10
นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงสี่นาที
คืนนี้ผมหลับสนิทมากกว่าเดิมเพราะไม่ต้องกังวลว่าพี่อู๋จะกลับมาเมื่อไหร่ จริงๆผมน่าจะหลับได้นานกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าไม่รู้สึกเหมือนมีขนหมาแปะเต็มหน้าก็เลยต้องฝืนลืมตา
โห -- ไอ้พี่อู๋ --
เดี๋ยวนี้เขาอัปเลเวลการนอนดิ้นถึงขั้นย้ายมาหนุนหมอนใบเดียวกับผมแล้ว กอริลลาก้องที่กำลังงัวเงียได้แต่ถอนหายใจ จะผลักหัวเขาออกไปก็เกรงว่าไม่เหมาะเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงนอนนิ่งๆซักพักแล้วลุกไปทำกับข้าวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอยากทำอะไรให้พี่อู๋ทาน
เมนูวันนี้คือข้าวต้มฉบับก้องเกียรติ มันคือข้าวสวยธรรมดากับแกงจืดกระดูกหมู เวลากินก็แค่ตักน้ำซุปราดข้าว กินคู่กับเครื่องเคียงซึ่งก็ไข่เจียวแห้งๆแบนๆเพราะทอดกับกระทะเทฟล่อน ผมไม่รู้ว่าพี่อู๋ชอบเมนูบ้านๆแบบนี้หรือเปล่า แต่ใครจะสน วันนี้คุณหมูพีคงไม่กล้าโผล่หน้ามาที่นี่หรอก เขาทำพี่อู๋เจ็บขนาดนั้น ถ้ายังกล้ามาอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
นาฬิกาบอกเวลาว่าแปดโมงยี่สิบนาที
คุณอุรัสยาเดินผมชี้โด่เด่ออกมาจากห้องด้วยท่าทางอึนๆ ผมถามเขาว่าจะกินข้าวต้มเลยไหม พี่อู๋ส่ายหน้าแล้วเดินไปหยิบกระปุกยาแก้ปวดหลังตู้เย็น ผมไม่รู้ว่าเขาหยิบกี่เม็ดเพราะเสียงเคาะกระปุกดังตั้งหลายครั้ง
“ปวดแผลเหรอครับ?” ผมถาม พี่อู๋ส่ายหน้าเป็นหนที่สอง เขาถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา
“ปวดหัว” เขาบอก “วันนี้ตอนเย็นก้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่ขับรถไม่ไหว”
ผมรีบตอบว่าได้เลยครับ ไม่มีปัญหา พี่จะไปกี่โมงก็บอกนะ เดี๋ยวผมออกไปเรียกแท็กซี่ให้ พี่อู๋ยิ้มแทนคำขอบใจ เขานอนหลับตาบนโซฟาอีกพักใหญ่ก่อนจะรีบดีดตัวขึ้นนั่งเมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมง
“กินข้าวกันเถอะ ก้องคงหิวแย่”
ตอนนี้มือเขาเจ็บคงหยิบจับอะไรไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ผมจึงตักข้าวราดน้ำซุปใส่ถ้วยแล้วหั่นไข่เจียวเป็นชิ้นเล็กๆให้พี่อู๋ ผมถามพี่อู๋ว่าอยากกินกระดูกหมูไหมครับ พอได้คำตอบเป็นการพยักหน้า ผมก็แกะเนื้อออกจากกระดูกให้เขาถึงจะเริ่มกินข้าวในชามของตัวเอง
“เป็นข้าวต้มที่แปลกดี แต่อร่อยนะ”
“ผมคิดว่าพี่จะไม่ชอบเสียอีก”
“ใครบอกว่าพี่ไม่ชอบ ก้องทำอะไรพี่ก็ชอบทั้งนั้นแหละ”
เหมือนเป็นคำพูดแดกดันประชดประชันคนที่ไม่ได้อยู่ในห้อง ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็เลยนั่งกินเงียบๆ หลังจากนั้นงานบ้านประจำวันก็เริ่มต้นขึ้น วันนี้คือวันซักผ้า ผมต้องซักตั้งสองรอบ รอบแรกผ้าขาว รอบที่สองผ้าสี ผมหยิบเสื้อลงเครื่องซักผ้าทีละตัวๆก่อนจะใส่ผงซักฟอกหนึ่งช้อนพูน ตามด้วยดาวน์นี่อีกครึ่งถุง เทใส่ช่องน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบไม่ยั้งตามคำสั่งคุณอุรัสยา
ครั้งแรกที่พี่อู๋สอนใช้เครื่องซักผ้า ผมเคยคิดว่ามันสิ้นเปลืองเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้าเขาชอบผ้าหอมๆและไม่มีปัญหากับการจ่ายเงินซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มผมก็ไม่ขัดศรัทธา และผมจะซักให้หอมติดทนนานยิ่งว่าที่ชมพู่ อารยา โฆษณาเลยด้วย
ระหว่างรอเครื่องซักผ้าทำงาน ผมก็ย้ายก้นตัวเองไปนั่งบนโซฟาข้างพี่อู๋ วันนี้เขาดูแฮร์รี่ พอตเตอร์อีกตามเคย ผมถามพี่อู๋ว่าชอบพ่อมดน้อยโอมเพี้ยงคนนี้มากเลยเหรอ เขาตอบแค่ว่าแฮร์รี่เป็นหนังที่ดูแล้วมีความสุขที่สุด พอถามต่อว่าทำไม เขาก็ชี้นิ้วไปที่ทีวีซึ่งเป็นฉากตอนที่แม่มดผู้หญิงสวยๆคนหนึ่งสวมชุดเต้นรำสีชมพูเดินลงมาจากบันได
“เพราะมีเอ็มมา วัตสัน”
เหตุผลหลักๆของเขาก็ประมาณนี้แหละ
แต่ถึงจะต้องดูแฮร์รี่เป็นรอบที่สาม ผมก็ไม่เคยเบื่อการนั่งดูหนังบนโซฟากับพี่อู๋เลย การใช้เวลาอยู่กับเขาเหมือนทะเลช่วงไม่มีคลื่นลม เราอยู่กันอย่างสงบสุขบนโซฟานุ่มๆ ไม่มีการพูดเรื่องเครียดๆ แถมยังได้นั่งตากแอร์เย็นเจี๊ยบตั้งแต่สิบโมงจนถึงเย็นอีก ต่อให้สามัญสำนึกย้ำเตือนให้เกรงใจคุณอุรัสยาขนาดไหน แต่ถ้าโดนสปอยล์จนเคยตัวแบบผม บอกเลยว่าจอดทุกราย กลายเป็นคนขี้เกียจเหมือนเจ้าของห้องแน่นอน
ผมคิดว่าเราน่าจะได้อยู่อย่างสงบซักพักใหญ่ๆ แต่พอสิบเอ็ดโมงกว่า เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น กอริลลาก้องที่กำลังตากผ้าตรงระเบียงรีบวิ่งไปที่ประตูแต่ก็โดนพี่อู๋ชี้หน้าเป็นเชิงสั่งกลายๆว่าห้ามเปิด ผมมองหน้าเขาสลับกับบานประตูอยู่สองสามครั้งก่อนจะย่องกลับไปตากผ้าตามเดิม สองมือสะบัดผ้าเสียงดังฟุบฟับ หูก็ฟังเสียงเคาะก็อกๆๆเป็นจังหวะ ผมคิดว่าเขาคงเคาะไม่นานเดี๋ยวก็ไป แต่พอตากผ้าล็อตสองเสร็จแล้วเสียงยังดังอยู่ แขกผู้มาเยือนไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ มุ่งมั่นกับการเคาะก๊อกๆๆอยู่หลายนาทีจนเราเริ่มรำคาญ
“พี่ไม่ให้ผมเปิดจริงๆเหรอครับ เผื่อมีคนมาติดต่อธุระนะ”
“เคาะปึงปังเอาแต่ใจแบบนี้มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ”
พี่อู๋ทำหน้าเซ็งๆ เราอดทนอีกประมาณสิบนาทีเสียงเคาะถึงจะหายไป ในที่สุดแขกผู้มาเยือนก็ยกธงขาว ยอมแพ้ให้กับความเย็นชาของพวกเราเรียบร้อย
“จะเที่ยงแล้ว ก้องมีอะไรให้พี่กินบ้าง?”
“ผมว่าจะอบไก่ครับ พี่อู๋อยากกินไหม?”
“ไม่ต้องถามหรอก ตั้งแต่เกิดมาพี่ชอบกับข้าวฝีมือก้องที่สุดแล้ว”
แหม -- จะด่าว่าตอแหลมก็กลัวโดนเตะ แต่วันก่อนเขาเพิ่งพูดว่าถ้านรกมีบาร์บีก้อน เขาจะยอมตกนรกหมกไหม้เพื่อไปปิ้งหมูที่นั่นอยู่เลย
ผมเปิดตู้เย็น หยิบปีกไก่บนออกจากช่องฟรีซเตรียมละลายน้ำแข็งพลางคิดว่าต้องใช้เครื่องปรุงอะไรบ้าง สูตรหมักไก่ของนายก้องเกียรติคือสูตรมั่วๆไม่ตายตัว ผมแค่หมักไก่ด้วยซีอิ๊วเห็ดหอมและเกลือ ใส่กระเทียมสับนิดหน่อย คลุกๆๆจนเข้าเนื้อแล้วอบด้วยหม้ออบลมร้อน
เมนูนี้พี่อู๋ชอบมาก เขาบอกว่ารสชาติโดดเด่นน่าจดจำไม่เหมือนที่ไหน แถมยังแซวอีกว่ากินไก่ฝีมือก้องเกียรติวันนี้ แถมฟรีโปรแกรมฟอกไตอีกสามเดือนถัดไป ทีแรกผมคิดว่าพี่อู๋ชม แต่พอได้ยินว่าฟอกไต ถึงรู้ว่าเขากำลังบอกอ้อมๆว่าไก่มันเค็มเกินไป ดังนั้นวันนี้ผมก็เลยใส่น้ำตาลทรายสองช้อนโต๊ะ หวังว่ามันจะไม่เค็มและอร่อยถูกปากคุณอุรัสยาเสียทีนะ
“พี่อู๋ครับ กินข้าวกัน”
ผมเรียกผู้ปกครองให้มาที่โต๊ะอาหาร ระหว่างนั้นก็ตักข้าวสวยและแกะเนื้อไก่ใส่จานให้เขาไปพลางๆ ไก่ที่เพิ่งออกจากหม้ออบนั้นร้อนจนต้องคอยดูดนิ้วเป็นพักๆ พอเห็นผมสะบัดมือไปมาหลายครั้ง พี่อู๋ก็นั่งเท้าคาง อมยิ้มมองกอริลลาก้องต่อสู้กับปีกไก่ด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“โชคดีจังที่เจอก้อง ถ้าไม่มีก้องพี่แย่แน่ๆเลย”
คำพูดของเขาน้ำเน่าจนต้องเบ้ปากใส่ เมื่อก่อนพี่อู๋คงเสน่ห์แรงใช่ย่อย คำพูดคำจาของเขาทำให้คนฟังชื่นใจจนแทบถวายตัวรับใช้เพราะอยากได้ยินคำชมหลายๆหน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณหมูพีถึงหลงเขาขนาดนั้น
“ถ้าไม่มีผม พี่ก็ยังมีแฟนของพี่”
“พูดถึงคนอื่นอีกจะหักค่าขนม”
“คนอื่นคนไกลที่ไหน คุณหมูพีเป็นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ?” ผมขมวดคิ้วมองคุณอุรัสยาทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่ตรงข้าม “ว่าแต่ -- คุณหมูพีใช้ชื่อนี้ตั้งแต่เกิดเลยเหรอครับ?”
“อืม ชื่อเล่นชื่อหมูพี ชื่อจริงชื่อพีรพัฒน์ ก้องถามทำไม?”
“ผมว่าชื่อเขาน่ารักดี”
พี่อู๋ไม่พูดอะไรต่อ เขากินข้าวเที่ยงกับผมจนหมดก่อนจะย้ายก้นไปนั่งประจำที่ ตอนนี้เราเลิกดูแฮร์รี่ พอตเตอร์แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นนอนอ่านหนังสือแทน พี่อู๋อ่านเซเปียนส์บนโซฟา ส่วนผมนอนคว่ำหน้าอ่านมาร์โควัลโดบนพื้น เรามีผ้าห่มกันคนละผืนและอยู่ในโลกคนละใบ พี่อู๋จริงจังกับการอ่านประวัติย่อมนุษยชาติ ส่วนผมเอาแต่หัวเราะคิกคักเพราะขำมาร์โควัลโด ตัวละครหลักผู้ประกอบอาชีพกรรมกรที่มองโลกในแง่ดีอย่างเหลือเชื่อ (และซื่อบื้ออย่างเหลือเชื่อในเวลาเดียวกัน)
เรานอนเอกเขนกกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังและรุนแรงกว่าเมื่อเช้า ผมเดาเอาว่าแขกคงกำลังโมโหสุดขีดที่ไม่มีใครออกไปต้อนรับเสียที ผมเหลือบมองพี่อู๋ว่าเขาจะทำยังไง แต่ผู้ปกครองของผมกลับนอนอ่านหนังสือหน้าตาเฉย ไม่มีท่าทีสนใจเสียงเคาะเลย
เสียงก๊อกๆดังนานเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงกระทืบเท้าปึงปังออกจากหน้าประตูด้วย เมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ผมก็โล่งใจ เรานอนอืดต่อในห้องจนถึงหกโมงเย็นจึงลุกขึ้นอาบน้ำ พี่อู๋บอกว่าเย็นนี้เราจะกินข้าวข้างนอก ไว้ล้างแผลเสร็จเขาจะพาผมไปเที่ยวเซ็นทรัลลาดพร้าว
หลังจากนั้นกอริลลาก้องกับผู้ปกครองก็นั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาล พี่อู๋ที่ทำเป็นคนคูลๆมาทั้งวันเริ่มเหงื่อตกเมื่อเราอยู่ในห้องทำแผล ผมเดาเอาว่าเขาคงเจ็บน่าดูเพราะพี่อู๋เอาแต่นั่งนิ่วหน้า มือขวาบีบมือผมแน่น ส่วนมือซ้ายก็ยื่นให้พยาบาลทำแผล ผมโดนบีบจนกระดูกแทบแตกแต่ไม่กล้าบ่นเพราะกลัวพี่อู๋เสียใจ
“เสร็จแล้วค่ะ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำเหมือนเดิมนะคะ”
พี่อู๋ถอนหายใจโล่งอกทั้งๆที่เหงื่อซึมเต็มขมับ ผมพูดขอบคุณคุณพยาบาลแล้วพาเขาเดินไปที่ล็อบบี้เพื่อจ่ายเงิน ตลอดทางเขายังจับมือผมแน่นไม่ยอมปล่อย ผมไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าเขาคงเจ็บอยู่ แต่พอทำธุระเสร็จแล้วพี่อู๋ก็ยังเอื้อมแขนมาขอจับมือ ผมมองหน้าเขานิดหน่อยแต่ก็ยอมส่งมือซ้ายให้อย่างว่าง่าย ก่อนที่เราจะโบกมือเรียกแท็กซี่ เตรียมไปเที่ยวเซ็นทรัลลาดพร้าวตามที่พี่อู๋สัญญาไว้
☁
นอกจากเสียงเคาะประตูแล้ว มลพิษทางเสียงอีกอย่างก็คือโทรศัพท์ของพี่อู๋
มันดังแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ ดึก ไอโฟนของเขาจะสั่นดังครืดๆน่ารำคาญ ผมบอกพี่อู๋ว่าถ้ารำคาญมากก็ปิดเครื่องไปเลย หรือไม่ก็บล็อกเบอร์คุณหมูพีซะ เราจะได้ไม่ต้องเสียสุขภาพจิตอย่างตอนนี้
“ปิดเครื่องไม่ได้ เผื่อป๊าพี่โทรมา ส่วนเรื่องบล็อกเบอร์น่ะลืมไปได้เลย ไม่เชื่อดูสิ” พี่อู๋ยกโทรศัพท์ให้ดู มันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมเอาไว้ หรือคุณหมูพีเปิดเบอร์ใหม่เพื่อกระหน่ำโทรหาเขาโดยเฉพาะ “อย่าประมาทพีนะก้อง เขาทำอะไรได้มากกว่าที่ก้องคิด”
ผมถอนหายใจ รู้สึกเซ็งแปลกๆที่สัปดาห์นี้ชีวิตไม่มีความสงบสุขเลย แต่อย่างน้อยการเห็นว่าพี่อู๋เริ่มตีตัวออกห่างคุณหมูพีถือว่าเป็นสัญญาณดีๆ อีกหน่อยพวกเขาคงห่างกันไปซักพัก หรือไม่ก็เคลียร์กันวันหลัง(แบบที่ไม่ทะเลาะให้ผมเห็น) แล้วเลิกกันอย่างเป็นทางการ
ทั้งๆที่คิดไว้ว่าพี่อู๋น่าจะเจ็บแล้วจำ แต่เขาก็ยังหวนกลับไปหาคุณหมูพีอยู่ดี เช้าวันหนึ่งขณะที่เรากำลังกินข้าวเช้า คุณหมูพีเล่นมุกร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจตายจนพี่อู๋ต้องเปิดประตูออกไปดู แล้วทุกอย่างก็ลงล็อค เข้าทางคุณหมูพี เขากลับเข้ามาในชีวิตของเราอีกจนได้
วันนั้นพี่อู๋ขอให้ผมอยู่ในห้องนอนก่อนเพราะอยากเคลียร์กับแฟน ผมหวังว่าคุณอุรัสยาจะใช้โอกาสนี้ตีตัวออกห่างแต่ก็ผิดคาดอีก ผมนั่งรอพี่อู๋เป็นชั่วโมง รอจนหิวถึงต้องเดินออกมาข้างนอกเพื่อแอบดูว่าพวกเขาเคลียร์กันไปถึงไหน ปรากฏว่าคุณหมูพีกำลังนั่งบนพื้นห้อง เอนหน้าซบเข่าพี่อู๋ที่นั่งบนโซฟาอย่างออดอ้อน เขาไม่ร้องไห้แล้ว แต่ใช้น้ำเสียงน่ารักๆขอโทษพี่อู๋ซ้ำไปซ้ำมา ส่วนผู้ปกครองผมก็ใช่ย่อย วันก่อนเพิ่งบอกว่าไม่รักแล้ว เบื่อแล้ว อยากเลิกแล้ว แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน นั่งให้เขากอดเขาอ้อนซะงั้น
“เราขอโทษนะที่ทำพี่เจ็บตัว” คุณหมูพีจับมือพี่อู๋มาวางบนหัวตัวเอง “พี่รู้ไหมว่าเรารู้สึกแย่มากที่ทำแบบนั้น พอไม่ได้เจอกันเราก็หยุดคิดถึงพี่ไม่ได้เลย”
“ช่างเถอะ มันได้ไม่เจ็บมากมายอะไรหรอก”
ตอแหลม ถ้าไม่เจ็บ พี่จะหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนพยาบาลล้างแผลทำไม
ผมถอนหายใจเซ็งๆเมื่อเห็นคู่เวรคู่กรรมกลับมารักกันอีกครั้ง แต่ถ้านี่คือความต้องการของพี่อู๋ผมคงค้านอะไรไม่ได้ แค่พวกเขาไม่ทะเลาะกัน แค่คุณหมูพีไม่ทำให้พี่อู๋เจ็บตัวเหมือนวันก่อนก็พอแล้ว เพราะถ้าเขาทำแบบนั้นอีก กอริลลาก้องนี่แหละจะเป็นฝ่ายปกป้องผู้ปกครองเอง
แน่นอนว่าการกลับมาของคุณหมูพีย่อมส่งผลกระทบถึงชีวิตผม เขาจู้จี้จุกจิกกับการทำอาหารและการทำความสะอาดจนน่ารำคาญ หลังๆมานี้ผมเหมือนคนใช้ส่วนตัวของเขามากกว่า ก้องหยิบนั่นให้หน่อย ทำนี่ให้หน่อย ถูด้วยเดทตอลก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำยาถูพื้น ยกโซฟาด้วยนะ ปัดฝุ่นด้วยนะ เสร็จแล้วเช็ดครัวด้วยนะ ตากผ้าด้วยนะ เสื้อตัวนี้ต้องซักมือนะ กางเกงในก้องอย่าซักรวมกับพี่อู๋นะ บลา บลา บลา -- น่ารำคาญ
ระหว่างที่กำลังพับชุดนอนที่เพิ่งซักของพี่อู๋ คุณหมูพีก็เดินข้ามไหล่ผมไปนั่งบนโซฟา เขาเอนหัวซบผู้ปกครองของผมด้วยท่าทางออดอ้อนราวกับจะอวดว่าพวกเขารักกันแค่ไหน ผมได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ พยายามทำเป็นไม่รับรู้ไม่สนใจ แต่พอเห็นสีหน้าเบื่อๆเซ็งๆของพี่อู๋ทีไรก็อดสงสารไม่ได้ทุกที
“วันนี้ไปข้าวสารไหม?”
“จะไปเหรอ?”
“ใช่” คุณหมูพีตอบทันที เขามองพี่อู๋อย่างคาดหวัง “วันนี้วันเกิดพลอย มันเลี้ยงเหล้านะ”
พี่อู๋ไม่ให้คำตอบในทันที แถมยังแกล้งทำเป็นง่วนกับการเปลี่ยนถ่านรีโมตทีวีอยู่อีกซักพักใหญ่ คุณหมูพีดูอดทนขึ้นกว่าวันก่อนมาก เขารอจนกระทั่งพี่อู๋หันมาถึงจะถามซ้ำอีกครั้ง
“จะไปไหม?”
“ถ้าไม่ไปล่ะ?”
“ทำไมไม่ไป?”
คุณหมูพีกระแทกเสียง คำชมที่บอกว่าอดทนเก่งนั่นขอถอนคำพูดก็แล้วกัน ผมได้ยินเสียงพี่อู๋ถอนหายใจ เดาเอาว่าเขาคงไม่รู้จะทำยังไงเพราะว่าถ้ากลัวขัดใจคุณหมูพีอีกครั้ง มีหวังบ้านเละกว่าเดิมแน่ๆ
“เราไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ”
นานบ้าอะไรล่ะ แค่สองอาทิตย์เอง
ผมแย้งในใจ มือก็พับผ้าไปแต่ตาเหลือบมองพี่อู๋
“ก็ได้” คุณอุรัสยาตอบง่ายๆเลย “งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
คุณหมูพียิ้มร่า พอพี่อู๋เดินหายเข้าไปในห้องเข้าก็หันมามองหน้าผมด้วยแววตาถือตัว เขาคิดว่าการชวนพี่อู๋ออกไปกินเหล้าคือชัยชนะอย่างหนึ่งซึ่งผมไม่ได้สนใจเลย ผมไม่แคร์ว่าพี่อู๋จะไปเที่ยวกับเขาสองต่อสองหรือไปกับใคร ผมแค่เป็นห่วงเขาเวลากินเหล้าต่างหาก พี่อู๋ชอบขับรถไปข้าวสารคนเดียว ขากลับก็ขับคนเดียวไม่เรียกแท็กซี่ทั้งๆที่เพิ่งสร่างได้ไม่นาน แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมห่วงความปลอดภัยได้ไง ถ้าเขาเป็นอะไรไป คุณหมูพีรับผิดชอบชีวิตพี่อู๋ได้ไหม ผมอยากถามเขาจริงๆ
“พี -- พี่ว่าไปวันหลังกันดีกว่า ไม่มีชุดหล่อๆเลย”
พี่อู๋เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมคำแก้ตัว เขาก้มมองกอริลลาก้องที่กำลังพับผ้าด้วยแววตาขอความเห็นใจ หลายวันก่อนเราทะเลาะกันแทบตายเรื่องกินเหล้า พอผมบอกว่าไม่ชอบ ไม่อยากให้ไป เขาก็ยอมหยุดตั้งหลายวัน แต่พอคุณหมูพีกลับมา เขาก็ทำตัวเหมือนเดิมทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้วเชียว
“นี่คือข้ออ้างจะไม่ไปใช่ไหม?”
“เปล่า แค่พูดเฉยๆ เดี๋ยวแต่งตัวไม่ดีพีก็บ่นอีก”
คุณอุรัสยาส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย เขาเดินกลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ผมนั่งเจ็บใจที่ยอมให้คุณหมูพีพาเขาไปเสียคน แต่เรื่องอย่างนี้พูดยาก ถ้าพี่อู๋ตั้งใจเลิกท่องราตรีจริงๆ เขาก็ปฏิเสธคุณหมูพีได้ ผมว่าลึกๆเขาคงคันอยากเที่ยวด้วยมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะยอมไปกับคุณตัวปัญหาที่ตัวเองพร่ำบ่นลับหลังตลอดเวลาเหรอ คืนก่อนเขายังด่าคุณหมูพีฉอดๆจนผมฟังไม่ทัน มาวันนี้กลับเจี๋ยมเจี้ยม สงบเสงี่ยมเชื่อฟังแฟนในเรื่องแย่ๆแบบไม่มีปากเสียง ผมไม่เชื่ออ่ะ
แต่ผมพูดอะไรได้ล่ะ?
ตัวเกาะแดกอย่างนายก้องเกียรติสามารถบอกความต้องการของตัวเองได้เหรอ?
ผมตัดใจแล้ว พี่อู๋จะไปไหนก็ช่างเถอะ ไปเมาหัวทิ่มจมกองอ้วก หรือไม่กลับห้องก็ช่างเพราะเขาเลือกเอง ในเมื่อเขาขี้ขลาดไม่กล้าบอกเลิกก็รับผลกรรมของตัวเองไป คิดเสียว่าซ้อมตกนรกแล้วกัน ไหนๆพี่จะไปปิ้งบาร์บีก้อนที่นั่น ซ้อมไว้ล่วงหน้าจะได้ไม่ทรมาน
ตอนสองทุ่ม พี่อู๋ออกจากห้องน้ำใหญ่ ส่วนผมจัดเรียงเสื้อผ้าเข้าลิ้นชัก เราอยู่ด้วยกันแค่สองคนในห้อง ส่วนคุณหมูพีรอข้างนอก พี่อู๋คงคิดว่าผมต้องพูดขอร้องให้อยู่บ้านแน่ๆ แต่เปล่า ผมไม่พูดอะไรทั้งนั้นนอกจากทำงานบ้านเหมือนซินเดอเรลก้องผู้อาภัพ ทำงานงกๆตัวคนเดียว ส่วนเจ้าชายรูปงามทั้งสองพระองค์เสด็จไปวังข้าวสาร ดื่มกินเต้นรำอย่างเริงร่า ตีสามตีสี่ถึงกลับห้องมาบรรทม
“คืนนี้นอนเลย ไม่ต้องรอ”
“ครับ”
“น้อยใจล่ะสิ”
“ผมจะน้อยใจพี่ทำไม?” ผมถามแล้วปิดลิ้นชัก “ถ้าพี่อยากไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวผมเฝ้าบ้านเอง”
“ก้องอยากให้พี่กลับกี่โมง?”
“ตื่นเมื่อไหร่ค่อยกลับก็ได้ครับ” ผมประชด
“งั้นคืนนี้ไม่กลับนะ”
ผมเหวอ ถึงจะบอกตัวเองว่าอย่ายุ่งกับชีวิตเขาก็เถอะ แต่พอรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวทั้งคืน มันก็อดน้อยใจไม่ได้
“ล้อเล่น พี่กลับประมาณเที่ยงคืน ไม่อยากกลับช้าเดี๋ยวเด็กแถวนี้ไม่ยอมนอน”
“เด็กแถวนี้คือใครครับ คุณหมูพีเหรอ?”
“เด็กแถวนี้ชื่ออะไรน้า -- ก้อง -- ก้องนักกระโดดหรือเปล่า” พี่อู๋แกล้งทำเป็นครุ่นคิด เขาเดินมายีหัวผมเบาๆเมื่อเห็นก้องนักกระโดดหน้าบูดเป็นตูด “ไม่ต้องรอพี่นะ นอนก่อนเลย”
“ครับ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะ”
“จ้า” คุณอุรัสยาลากเสียง “รีบนอนเลย ห้ามรอ”
“ไม่ต้องย้ำครับ ผมจำได้ พี่ไปเถอะ”
พี่อู๋พยักหน้า เขากำชับให้นอนไวๆอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องไป ผมได้ยินเสียงล็อกประตู เสียงพูดคุยของพวกเขาสองคนเบาลงเรื่อยๆ แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท เหลือกอริลลาก้องเพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้
ผมเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้สองทุ่มยี่สิบสามนาที ยังพอมีเวลาเหลือนิดหน่อยก่อนเข้านอน ผมพยายามนึกถึงสมัยที่ยังอยู่บ้านคนเดียว ตอนนั้นผมเอาแต่นอนเฉยๆ เปิดทีวีทิ้งไว้จนหลับไปเอง แต่พอย้ายมาอยู่กับพี่อู๋ก็มีเรื่องสนุกๆให้ทำมากกว่านอนเปื่อย บางทีเราก็เล่นเกม บางทีก็ดูหนัง บางทีก็นอนอ่านหนังสือ ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษ
น่าแปลกที่เรื่องธรรมดาๆพวกนั้นไม่เคยทำให้ผมเบื่อเลย ไม่เลยซักนิด ผมหลับพร้อมเขา ตื่นพร้อมเขา ตัวติดเขาตลอดเวลา แต่พอคุณหมูพีเข้ามา เขาก็แย่งเอาพี่อู๋เวอร์ชั่นกลับตัวกลับใจไปจากผม ตอนนี้ผู้ปกครองของผมกลายเป็นนักท่องราตรีอีกครั้งซึ่งผมไม่ชอบเลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ชอบความรู้สึกถูกแย่งของรักเลยจริงๆ
TBC
----------------------------------------------
#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้สวัสดีวันศุกร์นะคะ ขอให้มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้น้า ♡
ตอนที่แล้วมีนักอ่านทักเรื่องคำผิดในนิยาย ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่รอบคอบ ตอนนี้หนูกลับไปแก้คำผิดทุกตอนเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนถัดๆไปจะตรวจเช็กอีกครั้งก่อนอัปนิยายนะคะ ถ้ามีตรงไหนอยากติชมหรือทักท้วง สามารถคอมเม้นทิ้งไว้ได้เลยค่ะ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ

แล้วก็ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ ทุกคอมเม้นต์ ทุกแท็กมีความหมายกับเรามากเลย ตอนหน้าความสัมพันธ์จะเดินเร็วกว่านี้ มาเอาใจช่วยก้องจ๋าให้พ้นจากคุณหมีพูห์กันนะคะ ♥