เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 122291 ครั้ง)

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่อู๋กับน้องไปหาหมอนะ

คุณหมูบ้าด้วยนะ

ตัวเราด้วยนะ

55555555555555555 แงงงง

การที่น้องเห็นว่าตัวเองเป็นกอริลล่า เรียกตัวเองว่ามันในความคิดนี่ คุณนักเขียนตั้งใจเล่าแบบนี้หรือเป็นเพราะอาการของน้องคะ งงมั้ยเอ่ย เราแค่สงสัยว่าน้องเห็นคุณค่าในตัวเองบ้างมั้ยนะ เห็นตัวเองเป็นคนคนหนึ่งบ้างมั้ย หรือมองตัวเองเป็นกอริลล่าจริงๆ

ชอบบ มาต่ออีกนะคะ  :กอด1:

ปล เพื่อนและครอบครัวคุณหมูพีเก่งจังเลย ดีจัง เข้าใจคุณหมูพีดีมากๆเลย เข้าใจกันมากก็เอาไปเลี้ยงกันเองนะคะ ขอบคุณค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 19:27:16 โดย ursleepingxd »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
็์ํHNY2019จ้า

คุณผู้ปกครองน่าเป็นห่วงจริง ๆ หวังว่าหมูพีจะไม่กลับมาแล้วนะ

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เป็นกำลังใจให้พี่อู๋ กับกอริล่าก้อง

ออฟไลน์ Cheraae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้เต็มไปด้วยกอลิล่า เป็นกำลังใจให้กอลิล่าทุกคน และตอนนี้กอลิล่าก้องต้องดูแลกอลิล่าอู๋แล้วนะ   
 

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เอาจริง ๆ เรื่องมันเครียดมากนะ มันให้ความรู้สึกว่าจะมีใครจิตหลุดจนทำร้ายตัวเองไหมอยู่เสมอ

แต่เราก็ขำ ขำความพี่อู๋ ขำการสื่อสารของก้อง

อ่านตอนล่าสุดแล้วเห็นถึงความเห็นแก่ตัวของพ่อ แม่ และเพื่อนของหมูพี รวมทั้งตัวหมูพี
แต่ก็เข้าใจนะ คนเราย่อมมองคนของเราสำคัญกว่าคนอื่น ๆ อยู่แล้ว

ขอบคุณนักเขียนค่ะ คุณถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากกอดพี่อู๋เลย
สองคนนี้ต้องพากันออกกำลังกายสูดอากาศข้างนอก
มัวแต่ขลุกกันอยู่สองคน จะเอาพลังบวกจากไหนไปใช้ชีวิตต่อ

บ่นนนนน
อินนนนน

รักเรื่องนี้มากอยากให้ทุกคนรอดจากโรคซึมเศร้านี้

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
แปลกดีเรื่องนี้ แต่อ่านแล้วได้ความรู้มากๆเลย

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สองคนนี้เหมือนมาเติมเต็มซึ่งกันแหละกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ด้วยกันแล้วลงตัว ขอให้จับมือกันพ้นผ่านปัญหานะ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ร้องไห้นะกอริลลาอู๋ :( ร้องไห้จนน้ำตาหมดแม๊กไปเลย หัวจะได้โล่ง หลังจากนี้คนอื่นจะพูดว่าไงบ้างก็ช่างแม่งเถอะ!!! ตัดออกได้ตัดออกไปไอ้ความลำบากไม่สบายใจ เอาใหม่เริ่มใหม่ไปหาหมอกันนะทั้งสองคน เอาไปเอามาก้องจะตายก็ไม่ได้เพราะเป็นห่วงผู้ปกครองจนอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อช่วยรักษาผู้มีพระคุณ เหมือนมีบ่วงไม่ได้อยู่คนเดียว เออก็ดีไปอีกแบบก้องจะได้ไม่อยากตายบ่อยเหมือนเดิม คึคึ!  //สนุกกกกกกก มาต่อยาวดีค่ะ 555 ขอบคุณและสวัสดีปีใหม่นะคะ รอตอนต่อไปเลย กอริลลา2ตัวนี้จะเอาไงต่อกันดี รอรอรอ อิอิ :)

ออฟไลน์ กล้วยจังหวะนรก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เห็นใจทั้งคู่เลย เห็นใจคนที่ต้องเจอสถานการณ์แบบทั้งคู่ด้วย ความbiasมันฆ่าคนๆนึงให้ตายได้จริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อาการหนักทั้งคุ่ แต่นะกอริลล่าตัวแรกยังดีที่ปลอบใจเป็น สู้ๆนะกอริลล่าทั้งสอง อย่าชวนกันไปโดดน้ำคู่ละ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่อู๋ต้องทำงานแล้วล่ะ  งานจะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง   เพื่อนหมูพีจะคิดยังไงก็ช่างตัดทิ้งไป คนที่เข้าใจอู๋ถึงจะเป็นเพื่อนอู๋ที่แท้จริง

ก้องต้องปรึกษาหมอแล้ว ชีวิตจะเดินไปข้างหน้าได้ยังไง

คนอ่านเอาใจช่วยทั้งอู๋ ก้อง และโดยเฉพาะนักเขียน มาต่อไวๆนะคะ :3123:

ออฟไลน์ Holy.shit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นนิยายที่ดีมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 :impress2:มาต่อไวๆด้วย จ้า  ตามลุ้น ยุๆ^^

ออฟไลน์ ppp044

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นนิยายที่ดีมากเลยค่ะ
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
14
พี่อู๋เสียใจ
แต่เขาไม่เคยบอกใคร

พี่อู๋ไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์เกือบสิบปีจบลงแบบนี้
แต่เขาไม่เคยอัปสเตตัสอธิบายในโซเชียลเลยซักครั้ง

ถ้าเปรียบชีวิตเป็นละคร ผมว่าพี่อู๋คงเป็นพระเอกในคราบตัวร้าย เขาสามารถโชว์รอยแผลหรือบอกใครต่อใครก็ได้ว่าคุณหมูพีเป็นบ้าแต่พี่อู๋เลือกที่จะเก็บงำมันไว้แทน สำหรับผมแล้วการเงียบไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเสมอไป จริงอยู่ที่อีกหน่อยพวกเขาก็ลืม อีกสองสามปีหลังจากนี้ เรื่องระหว่างพี่อู๋กับคุณหมูพีคงเป็นบทสนทนากร่อยๆในวงเหล้า แต่ผมไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ผมไม่อยากให้ใครมองพี่อู๋ไม่ดี ดังนั้นผมจึงแนะนำให้เขาอธิบายเรื่องทั้งหมดผ่านทางสเตตัสแบบที่เพื่อนๆของคุณพีรพัฒน์ทำ ทว่าพี่อู๋ปฏิเสธ

“ออกมาพูดก็ดูเหมือนแก้ตัว ให้มันจบแบบนี้แหละ”

ซึ่งแบบนี้ของเขาก็คือการโดนด่า

พี่อู๋เล่นโทรศัพท์แค่คืนนั้นคืนเดียวแล้วไม่แตะมันอีกเลย ผมพอจะรู้สาเหตุอยู่ว่าทำไม เพราะหน้าฟี้ดข่าวของเขาคงมีแต่ถ้อยคำประชดประชันของบรรดามิตรรักแฟนเพลงคุณหมูพี มีเพียงพี่ตั้มคนเดียวที่โทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพี่อู๋เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาก็ถอนหายใจ

“กูบอกแล้วว่าอย่าหาเหาใส่หัว” พี่ตั้มบอกคุณอุรัสยาโดยไม่รู้ว่ากอริลลาก้องแอบฟังอยู่ตรงโถงทางเดิน “ทำใจเหอะ ช่วงนี้พูดอะไรก็คงโดนด่า มึงอยู่เงียบๆไปซักพักเดี๋ยวสถานการณ์ก็ดีขึ้นเอง”

ผมไม่รู้ว่า เหา ที่พี่ตั้มพูดถึงคือนายก้องเกียรติหรือเปล่า แต่เดาจากบทสนทนาก่อนหน้าของพวกเขา ผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเหาก็คือผม คือนายก้องเกียรติ คือตัวที่สูบเลือดเนื้อพี่อู๋และทำให้เขาเจอปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นภาระ แต่มาถกเถียงกันตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ ในตอนที่ผมเริ่มปรับตัวและรู้สึกว่าพี่อู๋เป็นครอบครัว คนรอบตัวของคุณอุรัสยากลับบอกให้กำจัดกอริลลาก้องก่อนจะมีปัญหามากกว่านี้

งั้นผมควรทำยังไงล่ะ?
เหาอย่างนายก้องเกียรติ -- ต้องทำอะไรถึงจะทำให้ทุกคนสบายใจ?

เรื่องเหาของพี่ตั้มติดอยู่ในหัวของผมนานหลายวันแต่ผมไม่เคยบอกพี่อู๋ ผมทำตัวปกติเหมือนเดิม ทำอาหาร ทำความสะอาดและดูแลพี่อู๋เหมือนเดิม ยิ่งคุณหมูพีไม่อยู่แล้ว ผมต้องยิ่งทำให้เนี๊ยบกว่าเดิมเป็นสองเท่า ผมอยากให้พี่อู๋รู้ว่าต่อให้ไม่มีคุณพีรพัฒน์ก็ไม่เป็นไร ชีวิตของเขาจะไม่เปลี่ยนไป ห้องนี้จะยังคงเป็นห้องที่สะอาดสะอ้านและมีของอร่อยๆสำหรับเขาเสมอ

“ผมคิดว่าพี่อยากกินผัดฟักทอง” ผมพูดเมื่อเห็นผู้ปกครองกินแค่สองสามคำแล้ววางช้อน “มันไม่อร่อยเหรอครับ?”
“อร่อยสิ ก็เหมือนเดิม”
“แล้วทำไมพี่ไม่ค่อยกินเลย?”
“ช่วงนี้พี่ไม่อยากกินอะไร เบื่ออาหารน่ะ”

รวมถึงเบื่อผมด้วยหรือเปล่าครับ?

เป็นคำถามในใจที่ไม่ได้เอ่ยออกไป ผมแสร้งทำเป็นว่าเข้าใจและเว้นระยะให้พี่อู๋ได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง เขาจะทำอะไร จะนอนเมื่อไหร่ จะซกหมกเหม็นเน่ายังไงก็ได้ ขอแค่กินอาหารให้นายก้องเกียรติชื่นใจซักนิด กินข้าวซักคำ กินนมซักแก้ว หรือช็อกโกแลตซักแท่งก็ยังดี ผมเข้าใจอาการเบื่ออาหารของพี่อู๋ ผมรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกพักใหญ่ แต่จนกว่าจะลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง ผมอยากขอให้เขาช่วยกินเยอะๆ อย่าปล่อยให้ท้องหิว อย่าปล่อยให้ร่างกายซูบผอม อย่าเป็นพี่อู๋ที่อิดโรยเหมือนคนอยากตายเลย

“รีบนอนดีกว่าก้อง พรุ่งนี้หมอนัด เราต้องออกจากบ้านแต่เช้า”

ผู้ปกครองสั่งเมื่อเห็นผมนั่งกัดเล็บบนโซฟาจนถึงห้าทุ่ม ผมขานตอบว่าครับแล้วเดินตามเขาเข้าไปข้างใน เรานอนหันหลังให้กันเพราะมีต่างคนต่างมีเรื่องให้คิดหนัก พี่อู๋อาจจะคิดถึงคุณหมูพีที่กำลังแอดมิทในโรงพยาบาลมนารมย์ แต่ผมคิดถึงเรื่องของพี่อู๋ และนึกหาวิธีช่วยเขาก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้




นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงสี่สิบห้านาที

เราออกจากบ้านโดยไม่ได้กินข้าวเช้า พี่อู๋บอกว่าเดี๋ยวจะแวะเซเว่นหน้าโรงพยาบาลเพื่อซื้อแซนด์วิชกินรองท้อง หลังจากนั้นเราค่อยไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านโปรดที่ยูเนี่ยนมอลล์ตอนเที่ยงเลยรวดเดียว ระหว่างทางกำลังจะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล ผมไม่รู้ว่าพี่อู๋เหม่อหรือรถอีกคันขับมาเร็วเกินไปถึงได้ชนรถของเราเข้ากลางลำ ผมเพิ่งได้ยินเสียงอุบัติเหตุเป็นครั้งแรก มันดัง ปัง! แล้วเงียบ และเราทุกคนจะช็อคไปครู่หนึ่งราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้

“ก้อง! เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?! เป็นอะไรหรือเปล่า?!”

พี่อู๋ถามเมื่อได้สติ ส่วนผมยังงงอยู่ว่าเสียง ปัง! นั้นมาจากไหน เพราะวีออสของพี่อู๋เป็นรุ่นเก่าจึงไม่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง ดังนั้นตอนที่เขารู้ว่ารถชนฝั่งที่นั่งข้างคนขับ พี่อู๋จึงร้องถามอาการของกอริลลาก้องเป็นอย่างแรก

“เจ็บไหมก้อง? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

เปล่าครับ ไม่เจ็บ ไม่ได้เป็นอะไร

ผมตอบก่อนจะส่งแขนซ้ายให้พี่อู๋ดู เขามองสำรวจจนแน่ใจว่าผมไม่เป็นไรจริงๆถึงแสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมา หลังจากนั้นก็ตามด้วยการสบถคำหยาบ และตามด้วยเสียงเคาะกระจกจากคู่กรณี

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”

ผู้ชายรุ่นลุงถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่ด่าพี่อู๋หรือเอ่ยปากขอโทษว่าเป็นความผิดของตนนอกจากเชิญเราสองคนลงจากรถ วีออสลูกรักพี่อู๋บุบเหมือนกระป๋องโค้กโดนเหยียบ ผมไม่อาจพูดว่าโชคดีที่คู่กรณีพุ่งชนกลางรถค่อนไปทางประตูหลัง เพราะหากเขาชนประตูหน้า ผมก็ไม่รู้ว่ากอริลลาก้องจะได้ไปหาแม่วันนี้หรือเปล่า

“แม่งเอ๊ย -- เป็นห่าอะไรนักหนาวะ”

พี่อู๋สบถ(อีกครั้ง) เขาหงุดหงิดที่เห็นสภาพยับเยินของน้องวีออส สีของรถถลอกลอกออกเป็นสีเทา แถมยังบู้บี้เสียทรงจนไม่น่าจบแค่การเคาะ คงต้องเปลี่ยนประตูและทำสีใหม่ เศษเล็กๆที่กระจายบนพื้นบอกว่าอาจจะต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายอีกอย่าง นั่นหมายความว่า เราจะไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้ไปพักใหญ่

ความชิบหายของแท้ได้มาเยือนนายก้องเกียรติแล้ว

เนื่องจากผมเป็นเด็ก จึงถูกเมินในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ พี่อู๋โทรเรียกประกันมาเคลียร์ ส่วนผมได้แต่ยืนทื่อเป็นไม้ประดับอยู่ข้างน้องวีออส ผมไม่รู้หรอกว่าตำรวจจะสรุปว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ใครเป็นฝ่ายผิด ถ้าดูจากทิศทางการจอดรถแล้ว ผมว่าพวกเรานี่แหละผิดเต็มๆ ลุงชัยเคยบอกว่ารถที่วิ่งมาทางตรงถูกเสมอ ผมหวังว่าคำพูดของลุงชัยจะใช้ไม่ได้กับสถานการณ์นี้นะ

“ก้องไปหาหมอก่อน เดี๋ยวพี่ตามไปทีหลัง”

พี่อู๋บอกพร้อมกับส่งธนบัตรสีเทาให้หนึ่งใบ ผมรับมันมาถือไว้แต่ไม่ยอมเดินเข้าโรงพยาบาลตามคำสั่ง

“ผมจะติดต่อพี่ยังไงในเมื่อผมไม่มีโทรศัพท์มือถือ?”
“นั่งรอหน้าห้องรับยานั่นแหละ พี่เคลียร์ไม่นานหรอก”
“แต่ --”
“ก้อง หาหมอก่อน ตอนนี้ยาหมดแล้ว เราเลื่อนนัดไม่ได้” พี่อู๋สั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เสร็จเรื่องตรงนี้เมื่อไหร่เดี๋ยวพี่ไปหา อย่าช้า ยิ่งช้ายิ่งได้คิวตรวจหลัง เสียเวลาเดินห้างนะ”

โอเค -- กอริลลาก้องไปก็ได้

“ผมจะรอพี่หน้าห้องจ่ายยานะครับ”
“อืม ไปเถอะ ไม่ต้องกังวลทางนี้หรอก ประกันกำลังมา”

ผมพยักหน้าแต่รู้สึกไม่สบายใจ วันนี้ผมน่าจะชาร์ตแบตและเอาโทรศัพท์มา ที่จริงควรชาร์ตตั้งแต่วันแรกที่ย้ายไปอยู่กับพี่อู๋ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นไม่รู้เป็นบ้าอะไร ผมตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตและเพื่อนบ้านทุกคนด้วยการทิ้งโทรศัพท์ไว้ก้นกระเป๋า มันไม่เคยได้ออกมาข้างนอกอีกเลยจนถึงวันนี้

ผมหันหลังกลับไปมองพี่อู๋ มองรถบุบยับด้วยความกระวนกระวาย นี่คือครั้งแรกที่ผมมาหาหมอโดยไม่มีผู้ปกครอง คือครั้งแรกที่เราต้องแยกกันตอนอยู่นอกบ้าน คิ้วที่ขมวดจนเป็นปมของพี่อู๋ทำให้ผมพับเก็บความไม่สบายใจเอาไว้กับตัวเอง ผมจะไม่บอกเขาหรอกว่าตอนนี้ผมกำลังกลัวอะไร

ผมกลัว --
กลัวว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่อู๋ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองของกอริลลาก้อง



นาฬิกาบอกเวลาว่าเก้าโมงยี่สิบเจ็ดนาที

ผมได้เข้าตรวจเป็นคนที่สาม ผมยกมือไหว้หมอแล้วรีบบอกอาการตัวเองอย่างรวดเร็วจนเขาต้องขอให้พูดช้าๆ เมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวาย หมอก็ถามว่ามีอะไรเหรอก้อง ผมตอบว่าเปล่าครับ แต่สายตาของหมอคมกริบเหมือนมีดที่สามารถปอกเปลือกมันฝรั่งเป็นแผ่นบางๆ ในที่สุดมันฝรั่งก้องจึงยอมรับกับคุณหมอตามตรงว่าวันนี้ผมรีบครับ เมื่อเช้าพี่อู๋รถชน เขากำลังรอประกันให้มาเคลียร์ แต่ผมไม่มีโทรศัพท์ ผมกลัวว่าจะหาเขาไม่เจอ

“อะไรทำให้ก้องคิดว่าพี่อู๋กำลังหาโอกาสทิ้งก้องเหรอ?”

หมอถาม แล้วทฤษฎีมากมายในหัวก็ปรากฏขึ้น ทำไมผมถึงไม่คิดเรื่องเรียนเยอะขนาดนี้บ้างนะ ถ้าผมคิดไกลเหมือนที่คิดเรื่องพี่อู๋ ป่านนี้ผมคงเป็นนักเรียนทุนตั้งแต่ยังไม่เปิดสอบโอเน็ตแล้ว

“วันก่อนเพื่อนของพี่อู๋พูดว่าอย่าหาเหาใส่หัว”

ผมเล่าให้หมอฟังแล้วย้อนกลับไปเล่าเรื่องที่พี่อู๋บอกเลิกคุณหมูพีอีกหน หมอจับความผิดปกติได้ทันทีแม้กอริลลาจะไม่แสดงอาการชี้ชัดอะไรออกมา เขาบอกให้ผมใจเย็นๆ ไม่ต้องเล่าเป็นไทม์ไลน์เหมือนประวัติศาสตร์หรอก แค่พูดในสิ่งที่อยากพูดก็พอ อย่าคิดเยอะ อย่ากลัวหมอไม่เข้าใจ เรารู้จักกันมาตั้งหลายเดือน หมอจำเรื่องของก้องได้

ดังนั้นจิตบำบัดวันนี้จึงเป็นการระบายความกลัวออกมาเสียส่วนใหญ่ ช่างหัวพี่ตั้มเถอะ ช่างหัวคุณหมูพีเถอะ ช่างแม่งทุกคนนั่นแหละ ตอนนี้ผมกลัวว่าพี่อู๋จะไม่มารับกลับบ้าน พอหมอถามเหตุผลเป็นหนที่สอง ผมจึงอธิบายให้ฟังว่าเมื่อเช้าเขาให้เงินผมมาหนึ่งพันบาท

“แบ่งเป็นค่ายาไม่เกินห้าร้อย อีกห้าร้อยก็เกือบๆเท่าเงินที่ลุงชัยเคยให้ซึ่งวันนี้ผมไม่ได้หยิบเงินส่วนนั้นมา”
“ก้องหมายความว่าพี่อู๋ตั้งใจคืนเงินทางอ้อมเหรอ?”
“ครับ” ผมตอบ “ถ้าจะทิ้งก็ต้องเป็นวันนี้แหละ โอกาสเหมาะที่สุด ทิ้งในโรงพยาบาลอาจจะทำให้พี่อู๋รู้สึกผิดน้อยลงก็ได้ เขาเคยถูกเพื่อนๆบอกให้เลิกอุปการะผมตั้งหลายครั้ง”
“แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่อู๋จะทำตามเพื่อนเสียหน่อย อีกอย่างก้องพูดเองว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ก้องคิดว่าพี่อู๋อยากให้รถตัวเองยับยู่ยี่เพื่อแลกกับการพาก้องมาทิ้งไว้ที่นี่เหรอ? หมอมองยังไงมันก็ไม่คุ้มนะ”

ใครจะไปรู้
ไม่มีใครรู้ความคิดของพี่อู๋หรอก

วันนี้การพบหมอไม่ช่วยอะไรเลย ต่อให้ทุกคนในโรงพยาบาลพูดกรอกหูว่าพี่อู๋ไม่มีวันทิ้งกอริลลาก้อง หรือยืนยันหนักแน่นแค่ไหน ผมก็ยังกลัวอยู่ดี ผมบอกหมอว่าตอนนี้ผมมีพี่อู๋คนเดียว เขาเป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นพี่ชาย เป็นคนสุดท้ายในชีวิตของผม ถ้าไม่มีพี่อู๋ผมจะอยู่ยังไง ผมจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงถ้าวันนี้ไม่มีเขาอีกแล้ว

“มันมีทางออกเสมอนะก้อง” หมอพูด แต่ผมไม่เห็นด้วย “สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาก้องอยู่ได้ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักพี่อู๋เลย ทำไมถึงกลัวว่าถ้าไม่มีเขา เราจะอยู่ไม่ได้ล่ะ?”

แล้วหมอก็ร่ายยาวว่าเด็กอายุสิบเจ็ดสามารถทำอะไรได้บ้าง แน่นอน ผมมีแขนขา มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แถมมีวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย ผมสามารถหางานพาร์ทไทม์ทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้ หรือเป็นติวเตอร์สอนพิเศษให้เด็กประถมตามห้างก็ได้ หมอพยายามให้กำลังใจด้วยการบอกว่าผมสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมายโดยไม่ต้องพึ่งพาพี่อู๋ แต่ขอโทษนะครับ -- เก็บคำพูดพวกนั้นไว้เถอะ เพราะผมไม่ได้เห็นพี่อู๋เป็นธนาคาร ผมเห็นเขาเป็นครอบครัว

พี่อู๋คือคนเดียวที่ผมสามาถบอกใครต่อใครได้ว่าเขาคือผู้ปกครอง

มันไม่ใช่เรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนที่ซุกหัวนอน การก้าวข้ามขีดจำกัดหรือความกลัวอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นเรื่องของจิตใจ ผมคิดว่าวันนี้หมอน่าจะเบลอๆนิดหน่อย เหมือนเขาลืมว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา นายก้องเกียรติถูกทิ้งมาแล้วกี่ครั้ง งั้นผมจะทวนให้ฟังก็ได้ ครั้งที่หนึ่ง พ่อทิ้ง ครั้งที่สอง แม่ทิ้ง ครั้งที่สาม เพื่อนบ้านทิ้ง แค่นี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอสำหรับเด็กอายุสิบเจ็ด ผมไม่ได้อยากเกิดมาเพื่อถูกทิ้งสี่ครั้งเหมือนเศษขยะที่รอทางเขตมาเก็บนะ ผมแค่อยากมีครอบครัว ผมอยากมีคนอยู่ข้างๆ เข้าใจไหมหมอ --

ผมแค่อยากมีใครซักคนที่พูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นครอบครัวของผม

การเทศนายังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งนายก้องเกียรติร้องไห้หมอถึงยอมหยุด เขาส่งทิชชู่ให้แต่ผมไม่รับ ผมไม่อยากคุยกับเขาแล้ว ผมอยากเลิกหาหมอตั้งแต่วันนี้เพราะเขาไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มองว่าผมอยู่กับพี่อู๋เพราะกลัวความลำบาก ผมยอมรับว่าส่วนหนึ่งก็แอบกังวลเรื่องนั้นอยู่บ้าง แต่หลักๆคือผมไม่อยากถูกทิ้ง ผมยอมอยู่อย่างลำบากก็ได้ขอแค่มีใครซักคนเป็นครอบครัวของผม

“วันนี้ก้องไม่อยากคุยกับหมอแล้วเหรอ?”

ผมพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเหลือบมองนาฬิกา เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผมอยากออกจากห้องนี้เพื่อไปนั่งรอหน้าห้องจ่ายยา ผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าพี่อู๋มารอผมจริงๆตามที่สัญญาไว้

“ผมอยากเจอพี่อู๋ครับ”
“ก้องกังวลเรื่องพี่อู๋มากไปหรือเปล่า หมอว่า --”
“ผมอยากเจอพี่อู๋” ผมยืนยันเสียงหนักแน่น “จ่ายยาเลยเถอะครับ ผมไม่มีเรื่องจะเล่าให้ฟังแล้ว”

หมอไม่ถอนหายใจ ไม่แสดงท่าทีว่าเซ็งหรือผิดหวังที่กอริลลาก้องปฏิเสธการรักษาอย่างไร้เยื่อใย เขาเขียนใบสั่งยาแล้วอนุญาตให้ผมออกจากห้องได้ตามคำขอ เมื่อหลุดพ้นจากกรงแคบๆอันน่าอึดอัด ผมก็รีบตรงปรี่ไปห้องจ่ายยาทันที แต่ที่นั่นไม่มีผู้ชายท่าทางเหมือนพี่อู๋เลย ไม่มีซักคน ไม่มี -- พี่อู๋ไม่มา

ผมปลอบใจตัวเองด้วยการท่องว่าประกันอาจจะยังเคลียร์ไม่เสร็จ หลังจากนั้นก็นั่งรอ รอจนกระทั่งจ่ายเงินและรับยาเรียบร้อย

แต่พี่อู๋ก็ยังไม่มา

ผมทั้งมองหา ทั้งลุกเดินไปทั่วเพราะกลัวว่าจะมองข้ามเขาไป แต่พอเช็กจนแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีพี่อู๋จริงๆ ผมจึงเปลี่ยนมานั่งจ้องบันไดตาเขม็ง ทุกคนที่ผ่านไปมาล้วนตกใจเมื่อเห็นกอริลลาก้องมองพวกเขา ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั่งตรงนั้นนานแค่ไหน แต่รู้ตัวอีกที หน้าห้องจ่ายยาก็ไม่มีใครแล้ว

“ก้องเกียรติรอใครเหรอจ๊ะ?”

พยาบาลที่คุ้นเคยเอ่ยถาม ผมบอกว่ารอผู้ปกครองครับ เน้นคำว่าผู้ปกครอง เธอก็พยักหน้าแล้วร้องอ๋อ ปล่อยให้ผมรอต่อไปโดยไม่วุ่นวายอีก ผมรอ รอ รอ และรอจนเวลาล่วงเลยถึงบ่ายโมง ท้องของผมร้องประท้วงขออาหารแต่ผมไม่ใส่ใจ หิวเหรอ? ทนไปเถอะ ทรมานเหรอ? ทนไปเถอะ ทนไปเถอะ จนกว่าจะหาพี่อู๋เจอ แกต้องอดทน จนกว่าพี่อู๋จะมารับ จนกว่าจะได้เจอเขา จนกว่าจะได้กลับบ้าน นั่นแหละแกถึงได้รับอนุญาตให้กินอาหารได้

นาฬิกาบอกเวลาว่าบ่ายโมงสิบเอ็ดนาที

กอริลลาก้องนั่งร้องไห้เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าจะไม่ได้เจอผู้ปกครองอีกแล้ว




กอริลลาก้องผู้โดดเดี่ยวเดินออกตามหาผู้ปกครองทั่วโรงพยาบาล ทั้งหน้าห้องตรวจ ทั้งชั้นล่าง ทั้งลานจอดรถทุกแห่งจนถึงตึกผู้ป่วยในที่กำลังก่อสร้าง ผมเดินไปทุกที่จนเหงื่อชุ่มด้วยความหวังจะได้เจอผู้ปกครองอีกครั้ง แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าพี่อู๋ไม่ได้นั่งรอผมหน้าห้องจ่ายยาตามที่สัญญาไว้  เขาหายตัวไปเหมือนเอาหมามาปล่อยวัด แค่ขับรถเข้ามา สั่งให้ไปอยู่กับหลวงตา ขับรถออกไป เหลือไว้แค่หมาหัวเน่าที่ต้องเริ่มต้นใหม่เป็นหนที่สี่ในระยะเวลาแค่สิบเจ็ดปี

สิบเจ็ดปี -- ที่นายก้องเกียรติมีชีวิตอยู่เพื่อถูกทิ้งซ้ำๆมาถึงสิบเจ็ดปี

ผมเดินกลับไปจุดที่รถของเขาโดนชนหน้าโรงพยาบาล ไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากรอยพ่นสเปรย์สีขาวทำสัญลักษณ์ว่าเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตรงนี้ ผมยืนมองมันอยู่นาน มองแล้วได้แต่น้ำตาไหลเงียบๆ อย่างน้อยก็ควรบอกซักคำหรือเปล่า พี่อู๋น่าจะพูดกับผมตรงๆ บอกว่าเลี้ยงต่อไม่ไหวหรืออะไรก็ได้ ไม่ใช่พามาส่งโรงพยาบาลแล้วหายไปดื้อๆแบบนี้

ผมไม่ใช่คนโง่ ผมไม่ใช่เด็กดื้อที่ไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ แค่พี่อู๋พูดว่าไม่สะดวกใจจะให้อยู่ด้วยผมก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ถ้าเขาบอกตั้งแต่เนิ่นๆ ผมจะเก็บกระเป๋าย้ายออกจากห้องทันที ผมจะกราบเท้าขอบคุณสำหรับความเมตตาที่ผ่านมาด้วย น่าเสียดายที่พี่อู๋ไม่ได้ทำแบบนั้น เขาเลือกที่จะพาผมมาส่งแล้วจากไปเงียบๆ ไม่มีแม้แต่คำบอกลา ไม่มีเหตุผล ไม่ให้โอกาสนายก้องเกียรติได้พูดขอบคุณเลย

คิดเร็วก้องเกียรติ -- คิด

ผมบอกตัวเอง

คิดสิว่าคืนนี้จะนอนที่ไหน?

พี่อู๋อาจลืมไปว่าผมไม่ใช่หมา ผมจำทางกลับลาดพร้าวยี่สิบเจ็ดได้แต่ก็ไม่หน้าด้านพอจะไปเหยียบที่นั่นอีก ดังนั้นสิ่งที่อยู่ในหัวตอนนี้คือการวางแผนอนาคตตัวเองล้วนๆ ไม่ต้องคิดถึงงานพาร์ทไทม์ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องติดต่อสทศ. แค่คิดว่าคืนนี้จะค้างที่ไหนยังไม่รู้เลย บางทีผมน่าจะกลับเข้าไปในโรงพยาบาล ยกมือไหว้ขอโทษหมอที่ไม่สนใจคำแนะนำของเขาแล้วถามว่าผมควรทำยังไงต่อไป ตอนนี้พี่อู๋ทิ้งผมไว้ที่นี่ ผมควรไปไหน ควรไปอยู่กับใคร ควรเริ่มต้นใหม่ด้วยเงินหกร้อยกว่าบาทยังไงให้รอดจนกว่าจะยืนด้วยขาของตัวเองได้

ผมยืนคิดหน้าดำคร่ำเครียดอยู่หน้ากำแพงโรงพยาบาล มือขวาถือถุงยา มือซ้ายกำหมัดแน่นราวกับว่าถ้ามีโจรโผล่ปล้นเงินหกร้อยก็พร้อมชกหน้ามันทันที ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความกังวลยิ่งสะสมขึ้นเรื่อยๆ ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม ตามองต่ำบนพื้นฟุตปาธ เหงื่อหยดเป็นเม็ดตรงแก้มและรู้สึกเพลียเหมือนจะเป็นลม จังหวะที่กำลังมองหาเก้าอี้นั่งพัก สายตาก็เหลือบมองถนนฝั่งตรงข้าม ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนเปิดขวดโค้กด้วยท่าทางหงุดหงิดไม่แพ้กัน และเมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง เขาก็เงยหน้าสบตาผม

ไอ้ --
พี่อู๋ --


“โห -- ก้อง! หายหัวไปไหนมาเนี่ย! พี่หาจนรปภ.คิดว่าวางแผนมาปล้นโรงพยาบาลแล้วทำไมเพิ่งโผล่หน้ามา!”

ผู้ปกครองของผมตะโกนแข่งกับเสียงรถยนต์ที่วิ่งบนถนน ริมฝากของผมสั่นระริก ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือโมโหเพราะเห็นพี่อู๋ยืนกินโค้กหน้าตาเฉย ส่วนผมน่ะเหรอ? ยืนร้องไห้เหมือนเด็กถูกทิ้ง ทั้งร้อนทั้งหิวแทบจะเป็นลม แถมเครียดจนเส้นเลือดในสมองแทบแตก แต่พี่อู๋กลับเดินตากแอร์ในเซเว่น แล้วออกมายืนจิบโค้กหล่อๆรอกอริลลาก้องวิ่งออกจากป่าเองเนี่ยนะ

ไอ้ -- ไอ้ --

“ผมเกลียดพี่!” ผมตะโกนก่อนจะร้องไห้โฮออกมา “ผมเกลียดพี่! ไปไกลๆเลย! ไม่ต้องมายุ่งแล้ว!”


ฟุ่บ!

รถเมล์คันหนึ่งวิ่งผ่าน ข้อความเสียงของผมจึงถูกพัดหายไปกับรถคันนั้น

“อะไรนะ?!” พี่อู๋ถามกลับพลางปิดฝา “ข้ามถนนมาเร็ว! เราต้อง --”

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

แท็กซี่วิ่งผ่าน ตามด้วยรถกระบะและรถตุ๊กๆ

“ไม่! ผมไม่คุยกับพี่แล้ว ผมโกรธ --”

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ทีอย่างนี้ล่ะมากันเป็นขบวนเลยนะ

แล้วเกมตะโกนคุยกันข้ามฝั่งก็เริ่มขึ้น กอริลลาก้องพูดว่า ผมโกรธพี่ ผมไม่อยากยุ่งกับพี่ ไปเลย ไปให้พ้น ในขณะที่ผู้ปกครองของมันเอาแต่พูดว่า --

“ฮะ?! อะไรนะ?! ไม่ได้ยินเลย พูดให้มันดังๆหน่อยเว้ย!”

บางทีชีวิตก็เหมือนจังหวะในรายการทีวีซิตคอมแบบนี้แหละ ถ้าดูผ่านโทรทัศน์เราอาจจะขำให้กับความซวยซ้ำซวยซากของตัวละคร แต่พอเจอกับตัวเองจริงๆนี่หน้าสั่น ขำไม่ออก ต่อให้สุดท้ายมันจะจบวันอย่างแฮปปี้เอนดิ้งก็เถอะ แต่แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

เวรเอ๊ย -- ขอให้พรุ่งนี้ชีวิตไม่มีจังหวะซิตคอมทีเถอะ

ผมสบถเมื่อพี่อู๋ข้ามถนนมาหา พอเห็นหน้าชัดๆว่านี่คือคุณอุรัสยาตัวจริงผมกลับพูดอะไรไม่ออกนอกจากยืนน้ำตาไหลเงียบๆ มือไปไวกว่าสมอง เผลอตีพี่อู๋เพี๊ยะๆเหมือนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ผมตีไปก็ร้องไห้ไป บอกเขาว่าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ อย่าทิ้งผมแบบนี้อีกนะ ผมกลัว ผมไม่ชอบเวลาที่ไม่มีพี่อยู่ข้างๆเลย ต่อไปนี้พี่อู๋ห้ามไปไหนไกลๆ ห้ามทิ้งผมไว้คนเดียวอีก ไม่งั้นผมจะโกรธจริงๆด้วย ตอนผมโกรธน่ากลัวมากนะ อย่าทำให้ผมโกรธล่ะ ผมเอาจริงแน่

“คนที่ควรหงุดหงิดน่าจะเป็นพี่หรือเปล่า? รถก็ส่งต้องซ่อม ไหนจะเดินหาก้องตั้งครึ่งวันอีก ต่อไปพกโทรศัพท์เลยนะ เลิกตัดขาดจากโลกภายนอกได้แล้ว เห็นหรือยังว่าไม่มีโทรศัพท์มันลำบาก ถ้ามีนะ เราคง --”

บลา บลา บลา

พี่อู๋พูดไปเถอะ ผมไม่สน ผมจะร้องไห้ ตอนนี้ผมกำลังเม้งแตกเพราะกลัวสุดขีด พอเห็นนายก้องเกียรติหลุดจริงๆ พี่อู๋ก็ดึงผมไปกอดแล้วผละออก เขาบอกว่าผู้ปกครองที่ไหนจะทิ้งเด็กตัวเองได้ลงคอ ผมพูดสวนว่าเพื่อนพี่นั่นแหละ พวกเขานั่นแหละที่ฝังความกลัวในหัวผมจนหวาดระแวงขนาดนี้

“จะสนใจคนอื่นทำไมวะก้อง? ไอ้ตั้มมันก็พูดไปเรื่อย บอกแล้วไงว่าไม่ทิ้งคือไม่ทิ้ง”

พี่อู๋โคลงหัวผมอีกหนึ่งที

“หยุดร้องแล้วไปโบกแท็กซี่เลย เราคงไม่มีรถใช้อีกหลายวัน เซ็งชิบ”

ผมปาดน้ำตาพร้อมกับพยักหน้ารับ พี่อู๋ยืนกอดอกอยู่แนวหลัง ส่งกอริลลาเด็กไปโบกแท็กซี่ตัวคนเดียว

นาฬิกาบอกเวลาว่าบ่ายสามตรง

ไม่มีแท็กซี่ผ่านมาซักคัน คุณอุรัสยาสบถคำหยาบแล้วเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน พอกดใช้บริการปุ๊บ แท็กซี่สีฟ้าก็ขับผ่านมาพอดี เขาจอดเทียบฟุตปาธแต่เราปฎิเสธไป แท็กซี่คันนั้นจึงขับเลยอีกหน่อยเพื่อรับผู้โดยสารชาวต่างชาติสองคนแทน หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แอปก็เด้งเตือนว่ายกเลิกทั้งๆที่เราไม่ได้กดอะไรเลย

มายกเลิก -- ทำไมตอนนี้ --

ผมกับพี่อู๋มองหน้ากันเลิกลั่กก่อนจะวิ่งไล่แท็กซี่สีฟ้าที่ขับออกไปไกลเรื่อยๆ ซีนนี้ยิ่งกว่าฉากจบของหนังรักโรแมนติกที่พระเอกวิ่งตามรถนางเอกจนสุดสายตา ทว่าความจริงก็คือผู้ชายเถื่อนๆสองคนวิ่งไล่รถแท็กซี่เพื่อขอให้วนรถกลับมารับหลังส่งผู้โดยสารชาวต่างชาติเสร็จ

“วันนี้มันวันอะไรวะ?”

พี่อู๋สบถ(รอบที่ล้าน) เขาหงุดหงิดโมโหหิวและเริ่มตีอกตัวเองเหมือนกอริลลาจริงๆ แล้วเราก็กลับไปนั่งเหม่อริมถนนหน้าโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาอยู่นานจนกระทั่งแท็กซี่สีชมพูวิ่งผ่าน แวะจอดรับกอริลลาที่กำลังหิวโหยสองตัว

“ไปไหนครับ?”

คนขับถาม พี่อู๋ไม่รอให้เขาตอบว่าตกลงด้วยซ้ำ คุณอุรัสยากระโดดขึ้นรถ ตามด้วยกอริลลาก้อง ก่อนจะบอกคนขับด้วยน้ำเสียงอ่อนเปลี้ยเพลียแรงว่าไปบีทีเอส -- บีทีเอสไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด

พอรถออกตัว เราก็นอนหมดแรงด้วยกันทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่อู๋ก็ยังหันมายิ้มให้ผม เขายีหัวผมเบาๆแล้วทำปากขมุบขมิบว่า วันนี้โคตร xxx เนอะ ผมหัวเราะไม่ออกเสียง เขาก็หัวเราะเหมือนกัน เป็นจังหวะสั้นๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่อู๋คนเดิมกลับมาจนอยากหยุดเวลาไว้แค่ตอนนี้ ผมอยากเห็นความสุขเล็กๆเกิดขึ้นในชีวิตเราแบบนี้ทุกวัน อยากเห็นพี่อู๋ยิ้ม เห็นพี่อู๋หัวเราะ ผมอยากเห็นเขามีความสุขมากที่สุดเท่าที่ผู้ชายวัยสามสิบเอ็ดจะมีได้

ส่วนผมน่ะเหรอ?

ไม่ต้องมีความสุขมากเท่าเขาก็ได้ ขอแค่ไม่ถูกทิ้งและมีพี่อู๋อยู่ข้างๆ แค่นี้ก็เป็นความสุขที่สุดของกอริลลาก้องแล้ว



TBC


----------------------------------------------

#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้

แหะๆ หายไปนานเหมือนตายไปแล้ว แต่เพราะฟี้ดแบคน่ารักๆทำให้มีแรงกลับมาฮึบใหม่ ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานและขอบคุณที่ยังรอนะคะ หวังว่าตอนนี้จะทำให้คุณยิ้มได้ อาจจะเนิบนาบไปหน่อน แต่อยากให้ทุกคนเห็นว่าน้องก้องคิดยังไงกับพี่อู๋ สวัสดีวันศุกร์ค่ะ ขอให้ไม่โดนตามงานวันเสาร์อาทิตย์นะคะ บ๊ายบายค่า  :bye2:



ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ไม่รู้จะสงสารใครดี  :sad4: อยากให้พ้นวังวนนี้เสียที แงงง

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากให้รักษาให้หายทั้งคู่เลย ชอบการเล่าเรื่องมากค่ะ ชอบอารมณ์ขันแบบตลกร้ายของก้อง เป็นกำลังใจให้นะคะ :)


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มันจะรันทดกันไปไหนนะเรื่องนี้ความกังวลความเครียดมาเต็ม ปมแต่ละคนช่างหนักหนา

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เผลอด่าอิพี่อู๋ไปมากมาย ทำกับน้องยังงี้ได้ไง แต่สุดท้ายก็มารับเนอะ งั้นดีกันก็ได้

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
สงสารทั้งคู่เลย ขอบคุณที่พี่อู๋ไม่ได้คิดจะทิ้งน้องอย่างที่ก้องเข้าใจไปเองนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
วันนี้ก้องได้เป็นหลายอย่างนอกจากกอลิล่าก้อง ได้เป็นมันฝรั่งก้องด้วย เท่จริงๆ ฮ่าาา

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากกอดน้องกอลิล่าก้องแน่นๆหนักๆ
อยากเห็นวันที่น้องหาย
น้องไปโรงเรียนใช้ชีวิตวัยรุ่นปกติ

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องกอริลล่ามันฝรั่งฮึบๆ
 
เมื่อไรพี่อู๋จะได้รักษาาา


 :katai1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นเราก็กังวล อิพี่อู๋ไปยืนกินโค้กหน้าตาเฉย น้องรอตั้งนานนะ ! ปฏิเสธไม่ได้ยว่าคำพูดในวันนั้นของพี่อู๋มันเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันหายไปจากใจน้อง สงสารน้อง  :ling1:

ออฟไลน์ heymild

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องก้องงงสู้ๆ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เอออหากันจนเจอได้สักทีนะ เหงื่อแตกซ่ก เป็นวันที่อะไรๆก็ไม่ราบรื่นเอาซะเลย ไปๆกลับไปพักผ่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากันใหม่ อย่างน้อยวันเหี้ยๆนี่ยังมีรอยยิ้มให้กัน //คิดถึงกอลิล่าก้องกับอุรัสยา ขอบคุณที่แต่งและมาต่อนะคะ รอตอนต่อไปเลยค่ะ จะเกิดไรขึ้นบ้าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด