อัศวินของลูกชุบ6
มันเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตวันนึงเลยของลูกชุบ
แม้ตอนนี้จะปลอดภัยในอ้อมกอดของอัศวินแล้ว แต่สภาพของลูกชุบ ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับว่าโอเค หากน้องวินไม่มาที่นี่ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อๆไป แต่ทำไมเจ้าของอ้อมกอดนี้ถึงได้มาที่นี่ได้ ลูกชุบเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน เท่าที่จำได้ก็ไม่เคยบอกก่อนนี่ว่าอยู่ที่นี่ เมื่อคิดๆดีๆให้ถี่ถ้วน คำตอบนั้นหาไม่ยาก
เพราะรัตนสกุลไง… ลูกชุบได้ยินคุณอาที่มาด้วยพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับรัตนสกุล แล้วน้องวินเกี่ยวข้องอะไร? เท่าที่จำได้ นามสกุลนี้คือเจ้าของธุรกิจมากมายในประเทศ และลูกชุบก็ร่วมงานด้วยบ้าง แต่สัดส่วนของตนต่อรัตนสกุลนั้นมันเล็กน้อยเหมือนมดตัวนึง แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้เอื้อมมือมาช่วย?
“เดี๋ยวอาพาไปส่งที่บ้านก่อนนะครับ” ผู้ชายใส่สูทที่เข้ามาจบความรุนแรงต่างๆพูดขึ้น ลูกชุบไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน
“ครับ ถ้ารุนแรงกว่านั้นเดี๋ยวผมให้เจนพาไปโรงพยาบาล” ไปโรงพยาบาล ไปทำไม อา…ใช่ เพราะลูกชุบเจ็บตัวอยู่นี่นะ
“น้องวิน”
“เงียบก่อน” อัศวินเพียงตอบกลับแค่นั้น เขากระชับอ้อมกอดมากขึ้นแม้ว่าคนตัวเล็กจะดิ้นนิดๆให้เขารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าน้องวินยังไม่ปล่อย งั้นลูกชุบก็จะนั่งแบบนี้ต่อไปแล้วนะ
เรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าอายมาก กับคนที่รู้จักกันน้อยเกินไปอย่างอัศวิน ลูกชุบไม่ยินดีให้เขามาเห็นด้านนั้นของตน ไม่รู้ป่านนี้เขาจะคิดไปถึงไหน ลูกชุบมีแต่ความกังวลใจจนไม่อาจจะถ่ายทอดอะไรออกมาได้ดีในตอนนี้ เมื่อวานอัศวินอุตสาห์ไปส่งที่หอเพื่อน แล้วทำไมถึงโผล่มาปีนหน้าต่างบ้านหลังหนึ่งย่านอ่อนนุชได้ล่ะ จะมีใครยอมฟังและเชื่อลูกชุบไหม
ปัญหามันค้างคามายาวนานตั้งแต่ตอนที่พ่อของลูกชุบแต่งงานใหม่เมื่อ 5 ปีก่อน ผู้หญิงคนนั้นที่มีลูกติดมาคือแม่เลี้ยงของลูกชุบเอง ในตอนนั้นเธอก็ใจดีต่อกันอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยสนิทหรอก เพราะลูกชุบไม่ได้ยอมรับว่าเธอคือแม่ของตนขนาดนั้น และนั่นอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตที่จะไม่ผูกพันกับคนที่ภายหลังจะทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น
เราเข้ามาในรั้วของบ้านหลังหนึ่ง ลูกชุบไม่แน่ใจว่ามันอยู่ส่วนไหนของโลกเพราะสมองนั้นทำงานอย่างหนักขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของอัศวินในตอนนี้ บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านที่ลูกชุบมี และมันก็ดูดีจนฉุดกันออกมาจากโลกอันฟุ้งซ่าน และเมื่อรถจอด อัศวินก็ได้ปล่อยให้เป็นอิสระจากอ้อมกอดของเขา เราลงมาจากรถ และคนที่เดินออกมาจากในบ้านก็ทำให้ลูกชุบตกใจจนตาโต
“อ้าว ไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” เป็นพี่เจนนั่นเอง พี่เจนที่ใจดีหางานดีๆให้ลูกชุบทำ ทำไมพี่เขามาอยู่ที่นี่ อย่าบอกนะว่า…
นื่คือบ้านของน้องวิน…
“แล้วนั่นลูกชุบไปโดนอะไรมา” ใบหน้าของพี่เจนดูเคร่งเครียดขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง มองไปทางไหนก็ไม่รู้จักทางไป จึงได้เอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังคนตัวสูงที่พามา
“ขอเอาลูกชุบมาฝากแถวนี้ก่อนครับ” อัศวินอธิบายสั้นๆ เขาพยุงคนที่เอาแต่หลบข้างหลังให้เดินเข้าไปข้างใน ร่างเล็กส่ายหน้ารัวๆ แต่เขาพยักหน้าให้ ไม่สนใจการโต้แย้งใดๆทั้งนั้น เจนมองเด็กทั้งสองอย่างงงงวยก่อนจะหันไปสบตากับเพชรที่พามาส่ง เลขาของคุณรบเพียงยิ้มให้ ก่อนจะกล่าวลาไปทำงานต่อ มันอะไรกันวะเนี่ย!
ลูกชุบรู้สึกเหมือนตัวเองจะตัวเล็กลงไปได้อีกเมื่ออยู่ในห้องรับแขกแห่งนี้ การตกแต่งของมันไม่ได้หรูหรา แต่เรียกว่าดีกว่าความเป็นอยู่ของลูกชุบไปมากเลยทำให้ประหม่า อัศวินนั่งอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้เข้ามากอดกันแล้ว และพี่เจนก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำเย็นๆให้เราสองคน
“มันเกิดอะไรขึ้น” ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องอธิบาย แววตาของลูกชุบดูตระหนก ส่วนคนที่เหมือนจะรู้เรื่องอยู่บ้างอย่างน้องวินกลับถอนหายใจออกมา อย่างไรซะคนที่รู้ดีที่สุดคือลูกชุบไม่ใช่เหรอ มันต้องเป็นเจ้าตัวปัญหานี่พูดเท่านั้น
“ลูกชุบไม่มาทำงาน ผมเลยไปตามหา ไปเจอกำลังปีนหน้าต่างบ้านอยู่” พอพูดถึงตรงนี้ตัวลูกชุบยิ่งหดเล็กเข้าไปอีก
“ลูกชุบเนี่ยนะ?” และก็หดได้อีกเมื่อพี่เจนเสียงดัง
“มีปัญหากันนิดหน่อย ดูได้จากสภาพครับ” มีการใช้กำลังกันเกิดขึ้น สภาพของลูกชุบถลอกปอกเปิกไปหมด แม้แต่ที่แขนของอัศวินก็มีร่องรอย เจนเห็นเลยรีบคว้ามาดู
“โดนอะไรเนี่ย”
“เล็บจิกครับ แต่ผมฉีดพิษสุนัขบ้ามาแล้วคงไม่เป็นไร” มันใช่ที่ไหนเล่า! ปากคอเราะร้ายขนาดนี้ได้ยังไง เจนถลึงตาใส่คนที่ตอบหน้าตาย ก่อนจะหันไปมองลูกชุบอย่างเป็นห่วง มีรอยช้ำตามตัว ใบหน้า และท่าทางสลดนั่นก็ดูน่าสงสาร
“ผมขอโทษครับ” ลูกชุบเอ่ยขอโทษออกมาที่ทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวด้วย แต่ไม่เลย…อัศวินมันรนหาที่ไปเจอเองไม่ใช่หรือไง?
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงโดนขนาดนี้” เจนถาม เป็นคำถามที่อัศวินเองก็อยากรู้
“คือแม่เลี้ยงผม…กับเอ่อ ลูกของเขา” มันยากจะอธิบาย แต่เพียงแค่เกริ่นเท่านี้เจนก็พอวาดภาพออกได้
“โดนมานานแค่ไหนแล้ว แผลพวกนี้” แต่อัศวินเป็นคนถามแทน
“ตั้งแต่ เอ่อ…พ่อเสีย”
“…”
“…” มันเป็นเช่นนี้มาสักพักแล้ว ลูกชุบถูกขัดขาบ้าง บางทีเขาก็ทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ช่วงหลังๆก็ชัดเจนว่าจงใจ ทั้งนี้ลูกชุบเป็นคนซ่อนกุญแจตู้เซฟ เพราะข้างในมีสมบัติที่พ่อเก็บไว้และลูกชุบไม่ประสงค์ให้เธอเอาไปทั้งหมดเพราะบางอย่างมีคุณค่าต่อจิตใจ ทว่าการเจรจาไม่เป็นผล มันจบลงที่ลูกชุบมักถูกทำร้ายร่างกาย
ช่วงหลังมานี่ลูกชุบได้ไปขออาศัยบ้านเพื่อนเป็นบางครั้ง หากกลับไปที่บ้านก็มักจะเลือกเวลาที่คนอื่นไม่อยู่ หรือยอมจ่ายเงินให้พวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ทั้งนี้ลูกชุบอ้างเสมอว่าไม่รู้เรื่องกุญแจ แต่ช่วงหลังๆการประนีประนอมเป็นไปได้ยากเหลือเกิน พอไม่กลับบ้าน พวกเขาก็ตามกันเจอ จนต้องไปขอพักกับเพื่อนที่อาศัยไกลออกไปเพื่อความปลอดภัยเช่นเมื่อวาน
วันนี้ลูกชุบตั้งใจจะไปเอาข้าวของที่สำคัญออกมาอย่างกะทันหันแต่เช้าตรู่ก่อนจะไปทำงานและจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ก็รู้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ในขณะที่ยังขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ ตัวเองที่เหลืออยู่ตัวคนเดียวจำต้องทำบางอย่างเพื่อความปลอดภัย
ทว่าพอกลับไปเอาก็พบว่าพวกเขาดักรออยู่ก่อนจะออกมา และลูกชุบก็ถูกขังอยู่ในห้องๆหนึ่งบนชั้นสองพร้อมกับข้าวของที่ไปเก็บมาโดยไม่สามารถติดต่อใครได้ คาดว่าพวกเขาคงกำลังวุ่นวายกับการไปหาเพื่อนของลูกชุบที่ข้างล่างเพื่อเรียกดูของส่วนตัวที่ฝากไว้
จึงไม่ทันระวังว่าคนที่ถูกขังจะหาทางสะเดาะกลอนทั้งประตูและหน้าต่าง และหวยออกที่กลอนหน้าต่าง พอเปิดประตูมาก็อย่างที่เห็น น้องวินรออยู่ข้างล่าง ด้วยสถานการณ์ที่จวนตัว ลูกชุบจึงโยนกระเป๋าไปให้ โดยไม่คิดเลยว่าจะเป็นการดึงอีกฝ่ายให้มาลำบากแบบนี้
“ลูกชุบ ขอโทษพี่เจนและน้องวินด้วยครับ” ความจริงที่ออกจากปากตนเองแบบซ้ำๆเหมือนย้ำแผลแห่งความอ้างว้างและความน้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงจากหางตา เจนที่เห็นดังนั้นส่ายหน้าออกมา ก่อนจะหยิบทิชชู่ให้
“ว่าแต่ลูกชุบอายุเท่าไหร่แล้ว” เจนถาม
“20 จะ 21แล้วครับ”
“แม่เลี้ยงเขาได้จดทะเบียนสมรสกับคุณพ่อหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“แล้วนี่ลูกชุบจะไปพักที่ไหน เรามีญาติอยู่หรือเปล่า”
“ลูกชุบจะไปพักกับเพื่อนแถวอนุเสาวรีย์ คิดว่าพวกเขาคงยังตามไม่เจอ” เจนส่ายหน้าช้าๆ ส่วนน้องวินถลึงตามองอีกฝ่ายที่ทำอะไรเหมือนจะไม่คิดให้รอบคอบ ไม่…ในสถานการณ์ของลูกชุบ นี่มันรอบคอบที่สุดแล้วจริงๆ
หลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมด เจนก็ออกไปคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนาน ทิ้งให้คนสองคนที่ตอนมาก็กอดกันดีอยู่ แต่ในตอนนี้คนๆนึงกลับตึงใส่กันอย่างเห็นได้ชัด ความผิดของลูกชุบหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่คนถูกมองก็ใจฝ่อไปเสียแล้ว นี่เคยบอกอัศวินแล้วใช่ไหมว่าเขาหน้าดุแค่ไหน
“น้องวิน” ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าขึ้นมา “พี่ชุบขอโทษ”
“ลูกชุบทำอะไรผิดเหรอไง”
“…” นั่นสิ
“ผมไปช่วยเอง ไม่ได้ขอก่อนนะ” ก็จริงๆ แต่อัศวินก็เจตนาดีไม่ใช่หรือ เขาทำเพื่อลูกชุบไม่ใช่หรือไง
“ต่อไปพี่ชุบจะระวัง”
“แล้วที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังเลยหรือไง” ก็เพราะว่าใช้ไง แต่ต่อให้ระวังแค่ไหนก็หนีไม่พ้นอยู่ดี “ตัวเองก็รู้ดีแท้ๆ”
ตัวลูกชุบคงรู้ดีอยู่แล้วว่าการหนีไม่ใช่ทางออก แต่แค่ไม่รู้ว่าจะจัดการเองอย่างไร แม้จะอายุมากกว่าอัศวิน แต่อย่าลืมสิว่านี่ก็เป็นแค่ลูกชุบที่อายุ 20 ประสบการณ์ชีวิตไม่ได้มากพอที่จะเด็ดขาดได้ แล้วอย่างไร? ลูกชุบควรทำอย่างไรหรือถึงจะแก้ปัญหาได้ คำถามนี้มีคำตอบไหม ไม่…
แม้แต่คนตั้งคำถามก็ไม่รู้เช่นกัน
บางทีอัศวินก็ไม่ได้เก่งไปกว่า กะแค่ไปตามหา เขาก็หุนหันพลันแล่นไปมากจนทำตัวเองให้มีแผล ที่สัญญากับคุณป๋าไปทำได้กี่ข้อ เขาตระหนักในความผิดของตัวเองดี และไม่พอใจอย่างมาก ทั้งความงี่เง่าของตัวเองและอีกคน เจนกลับเข้ามาแล้ว และได้พาลูกชุบไปข้างนอก อัศวินจะออกไปด้วย แต่เจนกลับสั่งให้เขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในบ้าน แน่นอนว่าต้องไม่ยอม แต่แล้วไง…
ตอนนี้ทั้งเจนและคุณป๋าก็โกรธพอกัน…
“พี่เจนจะพาชุบไปไหน” ลูกชุบถาม ยังนึกถึงท่าทางไม่ชอบใจของคนน้องที่คงรออย่างกระฟัดกระเฟียด อยู่ๆก็ลากมาโดยไม่บอกอะไร ลูกชุบเองก็หวั่นใจไม่น้อย
“พาไปคุยกับผู้ใหญ่ที่จะช่วยเรา”
“พี่เจน จริงๆแล้วลูกชุบ…”
“ดูแลตัวเองได้จริงๆเหรอ?”
“ลูกชุบไม่อยากให้คนอื่นมาลำบาก”
“พี่ถือว่าพี่ทำให้เราเพราะเราลำบากช่วยดูตาหนูมาให้” ตาหนู…เจนคงหมายถึงน้องวิน แต่ที่ฝากเอาไว้ มันดูจะเทียบไม่ได้เลยกับความช่วยเหลือนี่ ทว่ายังไม่ได้แย้ง เจนก็กล่าวต่อไปอีก “คุณพ่อของน้องวินเขายินดีจะช่วย” เพราะเจนออกไปคุยกับคุณรบมา น่าแปลกที่เขารู้มากกว่าที่เจนคิด แต่ช่วงหลังๆพ่อลูกก็ดูมีความลับกันอยู่ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้
เจนไม่ได้โง่ขนาดที่จะมองไม่ออก พอน้องวินประคองลูกชุบที่บาดเจ็บมาที่บ้าน ตนรับทราบได้ทันทีว่านี่เองคือความลับของจอมดื้อเงียบ เกินคาดไปเสียหน่อย แต่ก็พอจะเดาได้ ก็เล่นทำตัวประหลาดๆมาตลอดช่วงนี้ พอมาเจอลูกชุบ เจนก็ปะติดปะต่อเรื่องได้ ทุกอย่างดูเมคเซ้นส์ขึ้นมาเลย ที่จะหงุดหงิดนั่นก็ไม่แปลก อะไรจะหวงได้ขนาดนี้ เจ้าหนุ่มเลือดร้อน!
คุณรบตัดสินใจให้คนรู้จักที่เป็นตำรวจเข้ามาช่วยดูแล ที่ไม่เล่นลับหลังเพราะเรามีข้อมูลเกี่ยวกับลูกชุบน้อยเกินไป หากเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมา เท่ากับว่าเรากำลังส่งเสริมน้องวินให้กับคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ? ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆก็ต้องกล้ายอมรับวิธีทางกฎหมาย และนี่เป็นวิธีการคัดสรรขั้นหนึ่งของคุณรบและเจน
ทั้งๆที่เด็กสองคนนี้ยังไม่ได้ไปถึงไหนกันหรอก แต่ผู้ปกครองที่ดี ย่อมต้องการให้คนดีๆเข้ามาในชีวิตของลูกตัวเองมากกว่า แม้เจนจะพอรู้จักลูกชุบอยู่บ้างแต่มันผิวเผินเกินไป หากจะต้องยอมรับให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นคนสำคัญอีกคนในชีวิตของเด็กที่เลี้ยงมา เจนย่อมอยากดูให้ดีจริงๆ
ในขณะที่อีกคนซึ่งรออยู่นั้นวุ่นวายใจ ในที่สุดก็มีใครบางคนกลับบ้านมา แต่นั่นไม่ใช่ลูกชุบ!อัศวินที่แทบจะวิ่งออกมาดูหน้าบ้านนั้นทำสีหน้าอย่างไรไม่ทราบได้เมื่อเห็นว่าใครกลับบ้านเร็ว ไม่รู้เจนพาลูกชุบไปที่ไหน แต่ตอนนี้เขาต้องรับมือกับคนนี้ก่อน เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายมีเรื่องให้สะสางเยอะ
“มานั่งคุยกับคุณป๋าก่อน” และเขาก็เดินตามไปแต่โดยดี
“ผมต้องขอโทษคุณป๋าด้วยครับ” คาดว่าที่กลับเร็วคงไม่ใช่แค่เรื่องที่เราคุยกัน บางทีนักรบก็อาจจะรู้แล้วเรื่องที่เขาได้แผลมานิดหน่อย
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แต่ต่อไปต้องระวังและมีสติกว่านี้”
“…”
“พวกเขามีอาวุธหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดีที่ปลอดภัยกลับมา” เขาพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ ก่อนจะตามด้วย “แต่ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร ต่อไปอัศวินต้องระวังกว่านี้” ก็พูดไปงั้นแหละ เพราะสุดท้ายอัศวินจะเป็นเช่นไร คนเป็นพ่อเช่นเขาก็ควบคุมไม่ได้ทั้งหมด แค่เห็นว่าลูกยอมว่าง่ายนั่งฟังคำสั่งสอน ใจก็อ่อนยวบไปแล้ว
“คุณป๋าให้เจนมาพาลูกชุบออกไปเหรอ”
“อืม…เราคุยกันว่าจะให้อาพงษ์ช่วยดูแลให้ ลูกชุบบรรลุนิติภาวะแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่ใช่แม่ และไม่ได้จดทะเบียนด้วย เรื่องมันคงไม่วุ่นนัก”
“ขอบคุณคุณป๋ามากครับ” คาดว่าน้องที่ยังเด็กคงจัดการอะไรไม่ได้ดีนัก อัศวินควรตระหนักได้แล้วว่าแม้จะสูงใหญ่กว่าเจน แต่แท้จริงแล้วก็ยังมีสภาพไม่ต่างจากลูกนกที่ต้องรอพ่อแม่เอาอาหารมาให้กิน เขาไม่อาจจะปกป้องตัวเองได้ ไฉนเลยจะเสนอหน้ายื่นมือไปปกป้องใคร แม้คนๆนั้นจะเป็นคนที่หัวใจของเขาบอกว่าต้องปกป้องก็ตาม ชีวิตจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าไม่มีอาเพชรไปด้วยวันนี้ มันจะจบง่ายๆไหมก็ไม่รู้เลย
และนักรบก็ไม่ใช่พ่อที่จะหาอาหารให้ลูกกินตลอดไปเช่นกัน!
“วันนี้คุณป๋าเห็นว่าความผิดพลาดนี้ดีอยู่อย่าง อย่างน้อยอัศวินก็รู้สักทีว่าตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับรัตนสกุล” ดูเป็นคำพูดที่แรง แต่ก็ใช่ ในตอนนี้ยังไงเขาก็ไม่มีทางพร้อม ถ้ายังเอาแต่ใจต่อไป ก็อาจจะไม่มีวันพร้อมเลย และอัศวินก็รู้สภาพของตนเองดีกว่าใคร เขายอมรับในความบกพร่อง และขณะเดียวกันก็ไม่พอใจสักนิด เลือดแห่งความทะเยอทะยานกำลังพุ่งพล่าน นักรบเห็นดีว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อนนี่แหละ เขาถึงกลับมาก่อน
“เข้าใจแล้วครับ”
“คุณป๋าให้กลับไปคิดว่าเราจะเอายังไง จะหยุดเรียนมหาลัยมาช่วยคุณป๋าก่อนก็ได้ หรือจะเรียนไปทำงานไปก็ได้ หรืออยากเรียนอย่างเดียวคุณป๋าก็ไม่ว่า” อย่างไรก็ตามนักรบให้สิทธิ์ในการตัดสินใจแก่ลูก และมั่นใจว่าลูก จะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดอย่างไม่โอนเอียง เขาหวังกับอัศวินไว้เยอะ เหมือนกับที่อีกฝ่ายหวังในตนเอง “เรื่องของลูกชุบก็ไปคิดมาด้วย”
เพราะเข้าไปในชีวิตอีกฝ่ายแล้ว จะเดินออกมาเลย ก็จะเห็นแก่ตัวจนเกินไป…
วันนี้เจนไม่ได้พาลูกชุบกลับมาด้วย และไม่พูดกับน้องวินในเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ไม่ได้แสดงออกว่าโกรธเคืองกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่คิดจะดุด่าอะไรอีกเพราะรู้ดีว่าน้องก็รู้สึกผิดกับตัวเองพอ เลี้ยงมากับมือย่อมรู้ดีแก่ใจ สุดท้ายเราก็นั่งกินข้าวเงียบๆ เจนมีบอกนิดหน่อยว่าพาลูกชุบไปฝากไว้กับคุณย่าให้ท่านช่วยดูแล้ว ก็จะหมดห่วงอยู่หน่อย ที่ห่วงตอนนี้…ก็คงเรื่องที่ต้องไปคิดดู
เขาจะเอายังไงต่อไปดี…
คำว่าไม่พร้อมสำหรับรัตนสกุลมันน่าเจ็บปวด ทั้งๆที่ก็เป็นรัตนสกุลตั้งแต่เกิด แต่วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนและตัวเองได้เห็นว่ายังไม่พร้อม ไม่มีใครโทษหรือโกรธเคือง ทั้งนี้ก็รู้ตัวแล้ว ว่าไม่สามารถอยู่เฉยและเป็นคนไม่พร้อมตลอดไปได้ แม้จะไปช่วยงานคุณป๋าได้ แต่ไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นอัน แม้จะเรียนเก่งเป็นที่ชื่นชม แต่ก็ยังต้องให้เจนคอยดูแลและคิดแทนว่าวันนี้จะต้องทำอะไร พอมีปัญหาคนที่แก้ให้ ก็ไม่ใช่ตัวเองอยู่ดี เป็นเช่นนี้แล้วจะขึ้นมาแทนคุณป๋าได้ไง?
มีตัวเลือกมากมายในหัวที่คิดมาเมื่อวาน ถึงเวลาที่จะโตสักที และวันนี้ที่โต๊ะอาหารตอนเช้า เขาจะแจ้งให้กับทุกคนได้รับรู้ถึงสิ่งที่ได้ตัดสินใจ อัศวินจะไม่ยอมเป็นลูกกบในกะลาที่มีแม่นกคอยอยู่ไม่ไกลอีกต่อไปแล้ว และไม่รู้ว่าทางเลือกนี้ดีที่สุดหรือไม่ แต่ อย่างที่คุณป๋าพูด ว่าเขาบ่ายเบี่ยงมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ต้องรู้ตัวสักทีว่าตนนั้นอ่อนด้อยแค่ไหน
“น้องวิน”
“ลูกชุบ” ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ก็ไหนเจนบอกว่าพาไปอยู่กับคุณย่าแล้วนี่ แค่วันเดียวก็พามาเลยเหรอ? ได้เห็นใบหน้าของอีกคนดูสดใสขึ้นมาเขาก็ยิ้ม ถูกแล้วที่เจนเป็นคนช่วยดูแลให้ เพราะอัศวินคงไม่มีอำนาจพอที่จะช่วยเหลือได้ และถ้าเขาทำ…ก็ไม่พ้นการอ้างอำนาจของรัตนสกุลที่ยังไม่มีสิทธิ์เอื้อมถึงในตอนนี้ไปช่วยลูกชุบอย่างน่าละอายหรอก
ได้ยินว่าพี่พระพายช่วยรับมาส่งให้ ก่อนจะออกไปจัดการธุระให้คุณป๋าต่อ ลูกชุบช่วยเจนจัดอาหารและนำมาเสิร์ฟให้กับเราพ่อลูก ก่อนที่เจนจะชี้ชวนให้ทานอาหารเช้าร่วมกัน เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นบนโต๊ะอาหารมื้อเช้าของที่บ้าน และคนอื่นก็ทำให้อัศวินยิ้มออกมา ไม่มีท่าทางของความหงุดหงิดไม่พอใจใดๆอยู่ เมื่อได้มองตาลูกชุบในวันนี้มันก็ทำให้เขาตัดสินใจได้เด็ดขาด
“ผมเลือกมาแล้วครับ” อัศวินได้พูดออกไป ในตอนนั้นคุณป๋าที่กำลังจะหยิบช้อนส้อมก็หยุดมือไว้แค่นั้น เขาประสานมือวางบนโต๊ะ ตั้งใจฟัง มีเพียงลูกชุบคนเดียวที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไร
“ว่าไง”
“ผมจะเข้าไปช่วยงานที่บริษัทและเรียนไปด้วย”
“อืม”
“ผมหมายถึงบริษัทในเครือที่อังกฤษและเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นั่น”
“น้องวิน…” แต่เจนคาดไม่ถึงนัก หลังจากมองหน้าคนลูก ก็หันไปมองคนพ่อที่ยิ้มน้อยๆ อัศวินเคยเป็นคนที่คัดค้านเรื่องนี้มากที่สุด แต่วันนี้กลับออกปากว่าจะไปเอง อยู่ๆมันก็ง่ายอย่างนี้เลย “คุณรบ…” เจนหรี่ตามองเมื่อพอจะจับได้ มันมีคนคำนวณไว้อยู่แล้วสินะ และคนๆนั้นก็กำลังยิ้มอย่างพอใจ
“ผมรู้ดีครับว่าคุณป๋ารู้ว่าผมจะเลือกอะไร” และก็รู้ว่านักรบใช้สถานการณ์นี้ในการชี้นำให้อัศวินตัดสินใจแบบนี้ หากลูกไม่ออกไปทำงานข้างนอก ก็คงไม่รู้หรอกว่าตนยังด้อยประสบการณ์มากมาย และชักช้าเกินไปแค่ไหน นักรบเองก็ไม่ได้เก่งกาจไปกว่าในตอนที่อายุเท่ากัน จนตอนนี้ก็ยังบกพร่องอยู่เยอะ แต่เขาหวัง…ว่าอัศวินจะเป็นได้มากกว่า…
“ถ้างั้นก็ไปเลือกมาว่าอยากเข้าที่ไหน”
“แต่ผมจะไม่ยอมทำตามข้อเสนอคุณป๋าฝ่ายเดียว”
“คุณป๋าไม่ได้เสนอ” เขาเคยเสนอ แต่ลูกไม่สนอง นั่นถือเป็นโมฆะไปแล้ว
“แต่ผมไม่ทำงานฟรีครับ” แต่แววตาแบบนั้นไม่น่ารักเลย มันทำให้นักรบรู้สึกเหมือนแก่ลงไปเยอะเมื่อเห็นภาพซ้อนของเจ้าเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องเมื่อวันวานขึ้นมา เลี้ยงลูกให้มาต่อรองกันแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน!
“ว่ามา” ในเมื่อกล้ามาเสนอ คนพ่อก็ยินดีจะฟังเผื่อจะสามารถสนองให้ได้ ทว่าก็พอนึกออกว่าอะไรที่ถูกจะขอมา
“ระหว่างที่ไม่อยู่ ช่วยดูแลลูกชุบให้ด้วยครับ” เขาหันไปมองอีกคนที่ตัวเล็กเท่ามดเมื่อทุกคนกำลังคุยกันเรื่องภายใน แล้วจู่ๆก็มีชื่อของตนผุดขึ้นมา มันก็ได้เหรอ?
“น้องวิน!” มันไม่ได้นะซี่!
“ได้!” แต่นักรบได้ประกาศชัดว่าได้ ช่างขัดแย้งกับในใจของลูกชุบนัก ว่าแต่นี่เราอายุเท่าไหร่กัน ทำไมต้องให้เด็กอายุ 18 มารับผิดชอบชีวิตด้วย?
“งั้นก็ตกลงครับ”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ ลูกชุบ!” เขาหันไปบอก จริงๆยังไม่เคยขออนุญาตกับเจ้าตัวเรื่องที่จะมาดูแลเลย ทำอย่างนี้ก็ดูจะเจ้ากี้เจ้าการไปหน่อย แต่ที่เป็นห่วงน่ะ เรื่องจริง… “อย่าทำให้ผมห่วง” แล้วแบบนี้ลูกชุบจะไปพูดอะไรได้ มีเจนที่ยิ้มมาให้อย่างเข้าใจ ก่อนจะชี้ชวนให้เราทานอาหารเช้ากันเสียที เพราะเรื่องต่อจากนี้ ไม่ใช่อะไรที่ผู้ใหญ่ควรจะเข้าไปเกี่ยวแล้ว
และในที่สุดเราก็ได้มีเวลาส่วนตัวร่วมกัน ตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ได้คุยเพราะมันมีแต่เรื่องยุ่งๆ ลูกชุบถูกพาตัวไปพบเพื่อพูดคุยแจ้งความ ตรวจร่างกาย เมื่อมีผู้ใหญ่เข้ามาช่วย แม้จะไม่รู้จักกัน แต่ดูจากท่าทางแล้วไว้ใจได้ จึงพอวางใจ ต่อจากนี้ก็คงจะค่อยๆสะสางกันไป และคงเคลียร์ได้ในที่สุด ทว่าวันนี้เขาต้องเคลียร์กับเด็กนี่เสียหน่อย พูดอะไรออกไปน่ะเมื่อกี๊!
“น้องวิน พี่ชุบลำบากใจนะ”
“ผมก็ลำบากใจเหมือนกันนะ!” แล้วมาขึ้นเสียงใส่ทำไม ลูกชุบไปทำอะไรให้เหรอ อ๋อ…ทำให้ห่วงไง
“แล้วมันใช่เรื่องเหรอที่จะมาให้คนอื่นมาดูแลพี่แบบนี้” เราเป็นอะไรกันเหรอ ไหนพูดสิ!
“ก็ถ้าผมดูแลได้ ก็ทำเองไปแล้ว!”
“….”
“แต่ผมยังทำได้ไม่ดีไง” และเขายังเจ็บใจไม่หาย “อย่ามาบอกว่าดูแลตัวเองได้ด้วยนะ จะฟาดให้” ลูกชุบสะดุ้งโหยง มันใช่เหรอ!
“แล้วน้องวินต้องไปเรียนเมืองนอกเพื่อพี่นี่มันใช่เหรอ” ต้องเสียสละมากขนาดนี้เลยหรือไง นี่แค่ลูกชุบเองนะ ลูกชุบที่เป็นแค่ลูกชุบไง ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย
“คิดว่าผมทำเพื่อลูกชุบขนาดนั้นเหรอ” ดวงตากลมโตวูบไหวเมื่อฟังคำนี้ มันเหมือนจะบอกว่าประมาณตัวผิดไป มันก็ใช่ อัศวินไม่ได้ทำเพื่อกันขนาดนั้นหรอก เป็นลูกชุบที่คิดไปเองทั้งนั้น และเมื่อนึกขึ้นได้ใบหน้าที่เคยเกรี้ยวกราดนิดๆก็ดูสลดลง คิดไปกันใหญ่แล้ว อัศวินรู้ได้เลย ลูกชุบเป็นผู้ใหญ่ที่โกหกไม่เก่ง คิดอะไรก็แสดงออกทางใบหน้า
“อือ…”
“เรื่องไปเรียน ผมทำเพื่อตัวเอง เพื่อที่บ้าน แต่ทั้งนี้มันก็เพราะลูกชุบทั้งนั้น” เขาอธิบาย มือทั้งสองข้างวางบนบ่าของคนที่ก้มหน้า บังคับให้ฟังแม้ไม่ต้องการ “ถ้าไม่มีลูกชุบ ผมก็คงไม่มีวันคิดแบบนี้” เพราะลูกชุบเท่านั้นเลย ถ้าไม่ใช่ลูกชุบที่ก่อให้เกิดความรู้สึกห่วงหา มีหรืออัศวินจะลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองให้ออกจากเซฟโซน
“น้องวิน”
“เงยหน้าหน่อยสิ” เขาเชยคางลูกชุบให้มาสบตา ก็ไม่ชอบอธิบายอะไรให้มากความ แต่ไม่ชอบให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดมากกว่า “ลูกชุบทำให้ผมรู้ว่าผมไม่พร้อมจะดูแลใคร และทำให้รู้ว่ายังไม่สามารถทำอะไรได้อีกมากมาย ดังนั้นผมจึงต้องไปจากที่นี่”
มันไม่ใช่เพราะลูกชุบทำให้เลี่ยงไม่ได้ แต่ก็เพราะลูกชุบที่ทำให้คิดได้…
“ผมไปไหนมาไหนเองไม่เป็น ปรุงก๋วยเตี๋ยวเองก็ไม่ได้ ทันคนอื่นเสมอ แต่ไม่เคยใช้คนอื่นให้เป็น นั่นแหละตัวผมในตอนนี้” และเขาจะไม่ยอมเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต
“มันไม่แย่หรอก”
“มันแย่สิ อายุ 18 แล้วนะ” และอีกไม่กี่ปีก็จะอายุเท่าลูกชุบในตอนนี้ และอีกไม่กี่ปี ก็ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่บรรพบุรุษสร้างมา
“น้องวินจะไปนานไหม”
“คิดว่า 4-5 ปี”
“แล้วพี่ชุบคิดถึงได้ไหม” พอพูดไปก็เขินเอง มีสิทธิ์อะไรไปขอคิดถึงเขา แต่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าพูดอย่างนี้มันน่ารักเกินไปแล้ว!
“ลองไม่ดูสิ” แค่ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ แม้ว่าเราจะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของอาการนั้นๆก็ตาม แต่ไปตอนนี้แหละดีแล้ว หากเขาติดไวรัสลูกชุบระดับลึกๆลงไป บางทีมันอาจจะตัดใจยากกว่านี้ และในระยะเวลาที่หายไป มันอาจจะเหมาะสมแล้วที่จะพิสูจน์ว่านี่มันฉาบฉวยไปไหมสำหรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ก็อย่างที่รู้กัน…ว่าน้องไม่เคย และอย่างที่รู้กัน
ว่านี่อาจจะเป็นรักครั้งแรก…
“ไปแล้วกลับมาได้ไหม” ลูกชุบถาม ยอมรับว่าตั้งแต่ได้พบกันมา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นมันดีมากๆ จนนึกเสียดายหากเราต้องจากกันทั้งๆที่ยังไม่ได้มีโอกาสได้เที่ยวเล่นคบหามากกว่านี้ แน่นอนว่าในจุดที่วาบหวามต่อใจมากกว่าที่เป็นอยู่ มันยังไปต่อไม่ได้ง่าย แต่…จะลบให้หาย มันก็ทำไม่ได้เลยเช่นกัน
“จะพยายาม” เขาจะกลับมาบ้าง แต่คาดว่าคงยุ่งทีเดียว เพราะต้องทำงานไปด้วย และเขาจำเป็นต้องยอมรับว่านี่คือการอดเปรี้ยวที่ทรมานที่สุด เพื่อดูว่าความหวานจะคุ้มค่าไหม เป็นการลงทุนที่เสี่ยงที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ในเมื่อไม่เคยลงทุนเพื่อใครมาก่อน และลูกชุบเป็นคนแรกที่ได้มันไป ก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ แต่ไม่มีการคืนคำแน่!
“แล้วน้องวินจะนั่งรถเมล์ได้ใช่ไหม ปรุงก๋วยเตี๋ยวได้หรือเปล่า จะดูแลตัวเองได้ไหม” หลังจากได้ยินว่าเขาทำอะไรไม่ได้ ลูกชุบไม่ใช่คนที่หัวเราะเยาะ หากแต่แสดงความเป็นห่วงออกมา บางทีเขาพอจะรู้แล้วว่าทำไมถึงได้รักเจนได้ขนาดนี้ ทุกคำตอบมันมาจากลูกชุบจริงๆ เขาไม่ได้รักเจนเพราะเจนเป็นแฟนพ่อหรอก อัศวินก็แค่รักคนที่ห่วงใยคนอื่นอย่างบริสุทธิ์ใจมากกว่า และคนอื่นในนั้น ต้องได้รวมเขาเข้าไปแล้ว ทว่ากับลูกชุบ อัศวินไม่ต้องการแค่นี้!
เขาต้องการจะสำคัญกว่าคนอื่นไหนๆในนั้นต่างหาก!
TALK
มาถึงตรงนี้รู้หรือยังคะว่าใครเป็นตัวร้ายของเรื่อง
คุณพ่อกบนั่นเองงงงงงง นางเป็นคนโชคดีที่สุดในเรื่องนี้แล้ว หลังจากนกทุกเรื่อง
เรื่องส่งลูกออกจากอกไม่นกนะพ่อ
จริงๆคุณรบก็ไม่เชิงคำนวณไว้หรอก คุณพ่อแค่รู้ว่าลูกชอบเอาชนะ
และถ้าออกไปใช้ชีวิตเดินดินกินข้าวแกงแล้วได้เห็นตัวเองไม่ได้ดั่งใจน้องก็อาจจะยอมห่างจากอกเจนที่ประคบประหงมเอง
จะอยู่ที่นี่และฝึกงานก็ได้ แต่ก็รู้ว่าเจนต้องเข้ามาแทรกแซงแน่น้องเลยทำใจฮึบและไปไกลๆเจนเองเลยดีกว่า
เรื่องนี้คุณป๋าคำนวณไว้นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้
อายุมากขึ้นคุณพ่อก็จะเดินตามสายมารเหมือนเลขา555
ตอนหน้าจบแล้ว แม่ๆไม่งอแงนะคะ555