เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า  (อ่าน 100202 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เห็นใจไผ่ ตอนนี้ไผ่เปิดเผยความในใจกับเขื่อนบ้างแล้วนะ แหม่
ปอลิง กรี้ดกร้าด ปกพี่เขื่อนกร้าวใจมากกกก โอ้ยยย :impress2:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
จริงๆ ไผ่เป็นคนมีปมเรื่องครอบครัว ทำให้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องความรัก

เขื่อนดูแลพี่ไผ่(พ่วงตำแหน่งเมีย) ด้วยนะ.  :laugh:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เขื่อนอย่าทิ้งไผ่นะต้องรักไผ่ดูแลไผ่นะ เห็นนางทำตัวเข้มแข็งแล้วอยากเห็นนางอ้อนดูสักที

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 19




[ริมเขื่อน’s part]

ใครบางคนที่เอาแต่ทำเป็นเข้มแข็งตาแดงหมดแล้ว

ผมลอบมองคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับอยู่บ่อยๆ หลังจากไผ่หยุดร้องไห้ก็เอาแต่ยิ้มแย้มพูดนั่นนี่ไม่หยุด เสมือนว่าเขากำลังกลัวที่จะอยู่เงียบๆ และปล่อยให้ตัวเองจมไปกับความคิดที่พยายามกลบฝังมาตลอด

แต่ถึงใครจะมองไม่ออก แต่ผมมองออก

ไผ่เงินก็เป็นแบบนี้ เก็บทุกอย่างไว้ในใจ แสดงออกมาเหมือนไม่แคร์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้ว่าความจริงแล้วเขาเก็บทุกเรื่องมาใส่ไว้ในใจเสมอ

ผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นคนเดียวกับเด็กคนหนึ่งที่เคยแอบร้องไห้ตอนที่ผมหลับ

และก็ยังเป็นคนเดียวกับที่ตอบผมว่า ‘เรื่องของผู้ใหญ่ ทะเลาะเสร็จก็จูบปากกันแล้ว อย่าไปสนใจเลย’ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเสียใจที่ไม่อาจแสดงออกมาได้

เพราะที่บ้านเลี้ยงเขาแบบปล่อยมากเกินไป

ไผ่เรียนรู้ที่จะโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าวัยที่เขาควรเป็น รวมถึงเขามีผมที่ต้องคอยดูแลเทคแคร์มาตลอด เขามักจะคิดว่าตัวเองเป็นกำแพงหนาที่สามารถรับแรงกระแทกได้จากทุกอย่าง

แต่ขนาดเหล็กกล้าที่ว่าแข็งก็ยังบิ่นได้ นับประสาอะไรกับเด็กคนหนึ่งที่โตมาท่ามกลางความไม่ลงรอยของผู้ใหญ่ ผมพูดอะไรไม่ได้เพราะนั่นก็คือครอบครัวของคนที่ผมรัก และอันที่จริงผมก็เพิ่งมารู้ว่าไผ่ไม่เคยไม่รู้สึกกับเรื่องที่พ่อแม่เขาทะเลาะกันอย่างที่ปากว่าก็เมื่อไม่นานมานี้เอง

ตอนที่คุณน้าติดต่อมาเรื่องคอนโด ผมตกใจเอามากๆ ว่าพวกเขาจะหย่าและขายบ้านนั้นทิ้ง แถมต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง เหลือไผ่ไว้ที่กรุงเทพแค่คนเดียว และหลังจากนั้นตอนได้เจอไผ่อีกครั้งในสภาพอารมณ์ไม่สู้ดี ผมก็เข้าใจแล้วว่า ความชินชากับความเสียใจมันคนละเรื่องกัน

นั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมเลือกเข้าหาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

ผมอยากเป็นคนที่ไผ่ร้องไห้ด้วยได้ แสดงความอ่อนแอได้ และยอมให้ผมได้ปกป้องเขาแบบที่เขาเคยทำมาตลอด

“พามาเดทที่นี่?” คนที่ไม่ยอมเงียบปากตลอดทางร้องถามเสียงดังลั่นเมื่อผมเลี้ยวออกจากทางด่วนและโผล่มายังสถานที่เขาคุ้นเคยที่สุดในชีวิต

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง... ที่ที่เขาเรียนจบมาได้หลายปีแล้ว

“ใช่ ที่นี่แหละ”

“ตลกล่ะเขื่อน ปกติมึงพาสาวมาเดทที่มหา’ลัยรึไง”

“ไม่เคยพาใครไปเดท มีแค่มึงคนเดียว” ผมบอกเขาก่อนปลดเซฟตี้เบลท์และเปิดประตูลงจากรถหลังจากเลี้ยวเข้ามาจอดในคณะวิศวกรรมศาสตร์เรียบร้อย “ไม่ได้มาตั้งนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยแหะ”

“เออ จริง ตอนกูอยู่สกายวอล์คยังไม่มีเลย” ไผ่ลงมาจากรถพร้อมมองสำรวจรอบๆ บ้าง เขาชี้ตรงนั้นตรงนี้ทีเพื่อบอกผมว่ามันถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมยังไง “ไอ้ตึกนี้ตอนนั้นก็ยังไม่มี”

“กูมาหามึงล่าสุดก็ตอนปีสอง” ผมชวนคุยขณะพาเขาเดินไปตามทางบนฟุตบาธเรื่อยๆ “นานจนจำมอมึงไม่ได้ละ”

“กูยังจำไม่ได้เลย” เขาพูดติดตลกก่อนลากผมไปยังตึกภาควิชาที่อยู่ใกล้ๆ กับโรงอาหาร A บริเวณนี้ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่ ร้านกาแฟข้างหน้าภาคก็ยังอยู่เหมือนเคย โชคดีที่เสาร์อาทิตย์นักศึกษาไม่ได้เดินจอแจกันเท่าไหร่ ผมจึงปล่อยให้ไผ่เดินสำรวจไปทั่วโดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายเดินตามเงียบๆ

“เขื่อน ถ่ายรูปให้ดิ กูจะส่งไปอวดเพื่อน” คนตื่นเต้นรีบยื่นกระเป๋ากล้องมาให้อย่างไว ผมรับมันมาสะพายบ่าแล้วหยิบเอากล้องตัวเก่งของไผ่ออกมาคล้องคอ

ร่างโปร่งวิ่งไปยืนข้างป้ายภาควิชาก่อนแอคท่าอยู่สามสี่ท่า ผมกดชัตเตอร์ถ่ายภาพให้สวยเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็มีใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างตามประสาคนถนัดแต่ยืนหน้ากล้อง แต่ไผ่ก็แค่พยักหน้าให้ผมก่อนจะชมว่าถ่ายสวย

“แล้วตกลงพากูมานี่ทำไม” คนที่พอรับกล้องกลับคืนก็กดชัตเตอร์ถ่ายนู่นนี่ไปเรื่อยอย่างมีความสุขร้องถามขึ้นมา ผมหัวเราะแล้วดุนหลังเขาให้ออกเดินไปข้างหน้าเสียที

“พามาถ่ายรูป”

“หืม?”

“วันนี้กูเป็นแบบให้ถ่ายฟรีๆ เลย จะเอาไปลงเพจเรียกเรตติ้งอะไรก็ตามใจ”

“จริงป่ะ!” คนเตี้ยกว่าตาวาววับ หันมามองผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ ขัดกับไผ่เงินบนรถที่ร้องไห้งอแงเพียงเพราะเนื้อเพลงมันกระแทกใจดำอย่างกับคนละคน

ผมเผลอยื่นมือไปลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดูก่อนพยักหน้ารับ

“อืม อยากถ่ายตรงไหน ท่าไหนบอกมาเลย กูให้คิวมึงทั้งวัน”

“เขื่อนเพื่อนกูน่ารักที่สุด”

“ไม่เป็นเพื่อน” ผมแย้ง “เป็นแฟนได้ไหม”

“เลิกหยอดกูสักที” ลูกครึ่งเขากรอกตาเป็นวงกลม ทั้งยังพ่นลมหายใจใส่ยืดยาวราวกับเอือมระอาผมเต็มที จากนั้นเขาก็ตัดทุกบทสนทนาทิ้งด้วยการจับต้นแขนผมลากไปตามทางที่ตัวเองต้องการ “ไปฝั่งสถาปัตย์กัน”

พวกเราเดินออกจากฝั่งวิศวะมาทางตึกภาคโยธา ทะลุออกไปยังคณะสภาปัตย์ที่อยู่ติดกันและไม่มีรั้วกั้น บนถนนเป็นอิฐตัวหนอนเรียงกันอย่างสวยงาม สองข้างทางมีต้นไม้ล้อมรอบและตึกเรียนต่างๆ ยังเต็มไปด้วยงานอาร์ตมากมายที่วาดตกแต่งเอาไว้ แตกต่างกับคณะแรกที่ย่างเท้าเข้าไปราวฟ้ากับเหว

ผมสอดส่ายสายตาสำรวจเพราะไม่เคยข้ามมาคณะนี้สักที สมัยก่อนตอนมาหาไผ่ก็จะเจอกันแค่ที่ใต้ตึกภาคของเขากับร้านอาหารหลังมอ ไผ่พาผมเดินมาจนถึงบริเวณสนามหญ้าโล่งๆ ที่มีสิ่งประหลาดตั้งเรียงรายกันอยู่ มันเป็นกำแพงปูนที่ถูกทาสีและจัดวางไว้แบบที่ผมมองแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก กำแพงบางอันจะมีแท่นปูนยื่นออกมาซึ่งสามารถนั่งเล่นบนนั้นได้ กำแพงบางอันเจาะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเอาไว้ทั้งอัน

“มึงไปยืนบนนั้นเร็ว แสงกำลังสวย” ผมเดินไปยังที่ที่ไผ่ชี้อย่างว่าง่าย มันเป็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่มีช่องตรงกลางกว้างพอให้คนไปยืนราวๆ สี่คน ผมขยับตัวไปอยู่บนนั้น จัดท่าทางต่างๆ ที่คิดว่าดีให้ไผ่เงินยกกล้องขึ้นรัวชัตเตอร์ใส่
ผมถูกจับย้ายไปตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้จนเหนื่อย หลังจากถ่ายบริเวณนี้จนพอใจผมก็ถูกพาไปยังหอประชุมคณะสถาปัตย์ ลักษณะของห้องประชุมจะเป็นทรงกลม กระจกล้อมรอบและมีบันไดสูง ผมถูกสั่งให้ไปยืนบนบันได ทำเป็นมองฟ้าบ้าง นั่งลงเหยียดขาบ้างตามแต่คนถือกล้องจะบัญชา

“มึงถ่ายรูปขึ้นจริงๆ” เมื่อลั่นชัตเตอร์ไปหลายร้อยรูปไผ่ก็พาผมมานั่งพักที่ร้านกาแฟแถวๆ นั้นผมจำได้ว่าเคยเห็นในเอ็มวีเพลงฮิตเพลงหนึ่งของไทยเลยมองสำรวจด้วยความสนใจ ต้นไม้ที่ล้อมรอบช่วยคลายความร้อนจากแดดตอนบ่ายสามกว่าๆ ได้เป็นอย่างดี ผมจิบโกโก้ปั่นไปพลางชะโงกหน้าดูรูปไปพลาง

“สวยล่ะสิ”

“ปะหลาดชิบหาย พอมึงชมตัวเองว่าสวย” ไผ่เงยหน้ามามองผมแล้วทำหน้าแปลกๆ ใส่

“จะให้กูบอกว่าตัวเองหล่อ?”

“เลิกชมตัวเองน่าจะง่ายกว่า”

ผมหัวเราะ ดูดโกโก้ปั่นปู๊ดเดียวหมดไปครึ่งแก้ว และหลังจากนั้นก็ต้องไปทำหน้าที่นายแบบหน้ากล้องให้ไผ่ต่อจนอีกฝ่ายพอใจนั่นแหละถึงได้ออกจากสถาปัตย์แล้วขับรถไปแถวๆ หลังมอแทน

ผมกับไผ่จอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินต่อเข้าไปอีกหน่อยเพื่อหาข้าวเย็นกินกัน แถวๆ นี้เขาเรียกกันว่าโซนเกกีงาม มีอยู่ 4 ซอยเรียงลำดับหนึ่งสองสามสี่ สามซอยแรกเป็นหอพัก และซอยสุดท้ายเมื่อก่อนเคยเป็นสถานที่รวมร้านเหล้านับสิบ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นที่รวมร้านอาหารแทน

เวลาห้าโมงกว่าๆ ถือว่าเย็นพอที่ร้านในนี้จะเปิดขายแล้ว มีนักศึกษานั่งทานอาหารกันอยู่ประปราย พวกเราเดินวนเลือกร้านอาหารที่จะเข้าอยู่นานเพราะตัดสินใจไม่ได้ ภายในซอยเกกีงาม4 นี้กว้างกว่าซอยอื่นๆ มาก ทำให้แบ่งออกเป็นสองล็อคได้ ล็อคแรกจะมีโต๊ะทานข้าววางเรียงเป็นแถวยาว อยากทานร้านไหนก็สั่งแล้วยกมานั่งกินเอา คล้ายๆ กับโรงอาหารคณะ ส่วนอีกล็อคจะเป็นร้านอาหารที่ราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย มีทั้งสเต็ก อาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลีและชาบู

“กินอะไร” ผมถาม

“ไม่รู้ว่ะ ร้านเปลี่ยนไปเยอะ” เยอะจริงๆ ครับ ตอนสมัยก่อนนู้นร้านอาหารพวกนี้จะตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ซึ่งอยู่คนละฟากถนนกับซอยเกกีงามทั้งสี่ แต่เดี๋ยวนี้ถูกไล่กันเข้ามาตั้งขายในนี้หมดแล้ว แถมร้านอร่อยๆ ที่เคยกินก็หายไปเยอะเหมือนกัน

“สเต็กละกัน” ไผ่เป็นคนสรุปแล้วลากแขนผมเข้าไปในร้านติดแอร์ที่อยู่ตรงหน้า

พอได้หย่อนก้นลงนั่งปุ๊กผมก็คว้าใบเมนูมาสั่งอาหารทันที เขามีขายแบบจานเดี่ยวกับแบบชุดใหญ่กินกับเพื่อน ด้วยความหิวผมเลยจรดปากกาสั่งชุด 299 ไปโดยไม่ถามความเห็นคนที่นั่งตรงข้าม แต่ไผ่ก็ได้ว่าอะไรเพราะพอเห็นผมสั่งอันใหญ่เขาก็ทิ้งใบเมนูลงแล้วยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์

ระหว่างรออาหารไผ่ก็เปิดรูปให้ผมดูมากมาย รอยยิ้มบนริมฝีปากถูกยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผมไม่ได้มองหน้าจอกล้องเลยด้วยซ้ำ อะไรก็ช่างไม่มีทางสวยกว่าภาพตรงหน้าที่ผมกำลังจ้องอยู่หรอก

ไผ่ไม่ค่อยยิ้มแบบนี้เท่าไหร่ตั้งแต่เรียนจบออกมาและลาออกจากงาน จะว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิมไหมก็พอสมควรอยู่ ทั้งนิสัยที่ดูจะสุงสิงกับใครน้อยลง ปกติสมัยเรียนไผ่จะติดเพื่อนและออกไปเที่ยวเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เขาอยู่ติดห้อง เวลาว่างไม่ดูซีรีส์ก็แต่งภาพอัพลงเพจ นานๆ ครั้งถึงจะนัดเจอกับแกงค์เพื่อนๆ ของเขาสักครั้ง หลายๆ อย่างในชีวิตกำลังขโมยความสุขของไผ่ไป และผมเสียใจที่ตัวเองน่าจะรีบเข้าหาเขาเร็วกว่านี้

อยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มแบบนี้เร็วๆ

“ที่ถ่ายวันนี้กูเก็บไว้อัพลงเพจได้อีกเป็นเดือน” เสียงของไผ่ดึงสติผมให้กลับคืนมา เขาเก็บกล้องใส่ลงกระเป๋าแล้วยื่นนิ้วโป้งมาให้ด้วยรอยยิ้มที่กว้างจนตาหยี “แต้งกิ้ว”

น่ารักว่ะ

ผมฉีกยิ้มตามคนตรงหน้า รู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆ นิดหน่อยเพราะโดนความรักกระแทกเข้าเต็มอก

“กูบอกแล้วว่ามึงจะชอบ”

“มาถ่ายรูปทำไมจะไม่ชอบวะ”

“นึกว่าชอบเพราะได้ถ่ายรูปกู” ผมยักคิ้วยียวน

“จะถ่ายนกถ่ายหมากูก็ชอบทั้งนั้นแหละ!”

“โห งั้นวันหลังกูซื้อหมามาให้ถ่ายแทนกูแล้วกัน” ผมแกล้งเบ้ปากทำเป็นงอน แต่ไผ่มันรู้เลยเตะหน้าแข้งผมอย่างแรง

พวกเราหยอกล้อกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันทานข้าว หลังจากอิ่มหนำจนพอใจก็ถึงเวลากลับบ้านเสียที ผมขับรถออกมาจากมอในตอนที่ฟ้ามืดแล้ว และถึงคอนโดอีกทีในเวลาสองทุ่มเศษๆ

พอไผ่ถึงห้องก็รีบพุ่งไปอาบน้ำและหยิบกล้องมาต่อเข้าโน้ตบุ๊คทันที ผมที่อาบน้ำเป็นคนที่สองเดินเปลือยอกสวมแค่บ็อกเซอร์ออกมานั่งข้างๆ คนขี้เห่อบนโซฟา คอยมองหนุ่มลูกครึ่งกดลบภาพที่ใช้ไม่ได้ทิ้งและคัดเอาแต่รูปดีๆ เก็บใส่โฟลเดอร์ไว้

“นี่เพิ่งไปเดทกันมา ใจคอจะไม่สนใจกูเลยเหรอ” ผมบ่นไปอย่างนั้น จริงๆ คือหาเรื่องคุยเสียมากกว่า ทั้งยังตีเนียนทิ้งศีรษะลงบนไหล่ที่ไม่เล็กของไผ่และถูไถออดอ้อนเล็กน้อย

“นี่ไง สนใจมึงอยู่” อีกคนจิ้มนิ้วชี้ลงบนหน้าผมในจอคอม

“ตัวจริงอยู่ตรงนี้จะไปมองรูปทำไม”

“งอแงอะไรเขื่อน”

“เรียกร้องความสนใจ หลังเดทกันมันควรมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ”

“กิจกรรมอะไรของมึงอีก”

“ทำเป็นไม่รู้” ผมพ่นลมหายใจใส่หูของเขาทั้งยังอ้าปากงับติ่งนิ่มเบาๆ ไผ่เงินตัวแข็งทื่อ วางเม้าส์ไวเลสในมือลงก่อนหันมายันตัวผมออกห่างทันที

“ไอ้เขื่อน มึงหยุดเลยนะ”

“อะไรอ่ะ กูอุตส่าห์เป็นนายแบบให้ทั้งวัน ขอค่าเหนื่อยนิดๆ หน่อยๆ ดิ”

“ไหนบอกว่าฟรีไงวะ”

“ไม่ฟรีแล้ว” ผมส่ายหน้า คว้าแขนที่ยันอกกันไว้ก่อนกระชากให้ไผ่ถลาเข้ามาในอ้อมแขนของผม พอร่างโปร่งแนบลงมากับอกผมก็กอดรัดเขาไปทั้งแขนทั้งขา มุดหน้าเข้าไปที่ซอกคอขาวและสูดกลิ่นสบู่หอมฟุ้งเข้าปอด “อยากได้จูบหวานๆ สักครั้งสองครั้ง”

“ทำไมกูต้องจูบ”

“เพราะกูจะดีใจ” ผมคลายอ้อมแขนเพื่อให้คนที่นอนทับอยู่บนตัวได้ยันศีรษะขึ้นมาสบตากันได้ ไผ่ขมวดคิ้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

ผมไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองตาเขาอยู่แบบนั้น สำรวจลูกแก้วสีฟ้ากระจ่างที่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดว่ามันสวยกว่าตาของทุกคนบนโลก ยิ่งเวลาที่ไผ่มองผมด้วยความรักและเอ็นดู ต่อให้จะเป็นความรักในฐานะไหนผมก็ชอบทั้งนั้น เพราะเขาทำให้ผมรู้สึกว่าผมสำคัญสำหรับเขา

และตัวเขาเองก็สำคัญสำหรับผมไม่แพ้กันเลย

พวกเราจ้องตากันอย่างไม่มีใครคิดจะละสายตาหลบไปก่อน ผมไล้มือไปตามผิวแก้มของเขา ปล่อยให้ความเงียบทำงานไปอย่างช้าๆ สำรวจความคิดที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่สวย มันเต็มไปด้วยความสับสนและไม่แน่ใจ แต่ผมก็เพียงแค่ยิ้มให้เขา มอบเวลาให้ไผ่จัดการความคิดของตัวเองด้วยความเต็มใจ

ความเงียบเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเราใช้มันถูกที่ถูกเวลา

เพราะหลังจากนั้นไม่นานนัก ใบหน้าที่เห็นชัดว่าเป็นลูกครึ่งก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และกดริมฝีปากประกบลงมาบนปากผม ผมไม่สามารถห้ามรอยยิ้มตัวเองได้อีกต่อไป แขนสองข้างกระชับเอวของไผ่ให้แน่นขึ้น และแม้ผมจะไม่ได้รุกรานเขากลับแต่ก็ยังตอบสนองต่อสัมผัสบนริมฝีปากด้วยการเปิดทางให้ลิ้นของอีกฝ่ายสอดแทรกเข้ามาภายใน

“อืมม” ผมปล่อยเสียงครางเบาๆ ในยามที่ปลายลิ้นของพวกเราเกี่ยวกระหวัดกันไปมา ไผ่ปีนขึ้นมานั่งบนตักผมแล้ว ทั้งยังรั้งคอของผมให้ขยับตัวขึ้นนั่ง ร่างกายของเราทั้งสองเบียดเสียดกันไปมา ภายใต้ชุดนอนเบาบาง ผมสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากผิวกายหอมกรุ่น เชิญชวนให้อยากเข้าไปดอมดมและสร้างรอยรักให้สาแก่ใจ

แต่วันนี้ผมจะปล่อยให้เขาเป็นกัปตัน

ผมถึงได้ห้ามตัวเองไม่ให้ทำอะไรมากกว่าลูบไล้แผ่นหลังของเขาเล่น และไม่ว่าไผ่จะแตะจับร่างกายผมตรงไหน ผมก็จงใจสร้างปฏิกิริยาออกไปให้เขารับรู้ว่าผมชอบให้เขาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเสียงอืออาเบาๆ หรือการขยับร่างกายเข้าหามือของเขา ทุกสิ่งอย่างเร่งเร้าให้สัญชาตญาณนักล่าในตัวผู้ชายตื่นตัว

ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย อย่างไรก็ชอบเป็นผู้นำในเรื่องอย่างว่า

“ไผ่... มึงจูบเก่ง” ผมชมเขาแม้เรายังไม่ถอนปากออกจากกัน

เจ้าของชื่อหัวเราะอย่างชอบใจ เขาใช้มือข้างซ้ายสางเส้นผมยาวจรดกลางหลังนั้นเล่น ในขณะที่มืออีกข้างรั้งท้ายทอยของผมเอาไว้และบีบคลึงเบาๆ ลมหายใจของพวกเรากระชั้นขึ้นเมื่อรสจูบเริ่มเผ็ดร้อน ผมถูกจูบอยู่อย่างนั้น ราวกับไผ่ต้องการโอ้อวดว่าวันนี้เขาสามารถเอาชนะผมได้ ฝ่ามือชื้นเหงื่อเค้นขยี้ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของผมจนขึ้นรอยแดง มันเจ็บไม่น้อยจากแรงบีบ... แต่ผมชอบ

ผมชอบเพราะเขากำลังตกอยู่ในบ่วงของความลุ่มหลง มัวเมาไปกับการลิ้มรสชาติร่างกายของผมอย่างหัวปักหัวปำ ไผ่ถอนปากตัวเองออกก่อนกดลงมาอีกครั้งราวกับไม่อยากแยกจาก เขาเหม่อมองใบหน้าปรือปรอยของผมหลังจากผละหน้าออกไป ดวงตาสีฟ้าอ่อนไล่สำรวจตั้งแต่ดวงตาฉ่ำชื้นไปจนถึงริมฝีปากบวมเจ่อของผมอยู่ซ้ำๆ ก่อนที่ไผ่เงินจะขบกรามแน่น รอยเส้นเลือดขึ้นชัดที่ข้างขมับทั้งสองข้าง และจากนั้นไม่นานเขาก็พุ่งตัวเข้ามากดบ่าผมลงบนโซฟา

“ไผ่?” ผมแสร้งเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

“กูเกลียดหน้ามึงเวลาแบบนี้ชิบหาย”

“หน้ากูมันทำไม?”

เขากัดฟันแน่นอีกแล้ว ทั้งแรงบีบที่หัวไหล่ก็แรงขึ้นมาจนผมแอบเบ้หน้าเบาๆ

“หน้ามึงเหมือนอยากให้กูกดไว้ใต้ร่าง”

ผมหัวเราะกับคำพูดของเขา “ก็อยากนะ”

“ไม่ตลก”

“กูก็ไม่ตลก” ผมบอกเขาแบบนั้น แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเบาๆ และใช้หัวเข่าของตนเสียดสีไปยังช่องว่างระหว่างขาทั้งสองของไผ่ ในเวลานี้ดวงตาของผมคงฉ่ำไปด้วยน้ำที่พยายามกลั่นออกมาสุดความสามารถ ทั้งร่างกายก็จงใจขยับบิดไปมาเสียดสีร่างที่อยู่ด้านบน

ไผ่มองผมอยู่สักพัก... และสุดท้ายเขาก็ก้มลงมากัดคอผมอย่างแรง

อ่า... เหยื่อติดกับซะแล้วสิ

[END ริมเขื่อน’s part]



_______________________
Talk: เรียกกู้ภัยมาจับงูพิษทีค่าาาาาาาาาาาา
มีอะไรผิดพลาดติชมได้นะคะะะะ รักคนอ่านค่า

ฝาก จรดฟ้า #เจ้าสกาย ที่จบไปแล้วไว้ด้วยนะคะ เผื่อใครอยกจะแวะเข้าไปอ่านกัน


Edit: แก้ไข END แล้วค่า แง้  :katai1: :katai1: 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2019 13:59:44 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เหยื่อคือคนอ่าน โดนล่อมาติดกับ คือ ทำให้ค้าง ชิมิ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เจ้าอสรพิษสำแดงเดชอีกแล้ว :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
โอ้ยยยย ขออีกสัสองสามบรรทัดได้ม้ายยยย ฮื่อออ  :katai1:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อย่าทำกะเราแบบนี้ แง้  :ling1:

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เขื่อนช่างร้ายกาจ  :hao7:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
 :katai1:  รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ.  :monkeysad:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เหยื่อที่ไหนเล่า เขาสมยอมขนาดนี้แล้วเขื่อน

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เดี๋ยววววววว

END นี่คือจบพาร์ท ริมเขื่อนใช่มั้ยคะ????? ตกใจเบิดดดด

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยัยเขื่อนนี่มังงูพิษจ้องจะงาบน้องไผ่ตลอด

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ริมเขื่อนเจ้าเล่ห์มาก :katai4:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 20



ความเคยชินนี่น่ากลัวไม่น้อยเลย

ผมจำได้ว่าช่วงแรกที่เขื่อนเริ่มตั้งหน้าตั้งตาเข้ามาหาในฐานะของคนที่มาจีบ ผมทั้งเดินหนี ทั้งพยายามทำหูทวนลมไม่สนใจคำหยอกเย้า และพยายามที่จะขอให้เขากลับมาวางตัวใส่กันเหมือนเดิม ซึ่งริมเขื่อนทำให้ไม่ได้ อีกทั้งยังรุกเข้าใส่กันหนักขึ้น จนในที่สุดผมก็เริ่มชินกับริมเขื่อนที่ไม่ได้ยืนอยู่ในสถานะเพื่อนเหมือนเคยไปแล้ว

“ไผ่...อือ ตื่นแล้วเหรอ” มีเสียงงัวเงียดังรอดออกมาจากคนบนเตียง พวกเรายังนอนกันไม่ยอมตื่นแม้จะใกล้เที่ยงอยู่แล้ว ผ้าม่านสีเข้มยังถูกปิดสนิท ไม่มีแสงแม้แต่นิดเดียวมีโอกาสได้เล็ดลอดเข้ามา

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ค่อยๆ ถูกการทำซ้ำๆ ดูดกลืนผมให้เข้าสู่วงโคจรของความเคยชิน ผมมักจะถูกรวบเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาตั้งแต่ตอนจะเข้านอน ริมเขื่อนชอบเอาขมับมาอิงที่หัวไหล่ ใช้ร่างกายของผมต่างหมอนข้างก่อนหลับไปทั้งอย่างนั้นและตื่นมาด้วยท่าเดิมในตอนเช้า

จากที่ทุกอย่างดูผิดแปลกไปจากเดิม ตลอดเวลาสี่เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาหลังจากพวกเราไปเดทกันวันนั้น ริมเขื่อนก็ค่อยๆ ใช้สัมผัสทางกายรุกใส่ผมอย่างสม่ำเสมอ และหลังจากนั้นแค่เพียงไม่นานผมก็เริ่มมองการที่พวกเราจะนอนกอดกันเป็นเรื่องปกติ หรือแม้แต่เรื่องที่จะมีมอร์นิ่งคิสกับกู๊ดไนท์คิสก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

“จะเที่ยงอยู่แล้ว หิว” ผมตอบคนที่นอนอยู่ข้างกันด้วยน้ำเสียงงัวเงียในลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทแม้จะบอกเองกับปากว่าสายแล้ว ผมขยับพลิกตัวตะแคงข้าง เอื้อมมือไปกอดเอวสอบไว้และปล่อยให้ตัวเองกลับลงไปในห้วงความฝันตามเดิม

ง่วงชะมัดเลย

ผมบ่นงึมงำไม่ออกเสียง มุดหน้าซุกกับหมอนหนุนใบเขื่อง ปิดเปลือกตาอยู่ได้สักพักก็ถูกคนที่รู้สึกตัวตื่นเต็มตาก่อนกดจมูกลงมาบนแก้ม ตอหนวดที่เพิ่งขึ้นใหม่ทิ่มผิวของผมจนเจ็บไปหมด

“เขื่อน เจ็บ” ผมบ่น ใช้มือยันคางที่เต็มไปด้วยไรหนวดเขียวออกไปห่างๆ

“เดี๋ยวไปโกน” ริมเขื่อนบอกแล้วผละตัวลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินเข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรกและปล่อยให้ผมนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงต่อไป

ผมบิดกายไปมาคลายเมื่อย ใช้ปลายนิ้วชี้ขยี้ขี้ตาออกจนหมดก่อนเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมากดดูตารางงาน ช่วงนี้ผมกับริมเขื่อนทำงานหนักจนสภาพแทบจะกลายเป็นซอมบี้อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่นายแบบชื่อดังมันโบกครีมที่ว่าดีทุกตัวลงบนผิวหน้า จึงมีแต่ผมคนเดียวที่สภาพดูไม่ได้ ใต้ตาดำเป็นแพนด้าและผิวก็คล้ำขึ้นมาหลายส่วน

ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นปีแล้วครับ อีกไม่ถึงเดือนก็เป็นวันคริสมาสต์ แต่ก่อนหน้านี้คือช่วงรับปริญญาที่มหา’ลัยทั้งกรุงเทพฯ ต่อคิวรับใกล้ๆ กันจนแทบปั่นงานส่งลูกค้าไม่ทัน เพราะการถ่ายรูปไม่ใช่กดชัตเตอร์แล้วจะเสร็จ ผมยังต้องมานั่งคัด มานั่งแต่งภาพแต่งสีให้ออกมาตามบรีฟที่ได้ ซึ่งกว่าจะปิดงานนึงลงได้ก็นู้นแหละครับ ถ่างตายันเช้าอยู่เกือบทั้งอาทิตย์

ผมผ่านเวลานรกแตกนี้มาได้จนเหลือคิวงานที่ต้องแต่งภาพส่งอีกแค่สามคิวเท่านั้น แต่ถ้าถามว่าคุ้มเหนื่อยไหมผมยอมรับเลยว่ามาก รายได้ที่เข้ามาเป็นกอบเป็นกำภายในเดือนเดียว ผนวกกับค่าเช่าห้องที่ได้มาหลายหมื่นก็ช่วยให้บัญชีเก็บเงินของผมไม่โหลงเหลงแล้ว

ผมดีใจกับก้าวเล็กๆ ของตัวเองที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น ส่วนหนึ่งก็ได้ผลบุญมาจากรูปของริมเขื่อนที่ลงทีไรก็เรียกกระแสยอดกดไลค์กดแชร์ได้เป็นหมื่นๆ เลยทีเดียว แถมช่วงนี้พวกงานถ่ายภาพคอสเพลย์ก็มีเข้ามาติดต่อแล้วเหมือนกัน ตลาดงานของผมค่อยๆ กว้างกว่าเดิม ผมเลยกะเอาไว้ว่าวันไหนว่างๆ ด้วยกันทั้งคู่จะพาริมเขื่อนไปเลี้ยงตอบแทนเสียหน่อย

“รองน้ำอุ่นไว้ให้ในอ่างอ่ะ” ริมเขื่อนเดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ เขาใช้ผืนที่พาดอยู่บนบ่าเช็ดหน้าเช็ดผมแล้วเดินไปหยิบเครื่องเป่าผมที่โต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาใช้

“แต๊งกิ้ว” ผมเอ่ยขอบคุณ เปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเอาชั้นในกับผ้าขนหนูผืนใหม่เดินเข้าห้องน้ำไป

รู้จักกันมายี่สิบห้าย่างยี่สิบหกปี เพิ่งได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเขื่อนเทคแคร์คนอื่นเก่งมาก แรกๆ ผมก็ไม่ชินเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายดูแลกันบ้าง แต่นานไปก็กลายเป็นความเคยชิน พวกเราต่างดูแลกันในเรื่องเล็กๆ ที่ทำให้กันได้โดยไม่ต้องลำบาก อย่างเช่นผมตกลงว่าจะเป็นคนเก็บกวาดห้องให้เพราะริมเขื่อนออกไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ บ้างก็บินไปต่างประเทศเป็นอาทิตย์ ในขณะที่ริมเขื่อนมักทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่บ่งบอกว่าเขาเอาใจใส่เป็นอย่างมาก

อย่างเช่นการรองน้ำอุ่นให้ในอ่างหลังจากผมนั่งก้มหน้าก้มตาแต่งรูปทั้งคืน หรือแม้กระทั่งแปรงสีฟันที่จะมียาสีฟันสีขาวบีบใส่ไว้ให้ในทุกๆ เช้า

ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด ร่างกายปวดเมื่อยจากการนั่งอยู่หน้าคอมตลอดทั้งวันพอได้นอนแช่ในน้ำที่อุณหภูมิพอเหมาะก็ค่อยๆ คลายความเมื่อยล้าลง ผมนอนแช่อยู่อย่างนั้น หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเบาๆ สบายๆ ให้สมองได้ปลอดโปร่ง

จากตารางงานที่เขียนไว้พบว่าผมยังมีเวลาให้พักผ่อนได้อีกวันก่อนที่จะถึงเดดไลน์ส่งงาน หลังจากเมื่อคืนปั่นงานส่งจนตาเกือบหลุด วันอาทิตย์แบบนี้ผมลยตัดสินใจจะพักผ่อนก่อนและพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

หลังจากได้นอนแช่น้ำอุ่นอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจอาบน้ำฟอกสบู่แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดง่ายๆ ตามสไตล์คนไม่ได้ออกไปไหน
“กินอะไรดี” ทันทีที่ผมเดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องนั่งเล่นก็พบริมเขื่อนกำลังตั้งใจดูข่าวภาคเที่ยงอยู่ ร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงที่ยาวจากเป้ามาแค่คืบหันมาถามผมเรื่องอาหารมื้อแรกของวัน

ผมขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ด้วยความขี้เกียจไปหมดทุกอย่างเลยตัดสินใจที่จะสั่งพิซซ่าถาดกลางมากินกัน ผมเป็นคนจัดการเรื่องหน้าพิซซ่าและโทรสั่ง ทางร้านบอกให้รอสามสิบนาทีพนักงานจะเอามาส่งที่ล็อบบี้ด้านล่าง

“มีงานรึเปล่าวันนี้” หลังจากวางสายจากร้านพิซซ่าไปแล้วผมก็ขยับตัวไปนั่งข้างๆ ริมเขื่อน มองข่าวฆาตกรรมบนจอทีวีอย่างไม่ได้สนใจมากนัก

“วันนี้ไม่มี กูขอพี่นัทพัก เดี๋ยวอาทิตย์หน้างานยุ่ง”

“หืม... อาทิตย์หน้าก็ต้นธันวาแล้วนะ”

“ถ่ายเซ็ตคริสมาสต์ไง”

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ บทสนทนาระหว่างเราเงียบลงเมื่อผมไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ข่าวบนหน้าจอเริ่มไม่น่าสนใจเมื่อมันเปลี่ยนเป็นข่าวกีฬา ผมแบมือขอรีโมทของเขื่อนแล้วเอามากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยอย่างไรจุดหมาย

“แล้วงานมึงเหลืออีกเยอะไหม” หลังจากผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยจนหยุดที่ซีรีส์สอบสวนสักเรื่อง ริมเขื่อนก็หันมาชวนคุยต่อด้วยประโยคคำถามง่ายๆ

“อีกสามคิวก็หมดแล้ว ทีนี้กูว่างยาว มีงานอีกทีปลายมกราปีหน้า”

“ไม่ได้รับงานปลายปีเหรอ”

“เปล่า ไม่มีคนจ้าง” ผมหัวเราะเบาๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่งานประเภทนี้จะมีช่วงเวลาขาขึ้น เรียกง่ายๆ ว่าไฮซีซั่น ไม่เหมือนริมเขื่อนที่แทบจะมีงานตลอดปี เพราะเขาไม่ได้รับแค่ถ่ายแบบแต่ทำทุกอย่างที่พอจะทำได้

“เหนื่อยไหม”

“หืม?” ผมเลิกคิ้วขึ้น อยู่ๆ มาถามอะไรแบบนี้ “คนที่น่าจะเหนื่อยกว่ากูคือมึงรึเปล่า ทำงานเหมือนเป็นหนี้”

“ก็เป็นหนี้อยู่”

“หนี้อะไร ไหนว่าคอนโดกับรถผ่อนหมดแล้ว”

“หนี้หัวใจ เดี๋ยวต้องหาเงินมาจ่ายค่าไถ่ตลอดชีวิต” คนหน้าสวยยักคิ้วให้ผมหนึ่งที ทั้งยังขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วรวบเอาผมเข้าไปฟัดแก้มฟัดคอจนพอใจ

“เขื่อน! ปล่อยโว้ยย”

“ชอบเวลามึงเพิ่งอาบน้ำแล้วตัวหอมๆ” ริมเขื่อนว่า ยังไม่ยอมผละจมูกออกจากแก้มของผม ทั้งยังกดจุ๊บลงมารัวๆ จนแก้มที่ไม่ค่อยมีเนื้อของผมน่าจะช้ำเลือดช้ำหนองไปแล้ว

“กูช้ำหมดแล้วไอ้เขื่อนนน”

“เดี๋ยวให้ทำคืน”

ฟอด!

“อยากฟัดก็ไปฟัดตุ๊กตาสิวะ” ผมทั้งดิ้นรนทั้งผลักไส แต่ก็นั่นแหละ คนไม่ออกกำลังกายกับคนที่ขยันไปฟิตเนสแม้จะตีหนึ่งแล้ว พอสู้กันก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดท่อนซุง

เสียชาติเกิดเป็นลูกครึ่งชะมัด

โดยปกติทั่วไปเชื้อฝรั่งมันควรจะสูงและตัวใหญ่กว่าชาวเอเชียไม่ใช่หรือไง

ขนาดแม่ผมยังสูงพอๆ กันกับพ่อเลย แต่ผมคงได้เชื้อฝั่งพ่อมาเยอะกว่าในเรื่องส่วนสูง ถึงได้ยังอยู่ที่ 177 เซนต์แบบนี้จนอายุยี่สิบห้า

“โวยวายๆ” ริมเขื่อนบ่นแล้วก็ยอมปล่อยตัวผมออกมา หลังจากผมดิ้นเร้าๆ ไม่ยอมเลิก

แต่ละคนนั่งหอบหายใจกันโดยที่ผมดูจะเป็นจะตายมากกว่า จากนั้นด้วยความหมั่นไส้ผมเลยนอนเหยียดไปกับโซฟา ยกขาขึ้นพาดไปบนตักของริมเขื่อนแล้วกระดิกเท้าดุ๊กดิ๊กอย่างสบายใจ

“สบายเลยนะมึง”

ผมยิ้มยียวน “มีบริการนวดไหมครับคุณน้อง”

“จะนวดอะไรล่ะครับ”

“มีอะไรบ้าง” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ต่อมุกมาทันควัน

“มีบริการนวดเป็นส่วนๆ กับนวดทั้งตัวเลยครับ”

“น่าสนใจนะครับ อืมม” ผมยกมือขึ้นลูบขาพลางทำท่าคิดหนัก

“แต่ถ้าให้ทางเราแนะนำ คงต้องเป็นการนวด...” ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองเป้ากางเกงผมด้วยรอยยิ้มกวนประสาท “นวดเพื่อผ่อนคลายครับคุณไผ่เงิน”

“มองอะไรของมึง!” ผมคว้าเอาหมอนมาปิดช่วงล่างของตัวเองแทบไม่ทัน

ริมเขื่อนหัวเราะอย่างสะใจเพราะเอาชนะผมได้ ในขณะที่ผมฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ เรื่องกวนประสาทต้องยกให้มันเป็นที่หนึ่งจริงๆ จะว่าไปตอนเด็กๆ ผมก็ไม่เคยสอนให้กวนตีนขนาดนี้นะเนี่ย ไม่รู้ไปเรียนมาจากไหน

ผมกับริมเขื่อนเล่นกันอยู่สักพักโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากพนักงานส่งพิซซ่าที่เดินทางมาถึงล็อบบี้ด้านล่างแล้ว ผมเลยคว้าเอากระเป๋าตังค์กับกุญแจห้องเพื่อเดินลงไปรับของ โดยบอกให้ริมเขื่อนเตรียมเครื่องดื่มกับโต๊ะกินข้าวได้เลย
พวกเราใช้เวลาในตอนกลางวันไปกับพิซซ่าและซีรีส์บนเว็บสตรีมหนังออกไลน์ที่ต้องจ่ายรายเดือน วันพักผ่อนของทั้งผมและเขาผ่านไปง่ายๆ แบบนี้ นานๆ ครั้งถึงจะชวนกันออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง เพราะยังไงตอนทำงานก็เตร่อยู่นอกบ้านทั้งวันแล้ว ผมกับริมเขื่อนเลยมักมีความเห็นตรงกันว่าควรนอนเก็บสะสมแต้มไว้ก่อนจะไม่ได้นอน

และเมื่อย่างเข้าต้นเดือนธันวานายแบบชื่อดังก็วิ่งวุ่นทันทีอย่างที่เขาบอก บางวันถ้าถ่ายงานไกลๆ และมีงานต่อแถวนั้นเขาก็เลือกเปิดโรงแรมนอนไปเลยเพื่อสะดวกแก่การเดินทาง ส่วนผมที่ว่างสุดๆ เพราะไม่มีงานก็ได้แต่นัดชวนพวกเพื่อนออกไปเที่ยวเล่นยามกลางคืนกันบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ผมเป็นอะไร จะไปไหนทำอะไรกับใครแม่งต้องส่งข้อความไปบอกรูมเมทอีกคน ทำตัวเหมือนแต่งงานกันแล้วทั้งๆ ที่ก็ยังไม่ได้เลื่อนสถานะอะไร

แต่ช่างมันเถอะ ผมสบายใจที่จะทำตัวอย่างนี้

ยังไงๆ ที่เป็นอยู่ก็มากกว่าเพื่อนแล้วถึงจะไม่ใช่แฟน เรื่องกอดจูบระหว่างกันเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ติดแค่ว่าอะไรที่เกินเลยกว่านั้นผมจะห้ามๆ เอาไว้หน่อย ไม่ได้หัวโบราณหรอกครับ ยังไงผมก็ถูกเลี้ยงมาด้วยคนต่างชาตินี่น่า แต่จะให้ไปถึงขั้นนั้นโดยที่สถานะเพียงเท่านี้บ่อยๆ มันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน

แต่ริมเขื่อนก็ไม่ได้งอแงอะไรนะครับ แถมเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องสถานะระหว่างเราเลยด้วยซ้ำ มีเพียงการกระทำที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กับคำหยอกล้อที่เขาจงใจใช้มันสั่นหัวใจของผม

พวกเราอยู่กันไปแบบนี้จนกระทั่งเข้าสู่กลางเดือนธันวา แม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธแต่ตามสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มขนเอาต้นคริสมาสต์ขึ้นมาตั้ง ประดับประดาแหล่งท่องเที่ยวด้วยไฟหลากสีและเพลงคริสมาสต์ ผมรอให้ริมเขื่อนว่างงานตามที่อีกฝ่ายบอก วางแพลนจะชวนเขาไปซื้อต้นคริสมาสต์มาประดับห้อง

จนกระทั่งเวลาเคลื่อนมาถึงวันที่ยี่สิบธันวา ริมเขื่อนก็ว่างงานยาวๆ จนถึงเดือนกุมภาเลยทีเดียว เขาเคลียร์คิวไว้เรียบร้อยเพราะอยากจะชวนผมไปเยี่ยมพ่อที่ขอนแก่นแล้วบินไปหาแม่ที่ LA เลยภายในเดือนมกรา ผมตกปากรับคำไปเพราะว่ามีเขื่อนไปเป็นเพื่อน ถ้าไปคนเดียวผมคงไม่ไป เพราะมันออกจะอึดอัดอยู่หน่อยๆ

ทางฝั่งพ่อผมไม่ค่อยอยากเจอญาติพี่น้องเท่าไหร่ ขี้เกียจตอบคำถามเรื่องงานกับทรัพย์สิน ส่วนทางฝั่งแม่ก็คงจะประหลาดๆ อยู่พอสมควร ได้ข่าวว่าคุณนายเธอพบรักกับหัวหน้าที่ทำงานใหม่ เป็นฝรั่งหัวทองตาฟ้าอายุอานามน้อยกว่าแม่แค่สามปี
ช่างมันเถอะ ชีวิตใครชีวิตมัน ผมก็ทำหน้าที่ลูกของผมแบบนี้ต่อไป

“อากาศไม่เห็นหนาวเลย” ริมเขื่อนบ่นขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วออกมายืนเลือกเสื้อผ้าอยู่ราวๆ สิบนาที วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พวกผมเลยกะจะรีบออกไปซื้อของเข้าห้อง ทั้งของตกแต่งและอาหาร เพราะช่วงวันหยุดสิ้นปีคนคงเต็มห้างแน่ๆ

“อยากหนาวก็ไปเมืองนอกสิ” ผมที่มองอีกคนเปลือยกายเลือกชุดอยู่เสนอความคิดเห็นแบบที่ไม่ได้จริงจังนัก แต่ริมเขื่อนกลับหันมาดวงตาเป็นประกายวับวาว

“ไปเมืองนอกกัน”

“ห๊ะ”

“ไปเที่ยวลอนดอนไหม ตอนนี้หิมะน่าจะตกแล้ว”

“อะไร ไม่ไป”

“ทำไมล่ะ กูอยากใส่วินเทอร์แฟชั่น” ริมเขื่อนว่าแล้วชี้ไปในตู้เสื้อผ้าฝั่งคอลเล็กชั่นหน้าหนาวของเขา “แบรนด์ให้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ได้ใส่เลย”

“ถามเงินกูด้วย ไปลอนดอนนะไม่ใช่ไปต่างจังหวัด” ผมบ่น หยิบเอาหมอนข้างขึ้นมากอดไว้แน่น “อยากไปเล่นหิมะเดี๋ยวกูพาไปสวนสนุก”

“มันแทนกันไม่ได้นะไผ่”

“กูไม่มีเงินจะไปยุโรปกับมึงหรอก เดี๋ยวมกราต้องไป LA ด้วยเนี่ย”

“กูออกให้”

“อะไร ไม่เอา!”

“เงินกูเยอะแยะ” ริมเขื่อนว่า เขาหันมากอดอกแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง “ไปเถอะ ลอนดอนช่วงคริสมาสต์สวยมากเลยนะ แถมมึงยังได้ถ่ายกูเซ็ตวินเทอร์แฟชั่นด้วยนะ”

ริมเขื่อนก็เป็นแบบนี้

รู้ว่าผมชอบถ่ายรูป ก็มักเอาเรื่องแบบนี้มาอ้าง

“ไปแบบโลว์คอสนะ” ผมหยั่งเชิง แล้วริมเขื่อนก็พยักหน้า “แล้วไม่ต้องเลี้ยงกู แค่ออกให้ก่อนเดี๋ยวกูทยอยผ่อนคืนเหมือนเดิม”
“ทำไมล่ะ กูขยันหาเงินมาเลี้ยงมึงนะเนี่ย”

“มีปัญญาเลี้ยงตัวเองโว้ย”

“แต่ว่า...”

“ไม่งั้นกูไม่ไป”

“...” ริมเขื่อนเบ้ปากใส่ผม “ก็ได้ ยืมก็ยืม”

ผมพยักหน้าอย่างพอใจที่ริมเขื่อนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้บ้าง “แต่ถ้าจะไปให้ทันคริสมาสต์ก็ต้องรีบไปไม่ใช่เหรอ ซื้อตั๋วใกล้ๆ วันเดินทางมันน่าจะแพง...”

“กูมีส่วนลดสายการบินน่า”

“หืม?”

“เคยไปถ่ายแบบประชาสัมพันธ์ แล้วเขาให้โค้ดส่วนลดแบบไม่มีวันหมดอายุมา ลดตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์นะ” ริมเขื่อนยืดอกอย่างโอ้อวด “เป็นคนดังก็แบบนี้”

“จ้ะ จ้ะ พ่อนายแบบดัง”

เขื่อนหัวเราะให้กับความเอือมระอาของผม เขาหยิบๆ เอาเสื้อผ้าไปรเวทธรรมดามาสวมก่อนเดินเข้ามานั่งข้างๆ กันบนเตียง
“งั้นวันนี้ไม่ต้องออกไปซื้อของเนอะ”

ผมพยักหน้ารับ

“จองตั๋วเครื่องบินกันดีกว่า บินพรุ่งนี้เลยดีไหม”

“แล้วแต่มึง” ผมโยนการตัดสินใจทุกอย่างให้ริมเขื่อนจัดการ แต่ก็คอยนั่งอยู่ด้วยตลอดตอนที่เขื่อนเอาโน้ตบุ๊คมาเปิดเพื่อเลือกเที่ยวบิน จากนั้นก็จองโรงแรมเล็กๆ ราคาไม่แพงที่หนึ่ง พวกเราจะอยู่กันประมาณสิบวันแบบไม่มีแพลนเที่ยว ไปตายเอาดาบหน้าอย่างเดียวซึ่งผมก็ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ด้วยความที่ตัวผมเองไม่มีปัญหาเรื่องภาษา ถึงอเมริกากับอังกฤษจะพูดไม่ค่อยเหมือนกันก็เถอะ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ริมเขื่อนที่ตื่นเต้นจนห้ามตัวเองไม่อยู่ก็รีบลุกขึ้นไปจัดกระเป๋าทันที ผมกรอกตามองบน ยอมรับแหละว่าตัวเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่แค่ไม่ได้แสดงออกแบบเด็กๆ เหมือนเขื่อนก็เท่านั้น

คนที่บินออกนอกประเทศอยู่บ่อยๆ ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา

“ทำเหมือนไม่เคยไปเที่ยว” ผมเอ่ยแซวคนที่แทบจะยกเสื้อผ้าออกมาทั้งตู้เพื่อเลือก

“ก็ไม่เคย”

“ขี้ตู่”

“ก็ไม่เคยจริงๆ” เขื่อนหันมามองกันขณะพูดต่อว่า “ไม่เคยไปเที่ยวกับมึง”

“...”

อ่า...

ผมชอบโดนหมัดฮุกเวลาไม่ตั้งตัวแบบนี้ตลอด

แต่ช่างเถอะ ผมชินแล้วที่หัวใจจะเต้นเร็วเพราะคำพูดไร้สาระของริมเขื่อน และอีกฝ่ายก็ดูมีความสุขดีที่เห็นหน้าผมขึ้นสี ผมเลยเดินไปฟาดแขนเขาเบาๆ ก่อนมุดหาเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง

ก็ต้องยอมรับว่ามีใครสักคนที่จะไปเที่ยวด้วยกัน... มันก็ดีจริงๆ นั่นแหละ


___________
Talk : อัพช้าเพราะลืมค่ะ แง้
พอเขียนจบแล้วมันเลยไม่มีแพลนต้องเขียนในแต่ละวัน
เลยลืม นึกว่าอัพจบไปพร้อมเลย ขอโทษค่า

ใกล้จบตามเจ้าสกายแล้ว
อย่างที่บอกว่าเป็นนิยายฟีลกู๊ด เพราะฉะนั้นมันก็จะฟีลกู๊ดต่อไป ดราม่าพอกรุบกริบ
แต่จริงๆ แล้วเราเองถนัดเขียนดราม่ามากกว่า ฮา


ฝากติดตามเรื่องนี้ เรื่องเจ้าสกายที่จบไปแล้ว และเรื่องถัดไปที่กำลังจะลงจอด้วยนะคะ
เรื่องต่อไปอาจไม่ฟีลกู๊ดขนาดนี้แล้ว แฮ่  :hao3:

รักทุกคนค่าา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
คนเราเนาะรักแล้วแต่ไม่เคยรู้ตัว

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
ลืมเปลี่ยนหัวกระทู้ กรี๊ดดดดด  :hao7:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รู้ใจตัวเองสักทีเถอะไผ่ว่ามันไม่ใช่ความเคยชิน อยากเห็นไผ่หึงบางมีมั้ย?

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีงาม.........  :mew1:
ไปเที่ยวตปท.ด้วยกันครั้งแรก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด