►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8  (อ่าน 39249 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เด็กก็มีใจ ต้องลุยแบบเต็มสูบแล้น

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยย น้องคล้าวหึงเหรอลูก เอ็นดู อิอิอิอิ  อีแสนดีใจ จนหน้าบานเป็นชามข้าวหมาละ 555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้ พี่ธงรบแย่งซีนไป แต่เป็นการสังเกตุการณ์ได้ดีเยี่ยม น่ารักมาก ยืมมากอดหน่อยพี่รบ
ส่วนแสน ก็ยิ้มปากฉีกไปถึงไหนๆ นี่ถ้าไม่ได้ธงรบคอยบอกจะรู้ตัวไหมเนี่ย
ส่วนน้องคล้าว ก็เริ่มคิดแล้วเมื่อเห็นคนเขาสนิทกัน เอาน่าคนเราถ้าไม่มีใจให้เขาก็คงเฉยๆ นะน้องคล้าว
ต่อด้วยเฮียแผนมาสรุปให้ตอนท้าย แต่ก็ยังอยากทราบอยู่เหมือนเดิมว่า เฮียแผนมีคนอ่านแอบชอบอยู่รู้ตัวบ้างป่าว
 :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดๆเข้าไปอีกหน่อย อิอิ ไกล้คล้าว จะโดนพี่แสนกิน ละ 55 รอลุ้นกันต่อปราย  ว่างกะเข้ามาดูจ้า คิดถึง.. มนต์รักริ่มทุ่ง เสมอ คิดถึง คนเขียน ด้วยจ้า  กอดดดดด

ออฟไลน์ MimoreQ

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แสนตอนเป็นควายหื่นมาก เป็นคนละสงบสุด55555555

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่แสนมีเพื่อนเป็นมือชงแบบนี้ น้องคล้าวไม่รอดเห็นๆ

เฮียแผนมีแอบนอยด์กลัวน้องรักไม่เท่าผู้ โถ.....มาทางนี้ก็ได้ค่ะเฮีย เราจะดูแลเฮียเอง.  o18

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 13

   ผมเหลือบมองคนที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับแล้วก็หันไปแอบยิ้มกับกระจกซ้ายมืออยู่คนเดียว วันนี้เป็นวันที่ผมจะได้ไปเที่ยวกับคล้าวเพียงสองต่อสอง เพราะเฮียแผนเชื่อวิจารณญาณของธงรบ จึงได้ปล่อยให้ผมมากับคล้าวตามลำพังได้

   แต่ว่าเฮียกับธงรบก็ยังไม่อนุญาตให้ผมขับรถมาเอง ยังคงให้ติดรถของธงรบมาเหมือนเดิม ธงรบมาส่งผมแล้วก็จอดรถไว้ให้ผม ส่วนตัวเองก็เดินไปที่ทำงานซึ่งเป็นตึกที่อยู่ใกล้ๆ กับห้างแทน

   หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารเสร็จแล้ว เราสองคนก็ออกเดินทางกันทันที ถึงคล้าวจะยังคงไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม แต่บรรยากาศก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น น้องดูไม่ค่อยเกร็งเหมือนตอนที่รู้จักกันช่วงแรกๆ

   “เรียนพิเศษเป็นยังไงบ้างครับ” ผมชวนคุย เมื่อรถออกมาได้สักพัก

   “ดีครับ ได้รื้อฟื้นความรู้แล้วทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นครับ”

   “แล้วมีวิชาไหนที่ยังติดอีกไหม เผื่อเป็นวิชาที่พี่ถนัด พี่จะได้ช่วยติวให้”

   “ผมว่าจะลงเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มด้วยครับ แต่คงไม่รบกวนพี่แสนหรอกครับ ผมเกรงใจ”

   “ไม่ต้องเกรงใจเลย คิดซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่มาเป็นเพื่อนพี่ไง โอเคไหม”

   “แต่...”

   “พี่ให้โอกาสเลือก... ว่าจะให้พี่ติวให้... หรือจะให้พี่จ่ายค่าเสียเวลาที่มาเป็นเพื่อนให้”

   “พี่แสน” คล้าวเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ ผมทำหน้านิ่งๆ เพื่อต่อรอง ทั้งๆ ที่พอได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแล้วใจเหลวเป็นขี้ผึ้งลนไฟ อยากจะยิ้มให้แก้มปริ คล้าวหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะถอนหายใจแล้วบอก

   “ตกลงครับ”

   “ดีมาก เป็นน้องเป็นนุ่งต้องว่าง่ายๆ ครับ”

   แต่ถ้าไม่นุ่งเมื่อไหร่ พี่จะตามใจเต็มที่เลย หึๆๆๆ

ผมแอบหันไปยิ้มให้กับกระจก แต่ดันเป็นช่วงที่ติดไฟแดง คล้าวจึงหันมามองแล้วดันสบตากันทางกระจกพอดี ผมหุบยิ้มฉับแล้วทำหน้าจริงจังเต็มที่

“หึๆ คิดอะไรอยู่ครับ”

“ไม่มี๊” อ่า... เสียงสูงไป๊ เอาใหม่

“เอ่อ ไม่มีครับ พี่ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ผมตอบแล้วก็เหลือบไปมองก็เห็นคล้าวมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก สีหน้าที่เหมือนรู้ทันของน้องทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทาง โชคดีที่ไฟเขียวขึ้นพอดี คล้าวจึงหันไปมองถนน แต่สีหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่

อา.... เห็นแล้วอยากจะกระโจนใส่ แล้วจับกินให้หมดทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ให้คนอื่นได้เห็นอีก

อันที่จริงผมยอมรับว่าก็ยังหื่นไม่ต่างจากตอนเป็นทองกวาวนักหรอก แต่ตอนนี้เป็นมนุษย์ไง มันหื่นออกนอกหน้าไม่ได้ มันต้องคีพลุคไว้ก่อน กลัวคล้าวมันรู้ธาตุแท้แล้วจะเผ่นไปซะก่อน

รอให้จีบติดก่อนเถอะ หึๆๆๆ

ว่าแล้วก็น้ำลายไหล ซับน้ำลายแป๊บ

วันนี้เป้าหมายของเราคือวัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือวัดภูเขาทอง เพราะผมจำได้ว่ามีภาพจิตกรรมสวยๆ ที่นั่น และวิวบนยอดของภูเขาทองสวยมากด้วย นอกจากจะมาหาแรงบันดาลใจแล้วก็ยังได้พาเด็กมาเที่ยวด้วย เพราะผมถามแล้วคล้าวบอกว่ายังไม่เคยมา

เมื่อไปถึงจุดหมายและหาที่จอดรถได้แล้ว ผมก็เดินตรงไปที่อุโบสถด้านหน้าเพื่อชมและถ่ายภาพจิตรกรรมก่อน ผมเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปภาพจิตรกรรมด้านในที่สวยงามจับตาจับใจไปทุกด้าน

ผมบอกให้คล้าวเดินดูได้ตามสบายเพราะตอนนี้เราอยู่ในร่ม น้องจึงเดินดูอยู่ห่างๆ พอช่วงที่คล้าวเผลอผมก็แอบถ่ายรูปเอาไว้บ้าง เพราะไม่มีธงรบคอยถ่ายให้เหมือนครั้งที่แล้ว

หลังจากถ่ายรูปทั้งภาพทั้งคนจนจุใจแล้ว ผมก็เดินตรงไปที่ภูเขาทองเลย เพราะกลัวจะหมดแรงเดินขึ้นไปซะก่อน บริเวณทางขึ้นช่วงแรกๆ มีร่มไม้ร่มรื่น จึงรู้สึกเย็นสบาย บันไดไม่ชันมาก จึงเดินได้แบบสบายๆ ไม่เหนื่อยมากนัก

จนเมื่อพ้นชั้นแรกไปก็เป็นฟ้าโล่งๆ ยังดีที่อากาศครึ้มๆ จึงไม่ร้อนมาก คล้าวหยิบหมวกแก๊ปที่อยู่ในเป้ขึ้นมาส่งให้ผม ผมมองตาปริบๆ มิน่าล่ะวันนี้ถึงได้สะพายเป้มา พกหมวกมาด้วยนี่เอง

“ผมซักแล้วครับ สะอาดดี” เมื่อเห็นผมมองหมวกเงียบๆ คล้าวก็บอก ผมรีบยื่นมือไปรับหมวกมาใส่ทันที ก่อนที่จะเงยมองหน้าคล้าวแล้วยิ้มหวานๆ ให้

“ขอบคุณครับ พี่แค่แปลกใจ ไม่คิดว่าคล้าวจะพกมาเผื่อพี่ พี่ไม่ได้รังเกียจนะ” ผมรีบอธิบายเพราะกลัวน้องเข้าใจผิดคิดว่ารังเกียจ

“ครับ” คล้าวรับคำแล้วเบือนหน้าหนี

พอเห็นใบหูน้องมันเริ่มแดงๆ ก็อดจะยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ จากที่สังเกตมาหลายครั้งแล้วพบว่า เวลาที่ผมยิ้มหวานๆ ให้ คล้าวจะออกอาการหูแดงทุกที อาการแบบนี้นี่น่าจะเพราะแพ้รอยยิ้ม ถ้ามันจะทำให้น้องมันหวั่นไหวได้ล่ะก็ ผมจะยิ้มหวานให้บ่อยๆ เลยก็ได้ หึๆๆๆ

“แล้วของคล้าวล่ะครับ ไม่ได้เอามาด้วยเหรอ”

“เอามาครับ” คล้าวหยิบหมวกอีกใบมาใส่เอง พอเห็นว่าหมวกที่ใส่เหมือนกันเป๊ะทั้งสองใบผมก็ยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก เพราะเหมือนกับว่าตอนนี้เราใส่หมวกคู่อย่างกับคู่รักเลย

ผมมองหมวกบนหัวคล้าวแล้วแตะหมวกที่อยู่บนหัวตัวเองก่อนจะยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย คล้าวก็คงรู้สึกได้ถึงสายตาและความคิดของผม เลยแตะหมวกตัวเองเหลือบมองหมวกผมแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

“เค้าใส่หมวกคู่เหมือนกันด้วยล่ะแก แฟนกันชัวร์” เสียงของเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังดังมาเข้าหู ทำให้ผมยิ้มจนปากจะฉีก ตีนกาน่าจะขึ้นมาอีกหลายรอย ส่วนคล้าวนี่หูที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก ท่าทีเก้อเขินเหมือนทำอะไรไม่ถูกของคล้าวตอนนี้นี่....

น่ารักและน่าฟัดเป็นที่สุด!

ไหนเมื่อกี๊ใครชง ทำดีมากน้อง อยากได้บอกอะไรบอกพี่มา พี่จะเปย์ให้ ผมหันไปยิ้มให้น้องที่พูดเมื่อครู่ ซึ่งน้องทั้งสามคนก็ยิ้มตอบแล้วทำท่าเหมือนอยากจะหวีดเต็มที

“เดินต่อกันเถอะ” ผมหันกลับแล้วเนียนจับมือคล้าวจูงเดินต่อ ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ตามมาแล้วก็อดจะเดินยิ้มไม่ได้ ยิ่งคนที่ถูกจูงไม่ดึงมือออกก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขเข้าไปใหญ่

พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็จำใจต้องปล่อยมือคล้าวเพื่อหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูประฆังที่เรียงรายอยู่ ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดแล้วถ่ายรูปวิวด้านล่างต่อไป พอขึ้นไปถึงด้านบนก็ถอดหมวกออกให้คล้าวที่ยื่นมือรอเอาไปเก็บไว้ในเป้ ก่อนที่เราจะเข้าไปทำบุญและกราบพระพุทธรูปด้านใน

ผมชวนคล้าวถ่ายรูปด้านในและแอบถ่ายคนที่เดินมาด้วยเวลาเผลอจนพอใจ ก็ชวนน้องขึ้นไปตรงทางขึ้นสวรรค์เพื่อขึ้นไปชมภูเขาทองด้านบน

แม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ลมที่พัดมาตลอดเวลาทำให้รู้สึกทนไหว คล้าวหยิบหมวกมาให้ผมใส่อีกครั้ง ก่อนที่ผมจะเดินวนถ่ายรูปรอบภูเขาทองและวิวที่ด้านล่าง

เมื่อถ่ายรูปจนพอใจ ผมก็ชวนคล้าวลงเพราะเริ่มจะรู้สึกร้อนมากขึ้น เดินลงมาเรื่อยๆ ก็เห็นประตูที่มีเถาวัลย์ปกคลุมเหมือนซุ้มแล้วไม่มีคนก็อดจะยกกล้องขึ้นถ่ายไว้ไม่ได้

“คล้าวเข้าไปยืนข้างล่างหน่อย เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปให้” คล้าวหันมามองหน้าผมก่อนจะเดินลงไปแต่โดยดี

“ตรงนั้นแหละ โอเคครับ” พอได้ระยะที่เหมาะสมผมก็ยกกล้องขึ้นถ่ายคนที่ทำหน้านิ่งๆ รัวๆ ทันที พอถ่ายเสร็จแล้วเช็คภาพในกล้องก็ยิ้มอยู่คนเดียว เดี๋ยวเอาลงเครื่องแล้วเอามาเป็นภาพหน้าจอโทรศัพท์กับคอมฯ ดีกว่า

“ถ่ายรูปคู่ไหมคะพี่ เดี๋ยวหนูถ่ายให้” ผมเงยหน้าจากกล้องขึ้นมามองหน้าคนถามทันที พอเห็นว่าเป็นน้องๆ ที่เจอตรงทางขึ้นก็อดจะยิ้มให้ไม่ได้ ยิ่งข้อเสนอเข้าทางอย่างนี้ก็ยิ่งไม่ปฏิเสธ ผมเปิดกล้องแล้วส่งให้น้อง

“รบกวนด้วยนะครับ”

“ยินดีมากค่า” น้ำเสียงของน้องดูดีใจยิ่งกว่าผมซะอีก จนผมหลุดหัวเราะขำอย่างเอ็นดู ก่อนจะรีบเดินไปหาคนที่ยืนรออยู่แล้ว ผมยิ้มให้คล้าวก่อนจะไปยืนข้างๆ แล้วยิ้มให้กล้อง

“ขยับเข้าไปใกล้ๆ กันหน่อยค่า ชิดกันอีกนิดดดด” ผมกับคล้าวขยับเข้าหากันจนแขนชนกัน จึงเผลอหันไปมองหน้ากัน พอผมยิ้มให้ คล้าวก็รีบเบือนหน้าหนี ปล่อยให้ผมยิ้มกริ่มมองหูแดงๆ นั้นอย่างเอ็นดู

“ยิ้มนะคะ หนึ่ง สอง” ผมรีบหันกลับไปมองกล้องเมื่อน้องส่งสัญญาณให้

“เรียบร้อยแล้วค่า นี่ถ้าไม่อยู่ในวัดนะจะให้กอดกันจริงๆ ด้วย” ผมหลุดหัวเราะ เมื่อเดินเข้าไปใกล้แล้วได้ยินประโยคหลังที่น้องพึมพำกับเพื่อนอีกสองคน

“ขอบคุณมากนะครับ” ผมกล่าวขอบคุณน้องแล้วรับกล้องมา

“ยินดีมากเลยค่ะพี่ ถ้าเจอพวกหนูแล้วอยากถ่ายตรงไหนก็บอกได้เลยค่า ไม่ต้องเกรงใจ แต่ถ้าพี่ๆ ไม่ว่าอะไรหนูขอถ่ายรูปคู่ของพี่ๆ ด้วยได้ไหมคะ” ผมฟังแล้วก็หันไปมองหน้าคล้าว เพราะผมเองไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้ารูปคู่ของเราจะถูกเผยแพร่ออกไป กลัวก็แต่คล้าวจะอายมากกว่า พอผมหันไปมองด้วยสีหน้ากังวล คล้าวก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะบอก

“ตามใจพี่แสนครับ” พอได้ยินแล้วก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี ได้ยินเสียงหวีดจากสามสาวเบาๆ

ผมเดินตรงไปหาคล้าวแล้วจ้องตาน้องอย่างจริงจังก่อนจะถาม

“คล้าวมั่นใจใช่ไหม” ผมพยายามสื่อทางสายตาว่าไม่ใช่แค่เรื่องถ่ายรูป แต่หมายถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปด้วย

“ครับ ผมมั่นใจ” พอได้ฟังคำตอบกับสบแววตาที่มั่นคงคู่นั้น ผมก็ยิ้มหน้าบาน เพราะมันหมายความว่าไม่ใช่แค่เรื่องรูปแต่หมายถึงเรื่องความรู้สึกของผมด้วย

พอเห็นรอยยิ้มผม น้องมันก็ยิ้มตอบอย่างอ่อนโยนจนผมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนๆ จึงเดินเอากล้องไปฝากให้น้องๆ ถ่ายรูปให้ด้วย ก่อนจะกลับมายืนข้างๆ คล้าวแล้วยิ้มกว้างให้กล้องจนตาหยี

น้องทั้งสองคนกดถ่ายกันรัวๆ ส่วนอีกคนที่ว่างอยู่ก็ยิ้มหน้าบานไม่แพ้คนถูกถ่ายจนผมอดจะหัวเราะขำไม่ได้ เดาไม่ยากว่าน้องๆ น่าจะเป็นสาววาย ถึงได้ดูมีความสุขเวลาเห็นผมกับคล้าวใกล้ชิดกันแบบนี้

ผมหันไปมองคล้าวที่ยิ้มบางๆ ให้กล้อง ซึ่งน้องมันคงรู้สึกถึงสายตาของผมจึงมองกลับมา เราต่างก็ยิ้มให้กันก่อนจะเขินกันเองจึงหันหน้าหนีกันไปคนละทาง

“ขอบคุณพี่ๆ มากนะคะ” น้องๆ ทั้งสามเดินเอากล้องมาส่งให้ผมก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ ทำให้เราสองคนรีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบรับคำขอบคุณน้องๆ ซึ่งพอขอบคุณเสร็จ น้องๆ ก็รีบเดินลงไปก่อนเพราะกลัวจะรบกวนเราสองคน
ผมหันไปยิ้มให้คล้าว ก่อนจะเดินนำลงบันไดไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ โดยทิ้งคำถามที่ถามเมื่อครู่ไว้ให้คล้าวคิดต่อ เพราะผมว่าผมแสดงออกชัดเจนแล้วว่ารู้สึกยังไงกับน้องมัน แค่ยังไม่พูดออกมาให้ชัดเท่านั้นเอง

ต่อจากนี้ก็แค่รอ รอให้คล้าวทบทวนความรู้สึกของตัวเองก่อน ถ้าน้องมันให้โอกาสผมก็จะได้รุกอย่างเต็มที่

แต่ถ้าไม่... ผมก็คงต้องหาทางอื่นต่อไป ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก หึๆๆ

หลังจากลงมาจากภูเขาทองแล้ว ระหว่างเดินกลับผมก็ถ่ายรูปที่จุดที่สนใจเพิ่มเล็กน้อย โดยมีคล้าวเดินตามเงียบๆ มาเงียบๆ เหมือนเคย

พอออกมาจากวัด คล้าวก็บอกว่าขอเลี้ยงอาหารผมบ้าง ผมจึงให้น้องมันแวะร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หลังจากทานอาหารเสร็จผมตั้งใจว่าจะไปส่งคล้าวที่ห้องพักก่อน แต่น้องมันไม่ยอม คล้าวมันขับรถมาส่งผมที่ห้างถึงที่จอดรถเรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกไปนั่งรถเมล์กลับห้องเอง

เมื่อคล้าวกลับไปแล้วธงรบก็โทรมาถามพอดีว่ากลับหรือยังตอนนี้มันรออยู่ที่ห้องเสื้อของผม พอผมบอกว่าอยู่ที่ลานจอดรถ มันก็ให้รอที่เดิมก่อนที่มันจะเดินมาหาแล้วก็ขับรถกลับไปที่บ้านของผม

ผมต้องรายงานความคืบหน้าให้ธงรบกับเฮียแผนฟังต่อ ผมเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุขจนธงรบมันออกอาการหมั่นไส้เลยจับผมไปขยี้หัวจนหัวยุ่ง โดยที่เฮียแผนไม่ห้ามสักคำ สงสัยจะหมั่นไส้ผมอยู่เหมือนกัน หึๆๆ ช่วยไม่ได้นี่นา คนกำลังมีความสุข

ยิ่งกลับเข้าห้องแล้วไปเช็คภาพที่อยู่ในกล้องก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก เพราะรูปคู่ที่น้องๆ ช่วยถ่ายให้มีแต่รูปสวยๆ ทั้งนั้นเลย
ผมเลือกภาพที่เราสองคนเผลอสบตาและยิ้มให้กันมาตั้งเป็นภาพหน้าจอของคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะนอนมองภาพนั้นในมือถือแล้วหลับไปพร้อมรอยยิ้ม


***************************************************************

(มีต่อ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
ผมมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างหงอยๆ

วันนี้เป็นวันที่คล้าวต้องมาติวที่ห้างและเป็นวันที่เรานัดไปวัดกันต่อด้วย แต่นี่ผมติดต่อน้องมันไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไลน์ไปก็เงียบ โทรไปก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ จะไปหาก็ไม่กล้า กลัวว่าจะรบกวนน้องมันมากไป

หรือว่าน้องมันจงใจหลบหน้าวะ

“เฮ้อ!” ได้แต่ถอนใจกับภาพหน้าจอต่อไป

“ไง หูลู่หางตกเชียวนะ” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงธงรบ ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามันมายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่

“กูไม่ใช่หมา” ผมหันไปเถียงตามความเคยชิน แต่ธงรบมันไม่ได้สนใจ มันมองนาฬิกาข้อมือที่เลยเวลาเที่ยงมาตั้งนานแล้วก็ขมวดคิ้ว

“นี่ก็เลยเวลามานานแล้ว ไม่ใช่ว่าน้องมันจงใจหนีมึงนะ”

“สัด! กูยิ่งใจไม่ดีอยู่” ผมด่ามันก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกแล้วถามมันอย่างไม่มั่นใจ

“กูรุกน้องมันมากไปเหรอวะรบ”

“เท่าที่ฟังมึงเล่า ก็ไม่นะ มึงแค่แสดงออกชัดเจนไม่ได้เกินเลยอะไรมากนัก อีกอย่าง เท่าที่ฟังดูก็เหมือนน้องมันจะหวั่นไหวกับมึงบ้างแล้วด้วย”

“งั้น แล้วทำไมน้องมันเงียบไปล่ะวะ” ผมถามธงรบด้วยสีหน้าข้องใจสุดๆ

“ไปดูที่ห้องไหม เดี๋ยวกูพาไป”

“จะดีเหรอวะ มันจะไม่รบกวนน้องมันมากไปเหรอ”

“ถ้าข้องใจก็ต้องไป ถ้าน้องมันตั้งใจจะหลบก็ถามให้มันรู้เรื่องกันไปเลย มึงจะได้ตัดใจเร็วๆ ไม่ต้องปล่อยให้ยืดเยื้อ” ธงรบมันพูดจบก็มองนาฬิกาที่ผนังและนาฬิกาข้อมืออีกรอบก่อนจะมองหน้าผมด้วยสีหน้าขัดใจ

“แต่ตอนนี้... มึงต้องไปกินข้าวกับกูเดี๋ยวนี้ นี่มันเที่ยงกว่าแล้ว ป่านนี้ยังไม่กินข้าวอีก เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะทำยังไง” คุยกันเรื่องคล้าวอยู่ดีๆ องค์พ่อ No.3 ก็เข้ามาประทับมันเฉยเลย ธงรบเดินมาลากผมขึ้นจากเก้าอี้แล้วก็บ่นจนผมหูชาไปจนถึงศูนย์อาหาร

แค่กินข้าวช้าไม่ถึงชั่วโมง จำเป็นต้องบ่นขนาดนี้ไหม สงสัยมันคงจะหิวแน่ๆ ผมฟันธง!



หลังจากอิ่มแล้ว ผมก็โดนธงรบไซโคให้ไปหาคล้าวที่หอพักต่อ ผลคือตอนนี้ผมต้องนั่งรถมากับมันด้วยความรู้สึกเหมือนใจหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก

แต่พอมาถึงหน้าหอคล้าว ธงรบก็โดนเลขาโทรตามเพราะมีงานด่วน

“ไปคนเดียวได้ไหม หรือจะกลับพร้อมกูก่อน เดี๋ยวกูทำธุระเสร็จแล้วค่อยมาใหม่” ธงรบมันหันมาถามด้วยสีหน้ากังวล

“กูไปคนเดียวก็ได้ ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว” มาถึงที่แล้ว จะกลับไปให้เที่ยวทำไม เข้าไปคุยให้มันรู้กันไปเลย ผมมองตึกตรงหน้าด้วยความรู้สึกมุ่งมั่น

“แน่ใจใช่ไหม”

“อือ กูไปคนเดียวได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวกูโทรหา รีบไปเถอะ”

“โอเค มีปัญหาอะไรก็รีบโทรบอกกูนะ ถ้ามารับไม่ได้ เดี๋ยวกูให้คนมารับแทน”

“เออ ไปได้แล้ว ขับรถดีๆ ด้วย” ผมลงจากรถมาแล้วไล่มันไปทันที เมื่อมันยังรีๆ รอๆ และมีสีหน้ากังวลไม่เลิก ผมจึงเดินเข้าหอพักไป มันจะได้ออกไปสักที

ผมเดินเข้าไปถามเจ้าของหอซึ่งอยู่แถวนั้นพอดี พอบอกว่าเป็นเพื่อนของคล้าวมาหาเพราะติดต่อน้องไม่ได้ เจ้าของหอซึ่งเป็นคุณป้าวัยกลางคนก็บอกเลขที่ห้องเสร็จสรรพ นอกจากนั้นก็ชมความหล่อของคล้าวให้ผมฟังจนผมได้ยืนฟังมึนๆ

เอ่อ... มันจะไม่เป็นอันตรายกับคนที่อยู่หอเหรอครับป้า ถึงมันจะดีที่ผมหาคล้าวได้ง่ายๆ แต่ถ้าผมเป็นศัตรูแทนที่จะเป็นเพื่อนล่ะ ไม่อยากจะคิดเลย

ผมเดินบ่นพึมพำอยู่คนเดียว  เผลอๆ ก็มาถึงห้อง 315 ตามที่ป้าบอกได้ยังไงไม่รู้ พอมาถึงจริงๆ ก็ได้แต่มองประตูตาปริบๆ ไม่รู้ว่าความมุ่งมั่นเมื่อตอนอยู่ข้างล่างหายไปไหนหมด ตอนนี้ถึงได้เหลือแต่ใจฝ่อๆ กับปอดแหกๆ เท่านั้น

อยากจะจ้องให้มันทะลุไปถึงข้างใน แต่ทำไม่ได้ เลยได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมกำลังใจ แล้วยกมือขึ้นทำท่าจะเคาะประตู

เคาะ ไม่เคาะ เคาะ ไม่เคาะ เคาะ ไม่เคาะดีหว่า

“มาหาไอ้คล้าวเหรอครับ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคนทัก พอหันไปมองก็เห็นผู้ชายรุ่นๆ เดียวกับคล้าวยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นผมทำหน้ามึนๆ ผู้ชายคนนั้นก็พูดต่อ

“วันนี้ไอ้คล้าวน่าจะอยู่ห้องนะครับ เพราะมันไม่สบาย เคาะเรียกเลย” ระหว่างที่ผมกำลังตกใจเมื่อรู้ว่าคล้าวไม่สบาย คนพูดก็ก้าวมายืนหน้าประตูแล้วเคาะแทนเรียบร้อยแล้ว

ปังๆๆๆ

“ไอ้คล้าว ไอ้คล้าว มีคนมาหา” ไอ้คนเคาะมันตะโกนเรียกเสียงลั่นจนผมกลัวว่าห้องข้างๆ จะเปิดมาด่าเอา แต่พอเหลียวซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใครออกมาด่า ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ไอ้คล้าว ได้ยินไหม ตายรึยังวะ” คนเรียกยังคงเคาะและเรียกอย่างต่อเนื่อง

แกร็ก!

“มีอะไร” พอประตูเปิดออกคล้าวก็โผล่มาถามด้วยเสียงแหบๆ

“มีคนมาหามึงเนี่ย กูไปก่อนนะ รีบ” พูดจบก็รีบเดินออกไปทันทีจนผมได้แต่ขอบคุณตามหลังไป

“ขอบคุณครับ” คนฟังก็คงได้ยินจึงยกมือโบกมาให้โดยไม่ได้หันกลับมายังคงจ้ำไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ

รีบอย่างกับจะไปตามควาย

“พี่แสนสวัสดีครับ” พอได้ยินเสียงแหบๆ ของคล้าว ผมก็หันกลับมาสำรวจคนที่ยืนพิงของประตูอยู่ตรงหน้า แม้แสงตรงทางเดินจะน้อย แต่ก็เห็นท่าทางอิดโรยของคล้าวได้ชัด

“ไม่สบายเหรอ”

“ครับ ถ้าไม่รังเกียจเข้ามาในห้องก่อนสิครับ” คล้าวลูบหน้าตัวเองก่อนจะเบี่ยงตัวออกแล้วถอยเข้าไปข้างใน ผมจึงเดินตามเข้าไปแล้วปิดประตูให้

“ร้อนหน่อยนะครับ” คล้าวเดินไปเปิดประตูหลังห้องเพื่อระบายอากาศแล้วกลับมายืนลูบหัวแก้เก้อ เมื่อเห็นผมกวาดตามองสภาพห้องแคบๆ ที่มีเพียงตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะและเก้าอี้อย่างละ 1 ตัว บนพื้นมีเสื่อกับผ้าห่มและหมอนอีกใบวางอยู่ นอกจากนั้นก็มีของใช้อีกไม่กี่ชิ้น พอเห็นผมหันรีหันขวาง คล้าวก็เดินไปยกเก้าอี้พลาสติกที่อยู่ข้างโต๊ะเล็กๆ ตัวหนึ่งมาให้

“นั่งก่อนสิครับ” ผมมองเก้าอี้แล้วก็มองหน้าคล้าว

“แล้วคล้าวล่ะ”

“ผมนั่งพื้นก็ได้ครับ” พูดจบก็นั่งลงบนเสื่อที่ปูนอน ผมจึงลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามคล้าวด้วย

“เดี๋ยวผมถูพื้นให้ก่อนครับ” คล้าวทำท่าจะลุกไปหาอะไรมาถูพื้นจริงๆ ผมจึงจับแขนไว้

“ไม่ต้องแล้วครับ นั่งลงเลย คล้าวตัวร้อนมาก ทานข้าวรึยัง แล้วทานยารึยังครับ” ผมถามเป็นชุดเมื่อจับแขนคล้าวแล้วสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากตัวน้อง

“ทานข้าวเช้าแล้วครับ แต่ผมเพิ่งตื่น ยังไม่ทานมื้อเที่ยง”

“มีอะไรทานหรือยัง” ผมกวาดสายตามองรอบห้องแล้วน่าจะไม่มีอะไรพอจะกินได้ เลยลุกขึ้นยืนแล้วบอก

“เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ดีกว่า ทานอะไรดีครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปซื้อเอง” คล้าวรีบยืนขึ้นห้าม

“ไม่สบายอยู่นอนไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้เอง”

“แต่ผมเกรงใจ ไม่อยากรบกวนพี่แสนนี่ครับ”

“พี่เต็มใจ โอเคไหม พี่ลงไปใกล้ๆ นี่แหละ นอนรอไปก่อนอย่าดื้อ” ผมจับบ่าคล้าวแล้วกดให้นั่งลง พร้อมกับสำทับด้วยเสียงดุๆ เมื่อคล้าวทำท่าจะค้าน ผมก็รีบเดินออกไปทันที

ผมลงไปเดินหาร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ใกล้ๆ พอสั่งข้าวต้มไว้แล้วก็เดินไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อยากับนมและขนมปังติดมือมาด้วย เมื่อได้ข้าวต้มแล้วก็เดินกลับไปที่ห้อง หอพักไม่มีลิฟต์ เดินขึ้นบันไดสามชั้นก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน

พอเดินไปถึงห้องผมก็เคาะประตูเรียก แต่เคาะได้แค่ครั้งเดียว ประตูก็เปิดออกทันที คล้าวยืนอยู่หน้าประตูเหมือนยืนรออยู่แล้ว น้องมันมาช่วยถือของแล้วเดินนำไปข้างใน ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนป่วยดื้อๆ ที่ไม่ยอมนอนรอ

“ทั้งหมดเท่าไหร่ครับพี่แสน เดี๋ยวผมจ่ายคืนให้”

“ไม่เป็นไรครับ ถือซะว่าเป็นของเยี่ยมไข้”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ครับ อย่าดื้อ ไม่งั้นพี่จะโกรธที่ป่วยแล้วไม่ยอมบอกพี่ ปล่อยให้พี่เป็นห่วง”

“ขอโทษครับ พอดีวันก่อนผมเปียกฝน กลับมาถึงห้องโทรศัพท์ผมก็ตกไปในถังน้ำจนพังไปแล้ว ผมจำเบอร์พี่แสนไม่ได้เลยไม่ได้โทรบอก วันนี้ตั้งใจจะไปหา แต่ผมไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เลยลุกไม่ค่อยไหวครับ ขอโทษนะครับ” คล้าวยกมือไหว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ส่วนผมได้ฟังแล้วก็โล่งอก พอรู้ว่าน้องมันไม่ได้จะหลบหน้าก็ใจชื้นขึ้นเยอะเลย

“ไม่เป็นไรครับ แค่เห็นว่าคล้าวไม่เป็นอะไรมากพี่ก็สบายใจ รีบทานข้าวดีกว่าครับจะได้ทานยา” คล้าวลุกไปหยิบชามมาเทข้าวต้ม

“แล้วพี่แสนทานข้าวรึยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วครับ คล้าวทานเลย” พอผมบอกคล้าวก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้ม พอได้ครึ่งชามก็ทำท่าจะวางช้อน แต่พอเหลือบมาเห็นผมมองลุ้นๆ น้องมันก็ฝืนตักเข้าปากต่อจนหมดชาม ผมยื่นยาและน้ำให้คล้าว น้องมันก็รับไปกินแต่โดยดี

“เช็ดตัวหน่อยไหมไข้จะได้ลดแล้วก็จะได้สบายตัวด้วย” ผมพูดแล้วก็ไม่ฟังคำตอบ เดินไปหยิบกะละมังเล็กๆ ที่อยู่หน้าห้องน้ำไปใส่น้ำแล้วมาวางไว้ข้างๆ ตัว

“มีผ้าขนหนูไหมครับ” คล้าวหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่หล่นอยู่ใกล้ๆ หมอนมาจุ่มลงในกะละมัง

“เดี๋ยวผมเช็ดเองก็ได้ครับ” พูดจบก็ยกผ้าขนหนูขึ้นมาบิดแล้วเช็ดหน้าเช็ดตัว

ผมไล่สายตาตามผ้าผืนเล็กที่ไล้ไปตามลำคอไล่ลงมาที่กล้ามเนื้อแขนก่อนจะมุดเข้าไปใต้เสื้อแล้วก็อดจินตนาการถึงซิกแพคที่เคยเห็นเมื่อตอนที่เป็นทองกวาวไม่ได้

ผมพยายามละสายตาจากภาพน่ามองตรงหน้าเต็มที่ พอเงยหน้าขึ้นไปก็สบตากับเจ้าของซิกแพคเข้าพอดี เมื่อโดนจับได้ว่าแอบมองอยู่ ก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ ขึ้นมาทันที

เราสองคนต่างก็เบือนหน้าหนีกันไปคนละทางด้วยความขัดเขิน พอเหลือบมองไปเห็นคล้าวยังกำผ้าอยู่ในมือก็เผลอหลุดปากสิ่งที่คิดไปทันที

“พี่เช็ดหลังให้ไหม”

“...”

“คือ.. คล้าวน่าจะเอื้อมไปเช็ดไม่ถึงใช่ไหม พี่ก็เลย...ก็เลยจะช่วยเช็ดให้ไง” ผมพยายามแก้ตัว เอ๊ย! อธิบายเหตุผลให้คล้าวฟังโดยไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าน้อง เพราะกลัวว่าน้องมันจะรู้สึกอึดอัด

พูดจบแล้วบรรยากาศก็ยังคงเงียบกริบจนทำอะไรไม่ถูก ระหว่างที่กำลังนึกหาคำพูดมาทำลายความเงียบ ผ้าผืนเล็กที่อยู่ในมือคล้าวก็ยื่นมาอยู่ตรงหน้า ผมค่อยๆ เงยมองหน้าคล้าวก็เห็นน้องมันมองมานิ่งๆ

“ผมเช็ดไม่ถึงครับ” ผมยื่นมือไปรับผ้าอย่างมึนๆ พอผมรับผ้าแล้ว คล้าวก็หันหลังให้ทันที ทำให้ผมเห็นว่าใบหูทั้งสองข้างของคล้าวนั้นแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด

เห็นแล้วอยากจะกัดให้หายมันเขี้ยวดูสักที

น่ารักเกินไปแล้วโว้ย!

ผมกำผ้าขนหนูในมือแน่น พยายามห้ามตัวเองไม่ให้เผลอไปกัดหูคล้าวอย่างที่ใจอยากจะทำ

ใจเย็นๆ แสน มันยังไม่ถึงเวลา

ฮึ่ม! ฝากไว้ก่อนเถอะ ผมจ้องใบหูแดงๆ นั้นอย่างหมายมาด ถ้ามีสิทธิ์เมื่อไหร่นะ จะงับมันทั้งตัวไล่ตั้งแต่หัวจรดหางเลย คอยดู!
ความคิดผมชะงักลง เมื่อคล้าวถอดเสื้อออกเพื่อให้ผมเช็ดตัวสะดวกขึ้น ผมได้แต่จ้องแผ่นหลังกว้างๆ นั้นอย่างหลงใหล ได้แต่กลืนน้ำลายและพยายามรวบรวมสมาธิกลับมาอยู่กับสิ่งที่ต้องทำ

ผมเอาผ้าในมือจุ่มน้ำและบิดให้หมาด ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แผ่นหลังของคล้าว มือสั่นๆ ของผมค่อยๆ วางผ้าลงบนต้นคอของคล้าว

พอผ้าแตะถูกตัว น้องมันก็สะดุ้งและเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย พลอยทำให้ผมสะดุ้งตามไปด้วย แต่เมื่อคล้าวมันนิ่งและหายเกร็ง ผมก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ลากผ้าผืนเล็กจากต้นคอลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเย็นหรือเพราะอะไรถึงได้เห็นน้องมันขนลุกขึ้นมา

ภาพตรงหน้ามันทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบตั้งแต่หนังหน้าลามมาทั้งตัว ได้แต่กลั้นใจเช็ดต่อไปให้ทั่วแผ่นหลังของคล้าว ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วอยากจะปาผ้าขนหนูลงพื้นแล้วปล้ำแม่งเลย

โว้ยยยย มันท้าทายความอดทนกันเกินไปแล้ววววว

“อะแฮ่ม! เสร็จแล้วครับ ใส่เสื้อเลยครับ จะได้ไม่หนาว” ผมกัดฟันบอกคล้าว ถึงจะชอบที่น้องมันไว้ใจ กล้าถอดเสื้อต่อหน้า แต่ก็กลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวว่าจะเผลอปล้ำน้องมันเอา

ยังดีที่คล้าวมันว่าง่าย หยิบเสื้อขึ้นมาใส่ก่อนจะหันหน้ามาหา เพราะถ้าหันมาแล้วเห็นซิกแพคข้างหน้า ผมอาจจะหน้ามืดเผลอปล้ำน้องมันไปจริงๆ ก็ได้

“ทีนี้ก็พักผ่อนได้แล้วครับ จะได้หายเร็วๆ อันนี้นามบัตรพี่ครับ เบอร์โทรตามนี้เลย มีอะไรก็ไทรไปหาพี่ได้ ถ้าไม่ดีขึ้นก็บอกเดี๋ยวพี่จะพาไปหาหมอเอง” ผมนึกขึ้นได้จึงหยิบนามบัตรในกระเป๋าส่งให้คล้าวจะได้ติดต่อกันได้ พอรับนามบัตรไปแล้ว คล้าวก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระดาษมาเขียนเบอร์โทรศัพท์แล้วยื่นให้ผม

“อันนี้เบอร์ไม้ครับ พี่แสนโทรมาเบอร์มันก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เมื่อไหร่ผมจะโทรไปบอกนะครับ”

“โอเคครับ ถ้างั้นพี่กลับก่อนก็แล้วกัน หายไวๆ นะครับ”

“พี่แสนกลับยังไงครับ”

“เดี๋ยวพี่กลับแท็กซี่ครับ” คล้าวมีสีหน้ากังวลเมื่อฟังคำตอบของผม นี่ติดเชื้อห่วงเกินเหตุจากธงรบมาหรือไง

“พี่กลับเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า กลางวันแสกๆ แบบนี้ไม่อันตรายหรอก” ผมพยายามพูดให้น้องมันสบายใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกมา คล้าวรีบลุกขึ้นเดินตามมาถึงประตู พอเดินพ้นประตูแล้วผมก็หันกลับไปมองคนป่วยดุๆ

“ส่งพี่แค่นี้แหละ พี่กลับเองได้ ไปพักผ่อนได้แล้วครับ อย่าดื้อ” พอเห็นสีหน้ากังวลของคนป่วย ผมก็ดุสำทับ ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอก

“ถ้ากลับถึงบ้านแล้วพี่จะโทรมาบอกไม้เลย โอเคไหมครับ”

“ครับ” พอคล้าวรับคำ ผมก็ยิ้มให้แล้วเดินหันหลังออกมา

ผมเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความสบายใจผิดกับตอนขามาลิบลับ พอรู้ว่าน้องมันไม่ได้หนีหน้าก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งน้องมันให้โอกาสเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกมีความหวัง

รู้สึกว่าใกล้หัวใจเข้าไปอีกนิด ได้แค่นี้ก็ดีเกินพอแล้วครับ ผมเดินยิ้มไปเหมือนคนบ้า

มีความสุขจังเลยน้า

********************************************************

พอดีช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แล้วปรับตัวไม่ทันก็เลยเปื่อยค่ะ
พอเปื่อยก็คิดอะไรไม่ออก เลยนานเลย ต้องขอโทษด้วยค่า
ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

********************************************************

#ommanymontra ☼  :L2: :L1: :L2:
#puiiz ☼  :L2: :L1: :L2:
#PsychePie ☼ ปล้ำเลยดีไหมคะ 55555
#iceman555 ☼ พี่มันหน้าบานแล้วบานอีกค่ะ ถ้าไม่เกรงใจคงปล้ำน้องไปละ 55555
#k2blove ☼ ธงรบเป็นทุกอย่างค่ะ ทั้งเพื่อน ทั้งพ่อ 55555 ส่วนเฮียแผนนี่ก็พี่ชายในฝันเลยค่ะ อยากได้พี่ชายแบบนี้มากกกกก อิจฉาพี่แสนขึ้นมาเลย
#lovenine ☼ อีกสักพักคงได้กินค่ะ แค่กๆๆๆ แวะมาเป็นกำลังใจให้บ่อยๆ นะคะ คนเขียนขาดความอบอุ่น 5555
#MimoreQ ☼ ตอนเป็นคนก็หื่นค่ะ แต่พี่แกต้องคีพลุค ทั้งๆ ที่อยากกินเด็กจะแย่ ถถถ
#วายซ่า ☼ มีคนช่วยต้อนเยอะ ไม่รอดแน่ค่ะ 5555 ส่วน fc เฮียแผนก็เยอะนะคะ สามี เอ๊ย พี่ชายในฝัน


พอมีคนหายไปก็ได้แต่หงอยและสงสัยว่าหายไปไหน ไม่ชอบกันแล้วเหรอ ถถถ
ถ้าไม่รบกวนมากไป ก็ขอให้อยู่เป็นกำลังใจให้กันไปจนจบเรื่องด้วยนะคะ
กอดดดดดดดดดด
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย ได้เช็ดตัวไปอี๊กกก อิอิอิ เลือดกำเดาไหลละอีพี่แสน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำไมพึ่งมาเห็นนน สนุกมากค่ะ
 รอวันที่แสนจะหื่นใส่เคล้าแบบเต็มสตรีมอยู่นะ อิอิ
 :haun4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอ้ย พี่แสนทำไมหื่น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อย่างนี้ รุกไวไปน้องเขาปรับตัวไม่ทันนะ
ในใจคิดได้ยังไงว่าจะปล้ำคนป่วย เอาน่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
ว่าแต่เราก็คิดไปกับแสนด้วยระหว่างเช็ดตัวให้น้อง อิอิอิ
 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบอ้ายแสนหื่น ยัดเยียดความเป็นผัวให้น้องเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ดูท่าพี่เค้าจะหมดความอดทนกับความน่าเอ็นดูของน้องคล้าวเร็วๆ นี้แน่  o18

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
อุต๊ะ. สองตอนรวด อิ่มไปเลย 555
ว่าแต่น้องคล้าวของพี่แสนตอนพี่เขาสถิตร่างควายไฉนแลดูพ่อคุณถึกยิ่งนัก พอพี่เขาเป็นคนนี่โดนฝนนิดถือป่วยไข้  แหม....รึนี่จะเป็นการอ่อยกลับ. ฮาาาาา. เผ้อไปเรื่อย

ปล.ไม่หายไปไหนนะยังติดตามแต่สิ่งที่นามติดเราพอกันก็คืองาน งาน และงาน 555. +1 จ้า

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เป็นกำลังใจ เสมอจร้า สู้ๆ รอลุ้น กันต่อ คิดถึง เสมอๆ ..รอออออ จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เข้ามารอคล้าวกับแสน อยากอ่านแล้วว

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 14

   ผมมองอาหารเยี่ยมไข้ที่เตรียมมาด้วยแล้วก็ยิ้ม แต่พอเหลือบไปมองคนขับรถแล้วก็ได้ถอนหายใจ

   เมื่อวานผมกลับมาถึงบ้านด้วยความสุขใจ พอมาถึงบ้านปุ๊บก็โทรไปบอกไม้ทันทีตามที่รับปากคล้าวไว้ ซึ่งไม้ก็บอกว่าเดี๋ยวจะรีบวิ่งไปบอกคล้าวให้

   แต่ผมดันลืมรายงานพ่อๆ ธงรบถึงได้โทรมาบ่นจนหูชา เพราะมันโทรมาตอนที่อยู่ห้องคล้าวแต่ผมไม่ได้รับแถมยังลืมโทรกลับอีกต่างหาก เลยได้แต่ขอโทษและต้องยอมตามใจมันไปสักพัก

   เมื่อเช้าผมโทรไปถามอาการคล้าวกับไม้ เห็นน้องมันบอกว่าคล้าวดีขึ้นบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายดี ไม้เลยบังคับให้ลูกพี่มันหยุดพักอีกวัน

   วันนี้ผมก็เลยบอกไม้ไว้ว่าจะไปเยี่ยมคล้าวอีกรอบ ซึ่งพอธงรบมันรู้มันก็บอกว่าจะมาส่ง พอบอกว่ามาเองได้ก็ไม่ยอมฟัง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันกับเฮียจะวางใจให้ผมไปไหนมาไหนได้เองสักที

   “มองหน้าหาเรื่องเหรอ” ไอ้คนขับรถมันถามขึ้นเมื่อเห็นผมจ้องมันแล้วถอนหายใจ ผมเลยทำหน้าเหม็นเบื่อใส่มันทันที

   “อยากมีเรื่องป่ะล่ะ” ผมถามด้วยความหมั่นไส้รอยยิ้มกวนๆ ของมัน

   “จะได้ไปหาเด็กแล้วทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย เอาน่า... มึงก็ทนๆ กูกับเฮียไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวอีกสักพัก... ใหญ่ๆ แล้วจะปล่อยให้มึงไปไหนมาไหนคนเดียวเองแหละ”

   “สักพักนี่อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี บอกมาเลย”

   “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ มึงจะงอแงทำไมเนี่ย มีคนไปรับไปส่งไม่ดีรึไง”

   “ไอ้ดีมันก็ดี แต่กูไม่อยากให้มึงกับเฮียต้องลำบากเทียวส่งเทียวรับเวลาไปไหนมาไหนไง นอกจากจะเหนื่อยแล้วยังทำให้มึงกับเฮียเสียเวลาด้วย”

   “หึๆ เลิกบ่นเรื่องนี้ได้แล้วน่า มึงบ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ เพื่อความสบายใจของกูกับเฮีย มึงก็ทำใจเถอะ มึงก็รู้ว่ากูกับเฮียเต็มใจดูแลมึงเสมอ”

   “แล้วหนีงานมานี่เฮียๆ เจ้ๆ ไม่ว่ารึไง”

   “ไม่เห็นว่าอะไร พอบอกว่าจะมาส่งมึงก็ไล่ให้มาเลย ก็รู้อยู่ว่ามึงอะลูกรักป๊ากับม๊าแถมยังเป็นน้องรักเฮียกับเจ้กูด้วย”
อันนี้ก็รู้แหละครับ ครอบครัวมันเอ็นดูผมมาก เคยเปรยๆ ว่าอยากให้เราสองคนคบกันเป็นแฟนด้วยซ้ำ แต่แค่คิดก็ขนลุกกันแล้วครับ เรารู้ไส้รู้พุงกันดีเกินไป ไม่เหมาะกับจะเป็นคนรักกันหรอก เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้อะดีแล้ว

   “เออๆ ถ้าเหนื่อยก็อย่าฝืนก็แล้วกัน ถ้าไม่สบายกันขึ้นมาละก็... กูจะโกรธ”

   “อ้าว”

   “ไม่ต้องมาอ้าวเลย ถ้าไม่ยอมดูแลตัวเองทำให้ตัวเองป่วยหรือไม่ปลอดภัยละก็ กูจะโกรธจริงๆ ด้วย”

   “มึงวางใจเถอะ กูกับเฮียแข็งแรงกว่ามึงเยอะ ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่ายๆ หรอก มึงเอาเวลาไปห่วงเด็กเปื่อยของมึงเถอะ”

   “เหอะ จะรอดูก็แล้วกัน” มัวแต่เถียงกับมัน รู้ตัวอีกทีมันก็จอดอยู่หน้าหอพักแล้ว

   “ไปๆ ลงไปได้แล้ว” ผมหันไปค้อน เมื่อมันไล่ลงจากรถ

   “แล้วมึงไม่ได้ด้วยเหรอ”

   “ไม่อะ ไม่อยากไปเป็นก้าง เออ มึงบอกว่าร้านที่น้องไม้ทำงานอยู่แถวๆ นี้ใช่ป่ะ อยู่ตรงไหนวะ เดี๋ยวกูไปคุยกับน้องไม้รอ”

   “อืม ก็ดีนะ มึงจะได้ไม่เบื่อ มึงขับตรงเข้าไปข้างในแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกหน่อยก็เจอแล้ว ร้านอยู่ซ้ายมือ น้องไม้บอกกูเมื่อวาน”

   “เออ น่าจะหาไม่ยาก ถ้าคุยเสร็จแล้วก็โทรมา เดี๋ยวกูมารับ”

   “โอเค” ผมลงจากรถแล้วก็เดินเข้าหอไป ปล่อยให้ธงรบมันขับรถไปหาน้องไม้ต่อ

   ผมเดินขึ้นบันไดไปจนมาถึงห้อง 315 ก็เคาะประตูทันที รอไม่นานคล้าวก็เปิดประตูออกมาเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว

   “สวัสดีครับพี่แสน”

   “สวัสดีครับ” ผมรับไหว้คล้าวแล้วสังเกตดูสีหน้าน้องมันไปด้วย พอเห็นว่าสีหน้าดีกว่าเมื่อวานก็วางใจ

   “เข้ามาข้างในก่อนครับ” คล้าวขยับมาช่วยถือของในมือแล้วเดินนำเข้าไป ผมจึงปิดประตูให้

   “นั่งเลยครับ ผมถูพื้นเรียบร้อยแล้ว” คล้าวผายมือไปตรงที่ผมนั่งเมื่อวาน ซึ่งตอนนี้มีผ้าห่มปูไว้ ผมมองผ้าห่มบนพื้นแล้วก็หันไปมองคล้าว พอวางของแล้วคล้าวก็หันกลับมาเห็นผมยังยืนอยู่ น้องมันก็บอก

   “ผมกลัวพี่นั่งไม่สบายเลยปูผ้าให้นั่ง”

   “ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่มาเยี่ยมนะ ไม่ได้อยากมารบกวนให้คล้าวต้องลำบาก”

   “ไม่ลำบากเลยครับ ได้ขยับร่างกายให้เหงื่อออกบ้างแล้วรู้สึกดีขึ้นครับ พี่แสนนั่งเถอะครับ” ผมยอมนั่งลงเพราะถ้าผมไม่นั่งคล้าวก็คงไม่ยอมนั่งลงด้วย

   “พี่เอาข้าวต้มปลามาฝาก คล้าวทานข้าวหรือยัง ถ้ายังก็ทานเลย ข้าวต้มยังร้อนๆ อยู่ครับ” วันนี้ผมมาส่งเสบียงแต่เช้า คล้าวจะได้ไม่ต้องออกไปหาอะไรกินเองอีก

   “ขอบคุณครับ” คล้าวยกมือไหว้ ก่อนจะลุกไปหยิบชามมาเทข้าวต้มจากปิ่นโตเถาแรก ผมตักข้าวต้มใส่มาสองเถา อีกสองเถาก็ใส่ข้าวสวยมา ส่วนกับข้าวก็ใส่ถุงแยกมาต่างหาก เอามาเผื่อมื้อกลางวันไปด้วยเลย นอกจากนี้ก็มีขนมแล้วก็นมอีกสองแพ็ค เผื่อว่าน้องมันไม่อิ่ม

   “พี่แสนทานมาหรือยังครับ”

   “เรียบร้อยแล้วครับ คล้าวทานเลย จะได้ทานยา” พอผมบอก คล้าวก็ตักข้าวเข้าปากอย่างว่าง่ายจนหมดชาม น้องมันก็หยิบยามากินเรียบร้อย

   “ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะ คล้าวจะได้พักผ่อน” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น แล้วก็ต้องชะงักเมื่อคล้าวยื่นมือมาจับแขนผมไว้ ผมหันไปมองหน้าคล้าว น้องมันก็รีบปล่อยมือทันทีเหมือนลืมตัวมากกว่าจะตั้งใจรั้งผมไว้

   “จะกลับแล้วเหรอครับ” ผมได้แต่กลั้นยิ้มกับคำถามที่เหมือนไม่อยากจะให้กลับนั่น พอจ้องตานิ่งๆ คล้าวก็หลบตาแล้วลูบท้ายทอยเหมือนทำอะไรไม่ถูก

   “อืม พี่อยู่เป็นเพื่อนคล้าวก่อนก็ได้ คล้าวเช็ดตัวรึยังครับ”

   “ครับ” น้องมันรับคำแผ่วๆ

   “ถ้างั้นก็นอนได้แล้วครับ จะได้หายเร็วๆ นี่คงตื่นมาถูพื้นแต่เช้าใช่ไหม” คล้าวไม่ตอบ แสดงว่าผมเดาถูก น้องมันทิ้งตัวลงนอนกับเสื่อ ผมจึงหยิบผ้าห่มมาคลี่แล้วห่มให้ ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดให้หมาดแล้ววางไว้บนหน้าผากให้ คล้าวมองตามผมเงียบๆ พอผมมานั่งข้างๆ ก็ยังมองนิ่งๆ น้องมันมีสีหน้าลังเลก่อนจะเปิดปากถาม

   “ทำไมพี่แสนถึงได้ดีกับผมขนาดนี้ครับ” ผมอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินคำถาม หลุบเปลือกตาลงครุ่นคิดว่าจะตอบน้องมันยังไงดี ก่อนที่จะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาคล้าวอย่างจริงจัง

   “คล้าวรู้ใช่ไหม ว่าพี่ ‘คิด’ กับคล้าวมากกว่าน้องที่รู้จักและ ‘หวัง’ ว่าความสัมพันธ์ของเราจะพัฒนาไปมากกว่าความเป็นพี่น้อง” ผมตัดสินใจถามไปตรงๆ เพื่อให้น้องเข้าใจความรู้สึกผมไปเลยและตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไงต่อ

“ครับ” คล้าวรับคำด้วยสีหน้านิ่งๆ จนผมหวั่นใจ

“คล้าว... รังเกียจพี่ไหม” ผมถามเบาๆ แล้วหลุบตาลงซ่อนความหวั่นไหวของตัวเองเพราะกลัวในคำตอบ

“ไม่ครับ ผมไม่เคยรังเกียจพี่แสนเลย” คล้าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ผมกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วถามคำถามที่ผมอยากได้คำตอบที่สุดและกลัวผิดหวังในคำตอบที่สุดด้วย

“แล้ว... พี่ เอ่อ พี่ พะ พอจะมีหวังบ้างไหม” ผมถามอย่างตะกุกตะกัก น้ำเสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ พอถามจบก็ก้มหน้าลงหลับตาลงทันที หัวใจก็เต้นกระหน่ำเร็วขึ้นด้วยความหวาดกลัวในคำตอบเหลือเกิน

ก่อนที่ผมจะสะดุ้ง เมื่อคล้าวยื่นมือมาปัดผมที่ระอยู่ข้างแก้มให้อย่างอ่อนโยน

“พี่แสนครับ”

“ครับ” ผมรับคำแต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

“ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้สิ”

“ผมคู่ควรกับความรู้สึกของพี่เหรอครับ... คนธรรมดาอย่างผม คู่ควรกับความหวังของพี่เหรอครับ”

พอได้ยินคำถามนี้ผมก็ลืมตาขึ้นมาแล้วเงยหน้าสบตาคล้าวก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คู่ควรสิ คนอย่างคล้าวคู่ควรกับความรู้สึกของพี่แน่นอน”

คล้าวค่อยๆ คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาคมๆ คู่นั้นเปล่งประกายระยับ ทำให้ผมรู้สึกเขินจนต้องหลบตา

“ผม... แล้วแต่พี่แสนเลยครับ” ผมหันขวับมามองหน้าคล้าวทันที พยายามตีความคำว่าแล้วแต่พี่จากปากคล้าว ถ้าแล้วแต่พี่นี่ปล้ำเลยนะ เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ยังไม่ถึงเวลา

พอเห็นสีหน้ายิ้มๆ กับแววตามั่นคงของคล้าวก็ทำให้ผมกล้าพูดออกไป

“ถ้าอย่างงั้น... เรามาทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ดีไหม ไม่ใช่ในฐานะพี่น้อง แต่ทำความรู้จักในฐานะคนที่จะพัฒนาไปเป็นคนรักต่อไปในอนาคต” ผมถามแล้วก็ได้แต่ลุ้นรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

“ได้ครับ” พอได้รับคำตอบจากคล้าวก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี คล้าวก็ยิ้มตอบกลับมาเหมือนกัน

“ขอบคุณนะครับที่เห็นค่าของคนอย่างผม”

“พี่สิต้องขอบคุณที่คล้าวให้โอกาสพี่ ทั้งๆ ที่คล้าวไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน” เราสองคนสบตากันก่อนจะยิ้มให้กัน

“โอเค นอนได้แล้วครับ” คล้าวมองหน้าผมสักพักก็ขยับไปนอนดีๆ แล้วหลับตาลงโดยที่ริมฝีปากยังประดับด้วยรอยยิ้ม

ผมมองหน้าคล้าวแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดน้องมันก็เปิดใจให้สักที ต่อไปนี้ผมก็รุกได้อย่างเต็มที่แล้วสินะ นั่งมองอยู่นานก็ชักจะเมื่อย พอเห็นคล้าวหายใจอย่างสม่ำเสมอเหมือนหลับไปแล้ว เลยล้มตัวลงนอนตะแคงแล้วเท้าศีรษะมองต่ออย่างไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด

*****************************************

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่น พอลืมตาขึ้นมาก็ต้องชะงักเพราะตรงหน้าคือแผงอกกว้างๆ ที่อยู่ใกล้สายตามาก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหน้าเจ้าของอกที่กำลังหลับอยู่ แขนข้างหนึ่งของคล้าววางพาดไว้บนเอวของผม มีผ้าห่มที่ผมห่มให้คล้าวห่มตัวของเราทั้งคู่ไว้

จำได้ว่าก่อนหน้านี้ผมนอนมองหน้าคล้าวอยู่ พอลมพัดเข้ามาในห้องรู้สึกเย็นสบายจนทำให้ตาเริ่มปรือๆ ก่อนจะเผลอหลับไป แต่ทำไมถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้วะ ตกลงว่านี่เผลอหลับหรือซ้อมตาย

พอรู้ตัวว่าตกอยู่ในสภาพไหนก็รู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัวทันที หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ จนกลัวว่าหัวใจจะวาย ได้แต่นอนตัวแข็งไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่ารบกวนการนอนของคล้าว

คือ... ได้อยู่ใกล้ชิดกันก็ดี แต่พอไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนเหมือนทุกทีแล้วมันไม่ชินนี่สิ

“ตื่นแล้วเหรอครับ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงของคล้าว พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นคล้าวก้มมองมาด้วยแววตาพราวระยับไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นเลยสักนิด ทำให้รู้สึกว่าหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมคงแดงก่ำแน่ๆ

ผมเหลือบตามองแขนที่ยังพาดอยู่บนเอว คล้าวมองตามสายตาผมก่อนจะค่อยๆ ขยับแขนออกช้าๆ พอหลุดจากวงแขนนั้นได้ผมก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งหน้าแดงต่อ

“พอดีผมเห็นพี่แสนหลับ กลัวว่าพี่จะหนาวก็เลยห่มผ้าให้ครับ” คล้าวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติแต่ตาพราวๆ กับรอยยิ้มมุมปากนั้นทำให้ผมต้องหรี่ตามอง

ห่มผ้าให้แล้วจำเป็นต้องกอดด้วยเหรอ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย แต่ไม่กล้าถามออกไป เพราะกลัวจะได้รับคำตอบที่ทำให้เขินยิ่งกว่าเดิม

ทำไมถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของคล้าวมันเจ้าเล่ห์ชอบกล เหมือนรอยยิ้มของไอ้คล้าวตอนอยู่กับทองกวาว ไม่ใช่น้องคล้าวที่สุภาพเรียบร้อยของพี่แสนเหมือนเดิม

เห็นแล้วมันเขี้ยวอยากเข้าไปฟัด แต่ก็รู้สึกระแวงรอยยิ้มนั่นพิกล เลยได้แต่นั่งมองคนที่นอนท้าวศีรษะมองมา ก่อนที่จะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นเบอร์ธงรบก็รีบกดรับ

“ว่าไง”

“จะกลับได้หรือยัง นี่กูกินน้ำหมดไปหลายขวดแล้วนะ เข้าห้องน้ำไปหลายรอบแล้วด้วย ถ้าอยู่นานกว่านี้กูคงต้องกินน้ำหมดร้านแน่” พอรับสายแล้วธงรบมันก็บ่นมาเป็นชุด พอมองนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบสิบโมงแล้ว มาถึงตั้งแต่แปดโมงกว่าๆ นี่หลับไปเป็นชั่วโมงเลยเหรอ

“แสนๆ ทำไมเงียบ มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่าๆ กลับเลยก็ได้ เดี๋ยวกูลงไปรอข้างล่างก็แล้วกัน” ผมรีบตอบเมื่อธงรบถามด้วยน้ำเสียงกังวล เหลือบ พอกดวางสายแล้วก็ขยับไปจับหน้าผากคล้าวที่ลุกขึ้นมานั่งตั้งแต่ผมรับโทรศัพท์ดู เมื่อเห็นว่าตัวไม่ร้อนแล้วก็วางใจขึ้น

“ตัวไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว ตอนเที่ยงก็อุ่นอาหารในปิ่นโตทานแล้วทานยาด้วยนะครับ”

“พี่แสนจะกลับแล้วเหรอครับ” น้ำเสียงเหมือนไม่อยากให้กลับ ฟังแล้วก็อยากจะอยู่ด้วยทั้งวันทั้งคืน แต่ยังทำไม่ได้ ได้แต่ยิ้มปลอบแล้วบอก

“ครับ ธงรบไปรอในร้านอาหารที่ไม้ทำงานนานแล้ว” ผมลุกขึ้นยืน คล้าวก็ลุกขึ้นตาม พอผมเดินออกไปถึงหน้าห้องก็หันกลับมาหาคนป่วยแล้วก็นึกขึ้นได้ ผมล้วงโทรศัพท์เครื่องหนึ่งออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้คล้าว

“อันนี้เป็นมือถืออันเก่าของพี่ พี่ไม่ใช้แล้ว คล้าวเอาไปใช้ก่อนเถอะครับ”

“แต่”

“ไม่มีแต่ครับ ยังไงพี่ก็เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว คล้าวเอาไปใช้จะมีประโยชน์มากกว่า”

“ขอบคุณครับ ถ้าผมซื้อเครื่องใหม่เมื่อไหร่แล้วผมจะคืนให้นะครับ” คล้าวยกมือไหว้ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ก็ได้ครับ” ผมรับคำด้วยความอ่อนใจกับความเกรงใจของน้อง แต่ก็สมกับเป็นไอ้คล้าวของผมนั่นแหละ ผมยิ้มและมองน้องมันด้วยความเอ็นดู

“พักผ่อนเยอะๆ นะครับจะได้หายไวๆ”

“ครับพี่แสน พรุ่งนี้ผมก็น่าจะหายแล้ว วันอาทิตย์ก็ไปเป็นเพื่อนพี่ได้แล้วครับ”

“ยังไม่อนุญาตครับ เอาเป็นอาทิตย์หน้าเลยดีกว่า ให้พี่มั่นใจว่าคล้าวหายดีจริงๆ ก่อนค่อยไปก็แล้วกันครับ”

“ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” คล้าวรับคำแล้วยิ้ม สายตาที่มองมาอ่อนโยนจนทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที

“งะ งั้นพี่กลับก่อนนะ แล้วเจอกันนะครับ” ผมรีบบอกลาแล้วรีบเดินออกมาก่อนจะทำอะไรไม่ถูกไปมากกว่านี้

“หึๆ แล้วเจอกันครับ” พอได้ยินคำบอกลาที่กลั้วเสียงหัวเราะของคล้าวก็ทำเอาผมขาแทบขวิด

ตั้งใจจะมารุก ไหงแค่นี้ถึงกับไปไม่เป็นวะไอ้แสน ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย! ผมได้แต่บ่นตัวเองอยู่ในใจ แล้วรีบจ้ำออกมาอย่างไว
พอลงมาข้างล่างก็เห็นธงรบจอดรถรออยู่แล้ว เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วธงรบถึงได้ทัก

“หน้าแดงเชียว ร้อนเหรอ” ฟังแล้วก็ได้แต่ลูบหน้าตัวเองเผื่อว่าจะหายร้อนลงบ้าง พอจะหันไปตอบธงรบ มันก็หรี่ตามองแล้วถามขึ้นมาใหม่ซะก่อน

“มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ทำไมนอกจากหน้าแดงแล้วยังทำหน้าพิลึกแบบนั้น” ผมหันไปถลึงตาใส่มันเพราะนึกคำตอบโต้ไม่ทัน

“พิลึกบ้านมึงสิ”

“บ้านมึงกับบ้านกูก็อยู่ใกล้ๆ กัน งั้นก็พิลึกเหมือนกันสิ” มันพูดด้วยสีหน้ากวนประสาทก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้

“อย่านอกเรื่อง เล่ามาเลย” รู้สึกว่าคนที่พานอกเรื่องน่ะมึงนะธงรบ

“กลับกันก่อนดีไหม จะให้เล่าตรงนี้เลยเหรอ” ผมเลิกคิ้วถามมัน ธงรบก้มมองนาฬิกาแล้วทำหน้าขัดใจแล้วก็ยอมออกรถไปแต่โดยดี พอออกจากซอยมาได้มันก็เร่งอีกที

“เล่ามา หูกูว่าง พร้อมฟังมาก”

“ขี้เสือก!”

“เขาเรียกใส่ใจโว้ย!”

แต่ยังไม่ทันได้เปิดปากเล่า ก็มีคนโทรตามมันซะก่อน ธงรบมันเลยรีบขับรถไปส่งผมที่ห้าง ก่อนที่มันจะรีบไปทำธุระ พอตอนเย็นมันก็มารับกลับบ้าน ผมเลยรอเล่าให้เฮียฟังพร้อมกันทีเดียวเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเล่าหลายรอบ

พอกลับไปถึงบ้าน นั่งลงบนโซฟาปุ๊บ ธงรบก็มานั่งลงข้างๆ พร้อมกับเฮียแผนที่มานั่งขนาบอีกข้าง แล้วไอ้คนช่างใส่ใจมันแล้วเริ่มทันที

“เล่ามาเลย อย่าลีลา กูจะอกแตกตายอยู่แล้วเนี่ย ทำงานแทบไม่มีสมาธิเลย”

“ขี้เสือกจริงๆ มึงอะ” อดจะด่ามันไม่ได้ ธงรบมันเลยล็อคคอไปขยี้หัวเล่น

“โว้ย! ปล่อยนะไอ้เหี้ยรบ!” ผมโวยวายไปดิ้นไปแต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุดเพราะไอ้คนกอดแรงอย่างกับควาย

“เฮีย ช่วยแสนด้วย”

“หึๆ เลิกเล่นได้แล้วน่า” เฮียแผนกอดอกมองก่อนจะปรามพร้อมกับหัวเราะไปด้วย พอธงรบปล่อยมือผมก็หันไปค้อนเฮียที่ไม่ยอมช่วยกันเลย ปล่อยให้ธงรบยีหัวจนยุ่งไปหมด

“ไหน วันนี้เกิดอะไรขึ้น เล่าให้เฮียฟังซิ” พอเฮียพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผมเลยเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนไปเจอคล้าวในวันนี้ให้ทั้งคู่ฟัง

“สรุปว่าคบกันแล้ว?” ฟังยังไม่ทันจบ ธงรบมันก็ถามแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที

“ยัง”

“อ้าว!” ธงรบมันอุทานพร้อมกับที่เฮียเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ก็น้องมันเพิ่งจะเปิดใจให้นี่ครับ จะขอคบมันก็คิดว่าเร็วไป แสนก็เลยขอโอกาสให้น้องมันได้ศึกษาและทำความรู้จักกันไปก่อน ถ้าน้องมันมั่นใจเมื่อไหร่แล้วแสนค่อยขอคบอีกที” ผมหันไปอธิบายสิ่งที่คิดให้เฮียแผนฟัง

“ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อคุยกันชัดเจนแล้ว มั่นใจเมื่อไหร่ค่อยคบกันก็ยังไม่สาย แต่ก็เผื่อใจเอาไว้บ้างนะ ถ้าไปกันไม่ได้แสนก็ถอยออกมา เฮียยังอยู่ตรงนี้เสมอ” เฮียแผนจับบ่าผมทั้งสองข้างไว้ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ครับเฮีย” ผมรับคำด้วยรอยยิ้ม รู้สึกอุ่นใจกับความห่วงใยของเฮียเสมอ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขเฮียก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างมาตลอด

“จะให้ช่วยอะไรก็บอก” ธงรบบอกพร้อมกับตบไหล่เบาๆ

“อือ ขอบใจมึงมาก” ผมหันไปยิ้มให้ธงรบที่มองมาด้วยแววตาห่วงใยไม่ต่างกัน

ผมรับความห่วงใยของทั้งคู่เอาไว้ ในเมื่อตอนนี้คล้าวมันเปิดใจให้แล้ว ยังไงผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกน่า ใครมันจะไปยอมแดกแห้วกัน แสนเสน่ห์ซะอย่าง!


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา

ผมนั่งวาดลายไทยตามแบบที่ชอบไว้สมุดสเก็ต ทั้งลายกนกใบเทศ ลายเทศหางโต ลายหน้ากระดาน ลายกระจัง ลายประจำยาม นำมาใส่เครื่องประกอบลายบางส่วนเพื่อให้ลวดลายที่วาดดูโดดเด่นมากขึ้น ตั้งใจไว้ว่าจะเอาลายไทยพวกนี้ไปปักใส่ผ้าสีพื้นก่อนจะนำมาตัดเป็นชุดตามที่ออกแบบไว้อีกที

“คุณแสนคะ” ระหว่างที่กำลังมีสมาธิกับการวาดอยู่ก็มีพนักงานเข้ามาเรียกผมด้วยน้ำเสียงเกรงใจ ทำให้ต้องละมือจากการวาดเงยหน้าขึ้นรับคำ

“ครับ ว่าไงครับพี่มิ้น”

“มีคนมาหาค่ะคุณแสน”

“ใครครับ”

“น้องเค้าบอกว่าชื่อคล้าวค่ะ พี่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เลยมาถามคุณแสนก่อนค่ะว่าจะพบหรือเปล่า” ตาผมเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนที่มาหา

“พบครับ เดี๋ยวผมออกไปด้วยเลย” ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินนำพี่มิ้นออกไปทันที

เมื่อออกไปจนถึงหน้าร้าน ก็เห็นเด็กในร้านคนหนึ่งกำลังเดินวนรอบตัวคล้าวอยู่ มีบางคนที่ยืนมองอย่างสนอกสนใจ ส่วนคนโดนสำรวจก็ยืนตัวแข็ง มองตามคนที่เดินวนรอบตัวด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ

เห็นท่าทางที่เหมือนหมาโกลเด้นตัวโตๆ มองสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เข้ามาใกล้ แต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะเกรงใจเจ้าของแล้วก็ทำให้ผมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

“แหม ยิ้มแบบนี้นี่แสดงว่าน้องเค้าเป็นคู่แข่งคุณรบหรือเปล่าคะ” พี่มิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มล้อเลียน

“โธ่ พี่มิ้น ผมบอกหลายครั้งแล้วว่าธงรบมันเป็นพ่อผมครับ ไม่ได้เป็นอย่างอื่นตามที่พี่ๆ คิดกัน”

“เอ งั้นก็แสดงว่าน้องคนนี้เป็น ‘อย่างอื่น’ ของคุณแสนเหรอคะ” พี่มิ้นถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

“หึๆ ก็อยากให้เป็นอยู่ครับ แต่เสียดายที่ยังไม่ได้เป็นนี่สิ” คำตอบของผมทำให้พี่มิ้นตาโต ผมยิ้มขำท่าทางของพี่มิ้น ก่อนจะเดินตรงไปหาคล้าวเมื่อเห็นว่าน้องมันมองตรงมาที่ผมแล้ว

“พี่แสนสวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ คล้าวมาเรียนพิเศษเหรอ แล้วนี่หายดีแล้วเหรอครับถึงได้ออกมาที่นี่ได้” ผมรับไหว้ก่อนจะถามและสังเกตสีหน้าของคล้าวด้วยความเป็นห่วง

“หายดีแล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” คล้าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนจนผมชักจะรู้สึกเขินขึ้นมา

“อะแฮ่ม! แค่กๆๆๆ” และเราคงจะยืนจ้องตากันอยู่แบบนั้นถ้าตัวแสบๆ ในร้านไม่กระแอมเรียกร้องความสนใจขึ้นมาซะก่อน

“ไม่มีงานทำกันเหรอครับ” ผมกวาดสายตามองคนที่มายืนมุงเราแล้วถามด้วยรอยยิ้มเย็นๆ

“อุ๊ย! พี่ว่าพี่ไปเช็คเสื้อผ้าหน้าร้านก่อนดีกว่าค่ะ พอดีนึกขึ้นได้ว่าเช็คค้างไว้” พี่มิ้นเป็นคนแรกที่เริ่ม ก่อนจะหันซ้ายหันขวาแล้วถือสมุดไปยืนอยู่ตรงราวเสื้อผ้าที่อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว

“เอ่อ หนูตัดผ้าค้างไว้ ไปตัดต่อก่อนนะคะ” พูดจบก็หันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ เดินตรงไปหลังร้าน

“คุณแสนขา คือจูดี้สนใจคุณน้องคล้าวอะค่ะ น้องเค้าเหมาะที่จะเป็นนายแบบในงานแฟชั่นโชว์ของคุณแสนม้ากมาก ดูสิคะคนอะไรไม่รู้หน้าค้มคม ล้อหล่อ ไท้ไทย เหมาะกับธีมไทยๆ ของคุณแสนที่สุด หุ่นก็แซ่บอีกด้วย อุย!”

จูดี้สาวประเภทสองตัวเล็กที่เดินสำรวจรอบตัวคล้าวเอ่ยขึ้น เรียกสายตาของทุกคนให้หันกลับมามองคล้าวอีกครั้ง ก่อนที่จูดี้จะสะดุ้งเมื่อผมเผลอถลึงตาให้เมื่อเห็นว่าจูดี้ทำท่าจะยื่นมือไปแตะตัวคล้าว

“คิกๆๆๆ” พอเห็นปฏิกิริยาของผม ทุกคนในร้านก็หัวเราะกันคิกคัก ส่งสายตาล้อเลียนกันถ้วนหน้าจนผมต้องถลึงตาใส่แก้เขินแต่ก็ไม่มีใครสลด พอหันกลับมามองคล้าวก็เห็นว่าน้องมันมองมายิ้มๆ แววตาเป็นประกายระยับจนผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที

“แหมมมมมมม คุณแสนหวงคุณน้องคล้าวก็ไม่บอก ถ้าคุณแสนหวง จูดี้ก็ไม่กล้าแตะหรอกค่ะ ฮิๆๆๆๆ” จูดี้ตอกย้ำด้วยน้ำเสียงและสีหน้าล้อเลียนเต็มที่ ส่วนคนที่เหลือก็หัวเราะชอบใจกันทุกคน

“ตัดเงินเดือน” เมื่อนึกอะไรออก ผมก็บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“อูยยยย / โหยยย ขอโทษค่า คุณแสนขา” เสียงอุทธรณ์ของทุกคนทำให้ผมกอดอกยิ้มด้วยความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาทันที

“หึๆๆๆ” แต่ผมกลับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่ยืนขำอยู่ตรงหน้า ทำได้แค่ยืนหน้าแดงอยู่อย่างนั้น

แต่พอนึกถึงคำพูดของจูดี้ ผมก็กวาดสายตามองคล้าวอย่างจริงจัง จะว่าไปก็จริงอย่างที่จูดี้บอก คล้าวเหมาะที่จะเป็นนายแบบในแฟชั่นชุดนี้จริงๆ ทั้งรูปร่างที่แข็งแรง และหน้าตาที่ดูคมเข้มแบบไทยๆ

“อืม เหมาะมากจริงๆ” ผมพึมพำเบาๆ

“ใช่ไหมล่ะคะ เห็นครั้งแรกจูดี้ก็ชอบเลย เอ่อ หมายถึงชอบหุ่นน้องเค้าอะค่ะ คุณแสนอย่ามองแรงขนาดนั้นสิคะ ฮิๆๆๆ” ผมได้แต่ปรายตามองดุๆ เมื่อจูดี้ยังล้อไม่เลิก ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังแอบมองแล้วหัวเราะคิกคักไม่หยุด ยิ่งเป็นช่วงที่ไม่มีลูกค้าแบบนี้ก็ยิ่งล้อกันถนัดนักล่ะ 

ผมบอกให้ทุกคนเรียกว่าพี่หรือน้องตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครยอมเรียกสักคน บอกว่าเกรงใจเจ้าสัวสุธนกับคุณกุสุมา พ่อกับแม่ของผม เรียกแต่คุณแสนอยู่นั่นแหละ ดื้อกันจริงๆ ผมส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะหันกลับมามองคล้าวที่ยังทำหน้าสงสัยอยู่เลยอธิบายให้ฟัง

“พอดีพี่จะจัดงานแฟชั่นโชว์ครับ แล้วจูดี้เห็นว่าคล้าวรูปร่างหน้าตาเหมาะกับธีมไทยๆ ของพี่ พี่ก็เห็นว่าคล้าวเหมาะจะเป็นนายแบบในธีมนี้มาก มาเป็นนายแบบให้พี่ได้ไหมครับ” ผมถามคล้าวพร้อมทั้งส่งสายตาอ้อนวอนไปด้วย

“เอ่อ พี่แสนมั่นใจเหรอครับ” คล้าวถามด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ

“มั่นใจสิครับ พี่มั่นใจว่าคล้าวต้องทำได้ดีแน่ๆ” ผมยิ้มให้คล้าวด้วยความมั่นใจ เพราะคล้าวที่ผมรู้จักเป็นคนที่มีความพยายาม ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่างแน่นอน

“ถ้าพี่แสนว่าอย่างงั้น ก็แล้วแต่พี่แสนเห็นสมควรเลยครับ”

“คล้าวตกลงแล้วนะ ขอบคุณมากครับ” ผมยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจเมื่อคล้าวยอมตกลง เพราะมันจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และทำให้ผมมีเวลาจีบคล้าวมากขึ้นด้วย

“ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างพี่แสนก็บอกได้เลยนะครับ ผมยินดีช่วยทุกอย่าง” คล้าวบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง

“ช่วยไปกินข้าวกันก่อนดีไหม” ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงธงรบก็แทรกขึ้นมาซะก่อน พอหันไปดูก็เห็นว่ามันเดินนำไม้มา มาด้วยกันได้ไงวะ

“สวัสดีครับพี่รบ” คล้าวไหว้ธงรบ ในขณะที่ไม้มันก็ยกมือไหว้ผมเหมือนกัน

“สวัสดีครับพี่แสน”

“สวัสดีครับ ไม้มากับมันได้ไงเนี่ย” ผมถามในสิ่งที่นึกสงสัยทันที

“ผมมาพร้อมพี่คล้าวครับ แต่ไม่กล้าเข้ามา เลยขอรออยู่ข้างนอกครับพี่ แหะๆ” ไม้มันยืนตัวลีบบอกด้วยสีหน้าเกรงๆ

“พอดีเห็นยืนชะเง้อคอยืดคอยาวอยู่หน้าร้าน เลยพาเข้ามาด้วย” ธงรบอธิบายเพิ่มเติม

“วันนี้มาพร้อมกันเหรอครับ” ผมมองไม้แล้วก็ยิ้มขำเมื่อน้องมันพยายามขยับไปหลบหลังธงรบ เพราะสาวๆ ในร้านแอบมองมันอยู่

“ครับ พอดีที่ร้านญาติไม้หาคนมาแทนได้แล้ว ไม้มันก็เลยมาติวพร้อมกับผมเลยครับ” คล้าวเป็นคนตอบ เพราะไม้มันกำลังยืนเขินเมื่อสาวๆ ส่งยิ้มให้

“อย่าเพิ่งคุยกันเลย หิวข้าวแล้ว ไปกินข้าวก่อนเถอะ” ธงรบเอ่ยขัดเมื่อผมอ้าปากจะถามต่อ

“เออๆ ไปกินที่ไหนดีล่ะ” ผมรีบเออออก่อนที่ธงรบมันจะโมโหหิวขึ้นมา

“ศูนย์อาหารเถอะ ใกล้และไวดีด้วย ตอนนี้กูหิวมาก” เชื่อแล้วว่าหิวจริงๆ ถึงได้ย้ำบ่อยขนาดนี้ เมื่อเช้าก็กินข้าวมาด้วยกัน อยู่ที่ทำงานเฮียๆ เจ้ๆ ก็คงไม่ปล่อยให้อดอยากหรอก ทำไมถึงได้ดูหิวโหยขนาดนี้เนี่ย

“โอเคๆ เดี๋ยวไปหยิบกระเป๋าก่อน” ผมรีบเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วบอกคนที่ร้านไว้ว่าจะไปข้างนอก ก่อนจะชวนคล้าวกับไม้ไปที่ศูนย์อาหารด้วย

เมื่อไปถึงศูนย์อาหารธงรบก็เดินดุ่มๆ ไปหาของกินทันที ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความเพลีย สงสัยว่ากระเพาะมันต้องมีหลุมดำแน่ๆ ถึงได้กินเก่งขนาดนี้

หลังจากรับประทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว ผมก็มองหน้าคล้าวแล้วก็นึกขึ้นได้

“เออ พี่ก็ลืมถามไปว่าคล้าวมาหาพี่ทำไม มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมแค่จะมาบอกว่าผมหายแล้วครับ ถ้าพี่แสนจะไปไหนผมก็ไปเป็นเพื่อนได้” พอลูกพี่มันพูดจบ ไม้ก็หันมาพูดกับผมด้วยสีหน้ากระตือรือร้น

“ตอนนี้ผมว่างแล้วนะครับพี่แสน วันไหนที่พี่แสนจะไปวัดก็บอกได้เลย เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนด้วย ผมนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัดเลยนะครับ”

“วัดถนนน่ะสิ” คล้าวเอ่ยขัดขึ้นเรียบๆ

“โหย ผมเลิกวัด เอ๊ย! เลิกแว๊นแล้วครับพ่อ เอ๊ย! พี่ แหะๆ”

“ขับรถซิ่งเหรอเราน่ะ” ธงรบถามด้วยสีหน้าสนใจ

“ก็ไม่เท่าไหร่ครับ” มันเหลือบมองลูกพี่มันแล้วก็ตอบเบาๆ ดูท่าว่าน่าจะซิ่งไม่เบานั่นแหละ คล้าวถึงได้หน้าเรียบสนิทขนาดนั้น

 “หึๆ เดี๋ยววันหลังพี่จะพิสูจน์เอง” พอไม้มันหันไปมองงงๆ ธงรบก็พูดต่อ

“แสนมันมีคล้าวไปเป็นเพื่อนแล้ว ไม้ไปเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า พี่ก็อยากได้ผู้ช่วยเหมือนกันนะ” เมื่อมันพูดจบ ผมก็หรี่ตามองมันทันที เมื่อรู้สึกตงิดๆ กับคำพูดมันชอบกล

ปกติถ้าไม่มีผม ธงรบก็ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด ไม่เคยจะเรียกร้องให้ใครไปเป็นเพื่อนแบบนี้หรอก ธงรบเมินผมแล้วมองไม้นิ่งๆ เหมือนรอคำตอบ ไม้มันเลยหันมามองผมด้วยสีหน้ามึนๆ เหมือนกำลังงงกับสถานการณ์อยู่

“พี่แล้วแต่ไม้เลยครับ ถ้าไม้ไปเป็นเพื่อนพี่พี่ก็ดีใจ หรือถ้าอยากจะไปกับธงรบพี่ก็ไม่ว่าอะไรครับ เอาตามที่ไม้สบายใจเลย” ผมพูดแล้วก็ยิ้มให้ไม้เพื่อไม่ให้น้องมันลำบากใจ

“พี่รบไม่มีเพื่อนเหรอครับ” พอผมพูดจบไม้มันก็หันไปถามธงรบอีกครั้ง

“ครับ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ไม้ช่วยไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิครับ”

“งั้นก็ได้ครับ พี่คล้าวไปเป็นเพื่อนพี่แสนแล้ว เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนพี่รบก็ได้”

“ขอบคุณครับ” ธงรบมันรับคำแล้วยิ้มมุมปาก ชวนให้เพื่อนอย่างผมสงสัยมากว่ามันคิดอะไรอยู่

“แล้ววันนี้จะไปไหนไหมครับ” คล้าวถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าตกลงกันได้แล้ว

“อืม วันนี้ยังไม่ไปไหนดีกว่าครับ ถ้าคล้าวกับไม้ไม่รีบไปไหนไปดูหนังกันไหมครับ”

“พี่คล้าว” ผมยิ้มขำเมื่อไม้มันตาเป็นประกายแล้วหันไปส่งสายตาอ้อนวอนลูกพี่มัน

“ก็ได้ครับ พี่แสนอยากดูเรื่องอะไรครับ” คล้าวมองหน้าไม้ก่อนจะหันมาถามผม

“แล้วแต่คล้าวกับไม้เลยครับ” ผมให้น้องๆ เลือก เพราะดูเหมือนไม้จะมีเรื่องที่อยากดูอยู่แล้ว พอบอกไปแล้วไม้มันก็ยิ้มกว้างทันที

“ไปดู Avengers กันดีไหมครับ” ไม้ออกความคิดเห็นด้วยแววตาที่เป็นประกายเหมือนเด็กๆ

“ก็ดีนะ กำลังอยากดูอยู่พอดี” พอธงรบมันเห็นด้วย ไม้ก็หันไปยิ้มกว้างให้ธงรบ

“งั้นก็ไปกันเถอะ” ธงรบมันบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินนำไปก่อน มีไม้ตามเดินตามไปชวนคุยเรื่องหนังอย่างกระตือรือร้น ท่าทางดีใจของมันทำให้ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู

“ดูเหมือนไม้จะดีใจมากนะ” ผมเดินตามหลังเคียงมากับคล้าวแล้วก็ชวนคุยไปด้วย

“ครับ มันบ่นอยากดูเรื่องนี้มาหลายวันแล้วครับ แต่ผมคอยปรามไว้ เพราะมันเพิ่งจะดูเรื่องอื่นไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ถ้าไม่ปรามมันไว้บ้างมันคงไปดูแทบทุกเรื่องครับ ผมไม่อยากให้มันใช้เงินสิ้นเปลืองมากนัก” คล้าวมองไม้ด้วยสายตาเอ็นดูปนระอา

“ไม้ชอบดูหนังเหรอครับ”

“ครับ มันชอบมาก ตอนเด็กๆ มันเคยบอกว่าอยากเป็นคนถ่ายหนังด้วยครับ” คล้าวบอกด้วยรอยยิ้ม

“แล้วคล้าวล่ะครับอยากเป็นอะไร”

“ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นหลายอย่างเลยครับ ทั้งตำรวจ ทหาร นักบิน”

“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”

“ตอนนี้ขอแค่ได้เรียนต่อผมก็พอใจแล้วครับ จะเรียนอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“ตอนสัมภาษณ์จำได้ว่าคล้าวบอกว่าจะเรียนเกษตรใช่ไหม”

“ครับ ผมคิดว่าอย่างน้อยก็สามารถนำความรู้ที่ได้กลับไปพัฒนาการเกษตรที่หมู่บ้านได้ครับ”

“ก็ค่อยๆ คิดไปก็แล้วกันครับ ยังพอมีเวลาตัดสินใจ พี่อยากให้คล้าวตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยากเป็นจริงๆ เพราะมันจะทำให้คล้าวมีความสุขกับการเรียนมากกว่า การได้เรียนในสิ่งที่เราชอบ รัก และสนใจ มันทำให้เรามีความสุขกับการเรียนและเป็นแรงผลักดันให้เรามีความพยายามโดยไม่ต้องฝืนอีกด้วยนะครับ” เพราะผมก็เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบเหมือนกัน และผมก็มีความสุขกับมันมาก

“ขอบคุณนะครับ” คล้าวขอบคุณด้วยแววตาอ่อนโยนส่วนผมก็งงว่าน้องมันขอบคุณเรื่องอะไร พอเห็นสีหน้างงๆ ของผมคล้าวเลยขยายความให้

“ขอบคุณที่ห่วงใยและใส่ใจผมเสมอ ผมจะกลับไปคิดอย่างที่พี่แสนแนะนำนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ คล้าวก็รู้ว่าพี่เต็มใจ” ได้โอกาสแล้วก็เต๊าะซะหน่อย คล้าวลูบท้ายทอยเขินๆ ในขณะที่ผมยิ้มหวานให้ คล้าวหลุดหัวเราะทำให้ผมหัวเราะขำไปด้วย แล้วเราสองคนก็ยืนยิ้มให้กัน

“พี่คล้าวๆ เอารอบไหนดี” น้ำเสียงตื่นเต้นของไม้ทำให้เราหันไปมองพร้อมกัน ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าเรามายืนอยู่หน้าโรงหนังกันแล้ว ไม้ยืนมองตารางเวลาฉายและโปรแกรมหนังแต่ละเรื่องอย่างสนอกสนใจ ส่วนธงรบยืนกอดอกหรี่ตามองเราสองคนด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ

“ทำอย่างกับโลกนี้มีกันแค่สองคน” ธงรบมันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ทำให้หูของคล้าวแดงมากขึ้น ส่วนผมก็ยักไหล่ให้มัน แล้วไงใครแคร์ล่ะ ไม้มันหันมามองเรางงๆ เหมือนไม่เข้าใจว่าเราคุยอะไรกันอยู่

“เอ่อ ตกลงเอารอบไหนดีครับ”

“แล้วแต่ไม้เลยครับรอบไหนก็ได้ แต่ถ้าอยากฝึกภาษาก็เลือกภาษาอังกฤษเลยครับ”

“แหะๆ เอาไว้คราวหน้าดีกว่าครับ คราวนี้ผมขอดูสนุกๆ ก่อนได้ไหมครับพี่” ไม้มันส่งสายตาอ้อนวอนมาให้

“หึๆ ตามใจครับ เดี๋ยวพี่ค่อยหาแผ่นหนังไปให้ดูก็แล้วกัน พี่มีเก็บไว้เยอะ ว่างๆ คล้าวกับไม้จะได้ดูเพื่อฝึกภาษาไปด้วย มันมีส่วนช่วยได้นะครับ แล้วเดี๋ยววันไหนว่างๆ พี่จะช่วยติวให้อีกที”

“ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับพี่” คำขอบคุณของทั้งคู่ทำให้ผมยิ้มอย่างเอ็นดู น่ารักทั้งลูกพี่ลูกน้องจริงๆ เลย ผมหันไปสบตาธงรบ มันก็คงเข้าใจ มันจึงเดินเลี่ยงไปซื้อตั๋ว ปล่อยให้ผมคุยกับทั้งคู่ต่อ

พอธงรบเกลับมาน้องๆ ก็พยายามจ่ายเงินให้ แต่ธงรบใจแข็งกว่าผมเยอะ น้องๆ ก็ดูเกรงใจมันมากกว่าด้วย เลยต้องยอมให้มันจ่ายไป ส่วนผมก็ยืนมองขำๆ เรื่องมัดมือชกนี่ไว้ใจธงรบได้เลยครับ มันถนัดนักละ หึๆ

คล้าวเลยบอกจะขอเลี้ยงน้ำอัดลมกับป๊อบคอร์นแทน เพื่อความสบายใจของน้องๆ ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร เมื่อถึงเวลาหนังใกล้ฉายเราก็เดินเข้าโรงหนังกัน ธงรบกับไม้เดินนำหน้าได้ยินเสียงคุยเรื่องหนังกันอย่างถูกคอ ผมกับคล้าวเดินตามหลังไป ระหว่างที่ฟังคนข้างหน้าพูดเพลินๆ คล้าวก็เอ่ยขึ้นมา

“คราวหน้าถ้ามาด้วยกันอีกผมขอเลี้ยงบ้างนะครับ”

“ยังคิดเรื่องนี้อยู่อีกเหรอครับ” ผมหันไปมองหน้าคล้าวที่มองมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“พี่แสนเลี้ยงผมมาหลายครั้งแล้วนี่ครับ ผมก็อยากจะตอบแทนบ้าง”

“แต่ในฐานะที่พี่เป็นพี่ และพี่ก็ทำงานแล้ว พี่เลี้ยงน้องก็ถูกแล้วนี่ครับ” ผมพยายามพูดให้น้องมันสบายใจ

“แต่ในฐานะของคนที่อยู่ในระหว่างศึกษาดูใจกัน ก็ควรเท่าเทียมกันไม่ใช่เหรอครับ”

“...”

ยอม... ถ้าเป็นเหตุผลนี้คงต้องยอมทุกอย่าง อยากจะเปย์หรืออยากจะทำอะไรก็ตามใจทุกเรื่องเลยครับ

ทำไมมันน่ารักอย่างนี้นะ น่ารักจนอยากลากเข้ามุมตึก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่หยุดยืนมองคล้าวแล้วก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่น้องมันจริงจังกับเรื่องของเราแบบนี้ พอสบตาผมได้สักพัก คล้าวก็เบือนหน้าหนีแล้วลูบท้ายทอยแก้เขิน ใบหูทั้งสองข้างแดงก่ำจนเห็นได้ชัด ยิ่งเห็นก็ยิ่งอารมณ์ดี

ให้ตายสิ! หยุดยิ้มไม่ได้เลย

“แฮ่ม! ก็ไม่อยากจะขัดจังหวะหรอกนะ แต่หนังใกล้ฉายแล้ว จะยืนจ้องตากันอีกนานไหม” ธงรบมายืนกอดอกมองมาด้วยสายเอือมๆ อยู่ตรงหน้า ส่วนไม้ที่อยู่ด้านหลังก็มองเราสองคนไปมาเหมือนกำลังประมวลผลอยู่

“ก็ไปสิ รออะไรล่ะ” ผมบอกก่อนจะดันหลังมันให้รีบเดินออกไปจากตรงนี้ เพราะสังเกตเห็นว่ามีบางคนกำลังมองมาที่เราอยู่

“กล้าถามนะ รอมึงออกจากโลกส่วนตัวก่อนน่ะสิ จ้องเหมือนอยากจะลากน้องมันไปแดก” ธงรบลากผมให้เดินเร็วๆ จนห่างจากสองคนหลังก็พูดเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน

“ก็อยากอยู่” ผมพึมพำเบาๆ

“กูไม่อนุญาต ถ้ายังไม่ตกลงปลงใจกันจริงจัง ห้ามชิงสุกก่อนห่ามเด็ดขาด” หูเสือกดีได้ยินไปอีก ว่าแต่... ชิงสุกก่อนห่าม? อะไรของมึ๊ง

อีกอย่าง...

“ทำไมกูต้องขออนุญาตมึงด้วยวะ” ผมถามด้วยความข้องใจ

“ในฐานะที่มึงเป็นลูก เอ๊ย! เป็นน้องกู มึงต้องเชื่อฟังกู”

“ได้ข่าวว่าเราเกิดปีเดียวกันนะรบ”

“กูเกิดก่อนหลายเดือน ยังไงกูก็ต้องเป็นพี่ เข้าใจไหมครับน้องแสน” มันดึงตัวผมไปกอดคอแล้วขยี้หัวแรงๆ

“ปล่อยสิวะ หัวยุ่งหมดแล้ว”

“รับปากก่อน”

“เออๆ ปล่อยได้แล้วคนมองแล้วสัด!” ผมรีบรับปากเมื่อคนที่เดินเข้าโรงหนังเริ่มมองมาที่เราด้วยความสนใจ

พอธงรบปล่อยมือผมก็หันแยกเขี้ยวให้มัน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามในสิ่งที่ยังติดใจอยู่

“ทำไมมึงถึงชวนน้องไม้ไปกับมึงวะ”

“กูก็ช่วยกันไม่ให้น้องมันไปเป็นก้างมึงไง”

“ทำไมกูถึงรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นวะ”

“จะมีอะไร ไม่มี๊ มึงอะคิดมาก”

“เหรออออ” เสียงสูงขนาดนี้นี่นะไม่มี อมพระประธานมาพูดก็ไม่เชื่อหรอก

“เอออออ ไปๆ รีบเข้าไปได้แล้ว เกะกะคนอื่นเค้า”

ยังไม่ทันได้ซักมันต่อ เราก็เดินเข้าโรงหนังพอดี ธงรบรอจนน้องๆ เดินทันแล้วจัดแจงดันไม้ให้เดินเข้าไปก่อน มันเดินตามแล้วลากผมไปด้วย ให้คล้าวอยู่ด้านนอกสุด

ฝากไว้ก่อนเถอะ อยู่กันตามลำพังเมื่อไหร่ ผมซักจนสะอาดแน่ๆ

ผมนั่งดูหนังอย่างมีความสุข เพราะหนังสนุกแถมได้มากับคนสำคัญแล้วก็ยิ่งมีความสุข เสียดายเฮียแผนยุ่งๆ มาด้วยไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยมาดูเป็นเพื่อนเฮียอีกรอบก็แล้วกัน

ผมเอื้อมมือไปหยิบป๊อบคอร์นที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับคล้าว แต่แทนที่จะจับได้ป๊อบคอร์นกลับจับโดนมือของคล้าวที่กำลังหยิบอยู่แทน ด้วยความที่เริ่มชินกับความมืดพอหันไปมองก็เห็นคล้าวมองมาอยู่แล้ว ผมก็เลยยิ้มให้ คล้าวมันจะเห็นไหมไม่รู้ รู้แต่ว่ามันอดจะยิ้มไม่ได้จริงๆ อยากจะเนียนจับต่อก็เกรงใจ จำใจต้องดึงมือกลับมาช้าๆ

พอหลุดจากมือผมได้ คล้าวก็ทำท่าเหมือนจะเอามือไปลูบท้ายทอยตัวเองตามความเคยชิน ผมเลยรีบคว้ามือข้างนั้นไว้แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือให้เบาๆ

แต่เพราะข้างในมันมืดเลยเผลอก้มลงไปจนแทบจะชิดกับมือ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคล้าวก้มลงมาเหมือนกัน ทำให้หน้าเราห่างกันแค่คืบ

แสงจากจอหนังที่ส่องมาเป็นระยะทำให้พอจะมองเห็นแววตาที่เป็นประกายท่ามกลางความมืด ผมหลุบตามองริมฝีปากของคล้าวแล้วค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างเผลอไผล

“อะแฮ่ม”

ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงกระแอมจากฝั่งขวามือ พอหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นธงรบกำลังจ้องเขม็งมา ผมเลยปล่อยมือคล้าวแล้วขยับมาที่ของตัวเอง

“ต่อหน้าต่อตาเลยนะมึง” ธงรบมันขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆ

“อะไร กูแค่เช็ดมือให้น้องมัน”

“เหรอออ”

“เอออออ” พอตอบไปมันก็ผลักหัวผมด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยผลักคืนเพื่อความเท่าเทียม ก่อนจะหันไปสบตาคล้าวแล้วยิ้มให้เหมือนเดิม คราวนี้คล้าวยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เขินโดยที่ผมไม่ได้ห้ามเพราะมือสะอาดแล้ว

สรุปว่าออกไปจากโรงหนังแล้วป๊อบคอร์นเรายังเหลือเกือบเต็มถัง

“ไม่กินเหรอพี่” ไม้มันถามเมื่อเห็นป๊อบคอร์นที่แทบจะไม่พร่องเลย ผมหันไปมองหน้าคนถือ นึกถึงสาเหตุที่มันไม่พร่องแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้

“พอดีพี่อิ่มแล้วครับ”

“อิ่มข้าวเหรอครับ” ไม้มันยังถามด้วยสีหน้าซื่อๆ

“เปล่าครับ พี่ ‘อิ่มใจ’” พูดด้วยรอยยิ้มกริ่มๆ สายตาก็มองตัวต้นเหตุของความ ‘อิ่มใจ’ไปด้วย

“งั้นเอามาให้ผมกินก็ได้ครับ เสียดาย” พอคล้าวส่งให้ไม้มันก็รีบรับแล้วเดินไปหยิบกินไปไม่ได้สนใจสายตาใครเลย
ส่วนผมก็มองคนเขินจนหูแดงก่ำเพลินแล้วยิ้มกว้างอย่างมีความสุข โดยไม่แคร์สีหน้าพะอืดพะอมของธงรบสักนิด

ก็มัน ‘อิ่มใจ’ จริงๆ นี่นา มาดูหนังครั้งนี้นี่คุ้มจริงๆ ครับ หึๆๆๆ



***********************************************************

ช่วงปลายปีนี่อีเว้นท์เยอะมากจนเพลียค่ะ สมองมันก็เลยฝ่อ จินตนาการก็หดหายตามไปด้วย กว่าจะได้แต่ละตอนนี่หืดขึ้นคอ ช้ายิ่งกว่าทากถูกยาชาซะอีก รอเราหน่อยนะคะ เราจะค่อยๆ กระดึบๆ ไปเรื่อยๆ

 :katai5: :katai5: :katai5:

***********************************************************


#iceman555 ☼ พี่มันแอบหื่นค่ะ อยากกดน้องจะแย่ แต่ไม่กล้า ถถถ วงวารพี่แสนนะคะ
#ommanymontra ☼  :L2: :กอด1: :L2:
#MayA@TK ☼  :L2: :กอด1: :L2:
#taltal020441 ☼ ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า ตอนนี้พี่แสนยังไม่มีโอกาสค่ะ กลัวไก่ตื่นด้วย ต้องรออีกนิดดดด 5555 ไว้แวะมาอีกนะคะ
#k2blove ☼ พี่แสนหื่นตั้งแต่เป็นทองกวาวแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ต้องคีพลุค 5555 สงสารพี่เค้านะคะ อยากกินแต่ไม่กล้า
#PsychePie ☼ มันจะดีเหรอคะ เดี๋ยวน้องถีบบบบบบบบบ
#puiiz ☼  :L2: :กอด1: :L2:
#วายซ่า ☼ ใกล้แล้วค่ะ ใกล้หมดความอดทนเต็มที ถ้าไม่มีงานเข้านะคะ แค่กๆๆๆ
#aoihimeko ☼ น้องมันอีเว้นท์เยอะค่ะ ทั้งทำงาน ทั้งติว ทั้งตากแดดตากฝนตากแอร์ ก็เลยเปื่อยเลย บางทีเด็กมันก็ร้ายค่ะ เด็กมันยั่วจนพี่แสนจะตบะแตกแล้ว 555555
#lovenine ☼ ขอบคุณมากค่า กอดแน่นๆ มาแล้วนะคะ
#taltal020441 ☼ มาแล้วค่าาาา



สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 14:14:35 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีธงรบมีแผนไรอีกอะ รู้นะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พ่อ ...เอ๊ย!! ธงรบคิดอะไรกับน้องไม้ใช่ไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
นั่นไงธงรบกับไม้ซัมติงแน่นอน แล้วพี่แผนละมีซักคนด้วยมั้ย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้อ่านแล้วอิ่มใจ บรรยากาศเหมือนไปลอยกระทงกับคนรู้ใจ อิอิอิ
แสนใจเย็นๆ อย่าออกนอกหน้ามากนัก ธงรบนี่ชักยังไงแล้ว กันไม้ออก
มาจริงเหรอ ซักสงสัย // สุขสันต์วันลอยกระทงนะจ๊ะคนเขียน
 :really2: :really2: :really2:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พอน้องมันมาเป็นนายแบบให้ อ้ายแสนต้องออกอาการหืดหาดเพราะน้องโชว์หุ่นแน่ๆ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด