เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 122017 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อยากให้พี่อู๋ผ่านพ้นปัญหาไปด้วยดี อุตส่าห์ช่วยน้องก้องได้แล้ว ตัวเองก็ต้องรอดด้วยนะ

ปล.แต่ฉากอ้วกรดหัวนี่ไม่ไหวจริง ๆ อยากเตะตัดขาให้นอนคว่ำจมอ้วกไปเลย

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
หมูพีนี่เอาตรงๆน่ากลัวนะ  :hao4:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ใครดูแลใครกันแน่เนี่ย น้องก้องที่มันความหวังของหมู่บ้านชัดๆ แอบสงสารพี่อู๋เรื่องงานนิดนึง แกคงเครียดเลยเป๋ๆไป รอพี่แกดึงสติแล้วกลับมาทำตัวให้สมกับเป็นผู้ปกครองนะ
ระหว่างนี้สงสารซินเดอเรลล่าก้องที่สุด น้องดูเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่สะอีก
ชอตอ้วกนี่ภาพลอยมาเลยค่ะ 5555 อี๋จริง ถ้าเราเป็นน้องก้อง จะด่าพี่อู๋ไป 3วัน7วันเลยคอยดู 5555
ถึงแม้จะเพลียพฤติกรรมพี่อู๋มากสักแค่ใหน แต่เราก็แอบชอบการวางคาแรคเตอร์พระเอกที่ไม่เพอเฟกนะคะ อาจจะไม่ได้ดีไปสะทุกอย่าง มีด้านล้มเหลว มีมุมดาร์กๆ มีด้านแย่ๆ เหมือนคนที่กำลังหลงทางอยู่

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ฟังเรื่องคุณหมูพีจนหลอนนำมาฝัน เอามีดไล่แทงจนตาย โคตรฝันร้ายอะก้อง 5555 //เออออออออสงสารและเข้าใจไอ้พี่อู๋มันเลย เรื่องงาน พอขาดความมั่นใจทำให้เป๋ไป หาอะไรมาเติมเต็มโดยไม่สนว่าถูกผิดจะนำพาปัญหาไรมา ช่างแม่ง พอใจเป็นพอ ก็รอให้ยืนได้นะ ถ้าตัวเองยังไม่รอด แล้วอีกคนจะรอดไหม ก้องให้สติพี่เขาหน่อย มันน่าทุบซะจริงตอนอ้วกใส่เนี้ย //ต่างก็ขาด แล้วมาช่วยเติมเต็มให้กัน มันคงผ่านเรื่องร้ายๆเริ่มต้นใหม่ได้ดี คงอีกไกล ตอนนี้ทำได้คงแค่ชงกาแฟดำแก้แฮ้งค์ให้ก่อนเถอะ รุงรังจริง *ก้องบ่น* 55555 //นี่ก็ยังเป็นแบบว่ากำลังดราม่าอยู่ ถ้าพูดถึงไอ้แดงนี่ 555555 ขนาดมันไม่แยแสก็ยังคิดถึงมันนะก้อง 555555 //สนุกกกกกกกกก เข้มขึ้นเรื่อยๆ รอดูต่อไปจะเกิดไรขึ้นบ้าง ติดตามๆรออ่านๆ

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
เหตุผลก็ยังไม่พอจะทำให้อภัยในความปากเสียของพี่อู๋เมื่อหลายตอนก่อนได้หรอกนะ
แต่จะพยายามให้อภัยก็แล้วกัน  :laugh:

น้องก้องสู้ๆนะครับ อยู่กับไอ้พี่อู๋ให้ราบรื่นและปลอดภัยจากเมียประสาทของพี่อู๋ได้ตลอดรอดฝั่งนะ

รอตอนต่อไปนะครับ  :pig4:

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่อู๋แกคิดไม่ซื่อกับน้องชัวร์

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
คนอื่นนี่วุ่นวายกับก้องจริงแหละ แต่เอาความจริงในสถานการณ์ปกติ
การที่ผู้ชายคนนึงจะเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยงดู ถึงจะบอก (อ้าง) ว่าอยากทดแทนในสิ่งที่เอมไม่ได้ทำ
แต่คนนอกก็คงเป็นห่วง เพราะก้องเป็นใคร ไม่มีใครรู้ ส่วนหมูพี เรื่องธรรมดา ถ้าแฟนตัวเองชอบผช
แล้วเอาเด็ก 17 มาอยู่ด้วยแบบนี้ เป็นใครก็คิด ยิ่งนิสัยที่ขี้หึง ไม่มีทางปล่อยวางได้
มาถึงตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าใครป่วยหนักกว่ากันระหว่างก้องกับพี่อู๋ แต่ที่แน่ๆ พี่อู๋ชอบนอนเบียดน้อง
มันดูแปลกๆ เนาะ ว่ามั้ยยย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่อู๋จะดูแลใครได้ถ้ายังเป็นแบบนี้อ่ะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ 201618

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ติดตามอยู่นะคะะะะะะ

ออฟไลน์ 201618

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ 201618

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
วันไหนอยากเอาห้ามเปลี่ยนมาเอาน้องเรานะพี่อู๋ ตีตายเลย ส่วนเรื่องงานนี่เข้าใจฟีลค่ะ เป๋ไปหมดเนอะ คนมั่นใจมาตลอด ความเครียดก็สะสม แต่กอริลล่าก้องจะเยียวยาพี่เอง  :mew1:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เออ ไอพี่อู๋คือเชี่ยจริงๆ ขี้เอาที่หนึ่ง 5555555555555555555  คู่สร้างคู่สมจริงๆ
พี่อู๋ก็หวังแต่เรื่องอย่างว่า ส่วนหมูพีก็ประสาทแดก ฮือ
จ๋งจ๋านน้องก้องลูกแม่ที่ต้องมาอยู่ใกล้ๆ กับอีคู่นี้ อดทนเนอะลูก
อยากให้พี่อู๋เลิกกับหมูพีไปซักที แล้วกลับมาทำตัวดีๆ หางานใหม่ซะนะ

ฮือ จะมีพายุอีกหรอคะเรื่องนี้  :z3:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
11
PART 1/3

นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงแปดนาที

กอริลลาก้องกับผู้ปกครองนั่งกินซีเรียลด้วยกันในครัว เมื่อคืนพี่อู๋ไม่ได้ไปแรดที่ข้าวสาร เขาปฏิเสธคุณหมูพีโดยให้เหตุผลว่าท้องไส้ปั่นป่วนจนไม่อยากห่างจากชักโครก เหตุผลจริงๆไม่ใช่เพราะปวดท้องหรอก แต่เพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดกับหมอที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาต่างหาก คุณอุรัสยาถึงยอมอดอยากปากแห้งเพื่อพาผมไปหาหมอตามนัดตอนเช้า

จนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้คุยกับพี่อู๋เรื่องตกงาน ผมยอมรับว่าไม่มีความกล้ามากพอที่จะให้กำลังใจเขา ดังนั้นหัวข้อสนทนาของเราจึงวนเวียนแต่เรื่องไร้สาระเช่นวันนี้เราจะกินอะไรดี เล่นเกมอะไร ดูหนังไหม หรือควรไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือเปล่า แต่ที่เป็นหัวข้อเหนือความคาดหมายคือเรื่องซื้อหวย คืนก่อนผมเล่าให้ผู้ปกครองฟังเกี่ยวกับความฝันที่โดนคุณหมูพีแทงตาย แทนที่พี่อู๋จะปลอบด้วยการบอกว่าไม่เป็นไรนะ มันก็แค่ฝัน หรือไม่ก็ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วย แต่เขากลับพูดว่า --
 
“เราต้องซื้อหวยแล้วนะก้อง”

พี่อู๋เปิดอินเทอร์เน็ตอ่านเว็บทำนายฝัน วิเคราะห์เลขต่างๆนานายิ่งกว่าป้าเพ็ญสมัยเล่นหวย เขาบอกผมว่าเราจะรวยฟ้าผ่าไปด้วยกัน ถ้าถูกรางวัลนะ พี่จะซื้อกางเกงในของคาลวิน ไคลน์ให้ก้องซักโหล ซื้อชุดดีๆ ซื้อรองเท้าผ้าใบดีๆให้ซักคู่ ก้องจะได้มีชุดของตัวเอง ไม่ต้องยืมใส่ของพี่อย่างตอนนี้

“พี่พูดเหมือนเราจะถูกหวยงั้นแหละ”

ผมส่ายหน้าเอือมระอา ปกติพี่อู๋เคยสนใจความมหัศจรรย์ของตัวเลขที่ไหน วันๆเขามีแต่กินกับนอน ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ตและกินเหล้า(รวมถึงเอากับแฟน) แต่พอผมเล่าความฝันให้ฟัง เขากลับใส่ใจมันจนเกินพอดี ผมคิดว่าพี่อู๋คงเริ่มถังแตกนิดหน่อยแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่จริงจังกับการสลับเลขหน้าหลังบนล่างตีลังกาซ้ายขวาแบบนี้หรอก

“วันนี้ไปเซ็นปิ่นหลังหาหมอนะ ถ้าเจอแผงลอตเตอรี่ พี่จะให้ก้องหยิบหนึ่งใบ” พี่อู๋พูดทั้งๆที่ยังเคี้ยวซีเรียลเต็มปาก “ก้องคิดหรือยังว่าอยากกินอะไร?”

ผมส่ายหน้า บอกเขาว่าไม่มีของที่อยากกินเป็นพิเศษ หลังจากได้ฟังเรื่องโดนไล่ออก ผมไม่มีกะจิตกะใจจะกินของแพงๆเลย พี่อู๋กำลังอยู่ในช่วงลำบาก เขาต้องประหยัดเงินเผื่อมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนเจ้าของบัญชีจะไม่สนใจ เขายังคงพากอริลลาไปกินของอร่อยๆราวกับตัวเองมี passive income ที่ไม่ต้องทำงานก็รวยได้แค่นั่งทางใน

เมื่อทานมื้อเช้าหมด พี่อู๋ก็พาผมไปโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา บรรยากาศตอนเช้ายังคงเหมือนเดิม  พยาบาลหน้าเดิมๆ กอริลลาก็หน้าเดิมๆ ตัวใหม่ที่เพิ่งเข้ามาก็มี พักหลังนี้สมาชิกใหม่เริ่มอายุน้อยลงเรื่อยๆ ต่ำสุดคือประมาณสิบสองปี ผมมองกอริลลาตัวน้อยแล้วรู้สึกเศร้าแปลกๆ ตอนอายุเท่าน้อง ผมยังปั่นจักรยาน ยังกินน้ำแข็งไสกับแม่อยู่เลย ไม่มีหรอกที่มานั่งหน้าบูดต่อคิวรอเจอหมอในกรงแบบนี้ การต้องนั่งในสวนสัตว์ตั้งแต่เล็กๆนี่หดหู่ชะมัด แต่ที่น่าหดหู่กว่าคือตัวผมเอง เพราะพี่อู๋ยังไม่เลิกวิเคราะห์ตัวเลข เขาเซ้าซี้ถามผมว่าควรซื้อเลขท้ายอะไร ห้าเจ็ด หรือหกสาม หรือแปดเก้า หรือสามสี่

“ผมถามจริงๆเถอะ พี่นึกยังไงถึงอยากซื้อหวย?”
“วันก่อนไปข้าวสาร มีหมอดูทักว่าช่วงนี้จะได้ลาภ พี่ว่าเราต้องรวยฟ้าผ่ากันแน่ๆ”

พี่อู๋เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผมได้แต่ขมวดคิ้วงง หมอดูจะไปทำอะไรแถวข้าวสาร ไม่ใช่ว่าเขาเมาจนคุยกับแม่ค้าขายส้มตำเหรอ คนขายอาจจะหมายถึงลาบที่เป็นลาบหมู ไม่ใช่โชคลาภก็ได้

ผมได้แต่กลอกตา ตอบเออออตามน้ำเพราะไม่อยากให้พี่อู๋หมดหวัง หลังจากนั่งรอคุณพยาบาลเรียกเข้าพบหมอเกือบชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงคิวกอริลลาก้อง ผมรีบเดินเข้าห้องอย่างรวดเร็วเพราะรำคาญพี่อู๋เซ้าซี้เรื่องเลขท้ายอีก ทันทีที่เจอหน้ากัน ผมก็ยกมือไหว้หมอ ทักทายเขาว่าสวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องอยากเล่าให้หมอฟังเยอะมากเลย

ถ้าถามว่าตอนนี้ใครคือคนที่รู้ความคิดผมทุกอย่าง คำตอบก็คือหมอของโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา หมอคือคนเดียวที่ผมไว้ใจจนสามารถระบายทุกอย่างให้เขาฟังได้ ทั้งพฤติกรรมประสาทแดกของคุณหมูพีที่ข่มซินเดอเรลก้องยิ่งกว่าคนใช้ ทั้งเรื่องคุณอุรัสยาที่ทำตัวครึ่งๆกลางๆ อยากเลิกกับแฟนแต่ก็ต้องการแฟนจนปฏิเสธไม่ได้ ผมยังเล่าให้หมอฟังด้วยว่าเขาออกไปกินเหล้าบ่อยแค่ไหน การรักสนุกของเขาทำให้ผมเครียด บางคืนผมนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเขา ไม่รู้ว่าพี่อู๋เป็นอะไร ผมอยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม อยากให้พี่อู๋เป็นคนเดิมเหมือนวันแรกที่เจอกัน

“บางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนจริงๆของพี่อู๋ก็ได้นะก้อง”

หมอพูดอย่างเห็นใจแต่ผมค้านหัวชนฝา ไม่ใช่ครับ พี่อู๋ไม่เคยเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนเขาไม่กินเหล้าจนเมาและไม่ขี้เอาขนาดนี้ หมอดูเหวอๆเมื่อผมพูดตรงเกินไปหน่อยแต่ก็ยังตั้งใจฟัง ผมพรั่งพรูเรื่องทุกอย่างทั้งเรื่องที่เอมฆ่าตัวตาย เรื่องพี่อู๋ถูกไล่ออกจากงาน เรื่องที่คุณหมูพีกับคุณอุรัสยาตีกันประจำจนผมประสาทแดก

วันดีคืนดีพวกเขาก็ตบกันบนโซฟา บางทีก็รักกันจนหอมแก้มให้ผมดู ผมบอกหมอว่ามันน่าอึดอัดจริงๆนะ การอยู่ในบ้านที่ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นส่วนเกินทำให้ผมรู้สึกแย่ในบางที ถ้ามีแค่พี่อู๋มันจะไม่เป็นไรเลย แต่คุณหมูพีคือตัวปัญหา เขาคือหมูบ้าสำหรับผม ผมไม่ชอบเขา ผมอยากให้เขาเลิกกับพี่อู๋แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณหมูพีมีปัญหาเรื่องควบคุมอารมณ์ เขาชอบทำร้ายตัวเองเพื่อให้พี่อู๋สนใจเขาคนเดียว

“ผมควรทำยังไงดีครับ? ผมเบื่อ ผมอยากให้ทุกอย่างกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม”

ผมถามหมอ เขาครุ่นคิดก่อนจะพูดตรงๆว่ากอริลลาก้องทำอะไรไม่ได้หรอก ในกรณีนี้บ้านที่ผมอยู่ก็เป็นของพี่อู๋ คุณหมูพีคือแฟนของพี่อู๋ เขาย่อมมีสิทธิ์มากกว่าคนขออาศัยอย่างนายก้องเกียรติอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้คือจัดการความคิดตัวเอง หมอบอกให้ปล่อยพี่อู๋ไป เขาอยากกินเหล้าก็ช่าง อยากไปข้าวสาร อยากค้างบ้านแฟนก็ปล่อยเขา หรือทะเลาะตบตีกันจนเลือดตกยางออกก็ไม่ต้องเก็บมาเครียด เพราะนั่นคือชีวิตพี่อู๋ ในเมื่อผู้ปกครองของผมเลือกเอง ผมจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากทำใจ

“มันอยู่เหนือการควบคุมของก้อง ก้องต้องยอมรับตรงนี้ว่าเราเปลี่ยนนิสัยพี่อู๋ไม่ได้ แต่ก้องทำดีที่สุดในแบบของตัวเองแล้ว ก้องดูแลตอบแทนพี่อู๋ด้วยการรับผิดชอบงานบ้านเต็มที่ ก้องไม่ทำให้เขาหนักใจ หมอว่าก้องควรโฟกัสแค่ตัวเองก่อน อย่าคิดเปลี่ยนแปลงพี่อู๋เลย มันเป็นไปไม่ได้ ก้องไม่ได้อยู่ในสถานะที่เขาจะยอมเชื่อฟัง”

หมอทำให้กอริลลาก้องเสียกำลังใจ ผมแค่หวังดี อยากให้พี่อู๋กลับมาเป็นผู้เป็นคน แต่เขาก็บอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะผมเป็นแค่คนนอก ไม่มีเหตุผลที่คุณอุรัสยาต้องรับฟัง

“แต่ความสัมพันธ์ระหว่างก้องกับพี่อู๋ยังดีอยู่ใช่ไหม?”

ผมเม้มปากแน่น เริ่มไม่แน่ใจว่ามันยังดีเหมือนที่หมอถามหรือเปล่า ผมเล่าให้หมอฟังเรื่องคืนก่อนที่เราทะเลาะกันแรงมากๆ ผมบอกหมอว่าตอนนั้นผมโมโหที่พี่อู๋ทำตัวเหลวไหลก็เลยด่าเขาแรงไปหน่อย จากนั้นผู้ปกครองของผมก็ด่ากลับว่าไอ้ก้องเกียรติคือภาระ เขาตอกหน้าผมด้วยการบอกว่าไม่มีใครอยากรับผมไปอยู่ด้วย เขาน่าจะทิ้งผมไว้ที่วัด ผมควรเน่าตายในนั้นจะได้ไม่ปากเก่งใส่เขาแบบนี้ ผมยังบอกอีกว่าพี่อู๋โกรธถึงขั้นจะลงไม้ลงมือแล้วถ้าผมไม่ตกใจจนล้มลงเสียก่อน

คราวนี้หมอเงียบไปเลย เขาครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งเล่าพร้อมกับจดรายละเอียดลงบนระเบียนประวัติ หมอมีสีหน้าคิดหนักเหมือนกำลังสันนิษฐานอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็บอกผมว่าก้องช่วยเรียกพี่อู๋เข้ามาหน่อยนะ หมอมีเรื่องอยากคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว

ผมทำตามหมอสั่ง ทันทีที่เดินออกจากห้อง คุณอุรัสยาผู้กำลังอ่านรีวิวอาหารในทวิตเตอร์ก็เงยหน้ามอง เขาเลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อผมบอกว่าหมออยากคุยด้วย พี่อู๋ไม่โดนเรียกมาหลายสัปดาห์แล้ว เขาก็เลยงงๆว่ามีเรื่องอะไร กอริลลาก้องเกิดคุ้มคลั่งอยากตาย หรือมีอาการแฝงอื่นๆที่ผู้ปกครองควรรู้หรือเปล่า ผมบอกพี่อู๋ว่าหมอแค่อยากคุยด้วยเฉยๆ ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมสบายดี ยังไม่คิดฆ่าตัวตายวันนี้ มีแต่อยากบีบคอพี่โทษฐานที่อ้วกใส่หัวผมเท่านั้น

ห้านาทีผ่านไป สิบนาทีผ่านไป สิบห้านาทีผ่านไป

เวลาเดินไปเรื่อยๆในขณะที่กอริลลาก้องเริ่มกระวนกระวาน กอริลลาตัวอื่นก็หงุดหงิดเหมือนกันที่คราวนี้หมอคุยกับพวกเรานานไปหน่อย ท่าทางจะมีปัญหา ผมคิด เดาเอาว่าหมอคงปรับความเข้าใจกับพี่อู๋หรือไม่ก็ร้องขอให้เขาทำตัวดีๆเพื่อกอริลลาจิตป่วยอย่างนายก้องเกียรติซักระยะ แต่พอเห็นผู้ปกครองเดินออกจากห้องตรวจด้วยสีหน้าแจ่มใส ผมก็เลยงุนงงว่าตกลงพวกเขาคุยอะไรกัน พี่อู๋ไม่ได้โดนหมอดุหรือตำหนิเรื่องทำตัวแย่ๆหรอกเหรอ

“ก้อง หมอเรียก”

พี่อู๋ชี้นิ้วไปที่ประตู ผมแอบเห็นกอริลลาตัวหนึ่งกลอกตาเมื่อรู้ว่าหมอตรวจนายก้องเกียรตินานเป็นพิเศษ เมื่อเดินกลับเข้าไปข้างใน ผมก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วจ้องหน้าหมอ ผมถามเขาว่าเป็นไงบ้างครับ พี่อู๋พูดอะไรไหม เขาระบายความเสียใจเรื่องงานให้หมอฟังหรือเปล่า

“หมอไม่ได้ถามพี่อู๋เรื่องนั้น”

ผมงงหนักกว่าเดิม ทั้งๆที่แอบหวังไว้ว่าหมอจะช่วยให้กำลังใจพี่อู๋อีกทาง แต่คำตอบของหมอก็บอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย หมอแค่เรียกพี่อู๋มาถามเรื่องอาการของผม ถามว่าผมเป็นยังไงบ้าง กินข้าวเยอะไหม เรื่องนอนล่ะเป็นยังไง หลับสนิทหรือตื่นกลางดึกเหมือนเดิม หลังๆมานี้ผมขอร้องไม่ให้เขาออกไปกินเหล้าบ่อยแค่ไหน ยังร้องไห้ขอให้อยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า แน่นอนว่าหมอไม่ยอมบอกว่าพี่อู๋ตอบว่าอะไร เขาพูดแค่ว่าก้องไม่ต้องคิดมากนะ พี่อู๋คคงไม่ทิ้งก้องเกียรติเร็วๆนี้

“พี่อู๋บอกหมอเหรอครับว่าเขาจะไม่ไล่ผมออกจากบ้าน?”
“ไม่ได้พูดตรงๆหรอก แต่เขาก็แสดงออกว่าเป็นห่วงก้องมากนะ ถามหมอตลอดเลยว่าต้องกินยานานแค่ไหน มีผลข้างเคียงไหม ต้องพูดกับก้องยังไง หมอว่าเขายังใส่ใจก้องเหมือนเดิม”
“แต่บางครั้งพี่อู๋ก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว บางทีผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง เหมือนพี่อู๋คนเดิมหายไป เขาเปลี่ยนเป็นคนละคน เปลี่ยนเป็นผู้ชายที่ผมไม่รู้จัก”
“ก้อง -- หมอขอพูดตรงๆเลยนะ”

หมอมองหน้าผม หัวใจของกอริลลาจิตป่วยเต้นตึกตักเพราะสังหรณ์ใจว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“พอฟังจากที่ก้องพูดและลองคุยกับเขาดูแล้ว หมอคิดว่าพี่อู๋อาจจะป่วย แต่เขายังไม่รู้ตัว”

วินาทีนั้นนาฬิกาหยุดหมุน ผมอึ้ง เรียบเรียงอะไรไม่ถูกนอกจากตั้งคำถามกับตัวเองว่าพี่อู๋ป่วยได้ไง ป่วยเป็นอะไร ไข้ก็ไม่มี ไอจามก็ไม่มี ปวดเมื่อตามตัวก็ไม่มี แล้วเขาป่วยอะไร ป่วยตรงไหน พี่อู๋แข็งแรงจะตาย หมอมั่วแล้ว พี่อู๋สบายดี เขาไม่ได้เป็นอะไร

“หมอว่าพี่อู๋ควรพบจิตแพทย์นะ”

โอเค ผมรู้แล้วว่าหมอหมายความว่ายังไง พี่อู๋ไม่ได้ป่วยกาย แต่เขาป่วยใจต่างหาก



นาฬิกาบอกเวลาว่าสิบเอ็ดโมงสามนาที

ผมนั่งอยู่ในรถกับพี่อู๋ที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยท่าทางผ่อนคลาย เขาเปิดเพลงโปรด ปรับเบาะนั่ง เปิดแอร์ เช็กกระจก ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่กอริลลาก้องนั่งเครียดและสับสนเพราะคำพูดของหมอเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

คำบอกเล่าของหมอเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ถูกต่อกันจนเป็นรูปร่าง ผมได้คำตอบแล้วว่าทำไมบางครั้งพี่อู๋ก็เกรี้ยวกราด บางครั้งก็โหยหาเซ็กส์จากคุณหมูพี ไหนจะอาการติดเหล้า อาการนอนไม่เป็นเวลา และภาวะควบคุมความโกรธไม่ได้อีก ทุกอย่างไม่ใช่เพราะพี่อู๋สันดานเหี้ยอย่างที่คุณหมูพีกล่าวหา แต่พี่อู๋กำลังป่วย เขาป่วย เขาต้องได้รับการรักษา แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าที่ชีวิตเป็นแบบนี้เพราะกำลังตกอยู่ในภาวะเครียดมากกว่าปกติ ไม่ใช่เพราะขี้เกียจหรืออยากพัก แต่เขาป่วยต่างหาก

ผมอยากรู้จริงๆว่าหมอคุยอะไรกับเขาอีก แต่หมอไม่ยอมบอก เขาบอกว่าเราควรปล่อยให้พี่อู๋มีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เมื่อผมขอให้เขารับพี่อู๋เป็นผู้ป่วยใหม่ของโรงพยาบาล หมอก็ปฏิเสธรอบที่สอง เขาบอกว่าเรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้ หมอไม่สามารถพูดว่าคุณอู๋ คุณต้องลงไปข้างล่างเพื่อทำประวัติใหม่ คุณต้องนั่งต่อแถวร่วมกับกอริลลานับสิบหน้าห้องตรวจแล้วค่อยเข้ามาพบหมอ หลังจากนั้นก็ระบายความในใจให้ฟัง เล่าให้หมดเลยนะ เรื่องน้องชาย เรื่องตกงาน เรื่องแฟน เพราะจะได้แนะนำให้ถูกใจ หลังจากนั้นหมอจะจัดยาให้ สุดท้ายก็ลงไปจ่ายเงินแล้วแยกย้ายกลับบ้าน ถ้าก้องเกียรติหวังว่าหมอจะทำแบบนั้น บอกเลยว่าฝันไปเถอะ การเข้ารับการรักษาต้องเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ หมอบังคับพี่อู๋ไม่ได้ เขาต้องเป็นฝ่ายมาพบแพทย์และยอมรับเองว่าเขากำลังอยู่ในภาวะผิดปกติซึ่งต้องการความช่วยเหลือ

“พ่อของพี่อู๋ก็เป็นจิตแพทย์เหมือนกัน ผมแอบโทรบอกคุณพ่อดีไหมครับ?”
“อย่าทำแบบนั้นนะก้อง นี่คือเรื่องของพี่อู๋ ก้องไม่ควรก้าวก่าย”
“แต่ผมเป็นห่วงเขา”

ผมตาร้อนผ่าว รู้สึกอยากร้องไห้เมื่อคิดว่าพี่อู๋ต้องการความช่วยเหลือจากใครซักคนแต่กลับไม่มีใครยื่นมือไปหาเขา

“หมอบอกผมมาเถอะว่าคุยอะไรกับพี่อู๋ ผมจะช่วยโน้มน้าวเขาอีกแรง ผมจะพาเขามาหาหมอ อย่างน้อยเขาจะได้ไม่รู้สึกแย่เหมือนที่ผมเคยเป็น”
“ก้อง พี่อู๋ต้องมาพบหมอด้วยตัวเอง” หมอยืนยันเสียงหนักแน่น เขาส่งทิชชู่ให้เมื่อกอริลลาก้องน้ำตาไหล “อีกเรื่องก็คือ ไม่ใช่จิตแพทย์ทุกคนจะเข้ากับคนไข้ได้ มีผู้ป่วยหลายคนที่เปลี่ยนหมอตั้งสามสี่ครั้งจนเจอกว่าจะเจอหมอที่จูนกันได้ ดังนั้นต่อให้พ่อของพี่อู๋เป็นจิตแพทย์ แต่ถ้าเจ้าตัวไม่สะดวกใจจะคุย คุณพ่อก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
“งั้นผมควรทำยังไงเหรอครับ?”
“รอ” หมอแนะนำสั้นๆและตรงตัว “หมอว่าพี่อู๋อาจจะทนได้อีกไม่นาน ก้องรออีกหน่อย ถึงตอนนั้นค่อยชวนเขามาพบหมอด้วยกันนะ”

ตั้งแต่ออกจากห้องตรวจ ผมคิดไปต่างๆนานา พี่อู๋คงไม่มีวันปรึกษาคุณพ่อหรอกเพราะเขาพูดกับพี่ตั้มเองว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องโดนไล่ออก ไหนจะเรื่องโดนมีดบาด โดนคุณหมูพีบงการชีวิต เรื่องเอมอีก ยังไงเขาก็ไม่เอาความทุกข์ไปบอกให้พ่อรู้อยู่แล้ว ดังนั้นทางออกเดียวที่พอจะทำได้คือการทำให้พี่อู๋รู้ตัวเร็วๆว่าเขาต้องการหมอ เขาต้องพบหมอเพื่อรับยา ชีวิตของเขาจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียที

“เหม่ออะไรก้อง? ยังโกรธพี่เรื่องอ้วกอยู่อีกเหรอ?”
“เปล่าครับ ผมแค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย”
“คิดเมนูมื้อเย็นสิ วันนี้พี่อยากกินข้าวผัดไข่กับแกงจืดสาหร่าย” พี่อู๋บอก ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วยิ้ม ดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ยังอยากอาหารอยู่บ้าง “เดี๋ยวเราไปซื้อของกันนะ”
“ครับ”

ผมขานตอบ ในหัวยังคิดวนเวียนเรื่องของเขาไม่เลิก มันมีแต่คำว่าต้องช่วยพี่อู๋ ต้องทำให้พี่อู๋รู้ว่าเขากำลังไม่สบาย แต่คนอย่างกอริลลาก้องจะทำอะไรได้ คนที่พยายามจะกระโดดสะพาน คนที่กินยานอนหลับยี่สิบเม็ด คนที่อยากตายแต่ไม่ตายอย่างผมจะช่วยอะไรพี่อู๋ได้ ผมนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ แค่อยากช่วยผู้มีพระคุณ ยังคิดแผนไม่ออกเลย

“เที่ยงนี้กินอะไรกัน?”
“ฟู้ดคอร์ทก็ได้ครับ ถูกดี”

ผมเสนอ แต่พี่อู๋เบะปาก เขาบอกว่าฟู้ดคอร์ทไม่ได้ถูกไปกว่าอาหารในร้านหรอก แค่ข้าวขาหมูจานเดียวก็หกสิบห้าบาทแล้ว เพิ่มเงินอีกนิดเพื่อกินของอร่อยๆดีกว่า

“แต่ผมไม่อยากให้พี่เปลืองเงิน”
“โอ๊ย คิดมาก พี่เหลือเงินเยอะ จะรูดซื้อเซ็นทรัลให้ก้องก็ยังได้”

เขาพูดติดตลกแต่ผมขำไม่ออก ซื้อเซ็นทรัลเนี่ยนะ พี่คิดบ้าอะไรอยู่ คิดว่าเจ้าสัวจิราธิวัฒน์จะยอมให้พี่มีส่วนในกิจการเขาเหรอ มีหวังห้างดีๆได้กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของเหล้ากับข้าวมันไก่ที่ราดบนหัวผมแน่ๆ

“พี่ ผมจริงจังนะ ผมอยากช่วยพี่ประหยัดเงินบ้าง ผมเกรงใจที่เกาะพี่กินแบบนี้”
“ช่วยทำไม? ก้องมาอยู่ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เพิ่มเลย มีแค่ค่าเหล้ากับถุง --” เขาเงียบท้ายประโยค อืม ผมรู้แหละว่าถุงยางราคาไม่ใช่เล่นๆ แต่ไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนี้ก็ได้ “ถ้าก้องไม่เลือก งั้นพี่สรุปเองนะ กินฟูจิ จอบอ จบ”

ผมถอนหายใจ ฟูจิแพงจะตายแต่ก็ยังเลือกกิน สุดท้ายผมก็กลับไปใช้ชีวิตเหมือนวันธรรมดาอย่างที่ผ่านมา กินข้าวมื้ออร่อยกับผู้ปกครอง เดินซื้อของสดและเครื่องปรุงที่รถกับข้าวไม่มีขาย หลังจากนั้นเราก็กลับลาดพร้าวกัน แยกรัชดายังคงเป็นพิษเหมือนเดิม แต่ที่พิษกว่าคือใจของผมเอง นายก้องเกียรติกำลังทรมานเพราะกลัวว่าวันหนึ่งผู้ปกครองที่ตัวเองรักและเทิดทูนจะกลายเป็นกอริลลาจิตป่วยอีกคน


เนื่องจากตอนนี้ความยาวหมื่นคำนิดๆก็เลยต้องแบ่งเป็นสามพาร์ท ขอโทษอีกครั้งนะคะที่แบ่งจังหวะไม่ดี พาร์ทสองจะอัปต่อข้างล่างเลยค่ะ ;-;

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
11
PART 2/3


หลังจากนั้นงานก็เข้าเรื่อยๆเพราะคุณหมูพี

แน่นอนว่าเขาแอบเพิ่มเงินค่าจ้างทุกครั้งเพื่อจูงใจให้แฟนของตัวเองทำงานแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ พี่อู๋ยังคงขี้เกียจเหมือนเดิม ยิ่งหลังๆเขาไม่เอาด้วยแล้ว ต่อให้ค่าจ้างหลายพันกับการแปลไม่กี่ประโยคเขาก็ไม่ทำ พี่อู๋เริ่มกลายเป็นกอริลลาขึ้นทุกวันๆจนผมไม่สบายใจ ผมว่าคุณหมูพีควรรู้ได้แล้วว่าแฟนของตัวเองอยู่ในภาวะไม่ปกติ และเขาควรเลิกยัดเยียดงานให้พี่อู๋เสียทีเพราะอีกหน่อยสงครามโลกครั้งที่สามต้องเกิดขึ้นในซอยลาดพร้าวยี่สิบเจ็ดแน่ๆ

ครั้งหนึ่งคุณหมูพีหลอกพี่อู๋ไปงานบูธแฟร์อะไรซักอย่าง เขาแต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเน็กไทเรียบร้อย กางเกงสแล็คสีดำกับรองเท้าหนังทำให้พี่อู๋ดูดีผิดหูผิดตา ผมเผลอมองเขาด้วยความชื่นชมอยู่นาน ในหัวเริ่มคิดว่าโตไปอยากเท่ได้ซักครึ่งหนึ่งของเขาจัง ผมอยากเป็นคนเก่งและมีเงินกินของอร่อยเยอะๆแบบพี่อู๋ แต่ไม่ขอเป็นคนขี้เมานะ ไม่อยากเป็นภาระเดือดร้อนให้เพื่อนต้องแบกมาส่งที่ห้อง

“ไปงานอะไรเหรอพี ต้องแต่งเต็มยศขนาดนี้?”
“งานเปิดบูธแฟร์อาหารนานาชาติที่โรงแรมไง บ้านเราก็ไปด้วย ยังไงพี่ไปกับเราหน่อยนะ พ่อกับแม่บ่นว่าไม่เห็นหน้าพี่นานแล้ว”

คุณหมูพีจัดเน็กไทให้พี่อู๋ก่อนจะบอกซินเดอเรลก้องให้เฝ้าบ้านดีๆ ผมรับปากว่าครับแล้วได้แต่มองพวกเขาตาละห้อย วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องอยู่เงียบๆคนเดียว ห้องที่ไม่มีพี่อู๋ไม่สนุกเลย งานบ้านก็เสร็จหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะทำแล้ว ดังนั้นผมจึงนอนดูเน็ตฟลิกซ์ ดูการ์ตูนญี่ปุ่นที่ไม่เคยมีโอกาสดูด้วยความเพลิดเพลิน แต่ความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะหลังจากที่พวกเขาออกจากบ้านไปประมาณสิบชั่วโมง พี่อู๋กับคุณหมูพีก็เดินปึงปังกลับเข้ามาในห้อง พวกเขาทะเลาะกันอีกแล้ว

“พี่ -- เราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพี่ เราแค่อยากให้พี่ลองงานใหม่ๆบ้าง อีกอย่างเอเจนซี่ก็เคยติดต่อให้พี่แปลมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้เขาขาดคนจริงๆเพราะปีนี้มีงานประชุมแน่นมาก ล่ามเก่งๆที่ทำประจำโดนจองตัวกันหมดแล้ว เขาก็เลยขอให้เราชวนพี่ เราแค่ไม่อยากให้พี่พลาดโอกาสดีๆ ไป อย่างน้อยพี่ก็ได้ประสบการณ์ล่าม simul* ในงานใหญ่ๆไง” (Simultaneous หรือล่ามแปลพร้อม แปลทันทีที่คนพูดเริ่มพูดโดยไม่รอให้จบประโยค)
“มึงบอกว่าไม่หลอก แต่ไปถึงก็พากูส่งเอเจนซี่เลยนะ”

พี่อู๋พูดคำหยาบพลางถอดเน็กไทที่คุณหมูพีซื้อให้ทิ้งถังขยะ

“N1กูสอบมาสี่รอบแล้วยังไม่ผ่าน นี่มึงหวังให้กูไปล่าม simul ในงานใหญ่โดยไม่บอกกันเลยเหรอ ถามจริงเถอะ เอเจนซี่ไหนมันดีลงานกับมึง มันกล้าเสี่ยงถึงขนาดจ้างล่ามทั้งๆที่ตัวล่ามเองยังไม่รู้เรื่องเลยเนี่ยนะ ต่อไปไม่ต้องเสือกรับงานให้กูอีก ถ้ามีคราวหน้า มึงต้องรับผิดชอบเองเพราะ กู -- ไม่ -- ทำ”

ผู้ปกครองของผมกระทืบเท้าหายเข้าไปข้างใน คุณหมูพีรีบวิ่งตาม แล้วพวกเขาก็ทะเลาะกันอย่างเคย กอริลลาก้องได้แต่นั่งฟังคำด่าที่สาดใส่กันด้วยสีหน้าเอือมระอาแต่ก็ยังแอบฟัง ดูเหมือนว่าคราวนี้คุณหมูพีทำเกินไปหน่อย เขาแอบรับงานแทนพี่อู๋จากเอเจนซี่ที่สนิทกันโดยไม่บอกผู้ปกครองของผม แถมเป็นงานเกี่ยวกับยาซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พี่อู๋ถนัด แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือการล่ามแปลพร้อมเป็นงานที่พี่อู๋ทำไม่ได้เพราะเขาไม่สามารถฟังและแปลเป็นคำพูดได้ในเวลาเดียวกัน

“เอเจนซี่นั่นก็เหี้ยที่ไม่ติดต่อหากูโดยตรง แต่ที่เหี้ยกว่าคือมึง ไอ้พี มึงแม่งไม่เคยรู้อะไรเลย มึงคิดว่าล่ามสามารถแปลได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้เหรอ กูไม่เคยทำด้านยามาก่อน ศัพท์ก็ไม่ได้เตรียมไป มึงคิดว่ากูจะล่ามได้เหรอ ยิ่งล่าม simul อีก มึงส่งกูไปตายในตู้นั้นชัดๆ!”

หลังจากนั้นพี่อู๋ก็เอาแต่ด่าๆๆจนคุณหมูพีร้องไห้ เขาถามว่าเขาผิดมากเหรอที่มั่นใจในตัวพี่อู๋จนอยากให้รับงานที่ท้าทายบ้าง พี่อู๋ไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมาหลายเดือนแล้ว ถ้าไม่ฝึกเลยจะลืมทุกอย่างที่เคยเรียนมาหมดนะ ผู้ปกครองของผมรีบสวนกลับทันทีว่าท้าทายห่าอะไร ไม่รู้เหรอที่เพื่อนเอเจนซี่เหี้ยๆของมึงเลือกเขาเพราะจงใจประหยัดงบ ไม่จ้างคนเก่งเพราะสู้ค่าตัวไม่ไหว เพื่อนในวงการรู้กันทั้งนั้นว่าพี่อู๋ไม่เก่งพอจะล่าม simul เลยด้วยซ้ำ มีแต่คุณหมูพีนั่นแหละที่ชอบเอาเขาไปอวดคนอื่นว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ แถมงานที่ต้องล่ามก็ไม่ใช่สายที่เขาเคยทำ ศัพท์ก็ไม่รู้ นี่ถ้าไม่มีล่ามอีกสองคนคอยสลับอยู่ในตู้ทุกสิบห้านาที ป่านนี้ได้ขายขี้หน้าคนทั้งงานแล้ว

พี่อู๋คงโกรธมากจริงๆถึงระเบิดเอาความในใจออกมา เขาบอกว่าตัวเองผ่านแค่ N2 จะสู้ล่าม N1 ที่ไปเรียนในญี่ปุ่นมาหลายปีได้ยังไง เขาทำงานบริษัทในไทยมาเกือบสิบปี ส่วนใหญ่ก็แค่ล่ามตามบทสนทนาในที่ประชุมกับทำงานเอกสารเท่านั้น แต่นี่มันเรื่องเหี้ยอะไร คุณหมูพีกลับส่งเขาเข้าตู้ล่ามในงานระดับใหญ่โดยไม่มีการบอกล่วงหน้าให้เตรียมตัว ไม่มีเอกสารรายละเอียดเนื้อหาเกี่ยวกับงานจากนายจ้าง สัญญาก็ไม่ได้เซ็น แถมยังโดนล่ามในตู้อีกสองมองเหยียดเพราะแปลไม่คล่องอีก แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว พอเถอะพี กลับไปเลย ตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้ามึงแล้ว

 สงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นตามที่คิดไว้จริงๆ ความมั่นใจในตัวเองของพี่อู๋ลดลงจนเหลือศูนย์เหมือนที่หมอเคยคาดการณ์ ดังนั้นเขาจึงพรั่งพรูความเครียดและความผิดหวังในชีวิตออกมาให้เราได้รู้ ตอนนี้ผมอาจจะไม่เข้าใจงานล่ามเหมือนเขา แต่ผมเข้าใจความผิดหวังในตัวเองดี ผมรู้ว่าพี่อู๋กำลังดิ่งลงเหว เขาต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อสงบสติอารมณ์และทำใจยอมรับว่าตัวเองก็แค่คนขี้แพ้คนหนึ่งในโลกธรรมดาๆใบนี้ แต่คุณหมูพีก็ช่างตื๊อเหลือเกิน ไม่เข้าใจแฟนของตัวเองเลย

สุดท้ายทุกอย่างจบลงตรงที่คุณหมูพีโดนผลักออกจากห้อง พี่อู๋ปิดประตูโครมเสียงดังแล้วเก็บตัวเงียบคนเดียว ผมได้ยินเสียงคุณหมูพีร้องไห้พร้อมกับเคาะประตูขอให้พี่อู๋ออกมาคุยกันดีๆ แต่ไม่ว่าจะอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ พี่อู๋คงชัตดาวน์ตัวเองไปแล้ว เขาคงไม่มีกะจิตกะใจจะฟังคำขอโทษจากใครอีกแล้ว

นายก้องเกียรตินั่งกอดหมอนอิงเงียบๆบนโซฟา พยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเพราะกลัวว่าระเบิดจะตกใส่ตัวเอง คุณหมูพีสะอึกสะอื้นอีกพักใหญ่จึงเดินเข้ามาที่โถงนั่งเล่น ตาเขาแดงก่ำและบวมช้ำจนน่ากลัว พอเราสบตากัน เขาก็จ้องผมเขม็งราวกับจะกล่าวโทษว่าต้นเหตุของสงครามคือนายก้องเกียรติที่นอนดูเน็ตฟลิกซ์ทั้งวัน และยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ

“พี่อย่าร้องไห้เลยครับ พี่อู๋โกรธง่ายหายเร็ว เขาคงเสียเซลฟ์ที่ทำงานออกมาได้ไม่ดีเฉยๆ ผมว่าพรุ่งนี้เขาก็ลืม เดี๋ยวพวกพี่ก็ดีกันเหมือนเดิม ทุกอย่างจะเหมือนเดิมครับ”

ผมพูดพร้อมกับแอบมองสีหน้าของเขา แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่รอยยิ้มปลอมๆเหมือนอย่างเคย ท่าทางคำปลอบของกอริลลาจิตป่วยคงช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นผมจึงต้องพูดตรงๆ ชี้ให้คุณหมูพีเห็นปัญหาก่อนที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะแย่ลงจนต้องเลิกรากันไป

“จริงๆ -- ผมมีเรื่องอยากบอกพี่มาซักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส” ผมเกริ่นนำ “เรื่องงานที่พี่หาให้พี่อู๋ ผมว่าช่วงนี้พี่อย่าเพิ่งกดดันพี่อู๋เลยดีกว่าครับ พี่อู๋ยังเครียดๆ ผมว่าน่าจะปล่อยให้เขาพักอีกหน่อย --”
“ก้องจบโรงเรียนอะไรเหรอ?”

คุณหมูพีเปลี่ยนเรื่อง เมื่อผมตอบว่าโรงเรียนรัฐบาลแถวบ้าน เขาก็เหยียดยิ้ม

“จบแค่มอหกแต่กล้าสอนคนจบปริญญาโทเหรอ เดี๋ยวนี้ชักจะอวดดีเกินไปแล้วนะ แค่มีพี่อู๋คอยให้ท้าย ไม่ได้แปลว่าจะก้าวร้าวกับใครก็ได้”

ผมรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยาม และไม่เข้าใจการแนะนำว่าอย่าเพิ่งกดดันพี่อู๋คือการก้าวร้าวตรงไหน หลังจากนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหมูพีแกล้งพูดลอยๆว่าไม่รู้ตัวเหรอว่าที่พี่อู๋ไม่ยอมออกไปทำงานก็เพราะใคร ที่เขาไม่คิดพัฒนาตัวเองก็เพราะใคร ที่พวกเขาต้องทะเลาะกันทุกวี่ทุกวันก็เพราะใคร

“เพราะก้องไง”

เขากล่าวโทษผม

“ตั้งแต่พี่อู๋เจอก้อง รู้ไหมชีวิตเขาตกต่ำแค่ไหน ลำพังไม่มีงานก็ลำบากแล้ว แทนที่จะได้ออกไปทำงานทำการตามปกติกลับต้องอยู่เฝ้าบ้าน จ่ายเงินดูแลเด็กที่ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยคำว่าจะฆ่าตัวตายๆ มันไม่ใช่เรื่องนะก้อง พี่อู๋ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ไม่ใช่มูลนิธิ ไม่ใช่โรงทาน ทำไมเขาต้องรับผิดชอบชีวิตก้องด้วย”

ผมทั้งโกรธทั้งเจ็บใจที่ไม่กล้าตอกหน้าคุณหมูพีตรงๆว่าเหตุผลที่พี่อู๋ไม่ทำงานไม่ใช่เพราะต้องดูแลนายก้องเกียรติหรอก แต่เพราะเขาเสียความมั่นใจต่างหาก ทั้งเรื่องของเอมและเรื่องที่มีแฟนประสาทแดกแบบเขานั่นแหละที่ทำให้พี่อู๋กลายเป็นแบบนี้

“พี่อู๋ไม่ได้เอ็นดูหรือสงสารอะไรหรอก มันก็ตอแหลไปเรื่อย” คุณหมูพีพูดต่อ “พี่อู๋แค่เลี้ยงมึงไว้เอาฟรีต่างหาก ก็เหมือนผูกปิ่นโต เลี้ยงไว้ให้กินดีอยู่ดีจนตายใจแล้วค่อยสั่งให้ตอบแทนด้วยการนอนโก้งโค้งนอนให้มันเอา xxx ยัดเข้าตูดมึงไง”

ผมขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าหมูพี

ไอ้เหี้ย ไอ้ทุเรศ ไอ้หน้าสัส
[/b]

ผมสบถด่าในใจ ไอ้หมูบ้ากล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันพี่อู๋ไม่เคยลวนลามผมเลย เราอยู่กันแบบพี่น้อง ดูแลเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน คนนอกอย่างมึงจะมาเข้าใจอะไร คนขี้หึงจนหน้ามืดและเป็นโรคจิตที่ดีแต่สร้างปัญหาแบบมึงมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงพี่อู๋ในแง่ร้าย

ไอ้ชาติหมา

“พูดตรงๆเลยนะ กูไม่สบายใจที่มึงอยู่ที่นี่”

ไอ้หมูพีมองหน้าผม สรรพนามที่เคยเรียกกันอย่างสุภาพหายไปแล้ว ก็ดี พูดมึงกูกันเลย ผมพร้อมจะระเบิดใส่เขาเหมือนกัน

“ต่อให้บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับแฟนกูก็เถอะ แต่สำหรับกู แค่รู้ว่าพี่อู๋เอาเด็กมานอนด้วยก็เจ็บใจมากพอแล้ว ยิ่งรู้ว่าเด็กคนนั้นทำให้ชีวิตเขาพังอีก คิดว่ากูแฮปปี้กับการสงเคราะห์เด็กจรจัดแบบมึงนักเหรอ? พอทีเถอะ เราไม่ต้องเสแสร้งใส่กันอีกแล้ว บอกตรงๆเลยว่ากูไม่ชอบมึง มึงทำชีวิตพี่อู๋พัง และกูอยากให้มึงย้ายออกไปตอนนี้ -- เดี๋ยวนี้”

ผมเถียงไม่ออกเพราะที่หมูพีพูดมาก็จริงเกือบทุกอย่าง ผมมันแค่กาฝากที่เกาะพี่อู๋กิน แต่สาเหตุที่พี่อู๋เลื่อนลอยไม่ทำงานนั้นไม่ใช่เพราะนายก้องเกียรติ แต่เพราะนายญี่ปุ่นเฮงซวยนั่นต่างหาก ไอ้หมอนั่นทำลายความมั่นใจของพี่อู๋จนเขาเครียด ไหนจะเรื่องของเอม และความประสาทแดกของหมูพีที่ชอบตบตีเขาอีก ทุกอย่างไม่ใช่เพราะผมคนเดียว สาเหตุไม่ได้มาจากกอริลลาก้องอย่างที่ใครๆคิด

“หน้าตามึงก็ดี ยังเด็กๆใสๆอยู่ กูหาคนผูกปิ่นโตคนใหม่ให้เอาไหม? จะหาให้รวยกว่าพี่อู๋ เอาให้มึงอยู่หรูนอนสบายกว่าตอนนี้เลยด้วย ดีหรือเปล่า?”

หมูพีถามในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ผูกปิ่นโตคืออะไร หมายความว่าเป็นเด็กเสี่ยทำนองนั้นเหรอ นี่มันชักจะเกินไปแล้ว ผมไม่ได้ขายตัวนะ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาตัวเข้าแลกกับพี่อู๋ด้วย เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายขออุปการะผมจากลุงชัย เขาเลี้ยงผมเหมือนเลี้ยงเอม เราไม่เคยมีเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนความคิดสกปรกของใครบางคน

“ผมไม่คิดเลยว่าคนจบปริญญาโทจะคิดต่ำๆยิ่งกว่าคุณโสแถวสนามหลวง”

ผมเชิดหน้ามองหมูพีโดยไม่เกรงกลัว ผมไม่มีอะไรจะเสียและอดทนกับความงี่เง่าของเขามามากพอแล้ว วันนี้ทุกอย่างต้องจบ หมูพีควรรู้ว่าผมก็เป็นคน ผมมีศักดิ์ศรี มีแม่คอยสั่งสอนเลี้ยงดูมาจนเป็นผู้เป็นคนอย่างทุกวันนี้ นายก้องเกียรติไม่ใช่ขยะที่เขาจะเหยียบย่ำด้วยคำพูดได้

“ตอนแรกผมสงสารพี่ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมความสัมพันธ์ของพวกพี่ถึงระหองระแหงเหมือนจะไปกันไม่รอด เพราะพี่แม่งไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับแฟนตัวเองเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่อู๋กำลังป่วยเพราะวันๆพี่สนใจแค่เรื่องของตัวเอง คิดแค่อยากครอบครองพี่อู๋ อยากให้เขาเป็นของตัวเองคนเดียว แต่เคยรู้บ้างไหมว่าเขารู้สึกยังไง พี่อู๋จะเป็นบ้าตายก็เพราะพี่นั่นแหละ เขาเครียดจนติดเหล้าติดเซ็กส์ก็เพราะใครล่ะ ไอ้หมูบ้า!”

นั่นคือประโยคยาวที่สุดที่ผมพอจะจำได้ หลังจากนั้นกอริลลาก้องก็อาละวาดด้วยการตะคอกใส่คุณหมูพีเหมือนคนเก็บกดมานาน พอกันที ผมอดทนมามากพอแล้ว พี่อู๋เจ็บตัวก็เพราะมัน เขาต้องเสียความมั่นใจ ต้องอับอายขายหน้าในวันนี้ก็เพราะมัน ทุกอย่างเป็นเพราะไอ้หมูเวรนี่ทั้งนั้นแต่กลับไม่รู้ตัว

เก็บความหวังดีที่มีแต่ทำร้ายพี่อู๋ไปเถอะ วันนี้ -- ผมจะสั่งสอนมัน

ผมจะบอกให้มันรู้ทุกเรื่อง และจะตอกย้ำด้วยว่ามันเป็นแฟนที่ส้นตีนแค่ไหน ขนาดพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพี่อู๋มันยังไม่เอะใจ คิดแค่ว่าดีแล้วที่ได้ออกไปเมาเหล้าเอากันทุกคืน ถ้ารักพี่อู๋แบบผิดๆก็อย่ารักเลยดีกว่า ปล่อยเขาไปเถอะ เขาสมควรเจอคนดีๆที่เข้าอกเข้าใจ ไม่ใช่ไอ้หมูบ้าที่ชอบใช้กำลังข่มขู่ทำร้ายตัวเองแบบนี้
 
ผมยังบอกเหตุผลให้หมูพีรู้อีกว่าที่พี่อู๋ไม่ยอมหางานทำเพราะเขาโดนไล่ออก เป็นการไล่ออกที่โคตรไม่ยุติธรรมและหักหน้าเขาด้วย พี่อู๋ไม่ได้โบนัสซักเดือน แถมยังโดนจ่ายค่าเสียหายบ้าบอจากการแปลผิดพลาดตั้งเกือบแสน ทั้งๆที่พี่อู๋เจอเรื่องหนักขนาดนี้แต่คนเป็นแฟนอย่างมันกลับไม่รู้อะไรเลย วันๆเอาแต่ชวนกันไปกินเหล้าเพราะชอบให้เขาเมาแล้วออดอ้อน ตอนพี่อู๋สร่างก็ไม่คิดจะดูแลถามไถ่ความเป็นไปของเขาเลย คิดว่าอาหารดีๆพวกนั้นช่วยพี่อู๋ได้เหรอ คิดว่าเหล้าและเซ็กส์ทำให้พี่อู๋มีความสุขจริงเหรอ พิจารณาเอาเองก็แล้วกันว่าคุณเป็นแฟนประเภทไหนที่พี่อู๋ไม่อยากแชร์เรื่องราวทุกอย่างให้รู้ คุณมีค่าแค่ตอนเขาเมาเท่านั้นแหละ เขาแค่อยากเอาคุณ เขาไม่ได้รักคุณแล้ว ได้ยินไหม พี่อู๋หมดรักคุณไปตั้งนานแล้ว ไม่มีใครทนแฟนประสาทแดกที่ชอบใช้กำลังแบบคุณได้หรอก คุณมัน --

เพล้ง!

เสียงจานแตก หลังจากนั้นคุณหมูพีกระโดดพุ่งเข้าใส่ผมเหมือนหมาบ้า




Part 3 ต่อข้างล่างเลยค่า  :hao5:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
11
PART 3/3


ช่วงเวลานั้นชุลมุนจนเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ ผมรู้แค่ว่าโดนคุณหมูพีผลักลงบนพื้นแล้วตบหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย เขากรีดร้องเหมือนสัตว์ป่าคุ้มคลั่งพร้อมกับตะโกนใส่หน้ากอริลลาก้องว่า มึงตาย! มึงตาย! เหมือนคนเสียสติ ผมทั้งตกใจทั้งเสียขวัญจนทำอะไรไม่ถูกนอกจากพยายามยกแขนป้องกันหน้าตัวเองและเผลอต่อยเขากลับไปหนึ่งหมัดจนหมูพีหงายหลัง

พอเราแยกกันได้ซักพักก็พุ่งใส่กันอีก ข้าวของบนโต๊ะร่วงแตกเป็นเศษเล็กๆเต็มไปหมด พจนานุกรมเล่มหนาเป็นนิ้วถูกปาใส่หัวผม น่าเสียดายที่ผมไม่ใช่พี่อู๋ ผมไม่เคยรับมือกับอาการนรกแตกแบบนี้มาก่อน ดังนั้นผมจึงเป็นฝ่ายโดนทำร้ายมากกว่าลงมือ ผมโดนคุณหมูพีวิ่งกวดจนสะดุดขาตัวเองล้ม เขาฉวยหยิบเศษจานชิ้นใหญ่ที่แตกเกลื่อนพื้นขึ้นมาแล้วทิ่มผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

“โอ๊ย!!!!!!!!!!!”

ผมกรีดร้อง

“พี่อู๋!! -- ” ผมตะโกนหาผู้ปกครอง “พี่อู๋ช่วยผมด้วย!!!”

เหมือนความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมเมื่อเศษจานเฉียดผ่านคอไปมาอยู่หลายหน แต่ที่โดนหนักหน่อยน่าจะเป็นแขนเพราะผมยกขึ้นมาป้องกันตัว คุณหมูพีที่กำลังคุ้มคลั่งฝากรอยบาดจนเลือดซิบไว้บนร่างกายของกอริลลาก้องหลายจุด หลังจากพยายามปาดคอผมอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ได้โอกาสกดเศษจานลงบนลูกกระเดือกแต่ดันพลาดไปโดนปลายคางเพราะผมรีบหดคอลงตามสัญชาติญาณ

“มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!!!!!!!”

ทันทีที่เสียงของพี่อู๋ดังขึ้น คุณหมูพีก็ถูกผลักกระเด็นจนชนขอบโต๊ะ ส่วนกอริลลาก้องถูกพยุงขึ้นโดยผู้ปกครอง พี่อู๋มองสำรวจตามจุดต่างๆของผม พอเห็นเลือดไหลซึมทั้งแขนทั้งคางทั้งหางคิ้วเขาก็อาละวาดหนักกว่าที่คุณหมูพีเคยทำเสียอีก

“เป็นบ้าอะไรอีกวะ?!!! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับก้อง!! อย่ายุ่งกับก้อง!!!”

พี่อู๋ตะคอกถาม เขาเอาตัวบังผมไว้ราวกับจะปกป้องแต่มันสายไปแล้ว ผมเจ็บไปทั้งตัว เลือดซึมออกมาเรื่อยๆจนเริ่มไหลถึงปลายนิ้ว ผมว่าสงครามโลกครั้งที่สามของจริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว คุณหมูพีค่อยๆลุกขึ้นยืน เขามองมาที่ผมกับพี่อู๋ด้วยแววตาอาฆาตแค้นก่อนจะเริ่มสาดความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงราบนิ่งต่างจากปกติ มันเป็นบทสนทนาที่ไม่มีการตัดพ้อหรือโวยวาย แต่แค่พูดกันตรงๆด้วยเหตุผลและชัดเจนเหมือนพวกผู้ใหญ่คุยกัน

“ที่ไอ้เด็กนั่นบอกว่าพี่โดนไล่ออก -- เรื่องจริงเหรอ?”

ผู้ปกครองของผมพยักหน้ารับ เมื่อหมูพีถามต่อถามว่าที่ไม่อยากหางานก็เพราะรับไม่ได้ที่ตัวเองพลาดใช่ไหม พี่อู๋ก็พยักหน้ารับอีก คราวนี้คุณหมูพีน้ำตาไหล เขาร้องไห้เงียบๆแต่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด แววตาที่เขามองมาทางพี่อู๋นั้นแฝงไปด้วยความรักและความรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน ผมเห็นคุณหมูพียืนใจสลายอยู่ตรงข้าม เขาคงเจ็บปวดมากเมื่อรู้ว่าความรักความปรารถนาดีของเขาทำร้ายพี่อู๋มาโดยตลอด

“ทำไมพี่ไม่บอกเรา”
“พี่ไม่อยากพูดถึง”
“พี่ไม่เห็นต้องอายเลย ก็แค่ตกงานหรือเปล่าวะ ใครๆก็โดนไล่ออกได้ทั้งนั้น”
“ความภูมิใจของเราไม่เหมือนกันนะพี”

ผู้ปกครองของผมตอบเรียบๆ เขาไม่อธิบายเพิ่มว่าทำไมนอกจากยืนจ้องหน้าแฟนหนุ่มนานหลายวินาที คุณหมูพียังคงร้องไห้จนผมรู้สึกสงสาร แต่ความสงสารนั้นไม่ช่วยให้ผมหายเกลียดเขาเพราะผมแยกความรู้สึกระหว่างสองสิ่งนี้ได้

“อีกแค่สามเดือนก็ครบรอบสิบปีของเราแล้ว”
“พี่รู้”
“แล้วพี่รู้ไหมว่าเรารักพี่มากจนให้ทุกอย่างได้”
“พี่รู้”

พี่อู๋ตอบ ริมฝีปากของคุณหมูพีสั่นจนพูดเป็นคำๆไม่ได้ เขาเริ่มพึมพำเกี่ยวกับความทรงจำแสนหวานของพวกเขาตลอดสิบปีก่อนจะถามพี่อู๋ว่าสรุปที่ผ่านมา พี่คบกับเขาเพราะเซ็กส์ใช่ไหม ผู้ปกครองของผมส่ายหน้าทันที เขาตอบว่าเซ็กส์ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้เขาอดทนคบกับคุณหมูพี แต่เป็นเพราะความสงสารต่างหาก

พี่อู๋แค่สงสารคุณหมูพีจนตัดใจทิ้งไม่ลง คนที่เจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจแบบเขาคงไม่มีใครรับมือได้ ดังนั้นพี่อู๋ก็เลยอดทนมาหลายปี เขาทน จนถึงจุดที่ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว

คำตอบของพี่อู๋ทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม ไม่ต้องเดาเลยว่าต่อไปเกิดอะไรขึ้น คุณหมูพียังคงร้องไห้แต่ไม่อาละวาด ผมรู้สึกว่าทุกอย่างดูแปลกไป พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรงเหมือนเช่นทุกทีจนผมนึกสงสัย ในเมื่อเคลียร์กันดีๆก็ได้นี่นา แล้วที่ผ่านมาพวกเขาทำร้ายร่างกายกันไปทำไม

“รู้ไหม? พี่ทำให้เรารู้สึกว่าสิบปีของเราสองคนไม่มีความหมายเลย” คุณหมูพีตัดพ้อ “ทั้งๆที่เราทำเพื่อพี่ทุกอย่าง เราอยู่กับพี่ตลอดเวลา ตอนพี่เกือบติดเอฟเราก็หาติวเตอร์มาติวให้ ตอนพี่ขับมอเตอร์ไซต์ชนฟุตปาธ เราก็นอนเฝ้าพี่เป็นอาทิตย์ เราผ่านเรื่องดีและร้ายด้วยกันมาตั้งเยอะ แต่ทำไมพี่ถึง -- ทำไม --”
“พี่ขอโทษ”

แค่นั้นก็ชัดเจนสำหรับพวกเขาสองคนแล้ว พี่อู๋มองหน้าคุณหมูพีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันมาหากอริลลาก้องที่ยืนน้ำตาคลอด้านหลัง ไม่ใช่เพราะเศร้ากับคำพูดของคุณหมูพี แต่เป็นเพราะเริ่มเจ็บแผลต่างหาก พอเห็นแบบนั้นเขาก็กระซิบบอกว่าเดี๋ยวไปหาหมอกันนะ แต่ยังไม่ทันได้ตอบตกลง คุณหมูพีก็ระบายความในใจและถามคำถามสุดท้าย

“เรารู้ว่าตัวเองไม่ปกติ เรารู้ว่าเราชอบใช้อารมณ์ ถ้าการเลิกกันครั้งนี้เป็นเพราะพี่เบื่อที่เราคุมตัวเองไม่ได้ เบื่อที่ต้องเจ็บตัวเพราะเราทำร้ายพี่ เราจะไม่โกรธเลยเพราะเราผิดเองที่เป็นบ้า แต่พี่ช่วยตอบตรงๆอย่างนึงได้ไหม?”
“ได้สิ” พี่อู๋ขานรับ
“พี่ไม่ได้มีคนใหม่ใช่ไหม?”
“ไม่มี ตลอดสิบปีที่ผ่านมา พีคือแฟนคนเดียวของพี่”
“ไม่ใช่ เราหมายถึงคนที่พี่ชอบ” คุณหมูพีน้ำตาไหลอีกครั้ง “พี่ไม่ได้กำลังชอบคนอื่นที่ไม่ใช่เราใช่ไหม?”

น้ำเสียงของคุณพีรพัฒน์นิ่งจนผมเริ่มหวั่นใจ เขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนสึนามิที่จู่ๆน้ำทะเลก็ลดอย่างรวดเร็วก่อนจะตามมาด้วยคลื่นลูกใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ผมมองเห็นในตอนนี้ ความใจเย็นและสงบนิ่งของคุณหมูพีน่ากลัวว่าตอนเขาอาละวาดเสียอีก แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือคำตอบของพี่อู๋ มันอาจชี้เป็นชี้ตายของเหตุการณ์หลังจากนี้ได้เลย

“พี่ขอโทษ”
“สรุปก็คือ -- เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆใช่ไหม?”

พวกเขาคุยกันเป็นนัยแฝง สายตาของคุณพีรพัฒน์เหลือบมองผมก่อนจะเบนกลับไปที่พี่อู๋อีกครั้งด้วยความคาดหวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่กังวล

“ใช่”

พี่อู๋ยอมรับตรงๆ แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาหมายถึงเรื่องอะไร

“พี่ขอโทษที่ไม่กล้าบอกตรงๆเพราะกลัวพีเสียใจจนฆ่าตัวตาย พี่ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องตายอีกแล้ว พีเข้าใจพี่ใช่ไหม?”

แต่คุณหมูพีส่ายหน้า ผมเริ่มกลัวนิดหน่อย

อย่าเชียวนะ --

ผมคิดในใจ

อย่าทำแบบนั้นต่อหน้าเด็กอายุสิบเจ็ดอย่างผมเลยนะ

“พี่จะพูดคำนั้นหรือจะให้เราพูด?”

คุณหมูพีถาม พี่อู๋นิ่งไปพักใหญ่ แววตาของเขาก็เศร้าไม่แพ้กัน แต่เขายังมีความกล้ามากพอที่จะบอกสิ่งตัวเองต้องการ

และเป็นสิ่งที่คุณหมูพีไม่อยากได้ยินมากที่สุด

“พี -- เราเลิกกันเถอะ”

พี่อู๋บอก หลังจากนั้นก็ตามด้วยคำอธิบายสั้นๆว่าถ้าฝืนคบกันต่อไปมีแต่จะทรมานด้วยกันทั้งคู่ พี่หมดรักหมูพีมาซักระยะและเริ่มทนไม่ไหวที่ต้องเจ็บตัวซ้ำๆเวลาทะเลาะกัน พีเองก็เบื่อที่ต้องระแวงว่าพี่จะมีคนใหม่ เพราะฉะนั้นจากกันด้วยดีเถอะ หลังจากนี้พีจะยังเป็นน้องชายของพี่เสมอ ขอบคุณสำหรับสิบปีที่ผ่านมา พี่มีความสุขมากที่มีพีอยู่ด้วยในช่วงวัยรุ่น ขอบคุณนะ ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ

คุณหมูพีร้องไห้เงียบๆ ไม่โวยวายหรือขว้างปาสิ่งของใส่พี่อู๋ เขามองมาทางพวกเราด้วยแววตาเจ็บปวดจนเหมือนคนพร้อมจะขาดใจตายทุกเมื่อ ใบหน้าของคุณหมูพีแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากไม่ยอมหยุดตั้งแต่พี่อู๋พูดประโยคนั้นออกมา หลังจากที่ห้องตกอยู่ในความอึดอัดเกือบๆนาที ในที่สุดคุณหมูพีก็ได้สติและเริ่มบอกลา

“เราก็อยากขอบคุณพี่สำหรับทุกอย่างเหมือนกัน รู้เอาไว้นะว่าเรารักพี่มาก หมูพีจะรักพี่อู๋คนเดียว และรักตลอดไป”

ผมใจไม่ดีแล้ว

“แต่จะให้กลับไปเป็นน้องชายเราคงทำไม่ได้” เขากำเศษจานในมือแน่น ผมกับพี่อู๋เริ่มรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น “เราทนมองพี่รักคนอื่นไม่ได้”
“พี -- อย่าทำแบบนั้นเลย พี่ขอร้อง”

พี่อู๋อ้อนวอนแต่สายไปแล้ว คุณหมูพีบอกรักพี่อู๋ครั้งสุดท้ายแล้วกระหน่ำกรีดข้อมือตัวเองซ้ำๆจนเลือดสาดเต็มพื้น ผู้ปกครองของผมทิ้งผมไว้ข้างหลังเพื่อรีบไปหาแฟน เขาแย่งเอาเศษจานออกจากมือคุณหมูพีก่อนจะดึงมากอดแน่นเพื่อปลอบให้สงบลง

“พอเถอะนะพี อย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำแบบนี้กับพี่เลย”

พี่อู๋อ้อนวอนขอร้องด้วยน้ำเสียงจะเป็นจะตายยิ่งกว่าคืนที่เราทะเลาะกันเสียอีก ผมรู้สึกได้ถึงความใส่ใจที่ไม่เท่ากัน พี่อู๋ให้คุณหมูพีมากกว่านายก้องเกียรติหลายเท่า นั้นคือสิ่งที่ผมเพิ่งรู้

“มาเถอะ พี่จะพาไปโรงพยาบาล อดทนไว้นะ พี่ขอโทษจริงๆ ขอโทษที่ทำให้พีเสียใจ”

แล้วพี่อู๋ก็จูบหน้าผากคุณหมูพี การกระทำทั้งหมดของเขาอยู่ในสายตาของกอริลลาที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดไม่ต่างกัน ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่มีวันเลิกกันได้หรอก ตราบใดที่คุณหมูพีทำแบบนี้ และพี่อู๋ใจอ่อนกับการฆ่าตัวตายแบบนี้ พวกเขาคงต้องอยู่เป็นคู่เวรคู่กรรมไปจนวันตายนั่นแหละ

พี่อู๋แบกคุณหมูพีขึ้นหลังแล้วรีบออกจากห้องไป ทิ้งกอริลลาก้องที่กำลังบาดเจ็บไว้เบื้องหลังโดยไม่แม้แต่จะหันหลับมามอง ผมจ้องบานประตูที่เปิดทิ้งไว้ก่อนจะเดินไปปิด ห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เหลือเพียงผมยืนอยู่คนเดียวกลางห้องที่ท่วมไปด้วยเลือดของคุณพีรพัฒน์และเลือดตัวเอง ผมยกแขนขึ้นมาดูเพราะอยากรู้ว่ามันแย่ขนาดไหน มีแค่รอยบาดเล็กๆน้อยๆ เหวอะบ้าง ถากบ้าง ไม่ได้โดนกรีดลึกถึงกระดูกเหมือนใครอีกคนจนต้องไปโรงพยาบาล

ช่างมันเถอะ -- ไม่เป็นไรหรอก
แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก

ผมเข้าใจว่าคนที่เจ็บหนักกว่าย่อมได้รับความสนใจมากกว่าเป็นธรรมดา แต่ไหนๆก็จะไปโรงพยาบาลแล้ว ทำไมไม่พาผมไปด้วย ทำไมไม่หันมาบอกผมให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ทำไมไม่ถามว่าเจ็บไหม ไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้าแสดงออกว่าเป็นห่วงผมมากกว่าคุณหมูพีตั้งเยอะ แต่พออีกฝ่ายเอาแก้วกรีดแขนตัวเอง พี่อู๋ก็ทิ้งผมแล้วไปกับแฟนหน้าตาเฉย ไม่สนใจเลยว่ากอริลลาก้องเจ็บไหม ไหวหรือเปล่า เลือดหยุดไหลหรือยัง ไม่แม้กระทั่งชายตามองเลย

นายก้องเกียรติที่ตัวเปรอะเลือดมองเงาตัวเองในกระจก เลือดเริ่มแห้งกรังแล้ว แต่ที่ยังเปียกอยู่คือแก้มของผมเอง มันเป็นน้ำตาที่เกิดจากความน้อยใจ แต่ซักพักก็สำเหนียกได้ว่าผมมันกาฝาก เป็นเด็กเหลือขอที่เขาเก็บมาเลี้ยงดู จะหวังให้เขามารักมาสนใจมากกว่าแฟนคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นผมจึงเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบแบงค์ห้าร้อยที่ลุงชัยให้ไว้ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วกดลิฟต์ไปชั้นล่างเพื่อซื้อเบตาดีนกับปลาสเตอร์ยาที่เซเว่นหน้าปากซอย

ทุกย่างก้าวที่มุ่งหน้าไปร้านสะดวกซื้อบีบคั้นเอาน้ำตาจากกอริลลาก้อง ผมร้องหนักขึ้นเรื่อยๆจนต้องหยุดนั่งบนบันไดหน้าธนาคารกสิกรเพื่อระบายเต็มที่ เมื่อน้ำตาเริ่มเหือดแห้งถึงเดินเข้าเซเว่นเพื่อซื้ออุปกรณ์ทำแผล ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ ผมรำพึง ในเมื่อไม่มีแม่ ไม่มีเพื่อนบ้านคอยช่วยเหลือแล้วก็ต้องดูแลตัวเองต่อไปจนกว่าจะตาย

เมื่อซื้อของเสร็จก็เดินกลับห้อง ลุงยามถามด้วยสีหน้าตื่นตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น โดนใครทำอะไรมา ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไปโรงพยาบาลดีไหม เผื่อติดเชื้อบาดทะยัก เผื่อต้องเย็บคิ้วด้วยนะ มาสิ ลุงจะออกไปโบกแท็กซี่ให้

“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่เป็นไรจริงๆ”

ผมตอบด้วยความซาบซึ้งแล้วขอตัวกลับขึ้นห้อง ทันทีที่อยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง ผมก็สะอื้นออกมาเสียงดังเหมือนคนบ้าพร้อมกับท่องในใจซ้ำๆ

อยู่ให้ได้นะก้องเกียรติ ต้องอยู่คนเดียวให้ได้
เพราะหลังจากนี้ -- จะไม่มีใครอยู่กับแกอีกแล้ว





TBC
----------------------------------------------

#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้


มาแล้วค่า ช้ากว่าปกติหลายวัน แต่มาสามพาร์ทเลยนะคะ โปรดให้อภัยหนูด้วย หนูติดเกม บางทีอยากเขียนแต่ก็อยากเล่นเกมมากกว่า แง คราวหน้าจะมีวินัยให้มากกว่านี้นะคะ TT

ที่สำคัญเลย ขอบคุณสำหรับฟี้ดแบคน่ารักๆทั้งคอมเม้นต์และแท็กในทวิตเตอร์นะคะ นี่คือครั้งแรกที่มีคนอ่านและให้ฟี้ดแบคเยอะมากกก มากจนเราไม่กล้าฝันถึงว่าจะเยอะขนาดนี้เลยค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่รักและเอ็นดูน้องก้อง ขอบคุณที่บอกต่อและเป็นกำลังใจให้นักเขียนเด๋อๆอย่างเรา อยากบอกว่ารู้สึกซาบซึ้งมากๆค่ะ อาจจะเวิ่นยาวไปหน่อย แต่อยากขอบคุณจริงๆค่ะที่ช่วยให้เรามีความสุขในสิ่งที่ทำ หวังว่าจะอยู่ด้วยกันจนสุดทางเลยนะคะ <3

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
พี่อู๋คะแนนติดลบ -1,000,000,000,000,0000,000,000,000,000
เราว่าน้องก้องไม่ได้เรียกร้องอะไรเยอะเลยนะ ขนาดแค่เรื่องไปโรงบาลเนี้ย น้องก็ไม่ได้อยากให้พี่อู๋มาอุ้มมาประคองอะไร ขอแค่เอ่ยปากชวนขึ้นรถสักคำแค่นี้อะ
ไม่รู้หรอกว่าพี่อู๋ป่วยหรือเป็นอะไร อาการหนักถึงขั้นไหนแล้ว แต่สิ่งที่พี่อู๋ทำอยู่เนี้ยเฮงซวยในสายตาเรามาก (ขออภัยถ้าหยาบไป)
ความดีมีอยู่ก็จริง แต่เราไม่อยากให้อภัยละ เอาน้องมา เราจะเลี้ยงเอง  :fire:
ไม่ไปหาหมอไม่ว่านะ แต่เคลียร์แฟนตัวเองไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกละ
อ่านๆตอนท้ายเหมือนน้องจะเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ (ด้วยตัวเอง) เพราะงั้นพี่อู๋ก็เตรียมใจหมดความสำคัญนะ
โมโห! โมโห!

รอตอนต่อไปนะฮับ  :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่อู๋คนดี กลายเป็นคนน่าเกลียดไปซะแล้ว   :hao4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
เกลียดพี่อู๋จุน 1 ตอน ตอนหน้าค่อยพิจารณาใหม่ น้ำตาคลอ สงสารน้องก้อง

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เป็นเรื่องที้ผ่านไปแล้ว 12 ตอนพระเอกยังไม่ออกมาเลย แน่ๆเลยอ่า 5555555555555

ดีแตกมากๆนังพี่อู๋
แต่เราก็โกรธได้ไม่สุดอะ คือถ้าไม่มีสตาบัคพี่อู๋วันนั้น ก็ไม่มีกอริลล่าก้องวันนี้

ปวดหัว :hao5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารที่พี่อู๋ป่วยนะ แต่พอหมูพีทำแบบนี้ก็วนลูป คู่เวรคู่กรรมจริงๆ อ่ะ ก็คบกันไปเหอะ ปล่อยกอริลล่าก้องออกมา ให้อยู่เป็นส่วนเกินทุกวันนี้ก็อึดอัดแล้วอ่ะ มาทำให้น้องรู้สึกแย่กว่าเดิมทำไมวะพี่อู๋ โกรธจนร้องไห้ อยากเอาน้องมาเลี้ยงเอง มายื้อเขาไม่ให้ตายแล้วก็ทำกับเขาแบบนี้อ่ะ เหมือนตายทั้งเป็น โดดเดี่ยวกว่าตอนที่ไม่มีใครอีก ถ้าจะจบแบบไม่มีพระเอกหรือมีคนอื่นเข้ามาเราก็ยินดีค่ะ เหนื่อยกับคู่เวรคู่กรรมนี่เหลือเกิน อยากให้น้องก้องได้มีชีวิตแบบที่เด็กสิบเจ็ดควรมีสักทีิ :katai2-1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ค้นพบบุคคลที่ถูกลืมสนิท 1 อัตรา *ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ก้อง* พอไอ้พี่อู๋กลับเข้ามา อีกวันโน้นเลยละมั้งถึงจะโพล่หัวมาเพราะเฝ้าดูอาการแฟนรัก พอกลับมาอีกทีค่อยคิดได้ ถถถถ พ่อคู๊ณณณณณณณณ จงรู้สึกผิดไปซะนั่นละ //ฮึบไว้ก้อง ฮึบไว้ ความที่เขาเข้ามาทำให้กลายเป็นความเคยชินเกิดความอยากจะมีตลอดไป ช่างน่าหลีกเลี่ยงนัก *นั่งทำแผลให้ก้อง** สงสาร แง๊~~~~ถ้าเป็นเราจะปลอบก้องยังไงดีวะ ก็คงจะประมาณ "ก็ถ้ามึงอยากตายอยู่ ก็ต้องดีขึ้นทำตามหมอบอก เพื่อที่จะได้ทำงานเก็บเงินไว้เป็นค่าทำศพมึงไง จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น และอีกอย่างเกิดมาทั้งที ก่อนตาย อะไรที่ยังไม่ทำอยากทำแต่ต้องไม่เป็นภัยสังคมนะ มึงน่าจะลอง เผื่อเจอสิ่งดีๆใหม่ๆถึงตอนนั้นอาจไม่อยากตายแล้วก็ได้ ตายหนะมันตายง่าย อยู่คือความท้าทายดี" ปลอบคนไม่เป็นวะ ถ้าพูดไม่เป็นคือนั่งทำแผลให้ก้องไปเงียบๆดีกว่าม่ะ 555555 จะอยากตายเร็วขึ้นหรือว่าจะดีขึ้นวะ อินในจนนอกเรื่อง 5555 //ไปๆก้องไปพัก ทำใจ ปล่อยวางเรื่องของพี่มันอย่างที่หมอบอกเถอะ //มาต่อทียาวดีค่ะ ชอบมากๆสนุกเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคืออยากบอกให้ทุกคนตอนนี้ควรไปพบหมอด่วนมากถึงมากที่สุด ไม่มีใครปกติสักคน //ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไปเล้ยยย จะเกิดไรอีกขึ้นบ้าง //ทิ้งความชอบไปคว้าเอาความสงสาร วนลูปจร้าไอ้พี่อู๋ ก้องทำให้เห็นชัดๆหน่อยดิ จะเอาแบบนั้นใช่ป่ะ ได้เลยๆ ความชอบหนีไป เดี๋ยวจะรู้สึก หึ! ความชอบโดยที่เจ้าตัวของความชอบก็ไม่รู้ตัว คึคึ!! บันเทิงงงงงงจริงว้อยยย 55555

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
อยากอ่านต่ออออออ
ทำไมเพิ่งมาเจอ
คือเป็นเรื่องที่ดีมากกกกกกก
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เหมือนเอาคนป่วย 3 คนมารวมกัน โอ๊ยยย

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ้ยยย เครียดดด 3 คนนี้ต้องจับแยกกัรอยู่แล้ว ก้องที่ตอนแรกเหมือนจะอาการแย่สุดแต่พอมาถึงตรงนี้ พี่อู๋กับหมีพูนี่แหละอาการหนักสุด
เราเริ่มเข้าใจความเครียดสะสมและไม่รู้ว่าตัวเองจิตป่วยของพี่อู๋แล้ว และคิดว่านังหมีพูคือส่วนหนึ่งของความเครียดด้วย คบกับมาเป็น 10 ปีแต่เหมือนไม่รู้จักแฟนตัวเองเลยสักนิด แต่ก็ยังว่าแหละ หมีพูก็ไม่ปกติเหมือนกัน
ขืน 3 คนนี้ยังอยู่ด้วยกันนะ อาการคงมีแต่แย่ลง เหตุการณ์ทุกอย่างไม่มีวันดีขึ้น
เป็นเรื่องที่เดาเหตุการณ์ต่อไปไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าอะไรที่จะช่วยเยียวยาคนป่วย 3 คนที่ต้องอยู่ด้วยกัน  :o12:

ไรท์เขียนดีมากเลย ดูเรียล เราชอบสไตล์การเขียนจัง มีผลงานเรื่องอื่นๆอีกมั้ยคะจะตามไปอ่านเพิ่มค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2018 06:32:40 โดย rockiidixon666 »

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
คืออ่านถึงตรงนี้เราเริ่มงงแล้วว่าอิพี่อู๋คนแรกมาจากไหน คือถ้ายึดตามอิพี่ตอนแรกอ่ะ เขาไม่มีทางทิ้งก้องที่บาดเจ็บได้หรอก คือพื้นฐานพี่เขาเป็นคนดี ไม่งั้นจะอดทนมานั่งดูก้องทุกวันทั้งๆที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของตัวเองได้ยังไง ส่วนตอนนี้ไม่ใช่เหมือนเจอด้านใหม่ๆอ่ะ มันกลายเป็นพี่อู๋คนใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก
แต่เราจะอนุมานว่าเขาป่วยเพิ่มหลังจากเจอเรื่องห่าเหวก็เลยลืมความเป็นตัวเองไปแล้วกันนะคะ.....

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด