●____ณ Touch____● (อัพ! แตะต้องครั้งที่ 37 | 50%) |▌18.เมษา.2020// Page 8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ●____ณ Touch____● (อัพ! แตะต้องครั้งที่ 37 | 50%) |▌18.เมษา.2020// Page 8  (อ่าน 30275 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยย ปวดหัวกับอิน้องพุดตะพัด มันจะล้นไปไหน? 55555  :jul3: พี่ทัชเปลี่ยนคนเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะพี่ หาเด็กใหม่เถอะ เมื่อยหูแทนพี่จริงๆ 555555

เห็ดเปิ้ลใช่ไหม? เย้ มวยถูกคู่จริงๆๆ ขอคู่นี้ลงนวมกันสักยกสองยกนะคะ 5555

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ทัชไม่เผลอเขกหัวน้องมันซักทีหน่อยหรอ กวนมาก555

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยยย อิน้องพุดตะพัด เลิ่กลั่ก จนเกือบเสียเรื่อง ปวดหัวแทนพี่ทัช พี่ถ้าเลือกได้พี่คง อยากมีพลังทำให้น้องหยุดพูดบ้างสินะ 555555 จะรอดไหม บริษัทขอทัชฑี เนี่ยยยย

เรือเห็ดเปิ้ลมาสินะ เห็ดเจษชบา เราล่มแล้ววว  :laugh:

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
นิยายเรื่องนี้จะไม่ตลกสักตอนได้มั้ยนะ 5555555555 ฮา เจ้าคนน้องมันน่ารักกก แต่โกหกไม่เคยจะเนียน
 :hao7:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
โอ่ยยยยย ปวดหัวกับนะฑี ฝอยเก่งจริง

ออฟไลน์ night-nnc

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 20

จับบบ…ลูบๆ คลำๆ ทำให้พี่ฟรีของดีบอกต่อ
ขอแจ้งข่าวร้ายตะกายหลังด้วยน้องปู


ดนัย ใฝ่จิตดี...เหรอวะ

นั่นคือชื่อคลิป ผมตัดต่อเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเบลอหน้าพี่ทัชเพราะใบหน้าเขาไม่โผล่มาในเฟรมเลย ไม่รู้ว่าโคตรโชคดีหรือรู้มุมกล้องกันแน่ สิ่งที่ต้องทำเลยมีแค่ ตัดคลิปให้กระชับและใส่ซับไตเติล สองอย่างแค่นี้แต่ใช้เวลาถึงเช้า เหตุผลเดียวเลยที่เป็นแบบนั้นก็คือ ในสมองผมไม่มียีนเด่นเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีเลย ยังดีที่สมัยนี้มีแอพตัดต่อคลิปแบบง่ายๆ ให้โหลดใช้ฟรี เลยพอลูบๆ คลำๆ ทำไปได้

ทำเสร็จก็ส่งให้เจ๊รวงข้าวทันที ตั้งแต่เช้าเลย ผมอดนึกไม่ได้ว่า เจ๊คงตื่นมานั่งหัวฟูร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างซิงค์ล้างจานหรือถังขยะ หรือไม่ก็เปิดฝักบัวราดหัวเล่นอยู่ เพราะผมทักไปอีกหลายรอบ เจ๊ก็ยังเงียบอยู่

ยังไงก็หวังว่าเจ๊แกจะโอเคแหละ อดหลับอดนอนตัดคลิปให้ขนาดนี้

ว่าแล้วก็หาวรอบที่ล้าน ทั้งที่ข้าวยังคาปากอยู่

“กลับไปนอนบ้านมั้ย สักสามวันค่อยตื่น” เปิ้ลพูดลอยๆ

“ธุรกิจมันรัดตัว ก็งี้แหละ”

“ธุรกิจพันล้านเหรอวะ ถึงไม่หลับไม่นอน”

“เออ ประมาณนั้นล่ะ”

“มึงค้ายาเหรอ”

“เออ เพิ่งส่งไปแสนเม็ดเมื่อกี้...ถุ้ย!”

“สรุปคืองานไรวะ”

“ช่างมัน ปวดหัวละ”

“เราเคยอ่านเจอ ระหว่างกินข้าวแล้วทำอย่างอื่นที่ต้องใช้ความคิดไปด้วย จะทำให้ระบบย่อยไม่ดีนะ เพราะเลือดจะไปเลี้ยงสมองแทนที่จะมาเลี้ยงระบบย่อย” เจษฎาเมตตาให้ข้อมูลอีกตามเคย

“ขอบคุณครับเจษ ต่อไปนี้ตอนกินข้าวกูจะทำตัวให้เหมือนตอนเรียนละกัน”

“หือ?”

“ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรไง”

“แต่ตอนเรียนควรใช้ความคิดนะ”

“กูประชดครับ”

“อ้อ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดครับก็ได้”

“ครับ กูไม่พูดละ”

ตื่อดึ๊ง!

น่ะ เงียบอยู่ตั้งนาน พอจะตั้งใจกินข้าวปุ๊บก็ขัดจังหวะเลย ว่าจะไม่หยิบมาดูมันก็อดไม่ได้อีก

พี่ทัชรึเปล่า



✿ รวงข้าว: พี่ดูคลิปแล้ว

✿ รวงข้าว: ขอบใจมากนะ

✿ รวงข้าว: จะได้เลิกคิดมากสักที

NaTee(n): อ้อ ครับ

NaTee(n): เป็นไงมั่งครับ

✿ รวงข้าว: ชั่วจริงๆ

✿ รวงข้าว: แม่ง

✿ รวงข้าว: ด่าใครโง่วะ



อ่าว เฮ้ย!

ท่อนที่เจ๊รวงข้าวถูกด่าว่าโง่ตัดออกแล้วนะ ย้อนกลับไปดูแป๊บ เวรแท้ๆ สงสัยง่วงมาก ตอนส่งเลยดันไปจิ้มคลิปต้นฉบับแทนซะงั้น แล้วที่อดหลับอดนอนคือทำไปเพื่ออะไร แก้ไขตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย งั้นก็เลยตามเลยละกันนะเจ๊



NaTee(n): เอ่อ…

NaTee(n): เสียงในคลิปชัดมั้ยครับ

✿ รวงข้าว: เวรรร

✿ รวงข้าว: เต็มสองหูทุกคำ

NaTee(n): ใจเย็นครับ

NaTee(n): เจ๊ไหวมั้ยเนี่ย

✿ รวงข้าว: โทษที

✿ รวงข้าว: ไหวๆ

✿ รวงข้าว: ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

✿ รวงข้าว: เดี๋ยวพี่โอนให้

NaTee(n): อ้อ

NaTee(n): เรื่องนั้น...



ยากละ

ความยากมันอยู่ตรงนี้แหละ จะบอกว่าเท่าไหร่ดีวะ เกิดมายังไม่เคยทำงานแบบนี้อะดิ ถ้าคิดว่าความสามารถพี่ทัชมีแค่หนึ่งเดียวในโลกนี่ ราคาอาจจะปาไปหกหลักเลยนะ แต่ถ้าคิดตามเนื้องานมันก็แค่งานง่ายๆ แค่ไปดักเจอเป้าหมาย แตะตัว ถ่ายคลิปสารภาพ แถมยังใช้เวลาไม่นานด้วย ค่าเหนื่อยคงจะแค่หลักพันรึเปล่า

แวบนึง คำพูดพี่ทัชก็พุ่งเข้ามาในหัวผม

ฟรี

ตอนนั้นผมค้านทันทีว่าเราไม่ได้ทำมูลนิธิ ในเมื่อใช้ชื่อว่าบริษัทขอทัชฑีมันก็ต้องมีกำไรดิ แต่พอถึงตอนนี้ก็แบบ...เฮ้อ เจ๊เสียใจเรื่องผัวนอกใจก็หนักพอแล้ว จะไปคิดเงินได้ไง แต่ก่อนผมจะได้พิมพ์ตอบ เจ๊รวงข้าวก็พิมพ์มาซะก่อน



✿ รวงข้าว: ห้าพันพอมั้ย

NaTee(n): กำลังจะบอกเลย

NaTee(n): ไม่เป็นไรครับเจ๊ 

✿ รวงข้าว: เอ๊ะ แต่เรามีกันสองคนนี่นะ

✿ รวงข้าว: งั้นหมื่นนึงละกัน

NaTee(n): ไม่ๆ

NaTee(n): ฟรีครับ

✿ รวงข้าว: ได้ไง

✿ รวงข้าว: ทำงานก็ต้องได้เงินสิ

✿ รวงข้าว: ถ้าจ้างนักสืบเอกชน แพงกว่านี้เยอะ

NaTee(n): เก็ต

NaTee(n): แต่ถือว่าเป็นโปรโมชั่นละกันครับ

NaTee(n): ครั้งนี้ฟรี

✿ รวงข้าว: เอาเลขบัญชีมา

✿ รวงข้าว: เดี๋ยวโอนจากบัญชีผัวให้

✿ รวงข้าว: แม่ง

✿ รวงข้าว: เดี๋ยวจะเอาเงินมันไปช้อปให้หมดเลย

✿ รวงข้าว: เร็วๆ สิ

✿ รวงข้าว: เวรเอ๊ยยยย

NaTee(n): ครับๆ



ผมรีบส่งเลขบัญชีไป เพราะถ้ายังทำเป็นลีลาหรือขัดใจอะไรอีกเจ๊แกอาจจะเส้นเลือดในสมองแตกได้ ตอนอยู่ในกรุ๊ปเมียหลวงเห็นเป็นคนเงียบๆ นิ่มๆ ไม่นึกว่าเอาเข้าจริงจะดุดันขนาดนี้

ผ่านไปไม่ถึงนาที เจ๊ก็โอนมาจริงๆ หนึ่งหมื่นบาทเน้นๆ เล่นเอาผมตัวชาวูบด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่กำลังอึ้งๆ อยู่ เจ้าตัวก็แชตมาอีก



✿ รวงข้าว: ทีนี้เล่าซิ

✿ รวงข้าว: ไปทำยังไง

✿ รวงข้าว: ไอ้เฮงซวยนั่นถึงสารภาพได้

NaTee(n): ก็อย่างที่ผมโพสต์ไปในกลุ่มอะครับ

NaTee(n): จิตวิทยาแนวใหม่

NaTee(n): แต่ถ้าให้เล่ารายละเอียด

NaTee(n): มันคงยาวและซับซ้อนไปน่ะครับ

NaTee(n): แต่ผมรับรองได้ว่า สิ่งที่สามีเจ๊พูดเป็นความจริงแน่นอน

✿ รวงข้าว: นี่มันเรื่องจริงๆ ใช่มั้ย

NaTee(n): ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

✿ รวงข้าว: แม่ง



ใจผมหายวาบอีกรอบ

นึกเห็นภาพเจ๊ปามือถืออัดผนังจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วถือมีดซุ่มรอผัวกลับบ้าน หรือไม่ก็ทำร้ายตัวเอง…

ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง



NaTee(n): เจ๊

NaTee(n): ไหวรึเปล่าครับ

NaTee(n): เรื่องเงิน ขอบคุณมากนะครับ

NaTee(n): แต่ผมพูดจริงๆ นะ ไม่ต้องให้ก็ได้

NaTee(n): ช่วยฟรีเลย

NaTee(n): พี่รวงข้าว…

✿ รวงข้าว: ไหวๆ

✿ รวงข้าว: เจ๊ดูเว็บช็อปปิ้งอยู่

✿ รวงข้าว: จะไถเงินแม่งให้หมด

✿ รวงข้าว: ไว้ค่อยคุยนะ



ค่อยโล่งหน่อย แต่จะว่าโล่งก็ไม่เชิงหรอก ตอนแรกคิดไปไกลแล้วว่าจะหาเงินจากงานนี้ได้ง่ายๆ เป็นกอบเป็นกำ แต่เอาเข้าจริงทำไมรู้สึกผิดวะ บางทีความจริงมันก็โหดร้ายอย่างที่พี่ทัชว่าจริงๆ



“จบยัง” เปิ้ลถาม

“คงไม่จบง่ายๆ หรอกมั้ง เจ๊คงตบกับผัวต่อ”

“ฮะ?”

“ช่างเถอะ คุยเรื่องนี้ดีกว่า แกเจอพี่เห็ดเหรอ เล่าดิ๊ เจอที่ไหนยังไง”

“อย่าพูดถึงดีกว่า พูดแล้วหัวร้อน”

“งั้นเจษ มึงเล่า” 

“ทำไมต้องเป็นเรา”

“ก็เปิ้ลมันไม่เล่า ก็ต้องเป็นมึงดิ จะให้แมงหวี่ที่ไหนเล่าวะ มึงก็อยู่กับเปิ้ลด้วยใช่มั้ย”

“เราอยู่”

“งั้นก็เล่าไป เอาแบบละเอียดนะ”

“ก็ได้” เจษฎายกน้ำขึ้นจิบ กระแอมเบาๆ อย่างเป็นการเป็นงาน “หลังจากนะฑีแยกตัวไป เรากับเปิ้ลก็นั่งเล่นกันอยู่ที่คณะสักพัก แล้วพอจะกลับบ้านก็เดินออกมาที่หน้าคณะ ตอนนั้นเย็นแล้ว เวลาประมาณสี่โมงสี่สิบห้านาที…”

“เจษ ถ้าจะขนาดนั้น ทำไมไม่เล่าตั้งแต่ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านเลยล่ะ”

“เอาละเอียดตั้งแต่ตอนออกจากบ้านเลยเหรอ เราว่าไม่จำเป็นนะ”

ผมยกมือไหว้ “ขอโทษครับ มึงเล่าแบบที่มึงสบายใจละกัน ต่อๆ”

เจษกระแอมอีกครั้ง “หลังจากนะฑีแยกตัวไป ตอนนั้นเย็นมากแล้ว เรากับเปิ้ลเดินออกมาที่หน้าคณะกำลังจะกลับบ้าน พี่เห็ด...พี่เรนจิน่ะ ไม่รู้โผล่มาจากไหน เข้ามาทัก แล้วก็เถียงกับเปิ้ลไปมา แล้วก็แยกย้ายกันไป แค่นี้แหละ”

“ฮะ? แค่เนี้ย!”

“ใช่ ก็...แค่นี้ไง ทำไมเหรอ”

“ก็พี่เห็ดแกพูดอะไรบ้างไง”

“เราจำไม่ได้” เจษตอบหน้าตาย “อ้อ...นึกออกอันนึง พี่เขาบอกว่าเปิ้ลปากสวยดี น่าจะมีสีแดงแต้มสักหน่อย แล้วก็อาสาจะสงเคราะห์ให้ด้วย แวบแรกเรานึกว่าพี่เขาจะซื้อลิปสติกให้นะ แต่นึกอีกที น่าจะหมายถึงทำให้เปิ้ลปากแตกมากกว่า”

“แรงนะเนี่ย” ผมทำเสียงตกใจเกินจริง

“มีหลายคำที่น่าจะแรงกว่านี้นะ เอ้อ แล้วก็บอกว่าเปิ้ลเตี้ยด้วย”

“พอละเจษ กูกินข้าวไม่ลง” เปิ้ลว่า

“แต่เปิ้ลก็แรงเหมือนกันนะ บอกให้พี่เขาเอาน้ำในคอห่านบ้วนปากจะได้หอมขึ้น อันนี้เราว่าแรง”

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะพรืด

“เจษ ถ้ายังไม่หยุดพูด ปากแกนี่แหละที่จะได้บ้วนน้ำล้างส้วม เงียบๆ แล้วก็แดกข้าวไป”

เจษฎามองหน้าผมคล้ายกับขอคำปรึกษาว่าควรพูดต่อหรือเปล่า

“เออ ไม่ต้องเล่าละ กูพอนึกออก” ผมมองนาฬิกา “ยังมีเวลาเยอะกว่าจะเข้าเรียน งั้นพวกมึงกินแล้วก็เข้าห้องเรียนไปก่อนละกัน กูขอตัวแป๊บ”

“ไปไหน ขี้เหรอ” เปิ้ลถาม

“เออน่ะ เดี๋ยวมา” ผมตักข้าวเข้าปากอีกคำ เอาจานไปเก็บที่จุดพักจาน แล้วก็ชิ่ง

ผมไม่ได้แชตหรือโทรไปถามพี่ทัชก่อนว่าเขาอยู่ที่ป่าดงดิบมั้ย ใจนึงก็อยากให้เขาอยู่ที่นั่น อีกใจก็คิดว่าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องเงินของเจ๊รวงข้าวยังไงดีเหมือนกัน ผมเลยเดินเตร่ๆ ไปที่นั่นแบบเสี่ยงดวงเอา

ปรากฏว่าเขาอยู่

เขากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านตำราเรียนอยู่ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นอ่านกลอนแล้ว สงสัยการเรียนจะรัดตัว ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปเหมือนนินจากะจะทำให้เขาตกใจ แต่พี่ทัชก็เงยหน้าขึ้นตั้งแต่ระยะสามสี่เมตรก่อนผมจะเข้าถึงตัว

“เฮ้ย พี่รู้ได้ไงอะ นี่ผมมาเงียบๆ แล้วนะ มีหูทิพย์เหรอ ผมไม่ได้เหยียบกิ่งไม้นะ”

“เปล่า”

“หรือว่าจมูกดีเหมือนผงฟอก ได้กลิ่นผมมาแต่ไกลเลยใช่ปะ พี่มีพลังจมูกหมาอีกอย่างใช่มั้ย”

“เห็นหน้ากูเหมือนผงฟอกเหรอ”

“ก็เหมือนนะ ไม่เคยได้ยินเหรอ เจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจะหน้าตาคล้ายๆ กัน”

“งั้นทำไมหมอนเน่าหน้าตาดีกว่ามึง”

“พี่ต้องไปตัดแว่นแล้วนะ สายตาเริ่มไปแล้วเนี่ย”

“มึงหุบเล็บเหมือนหมอนเน่าได้มั้ย”

“ได้ นี่ไง”

“นั่นเรียกกำมือ”

“เอ้า คนบ้าที่ไหนจะหุบเล็บได้เหมือนแมว”

“งั้นกูก็ดมกลิ่นเหมือนผงฟอกไม่ได้”

“อ๋อ นี่คือตอบคำถาม งั้นทำไมรู้อะว่าผมมา”

เขามองหน้าผม “ก็แค่รู้สึก”

“รู้สึกว่า?”

“รู้สึกว่ากำลังจะซวย”

“นั่นไง เขาเรียกซิกเซ้นส์ เป็นพลังอย่างนึงนะ”

“แล้วมาทำไม บ่ายมีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“พี่รู้ได้ไง มีตารางเรียนผมเหรอ”

“จำได้”

“เฮ้ย จริงดิ ฟังดูโรคจิตอะ แล้วรู้ปะผมใส่กางเกงในสีอะไร”

พี่ทัชส่ายหน้านิดๆ “อย่าบอกว่าจะหาเรื่องโดดเรียนอีก”

“ไม่โดดหรอกน่า แวบมาสูดอากาศแป๊บเดียว”

“อากาศคณะมึงก็มี”

“อยากมาสูดแถวนี้ ทำไมอะ ผมเป็นนักศึกษาของที่นี่อย่างเต็มภาคภูมิเหมือนกันนะ มีสิทธิ์จะสูดตรงไหนก็ได้”

“มีไรก็ว่ามา”

“มีไร ไม่มี้ มาสูดอากาศอย่าเดียว”

พี่ทัชมองหน้าผม คล้ายกับหยุดคิดอะไรนิดๆ “เออ งั้นก็สูดๆ เข้า แล้วก็ไปเรียนได้แล้ว”

“มีก็ได้”

เขาที่กำลังจะก้มหน้าอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมาอีก “อะไร”

ผมเอียงคอมองเขา “ทำไมหน้าพี่นิ่งๆ แต่เหมือนไม่นิ่งอะ”

“ฮะ?”

“เหมือนพี่ฝืนให้หน้านิ่งอะ อยากยิ้มก็ยิ้มดิ ทำไมต้องฝืน”

“กูไม่ได้อยากยิ้ม”

“จริงเหรอ”

“หน้ากูก็เป็นงี้ ปกติ มีอะไรก็รีบว่ามา”

“รีบทำไม ไม่ต้องรีบ บ่ายนี้พี่ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“มึงจะมารู้ตารางเรียนกูได้ไง”

“ผมจำได้”

พี่ทัชควักมือถือออกมา แล้วเปิดไฟล์ภาพตารางเรียนของเขาให้ดู

ผมใช้นิ้วซูมดูให้ชัดๆ “มีเรียนจริงด้วย จำผิดๆ แต่ก็นั่นแหละ ไม่ต้องรีบหรอกน่า พี่เคยโดดเรียนบ้างปะ”

“ไม่เคย”

“งั้นลองดิ ตื่นเต้นดีนะ เอาบ่ายนี้เลยมั้ย เดี๋ยวผมโดดเป็นเพื่อน”

“นะฑี”

“ล้อเล่นน่า โอเคๆ เข้าเรื่อง...เรื่องเจ๊รวงข้าวอะ ผมตัดต่อคลิปทั้งคืนเลยนะ ตัดตรงเจ๊แกถูกด่าว่าโง่ทิ้งและใส่ซับเรียบร้อย แทบไม่ได้นอนอะ แล้วก็ส่งคลิปไปให้เจ๊แกดูตั้งแต่เช้า…”

“แล้ว?”

“เอ่อ คือ สงสัยง่วงมากผมเลยกดผิด เป็นส่งคลิปต้นฉบับที่ยังไม่ได้ตัดต่อไป ก็...นั่นแหละ แต่เรื่องถ่ายติดหน้าพี่ไม่ต้องห่วงนะ ทั้งคลิปไม่เห็นหน้าพี่ชัดๆ เลย”

“อืม” หน้าเขายังนิ่งอยู่ แต่อะไรบางอย่างบอกผมว่าเขาดูโล่งใจมากกว่ากังวล “แล้วพี่เขาเป็นไงมั่ง”

“เจ๊รวงข้าวน่ะนะ ก็ดูโอเคอยู่” ผมสูดหายใจลึกๆ เพื่อเปิดประเด็นต่อไป “แต่ที่พีกมันอยู่ตรงนี้ ผมบอกเจ๊แกไปว่าไม่ต้องให้ตังค์ ช่วยฟรีเลย แต่ก็ยังโอนมาอะ”

“มึงไม่คิดเงิน?” พี่ทัชเลิกคิ้ว

“ก็อยากคิด แต่เอาเข้าจริงก็สงสาร ไหนจะมาเสียเงินแล้วยังต้องทะเลาะกับผัวต่ออีก ผมก็เลยทำตามอย่างที่พี่บอก นี่ดูแชต” ผมควักมือถือออกมาเปิดหน้าแชตเลื่อนให้พี่ทัชดู

เขาเหลือบตามามอง และพูดเรียบๆ “หมื่นนึง”

“ใช่ รู้สึกผิดอะ เอาไงดี”

“มึงก็เก็บไว้ดิ พี่เขาให้”

“สรุปว่าเราคิดค่าจ้างเหรอ งั้นเอาบัญชีพี่มา ผมโอนให้ครึ่งนึง”

“กูไม่เอา”

“ได้ไง ถ้าบาปก็ต้องบาปด้วยกัน พี่ต้องลงนรกไปกับผม”

“งั้นก็เอาไปทำบุญให้หมด”

“ทำหมดนี่เลยเหรอ ขนาดมูลนิธิเขาจะทำบุญยังมีการหักค่าใช้จ่ายเลยนะ”

“แล้วแต่มึงละกัน แต่กูไม่เอา”

ตัวเลขห้าหลักทำให้หัวผมหมุนติ้ว ไม่ใช่ว่ามันเป็นเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น แต่เป็นเพราะที่มาที่ไปของมันมากกว่าที่ชวนให้กระอักกระอ่วน จะเก็บไว้ก็รู้สึกไม่ดี จะยกให้คนอื่นก็เสียดาย

“งั้นทิ้งมันไว้ในบัญชีแบบนี้ไปก่อนละกัน ถือว่าเป็นเงินของเราร่วมกันนะ” ผมพูดพลางเลื่อนอ่านแชตกับเจ๊รวงข้าวผ่านๆ ซ้ำอีกรอบ

ตื่อดึ๊ง!

ตื่อดึ๊ง!

กำลังจะกดปิดหน้าจอพอดี ก็มีข้อความใหม่เด้งเข้ามาซ้อนๆ กัน

ผมกดเปิดอ่านแล้วถอนหายใจเบาๆ “มีข่าวดีและข่าวร้าย พี่อยากฟังข่าวไหนก่อน”

“กูจำเป็นต้องรู้มั้ย”

“จำเป็นดิ เป็นสองเรื่องที่พี่ต้องเกี่ยวข้องแน่นอน”

“งั้นข่าวร้ายก่อน”

“เจ๊แคลไลน์มาอะ แกบอกเทพี่เห็ดต่อหน้าเรียบร้อยแล้ว ที่พี่บอกว่ารู้สึกจะมีเรื่องซวยๆ นี่เกือบแม่นนะ เรื่องซวยจริง แต่มันดันไปเกิดกับพี่เห็ดไง ไม่รู้ตอนนี้ไปหัวร้อนฟัดกับหมาที่ไหนอยู่รึเปล่า”

“อืม แล้วข่าวดีล่ะ”

“มีงานใหม่จากกลุ่มเมียหลวงให้บริษัทขอทัชฑีทำ”

“นี่เหรอข่าวดี”

“เราจะทำมั้ย”

“ยังจะถามอีกเหรอ”

“เยส! คนจริงต้องงี้ดิ งั้นเดี๋ยวผมคุยรายละเอียดแล้วจะมาบอกนะ”

“ไม่ทำ”

“อ่าว ทำไมอะ มาถึงขนาดนี้แล้ว” ผมกระแซะเข้าไปนั่งใกล้เขา “ลองคุยดูก่อนก็ได้ว่ามันจะยากง่ายแค่ไหน ถ้าออกแนวน่าสงสารก็ช่วยฟรีเลยก็ได้ เหมือนเจ๊รวงข้าวไง ช่วยคนได้บุญนะพี่”

“ไม่”

“น่า นะๆๆ ปูไต่ๆๆ”

“อย่า ไม่เล่น”

“ปูต่ายยย~ ไต่ๆๆ”

พี่ทัชไม่ได้สะบัดมือออก เขามองตามขาปูสมมติไต่กลับไปกลับมาบนหลังมือ ไต่ขึ้นแขน ขึ้นไหล่ แล้วพอลามไปที่ต้นคอเขาก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ “อย่าไต่มาที่หน้านะ”

“ใครบอกจะไต่หน้า ขึ้นหัวต่างหาก”

“นะฑี”

“ที่หน้าด้วยก็ได้ ไต่ๆๆ”




______________________

ขอบคุณค่ะ

นางร้าย
17.ตุลา.2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2019 19:53:32 โดย นางร้าย »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ไปปูไต่ๆ ระวังโดนเค้าไต่กลับบ้างจะหนาวนะ555

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้้ยย พี่ทัชฝากดีดเหม่งน้องมันที มันเข้วว

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เด็กมันวอน ไต่ๆๆๆๆๆๆ อยู่นั่น สักทีเหอะพี่ / ตบหัว 555555

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
เกลียดปูต่ายยยยยจริงๆ  :laugh:

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ตอนนี้ขออนุญาตแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะคะ
เพราะว่าตอนนี้ค่อนข้างยาวค่า :D



แตะต้องครั้งที่ 21
จับบบ…พี่เรือใบร่วมแจมแถมเหล้าเคล้าควันปืน
แตกตื่นหนีตายสุดท้ายถึงกับร้อง Oh My Ass



ถ้าผมเป็นนักเขียน เน็ตไอดอล หรือไลฟ์โค้ชสไตล์ฮิปเตอร์อย่างที่เห็นเกลื่อนกลาดในสมัยนี้ ผมอาจอัปเดตสเตตัสสั้นๆ ประมาณว่า



มีความลับมันไม่ดี

แต่ตอนนี้กำลังดี๊ด๊ากับเรื่องลับๆ

ปล. อย่าให้ใครโกหกคุณว่าคุณไม่เก่งพอที่จะทำความฝันให้เป็นจริง ชิบหายตายห่าป่าอะเมซอน! ให้ตายเถอะ คนพวกนั้นจะไปรู้อะไรวะ ลุกขึ้นมา ออกไปใช้ชีวิตซะ แล้วก็พิสูจน์ให้พวกมันเห็น!

ปล. 2 ใบ้เรื่องลับๆ ให้นิดนึงว่า ‘ปูไต่’ ถ้าอยากให้เล่าละเอียด ช่วยกันกดโพสต์นี้ให้ถึงสองพันไลก์ดิ อิ ^^



แต่เพราะผมเป็นแค่คนธรรมดา เลยไม่จำเป็นต้องอัปเดตอะไร แถมเรื่องลับๆ ที่จะทำตอนนี้ก็ไม่ควรเอาไปเล่าให้ใครฟังด้วย

ส่วน ‘ปูไต่’ นี่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์เร้าใจอะไรหรอก ออกแนวหวาดเสียวแบบน่ากังวลมากกว่า พอใกล้มาถึงสถานที่จริง จู่ๆ พี่ทัชก็เกิดเปลี่ยนใจอยากจะเลี้ยวกลับท่าเดียว ผมต้องใช้มุกปูไต่แบบหนักๆ อีกรอบเขาถึงยอมโอนอ่อนตาม

ตอนนี้เวลาสามทุ่มนิดๆ

เรานั่งกันอยู่ในมินิคูเปอร์ที่กำลังขยับตามคันหน้าช้าๆ ซอยนี้คือดงผับบาร์เลย เวลากลางคืนรถเลยติดเป็นแถวยาวแบบนี้

“นั่นไงพี่ร้านโอเมก้า ที่ที่เราจะมาอะ”

พี่ทัชเอียงคอมองผ่านกระจก “อืม ไม่มีที่จอด กลับดีกว่า”

“กลับไรล่ะ มาขนาดนี้แล้ว แกล้งว่ารถเสียแล้วจอดทิ้งไว้ตรงนี้เลยมะ”

“เดี๋ยวออกจากซอยแล้วหาที่จอดข้างหน้า”

เป็นจังหวะรถไหลได้ยาวๆ พอดี ขับไปได้อีกหน่อยพี่ทัชก็เลี้ยวซ้ายออกจากซอยเข้าถนนเส้นหลัก บริเวณนี้มีรถหลายคันจอดชิดฟุตบาทเรียงต่อกันไปเลย โชคดีมีที่ว่างอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่

“ชื่อร้านดีเนอะ โอเมก้า” ผมพูดขณะพี่ทัชถอยรถเข้าชิดริมฟุตบาท “ฟังดูฉลาด โอเมก้าสามไรงี้ สงสัยคนมาเที่ยวจะชอบเต้นท่าปลาเกยตื้นกัน”

“โอเมก้าสามนั่นมันกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัว แต่นี่โอเมก้า ชื่อตัวอักษรตัวสุดท้ายภาษากรีก มักใช้สื่อความหมายถึงจุดสิ้นสุด”

“จริงดิ ฟังดูไม่เป็นมงคลเลยนะ ไฟอาจจะไหม้คืนนี้ก็ได้”

พี่ทัชจอดรถสนิท แล้วดับเครื่อง

“หรือเราอาจจะโดนยำเละ หรือไม่ก็โดนยิงตายเลยก็ได้”

“กูมาทำอะไรที่นี่วะ” พี่ทัชพึมพำ

ต่อมอยากกลับบ้านทำงานอีกละ

“ล้อเล่นน่า ใครจะมายิงกันในที่แบบนี้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป…” ก่อนผมจะได้พูดต่อ พี่ทัชก็ควักมือถือที่กำลังสั่นครืดๆ ออกมา “...ใครโทรมาเหรอ”

เขากดรับสายแล้ว ยกมือเป็นเชิงปรามให้ผมหยุดพูดพร้อมกับยกมือถือแนบหู “...อืม อยู่ไม่ไกล งั้นมาหากูที่ผับโอเมก้าดิ...พูดจริง อือ...มาได้ ไว้เจอกัน”

“ใครอะ” ผมถามย้ำหลังจากพี่ทัชกดวางสาย “ขอเดานะ เมียน้อยพี่ใช่ปะ”

“เรนจิ”

“เอ้า พี่เห็ดมาทำไรแถวนี้...อ๋อ รู้ละ แกอกหักไง ออกมาทำตัวเละเทะตามประสาคนถูกเท ดีเลย เกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวให้พี่เห็ดจัดการ พี่…”

พี่ทัชก้มหน้านิ่งคล้ายกับจมอยู่ในความคิดตัวเอง ผมเลยพยายามหุบปากไว้อีกครั้งและนั่งรอนิ่งๆ

ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น “เงยหน้าจากตำราเรียนบ้าง”

“อะไรนะ”

“วอลต์ วิตแมนกล่าวไว้” พูดจบเขาก็เปิดประตูลงจากรถ ผมรีบลงตามไปทันที

“วอลต์ วิตามินคือใคร”

“กวี”

“เยี่ยม ผมนี่เงยหน้าจากตำราเรียนตลอดเวลาอยู่แล้ว แล้วไงต่อ”

“เอารูปเป้าหมายมาดูอีกทีดิ๊”

“รู้ปะ พี่แต่งตัวโคตรดี” ผมอดมองเขาตั้งแต่หัวจดเท้าไม่ได้ คืนนี้พี่ทัชสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม กางเกงผ้าชิโน่เข้ารูป และรองเท้าหนัง ทุกอย่างดูดี ดูแพงไปหมด “ผมก็ใส่เชิ้ตกับกางเกงยีนนะ ทำไมไม่ดูดีเหมือนพี่อะ หรือเป็นที่รองเท้า ผมใส่ผ้าใบมาเพราะคิดว่าถ้าเกิดเรื่องจะได้วิ่งหนีทันไง”

“เอารูปมาดู” พี่ทัชย้ำ “ไม่งั้นก็กลับบ้าน”

ผมหุบปาก ควักมือถือออกมากดรูปเป้าหมายส่งให้เขา

เป้าหมายที่ว่าคือ นายวิวัฒน์ เจนจบ หนุ่มใหญ่อายุ 36 ปี หน้าตาหล่อ ล่ำ กล้ามบึ้ก แต่งงานกับเจ๊นุ่มภรรยาคู่สร้างคู่สมมาแล้วสามปี มีลูกสาววัยขวบกว่าๆ ด้วยกันหนึ่งหน่วยถ้วน เจ๊นุ่มอายุอ่อนกว่าสามีสองปี ทั้งคู่หน้าตาดี การงานมั่นคง เป็นเจ้าของบริษัทขายอุปกรณ์กีฬา ทุกอย่างดูดีหมด ติดแค่ว่าช่วงหลังๆ มานี้สามีเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ เริ่มกลับบ้านดึก พูดจาน้อย พลังงานเพศชายลดฮวบฮาบจนไม่ค่อยทำการบ้าน ซึ่งเจ๊นุ่มสันนิษฐานตามสไตล์เมียหลวงว่า...แอบกินมาจากข้างนอกบ้านแน่ๆ

เพราะลูกยังเล็ก ผู้เป็นเมียจึงไม่สามารถกระโดดลงมาสืบเสาะเองได้เต็มตัว แต่ไม่รู้ไปสืบมาอีท่าไหนจนรู้ว่าคืนนี้สามีจะมาปล่อยผีที่นี่ เพราะเคสแรกของเราประสบความสำเร็จอย่างสวยงามจนเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มสมาคมเมียหลวง เจ๊นุ่มเลยมอบความไว้วางใจให้บริษัทขอทัชฑีออกปฏิบัติการในคืนนี้

ซ้อมมันให้เละ เจ๊กำชับหลังคุยกันเสร็จ แน่นอนว่าผมกับพี่ทัชไม่คิดจะให้เลยเถิดไปถึงขั้นนั้นหรอก เหตุผลเดียวเลยก็คือ กลัวจะเป็นฝ่ายเราเองมากกว่าที่เละ เพราะเจ๊นุ่มบอกว่าผัวแกเป็นนักกีฬาเก่า งานอดิเรกปัจจุบันคือต่อยมวย

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวจะมีพี่เห็ดมาแจมด้วย ไม่แน่นะ สามรุมหนึ่งอาจจะเป็นไปได้

“แผนว่าไง” ผมถาม

“ข้างในคงเสียงดัง ถ้าเจอตัวแล้วก็หาวิธีพาตัวออกมาคุยข้างนอก ยังไงก็หาตัวให้เจอก่อนละกัน เปิดหูเปิดตาไว้” พี่ทัชดูรูปเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะส่งมือถือคืนให้ผม

“รอพี่เห็ดก่อนมั้ย”

“รีบจัดการให้เสร็จก่อนเรนจิจะมาดีกว่า”

พี่ทัชก้าวสบายๆ เดินนำเข้าไปในซอยจนถึงหน้าร้านโอเมก้า ข้างในน่าจะคึกคัก ผมนี่วอร์มเต้นไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย

ปึ่ก!

จู่ๆ หัวผมก็ฟาดเข้ากับแผ่นหลังพี่ทัช

“หยุดทำไมอะ พี่”

“นั่น…”

บริเวณทางเข้าร้านมีคนจับกลุ่มยืนอยู่ประปรายทั้งชายทั้งหญิง แต่ละคนก็แต่งตัวแบบจัดเต็มตามสไตล์คนเที่ยวกลางคืน บ้างยืนสูบบุหรี่ บ้างยืนคุยกัน มีสาวกลุ่มหนึ่งพูดคุยเสียงดังดี๊ด๊า…

ผมมองตามสายตาพี่ทัชไป กำลังจะถามเขาซ้ำว่ามีอะไร ก็พอดีสายตาปะทะเข้ากับร่างหนึ่งที่กำลังหลบมุมคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าร้าน

ตัวใหญ่ล่ำแบบนี้ หน้าตาคมคายแบบนี้

วิวัฒน์สามีเจ๊นุ่มไม่ผิดแน่

บอกแล้วว่าคนเราจะรวยมีแค่พรสวรรค์อย่างเดียวไม่พอ ต้องเฮงด้วย พี่ทัชกับผมมองหน้ากัน แล้วสาวเท้าตรงเข้าไปทันที แต่ประมาณอีกสองสามก้าวก่อนเราจะเข้าถึงเจ้าตัว ไม่รู้มีผู้ชายจากไหนเข้ามาทักทายเขาซะก่อน

พี่ทัชหยุดทันควัน ควักมือถือออกมากดเล่น ดูแนบเนียนเหมือนแค่คนมาเที่ยวออกมาสูดอากาศเล่น

ส่วนผมก็…

“มึงกระโดดตบทำไม” พี่ทัชถาม

ก็นั่นแหละ เวลาตื่นเต้นร่างกายมันก็เป็นไปเอง

“โดดตบที่ไหน แค่ยืดเส้นยืดสาย วอร์มก่อนเข้าไปเต้นไง”

“พอได้แล้ว”

ผมหยุดกระโดดแล้วทำท่าบิดตัวไปมาแบบพื้นๆ “โอ๊ย วอร์มจนเมื่อยเลย” ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรต่อ พี่วิวัฒน์กับเพื่อนเขาที่มาใหม่ก็พากันเดินตรงเข้ามา…

แล้วก็เฉียดผ่านเราสองคนไป

นึกว่าจะโดนจับได้ซะแล้ว จริงๆ ก็ไม่มีทางที่พี่แกจะรู้จักเราสองคนหรอก แต่มาใกล้ขนาดนี้มันก็อดเกร็งจนตัวแข็งไม่ได้

ผมกับพี่ทัชค่อยๆ หันมองตามหลัง

ผู้ชายที่มาใหม่ดูอ่อนกว่าเป้าหมาย อาจจะเป็นรุ่นน้องที่ทำงานก็ได้ ทั้งคู่เดินข้ามถนนไปยังผับที่อยู่อีกฝั่ง

“ทำไมไปโน่นอะ เจ๊แกบอกว่าร้านชื่อโอเมก้านะ”

“แน่ใจรึเปล่า”

“แน่ใจดิ...รู้ละ แกสับขาหลอกเมียแน่ๆ เป็นมาตราการป้องกันอีกชั้นไง ร้ายนะเนี่ย…” ผมชะเง้อมองตามจนสองคนนั้นเข้าไปข้างในร้านที่อยู่ฝั่งนั้น เห็นชื่อร้านแล้วผมก็อดอ่านออกเสียงดังๆ ไม่ได้ “Oh My Ass...ใครตั้งชื่อวะ แล้วยังไงล่ะทีนี้ ลุยเลยปะ”

ขณะที่ผมพูดไปเรื่อย พี่ทัชก็ดูหน้าจอมือถืออยู่

“อะไรเหรอ”

“เรนจิน่ะ กำลังจะมาถึงแล้ว”

“งั้นรอพี่เห็ดก่อนมั้ย”

พี่ทัชไม่ตอบ แต่เดินนำไปแล้ว

บอกตามตรง ผมไม่รู้ว่าเส้นแบ่งของคำว่า ผับ, บาร์, ร้านอาหารกลางคืนอยู่ตรงไหน บอกได้ว่าบรรยากาศร้าน Oh My Ass ดูคึกคักมาก ป้ายชื่อร้านทำจากไฟนีออน ผนังร้านด้านนอกทาสีเข้ม และมีของตกแต่งหลายอย่างที่เอนไปทางร็อกๆ

มีการ์ดยืนทำหน้าเหี้ยมๆ เฝ้าทางเข้าอยู่ด้วย แต่เราก็ผ่านเข้าไปแบบฉลุย บรรยากาศภายในร้านก็ไม่ต่างจากที่ผมนึกไว้เท่าไหร่ คือ มืด แสงไฟวูบวาบ เปิดเพลงแดนซ์เสียงดัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณรอบๆ ห้อง ส่วนตรงกลางเหมือนเว้นพื้นที่ไว้สำหรับเต้น

ตอนนี้คนค่อนข้างแน่นทีเดียว แถมยังมืดอีก แบบนี้คงจะมองหาเป้าหมายยากแน่ๆ

พี่ทัชเดินนำผมไปที่เคาน์เตอร์บาร์ บริเวณนี้ไฟสว่างกว่าจุดอื่นหน่อย แต่ก็ยังมืดสลัวอยู่นั่นแหละ

“ยังมีโต๊ะว่างมั้ยครับ” พี่ทัชพูดกับบาร์เทนเดอร์ที่กำลังง่วนจัดของอยู่ เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นและเอียงหูมาเป็นการบอกใบ้ว่าให้พูดอีกที “มาใหม่ครับ อยากได้โต๊ะ ไม่รู้ยังมีมั้ย”

“ชิบหาย มาถามหาโต๊ะเอาป่านนี้ ไม่มีแล้ว สั่งเครื่องดื่มแล้วไปยืนเบียดๆ ตามซอกตามหลืบเอา”

สะดุ้งเลย นี่คือคำพูดที่ใช้กับลูกค้าเหรอ ต้องเตือนสติพี่แกหน่อยแล้ว

“พี่ พูดจากระรอกๆ งี้ได้ไง ลูกค้าคือพระเจ้านะเฮ้ย ต้อนรับลูกค้าแบบนี้ได้เหรอ”

“เออ ถ้าไม่ใช่ลูกค้านี่กูเอาขวดตีปากละนะ อย่านะมึง กำลังอารมณ์ไม่ดี”

แกคนจริงว่ะ หน้าตาพี่แกก็ดี แต่ปากน่าจะสูสีกับพี่เห็ด

แบบนี้ต้องเปลี่ยนแผนด่วน

“ขอโทษครับพี่” ผมยกมือไหว้ “แต่เห็นโต๊ะว่างอยู่ตัวนึงนะครับ นี่ไง” ผมชี้ไปที่โต๊ะตรงมุมใกล้กับเคาน์เตอร์

เพล้ง!

เสียงแก้วแตกจากตรงไหนสักที่ เราหันขวับไปมอง นึกว่ามีใครล่อกันซะแล้ว แต่น่าจะเป็นแค่คนทำแก้วหลุดมือ พี่บาร์เทนเดอร์ที่เราคุยด้วยเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกมา แล้วออกคำสั่งโหวกเหวก “เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งเต้น...พวกมึง รีบไปเคลียร์ดิเฮ้ย แม่งเมากันแต่หัววันเลยวะ” ผู้ชายสองคนที่น่าจะเป็นการ์ดรีบปรี่เข้าไปจัดการ

จากนั้นพี่แกก็หันมองเราสองคน “อยากนั่งจริงดิ”

“อยากครับ” พี่ทัชตอบ “แต่ถ้ามีคนจองแล้วก็ไม่เป็นไร”

“งั้นนั่งไปก่อน เจ้าของมันมาแล้วค่อยลุก จะสั่งอะไรว่ามา”

พี่ทัชมองหน้าผม

“ไม่มีโกโก้เย็นแน่ๆ ใช่ปะ” ผมหยั่งเชิง

“นั่นไง กูว่าละ แม่งกวนตีน”

“ล้อเล่นครับ ผมไม่กล้ากวนพี่หรอก พี่ต้องไม่ใช่บาร์เทนเดอร์ธรรมดาแน่ๆ เห็นสั่งการ์ดได้ด้วยอะ ใช่ปะ”

“ที่นี่กูคุม”

“ว่าแล้ว มาดมาเฟียโคตรๆ เห็นแล้วนึกถึงพวกรับจ้างทวงหนี้โหดไรงี้เลย หน้าพี่โคตรได้…”

“เฮ้ยแม่ง!” เขาตะคอกเสียงดังจนผมสะดุ้ง ปากพาซวยแล้วกู ขางี้สั่นพั่บๆ เตรียมวิ่งเลย “ปากมึงนี่อ้อนตีนใช้ได้เลยนะ เห็นแล้วนึกถึงเพื่อน ก็ไอ้คนที่จองโต๊ะนี้ไว้นี่แหละ แต่พวกมึงต้องสั่งอะไรแดกก่อนตอนนี้ รีบๆ ว่ามา”

เป็นงั้นไป พี่เขาเดินกลับเข้าไปอยู่หลังเคาน์เตอร์แล้ว

“มีอะไรแรงๆ มั้ยพี่ แบบที่จุดไฟติดพรึ่บ หรือออนเดอะร็อกไรเงี้ย”

“ขออะไรเบาๆ ดีกว่าครับ” พี่ทัชโน้มตัวเข้าไปคุยกับพี่บาร์เทนเดอร์ ซึ่งผมฟังไม่ถนัด แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเครื่องดื่มที่ว่าก็มาอยู่ในมือเราแล้ว

ของพี่ทัชเป็นว็อดก้ามิกซ์โค้ก เสิร์ฟมาในแก้วที่ดูคูลๆ

ส่วนของผมเป็นค็อกเทลสีหวานอย่างกับน้ำใบเตย ลองชิมดู ไม่รู้ว่าใส่แอลกอฮอลล์ไปกี่หยด แทบไม่รู้สึกเลย

“อย่าบ่น” พี่ทัชพูดดักไว้ขณะผมจะอ้าปาก “เปิดหูเปิดตาไว้”

โอเค จะจำไว้ว่าภารกิจสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ผมเลยหุบปาก หันไปกวาดตามองพลางโยกหัวตามจังหวะเพลง จะให้มองหาเป้าหมายจากใบหน้าคงยาก ผมเลยพยายามดูรูปร่างและสีเสื้อแทน

“มองยากอะพี่ มืด”

“อืม ก็มองๆ ไป”

“มองอยู่คร้าบ แสงไฟนี่ก็วูบวาบจัง ตาจะเป็นต้อมั้ยเนี่ย…”

“ไอ้ทัช!” พี่เห็ดมาแล้ว เดินเซิ้งมาเลย ท่าทางเหมือนกับซดเหล้าจากที่อื่นมาพอสมควรแล้ว “กูไม่นึกว่ามึงจะออกมาเที่ยวจริงๆ นะเนี่ย...อ้าว มึงมาด้วยเหรอ”

“หวัดดีครับเพ่” ผมยกมือไหว้ท่วมหัว แล้วเซิ้งตามอีกเล็กน้อย “วู้วๆ”

“วู้วเชี่ยไร” พี่เห็ดทำท่าจะคว้าคอเสื้อผม แต่ตัวแกเซจนเป็นผมซะเองที่ต้องคว้าตัวเขาไว้

“เฮ้ย เพ่ ใจเย็น ไหวปะเนี่ย”

“มึง...พี่รหัสมึง…”

ดราม่ามาแล้ว ไม่รู้ว่าท่าทางพี่จะอยากต่อยผมหรือว่าอะไร แต่อารมณ์พลุ่งพล่านที่เขาส่งมาเล่นเอาผมถึงกับพูดไม่ออก จังหวะนั้นเองที่พี่ทัชยื่นมือมาตบไหล่พี่เห็ดเบาๆ ตบแบบชิลล์มาก แถมยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ แต่หลังจากเขาหันไปมองพี่ทัชอึดใจหนึ่งก็เหมือนจะได้สติ

“ช่างแม่ง แดกเหล้าดีกว่า” พี่เห็ดปล่อยตัวผม ผละไปที่เคาน์เตอร์บาร์ แล้วกลับมาพร้อมกับชุดเครื่องดื่มที่ดูไม่ธรรมดา “กูสั่งเปิดจอห์นนี่แบล็ก ไอ้ทัช มึงต้องแดกเป็นเพื่อนกู ไม่เมาไม่เลิก มึงด้วยไอ้ตัวแสบ”

“ผะ...ผมมีแล้ว นี่ไง ของโคตรแรง” ผมยกค็อกเทลตัวเองขึ้นจิบ เซิ้งอีกรอบ

“รีบแดกให้หมด แล้วแดกเหล้ากับกู...แล้วนี่มึงชวนกูมาร้านเชี่ยไรวะ เสียงดังชิบหาย กูอยากนั่งแดกเหล้าเคล้าเพลงเศร้ามึงไม่รู้เหรอ หนวกหูโว้ย!”

“โวยวายอะไร” เสียงเข้มๆ ของคนแปลกหน้าดังขึ้นด้านหลังพี่เห็ดในระยะประชิด

เราสามคนหันไปมอง

เขาเป็นคนร่างสูง ไหล่กว้าง สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม สวมแจ็กเก็ตสีดำทับข้างนอก รูดแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอก ใบหน้าหล่อเข้มและแววตาคมกริบ ไม่ใช่หล่อแบบธรรมดาๆ แต่หล่อมาก แถมเหมือนจะมีอะไรบางอย่างข่มให้คนอื่นตัวเล็กลีบลงด้วย เห็นแล้วชวนให้นึกถึงพระเอกในหนังสายลับอะไรประมาณนั้น

ข้างๆ เขามีผู้ชายหน้าตาดีอีกคนอยู่ด้วย อายุน่าจะใกล้ๆ กับพี่ทัช หรืออาจจะมากกว่านิดหน่อย ตัวเล็กกว่าพี่ทัชแต่สูงกว่าผม ดูเขาหน้ามุ่ยเล็กน้อยเพราะมีแขนของคนตัวสูงกว่าพาดไหล่อยู่...อาจจะดูเหมือนเพื่อนรุ่นน้องหรือพี่ชายน้องชายก็ได้ แต่ในเมื่ออยู่ในโอ้มายแอส ผมเหมาไปเลยละกันว่านี่คือการพาดแขนอย่างแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ

“กูถามว่า โวยวายอะไร มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เจ้าตัวย้ำ

“มาซะทีนะมึง” พี่บาร์เทนเดอร์คนเดิมเข้ามาแจมก่อนที่ใครจะทันได้พูดอะไรต่อ “เฮ้ย เป็นไงมั่งวะ”

ทั้งคู่ชนกำปั้นกัน

“ก็ดี กินอิ่มนอนหลับ มีเด็กงอแงกวนใจ” คุณพี่ตัวสูงตอบ

คนที่อยู่ข้างๆ ทำเสียงจิ๊ปากพร้อมกับกระตุกศอกเบาๆ ถ้าเป็นผมถูกศอกแบบนี้คงจุกตัวงอไปละ แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะหน้าตาเฉย จากนั้นเจ้าของศอกก็ยกมือไหว้พี่บาร์เทนเดอร์ “หวัดดีครับพี่โอม”

“หวัดดีครับน้องสายธาร ไม่เจอกันนาน คิดถึ้งคิดถึง มากอดทีดิ๊”

แขนคนตัวสูงยังพาดไหล่อยู่เหมือนเดิม แต่มือข้างนั้นยกขึ้นเป็นเชิงห้าม พี่บาร์เทนเดอร์ขยับศีรษะหลอกล่อ แต่อีกฝ่ายก็เอียงตัวตาม

“ขี้หวงว่ะ”

“เออ หวง แล้วไหนอะโต๊ะกู”

“ก็โต๊ะนี้แหละ” พี่บาร์เทนเดอร์หันมองโต๊ะที่ตอนนี้มีเครื่องดื่มตั้งจนเต็มพื้นที่

“แต่เหมือนจะไม่ว่างแล้วว่ะ” จู่ๆ พี่เห็ดก็สอดปาก หาเรื่องละมึงเอ๊ย

“อ่าว มึง”

“ไรวะ อยากมีเรื่องเหรอ” พี่เห็ด มึง อย่าบิ๊วพี่เขา คุณพี่ตัวสูงเอียงคอมองด้วยสีหน้านิ่งๆ ท่าทางแบบนี้น่ากลัวกว่าคนที่โวยวายๆ ซะอีก “ทำไม มองหน้า ก็นี่โต๊ะมีคนนั่งแล้ว” ยังไม่หยุดอี๊ก

แขนที่พาดไหล่คนที่ชื่อสายธารอยู่ตกลงมาข้างตัวแล้ว

“เฮ้ยๆ ใจเย็นกันก่อน” พี่บาร์เทนเดอร์รีบเบรกไว้ “ใจเย็นน่ามึง ผับเพิ่งเปิดใหม่มันยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ งั้นก็แจมกับน้องๆ เลยดิ ไอ้เด็กนี่กวนตีนใช้ได้นะ”

“ทำไมต้องแจม” พี่เห็ดเอาอีกละ

“เดี๋ยวกูตบปากแตก” พี่บาร์เทนเดอร์บอก คราวนี้ทำเอาพี่เห็ดอึ้งไปเลย คงไม่คิดว่าพนักงานจะบริการลูกค้าแบบนี้ เลยทำให้ผมนึกได้ว่าเขาคือคนคุมที่นี่ “มารู้จักกันแบบเป็นทางการดีกว่า กูชื่อโอม นี่เรือใบ แล้วก็นี่สายธาร แล้วพวกน้องชื่อไรกันบ้าง...มึง กวนตีนสุด แนะนำดิ๊”

“ผม...อ่า หวัดดีครับผม” ผมไหว้ท่วมหัว “ผมชื่อนะฑีครับ ส่วนนี่พี่ทัช แล้วก็พี่เรนจิ ครับโผม”

พี่ทัชกับพี่เห็ดยกมือไหว้ตามจังหวะที่ผมแนะนำ ก็ยังดีนะที่พี่เห็ดยอมไหว้ แต่พี่แกหันมองผมเหมือนแปลกใจที่ไม่แนะนำชื่อเขาว่าเห็ด ก็อยากอยู่หรอก แต่กลัวจะบานปลาย

แต่แล้วพี่เห็ดก็พูดขึ้นอีก “เดี๋ยวนะ คืองง นี่เรารู้จักกันแล้วเหรอ รู้จักกันทำไม ถ้าโต๊ะมันเต็มแล้วพวกพี่ก็ไป…”

ฟึ่บ!

มันเกิดขึ้นเร็วมาก พี่เรือใบขยับตัวฟึ่บเดียว...ก็มาอยู่ในท่าจับแขนพี่เห็ดขัดไพล่หลังแล้ว น่าจะบิดแรงด้วย จนพี่เห็ดหลุดปากร้องออกมา

พี่ทัชลุกพรวดและคว้าข้อมือพี่เรือใบข้างที่ดัดแขนพี่เห็ดอยู่

ดะ...เดี๋ยวดิพี่ทัช

“กูว่ามึงเมาแล้ว ยืดเส้นยืดสายซะหน่อย จะได้สร่าง” น้ำเสียงพี่เรือใบมั่นคงไม่มีติดขัด สายตาคมกริบแต่ดูเบื่อๆ เหลือบมามองพี่ทัช

“ปล่อยเถอะ” พี่ทัชบอก

“สายธารเด็กกู ใครก็ห้ามยุ่ง…” พี่เรือพูดไปคนละเรื่อง แล้วก็เอี้ยวศีรษะนิดๆ ไปมองเจ้าของชื่อ “มึงเตรียมตัวไว้เลย คืนนี้ไม่ได้หลับได้นอนแน่”

“พี่!” พี่สายธารกระตุกศอกไปที “เลิกแกล้งน้องเขาได้แล้ว” แต่เจ้าตัวก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเหมือนเดิม

พี่ทัชรีบปล่อยมือ ราวกับเขาเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ไม่มีพลาสเตอร์แปะอยู่

ในจังหวะไล่ๆ กันพี่เรือใบก็ปล่อยมือจากพี่เห็ด “เห็นแก่สายธารนะมึง”

พี่เห็ดถึงกับหน้าเบ้ นวดไหล่อย่างเงอะๆ งะๆ

ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มตั้งแต่พี่ทัชจับแขนพี่เรือใบแล้ว จนตอนนี้ใจก็ยังเต้นตุบๆ ไม่เป็นจังหวะ ราวกับว่าพลังของพี่ทัชไม่มีผลอะไรกับพี่เรือใบเลย น้ำเสียงเขายังหนักแน่น ไหลลื่นไม่ติดขัด และความจริงที่พูดออกมาก็ดูไม่กระดากอะไรสักนิด เขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่สิ...เขาต้องรู้สึกแน่ เพราะหลังจากปล่อยมือกันแล้ว เขายังเหลือบมองมือพี่ทัชต่อด้วย แต่เขาแค่ไม่ใส่ใจเท่านั้น

“เอ่อ…” ผมต้องพูดอะไรสักอย่าง ไม่งั้นจะเดดแอร์นานเกินไป “พี่อย่าถือสาพี่เรนจิเลยนะครับ แกเพิ่งโดนสาวเทมาอะ เลยอาจจะพูดจาเลอะเทอะหน่อย ทำหน้าทำตากวนตีนไปบ้าง นี่ก็สงสัยจะเริ่มเมาแล้วด้วย ต้องขอโทษขออภัยด้วยนะครับโผม”

“อ้อ” คราวนี้พี่เรือตบบ่าพี่เห็ดเบาๆ “อกหักเหรอมึง งั้นแจมโต๊ะได้ เดี๋ยวกูแดกเป็นเพื่อน...ไอ้โอม”

“ได้ จัดให้” พี่โอมแวบไปที่เคาน์เตอร์ แล้วกลับออกมาพร้อมกับแก้วสามใบ พี่โอมรินเหล้าแบบออนเดอะร็อกที่มีน้ำแข็งก้อนใหญ่ให้ตัวเองกับพี่เรือใบคนละแก้ว ส่วนของพี่สายธารพี่โอมชงผสมโซดาให้

“เหล้าผมสั่งเปิด”

“เอ้า น้อง” พี่โอมพูด “นี่แจมโต๊ะกับใคร ป๋าเรือนะ”

พี่เห็ดมองหน้าพี่เรือ

“เออ” พี่เรือตบไหล่พี่เห็ดเบาๆ “คนอกหักมีหน้าที่แดกอย่างเดียวพอ...มึงสองคนด้วย อยากกินไรสั่งเลย ตามสบาย”

“ขอบคุณครับป๋า” ผมยกมือไหว้

พี่เรือใบหัวเราะ “มึงนี่อยู่เป็นนะ” เขาชูแก้วมากลางวง เราทุกคนยกแก้วของตัวเองไปชนด้วย หลังจากนั้นแต่ละคนก็ดื่มตามสไตล์ตัวเอง

พี่เห็ดตั้งหน้าตั้งตาซดเอาๆ โดยไม่สนใจใคร

พี่เรือใบกับพี่โอมดื่มไปพลางคุยอัปเดตชีวิตกันตามประสาเพื่อน โดยมีพี่สายธารคอยแทรกเป็นระยะ

พี่ทัชจิบช้าๆ ดูคูลๆ ตามสไตล์เขา ส่วนผมซดค็อกเทลจนเกือบหมดแก้ว แล้วก็โยกหัวบ้างเซิ้งบ้างสลับกันไป ระหว่างที่คนอื่นๆ คุยกันอยู่นี่เอง ผมก็กระแซะเข้าหาพี่ทัชพูดกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน จะว่ากระซิบก็ไม่เชิงหรอก เพราะเสียงเพลงดังจนต้องป้องปากพูดใกล้ๆ หูมากกว่า

“เจอเป้าหมายยังพี่”

“ยัง มองหาอยู่”

“งั้นไปแดนซ์กัน ไปเต้นมั่วๆ แถวนั้นเดี๋ยวก็เจอ”

“มึงไปดิ”

“ไปด้วยกันดิ เต้นไม่เป็นเหรอ เดี๋ยวผมสอนท่าเด็ดๆ ให้”

“มึงไปเลย กูอยู่ตรงนี้โอเคแล้ว มองเห็นมุมกว้างดี จะได้ช่วยกันดู”

“ก็ได้”

“อย่าไปเต้นกวนใครล่ะ”

“รับทราบครับโผม”

ผมยกค็อกเทลขึ้นซดย้อมใจอึกนึง หรือเอาตรงๆ น่าจะเรียกว่าน้ำผลไม้รวมมากกว่า ขอไปแดนซ์สักหน่อยก่อน แล้วค่อยกลับมาออนเดอะร็อกแบบพี่เรือใบดีกว่า ว่าแล้วก็กางปีกแถเข้าไปกลางวง ตามด้วยสเต็ปท่าลิงรูดเสาแบบรัวๆ

แต่เต้นแบบนี้สักพักน่าจะโดนตีนแน่นอน เลยผ่อนลงหน่อย เปลี่ยนเป็นโยกแรงๆ แทนพร้อมกับกวาดตามองไปด้วย

เดชะบุญ…

ใช่เป้าหมายรึเปล่าวะ

ใช่แหละ เขากำลังปลีกตัวเดินไปทางห้องน้ำแล้ว ผมรีบแถกลับไปหาพี่ทัช ป้องมือพูดข้างหูเพื่อบอกพิกัด จากนั้นก็พากันขอปลีกตัวออกมาจากชาวคณะ

เราเดินแหวกผู้คนตรงไปยังห้องน้ำ พอเข้าไปก็เห็นเป้าหมายอยู่ในนั้นจริงๆ แถมอยู่คนเดียวด้วย เขากำลังยืนฉี่อยู่ ผมก้าวเข้าไปฉี่ที่โถข้างๆ ไม่ได้แกล้งเข้าไปประกบเล่นๆ แต่ฉี่จริงๆ ส่วนพี่ทัชแค่ล้างมือและจัดทรงผมอยู่หน้ากระจก

เป้าหมายฉี่เสร็จแล้ว เขากำลังจะไปล้างมือ

ผมรีบฉี่สุดชีวิตละ แต่ก็น่าจะอีกนาน ไม่นึกว่ากระเพาะปัสสาวะตัวเองจะเก็บกักน้ำไว้ได้มากขนาดนี้

“สบู่ตรงนั้นหมดครับพี่” พี่ทัชชวนคุยแล้ว “อันนี้เลย ยังมีอยู่”

ผมชะเง้อมอง เห็นเป้าหมายยิ้มเชิงขอบคุณให้พี่ทัชและเอื้อมไปกดสบู่เหลว แล้วทั้งคู่ก็ล้างมือไปพร้อมกัน “ปกติที่นี่คนเยอะแบบนี้ตลอดรึเปล่าครับ”

“เอ้อ ไม่รู้สิ” เป้าหมายตอบ “พี่ก็เพิ่งเคยมานี่แหละ เห็นว่าเพิ่งเปิดไม่นาน”

“อ๋อ แล้วมาคนเดียวเหรอครับ”

“เปล่า มากับน้องน่ะ พามาปล่อยผีหน่อย” เขาล้างมือเรียบร้อย สะบัดมือในอ่างเบาๆ แล้วดึงทิชชู่ที่อยู่ด้านข้างมาซับมือ อีกไม่กี่วินาทีนี้ก็คงจะหันหลังเดินออกไปแล้ว

ผมเค้นฉี่ก๊อกสุดท้ายแล้วรูดซิป มือเมอไม่ล้างแม่งละ

“เฮ้ย พี่ กล้ามสวยอะ” ผมก้าวเข้าไปสมทบกับทั้งคู่ “ฟิตเนสที่ไหนเหรอครับ แนะนำหน่อยดิ”

“...”

“พี่ๆ ช่วยเบ่งกล้ามให้ดูหน่อยได้ปะ...น่า นิดนึงๆ”

พี่วิวัฒน์มองหน้าผม ก่อนจะงอข้อศอกขึ้นให้ดูอย่างงงๆ

“โทษนะพี่ ขอจิ้มหน่อยนะ อือหือ แข็งปั๊กเลย...พี่ทัชๆ ลองแตะดู”

“รู้จักกันเหรอ”

พี่ทัชยิ้มแทนคำตอบ “ขอโทษนะครับ ขอจับดูหน่อย”

“เอาดิ ถ้าน้องสองคนอยากเล่นกล้ามนะ พี่แนะนำว่า...”

พี่ทัชไม่ได้แตะที่กล้ามเหมือนผม แต่เลือกจับที่ข้อมือแทน จับอย่างนุ่มนวลและดึงข้อมืออีกฝ่ายลงมาเบาๆ ซึ่งเป้าเหมือนจะยังงงๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว ผมเดาว่าตอนนี้เจ้าตัวน่าจะรู้สึกหวิวนิดๆ

“พี่ชื่ออะไรครับ”

“วิ...วัฒน์”

ผมลนลานควักมือถือออกมากดเปิดกล้อง แต่พอจะยกขึ้นถ่ายเท่านั้นแหละ ไม่รู้ชีวิตติดกรรมอะไร จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดผลัวะออก

และคนที่ก้าวเข้ามาก็คือพี่เรือใบกับพี่สายธารนี่เอง

“อ้าว พวกมึง” พี่เรือพูด “ฉี่เสร็จแล้วไปดูเพื่อนหน่อยนะ หัวจะทิ่มอยู่แล้ว” ส่วนพี่สายธารไม่พูดอะไร แค่ยิ้มเฉยๆ

พี่ทัชปล่อยมือจากเป้าหมายแล้ว ส่วนผมก็ทำตัวไม่ถูก

“งั้นพี่ไปก่อนนะ” พี่วิวัฒน์เป้าหมายของเราตั้งท่าจะเดินออกไป ขณะเดียวกันพี่เรือใบกับพี่สายธารก็เบี่ยงตัวหลบจะเดินไปที่โถฉี่ แต่แล้ว…

ผลัวะ!

ประตูเปิดออกอย่างแรง ผู้ชายสองสามคนกรูกันเข้ามา ทำเอาทั้งผม พี่ทัช และพี่วิวัฒน์ถอยกรูดจนหลังติดขอบอ่างล้างมือ ส่วนพี่เรือใบกับพี่สายธารหันขวับ ในพริบตาเดียวพี่เรือคนตัวสูงก็ปราดไปจับประตูห้องน้ำให้มันอยู่ในลักษณะเปิดแง้ม ท่าทางเขาเหมือนพร้อมจะถีบหรือหักคอใครก็ตามที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาอีก

ผู้ชายสามคนที่กรูเข้ามาก่อนหน้านี้หน้าตาตื่น ไปยืนออกันอยู่แถวๆ โถฉี่

ชิบหาย เกิดไรขึ้นวะ




_________________________


มาแล้วค่า :D เผื่อใครสงสัยว่าพี่เรือใบกับน้องสายธารคือใคร
เป็นตัวละครจากเรื่อง ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์ ค่า
สามารถหาอ่านได้ในเล้าเป็ดนะคะ อัพจนจบแล้วค่ะ : ))

ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ อุแง้ ดีใจ
จริงๆ เวลาอัพไม่ค่อยจะแน่นอนเท่าไหร่เลยค่ะ สามารถสะกิดมาทวงได้ตลอดนะคะ
บางทีทำนู่นนี่จนปล่อยไว้นาน ชอบมานึกได้ตอนมีคนมาทวงมาสะกิดทุกที ;-;
เพราะงั้นสามารถทวงยิกๆ ได้นะคะ XD

เจอกันพาร์ท 2 คับบบ!

นางร้าย
29.ตุลา.2019


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดด  พี่เรือ น้องสายธาร คิดถึงๆๆๆๆๆๆ ค่าตัวแพงไหมหรือฟรีค่ะป๊า  :laugh:

หายห่วงนะเด็กๆไม่โดนยำตีนแน่นอน  :katai5:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
พี่เรือคนโหด โดนพี่ทัชปล่อยเลเซอร์ยังไม่สตั้นเลย 5555

รอตอน2 เขากรูกันมาฉี่เฉยๆ หรือมาบวกใครนะ?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
พี่เรืออออทำไมโหดจัง555

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
มีพี่เรือมาแจมด้วย คิดถึงนะคะะะะะ

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2

แตะต้องครั้งที่ 21

จับบบ…พี่เรือใบร่วมแจมแถมเหล้าเคล้าควันปืน
แตกตื่นหนีตายสุดท้ายถึงกับร้อง Oh My Ass [Part 2]



ชิบหาย เกิดไรขึ้นวะ

เสียงเพลงเงียบไปแล้ว แทนด้วยเสียงคนร้องโวยวาย เสียงโต๊ะล้ม เสียงแก้วเสียงขวดแตกกระจาย ผสมผสานกับเสียงดังปังๆ เป็นชุด คงเพราะเสียงนี้แหละ พี่เรือเลยสะบัดมือฟึ่บมาแถวๆ ด้านหลังเสื้อแจ็กเก็ต แล้วปืนกระบอกนึงก็โผล่มาอยู่ในมือเขาราวกับเล่นกล

แกร๊ก!

ตามด้วยดึงสไลด์ปืนอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน แต่ตอนลดปืนลงข้างตัวนั้นทำช้าๆ จนน่าขนลุก ช้าจนเกือบจะเข้าขั้นภาพสโลว์โมชั่น

โคตรเท่เลย!

นี่เราหลงมาอยู่ในกองถ่ายเหรอวะ

ปืนปลอมใช่มั้ย!

“เกิดอะไรขึ้น” พี่สายธารก้าวเข้าไปชิดเจ้าของปืน

“เกิดเรื่องสักอย่างแหละ”

“เสียงปืนเหรอ”

“กูฟังอยู่” พี่เรือตะแคงศีรษะนิดๆ ตรงช่องแง้มประตู กึ่งมองกึ่งฟัง อย่างกับแฟนพันธุ์แท้พยายามแยกแยะเสียงปืนว่ามีชนิดไหนบ้าง พูดไม่ทันขาดคำ เสียงรัวปังๆ ก็ดังแทรกเสียงความโกลหลขึ้นอีกชุด

ปืนกลแบบที่พวกมาเฟียในหนังใช้กันแน่ๆ

พี่ทัชขยับมายืนขวางๆ ตัวผมไว้ ถ้าเกิดมีกระสุนทะลุประตูห้องน้ำเข้ามาก็คงโดนพี่ทัชก่อน ผมเลย...ขยับเบี่ยงตัวไปยืนหลังพี่ทัชให้มิดมากกว่าเดิม

ไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ แต่ขามันขยับไปเอง นี่ถ้าไม่ได้ฉี่ไว้ก่อนผมอาจจะฉี่ราดกางเกงไปแล้ว

ปังๆๆๆ!

เอาอีกแล้ว

จู่ๆ พี่ทัชก็ก้าวพรวดไปที่ประตู แต่ถูกพี่เรือขวางไว้

“ผมจะไปหาเรนจิ”

“มันอยู่กับไอ้โอม ไม่เป็นไรหรอก” พี่เรือบอก ทำเอาพี่ทัชลังเล ผมเลยเอื้อมไปฉุดตัวเขากลับมายืนบังวิถีกระสุนไว้เหมือนเดิม กลัวก็กลัว แต่ก็สงสัยด้วย ยอมโผล่หัวออกไปด้านข้างตัวพี่ทัชนิดๆ ละกัน

“มึงอยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูออกไปช่วยไอ้โอม” พี่เรือใบพูดกับพี่สายธาร น้ำเสียงเหมือนบอกว่าจะออกไปหากาแฟกินแก้เซ็งสักแก้ว

พี่สายธารตะปบแขนอีกฝ่ายไว้ทันที “พี่…”

“เออน่ะ กูไม่เป็นไรหรอก” เขาทำท่าจะออกไป แต่ก็ชะงักแล้วยัดปืนใส่มือพี่สายธาร “เอางี้ มึงเอาปืนไป พาไอ้พวกนี้ออกประตูหลัง แล้วไปรอกูที่โอเมก้า ปืนขึ้นลำแล้วนะ ระวัง แต่ถ้าเจอใครหน้าเถื่อนๆ ถือปืนเหมือนกันก็ชวนมันเล่นป๊อกเด้งเลย เข้าใจนะ”

“ไม่ดิ พี่เอาปืนไปดีกว่า”

“เดี๋ยวกูไปหาเอาข้างหน้า ไป”

“พี่” พี่สายธารตะปบแขนไว้อีก “ระวังตัวนะ”

เจ้าตัวยิ้ม “มึงนั่นแหละต้องระวัง เสร็จจากเรื่องนี้แล้วกลับบ้าน ยิ่งต้องระวังหนักเลย ไปได้แล้ว” พี่เรือพูดอย่างอารมณ์ดี หันไปมองผ่านช่องแง้ม แล้วยืนเต็มความสูงแทรกตัวออกไป

พี่สายธารจับปืนด้วยสองมือชี้ปลายกระบอกลงพื้น สายตาที่มองพวกเราดูจริงจัง เหมือนจู่ๆ ก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกหลายปี “ไปประตูหลังกัน พร้อมมั้ย”

ไม่พร้อม!

ใครจะพร้อมวะ หน้าแต่ละคนนี่ก็ซีดเป็นไก่ต้มไปแล้ว ขอนอนแกล้งตายอยู่ในส้วมได้มั้ยพี่สายธาร แต่พี่ทัชก้าวออกไปข้างหน้าซะงั้น ขาผมเลยก้าวตามโดยอัตโนมัติ จังหวะนั้นผมรู้สึกว่าไหล่ของพี่ทัชกว้างขึ้นกว่าปกติด้วย

“อยู่ข้างหลังกูไว้” พี่ทัชบอก

“ไม่ต้องห่วง ผมอยู่ข้างหลังพี่ตลอดอยู่แล้ว...เฮ้ย พี่ด้วย ตัวใหญ่อะมาข้างหน้าเลย” ผมเอื้อมไปฉุดแขนพี่วิวัฒน์ให้มาอยู่ข้างพี่ทัช แบบนี้ค่อยบังมิดขึ้นหน่อย

“ก้มต่ำๆ ไว้นะ ไปกัน”

พี่สายธารนำออกไปก่อนคนแรก พี่ทัช พี่วิวัฒน์ แล้วก็ผมย่อตัวต่ำเกาะกลุ่มตามไปติดๆ และสุดท้ายก็เป็นนักเที่ยวสามคนนั้นที่ขยับตามมาอย่างเงอะงะ คำว่าก้มต่ำในที่นี้ ไม่รู้ว่าควรจะต่ำสักแค่ไหน ผมอยากจะคลานเอาหน้าไถพื้นไปเลย แต่กลัวตามไม่ทัน

สภาพนอกห้องน้ำอย่างกับวันโลกแตก เสียงเพลงดับไปแล้ว แต่ยังไม่มีใครไปยุ่งกับระบบไฟ ภายในผับเลยยังมืดสลัวและมีแสงไฟหลากสีส่ายวูบวาบ โต๊ะเก้าอี้ล้มกระจาย บางคนซุกอยู่ตามมุม บางคนผุดลุกผุดนั่ง คนกลุ่มหนึ่งต่อสู้นัวเนียกันอยู่บริเวณประตูหน้า คนอีกกลุ่มเบียดออกันมาทางประตูหลัง

และระหว่างนี้ก็ยังมีทั้งเสียงปืนเสียงกรีดร้องดังจากมุมโน้นมุมนี้

ประตูหลังอยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำมาก พี่สายธารนำเราเบียดฝ่าผู้คนออกมาจนได้

รอดแล้วๆๆ

ที่ไหนได้ ด้านนอกข้างๆ ผับนี่ก็มีคนซัดกันนัวเนียอยู่เป็นสิบ ทั้งนักเที่ยวทั้งอะไรปนกันมั่วไปหมด บางคนวิ่งกระเจิง บางคนย้อนกลับมาแทรกตัวจะเข้าไปในผับ รถยังติดเป็นแถว มีบางคันกำลังกดแตรเป็นบ้าเป็นหลัง มอเตอร์ไซค์บางคันพยายามซิกแซกไปทั้งที่มีกลุ่มคนรำมวยใส่กันอยู่ บางคันก็ล้มคว่ำไปแล้ว มีคนถูกจับเหวี่ยงขึ้นไปนอนแผ่บนกระโปรงหน้ารถด้วย

“ทางนี้” พี่สายธารนำออกไปพร้อมกับชี้ปืนลงต่ำ

อะไร คิดว่าเราเป็นหน่วยคอมมานโดเหรอ ไม่อะ กลับเข้าไปข้างในดีกว่า

หมับ!

แต่พี่ทัชฉุดแขนผมพาวิ่งลงไปที่ถนนแล้ว

หวิวเลย “ค็อกเทลผมไม่มีแอลกอฮอล์ รถเมล์ขึ้นราคา รถไฟฟ้าก็ชอบเสีย…” เพราะนิ้วพี่ทัช ความจริงไร้สาระเลยล้นปากออกมา “หวิวอะพี่ พี่ทัช เดี๋ยววว…” ผมรู้สึกว่ากำลังวิ่งแบบตัวลอยๆ ไม่รู้พี่ทัชฉุดแรง หรือว่าเป็นภาวะวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว ผู้คนทั้งเบียดทั้งชนผมจนเซซ้ายเซขวา แต่พี่ทัชยังจับผมไว้แน่น เสียงปืนก็ยังดังอยู่รอบตัว ลูกปืนเฉี่ยวหัวไปดังฟิ้วๆ “โอ๊ยยย โดนแล้วๆ ผมโดนแล้ว ตูดผม...”

“โดนอะไร”

“โดนยิง จะตายแล้ว โอ๊ยยย พี่ทัชๆ ไม่ไหว”

“มึงจะไปไหน มาทางนี้”

“แม่ ผมรักแม่นะ พี่ๆ ผมฝากหมอนเน่าด้วย…”

พี่ทัชลากผมออกมาจากจุดชุลมุนจนได้ แล้วพาข้ามถนนไปอีกฝั่ง มาที่หน้าร้านโอเมก้าที่เราจะเข้าไปกันตอนแรก พอหันมองข้างหลัง บริเวณหน้าทางเข้าผับโอ้มายแอสยังมีคนต่อยกันนัวอยู่ ควันปืนหรืออาจจะควันไฟไหม้ฟุ้งอบอวลจนเห็นคนเป็นเงาวูบวาบ

ปังๆๆๆ!

หน้าร้านโอเมก้าก็มีคนจับกลุ่มกันอยู่มั่วๆ บ้างชะเง้อมอง บ้างนั่งลงเอามือกุมหัวแต่อีกมือยังยกโทรศัพท์ถ่ายคลิป พรุ่งนี้คลิปว่อนโซเชียลแน่

ใครจะดูก็ดูไปนะ ผมสับขาละ พอตั้งหลักได้ คราวนี้เป็นผมที่วิ่งออกนำหน้าและลากตัวพี่ทัช แซงพี่สายธารด้วย พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองวิ่งเข้ามาที่ซอยเล็กๆ แคบๆ ข้างร้านโอเมก้าแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นทางตัน อันที่จริงคงไม่ใช่ซอยหรอก เรียกว่าหลืบข้างร้านน่าจะเหมาะกว่า

มีคนบางส่วนหนีตายเข้ามาในหลืบนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่มีใครจับจองที่ข้างถังขยะ ผมเลยฉุดแขนพี่ทัชไปนั่งตรงนั้น พี่สายธารเข้ามานั่งลงสมทบด้วย

“เราจะตายมั้ย พวกแม่งเป็นใคร ผู้ก่อการร้ายเหรอ บ้านเมืองมีขื่อมีแปทำไมมันกล้าขนาดนี้ กฎหมายไทยอ่อนใช่มะ นี่เราตายยัง ขาผมชาไปหมดแล้ว พี่ ผมโดนยิง หายใจไม่ออก...”

“มึงไม่ได้เป็นอะไรเลย”

“ไม่ๆ ขาชาจริงๆ โอ๊ย กระสุนฝังในรึเปล่า พี่ทัช ผมจะตายมั้ย ฝากหมอนเน่าด้วยนะ ผงฟอกจะกัดมันรึเปล่า พี่ บอกแม่ผมด้วยว่าผมรักแม่...ผมยังไม่อยากตาย...ผมยังอยากกินราดหน้าร้านป้าอยู่...โอ๊ย วันจันทร์สีเหลือง”

“นะฑี หยุดพูด”

“ไม่ได้ พะ...พี่จับแขนผมอยู่”

พี่ทัชรีบปล่อยมือ เปลี่ยนมาเป็นกดหลังผมไว้แทน ปลายนิ้วเปลือยๆ ของเขาไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผมโดยตรงเพราะมีเนื้อผ้ากั้นอยู่ แต่ผมก็พูดต่ออยู่ดี

“วัยรุ่นตีกันเหรอ หรือว่าพวกระเบิดพลีชีพ มันมาทางนี้ยัง พี่ ขาผมไม่รู้สึกแล้ว…”

“นะฑี บอกให้หยุด”

“แต่…”

“ตั้งสติหน่อยก็ดี” พี่สายธารพูดเรียบๆ น้ำเสียงเขาอาจจะไม่ได้หนักแน่นน่ากลัวเท่าพี่เรือใบ แต่ก็ทำให้ผมเกรงใจจนปากหยุดชะงักได้

ผมเงยขึ้นมองหน้าเขา

พี่สายธารนั่งคุกเข่าข้างเดียว เขามองเหลือบมาสบตาผมแวบนึง ก่อนจะถอดกระสุนออกจากตูดด้ามปืน ดึงสไลด์ดังกึกทำให้กระสุนอีกหนึ่งนัดกระเด็นออกมาตกอยู่ที่พื้น เขาดึงสไลด์ซ้ำสองสามที ตามด้วยลั่นไกใส่พื้นเสียงดัง แชะ! จากนั้นเขาก็เก็บกระสุนทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ถือไว้แต่ปืนเปล่าๆ

“ทำไมพี่เรือมีปืนอะ พกปืนเข้าผับได้เฉย” ผมถาม

“เขาเป็นสายตำรวจน่ะ” พี่สายธารตอบ “แล้วก็เป็นเพื่อนกับพี่โอม เลยพกเข้าได้”

“อ้อ แล้วพี่ทำงั้นทำไมอะ เอาลูกปืนออกทำไม”

“จะได้ไม่ยิงใครตาย”

“เฮ้ย ต้องยิงดิพี่ ใครเดินมั่วๆ เข้ามาต้องยิงไว้ก่อน” ผมพยายามนึกถึงคำพูดพี่เรือ แต่ก็นึกไม่ค่อยออก “พี่เรือบอกอะไรนะ ป๊อกๆ อะไร”

“ป๊อกเด้ง แบบนี้ไง” พี่สายธารกระดกปืนประกอบคำพูด “แล้วก็เด้งไปนอนอยู่ที่พื้น”

“นั่นไง ป๊อกเก้าสองเด้งรัวๆ ไปเลย ผมยังไม่อยากตาย”

“คงไม่มีอะไรแล้วละ” พี่ทัชพูดพร้อมกับยืนขึ้น

พี่สายธารยืนด้วย

เสียงปืนสงบไปแล้วก็จริง แต่ผมยังนั่งเอามือกุมหัวอยู่ข้างถังขยะต่อ ผมเห็นมาเยอะแล้ว ในหนังหลายๆ เรื่องพวกตัวประกอบมักจะตายจังหวะนี้แหละ ชอบประมาทคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว สุดท้ายก็...ป๊อก เด้งมานอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น

“เป็นไงมั่ง” เสียงแบบนี้ คงเป็นพี่เรือ

ผมเอียงศีรษะมองมุมเสย เพราะพี่เรือยืนเต็มความสูงอย่างสบายๆ นี่แหละ เลยทำให้ผมกล้าลุกขึ้นยืนด้วย แต่ขาดันอ่อนแรงจนผมต้องเกาะไหล่พี่ทัชไว้ จากมุมนี้ถ้ายังมีใครยิงมาจากทางผับโอ้มายแอสก็ต้องโดนเข้ากลางหลังพี่เรือก่อนละ

“โอเคดี” พี่สายธารพูดตอบและส่งปืนคืนให้เขา พี่เรือใบรับไปถือไว้โดยไม่ตรวจดูอะไรเลย แต่เขาก็แบมืออีกข้างออกมาเป็นเชิงรู้ทันว่ามันไม่มีลูก พี่สายธารแอบถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะหยิบที่ใส่กระสุนจากกระเป๋าเสื้อส่งคืนให้เขา เจ้าตัวรับไปตบมันใส่ด้ามปืนโดยไม่มองอีกตามเคย แล้วอ้อมมือไปเหน็บปืนไว้ด้านหลังเข็มขัดใต้ชายเสื้อแจ็กเก็ต

“เรนจิเป็นไงบ้างครับ” พี่ทัชถาม

“ไอ้โอมลากมันเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ ตอนนี้หลับสบายอยู่”

หลับสบาย…?

“พี่เห็ดตายแล้วเหรอ!” ผมโพล่งขึ้น

“เห็ดไหน”

“พี่เรนจิอะ ไม่นะ แกตายจริงๆ เหรอ”

“ตายอะไร มันเมา”

“อ้อ ค่อยยังชั่ว แล้วนอกนั้นกี่ศพอะพี่ ได้นับยัง”

“ศพอะไร ไม่มีใครตาย”

“เฮ้ยจริงดิ นี่ห้อยพระดีกันทุกคนเลยเหรอ กราดยิงขนาดนั้นมันต้องโดนใครบ้างดิ แล้วไอ้คนถือเอ็ม 16 อะ หนีไปแล้วใช่มั้ย”

“เอ็ม 16 อะไรของมึงอีก ไอ้ที่เสียงดังๆ นี่ประทัด”

“ประทัดอะไร คิดว่างานเชงเม้งเหรอ ลูกปืนนี่ฟิ้วๆ เฉียดหัวผมไปเลยนะ ผมเห็นคนถือปืนยิงกราดตรงหน้าผับด้วย…” หรือไม่ใช่วะ ตรงนั้นควันเยอะด้วย

“เด็กวัยรุ่นเหรอ” พี่สายธารถาม

“อืม แก๊งปะทะกัน แต่ไอ้โอมคิดว่าน่าจะเป็นคู่แข่งธุรกิจจ้างคนมาป่วนมากกว่า”

“พี่ไม่ได้อัดคนสลบหรือหักแขนใครใช่มั้ย”

พี่เรือหัวเราะ “นิดหน่อยน่า”

“โห พี่อัดคนสลบเลยเหรอ” ผมถามอีก “แล้วไม่มีใครตายจริงดิ”

“เฮ้ย มึงจูนหัวให้มันดิ๊” พี่เรือพูดกับพี่ทัช

แต่ผมจูนตัวเองละ นวดขมับแรงๆ แล้วพูดออกมาดังๆ “นี่ผมคิดไปเองเหรอ ไอ้ที่เจ็บๆ ขานี่ก็ไม่ใช่โดนลูกปืน แต่คือ…” คงจะออกตัววิ่งแรงไปหน่อยเลยเป็นตะคริว ตอนนี้โอเคแล้ว “เฮ้ย ไม่เป็นไรจริงด้วย รอดว่ะ พี่ทัช เรารอดตายแล้ว!”

ฟึ่บ!

ผมกระโดดตัวลอยใส่พี่ทัช พร้อมกับตวัดแขนรอบคอ ตวัดขารอบเอว พี่ทัชคงไม่ทันได้ตั้งตัวเลยถึงกับเซ

“อะไรเนี่ย นะฑี”

“รอดแล้วพี่! รอดๆๆ ผมไม่ต้องฝากแมวแล้ว”

“นะฑี...!”

แล้วเราก็ล้มคว่ำไปด้วยกันที่ข้างถังขยะ พี่ทัชอยู่ล่าง ตัวผมคร่อมอยู่ข้างบนโดยที่หน้าซบอยู่ตรงช่วงไหล่เขา “พี่...หวิวเลย…”

“อะไรของมึงเนี่ย ลุกขึ้นเร็ว คนมอง”

“มะ...ไม่มีแรง”

“นะฑี ลุก”

“ไม่ไหว ก็พี่กอดผมอยู่อะ นิ้วพี่โดนคอผม มันหวิว ไม่มีแรง”

“ไม่ได้โดน กูกำมืออยู่”

“เอ้าจริงดิ ทำไมผมรู้สึก”

“นะฑี”

มือพี่ทัชไม่ได้โดนตัว ไม่ได้กอด ปลายนิ้วเอ็กซ์เมนก็ไม่ได้สัมผัส แต่ก็ยังหวิวอยู่ดี ผมค่อยๆ ค้ำมือข้างตัวเขาเพื่อยันตัวลุกขึ้นยืน พี่ทัชก็รีบค้ำตัวลุกขึ้นตามทันที

โอ๊ยๆ ตะคริวเล่นงานผมอีกเล็กน้อยจนต้องเกาะไหล่เขาไว้อีก เขาไม่ว่าอะไร แต่เห็นแอบซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง

“ล้มทับกันข้างถังขยะแบบนี้นะ รับรอง งานยาว” พี่เรือพูด ทำเอาพี่สายธารกระตุกศอกใส่หน้าท้องที่โคตรจะแข็งแกร่งนั่นอีกที ซึ่งเจ้าตัวก็หัวเราะตามเคย

“พี่สองคนเคยล้มทับกันข้างถังขยะเหรอ” ผมถาม ดูเหมือนสองคนนี้ต้องมีความหลังเกี่ยวกับถังขยะแน่ๆ

พี่เรือตวัดแขนรอบคอพี่สายธารไว้และหัวเราะดังกว่าเดิม ทีนี้กลายเป็นพี่ทัชที่กระตุกศอกใส่ผมแทน ถึงจะแค่เบาๆ แต่ก็เล่นเอารู้สึกจุก

“ขอบคุณพี่สองคนมากนะครับ” พี่ทัชพูด

“ทุกคนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” พี่สายธารบอก

“ผมก็ขอบคุณพวกพี่มากนะครับโผม เป็นบุญกะลาหัวจริงๆ ที่ได้พี่สองคนช่วยไว้” ผมยกมือไหว้งามๆ พี่ทัชก็ไหว้ด้วย พี่สายธารรับไหว้อย่างดี ส่วนพี่เรือแค่ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เพราะมืออีกข้างยังพาดคอคนข้างๆ อยู่

“กูไปละ ถ้าพวกมึงไม่อยากเดือดร้อนก็รีบกลับบ้านซะ เดี๋ยวพ่อมึงก็มาแล้ว” พูดจบพี่เรือก็รวบคอพี่สายธารพาเดินออกไป

ผมกับพี่ทัชมองตามหลังพวกเขาจนเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วผมค่อยพูดขึ้น “โคตรเท่เลย ว่าแต่เขาพูดถึงพ่อเราทำไมอะ คือยังไง”

“เขาหมายถึงตำรวจ” พี่ทัชบอก

“อ้อ ผมรู้น่า แกล้งถามไปงั้นแหละ”

“เหรอ”

“เฮ้ยๆ เพิ่งนึกออก เซนส์ผมแรงนะเนี่ย บอกแล้วว่าโอเมก้าจุดสิ้นสุดอะไรนี่ชื่อไม่เป็นมงคล เกือบโดนยิงตายแล้วมั้ยล่ะ ไปดิพี่ กลับ เราจะอยู่รอพ่อมาเหรอ”

“เป้าหมายล่ะ”

“เออ ใช่ ลืมไปเลย แต่ก็ช่างเถอะ รอดตายก็ดีแล้ว…”

พี่ทัชใช้หลังมือแตะตัวผมเป็นเชิงให้หยุดพูด ผมมองตามสายตาเขา เป้าหมายของเรานั่งอยู่ตรงทางเข้าโอเมก้านี่เอง เขาคงวิ่งตามเรามาแหละ เลยยังไม่ได้ไปไหนไกล

พี่ทัชเดินสบายๆ ตรงเข้าไปหาเขา ผมรีบก้าวตาม แอบควักมือถือออกมาเปิดกล้องเตรียมไว้

ที่ฝั่งผับโอ้มายแอสกลุ่มควันปะทัดจางไปแล้ว คนยังเดินไปมาพูดคุยกันจอแจ น่าจะเป็นพวกพี่โอมกับทีมการ์ดเร่งเคลียร์พื้นที่อยู่ ส่วนทางฝั่งร้านโอเมก้าก็ยังมีคนจับกลุ่มคุยกันอยู่ประปราย พี่วิวัฒน์นั่งอยู่ที่ขั้นบันไดเตี้ยตรงทางเข้าประตู อยู่ในท่าก้มหน้า มองมือตัวเองที่ถลอกเลือดซิบหลายจุด

“พี่เป็นไรรึเปล่าครับ” พี่ทัชถาม

พี่วิวัฒน์เงยหน้าขึ้น “เอ้า น้องสองคน”

“มือเป็นไรพี่”

“หกล้มน่ะ ได้แผลเลย เหมือนจะซ้นนิดๆ”

“พี่ทัชดูให้พี่เขาหน่อยดิ” ผมบอก “พี่เป็นหมอจัดกระดูกไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นแมวจรจัดโดนรถทับขาแทบหักพี่ยังจัดให้เข้าที่ได้เลย กระตุกทีเดียวเอง”

“จริงเหรอ” พี่วิวัฒน์ถาม

“เดี๋ยวผมขอดูหน่อยนะครับ” พี่ทัชถามพร้อมกับจับที่ข้อมือเขาช้าๆ ถ้ามองด้วยสายตาคนทั่วไป ก็เหมือนคนขอจับเพื่อดูแผลแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกัน “เจ็บมั้ยครับ”

“นะ...นิดหน่อยน่ะ” พี่วิวัฒน์สะดุ้งนิดๆ

ผมแอบยกมือถือขึ้นถ่ายคลิป

“แล้วพี่มาที่นี่ทำไมครับ” เอ้า ยิงคำถามเข้าเป้าเลยวุ้ย

“มาเที่ยวไง รู้ตัวปะ น้องหน้าตาดีนะ ทั้งสองคนเลย...เอ่อ…”

“มากับใครครับ”

“พี่…” เจ้าตัวอึกอัก ก่อนจะหลุบสายตาลงมองมือที่ถูกพี่ทัชจับอยู่ “แปลกดีนะ”

“แปลกอะไรเหรอ” ผมสอดปาก

“พี่ไม่รู้จักน้องสองคน แต่เหมือนอยากระบายให้ฟัง”

“ระบายได้ครับ” พี่ทัชกระตุ้น

“คือ...เจ็บข้อมือจัง ไม่รู้เป็นไรมากรึเปล่า”

เอ้า คนฟังก็ลุ้นอยู่เนี่ย มาวกเข้าเรื่องมือทำไม

พี่ทัชทำทีเป็นจับๆ คลำๆ “คิดว่าไม่หนักเท่าไหร่นะครับ”

“พี่รู้สึกแปล๊บๆ นะ”

“อาจจะเส้นพลิกน่ะครับ”

เส้นพลิกจริงรึเปล่าไม่รู้ ความรู้สึกแปล๊บๆ อาจจะเป็นเพราะปลายนิ้วพี่ทัชก็ได้ เหมือนที่ผมรู้สึกหวิวๆ นั่นแหละ ไม่รู้ละ ดึงเข้าประเด็นดีกว่า “พี่ๆ เมื่อกี้อยากจะระบายเรื่องอะไรรึเปล่าครับ”

“ก็…”

“เล่าได้ครับ” พี่ทัชบอก จับข้อมืออีกฝ่ายพลิกหงายไว้นิ่งๆ

“คือ...พี่มาเที่ยวกับน้องที่...ที่เขาเป็นเกย์น่ะ ความจริงพี่แต่งงานแล้วนะ มีลูกมีเมีย แต่…” พี่วิวัฒนสั่นเทิ้ม ไม่ทันไรน้ำตาลูกผู้ชายไหลหยดออกมา “ไม่รู้เหมือนกัน พี่สับสน พี่ตั้งใจจะบอกเมียอยู่ แต่ก็กลัวเขาเสียใจ…”

เอ้า! พี่วิวัฒน์ ทำไมวิวัฒนาการไปเส้นทางนั้นเอาป่านนี้ หักมุมไปอีก

“เมียก็เริ่มสงสัยแล้ว ไม่รู้จะบอกยังไง ทุกวันนี้ก็มองหน้าไม่ติดแล้ว...แล้วนี่พี่พูดให้น้องฟังทำไม พี่ไม่…”

“พี่วัฒน์” เสียงใครคนหนึ่งดังจากด้านหลัง ผู้ชายที่มากับพี่วิวัฒน์นั่นเอง พี่ทัชปล่อยมือช้าๆ ส่วนผมก็ลดกล้องลง “เป็นไรพี่…” คนมาใหม่เข้ามาลูบหลังพี่วิวัฒน์ที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ “พวกคุณทำอะไรพี่วัฒน์”

“พี่เขาหกล้มน่ะครับเลยมาช่วย เราก็กำลังจะไปพอดี งั้นขอตัวก่อนนะครับ”

“รีบไปหาหมอนะพี่ กระดูกอาจจะร้าวก็ได้นะ” ผมพูดส่งท้าย ก่อนจะก้าวเร็วๆ ตามหลังพี่ทัชที่เดินนำออกไปก่อนแล้ว

เราข้ามฝั่งไปที่ผับโอ้มายแอส เดินฝ่าสมรภูมิที่มีกลิ่นควันปะทัดจางๆ รวมถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บกลุ่มเล็กๆ พี่โอมกับทีมการ์ดกำลังยุ่งกันมาก เราเข้าไปขอบคุณพี่เขาและขอรับตัวพี่เห็ดที่นอนซุกอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ออกมา สภาพร่างกายยังครบสามสิบสองดี แต่สติไปแล้ว พูดเสียงอ้อแอ้ ตัวอ่อนปวกเปียกอย่างกับตุ๊กตายาง

ผมกับพี่ทัชช่วยกันแบกพี่เห็ดเดินย้อนมาตามทางเพื่อกลับไปยังรถพี่ทัชที่จอดอยู่ริมถนนเส้นหลัก ซึ่งก็สวนทางกับรถตำรวจที่เลี้ยวเข้าซอยมาพอดี ถือว่าคลาดกันนิดเดียว

เราจับพี่เห็ดซุกเข้าหลังรถ แล้วมานั่งที่เบาะหน้ากัน หลังจากปิดประตูเรียบร้อยต่างคนก็ต่างถอนหายใจออกมายาวๆ

“มันคืนนรกแตกอะไรวะเนี่ย” ผมบ่น “โคตรป่วนเลย นี่ผมนึกว่าโดนยิงขาจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น มันแบบแปล๊บเลยอะ ผมไม่ค่อยเป็นตะคริวไง เลยคิดว่าโดนสอยเข้าให้แล้ว ผมขอสรุปเลยนะ...”

“อะไร”

“เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เรื่องโกหกสามารถฆ่าคนได้ เป็นไง คมมะ”

“ก็โอเค”

“คมกริบเหอะ ก็เนี่ย ต้องมาหนีตายกันงี้ก็เพราะเรื่องโกหกไง งั้นเอาแบบดีๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...”

“...”

“เอ่า พี่ต่อดิ”

“เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความจริงบางอย่างเหมือนน้ำกรด ยิ่งเก็บไว้นานมันยิ่งกัดกร่อนคนนั้น”

“เชร้ด”

“ลบคลิปเถอะ” พี่ทัชพูดต่อไปอีกเรื่อง

“ฮะ?”

“เราไม่ต้องยุ่งหรอก ให้พี่เขาบอกเอง”

“เอางั้นเหรอ”

“อืม”

“แต่...คลิปนี่เก็บไว้แบล็กเมล์ได้นะ”

พี่ทัชหันมองหน้าผม

“ล้อเล่นน่า อะ ลบๆ นี่ดู…” ผมเอียงหน้าจอมือถือให้เขาดู กัดฟันลบคลิปล่าสุดทิ้ง “แล้วเราจะบอกเมียแกยังไงอะ คนจ้างเรา”

“บอกว่าหาตัวพี่วิวัฒน์ไม่เจอ”

“อ่อ ก็ได้อยู่ เพราะที่ผับเกิดเหตุวุ่นวายไรงี้ แต่ยังถือว่างานไม่จบนะ ถ้าวันหลังแกนัดให้ไปจับโป๊ะใหม่ล่ะ”

“บอกไม่ว่าง”

“ง่ายๆ แบบนั้นเลยนะ โอเค้ งั้นก็จบข่าว” ไม่ต้องทำอะไรแล้วกับเคสนี้ “ว่าแต่มันคือผับเกย์ใช่มั้ยพี่”

“ดูจากชื่อก็คงงั้น”

“ว่าละ ตะหงิดๆ ตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมมีแต่ผู้ชาย”

“คงงั้น” พี่ทัชสตาร์ทรถ เปิดไฟเลี้ยวไว้เพื่อรอจังหวะขับออกไป เหตุวุ่นวายจากผับในซอยทำให้การจราจรที่ถนนเส้นหลักสาหัสไปด้วยแล้วตอนนี้

“พี่เรือใบนี่โคตรแมนเลยนะ ไม่นึกว่าจะชอบผู้ชาย”

“ความชอบมันเลือกไม่ได้หรอก ถ้าชอบก็คือชอบ ไม่เกี่ยวกับเพศไหน”

“อือหือ ผมบรรลุละ สาธุ” ผมยกมือไหว้พี่ทัช “จะว่าไป...ก็สงสารพี่วิวัฒน์อะ คงอึดอัดแล้วก็สับสนจริงๆ ร้องไห้เลย...เฮ้ย พี่ ผมก็สับสนนะ ตอนล้มลงข้างถังขยะผมแยกไม่ออกเลยว่าพี่จับตัวผมอยู่รึเปล่า มันหวิวๆ งงๆ ไปหมด พี่จับตัวผมดูอีกทีได้ปะ”

พี่ทัชมองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายจากเบาะหลังที่พี่เห็ดนอนทับอยู่ ได้มาแล้วก็รูดซิปเปิดหาของ

“หาอะไร พลาสเตอร์เหรอ”

“อือ มันหมด”

“ก็ใช้ทีละสิบแผ่นขนาดนั้น ไม่หมดก็แปลก แต่จะติดทำไมอีก นี่จะกลับบ้านแล้ว...ไหนๆ ตอนนี้นิ้วก็โล่งอยู่แล้ว แตะตัวผมดูดิ๊ คราวนี้ผมจะแยกให้ออกว่ามันหวิวยังไง”

จู่ๆ เขาก็ทำสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดไว้ก่อน พี่ทัชควักถุงมือลายมินเนี่ยนที่ผมซื้อให้ออกมา สวมมันเข้ากับมือทีละข้าง แล้วก็บังคับรถออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ









______________________

แง ส่วนตัวชอบตอนนี้มากเลยค่ะ
ความบ้าบอของน้องมันไปไกลมากแล้ว XD

ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่ยังอ่านอยู่ด้วยกัน
ทั้งคอมเมนต์ ทั้งกดหัวใจให้ ทั้งกดเข้ามาอ่าน
อยู่กันเป็นครอบครัวเล็กๆ อบอุ่นๆ แบบนี้ไปนานๆ เลยนะคะ > <

คนอ่านทุกๆ คนสำคัญมากเลยค่ะ รัก! ที่! สุด!


นางร้าย
7.พฤษจิ.2019

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อิน้องนี่มันตัวป่วนของแท้มากแม่ พี่ทัชจะมาโมเม้นท์ทนไม่ไหวจับน้องกดทิ้งมั่งไหม? 5555  :laugh: 

พี่เรือ ขโมยซีนมากอลืมไปเลยว่าเรื่องนี้พี่ทัชเป็นพระเอก  :jul3:

สนุกค่ะ ชอบมาก มาต่อเรื่อยๆนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
อิน้องมันบ้ามาก 55555 โอ้ย ใครก็ได้เขกหัวนางที

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
อะไรคือเป็นตะคริวแล้วโวยวายจ้างร้อยเล่นล้านว่าโดนยิง -"-

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2

ตอนนี้เนื้อหาค่อนข้างยาว
ขออนุญาตแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะคะ :D





แตะต้องครั้งที่22

จับบบ…ดึงหัวไม่ออกตอกไข่ใส่ด้วย
น้องช่วยอาบน้ำลองถามเสี่ยงๆ ขอเล่นเด้งเตียงได้มั้ย



พรุ่งนี้วันสำคัญ

วันนี้เกือบทั้งวันผมเลยคอยแต่จะหมกมุ่นอยู่กับการวางแผน โชคดีตอนบ่ายเลิกเรียนเร็ว และหลังจากตื๊ออยู่สักพักพี่ทัชก็ยอมเข้าร่วมอุดมการณ์จนได้

คราวนี้เราไม่ได้ไปบุกโรงแรมหรือหนีตายกันในผับที่ไหน

แค่มาเดินห้าง

“พี่เห็ดเป็นไงบ้างอะ” ผมถามระหว่างที่เราเดินขึ้นบันไดเลื่อน

“โอเคดี”

“เหรอ ทักแชตไปกวนตีนแกเล่น ไม่เห็นตอบเลย แน่ใจนะว่าแกไม่ได้กินน้ำยาล้างส้วมไรงี้”

“ไม่เป็นไรหรอก สรุปจะซื้ออะไรให้แม่”

วันสำคัญที่ว่าคือวันเกิดแม่ผมเอง ที่เรามานี่ก็เพื่อจะเลือกซื้อของขวัญเก๋ๆ สักอย่างนี่แหละ

“คิดว่าจะซื้อเรือดำน้ำอะ แม่เหนื่อยมาเยอะแล้ว ให้แม่ไปขับไล่ตามปลาวาฬเล่นน่าจะเพลินดี”

“ไม่เอาเครื่องบินล่ะ ขับไล่ตามนกสนุกกว่า”

“เฮ้ย!” ผมหันขวับจนเกือบล้ม เล่นเอาพี่ทัชเลิกคิ้ว “เดี๋ยวนี้พี่เล่นมุกเหรอ เริ่มติดเชื้อผมแล้วดิ…”

“จะซื้ออะไร เร็วๆ” เขาตัดบท ตอนนี้เราขึ้นมาอยู่บนชั้นที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบบผู้หญิงๆ แล้ว

“เรือดำน้ำไง”

“ไม่ขำ เลิกเล่นได้แล้ว”

“ก็คิดไม่ออกอะ พี่ช่วยคิดหน่อยดิ”

“คิดอะไรไว้บ้าง”

“ก็มีพวกของผู้หญิงๆ อะ ลิปสติก ตุ้มหู แล้วก็เสื้อในดีๆ สักสองสามตัว นมแม่เริ่มยานละนะ จะเข้าวัยทอง…”

“พอ”

“ไม่เวิร์กเหรอ”

“กระเป๋าตังค์เป็นไง”

ผมมองตามสายตาพี่ทัชไป แล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ “เด็ด นี่แหละที่แม่ต้องการ” เราเดินเข้าไปในร้าน แต่เดี๋ยวนะ ขอเวลามึนแป๊บ กระเป๋าผู้หญิงประมาณล้านแบบรายล้อมอยู่รอบตัว ทั้งกระเป๋าเป้กระเป๋าสะพาย ใบใหญ่ใบเล็ก สายโซ่สายหนัง รวมถึงกระเป๋าสตางค์แบบสั้นแบบยาว แถมยังมีใบจิ๋วๆ แยกออกมาวางอยู่ข้างๆ อย่างกับคลอดลูกได้อีก

“ของเยอะดีอะร้านนี้ แบบนี้คือขายดีหรือขายไม่ออกอะ”

“ของผู้หญิงก็มีหลายแบบเป็นธรรมดา”

“พี่ใช้กระเป๋าตังค์แบบไหนยังไง”

“แบบเรียบๆ”

“ยังไงอีก”

“ของบอตเตก้า”

“แบรนด์เนมใช่ปะ อะไรก้าๆ นะ”

“ช่างมันเถอะ ลองดูร้านนี้ก่อน ชอบใบไหน”

“ไหน พี่เลือกดิ๊”

พี่ทัชพาเดินย้อนออกมาบริเวณตู้โชว์ใกล้ประตูร้าน เขาเลือกหยิบกระเป๋าสตางค์แบบยาวใบหนึ่งส่งให้ผม สีน้ำตาลเรียบๆ แต่ดูดี

“สวย” ผมพลิกไปมา แล้วดูป้ายราคา “ไม่สวยละ กะโหลกกะลา”

“...”

ผมวางคืนที่เดิมอย่างเบามือเหมือนวางระเบิด ลองหยิบอีกใบข้างๆ กันมาดูป้ายราคาเทียบกัน “ใบนี้ก็ไม่สวย ออกแนวทุเรศเลยนะเนี่ย ไม่เอาละ”

“ถ้าชอบก็เอา”

“ราคานี้ ขืนเอาไปแม่ได้ฆ่าผมตาย”

“ก็อย่าบอกราคา”

“ถ้าแม่ถามจี้ล่ะ กฎเหล็กของผมคือแหลกับใครก็ได้นะ แต่จะไม่แหลกับแม่เด็ดขาด”

“เงินที่เราหามาได้ มึงบอกจะให้กูครึ่งนึงใช่มั้ย งั้นก็ใช้ครึ่งของกูซื้อ”

“แม่ผม ต้องใช้ครึ่งของผมซื้อดิ” ผมเถียง “หมายถึงถ้าจะซื้ออะนะ แต่คิดอีกทีเก็บเงินไว้กินข้าวดีกว่ามั้ย”

“ของพวกนี้มันทน ดีกว่าซื้อของถูกแล้วต้องเปลี่ยนบ่อยๆ”

“จริงเหรอ” ผมหยิบกระเป๋าใบแรกที่พี่ทัชเลือกอีกที เม้มปากครุ่นคิด

“เงินหาใหม่ก็ได้ มีงานให้บริษัทขอทัชฑีทำอีกมั้ยล่ะ”

“พี่พูดแล้วนะ ถ้ากลับคำนี่หมาเลยนะ”

“เออ”

“งั้นซื้อ” ผมตอบเฉียบขาด แล้วรีบเสริมเพื่อให้เข้าใจตรงกัน “เอาครึ่งนึงของพี่ซื้อนะ”

ผมกำลังจะโบกมือเรียกพนักงาน จังหวะนั้นพี่ทัชก็ควักมือถือที่กำลังสั่นครืดๆ ออกมากดรับสายพอดี ผมเลยยั้งมือไว้ก่อน

“เจ๊เทอ… อ้าว แล้วเป็นอะไรมากมั้ย…โอเค จะรีบไป”

“เกิดอะไรขึ้น พี่ เป็นไร”

“ผงฟอกน่ะ”

“ผงฟอกทำไม”

“มึงรีบซื้อกระเป๋าดิ กูต้องไปแล้ว”

“งั้นไม่ซื้อละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาซื้อเองแล้วเอาให้แม่ตอนเย็น”

เรากลับไปหาเจ้ามินิคูเปอร์ที่ท่าทางเหมือนกำลังงีบหลับรอเจ้าของอยู่ที่ลานจอดรถ พี่ทัชสตาร์ทเครื่องปลุกมัน แล้วขับออกมาจากห้างอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะมาติดแหง็กอยู่ที่ไฟแดงหน้าห้าง

“เดี๋ยวกูส่งมึงที่รถไฟฟ้าได้มั้ย”

“ไม่เอา ขอไปด้วย” ผมบอก พี่ทัชมองหน้าคล้ายจะถามว่าไปทำไม“ผมจะไปหาผงฟอก”

“มันไกล”

“ไกลก็ไกลดิ ผมไม่ได้เดินไป”

“...” เขาเงียบ

แบบนี้ต้องกดดันอีก

“ผมจะไป ผมจะไป ผมจะปายยย”

“เออๆ ไปก็ไป”

“ก็ผมเป็นห่วงผงฟอกอะ ขอไปด้วย” ดูจากสีหน้าพี่ทัชผมก็พอเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องดี “ว่าแต่ ผงฟอกเป็นไร”

“หวังว่าคงจะไม่เป็นไร”

เป็นครั้งแรกที่ปากผมเงียบไปเองดื้อๆ ถึงอยากถามต่อ แต่ปากผมไม่ยอมขยับ คงทำนองเดียวกับที่พี่ทัชเคยพูด...ความจริงบางอย่างอย่ารู้ดีกว่า บางทีมันอาจจะโหดร้ายเกินกว่าจะพูดออกมา

ผมเลยได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบๆ

สักพัก พี่ทัชก็พาเจ้ามินิคูเปอร์ฝ่าการจราจรออกมายังถนนเส้นที่วิ่งได้สะดวกขึ้น ไม่อยากจะถาม แต่เหมือนว่าปากผมกลับมาเปล่งเสียงได้เป็นปกติแล้ว

“ทำไมไปทางนี้อะพี่ เลี่ยงรถติดเหรอ”

“เปล่า บ้านอยู่ทางนี้”

“อ้าว พี่เคยบอกว่าบ้านพี่ไปทางเดียวกับบ้านผมไม่ใช่เหรอ ก็ต้องไปทางนั้นดิ นี่มาคนละทิศเลยนะ”

พี่ทัชเหลือบมองหน้าผม “กูพูดตอนไหน”

“วันนั้นไง วันที่พาผมไปแจ้งความอะ บอกว่าบ้านทางเดียวกัน พี่เลยขับไปส่งผมที่บ้าน”

“มึงจำผิดแล้ว”

“พี่นั่นแหละ จำผิด”

“กินโอเมก้าสามบ้างนะ แล้วก็นอนให้พอ ทำสมาธิบ้าง สมองจะได้ดีๆ”

“พี่จำผิดจริงๆ เรื่องนี้ผมชัวร์มาก”

หรือผมจำผิดวะ

เริ่มไม่ชัวร์ละ

“กูไม่เถียงละ” พี่ทัชพูดเรียบๆ “เปิดเพลงหน่อย”

“เฮ้ยพี่ พูดถึงโอเมก้า ไว้เราไปกันอีกนะ ไปโอ้มายแอสด้วย เขาจะเจ๊งรึเปล่าวะ โดนถล่มเละขนาดนั้น”

พี่ทัชไม่ตอบอะไร เขาเอื้อมมือมากดเปิดเพลงเอง ซึ่งก็เป็นเพลงสากลของคนคูลๆ เหมือนเดิม นี่พยายามชวนคุยให้สบายใจนะ แต่ไม่คุยก็ไม่คุย ฟังเพลงก็ได้ ผมชั่งใจอยู่ว่าจะกรีดกระเดือกร้องเพลงตามหรือนั่งฟังเฉยๆ ดี เอาเป็นว่า ร้องแบบงึมงำดำน้ำไปละกัน

บรรยากาศในรถเริ่มตึงเครียดมากขึ้นตอนที่พี่ทัชเลี้ยวรถเข้าโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทางเข้ามีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่เบิ้ม มีสวนหย่อม ป้อมยาม และต้นไม้เรียงราย

แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโคตรรวย

ผมหันไปเกาะกระจกรถเหมือนเด็กที่หลุดเข้ามาในอีกมิติ จนกระทั่งพี่ทัชชะลอรถจอดริมถนนหน้าบ้านหลังหนึ่งและเปิดประตูลงไป ผมถึงได้รู้สึกตัวแล้วลงจากรถด้วย

“ผงฟอก” เสียงพี่ทัชร้อนรน

เจ้าผงซักฟอกอยู่ตรงนี้เอง ในสภาพ...หัวติดกับรั้วประตูบ้าน รั้วประตูใหญ่ที่เป็นทางให้รถเข้าออกดูหรูหราและไม่มีปัญหาอะไร แต่ประตูรั้วเล็กๆ สำหรับให้คนเปิดเข้าออกนี่แหละ ขอบด้านล่างเป็นเหล็กดัดให้เป็นห่วงกลมเรียงต่อกัน ซึ่งขนาดห่วงใหญ่พอให้ผงฟอกสอดหัวเข้าไปได้ แต่ดึงกลับไม่ได้ ลักษณะนี้คงตั้งใจจะมุดประตูหนีเที่ยวแน่ๆ

มีผู้หญิงสองคนอยู่ด้วย ต้องเป็นแม่กับพี่สาวแน่นอน

“ทัชมาแล้ว” คนเป็นแม่หน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้

“เป็นไงบ้าง ผงฟอก” พี่ทัชเข้านั่งใกล้ๆ เจ้าผงซักฟอกและลูบหัวมัน ทำให้มันครางหงิงๆ ดิ้นรนพยายามจะดึงหัวออกอีก “เข้าไปได้ไงเนี่ย”

“แม่ผิดเอง แม่ไม่น่าเปลี่ยนประตูใหม่เลย ตอนช่างเอามาทำก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีห่วงกลมจนมุดได้แบบนี้…”

“แม่ไม่ผิดหรอก อุบัติเหตุน่ะ” พี่ทัชพูดเสียงนุ่ม “หัวเปียกเลย ผงฟอก”

“แม่เอาน้ำมันพืชทาน่ะ”

“เจ๊ตอกไข่ใส่ด้วย มันจะได้ลื่นๆ”

ผมก็จินตนาการไว้ซะร้ายแรง นึกว่าโดนรถชนไส้ไหลอะไรแบบนี้ แต่เห็นสภาพแล้ว...ก็ไม่ถึงกับขำหรอก แต่ปากหมาๆ ของผมก็เผลอโพล่งออกไปจนได้ “นี่ผงฟอกหรือกระทะทอดไข่อะครับ” โชคดี เหมือนจะไม่มีใครได้ยิน หรืออาจได้ยินแต่ไม่สนใจ

“น่าจะใช้แชมพูมากกว่าใช่มั้ย แต่ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกอะ” เจ๊ณเทอพูดอีก “แต่โทรหากู้ภัยแล้วนะ กำลังมา”

“ป๊ากลับมายัง”

“แม่โทรบอกแล้ว”

“อืม ไหนผมขอลองหน่อย”

“เจ๊ว่ารอกู้ภัยดีกว่ามั้ยทัช”

พี่ทัชเลื่อนเปิดประตูรั้วใหญ่แล้วเข้าไปสมทบกับแม่และพี่สาวที่ประตูรั้วเล็กด้านใน มีแค่ผมคนเดียวที่ยืนเคว้งอยู่นอกบ้าน ผมเป็นใครวะ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ วูบหนึ่งรู้สึกแน่นหน้าอกจนอยากหันหลังวิ่งปาดน้ำตาไปตามทางเหมือนในมิวสิกวีดีโอ แต่ตอนนี้ชีวิตผงฟอกสำคัญกว่าเรื่องอื่น

“ผงฟอก นิ่งๆ” พี่ทัชจับตัวมัน โดยมีพี่ณเทอช่วยอีกแรง

“รอกู้ภัยดีกว่าทัช ไม่ไหวหรอก เดี๋ยวมันคอหัก”

“คอหักเลยเหรอ!” คุณแม่แทบจะลุกขึ้นมาเต้น “เจ็บมั้ยลูก ผงซักฟอก ทัช พอแล้ว”

ใจเย็นครับคุณแม่ สิ่งที่พี่ทัชทำนี่คือนิยามของความอ่อนโยนเลยเหอะ เขากดใบหูมันพับไปข้างหน้า แล้วค่อยๆ เขี่ยให้ลอดห่วงเหล็กมาข้างหลังทีละข้าง ซึ่งก็ยากเอาการ แต่พี่ทัชทำสำเร็จจนได้ หลังจากนั้นก็แค่ประคองศีรษะมันตะแคงเล็กน้อยพร้อมกับดึงออกเบาๆ

“ผงซักฟอก! หลุดแล้ว!” คนเป็นแม่ถึงกับถลาเข้าไปกอด

“เฮ้ย เส้นผมบังภูเขานะเนี่ย” เจ๊ณเทอว่า “แค่เอาหูออกมาก่อนเอง”

“ไอ้หัวไข่เอ๊ย รอดแล้ว” ผมหลุดปากผสมโรงด้วย แต่ทันทีที่พูดออกไป คนทั้งสามกับหมาอีกหนึ่งตัวก็มองผ่านรั้วประตูออกมานอกบ้าน เล่นเอาผมที่ยืนเคว้งๆ อยู่ทำตัวไม่ถูกเข้าไปอีก “ก็...หัวไข่ไง ไข่บนหัวอะครับ มีน้ำมันพืชด้วย ถ้าอุ้มลงกระทะนี่เป็นหมาไข่ดาวเลยนะเนี่ย”

อึ้ง

อึ้งกันหมดทั้งคนทั้งหมา

“นะฑี มานี่ดิ” พี่ทัชเรียก

ผมขยับไปข้างหน้าสองสามก้าวราวกับมีผีผลัก ตอนนี้เรามายืนเผชิญหน้ากันแล้ว พวกเขาสามคนอยู่ในบ้านอันแสนสุข ส่วนผมอยู่ข้างนอก โดยมีรั้วประตูเหล็กดัดหรูๆ คั่นกลาง

“นี่แม่ แล้วก็นี่พี่ณเทอ”

“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับเจ๊” ผมยกมือไหว้งามๆ ก้มหัวแทบติดเข่า ขณะที่ทั้งคู่รับไหว้แล้วยิ้มให้นิดหน่อย “ผมชื่อนะฑีครับ เป็นรุ่นน้องพี่ทัช รู้จักกันมาได้สักพักแล้ว ผมเลยตามพี่ทัชมาดูผงฟอกด้วย แบบว่าเป็นห่วงน่ะครับ...หวัดดีผงฟอก”

“แฮ่~” อ่าว มีแยกเขี้ยวขู่

“ผงฟอก อย่า” พี่ทัชทำเสียงดุ เจ้าผงฟอกหันมองหน้าเขาและส่ายหางดิ๊กๆ แต่พอมันหันมองผมอีกก็นิ่งไปเหมือนกำลังคิดว่าจะงับผมส่วนไหนดี “มาจับหัวมันดิ ไม่เป็นไรหรอก”

“จะดีเหรอ”

“ไม่กัดหรอก รับรอง แค่ยังไม่คุ้น” พี่ทัชบอก “เข้ามาในบ้านเลย”

“โอเค” ผมเดินผ่านประตูใหญ่ที่เปิดแง้มอยู่เข้าไป เจ้าผงฟอกดูตื่นตัวเต็มที่ สาบานได้ว่าผมเห็นริมฝีปากมันแสยะนิดๆ ตอนมองหน้าผม แต่เอาวะ เป็นไงเป็นกัน “ใจเย็นนะผงฟอก พวกเดียวกันนะเฮ้ย…” ว่าแล้วก็ยื่นมือออกไปช้าๆ

“ระวังมือขาดนะ” เจ๊ณเทอพูดสวนขึ้น ชิบหาย ผมกระตุกมือกลับโดยอัตโนมัติ เจ้าผงฟอกก็กระตุกตามด้วย

“ผงซักฟอกฉีดยาแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” คุณแม่ว่า

ครับแม่ ฉีดยาแล้ว แต่ถ้ามันกัดก็คือเจ็บไง

“วันก่อนก็ไล่กัดบุรุษไปรษณีย์นะ เลือดสาดเลย” เจ๊ณเทอเสริม “ได้ข่าวว่าเย็บเป็นสิบเข็ม ใช่มั้ยแม่”

“เอ้อ ไม่แน่ใจนะ พ่อเป็นคนจ่ายค่าชดเชยให้ฝ่ายนั้น แต่เลือดเยอะจริงๆ”

“นั่นสิ สงสัยเป็นช่วงตกมันอะ”

“ตกมันนั่นมันช้างรึเปล่าครับเจ๊” ผมถาม

เจ้าตัวยักไหล่ “แล้วแต่นะ เจ้านี่มันหมาปีศาจ ถ้าจะเล่นด้วยต้องระวังๆ หน่อย”

“ไม่ต้องกลัวหรอก ผงฟอกมานี่” พี่ทัชจับตัวมันมาข้างหน้าอีกนิด “นะฑี นั่งลง แล้วยื่นมือมาให้มันดม”

“ไม่เอาละพี่”

“นั่งลง”

“ไม่อะ ยืนแบบนี้ลมเย็นดี”

พี่ทัชที่นั่งอยู่กับผงฟอกเงยขึ้นมองหน้าผม สายตานิ่งๆ แบบอ่านยาก เหมือนไม่ได้กล่าวหาหรือสื่อสารอะไรเป็นพิเศษ แต่ทำไมรู้สึกผิดวะ

“ก็ได้ ถือว่าผมเชื่อใจพี่ละกัน”

แววตานิ่งๆ เปลี่ยนเป็นแววตาที่เจือรอยยิ้มนิดๆ “เออ”

ผมค่อยๆ นั่งลง ยื่นมือออกไปช้าๆ “ผงฟอก หวัดดี”

“แฮ่~~~”

“พี่ จับตัวมันไว้นะ อย่าปล่อยมา…”

พูดไม่ทันขาดคำพี่ทัชก็ปล่อยมือทั้งสองข้าง พอเจ้าผงฟอกเป็นอิสระมันก็ขยับมาข้างหน้าทันที “เฮ้ยๆ พี่…” จะชักมือกลับก็ไม่กล้า ได้แต่นั่งตัวเกร็งอยู่เฉยๆ แต่ในหัวนี่เห็นภาพตัวเองถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว

ผงซักฟอก ฉายาหมาปีศาจตามที่เจ๊ณเทอเรียกเข้ามาดมมือผมฟุดฟิดๆ เยื้องย่างช้าๆ อ้อมไปดมก้นผม แล้วก็อ้อมมาข้างหน้าอีก จากนั้นก็…

“โฮ่ง!”

“โอ๊ยยย” เละ กระโจนเข้าใส่ทั้งตัวแบบนี้ มีเลือดสาดเละเทะแน่นอน “พี่ทัช ช่วยด้วยยย โอ๊ยยย”

แทนที่จะช่วย สามแม่ลูกกลับพากันยืนหัวเราะเฉย โดยเฉพาะเจ๊ณเทอนี่หัวเราะเสียงดังสุด สติพุ่งวาบเข้าร่างผม เลยรู้ว่าตอนนี้ตัวเองล้มหงายอยู่บนพื้นโดยมีเจ้าผงฟอกตะกายขึ้นตัว พยายามเข้ามาเลียหน้าเลียตา สลับกับถอยออกไปกระโดดหลอกล่อเหมือนจะชวนให้เล่นด้วย

พี่ทัชเข้ามาจับตัวเจ้าผงฟอกไว้ “โทษที ช่วยไม่ทัน หมาปีศาจมันเร็วน่ะ”

ผมลุกขึ้นนั่งและยกมือขึ้นมาสำรวจก่อนอันดับแรก ไม่มีเลือด ไม่มีแผล หน้าก็ยังหล่อเหมือนเดิม แต่เสื้อนี่เละ ทั้งรอยเท้า ทั้งคราบไข่และน้ำมันพืช แต่เจ้าผงฟอกดูเหมือนจะไม่สำนึก ยังส่ายหางดิ๊กๆ จะเข้ามาเล่นงานผมอีก

“พี่แกล้งผม”

“กูเปล่า ผงฟอกต่างหาก”

“ไอ้หมาหัวไข่ มานี่เลย” คราวนี้ผมเข้าไปลุยกับมันเต็มๆ ขยี้ขยำไปทั่วตัวจนมันทิ้งตัวนอนแผ่ทำลิ้นห้อย ส่วนผมน่ะเหรอ เละ เสื้อผ้าเละหนักกว่าเดิม “แล้วทำไงอะทีนี้”

“ต้องโดนแชมพูไง ทั้งคนทั้งหมานี่แหละ ลุกขึ้น” พี่ทัชยื่นมือมาให้ผมจับ ผมคว้ามือเขาและเหนี่ยวตัวลุกขึ้นยืน พอหันไปด้านข้างก็เห็นสองแม่ลูกยืนมองเราอยู่ แถมยังกลอกตาไปมาเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่เห็นด้วย

“อะไรเหรอครับ” ผมถาม

พี่ทัชปล่อยมือผม แล้วกางนิ้วให้แม่กับพี่สาวดูคล้ายกับจะบอกว่าเขายังแปะพลาสเตอร์อยู่ครบทุกนิ้ว “แต่ก็หวิวนิดๆ อยู่ดีนะ” ผมพูดลอยๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อพี่ทัชก็ตัดบทซะก่อน

“ขอเอารถเข้าบ้านก่อน เดี๋ยวพาไปอาบน้ำ” เขาบอก “เอ้อ แม่ แล้วประตูนี่ยังไง เดี๋ยวผงฟอกมันเข้าไปติดอีก”

“เดี๋ยวเปลี่ยนใหม่อีกรอบ คราวนี้แม่จะเลือกดีๆ เลย”

“แค่ให้ช่างมาอ๊อกเหล็กเสริมหน่อยก็ได้มั้ง”

“แบบนั้นก็ไม่สวยดิทัช เปลี่ยนยกชุดเลย” เจ๊ณเทอพูด จังหวะนี้รถกู้ภัยก็ขับมาชะลอๆ จอดพอดี “ทุกคนเข้าบ้านไป เดี๋ยวคนสวยรับหน้าเอง”

“นที ผงฟอก ไป เข้าบ้านกัน” น้ำเสียงคุณแม่ดูเป็นกันเองมาก มากจนผมเดินตามไปด้วยความเกรงใจ เจ้าผงฟอกก็ตามมาเคล้าแข้งขาไม่ห่าง ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้ว ผมเลยอาศัยจังหวะนี้อธิบายกับคุณแม่ว่าชื่อผมคือ นะฑี ไม่ใช่ นที แบบที่คนทั่วไปมักเข้าใจ

“เอ้าเหรอ ชื่อแปลกดีนะ” คุณแม่ว่า “น้องผงๆ อย่าแทะขาพี่เค้า ปล่อยให้แขกเข้าบ้านสิลูก”

ผมหัวเราะแล้วย่อตัวลงไปขยี้เจ้าผงฟอกเล่นอีก “เดี๋ยวผมรอเข้าพร้อมพี่ทัชครับ”

“เอางั้นก็ได้จ้ะ งั้นแม่เข้าก่อนนะ”

คุณแม่เข้าไปในบ้านแล้ว พี่ทัชขับรถไปจอด เจ๊ณเทอยังคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่หน้าบ้าน ส่วนผมก็เล่นกับผงฟอกต่อ และถือโอกาสมองสำรวจรอบตัวไปด้วย

นี่คือบ้านเดี่ยวงามๆ สามชั้นสไตล์โมเดิร์น ดูพอเหมาะกับครอบครัวสี่คน สนามหญ้ากว้างพอสำหรับหมาซนๆ หนึ่งตัว นอกจากนั้นก็ยังมีสวนหย่อมเล็กๆ กับซุ้มนั่งเล่น ที่สำคัญคือมีต้นไม้เยอะ โดยเฉพาะบริเวณทางเดินไปหลังบ้านนี่มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านเขียวครึ้มสูงท่วมหลังคาเลย คงเพราะแบบนี้พี่ทัชเลยชอบไปนั่งในป่าดงดิบที่มหา’ลัย

ทั้งหมดนี้บอกผมว่านี่ไม่ใช่แค่บ้านคนรวย แต่เป็นบ้านที่อบอุ่นมากๆ อุ่นจนหน้าอกผมร้อน และสงสัยว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

ผมมองไปทางโรงรถที่พี่ทัชกำลังถอยมินิคูเปอร์เข้าไปจอด ตรงนั้นมีรถแวนคันเบ้อเริ่มจอดอยู่แล้วหนึ่งคันกับรถบีเอ็มสีขาว แถมยังมีที่ว่างสำหรับอีกคัน ซึ่งน่าจะเป็นที่จอดรถของคุณพ่อที่ยังอยู่นอกบ้าน พี่ณเทอส่งกู้ภัยกลับไปเรียบร้อยแล้วตอนนี้ และกำลังเดินจากรั้วประตูบ้านเข้ามาหาผมพร้อมรอยยิ้ม

“บอกแล้ว เจ้านี่มันหมาปีศาจ” เจ๊ว่า

“ถ้าปีศาจแบบนี้โอเคครับ แต่บ้านผมมีแมวนรกอยู่ตัวนึง อันนั้นนรกของแท้เลย”

“ฮ่าๆ จริงๆ ผงฟอกมันกัดใครไม่เป็นหรอก ทัชกับเจ๊แกล้งเราแค่นั้นแหละ” เจ๊แกยิ้มอีกและตบไหล่ผมเบาๆ “ตามสบายนะ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง นั่นไง ทัชมาแล้ว เดี๋ยวเจ๊ขอเข้าบ้านก่อน”

พี่ทัชเข้ามายืนข้างผม แล้วมองตามหลังพี่สาวที่กำลังเดินเข้าบ้านไป “เจ๊ณเทอมาคุยอะไร”

“เจ๊บอกว่าผมหล่อ”

“เอาดีๆ”

“เอ้า จริงๆ ไม่เชื่อก็แกะพลาสเตอร์จับตัวผมดูดิ”

“เรื่องนี้ไม่ต้องใช้พลังหรอก มองด้วยตาก็รู้”

“...” หมายถึงอะไรวะ “อะไรนะ คือยังไง เรื่องที่ผมหล่อน่ะเหรอ”

“ไป ผงฟอก อาบน้ำ”

“เดี๋ยวดิ พี่ งงนะเนี่ย คือยังไง”

“มึงไม่รู้ตัวเหรอว่าหน้าตาตัวเองเป็นไง”

“รู้ดิ ก็หล่อไง แล้วพี่ว่าผมหล่อปะ”

“ขี้เหร่”

“โกหก”

พี่ทัชแกะพลาสเตอร์นิ้วชี้ออกแล้วจับแขนตัวเอง “นะ...นะ...นะฑีขี้เหร่”

“ตลกแล้ว พี่เคยบอกว่าพลังใช้กับตัวเองไม่ได้ผลนี่ พิษงูอยู่ในปากงู ไม่เป็นไรอะ”

“งั้นนะฑีหล่อ พอใจยัง”

“จริงดิ อย่าประชดได้ป่ะ”

“มึงนี่ น่าจะมีอะไรสักอย่างในสมองผิดปกตินะ...เอ้า ผงฟอกไปโน่นแล้ว ผงฟอก มานี่! ผงฟอก!”

ผงฟอกคงนึกว่าเราอยากเล่นด้วยเลยต้องวิ่งไล่จับตัวกันอีกยก พอจับตัวได้พี่ทัชก็พามันไปอาบน้ำที่ข้างๆ โรงจอดรถโดยมีผมช่วยอาบให้ด้วยอีกแรง

“แม่พี่ยังสวยอยู่เลย” ผมชวนคุยระหว่างช่วยกันฟอกแชมพูให้หมาปีศาจ

“อือ”

“ไม่นมยานเหมือนแม่ผม แม่พี่อายุเท่าไหร่แล้วอะ”

“...”

“เจ๊ณเทอก็สวย แล้วแฟนเจ๊แกหล่อปะ”

“หล่อ ผงฟอกนิ่งๆ”

“เอ้อ เจ๊บอกว่าผงฟอกไม่กัดอะ แต่พี่แกล้งผม คือแกล้งยังไงอะ”

“หึ แบบนี้น่ะเหรอ”








_____________________


มาแล้วค่าา หวังว่าจะชอบกันนะคะ :D
ขอบคุณมากๆ เลยที่เข้ามาอ่าน และคอมเมนต์ให้กันตลอดๆ นะคะ
ทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนต์ มีความสุขมากจริงๆ ค่า

เจอกันพาร์ท 2 นะคะ! รักกกก

นางร้าย
15.พฤศจิ.2019

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
บ้านพี่ทัชน่ารักอ่าาา ขี้แกล้งทั้งแม่ทั้งเจ๊เลย  แต่พี่ทัชพูดน้อยนี่เหมือนใครคุณป๊ะหรอ?

ชอบที่บอกว่ากระเป๋าคลอดลูกได้ มันใช่อ่าาา / หันไปมองกระเป๋าตัวเอง 55555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด