จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)  (อ่าน 69646 ครั้ง)

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


จ ร ด ฟ้ า



ผมต้องการทำเพลงเกี่ยวกับความรักชายรักชายที่มักถูกต่อต้านจากสังคม
ผมชวนนักร้องที่เพิ่งมีข่าวเปิดตัวว่าเป็นเกย์มาร่วมแต่งเพลงนี้เพื่อสะท้อนความรู้สึกออกมา

แต่แทนที่จะได้แค่เพลงดีๆ มาสักเพลง ผมกลับได้...

“ฟ้า”
“ชื่อสกายครับ”
“ฟ้าครับ”
“...”
“จีบนะครับ”

ครับ ได้ของแถมติดมาด้วย






ผลงานที่ผ่านมา
- เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย -- Loading
- [เรื่องสั้น] Daddy, I’ll be the best you ever had. -- Loading









Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2020 21:11:53 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทนำ

นาฬิกาดิจิตัลกระพริบบอกเวลาตีสามพอดิบพอดี

ผมถอดหูฟังแบบครอบราคาแพงออกหลังจากสวมมันมาหลายชั่วโมง เศษกระดาษทั้งที่ขยำแล้วและยังกองระเกะระกะรกบนพื้นห้อง ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ที่ยอมเจียดเงินหลายพันซื้อมาเพื่อสุขภาพ เนื่องจากอาชีพของผมต้องนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้เป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน

ดวงตาล้าไปหมด รวมถึงหูทั้งสองข้างก็ปวดตุบๆ เช่นกัน บีทดนตรีที่เปิดวนแก้เป็นร้อยรอบยังติดอยู่ในหัว ผมฮัมทำนองเบาๆ ขณะเอื้อมมือไปหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เอี่ยมเพราะพึ่งถอยออกมาจากร้าน เครื่องเก่าที่เพิ่งฉลองวันเกิดครบสามปีได้ตายลงไปแล้วหลังจากนั้นเพียงสองเดือน

ผมกดเข้าแอพอินสตาแกรมเป็นอย่างแรก...
 
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทวิตเตอร์ต่างหากคืออันดับแรกที่ผมจะเล่นมันหลังจากไม่ได้แตะโทรศัพท์มาแทบทั้งวัน
หลายๆ คนบอกผมว่าพวกเขาเก็บความทรงจำไว้ในรูปภาพ หลายๆ คนใช้พื้นที่ภายในแอพนี้บรรจงสร้างไดอารี่ส่วนตัวขึ้นมา
เช่นเดียวกับคนบางคน

‘Rome_o’

วงกลมของเจ้าของชื่อไอจีด้านบนเด้งมาอยู่แถวหน้าสุดของไอจีสตอรี่ ผมกดเข้าไปดูด้วยรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก มีอัพเดตเพิ่มขึ้นมาตั้งสามสตอรี่ ผมค่อยๆ ปล่อยวิดีโอสั้นเหล่านั้นเล่นไปโดยไม่กดข้าม

อันแรกถ่ายอาหารมื้อเย็นในกล่องโฟมพลาสติก กับเพื่อนสนิทที่เห็นหน้าผ่านไอจีบ่อยๆ

อันที่สองเป็นรูปเท้าเสี้ยวเล็กๆ และจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดซีรีส์ฝรั่งชื่อดัง

และอันสุดท้าย...

เป็นเพียงภาพนิ่งที่หันกล้องไปทางที่นอนข้างๆ มีหมอนข้างใบโตวางแปะอยู่กลางเฟรม พร้อมแคปชั่นง่ายๆ ที่ย่อขนาดซะเล็กจนต้องหรี่ตาอ่าน


‘อยากเจอ’


ผมห้ามรอยยิ้มที่กำลังกว้างขึ้นไม่ได้ ในขณะที่นิ้วกดลงไปที่คำว่า send message ล่างจอ ปรากฎแป้นพิมพ์ขึ้นมาทันทีหลังจากนั้น ผมจิ้มตัวอักษรไปเก้าครั้งก่อนจะกดส่ง จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นเดินอาดๆ เข้าห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกพองฟูในใจ









BlueSky: เหมือนกัน

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 1

โลกของเราเปลี่ยนแปลงมาเยอะมากในเวลาไม่กี่ปี...




ผมชื่อ ‘จรดฟ้า’ ชื่อเล่นแม่ตั้งให้ว่า ‘สกาย’ เรียนจบคณะวิทยาศาตร์สารสนเทศมาได้สองปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำงานตรงสายเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะผมมีอาชีพที่รักมากๆ และเดินบนเส้นทางนี้มาก็หกเจ็ดปีแล้ว

ผมเป็นแรปเปอร์...

เอาจริงๆ ฮิบฮอบในไทยยังไม่ได้บูมมากมายขนาดนั้น ยกเว้นช่วงนี้ที่เริ่มมีรายการเพลงแรปมากมายจนคนเริ่มรู้จักพวกเรามากขึ้น ผมทำงานทำเพลงด้วยตัวเองมาตั้งแต่มอปลาย เริ่มสมัครแชนแนลยูทูปเพื่อลงเพลง มีความสุขกับยอดวิวที่กระเตื้องเพียงแค่สามวิวต่อเดือน

หลายปีมานี้กับการทำในสิ่งที่รัก ผมประสบความสำเร็จเมื่อเพลงรักเจ็บๆ เพลงหนึ่งของผมดันถูกขอซื้อลิขสิทธิ์ไปใช้ประกอบภาพยนต์สั้นของนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง เพลงของผมกลายเป็นกระแส ผลักดันให้ผมกลายเป็นที่รู้จักและเริ่มมีชื่อเสียงในวงการเพลงไทย

ผมถูกทาบทามให้เข้ามาเป็นหนึ่งในค่ายเพลงที่พอมีพื้นที่ในตลาด สร้างสรรค์ผลงานออกมามากมาย มีงานไปร้องตามร้าน ตามงานต่างๆ จนกระทั่งเมื่อผมเรียนจบและหันมาทุ่มเทให้มันอย่างจริงจัง ผมก็กลายเป็นแรปเปอร์มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของวงการฮิปฮอปไทย

ไอที่ผมบอกว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปเยอะน่ะ ก็คือเรื่องนี้แหละ

จากที่คนเคยมองว่าผมทำเพลงอะไรไร้สาระ ตอนนี้พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ รู้ว่ามันคืออะไร และสามารถสื่อสารอะไรออกมาได้บ้าง

บทเพลงคือไดอารี่ของผม มันคือตัวตนของผมในช่วงนั้นๆ

และบทเพลงของผมก็คือข้อความที่ผมต้องการพูดกับผู้ฟังทุกคน เท่าที่เสียงของผมจะดังไปถึง

“พี่ยุทธ ผมอยากทำเพลง” ผมที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่ในห้องสตูดิโอบริษัทพูดโพล่งขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศของความเคร่งเครียดเมื่อมีนักร้องเพลงป๊อบคนหนึ่งกำลังจะออกเพลงใหม่ พี่ยุทธและกลุ่มชายฉกรรจ์อีกสองคนในห้องคือเหล่าผู้ทำเพลงของค่ายเพลงที่ผมสิงอยู่

ผมชอบมานั่งเล่นในนี้ ดูวิธีการ ไขว่หาความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ จากพี่ๆ มืออาชีพ สนิทกันจนบางทีผมก็ช่วยพี่เขาแต่งเพลงด้วยนะ

ถึงผมจะเป็นนักร้องแรป แต่เพลงธรรมดาๆ ผมก็ร้องได้นะเออ

บางเพลงผมยังเป็นคนร้องไกด์ในเดโม่ให้เลยด้วยซ้ำ แต่เสียงผมไม่ได้ดีขนาดจะไปเดบิวต์เป็นนักร้องเดี่ยว อีกอย่าง ผมว่าแรปนี่มันเท่กว่าด้วย

“เพลงอะไรวะ” พี่ยุทธ ผู้ชายตัวอวบอ้วนเพราะวันๆ เอาแต่นั่งบนเก้าอี้หมุนตัวมาหาผม เขาถอนหูฟังออกแล้วไถเก้าอี้ขยับเข้ามายังโซฟากลางห้องที่ผมนอนไขว่ห้างอยู่

“เพลงรัก”

“...” พี่ยุทธแกหน้าเหวอไปเลย

คงเพราะผมมักจะชอบทำเพลงที่มีเนื้อหาลึกๆ หน่อย หรือไม่ก็สะท้อนสังคมไปเลย เพลงรักของผมมีอยู่ไม่กี่เพลงเท่านั้นเอง และที่แต่งออกมาก็เพราะเป็นภารกิจจากทางค่ายเสียด้วย ผมไม่ค่อยชอบทำเพลงรักครับ ชีวิตรักผมมันไม่มีอะไรเลย เพราะผมทุ่มเทกับดนตรีจนหมด เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาเขียนให้โดนใจคน

“เพลงรักเนี่ยนะ?” พี่ยุทธยังคงไม่เลิกตกใจ แกคงคาดหวังกับไอเดียผมไม่น้อย พี่ๆ กลุ่มนี้เขาเห็นเพลงผมเป็นของเล่นครับ เหมือนมันสามารถสาดไอเดียอะไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดเหมือนเพลงทั่วๆ ไปที่พวกพี่ๆ แกต้องแต่งเพื่อให้ติดเทรนด์ตลาด
ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางจริงจังจนพี่คนอื่นๆ หันมามองด้วยความสนใจ

“เพลงรักของผู้ชายกับผู้ชายอ่ะพี่”

“...”

“...”

“...”

บังเกิดความเงียบขึ้นในบัดดล

ก่อนจะมีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยพี่ๆ ทุกคนที่เริ่มหัวเราะกันอย่างหนัก รวมถึงพี่ยุทธที่ทุบไหล่ผมปั่กๆ จนเจ็บไปหมด ผมเบี่ยงตัวเขยิบไปนั่งไกลระยะความยาวแขนพี่แกแทบไม่ทัน

“หัวเราะอะไรกันพี่” ผมขมวดคิ้ว

พี่ยุทธสูดลมหายใจเข้าสุดปอดหลังจากหัวเราะจนเกือบขาดอากาศตาย “ชอบว่ะ ใจเอ็งมันได้”

“...?” ผมนึกว่าเขาหัวเราะเพราะตลกกับไอเดียของผม

“น่าสนๆ แต่ทำไมถึงจะทำเพลงรักแนวนี้”

“เพื่อนผมที่เป็นเกย์อ่ะพี่ โดนที่บ้านไล่ออกจากบ้าน โดนเพื่อนแบนออกจากกลุ่มด้วย” ผมอธิบายเหตุผลอย่างใจเย็น หวนคิดไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผมอยากเขียนเพลงสะท้อนเรื่องนี้ออกมา “เหมือนบ้านเราจะเปิดกว้างกับเรื่องพวกนี้ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย”

“ก็จริง ซีรีส์ในทีวีก็มีแต่อะไรแบบนี้” พี่ยุทธเออออแสดงความเห็น

“พี่ว่าผมทำแนวไหนดี ดาร์คๆ เลยหรือว่าโรแมนติด” ผมถามอย่างต้องการความเห็น

ผมรู้ว่าแหละว่าผมต้องการพูดเรื่องอะไร แต่วิธีนำเสนอมันก็มีหลายวิธี เราต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้สื่อความหมายออกมาได้ดีที่สุด ผมกำลังลังเลอย่างหนักระหว่างสองตัวเลือกที่ถามพี่ยุทธไป

“มันโรแมนติกได้ด้วยเหรอ?” เหมือนพี่แกไม่เข้าใจ ผมเลยขยับเข้าไปใกล้เพื่ออธิบายได้ถนัดๆ พี่ๆ คนอื่นก็เริ่มเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เพื่อร่วมวงสนทนาด้วย

ท่าทางไอเดียนี้จะน่าสนใจพอดู

“ก็สื่อประมาณว่าความรักไม่จำกัดเพศ เราไม่ผิดที่จะรักใครสักคน”

“แล้วแบบดาร์คๆ ล่ะ” พี่เมฆที่ตัวเล็ก ผอมแห้งเหมือนตะเกียบถามขึ้นมาบ้าง ผมหันไปมองหน้าเขาพลางเรียบเรียงคำตอบในหัว

“ก็คงตัดพ้อต่อว่า ว่าแค่รักเพศเดียวกัน ผิดตรงไหนอ่ะครับ” ผมตอบคร่าวๆ เพราะยังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ มีเพียงคอนเซปต์คร่าวๆ เท่านั้น

“อืมม” พวกพี่ทั้งสามประสานเสียงงึมงำในลำคอ ก่อนที่พี่อ้อย หนุ่มหล่อเจ้าสำอางค์ที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ชอบซื้อครีมบำรุงผิวเป็นคนเสนอความคิดเห็นออกมา

“เอาทั้งสองมารวมกันดีกว่า เป็นความรักที่ไม่สมหวังแต่ก็สวยงาม” พี่เขาบอกมาแบบนี้ ผมขมวดคิ้วคิดตามไม่ค่อยทัน พี่อ้อยเลยพูดเสริมขึ้นมาอีก “ให้มันเป็นความรักที่สดใส แล้วก็มาเจออุปสรรคแบบที่เพื่อนเราเจอไง”

“อ่อ” ผมพยักหน้าเมื่อพอเข้าใจไอเดีย พี่คนอื่นก็พยักเพยิดว่าแบบนี้น่าสนใจ “พี่ งั้นถ้าผมจะให้นักร้อง R&B มาร้องด้วย พี่ว่าไง”
“ฟีทเจอริ่ง?” พี่ยุทธเลิกคิ้วถาม

“ป่าวพี่ ทำเพลงร่วมกันไปเลย ผมถนัดแรปดึงอารมณ์หนักๆ ไอตรงความรักสวยงามตอนแรกมันก็คงไม่เข้า” ผมอธิบาย

“เออๆ” ทุกคนพยักหน้า “แล้วจะชวนใครมาร้อง”

“มีแนะนำไหมครับ” ผมฉีกยิ้มแหยๆ

ไม่ได้รู้จักนักร้องมากเท่าไหร่นอกจากจะเคยร่วมงานกัน ส่วนมากผมฟังเพลงสากล เน้นแนวที่ชอบเพื่อหาแรงบันดาลใจ นานๆ ทีถึงจะฟังป๊อป ร็อค R&B สักที

พวกพี่ๆ หันไปปรึกษากัน มีชื่อของหลายคนที่ผมรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างผ่านหู ผมนั่งมองความวุ่นวายของการถกเถียงกันตรงหน้า ก่อนที่พี่ยุทธจะพูดโพล่งขึ้นมาเสียงดัง

“โฬม”

“...”

ใครวะ

ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่ยุทธ เพื่อบอกให้รู้ว่าผมไม่รู้จัก แต่ในขณะเดียวกันพี่เมฆและพี่อ้อยก็ร้องเอ้อประสานกันอย่างพร้อมเพรียง เหมือนเห็นด้วยสุดๆ

“ใครอ่ะครับ”

“นักร้องที่เพิ่งมีข่าวเรื่องเป็นเกย์ไปไง” ผมเงียบฟังอย่างตั้งใจ “ร้องดี แต่ช่วงนี้ข่าวไม่ดีเยอะเลยหายๆ ไปจากวงการ”

“ข่าว?”

“ก็แฟนเก่าที่เป็นผู้ชายออกมาแฉ พอเจ้าตัวมายอมรับว่าเป็นเกย์จริงๆ งานก็เลยหดหายด้วยแหละ” พี่เมฆเป็นคนอธิบายประโยคยืดยาวนี้ “เข้ากับเพลงเราพอดีเลยสกาย”

“จริงด้วย!” ผมพยักหน้ารัวๆ

พวกเราพูดคุยกันอีกสักพักพี่ๆ เขาก็กลับไปทำงานต่อ ผมที่ได้ไอเดียใหม่รีบโบกมือลากลับห้องเพื่อไปเคลียร์สิ่งที่อยู่ในหัวให้ออกมาเป็นรูปร่าง ก่อนกลับก็แวะไปคุยกับเลขาของท่านประธานเรื่องโปรเจคเพลงที่อยากทำ ซึ่งพวกเขาให้อิสระผมอยู่แล้วในเรื่องทำผลงาน แล้วค่อยมาตกลงหลังจากเดโม่เสร็จเรียบร้อย แต่พอถึงห้องแทนที่ผมจะหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมา ผมกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถหาชื่อนักร้อง R&B ที่ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อจากพี่ยุทธเป็นอย่างแรก

กูเกิ้ลโชว์ข่าวไม่ดีของผู้ชายที่ชื่อ ‘โฬม’ ขึ้นมาเต็มไปหมด ผมไม่ได้สนใจมันเพราะขี้เกียจอ่านให้จิตตก แค่เรื่องของเพื่อนที่ได้รับฟังมาก็ยิ่งทำเอาผมหมดศรัทธากับโลกใบนี้ ผมเลือกที่จะจำชื่ออินสตาแกรมของโฬมมากดค้นหาเพราะดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่เล่นอะไรเลยนอกจากไอจี

Rome_o

ในไอจีของเขาส่วนมากจะเน้นถ่ายภาพตามอารมณ์ ไม่ได้คุมโทนสี นึกอยากขาวดำก็ขาวดำ นึกอยากสีสดก็สดจัดไปเลย แต่กลับสวยทุกรูป รวมถึงแคปชั่นที่ล้อไปกับภาพถ่ายแต่ละภาพ

มีไม่น้อยที่เป็นการเซลฟี่หน้าตัวเอง ผมกดเข้าไปดูรูปล่าสุดที่โฬมถ่ายอยู่ในห้องนอน เป็นภาพง่ายๆ กับแคปชั่นขอบคุณกำลังใจจากแฟนคลับ แต่ดวงตาและรอยยิ้มของเขากลับตรึงให้ผมนั่งมองรูปนั้นนิ่งๆ

เขากำลังเศร้า...

อันที่จริงรอยยิ้มเขาสวยมาก รวมถึงฟันเขี้ยวและลักยิ้มที่มุมปากขวา ขนตาของเขาก็เป็นแพยาวดำขลับ ทั้งๆ ที่ผมสีดำสนิทของเขาเปียกลู่แนบไปกับกรอบหน้า ก็ยังดูดีอยู่ดี ผมไล่สำรวจไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังทำความรู้จักกับผู้ชายที่กำลังจะมาร่วมงานด้วย แม้ว่าจะยังไม่ได้ติดต่อไปเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาเศร้ามากเมื่อเทียบกับรูปอื่นๆ ผมเม้มปากขณะกดเลื่อนไปดูช่องทางการติดต่องานที่หน้าโปรไฟล์

06X-XXX-XXXX K.ต่าย

บ่ายสามโมงครึ่งคงไม่น่าเกลียดสำหรับการติดต่องาน ผมกดโทรออกไปยังเบอร์ที่ได้มา แต่กลับรอสายอยู่จนมันตัดไปเอง โทรซ้ำอีกครั้งก็เหมือนเดิม ผมขมวดคิ้วมองจอโทรศัพท์อย่างงงๆ ก่อนตัดสินใจส่ง DM* (Direct message) ไปทางอินสตาแกรมของโฬมโดยตรง







BlueSky: สวัสดีครับ ผมชื่อสกาย จากค่าย XXX สนใจทำเพลงด้วยกันไหมครับ


_______________________________________________
สวัสดีค่ะ เป็นเด็กใหม่ที่บอร์ดแห่งนี้
จริงๆ เคยลงนิยายเรื่อง 'เสน่หาอินทรี' ในนามปากกา 'สมปลิง' ไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว
แต่ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าหายไปไหน หายทั้งล็อคอินเลย T^T
หนูไม่ได้เข้ามานาน ไม่รู้ทำอะไรผิดไปมั้งหรือเปล่า ฮืออ คิดถึงคอมเม้นจากกระทู้นั้นจัง


มาลงนิยายเรื่องใหม่หลังจากไม่ได้เขียนนิยายมานานเลยค่ะ
อยากลองเขียนฟีลกู๊ดดีๆ สักเรื่อง
ฝากติชมด้วยนะคะ เพราะไม่ได้เขียนนานมากเลย เกร็งสุดๆ
ตรงส่วนไหนข้อมูลผิด เขียนผิด ทำผิด ยินดีรับทุกคำวิจารณ์นะคะ -/\-

ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านค่า

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
รอติดตามนะค๊ะ

ออฟไลน์ Khunkwanz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอติดตามนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Plot  น่าสนใจมากค่ะ  o13 ติดตามค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บท2 [23-sep-18]
«ตอบ #6 เมื่อ23-09-2018 16:37:48 »

บทที่ 2
   
   ผมไม่ได้รอการตอบกลับอย่างใจจดจ่อ ก็แค่ปิดโทรศัพท์แล้วพาสารร่างตัวเองไปที่โต๊ะทำงานเพื่อเขียนไอเดียเพลงออกมาคร่าวๆ สมุดโน้ตปกแข็งสีครีมดูยับเยินเอามากๆ ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งซื้อมันมาใช้แค่สามเดือนเศษ ปากกาคู่ใจแท่งสามสิบบาทเหน็บอยู่ข้างสันเกลียว ผมรูดมันออกมาและปลดปลอกฝาออก

กระดาษหนังสือแบบถนอมสายตาถูกใช้ไปกว่าครึ่งเล่ม และดูท่าผมคงจะต้องซื้อใหม่ในเร็ววัน ไอเดียทั้งที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้เละเทะเต็มไปหมด ผมขีดๆ เขียนๆ อยู่พักใหญ่ บ้างก็เปิดเอาความคิดเก่าที่ไม่เคยหยิบมาใช้จริงเป็นตัวอ้างอิงเล็กๆ น้อยๆ นานกว่าสองชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่ในท่าเดิม นิ้วมือข้างที่ว่างก็เคาะเบาๆ เป็นจังหวะลงบนโต๊ะ จนกระทั่งสมาร์ทโฟนบนเตียงร้องแจ้งเตือนข้อความเข้า ผมถึงได้ผละออกจากเก้าอี้


Rome_o: สกาย?


ผมขมวดคิ้วมองข้อความบนจอโดยที่ยังไม่กดเข้าไปอ่าน รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ เฟลหน่อยๆ แต่พอพ่นลมหายใจออกทางปากยืดยาวครั้งหนึ่ง ความขุ่นมัวก็หายไป ผมต้องยอมรับความจริงว่าผมไม่ได้ดังแบบทั่วประเทศ ก็แค่ดังในคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกคนจะรู้จักผม


BlueSky: ผมติดต่อไปทางคุณต่าย แต่ไม่มีใครรับสายครับ


ผมเลี่ยงการอธิบายว่าตัวเองคือใครเพราะมันน่ากระดากปากไม่น้อยเลย ประโยคที่ตอบกลับโฬมไปจึงดูไม่ตรงคำถามแบบสุดๆ
แต่ใครสนใจกัน

ผมเอนตัวนอนลงบนเตียง ยกขาขึ้นไขว่ห้างในขณะจ้องหน้าจอบทสนทนาทางไอจีนั้นอย่างรอคอย เพราะข้อความของผมขึ้นว่าถูกอ่านแล้ว และอีกฝั่งก็กำลังพิมพ์ตอบกลับมา


Rome_o: อ่อ ตอนนี้ผมรับงานเองไม่ผ่านผู้จัดการครับ สงสัยลืมเอาเบอร์ออก


ผมพยักหน้ากับตัวเองเมื่อความคิดหนึ่งพุ่งเข้ามา ข่าวเรื่องเป็นเกย์ของเขาน่าจะมีผลกระทบร้ายแรงเหมือนกัน นักร้องที่เคยมีชื่อเสียงถึงได้ต้องมารับงานเองโดยไม่ผ่านผู้จัดการ

แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่สนใจ

ข่าวเรื่องนี้ของเขากลับเป็นประโยชน์กับผมด้วยซ้ำ มันเข้าคอนเซปต์และผมอาจใช้ประโยชน์กับประสบการณ์จริงนี้ในการทำเพลงให้สมจริงยิ่งขึ้นได้ อีกอย่างระหว่างนั่งเขียนเพลงเมื่อกี้ผมได้ฟังเพลงเก่าๆ ของโฬมไปกว่าสิบเพลงได้ เสียงดีไม่ใช่เล่น เห็นว่ามีบางเพลงที่เจ้าตัวแต่งเอง ซึ่งก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

เขาควรมีอนาคตที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่ถูกสังคมตัดสินในเรื่องที่ไม่ใช่แม้กระทั่งความผิดเล็กๆ อย่างการรักเพศเดียวกัน


BlueSky: ผมอยากชวนคุณโฬมมาทำเพลงด้วยกัน ถ้าหากคุณสนใจมาคุยกันเรื่องรายละเอียดงานที่คาเฟ่ XY วันเสาร์บ่ายสามนะครับ


 ผมจิ้มแป้มพิมพ์ยิกๆ ไม่รู้ว่าพูดแบบนี้เป็นการบังคับทางอ้อมรึเปล่า เพราะปกติผมดีลงานกับผู้จัดการนักร้องผ่านโทรศัพท์ มันสะดวกในคอนเฟิร์มงานในเวลารวบรัดจึงติดเป็นนิสัย


Rome_o: ได้ครับ


ผมคลี่ยิ้มแล้วโยนมือถือทิ้งไปข้างตัว กางแขนขาแผ่สองสลึงตากแอร์เย็นสบาย เสียงเครื่องปรับอากาศดังคลอไปกับดนตรีจังหวะโยกเล็กๆ ที่ผมเปิดคลอทิ้งไว้ ผมปิดเปลือกตาลง คิดว่าจะงีบสักพักก่อนค่อยออกไปหาอะไรกิน แต่แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสามกับร้านอาหารใกล้คอนโดที่ปิดประตูกันหมดซอย

โคตรเศร้า...










วันเสาร์, บ่ายสองสี่สิบสี่นาที

ผมแต่งกายในชุดที่คิดว่าดูดีและสุภาพที่สุด ด้วยกางเกงยีนสีซีดขาดเข่ากับเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์สีขาวลายฮิปๆ แว่นกันแดดสีชาเหน็บอยู่ที่คอเสื้อ พร้อมด้วยนาฬิกาเรือนโตประดับบนข้อมือซ้าย

ผมว่ามันสุภาพนะ...

ผมหัวเราะกับตัวเองตอนเดินเข้าไปในคาเฟ่ XY แล้วพนักงานที่สนิทร้องแซวว่าจะไปถ่ายแบบที่ไหน ถ้าเขาก้มลงมาดูรองเท้าแตะอดิดาสสีดำคาดขาวของผมคงไม่พูดอย่างนั้น

“ช็อคโกแลตเย็นครับ” ผมบอกหลังจากกวาดสายตามองเมนูบนผนัง “แล้วก็ชีสเค้กทานนี่ที่หนึ่ง”

“หนึ่งร้อยยี่สิบบาทค่ะ” ผมควักแบงค์แดงและเขียวออกมาจ่ายพอดีกับค่าของหวาน พนักงานยิ้มรับแล้วบอกให้ผมไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน ผมรับใบเสร็จแล้วลากไอ้แตะราคาแพงที่ใช้มาสองปีแล้วเดินดุ่มๆ ไปหาที่นั่ง

คาเฟ่ XY เป็นที่ที่ผมชอบมาเวลานัดคนมาเจอนอกสถานที่ บรรยากาศของร้านตกแต่งสไตล์อังกฤษ สวนดอกไม้ก็สวยและร่มรื่น ผมว่ามันดูไม่ถูกเกินไปและก็ไม่แพงเกินไป ร้านตกแต่งออกมาดูหรูหรามาก แต่เพราะทำเลไม่ใช่ทำเลทอง อาหารเครื่องดื่มจึงอยู่ในเรทกลางๆ ไม่ถูกไม่แพง พอเป็นหน้าเป็นตาเวลาผมนัดลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์มาคุยได้ เพราะถ้าจะให้ผมนัดทุกคนไปเจอร้านนางเงือกสีเขียวๆ เดือนนั้นทั้งเดือนผมคงต้องกินแกลบแล้วล่ะครับ

ผมไม่ใช่นักแสดงหรือดารามีชื่อเสียง งานอีเว้นท์ที่ผมได้ออกจึงไม่ได้เยอะขนาดได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าถามว่ารายได้ดีไหม มันก็ต้องดีอยู่แล้ว สองชั่วโมงที่ไปโชว์กับเงินหลักหมื่น มันก็พอทำให้ผมฟุ่มเฟือยกับกิเลสตัวเองได้พอสมควร

ผมเลือกนั่งที่ริมกระจกด้านในร้าน วางสมาร์ทโฟนสีขาวจั๊วะลงบนโต๊ะ เอนหลังพิงพนักพลางกอดอกมองหน้าจอสีดำสนิท เผื่อว่าคุณโฬมจะทักมาถามตำแหน่งที่นั่งผมจะได้ตอบได้ทัน

และนั่นไง ไม่ทันไรไอจีของผมก็แจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า


Rome_o: ผมมาถึงร้านแล้วครับ


ผมชะโงกหน้าออกไปมองที่ประตูร้าน เห็นผู้ชายร่างสูงรูปร่างดีกำลังยืนกดโทรศัพท์ที่ข้างนอก เขาสวมกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดอย่างง่ายๆ แต่เพราะเสื้อกันหนาวสีดำที่มัดแขนพาดบนไหล่กว้างช่วยเสริมให้ดูมีสไตล์ขึ้นมา แว่นตาดำกับทรงผมเซ็ทแบบตั้งใจให้ยุ่ง ออร่าความหล่อพุ่งทะลุออกมาทุกอณูผิว ผมเผลอกลั้นหายใจไปเสี้ยววินาทีเพราะตกใจกับความหล่อแบบไม่ปราณีใครของเจ้าตัว

“อะแฮ่ม” พอกระแอมไอเรียกสติตัวเองเสร็จผมก็จิ้มแป้นพิมพ์เพื่อบอกเขาว่าผมอยู่โต๊ะด้านในสุดริมหน้าต่าง เห็นผู้ชายคนนั้นก้มลงอ่านข้อความครู่หนึ่งก็เปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน

โฬมสั่งอะไรบางอย่างกับพนักงานที่เคาท์เตอร์ แอบได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายเมื่อมีคนจำได้ว่าเขาคือใคร แต่โฬมก็เพียงยิ้มรับแล้วเบี่ยงตัวเดินหนีมาทางผม

“สกาย?” เสียงของเขาอยู่ในโทนกลางติดทางทุ้มต่ำ ฟังแล้วมีเสน่ห์กับเอกลักษณ์สุดๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่หยุดยืนอยู่ตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เขาถอดแว่นออกแล้วฉีกยิ้มอวดฟันเขี้ยวและลักยิ้มบุ๋มลึก

“ครับ คุณโฬม?” ผมเชื้อเชิญให้เขานั่ง และโฬมก็รับคำด้วยการทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ตรงข้ามผม แว่นตาที่น่าจะแพงพอดูถูกพับเก็บและวางลงบนโต๊ะ

“เรียกโฬมเฉยๆ ก็ได้ครับ”

บทสนทนาที่ผมกำลังจะพูดต่อถูกขัดด้วยอาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟ ชีสเค้กหอมจนผมแทบลืมไปเลยว่ามีแขก ในขณะที่นมสดร้อนในแก้วของอีกคนก็ชวนให้ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

นึกว่าจะกินกาแฟอะไรแบบนี้

พวกเราเงียบลงเพื่อละเลียตกับของหวานตรงหน้าคนละคำ ก่อนที่โฬมจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง เขาน่าจะเป็นคนเฟรนด์ลี่ ประเภทมนุษยสัมพันธ์พุ่งทะลุปรอท ยิ้มง่ายเข้าสังคมเก่ง แตกต่างจากผมอยู่พอควรเพราะผมค่อนข้างอินดี้ชอบนั่งแต่งเพลงเงียบๆ คนเดียว

“เพลงที่ว่าจะชวนมาทำ แนวไหนเหรอครับ”

“...” ผมเงียบเพื่อกลืนน้ำช็อคโกแลตคำโตลงคอ “เพลงรักน่ะครับ”

“อ๋อ” เขาพยักหน้าเพื่อต่อบทสนทนา

“เพลงรักของผู้ชายกับผู้ชายนะครับ”

“...!” ผมเห็นโฬมสำลักนมสดที่เขาเพิ่งยกขึ้นจิบ

พวกเราเงียบ ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเงยขึ้นมามองผมด้วยความตกใจ ผมฉีกยิ้มบาง ตักชีสเค้กเข้าปากเงียบๆ เพื่อรอให้คนที่ดูท่าจะมีข้อสงสัยเต็มไปหมดเอ่ยปากถาม

“คุณ...”

“...”

“ทำไมถึงจะทำเพลง... เกย์”

“อยากทำครับ” ผมไม่อยากเล่าเหตุผลให้คนไม่รู้จักฟัง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อน

“คุณเป็น... เกย์เหรอ” เสียงที่เปล่งออกมาทั้งเบาทั้งขมุกขมัวอยู่ในลำคอ แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่ามันคืออะไร ผมส่ายหน้าช้าๆ เพื่อปฏิเสธ

“คุณอาจไม่รู้จักแต่ผมเป็นแรปเปอร์ครับ” ผมค่อยๆ พูดช้าๆ “ผมทำเพลงสะท้อนสังคมในหลายๆ ด้าน และตอนนี้ผมก็แค่อยากทำเพลงที่พูดถึงเรื่องพวกนี้เท่านั้นเองครับ”

“...” โฬมเงียบ คงกำลังเรียบเรียงคำพูดของผมอยู่

“ถ้าอย่างนั้นที่ชวนผมมาทำเพลงด้วยก็เพราะ...”

เขาอาจจะหมายถึงข่าว เพราะสีหน้าของโฬมดูแหยงๆ เหมือนไม่ค่อยอยากพูดถึง ผมปล่อยความเศร้าที่ได้รับรู้ให้เป็นเพียงภาพเบลอ มองเลยผ่านดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิด ก่อนจะตอบรับด้วยความจริงใจไร้คำโกหกเพื่อรักษาน้ำใจกัน

“ครับ เพราะเรื่องนั้นด้วย”

“...” โฬมเงียบ เขาขมวดคิ้ว

ผมสงสัยจังว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาจะปฏิเสธผมไหม จริงๆ ผมไม่ซีเรียสที่จะต้องไปหานักร้องคนอื่น แต่ผมเสียดาย ทั้งเรื่องความสามารถของเขา ทั้งเรื่องเสียงของเขา รวมถึงข่าวและตัวตนของเขาที่จะช่วยยกระดับเพลงผมให้เป็นเพลงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปด้วย
โฬมเงียบนานมากจนผมเริ่มลุกลี้ลุกลนเอง

เอาตรงๆ เลยก็คือผมอยากได้เขา เสียงของเขามันดีมากจริงๆ ยิ่งได้มาฟังเนื้อเสียงด้วยหูตัวเอง ให้ตาย ผมอยากได้เสียงของเขามาใส่ในเพลงของผมจนเนื้อเต้น

“ผมชวนมาทำเพลงด้วยกันไม่ใช่ฟีทเจอริ่งนะครับ” ผมบอกจุดประสงค์ให้กระจ่าง

โฬมเงยหน้าขึ้นมาสบตา ผมเห็นแววสงสัยใคร่รู้สั่นระลึกอยู่ในแก้วตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น

“บางทีหลังมีข่าว คุณอาจอยากพูดอะไรมากมายแต่คงพูดไม่ได้” แววตาของเขาสั่นไหวทันทีที่ผมพูดจบ ครับ ผมกำลังเล่นแง่กับเขาเพื่อโน้มน้าว “ถึงเพลงของผมจะไม่ดัง คนที่ฟังมีไม่เยอะ แต่มันก็เป็นกระบอกเสียงให้ได้นะครับ”

“...”

“ไม่อยากพูดอะไรผ่านเพลงหน่อยเหรอครับ”

“อยากครับ” โฬมพยักหน้ารับอย่างจนต่อคำพูดของผม

ผมยิ้มกว้าง บางทีอาจจะกว้างจนตาเป็นเส้นเลยมั้งเพราะผมมองไม่ค่อยเห็น แต่ผมกำลังดีใจสุดๆ พลางคิดไปถึงบทเพลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

มันต้องเป็นมาสเตอร์พีชชิ้นหนึ่งของผมแน่ๆ

ผมรับประกันว่ามันต้องออกมาดีสุดๆ ไปเลย

ผมดีใจกับตัวเองจนไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเบิกตากว้างเหมือนเจอสิ่งประหลาด โฬมกระแอมไอเบาๆ แล้วหันหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่าง เสียงนั้นดึงผมกลับสู่โลกความเป็นจริงในทันที

ริ้วแดงที่พาดบนแก้มของผู้ชายตรงหน้าทำให้ผมสงสัย แต่ก็ปัดทิ้งไปเมื่อมองเห็นแดดยามเย็นสาดเข้ามาทางกระจก มันทาบลงบนตัวของผมและโฬม ร้อนพอสมควรจนผมตัดสินใจปิดประเด็นสนทนาเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน

ผมหยิบนามบัตรที่ทำเองพิมพ์เองส่งให้ผู้ร่วมงานคนใหม่ คว้าแก้วช็อคโกแลตมาดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนเอ่ยตัดบทเพื่อบอกลา

“ถ้าพร้อมเริ่มเมื่อไหร่มาหาผมตามที่อยู่ในนามบัตรเลยนะครับ”

“ได้ตลอดเลยเหรอครับ” ผมชะงักมือที่กำลังดันโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

“จริงๆ ช่วงนี้ผมก็ว่าง แต่โทรมาก่อนก็ดีนะครับ” ผมหัวเราะในคอเพื่อเพิ่มสีสัน “เดี๋ยวผมต้องไปทำธุระต่อ”

ธุระที่คือการหาข้าวเย็นกินนั่นเอง

“แล้วผมจะโทรไปนะครับ” โฬมบอกด้วยรอยยิ้มแสนเป็นมิตร

แต่ผมกลับตงิดใจกับประโยคนั้นแปลกๆ

แต่ผมก็เลิกสนใจในทันทีเมื่อขาก้าวออกมาพ้นห้องแอร์ แดดประเทศไทยนี่แทบจะเผาผมให้ละลายติดพื้นภายในสามวิที่สัมผัส ผมแทบจะวิ่งไปที่รถอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ารองเท้าแตะคู่ใจมันทำท่าจะหลุดอยู่ตลอดเวลา

ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ปล่อยให้แอร์โลมเลียผิวลดความแสบร้อนจากแสงอาทิตย์อยู่สักพัก ก่อนจะเข้าเกียร์ถอยหลังออกจากซองจอด ผมหักพวงมาลัยหันหัวรถออกไปยังถนน ที่กระจกมองหลังสะท้อนภาพผู้ชายตัวสูงที่เคยนั่งอยู่ตรงข้ามผมในร้านคาเฟ่กำลังเดินช้าๆ ท้าแดดประเทศไทยไปยังบริเวณจอดรถ

คนเราจะเป็นต้องหล่อทุกท่วงท่าเลยรึเปล่าครับ อันนี้ผมสงสัยจริงๆ





______________________
Talk:
มาแล้วค่าาาา มาแล้ววว
จ่ายค่าตัวคุณโฬมแล้วค่ะ จ่ายด้วยรอยยิ้มเจ้าสกาย
งื้ออออออ

สกายเป็นคนติสต์ๆ หน่อยนะคะ 5555
เป็นคนที่เหมือนช่างพูด แต่ก็พูดเก่งเฉพาะเวลาคุยเรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้น
เอ็นดูเจ้าสกายด้วยนะคะ  :-[

ขอบคุณทุกยอดวิว ทุกยอดคอมเม้นเลยค่ะ
ปั่นอย่างไวววววววว่อง
ปล.ขออภัยในคำผิดนะคะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆนะ

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 3
   
ผมปล่อยเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ โดยไม่ได้ใช้มันสร้างสรรค์ผลงานอะไรใหม่ๆ แม้ว่าไอเดียตอนนี้จะเต็มหัวไปหมด แต่ผมกลับขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นมาจับปากกา ผมได้แต่นอนอืดอยู่บนเตียง ลุกออกไปหาอะไรกินที่เซเว่นใกล้คอนโด ก่อนจะกลับมานอนอืดใหม่อีกครั้ง วันๆ ขยับแค่ปลายนิ้วเลื่อนไถทวิตเตอร์ พลางรอให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่ติดต่อมา ก็น่าจะเป็นเวลาสามวันแล้วที่โฬมหายไปเลยหลังจากเราตกลงดีลงานกัน

แต่วันนี้ผมไม่อาจนอนกระดิกเท้าได้เหมือนเดิมแล้วเพราะตอนสี่ทุ่มผมมีงานที่ร้านนั่งเล่นแถวย่านเศรษฐกิจ ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียงมาตอนที่ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้ม ขยับหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินลากขาสองข้างเข้าห้องน้ำไปด้วยอากัปหาวปากกว้าง

โคตรง่วง

กว่าผมจะขัดสีฉวีวรรณเสร็จก็ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง เสียงดนตรีหนักๆ ยังดังลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ ในขณะที่ผมเดินโถงๆ พาดผ้าขนหนูออกมาที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่แคร์สายตาใคร แน่สิ ผมอยู่ที่นี่คนเดียว ผ้าม่านก็รูดปิดเรียบร้อย ถ้าจะมีคนเห็นก็แค่คนในกระจกเท่านั้นแหละ

ผมเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแบบบิวด์อิน ไล่สายตามองหาเสื้อผ้าที่เหมาะกับการใส่ไปงานวันนี้ แต่ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนึ่งที

ไม่มีอะไรจะใส่แล้วครับ

ผมไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาน่าจะราวๆ หนึ่งปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มได้จับงานเพลงเบื้องหลังอย่างจริงจัง ผมก็แทบจะซื้อเฉพาะอุปกรณ์เครื่องเสียงบลาๆ มากกว่า ทั้งๆ ที่ชีวิตปกติผมโคตรจะชอบแต่งตัวเลย แต่ไอ้คำว่าไม่มีอะไรจะใส่แล้วของผมก็อาจทำให้หลายๆ คนเบ้หน้า

เพราะตู้เสื้อผ้าผมมันแทบจะไม่มีที่ว่างให้ยัดอะไรเข้าไปเพิ่มอีกแล้ว

ผมหัวเราะเบาๆ กับความคิด ควานหาเสื้อยืดตัวโคร่งๆ ออกมาสักตัว ผมเป็นประเภทชอบใส่เสื้อตัวใหญ่มากๆ สไตล์ฮิบฮอบน่ะครับ ใครๆ เขาก็ใส่กัน ยิ่งเวลาแขนเสื้อมันยาวมาจนแทบคลุมทั้งมือผมยิ่งฟิน ไม่รู้เป็นโรคจิตหรือเปล่า

เสื้อแขนยาวแต่เนื้อผ้าบางเบาสีฟ้าครามเป็นตัวเลือกสุดท้ายหลังจากปัดป่ายมือเลือกอยู่นาน ผมสวมมันลงบนตัวทันที คอวีของมันกว้างจนคว้านมาถึงร่องหน้าอก แต่ผมไม่มีหน้าอก เลยไม่ได้สนใจกว่ารอยแยกจะลึกมากแค่ไหน จากนั้นผมก็หยิบอันเดอร์แวร์และบ็อกเซอร์ลายสัปปะรดมาสวมตาม กางเกงยีนส์วันนี้รัดรูปสุดๆ สีดำสนิทพร้อมด้วยรอยขาดที่ต้นขาตามสไตล์

ใครไม่ชอบ ผมชอบ

ผมหยิบสร้อยรูปไม้กางเขนที่ยาวจนถึงรูสะดือมาสวม แหวนสีดำเกลี้ยงเกลาที่นิ้วนางข้างขวา พร้อมด้วยกำไลเงินบนข้อมือเป็นอย่างสุดท้าย

เยอะไปป่ะ

ไม่หรอกเนอะ

ผมพยักหน้าให้ตัวเองในกระจก ขยี้ๆ ผมด้วยเจลอย่างง่ายๆ เพราะมันยาวจนไม่รู้จะจัดทรงยังไง จากนั้นก็ฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดเป็นอย่างสุดท้าย

โทรศัพท์และกระเป๋าเงินถูกยัดเข้าในกระเป๋าผ้าที่ไม่ได้จะเข้ากับชุดวันนี้เลย แต่กางเกงมันฟิตเกินกว่าที่ผมจะยัดอะไรเข้าไปได้อีก ผมควงกุญแจรถ เดินผิวปากลงไปที่ลานจอดรถหน้าคอนโดอย่างสบายอารมณ์ นาฬิกาบนผนังที่ล็อบบี้บอกเวลาทุ่มครึ่ง ผมกะจะไปหาอะไรกินก่อนขึ้นแสดง ถ้ารถไม่ติดล่ะก็นะ

รถยนต์สีขาวที่ราคาไม่แพงมากค่อยๆ ถอยออกจากซองจอด ผมซื้อด้วยเงินดาวน์จำนวนมาก เลยผ่อนสบายๆ ไป คิดการไกลครับ เพราะช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการผมยังเป็นกระแส เงินที่ได้มาเลยเป็นก้อนใหญ่มากๆ หลังจากนั้นก็น่าจะหดหายลงหลังกระแสค่อยๆ หมด เลยคิดว่าดาวน์สูงๆ ไปก่อนก็น่าจะดี ไม่รู้ถูกไหมอาศัยความพอใจตัวเองเป็นที่ตั้ง

ผมฮัมเพลงเบาๆ วันนี้รถไม่ค่อยติด แต่อีกฝากกลับแดงเถือก ผมผิวปากอารมณ์ดี เคาะพวงมาลัยเบาๆ ขณะหาจังหวะเลี้ยวรถเข้าไปยังร้านจุดหมาย

“สวัสดีครับ” ผมลดกระจกทักทายยาม เขาน่าจะจำผมได้เพราะเคยมาแสดงที่นี่บ่อยๆ ลุงยามตะเบ๊ะทักทายก่อนจะโบกไปทางขวาเป็นสัญญาณว่ามีที่ว่างอยู่ตรงนั้น ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วเลี้ยวรถเข้าไปตามคำแนะนำ

กว่าจะจอดรถแล้วพาสารร่างแสนขี้เกียจของตัวเองเข้ามาในร้านก็ลีลาไปหลายนาที ผมมองฝูงชนที่นั่งโยกหัวเบาๆ ประกบดนตรีสดที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีเล็ก เสียงทุ้มนุ่มที่ลอยเข้าหูทำเอาเผลอชะงักขาไปแวบหนึ่ง

ผมขมวดคิ้ว หันไปมองยังต้นทางของเสียงคุ้นหู

คนตัวสูงในชุดไปรเวทง่ายๆ นั่วไขว่ห้างดีดกีตาร์อยู่บนเก้าอี้กลางเวที แสงไฟหรี่ลงจนเห็นเป็นเงานวลๆ แต่ลักยิ้มบุ๋มลึกกับฟันเขี้ยวเวลาเจ้าตัวยิ้มกลับกระแทกเข้ามาในครรลองตาของผม

โฬมหลับตาร้องเพลงรักเศร้าๆ ทั้งๆ ที่ยังคงฉีกยิ้มพริมใจยั่วให้สาวๆ ในร้านตกหลุมรัก  โคตรจะไม่เข้ากัน แต่ก็ยอมรับว่ามีเสน่ห์สุดๆ ผมขมวดคิ้ว พลางถามตัวเองอีกครั้ง ว่าคนเราจำเป็นต้องหล่อเรี่ยราดขนาดนี้เลย

“สกาย” เสียงเรียกของใครบางคนดึงสายตาผมออกมาจากคนบนเวที และเมื่อผมเห็นหน้าเขาคนนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากก็ถูกจุดขึ้นมาอย่างง่ายๆ

“เฮียเต็ม” ผมเอ่ยทัก “มาซะหล่อเชียวครับ”

“ปากหวานตลอด ไม่ขึ้นค่าตัวให้หรอกเว้ย” เฮียเต็มว่าก่อนจะเดินเข้ามากอดคอแล้วพาผมไปนั่งยังมุมประจำ

ผู้ชายร่างหน้ากล้ามเป็นมัดๆ รวมถึงหนวดเคราและหัวโล่งเตียนที่ชื่อเฮียเต็มนี้เป็นเจ้าของร้านที่ผมกำลังเหยียบอยู่ เฮียแก่กว่าผมเป็นสิบปี เปิดร้านนี้มาก็นานมาก ผมมาแสดงที่นี่ได้เพราะเฮียเต็มไปชักชวนมาตั้งแต่เพิ่งเริ่มดังในยูทูปใหม่ๆ เขาเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้ผมเป็นที่รู้จัก เพราะร้านของเฮียดังมากๆ เนื่องจากทำเลดี บรรยากาศและเครื่องดื่มก็ดี

“เอาหนักๆ เผาคอมันหน่อย” เฮียตะโกนบอกบาร์เทนเดอร์ที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่รู้ชื่อ ผมถูกกดให้นั่งลงบนโต๊ะติดกับบาร์ มุมอับสายตาพอสมควรเพราะเป็นที่ใกล้ลำโพง

“ผมต้องขึ้นโชว์นะครับ” ผมโอดครวญ แต่ก็เท่านั้น ปกติอยู่แล้วที่จะถูกเผาหัวตั้งแต่เหยียบเข้าร้าน เฮียเต็มกับผมนับถือกันเหมือนพี่น้อง แถมยังชอบจ้างผมมาบ่อยๆ ที่ผมมีกินมีใช้ก็เงินเฮียเกือบครึ่ง

“ตอนนี้ลูกค้าก็เมา ไม่มีใครรู้หรอกถ้าเอ็งจะร้องผิด”

ผมหัวเราะกับความคิดโคตรเจ๋งนี้ ก่อนจะรับแก้วใสที่มีของเหลวเติมเต็มอยู่ด้านในมากระดก

“นี่เฮียจ้างโฬมมาหรอ” ผมถามหลังซดสิ่งบาดคอนั้นลงแล้วร้องฮ้าเสียงดังก่อนจะยกมือปาดคราบน้ำบนริมฝีปากออก

“อ่อ สงสารเด็กมัน” เฮียบอกขณะสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม “หน้าตาก็ดี เสียงก็ดี อนาคตดับเพราะคนรักเก่าหักหลัง โคตรน่าสงสาร”

นี่แหละครับเฮียเต็มผู้หน้าโหดแต่ใจดีประหนึ่งพ่อพระ

ผมไม่ได้ต่อบทสนทนาเพราะเครื่องดื่มราคาแพงขวดใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะ ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มองเฮียเต็มที่บรรจงเทของเหลวสีสวยนั้นลงแก้วให้ผมอย่างกระหาย

ของแพงอ่ะครับ ต้องเข้าใจหน่อย

ผมยกซดเอาซดเอาไม่ได้แคร์เลยว่าท้องยังว่าง แถมอีกไม่กี่เพลงก็จะต้องขึ้นแสดงแล้ว แถมเฮียเต็มก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร รินเอาๆ จนแก้วผมไม่เคยว่างเกินสามวินาที

เสียงเพลงจากลำโพงยังคงดังเรื่อยๆ ผมนั่งเท้าคาง หมุนแก้วในมือขณะกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน มีสาวๆ หลายคนเคลิบเคลิ้มไปกับนักร้องบนเวที และมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ยกแก้วชนพลางแหกปากร้องตามเพราะเพลงมันโดนใจ
โฬมเรื่องร้องเพลงรักที่โคตรเจ็บ บางเพลงก็เป็นเพลงตัวเอง บางเพลงก็เป็นเพลงคนอื่น ผมโยกหัวฟัง รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันเพราะเอามากๆ เมื่อคนร้องคือเพื่อนร่วมงานในอนาคตคนนี้

“เมารึไง” เฮียเต็มว่าขัดอารมณ์สุนทรีย์ของผม เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือกเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนบนโต๊ะ และก็ได้ค้นพบว่า ตอนนี้หัวผมเอนจนจะติดพื้นอยู่แล้ว

ชิบ...

“เฮียมอมผมอ่ะ” ผมเบ้ปากทำงอนๆ เลื่อนแก้วในมือออกไปห่างๆ

“คออ่อนขึ้นรึไงไอ้หนู”

ผมส่ายหน้า เพราะของแพงมันอร่อย เลยเผลอกินเพลินไม่ได้ดูว่าถึงลิมิตตัวเองแล้ว ผมยิ้มเผล่มองหน้าเจ้าของร้าน ตานี่ก็เยิ้มจัง มองจะไม่เห็นทางอยู่แล้ว

“ถ้าผมเมาหัวทิ่ม เฮียห้ามหักเงินนะ”

“อะไรวะ เหล้านี่ก็เลี้ยงแล้ว”

“ก็ความผิดเฮียทั้งนั้น” ผมยักไหล่ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อหวังให้มันสร่างขึ้น นิดหน่อยก็ยังดี ภายในร้านคนเริ่มทยอยมึนเมากันแล้ว เห็นบางคนแหกปากร้องไห้โฮเลยทีเดียว แต่ก็น่าสงสารที่เพื่อนไม่สนใจสักคน ผมยิ้มกับภาพต่างๆ ที่ไหลผ่านขณะเดินไปห้องน้ำ แอบเห็นมีหนุ่มสาวจู๋จี๋ในมุมมืด แต่ก็ช่างปะไร ตอนนี้กะเพาะปัสสาวะผมสำคัญที่สุด

“วู้ว” ผมพ่นลมหลังจากปลดปล่อยออกมาหมดตัว รู้วึกได้ว่าพอได้ลุกเดินก็อาการดีขึ้น ไม่ได้เซไปเซมาเหมือนขามาแล้ว ผมกลับไปนั่งที่โต๊ะ ไม่แตะแอลกอฮออล์ใดๆ อีกเพราะใกล้ถึงเวลาขึ้นแสดงแล้ว

“ขอบคุณครับ” ได้ยินเสียงทุ้มเอกลักษณ์กล่าวลากับผู้ชมแว่วๆ เฮียเต็มสะกิดไหล่ให้ผมไปเตรียมตัว ผมเลยลุกเดินไปที่ข้างเวทีเพื่อเช็คเครื่องเสียงและเตรียมกับคนเปิดบีท

ในจังหวะนั้นก็สวนกับคนที่หิ้วกีตาร์เดินยิ้มจางลงมาจากเวทีพอดี

“อ้าว” โฬมหยุดเมื่อเห็นผม

ผมฉีกยิ้ม เป็นยิ้มเยิ้มๆ แบบคนยังไม่สร่างเมาดีนั่นแหละครับ “ร้องเพราะนะ”

“ขอบคุณ” โฬมยิ้มตอบกลับมา “สกายขึ้นเวทีหรอ”

ผมพยักหน้า รับไมค์ไร้สายมาถือไว้ในมือพลางกรอกเสียงลงไปเช็คซาวด์

“เดี๋ยวผมรอฟัง” โฬมบอกตัดบทเมื่อเห็นผมยุ่งๆ กับการเตรียมตัว พวกเราโบกมือให้กันก่อนที่โฬมจะเดินไปหาเฮียเต็ม เฮียแกจ่ายสดทันทีที่แสดงจบครับ จะรวยไปไหนก็ไม่รู้ แถมยังแอบเห็นว่าเปิดของแพงมาชวนโฬมดื่มอีก เหมือนเห็นภาพตัวเองเมื่อชั่วโมงก่อนเลยแฮะ

ผมส่ายหัว ละสายตากลับมาจดจ่อกับงานตัวเอง สูดลมหายใจเข้าสุดปอดเรียกกำลังใจ ก่อนจะวิ่งเชิงกระโดดขึ้นบนเวทีทันทีที่บีทสนุกๆ ดังขึ้น

“สวัสดีครับบบบ! Blue Sky is here right now!!”






ผมทั้งกระโดด แหกปากร้อง โค้งตัวจนแทบจะเอาหน้าแนบพื้นไปตลอดโชว์ แต่พอเห็นผู้ชมลุกฮือกันขึ้นมาเต้น โยกย้ายกันด้วยความเมามัน มีเกินครึ่งที่แหกปากร้องตามผมได้ ผมก็ยิ่งจัดเต็มไม่ยั้ง เล่นเอาเสียงแหบแห้งในตอนท้ายๆ เลยทีเดียว
ผมลากสภาพหมดเรี่ยวแรงลงมาจากเวที ตอนนี้ในร้านเปิดเพลงมันส์ๆ ให้คนได้ปล่อยผีกันเต็มที่แล้วครับ เลยมีหนอนโดนไฟลนมากมายออกันเต็มฟลอร์กลางร้าน กว่าผมจะฝ่ามาได้ก็เกือบแบนแต๊ดแต๋ โฬมยังนั่งอยู่กับเฮียเต็มเหมือนเดิม แถมผิวขาวๆ นั้นยังแดงแจ๋ไปหมด

ไม่รอดแน่ๆ

“เฮียมอมคนอีกแล้ว” ผมบ่นขณะทิ้งตัวนั่งข้างๆ โฬม “โชว์สนุกป่ะ” ผมถามคนที่ไม่น่าจะเคยฟังเพลงของผมมาก่อน

โฬมฉีกยิ้มหล่อสุดพลังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือชูนิ้วโป้งมาให้ด้วย

“เอ้า ค่าตัว” ซองสีขาวถูกยื่นมาให้ผม ผมก็รับด้วยรอยยิ้ม

“เฮียไปไหนอ่ะ” เมื่อยื่นเงินค่าจ้างให้เสร็จเฮียเต็มก็หมุนตัวอย่างรีบร้อน ผมเลยตะโกนถามไล่หลังไปด้วยความสงสัย

“มีคนตีกันโว้ย กูต้องไปจัดการ”

ผมไม่ทันได้ตอบรับร่างกำยำก็เดินลิ่วหายไปแล้ว

เลยเหลือเพียงแค่ผมกับโฬมที่นั่งอยู่เงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนวุ่นวายในร้าน ผมหันไปมองคนที่น่าจะเมาบอกสมควร แต่ก็ไม่ได้ออกอาการอะไร แค่ยิ้มง่ายขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเฉยๆ

“ยังไม่ว่างเหรอ ไม่เห็นโทรมา” ผมถามในเรื่องที่สงสัย

คือเราอยากทำเพลงแล้ว อยากจนเนื้อเต้น กระสันไปหมดแล้วเนี่ย แต่ไอคนที่ชวนมาทำเพลงด้วยดันหายหัวไป ผมเลยหงอยแดกนอนอืดเป็นผักเปื่อยบนเตียงมาสามวันเต็ม

“เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดครับ” โฬมบอก

“อ่อ” ผมไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไง เลยหยิบแก้วที่ไม่รู้ใช่ของตัวเองไหมขึ้นมาดื่ม

“แต่พรุ่งนี้ผมว่างนะ ตอนแรกว่าจะโทรหาสกายพรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้...” ผมคิดถึงตารางงานในหัว “ผมว่างทั้งวันเลย จะเข้าสตูดิโอตอนไหนก็บอกนะครับ ผมจะได้ไปรอก่อน”

เพราะมันเป็นสตูส่วนตัวของผม เลยต้องไปรอเปิดห้องให้เขาก่อน ไม่งั้นก็ไม่มีใครเข้าไปได้นอกจากผมและพนักงานทำความสะอาดที่มาอาทิตย์ละสองครั้ง

“น่าจะบ่ายๆ” โฬมบอก ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าหงึกหงัก หยิบของแพงยี่ห้อเดิมมารินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มช้าๆ
ไม่รู้เพราะโฬมเมาหรือเปล่า เขาเลยเอาแต่จ้องหน้าผมด้วยรอยยิ้ม

ผมพยายามไม่สนใจ แต่เพราะดวงตาวิบวับแปลกๆ ที่ทำเอานั่งอยู่ไม่ติดเก้าอี้ มันหายใจไม่คล่องแบบแปลกๆ เหมือนกำลังถูกลวนลามโดยการมองเลยอ่ะ

“ดึกแล้ว ผมต้องกลับแล้ว” ผมหลบเลี่ยงความรู้สึกแปลกประหลาดเหล่านี้ด้วยการหนี แต่พอเห็นดวงตาเยิ้มๆ ของอีกคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “กลับยังไงครับ?”

“ผมเอารถมา”

“ขับไหวเหรอ”

“ไหวครับ” โฬมยิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มที่บอกอย่างชัดเจนว่าขอบคุณที่เป็นห่วง

ผมกระแอมไอเมื่อรู้สึกมีอะไรติดในลำคอ ขยับลุกจากเก้าอี้แล้วขอตัวออกมาทันที ไม่ได้มองให้แน่ใจว่าโฬมขับรถกลับไหวแน่ๆ ด้วยซ้ำ เขาโตแล้วคงจัดการตัวเองได้

กว่าผมจะกลับมาถึงคอนโดก็ตีสองเข้าไปแล้ว ผมวิ่งผ่านน้ำแบบที่เรียกว่าวิ่งจริงๆ เพราะโคตรจะง่วงเลย วันนี้ใช้พลังไปจนหมด ไม่น่ากระโดดเยอะเลย เพราะขาของผมเริ่มปวดระบมตั้งแต่ปลีน่องมาถึงขาอ่อนแล้วเนี่ย

ผมเช็ดผมลวกๆ นั่งเป่าพัดลมให้แห้งอีกสักพักก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟโดยที่ไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อย มีแค่บ็อกเซอร์ขอบย้วยติดกายตัวเดียวเท่านั้น

“เฮ้อ” ผมทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงอย่างหมดสภาพ

แต่ก่อนที่จะได้หลับ  โทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาเสียก่อน

ผมควานหามันมากดรับ มองเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาด้วยความสงสัย แต่ก็กดรับอยู่ดี ผมไม่ได้มีคติไม่รับเบอร์แปลกหรอกครับ เพราะยังไม่เคยเจอใครโทรมาก่อกวนยกเว้นพวกขายประกัน

“ครับ สกายพูด”

[ฮัลโหล] เสียงสำเนียงอังกฤษไพเราะเอามากๆ ผมขมวดคิ้ว มองเบอร์ที่โทรเข้ามาอีกครั้งแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใคร

“ใครพูดครับ”

[ผม... โฬมครับ]

“เอ๊ะ” ผมเผลออุทานด้วยความตกใจ “คุณโฬมเหรอครับ”

[ครับ สกายถึงบ้านรึยังครับ]

“อ่า... สักพักแล้วครับ” ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ตอนนี้ทั้งงงทั้งง่วง สมองหยุดทำงานเลยคิดอะไรไม่ออก เลยได้แต่ถามย้อนไปตามมารยาท “แล้วโฬมถึงบ้านรึยังครับ”

[ถึงแล้วครับ]

“...อะ ครับ”

[…]

“...”

ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

ผมลองหยิกตัวเองดูเผื่อว่าจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวแล้วกำลังฝันอยู่ แต่มันดันเจ็บจริงนี่สิ ผมเลยได้แต่นั่งเม้มปากด้วยความไม่เข้าใจอยู่อย่างเดิม

“เอ่อ โทรมามีอะไรรึเปล่าครับ”

[เห็นสกายบอกว่าโทรมาได้ตลอดเวลา...] คนปลายสายเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก

ผมบอกตอนไหนหว่า

เท่าที่จำได้ ผมน่าจะหมายถึงว่าถ้าเป็นเรื่องงาน โทรมาได้ตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอ นั่นคือความหมายจริงๆ ที่ผมจะสื่อนี่ แต่ทำไม...

[ผมก็เลยโทรมาครับ]

“...”

พูดไม่ออกเลยครับ

“ไม่ใช่เรื่องงานใช่ไหมครับ” ผมถามไปเผื่อว่าโฬมจะเมาจนไม่รู้เรื่อง แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นจะเมามากมายอะไรผม งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากอยู่ครับสถาณการณ์นี้

[เปล่าครับ แค่อยากโทร]

“...”

นี่ผมอึ้งแดกไปกี่ครั้งแล้วครับเนี่ย

[ไม่กวนแล้วครับ]

“อ่า ครับ”

[ฝนดีนะครับฟ้า]

“ฝันดี...!”

ใครฟ้าวะ!

ผมชะงักไปอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้ท้วงอะไรไป ปลายสายก็กดวางไปก่อนแล้ว ผมหรี่ตามองหน้าจอที่กลับมาเป็นภาพแอพลิเคชั่นบนมือถือตามเดิมแล้วด้วยคิ้วขมวดยุ่งเหยิง

แล้วตกลงใครคือฟ้าอ่ะครับ

เมาแน่ๆ โฬมเมาแน่นอนผมยืนยัน!

__________________________
Talk: จะพยายามมา 2 วันครั้งให้ได้ค่ะ ฮือออ
รักคนอ่านทุกคน
ติชมได้นะคะ เป็นฟีลกู๊ดเรื่องแรกเลยมั้ง เพราะเคยเขียนแล้วไม่รอดสักที
หวังว่าเรื่องนี้จะรอดไปจนจบ ฮึ้บๆๆๆ

ฝากเจ้าสกาย มนุษย์ติสต์สุดในปฐพีไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

ปล.หนูขออภัยในคำผิด เขียนเสร็จก็อปมาเลยเพราะอยากรีบลง แง้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2018 23:43:17 โดย หะมายด์เอง »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 3 [25-sep-18]
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-09-2018 22:12:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 3 [25-sep-18]
«ตอบ #10 เมื่อ27-09-2018 13:22:54 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 3 [25-sep-18]
«ตอบ #11 เมื่อ27-09-2018 15:33:30 »

โดนแล้วววว 55555  :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 3 [25-sep-18]
«ตอบ #12 เมื่อ27-09-2018 19:53:28 »

 :o8:

55โดนเล็งแล้ว

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 4 [28-sep-18]
«ตอบ #13 เมื่อ28-09-2018 11:56:23 »

บทที่ 4
   


Rrrrrrrrr

ผมที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงยกหมอนขึ้นมาปิดหู ร้องครางงึมงำด้วยความรำคาญแต่ก็ไม่ได้สนใจขยับไปกดปิดมัน คิ้วของผมขมวดยุ่งเหยิง แต่ก็หลับลงไปทั้งแบบนั้นเพราะผมง่วงเอามากๆ

เมื่อคืนใช้แรง ใช้พลังไปจนหมด ผมต้องการการพักผ่อน

Rrrrrrrrr

โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ยังก่อความน่ารำคาญ ผมสะดุ้งหลุดจากฝันอีกครั้งเมื่อมันแผดเสียงขึ้นมาเป็นรอบที่สอง และคราวนี้เล่นเอาผมตาสว่างโร่ ผุดลุกมานั่งด้วยความหงุดหงิดที่โหมกระพืออยู่ในอก ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่โต๊ะข้างเตียง ปลดสายชาร์ตออกพลางมองเบอร์ผู้โทรเข้าอย่างพิจารณา

ถ้าเป็นคนสนิทผมคงรับสายแล้วกรอกคำด่าลงไปแล้ว แต่นี่คือเบอร์ของใครไม่รู้ คุ้นๆ แต่ไม่ได้เมมไว้ ผมเลยจำต้องกดรับแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต

“ฮัลโหล ใครครับ”

[อ่า... คุณไม่ได้เมมเบอร์ผมเหรอ]

ถ้าเมมก็คงไม่ถามไง

ผมอยากตอบไปแบบนี้มากๆ เพราะทั้งง่วงทั้งหงุดหงิด อยากล้มตัวลงนอนต่อเพราะยังนอนไม่เต็มอิ่ม ตาของผมปรือปรอยเต็มไปด้วยขี้ตาเกรอะกรัง มันลืมแทบไม่ขี้นด้วยซ้ำ ผมใช้หลังมือขยี้คราบขี้ตาออกพลางอ้าปากหาวหวอดใหญ่

“ไม่ ...หาวววว ได้เมมครับ” ผมตอบขณะหาวปากกว้างไปด้วย

[ยังไม่ตื่นเหรอครับ]

“ตื่นแล้วครับ แต่จะนอนต่อแล้ว” ปกติผมเป็นคนสุภาพนะ (คิดเอาเองครับไม่เคยมีใครชม) แต่ตอนนี้หงุดหงิดโคตรๆ แถมไม่มีสติจะคิดอะไรก่อนพูดด้วย ผมทิ้งตัวลงนอน ตะแคงข้างแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนหู ขณะมือทั้งสองดึงหมอนข้างลูกรักมากอดก่าย เกยคางไว้บนนั้นแล้วปิดเปลือกตาลง

ถ้าคนในโทรศัพท์ไม่พูดธุระมาสักที ผมจะหลับใส่จริงๆ ด้วย

[จะเที่ยงแล้วนะครับ]

“...” ผมไม่ได้ตอบ เพียงแค่ครางงึมงำเป็นเชิงรับรู้ ให้อีกฝ่ายพูดต่อได้

[คือผมกำลังจะไปสตูดิโอ...]

“ครับ...” ผมกำลังอยู่ระหว่างความฝันกับความจริง สติถูกดูดเข้าห้วงนิทรา เสียงที่ได้ยินรอบข้างเลยดูเหมือนดังขึ้นกว่าปกติในชัวขณะหนึ่ง และขณะนั้นนั่นและที่ฉุดกระชากผมให้ลืมตาโพลงด้วยความตกใจ “อะไรนะครับ”

[ผมจะเข้าสตูดิโอหลังมื้อเที่ยงครับ]

ปุจฉา: ใครที่มีนัดที่สตูฯ กับผม

วิสัชนา: โฬมไง โฬมเอง

ผมตาสว่าง กระชากตัวเองออกมาจากความง่วงงุน คราวนี้ผมตั้งหน้าตั้งตาคุยกับปลายสายด้วยความตื่นเต้นที่เต็มอกจนล้นปรี่

“ได้ครับ ได้ๆ”

ทำเพลง ทำเพลง ทำเพลง

ผมกระดี๊กระด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำเลยตอนนี้ จากที่งอแงจะนอนต่อ ตอนนี้ผมแทบจะพุ่งออกไปที่รถแล้วเหยียบเต็มแม็กขับไปที่สตูดิโอเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่ติดว่ายังไม่อาบน้ำแล้วขี้ตาเต็มหน้าขนาดนี้นะ ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง อีกสิบนาทีก็จะเที่ยงแล้ว ผมยังไม่ได้จัดการตัวเองสักอย่างเดียว คงต้องซื้อข้าวกล่องแช่แข็งเข้าไปกินที่ทำงานแน่ๆ ผมไม่อยากให้ first impression ของเราสองคนออกมาไม่ดี

ผมต้องไปรอต้อนรับโฬมที่สตูดิโอ!

[สกายไปทันเหรอครับ นี่ก็เที่ยงแล้ว]

“ทันครับ เดี๋ยวเจอกันที่สตูฯ เลย”

[... ทานข้าวเที่ยงไหมครับ]

“อ๋อ เดี๋ยวผมซื้อไปกินที่สตูฯ”

[ไปทานด้วยกันไหมครับ?]

เอ๊ะ

“เอ่อ ไม่เป็น...”

[เดี๋ยวผมรับที่บ้านสกาย] ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค คนปลายสายก็สวยมาอย่างรีบร้อน

“ไม่เป็นไรครับ ผมมีรถ”

[เราจะได้เข้าสตูดิโอพร้อมกันไงครับ]

“เอ่อ” นี่คือผมโดนบังคับให้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยทางอ้อมรึเปล่า

ผมอาจจะคิดมากไปเอง โฬมคงคิดว่าผมจะสาย เขาเลยจะมาหาจะได้ไม่ต้องไปยืนรอหน้าสตูฯ ที่เข้าไปข้างในไม่ได้ อาจจะเป็นแบบนั้น ผมพยักหน้ากับคำตอบของตัวเองงึกงัก

“นัดเจอที่ร้านเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมขับรถตามไป”

[ผมไม่ถนัดแถวนี้ มีร้านไหนแนะนำไหมครับ]

“เอ่อ...” ผมเอ่ออีกแล้ว เพราะผมไม่รู้ เวลาอยู่ที่สตูฯ ส่วนตัว ผมไม่ค่อยกินข้าวกินปลาด้วยสิ กินอีกทีก็ตอนกลับคอนโดแล้วแวะตลาดหน้าซอยซื้อกลับไปกินที่ห้อง “ผมก็ไม่แน่ใจ...”

[…]

โฬมเงียบ ในขณะที่ผมกระวนกระวาย

First impression ในการทำงานร่วมกันเราจะเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ ผมเครียด ถึงขั้นยกมือกุมขมับแล้วบ่นตัวเองในใจ ไม่ดีเลย ผมอยากให้งานชิ้นนี้ออกมาดีจริงๆ นะครับ ถ้าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา ก็คงทำงานด้วยลำบาก จริงไหม

ในระหว่างที่ผมกำลังหัวหมุนหาข้อแก่ต่างให้ตัวเอง อยู่ๆ ปลายสายก็พูดโพล่งขึ้นมาหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

[เดี๋ยวผมไปรับสกาย แล้วเราขับวนหาร้านพร้อมกัน ดีไหมครับ]

“กะ ก็ได้ครับ”

จริงๆ ทางออกนี้ก็ดี

ถึงผมจะมีรถ แต่ถ้าให้ขับตามตูดกันไปตอนหาร้านข้าว ก็คงลำบากน่าดู

[ถ้าอย่างนั้น สกายส่งโลเคชั่นมาให้ผมหน่อยนะครับ ทางไลน์ก็ได้]

“ผมไม่มีไลน์โฬม”

[mr_rome ครับ แอดมาได้เลย]

“ได้ครับ”

[แล้วเจอกันนะครับ]

“แล้วเจอกันครับ” เราร่ำลากันแปบเดียวก็กดตัดสาย ผมจิ้มลงบนไอคอนสีเขียวๆ กดเพิ่มเพื่อนแล้วกรอกไอดีไลน์ที่อีกคนให้มา โฬมคงไม่ได้ตั้งแอดเพื่อนอัตโนมัติจากเบอร์ ผมก็ไม่ได้ตั้งครับ เพราะเคยทำแบบนั้นแล้วมีใครไม่รู้เด้งมาเต็มเลย ไม่รู้จักสักกะคน ไม่รู้เอาเบอร์ผมมาจากไหน

เมื่อผมกดแอดไลน์โฬมเสร็จก็เข้าไป sent location คอนโดตัวเองให้ทันที แต่ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำ ผมเผลอมือไปส่องรูปโปรไฟล์ของเขา เพราะลักยิ้มมุมปากนั่นแหละที่ทำเอากดดูแบบไม่รู้ตัว

โปรไฟล์ไลน์ของโฬมเห็นแค่ช่วงคางขึ้นมาถึงปีกจมูก เอียงข้างน้อยๆ โชว์เขี้ยวและมุมปากอันน่าหลงใหล โฬมคงรู้ว่ามันคือเสน่ห์ของตัวเอง ถึงได้ตั้งใจถ่ายมุมนี้ออกมา

แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีเสน่ห์จริงๆ นั่นแหละ ผมยังชอบมองเลยให้ตาย

ผมฉีกยิ้มหมั่นไส้ให้เครื่องหน้าของโฬมครั้งหนึ่งก่อนลุกไปอาบน้ำ ชะโลมสบู่ไปอย่างเยอะเพราะอยากตัวหอมๆ เวลานั่งบนรถคนอื่นเขาเขาจะได้ไม่รังเกียจ วันนี้ผมจะแต่งตัวง่ายๆ (ง่ายของผมไม่ใช่ของคนอื่นนะ) ด้วยเชิ้ตสีขาวกับเอี๊ยมดำติดบนกางเกงแสล็ก ผมเซ็ตหน้ามาตัวเองลงมาด้วยเจล พอหัวตัวเองแล้วก็อยากไปตัดผม ตอนนี้ไม่เป็นทรงสุดๆ แล้วผมอยากเปลี่ยนสีผมด้วย หลังจากทำสีดำมาทั้งชีวิต

ผมเหลือบเห็นแว่นตาไร้กระจกทรงกลมของตัวเองบนโต๊ะเครื่องแป้ง ผมคว้ามันมาสวมแล้วก็คิดว่าเข้ากันได้เลยไม่ได้ถอดออก น้ำหอมกลิ่นประจำถูกพรมลงบนตัว ผมปะแป้งผงเบาๆ บนหน้า แต่งไม่เป็นครับ ปกติช่างแต่งหน้าทำให้หมด ผมอาจเป็นคนชอบแต่งตัว แต่ผมไม่ได้สำอางค์

พร๊อบแต่งตัวผมเยอะ แต่ครีมแทบไม่มี มีแค่เจลว่านหางจระเข้ไว้ทาตอนหน้าแห้งๆ กระปุกแป้งสีเนื้อ กับลิปมันแท่งหนึ่ง ใช้ชีวิตแบบเอาเครื่องแต่งกายให้เด่นกว่าหน้า คนจะได้ไม่สนใจเบ้าหน้าโง่ๆ ของผม

ผมยืนสำรวจตัวเองในกระจกครั้งสุดท้าย พอดีกับที่เสียงเรียกเข้าจากคนที่ผมเพิ่งเมมเบอร์ดังขึ้นมาพอดี ผมกดรับขณะยัดเท้าลงในรองเท้าสลิปออนสีกรมท่า

“กำลังลงไปครับ”

[ผมรอที่ล็อบบี้นะครับ]

ผมรับคำแล้วรีบวิ่งไปกดลิฟต์ ผมต้องไม่ทำวันแรกของการทำงานพัง ผมบอกกับตัวเองอย่างแน่วแน่ ขณะรอลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นมารับและลงไปยังชั้นหนึ่ง ก็คิดในหัวไปพลางว่าจะทำอะไรก่อนดี คุยเรื่องคอนเซ็ปต์หรือนั่งถกกันก่อน อืม อยากฟังความเห็นของโฬมเหมือนกัน ในฐานะที่เขามีประสบการณ์ตรงกับเรื่องพวกนี้

ผมเดินออกมาจากลิฟต์พลางกวาดสายตามองหาคนรู้จัก รอบเดียวเท่านั้นแหละครับก็เจอแล้ว หน้าหล่อๆ ของเขาโคตรเด่นเลยให้ตาย ขนาดแค่นั่งพิงโซฟาไถโทรศัพท์เล่น ยังเหมือนมาถ่ายแบบ ผมไม่เข้าใจเอามากๆ ว่าทำไมอนาคตเขาดับเอาง่ายๆ เพราะแค่เรื่องเป็นเกย์

จริงๆ อาจไม่เรียกอนาคตดับหรือเปล่า เพราะยังเห็นเขามีงานในวงการ แต่ท่าทางจะน้อยลงเยอะ คิดว่าค่ายเก่ารวมถึงผู้จัดการคงเทเขา เพราะผมเห็นเขารับงานเอง วิ่งงานเองไม่มีคนดูแลแบบพวกซุปตาร์ทั่วไป

“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักก่อนเมื่อเดินมาถึงตัว โฬมเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมายิ้มให้ผม

โอ เอ็ม จี!

ลักยิ้มเขามีพลังทำลายล้างสูงจริงๆ นะครับ

แต่ผมชอบฟันเขี้ยวของเขามากกว่าอ่ะ มันโคตรน่ารักเลย แถมยังดรอปความคมดุของดวงตาเรียวได้อีกด้วย โฬมเป็นคนตาสวย แพขนตาเขายาวมากๆ แต่ขอบตาของเขาลึกจนเกิดเงาดำ ทำให้ดูเหมือนคนกรีดตาตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นี้เลยดูดุร้ายไม่หยอก

แต่กลับยิ้มได้สวยและโลกสดใสขนาดนี้ ไม่ต้องเป็นผู้หญิงก็หลงได้ครับ งานโคตรดี

“ไปเลยไหมครับ” ผมพูดพร้อมดันแว่นขึ้นแก้เก้อ เผลอจ้องหน้าโฬมไปซะนาน ไม่สุภาพเลยสักนิด
 
“ครับ” โฬมลุกขึ้นจากโซฟา หมุนตัวเตรียมเดินนำไปที่รถ แต่สายตาสุดท้ายที่ทิ้งบนร่างผมกลับระยิบระยับแปลกๆ ผมเห็นมุมปากนั้นขยับยิ้มกว้างกว่าเดิม พร้อมประโยคพึมพำที่ต้องถามตัวเองว่าหูฝาดหรือเปล่า “วันนี้แต่งตัวน่ารักนะครับ”

“อะไรนะครับ” ผมถาม เพราะสงสัยว่าหูแว่วหูเพี้ยนรึเปล่า

“ผมหิวแล้วครับ”

ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้พูดประโยคนี้ แต่ก็ขี้เกียจคาดคั้น เลยได้แค่ปล่อยมันไป

ผมมันพวกไม่ค่อยสนใจอะไรนอกเหนือจากความชอบตัวเองอยู่แล้ว มันเลยไม่ยากที่จะปล่อยความสงสัยให้ผ่านไป โฬมเดินนำไปยังลานจอดรถสำหรับแขก คอนโดนี้มีที่จอดรถเยอะมากครับ เพราะผมเลือกออกมาชานเมืองพอสมควร ค่าคอนโดจะถูกและพื้นที่เยอะ แต่ไม่แฮปปี้เวลารถเสียแล้วหาขนส่งสาธารณะยากสุดๆ เลยนี่สิ

ผมก้าวขึ้นมาบนรถคันที่เคยเห็นผ่านตา เก๋งคันสวยสีดำด้าน เบาะด้านในก็นุ่มแถมยังกว้างขวาง โฬมคงทำเงินได้เยอะมากๆ เพราะเขาเข้าวงการมาก่อนผมหลายปี

อืม และอีกอย่างเขาก็น่าจะอายุมากกว่าผมด้วย

ผมไม่ได้ศึกษาประวัติเขาขนาดนั้น เรียกชื่อเล่นห้วนๆ ไปก็หลายที รู้สึกผิดขึ้นมาเลย

“เดี๋ยววนแถวๆ สตูดิโอนะครับ”

ผมพยักหน้า คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็หันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่กำลังถอยรถออกจากซองจอด ผิวหน้าเนียนจัง ดูไม่รู้เลยว่าแก่กว่ากันกี่ปี ถ้าให้เดาก็ปีสองปี คงไม่เป็นไรถ้าผมไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ ใช่ไหม...

จะให้กลับตัวไปเรียกพี่ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนี่น่า

โฬมขับรถนิ่มมากครับ ผมคงไม่กล้าให้เขามาขึ้นรถผมแน่ๆ เพราะพี่ยุทธเคยด่าเอาไว้ว่า ‘นี่มึงซื้อใบขับขี่มาเหรอ’ ผมว่าผมก็ขับดีออก ไม่เคยชนคนอื่นสักครั้งเลยนะครับตั้งแต่ซื้อรถมา แต่โดนบีบแตรใส่ก็เยอะอยู่...

“สกายอยากกินอะไรไหมครับ”

ผมครุ่นคิด เกือบตอบอะไรก็ได้ไปแล้ว แต่ชะงักปากไว้ทัน

First impression ท่องไว้ให้ขึ้นใจ

“พะแนงไก่ครับ” ของชอบของโปรด

โปรดที่สุดคือพะแนงไก่ที่ยายทำ

อ่า พูดแล้วอยากกลับบ้านเลยครับ กลับต่างจังหวัดไปฝากท้องไว้กับคุณยาย

“ถ้างั้นร้านอาหารไทยนะครับ” โฬมสรุป

ผมหันไปลอบมองหน้าของโฬมอีกครั้ง อาหารตาอย่างแท้จริง มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ มีแต่อิจฉาขึ้นมากกว่า ผมอยากหน้าหล่อแบบนี้บ้างจัง ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูดี ขนาดวันนี้เขาสวมแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ ยังดูดีเหมือนตั้งใจแต่งตัวมาถ่ายแบบ นี่ไม่ได้เว่อร์นะ เขาหล่อจริงๆ ถึงมันจะมีคนที่หล่อกว่านี้อยู่เยอะในวงการก็เถอะ แต่ไม่มีใครมีฟันเขี้ยวกับลักยิ้มทรงเสน่ห์แบบนี้แน่ๆ

อ๊ะ รวมถึงนั่นอีก

ดวงตาของโฬม ปกติผมจะเห็นเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเลยด้วยซ้ำ แต่พอต้องกบแสงแดดที่สะท้อนผ่านกระจกรถเข้ามา แก้วตาของเขากลับกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน เหมือนลูกแก้วที่เคยดีดเล่นตอนเด็กๆ

ทำไมคนๆ หนึ่งถึงได้มีเอกลักษณ์ที่ดีมากมายขนาดนี้

ผมสงสัย และจบลงด้วยการหันมามองหน้าตัวเองที่สะท้อนเงาจางๆ ในกระจกฟากตัวเอง บางทีถ้าผมอยากได้หน้าแบบโฬม ผมคงต้องตัดหัวเขามาใส่ ศัลยกรรมไม่สามารถช่วยได้จริงๆ

“ร้านนี้นะครับ เงียบดี” โฬมชี้ไปทางซ้ายมือ มีร้านอาหารไทยอยู่ร้านหนึ่ง ไม่ได้ใหญ่มากแต่ตกแต่งได้สะอาดสะอ้านน่านั่ง ผมพยักหน้ารับปุ๊บโฬมก็ตบไฟเลี้ยวเข้าไปจอดเรียบฟุตปาธทันที โชคดีที่บริเวณนี้สามารถจอดข้างทางอย่างนี้ได้ พวกผมลงจากรถพร้อมกัน แต่เป็นผมเองคนเดียวที่เดินหน้าระรื่นเข้าร้านอาหารก่อนใครเพราะหิวสุดๆ

โฬมล็อครถและเช็กความเรียบร้อยอยู่แปบเดียวก็ตามเข้ามา ผมเลือกนั่งมุมที่แอร์ตก ในร้านมีลูกค้าสองสามคนจึงเงียบมาก โฬมเลยไม่ต้องสวมแว่นกันแดดมาปิดบังตน เขาเปลือยหน้าหล่อๆ เดินยิ้มเข้ามานั่งลงตรงข้ามผม มีพนักงานยื่นสมุดเมนูมาให้สองเล่ม ผมพลิกเปิดดูราคา
 
ไม่แพงเท่าไหร่ อยู่ในช่วงที่รับได้

“สกายสั่งเลยครับ”

ผมไม่ปฏิเสธให้เสียเวลา “พะแนงไก่ ไข่เจียว ต้มยำกุ้งครับ แล้วก็ขอน้ำกระเจี๊ยบหนึ่งแก้ว เอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” ประโยคสุดท้ายผมหันไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะ

“ไม่แล้วครับ ผมขอข้าวเปล่าสองจานกับน้ำเปล่า”

พนักงานยิ้มรับ ทวนออเดอร์ให้ฟังหนึ่งรอบแล้วเก็บสมุดเมนูกลับไป

ระหว่างรออาหารผมเลยชวนโฬมคุยเรื่องเพลงฆ่าเวลา

“เรื่องเพลงผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย โฬมมีอะไรเสนอไหมครับ”

“อืม สกายอยากทำเพลงแนวไหนครับ”

“เพลงรักโรแมนติกดีไหมครับ แต่ท่อนแรปของผมจะพูดเรื่องความไม่ยุติธรรมจากสังคมต่อความรักของ...” ผมเลี่ยงจะพูดคำว่าเกย์ เพราะไม่รู้ว่ามันแรงไหมสำหรับโฬม แต่ผู้ชายตรงหน้าผมแค่ยิ้มบางๆ มาให้ ผมเลยคลายความอึดอัดลงไปครึ่งหนึ่ง

“ก็ดีนะครับ”

“...”

โฬมไม่เสนอความคิดอะไรต่อ ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไรอีก

พวกเราต่างคนต่างเงียบ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นไถทวิตเตอร์เล่น โฬมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนกัน แอบเห็นยกกล้องมาทางนี้ แต่คิดว่าคงถ่ายบรรยากาศร้าน โฬมดูเป็นคนติดไอจีติดสแนปไอจีสตอรี่ เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าเขาจะยกกล้องมือถือขึ้นมาบ่อยๆ

“สกายครับ”

“ครับ?”

“ชอบแต่งตัวเหรอครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา เห็นโฬมเท้าคางมองหน้าผมยิ้มๆ ลักยิ้มกระแทกเบ้าตาอีกแล้ว พลังทำลายล้างนี้เมื่อไหร่ผมจะชินกันนะ เกิดมาเพิ่งเคยได้จ้องหน้าคนหล่อแบบชัดๆ อย่างนี้ก็ครั้งแรก ทั้งปลื้มทั้งอิจฉาตีรวนไปหมดเลยครับ

“ชอบครับ ชอบมาตั้งนานแล้ว”

“แล้วชอบแต่งตัวสไตล์ไหนเหรอครับ”

“อืม ไปเรื่อยครับ เห็นมันน่าจับมาคู่กันได้ก็ใส่” ผมตอบ ไม่ได้ก้มลงเล่นมือถือต่อเพราะกลัวดูไม่มีมารยาท โฬมยังจ้องหน้าผมไม่ละสายตา มือถือของเขาวางคว่ำหน้าทิ้งไว้บนโต๊ะอาหารแล้ว

“แต่งแบบวันนี้บ่อยๆ สิครับ”

“หืม ครับ?”

โฬมยิ้มและเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ผมไปฟังเพลงสกายมา เพราะทุกเพลงเลยครับ”

“ฟังแนวนี้เป็นด้วยเหรอครับ”

“ก็เพิ่งเคยฟัง แต่ชอบทุกเพลงเลยนะครับ ความหมายดี”

“ขอบคุณครับ”

“เวลาสกายอยู่ในเอ็มวีดูเท่มากๆ เลย” โฬมชม ส่วนผมยิ้มเขินไปแล้ว นานๆ ทีจะมีคนชมผม ส่วนมาเขาจำพูดถึงเพลงกับผลงานของผมมากกว่า “ไม่คิดว่าจะดูแบดได้แบบนั้น”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ ผมว่าผมก็เท่ตลอดนะ” ผมหยอดมุกกลับหวังว่าเขาจะหัวเราะ แต่โฬมก็แค่ยิ้ม ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าชายพร้อมสายตาระยิบระยับที่มองมา

ผมไม่เข้าใจสายตาของโฬม แต่ผมก็ปล่อยเบลอผ่านไปเมื่ออาหารมาส่ง พวกเราต่างจับกินข้าวกันอย่างเงียบๆ โดยที่คนตรงข้ามยังมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับมุมปากเสมอ

ช่างเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ทะลุปรอทจริงๆ เลยนะ

ผมว่าการร่วมงานกับโฬมคงไม่ยากเท่าไหร่ เราก็ดุเข้ากันได้ดี First impression ก็ไม่ได้แย่ นับว่าเริ่มต้นงานได้อย่างสวยงาม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ








Rome_o [IG story]

วิดีโอสั้นๆ ถ่ายแบบ boomerang เป็นภาพของสกายกำลังยิ้มขำกับจอโทรศัพท์ตัวเอง แก้มพวงนุ่มขยับเป็นก้อนเมื่อเข้าตัวฉีกยิ้มกว้าง ผมหน้าม้าปกปิดใบหน้าไปครึ่งหนึ่งเพราะอีกคนก้มหน้า เห็นเพียงแค่ริมฝีปากสีอ่อนกับแว่นตาทรงกลมขยับเขยื้อน

‘มากินข้าวกับเพื่อนใหม่’



________________________
Talk:
เมื่อวานปั่นไม่จบงับ งื้อ เลยมาวันนี้แทน
เจ้าสกายโดนหลอกเอาทั้งไลน์ทั้งที่อยู่ หนูยังไม่รู้เรื่องอีก
พี่โฬมก็ร้ายด้วยรอยยิ้มนะคะ

ฝาก #เจ้าสกาย ไว้ในอ้อมใจด้วย
ทวิตเตอร์ก็ใช้แท็ก #เจ้าสกาย น้าา
ขอบคุณทุกยอดวิว ยอดคอมเม้นนะคะ
รักมากๆ เลย คนอ่านทุกคนนนน


แปะชุดเจ้าสกาย

Cr.kpopmap.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2018 23:43:38 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 4 [28-sep-18]
«ตอบ #14 เมื่อ28-09-2018 13:07:06 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 4 [28-sep-18]
«ตอบ #15 เมื่อ28-09-2018 14:21:35 »

 :hao7: สกายเสร็จแน่ๆ...  :hao7: โฬมขุดหลุมดักสกายใหญ่กว่าดาวอังคารอีก  :hao7:  o13

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #16 เมื่อ01-10-2018 16:23:47 »

บทที่ 5
   


สตูดิโอเช่าที่เซ็นสัญญาเช่าตลอดปีคือที่สองสถิตของผม ผมมาสำรวจที่แล้วตกลงเช่าห้องไว้หนึ่งห้อง พื้นที่ไม่กว้างมากแต่อุปกรณ์ครบถ้วน ทางร้านมีให้ยืมแต่ต้องจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าไปหลายบาทเหมือนกัน แต่ก็สะดวกสำหรับผมเพราะผมยังไม่มีเงินพอจะสร้างสตูดิโอของตัวเอง รวมถึงคอนโดก็ไม่เหมาะกับการทำอะไรเสียงดัง ที่ห้องของผมมีแค่เครื่องดนตรีง่ายๆ สองสามอย่างไว้สำหรับแต่งเพลงคร่าวๆ

ผมพาโฬมเดินเข้าตึกสูงสี่ชั้น ทักทายยามและและพนักงานต้อนรับด้านล่างด้วยความสนิทสนม เพราะผมใช้บริการที่นี่มาได้หลายเดือนแล้ว ฝ่ายคนตัวสูงก็กวาดสายตามองบรรยากาศรอบด้านด้วยความตื่นอกตื่นใจ โฬมไม่ต้องแลกบัตรเพราะมากับผม สัญญาเช่ารายปีทำให้ผมกลายเป็นเจ้าของห้องสตูดิโอนี้ชั่วคราว มีสิทธิพาคนนอกเข้าได้แต่ต้องมารับด้วยตัวเอง

ห้องสตูฯ ของผมอยู่ชั้นบนสุด ในขณะที่ชั้นอื่นทางร้านทำให้เป็นห้องซ้อมดนตรี ผมรู้จักที่นี่เพราะเพื่อนในมหาลัยเคยมาเช่าตอนซ้อมวงขึ้นแสดงวันประกวดดาวเดือน โตขึ้นมาเลยเลือกใช้บริการที่คุ้นเคยจะได้สบายใจ อีกอย่างก็เพราะใกล้คอนโดดี ผมไม่อยากใช้สตูฯ ของบริษัทครับ พวกพี่ยุทธครองพื้นที่แทบจะ 24 ชั่วโมงตลอดสัปดาห์อยู่แล้ว

“เช่าเหรอครับ ผมนึกว่าสกายซื้อห้องสตูฯ” โฬมเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อพวกเราเดินเข้าลิฟต์เรียบร้อย

“ผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกครับ” ผมหัวเราะเก้อๆ

คนตัวสูงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากคลี่ยิ้มบางๆ ผมมองลักยิ้มของเขารอบที่ร้อยของวัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงฉาบรอยยิ้มได้ตลอดเวลา ไม่มีจังหวะไหนเลยที่โฬมจะปล่อยมุมปากให้ตกลงตามธรรมชาติ เห็นแบบนั้นก็อดเมื่อยแก้มแทนไม่ได้

ติ๊ง

เสียงร้องเตือนเมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวถึงชั้นสี่ ผมควานหากุญแจเปิดห้องในกระเป๋ากางเกง เดินนำแขกผู้มีเกียรติไปยังห้องสตูฯ ริมสุดฝั่งซ่ายมือ

ประตูกระจกฉาบฟิล์มดำทำให้มองไม่เห็นด้านใน แต่เราสามารถมองลอดออกมาข้างนอกได้ ผมชอบฟังก์ชั่นนี้เอามากๆ โฬมมองสำรวจสถานที่แปลกตาอย่างตื่นเต้น ผมกดสวิตซ์เปิดไฟก่อนจะเชื้อเชิญให้อีกคนก้าวเข้าไปด้านใน ห้องสตูฯ นี้ไม่ได้กว้างมาก แต่ก็มีโซนโซฟานั่งเล่นให้ได้นอนเหยียดขาสบายใจ ตู้เย็นเล็กตั้งอยู่ที่พื้นใกล้ๆ มุมพักผ่อน มีไมโครเวฟให้ด้วย อันนี้ผมแบกมาเองเพราะซื้อต่อเพื่อนในราคาย่อมเยา พอดีเรียนจบแล้วมันขี้เกียจขนกลับบ้าน

“นั่งก่อนครับ” ผมบอกให้โฬมไปนั่งที่โซฟา ขณะตัวเองเดินไปหยิบสมุดปากกาเล่มใหม่ยังไม่แกะถุงพลาสติกมาจากลิ้นชักเก็บของ พอหันกลับไปก็พบว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามตลอดทุกการกระทำ

ผมกระแอมไอเล็กๆ ดึงกีตาร์โปร่งออกมาจากแท่นวางแล้วเดินกลับไปหาคนบนโซฟา ผมเลือกที่จะนั่งข้างซ้ายมือเขา เว้นระยะห่างไว้ประมาณหนึ่งช่วงแขน ถ้ามีโซฟาอีกฝั่งก็คงเลือกนั่งตรงนั้นแทน ติดที่ว่ามันไม่มีนี่สิ

“กีตาร์?”

“ผมเอามาให้โฬม” ผมบอกพร้อมยื่นกีตาร์ในมือให้ โฬมรับเอาไปวางไว้บนหน้าขา ลองจับคอร์ดแล้วกรีดลงบนสายเบาๆ

“สกายเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอครับ”

“เบื้องต้นครับ ได้แค่ตีคอร์ดเพลงง่ายๆ ส่วนมากผมแต่งเพลงกับเครื่องตรงนั้น” ผมชี้ไปที่อุปกรณ์มากมาย ทั้งจอคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด เครื่องสังเคราะห์เสียง และบลาๆ ที่บางอย่างผมก็ยังไม่เคยใช้เพราะใช้ไม่เป็น

ผมยังใหม่ในการทำบีทดนตรี เพราะเพลงที่สมบูรณ์จนออกไปสู่โลกภายนอกได้นั้นต้องผ่านมือพี่ยุทธและทีมงานในการเรียบเรียงอีกครั้ง ผมทำดนตรีเพื่อเป็นตัวต้นแบบแล้วเอาเดโม่ไปเสนอค่าย เพราะฉะนั้นผมจะไม่อธิบายวิธีการใช้งานอุปกรณ์อย่างละเอียดแบบมือโปรแน่นอน

“ผมชอบแต่งเพลงกับกีตาร์นะ” โฬมบอกพร้อมเริ่มใช้นิ้วทั้งห้าเกาสายกีตาร์เบาๆ ทำนองนุ่มนวลที่ไม่รู้ว่าเพลงอะไรดังคลอกับเสียงเครื่องปรับอากาศ ผมมองนิ้วเรียวยาวที่ขยับเป็นจังหวะโดยที่เจ้าตัวไม่แม้แต่ก้มลงมอง

เขาถึงบอกกันว่าผู้ชายเล่นดนตรีมีเสน่ห์

เคยเห็นเขาเล่นกีตาร์มาแล้วเหมือนกันตอนที่เจอกันในร้านของเฮียเต็ม แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเลยไม่ยักรู้ว่าเขามีฝีมือขนาดนี้ ผมมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินจนสายตาเลื่อนมาสบเข้ากับดวงตาพราวระยับนั่นแหละ ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าเผลอจ้องโฬมอีกแล้ว

“ผมว่า เรามาพูดถึงเนื้อเพลงดีกว่า” ผมบอกตัดบทเมื่อบรรยากาศชักอึดอัดแปลกๆ สมุดปกแข็งราคาไม่แรงเพราะซื้อตอนลดราคาถูกกางออก ผมจรดหัวปากกาลงบนกระดาษถนอมสายตา รั้งรอเผื่อใครอีกคนจะพูดอะไรออกมาบ้าง

“สกายอยากทำเพลงรักใช่ไหมครับ”

ผมพยักหน้า

“ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมันไม่ค่อยโรแมนติกหรอกนะครับ” โฬมยิ้มเหมือนเคย แต่ผมเห็นแววเศร้าสร้อยจากนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้น มีบางอย่างสั่นระริกอยู่ภายใน ผมจับอารมณ์คนได้ไว ถึงได้รู้ว่ารอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นนั้นยังไม่ได้รับการสมาน

“ทำไมล่ะครับ” ผมปากไวกว่าความคิด เมื่อรู้ตัวก็พบว่าไม่ทันเสียแล้ว

“...” โฬมเม้มปากทันที เหมือนเขาลำบากใจที่จะตอบแต่ก็ยังพยายามคงสีหน้าเป็นมิตรเอาไว้

“ไม่เป็นไรครับ ผมขอ...” ผมกำลังจะขอโทษ แต่อีกฝ่ายกลับพูดสวนขึ้นมาก่อน เล่นเอาผมชะงักปากกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอแทบไม่ทัน

“เพราะพวกเราไม่มีทางเลือกมากนัก คนส่วนมากเลยให้ความสำคัญกับเซ็กส์มากกว่า”

“...”

“ความรักสำหรับพวกเราเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมน่ะครับ”

“ยังไงมันก็คือรักไม่ใช่เหรอครับ” ผมไม่เข้าใจเลยถามออกไปด้วยความซื่อตรง

จริงๆ แล้วผมไม่เคยเข้าใจถึงข้อกีดกันทางสังคมกับเรื่องพวกนี้ ทั้งเรื่องของเพื่อนผม ทั้งเรื่องของตัวโฬมเอง ยิ่งได้มาฟังคำพูดของเขา ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ทำไมพวกเขาถึงไม่เชื่อมั่นในความรัก

“เพราะเคยศรัทธา ถึงไม่ศรัทธาอีกแล้วไงครับ” คราวนี้โฬมก็ยิ้ม ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีเชียว

ผมอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ชิดกว่าเดิม แตะมือลงบนบ่ากว้าง บีบมันเบาๆ เพื่อส่งกำลังใจไปให้ ผมไม่ได้อ่านข่าวของเขาอย่างละเอียด เห็นเพียงหัวข้อที่ผ่านตา ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย แต่มันก็คงสร้างแผลใจหลุมใหญ่ไว้ให้กับโฬมพอสมควร
ผมพูดไม่ออก เลยได้แต่นั่งลูบบ่าเขาเงียบๆ โฬมหันมามองเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ผมยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแตกต่างจากตัวของเขาได้อยู่เลยเลือกที่จะไม่เอามือออก ปกติรอบตัวของโฬมจะเต็มไปด้วยรังสีสดใส เป็นคนที่เหมือนเตาพิงเวลาเราต้องการความอบอุ่น เขาเป็นอย่างนั้นจากรอยยิ้มและวิธีการวางตัว

เป็นผู้ชายที่น่าจะเป็นที่รักของคนรอบข้างแท้ๆ

“สกายใจดีจังนะครับ”

“เอ๋ ผมเหรอ?”

โฬมยิ้ม อันที่จริงเขาไม่เคยหุบยิ้มเลยต่างหาก “ปกติผู้ชายแท้ๆ เขาไม่ค่อยสนใจชีวิตรักเกย์หรอกครับ”

“อ่า...” ผมเกาแก้ม โดนชมแบบนี้มันน่าดีใจไหมเนี่ย

“ผมถามได้ไหมว่าทำไมสกายถึงอยากทำเพลงนี้”

“เพื่อนผมก็เป็นเกย์ ก็เลยพอจะได้ยินอะไรๆ มาบ้าง” ผมบอกแบบภาพรวมพลางชักมือกลับมาวางบนตัก “ผมก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไม จริงๆ ความรักมันเป็นเรื่องสวยงาม แต่เท่าที่ฟังเพื่อนผมเล่า ไม่เห็นมีอะไรสวยงามสักอย่าง”

เพื่อนของผมแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งในชั้นเรียน ผมรู้เรื่องนี้มาตลอดและพยายามเอาใจช่วย แต่พออีกฝ่ายรู้ความจริงเข้า เพื่อนผมก็ถูกต่อยจนผมต้องหามมันไปทำแผลที่คลินิกใกล้มอ โตมาก็ถูกที่บ้านจับได้ ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียว พ่อกับแม่รับไม่ได้จนมันต้องมาขอนอนคอนโดผมอยู่เป็นอาทิตย์ หลังจากนั้นมันก็ย้ายไปนอนหอเดียวกับแฟน แต่เมื่อไม่นานมานี่ก็เพิ่งจับได้ว่าอีกคนมีคู่ขาอื่นเต็มไปหมด

ผมรู้รายละเอียดแค่คร่าวๆ เพราะไม่อยากคาดคั้นให้เพื่อนรู้สึกแย่ แต่ขนาดรู้เพียงแค่นี้ ผมยังช็อคไปตั้งหลายนาที ในใจมีแต่คำถามเต็มไปหมดว่าทำไม เพราะอะไร

ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนมอบความรู้สึกให้กัน ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ

ผมไม่เข้าใจ ผมสงสารเพื่อนแต่ช่วยอะไรมันไม่ได้ ผมแค่อยากระบายความไม่เข้าใจนี้อออกมาเป็นไรม์ๆ หนึ่ง อยากเอาคำพูดที่เพื่อนคนบ่นออกมาจากใจให้ผมฟังมาประกาศให้โลกรู้

เขาก็แค่รักคนที่เป็นเพศเดียวกับเขา

เขาไม่ได้ไปฆ่าหรือโกงกินใครเสียหน่อย

“ความรักของผู้ชายกับผู้หญิงยังไม่สวยงามเลยครับ ขนาดมีตัวเลือกตั้งมากมาย” กลายเป็นโฬมที่เอ่ยปลอบ ฝ่ามือกว้างวางลงบนศีรษะผมแล้วลูบเบาๆ

ผมว่ามันสลับโพซิชั่นกันแปลกๆ

“เอ่อ ก็นั่นแหละครับ ผมเลยอยากทำเพลงนี้” ผมขยับหัวหนีฝ่ามือข้างนั้น ขยับออกมานั่งห่างเหมือนเดิมแล้วเริ่มตบบทสนทนากลับเข้างาน ออกทะเลไปไกลเลยแหะ “ผมเคยคุยกับพี่ๆ ที่บริษัท เขาบอกว่าน่าจะทำเพลงรักที่มีทั้งสุขและเศร้า โฬมเป็นส่วนของความสวยงาม ผมเป็นส่วนดำมืด”

“ก็น่าสนใจนะครับ แต่สกายไม่เห็นเหมาะกับ...” ประโยคท้ายเบาหวิวจนผมฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด ได้ยินแค่ชื่อตัวเองแว่วๆ

“ครับ?”

“เปล่าครับ” รอยยิ้มหลีกเลี่ยงโผล่มาอีกแล้ว “ผมพอจะนึกเนื้อหาเพลงออกบ้าง”

“จริงเหรอครับ!”

“แต่มันก็ยากถ้าสกายอยากให้ผมเป็นส่วนสวยงามของความรัก สกายก็รู้ผมหมดศรัทธากับมันไปแล้ว”

ผมที่พองฟูเหมือนลูกโป่งตอนนี้โดนเจาะลมจนฟีบเหี่ยว ก็พอเข้าใจ คนไม่มีความรักคงแต่งเพลงรักได้ยาก เพราะผมก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนั้น เวลาได้โจทย์ความรักมาทีไร แทบจะปาดคอตัวเองตายเพราะคิดไม่ออกทุกที

“โฬมอาจยังไม่หมดศรัทธาก็ได้นะครับ แค่เจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะไปหน่อย” ผมพยายามปลอบ แต่ประโยคพวกนี้คงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่

ให้ตาย ผมไม่มีวาทศิลป์ในการพูดเอาซะเลย

“กว่าจะหายก็ต้องใช้เวลา ผมอยู่คนเดียวชอบฟุ้งซ่านน่ะครับ”

แย่แน่ๆ ถ้าเขายังอกหักแล้วจะเขียนเพลงรักโรแมนติกให้ผมได้ยังไง!

“ออกไปหาเพื่อนบ่อยๆ น่าจะช่วยได้นะครับ” ผมหัวเราะแห้งๆ พยายามคิดหาวิธีช่วยจะได้รันงานตัวเองต่อไป มีแอบแว๊บคิดด้วยว่าบางทีผมอาจจะพาเขาไปเข้าบาร์เกย์สักที่ เผื่อโฬมจะได้คนดามใจกลับมาสักคน ผมว่าคืนนี้ผมควรโทรปรึกษาเพื่อน...
แต่เพื่อนผมมันยังเอาตัวไม่รอดเลยนี่หว่า

“ผมไม่ค่อยมีเพื่อนครับ หลังจากเข้าวงการก็งานยุ่งจนไม่ได้ติดต่อใคร เพื่อนสนิทก็บินไปเรียนต่อลอนดอนแล้ว” โฬมบอก ส่วนผมขมวดคิ้วยุ่ง

ไม่ถึงชั่วโมงผมรู้รายละเอียดในชีวิตเขาเยอะขนาดนี้เลย ผมงงเล็กน้อยว่าตกลงเรามาปรึกษาเรื่องเพลงหรือมาปรึกษาปัญหาชีวิตกัน แต่ก็พอเข้าใจได้ครับ โฬมคงเหงาเพราะช่วงนี้เขาก็ดูตัวคนเดียว ผมตอนเข้าวงการแรกๆ รวมถึงช่วงนี้ก็ห่างหายจากเพื่อนเก่าไปเหมือนกัน เวลาว่างไม่ค่อยตรงกันก็แบบนี้

“ช่วงนี้เราทำเพลงด้วยกัน โฬมคงไม่ค่อยได้อยู่คนเดียวแล้วล่ะครับ” ผมปลอบใจด้วยถ้อยคำที่คิดว่าดีที่สุด แต่พอมองรอยยิ้มเขา กลับรู้สึกเหมือนก้าวเท้าพลาดแปลกๆ

“ถ้าอย่างนั้นผมจะได้มาที่นี่บ่อยๆ ใช่ไหมครับ”

“ก็ เอ่อ ถ้าผมว่าง โฬมว่าง...”

“สกายใจดีจังเลยนะครับ”

แล้วผมจะตอบอะไรได้ครับนอกจากยิ้ม

สรุปวันนี้ทั้งวันผมก็ไม่ได้อะไรคืบหน้านอกจากเนื้อหาเพลงคร่าวๆ กับรายละเอียดชีวิตของเพื่อนร่วมงาน โฬมทำหน้ารู้สึกผิดเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามกว่าๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าไม่เป็นไร เขาเลยรีบกลับมาทำตัวจริงจังด้วยการขอกระดาษสมุดว่างๆ ของผมไปหนึ่งแผ่น

ร่างสูงก้มลงจรดปากกาเขียนอะไรยุกยิกๆ อยู่สักพัก ในขณะที่ผมเอื้อมหยิบกีตาร์ที่น่าจะเป็นหมันไปในวันนี้ขึ้นมาดีดเล่น ผมหวังพึ่งทำนองเพลงจากโฬมเพราะจากที่ฟังงานเพลงที่เขาแต่ง ทุกโน้ตดูจะติดหูคนทั่วไปโฬมถึงได้มีชื่อเสียง แต่เมื่อค่ายเทเขายังไงงานก็หดหายไปกว่าครึ่งถึงแม้จะดังแค่ไหน มีบริษัทไม่น้อยที่ยังไม่ยอมรับเพศที่สามในการมาพรีเซนต์สินค้า ผมพอเข้าใจถึงเรื่องภาพลักษณ์แบรนด์กับการตลาดอยู่บ้าง ไม่แปลกใจที่คนอื่นถึงบอกว่าโฬมอนาคตดับ

ทั้งๆ ที่รูปหล่อความสามารถดีแท้ๆ

แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้จริงๆ นั่นแหละครับ

ผมสังเกตคนที่กำลังตั้งใจเขียนบางอย่างลงกระดาษ มือก็ตีคอร์ดเพลงที่เล่นประจำๆ พลางร้องฮัมไปตามทำนอง ผมเคยฝึกกีตาร์เพราะคิดว่าสาวจะชอบ เพลงที่เล่นได้ก็มีแค่เพลงคอร์ดง่ายๆ อย่างเพลงหล่อเลย ของพลพลที่ผมกำลังเล่นอยู่

“อาจไม่หล่อพอ ให้เธอเหลียว แต่ว่าฉันคนเดียวรักใคร แล้วรักปักหัวใจ” ผมร้องด้วยเสียงที่เบาจนงึมงำในลำคอ ตาก็ละจากโฬมมามองคอร์ดเพราะยังเปลี่ยนไม่ค่อยคล่อง “ไม่ชอบไม่เป็นไร แต่ขอให้ฉันได้โฆษณาตัวเองสักหน่อย”

“อาจดูไม่ดีนัก แต่ร้องเพลงเพราะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำร้องต่อขึ้นมา ผมชะงักมือจนเพลงหยุดไปทันที เงยหน้ามองเจ้าของน้ำเสียงทรงเสน่ห์ที่หันมายิ้มให้ผมแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่โฬมวางกระดาษแผ่นนั้นทิ้งไว้แล้วขยับเข้ามาใกล้ “พร้อมทำให้เธอหัวเราะยิ้มได้ทั้งวัน”

“...”

“ดูแลก็ได้ เอาใจก็ได้” โฬมร้องต่อ ไม่สนใจว่าเสียงกีตาร์หยุดลงไปตั้งนานแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลมองจ้องเข้ามาในลูกตาผม ลักยิ้มบุ๋มลึกนั้นอยู่ใกล้เพียงหนึ่งฝ่ามือ ผมกลั้นหายใจอย่างลืมตัว ในขณะที่โฬมยังคงต่อเพลงที่ร้องค้างไว้จนจบท่อน “อาจไม่หล่อเท่าไร แต่หัวใจฉันหล่อเลย”

เพลงโคตรไม่เข้ากับเขาเลยครับ โฬมหล่อจะตายใครๆ ก็รู้

แล้วทำไมผมต้องเขินด้วยเนี่ย!




_________________
Talk:
มาช้าอีกแล้วววว แง้
ไหนว่าจะพยายามมาให้ได้สองวันไง นังคนขี้ตู่!!
 :z3: :z10: :sad4:

มาแล้วค่า ฮืออ คิดถึงคนอ่าน
ขอบคุณคอมเม้น ยอดวิวนะคะ
ฝ่านเจ้าสกายไว้ในอ้อมใจ

โฬมขุดหลมดักใหญ่มากจริงๆ ค่ะ  :katai2-1:
นังพี่มันร้ายกาจจจจจจจจจจจจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2018 23:44:30 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #17 เมื่อ01-10-2018 17:48:31 »

รอติดตามตอนหน้าจ้าาาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #18 เมื่อ01-10-2018 19:55:03 »

 :L2: :pig4:

สกายเป็นคนที่คิดบวกและแคร์คนอื่น

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #19 เมื่อ01-10-2018 20:58:29 »

ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆหยอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-10-2018 20:58:29 »





ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #20 เมื่อ02-10-2018 06:18:27 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #21 เมื่อ02-10-2018 23:31:15 »

เขินโฬมมากเลย

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 5 [01-Oct-18]
«ตอบ #22 เมื่อ03-10-2018 03:07:16 »


ช๊อบชอบ    :impress3:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #23 เมื่อ03-10-2018 15:10:27 »

บทที่ 6
   

กระดาษแผ่นนั้นที่โฬมเขียนยิกๆ อยู่นานคือลำดับการเล่าเรื่องในเพลง มีประโยคคำร้องบางท่อน แต่ทุกอย่างก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ผมได้ช่วยเขานั่งคิดเนื้อหากับออกความคิดเห็นบางอย่าง พวกเราหมกตัวอยู่ในสตูฯ ส่วนตัวจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนหนึ่งทุ่มกว่าๆ กระเพาะผมร้องโครกครากเสียงดัง โฬมเลยยอมสอดกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้ในสมุดจดแล้วชวนผมไปหาอะไรกิน

“อยากกินอะไรครับ” โฬมถามขัดเสียงดนตรีเบาๆ ตอนนี้พวกเราอยู่บนรถคันสวยของโฬมอีกครั้ง ผมเถือกไถตัวไปกับเบาะกว้างๆ ขณะปล่อยให้ลมแอร์โชยปะทะใบหน้าและลำคอ

“พิซซ่า” ผมพึมพา เพราะเพิ่งเลื่อนทวิตเตอร์แล้วเจอโปรซื้อ 1 แถม 1 เมื่อตอนเย็น

“อะไรนะครับ” คนขับรถหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าถนนเส้นที่จะไปคอนโดของผม

“อะไรก็ได้ครับ” ผมตอบแบบนั้นเพราะรู้ว่าถ้าอยากกินพิซซ่าจริงๆ มีแค่สองทางเลือกคือโทรสั่งกับเข้าไปกินในห้าง ไหนๆ โฬมก็เลี้ยวรถมาคนละทางกับศูนย์การค้าที่ใกล้ที่สุดแล้ว ก็หากินแถวๆ คอนโดผมนี่แหละง่ายดี

โฬมพยักหน้ารับ แต่เขากลับเร่งเครื่องยนต์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ผมมองวิวทางหน้าต่างเห็นผ่านร้านอาหารข้างทางไปตั้งหลายร้าน ขมวดคิ้วงุนงงว่าตกลงโฬมจะพาผมไปไหน เขาไม่น่ารู้จักที่ทางแถวนี้นะ

“ไปไหนครับ”

“ไปทานข้าวเย็นไงครับ” รอยยิ้มตัดบทโผล่มาอีกแล้ว

ผมเลิกสนใจจะคาดคั้น ยกมือขี้นกอดอกทอดสายตามองวิวเลือนลางข้างทางแทน ตึกสูงๆ ที่เป็นที่อยู่อาศัยของผมปรากฎอยู่ตรงหน้า ห่างออกไปเพียงห้าร้อยเมตร ผมขมวดคิ้ว เลยจากนี้ไปก็มีแค่เซเว่นกับถนนที่สามารถลัดไปขึ้นทางด่วนได้ ไม่มีทางมีร้านอาหารอยู่แน่ๆ

“โฬมครับ”

“สกายโทรสั่งเลยนะครับ เดี๋ยวผมไปแลกบัตร”

“โทรสั่ง? สั่งอะไรครับ”

“พิซซ่าไงครับ” โฬมหันมายิ้มให้ ตัวรถเก๋งเลี้ยวเข้ารั้วคอนโดของผมทันทีหลังจบประโยค ผมมองคนตัวสูงกวาดสายตาหาที่จอดด้วยแววตาตกใจระคนสงสัย

พิซซ่าเนี่ยนะ

นี่หมายความว่าเขาจะขึ้นไปกินพิซซ่าบนห้องของผม?

บางทีโฬมก็สนิทกับคนอื่นเร็วเกินไป ผมที่ค่อนข้างหวงพื้นที่ส่วนตัวเริ่มออกอาการกระสับกระส่าย ไม่กล้าบอกเจ้าตัวไปตรงๆ ว่าผมไม่อยากให้เขาขึ้นห้อง เราเพิ่งรู้จักกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขนาดเพื่อนสนิทของผม ผมยังให้ขึ้นห้องเฉพาะเวลามีเรื่องสำคัญๆ เลยครับ

“กินอย่างอื่นไหมครับ ข้างหน้าปากซอยมีร้านข้าวมันไก่อร่อยๆ นะครับ” ผมเสนอตัวเลือกที่ดีกว่า ถามว่าอยากกินพิซซ่าไหม อยากกินสิครับ ครั้งสุดท้ายที่ได้กินคือตอนที่พี่ยุทธเลี้ยงเพราะยอดวิวเพลงพุ่งไปถึงห้าล้านวิว

“สกายอยากกินพิซซ่านี่ครับ” โฬมที่จอดรถเสร็จและกำลังจะดับเครื่องหันมามองด้วยท่าทางสงสัย เขาคงได้ยินตอนที่ผมพูดเลยเอามาคิดจริงจัง

“ผม... ไม่ค่อยชอบให้ใครขึ้นห้อง” ผมพึมพำเบาๆ แต่คิดว่าโฬมน่าจะได้ยินเพราะเขาปิดเครื่องเสียงไปแล้ว ห้องโดยสารกว้างขวางนี้จึงมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศดังอยู่เพียงอย่างเดียว

“อ๋อ” โฬมพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ไปทานข้าวมันไก่ก็ได้ครับ”

ผู้ชายที่นั่งข้างๆ ได้คะแนนในใจผมไปอีกสิบส่วน

เขายอมรับฟังอย่างง่ายดาย ไม่มีเกี่ยงงอนหรือขอคำอธิบายเลยสักนิด โฬมแค่ถอยรถออกจากซอง ขับไปยังทางที่ผ่านมาเพื่อหาร้านข้าวมันไก่ พร้อมด้วยรอยยิ้มใจดีประดับริมฝีปาก

ผมละสายตาจากเขี้ยวขาวที่โผล่พ้นขอบปาก ใช้นิ้วชี้ดันแว่นทรงกลมของตัวเองแก้เก้อ สันจมูกเริ่มคันเล็กๆ หลังจากสวมสิ่งนี้มาทั้งวัน ผมยังไม่ถอดมันเพราะไม่มีที่เก็บ จะเอามาเกี่ยวคอก็เคยทำแว่นกันแดดล่วงแล้วเหยียบแตกคาเท้าไปแล้วครั้งหนึ่ง

“ร้านนี้ใช่ไหมครับ” เสียงนุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อรถยนต์ชะลอเข้าจอดเลียบฟุตปาธ ผมพยักหน้า เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นก็รั้งรอให้อีกคนดับเครื่องและปลดเซฟตี้เบลท์ก่อนค่อยเปิดประตูลงจากรถ

ร้านข้าวมันไก่มีคนนั่งกันเกือบเต็มร้าน โชคดีที่ยังมีโต๊ะว่างอยู่ผมเลยเดินนำโฬมเข้าไป ในตอนที่พวกเราเดินผ่านก็มีคนไม่น้อยที่มองมา เกรงว่าเขาจะสนใจโฬมมากกว่าผม ด้วยหน้าตา ออร่า และรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ไม่เคยหายไปจากริมฝีปาก ผมคลี่ยิ้มภาคภูมิใจหน่อยๆ ที่ได้มานั่งกินข้าวกับคนหล่อแถมยังเป็นนักร้องชื่อดัง

ถ้าใครเคยมีเพื่อนในกลุ่มเป็นดาวเดือนคณะ อาจจะพอเข้าใจความรู้พราวด์นี้ หรือไม่ก็มีแค่ผมคนเดียวนี่แหละที่รู้สึกดีเวลาได้เดินข้างคนหน้าตาดี

“สกายทานอะไรครับ”

“ผมเอาไก่ผสม” ผมบอกคนที่หยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาจดรายการอาหาร ไก่ผสมก็คือไก่ต้มกับไก่ทอดรวมอยู่ในจานเดียวกัน แอบเห็นแว้บๆ ว่าโฬมลอกเมนูของผมแต่เติมคำว่าพิเศษต่อท้ายเข้าไปด้วย

ก็ดูตัวไม่ใหญ่ ทำไมกินจุจัง

“สกายครับ”

“อ๊ะ ครับ!” ผมสะดุ้ง เพราะเมื่อกี้กำลังใช้สายตาสำรวจเรือนร่างเพื่อนร่วมงานอย่างลืมตัว อีกแล้วครับ ผมเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนแรกก็จ้องหน้า ตอนนี้พัฒนามาดูร่างกายเขาเสียแล้ว

“จ้องแบบนั้นผมเขินนะครับ”

“ขะ ขอโทษครับ แหะๆ” ผมเกาแก้มเกาสันดั้งอย่างเขินๆ เลื่อนสายตาหลบไปมองพื้นทันที เผลอทำเรื่องน่าอายตลอดเลย แต่คนอย่างโฬมก็ดูดีจนน่ามองจริงๆ นั่นแหละ

“ไม่ถอดแว่นเหรอครับ เห็นสกายเกาตลอดเลย”

“รอกลับไปถอดที่ห้องครับ” ผมตอบ แต่ก็ยังไม่หยุดถูที่จมูกสักที พอดีมันเป็นแว่นแฟชั่น ผมซื้อมาในราคาหลักร้อย โครงตรงจมูกเลยไม่ได้ทำออกมารองรับการใส่นานๆ มันออกจะแหลมไปหน่อยทำให้เวลาเสียดสีกับผิว เลยเกิดอาการระคายเคือง

“แดงหมดแล้วนะครับ” นิ้วยาวเลื่อนมาดันกรอบแว่นของผมให้ลอยขึ้น ดวงตาคมจ้องมายังสั้นจมูกของผมก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้ถูเบาๆ ตามรอยแดง “ถอดเถอะครับ เดี๋ยวมันถลอกนะ”

“เอ่อ...” ผมนิ่งไปอึดใจ เพราะหน้าของโฬมโน้มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้มาก แต่มันก็ใกล้พอให้ผมเห็นผิวเนียนเรียบบริเวณช่วงแก้มกับสิวเม็ดเล็กๆ บนหน้าผากสองเม็ด

“ขออนุญาตนะครับ” น้ำเสียงของเขาทั้งสุภาพทั้งนุ่มนวล ผมจ้องดวงตาสีน้ำตาลที่หลุบลงมองด้านล่าง สัมผัสได้ถึงขาแว่นตาค่อยๆ เลื่อนหลุดจากใบหู ผมกลั้นหายใจเพราะกลัวว่าลมหายใจจะมีกลิ่นแปลกๆ ผมยังไม่ได้เคี้ยวหมากฝรั่งเลย มันต้องไม่ดีแน่ๆ ถ้าโฬมจะได้กลิ่นอะไรไม่ดี

กว่าผมจะได้หายใจอีกครั้งก็จนเกือบขาดอากาศตาย โฬมขยับไปนั่งในท่าเดิมพลางยื่นแว่นตาไร้เลนส์มาให้ ผมรับมาแขวนไว้ที่คอเสื้อก่อนจะเบนสายตาหนี รู้สึกร้อนที่แก้มแปลกๆ เพราะเกิดมาเพิ่งเคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้

โฬมสนิทกับคนง่ายจริงๆ นั่นแหละ

เห็นเขาวางตัวแบบนี้กับผม ผมก็คิดว่าเราคงทำงานร่วมกันต่อไปได้ด้วยดี จากที่เคยกังวลว่าจะสนิทกันได้ไหมก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าสังคมไม่เก่ง ให้ปฏิสัมพันธ์กับคนก็ทำได้แต่ต้องใช้เวลานานกว่าคนอย่างโฬมพอสมควร ไม่มีทางที่ผมจะอยู่กับใครเพียงวันเดียวแล้วจะมีท่าทีไร้ความอึดอัดแบบนี้

รอไม่ถึงสิบนาทีอาหารก็มีเสิร์ฟ ผมหยิบช้อนส้อมในกล่องส่งให้โฬมคู่หนึ่ง ให้ตัวเองอีกคู่หนึ่ง ฝ่ายนั้นรับไปพร้อมพงกหัวขอบคุณ พวกเราเงียบลงเมื่อต่างคนต่างตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก ดูก็รู้ว่าไม่มีแต่ผมที่หิว ผมแอบลอบมองท่ากินข้าวของคนหน้าหล่อตรงหน้าเงียบๆ โฬมเป็นคนกินข้าวแล้วดูอร่อยมากครับ เขาไม่ละเลียดแต่ก็ไม่มูมมาม อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าสินค้าไหนที่เขาควรไปเป็นพรีเซนเตอร์ ก็คงเป็นพวกอาหารของกินทั้งหลายนั่นแหละ แค่ดูเขากินก็หิวตามแล้ว

“พรุ่งนี้สกายจะเข้าสตูดิโอไหมครับ” อยู่ๆ โฬมก็ถามขึ้นมา ผมที่กำลังเคี้ยวไก่ต้มอยู่เต็มแก้มถึงต้องรีบกลืนมันลงคออย่างไว อาหารก้อนโตกว่าจะผ่านหลอดอาหารลงไปได้เล่นเอาสำลักไปหลายที โฬมตกใจรีบคว้าแก้วมายื่นให้ผม แต่เขาคงตกใจมากจริงๆ เพราะมันเป็นแก้วของโฬม ในขณะที่แก้วผมวางอยู่ใกล้ๆ มือขวาแค่นิดเดียวเอง

“ดื่มน้ำก่อนครับ” โฬมบอกพลางจับหลอดมาจ่อที่ปาก ผมทำอะไรไม่ได้เพราะยังไอแค่กๆ ไม่เลิกเลยต้องอ้าปากงับหลอดสีเขียว ความชุ่มชื้นจากน้ำช่วยให้ผมรู้สึกดีกว่าเดิม อากาสำลักค่อยๆ เบาลงจนผมไม่ไออีกแล้ว มีแค่ดวงตาแดงก่ำกับรอยหยดน้ำตาที่ไหลผ่านช่วงแก้มผมลงไปถึงคาง

“ขอบ ขอบคุณครับ” ผมยกมือปาดน้ำตาไปด้วยตอนพูด สีหน้าของโฬมเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ผมเผลอบวกแต้มในใจให้เขาไปอีกแล้ว

ให้ตาย โฬมสมควรเป็นที่รักจริงๆ นั่นแหละ

“เมื่อกี้โฬมถามว่าไงนะครับ”

“พรุ่งนี้สกายจะเข้าสตูดิโอไหมครับ ผมคันไม้คันมือนิดหน่อย”

พอได้ยินแบบนั้น ผมนี่ฉีกยิ้มกว้างเลย

เห็นเพื่อนร่วมงานจริงจัง แรงผลักดันในกายของผมก็ยิ่งพุ่งพล่าน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูตารางงาน โชคดีที่ช่วงเช้าจนถึงเย็นผมไม่มีอะไร แต่ทุ่มครึ่งเป็นต้นไปผมต้องไปให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ

“ผมว่างถึงหกโมงเย็นเลยครับ”

“ถ้าอย่างนั้น สกายจะให้ผมมารับกี่โมงดีครับ”

“เอ๋” ผมเลิกคิ้วสงสัย เขาไม่น่าต้องมารับผมแล้วนี่น่า วันนี้มันเหตุฉุกเฉินเฉยๆ โฬมอาจจะลืมไปว่าผมก็มีรถยนต์ส่วนตัว “เจอกันที่สตูฯ ตอนเก้าโมงก็ได้ครับ”

“ไม่ให้ผมมารับเหรอครับ”

“เดี๋ยวผมเอารถไปครับ ตอนหัวค่ำมีงานด้วย”

“น่าเสียดายจัง” โฬมพูดเสียงเบา แต่ผมอ่านปากเขาออก คิ้วทั้งสองเลยขยับเข้ามาผูกโบว์เป็นปมใหญ่ที่กลางหน้าผาก บางทีอีกฝ่ายก็ชอบพูดจาอะไรที่ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจ

ศิลปินมักมีอารมณ์ซับซ้อนแบบนี้ ผมเลยปล่อยเบลอไปเฉยๆ

เมื่อเห็นว่าทั้งผมและโฬมกวาดอาหารในจานจนเกลี้ยง ผมก็ยกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน กับข้าวมื้อนี้รวมทั้งหมดเก้าสิบบาท ผมเลยควักแบงค์ร้อยจ่ายถือเป็นการเลี้ยงข้าวในโอกาสทำงานร่วมกันครั้งแรก โฬมพยายามจะยัดเงินคืนผมให้ได้แต่ผมเมินมันแล้วเดินตัวปลิวมารอเขาที่ประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับ

ระยะทางจากร้านข้าวไปถึงคอนโดผมไม่ไกลมาก เรียกว่าแอร์ยังไม่ทันเย็นผมก็ต้องลงจากรถแล้ว คราวนี้ผมไม่ให้โฬมขับเข้าไปด้านในเพราะถอยออกยาก เลยขอให้เขาปล่อยผมลงที่ด้านนอกรั้วคอนโด ผมสำรวจของติดตัวอีกครั้งก่อนจะหันไปบอกลาเจ้าของรถที่ยังคงแจกจ่ายรอยยิ้มสดใส

“เจอกันพรุ่งนี้ครับ ขอบคุณที่มาส่ง”

“ไว้พรุ่งนี้สั่งพิซซ่ามาทานกันนะครับ”

“ได้ครับ” ผมยิ้ม รู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อมีคนมาใส่ใจความต้องการของเรา อาจจะแค่เรื่องเล็กๆ แต่ผมโคตรชอบเลย แต้มของโฬมเพิ่มขึ้นรัวๆ จนผมก็งงว่าคนอะไรจะดีได้ขนาดนี้ แล้วทำไมคนดีๆ แบบเขาถึงได้โดนแฟนเก่าหักหลังออกมาแฉแบบนั้น

“สกายครับ” ผมที่กำลังจะผลักประตูรถปิดต้องชะงักการกระทำเอาไว้ก่อน เพราะอยู่ๆ คนที่นั่งหลังพวงมาลัยก็ส่งเสียงเรียก

“ครับ?”

“ฝันดีนะครับ” ผมเห็นโฬมยิ้มกว้าง ลักยิ้มกับฟันเขี้ยวโผล่ออกมาในความมืด ผมหัวเราะเพราะนึกว่าเขามีอะไรสำคัญ แต่พอเป็นเรื่องนี้ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไปบ้าง

“ฝันดีเหมือนกันครับ” สิ้นคำผมก็ดันประตูรถให้ปิดลง

ผมยืนรอส่งจนป้ายทะเบียนสีขาวกับไฟท้ายหายลับไปจากสายตาจึงค่อยสาวเท้าเดินเข้าคอนโดไปอย่างคนอารมณ์ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกสดชื้นกระปรี้กระเปร่าแบบนี้ มันแฮปปี้จนผมต้องฮัมเพลงไปตลอดทาง







วันนี้ผมตื่นเช้าเพราะปวดฉี่แล้วหลับต่อไม่ลง นาฬิกาบอกว่ามันเพิ่งหกโมงสิบสามนาที ผมบิดขี้เกียจและกลิ้งไปมาบนเตียงด้วยความเกียจคร้าน กว่าจะถึงเวลานัดก็อีกหลายชั่วโมง ผมอาบน้ำตอนแปดโมงกว่าก็ยังทันเพราะสตูดิโออยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินทางสิบนาทีก็ไปถึงแล้ว

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากอดเล่น จากที่คุยกันเมื่อวานกับโฬมก็ทำเอาผมเกิดสงสัยเรื่องข่าวของเขา เลยเลือกที่จะกดเข้ากูเกิ้ลแล้วเสิร์ชหาเนื้อหาของข่าวจากของหลายๆ สำนัก


หลุด! ภาพคู่ลับๆ ของนักร้อง ฬ ชื่อดังกับแฟนหนุ่ม


ผมกดคลิ๊กเข้าไปในลิงค์เว็บนี้ ภายในเขียนข่าวว่าได้ภาพมาจากวงใน ไม่ได้พูดชื่อโฬมตรงๆ แต่ใช้ตัวอักษร ฬ แทน ซึ่งนักร้องในวงการนี้จะมีใครอีกที่มีชื่อเล่นนำหน้าด้วย ฬ

รูปภาพประกอบกระทู้มีทั้งภาพถ่ายคู่อย่างคนรักทั่วไป สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำคาดทับลงบนดวงตาของผู้ชายทั้งสองคน แต่ลักยิ้มด้านขวาและเขี้ยวสวยสองข้างก็สามารถระบุได้ทันทีว่าเป็นใคร ผมไถนิ้วเลื่อนดูรูปภาพถัดไป มีทั้งรูปตอนที่โฬมหลับโดยไม่สวมเสื้อ รูปคู่ในสถานที่ต่างๆ ภาพแคปหน้าจอบทสนทนาหวานชื้น และภาพสุดท้ายของโฬมกดสันจมูกโด่งสวยของตัวเองลงบนแก้มผู้ชายอีกคน

ผมกดปิดเว็บนั้นทันทีหลังจากเห็นว่ามันไม่มีอะไร มีหัวข้ออื่นที่ดูแรงกว่านี้โชว์ขึ้นมา เป็นการแคปชั่นโพสต์ๆ หนึ่งจากเฟสบุ๊ค ซึ่งเขียนบรรยายใต้ภาพว่าเจ้าของโพสต์คืออดีตคนรักของโฬม


ผมไม่เคยคิดว่าจะออกมาพิมพ์อะไรแบบนี้ แต่ผมรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ เมื่อเห็น ‘แฟนเก่า’ ของผมเองเอาแต่โกหกคนอื่นว่าเป็นผู้ชายแท้ๆ และทุกคนเอาแต่ชื่นชมคนโกหกคนนี้เหลือเกิน

ผมคบกับ ฬ มาได้หนึ่งปีสองเดือน และผมก็รู้มาว่าก่อนที่เขาจะคบกับผม เขาก็มีแฟนผู้ชายมาแล้วหนึ่งคน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเกย์มาตั้งแต่แรก

การที่เขาโกหกอย่างหน้าตายได้ว่าเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ นั่นก็แสดงว่าเขาสามารถโกหกเรื่องอื่นๆ ได้อีกเช่นกัน ผมจะไม่เอาเรื่องเก่าของเรามาขยาย ผมไม่ได้อยากทำร้ายหรือทำลายเขาเลย แต่เพราะผมสงสารแฟนคลับทุกคนที่กำลังถูกเขาหลอก ความรักและไว้ใจของแฟนคลับนั้นมีค่าเกินกว่าจะเอาไปมอบให้กับผู้ชายคนนี้

ผมได้รับบทเรียนราคาแพงจากผู้ชายที่กำลังมีภาพลักษณ์ดีงาม มนุษย์เราเรียนรู้ที่จะสวมหน้ากาก รอยยิ้มของเขาอาจทำให้ทุกคนเชื่อ รวมถึงผมที่เคยเชื่อมันมาก่อน  พวกคุณคิดเอาเองนะครับว่าจะเชื่อใจผู้ชายคนนี้ต่อไปไหม ผู้ชายที่ไม่แม้แต่เคารพความชอบของตัวเอง

ผมขอย้ำอีกครั้งว่าจุดประสงค์ของผมแค่ต้องการบอกความจริงแก่ทุกคนเท่านั้น



ผมเม้มปากเมื่ออ่านจบ มองรูปที่เจ้าของโพสต์แนบมาด้วยก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่ เว็บไซต์นี้ขยี้หัวข้อฉาวนี้อีกครั้งด้วยการแปะความคิดเห็นของชาวเน็ตมาด้วย

มีสามส่วนสี่ที่ด่าโฬมเสียๆ หายๆ และเข้าไปให้กำลังใจแฟนเก่า ทุกคนตีความถ้อยคำกำกวนจากโพสต์นั้นว่าแฟนเก่าของเขาเป็นผู้ถูกกระทำเรื่องเลวร้ายมา เจ้าของเฟสก็มักให้คำตอบกำกวนออกแนวให้คนอ่านคิดไปเองว่าใช่เช่นกันเมื่อมีคนเข้าไปถามเรื่องราวระหว่างโฬมกับคนๆ นั้น

มีคลิปสัมภาษณ์ที่โฬมยอมรับว่าเป็นเกย์จริง แต่ปฏิเสธเรื่องอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ผมเห็นสีหน้าเขาในคลิปนั้นแล้วไม่สามารถทนดูต่อได้จนจบ

คนที่มีรอยยิ้มสว่างสไวคนนั้น ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะดูน่าสงสารได้ขนาดนี้เวลาน้ำตาเอ่อคลอเต็มเบ้า

ผมไม่ได้อ่านรายละเอียดมากไปกว่านี้ เพราะผมไม่อยากให้สายตาของผมตอนที่ไปเจอเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมงเต็มไปด้วยความสงสาร เรื่องข่าวก็ผ่านมาได้หลายเดือน แม้ยังมีคนขุดขึ้นมาด่าอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่อยากเป็นคนสะกิดเรื่องเลวร้ายให้โฬมหวนไปนึกถึงมันอีก

มีอีกหลายเว็บที่รวมรูปลับๆ ของโฬมกับแฟนเก่า ผมคิดว่าคงเป็นเจ้าของรูปนั่นแหละที่ส่งไปให้สำนักข่าวต่างๆ เรื่องฉาวๆ คนพวกนี้ยิ่งชอบขยี้ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีอะไรร้ายแรง แต่พอทุกสื่อพูดถึง พิมพ์หัวข้อข่าวให้รุนแรงเข้าไว้ ชาวเน็ตก็เอนเอียงความคิดตามไปได้อย่างง่ายๆ

ช่วงนั้นผมกำลังยุ่งกับการทำเพลงเลยไม่เคยเห็นข่าวพวกนี้เลย เคยได้ยินแว่วๆ ว่ามีนักร้องประกาศตัวเป็นเกย์แต่ไม่ได้สนใจ ผมมันพวกไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลนอกจากเข้าไปอัพเดตแชนแนลยูทูปของตัวเองกับไถทวิตตามข่าวเพลงฮิบฮอบจากต่างประเทศ น่าจะถือว่าเป็นส่วนดีของตัวเองเพราะมันทำให้ผมไม่ค่อยเชื่อข่าวสารในเน็ตมากนัก

อย่างเรื่องของโฬม ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาเป็นอย่างที่แฟนเก่าคนนั้นพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อ คนเรามีด้านแย่ๆ ก็จริง แต่ตอนนี้โฬมดีกับผมเอามากๆ ดังนั้นผมไม่สนว่าใครจะด่าว่าเขายังไง เพราะเขาไม่ได้ทำร้ายผม มันก็แค่นั้นเอง

ผมกดปิดทุกเว็บเกี่ยวกับข่าวของโฬมทิ้งไป มองเมินพวกถ้อยคำหยาบคายเหล่านั้นเสีย อ่านพวกนี้เยอะๆ ผมว่ามันรกสมองจะตาย ผมเลือกที่จะกดเข้ายูทูปหาเพลงฮิปฮอปฟังสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงคลายเครียดจากการอ่านข่าวแย่ๆ เมื่อกี้ด้วย

ดนตรีโยกๆ ดังลอดลำโพงบลูทูธที่ผมวางแปะไว้ข้างหัวเตียง ผมบิดขี้เกียจแล้วม้วนตัวให้ผ้านวมผืนใหญ่พันแน่นเป็นดักแด้ เครื่องปรับอากาศถูกตั้งไว้ด้วยอุณหภูมิต่ำ เวลาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาถึงรู้สึกสบายสุดๆ

ผมซุกหน้าลงใต้ผ้าจนโผล่มาแค่หน้าผาก แต่พอจะงีบหลับจริงๆ เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นขัดจังหวะก่อน ผมย่นคิ้วแต่ก็ยอมสอดมือออกมากดจิ้มปุ่มรับสาย เสียงปลายสายเลยลอดออกมาจากลำโพงที่ผมยังต่อเอาไว้อยู่

[สกายครับ]

“ครับ” ผมจำเสียงได้ว่าเป็นโฬม เขาโทรหาผมบ่อยกว่าเพื่อนที่มีเบอร์ผมมาแล้วชาติเศษเสียอีก

[ผมเลื่อนนัดได้ไหมครับ เอาเป็นสักบ่ายๆ]

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

[คือพอดีมีเรื่องด่วนนิดหน่อย... คุณโฬมเข้าห้องตรวจที่ 2 ค่ะ]

เสียงที่ดังลอดเข้ามาตามสาย ไม่ต้องให้เดามากก็พอรู้ว่าคือโรงพยาบาล ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยความตกใจปนเป็นห่วง

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ!”

______________________
Talk:
ช่วงนี้มีข่าวดราม่าดาราหลายคนเลยค่ะ อยากรณรงค์ให้ทุกคนใช้สติเวลาจะแสดงความคิดเห็นมากๆ เลย
การด่ากันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะคะ แง้  :hao5:
พี่โฬมของเราจริงๆ โดนหนักมากกับเรื่อง bully
แต่เพราะเจ้าสกายมันเป็นเด็กที่ 'รู้แค่เนื้อพอ น้ำน้องไม่อยากสนใจ'
เลยได้เนื้อหาข่าวออกมาคร่าวๆ แบบนี้

ผลกระทบจากการที่คนๆ หนึ่งโดนด่า แม้มันจะเรื่องเล็กๆ แต่คนถูกกระทำมักมีแผลใหญ่เสมอนะ
ขนาดเรา เมื่อก่อนโดนคอมเม้นต์ตินิยายว่าไม่ดี ยังเฟลจนแทบเลิกเขียนเลย  :o12:
แต่ตอนนี้ติชมได้นะคะ เราพร้อมรับฟังความเห็นทุกคนเลยค่า!!

เราจะกลับมาแก้ไขคำผิดในทุกๆ ตอน น่าจะอาทิตย์หน้า
ใครเจอคำไหนผิด แปะบอกได้เลยน้า

ขอบคุณทุกคนที่สนใจเข้ามาอ่านเรื่องนี้
ขอบคุณยอดวิว ยอดคอมเม้น ทุกๆ คนเลยค่ะ รักคนอ่านจัง <3

ฝากเจ้าสกายไว้ในอ้อมใจเหมือนเดิม
เห็นคนใหม่ๆ แวะเวียนเข้ามา ก็ใจฟองฟูไปหมดแล้ว รักกกก  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2018 23:43:49 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #24 เมื่อ03-10-2018 21:41:20 »

 :L2: :L1: :pig4:

เราไม่ควรตัดสินคนอื่นจากแค่พื้นฐานของเราจริงๆ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #25 เมื่อ03-10-2018 21:48:53 »

 o13 ชอบมากค่ะ ชอบแนวคิดของ sky ชอบมากค่ะ  o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #26 เมื่อ04-10-2018 00:02:22 »

โใมเป็นอะไรถึงต้องไปโรงพยาบาลล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #27 เมื่อ04-10-2018 02:59:01 »

มารอ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #28 เมื่อ04-10-2018 06:30:36 »

รอจ้าาา

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 6 [03-Oct-18]
«ตอบ #29 เมื่อ04-10-2018 08:04:38 »

เป็นกำลังใจให้ค่ะ อ่านเพลินมาก และน่าอ่านค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด