เพชรพระพาย
พระพาย ชวนันท์
พระพายก็ไม่คิดว่าตนจะได้ต้อนรับแขกที่ไม่เคยพบหน้าที่ใต้ตึกคณะในวันนี้ และตอนนี้กำลังนั่งงงมากๆเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กแฝดคู่นี้ เราเรียนอยู่ปีเดียวกัน คนละคณะ คนละวิทยาเขต อาจจะเดินสวนกันตอนรับน้องรวมหรือไม่ยังไงก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยด้วยมาก่อน แม้ว่าคนอื่น….บางคนจะคิดว่าเรารู้จักกันแล้วก็ตาม
คณะที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายพลันเงียบเหมือนป่าช้า เมื่อคนดังของมหาวิทยาลัยสองคนเดินเข้ามาและตรงมาที่โต๊ะนี้ พระพายว่าเคยพูดชัดเจนแล้วว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันมาก่อนนะ หรือว่าวันนี้ต้องพูดอีกครั้งให้ทั้งสองคนเข้าใจว่าไม่เคยอยากเกาะพวกเขาดัง แค่เรามีนามสกุลเหมือนกัน แต่เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
“พระพาย ชวนันท์ใช่ไหม”
“ครับ” พระพายตอบรับเสียงเบา หนึ่งในสองคนนั้นถามมา ใบหน้าติดจะเหย่อหยิ่ง แต่พระพายก็ไม่ได้จะอ่อนให้เสียทีเดียว อย่างไรก็ตามพระพายยึดหลักการในการดำเนินชีวิตในทางสงบ
“นายรู้ไหมว่าเราสองคนคือใคร” ถ้าเป็นพี่เจนต้องพูดแน่ๆว่าตัวเองยังไม่รู้ แล้วจะมาถามคนอื่นทำไม แต่พระพายทำได้แค่พยักหน้า
“แล้วรู้ไหมว่าทำไมเรามาที่นี่” วิทยาเขตต่างจังหวัดที่ต้องนั่งรถมาเป็นชั่วโมง พระพายส่ายหน้า แต่คิดดีไม่ได้เลย
“นายมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรารู้ตัวไหม”
“หืม…ถ้ามาเรื่องข่าวลือว่าผมเป็นญาติละก็ ต้องขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะ ผมได้พยายามบอกคนอื่นไปแล้วว่าไม่ใช่”
“ไม่ใช่งั้นเหรอ….” คนหนึ่งย้อนคำพูดพระพาย
“แก้ตัวแล้วด้วย” อีกคนก็สมทบ จะเอายังไงกันนะสองคนนี้ ต้องทำยังไงเหรอเขาถึงจะพอใจ
“วันนี้เรามาเรียนที่นี่ แต่เดี๋ยวต้องรีบไปแล้ว เอาเป็นว่าติดต่อมาที่นามบัตรนี้ด้วย” คนหนึ่งได้ยื่นนามบัตรให้พระพาย ทั้งๆที่คำอธิบายอะไรก็ไม่ได้มีเยอะแยะเลย
“เราอยากคุยกับนายมาก เรื่องชวนันท์ เอาเป็นว่าติดต่อมาด้วยล่ะ” แต่พระพายไม่ได้เห็นความจำเป็นต้องคุยกับเขาเลยสักนิดเพราะตั้งแต่เกิดมาพระพายก็ไม่ได้รู้จักชวนันท์เลย โลกเล็กๆของพระพายมีแต่คนที่พระพายล้วนรู้จักแล้วทั้งนั้น จึงไม่เคยสนใจมาก่อน ทว่าดูเหมือนคนอื่นจะให้ความสนใจกับการที่สองพี่น้องนั้นมาหากัน ทุกคนดูมีคำถามมากมายยิ่งกว่าตัวพระพายเองเสียอีก และเพราะไม่รู้จะจัดการยังไง คนเดียวที่หวังพึ่งได้ก็คงจะมีแค่เขาคนนั้น
คนที่พระพายใช้เวลาก่อนนอนมาบอกราตรีสวัสดิ์
และเฟซไทม์หากันบ่อยครั้งหลังอาบน้ำ
“………..”
“เขาให้นามบัตรมาด้วยอ่ะ”
“นามบัตรของเขาเหรอครับ” เพชรถาม สองคนนั้นยังเป็นแค่เด็กอยู่ไม่ใช่หรือไง
“ฮึ…นามบัตรของบริษัทอ่ะ ตำแหน่งเดียวกับพี่เพชรเลย” เป็นเลขา แต่เลขาของใครกันละ
“พระพายถ่ายรูปนามบัตรส่งให้พี่ดูหน่อยได้ไหม”
“ไม่เอาอ่ะ นี่ไม่ใช่งานของพี่เพชรนะ พระพายแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ เหมือนเล่าให้ฟังว่ากินอะไร”
“โหหหหหหห ต่อมเสือกพี่กระพือไปหมดแล้ว ถามจริงเรื่องมันเล่นใหญ่ขนาดนั้นเอาไปเปรียบเทียบกับอาหารกลางวันได้เหรอครับ” เพชรทั้งขันทั้งเอ็นดู พระพายไม่อยากให้เขามานั่งลำบาก แต่เล่าให้ฟังแบบนี้ใครมันจะไปอดใจได้ นี่ใคร…เพชรพิสุทธิ์เลขาคุณรบไง ที่เสือกจนเจ้านายได้เมียแต่ตัวเองยังหาเมียอยู่ ให้ตายเหอะทำไมพระพายทำเหมือนไม่รู้จักเขาเลย จริงๆน้องอาจจะรู้จัก แต่ไม่อยากใส่ใจเรื่องสันดานส่วนตัวนั้นก็เป็นได้
“ก็มันไม่ใช้งานพี่เพชร เรื่องส่วนตัวของพายมันวุ่นวาย”
“แล้วไม่อยากให้พี่เขาไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวเหรอครับ”
“……”
“มันไม่ใช่งานนะรูก พี่เพชรอยากมีส่วนร่วมตั้งแต่พระพายเกิด เข้าโรงเรียน สอบติดมหาวิทยาลัย งานรับปริญญา”
“อย่ามาพูดว่าวันตายด้วยนะ”
“พี่คงตายก่อน” เพราะอายุมากกว่าและปากหมาด้วย อาจจะตายก่อนจริงๆ
“……”
“อยากมีส่วนรวมในวันแต่งงานอ่ะได้ป่ะ”
“บ้า”
“แหม ทำเป็นเขิน เราอาจจะอยากไปเป็นแขกหรือคนกล่าวบนเวที”
“พี่เพชรไม่น่านับถือพอจะเป็นประธานในงานของพายหรอก” ปากดีนะเด็กน้อย
“ใครบอกจะเป็นประธาน จะเป็นเจ้าบ่าวตะหาก” น่ะๆ อย่าท้า เดี๋ยวไปขอกับแม่แล้วจะหนาว พระพายไม่ต่อความเรื่องนี้และยินยอมส่งนามบัตรให้เขาแต่โดยดี
“เอาไปแล้วห้ามเอาไปบอกใครนะ”
“พี่ไม่บอกหรอก แต่พระพายควรคุยกับแม่นะ”
“………..”
“พี่เพชรก็ไม่อยากจะบอกว่าติดละครหลังข่าวเหมือนกัน แต่ว่ามันน่าสงสัยไหม”
“พาย….กลัว”
“ความจริงบางเรื่องเราเลี่ยงจะกลัวไม่ได้หรอกครับ แต่ไปถามแม่ดู แม่อาจจะตอบกลับมาว่าเพ้อเจ้อก็ได้”
“พายก็อยากจะเพ้อเจ้อ แต่เอาจริงๆก็กลัวอะครับ”
“งั้นพี่เพชรไปเป็นเพื่อนไหม ยังไงพระพายก็เอาแม่พี่ไปแล้ว พี่ไปเจอแม่น้องบ้าง แฟร์ดี” ก็เหมือนจะแฟร์แต่พระพายก็ว่ามันทะแม่งๆ ชัดเจนกว่าเจนรักษ์ก็ดูจะเป็นเพชรพิสุทธิ์นี่แหละ รักจริงหวังแต่งขนาดไหน ถ้าก้าวพลาดไป รับรองว่ารัตนสกุลได้เฉือนระบบสืบพันธุ์หลักของเขาแน่นอน นี่ใจๆแค่ไหนจะเดินเข้าไปหาในบ้านนี่ ฝากให้น้องได้คิสนิสนึงว่าเขาเอาจริง
“จะดีเหรอครับ” ดีสิ…มันต้องดีอยู่แล้ว
ก็บอกแล้วไงว่าอยากอยู่ร่วมในทุกโมเมนท์ของชีวิต….
ถ้าจะพูดว่าชีวิตที่ผ่านมาของเพชรพิสุทธิ์นั้นเคยจริงใจกับใครเท่านี้หรือไม่ ดูหน้าด้วย หล่อๆแบบนี้มีหรือว่าจะเป็นมิตรต่อทุกคนบนโลก เขาเลือกที่รักมักที่ชังได้ดี และก็ไม่ได้ปิดเรื่องที่มีนิสัยแย่ๆหลบในแบบนี้ เขามีความมั่นใจในการดำเนินชีวิตคนเดียว แต่การได้มาหวานเลี่ยนแบบหวังผลใส่ลูกของแม่บ้านบ้านของเจ้านาย เขาก็หวังผลประโยชน์เช่นกัน
และนั่นคือเหตุผลที่เขากับพระพายมาที่บ้านรัตนสกุลในวันเสาร์ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่นอน และเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของน้อง เขาจึงเสนอแนะว่าควรจะคุยกับแม่ก่อน แต่แม่จินของพระพายเป็นคนดุและไม่ยอมใครง่ายๆ การมีเขาอยู่อาจจะช่วยทำให้เกิดความเกรงใจในระดับหนึ่ง แต่น้องก็ยังกลัวอยู่ดี เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้….ถ้ามันหนักหนามาก ก็หนีตามกันได้เลย ค่าสินสอดจะได้ไม่ต้องเสีย (ผิดส์และมีโทษถึงตาย)
“…………”
“แม่จ๋า…..”
เพชรเป็นคนพูดเรื่องนี้แทนน้องเพราะพระพายมิอาจจะอ้าปากพูดอะไรออกไปได้ ไม่ใช่ว่าพระพายจะไม่สงสัย ทว่าน้องยังหลอกตัวเองเก่งพอตัว ในส่วนเขาที่เหมือนจะเสือกเรื่องครอบครัวคนอื่นเก่งนั้น น้าจินได้ทราบแล้วว่าเขานั้นคิดกับลูกชายอย่างไรและไม่ได้กีดกัน ดังนั้นการปรากฏตัวมาเจ้ากี้เจ้าการประหนึ่งพระพายเป็นลูกของตัวเขาเองนั้น จึงไม่ถูกรังเกียจแต่อย่างใด ทว่าอย่างที่คิดไว้ว่ามันมีเงื่อนงำ ไม่เช่นนั้นคนปากไวอย่างจินตนาน่ะหรือ จะเงียบเช่นนี้
“พายไม่รู้ก็ได้นะแม่ เรามาลืมๆกันนะ”
“พวกเขาบอกว่าจะกลับมาหาเอ็งไหม”
“เขาบอกว่าให้ติดต่อมาให้ได้นะจ้ะ”
“แม่ไม่อยาก…ให้เอ็งไปเกี่ยวข้อง”
“แต่ทางชวนันท์ไม่น่ายอมนะครับ” เพชรเอ่ยปากออกมา ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องทานข้าวของบ้านคุณรบ นั่งคุยประหนึ่งยึดบ้าน และเหมือนเราเด็กสองคนจะกดดันคนที่มีความอาวุโสมากสุด เพชรอาจจะอยากรู้จนเนื้อเต้น แต่ปล่อยมันเต้นไป วุฒิภาวะเขามีมากพอจะยับยั้งชั่งใจ และนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพระพายที่เกี่ยวข้องกับแม่ เขาคงเข้าไปยุ่มย่ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“……….”
“คุณผู้หญิงรู้เรื่องนี้ไหมครับน้าจิน” เพชรถาม เพราะถ้าหากฝั่งนั้นเขามาวุ่นวายกับทางผู้ใหญ่ของรัตนสกุล สู้คนในเป็นฝ่ายบอกก่อนไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่เสียน้ำใจกัน
“คุณหญิงท่านพอรู้เรื่องแต่น้าก็ไม่อยากรบกวนท่านหรอกนะ”
“ไม่ต้องไปรบกวนหรอกครับ ผมแค่กังวลว่าถ้าเขาติดต่อมาที่คุณรบหรือคุณหญิงท่าน จะเสียน้ำใจกันเปล่า”
“…………..”
“ผมในฐานะเลขาอาจจะไม่สามารถกันอะไรตรงนั้นได้ ผมเลยแค่เสนอไอเดียเฉยๆ ยังไงน้าจินลองทบทวนดูก่อนก็ได้ครับ” พระพายนั้นเงียบไปแล้ว ดูท่าจะใจเสียเพราะสีหน้าของแม่ แม้ว่าน้องจะไม่รู้เรื่องหรือไม่เข้าใจอะไรเลย
ในที่สุดเราก็ได้ข้อสรุปโดยการไปบอกเรื่องนี้ให้นายใหญ่ของบ้านทราบ และเพชรก็เนียนกินข้าวเย็นต่อที่บ้านรัตนสกุลอย่างที่ไม่ได้มีนัยแดกฟรีซ้อนเร้นแนวๆนี้ในหัวมาก่อน
“อืม” หลังจากที่รับฟังเรื่องราวจากเพชรฟีจเจอร์ริ่งพระพายแล้ว ท่านก็ทำเพียงถอนหายใจออกมา ตอนนี้สองแม่ลูกได้ตัวลีบลงเหลือเท่ามดแล้ว เพชรยังคงบีบมือพระพายให้กำลังใจ บอกแล้วว่าพี่เลี้ยงได้ พี่จะพาน้องหนีเอง
“คุณเพชร” แต่นางร้ายของเรื่องก็ขัดจังหวะ
“ครับ คุณเจน”
“มืออ่ะ….ไม่ต้องจับตลอดก็ได้นะ น้องไม่หนีไปไหน ไม่ต้องเครียด” ไม่ได้เครียดแต่หลอกแต๊ะอั๋ง บนโลกนี้ไม่ต้องมีคนแบบเจนรักษ์ก็ได้นะ คือลวนลามคนอื่นเก่งจนรู้ทันชาวบ้านเขาไปหมดแบบนี้ เพชรเองก็กะให้กำลังใจไง เจนก็คิดมากน้า พระพายสลัดมือเขาออกมาอย่างไม่ใยดี ใบหน้าซีดๆของน้องพลันเจือด้วยสีแดง ดวงตากลมเหมือนลูกกวางนั้นหลบตาคนพี่จนต้องเสมองพื้น ส่วนตาคนมักมากก็ได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนให้คุณหญิงและคุณรบ
“ก็ติดต่อเขากลับไป”
“แต่คุณหญิงคะ” จินตนาจะร้องท้วง
“ลูกโตแล้วจินตนา เราเลี้ยงเขามา เรารู้ว่าเขาจะคิดยังไง”
“………”
“ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอก เพราะเราจะส่งคนที่เลวร้ายกว่าไปช่วยงานด้านหน้า”
“ใครเหรอครับ” เพชรถาม คนที่ชั่วร้ายที่ว่านี่หรือจะเป็นคุณเจน ก็ดีนะ คุณเจนดูคล่องตัว ปากจัด แซะเก่ง รู้ทันชาวบ้าน
“เลขาตารบ ชื่อนายเพชรพิสุทธิ์ ชั่วร้ายและกะล่อนที่สุดเท่าที่ชาตินี้ฉันเคยเจอ” สาบานว่านั่นคือคำพูดของคุณหญิงพรรณี เพชรได้แต่ยิ้ม บอกไม่ถูกว่ารู้สึกขมหรือหวาน พระพายเหลือบมองหน้าคนที่เสนอมือยื่นมาแต่ต้น ทั้งๆที่บอกว่าไม่อยากให้เขามาข้องเกี่ยวเพราะมันไม่ใช่งาน แต่ในที่สุดก็มีคนประทานงานให้แล้ว และน่าแปลกใจไม่น้อยที่เขายินดีจะทำมัน….
มากกว่างานเอาแก้วกาแฟที่ไม่ได้กินของคุณรบไปเก็บด้วยซ้ำ….
“แต่ว่ามันรบกวน” พระพายพูดออกมา อย่างไรเด็กดื้อคือเด็กดื้อ
“ไม่หรอก ต่อให้ไม่ทำคุณเพชรก็ต้องแอบไปทำอยู่ดี ผมว่ารู้จักเลขาผมดี” ซึ้งใจคุณรบจริงๆที่รู้ทัน แต่ใช่แล้ว ยังไงก็จะทำ เพราะอะไรนะเหรอ เพราะชอบเสือกใช่ไหม นั่นก็ส่วนหนึ่ง….แต่เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องน้ำเน่าๆของทุกคนบนโลกซะหน่อย
แต่เรื่องน้ำเน่าของพระพายมันหอมเหมือนกลิ่นดอกไม้ต่างหาก….
“เป็นเลขา โดนแบบนี้มาต้องทำยังไงรู้ใช่ไหม ไปทำซะ” คุณหญิงเน้นย้ำ และเมื่อได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการ สองแม่ลูกผู้หน้าบางจึงไม่มีเหตุผลที่จะอ้างปฏิเสธอะไรได้อีก จินตนานั้นเช็ดน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมา พระพายใจเสียไม่น้อยที่เหมือนตัวเองเป็นคนเอาเรื่องหนักใจมาให้ครอบครัว แต่เมื่อมองไปที่คนข้างๆซึ่งตอนนี้ไม่ได้จับมือกันอีกแล้ว รอยยิ้มของเขาก็ทำให้น้องได้รู้ว่าต่อให้ไม่ได้จับมืออยู่จริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้หายไปไหน
“มันจะโอเคครับ” และเขาก็จะทำให้มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะตัวร้ายเช่นเขาเทิดทูนนางเอกของเรื่องนี้กว่าใคร…..
และเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างเป็นมืออาชีพ ยิ่งกรณีถูกผลักดันให้ทำอย่างเป็นทางการ เขาจึงติดต่อไปที่เลขาของทางนั้นในฐานะเลขาของคุณรบที่ติดต่อมาด้วยเรื่องส่วนตัวของคนในบ้าน รัตนสกุลรักพระพายของเขามาก อาจจะมองเห็นเป็นลูกหลานคนหนึ่งเลยก็เป็นได้ ทั้งนี้เขาเข้าใจเจตนาของคุณหญิงดี เพราะเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย คนสมัยนี้ดูให้รู้ใจกันก็ยาก การมาในฐานะของรัตนสกุลเป็นการประกาศชัดว่าสองแม่ลูกนี้อยู่ในการดูแลอยู่ เพราะฉะนั้นจะเล่นแง่อะไรย่อมทำไม่ได้ง่าย และเมื่อติดต่อไปอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
และเราก็ได้ข้อตกลงในการเข้าพบกันอย่างเป็นทางการ
“…….” พระพายนั้นดูตื่นเต้น แน่นอน น้องยังเด็ก ส่วนแม่นั้นไม่มาเพราะไม่พร้อมจริงๆน้องจึงต้องมาแทน
“ตื่นเต้นเหรอครับ” เราอยู่กันที่ห้องอาหารที่ถูกจองไว้ บางทีเขาก็จองให้คุณรบเพื่อประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับลูกค้าบ้างเช่นกัน พระพายนั่งเงียบ นั่งเฉยๆดูเหมือนปกติแต่เขาดูออกว่าน้องนั้นตื่นเต้น
“ก็…งืม”
“เป็นผู้ใหญ่แล้วน้า”
“แล้วตื่นเต้นไม่ได้เหรอ” น้องจะร้องไห้แล้ว ดูสิเบะใหญ่เลย โอยยย อยากปลอบแต่ก็อยากจะทำให้ร้องเอง สับสนกับตัวเองชิบหาย บ้าไปแล้ว!
“ได้ครับ แค่จะบอกว่าวันนี้โตแล้ว เก่งแล้ว ไม่ร้องไห้” สุดท้ายก็อวย ผู้ชายสไตล์พ่อที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูที่แท้ทรู ต้องได้ไปเป็นเขยอ่ะ ดีขนาดนี้ต้องได้ไปเป็นเขยแล้วจริงๆ
“พี่เพชร….” อย่าเบะสิลูก เดี๋ยวศีลแตกจับแกล้ง
“พระพายเชื่อพี่นะว่ามันต้องผ่านไปได้”
“อืม”
“ถ้าพระพายทำดีพี่พาไปเลี้ยงบิงซู”
“แล้วถ้าพายทำไม่ดีอ่ะ”
“จะพาไปกินหมูกระทะปลอบใจ”
“……….” คือยังไงกูก็จะพาไปอย่างนี้ใช่ไหม?
“แต่พี่เชื่อว่าพระพายทำได้อยู่แล้วครับ”
“พี่เพชร”
“งั้นวันนี้ไปกินบิงซู และอาทิตย์หน้าพี่พาไปกินหมูกระทะ อืม..ใช่ได้” คิดเองเออเองชงเอง พระเอกนิยายเรื่องนี้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว เจนไม่นกยังต้องมีชิปเปอร์ แต่นี่พระเอกคือใคร พายมาเองตั้งแต่ต้นเรื่องให้รู้ไว้ด้วย บอกแล้วว่าไม่เคยนก เพราะฮาร์ดเซลล์ยิ่งกว่าพระเอกเจนไม่นกไงเล่า!
การพบกันของเราสองฝั่งถูกดำเนินไปอย่างเป็นมืออาชีพ และในตอนนี้เรื่องที่พวกเราได้ยินมาก็ถูกยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ฝันหรือพลอตละครน้ำเน่าที่ไหน พระพายไม่ใช่แค่ลูกคนใช้บ้านรัตนสกุล หากแต่ยังพ่วงตำแหน่งลูกชายของหนึ่งในทายาทของตระกูลชวนันท์ที่ร่ำรวย น้องนิ่งเงียบ ปล่อยให้ตัวแทนของตนซึ่งคือพี่เพชรเป็นผู้พูด ไม่ใช่ว่าน้องไม่มีคำถาม แต่สถานะใหม่ที่ตนได้รับมานี้มันทำให้พูดอะไรไม่ออก ตอนนี้คงต้องมีแต่ความเชื่อใจในตัวเขาแล้ว เพราะพระพาย….ไม่สามารถรับรู้ได้อีกต่อไป
“เนื่องด้วยคุณท่านใหญ่นั้นอายุมากแล้ว เลยมีความประสงค์อยากจะพบคุณพระพายสักครั้งนะครับ” คุณท่านใหญ่หรือคุณปู่ของพระพายนั้นอยากเจอกัน แต่ตลอดที่ผ่านมา พระพายไม่เคยได้ยินหรือรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขาเลย เขาเอง….รู้หรือไม่ ว่าพระพายมีชีวิตมาสิบกว่าปีแล้ว และทำไมต้องเป็นตอนนี้?
“ทางผมขอสอบถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงรู้ว่าคุณพระพายเป็นใครอยู่ที่ไหน”
“จริงๆต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่าตอนที่คุณจินตนาอุ้มคุณพระพายหนีออกจากบ้านไป ทางเราไม่มีใครรู้จริงๆ ทางคุณวุฒิชัย….คุณพ่อของคุณพระพายเองก็ดูเหมือนจะมีการตกลงกับทางคุณจินตนาเอาไว้จึงไม่มีการไปพบ แต่เท่าที่ทราบคือคุณวุฒิชัยมีการส่งเงินทองมาให้ใช้บ้าง” จริงๆแล้วแม่ของพระพายติดต่อกับพ่อมาตลอด เงินที่พระพายใช้ไปนั้นส่วนหนึ่งอาจจะมาจากคนเป็นพ่อก็เป็นได้ เด็กหนุ่มก้มหน้าลง มือเล็กกำแน่น ก่อนจะเงยหน้ามาและมองตัวแทนทางฝั่งพ่อของตนพูดต่อไป
ว่าทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้….
“จริงๆแล้วเพราะคุณพัดและคุณภามที่บอกเราว่าเจอคุณพระพาย” พัดและภาม นั่นคือชื่อของฝาแฝดที่เป็นคนยื่นนามบัตรมาให้ อาจจะเพราะความฉาวของพระพายที่คนลือกันผิดๆว่าเป็นคนของตระกูลชวนันท์ จึงทำให้เขาตามตัวกันเจอ ใครจะไปรู้ว่าเรื่องตลกร้ายในวันนั้นจะกลายมาเป็นเรื่องจริงในวันนี้ พระพายเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาจริงๆ
“ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ ยังไงทางเราคงต้องเอาเรื่องนี้กลับไปพูดคุยกันอีกที ถ้ายังไงผมจะติดต่อกลับไป” เพชรนั้นกล่าวปิดบทสนทนาให้เพราะเขารู้ว่าน้องอาจจะไม่ไหวแล้ว และเพราะยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดี เขาจึงไม่หวังให้พระพายแสดงความอ่อนแอ สำหรับเขาแล้วน้องจะอ่อนโยนกับศัตรูได้เพราะเขาแข็งพอที่จะต่อกร แต่พระพาย….จะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้ายังไงทางเราอยากให้คุณพระพายได้ไปเจอคุณท่านใหญ่จริงๆ ช่วยเห็นแก่ท่านด้วยเถอะนะครับ”
“………….”
“คุณวุฒิเธอปิดเรื่องของคุณไม่ให้ท่านรู้มานานแล้ว ท่านรอคุณมาหลายปี ได้โปรดไปเจอสักครั้งเถอะครับ” แล้วทำไมคุณวุฒิอะไรนั่น ถึงต้องปิดเรื่องของพระพายไม่ให้คุณท่านใหญ่ตามเจอล่ะ ปริศนาตรงนี้พระพายไม่เข้าใจจริง
ว่าพ่อของพระพายนั้นประสงค์ดีหรือร้ายกันแน่…..
ไม่มีบิงซูสำหรับรางวัลคนเก่ง แต่เป็นพระพายที่นั่งกอดแก้วน้ำในรถของเพชรพิสุทธิ์ น้องยังคงนิ่ง ไม่พูดไม่จา และเขาก็ไม่ได้ก่อกวนอะไร วันนี้มันหนักหนาสำหรับเด็กที่กำพร้าพ่อมาทั้งชีวิตคนหนึ่ง ทั้งๆที่พระพายไม่เคยขาดเพราะคนรอบข้างให้มาตลอด มันจึงทำให้พระพายไม่เคยมีความต้องการในตัว ‘พ่อ’ มาก่อน และในวันนี้เมื่อ ‘พ่อ’ มีตัวตนขึ้นมาในชีวิตพร้อมเครือญาติคนอื่นๆที่ไม่เคยคิดว่าจะมี น้องจึงสับสน ไปไม่ถูก และสิ่งที่แสดงออกมามันมีแต่ความเงียบงัน เพื่อยืนยันว่าพระพายกำลังคิด….ไปเอง
“หรือว่าเราจะกลับบ้านรัตนสกุลกัน” เพชรถาม น้องนั้นส่ายหน้า ความจริงอยู่กับปากแม่ แต่พระพายยังไม่แน่ใจว่าอยากรู้เลยหรือไม่ ทั้งๆที่วันหนึ่งก็จะได้รู้ แต่วันนี้มันกะทันหันไป ใจ….ไม่พร้อม…..
“พายยังไม่อยาก….กลับ”
“แล้วไปไหนดี ห้องพี่ไหมล่า….” ความพยายามพูดเล่นของเขาดูจะไม่เป็นผล ถ้าเป็นปกติ พระพายต้องหันมาฟาดงวงฟาดงาใส่แล้วทั้งๆที่ตัวเล็กเท่ากระต่ายในมือ ทว่าน้องกลับนิ่งไม่รับมุก เฮ้อ….ตานี่นี่ไม่เคยรับมือกับความเครียดของน้องได้เลยจริงๆ
“ไปห้องพี่เพชรก็ได้ครับ”
หะ!
“พาย….อยากพักก่อน” ที่พูดมานี่คิดหรือยัง คิดสิคิด! ให้โอกาสโทรหาเจนรักษ์เพื่อปรับทัศนคติก่อนได้นะ!
“แน่ใจนะครับ” เปิดโอกาสแล้วจริงๆแต่มือนี่สตาร์ทรถแล้วล่ะ
“อื้อ”
“พร้อมเป็นของพี่เพชรแล้วเหยอ”
“พายแค่หิว” แงงงงงง อย่าเพิ่งเต๊าะพระพายตอนนี้!
“พี่ตัวใหญ่ กินอิ่มแน่นอน” นี่ไงเป็นคนแบบนี้ไง เดี๋ยวก็กัดจริงให้จมเขี้ยวเลย ทำไมเก่งเรื่องทำให้เครียดและระอาไปได้พร้อมๆกันแบบนี้
“พี่เพชร…..”
“ครับๆ พี่รู้กาลเทศะดีน่า แต่ไปห้องพี่จะดีเหรอ”
“พายหิว อยากกินข้าว แต่ไม่อยากไปนั่งที่ร้าน รำคาญเสียงคน” และไม่อยากกลับบ้านรัตนสกุลตอนนี้ ยังไม่พร้อมเจอใคร
“พาไปบ้านก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณหญิงพรรณีเล่นงานพี่ พระพายต้องช่วยนะ”
“ช่วยยังไงครับ”
“ช่วยรับผิดชอบพี่ ยกขันหมากมา โอ้ย!” สักทีเหอะ หมั่นไส้ไม่ไหวแล้ว
“พี่เพชรไม่เล่นดิ พายเครียด” ก็รู้หรอกว่าที่เล่นอยู่นั่นเพราะอยากให้หายเครียด เขาจึงปั้นหน้าขรึมจริงจังขึ้นมาและขับรถออกไป พระพายมองเขาเพลินๆและก็ยิ้ม วันนี้เขาทำเพื่อพระพายได้ดีมาก ในความหดหู่และวุ่นวายใจกับข่าวสารใหม่ๆเกี่ยวกับชีวิตตนเองที่ไม่เคยรู้นั้น การมีอยู่ของเพชรพิสุทธิ์อาจจะไม่ได้ช่วยทำให้หายเครียดได้เลย แต่มันก็ไม่ได้ไร้ความหมายเสียทีเดียว
“แวะซื้ออะไรเข้าไปกินดี”
“แล้วแต่พี่เพชรเลยครับ”
“งั้นกลับไปห้องแล้วสั่งไลน์แมนมาส่งละกัน บอกแม่ไว้นะว่าจะกลับบ้านดึก เดี๋ยวที่บ้านห่วง” พระพายยิ้มรับกับคำสั่งของเขา การมีอยู่ของพี่เพชรวันนี้มีค่ากับพระพายมาก ท่ามกลางคลื่นลมที่โหมกระหน่ำถาโถมมาตลอดปีนี้ เขาอาจจะไม่ใช่ทุกอย่างที่ตอบโจทย์หรือนำพาปัญหาออกไปจากตัวพระพายได้ทั้งหมด
แต่เขาก็พยายามช่วยเหลือกันมาตลอด เป็นดั่งแสงสว่างในความมืดมิดของคนที่พยายามจะแข็งแกร่งด้วยตนเองคนเดียว วันนี้พระพายรู้แล้วว่าตนผ่านมันไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคแบบไหน จริงๆก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ในทุกโมเมนท์ของชีวิตตนเองจริงๆ แต่การอยู่บนโลกที่โหดร้ายกับใครสักคนที่เป็นเสาหลักให้ในบางทีแล้ว
ในที่สุดพระพายก็รู้ว่าที่ตรงไหนจะสามารถพักพิงเพื่อที่จะกลับมาสู้ใหม่ได้อีกครั้ง….
Talk : จริงๆในพลอตละครทั่วไปชาติกำเนิดจะเป็นอะไรที่เปราะบางที่สุด แต่นายเอกซีรีส์นี้เป็นอะไรที่ไม่อินละครสุดๆ ไม่มีความดราม่าแฝง อยากให้น้องเป็นอะไรก็เป็นอันนั้นอะแหละ555 แต่จากนี้คิดว่าเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเนอะ หลังจากต๊ะตอนยอนตามแบบรบเจนหวานเย็นมานาน ใกล้จบแล้วเช่นกัน แต่ดราม่าสั้นๆแบบแค่อึดใจ เรามั่นใจว่าไม่หน่วงนานเท่าเจนไม่นก ช่วยดูหน้าพระเอกเรื่องนี้ด้วย5555
#เจนไม่นก #เพชรพระพาย