Photo(14)
Jiw : อยู่ไหนพวกมึง กลับมากันยัง
ข้อความจากจิวยังแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มแชต น้อยครั้งนักที่เพื่อนอีกสองคนจะเข้ามาคุยตอบให้เป็นเรื่องเป็นราวเพราะเรื่องที่พิมพ์ไปก็ใช่ว่าจะมีสาระเท่าไร แต่ครั้งนี้เขาแน่ใจว่าพวกมันไม่มีทางทำเมินเหมือนก่อนแน่
Jiw : เพื่อนเหี้ย อ่านแล้วไม่ตอบ
IT : บ่นไรเยอะแยะ รำคาญ
Jiw : ปิดเทอมไม่ได้เจอพวกมึงนานกูก็คิดถึงไง
TTW : คิดถึงตีนกู
Jiw : อ่ะด่ากูเข้าไป ถ้ารู้ว่ากูอยู่ไหนพวกมึงต้องกราบแทบเท้ากู
TTW : เป็นบ้าเหรอสัดจิว
Jiw : เพื่อนใครโหดร้ายจริงๆ
TTW : ไม่ได้ชื่อเพ้นท์ก็หุบปาก
IT : ไม่ได้ชื่อมิ้มก็หุบปาก
Jiw : โอเคครับ หุบก็ได้ งั้นพวกมึงคงไม่อยากรู้แล้วสินะว่าเพ้นท์กับมิ้มมาอยู่ด้วยกันที่ร้านไอเจแปนนิสได้ยังไง
จิวยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะมองข้อความจากสองเพื่อนรักที่เด้งขึ้นมารัวๆ นับว่าการกระตุ้นความครึกครื้นของกลุ่มด้วยวิธีนี้ได้ผลชะงัด แม้พวกมันจะยังด่าเขาไม่หยุด แต่เป็นคำด่าที่แสดงออกถึงความอยากรู้เป็นอย่างมาก
TTW : เพ้นท์มันไปกับเอฟจะไปอยู่กับมิ้มได้ไง
หลังจากกระหน่ำด่าเพื่อนจอมหลอกลวงไปหนึ่งยกทัพก็เฉลย วันนี้เพ้นท์ชวนเอฟไปดูหนังเพราะเขาโดนแม่รั้งให้อยู่ต่ออีกสองวันเลยไม่ได้กลับหอพร้อมกัน แล้วเพ้นท์จะไปอยู่กับมิ้มได้ยังไง
IT : มิ้มไปซื้อของคนเดียว
ไอทีรายงานสถานการณ์อีกฝั่ง เขาไม่ได้อยู่กับมิ้มเพราะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด รู้ว่ามิ้มออกไปไหนและทำอะไร แต่จะบังเอิญเจอเพ้นท์จริงน่ะเหรอ อีกอย่างสองคนนี้รู้จักกันซะที่ไหน
Jiw : ไม่มีใครเชื่อกูเลย
TTW : เข้าใจว่ามึงเหงา
IT : ถ้าอยากให้เชื่อก็ขอหลักฐานครับ
Jiw : รอดูได้เลยพวกมึง
รับปากโดยไม่อิดออด กดเข้าคลังรูปภาพเลือกรูปที่ถ่ายไว้หลายสิบรูปส่งให้เพื่อนดู จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้หาเรื่องคุยกับพวกมันเพราะเหงา แต่เป็นเพราะสวรรค์เป็นใจให้เขามาเห็นภาพสวยๆ งามๆ ตอนคนน่ารักสองคนอยู่ด้วยกันมากกว่า แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ตาม
กลุ่มแชตเงียบกริบเมื่อเพื่อนทั้งสองเห็นรูปที่ส่งไปให้ จิวไม่ได้รอคอยการตอบกลับ เขายังปักหลักอยู่แถวหน้าร้านหลังจากแอบถ่ายรูปเพ้นท์กับมิ้มได้ตอนกำลังออกจากร้านพอดี
มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อน้ำอัดลมที่เพิ่งไปกดเติมมาดันโดนคนที่เดินสวนกันชนจนมันหกใส่ผู้โชคร้ายที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ พอดี ร้ายไปกว่านั้นยังเป็นการชนแล้วหนี ปล่อยให้เจ้าของแก้วน้ำยืนหน้าซีดตกใจเพราะทำอะไรไม่ถูก
"ขอโทษครับ" เอ่ยบอกเป็นคำแรกก่อนรีบวางแก้วที่มีน้ำเหลือแค่ก้นไว้บนโต๊ะ หยิบกระดาษทิชชูมาช่วยซับแต่เหมือนมันจะไม่ช่วยอะไร เพราะเสื้อสีขาวถูกย้อมเป็นสีโคล่าไปแล้ว
ผู้เคราะห์ร้ายที่โดนโคล่าหกใส่ไม่ได้ใส่อารมณ์กับคนที่ยังทำหน้าตาตื่นไม่เลิก เขาเห็นอยู่ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง หากจะโกรธขอโกรธคนที่ชนแล้วเดินหนีไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษดีกว่า ส่วนคนที่ยังตื่นตกใจจึงทำเพียงยิ้มรับมองมือที่ดึงทิชชูมาเช็ดเสื้อให้
"ไม่เป็นไรครับ มันเปื้อนไม่เยอะ"
"ไม่เยอะที่ไหนล่ะครับ เสื้อเปลี่ยนสีไปแล้ว"
แทนที่จะอารมณ์เสียแต่พอเห็นหน้างอๆ กับหัวคิ้วที่ขมวดชนกันคนโชคร้ายกลับยิ้มออกเสียอย่างนั้น คนตรงหน้าเขาดูน่ามองทุกสีหน้าทุกกิริยาที่แสดงออก ดึงดูดสายตาให้จับจ้องที่ใบหน้าง้ำงอนั้น รู้ตัวอีกทีก็ตอนอีกฝ่ายหันมาสบตากันตรงๆ
"ผมซื้อเสื้อให้ใหม่เอามั้ย" ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เห็นเสื้อสีขาวตัวบางที่เปียกจนแนบเนื้อแล้วรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของคนใส่ ตัวก็เล็กดูบอบบางขนาดนี้ ปล่อยให้ใส่เสื้อเปียกๆ ไม่ได้เด็ดขาด เปียกน้ำเปล่าไม่ว่า แต่นี่ดันเปียกโค้ก
"ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว มันไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย"
"แต่ยังไงก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีอ่ะ ไม่อยากให้ใส่เสื้อเปื้อนๆ กลับเลย"
"ไม่เป็นไรจริงๆ นะ"
ต่างคนต่างส่งสายตาขอร้องใส่กันหวังให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของตัวเอง จนสุดท้ายคนเสียหายก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ เพราะดูจากความมุ่งมั่นในแววตาแล้วอีกคนคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
"ก็ได้ครับ"
รอยยิ้มกว้างปรากฏเมื่อคนตัวเล็กกว่ายอมทำตาม ได้ไถ่โทษแล้วความรู้สึกผิดจะได้ลดน้อยลงบ้าง
"งั้นรอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวจะพาไปซื้อ ขอไปบอกเพื่อนก่อน"
"ครับ"
ยิ้มให้อีกครั้งเมื่อได้รับคำตอนก่อนผละออกจากโต๊ะ เดินเข้าไปด้านในอีกฝั่ง คนรอเอี้ยวตัวมองตามก่อนหันกลับมาอมยิ้มกับตัวเอง เปิดกระเป๋าเตรียมเงินจ่ายค่าอาหารระหว่างรอคนใจดีกลับมาหา
"กูนึกว่ามึงหาทางกลับโต๊ะไม่เจอ แล้วไหนน้ำ" เห็นเพื่อนสนิทเดินตัวเปล่ากลับมาเอฟก็โยนคำถามใส่ทันที
"มึง กูทำน้ำหกใส่คน คือจริงๆ ก็ไม่ใช่ความผิดกูคนเดียวหรอก แต่กูจะมาบอกมึงว่าขอออกไปซื้อเสื้อใหม่ให้เขาแป๊บนึง"
เอฟฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ กำลังคิดตามเรื่องที่เพ้นท์เล่า ไม่น่าเชื่อว่าแค่เดินไปเติมน้ำแค่นี้จะเกิดเรื่องได้
"ที่หายไปนานคือไปทำน้ำหกใส่ชาวบ้าน"
"ก็ใช่ กูผิดครึ่งนึง"
"เลยจะไปซื้อเสื้อให้เขาใหม่"
"ใช่"
"ลงทุนไปมั้ยวะ ไหนคนไหน" ถามแล้วชะเง้อคอมองหา แต่จากมุมนี้มันมองไม่เห็น
"อย่าถามเยอะ เดี๋ยวกูมา ไม่เกินยี่สิบนาที"
"นานไป"
"เรื่องของมึง กูไม่อยากปล่อยให้คนน่ารักรอนาน เดี๋ยวมานะเพื่อนรัก" พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป
เอฟมองตามเพื่อนรักอย่างงงๆ จนเห็นผู้ชายตัวผอมหุ่นไล่เลี่ยกันสองคนเดินออกจากร้านพร้อมกันถึงได้เข้าใจว่า 'คนน่ารัก' ของเพื่อนหมายความว่ายังไง แบบนี้มันเข้าข่ายนอกใจแฟนหรือเปล่า แต่อย่างสองคนนั้นถึงจะสปาร์คกันจริงก็คงไม่น่ารอด
อาจารย์เอฟฟันธง
TTW : เพ้นท์ไม่ตอบไลน์กู
IT : มิ้มก็ไม่ตอบ
หายไปหลายนาทีกว่าเพื่อนรักทั้งสองจะตอบกลับมา จิวมองแฟนหนุ่มของเพื่อนทั้งสองคนที่เดินออกจากร้านไปพร้อมกันแล้วเก็บรอยยิ้มอย่างผู้ชนะเอาไว้ไม่อยู่ สะใจอยู่ไม่น้อยที่พวกมันโดนแฟนเมิน
Jiw : อ้อนวอนกูสิ แล้วจะบอกว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรกัน
TTW : ส้นตีนเถอะ
IT : กูยังงงอยู่เลยว่าไปรู้จักกันได้ไง
ความจริงจิวก็ไม่รู้หรอกว่าเพ้นท์กับมิ้มเจอกันได้ยังไงหรือรู้จักกันอยู่แล้วหรือเปล่า เพราะตอนเดินออกจากร้านเขาก็เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว คุยกันเหมือนจะเครียดแต่ก็ยิ้ม จนเพ้นท์เดินไปหาเพื่อนอีกโต๊ะถึงรู้ว่าต่างคนต่างมาแล้วบังเอิญเจอกัน ก่อนจะเดินออกมาจากร้านกันแค่สองคน
TTW : ไอ้จิว อย่าเงียบ
Jiw : ตรงๆ นะ คือกูก็มีธุระต้องไปทำไง ตามให้พวกมึงไม่ได้หรอก
TTW : อย่าเล่นตัว
IT : ถ้ามิ้มตอบ กูไม่ง้อมึงหรอกจิว
Jiw : นี้เรียกง้อแล้วเหรอเพื่อน
TTW : จะเอาไง
Jiw : ห้าร้อย
TTW : มาเอาที่ตีนกูนี่
Jiw : ใจร้ายตลอด
IT : เร็วๆ อย่าเล่นตัวเยอะ
จิวส่งรูปที่ถ่ายเพ้นท์กับมิ้มตอนเดินออกจากร้านไปให้ เขาเองก็อยากจะตามต่ออยู่หรอก แต่เพราะมากับน้องชายที่ตอนนี้หน้างอเป็นปลาทูที่ต้องรอเขานาน แถมยังงานต้องกลับไปสะสางก่อนจะโดนท่านแม่กินหัวเลยไม่สามารถปฏิบัติภารกิจจนจบได้
Jiw : ไม่รู้ออกไปไหนด้วยกัน พวกมึงก็ถามกันเอานะ กูต้องกลับแล้ว เอ้อระเหยนาน แม่ด่าจนดูอยากร้องไห้ละ
สติ๊กเกอร์โง่ๆ ถูกส่งมาให้คนละตัว จิวมองมันอย่างไม่ใส่ใจก่อนเก็บมือถือใส่กระเป๋า กวักมือเรียกน้องชายที่ยืนเล่นมือถืออยู่อีกมุมเดินตรงไปยังทางออก นึกเสียดายอยู่ลึกๆ ที่ไม่ได้ตามไปใส่ใจเรื่องของแฟนเพื่อนต่อ ได้แต่หวังว่าเพื่อนรักทั้งสองจะเอามาขยายให้เขาฟังบ้าง
เพราะถูกตามใจให้เป็นฝ่ายเลือกร้าน คนที่ยังใส่เสื้อเปื้อนโคล่าเลยแวะเข้าร้านเสื้อผ้าผู้ชายที่เปิดขายอยู่ใกล้ๆ เดินตรงหาราวเสื้อที่แปะป้ายร้อยเก้าสิบเก้าบาท เล็งเสื้อยืดสีพื้นไม่มีลายเอาไว้ ไล่ดูได้สองสามตัวก็หยิบเสื้อสีขาวออกมาจากราวโชว์ให้คนจ่ายเงินดู
"จะเอาตัวนี้จริงเหรอ" มองเสื้อแบรนด์ที่ใส่อยู่ก่อนถามย้ำ เพราะเสื้อตัวนั้นมันแพงเขาเลยอยากซื้อให้ใหม่ ที่อยากให้เลือกเองก็เพราะจะได้ตัวที่ถูกใจ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขี้เกรงใจหยิบตัวที่เดินเจอเป็นตัวแรกแบบนี้
"แค่ซื้อให้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว เสื้อเลอะซักเดี๋ยวมันก็หาย แต่เสื้อซื้อไปแล้วเอาเงินคืนไม่ได้นะ ใส่กลับบ้านเอาเสื้อยืดธรรมดาก็พอ"
ไม่รู้ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตา เป็นคนน่ารักแถมยังช่างพูดช่างจาอีกต่างหาก
"ทำไมรู้สึกเหมือนโดนแซะ" ว่าแล้วหัวเราะคิกคัก คนแซะก็ยอมรับแบบไม่อ้อมค้อม
"ก็แซะไง เนี่ย เกรงใจมากเลยรู้เปล่า"
"ก็รู้สึกผิดอ่ะ เสื้อคุณแพง มันไม่ควรมาเลอะโคล่า"
"แต่เสื้อแพงจะเลอะอะไรก็ได้ เพราะใส่แล้วซัก ไม่ได้ใส่แล้วทิ้งเลย"
"เนี่ย แซะอีกแล้ว"
พากันยิ้มขำทั้งคนพูดคนฟัง คำพูดอาจจะฟังดูร้ายกาจไปบ้าง แต่เพราะน้ำเสียงกับสีหน้าที่ต่างคนต่างมองว่าอีกฝ่ายน่ารัก จากการจิกกัดเลยกลายเป็นการหยอกเย้ากันเล่นๆ แทน
"งั้นเอาตัวนี้นะ"
"ตามใจคุณเลย"
ซื้อเสื้อให้อย่างเดียวไม่พอยังมีบริการพาไปเปลี่ยนในห้องน้ำเพราะกลัวเสื้อเป็นหมัน ซื้อให้แล้วไม่ยอมใส่กลับ คนถูกตามเอาใจเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำยังชวนคุยถึงเรื่องทั่วไปอย่างถูกคอ
"เออใช่ ลืมถามชื่อ" จนบางทีก็ลืมถามเรื่องที่ควรจะถามไป
"ผมชื่อเพ้นท์"
"ชื่อมิ้มนะ ขอบคุณสำหรับเสื้อ"
"ทางเราก็ต้องขอประทานโทษสำหรับโค้กที่อยู่บนเสื้อคุณด้วย"
"เรียกมิ้มก็ได้"
"โอเคครับ คุณมิ้ม"
"กวนนะเนี่ย"
เพ้นท์ยิ้มขำไม่ต่อปากต่อคำอะไรอีกเพราะพวกเขาเดินมาถึงหน้าห้องน้ำพอดี แต่ถ้าหากจะโทษว่าเขากวนคงต้องโทษไอ้คนที่มันกวนประสาทใส่บ่อยๆ จนบางทีก็เผลอติดมามากกว่า
มิ้มเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำส่วนเพ้นท์ยืนรออยู่ด้านนอก หลังจากได้เห็นเสื้อสีขาวสะอาดตัวใหม่แทนที่เสื้อเลอะโคล่าแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น พวกเขาแยกย้ายกันที่หน้าห้องน้ำ มิ้มแวะซื้อของ ส่วนเพ้นท์กลับไปหาเอฟที่ร้าน
มิ้มเพิ่งได้หยิบมือถือขึ้นมาดูหลังแยกจากเพ้นท์ได้ไม่นาน เขายืนหลบมุมริมทางเพราะไม่ชอบเดินไปเล่นไป ก่อนรีบกดเข้าไลน์เมื่อเห็นแชตจากไอทีขึ้นมาเป็นสิบข้อความ
Mim : ขอโทษนะที เราเพิ่งได้ดูมือถือ ตอนแวะกินข้าวมีเรื่องนิดหน่อย กำลังไปซื้อของเดี๋ยวจะกลับแล้ว
ตอบครั้งเดียวครบทุกคำถามที่คุณแฟนรัวมา ข้อความที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้วทันทีเพราะอีกฝ่ายกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
IT : เกิดเรื่องอะไรครับ
Mim : มีคนทำน้ำหกใส่อ่ะ คือคนนั้นเขาโดนชนน้ำที่เขาถืออยู่เลยหกใส่เรา เขาเลยรับผิดชอบด้วยการพาไปซื้อเสื้อใหม่
IT : มิ้มไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ย โดนจีบป้ะเนี่ย
Mim : จีบอะไรล่ะ เราไม่เป็นอะไรเลย เกรงใจเขาด้วยซ้ำ จริงๆ ไม่ต้องซื้อให้ใหม่ก็ได้
IT : ใครหนอ ทำไมใจดีจัง
มิ้มยิ้มให้กับข้อความที่ส่งมา เป็นใครมาจากไหนเขาเองก็ไม่รู้ จะใจดีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่กลับรู้สึกถูกชะตากับรอยยิ้มหวานๆ นั้น เป็นรอยยิ้มที่มองแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลย
Mim : คนน่ารัก
เพ้นท์รีบเดินกลับร้านทันทีหลังจากแยกกับมิ้มที่หน้าห้องน้ำ อีกสามนาทีจะครบกำหนดยี่สิบนาทีที่ขอไว้ ไหนจะแรงสั่นจากมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงอีก เดาว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โทรตาม แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดูกลับเป็นทัพที่รัวแชตมาหาแทน
เลื่อนอ่านข้อความมากมายที่โชว์อยู่หน้าจอระหว่างเดิน ใจอยากจะอ่านเฉยๆ แล้วเอาไว้ตอบทีหลัง แต่เพราะทุกประโยคล้วนเป็นคำถามแถมยังส่งมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน เลยยอมกดเข้าไปตอบเดี๋ยวจะโดนน้อยใจเอา
Paint : จะรัวมาทำไมเยอะแยะ
TTW : ไม่ตอบแล้วยังว่าอีก
เพ้นท์หยุดยืนอยู่หน้าร้านเมื่อทัพตอบกลับมาทันทีเหมือนกำลังรออยู่ เลยต้องตั้งใจพิมพ์ตอบคำถามทั้งหมดที่ได้รับกลับไป คนรอจะได้ไม่บ่นอีก
Paint : อยู่ร้านกับเอฟมันนั่นแหละ แต่มีเรื่องนิดหน่อยเลยตอบช้า กูไปทำน้ำหกใส่เสื้อคนอื่นเขาเลยพาไปซื้อเสื้อใหม่ เพิ่งจัดการเสร็จกำลังกลับไปหาเอฟแล้ว
TTW : ทำไมป๋าจังวะ ซื้อให้ใหม่เลย
Paint : ทำไงได้วะ เสื้อเขาแพงนะมึง แล้วโค้กหกใส่ คือเปียกไปครึ่งตัว
TTW : ทีกับแฟนไม่เคยเปย์
Paint : งอนเหรอคนเรา
TTW : ก็ต้องมีน้อยใจกันบ้าง
อาการแบบนี้ถ้ากลับไปเจอที่หอไม่ต้องเดาเลยว่าจะเพ้นท์โดนอะไร แต่โชคดีที่ทัพอยู่บ้าน เพราะงั้นคืนนี้ได้นอนหลับสบายไม่มีใครกวนแน่นอน
Paint : น้อยใจเล่นได้นะ แต่อย่าจริงจัง คือกูผิดไง เขาได้เสื้อยืดถูกๆ ไปกูยังคิดว่าน้อยไปเลย
TTW : ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรขนาดนั้น กูไม่ใช่เด็กนะ แยกแยะออก
Paint : ครับๆ
TTW : แต่ทำไมดูแคร์จัง
ถ้าอยู่ใกล้ๆ เพ้นท์คงเขกกะโหลกคนพูดกลับกลอก แบบนี้ไม่ใช่น้อยใจ แต่เขาเรียกว่าหึงเสียล่ะมั้ง
Paint : หึงเหรอ
TTW : ได้มั้ยล่ะ
Paint : เรื่องนี้ไม่ได้เว้ย เขาน่ารักเกินไป มึงไม่สมควรหึง
TTW : เอาซะอยากเห็นหน้า
Paint : น่ารักมาก บอกได้แค่นี้
ริมฝีปากยกยิ้มกว้างตอนพิมพ์ นึกถึงแก้มขาวๆ ที่น่าจะนิ่มเหมือนโมจิกับขนาดตัวเล็กๆ แล้วไม่มีคำนิยามไหนเหมาะสมไปกว่าคำว่าน่ารักอีกแล้ว ฉะนั้นคนตัวโตเหมือนหมีกริซลีอย่างทัพไม่สมควรมาหึง
คุยเล่นกันอีกนิดหน่อยเพ้นท์ก็เดินเข้าร้าน แล้วก็ต้องรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อมีผู้ชายตัวใหญ่พุ่งสวนออกมา เพ้นท์มองตามแล้วขมวดคิ้วใส่กับความรีบร้อนที่เกือบทำเขาซวยเป็นรอบที่สอง เพราะถ้าหากตอนนี้เขาถือน้ำอยู่ล่ะก็มันคงหกใส่โต๊ะข้างๆ อย่างแน่นอน
TTW : มึงคุยกับมิ้มยัง
IT : คุยแล้ว มึงอ่ะ
TTW : เรียบร้อย เอาไง จะบอกมั้ย
IT : กูว่าไม่ต้องบอก มึงว่าไง
TTW : เหมือนมึง
IT : ตามนั้น
TBC
ใครอยากลูกแมวสองตัวเจอกันก็เจอกันแล้วน้า แต่เจอแบบไม่รู้จักกันซะงั้น ฮ่าๆๆ
สำหรับเรื่องนี้ถ้าหากอิงตามพล็อตเก่าที่เป็นเรื่องสั้นคือจบแล้วค่ะ จบตั้งแต่ตอนที่แล้ว
แต่เพราะอยากทำเป็นเรื่องยาวเลยคิดต่อ หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ต้องมาลุ้นกัน
อยากให้ลองเดากันด้วย จะมีใครเดาถูกมั้ย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า