►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8  (อ่าน 39319 ครั้ง)

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น่่าติดตามๆ

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
โอ้ยยยยย พ่อพระเอกค่าตัวแพง 5555555555 สนุกมาๆค่ะ ชอบๆ รอติดตามน๊าาา

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ดีใจ เขาได้เจอกันแล้ว :-[

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
  ไอ้ไม้ไปไหน ของเค้านะ นี่อีกคนที่ลืมไม่ได้ ในที่สุดก็เจอ กันซะที อิอิ รอลุ้นกันต่อไป  ถ้าไอ้คล้าวรู้ว่าพี่แสนเคยอยู่ในร่างทองกวาว ละก็ ซ๊อคโลก กันละที่นี่ ถถถ รอติดตามตอนต่อๆๆ ไป รักคนเขียน จ้า (ป.ล ห้ามเทกันน๊าาาา ถถถ) :pig3: :fox2: :pigwrite: :pigwrite: :music:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 10

   ผมนั่งมองดอกไม้ในสวนข้างบริษัทด้วยความรู้สึกสดชื่นแจ่มใส วันนี้เป็นอีกวันที่นัดน้องๆ ที่เหลือมาสัมภาษณ์ต่อจากเมื่อวาน ระหว่างที่รอเวลา ผมจึงขอเฮียลงมาเดินเล่นที่สวนไปพลางๆ ก่อน

   พอเดินดูดอกไม้จนเมื่อย ก็มานั่งพักบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างทางเดินในสวน สายตามองต้นไม้สลับกับน้องๆ ที่ทยอยเดินเข้ามาเป็นระยะ แต่ละคนมีท่าทีตื่นเต้นและกระตือรือร้นกันมาก

   เด็กๆ นี่พลังงานเยอะจังเลยน้า

   นึกถึง ‘เด็ก’ ที่เจอกันเมื่อวานก็อดจะยิ้มปลื้มอยู่คนเดียวไม่ได้ ก่อนที่จะชะงักแล้วเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆ ที่ดังใกล้เข้ามา

   “ตึกนี้เหรอพี่คล้าว”

   “อืม”

   “หูย เห็นแล้วขนลุกเลยพี่”

   “ตื่นเต้น?”

   “เปล่า ปวดขี้”

   “โอ๊ย! พี่คล้าว ตบหัวทำไม”

   “ยังจะมีอารมณ์เล่นอีก”

   “โธ่! แก้ตื่นเต้นไงพี่ นี่ผมตื่นเต้นจนเยี่ยวจะราดแล้ว”

   “เฮ้อ! อยู่ต่อหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ก็อย่าล้นให้มากนัก สำรวมหน่อย”

   “คร้าบพ่อ เอ๊ย! พี่ ผมจะพยายามเรียบร้อยที่สุด ดีใจเนอะ ในที่สุดก็มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาแล้ว ผมนึกว่าจบ ม.6 แล้วต้องเลิกเรียนซะแล้ว”

   “อืม ในเมื่อได้โอกาสมาแล้วก็ต้องพยายามให้เต็มที่”

   “ครับ ผมจะตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบ อ๊ะ! ขอโทษที่เสียงดังครับ” ไอ้ไม้มันชะงักแล้วเอ่ยขอโทษ เมื่อเดินโผล่จากมุมแล้วเห็นผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างทางเดิน

   “สวัสดีครับคุณแสน” ไอ้คล้าวยกมือไหว้อย่างสุภาพเมื่อเห็นผม ทำให้ไอ้ไม้ยกมือไหว้ตามด้วยแม้จะทำหน้างงๆ ก็ตาม

   “รู้จักเหรอพี่” มันกระซิบถามไอ้คล้าวแต่เสียงก็ยังดังจนผมได้ยิน ไอ้คล้าวเลยทำตาดุใส่ให้มันเงียบ

   “นี่คุณแสน เป็นคณะกรรมการสัมภาษณ์ด้วย”

   “สวัสดีครับคุณแสน” ฟังแล้วไอ้ไม้ก็ทำตาโตก่อนจะยกมือไหว้อีกรอบแล้วยิ้มแหยๆ ให้

   “ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกพี่เหมือนเดิมเถอะ” ผมท้วง เมื่อน้องมันเรียกคุณ แทนที่จะเรียกพี่เหมือนเมื่อวาน

   “แต่...”

   “ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไม่งั้นพี่จะคิดว่าเราไม่อยากเป็นเพื่อนกับพี่”

   “เปล่านะครับ ผมแค่เกรงใจ” น้องมันรีบปฏิเสธทันที

   “งั้นก็เรียกพี่เหมือนเดิม”

   “ครับพี่แสน” ไอ้คล้าวทำหน้าลังเล ก่อนจะยอมเรียกเมื่อเห็นผมทำหน้าจริงจัง

   “ดีมาก” ผมพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ ได้ยินมันเรียกพี่แล้วชื่นใจจริงๆ

   “แล้วเราล่ะชื่ออะไรครับ” ผมหันไปถามไอ้ไม้บ้าง

   “ผมชื่อไม้ครับ”

   “ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องไม้”

   “พี่แสนเรียกไม้เฉยๆ หรือจะเรียกไอ้ไม้ก็ได้ครับ เรียกน้องแล้วผมจั๊กจี้พิกล”

   “ไอ้ไม้!”
   “เนี่ย เรียกอย่างพี่คล้าวผมชินหูกว่าพี่”

   “ฮะๆๆๆๆ” ผมอดจะขำไม่ได้ ไอ้ไม้นี่มันไอ้ไม้จริงๆ เลย ส่วนไอ้คล้าวก็ทำหน้าเพลีย เมื่อพยายามปรามแล้วแต่น้องมันก็ยังล้นเหมือนเดิม

   “น้องไม้นี่เป็นรุ่นน้องที่น้องคล้าวบอกว่าได้ทุนอีกคนใช่ไหม”

   “ครับพี่ พอดีเมื่อวานผมติดธุระมาไม่ได้ วันนี้พี่คล้าวเลยมาเป็นเพื่อนครับ ว่าแต่... ผมขออะไรอย่างได้ไหมครับ” ไอ้ไม้มันทำสีหน้าจริงจัง

   “หืม จะขออะไรเหรอ”

   “พี่เรียกผมว่าไม้อย่างเดียวเถอะครับ กราบละ เรียกน้องไม้มันไม่ชินหูจริงๆ นะพี่”

   “ฮ่าๆๆๆๆ โอเคๆ ไม้อย่างเดียวก็ได้ครับ”

   “งั้นคุณ เอ่อ พี่แสนเรียกผมคล้าวแหมือนกันเถอะครับ” ไอ้คล้าวมันรีบเปลี่ยนจากคุณเป็นพี่เมื่อเห็นผมมองดุๆ

   “นั่นสิครับพี่ เรียกน้องคล้าวนี่ฟังแล้วขนลุกพิกล” ไอ้ไม้ทำท่าทางขนลุกอย่างปากว่า

   “ไอ้ไม้!”

   “ฮ่าๆๆๆ เอาเถอะๆ พี่จะเรียกตามที่เราบอกก็แล้วกัน ป่ะ! ไปที่ห้องสัมภาษณ์กันเถอะ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วเดินนำไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อดูนาฬิกาแล้วใกล้จะถึงเวลาเริ่มสัมภาษณ์ทุกที เลยไม่มีเวลาเต๊าะน้องมันต่อ

   ผมพาทั้งคู่ไปที่ห้องประชุม แล้วบอกให้คล้าวรอในห้องประชุมด้วยเลย พอผมฝากน้องไว้กับทีมเลขาเรียบร้อยแล้ว คล้าวก็เอ่ยปากขอช่วยงานพี่ๆ ทีมเลขาระหว่างรอ ซึ่งพี่ๆ ก็ยินดีที่มีคนมาช่วยอีกแรง

   ผมมองน้องที่เข้าไปช่วยเรียงเอกสารอย่างตั้งใจ เมื่อวางใจแล้วก็เดินตรงไปที่ห้องสัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้ม

   คงต้องเปลี่ยนคำเรียกตามที่น้องๆ มันขอบ้างแล้ว

   จากที่เคยเรียก ‘ไอ้คล้าว’ ในใจ ก็เปลี่ยนเป็น ‘น้องคล้าว’ แทน

        อืม.... ไม่เห็นจะน่าขนลุกตรงไหนเลย

   น้องคล้าวของพี่แสน

   เนี่ย! น่ารักจะตาย!


   
   บรรยากาศการสัมภาษณ์ในวันนี้เป็นไปอย่างผ่อนคลายไม่ต่างจากเมื่อวาน ยิ่งตอนสัมภาษณ์ไม้ ความซื่อบวกความบ้าของน้องมันก็ทำให้พี่ๆ หัวเราะไม่หยุด

   ผมนึกถึงที่ไม้มันคุยกับคล้าวที่สวน จำได้ว่ามันรับปากกับลูกพี่มันว่าต่อหน้าคณะกรรมการจะทำตัวให้เรียบร้อยที่สุด แล้วนี่อะไร ตอบคำถามแต่ละอย่างนี่เอาซะฮากันครืน ไม่รู้เรียบร้อยตรงไหนของมัน สงสัยจะลืมตัวแน่นอน ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความขำ

   พอสัมภาษณ์จนครบทุกคนแล้วเราก็ปล่อยให้น้องๆ กลับได้เลย ระหว่างที่พี่ๆ กับธงรบกินน้ำและคุยกันอยู่ ผมก็ขอตัวไปห้องน้ำเพื่อไม่ให้ธงรบสงสัย ก่อนจะรีบหนีไปในห้องประชุมอีกห้องทันที เมื่อไปถึงก็เห็นคล้าวกับไม้กำลังช่วยพี่ๆ รวบรวมเอกสารอยู่

   “เสร็จหรือยังครับ” ผมถามพี่ธนา แต่ตาก็จ้องน้องมันแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นทั้งคู่ช่วยตรวจเอกสารอย่างตั้งอกตั้งใจ

   “เสร็จแล้วครับคุณแสน เหลือที่น้องคล้าวกับน้องไม้อีกชุดก็เรียบร้อยครับ” พอพี่ธนาพูดจบ คล้าวก็รวบรวมเอกสารที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วส่งให้พี่ธนาพอดี

   “เรียบร้อยครับพี่”

   “ขอบใจมากนะ น้องคล้าว น้องไม้” พี่ธนาเอ่ยขอบคุณน้องๆ ทั้งคู่

   “ครับ” คล้าวรับคำด้วยรอยยิ้ม

        “ยินดีรับใช้ครับพี่” ส่วนไม้ก็รับคำด้วยความทะเล้น

   “แล้วนี่คล้าวกับไม้จะไปไหนอีกไหม ถ้าไม่รีบไปทานข้าวด้วยกันก่อนสิ” ผมเอ่ยชวนทั้งคู่

   “ไม่ดีกว่าครับ” คำตอบจากไม้

        “ไม่เป็นไรครับ” คำตอบจากคล้าว

        ประสานเสียงกันมาเลย

   “พวกผมไม่รบกวนดีกว่าครับ” ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนที่คล้าวจะเป็นคนตอบแทนไม้ที่มีสีหน้าแปลกๆ
โธ่! นี่ชวนไปกินข้าวนะ ไม่ได้จะลวงไปฆ่า ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย

   “ไม่รบกวนเลย ไหนๆ ก็อยู่ช่วยงานตั้งนาน” ผมพยายามล่อลวง เอ๊ย! ชวนอีกครั้ง

   “เราเต็มใจช่วยครับ พวกผมดีใจมากที่ได้รับทุนนี้ ดีใจที่ได้โอกาสเรียนต่อตามที่ฝันสักที แค่ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กครับ เทียบไม่ได้เลยกับโอกาสที่พี่ๆ ให้มา” คล้าวตอบมาด้วยสีหน้าจริงจัง

        เฮ้อ! แค่ชวนไปกินข้าว จำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้ไหม

   “ไม้ล่ะ ไม่อยากไปทานข้าวกับพี่เหรอ” เมื่อชวนลูกพี่มันไม่ได้ ก็ลองชวนลูกน้องมันดู เผื่อสำเร็จ ไม้มันเหลือบมองลูกพี่มันก่อนจะหันมาตอบผม

   “เอาตรงๆ นะพี่” พอผมพยักหน้าให้พูดตรงๆ ได้เลย ไม้ก็ร่ายยาว

   “ผมไม่กล้าไปกินด้วยหรอกพี่ ฐานะของพี่ๆ ต่างกับเรามากกกก ถ้าไปกินด้วย ผมคงทำตัวไม่ถูก ต้องไม่กล้ากินอะไรแน่เลย แค่คิดก็เกร็งแล้วเนี่ย อย่าโกรธผมนะพี่” ประโยคหลังนี่พูดด้วยสีหน้าละห้อย เหมือนกลัวผมจะโกรธ

   “โอเค พี่เข้าใจละ ไม่ไปก็ไม่ไป แต่ถ้าไปกับพี่คนเดียวนี่ได้ใช่ไหม ครั้งหน้าถ้าพี่ชวน ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ” ผมมัดมือชกไว้ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสทีหลังก็ยังไม่สาย

   “ครับ” ทั้งสองรับคำด้วยรอยยิ้มโล่งใจ ส่วนผมก็แอบยิ้มอย่างสมใจเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ

   “ถ้าอย่างงั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับพี่แสน สวัสดีครับพี่ๆ” คล้าวยกมือไหว้ผมและพี่ๆ ไม้ก็รีบทำตาม ผมสบตาคล้าวแล้วยิ้มให้ด้วยแววตาสื่อความหมาย น้องมันชะงักไปก่อนจะหลบตาผมแล้วรีบเดินออกจากห้องไป

   หืม เหมือนน้องมันจะเข้าใจแฮะ ผมหรี่ตามองแผ่นหลังกว้างๆ นั้นไป แล้วหมายมาดในใจว่าจะต้องหาโอกาสลองหยั่งเชิงดูอีกที จะได้หาทางรุกให้มากกว่านี้

        ครั้งหน้าจะไม่ให้บ่ายเบี่ยงแบบนี้อีกแล้วนะครับน้องคล้าวของพี่แสน หึๆๆ
   
   พอน้องๆ ออกไปได้สักพัก เฮียกับธงรบก็เดินมาตามพวกเรา เพื่อไปรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันเหมือนเดิม แล้วก็คุยเรื่องทุนกันต่อ

   พี่วินกับพี่กรยกเรื่องนี้ให้บ้านเราจัดการต่อได้เลย เพราะวางใจว่าน้องๆ ทุกคนน่าจะเป็นเด็กดี พี่ๆ ทั้งสองจะโอนเงินให้อย่างเดียว ถ้าไม่พอหรือมีอะไรให้ช่วยก็ขอให้บอก

   น้องๆ ที่ได้รับทุนส่วนใหญ่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว แต่บางคนครอบครัวยากจนมาก กลัวจะเป็นภาระของครัวครัว จึงมีแนวโน้มว่าจะสละสิทธิ์มากกว่า จะขอทุนกู้ยืมก็ไม่ได้ เพราะทุนมีจำนวนจำกัด แล้วส่วนใหญ่ก็เลือกให้กับเด็กที่มีผลการเรียนดีกว่าด้วย

   มีส่วนน้อยที่อยู่ชั้นปีอื่น เช่นน้องที่เรียนแพทย์ เภสัช หรือสถาปัตย์ เจ้าอาวาสเลือกมาเพราะที่บ้านต้องลำบากในการหาเงินส่งเรียน บางครอบครัวต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อส่งลูกเรียน น้องๆ บางคนก็ต้องเรียนไปด้วยหาเงินไปด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว ทำให้เหนื่อยและท้อเพราะต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า

   น้องๆ กลุ่มนี้เราก็ให้เตรียมเอกสารค่าเทอมและให้เปิดบัญชีธนาคารเดียวกันมาให้เรียบร้อยเลย นอกจากค่าเทอมที่ให้ตามจริงแล้ว ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็จะให้เป็นรายเดือนเท่ากันทุกคน แต่ถ้าใครไม่พอจริงๆ ก็สามารถแจ้งเพื่อขอเพิ่มเติมได้

   นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ยังไม่จบมัธยมปลายและยังรอสอบแบบน้องคล้าวของผมกับไม้ ซึ่งมาจากครอบครัวที่ยากจน เจ้าอาวาสจึงขอทุนไว้เผื่อหลังจากน้องเรียนจบแล้วจะได้มีทุนเรียนต่อ

   ซึ่งเราก็ปรึกษากันแล้วว่าถ้าวัดไหนส่งน้องกลุ่มหลังนี้มาก็ให้คัดคนเพิ่มเข้ามาได้ ส่วนเด็กที่ยังเรียนไม่จบ ก็จะยกยอดไว้รอจนกว่าน้องจะสอบได้ต่อไป


   หลังจากพูดคุยปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว เราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้ธงรบมันไม่ติดธุระที่ไหน มันเลยตามกลับมาที่บ้านด้วย พอลงจากรถได้มันก็เดิมตามเป็นเห็บหมา

   เอ๊ย! ไม่สิ ผมไม่ใช่หมาสักหน่อย เปรียบซะเข้าตัวเลย

   เฮียแผนเดินนำเราไปที่ห้องพักผ่อนของครอบครัว พอแม่บ้านเอาน้ำกับอาหาร่างมาเสิร์ฟแล้วเดินออกไป มันก็เริ่มถามทันที

   “อธิบายมา”

   “อธิบายอะไร” ผมจิบน้ำ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   ธงรบมันเลยหันไปหาเฮียที่นั่งยิ้มอยู่อีกฝั่งแทน ซึ่งเฮียก็ส่ายหัวเหมือนจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าเฮียคงให้ผมเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะบอกธงรบหรือไม่

   “เด็กนั่นไง”

   “เด็กไหน วันนี้เจอเด็กตั้งเยอะ กูจำไม่ได้หรอก”

   “อย่ามาเฉไฉนะแสนเสน่ห์ บอกกูมาซะดีๆ ว่ามึงมีซัมติงอะไรกับไอ้เด็กคล้าวนั่น”

   “มึงหึงรึไง”

   “หึงพ่อง”

   “เฮียยยย ธงๆ มันพาดพิงป๊าเรา”

   “หึๆ” เฮียแผนหัวเราะขำๆ เมื่อเห็นผมกวนประสาทธงรบ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ยังคงจิบกาแฟนั่งฟังเงียบๆ ต่อ

   “แล้วมึงเคยเจอน้องมันรึเปล่าล่ะ” พอเจอคำถามของผม ธงรบก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบ

   “ไม่นะ กูไม่คุ้นหน้าน้องมันเลย หน้าตาแบบนั้น ถ้าเจอกูต้องจำได้สิ”

   “นั่นไง กูจะไปมีซัมติงกับน้องมันได้ยังไง ในเมื่อมึงก็อยู่กับกูตลอด ถ้ากูเคยเจอน้องมัน มึงก็ต้องเคยเจอด้วยสิ”

   “มันก็ใช่... แต่ท่าทางมึงผิดปกติ รึว่า... ” ธงรบตอบ ก่อนที่จะชะงักเหมือนนึกอะไรออก มันชี้หน้าผมหน้าตาตื่น

   “อย่าบอกนะว่า... นี่มึงปิ๊งน้องมันเหรอ? เจอกันครั้งเดียวเนี่ยนะ!” ผมอดจะอึ้งไม่ได้ เมื่อธงรบมันเดาได้ใกล้เคียงความจริงมาก

   “ท่าทางแบบนี้ ใช่แน่เลย กูพูดถูกใช่ไหม?”

   “มึงไม่คิดว่าเฮียแผนเป็นคนปิ๊งน้องมันอย่างที่พี่วินกับพี่กรสงสัยบ้างเหรอ”

   “แค่กๆๆ” เฮียแผนสำลักกาแฟขึ้นมาทันที

   “ไม่มีทาง นั่นไม่ใช่เสป็คเฮีย ดูยังไงน้องมันก็เสป็คมึงชัดๆ อีกอย่างท่าทางของเฮียเหมือนสัมภาษณ์คนที่จะมาเป็นลูกเขยมากกว่าจะสัมภาษณ์คนที่จะมาเป็นแฟนอย่างที่พี่ๆ สงสัย”

   “ทำไมต้องลูกเขยวะ” ผมถามนอกเรื่องด้วยความสงสัย มันควรจะเป็นน้องเขยมากกว่าสิ

   “ก็เฮียดูแลมึงมากกว่าน้อง หวงอย่างกับลูก”

   “แฮ่ม! กูนั่งหัวโด่อยู่นี่ เกรงใจกูบ้างเถอะ”

   “ฮ่าๆๆ ขอโทษครับเฮีย แต่มันจริงนี่นา หรือเฮียจะเถียง” ธงรบมันหัวเราะเมื่อเฮียแผนกอดอกหรี่ตามอง แต่มันก็มิได้นำพา ยังคงหัวเราะแบบไม่เกรงกลัวตีนเฮียเลย

   “เอาเป็นว่ากูมั่นใจว่าต้องเกี่ยวกับมึงมากกว่าแน่นอน กูฟันธง!” ธงรบบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

   “แสนรู้จริงๆ” จนผมอดจะชมมันไม่ได้

   “กูไม่ใช่กระต่าย” ผมกลอกตาเมื่อมันเปรียบเทียบซะน่ารักเลย

   “อย่าเฉไฉ ตอบกูมา” มันยังคงกัดไม่ปล่อย

   “แล้ว... ถ้าเกิดกูชอบน้องมันจริงๆ ล่ะ”

   “...”

   ธงรบมีสีหน้าอึ้งๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สงสัยเองแท้ๆ สักพักมันก็หันไปถามเฮียแผน

   “เฮียไม่ว่าอะไรเหรอครับ”

   เรื่องที่ผมชอบผู้ชายมันไม่ได้เป็นความลับครับ ธงรบเป็นคนแรกที่รู้ เพราะมันอยู่กับผมแทบจะตลอดเวลา ส่วนคนในครอบครัว ถึงจะไม่พูดกันตรงๆ แต่ทุกคนก็รู้กันดี แม่จึงไม่เคยพาผมไปดูตัวกับลูกสาวหลานสาวเพื่อนเหมือนเฮียแผน แต่แอบแนะนำลูกชายหลานชายที่มีรสนิยมแบบผมให้แทน เฮ้อ!

   “ถ้าแสนมั่นใจแล้วคิดว่าจะห้ามได้เหรอ” เฮียแผนเลิกคิ้วถามกลับ ฟังแล้วธงรบก็ขมวดคิ้วแล้วหันมาถามผมต่อด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

   “มึงแน่ใจเหรอแสน ดูแล้วน้องมันไม่น่าจะชอบผู้ชายเลยนะ”

   “เป็นห่วงกูเหรอ” ผมถามยิ้มๆ

   “ห่วงหมาแถวๆ นี้มั้ง”

   “ไอ้เหี้ยธงๆ”

   “ไอ้ควายแสน บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกแบบนี้” ตะโกนซะกูนึกถึงร่างเก่าเลยมึง เชื่อเถอะว่ามันโมโหเรื่องที่เรียกมันว่าธงๆ ยิ่งกว่าเรียกว่าเหี้ยอีก

   ส่วนผมจะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะเคยเป็นควายมาจริงๆ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เถียงไม่ออกจนเฮียที่รู้เรื่องดีหลุดหัวเราะ ส่วนธงรบก็หลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าผม ก่อนที่มันจะถอนหายใจแล้วยอมรับ

   “เออ กูเป็นห่วง น้องมันดูเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงปกติ โอกาสแห้วเยอะมากเลยนะมึง กูว่ามึงตัดใจดีกว่า” ธงรบบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

   “กูบอกเฮียแล้วว่าอยากลองพยายามดูก่อน ในอนาคตต่อให้ผิดหวังกูก็จะยอมรับแต่โดยดี” ผมก็บอกมันอย่างจริงจังเหมือนกัน
   “ถ้าเฮียรู้แล้ว แสดงว่ามึงเคยเจอน้องมาก่อนใช่ไหม”

   “อืม” ผมยอมรับโดยดี แต่ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม เพราะขี้เกียจคิดหาคำโกหกว่าเจอกันที่ไหน ยังไง

   “รักแรกพบอย่างงั้นเหรอ?”

   “ก็...ประมาณนั้น” ให้มันเข้าใจแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก

   “เฮ้อ! เอาเถอะ ถ้ามึงแน่ใจแล้วก็แล้วแต่มึงละกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอก แต่บอกก่อนนะว่ากูจะขอดูเด็กมึงก่อน ถ้าไม่โอเค มึงต้องตัดใจ เข้าใจไหม”

   “รู้แล้วละน่า เฮียก็พูดแบบนี้เหมือนกัน นี่มึงเป็นเพื่อนรึพ่อกูกันแน่เนี่ย” ผมได้แต่กลอกตา เมื่อมันพูดเหมือนเฮียแผนไม่มีผิด แต่ผมก็ได้แต่รับปาก เพราะรู้ดีว่าทั้งคู่เป็นห่วง

   อีกอย่าง ผมมั่นใจในตัว ‘เด็กของผม’ ด้วย ว่ามันมีดีพอให้ทั้งสองคนนี้ยอมรับแน่นอน


**********************************************

เพิ่งจะเจอกัน พี่แสนไม่กล้ารุกมากค่ะ เดี๋ยวควาย เอ๊ย! ไก่ตื่น
พี่แสนเลยค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ
พี่แสนสู้ๆ

**********************************************

k2blove ☼ อย่าว่าแต่คนอ่านเลยค่ะ คนเขียนก็คิด ว่าพระเอกยังจำเป็นอยู่ไหม 55555 หลงรักเฮียแผนเหมือนกันค่ะ พอดีอยากมีพี่ชาย ขอแค่รักลูกๆ ของเรา คนไหนก็ได้ค่า ยกให้ไปเลย
puiiz ☼  :L2: :pig4:
unicorncolour  ☼  :L2: :pig4:
iceman555 ☼  :L2: :pig4:
ommanymontra ☼   :L2: :pig4:
wutwit ☼ อาทิตย์ละตอนน่าจะพอไหวค่ะ น้องไม้มาแล้วนะคะ มาพร้อมความฮา 55555
วายซ่า ☼ น้องไม้มาแล้วค่า แต่จะสปาร์กกับใคร รอลุ้นเอานะคะ ฮี่ๆๆๆ
19th ☼ ใช่ค่ะ ทั้งพี่ทั้งเพื่อนสนับสนุนเต็มที่ เดี๋ยวก็เสร็จ แค่กๆ จีบสำเร็จแน่นอนค่ะ 55555
aoihimeko ☼ กราบงามๆ ค่ะ อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ
singalone ☼ ค่าตัวพระเอกแพง ก็ไม่เท่าคนแต่งจนค่ะ เปย์ไม่ไหวแล้ว ถถถ
Al2iskiren ☼ ดีใจที่หาทางให้เจอกันได้สักทีเหมือนกันค่ะ ถถถ โอกาสเจอกันยากมาก
lovenine ☼ ไอ้ไม้มาแล้วค่า รอลุ้นว่าจะจำได้ไหม ฮี่ๆ พยายามเขียนให้จบค่ะ ไม่กล้าเทเพราะมีคนอ่านคนให้กำลังใจนี่แหละค่ะ กอดดดดด
กาแฟมั้ยฮะจ้าว ☼  :L2: :pig4:


:L2: :กอด1:  :L1: :pig4:

 :katai5: :katai5: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2018 15:08:53 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องไม้มาพร้อมความเกรียนเหมือนเดิมเลย 555

พี่แสนรุกน้องคล้าวหนักมาก ระวังไก่ตื่นก่อนนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะแสน เดี๋ยวน้องคล้าวจะต๊กกะใจ :laugh:
ว่าแต่เก็บน้องไม้ไว้ให้ธงธงได้มั้ย ดูๆแล้วน่าจะเข้ากันได้  :-[

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องไม้น่ารักแฮะ เกรียนดี  :m20: ส่วนน้องคล้าว รู้ตัวแล้วก็เตรียมใจไว้เลย เจอพี่แสนแน่ :laugh:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม พี่แสน กล้าพูดเน๊อะว่าเด็กของผม ยังไงก็จะให้ได้งั้นเถอะ
ตอนนี้ชอบไม้ รู้เลยว่าล้นเป็นยังไง อิอิอิ เพิ่มสีสรรเข้าไป
แต่ปล่อยไม้ไว้คนหนึ่งเถอะ อย่าจับคู่กับใครเลยนะคนเขียน
อีกคนคือธงรบ ชอบแบบถามตรงๆได้ดีถ้าเป็นเราคงอายไม่กล้าตอบ
ชอบความแบ่งบท ทำให้ทุกคนมีตัวตน
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
คล้าว เป็นคนบ้านทุ่งแต่ก็ไฝ่หาความรู้คิดถึง บรรยากาศ ท้องทุ่งของไอ้คล้าว เนอะ ในใจ ของมัน ยังคิดถึง น้องทองกวาว อยู่มั้ย ..ตงิดๆ คนที่ทิ้งไอ้คล้าวไป อย่ากลับมานะ  เกลียดดดดดด55 ดีใจไอ้ไม้มา ละ ความรัก ของ แสน จะเป็นยังไง รอลุ้นกัน ต่อ  ไป ขอบคุณ คนเขียน ที่แว่ะมา เป็นกำลังใจให้คนเขียน ตลอดไป  รักคนเขียน มากกก  กอดดดดดด  :pig3: :pigwrite: :sleep2: :impress: o13 :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
แสนจะรุกน้องยังไงน๊า.  รอๆๆ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 11

   ผมนั่งสเก็ตเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ที่ศาลาในสวนหลังบ้าน ระหว่างทำงานก็เปิดเพลงลูกทุ่งจากโทรศัพท์ฟังไปด้วย ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา นอกจากเพลงสากลที่ฟังประจำแล้ว ผมก็ฟังเพลงลูกทุ่งมากขึ้น เพราะตอนอยู่ที่โน่นคล้าวมันเปิดให้ฟังทุกวัน อย่างเพลงรอยไถแปรนี่ ตอนที่มันโดนทิ้ง ผมต้องทนฟังวันละหลายๆ รอบจนแทบจะละเมอร้องได้เลยทีเดียว

   ส่วนเพลงโปรดที่ฟังบ่อยที่สุดก็เพลงมนต์รักลูกทุ่งที่คล้าวมันเคยร้องให้ฟัง ผมหามาฟังทุกเวอร์ชั่น ฟังทีไรก็นึกถึงเสียงร้องนุ่มๆ ของมันทุกที

   อยากฟังเสียงของมันอีกสักครั้งจังเลย

   ผมละมือจากสมุดสเก็ตแล้วเหม่อมองดอกพวงครามที่กำลังออกดอกพราวเต็มต้น แต่ในหัวกลับนึกถึงภาพท้องทุ่งนาที่อาบด้วยแสงพระอาทิตย์ยามอัสดง

   “แสน พักทานของว่างก่อนลูก” ผมละสายตาจากดอกไม้แล้วหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นแม่ถือถาดอาหารเดินมาหา    ผมรีบลุกขึ้นเดินไปรับถาดจากมือแม่มาวางไว้บนโต๊ะในศาลา หยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงเพลง แม่ก้าวมานั่งข้างๆ ก่อนจะเปิดฝาชามออก เมื่อเห็นอาหารที่อยู่ชามผมก็ยิ้มกว้าง

   “สละลอยแก้วของโปรดแสน กำลังเย็นๆ เลยจ้ะ ทานก่อนสิลูก”

   “ขอบคุณครับแม่ แม่ทานรึยังครับ ทานกับแสนไหม ถ้าไม่พอเดี๋ยวแสนวิ่งไปเอามาให้”

   “แม่ชิมไปบ้างแล้วจ้ะ แสนทานเลย แม่แก่แล้ว ทานหวานๆ มากไม่ค่อยดี”

   “ครับแม่” ผมตักสละลอยแก้วเข้าปาก รสชาติที่หวานกำลังดีและเย็นชื่นใจ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แม่นั่งมองผมกินด้วยแววตาอ่อนโยน

   “อร่อยมากครับ” ผมยิ้มตาหยีเมื่อเขมือบสละในถ้วยจนหมด

   “อิ่มไหมลูก ถ้าไม่อิ่ม เดี๋ยวแม่ไปตักมาให้อีก”

   “พอแล้วครับแม่ แสนอิ่มแล้ว”

   “แสนผอมลงมากเลย แม่อยากให้มีเนื้อมีหนังกว่านี้” แม่ขยับมาลูบแขนเบาๆ แล้วมองด้วยสีหน้ากังวล

   “นี่น้ำหนักแสนขึ้นมาหลายโลแล้วนะครับแม่ ทั้งแม่ทั้งเฮียขุนดีขนาดนี้ แต่ถึงจะผอมไปหน่อยแต่แสนแข็งแรงนะครับ เฮียลากแสนเข้าฟิตเนสทุกวันเลย” ผมทำหน้าเซ็งๆ เมื่อนึกถึงเวลาที่ต้องเข้าฟิตเนสกับเฮีย ก็ผมขี้เกียจนี่ครับ ชอบนั่งๆ นอนๆ มากกว่า

   “ดีแล้วลูก จะได้แข็งแรงมากๆ แล้ววันนี้ไม่เข้าร้านเหรอลูก”

   “ไม่ครับ แสนเคลียร์งานในร้านไว้แล้ว ช่วงนี้แสนกำลังออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่ เตรียมไว้จัดงานแฟชั่นโชว์ จะได้โปรโมทร้านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยครับ”

   “ดีจ้ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ แม่กับป๊าจะช่วยเต็มที่เลยจ้ะ”

   “ตอนนี้ช่วยเป็นกำลังใจให้แสนก็พอครับ” ผมกอดแม่อ้อนๆ

   “อันนี้ไม่ต้องขอแม่ก็ให้เต็มที่เหมือนกันจ้ะ” แม่กอดตอบแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน

   ผมกระชับอ้อมกอดแน่นๆ แล้วยิ้ม โชคดีจริงๆ ที่ฟ้าให้โอกาสผมได้กลับมากอดแม่อีกครั้ง

   “ทำอะไรกันสองแม่ลูก” เสียงทักของป๊าทำให้ผมผละออกจากแม่แล้วส่งยิ้มให้

   “อ้อนอะไรแม่ฮึแสน” ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเฮียทักด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

   “ทำไม เฮียอิจฉารึไง”

   “ทำไมต้องอิจฉา แม่เฮียเหมือนกัน” พูดจบก็ก้าวเข้ามานั่งอีกข้างแล้วจับแขนผมออก ก่อนจะคว้าแม่ไปกอดคนเดียว

   “มาแย่งแสนได้ไง แสนกอดก่อน ป๊าดูเฮียสิ” ผมหันไปฟ้องป๊าเมื่อเฮียแกล้งกอดแม่แน่น

   “ฮะๆๆๆ” ป๊าเอาแต่หัวเราะอย่างเดียว ผมเลยขยับไปกอดทับเฮียซะเลย

   “เฮ้อ! เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้” แม่บ่นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ไม่ได้ขยับออกจากอ้อมแขนของเราสักนิด

   “มาๆ เดี๋ยวป๊ากอดด้วย” พูดจบป๊าก็เดินมาเบียดแล้วรวบกอดเราทั้งหมดเอาไว้

   “ฮ่าๆๆๆๆ” จนทุกคนอดจะหัวเราะไม่ได้

   “เล่นอะไรกันอยู่ครับเนี่ย น่าสนุกจริง” เสียงกาฝากของบ้านเราดังขัดขึ้นมา ทำให้ป๊าผละออกไปก่อน แล้วก้อนกอดของเราก็เริ่มคลายออก

   “ยุ่ง” ผมหันไปหาเรื่องไอ้คนที่มาขัดจังหวะ

   “แม่ครับแสนว่ารบ” มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนแม่จนผมอยากจะตบหัวสักที

   “เอาน่าอย่าเพิ่งตีกัน อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะรบ” แม่ห้ามยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าเราแค่แกล้งกันเล่นเท่านั้นเอง

   “ครับแม่ ผมไม่พลาดอยู่แล้ว”

   “คุยกันไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวแม่ไปดูในครัวก่อน”

   “ครับแม่”

   “ป๊าก็ว่าจะไปดูต้นไม้เหมือนกัน ไปคุณ เราไปจู๋จี๋กันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆ เล่นกันไป”

   “คุณนี่” แม่ตีไหล่ป๊าแก้เขินเมื่อเห็นพวกเรามองด้วยสายตาล้อเลียน

   “ฮ่าๆๆๆ” ป๊าหัวเราะชอบใจก่อนจะโอบเอวแม่เดินออกไป

   “บ้านช่องตัวเองไม่ยอมกลับ ม๊ากับป๊ามึงไม่ให้อาหารรึไง” พอแม่ไปแล้ว ผมก็หันมาเล่นงานไอ้คนที่เป็นส่วนเกินของครอบครัวทันที

   “หนีไปงานเลี้ยงกันหมดทั้งบ้าน กูขี้เกียจไปด้วย” ธงรบทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะก้าวมานั่งตรงข้ามผมกับเฮีย แล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปส่งให้ดู มันเป็นรูปที่เรากอดกันกลมเมื่อครู่ เห็นแล้วผมก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

   “ส่งให้กูด้วย” เดี๋ยวจะเอาไปขยายใส่กรอบไว้ในห้อง

   “เออ” มันกดส่งให้ก่อนจะบุ้ยไปที่สมุดสเก็ตแล้วถาม

   “แล้วนั่น ถึงไหนแล้ว”

   “ก็มากกว่า 50% แล้วละ กูอยากให้งานออกมาดีที่สุดเลยทำไปเรื่อยๆ ไม่รีบ”

   “เออ มีอะไรให้ช่วยก็บอก”

   “อืม ขอบใจ”

   “แสนจะไปดูผ้าวันไหน” เฮียแผนที่นั่งจิ้มแท็บเล็ตอยู่เงียบๆ ถามขึ้นมา

   “ดูก่อนครับเฮีย เดี๋ยวจะลองติดต่อไปที่สหกรณ์ที่ศรีสะเกษก่อนว่ามีผ้าในสต็อคเยอะไหม จะได้ไปไม่เสียเที่ยว”

   ผมตั้งใจไว้ว่าจะใช้ผ้าไทยในงานชุดนี้ เพราะนอกจากอยากประชาสัมพันธ์ร้านตัวเองแล้ว ผมก็ยังอยากจะประชาสัมพันธ์ผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย ผมจึงวางแผนว่าจะไปดูผ้าแต่ละแห่งด้วยตัวเอง เผื่อจะได้ไอเดียใหม่ๆ มาด้วย

   “จะไปช่วงไหนก็บอก เดี๋ยวเฮียไปเป็นเพื่อน”

   “ครับเฮีย”

   “ถ้าเฮียไม่ว่างก็บอก เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนมันเอง” ธงรบมันรับช่วงต่อ

   “ไม่ต้องๆ ถ้าไม่ว่างกูไปเองได้”

   “ไม่ได้!!” พ่อ No.2, No.3 ประสานเสียงกันจนผมเกือบสะดุ้ง

   “แสนไปได้จริงๆ นะเฮีย แต่ก่อนก็ไปไหนมาไหนคนเดียวประจำ ไม่เห็นเป็นไรเลย” ผมท้วงเมื่อทั้งสองคนออกอาการห่วงเกินเหตุ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุผมก็ขับรถเตร่ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด

   “เฮ้อ! เฮียเป็นห่วงแสน เฮียรู้ว่าแสนไม่เคยประมาท แต่ครั้งนั้น... มันทำให้เฮียรู้สึกแย่มากที่เป็นต้นเหตุให้แสนต้องเป็นอันตรายแบบนั้น ให้เฮียได้ดูแลแสนเถอะนะ อย่าเพิ่งรำคาญเฮียเลย”

   “กูก็เหมือนกัน กูไม่อยากปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวอีกแล้ว เห็นมึงหลับไปนานขนาดนั้นแล้วกูจะบ้านะแสน มึงทนๆ กูไปก่อนละกัน”

   นี่สินะ สาเหตุของการเกาะติดของทั้งคู่ในพักหลังๆ มานี้

   “มันไม่ให้ความผิดเฮียเลยนะเฮีย ไม่ใช่ความผิดมึงด้วยรบ มันเป็นเพราะคนพวกนั้นต่างหาก อย่าโทษตัวเองกันอีกเลย”

   “แต่เฮียไม่สบายใจนี่นา”

   “นั่นน่ะสิ”

   “เฮ้อ! เอาที่สบายใจกันเลยครับ แสนแค่เกรงใจ ไม่อยากให้เสียเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนกัน แต่ถ้ายืนยันอย่างงั้นก็ตามใจเลย”

   พอผมพูดจบทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างพอใจ ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ยังไงทั้งคู่ดูแลผมอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว ถ้าจะเพิ่มเลเวลขึ้นอีกนิดก็จะเป็นไรไป เพื่อให้พี่บังเกิดเกล้ากับเพื่อนที่บังคับให้ผมเป็นน้องมันตั้งแต่เด็กสบายใจก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยแหละครับ

*********************************************************

   ผมนั่งมองสมุดสเก็ตนิ่งๆ เพราะคิดอะไรไม่ออก วันนี้ผมแวะเข้ามาดูร้านเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่โชว์และงานตัดเย็บหลังร้าน หลังจากดูเรียบร้อยแล้วก็มานั่งสเก็ตงานต่อ แต่สมองก็โล่งเกินกว่าจะร่างอะไรออกมาได้

   เฮ้อ! คิดไม่ออกแฮะ

   ผมวางดินสอในมือก่อนจะเก็บของแล้วเดินออกไปข้างนอก

   “คุณแสนจะกลับแล้วเหรอคะ” เด็กในร้านถาม เมื่อเห็นผมเดินดุ่มๆ ออกไป

   “เดี๋ยวผมไปเดินเล่นหน่อยน่ะครับ แต่ถ้าไม่เห็นก็แสดงว่าผมกลับแล้วนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้เลย”

   “ค่ะคุณแสน”

   พนักงานคงชินกับความอินดี้ของผมแล้วจึงรับคำง่ายๆ เพราะปกติผมก็นั่งอยู่กับที่ได้ไม่นาน ถ้านึกอะไรไม่ออกก็มักจะลุกเดินออกไปดื้อๆ อยู่เป็นประจำ

   ผมเดินทอดน่องในห้างอย่างไม่มีจุดหมาย พอเมื่อยก็เดินลงบันไดเลื่อนให้มันเลื่อนไปเรื่อยๆ สายตาก็มองรอบๆ ตัวไปเรื่อยเปื่อย จนสะดุดตากับร้านดอกไม้ร้านหนึ่งจึงลงจากบันไดเลื่อนเดินตรงเข้าไปหา สีสันสดใสของดอกไม้ดึงดูดให้ผมยืนมองนิ่งๆ
 
   เห็นแล้วนึกถึงดอกมะลิที่บ้านทุ่ง ถึงจะไม่มีสีสันเท่าดอกไม้นอกพวกนี้ แต่ก็สวยละมุนละไมและมีคุณค่าต่อจิตใจมากกว่า

   พอนึกถึงดอกมะลิแล้วก็อดจะนึกถึงบ้านไม้หลังนั้นกับเจ้าของบ้านด้วยไม่ได้ หลังจากวันสัมภาษณ์ก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย เพราะยังไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรในการติดต่อไปดี ตอนนี้เลยคิดถึงจนรู้สึกเหมือนจะลงแดงเข้าไปทุกที ได้แต่ดูรูปในกระเป๋าจนซีด คงต้องคิดหาข้ออ้างดีๆ ในการเข้าหาน้องมันแล้ว

   เมื่อไหร่จะเจอกันอีกนะ แค่เจอกันก็ยังยาก คงอีกนานกว่าจะมีโอกาสได้ไปบ้านหลังนั้นอีก อยากจะไปดูดอกมะลิด้วยกัน อยากจะดูดาว ดูพระจันทร์ด้วยกันอีกครั้งจังเลย

   อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย

   ตั้งเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ตอกย้ำตัวเองเข้าไปอีก

   ผมหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาดู พอเห็นชื่อที่บันทึกไว้ว่า ‘ธงๆ’ บนหน้าจอก็ปล่อยให้มันดังแทงใจตัวเองสักพักก่อนจะกดรับ

   “ทำไมรับช้า” ผมกลอกตากับประโยคทักทายของมัน นี่เพื่อนหรือพ่อ ถามจริง

   “ไม่ว่าง หายใจอยู่”

   “นั่นมุกหรือเปลือกหอย”

   “ของมึงกากกว่ากูอีกเหอะ มีอะไรว่ามา”

   “เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะ มีงานด่วนต้องไปข้างนอก”

   “เออ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมากินเป็นเพื่อนทุกวันก็ได้ กูกินคนเดียวได้น่า กระเพาะไม่ได้ติดกันซะหน่อย”

   “กูพอใจ” ฟังคำตอบของมันแล้วผมก็ถอนหายใจเฮือกแบบจงใจให้มันได้ยินด้วย

   “งั้นเอาที่มึงสบายใจเลยรบ”

   “ฮ่าๆๆ แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆ ไปรับ”

   “ถ้าอยู่ไกลจากที่นี่มากก็ไม่ต้องย้อนกลับมานะ กลับบ้านมึงไปเลย เดี๋ยวกูกลับเองได้”

   “เออๆ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที”

   “อืม ขับรถดีๆ นะ”

   “โอเค” หลังรับคำแล้วมันก็วางสายไป ผมมองโทรศัพท์ยิ้มๆ ก่อนจะเปิดดูไลน์ที่เฮียส่งมากำชับให้กินข้าวจึงหันหลังเพื่อเดินกลับไปหาอะไรกิน

   ปึก! โครม

   “โอ๊ะ!” แต่เพราะมัวแต่มองหน้าจอไม่ได้มองทางจึงชนโครมเอากับคนที่เดินผ่านมาพอดี เอกสารในมือของคนที่ถูกชนหล่นกระจาย รวมทั้งสมุดสเก็ตที่ผมถือติดมือมาด้วย ส่วนตัวผมก็เกือบหงายเงิบ ยังดีที่คนชนคว้าไว้ทัน

   พอตั้งหลักได้ผมก็เงยหน้าเพื่อจะเอ่ยขอโทษ

   “ขอโทษครับ” ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นหน้าคนที่ประคองไว้ชัดๆ

   “คล้าว”

   “พี่แสน”

   “อุ๊ย” เสียงอุทานของคนที่เดินผ่านมา ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเราสองคนอยู่ในท่าที่ชวนให้เข้าใจผิดแค่ไหน

   ตอนนี้เหมือนเรากอดกันอยู่กลายๆ ใกล้ชิดกันมากจนได้ยินหัวใจของอีกฝ่าย จึงรีบผละออกจากกันทันทีราวถูกของร้อน ก่อนเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง

   ผมรู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว เอาจริงๆ ก็ชอบอยู่หรอกนะที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของน้องมัน แต่ขออยู่ในที่ลับตาหน่อยได้ไหม อยู่ที่สาธารณะแบบนี้มันก็เขินนะครับ!

   ผมเหลือบมองคู่กรณีก็เห็นน้องมันลูบท้ายทอยตัวเองอยู่ ซึ่งเป็นท่าทางที่คล้าวชอบแสดงออกเวลาที่เขินหรือทำอะไรไม่ถูก เห็นแล้วก็ต้องแอบยิ้ม ก่อนจะก้มลงเก็บของที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแก้เขิน

   “อ๊ะ!” ผมหลุดอุทานเมื่อเราบังเอิญเก็บเอกสารชิ้นเดียวกันทำให้มือของผมทับมือของน้องอย่างไม่ตั้งใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องหน้าร้อนอีกครั้ง เพราะหน้าเราสองคนอยู่ห่างกันแค่คืบ

   เราสองคนเผลอสบตากันก่อนที่จะเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าของผมคงแดงจัดแน่ๆ ส่วนคล้าวก็ออกอาการไม่แพ้กัน เพราะใบหูของน้องแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด

   พอช่วยกันเก็บเอกสารบนพื้นจนหมด ผมก็ยื่นเอกสารให้คล้าว น้องมันก็รับไปเงียบๆ ต่างคนต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไรในบรรยากาศที่ชวนให้เก้อเขินแบบนี้

   “พี่ขอโทษนะที่ไม่ระวัง” ในฐานะที่อายุมากกว่า ผมเลยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “แล้วนี่คล้าวจะไปไหนเหรอ”

   “ผมมาติวครับ”

   “ติว?”

   “ครับ ผมมาติวบางวิชาเพิ่ม รื้อฟื้นความรู้เตรียมสอบเข้ามหาลัยครับ” ฟังคำตอบแล้วก็ได้แต่ยิ้มให้กับความตั้งใจของน้อง

   “แล้วนี่ติวเสร็จแล้วเหรอ?”

   “เสร็จแล้วครับ”

   “คล้าวจะไปไหนต่อไหม ติดธุระที่ไหนอีกรึเปล่า?”

   “ไม่มีแล้วครับ ผมว่าจะกลับเลย”

   “คือ... พอดีพี่กำลังจะไปทานข้าวคนเดียว” ผมย้ำคำว่าคนเดียวด้วยน้ำเสียงหงอยๆ เพื่อให้น้องมันเห็นใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วส่งสายตาอ้อนวอนไปสำทับ

   “ถ้าไม่รบกวนไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม” คล้าวยังคงจ้องตาผมนิ่งๆ น้องเงียบไปจนผมใจเสีย แต่เมื่อสังเกตดีๆ ถึงได้รู้ว่าน้องกำลังเหม่อ

   “คล้าว”

   “ครับ ได้สิครับ” พอได้รับคำตอบผมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ คล้าวมองหน้าผมสักพักก็เบือนหน้าหนี

   ผมขมวดคิ้วสงสัยในปฏิกิริยาของน้อง แต่เมื่อสังเกตดีๆ ก็เห็นใบหูของน้องมันแดงก่ำ  เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี เพราะมันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องมันก็หวั่นไหวกับผมบ้างเหมือนกัน

   ถ้าเป็นแบบนี้ก็รุกได้เต็มที่แล้วสินะ หึๆๆ

   “ทานอะไรกันดีครับ” ผมถามน้องพร้อมกับยิ้มให้อย่างสดใส

   “อะไรก็ได้ครับ ตามใจพี่แสนเลย” คล้าวตอบโดยไม่สบตาผม

   ถ้าบอกว่าอยากกินน้องล่ะ จะตามใจพี่ด้วยไหม ผมได้แต่คิดในใจแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียว

   “งั้นเราไปที่ศูนย์อาหารกันดีกว่านะ มีอาหารให้เลือกหลากหลายดี” พูดจบผมก็เดินนำไป คล้าวก็เดินตามมาเงียบๆ    ระหว่างทางผมสังเกตเห็นสายตาที่สาวๆ แอบมองคนที่เดินตามมาตลอด เห็นแล้วก็รู้สึกกังวลจนอดจะเหลือบไปมองไม่ได้ ว่าน้องมันมีปฏิกิริยากับสาวๆ ยังไง

   แต่เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าน้องมองตรงมาที่ผมด้วยสายตาครุ่นคิด ผมก็เผลอสะดุดขาตัวเอง

   “โอ๊ะ!”

   “ระวังครับ” คล้าวมันรั้งแขนผมไว้เมื่อเห็นผมเกือบล้มหน้าคว่ำ ทำให้ตอนนี้แผ่นหลังของผมปะทะเข้ากับตัวของน้องมันแทน
ผมมองมือที่ยังจับต้นแขนไว้แน่นก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองหน้าคล้าว พอสบตากันในระยะประชิดอีกครั้งก็ชะงักกันไปทั้งคู่ คล้าวเป็นฝ่ายหลบตาก่อน แล้วก็ปล่อยมือจากต้นแขนของผม ส่วนผมก็ผละออกแล้วเอ่ยขอบคุณน้องเบาๆ

   “ขอบคุณครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ”

   ท่าทีเก้อเขินของน้องมันทำให้ผมเดินยิ้มเหมือนคนบ้า

   ผมเดินไปซื้อคูปองสองใบแล้วยื่นให้คล้าว น้องมันจะปฏิเสธแต่ผมก็กล่อมให้น้องรับจนได้ เราแยกกันไปซื้ออาหารของตัวเองก่อนจะพากันเดินหาโต๊ะว่าง แล้วทานอาหารกันเงียบๆ

   ผมรู้สึกได้ว่าคล้าวมันแอบมองมาบ่อยๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง น้องมันก็หลบตาทันที ผมได้แต่แอบยิ้มและปล่อยให้น้องมันแอบมองต่อไป คิดว่าตอนนี้น้องมันน่าจะกำลังรู้สึกสับสน เพราะสายตาของผมแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกยังไงกับน้อง

   ต้องให้เวลาน้องคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองหน่อย ผมเข้าใจว่าคงไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับว่าหวั่นไหวกับเพศเดียวกัน

   หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ผมก็ชวนคล้าวลุกเพื่อให้คนอื่นได้มานั่งบ้าง เมื่อคืนคูปองเรียบร้อย ผมก็เดินไปหาน้องที่ยืนรออยู่แล้วถาม

   “คล้าวจะกลับเลยรึเปล่า”

   “ครับพี่แสน”

   “กลับบ้านที่สุพรรณฯ เหรอครับ”

   “เปล่าครับ ตอนนี้ผมพักอยู่ในกรุงเทพฯ” เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของผม คล้าวก็อธิบายต่อ

   “ก่อนหน้านี้ผมกับไม้มาทำงานเก็บเงินไว้เรียนต่อกันครับ หลังจากนั้นหลวงตาก็โทรมาบอกว่ามีคนให้ทุนพวกเรา ผมเลยวางแผนไว้ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อติวบางวิชาเพิ่ม ถ้าวันไหนที่ไม่มีติวก็จะทำงานไปพลางๆ ครับ”

   “แล้วน้องไม้ล่ะครับ”

   “ตอนนี้ไม้ช่วยงานในร้านอาหารของญาติอยู่ครับ ไม้มันเพิ่งจะเรียนจบ แต่ไม่ได้สอบไว้ เพราะไม่มีเงินเรียน เดี๋ยวถ้าร้านหาคนได้มันก็คงมาติวเหมือนกันครับ ไม่งั้นคงสู้รุ่นน้องๆ ไม่ได้”

   “แล้วนี่คล้าวลงติววันไหนบ้างครับ”

   “ผมลงไว้สามวันครับพี่แสน มีวันอังคาร ศุกร์กับอาทิตย์ครับ”

   “อืม แล้วถ้าติวเสร็จคล้าวต้องไปทำงานต่อไหมครับ”

   “ไม่ครับ เพราะผมติวครึ่งวัน งานที่ผมทำนี่เป็นงานรายวัน ต้องทำเต็มวันครับ”

   “งั้น... ถ้าติวเสร็จแล้ว พี่จ้างคล้าวทำงานต่อได้ไหม”

   “งานอะไรครับ”

   “คือ... พี่ทำงานออกแบบเสื้อผ้า มันเป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่บางทีพี่ก็คิดอะไรไม่ออก ต้องออกไปหาแรงบันดาลใจในการทำงานข้างนอก ถ้าไม่รบกวนพี่ก็อยากจะให้คล้าวไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม”

   ฟังจบน้องมันก็มีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะมองหน้าผมแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

   “พี่แสนไม่ต้องจ้างหรอกครับ ผมไปเป็นเพื่อนได้”

   “ไม่ได้ พี่ไม่อยากรบกวนเวลาคล้าวเฉยๆ”

   “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ยังไงตอนบ่ายผมก็ว่างอยู่แล้ว ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้ผมก็เต็มใจช่วย ผมอยากจะตอบแทนพี่ๆ บ้างครับ”

   “อืม ถ้างั้นเรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลัง สรุปว่าคล้าวตกลงแล้วใช่ไหม” เอาไว้ค่อยไปกล่อมให้รับทีหลังก็แล้วกัน

   “ครับพี่แสน” ผมยิ้มด้วยความดีใจ

   “ถ้าอย่างงั้นพี่ขอไลน์ ขอเบอร์หน่อยสิครับ จะได้นัดกันอีกที” ผมเนียนขอช่องทางติดต่อ ถึงข้อมูลพวกนี้จะมีอยู่ในประวัติเด็กทุนอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่เหมือนขอเป็นการส่วนตัวนี่ครับ ขอจากเจ้าตัวมันรู้สึกเป็นกันเองมากกว่า

   “ได้ครับ” ผมแอบยิ้มเมื่อน้องตอบรับแต่โดยดี

   หลังจากแลกเบอร์แลกไลน์กันแล้ว ผมก็ปล่อยให้น้องกลับไปก่อน วันนี้ได้แค่นี้ก็ถือว่าก้าวหน้ามากแล้ว ยิ่งคิดว่าต่อไปจะได้โอกาสอยู่ใกล้ชิดกันหลังติวเสร็จอีกผมก็ยิ่งอารมณ์ดี

   ผมมองเพื่อนใหม่ในไลน์แล้วยิ้มกริ่ม

   ตอนนี้ได้แค่ไลน์กับเบอร์ แต่อนาคตพี่ต้องได้หมดทั้งตัวและหัวใจอย่างแน่นอน เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย พี่คล้าวของทองกวาว

   ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่า น้องคล้าวของพี่แสนสินะ ผมยิ้มก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไลน์ไป

   “ถึงห้องรึยังครับ”

Part คล้าว

   ผมวางสายจากหลวงตาด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น เห็นแจ้งเตือนจากไลน์ที่หน้าจอขึ้นเป็นร้อย เพราะนานๆ จะเปิดอ่านสักที เนื่องจากรำคาญข้อความจากบางกลุ่มที่หาสาระอะไรไม่ได้ แต่ก็ต้องทนอยู่ในกลุ่มต่อไป เพราะไอ้ไม้มันบังคับให้อยู่เพื่อติดตามข่าวสารของแต่ละกลุ่ม ข้อความล่าสุดเป็นข้อความจากพี่แสนที่เพิ่งจะแอดมา ผมจึงเปิดขึ้นมาดู

   “ถึงห้องรึยังครับ”

   ผ่านไปสักพักก็ส่งมาอีกรอบ

   “ถ้าถึงแล้วบอกพี่ด้วยนะ พี่เป็นห่วง”

   เห็นข้อความแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ ก่อนที่จะรีบพิมพ์ตอบไป เพราะดูจากเวลาเห็นว่าพี่แสนส่งมาได้สักพักแล้ว

   “ถึงแล้วครับ” ผ่านไปได้ไม่กี่วินาทีก็ได้รับสติ๊กเกอร์รูปควายโอเคจากพี่แสนมา พอเห็นแล้วก็อดจะหลุดขำไม่ได้ เพราะมันไม่เข้ากับพี่แสนเลยสักนิด

   ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงมองเพดานนิ่งๆ

   ท่าทีของพี่แสนในวันนี้ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่าพี่แสนน่าจะคิดกับผมมากกว่าเด็กทุนของพี่เขา แต่แปลกที่พอรู้อย่างนี้แล้วผมกลับไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเป็นเรื่องผิดปกติอะไรสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่หลอกตัวเอง นอกจากจะไม่รู้สึกแปลกแล้ว ผมกลับรู้สึกหวั่นไหวกับพี่แสนอีกต่างหาก

   พี่แสนเป็นผู้ชายที่ผิวขาวจัดเหมือนคนไม่ค่อยโดนแดด นอกจากนี้ยังเป็นผู้ชายที่หน้าตาค่อนไปทางน่ารักมากกว่าจะหล่อ อาจจะเป็นเพราะตาโตๆ สีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายสดใสรับกับจมูกได้รูปและริมฝีปากสีสด ทำให้ใบหน้านั้นดูละมุนมากกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ แถมรูปร่างยังผอมเพรียวจนไม่กล้าจับต้องแรง เพราะกลัวพี่เขาจะเจ็บ

   แต่ผมคิดว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวจริงๆ น่าจะเป็นเพราะใบหน้าของพี่แสนเป็นใบหน้าเดียวกับผู้ชายที่ผมเคยเห็นซ้อนทับกับหน้าของทองกวาวมากกว่า

   ตอนเห็นหน้าพี่แสนครั้งแรกผมก็ได้แต่อึ้งด้วยความตกใจ เพราะผมจำใบหน้าที่เคยมองมาด้วยแววตาห่วงใยและส่งสายตาปลอบโยนมาให้เมื่อครั้งที่เสียใจจากดาวเรืองได้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่แสนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

   ยิ่งเห็นน้ำตาพี่แสนไหลก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก มันรู้สึกร้อนรนเหมือนจะทนเห็นน้ำตาพี่เขาไม่ได้และยังรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในอกอีกด้วย แต่พอเห็นพี่แสนยิ้ม ผมก็รู้สึกสบายใจและอยากจะยิ้มตามไปด้วย จนผมแปลกใจกับความรู้สึกตัวเองมาก

   พอกลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเองแล้วก็ยิ่งสับสน เพราะถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถลืมดาวเรืองได้หมดหัวใจ แต่เมื่อเจอพี่แสนกลับรู้สึกหวั่นไหวในระยะเวลาแค่สั้นๆ ที่สำคัญยิ่งผมนึกถึงพี่แสนบ่อยขึ้นเท่าไหร่ เงาของดาวเรืองในหัวใจของผมก็ยิ่งเลือนรางลงไปทุกที

   แปลกที่รู้สึกเหมือนกับว่าเรารู้จักกันมานาน ไม่ได้รู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งจะรู้จักกันในระยะเวลาสั้นๆ สักนิด

   ระหว่างที่ผมกำลังรู้สึกสับสน หลวงตาก็โทรมาหาพอดี หลวงตาถามสารทุกข์สุกดิบผมกับไม้เหมือนกับทุกครั้ง ก่อนจะถามว่ามีอะไรจะปรึกษาท่านหรือเปล่า

   พอผมเงียบไปเพราะคิดไม่ตกว่าจะเล่าให้ท่านฟังดีหรือไม่ หลวงตาก็บอกเหมือนรู้ว่าผมกำลังมีอะไรอยู่ในใจว่าไม่ต้องคิดมาก ให้ผมปรึกษาท่านได้ทุกเรื่อง

   ผมจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้หลวงตาฟัง หลวงตาฟังแล้วก็หัวเราะ ท่านบอกว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตา การที่คนเรามีโอกาสมาพบกันได้นั้นก็เพราะเคยทำบุญทำกรรมร่วมกันมาก่อน

   หลวงตายังบอกอีกว่า เรื่องบางเรื่องก็ควรปล่อยให้มันค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ ขอแค่ยึดมั่นในความดีและไม่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่นก็พอแล้ว

   หลังจากวางสายจากหลวงตา ผมก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น จึงตัดสินใจปล่อยความรู้สึกให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตาอย่างที่หลวงตาท่านว่า ตอนนี้แค่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ

   ผมหลับตาลงพักสายตา แต่สมองกลับนึกถึงหน้าแดงๆ ของพี่แสนแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียว


*********************************************

ไม่ต้องคิดมากแล้วจ้ะน้องคล้าว หลวงตาไฟเขียวแล้วววว
พี่แสนรุกตรงๆ อ่อยมันตรงๆ นี่แหละค่ะ จะจีบเด็กใจต้องกล้า หน้าต้องด้าน 55555
มาถึงตอนนี้ก็ได้ครึ่งทางแล้วฮูเร่ ฮึบๆ อีกนิดนะแม่น้องทองกวาว

ฝากแฮชแท็ก #มนต์รักริมทุ่ง ด้วยค่า กราบงามๆ

Page : Maneethewa สมาชิกน้อยนิด น่ารักๆ

https://www.facebook.com/Maneethewa/

*********************************************

#วายซ่า ☼ ไม้นี่มันไม้จริงๆ ค่ะ ถถถ พี่แสนรีบค่ะ พี่แสนบอกว่าอยากเป็นอมตะแล้ว 55555
#Al2iskiren ☼ น้องหวั่นไหวแล้วค่า สนิทกันต้้งแต่เป็นควาย กร๊ากกก ส่วนน้องไม้ รอลุ้นนะคะ
#iceman555 ☼   :pig4: :กอด1:
#puiiz ☼   :pig4: :กอด1:
#19th ☼  เจอพี่แสนรุกหนักค่ะ อ่อยจริง อ่อยจัง 55555
#k2blove ☼  พี่แสนมั่นใจค่ะว่าต้องได้กินอยา่งแน่นอน แค่กๆๆๆ ส่วนทั้งสองคนนั้นนนนน.... อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้เธอฟังไม่ได้สักกกกกกคำ แฮ่
#lovenine ☼  เขียนเรื่องนี้นี่คิดถึงบรรยากาศที่บ้านมากเลยค่ะ ทุ่งนากว้างๆ ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน สวยมากกก จะพยายามเข็นให้จบไวๆ ค่า FC เราน้อย แต่ก็มาบ่อยพอให้ชื่นนนนใจค่ะ กอดดด
#ommanymontra ☼   :pig4: :กอด1:
#aoihimeko ☼  รุกแบบอ่อยหนักมากค่ะ 55555



 
:m1: :m1: :m1:
 :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2018 13:30:01 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยย น้องแสนจะไปไหนรอด อิอิอิอิ

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
หวายๆๆๆๆๆ ถ้าแสนรู้ว่าน้องมีใจให้ด้วยแบบนี้ จับปล้ำไปเลยยยยย5555555 ขอธงรบคู่ไม้เน้อออ อยากเห็นอะไรแสบๆๆๆเด๋อๆๆๆจากเจ้าไม้มัน

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อิอิ นี่ขนาดยังไม่รู้ว่าน้องก็แอบมีใจให้นะ

ปล. ชอบตอนพี่แสนอยู่ในร่างควาย ตลกี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อย่าปล่อยให้น้องหลุดมือค่ะพี่แสน จักชุดใหญ่เลยค่ะกว่าจะเจอกันแบบนี้

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พี่แสนอ่อยอย่างไม่ปิดบัง ส่งสายตาปิ้งๆ ตลอด อย่างว่าบางอย่างต้องรีบนะ
ขืนเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไอ้คร้าวคงได้หายไปจากสายตาเป็นแน่ แล้วแสนจะเสียใจ
ชอบตรงหลวงตาท่านบอกไปว่าบุญกรรมร่วมทำกันมา เข้ากับยุค 4.0 ฝุดๆ
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย นึกถึงบรรยากาศท้องทุ่ง วันหยุดที่ผ่านมาไปเที่ยวแถวสุพรรณ
ร้อนตับแตก อากาศเปลี่ยนคนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะ เป็นห่วงกลัวไม่ได้อ่าน อิอิอิ
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มีสติ๊กเกอร์ไลน์เป็นรูปควายซะด้วย ทำคะแนนทุกทางเลยเนอะ :m20:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ทึ่งในความอ่อยของพี่แสนจริงๆ ก็จังหวะมันเอื้ออ่ะนะ.  o18

น้องคล้าวก็ดูจะเคลิ้มกับสายตาออดอ้อนของพี่แสนนิ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ตอนเป็นควาย คือทำอะไรไม่ได้ไง

พอเป็นคนเลยจัดเต็มแบบอ้อยคว่ำ. 555

ดีใจที่คล้าวจำเงาร่างนั่นได้ ถึงแม่จะเห็นแค่ชั่วครู่

นี่แหละหนาวาสนามันนำพา. อิอิ



ปล.ไปอ่านสองก้อนมาละ อยากบอกว่าลงเรือผีแบบ หิน-ดิน. หุๆ. แบบ..แอบคิดไงว่าหินจะกรายร่างได้  ฮา~~~~

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
หลวงตาชี้ทางสว่างแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตานะน้องคล้าว  :-[

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 12

   ผมเอาเรื่องที่คุยกับคล้าวมาเล่าให้เฮียแผนฟังระหว่างที่เรานั่งรถกลับบ้านด้วยกัน

   เมื่อตอนบ่ายๆ หลังจากที่แยกกับคล้าวมาแล้ว ผมก็กลับไปนั่งสเก็ตเสื้อผ้าในห้องเสื้ออย่างอารมณ์ดี เฮียแผนก็โทรมาบอกให้ผมรอไปก่อน เฮียจะมารับกลับบ้านเอง เพราะธงรบโทรไปบอกเฮียว่ายังติดธุระอยู่ เลยมารับผมไม่ได้

   ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่ากลับเองได้ เฮียก็ไม่ยอม ยังยืนยันจะมารับให้ได้ ผมเลยต้องยอมรอแต่โดยดี

    ผมบอกเฮียไว้ก่อน เพราะผมวางแผนไว้ว่าวันไหนที่จะไปข้างนอกกับคล้าว ผมจะขับรถมาเอง

   เฮียแผนนั่งฟังผมเล่าเงียบๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิด พอฟังจบก็บอก

   “เฮียจะไปด้วย” ผมหันขวับไปมองหน้าเฮียทันที เฮียแผนเหลือบมามองหน้าผมก่อนจะหันกลับไปมองถนนแล้วพูดต่อ

   “ครั้งแรกเฮียขอไปด้วยก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เฮียถึงจะวางใจให้ไปตามลำพังได้”

   “ก็ได้ครับ” ผมได้แต่ตามใจ เพราะรู้ดีว่าห้ามไปก็คงไม่ฟัง คงต้องปล่อยให้ไปเห็นเองว่าผมดูแลตัวเองได้ และคล้าวมันไม่มีปัญหาอะไร เฮียถึงจะสบายใจ

*******************************************

   ผมวางโทรศัพท์จากเฮียแผนที่โทรมาบอกว่าติดธุระด่วน ไม่สามารถไปกับผมได้ ตอนแรกก็โล่งใจที่จะได้ไปกันตามลำพัง เพราะกลัวว่าคล้าวมันจะทำตัวไม่ถูก แต่เฮียบอกว่าไม่ต้องห่วงธงรบจะไปเป็นเพื่อนผมแทนเฮียเอง

   อยากจะตอบเฮียเหลือเกินว่าไม่ได้ต้องการเลยสักนิด แต่ก็พูดไม่ออก

   ผมมองธงรบที่มานั่งเล่นโทรศัพท์รอตรงโซฟามุมห้องแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความเพลียกับความห่วงจนเกินเหตุของสองคนนี้ ทั้งคู่รับช่วงผลัดกันดูแลผมเป็นอย่างดีเหมือนผมเป็นเด็กอนุบาลมากกว่าเป็นผู้ชายอายุ 24 ขนาดป๊ายังไม่ตามติดชีวิตผมขนาดนี้เลย

   อ้อ! ลืมไป ผมเพิ่งรู้มาว่าที่ป๊ากับแม่ไม่ได้มาคอยตามติดผม ก็เพราะมีสองคนนี้คอยรายงานอยู่ตลอดเวลาต่างหาก ทั้งคู่ก็เลยวางใจได้

   เฮ้อ! เรื่องที่ผมประสบอุบัติเหตุแล้วหลับไปนานนี่ทำเอาคนรอบตัวผมฝังใจไปตามๆ กันเลยครับ ได้แต่หวังว่าทุกคนจะวางใจสักทีว่าผมปลอดภัยดีและดูแลตัวเองได้แล้ว จะได้ไม่ต้องห่วงจนเกินควรขนาดนี้

   โดยเฉพาะธงรบ เพราะบริษัทมันอยู่ใกล้กับห้องเสื้อผม มันเลยคอยมารับมาส่งผมประจำ แถมป๊ากับม๊าและพี่ๆ ของมันก็ยังสั่งให้มันมาคอยดูแลผมด้วย เราก็เลยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนคนในร้านแซวประจำว่าธงรบทำตัวเหมือนเป็นแฟนของผม

   ซึ่งผมก็ได้แต่เถียง ว่ามันทำตัวเป็นพ่อผมต่างหาก ผมถึงได้เรียกมันว่าพ่อ No.3 ในใจประจำ

   อันที่จริงที่มันคอยดูแลผมแบบนี้ เพราะผมเกิดทีหลังมัน ทุกคนในครอบครัวมันเลยบอกให้มันดูแลผมเหมือนน้อง ยิ่งมันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน มันก็เลยทำตัวเป็นพี่ผมมาตลอด

   แต่ผมว่าสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้มันดูแลผมเหมือนทุกวันนี้ก็คงเป็นเพราะเมื่อตอนช่วงประถม ตอนที่ครอบครัวเราไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ธงรบมันแกล้งลากผมไปทิ้งไว้ในบริเวณน้ำลึกระดับคอแล้วผมโดนคลื่นซัดจนจมน้ำหายไปมากกว่า

   ยังดีที่เฮียแผนกับพี่ๆ ของมันนอนอาบแดดส่องสาวเล่นอยู่แถวนั้น เลยรีบลงไปช่วยกันงมจนหาตัวผมเจอ แต่ตอนนั้นผมไม่หายใจแล้ว โชคดีมีพยาบาลที่มาเที่ยวอยู่แถวนั้นเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลจนผมฟื้นกลับมาได้

   หลังจากนั้นผมก็ป่วยหนักต้องพักรักษาตัวนานกว่าจะหาย ธงรบและครอบครัวรู้สึกผิดมาก ป๊ากับม๊ามันเลยสั่งให้มันคอยดูแลผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

   เราสองคนก็เลยตัวติดกันมาโดยตลอด มาแยกกันก็ตอนที่ผมไปเรียนที่ต่างประเทศ ตอนแรกมันจะตามไปเรียนด้วยด้วยซ้ำ แต่ผมห้ามไว้ เพราะผมอยากให้มันมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง ไม่ต้องมาคอยดูแลผมตลอดเวลาเหมือนที่ผ่านมา

   อีกอย่างผมอยากให้มันมีแฟนและเอาใจใส่แฟนให้เต็มที่ ที่ผ่านมามันคบกับใครก็ไปไม่เคยรอด เพราะมันคอยแต่จะตามดูแลผมจนไม่มีเวลาให้แฟน แฟนมันต่างก็น้อยใจและหึงหวงผมกันทุกคน

   แต่มันก็ไม่สนใจความปรารถนาดีของผมเลย ช่วงปิดเทอมก็ตามป๊ากับแม่ไปหาผมถึงที่โน่น แฟนก็ไม่ยอมมี มันบอกว่ารำคาญที่มีแฟนทีไรแฟนแต่ละคนของมันก็หึงหวงมันกับผมแบบไร้สาระ

   ผมฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลีย คิดดูแล้วถ้าเป็นผม ผมก็หึง ใครมันจะอยากให้แฟนตัวเองดูแลเพื่อนยิ่งกว่าเมียแบบนี้ล่ะ

   พอพูดกับมัน มันก็บอกว่าถ้าจะเป็นแฟนมันก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ได้ เพราะมันไม่มีวันปล่อยให้ผมอยู่ลำพังจนเป็นอันตรายอีก อีกอย่างป๊ากับม๊ารวมทั้งพี่ๆ ของมันก็สนับสนุนการกระทำของมันอย่างเต็มที่อีกด้วย ผมก็เลยพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย คิดว่าถ้าวันไหนมันเจอคนที่มันรัก มันก็คงจะห่างๆ จากผมได้เองแหละ

   “หิวแล้ว เด็กมึงเสร็จยังแสน” ไอ้คนที่ผมนินทาในใจเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาถาม เมื่อดูเวลาก็เห็นว่าเที่ยงแล้วผมเลยลุกจากเก้าอี้

   “น่าจะเสร็จแล้วละ ไปรอที่ศูนย์อาหารเลยก็ได้ กูนัดน้องไว้ที่นั่น” ธงรบรีบลุกขึ้นกอดคอผมเดินออกไป เห็นสาวๆ ในร้านส่งยิ้มล้อเลียนมาแล้วก็ได้แต่ถอนใจ บอกว่าไม่ใช่แฟนกันก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะไอ้คนที่กอดคอผมอยู่ก็ขยันสร้างกระแสเหลือเกิน คงต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อน

   ระหว่างที่เดินผมก็ควักโทรศัพท์ออกมาไลน์หาคล้าวไปด้วย

   “เสร็จรึยังครับ” รอไม่นานน้องก็ตอบกลับมา

   “เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมเข้าห้องน้ำก่อนแล้วจะรีบตามไปนะครับ”

   ผมส่งสติ๊กเกอร์ควายโอเคไปให้น้อง แล้วไปซื้อคูปองรอที่ศูนย์อาหารเลย พอได้คูปองธงรบก็เดินไปสั่งอาหารก่อน สงสัยจะหิวอย่างที่บอกจริงๆ

   รอไม่นานก็เห็นคล้าวเดินมาหาตรงจุดนัดพบ ร่างสูงๆ นั้นดึงดูดสายตาคนรอบข้างเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่คล้าวแต่งตัวธรรมดามาก น้องมันใส่เสื้อยืดสีดำพอดีตัวอวดอกแน่นๆ ที่ผมจำได้แม่นว่าเวลาไม่ใส่เสื้อแล้วซิกแพคมันน่าลูบแค่ไหน กางเกงยีนส์สีซีดๆ กับผ้าใบเก่าๆ หน้าหล่อๆ นั้นนิ่งเฉย แต่เท่านี้สาวๆ ที่เดินผ่านต่างก็ส่งสายตาให้เป็นระยะ เห็นแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจ อยากเอาผ้าคลุมหัวแล้วลากไปเก็บไว้ดูคนเดียวที่บ้านจริงๆ

   “สวัสดีครับพี่แสน” เมื่อมาถึงคล้าวก็ยกมือไหว้อย่างเรียบร้อยพร้อมทั้งส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

   เห็นรอยยิ้มน้องมันแล้วรู้สึกชนะอย่างบอกไม่ถูก

   “สวัสดีครับ” ผมรับไหว้แล้วส่งคูปองให้น้อง คล้าวมันยังไม่รับคูปองแต่หยิบเงินออกมาส่งให้ผม

   “ไม่เป็นไรเอาไปเถอะ ไม่กี่บาทพี่เลี้ยงเอง”

   “ไม่เป็นไรครับผมเกรงใจ คราวก่อนพี่แสนก็เลี้ยงแล้ว”

   “พี่ก็เกรงใจเหมือนกันที่รบกวนเวลาพักผ่อนคล้าว ถ้าไม่รับพี่จะรู้สึกผิดมากเลยนะ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมน้อง

   “จะยืนคุยกันอีกนานไหม หิวแล้ว เราก็รับๆ ไปเถอะ แสนมันรวย แค่นี้ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งมันหรอก ขนหน้าแข้งมันเยอะ” ผมถองใส่ธงรบที่เดินมากอดคอผมทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของมัน ซึ่งมันก็รีบยกมือออกแล้วหลบทันที

   “สวัสดีครับ” น้องมันเลยยกมือไหว้ธงรบอย่างคนมารยาทดี ซึ่งธงรบมันก็รับไหว้แต่สายตาจ้องน้องอย่างพินิจพิจารณา

   มึงไม่สิงน้องมันเลยล่ะ ถ้าจะจ้องขนาดนี้

   “สวัสดี พี่ชื่อธงรบเป็นเพื่อนแสน เราล่ะหน้าคุ้นๆ เป็นเด็กทุนด้วยใช่ไหม ชื่ออะไรนะ พี่ลืม” ผมเหล่ตามองไอ้คนที่ทำเป็นลืมอย่างหมั่นไส้

   แหม... ทีตอนซักกูละจำแม่นเชียวนะ ไม่เห็นลืมแบบนี้บ้างล่ะ

   “ผมชื่อคิมหันต์ครับ เรียกคล้าวก็ได้ ผมเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับทุนจากพี่ๆ ครับ” น้องมันตอบอย่างสุภาพ

   “อ้อ นึกออกแล้ว พี่คล้าวของทองกวาวใช่ไหม” ผมแอบสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อเดิมของตัวเอง ส่วนคล้าวเหลือบมองผมก่อนจะหันไปตอบธงรบ

   “ครับคุณธงรบ”

   “เฮ้ย! ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น แล้วคุณอะไรกัน เรียกพี่รบเหมือนที่เรียกพี่แสนก็ได้” ธงรบมันบอกก่อนจะหยิบคูปองจากมือผมยัดใส่มือคล้าวอย่างรวดเร็ว

   “เอ้า เอาไปเถอะไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็ไปซื้อข้าวได้แล้ว พี่หิวจนจะกินควายได้ทั้งตัวแล้ว” พูดจบก็จับมือผมลากออกมาทันที

   “มึงจะรีบไปตามควายรึไงรบ ช้าหน่อยสิวะ ขากูจะพันกันอยู่แล้วเนี่ย” ผมบ่นเมื่อมันลากผมเดินเร็วจนขาแทบจะพันกัน

   “รอให้น้องมึงคืนคูปองรึไง ต้องรีบหนีตอนที่น้องมันไม่ทันได้ตั้งตัวสิ อีกอย่างกูหิวมากกกก ช้ากว่านี้กูจะกินหัวน้องคล้าวมึงแทนข้าวแล้วนะ” ธงรบบ่นเป็นหมีกินผึ้ง แต่ก็ยอมผ่อนฝีเท้าให้แต่โดยดี

   “หิวก็ไปกินก่อนไป๊ เดี๋ยวกูซื้อข้าวเสร็จแล้วจะรีบตามไปที่โต๊ะ” ผมบอกแล้วผลักให้มันกลับไปที่โต๊ะก่อน

   “เร็วๆ นะ” มันยังไม่วายเร่ง

   “เออน่า” ผมบอกมันแล้วรีบไปซื้อร้านที่คนน้อยๆ หน่อย เพราะรู้ว่ามันต้องนั่งรอไม่ยอมกินก่อนแน่ๆ เมื่อไปถึงก็เห็นมันนั่งรออย่างที่คิดจริงๆ

   “กินก่อนเลย ไม่ต้องรอน้องมันหรอก ถ้าไม่อิ่มจะได้ไปหาอย่างอื่นมากินต่อ” ผมนั่งลงข้างๆ มันก่อนจะบอกให้มันกินไปก่อนเลย เพราะรู้ดีว่าถ้ามันหิวขนาดนี้  อย่างเดียวไม่น่าจะอิ่ม มันก็คงจะคิดเหมือนกัน เลยเริ่มจัดการก๋วยเตี๋ยวในชามทันที

   ผมละสายตาจากธงรบมองไปหาคล้าว เมื่อเห็นว่าน้องมันมองหาก็ยกมือกวักเรียก พอมองเห็นผมคล้าวก็เดินมาหาแล้วนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับผม ผมยิ้มให้คล้าวแล้วเริ่มกินข้าวของตัวเอง คล้าวจึงกินเริ่มกินของตัวเองเงียบๆ เหมือนกัน

   หลังจากก๋วยเตี๋ยวในชามหมด ธงรบก็ลุกไปเตร่หาของกินต่อ ส่วนผมแค่อย่างเดียวก็อิ่มแล้วจึงถามคล้าวเผื่อน้องมันยังไม่อิ่ม

   “ถ้าไม่อิ่มไปหาอะไรทานต่อก็ได้นะคล้าว ไม่ต้องเกรงใจพี่” ผมจ้องคล้าวแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะรู้ดีว่าน้องมันต้องเกรงใจแน่

   “ครับ พี่แสนเอาอะไรเพิ่มไหมครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” คล้าวมีสีหน้าเกรงใจ แต่พอผมมองด้วยสีหน้าจริงๆ ก็รับคำ

   “ไม่ล่ะ พี่อิ่มแล้ว เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำมาให้ เอาน้ำอะไรครับ”

   “น้ำเปล่าก็ได้ครับ” ผมยิ้มให้คล้าว ก่อนจะลุกไปซื้อน้ำมาเผื่อทั้งคู่ด้วย พอกลับมาที่โต๊ะก็มานั่งท้าวคางมองทั้งคู่ยืนรออาหาร เห็นแล้วก็อดจะอมยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้

   “เป็นบ้าเหรอ นั่งยิ้มอยู่คนเดียว” ผมหุบยิ้มฉับเมื่อธงรบมันเดินกลับมานั่งแล้วทัก ส่วนคล้าวที่เดินตามมาได้ยินก็ยิ้มขำ

   “กินๆ ไปเลย ปากจะได้ไม่ว่าง” ผมเลื่อนจานให้ไอ้คนปากหมา ซึ่งมันก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะกินของมันแต่โดยดี

   หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็เดินไปที่ลานจอดรถ ที่ธงรบจอดไว้เมื่อเช้า ตอนแรกที่คุยกัน เฮียแผนให้ผมติดรถธงรบมา  เฮียจะรีบเคลียร์งานช่วงเช้าแล้วขับรถมารับ แต่พอเฮียไม่ว่าง เลยต้องใช้รถธงรบแทน

   ระหว่างที่เดินไปที่รถ อยู่ๆ ธงรบมันก็ถามขึ้นมา

   “คล้าวขับรถเป็นหรือเปล่า”

   “เป็นครับ”

   “แล้วมีใบขับขี่ไหม”

   “มีครับพี่รบ”

   “ถ้าพี่จะรบกวนให้คล้าวขับรถให้แสน คล้าวจะสะดวกไหม”

   “เฮ้ย! ไม่เป็นไร ขับเองได้” ผมรีบค้านเมื่อเราเดินมาถึงรถพอดี

   “ผมสะดวกครับพี่รบ เดี๋ยวผมขับให้เอง” แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจผมเลย ยังคงโต้ตอบกันเหมือนผมเป็นหัวหลักหัวตอ ผมจึงได้แต่กลอกตามองคนทั้งคู่โต้ตอบกันต่อไป

   “งั้น คราวนี้ก็ลองขับดูก่อนก็แล้วกัน ถ้าคล้าวขับดีกว่าแสน พี่จะได้ฝากให้ช่วยขับให้แสนในครั้งต่อๆ ไปด้วย”

   “ได้ครับ”

   “ธงรบ” ผมพยายามค้านอีกรอบ

   “เงียบไปเลยแสน” มันหันมาห้ามผมก่อนจะหันไปคุยกับคล้าวต่อ

   “ที่พี่ต้องรบกวนคล้าว ก็เพราะแสนมันเคยประสบอุบัติเหตุแล้วหลับไปนานมาก มันเพิ่งจะฟื้นมาได้ไม่นาน และเพิ่งจะแข็งแรงขึ้น พี่กับเฮียแผนพี่ชายมันไม่อยากจะให้มันขับรถเอง เพราะเป็นห่วง คล้าวเข้าใจพี่ใช่ไหม”

   “ครับพี่รบไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะขับอย่างระมัดระวังที่สุดครับ” คล้าวหันมามองหน้าผม ก่อนรับคำด้วยสีหน้าจริงจัง

   “ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะ” ธงรบตบบ่าคล้าวหนักๆ

   “ครับพี่” คล้าวรับคำอย่างหนักแน่นอีกครั้ง

   ผมได้แต่ถอนหายใจกับการเจรจาของทั้งคู่ ธงรบมันทำอย่างกับจะฝากฝังลูกไว้กับครูอนุบาล ซึ่งคุณครูก็รับฝากด้วยความมุ่งมั่น

   พอธงรบยื่นกุญแจรถให้ คล้าวก็รับแล้วเดินไปตำแหน่งคนขับเลย ธงรบมันหันมาบอกผม

   “ไปนั่งหลัง”

   “ทำไมต้องนั่งหลัง”

   “กูจะดูน้องมันขับรถ” พูดจบก็เปิดประตูหลังแล้วจับผมยัดลงไป ก่อนตัวมันเองจะเข้าไปนั่งข้างคนขับ ผมได้แต่มองตาปริบๆ

   “ไปวัดอรุณฯ นะครับ” คล้าวสบตากับผมทางกระจกหลังแล้วถามเพื่อความแน่ใจ เพราะก่อนที่จะถึงวัน ผมก็คุยกับน้องไปแล้ว

   “ใช่ครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้ น้องมันหลบตาแล้วเริ่มสตาร์ทรถ ส่วนธงรบก็หรี่ตามองคล้าวแล้วหันมามองหน้าผม ผมจึงยักคิ้วให้มันไปที

   “รัดเข็มขัดด้วย” ผมบอกธงรบ ก่อนจะนั่งพิงเบาะสบายๆ แล้วก็มองคนขับไปด้วย อยู่ตรงมุมนี้ก็ดีแฮะ ได้มองหน้าน้องมันสะดวกๆ หน่อย ถึงจะเห็นแค่กกหูก็ยังดี หึๆ

   หลังจากฝ่ารถติดไปถึงวัดพอก้าวลงจากรถมาได้ธงรบมันก็ขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆ ทันที

   “จ้องขนาดนั้น ไม่แดกน้องมันไปเลยล่ะ”

   “แดกได้กูแดกไปแล้ว” พอฟังคำพูดผม ธงรบก็ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ทันที ก่อนที่เราจะทำหน้าเฉยๆ เมื่อคล้าวมันเดินอ้อมรถมาหา

   “จะไปไหนก็นำไปเลย” ธงรบมันบอกผมแล้วดันหลังให้ออกเดินก่อน

   “ให้ผมถือให้ไหมครับ” คล้าวมองสมุดเสก็ตที่ผมถือติดมือมาด้วย ผมจึงยื่นให้น้องช่วยถือ เพราะผมว่าจะถ่ายรูปเอาไว้น่าจะเร็วกว่าเสก็ตภาพแน่ๆ ถ้าคิดอะไรออกแล้วค่อยขอจากน้องอีกที

   ผมเอากล้องขนาดเล็กที่พกออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เริ่มเดินเตร่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เป้าหมายหลักที่ตั้งใจจะไปคือพระปรางค์ประธานเพราะตั้งใจจะขึ้นไปก่อนที่จะหมดแรงซะก่อน

   เมื่อไปถึงผมถ่ายภาพรวมของพระปรางค์ ก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดนำหน้าไป ระหว่างทางก็หันไปถ่ายรูปเครื่องกระเบื้องที่ประดับพระปรางค์และวิวระหว่างทางไปด้วย ผมเพลินกับการชมความงามของวัดและการถ่ายรูปซะจนแทบจะลืมคนที่ตามมาด้วยทั้งสองคน พอหันกลับไปดูก็เห็นทั้งคู่ก็เดินตามมาเงียบๆ

   “ระวังครับ” คล้าวรีบเตือนแล้วเอามือดันหลังผมเอาไว้ เมื่อเห็นผมมองกลับลงไประหว่างทางขึ้นบันได

   “จะหันมาทำไม” ส่วนธงรบที่เดินหลังสุดก็ดุสำทับ จนผมต้องรีบหันกลับ เพราะเหมือนจะรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเหมือนกัน

   ผมเดินขึ้นไปแล้ววนถ่ายรูปในแต่ละชั้นจนถึงด้านบนสุดที่สามารถขึ้นได้ เมื่อทั้งสองตามมาทันแล้วก็หันไปถ่ายรูปวิว และกระเบื้องด้านบนต่อ หลังจากเดินวนถ่ายจนพอใจแล้ว ผมก็ยืนมองวิวด้วยความสบายใจ

   พอหายเหนื่อยแล้วก็ลงจากพระปรางค์แล้วก็เดินไปที่จุดอื่นๆ ต่อ เดินจนเหนื่อยอีกรอบก็ไปนั่งพักกันที่ศาลาริมน้ำ ระหว่างที่คล้าวไปห้องน้ำ ผมก็นั่งเปิดรูปดูอย่างพอใจ เพราะได้มาทั้งรูปพระปรางค์ประธาน พระปรางค์เล็ก 4 องค์ ยักษ์เฝ้าซุ้มประตู มณฑปพระพุทธบาท พระอุโบสถ พระวิหารหลวงทั้งภาพรวมและจุดที่สนใจ

   “หมดแล้ว?” ธงรบที่ชะโงกมาดูด้วยถามขึ้น เมื่อผมเปิดรูปที่ถ่ายมาดูจนหมดแล้ว

   “อืม นี่ก็เยอะแล้วนะ”

   “แล้วมึงไม่ถ่ายรูปน้องมันไว้บ้างล่ะ”

   ผมอึ้ง เมื่อลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย

   “ธงรบ กูลืมมมมมมมม โอ๊ย! ลืมได้ยังไงวะ มีโอกาสทั้งที ทำไมมึงไม่เตือนกูบ้างอะ” ผมอดจะโวยวายกับมันไม่ได้

   “หึๆๆๆ ถ้ากูเตือนมึง จะได้รูปแบบนี้มาเหรอ” พูดจบมันก็เอาโทรศัพท์มาเปิดรูปให้ดู ซึ่งพอเห็นรูปที่มันถ่ายไว้ตา ผมก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เพราะมันเป็นรูปของผมที่มีคล้าวเดินตามต้อยๆ อยู่ใกล้ๆ คอยระวังหลัง ระวังคนให้ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความห่วงใย บางรูปก็เป็นรูปเดี่ยวๆ ของน้องในยามเผลอ

   “ธงรบบบบ น่ารักที่สุด กูรักมึงว่ะ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มกว้างๆ ให้มัน

   “กูก็น่ารักมาตั้งนานแล้ว มึงเพิ่งจะรู้สึกรึไง” มันกอดอกบอกด้วยน้ำเสียงที่น่าหมั่นไส้สุดๆ

   “จะน่าเตะมากกว่าน่ารักก็ตรงหลงตัวเองนี่แหละมึงอะ”

   “ว่ากูเหรอ” ธงรบขยับมาล็อคคอแล้วขยี้หัวจนยุ่งไปหมด

   “ธงรบ! ปล่อยนะไอ้บ้า ฮ่าๆๆๆ หัวยุ่งหมดแล้ว ปล่อยยย” ผมพยายามดันแขนมันออก แต่สู้แรงควายอย่างมันไม่ได้

   “น้ำครับ” เสียงของคล้าวทำให้เราทั้งสองคนชะงัก ธงรบปล่อยมือจากคอผม ผมจึงขยับออกมาจัดผมที่ยุ่งๆ ของตัวเอง แล้วแยกเขี้ยวใส่มัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้คล้าวที่มองมานิ่งๆ

   “ขอบคุณมากครับ” ผมขอบคุณแล้วรับขวดน้ำเย็นๆ ที่คล้าวส่งมาให้

   “สองมาตรฐานชัดๆ” ธงรบพึมพำว่าผม ก่อนจะรับน้ำจากคล้าวมาและขอบคุณน้องเหมือนกัน

   หลังจากหายเหนื่อยแล้ว ผมก็ชวนทั้งคู่ไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้าน ตอนแรกคล้าวจะปฏิเสธ แต่ผมก็หาทางโน้มน้าวไปจนได้  คล้าวขอเลี้ยงพวกเราบ้าง ธงรบจึงพาไปร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขายอยู่แถวนั้น

   พออิ่มกันแล้ว ขึ้นรถปุ๊บ ธงรบก็หลับไปเลย ผมสังเกตเห็นว่าคล้าวเงียบๆ ไปตั้งแต่ก่อนออกมาจากวัด จึงถามด้วยความเป็นห่วง

   “คล้าว เหนื่อยเหรอครับ”

   “ครับ?” คล้าวเหลือบมองมาทางกระจกหลังด้วยสีหน้าสงสัยกับคำถามของผม ผมสบตาน้องทางกระจกแล้วพูดต่อ

   “ก็ตั้งแต่ออกจากวัดมาคล้าวก็เงียบๆ พี่ก็คิดว่าคล้าวน่าจะเหนื่อยแน่ๆ แถมยังต้องมาขับรถให้พี่อีก พี่ขอโทษที่รบกวนนะครับ คราวหน้าพี่คงไม่รบกวนคล้าวอีกแล้ว” ถึงจะเสียดายที่จะไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ แต่ถ้าน้องไม่มีความสุข ผมก็คงไม่กล้ารบกวนอีกแล้ว

   “เปล่านะครับ ผมไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย ที่เงียบไปเพราะผมเผลอคิดอะไรนิดหน่อย ขอโทษที่ทำให้พี่แสนเข้าใจผิดนะครับ คราวหน้าผมก็ยินดีมาขับให้ ไม่รบกวนอะไรเลยครับ” คล้าวพูดพร้อมกับมองสบตาผมทางกระจกด้วย ผมจ้องตอบ เพราะอยากรู้ว่าน้องมันพูดมาจากใจจริงหรือเพราะแค่เกรงใจกันแน่

   “พี่ว่า... หันไปมองถนนดีกว่านะ อย่าไปมองกระจกหลังบ่อยๆ เลย มันอันตราย” เสียงของไอ้คนที่หลับไปดังขึ้นมา ทำให้เราหันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่คล้าวจะรีบหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม

   “ขอโทษครับ” พอคล้าวหันไปมองถนน ธงรบมันก็ชวนคุยต่อ

   “ใกล้ถึงห้องคล้าวรึยัง”

   “ใกล้แล้วครับ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างหน้านี้ไม่ไกลก็ถึงแล้วครับ”

   “ไกลจากป้ายรถเมล์เหมือนกันนะเนี่ย ปกติเข้ามายังไงล่ะ มาวินเหรอ”

   “เดินมาครับ ถ้าวันไหนไม้มันไม่ยุ่งมันก็ขับมอเตอร์ไซต์มารับครับ”

   “ร้านอยู่ใกล้ๆ ห้องพักเหรอครับ” ผมถามขึ้นมาบ้าง

   “ครับร้านอยู่ไม่ไกลจากห้องพักมาก เดินไม่นานก็ถึงครับ”

   “เดี๋ยววันหลังพี่จะมาอุดหนุนบ้าง” ผมส่งยิ้มให้คล้าวทางกระจก

   “ครับ” คล้าวรับคำแล้วหลบตา ผมจึงยิ้มกริ่มอย่างพอใจ

   “อะแฮ่ม! รู้สึกคันๆ คอยังไงไม่รู้” ไอ้คนที่นั่งข้างคนขับมันขัดจังหวะ ถ้าคันนักเดี๋ยวก็ช่วยเกาด้วยส้น... ซะหรอก เหอะ!
หลังจากเข้าซอยมาไม่นาน คล้าวก็จอดรถหน้าห้องเช่าซึ่งเป็นตึกปูนสามชั้นเก่าๆ แห่งหนึ่ง พอปลดเข็มขัดออกก็ยกมือไหว้เราทั้งคู่

   “ขอบคุณนะครับพี่แสน ขอบคุณครับพี่รบ”

   “ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณคล้าว” ผมพูดแล้วยิ้มให้

   “ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าผมยินดีครับ” คล้าวหันมาสบตา

   “อืม พี่เห็นแล้วละว่าเราขับรถดี คราวต่อไปถ้าพี่ไม่ว่างมาด้วย พี่ฝาก ‘เพื่อน’ พี่ด้วยนะ” ธงรบมันย้ำคำว่าเพื่อนจนผมสะดุดใจ

   “ครับพี่รบ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลพี่แสนให้เป็นอย่างดี”

   “ขอบใจมาก”

   ผมได้แต่มองคนสองคนคุยกันตาปริบๆ

   “แล้วเจอกันนะครับพี่แสน”

   “ครับ แล้วเจอกันครับคล้าว” ผมยิ้มหวานๆ ให้ น้องมันก็หลบตาแล้วเดินจากไป ผมมองตามจนน้องมันเดินเข้าไปในตึกจนลับตา

   พอหันกลับมาก็เห็นธงรบมันก็ลุกไปนั่งตำแหน่งคนขับแล้ว ผมจึงลุกไปนั่งข้างคนขับบ้าง พอรถออกตัว ผมก็ถามเรื่องที่สงสัยอยู่ทันที

   “ที่พูดกับคล้าวเมื่อกี๊หมายความว่าไง”

   “เรื่องไหนล่ะ พูดหลายเรื่อง กูจำไม่ได้ทุกเรื่องหรอกนะ”

   “ที่มึงย้ำคำว่าเพื่อนกับน้องมันน่ะ”

   “อ๋อออ” ธงรบมันลากเสียงยาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์จนน่าตบกะโหลกสักที

   “อธิบายมา”

   “กูคิดว่าน้องมันน่าจะเข้าใจผิด”

   “เรื่อง? อธิบายยาวๆ ซิ มึงจะขยักไว้ทำซากอะไรมิทราบ เดี๋ยวกูตบหัวทิ่ม”

   “ฮ่าๆๆๆ พอเป็นเรื่องน้องมันนี่หัวร้อนขึ้นมาเชียวนะ เออๆ พูดแล้วๆ อย่านะมึง เดี๋ยวได้ไปทักทายต้นไม้ข้างทางหรอก” มันรีบพูดเมื่อเห็นผมเงื้อมมือจะตบหัวมันจริงๆ

   “ตอนที่อยู่ที่ศาลาริมน้ำ กูเห็นคล้าวมันเดินกลับมา กูก็เลยแกล้งแสดงความใกล้ชิดกับมึง เพื่อดูท่าทีของน้องมัน”

   “เพื่อ?”

   “ก็กูอยากจะรู้ว่าถ้าน้องมันเห็นความสนิทสนมมากๆ ของเราสองคน น้องมันจะมีท่าทีรังเกียจไหม”

   “แล้ว?”

   “เท่าที่เห็นน้องมันก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร แต่...” ธงรบมันเหลือบมองผมแล้วยิ้มมุมปาก

   “ดูเหมือนว่าน้องมันจะเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นอะไรกันมากกว่า หึๆๆ”

   “เฮ้ย! มิน่าล่ะ” ผมพึมพำเมื่อนึกได้ว่าคล้าวมันมีอาการแปลกๆ ตั้งแต่ตอนนั้น

   “แล้วมึงคิดดูสิ ถ้าไม่ ‘รู้สึก’ อะไร แล้วน้องมันจะมีท่าทีแปลกๆ ทำไมวะ”

   ฟังจบแล้วคิดตามก็ชักจะเห็นด้วย เลยได้แต่ยิ้มจนแก้มแทบแตกอยู่คนเดียว

   “แหม ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเชียวนะมึง หุบๆ ยิ้มบ้างก็ได้ เห็นแล้วหมั่นไส้” ธงรบมันเหลือบมองแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ

   “ก็กูมีความสุข กูจะยิ้มจนแก้มแตกมันก็เรื่องของกู ไม่เสือกสิครับ”

   “ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้ให้กูเลยนะ กูไม่ชิน มันขนลุก!”

   ผมยักไหล่ แล้วนั่งยิ้มอย่างมีความสุขต่อไป

*******************************************

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
   เมื่อกลับมาถึงบ้าน ธงรบมันก็พาไปที่ห้องพักผ่อนของครอบครัว บอกว่าเฮียให้รอที่นี่ เดี๋ยวเฮียจะกลับมาคุยด้วย ผมได้แต่สงสัยว่าไปคุยกันตอนไหน แล้วก็สงสัยว่าผมหรือมันที่เป็นน้องเฮียกันแน่

   แต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน พอได้กินมาอิ่มๆ และเจอแอร์เย็นๆ ตาก็เริ่มปรือ จนในที่สุดก็เผลอหลับไป

   เสียงพูดคุยที่ดังแว่วๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอลืมตาก็เห็นเฮียแผนกับธงรบนั่งคุยกันอยู่ไม่ไกล ผมนอนตะแคงอยู่บนโซฟาและมีผ้าห่มห่มไว้ มิน่าล่ะถึงรู้สึกอุ่นๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดท่าทางแล้วเอาผ้าห่มมาห่มให้ ผมนอนมองทั้งคู่คุยกันเงียบๆ ต่อไปเพราะยังขี้เกียจลุกอยู่

   “ก็ถือว่าน้องมันใช้ได้อยู่นะเฮีย”

   “ใช้ทำอะไร”

   “ใช้ขับรถ”

   โว๊ะ! มุก 5 บาท 10 บาท ก็ยังจะเล่น

   เฮียแผนยังไม่ทันได้ตอบอะไร ผมก็ถอนหายใจเฮือกอย่างทนไม่ไหว จนทั้งคู่รู้ตัวแล้วหันมามอง

   “ตื่นแล้วเหรอ”

   “ครับ เฮียมานานหรือยังครับ” ผมถามแล้วลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา เฮียแผนก็ลุกมานั่งข้างๆ พร้อมกับธงรบที่ลุกมานั่งใกล้ๆ เหมือนกัน

   “เพิ่งมาถึงไม่นาน”

   “กินข้าวมาหรือยังครับ กินอะไรไหม เดี๋ยวแสนไปดูในครัวให้”

   “เรียบร้อยแล้ว รบบอกว่าแสนกินมาแล้ว ส่วนป๊ากับแม่ไปงานเลี้ยงกับบ้านรบ เฮียเลยจัดการมาเรียบร้อยแล้ว”

   “แล้วนี่คุยกันเรื่องอะไรกันอยู่ครับ”

   “คุยเรื่องเด็กมึงนั่นแหละ” ธงรบเป็นคนตอบ ก่อนที่เฮียจะอธิบายต่อ

   “เฮียกำลังถามรบอยู่ว่าไปเที่ยววันนี้เป็นยังไงบ้าง”

   “ก็สนุกดีครับ แสนถ่ายรูปมาเยอะเลย”

   “แล้วคล้าวล่ะเป็นไงบ้าง”

   “แหะๆ แสนมัวแต่ถ่ายรูปจนลืมสนใจน้องไปเลยครับเฮีย”

   “มันไม่สนใจใครเลยต่างหากครับเฮีย แสนมันมัวแต่ถ่ายรูป ไม่ได้ดูทางดูคนเลยสักนิด จนคล้าวมันต้องคอยระวังคนให้ คอยกันไม่ให้ใครมาชน แล้วก็ระวังไม่ให้มันไปชนใครด้วย น้องมันต้องคอยขอโทษคนเป็นระยะ บางครั้งก็คอยบังแดดให้ บางครั้งเอาสมุดเสก็ตที่ช่วยถือคอยพัดให้ นี่ถ้าสนิทกันกว่านี้นี่คงมีเช็ดเหงื่อให้ด้วยแหละ เพราะน้องมันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเวลาแสนมันเช็ดเหงื่อกับแขนเสื้อ”

   ผมอ้าปากค้างฟังคำพูดของธงรบ

   เฮ้ย! คล้าวดูแลผมขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมผมไม่รู้ตัว

   “นี่มึงหายใจอยู่ป่ะเนี่ย” ธงรบมันทำหน้าเอือมๆ ใส่ เมื่อเห็นสีหน้ามึนๆ ของผม

   “แล้วมึงล่ะ เห็นเงียบๆ เก็บข้อมูลเพียบเลยนะ”

   “กูทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ที่ดีไง”

   “ถ้าอย่างงั้นก็ดี เฮียจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

   “เฮียไม่ต้องห่วงเลยครับ คล้าวมันขับรถดีกว่าแสนหลายเท่า แถมดูแลดีขนาดนี้นี่ ยิ่งกว่ามีหวัง” ผมหน้าหงิกตอนประโยคแรก ก่อนที่จะตาเป็นประกายในประโยคหลัง

   “จริงเหรอ กูมีหวังจริงเหรอ” ผมถามเพื่อความมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกไปเอง ว่าคล้าวมันหวั่นไหวกับผมบ้างแล้ว

   “เออ! อย่าทำหน้าดีใจขนาดนี้ได้ไหม กูเห็นแล้วหมั่นไส้” ธงรบทำสีหน้าหมั่นไส้อย่างที่พูดจริงๆ นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงโดนผลักหัวไปแล้ว

   “ก็กูดีใจ มึงจะทำไม” ผมลอยหน้าลอยตาใส่มัน ก่อนที่จะงงเมื่อโดนเฮียแผนรวบไปกอดซะอย่างงั้น

   “เฮีย?”

   “เฮียกับเด็กนั่นใครสำคัญกว่ากัน” ผมอึ้งกับคำถามสักพักก่อนจะ

   “อุบ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหลุดหัวเราะอย่างทนไม่ไหว พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเฮียทำหน้าไม่สบอารมณ์ ก็เลยกอดตอบเฮียแล้วซบกับคอเฮียอ้อนๆ

   “รักเฮียที่สุด”

   “กูด้วย ต้องรักกูมากกว่าด้วย” ธงรบมันท้วง ก่อนจะขยับมาโวยวายใกล้ๆ

   ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ทำไมถึงได้ขี้หวงกันขนาดนี้นะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรัก ความหวง ความห่วงของพวกเขา ทำให้ผมมีความสุขที่สุด

   ก็การเป็นที่รักน่ะ มันให้ความรู้สึกดีจะตายไป


*****************************************************************
หนีไปต่างจังหวัด เพิ่งจะกลับมาค่า
กะจะไปดูทะเลหมอก แต่อากาศร้อน หมอกจางเหลือเกินค่ะ ถถถ

*****************************************************************


Puiiz ☼  :L2: :pig4:
iceman555  ☼ ไม่รอดแน่นอนค่ะ
wutwit ☼ จัดหนักเลยค่ะทีนี้ ส่วนไม้นั้น หึๆๆๆๆๆ
PsychePie   ☼  อยากกินเด็กต้องอ่อยหนักๆ ค่ะ ปล.ที่จริงก็อยากให้อยู่ในร่างควายต่อ แต่มันคุยกันไม่รู้เรื่องงงงงง ถถถ
MayA@TK   ☼  :L2: :pig4:
dahlia  ☼ พี่แสนจัดให้ค่ะ
k2blove ☼  อยากกินเด็กต้องรุกหนักๆ ค่ะ ส่วนหลวงตาก็อยู่ทีมชงอย่างเป็นทางการ 5555 แต่อากาศร้อนจริงๆ ค่ะ เพิ่งไปต่างจังหวัดมาร้อนหนักมากกกกกกก ออกแดดทีรู้สึกเหมือนจะเกรียมเลยค่ะ รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ กอดด
ommanymontra ☼  :L2: :pig4:
19th ☼ พี่แสนเอาทุกทางค่ะ อยากได้มากแล้ว 5555
วายซ่า  ☼  รุกหนัก อ่อยหนักมากค่ะ คนมันดวงสมพงษ์กันอะนะ
Aoihimeko  ☼  ใช่ค่ะ ตอนเป็นควายได้แค่มอง พอเป็นคนได้ก็หึๆ อย่าหวังว่าจะรอดเลยไอ้คล้าว
ปล. ก้อนหินเป็นลูกค่า เป็นอย่างอื่นไม่ด้ายยยย 55555 ขอบคุณที่แวะไปอ่านนะคะ กอดดด
Al2iskiren  ☼  ใช่ค่ะ หลวงตาไฟเขียวแล้ว เต็มที่เลยลูกกก




ขอบคุณที่รอและติดตามเสมอนะคะ กอดดดด
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :katai5: :katai5: :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด