เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า  (อ่าน 95952 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เอ็นดูทั้งคู่เลย รักน้องเขื่อนตอนเด็กกกก  :กอด1:

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เขื่อนรุกหนักๆเลยลูกกก

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ดูท่าแล้ว..ไผ่เงินไม่น่ารอด เร็วๆนี้แน่เลย

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
สะบัดไม่หงุดแน่นอน เขื่อนนี่เจ้าเล่ห์สุดๆ

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 10




“ไปปั๊มมาตอนไหน” ผมเท้าเอวถาม มองคนที่ยัดขนมปังเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เสมือนว่าการปั้มกุญแจห้องคนอื่นไว้เป็นเรื่องที่ควรทำแล้ว

“ตั้งแต่แรกเลย” เขื่อนหันมาตอบทั้งๆ ที่แก้มยังตุงไปด้วยอาหาร

ผมถอนหายใจ มองความไม่ยีระแล้วได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

“ทั้งคีย์การ์ดทั้งลูกกุญแจเลยป่ะเนี่ย”

และเมื่ออีกคนพยักหน้า ผมก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกระลอก

เอาที่ริมเขื่อนสบายใจเลยครับ

“งั้นล็อคห้องให้กูด้วย ไปทำงานละ” ผมตัดบทสนทนาก่อนจะเดินแบกของออกมาจากห้อง มองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าสิบเอ็ดโมงแล้ว เลยรีบจ้ำอ้าวออกไปที่รถไฟฟ้าทันที

โชคดีไม่น้อยที่ที่ลูกค้านัดอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส ผมสามารถคำนวณเวลาเดินทางได้ง่ายๆ และไม่ต้องเสี่ยงปัญหาระดับชาติอย่างแท็กซี่ปฏิเสธไม่ไปส่งด้วย

สิริรวมเวลาก็ราวๆ สี่สิบนาที ในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์กลางเก่ากลางใหม่หลังหนึ่ง แต่สภาพทั้งภายนอกและภายในสะอาดสะอ้านและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์

ผมกดโทรออกหาลูกค้าที่นัดเอาไว้เพื่อให้เขาลงมารับ

“ผมถึงแล้ว รออยู่ข้างหน้านะครับ”

ปลายสายตอบรับก่อนจะวางไป

งานวันนี้ที่มารับจะเป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้า เห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผู้ชายซึ่งทางแบรนด์ได้จ้างนายแบบเอาไว้แล้ว และเพราะยังเป็นแบรนด์เล็กๆ อยู่ สถานที่ถ่ายทำเลยใช้เป็นห้องห้องหนึ่งในพาร์ตเมนต์นี้ ผมไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ คิดซะว่ามาตายเอาดาบหน้า

ช่วงแรกเริ่มที่ต้องการสร้างผลงานกับฐานลูกค้า งานอะไร เล็กใหญ่ผมก็รับหมดนั่นแหละครับ

“มาแล้วค่า คุณไผ่ใช่ไหมคะ” ผมที่กำลังเหม่อลอยสำรวจสถานที่ถึงกับสะดุ้งกับเสียงแหลมสูงของผู้หญิงจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นคนเดียวกับลูกค้าที่ติดต่อมาผ่านทางเฟสบุ๊ค ผมคลี่ยิ้มเป็นมิตร ผงกหัวทักทายอย่างมีมารยาท

“ครับ คุณกิ๊ก?”

“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” ผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับทรงผมถักเปียรอบศีรษะเดินนำผมเข้าไปด้านใน ส่วนสูงเธออยู่แค่หน้าอก แถมหน้าตายังน่ารักหมวยๆ สเปคชายไทยที่แท้จริง

ผมแอบมองใบหน้าด้านข้างอย่างพิจารณา น่ารักกว่าในรูปโปรไฟล์เสียอีก แต่ถ้าถามว่าผมรู้สึกอะไรไหม ผมอยากให้คุณหันไปมองริมเขื่อนก่อนแล้วคุณจะได้คำตอบเอง

ครับ ผมอยู่กับผู้ชายที่สวยอย่างกับเฮเลนแห่งกรุงทรอย ภูมิต้านทานคนหน้าตาดีเลยจะแน่นหนาเกินไปสักหน่อย ถ้าสเปคผู้หญิงผมสูงก็ขอให้โทษริมเขื่อนไว้ก่อนเป็นอันดับแรกเลย

พวกเราขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นสี่ จุดหมายคือห้องที่สามทางซ้ายมือนับตั้งแต่เดินออกมาจากลิฟต์โดยสาร พื้นที่กว้างขวางระดับหนึ่งแถมยังโล่งเพราะไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ จากการสำรวจด้วยตาแล้ว ค้นพบว่าคุณกิ๊กน่าจะเช่าที่นี่ไว้เพื่อทำเป็นที่เก็บสินค้าและแพ็กของส่ง เพราะมุมหนึ่งมีกล่องไปรษณีย์กองเต็มไปหมด

“อันนี้คือสินค้าที่จะให้ถ่ายนะคะ ส่วนนายแบบใกล้จะมาถึงแล้ว”

ผมพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปรับของมาหมุนดู เป็นกระปุกครีมขนาดเท่ากำปั้น สีน้ำเงินครามสลักอักษรสีทอง ดีไซน์ดูเรียบๆ เหมาะจะเป็นเครื่องสำอางค์สำหรับผู้ชาย ด้านหน้าเขียนเอาไว้ว่าเป็นครีมทาผิวหน้า ส่วนอีกอันคือหลอดโฟมล้างหน้าสีเดียวกับกระปุกครีม น่าจะมาเป็นเซ็ตคู่กัน

“คอนเซ็ปต์ก็แบบที่เคยคุยกันไว้เลยค่ะ อยากให้ถ่ายเฉพาะช่วงหัวไหล่ขึ้นมา” คุณกิ๊กใช้มือเป็นตัวช่วยในการอธิบาย “กิ๊กว่าจะให้ถ่ายตรงนั้น”

ผมมองตามที่ลูกค้าชี้ ก็พบฉากสีขาวกับโต๊ะเล็กๆ ที่สูงจนถึงหน้าอก ด้านบนมีกะละมังใส่น้ำกับสินค้าที่แกะแล้ววางอยู่ จากที่เคยคุยรายละเอียดไว้ คุณกิ๊กบอกว่าอยากได้แนว wet style ให้ออกมาเซ็กซี่หน่อยๆ

เมื่อพูดคุยจนได้ข้อตกลงที่แน่ชัด ผมก็ทำการจัดแสงและมุมกล้องให้เรียบร้อย คุณกิ๊กเธอดีมาก ช่วยบรีฟช่วยแก้จนในที่สุดก็ได้แสงได้มุมตามที่ต้องการ พอทุกอย่างลงตัวนายแบบก็เคาะประตูเรียกพอดี

ผมวางมือออกจากกล้องที่ตั้งไว้บนขาตั้ง หันไปยิ้มให้ผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร นายแบบเป็นแค่หนุ่มวัยรุ่นที่ดูแล้วน่าจะยังเรียนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาแบบตี๋ๆ ผิวขาวละเอียดกับทรงผมที่เซ็ตมาเรียบร้อย ดูท่าจะเป็นคนรู้จักกับคุณกิ๊กอยู่แล้วเพราะเห็นสนิทสนมกันดี

“สวัสดีครับ ไผ่ครับ”

“สวัสดีครับพี่ ผมบาสนะ”

ผมยิ้มรับนายแบบหนุ่มที่ดูเป็นมิตรและน่ารักน่าเอ็นดู

บาสไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มากมาย เพราะเราจะถ่ายกันแค่ช่วงไหล่ขึ้นไป คุณกิ๊กเลยสั่งให้ถอดเสื้อแล้วไปยืนหน้ากล้องได้เลย ผมมองร่างกายท่อนบนแล้วดันเผลอคิดเปรียบเทียบกับใครอีกคนที่น่าจะออกไปทำงานแล้ว

ริมเขื่อนหุ่นดีกว่ามาก กล้ามหน้าท้องของบาสเป็นแค่ร่องเล็กๆ ไม่ได้ชัดเท่าไหร่

“เดี๋ยวถ่ายคู่กับครีมก่อนนะครับ” ผมบอก คนหน้ากล้องก็พยักหน้าแล้วหยิบกระปุกครีมขึ้นมาถือ คุณกิ๊กเข้าไปช่วยจัดท่าทางที่ต้องการ ผมออกความเห็นบ้างเวลาบาสขยับตัวจนเกิดเงาทำให้ภาพออกมาดูไม่ค่อยสวย

แชะ แชะ

เสียงลั่นชัตเตอร์ดังต่อเนื่อง พร้อมกับการขยับเปลี่ยนท่าทางของนายแบบในเฟรม บาสฉลาดตรงรู้จักใช้สีหน้าให้เป็นประโยชน์ แค่ทาครีมก็เซ็กซี่ได้ ผมยอมรับนับถือเลย แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบคิดเปรียบเทียบไปถึงไอ้นายแบบชื่อดัง ว่าถ้าเป็นริมเขื่อนมายืนทาครีมอยู่ในเฟรมแทน ภาพที่ได้คงไม่ใช่แค่เซ็กซี่แน่ๆ

เพื่อนวัยเด็กของผมคนนั้น นอกจากเซ็กแอพพีลจะสูงแล้ว อินเนอร์ความอีโรติกมันก็สูงเช่นกัน

“ดีครับ เงยหน้านิดนึง” ผมบอกเมื่อบาสหมุนองศาหน้าไปด้านข้าง นิ้วยาวป้ายเนื้อครีมลงบนผิวแก้มก่อนจะหลับตาพริ้มแล้วหมุนวนครีมเบาๆ

“โอเคครับ ต่อไปเป็นโฟมล้างหน้านะ” ผมหันไปปรึกษากับคุณกิ๊กก่อนจะหันมาบอกกับนายแบบที่ใช้หลังมือปาดก้อนครีมออกจากหน้า

“บาส ก้มลงไปล้างหน้าแล้วสะบัดผมขึ้นมานะ” เจ้าของแบรนด์พุ่งตัวเข้าไปบรีฟเด็ก พร้อมทั้งทำท่าทางประกอบโชว์อีก ผมยิ้มขำให้กับความกระตือรือร้นนั้นก่อนจะก้มลงเลื่อนตัวกล้องเล็กน้อย เพราะคราวนี้น่าจะมีน้ำกระเด็น

พอตกลงกับนายแบบเสร็จผมก็จัดการให้สัญญาณเริ่มถ่าย บาสฉีกยิ้มมุมปากให้กล้อง ก่อนจะก้มลงไปวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ผมกดชัตเตอร์รัวๆ จนถ้ามาคลิ๊กดูภาพคงเห็นไม่ต่างจากวิดีโอเคลื่อนไหว เพราะกลัวจะพลาดฉากสวยๆ เลยต้องถ่ายไปแบบนั้นก่อน
บาสใช้โฟมถูหน้าเบาๆ เส้นผมของเขาเปียกชื้นตกลงมาปรกหน้า ดวงตาตี่เล็กเลยดูคมเฉี่ยวขึ้นมา ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายใช้นิ้วถูไปรอบๆ บริเวณริมฝีปาก ก่อนจะเผยอขึ้นโชว์ไรฟันอย่างเซ็กซี่ ผมก็เหมือนเห็นภาพริมเขื่อนในวันนั้นซ้อนทับเข้ามาเป็นฉากๆ

ริมเขื่อนที่กัดปากยั่ว

ริมเขื่อนที่นอนเปลือยอยู่ในอ่างอาบน้ำ

ริมเขื่อนที่เข้ามากระซิบข้างหูแล้วกดจูบที่หลังคอ

ริมเขื่อนที่...

“ผมขอเข้าห้องน้ำแปบนะครับ”

ผมเอ่ยขัดการถ่ายแบบขึ้นมาก่อนจะรีบพุ่งเข้าห้องน้ำไปท่ามกลางสายตางุนงงของอีกสองคนภายในห้อง แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คำว่าชิบหายวิ่งวนอยู่ในหัวเป็นพันล้านคำ

ชิบหายจริงๆ ครับ

เพราะเป้ากางเกงผมมันตุงขึ้นมา เพียงเพราะคิดถึงริมเขื่อนที่ยั่วยวนผมในวันนั้น!!







“เอ้า ชน!!”

แกร๊ง

เสียงแก้วกระทบกันดังกึกก้อง แทรกเสียงเพลงจากดนตรีสดที่เล่นอยู่มุมหนึ่งของร้าน ผมที่กลับเอาของไปเก็บที่คอนโดแล้วนั่งรถออกมาหาเพื่อนที่ร้านเป็นตัวเรียบร้องให้ทุกคนชนแก้วเอง

วันนี้แม่ง แบดเดย์ชัดๆ

คือผมไม่รู้ต้องทำตัวยังไงว่ะ หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นกลางงาน แล้วผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปมองหน้าเพื่อนตัวเองอีกแล้วเนี่ย

คืนนี้ไม่กลับห้องดีไหมวะ แม่งเอ้ย

“เป็นไรไอ้ไผ่ ทำหน้าอย่างกับโดนเมียทิ้ง” ไอ้นาย หัวตี้* แดกเหล้าวันนี้หันมาสนใจผมที่ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน (มาจากคำว่าปาร์ตี้ที่ใช้ในเกม เป็นการหาเพื่อน หากลุ่มเพื่อนไปทำกิจกรรมด้วยกัน หัวตี้จึงหมายถึงคนที่เป็นเจ้าของคำชวน)

“มีเมียให้ทิ้งก็ดีดิ” ผมบอกก่อนจะกระดกแอลกอฮอล์รสฝาดลงคอ

“เฮ้ย ไอ้ต้อง จัดเหล้าเข้มๆ มาถวายไอ้ฝรั่งเสินเจิ้นนี่สักจอกดิ” คนที่นั่งข้างๆ ผมที่ชื่อ มิกซ์ ตะโกนบอกเพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างขวดเครื่องดื่มนับสิบ และไอ้ต้องก็แหกปากรับคำอย่างว่าง่าย

แค่แปบเดียว แก้วใบใหม่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้มจนเป็นสีน้ำตาลก็มาวางกระแทกลงตรงหน้า เพื่อนทั้งโต๊ะหันมาเร้าหรือ ผมหยิบขึ้นมาชิมก่อนจะเบ้หน้าให้กับความข่มฝาดของมัน

“เข้มไป” ผมบอก ทำท่าจะวางลง แต่ทุกคนกลับพร้อมใจตะโกนบางอย่างขึ้นมา จนโต๊ะข้างๆ สามสี่โต๊ะหันมามองแล้วช่วยตบมือร้องเพลงไปด้วย

ไอ้พวกเหี้ย!

“ขอให้ไอ้ไผ่เพื่อนกูนั้นสุขสำราญ เหมือนดอกไม้บานยามเช้า เหมือนสัตว์สี่เท้าอ้วกเช้าอ้วกเย็น เอ้า! กรึบกะระรึบกรึบกรึบ ไม่หมดไม่เลิก ไม่หมดไม่เลิก”

ไอ้คำว่าไม่หมดไม่เลิกยังดังต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะกระดกจนหมดแก้ว

และใช่ ผมที่ถูกกดดันจากคนครึ่งร้านจำเป็นต้องซดเครื่องดื่มรสจัดลงคอจนหมด

ปัง!

ผมใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่หกเลอะคางออกก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะเป็นเชิงบอกว่า กูดื่มหมดแล้วโว้ย! พวกเพื่อนๆ คนอื่นหัวเราะเฮลั่นก่อนจะคว้าแก้วเปล่าไปเติมเหล้าเข้ามาในทันที

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ได้แล้ว พวกเราเข้ามานั่งในร้านตั้งแต่สามทุ่ม ดังนั้นตอนนี้สภาพทุกคนเลยดูครื้นเครงจนเกินเหตุ แถมยังได้เบียร์ฟรีมาอีกสองขวดเพราะโต๊ะข้างๆ จะกลับแล้วกินไม่หมด ผมที่โดนไปทั้งเหล้าทั้งเบียร์เซสติไม่เต็มร้อยอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เลยได้แต่กอดคอเพื่อนแล้วแหกปากร้องเพลงเสียงดังลั่นร้านไป บางครั้งก็นั่งซึมกะทื่อเพราะยังนอยด์กับเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่

จริงๆ มันเป็นเรื่องที่โคตรไม่อยากจะนึกถึงเลย

ผมขึ้นเพราะคิดถึงไอ้เขื่อน จนต้องหลบไปทำใจให้สงบในห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังถ่ายงานไม่เสร็จ

คิดแล้วก็เครียด พอเครียดก็ยกแก้วขึ้นดื่มอึกๆ ไม่สนใจว่าเหล้ากับเบียร์ไม่ควรซัดเข้าไปผสมกัน เพราะนอกจะเมาอย่างหมาแล้ว พรุ่งนี้คงแฮงก์แบบไม่สามารถลุกขึ้นไปไหนได้แน่ๆ

“นาย คืนนี้กูไปนอนด้วย” ผมหันไปบอกเพื่อนที่สนิทที่สุดในกลุ่ม ไอ้นาย เจ้าของชื่อไลน์ ‘นายอย่ามามั่ว’ ที่ผมไม่เคยเข้าใจตรรกะการตั้งชื่อนี้เลยสักครั้ง

“ไม่เอา ห้องกูไม่ว่าง”

“ทำไมวะ”

“เมียอยู่”

“...”

เกลียดว่ะ

ผมเบ้ปาก ก่อนจะหันไปขออาศัยที่นอนคนอื่นต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครว่างสักคน ไม่ติดแฟนก็กะจะลากผู้หญิงกลับห้อง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากยกแก้วย้อมใจแล้วปล่อยให้ความเศร้าทำงานของมันไป

เวิ่นเว้อไหม

ครับ ผมเมาแล้ว

ผมไม่รู้ว่ากินไปเยอะมากแค่ไหน ไม่รู้ว่าไปกอดคอไอ้ต้องไอ้มิกซ์ร้องเพลงอยู่หน้าเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีคือโดนเพื่อนจับยัดรถแท็กซี่เพื่อกลับมาคอนโดแล้ว

ผมหลับไปบนรถ จนกระทั่งคนขับปลุกเพราะว่าถึงที่หมายแล้ว โชคดีที่โลกนี้พัฒนาไปไกลกว่าเดิม ผมถึงสามารถตัดบัตรเดบิตเป็นการจ่ายค่ารถแทนควานหาเงินในกระเป๋าตังค์ในสภาพที่สติแทบจะเหลือศูนย์

ผมเดินโซเซไปกดลิฟต์ ฉีกยิ้มร่าให้ลุงยามและคนที่เดินผ่าน พอเมาดันมนุษยสัมพันธ์ดี ทักทายกับคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกันอย่างสนิทสนม เขาก็ยิ้มๆ หัวเราะผมบ้างแต่ก็ยอมคุยด้วย ช่างเป็นคนดีจริงๆ เลย

แต่พอก้าวขาพ้นประตูลิฟต์ ผมก็ลืมหน้าคนที่คุยด้วยเมื่อสักครู่ไปโดยสิ้นเชิง

“เอิ๊ก” ผมเรอ ขณะพยายามยั้งตัวเองให้ยืนตัวตรงเพื่อควานหาปุ่มกรอกรหัสห้อง แต่ด้วยความมึนเมาทำให้ผมไม่สามารถจิ้มเลขหกหลักเพื่อเปิดประตูได้ สุดท้ายมันก็แจ้งเตือนว่ากดผิดเกินจำนวนครั้งที่กำหนด และภายในห้องก็ได้ยินเสียงร้องเตือนปิ๊บยาวๆ อยู่นานประมาณหนึ่ง

และเสียงนั่นคงจะปลุกคนที่มาอาศัยเตียงนอนในห้องผมให้ตื่นขึ้นมา

ผมเอียงกะเทเร่พิงผนัง หลับตาและพยายามคุยกับตัวเองเพื่อไม่ให้หลับ สติสตังผมไปหมดแล้ว ร่างกายเบาหวิวและชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อีกนิดผมคงลอยขึ้นไปแตะเพดาน ถ้าไม่ใช่เพราะประตูห้องเปิดออกก่อนผมว่าผมได้ลอยขึ้นไปจริงๆ

“ไผ่?”

“เขื่อออออน” ผมเรียกเสียงยานคาง ฉีกยิ้มกว้างแล้วทิ้งน้ำหนักตัวหาคนที่ยืนหน้าง่วงอยู่ตรงกรอบประตู “พากูเข้าห้องหน่อย อึก กูมาววว”

และร่างกายผมก็ถูกฉุดกระชากลากถูเข้าไปถึงเตียงนอนจนได้

รอดแล้วโว้ยยยยย

ผมกางแขนอย่างผู้ชนะ หลับตาพริ้มสัมผัสไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศและที่นอนนุ่มนิ่ม แม้จะยังคงไม่มีผ้าปูที่นอนแต่มันก็สบายกว่าการยืนพิงผนังอย่างหมดสภาพแบบเมื่อกี้ล่ะนะ

“เมาหนักขนาดนี้ใครมาส่งเนี่ย”

“แท็กซี่” ผมบอก “เก่งป่าว กูกลับเองได้”

“เก่งๆ” เขื่อนว่าอย่างเอือมระอา ก่อนจะลากผมขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”

“เขื่อน...”

“หืม?”

“อย่ามาเนียนกอดนะ” ผมบ่น เพราะคนที่ลากผมขึ้นไปนอนกลับยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนออก แถมยังใช้ฝ่ามือลูบหลังผมเบาๆ ไปมาด้วย

“เมาไม่ใช่เหรอ รู้ได้ไง” เขื่อนว่ากลั้วหัวเราะ ร่างสูงยอมปล่อยมือออกจากผม ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงหน้าอก

ผมฉีกยิ้มโอ้อวด “เก่งไง”

“ครับ เก่งๆ” ริมเขื่อนชมแล้วทิ้งตัวลงมานอนข้างๆ คนตัวสูงตะแคงข้างหันมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มจาง ฝ่ามืออุ่นก็เอื้อมมาลูบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจทั่วใบหน้า

“มึงง”

“ว่า?”

“เบื่อขี้หน้ามึง”

“...” เขื่อนไม่ตอบ แต่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“แม่ง กูเครียด!”

“เป็นอะไรไผ่”

“ไอ้เขื่อน มึงมันเลว”

“เดี๋ยวไผ่ เยอะแล้วมึง”

ผมเบ้ปาก ย่นจมูกอย่างไม่พอใจ จริงๆ อย่างพุ่งเอาหัวโขกจมูกโด่งๆ นั่นให้เลือดซิบ แต่แค่ขยับตัวนิดหน่อยโลกก็เหวี่ยงชิบหาย ผมเลยทำได้แค่นอนกระพริบตามองหน้าริมเขื่อนอย่างเครียดแค้น

“โผล่หัวมาทำเหี้ยอะไร”

“มึงเมาไผ่ นอนได้แล้ว” ผมเห็นคิ้วโก่งสวยนั่นกระตุก แต่ผมก็ไม่ยอมหยุดด่ามัน

ต้องด่า แม่ง

เรื่องนี้ต้องด่าให้ถึงที่สุด

ด่าให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย

“แม่ง กูถ่ายงานอยู่เสือกโผล่มาไม่ดูเวล่ำเวลา”

“อะไรของมึงเนี่ย”

“ไอ้เขื่อนไอ้เหี้ย แม่งมาทำกูโด่ทำไมวะ”

“ไผ่นอ-” คนที่พยายามปรามผมหุบปากฉับทันที “มึงว่าอะไรนะ ใครทำมึงโด่”

“มึงไงจะใครล่ะ” พูดไปก็เผลอหัวเราะไปเพราะประโยคมันคุ้นหูแปลกๆ ไม่น่าเรียกเมา น่าเรียกว่าบ้าแล้วผมว่า

เอ้อ เมาแล้วด่าตัวเองก็ได้ด้วย

ผมพ่นลมหายใจแล้วพลิกตัวคว้าหมอนข้างมากอดเตรียมจะนอน แต่ริมเขื่อนกลับกระชากหัวไหล่ผมให้หันกลับไป ร่างสูงชันตัวขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างคาดคั้น

“ไผ่...”

ทำไมต้องกดเสียงต่ำด้วย

ผมขมวดคิ้ว มองใบหน้าสวยที่พร่าเบลอจนซ้อนเป็นสองสามชั้น

“อธิบายที่พูดเมื่อกี้หน่อย”

“เรื่องไรวะ”

“ที่มึงบอกว่า... กูทำมึงโด่”

“ก็มึงทำกูโด่ไง เอิ้ก”

“ได้ไง”

เนี่ย คาดคั้นอีก ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้ว อุตส่าห์เลิกหงุดหงิดไปแล้ว

พอโดนขุด ผมเลยกลับมาโมโหผสมอับอายอีกครั้ง

“ก็มึงโผล่มาในหัวกู มาทำหน้ายั่วใส่กูไงไอ้เหี้ย!”

ถ้าผมตื่นมาแล้วจำเรื่องตอนนี้ได้

บอกคำเดียวเลยว่า... นรก!


______________________
Talk: โปรเจคผ่านแล้วค่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
รอดแล้วโว้ยยยยยยย ร้องไห้  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ได้มีเวลาเขียนนิยายแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
คิดถึงทุกคนนะคะะะะะ จุ้บเหม่งที

เอ็นดูข้องเขื่อนกับพี่ไผ่ด้วยเน้ออ ร้ากกกก :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2018 19:33:33 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชิบหายแน่นอนคุณไผ่5555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องไผ่ ไม่รอดแล้วล่ะ  5555

* ยินดีด้วยนะคะที่โปรเจ็คผ่านแล้ว.  :katai2-1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:



บานเหมือนดอกไม้บานยามเช้า

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ไผ่ พูดได้คำเดียว รอดยาก !!!!

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
5555 :laugh: อยากบอกว่าฉิบหายแน่ไผ่ เรื่องนี้เขื่อนต้องขยายยยยยยยย

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
น้องไผผผผผ่ปล่อยไก่แล้ว เสร็จคนสวยแน่ 555555555555
เป็นกะลังใจให้คนเขียนนะค้า ชอบมากๆเลย อยากกอ่านต่ออี๊กกกก :hao7:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :mew5: :mew5: :mew5:


บอกได้เลยว่ารอดยาก!

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยู่ยากแล้วนะไผ่ หลุดหมดแล้ววว  :hao7:

ปล. มีคำผิดตรงบรรทัดแรกค่ะ *ปั๊ม*กุญแจ นะคะ
ดีใจด้วยเรื่องโปรเจ็คค่าา เย่  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไผ่เอ๋ยเมาแล้วเผยหมดเลยงี้เขื่อนจัดเลยม่ะ :z1:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 11



ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหน่วงที่ศีรษะ และร่างกายที่ดูจะเคล็ดขัดยอกไปเสียทุกส่วน กลิ่นเหม็นจากเหงื่อไคลทำให้ต้องย่นจมูกกับตัวเองอย่างรับไม่ได้ ทั้งหัวยังเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล์มากมายจนชวนให้ขมคออยากอาเจียนออกมา อาการแฮงก์ทำให้แค่คิดถึงสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อคืนก็รู้สึกอยากขย้อนน้ำย่อยในกระเพาะทิ้ง

ผมเลิกผ้าห่มออกก่อนจะลากขาที่ขึ้นรอยช้ำสีม่วงๆ อยู่สามสี่จุดไปยังห้องน้ำ ไม่รู้ว่าเมาแล้วไปทำอะไรเอาไว้ ทั้งแขนทั้งขาผมถึงได้ชอกช้ำไปหมดขนาดนี้

ในห้องนอนเงียบมากเพราะไม่มีคนอยู่ ผมไม่ได้สนใจว่าริมเขื่อนไปไหน สายขนาดนี้อาจจะออกไปทำงานแล้ว ผมจึงเปลื้องเสื้อผ้าทุกอย่างที่หน้าตะกร้าผ้าก่อนจะเดินโทงๆ พาดผ้าขนหนูไว้บนบ่าเข้าห้องน้ำไป

ซ่า ซ่า

“เฮ้อออ” ผมพ่นลมหายใจขณะทิ้งตัวอยู่ใต้ฝักบัวเหนือศีรษะ ความเย็นช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่ไม่ได้รักษาอาการแฮงก์พวกนี้เลยสักนิด

ผมฟอกสบู่ ขัดๆ ถูๆ หนังศีรษะ ก่อนที่จะจบท้ายด้วยการล้วงคออ้วกแล้วแปรงฟันที่หน้ากระจกอย่างขมักเขม้น สีหน้าของผมย่ำแย่แหละเหยเกตลอดเวลา

ของร้อน ผมต้องหาอะไรร้อนๆ กินก่อนที่จะไร้วิญญาณไปมากกว่านี้

“อ้าวไผ่ ตื่นแล้วเหรอ”

ผมที่เดินงกๆ เงิ่นๆ ออกมาที่ห้องครัวต้องหยุดชะงักเพราะใครบางคนยืนถือตะหลิ่วแกว่งไปมาหน้าเตา ริมเขื่อนหันมาฉีกยิ้มหวานให้ก่อนจะพยักเพยิดไปที่หม้อใบกลางข้างตัว

“ทำซุปสาหร่ายไว้ให้ กับพะแนงไก่ของโปรดมึง”

“ทำไมแต่งตัวแบบนั้น”

ผมไม่ได้สนใจเมนูอาหารที่ส่งกลิ่นยั่วน้ำย่อยในกระเพาะ

ดวงตาสีอ่อนแบบฝรั่งกวาดมองทั่วสารร่างของเพื่อนที่สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มเรียบๆ มันคงจะไม่อะไรถ้าริมเขื่อนไม่เปลือยท่อนบนแล้วข้างล่างใส่แค่บ็อกเซอร์แนบเนื้อ

ผมขมวดคิ้ว รู้สึกสมองปวดตุบยิ่งกว่าเก่า

“มันทำไม?” คนหน้าสวยเลิกคิ้วถามก่อนจะกลับไปสนใจผัดเนื้อไก่ในกะทะต่อ แต่ไม่รู้ผมเมาแล้วรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้ริมเขื่อนมันประหลาดจนน่ากลัว

แค่ทำกับข้าว คงไม่จำเป็นต้องแอ่นสะโพกขนาดนี้มั้ง

ไหนจะท่าใช้ตะหลิวผัดที่ดูไม่ต่างจากกำลังถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารอยู่ ผมผูกปมคิ้วแน่นกว่าเก่า มองหลังคอขาวเนียนที่มีไรผมบางๆ ตกลงมาปรก เขื่อนมัดก้อนดังโงะลวกๆ ไว้กลางศีรษะ ช่วงหน้าปล่อยปอยผมออกมาเล็กน้อย โชว์โครงหน้ารูปไข่กับคางมนสวยให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

“เสร็จแล้ว มึงไปตักข้าว” เขื่อนใช้ตะหลิวชี้ไปที่หม้อหุงข้าวก่อนจะค่อยๆ ตักพะแนงไก่ใส่จานจนหมดไม่เหลือน้ำแกงสักหยด
ผมทำตามอย่างว่าง่ายด้วยความหิว คว้าจานสองใบมาคดข้าวใส่พอประมาณ หยิบช้อนหยิบส้อมแล้วเอาไปตั้งไว้บนโต๊ะกินข้าว ริมเขื่อนยกถ้วยซุบและจานพะแนงเข้ามาไว้บนโต๊ะ ส่วนผมเป็นลูกมือหาน้ำหาท่ามาให้พ่อครัวแสนสวยที่อยู่ในสภาพโป๊เปลือยไม่น่ามอง

กว่าเราจะได้ตักข้าวเข้าปากจริงๆ ก็เกือบห้านาทีได้ ผมซดซุปสาหร่ายก่อนเป็นอย่างแรก ทันทีที่ความอุ่นร้อนผ่านลงคอไป ราวกับผมได้ตายแล้วเกิดขึ้นมาใหม่ สมองปลอดโปล่ง ลำคอโล่ง และสีหน้าก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

“อร่อย” ผมบอก ไม่ค่อยได้กินกับข้าวฝีมืออีกคนเท่าไหร่ ล่าสุดก็คงเป็นตอนปีสามที่เขื่อนเข้าครัวครั้งแรก รสชาติไม่ต้องพูดถึง ผมต้องไปทอดไข่เจียวมาจิ้มซอสกินเพราะเค็มเกินกว่าจะยัดลงคอได้ “ทำบ่อยเหรอ”

“ฝึกไว้ เผื่อจะมีคนมาขอแต่งงาน”

“แม่ศรีเรือนจริงๆ” ผมแซวกลับเมื่ออีกคนหยอกล้อมา

ริมเขื่อนหัวเราะ ตักข้าวเข้าปากคำโต คนตัวสูงไม่ยอมถอดเสื้อกันเปื้อนก่อนมานั่งกินข้าว ผมไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร รวมถึงไม่เข้าใจตัวเองด้วยที่ห้ามลูกกะตาตัวเองไม่ได้

มันเอาแต่มองยอดอกสีน้ำตาลที่วับๆ แวมๆ ออกมาจากเสื้อกันเปื้อน ผมกระพริบอยู่หลายทีทั้งพยายามเพ่งจุดโฟกัสไปที่อื่น แต่สุดท้ายก็วกกลับมาที่หน้าอกอีกคนทุกที

ริมเขื่อนก็ขยันขยับตัวให้เสื้อพะเยิบจริงๆ!

ผมตัดสินใจรีบจ้วงข้าวเข้าปาก จะได้หนีออกจากสถานการณ์อันตรายนี้โดยเร็ว

แต่คุณรู้อะไรไหม มันไม่ง่ายขนาดนั้น

คนตัวสูงที่กินข้าวแบบลีลาสุดชีวิตเงยหน้าขึ้นมามองผม ยื่นจอโทรศัพท์มาให้ก่อนจะถามเสียงใสราวกับเด็กไร้เดียงสา ผมขมวดคิ้วมองหัวข้อบทความบนจอ ก่อนจะเผลอผงะร่างออกห่างทันทีที่อ่านจบ

“มึงว่าจริงไหม”

“กู กะ กูจะไปรู้ไหม”

“อยากรู้ว่ะ” ริมเขื่อนพึมพำกับตัวเอง เขาวางช้อนลงบนจานก่อนจะเริ่มก้มมองสำรวจร่างกายของตนอย่างคิดวิเคราะห์

ผมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ

“เขื่อน มึงจะทำอะไร”

“พิสูจน์ไง”

“อย่า”

อย่าทำ!!

ผมตะโกนด้วยเสียงดังก้องในใจ แต่ปากกลับไม่สามารถเปล่งคำพูดอะไรออกมาได้

ภาพตรงหน้าคือสิ่งที่ผมไม่อาจทนดูมันได้ แต่ตาเจ้ากรรมกลับเอาแต่จ้องเขม็งไม่ยอมกระพริบเลยสักนิด

ผมกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ปลุกปลอบตัวเองแล้วฝืนให้ขาสองข้างรีบพาผมออกไปจากตรงนี้เสียที แต่ทุกอย่างกลับแข็งทื่อไม่ขยับ

“อึ่ก ไผ่”

“มึง ย...หยุด” เสียงผมควรแข็งแรงกว่านี้ มั่นคงกว่านี้ ถ้าผมต้องการห้ามริมเขื่อนจริงๆ มันไม่ค่อยอ่อนระโหยเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้เลย!

“มึง มันจริงว่ะ... อือ” ริมเขื่อนกัดปากก้มหน้าลงมองพื้น แก้มของเขาแดงแจ๋ รวมถึงร่างกายที่เลือดสูบฉีดมากจนผิวเนื้ออมชมพูไปทั้งตัว “ผู้ชายรู้สึกตรงนี้ได้จริงๆ ด้วย”

ผมกลืนถ้อยคำห้ามปรามลงท้อง

มองคนที่ใช้ปลายนิ้วสะกิดหยอกอกตัวเองทั้งสองข้าง ก่อนจะกัดปากส่งเสียงซี๊ดซ๊าดออกมาเป็นระยะ ช่างขาขาวยกขึ้นตั้งชันบนเก้าอี้ บ็อกเซอร์ที่ทั้งสั้นทั้งรัดขับเน้นส่วนนูนเว้าจนเห็นรูปร่างของมันชัดเจน

ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนทื่อมองภาพตรงหน้าอย่างสติหลุดลอย

ภายใต้กางเกงบอลที่ทั้งใหญ่ทั้งย้วย กลับมีบางอย่างดุนดันจนผมรู้สึกได้ถึงแรงดีดตัว ความคับแน่นทำให้ต้องเอื้อมมือลงไปจัดระเบียบอย่างลืมตัว

กว่าจะได้สติ ริมเขื่อนก็กลับมานั่งกินข้าวพลางมองผมด้วยรอยยิ้มจิ้งจอกร้าย

คนตัวสูงตักข้าวเข้าปากคำนิดเดียว แต่กลับใช้ลิ้นเลียเก็บทุกรอยเปื้อนอยู่นาน ดวงตาสีดำสนิทมองมาที่ผมอย่างมั่นคง ส่งแววตาโหยหาปนยั่วยวนมาให้ แทบไม่ต้องตีความสายตาพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ ผมเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน สูดลมหายใจเข้าสุดปอดก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินกลับเข้าห้องอย่างเงียบๆ

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ผมไม่รู้ว่าตอนที่เมาเผลอทำอะไรลงไปบ้าง

แต่ที่แน่ๆ... ไม่น่าใช่เรื่องดี








ผมลงกลอนขังตัวเองไว้ในห้องนอน พ่นลมหายใจพรูผ่านริมฝีปากก่อนจะขยี้เส้นผมอย่างรุนแรง อะไรๆ ตรงนั้นหดกลับไปเรียบร้อย แต่สิ่งที่ตกค้างอยู่หลังจากนั้นกลับไม่หดตัวเล็กลงเลย

ผมกำหัวเข่าตัวเองแน่น ถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง

“กูจะไปฟิตเนสข้างล่าง”

“เออ”

“ไปด้วยกันไหม”

“ไม่ไป”

“ไปด้วยกันหน่อยดิ คนในนั้นชอบมาวุ่นวายกับกูอ่ะ”

ผมหันไปมองบานประตูที่ปิดสนิท เสมือนว่ามันคือตัวแทนของริมเขื่อนที่ยืนอยู่นอกห้อง

“ไม่เอา ปวดหัว”

“ไปด้วยกันหน่อย... นะ”

“กูจะนอนเขื่อน”

“ไผ่...” เขื่อนลากเสียงยาว “ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย คนในฟิตเนสชอบมาลวนลามกูจริงๆ นะ”

เล่นฟิตเนสมาตั้งหลายปี ทำไมเพิ่งมามีปัญหาไปคนเดียวไม่ได้วะ

ผมขมวดคิ้ว เดินไปดึงประตูเปิดเพื่อมองหน้างูพิษที่ทำเป็นหงอยให้น่าสงสาร ริมเขื่อนทำปากบึน กระพริบตาปริบๆ พลางห่อไหล่จนเหมือนคนตัวเล็กตัวน้อย

ถ้าไม่ติดว่าเบ้าหน้าดี ท่าทางพวกนี้คงน่าหงุดหงิดไม่น้อย

“ถ้ารู้ว่าคนลวนลาม มึงจะใส่เสื้อกล้ามทำไม” ผมชี้ไปที่เสื้อกลางสีขาวที่ผ้าบางจนมองเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมด แทบไม่ต่างจากเปลือยอกเลยสักนิด ริมเขื่อนยิ้มแหย ดึงคอเสื้อขึ้นขณะสรรหาเหตุผลมารองรับ

“ออกกำลังกายต้องใส่เสื้อผ้าสบายๆ นะ”

“เฮ้ออ” ผมพ่นลมหายใจ พลางบอกเสียงอ่อย “กูปวดหัว”

“ปวดมากเลยเหรอ” ริมเขื่อนขยับเข้ามาหาพลางใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งกดลงมาตรงขมับผม แรงนวดคลึงเบาๆ ช่วยให้หัวคิ้วผ่อนคลายลงเยอะ ผมหลับตาพริ้ม อยู่แบบนั้นสักพักจนริมเขื่อนเป็นฝ่ายถอนมือออกไปเอง

“ไม่ต้องไปก็ได้”

“อืม”

“แค่เทรนเนอร์ชอบมาจบหน้าอกกู”

“...”

“แค่ตอนอาบน้ำผู้ชายชอบมายืนใกล้ๆ”

“...”

“แค่ถูกลวนลามเอง กูไม่เป็นไร”

“มึงเล่นฟิตเนสที่นี่มากี่ปีแล้ว”

“สองปี”

“อยู่มาได้ตั้งสองปีนะ”

ริมเขื่อนยิ้มไม่ตอบ หน้าสวยๆ เปลี่ยนเป็นออดอ้อนแทนที่การตัดพ้อ คนตัวสูงกว่าโน้มตัวลงจนใบหน้าอยู่ต่ำกว่าผม ช้อนตาขึ้นก่อนจะกระพริบช้าๆ เอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วจบด้วยการส่งเสียงอ้อนวอนในลำคอเบาๆ

“ไปคุมกูหน่อยสิ”

“จำเป็น?”

“ที่สุดเลย”

ต้องเดาไหมครับว่าผมทำยังไง

ก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าเดินตามริมเขื่อนลงมาที่ฟิตเนสของคอนโดต้อยๆ ไงล่ะครับ แม้จะปวดหัวแค่ไหน ร่างกายสั่งให้ล้มตัวลงนอนมากแค่ไหน

สุดท้าย แพ้ทางก็คือแพ้ทางวันยังค่ำ

ริมเขื่อนพาผมมาที่ลู่วิ่งก่อนจะบังคับให้ออกกำลังกายไปด้วยกัน ตอนแรกผมจะปฏิเสธ แต่เพราะอีกคนยกเอาเหตุผลร้อยแปดรวมถึงใช้มือมาบีบพุงผมเป็นก้อนๆ แล้วบอกว่าอ้วนน่าเกลียด ผมเลยต้องมาวิ่งเหยาะๆ บนลู่ข้างผู้ชายตัวสูงที่ปรับความชันของลู่วิ่งเสียสูงจนผมแค่มองยังเหนื่อยแทน

ผมหยิบหูฟังมาสวมและเปิดเพลงฟังไปเพลินๆ ด้วยความที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานทำให้วิ่งบ้างเดินบ้าง แต่ก็อยู่บนลู่จนครบสามสิบนาทีตามโปรแกรม ผมหอบหายใจเล็กๆ ขณะรอให้โปรแกรมคูลดาวน์จบลง แอบเหลือบมองไปข้างตัวก็พบว่าริมเขื่อนเหงื่อซก หายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมหนัก

ร่างสูงใช้หลังมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก หันมายิ้มให้ผมก่อนจะชี้ไปยังสนามมวยที่มีคนเล่นบ้างประปราย

“กูจะไปต่อยมวย ไปด้วยกันไหม”

ผมส่ายหน้าทันที

ไม่ไหวหรอกครับ แฮงก์ๆ แบบนี้ใครเขาใช้แรงขนาดนั้นกัน

“ข้างๆ มีโซฟา ไปนั่งรอตรงนั้นก็ได้” ริมเขื่อนชี้ตำแหน่งบอก “หรือจะไปเล่นเครื่องอื่นก็ได้ แต่อย่าไปไกลกูมากนะ”

“ทำไมอ่ะ”

“ก็กูให้มึงมาคุมกู ถ้ากูไม่อยู่ในสายตามึงตลอด จะเรียกว่าคุมเหรอ”

“คือกูต้องมองมึงตลอดว่างั้น”

“อ่าฮะ”

“เป็นเด็กรึไง”

“ถ้ากูถูกลวนลาม มึงจะได้มาช่วยทัน”

“เอาจริงๆ นะเขื่อน ถ้ามีคนลวนลามมึงจริง กูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้” ผมบอกพลางกวาดสายตามองมนุษย์กล้ามในฟิตเนสแห่งนี้จนทั่ว ก่อนจะเบ่งกล้ามแขนที่มีแต่ก้อนไขมันย้วยๆ โชว์แทน “กูโดนต่อยทีก็ร่วงแล้ว”

“คิดว่ากูจะยอมให้ใครมาต่อยมึง”

“...” ผมเงียบ มองคนที่พูดด้วยสีหน้าจริงจังแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างงั้นก็ไม่เรียกกูปกป้องมึงแล้วป่ะเขื่อน”

“ไม่เป็นไร กูปกป้องเอง”

“...”

“กูจะดูแลมึงเอง กูสัญญา”

_________________________
Talk: สั้นไปนิดดดด จริงๆ มีต่ออีก แต่ยาวไปแน่ๆ เลยยกยอดไปไว้ตอนหน้า
ตอนหน้าเจ้าไผ่ถูกต้อนไปอยู่ห้องเดียวกับงูพิษแล้ว
เข้าถ้ำเสือ นอกจากจะได้ลูกเสือแล้ว อาจจะได้พ่อเสือมาด้วยก็ได้ อิอิ


ขอบคุณทุกยอดวิวยอดคอมเม้นยอดกดบวก
รักนะคะ กำลังใจดีจังงงงงง  :mew1: :mew1:
สัญญาจะพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2018 19:32:50 โดย หะมายด์เอง »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13  ดำเนินการต่อไปนะเขื่อน

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :katai3: :katai3: :katai3:

ไม่รอด....ไม่ว่าเขื่อนจะทำอะไรหนูไผ่ก็จำต้องยอมไปโหม้ดดดดด

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
นังไผ่น่าร้ากกกกกกกกกก​ เขื่อนแม่งคือหมาป่าชัดๆหมาป่าห่มหนังแมวสวยๆ​ จริงๆคือคนรว้ายๆ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด