อาคเนย์ ◈ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อาคเนย์ ◈ THE END  (อ่าน 168746 ครั้ง)

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #210 เมื่อ13-03-2019 09:40:13 »

ใจเราพร้อมพัง  :hao7:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #211 เมื่อ13-03-2019 11:38:34 »

ก็สงสารนะแต่มันยังน้อยไปกว่าที่เนย์เคยเจอ เคยโดนมา แต่ก็อย่างว่าล่ะ มันต้องก้าวต่อไป

ออฟไลน์ Cutebangg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #212 เมื่อ13-03-2019 11:48:54 »

 :serius2: ม่ายยยย
ขอให้ยังมีพื้นที่ที่ยังเป็นของบูอยู่เสมอ ได้โปรด :o12:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #213 เมื่อ13-03-2019 18:56:01 »

นังบูแกแค่ทรมาณใจเพราะรู้สึกผิด

แต่เนย์น่ะ ทั้งทรมาณใจรู้สึกผิด

ทั้งทรมาณใจ ที่รักมึง

เจ็บปวดใจที่มึงไม่รัก

เจ็บกายที่มึงข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำอีก

เจ็บกายที่มึงทุบตีมัน

เจ็บปวดใจที่มึงดูถูกมันซ้ำๆมา4ปี

เจ็บแค่นี้ของมึงมันเหมือนสั่งขี้มูกเลอะรองเท้าแค่นั้นแหละ

แน่จริงมึงฆ่าตัวตายเลย

อย่าบอกว่าเพราะไม่รู้ถึงทำแบบนั้น

เพราะถ้าเนมันรู้มันก็ไม่ขับรถไปจนอีจีนเหมือนกันแหละ

มึงมันคนบาปอีบู

ออฟไลน์ Chamanao

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #214 เมื่อ13-03-2019 21:21:59 »

เอาจริงๆเรารู้สึกหน่วงกว่าตอนพิษรักสะอีกนะ
แต่โดยรวมก็ชอบมาก
ตอนที่บอกว่าตลอดไปไม่มีจริง เรานึกถึงวินน์เลยอ่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #215 เมื่อ13-03-2019 23:33:41 »

ตอนนี้ก็คือเหมือนสลับบทบาท เนย์น่าจะยังรักษาอาการที่เป็นอยู่แต่ก็คงดีขึ้นมากแล้วชีวิตดูมูฟออน ต่างจากบูที่เหมือนย่ำอยู่กับที่บางทีก็ถอยหลังหาอดีต ถ้าบูยังเป็นแบบนี้คนที่ป่วยต่อไปก็คงเป็นบูนี่แหละ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #216 เมื่อ14-03-2019 10:56:10 »

ได้รู้ความเป็นไปของบูรพา มากกว่าเดิม  :hao3:
ก็ไม่เท่าความทุกข์  ความขมขื่น ความเจ็บปวด ที่เนย์ถูกบูกระทำหรอกนะ  :m31: :fire: :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #217 เมื่อ14-03-2019 11:13:55 »

อาคเนย์ก้าวไปข้างหน้าแล้ว ดีใจกับเนย์ด้วย

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #218 เมื่อ14-03-2019 13:04:53 »

ความทุกข์ทรมานใจของบู ถึงจะรู้สึกว่ามันยังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำเนย์ แต่ทั้งสองคนเด็กที่หลงทาง หลงติดอยู่ในอดีต ที่ต่างทำผิดพลาดและแก้ไขกันแบบผิดๆซ้ำๆ
ตอนนี้เนย์ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับใครอีกคนแล้ว (หวั่นใจนี่เราต้องเลือกทีมอีกแล้วมั้ย ม่ายยยยยย)
แต่บูกำลังจมดิ่งอยู่กับอดีตแล้วได้แต่มองเนย์... มันบีบหัวใจเมื่อนึกถึงอดีตของเด็กน้อยทั้งสองในวัยเยาว์ อดน้ำตาไหลไม่ได้


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #219 เมื่อ14-03-2019 23:22:11 »

เห้อ จุกเนาะ พูดไม่ออกเหมือนกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
« ตอบ #219 เมื่อ: 14-03-2019 23:22:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lingphed2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #220 เมื่อ16-03-2019 22:20:40 »

น่าติดตามมากเลย เป็นกำลังให้นักเขียนนะคะ

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #221 เมื่อ18-03-2019 19:09:51 »

เมื่อใหร่จะได้ลงตัวกันสองคนนี้ :mew2:

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #222 เมื่อ19-03-2019 20:16:03 »

 :hao4:

ออฟไลน์ เงาเดือน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่8 [13/03/62] *หน้า7
«ตอบ #223 เมื่อ20-03-2019 01:11:58 »

ฉันรอพี่อยู่ในกระทู้ทุกวันเลย มาต่อเถอะ ขอร้อง เค้าติดตามตะเองทุกเรื่องเลยนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #224 เมื่อ20-03-2019 04:12:35 »



CHAPTER 9
AIN’T NO SUNSHINE



กับคนบางคน...ความทรมานจากโรคร้าย
เจ็บปวดน้อยกว่าการจากลา



   ถ้าผมมีใครสักคนคอยรับฟังความดีใจที่เอ่อล้นในตอนนี้บ้างก็คงดี

   แต่พอจะหยิบมือถือแล้วกดโทรออก เพื่อบอกเล่าความรู้สึกที่ได้เจอกับไอ้เนย์อย่างใจคิด ในสมองก็เพิ่งตระหนักได้ว่าชีวิตที่เป็นอยู่ไม่เหลือใครให้รับฟังอีก เลยทำได้แค่เก็บความคิดเหล่านั้นเอาไว้ยังส่วนลึกแทน

รถไฟฟ้าขบวนนั้นเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาไปนานแล้ว ส่วนอีกขบวนหนึ่งที่ผมโดยสารไปก็กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม

   มือที่เกาะไปบนราวจับชื้นไปด้วยเหงื่อ ภาพใบหน้าขาวของใครคนนั้นยังคงติดตรึง หลายอย่างในตัวมันเปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังคงเป็นเหมือนเดิม วันนี้ผมเห็นไอ้เนย์ใส่เสื้อนิสิตอีกครั้ง ส่วนคนที่มากับมันสวมช็อปวิศวะสีกรมท่า จึงพอเดาได้ว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาเจ้าตัวคงเดินทางตามหาความฝันใกล้จะสำเร็จแล้ว

   อีกไม่นานคงได้เป็นวิศวกรอย่างที่หวัง ส่วนผมก็จะได้เลือกทางของตัวเองเช่นกัน

   สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าเข้าไปในตัวอาคารแสนคุ้นตา ตรงทางเดินคับแคบพลุกพล่านไปด้วยเด็กในคณะ หลายคนวิ่งพล่านด้วยความรีบเร่ง ขณะที่อีกหลายๆ คนก็ก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์มือถือ

   ปกติผมเป็นแบบนั้นเลย เพิ่งจะมีโอกาสได้เงยหน้ามองโลกกว้างอย่างชัดเจนก็ตอนนี้แหละ บางที...การจากลากับอะไรสักอย่างก็ไม่ได้เจ็บปวดถึงขนาดนั้น

   “ไอ้บู ทำไมยังไม่ขึ้นวอร์ดอีกวะ” เสียงแหบต่ำตะโกนตามหลังไม่หยุด ผมหันไปเผชิญหน้ากับคนที่กำลังวิ่งมาถึงตัว ไอ้ดล...

   “พอดีมีธุระต้องจัดการนิดหน่อยว่ะ ว่าแต่มึงเหอะมาทำอะไรตรงนี้” ปกติพวกปีสี่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลในช่วงเช้า ดังนั้นเลยไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอเพื่อนในเวลาดังกล่าว แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปซะหมด

   “กูแวะมาเอาหนังสือที่น้องรหัส เห็นหลังมึงไกลๆ เลยรีบวิ่งมาหานี่ไง”

   ในกลุ่มเรามีกันอยู่สี่คน ทว่ามันกลับเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่คอยโทรตามและลากผมให้เข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ พูดได้เต็มปากเลยว่า ชีวิตสองปีที่ผ่านมานี้ติดหนี้บุญคุณของมันมากจริงๆ

   “อ๋อ งั้นมึงรีบขึ้นวอร์ดก่อนเถอะ กูว่าจะเข้าไปทำธุระนิดหน่อย” ผมรีบตัดจบประเด็น แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมขยับไปไหน

   “รีบขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วมึงได้โหลดสไลด์ที่กูส่งให้หรือยัง บ่ายวันนี้มีเรียนเล็กเชอร์ด้วยมึงจำได้ป่ะ”

   “ดล”

   “คือมึงขาดเรียนบ่อยก็ควรกระตือรือร้นได้แล้วนะเว้ย อีกสองเดือนก็จะสอบแล้ว”

   “ดลมึงฟังก่อน มันไม่มีประโยชน์หรอก”

   “หมายความว่าไง”

   “กูจะลาออก”

   คงไม่มีเหตุผลที่ผมต้องปิดอีกแล้ว แม้จะรู้สึกผิดที่เหยียบย่ำความหวังดีของมันก็ตาม เข้าใจแล้ว...คำว่าแม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากทนมันเป็นยังไง

   “มึงล้อกูเล่นเหรอวะบู อีกไม่นานเราก็จะจบปีสี่กันอยู่แล้วนะเว้ย ที่กูเข็นมึงตื่นมาเข้าวอร์ด มาเข้าเล็กเชอร์ในทุกคาบ กูไม่ได้หวังเพื่อให้มึงตัดใจง่ายขนาดนี้นะ แล้วความพยายามที่ผ่านมาล่ะ มึงจะ...” ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดจบผมรีบสวนกลับไปทันที

   “กูไม่ได้พยายาม กูแค่ฝืน...”

   “กูจำได้ ยังจำได้ดีตอนเข้ามาเรียนปีหนึ่ง มึงเป็นเพื่อนคนแรกของกู มึงเล่าความฝันทุกอย่างให้ฟัง หมอไม่ใช่สิ่งที่มึงต้องการจะเป็นเหรอ หรือตอนนี้มึงเจอทางที่มึงชอบมากกว่าแล้ว” ไอ้ดลพูดประโยคยืดยาวออกมาแทบไม่หายใจ แม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังชอบคณะที่เรียนอยู่หรือเปล่า แต่พอเทียบกับความห่วยแตกของตัวเองผมก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา

   “กูกำลังตามหาอยู่ เลยอยากออกไปให้เวลากับตัวเองดูบ้าง”

   “ไอ้บู”

   “มึงคิดดูสิ ตั้งแต่ปีสองกูก็ไม่ค่อยเข้าเรียน ถึงจะสอบได้ก็เหมือนกินแรงคนอื่นเวลาต้องเอาเล็กเชอร์ที่พยายามจดมาให้กูอ่าน พอปีสามกูก็โดนเรียกเข้าไปพบหลายรอบ ปีสี่กูไม่เข้าวอร์ด ความย่ำแย่ที่เป็นอยู่นี้มึงคิดว่ากูยังจะเป็นหมอได้อีกเหรอวะ”

   “นี่ไง มึงยังรู้ตัวเองเลยเพราะงั้นกลับมาตั้งใจตอนนี้ก็ยังทันนะ”

   ไอ้เพื่อนคนนี้ยังคงดึงดัน ต่อให้ผมเอาข้อเสียต่างๆ มาอ้างมันก็คงจะรั้งผมต่อไปสินะ

   กับไอ้ดลเราเป็นเพื่อนกันมานานสี่ปี ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขไปซะทุกเรื่องแต่ก็พูดได้เต็มปากเลยว่าหากชีวิตในการเรียนคณะแพทย์ไม่มีณดล ก็ไม่มีบูรพาในวันนี้ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากปกปิดความเลวร้ายที่ผ่านมากับเจ้าตัวอีก

   “กูมีความลับอย่างหนึ่งที่มึงไม่เคยรู้ ตอนแรกก็คิดว่าจะเก็บมันไว้ ภาพที่มึงมองกูจะได้ไม่เปลี่ยนไป แต่ในฐานะที่มึงคือเพื่อนที่กูสนิทที่สุดในคณะ กูเลยอยากบอกเล่าความจริงบางอย่างให้มึงได้รู้” คนตรงหน้านิ่งเงียบ จ้องมองผมราวกับจะรอฟังคำตอบจากปาก

   “วันนี้กูเจอไอ้เนย์”

   “จริงดิ!”

   “ครั้งแรกในรอบสองปีที่เฝ้าตามหา มันได้เรียนวิศวะสมใจแล้วนะ แถมยังดูมีความสุขดีด้วย ที่ผ่านมามึงเอาแต่ถามว่าทำไมกูถึงได้เกลียดไอ้เนย์ฉิบหายแต่กลับยังตามหามัน นั่นเป็นเพราะกูยังติดค้างกับมันอยู่ไง”

   “แต่การเจอมันไม่ใช่เหตุผลที่มึงต้องลาออกป่ะวะ จะให้ชดใช้เรื่องที่มึงเคยต่อยตีกันเหมือนเด็กๆ น่ะเหรอ”

   “ไม่ใช่แค่นั้นหรอก”

   “มึงคิดให้ดีๆ ไอ้เนย์เจอสิ่งที่ตัวเองรัก แต่มึงกำลังจะหนีไปจากสิ่งที่เป็นความฝันของตัวเองเนี่ยนะ กูรู้...รู้ว่ามึงยังอยากเป็นหมอ รู้ว่า...”

   “ดล...กูทำให้คนที่ป่วยเป็น PTSD อย่างไอ้เนย์พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง”

   “...!!”

   “มึงคิดว่ากูจะเป็นหมอที่ดีได้อีกเหรอวะ”

   ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของคนตรงหน้า ดูเหมือนมันจะช็อกไปแล้ว ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากส่งยิ้ม เอื้อมมือไปตบบ่าแกร่งสองสามทีเป็นการตัดจบ

   “รีบขึ้นวอร์ดเถอะ ถ้ามีโอกาสก็มาเจอกันข้างนอกได้ ใช่ว่ากูจะหายไปตลอดซะเมื่อไหร่”

   “อืม” ไอ้ดลพยักหน้าหงึกหงักเหมือนยังดึงสติตัวเองกลับมาไม่ครบ ผมเห็นก็ทั้งรู้สึกขำและสงสาร แต่ก็จำต้องตัดใจทิ้งมันไว้แล้วเลือกหมุนตัวเดินผละออกมา

   เบื้องหน้าเป็นห้องของอาจารย์ที่ปรึกษา กระบวนการลาออกไม่มีอะไรมาก ง่ายกว่าสอบเข้าหลายล้านเท่านัก แค่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจัดการเคาะมึงลงบนบานประตู ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงอนุญาตของคนในห้องแว่วเข้าหูจึงไม่รอช้าเอื้อมมือไปหมุนลูกบิด ทว่ายังไม่ทันได้ออกแรงผลักผมก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทดังแหวกอากาศเข้ามา

   “บู” มันเรียกชื่อผม “อย่าลาออกเลย”

   “...”

   “เดินมาตั้งขนาดนี้แล้ว อย่าทิ้งความฝันของตัวเองเลยนะ”

   ผมไม่ได้ตอบนอกจากผลักประตูเข้าไปในห้อง

   รับรู้ได้เพียงอย่างเดียว...นั่นคือความขมปร่าของหยดน้ำตา











   ชีวิตที่ผ่านมาสองปีผมกลับบ้านแทบจะนับครั้งได้ อาจเป็นเพราะความมึนตึงระหว่างผมกับแม่ที่ยังคงแผ่กระจายออกมา ส่วนพ่อก็เป็นพวกไม่ละเอียดอ่อน เขาทำงานอย่างหนักกลับมาก็กินข้าวแล้วขึ้นห้องอาบน้ำ อ่านหนังสือนอนเหมือนทุกวัน ไม่มีเวลามาสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นักหรอก

   รู้ตัวอีกที เวลาสองปีก็ทำให้คำว่าครอบครัวดูห่างเหินเกินกว่าที่มันควรจะเป็นเสียแล้ว

   “วันนี้ทำไมถึงกลับบ้านได้ เรียนหนักไม่ใช่เหรอ”

   พ่อเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูด ก่อนจะค่อยๆ ตักอาหารใส่จาน ลืมไปซะสนิทว่าตัวเองเคยอ้างอะไรไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับบ้านบ่อยๆ

   “คือผมมีเรื่องสำคัญจะบอกพ่อกับแม่...” ผมไม่กลัวด้วยซ้ำว่าเขาจะโกรธหรือทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน เพราะมันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าที่ผ่านมาอีกแล้ว

   “มีอะไรก็พูดมาสิ”

   “ผมคิดเรื่องนี้มานาน วันนี้เลยตัดสินใจเข้าไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาว่าจะขอดร็อปเรียนไปก่อน”

   เสียงกระทบกันของช้อนและส้อมเงียบลง พลันสายตาสองคู่หันมามองผมเป็นจุดเดียว

   จากที่ตอนแรกตั้งใจจะลาออกและจบความยุ่งยากทุกอย่างลงซะ แต่ใบหน้าและน้ำเสียงคร่ำเครียดของไอ้ดลทำให้ผมกลับมาฉุกคิด บางทีผมอาจต้องการเวลาสำหรับตามหาอะไรบางอย่าง และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ได้คำตอบแล้ว ผมอาจจะกลับไปเรียนใหม่อีกครั้ง หรือไม่...ก็อาจไม่กลับไปในเดินเส้นทางเดิมอีกเลย

   “แกว่าไงนะ ช่วยอธิบายให้เข้าอีกที” พ่อยกมือขึ้นกอดอกพลางเอนหลังลงพนักเก้าอี้ ผมสบตากับเขาไม่มีหลบก่อนจะเอ่ยออกไปเต็มเสียง

   “ผมไม่มั่นใจว่าทางที่เรียนอยู่มันใช่หรือเปล่าเลยจะขอดร็อปไปก่อน”

   “แล้วก่อนจะทำอะไรลงไปทำไมถึงไม่ปรึกษาที่บ้าน”

   “กลัวว่าพอปรึกษาไปจะโดนห้าม”

   “มันเจ็บปวดขนาดนั้นเลยเหรอ ก่อนหน้านั้นแกเคยรักมันมากหนิ”

   “ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้วครับ ผมฝืนต่อไม่ไหว แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากทนอีก”

   “มันเป็นเรื่องใหญ่นะบู แกเรียนปีสี่แล้ว จู่ๆ ก็จะหยุดเรียน ได้มองทางไหนเอาไว้มั้ย”

   “ยังเลยครับ”

   “อยากทำอะไรก็ทำ รู้ว่าชอบด้านไหนเมื่อไหร่ก็มาบอกด้วย ฉันมีหน้าที่แค่หาเงินเลี้ยงแกเท่านั้นแหละ” พูดจบพ่อก็กลับมานั่งกินข้าวต่อทว่าสีหน้ายังเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเจ้ากี้เจ้าการกับผมอยู่แล้ว คราวนี้เลยผ่านไปได้ไม่ยากอย่างที่คิด

   โฟกัสสายตาของผมเลื่อนจากคนที่นั่งหัวโต๊ะไปยังฝั่งตรงข้าม ที่ซึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ ได้แต่คิดถึงความทรงจำเดิมๆ ตอนที่ได้กอดเขาและบอกเล่าทุกอย่างในใจให้ฟังซึ่งตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอาจเป็นตอนนั้น...ตอนที่รู้ว่าผมทำเลวระยำกับไอ้เนย์ไว้มากแค่ไหน

   “แม่มีอะไรจะพูดกับผมมั้ย”

   “ถ้าบูตัดสินใจแล้วแม่ก็คงพูดอะไรไม่ได้”

   “แม่รู้สึกยังไงกับสิ่งที่ผมทำ”

   “...”

   “วันนี้ผมเจอไอ้เนย์โดยบังเอิญ มันได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียนแล้วนะ ถึงแม้วันนี้เราจะไม่ได้คุยกันแต่ผมก็จะหาโอกาสไปขอโทษมันให้ได้”

   “อย่าเลยบู” แทนที่จะได้รับการสนับสนุน สองหูกลับได้ยินเพียงเสียงร้องห้าม

   “ทำไม”

   “เนย์ไปมีชีวิตใหม่แล้ว”

   “แม่พูดแบบนี้หมายความว่าไง ผมก็แค่อยากขอโทษ ถ้าคิดว่าการที่ผมโผล่หน้าไปจะทำให้มันต้องเจ็บอีก แล้วผมล่ะ...” ยอมรับและเข้าใจดีที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเองซึ่งมันเป็นผลที่สมควรจะได้รับอยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งมันก็อยากก้าวไปข้างหน้าบ้างเหมือนกัน

   ผมจมอยู่กับฝันร้ายและความรู้สึกผิดมาตลอดสองปี เฝ้าแต่ตามหาอาคเนย์เพื่อที่อย่างน้อยมันจะได้ปลดปล่อยความรู้สึกผิดในใจให้ ผมรู้ว่ามันดูเห็นแก่ตัว รู้ว่าไม่ควรฉุดมันกลับมาที่เดิมอีกแต่ผมก็ยังอยากจะทำ

   “อย่าไปเจอเนย์อีกเลยบู ถือว่าแม่ขอร้องแล้วกัน”

   “ถ้าผมไม่ไปแม่จะกลับมาเป็นคนเดิมมั้ย”

   “...” ยังคงเงียบ ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่ควรเป็น และผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

   “แม่ต้องการอะไร อยากให้ผมสำนึกหรือชดใช้แค่ไหนแม่บอกมาสิ”

   “อย่ามาขึ้นเสียงกับแม่นะบู!”

   “ใจเย็นๆ นี่ทะเลาะอะไรกันอีก” พ่อเป็นฝ่ายเอ่ยแทรก เขาหันมามองเราทั้งคู่ด้วยสายตาตั้งคำถาม

   ตั้งแต่เกิดเรื่องมีแต่ผมกับแม่เท่านั้นที่รับรู้ ต่างคนต่างเหยียบมันไว้ทำราวกับทุกอย่างยังปกติดีทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ ผมมองหน้าแม่อีกครั้ง และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังทำเลยได้แต่ส่ายหน้าไปมา

   “พ่อ”

   “บูขึ้นห้องไปก่อน” แม่รีบขัดทว่าผมไม่สนใจ ถ้ามันจะพังก็ขอให้เป็นวันนี้ได้มั้ย ให้มันเจ็บทีเดียว

   “ที่ไอ้เนย์พยายามฆ่าตัวตายมันเป็นเพราะผม”

   “...!!”

   “ผมเคยทำร้ายมันสารพัด พูดจาสาดเสียเทเสีย แถมยังมีความคิดจะข่มขืนมันอีก ถึงไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้อาการป่วยของมันกำเริบจนต้องเข้าไปนอนโรง’บาลอยู่นาน เหตุผลที่มันย้ายบ้านไปก็เพราะผม เหตุผลที่มันลาออกจากคณะทิ้งอะไรต่างๆ ไว้มากมายก็เพราะผม ที่ผ่านมาผมเหยียบมันไว้และขี้ขลาดเกินกว่าจะบอก พ่อจะแจ้งตำรวจก็ได้ ดุด่าทุบตียังไงก็ได้...ผมจะยอมรับมันทั้งหมด” แม้จะช้าเกินไปก็ตาม

   “บูรพา” เสียงทุ้มเรียกชื่อด้วยท่าทีนิ่งสงบ นิ่งจนเหมือนกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังก่อตัวและกำลังพัดเข้ามาในไม่ช้า

   ทุกบริเวณเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกนานนับสิบนาที ผมนับเลขในใจ เฝ้ารอฟังคำตัดสินจากอีกฝ่ายด้วยความทรมานจนกระทั่งในที่สุดผมก็ได้รับคำตอบ

   “ที่ผ่านมาแกจะทำอะไรผิดหรือเลวร้ายแค่ไหนฉันให้อภัยมาตลอด แต่กับเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กทำไมถึงได้ทำร้ายกันลงคอ”

   “ผมขอโทษ”

   “กลับไปทบทวนตัวเองซะ เป็นคนที่ดีกว่านี้ได้เมื่อไหร่ค่อยกลับมาให้ฉันเห็นหน้า”

   นั่นเป็นคำตอบเดียวของพ่อก่อนเขาจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร

   “ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ผมเอ่ยตามหลังอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการปลดพันธนาการทุกอย่างออกไปจากใจ

   สองปีมาแล้วที่ขี้ขลาดจนรู้สึกเกลียดตัวเอง หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ได้ เฝ้าแต่ถามว่าชีวิตควรเดินไปทิศทางไหน คาดเดาไปต่างๆ นานาแต่ก็ไม่เคยกล้าพอจะบอกความจริงกับใคร พอวันนี้ได้คำตอบกลับรู้สึกโล่งอกอย่างน่าประหลาด มันแย่ที่ทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด แต่ผมหาทางออกที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

   “ผมขอโทษนะแม่ สำหรับทุกอย่างเลย...”

   “...”

   “เอาแต่คิดว่าตอนเสียจีนไปมันเจ็บปวดที่สุดแล้ว ทั้งที่จริงๆ การเสียทุกคนไปต่างหากที่เจ็บปวดกว่า”

   ความแค้นและการกระทำในอดีตพรากทุกอย่างที่เคยเป็นของบูรพา ผมเสียอาคเนย์ เสียครอบครัว เสียความฝันและเพื่อนร่วมทาง ทั้งหมดโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเอง

   “คิดว่าคงต้องไปแล้ว ถ้าคิดถึง...ถ้าแม่คิดถึงก็โทรหาผมได้เสมอ”

   ผมไม่เคยตอบแทนอะไรแม่สักอย่าง ขนาดวันที่ต้องจากลาก็ยังทำให้เขาร้องไห้อยู่เลย

   อีกนานกว่าจะได้กลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองดีพอ...











   ชีวิตของนายบูรพาเหมือนเจอทางตันอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเดินไปทางไหนนอกจากหวนกลับไปยังจุดเดิมคือการจมอยู่ในอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้น ผมนอนนิ่งๆ อยู่ในห้องนอนของตัวเอง มองดูท้องฟ้าจากหน้าต่างค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ จนหมดวัน

   แม่ไม่อยากให้ผมไปเจอไอ้เนย์ เลยพยายามฝืนตัวเองมาตลอดด้วยการปิดเครื่องมือสื่อสาร ไม่ติดต่อกับใครและขังตัวเองอยู่ในห้องแทน แต่ผมดันทนได้ไม่นานเมื่อวันหนึ่งฝันร้ายกลับมาเยือนอีกครั้ง จนเกิดความรู้สึกที่อยากหลุดออกจากวงโคจรนี้ไปสักที

   โทรศัพท์มือถือถูกเปิดหลังปิดไปนาน ข้อความมหาศาลเด้งขึ้นมาไม่หยุด ผมกวาดตามองข้อความที่ค้างตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ตอบใครสักคนนอกจากกดเข้าไปยังเว็บ Reg ของมหา’ลัยเพื่อเช็กตารางเรียนนิสิตในภาควิชานั้น

   เสร็จสรรพจึงหันมาอาบน้ำแต่งตัว วันใหม่ใกล้เข้ามาถึงแล้ว อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงพระอาทิตย์ก็คงโผล่โพ้นขอบฟ้า หวังว่าถึงตอนนั้นผมจะมีความกล้าพอกับการเผชิญหน้าอีกครั้ง

   ตอนเจอกันที่สถานีรถไฟ ผมสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ของคณะและมหา’ลัยที่ปักอยู่บนกระเป๋าเสื้อช็อปของผู้ชายที่มากับไอ้เนย์ เบาะแสที่พยายามหาเลยแคบลงกว่าเก่า ดังนั้นจึงไม่รีรอรีบขับรถไปยังมหา’ลัยดังกล่าวทันที

   ไอ้เนย์หนีมาเรียนในคณะใหม่ที่ไม่ไกลจากเดิมมาก แต่เพราะผมยังคงใช่รถยนต์เหมือนทุกวัน เลยทำให้ความเป็นไปได้ที่เราจะเจอกันโดยบังเอิญลดน้อยลงจนแทบเป็นศูนย์ หรือไม่เราก็คงเคยเจอกันมาก่อนแต่อีกฝ่ายพยายามหลบหน้าซะมากกว่า

   รถยนต์เคลื่อนตัวไปจอดยังลานจอดรถคณะวิศวะในเวลาเจ็ดโมงเช้า ผมปิดประตู ก้าวเท้ายาวๆ ไปดักรออยู่หน้าห้องที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะใช้เรียนในช่วงแปดโมง นั่งอยู่อย่างนั้นพร้อมกับนับเลขในใจไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ...

   จวบจนเด็กกลุ่มหนึ่งเดินตรงมา ถึงแม้ผมจะไม่เห็นไอ้เนย์ในกลุ่มนั้นแต่มั่นใจว่าอีกไม่นานเจ้าตัวก็คงมาถึง จู่ๆ ก็รู้สึกละอายใจตัวเองขึ้นมา จิตใจเต็มเปี่ยมที่อยากเข้าไปทักหรือเอ่ยขอโทษจางหาย ผมรีบลุกขึ้นยืน พาตัวเองเดินหลบไปยังมุมหนึ่งอย่างเงียบเชียบแล้วเฝ้ามองภาพตรงหน้าไม่ละสายตา

   อาคเนย์อยู่ตรงนั้น แต่กลับไกลเกินเอื้อมถึง



   ‘หมอบู’
   ‘อย่ามาตลก กูยังสอบเข้าไม่ได้เลย’
   ‘เอาน่า สักวันก็ได้เรียกอยู่ดี หมอบู...หมอบู...หมอบู’
   ‘แล้วกูต้องเรียกมึงว่าอะไร นายช่างเนย์เหรอ’
   ‘ก็เท่อยู่นะ’
   ‘สมกับเป็นลูกนายช่างใหญ่’
   ‘หมอบู’
   ‘นายช่างเนย์’
   ‘บูรพา’
   ‘อาคเนย์...’




   คิดถึงวันเก่าๆ เหมือนกัน

   ไอ้เนย์ดูดีในชุดช็อปวิศวะ มีรอยยิ้มสดใส หัวเราะและดูสนุกสนานไม่ต่างจากอาคเนย์ในวันวาน พอไม่มีผมทุกอย่างก็ค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม พอไม่มีผม...ความสุขก็ไม่ได้หายากอีกต่อไป

   หลายคนทยอยเดินเข้าห้อง ผมมองเห็นคนตัวขาวเพียงไม่กี่วินาทีก่อนภาพตรงหน้าจะเหลือเพียงอากาศธาตุ แต่ก็ยังไม่หมดความพยายามด้วยการเฝ้ารออยู่อย่างนั้น จะให้เดินเข้าไปก็ไม่กล้า พอจะตัดใจเดินหนีก็ทำไม่ได้ เลยต้องยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความสับสนไปเรื่อยๆ

   คาบนี้สองชั่วโมงผมนั่งรอ

   คาบต่อไปอีกสองผมก็ยังแอบตามเขา

   เวลาแต่ละวินาทีผันผ่านอย่างเชื่องช้า ผมเห็นไอ้เนย์กับผู้ชายคนนั้น คนที่เจอกันตรงรถไฟฟ้า ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา หัวเราะ กินข้าว อ่านหนังสือ ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติจนอดถามตัวเองไม่ได้ว่าถ้าเป็นผมที่นั่งอยู่ตรงนั้น ยังจะมีโอกาสได้ยินเสียงหัวเราะของมันอยู่มั้ย

   หลังเลิกเรียนผมมองตามแผ่นหลังเล็กๆ เดินไปตามฟุตบาธอย่างใจเย็น รู้ตัวอีกทีสองขาก็ก้าวมาถึงสถานีรถไฟฟ้า โดยลืมไปเลยว่ารถของตัวเองยังคงจอดอยู่ที่คณะ

   ตอนนี้ไอ้เนย์เดินไปข้างหน้าไกลแล้ว ผมไม่มีเวลาสำหรับความลังเลเลยก้าวฉับๆ ตามหลังอีกฝ่ายพร้อมกับทิ้งระยะห่างเอาไว้ประมาณหนึ่งเพื่อไม่ให้มันรู้ตัว

   ถัดจากนี่ไปสองสถานีผมก็ตามมาจนถึงคาเฟ่แห่งหนึ่งที่อยู่ในซอยค่อนข้างลึก มันเป็นคาเฟ่สองชั้นตกแต่งในสไตล์วินเทจแต่ดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีเหลือง ผมปล่อยให้อาคเนย์เดินเข้าไปด้านในครู่หนึ่งก่อนถึงค่อยหาโอกาสตามไปเงียบๆ

   “ยินดีต้อนรับค่า” พนักงานเอ่ยทักทาย ผมกวาดตามองไปโดยรอบไม่เจอคนที่ตามหาจึงย่างเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองต่อ

   บรรยากาศด้านบนแตกต่างจากด้านล่างนิดหน่อยตรงที่มีแสงสีขาวซึ่งมองเห็นได้ชัดกว่า กลิ่นของขนมและอาหารก็เบาบางกว่ามาก และแน่นอนในระยะห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร ผมยังคงเห็นไอ้เนย์นั่งอยู่ตรงนั้น ตรงระเบียงแคบๆ ซึ่งยื่นออกมาจากตัวอาคารพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนมัธยม

   “รับอะไรดีคะ”

   “เดี๋ยวผมขอดูก่อนแล้วกัน” พนักงานพยักหน้าเข้าใจ ส่วนผมเดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะตัวเล็กๆ ซึ่งยังว่างอยู่ จากนั้นก็เฝ้ามองดูอีกฝ่ายจากทางด้านหลังพร้อมกับคำถามมากมายที่กำลังตีวนอยู่ในหัว จะเดินเข้าไปทักดีหรือแค่มองอยู่ห่างๆ สุดท้ายผมก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

   ดูเหมือนไอ้เนย์จะมีอาชีพเสริมเป็นติวเตอร์ให้กับเด็กมอปลาย ไม่รู้ว่าได้เงินมากพอมั้ย แต่มันเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง คิดดูแล้วกันขนาดไม่มีใจรักจะเรียนหมอมันยังสอบเข้ามาเรียนได้เลย

   “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า...” ริมฝีปากเค้นเสียงนับเลขอีกครั้งขณะสายตายังคงจ้องมองคนที่นั่งอยู่ตรงระเบียง เมื่อก่อนผมอาจจะตัดพ้อว่าการรอคอยช่างยาวนาน จนกระทั่งชีวิตได้เรียนรู้อะไรที่หนักหนาสาหัสกว่า แม่งทำเอาไอ้ที่รอมาหนึ่งวันเป็นแค่เศษเสี้ยวที่เทียบไม่ได้ไปเลยทีเดียว

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 22:22:26 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #225 เมื่อ20-03-2019 04:14:53 »



   ผมสั่งอาหารไปสองสามอย่างแต่ก็ปล่อยมันวางในจานอยู่อย่างนั้นเพราะกินไม่ลง จากเวลาหกโมงเย็นเคลื่อนผ่านเป็นหนึ่งทุ่ม สองทุ่ม ลูกค้าเก่าออกไป คนใหม่ก็เดินเข้ามาทว่าเราก็ยังอยู่ที่เดิมจนกระทั่งหน้าปัดนาฬิกาข้อมือหมุนไปที่สามทุ่มสิบนาที ช่วงเวลาที่เด็กผู้ชายคนนั้นเริ่มเก็บข้าวของและจากไปในไม่นาน

   ไอ้เนย์นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ดูทั้งเหงาและโดดเดี่ยวไม่เหมือนตอนอยู่กับเพื่อนที่คณะแม้แต่น้อย ลึกๆ ผมอยากเดินเข้าไป พูดหรือเอ่ยทักทายอะไรก็ได้ อาจจะเป็น ‘หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยนะ’ หรือพูดประโยคง่ายๆ อย่าง ‘สบายดีมั้ย’ เพราะต่อให้อีกฝ่ายไม่ตอบกลับมาผมก็คงไม่เสียใจอีก

   “จะทำอะไร!” เสียงของใครสักคนดังก้อง

   ผมหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังคว้าข้อมือของผมเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าก่อนหน้าสมองผลักดันให้ทำอะไรไปบ้าง กว่าจะรู้ตัวผมก็เกือบสัมผัสอาคเนย์ได้แล้ว

   “กูจะคุยกับไอ้เนย์” เมื่อถามมาผมก็ไม่รอช้าตอบกลับทันที

   “เนย์ไม่มีอะไรจะพูดกับมึงหรอก” เจ้าของคำพูดเอ่ยเสียงแข็ง มันไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นคนเดียวที่อยู่กับไอ้เนย์แทบจะตลอดเวลาและผมคิดว่าทั้งคู่กำลังคบกันอยู่

   “ปราชญ์มึงทำอะไรวะ” แน่นอนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีทางพ้นสายตาของคนตัวเล็กไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วไอ้เนย์ก็เลือกเดินเข้ามาประชิดเพื่อเผชิญหน้ากับผมตรงๆ

   “มันจะทำอะไรมึงก็ไม่รู้”

   “เปล่า กูไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากขอเวลาคุยกับมึงเท่านั้น” ผมไม่ได้สนใจผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ แต่เลือกจดจ่อกับใบหน้าขาวและดวงตาดำขลับคู่เดิมไม่ลดละ

   “กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงหรอก” น้ำเสียงเรียบนิ่งเปิดปากเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “ได้เวลาต้องกลับแล้วว่ะ ไปกันเถอะปราชญ์” ร่างเล็กหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนตั้งท่าเดินผละออกไป ทว่าผมไวกว่านั้นรีบคว้าข้อมือมันเอาไว้พร้อมกับขอร้องเสียงแผ่ว

   “แป๊บเดียว...”

   “ขอโทษด้วยที่กูไม่มีเวลาว่างพอ”

   “กูหยุดเรียนหมอได้สักพักแล้วนะ”

   “...”

   “เลยอยากจะคุยกับมึงสักหน่อย” ผมฝืนยิ้ม ส่งสายตาไปให้อย่างคนจนตรอก “แป๊บเดียวจริงๆ”

   “งั้นปราชญ์ เดี๋ยวมึงลงไปรอที่รถก่อนนะ”

   “เนย์”

   “เดี๋ยวกูตามลงไป” มือหนาละจากเกาะกุมผมแล้วหมุนตัวเดินลงไปด้านล่าง คงเหลือเราเพียงสองคนที่ระเบียงแคบๆ แห่งนี้ ไอ้เนย์เอื้อมมือมาปิดประตูกระจกอย่างเงียบเชียบ มือติดสั่นเล็กน้อยหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่งจากนั้นก็ทำการจุดสูบ

   สองปีผันผ่าน หลายอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

   “มึงไม่สูบบุหรี่หนิ” ผมถามก่อนได้รับคำตอบเพียง ‘แค่เคย’ สั้นๆ “กูคิดถึงตอนนั้นเลย ตอนที่เรายังเป็นเด็ก”

   “เข้าเรื่องเถอะว่ะ” บทสนทนาถูกตัดจบอย่างง่ายดาย ควันสีขาวพวยพุ่งจนทำให้มองภาพตรงหน้าไม่ชัด บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เจ้าตัวกำลังทำเพื่อปกปิดความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองอยู่

   “สองปีมานี้กูตามหามึงทุกวันเลย ไปที่บ้านมึงทุกวันและก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ยังไม่มีคนซื้อไป เพราะหวังว่าสักวันมึงจะกลับมา” ทุกคำพูดที่เอ่ยล้วนมาจากความรู้สึกส่วนลึกที่ผมอยากบอกมันมาตลอด แม้อีกฝ่ายจะดูไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้ยินเลยก็ตาม

   “ถ้ามึงยังขืนพูดแต่น้ำอยู่กูขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

   “อาการเป็นยังไงบ้าง” ผมยังไม่อยากให้มันไป อยากให้อยู่คุยกันต่ออีกสักหน่อย

   “หมายถึงอะไร”

   “PTSD วันนั้นที่จีนตาย...”

   “กูก็ตายให้มึงแล้วไง” ประโยคก่อนหน้ากระแทกเข้ามาในอกอย่างจัง

   “...”

   “ต้องการอะไรวะบู กูให้มึงไปหมดแล้ว กูไม่มีอะไรให้มึงอีกแล้ว...” ถึงน้ำเสียงที่โพล่งออกมาจะแข็งกร้าว แต่แววตา ริมฝีปาก และฝ่ามือที่คีบบุหรี่กลับยังสังเกตได้ถึงความสั่นเทา

   “กูแค่อยากขอโทษ”

    ผมขยับตัวเข้าใกล้ ทว่าอีกฝ่ายกลับถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว รู้ดีว่าสิ่งที่เคยทำในอดีตเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยแต่ผมก็ยังอยากให้มันรับรู้ว่าผมสำนึกผิดจริงๆ

   “ตั้งแต่มึงหายไปกูรู้สึกผิดอยู่ทุกวัน มันเหมือน...ฝันร้าย ฝันแบบที่มึงเคยฝันมาตลอดเลยได้แต่ตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดสักที มันคงเหมือนมึงตอนนั้น สามปีทรมานมากใช่มั้ย”

   “ใช่” น้ำเสียงสั่นเครือตอบกลับ

   “ขอโทษอาคเนย์ ขอโทษ...” ไทม์แมชชีนพาเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว “มึงอยากให้กูชดใช้อะไรก็บอกมาได้เลย กูยินดีทำทุกอย่าง”

   “กูไม่ได้อยากขออะไรจากมึงบู ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกูยกโทษให้” ในใจกำลังเต้นลิงโลด ทว่าเพียงครู่เดียวก็เหมือนถูกมือล่องหนผลักลงไปในเหวลึกอย่างเลือดเย็น

   “เพราะงั้นมึงช่วยหายไปจากชีวิตกูเถอะ”

   “ทำไม”

   “มันจบแล้ว ไม่มีอะไรที่ติดค้างกันอีก การหายไปของมึงคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกู”

   ได้แค่นี้ก็เกินพอยังจะคาดหวังอะไรอยู่อีก ตอนแรกคิดว่าจะถูกไล่ด้วยซ้ำแต่ไอ้เนย์ก็ยังใจดียืนคุยกับผมตั้งนาน อย่างน้อยคำตอบในวันนี้ก็มากพอจะช่วยปลดล็อกอะไรบางอย่างออกไปจากความรู้สึกสักที

   “กูเข้าใจ”

   “...”

   “รอว่าสักวันมึงจะได้เป็นนายช่างใหญ่อยู่นะ” ผมฉีกยิ้ม ถึงจะไม่สามารถเข้าไปทักหรือพูดคุยเหมือนในอดีตได้อีกแต่อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าความสุขต้องอยู่ไม่ไกลแน่นอน

   “กูจะมาเจอมึงไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ย” ผมถามต่อ

   “อือ”

   “จะคุยกับมึงไม่ได้”

   “อือ”

   “หัวเราะหรือร้องไห้กับมึงไม่ได้”

   “อือ” ไอ้เนย์ยังคงพยักหน้า สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้ามืดมิดอย่างไร้จุดหมาย

   “เราจะไม่มีโอกาสกินข้าวด้วยกัน บอกเล่าความฝันให้ฟังเหมือนตอนเด็ก ไม่มีเค้กวันเกิด ไม่มีของขวัญ ไม่มีแม้แต่โอกาสให้กูได้แก้ตัวอะไรอีก”

   “อือ”

   “มึงเสียใจมั้ยที่มันเป็นแบบนี้”

   “ไม่ เพราะเป็นแบบนี้กูถึงมีความสุขดี”

   “งั้นก็เลิกบุหรี่ซะกูขอร้อง จะรักตัวเองก็รักให้ถึงที่สุดเถอะ” ไอ้เนย์ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายด้วยการกดปลายของมวนนิโคตินลงไปบนที่เขี่ยบุหรี่ ควันสีเทาขาวจางหาย และครั้งนี้ผมก็ได้มองหน้ามันเต็มตาสักที

   “อาคเนย์...อาคเนย์...อาคเนย์...”

   ผมอยากเรียกชื่อมันย้ำๆ อีกครั้งให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เราได้เจอกันแล้วแม้จะต้องปล่อยให้ทุกอย่างจบลงก็ตาม

   “ลาก่อนบูรพา”

   “ลาก่อนอาคเนย์”


   ผมสูญเสียเพื่อนในวัยเด็กของตัวเองไปเพราะความแค้นและโง่เขลา และผม...ไม่มีทางได้เขาคืนมาอีกต่อไป พูดได้เต็มปากเลยว่า การจากลาครั้งนี้แหละเจ็บกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

   มันเป็นการจากลาที่อาจเรียกได้ว่า ‘ตลอดกาล’





   กุมภาพันธ์

   สามวันหลังการจากลาผมจมดิ่งลงเรื่อยๆ ในผืนน้ำที่มองไม่เห็น ต่อให้ตะเกียกตะกายแค่ไหนก็ไม่สามารถพาตัวเองขึ้นมาได้สำเร็จ ผมยังคงฝันร้ายดังนั้นเลยต้องใช้ยานอนหลับเป็นตัวช่วย มันบรรเทาความเจ็บปวดไปได้มากแต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็หนีความจริงไม่ได้อยู่ดี

   เพื่อนที่คณะแพทย์คงจะสอบบ่อยเหมือนเดิม ผมส่งข้อความเป็นกำลังใจไปให้พวกมัน แต่กลับได้รับสายจากเพื่อนต่างคณะในสามชั่วโมงต่อมา มันบอกว่าไม่นานก็เรียนจบและเตรียมพร้อมสำหรับการออกไปทำงานแล้วเลยไม่ได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันอีก

   นั่นแหละ ทุกชีวิตย่อมมีทางของตัวเอง ส่วนผมก็ทำได้แค่ยินดีกับความสำเร็จของทุกคนอยู่ตรงนี้

   



   มีนาคม

   ผมยังคงฝันร้าย ฝันซ้ำๆ แม้จะเจอคนที่ตามหามานานแล้ว วันนี้บรรยากาศรอบข้างเริ่มแปลกไป เหงาว่ะ เหงาเหี้ยๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คลายความรู้สึกเหล่านี้นอกจากล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมมันคนไร้ประโยชน์ เอาแต่ผลาญเงินที่พ่อแม่หามาให้ในบัญชีทุกวัน ส่วนเรื่องความหวังและความฝันต่างๆ ก็ค่อยๆ หายไปเหมือนกับเงินในบัญชีนั้นด้วย





   เมษายน

   ผมขับรถออกจากคอนโดแต่เช้ามืด เปิดเพลงโปรดของตัวเองฟังในรถเพื่อไปหยุดตรงรั้วบ้านของใครคนหนึ่ง มันถูกปิดประกาศขายมายาวนานถึงสองปีแต่ก็ยังไม่มีใครซื้อ ไม่รู้หรอกว่ามองแล้วได้อะไร มองไปก็ไม่มีความหวังรออยู่ด้วยซ้ำแต่ก็ยังจะทำ

   ถัดไปอีกไม่กี่ก้าวคือบ้านของผม บ้านที่เติบโตมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่ได้มาที่นี่หลายเดือนแล้ว แม่ก็โทรมาบ้างแต่เรากลับคุยกันเพียงสั้นๆ ส่วนพ่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง คล้ายกับเขาได้ตัดผมออกจากชีวิตไปโดยสมบูรณ์ซึ่งมันก็สมควรแล้ว คนเลวๆ จะมาหวังให้ตัวเองได้รับการปฏิบัติที่ดีอีกทำไม





   พฤษภาคม

   กอดของแม่เป็นยังไงผมจำไม่ได้แล้ว...





   มิถุนายน

   ผมคิดถึงอาคเนย์

   ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่มันวูบโหวงไปหมด ในฝันผมไม่เคยสัมผัสตัวของมันได้ ไม่เคยได้กอด ได้อธิบายนอกเสียจากกล่าวประโยคบอกลาสั้นๆ เหมือนวันนั้น

   ผมพยายามมาตลอด หลายต่อหลายครั้งที่บอกให้ตัวเองเดินไปข้างหน้าแล้วหลงลืมอดีตไปทว่าสุดท้ายกลับต้องเผชิญกับความล้มเหลว ทั้งที่ไอ้เนย์ปลดพันธนาการนั้นออกให้ผมไปนานแล้ว และเราไม่มีอะไรให้ติดค้างกันอีก บางที...บางทีความผิดของผมอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิตที่เหลือก็เป็นได้





   กรกฎาคม

   “อาคเนย์ อาคเนย์ อาคเนย์...”

   ผมเรียกหาเขา มองดูท้องฟ้าของเช้าวันมันด้วยใจวูบโหวง แทบจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ขับรถออกไปข้างนอกคือตอนไหน เพื่อนๆ เริ่มแยกย้าย โซเชียลมีเดียทุกอย่างรกร้างคล้ายกับไม่มีผู้ใช้งาน จากที่เมื่อก่อนต้องส่งข้อความหากันทุกวันก็เป็นต้องอันยุติลง

   ชีวิตในแต่ละวันของผมวนลูป ตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ล้างหน้า แปรงฟัน โทรเรียกฟู้ดเซอร์วิสให้มาส่งถึงห้อง กินเสร็จก็ล้มตัวลงนอน นอนไปจนถึงบ่าย จากนั้นก็ลุกขึ้นมาใช้เวลาถามตัวเองจนพระอาทิตย์ตก

   ผมถามซ้ำๆ มีชีวิตไปเพื่ออะไร?





   สิงหาคม

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนเช้ามืด ผมกดรับเสียงงัวเงีย ปลายสายเป็นพี่ของจีน เธอโทรมาบอกกับผม ‘แม่จีนจากไปแล้ว’ นั่นเป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่ผมออกจากห้อง สวมเชิ้ตแขนยาวสีดำที่รีดมาอย่างดี ในมือถือพวงหรีดที่แวะซื้อระหว่างทางไปให้ ผมไม่ได้ถามเหตุผลที่เธอจากไปนอกจากนั่งนิ่ง

   กล่าวลาอย่างที่มนุษย์ทุกคนบนโลกเอ่ยให้กันในวันสุดท้าย...





   กันยายน

   ในลิ้นชักชั้นวางทีวีมีโซ่และกุญแจขนาดใหญ่วางอยู่ เมื่อก่อนผมเคยใช้ล็อกประตูเพื่อขังไอ้เนย์เอาไว้ในห้อง ตอนนี้อาจได้หยิบมันมาใช้อีกครั้ง

   ผมอยากเดินไปข้างหน้า ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็อยากจะไป เลยไม่รีรอเก็บของทุกอย่างที่เกี่ยวกับไอ้เนย์รวมไปถึงนาฬิกาข้อมือที่มันให้ใส่กล่อง วางมันไว้บนเตียงสีขาว จากนั้นจึงจัดการล็อกกลอนแล้วคล้องโซ่ต่อเป็นชั้นที่สอง ลูกกุญแจถูกทิ้งลงชักโครก จะไม่มีใครเปิดเข้าไปในห้องนั้นได้อีก

   ห้องที่มีแต่ความทรงจำ…





   ตุลาคม

   โซ่เส้นที่สามถูกคล้องตรงประตูอย่างแน่นหนาหลังผมพยายามจะไขเข้าไปในห้องนั้นช่วงกลางดึกเพราะอยากได้นาฬิกาเรือนนั้นกลับมา ดีที่ทำไม่สำเร็จและรู้ตัวซะก่อน ผมคงเดินไปข้างหน้าไม่ได้เลยหากยังคิดถึงอาคเนย์อยู่ ต่อให้อยากเจอ อยากพูดคุยแค่ไหนก็ต้องเตือนตัวเองไว้ เขาควรได้เจอสิ่งดีๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาหันกลับมามองข้างหลังอีกแล้ว

   ให้เป็นผมเถอะ เป็นผมที่เจ็บปวดเพียงคนเดียว





   พฤศจิกายน

   มีโอกาสได้หยิบหนังสือตอนเรียนปีหนึ่งขึ้นมา อ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยอยู่ในมือถือ เมื่อก่อนเพื่อนมันเล่นมุกได้กากฉิบหาย มองย้อนกลับไปก็ตลกตัวเอง นั่งขำกับพวกมันได้ยังไง ตอนนี้คงใกล้จะเรียนจบปีห้ากันแล้ว ชีวิตที่ทุ่มเทและเสียสละเพื่อเป็นหมอนี่ดีจริงๆ

   ผมได้คุยกับพ่อแล้วนะ ดีใจจนน้ำตาแทบไหล เขาบอกว่ารู้ความจริงที่แม่แอบส่งเงินให้แล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ผมต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง

   นายบูรพากับชีวิตที่พังไม่เป็นท่า มีมรดกตกทอดเป็นคอนโดห้องหนึ่ง เรียนไม่จบปริญญาตรี หมดแพชชั่นและเป้าหมายในชีวิต พยายามเดินไปข้างหน้าแต่อดีตที่เลวร้ายกลับฉุดรั้งให้กลับมาอยู่ที่เก่า

   “อาคเนย์ อาคเนย์ อาคเนย์”

   ครั้งหนึ่งผมเคยทำร้ายเขา

   “อาคเนย์...”

   แต่ครั้งนี้ผมขาดเขาไม่ได้จริงๆ...





   25 ธันวาคม

   วันเกิดอาคเนย์ ผมแอบไปที่คณะวิศวะแต่ก็เป็นเพียงครู่เดียว กว่าจะรู้สึกตัวว่าเริ่มล้ำเส้นถึงได้รีบขับรถกลับมา ผมไม่ได้เจอหน้าของไอ้เนย์มาเกือบปีแล้วนับตั้งแต่เอ่ยลาที่ระเบียงในวันนั้น

   ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะฉลองวันเกิดกับใครที่ไหนบ้าง แต่ทุกๆ ปีผมจะให้ถุงเท้าเป็นของขวัญเหมือนอย่างเคย ถุงกระดาษสีหวานถูกแกะออก ผมล้วงมือลงไป หยิบถุงเท้าสีแดงคู่หนึ่งออกมาแขวนไว้ตรงต้นคริสต์มาสที่เพิ่งประกอบเสร็จเมื่อคืน

   “แฮปปี้เบิร์ธเดย์อาคเนย์ มีความสุขมากๆ นะเว้ย”

   ผมทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิ มองดูถุงเท้าที่ถูกห้อยอยู่ตรงหน้าเนิ่นนาน ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนถึงตีหนึ่งถึงได้ล้มตัวลงนอนบนพื้น

   ต่อให้ต้องเจอกับฝันร้าย ซานตาคลอสก็จะพามึงกลับมาชวนกูวิ่งเล่นในอดีตอยู่ดี





   31 ธันวาคม

   ปีนี้ไม่มีปาร์ตี้ แต่ก็มีคำอวยพรจากทุกคนผ่านเข้ามาทางช่องแชต ผมพิมพ์ขอบคุณสั้นๆ กลับไป

   ตอนนี้ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ผมหยิบเบียร์ออกจากตู้เย็น นั่งจิบมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นวันเกิดและปีใหม่มาเยือนอีกครั้ง แอลกอฮอล์ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น มันมากพอที่ทำให้ผมไม่ต้องร้องไห้อีก

   ปุ้ง! ปุ้ง!

   พลุถูกจุดขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณของการเฉลิมฉลอง นอกหน้าต่างเต็มไปด้วยสีสัน บรรยากาศของเมืองใหญ่คึกคักกว่าทุกวัน ผมได้แต่นั่งมองภาพเหล่านั้นจนกว่าแสงที่กระจายอยู่บนฟ้าจะเลือนหายไป

   กล่องของขวัญที่ถูกห่ออย่างดีถูกดึงมาตรงหน้า ผมซื้อมันด้วยตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเวลาที่ได้แกะ

   “สวัสดีปีใหม่บูรพา”

   ผมยิ้มให้ตัวเอง หยิบของขวัญที่ได้ออกมาจากกล่อง

   พินิจพิจารณามันอยู่อย่างนั้น ของตรงหน้าเป็นอุปกรณ์การช่างที่สั่งเอาไว้ จุดประสงค์ที่ต้องการมีอยู่อย่างเดียวนั่นคือคืนนี้ผมจะกลับไปเปิดห้องปิดตายที่ไอ้เนย์เคยอยู่อีกครั้ง

   “ขอแค่วันเดียว วันเดียวเท่านั้น...”

   หลังตัดสินใจขังความทรงจำทุกอย่างของคนชื่อ ‘อาคเนย์’ เอาไว้ ผมก็ไม่เคยเปิดมันอีกเลยแม้บางคืนจะต้องต่อสู้กับความต้องการจากเบื้องลึกจนแทบคลั่ง เฝ้าแต่บอกว่าการไม่หวนนึกถึงมันจะทำให้เดินหน้าต่อไปได้ แต่วันนี้ผมขอแค่วันเดียว

   ตุบ! ตุบ! ตุบ!

   อุปกรณ์งัดแงะและทุบทำลายถูกหยิบมาใช้ เพียงไม่นานพันธนาการทุกอย่างทั้งโซ่ตรวนรวมถึงกุญแจก็คลายออก ก่อนผมจะพาตัวเองก้าวเข้าไปภายในเพื่อมองอดีตที่ผ่านพ้นอีกครา

   กลิ่นคละคลุ้งของฝุ่นหนาที่จับตัวกระแทกเข้าจมูกเป็นอย่างแรก ยังดีที่หลอดไฟยังคงใช้การได้เพราะเมื่อแสงสว่างมาเยือน ผมก็ใช้เวลาที่มีทั้งหมดไปกับการเดินสำรวจห้องเล็กๆ เพียงลำพัง

   อาคเนย์เคยนั่งอยู่ตรงนี้

   ส่วนกล่องใหญ่ยักษ์นี่ก็ใช้เก็บอัลบั้มรูปสมัยเด็กของเรา

   มันอบอวลไปด้วยความสุขและความเศร้า ทะเลาะกันก็ที่นี่ ร้องไห้จนแทบบ้าก็ตรงนี้ ภาพทุกภาพราวกับถูกบันทึกเอาไว้ไม่ขาดตกบกพร่อง

   สองเท้าเยื้องย่างไปโดยรอบ ใช้เวลาจมจ่อมอยู่ตามมุมต่างๆ เนิ่นนานก่อนจะหมุนวนกลับมายังเตียงอีกครั้ง ตรงหน้ามีกล่องแห่งความทรงจำอย่างหนึ่งวางอยู่ที่เดิม ชั่งใจอยู่นานว่าจะหยิบขึ้นมาดูหรือปล่อยไปดีทว่าสุดท้ายก็ได้คำตอบ

   ผมไม่เห็นนาฬิกาเรือนนี้มานานมากแล้ว ดังนั้นหลังจากเปิดกล่องเลยรู้สึกใจหายไม่น้อย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเสียอย่างเดียวคือเข็มบนหน้าปัดไม่ได้หมุนอีก เวลาหยุดชะงักที่บ่ายสองสิบเจ็ดนาที เหมือนกับความสัมพันธ์ของเราที่หยุดลงไม่มีผิดเพี้ยน

   ‘อยากลองใส่ดู’ คือความคิดที่แว๊บเข้ามาในหัว

   ของขวัญที่อาคเนย์เคยสัญญาว่าจะซื้อให้กำลังอยู่ในมือ และผมก็บรรจงสวมมันอย่างช้าๆ มองดูรายละเอียดบนตัวเรือนคล้ายกับต้องการสลักทุกอย่างที่เกี่ยวกับเราเอาไว้

   ร่างกายค่อยๆ ทิ้งตัวนอนบนเตียงซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะ ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเงียบเชียบ สายตาสองข้างยังคงจดจ้องดูนาฬิกาเรือนสวยสลับกับรอยแผลเป็นบนข้อมืออีกข้าง

   เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะผมเอง ไม่มีใครผิดนอกจากผม

   ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่บอกลากับอาคเนย์ โลกของผมรับรู้ได้แต่ความเจ็บปวด และมักทรมานทุกครั้งเวลาที่รู้สึกโหยหาอยากเจออีกฝ่าย ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆ หากไอ้เนย์ต้องมาเจอหน้าผมซ้ำๆ ราวกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

   ดังนั้นผมจึงหาทางออกให้กับตัวเอง

   ผมไม่ได้อยากตาย แต่การกรีดข้อมือวันละแผลทำให้ร่างกายได้เผชิญกับความเจ็บปวด เลือดสีแดงฉานไหลออกมาแต่ไม่นานก็ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ความเจ็บจากการทำร้ายตัวเองช่วยให้ผมลืมความร้าวรานของการไม่มีอาคเนย์อยู่

   237 วันที่ไม่ได้เจอ ผมมีแผลบนข้อมือ 237 แผล

   ทั้งรอยเก่าและใหม่ถูกเฉือนซ้ำอยู่อย่างนั้น

   

   ‘หมอบู...’
   ‘อะไร ยังไม่ได้เป็น’
   ‘เดี๋ยวก็ได้เป็นแล้ว’
   ‘…’
   ‘อีกสิบปีข้างหน้า พอถูกเรียกว่านายแพทย์บูรพามันคงโคตรเท่เลยเนอะ’
   ‘ทำอาชีพอะไรก็เท่ทั้งนั้นแหละ’
   ‘ไม่นะ สำหรับมึง’
   ‘…’
    ‘เป็นหมอน่ะเท่ที่สุดแล้ว’


   

   มึงผิดหวังในตัวกูมั้ยเนย์ ผิดหวังที่กูไม่ได้ทำตามสิ่งที่เราเคยคุยกันไว้

   แต่จะทำยังไง ผมก้าวผ่านความรู้สึกผิดในใจเมื่อหลายปีก่อนไปไม่ได้สักที ต้องทำยังไง...

   ปีใหม่เริ่มขึ้นแล้ว แปลกดีหลายสิ่งรอบตัวยังอยู่เหมือนเดิม

   ผมปิดเปลือกตาลง กอดตัวเองแนบแน่นเพื่อกล่อมให้หลับเหมือนทุกๆ วัน แผลบนข้อมือพวกนี้มันทำให้ผมเจ็บ ใช่ เจ็บจริง

   แต่เทียบไม่ได้เลยกับความยาวนานของการจากลากับใครสักคน

   พยายามแล้ว...

   ผมลองเดินไปข้างหน้าแล้ว แต่สุดท้ายกลับพบว่าเส้นทางที่เดินไปนั้นเป็นวงกลม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 22:24:16 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #226 เมื่อ20-03-2019 05:54:29 »

 :pig4:
 
  :mew5:   
 
  อยากบอกว่าอยากเห็นใจและสงสารตัวเองของเรื่องนะ   แต่สงสารสุดก็คนอ่านเนี่ย แบบตอนนี้กก็นอยด์และดาววววนตามเลย

ออฟไลน์ MsMin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #227 เมื่อ20-03-2019 06:18:26 »

ฟังเสียงPianoพร้อมกับฝนตกแล้ว หนาวใจมาก
เนย์ move on แล้วนะ ถึงคราวบูจมอยู่กับที่เดิมบ้าง ความรู้สึกผิดที่กัดกินในใจมันเหมือนไฟเผายังไงยังงั้น
ไปขอโทษก็แล้ว พยายามล็อคทุกอย่างเกี่ยวกับเนย์ก็แล้ว ยัง move onไม่ได้
จริงๆแล้วบูหวังอะไรกันแน่ ให้กลับมาดีกันเหมือนเดิมเหรอ
ในฐานะที่เรา#ทีมเนย์ ขอถามนะว่าหวังมากไปรึเปล่า...

https://www.youtube.com/embed/RQPdzHVakyM
เพลงนี้ที่เราฟังตอนฝนตกพร้อมกับเรื่องเล่าจากบูรพา

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #228 เมื่อ20-03-2019 08:51:02 »

เนย์เข้มแข็งกว่าบูรพาซินะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #229 เมื่อ20-03-2019 08:58:55 »

พังไปหมดแล้วชีวิต ส่วนตัวคนอ่านนั้นยิ่งแล้วใหญ่หดหู่สุด ๆ หวังว่าจะหาทางออกที่ดีได้นะบู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
« ตอบ #229 เมื่อ: 20-03-2019 08:58:55 »





ออฟไลน์ deuxspades

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #230 เมื่อ20-03-2019 10:22:40 »

เป็นกำลังใจให้จ้า แค่อ่านยังหน่วงแทน

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #231 เมื่อ20-03-2019 11:20:57 »

หืมมมม...บูรพา
อาการหนักแล้วววว..  :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #232 เมื่อ20-03-2019 12:59:48 »

ชีวิตเนย์ พังก่อน........
คราวนี้เป็นคราวของบู ที่พังตาม......
เนย์ล้มแล้วลุกได้
บูล่ะ.....จะมีใครมาช่วยทำให้บู มีสติ รู้....ลุกขึ้นได้  :mew2: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #233 เมื่อ20-03-2019 13:57:33 »

เนย์ยังมีแม่ที่เป็นหลัก เป็นกำลังใจ  แต่บูไม่เหลือใครแม้แต่คนในครอบครัว

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #234 เมื่อ20-03-2019 15:10:51 »

แย่อะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #235 เมื่อ20-03-2019 15:16:45 »

เนย์ชีวิตพังแล้วแต่ยังลุกขึ้นก้าวไปต่อได้ แต่บูยังไปไหนไม่ได้เลย จะมีอะไรหรือใครที่จะช่วยฉุดบูขึ้นมาได้ไหม

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #236 เมื่อ20-03-2019 16:25:44 »

ตายไปซะ
อยู่ไปก็ไม่ทำอะไร
แม้แต่หางานทำเลี้ยงตัวเองแม่งยังคิดไม่ได้
อาหารการกินควรประหยัด
ยังเสือกสั่งรูมเซอร์วิส
ไปใหนมาใ้หนควรใช้บริการรถสาธารณะ
ยังขับรถโฉบไปโฉบมา
คือพ่อทำงานแทบไม่ได้พักเพื่อหาเงิน
ตัวเองคือผลาญเงินอย่างเดียว หึ
มึงผิดต่อเนย์
มึงผิดต่อแม่เนย์
และที่สำคัญ
มึงผิดต่อแม่กับพ่อมึงเองด้วย
ตายไปเลยคนแบบนี้
เราเกลียด


กุอินมาก

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #237 เมื่อ20-03-2019 17:26:06 »

จะบอกว่าสมน้ำหน้าไหม แต่ทำไมหดหู่จัง ทนอ่านต่อไปคงเป็นโรคซึมเศร้าตามแน่ๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #238 เมื่อ20-03-2019 19:16:24 »

กงกรรมกงเกวียน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่ 9 [20/03/62] *หน้า8
«ตอบ #239 เมื่อ20-03-2019 22:09:16 »

ดีใจที่เนย์มีความสุขเสียที  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด