เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 124078 ครั้ง)

ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นี่ดีใจแทนอ่ะ เพราะก็ผ่าน tcas มาเหมือนกัน ลุ้นไปพร้อมๆก้องเหมือนสอบเองเลยอ่ะ ยินดีด้วยน๊าค้าบคนเก่ง ชีวิตหนูกำลังจะดีขึ้นแล้วนะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ลุ้นกับก้องมากๆๆๆ ยังกะไปสอบเอง ดีใจด้วยจรืงๆนะก้อง
แต่ว่าไม่ได้เรียนบางเขนพี่อู๋ไปรับทุกวันไม่ได้ละสิ พี่อู้จะหวงก้องมั้ยนะ ได้ไปเจอสังคมใหม่ๆ เอาใจช่วยนะพี่อู๋ เอาชนะใจก้องให้ได้

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
เอ็นดูวความอ้อน ตลกคำว่ากอลลิล่าทุกครั้งอะ555555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีใจกับก้องและพี่อู๋ ค่อย ๆ พากันเดินไปสู่อนาคตอันสดใสนะหนูนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เครียดเรื่องสอบได้แล้วก็มาเครียดเรื่องเรียนต่อนะกอลิลล่าก้อง

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีใจกับก้องและพี่อู๋ด้วยนะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
โอ้ย ตอนนี้หลายอารมณ์มาก น่ารักกันจริงๆ

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เข้าใจฟิลความเสียใจที่สอบไม่ติด แต่น้องก็ผ่านมาได้ แงงง น้องก้องเก่งมากเลยยคับ

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักอ่ะ... :katai2-1:

ออฟไลน์ s4ow4n33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีใจด้วยนะก้อง กู้ร้องให้สุดเสียง สมัยสอบเข้านี่ก็ปวดหัว เสียนำ้ตาไปหลายเหมือนกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
น้องก้องงงงงง ดีใจด้วยยยยย

ออฟไลน์ monalism

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กอลิล่าก้องงงงงง เวลคัมทูประเทศลาดกระบังงงงงงงง
 :mc4: :mc4:  :mc4:
//อ้าแขนรับ งื้อออออ ลุ้นแทนน้อง ตัวบิดไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ newyork_jaja2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เขียนดีมากเลย เป็นกำลังใจให้คนแต่ง อ่านเพลินมากเลย :pig4: :L2:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
32 [PART1/3]

คืนวันที่สอง มิถุนายน

ผมนั่งเตรียมเอกสารสำคัญใส่แฟ้มอย่างตื่นเต้นทั้งๆที่เว็บไซต์เขียนว่าต้องนำบัตรประชาชนตัวจริงกับสำเนาระเบียนผลการเรียนไปเท่านั้น แต่ผมเตรียมสำเนาทะเบียนบ้านและเอกสารอื่นๆไปด้วย เผื่อทางมหาวิทยาลัยขอดูจะได้ไม่ต้องกลับมาเอาที่ลาดพร้าวอีก

หลังจัดของใส่เป้ ผมก็ยืนรีดเสื้อผ้าของตัวเองและของพี่อู๋จนเรียบกริบ ผมแทบไม่ต้องกังวลเลยว่าควรใส่อะไรเพราะคุณอิศรินทร์ผู้มีเซนส์แฟชั่นดีกว่าใครได้เลือกไว้ให้แล้ว พรุ่งนี้ผมจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงสแลคสีดำและรองเท้าหนังที่พี่อู๋ซื้อให้ ส่วนเขาสวมเสื้อพับแขนสีฟ้า กับกางเกงยีนสีเข้มและรองเท้าผ้าใบ เราจะตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย พี่อู๋บอกว่าต้องรีบออกหน่อยเพราะวันจันทร์รถค่อนข้างติด ดังนั้นเราจึงตกลงกันว่าจะตื่นตีห้าและออกจากบ้านหกโมง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะถึงลาดกระบังตอนเจ็ดโมงพอดี

 “รีดกี่รอบแล้วก้อง พอก่อน เดี๋ยวผ้าไหม้”

พี่อู๋แซวเมื่อเดินออกจากห้องนอนก็เจอเด็กขี้เห่อยืนรีดผ้าหน้าเตา ผมบอกพี่อู๋ว่าเว่อร์ ผมแค่รีดเก็บรายละเอียดแค่นี้เอง ไม่ได้รีดสองรอบเสียหน่อย

“พรุ่งนี้พี่ลางานได้จริงๆใช่ไหมครับ?”
“ได้”

เขาบอก แต่ผมคิดว่าคำว่า ได้ ของพี่อู๋อาจจะทำให้ชิราอิชิซังเคืองอยู่บ้าง วันก่อนเขาเพิ่งบ่นว่านายไม่อยากให้ลาเพราะไม่มีคนรับช่วงต่อ พี่อู๋ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาจำเป็นต้องพานายก้องเกียรติไปมอบตัวจริงๆ ดังนั้นหน้าที่ล่ามเฉพาะกิจจึงต้องเป็นของน้องฝ่ายจัดซื้อแทน ซึ่งทั้งสองคนจะคุยกันรู้เรื่องไหม เดี๋ยวชิราอิชิซังคงโทรมาด่าพี่อู๋อีกที

วันที่สาม มิถุนายน เราเดินทางไปสัมภาษณ์ที่ลาดกระบัง

ผมนั่งตื่นเต้นในรถโดยมีพี่อู๋คุยโทรศัพท์สั่งงานกับน้องจัดซื้อที่ออฟฟิศ หลังจากนั้นก็คุยเล่นกันฆ่าเวลาระหว่างเดินทาง พี่อู๋ถามว่าสัมภาษณ์เสร็จจะไปดูหอพักเลยไหม ผมบอกเขาว่าไม่ต้องดูหรอกครับ เพราะผมจะอยู่หอใน มันถูกดี ไม่อยากให้พี่เปลืองตังค์

“หอในมันเก่านะ”
“ไม่เก่าครับ ผมลองหาดูแล้ว” ผมเปิดเฟสบุ๊กเพจชาวหอในให้ผู้ปกครองดู แต่เขาขับรถอยู่เลยไม่ละสายตามามอง “มีห้องแอร์กับห้องพัดลม ผมอยู่ห้องพัดลมได้นะ เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเก่า ผมก็เปิดแค่พัดลม”
“ตอนนี้โลกร้อน อยู่ห้องแอร์เถอะ”
“แต่ห้องแอร์เดือนละห้าพันเลยนะพี่อู๋”
“ก็ตกกะปินิ”
“ปกติ!!!!” เชื่อไหมว่าผมแก้มุขตกกะปิเกินสิบครั้งแล้วในรอบเดือนนี้ “แต่เขายังไม่ประกาศเลยครับว่ารับสมัครวันไหน ในเพจบอกว่าจะแจ้งเดือนมิถุนานี้แหละ”
“แต่พี่อยากให้ก้องอยู่หอนอก มันสะดวกกว่า”
“หอในสิครับสะดวกกว่า อยู่ในมอเลยนะ”
“แล้วพี่ขอเข้าไปนอนด้วยได้หรือเปล่าล่ะ? ไอ้เด็กโง่”

พี่จะมานอนด้วยทำไมล่ะครับ เอ้อ – ก็อยู่บ้านสบายๆไปสิ

ผมคิด แต่ไม่ได้พูด เพราะถ้าพูดออกไปน่าจะโดนมะเหงกก้อนใหญ่อีกปึ้ก





เราถึงสถานที่สัมภาษณ์เร็วก็เลยมีเวลากินขนมปัง ดื่มนม กินของจุบจิบให้หายหิว คนรอสัมภาษณ์ไม่ค่อยเยอะเหมือนตอนสอบเท่าไหร่ ผมเดาเอาว่าเพราะรอบสี่รับเด็กน้อยลงก็เลยเหลือกันแค่นี้ ผมมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความตื่นเต้น เห็นคนสวมชุดนักเรียนเดินกันขวักไขว่แล้วอดคิดถึงสมัยมัธยมปลายไม่ได้ จริงๆผมเองก็อยากสวมชุดนักเรียนอีกนะ แต่พี่อู๋บอกว่าเรียนจบมาปีกว่า ไม่ใช่เด็กนักเรียนแล้ว ก็เลยเป็นที่มาของเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนี้แทน

พอนั่งรอไปซักพัก ก็มีนักศึกษาเรียกให้เดินต่อแถวเตรียมตัวเข้าสัมภาษณ์ ผมกอดพี่อู๋อีกหนึ่งทีราวกับจะจากกันไปรบที่ไหน เขาบอกว่าสัมภาษณ์เสร็จไปหาของอร่อยกินกัน ไอ้สมาร์ทยังไม่กลับลาดกระบังแต่มันส่งพิกัดของดีมาให้แล้ว ผมพยักหน้าบอกพี่อู๋ว่าครับๆ เสร็จตรงนี้ไว้ไปเที่ยวกัน พี่รอก่อนนะ ผมไปไม่นาน สัญญาว่าจะตอบคำถามให้ดียิ่งกว่านางงามเลย

ผมต่อคิวรอเข้าห้องสัมภาษณ์ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็เป็นคิวของนายก้องเกียรติ ผมยกมือไหว้สวัสดีผู้สัมภาษณ์ตามมารยาท แนะนำตัวว่าชื่อก้องเกียรติครับ อายุเท่าไหร่ จบจากโรงเรียนอะไร อาจารย์ที่นั่งตรงข้ามถามก้มหน้าอ่านเอกสารและขอดูปพ.หนึ่ง เขาชวนคุยเรื่องทั่วไปเช่น ทำไมถึงอยากเรียนวิศวะ ตอบ: เพราะเจ้านายของผู้ปกครองของผมออกแบบเครื่องจักรตัวละยี่สิบล้านครับ อาจารย์หัวเราะขำ อยากเป็นวิศวะเพราะเงินหรอกเหรอ ผมไม่ปฏิเสธ ก็มันรวยจริงๆนี่ ถ้าผมตั้งใจเรียนและฝึกตัวเองให้เก่ง ผมก็จะมีเงินเยอะๆ พอมีเงิน ผมจะเอาเงินไปคืนผู้ปกครองครับ เพราะเขาหมดเงินกับค่ากินค่าอยู่ของผมตั้งหลายบาท

“พ่อแม่เขาไม่หวังเงินทองก้อนโตจากลูกหรอก แต่ถ้าได้ก็ดีเนอะ”

อาจารย์พูดยิ้มๆ ผมจึงบอกเขาว่าผู้ปกครองไม่ใช่พ่อแม่ครับ แต่เป็นคนที่บังเอิญเจอกันแถวบ้าน เขาเห็นผมไม่มีใครก็เลยรับมาดูแล

“พ่อแม่เสียหมดแล้วเหรอ?”
“พ่อหายส่วนแม่ตายครับ”
“ใครส่งเสียค่าเทอมล่ะ? เราได้ทำเรื่องกู้กยศ.ไว้บ้างไหม? ถ้าตั้งใจเรียนได้เกรดดีๆที่คณะให้ทุนการศึกษาด้วย เราจะได้ไม่ลำบาก”

ผมบอกอาจารย์ว่าคิดครับ คิดทุกวันว่าอยากกู้กยศ. แต่ผู้ปกครองของผมไม่ให้กู้ เขาบอกว่าให้คนที่ลำบากจริงๆดีกว่าเพราะเขาจ่ายได้ เขามีเงินส่งผมเรียนจนจบปริญญาตรีเลย

“แล้วผู้ปกครองของเราทำงานอะไรล่ะ?”
“เป็นล่ามครับ ล่ามญี่ปุ่น”

อาจารย์ร้องอ๋อและพยักหน้าเข้าใจ ผมว่าเขาคงรู้ว่าล่ามเงินค่อนข้างดี ยิ่งล่ามญี่ปุ่นเก่งๆอย่างพี่อู๋ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เงินหนาใจป๋า สองหมื่นห้าไม่ระคายขนหน้าแข้งเขาหรอก เราคุยจิปาถะอีกนิดหน่อยก่อนอาจารย์จะอนุญาตให้กลับ เขาบอกว่าอย่าลืมติดตามกำหนดการต่างๆในเพจของมหาวิทยาลัยนะ จริงๆในเอกสารที่ให้ไปก็มี แต่ถ้าสงสัยอะไร ทักแชทถามเจ้าหน้าที่ในเพจได้ ทุกคนยินดีตอบคำถามให้

ผมยกมือไหว้และขอตัวกลับ จังหวะที่กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้ อาจารย์ก็โพล่งออกมาว่านามสกุลของผมคุ้นๆจัง เหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักเลย ผมตอบเขาว่าไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ นามสกุลผมค่อนข้างโหลก็เลยซ้ำกับของคนอื่นแน่ๆ

“บ้านเราอยู่ไหนนะ?”
“ลาดพร้าวครับ”
“ไม่ๆ ก่อนหน้าที่จะเจอผู้ปกครองน่ะ”
“อ๋อ – จรัญสนิทวงศ์ครับ” ผมตอบยิ้มๆ
“คุณแม่ชื่ออะไรเหรอ?”
“ภัทราพรครับ”
“คุณพ่อล่ะ?”

ผมจำชื่อพ่อจากใบเกิดของตัวเองได้ แต่จำนามสกุลไม่ได้ก็เลยหยิบสำเนาสูติบัตรออกมาจากแฟ้ม อ๋อ – พ่อชื่อสมปราชญ์ครับ ผมบอกและทวนนามสกุลของพ่อให้อาจารย์ฟัง เขาเงียบไปพักนึงก่อนจะพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก ผมจึงขอตัวกลับแล้วก็วิ่งหน้าระรื่นไปหาผู้ปกครองที่กำลังรออยู่ข้างล่าง เราคุยกันว่าควรทำอะไรต่อไปดีระหว่างตระเวนหาหอพักหรือซื้อชุดนักศึกษา พี่อู๋บอกว่าซื้อชุดเรื่องเล็กเพราะเราจะซื้อที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ มาตกลงเรื่องห้องก่อนดีกว่า สรุปก้องจะอยู่หอในหรือหอนอก ผมตอบทันทีว่าหอใน

“หอในมันถูก แต่กฎระเบียบเขาเข้มงวดนะ”

พี่อู๋กอดอกมองกอริลลาก้องและพูดต่อว่าหอในกำหนดเวลาเข้าออก ถ้าวันไหนต้องทำงานกลุ่มจะลำบากเพราะไม่ต้องกลับก่อนไม่งั้นไม่ได้เข้าห้อง ส่วนค่าน้ำค่าไฟไม่ได้ต่างจากข้างนอกเลย หน่วยละแปดบาทพอๆกัน แถมค่าห้องก็สูสีมาก ห้องติดแอร์เดือนละห้าพันบาท หารกับรูมเมทเหลือสองพันห้า น้ำไฟจ่ายแยก แบบนี้เช่าหอนอกอยู่คนเดียวดีกว่า สะดวกกว่า มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เชื่อพี่เถอะก้อง พี่เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน บางครั้งเราต้องทำงานจนดึกดื่นจริงๆ ถ้าโดนจำกัดเวลาเข้าออกมันลำบากนะ

“แต่ผมไม่มีเงิน”
“เดี๋ยวพี่จ่ายให้ไง” เขาพูดประโยคเดิมๆ “อยู่หอเดียวกับสมาร์ทดีกว่า มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“หอสมาร์ทแพงไหมครับ?”
“โอ้ย – ไม่แพงหรอก”

พี่อู๋บอกระหว่างเดินนำไปที่รถ เขาพาผมไปหาหอพักในซอยที่ชื่อเกกีงาม และเราก็ได้เข้าไปดูหอของสมาร์ทที่คุณอิศรินทร์คอนเฟิร์มว่าราคาไม่แพง หอนี้เป็นระบบสแกนด้วยลายนิ้วมือ ประตูรั้วคีย์การ์ด เฟอร์นิเจอร์ครบเซ็ตแถมเตียงขนาดหกฟุตอีกหนึ่งหลัง ถ้าจะเอาตู้เย็นกับทีวีพร้อมจานดาวเทียมจ่ายเพิ่มอีกห้าร้อย – อืม ท่าทางไม่แพงเลย ไม่แพงจริงๆ

“สนใจจองไว้เลยไหม? ตอนนี้ห้องเหลือว่างไม่ถึงห้าห้องแล้วนะคะ”

พี่เจ้าของหอถามยิ้มๆ ผมบอกเขาว่าขอคิดดูก่อนครับ แต่พี่อู๋หยิบโทรศัพท์เตรียมทำอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งแล้ว

“พี่อยากให้ก้องอยู่หอใหม่ๆนะ แต่ก้องไม่มีมอเตอร์ไซค์ อยู่ซอยนี้ไปก่อนก็แล้วกัน สะดวกดี ใกล้คณะของก้องด้วย” พี่อู๋อธิบาย “เดี๋ยวช่วงใกล้เปิดเทอมพี่จะซื้อจักรยานให้ ขับมอเตอร์ไซค์คล่องเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

ผมบอกพี่อู๋ว่าครับ ครับ ผมเข้าใจ ไม่เป็นไรเลย แค่หอที่พี่อู๋เลือกให้ก็ดีมากๆแล้ว ระบอบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด เฟอร์นิเจอร์ครบ มีแอร์ มีทีวี มีตู้เย็น มีสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากๆแล้ว แต่มันคงดีกว่านี้ถ้ามีเมทมาแชร์ด้วย พี่จะว่าไหมครับถ้าผมหาเพื่อนมาอยู่ด้วยซักคน พี่อู๋ส่ายหน้าและบอกว่าอย่าหาเลย มีรูมเมทต้องอยู่กันแบบเกรงใจ ไม่มีความเป็นส่วนตัว อยู่ไปเดี๋ยวก็ทะเลาะกันเปล่าๆ รูมเมทเนี่ยถ้าจูนกันไม่ติดอาจจะเกลียดกันถึงขั้นเอาแปรงสีฟันจุ่มโถส้วมเลยนะ

ผมเกรงใจพี่อู๋จะแย่เพราะค่าเทอมที่นี่ตั้งสองหมื่นห้า ค่าห้องเดือนละห้าพันห้าไม่รวมน้ำไฟ ค่ากินค่าอยู่ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าหนังสือรายวิชา ค่าชุดนักศึกษาอีก สารพัดค่าใช้จ่ายตีเลขกลมๆแล้วเกือบครึ่งแสน พี่อู๋ก็แสนดีเหลือเกิน หยิบยื่นคุณภาพชีวิตดีๆให้นายก้องเกียรติทั้งๆที่ผมไม่มีอะไรตอบแทนเขาเลย ไม่มีซักอย่าง

“อย่าคิดมาก มันไม่เท่าไหร่หรอก” พี่อู๋บอก แต่ผมหยุดกังวลรายจ่ายไม่ได้ “ก้อง ที่พี่เลือกหอนอกเพราะอยากแวะมาค้างกับก้องบ้าง อยู่คนเดียวเนี่ยดีแล้ว เชื่อพี่เถอะ พี่ยินดีจ่ายแลกกับความสบายใจ”
“พี่จะขับมาถึงลาดกระบังทำไมล่ะ พี่ก็อยู่ลาดพร้าวสิ อย่ามาให้เหนื่อย”
“เผื่อวันไหนพี่อยากเจอ”
“ยังไงผมก็กลับบ้านไปหาพี่อยู่แล้ว พี่ไม่ต้องมา”
“พี่จะมา”
“ไม่ต้องมา”
“มา”
“ไม่มา”

เราเถียงกันว่ามา ไม่มา ไม่ต้องมา อยากมา อยากเจอ ไม่ต้องขับมาให้เปลือง เถียงกันอย่างนั้นไม่จบไม่สิ้นจนผมยอมแพ้ เออ จะมาก็มา อยากมาก็มา รวยนักก็ขับมาเลย พี่อู๋ได้ทียิ้มชอบใจใหญ่ เขาไม่แน่ใจว่าสะดวกช่วงไหน แต่ถ้าผมไม่กลับบ้านเกินสองสัปดาห์ เขาจะขับรถมาดักรอหน้าตึกเลยคอยดู

หลังจ่ายเงินมัดจำค่าหอ พี่อู๋ก็พากอริลลาก้องไปเดินเล่นเมกาบางนา ตอนแรกเราตั้งใจจะไปร้านชาบูที่สมาร์ทแนะนำ แต่โชคร้ายเพราะร้านปิดก็เลยอดตามระเบียบ เราสองคนแวะฉลองวันดีๆด้วยร้านขายอาหารในอีเกีย ผมสั่งฟิช แอนด์ ชิพส์ ส่วนพี่อู๋กินข้าวน่องไก่อบ ผมว่าราคาอาหารค่อนข้างแรงเอาเรื่อง ส่วนรสชาติพอกินได้ ไม่ได้อร่อยจนสายรุ้งออกจากปาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องเอากระดาษทิชชู่เช็ดลิ้นเพราะไม่อร่อย

“วันนี้อาจารย์ที่สัมภาษณ์บอกว่านามสกุลของผมคุ้นๆ เขาถามชื่อพ่อกับแม่ผมด้วย”

พี่อู๋เลิกคิ้วประหลาดใจ ผมจึงเล่าต่อว่าเขาก็ไม่ได้อะไรนะ แค่ถามเฉยๆ พอพูดจบ ผู้ปกครองของผมดูสงสัยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยผ่านเพราะมันอาจเป็นคำถามทั่วไปก็ได้ เมื่ออาหารถูกจัดการจนเกลี้ยง เราจึงเดินเล่นในเมกกาบางนาอีกพักใหญ่ถึงกลับลาดพร้าว ผมหลับหมดสภาพตลอดทางเพราะตื่นนอนแต่เช้าก็เลยไม่ได้คุยกับพี่อู๋ หลังจากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่เคยถูกพูดถึงอีกเลย




ต่อพาร์ท 2 ข้างล่างเช่นเคยคับผม  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2019 15:01:58 โดย ambiguous95 »

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
32 [PART 2/3]


ผมจดกำหนดการสำคัญเอาไว้ในปฏิทิน วันที่สิบเก้ามิถุนานี้ผมต้องไปตรวจสุขภาพที่สำนักหอสมุด ข้ามไปวันที่สามกรกฎาต้องเตรียมเอกสารหลายอย่างมากเพื่อรายงานตัวและทำบัตรนักศึกษา – เตรียมเงินสองร้อยบาทจ่ายค่าบัตรด้วย วันที่แปดมีปฐมนิเทศผู้ปกครองตอนเช้า แต่พี่อู๋ไม่ว่าง วันที่เก้าคือ Pre Engineering Camp วันที่สิบถึงยี่สิบสามมีเรียนปรับพื้นฐาน ยี่สิบเก้ากรกฎาถึงหนึ่งสิงหามีค่ายของภาควิชา วันที่สองสิงหามี Open Room วันที่สามสิงหางาน First Step วันที่ห้าสิงหา ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่และเปิดเรียน – กำหนดการแน่นขนาดนี้ พี่อู๋จึงรีบพานายก้องเกียรติไปซื้อชุดนักศึกษาก่อนเดือนกรกฎา

“ไหนลองขยับแขนซิ” ผมทำตามคำสั่งเขา “เหยียดแขนไปข้างหลังหน่อย” ผมเปลี่ยนอิริยาบถตามที่ผู้ปกครองสั่งทันที พี่อู๋ใช้สายตาพินิจพิจารณาแค่ชั่วครู่ก็บอกว่าตัวนี้ไม่ได้ รัดแน่นเกินไป ปลิ้นเหมือนแหนม

“แขนเสื้อยาวพอดี” พี่อู๋พูดงึมงำๆคนเดียว “ชุดนักศึกษาต้องใส่ในกางเกงให้เรียบร้อย ชายเสื้อต้องยาวประมาณ --” เขาใช้นิ้ววัดความยาวตั้งแต่ช่วงเอวจนสุดชายเสื้อก่อนจะพยักหน้าพออกพอใจ “เอาไซส์นี้แหละ”

“ผมแค่ใส่ไปเรียนหนังสือเอง”
“แล้วไง?” พี่อู๋ถามอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเลือกกางเกงต่อ “ถ้าเราแต่งตัวดูดี เดี๋ยวอะไรดีๆก็ตามมา”
“ที่นี่เขาตัดเกรดจากคะแนนสอบนะครับ ไม่ใช่เสื้อผ้า”

ผมกลอกตาแต่ก็ยืนเป็นหุ่นลองเสื้อตามใจผู้ปกครอง สมาร์ทบอกว่าชุดนักศึกษาไม่ต้องซื้อเยอะเพราะเทอมสองจะได้ใส่เสื้อช็อป ไว้วันที่รายงานตัวค่อยไปสั่งที่คณะ ส่วนเข็มขัดไม่ต้องเพราะสมาร์ทมีตั้งสี่เส้น มาเอาไปได้เลย เอ้อ – เนกไทก็ไม่ต้องซื้อนะ ช่วงเดือนสิงหา  มหาวิทยาลัยมีพิธีมอบเนคไทและเข็มประดับ ไม่ต้องรีบซื้อให้เปลืองสตางค์ รอรับของฟรีในวันนั้นดีกว่าเพราะเนกไทใส่แค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็หายแล้ว

ตอนแรกผมบอกพี่อู๋ว่าไม่ต้องรีบเซ็นสัญญาหอเพราะผมจะไปค้างที่ลาดกระบังเดือนสิงหาทีเดียว แต่กิจกรรมมันแน่นมากพี่อู๋ก็เลยเป็นห่วง ไม่อยากให้ผมเดินทางไปกลับดึกๆดื่นๆก็เลยต้องย้ายของเข้าไปก่อน จะอยู่กี่วันค่อยว่ากัน น่าเสียดายที่พี่อู๋ไม่ว่างไปรับไปส่งเพราะต้องทำงาน ดังนั้นผมจึงเดินทางไปมหาวิทยาลัยคนเดียว เรียกมันว่าการผจญภัยครั้งใหญ่ของนายก้องเกียรติก็ได้เพราะครั้งนี้ไม่มีสมาร์ทคอยช่วย ผมต้องนั่งเอ็มอาร์ทีไปลงสถานีเพชรบุรี ต่อแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ไปสถานีลาดกระบัง นั่งรถสองแถวที่เขียนคำว่าเทคโนฯเข้ามหาวิทยาลัย จากนั้นเดินหาอาคารที่คนเดียว หลงหน่อย เหนื่อยหน่อย ป้ำๆเป๋อๆหน่อยแต่ก็สนุกดี

ผมไม่ได้คาดหวังว่าต้องมีเพื่อนเยอะ แต่อย่างน้อยถ้ามีซักคนก็คงดีจะได้ช่วยๆกันตอนเรียน วันรายงานตัวและทำบัตรนักศึกษา ผมเจอกลุ่มเพื่อนที่เข้าหาชวนคุยประมาณสองสามคน แต่พอหมดวันเราก็แยกย้ายเพราะจูนกันไม่ติด ผมจึงยังไม่มีเพื่อนที่คุยกันได้เลยซักคน

วันนี้มี Pre Engineering Camp ผมแอบหวังว่าจะมีใครเข้าหาอีกเพราะผมเป็นคนขี้อายมาก แทบไม่เคยเป็นฝ่ายถามชื่อใครเลยยกเว้นโดนถามก่อน แต่หมดช่วงเช้าแล้วผมก็ยังไม่มีกลุ่มเพื่อน ทุกคนแยกย้ายไปนั่งจับกลุ่มกินข้าวกัน ส่วนผมกับบางคนที่โลกส่วนตัวสูงปลีกตัวไปนั่งกินเงียบๆคนเดียว ผมไม่ใช่คนติดเพื่อน จะมีเพื่อนหรือไม่มีไม่ใช่ปัญหา แต่การอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่เริ่มสนิทสนมกันมันแอบกดดันแปลกๆ ผมถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่มีเพื่อนเสียที ผมดูหยิ่งมากเหรอ ผมตัวเหม็นเหรอ ทำไมไม่มีใครเข้ามาถามชื่อผมเลยล่ะ ผมครุ่นคิดหนักอกหนักใจระหว่างกินข้าวมันไก่ จนกระทั่งเห็นกระโปรงนักศึกษาหยุดอยู่ระดับสายตาพอดี ผมเงยหน้ามอง เจอผู้หญิงที่น่ารักมากๆถามว่าทำไมกินคนเดียวอ่ะ กินด้วยได้หรือเปล่า

“เอาสิ”

ผมผายมือเชิญให้เธอนั่ง เพื่อนใหม่ที่ห้อยป้ายชื่อเหมือนๆกันวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นแล้วนั่งกินเป็นเพื่อน ผมแอบเหลือบมองเธอหลายหน มองอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะเธอเป็นคนสวย ลำพังแค่เพื่อนผู้หญิงก็เข้าหาลำบากแล้ว ทำไมต้องสวยด้วย รู้ไหมมันกดดัน

“ชื่อไรอ่ะ?”
“อ๋อ เราชื่อก้องนะ” ผมแนะนำตัวพร้อมชูป้าย เธอชูของตัวเองบ้างและบอกว่าชื่อทราย
“ทำไมนั่งคนเดียว?”
“ไม่รู้จะนั่งกับใคร”
“แล้วนี่เรียนภาคอะไร?”
“แมคคา” ผมตอบ ทรายเลิกคิ้วแล้วบอกว่าเธอเองก็เรียนแมคคาทรอนิกส์เหมือนกัน
“อาจารย์พูดไรไม่รู้ แม่งง่วงว่ะ” ทรายบ่นงุบงิบตามประสา ท่าทางเหมือนลูกคุณหนูขี้รำคาญที่ไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร ผมถามเธอว่าทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ ไม่นั่งกับกลุ่มผู้หญิงฝั่งโน้นเหรอ
“อ๋อ เห็นยายนั่นไหม?” ทรายเอาส้อมชี้ไปที่ผู้หญิงผมหยักศกใส่แว่น เธอกำลังฉีกยิ้มหัวเราะร่ากับกลุ่มเพื่อนด้วยท่าทางสนุกสนาน “มันชื่อฟ้าใส เราเกลียดมัน”
“เขาไปทำอะไรให้อ่ะ?”
“เรามาจากโรงเรียนเดียวกับมัน อีนั่นมันตีสองหน้า” ทรายด่าพลางใช้ช้อนสับไก่ในกล่องโฟมจนแทบแหลก “มันชอบเสี้ยมให้คนเกลียดกัน แล้วตัวเองก็รับบทนางฟ้าสวยๆ”
“ถ้าไม่อยากมีเพื่อนเก่งๆ ทรายจะอยู่กับเราก็ได้นะ”
“โอ๊ย เราก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอก เกรดมอปลายได้แค่สองจุดเจ็ดเอง”

โอเค – ผมจะไม่พูดเรื่องเกรดกับทราย

“เออ ก้องเป็นคนที่ไหนอ่ะ?”

ทรายชวนคุย แล้วเราก็ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกัน ผมบอกทรายแค่ว่ามาจากลาดพร้าว อาศัยอยู่กับผู้ปกครองสองคนในคอนโดขนาดกลาง ส่วนทรายเป็นลูกสาวคนที่สามของร้านทำเบเกอรี นอกจากจะต้องมาเรียนแล้วยังต้องกลับไปช่วยที่บ้านทำขนมทุกวันหยุดอีก ผมถามทรายว่าร้านชื่ออะไรเหรอ ถ้ามีโอกาสก็อยากลองชวนพี่อู๋ไปกินบ้าง ทรายบอกว่าไม่มีชื่อหรอก บ้านทรายแค่ทำขนมแล้วขายต่อให้แต่ละเจ้าไปแปะสติ๊กเกอร์เป็นแบรนด์ตัวเอง

“นี่ถ้าเราสนิทกันเร็วนะ เย็นนี้จะชวนไปตีแป้งที่บ้าน ขี้คร้านจะทำ”
“บ้านทรายอยู่ไหนเหรอ?”
“บางพลี” ทรายดูดนิ้วที่เปื้อนน้ำจิ้มข้าวมันไก่ ผู้หญิงอะไรหน้าสวยผิวสวย แต่ตอนกินโคตรมูมมามเหมือนพี่อู๋เลย “เออ แล้วเราต้องลงทะเบียนวันไหนนะ?”
“เขาบอกว่าปีหนึ่งไม่ต้องลง รอลงวิชาเลือกวันที่ห้าเดือนหน้า”
“เออ เค” ทรายพนักหน้า “ขอไลน์หน่อยดิก้อง”
“อื้อ ได้สิ”

เราแลกคอนแท็คกัน พอเห็นรูปโปรไฟล์ของผมทรายก็ถามว่าทำไมใช้รูปนารูโตะ ผมบอกเธอว่าผมชอบ สนุกดี แต่ไม่ได้อ่านต่อนานมากแล้วเพราะต้องอ่านหนังสือสอบ

“จริงๆไลน์ควรเป็นรูปก้องนะ เวลาคนอื่นอยากคุยจะได้หาแชทง่ายๆ”
“เราไม่มีรูปตัวเองในมือถือเลย”
“ไม่ถ่ายบ้างเหรอ?”
“ถ่ายนะ แต่อยู่ในโทรศัพท์พี่อู๋อ่ะ”
“งั้นถ่ายดิ มา เราถ่ายให้”

ผมไม่ค่อยมั่นใจ แต่พอทรายยกไอโฟนของตัวเองจะถ่ายให้ ผมจึงยิ้มแหยๆ ทรายบอกว่าถ้ายิ้มเหมือนถูกบังคับให้กินอึ๊ก็ทำหน้าบึ้งไปเลยเถอะ จะได้ไม่ต้องครึ่งๆกลางๆ ผมจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่าถูกใจคุณนายทรายไหม แต่พอเธอส่งรูปมาให้ทางไลน์ มันค่อนข้างออกมาดูดีเลย

“ใช้แอปอ่ะ ถ่ายออกมาไม่หล่อให้ถีบยอดหน้าเลย”

ผมหัวเราะและเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ทันที หลังจากนั้นไม่นานพี่อู๋ก็ทักมาถามว่าเปลี่ยนรูปใหม่เหรอ ใครถ่ายให้ มีเพื่อนใหม่หรือยัง ผมจึงบอกทรายว่าขอเซลฟี่ด้วยหน่อยสิ พี่อู๋อยากเห็นหน้าเพื่อน ทรายจัดให้ตามคำขอ เธอชูสองนิ้วแนบแก้มทำปากจู๋ ท่าทางดูกวนตีนมากกว่าให้ออกมาแอ๊บแบ๊วน่ารัก

“พี่อู๋ถามว่าทำไมเพื่อนสวย”
“ขอบคุณนะคะพี่ แต่หนูมีแฟนแล้ว” ทรายจีบปากจีบคอพูด ผมอยากเอาน้ำจิ้มฉีดใส่หน้ามันจริงๆ “เอ้อ -- พี่อู๋ที่เป็นผู้ปกครองนี่คือพี่ชายหรือญาติของก้องเหรอ?”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างอ่ะ แค่บังเอิญเจอกัน”
“จริงจัง? เรื่องมันอะไรยังไงไหนเล่าซิ?”

ผมอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ไม่ค่อยอยากเล่าเพราะเราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นสามารถแชร์เรื่องทุกอย่างให้ฟัง ทรายยังคงนั่งหลังตรงและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแต่ผมไม่ได้เล่า ผมไม่พูดอะไรซักคำจนกระทั่งหมดเวลาพัก เราจึงเดินไปทิ้งข้าวกล่องลงถังขยะและแยกย้ายไปเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นหอประชุมอีกครั้ง

ผมบอกทรายว่าจะรอตรงตู้กดน้ำ เธอตอบแค่โอเคแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำหญิง ผมมองเพื่อนร่วมคณะเดินขึ้นบันไดกันเป็นกลุ่ม พวกเขาส่งเสียงคุยจอแจเพราะคงกำลังทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ถ้าเป็นก่อนหน้าผมคงเศร้านิดหน่อยที่ไม่มีใครเข้าหา แต่ตอนนี้ผมมีทรายแล้ว คิดว่าน่าจะไม่ต้องกังวลอะไรเท่าไหร่ล่ะมั้ง

“เอ่อ – หนู”

เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้ผมตกใจ ผมรีบตอบครับโดยอัตโนมัติเมื่อพบคุณลุงที่ดูมีอายุคนหนึ่ง รูปร่างค่อนข้างท้วม หน้าตาออกจีนๆ ผิวขาวซีด สวมเสื้อคอปกแขนสั้นกับกางเกงขายาวสีดำ โดยรวมแกแต่งตัวดีมาก แต่ดูเงอะงะเหมือนไม่ใช่อาจารย์ที่นี่ น่าจะเป็นผู้ปกครองที่รอรับลูกหรือไม่ก็หลานกลับบ้าน

“ห้องน้ำอยู่ไหนเหรอ?”
“ทางนี้ครับ ข้างหลังนี้เลย”

ผมชี้นิ้วไปด้านหลัง คุณลุงมองตามก่อนจะบอกขอบอกขอบใจแต่ไม่รีบเดินไปไหน แกยืนยิ้มอย่างนั้นอยู่นานมาก และเอาแต่จ้องนายก้องเกียรติตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเจอของแปลก

“ให้ผมพาไปไหมครับ?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวลุงไปเอง”

เขายิ้มแล้วยอมเดินจากไป สวนทางกับทรายที่เดินสะบัดมือออกมาพอดี ทรายถามว่ารอนานไหม พอดีปวดขี้ก็เลยแวะหย่อนระเบิดหน่อย ผมบอกว่าไม่นานหรอก แค่ตอนนี้เราเรียนจบแล้ว ผมกำลังส่งเรซูเม่สมัครงานพอดี

“เว่อร์ว่ะ”

ทรายหัวเราะ แล้วเดินข้างผมกลับเข้าหอประชุม การมีเพื่อนเป็นคนที่หน้าตาดีมากๆมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเรากลายเป็นจุดสนใจโดยไม่ต้องพยายาม ทุกคนหันมองทรายจนคอแทบเคล็ดเพราะทรายสวยจริงๆ แต่เบื้องหลังความสวยคือการบอกเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันว่าไปขี้มา จะดมไหม ไม่ได้ใช้เจลล้างมือนะ มันหมด

“โสโครก”

ผมด่าทีเล่นทีจริง แต่ทรายไม่ยักโกรธ ตกบ่ายเราจึงย้ายมานั่งข้างกัน กิจกรรมที่รุ่นพี่จัดให้ไม่ได้ต่างจากที่คิดเท่าไหร่ แน่นอนว่าทรายย่อมเป็นจุดสนใจเพราะเป็นคนสวย พอทรายมาอยู่กับผม เราก็เริ่มมีเพื่อนชวนคุยขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ผมรู้จักมิว เต้ โบ้ท อาร์ท และเชอร์รี่ มีอีกคนที่เข้ามาทักพวกเรา เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อออกัสแล้วนั่งจับกลุ่มกับผมกลายเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเพื่อนๆพูดกันลับหลังว่าออกัสเป็นเน็ตไอดอล น่าจะได้เป็นเดือนคณะ หรือไม่ก็เดือนมหาลัยของปีเราเลย

“ตอนเช้ายังเก๊กไม่คุยกับใคร พอเห็นทรายก็เสนอหน้ามาเลย หน้าหม้อชิบหาย ไอ้หม้อราชบุรี”

โบ้ทแอบกระซิบด่าออกัสให้นายก้องเกียรติฟัง ผมบอกโบ้ทว่า บ้า มึงอ่ะคิดมาก เขาอาจจะเป็นคนขี้อายก็ได้เลยไม่กล้าเข้าหาใครก่อน ถึงจะมีซุบซิบกันบ้างแต่เพื่อนกลุ่มแรกของผมค่อนข้างเฟรนลี่ก็เลยโอเค ถูๆไถๆกันไป เรานั่งด้วยกันจนหมดชั่วโมงกิจกรรมจึงชวนกันไปหาข้าวกิน ออกัสเสนอว่าอยากกินชาบู โบ้ทบอกอยากกินบะหมี่เกี๊ยว มิวอยากกินของเบาๆราคาไม่แพงเพราะเพิ่งซื้อบ้องไฟเกาหลีมา นายก้องเกียรติอะไรก็ได้ ตามใจทุกคน ส่วนทรายไม่กิน จะกลับบ้านไปทำขนมเพราะป๊าโทรตามแล้ว

“งั้นกินอาหารจานเดียวก็ได้ ทรายจะได้กลับไวๆ” ออกัสเสนอ
“กูบอกแล้วว่าไอ้เหี้ยนี่มันหม้อราชบุรี” โบ้ทกระซิบอีก ผมจึงบอกโบ้ทว่า ถ้ามึงยังไม่เลิกเอาจังหวัดราชบุรีต่อท้ายคำว่าหม้อ กูจะฟ้องผู้ว่า

ทรายกระอักกระอ่วนพูดไม่ออกเพราะส่วนหนึ่งอยากกินข้าวกับเพื่อนด้วย อีกส่วนก็ต้องรีบไปช่วยที่บ้านทำขนมด้วย แต่สุดท้ายความใจแตกของทรายก็เลือกบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงกับเพื่อนๆ นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงสิบเจ็ดนาที เราแยกย้ายกันตรงคิวรถตู้

“จริงๆถ้าทรายรีบ เราไปส่งทรายก็ได้นะ เรามีรถยนต์”
“อย่าเลยออกัส เสียเวลาเปล่าๆ บ๊ายบายนะทุกคน”

เธอเดินดุ๊กดิ๊กๆขึ้นรถเก๋งคันนึงแล้วออกไปโดยเหลือผมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ไว้เบื้องหลัง

“กูอยู่ซอยเกกีสอง มึงอ่ะก้อง?”
“เกกีหนึ่ง”
“งั้นไปมอไซค์กับกู เดี๋ยวกูไปส่ง”

โบ้ทอาสา ผมจึงกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ร้ายๆของมันจนถึงหอ ผมขอบใจมันก่อนจะบอกว่าพรุ่งนี้มีเรียนปรับพื้นฐานนะ อย่ามาสายล่ะ มันตอบเออๆแล้วขับรถจากไป นายก้องเกียรติจึงขึ้นห้อง วางกระเป๋าเป้บนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะกระโดดนอนบนเตียง คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมอยู่คนเดียวโดยไม่มีพี่อู๋ และต้องอยู่ที่นี่อีกสามวันกว่าจะได้กลับลาดพร้าวไปเจอเขา ว่าแล้วก็โทรหาคุณอิศรินทร์หน่อย อยากรู้จังว่าบ้านที่ไม่มีนายก้องเกียรติเงียบเหงาบ้างไหม

“พี่กำลังขับรถกลับบ้านเลยเนี่ย” พี่อู๋บ่นเซ็งๆ ไม่แปลกใจที่ป่านนี้เขายังไม่ถึงบ้าน การจราจรช่วงเลิกงานไม่เคยน่ารักสำหรับเรา “วันนี้เป็นไงบ้าง? นอกจากทรายแล้วมีเพื่อนคนอื่นอีกไหม?”

ผมตอบว่ามีและเล่าให้ฟังยาวเหยียดว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง มีกิจกรรมอะไร อาจารย์พูดถึงเรื่องอะไร รุ่นพี่ใจดีหรือเปล่า ผมเล่าเชิงนินทาให้พี่อู๋ฟัง ผมบอกเขาว่าคนที่ชื่อออกัสหน้าหม้อมาก ท่าทางคงจะชอบทรายจริงๆถึงพยายามตื๊อขนาดนี้ แต่ทรายบอกผมว่ามีแฟนแล้ว ไม่รู้ว่าออกัสรู้ไหม เขาควรรู้นะจะได้ไม่เจ็บหนักมาก

“ก้องเรียนปรับพื้นฐานถึงวันไหน?”
“วันที่สิบสองนี้ครับ”
“เดี๋ยวเลิกงานพี่ขับรถไปรับนะ”

ผมรีบปฏิเสธและบอกพี่อู๋ว่าอย่ามาเลย ลาดกระบังช่วงเลิกงานรถติดหนักไม่แพ้ลาดพร้าว อีกอย่างกำหนดการเลิกสี่โมงครึ่ง ถ้าผมนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านน่าจะถึงไวกว่ารอพี่มารับ ไว้เจอกันที่ลาดพร้าวนะครับ ผมจะซื้อบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงไปฝาก หน้าตลาดมีร้านนึงอร่อยมาก ผมกินแล้วคิดถึงพี่เลย ผมอยากให้พี่มากินด้วยกัน

“ไว้คราวหน้าก้องพาพี่ไปกินบ้างนะ”

ผมตอบครับแล้วคุยกันเรื่องอื่นต่อ สิ่งที่พี่อู๋ค่อนข้างกังวลคือเรื่องรับน้องเพราะได้ยินมาตลอดว่าวิศวะรับน้องโหด ผมบอกให้ผู้ปกครองสบายใจว่าที่นี่ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนที่เป็นข่าวเพราะยังไม่เจอพี่คนไหนหน้าหงิกหรือขึ้นเสียงใส่ อีกอย่างผมอายุพอๆกับรุ่นพี่ด้วย ถ้าว้ากมาก็ว้ากกลับไม่โกง พี่อู๋หัวเราะชอบใจ เขาบอกว่าให้มันจริงเถอะ บทสนทนาของเราเงียบไปครู่หนึ่งเพราะไม่มีอะไรจะคุยต่อ ผมจึงโพล่งบอกพี่อู๋ว่าผมคิดถึงเขา คืนนี้เป็นคืนแรกที่ต้องนอนคนเดียว ผมกลัวผีมากเลย

“อยากกลับบ้านไหม? เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“พี่อย่ามาเลย มันดึกแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้พี่ต้องทำงานแต่เช้า”
“ก็ก้องบอกว่าเหงา”
“ผมไม่ได้พูดว่าเหงา ผมพูดว่าคิดถึงพี่ต่างหาก”

พี่อู๋เถียงขาดใจ เขาบอกว่าประโยคก่อนหน้าที่ผมพูดมันหมายความว่าเหงานะจ๊ะพ่อรูปหล่อ ขับรถมาหาหน่อยสิ ผมแว้ดใส่พี่อู๋ว่าเขาจะตีความสิ่งที่ผมพูดผิดๆเพี้ยนๆไม่ได้ ผมคิดถึงก็บอกว่าคิดถึง ไม่ได้พูดอ้อมๆขอให้มาหา ถ้าผมอยากให้พี่มา ผมจะบอกเอง

“คืนนี้ก้องจะหลับไหมเนี่ย” พี่อู๋พึมพำลอยๆ ผมให้คำตอบเขาไม่ได้เหมือนกันว่าจะนอนหลับไหม “เปิดทีวีทิ้งไว้เป็นเพื่อนสิ เดี๋ยวก็หลับ”

ผมตอบเขาว่าคงต้องทำแบบนั้นแหละ เราคุยกันอีกชั่วโมงกว่าๆผมถึงบอกให้พี่อู๋วางสาย เขาควรอาบน้ำเข้านอนได้แล้ว ผมเองก็จะไปอาบน้ำนอนเหมือนกัน

เราบอกลาทางโทรศัพท์ครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ หลังทำความสะอาดตัวเองเสร็จก็ออกมานั่งจัดกระเป๋าเตรียมตัวสำหรับเรียนพื้นฐาน ผมเช็กปากกาดินสอ เช็กว่ามีสมุด มีแฟ้มใส่เอกสารหรือยัง พรุ่งนี้ทางคณะอนุญาตให้สวมชุดสุภาพ ผมจึงรีดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็กระโดดขึ้นเตียง ไม่รู้ก่อนเจอพี่อู๋ผมอยู่คนเดียวได้ยังไงเป็นเดือนๆ มีทีวีเครื่องเดียวก็ผ่านวันไปได้แต่คืนนี้กลับไม่ง่ายเหมือนที่คิด จากที่เคยล้อพี่อู๋ว่าอย่าร้องไห้คิดถึงผมนะ กลับกลายเป็นว่านายก้องเกียรติคือฝ่ายร้องไห้เสียเองเพราะคืนแรกที่ไม่ได้นอนด้วยกันมันโหวงในอกมากๆ ผมอยากให้พี่อู๋มารับกลับบ้านตอนนี้เลยจริงๆ





กว่าจะปรับตัวเข้ากับชีวิตเด็กหอได้ก็เกือบสิ้นเดือน ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ชวนกันไปกินข้าวและเที่ยวเล่นหลังหมดกิจกรรมจนเราค่อยๆคุยกันรู้เรื่องมากขึ้น ผมไม่เหงาเท่าเมื่อก่อนเพราะต้องทำนั่นทำนี่ตามตารางที่พี่ๆจัดวางไว้ เมื่อวานเป็นวัน Open Room หรือพูดง่ายๆคือวันจับสายรหัส ที่นี่จะแบ่งออกเป็นสิบห้อง ชื่อนายก้องเกียรติขึ้นต้นด้วยก.ไก่ก็เลยได้อยู่ห้องแรก พอจบกิจกรรมผมก็กลับไปรอผู้ปกครองที่หอเพราะพี่อู๋บอกว่าคืนนี้จะมาค้างด้วย หลังเสร็จงาน First Step ในวันที่สาม เขาจะพานายก้องเกียรติกลับไปนอนลาดพร้าวแล้วค่อยมาส่งใหม่ตอนเย็นวันอาทิตย์

ทีแรกผมตั้งใจรอกินข้าวกับพี่อู๋ แต่รถติดหนักมากเขาก็เลยบอกให้ไปหาอะไรกินก่อน ผมเดินออกไปซื้อข้าวแถวนี้คนเดียว ขณะรอข้าวในร้านตามสั่ง ผมก็เจอคุณลุงที่เคยถามทางไปห้องน้ำอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเขาจำผมได้หรือเปล่าเลยไม่ยกมือไหว้ทักทาย แต่ดูเหมือนแกจะจำได้เลยถามผมว่าอยู่แถวนี้เหรอ อยู่กับใครล่ะ กับเพื่อนใช่ไหม ผมบอกว่าเปล่าครับ อยู่คนเดียวในเกกีหนึ่ง

“ลุงมารอรับหลานเหรอครับ?”
“มารอลูกชายน่ะ”
“อ๋อ – ครับ”

ผมพยักหน้ายิ้มๆ ว่าจะถามถึงลูกแกหน่อยแต่กลัวว่าดูสาระแนเกินไปเลยไม่ถามดีกว่า หลังยืนรอข้าวผัดเกือบสิบนาที คุณป้าเจ้าของร้านก็ใส่ถุงส่งให้นายก้องเกียรติ ผมควักเงินเตรียมจ่ายค่าข้าวแต่คุณลุงกลับบอกว่าไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแกจ่ายให้ ผมรีบปฏิเสธเพราะไม่เข้าใจว่าจะจ่ายค่าข้าวให้ผมทำไมในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมแค่บอกทางไปห้องน้ำเองนะ ไม่เห็นต้องดีกับผมขนาดนี้เลย

เมื่อเถียงไม่ทันผมจึงรับถุงข้าวกลับมาถืองงๆ ยกมือไหว้ขอบคุณคุณลุงก่อนจะหันหลังเดินกลับหอ ระหว่างทางเจอออกัสเดินสวนมาพอดี เขาถามผมว่าจะไปกินข้าวที่ไหน พอบอกว่ากินในห้อง เขาก็ชวนไปกินข้าวเป็นเพื่อน

“แต่เราซื้อข้าวมาแล้วนะ”
“งั้นรอเราซื้อข้าวแป๊ป เดี๋ยวไปกินใต้หอเราก็ได้”

ผมเป็นคนปฏิเสธใครไม่เก่งก็เลยปล่อยตามน้ำ ยอมนั่งกินข้าวใต้ของออกัสตามคำชวนเพื่อนใหม่ บางทีผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะชวนผมมากินด้วยทำไมในเมื่อมาแล้วก็นั่งใบ้ใส่ ไม่มีเรื่องอะไรให้พูดนอกจากเหลือบมองคนที่ผ่านมาเจอเราสองคนแอบซุบซิบคุยกันว่านั่นน้องออกัส ออกัสวิศวะที่หล่อๆ ออกัสในทวิตเตอร์ไง มากินข้าวกับใครอ่ะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย

อ่า – ขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนเห็นภาพออกัสกินข้าวกับลิง เดี๋ยวหมดกล่องนี้กอริลลาก้องจะรีบกลับห้องตัวเองเลยครับ ขอโทษจริงๆที่ทำให้ตกใจ กอริลลามันก็ไม่ได้อยากโผล่มาแถวนี้หรอก แต่ปฏิเสธคำชวนออกัสของทุกคนไม่ได้ต่างหาก

หลังกินข้าวเสร็จผมก็ขอตัวกลับ กลับได้ง่ายๆเลยแค่เอากล่องโฟมไปทิ้งแล้วบอกว่าไปละ ก็คือจบ นาฬิกาบอกเวลาว่าหนึ่งทุ่มเจ็ดนาที พี่อู๋น่าจะยังไม่ถึงลาดกระบังเร็วๆนี้ ผมก็เลยนอนไถโทรศัพท์ เล่นไปซักพักก็เจอประกาศด่วนจากสำนักงานกิจการนักศึกษา รายละเอียดประกาศเรื่องยกเลิกกิจกรรมรับน้องรถไฟ แต่ให้เข้าร่วมกิจกรรม First Step ตอนเจ็ดโมงเช้าได้ตามกำหนดการเดิม

ผมรีบกดโทรศัพท์บอกพี่อู๋ว่าพรุ่งนี้เราไม่ต้องตื่นเช้าไปสถานีหัวลำโพงแล้วนะ ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งประกาศยกเลิกเมื่อกี๊เอง คุณอิศรินทร์ถามต่ออย่างมีความหวังว่ายกเลิกกิจกรรมทั้งวันเลยใช่ไหม ผมบอกว่าไม่ใช่ พรุ่งนี้ผมก็ยังต้องเข้ามอเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไปสายได้นิดหน่อย รุ่นพี่นัดเจอตอนเจ็ดโมงเช้า

“พี่อู๋ถึงไหนแล้วครับ?”
“ใกล้แล้วล่ะ” เขาบอก แต่ใกล้ของเขาไม่รู้ใกล้แค่ไหน อาจจะอีกสามสิบกิโลเมตรก็ได้ “นอนเล่นพลางๆ ถึงแล้วเดี๋ยวพี่โทรหา”
 
ผมตอบครับๆและนอนอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ตต่อ พอสี่ทุ่มเสียงโทรศัพท์ก็ดัง ผู้ปกครองของผมมาถึงแล้ว มาพร้อมกับของกินเต็มสองมือ ผมช่วยเขาขนของขึ้นห้องและนั่งกินข้าวเป็นเพื่อน วันนี้มีเรื่องให้คุยเยอะแยะเลย เริ่มจากระเบิดกลางกรุงก่อน แต่ผมขอตัดคำหยาบที่พี่อู๋ด่ารัฐบาลออกก็แล้วกันนะ หลังจากนั้นตามด้วยเรื่องกิจกรรมจับสายรหัสวันนี้ พี่อู๋ถามว่าเป็นไง มีคนเข้าหาเยอะไหม ผมบอกว่าไม่เลย ไม่มีใครเข้าหาผมตรงๆ ทุกคนเข้ามาชวนคุยเพราะผมอยู่กับทรายและออกัสเท่านั้น แต่ผมไม่รู้สึกน้อยใจเท่าไหร่ ดีเสียอีกที่ไม่ค่อยเป็นที่จดจำของใคร เวลาโดดกิจกรรมจะได้ไม่มีใครจำได้

“พี่ทำงานเหนื่อยไหม?”
“เหนื่อยสิ” พี่อู๋บ่นอ้อนๆ “ก้องบีบหลังให้พี่หน่อย พี่เมื่อยมากเลย”

ดังนั้นหลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทาแป้งเย็นจนหอมฟุ้ง นายก้องเกียรติก็นวดให้ผู้ปกครองตามคำขอ ทั้งบีบ ทั้งขยำ และทำมือสับๆเหมือนที่เคยเห็นในหนังทุกกระบวนท่า พี่อู๋เหมือนคนแก่ที่ต้องให้ลูกหลานบีบนวดให้เปี๊ยบเลย เขาร้องอาๆอย่างพอใจเมื่อผมสับมือตรงจุดปวดเมื่อย อายุเพิ่งจะสามสิบต้นๆเอง ทำไมชอบทำตัวแก่จัง

นาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงคืนสิบแปดนาที นายก้องเกียรติปิดไฟเตรียมตัวเข้านอนพร้อมผู้ปกครอง เพราะวันนี้พี่อู๋เหนื่อยมามากแล้วผมก็เลยไม่ได้เล่าเรื่องคุณลุงแปลกหน้ากับออกัสให้ฟัง ผมตั้งใจว่าพรุ่งนี้หลังเสร็จกิจกรรมจะพาพี่อู๋ไปดูสถานีรถไฟ ถึงตอนนั้นค่อยเล่าก็แล้วกันว่ามีเรื่องประหลาดเกินขึ้นตอนที่เขาไม่อยู่ คุณอิศรินทร์ต้องน้ำลายฟูมปากแน่ๆถ้ารู้ว่ามีผู้ชายหล่อๆชวนผมไปกินข้าวด้วย ผมล่ะอยากให้เขารู้จัง ผมอยากเห็นจริงๆว่าเขาจะปั้นสีหน้ายังไง




Part 3 ต่อข้างล่างเลยค่ะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2019 14:25:09 โดย ambiguous95 »

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
32 [PART 3/3]

วันนี้ผมสวมเสื้อสีส้มของกิจกรรม First Step พี่อู๋บอกว่าสีมันแสบได้ใจจนอยากเอาใบไม้มาเสียบหัวนายก้องเกียรติ ผมถามเขาว่าทำแบบนั้นผมจะกลายเป็นตัวอะไร คุณอิศรินทร์บอกว่าส้ม เขาหัวเราะก่อนจะหยิบเศษใบไม้มาเสียบผมจริงๆ เหมือนส้มเป๊ะ

ผมยืนหน้าเป็นตูดให้พี่อู๋ถ่ายรูปส้มก้องเกียรติอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะปัดเศษใบไม้ออกจากหัว เราเดินหยอกล้อกันไปจนถึงอาคารจุดนัดพบ พอเห็นคนใส่เสื้อสีส้มนับร้อยเดินกันขวักไขว่ เขาก็บอกว่าเหมือนสวนส้มเดินได้ นั่นก็ส้ม นี่ก็ส้ม ก้องก็ส้ม ส้มส้ม ฝ้มฝ้ม ฝ้มบ้าอะไร จะส้มก็ส้ม อย่ามาฝ้มให้เพี้ยนสิ

“เสร็จแล้วโทรหาพี่นะ”

ผมโบกมือบ๊ายบายผู้ปกครองก่อนจะวิ่งไปหาทรายที่ยืนเอวเอสสวยๆอยู่กลางดงผู้ชาย ผมทักทายเพื่อนทุกคนแล้วเริ่มต่อแถวลงทะเบียน เราถูกแบ่งกระจายไปตามกลุ่มแต่โชคดีที่ทรายได้อยู่กลุ่มเดียวกับผม อ้อ – มีออกัสอีกคน ดังนั้นเราสามคนจึงเกาะติดกันเป็นกลุ่มเล็กๆทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าจุดรวมสายตาย่อมเป็นทรายกับออกัส รุ่นพี่หลายๆคนชอบแกล้งให้ทั้งสองคนเต้นคู่กัน ตอนแรกพวกเขาแซวว่าทรายกับออกัสมีลับลมคมในอะไรหรือเปล่าเพราะเคมีดูเข้ากั๊นเข้ากัน ทรายจึงดับฝันบรรดาคู่จิ้นด้วยการบอกว่ามีแฟนแล้วค่ะเสียงดังฟังชัด และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครจับคู่ทรายกับออกัสอีกเลย ออกัสจึงเว้นระยะห่างไม่ให้ดูน่าเกลียดด้วยการพยายามมาเต้นกับผม บางทีตอนร้องเพลงแจวก็ลากผมออกไปยืนข้างหน้า

เฮ้ย! ใครอยู่เกกีหนึ่งลุกขึ้นไปแจว!
เฮ้ย! วิศวะไปแจว!
เฮ้ย! โสดไปแจว!
เฮ้ย –

ไอ้ห่าออกัส

ผมด่ามันในใจทุกรอบที่ถูกดึงมือให้ออกไปเต้นด้วยกัน ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบเต้น ไม่ชอบเต้น แต่จังหวะมันบีบขนาดนี้ก็ต้องขยับตัวหน่อยหรือเปล่าวะ เดี๋ยวพี่ๆเสียใจ
 
พอถึงเวลาพักกินข้าวเที่ยงเรานั่งกินข้าวกับเพื่อนๆคณะอื่นเป็นกลุ่มใหญ่ มีการพูดคุยทำความรู้จักบ้างตามมารยาทแต่ผมไม่ค่อยสนใจ ระหว่างที่นั่งฟังเพื่อนคณะอื่นเล่าเรื่องผีที่หอ(ห้ามผวน – ออกัสมันกล้าเล่นมุกนี้ด้วย ไอ้ชาติชั่ว) ผมก็เห็นคุณลุงคนเดิมยืนคุยกับอาจารย์ที่เคยสัมภาษณ์ผมเข้ามหาวิทยาลัย พวกเขาคุยกันด้วยสีหน้าจริงจังและหันมามองนายก้องเกียรติ พอโดนจับได้ว่าลิงตัวหนึ่งกำลังมองสำรวจอยู่ พวกเขาก็เดินหนีไปอีกทาง ปล่อยให้ผมสงสัยว่าจริงๆแล้วลุงคนนั้นเป็นใครกันแน่ แต่สงสัยได้ไม่นานก็ลืมเพราะต้องแจวเรือกับไอ้ออกัสต่อ บักห่านี่ – สงสัยแม่งเป็นแฟนพันธุ์แท้เพลงแจว

หลังเสร็จกิจกรรม ผมบอกทรายและเพื่อนๆว่าวันนี้ไม่ไปกินข้าวเย็นเพราะพี่อู๋มารอรับแล้ว ผมโบกมือลาทุกคนก่อนจะเดินไปหาพี่อู๋ที่นั่งหาวอยู่บนม้านั่ง พอเห็นกอริลลาหน้าเลอะแป้ง เขาก็หัวเราะแล้วใช้มือเช็ดออกให้

“สนุกไหม?”
“สนุกครับ มีแต่คนเต้นตลกๆ”

ผมตอบพี่อู๋ เขาบอกว่าเอาเป้มาสิเดี๋ยวถือให้ แต่ผมปฏิเสธและบอกว่าเป้เบาเหมือนนุ่น ผมสะพายได้ แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง ได้เต้นไหม พี่เดินผ่านเห็นคนเต้นกันมันเลย ผมหัวเราะแล้วบอกว่าโดนบังคับเต้นมากกว่า จริงๆไม่มีใครสนใจนายก้องเกียรติหรอกแต่บังเอิญในกลุ่มดันมีทรายกับออกัสอยู่ด้วย ก็เลยโดนเรียกไปแกล้งตั้งหลายฐาน พี่อู๋ถามว่าเขาบังคับให้เต้นท่าสองแง่สามง่ามบ้างไหม ผมตอบว่าไม่ ไม่มีการบังคับหรือว้ากอะไร มีแต่การเต้นที่ผมเห็นแล้วเขินแทน แหะ

เราสองคนเดินคุยกันจนเกือบถึงที่จอดรถ จังหวะที่หันไปตามเสียงกลองจากไกลๆ ผมเหลือบเห็นลุงคนนั้นอีกแล้ว แกเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และท่าทางจะยังตามเรื่อยๆเพราะเมื่อผมลองหยุดเดิน เขาก็หยุด พอผมจูงมือพี่อู๋ให้เดินเร็วขึ้น เขาก็วิ่งเหยาะๆ ผมรู้สึกว่าเรื่องมันชักไม่เข้าท่าแล้วก็เลยบอกพี่อู๋ว่ามีคนแอบตามผมครับ เขาเคยตามไปจนถึงเกกี ตอนนี้กำลังเดินห่างๆอยู่ด้านหลัง คุณอิศรินทร์หน้าดุทันทีเมื่อเด็กในปกครองฟ้อง เขาหมุนตัวกลับไปจ้องคุณลุงจนแกตกใจ หยุดตามอยู่พักหนึ่ง ก่อนพี่อู๋จะจับมือผมแน่นและดันหลังให้เดินนำทาง

“เขายังตามอยู่เลยอ่ะพี่อู๋”

ผมกระซิบบอก พี่อู๋เพิ่มเลเวลความโหดด้วยการดึงหน้าส่งสัญญาณเตือนว่าถ้าลุงเข้ามาใกล้ เขาจะกระโดดถีบให้หน้าหงายจริงๆด้วย แต่ลุงโรคจิตก็ยังเดินตามราวกับพยายามจะเข้าถึงตัวผมให้ได้ เมื่อเราเดินจนถึงรถและไม่มีทางเลือก พี่อู๋จึงดันผมไปหลบข้างหลังและถามว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าครับด้วยน้ำเสียงขึงขังที่สุดเท่าที่นายก้องเกียรติเคยได้ยินมา

“ผมมีธุระอยากคุยกับก้องหน่อยครับ”
“คุยกับผมดีกว่าครับ ผมเป็นผู้ปกครองของก้อง”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย พี่อู๋นี่ฝากชีวิตไว้ได้จริงๆ นอกจากให้อาหารและความรัก เขายังสามารถปกป้องผมจากเรื่องอันตรายได้ด้วย พี่อู๋กับคุณลุงจ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่จนแทบได้ยินเสียงชิ้ง! เหมือนฉากในหนังจีนตอนพระเอกดึงดาบออกจากฝัก ผมยืนใจเต้นตุ๊บๆเพราะอยากรู้ว่าลุงเขามีธุระอะไร แต่ยืนรอนานแล้วแกก็ไม่พูดเสียที

“ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าตามก้องอีกนะครับ ไม่งั้นผมจะแจ้งความ”

ลุงหน้าเสียไปเลย

“ผมว่าพูดกับคุณมันไม่เป็นส่วนตัว”
“คุยกันตรงนี้แหละครับ ก้องไม่อยากคุยกับคุณแบบส่วนตัว”

ผมพยักหน้าอีก หวังว่าคราวนี้ลุงจะบอกเหตุผลเสียทีว่าที่เจอๆกันตลอดเกือบเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม ลุงหน้าตี๋ดูเครียดหนักอยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ แกหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วส่งบัตรประชาชนของตัวเองให้พี่อู๋

“ผมเป็นพ่อของเด็กคนนี้”

เขาบอกเสียงอ่อย

“ก้องเกียรติเป็นลูกชายของผมครับ”





TBC


________________

#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้

พ่อทูนหัวหลบไป พ่อตัวจริงมาแล้วจ้า แหะๆ


สวัสดีคืนวันจันทร์ฮับ! น้องก้อง อิน ลาดกระบังตอนที่หนึ่งมาแล้ว
ต้องขอขอบคุณเรฟแน่นๆจากสมาร์ทตัวจริงและคุณเมเปิ้ลนะคะที่คอยตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวลาดกระบังเยอะแยะเลย ขอบคุณมากๆค่ะ (⺣◡⺣)♡*

ตอนหน้าจะพยายามมาให้ตรงเวลาเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณกำลังใจน่ารักๆทุกช่องทางที่ทุกคนมอบให้นิยายเรื่องนี้ ทั้งคอมเม้นต์ แท็ก ภาพวาด ดีเอ็ม การบอกต่อและช่วยโดเนท อยากบอกว่าขอบคุณ ขอบคุณมากๆค่ะ ถ้าไม่มีฟี้ดแบค นิยายเรื่องนี้ก็คงไม่มีตอนต่อไปออกมาเรื่อยๆ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจที่ดีให้เสมอมานะคะ ♥

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ่านก้องเล่าชีวิตนักศึกษาสนุกดี ค่อยสมกับวัยหน่อย
คุณพ่อมาช้าเชียว

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แย่ละน้องก้องคุณพ่อพึ่งมาอะไรตอนนี้คะมีแต่พี่อู๋เท่านั้นที่จะเป็นแดดดี้ของน้องก้องเนอะพี่อู๋เนอะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :fire: คิดถึงตอนก้องจะฆ่าตัวตายเลยอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ว่าแล้วเชียว
ทำไงดีล่ะ

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
หวังว่าจะไม่ม่าน้า แงง

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตอนนี้สนุกดีอ่ะชีวิตมหาลัยขิงก้อง แต่ออกัสไม่ได้จะจีบก้องใช่มะ
แล้วพ่ออ่ะมายังไง โดนจับแยกกะพี่อู๋มั้ยเนี่ยะ

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เหมือนได้เห็นลูกได้ดี มีความสุขกับสังคมใหม่ๆ ก็ดีแล้วลูก นี่แหละคือชีวิตที่หนูควรจะได้ แล้วพ่อคืออะไร กลับมาทำไมตอนนี้! ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงต้องหายไปจากชีวิตก้องกับแม่ด้วย รอเหตุผลดีๆ จ้ะ
 :katai4:

ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ว่าละว่าเป็นพ่อ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พ่อโผล่มาตอนนี้เนี่ย :angry2: แอบระแวงออกัสยังไงไม่รู้ กลัวนางมาชอบน้อง หวงแทนพี่อู๋ 555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
แหม เสี่ยอู๋เปย์เก่งนะคะ เอาไงล่ะทีนี้พ่อจริงเขามาแล้ว สถานะพี่ชายและพ่อทูนหัวอย่างพี่อู๋จะทำเช่นไรคะ 5555555555555555555555

ออฟไลน์ กล้วยจังหวะนรก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพิ่งสังเกตว่าเดี๋ยวนี้ก้องไม่ค่อยบรรยายชีวิตตัวเองแบบขึ้นต้นด้วยการบอกเวลาแล้วค่อยตามด้วยสิ่งที่เจอในชีวิตประจำวันแล้ว พอหายป่วยก็ไม่ค่อยจมอยู่กับตัวเองแล้วใช่ไหมก้อง แถมมีเพื่อน มีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะเลย เห็นก้องมีความสุขแม่ๆก็มีความสุขด้วย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พ่อของก้องเป็นใครมาจากไหนเนี่ย

ออฟไลน์ ง่วงนอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ลุงอย่ามาเอาเจ้าก้องไปจากพี่อู๋นะ  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด