ปี้ยบกับน้องเจง
ใครๆล้วนก็ต้องเคยเกิดเป็นเด็ก
“ด้า!” เหมือนน้องวินที่กำลังยกมือแกว่งเจ้าตุ๊กตายีราฟในมือไปมา ใครๆก็ต้องเคยเป็นเด็กใช่ไหม และเด็กแบบน้องวินอาจจะโตมาเหมือนพ่อของเขามากกว่าที่เราคิดก็ได้ เพราะแค่นี้ก็ได้เค้าหน้าที่คล้ายกันจนน่าใจหายแล้ว เมื่อมองสลับกัน ต้องพูดออกมาเลยว่าดีเอ็นเออยู่บนหน้าจริงๆ
“มีอะไรครับ” คุณรบที่อ่านหนังสืออยู่บนเบาะของลูกโดยมีผ้าห่มลายการ์ตูนของน้องวินบนตักทำให้เจนต้องยิ้มออกมา พอผมฟูเหมือนกันก็ยิ่งเหมือน สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
“แค่มองว่าวันนี้แฟนเจนไม่หล่อเลย” เจนค่อยๆคลานไปหาและจัดแต่งส่งผมของคนที่เพิ่งตื่นนอนให้เรียบร้อย อย่างแรกของวันที่ทำของเรานั้นคือการตื่นมาเล่นกับลูก ช่างให้ความรู้สึกที่อบอุ่นจริงๆ
“เจง เจ!” น้องวินเรียก ตอนนี้น้องเดินเริ่มคล่องแล้วเลยลุกเดินมาหา ก่อนจะมาโถมตัวเข้าใส่อย่างที่ไม่กลัวเจนหงายหลัง
“โอ้ยยยย เจ้าลูกกบ จะไม่ให้พี่เจนแตะต้องพ่อเราเลยเหรอเนี่ย” หวงมาก หวงจริงๆ ไหนฟัดแก้มหน่อย ทำไมเป็นเด็กขี้หวงแบบนี้
“คิก อ๋า… เจ ปา ปา” หลังจากฟัดจนพอใจก็ซุกพุงนุ่ม สูดดมกลิ่นหอมของนมและแป้งเด็กที่เป็นเอกลักษณ์ของเด็กในวัยนี้ เจนไม่อยากจะคิดเลยว่าตนก็คงจะมีช่วงเวลาที่มีกลิ่นเหล่านี้ติดตัวเหมือนกัน และตนก็จำอะไรไม่ได้ แม้แต่เรื่องที่ว่าครั้งหนึ่งเจนกับคุณรบเคยเจอกันมาก่อน มันก็ไม่มีหลงเหลือในความทรงจำ ผละออกจากพุงน้อง ก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดไว้ และพิงร่างกับไหล่ของคนพ่อที่ทำตัวสบายๆในวันพักผ่อน นักรบมองคนทั้งสองอย่างฉงนใจเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า จอมขี้เกียจเอ้ย!
“พี่รบ”
“ครับ”
“พี่รบจำเจนตอนเด็กๆได้ไหมอ่ะ”
“นึกอะไรอยู่ครับเนี่ย”
“ก็เจนจำพี่รบไม่ได้”
“จะเอาที่ไหนมาจำล่ะคนเรา ตอนนั้นเจนยังพูดไม่ชัดเลยมั้ง”
“นั่นนะสิ แต่เจนสงสัยไง”
“สงสัยอะไรครับ”
“สงสัยว่าพี่รบจำเจนได้หรือเปล่า”
“…”
“ว่าแต่จำได้ไหม”
“ถ้าบอกว่าจำไม่ได้จะโกรธไหม”
“ก็….ไม่มีสิทธิ์โกรธหรอกเนาะ” เจนมองหน้าเขาอย่างไม่คิดอะไร มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะน้อยใจเพราะต่างก็เด็กทั้งคู่ อีกอย่างคุณนักรบที่เจนรู้จักมา ก็ไม่ใช่คนที่ถนัดการจดจำเรื่องของใครเท่าไหร่ กับเด็กคนหนึ่งก็คงไม่ได้สำคัญอะไรที่เขาจะต้องมาจดจำ คุณรบเป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่รู้จัก และตอนนี้เจนก็เพิ่งได้ก้าวเข้ามาเป็นคนสำคัญของเขา เพราะฉะนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ที่จะต้องจดจำต่างหากล่ะที่สำคัญ
นักรบมองคนรักที่ถามคำถามนั้นและได้รับคำตอบที่ดูไม่เหมือนในเทพนิยาย เขาขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งไปซ้อนหลังของอีกคนที่กำลังอุ้มลูกเขาอยู่ ก่อนจะก้มลงหอมหัวของคนที่ถามคำถามกันแบบนั้น มันก็ไม่ใช่เขาจำไม่ได้หรอก ซึ่งปกติเขาก็ไม่ได้ชอบจำอะไรพวกนั้นนัก แต่เจนคงเป็นข้อยกเว้นอยู่บ้าง เพราะในความทรงจำของเด็ก 8 ขวบ มันมีเจนอยู่ในนั้นจริงๆ จากวันนั้นที่เรามานั่งดูรูปสมัยเด็กๆกัน มันเลือนลางแต่มีอยู่ และเมื่อเจนเข้ามาเพิ่มระดับความสำคัญ มันก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กนกฮูกตาขวางๆขี้อ้อนในวันนั้น
จะกลายมาเป็นหวานใจของเขาในวันนี้….
.
.
.
“ไหว้คุณหญิงก่อนสิลูก ธุจ้าสิจ้ะ” คุณอำไพที่เพิ่งไปรับเจนมาจากอ้อมอกของน้องสาวได้บอกกับลูกชายตัวน้อยของเธอเช่นนั้น เพราะน้องมีธุระที่กรุงเทพเลยถือโอกาสพาหลานและลูกเข้ามาหา และเธอก็ได้ร้องขอให้เจนมาอยู่ที่นี่ด้วยระหว่างที่เธอไปทำธุระ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กที่หน้าหวานอย่างกับเด็กผู้หญิงก็นั่งกับพื้นงกๆเงิ่นๆ ยกมือธุจ้าอย่างงงๆให้คนนั้นทีคนนี้ที เจ้าลูกนกดูน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ใหญ่ในบ้านทันทีที่ได้พบเห็น
“นี่น้องเจนลูกของอำไพเหรอเนี่ย น่ารักจังเลย” คุณหญิงเธอชอบเด็กตัวเล็กๆ ไม่แปลกเลยที่จะให้ความเอ็นดูจอมดื้อตัวน้อย
“บอกคุณหญิงท่านไปสิลูก หนูชื่ออะไร” อำไพบอกลูก และเจนก็ยังคงงงๆอยู่
“หนูชื่อเจง” เจ้าตัวเล็กพูดด้วยเสียงเบา ยังตื่นคนอยู่ บ้านหลังนี้ดูใหญ่และสะอาดสะอ้านจนทำตัวไม่ถูก ขนาดแม่อยู่ด้วยตรงนี้ก็ยังประหม่า คุณอำไพส่ายหน้าให้กับความพูดไม่ชัดของเด็กน้อย
“ไหนมาหาฉันหน่อยสิ เข้ามาๆ” เธอกวักมือเรียก แล้วจอมดื้อก็เดินเข้าไปหาแต่โดยดี คุณผู้หญิงผู้ใจดียกเจ้าตัวเล็กขึ้นไปนั่งบนตัก เจนตัวเล็กมากจริงๆ มากกว่านักรบตอนที่อายุเท่ากันด้วยซ้ำ
“หนูตัวไม่หนักนะจ้ะ” เพราะถูกล้อแซวบ่อยๆเวลาที่ขอให้ยายอุ้ม เจนจึงหันไปบอกคุณหญิงแต่เนิ่นๆไว้ก่อน เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ตรงนั้นกับความซื่อหมดจดของเจ้าลูกนกตัวเบานี่
“เทียบกับนักรบของฉัน เจนไม่หนักเลยลูก มาพอดีเลยนักรบ มาหาแม่หน่อย” ตอบรับเจ้าตัวเล็ก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นเจ้าตัวใหญ่ของเธอ คุณพรรณีก็จัดการกวักมือเรียกลูกชายที่เพิ่งทำการบ้านเสร็จ นักรบเดินมาหาแม่อย่างว่าง่าย ตาไม่หยุดมองจ้องเด็กที่แม่ของเขาโอบกอดไว้อยู่
“ครับ คุณแม่”
“นี่ลูกของแม่ไพไงจ้ะ” คุณหญิงพรรณีแนะนำให้เสร็จสรรพ เด็กชายนักรบจ้องมองใบหน้าของคนน้องด้วยสายตานิ่งเรียบ เขาเพียงพยักหน้ารับทราบไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ทำให้บุคคลซื่อใสยิ่งไม่เข้าใจ
“หนูชื่อเจง”
“ครับ” ชื่อ….เจง??
“ปี้จ๋าชื่ออะไย” เจ้าตัวเล็กเอียงคอน้อยๆ อยากจะเห็นหน้าพี่ชายคนนี้ให้ชัดขึ้นอีกหน่อย เขาใส่แว่นด้วย เจงก็อยากใส่แว่น จะได้เท่ๆเหมือนกัน
“ชื่อนักรบ”
“ยักยบ”
“นักรบ”
“ยัก….ง่า…หนูจำไม่เก่ง” สองพยางค์นี่มันยาวเกินไปสำหรับเด็กเล็กหรือนี่ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะตัดรำคาญ
“เรียกว่าพี่รบ”
“ปี้ยบ”
“พี่รบ”
“ปี้ยบได้ไหม” เจ้าตัวเล็กย่นคิ้วทำปากจู๋ คำว่าพี่รบมันเรียกยากไป เกิดเป็นลูกนกลิ้นไก่สั้นแต่ติดจะพูดมากเลยมาขอต่อรอง ตอนนั้นเจ้าของตักกลั้นขำจนไหล่สั่นไปหมดแล้ว นักรบจ้องมองแม่ของตนอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ สำหรับเขามันไม่มีอะไรตลกเลย เอาจริงๆเขาไม่อยากให้เรียกอะไร และมาสนใจกันด้วยซ้ำ ช่างเป็นเด็กที่ไม่เป็นมิตรต่อเด็กที่อายุน้อยกว่า สตรี หรือคนชราสักนิด
“อยากเรียกอะไรก็เรียกๆไปเถอะ” เขาจะถือว่านั่นไม่ใช่ชื่อเขาจริงๆล่ะกัน ทะเลาะกับเด็กไปก็ไม่ได้ความอะไร คิดได้ดังนั้นเลยคิดว่าจะออกไปหาอะไรกินและอ่านหนังสือต่อสักหน่อย
“ปี้ยบๆปายหนาย”
“………….”
“คุงป้าคงฉวย ปี้ยบปายหนาย” พอเห็นคนพี่ไม่ตอบก็เลยเงยหน้าไปถามเจ้าของตัก
“เจน” แม่เรียก เจ้าเด็กนี่มันชักจะปีนเกลียวเกินไปแล้ว แต่คุณพรรณีห้ามไว้ ให้เรียก ‘พี่รบ’ ดีๆ ยังออกมาเป็น ‘ปี้ยบ’ แล้วกับคำว่าคุณหญิงหรือคุณท่าน เจ้าลูกนกนี่จะเรียกออกมาได้ไง เธอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ถ้ามีเจ้าตัวเล็กน่ารักแบบนี้วิ่งรอบบ้านก็คงจะดี แต่อำไพได้เลือกที่จะให้ลูกอยู่ไกลเพราะกลัวจะรบกวนคุณรบนั่นแหละ เธอรับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ดี แต่อาจจะขาดไปบ้างในฐานะแม่จริงๆ
“ไปกับพี่เขาสิลูก ตารบพาน้องไปเล่นในสวนสิจ้ะ อำไพจ้ะ เอาขนมกับน้ำหวานไปให้เด็กๆหน่อยสิ” และเพราะประกาศิตของแม่ คนพี่เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพาเจ้าตัวเล็กลูกพี่เลี้ยงของเขามาด้วย เจ้าเด็กเจงเดินเตาะแตะตามกันมาหน้าระรื่น ขัดกับท่าทางยินดีของลูกชายเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก
นักรบเป็นลูกคนเดียว รอบตัวเขาไม่มีเด็กในวัยเดียวกันอยู่รอบตัวและก็ใช้ชีวิตอย่างเคร่งครัดไปกับการศึกษา เขาอาจจะได้เล่นเกมหรือเพลิดเพลินอยู่บ้าง แต่นั่นก็มักจะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวหรือเล่นกับผู้ใหญ่ได้ มนุษย์นกเด็กนี่จึงเป็นเด็กเล็กๆคนแรกในชีวิตของเขา น้องไม่ได้ดูบอบบางให้ต้องทะนุถนอม และเขาก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะประคบประหงมแต่อย่างใด
“นี่นะ นี่นะ เจงจะได้ไปดูฮิปโปโปด้วย พี่รบไปกับเจงไหม”
“ไม่ไป” เพราะมีเรียนเปียโนและภาษาจีน
“มียีราฟคอย๊าวยาวด้วยนะ
“………..” คนพี่ชักสงสัย….ว่าที่น้องมันว่ามา คือคำถามหรือแค่ประโยคบอกเล่าเพราะมันไม่ฟังอะไรเลย
“แล้วมีช้างตัวหย่ายๆ” รำคาญมีความหมายอย่างไร วันนี้เพิ่งได้เข้าใจ
นักรบเร่งฝีเท้า เขาอยากจะเดินหนีเจ้าเด็กที่เอาแต่พูดเป็นต่อยหอยจะตายอยู่แล้ว อยู่บ้านไม่มีคนคุยด้วยเหรอถึงพูดไม่หยุดแบบนั้น แล้วนี่ไม่รู้จักกาละเทศะเลยหรือไง ถึงได้ทำตัววุ่นวายใส่คนที่เพิ่งรู้จักแบบนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอว่ามาบ้านคนอื่นให้ทำตัวดีๆ น่ารำคาญจริงๆ วันนี้เขาสัมผัสคำว่าน่ารำคาญเยอะมากเป็นพิเศษจริงๆ
“ปี้ยบอย่าวิ่ง เดี๋ยวหกโล้ม อ๊ะ!” นั่นไงคนเรา….บอกห้ามไม่ให้คนอื่นวิ่งหนี
แล้วจะวิ่งตามทำไม!
“…………” เขาหยุดเพื่อหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่ล้มลงไปกับพื้นหลังจากวิ่งตามกัน ยังไม่ทันขาดคำของเจ้าตัวเลยเห็นไหม เห็นแล้วมันน่ารำคาญจริงๆ แต่ถ้าปล่อยไว้เขาก็อาจจะถูกแม่ดุได้ และอีกอย่าง….ก็ไม่รู้แม่ไพจะว่ายังไงด้วยที่ให้ลูกมากับเขาแล้วเจ้าตัวก็มาล้มได้แผลแบบนี้ ก็ใครใช้ให้ปล่อยมากัน…..เขามันไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรเลย….
และเป็นคนที่ไม่อยากวุ่นวายกับเด็กโง่เง่าขี้แยด้วย….
“…………..” เขาเดินไปหยุดนิ่งอยู่ข้างหน้า จ้องมองเจ้าตัวเล็กที่ก้มมองเข่าของตัวเอง ไหล่เล็กสั่นสะท้าน
แต่ไม่ยักจะมีเสียงร้องสักแอะ….
“เจงไม่ย้อง”
“………….”
“ฮึบ เจงจะ…ฮึก….ไม่ย้อง” แต่เจงเจ็บ เขาส่ายหน้าให้ความย้อนแย้งดังกล่าวของคนที่บอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้อง ทั้งๆที่อยากจะร้องไห้จะแย่อยู่แล้ว เจงยังเอาแต่กลั้นสะอื้น มันยิ่งน่าหงุดหงิดกว่าเดิมหลายเท่า แต่ทำไมต้องแคร์ด้วย มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลย
“เจ็บมากไหม” เขาถามเสียงเรียบ นักรบไม่ใช่เด็กที่อ่อนโยน เขาดูนิ่งเกินไปเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่นั่นมันก็แค่ภายนอกเท่านั้น จะอย่างไรเขาก็เป็นแค่เด็กปากแข็ง จริงๆเห็นแล้วก็รู้สึกผิด และรู้สึกห่วง แต่ไม่อยากยอมรับว่าตนคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกของพี่เลี้ยงที่รักต้องเจ็บตัว เขานึกภาพออกว่าเมื่อแม่ไพเห็นก็คงจะยิ้มให้เขาเหมือนเดิม แต่ก็อาจจะน้อยใจว่าลูกของเธอไปทำให้ลูกเจ้านายไม่พอใจ เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจแม่ไพที่เลี้ยงกันมา จึงรู้สึกผิดและหงุดหงิดกับมันมากพอตัว
“ฮึก ไม่เจบ”
“เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ”
“ไม่เจบ ถ้าเจบ เจงก็ต้องร้องห้ายแงๆ” แล้วที่เป็นอยู่ไม่ได้ร้องไห้แงๆอยู่เหรอ เงยหน้ามาเถียงกันหน้าดำหน้าแดงทั้งที่น้ำตาคลอแบบนั้น
มีใครเคยสอนเด็กนี่ไหมหนอว่าเป็นเด็กไม่ควรโกหกผู้ใหญ่ (?)
“ถ้าเจงร้องห้าย แม่จ๋าก็จะไม่กลับบ้านเราอีก”
“………….”
“แม่จ๋าบอกร้องห้ายไม่น่ายัก แม่จ๋าบอกเจงสู้ๆ” ในความเป็นจริงแม่ของเจ้าลูกนกคงบอกกันว่าอยากให้เข้มแข็งไว้ ทุกครั้งที่อำไพจะกลับมาทำงานที่บ้านรัตนสกุล เธอมักจะต้องจากลาลูก ด้วยความเป็นแม่ หากลูกอ้อนก็คงยากที่จะทานทน ดังนั้นเธอจึงบอกให้เจนเข้มแข็งเอาไว้ อย่างน้อยก็เพื่อเจนเองที่ต้องพบเจอการจากลาอย่างนี้ในทุกวันหยุดเทศกาล และเพื่อตัวเธอเองที่จะไม่ต้องเห็นน้ำตาของลูกให้เจ็บช้ำใจ แต่อย่างนี้มันเป็นผลดีกับใครกัน
เป็นผลดีกับเด็กชาย นักรบ รัตนสกุลไง….
“อย่าเอามือมาลูบหน้า” เขาร้องบอกหลังจากที่เจงสะกดน้ำตาตัวเองได้แล้ว อาการเจ็บยังมีอยู่ แต่เห็นว่าพี่รบไม่ไปไหนมันทำให้สบายใจมากกว่า
“เจงคันแก้ม”
“มือเลอะ” ก็เมื่อกี๊เพิ่งล้มไม่ใช่หรือไง
“มันยุบยิบ” ใบหน้าน่ารักแสดงออกว่าขัดใจ แต่ถึงอย่างไรเด็กรักสะอาดอย่างเขาก็ไม่อาจจะยอมรับได้จริงๆ
แต่จะไปว่าน้องว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนไม่ได้….
“เกาแก้มให้เจงหน่อย”
“……..”
“งือออออ” ก็ได้ ก็ได้….เอางั้นก็ได้
“พอใจหรือยัง” เขาถาม ใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มน้องตามที่เจ้าตัวร้องขอ เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสแก้มเด็กคนอื่นเป็นครั้งแรก และค้นพบว่าแก้มของเด็กเล็กมันนุ่มนิ่มดีจัง โดยเฉพาะเด็กที่แก้มเยอะเป็นพิเศษแบบเจ้าลูกนกตัวนี้
เขาอุ้มจอมแสบไปทำแผล ต้องเรียกว่าอุ้มเลย แม้นักรบจะไม่ใช่เด็กตัวใหญ่ แต่แค่ยกตัวเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอุ้มเข้าไปในบ้านเขาก็พอทำได้แม้จะตะกุกตะกักเสียหน่อย เขาวางน้องกับพื้นห้องน้ำ ล้างขาแข้งให้ก่อนจะจูงเดินไปนั่งในห้องอ่านหนังสือใกล้ๆ นักรบเดินไปหยิบกล่องยาที่จำได้ว่าแม่ไพเก็บไว้แถวนี้มา หยิบขวดนั้นจับขวดนี้มาพิจารณาแต่ว่าก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าควรทำยังไงเรื่องนี้มันยากไปสำหรับเด็กจริงๆ….เขาเพิ่งเห็นความไร้ประโยชน์ของตัวเองในวันนี้
“คุณรบทำอะไรอยู่เหรอคะ” อำไพที่เดินไปหาที่สวนเพื่อเอาขนมไปให้แต่ไม่เจอนั้นตามหาทั่วบ้าน เห็นประตูห้องหนังสือที่เป็นห้องโปรดของคุณหนูเปิดทิ้งไว้ เธอจึงเดินเข้ามา นักรบสะดุ้งน้อยๆหันมามองกันด้วยความตกใจ
“แม่จ๋า….” เจนเรียกแม่เสียงละห้อย น้ำตาในตาเหมือนจะไหลกลับมา ที่สะกดจิตไม่ให้ร้องแม่จะได้ไม่โกรธนั้นไร้ค่าเหลือเกิน
“ไหนบอกจะไม่ร้องไง” เขาถาม ไม่รู้ว่าตนเองอ่อนโยนขนาดนี้ได้ยังไง แต่เขาเห็นความพยายามที่ไร้ค่านั้นดูน่าเอ็นดูขึ้นมา อย่างที่บอกว่าเขาอาจจะรู้สึกผิดจริงๆ และเพราะเขายึดแม่ไพมาจากเจ้าตัวน้อยนี่ไม่ใข่เหรอ มันถึงได้มีตรรกะเรื่องการร้องไห้แปลกๆแบบนั้น
“เป็นอะไรไปลูก” อำไพเดินมาหาลูกชาย เธอเห็นกล่องยา และเมื่อสำรวจดีๆก็เห็นแผลถลอกที่หัวเข่าของเจ้าลูกนก
“เจง….เจง….”
“ผมเดินเร็วไปครับ น้องตามไม่ทันเลยล้ม”
“แล้วเดินเร็วทำไมเล่า เราเนี่ย” อำไพหันไปดุลูกชาย แม้เจนจะยังเล็กแต่ก็ไม่ได้หมายความจะตักเตือนไม่ได้
“ฮึก…เจง เจง” แต่น้องจะเข้าใจรึเปล่ามันก็อีกเรื่อง เขามองเจ้าลูกนกที่ทั้งเจ็บทั้งกลัวแม่โกรธอย่างสงสาร ก่อนจะพูดออกมา
“อย่าว่าน้องเลยครับ ผมผิดเอง”
“คะ?”
“ผมวิ่งหนีน้อง น้องเลยวิ่งตามครับ” และก็อย่างที่เห็น จะเอาอะไรกับการให้เด็กน้อยวิ่ง
“ลูกของแม่ไพ ทำให้อึดอัดหรือเปล่าคะ” อำไพหน้าเสีย และนั่นทำให้นักรบยิ่งเสียใจ
“ผมแค่….ไม่ชิน” ในตอนนี้นักรบเองก็รู้สึกว่ามันยากที่จะยอมรับความรู้สึก ใช่….เขาเคยไม่ชอบน้อง ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่ารู้สึกต่อน้องแบบไหน ที่แน่ๆ…..คือไม่ชอบตัวเองยิ่งกว่า….
“แม่จ๋า อย่าตีปี้ยบน้า”
“…………”
“เจง….เจง ไม่ดื้อ ไม่ดื้อ” เจนจะไม่ดื้อ เจ้าลูกนกคงอยากจะพูดแบบนี้ เธอสงสารลูกใจจะขาด เอ็นดูมากๆด้วย ส่วนคุณรบเธอก็ไม่โกรธ เพราะเด็กชายไม่ได้ตั้งใจ และเพราะเธอเลี้ยงมา….จึงรู้ว่ามันยากต่อคุณรบที่จะรับมือกับความเปราะบางแบบนี้ได้แค่ไหน
คุณรบเป็นผู้ใหญ่เกินตัวก็จริง แต่ดูเหมือนว่าต่อให้เขาจะโตขึ้นแค่ไหน เรื่องที่อยากที่สุดก็คือการฝากฝังให้ดูแลคนอื่น เพราะเขาไม่เคยต้องดูแลใครมาก่อนในชีวิต และเพราะเป็นลูกคนเดียวที่ไม่เคยรู้สึกขาดแคลน การได้มาเจอกับเด็กที่สดใสและร่าเริงจนเกินไปอย่างเจน มันก็คงยากจะรับมือ อำไพเข้าใจและน้อยใจไม่ลงเมื่อได้เห็นว่าคุณนักรบพยายามดีที่สุดแล้วที่จะแก้ไขตัวเอง ในตอนนี้เขาไม่มีมาดเด็กชายผู้หยิ่งยโสที่อยากจะเดินหนีเจ้าลูกนกอีกต่อไปแล้ว…..
ในที่สุดเธอก็ต้องใจอ่อนให้เด็กทั้งคู่และส่ายหน้าออกมา ยอมรับในคำแก้ตัวและความช่วยเหลือทุกอย่างก่อนจะบอกว่าไม่เป็นไร เธอทำแผลให้เจ้าลูกนกที่กลั้นน้ำตาจนสุดความสามารถ และทุกครั้งที่รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ร่างเล็กก็จะสะดุ้งโหยง และคนพี่ที่ไม่รู้ว่าอ่อนโยนขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จับมือน้องไว้ เอาทิชชู่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ช่วยเจนที่ไม่อยากร้องไห้ให้สบายใจขึ้นเพราะไม่มีน้ำตาหลงเหลือที่น้ำตา
“เปี้ยงๆ เจงไม่เจ็บ ไม่เจ็บ”
“ไม่เจ็บแล้วลูก” อำไพลูบหัวทุยนั่นเบาๆ เอ็นดูเจ้าลูกนกที่แสร้งทำเป็นเก่งและยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ เธอเอากล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลไปเก็บ ตั้งใจที่จะพาเจ้าตัวเล็กออกมาห่างๆคุณหนูเพราะไม่อยากให้คุณหนูรำคาญอีก ทั้งนี้เธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรคุณรบที่ไม่เอ็นดูลูกชายของเธอ เพียงแค่คิดว่าคงจะดีกว่าหากแยกออกจากกัน ทว่าเมื่อกลับมาก็ได้เห็นว่าคุณรบ….ได้อนุญาตให้เจ้าเจนไปนั่งข้างๆขณะที่กำลังเล่นเปียโนอยู่
เด็กคนหนึ่งกำลังบรรเลงเพลงตามที่เขาได้เรียนมา ส่วนเด็กอีกคนที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในชีวิตจริงมาก่อนก็ได้แต่ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องดนตรีชิ้นใหญ่ที่เรียกว่าเปียโน เจนไม่ดื้อไม่ซนแบบที่บอกไว้ เจ้าลูกนกไม่ได้แตะต้องของของคนพี่ที่มีราคาแพง ที่จะทำคือปรบมือเปาะแปะและจ้องมอง ‘ปี้ยบ’ ด้วยความอึ้งทึ่งและชื่นชมในความสามารถ
“ปี้ยบเก๊งเก่ง” คำชมของเด็กน้อยทำให้เขาส่ายหน้า ก็ยังคงเรียกกันว่าปี้ยบอยู่ดีสินะคนเรา
“ต้องฝึกถึงจะเก่ง”
“เจงเล่นไม่ได้ เจงโง่”
“ใครบอกกันว่าเราโง่ ไหนลองกดลงไปสิ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ก่อนจะจับมือน้องมากดทีละโน้ต เจ้าตัวน้อยเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
“คุงน้าบอกว่าเจงโง่ เจงก็โง่สิ”
“เจงไม่โง่หรอก” เขาส่ายหน้า ลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่มีความคิดอะไรผิดๆกับตัวเอง นักรบโตมากับคำชมมากมาย เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่ และไม่เคยคิดว่ามีใครสมควรกับคำนั้น โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กๆที่แค่พูดยังไม่ชัด
“ปี้ยบใจดี ยูบหัวเจง”
“แค่ลูบหัวก็ใจดีแล้วหรือไง” เขาบอกไว้ก่อนจะขยี้หัวทุยนั่นแรงๆอย่างมันเขี้ยว แต่น้องไม่ได้ทำหน้ายู่ไม่ชอบใจกับการกระทำนั้น เจ้าลูกนกทำได้แค่ยิ้มกว้างๆ ยิ้มโง่ๆแต่มันทำให้เวลาของเด็กชายที่โตกว่าเหมือนจะหยุดหมุนไปชั่วคราว เขาเพิ่งได้รู้ว่าคำว่าเด็กน่ารัก….มันคือเด็กแบบนี้….
เจ้าลูกนกถลามากอดเขาไว้ ใช้แก้มของตนเองลูบแขนของเขาอย่างถือวิสาสะ แต่เด็กก็ทำอะไรไปตามเด็ก และเจนที่เป็นเด็กขี้อ้อนก็ทำไปตามความต้องการของหัวใจโดยไร้ซึ่งเหตุผลแอบแฝง ใครดีมาก็ดีตอบ และปี้ยบของเจงก็ดีกับเจงมาก เขาอุ้มเจงมา พูดปกป้องเจงกับแม่ และยังพามาเล่นเปียโนนี่อีก ในชีวิตของเจงที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ปี ก็เพิ่งเคยเจอคนที่สุภาพและใจดีแบบเขานี่แหละ….ที่บ้านนอกไม่เห็นมีใครสักคนแบบพี่เขาเลย ทุกคนเดินหนีเจงเพราะเจงไม่มีพ่อไปหมด….เล่นกับยายก็ไม่สนุกเลย….ตัวจุ้นก็ยังเด็กไปเล่นแรงๆก็ไม่ได้….
นักรบที่ถูกออดอ้อนกะทันหันทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ใช่เด็กที่คุ้นชินกับการถูกทำแบบนี้ และรอบตัวก็ไม่เคยมีเด็กเล็กๆใกล้ๆมาก่อน ชั่ววูบเขาคิดว่าชอบสัมผัสนุ่มนิ่มแบบนี้จนนึกอยากมีน้อง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าน้องของตัวเองจะน่ารักได้เท่าเจ้าลูกนกนี่หรือเปล่า และเมื่อคิดได้ว่าแบบนี้คงหาทั่วไปไม่ได้ก็กอดตอบ อยากจะรับรู้ความรู้สึกที่หายากนี่ให้คุ้มค่าเหลือเกิน
เจนไม่ได้ดื้อซนแบบที่ใครคิด เจ้าเด็กน้อยตามคนพี่ในทุกสิ่งที่เขาทำ ทั้งเล่นเปียโน อ่านหนังสือ ดูการ์ตูน จนในที่สุดก็หลับไป ได้เวลาที่ต้องล่ำลากันแล้ว ในตอนนั้นเองนักรบกับน้องยังคงนอนอยู่ในห้องนั่งเล่นของที่บ้าน เขาไม่เคยนอนเวลานี้มาก่อน มันน่าแปลกที่วันนี้อะไรๆในชีวิตของเด็กชายนักรบต่างก็ไม่เหมือนเดิม แม่ของเจนเดินเข้ามา เธอค่อยๆอุ้มเจ้าตัวดีที่หลับใหลอยู่อย่างเงียบเฉียบด้วยกลัวจะตื่นมางอแง
อำไพจ้องมองคุณนักรบเพียงนิด ยิ้มพึงใจในความอ่อนโยนของเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงมากับจอมซนที่เธอไม่ได้เลี้ยงแต่ช่างน่ารักน่าชังน่าฟัด น่าเสียดายที่เด็กสองคนมีเวลาน้อยไปจริงๆ หากเจนอยู่กับเขานานกว่านี้ บางทีชีวิตของนักรบคงมีสีสันมากกว่านี้ ทว่าชะตาได้ลิขิตไว้แล้วว่าพวกเขาต้องมีความจำเป็นเพื่อแยกจากเพื่อเป็นคนอื่นของกันและกัน วันพรุ่งนี้ของเจงจะไม่มีปี้ยบ และปี้ยบ….ก็จะกลับมาเป็นคุณนักรบแบบที่เป็นเหมือนในทุกวัน และทุกวัน….โดยที่ไม่มีเจง….
เพื่อที่ว่าวันหนึ่งพวกเขาจะกลับมาพบกันโดยมีน้องวินเป็นริบบิ้นผูกสัมพันธ์
.
.
.
“………..” เขามองเจนในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกหลากหลาย ความทรงจำมากมายชัดเจนขึ้นแม้จะยังเลือนรางอยู่ เขาพอจะจำได้แล้วว่าได้เจอกับเจนอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นในหนึ่งวันอันแสนแปลกประหลาดของเขา น่าเสียดายที่ตื่นมาก็ไม่ได้ใส่ใจกับการหายไปของเจนนัก อาจจะเพราะวันเดียวมันไม่พอจะสร้างความผูกพันอะไร แต่บางทีเขาอาจจะเสียดายแต่จำไม่ได้ก็ได้….ที่เจ้าลูกนกบินหนีไปในตอนนั้น ลูกนกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่นักรบในทุกวัน
“แฟนพี่รบน่ารักมากไหมถึงได้เอาแต่มองแบบนั้น” เจนที่นั่งอยู่ที่หว่างขาของเขาพูดขึ้น ทั้งที่ไม่เห็นแต่ก็ยังจะคิดไปเองว่าเขามองอยู่ ขี้มโนนะเราอ่ะ แต่ใช่….เขามองอยู่จริงๆ
“ไม่น่ารักมั้ง” เขาตอบก่อนจะดันร่างเจนให้เอนไปอีกด้านทั้งๆที่ยังกอดน้องวินอยู่ จับแก้มของเจนมาบีบจนปากจู๋ก่อนจะจูบแรงๆด้วยความมันเขี้ยว เจนของเขาในวันนี้ ยังคงน่ามันเขี้ยวเหมือนน้องเจงในวันนั้น
“ปี้ยบ! เอ็บ!” เจ็บ!
“………..”
“เอาอือออกไอ!” เอามือออกไป! บีบมาได้นะคนเรา
“เรียกใหม่สิ”
“หืม”
“เรียกปี้ยบใหม่สิเรา”
“แล้วไม่ได้ชื่อรบหรือไง” เจนถาม ทั้งงงทั้งรำคาญ เจ้าลูกกบเอาของเล่นตีคนพ่อ งี่เง่าและยังวุ่นวายจริงๆ
“เรียกสิ”
“พี่รบ”
“ปี้ยบสิ” ก็ยังจะเอาให้ได้
“ปี้ยบ” เรียกก็ได้วะ แล้วเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พอใจก็ยิ้มกว้าง หอมแก้มเจนดังฟอดหลายฟอดจนต้องยู่หน้ารำคาญ
“น่ารักมากเจ้าลูกนก”
“เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ย” เจนถาม หรือว่าจะทำงานหนักไปจริงๆ แต่เจนไม่รู้อะไรเพราะตอนนั้นยังเด็กมาก นักรบอยากจะโอนถ่ายความทรงจำในหัวของเขาให้อีกฝ่ายจะแย่แต่ก็ต้องตัดใจ เขาจูบหน้าผากเนียนแผ่วเบา รู้สักรักและเอ็นดูคนรักมากขึ้นในวันนี้ เมื่อคิดดูแล้วเจนสร้างความประทับใจให้กับเขาได้เสมอ บางทีมันก็เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่วันวาน
และไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้เสมอไป….
“แต่ก่อนเจนเรียกตัวเองว่าเจงกับหนูแล้วเรียกพี่ว่าปี้ยบ”
“……..”
“ลิ้นไก่สั้นนะเรา มีมาต่อรองพี่ด้วยว่าเรียกพี่รบยากไป เรียกปี้ยบได้ไหม”
เจนเขิน ไม่อยากเชื่อเขาเพราะถ้าเป็นจริงนี่มันน่าอายมากๆ แต่ก็เด็กอะเนอะ น่ารักจะทำอะไรก็ไม่ผิด และเจนก็ไม่เคยผิดเพราะเจนน่ารัก และนักรบคงคิดเช่นนั้น เขาค่อยๆผละออกมาและจูบลงบนหัวเข่าของเจนที่เคยหกล้มยามวิ่งตามเจนมองการกระทำนั้นอย่างงุนงง เขาที่เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เอียงคอสงสัยก็ยิ้มให้
“โชคดีที่ไม่มีแผลเป็น ไม่งั้นคงต้องยกขั้นหมากไปสู่ขอกันแต่แรกเลย” นี่ก็พร่ำเพ้ออะไรไม่รู้ เจนงง แต่เจนไม่ได้โง่นะ
“ไม่มีแผลแล้วจะทำไม ไม่มาขอเหรอคนบ้า เอาลูกเขามานอนกกอย่างงี้แล้วไม่รับผิดชอบนะ”แล้วใครกันเอาลูกกบของชาวบ้านไปนอนกกเป็นแม่ไก่แบบนี้ เขาหรี่ตามอง อยากจะเคลมกลับใจจะขาด แต่ไม่ดีกว่า แม่ไก่อาจจะหยิกกลับจนเนื้อเขียว
“เดี๋ยวให้น้องวินพาพ่อยกขันหมากไปขอเลย เรียกร้องมากนักก็บอกมาว่าเอาสินสอดเท่าไหร่” เจนหรี่ตามองพ่อคนรวยที่คลานเข้ามาชิดก่อนจะกอดเจนที่กอดลูกเขาอยู่อีกครั้ง สินสอดเหรอเจนไม่เคยคิดเลย เอาเป็นทองหนักตามอายุของเจนดีไหม อื้ม…มันก็ดูจะน้อยไปหน่อย เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน ถ้าจะเรียกร้องขอให้กอดกันตลอดไปนี่จะเยอะไปไหม แต่ให้น้อยกว่านี้ไม่ยอมแน่ๆ เจ้าลูกนกจะไม่ยอมนกอีกแล้ว!
“เป็นปี้ยบของเจงตลอดไปละกันนะ” เจนพูดอย่างน่ารักก่อนจะเอียงซบกันอย่างออดอ้อน มันทำให้เขายิ้มออกมา และคิดได้ว่าพรหมลิขิตมันคงมีอยู่จริงๆและเขาไม่นึกเสียดายเวลาเลยที่เจ็บปวดมาเพื่อได้รับความสุขที่มากมายในวันนี้มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน
เพราะเขาได้เจงของปี้ยบคืนมาในอ้อมกอดจริงๆแล้ว….
Talk: ยังไม่ลืมเจนกันใช่ไหม ไม่ได้มานานแล้วเพราะเรามัวแต่นอน5555 นอนเก่งค่ะ อ่านนิยายก็เก่ง ดูหนังเก่ง แต่ทำงานไม่เก่งและแต่งนิยายไม่เก่งเบย ฮืออออออออออ555555 ยังมีคนรอตอนพิเศษของเจน เรื่องเต็มของน้องวิน และอาทิตย์ศศิอยู่ไหม อย่าเพิ่งลืมเรานะ เราก็จะพยายามไม่ลืมและขุดตัวเองมานั่งเขียนให้ได้เลยค่ะ
สำหรับที่คุงน้าที่เจนพูดถึง คือน้องยังเด็กเลยไม่ได้อธิบายชัดว่าน้าไหน จริงๆแล้วเจนพูดถึงน้าเขยที่ชอบใช้ความรุนแรงนะคะ น้องค่อนข้างจะซึมซับและมีอคติแบบที่เราเห็นในตอนโต ทั้งนี้มันเพราะเขาถูกทรีทมาตั้งแต่วัยเท่านี้เลย แต่เจนนี่เป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆโดนด่าว่าโง่น้องก็ยังมองงงๆ เอ๊ะหรือโง่จริงๆ จริงๆก็ไม่โง่หรอกค่ะแต่ยังเด็กก็ต้องใจเย็นกันหน่อยเนาะ โตมาก็ออกจะเก่งเนอะ เก่งแบบเอ๋อๆเด๋อๆไปหน่อย
ยังไงก็ยังขอฝากเรื่องนี้ไว้ต่อนะคะ ยังไม่จบเลยจริงๆแล้ว มีตอนพิเศษที่ต้องลงอีก และยังมีเรื่องเต็มของพ่อหนุ่มน้อยอีกเรื่องอีก ช่วยรอกันหน่อยนะคะ ขอเราไปเฆี่ยนอีกเรื่องก่อนน้าๆๆๆๆๆๆๆๆ