►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8  (อ่าน 39380 ครั้ง)

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ธงรบไม่เนียนนนนะไม่เนียน 555 ไม้หนีไปป
อยากเห็นน้องคล้าวไปได้ดี แต่เริ่มเจ้าเล่ห์แล้วนะเราอ่ะ


ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
แหม เด็กมันแอบร้ายจริงๆ หยอดทีละลายๆ 555
ว่าแต่ได้กลิ่นอะไรโชยมา.....  เหมือนธงรบกำลังจะล่อลวงเด็กเลย. คึๆ

ออฟไลน์ mijimaria

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
  :hao3: แหม่ ธงรบเรารู้นะว่าเธอกำลังเต๊าะน้องไม้น่ะ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 สุขสันต์ วันลอย กระทงๆ จ้า โอยๆ หวานๆ กันละ 55 ทองกวาว นี่ หื่น ตลอด คงคอนเซ็บ เดิม แต่ หื่นในร่าง ควาย มัน ตลก แล้ว คล้าว จะรุ ว่า พี่แสน คือ ทองกวาว ของมัน ตอน ไหนน๊าาา  ลุ้น ต่อไป จร้า คิดถึง คนเขียน และ ทองกวาว ตลอดจร้า   :mew4: o13 :-[ :c3: :yeb:

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 15

   “เฮีย...แสนว่าจะไปดูผ้าครับ” ผมเปรยขึ้นมาระหว่างที่นั่งร่างแบบเสื้อผ้าอยู่ในห้องกระจกที่ติดกับสระว่ายน้ำหลังบ้าน ส่วนเฮียแผนก็มานั่งจิ้มแท็บเล็ตอยู่ข้างๆ ตามประสาคนติดน้องเหมือนเคย

   ถึงจะเป็นวันหยุดแต่เฮียก็ไม่ค่อยจะหยุดจริงๆ สักที ทำแต่งานตลอดเวลาจนผมรู้สึกเหนื่อยแทน แล้วก็ชอบมาอยู่ใกล้ๆ ผมตลอด คอยตามติดยิ่งกว่าป๊ากับแม่ซะอีก คู่นั้นนี่ชอบหนีเที่ยวแทบทุกวัน เย็นๆ โน่นแหละถึงจะเจอตัว ถ้าไม่ติดงานเลี้ยงน่ะนะ

   “พาหุรัดเหรอ ไปสิ เดี๋ยวกูขับรถให้”

   “สัด!” ผมด่าไอ้ส่วนเกินที่มานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บ้านคนอื่น ไม่รู้ทำไมถึงไม่ชอบอยู่บ้านตัวเอง ชอบมาสิงบ้านคนอื่นอยู่ได้ ทำเหมือนไม่มีบ้านเป็นของตัวเองอย่างงั้นแหละ

   “ว่างเหรอมึงอะ ช่วงนี้ไม่มีนัดกับสาวๆ รึไง” ผมถามด้วยความสงสัย เพราะปกติถ้าเฮียอยู่กับผม มันก็จะแว้บไปหาสาวๆ ในสต็อกของมันบ้าง

   ที่รู้ก็เพราะเวลาเจอสาวๆ ของมันทีไรพวกเธอก็ชอบอวดกับผมตลอดว่าธงรบอยู่กับพวกเธอ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะมาหึงมาหวงกับผมทำไม แต่ช่วงหลังๆ นี่ผมเห็นหน้ามันบ่อยยิ่งกว่าหน้าป๊ากับแม่ตัวเองอีก เผลอๆ อาจจะบ่อยกว่าเฮียซะด้วยซ้ำ

   “ไม่อะ เบื่อ”

   “เบื่ออะไรวะ”

   “ผู้หญิง” ผมวางสมุดสเก็ตแล้วลุกไปจับหน้าผากมันดู

   “ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า”

   “สัด! กูไม่ได้ป่วย”

   “ฮ่าๆๆๆ กูจะไปรู้เหรอ ปกติมึงควงสาวๆ ไม่เคยขาด อยู่ๆ ก็บอกเบื่อผู้หญิง กูก็นึกว่าป่วยสิวะ”

   “เฮ้อ! กูแค่เบื่อที่พวกเธอชอบหึงหวงไร้สาระ”

   “หึงมึงกับกูใช่ไหม” เห็นสีหน้าธงรบก็พอจะเดาออก พอได้ยินคำถามผม เฮียแผนก็วางแท็บเล็ตแล้วหันมาสนใจบทสนทนาของเราทันที

   “ธงรบ” พอเห็นมันไม่ยอมตอบผมก็เรียกมันด้วยสีหน้าจริงจัง

   “เออๆ นั่นแหละ แม่งไร้สาระ”

   “เฮ้อ สำหรับคนที่คบกันมันไม่ไร้สาระเลยนะรบ กูก็เตือนมึงแล้วว่าให้อยู่ห่างๆ จากกูบ้าง”

   “ไม่รู้ละ สำหรับกูถือว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ กูก็ดูแลมึงแบบนี้มาตลอด ทำไมไม่เข้าใจวะ”

   “ก็มึงดูแลกูดียิ่งกว่าแฟนมึงไง มึงต้องใส่ใจ ต้องให้ความสำคัญเขามากกว่ากูสิ”

   “ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย มึงเป็นน้องกูนี่”

   “เพื่อนไหมรบ กูเกิดปีเดียวกับมึงนะ”

   “กูจะให้เป็นน้อง มีปัญหาไหม” มันยักคิ้วให้กวนๆ เห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมือ อยากจะเอาหมอนอุดจมูกมันมาก

   “เรื่องของมึงเหอะ!” รำคาญ!

   “มึงไม่ต้องสนใจหรอก กูจะรอเจอคนที่เข้าใจกู แต่ถ้าใครมาหาเรื่องมึงก็บอก เดี๋ยวกูจัดการให้”

   “กว่าจะเจอคนแบบนั้นคงต้องรอชาติหน้ามั้ง” ผมประชด

   คนที่จะยอมให้คนรักสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเองนี่มันมีที่ไหนกัน ส่วนคนมาหาเรื่องนี่ไม่จำเป็นต้องบอกมันหรอก ผมจัดการเองได้ นี่แสนเสน่ห์ศิษย์ครูเทพแห่งค่ายมวยจันทรเทพนะครับ เรื่องหมัดมวยนี่ผมก็ไม่แพ้ใครหรอก

   “แต่กูว่าคงไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอก”

   “ว่าไงนะ” ผมถามเมื่อได้ยินธงรบมันพึมพำอยู่คนเดียวแล้วยิ้ม

   “ไม่มีอะไร” ผมหรี่ตามองเมื่อมันปฏิเสธ

   “หัดมีความลับกับกูเหรอรบ” ผมกอดอกมองหน้ามันนิ่งๆ

   “ไหนมึงว่าจะไปดูผ้าไม่ใช่เหรอ” มันเปลี่ยนเรื่องทันทีจนผมอยากจะเอาหมอนมาอุดหน้ามันขึ้นมาจริงๆ

   “แสนจะไปวันไหน” ยังไม่ทันได้เล่นงานมันเฮียแผนก็ถามขึ้นมาก่อน

   “ว่าจะไปอาทิตย์หน้าครับเฮีย”

   “อาทิตย์หน้าเฮียยุ่งนี่สิ แทบจะปลีกตัวไปไม่ได้เลย เลื่อนไปก่อนได้ไหม”

   “แต่ทางสหกรณ์ผ้าโทรมาบอกแสนว่าจะสมาชิกจะเอาผ้ามาลงอาทิตย์หน้าครับเฮีย เห็นบอกว่าเพิ่งทอเสร็จหลายผืนเลย แสนอยากจะไปเลือกก่อนครับ”

   “รบล่ะ” พอได้ยินคำตอบของผม เฮียก็หันไปถามธงรบแทน

   “อาทิตย์หน้าป๊าให้ผมไปดูงานที่ต่างประเทศครับเฮีย รับปากป๊าไปแล้วด้วย” ธงรบตอบด้วยสีหน้ากังวล

   “แสนไปเองได้” พอทั้งคู่หันขวับมามองด้วยสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยผมก็รีบพูดต่อ

   “ไม่ต้องมามองหน้ากันเลย แสนหายดีแล้ว สัญญาว่าจะระวังตัวดีๆ ถ้าเป็นห่วงเดี๋ยวแสนขึ้นเครื่องไปก็ได้ โอเคไหมครับ” พอพูดจบทั้งคู่ก็มองหน้ากัน แล้วธงรบก็ถามเฮีย

   “ให้คล้าวไปเป็นเพื่อนดีไหมครับเฮีย”

   “ก็ได้นะ ตอนนี้คนพวกนั้นโดนกวาดเข้าคุกหมดแล้ว เฮียอนุญาตให้ไปด้วยกันก็ได้”

   พอผมทำหน้างงๆ ว่าคนพวกนั้นคือใคร เฮียแผนจึงอธิบายให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมให้ผมไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะยังจัดการกับพวกคนร้ายที่เคยทำร้ายผมยังไม่หมด แต่ตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว จึงยอมอนุญาตให้ไปได้ ทีนี้ก็รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมทั้งคู่ถึงได้คอยตามติดชีวิตผมขนาดนี้

   “ไม่เห็นบอกแสนบ้างเลย”

   “เฮียกับรบไม่อยากให้แสนกังวลและใช้ชีวิตแบบหวาดระแวง อยากให้ใช้ชีวิตไปตามปกติมากกว่า ก็เลยตัดสินใจตามดูแลและคอยระวังให้ ขอโทษนะที่ตัดสินใจกันเองโดยพลการ” ตอนแรกก็รู้สึกอยากงอนทั้งคู่ แต่พอฟังเหตุผลแล้วก็งอนไม่ลงเลย

   “เฮ้อ ไม่งอนก็ได้ครับ” พอผมยิ้มเฮียแผนก็ขยับมาลูบหัวเบาๆ

   “เดี๋ยวเฮียไถ่โทษด้วยการอนุญาตให้คล้าวไปด้วยดีไหม”

   “ดีครับ” ผมรับคำหน้าบาน

   “โอ๊ย!” ก่อนจะกุมหน้าผากแล้วแยกเขี้ยวใส่ธงรบเมื่อมันดีดหน้าผากผมอย่างแรง

   “ดีใจออกนอกหน้าเชียวนะ กูหมั่นไส้”

   ผมเลยคว้าหมอนมาอุดหน้ามันแม่ง!

   “เฮีย ช่วยด้วย แสนมันจะฆ่าผม” พอมันหลุดมาได้มันก็ร้องให้เฮียช่วยทันที

   “หึๆๆ” แต่คิดว่าเฮียจะช่วยมันเหรอ เฮียแค่กอดอกมองแล้วหัวเราะขำๆ อยู่ข้างๆ

   ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นน้องรัก หึๆ

   เมื่อได้รับอนุญาตแล้วตอนเย็นๆ ผมก็โทรไปหาคล้าว พอเอ่ยปากชวน น้องมันก็รับปากทันที คล้าวบอกว่าจะไปเคลียร์งานให้ แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะช่วงนี้เพื่อนที่ทำงานกำลังต้องการเงินอยู่พอดี

ผมจึงเจรจาเรื่องค่าเสียเวลาไปด้วย ทั้งอ้อนวอนก็แล้ว บังคับก็แล้ว คล้าวก็ยังดื้อปฏิเสธท่าเดียว จนเฮียแผนผ่านมาได้ยินแล้วขอคุยด้วยนั่นแหละถึงได้ยอม ไม่รู้ว่าเฮียพูดว่าอะไร เพราะเฮียเดินไปคุยไกลจนผมไม่ได้ยิน


****************************************************


(มีต่อค่ะ)   

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา

   ผมนั่งมองข้างทางสลับกับเหลือบมองคนที่กำลังขับรถแล้วยิ้มอย่างมีความสุข วันนี้เป็นวันที่ผมกับคล้าวออกเดินทางไปดูผ้าที่จังหวัดศรีสะเกษด้วยกัน

   ในตอนแรกผมตั้งใจว่าจะนั่งเครื่องบินไป แต่ธงรบบอกว่าขับรถไปเองน่าจะดีกว่า จะได้ขนผ้ากลับมาด้วยเลย แล้วก็ถือโอกาสพาคล้าวแวะเที่ยวระหว่างทางไปด้วย เพราะคล้าวยกเวรที่ร้านสะดวกซื้อให้เพื่อนไปแล้ว จึงหยุดได้หลายวัน

   เราสองคนออกจากกรุงเทพฯ กันตอนกลางคืนหลังคล้าวเลิกงาน ตอนแรกผมจะขับเอง แต่คล้าวบอกว่าขับได้ เพราะเคยขับรถพาหลวงตาและคนในหมู่บ้านไปทำบุญทางภาคอีสานบ่อยๆ

   “ถ้าง่วงก็แวะพักได้ตลอด อย่าฝืนนะครับ พี่ไม่รีบ”

   “ครับ ถ้าพี่แสนง่วงก็หลับได้เลยนะครับ ไม่ต้องฝืนเหมือนกัน” ผมยิ้มรับ ไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะตั้งใจไว้ว่าจะนั่งเป็นเพื่อนคล้าวให้นานที่สุด

   ช่วงแรกๆ ก็พอไหวอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสองชั่วโมงกว่าๆ หลังออกจากกรุงเทพฯ มา ถนนเริ่มโล่ง หนังตาผมก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เลยบอกกับตัวเองว่าขอพักสายตาหน่อยแล้วก็หลับตาลง




   “พี่แสนครับ” เสียงเรียกและแรงเขย่าที่ต้นแขนเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกตัว พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นคล้าวยิ้มและมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน

   “เข้าห้องน้ำก่อนไหมครับ” พอคล้าวบอกผมจึงมองไปข้างนอกก็เห็นว่าเราอยู่ในปั๊มแห่งหนึ่ง

   “ถึงไหนแล้วครับ”

   “ถึงโคราชแล้วครับ”

   “ว่าจะนั่งเป็นเพื่อนคล้าว หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ขอโทษนะครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมขับได้ พี่แสนพักได้เลยครับไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมแวะพัก ไม่ฝืนแน่นอนครับ” ผมยิ้มให้คล้าวก่อนจะออกจากรถไปเข้าห้องน้ำและยืดเส้นยืดสายสักหน่อย พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อผ้าเย็น กาแฟ และขนมขบเคี้ยวมาด้วย

   “ผ้าเย็นกับกาแฟครับ” พอเข้าไปในรถผมก็ยื่นกาแฟกับผ้าเย็นให้คล้าว

   “ขอบคุณครับ” คล้าวรับกาแฟไปดื่มแล้ววางผ้าเย็นไว้ก่อน เพราะเพิ่งจะล้างหน้ามา

   ผมนั่งเป็นเพื่อนคล้าวได้สักพักก็หลับไปเหมือนเดิม ตั้งแต่หายป่วย ผมก็ไม่ค่อยได้นอนดึกเหมือนแต่ก่อน ทำให้ฝืนอยู่เป็นเพื่อนคล้าวได้ไม่นานนัก พอลืมตามาอีกทีฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว และเพิ่งจะรู้ว่าคล้าวเอาผ้าห่มมาห่มให้

   อดจะนึกสงสัยไม่ได้ว่านี่นอนหรือว่าซ้อมตาย ถึงขนาดคล้าวห่มผ้าให้ก็ไม่รู้สึกตัวสักนิด ยิ่งหันไปเห็นสีหน้าอ่อนเพลียของคล้าวก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

   “ตื่นแล้วเหรอครับ เข้าห้องน้ำก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมแวะให้”

   “ก็ดีครับ คล้าวจะได้พักด้วย” ผมรีบตอบเมื่อเห็นป้ายปั๊มน้ำมันอยู่อีกไม่ไกล

   เราทั้งคู่ลงมาทำธุระล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ชวนคล้าวเดินไปหากาแฟดื่ม ระหว่างที่นั่งรอกาแฟ ผมก็มองคล้าวด้วยความเป็นห่วง

   “ไหวไหมครับ พักนอนก่อนก็ได้นะ”

   “ยังไหวครับ ยังไงก็ใกล้จะถึงแล้ว เดี๋ยวค่อยพักทีเดียวดีกว่าครับ”

   “โอเคครับ” ถ้าคล้าวว่าไหวก็คงไหวจริงๆ อีกอย่างเหลืออีกไม่ไกลก็จะถึงจุดหมายแล้วด้วย พอไปถึงแล้วค่อยพักยาวๆ ทีเดียวก็น่าจะดีเหมือนกัน หลังจากดื่มกาแฟแล้วผมก็ชวนคล้าวทานข้าวให้เรียบร้อยก่อนจะออกเดินทางต่อ เพราะไม่แน่ใจว่าร้านอาหารที่โน่นเปิดหรือยัง

   เมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย ผมก็โทรไปแจ้งกับสมาชิกสหกรณ์ที่ติดต่อกันอยู่ ซึ่งลุงแซนก็บอกให้เราเข้าไปที่สหกรณ์ได้เลย เดี๋ยวจะมีคนไปเปิดสหกรณ์รอ

   ‘เฮือนม่านไหม’ เป็นชื่อของสหกรณ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ขององค์การบริหารตำบลแห่งนี้ เป็นแหล่งจำหน่ายผ้าไหมทอมือที่คนในตำบลทอกันเองแล้วเอามาฝากขาย

   นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ชาวบ้านทำเองมาวางขายอีกด้วย มีทั้งเสื่อที่ทอจากต้นกกและต้นเตย ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผักตบชวาและไม้ไผ่ เช่น กระเป๋า กระติบข้าว ตะกร้า สุ่มไก่ ไซ ชะลอม กระจาด ซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่ที่ใช้ได้จริงและขนาดเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับตั้งโชว์ เป็นของที่ระลึก หรือเป็นแบบพวงกุญแจก็มี

   รวมทั้งอาหารที่สามารถหาได้ตามฤดูกาล อย่างปลาช่อนแดดเดียว น้ำพริกปลาแห้ง กล้วยฉาบ และอาหารอื่นๆ ตามที่ที่ประชุมสหกรณ์ตรวจสอบความสะอาดให้สามารถนำมาขายได้

   แต่ถ้าใครไม่สะดวกที่จะมาซื้อที่สหกรณ์ ก็สามารถสั่งของได้ทางเพจ ‘เฮือนม่านไหม’ ก็จะมีบริการส่งแบบออนไลน์ให้กับลูกค้าทั่วประเทศ แต่ที่ผมต้องมาดูผ้าด้วยตัวเอง ก็เพราะเวลาถ่ายรูปผ้า สีของผ้าจะเพี้ยนไปจากสีจริงที่มองเห็นด้วยตาพอสมควร เลยมาดูด้วยตาตัวเองจะดีกว่า

   เมื่อไปถึงเรือนไทยซึ่งมีป้าย ‘เฮือนม่านไหม’ ติดไว้ด้านหน้า ก็เห็นว่ามีคนยืนรออยู่ตรงบันไดด้านหน้าเรือนแล้ว พอเดินไปใกล้ๆ แล้วเห็นคนที่ยืนรอชัดๆ ผมก็ยิ้มให้ทันที

   “น้องซอ”

   “พี่แสนสวัสดีครับ” น้องซอยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ผมอย่างเรียบร้อย

   “สวัสดีครับ เห็นลุงแซนบอกว่าซอสอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว ดีใจด้วยนะครับ แล้วนี่เรียนใกล้ๆ บ้านเหรอครับถึงได้กลับบ้านได้”

   “ผมเรียนที่ภาคใต้ครับ แต่พอดีปิดเทอมก็เลยกลับบ้านครับพี่แสน”

   “โห ไกลเหมือนกันนะ คิดถึงบ้านแย่เลยสิ”

   “คิดถึงมากเลยครับพี่ ผมจัดกระเป๋ากลับบ้านไว้ก่อนปิดเทอมเป็นอาทิตย์เลยครับ” ซอเล่าให้ฟังด้วยท่าทางเขินๆ ทำให้ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู

   “เออ ลืมแนะนำไป คล้าวนี่น้องซอ น้องซอนี่พี่คล้าวครับ” เทียบกันแล้วคล้าวน่าจะเป็นพี่ เพราะน้องซอเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย อายุคงไม่เกิน 18 ส่วนคล้าวตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 20 ได้แล้ว

   “สวัสดีครับพี่” น้องซอยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย

   “สวัสดีครับ” คล้าวก็ยิ้มแล้วรับไหว้อย่างสุภาพ

   “ขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ ผ้าจากสมาชิกมาส่งครบเมื่อวาน ผมเห็นแล้วมีแต่สวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ เมื่อวานช่วยป้าๆ จัดดูเพลินไปเลย ดีที่พี่แสนมาก่อน จะได้เลือกก่อน เพราะอาทิตย์หน้าจะมีทัวร์จากกรุงเทพฯ มาลงพอดีเลยครับ” ซอเดินนำขึ้นบันไดไปด้วยและคุยไปด้วย

   “ต้องขอบคุณพ่อเราที่โทรบอกพี่ก่อน”

   “พ่อบอกว่าในฐานะที่พี่แสนเป็นลูกค้าประจำ ก็ต้องได้สิทธิพิเศษเป็นธรรมดาครับ ปีที่แล้วยอดขายผ้าไหมพุ่งขึ้นเพราะพี่แสนเลย ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสคนบ้านเรา” พอเดินขึ้นไปถึงบนเรือน น้องซอก็หันมาขอบคุณผมด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้ง ทำเอาผมรู้สึกเขินขึ้นมาเลย

   “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ฝีมือคนที่นี่ดีอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีพี่ พี่ก็เชื่อว่างานฝีมือของคนที่นี่จะเป็นที่รู้จักและขายดีแน่นอนครับ” น้องซอไม่ได้ตอบอะไร แต่ยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะหันกลับเดินนำไปที่ห้องเก็บผ้าไหมแล้วผลักประตูเข้าไป

   พอเดินตามน้องซอเข้ามาด้านในแล้วตาผมก็เป็นประกาย เมื่อด้านในนี้เต็มไปด้วยผ้าไหมมากมายหลากหลายสีสัน แขวนไว้บนราวไม้ไผ่ที่ขึงเป็นชั้นๆ ไล่ระดับกันไว้รอบห้อง ตรงกลางห้องเป็นชั้นไม้ที่ทำเหมือนราวตากผ้าทำมือที่ไล่เป็นชั้นๆ จากล่างขึ้นบนไว้สำหรับวางผ้าไหมเช่นเดียวกัน ยิ่งเดินดูยิ่งชอบใจ เพราะผ้าทุกผืนทอได้อย่างละเอียดลออและงดงามไม่ซ้ำกันจนอยากจะเหมากลับไปให้หมด

   บริเวณพื้นด้านล่างที่ชายผ้าไหมลงไปไม่ถึง ก็มีการนำล็อคไม้ที่ทำเป็นช่องขนาดพอดีสำหรับใส่ผ้าขาวม้าที่พับใส่ถุงวางเรียงกันอย่างสวยงามไว้รอบห้อง

   “เลือกตามสบายเลยครับพี่แสน” น้องซอบอกด้วยรอยยิ้มกว้างขวางเหมือนจะอวด

   “ผ้าไหมมัดหมี่ก็สวย ผ้าไหมแพรวาก็สวยมากเลยครับ พี่เลือกไม่ถูกเลย” พอหันไปมองก็เห็นสีหน้าที่ภาคภูมิใจของซอ

   “ครับ ตอนนี้กลุ่มแม่บ้านของเราพยายามพัฒนาฝีมือกันอยู่ครับ มีขอไปศึกษาดูงานที่อื่นแล้วก็กลับมาออกแบบลายใหม่ๆ ของตัวเอง จะได้มีลายที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือกได้มากขึ้นครับ”

   ผมฟังไปสายตาก็มองผ้าในห้องอย่างชื่นชม ก่อนจะเดินเลือกผ้าอย่างมีความสุข โดยมีน้องซอคอยสอยและหยิบผ้าผืนที่ผมสนใจมาให้ดู ส่วนคล้าวก็ช่วยรับผ้าที่ผมเลือกไปถือให้

   ผมเลือกผ้าเพลินจนได้ผ้าไหมมาเป็นสิบผืนและเลือกผ้าขาวม้ามาอีกหลายผืน นอกจากจะใช้ตัดในงานแฟชั่นโชว์ได้แล้ว ที่เหลือก็สามารถนำไปตัดเข้าร้านได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังได้ผ้าพันคอสวยๆ ไปฝากแม่และเพื่อนๆ แม่ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และหาลูกค้าให้กับสหกรณ์อีกทางหนึ่งด้วย

   หลังจากเลือกผ้าเสร็จแล้ว พอจะจ่ายเงิน น้องซอก็หยิบคิวอาร์โค้ดของธนาคารแห่งหนึ่งขึ้นมาตั้งแล้วยิ้มแฉ่งเหมือนจะอวดจนผมหลุดหัวเราะด้วยความเอ็นดูแล้วเอ่ยชม

   “ทันสมัยมากครับ”

   “จะได้อินเทรนด์ไงครับพี่ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าด้วย จะได้ไม่ต้องพกเงินสดมาเยอะไงครับ”

   “ใครเป็นคนคิดครับเนี่ย”

   “ผมเองครับ” น้องซออวดด้วยน้ำเสียงภูมิใจจนผมอดจะยกมือไปขยี้หัวด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “เก่งมากครับ” ยิ่งชมก็ยิ่งยิ้มกว้างจนผมต้องหลุดหัวเราะอีกครั้ง

   “พี่อยากไปดูอีกฝั่งหน่อย เผื่อจะได้ของอย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับด้วย น้องซอช่วยเปิดอีกฝั่งให้ได้ไหมครับ”

   “ได้สิครับ” พูดจบก็เดินนำไปเราไป

   เรือนไทยหลังนี้เป็นเรือนแฝดมีทางเชื่อมถึงกันได้ บริเวณทางเชื่อมที่ด้านล่างเป็นบ่อบัวที่ตอนนี้ดอกบัวหลากสีสันบานชูช่ออวดความงามแข่งกันอยู่ สวยจนอดจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ไม่ได้

   เรือนฝั่งด้านหน้าทางเข้าที่เอาไว้สำหรับวางผ้าไหมขายอย่างเดียว เนื่องจากต้องใช้พื้นที่ในการโชว์ผ้าเยอะ ส่วนอีกฝั่งซึ่งอยู่ด้านในนั้นวางขายผลิตภัณฑ์ทำมืออย่างอื่นและอาหารด้วย ซึ่งทั้งสองฝั่งมีบันไดขึ้นเรือนทั้งสองข้าง เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการได้โดยไม่ต้องเดินอ้อม

   พอเข้าไปด้านในก็อดจะชื่นชมฝีมือของคนที่นี่ไม่ได้ ด้านในมีแต่ของสวยๆ เต็มไปหมด ผมได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับอีกหลายชิ้น ทั้งกระเป๋าสะพายที่ถักจากผักตบชวาหลายใบ เสื่อพับที่ทำจากต้นกก ปลาช่อนแดดเดียว น้ำพริกปลาแห้ง พวงกุญแจและของฝากอื่นๆ กลับไปฝากคนที่บ้านและที่ร้านด้วย

   พอสายๆ หน่อยก็มีลูกค้าแวะเข้ามาซื้อของบ้าง ซึ่งก็มีคนดูแลคนอื่นมาช่วยน้องซอขายด้วย ผมเดินเลือกของอย่างเพลิดเพลิน กว่าจะซื้อของเสร็จก็ใกล้เที่ยงพอดี มิน่าล่ะถึงรูปสึกหิวขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว

   “แถวนี้มีร้านอาหารใกล้ๆ บ้างไหมครับน้องซอ”

   “ถ้าพี่แสนไม่รังเกียจ ไปทานข้าวบ้านผมไหมครับ” น้องซอชวนด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

   “จะดีเหรอ พี่เกรงใจ”

   “ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ ป้าบอกว่าอยากทำอาหารเลี้ยงตอบแทนพี่แสนบ้าง บ้านผมอยู่ไม่ไกล ไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว... ไปนะครับ” ได้ยินน้ำเสียงอ้อนๆ นั้นแล้วก็ใจอ่อนยวบ

   “ถ้าไม่เป็นการรบกวน... ก็ได้ครับ”

   “เย้!” น้องซอร้องอย่างลืมตัว

   “ฮ่าๆๆ” ก่อนจะยิ้มเขินๆ เมื่อผมหลุดหัวเราะ ขนาดคล้าวที่ยืนนิ่งๆ ยังหลุดยิ้มขำ

   “เดี๋ยวผมช่วยขนของขึ้นรถเสร็จแล้วพี่แสนขับรถตามผมไปนะครับ”

   “ได้ครับ”

   หลังจากขนของเสร็จแล้ว น้องซอก็ขับมอเตอร์ไซต์นำหน้าไป ผมขับตามไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ไปถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งด้านล่างสร้างจากปูนทั้งชั้น ส่วนด้านบนนั้นสร้างจากไม้ น้องซอจอดรถแล้วไปเลื่อนประตูให้ผมเข้าไปจอดด้านในซึ่งน่าจะเป็นบริเวณหลังบ้าน

   “บ้านสวยนะครับ” หลังจากกวาดสายตามองแล้วก็อดจะชื่นชมไม่ได้ ตัวบ้านดูสวยแบบเรียบง่าย รอบๆ บ้านก็ร่มรื่นเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี

   “พ่อผมเป็นคนออกแบบเอง แล้วก็ช่วยช่างสร้างจนเสร็จด้วยครับ” น้องซอบอกแล้วยิ้มกว้างยิ่งกว่าตอนอวดผ้าซะอีก เห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู

   “คุณแสนมาแล้วเหรอลูก”

   “ครับป้า” พอน้องซอรับคำแล้ว หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมาจากประตูแล้วส่งยิ้มมาให้

   “สวัสดีครับ” ผมกับคล้าวยกมือไหว้

   “สวัสดีค่ะคุณแสน”

   “เรียกแสนเฉยๆ ก็พอครับ อย่าเรียกคุณเลย” พอผมบอก คุณป้าก็ยิ้ม

   “เข้ามาพักในบ้านก่อนเลยจ้ะ ซอพาคุณแสนเข้าบ้านสิลูก” ผมเผลอขมวดคิ้วฉับ เมื่อคุณป้ายังเรียกคุณเหมือนเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอพูดจบคุณป้าก็เดินเข้าบ้านไป

   “ไปครับพี่แสน เข้าไปพักด้านในก่อน” น้องซอยิ้มก่อนจะเดินนำอ้อมพาไปด้านหน้าบ้าน พอเดินขึ้นไปด้านบนก็มองเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ห่างไปไม่ถึงร้อยเมตร

   “ตรงนั้นเป็นบึงน้ำเหรอครับ”

   “ครับพี่ เป็นบึงน้ำสาธารณะของหมู่บ้านเราครับ เราเลี้ยงปลาไว้ พอปลาโตเมื่อไหร่ก็จะเปิดให้คนเข้ามาจับพร้อมกันครับ รอบๆ บึงก็มีต้นกกขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้ทอเสื่อครับพี่แสน ที่จริงผมก็อยากพาไปดูนะ แต่ตอนนี้ร้อนมากเลย” ผมพยักหน้าเข้าใจ ถึงจะอยากไปเดินดูแค่ไหน แต่ก็คงสู้แดดตอนเที่ยงไม่ไหวหรอก

   “พี่แสนนั่งพักตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปช่วยป้าก่อน ถ้าเสร็จแล้วจะมาเรียกนะครับ” น้องซอเดินนำเข้าไปตรงชานที่ตั้งแคร่ไม้ไผ่ไว้ชิดกับแพง

   “ให้พวกพี่ช่วยอะไรไหมครับ”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมว่าน่าจะใกล้เสร็จแล้วละ” น้องซอบอกก่อนจะเดินไปหาน้ำมาเสิร์ฟแล้วก็เดินหายไปด้านหลังบ้าน ไม่นานก็เริ่มยกอาหารออกมา ผมกับคล้าวเลยเดินไปช่วยลำเลียงมาด้วย

   “ป้าก็ลืมถามไปว่าอาหารบ้านๆ แบบนี้คุณแสนกับเพื่อนทานได้รึเปล่าคะ” ระหว่างที่น้องซอตักข้าวอยู่ คุณป้าก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

   “ได้ครับได้ ผมกับน้องทานง่ายอยู่แล้ว ปลาร้าผมก็ทานได้ครับ” ผมยิ้มแล้วกวาดสายตามองอาหารตรงหน้า มีทั้งลาบหมู น้ำพริก ผักหลายอย่างในถาดทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ต้มปลานิล ไข่เจียว และแกงอะไรสักอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

   “อันนี้แกงผักหวานค่ะ ป้าใส่เนื้อหมูแทนไข่มดแดง เพราะกลัวจะทานไม่เป็นกัน คุณแสนลองทานดูนะคะเผื่อจะชอบ” พอเห็นผมจ้องแกงถ้วยนั้น คุณป้าก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม

   “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ คิดว่าผมเป็นลูกเป็นหลานอีกคนเถอะนะครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ แบบที่ใช้กับคนที่บ้าน

   “ก็ได้จ้ะ น้องแสน ทานเลยลูก” คุณป้าบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนผมยิ้มหวานเพราะได้สมใจแล้ว

   “แล้วลุงแซนล่ะครับ ไม่มาทานข้าวด้วยกันเหรอ”

   “พ่อไปประชุมที่ต่างจังหวัดครับพี่ วันนี้คงไม่ได้กลับ” น้องซอตอบแทน เพราะคุณป้ากำลังตักกับข้าวให้ผมกับคล้าวอยู่

   “ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้าให้น้องซอ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณคุณป้า

   หลังจากที่ได้ชิมอาหารแล้วก็ได้แต่เอ่ยปากชม เพราะอาหารอร่อยทุกอย่างเลย ยิ่งแกงผักหวานยิ่งอร่อย ชอบจนอยากจะขอสูตรไปทำกินเองที่บ้านด้วย

   เราทั้งสามเติมข้าวอีกคนละสองรอบ เจริญอาหารจนคุณป้ายิ้มแก้มปริ ผมนี่อิ่มจนจุก รู้สึกเข้าใจงูเหลือมที่เพิ่งกินอิ่มจนกระดิกไม่ได้ขึ้นมาเลย หลังจากอิ่มแล้วก็ช่วยกันยกของไปเก็บแล้วก็กลับมานั่งพักพุงกันที่เดิม

   “พี่แสนจะไปไหนต่อไหมครับ” น้องซอถามขึ้นหลังจากที่คุณป้าไปเก็บใบหม่อนมาเลี้ยงหนอนไหมแล้ว

   “พี่ว่าจะหาที่พักพักสักคืนก่อนครับ อยากให้พี่คล้าวได้พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางกลับ แถวนี้มีโรงแรมหรือรีสอร์ตใกล้ๆ ไหมครับ”

   “ถ้าไม่รังเกียจพักที่นี่ไหมครับ เมื่อคืนพ่อกับป้าคุยกัน บอกไว้ว่าถ้าพี่แสนต้องค้างคืนก็ให้ชวนพักด้วยกันที่นี่เลย” พอผมถามจบน้องซอก็ชวนอย่างกระตือรือร้น

   “แต่พี่ไม่อยากรบกวน...”

   “ไม่รบกวนเลยครับ ถ้าพี่แสนพักด้วย พวกเราจะดีใจมากๆ เลย” พูดจบก็จ้องรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
 
   “ถ้างั้นรบกวนหน่อยนะครับ” สายตาที่เหมือนลูกหมาอ้อนเจ้าของนั้นทำให้ผมใจอ่อนยวบ เผลอตกปากรับคำไปอย่างลืมตัว

   “เย้! งั้นพี่แสนกับพี่คล้าวนอนพักไปก่อนนะครับ จะพักตรงนี้หรือจะเข้าไปในห้องดีครับ” ผมหันไปมองคล้าวเพื่อขอความเห็น

   “ตรงนี้ก็ได้ครับ ลมเย็นดี” พอคล้าวบอก น้องซอก็เดินเข้าบ้านไปหอบหมอนหอบผ้า ยกพัดลมมาเปิดให้ หลังจากเรียบร้อยแล้วก็ปล่อยให้เราพักผ่อน แล้วขอตัวไปช่วยที่สหกรณ์ต่อ

   หลังจากที่น้องซอไปแล้ว ผมก็บอกให้คล้าวนอนพัก ซึ่งคล้าวก็นอนลงอย่างว่าง่าย พอทิ้งตัวลงนอนก็ตะแคงตัวหันหน้ามาทางผม

   ผมนั่งมองคนที่นอนอยู่ตรงหน้าอย่างมีความสุข พอรู้สึกเมื่อยก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ตะแคงหันหน้ามองคล้าวเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคิ้วของคล้าวขมวดนิดๆ ก็ใช้นิ้วแตะหว่างคิ้วแผ่วเบาหวังจะช่วยให้คลายออก แต่คนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับลืมตาขึ้นมามองผมแล้วเอ่ยปากถาม

   “พี่แสนรู้จักซอมานานแล้วเหรอครับ”

   “ก็เป็นปีแล้วครับ ก่อนที่พี่จะเปิดร้าน พี่ก็ตระเวนหาผ้าสวยๆ ไปตัดเสื้อผ้าเข้าร้าน แล้วก็มาเจอสหกรณ์ของที่นี่ พี่เลยลองแวะมาดู เห็นผ้าที่นี่สวยและลวดลายเป็นเอกลักษณ์ดีก็เลยซื้อไปหลายผืน หลังจากนั้นก็มาซื้อเองบ้าง สั่งออนไลน์บ้าง ก็เลยติดต่อกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครับ” พออธิบายจบผมก็นึกสงสัยว่าคล้าวถามทำไม สายตาและสีหน้าผมคงแสดงออกชัด คล้าวจึงหลุบเปลือกตาลงก่อนจะพูดเบาๆ ผิดวิสัยจนผมต้องเงี่ยหูฟัง

   “พี่แสนดูสนิทกับน้องมาก”

   “ครับ ตอนแรกพี่รู้จักกับลุงแซนพ่อของน้องซอก่อน หลังๆ มาลุงแซนให้ซอติดต่อพี่ผ่านไลน์แทน ก็เลยทำให้สนิทกันไปด้วยครับ อีกอย่าง... น้องซอเป็นเด็กน่ารักด้วย ทั้งขยันขันแข็ง สุภาพ มีสัมมาคารวะ ใครเห็นก็อดจะเอ็นดูไม่ได้หรอกครับ” ผมพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงคนที่พูดถึง

   “แล้วผมล่ะครับ”

   “ครับ?” ผมมองคล้าวงงๆ เมื่อไม่เข้าใจคำถาม

   “พี่แสนบอกว่าน้องซอน่ารัก แต่ผม...ไม่น่ารักเหมือนน้อง” ผมอึ้งไปนิดเมื่อฟังจบ ก่อนหัวใจจะเต้นรัวเร็วขึ้นเมื่อเข้าใจถึงอาการผิดปกติของคล้าว

   โธ่เอ๊ย! เด็กขี้อิจฉา

   ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจและเผลอส่งสายตาล้อเลียนไปให้จนคล้าวมีท่าทีเก้อเขินขึ้นมา ยิ่งอยู่ใกล้ในระยะประชิดแบบนี้ยิ่งเห็นว่าผิวหน้าและใบหูแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด

   น่ารักจะอยากจะฟัด แต่กลัวจะประเจิดประเจ้อเกินไป เดี๋ยวชาวบ้านแถวนี้จะช็อคเอา เลยได้แต่ยิ้มกว้างและหลุดหัวเราะออกมา

   “ฮะๆ มันเทียบกันไม่ได้เลยครับ” พูดจบคล้าวก็มีสีหน้าขรึมลง ทำให้ผมต้องรีบพูดต่อ

   “พี่เอ็นดูน้องซอเหมือนเอ็นดูน้องชาย แต่สำหรับคล้าวแล้ว คล้าวรู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้คิดและมองคล้าวในฐานะนั้น แต่ถ้าถามว่าน่ารักไหม....” ผมเอื้อมมือไปแตะใบหน้าคล้าวเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ

   “สำหรับพี่แล้วคล้าวน่ารักที่สุด น่ารักจนอยากให้มาเป็น ‘ที่รัก’ กันเร็วๆ เข้าใจไหมครับ” คล้าวยกมือมาทับมือของผมแล้วเอียงหน้าแนบกับมือข้างนั้นเหมือนจะอ้อน คราวนี้คนที่เขินกลับเป็นผม เพราะรอยยิ้มที่คล้าวส่งมานั้นแสนจะอ่อนโยนจนแทบละลาย

   “เข้าใจแล้วครับ” คล้าวจับมือผมมาวางไว้ตรงกลางระหว่างเราสองคนแล้วกุมไว้ ผมดึงผ้ามาปิดไว้กันไม่ให้ใครเห็น ก่อนจะบอกคนที่ไม่ยอมนอนสักที

   “เข้าใจก็นอนพักได้แล้วครับ” ซึ่งคล้าวก็หลับตาลงอย่างว่าง่าย ไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าคล้าวหลับไปแล้ว ส่วนผม หลังนอนมองหน้าคล้าวได้สักพัก พอเจอลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามา ตาก็เริ่มปรือแล้วก็หลับตามไป
   
(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา

   ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีเมื่อได้ยินเสียงวัวควายร้อง พอลืมตาขึ้นมาก็ชะงักเมื่อสายตาปะทะกับแผงอกกว้างในระยะประชิด พอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแผงอกแน่นๆ นั้นกำลังมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน

   “ตื่นนานรึยังครับ” ผมเอื้อมมือไปปัดผมที่ตกมาปรกตาให้คล้าว คล้าวก็เอื้อมมือมาปัดให้ผมเหมือนกัน

   “ตื่นก่อนพี่แสนไม่นานครับ” คล้าวตอบยิ้มๆ พอเห็นสีหน้าที่ดูสดชื่นขึ้นของคล้าวก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ อยากจะนอนสบตากันอยู่อย่างนี้ต่อไป แต่ก็กลัวคนจะเข้ามาเห็น เลยจำใจขยับลุกขึ้นมานั่ง จึงได้เห็นว่ามีผ้าคลุมตัวพวกเราอยู่

   ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็เห็นว่าเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว คล้าวลุกและเก็บผ้าห่มพับอย่างเรียบร้อย ผมรู้สึกว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นจึงหยิบขึ้นมาดูก็เห็นข้อความที่น้องซอส่งมา

   “ตื่นหรือยังครับพี่ๆ ถ้าตื่นแล้วก็ไปเดินเล่นริมบึงรอไปพลางๆ ก่อนนะครับ อากาศไม่ร้อนแล้ว เดี๋ยวผมไปซื้อกับข้าวก่อนครับ”

   “น้องซอบอกว่ากำลังไปซื้อกับข้าว ให้เราเดินเล่นริมบึงรอไปก่อนครับ”

   ฟังจบคล้าวก็ลงจากแคร่ไปยืนรอแล้วส่งมือมาให้โดยไม่มองหน้า เห็นใบหูแดงๆ ก็ได้แต่อมยิ้ม ผมลุกตามไปแล้วยื่นมือไปจับ ปล่อยให้คล้าวจูงมือเดินไปเรื่อยๆ

   เราสองคนจูงมือเดินเคียงกันไปได้ไม่นานก็ถึงบึงน้ำขนาดใหญ่ที่กะจากสายตาแล้วน่าจะกินพื้นที่หลายไร่

   รอบๆ บึงเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลายชนิด บริเวณริมน้ำมีกอหญ้าขึ้นรอบบึงน่าจะเป็นต้นกกอย่างที่น้องซอบอกไว้  ในบึงมีดอกบัวตูมๆ ชูช่ออยู่เต็มไปหมด สายลมพัดมาเอื่อยๆ  ทำให้รู้สึกเย็นสบาย

   พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ แสงสีทองสาดส่องมาทำให้บรรยากาศในยามนี้สวยงามจับตาจับใจ เห็นแล้วนึกถึงบ้านริมทุ่งของคล้าวเหลือเกิน

   ผมหยิบกล้องออกมาถ่ายภาพคล้าวและวิวสวยๆ ตรงหน้าเอาไว้ ชาวบ้านที่จูงวัวควายมากินน้ำเมื่อเดินผ่านก็ส่งยิ้มมาให้

   เมื่อชาวบ้านจูงวัวคลายกลับไปหมดแล้ว ผมก็เอื้อมไม่กุมมือของคล้าวเดินต่อ ซึ่งเจ้าตัวก็ก้มลงมองมือที่กุมกันอยู่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประสานให้แน่นขึ้นแล้วเดินต่อไป ทำให้ผมยิ้มอย่างมีความสุข

   รู้สึกสุขและสงบจนอยากจะอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

   “พี่แสน พี่คล้าวววว” เราสองคนเดินต่อไปจนเกือบจะรอบบึงแล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อดังขึ้นไกลๆ

   เพียงไม่นานคนเรียกก็วิ่งมาถึง

   “แฮ่กๆๆ”

   “น้องซอ”

   “ผม แฮ่กๆ”

   “ใจเย็นๆ ครับน้องซอ หายใจเข้าลึกๆ หายเหนื่อยแล้วค่อยพูด ไม่ต้องรีบ” พอบอกแบบนั้นน้องซอก็ยืดตัวขึ้นแล้วหายใจลึกๆ อย่างว่าง่าย พอหายใจทันแล้วก็ยิ้มเขินๆ ให้

   “ผมมาตามไปทานข้าวครับ กับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

   “โอเคครับ”

   น้องซอเดินนำแล้วก็ชวนคุยไปตลอดทาง เมื่อกลับไปถึงบ้านก็เห็นว่ามีกับข้าววางไว้บนแคร่เรียบร้อยแล้ว น้องซอก้าวขึ้นบนแคร่แล้วตักข้าวใส่จาน

   “แล้วคุณป้าล่ะครับ”

   “ป้ามีอีเว้นท์ด่วนครับพี่ ทำกับข้าวเสร็จก็เก็บผ้าเก็บผ่อนหนีไปทำบุญต่างจังหวัดแล้ว ดีนะที่พี่แสนกับพี่คล้าวอยู่ด้วย ผมเลยมีเพื่อนทานข้าว” น้องซอตักข้าวเสร็จก็หันมาตอบ

   “ทานเลยครับ วันนี้มีแกงหน่อไม้สด ปลาหลดทอดกระเทียม แล้วก็มีซุปมะเขือครับ ทานได้ไหมครับ”

   “ได้ครับได้ น่าทานมากเลย” อาหารทุกอย่างอร่อยมาก คุณป้าทำรสไม่จัดมาก ถูกปากจนต้องเติมข้าวอีกสองรอบ นี่ถ้าอยู่ที่นี่หลายวัน น้ำหนักผมคงขึ้นมาอีกหลายกิโลแน่ๆ

   หลังจากทานข้าวและขนของไปเก็บแล้ว น้องซอก็หายากันยุงมาจุด แล้วก็ชวนคุยรอให้อาหารย่อยอยู่ที่เดิม ผมเดินออกนอกชายคาแหงนมองดูท้องฟ้าก็เห็นว่าฟ้าโปร่งมากทำให้เห็นดวงดาวที่ทยอยโผล่ออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

   “ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยนะครับ” ผมหันมายิ้มให้น้องซอที่มายืนมองดาวอยู่ข้างๆ

   “ถ้าชอบก็แวะมาเที่ยวกันอีกนะครับพี่แสน พี่คล้าว” น้องซอหันมาชวนด้วยรอยยิ้มสดใส ทำให้ผมยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู

   พอหันไปมองคล้าวที่ยืนอยู่อีกข้างก็เห็นว่ากำลังมองมาที่เราสองคนอยู่ เห็นแล้วก็นึกถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อตอนบ่าย เลยเหลือบไปมองน้องซออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องแหงนมองท้องฟ้าอยู่ ผมก็เอื้อมมือไปกุมมือคล้าวไว้ รู้สึกได้ว่าคล้าวกระชับมือให้แน่นขึ้น จึงหันไปสบตาแล้วยิ้มให้กันก่อนจะแหงนมองดาวต่อไป

   น้องซอจัดที่นอนให้เราสองคนนอนให้ห้องของตัวเอง ส่วนตัวเองก็ไปนอนห้องพ่อแทน ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบายผิดกับช่วงกลางวันลิบลับ น้องซอเปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมระบายอากาศ และกางมุ้งกันยุงให้

   ผมนอนตะแคงมองคล้าวที่นอนอยู่ข้างๆ ท่ามกลางความมืด พอเห็นว่าคล้าวหลับไปสักพักแล้วก็แอบขยับไปจูบหน้าผากแล้วกระซิบบอกเบาๆ

   “ฝันดีนะครับพี่คล้าวของทองกวาว” ตอนที่เป็นควายบอกได้แค่ในใจ แต่ตอนนี้ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้แล้ว มีโอกาสพูดให้ฟังได้สักที ผมยิ้มอย่างมีความสุขและคิดว่าคืนนี้คงจะหลับฝันดีแน่นอน

   ก่อนที่จะเคลิ้มหลับไปก็รู้สึกว่ามีบางอย่างสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก และได้ยินเสียงกระซิบนุ่มๆ บอกฝันดีที่ข้างหู

   อืม เป็นฝันที่ดีจริงๆ




   
   รุ่งเช้าผมตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น หลังจากทำธุระส่วนตัวและรับประทานอาหารเช้าง่ายๆ ที่น้องซอทำให้แล้วก็เตรียมตัวเดินทางกลับเลย

   ผมกับคล้าวขอบคุณน้องซอและฝากขอบคุณลุงแซนและคุณป้า (ที่ตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน) ที่ต้อนรับและให้การดูแลเป็นอย่างดี ผมโบกมือลาน้องซอที่ยืนโบกมือลาด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก่อนจะหันมามองหน้าคล้าวแล้วบอก

   “ไว้มีโอกาสมากันใหม่นะครับ”

   “ครับ”

   ที่ที่มีความทรงจำดีๆ ร่วมกันแบบนี้ เอาไว้ค่อยหาโอกาสมาเที่ยวด้วยกันอีกสักครั้ง

   ผมเปิดหาข้อมูลวัดที่อยู่ข้างทางแล้วชวนคล้าวแวะทำบุญไหว้พระ มีวัดแห่งหนึ่งหลวงพ่อให้สายสิญจน์เรามาคนละเส้น พอขึ้นรถเรียบร้อยแล้วผมก็ยื่นสายสิญจน์ที่ได้มาไปตรงหน้าคล้าว

   “เดี๋ยวพี่ผูกให้ครับ” คล้าวยื่นมือมาให้อย่างว่าง่าย ผมบรรจงผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือข้างนั้นอย่างตั้งใจ พอผูกเสร็จก็ยิ้มอย่างพอใจแล้วก็ยื่นสายสิญจน์และมืออีกข้างของตัวเองไปให้

    “ผูกให้พี่หน่อยครับ” คล้าวรับสายสิญจน์ไปแล้วบรรจงผูกให้อย่างเบามือ พอผูกเสร็จก็ลูบตรงปมอย่างนุ่มนวล ผมจ้องหน้าคนที่ตั้งใจผูกอย่างเผลอไผล พอผูกเสร็จคล้าวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพอดี เหมือนมีแรงดึงดูดที่ทำให้เราสองคนค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กันเรื่อยๆ จนจมูกแทบจะชนกัน

   ปิ๊น! ก่อนที่จะดุ้งโหยงทั้งคู่ เมื่อได้ยินเสียงแตรจากรถยนต์ที่กำลังแล่นผ่านไป

   เราสองคนหันไปมองรถคันนั้น ก่อนจะหันมามองหน้ากัน แล้วลูบหัวลูบหูตัวเองให้วุ่นด้วยความเขิน นี่ถ้าไม่ได้ยินเสียงแตรคงจะเผลอจูบน้องมันไปแล้ว

   แสนเสน่ห์ สติโว้ยสติ! นี่มันในวัด! จะจูบกันในวัดไม่ได้ ถ้านอกวัดก็ว่าไปอย่าง แฮ่ม!

   หลังจากนั้นเราสองคนแวะเที่ยวข้างทางไปเรื่อยๆ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำพอดี ขากลับผมก็ยังคงหลับตลอดทางเหมือนเดิม หลังจากส่งคล้าวเรียบร้อยแล้วผมก็รีบกลับบ้าน เพราะทั้งเฮียทั้งธงรบส่งข้อความและโทรตามบ่อยยิ่งกว่าขาไปซะอีก
 
   กลับไปถึงบ้านก็เจอบรรดาพ่อๆ รออยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งพ่อบังเกิดเกล้าและพ่อ No.2 No.3 ป๊ารู้แค่ว่าผมไปดูผ้ากับเพื่อนที่เฮียกับธงรบรับประกันว่าไว้ใจได้ พอเห็นผมกลับมาอย่างปลอดภัยก็ชวนแม่ไปนอน ปล่อยให้พ่อ No.2 No.3 ซักต่อจนสะอาด พอถามกันจนพอใจนั่นแหละทั้งคู่ถึงได้ปล่อยให้ผมไปพักได้

   ผมนอนมองสายสิญจน์ที่ข้อมือแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ยิ่งนึกถึงตอนที่ผลัดกันผูกข้อมือให้กันและเกือบจะได้จูบกันก็ยิ่งยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า

   อยากจะรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจได้บ้างหรือยังนะ

   พี่คล้าวของทองกวาว
   
   


**************************************************

ตอนนี้มันก็จะเหม็นความรักหน่อยๆ นะคะ 5555555

ที่จริงตอนแรกว่าจะให้บ้านน้องซออยู่สุรินทร์ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไปแถวนั้น เลยเปลี่ยนอยู่ศรีสะเกษดีกว่า เพราะถ้าต้องเขียนเรื่องน้องซอจะได้ไม่ติดขัด (ถ้ามีไฟเขียนต่ออะนะ)

ตอนเด็กๆ เคยไปช่วยป้าๆ เลี้ยงหนอนไหมสนุกมากค่ะ ดูหนอนกินใบหม่อน นั่งดูป้าทอผ้าไหม แล้วก็ขอป้าถ้าป้าทอสีที่ชอบ แต่ทอไม่เป็น เพราะมันยากไปหน่อย

ฝันอยากให้มีสหกรณ์ในหมู่บ้าน เพื่อรวมตัวกันขายของหลายๆ อย่าง มันน่าจะมีกำลังต่อรองและได้ราคามากกว่าผ่านพ่อค้าคนกลางแน่ๆ ค่ะ แต่นะ... ก็ได้แต่ฝัน

**************************************************

#ommanymontra   :L2: :กอด1:
#iceman555 ธงรบไม่เนียนเลยนะคะ 555555
#MayA@TK พี่รบคิดไม่ซื่อค่ะ แค่กๆๆๆ
#wutwit ธงรบไม่เนียนเลยค่ะ ใครก็จับได้ 5555
#puiiz  :L2: :กอด1:
#k2blove ดีใจที่ชอบค่า ตอนนี้จะหวานกว่าตอนที่แล้วอีกค่ะ ส่วนธงรบนี่ หึๆๆๆ
#PsychePie พี่มันหื่นค่ะ พอเป็นคนต้องแอบหื่นค่ะ คีพลุคนิดนึง
#taltal020441 ไม่เนียนจริงๆ ค่ะ ไม้หนีเร้วลูกกก 5555 ส่วนน้องคล้าวนี่พอไม่สนิทก็ไม่กล้า แต่พอแนบสนิท เอ๊ย สนิทแล้วก็จะกล้าขึ้นเองค่ะ
#aoihimeko เด็กมันยั่วค่ะ ต้องให้พี่แสนจัดให้หนัก แต่ไม่รู้ใครจะหมดสภาพกว่ากัน 5555 ส่วนธงรบ มันร้ายค่ะ ไว้ใจไม้ด้ายยย
#mijimaria ธงรบบอกว่านี่ผมเนียนแล้วนะ 55555
#lovenine พี่แสนอยากหื่นมากค่ะ แต่ต้องคีพลุค ถถถ วงวารพี่แสนนะคะ เดี๋ยวอีกสักพักถึงจะหื่นได้ชัดเจน แค่กๆๆๆ รอไปก่อนนะคะ

กราบแนบอกคนเม้นท์คนอ่านและ FC พี่คล้าวกับทองกวาวทุกคนค่ะ

 :m1: :m1: :m1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 14:02:32 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าววว อีแตรรถจะบีบเพื่อ ไม่ได้ดูจังหวะเลย  55555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หวานต่อเนื่องนะ คล้าวมีความหึงน้องซอ แต่น้องซอก็ดูเฟรนลี่ดีใครเห็นก็คิดไปแบบนั้น เข้าใจคล้าวนะ
ว่าแต่ในวัดนะ เกือบไปไหมละ ดีที่มีแตรรถ คิดแล้วเขินแทน

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เปิดเรื่องมาก็ฮา เจอควายจอมหื่น 1 อัตรา สักพักพาร้องไห้ สะเทือนใจไปกับพี่คล้าว
ชอบทุกตัวละครจ้า สนุกๆ มาลุ้นกับความรักของพี่แสน(ทองกวาว) กับน้องคล้าวจ๊ะ
จะรอดูคุณพ่อNo.3 เต๊าะเด็กยังไง หึหึ  โอ๊ย...เมื่อยแก้ม อ่านไปยิ้มไป
                   :mew1: :pig4:  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
วู้...เหม็นฟามรัก!  555+

อิน้องมันต้องแน่ใจแล้วแน่เลยว่าอิพี่คือทองกวาวของตัวเอง ก็นะ อิพี่มันดันเซ่อตอนบอกฝันดีนิเนาะ อยากให้เขาเป็นที่รักกันเร็ว เราจะได้เห็นฉากรักเร็วๆด้วย หุหุ

ส่วนรบ แกกำลังวางแผนที่จะเข้าป่าไปฟัน เอ้ย ตัดไม้ใช่ไหม?  ตอบ!!!

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
นุ้งคล้าวอย่าน้อยใจที่ไม่ไดู้น่ารัก น่าทะนุถนอม
แค่นี้อ้ายแสนก็หืดหาด หิวจัดแย่แล้ว

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 16

   หลังจากกลับมาจากซื้อผ้า ผมก็กลับมาหัวหมุนกับการเตรียมงานแฟชั่นโชว์ต่อ ทั้งเลือกผ้ามาตัดชุดตามที่ออกแบบไว้ ตระเวนหาผ้าที่เหมาะสมกับแบบมาเพิ่ม คัดเลือกและติดต่อนายแบบนางแบบที่เหมาะกับธีมของชุด ดูสถานที่เพื่อเตรียมติดต่อไว้ก่อนที่จะถึงวันงาน

   โชคดีที่ได้ทุกคนในครอบครัวคอยแบ่งเบาในส่วนที่พอจะช่วยได้ อย่างเรื่องติดต่อสถานที่ หลังจากฟังความต้องการของผมแล้ว ป๊ากับเฮียก็ช่วยแนะนำสถานที่ให้เลือกและช่วยจัดการต่อให้ ส่วนนางแบบนายแบบแม่ก็ให้คนช่วยประสานให้ เพราะแม่เคยติดต่อมาเดินแบบโชว์เครื่องประดับมาก่อน

   ครั้งนี้นอกจากจะนำเสนอเสื้อผ้าจากร้าน Maneethewa ของผมแล้ว ผมยังอยากจะนำเสนอเครื่องประดับจากร้านกุสุมาอัญมณีของแม่ไปพร้อมๆ กันด้วย

   หลังจากผมบอกแม่ว่าจะจัดงานและอยากโชว์ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับพร้อมกัน แม่ก็ให้ผมไปเลือกอัญมณีที่ร้านได้ตามสบาย หรือถ้ายังไม่พอใจก็ให้นักออกแบบเครื่องประดับที่ไว้ใจได้ออกแบบใหม่ให้เข้ากับชุดของผมได้เลย

   นอกจากนี้ ยังได้กำลังใจดีๆ จากคล้าว ที่หลังจากติวเสร็จก็มากินข้าวเป็นเพื่อน แล้วก็ลากไม้มาช่วยงานที่พอจะช่วยได้ทุกวัน บางวันถ้าผมว่างก็ช่วยติวภาษาอังกฤษให้ทั้งคู่ บางวันธงรบก็ช่วยติววิชาคำนวณเพิ่มให้

   “ข้อนี้ผมทำถูกไหมพี่”

   “ตรงนี้ไม่ถูก ต้องย้ายตัวนี้ไปแทนค่าตรงนี้”

   “ตรงนี้เหรอพี่”

   “ใช่”

   “ทำไมมันยากอย่างนี้วะ!”

   “ไอ้ไม้!”

   “อุย ขอโทษครับพี่รบ” ไม้มันยกมือไหว้ธงรบ เมื่อโดนลูกพี่มันดุ

   “ไม่เป็นไร” ส่วนธงรบก็ยิ้มแล้วมองไม้ด้วยแววตาเอ็นดู

   ผมยืนมองทั้งสามนั่งติวกันแล้วก็ได้แต่ขำ ไม้มันชอบเผลอหลุดคำหยาบประจำ ทำให้ลูกพี่มันต้องคอยปราม ทั้งๆ ที่ธงรบมันไม่ได้ว่าอะไร พอได้ยินเสียงผมหัวเราะทั้งสามคนก็หันมามองผม คล้าวส่งยิ้มมาให้ ทำให้ผมยิ้มตอบไปโดยอัตโนมัติ

   “ทำไมมายืนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตรงนี้”

   “มึงสิบ้า” ผมหุบยิ้มฉับแล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนชอบกวนประสาท

   “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” คล้าวถามด้วยสีหน้าห่วงใย เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ

   “ตอนนี้ยังไม่มีครับ พี่แค่เข้ามาหยิบของ ติวกันต่อเถอะ” ผมยิ้มให้คล้าว แค่ช่วยมาให้เห็นหน้าบ่อยๆ ก็มีกำลังใจมากแล้ว

   “เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ สองมาตรฐานชัดๆ” ธงรบมันบ่นเมื่อผมเดินไปใกล้ ผมเลยเอาสมุดที่หยิบมาฟาดมันไปทีด้วยความหมั่นไส้

   “โอ๊ย! เจ็บ น้องไม้ครับพี่เจ็บจังเลย” ธงรบหันไปสำออยกับไม้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม

   “ตอแหล!”

   “หึๆ” คล้าวหัวเราะแล้วมองธงรบอย่างรู้ทัน ส่วนไม้ได้แต่มองทุกคนงงๆ เหมือนประมวลผลไม่ทัน

   ตอนนี้ไม้มาติวกับคล้าวทุกวัน พอติวเสร็จก็มาหาผมกันทั้งคู่ ส่วนธงรบก็มาหาผมประจำอยู่แล้ว เลยได้เจอกันตลอด ทำให้ผมรู้ว่าธงรบมันสนใจไม้ เพราะมันแสดงออกชัดเจนไม่ได้ปิดบังอะไร

   ผมเลยลากมันไปซักเพื่อให้แน่ใจ เพราะมันไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อน พอธงรบบอกว่าจริงจัง ผมเลยวางใจ ถ้ามันพูดแบบนี้แสดงว่ามันทบทวนความรู้สึกตัวเองดีแล้ว เลยปล่อยให้มันเต๊าะไม้ต่อไป ซึ่งไม้มันก็ดูมึนๆ งงๆ คงคิดว่าธงรบแกล้งเล่นมากกว่า เด็กบื้ออย่างมันตามใครไม่ทันหรอก

   เห็นแล้วก็ทั้งขำทั้งเพลีย ไม่รู้จะสงสารใครดี ระหว่างไม้ที่โดนคนอย่างธงรบสนใจ หรือธงรบที่ดันไปสนใจคนซื่อบื้ออย่างไม้
 
   ได้แต่ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ผมส่ายหัวแล้วเดินออกไปทำงานต่อ ปล่อยให้ทั้งสามคนติวกันต่อไป


*******************************************


   ผมมองคล้าวเดินออกมาจากห้องลองผ้าด้วยแววตาเป็นประกาย ปกติแค่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนก็ดูดีอยู่แล้วเพราะคล้าวมีรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยงาม อกผายไหล่ผึ่ง บุคลิกดีมีความมั่นใจในตัวเอง พอมาใส่เสื้อผ้าที่ตัดมาพอดีกับรูปร่างแบบนี้ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่

   ผมกวาดสายตาไล่มองทั้งตัวอีกรอบ ก่อนจะขยับเข้าไปจัดปกเสื้อให้ พอสัมผัสผ้าไหมที่เรียบรื่นนุ่มมือก็เผลอลูบตั้งแต่บ่าลงมาเรื่อยๆ มารู้สึกตัวตอนคล้าวต้องจับมือเอาไว้ เพราะลูบต่ำไปจนเกือบถึงเอวแล้ว

   เวรแล้วไง ลืมตัว!

   พอเงยหน้าไปมองก็เห็นคล้าวยิ้ม แววตาที่มองมาก็วาววับซะจนต้องรีบดึงมือออก

   “แฮ่ม! เอ่อ สบายตัวดีไหมครับ”

   “แค่กๆๆๆ” เสียงกระแอมไอรอบๆ ตัวทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง ยังมีก้าง เอ๊ย! คนในร้านเป็นพยานอีกหลายคน

   รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ ขึ้นมาเลย

   “คำถามชวนคิดมากค่ะคุณแสนขา ว่าแต่น้องคล้าว ‘สบายตัว’ ดีไหมคะ คิกๆๆๆ” จูดี้ที่อยู่ใกล้ๆ เอ่ยปากแซวเป็นคนแรก ทำเอาคนอื่นหัวเราะกันครืน แล้วส่งสายตาล้อเลียนมาจนต้องถลึงตาปราม แต่ก็ไม่มีใครสนใจสักนิด

   พอหันไปมองคล้าวก็เห็นมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มขำๆ เห็นแล้วก็รู้สึกเขินมาอีก เลยต้องเปลี่ยนคำถาม

   “อึดอัดตรงไหนไหมครับ”

   “เอร๊ยยย คุณแสนขา ถ้าน้องคล้าวบอกว่า ‘อึดอัด’ ตรงบางจุดนี่คุณแสนจะช่วยให้น้องหายอึดอัดเหรอค้า” จบประโยคก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากทุกคนอีกระลอกไม่เว้นแม้แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

   โว้ย!ไม่ได้หมายถึงอึดอัดแบบนั้น!

   ผมหันไปถลึงตาใส่ทุกคนอีกรอบ  แต่ก็ไม่มีใครสนใจเหมือนเดิม เลยได้แต่ส่ายหน้าเพลียๆ เอาเถอะ จะล้อ จะแซวก็ตามสบาย เอาที่สบายใจกันเลย!

   “หึๆ พอดีแล้วครับ” คล้าวหัวเราะแล้วตอบผม เมื่อเห็นว่าหน้าผมเริ่มจะคว่ำแล้ว

   “โอเคครับ ถ้าพอดีแล้วพี่จะได้ไม่ต้องแก้ ว่าแต่..พี่ขอถ่ายรูปไว้หน่อยได้ไหมครับ” ผมส่งสายตาขอร้องไป

   “ได้สิครับ” พอได้รับอนุญาต ผมก็ยิ้มกว้าง รีบหยิบมือถือออกมาแล้วจัดท่าทางให้คล้าวก่อนจะกดถ่ายรัวๆ อย่างกับเป็นตากล้องมืออาชีพ

    แต่พอสบตากับนายแบบที่มองกล้องด้วยแววตาอ่อนโยนแล้วมือไม้ก็เริ่มสั่น ใจก็พลอยสั่นตามไปด้วย ผมเลื่อนสายตาจากหน้าจอไปสบตากับคล้าวโดยไม่ผ่านหน้าจอ เราทั้งคู่คงสบตากันนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น

   “โอ๊ย! เหม็นความรักจังเลยนะคะพี่มิ้น” ถ้าจูดี้เจ้าเก่าเจ้าเดิมไม่เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

   ผมสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว ส่วนคล้าวก็หลุบตาลงมองพื้นแล้วลูบท้ายทอยแก้เก้อ ทีนี้ต่างฝ่ายต่างก็ออกอาการเขิน เพราะลืมตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคนเหมือนเคย ยังดีที่วันนี้ธงรบมันติดธุระเลยลากไม้ไปทำธุระด้วย ไม่งั้นมันคงเข้าทีมจูดี้ร่วมล้อเลียนผมแล้ว

   ผมทำเป็นไม่สนใจคำล้อเลียนจากคนในร้าน มือก็กดถ่ายรูปคล้าวต่อไปโดยไม่ต้องจัดท่าทางแล้ว เพราะท่าทางเขินๆ แบบนี้น่าดูกว่าเป็นไหนๆ พอถ่ายจนพอใจแล้วผมก็ปล่อยให้คล้าวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

   หลังจากวัดตัวและตัดชุดเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มให้นางแบบนายแบบทยอยมาลองชุด เริ่มจากนายแบบใกล้ตัวอย่างคล้าวก่อน

   ผมกำหนดวันจัดงานไว้เรียบร้อยแล้ว การเตรียมงานค่อนข้างก้าวหน้าไปมากพอสมควร ช่วงนี้ก็ให้นายแบบที่มาลองชุดช่วยสอนเดินแบบให้คล้าวและให้คล้าวซ้อมเดินไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะซ้อมเดินบนเวทีจริงอีกที

   “เรื่องฝึกเดินมั่นใจขึ้นหรือยังครับ” ผมถามคล้าวระหว่างที่คล้าวช่วยจับผ้าให้ผมตัดอยู่

   “ครับ เท่าที่เห็นพี่ๆ เดินให้ดู เดินแบบผู้ชายไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ เดี๋ยวผมลองซ้อมบนเวทีอีกทีก็น่าจะมั่นใจขึ้นครับ พี่แสนไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ” คล้าวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง เห็นแล้วอดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “ไม่ต้องกดดันตัวเองมากนะ พี่ไม่อยากให้คล้าวเครียด” ผมมองคล้าวด้วยแววตาห่วงใย สาเหตุที่เสนอให้คล้าวมาเดินแบบให้ เพราะผมอยากช่วยคล้าวหารายได้อีกทางเท่านั้น ไม่อยากให้น้องมันกดดันตัวเองมากไป

   “ครับ พี่แสนไม่ต้องเป็นห่วง” คล้าวมองตอบมาด้วยแววตาอ่อนโยน

   “เด็กดี” เผลอหลุดคำที่อยู่ในความคิดออกไป คล้าวชะงักทันทีก่อนที่หน้าคมๆ นั้นจะเริ่มแดงขึ้นจนลามไปถึงใบหู แต่สายตาไม่ได้ละไปจากสายตาผมเลย

   “อะแฮ่ม! รู้สึกว่าวันนี้ในร้านจะมีมดเยอะจังเลยนะคะพี่มิ้นขา” เราสองคนชะงัก ก่อนจะละสายตาไปมองจูดี้ที่เอ่ยแทรกขึ้นมา

   “ธรรมดาแหละจ้ะ เพราะวันนี้บรรยากาศแถวนี้มันหวานมากกกก” พี่มิ้นรีบรับมุกทันที ทำเอาทุกคนหัวเราะคิกคักและมองมาด้วยแววตาล้อเลียนเต็มที่

   “หักเงินเดือน” ผมบอกเสียงเรียบ

   “หูยยยย/โหยยย” เสียงโอดครวญดังขึ้นมาแทนเสียงหัวเราะทันที

   “โธ่ คุณแสนขา จูดี้ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะจริงๆ นะคะ จูดี้แค่ส่งเสียงเตือนเพราะรอใช้ผ้าที่คุณแสนกำลังตัดแค่นั้นเองค่ะ แหะๆ” ผมส่ายหน้าด้วยความระอา ก่อนจะหันกลับมาตัดผ้าเจ้าปัญหาให้

   พอส่งผ้าให้จูดี้แล้วผมก็หันกลับมาสบตาคล้าว ก่อนที่เราสองคนจะยิ้มให้กันอีกครั้ง

   “อะแฮ่ม/แค่กๆๆ”

   คราวนี้ผมทำเป็นเฉย แล้วไงล่ะ ก็คนมันใจตรงกัน จะยิ้มให้กันก็ไม่เห็นแปลก ปล่อยให้บรรดาก้างทั้งหลายไอให้คอแตกตายกันไปเลย!
   

*******************************************

   
   ผมนั่งมองนายแบบนางแบบที่กำลังซ้อมเดินอยู่บนแคทวอร์กอย่างพอใจ หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาฟิตติ้ง ซ้อมจัดคิว และซ้อมเดินครั้งใหญ่ตอนใกล้จะถึงวันงาน

   “ใครเลือกนางแบบให้มึงวะ” ธงรบหันมากระซิบถามผม ระหว่างที่นั่งดูการซ้อมครั้งสุดท้าย ก่อนหน้านี้นี่ผมวิ่งวุ่นอยู่หลังเวที พอทุกอย่างลงตัวแล้วถึงได้ถูกไล่ให้มานั่งดูอยู่ด้านหน้าได้

   “ก็ช่วยๆ กันเลือกกับแม่กับคนที่ร้าน มีอะไรรึเปล่า” ผมถามเมื่อเห็นมันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

   “คนที่กำลังเดินมานั่นน่ะ กิ๊กเก่ากู” ผมมองตามสายตามันไป ก็เห็นนางแบบที่กำลังเดินมาหน้าเวทีมองมาที่เราสองคนอยู่พอดี

   “อืม แล้วไงวะ” ผมถามด้วยความงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับคำถามก่อนหน้านี้ด้วย

   “เธอไม่ค่อยชอบมึงเท่าไหร่”

   “หืม ผู้หญิงคนนี้กูไม่เคยเจอเลยนะ เค้าจะไม่ชอบกูเรื่องอะไรวะ”

   “เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ หาว่ากูอยู่กับมึงมากไป ไร้สาระ!”

   ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจ บอกมันไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่ฟังว่าสำหรับคนที่คบหากัน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างที่มันคิด

   “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เค้าคงแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกหรอกน่า”

   “กูก็หวังว่างั้น แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกกูนะ เดี๋ยวกูจัดการให้”

   “โอเค ถ้ามีปัญหากูจะรีบฟ้องมึงเลยครับพี่รบ” ผมหันไปทำหน้าทะเล้นใส่มัน ไม่รู้ว่ามันเขินหรือหมั่นไส้ มันเลยผลักหัวผมจนเกือบตกเก้าอี้

   หลังจากซักซ้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับเข้าไปช่วยทุกคนเก็บของและเช็คของด้านหลังเวทีต่อ ส่วนนายแบบนางแบบก็เริ่มทยอยกลับ เมื่อเห็นว่านางแบบที่เป็นกิ๊กเก่าธงรบเดินเข้ามาหาธงรบ ผมเลยเดินเลี่ยงไปทางอื่นแทน

   พอหันไปเห็นคล้าวกำลังช่วยเก็บของอยู่ ผมก็เดินเข้าไปหา

   “เหนื่อยไหมครับ” คล้าวเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้

   “ไม่เหนื่อยเลยครับ” ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่ซึมตามไรผมให้อย่างเบามือ ซึ่งคล้าวยืนนิ่งให้ผมเช็ดแต่โดยดี

   “อะแฮ่ม! คุณแสนขา จูดี้ก็เนื้อยเหนื่อยเหมือนกันนะคะ” จูดี้ที่ยืนเก็บของอยู่แถวๆ นั้นเอ่ยแซวขึ้นมา เรียกสายตาของคนที่เหลือให้มองตรงมาที่เราสองคนด้วย ผมหยิบกล่องกระดาษเช็ดหน้าที่อยู่ใกล้ๆ ส่งให้

   “เอาไปเช็ดเอง”

   “โหยยยย ลำเอียง จูดี้ก็อยากให้มีคนเช็ดหน้าให้บ้างอะไรบ้าง”

   “เดี๋ยวหนูหาน้ำมะพร้าวมาเช็ดให้ดีไหมคะเจ้ขา” น้องที่อยู่แถวๆ นั้นเอ่ยแซว ทำให้คนอื่นๆ หัวเราะกันครืน ไม่เว้นแม้แต่ผมกับคล้าวด้วย ทำเอาจูดี้ค้อนตาแทบกลับ

   “หัวเราะอะไรกัน” ธงรบถามเมื่อเดินมาถึง จูดี้จึงรีบเข้าไปฟ้องธงรบทันที

   ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาอย่างทิ่มแทง พอหันไปมองก็เห็นนางแบบคนนั้นกำลังจ้องมาที่ผมเขม็ง ข้างๆ มีนายแบบคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะผมถือว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดกับเธอ

   ระหว่างทางกลับบ้าน ธงรบบอกให้ผมระวังไว้บ้าง เพราะรู้สึกเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมรับการเลิกราในครั้งนี้สักเท่าไหร่ แถมยังโทษว่าเป็นความผิดของผมอีกด้วย

   ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลียและไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงของธงรบหลายๆ คนถึงไม่หนักแน่นกันบ้าง ปกติเวลาธงรบมันคบใคร มันก็คบทีละคน จะเสียอยู่ตรงที่บางครั้งมันให้ความสำคัญกับเพื่อนอย่างผมมากไปเท่านั้นเอง

   แต่ถ้าเชื่อใจกันเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สักวันถ้ามันรักคนๆ นั้นหมดใจ มันก็คงจะยกความสำคัญให้คนๆ นั้นอย่างเต็มที่เองนั่นแหละ แต่ไม่มีใครเข้าใจไง มันเลยคบแล้วเลิก คบแล้วเลิกอยู่แบบนี้ ก็ได้แต่หวังว่าถ้ามันจีบไม้ติดแล้วไม้จะเข้าใจมันบ้าง ผมอยากให้มันมีความสุขและมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที


*******************************************
   
   เมื่อถึงวันงานทุกคนก็ยุ่งจนหัวหมุนไปหมด อันที่จริงก็ยุ่งตั้งแต่ก่อนวันงานนั่นแหละ เหนื่อยจะแย่ แต่ก็สนุกกับมันมากเหมือนกัน การได้ทำในสิ่งที่เรารักนี่ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็มีความสุข ผมรู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักแบบนี้

   ผมเดินไปหาคล้าวที่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังยืนรอคิวอยู่ พอเห็นว่าคล้าวมีสีหน้าเครียดๆ เลยเดินไปใกล้ๆ แล้วเรียกคล้าวออกมาก่อน เพราะกว่าจะถึงคิวก็คงอีกสักพัก

   “ตื่นเต้นไหมครับ”

   “ครับ” คล้าวพยายามส่งยิ้มให้ผม แต่ดูก็รู้ว่าน้องมันเกร็ง ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือที่เย็นเฉียบขึ้นมากุมไว้ จ้องตาคล้าวด้วยแววตาจริงจังแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

   “พี่มั่นใจว่าคล้าวทำได้” คล้าวคลี่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

   “สู้ๆ นะครับ” เมื่อรู้สึกว่ามือคล้าวเริ่มอุ่นขึ้นผมจึงได้ปล่อยมือ

   “ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” คล้าวใช้มือปัดเส้นผมที่ระใบหน้าให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินกลับไปเข้าคิวเหมือนเดิม แต่ท่าทางที่ดูมั่นใจขึ้นนั้นก็ทำให้ผมได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู

   ผมลุ้นตลอดเวลาให้งานในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ก็ยังมีปัญหาให้แก้ไขกันตลอด ขนาดซักซ้อม นัดแนะกันมาซะดิบดีก็ยังเจอปัญหาอย่างชุดของบางคนคับไปหลวมไป นางแบบบางคนมาช้า ทำให้ต้องแก้ชุด สลับคิวกันให้วุ่น

   พอถึงคิวคล้าวผมก็ต้องแอบไปส่องลุ้นตอนน้องมันเดิน คล้าวทำได้ดีจนผมยิ้มปลื้ม พอน้องมันเดินกลับมาก็ได้แต่สิ่งยิ้มไปให้ เพราะไม่สามารถปลีกตัวไปคุยด้วยได้

   ตั้งแต่เริ่มงานก็รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด จนเมื่อถึงชุดฟินาเล่นั่นแหละผมถึงได้ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก ทุกคนมาช่วยจัดเสื้อผ้าให้ผม ก่อนจะไล่ให้ผมเดินขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายในฐานะดีไซเนอร์

   ผมเดินออกไปรับดอกไม้จากเฮียแผน แล้วส่งยิ้มให้ป๊ากับแม่ที่มองมาด้วยสีหน้าภูมิใจอยู่บริเวณแถวหน้า ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับกล้องจากสื่อที่เราเชิญให้มาร่วมงาน เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์งานในครั้งนี้

   หลังจากนั้นก็มีให้สัมภาษณ์แล้วก็ถ่ายรูปต่อกันอีกสักพัก จนเมื่อแขกเหรื่อทยอยกลับ งานจบลงด้วยดีก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยขึ้นมาทันที

   ผมให้เฮียพาป๊ากับแม่กลับไปก่อน เพราะทั้งสามคนต้องรีบไปงานบวชของลูกเพื่อนสนิทที่อื่นต่อ แต่ก่อนจะไปก็ผลัดกันถามย้ำแล้วย้ำอีกว่าผมจะไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่ได้อยู่ช่วยเก็บของ ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มด้วยความอุ่นใจที่คนในครอบครัวห่วงความรู้สึกของผมมาก่อนเสมอ

   “แสนไม่น้อยใจใช่ไหมลูก”

   “ไม่เลยครับ แม่ ป๊ากับเฮียไปกันเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงแสน งานก็จบแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เก็บของเอง แสนอยู่ได้ครับ”

   “เดี๋ยวรบอยู่เป็นเพื่อนแสนเองครับแม่ แม่กับป๊าไม่ต้องเป็นห่วงครับ” พอธงรบมันบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนผม แม่ถึงได้วางใจ พอครอบครัวผมกลับไปแล้ว มันก็บอกว่าจะเดินไปหาไม้ที่ยืนอยู่แถวหลังๆ คงไม่กล้าเดินเข้ามาหาเรา ผมเลยบอกมันว่าจะเดินเข้าไปด้านหลังก่อน

   ผมเดินเข้าไปด้านหลังเวทีก็เห็นทีมงานทุกคนต่างก็เก็บของกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและผ่อนคลาย พอกวาดสายตามองหาคล้าวก็เห็นว่าคล้าวยืนอยู่คนเดียวจึงเดินตรงเข้าไปหา

   แต่ยังไม่ทันถึงตัวก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสะดุดอะไรสักอย่างจนเกือบล้มตรงหน้าคล้าว แต่ว่าคล้าวคว้าไว้ทัน และไม่รู้ว่าล้มอีท่าไหนถึงได้อยู่ในท่าที่เหมือนซบกันแบบนั้น

   ผมหรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใจ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นกิ๊กเก่าของธงรบนี่นา ผมก้าวต่อไปจนถึงตัวทั้งคู่ พอมาใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าคล้าวพยายามดันร่างเธอออก แต่เธอกลับเกาะแน่นอย่างกับปลิง ผมหรี่ตามองภาพตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถาม

   “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” พอได้ยินเสียงของผม ผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆ ขยับร่างออกจากร่างของคล้าวอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะใช้มือเกาะแขนของคล้าวไว้แน่น

   “เอญ่ารู้สึกปวดข้อเท้าค่ะ” เธอตีสีหน้าเหมือนเจ็บปวดอย่างที่ปากว่า ผมจึงก้มลงไปมองข้อเท้าก็ไม่เห็นเห็นมีอะไรผิดปกติ รอยบวมรอยแดงสักนิดก็ไม่มี เห็นแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าถ้าแสดงเก่งขนาดนี้ทำไมไม่ไปเป็นนักแสดง คงจะรุ่งกว่าเป็นนางแบบเยอะ    ผมเงยขึ้นมามองหน้าเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนคล้าวก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าลำบากใจ

   “ไปนั่งดีกว่าครับ คุณจะได้พักขา ” พอได้ยินคล้าวบอก จูดี้ก็รีบไปลากเก้าอี้มาวางแล้วก็แกะมือเอญ่าออกจากแขนคล้าวแล้วประคองให้นั่งลงบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

   “นั่งเลยค่ะ จะได้รีบๆ หาย แล้วจะได้รีบๆ กลับ” จูดี้พูดด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบก่อนจะหันมาสบตาผมเหมือนรู้กัน

   “เอาน้ำแข็งประคบหน่อยไหมครับ เอ... หรือจะไปโรงพยาบาลดี” ผมถามยิ้มๆ

   “นั่นน่ะสิครับ เดี๋ยวผมพาไปเองก็ได้” ธงรบเดินเข้ามาพร้อมกับไม้แล้วถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่เสียงเรียบสนิท

   “ไม่เป็นไรค่ะ ได้นั่งพักแล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลย” เอญ่ารีบบอก ฟังแล้วก็อยากจะกลอกตา แต่มันจะดูไม่สุภาพ เลยได้แต่ยิ้มเหมือนไม่รู้เท่าทันแล้วถาม

   “แล้วนี่คุณเอญ่าจะกลับยังไงครับ มีคนมารับรึเปล่า”

   “เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ” เสียงใครคนหนึ่งแทรกขึ้นมาตอบแทนเจ้าตัว พอหันไปมองก็คุ้นๆ ว่าจะเป็นนายแบบคนหนึ่งที่มาร่วมเดินแบบในครั้งนี้

   “สรัญ” เอญ่าเรียกด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

   “สวัสดีครับคุณแสน” ผู้ชายคนนี้มองเอญ่าแว่บหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและธงรบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

   “สวัสดีครับ” ผมตอบกลับตามมารยาท สรัญก็ยิ้มรับก่อนจะหันไปสนใจเอญ่า

   “ไปครับเอญ่า เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” พูดจบก็ไม่รอให้เจ้าตัวตอบ รีบประคองนางแบบสาวจากไปทันที ผมได้แต่มองตามด้วยความงง ตกลงเขาเข้ามาช่วยผมใช่ไหม? พอหันมาสบตาธงรบก็เห็นมันทำหน้างงไม่แพ้กัน ก่อนมันจะยักไหล่เหมือนจะบอกว่าช่างมันเถอะ

พอเคลียร์เรื่องนี้แล้วเราก็ช่วยกันเก็บของต่อ ผมพาทีมงานไปเลี้ยงข้าวพร้อมทั้งลากคล้าวกับไม้ไปด้วย หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ค่อยนัดเลี้ยงใหญ่อีกทีวันหลัง เพราะวันนี้เหนื่อยกันมากแล้ว

“น้องไม้มานั่งข้างหน้ากับพี่สิครับ” ยังไม่ทันได้ขึ้นรถธงรบมันก็หันไปบอกให้ไม้มานั่งข้างคนขับ ผมหันไปมองไม้ก็เห็นน้องมันหันไปสบตากับลูกพี่มัน ก่อนที่มันจะผงกหัวให้คล้าวแล้วเดินมานั่งหน้าตามคำขอ

ท่าทางแบบนี้ดูท่าแล้วธงรบน่าจะมีหวัง ผมแอบยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะเปิดประตูก้าวไปนั่งด้านหลังกับคล้าวอย่างอารมณ์ดี

“เหนื่อยไหมครับ” ผมถามคล้าวเมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เหนื่อยครับ สบายมากกว่าทำนาเยอะเลย” คล้าวตอบยิ้มๆ ทำให้ผมอดจะยิ้มตามไม่ได้ ระหว่างที่ธงรบมันเปิดไฟในรถหาของอยู่ ผมเห็นว่ามีคราบดำๆ ติดอยู่ที่แก้มคล้าวก็เลยหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วขยับเข้าไปเช็ดให้ พอสะอาดแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะชะงักเมื่อสบตากับคล้าวพอดี

ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนเห็นเงาของตัวเองในดวงตาคล้าวชัดเจน ตาคมๆ ของคล้าวมองมาด้วยแววตาอ่อนโยนซะจนผมรู้สึกเหมือนจะละลาย

คล้าวเอื้อมมือมากุมมือที่ถือผ้าขนหนูไว้ก่อนจะเอียงหน้าซบกับมือของผม กิริยาที่เหมือนจะอ้อนนั้นทำให้หัวใจผมเหมือนจะเหลวเป็นน้ำ

น่ารักเกินไปแล้ว!

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้เราสองคนสะดุ้งขึ้นมาทันที พอหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นธงรบเอี้ยวตัวมาหรี่ตามองเราทั้งคู่ ส่วนไม้ก็มองเราตาปริบๆ

“ลืมกันรึเปล่าครับ ว่าไม่ได้อยู่กันสองคน ยังมีมนุษย์อยู่ตรงนี้อีกสองคนนะครับเพื่อน มึงเห็นกูเป็นอากาศธาตุเหรอ แหมมมม สร้างโลกส่วนตัวแบบไม่เกรงใจกันเลยนะ” ฟังแล้วก็ได้แต่ถลึงตาให้มัน พอหันไปมองคล้าวก็เห็นกำลังลูบท้ายทอยแก้เขินอยู่ ขนาดหน้าด้านๆ อย่างผมยังรู้สึกว่าหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาเลยนับประสาอะไรกับน้องมัน

“หึๆ นานๆ จะเห็นมึงเขินซะที เป็นบุญตาจริงๆ” ธงรบมองมาด้วยสีหน้าล้อเลียน เลยถลึงตาใส่มันไปอีกที

“เงียบน่า หาของเจอยัง ออกรถไปเลยไป”

“หึๆๆ” มันยังคงหัวเราะในลำคออย่างน่าหมั่นไส้ ผมเลยขยับไปฟาดแขนมันแรงๆ ไปสองที

“โอ๊ย! เขินแล้วต้องรุนแรงด้วย”

“เอาอีกทีไหม”

“พอๆ แขนกูแดงแล้วเนี่ย ไม้ครับ พี่เจ็บ” มันยื่นแขนไปให้ไม้ดู ทำหน้าเหมือนเจ็บเสียเต็มประดา เห็นแล้วหมั่นไส้จนอยากจะซัดแรงๆ อีกหลายๆ ที

“ตอแหล ไม้อย่าไปสนใจมันครับ แค่นั้นไม่สะเทือนหนังหนาๆ ของมันหรอก”

“แหะๆ” ไม้มันหัวเราะเหมือนทำอะไรไม่ถูก

“เป่าให้พี่หน่อยสิ” ฟังแล้วได้แต่กลอกตา

“มึงเป็นเด็กอนุบาลรึไง” แต่มันไม่ได้สนใจผมสักนิด ยังคงยื่นแขนไปให้ไม้แล้วก็จ้องกดดันน้องมันอยู่อย่างนั้น ไม้มันแขนแล้วมองหน้าธงรบ ก่อนจะเหลือบมามองผมที่มองอย่างสนใจว่าไม้จะรับมือกับธงรบยังไง

“เอ่อ เดี๋ยวมันก็หายแล้วพี่ ผมโดนกระทืบหนักกว่านี้ยังไม่เจ็บเลย”

“เหรอ” อันนี้ลูกพี่มันถามเสียงเรียบ

“แหะๆ เจ็บหน่อยก็ได้” พอได้ยินคำตอบลูกน้อง คล้าวก็ส่ายหน้าด้วยความระอา

แต่ก่อนไม้มันไปมีเรื่องกับวัยรุ่นบ้านอื่นแล้วโดนกระทืบมาประจำ สาเหตุหนึ่งก็เพราะหน้าตามันกวนตีนอย่างเป็นธรรมชาติ วัยรุ่นบ้านอื่นเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ หรือบางทีมันก็มีน้ำใจไม่เข้าเรื่อง ชอบไปช่วยเพื่อนๆ ในหมู่บ้านเวลามีเรื่องจนพลอยโดนกระทืบมาด้วย กลับมาทีไรก็วิ่งโร่มาให้คล้าวทำแผลให้ทุกที

“ไปเถอะ น้องๆ จะได้กลับไปพักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ผมตัดบท เพราะรู้สึกเพลียๆ ขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งธงรบก็ยอมขับออกไปแต่โดยดี

หลังจากส่งน้องๆ เรียบร้อยแล้ว ผมก็ย้ายมานั่งข้างคนขับแทน บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบ เพราะผมกำลังนึกถึงนางแบบที่ชื่อเอญ่าคนนั้น

   “มึงว่าเธอคิดจะทำอะไรวะ” ผมหันไปถามธงรบอย่างคิดไม่ตก

   “ไม่รู้กูเดาไม่ถูก แต่มึงก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน” ธงรบขมวดคิ้วมุ่นเหมือนกำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

   “อืม มึงไม่ต้องเป็นห่วง กูดูแลตัวเองได้”

   “กูขอโทษด้วยที่เอาปัญหามาให้มึง” ธงรบเหลือบมามองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “มึงไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย จะขอโทษทำไม อีกอย่าง มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย จริงๆ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ผมพยายามคิดในแง่ดี

   “กูก็หวังว่าอย่างงั้น”

   อืม ผมก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกัน
   

*************************************************************************

ตอนแรกคิดว่าจะให้จบภายใน 20 ตอน แต่ดูๆ แล้วน่าจะยัง ถถถ
ยังไงก็อยู่เป็นเพื่อนกันไปก่อนนะคะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

*************************************************************************


☼ iceman555 ต้องจัดการคนบีบแตรค่ะ ไม่รู้เรื่อง 55555
☼ k2blove มาค่ะ มาหวานต่ออีกตอน ก่อนที่จะ....แค่กๆๆๆ โปรดติดตามตอนต่อไป 55555
☼ suikajang ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า ดีใจที่ชอบนะคะ ฝากพี่แสนกับน้องคล้าวด้วยค่ะ ส่งก้อนหินไปกราบแนบอกงามๆ 55555
☼ aoihimeko มาเหม็นความรักต่ออีกตอนค่ะ 55555 ส่วนฉากรัก คงอีกสักพักกกก อีเว้นท์เยอะกันเหลือเกิน แค่กๆๆ ธงรบนี่ไม่เนียนจริงๆ คนจับได้หมดแล้วววว
☼ puiiz  :L2: :pig4: :L2:
☼ PsychePie ใช่ค่ะ ถ้าน่ารักกว่านี้คงมีปล้ำ แค่กๆๆๆๆ

รักคนอ่านทุกคนค่า

 :L1: :L1: :L1:[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2018 09:24:17 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
สตอมาก เห็นชื่อแล้ว  :beat:  เอญ่าถ้ามาสร้างปัญหาเดะให้ทองกวากควิดเลยนิ
      :L1:    :pig4:   :L2:

ปล.ส่งก้อนหินมาระวังโดนยึดนะจ๊ะ พูดแล้วก็คิดถึง จะมีเรื่องคุณไฟบ้างไหมค่ะ  :impress2: 

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ชะนีกับผู้ที่เข้ามาช่วยเอญ่าต้องร่วมมือกันแน่ๆเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ระวังหน่อยนะแสน คนที่จ้องทำลาย โอกาสจะมากกว่าคนที่ไม่ได้ระวังตัวนะจ๊ะ
ว่าแต่ส่งสายตาปิ้งๆ กันสองคนนะ เพลาๆ ลงบ้างก็ได้ คนอ่านอิจฉานะ
 :haun4: :hao7:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เจอมารผจญอีกแระ

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
ระวังๆน้าน้องทองกราว ทำไมมามารมาผจญน้องอีกแว้วววว

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อย่าให้ได้มีจังหวะสร้างโลกส่วนตัวเชียว สร้างโลกส่วนตัวกันทันทีเลยน้า สองคนนี้อ่า ทั้งพี่ทั้งน้องเลย
ยัยเอญ่าทำให้เรานึกถึงเพื่อนสมัย ม ปลาย เล่นละครล้มเจ็บประมาณนี้เลย แต่ดูก็รู้ว่าปลอม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะะ สนุกมากๆเลย ติดตามน้ะ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น้องเอวยอกอยู่เป็นคนดีๆไม่ชอบหรอคะ? ถึงทำตัวเป็นเห็บ หมัด คอยแต่จ้องจะโดดกัดคนอื่น แผนตื้นๆที่คิดไว้เดี๋ยวให้แสนเอาดินมากลบให้มิดเลยนิ :katai3: (มโนไปไกลละ 555)

ทำไมตอนนี้น้องคล้าวมันน่ารักจังว้าาาาา. สู้ๆนะแสนลากเข้าห้องให้ได้  :pigha2:

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ชอบตั้งแต่เรื่องก้อนหินแย้วววว มาเรื่องนี้ฟังเพลงไปด้วยอ่านไปด้วยฟินนนน ห้ามทิ้งต้องแต่งให้จบเข้าใจม้ายยยยยส
 :katai4: :ling1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เฮียธงรุกน้องไม้หนักมาก.   :hao3:

ส่วนคู่นั้นก็หวานกันไม่เกรงใจใครเลย แต่ก็จวนเจียนจะได้จุ๊บกันหลายทีล่ะนะ.  :laugh:

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ติดตามจ้า  สนุกอ่ะ ลุ้นว่าพี่แสนจะได้กินน้องคล้าวเมื่อไหร่

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชะนีเอญ่ากับนายแบบที่ชื่อสรัญอะไรนั่นต้องเป็นมารความรักน้องคล้าวกับพี่แสนแน่ๆเลย

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อย่าได้มีมาม่าเลยยยยย

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 17

   ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจ

   หลายวันมาแล้วที่คล้าวไม่รับโทรศัพท์ผม วันแรกก็ยังไม่รู้สึกอะไร คิดว่าน้องมันคงยุ่ง เพราะหลังจากมาเดินแบบให้ผมแล้วก็มีคนติดต่อมาให้เป็นนายแบบในงานต่อๆ ไปอีกหลายงาน ซึ่งผมก็ให้การสนับสนุนและคอยให้คำแนะนำเป็นอย่างดี เพราะอยากให้น้องมันมีรายได้มากขึ้น

   จนวันต่อมานั่นแหละถึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะส่งไลน์ไปคล้าวก็ไม่อ่าน ส่งข้อความไปก็เงียบ โทรไปก็ไม่รับ ทั้งๆ ที่ปกติคล้าวจะตอบทุกช่องทางที่ผมติดต่อไปเร็วทุกครั้ง ไม่เคยปล่อยให้ผมต้องรอข้ามวันเลยสักครั้ง

   ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดในแง่ดีว่าน้องมันคงยุ่งจริงๆ ตอนเย็นๆ จึงไปหาที่หอพักเลย แต่ก็ไม่เจอ ผมจึงไปหาไม้ที่ร้านอาหารญาติไม้แทน

   ญาติของไม้บอกว่าช่วงนี้ทั้งสองคนไม่อยู่ที่ห้อง บอกว่าจะไปพักที่อื่นสักระยะหนึ่ง นั่นแหละผมถึงได้รู้ตัวว่ากำลังโดนหลบหน้าอย่างแน่นอน

ผมทั้งมึนทั้งงง เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็ดูปกติดี ไม่มีวี่แววว่าจะมีปัญหามาก่อนสักนิด

“คุณแสนคะคุณแสน” ผมหลุดจากความคิดวุ่นวายในหัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นของพี่มิ้น

“ครับพี่มิ้น มีอะ...” ยังไม่ทันได้ถามจนจบ พี่มิ้นก็จับมือผมแล้วลากจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ไปทางฝั่งห้องตัดเย็บทันที

“เร็วๆ ค่ะมาดูนี่เร็ว เดี๋ยวไม่ทัน” ผมได้แต่เดินตามแรงลากไปด้วยความงงจนไปถึงหน้าจอโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องก็ยังคงงงอยู่ว่าพี่มิ้นลากมาทำไม

“ต่อไปก็มาถึงข่าวคราวของน้องเอญ่า นางเอกคนใหม่ของช่อง x ค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าเธอเพิ่งจะอกหักจากนักธุรกิจหนุ่มคนดัง แต่ตอนนี้มีข่าววงในออกมาว่ามีคนเข้ามาดามใจเธอแล้วค่ะ เป็นนายแบบหน้าใหม่ในวงการ”

ภาพตัดไปที่การสัมภาษณ์เอญ่าซึ่งผมจำได้แม่นว่าเป็นกิ๊กเก่าของธงรบที่ยืนให้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้มหวานๆ ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ นางแบบสาวด้วยสีหน้านิ่งๆ ก็คือคนที่ผมติดต่อไม่ได้มาจนถึงตอนนี้ แค่เห็นภาพก็รู้สึกเหมือนใจจะหายวูบขึ้นมาทันที

“ความสัมพันธ์ตอนนี้คืออะไรคะ”

“ตอนนี้ก็เป็นพี่เป็นน้องกันค่ะ”

“แล้วมีโอกาสพัฒนาไหมคะ”

“อันนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ ใช่ไหมคะคล้าว”

   “ครับ มันเป็นเรื่องของอนาคต” คล้าวตอบสั้นๆ ก่อนจะหลุบตาลงเหมือนจะตัดบท แล้วภาพก็ตัดมาที่รายการบันเทิงอีกครั้ง

   “ก็อย่างที่เห็นกันนะคะ ได้ข่าวว่าน้องนายแบบหน้าคมอายุน้อยกว่าน้องเอญ่าด้วยค่ะ แหม แต่เขาว่ากันว่ากินเด็กแล้วจะเป็นอมตะไงคะ แถมหล่อๆ แบบนี้คงมีคนอยากเป็นอมตะกันเยอะแน่นอนค่ะ เอาล่ะค่ะ ข่าวต่อไปก็เป็นเรื่องของ...”

   ผมยังคงยืนจ้องจอโทรทัศน์นิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ภายในหัวยังมีแต่ข่าวที่ได้ยินวนเวียนเต็มไปหมด รู้สึกว่าหัวใจวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก

   “คุณแสนคะ” ผมหันมามองหน้าพี่มิ้นที่มองมาด้วยสีหน้าห่วงใย

   “ครับ” พี่มิ้นอึกอักเหมือนเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก จนจูดี้ต้องพูดแทรกขึ้นมาก่อน

   “คุณแสนอย่าไปเชื่อข่าวเลยนะคะ นักข่าวขี้มโนไปอย่างนั้นเองค่ะ จูดี้เชื่อว่าน้องคล้าวคงไม่มีทางไปคบกับน้องกินหญ้านั่นแน่นอน” ทั้งๆ ที่เครียดอยู่ก็อดจะขำคำเรียกของจูดี้ไม่ได้

   “ใช่ค่ะ ต้องยิ้มเข้าไว้ค่ะ คุณแสนของจูดี้เหมาะกับรอยยิ้มมากที่สุด”

   “นั่นสิคะ คุณแสนอย่าทำหน้าเศร้าเลยพี่มิ้นเป็นห่วง”

   “ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้ทุกคนที่มองมาอย่างเป็นห่วงด้วยความตื้นตัน ดีใจที่มีพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต จากที่ได้ร่วมงานกันมาจนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่พนักงานในร้านเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนครอบครัวในบ้านอีกหลังหนึ่งของผมด้วย

   “แสน” เสียงเรียกด้วยน้ำเสียงหอบๆ ทำให้เราทั้งหมดหันไปมอง เห็นธงรบเดินมาหาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลผมก็อดจะยิ้มไม่ได้

   “เป็นยังไงบ้าง” เมื่อเดินมาถึงตัวธงรบก็ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบน้อยครั้งจะได้ยิน

   “ไม่เป็นไร”

   อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที

   เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น พอเห็นเป็นเบอร์ของเฮียแผน ผมจึงหันไปบอกกับทุกๆ คน

   “ทุกคนไปทำงานเถอะครับ ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง” พูดจบก็พยักหน้าเรียกธงรบเข้าไปที่โต๊ะทำงานแล้วกดรับสายจากเฮียแผน

   “เฮียเห็นข่าวแล้วเป็นห่วง เลยโทรมาถามก่อนเข้าห้องประชุม แสนเป็นยังไงบ้าง” พอรับสายปุ๊บเฮียก็เข้าเรื่องทันที

   “ไม่เป็นไรครับเฮีย รบอยู่ที่นี่แล้ว เฮียไม่ต้องเป็นห่วง เข้าประชุมไปเถอะครับ”

   “ถ้ารบอยู่ด้วยเฮียก็วางใจ ไม่ต้องคิดมากนะ ทำใจให้สบาย เดี๋ยวเฮียออกจากห้องประชุมแล้วจะไปช่วยคิดช่วยจัดการอีกแรง”

   “ครับเฮีย” หลังจากวางสายแล้วผมก็มองหน้าจอแล้วยิ้มด้วยความอุ่นใจ ต่อให้ต้องเสียใจก็ยังมีคนที่รักคอยอยู่เคียงข้างเสมอแบบนี้แล้วผมจะต้องกลัวอะไรอีก

   “มันเกิดอะไรขึ้นวะ” ธงรบถามเมื่อเห็นว่าผมวางสายจากเฮียแผนแล้ว ผมนั่งลงบนเก้าอี้ในโต๊ะทำงาน มันก็เดินมานั่งตรงกันข้ามทันที

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ กูก็ติดต่อคล้าวไม่ได้อย่างที่บ่นกับมึงก่อนหน้านี้ แล้วก็มาเห็นข่าวนี้นี่แหละ”

   “กูก็ติดต่อไม้ไม่ได้เหมือนกัน กูว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ” ธงรบพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด

   “กูก็ว่างั้น อยู่ๆ ก็ติดต่อคล้าวไม่ได้ แต่เห็นอีกทีกลับไปอยู่กับน้องกินหญ้าแล้ว”

   “ห๊ะ! ใครวะ”

   “น้องเอญ่ามึงไง จูดี้เรียกน้องกินหญ้า”

   “พรืด ฮ่าๆๆๆ คิดได้ไงวะ”

   นั่นสิ นึกถึงแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้เหมือนกัน

   “เดี๋ยวกูไปสืบให้เอง” พอหัวเราะจนพอใจแล้วธงรบก็บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “อืม ขอบใจมาก ช่วงนี้กูกำลังยุ่งกับออเดอร์ ฝากมึงด้วยแล้วกัน” งานแฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นได้ผลดีเกินคาด เพราะหลังจากจบงานแล้วก็มีลูกค้าหน้าใหม่ๆ มาซื้อสินค้าทั้งหน้าร้าน แต่สั่งตัดเป็นพิเศษเพิ่มอีกหลายราย ทำให้ช่วงนี้ผมยุ่งจนหัวหมุนไปหมด เลยต้องพักเรื่องหัวใจเอาไว้ก่อน

   “โอเค เดี๋ยวกูบอกเฮียกับเจ้ว่าช่วยจัดการธุระให้มึง เดี๋ยวกูก็ว่าง”

   “สัด! ทำมาอ้างกู ขี้เกียจก็ว่ามาเถอะ” ผมแกล้งว่ามัน

   “ก็อ้างมึงทีไรได้รับอนุมัติทุกทีนี่หว่า” มันยักไหล่แล้วยิ้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
 
   แต่ก็อย่างที่มันบอกนั่นแหละ ทั้งป๊า ม๊า และเฮียๆ เจ้ๆ มันก็น่ารักกันจริงๆ ครับ เพราะเรื่องที่ผมจมน้ำเมื่อตอนเด็กแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ทุกคนฝังใจกันมาจนถึงทุกวันนี้ 

   ขนาดผมพูดจนปากเปียกปากแฉะว่าไม่ต้องเอาใจใส่ผมขนาดนั้นก็ได้ เพราะตอนนี้ผมแข็งแรงและดูแลตัวเองได้แล้ว ทุกคนก็ยังไม่สนใจ ยังคงช่วยกันดูแลผมเป็นอย่างดีเหมือนเดิม แถมยังคอยส่งน้องคนเล็กอย่างธงรบให้มาดูผมอย่างเต็มอกเต็มใจอีกด้วย

   ในความรู้สึกของผม ทุกคนในบ้านของธงรบก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของผมเหมือนกัน และคิดว่าคนบ้านนั้นก็คงคิดไม่ต่างกันอย่างแน่นอน



   หลังจากเลิกประชุมและเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว เฮียแผนก็โทรมาบอกให้ผมกับธงรบไปรอที่บ้านก่อน ผมกับธงรบมารอในห้องพักผ่อนได้ไม่นานก็เห็นเฮียแผนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่เมื่อเดินมาใกล้แล้วเห็นว่าผมยิ้มให้ สีหน้าเฮียก็คลายลงทันที

   “เป็นยังไงบ้างแสน มันเกิดอะไรขึ้น” เฮียแผนทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามผมแล้วก็เข้าประเด็นทันที

   ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เฮียแผนฟัง เฮียแผนก็นั่งฟังเงียบๆ จนจบ ก่อนจะถามขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง

   “แสนเลือกเอาว่าจะให้เฮียไปกระทืบหรือจะให้เฮียไปฉุดมาให้แสนดี”

   “พรืด ฮ่าๆๆ ฉุดมาก็ดีนะเฮีย เดี๋ยวแสนจะปล้ำเอง ปล้ำเช้าปล้ำเย็น เอาให้หมดแรงกันไปข้าง รับรองว่าน้องมันไปไหนไม่รอดแน่”

   ป๊อก!

   “โอ๊ย! เฮียดีดหน้าผากแสนทำไมเนี่ย” ผมคลำหน้าผากด้วยความงง เมื่ออยู่ๆ เฮียก็ดีดหน้าผากกันเฉยเลย

   “เรานี่มัน...” เฮียแผนทำหน้าเหมือนมันเขี้ยว ก่อนจะช่วยลูบหน้าผากให้เบาๆ

   กลัวน้องเจ็บแล้วจะดีดทำไม ไม่เข้าใจอะ ทำอะไรย้อนแย้งกันจริงๆ เฮียเนี่ย

   “แรด! ถ้าเฮียไม่กล้าด่า ผมด่าให้ก็ได้” ธงรบมันพูดต่อให้ เมื่อเห็นเฮียหยุดแค่นั้น

   “ก็ดีกว่าขี้เสือก!” ผมหันไปเถียงมันทันที

   “แสนจะทำยังไงต่อ จะให้เฮียช่วยอะไรบอกมาได้เลย” ผมหันมายิ้มประจบเมื่อเฮียแผนถาม ก่อนจะอธิบายสิ่งที่คิดให้เฮียแผนฟัง

   “ธงรบมันบอกว่าจะไปสืบดูก่อนครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แสนก็ว่าจะดูที่มาที่ไปก่อนค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะทำยังไงต่อไปครับเฮีย ตอนนี้เฮียแค่คอยเป็นกำลังใจให้แสนก็พอ” พอพูดจบผมก็ขยับเข้าไปกอดแล้วซบเฮียอ้อนๆ

   “เอาอย่างงั้นก็ได้ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรหรือมีอะไรให้เฮียช่วยก็รีบบอกนะ” ซึ่งเฮียแผนก็กอดตอบแล้วลูบหัวลูบหลังอย่างอ่อนโยนจนผมอดจะยิ้มไม่ได้

   “ครับเฮีย ถ้ามีอะไรแสนจะรีบบอกเฮียเลย” พูดจบก็ยักคิ้วให้ส่วนเกินที่มองมาด้วยสีหน้าหมั่นไส้เต็มที่

   หึๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครที่เป็นน้องรักกันแน่
   
************************************************************

   หลังจากนั้นระหว่างที่ธงรบตามสืบอยู่ ผมก็พยายามติดต่อหาคล้าวตลอด แต่ก็ยังคงติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม เหลือแค่คนเดียวที่คิดออกว่าคล้าวน่าจะติดต่ออยู่ตลอดก็คือหลวงตา แต่คงไม่กล้าโทรไปรบกวนและไม่คิดจะโทรไปรบกวนท่านด้วย

   ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่หยิบมาเช็คตามความเคยชินแล้วถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง หายไปไหนของเค้านะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง จะสบายดีหรือเปล่า จะมีใครรังแกไหม

   เฮ้อ! ถอนหายใจอีกทีเพราะไม่มีปัญญาทำอะไรได้ไปมากกว่านี้

   “คุณแสนคะ มีคนมาขอพบค่ะ เขาบอกว่าชื่อ...”

   เด็กในร้านยังไม่ทันพูดจบ ผมก็รีบเดินไปที่หน้าร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะต้องถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่ผมรอ

   “สวัสดีครับคุณแสน” ผู้ชายตรงหน้าหันมาทักด้วยรอยยิ้ม จนผมต้องปั้นยิ้มการค้าตอบไป

   “สวัสดีครับคุณสรัญ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับผมครับ”

   “โธ่ คุณแสนทักซะเป็นทางการเลยนะครับ ผมก็แค่ชอบงานคุณแสนก็เลยมาอุดหนุนแล้วก็อยากจะทักทายคนเก่งๆ อย่างคุณแสนหน่อยน่ะครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจในตอนแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคำชื่นชมในประโยคหลัง

   “ขอบคุณนะครับ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบายเลยครับ” ผมกล่าวตามมารยาท

   “เอ่อ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากนัก คุณแสนช่วยผมเลือกหน่อยได้ไหมครับ ในฐานะดีไซเนอร์คุณแสนน่าจะเลือกแบบที่เหมาะกับผมได้มากกว่าตัวผมแน่ๆ” ก่อนที่ผมกำลังจะเอ่ยขอตัว คุณสรัญก็เอ่ยขอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเกรงอกเกรงใจซะจนผมปฏิเสธไม่ลง

   “ก็ได้ครับ”

   เนื่องจากคุณสรัญบอกว่างบไม่จำกัด ผมเลยช่วยคุณสรัญเลือกเสื้อผ้าด้วยความเพลิดเพลิน เพราะปกติพวกนายแบบนางแบบก็มีบุคลิกที่ดี เหมาะกับเสื้อผ้าหลายๆ แบบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะใส่ตัวไหนก็เหมาะก็ดูดีไปหมด จนผมอดจะอิจฉาในรูปร่างของเขาไม่ได้

   “ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอเลี้ยงข้าวคุณแสนได้ไหมครับ” พอชำระเงินเรียบร้อย คุณสรัญก็หันมาถามผมทันที

   “เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรครับ” ผมถามยิ้มๆ

   “ถือว่าผมเลี้ยงที่คุณแสนช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ผมก็ได้ครับ” คุณสรัญก็รีบตอบทันที

   “ก็คุณสรัญซื้อเสื้อผ้าร้านผมนี่ครับ ผมเลือกให้ก็ไม่แปลก อีกอย่าง คนที่เป็นฝ่ายได้ก็เจ้าของร้านอย่างผมนี่ครับ”

   “ถ้าอย่างงั้น เลี้ยงในฐานะที่เรารู้จักกันมากขึ้นก็ได้ครับ”

   คิกๆๆ ผมเหลือบตาไปปรามพนักงานที่กระดิกหูฟังอยู่รอบๆ แล้วหัวเราะคิกคักกันอย่างชอบใจ

   “นะครับ” พอเห็นว่าผมนิ่ง คุณสรัญก็ส่งสายตาอ้อนวอนมาอีก

   “ก็ได้ครับ ถ้าไปทานที่ศูนย์อาหาร ผมตกลงก็ได้”

   “โอเคครับ ศูนย์อาหารก็ศูนย์อาหาร” คุณสรัญรีบตอบรับด้วยรอยยิ้ม

    จากการที่ได้พูดคุยทำให้รู้ว่าคุณสรัญเป็นคนที่อัธยาศัยดีมาก ทั้งคุยเก่งและมีอารมณ์ขัน จนทำให้ผมพลอยยิ้มและหัวเราะไปกับบทสนทนาที่เขาสรรหามาชวนคุยตลอด

   “ถ้ามีโอกาส ผมแวะมาชวนคุณแสนไปทานข้าวอีกได้ไหมครับ” เมื่อมาถึงร้านแล้วคุณสรัญก็ถามผมด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม

   “ได้สิครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้มตามมารยาท ในเมื่อคุยกันถูกคอ ถ้าจะคบหาเป็นเพื่อนผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

   พอได้รับคำตอบสมใจ คุณสรัญก็เดินจากไป ส่วนผมพอหันกลับมาก็เห็นคนในร้านจ้องมาที่ผมกันสลอน

   “อะแฮ่ม! มองอะไรกันครับ ทำงานไปสิครับทำงาน” พอปรามก็ไม่มีใครสลด มีแต่ส่งสายตาล้อเลียนและหัวเราะคิกคักกันเหมือนเดิม ผมเลยได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอาแล้วเดินหนีเข้าห้องไป จะได้เลิกล้อกันสักที
   


   วันต่อผมก็ได้เจอคุณสรัญในงานเลี้ยงตอนเย็นที่ไปเป็นเพื่อนแม่อีกครั้ง

   เนื่องจากวันนี้มีงานเลี้ยงที่สำคัญพร้อมกันสองงาน บ้านเราก็เลยต้องแยกกันไป โดยที่เฮียแผนต้องไปเป็นเพื่อนป๊าเพราะเป็นงานที่เกี่ยวกับธุรกิจ ทำให้ผมต้องมาเป็นเพื่อนแม่ในงานเปิดตัวสินค้าของบริษัทเพื่อนแม่แทน

   แล้วก็บังเอิญได้เจอคุณสรัญกับแม่ในงาน แม่ของเรารู้จักกันอยู่แล้ว ก็เลยแนะนำให้เราสองคนรู้จักกันไว้ ซึ่งผมก็เพิ่งจะรู้ว่าที่แม่เลือกคุณสรัญไปเดินแบบให้ก็เพราะแม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวมาก่อนนั่นเอง

   พอแนะนำตัวเสร็จ แม่ของเราก็ให้เรียกพี่เรียกน้องแทนคำว่าคุณเพื่อความเป็นกันเอง ก่อนจะจูงมือกันไปหาเพื่อนๆ แล้วปล่อยให้ผมยืนงงในดงผู้ร่วมงานกับคุณสรัญที่ตอนนี้ต้องเรียกพี่สรัญต่อไป

   “น้องแสนดื่มอะไรดีครับ” พี่สรัญถามขึ้นเมื่อบริกรเดินผ่านมา

   “อะไรก็ได้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ครับ” ผมดึงสายตาจากทางที่แม่เดินหายไปมาตอบพี่สรัญทั้งที่ยังคงงงอยู่

   “หึๆ ครับ”

ผมเกือบจะเผลอถลึงตาใส่ด้วยความลืมตัว เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะขำๆ จากคนถาม แต่นึกขึ้นได้ว่าเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเลยยั้งตัวเองไว้ทัน ถึงอย่างนั้นพี่สรัญก็ยังกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น นี่ถ้าเป็นธงรบผมคงซัดไปสักตุบสองตุบแล้วไม่ปล่อยไว้แบบนี้หรอก

“แสน” พูดถึงธงรบ ธงรบก็เดินมาหาพอดี

ตอนแรกก็เดินเข้างานมาด้วยกันอยู่หรอก แต่อยู่ๆ ม๊ามันก็ลากไปไหนไม่รู้ เดาว่าตอนนี้บรรดาแม่ๆ คงเจอกันแล้วถึงได้ปล่อยมันมา

   ทำไมรู้สึกตะงิดๆ ยังไงพิกล แต่ก็นึกไม่ออกว่ามันแปลกที่ตรงไหน

   “กินอะไรอยู่” ความคิดของผมชะงักลงเมื่อได้ยินคำถามของธงรบ

   “น้ำส้ม” พอฟังคำตอบแล้วมันก็พยักหน้าอย่างพออกพอใจ จนผมได้แต่กลอกตา

ทั้งมันและเฮียตกลงกันไว้ว่าจะอนุญาตให้ผมกินแอลกอฮอล์ได้ก็เฉพาะเวลาที่อยู่กับทั้งคู่เท่านั้น ห้ามไปกินที่ไหนคนเดียวเด็ดขาด แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำสั่งพ่อ No.2 No.3 อย่างเคร่งครัด ซึ่งผมก็ไม่ได้ต่อต้านหรือลำบากใจอะไร เพราะถือว่ามันเป็นความห่วงใยของทั้งคู่และทุกอย่างที่ทั้งสองคนระวังต่างก็เป็นผลดีกับผมทั้งนั้น

“สวัสดีครับคุณรบ” พี่สรัญทักทายธงรบก่อน เมื่อมันมัวแต่มองผม ไม่มีทีท่าว่าจะมองคนอื่นสักนิด

“อ้าว! สวัสดีครับคุณ?” ธงรบหันมามองแล้วทำท่าเหมือนพยายามนึกชื่อคู่สนทนา

“สรัญครับ”

“อ้อ สวัสดีครับคุณสรัญ” ธงรบยิ้มก่อนจะยื่นมือให้ ซึ่งพี่สรัญก็ยิ้มให้ตามประสาคนอัธยาศัยดีแล้วจับมือทักทายกลับ

“ทำไมมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะ” พอปล่อยมือแล้วมันก็หันมาถามผมทันที

“พอดีเจอพี่สรัญกับแม่ แม่ของเราก็รู้จักกันเลยจูงมือกันไปโน่นแล้ว แล้วก็ปล่อยให้เราอยู่เป็นเพื่อนคุยกันต่อน่ะ”

“พี่สรัญ?” ธงรบหรี่ตาแล้วย้ำคำที่ผมเรียก

“แม่ให้เรียก” ผมอธิบายเหตุผลสั้นๆ ธงรบเลยพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจกัน

เราสามคนคุยเรื่องสรรพเพเหระกันไปเรื่อยๆ เพราะต่างคนต่างก็ชินกับการเข้าสังคมกันอยู่แล้ว เลยสามารถคุยกันได้แทบทุกเรื่อง จนเมื่อถึงเวลาเปิดตัวสินค้า เราทั้งสามจึงหันไปสนใจกิจกรรมบนเวทีแทน

ผมหรี่ตามองเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินออกมาบนเวทีชัดๆ

“นั่นน้องกินหญ้ามึงนี่” ผมขยับไปกระซิบกับธงรบ

“สัด! ไม่ใช่ของกูโว้ย!” มันรีบปฏิเสธทันที

น้องกินหญ้าเดินออกมาพร้อมกับนักแสดงชายอีกคนซึ่งคุ้นๆ ว่าจะเป็นพระเอกที่กำลังเล่นละครด้วยกันซึ่งละครกำลังออนแอร์อยู่ช่วงนี้

ทั้งคู่แสดงท่าทางประกอบเพลงเพื่อพรีเซ้นท์สินค้าให้น่าสนใจมากขึ้น ส่วนสื่อที่เชิญมาก็เก็บภาพกันรัวๆ จนแสงแฟลชวูบวาบไม่ขาดสาย

พอการแสดงจบลงก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ร่วมงานดังกระหึ่ม หลังจากเจ้าของสินค้าได้ขึ้นไปกล่าวถึงสินค้าเรียบร้อยแล้วก็เป็นการสัมภาษณ์และถ่ายภาพร่วมกันอีกรอบ

ผมกวาดสายตามองรอบๆ งาน เผื่อว่าคล้าวจะมางานนี้ด้วย บอกตามตรงว่าพอไม่เจอกันหลายวันแล้วรู้สึกคิดถึงมาก ตอนนี้อยากเห็นหน้าน้องมันเหลือเกิน

สายตาของผมสะดุดเข้ากับแผ่นหลังกว้างที่ดูคุ้นตาของผู้ชายคนหนึ่ง จนเมื่อเห็นน้องกินหญ้าเดินลงมาแล้วตรงเข้าไปหาแล้วผู้ชายคนนั้นหันหน้าไปมองนั่นแหละ ผมถึงได้มั่นใจว่าเป็นคนที่ผมกำลังมองหาอยู่จริงๆ

น้องกินหญ้าเดินเข้าไปใกล้แล้วไม่รู้ว่าพูดอะไรกับเขา อยู่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง จนสายตาคู่นั้นมาหยุดอยู่ที่ผม

เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวหยุดนิ่ง ผมจ้องคล้าวอยู่อย่างนั้น ในขณะที่คล้าวก็ยังคงจ้องมาที่ผมนิ่งๆ เหมือนกัน

จนเมื่อน้องกินหญ้าจับหน้าของคล้าวให้หันไปสนใจตัวเอง ผมจึงเผลอจะก้าวไปหาคล้าวแต่ห้ามตัวเองได้ทัน  ได้แต่มองน้องกินหญ้าจับแขนคล้าวลากไปในทิศทางตรงกันข้าม

คล้าวหันมามองผม ผมก็จ้องน้องมันนิ่งๆ จนแผ่นหลังนั้นลับไปจากสายตาเพราะมีคนอื่นๆ เข้ามาบดบัง ผมจึงถอนสายตากลับมามองแก้วที่กำเอาไว้แน่น

ธงรบมาหยิบแก้วออกจากมือผมแล้วส่งให้บริกรที่เดินผ่านมา ก่อนมันจะลูบมือผมเบาๆ  เหมือนจะปลอบโยน มันเอ่ยขอตัวกับพี่สรัญแล้วจูงมือผมเดินออกมาจากตรงนั้น

ธงรบโทรหาแม่ของเราแล้วบอกว่าจะพาผมกลับก่อน เพราะผมจะรู้สึกปวดหัว หลังจากแม่ซักไซ้จนวางใจว่าผมไม่เป็นอะไรมากแล้วก็บอกให้ธงรบพาผมกลับบ้านไปก่อนได้เลย เดี๋ยวแม่ๆ จะกลับพร้อมกันเอง

บรรยากาศในรถเงียบงัน เพราะผมไม่มีอารมณ์จะชวนธงรบคุย ในหัวยังมีแต่ภาพของคล้าวที่โดนลากจากไปวนเวียนอยู่อย่างนั้น ธงรบก็คงเข้าใจเลยเปิดวิทยุฟังเพื่อคลายบรรยากาศ

“มึงว่ารักแท้แพ้อะไรวะ” อยู่ๆ ธงรบถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“หือ อะไรของมึง” ผมถามกลับเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ก็ที่ดีเจถามนี่ไง รักแท้แพ้อะไร แพ้ใกล้ชิด แพ้ระยะทาง แพ้ความรวย แพ้หน้าตา แต่กูว่าแพ้ใกล้ชิดว่ะ คนที่อยู่ใกล้กันยังไงก็หวั่นไหวง่ายเป็นธรรมดา” มันพูดไปเรื่อยๆ เหมือนจะหาเรื่องชวนคุยมากกว่าจะถามจริงจัง
 
แต่ทำไมต้องเป็นเรื่องความรักด้วยวะ ฟังแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาเลยเนี่ย เฮ้อ!

“สำหรับกูเหรอ กูว่า ‘รักแท้แพ้ไม่รัก’ ว่ะ ต่อให้รักเขามากแค่ไหน หรือต่อให้รวย ให้หล่อ ให้อยู่ใกล้ชิดยังไง ถ้าเขาไม่รักตอบก็จบ” ธงรบมันอึ้งไปเมื่อฟังคำตอบของผม ก่อนที่มันจะถอนหายใจแล้วเอ่ยขอโทษ

“กูขอโทษ ลืมไปว่าไม่ควรชวนมึงคุยเรื่องนี้” มันทำหน้ารู้สึกผิดจนผมอดจะยิ้มให้มันสบายใจไม่ได้ แต่ก็คงเป็นรอยยิ้มที่แย่น่าดู เพราะคิ้วมันยิ่งขมวดเข้าไปใหญ่

“ช่างมันเถอะน่า มึงไม่ได้ตั้งใจนี่” ผมเอ่ยปลอบใจมัน

“ไหวไหมแสน” ธงรบถามด้วยสีหน้าห่วงใย

“ไหว”

ยังไงก็ต้องไหว

ผมหลุบมองสายสิญจน์ที่ผูกไว้กับสายนาฬิกานิ่งๆ อยู่อย่างนั้น


**********************************************************************

บางคนดักคอเหมือนรู้ใจค่ะ ไม่ดราม่า... มั้งคะ พอดีไม่ใช่สายดราม่าค่า
จะดราม่าก็ตรงตันแล้วคิดไม่ออกนี่แหละ แฮ่!
ช่วงปลายปีแบบนี้งานสุมหัวมากเลยค่ะ
ตอนต่อไปอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ ขอเคลียร์งานหนีกลับบ้านก่อนนนน

**********************************************************************

suikajang ☼ นางร้ายกาจมากค่ะ จัดการเลยยยย ปล.รอก้อนหินเป็นเล่มนะคะ มีตอนพิเศษแถมให้หลายตอนเลยค่า ก๊าสสสส
MayA@TK ☼ ไว้ใจไม่ได้เลยนะคะ 2 คนนี้เนี่ย
k2blove ☼ ใช่ค่ะ คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ มาตอนนี้ก็ยังสบตากันค่ะ แต่สบตากันด้วยความเศร้า ถถถ
iceman555 ☼ เดี๋ยวบอกให้เฮียแผนจัดการมันเลยค่ะ
111223 ☼ ความรักมันต้องมีอุปสรรคกันบ้างค่ะ แฮ่!
PsychePie ☼ สองคนนี้หวานไม่แคร์ใครเลยค่ะ ส่วนเอญ่านั้น นางยังร้ายได้กว่านี้ค่ะ
ommanymontra ☼  :L2: :กอด1: :L2:
M_Y MILD ☼ ยินดีต้อนรับค่ะ อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ
aoihimeko ☼ นางร้ายนะคะ เป็นนางเอกละครซะเปล่า ยังไม่ทันได้ลากเลยค่ะเกิดเรื่องซะก่อน
Mynun ☼ ไม่เทแน่นอนค่าาา แต่อาจจะช้าไปนิด เอ่อ มากๆ ก็ได้ ถถถ รอกันหน่อยนะคะ
puiiz ☼  :กอด1: :L2: :กอด1:
วายซ่า ☼ ธงธงมันมือไว้ใจเร็วค่ะ ไม่ช้าเหมือนพี่แสน 555555 แต่คู่นี้นี่หวานแบบไม่เกรงใจใครเลยค่ะ ก่อนจะ....
Seilong2 ☼ ขอบคุณที่ติดตามค่า ไว้แวะมาทักทายกันอีกนะคะ
แก้มกลม ☼ สองคนนี้ไว้ใจไม่ได้เลยค่ะ ถถถ
Toon_TK ☼ ไม่ทันแล้วค่า แฮ่!


โปรดติดตามตอนต่อไป

:katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด