บทที่ 16
ผมลืมตาขึ้นมาในตอนสายโด่ง
แสงแดดจากด้านนอกลอดเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่าน ทว่าภายในห้องก็ยังมืดครึ้มราวกับไม่ใช่เวลากลางวัน เครื่องปรับอากาศส่งเสียงหึ่งๆ กล่อมให้ดวงตาปรือปรอยปิดลงอยู่บ่อยครั้ง ทั้งร่างกายก็ปวดเมื่อยและไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกแขนขึ้น ผมขยับตัวกอดกองผ้าห่มในอ้อมแขนก่อนหลุดครางเบาๆ เมื่อช่วงเอวที่ปวดระบมถูกกระทบกระเทือน
“อือออ” ใครอีกคนบนเตียงคล้ายจะถูกสะกิดให้ตื่นด้วยเสียงโหยหวนของผม
ริมเขื่อนยุกยิกอยู่พักนึงก็สอดแขนเข้ามาโอบรอบบั้นเอว กดคางมนไว้ที่ศีรษะของผมแล้วพึมพำด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่า “ตื่นแล้วเหรอ”
“อืม” ผมตอบทั้งที่ยังปิดเปลือกตา มาดหมายเอาไว้ว่าจะนอนต่ออีกหน่อย แต่แรงกอดรัดที่เอวทั้งน่ารำคาญทั้งรัดแน่นจนกระทบไปถึงรอยช้ำจากที่ตรงนั้น ผมเลยต้องฝืนตื่นขึ้นมาทั้งขี้ตาอย่างไม่เต็มใจ “ปล่อยกู”
“หือ?” ใบหน้าสวยชะโงกขึ้นจากหมอนพลางเลิกคิ้ว ตาสองข้างเปิดขึ้นมาไม่ถึงสองมิลลิเมตรเลยด้วยซ้ำ
ผมพ่นลมหายใจออกทางปาก ตวัดผ้าห่มทิ้งลงไปข้างเตียงก่อนออกแรงยันตัวเองขึ้นจากที่นอน แขนแกร่งบนเอวหลุดล่วงไปอยู่ที่ตัก พร้อมกับสติสตังของริมเขื่อนที่ค่อยๆ กลับมา
“ไปไหน?” คนที่ยังไม่ตื่นดีนักถามขี้น นิ้วเรียวขยับขยี้ตาแล้วบิดขี้เกียจเล็กๆ อย่างคนยังไม่อยากลุกจากที่นอน ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนพยายามลากสังขารเปาะแปะน่ารำคาญนี้ออกห่างมาจากเตียงนอน
แอร์เย็นฉ่ำช่วยให้อาการปวดเมื่อยตัวไม่น่ารำคาญมากนัก แต่ทุกย่างก้าวผมจำต้องค้ำมือตัวเองเอาไว้ที่สะโพกราวกับคนแก่เดินไม่ค่อยไหว
ตรงนั้นมันยังแสบอยู่มาก ยิ่งเดินมันก็ยิ่งเสียดสีจนสีหน้าผมบิดเบี้ยวไม่น่ามอง
“ไผ่ จะไปไหน!” ผมได้ยินเสียงแหบแห้งนั้นตะโกนมาไล่หลัง พร้อมกับฝีเท้าตึงตังที่ไล่มาจนใกล้ ริมเขื่อนคว้าต้นแขนของผมเอาไว้ ขมวดคิ้วมองกันอย่างไม่ค่อยพอใจ “ทำไมไม่ตอบ”
ผมเลื่อนสายตาขึ้นสบกับนัยน์ตาสีดำสนิท “เขื่อน มึงอย่าเพิ่งยุ่มย่ามตอนนี้ดิ”
“ห๊ะ?”
“กูเมื่อย กูนอนไม่พอ และกูหงุดหงิดมาก” ผมบอกอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา คือตอนนี้ผมขี้เกียจพูดอะไรให้ยืดยาวกว่านี้ เพราะร่างกายมันร้องประท้วงหนักมากว่าคอยนอนโง่ๆ ไปสักสองสามวัน
ริมเขื่อนไม่ได้ถนอมกันเลยเมื่อคืน แม่ง
“เออ ขอโทษ” คนตัวสูงยอมถอยออกห่างจากตัวผมหนึ่งก้าว ปล่อยให้ผมพาร่างง่อยๆ ของตัวเองเข้าห้องน้ำไปทำธุระสำคัญ และตอนที่ผมกลับออกมาก็พบว่าเขื่อนยังยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความกังวล
“เจ็บเหรอวะ”
“เออ” ผมบอก ชูแขนขึ้นข้างหนึ่งเพื่อให้มันเข้ามาประคอง “ง่วงด้วย”
นอนไป เดี๋ยวตอนเที่ยงสั่งข้าวขึ้นมาให้กิน”
“ไม่มีงาน?”
“ว่าจะลา”
“อยากลาก็ลาได้เหรอวะ”
“กูซะอย่าง” ริมเขื่อนยักคิ้วสองที ก่อนค่อยๆ ดันตัวผมลงบนเตียง
จังหวะที่ก้นกดลงบนฟูก สาบานได้เลยว่าผมกลั้นเสียงตัวเองเต็มที่แล้วแต่มันก็ยังมีหลุดลอดออกมา เขื่อนมองผมอย่างเป็นกังวล เขาจัดแจงผ้าห่มมาคลุมบนตัวให้ผมอย่างรู้งาน ก่อนเดินอ้อมไปอีกฟากของเตียงเพื่อล้มตัวลงนอนข้างๆ กัน
“เพิ่งเก้าโมงกว่า กูตั้งปลุกตอนเที่ยงนะ”
“ตามใจ” ผมว่าอย่างนั้น หันหลังให้อีกคนบนเตียงก่อนม้วนๆ ชายผ้าห่มให้กลายเป็นก้อนแทนหมอนข้าง ขาข้างหนึ่งสอดออกมารับอากาศเย็น ขดตัวกอดผ้านวมผืนนุ่มไว้แล้วหลับตาลงหลังจากนั้น
สิ่งมีชีวิตข้างๆ เตียงยักแย้ยักยันเหมือนอยากกอดผมแต่กลัวรำคาญ แต่ผมกลับรำคาญไปแล้วเพราะฟูกมันสั่นไม่หยุด เลยคว้าเอามือที่ลอยอยู่กลางอากาศมาพาดลำตัวของตัวเองไว้
“ก...กอดได้เหรอวะ”
“มึงทำมากกว่ากอดไปแล้วสัส” ผมสบถคำหยาบคายเป็นประโยคสุดท้ายก่อนปล่อยตัวเองให้จมไปในทะเลนิทรา สัมผัสอุ่นจากอ้อมกอดรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ถามว่าสะบัดออกไหมก็ไม่
ผมปล่อยให้พวกเราสองคนนอนกอดกันไปอย่างนั้น...
....จนกว่านาฬิกาปลุกจะดังในตอนเที่ยงวัน
ผมถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในตอนเที่ยงตรง จากโทรศัพท์ที่แผดเสียงแหลมปรี๊ดไม่ยอมหยุด อาการปวดเมื่อยดีขึ้นมากจากเมื่อเช้า ทั้งผมก็ไม่มีความอ่อนเพลียหลงเหลืออีกแล้ว ขาดแค่ท้องมันว่างไปหน่อยเท่านั้นเอง
“มึง กูหิว” ผมหันไปมองคนที่ลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกด้วยสีหน้าแบบพร้อมหลับกลางอากาศ ดวงตาคมข้างหนึ่งหยีลง อีกข้างปรือเปิดแบบนิดหน่อย มันขยี้ผมยุ่งฟูของตัวเองอยู่อย่างนั้นก่อนอ้าปากหาวออกมาหวอดใหญ่
“ว่าไรนะ”
“กูหิวแล้ว”
“เออๆ” เขื่อนพยักหน้า “เดี๋ยวกูโทรสั่งข้าว มึงไปอาบน้ำก่อนไป”
ผมอืออาในลำคอแล้วค่อยๆ คลานลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำอย่างที่เพื่อนบอก
เป็นเรื่องแปลกเหมือนกันที่เช้าหลังจากเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น ผมก็ยังสามารถทำตัวตามปกติได้โดยไม่กระดากกระเดื่อง ในขณะที่ริมเขื่อนก็ไม่ได้ออกอาการเวิ่นเว้อแบบที่คาดการณ์เอาไว้
ทุกอย่างราวกับท้องฟ้าหลังพายุสงบ
แม้เศษซากปรักหักพังจะยังอยู่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเคยเกิดพายุรุนแรงขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ทว่าท้องฟ้าหลังจากนั้นก็ยังเป็นสีฟ้าตามเดิม มีเมฆขาวขุ่นลอยละล่องอยู่หลายหย่อม และลมเย็นๆ ก็ยังโชยพัดเหมือนช่วงเวลาก่อนพายุมา
ผมพอใจกับความไม่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้
เพราะถ้าริมเขื่อนตื่นขึ้นมาแล้วเรียกผมว่า ‘เมีย’ เป็นคำแรก ผมสาบานได้เลยว่าผมคงได้เผลอถีบหน้าสวยๆ นั่นไปสักหลายๆ ที
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาแล้ว ผมก็หยิบโน้ตบุ๊คออกไปนั่งทำงานรอที่ห้องนั่งเล่น เขื่อนบอกว่าสั่งข้าวไว้แล้วให้รอรับก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากผม
ติ๊งต่อง!
ผมเงยหน้าออกมาจากโปรแกรมแต่งภาพหลังจากหมกมุ่นกับมันอยู่สักพัก ขยับตัวเร่งฝีเท้าไปที่ประตูห้องเพราะเดาได้ว่าคงเป็นอาหารที่มาส่ง และเมื่อเปิดประตูไปก็พบพนักงานของร้านอาหารในคอนโดยืนถือถุงอาหารอยู่อย่างที่คิด
“อาหารที่สั่งครับ”
“เท่าไหร่ครับ”
“สามร้อยสี่สิบบาทครับ”
แพงจั๊ด!
ผมเก็บอาการตกอกตกใจก่อนควักแบงค์ร้อยสี่ใบในกระเป๋าส่งให้พนักงาน รอรับตั้งทอนอยู่แปบนึงก่อนหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง และเห็นริมเขื่อนที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเดินทำจมูกฟุตฟิตเข้ามาหา
“ข้าวมาแล้วเหรอ”
“อือ ข้าวไรวะแพงชิบหาย”
“กะเพราทะเล”
“วันหลังกูออกไปซื้อร้านตามสั่งซอยถัดไปให้ก็ได้” ผมบ่นกระปอดกระแปดก่อนเดินเอากล่องข้าวไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร เขื่อนหยิบแก้วกับน้ำเย็นออกมาจากตู้เย็นก่อนนั่งประทับลงที่หน้ากล่องข้าวกล่องหนึ่งทันที
ผมเปิดกล่องพลาสติกสีใสที่ดูดีแต่ปริมาณไม่สมราคาอย่างเศร้าซึม ด้วยความหิวขนาดนี้ กับข้าวราคาขนาดนี้ โคตรไม่สัมพันธ์กันเลยสักนิด ไอ้กะเพราทะเลประมาณเท่ากำปั้นจะพอยาไส้อะไรกัน
“กินร้องท้องไปก่อน เดี๋ยวตอนเย็นกูพาไปกินปิ้งย่าง”
“แต่กูหิวตอนนี้” ผมบ่น แต่ก็ยอมตักอาหารเข้าปาก
ทว่าแค่คำแรกก็แทบคายออกมาเสียแล้ว
“เขื่อน ทำไมมันจืด”
“มึงยังกินเผ็ดไม่ได้”
“อะไร”
“กูสั่งแบบไม่เผ็ด เพราะมึงกินเผ็ดไม่ได้”
“กูไม่ได้ปากแตก”
“ไผ่...” เขื่อนมองผมขณะเคี้ยวข้าวคำโต เขารีบกลืนมันลงท้องก่อนเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำเอาผมอยากเอาหัวโขกเก้าอี้ตายไปเดี๋ยวนี้ “จะแดกอะไรถามก้นมึงยัง”
“...”
ฟัค!
ผมขบปากตัวเองก่อนเลิกสนทนากับอีกคนไปอย่างดื้อ เขื่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนยัดอาหารลงท้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานอาหารที่พอแค่รองท้องก็หมดเกลี้ยงลง ผมดื่มน้ำตามไปเกือบทั้งขวด ก่อนพาตัวเองกลับมานั่งเล่นที่โซฟาหน้าทีวีตามเดิม
แต่ไอ้คนที่ไม่อยากคุยด้วยกลับเดินมานั่งข้างๆ กันเสียอย่างนั้น
“ทำไร” เขื่อนยื่นหน้ามามองจอคอมผม ก่อนแกล้งเนียนเอาศีรษะซบลงบนไหล่
ผมกรอกตา ขยับตัวหนีทันทีที่น้ำหนักหัวกดลงมา
“ทำงาน”
“รีบส่งเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วรีบทำทำไม”
“ขี้เกียจคุยกับมึง” ผมตอบไป ไม่ได้หันไปมองหน้าคนที่เบียดตัวเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย
เขื่อนสอดแขนมาโอบเอวผมอีกแล้ว จากนั้นก็แย่งโน้ตบุ๊คบนตักผมไปวางไว้ไกลๆ รั้งใบหน้าผมให้หันไปหากันก่อนฉีกยิ้มหวานส่งมาให้ทั้งตาทั้งปาก
“เดี๋ยวค่อยทำ”
“เขื่อน มึงเยอะละ”
“นะ”
“...”
ผมเงียบเมื่ออีกฝ่ายกระพริบตาช้าๆ ลูกอ้อนเดิมๆ รู้แกวกันอยู่แล้วแต่ก็ตกหลุมพลางลงไปตลอด ผมถอนหายใจอย่างจนตรอกก่อนถามออกอย่างอ่อนล้าว่า
“ไม่ให้กูทำงาน จะให้กูทำอะไร”
“จูบกัน”
“...มึงเห็นกูอารมณ์ดี” ผมเลิกคิ้วถาม จริงๆ ก็ไม่ได้อารมณ์เสียอะไร แค่หงุดหงิดเพราะกำลังปรับสีภาพได้ที่เลยแท้ๆ แต่อยู่ๆ งานก็มาหยุดชะงักเพราะใครอีกคนอยากให้หยุด
“มึงบอกมึงจะไม่โกรธไม่เกลียดกู”
“อะไรของมึง”
“ก็ตอนนี้มึงหงุดหงิดกูอยู่”
“...”
ผมหงุดหงิดจริงๆ นั่นแหละ
ยังไงร่างกายมันก็ยังไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมผมยังกินไม่อิ่มท้อง ทุกอย่างเลยดูไม่น่าสบอารมณ์ไปซะหมด แต่พอมานั่งคิดดูดีๆ ผมก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปใส่อารมณ์กับริมเขื่อนเลยสักนิด
ยอมก็ยอมเขาเองทั้งนั้น
“ขอโทษ” ผมบอกอย่างลุแก่ความผิด
ริมเขื่อนคลี่ยิ้มบางๆ เลื่อนจมูกมาปัดป่ายจมูกผมเล่นก่อนเอ่ยประโยคต่อมาว่า “ทีนี้จูบกันได้ยัง”
“ต้องจูบเหรอวะ”
“จูบกระชับสัมพันธ์ไง”
“ไม่เห็นจำเป็น”
แต่เขื่อนส่ายหน้ากับความเห็นนั้นของผม
“จำเป็นต่อใจกู”
“...” ผมเงียบปาก ข่มอาการสั่นไหวในอกหลังได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทั้งดวงตาสีดำขลับก็จ้องมองกันมาราวกับสะท้อนความรักใคร่ทั้งหมดของหัวใจ
ริมเขื่อนนวดแก้มผมเบาๆ ด้วยปลายนิ้วโป้ง กดริมฝีปากจุ้บลงมาหนึ่งทีแล้วกระซิบแผ่วๆ ว่า
“กูอยากจูบมึง” สิ้นคำพูดนั้น ริมฝีปากผมก็ไม่เป็นอิสระอีกต่อไป
ความนุ่มหยุ่นบดเบียดเข้ามาแนบชิด ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แลกเปลี่ยนอารมณ์กรุ่นจางที่ยังหลงเหลือประปรายจากเมื่อวาน ก่อนนำพาให้ผมค่อยๆ ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยการขยับริมฝีปากตัวเองบ้าง
ลิ้นร้อนแหวกกลีบปากของผมเข้ามาด้านใน หยอกเย้าเล่นอยู่อย่างนั้น และเมื่อผมยื่นลิ้นของตนไปสัมผัสคืน ก็กลายเป็นการพัวพันรัดรึงราวกับพวกมันต่างค่อยๆ หลอมรวมกลายเป็นร่างเดียว
“ฮือ” ผมหอบหายใจอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่ยอมผละตัวเองออกมา เพราะทุกอย่างที่เชื่อมติดกันยังเหนี่ยวรั้งไว้ไม่ให้ไปไหน ร่างกายของเราสองคนเบียดเสียดใกล้ชิด ผมแม้จะปวดคอเพราะต้องเอียงตัวบิดเก้าสิบองศา ทว่าก็ยังเกี่ยวพันกับอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน
เนิ่นนานจนริมเขื่อนเป็นฝ่ายถอนจูบออกไป ผมอ้าปากตะครุบอากาศ จ้องหน้าคนที่ไม่ได้ขยับไปไหนไกลด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ที่เคยบอกตอนต้นว่าฟ้าหลังพายุยังเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ ผมได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง
แต่มันจะสวยหรือจะหม่นหมองก็คงอยู่ที่ตัวเรามอง ส่วนผมมองว่ามัน...
“ไผ่... ขอบคุณครับ”
...ก็คงสวยงามอยู่ละมั้ง
“อยากจูบมึงโดยไม่ต้องหาข้ออ้างแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
“...เมื่อกี้มึงก็มีข้ออ้าง” ผมแย้งเสียงเบา
“ก็จริง” คนพูดหัวเราะเบาๆ ใบหน้าสวยขยับออกไปในระยะปกติ ปล่อยให้ผมได้ขยับเนื้อตัวคลายเมื่อยบ้าง พวกเรานั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่ได้เบียดกันเหมือนตอนแรก ใบหน้าต่างก็จ้องตรงไปข้างหน้าโดยมีจอโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิดเป็นจุดหมายปลายทาง
ผมลูบต้นขาตัวเองคลายบรรยากาศเก้อเขินที่อยู่ๆ ที่ก่อตัวขึ้นมา ส่วนริมเขื่อนกลับดูสบายๆ ไม่มีอะไรผิดปกติ เขายกขาขึ้นไขว่ห้าง เอนหลังพิงพนักก่อนฉีกยิ้มกับทีวีไม่ยอมหุบ
ท่ามกลางความเงียบ คล้ายความคิดเรื่องเดียวกันจะหมุนรอบๆ ตัวพวกเรา ต่างฝ่ายต่างก็สัมผัสได้ว่าทั้งคู่ครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ จนกระทั่งริมเขื่อนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นขึ้นมา
“ไผ่”
“...ว่า?” ผมตั้งหลักหาเสียงให้ตัวเองก่อนตอบ
“กูจะไม่คาดคั้นให้มึงตอบคำถามหรอกนะ ว่าเมื่อวานได้คำตอบว่าอะไร”
“...”
“ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาบอกกู”
“จะอยู่กันไปแบบนี้” ผมเลิกคิ้ว หันหน้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ นึกว่าเขื่อนอยากได้คำตอบที่ชัดเจนเสียอีกว่าตกลงผมจะอะไรยังไง ถึงแม้ว่าผมจะมีคำตอบที่มันครึ่งๆ กลางๆ แต่ผมก็พร้อมจะบอกไปตามจริงนะ
“อืม”
“แบบเพื่อน?”
“ไม่เป็นเพื่อน” คราวนี้ริมเขื่อนหันหน้ามามองผมบ้าง “มากกว่าเพื่อนดิ”
“ก็ยังไม่ได้คบกัน”
“เรียกหรูๆ ว่าคนคุยก็ได้”
ผมเบ้ปาก “คนคุยอะไรจูบกัน”
“จะเอาด้วย”
“ฟัคยู!” ผมชูนิ้วกลางอัดหน้าคนข้างๆ ไป แต่ริมเขื่อนกลับทำท่าจะงับนิ้วผมจนต้องชักมือกลับ “ไม่ให้เอาแล้วโว้ย”
“ได้ไง”
“อย่าเยอะไอ้เขื่อน”
เขื่อนบุ้ยปาก ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี
“อยู่กับแบบนี้แหละไผ่ ให้กูได้จีบมึงอย่างที่กูตั้งใจ”
“อะไรจ...จีบอะไร” ผมลิ้นแข็งไปชั่วขณะ ยิ่งตอนเห็นประกายแพรวพราวในดวงตาคู่สวยก็เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปเสี้ยววินาที ริมเขื่อนฉีกยิ้มไม่เห็นฟันส่งมาให้ ทั้งยังใช้ปลายนิ้วม้วนปอยผมตัวเองเล่นราวกับสาวสวยกำลังหวานเสน่ห์
“กู... จะจีบมึง”____________________
Talk: เอาน้องเขื่อนมาเสิร์ฟค่าาา
ฮือ ยิ่งเรื่องมาไกลยิ่งกลัวไม่ถูกใจทุกคน ฮรุกกก
หวังว่าจะชอบกันนะคะะะ ช่วงนี้เราปั่นเขื่อนคนสวยรัวๆ เลย
แต่แวะมาลงช้านิดหน่อย เพราะใกล้ถึงเดดไลน์แล้วค่า ฮือ
น้องเขื่อนใกล้จะเปิดให้พรีออเดอร์แล้ว
เราเห็นปกแล้วด้วย แง่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าเขื่อนนั้ลลั้คคคคค
เดี๋ยวจะแอบเอาปกมาเปิดสปอยล์เน้อออ
คืนนี้ ฝันดีค่าทุกคนนน
Ps. เราไปค้นหา ref ที่นักอ่านพูดถึงมาแล้วค่ะ
ฮือออออออ ไอซ์ทั้งหล่อทั้งสวย มองแล้วเขินไปหมดแล้วววว