เ จ น ไ ม่ น ก (ลูกชุบของอัศวิน : 7) 23.1.2019 P.36 ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เ จ น ไ ม่ น ก (ลูกชุบของอัศวิน : 7) 23.1.2019 P.36 ตอนจบ  (อ่าน 181229 ครั้ง)

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
น้องวินโตแล้วก็ยังรู้สึกว่าน่ารักเหมือนเป็นลูกกบเลย  :mew1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ลูกชุบๆๆๆ

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
น้องวินของป้าาาาาามาแล้ววววว

ออฟไลน์ cirrus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งือออออ แค่อินโทรก็มอไม้สั่นไปหมดแล้วววว.
รอนะคะ//

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โตเป็นหนุ่มแล้วจ้าลูกกบ :กอด1:

ออฟไลน์ skylover☁

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-2
ลูกชุบของอัศวิน 1


นี่จะเป็นวันแรกสำหรับการใช้ชีวิตแบบที่คุณป๋าบอกว่าต้องลอง


ตั้งแต่เช้ามาน้องวินไม่ได้เจอเจนเลย อาจจะเพราะคุณป๋านั้นกังวลว่าจะงอแง ก็ไม่งอแงแล้วไง นี่อายุก็ 18 แล้ว เลิกงอแงมานานแล้ว ทำไมแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ!


สำหรับแผนการนี้ อาเพชรซึ่งเป็นเลขาของคุณป๋าเป็นคนประสานงานหาตำแหน่งโดยบอกทีมงานว่าเขาเป็นญาติเพื่อไม่ให้คนอื่นๆเกร็งที่ต้องใช้งานลูกประธาน พวกเราซักซ้อมกันเป็นอย่างดี เรียกว่าคนอื่นพยายามจะซักซ้อมกันมากกว่า อัศวินเพียงอยู่เฉยๆ รับฟัง และพยักหน้าบ้าง


เขาไม่ได้ต่อต้าน ทว่าก็เป็นคนที่มีสีหน้าเรียบนิ่งในบางทีไม่ต่างจากคนเป็นพ่อ นักรบเองจะดูเฟรนด์ลี่กับคนๆเดียวเท่านั้นคือเจนรักษ์ และนั่นคือข้อเดียวที่เราพ่อลูกเหมือนกันมากที่สุด หลายครั้งก็ก่อปัญหาแย่งเจนกันตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดแล้ว แต่น้องวินก็ยังติดเจนอยู่ดี และให้ออกมาข้างนอก ก็คงจะเป็นแผนของคนพ่อที่พยายามจะสั่งสอนให้เขาเคยชินกับการออกมาใช้ชีวิตโดยพึ่งตัวเอง


คุณอาเพชรที่เป็นคนขับมาส่งนั้นบอกทางและชี้แจงรายละเอียดอื่นๆให้ทราบ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพนักงานแนะนำสินค้าก็จะมาในอีกไม่นาน สินค้าที่จะต้องดูแลในวันนี้เป็นโปรดักส์ใหม่ของทางบริษัทในเครือนั่นคือมีทบอลสำเร็จรูปสำหรับคนรักสุขภาพที่ไม่ค่อยมีเวลาซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน


อัศวินนั่งอ่านเอกสารที่เพชรเตรียมไว้สำหรับเตี๊ยมกันก่อน และโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพนักงานแนะนำสินค้าหรือเรียกสั้นๆว่า PC นั้นโทรตามกันแล้ว“งั้นผมไปล่ะครับ” อัศวินยกมือไหว้ก่อนจะเดินลงไป เขามีมารยาทเสมอถึงแม้จะดูเย็นชา อีกอย่างอาเพชรก็สนิทสนมกับที่บ้านมาก พระพายก็…น่าเสียดายที่เป็นแฟนของอาเพชรคนนี้ไปเสียแล้ว


เขาเดินมาหาเจ้าหน้าที่ที่โทรตาม และทันทีที่ปรากฏตัวก็สร้างความตกใจไม่น้อย ไม่ใช่เพราะหน้าเหมือนพ่อจนแผนแตกหรอก เพราะไม่ใช่ทุกคนในบริษัทที่จะได้เห็นคุณนักรบ ทว่าลักษณะท่าทางโดยรวมของเขาดูไม่น่าจะเป็นเด็กที่มีใจอยากมาทำงานแบบนี้เสียเท่าไหร่ดูเป็นลูกคุณหนูเกินไปเหรอ อืม…มันก็คงจะอย่างนั้น


“น้อง…เอ่อ อัศวินปะครับ”  แต่ถึงจะเตี๊ยมกันว่าเป็นญาติของอาเพชร แต่เมื่อมาดูชื่อในบัตรประชาชนอีกรอบ พนักงานคนนั้นก็ต้องตาโต เขานึกไว้แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แผนแตกตั้งแต่พูดคำว่าสวัสดีเนี่ยนะ


“พี่ครับ”


“คะ…ครับ”


“ผมสมัครใจมาหาประสบการณ์เองครับ”  เขายิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยอีกคำมาสมทบ “ช่วยให้ความร่วมมือด้วยนะครับ”  วันนี้พนักงานคนนั้นอาจจะฝันร้ายได้กับรอยยิ้มนี้ อัศวินไม่ธรรมดาจริงๆ...


เพราะมีชื่อเต็มนามสกุลเต็มคือ นายอัศวิน รัตนสกุล...


เขาเดินตามพนักงานคนนั้นเข้ามายังบริเวณที่ต้องมีการแลกบัตรประชาชนและเขียนชื่อเพื่อแจ้งว่าจะเข้ามาในพื้นที่เพื่อสาธิตการทำอาหารสำหรับการส่งเสริมการขาย ในช่วงเช้าแบบนี้มันก็ดูจะยุ่งเป็นพิเศษเพราะซุปเปอร์เปิดแล้ว ขณะที่กำลังต่อแถวเพื่อลงชื่อ อัศวินก็มองโดยรอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่ง…


“อะ!”  เสียงของคนที่ยืนข้างหน้านั้นเรียกให้เขาหยุดสนใจความวุ่นวายเหล่านั้น ดวงตาของเขาจ้องมองปากกาที่มีคนยื่นให้มา ก่อนจะมองไปตามเรียวแขน และขึ้นมาบนใบหน้าที่มีดวงตากลมโตจ้องมองกันอยู่


“อ้าวววว! น้องชุบ”ทว่านี่ไม่ใช่เสียงของอัศวินที่เอ่ยทักเจ้าของร่างเล็กนั่นออกไป เป็นพนักงานที่ดูแลเขานั่นเองที่ทักทาย คงจะรู้จักกัน


“อ้าว!หวัดดีครับพี่เปรม” เจ้าของมือที่ถือปากการีบชักกลับมาเพื่อพนมไหว้ รอยยิ้มกว้างที่ดูสดใสนั้นดึงดูดความสนใจของเขาได้ชะงักเลยทีเดียว


“น้องชุบมาขายอะไรครับเนี่ย”  คาดว่าน่าจะเป็นคนๆนึงที่ทางรัตนสกุลเคยจ้างเป็น PC มาก่อน


“ขายผลไม้นำเข้าครับ ทางพี่เปรมมาขายอะไรเอ่ย”


“อ่อ นี่น้อง PC ทางพี่เอง วันนี้พามาขายมีทบอลน่ะ”


“น่ากินจัง”  ใบหน้าที่ดูเสียดายนิดๆนั้น ทำให้เขานึกคิดอาจจะเป็นคนมาแย่งงานของคนๆนี้ไป และนั่นทำให้เขาเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แต่นั่นแหละ…นักรบตีหน้าขรึมเก่งแค่ไหน อัศวินเองก็เดินตามแบบวัดรอยเท้ามาเช่นกัน


เขาปล่อยให้คนทั้งสองมีบทสนทนากันต่อไป ก่อนจะลงชื่อของตนเองให้เรียบร้อย เรากล่าวลากันสั้นๆเพื่อแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง เปรมที่เป็นผู้ดูแลได้พาเขาไปแนะนำสถานที่ในการจัดเตรียม อุปกรณ์ที่ต้องใช้ และสคริปต์ต่างๆที่ต้องใช้พูดทว่าคนสอนไม่อาจจะอยู่ด้วยตลอดไป ต่อไปนี้เป็นเขาเองที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ


และก็พบว่ามันเป็นงานที่น่าเบื่อมาก…


จริงๆงานนี้เหมือนจะไม่ใช่งานที่ยากเลย เขาใส่ผ้ากันเปื้อน ใส่หมวก และถือถาดที่มีถ้วยชิมมากมาย ทว่านี่ก็ผ่านไปจนเกือบจะหมดช่วงเช้า แต่เขาเพิ่งได้เข้าไปเตรียมอาหารแค่ครั้งเดียวเอง ค้นพบว่ามันยากอยู่ที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหา บางคนก็ดูเหมือนสนใจเลยเดินมาด้อมๆมองๆ แต่ก็ผ่านไป


“เฮ้อ…”


“ถอนหายใจอะไรเหรอ”


“…”โชคดีนะ…ที่ไม่ใช่คนขวัญอ่อน…


อยู่ๆก็มายืนอยู่ข้างหลังและช้อนตามองกันแบบนั้น คิดว่าคนปกติคงตกใจเป็นแน่แท้ แต่ว่าอัศวินเก็บอารมณ์ได้ดี เขาพิจารณาใบหน้าของคนที่อยู่ๆก็โผล่มา เป็นคนที่คุยกับพนักงานบริษัทคุณพ่อที่ได้เจอเมื่อเช้านี่เอง…ชื่ออะไรนะ ไม่ได้ถามไว้ซะด้วย จะว่าไป เราก็ไม่เคยคุยกันสักคำ


“ครับ”


“ชื่อชุบนะ ชื่ออะไรเหรอ?”


“…”


“เราเอานี่มาให้”  เขากำลังลังเลว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันได้ตอบคำถามให้เจ้าตัว อีกฝ่ายก็ยื่นเอาไม้จิ้มฟันที่จิ้มชิ้นแอปเปิ้ลอันเล็กๆมาให้ มีแต่เรื่องให้ลังเลเต็มไปหมดเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย!


“อันนี้ของให้ลูกค้าชิมไม่ใช่เหรอ?”  แล้วอยู่ๆเอามาให้เขานี่นะ?


“อื้อ ก็ไม่ดีหรอกแต่แลกกันเนอะ”  ก็พอจะรู้ว่ามันคงมีอะไรแบบนี้บ้าง แต่ก็ตกใจยามที่อีกฝ่ายคว้าถ้วยพลาสติกที่ใส่มีทบอลหั่นเป็นชิ้นเล็กๆในถาดของเขาออกไป คนตัวเล็กมองซ้ายขวา ก่อนจะรีบจิ้มมันเข้าปาก อัศวินยังคงงงงัน โดยไม่รู้ตัวเจ้าของรอยยิ้มกว้างก็ยิ้มให้เขาจนตาหยี คนอะไรเนี่ย!

เกิดมานอกจากเจนแล้วก็ไม่เคยพบเจอ!


“จะได้เวลากินข้าวแล้วนะ”  คนที่เรียกตัวเองว่าชุบนั้นเรียกเขาอีกครั้ง อา…ใช่สิ แต่ยังแจกตัวอย่างไม่หมดนี่น่า


และยังไม่ทันหายตกใจกับเรื่องต่างๆ เจ้าตัวคนเจ้ากี้เจ้าการก็จัดการเอาถาดของเขาไปช่วยแจกซะงั้น ยังไม่ทันได้แย้งอะไรแอปเปิ้ลชิ้นเล็กๆนั่นก็ถูกยัดเข้ามาในปากของเขา คนที่ดูร่าเริงเหมือนใส่แบตมามากเกินไปใช้เวลาไม่นาน ดูก็รู้ว่าพูดเก่ง พูดแป็ปเดียวก็แจกหมด และก็หันมายิ้มให้เขาอีก


“ไปกินข้าวกันได้แล้ว”  และใครบอกว่าจะไปกินด้วย! ไม่มีใครบอกสักหน่อย?


“…”  แต่ก็มีคนตามไป  มัน…บ้าบอก็ตรงนี้


ตลอดทางก็จะมีคนที่ทักทายคนอื่นไปทั่ว และหันมาถามกันว่าแอปเปิ้ลอร่อยไหม ซึ่งมันก็อร่อยดี เหมือนที่เจนชอบซื้อไปปอกให้กินนั่นแหละ เขาเพิ่งรู้ว่ามนุษย์ชุบคนนี้ยืนอยู่ไม่ไกลกัน ก็นะเราอยู่ในโซนตู้แช่เหมือนกันมันจะไปไหนได้ไกลเล่า และเพราะอย่างนี้เจ้าตัวก็เลยได้เห็นเขาอยู่บ้าง และเห็นยืนโดดอยู่คนเดียวไม่มีใครคุยเลยเข้ามาทัก เพื่ออะไรเหรอ? ในฐานะรุ่นพี่ PC ที่ดีหรือไง?


“ว่าแต่ชื่ออะไรนะ”  นั่นไง ก็เพราะพูดมากอย่างนี้ไง เขาเลยยังไม่ได้บอกชื่อออกไปเลย!


“ชื่อวิน”


“แล้วอายุเท่าไหร่”


“18”  มันจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือไง


“สิบแปด!!!!!” 


“…”


“…”  ว่าแต่…


มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?!?!!!!!


“นึกว่ารุ่นเดียวกันเสียอีก! พี่อายุ 20 ละนะ”  จะตกใจก็ไม่แปลกล่ะ เขาต่างหากที่ต้องคิดว่าอีกฝ่ายรุ่นเดียวกัน ก็ไม่เคยมีคนรู้จักอายุ 20 มาก่อน ว่าแต่คนวัยนี้ต้องเจี๊ยวจ๊าวแบบนี้เลยเหรอ? นึกว่ามีแค่เจนเสียอีกแต่เจนก็เป็นแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่น้องวินจำความได้


เรามาอยู่กันที่ร้านข้างทาง เป็นครั้งแรกที่อัศวินได้กินอาหารแบบข้างทาง เพราะเขาอนามัยหรือถูกเลี้ยงมาดีเกินไปงั้นเหรอ ก็คงใช่ เด็กติดบ้านอย่างเขามักจะกินอาหารที่บ้าน ต่อให้ซื้อมาจากข้างทางก็มักกินในบ้าน ส่วนที่ออกไปข้างนอกเพื่อกินข้าวก็มักจะมีโอกาสพิเศษเสมอ กับร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขับมาจอดและตั้งโต๊ะแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกเลย


“ป๊อกๆร้านนี้อร่อยมาก”


“ป๊อกๆ ?”


“อื้ม ก๋วยเตี๋ยวป๊อกๆไง น้องวินเอาเส้นอะไร เดี๋ยวพี่ชุบเขียนให้”  แล้วเราก็ดูสนิทสนมกัน กลายเป็นพี่ชุบกับน้องวินไปเสียแล้ว เขารู้สึกแปลกๆอยู่ไม่น้อย นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่คนแปลกหน้าหรือคนไม่สนิทจะเรียกกันว่าน้องวินและแทนตัวเองว่าพี่ ไม่ได้ถือตัวจนรับไม่ได้หรอก แค่รู้สึกแปลกๆแค่นั้น


หลังจากสั่งไปและอาหารมาเสิร์ฟ อัศวินก็ทานมันอย่างนั้นเลย เขารู้ว่ามันมีพวงก๋วยเตี๋ยวเพื่อให้ปรุงเพิ่มเติมตามรสที่ชอบ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยาก แต่เพราะปกติจะมีเจนที่คอยทำให้ เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะทำยังไง กับเรื่องง่ายๆแต่ถ้าไม่แน่ใจ ก็กลายเป็นเรื่องยากๆได้ทั้งนั้น


“น้องวินกินจืดเหรอ?”


“ขี้เกียจปรุงน่ะ”


“ใส่น้ำส้มหน่อย และพริกนิดๆก็อร่อยดีนะ”  เขาฟังคนแนะนำบอกมาเลยลองทำตาม แต่ก็ค้นพบว่ามันทำให้น้ำซุปเปรี้ยวโดด นิยามคำว่าหน่อยของเรานี่ไม่เท่ากันจริงๆ ทำไปทำมาเลยต้องลองเยาะน้ำปลาใส่น้ำตาลมาตัดแบบนิดหน่อย และค่อยๆชิม ทำไปทำมามันก็รสชาติดีขึ้นเอง ก็ไม่ได้ยากอะไร อย่างน้อยวันนี้ก็พอรู้แล้วว่าต้องปรุงให้ตัวเองยังไง


เราเดินกลับไปเข้างานหลังจากพัก ยังเหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าที่ต้องทำงานน่าเบื่อนี่ ยิ่งคนเดินผ่านน้อย เขายิ่งค้นพบว่ามันน่าเบื่อ ทั้งๆที่ไม่ใช่คนชอบพูดชอบคุย แต่การยืนอยู่เฉยๆแบบนี้ นอกจากน่าเบื่อแล้วยังแปลกมากๆอีกด้วยอัศวินถอนหายใจออกมา จริงๆแล้วการไปเรียนต่อต่างประเทศตามความประสงค์ของผู้เป็นพ่ออาจจะง่ายกว่าทำเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่อยากไปอยู่ดี แม้จะเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ก็เกลียดการอยู่อย่างโดดเดี่ยว


ท่ามกลางผู้คนเดินขวักไขว้ ที่ตรงนี้ในฐานะเจ้าหน้าที่สาธิตสินค้ามันช่างว่างเปล่า ไม่แน่ใจว่าอย่างนี้เรียกว่าเงียบเหงาหรือไร้ตัวตนไปแล้วกันแน่ เป็นอย่างนี้เขาไม่ชอบมันเลย ในขณะที่กำลังยืนเบื่ออย่างนั้นก็หันไปมองรอบด้าน ที่ตรงนั้นที่ใครอีกคนกำลังทำหน้าที่แบบเดียวกัน ต่างที่ชนิดสินค้า…


รอยยิ้มสดใสนั้นมันดูต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง ต้องเก่งหรือมีความชอบกันหรือถึงทำได้ดีจนน่าตกใจแบบนั้น ทว่าเจ้าของรอยยิ้มนั้นเมื่อจับได้ว่าเขามองอยู่ก็ยิ้มให้ และชี้ชวนให้คนที่ตนคุยอยู่หันมามองทางนี้ อัศวินเกือบหลบตาไม่ทัน เขาหันกลับมาสนใจงานของเขาซึ่งก็คือการยืนนิ่งๆ แต่แล้วก็มีคนเดินเข้ามาหา


“อันนี้ฮะ อร่อยมากๆเลย” เป็นคนที่เขาพยายามเลี่ยงที่จะสบตาอย่างไม่น่าสงสัย

   
“อันนี้นี่มันอะไรละจ้ะ”  ทว่าชุบกลับไม่ได้มาวุ่นวายคนเดียว รุ่นพี่ตัวเล็กได้พาคนอื่นมาด้วย เป็นคุณป้าท่านนึงที่ดูเหมือนจะเดินมาจับจ่ายใช้สอยอาหารสด


“มีทบอลครับ”  อัศวินเพียงตอบสั้นๆ


“ลองชิมได้นะฮะ อันนี้อร่อยมากเลยน้า”  ทว่าคำอธิบายที่เขาควรจะมีกลับถูกกลืนเข้าไปในลำคอ คนตัวเล็กที่พาคนอื่นมาจึงหยิบถ้วยชิมในถาดให้กับคุณป้าท่านนั้นด้วยตนเองแบบแถมฟรีรอยยิ้ม


“มันเป็นเนื้อเหรอจ้ะเนี่ย”


“เอ่อ…ส่วนผสมจะไม่มีเนื้อสัตว์เลยครับ เหมาะสำหรับคนทานมังสวิรัติหรือคนที่รักสุขภาพ” แต่เมื่อโดนถาม คำตอบมันก็ออกมาเอง


“แถมเตรียมง่ายมากๆนะฮะ  แค่เอาไปอุ่นในไมโครเวฟก็พร้อมทานแล้ว”  เป็นชุบที่ช่วยเสริมให้ น่าแปลกใจที่ข้อมูลเหล่านี้ไปอยู่ในหัวอีกฝ่ายได้ไง แต่มันก็ไม่ยาก ในเมื่อจอมเกาะติดได้เดินผ่านเขาในระหว่างกำลังเตรียมตัวอย่างทดลองเหล่านี้


“อร่อยดีนะ ว่าแต่แพคล่ะเท่าไหร่เหรอจ้ะ”


“ตอนนี้มีโปรโมชั่นอยู่ด้วยนะฮะ เป็นสินค้าเพิ่งเปิดตัวเลย”  แน่นอนว่าคำถามนี้เขาก็ไม่ได้ตอบเอง จอมยุ่งถึงกับหยิบสินค้าขึ้นมาแนะนำต่อให้ เขามองคู่สนทนาสองคนอย่างฉงนใจ แต่ไม่มีติดลำบากใจอยู่ในนั้นเลย เมื่อมาเทียบกันแล้ว…คนๆนี้ขายเก่งกว่าเขาจริงๆ ไม่นาน…ก็สามารถปิดการขายได้แล้วถึง 2 แพค


เรียกว่าเป็น 2 แพคแรกของวันนี้เลยดีกว่า…


ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย เขาก็เดินมาเซ็นชื่อออกจากพื้นที่และหมายมั่นจะมุ่งหน้ากลับบ้าน คุณป๋าที่มองว่าบททดสอบมันควรจะมากกว่าการให้มายืนขายของได้มอบหมายเพิ่มเติมให้กลับบ้านเอง ดังนั้นเขาจึงคิดจะนั่งแท้กซี่กลับเพราะไม่มีกฎเกณฑ์บังคับกันไว้


“น้องวีนนนนนนนน”


“…”


“กลับรถเมล์หรือเปล่า นั่งสายอะไรเหรอ”


“เอ่อ…ไม่รู้ครับ” เพราะไม่ได้คิดจะกลับรถเมล์


“อ้าว แล้วนี่ไปไหน ไปรถไฟฟ้าหรือเปล่า”  รถไฟฟ้าไหม…อืม จะว่าไปก็เคยขึ้นรถไฟฟ้าไปลงแถวบ้านอยู่นะ


“ก็…ครับ”


“งั้นขึ้นรถเมล์ไปด้วยกันไหม พี่ชุบจะไปขึ้นรถไฟฟ้าอยู่พอดี”


และด้วยเหตุนี้อัศวินจึงไม่ได้นั่งรถแท๊กซี่กลับบ้านเพราะมีอีกวิธีที่น่าจะเวิร์คกว่าการฝ่ารถติดจากบางนาไปทองหล่อในตอนเย็นๆวันศุกร์แบบนี้ แต่นี่คือครั้งแรกของการนั่งรถเมล์เลยนะ เขาไม่ค่อยได้ดูทีวีอยู่แล้วด้วย จะไปรู้ได้ไงว่านั่งรถเมล์ต้องทำอย่างไรและนั่งสายไหน? อัศวินรู้สึกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อยในขณะที่โหนรถ เหลือบมองหาตัวอย่างจากคนนั้นคนนี้และก็ค้นพบว่าสิ่งที่ต้องทำคือการยื่นเงินให้กับเจ้าหน้าที่ที่เดินมาเหมือนนักเลง


“ครับ”  และเขาก็ยื่นแบงค์ที่เล็กที่สุดในกระเป๋าเงินตอนนี้…แบงค์ 500


“โหยยยย ไม่มีทอนหรอกน้อง”


“พี่ๆ งั้นเอาของผมไปก่อน”  เขาหันควับ ได้ไงกันเล่า!


“พี่ชุบ!”


“เอาน่า เดี๋ยวค่อยคืนพรุ่งนี้ อย่าเถียงเดี๋ยวได้กระเด็นลงรถหรอก”  อัศวินที่ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้นั้นมองหน้ากระเป๋าท่าทางนักเลงที่ฉีกตั๋วสองใบส่งให้กับคนจ่ายเงินด้วยความไม่พอใจ แต่แล้วมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น กับแค่เงินห้าร้อย ทำไมถึงไม่มีทอน ทว่าก็ไม่ได้บ่นอะไรออกไป เขาแค่เก็บความไม่พอใจไว้แค่นั้น


เราลงรถเมล์ป้ายเดียวกันและต่อรถไฟฟ้า คนพามาได้ลงไปก่อนที่สักสถานีนึง แม้ว่าอัศวินจะเงียบแค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็ชวนคุยเก่งเหลือเกิน คาดว่าวันนี้คงพูดเยอะที่สุดในรอบเดือนที่ผ่านมา อัศวินกลับมาถึงบ้านรัตนสกุลด้วยความเหนื่อยล้า คาดว่าเขายังไม่ชินกับการยืนนานๆแบบนี้ และไม่ชินกับการยอมรับความพ่ายแพ้แบบงงๆนี้เช่นกัน

วันนี้คุณป๋ายังไม่กลับ ขอให้กองงานหล่นทับไม่ได้กินข้าวเย็นซะเลย พอนึกถึงข้าว เจนก็เดินมาหาพร้อมลากกันไปที่โต๊ะอาหาร วันนี้เราก็กินกันสองคน ดูเหมือนจะเหงาแต่เชื่อสิ ว่าจะเจนทำให้เราสามารถรู้สึกเหมือนมีคนมากกว่าสามคนนั่งอยู่ตรงนี้ได้


“เหนื่อยไหมน้องวิน”


“ก็เหนื่อยครับ แต่เจ็บใจ ขายไม่ค่อยออก”


“เราก็เป็นคนพูดเก่งที่ไหน ถอดแบบคุณป๋ามาเต็มๆแบบนั้นให้ไปยืนเป็นจ่าเฉยซะยังดีกว่า”  อันนี้ว่าคุณป๋าหรือว่าน้องกันนะ


“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้จะตั้งใจครับ”


“ว่าแต่นี่กลับมาไงเนี่ย”  เจนถาม


“นั่งรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้า แวะซื้อน้ำและต่อพี่วินครับ”


“หะ…รถเมล์?”


“อื้ม ได้นั่งรถเมล์แล้ว”  ครั้งแรกในชีวิต…ในวันนี้นี่นะ โอ้ยตาย! เจนจะตายให้ได้ ทำไมไม่ให้เจนได้เตรียมตัวเตรียมใจ


“อย่าบอกนะว่าลูกชุบพานั่ง”


“ครับ?”


“ลูกชุบพานั่งใช่ไหมน้องวิน”


“ลูกชุบ…พี่ชุบเหรอครับ”  แล้วเจน…ไปรู้จักลูกชุบได้ไงลูกเก็บเหรอ?


“โอ้ยยยยย!! เราบอกให้ช่วยดูแลดีๆแท้ๆเลย”


“เจนส่งพี่ชุบมาเป็นสปายเหรอครับ”  ทำอย่างนี้ผิดกติกานี่ ถ้าคุณป๋ารู้…ที่ยืนขาแข็งมาทั้งหมดวันนี้ถือเป็นโมฆะ


“พี่เจนไม่ได้ส่ง น้องวินอย่าเข้าใจผิดๆสิ”  คนโดนถามตอบอย่างเลิกลั่ก ไม่มีการส่งใครไปด้วยจุดประสงค์นั้นจริงๆหรอก แต่เจน…ทำเรื่องที่ผิดกว่านั้น


จริงๆแล้ว เจนไปซื้อของที่นั่นบ้าง ใช้บริการอยู่หลายซุปเปอร์ในย่านที่สุขุมวิทจะไปถึงได้หลายแห่ง และด้วยนิสัยว่าง เอ่อม…ว่างถือเป็นนิสัยได้หรือเปล่านะ แต่เอาเป็นว่าว่างเลยไปเดินซื้อของบ่อยๆดังนั้นกับบางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี โดยเฉพาะ ‘ลูกชุบ’ พนักงานแนะนำสินค้ามือโปรที่โผล่ไปอยู่หลายๆแห่งรอบๆเขตแดนที่รถไฟฟ้าจะพาไปถึง


อาจจะเพราะความเหมือนที่แตกต่างของเราสองคนต่างวัยกันก็เป็นได้ เจนถูกชะตาเด็กคนนั้นนักด้วยฝีมือการขายที่น่าเอ็นดู จึงมักจะซื้อของที่เจ้าตัวแนะนำอยู่บ่อยครั้งและเริ่มสนิทสนมกัน อีกทั้งก็เป็นเจนนี่แหละที่แนะนำให้ลูกชุบได้มาเป็นพนักงานแนะนำสินค้าของรัตนสกุลบางงาน ทว่าเด็กหนุ่มก็รับงานไปเรื่อยเพราะเรียนไปด้วย ทำเท่าที่ไหว แต่บางทีก็ฝืนคำว่าไหวไปอยู่บ้างเหมือนกัน


ด้วยความเป็นห่วงวันนี้ก็ตั้งใจจะไปด้อมๆมองๆไม่ให้รู้ตัว ทว่ามีคนรู้ตัวก่อนใครนั่นคือลูกชุบ เจนแทบจะกระโดดไปตะครุบปากแทบไม่ทัน ก่อนที่จะอธิบายให้ฟังว่าแอบมาดูใคร ทั้งนี้ไม่ได้บอกลูกชุบไปหรอกว่าน้องวินนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ก็บอกไว้แค่ว่าเป็นญาติที่เลี้ยงดูมา เป็นห่วงมากๆ เลยถือโอกาสฝากฝัง แต่เจนไม่คิดเลยว่าคำว่าดูแลนั้นจะตีเป็นวงกว้างขนาดทำให้คนตัวเล็กนั่นพาลูกชายบ้านชาวบ้านไปกินป็อกๆและนั่งรถเมล์


ในโอกาสนี้อัศวินได้สอบถามไปพร้อมแสดงข้อสงสัยเกี่ยวกับการทอนเงินของรถเมล์ไทย และได้ทราบว่าบางทีเขาก็ไม่มีเงินทอนหรือขี้เกียจทอน คนส่วนใหญ่ควรจะเตรียมเงินให้พอดีหรือไม่มากจนเกินไปเอาไว้ ทั้งนี้ก็ไม่เคยรู้เลยว่าค่ารถเมล์นั้นมันถูกขนาดนี้ ไม่แปลกล่ะถ้ามีคนมายื่นแบงค์ห้าร้อยให้ อัศวินคงกำเหรียญปาใส่หน้าเป็นแน่ และเมื่อคิดถึงข้อผิดพลาดมากมายของตนวันนี้ก็พลันคิดถึงอีกคนที่ดูเหมือนจะน่ารำคาญ แต่ก็น่าสนใจ ในเรื่องหลายๆก็เหมือนจะมีเรื่องดีๆ


“ลูกชุบเก่งมาก และใจดีด้วย มีอะไรก็ถามได้หมดเลย”  เจนพูดเช่นนั้น และน้องวินก็รู้ว่าคนจุ้นจ้านใจดีแค่ไหน อา…ชมเก่ง ป่านนี้คงลอยหลุดออกจากหน้าต่างบ้านไปแล้วล่ะมั้งนั่น


แต่ก็จริงที่ว่าเก่ง เขายังมองออกว่าตัวเองอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายเยอะเมื่อดูถึงจุดนี้ มีตั้งหลายเรื่องที่อัศวินไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในขณะที่อีกฝ่ายทำมันออกมาได้เป็นธรรมชาติ เราอาจจะอ้างถึงความมีประสบการณ์ของอีกฝ่าย แต่ถ้าเขายังเป็นอย่างนี้มันก็คงไม่พัฒนาไปไหน


“ผมทำได้ไม่ดีเลย”  เขาพูดออกไปอย่างนั้น และมันทำให้เจนวางช้อน


“ไม่ๆน้องวิน อย่าคิดมาก วันนี้น้องวินขึ้นรถเมล์เป็นแล้วไง”  ใครบอกว่าขึ้นเป็น มีคนจูงมือขึ้น ต่อให้เป็นพรุ่งนี้ถ้าไปคนเดียวก็คงขึ้นไม่เป็นอยู่ดี กับเรื่องที่คนอื่นมองว่าง่าย แต่โตมาจนขนาดนี้ยังทำไม่ได้ มันกลับกลายเป็นเรื่องยากที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในตนเอง


“ยังมีอีกเยอะที่ยังทำไม่ได้”  บางทีไอ้ที่คุณป๋าบอกว่าอยากให้ออกไปข้างนอกไปทำงานนี้มันก็ด้วยหลายเหตุผล ลูกชายของคุณป๋าน่ะโตแค่ตัวจริงๆ และถ้าไม่เลือกเดินตามเส้นทางเดียวกัน ก็ขอให้ประสบความสำเร็จในทางที่แตกต่างสินะ


“ไม่มีใครเก่งแต่เริ่มหรอกนะ”  พี่เจนพูด แต่ริมฝีปากมีรอยยิ้มเมื่อเห็นแววขัดใจของเด็กที่เอาแต่ใจนับตั้งแต่วันนี้อัศวินคงเอาจริงแล้ว บางทีที่เลือกไปขอให้ลูกชุบช่วยก็คงไม่ใช่เรื่องที่แย่เกินไป คุณรบก็พูดน้อยเกินเมื่อไหร่น้องวินจะไปเข้าใจล่ะ พ่อลูกคู่นี้นี่นะ ไม่ได้ล่ะ เจนต้องไปจัดการคุณรบแล้ว ตาคนปากหนักนี่ ส่วนน้องวินก็…


พอจะเป็นไปได้ไหมนะ? ที่จะฝากลูกชุบจัดการไปก่อน….


TALK
นิยายเรื่องนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นน้องวินเท่สุดเป็นพระเอกสุดอะไรหรอกนะคะ
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าน้องก็เป็นลูกคุณหนูระดับหนึ่ง แถมเก็บตัวด้วย
ดังนั้นเรื่องนี้น้องก็จะมีขาดๆบ้าง เกินๆบ้าง ต้องติดตาม แหมะไหนๆก็ติดตามมาตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้นเนาะ555
#เจนไม่นก
TWITTER @reallyuri







ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
ลูกชุบน่าร้ากกกกกกก
รอตอนต่อไป  :hao7:

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ลูกชุบน่ารักกกกกกก

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ชุบๆจุ๊บๆ Happy New Year นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
น้อนนนนนนนนนนนนนนน :impress2:

ออฟไลน์ Gareki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีแวววว มีแววได้เ มี ยยย :hao7: :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เจนเป็นกามเทพไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ชอบบุคลิกของหนูวินมากจริงๆมองเป็นน้องเสมอแม้จะโตแค่ไหนเจ้าลูกบของป้าาาา

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น้องงงงง น้องโตแล้วแต่ก็ยังเป็นน้องงงง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่เจนก็คือพี่เจนนนนน

ออฟไลน์ namtok

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :o12: :o12: :o12: ค่อยเป็นค่อยไปนะเจ้ากบ โอ้ยยยย //เจนก็ห่วงลูกเกิ้น

ออฟไลน์ skylover☁

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-2
ลูกชุบของอัศวิน 2

“อ่ะนี่!”  เจนที่ยิ้มอย่างสดใสดูไม่น่าไว้ใจเลยในตอนนี้


“อะไรครับ”  อัศวินถามเมื่อเจนส่งถุงอะไรสักอย่างมาให้ พอเปิดดูก็พบว่าข้างในมีถุงคุ้กกี้ เจนเพิ่งอบเมื่อวาน แต่เอามาให้ทำไม? แถมผูกโบว์ซะเรียบร้อยแบบนี้


“เอาไปให้ลูกชุบที”  ว่าแล้วเชียว!  ตั้งแต่เมื่อวานแล้วเอะอะอะไรก็ลูกชุบๆ ก็เข้าใจว่าคนโปรด แต่คนโปรดอันดับ 1 (น้องวิน) และอันดับ 2 (คุณป๋า) นั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆยังทำหน้าระรื่น ต้องมีคนขมวดคิ้วก่อนไปทำงานเสียแล้ว


“อะไรคือลูกชุบ!”  นักรบที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ถึงกับชะงัก ก่อนจะหันมาถามเจ้าของคุ้กกี้


“ต้องพูดว่าใครต่างหาก ลูกชุบคือเด็กที่ทำงานที่เดียวกับน้องวิน น้องที่เจนรู้จักเอง”


“แล้วไปรู้จักกันได้ไง”นั่นไง คนโปรดเบอร์สองถึงกับทำเสียงห้วนๆ


“ก็ไปซื้อผักผลไม้ให้พ่อลูกจอมเรื่องมากกินเลยรู้จักไง น้องทำงานที่ซุปเปอร์ เจนเห็นขายเก่งเลยชวนมาขายให้สินค้าบริษัทคุณรบไง”  แต่ไม่ได้บอกคุณรบนะ ระดับนี้จิกหัวใช้เลขาคุณรบได้เลย ทั้งเก่งและจะใหญ่กว่าประธานบริษัทแล้ว


“ผมต้องระวังตัวหรือเปล่า”ระวังอะไร?มือที่ 3 หรือการยึดอำนาจจากมือที่ 1 ล่ะ


“เฮ้อ…ลูกชุบนี่ตัวเท่าเมี่ยงจะไปกลัวอะไร” เป็นความจริงที่ว่าถ้าเจนกับลูกชุบอยู่ด้วยกันต้องอยู่ในห้องเก็บเสียงเท่านั้น อีกอย่างถ้าคุณนักรบคือแบบที่เจนชอบ ลักษณะของลูกชุบนั้นก็ไกลจากแบบที่เจนชอบในเชิงนั้นไปเลย อาจจะเรียกว่าเอ็นดูแบบที่เอ็นดูพระพายนั่นแหละ


“ก็แล้วไป”  ก่อนจะกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ เอ๊ะ…หรือเจนควรจะเดินควงลูกชุบแบบเปิดเผยดี ซึ่งนั่นไม่ดีแน่ๆ คุกอาจจะถามหาก็เป็นได้ ดูจากทรงหน้าแล้ว อาจจะรุ่นเดียวกับน้องวินหรืออ่อนกว่าด้วยซ้ำ จะว่าไป…เจนก็ไม่เคยถามประวัติความเป็นมาของน้องเลย เจอหน้ากันทีไร คุยแต่เรื่องของกินทุกที


ในที่สุดก็ได้เวลาส่งพ่อและลูกกบออกจากบ้าน วันนี้คุณรบบอกจะไปส่ง แต่เจ้าแสบบอกว่าจะนั่งรถไฟฟ้าต่อบีทีเอสเอง เผื่อเวลาไว้นานพอตัวเลย คนพ่อส่งถึงแค่รถไฟฟ้า เราไม่ได้พูดอะไรกันแต่รับรู้ได้ถึงความจริงจังในวันนี้ เป็นอีกวันที่ขึ้นรถไฟฟ้าและถ้าเวลาเหลือพอก็จะขึ้นรถเมล์แบบที่เมื่อวานเจนสอนเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีก็เรียกแท็กซี่เอ้า


“น้องวีนนนนนนนน”  แต่สงสัยได้ขึ้นรถเมล์แน่ๆวันนี้


คนตัวเล็กที่สดใสเปล่งปลั่งราวกับเมายาเสมอมานั้นเดินเข้ามาในโบกี้เดียวกับเขา มันเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจของใครก็ไม่มีใครรู้ แต่วันนี้เช้าของเขาถูกเตรียมพร้อมทางความร่าเริงจากเจนมาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นมันต้องไม่เป็นอะไร


เราสองคนลงรถไฟและต่อรถเมล์อย่างที่ตั้งใจไว้  อัศวินเดินตามอีกฝ่ายเงียบๆแสร้งทำทุกอย่างให้ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งๆที่กำลังพยายามเก็บข้อมูลอยู่ ลูกชุบเป็นคนตัวเล็กเหมือนเจนเลย บุคลิกที่ร่าเริงนั้นดูจะมีมากกว่าเจนด้วยซ้ำ ยิ้มสวยเหมือนพี่พระพาย และมีความใจดีเผื่อแผ่แบบพระพายมากกว่าที่เจนเป็น เป็นความร่าเริงแต่มองโลกในแง่ดี


ว่าแต่สิ่งที่เขาควรจะสังเกตไม่ใช่ลูกชุบสิ! มันชักมากไปแล้วนะอัศวิน นายมาทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมไปข่มคุณป๋าอยู่ไม่ใช่หรือไง! อย่าให้อย่างอื่นมาดึงความสนใจอออกไปสิ ใช่! เขาต้องขึ้นรถเมล์สายนี้ แต่นี่มันไม่เหมือนสายที่นั่งเมื่อวานนี่ เมื่อวานเป็นรถไม่มีแอร์ วันนี้มีแอร์ อา…ประเทศไทยมีรถเมล์หลายประเภท และหลายสายอาจจะผ่านจุดหมายของเขาสินะ สงสัยต้องแอบหาข้อมูลหน่อยล่ะว่าสายไหนผ่านบ้างจะได้มาคนเดียวถูก!


แต่ขั้นตอนการจ่ายเงินก็คล้ายๆกัน ตรงนี้อัศวินสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่ว มีการถามค่าโดยสารจากกระเป๋ารถเมล์ก่อนจะยื่นแบงค์ 20 ให้ไป จากที่เจนเล่าให้ฟังคือรถเมล์มีหลายประเภท ค่าโดยสารก็ต่างกันไป บางคันเป็นแบบเหมาจ่าย บางคันเป็นแบบคิดตามระยะทาง เมื่อวานเราติวกันแล้ว วันนี้จึงไม่พลาด!


การทำงานในช่วงเช้านั้นสั้นๆ อัศวินเริ่มเรียนรู้ที่จะพูดเชิญชวนให้ลูกค้ามาหยิบชิมบ้างแล้ว แต่มันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จแบบที่ตั้งเป้าไว้ บางคนเดินมาหยิบและเดินจากไปไม่รอฟังเขาพูดต่อ ของชิมหมดเร็วขึ้นก็จริงๆแต่ยังไม่มีโอกาสได้แนะนำสินค้าดีๆเลย มีอะไรที่ทำผิดพลาดไปอีกงั้นเหรอ?


“ต้องยิ้มด้วยสิ”  ยิ้ม!


“…” ยิ้ม..


“ยิ้มแบบนี้”  และก็ยิ้มเต็มแก้มให้เขาดู เราพักเบรกกันแล้ว และก็มานั่งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวร้อนๆเหมือนเดิม ในขณะที่รออาหาร เขาก็ทำใจกล้าถามรุ่นพี่ที่รู้จักเพียงแค่คนเดียวในที่แห่งนี้


“มันหงุดหงิด ใครจะไปยิ้มได้”  เขาพูดออกไป


“ไม่เห็นยากเลย ง่ายนิดเดียวแบบนี้ไง”  แล้วเจ้าของรอยยิ้มเต็มแก้มก็จัดการสาธิตกับใบหน้าของเขา ลูกชุบที่แนะนำตัวแค่ว่าตนชื่อชุบนั้นยื่นแขนออกไปหา ก่อนจะใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างกดยกมุมปากของเขา


“…”  ช่วยดูหน้าด้วยว่านี่เล่นอยู่หรือเปล่า!


“แค่ยกมุมปากขึ้นไปก็ดูใจดีขึ้นแล้ว”เขาไม่ได้อยากดูใจดี…


ดังนั้นก็ช่วยเกรงใจกันบ้าง!


“อย่าทำตาแข็งแบบนั้นสิ คนอื่นกลัวหมด”  แล้วลูกชุบไม่กลัวเลยหรือไง นี่ทำให้กลัวอยู่ทำไมยังไม่กลัวอีก ต้องให้ถลึงจนตาถลนออกมาเลยไหมถึงจะกลัวกันได้ คิดว่าเป็นคนโปรดของเจนแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ โลกมันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้นหรอก!


“เอามือออก”  เขาสั่งพลางรวบมือของอีกฝ่ายออกไป และอีกจุดสังเกตุคือมือของลูกชุบเล็ก…และอุ่นนุ่มมาก


“ก็พี่ชุบอยากบอกน้องวินนี่ ว่าทำหน้าดุไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นะ ลูกค้าที่ไหนจะกล้ามาเข้าใกล้เราล่ะ”


“…”


“ยิ้มหน่อยสิ และพูดเพราะๆว่า ‘มีทบอลอร่อยๆครับ’ แบบนี้”ว่าไปพลางสาธิตด้วยการยื่นตะเกียบให้ อัศวินที่คิดตามก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าคนขายหน้าบึ่งแบบเขาก็คงไม่มีใครอยากซื้อ แต่ต้องโทษใครเล่าที่ทำให้หน้าเขาเป็นเช่นนี้ โทษคุณป๋าดีไหม เราก็หน้าคล้ายๆกัน รายนั้นก็ไม่ได้ดูเป็นมิตรกับคนอื่นสักเท่าไหร่


เรากลับมาทำงานพร้อมคำถามเดิมว่างานนี้มันเหมาะกับเขาจริงๆไหม อัศวินค้นพบว่าการยิ้มกว้างๆทำให้ตัวเองดูหน้าตึงแปลกๆจึงไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขามีเพื่อนน้อย ในตอนเด็กๆพี่เจนเคยบอกว่าน้องวินยิ้มน่ารัก แต่เมื่อโตขึ้นโครงหน้าเริ่มเปลี่ยน รอยยิ้มก็อาจจะไม่ใช่อะไรที่เหมาะกับทุกช่วงวัยอีกต่อไป แถมอุปสัยก็เปลี่ยนตาม รอยยิ้มเป็นเรื่องที่ต้องสร้าง ไม่ใช่ความต้องการโดยแท้จริงอีกต่อไป


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


“…”  อัศวินที่กำลังแจกของชิมอยู่ทำสีหน้าไม่ถูก อยู่ๆคนที่ไม่ควรจะอยู่ในระบบชีวิตตอนนี้กลับมาโผล่ที่ตรงหน้า เพชรพิสุทธิ์เหมือนจะโผล่มาในยามที่ไม่ต้องการเสมอ แต่น้องวินเคยต้องการเขาด้วยหรือไง?


“ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวขายของไม่ออกนะครับคุณหนู”  รู้ดีไปอีกว่าปัญหาที่กำลังขบคิดอยู่คืออะไร


“ลุงเพชรมาทำไมครับ”


“อาเพชรก็พอมั้งครับ”  อายุก็น้อยกว่าทั้งคุณรบและเจน ถ้าหลานไม่หมั่นไส้บางทีก็ได้เป็นอาอยู่หรอก เขาพยายามจะเพิกเฉยต่อท่าทางตึงๆอารมณ์ไม่ดีของคนลูก เพราะชินกับท่าทางแบบนี้ที่มีเหมือนคนพ่อ ก่อนจะอธิบายต่อไป  “คุณรบใช้มาสืบราชการลับนะครับ”  ยังคงเป็นเลขาที่ใช้ได้คุ้มเช่นเคย โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ยิ่งดูเป็นความชำนาญเฉพาะทางที่ไหว้วานใครอื่นไม่ได้


“เรื่องลูกชุบใช่ไหม”


“โหหหหหห แสดงว่าคอนเนคปัญหาทางสุขภาพจิตได้กับคุณพ่อ”  เรื่องเจนคือปัญหาหลักของเรา แต่เชื่อเถอะว่ากับลูกชุบนี่ไม่มีอะไรหรอก การเป็นคนโปรดนั้นมีหลากหลายความหมาย แต่เขามั่นใจว่าลูกชุบมาแย่งเจนไปไม่ได้หรอก ดีดทีเดียวก็กระเด็นแล้ว


“อยู่ตรงนั้นน่ะ แวะไปซื้อแอปเปิ้ลสิ”  เขาตอบแบบปัดรำคาญ


“ไปมาล่ะครับ เลยแวะมาหา เห็นยืนหดหู่อยู่เลยเป็นห่วง”นี่เขาดูเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือนี่ อัศวินมองหน้าเลขาของคุณป๋าของเขาและก็นึกขึ้นได้ว่าคนปากแบบนี้อยู่รอดมาได้ไงตั้งหลายปี แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าไม่มีใครโกรธคนๆนี้ได้เลย อย่างเต็มที่ก็แค่หมั่นไส้อะไรบางอย่างในตัวของเพชรพิสุทธิ์บางอย่างในตัวเขานั้นมันคืออะไรกันเหรอ?


ความกะล่อนไง…


“อาเพชร”


“ครับ”  ในที่สุดก็เรียกอาสักที


“ตอนเย็นมารับผมที่รถไฟฟ้าทองหล่อหน่อยสิ”


“ก็ได้เหรอครับ?”  บ้านนี้นี่ยังไง เป็นเลขาคุณรบคนเดียว พ่วงตำแหน่งทาสของเมียและสารถีให้ลูกชายด้วยเหรอ ได้เหรอ เอาจริงๆ


“ต้องได้ครับไม่งั้นพระพายรู้แน่ว่าวันนี้อาเพชรแวะมาเต๊าะเด็ก”  พูดพลางพยักเพยิดไปที่ทางลูกชุบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จริงๆพระพายไม่ใช่คนงี่เง่าที่จะเชื่ออะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคุณหนูน้องวินพูดล่ะก็…อึก…น้ำลายแกลลอนนึงก็กลืนลงคอไม่พอหรอก ในที่สุดก็ต้องจำยอมไปรับทั้งๆที่วันนี้ไม่ได้เต๊าะใครจริงๆ(?)


ขากลับบ้าน เขาก็ยังไม่พอใจกับยอดขายที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองเท่าไหร่ และเหมือนเดิมก็ยังกลับกับลูกชุบ ทั้งๆที่ให้อาเพชรมาอยู่รอรับที่นี่ไปเลยก็ได้ แต่ก็ไล่ให้ไปเจอแถวบ้าน มันเพราะอะไรกันนะ ต้องเป็นเพราะไม่อยากให้ลูกชุบรู้แน่ๆว่าเป็นลูกคุณหนู


“น้องวินทำดีแล้ว เชื่อสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”  นี่ก็ไม่ได้ขอคำปรึกษา ไม่ได้พูดด้วยเลยแล้วมาทำเป็นรู้ดี   


“…”  มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะเขาจะไม่มีวันย่ำอยู่กับที่  อัศวินเงียบและเสมองไปทางอื่น ถ้าไม่ใช่กับเจนก็ดูเหมือนจะมีความอดทนต่ำกับคนทั่วไปเสียหน่อยอยู่เหมือนกัน นี่แหละเหตุผลที่ไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน ไม่ชอบความวุ่นวาย


“อย่าทำหน้าเหมือนรำคาญขนาดนั้นสิ”  อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบาก่อนที่จะถอยห่างออกไป เขากลับมามองที่ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวังนั่นอีกครั้ง ฉับพลันก็รู้สึกผิดขึ้นมา ก่อนจะคว้าฉุดให้เข้ามาหา แต่อย่างไร…มันก็ดูจะใกล้กว่าเดิม


“ไม่ได้รำคาญ แต่กำลังคิดอยู่” 


“…”


“เอาขนมไปกินนะ”  เขาเกือบลืมไปเสียแล้วว่าเจนฝากของมาให้ โชคดีที่ถือติดมือมาด้วย และเมื่อยื่นถุงขนมให้ ดวงตาของรุ่นพี่ตัวเล็กก็เป็นประกาย ให้ตายเหอะ แพ้จริงๆด้วย คนอะไรเศร้าไม่จริง น่าตีนัก!


“ให้พี่ชุบเหรอ?”  ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เดี๋ยวก็ไม่ให้เสียเลย!


“เจนฝากมาให้”


“พี่เจนฝากมาเหรอ!”  ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นยิ่งเป็นประกายใหญ่ นั่นทำให้เขายิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก แค่พูดชื่อเจนก็ต้องดีใจขนาดนี้เลยเหรอนี่ เขาเริ่มรู้สึกหวงขึ้นมาหน่อยล่ะ หวงใคร…หวงเจน?


“อืม”


“พี่เจนฝากมาใช่ไหม พี่เจนใจดีจัง พี่เจนนะ พี่เจน นะ…อื้อ!!!”  น่ารำคาญ ปิดปากไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอายุน้อยกว่าจริงๆ เพราะมือของเขาใหญ่พอที่จะปิดได้ทั้งหน้าของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ อัศวินตีหน้านิ่ง


“เงียบได้หรือยัง”  เขาถาม ลูกชุบพยักหน้า และมันก็แค่นั้นเองที่ได้อิสระ ทว่าดวงตาแป๋วคู่นั้นก็ยังมองอยู่ มือที่ปิดปากอยู่จึงถูกเลื่อนมาปิดตาให้ซะจบๆ เป็นความเงียบที่เสียงดังจริงๆสำหรับดวงตาคู่นี้


“ปิดตาพี่ชุบทำไม?”


“บอกให้เงียบไง” เดี๋ยวก็ปิดปากด้วยซะเลย


“เดี๋ยวเลยบ้านพี่ชุบ” อีกคนว่าอย่างกระเง้ากระงอด


“อีกสถานีนึง”  กลายเป็นว่าเขาจำได้ อัศวินแค่ความจำดีหรอก เขาไม่ได้ตั้งใจจำ


“อ้าว..งั้นก็ต้องลงแล้วสิ”  ก็ใช่น่ะสิ  “ยังไม่อยากลงเลย”


“ไม่อยากกลับบ้านหรือไง” เด็กนิสัยไม่ดี


“อืม…”  ลูกชุบเพียงตอบรับสั้น ก่อนจะเอ่ยมาอีกคำ  “ยังไม่อยากกลับเลย”


“…”


“น้องวิน?”  เพราะความเงียบของรุ่นน้องตัวสูง ทำให้มือเล็กที่เขาเคยสัมผัสและรับรู้ถึงความนุ่มนิ่มถูกยกขึ้นมาสัมผัสข้อมือของเขา ไม่ได้เด็ดขาดจะเปิดตาให้อีกฝ่ายมองหน้าไม่ได้เด็ดขาด อัศวินคิดว่าเขาไม่เป็นตัวเองมากๆในตอนนี้


“อดทนหน่อย จะลงแล้ว”  ยังไงลูกชุบก็ต้องกลับบ้าน ไม่งั้นมันเป็นอันตรายกับเขาจริงๆ ดวงตาคมจ้องมองไปยังด้านนอก ใกล้ได้เวลาแล้ว เขาเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยังคงถูกปิดตา เห็นอีกฝ่ายทำจมูกฟุดฟิดเล็กน้อย ก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายไปยืนที่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงประกาศ แทนที่ลูกชุบจะรู้ตัวว่านี่มันได้เวลาที่จะต้องแยกจากกันแล้ว แต่บางสิ่งกลับดึงสติของตนไปเสียอย่างนั้น อะไรนะเหรอ…


กลิ่นของน้องวิน


“หอมจัง”  อา….ให้ตายเหอะทำไมมันยังไม่ถึงสักทีนี่ อัศวินได้แต่งุ่นง่านอยู่ในใจ และทำไมจะต้องตัวเล็กพอดีกับตัวเขาได้ขนาดนี้ มองจากตรงนี้ก็เห็นกระหม่อมของอีกฝ่ายชัดจนขณะที่หันหลังให้กัน ถ้าหันหน้ามา…ริมฝีปากเจื้อยแจ้วนั่น…ต้องพอดีกับหัวใจแน่ และจู่ๆภาพประหลาดก็ซ้อนทับขึ้นมาให้หงุดหงิดอีกครั้ง พอดีกับที่ประตูกำลังเปิด โชคดีที่โบกี้นี้คนไม่เยอะ


“กลับดีๆนะ”  เขากระซิบบอก ก่อนจะดันให้อีกคนออกไปจากรถไฟฟ้า ยังไม่ทันที่ลูกชุบหันมาบอกลา…


เขาก็เดินหนีไปนั่งตรงไหนสักแห่งเสียแล้ว…


“บ้ายบาย”  แต่อัศวินก็ได้ยินเสียงของคนร่าเริงอยู่ดีทั้งๆที่หลบมาถอนหายใจคนเดียวแล้ว อยู่กับคนแบบลูกชุบทำหัวใจเต้นแรงเกินไป และนี่มันควบคุมยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เขารู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวเองก็ตอนที่ต้องรับมือกับคนๆนี้ และยังไม่มีวิธีแก้ไขให้ดีขึ้นแม้จะกลับไปวางแผนดีแค่ไหนก็ตาม นี่มันแค่วันที่ 2 ที่ได้รู้จักกันนะ ยังไม่เคยเจอใครที่มีอิทธิพลที่ทำให้รำคาญแต่แคร์ได้ขนาดนี้มาก่อนเลย และคนแบบนี้บนโลกมันมีอยู่เยอะไหม? ชักจะเหนื่อยแล้วนะ


เมื่อมาถึงสถานีทองหล่อ คนที่กลัวพระพายมากก็มารอรับตามที่ได้ตกลงไว้ แต่เราจะยังไม่ไปบ้านรัตนสกุลเลยทีเดียว เพราะนายน้อยได้สั่งให้คนขับรถพาไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เราสั่งน้ำมานั่งจิบและอยู่กับตัวเองกันสักพัก จนมีคนที่ทนไม่ไหว และนั่นคือคนที่ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรก


“คุณหนูน้องวินครับ”


“ครับ”


“บอกอามาเถอะครับ”  เพชรจะไม่ไหวแล้ว อยากรู้ด้วย กลัวด้วย ใจบางไปหมดแล้ว


“…”


“ใครทำให้เจ็บช้ำ หรือกลายเป็นเด็กมีปัญหายังไง บอกอาได้นะครับ” 


“ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกครับ”  เป็นอะไรกันไปหมดแล้วนะคนเรา จริงๆแล้วอัศวินไม่ได้เรียกคุณอาเลขามาเพื่อถกปัญหาชีวิตวัยรุ่นอันว้าวุ่นของเขาเสียหน่อย ที่เรียกมานี่เพราะเห็นว่ามีความสามารถเฉพาะทางต่างหาก และความสามารถที่ว่านั่นก็คือ…ความกะล่อนนั่นไง


จะบอกว่าอัศวินถอดแบบของคุณพ่อมาเลยมันก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าซึมซับมามากเลยคล้ายๆก็คงจะมากกว่า ทว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ไม่รู้และไม่เข้าใจ การเลี้ยงดูน้องวินโดยเจน ไม่เหมือนกับคุณรบที่เติบโตมา ดังนั้นมันจึงมีหลายอย่างที่คนเป็นลูกจับไม่ได้ไล่ตามไม่ทันอยู่เยอะ ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าตนอยากจะเหมือนพ่อ ในส่วนของเลขาพ่อนั้น…ก็ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะเหมือนมาก่อนเช่นกัน


“อา…จริงๆมันก็ไม่ใช่ความกะล่อนหรอกครับที่ทำให้อามีวันนี้ได้”  แต่ถึงอย่างไรเพชรพิสุทธิ์ก็ดูภูมิใจในความดิ้นได้ของตัวเองและทุกอย่างมีพื้นฐานมาจากตรงนี้ แต่ใช่ว่าเขาจะมีมันเป็นพิเศษอยู่คนเดียว คนบนโลกที่ฉลาดๆในการใช้ชีวิตหลายๆคนก็เป็นแบบเขาทั้งนั้น เป็นแบบไหนนะเหรอ…ก็มีสวิชท์ปรับโหมดสำหรับทุกสถานการณ์ไง


“…”


“คุณหนูต้องเข้าใจก่อนว่าคนเราจะตรงเป็นไม้บรรทัดไม่ได้ มันก็ต้องมีงอกันบ้าง”  เพชรพิสุทธิ์พยายามอธิบาย เขาเข้าใจว่าน้องวินชอบที่จะเป็นตัวของตัวเองและเหนื่อยที่จะปั้นแต่ง แต่จะเอาแต่ใจถึงเพียงนั้นไม่ได้ โลกภายนอกไม่ใช่สถานที่ที่เราจะสามารถคัดเลือกคนให้เข้าและออกไปจากชีวิตได้อย่างง่ายดาย  ในทุกช่วงเวลาและทุกโอกาส สิ่งที่ควรมีคือกาลเทศะ


“ผมแค่ไม่ชอบยิ้ม หรือทำหน้าตาเป็นมิตรมากเกินไป”  เหมือนกับที่โรงเรียนนั่นแหละ เขาไม่ชอบให้คนมายุ่งวุ่นวายมากๆ การทำหน้าดุก็ช่วยได้ดีทีเดียวเลย


“แต่เราจำเป็นต้องเป็นมิตรเพื่อผลประโยชน์ของเราบ้าง”


“ไม่ใช่ว่าเราเป็นผลประโยชน์ของคนอื่นเหรอครับ”


“ไม่เสมอไปครับ บางทีคนอื่นก็เอื้อประโยชน์ให้เราได้ และบางทีเราก็แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน”  เพชรยิ้มให้กับคำถามของคุณหนูผู้ที่แท้จริงไม่ได้เอาแต่ใจ หากแต่ด้อยประสบการณ์  “การมีมิตรย่อมดีกว่าศัตรู และบางทีการเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวก็อาจจะดีกว่าการมีมิตร”  เขาไม่ลังเลเลยที่จะถ่ายทอด น้องวินถือเป็นเด็กที่ทุกคนเอ็นดู เขาถือเป็นคุณรบในเวอร์ชั่นที่น่ารักกว่า และเพราะทุกคนได้เห็นน้องในทุกช่วงเวลา ย่อมเกิดความรู้สึกผูกพัน


“แปลว่าผมต้องลองยิ้มโง่ๆแบบนั้นอะเหรอ”


“บางทีคนเราก็ต้องทำหน้าโง่ๆแบบนั้นครับ”  เขายิ้ม “แม้แต่คุณรบก็ต้องยิ้มเวลามีคนจะเอาเงินมาให้เราเหมือนกัน”  นี่ไม่ได้หลอกด่าว่าเขาโง่นะ แค่บอกว่ามีกาลเทศะ


“คุณป๋าก็เป็นเหรอ”  แต่ดูเหมือนน้องวินจะให้ความสำคัญกับใจความอื่น จึงไม่ได้สังเกตความน่าอ่อนไหวในประโยคนัก สมกับเป็นลูก เมื่อพูดถึงคุณรบน้องวินก็ให้ความสนใจอย่างนี้แหละ คนอื่นอาจจะมองว่าน้องไม่ค่อยเคารพพ่อ แต่จริงๆแล้วไม่เลย หากตัดเรื่องชอบแกล้งกันไปบ้าง อัศวินถือเป็นคนๆหนึ่งที่จัดได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ เลยด้วยซ้ำ เล่นก็อปกันมาซะขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าพ่อมีมุมอื่นๆที่ตนไม่เคยรับรู้ก็ยิ่งสนใจ


ว่าแต่คนหน้าหยิ่งคนนั้นนะเหรอจะมีมุมแบบนั้น แน่นอนว่าเขามี ไม่งั้นนอกจากเมียจะหาเองไม่ได้แล้ว บริษัทก็คงจะดูแลไม่ได้เช่นกัน ในฐานะผู้บริหาร เขาสามารถเป็นได้ทั้งบุคคลที่หน้าเกรงขามและดูเป็นมิตรในยามที่จำเป็น เมื่อน้องวินที่เคยเห็นแต่ท่าทางกวนๆขรึมๆของคนพ่อได้ยินดังนั้น ความรู้สึกแง่ลบเกี่ยวกับการฝืนแสดงออกก็เป็นเรื่องที่แทบจะลืมไปเลย เพราะถ้านักรบทำได้ แล้วอัศวินทำไม่ได้ หมายความว่ารัตนสกุลจะสิ้นสุดที่รุ่นของนักรบเท่านั้นใช่ไหม ไม่ได้…มันต้องดีเท่า หรือดีกว่าเท่านั้น!

ใช้เวลาคุยกันไม่นาน อัศวินที่ต้องทำงานวันอาทิตย์อีกวัน จึงกลับบ้านมาหัดยิ้มให้ดูโง่ๆเหมือนที่ลูกชุบยิ้ม ยิ้มยังไงให้ดูซื่อใสน่าไว้ใจกันนะ ในเมื่อหน้าดุขนาดนี้ ไม่ได้ดูน่าเอ็นดูเท่าอีกคนเสียหน่อย แต่เดี๋ยวนะ…นี่คิดว่าคนที่อายุมากกว่าถึง 2 ปีดูน่าเอ็นดูอย่างนั้นเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นกับคลื่นสมองของตนกันนี่!


“น้องวิน”  เสียงเรียกที่ดังจากที่ประตูทำให้เขาที่ยืนอยู่หน้ากระจก กำลังทำตัวแปลกๆอยู่ต้องหุบยิ้มฉับและหันไปมอง คาดว่าน่าจะเป็นพี่เจน แต่ไม่ใช่…เป็นแฟนของพี่เจนต่างหาก


“คุณป๋า”  เมื่อกี๊นี้ไม่เห็นใช่ไหม?


“ทำอะไรอยู่”  แล้วคนพ่อล่ะทำอะไรอยู่ อยู่ๆก็เข้ามาหากันแบบนี้ไม่ใช่นิสัยปกติเลย ถ้าไม่มาขิงใส่ว่าวันนี้ไปไหนทำอะไรมากับเจน นักรบก็ไม่ค่อยสร้างโมเมนท์พ่อลูกกันเสียเท่าไหร่


“กำลังหัดยิ้มอยู่ครับ”  แต่เขาก็ตอบไปตรงๆเพราะคาดว่าเลขาของพ่อคงเพ็ดทูลไปหมดแล้ว และเขาคงเห็นยอดขายในรายงานของลูกที่ทำส่งไปด้วย 2 วันที่ผ่านมานี้ เรียกว่าขายได้น้อยเป็นประวัติการณ์ การจ้างพนักงานสาธิตของบริษัทได้เลย…


ทั้งๆที่สาขานั้นเป็นสาขาที่มียอดขายอาหารสดเยอะมากๆแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร แต่ยอดขายสินค้าใหม่ที่เปิดตัวได้ไม่กี่เดือนตัวนี้กับไม่กระเตื้อง เราเลี้ยงลูกเป็นไข่ในหินแบบนั้น เขาย่อมรู้ดีว่าทำไม แต่ไม่คิดว่าลูกจะเอาไปปรึกษาเลขาของเขา ซึ่งจริงๆเพชรก็ไม่ได้แย่หรอก คนๆนั้นก็เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ถ้าถามเรื่องงานก็ตอบได้อย่างมืออาชีพนั่นแหละ


แต่เขาแค่ไม่คิดว่าคนอย่างอัศวินจะวุ่นวายใจถึงเพียงนี้ นี่นักรบดูเหมือนคนคาดหวังในตัวลูกสูงไปเหรอ เจ้าลูกชายถึงได้กดดันตัวเอง ทว่ามันไม่แปลกหรอก อัศวินสำนึกตนในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของเขาได้ดี เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบจึงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวตระหนักถึงได้ดีที่สุด


“คุณป๋าว่ายิ้มแบบเจนนี่ยากไหม”


“….”


“เฮ้อ…ง่ายสินะ”  อ่อนหัด น้องวินช่างอ่อนหัดจริงๆ เขายังเทียบเคียงคุณป๋าไม่ได้สินะ


“ถ้าคุณป๋าทำได้ น้องวินก็ชอบคุณป๋ามากกว่าเจนแล้วสิ” แต่ความจริงมันเป็นแบบนี้ อัศวินนี่หันขอแทบหลุดเมื่อได้ยินคำตอบของพ่อ อย่างนี้ก็ได้เหรอแต่ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่


ใครจะไปยิ้มโง่ๆแบบนั้นได้กัน!


“ฟ้องเจนแน่”  ไอ้ลูกไม่รักดี! ให้มันได้อย่างนี้สิ


“หรือน้องวินยิ้มได้ ไหนยิ้มให้คุณป๋าดูสิ”  แน่นอนว่าไม่ได้เหมือนกัน ไม่งั้นเราจะเกิดมาเป็นพ่อลูกกันเหรอ?


“เฮ้อ…” ก็ถ้าทำได้ คงไม่มีคนมานั่งเครียดแบบนี้ คุณป๋าหัวเราะเบาๆก่อนจะลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่วันนี้เกือบจะสูงเท่าเขา


เจ้าเด็กแก้มกลมที่พอเห็นก็วิ่งเข้าหา แต่พอเห็นเจนก็ทิ้งเขาไปอยู่ไหนแล้วนะ? ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มแล้ว ดีกรีความอ้อนก็ลดไปตามระยะเวลา แต่น้องวินไม่เคยไม่น่ารักในสายตาคนเป็นพ่อจริงๆ  เราใช้ความเงียบคุยกัน ซึมซับบรรยากาศอยู่ประมาณสิบนาที จนกระทั่งลูกชายคนเดียวของเขาถามคำถามบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะออกจากปากหนักๆนี่


“ตอนนี้คุณป๋าเจอเจนครั้งแรกรู้สึกยังไงเหรอ” 


“ถามทำไมกันเนี่ย”


“ตอบสิ”  เจ้าของคำถามขมวดคิ้วในยามที่ไม่ได้รับความร่วมมือ เอากับเด็กนี่สิ อยากจะรู้ให้ได้เลยใช่ไหม


“ไม่ชอบ”


“อ้าว”


“เจนไม่ได้ดูใจดีกับคุณป๋าเหมือนที่เจอน้องวินหรอกนะ รายนั้นตั้งป้อมกับทุกคน มีแค่น้องวินคนเดียวที่เขาเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็น”  ดูเหมือนว่าอัศวินจะหน้าแดงขึ้นมา เขามีโอกาสได้ดูรูปตัวเองสมัยเป็นเด็กๆบ่อย เพราะเจนชอบนั่งดูเลยได้อานิสงค์ และเจนมักจะชอบยิ้ม ชอบพูดเรื่องเก่าๆว่าน้องน่ารักยังไง ภาพเจนที่ดูรักและเอ็นดูกันมาก ช่างขัดกับสิ่งที่คนพ่อเล่ายิ่งนัก เจนที่ดูไม่เป็นมิตรเหรอ? ไม่เคยเห็นเลยแฮะ


เป็นความจริงที่ว่านักรบกับเจนไม่อาจจะชอบกันได้ในวินาทีแรกที่สบตา เพราะทั้งสองห่างไกลจากความเป็นมิตรต่อกัน ทว่าความเป็นไปได้ของความรักนั้นมีมาก เมื่อเคมีนั้นกลับเข้ากันได้ดีในเวลาต่อมา และตัวผสานเคมีเหล่านั้นก็คือเด็กหนุ่มในวันนี้ที่ตอนนั้นยังเป็นแค่ก้อนกลมๆยิ้มเห็นแต่เหงือกและพูดไม่รู้เรื่อง หากไม่มีน้องวิน นักรบเองก็ไม่คิดว่าเขากับเจนจะรักกันได้ ดังนั้นเด็กคนนี้จึงเปรียบเสมือนคนที่ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ขึ้นมา


แล้วความรักมันเกิดขึ้นได้ยังไง จริงๆแล้วมันเริ่มขึ้นตอนไหนก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด ทว่าเขารู้สึกตัวได้ว่าชอบให้เจนอยู่ใกล้ๆ ชอบฟังเจนพูดชอบฟังเจนหัวเราะ และที่ชอบที่สุดคือการที่เจนยิ้มมาให้ นักรบยอมรับว่าเขาจะเย็นชาได้อีก แต่เพราะมันมีน้องวินอยู่ตรงกลางที่ดึงให้ต้องเฝ้ามองและระวังภัยจากคนแปลกหน้าที่ชื่อเจนรักษ์ ทำไปทำมา เขาก็มองเจนในอีกแบบไปแล้ว และนั่นคงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เรียนรู้กันในแง่มุมที่นอกเหนือจากความเย็นชา


“ยากจัง”  และเมื่อถ่ายทอดให้น้องวินได้รู้ เด็กนี่ก็ยังไม่เข้าใจเสียทีเดียว อัศวินพยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่เสมอมา ทั้งนี้อาจจะเพราะอยากจะเป็นให้ได้เหมือนพ่อไวๆหรือยังไง แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยม ยังมีอีกหลายมุมที่น่าเอ็นดูเหมือนวันก่อนๆนั้น


“แล้วอยู่ๆมาถามทำไมล่ะ ไปเจออะไรหรือไง”


“…”


“จริงเหรอเนี่ย”


“ไร้สาระ ไม่เจออะไรสักหน่อย”  ปากหนัก เหมือนใครกันนะ เหมือนเจนแน่ๆ ไม่เห็นจะเหมือนเขาสักนิด


“งั้นก็ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปทำงานด้วย ถ้าทำไม่ไหวก็มาบอกจะได้ส่งไปเรียนทัน”  นักรบขยี้ผมเจ้าลูกชายปากแข็งของเขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของลูกไปยังห้องตัวเอง เรื่องไร้สาระงั้นเหรอ ให้มันจริงเหอะ จะบอกให้ว่าพ่อก็เคยคิดแบบนั้น แล้วมันเป็นไง ทุกวันนี้ก็ยังไม่หลุดจากหลุมแห่งความไร้สาระ โทษเจนคนเดียวเลย


ว่าแต่ทำไมอยู่ๆถึงถามเรื่องความรักล่ะ?


TALK
หนุ่มน้อยถามเรื่องความรักกับคุณป๋าไปทำไมกันนะ5555
ไม่ไปถามกับพี่ชุบอ่ะ555 เห็นคนชอบลูกชุบกันเราก็ดีใจค่ะ น้องวินนี่เป็นลูกของใครหลายคนๆ
เราก็แอบกลัวว่าคนจะหวงไม่ยกให้พี่ชุบ แต่เห็นคนชอบพี่ชุบงุ้นงี้ก็ดีใจ
ตอนนี้แววพระเอกยังมาไม่ครบ เราต้องให้น้องวินได้เติบโตนะคะ อาเพชรจะดูแลคุณหนูให้ทุกคนเอง วางใจได้

ขอพื้นที่ขายของหน่อย
ฝากตัวและใจให้สองเรื่องข้างล่างหน่อย
#อาทิตย์ศศิ อีกไม่นานจะจบแล้วคับ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68747.msg3902764;topicseen#msg3902764
#คู่กินคู่กัด เปิดมาตอนเดียว ช่วยคาดหวังในตัวน้องด้วยค่ะ555 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69337.0






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น้องวินโชคดีกว่าป๋า ตรงเจอทั้งเจนแล้วก็ลูกชุบ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ namtok

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอ้ หวงใครนะนี่ไม่รู้เลยน้องวินบอกหน่อยดิ :mew4:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
คุณพ่อคุณลูกเขาคุยกันแบบมึนๆกวนๆ  น้องวินได้พ่อมาเยอะนะนี่  :mew1:

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ลูกกบน้อยในวันนั้นจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกขั้นแล้วกำลังจะมีความรักแล้วสินะพ่อหนุ่มน้อยของป้าาาา  :o8:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เสร็จแน่ ๆ คุณป๋า น้องจะมีความรักแล้ว 55555

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น้องวินของพี่เจนน คิดถึงตอนตัวโน้ยๆจัง แต่ตอนนี้ก็น่ารัก เรื่องนี้ต้องปรึกษาพี่เจนรึเปบ่าน้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
วัยรุ่นว้าวุ่น

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ลูกชุบนี่คือโคลนนิ่งของพี่เจนเลยเนอะน้องวิน o18

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
วินน่ารัก

ออฟไลน์ cirrus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันน่ากังวลตรงให้เพชรดูแลนี่แหละ!!!
หนูชุบน่ารักกกก โมเม้นบนbts คือเขินเเทนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด