารับมือกับความรุนแรงได้อยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
ได้ยินอย่างนั้นค่อยโล่งใจ ผมพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะตอบกลับ “เข้าใจแล้วครับ... แค่กๆ”
“มีไข้รึไง” ลูเซียนถามถึงเรื่องที่ผมก็ไอเสียงดัง
“เจ็บคอนิดหน่อยครับ” ผมไม่ได้รู้สึกปวดหัว เลยสงสัยว่าร่างกายตัวร้อนหรือเปล่า พิสูจน์ง่ายๆ ก็แค่เอามือทาบหน้าผากดู แต่สัมผัสไปได้แปบเดียวลูเซียนก็จับมือผมออกแล้วเอาลงช้าๆ
“วัดไข้แบบนี้ไม่รู้เรื่องหรอก”
น้ำเสียงแผ่วเบาไร้ความแข็งกระด้าง เป็นอีกครั้งที่เราสัมผัสมือกัน ผมรู้สึกถึงความเย็นวูบวาบ ร้อนๆ หนาวๆ อาจเป็นเพราะเราเพิ่งลงมาจากดาดฟ้า ไม่ก็เกิดจากมือเย็นๆ ของลูเซียนที่ส่งผ่าน กระทั่งเขาปล่อยมือผม สิ่งแรกที่คิดคือสถานการณ์ในห้องเริ่มจะอึดอัดใหญ่แล้ว 
“ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“อย่าเพิ่งสระผมล่ะ”
จากนั้นลูเซียนก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมงงกับคำสั่งที่ดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงพูดออกมา แต่ใครจะทนกับผมแข็งๆ ที่ถูกฉีดด้วยสเปรย์ได้ ผมจำเป็นต้องสระจริงๆ ไม่งั้นนอนไม่หลับแน่ และพออาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาหยิบเสื้อผ้าที่วางไว้บนเตียง สายตาเหลือบไปเห็นปรอทวัดไข้กับแผงยาวางอยู่ใกล้ๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มี
ใบเสร็จยังอยู่ในถุง ดูเวลาซื้อที่ระบุไว้ปรากฏว่ามันเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง...








ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
ว้าววววววว เพิ่งเจอเรื่องนี้  เชียร์ เป็น 3p ได้ไหมเนี้ย พ่อลูเราก็ชอบ ลุงอีวานเราก็ให้ใจ แค่กๆๆ ติดตามค้าบบบบ

ออฟไลน์ Summerset

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้ออออมาต่อแล้ว ดีต่อใจ อย่าหายไปไหนอีกน้าาาาา :hao5:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ยังรออ่านอยู่นะคะ ถ้ามาอัพบ่อยๆ จะดีมากเลย  :pig4:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ตามมาจากในแนะนํา​ สนุกๆ  น่าติดตาม ลุ้นตามน้องตลอด
แต่เลือกลงเรือไม่ถูกเลยนี่สิ :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 29



จากเมื่อคืนที่ผมรู้สึกเจ็บคอและมีไข้อยู่ที่ 38 องศา พอตื่นเช้ามาผมรู้สึกปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการวงเวียนศีรษะหรือว่าคัดจมูก สงสัยยาที่ลูเซียนซื้อมาจะเอาอยู่ ผมลองวัดไข้ตัวเองอีกทีก็พบว่าอุณหภูมิลดลงมาแล้ว เห็นมั้ยล่ะว่าต่อให้สระผม ก็ไม่ได้ทำให้อาการหนักกว่าเดิม
ลูเซียนสั่งให้ผมเตรียมตัวเพื่อออกไปซื้อของตามที่คุยกันไว้เมื่อคืน เพราะเราสองคนในตอนนี้ยังใส่ชุดเดิมกันอยู่เลย ก่อนออกจากห้องผมเอาเสื้อสูทพาดไว้กับแขนตัวเอง ไม่ยอมใส่เต็มยศเหมือนลูเซียนแน่ๆ ชุดผมเหมาะกับงานราตรี ให้ใส่ไปเดินห้างเดี๋ยวจะกลายเป็นโอเวอร์ไป
ระหว่างอยู่ในลิฟต์ ลูเซียนถามเรื่องอาการไข้ ผมก็ตอบไปตามตรงว่าสบายดีแล้ว พร้อมขอบใจเรื่องยาที่อุตส่าห์เอามาให้ และพอผมถามว่าไปหาซื้อมาจากไหน คำตอบที่ได้คือ...
‘ฉันจ้างให้พนักงานโรงแรมออกไปซื้อมาให้’ 
เมื่อลงมาถึงบริเวณล็อบบี้ ลูเซียนก็หันมาพูดกับผม  “นายรออยู่นี่ ฉันจะไปเช็คเอ้าส์”
“งั้นผมขอไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
“แล้วทำไมไม่เข้าตั้งแต่ที่ห้อง” น้ำเสียงของลูเซียนฟังดุๆ ยังไงชอบกล
“ก็ผมยังไม่ปวด”
คนตัวสูงถอดหายใจใส่ ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างเหนื่อยหน่าย ถามจริง มันใช่เรื่องที่ควรหงุดหงิดหรอ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วที่เขาถามผมว่าได้สระผมหรือเปล่า ถึงจะแปลกใจกับความจริงจังแต่ผมก็ตอบไปตรงๆ ว่าไม่ จากนั้นเขาก็ดุว่าผมไม่ยอมทำตามคำสั่ง มาตอนนี้ยังไม่สบอารมณ์เรื่องที่ผมจะเข้าห้องน้ำอีก อะไรของเขาวะ
พอเห็นลูเซียนเดินไปยังเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ ผมเดินไปหาห้องน้ำทันที ป้ายบอกว่าอยู่ทางซ้ายมือ จังหวะเลี้ยวตรงหัวมุมเพื่อเดินเยื้องไปอีกทาง ผมดันไปชนกับใครคนหนึ่งเข้า
“โอ๊ะ ขอโทษครับ” เต็มแรงเลยเมื่อกี้ เล่นเอาผมเซไปอีกทาง เราคงไม่ทันดูกันทั้งคู่ผมเลยต้องขอโทษไว้ก่อน พอเห็นเขาไม่พูดอะไร ผมก็จะเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว
แต่ทว่า... 
“รัณย์” ผู้ชายที่ผมเพิ่งเดินชนคว้าหมับที่ต้นแขนของผม
“เอ่อ...”
“นายมาทำอะไรที่นี่” คนแปลกหน้าถามผมอย่างจริงจัง แถมยังเข้าประชัดตัวแบบไม่ทันตั้งตัว ผมเลยได้แต่เอนตัวให้ออกห่างแล้วคิดว่าจะเอาไงดี ดูท่าเขาจะรู้จักผม ถ้ารู้ก่อนว่าจะมาเจอคนรู้จักผมคงเตรียมตัวมาดีกว่านี้
“คือ...”
“คุณไกร!” เสียงผู้หญิงดังมาจากด้านหน้า มันเหมือนกับตัวช่วยโผล่มาทันเวลา เพราะนอกจากผมจะไม่ต้องตอบคำถามนั้นแล้ว เขายังต้องปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระด้วย
“เจอคนรู้จักหรอคะ” ชายตรงหน้าดูอึกอัก
“เขาเป็น... เอ่อ เคยเป็นพนักงานที่บริษัทผม แต่ตอนนี้ลาออกไปแล้ว”
หืม? พนักงานบริษัทหรอ จ้านไม่เห็นเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย ไหนว่าผมไม่เคยทำงานมาก่อนไงล่ะ ที่สำคัญเลยคือผมยังเรียนไม่จบ แล้วจะเป็นพนักงานบริษัทได้ไง
ตกลงมันยังไงกันแน่วะ?
“โอ๊ะ! คุณเซียน” ดูจากสายตาของสาวสวยที่มองผ่านผมไป เหมือนจะรู้ได้โดยอัตโนมัติเลยว่าเจ้าของชื่อยืนอยู่ข้างหลังผมนี่เอง งั้นก็หมายความว่าหญิงสาวคนนี้รู้จักลูเซียนด้วยน่ะสิ
“สวัสดีครับ คุณลิตา” ลูเซียนเดินมายืนข้างๆ ผม
“คุณเซียนมาทำอะไรที่นี่หรอคะ”
“พักผ่อนครับ”
“อ้า งั้นนี่คงเป็นผู้ติดตามสินะคะ” ผู้หญิงที่ชื่อลิตาหันมามองผม แล้วพูดด้วย “เห็นว่าเคยทำงานกับคุณพุฒิไกรมาก่อนแต่ลาออกไปแล้ว คงจะเปลี่ยนใจไปทำงานกับคุณเซียนแน่เลย ใช่มั้ยจ้ะ”
ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก เหมือนคนหูหนวกตาบอด ไม่รู้จักชายหญิงสองคนนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไร เรื่องจริงหรือหลอกก็ไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องทำตัวเนียนต่อหน้าลูเซียน ถ้าเกิดปล่อยไก่ตอนนี้มีหวังจบเห่แน่
แต่เดี๋ยวก่อน! วุฒิไกร? ชื่อนี้คุ้นๆ แฮะ
‘อย่าอำกันน่า ถึงนายจะเลิกยุ่งกับคุณพุฒิไกรไปแล้วก็ใช่ว่าจะจนตรอกนี่หว่า’
อ้อ~ หรือว่าเขาจะเป็น...
‘คุณพุฒิไกรต้องแต่งงานกับลูกสาวนายห้างก็เพราะธุรกิจ ความจริงเขาหลงนายจะตายใครๆ ก็รู้ อุตส่าห์มีขุมทรัพย์อยู่ตรงหน้ายังจะปล่อยให้หลุดมือไปอีก คนใจป้ำแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะเว้ย’
พอนึกถึงคำพูดของคนกลุ่มแรกๆ ที่ทักผมเรื่องทำงานไนต์คลับว่ากำลังเล่นพิเรนทร์ ก็พลอยให้นึกตอนพูดถึงชื่อของชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าเพิ่งเลิกกับผมเพื่อไปแต่งงาน พอมาดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ผมว่าเปอร์เซ็นที่จะเป็น ‘พุฒิไกร’ เดียวกันมีสูงมาก ทั้งเรื่องที่รู้จักผมและเรื่องที่ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นภรรยาของเขา   
“หน้าตายังเด็กอยู่เลย แต่คงทำงานเก่งมากถึงได้ร่วมงานกับซีเอ็กส์ เอ็นเตอร์ไพร์ส” ว่าจบ ก็หันไปหาผู้ชายที่ชื่อพุฒิไกร “ทำไมคุณถึงปล่อยให้เขาหลุดมือไปล่ะคะ เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงต้องคอยสนับสนุนนะ”
พุฒไกรมองหน้าผม แววตาเขาเต็มไปด้วยความอัดอั้น
“ผมไม่ได้อยากปล่อยมือจากเขา...” คำพูดฟังคลุมเครือแต่ก็โจ่งแจ้ง คล้ายแอบแฝงอะไรบางอย่าง และพุฒิไกรคงรู้ตัวถึงรีบยิ้มกลบพร้อมพูดต่อ “แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ในเมื่อเขาเจอเส้นทางที่ดีกว่า ผมก็ควรดีใจกับเขา”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยเลือกที่จะเงียบไว้ สักพักคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างผมก็พูดขึ้น
“ผมไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของพวกคุณ ต้องขอโทษด้วย” นั่นไงล่ะ เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเข้าใจว่าคุณไม่ค่อยมีเวลาว่าง ไม่เพราะอย่างนั้นธุรกิจจะเติบโตถึงขนาดนี้ได้ยังไง ที่จริงลิตาควรขอบคุณคุณเซียนมากกว่าที่เคยอนุมัติเงินกู้หลายสิบล้านเพื่อให้ไกรมาลงทุนกับธุรกิจเรือ เขาถึงประคองบริษัทอื่นๆ ในเครือเอาไว้ได้” เธอเผยยิ้มตามบุคลิกผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว “อ้อจริงสิ ตอนนี้เราได้สัมปทานเดินเรือรับนักท่องเที่ยวที่เกาะสมุยแล้วนะคะ เพิ่งทำข้อตกลงกันไปเมื่อวานเอง”
“ผมคิดว่าพวกคุณมาฮันนีมูนกันซะอีก ที่แท้ก็เรื่องงาน”
“เราเพิ่งแต่งงานกันไม่นาน คุณไกรเองก็ยังยุ่งๆ กับบริษัท ฉันเลยตั้งใจว่าสิ้นปีนี้จะบินฮันนีมูนกันที่ยุโรปค่ะ” ผมฟังคุณลิตาอย่างตั้งใจ แต่พอหันไปดูลูเซียน ผมกลับเห็นเขาจ้องคุณพุฒิไกรแล้วยิ้มไปด้วย
“ยินดีด้วยนะครับ” อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร และดูท่าลูเซียนจะโดนพุฒิไกรเมินด้วยการหันไปหาภรรยา
“ไปเถอะคุณ รถน่าจะมารอแล้ว” เขาพูดใกล้หูคุณลิตา แต่ได้ยินชัดมาถึงนี่
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าโอกาสหน้าจะได้พบกันอีก”
“ยินดีครับ” ลูเซียนทำเพียงพยักหน้า ในขณะที่พุฒิไกรชำเลืองมองผมครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเข้าใจไปเองหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าเขาทำเหมือนมีอะไรอยากพูด จนท้ายที่สุดเขาก็เดินเคียงคู่ภรรยาออกจากโรงแรมไป
จู่ๆ ลูเซียนก็ใช้มือแตะไหล่ผม “ไปได้แล้ว ฉันต้องพานายไปซื้อของอีก”
ลูเซียนพาผมเดินไปกันคนละทางกับคุณพุฒิไกร เห็นว่าจะใช้บริการรถรับส่งของทางโรงแรม ระหว่างยืนรอรถผมก็นึกอยู่ว่าคงต้องคืนเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ให้กับเจ้าของ ถ้าได้เจอกันอีกผมควรทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่เจอก็น่าจะดีกว่า
“เจอคนคุ้นเคย รู้สึกยังไงบ้างล่ะ” ผมมองหน้าคนถาม ค่อนข้างประหลาดใจที่ลูเซียนอยากได้ความเห็นของผม และพอจะทำให้รู้ว่าการถามแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณพุฒิไกรไม่มากก็น้อย
เอาตรงๆ นะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เจอเขา หรือแม้แต่ตอนที่รู้ว่าเราเคยคบกัน ผมก็...
“...”
ไม่รู้จะพูดอะไร
“หึ... ถึงกับต้องโกหกว่านายเคยทำงานด้วยต่อหน้าเมีย สิ้นคิดจริงๆ”
กะไว้แล้วเชียว ผมยังเรียนไม่จบแถมมันสมองก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าฉลาดสักนิด ตอนแรกผมอาจสงสัย แต่พอรู้ว่าชายคนนี้คือพุฒิไกร ผมก็พอจะเดาออกว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะโกหกภรรยาไปแบบนั้น
“ผมรู้ครับ” ขืนทำอ๋อเหมือนเพิ่งรู้คงโดนจับได้แหงๆ
“นายเคยบอกว่าพุฒิไกรเป็นคนที่รักนายจากใจจริง แต่ฉันว่านายเข้าใจแบบนั้น เพราะเขาเสียเงินให้นายไปมากต่างหาก” ผมตวัดสายตามองลูเซียน ไม่ใช่ว่าตกใจกับเรื่องที่เพิ่งรู้ แต่อยากดูสีหน้าเวลาเขาพูดถึงผมมากกว่า “ทั้งคอนโด ทั้งรถยนต์ แล้วไหนจะเงินที่โอนให้แต่ละเดือนอีก น่าเสียดาย... ถ้าเขาไม่ถูกบังคับให้แต่งงาน นายคงไม่ต้องคอยหลีกเลี่ยงอีวาน หรือมานั่งคิดว่าอยากเปลี่ยนตัวเองอยู่แบบนี้”
“ผมเปลี่ยนตัวเองเพราะอยากเปลี่ยน ไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย” มันอดไม่ได้ที่จะเถียงกลับ โดยลืมไปว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร “แต่ถึงจะพูดยังไงคุณก็คงไม่เข้าใจ... ช่างมันเถอะครับ ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะคิดยังไง”
“ถ้าไม่ใส่ใจคำพูดของฉัน ก็ไม่เห็นต้องโกรธ”
“ผมไม่ได้โกรธ” ตอบกลับทันทีทันใด
“ลองบอกมาซิว่าตอนนี้ความรักในแบบของนายเป็นยังไง” ลูเซียนถามในสิ่งที่ผมต้องใช้ความคิดและความรู้สึก แต่ใช้เวลานึกอยู่สักพักผมก็...
“ผมไม่รู้ครับ” ที่ผ่านมามีเรื่องให้คิดเยอะแยะ แค่ใช้เวลากับการทบทวนหนังสือก็ไม่มีเวลาคิดอย่างอื่นแล้ว ไหนจะเรื่องอนาคตอีก ความรักสำหรับผมในตอนนี้มันสำคัญเลย 
“แปลว่ายังไม่รู้สึกรักใคร?”
“คงงั้น...”
สิ้นสุดการสนทนา รถยนต์ก็เคลื่อนมาจอดเทียบริมทางเดิน เราสองคนนั่งด้านหลังโดยมีพนักงานของทางโรงแรมขับรถให้ ลูเซียนบอกที่หมายเสร็จบรรยากาศในรถก็เงียบลง ผมได้แต่มองข้างทางโดยไม่หันไปมองคนที่นั่งข้างๆ เลย

จุดมุ่งหมายของลูเซียนคือห้างสรรพสินค้า มาถึงเขาก็พาผมขึ้นไปที่ร้านโทรศัพท์เป็นอันดับแรก บอกจะซื้อให้แต่ผมปฏิเสธ จนเขาบอกว่าเป็นสวัสดิการให้พนักงาน ผมเลยตกลง
ระหว่างเดินดูลูเซียนก็คอยถามผมว่าอยากได้แบบไหน ยี่ห้ออะไร พอบอกว่าได้หมด เขาก็เดินไปจิ้มโทรศัพท์ที่โชว์เด่นสุดในร้านพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้ กับพนักงานขาย ผมดูราคาแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย โทรศัพท์รุ่นล่าสุด ฟังก์ชันครบสมบูรณ์แบบ ผมต้องทำงานสองสามเดือนโน้นมั้งถึงจะซื้อเครื่องนี้ได้
หลังจากพนักงานส่งโทรศัพท์ให้ลูเซียน ผมก็เห็นเขาหยิบมาเลื่อนๆ กดๆ ก่อนจะหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา รอสักพักเครื่องของเขาก็มีเสียงริงโทนขึ้น ผมกำลังสงสัยว่าทำอะไร ลูเซียนก็ยื่นโทรศัพท์เครื่องใหม่มาให้ 
หน้าจอเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย รู้สึกจะอยู่ในหน้าตั้งค่า ผมงงว่ามันคืออะไร
“นี่คือ...”
“ฉันตั้งให้เบอร์ตัวเองเป็นเบอร์โทรฉุกเฉินในเครื่องนาย” พูดถึงตรงนี้ ลูเซียนก็ขยับตัวเข้ามาใกล้เพื่อแสดงให้ผมดูว่าต้องทำยังไง “ถึงหน้าจอล็อคอยู่ แค่กดตรงนี้ก็จะโทรหาฉันได้ทันที”
ฟังจนจบแล้วรู้สึกคุ้นๆ แฮะ “อ้อ~ เหมือนที่จ้านเคยทำให้เลย”
ตอนซื้อโทรศัพท์มาใหม่ๆ จ้านตั้งให้เบอร์เขาอยู่ลำดับแรก เผื่อว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจะได้โทรหา มาคราวนี้ลูเซียนก็ทำแบบเดียวกัน คือมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ เพราะผมไม่เคยมีโอกาสโทรหาเขาโดยตรงมาก่อน จะมีก็แค่ติดต่อกับเลขาส่วนตัวของเขาเท่านั้น
ขณะที่นึกอะไรเรื่อยเปื่อย ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปหาลูเซียนอีกครั้ง จังหวะนั้นแหละที่ผมเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป อยู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายทำหน้าตึงใส่ ผมจะไม่งงได้หรอ   
“ถ้าอยากเปลี่ยนให้เขาเป็นเบอร์แรกก็ลบเบอร์ฉันทิ้งซะ” พูดจบก็เดินออกจากร้านขายโทรศัพท์ไป ผมมองตามพร้อมเกาหัวหยิกๆ เมื่อกี้น้ำเสียงฟังดูกระแทกกระทั้นยังไงชอบกล แล้วดูนั่น เดินไม่รอเลย เห็นหลังไวไวข้างหน้าโน้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในร้านเสื้อผ้า
ผมเดินตามมาจนพบลูเซียนกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ ภายในร้านดูดีมีระดับ ป้ายราคาแต่ละตัวแพงลิบลิ่ว ผมลองจับดูแล้วจับวางอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าใส่เลยสักตัวบอกตรงๆ
“อยากใส่ตัวไหน เลือกเอา” ลูเซียนถาม
“เราอยู่ทะเลทั้งที ลองใส่อะไรที่มันเข้ากับที่นี่ดีมั้ยครับ” ผมนึกอะไรดีๆ ออก ตอนแรกหวั่นๆ ที่ลูเซียนไม่ถามกลับว่าอะไรยังไง แต่หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็ยอมฟังผม
ก่อนจะขึ้นมาบนห้างผมเห็นว่าข้างๆ มีตลาดอยู่ ก็จะมีร้านขายพวกของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว ของกินเล่น และละลานตาไปด้วยเสื้อผ้าหลายร้าน แต่แฟชั่นที่ผมเห็นแล้วอยากใส่ ดูจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของลูเซียนเท่าไหร่…
“ไม่มีทาง”
นั่นคือคำแรกที่หลุดออกมาจากปาก หลังจากผมพาเดินเขามาถึงหน้าร้านขายเสื้อฮาวาย
“ตัวละไม่กี่บาทเอง เนื้อผ้าใส่สบายด้วย ลองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้นี่ครับ” ผมตรงดิ่งเข้าไปในร้าน มองๆ เลือกเสื้อผ้าสีสันสดใสที่ถูกแขวนไว้ในราว น่าใส่ทั้งนั้น แถมยังถูกกว่าในห้างนั่นตั้งหลายเท่า
“จะให้ฉันใส่ชุดแบบนี้นั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพ?” ลูเซียนเค้นเสียง
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมก็จะใส่เหมือนกัน” ลูเซียนอาจเห็นว่ามันมีสีสันฉูดฉาดเกินไป ไม่เหมาะกับเจ้าตัวสักนิด แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น แต่ละวันเคยเห็นเขาใส่อยู่สองสี ไม่ขาวก็ดำ ถ้าลองใส่แบบนี้ดูบ้างอาจจะดูเหมาะมากก็ได้
“ฉันไม่ได้มาเที่ยว” คล้ายกำลังบอกให้ผมรู้ตัวว่าเขามาที่นี่เพราะมีใครเป็นต้นเหตุ
“ผมก็ไม่ได้เต็มใจมา” สวนกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตอนอยู่กับอีวาน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกคุมตัว... แต่กับคุณมันต่างออกไป ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะมาที่นี่ด้วยสาเหตุอะไร ผมก็ดีใจที่คุณมานะครับ”
ช่วงเวลาที่ลูเซียนเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวตนของลูเซียนในแบบที่ผมคิด กับสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ อาจแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเกลียดลูเซียนพอๆ กับอีวาน มาตอนนี้ผมกลับรู้สึกสบายใจกับเขามากกว่า คงเพราะผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือผม แต่ยังปกป้องผมด้วย 
อยู่ๆ ภายในร้านก็ไร้เสียงคนพูด เอาเถอะ ในเมื่อลูเซียนไม่อยากใส่ผมจะไปบังคับก็ใช่เรื่อง ใส่คนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไร คิดได้อย่างนั้น ผมเลยหยิบเสื้อลายสีน้ำเงินออกมาจากราวเหล็ก กำลังมองหาเจ้าของร้านเพื่อขอลอง แต่ลูเซียนกลับคว้าเสื้อที่ผมถืออยู่ไปอย่างหน้าตาเฉย
คนตัวสูงถอดเสื้อเชิ้ตออก ก่อนจะสวมเสื้อฮาวายพร้อมติดกระดุมครบทุกเม็ด ส่วนกางเกงในร้านก็มีขายแบบขาสี่ส่วน เขาเลือกสีครีมออกมา เดินหายไปหลังร้านสักพักก็เดินออกมา
แวบแรกที่เห็น... ผมกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้จริงๆ
“ถ้าขำอีกครั้งเดียว ฉันจะเลาะฟันนายออกให้หมด”
“โอเคครับ! โอเค ผมไม่ขำแล้ว” ผมเม้มปากตัวเองแน่น ส่วนตัวคิดว่าลูเซียนใส่แบบนี้ก็ทำให้เขาดูดีไปอีกแบบ ไม่เห็นแย่ตรงไหน แต่ประเด็นที่ขำคือเขาดูเปลี่ยนไปมากจนคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ ต่างหาก
“ฉันเลือกให้นายบ้าง” ว่าแล้วก็เดินดุ่มไปดูเสื้อที่ราวทันที
เฮ้ยๆ ชักไม่ค่อยดีนะแบบนี้
“อย่าแกล้งกันนะครับ สีที่ผมเลือกมาฉูดฉาดน้อยสุดแล้ว แต่คุณดันเอาไปใส่เองเฉยเลย” พูดจบ ลูเซียนก็โยนเสื้อมาให้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ดีที่ผมมีสติเลยรับทัน
แต่ให้ตายเถอะ! สาบานว่านี่คือสีที่เขาเลือก...
“สีแดง?” ผมทำหน้าเหยเก
“ฉันใส่สีโทนเย็นแล้ว นายก็ควรใส่โทนร้อน จะได้พอดีกัน” เออ... ฟังมีเหตุผลแฮะ
“แต่มันลายเดียวกันเลยนะครับ”
“ใส่ไปเถอะ”
ผมควรใส่ก่อนที่ลูเซียนจะหัวร้อนไปมากกว่านี้สินะ โอเคๆ อย่างน้อยก็มีโอกาสได้ใส่แล้ว ผมจึงเดินไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จเรียบร้อยก็มายืนดูกระจกในร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า... อืมม์ มันก็ไม่ได้แย่นะ
ระหว่างที่กำลังดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า ผมเห็นลูเซียนเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังจากทางกระจกเงา ก่อนจะนำสิ่งที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาสวมบนศีรษะผม
หมวกแก๊ปสีดำ... เขาซื้อมาเมื่อไหร่ ตอนผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้างั้นหรอ?
ผมกะว่าจะถามเกี่ยวกับหมวกใบนี้ แต่คนที่มองผมผ่านกระจกใส่ดันเอ่ยขึ้นมาก่อน...


“แดดมันแรง”





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2019 23:43:10 โดย La_Pomme »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3

ออฟไลน์ Summerset

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้ออออ มุ้มมิ้ง :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด