เพชรพระพาย
พระพายกับปัญหา
ชีวิตของพระพายราบรื่นดีเมื่อมาถึงตอนนี้ กับพ่อที่เพิ่งได้เจอกันก็ทำความรู้จักสนิทสนมกันได้ดี แฟนของพ่อก็นิสัยดี ทุกคนล้วนเอ็นดูพระพาย มีอยู่วันหนึ่ง พระพายมากินข้าวกับพ่อและแฟนของพ่อ ส่วนหนึ่งเพราะพี่เพชรยุ่งๆด้วยเลยไม่ได้มาด้วยกัน แต่ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่มาด้วยเพราะนี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวหากเขาจะมา ก็คงมารอรับไปเที่ยวเล่นแป็ปๆและกลับบ้านรัตนสกุล เจอนิดๆให้หายอยาก แต่นี่แทบไม่ได้เจอกันเลย
“วันนี้ไม่มีคนมารับกลับเหมือนทุกครั้งเหรอลูก” พระพายพยักหน้า วันนี้คงต้องขอให้พ่อไปส่งหรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับเหมือนตอนมา แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าคนเป็นพ่อย่อมอยากไปส่ง ว่าแต่พี่เพชรทำอะไรอยู่ พระพายไม่ได้เจอมาสองสัปดาห์แล้วนะนี่
“คุณเพชรเนี่ยน่ารักดีนะพระพาย” คุณชนาหรือน้าชนาที่พระพายเรียกนั้นยิ้ม
“พี่เพชรเป็นคนดีครับ” พอพูดแล้วก็คิดถึงเลยไหม เขาไลน์มาบอกว่าทำธุระกับที่บ้าน ได้ยินว่าคุณปู่ป่วยพระพายเลยไม่อยากจะงี่เง่า แถมไม่ได้เป็นอะไรกันจะไปถามเยอะแยะก็ไม่เหมาะควร
ความสัมพันธ์ของเด็กสองคนดูจะยังคลุมเครือแต่ชัดเจนในความรู้สึกดี ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาจึงย่อมดูออกถึงเจตนา และก็ยินดีด้วยเพราะเขาก็ดูเหมือนจะดูแลพระพายได้ เพชรพิสุทธิ์ไม่ได้ให้ความรู้สึกของการอยากจะมายุ่มย่ามกับสมบัติของทางชวนันท์ ขนาดพระพายยังไม่เคยรู้ที่มาของตนเองด้วยซ้ำแล้วนับประสาอะไรกับคนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้องทางเครือญาติ
และนั่นทำให้พวกเขาพอใจในตัวเลขาคนนั้นอยู่พอควร อีกอย่างยุคสมัยนี้ก็เปิดกว้างให้กับความรักรูปแบบนี้มากขึ้น ไม่เหมือนพวกเขาที่ทำอะไรต้องเกรงใจครอบครัวของวุฒิ ดังนั้นจึงอยากจะสนับสนุนลูกหากเขาชอบพอกันจริงๆ นอกจากนั้น แม้ว่าพระพายจะบอกเรื่องว่าไม่ต้องการอะไรไปแล้ว แต่พระพายเป็นลูก พวกเขาย่อมอยากจะให้บางสิ่งบางอย่าง วุฒิชัยนั้นพาพระพายและชนาธิปออกมาจากบ้าน ขับรถมายังสถานที่หนึ่ง
“พ่อพาพายมาทำไมที่นี่อะครับ”
“พระพายว่าที่นี่เป็นไง”
“ก็ดีนะครับ” ตึกแถวย่านหนึ่งที่มีรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทพาดผ่านนั้นดูน่าสนใจ แต่พระพายก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี
“จริงๆพ่อกับน้าชนาอยากให้พระพายนะ”
“ให้พาย?พายบอกว่าจะไม่เอาไงครับ” ใช่ ลูกพูดแบบนั้นจริง แต่ก็อย่างที่บอกว่าอดไม่ได้ เขาอาจจะฝากเงินจำนวนมากให้ลูกไว้และรู้ว่าจินตนาไม่ได้เอาออกไปใช้เลย แต่ก็ยังอยากให้อีกอยู่ดี พระพายเป็นเด็กดีขนาดนี้แถมยังยอมรับเราสองคนได้โดยไม่มีรังเกียจรังงอน มันอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูและรู้สึกขอบคุณไปด้วย
“รับไปเถอะนะพระพาย อันนี้เป็นที่ดินของน้าและของวุฒิ เราอยากให้มันในฐานะที่เป็นของส่วนตัวของเราไม่ใช่ของชวนันท์”
“…………”
“ลูกอาจจะมั่นใจว่าตัวเองสามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ พ่อเองก็เชื่อใจ แต่ก็อยากจะมั่นใจว่านี่จะสามารถช่วยพยุงให้ในวันที่พระพายลำบาก” วุฒิเสริม เขาอาจจะไม่สามารถให้หุ้นหรือส่วนหนึ่งของธุรกิจของชวนันท์กับพระพายได้แม้จะถูกร้องขอ สถานะของเขาในบ้านไม่ใช่ว่าจะมั่นคงนัก พี่น้องเองต่างก็ตบตีแย่งชิง
การดึงพระพายเข้ามาอาจจะเป็นผลเสียกับลูก ซึ่งพระพายมิอาจจะมีทายาทได้ และก็ไม่อยากให้ลูกเดินหลงทางเหมือนที่เขาและชนาธิปเป็นถ้ายังดันทุรังให้พระพายถลำลึกเข้ามาเป็นชวนันท์ ลูกอาจจะถูกดกดดันเรื่องการมีทายาทหรือการทำธุรกิจกับที่บ้าน มันไม่ควรจะมีใครต้องศูนย์เสียอีกแล้ว แต่อย่างไรก็อยากให้พระพายได้มีสิ่งใดได้แทนใจบ้าง อย่างน้อยนี่ก็ได้ชื่อว่าจากพ่อของเขา ไม่ใช่ชวนันท์
“พระพายขอบคุณทั้งสองคนมากครับ” ในที่สุดลูกก็รับมันไว้ เขาทั้งสองยิ้มออกมา ก่อนที่จะต้องรับอ้อมกอดจากเด็กน้อยที่พวกเขาเฝ้ามองกันมานาน วันนี้พระพายเติบใหญ่ขึ้นมาแล้ว และได้นำความสุขสงบที่แท้จริงมาสู่ชีวิตอันวุ่นวายของเราเสียที
xxx
“ดีใจกับเพื่อนด้วยนะ ในที่สุดก็ได้เจอพ่อแล้ว” พริมพราวปลาบปลื้มแทนเหลือเกินที่พระพายพ้นสภาพจากการเป็นเด็กกำพร้าพ่อแล้วจริงๆ ถึงเพื่อนไม่เคยดราม่าเรื่องนี้ให้ได้เห็น แต่ลึกๆเด็กทุกคนต่อให้เพียบพร้อมแค่ไหนก็อาจจะมีโมเมนท์อยากถามหาพ่อเหมือนกันละมั้ง และพ่อพระพายก็ไม่ได้เป็นคนธรรมดา หากแต่เป็นคนที่อยู่ในตระกูลซึ่งถูกทุกคนปรามาสไว้…..ก็ว่าอยู่ว่าเป็นลูกแม่บ้าน แต่หน้าตาผิวพรรณมารยาทนี่มันคุณชายชัดๆเลย
“วันนี้พายเลยจะเลี้ยงข้าวมันไก่ทั้งพริมพราวและทัตนะ สั่งได้เล้ย เดี๋ยวเปิดเทอมเจอกันจะเลี้ยงชาบูอีกรอบ”
พวกเขาพูดคุยอย่างสนุกสนานทั้งๆที่นี่คือช่วงสอบ ช่วงชีวิตปีหนึ่งจะว่าสั้นมันก็สั้น เผลอแป็ปๆการเป็นนักเรียนมัธยมก็หลงเหลือเป็นเพียงความทรงจำที่จางลงทุกวันและปีต่อๆไปเราก็จะไม่มีใครที่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์นั่งก้มหน้าอีกต่อไปแล้ว แต่ขอบคุณปีหนึ่งเหลือเกินที่ทำให้เรามีเพื่อนที่ดีแบบนี้ หากไม่มีพวกเขา พระพายจะมีความสุขแบบทุกวันนี้ไหมนะ
“เฮ้ย พิตช์มาอ่ะ”
ทัตพูดขึ้น พระพายที่กำลังรอข้าวมันไก่นั้นเผลอเงยหน้าไปสบตากับเจ้าของชื่อพอดี พิตช์มากับใครก็ไม่รู้ ดูไม่ใช่เด็กมหาลัยนี้เลย แต่เพราะคดีที่มีต่อกันมาหลายคดี พระพายจึงไม่คิดจะทักทายอะไร ทว่าก็ไม่มีเหตุผลให้กินเร็วๆเลี่ยงหนีไป เพราะเราหนีปัญหาไม่ได้หรอก ยิ่งถ้าปัญหาคืออะไรที่อยากจะวิ่งเข้าหากันจนตัวสั่นแล้วล่ะก็นะ….
“ข้าวมันไก่ร้านนี้ดังนะ คนดังก็ชอบมากินด้วย” พิตช์นี่เป็นอะไรเหรอ เจอกันทีไรไม่เคยทักทายปกติเลย ขยับปากทีไรพริมพราวก็กำมือแน่นทุกที ลำบากพระพายต้องคอยห้าม
“ถ้าไม่รีบไปนั่งระวังโต๊ะเต็มไม่ได้กินนะพิตช์”
“พี่ทองครับ นี่ไงครับที่ผมบอก เด็กของลูกพี่ลูกน้องของพี่”
“อ๋อคนนี้นะเหรอที่เป็นลูกคนใช้แบบที่พิตช์บอกพี่ เหมาะสมกับดีนะ” ตอนนี้ต่อให้เป็นพระพายก็โกรธอ่ะ คนเจอกันครั้งแรกต้องพูดใส่กันแบบนี้เลยเหรอ มารยาทไม่มีบางทีสติก็ควรจะมีหรือเปล่า?
“โทษนะครับ โต๊ะมันก็เต็มแล้วอะ ไปนั่งที่อื่นได้ไหมครับ” พระพายถาม ดวงตาแข็งแบบที่ไม่เคยเป็น ในตอนนั้นเองพริมพราวเองยังใจบาง เพิ่งเคยเห็นพระพายโกรธก็วันนี้ แต่อย่าว่าแต่พริมพราวเลย พระพายเองก็เพิ่งเคย!
“เราไม่อยู่ตรงนี้นานหรอกพระพาย ไม่อยากให้ใครเอาไปพูดว่าคุยกับลูกคนใช้ที่เป็นเด็กเลี้ยงของลูกชู้อีกที”
“นี่พิตช์ไม่ตามข่าวเลย พระพายเขาเป็นลูกคนใช้ที่มีพ่อชื่อว่าวุฒิชัย ชวนันท์นะ” พริมพราวพูดขัดขึ้น
“…………”
“จะเขียนนิยายก็เอาไปเขียนให้ครบ บอกคนอื่นเขาไม่หมดมันไม่ดีรู้ไหม ลูกเขามีพ่อมีแม่นะ ได้ยินว่าที่บ้านทำการค้ากับบริษัทย่อยที่เป็นของคุณวุฒิโดยตรงด้วยไม่ใช่เหรอ ไปพูดกับลูกเขางี้ ระวังนะจ้ะ”
“เราไปกันก่อนเถอะครับพี่ทอง” ต่อให้พิตช์จะเชื่อหรือไม่ แต่พระพายก็คิดว่ามันดีแล้วที่คนทั้งสองจากไปเสียที พระพายมีอีกหลายอย่างต้องไปทำ ทั้งกิน อ่านหนังสือสอบ ไลน์ไปคุยกับคนข้างห้องที่วันนี้บอกจะกลับมาติวให้ เห็นไหมว่ามันมีอะไรที่น่าทำกว่าเยอะเลย
และนี่เป็นข่าวใหม่มากสำหรับพระพายเช่นกัน แต่ช่างเถอะ ขู่ไป จริงๆพระพายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี บริษัทของพ่อไม่ได้อยู่ในอำนาจที่พระพายจะก้าวก่ายได้ตั้งแต่ที่พูดไว้ตอนแรก แต่การมีนามสกุลชวนันท์ที่ใช้ได้จริงๆก็อำนวยความสะดวกได้เหมือนที่พี่เจนพูดไว้ ถ้ารำคาญหมาเห่าให้กัดกลับ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีวันหยุดเห่าหรอก โชคดีที่พริมพราวกัดให้แล้ว
ที่เหลือก็สุดแท้แต่เวรและกรรมละกันนะ!
คนข้างห้องมาติวให้จริงอย่างที่พูด พระพายก็พยายามที่จะจดจ่ออยู่กับมัน ทว่าบางช่วงเมื่อได้มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็หวนคิดถึงคนที่ได้เจอในวันนี้ ทั้งสองไม่ได้มีหน้าตาเหมือนหรือคล้ายกันหรอก แต่สรรพนามที่ใช้เรียกพระพายนั้น มันคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย เขาต้องมีความเกี่ยวข้องกับพี่เพชรแน่ๆ พระพายถามได้ไหม ควรจะถามหรือเปล่า แต่พระพายไม่เคยเอาปัญหาส่วนตัวอย่างเรื่องของพิตช์ไปเล่าให้พี่เพชรฟังมาก่อนเลยนะ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่บ้างก็เถอะ
“พี่เพชรหล่อมากไหม มองขนาดนี้แสดงว่าต้องหล่อมากเลยสินะ” ใบหน้าของเขาดูอ่อนล้า ทว่าก็ยังหยอกกันเก่ง น่าหมั่นไส้ พระพายจึงเอาปากกาในมือเขียนบนหลังมือเขาไว้
‘คนไม่หล่อ’
“สะเทือนหัวใจไปถึงสันป่าตอง เราว่าเราก็หล่ออยู่นะ” ก็ไกลไปนะบางที
“คนหล่อเขาไม่พูดว่าตัวเองหล่อหรอกครับ”
“มันก็มีคนหล่อที่ไม่พูดเพราะไม่รู้ตัว แต่พี่รู้ดี หน้าพี่เอง ทำไมจะไม่รู้” เขาบ่นพึมพำพลางคว้าเอาปากกาของพระพายมาเขียนเพิ่มบนหลังมือตัวเองที่ด้านล่างคำปรามาส เขายอมเป็นคนไม่หล่อก็ได้แต่จะเป็น
‘คนไม่หล่อ ของพระพาย’
“ให้ฟรีก็ไม่เอา” พระพายบอกพลางยึดปากกากลับมา
“ใครบอกว่าให้ฟรี คนเขามีพ่อมีแม่นะ วั้ยๆ พระพายอ่ะ” แล้วมาทำสะดีดสะดิ้ง มันใช่เหรอ
“ยิ่งมีราคายิ่งไม่เอา เปลืองตังค์”
“ใจร้าย เขารู้กันทั้งบางแล้วว่าพี่เข้ามาในห้องพระพาย พี่เสียหายนะ เอามาปู้ยี่ปู้ยำไม่รับผิดชอบ”
“พระพายไม่ได้ทำซะหน่อย” กล้าพูด ได้เห็นพระพายแตะเนื้อต้องตัวเขาบ้างปะละ เจ้าของมือใหญ่จะคว้าปากกาจากมือน้องกลับมา แต่พระพายไม่ยอม แย่งกันไปกันมา
ในเมื่อไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไร งั้นก็เอาทั้งมือทั้งปากกาไปเลยล่ะกัน
“………”
“………”
ในความเงียบ มีคนหนึ่งที่ยิ้มกริ่ม และอีกคนกำลังเขิน
“ขอมือพายคืนด้วยครับ” นั่นแปลว่าช่วยปล่อยมือจากมือของน้องด้วย แต่เพชรกลับส่ายหน้า
“ถ้าอยากได้มือคืน งั้นพี่ขออย่างอื่นแทน….”
“……..”
“ขออันนี้ละกัน” เขาปล่อยมือใหญ่ๆของเขาที่กุมมือของพระพายออก และเปลี่ยนสถานที่อยู่ของตนไปที่ข้างหลังของพระพาย ใบหน้าของเขาที่เจ้าตัวอ้างว่ามันหล่อ ในยามนี้ซุกอยู่กับไหล่ของพระพาย มือทั้งสองข้างก็โอบกอดกันไว้หลวมๆ ถ้าเป็นปกติใจของพระพายคงเต้นแรงไปแล้ว ครั้งนี้ก็เต้นแรง แต่ก็เต็มไปด้วยความห่วงหาบางอย่าง
“พี่เพชรครับ”
“แป็ปนึงนะครับ คนดี” คำเรียกที่ไม่มีชื่อทำให้หัวใจของพระพายอ่อนแอเหมือนไม่เคยเป็น ในตอนนี้พระพายรู้สึกเหมือนเขาคือบอลลูนที่ค่อยๆปล่อยลมออกมาทีละน้อย พระพายคงโวยวายไปแล้ว หากแต่ลมที่เขาปล่อยออกมา มันเหมือนสิ่งที่แบกรับไว้อยู่ ที่หายไปวุ่นวายมานี่.....ไปเจออะไรมานะ
“ไม่เป็นไรนะครับ หายไวๆนะ เพี้ยง!” พระพายยกมือของเขาข้างที่ถูกเขียนเล่นและโอบกอดตนอยู่หลวมๆขึ้นมาเป่าให้ คนที่พักพิงอยู่ที่ไหล่บางนั้นลอบยิ้มน้อยๆให้กับการกระทำนั้น ตอนนี้น้องได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเต็มใจ จะว่ามันคือความเจ้าเล่ห์ของเขาที่ทำเช่นนี้ไหม ก็ใช่….แต่เรื่องที่ว่ากำลังอ่อนแออยู่หรือเปล่า ก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเช่นกัน…..
พระพายนั้นให้เขากอดอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่เพชรควรจะเป็นคนมาติวให้แท้ๆ ทั้งนี้เขาอาจจะดูเหมือนคนที่ตลกได้ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ทว่ามันก็ย่อมมีบางทีที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องราวต่างๆ เขาไม่อาจจะทำตัวแบบนั้นหรือคิดเช่นนั้นได้ตลอดไป
ทว่าก็ไม่เคยที่จะแสดงมันออกมาให้ใครดูแม้แต่คนในครอบครัว พระพายเป็นคนแรกที่ทำลายความอดทนของเขาให้พังลงได้ อาจจะเพราะจิตสำนึกที่อยู่ลึกๆบอกกันว่าจะไม่เป็นไร…..หากเป็นพระพายล่ะก็ต่อให้ร้องไห้ออกมาตอนนี้ก็ไม่เป็นไร
เพราะพระพายคือคนที่จะทำให้หยุดร้องได้อย่างแน่นอน…
“พี่เพชร พายเมื่อยแล้ว” คนตัวเล็กในอ้อมกอดนั้นยุกยิก เขาคงกอดน้องท่านี้มานานและมันก็คงถึงเวลาต้องคืนให้สักที เพชรปล่อยพระพายออกมา เขากำลังจะถอยห่างเพราะที่ได้รับมามันก็มากพอ ทว่าพระพายไม่ปล่อยกันไป
“………….”
“ค่อยหายเมื่อยหน่อย” พระพายที่พลิกหันมาหานั้นโอบกอดเขาเอาไว้ แก้มนิ่มของน้องนั้นเอียงซบกับไหล่ของเขา เสียงของพระพายที่ถูกเปล่งออกมาอย่างน่ารักทำให้เขายิ้มออกมาอีกครั้ง เป็นพระพายนี่ดีนะ เขาไม่ทันได้ร้องไห้อย่างที่อยากเลย แต่ได้ยิ้มออกมาแทนแบบนี้
“พี่ชอบพระพายจังเลย” และเขาหมายความตามนั้นจริงๆ
“พายก็ชอบพี่เพชรจังเล้ย!” เราจะเหมารวมว่านี่คือการสารภาพความรู้สึกอย่างเป็นทางการได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอก เพราะการกระทำ….สำคัญกว่าคำพูดจริงๆต่อให้คนทั้งโลกไม่ยอมรับในตัวเขา แค่พระพายคนเดียวก็พอแล้ว
แค่พระพายคนเดียวที่อยากจะขอไว้จริงๆ
เรากอดกันอยู่นานจนเขาต้องเตือนน้องว่าควรจะไปอ่านหนังสือสอบได้แล้ว ผ่านมาอีกเทอมที่เขาได้ใกล้ชิด เพชรตั้งใจว่าช่วงเวลาที่เขาขอลาจากคุณรบมาจัดการธุระส่วนตัวของทางบ้านนี้ เขาจะพาน้องกลับไปกรุงเทพด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าจะรอจนสอบวันสุดท้ายไม่ได้ ไม่เป็นไร เราค่อยไปเจอกันที่กรุงเทพก็ได้ พระพายกำลังจะกลับมาที่รัตนสกุลในช่วงปิดเทอมใหญ่นี่ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่รัตนสกุล แต่ก็มั่นใจว่าเราจะอ้าแขนให้กันและกัน
ไม่ว่าเราจะเป็นใคร มาจากไหน และมีที่มาอย่างไรใช่ไหม….
“พระพายเหลือสอบอีกกี่วิชา” เขาถาม พลางเล่นผมเส้นเล็กของน้อง ทุกอย่างในตัวพระพายแลดูนุ่มนิ่มในความรู้สึกไปหมด แค่พระพายยืนอยู่เฉยๆไม่ได้หาภัยอันตรายมาให้ตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความต้องการทะนุถนอม
“อีกสามวิชา เนี่ย จันทร์ พุธ ศุกร์” น้องชูนิ้วให้ดูเหมือนเด็กๆ
“อีกนิดเดียวเอง สู้ๆ สอบเสร็จแล้วจะเลี้ยงบิงซู”เขาบีบแก้มยุ้ยๆนั่น อาศัยความใจดีที่อาจจะยังมีเหลือแบบเศษๆในวันนี้จับนู่นแตะนี่ไปเรื่อยก่อนพระพายจะรู้ตัวแล้วตะเพิดกันออกจากห้อง
“บิงซูอีกแล้ว” น้องมุ่ยหน้า ก็เขาไม่รู้ว่าน้องชอบอะไร และเด็กๆเนี่ยชอบบิงซูกันไม่ใช่เหรอ จะหลอกเด็กก็ต้องเอาของที่เด็กชอบมาล่อสิ ว้า….พระพายนี่แก่กว่าที่คิดนะเนี่ย….เหมาะกับคนแก่แบบเขาแล้ว อืมๆ
“แล้วพระพายอยากกินอะไร ชาบู หมูกระทะ”
“อยากมาม่าเกาหลีแบบเผ็ดๆ”
“โหว กินหรูอ่ะ”
“ก็อยู่บ้านพี่เจนไม่ให้กิน พระพายจะใส่ชีสด้วย เยอะๆ” พระพายไม่รู้เสียแล้วว่าคนห้ามนั่นแหละตัวแดกเลย เห็นคุณรบนี่ซื้อกลับไปเซ่นไหว้ทุกครั้ง ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ บอกเลย
“งั้นมากินห้องพี่เพชร ใส่เยอะๆเอาให้อ้วนเลย”
“งะ จะขุนพายเหรอ”
“เอาให้แจ้มยุ้ยๆ พุงนุ่มๆ ชั่งกิโลขายให้ได้ราคาดีๆ”
“ขายกันได้ลงคอ”
“หรือจะกินเองให้อร่อยดีล่ะ”
“…….”
“กระดูกจะติดคอพี่ไหมเนี่ย อย่าลืมอาบน้ำด้วยนะ เหม็น”
“บ้าบอ” ด่าเจ็บจัง แต่เขาหัวเราะออกมา พระพายเป็นคนที่ด่าแล้วโกรธไม่ลงจริงๆ พระพายรีบดุนหลังเขาให้ออกไป เพชรก็ไม่คิดจะฝืนรั้งไว้ต่อ น้องควรจะเคลียร์หัวตัวเองและพร้อมกับการสอบ ช่วงเวลาปิดเทอมของน้องยังไงก็มีกันอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่มีอะไรต้องห่วงเลย
เขาแปะโพสต์อิตที่แอบเขียนเมื่อครู่บนตัวน้อง ก่อนจะโบกมือบ้ายบายให้ แค่เพียงผนังกั้นห้องเท่านั้น แต่การมีอยู่ของเราจะเหมือนเคียงข้าง พระพายจ้องมองโพสต์อิตที่คนพี่เขียนแปะบนมือของกัน ปกติพระพายต้องหน้าแดงและตีอกชกหัวอยู่นานที่เขินกับอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ แต่พระพายยอมรับอย่างเต็มอกว่าดีใจที่ได้เห็น
‘ติดจองไว้ก่อนนะ คนน่ารักของพี่เพชร’
ชีวิตเด็กปีหนึ่งกับการสอบที่ทำให้สภาพนั้นหัวฟูไม่ต่างกันได้ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพระพายต้องได้อยู่สอบวันสุดท้าย ทั้งๆที่รุ่นพี่ในคณะคนอื่นได้กลับกันไปเกือบหมดแล้ว แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี สอบติดๆกันทุกวันแบบนั้นอาจจะตายได้ ใครจะไปอ่านทัน และเพราะมีเวลาอ่านพอตัวก็เลยไม่งอแงกับเพื่อนว่าทำไม่ได้เท่าไหร่ เพราะพระพายตั้งใจไว้ว่าอยากได้เกียรตินิยมให้ได้ ก็เลยค่อนข้างจะเข้มงวดกับตัวเอง
“ทำทันไหม” ทัตหันไปถามพริมพราว
“ได้ทำ” และทั้งสองก็หัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า ภาษาศาสตร์ได้ฆ่านักศึกษาอย่างเลือดเย็นทั้งเป็น พระพายได้แต่ส่ายหัวให้กับเพื่อนๆที่พากันสติเลื่อนลอย เราสองคนมุ่งหน้าจะไปยังโรงอาหาร ทว่าทัตขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ทิ้งไว้แค่พริมพราวและพระพายให้ยืนรออยู่หน้าลิฟท์
“เดี๋ยวพริมพราวกลับบ้านเลยไหม”
“ว่าจะกลับพรุ่งนี้นะ วันนี้ขอนอนไว้อาลัยก่อน พระพายล่ะ”
“ว่าจะกลับเลย เออหรือว่าเราไปกินอะไรอร่อยๆกันดี พายขับรถไปหลังมอกันไหม”
“อืมดีเลย อา…..พี่คนนั้นนี่” พริมพราวที่ดูจะยังเลือนลอยไปมานั้นอยู่ๆก็พูดขึ้น พระพายหันไปมองตามสายตาของเธอก็ได้เห็นกับกลุ่มเด็กปีสองที่เดินลงบันไดกันลงมา พวกเขาจ้องมองพระพายและพริมพราวอยู่ชั่วครู่แต่ก็หลบตาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“มีอะไรเหรอ”
“พี่รหัสพระพายอยู่ในกลุ่มนั้นอ่ะ” จะว่าไปพระพายก็ไม่เคยเจอกันตรงๆเพราะแสร้งหลอกตัวเองว่าคงไม่มี ทั้งๆที่รู้ดีว่าเธอคนนั้นมีตัวตนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพี่ผู้หญิงที่เป็นพี่รหัสของพระพายนั้นจะเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกับพิตช์ ดังนั้นพระพายจึงไม่เคยคาดหวังว่าจะเจอและคิดว่าไม่เจอดีกว่า พอนึกได้ถึงเรื่องนี้ก็ขอบคุณพี่เพชรจริงๆที่ส่งมอบคนดีๆมาให้กัน
ทัตออกมาสมทบกับพวกเรา และเพราะลิฟท์ของคณะไม่จอดที่ชั้นนี้ พวกเราจึงต้องลงบันไดกันเอาเอง พระพายต้องคอยระวังไม่ให้เพื่อนที่ไม่ได้นอนมาทั้งสองกลิ้งหลุนๆตกบันได จะว่าไปทัตก็เข้าห้องน้ำนานจนพวกเรานึกกลัวว่าจะไปหลับในห้องน้ำ โชคยังดีที่ออกมาเสียก่อนไม่งั้นพระพายคงต้องลำบากเป็นแน่ หยอกล้อแซวกันระหว่างทางเดินไปที่รถโดยไม่มองทางข้างหน้าให้ดี และมันก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งตัดหน้าเรา
“…”
“สวัสดีครับน้องพระพาย”
“…”
“ไม่ใช่ลูกคนใช้แล้วหยิ่งเหรอครับ”
“อย่ายืนขวางทางครับ มีรถเข้าออก” พระพายไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่แจ้งความต้องการของตนออกไป
“โกหกไม่ดีนะพระพาย คุณวุฒิไม่เคยมีลูก พนักงานในบริษัทเขาก็รู้กัน” หรือต้องให้พระพายไปขอให้คุณวุฒิมาบอกพิตช์กับตัวเองถึงจะเชื่อ พระพายไม่เคยอยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่อยากดึงใครมาเกี่ยวข้อง แต่ทำไมคนอื่นจ้องจะวุ่นวายกันนัก และตรงนี้มันเปลี่ยวเสียด้วย แม้ว่าพระพายจะมีกันมาสามคน แต่อีกฝ่ายมาห้า แถมเหมือนจะไม่ใช่นักศึกษาที่นี่เสียด้วย
“เฮ้ยๆมึง น้องเขาก็น่ารักนี่หว่า มาตกลงธุระกันดีๆเถอะ เนาะ” ใครสักคนในกลุ่มนั้นพูดออกมา ทว่าหน้าตาไม่ได้ดูเหมือนจะมาดี อย่างไรก็ตามสายตาแบบนั้นที่ใช้มองพระพาย ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่อเพชรพิสุทธิ์มองมา พระพายกลับมองว่ามันน่ารังเกียจทั้งหมด ไม่ได้เหมารวม แต่เลือกที่ดีที่สุดเท่านั้น!
“มึงคิดว่าคนที่เกี่ยวข้องกับไอ้หน้าตัวเมียนั่นมันน่าเอาเหรอวะ อย่างนี้มีถมเถแถวสนามหลวง วันหลังกูขับพามึงไปเลือกได้เว้ย” คำพูดของผู้เข้ามาขวางทางกันนั้นดูเหมือนจะไม่ประสงค์แค่ขวางเฉยๆ แต่อย่างนี้มันเย้าแหย่กันชัดๆ พระพายไม่ได้จะโง่จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ทำอาชีพแมงดาแถวนั้นเหรอครับ ดูรู้ดีนะเนี่ยว่าหน้าแบบไหนขายแถวสนามหลวงด้วย” พระพายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเอาที่ไหนมาพูด แต่ถ้าให้เดามันคงมาจากสายเลือด พระพายที่สุภาพนั้นคงมีเชื้อมาจากฝั่งชวนันท์จริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเชื้อแม่จะทิ้งขว้างไปตอนก่อนคลอด
“มึงจะเล่นกับกูจริงๆใช่ไหม”
“ไม่อยากยุ่งด้วยครับ พ่อแม่สั่งสอนให้มาเรียน ไม่ให้ยุ่งกับคนไม่ดี” พระพายตอบหน้านิ่ง ทั้งๆที่จริงๆก็กลัวไปหมด แต่พี่เจนเคยพูดว่าโดนซ้อมสักผัวะ แล้วเอาคืนให้ถึงตายไปเลยก็คุ้มดี ว่าแต่นี่มันจะคุ้มจริงๆไหมนะเหรอ เออ…อาจจะไม่คุ้ม
เพราะตรงนี้มีทัตและพริมพราวอยู่ด้วย!
“อย่าเข้ามาจะดีกว่าครับ”
“มึงคิดว่าห้ามกูได้เหรอ มึงเป็นใคร พ่อกูใหญ่แค่ไหนแถวนี้มึงรู้ไหม”
“ไม่รู้ครับ แต่รถพระพายมีกล้อง” พระพายชี้ หลีกเลี่ยงความรุนแรงไว้ก่อนน่าจะดีกว่า เพื่อนสองคนที่เงียบอยู่ ป่านนี้ไม่รู้ว่ากลัวกันไปถึงไหน
“……กูไม่ได้พูดเหรอว่าพ่อกูเป็นใคร”
“และรถเป็นทรัพย์สินของรัตนสกุล ถ้าอยากลองก็ได้ครับ”พ่อเป็นใครพระพายไม่สน แต่รถเป็นของคุณรบพระพายรู้แค่นี้
“คราวนี้มึงจะอ้างอะไรอีก เป็นเมียเก็บหรือเป็นลูกของพวกรัตนสกุลงั้นเหรอ”
“เป็นลูกของลูกจ้างของรัตนสกุลครับ แต่เขาให้รถมาใช้”
ทว่าในส่วนที่ไม่เคยพูดออกจากปากตนเองออกไป….
“แต่พ่อชื่อวุฒิชัย ชวนันท์น่ะเรื่องจริง” พระพายได้หันไปบอกกับพิตช์ที่เป็นคนสร้างความเชื่อให้คนอื่นมาตลอดว่าพระพายเป็นชวนันท์คนหนึ่ง ในวันนี้พระพายได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าตนนั่นใช่ แต่อีกฝ่ายจะเชื่อกันจริงๆหรือเปล่าล่ะ
“กะ…คิดว่าจะมีใครเชื่อ หะ!” เพราะมันเป็นเรื่องโกหกมาตลอดทั้งๆที่มันออกจากปากตัวเอง ทว่าพิตช์ที่แผ่ข่าวลือแปลกๆออกไปย่อมรู้ดีว่าพระพายนั้นนิ่งมาตลอดไม่เคยอธิบายหรือแก้ไขความเข้าใจ ดังนั้นคำพูดของเพื่อนร่วมชั้นปีคนนี้จึงมีน้ำหนักรุนแรงอยู่พอตัว ก่อให้เกิดความสั่นไหวในความเชื่อที่ตนมี ทั้งๆที่ก็กลับไปเช็คมาแล้วกับผู้จัดการแผนกจัดซื้อของบริษัทย่อยของชวนันท์
แต่….คนพวกนั้นไม่ใช่คนใกล้ชิดจริงๆ
“จะทำอะไรก็คิดดีๆ” พระพายนั้นฝากไว้อย่างนั้น แววตาที่แข็งกร้าวของพระพายประกาศชัดว่าไม่เกรงกลัวอะไร ทั้งนี้พระพายไม่เคยเริ่มก่อนและไม่เคยคิดจะเริ่ม แต่ถ้าต้องสู้ก็ไม่มีทางที่จะยกธงขาวก่อน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือกลับไปคิดถึงผลลัพท์ให้ดีๆ เพราะถ้าดึงทั้งรัตนสกุลและชวนันท์เข้ามา
คนที่ลำบากอาจจะไม่ใช่แค่ตนเองแล้ว….
“ทอง!” ทว่ายังไม่ทันที่ใครจะได้ทำอะไรรุนแรง เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาก็เรียกความสนใจไปได้หมด ร่างสูงของมนุษย์ที่กำลังเต็มไปด้วยความขึงเครียดโกรธแค้นนั้นพุ่งตรงเข้ามา แววตาของเพชรพิสุทธิ์ดูน่ากลัวเกินกว่าที่ทุกคนซึ่งรู้จักเขาจะคาดหมาย นี่อาจจะไม่ใช่ตัวตนแบบที่ใครรู้จักจริงๆ
และนี่อาจจะเป็นตัวตนที่เขาก็ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนเช่นกัน…..
Talk: มาถึงตรงนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าดราม่าหวยออกที่ใคร ใช่ค่ะ พระเอกของเรามีที่มาไม่ทัมดา ชาติกำเนิดของพระพายนี่เป็นดราม่าในทุ่งลาเวนเดอร์อย่างแท้จริง เพราะพระเอกออร่าตัวร้ายแบบโปกๆของเรามีเรื่องราวอันซับซ้อนรอวันเฉลยอยู่ เตรียมนับถอยหลังตอนจบได้เลยค่ะ อีกไม่นานเกินรอ ส่วนใครใคร่หาหวยสำหรับวันพรุ่งนี้ รอมิอาจจะรับประกันเลขให้ท่านได้555 ขอให้อ่านตอนนี้และทำใจให้สบาย บางทีหลับตาอยู่เลขอาจจะขึ้นมาในมโนจิตก็เป็นได้นะคะ5555
ขอให้ทุกคนโชคดีในวันที่ 1 ค่ะ
#เพชรพระพาย #เจนไม่นก