บทที่ 3
วันนี้เป็นวันแรกของงานประจำปีของหมู่บ้าน ไอ้คล้าวบอกว่าจะมีการจัดประกวดควายซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงานที่จัดขึ้นทุกปี
หลังจากที่ขัดสีฉวีวรรณ บำรุงบำเรอผมอย่างเต็มที่ ไอ้คล้าวก็จูงผมมาร่วมงานประกวดในครั้งนี้ด้วย
ระหว่างเดินเคียงมากับไอ้คล้าว ผมก็มองบรรยากาศในงานอย่างตื่นตาตื่นใจ สองข้างทางมีทั้งร้านรวงที่ขายทั้งของกินของใช้ตั้งเรียงรายติดกันไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีหลอดไฟหลากสีที่เอามาประดับเพื่อให้แสงสว่างและเพื่อความสวยงามตั้งอยู่ทั่วทุกจุดที่ผ่าน
เมื่อแหงนมองไปข้างบนก็มองเห็นชิงช้าสวรรค์ตั้งอยู่ไกลๆ เห็นแล้วอยากขึ้นชะมัด แต่เขาคงไม่ให้ควายขึ้นไปหรอก ถึงจะขึ้นได้ก็คงยัดเข้าไปในกระเช้าไม่ได้อยู่ดี แค่นึกภาพตามร่างนี้ถูกยัดเข้ากระเช้าก็อดจะขำไม่ได้
“ทองกวาวเป็นอะไร ทำไมตัวสั่น หนาวเหรอ หืม”
กูขำโว๊ย ไม่ได้หนาว!
เฮ้อ! ไม่ต้องใส่ใจขนาดนี้ก็ได้ป่ะ ไอ้คล้าวนี่ดูแลควายดียิ่งกว่าเมียอีกเนี่ย จนบางทีก็เผลอคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงจะดี แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้
เฮ้อ!
ผมหยุดเดินแล้วมองหน้าไอ้คล้าว ซึ่งมันก็มองกลับมาด้วยแววตาสงสัยว่าผมหยุดทำไม ก่อนที่มันจะทำท่าเหมือนจะนึกอะไรออก
“ขี้ตรงนี้ไม่ได้นะทองกวาว มันสกปรก ไปรีบเดินเถอะจะได้ไปขี้ที่สนามประกวดเลย”
โว้ยยยยยย กูไม่ได้ปวดขี้ แม่งเอ๊ย! เข้าใจไปคนละทิศคนละทางกันเลย ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลีย
ช่างแม่งเถอะ! คิดไปก็ปวดหัว คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตาก็แล้วกัน!
ไอ้คล้าวจูงผมไปถึงสนามประกวดควาย ซึ่งมีคอกที่กั้นเป็นล็อคๆ เรียงกันยาวเหยียด กะจากสายตาแล้วคงมีหลายสิบล็อค โดยเว้นช่องว่างแคบๆ ระหว่างล็อคเอาไว้เพื่อให้คณะกรรมการเดินสำรวจควายได้ง่ายๆ
เมื่อไปถึง มันก็จูงผมเข้าล็อคหมายเลข 13 แหม่! ลัคกี้นัมเบอร์ด้วยแฮะ ก่อนที่มันจะอนุญาตให้ผมขี้ออกมาได้ ผมได้แต่กลอกตา นี่ถ้าเป็นควายจริงๆ คิดว่ามันจะอั้นไว้ได้นานขนาดนี้ไหม
เฮ้อ! เพลียกับมันจริงๆ
ระหว่างที่รอ ผมก็มองควายตัวอื่นๆ ที่ถูกเจ้าของจูงเข้ามาไปเรื่อยๆ บางทีถ้าคนจูงยังหนุ่มยังแน่นแถมหน้าตาดีบ้างก็เผลอมองนานหน่อย แต่มองจนทั่วทั้งงานก็ไม่มีใครสู้ไอ้คนที่ลูบหลังอย่างอ่อนโยนนี่ได้สักคน
รู้สึกภูมิใจยังไงก็ไม่รู้
เพียงไม่นานก็ถึงเวลาเปิดงานโดยมีนายอำเภอเป็นประธานในพิธี หลังพิธีเปิดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มงานประกวดควายเป็นอย่างแรก ผมยืนนิ่งๆ ให้คณะกรรมการมาเดินวนรอบๆ เพื่อให้คะแนน ระหว่างที่กรรมการสำรวจผม ผมก็สำรวจคณะกรรมการแต่ละคนไปด้วย
มีแต่คนแก่ๆ ไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย
“ชื่อทองกวาวเหรอ” ผมหันขวับไปมองเมื่อท่านนายอำเภอซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินซึ่งมายืนอยู่หน้าคอก มองป้ายชื่อแล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ครับ” ไอ้คล้าวที่อยู่ข้างๆ รับคำด้วยสีหน้าขัดเขินอย่างน่าเอ็นดูจนผมได้แต่มองตาปรอย
ผมละสายตาจากไอ้คล้าวไปสำรวจนายอำเภอที่แม้อยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังมีเค้าความหล่ออยู่ไม่น้อย นอกจากหล่อแล้วท่านยังมีความสง่าและความสุขุมนุ่มลึกที่คนหนุ่มๆ ไม่มี
ยืนใกล้ๆ กันแบบนี้แล้วสาวๆ คงตัดสินใจเลือกไม่ถูก
คนหนึ่งหล่อเหลาเบาปัญญา แฮ่ม! หมายถึงหล่อคมเข้มเร้าใจ ส่วนอีกคนหล่อสง่าดูมั่นคง
ยืนนานๆ ก็ชักจะเพ้อเจ้อแฮะ แต่ว่าท่านนายอำเภอก็งานดีจริงๆ น้า ตอนหนุ่มๆ คงฮ็อตน่าดูเลย
ผมมองคนทั้งคู่เคลิ้มๆ ไม่ขอเลือกได้ไหม ขอเหมาทั้งคู่เลย!
กว่ากรรมการจะไล่ดูจนครบทุกคอก ผมก็ยืนจนเมื่อยขา ช่วงที่กรรมการไปดูคอกอื่นๆ ก็เลยทิ้งตัวลงนอนแก้เมื่อยบ้าง เมื่อมีคนมาก็ค่อยยืนให้ชื่นชมในรูปร่างอันถึกและบึกบึนของตัวเองต่อไป
ระหว่างที่รอกรรมการรวบรวมคะแนน ไอ้ไม้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหา
“เป็นไงบ้างพี่คล้าว”
“รอกรรมการตัดสินอยู่”
“ตื่นเต้นไหมทองกวาว” มันหันมาถามด้วยแววตาตื่นเต้น
โถ... ถามตัวเองเถอะไอ้หนู ถามอย่างกะควายจะตอบมันได้งั้นแหละ ไอ้สองตัวนี้นี่เคยชินกับการคุยกับควายจริงๆ ผมเลิกสนใจคนทั้งคู่แล้วทิ้งตัวลงนอนแล้วเคี้ยวเอื้องมองคนที่เดินไปเดินมาชิลๆ
“เรียนท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้ผลการประกวดก็มาอยู่ในมือผมแล้วนะครับ ก่อนอื่นก็มาเริ่มที่รางวัลชมเชยก่อน รางวัลชมเชยของเรามีทั้งหมดสิบรางวัล และควายที่ได้รับรางวัลชมเชยทั้งสิบรางวัล ได้แก่ หมายเลข ....”
“เฮ” สิ้นเสียงประกาศของพิธีกรในการประกวด เสียงเฮ เสียงโห่ ของเจ้าของควาย กองเชียร์ และคนที่มาร่วมชมการประกวดก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วอาณาบริเวณ
พิธีกรเชิญเจ้าของควายทั้งสิบขึ้นเวทีไปรับเงินรางวัลกับท่านนายอำเภอ แต่ละคนยิ้มกว้างรับรางวัลและถ่ายรูปด้วยความยินดี จนคนที่ดูอยู่อดจะยิ้มไปด้วยไม่ได้
“และแล้วก็มาถึงรางวัลสำคัญสำหรับการประกวดในครั้งนี้แล้วนะครับ รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่....” เสียงดนตรีเร่งเร้าชวนให้ลุ้นระทึก ทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างก็นิ่งและเงียบเสียงลงอย่างไม่รู้ตัว
ผมมองลูกพี่ลูกน้องที่ยืนลุ้นจ้องพิธีกรประกาศผลอย่างเอ็นดู
“หมายเลข... 35 เจ้าสายฟ้า”
“เฮ” เสียงเฮดังลั่นพร้อมกับเจ้าของควายที่กระโดดโลดเต้นทำให้บรรยากาศครื้นเครงยิ่งขึ้น หลังจากเจ้าของควายขึ้นไปรับถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัลแล้วพิธีกรก็ประกาศต่อ
“ต่อไปก็เป็นรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่........ หมายเลข....... 2 เจ้าดำทมิฬ”
“เฮ” เสียงเฮดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง คนที่ได้รางวัลที่ดีใจไป ส่วนคนที่พลาดรางวัลก็มีสีหน้าผิดหวัง รวมทั้งสองคนข้างหน้าผมด้วย
“ต่อไปก็เป็นรางวัลใหญ่ที่สุดสำหรับการประกวดในครั้งนี้นะครับ ซึ่งรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศในครั้งนี้ประกอบไปด้วยถ้วยรางวัลชนะเลิศจากท่านนายอำเภอ และเงินสดจำนวนหนึ่งแสนบาท นอกจากนี้ควายที่รับรางวัลชนะเลิศยังจะได้เป็นตัวแทนไปประกวดกับจังหวัดอื่นๆ ในเวที ‘กระบืองามในสามโลก’ ซึ่งเป็นการประกวดระดับประเทศอีกด้วยครับ”
ระหว่างที่พิธีกรประกาศก็ได้ยินเสียงฮือฮาจากผู้ชมเป็นระยะ
“รางวัลชนะเลิศการประกวดควายงามปี 2561 ได้แก่...” เสียงดนตรีเร่งเร้าและยาวนานยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ทำให้กองเชียร์ลุ้นจนแทบจะลืมหายใจ
“หมายเลข.......” แถมยังลากเสียงยาวจนอยากจะปาข้าวของใส่หน้า
“หมายเลข..... 13 เจ้าทองกวาว”
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
“เย้ ทองกวาวชนะแล้วพี่คล้าว ทองกวาวชนะแล้ววว เฮ” ไอ้ไม้มันกระโดดโลดเต้น แล้วกอดไอ้คล้าวด้วยความดีใจ ในขณะที่ไอ้คล้าวก็ยิ้มกว้างตบหลังลูกน้องมันหนักๆ ก่อนที่มันจะหันมายิ้มให้ผมด้วยแววตาที่เป็นประกายและเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
ส่วนผมก็ลุกขึ้นมายืนด้วยความดีใจ อยากกระโดดเหมือนกันแต่กระโดดไม่ขึ้นเพราะหนักพุง เมื่อเห็นมันหันมามองก็หันไปสบตาแล้วยิ้มให้มันด้วยความภูมิใจไม่แพ้กัน
ไอ้คล้าววิ่งขึ้นไปรับรางวัลกับนายอำเภอบนเวที เมื่อรับรางวัลเรียบร้อยแล้วนายอำเภอก็เดินลงมาขอถ่ายรูปกับผมด้วย ไอ้คล้าวจึงเปิดคอกแล้วจูงผมออกมาข้างนอกเพื่อถ่ายรูปกับท่าน
หลังจากนั้นก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความยินดีกับไอ้คล้าวและมาดูควายที่ได้รับรางวัลอย่างผมด้วย ซึ่งผมก็ยืนนิ่งๆ ให้ทุกคนได้ชื่นชมแต่โดยดี
นอกจากนี้ก็มีคนมาขอถ่ายรูปกับผมและไอ้คล้าวไม่ขาดสาย โดยเฉพาะสาวๆ ที่สนใจถ่ายกับเจ้าของควายเป็นพิเศษ ผมได้แต่มองตาขวาง แต่ไม่อยากทำตัวมีปัญหาเลยยืนให้ถ่ายรูปนิ่งๆ แต่โดยดี
แต่เมื่อเห็นไอ้คล้าวเมินสายตาเชิญชวนของสาวๆ ทุกคน ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผู้หญิงคนไหนเลย สายตายังคงมองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมกับลูบหัวลูบตัวเบาๆ ตลอดเวลา ผมก็เลยโล่งใจและหันไปแสยะยิ้มให้กล้องต่อไป
เมื่อคนโล่งขึ้นเพราะทยอยออกไปเดินเที่ยวงานแล้วก็มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหา
“ไม่เห็นจะสวยเท่าไหร่เลย สู้ดำทมิฬของเราก็ไม่ได้” เด็กคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นระหว่างยืนมองผมด้วยแววตาเหยียดๆ ไปด้วย
“นั่นน่ะสิ สงสัยกรรมการจะตาถั่ว แก่กันแล้วก็เงี้ยะ” พอคนหนึ่งเริ่มอีกคนก็ตามทันที
“ว่าไงนะ” ไอ้ไม้หันขวับไปมองไอ้คนพูดทันที
“หูตึงอ่อ”
อ่อพ่อง! อันนี้ผมคิดในใจ... ไอ้ไม้ไม่ได้พูด
ไอ้คล้าวรั้งไอ้ไม้ไว้ เมื่อมันทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาไอ้พวกนั้น มันส่ายหน้าปรามๆ ไม่ให้มีเรื่อง ส่วนผมก็อดจะแปลกใจไม่ได้เมื่อไอ้ไม้มันดูหัวร้อนผิดปกติ
“จุ๊ๆๆ นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้คล้าว... ที่เพิ่งถูกเมียทิ้งไปนี่เอง” ไอ้คนที่ดูท่าทางเหมือนลูกพี่มันเดินตรงมาหาไอ้คล้าวแล้วพูดด้วยสีหน้ายียวน จนผมรู้สึกอยากจะถีบยอดหน้าขึ้นมาตงิดๆ
ไอ้คล้าวกัดฟันและกำมือตัวเองแน่นเมื่อเห็นหน้ามัน
รู้สึกเหมือนทั้งคู่จะมีซัมติงรองกันมาก่อน
“ไอ้เด่น มึงต้องการอะไร” ไอ้คล้าวถามไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“กูก็แค่มาทักทายมึงตามประสาเพื่อนเก่าเฉยๆ ดาวเรืองทิ้งไปนี่รู้สึกยังไงบ้างวะ”
ไอ้คล้าวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตากลับมีแววเจ็บปวดขึ้นมาครู่หนึ่ง ทำให้ไอ้คนที่จ้องอยู่เห็นทันจึงยิ้มเยาะแล้วพูดต่อ
“ถึงดาวเรืองจะเลือกมึง แต่สุดท้ายคนจนๆ อย่างมึงก็ถูกทิ้งอยู่ดี นี่กูอุตส่าห์แนะนำให้ดาวเรืองเจอกับผัวใหม่ด้วยตัวเองเลยนะ แถมยังช่วยยุให้ผัวใหม่มันพาดาวเรืองหนีไปอีกด้วย นี่กูหวังดีทำเพื่อมึงเลยนะ เพราะกูสงสาร กลัวคนจนๆ อย่างมึงจะเลี้ยงดาวเรืองไม่ไหว”
“ไอ้เหี้ยแด่น” ไอ้ไม้ตะคอกแล้วทำท่าจะพุ่งไปต่อย เมื่อไอ้คนตรงหน้าพูดถึงเรื่องของดาวเรือง ซึ่งลูกน้องของมันก็ทำท่าพร้อมจะมีเรื่องทันทีเหมือนกัน
“ไอ้ไม้อย่า!”
“ส่วนมึงนี่ก็ยังทำตัวเป็นหมาที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของเหมือนเดิมนะไอ้ไม้ มาอยู่กับกูดีกว่าไหม กูมีเงินเลี้ยงมึงให้อิ่มหนำสำราญยิ่งกว่าอยู่กับไอ้คล้าวอีกนะ”
“ใครมันจะไปอยากอยู่กับคนชั่วๆ อย่างมึงวะ”
“หึๆๆ งั้นพวกมึงก็แดกหญ้ากันต่อไปก็แล้วกัน”
“มึงทำไปทำไม มึงทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” ไอ้คล้าวกัดฟันถามด้วยสีหน้าเหมือนพยายามอดกลั้นอย่างที่สุด
ไอ้เด่นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วจ้องตาไอ้คล้าวด้วยสีหน้านิ่งๆ
“กูไม่ได้ ก็อย่าหวังว่ามึงจะได้เลย ไอ้คล้าว” พูดจบก็แสยะยิ้มแล้วหันหลังเดินจากไป
“กลับโว้ย เหม็นสาบคนจนว่ะ” ก่อนจะทิ้งคำพูดกวนตีนส่งท้าย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ส่วนลูกน้องมันก็หัวเราะเหมือนคนไม่มีสมองตามไป
บรรยากาศตอนนี้ผิดกับก่อนหน้านี้เหมือนหน้ามือกับหลังตีน ผมมองไอ้คล้าวที่กำเงินรางวัลในมือแน่น
มันยังไม่ลืมดาวเรืองสินะ ที่เห็นมันดูเหมือนปกติอยู่ทุกวันนี้ มันแค่พยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้เท่านั้นเอง
ผมได้แต่มองแผ่นหลังมันเงียบๆ
สู้กับคนที่มันรัก สู้ให้ตายก็สู้ไม่ได้
ยิ่งสู้ในสภาพที่เป็นควายแบบนี้ ตายแล้วไปเกิดใหม่ก็ไม่รู้จะสู้ได้รึเปล่าเลย
เฮ้อ! เศร้าแท้ ชีวิตกู
ขากลับนี่เราสองคนเดินกลับกันอย่างเงียบๆ ไอ้คล้าวเหมือนยังคิดอะไรอยู่ในใจสักอย่าง ในขณะที่ผมก็รู้สึกหงอยอย่างบอกไม่ถูก ส่วนไอ้ไม้นั้นหลังจากที่ปลอบไอ้คล้าวแล้วก็โดนไอ้คล้าวไล่ให้ไปเที่ยวงานวัดต่อ ซึ่งมันก็ยอมแยกไปแต่โดยดี เพราะเห็นว่าจะไปจีบสาวที่ชอบต่อ
ไอ้คล้าวมันพาเดินกลับเลี่ยงคนไปอีกทาง ซึ่งเป็นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว นานๆ จะเจอคนเดินผ่านมาสักคน
“ปล่อยแป้งเดี๋ยวนี้นะไอ้แด่น”
เสียงคุ้นๆ นั้นทำให้ผมหูผึ่ง ส่วนไอ้คล้าวก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
“ถ้ากูไม่ปล่อย มึงจะทำไมฮึไอ้ไม้”
“พี่เด่น ปล่อยแป้งนะ”
เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นไอ้ไม้กับโจทย์ที่เพิ่งเจอไปเมื่อครู่อยู่กันครบ นอกจากนี้ยังมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งไอ้เด่นมันโอบไว้ด้วย ยังไม่ทันได้ไปถึง ไอ้ไม้มันก็ถีบลูกน้องคนหนึ่งของไอ้เด่นไปซะก่อน
แล้วไอ้คนที่เหลือก็เข้าไปรุมมันเหมือนหมาหมู่ทันที!
“เฮ้ย! หยุดนะ” ไอ้คล้าวมันปล่อยเชือกที่จูงผมไว้แล้ววิ่งไปช่วยลูกน้องมันอย่างรวดเร็ว ส่วนผมก็รีบก้าวตามไปติดๆ
ผมมองคนทั้งคู่ที่สู้กับคนเกือบสิบด้วยความกระวนกระวายใจ ถึงจะฝีมือดีและแข็งแรงแค่ไหน ก็เสียเปรียบเพราะคนน้อยกว่า ผมเลยตัดสินใจส่งเสียงร้องเพื่อเรียกคนให้มาช่วย
“มอออออ มอออออ มอออออ”
ระหว่างที่รอก็พยายามเอาตัวเข้าไปกันไม่ให้พวกมันเข้าไปทำร้ายไอ้คล้าวกับไอ้ไม้ได้ ส่วนปากก็แหกร้องต่อไป
“มอออออ มอออออ”
“อย่ามาขวางทางสิวะ ไอ้ควายเหี้ย”
คงไม่เหี้ยเท่ามึงมั้งสัด! กูไม่ขวิดมึงตายห่าก็ดีแค่ไหนแล้ว
“มอออออ”
“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
และแล้วการแหกปากร้องผมก็เป็นผล เมื่อมีชาวบ้านเกือบสิบคนวิ่งเข้ามาช่วย ซึ่งไอ้พวกนี้มันก็รีบวิ่งหนีไปทันที เพราะที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของพวกมัน
“เป็นอะไรรึเปล่าไอ้คล้าว” คนที่เพิ่งมาถึงถามไอ้คล้าวด้วยความเป็นห่วง
“พี่ไม้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ส่วนน้องแป้งก็ไปถามไอ้ไม้ด้วยความห่วงใยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณที่เข้ามาช่วยนะครับ” มันยกมือไหว้ลุงและทุกคนที่มาช่วยอย่างเรียบร้อย ทำให้ไอ้ไม้ยกมือไหว้ขอบคุณตามลูกพี่มันด้วย
น่ารักจริงๆ
“เออๆ ไม่เป็นไร นี่มึงกับไอ้เด่นยังไม่ถูกกันอีกเหรอ” ซึ่งคนรับไหว้ก็คงรู้สึกเหมือนกันเพราะทุกคนยิ้มรับด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถามมันต่อ
“พี่คล้าวไม่มีปัญหาอะไรหรอกลุง มีแต่มันนั่นแหละที่มีปัญหา แค่แต่ก่อนพี่ดาวเรืองเลือกพี่คล้าว ไม่ได้เลือกมัน มันก็กัดไม่ปล่อยมาจนป่านนี้นี่แหละ แพ้แล้วพาลจริงๆ ไอ้หมาแด่นเนี่ย” ไอ้ไม้มันตอบแทน ทำให้ผมรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้มันเป็นศัตรูกันนี่เพราะแย่งกันจีบดาวเรืองนี่เอง
“เฮ้อ! มึงก็ระวังตัวไว้บ้างแล้วกัน ไอ้เด่นมันเกเร พ่อมันคอยตามใจและคอยปกป้อง กูกลัวมันจะไม่หยุดแค่นี้”
“ขอบคุณครับลุง ผมจะระวัง”
“เออๆ กลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวพวกลุงยืนรอตรงนี้ เผื่อพวกมันกลับมาอีก ไอ้ไม้ไปกับไอ้คล้าวเลยก็แล้วกัน อยู่คนเดียวมันอันตราย เดี๋ยวลุงจะพาแป้งไปส่งบ้านให้เอง”
“ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะลุง”
น้ำใจของคนบ้านเดียวกัน ทำให้ไอ้คล้าวกับไอ้ไม้รวมทั้งผมยิ้มด้วยความซึ้งใจ ผมมองหน้าสองคนนี่แล้วรู้สึกเจ็บแทน หน้าหล่อๆ ของไอ้คล้าวนี่ยับเยินเลย คงหมดหล่อไปอีกสักพัก
เซ็งเลย! อาหารตาของผม
เมื่อไปถึงบ้าน ไอ้คล้าวก็หาน้ำแข็งมาประคบและหายามาผลัดกันทากับไอ้ไม้ที่แคร่ หน้าช้ำๆ หลายจุดนั่นวันพรุ่งนี้คงมีสีสันดีพิลึก
“โอ๊ย! พี่คล้าว เบาพี่เบา”
“มึงจะร้องทำไม ตอนโดนต่อยไม่เห็นมึงจะร้อง”
“โธ่! ก็ตอนนั้นต่อหน้าน้องแป้งนี่พี่ มันก็ต้องรักษาภาพพจน์กันหน่อย จะได้ดูเท่ๆ” ฟังคำตอบแล้วทั้งไอ้คล้าวทั้งผมได้แต่ส่ายหน้า ไอ้คล้าวคงหมั่นไส้เลยจิ้มแรงๆ ไปอีกที
“โอ๊ย! มือหนักชะมัด นี่มือหรือตีนพี่”
“ลองตีนกูหน่อยไหมล่ะ”
“พอเถอะพี่ ได้มาหลายตีนแล้วเนี่ย”
“มึงก็กล้าไปมีเรื่องกับมันตัวคนเดียวนะ ถ้ากูไม่ไปเห็นจะเป็นยังไงมึงคิดบ้างไหม” ไอ้คล้าวถามด้วยน้ำเสียงดุๆ
“แหะๆ ก็ตอนนั้นมันโมโหจนหน้ามืดนี่พี่ อยู่ๆ ไอ้ห่านั่นก็มาลากน้องแป้งไปกอดเฉยเลย จะทิ้งน้องแป้งหนีไปก็ไม่ได้ไงพี่”
“เฮ้อ! ต่อไปก็ระวังตัวบ้างก็แล้วกัน อย่าพากันไปอยู่ในที่เปลี่ยวๆ แบบนั้นอีก”
“คร้าบพ่อ เอ๊ย! พี่” ไอ้ไม้มันว่าเสียงทะเล้น ก่อนจะร้องจ๊ากเมื่อไอ้คล้าวแกล้งกดแผลมันแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้
พอทำแผลเรียบร้อยแล้วไอ้ไม้ก็กลับบ้าน บอกว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานอนเป็นเพื่อน เพราะยังไงคืนนี้คงไม่ได้ไปเที่ยวงานแน่ๆ กลัวจะเจอไอ้พวกนั้นอีก ไอ้คล้าวเลยมาเดินวนรอบตัวผมดูว่าผมโดนลูกหลงไปบ้างรึเปล่า พอเห็นไม่มีอาการอะไรผิดปกติก็ถอนใจอย่างโล่งอก
ผมนอนฟังเสียงดนตรีจากงานวัดที่ลอยมาตามลมจนเคลิ้มหลับไป ระหว่างที่ผมกำลังฝันดีว่ากำลังนอนกอดไอ้คล้าวอยู่นั้น หูก็ได้ยินเสียงย่ำฝีเท้าและเสียงกระซิบกระซาบกันดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ผมต้องตื่นมาด้วยความขุ่นมัวเพราะฝันดีๆ ถูกขัดจังหวะ
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นคนสองคนใส่ไอ้โม่งเดินตรงมาที่คอก ส่วนอีกห้าคนตรงไปที่บ้าน ซึ่งวันนี้ไอ้คล้าวขึ้นไปนอนบนนั้น เพราะมีไอ้ไม้มานอนด้วย มุ้งครอบเพียงอันเดียวจึงไม่เพียงพอที่จะจุผู้ชายตัวควายๆ สองคนได้
ผมรีบผุดลุกขึ้นแล้วแหกปากร้องเตือนไอ้คล้าวทันที!
“มอออออ มอออออ มอออออ”
“ไอ้ควายเหี้ย! มึงจะร้องทำห่าอะไรวะ”
ผมจำเสียงของมันได้ ไอ้คนเหี้ยที่ด่าผมเมื่อตอนกลางวัน!
เมื่อไอ้คล้าวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มันก็รีบวิ่งมาที่หน้าบ้าน พอเห็นว่ามีไอ้โม่งกำลังเดินตรงไปหามัน มันก็วิ่งกลับเข้าไปแล้วหยิบอาวุธซึ่งเป็นดาบออกมาใหม่ พร้อมกับปลุกไอ้ไม้มาด้วย
มันลงบันไดมาถือดาบคุมเชิงแล้วถาม
“พวกมึงจะทำอะไร! ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้นะ”
ไอ้พวกนั้นไม่พูด แต่มองหน้ากันแล้วชักดาบพี่พกมาด้วยออกมาแล้วเข้าไปสู้กับมันแทน
ผมได้แต่มองอย่างกระวนกระวายใจ พยายามสลัดไอ้สองคนที่เข้ามาแกะเชือกที่ผูกไว้และพยายามจะจูงผมไป สายตาก็จ้องไปทางไอ้คล้าวกับไอ้ไม้อย่างเป็นห่วง
เมื่อสลัดไอ้สองตัวข้างๆ จนล้มได้ก็วิ่งออกไปหาไอ้คล้าวกับไอ้ไม้ทันที
แม่งเอ๊ย! มีแต่ตัวกับเขานี่ช่วยอะไรได้บ้างวะ
ผมก้มหัวลงแล้วใช้เขาแกว่งใส่พวกมันเพื่อขู่จะขวิด และใช้ขาช่วยถีบพวกมันไปด้วย ยังดีที่พวกมันไม่ทำร้ายผม เดาว่าเป้าหมายของมันน่าจะมาเพื่อขโมยไปขายมากกว่า
จังหวะที่ไอ้คล้าวไม่ทันระวังก็มีหนึ่งในนั้นเงื้อดาบจะฟันมันจากข้างหลัง
ผมรีบพุ่งเข้าไปผลักไอ้คนนั้นออกไป
“ไอ้ควายเหี้ย!” มันร้องด้วยความโมโหเมื่อถูกผลักล้มลง ก่อนจะลุกขึ้นมายืน แล้วชักปืนออกมายิง
ปัง! ปัง! ปัง!
“ทองกวาว!!!”
“ไอ้เหี้ย! มึงจะยิงเรียกพ่อมึงมาเหรอวะ หนีเร็ว! ก่อนที่พ่อมึงจะแห่กันมา” มันบอกคนอื่นๆ ให้รีบหนี เพราะเสียงปืนคงจะเรียกคนที่อยู่ใกล้ๆ มาที่นี่แน่ๆ
เจ็บ... เพิ่งรู้ว่าถูกยิงนี่เจ็บเหี้ยๆ เลยละ
ผมทิ้งตัวลงนอนเพราะหลังจากอาการชาผ่านไปแล้ว ต่อมาก็รู้สึกเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ
“ทองกวาวเป็นยังไงบ้าง ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย” ไอ้คล้าวมันทรุดตัวลงนั่งแล้วถอดเสื้อกับผ้าขาวม้าออกมากดแผลของผมไว้มือไม้สั่น ผมโดนยิงถูกตัวทั้งสามนัด แม้ว่าไอคล้าวกับไอ้ไม้จะช่วยกันกดห้ามเลือดแต่เมื่อโดนยิงจังๆ แบบนี้ ยังไงเลือดก็ยังไหลออกมาจนชุ่มผ้าอยู่ดี
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย ฮือ ทองกวาวอย่าเป็นอะไรนะ” ไอ้ไม้มันตะโกนเรียกคนให้ช่วย ท่าทางมันละล้าละลังเหมือนจะอยากลุกไปตามคนมาช่วย แต่ก็กลัวว่าแผลที่กดไว้จะเปิดออกจึงกดแผลไป ตะโกนไป น้ำตาไหลพรากไป
“ช่วยด้วย! ทองกวาว อย่าเป็นอะไรนะ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยแล้ว อดทนไว้ก่อนนะ อยู่กับพี่นะทองกวาว” ไอ้คล้าวมันมองแผลของผม ก่อนจะสบตาผมทั้งน้ำตา มือที่กดแผลไว้สั่นไม่แพ้น้ำเสียงที่สั่นพร่า
ผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าอย่าร้องไห้ อยากจะช่วยเช็ดน้ำตาให้มัน อยากจะปลอบโยนมัน อยากจะอยู่เคียงข้างมันต่อไป แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ลมหายใจของร่างทองกวาวเริ่มจะแผ่วลงเรื่อยๆ แล้ว
“มอ”
ขนาดจะบอกมันยังไม่ได้เลย ฮึก! น้ำตาผมไหลพรากออกมาด้วยความอัดอั้นและเจ็บปวด เจ็บทั้งแผลที่ถูกยิง เจ็บทั้งใจที่ไม่สามารถจะสื่ออะไรไปถึงมันได้เลย
ลมหายใจของร่างนี้ค่อยๆ แผ่วลง ในขณะที่หนังตาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพยายามฝืนมากแค่ไหนก็ฝืนไม่ไหว
“ทองกวาว อย่าทิ้งพี่คล้าวไปนะทองกวาว ฮึก ถ้าทองกวาวไม่อยู่แล้วพี่คล้าวจะอยู่ยังไง ฮึก ทองกวาว!!!”
ลมหายใจผมขาดลงเมื่อสิ้นเสียงเรียกของไอ้คล้าว
ถึงแม้จะรู้ว่าพูดไปแล้วก็ไม่มีวันที่มันจะได้ยิน แต่ก็อยากจะฝากสายลมบอกไปว่า
‘ทองกวาวรักพี่คล้าวนะ รัก... มากเหลือเกิน’
**************************************************************************
ที่จริงแล้วตัวละครชื่อ "เด่น" แต่พิมพ์เป็น "แด่น" ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ
มันเป็นคำที่ไม้เรียกประชด เพราะแด่นเป็นคำเรียกสัตว์ที่มีขนด่างค่ะ
ทองกวาวหื่นได้ ไม่มีใครระแวงค่ะ เพราะทองกวาวยังเป็นสัตว์อยู่ ต่อให้คึกแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า ถึงได้ลวนลามพี่คล้าวได้อย่างสบายใจค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกๆ คนนะคะ กอดดดด
ยังคงค่อยๆ กระดึบต่อปายยยยยยย