13 (PART2)
ผลของการกินยานอนหลับเกินขนาดทำให้พี่อู๋หน้ามึนเหมือนยังไม่ตื่น อารมณ์นิ่งเหมือนทะเลไม่มีคลื่นลม ความเครียดที่เคยฉายบนใบหน้าหายเป็นปลิดทิ้งราวกับเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ เป็นไงล่ะ ผมนึกในใจ บอกแล้วว่ามันดี ของมันต้องมีจริงๆ ถ้าพี่ไปหาหมอตอนนี้ ผมจะบอกหมอให้จ่ายยาดีๆทุกรอบเลย
เราอยู่ด้วยกันสองคนและทำกิจวัตรเดิมๆ พี่อู๋ตื่นสายกว่าผมนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าเช้ากว่าปกติ เขาเดินมาเปิดทีวีฟังพี่น้องไบร์ท ผมทำผัดฟักทองแต่เขากินไม่หมด ผมต้มกระดูกหมูให้กิน เขาก็กินแต่น้ำซุปแล้วเหลือหมูทิ้งไว้ ขณะที่ผมนอนดูแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคห้าบนโซฟา พี่อู๋ย้ายไปนั่งกดเปียโนเรื่อยเปื่อยเหมือนพยายามหัดเล่น แม้ว่าเสียงโทรศัพท์จะดังแทบตลอดเวลา แต่เขาก็ยังก้มหน้าก้มตากดคีย์เปียโนติ๊งๆไม่เป็นเพลง
ผมรอจนกระทั่งโทรศัพท์พี่อู๋ดังเป็นครั้งที่สามสิบสี่ คุณอุรัสยาทุบคีย์เปียโนด้วยความหงุดหงิดจนเสียงดังแปร่งก่อนจะเดินมารับสาย หัวใจของกอริลลาก้องเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ผมรู้อยู่แล้วว่าเกี่ยวกับคุณหมูพีแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพี่อู๋คงไม่กลับมาปั้นหน้าเครียดเหมือนเมื่อคืนหรอก
“ครับ ครับ” เขากรอกเสียงลงในสาย “ครับ ผมไม่ได้ชิ่งครับ ผมกำลังอาบน้ำแต่งตัวไปหาพีครับ”
พี่อู๋ตอบ เมื่อวางสายเขาก็ถอนหายใจแล้วเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผู้ปกครองของผมกำลังจะไปอีกแล้ว ความสัมพันธ์อันน่าเบื่อหน่ายนี่กำลังกัดกินความสดใสของพี่อู๋จนกลายเป็นคนกลวงโบ๋ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีความสุข ไม่มีแม้แต่ปากเสียงจะเถียงคนในสายว่าไม่ใช่หน้าที่เขาเลยที่ต้องไปดูแลหมูบ้า
“ให้ผมไปด้วยได้ไหมครับ?”
ผมถามเมื่อเห็นพี่อู๋เดินออกจากห้องน้ำ เขาเลิกคิ้วแล้วตอบว่าอย่าไปเลย ผู้ใหญ่อยู่กันเยอะ ไหนจะเพื่อน ไหนจะพ่อแม่ของพีที่ก็กำลังโมโหอีก เดี๋ยวก้องโดนด่าเอานะ แต่ผมยังยืนยันเจตนาของตัวเองเหมือนเดิม ผมจะไม่ปล่อยให้พี่อู๋ไปเผชิญหน้ากับเรื่องเฮงซวยที่เกิดจากผมอีกแล้ว ผมจะไปกับเขา เราจะอยู่ข้างๆกันในช่วงเวลาส้นตีนแบบนี้
“ผมรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุ ผมคงไม่สบายใจถ้าไม่ได้ขอโทษเขา”
ผมตอแหล
“พี่ให้ผมไปเถอะนะ อย่างน้อยให้ผมได้ขอโทษพ่อแม่ของพี่หมูพีที่พูดจาไม่ดีจนเขาทำร้ายตัวเอง”
“ก้องแน่ใจเหรอว่าอยากไป?” พี่อู๋ขมวดคิ้ว ท่าทางไม่ค่อยเห็นด้วย
“ครับ”
ผมตอบด้วยเสียงหนักแน่นยิ่งกว่าสมัยเรียนรด. เมื่อพี่อู๋พยักหน้ารับ ผมก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นวีออสสีดำพร้อมผู้ปกครอง เตรียมมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมคุณหมูบ้าทันที
☁
หน้าห้องพักผู้ป่วยมีคุณลุงคุณป้าคู่หนึ่งนั่งหน้าเศร้ากับเพื่อนๆของคุณพีรพัฒน์อีกสามสี่คน ทันทีที่พี่อู๋ปรากฏตัวขึ้น ทุกสายตาก็จับจ้องมาด้วยความไม่พอใจนิดๆเพราะมาเยี่ยมคุณหมูพีช้า แต่หากมองเลยไปอีกหน่อย พวกเขาจะเห็นกอริลลาก้องในสภาพแผลเต็มตัวยืนหลบหลังผู้ปกครองเหมือนเด็กกลัวความผิด
“แกก็กล้าพามันมาอีกเนอะ” พี่ผู้หญิงที่แต่งตัวสวยคนหนึ่งพูด “ทำพีเจ็บตัวขนาดนี้แล้ว จะพาเด็กมันมาตอกย้ำพ่อกับแม่ทำไม?”
ผมยกมือไหว้ทุกคนด้วยท่าทางจ๋อยๆ พอถึงเวลาจริงๆแล้วการตกอยู่ในจุดที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิดนั้นยากที่จะทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมประหม่าเมื่อแววตาของบรรดาผู้คนที่รักคุณหมูพีจับจ้องมายังเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าคนนี้ คำพูดง่ายๆอย่างขอโทษครับจึงยังไม่หลุดออกจากปากของกอริลลาก้อง ผมยืนตัวลีบอยู่นานจนพี่อู๋ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
“พีเป็นไงบ้าง?”
“จะถามถึงทำไม? เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
งั้นพวกคุณจะโทรจิกให้พี่อู๋มาที่นี่ทำซากอะไร เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ
ผมคิด แต่ไม่ได้พูด
ดูหมือนว่าทุกคนจะโยนความผิดให้พี่อู๋มากกว่าผมที่เป็นตัวต้นเหตุ พวกเขากล่าวโทษว่าพี่อู๋สันดานไม่เคยเปลี่ยนเลย ทั้งๆที่พีให้โอกาสแก้ตัวรอบที่ร้อยแล้ว แต่ก็ยังทำให้พีเสียใจจนอาการกำเริบอีก บลา บลา บลา อู๋ คราวนี้มันเกินไปนะ พีกรีดลึกจนเอ็นเกือบขาด แทนที่จะแสดงความรับผิดชอบกลับลอยตัวเหนือปัญหา บลา บลา บลา พีอาการดีขึ้นแล้วแท้ๆแต่ต้องกลับมาทำร้ายตัวเองเพราะ บลา บลา บลา
บลา บลา บลา
บลา บลา
บลา
หลากหลายถ้อยคำตำหนิสาดใส่ผู้ปกครองของผมยิ่งกว่าปืนกล พี่อู๋ก็ช่างว่าง่าย ยืนเก็บมือเรียบร้อยและน้อมรับคำผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำทุกอย่าง กอริลลาก้องผู้ขี้ขลาดได้แต่แก้ต่างแทนอยู่ในใจ คนพวกนี้ไม่รู้อะไรเลยเพราะไม่เคยเห็นว่าเวลาที่พวกเขาอยู่กันสองคน คุณพีรพัฒน์ผู้อ่อนหวานนั้นทำตัวประสาทแดกแค่ไหน สำหรับผม พี่อู๋ทำดีที่สุดแล้ว เขาทำเต็มที่ในส่วนของการดูแลคุณหมูพี แต่ส่วนของความรัก ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนั้นยังตกตะกอนในใจของเขาหรือเปล่า
“นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่อู๋ทำให้พีเสียใจ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ดี อู๋ไม่อายบ้างเหรอถ้าคนอื่นรู้ว่าออฟเด็กมาเลี้ยงทั้งๆที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว”
คุณพ่อของคุณหมูพีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆไม่ใส่อารมณ์ แววตาของเขาไม่แสดงออกว่าโมโหเหมือนในละครที่แม่ชอบดู แต่ความน่ากลัวนั้นมากจนพี่อู๋ถึงกับอึ้ง พูดอะไรต่อไม่ถูก ซักพักคุณแม่ของคุณหมูพีก็เริ่มร้องไห้ เธอบอกว่าผิดหวังในตัวพี่อู๋มาก ทั้งๆที่แม่รักและไว้ใจให้อู๋ดูแลพี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพีมีอู๋คนเดียว เขารักอู๋ตลอด ทุ่มเททุกอย่างเพื่ออู๋ เขาผูกพันกับอู๋มาก ทำไมอู๋ทำแบบนี้กับลูกของแม่ ถ้าอู๋ไม่รักพีแล้วก็คืนพีให้พ่อกับแม่ดีกว่า อย่าทำร้ายน้ำใจพีอีกเลย
โห -- ถ้าจะมาเป็นบทขนาดนี้ ผมว่าส่งให้ผู้จัดละครซักช่องเอาไปทำละครเถอะ
แม่ของคุณหมูพีเล่นใหญ่จนทุกคนน้ำตาคลอยกเว้นกอริลลาก้องที่ยืนอยู่ด้านหลัง พี่อู๋เอาแต่พูดว่าขอโทษครับ ขอโทษครับแต่ไม่อธิบายอะไร เขาไม่ดันผมไปยืนข้างหน้าแล้วบังคับให้พูดขอโทษตามที่บอกไว้ แต่กลับใช้แผ่นหลังของตัวเองบังผมราวกับไม่อยากให้คำพูดเจ็บแสบพวกนั้นทำร้ายกอริลลาก้อง
พี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก -- ผมนึกในใจ เพราะคำพูดพวกนั้นน่ะจิ๊บจ๊อยมากสำหรับผมเมื่อเทียบกับประโยคที่ป้าเพ็ญใช้ด่าพวกเบี้ยวหนี้เสียอีก ดังนั้นผมจึงขยับตัวไปยืนข้างพี่อู๋แล้วยกมือขอโทษเพื่อหยุดละครฉากนี้
“อย่าว่าพี่อู๋เลยครับ ผมผิดเอง ผมผิดที่พูดจาไม่ดีกับพี่หมูพี”
ผมแสดงความเสียใจออกมาตรงๆและแย่งซีนพี่อู๋ด้วยการเริ่มฉากใหม่
“ทั้งหมดเป็นความผิดของผมครับ ผมพูดจาสะกิดแผลใจพี่หมูพีจนเขาทำร้ายตัวเอง แต่ที่พูดไปเพราะผมหวังดี ผมอยากให้คุณหมูพีเข้าใจพี่อู๋และเลิกตีพี่อู๋ซักที”
สถานการณ์พลิกกลับเมื่อผมพูดคำว่าตีพี่อู๋ วิธีเปิดประโยคด้วยการขอโทษและปิดท้ายด้วยการเกริ่นในสิ่งที่คนนอกไม่เคยรู้คือการฟ้องโดยไม่ทำให้ภาพลักษณ์ดูแย่ แต่พอเห็นท่าทางเฉยชาของพวกเขาผมถึงตระหนักได้ว่าไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้
ครอบครัวและเพื่อนๆของคุณหมูพีต่างรับรู้ว่าเขาทำร้ายพี่อู๋มาตลอด แค่ไม่เคยรู้ว่ามันรุนแรงขนาดไหน
ผมถือโอกาสนี้บอกว่าผู้ปกครองของผมอดทนมามากจริงๆ พี่อู๋ทำดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้แฟนได้แล้ว ถ้าทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าคุณหมูพีอยู่ในภาวะไม่ปกติก็อย่าต่อว่าพี่อู๋อีกเลย พวกคุณคงรับรู้แค่ตอนที่คุณหมูพีทำร้ายตัวเองจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ตอนพี่อู๋เป็นฝ่ายโดนกระทำล่ะ พวกคุณเคยรู้บ้างไหม เคยมาเยี่ยมหรือสั่งให้คุณหมูพีขอโทษเหมือนที่สั่งพี่อู๋บ้างไหม
ก็ไม่เห็นเคยทำแบบนั้นเลยนี่
แล้วทำไมถึงกล้าเอาพรรคพวกมากดดันพี่อู๋ในขณะที่เขาแทบไม่เคยใช้ใครเป็นเครื่องมือทำร้ายคุณหมูพีเลยซักครั้ว ทำไมไม่แฟร์กับพี่อู๋บ้าง ทำไมไม่เห็นใจผู้ปกครองของนายก้องเกียรติบ้าง
“ลองดูมือพี่อู๋สิครับ”
ผมถือโอกาสดึงมือซ้ายที่มีรอยแผลเป็นของพี่อู๋ รอยเย็บตะปุ่มตะป่ำคือหลักฐานชั้นดีว่าสิ่งที่พี่อู๋ต้องเจอก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเหมือนกัน เขาทั้งโดนตบโดนตี บางครั้งถึงกับโดนเท้าถีบแต่พี่อู๋ไม่เคยบอกใครเลย เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อให้คุณหมูพีดูดีในสายตาของทุกคนตลอด เพราะฉะนั้นจะมาอ้างว่าพี่อู๋ทำให้คุณหมูพีเจ็บตัวฝ่ายเดียวคงไม่ถูก ต้องพูดว่าพวกเขาทำร้ายกันและกันต่างหาก แค่วันนี้พี่อู๋ขอเป็นฝ่ายไปไม่ได้แปลว่าพวกคุณจะชี้หน้าด่ายังไงก็ได้ ลองคิดดูสิว่าการที่คนคนหนึ่งหมดความอดทนกับคนรักที่คบมาเกือบสิบปีมันต้องหนักขนาดไหน คุณหมูพีต้องร้ายขนาดไหนพี่อู๋ถึงทนต่อไปไม่ไหว
ฉากการโต้วาทีในหัวข้อนายอู๋คือคนเหี้ยหรือไม่ถูกขัดขวางโดยนางพยาบาล เธอเดินออกจากห้องเพื่อแจ้งให้พวกเราทราบว่าคุณหมูพีตื่นแล้ว เขาบอกว่าอยากเจอแม่ ช่วยเข้าไปพบผู้ป่วยหน่อยนะคะ คุณแม่ของคุณพีรพัฒน์ขอบคุณเธอก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนานเกือบสิบนาที ซักพักก็ออกมาใหม่ก่อนจะเรียกพี่อู๋
“อู๋ พีมีเรื่องจะคุยด้วย”
ท่านบอก ผมได้แต่มองผู้ปกครองเดินเข้าห้องผู้ป่วยด้วยความเป็นห่วง ในใจหวังว่าจะไม่มีการรีเทิร์นหรือความอาลัยอาวรณ์ที่ยืดเยื้อและน่ารำคาญอีก แน่นอนว่าตลอดเวลาที่พี่อู๋อยู่ข้างใน กอริลลาก้องโดนสายตาจับจ้องเหมือนเป็นลิงประหลาด สายตาของพวกเขาไม่ได้จงเกลียดจงชังหรือดูถูกเหยียดหยาม ก็แค่มองมา มอง -- จนผมรู้สึกตัวเล็กลงเหมือนถูกบีบด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น
พี่อู๋อยู่ในนั้นแค่ห้านาทีแล้วออกมา สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์หรือบ่งบอกอะไรเลยนอกจากยกมือไหว้ขอโทษพ่อแม่คุณพีรพัฒน์อีกครั้ง เหล่าเพื่อนๆของคุณหมูพีรีบเดินเข้าห้องพักผู้ป่วยเพื่อปลอบใจเพื่อนรัก แต่ผมว่าคงรีบไปเผือกว่าผลลัพธ์เป็นยังไงมากกว่าเพราะสีหน้าของบางคนดูอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเป็นห่วงเพื่อน
ในขณะที่ละครฉากใหญ่กำลังดำเนินหน้าห้อง กอริลลาก้องคิดว่าผู้ปกครองคงขอโทษและขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้งเพื่อดูแลลูกชายของพวกเขาแน่ๆ ผมมั่นใจว่าพี่อู๋รู้ดีว่ายังเลิกกับคุณหมูพีตอนนี้ไม่ได้ ไม่งั้นเขาจะฆ่าตัวตาย แล้วหัวใจของพี่อู๋ก็จะยิ่งเหวอะหวะขึ้นไปอีกหากมีคนใกล้ตัวตายด้วยวิธีนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
“สรุปอู๋จะเอายังไงต่อไป? ยังรักพีเหมือนเดิมไหม?”
คุณพ่อของคุณพีรพัฒน์ถาม พี่อู๋นิ่งไปแค่ชั่วครู่แล้วยกมือขอโทษคุณพ่อคุณแม่ของอดีตคนรัก
“ผมกับพีตัดสินใจแล้วครับ”
เขาเลี่ยงการตอบว่ารักหรือไม่รัก
“ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ผมว่าเราเลิกกันดีกว่า”
ผิดคาดจากที่ผมคิดไว้ พี่อู๋บอกเลิกคุณหมูพีต่อหน้าพ่อแม่ของเขาอย่างเป็นทางการแล้ว
“หลังจากนี้ผมจะคืนหมูพีให้กับคุณลุงคุณป้าและจะไม่ยุ่งกับพีอีกตามที่ทุกคนสั่ง ขอโทษที่ไม่มีความอดทนมากพอนะครับ แต่ถ้าต้องอยู่กันแบบนี้ต่อไป ผมเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน”
พี่อู๋ยกมือไหว้เป็นครั้งสุดท้ายแต่ยังคงเก็บเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ไว้กับตัวเอง เขาไม่บอกพ่อแม่คุณหมูพีเลยว่าเคยโดนอะไรมาบ้าง ไม่แม้แต่จะใส่อารมณ์หรือแสดงความหงุดหงิดออกมาให้เห็น จังหวะที่กำลังยกมือไหว้ขอตัวกลับ แม่ของคุณหมูพีก็พูดขึ้น
“จะเอาแบบนี้จริงๆเหรออู๋? คบกันมาสิบปี แต่จะทิ้งพีไปด้วยเหตุผลนี้จริงๆเหรอ?”
เธอมองมาที่กอริลลาก้องเป็นนัย เราต่างรู้ว่าคุณแม่ของคุณพีรพัฒน์หมายความว่ายังไง เธอไม่พอใจที่พี่อู๋เด็ดขาดถึงขนาดพูดตรงๆว่าจะไม่ยุ่งกับลูกชายของพวกเขาอีก บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร ในเมื่อพูดเองว่าถ้าไม่รักก็ให้คืนคุณหมูพีกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่ แต่พอคืนให้จริงๆก็ไม่พอใจ แสดงออกชัดเจนว่าต้องการให้พี่อู๋อยู่ที่เดิมเพื่อลูกชายตนเอง
“พีอยู่ไม่ได้นะถ้าไม่มีอู๋”
“ผมทราบครับ” พี่อู๋ตอบ “แต่ผมก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าพียังเป็นแบบนี้”
“แน่ใจเหรอว่าสาเหตุคือพี? ไม่ใช่คนอื่นเหรอที่ทำให้อู๋เปลี่ยนไป?”
พี่อู๋ส่ายหน้า เขายืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่ใช่ ไม่มีใครทำให้พี่อู๋เปลี่ยนไปทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นเพราะเขาเบื่อที่คุณหมูพีชอบทำร้ายตัวเองเวลาไม่ได้ดั่งใจ หลังจากเอมตายไป เขาไม่มีความอดทนมากพอที่จะรับมือกับคนป่วยเหมือนเมื่อก่อน ถ้าคุณหมูพีทำร้ายพี่อู๋คนเดียว เขาอาจจะทนต่อไปได้ แต่เพราะคุณหมูพีทำร้ายกอริลลาก้อง นั่นต่างหากคือสิ่งที่พี่อู๋รับไม่ได้
ผู้ปกครองดึงผมไปยืนข้างหน้าแล้วชี้รอยบาดจากเศษจานให้พวกเขาดู ทั้งแขนและใบหน้า โดยเฉพาะตรงคางที่เหวอะกว่าจุดอื่นเป็นพิเศษ พี่อู๋พูดว่าเห็นแผลพวกนี้ไหมครับ ฝีมือของพีทั้งนั้น พีอายุจะสามสิบแล้ว แก่กว่าก้องตั้งเท่าไหร่แต่ทำไมทำกับเด็กได้ลงคอ ก้องอายุแค่สิบเจ็ดเอง แถมยังโดนพีสั่งให้ทำงานเหมือนเป็นคนใช้ส่วนตัวด้วยซ้ำ ก้องดีกับพีขนาดนี้ ทำไมต้องโหดร้ายกับเด็กจนเอาเศษกระเบื้องกรีดด้วย
“ลองคิดดูสิครับว่าถ้าพีโดนกรีดจนเหวอะแบบนี้ทั้งตัว พ่อกับแม่จะรู้สึกยังไง”
พี่อู๋พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆเมื่อพ่อกับแม่ของอดีตแฟนไม่คิดจะโทษลูกชายตัวเองเลย
“ผมเคยบอกพีแล้วว่าสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการทำร้ายเด็ก การที่ก้องไม่มีพ่อแม่ ไม่ได้หมายความว่าใครจะทำอะไรเขาก็ได้ เด็กทุกคนควรได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ ไม่มีเด็กคนไหนบนโลกสมควรโดนแบบนี้ ไม่มีใครสมควรโดนกรีดจนเหวอะเหมือนก้องทั้งนั้น”
คุณพ่อคุณแม่ของคุณหมูพีเงียบไปครู่ใหญ่ พวกเขามองมาที่นายก้องเกียรติสลับกับผู้ปกครองราวกับสื่อสารกันทางสายตา ผมว่าในประโยคพวกนั้นน่าจะมีความหมายมากกว่าที่พี่อู๋พูดเพราะสีหน้าคุณแม่ของคุณหมูพีเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนสัมผัสได้ถึงนัยแฝงบางอย่าง
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ผมกับก้องขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
เขาพูดแค่นั้นแล้วจูงมือกอริลลาก้องที่กำลังยกมือจะสวัสดีไปลานจอดรถ ผมไม่รู้ว่าพี่อู๋เสียใจไหมเพราะใบหน้าของเขานั้นเรียบตึงไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย นายก้องเกียรติรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ลึกๆก็ดีใจที่คุณหมูบ้าจะไปให้พ้นๆจากชีวิตของเราเสียที แต่อีกใจก็เป็นห่วงผู้ปกครอง คนคบกันมาสิบปี ต่อให้สาเหตุที่เลิกกันจะมีเหตุผลขนาดไหน คงไม่มีใครพูดได้เต็มปากว่าไม่เสียใจที่ต้องเลิกรากันไปหรอก
ปิ๊บๆ
พี่อู๋กดรีโมตปลดล็อครถแล้วขึ้นนั่ง กอริลลาก้องรีบตามไปติดๆ เราต่างคาดเข็มขัดนิรภัยโดยไม่พูดจากัน ไม่มีคำถาม ไม่มีการปลอบใจ ไม่มีการจับมือเพื่อให้กำลังใจทั้งนั้น ผมปล่อยให้พี่อู๋อยู่ในช่องว่างซักพัก เมื่อเขาพร้อม เขาจะบอกผมเอง เขาจะบอกนายก้องเกียรติเองว่าต้องการอะไร
“ก้องว่าพี่ผิดมากเลยเหรอที่บอกเลิกพี?”
พี่อู๋ถามลอยๆเหมือนไม่จริงจัง เขาสตาร์ทรถแต่ยังไม่ขับออกจากลานจอด ใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกค่อยๆหันมาทางผม กอริลลาก้องส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“พี่ทำดีที่สุดแล้วครับ”
ผมพูดแค่นั้น ไม่ได้ให้คำตอบชัดเจนว่าผิดหรือไม่ผิดตามที่เขาขอความเห็น พี่อู๋ไม่ถามอะไรอีกนอกจากดึงเบรกมือลงแล้วออกรถ เราเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกอึมครึม มันทั้งอึดอัดทั้งหม่นเศร้าจนผมต้องถือวิสาสะเปิดวิทยุเพื่อไม่ให้ห้องโดยสารเงียบเกินไป ตอนแรกทุกอย่างไปได้ด้วยดี พี่อู๋ดูผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ฟังเพลงของบรูโน่ มาร์ส แต่พอสถานีเล่นเพลงอย่าบอกของอะตอม ชนกันต์ บรรยากาศก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อถึงท่อนเพลงที่ว่า --
อย่าบอกว่าเธอเสียใจ
คนที่เสียใจวันนี้ต้องเป็นฉันผู้ปกครองของผมที่เคยเข้มแข็งมาตลอดหลายชั่วโมงก็น้ำตาไหลอาบแก้มทันที
☁
กว่าเราจะฝ่าแยกรัชดาลาดพร้าวที่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างมาได้ ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง กับข้าวเมื่อตอนเช้าเริ่มส่งกลิ่นบูดเปรี้ยวจนต้องเททิ้งและล้างทำความสะอาด ผมถามพี่อู๋ว่าอยากกินอะไรหน่อยไหม เขาก็ส่ายหน้าแล้วขอตัวไปอาบน้ำ
ผมไม่ยื้อหรือคะยั้นคะยอให้พี่อู๋กินข้าวเย็น ผมแค่ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองเกือบชั่วโมง พี่อู๋เก็บตัวในห้องนอนใหญ่นานมาก เขาเงียบจนผมเริ่มเป็นห่วงจึงลองเปิดประตูเข้าไป ผมเห็นคุณอุรัสยาผู้เคยร่าเริงกำลังนอนพิจารณาเพดาน ข้างๆคือสมาร์ทโฟนที่เปิดแอปพลิเคชันเฟสบุ๊กทิ้งเอาไว้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสือก แต่เพราะหน้าจอมันใหญ่เอง ผมก็เลยเห็นสเตตัสด่าพี่อู๋แบบลอยๆอยู่ในหน้าฟี้ดที่ติดแฮชแท็กว่า --
#หมดรักก็พูดตรงๆ #อย่าตอแหลว่าไม่ชอบคนทำร้ายเด็ก ตอนนี้เรื่องคงถึงหูพวกเพื่อนๆของพวกเขาหมดแล้วแน่ๆ พี่อู๋โดนด่าเละเพราะไม่มีใครเปิดใจฟังความจากฝั่งเขาเลย
“มีอะไรหรือเปล่าก้อง?”
พี่อู๋ถาม ผมตอบว่าเปล่าครับ แค่จะเอาสบู่ก้อนใหม่มาเติมแล้วแสร้งเดินเข้าห้องน้ำ ผมทำเป็นจัดนั่นจัดนี่อีกชั่วครู่ก่อนจะออกมา หน้าจอไอโฟนมืดสนิทแล้ว มันมืดเหมือนแววตาของพี่อู๋ในตอนนี้เลย
“พี่อู๋รู้ไหมว่าอะไรดีกว่ายานอนหลับ?”
ผมถาม คุณอุรัสยาเลิกคิ้วแล้วหันมามอง เขาพูดสั้นๆว่ากัญชา ผมจึงตอบว่าไม่ใช่
“งั้นอะไรล่ะ?”
พี่อู๋ถามต่อด้วยท่าทางเหมือนต้นไม้ใกล้ตาย เหมือนผมในคืนแรกของงานศพแม่ เหมือนตอนที่กอริลลาก้องรู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่มีที่ให้ยืนอีกแล้ว ดังนั้นผมจึงขยับเข้าไปใกล้เตียง ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นแล้วจ้องตาพี่อู๋เพื่อบอกเขาว่ายังมีที่ว่างเล็กๆอยู่ตรงนี้ ในห้องนอนของเขา พี่อู๋สามารถแสดงออกได้ว่ารู้สึกยังไง ยิ่งเห็นท่าทีของผม พี่อู๋ก็ยิ่งประหลาดใจ เขายีหัวกอริลลาก้องจนฟูยุ่งก่อนจะถามเซ้าซี้ว่าบอกมาสิว่าอะไรดีกว่ายานอนหลับ อะไรที่จะช่วยให้เขาหลุดจากภาวะตรงนี้ได้
“การร้องไห้ครับ” ผมเฉลยแล้วจับมือผู้ปกครองเบาๆ “ร้องออกมาเถอะครับ มันดีกว่ายานอนหลับที่พี่ขโมยไปจากผมอีกนะ”
พี่อู๋บอกว่าพี่ไม่เป็นไรหรอก พี่โอเคแล้ว ดีเสียอีกที่จบๆกันซักที ดังนั้นผมจึงบีบมือเขาเบาๆแล้วเดินออกจากห้อง แสร้งทำเป็นว่าไปหาอะไรกินทั้งๆที่ยังยืนหลบอยู่หลังบานประตู แค่ก้าวเท้าออกจากพื้นที่เล็กๆของเขาไม่กี่วินาที เสียงสะอื้นก็ดังขึ้น พี่อู๋ร้องไห้คร่ำครวญยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เขาครางเสียงเล็กแหลม เขาสะอื้นโฮ เขาหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ ขณะที่ผมยืนฟังเสียงของพี่อู๋ด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน นายก้องเกียรติก็ตระหนักได้ว่าผู้ปกครองที่น่าสงสารกลายเป็นกอริลลาเต็มตัวไปเสียแล้ว
TBC
----------------------------------------------
#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้
สวัสดีปีใหม่ 2019 ค่า ขอให้เป็นปีที่ดี ถูกหวยรวยฟ้าผ่ากันทุกคนเลยนะคะ ♥
มาช้าแต่มาเยอะเป็นพิเศษ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์เช่นเคย หากมีคำติชมสามารถคอมเม้นต์ได้ตลอดเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจน้า ถือว่าเป็นการช่วยกันให้นิยายดีขึ้น อีกเรื่องที่อยากขอบคุณคือกำลังใจน่ารักๆจากนักอ่าน มันทำให้นิยายเรื่องนี้มีตอนถัดไปจริงๆค่ะ ในปี 2019 อาจมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น จนกว่าจะถึงวันนั้น ช่วยรับฟังหนูและอยู่ด้วยกันจนกว่านิยายจะจบด้วยนะคะ ;-; ♡
ด้วยรัก
Ms.Ambiguous