►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8  (อ่าน 39322 ครั้ง)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


###########################################

 :impress: :impress: :impress:

สวัสดีค่า นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวแฟนตาซีอีกเรื่องของ Maneethewa นะคะ

ที่จริงชุดนี้มี Plan จะเขียน 3 เรื่อง คือ ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจที่จบไปแล้ว มนต์รักริมทุ่งที่กำลังเขียนอยู่นี้ และรักนี้มีปีก ที่เปลี่ยนชื่อจากลูกเป็ดขี้เหร่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเขียนได้จบครบทุกเรื่องไหม แหะๆ

บุคคลและสถานที่บางแห่งสมมติขึ้นมาตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่องไม่มีอยู่จริงนะคะ

อาจจะลงช้าหน่อย เพราะค่อนข้างเขียนช้าค่ะ อีกอย่างพออ่านทวนก็เผลอแก้แล้วแก้อีก ถถถ นิสัยเสียจริงๆ

กำหนดการลงก็ไม่ค่อยตายตัวค่ะ รอให้ได้หลายๆ ตอนหรือรอให้จบแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ค่า ที่ลงไว้เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองให้ไม่กล้าเทค่ะ แหะๆๆ

ส่วนน้องสองก้อน ก้อนดินกับก้อนหิน มีกำหนดรวมเล่มภายในปีนี้ค่ะ ถ้าทราบวันที่แน่นอนจะมาแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งค่ะ
แวะไปทักทายทั้งคู่ได้ตามลิงค์นี้นะคะ


@ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ

เป็นกำลังใจให้เราด้วยค่า

 :L2: :L2: :L2:

###########################################

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2019 08:46:32 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄


บทนำ

   “ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซากคันไถแล้วเศร้า”

   ผมนอนเคี้ยวเอื้องช้าๆ หูก็ฟังเพลงที่ดังวนรอบแล้วรอบเล่าจนเบื่อจะแย่ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อไอ้คนเปิดมันไม่เบื่อสักที แล้วควายอย่างผมจะมีปัญญาอะไรไปห้ามได้ จะหนีไปไหนก็หนีไม่ได้ เพราะถูกผูกไว้กับเสาในคอกซึ่งล้อมด้วยไม้ไผ่ จึงทำได้แค่กลอกตาแล้วทนฟังต่อไปแบบนี้ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วอยากจะตะโกนบอกว่า

   หนวกหูโว้ยยยย!

   แต่เสียงที่ดังออกมาคือ

   “มออออออออ”

   วุ้ย! เซ็งจริงๆ!

   ผมถอนหายใจเฮือกๆ กับความเป็นจริงที่เป็นอยู่

   “ทองกวาวววววว” เสียงอ้อแอ้ยานคางทำให้ผมต้องหันไปมองไอ้คนที่กำลังเรียกอยู่ แล้วก็ต้องกลอกตามองบนอีกรอบ เมื่อไอ้คนขี้เมาที่หนวดเครารุงรังมันมาเกาะคอกมองมาตาเยิ้ม มือข้างหนึ่งถือขวดเหล้า 40 ดีกรีที่พร่องจนเกือบจะถึงก้นขวดไว้ อีกข้างหนึ่งก็พยายามเกาะไม้ไผ่ที่ล้อมคอกพยุงตัวเองไว้ ไม่งั้นคงล้มหัวทิ่มไปแล้ว

   “ทองกวาวจ๋า ทองกวาวววว อึก ทองกวาวร๊ากกกพี่คล้าวม๊ายจ๊ะ อึก มีแต่ทองกวาวนี่แหละน้าที่ร๊ากกกพี่คล้าววว ไม่เหมือนดาวเรือง ดาวเรืองไม่ร๊ากพี่คล้าวเลย ดาวเรืองทิ้งพี่คล้าว อึก ไปแล้ว ฮือ”

   ไอ้คนเมามันพูดไปสะอึกไป พอพูดจบน้ำตาก็ไหลพรากๆ ไม่หยุด ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพิงคอกแล้วร้องไห้ สภาพเมาเหมือนหมาแบบนี้นี่ไม่รู้ว่าวันนี้ซัด 40 ดีกรีไปแล้วกี่ขวด ผมได้แต่ส่ายหัวในสภาพอันทุเทศทุรังของมัน

   ไม่รู้จะเศร้าอะไรนักหนา... กะอีแค่เมียทิ้ง

   ผมมองคนที่ไถลตัวลงไปนอนร้องไห้กับพื้นแล้วถอนหายใจ

   ไอ้คนตรงหน้าผมมันชื่อไอ้ ‘คล้าว’ ครับ มันเป็นเจ้าของของร่างผมในตอนนี้

   ส่วนผมในตอนนี้เป็น ‘ควาย’ ที่ชื่อ ‘ทองกวาว’ ตอนได้ยินชื่อครั้งแรกนี่ได้แต่อึ้งและช็อค

   ต่อมาก็ได้แต่ร้องโวยวาย ไอ้เหี้ยยยย! นี่ควายตัวผู้นะสัด! ชื่อมีเป็นร้อยเป็นพันไม่ตั้ง เสือกตั้งชื่อให้ควายตัวผู้ว่า ‘ทองกวาว’ มึงควรเกรงใจเพศกูบ้าง อยากจะยกขาถีบไอ้คนตั้งชื่อมาก แต่พอดีถูกผูกอยู่ในคอก เลยได้แต่ร้องและดิ้นฮึดฮัดอย่างขัดใจ ส่วนคำด่าที่พ่นออกไป ก็ได้ยินแต่เสียง

   มออออ

   โอยยยย กูเครียดดดดด

   แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ ตอนนี้ผมเป็นแค่ควายตัวหนึ่ง จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เลยได้แต่ยอมรับชื่อนี้แบบจำยอม ได้ยินคนเรียกชื่อตัวเองทีไรก็ได้แต่เบ้ปาก กลอกตามองบน ถอนหายใจเฮือกๆ เพราะรับไม่ได้อย่างแรง

   อันที่จริงผมก็ไม่ได้เป็นควายมาตั้งแต่เกิดหรอก รู้แค่ว่าก่อนหน้านี้ก็ยังเป็นคนอยู่ดีๆ นี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ก็มาอยู่ในร่างของควายเฉยเลย

   มั่นใจอยู่อย่างเดียวว่าตัวเองเคยเป็นมนุษย์มาก่อนแน่นอน แต่ความทรงจำอื่นๆ กลับไม่มีเลย จำไม่ได้สักนิดว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน และมีที่มาที่ไปยังไง

   แค่มาอยู่ในร่างของควายก็ว่าแย่แล้ว ดันมาเป็นควายความจำเสื่อมอีก ยิ่งโคตรแย่เข้าไปใหญ่

   เฮ้อ! ชีวิต

   ตอนแรกที่ตื่นมาในร่างนี้นี่ผมถึงกับสติแตกกันเลยทีเดียว ได้แต่แหกปากร้องลั่นจนไอ้คล้าวตกใจวิ่งมาดูหน้าตาตื่น

   พอสำรวจแล้วเห็นตัวผมปกติดี มันก็มองผมงงๆ ส่วนผมพอเห็นมันก็หยุดแหกปากแล้วมองกลับด้วยความงงไม่แพ้กัน เพราะจำไม่ได้ว่ามันเป็นใคร

   สุดท้ายก็ได้แต่ทำใจ เพราะอยู่มาหลายเดือนแล้ว ตื่นมาทีไรก็ยังอยู่ในร่างนี้เหมือนเดิม

   ยังดีที่ไอ้คล้าวมันดูแลผมเป็นอย่างดี ยังไม่มีทีท่าว่าจะฆ่ากินแต่อย่างใด ก็เลยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย

   เฮ้อ! ผมได้แต่ทอดถอนใจกับชีวิตของตัวเอง

   พอหันไปมองไอ้คล้าวอีกทีก็เห็นว่ามันก็หลับไปแล้ว ก็ได้แต่ปล่อยให้หลับต่อไป เพราะไม่มีปัญญาจะช่วยอะไรได้ อย่างน้อยก็มีกองไฟที่มันสุมไว้ก่อนมันจะเมาหัวทิ่มช่วยไล่ยุงไล่แมลงและพวกสัตว์มีพิษได้บ้าง

   ผมเงยหน้ามองฟ้าในคืนเดือนมืดที่เต็มไปด้วยดวงดาวทอประกายระยิบระยับสวยจับตา ก่อนจะถอนหายใจอีกรอบแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อนบ้าง


##############################################

เป็นกำลังใจให้นักเขียนกับน้องทองกวาวด้วยนะคะ


:impress2: :L2: :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2018 09:33:00 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 1

   เอ้กอี้เอกเอ้กกกกกก เอ้กอี้เอกเอ้กกกกกก

   เสียงไก่ตัวผู้ที่ขันประชันกันทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาตามความเคยชิน มองไปรอบๆ ตัวก็พบว่ายังคงมืดอยู่ แหงนมองไปทางทิศตะวันออกก็เห็นดาวประกายพรึกยังทอประกายโดดเด่นอยู่เพียงดวงเดียวเหมือนทุกวัน

   ผมหันมามองไอ้คล้าวที่นอนกอดขวดเหล้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้มันก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตามความเคยชินเหมือนกัน ต่อให้เมาหัวทิ่มขนาดไหนแต่มันก็จะตื่นมาในเวลานี้ทุกวัน มันปล่อยขวดเหล้าที่กอดไว้พยายามยันตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วกุมขมับ

   สงสัยจะแฮงค์

   รู้ทั้งรู้ว่าถ้ากินเหล้าหนักขนาดนี้แล้วตื่นมาอาการจะย่ำแย่แค่ไหนก็ยังไม่เข็ด ยังคงกรอกเหล้าเข้าไปทุกวันเหมือนเดิม

   เฮ้อ! อย่างที่คนเขาว่าจริงๆ ‘ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์’ ก็หวังว่าไอ้คล้าวมันจะทำใจได้ในเร็ววัน จะได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิมสักที

   ไอ้คนที่ผมกำลังนินทาในใจลุกขึ้นแล้วเดินเซๆ ขึ้นบ้านไป

   บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้หลังเล็กยกใต้ถุนสูง ตั้งอยู่บริเวณท้ายหมู่บ้านติดกับทุ่งนาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเป็นที่นาของชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านใกล้เคียงที่ชาวบ้านแถวนี้ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ

   ส่วนที่ดินของไอ้คล้าวถ้ารวมทั้งบ้านทั้งที่นาซึ่งอยู่ติดกันแล้วน่าจะได้ประมาณห้าไร่เศษ

   จากที่ฟังทุกคนคุยกันกับฟังไอ้คล้าวมาปรับทุกข์ด้วยทุกวัน ทำให้รู้ว่าไอ้คล้าวมันอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด เพราะพ่อกับแม่มันตายไปหมดแล้ว ญาติๆ ก็ไม่มีเหลือสักคน อาศัยเงินทองที่แม่ทิ้งไว้ให้บ้างกับความช่วยเหลือจากหลวงตาช่วยส่งเสียจนสามารถเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายได้

   ไอ้คล้าวอยากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่มีเงินพอจะส่งเสียตัวเองได้ พอจะขอทุนกู้ยืม เกรดของมันก็สู้คนอื่นๆ ไม่ได้ เพราะช่วงหลังเลิกเรียนและวันหยุดมันก็หางานทำ เพื่อไม่ให้เป็นภาระให้กับหลวงตามากนัก จึงทำให้ไม่สามารถทุ่มเทกับการเรียนได้อย่างเต็มที่เหมือนคนอื่นๆ

   ต่อให้รู้สึกเสียใจสักแค่ไหน มันก็ต้องยอมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา ยอมก้มหน้าก้มตาใช้สมบัติที่มีทำงานหาเลี้ยงตัวเองอย่างขยันขันแข็ง

   ถึงแม้ว่ามันจะมีฐานะค่อนข้างจน แต่เนื่องจากมันรูปหล่อ ขยัน และนิสัยดี ทำให้มีสาวๆ มาติดพันมันหลายคน แต่คนที่ทำให้มันหวั่นไหวและตกหลุมรักได้ก็คือสาวสวยอันดับหนึ่งของตำบลที่ชื่อ ‘ดาวเรือง’

   ดาวเรืองเป็นลูกของคนที่ค่อนข้างมีฐานะในหมู่บ้าน ด้วยความที่เกิดมาสวย พ่อแม่ตามใจจึงทำให้เป็นคนที่เอาแต่ใจ แม้พ่อแม่จะห้ามแค่ไหนก็ยังดื้อรั้นจะแต่งกับไอ้คล้าวให้ได้ จนสุดท้ายพ่อแม่เธอก็ต้องยอม แม้พ่อแม่เธอจะยอมให้แต่งกับมัน แต่หลังแต่งแล้วก็แทบจะตัดหางปล่อยวัดไม่ยอมช่วยเหลืออะไรอีกเลย

   หลังแต่งงานช่วงแรกๆ เธอก็ยังพอทนความลำบากได้อยู่หรอก แต่พอผ่านไปไม่กี่เดือนเธอก็เริ่มทนไม่ไหว ช่วงที่ผมมาอยู่ที่นี่ ทั้งคู่ก็เริ่มระหองระแหงกันแล้ว เพราะดาวเรืองคอยแต่จะหาเรื่องทะเลาะกับไอ้คล้าวไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งๆ ที่มันก็ยอมให้ตลอด ไม่เถียง ไม่หือไม่อือสักคำ ยอมให้เธอด่าว่าทุบตีไม่เคยตอบโต้เลยสักครั้ง

   จากนั้นไม่นาน ผมก็เริ่มเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาหาเธอที่บ้านช่วงที่ไอ้คล้าวไปทำงานนอกบ้านตลอด แค่ดูสายตาก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคิดกับดาวเรืองยังไง

   ส่วนสายตาของดาวเรืองก็มีวี่แววชื่นชมและให้ท่าอย่างเห็นได้ชัด

   ตอนแรกๆ ก็แค่หยอดกันไปหยอดกันมา ไม่นานก็เริ่มจับมือถือแขน หลังๆ มานี่เริ่มจะกอดจูบลูบคลำจนแทบจะได้เสียกันอยู่แล้ว

   ผมอยากจะบอกสิ่งที่ได้เห็นใจแทบขาด แต่จะทำยังไงได้ล่ะ พอเจอหน้ามันแล้วอยากจะพูดอะไรตั้งมากมาย แต่สิ่งที่ออกไปคือ

   มอออออ

   โว๊ยยยยยย

   อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้มึงฟังไม่ได้สักคำ ร้องเพลงให้ฟังแม่งเลย ถึงจะได้ยินแค่เสียงควายร้องอย่างเดียวก็เถอะ

   แม่งเอ๊ย! กูขอโทษนะไอ้คล้าว

   พอทำอะไรไม่ได้ก็เลยหงุดหงิด เวลาดาวเรืองเข้าใกล้ก็เลยออกอาการฮึดฮัดฟึดฟัด เหวี่ยงเขาใส่บ้าง ดีดขาใส่บ้าง จนผู้หญิงคนนั้นกรี๊ดกร๊าดทุกครั้งไป พอไอ้คล้าวไม่เห็นดาวเรืองก็แอบเอาไม้มาฟาดผมทุกที แต่หนังผมหนา ไม่ค่อยสะเทือนเท่าไหร่หรอก แค่รู้สึกแสบๆ คันๆ เท่านั้นเอง

        พอเห็นผมไม่สะดุ้งสะเทือน แม่ดอกทอง เอ๊ย! ดาวเรืองก็ยุให้ไอ้คล้าวขายผมทิ้งแล้วเอาเงินมาซื้อทองให้เธอใส่
ยังดีที่ไอ้คล้าวไม่ได้ทำตาม เพราะมันรักควายตัวนี้มาก ทองกวาวเป็นควายที่แม่มันทิ้งไว้ให้ ที่สำคัญยังเป็นควายที่ใช้ไถนาได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินจ้างรถไถด้วย

   เพราะถูกขัดใจในเรื่องของผม ดาวเรืองเลยยิ่งออกอาการเหวี่ยงวีนใส่ไอ้คล้าวมากกว่าเดิม บอกว่าทนลำบากมาอยู่กับมันมานานแล้ว แค่ทองสักเส้นก็ไม่มีปัญญาซื้อให้

   ผมไม่เห็นจะลำบากตรงไหน เท่าที่เห็นไอ้คล้าวทำงานอยู่คนเดียวงกๆ ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ทำกับข้าว แล้วก็แต่งตัวสวยๆ นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไปวันๆ ยิ่งวันไหนอารมณ์ไม่ดีก็ไม่ยอมทำอะไรเลย ไอ้คล้าวต้องทำเองหมด ทั้งทำกับข้าว ซักผ้า กวาดบ้าน ปลูกผัก ทำนา รับจ้าง ฯลฯ

   ผัวทาสที่แท้ทรู

   แต่ในที่สุดก็มีคนหวังดีหลายคนมาบอกสิ่งที่ผมอยากบอกให้ไอ้คล้าวฟังว่าดาวเรืองมีชู้ แต่มันดันไม่เชื่อ

   จนไอ้ไม้ลูกน้องคนสนิทของมันวางแผนให้มาเห็นดาวเรืองอยู่กับผู้ชายคนนั้นตามลำพัง แต่พอดาวเรืองบีบน้ำตาตัดพ้อ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ มันก็เชื่อ แถมยังปลอบอกปลอบใจดาวเรืองด้วยการเอาเงินเก็บที่เก็บไว้เป็นทุนเพื่อเรียนต่อไปซื้อทองให้ดาวเรืองอีก

   โว๊ยยยย ไอ้คล้าวววววว

   ไอ้ฟายยยยยยยยยย
   มึงเนี่ยน่าจะมาเป็นควายยิ่งกว่ากูอีก
   โง๊โง่ววววววววว
   ง่าววววววววววววว
   โง่เง่าเต่าตุ่น
   โง่แบบอินฟินิตี้
   โง่แบบไม่มีวันจบ

        ด่าไปก็ไม่รู้สึก ผมเลยงอนมันแม่ง! เจอหน้าไอ้คล้าวก็สะบัดหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด ไอ้ไม้เห็นแล้วขำจนปวดท้อง หาว่าผมเป็นสันนิบาต ไอ้เวร! อยากดีดขาคู่ใส่มาก แต่ยังไม่ว่าง เพราะงอนอยู่

         ...

   ต่อมาไม่นานดาวเรืองก็หนีไป

   ผู้หญิงคนนั้นหายไปพร้อมกับเสื้อผ้าของใช้ทั้งหมด รวมทั้งเงินเก็บของไอ้คล้าวและทองที่ไอ้คล้าวซื้อให้ด้วย

   ไอ้คล้าวไปตามหาที่บ้านพ่อตาแม่ยาย ทางนั้นก็บอกว่าไม่เจอ แต่มันรู้ดีว่าทางนั้นกำลังปิดบังอยู่แน่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะไปตามตื๊ออ้อนวอนสักแค่ไหน ทางนั้นก็ไม่เห็นใจ บอกเพียงว่าไม่รู้ไม่เห็นมาตลอด

   หลังจากโดนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็จำต้องยอมแพ้ แล้วมันก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น กินเหล้าเมาเหมือนหมาทุกวัน

   ผมถอนหายใจอีกเฮือก มองคนที่ใส่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเดินลงบันไดบ้านมาด้วยความรู้สึกที่สงสารและสมน้ำหน้า ก่อนตาจะเป็นประกาย เมื่อมันเดินเข้ามาใกล้แล้วเห็นว่ามันโกนหนวดโกนเคราที่ปล่อยให้รกเหมือนมหาโจรมานานเรียบร้อยแล้ว

   ผมมองหน้าหน้าเข้มๆ ที่ปราศจากหนวดเครานั้นอย่างคิดถึง ไล่มองคิ้วเข้มๆ ที่รับกับดวงตาเรียวใหญ่สีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากได้รูปสีเข้มเป็นธรรมชาติ เพราะมันไม่สูบบุหรี่ ผมสั้นๆ สีดำสนิทรับกับหัวทุยๆ ผิวคร้ามแดดที่โผล่พ้นผ้าขาวม้ามายิ่งทำให้เจ้าของเรือนร่างยิ่งดูคมเข้มเข้าไปอีก

   ยิ่งมองยิ่งน้ำลายจะไหล

   นอกจากรู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์แล้ว มีอีกอย่างที่รู้ได้ด้วยความรู้สึกคือผมเป็นมนุษย์เพศผู้ที่ชอบผู้ชายอีกด้วย เพราะเวลาอยู่ใกล้ผู้หญิงสวยๆ อย่างดาวเรืองแล้วรู้สึกเฉยๆ ขนาดเธอนุ่งกระโจมอกมาอยู่ตรงหน้าก็ยังรู้สึกเฉยๆ เลย

   ไม่เหมือนเวลาอยู่ใกล้ผู้ชาย ยิ่งผู้ชายหน้าตาดีๆ ก็ยิ่งชอบมอง

   ยิ่งอยู่ใกล้ไอ้คล้าวยิ่งรู้สึกได้ชัดเจน เพราะไอ้คล้าวเป็นผู้ชายที่มีเซ็กส์แอพพีลสูงมาก เป็นคนที่ปล่อยฟีโรโมนอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งเวลามันอาบน้ำเหมือนตอนนี้นะ

   อื้อหืออออ

   โอ่งอาบน้ำมันอยู่ใกล้กับคอกผม ยิ่งทำให้ผมได้มองด้วยความฟินทุกวัน

   ผมมองน้ำที่ไหลผ่านกล้ามเนื้อสวยๆ ตั้งแต่แผงอกล่ำๆ ลงมาที่กล้ามเนื้อท้องเป็นลอน เลื่อนลงมาสู่เป้าตุงๆ นั้นแล้วได้แต่กลืนน้ำลาย

   เอื้อก คนอะไรฮ็อตยังกะฟายเยอร์

   “เป็นอะไรทองกวาว หิวเหรอ น้ำลายไหลเชียว” ไอ้คล้าวมันหันมาถามระหว่างที่ฟอกสบู่ ผมมองมือที่ล้วงลงไปในผ้าขาวม้าแล้วน้ำลายไหล

   ซี้ดดดด แซ่บมากกกก เห็นแล้วอยากจะไปช่วยถู อยากจะลูบไล้ทั้งเนื้อทั้งตัว

   ตอนนี้รู้สึกร้อนๆ ในโพรงจมูกพิกล รู้สึกเหมือน.... กำเดาจะไหล

   หืดหาดๆๆ รู้สึกเหมือนอาการหอบหื่นจะกำเริบอีกด้วย

   “ร้อนล่ะสิ เดี๋ยวสายๆ พี่จะพาไปแช่น้ำ รอไปก่อนนะ” มันบอกเมื่อเห็นผมหอบหนักขึ้น

   เนี่ย! มันก็น่ารักแบบเนี๊ยะ แทนตัวเองว่าพี่กับควาย ไม่เคยหยาบคายด้วยสักครั้ง แล้วจะไม่ให้หื่น เอ๊ย! ไม่ให้หลงยังไงไหว

   แต่อยากจะบอกมันเหลือเกินว่ากูไม่ได้ร้อนโว้ยยยย กูหื่นนนน

   ขัดใจตรงที่เห็นแล้วทำอะไรไม่ได้นี่แหละ ดูได้แต่ตา แต่แตะต้องไม่ได้ นี่ถ้าเป็นคนเหมือนกันนะ ผมคงจะปล้ำมันไปแล้ว

   วุ้ย! โคตรเซ็ง!

   ได้แต่พยายามคิดในแง่บวกว่ายังดีที่มีอาหารตาให้มองทุกวัน ไม่งั้นได้เฉาตายแน่ๆ ผมมองไอ้คล้าวที่เปลี่ยนผ้าขาวม้าแล้วเดินขึ้นบ้านไปตาละห้อย ก่อนจะถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตากินฟางที่ยังเหลือในรางต่อไป

   แดกคนไม่ได้ แดกฟางไปพลางๆ ก็ได้วะ!

   หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ไอ้คล้าวมาจูงผมออกจากคอกไปผูกไว้บริเวณที่มีหญ้าอ่อนๆ ขึ้น ก่อนที่จะถือเคียวกับกระสอบเดินออกจากบ้านไป

   ผมยืนเล็มหญ้าไป สายตาก็เงยขึ้นมองหาไอ้คล้าวไปเป็นระยะอย่างไม่รู้ตัว

   พอถึงเวลาเพล ไอ้คล้าวก็หอบกระสอบหญ้ากลับมาแล้ววางพิงคอกไว้ ก่อนที่จะจูงผมเดินไปที่บึงน้ำของหมู่บ้าน เมื่อเดินไปถึง มันก็ยืนรออยู่ริมบึง แต่ผมไม่ยอมเดินลง ผมเดินไปรุนหลังให้มันเดินลงน้ำไปด้วย

   “เดี๋ยวๆ จะทำอะไรน่ะทองกวาว ฮะๆๆๆ” แล้วผมก็ยิ้มอย่างสมใจ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของมัน

   ตั้งแต่ดาวเรืองทิ้งไปก็เห็นรอยยิ้มมันน้อยลงทุกที ยิ่งเสียงหัวเราะยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะไม่ได้ยินเลย มีแต่เวลาที่อยู่กับทองกวาวเท่านั้นแหละ ที่เห็นมันยิ้มได้บ้าง

   “ได้ๆ ลงด้วยก็ได้ เลิกรุนได้แล้ว เดี๋ยวไปหาฟางมาถูตัวให้ก่อน” พูดจบก็เดินกลับไปที่ทุ่งนาแล้วถือฟางแห้งมาหนึ่งกำ มาถึงก็ถอดเสื้อวางไว้บนกิ่งไม้แล้วก็เดินนำลงน้ำไป

   เมื่อเห็นมันเดินลงน้ำไปก่อนแล้ว ผมก็ก้าวลงตามไปติดๆ น้ำเย็นๆ ทำให้รู้สึกสบายตัวจนต้องทอดถอนใจ ยิ่งไอ้คล้าวเอาฟางแช่น้ำให้นุ่มขึ้นแล้วเอามาถูตามตัวยิ่งรู้สึกฟินขึ้นไปอีก

   พอมันขยับมาขัดถูข้างหน้า ก็อดจะมุดน้ำลงไปดูวิวข้างล่างไม่ได้ พอเห็นซิกแพคใกล้ๆ ต่อมหื่นก็กำเริบ ทำให้เผลอขยับไปเลียซิกแพคที่ล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้าทันที

   “ฮะๆๆๆ จั๊กจี้น่าทองกวาว” เนื่องจากลิ้นผมค่อนข้างสาก ทำให้มันหัวเราะและเกร็งหน้าท้องเพราะจั๊กจี้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งกระตุกต่อมหื่นผมเข้าไปใหญ่ มันพยายามดันหัวผมออก แต่แรงคนหรือจะสู้แรงควาย ผมได้แต่ตามไปเลียซ้ำๆ

   นี่ถือเป็นข้อดีอีกอย่างของการเป็นควาย เพราะต่อให้หื่นแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้

   หืดหาดๆ หื่นโว้ยยยย

   กว่าไอ้คล้าวจะถูทั่วทั้งตัว ผมก็ได้กำไรยาวๆ ไป

   อา... อาบน้ำตอนกลางวันนี่มันสดชื่นจริงๆ ว่าไหมครับ

   หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ไอ้คล้าวก็จูงผมไปผูกให้กินหญ้าต่อแล้วมันก็เดินเข้าหมู่บ้านไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงไปกินเหล้าอีกแน่ๆ

   เฮ้อ!
   
   
   พระอาทิตย์คล้อยต่ำๆ ลงเรื่อยๆ ความมืดก็เริ่มเข้ามาเยือน ผมหันไปมองทางไปบ้านด้วยความกระวนกระวาย ป่านนี้แล้วไอ้คล้าวยังไม่มาอีก ปกติต่อให้มันเมาแค่ไหนมันก็กลับมาจูงผมเข้าคอกแล้ว หลังจากชะเง้อรอจนฟ้ามืดก็เห็นเงาตะคุ่มๆ ของใครสักคนเดินตรงมาหา

   “ทองกวาว” เสียงไอ้ไม้ตะโกนเรียกหาทำให้ผมต้องร้องตอบไปเพื่อบอกให้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้

   “มอออ”

   พอได้ยินเสียงผมมันก็รีบสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาหา

   “พี่คล้าวมันเมาหนักมาก มารับไม่ได้ ไปกับพี่นะทองกวาว” ไอ้ไม้มันแทนตัวเองกับผมว่าพี่ตามไอ้คล้าวไปด้วย
   
        หลังจากปลดหลักออกจากดินแล้วมันก็สาวเชือกจูงผมเดินกลับบ้าน ระหว่างทางมันก็เล่านั่นเล่านี่ให้ผมฟังทุกอย่างตามความเคยชินเหมือนลูกพี่มันนั่นแหละ

   บางครั้งเล่าไปก็ถามความเห็นผมไปด้วย โถ... อย่างกับควายจะเข้าใจงั้นแหละ แต่พอดีผมไม่ใช่ควายไง เลยเข้าใจและทำให้ผมพลอยได้รู้เรื่องต่างๆ ไปด้วย แค่ตอบกลับไปไม่ได้เท่านั้นเอง

   “จะว่าไปก็สงสารพี่คล้าวนะทองกวาว มีคนที่ไปเรียนในกรุงเทพฯ ไปเจอพี่ดาวเรืองที่นั่น แล้วก็ได้รู้ว่าพี่ดาวเรืองไปอยู่กินกับลูกเถ้าแก่ร้านทองแล้ว เลยมาบอกพี่คล้าวให้พี่คล้าวตัดใจซะ แต่ทองกวาวก็รู้ใช่ไหมว่าพี่คล้าวรักพี่ดาวเรืองมากแค่ไหน เลยซัดเหล้าเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เมายิ่งกว่าหมาอีก โงหัวแทบไม่ขึ้น ถึงได้มารับทองกวาวไม่ได้” มันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ ก่อนจะพูดต่อ

   “พี่ไม้ละอยากให้พี่คล้าวทำใจได้เร็วๆ ผู้หญิงแบบนั้นไม่มีอะไรดีพอให้พี่คล้าวทุ่มเทหรอก มีดีแค่สวยอย่างเดียว นิสัยก็ไม่ดี เอาแต่ใจจะตาย พี่อยากให้พี่คล้าวตัดใจซะที อยากให้เจอคนที่ดีกว่านี้”

   เนี่ย! ขนาดไอ้ไม้ที่ดูโง่ๆ ยังคิดได้ แล้วทำไมไอ้คล้าวถึงคิดไม่ได้สักที

   ทั้งคนทั้งควายถอนหายใจมาพร้อมๆ กัน ไอ้ไม้หันมามองผมแล้วก็หัวเราะ

   “เป็นห่วงพี่คล้าวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

   “มอออ”

   “บางทีพี่ก็รู้สึกว่าทองกวาวน่ะฉลาดเกินควาย บางทีก็รู้สึกว่าทองกวาวเหมือนคนๆ หนึ่ง แต่มองยังไงทองกวาวก็ยังเป็นควายแล้วจะเป็นคนได้ไงวะ วู้! ยิ่งพูดยิ่งงง ช่างมันเถอะ พี่คล้าวรักทองกวาวมากนะ ทองกวาวก็ช่วยปลอบพี่คล้าวด้วยแล้วกัน สักวันพี่คล้าวคงทำใจได้”

   “มอออ”

   “นี่ทองกวาวตอบรับพี่ หรือบังเอิญทองกวาวร้องเองวะ เฮ้อ! กูนี่ท่าจะบ้า พูดกับควายเป็นตุเป็นตะ”

   ผมก็ว่างั้นแหละ คนปกติที่ไหนเค้าคุยกับควายกัน

   ไอ้ไม้จูงผมไปกินน้ำแล้วก็จูงเข้าคอก มันเทหญ้าที่ไอ้คล้าวเกี่ยวทิ้งไว้ให้ ตักน้ำใส่ถังข้างๆ ไว้ แล้วก็เดินขึ้นบ้านไป สงสัยจะขึ้นไปดูไอ้คล้าว ขึ้นไปได้สักพักมันก็เดินลงมาหาผมแล้วบอก

   “พี่คล้าวหลับไปแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาดูใหม่นะทองกวาว เออว่ะ สงสัยกูจะบ้าจริงๆ ทำไมต้องมารายงานควายด้วยวะเนี่ย วุ้ย!” มันบ่นไปแล้วก็เดินเกาหัวไป ผมได้แต่ส่ายหัวกับอาการของมัน ก่อนจะมองไปทางบ้านด้วยความเป็นห่วง


   โครม!

   เสียงโครมครามจากบนบ้านกลางดึกทำให้ผมสะดุ้งตื่น แล้วผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เมื่อทุกอย่างเงียบลงผมก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะเป็นห่วงคนข้างบน แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้อง

   “มอออ”

   สายตาก็จ้องเขม็งไปบนบ้าน ไม่นานก็เห็นว่าไอ้คล้าวเดินเซๆ ออกมาแล้วพยายามก้าวลงบันได ผมได้แต่ลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ กลัวว่ามันจะตกลงมาคอหักตายห่าก่อนที่จะถึงพื้น พอมันก้าวลงมาถึงพื้นเท่านั้นแหละ ผมก็ถอนใจเฮือกด้วยความโล่งใจ

   พอโล่งใจแล้วก็อดจะหงุดหงิดไอ้คนที่เดินเซตรงเข้ามาหาไม่ได้

   มันทำบ้าอะไรของมันเนี่ย!

   “ทองกวาวจ๋า” เมื่อเดินมาเกาะคอกได้มันก็เรียกเสียงหวานทันที

   อยากจะตอบจ๋าให้อยู่หรอก แต่รู้ดีว่าคงออกไปแต่เสียงมอ เลยเงียบแล้วรอฟังคนเมาพูดฝ่ายเดียว

   “ทองกวาวรู้ม๊าย ดาวเรืองมีคนหม่ายแล้ว ดาวเรืองทิ้งพี่ไปแล้ว” มันพูดไปน้ำตาไหลไปอย่างน่าสงสาร

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้จะปลอบยังไง ได้แต่ขยับเข้าไปใกล้แล้วเลียน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นการปลอบโยน

   ลิ้นยิ่งสากๆ อยู่ด้วย ตื่นมาหนังหน้าถลอกก็อย่ามาว่ากันนะ

   “ทองกวาวอย่าทิ้งพี่ไปนะ” มันขยับเข้ามากอดคอผมไว้แน่น

   ไม่ทิ้งไปไหนหรอก

   “สัญญากับพี่นะทองกวาว”

   สัญญา... ตราบใดที่ยังอยู่ในร่างนี้ ก็จะคอยอยู่เคียงข้าง จนกว่าจะหมดลมหายใจแน่นอน

   “พี่คล้าวรักทองกวาวนะ”

   อือ... กูก็รักมึงเหมือนกัน แล้วเมื่อไหร่มึงจะกลับมารักตัวเองสักที

   เสียงโต้ตอบที่ได้ยินขึ้นในหัว ทำให้ไอ้คล้าวปล่อยมือที่กอดคอทองกวาวออก

   ในสายตาคนเมา กลับเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาแทนทองกวาวควายสุดที่รัก

   ผู้ชายที่ปรากฏเป็นรูปร่างเลือนรางตรงหน้ามองมาด้วยแววตาห่วงใย คล้าวพยายามสะบัดหน้า ลองหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่ ก็ยังเห็นเป็นภาพผู้ชายคนเดิม จึงได้แต่มองภาพตรงหน้านิ่งๆ แล้วคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังฝัน จึงทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาลง เผื่อจะช่วยให้ตื่นจากฝันได้ แต่ด้วยความที่ยังไม่สร่างเมาบวกกับร้องไห้จนเหนื่อยจึงทำให้เผลอหลับไป แต่ก่อนที่จะหลับ หูยังแว่วได้ยินเสียงที่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   ฝันดีนะ

   แล้วคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่เขาหลับสนิท ไม่ฝันร้ายเหมือนทุกคืน


:L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่าติดตามมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. อย่าลืมเปลี่ยนเลขบทใหม่กับวันที่อัพตรงหัวข้อเรื่องของกระทู้แรกด้วยนะคะ เวลาแสดงชื่อจะได้เห็นว่าตอนต่อไปมาแล้ว

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกค่าาา ติดตามๆๆ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สุดยอดเลย อยากจูงมือผู้แต่งมาเขียนต่อเลย ชอบๆมาก เนื้อเรื่อง ภาษา เยี่ยมมากๆ ต้องสนุกมากแน่ นอน ติดตามๆ และ รออออออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3

ชอบ ๆๆๆๆๆๆๆๆ    :m4:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
1  ปีผ่านไป .......ไวจังเนอะ....มิดจี่รี่ 0_๐

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มารอพี่คร้าว
 :o11:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
น่าสนในนะ ไปอยู่ในร่างควายแล้วจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไงนี่  รอตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 2

   เมื่อได้ยินเสียงไก่ขัน ไอ้คล้าวก็ลุกขึ้นมากุมหัวด้วยอาการแฮงค์เหมือนทุกวัน แต่พออาการเริ่มดีขึ้น มันกลับมานั่งมองหน้าผมนิ่งๆ ซะอย่างงั้น

   เป็นอะไรวะ ผีเข้าเหรอ?

   “ทองกวาว”

   “มอออ”

   “ทองกวาว”

   “มอออ”

   “ทองกวาว”

   โว๊ะ! จะเรียกอะไรนักหนา ผมมองหน้าไอ้คนเรียกตาเขียว ก่อนจะสะบัดหน้าหนีด้วยความรำคาญ แต่ถึงจะหันหน้าหนีไปแล้วก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมา ทำให้ต้องหันมามองไอ้คนจ้องด้วยความสงสัย

   จ้องอย่างกะจะเข้ามาสิง เมื่อคืนผีเข้ารึเปล่าเนี่ย!

   “พี่คล้าวววว” เสียงเรียกของไอ้ไม้ที่ดังมาตั้งแต่ร้อยเมตร ช่วยดึงสายตาไอ้คล้าวให้หันไปจากตัวผมได้ ผมถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องโล่งใจก็เถอะ

   “ตื่นแล้วเหรอพี่ ผมอุตส่าห์พาไปนอนบนบ้านแล้ว ทำไมมานอนอยู่นี่อีกแล้วล่ะ” ไอ้ไม้มองลูกพี่มันด้วยสีหน้างงๆ

   “อ๋อ ลงมาคุยกับน้องรักอีกแล้วล่ะสิ” ไอ้ไม้หันมามองผม ทำให้ไอ้คล้าวหันมามองตามไปด้วย สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังชอบกล

   เป็นอะไรของมันวะ

   “เป็นอะไรอะพี่ ทำไมมองทองกวาวแบบนั้น” ไอ้ไม้มันถามขึ้นมาตรงใจผมพอดี

   “มึงว่าไหมว่าพักหลังๆ มานี่ทองกวาวดู... แปลกๆ ไป กูรู้สึกว่าทองกวาวเหมือนไม่ใช้ทองกวาว” ผมนี่สะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำถาม ส่วนคนฟังก็เบิ่งตากว้างๆ แล้วรีบละล่ำละลักตอบ

   “ใช่พี่ นึกว่าคิดไปคนเดียวซะอีก ทองกวาวดูฉลาดขึ้น เหมือนไม่ใช่ควายเลย ฉลาดเหมือนหมา”

   ไอ้เวรไม้! ทำไมต้องเปรียบกูเป็นหมาด้วยวะ ผมหันไปมองมันตาเขียว

   “เนี่ยๆ เหมือนมันฟังเรารู้เรื่องด้วยอะพี่” มันหันไปฟ้องไอ้คล้าวที่ยังคงจ้องผมนิ่งๆ

   เวรแล้วไง! ลืมตัว

        ไอ้ไม้มันจับหน้าผมไว้แล้วขยับหน้ามาจ้องตาผมใกล้ๆ อยู่ๆ หัวใจผมก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ อย่างร้อนตัว มันหรี่ตามองอย่างจับผิด ก่อนจะพูดออกมาว่า

   “สารภาพมา... มึงเป็นหมาปลอมตัวมาใช่ไหม”

        ผมเผลอทำหน้าเซ็งใส่ไอ้คนถาม ก่อนจะ.... โขกหัวมันแม่ง!

        ปึก!

        “โอ๊ย! ทองกวาวมันเจ็บนะ” ไอ้ไม้ปล่อยมือออกไปจับหน้าผากตัวเองแล้วมองมาด้วยแววตาตัดพ้อ

         ผมเมินมันแล้วก้มหน้าลงกินฟางแห้งในรางต่อไป ลืมไปว่ายังไงตอนนี้ผมก็เป็นควาย ต่อให้ข้างในไม่ใช่ แต่ยังไง๊ ยังไงร่างกายก็ยังเป็นควาย จะต้องไปใส่ใจกับคำพูดเพ้อเจ้อของไอ้คนไม่เต็มเต็งนี่ทำไมล่ะ

          ผมมองลูกพี่ลูกน้อง ที่ยังคงจ้องอย่างกะจะเข้ามาสิงอย่างใจเย็นขึ้น

          ควายกว่าทองกวาว ก็ไอ้สองตัวนี้แหละ

         มิน่าล่ะ ถึงได้คบกันได้ เพราะมันโง่พอๆ กันนี่เอง

   คนหนึ่งโง่เพราะผู้หญิง อีกคนน่าจะโง่มาตั้งแต่เกิด สงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่มันนะครับ

   ผมเคี้ยวเอื้องต่อไปอย่างสบายใจ

   “ว่าแต่... มึงมาทำไมแต่เช้าล่ะไม้” ไอ้คล้าวมันละสายตาจากผมไปถามไอ้ไม้ ซึ่งคนถูกถามเบิ่งตากว้างเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก

   “ชิบหาย! ลืมไปเลยว่าหลวงตาให้มาขอแรงพี่ไปช่วยซ่อมบันไดกุฏิน่ะพี่”

   “ได้สิ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบไปเลย มึงจะไปก่อนหรือจะรอ”

   “รอก็ได้พี่ เดี๋ยวผมเอาทองกวาวไปผูกให้”

   “อืม ขอบใจ” พูดจบก็มองหน้าผม ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไป

   “ไป ทองกวาว ไปกับพี่ไม้ เดี๋ยวพี่ไม้จะพาไปกินหญ้าอ่อนๆ”

   ถึงจะอยากอยู่ดูไอ้คล้าวอาบน้ำก่อน แต่ไม่อยากทำตัวเป็นควายมีปัญหาเลยต้องตามไอ้ไม้ไปกินหญ้าแต่โดยดี ไม่เป็นไรยังมีเวลาอีกนาน เดี๋ยวตอนเที่ยงค่อยลวนลามรวบยอดทีเดียวก็แล้วกัน ผมคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ


   
   พอถึงตอนเที่ยงคนที่มาจูงผมไปกินน้ำกลับเป็นไอ้ไม้ เพราะไอ้ไม้มันบอกว่าไอ้คล้าวยังช่วยงานที่วัดไม่เสร็จ ทำให้แผนในการลวนลามของผมต้องล่มไป

   เซ็งเลย!

   ผมเลยรีบกินน้ำแล้วรีบขึ้น ไม่แช่น้ำเล่นน้ำตามปกติ ซึ่งไอ้ไม้มันก็จูงไปหาที่ผูกบริเวณที่มีร่มและมีหญ้าอ่อนๆ ขึ้นให้ผมได้เล็มหญ้าต่อไป ผมก็ก้มหน้าก้มตาเล็มหญ้าอย่างมีความสุข พอรู้สึกร้อนๆ ก็เข้าไปนอนพักร้อนใต้ร่มไม้เป็นระยะ

   จนถึงตอนบ่ายๆ ไอ้ไม้ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม

   “ทองกวาววววว ทองกวาวเห็นพี่คล้าวไหม” มันถามแล้วกวาดสายตามองหาต่อไป จึงไม่ทันเห็นว่าผมส่ายหัวให้

   “ไปไหนของเค้าวะ มีคนบอกว่าพี่คล้าวเมาแล้วเดินออกจากร้านมาแล้ว แต่ไปหาที่วัดก็ไม่เจอ ไปหาที่บ้านก็ไม่เจออีก เลยมาดูที่นี่ นึกว่าพี่คล้าวมาหาทองกวาวซะอีก” มันหันมารายงานผมตามความเคยชิน ท่าทางร้อนรนของมันทำให้ผมพลอยร้อนใจไปด้วย

   “เดี๋ยวพี่ไปหาพี่คล้าวก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆ พี่ค่อยมาพากลับบ้าน” พูดจบก็รีบเดินออกไป

   ผมได้แต่ยืนจ้องตามหลังมันไปจนลับตา หลังจากนั้นสายตาก็เอาแต่คอยสอดส่ายหาไอ้คล้าว ยิ่งรอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก จึงตัดสินใจเดินตรงไปหาหลักที่ตอกตรึงเชือกไว้กับพื้นดิน เอาขาเตะให้หลักมันหลวมแล้วใช้แรงดึงให้หลุดออกมา

   ผมเดินลากเชือกและหลักออกตามหาไอ้คล้าวไปเรื่อยๆ ลองเดินกลับไปดูที่บ้านก็ไม่เห็นใคร ในหมู่บ้านไอ้ไม้น่าจะหาอยู่ จึงตัดสินใจเดินออกไปหาทางทุ่งนา สายตาสอดส่ายมองหา ส่วนสมองก็พยายามคิดไปเรื่อยๆ ว่ามันจะไปที่ไหนได้บ้าง ผมไล่ดูทั้งกระท่อมของคนรู้จักที่มันเคยแวะทักทายก็ไม่เจอสักที่ จนผมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาได้ก็รีบก้าวเร็วๆ จนแทบจะวิ่งออกไป

   ผมมุ่งตรงไปที่ต้นไทรต้นใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า มันเป็นต้นไทรริมน้ำที่ไอ้คล้าวชอบพาดาวเรืองมาเล่นน้ำเป็นประจำ ทั้งคู่ชอบมาจู๋จี๋หยอกล้อกันจนควายอย่างผมต้องเบ้ปากด้วยหมั่นไส้ทุกครั้ง ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่แห่งความทรงจำแห่งหนึ่งของไอ้คล้าวก็ว่าได้

   เมื่อไปถึงใต้ต้นไทร ผมก็มองหาร่างที่คุ้นเคยอย่างร้อนรน จนสายตาไปสะดุดกับร่างๆ หนึ่งที่ลงไปแช่น้ำในลำธารเกือบทั้งตัว ผมรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าไอ้คล้าวยังหายใจอยู่ โชคดีที่ส่วนหัวมันไม่ได้จมน้ำไปด้วย เมื่อมองไปรอบๆ ตัวก็ไม่มีคนสักคน เลยพยายามก้มลงงับคอเสื้อแล้วลากตัวมันขึ้นมาจากน้ำ

   “มออออ” ผมพยายามเรียกคนที่หลับไปอย่างเป็นห่วง แต่มันก็ไม่กระดิกสักนิด ยังคงหลับต่อไป แม้ว่าจะใช้จมูกดุนๆ ตัวมันก็ยังคงนิ่ง

   มันเป็นอะไรรึเปล่าวะ ถึงจะไม่จมน้ำก็จริง แต่ผมกลัวว่าจะโดนสัตว์มีพิษกัดเข้าน่ะสิ ผมหันไปมองรอบตัวอย่างร้อนรน พยายามร้องเรียกให้คนมาช่วยก็ไม่มีวี่แววคนสักคน จึงตัดสินใจลากไอ้คล้าวให้ออกห่างจากน้ำอีกหน่อย แล้วก็วิ่งกลับไปหาไอ้ไม้

   ผมวิ่งไปหาที่บ้านแล้วร้องหาก็ไม่เจอใคร ก็เลยวิ่งเข้าหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ชาวบ้านเห็นผมต่างก็ตกใจ พยายามจะช่วยจับไว้ให้เจ้าของ แต่ผมวิ่งหนีทัน มีคนหนึ่งจับเชือกไว้ได้ ผมก็ลากให้วิ่งตามไปด้วย โดยพยายามระวังไม่ให้คนลากต้องเจ็บ จนเมื่อวิ่งไปถึงวัดก็เห็นไอ้ไม้ยืนอยู่ที่นั่นพอดี ผมรีบวิ่งตรงไปหามันอย่างรวดเร็ว

   “มออออ”

   “ทองกวาว มาได้ยังไงน่ะ” ผมตรงไปหามันแล้วงับเสื้อมันลาก

   “เฮ้ยๆ เดี๋ยว จะพาไปไหนน่ะทองกวาว”

   “ตามเขาไปเถอะไม้ เขาน่าจะมาเรียกไปช่วยเจ้าของน่ะ” เสียงอันอ่อนโยนนั้นทำให้ผมชะงักแล้วปล่อยเสื้อไอ้ไม้ทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเสียงของภิกษุชราท่านหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นหลวงตาที่ทั้งไอ้คล้าว ไอ้ไม้ และคนทั้งหมู่บ้านเคารพนับถือ

   ผมผงกหัวให้ท่านสามทีแทนการกราบ เพราะไม่สามารถจะก้มลงไปกราบได้เนื่องจากติดพุง อีกอย่างถ้ากราบได้จริงคงอเมซิ่งเกินไปละ คงจะถูกจับไปออกงานวัดแน่ๆ

   ท่านมองมาด้วยแววตาปราณี ดวงตากระจ่างใสคู่นั้นเหมือนมองทะลุมายังตัวตนจริงๆ ของผม ท่านยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะบอกทั้งผมและไอ้ไม้

   “รีบไปเถอะ”

   “ครับ” ไอ้ไม้รับคำก่อนจะชวนเพื่อนอีกสองคนตามไปด้วย

   ส่วนผมก้มหัวให้ท่านอีกครั้ง แล้วรีบวิ่งนำไอ้ไม้กับเพื่อนไป ก่อนจะไปก็ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่แถวนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

   “เคยเห็นแต่คนตามหาควาย เพิ่งจะเจอควายตามหาคนก็คราวนี้แหละ”



   เมื่อไปถึงไอ้ไม้ก็สำรวจร่างกายไอ้คล้าวด้วยความร้อนรนไม่แพ้กัน พอเห็นว่ามันปลอดภัยดีก็ถอนใจอย่างโล่งอก พลอยทำให้ผมถอนหายใจตามไปด้วย

   ไอ้ไม้ตบสะโพกผมแล้วบอกให้ผมนั่งลงก่อนจะช่วยกันพยุงไอ้คล้าวขึ้นบนหลังของผม ผมพยายามเดินอย่างระมัดระวังโดยมีไอ้ไม้กับเพื่อนคอยพยุงไม่ให้ไอ้คล้าวหล่นลงมาอีกที

   เมื่อไปถึงบ้าน ไอ้ไม้กับเพื่อนก็ช่วยกันพยุงคนเมาขึ้นบ้านไปจัดการจนเรียบร้อย ก่อนที่มันจะลงมาหาผม เอาฟาง เอาน้ำใส่รางไว้ให้ แล้วมันก็กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาดูแลไอ้คล้าวต่อ

   นอกจากหลวงตาก็มีไอ้ไม้นี่แหละที่ดีกับไอ้คล้าวด้วยใจจริง เพราะทั้งคู่เป็นกำพร้าเหมือนกันและโตมาด้วยกัน แต่ไอ้ไม้มันโชคดีกว่าตรงที่ยังมีลุงกับป้าคอยส่งเสียเลี้ยงดูอยู่ ไม่เหมือนไอ้คล้าวที่ไม่เหลือใครเลย

   ผมได้แต่มองไปบนบ้านด้วยความห่วงใย ยังดีที่ไอ้ไม้ติดนิสัยรายงานทุกๆ เรื่องกับควายอย่างผม มันจึงมาเล่าให้ฟังระหว่างจุดไฟไล่ยุงให้ว่าไอ้คล้าวแค่นอนหลับ ไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องเป็นห่วง ทำให้ผมคลายกังวลและหลับลงได้
   
   เช้าวันต่อมาไอ้คล้าวก็เดินลงบันไดตรงมาหาผมในเวลาที่เคยตื่นเหมือนทุกวัน เมื่อกวาดสายตาดูแล้วเห็นว่าสภาพร่างกายมันดูเหมือนจะปกติดีทุกอย่างก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

   ไอ้คล้าวเดินมาหยุดตรงหน้าผมแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

   อื้อหือ! รู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ

   มือสากๆ ของมันลูบหัวเบาๆ อย่างอ่อนโยนไม่แพ้รอยยิ้ม

   “ขอบใจนะทองกวาว”

   หือ? เรื่อง?

   “ขอบใจที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด” ไอ้คล้าวขยับเข้ามากอดคอแล้วซบกับตัวผมนิ่งๆ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่จุดที่ถูกกอดลามไปจนถึงหัวใจ

   “เมื่อคืนไอ้ไม้เล่าให้ฟังแล้วว่าทองกวาวไปตามหาพี่และช่วยพี่กลับมา” มันผละออกแล้วขยับมาเอาหน้าผากชนหน้าผากผมไว้นิ่งๆ ทำเอาควายอย่างผมรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาเลย นี่ถ้าเป็นคนคงหน้าแดงไปแล้ว แต่โชคดีที่ตอนนี้เป็นควาย เลยยังคงดำเหมือนเดิม มีเพียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอกฟ้องให้รู้ว่าตอนนี้ผมหวั่นไหวกับการกระทำนี้แค่ไหน

   “พี่คล้าวรักทองกวาวนะ”

   โว้ย! ไอ้คล้าวววว มึงจะอ่อยใครก็ได้ แต่จะมาอ่อยควายอย่างนี้ไม่ด้ายยยย

   ผมได้แต่ประท้วงและโวยวายในใจ

   พอมันทำให้ผมหวั่นไหวสมใจแล้ว มันก็ผละออกลูบหัวเบาๆ อีกที ก่อนจะไปทำธุระส่วนตัวเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ผมกลับหื่นไม่ออก ไม่กล้ามองมันอาบน้ำเหมือนทุกวัน เพราะมัวแต่เขิน

   งื้อ... อยากเอามือปิดหน้า แต่ยกขาไม่ไหว ได้แต่เอาหัวโขกไม้ไผ่ล้อมคอกแก้เขินแทน
   



   วันนี้ไอ้คล้าวก็ไปช่วยงานที่วัดเหมือนเดิม แต่ที่แปลกไปจากเดิมคือวันนี้ไม่ได้เมากลับมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี

   มันเล่าให้ฟังว่าวันนี้หลวงตาเทศน์มันจนหูชา อีกอย่างมันก็เริ่มคิดได้แล้วว่าขนาดควายอย่างทองกวาวยังเป็นห่วงมัน มันก็ควรจะรักตัวเองด้วย ฟังแล้วผมก็ได้แต่ดีใจที่มันคิดได้สักที

   ตอนเย็นมันพาผมไปลงกินน้ำล้างเนื้อล้างตัวที่ใต้ต้นไทร ผมแช่น้ำให้มันขัดตัวให้อย่างมีความสุข เมื่อขึ้นจากน้ำมันก็ขึ้นขี่หลังผมกลับบ้าน หลังจากที่ไม่ได้ขึ้นขี่มานานแล้วตั้งแต่ดาวเรืองทิ้งไป

   แต่ก่อนไอ้คล้าวชอบเอาดาวเรืองขึ้นหลังแล้วก็จีบกันบนหลังผมเนี่ย ผมนี่ได้แต่เบ้ปากกลอกตามองบน รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะสลัดให้หล่นให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลัวไอ้คล้าวจะบาดเจ็บเลยต้องทน ทั้งที่ในใจนั้นเกรี้ยวกราดมาก ตอนนี้มีแค่ไอ้คล้าวที่อยู่บนหลัง ผมนี่โคตรจะรู้สึกดี เลยค่อยๆ เดินเอื่อยๆ กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี ไอ้คล้าวก็คงอารมณ์ดีไม่ต่างกัน เพราะมันเริ่มร้องเพลงออกมา

หอม..เอย หอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาย่านาง
มองเห็นบัว สล้าง ลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อยก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้า
เจ้าบัวตูมบัวบาน
.....
หอม..ดินเคล้ากลิ่นไอฝน
ครวญระคนหอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่วพริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนาหวานแว่ว
แผ่วดังกังวาน
โอ้ เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
ซ้ำหอมน้ำปรุงที่แก้มนงคราญ..

(เพลง มนต์รักลูกทุ่ง / ผู้แต่ง : ครูไพบูลย์ บุตรขัน)

   ไอ้คล้าวร้องเพลงไป มือก็ลูบหลังผมอย่างอ่อนโยนไปด้วย สายตาผมมองภาพพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทอแสงสีส้มอมแดงสวยจับตาจับใจ หูก็ตั้งใจฟังเสียงนุ่มๆ ที่กำลังร้องเพลงไปอย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าควายมันยิ้มได้ไหม รู้แค่ว่าตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองยิ้มกว้างมาก

   อยากบอกออกไปเหลือเกินว่า

   ‘รักมึงเหมือนกันนะ ไอ้คล้าวของทองกวาว’


   
   หลังจากวันนั้นไอ้คล้าวก็กลับมาเป็นผู้เป็นคน เลิกกินเหล้าเมาเหมือนหมา กลับมาทำงานขยันขันแข็งเหมือนเดิม ซึ่งผมก็แสนจะดีใจ เพราะไม่ต้องเป็นห่วงว่ามันจะเมาแล้วไปจมน้ำที่ไหนอีก

   เมื่อเข้าฤดูทำนาไอ้คล้าวก็เอาแอกออกมาล้างมาขัดและเอาคันไถไปลับให้คมขึ้น ก่อนจะเริ่มต้นพาผมลงไถนาของตัวเอง

   ดีที่ควายอย่างผมทั้งหนังหนา ทั้งอึด ทั้งถึกและบึกบึน ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ทนไหว ขนาดมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าผมอย่างไอ้คล้าวยังทนไหวเลย ผมก็ต้องทนให้ได้เหมือนกัน ระหว่างนี้ไอ้คล้าวก็บำรุงผมอย่างเต็มที่ นอกจากหญ้ากับฟางแล้ว ตอนเย็นๆ ก็เอารำมาผสมน้ำให้ผมกินด้วย ผมจึงอ้วนพีและแข็งแรงมากๆ

   เมื่อไถนาเสร็จ ไอ้คล้าวก็หว่านข้าวเรียบร้อย หลังจากนั้นก็มีคนที่มีที่นาเล็กๆ มาจ้างไปไถนาบ้าง เพราะไอ้คล้าวคิดค่าจ้างถูกกว่ารถไถนามาก

   พอท้องทุ่งนาที่เคยรกเรื้อกลายเป็นพื้นที่โล่งๆ รอวันที่ต้นกล้าข้าวขึ้น ก็ถึงเวลาที่ผมได้พักจริงๆ สักที

   พักได้ไม่กี่วัน ระหว่างที่นอนเคี้ยวเอื้องชิลๆ อยู่ในคอก ไอ้ไม้ก็จูงควายตัวหนึ่งเดินตรงมาที่บ้าน

   “พี่คล้าววววว” มันยังคงเรียกไอ้คล้าวเสียงดังตั้งแต่ระยะร้อยเมตรเหมือนเดิม ไอ้คล้าวโผล่หน้ามาดูจากชานเรือน ก่อนจะเดินลงมาเมื่อเห็นไอ้ไม้

   ผมมองไอ้คล้าวเดินไปสำรวจควายที่เดินมาถึงหน้าคอกด้วยความสงสัย

   มันซื้อควายตัวใหม่เหรอ?

   “ดี สวยดี กำลัง ‘ขึ้น’ ด้วย ชอบไหมทองกวาว” หลังจากสำรวจรูปร่างควายตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกายแล้วก็หันมาถามผมเฉยเลย

   หือ? สวย? แล้วทำไมผมต้องชอบด้วย

   หมายความว่ายังไงวะไอ้คล้าว กูงง?

   “ทำไมทำหน้าเหมือนหมางงอย่างงั้นล่ะทองกวาว นี่เจ้าสาวทองกวาวไง พี่ไม้อุตส่าห์ไปคัดแบบแจ่มๆ มาให้เลยนะ”
คำเฉลยของไอ้ไม้ทำให้ผมหันขวับไปมองเจ้าสาว เอ๊ย! ควายตัวเมียตรงหน้าทันที ซึ่งสาวเจ้าก็มองกลับมาตาหวานจนผมขนลุก!

        “สวยถูกใจไหมทองกวาว” ไอ้คล้าวหันมาถามผมก่อนจะหันไปสั่งไอ้ไม้

       “เอาเข้าคอกไปเลยไม้จะได้รู้ว่าทองกวาวชอบรึเปล่า” ไอ้คล้าวบอกไอ้ไม้เมื่อเห็นว่าผมยังจ้องตาคุมเชิงกับสาวเจ้านิ่งๆ
ไอ้คล้าวเปิดประตูคอกออก ไอ้ไม้ก็เอาควายตัวเมียเข้ามาปล่อยหน้าคอก เมื่อควายสาวเดินเข้ามาในคอกแล้วก็เดินตรงเข้ามาหาผมทันที เมื่อสาวเจ้าเข้ามาใกล้ ผมก็รีบหนีสิครับ จะรออะไร

       กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเดินหนีควายตัวเมียที่พยายามเข้ามาสีไปรอบๆ คอกอย่างกระเจิดกระเจิง!

      “เอ่อ... ดูท่าทองกวาวมันจะไม่ชอบนะพี่” ระหว่างวิ่งหนี หูก็ฟังเสียงไอ้ไม้คุยกับไอ้คล้าวไปด้วย

      “กูก็ว่างั้นแหละ ไปเอาออกมาเถอะ” ได้ยินเสียงไอ้คล้าวถอนหายใจเฮือกก่อนจะสั่งลูกน้องมันให้มาเอาควายตัวเมียออกไป
เมื่อควายตัวเมียถูกจูงออกจากคอกไปพร้อมกับสายตาตัดพ้อแล้ว ผมก็ยืนหอบแดกอยู่ในคอก เหนื่อยยิ่งกว่าไถนาอีกสัด!

     “ทองกวาว”

     ...

    “ทองกวาว”

     ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับแม้ไอ้คล้าวจะเรียกซ้ำอีกรอบก็ตาม แถมด้วยการสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วย

    “เอ่อ... เหมือนมันจะงอนเลยอะพี่” ไอ้ไม้มันแสดงความคิดเห็นเมื่อมันกลับจากผูกควายตัวนั้นไว้ห่างๆ เรียบร้อยแล้ว

    “ทองกวาวยังไม่ถูกใจเหรอ เดี๋ยวพี่คล้าวให้ไอ้ไม้ไปหาที่สวยๆ กว่านี้มาให้ใหม่นะ” ไอ้คล้าวพูดเหมือนจะง้องอน

     ไม่เอาโว้ยยยย ต่อให้สวยกว่านี้กูก็ไม่เอา กูไม่ได้พิศวาสตัวเมีย!

     ยิ่งเป็นควายตัวเมียยิ่งไม่พิศวาส ถ้าตัวผู้ล่ำกล้ามใหญ่อย่างมึงก็ว่าไปอย่าง

      เอ่อ... แต่ถ้าตัวเป็นควายตัวผู้ก็ไม่เอาเหมือนกันนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!

     พอเห็นว่าผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไอ้คล้าวก็เดินเข้ามาหาแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน

     “ตกใจเหรอ พี่ขอโทษ โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรพี่รอได้”

        เฮ้อ! ถ้าผมยังอยู่ในร่างนี้ กลัวว่ามันจะต้องรอจนชั่วชีวิตน่ะสิ ก็รู้อยู่หรอกว่าถ้าผสมพันธุ์แล้วจะได้ลูกควายมาให้มัน แต่ผมทำใจไม่ได้จริงๆ นะ

       ฮือออ ไอ้คล้าวกูขอโทษ


   หลังจากนั้นไอ้คล้าวก็ยุ่งอยู่กับการไปช่วยเตรียมจัดงานประจำปีของหมู่บ้านซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีที่วัด ทำให้ผมรอดตัวจากการดูตัวไปอีกระยะ

   ช่วงที่มันว่างมันก็ตัดไม้ไผ่มาทำแคร่แล้วเอามาวางใกล้ๆ คอกของผม ตอนกลางคืนก็หอบหมอนหอบมุ้งครอบมานอนถอดเสื้ออวดซิกแพคอยู่ใกล้ๆ ผมนี่น้ำลายไหลแล้วไหลอีก

   คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งล่ำ  ... ใหญ่ กล้ามครับกล้าม อ่า... ผมหมายถึงกล้าม จริงๆ นะ แหะๆ เป็นผู้ชายที่งานดี งานละเอียด งานพรีเมี่ยม เห็นแล้วอยากลงไปคลุกจริงๆ ให้ตายสิ!

   ช่วงนี้นี่เป็นช่วงที่ผมมีความสุขมากกกกก พอไอ้คล้าวไม่ได้กินเหล้าแล้วมันก็ดูแลเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี ถึงจะมีสาวๆ หอบปิ่นโตมาฝากถึงบ้าน มันก็เฉยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหวั่นไหวกับใครสักคนจนผมแสนจะโล่งใจ

   ผมรู้ตัวดีว่าในตอนนี้ผมคง ‘รัก’ มันเข้าแล้ว

   ถึงตอนนี้จะเป็นควายแต่ก็มีหัวใจนี่ครับ ยิ่งเป็นควายที่จิตใจเป็นคนก็ยิ่งไม่แปลกที่จะหลงรักคนอย่างมันได้ง่ายๆ

   พอนึกถึงสภาพของตัวเองแล้ว ก็คงได้แต่ทำใจ เพราะถ้ายังอยู่ในร่างนี้ ชาตินี้ก็ไม่มีทางสมหวังอยู่แล้ว

   แต่ก็ช่างมันสิ ขอแค่ได้รักก็พอ ต่อให้มันไม่รักตอบก็ช่าง ได้มาเจอ มาใกล้ชิด ได้รักคนอย่างมันผมก็พอใจและมีความสุขมากแล้ว

   ผมมองคนที่เอาหญ้าใส่รางให้ด้วยแววตาอ่อนโยนและแสนรัก

   รักมึงนะไอ้คล้าว

   “จ้องขนาดนี้หิวเหรอทองกวาว กินสิ หญ้าอ่อนๆ ทั้งนั้นเลย” พูดจบมันก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู

   ผมกลอกตาด้วยความเซ็ง มันไม่ดีก็ตรงเนี้ยะ สื่ออะไรไปมันก็ไม่เข้าใจ

   เซ็งโว้ยยยย

#####################################

น้องทองกวาวกับพี่คล้าวมาแล้วค่าาาาา

"ขึ้น" เป็นศัพท์แถวบ้านที่แปลว่ากำลังติดสัดค่ะ

อย่าสงสารพี่คล้าวเลยค่ะ สงสารทองกวาวดีกว่า รัก แต่พูดไม่ได้ ถถถ วงวาร

พยายามจะเข็นออกมาเรื่อยๆ ใจเย็นๆ นะคะทุกคนนนนนน

ถ้างานไม่เข้า อารมณ์ดีๆ มันก็จะเขียนได้เร็วหน่อยค่ะ แต่ถ้าเครียดๆ และงานเข้าต่อเนื่องนี่ ตันอย่างเป็นทางการค่ะ ฮึก

 :katai4:

#มนต์รักริมทุ่ง

รักกกกกกก
 :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 15:47:45 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 :mew1: :กอด1:มาแร้วๆ ชอบเรื้องนี้สุดๆ ขอบคุณและเป็นกำลังใจ ให้ผู้แต่ง จร้า  :hao5:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม ทองกวาวมีงอนด้วย ก็อย่างว่าแหละน้าาา หลงรักคนเลี้ยงเข้าให้แล้ว
ว่าแต่ตอนที่ไปลวนลามพี่คร้าว แล้วนุ้งทองกวาวไม่ตื่นตัวตรงนั้นบ้างเหรอ อิอิ
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แหม ทองกวาวมีงอนด้วย ก็อย่างว่าแหละน้าาา หลงรักคนเลี้ยงเข้าให้แล้ว
ว่าแต่ตอนที่ไปลวนลามพี่คร้าว แล้วนุ้งทองกวาวไม่ตื่นตัวตรงนั้นบ้างเหรอ อิอิ
 :hao6: :hao6:

ทองกวาว แอบลวนลามพี่คร้าว..........
ตอนนั้นอยู่ในน้ำ  อะไรๆ ที่ตื่นตัว ก็เลยซ่อนอยู่ในน้ำ  :ling1:
แต่ เอ๊.......หรือพี่คร้าวแอบเห็นตรงนั้นที่ตื่นตัว   :m20:
เลยให้ไม้ หาสาวควายมาให้ทองกวาวไง  กร๊ากกกกกก   :laugh: :laugh: :laugh:
ทองกวาวอย่างอนเลยนะ   :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ทองกวาว พี่คล้าวน่ารักมากเลย  :-[

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 3


   วันนี้เป็นวันแรกของงานประจำปีของหมู่บ้าน ไอ้คล้าวบอกว่าจะมีการจัดประกวดควายซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงานที่จัดขึ้นทุกปี

   หลังจากที่ขัดสีฉวีวรรณ บำรุงบำเรอผมอย่างเต็มที่ ไอ้คล้าวก็จูงผมมาร่วมงานประกวดในครั้งนี้ด้วย

   ระหว่างเดินเคียงมากับไอ้คล้าว ผมก็มองบรรยากาศในงานอย่างตื่นตาตื่นใจ สองข้างทางมีทั้งร้านรวงที่ขายทั้งของกินของใช้ตั้งเรียงรายติดกันไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีหลอดไฟหลากสีที่เอามาประดับเพื่อให้แสงสว่างและเพื่อความสวยงามตั้งอยู่ทั่วทุกจุดที่ผ่าน

   เมื่อแหงนมองไปข้างบนก็มองเห็นชิงช้าสวรรค์ตั้งอยู่ไกลๆ เห็นแล้วอยากขึ้นชะมัด แต่เขาคงไม่ให้ควายขึ้นไปหรอก ถึงจะขึ้นได้ก็คงยัดเข้าไปในกระเช้าไม่ได้อยู่ดี แค่นึกภาพตามร่างนี้ถูกยัดเข้ากระเช้าก็อดจะขำไม่ได้

   “ทองกวาวเป็นอะไร ทำไมตัวสั่น หนาวเหรอ หืม”

   กูขำโว๊ย ไม่ได้หนาว!

   เฮ้อ! ไม่ต้องใส่ใจขนาดนี้ก็ได้ป่ะ ไอ้คล้าวนี่ดูแลควายดียิ่งกว่าเมียอีกเนี่ย จนบางทีก็เผลอคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงจะดี แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้

   เฮ้อ!

   ผมหยุดเดินแล้วมองหน้าไอ้คล้าว ซึ่งมันก็มองกลับมาด้วยแววตาสงสัยว่าผมหยุดทำไม ก่อนที่มันจะทำท่าเหมือนจะนึกอะไรออก

   “ขี้ตรงนี้ไม่ได้นะทองกวาว มันสกปรก ไปรีบเดินเถอะจะได้ไปขี้ที่สนามประกวดเลย”

   โว้ยยยยยย กูไม่ได้ปวดขี้ แม่งเอ๊ย! เข้าใจไปคนละทิศคนละทางกันเลย ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลีย

   ช่างแม่งเถอะ! คิดไปก็ปวดหัว คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตาก็แล้วกัน!


   ไอ้คล้าวจูงผมไปถึงสนามประกวดควาย ซึ่งมีคอกที่กั้นเป็นล็อคๆ เรียงกันยาวเหยียด กะจากสายตาแล้วคงมีหลายสิบล็อค โดยเว้นช่องว่างแคบๆ ระหว่างล็อคเอาไว้เพื่อให้คณะกรรมการเดินสำรวจควายได้ง่ายๆ

   เมื่อไปถึง มันก็จูงผมเข้าล็อคหมายเลข 13 แหม่! ลัคกี้นัมเบอร์ด้วยแฮะ ก่อนที่มันจะอนุญาตให้ผมขี้ออกมาได้ ผมได้แต่กลอกตา นี่ถ้าเป็นควายจริงๆ คิดว่ามันจะอั้นไว้ได้นานขนาดนี้ไหม

   เฮ้อ! เพลียกับมันจริงๆ

   ระหว่างที่รอ ผมก็มองควายตัวอื่นๆ ที่ถูกเจ้าของจูงเข้ามาไปเรื่อยๆ บางทีถ้าคนจูงยังหนุ่มยังแน่นแถมหน้าตาดีบ้างก็เผลอมองนานหน่อย แต่มองจนทั่วทั้งงานก็ไม่มีใครสู้ไอ้คนที่ลูบหลังอย่างอ่อนโยนนี่ได้สักคน

   รู้สึกภูมิใจยังไงก็ไม่รู้

   เพียงไม่นานก็ถึงเวลาเปิดงานโดยมีนายอำเภอเป็นประธานในพิธี หลังพิธีเปิดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มงานประกวดควายเป็นอย่างแรก ผมยืนนิ่งๆ ให้คณะกรรมการมาเดินวนรอบๆ เพื่อให้คะแนน ระหว่างที่กรรมการสำรวจผม ผมก็สำรวจคณะกรรมการแต่ละคนไปด้วย

   มีแต่คนแก่ๆ ไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย

   “ชื่อทองกวาวเหรอ” ผมหันขวับไปมองเมื่อท่านนายอำเภอซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินซึ่งมายืนอยู่หน้าคอก มองป้ายชื่อแล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

   “ครับ” ไอ้คล้าวที่อยู่ข้างๆ รับคำด้วยสีหน้าขัดเขินอย่างน่าเอ็นดูจนผมได้แต่มองตาปรอย

   ผมละสายตาจากไอ้คล้าวไปสำรวจนายอำเภอที่แม้อยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังมีเค้าความหล่ออยู่ไม่น้อย นอกจากหล่อแล้วท่านยังมีความสง่าและความสุขุมนุ่มลึกที่คนหนุ่มๆ ไม่มี

   ยืนใกล้ๆ กันแบบนี้แล้วสาวๆ คงตัดสินใจเลือกไม่ถูก

   คนหนึ่งหล่อเหลาเบาปัญญา แฮ่ม! หมายถึงหล่อคมเข้มเร้าใจ ส่วนอีกคนหล่อสง่าดูมั่นคง

   ยืนนานๆ ก็ชักจะเพ้อเจ้อแฮะ แต่ว่าท่านนายอำเภอก็งานดีจริงๆ น้า ตอนหนุ่มๆ คงฮ็อตน่าดูเลย

   ผมมองคนทั้งคู่เคลิ้มๆ ไม่ขอเลือกได้ไหม ขอเหมาทั้งคู่เลย!

   กว่ากรรมการจะไล่ดูจนครบทุกคอก ผมก็ยืนจนเมื่อยขา ช่วงที่กรรมการไปดูคอกอื่นๆ ก็เลยทิ้งตัวลงนอนแก้เมื่อยบ้าง เมื่อมีคนมาก็ค่อยยืนให้ชื่นชมในรูปร่างอันถึกและบึกบึนของตัวเองต่อไป

   ระหว่างที่รอกรรมการรวบรวมคะแนน ไอ้ไม้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหา

   “เป็นไงบ้างพี่คล้าว”

   “รอกรรมการตัดสินอยู่”

   “ตื่นเต้นไหมทองกวาว” มันหันมาถามด้วยแววตาตื่นเต้น

   โถ... ถามตัวเองเถอะไอ้หนู ถามอย่างกะควายจะตอบมันได้งั้นแหละ ไอ้สองตัวนี้นี่เคยชินกับการคุยกับควายจริงๆ    ผมเลิกสนใจคนทั้งคู่แล้วทิ้งตัวลงนอนแล้วเคี้ยวเอื้องมองคนที่เดินไปเดินมาชิลๆ

   “เรียนท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้ผลการประกวดก็มาอยู่ในมือผมแล้วนะครับ ก่อนอื่นก็มาเริ่มที่รางวัลชมเชยก่อน รางวัลชมเชยของเรามีทั้งหมดสิบรางวัล และควายที่ได้รับรางวัลชมเชยทั้งสิบรางวัล ได้แก่ หมายเลข ....”

   “เฮ” สิ้นเสียงประกาศของพิธีกรในการประกวด เสียงเฮ เสียงโห่ ของเจ้าของควาย กองเชียร์ และคนที่มาร่วมชมการประกวดก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วอาณาบริเวณ

   พิธีกรเชิญเจ้าของควายทั้งสิบขึ้นเวทีไปรับเงินรางวัลกับท่านนายอำเภอ แต่ละคนยิ้มกว้างรับรางวัลและถ่ายรูปด้วยความยินดี จนคนที่ดูอยู่อดจะยิ้มไปด้วยไม่ได้

   “และแล้วก็มาถึงรางวัลสำคัญสำหรับการประกวดในครั้งนี้แล้วนะครับ รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่....” เสียงดนตรีเร่งเร้าชวนให้ลุ้นระทึก ทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างก็นิ่งและเงียบเสียงลงอย่างไม่รู้ตัว

   ผมมองลูกพี่ลูกน้องที่ยืนลุ้นจ้องพิธีกรประกาศผลอย่างเอ็นดู

   “หมายเลข... 35 เจ้าสายฟ้า”

   “เฮ” เสียงเฮดังลั่นพร้อมกับเจ้าของควายที่กระโดดโลดเต้นทำให้บรรยากาศครื้นเครงยิ่งขึ้น หลังจากเจ้าของควายขึ้นไปรับถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัลแล้วพิธีกรก็ประกาศต่อ

   “ต่อไปก็เป็นรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่........ หมายเลข....... 2 เจ้าดำทมิฬ”

   “เฮ” เสียงเฮดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง คนที่ได้รางวัลที่ดีใจไป ส่วนคนที่พลาดรางวัลก็มีสีหน้าผิดหวัง รวมทั้งสองคนข้างหน้าผมด้วย

   “ต่อไปก็เป็นรางวัลใหญ่ที่สุดสำหรับการประกวดในครั้งนี้นะครับ ซึ่งรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศในครั้งนี้ประกอบไปด้วยถ้วยรางวัลชนะเลิศจากท่านนายอำเภอ และเงินสดจำนวนหนึ่งแสนบาท นอกจากนี้ควายที่รับรางวัลชนะเลิศยังจะได้เป็นตัวแทนไปประกวดกับจังหวัดอื่นๆ ในเวที ‘กระบืองามในสามโลก’ ซึ่งเป็นการประกวดระดับประเทศอีกด้วยครับ”

   ระหว่างที่พิธีกรประกาศก็ได้ยินเสียงฮือฮาจากผู้ชมเป็นระยะ

   “รางวัลชนะเลิศการประกวดควายงามปี 2561 ได้แก่...” เสียงดนตรีเร่งเร้าและยาวนานยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ทำให้กองเชียร์ลุ้นจนแทบจะลืมหายใจ

   “หมายเลข.......” แถมยังลากเสียงยาวจนอยากจะปาข้าวของใส่หน้า

   “หมายเลข..... 13 เจ้าทองกวาว”

   “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

   “เย้ ทองกวาวชนะแล้วพี่คล้าว ทองกวาวชนะแล้ววว เฮ” ไอ้ไม้มันกระโดดโลดเต้น แล้วกอดไอ้คล้าวด้วยความดีใจ ในขณะที่ไอ้คล้าวก็ยิ้มกว้างตบหลังลูกน้องมันหนักๆ ก่อนที่มันจะหันมายิ้มให้ผมด้วยแววตาที่เป็นประกายและเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

   ส่วนผมก็ลุกขึ้นมายืนด้วยความดีใจ อยากกระโดดเหมือนกันแต่กระโดดไม่ขึ้นเพราะหนักพุง เมื่อเห็นมันหันมามองก็หันไปสบตาแล้วยิ้มให้มันด้วยความภูมิใจไม่แพ้กัน

   ไอ้คล้าววิ่งขึ้นไปรับรางวัลกับนายอำเภอบนเวที เมื่อรับรางวัลเรียบร้อยแล้วนายอำเภอก็เดินลงมาขอถ่ายรูปกับผมด้วย ไอ้คล้าวจึงเปิดคอกแล้วจูงผมออกมาข้างนอกเพื่อถ่ายรูปกับท่าน

   หลังจากนั้นก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความยินดีกับไอ้คล้าวและมาดูควายที่ได้รับรางวัลอย่างผมด้วย ซึ่งผมก็ยืนนิ่งๆ ให้ทุกคนได้ชื่นชมแต่โดยดี

   นอกจากนี้ก็มีคนมาขอถ่ายรูปกับผมและไอ้คล้าวไม่ขาดสาย โดยเฉพาะสาวๆ ที่สนใจถ่ายกับเจ้าของควายเป็นพิเศษ ผมได้แต่มองตาขวาง แต่ไม่อยากทำตัวมีปัญหาเลยยืนให้ถ่ายรูปนิ่งๆ แต่โดยดี

   แต่เมื่อเห็นไอ้คล้าวเมินสายตาเชิญชวนของสาวๆ ทุกคน ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผู้หญิงคนไหนเลย สายตายังคงมองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมกับลูบหัวลูบตัวเบาๆ ตลอดเวลา ผมก็เลยโล่งใจและหันไปแสยะยิ้มให้กล้องต่อไป

   เมื่อคนโล่งขึ้นเพราะทยอยออกไปเดินเที่ยวงานแล้วก็มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหา

   “ไม่เห็นจะสวยเท่าไหร่เลย สู้ดำทมิฬของเราก็ไม่ได้” เด็กคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นระหว่างยืนมองผมด้วยแววตาเหยียดๆ ไปด้วย

   “นั่นน่ะสิ สงสัยกรรมการจะตาถั่ว แก่กันแล้วก็เงี้ยะ” พอคนหนึ่งเริ่มอีกคนก็ตามทันที

   “ว่าไงนะ” ไอ้ไม้หันขวับไปมองไอ้คนพูดทันที

   “หูตึงอ่อ”

   อ่อพ่อง! อันนี้ผมคิดในใจ... ไอ้ไม้ไม่ได้พูด

   ไอ้คล้าวรั้งไอ้ไม้ไว้ เมื่อมันทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาไอ้พวกนั้น มันส่ายหน้าปรามๆ ไม่ให้มีเรื่อง ส่วนผมก็อดจะแปลกใจไม่ได้เมื่อไอ้ไม้มันดูหัวร้อนผิดปกติ

   “จุ๊ๆๆ นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้คล้าว... ที่เพิ่งถูกเมียทิ้งไปนี่เอง” ไอ้คนที่ดูท่าทางเหมือนลูกพี่มันเดินตรงมาหาไอ้คล้าวแล้วพูดด้วยสีหน้ายียวน จนผมรู้สึกอยากจะถีบยอดหน้าขึ้นมาตงิดๆ

   ไอ้คล้าวกัดฟันและกำมือตัวเองแน่นเมื่อเห็นหน้ามัน

   รู้สึกเหมือนทั้งคู่จะมีซัมติงรองกันมาก่อน

   “ไอ้เด่น มึงต้องการอะไร” ไอ้คล้าวถามไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

   “กูก็แค่มาทักทายมึงตามประสาเพื่อนเก่าเฉยๆ ดาวเรืองทิ้งไปนี่รู้สึกยังไงบ้างวะ”

   ไอ้คล้าวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตากลับมีแววเจ็บปวดขึ้นมาครู่หนึ่ง ทำให้ไอ้คนที่จ้องอยู่เห็นทันจึงยิ้มเยาะแล้วพูดต่อ

   “ถึงดาวเรืองจะเลือกมึง แต่สุดท้ายคนจนๆ อย่างมึงก็ถูกทิ้งอยู่ดี นี่กูอุตส่าห์แนะนำให้ดาวเรืองเจอกับผัวใหม่ด้วยตัวเองเลยนะ แถมยังช่วยยุให้ผัวใหม่มันพาดาวเรืองหนีไปอีกด้วย นี่กูหวังดีทำเพื่อมึงเลยนะ เพราะกูสงสาร กลัวคนจนๆ อย่างมึงจะเลี้ยงดาวเรืองไม่ไหว”

   “ไอ้เหี้ยแด่น” ไอ้ไม้ตะคอกแล้วทำท่าจะพุ่งไปต่อย เมื่อไอ้คนตรงหน้าพูดถึงเรื่องของดาวเรือง ซึ่งลูกน้องของมันก็ทำท่าพร้อมจะมีเรื่องทันทีเหมือนกัน

   “ไอ้ไม้อย่า!”

   “ส่วนมึงนี่ก็ยังทำตัวเป็นหมาที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของเหมือนเดิมนะไอ้ไม้ มาอยู่กับกูดีกว่าไหม กูมีเงินเลี้ยงมึงให้อิ่มหนำสำราญยิ่งกว่าอยู่กับไอ้คล้าวอีกนะ”

   “ใครมันจะไปอยากอยู่กับคนชั่วๆ อย่างมึงวะ”

   “หึๆๆ งั้นพวกมึงก็แดกหญ้ากันต่อไปก็แล้วกัน”

   “มึงทำไปทำไม มึงทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” ไอ้คล้าวกัดฟันถามด้วยสีหน้าเหมือนพยายามอดกลั้นอย่างที่สุด
ไอ้เด่นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วจ้องตาไอ้คล้าวด้วยสีหน้านิ่งๆ

   “กูไม่ได้ ก็อย่าหวังว่ามึงจะได้เลย ไอ้คล้าว” พูดจบก็แสยะยิ้มแล้วหันหลังเดินจากไป

   “กลับโว้ย เหม็นสาบคนจนว่ะ” ก่อนจะทิ้งคำพูดกวนตีนส่งท้าย

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” ส่วนลูกน้องมันก็หัวเราะเหมือนคนไม่มีสมองตามไป

   บรรยากาศตอนนี้ผิดกับก่อนหน้านี้เหมือนหน้ามือกับหลังตีน ผมมองไอ้คล้าวที่กำเงินรางวัลในมือแน่น
มันยังไม่ลืมดาวเรืองสินะ ที่เห็นมันดูเหมือนปกติอยู่ทุกวันนี้ มันแค่พยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้เท่านั้นเอง

   ผมได้แต่มองแผ่นหลังมันเงียบๆ

   สู้กับคนที่มันรัก สู้ให้ตายก็สู้ไม่ได้

   ยิ่งสู้ในสภาพที่เป็นควายแบบนี้ ตายแล้วไปเกิดใหม่ก็ไม่รู้จะสู้ได้รึเปล่าเลย

   เฮ้อ! เศร้าแท้ ชีวิตกู


   ขากลับนี่เราสองคนเดินกลับกันอย่างเงียบๆ ไอ้คล้าวเหมือนยังคิดอะไรอยู่ในใจสักอย่าง ในขณะที่ผมก็รู้สึกหงอยอย่างบอกไม่ถูก ส่วนไอ้ไม้นั้นหลังจากที่ปลอบไอ้คล้าวแล้วก็โดนไอ้คล้าวไล่ให้ไปเที่ยวงานวัดต่อ ซึ่งมันก็ยอมแยกไปแต่โดยดี เพราะเห็นว่าจะไปจีบสาวที่ชอบต่อ

   ไอ้คล้าวมันพาเดินกลับเลี่ยงคนไปอีกทาง ซึ่งเป็นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว นานๆ จะเจอคนเดินผ่านมาสักคน

   “ปล่อยแป้งเดี๋ยวนี้นะไอ้แด่น”

   เสียงคุ้นๆ นั้นทำให้ผมหูผึ่ง ส่วนไอ้คล้าวก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

   “ถ้ากูไม่ปล่อย มึงจะทำไมฮึไอ้ไม้”

   “พี่เด่น ปล่อยแป้งนะ”

   เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นไอ้ไม้กับโจทย์ที่เพิ่งเจอไปเมื่อครู่อยู่กันครบ นอกจากนี้ยังมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งไอ้เด่นมันโอบไว้ด้วย ยังไม่ทันได้ไปถึง ไอ้ไม้มันก็ถีบลูกน้องคนหนึ่งของไอ้เด่นไปซะก่อน

   แล้วไอ้คนที่เหลือก็เข้าไปรุมมันเหมือนหมาหมู่ทันที!

   “เฮ้ย! หยุดนะ” ไอ้คล้าวมันปล่อยเชือกที่จูงผมไว้แล้ววิ่งไปช่วยลูกน้องมันอย่างรวดเร็ว ส่วนผมก็รีบก้าวตามไปติดๆ
ผมมองคนทั้งคู่ที่สู้กับคนเกือบสิบด้วยความกระวนกระวายใจ ถึงจะฝีมือดีและแข็งแรงแค่ไหน ก็เสียเปรียบเพราะคนน้อยกว่า ผมเลยตัดสินใจส่งเสียงร้องเพื่อเรียกคนให้มาช่วย

   “มอออออ มอออออ มอออออ”

   ระหว่างที่รอก็พยายามเอาตัวเข้าไปกันไม่ให้พวกมันเข้าไปทำร้ายไอ้คล้าวกับไอ้ไม้ได้ ส่วนปากก็แหกร้องต่อไป

   “มอออออ มอออออ”

   “อย่ามาขวางทางสิวะ ไอ้ควายเหี้ย”

   คงไม่เหี้ยเท่ามึงมั้งสัด! กูไม่ขวิดมึงตายห่าก็ดีแค่ไหนแล้ว

   “มอออออ”

   “เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

   และแล้วการแหกปากร้องผมก็เป็นผล เมื่อมีชาวบ้านเกือบสิบคนวิ่งเข้ามาช่วย ซึ่งไอ้พวกนี้มันก็รีบวิ่งหนีไปทันที เพราะที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของพวกมัน

   “เป็นอะไรรึเปล่าไอ้คล้าว” คนที่เพิ่งมาถึงถามไอ้คล้าวด้วยความเป็นห่วง

   “พี่ไม้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ส่วนน้องแป้งก็ไปถามไอ้ไม้ด้วยความห่วงใยเหมือนกัน

   “ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณที่เข้ามาช่วยนะครับ” มันยกมือไหว้ลุงและทุกคนที่มาช่วยอย่างเรียบร้อย ทำให้ไอ้ไม้ยกมือไหว้ขอบคุณตามลูกพี่มันด้วย

   น่ารักจริงๆ

   “เออๆ ไม่เป็นไร นี่มึงกับไอ้เด่นยังไม่ถูกกันอีกเหรอ” ซึ่งคนรับไหว้ก็คงรู้สึกเหมือนกันเพราะทุกคนยิ้มรับด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถามมันต่อ

   “พี่คล้าวไม่มีปัญหาอะไรหรอกลุง มีแต่มันนั่นแหละที่มีปัญหา แค่แต่ก่อนพี่ดาวเรืองเลือกพี่คล้าว ไม่ได้เลือกมัน มันก็กัดไม่ปล่อยมาจนป่านนี้นี่แหละ แพ้แล้วพาลจริงๆ ไอ้หมาแด่นเนี่ย” ไอ้ไม้มันตอบแทน ทำให้ผมรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้มันเป็นศัตรูกันนี่เพราะแย่งกันจีบดาวเรืองนี่เอง

   “เฮ้อ! มึงก็ระวังตัวไว้บ้างแล้วกัน ไอ้เด่นมันเกเร พ่อมันคอยตามใจและคอยปกป้อง กูกลัวมันจะไม่หยุดแค่นี้”

   “ขอบคุณครับลุง ผมจะระวัง”

   “เออๆ กลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวพวกลุงยืนรอตรงนี้ เผื่อพวกมันกลับมาอีก ไอ้ไม้ไปกับไอ้คล้าวเลยก็แล้วกัน อยู่คนเดียวมันอันตราย เดี๋ยวลุงจะพาแป้งไปส่งบ้านให้เอง”

   “ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะลุง”

   น้ำใจของคนบ้านเดียวกัน ทำให้ไอ้คล้าวกับไอ้ไม้รวมทั้งผมยิ้มด้วยความซึ้งใจ ผมมองหน้าสองคนนี่แล้วรู้สึกเจ็บแทน หน้าหล่อๆ ของไอ้คล้าวนี่ยับเยินเลย คงหมดหล่อไปอีกสักพัก

   เซ็งเลย! อาหารตาของผม


   เมื่อไปถึงบ้าน ไอ้คล้าวก็หาน้ำแข็งมาประคบและหายามาผลัดกันทากับไอ้ไม้ที่แคร่ หน้าช้ำๆ หลายจุดนั่นวันพรุ่งนี้คงมีสีสันดีพิลึก

   “โอ๊ย! พี่คล้าว เบาพี่เบา”

   “มึงจะร้องทำไม ตอนโดนต่อยไม่เห็นมึงจะร้อง”

   “โธ่! ก็ตอนนั้นต่อหน้าน้องแป้งนี่พี่ มันก็ต้องรักษาภาพพจน์กันหน่อย จะได้ดูเท่ๆ” ฟังคำตอบแล้วทั้งไอ้คล้าวทั้งผมได้แต่ส่ายหน้า ไอ้คล้าวคงหมั่นไส้เลยจิ้มแรงๆ ไปอีกที

   “โอ๊ย! มือหนักชะมัด นี่มือหรือตีนพี่”

   “ลองตีนกูหน่อยไหมล่ะ”

   “พอเถอะพี่ ได้มาหลายตีนแล้วเนี่ย”

   “มึงก็กล้าไปมีเรื่องกับมันตัวคนเดียวนะ ถ้ากูไม่ไปเห็นจะเป็นยังไงมึงคิดบ้างไหม” ไอ้คล้าวถามด้วยน้ำเสียงดุๆ

   “แหะๆ ก็ตอนนั้นมันโมโหจนหน้ามืดนี่พี่ อยู่ๆ ไอ้ห่านั่นก็มาลากน้องแป้งไปกอดเฉยเลย จะทิ้งน้องแป้งหนีไปก็ไม่ได้ไงพี่”

   “เฮ้อ! ต่อไปก็ระวังตัวบ้างก็แล้วกัน อย่าพากันไปอยู่ในที่เปลี่ยวๆ แบบนั้นอีก”

   “คร้าบพ่อ เอ๊ย! พี่” ไอ้ไม้มันว่าเสียงทะเล้น ก่อนจะร้องจ๊ากเมื่อไอ้คล้าวแกล้งกดแผลมันแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้

   พอทำแผลเรียบร้อยแล้วไอ้ไม้ก็กลับบ้าน บอกว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานอนเป็นเพื่อน เพราะยังไงคืนนี้คงไม่ได้ไปเที่ยวงานแน่ๆ กลัวจะเจอไอ้พวกนั้นอีก ไอ้คล้าวเลยมาเดินวนรอบตัวผมดูว่าผมโดนลูกหลงไปบ้างรึเปล่า พอเห็นไม่มีอาการอะไรผิดปกติก็ถอนใจอย่างโล่งอก



   ผมนอนฟังเสียงดนตรีจากงานวัดที่ลอยมาตามลมจนเคลิ้มหลับไป ระหว่างที่ผมกำลังฝันดีว่ากำลังนอนกอดไอ้คล้าวอยู่นั้น หูก็ได้ยินเสียงย่ำฝีเท้าและเสียงกระซิบกระซาบกันดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ผมต้องตื่นมาด้วยความขุ่นมัวเพราะฝันดีๆ ถูกขัดจังหวะ

   เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นคนสองคนใส่ไอ้โม่งเดินตรงมาที่คอก ส่วนอีกห้าคนตรงไปที่บ้าน ซึ่งวันนี้ไอ้คล้าวขึ้นไปนอนบนนั้น  เพราะมีไอ้ไม้มานอนด้วย มุ้งครอบเพียงอันเดียวจึงไม่เพียงพอที่จะจุผู้ชายตัวควายๆ สองคนได้

   ผมรีบผุดลุกขึ้นแล้วแหกปากร้องเตือนไอ้คล้าวทันที!

   “มอออออ มอออออ มอออออ”

   “ไอ้ควายเหี้ย! มึงจะร้องทำห่าอะไรวะ”

   ผมจำเสียงของมันได้ ไอ้คนเหี้ยที่ด่าผมเมื่อตอนกลางวัน!

   เมื่อไอ้คล้าวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มันก็รีบวิ่งมาที่หน้าบ้าน พอเห็นว่ามีไอ้โม่งกำลังเดินตรงไปหามัน มันก็วิ่งกลับเข้าไปแล้วหยิบอาวุธซึ่งเป็นดาบออกมาใหม่ พร้อมกับปลุกไอ้ไม้มาด้วย

   มันลงบันไดมาถือดาบคุมเชิงแล้วถาม

   “พวกมึงจะทำอะไร! ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้นะ”

   ไอ้พวกนั้นไม่พูด แต่มองหน้ากันแล้วชักดาบพี่พกมาด้วยออกมาแล้วเข้าไปสู้กับมันแทน

   ผมได้แต่มองอย่างกระวนกระวายใจ พยายามสลัดไอ้สองคนที่เข้ามาแกะเชือกที่ผูกไว้และพยายามจะจูงผมไป  สายตาก็จ้องไปทางไอ้คล้าวกับไอ้ไม้อย่างเป็นห่วง

   เมื่อสลัดไอ้สองตัวข้างๆ จนล้มได้ก็วิ่งออกไปหาไอ้คล้าวกับไอ้ไม้ทันที

   แม่งเอ๊ย! มีแต่ตัวกับเขานี่ช่วยอะไรได้บ้างวะ

   ผมก้มหัวลงแล้วใช้เขาแกว่งใส่พวกมันเพื่อขู่จะขวิด และใช้ขาช่วยถีบพวกมันไปด้วย ยังดีที่พวกมันไม่ทำร้ายผม เดาว่าเป้าหมายของมันน่าจะมาเพื่อขโมยไปขายมากกว่า

   จังหวะที่ไอ้คล้าวไม่ทันระวังก็มีหนึ่งในนั้นเงื้อดาบจะฟันมันจากข้างหลัง

   ผมรีบพุ่งเข้าไปผลักไอ้คนนั้นออกไป

   “ไอ้ควายเหี้ย!” มันร้องด้วยความโมโหเมื่อถูกผลักล้มลง ก่อนจะลุกขึ้นมายืน แล้วชักปืนออกมายิง

   ปัง! ปัง! ปัง!

   “ทองกวาว!!!”

   “ไอ้เหี้ย! มึงจะยิงเรียกพ่อมึงมาเหรอวะ หนีเร็ว! ก่อนที่พ่อมึงจะแห่กันมา” มันบอกคนอื่นๆ ให้รีบหนี เพราะเสียงปืนคงจะเรียกคนที่อยู่ใกล้ๆ มาที่นี่แน่ๆ

   เจ็บ... เพิ่งรู้ว่าถูกยิงนี่เจ็บเหี้ยๆ เลยละ

   ผมทิ้งตัวลงนอนเพราะหลังจากอาการชาผ่านไปแล้ว ต่อมาก็รู้สึกเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ

   “ทองกวาวเป็นยังไงบ้าง ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย” ไอ้คล้าวมันทรุดตัวลงนั่งแล้วถอดเสื้อกับผ้าขาวม้าออกมากดแผลของผมไว้มือไม้สั่น ผมโดนยิงถูกตัวทั้งสามนัด แม้ว่าไอคล้าวกับไอ้ไม้จะช่วยกันกดห้ามเลือดแต่เมื่อโดนยิงจังๆ แบบนี้ ยังไงเลือดก็ยังไหลออกมาจนชุ่มผ้าอยู่ดี

   “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย ฮือ ทองกวาวอย่าเป็นอะไรนะ” ไอ้ไม้มันตะโกนเรียกคนให้ช่วย ท่าทางมันละล้าละลังเหมือนจะอยากลุกไปตามคนมาช่วย แต่ก็กลัวว่าแผลที่กดไว้จะเปิดออกจึงกดแผลไป ตะโกนไป น้ำตาไหลพรากไป

   “ช่วยด้วย! ทองกวาว อย่าเป็นอะไรนะ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยแล้ว อดทนไว้ก่อนนะ อยู่กับพี่นะทองกวาว” ไอ้คล้าวมันมองแผลของผม ก่อนจะสบตาผมทั้งน้ำตา มือที่กดแผลไว้สั่นไม่แพ้น้ำเสียงที่สั่นพร่า

   ผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าอย่าร้องไห้ อยากจะช่วยเช็ดน้ำตาให้มัน อยากจะปลอบโยนมัน อยากจะอยู่เคียงข้างมันต่อไป แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ลมหายใจของร่างทองกวาวเริ่มจะแผ่วลงเรื่อยๆ แล้ว

   “มอ”

   ขนาดจะบอกมันยังไม่ได้เลย ฮึก! น้ำตาผมไหลพรากออกมาด้วยความอัดอั้นและเจ็บปวด เจ็บทั้งแผลที่ถูกยิง เจ็บทั้งใจที่ไม่สามารถจะสื่ออะไรไปถึงมันได้เลย

   ลมหายใจของร่างนี้ค่อยๆ แผ่วลง ในขณะที่หนังตาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพยายามฝืนมากแค่ไหนก็ฝืนไม่ไหว

   “ทองกวาว อย่าทิ้งพี่คล้าวไปนะทองกวาว ฮึก  ถ้าทองกวาวไม่อยู่แล้วพี่คล้าวจะอยู่ยังไง ฮึก ทองกวาว!!!”

   ลมหายใจผมขาดลงเมื่อสิ้นเสียงเรียกของไอ้คล้าว

   ถึงแม้จะรู้ว่าพูดไปแล้วก็ไม่มีวันที่มันจะได้ยิน แต่ก็อยากจะฝากสายลมบอกไปว่า

   ‘ทองกวาวรักพี่คล้าวนะ รัก... มากเหลือเกิน’


**************************************************************************

ที่จริงแล้วตัวละครชื่อ "เด่น" แต่พิมพ์เป็น "แด่น" ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ

มันเป็นคำที่ไม้เรียกประชด เพราะแด่นเป็นคำเรียกสัตว์ที่มีขนด่างค่ะ

 :katai2-1:

ทองกวาวหื่นได้ ไม่มีใครระแวงค่ะ เพราะทองกวาวยังเป็นสัตว์อยู่ ต่อให้คึกแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า ถึงได้ลวนลามพี่คล้าวได้อย่างสบายใจค่ะ  :z1:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกๆ คนนะคะ กอดดดด
 :L2: :pig4: :L2:

ยังคงค่อยๆ กระดึบต่อปายยยยยยย


 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สนุกมาก ทีนี้ ทองกวาว จะได้กลับมาเป็นคนเหมือนเดิมหรือเปล่า อยากอ่านต่อแล้วอะ ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เศร้าจังตอนนี้ ว่าแต่ทองกวาวไปเกิดที่ไหนคงไม่ทันโตได้ใช้การได้ ไปหาสิงร่างคนอื่นแน่ๆ อิอิอิ แบบคิดแล้วหื่นไปด้วย
อย่าร้องเลยนะพี่คร้าวมาซบอกเรานี่เต็มใจ
 :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
กลับไปร่างเดิม แล้วกลับมาตามหาคล้าวนะ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โอย สงสาร ทองกวาว มาก คล้าว ไอ้ไม้ คงเศร้ามาก ที่ ทองกวาว จากไป คล้าว จะเอาควาย ตัวใหม่ มาแทน ละ ป่าว เน้อ ศร้า ที่สุดดดดด ฮือๆ ทองกวาว รีบกลับมาล่ะ.. รออออออออออออออ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
มารอทองกวาว ว่าจะกลับไปร่างเดิมมั้ย

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 4

   ผมรู้สึกว่าตัวเองล่องลอยออกมาจากร่างของทองกวาว เห็นไอ้คล้าวกอดร่างของทองกวาวร้องไห้เหมือนคนหัวใจสลาย ส่วนไอ้ไม้ก็ร้องสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ สักพักก็เห็นชาวบ้านวิ่งมาดู

   รู้สึกได้ว่าน้ำตาผมยังไหลออกมาไม่หยุด

   ‘ลาก่อนนะ... พี่คล้าวของทองกวาว’




   ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองล่องลอยไปเรื่อยๆ จนไปโผล่ที่หน้าหลวงตาซึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่ ผมนั่งมองรอบๆ ตัวอย่างงงๆ ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองกลับมาเป็นมนุษย์แล้ว เมื่อท่านลืมตาขึ้นมามองผมด้วยแววตาปราณี ผมจึงก้มลงกราบท่าน

   “ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นไปตามกรรม มีพบก็ต้องมีจาก สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เพราะบุญและกรรมที่ทำร่วมกันมา ถึงเวลาที่โยมต้องกลับไปแล้ว”

   “ไปไหนครับ” ผมถามท่านงงๆ ไปสวรรค์เหรอ เอ๊ะ! หรือว่าต้องลงนรกหว่า ไม่มั่นใจว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่

   “กลับไปในที่ที่โยมควรอยู่ คนทางนั้นคงเป็นห่วงกันแย่แล้ว”

   ยังไม่ถามว่าใครเป็นห่วง แล้วทางนั้นคือที่ไหน ท่านก็หลับตาลงซะก่อน ก่อนที่จะมีลมพัดพาผมให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายลมหยุดพัดลง

   เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าผมมาปรากฏตัวอยู่ที่ข้างเตียงๆ หนึ่ง ซึ่งมีร่างผ่ายผอมร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง อีกฝั่งของเตียงมีหญิงวัยกลางคนนั่งเก้าอี้กุมมือคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วร้องไห้ ส่วนชายวัยกลางคนอีกคนยืนจับบ่าผู้หญิงคนนั้นไว้ แววตาทั้งคู่มองคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่เศร้าหมอง

   “แสน เมื่อไหร่จะตื่นลูก ลูกหลับไปนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะกลับมาหาแม่สักที” ผู้หญิงคนนั้นพูดไปร้องไห้ไป ใบหน้าสวยๆ นั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทนหม่นหมอง

   ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหัวใจมันเจ็บปวดเมื่อเห็นน้ำตาของเธอก็ไม่รู้

   “อย่าร้องไห้สิคุณ ถ้าลูกเห็นแล้วลูกจะไม่สบายใจนะ” ผู้ชายที่ยืนด้านหลังลูบหลังอย่างปลอบโยน แต่สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความทุกข์ไม่แพ้กัน

   “ฮึก แม่ขอโทษนะลูก แม่รักลูกนะ” ผู้หญิงคนนั้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงจูบหน้าผากคนบนเตียงอย่างอ่อนโยน แล้วถอยออกไปให้ผู้ชายอีกคนขยับเข้ามาก้มลงจูบหน้าผากคนบนเตียงบ้าง

   “กลับมาหาแม่กับป๊าเร็วๆ นะแสน” ผู้ชายคนนั้นลูบหัวคนบนเตียงอย่างเบามือ แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย ก่อนที่ทั้งคู่จะจับจูงกันออกจากห้องไป

   ผมแตะหน้าผากตัวเองเบาๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึก ‘อุ่น’ เมื่อคนทั้งคู่จูบหน้าผากคนบนเตียงเมื่อครู่ ไม่ใช่อุ่นแค่หน้าผาก แต่รู้สึก ‘อุ่น’ ไปถึงหัวใจด้วย

   แปลกจริงๆ

   ผมแตะหน้าอกตัวเองเบาๆ ด้วยความงง กำลังจะขยับไปมองหน้าคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงชัดๆ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาซะก่อน จึงได้หันไปมองคนที่เดินเข้ามาแทน

   คนที่เดินเข้ามาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาวจัด ใบหน้าหล่อเหลานั้นได้เค้าชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป คิดว่าคงเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

   เมื่อมาถึงเขาก็มาก้มมองคนที่นอนหลับบนเตียง พอเห็นว่าร่างบนเตียงยังคงนอนนิ่งๆ ก็ถอนหายใจ แล้วลูบหัวคนบนเตียงเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาในห้อง หยิบเอาแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดดูและจิ้มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   หลังจากอ่านและจิ้มไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาพักสายตา เขาเดินมากวาดสายตาสำรวจคนบนเตียงนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะเดินกลับไปก้มหน้าก้มตาจิ้มแท็บเล็ตในมือต่อ

   ส่วนผมก็บ้าที่ยืนมองเขาทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อ

   คุ้น... ในส่วนลึกมันบอกว่าคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ดี เหมือนกับว่าเคยเฝ้ามองเขาแบบนี้มาก่อน

   แต่เขาเป็นใครล่ะ ทำไมผมถึงจำไม่ได้เลย ผมพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ผมเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งที่ว่างอยู่ มองมือเรียวยาวจับปากกาจิ้มลงบนแท็บเล็ตเรื่อยๆ

   เมื่อชะโงกลงไปมองหน้าจอก็เห็นทั้งตัวหนังสือ กราฟ และตัวเลขเป็นพรืด เห็นแล้วเวียนหัวพิกล ผมเลยเปลี่ยนไปจ้องหน้าเขาอย่างตั้งใจแทน เผื่อว่าจะนึกออกว่าเขาเป็นใคร

   แต่คงจะจ้องใกล้ไปหน่อย อยู่ๆ เขาก็ชะงัก แล้วกวาดตาเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง

   หาอะไรอะ ผีเหรอ? ผมเลิกลัก พลอยกวาดสายตามองตามรอบๆ ตัวด้วยความระแวงไปด้วย

   “แสน? แสนอยู่ที่นี่เหรอ” เขาวางแท็บเล็ตแล้วลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ร่างบนเตียง

   เขาเดินเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ ก่อนจะจับมือคนบนเตียงมากุมไว้ ผมก้าวตามไปยืนข้างๆ เพราะชักจะรู้สึกกลัวผีขึ้นมาเหมือนกัน

   “แสน... ถ้ามาแล้วก็กลับมาหาเฮีย หาแม่กับป๊าเถอะนะ อย่าให้เราต้องรออีกต่อไปเลย ทั้งแม่ ทั้งป๊าและเฮีย รู้สึกเหมือนใจจะขาดอยู่แล้ว ถ้าแสนกลับมา แสนอยากได้อะไรเฮียจะหามาให้ทุกอย่าง อยากจะไปไหนเฮียจะพาไปทุกๆ ที่ กลับมาเถอะนะ ได้โปรด” เสียงที่พูดออกมานั้นสั่นพร่าตามแรงอารมณ์ เหมือนเขากำลังเจ็บปวด และมันแปลกที่มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจตามไปด้วย

   ผู้ชายคนนั้นซบหน้าลงบนมือซูบๆ นั้นนิ่งๆ พอก้มลงไปมองก็เห็นว่าเขาร้องไห้อยู่ อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเย็นๆ ที่มือขึ้นมา จึงยกมือขึ้นมามองอย่างครุ่นคิด

   “ชาตินี้ผมไม่เคยขอหรือพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก่อนเลย เพราะผมเชื่อว่าถ้าต้องการหรืออยากได้อะไรก็ต้องแลกมาด้วยความพยายามของตัวเอง ไม่ใช่จากการอ้อนวอนร้องขอ แต่เรื่องของน้อง มันเกินความสามารถของผมแล้วจริงๆ หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้มีอยู่จริง ผมขอให้ท่านช่วยพาน้องของผมกลับมาให้ครอบครัวของเราด้วยเถอะครับ ถ้าน้องหายป่วยแล้ว ผมจะบวชเพื่อศึกษาพระธรรมและอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ต้องการเป็นเวลาหนึ่งเดือนครับ” เขายกมือเจ้าของร่างบนเตียงขึ้นพนม พอกล่าวจบก็ยกขึ้นจรดหน้าผาก

   หลังสิ้นสุดคำพูดของเขา ตัวของผมก็เหมือนจะเรืองแสงขึ้นมา ผมมองมือตัวเองด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ดึงผมอย่างแรง ก่อนที่สติจะดับวูบไป



   ผมรู้สึกว่านิ้วมือตัวเองกระตุก ก่อนที่จะรู้สึกตัวแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ แต่เหมือนตาจะสู้แสงไม่ได้เลยหลับตาลงไปใหม่ ผมพยายามลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นเพดานขาวๆ ตรงหน้าก็จะขยับตัวจะลุกแต่ไม่มีแรง เลยอ้าปากจะเรียกใครสักคนให้มาช่วย แต่คอแห้งเป็นผงจนไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย

   ผมพยายามหันคอไปมองรอบๆ เตียง แต่ไม่เห็นใครสักคน แค่ขยับตัวเท่านี้ก็เหนื่อยหอบและหมดแรงแล้ว จึงหลับตาลงอีกครั้ง ได้แต่หวังว่าถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาครั้งหน้าจะได้เจอใครสักคน แต่ตอนที่ใกล้จะหลับก็รู้สึกได้ว่ามีมืออุ่นๆ ลูบหัวอย่างอ่อนโยน แต่ว่าลืมตาขึ้นมาดูไม่ไหวแล้ว

   ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกได้ว่ามีแรงมากกว่าตื่นครั้งที่แล้วขึ้นมาอีกหน่อย ผมหันไปมองฝั่งที่มีโซฟาตั้งอยู่ เห็นคนที่นั่งทำหน้าเครียดจ้องจอแท็บเล็ต จึงพยายามส่งเสียงเรียก

   “ฮะ... เฮีย”

   แม้เสียงที่เรียกไปจะแผ่วเบาสักแค่ไหน แต่คนที่ถูกเรียกกลับเงยขึ้นมามองทันทีเหมือนรออยู่ตลอดเวลา เมื่อสบตากับผมคนบนโซฟาก็ผุดลุกขึ้นจนแท็บเล็ตตกลงพื้น แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ กลับก้าวยาวๆ มาหาผมอย่างรวดเร็ว

   “แสน! แสนตื่นแล้วเหรอ แสนกลับมาหาเฮียแล้วเหรอ หมอ ต้องเรียกหมอสินะ” คนตรงหน้าลนลานเหมือนทำอะไรไม่ถูก พอพูดจบก็วิ่งออกไปจนผมงงว่าทำไมไม่กดออดเรียก

   “หมอ หมอครับ น้องผมฟื้นแล้ว หมอได้ยินไหมครับ น้องผมฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจนั้นทำให้ผมน้ำตาซึม เพราะตั้งแต่จำความได้ ‘เฮียแผน’ พี่ชายของผมไม่เคยหลุดมาดขนาดนี้มาก่อน

   ผมหลับตาลงพักสายตา เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนที่เฮียจะวิ่งนำหมอและพยาบาลเข้ามาจับมือผมเขย่า

   “แสน!” เมื่อเห็นผมลืมตาขึ้นมามอง หน้าเสียๆ นั้นก็ดีขึ้นทันตา ก่อนที่เฮียจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

   “คุณแผนถอยออกมาก่อนครับ ขอหมอตรวจคนไข้ก่อน”

   พอหมอบอกเฮียถึงได้ยอมขยับถอยออกไป แต่สายตายังคงมองมาด้วยสีหน้าห่วงใย ก่อนที่จะทำท่าเหมือนนึกอะไรออก จึงล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วถอยไปห่างๆ แต่สายตาไม่ละไปจากตัวผม

   เมื่อคนที่ปลายสายรับสายแล้ว เฮียก็ละล่ำละลักรายงานจนผมอดจะยิ้มทั้งที่ยังเพลียอยู่ไม่ได้

   “สวัสดีครับ แม่แสนตื่นแล้ว ใช่ครับแม่ น้องกลับมาหาเราแล้ว แม่กับป๊าให้คนขับรถมาให้นะครับ อย่าขับเอง ครับแม่ ตอนนี้น้องยังไม่หลับครับ” หลังจากวางสายแล้วเฮียก็เดินมาใกล้ๆ แล้วจ้องผมตาแทบไม่กระพริบ

   เมื่อหมอตรวจร่างกายผมคร่าวๆ เสร็จแล้ว เฮียแผนก็ถามขึ้นทันที

   “น้องผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ”

   “หลังจากที่หมอตรวจดูคร่าวๆ แล้ว ทั้งการหายใจและปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ในเกณฑ์ดีครับ เพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแรงอยู่เพราะคนไข้หลับไปนานมาก เดี๋ยวหมอจะขอตรวจร่างกายให้ละเอียดอีกที แล้วจะปรับยาปรับอาหารให้เหมาะกับสภาพร่างกายของคนไข้ เพราะคนไข้รู้สึกตัวแล้ว ถ้าร่างกายฟื้นตัวดีเมื่อไหร่ค่อยไปทำกายภาพบำบัดกับนักกายภาพก็แล้วกันครับจะได้แข็งแรงเร็วๆ ระหว่างนี้ก็ให้คนไข้จิบน้ำได้ ขยับร่างกายได้ตามปกตินะครับ กล้ามเนื้อจะได้ทำงานได้ดีขึ้น แต่ถ้าเหนื่อยหรือเพลียก็พักผ่อนไปก่อนนะครับ อย่าเพิ่งหักโหม”

   “ขอบคุณครับหมอ” เฮียแสนยิ้มแล้วยกมือไหว้คุณหมอวัยกลางคน ซึ่งหมอก็ยกมือรับไหว้แล้วยิ้มอย่างใจดี ส่วนผมนี่ยกมือไม่ขึ้น เมื่อครู่ลองขยับร่างกายตามที่หมอบอกแล้วเหนื่อยจนหอบแฮ่กเลยทีเดียว

   เมื่อหมอเดินออกไปแล้ว พยาบาลก็เอาน้ำมาป้อนให้ผมจิบ และแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวให้ผมและเฮียแผนฟัง ระหว่างที่ฟังพยาบาลอธิบายอยู่นั้นผมก็รู้สึกเพลียและหลับไปอีกรอบ


   เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เห็นทั้งเฮีย ทั้งป๊าและแม่อยู่กันครบ เมื่อเห็นผมลืมตา แม่ก็ผุดลุกขึ้นยืน แล้วก้มมามองหน้าผมทั้งน้ำตา

   “แสนลูกแม่”

   “แม่... ป๊า” เมื่อได้ยินเสียงแหบๆ ของผม แม่ก็ยิ้มทั้งน้ำตา ส่วนป๊าก็ชะโงกมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ตาคมกริบทรงอำนาจคู่นั้นรื้นขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่เมื่อท่านกระพริบตาเงารื้นนั้นก็หายไป

   ผมกับเฮียติดเรียกแม่กับป๊ามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะย่าสอนให้เรียกป๊า ส่วนยายก็สอนให้เรียกแม่ จึงทำให้เราทั้งคู่ติดปากเรียกแบบนี้มาจนทุกวันนี้

   “น้ำ” เสียงของผมยังแหบและเบา เหมือนคอแห้งอยู่ตลอดเวลา เมื่อเฮียประคองให้จิบน้ำแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

   “ยังปวดตรงไหนอยู่ไหมลูก” แม่ถามด้วยสีหน้ากังวล

   “ไม่ปวด... ครับ.... เหนื่อย” แค่พูดก็เหนื่อยจนหอบแล้ว

   “เหนื่อยก็พักก่อนลูก หมอบอกว่าให้พักผ่อนมากๆ” แม่ลูบแขนผมเบาๆ ส่วนป๊าก็ลูบหัวอย่างอ่อนโยน อยากบอกเหลือเกินว่าผมไม่ใช่หมานะป๊า ชอบลูบหัวกันจริง แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะพูดได้ เลยหลับตาลงพักผ่อนแทน


   หลังจากนั้นผมก็หลับๆ ตื่นๆ ตลอด ตอนที่รู้สึกตัวก็พยายามขยับร่างกายตามที่หมอบอก ทำให้ร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ

   ตอนนี้หมอมาถอดสายอาหารและสายสวนออกแล้ว เพราะอยากให้ผมพยายามรับประทานอาหารและขับถ่ายเอง

   หลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว หมอก็บอกว่าร่างกายของผมปกติดี เพราะบาดแผลทุกส่วนของร่างกายผมหายดีตั้งแต่หลังประสบอุบัติเหตุได้ไม่นาน แต่แปลกที่ผมหลับยาวไม่ยอมฟื้นขึ้นมา ทั้งๆ ที่ร่างกายทุกส่วนรวมทั้งสมองก็ทำงานปกติดี จนหมอต่างก็งงไปตามๆ กัน

   ตอนนี้ก็มีเพียงแค่ร่างกายที่อ่อนแรงเพราะหลับไปนานเท่านั้นเอง แค่พยายามฟื้นฟูด้วยการทำกายภาพบำบัดก็น่าจะกลับมาแข็งแรงได้ในไม่ช้า

   แม่บอกว่าจะมานอนเฝ้าผม แต่ทั้งป๊า เฮียแผน และผมบังคับให้กลับไปนอนที่บ้าน เพราะไม่อยากให้ท่านเหนื่อยจนเกินไป ขนาดเฮียที่แข็งแรงๆ มาเฝ้าผมนานๆ ก็ยังแย่เลย  เห็นสภาพทุกคนในบ้านแล้วก็ได้แต่สงสาร ระหว่างที่ผมหลับไปทุกคนคงเหนื่อยแย่ ผมบอกให้เฮียกลับไปนอนที่บ้านก็ไม่ยอม ยังยืนยันจะมานอนเฝ้าผมอยู่เหมือนเดิม

   ผ่านไปหลายวัน ร่างกายผมก็แข็งแรงขึ้นมาก เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังไม่รู้สึกตัว พอฟื้นแล้วก็ได้กำลังใจดี ทำให้สามารถพูดคุยได้นานมากขึ้น

   เมื่อเห็นอาการผมดีขึ้น ระหว่างที่อยู่กันสองคน เฮียแผนก็ถามผมขึ้นมา

   “จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะหลับไป”

   ผมพยายามทบทวนความทรงจำ

   ....

   หลังจากที่ผมเรียนจบ Fashion Design จากต่างประเทศ ผมก็กลับประเทศไทยมาเปิดห้องเสื้อในห้างแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ หลังจากเปิดห้องเสื้อได้ไม่นาน ก็ได้รับข่าวร้ายจากเพื่อนที่เป็นนักมวยที่ค่ายมวยจันทรเทพว่า ‘ก้อนดิน’ เด็กที่เคยเรียนมวยที่ค่ายจันทรเทพด้วยกันก่อนที่ผมจะไปเรียนต่างประเทศ ประสบอุบัติเหตุตกเขาเสียชีวิตแล้ว

   ผมไปร่วมงานด้วยความเสียใจ เพราะผมสนิทกับเด็กคนนี้มาก เนื่องจากก้อนดินเป็นเด็กที่น่ารักและมองโลกในแง่ดี เวลาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผมจึงเอ็นดูก้อนดินมากเป็นพิเศษ

   หลังจากงานศพของก้อนดินผ่านไปไม่ถึงเดือน ผมก็ได้รับข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อ ‘แคน’ เด็กในค่ายที่ผมสนิทด้วยอีกคนประสบอุบัติเสียชีวิตในไซส์งานก่อสร้าง

   ผมกลับจากงานศพด้วยความรู้สึกเศร้าและใจหาย ในใจมันวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปทักทายพวกเขาเลย เพราะมัวแต่ยุ่งๆ อยู่กับการเปิดห้องเสื้อเพื่อทำตามความฝันของตัวเอง ตั้งใจไว้ว่า ถ้ากิจการอยู่ตัวเมื่อไหร่ จะไปรับพวกเขามาเลี้ยงข้าว แต่กลับไม่มีโอกาสนั้น เพราะพวกเขาต่างก็จากไปแล้ว

   ผมซึมอยู่เป็นอาทิตย์กว่าจะทำใจยอมรับได้ พอเริ่มทำใจได้ เฮียแผนก็เตือนว่าตอนนี้เรามีศัตรูทางธุรกิจกำลังหาเรื่องเราอยู่ เพราะเฮียไปเปิดโปงพฤติกรรมการโกงของฝ่ายนั้น ให้ผมระวังตัวไว้ด้วย

   ตอนนั้นผมคิดว่ามันคงไม่น่าจะเกี่ยวกับผม เพราะผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของที่บ้านเลย แต่ผมเพิ่งรู้ว่าผมคิดผิด เมื่อระหว่างที่ผมกำลังจะขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่ารถของผมเบรกไม่ได้ จึงทำให้ผมหักหลบรถไปชนต้นไม้ข้างทาง ก่อนที่ผมจะหมดสติไป

   ก่อนที่จะรู้สึกตัวขึ้นมา ผมฝันเห็นก้อนดินกับแคนด้วย ฝันเห็นทั้งคู่สบายดี ผมก็สบายใจ แม้จะเป็นแค่ความฝันก็เถอะ แต่น่าแปลกที่ในฝันนั้น ผมเห็นก้อนดินอยู่กับมังกร แคนกลายเป็นเป็ด ส่วนตัวเองกลายเป็นควายซะอย่างงั้น

   ฝันได้แฟนตาซีชะมัด

   ผมเล่าเรื่องวันที่เกิดเหตุให้เฮียแผนฟัง ซึ่งเฮียก็บอกว่าเป็นฝีมือของคนพวกนั้นจริงๆ

   หลังเกิดเหตุ เมื่อสืบแล้วพบว่าผมประสบอุบัติเหตุเพราะอะไร เฮียกับป๊าก็โกรธมาก เร่งขุดหาหลักฐานการโกงและเรื่องผิดกฎหมายทั้งหมดเพื่อลากคนพวกนั้นเข้าคุกแบบไม่ให้ผุดได้เกิดเลยทีเดียว

   แต่ถึงจะบอกว่าจำเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุได้ทั้งหมด แต่ผมก็ยังรู้สึกเหมือนว่าลืมอะไรไปสักอย่าง รู้สึกเหมือนว่าเรื่องที่ผมลืมนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แต่พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก

   ผมลืมอะไรไปนะ


   วันหนึ่งเมื่อผมตื่นขึ้นมาเจอหน้าคนยืนอยู่ข้างเตียง ผมก็แกล้งทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ทันที

   “ทำหน้าอย่างนี้หมายความว่ายังไงฮึ” ไอ้คนถามมันถามด้วยสีหน้าหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

   “ไม่น่าถามนะธงธง” ผมเรียกมันด้วยชื่อที่ผมใช้แหย่มันประจำ

   “โอ๊ย!” แค่พูดจบผมก็โดนดีดหน้าผากทันที

   “เฮีย! เจ็บ” ผมเบะปากแล้วหันไปฟ้องเฮีย

   “ธงรบ! แสนมันเจ็บอยู่นะ” ซึ่งเฮียก็ช่วยปราม แล้วลูบหน้าผากที่ถูกดีดเบาๆ

   “ขอโทษครับเฮีย ผมลืมตัว”

   ไอ้คนที่ดีดหน้าผากผมยิ้มแหยๆ เมื่อถูกเฮียดุ

   ผู้ชายหน้าตาคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับเฮียที่ยืนอยู่ข้างเตียงผมนี่ มันชื่อ ‘ธงรบ’ ครับ เป็นเพื่อนสนิทของผมเอง เรารู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล เอาจริงๆ จะว่าไปก็รู้จักกันตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ ถ้าเด็กในท้องมันคุยกันได้อะนะ

   แม่ของเราท้องในเวลาใกล้ๆ กัน เพราะครอบครัวของเราสนิทกันมาหลายรุ่นแล้วทำให้ได้เจอกันบ่อยๆ
เฮียบอกว่าก่อนหน้านี้มันไปประชุมที่ต่างประเทศเป็นอาทิตย์ ทำให้ตั้งแต่ฟื้นมาผมไม่เห็นหน้ามันมาเยี่ยมเลย เห็นแต่คนอื่นๆ ในครอบครัวมัน

   “นี่ลงเครื่องก็อุตส่าห์ตรงมาเยี่ยมเลยนะ ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ” ธงรบมันบ่น

   ผมกวาดตามองสภาพมัน ก็น่าจะจริง เพราะมันใส่สูทผูกเนคไทซะเต็มยศเลย ดูสีหน้าล้าๆ ของมันแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมานิดหน่อย เลยแบมือออกไปตรงหน้ามันแทน

   “อะไร?” มันมองฝ่ามือผมแล้วมองหน้าผมงงๆ

   “ของฝาก” ธงรบถอนหายใจเฮือก ทำท่าจะตบลงบนมือผม แต่เมื่อเห็นสีหน้าปรามๆ ของเฮียแผนก็เลยแตะลงมาเบาๆ แทน

   “เอาตัวกูไปก่อนละกัน ไม่ได้แวะที่ไหนเลย เพราะรีบกลับมาหามึงเนี่ย” คำพูดคำจามันน่ารักจนผมหลุดยิ้ม เลยจับมือมันเขย่าเล่น

   “ให้ติดไว้ก่อน คราวหน้าขอสองเท่านะ”

   “ไอ้งก”

   ผมยิ้มเมื่อมันจับมือเขย่าตอบ รู้ว่ามันบ่นไปงั้นแหละ เพราะไม่ว่าเดินทางไปที่ไหน เมื่อกลับมามันก็หอบของชอบของผมมาฝากทุกที

   คนที่ตามใจผมพอๆ กับคนในครอบครัวก็มันนี่แหละ

   หลังจากนั้นถ้าธงรบไม่ได้เดินทางไปไหน หลังเลิกงานก็แวะก็มากวนประสาทผมทุกวัน บางวันก็มานอนเฝ้าแล้วไล่ให้เฮียแผนกลับไปพักผ่อนที่บ้านบ้าง

   มันก็น่ารักแบบนี้แหละครับ มันดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอด ทำให้ป๊ากับแม่วางใจให้มันช่วยดูแลผมแทน และถือว่ามันเป็นลูกอีกคนของป๊ากับแม่ไปแล้ว

******************************************************************

 :katai4: :katai4: :katai4:
บอกไว้เลยว่าไม่ถนัดดราม่าค่ะ แหะๆ เพราะฉะนั้นนิยายของเราก็จะสบายๆ เรื่อยๆ เปื่อยๆ เหมือนคนแต่งนะคะ
 :m23:
หวังแค่คนอ่านที่หลงเข้ามาอ่านแล้วยิ้มได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะ
 :m1:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :m13:
ฝาก #มนต์รักริมทุ่ง ด้วยค่า
 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทองกวาวโปรไฟล์ดีเหมือนกันนะเนี่ย หายเร็วๆ นะ จะได้ไปตามหาพี่คล้าวด้วยกัน ป่านนี้กินเหล้าทุกวันแล้วมั้ง อิอิอิ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ทองกวาวเจ้าลืมพี่คล้าวแล้ว ฤา

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทองกวาวจะลืมพี่คล้าวจิงดิ แถมธงรบมาอีก ตายๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอ  ยังไงต่อ   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ทองกวาว เจ้าอย่าลืมพี่คล้าวนานนัก ป่านนี้พี่คล้าวเสียใจเมาหนักเดินตกบันไดบ้านตายไปแล้วมั้ง รีบกลับบ้านนาด่วนๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด