P H O T O (x) ความลับในภาพถ่าย ▬ Photo(S1) ▬ [28/08/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: P H O T O (x) ความลับในภาพถ่าย ▬ Photo(S1) ▬ [28/08/2018]  (อ่าน 169600 ครั้ง)

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

Photo(18)


            "ทีรู้จักเอฟแอนพีหรือเปล่า"

            คำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินหลุดออกมาจากปากคนรัก หลังเสร็จจากกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง ไอทีไม่แน่ใจนักว่ามิ้มถามถึงอะไร แต่ชื่อนี้เขาเคยได้ยินเพื่อนพูดผ่านหูมาบ้าง

            "มันคืออะไรเหรอ"

            "เป็นเพจที่ลงรูปนายแบบนุ่งน้อยห่มน้อยประมาณนี้"

            "อ๋อ ถ้าอันนี้รู้จัก"

            "อย่าบอกนะว่าตามอยู่"

            "ทำไม หึงเหรอครับ"

            "ควรคิดว่าไงล่ะ" ไม่ได้ถึงกับหึง อาจจะมีติดใจนิดหน่อย แต่ถึงไอทีจะติดตามเพจนี้จริงมิ้มก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรอยู่แล้ว

            "คิดว่าไม่ควรหึงครับ ไม่ได้ตาม"

            "ก็ไม่ได้ว่าอะไร"

            "มิ้มถามทำไมเหรอ"

            "แค่อยากรู้เฉยๆ เพื่อนเราก็ตาม เขาบอกว่าเราเหมาะกับเพจนี้"

            ไอทีขมวดคิ้วฉับ เพจนี้ทัพกับจิวตามอยู่ ได้ยินมันสองคนคุยกันบ่อยๆ เลยรู้ว่าเป็นยังไง ได้ข่าวว่าเพิ่งเปิดตัวนายแบบใหม่ด้วย แต่อยู่ๆ เพื่อนมิ้มดันบอกว่ามิ้มเหมาะกับเพจนี้มันก็ยังไงอยู่ ไม่รู้จะทำให้แฟนเขากังวลอะไรขึ้นมาอีกหรือเปล่า

            "คิดมากอะไรอีกหรือเปล่า"

            "เปล่าสักหน่อย"

            "สัญญาแล้วนะว่าไม่ปิดบังกัน"

            "ก็ไม่ได้ปิดบังไง แต่ยังพูดไม่หมด"

            "นั่นไง"

            มิ้มฉีกยิ้ม ตอนแรกก็กะว่าจะไม่พูดแต่พอโดนทวงสัญญาเลยรู้สึกผิดขึ้นมา ความจริงสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจเขาไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร มันเป็นเพียงสิ่งที่ต้องคิดย้ำๆ ถามตัวเองซ้ำๆ ใช้ความรู้สึกเข้าช่วยอีกนิดหน่อยก็สามารถหาคำตอบได้ว่าแท้จริงแล้วมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า

            "เพื่อนมิ้มก็ตามไอจี Morning Babe เหมือนกัน"

            ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าคนฟังแทนที่จะเป็นคนพูด มิ้มเกือบหลุดหัวเราะตอนไอทีขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมหลังฟังจบ รู้ดีว่าคุณแฟนห่วงความรู้สึกเขามากแค่ไหน แต่กับเรื่องนี้เขาไม่เป็นไรแล้วจริงๆ

            "แล้วเพื่อนรู้มั้ยว่าเป็นมิ้ม"

            "จะไปรู้ได้ไงเล่า ไม่เห็นหน้าสักหน่อย"

            "นั่นสิเนอะ ขนาดมิ้มเองยังไม่รู้เลย"

            "ห้ามล้อ" พูดถึงเรื่องนี้ทีไรมิ้มเป็นต้องเขินทุกที คนอื่นไม่รู้ย่อมไม่แปลก แต่นี่ดันเป็นตัวเองที่ไม่รู้ หากว่ากันตามจริงคงไม่มีใครรู้จักร่างกายของเขาดีเท่าไอทีอีกแล้ว

            "แล้วมิ้มยังอยากให้ทีทำต่อมั้ย ถ้ามิ้มไม่สบายใจทีเลิกได้นะ"

            "เราคุยเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าทีอยากทำเราไม่ว่าเลย เพราะมันเป็นความสุขของที"

            "แต่ถ้ามิ้มไม่มีความสุขทีก็ไม่อยากทำหรอก" ไอทีทำตัวเป็นหมาตัวเขื่องขี้อ้อนซุกตัวเข้าหาแมวขนฟูที่ตัวเล็กกว่า อ้อนทั้งคำพูด สีหน้า และท่าทาง จนมิ้มยิ้มกว้างยกมือขึ้นลูบผมยุ่งๆ เล่น

            "ถ้าเลิกแสดงว่าทีไม่อยากอวดเราแล้วดิ"

            คุณหมาตัวเขื่องช้อนตาขึ้นมอง ขยับเข้าไปจูบปากสีพีชอย่างนึกมันเขี้ยว พูดแบบนี้ให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีทางเลิกแล้ว

            "อยากอวดดิ อยากให้ทุกคนเห็นว่าแฟนทีน่ารักขนาดไหน"

            "ไม่หวงเลยเหรอ"

            "หวงทำไมครับแค่รูป มีใครได้ทำอย่างทีมั้ย ก็ไม่มี" เชิดหน้าตอบด้วยความภาคภูมิใจจนคนมองอดไม่ได้ต้องบีบจมูกรั้นๆ ด้วยความหมั่นไส้ แต่บางทีไอทีคงลืมไปว่าเคยหวงแม้กระทั่งชื่อแฟนตัวเองกับเพื่อนอย่างจิว

            "ถ้างั้นก็ทำต่อเถอะ ถ้าอยากให้เลิกเราจะบอกเอง"

            "ขอบคุณนะมิ้ม"

            "ขอบคุณทำไม" เลิกคิ้วถามแต่ปากยิ้มกว้าง มิ้มยังลูบผมไอทีเล่นอยู่อย่างนั้น

            "ขอบคุณที่ยอมให้ทีรักไง"

            "งั้นเราก็ต้องขอบคุณทีที่ยอมให้เรารักเหมือนกัน"

            "ทีหลงจนไปไหนไม่รอดแล้วเนี่ยรู้เปล่า"

            มิ้มหัวเราะร่วน ใครได้ฟังอาจจะคิดว่าเยินยอเกินจริง แต่มิ้มรู้ว่าทุกคำพูดนั้นออกมาจากใจ ไอทีซื่อตรงกับเขาและความรู้สึกของตัวเองเสมอ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้รักกันมากขนาดนี้ มากจนคิดไม่ออกว่าถ้าหากวันหนึ่งไม่มีอีกคนอยู่ข้างกายแล้วจะเป็นยังไง ซึ่งมันเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อยากนึกถึง ขอแค่ในวันนี้ ความรักความเชื่อใจยังเชื่อมพวกเขาไว้ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว

            "ที่จริง Morning Babe ก็มีข้อดีนะ"

            คำพูดแสนกำกวนออกมาจากปากคนที่ยังเอาแต่ยิ้ม ไอทีขยับตัวออกมาเพื่อมองหน้าคนรักให้ชัดๆ รอฟังประโยคที่มิ้มกำลังจะเอ่ยออกมา

            "เอาไว้นับสถิติไง"

            ไอทียกยิ้มทันที นับสถิติอย่างนั้นเหรอ แฟนใครช่างคิดจริงๆ

            "แต่บางทีสถิติมันก็ไม่ตรงนะ เพราะเราไม่ได้ทำรอบเดียวไง" พูดจบก็พลิกตัวขึ้นคร่อม ก้มลงจูบคนที่ยิ้มกว้างอ้าแขนรับความรักจากเขาอย่างเต็มใจ หยอกเย้าและสัมผัสกันอย่างไม่รู้เบื่อ

            หากจะนับสถิติจากโพสต์ของ Morning Babe จริงๆ คงต้องคูณสองคูณสามเข้าไปด้วยถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

 

            ความรู้สึกประหลาดที่ชวนให้สังหรณ์ใจไม่ดีเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อต้องอยู่ตัวคนเดียว เพ้นท์กวาดสายตามองรอบตัวที่ทุกอย่างยังดูปกติดีเหมือนเคย ไม่พบบุคคลน่าสงสัยหรือต้นกำเนิดของสายตาที่เหมือนกับกำลังมองมาที่เขา จนต้องบอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่าแค่ระแวงไปเอง แต่เพียงแค่แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงกลับทำเอาสะดุ้งด้วยความตกใจ

            เพ้นท์ยกมือขึ้นทาบอกแล้วลอบถอนหายใจ ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองข้อความจากทัพแล้วนึกโทษคนกวนประสาทที่ทำให้เขาตกใจได้แม้ตัวจะไม่ได้อยู่ใกล้ ก่อนจะรีบเปิดเข้าหน้าแชตเพื่อตอบกลับ

            TTW : ทำไมไม่รอไอ้เอฟ

            Paint : ก็มันคุยกับอาจารย์อยู่ ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง

            เพ้นท์เพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นคนขี้ฟ้อง วันนี้เขานัดกับทัพไปกินข้าวเย็นด้วยกัน และโดนกำชับว่าให้อยู่กับเอฟตลอดเวลาจนกว่าจะมารับ เคร่งถึงขนาดที่ว่าลงมารอก่อนแค่ไม่กี่นาทีก็โดนดุซะแล้ว

            TTW : ก็รอบนตึกจะลงมาทำไม

            Paint : จะดุทำไมเนี่ย กูแค่ลงมารอหน้าตึก รอมึงอ่ะทัพ

            บนหน้าจอขึ้นมาอ่านแล้วแต่ไม่มีข้อความใดๆ ตอบกลับมา เข้าใจว่าเป็นห่วง แต่จะโกรธกันเพราะเรื่องแค่นี้จริงๆ น่ะเหรอ

            กำลังจะพิมพ์ไปหาเพื่อง้อจู่ๆ ก็โดนชนจากด้านข้างจนโทรศัพท์หลุดจากมือ เพ้นท์เซเล็กน้อยเกือบเสียหลักล้ม โชคดีที่คนชนคว้าแขนเอาไว้ได้ทัน แต่ที่โชคร้ายคือมือถือเขานอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น

            "ขอโทษครับ ผมรีบไปหน่อยไม่ทันดู เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" คนตัวโตที่เพ้นท์ไม่แน่ใจว่าเป็นนักศึกษาหรือเปล่ารัวคำถามใส่เป็นชุดทั้งที่มือยังจับแขนประคองไว้อยู่

            "ไม่เป็นไรครับ" เพ้นท์รีบส่ายหน้า แรงกระแทกแค่นี้ไม่มีทางทำให้ตัวเขาเจ็บตัวได้ง่ายๆ แต่ที่น่าห่วงคือมือถือเขาต่างหาก

            "โทรศัพท์คุณ" แล้วดูเหมือนว่าคู่กรณีเพิ่งจะสังเกตเห็นสิ่งที่ควรเป็นห่วงจริงๆ

            แขนเพ้นท์ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่ความไวของเขากลับไม่สู้คู่กรณีตัวโตที่เดินแซงหน้าไปหยิบมือถือมาให้ แถมยังพลิกหน้าพลิกหลังดูให้อีกว่าไม่บุบสลายตรงส่วนไหนก่อนจะส่งคืน

            "โชคดีที่หน้าจอไม่แตก ขอโทษอีกครั้งนะครับ"

            "ไม่เป็นไรครับ" ยื่นมือไปรับมือถือคืนแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เมื่อมือที่ไม่ควรสัมผัสโดนกันกลับถูกอีกฝ่ายลูบตั้งแต่ข้อมือยันปลายนิ้ว

            เพ้นท์แสดงสีหน้าไม่ชอบใจรีบดึงมือออก แม้คู่กรณีจะยกยิ้มกว้างที่ดูแล้วไม่น่ามองเท่าไรนัก สายตาแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการอะไร และมันคงรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ด้วย เรื่องแค่นี้เพ้นท์ไม่ได้ซื่อบื้อจนดูไม่ออก หากแต่แววตากับสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามมันน่ากลัวเกินกว่าจะพูดปฏิเสธแบบดีๆ ได้

            "ไม่เจ็บตรงไหนแน่นะครับ" ไม่ถามเปล่ามือยังยื่นมาหมายจะจับ

            เพ้นท์รีบก้าวหลบ ใจอยากจะวิ่งหนีให้พ้นจากตรงนี้ แต่เมื่อมองเลยไปด้านหลังแล้วเห็นคนที่กำลังรออยู่ในสายตาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

            "ถามไม่ตอบ อย่าเล่นตัวสิครับ"

            "มีอะไรกันเหรอครับ" การทักทายของบุคคลที่สามทำเอาคู่กรณีถอยกรูด ทัพถามทั้งที่ยังหอบเพราะรีบวิ่งมาหา สายตามองคนไม่รู้จักอย่างไม่เป็นมิตรนัก คงเป็นเพราะหมอนี่ที่ทำให้เพ้นท์ไม่ตอบไลน์เขาสักที

            การสนทนาจบลงอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มอะไรเมื่อคู่กรณีเดินหนีออกไปโดยไม่มีคำบอกลา เพ้นท์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อยากกระโดดกอดทัพแน่นๆ ที่เข้ามาช่วยได้ถูกจังหวะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าจะรับมือกับไอ้ตัวยักษ์ที่เข้ามาชนเขาแถมยังวอแวไม่เลิกยังไง

            "อะไร ยังไง ไหนเล่ามาดิ๊" ไล่คนไม่น่าไว้ใจไปได้ทัพก็เริ่มการสอบสวนคนดื้อ

            "ไม่มีอะไร แค่โดนชนอ่ะ มือถือตก"

            "แล้วเป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ทัพคว้าแขนทั้งสองขึ้นมาสำรวจหารอยแผลรอยถลอก จับตัวหมุนซ้ายหมุนขวาจนเพ้นท์เกือบหลุดขำกับการเปลี่ยนโหมดแบบกะทันหัน เมื่อกี้ยังทำเป็นโหดอยู่เลย

            "ไม่เจ็บอ่ะ แต่โดนลวนลามนิดหน่อย"

            "มันทำอะไร"

            "แค่จับมือ"

            "ก็บอกแล้วไงว่าให้รอกับไอ้เอฟ ทำไมดื้อวะ" แล้วทัพก็เปลี่ยนโหมดกลับไปเป็นคุณแฟนจอมโหด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนการโดนแต๊ะอั๋งนิดๆ หน่อยๆ เป็นปัญหาระดับชาติ

            "แล้วจะไปรู้มั้ยเล่าว่าจะเจออะไรแบบนี้ นี่ก็หวงจัง ทำเหมือนรู้ล่วงหน้าเลยเนอะว่าจะเจออะไร"

            "แล้วมันเจอจริงมั้ย"

            "โอเคๆ ไม่เถียงแล้ว" เพ้นท์ยอมแพ้แต่โดยดี ขี้เกียจต่อปากต่อคำเพราะพูดไปยังไงก็แพ้ ครั้งนี้ทัพเป็นฝ่ายถูก เขาผิดที่ไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่ห้ามอยู่คนเดียว สาเหตุเป็นเพราะเรื่องที่เล่าให้ทัพฟังเมื่อวาน คุณแฟนเลยสั่งบังคับใช้ทันที

            ทัพยังทำหน้าตึงจากอารมณ์ที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วก็เริ่มระแวงไปหมด ใจเขาอยากจะล็อกตัวไอ้คนนั้นไว้แล้วถามให้รู้เรื่องว่ามายุ่งกับเพ้นท์ทำไม อยากรู้ว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับแอคเคาต์ MU นั่นหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากเกี่ยวข้องกันจริงๆ ล่ะก็ แม้แต่มหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเพ้นท์อีกต่อไป

            "ไปกัน หิวแล้ว"

            มือที่เข้ามาจับนิ้วโป้งไว้ทำให้ทัพหยุดคิดเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจ มองรอยยิ้มหวานๆ ที่มอบให้เพื่อเอาอกเอาใจอารมณ์คุกรุ่นเมื่อครู่ก็เริ่มเย็นลง ขยับประสานนิ้วทั้งห้ากอบกุมกันไว้  ออกแรงบีบเบาๆ บอกกับตัวเองไว้ว่าต้องปกป้องคนคนนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

 

            TTW : มีคนแปลกๆ เข้ามาวุ่นวายกับเพ้นท์ กูไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันมั้ย แต่ระวังไว้ก็ดี

            FFF : ยังไง เล่า

            เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าตึกคณะถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษร ทัพพิมพ์มันตอนนั่งอยู่ในร้านอาหารกับเพ้นท์ บอกคนที่มองอยู่ไปตามตรงว่ากำลังฟ้องเพื่อนสนิทถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าหากคิดจะเถียงกลับมาต้องโดนดุ คนดื้อเลยได้แต่นั่งดูดน้ำมองอยู่เงียบๆ

            FFF : กูคลาดสายตาแป๊บเดียวคือเกิดเรื่องเลย

            TTW : ก็แม่งดื้อ บอกให้รอไม่รอ

            มือพิมพ์ปากก็พูดไปด้วย เพ้นท์ทำหน้างอแง นานๆ ทีจะโดนทัพดุแบบนี้ แต่ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น อีกอย่างมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร

            "ยังไม่หายหงุดหงิดอีกเหรอ" คนถามทำหน้าตาเหมือนลูกแมวใส่ ทัพต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้ตอนมอง เห็นแล้วมันเขี้ยวจนอยากจับมาตี จากความหงุดหงิดมันหายไปเยอะแล้วพอได้คุยกับเอฟมันก็ปะทุขึ้นมาใหม่ บวกความกังวลเข้าไปอีกสีหน้าเลยออกมาน่ากลัวอย่างที่เห็น

            "หายแล้วแต่หงุดหงิดใหม่"

            "ก็เลิกกับคุยเอฟมันได้แล้ว หยุดฟ้อง มากินข้าวอ่ะ อย่าอารมณ์เสียดิ"

            ทัพยอมเก็บมือถือเลิกคุยกับเอฟอย่างที่ขอ แต่ยังไม่ยอมจบประเด็นนี้ง่ายๆ

            "ไอ้คนนั้นน่ะ เคยเห็นมันมาก่อนหรือเปล่า" ลักษณะท่าทางไม่เหมือนนักศึกษานักแม้จะใส่เชิ้ตขาวกับกางเกงยีนส์ หน้าตาดูมีอายุเกินเด็กมหาวิทยาลัย ทัพคิดว่าน่าจะเป็นคนนอกมากกว่า

            "ไม่เคยนะ ถามทำไม จะไปเอาเรื่องเหรอ"

            "เปล่า แค่ถามดู"

            "อุบัติเหตุอ่ะทัพ คิดมาก เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก" ปากบอกไปแบบนั้นแต่ในใจลึกๆ กลับเป็นกังวล

            "แล้วที่มันลวนลามนี่ไม่ได้ตั้งใจด้วยหรือเปล่า"

            "กูผิดเองอ่ะที่ไม่ระวัง ต่อไปนี้จะระวังให้มากขึ้น หยุดทำหน้าตึงได้แล้ว" เพ้นท์พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ รู้ว่าทัพเองก็ขี้หวงแต่เพิ่งเคยเจอหวงแบบหนักหน่วงก็คราวนี้ ถ้าฝืนต่อปากต่อคำไปจะทะเลาะกันเปล่าๆ

            ทัพถอนหายใจเบาๆ มองคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมา หลังจากนี้เขาต้องใจเย็นกว่าเดิม เรื่องนี้เพ้นท์ไม่ผิด คนผิดคือไอ้โรคจิตที่มันคิดจะลวนลามเพ้นท์ต่างหาก

            "ขอโทษ"

            "ขอโทษทำไม" เพ้นท์เลิกคิ้วถาม ริมฝีปากอมยิ้มเพราะรู้อยู่แล้วว่าทัพพูดคำนี้ออกมาทำไม

            "ที่หงุดหงิดใส่มึง"

            "ต้องมีการไถ่โทษด้วยมั้ย"

            "มีก็ได้ เดี๋ยวจะไถ่โทษให้ทั้งคืนเลย"

            "ได้เหรอแบบนี้"

            "แล้วได้มั้ยล่ะ"

            เพ้นท์ไม่ตอบ เรื่องแบบนี้ใครจะไปยอมตอบ รู้ๆ กันอยู่ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง เอาเป็นว่ารอดูไปเลยดีกว่าว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า

 

            เป็นเหมือนการประกาศสงครามอย่างจริงจังเมื่อแอคเคาต์ MU ของผู้ประสงค์ร้ายทวีตเป็นครั้งที่สองเพื่อย้ำในจุดประสงค์อันแน่วแน่ของตัวเอง แม้มันจะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ แต่กลับทำให้คนที่ทำตัวเป็นผู้พิทักษ์อย่างทัพกับเอฟเริ่มอยู่ไม่สุข

            'ผมเจอตัวคุณแล้ว ผมรู้แล้วว่าคุณเป็นใคร อีกไม่นานคงได้เจอกันอีกนะที่รัก'

            จากเหตุการณ์ที่เจอกับข้อความที่ถูกทวีตไว้ครั้งนี้ พวกเขาคงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่าไอ้โรคจิตเมื่อตอนกลางกับ MU คือคนเดียวกันอย่างแน่นอน

            ถ้าหากคราวหน้ามันโผล่หัวออกมาให้เห็นอีก เขาไม่ปล่อยมันไว้แน่


TBC

 
นอกจากคุณวิชัย แสน จิว จากตอนที่แล้วมีเอฟเพิ่มมาอีกคน
จบตอนนี้คำใบ้น่าจะชัดเจนขึ้นเนอะ บอกแล้วว่าไม่ม่าๆๆๆ (เหรออออ)
เหลืออีกสามตอนก็จะจบแล้วน้า จบจริงๆ แล้ว
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไม่เดาแล้ว รอร่วมตืบดีกว่า  ซ้อมๆ  :beat: :z6:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เกาหัวแบบงงๆว่าใครรรรรร เป็นม้ามืดใช่ไหมคะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

MU คือใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก  แต่คงเป็น fan club, stalker ระดับเทพ  ที่ตามกลิ่นจนเจอตัวเป็น ๆ

ป.ล. ไอ้คนที่มาลวนลามเนี่ย  เข้าข่ายผู้ต้องสงสัยมากที่สุด

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โรคจิตสุดๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ใกล้จะจบแล้ว...ใจหาย..ยยยยยย   :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ส่งใจให้ทัพตามจับตัวให้ได้ละกระทืบทีเดียวเลย !!!! :z6:  :z6:  :z6:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ไม่นะ ขออย่าให้เป็นเอฟ เอฟเป็นเพื่อนที่ดีนะะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ใครอ่าาาาาาาาาา :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เจอไอ้โรคจิตแบบนี้เป็นห่วงเพ้นท์เลยอ่า  :hao5: มันคงคิดจะทำการใหญ่  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เหมือนเป็นคนที่เพ้นท์กับทัพไม่รู้จัก ใครวะ ไอ้โรคจิตตตตต :z6: :z6:

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

Photo(19)

            การประกาศว่ารู้ตัวจริงของอดีตนายแบบคนดังของ FxxanPxx ขยายจากกลุ่มเล็กๆ สู่วงกว้างอย่างรวดเร็ว ลามจากทวิตเตอร์สู่แฟนเพจในเฟซบุ๊ก เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างหนาหู โดยเฉพาะคอมเมนต์ใต้โพสต์ตัวอย่างภาพโฟโต้บุ๊คเล่มสองที่เพิ่งปิดจองไป แน่นอนว่าคนที่ยังติดตามความเคลื่อนไหวงานของตัวเองย่อมไม่มีทางไม่เห็น

            เพ้นท์กดเข้าไปดูโพสต์ภาพตัวอย่างโฟโต้บุ๊คเล่มสองที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นมาอยู่หน้าแรกเมื่อเปิดเข้าเฟซบุ๊ก คอมเม้นต์ที่เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนร่วมร้อยชวนให้กดเข้าไปอ่านอย่างอดไม่ได้ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับประเด็นการพูดคุยนั้น รวมถึงรูปทวีตของคนที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวต้นเรื่องด้วย

            หมายความว่ายังไงที่ว่ารู้ตัวจริงของอดีตนายแบบ FxxanPxx แล้ว

            มีคนรู้ตัวจริงของเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ

            ตัวชาวาบ ใจเต้นรัวเร็ว ทั้งยังรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เพ้นท์พยายามตั้งสติ อ่านทบทวนสิ่งที่เห็นอีกรอบ แต่ไม่ว่าจะตีความยังไงสิ่งที่ทุกคนกำลังตั้งประเด็นกันอย่างสนุกสนานก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

            เมื่อมีใครบางคนออกมาประกาศว่ารู้ตัวจริงของเขา และทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าเจ้าของเรือนร่างที่เสพผลงานมาร่วมปีนั้นเป็นใคร มีแนวร่วมเสนอตัวว่าจะช่วยหา แล้วแบบนี้จะให้ทำใจให้สงบอยู่ได้ยังไง

            มือรีบกดโทรออกหาคนที่ยังไม่กลับห้องเพราะติดงานที่คณะ เพ้นท์กวาดมองรอบห้องอย่างนึกระแวง เดินไปปิดประตูระเบียงหลังและไม่ลืมดูประตูห้องว่าล็อกเรียบร้อยแล้วหรือเปล่า เป็นเพราะเรื่องที่เจอมาก่อนหน้านี้ทำให้มีแต่ความคิดแง่ร้ายอยู่ในหัว ทุกสิ่งทุกอย่างประเดประดังจนเกินจะรับไหว

            "ทัพ" เอ่ยเสียงสั่นทันทีเมื่อปลายสายกดรับ

            [ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวกูรีบกลับ]

            "อือ รีบมา" เพ้นท์ไม่รู้ว่าทัพรับรู้ถึงความกังวลของเขาหรือว่าอย่างไร แต่พอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง

            [ให้เอฟไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า]

            "กูอยู่ได้ ไม่เป็นไร มึงรีบมา"

            [ไม่เกินยี่สิบนาที เดี๋ยวให้เอฟโทรหา]

            "อืม"

            วางสายจากทัพไม่ถึงนาทีสายจากเพื่อนรักก็โชว์ขึ้นหน้าจอ เพ้นท์รีบกดรับ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติแต่กลับไม่สามารถซ่อนความกังวลที่มีได้อยู่ดี

            [มึงเห็นในเพจแล้วใช่มั้ย]

            "เอฟ กูจะทำยังไงดี"

            คำปลอบขวัญจากเพื่อนรักโถมมาชุดใหญ่ เอฟไม่ได้เล่าอะไรไปมากกว่าที่เพ้นท์รู้ เขาเพียงบอกให้เพื่อนตั้งสติ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ พยายามพูดให้คลายความกังวลตามคำขอของทัพที่บอกเขาไว้ก่อนหน้านี้

            เพราะเรื่องที่เพ้นท์ยังไม่รู้ ทัพจะเป็นคนบอกต่อหน้าเจ้าตัวเอง

 

            เสียงเปิดประตูทำเอาคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับเพื่อนในสายสะดุ้งตัว เพ้นท์รีบหันมองตาม เห็นทัพมาถึงก่อนเวลาที่บอกไว้หลายนาทีก็ยิ้มออก เขาบอกลาเอฟแล้วตัดสาย ลุกเดินไปหาคนที่เพิ่งกลับมาถึงฝ่ามือใหญ่ก็วางแหมะลงบนหัว

            "ยังไม่ร้องไห้แฮะ"

            "กอดหน่อย" อ้าแขนกว้างรอรับอ้อมกอด

            ทัพสวมกอดคนขี้แยทันที ลูบหัวลูบหลังอย่างปลอบประโลม ฝังจมูกลงบนกลุ่มสีดำอย่างรักใคร่ อยากปัดเป่าความทุกข์ออกไปให้หมดเสียตอนนี้แต่รู้ดีว่าทำไม่ได้ เพราะอย่างนั้นเขาขอเพียงแค่ให้คนในอ้อมกอดสบายใจขึ้นสักนิดก็ยังดี

            "ดีขึ้นหรือยัง"

            "นิดนึง แต่อย่าเพิ่งปล่อยนะ"

            "ไม่ปล่อยหรอก"

            กอดน่ะกอดได้ แต่จะให้ยืนปักหลักอยู่ตรงนี้ก็คงไม่ไหว ทัพช้อนตัวเพ้นท์ขึ้นอุ้ม น้ำหนักยังเบาเหมือนเดิมสมกับหุ่นแห้งๆ พาก้าวยาวๆ แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียง นั่งลงแล้ววางคนที่ยังเกาะไม่ปล่อยไว้บนตัก

            "ที่จริงกูนึกว่ามึงจะโวยวายห้องแตกไปแล้ว" ตามนิสัยของเพ้นท์มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ครั้งนี้กลับนิ่งจนทัพยังแปลกใจ แม้ความกังวลและความกลัวจะฉายชัดอยู่ในแววตาคู่สวยก็ตาม

            "เหนื่อยจะโวยวายแล้ว กูคิดอะไรไม่ออก สมองมันตื้อไปหมด ไม่อยากจะรับรู้อะไรเลย" ตอนที่คุยกับเอฟ เพ้นท์พยายามคิดนั่นคิดนี่หาทางออกของปัญหาจนหัวแทบระเบิดแต่กลับคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง ได้แต่ฟังคำปลอบจากเพื่อนว่าจะช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุดให้

            "เดี๋ยวมันจะผ่านไป ทุกอย่างจะดีขึ้น กูอยู่ข้างมึงนะเพ้นท์"

            "กูรู้ แต่กูไม่เข้าใจเลยทัพ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยวะ กูจะเลิกแล้วนะ กูกำลังจะตัดขาดจากมันแล้ว ทำไมต้องมีคนขุดคุ้ยขึ้นมาอีก" เสียงสั่นพร่าคล้ายคนร้องไห้ เพ้นท์หลับตาลง ก้มหัวพิงไหล่กว้างที่เป็นที่พักกายและใจให้เขาได้เสมอ

            "กูจะไม่ห้ามให้มึงไม่เครียดนะ ห้ามไม่ให้คิดก็คงไม่ได้ แต่ขอให้มึงสู้ได้มั้ย กูเองก็พยายามอยู่ เพราะกูพอจะรู้แล้วว่าไอ้คนที่มันปล่อยข่าวเป็นใคร"

            "มึงรู้ได้ไงทัพ" เพ้นท์ผละออกกลับมานั่งตัวตรงมองหน้าคนพูด สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้ ใจที่ห่อเหี่ยวเริ่มกลับมามีกำลังเมื่อคิดว่าเรื่องอาจจะจบลงได้โดยที่ความลับจะยังเป็นความลับเหมือนเดิม

            "ที่จริงกูรู้มาสักพักแล้วว่ามีคนคิดไม่ดีกับมึง"

            "แล้วทำไมไม่บอกวะ"

            "ฟังก่อนดิ"

            คนขัดเงียบทันที หากแต่สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม เพ้นท์ไม่ได้โกรธ คิดว่าคงมีเหตุผลที่ปิดบัง และเขาอยากจะฟังมัน

            "เห็นแอคเคาต์ที่เป็นคนโพสต์แล้วใช่มั้ย ก่อนหน้านี้มันทักมาหาไอ้เอฟว่าจะเปิดโปงตัวจริงมึง ที่กูเคยถามว่ามึงได้เล่นเอฟแอนพีอยู่หรือเปล่าก็เพราะว่ากลัวมึงรู้แล้วจะเครียด ที่กูถามว่าช่วงนี้มึงรู้สึกแปลกๆ บ้างมั้ยเพราะมันบอกว่าจะตามหามึงให้เจอ จนวันเมื่อวานที่มีคนแปลกๆ เดินชนมึงหน้าตึกคณะ มันก็โพสต์อีกว่าเจอตัวมึงแล้ว เลยทำให้กูมั่นใจว่าคนโพสต์ต้องเป็นไอ้นั่นแน่ๆ และที่กูไม่บอกมึงเพราะคิดว่าจะช่วยกันแก้ปัญหากับไอ้เอฟแค่สองคน แต่กูก็ทำไม่ได้ ขอโทษที่ปกป้องมึงไม่ได้" วงแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดขณะพูด ทัพสบตาคนฟังตลอด อยากให้รู้ว่าเขาพยายาม อยากให้รู้ว่าเขาต้องการปกป้องแค่ไหน และรู้สึกผิดเท่าไรที่ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้

            "ขอบคุณนะ"

            "แต่กูปกป้องมึงไม่ได้นะเพ้นท์ กูทำอย่างที่คิดไม่สำเร็จสักอย่าง"

            "ได้ดิทัพ มึงทำอยู่ ยังไม่มีใครรู้สักหน่อยว่ากูเป็นใคร" รอยยิ้มหวานๆ มอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ เพ้นท์เอนหัวซบไหล่กว้างเหมือนเดิม จับมือของทัพมากุมมือกันไว้ พอทำแบบนี้แล้วความอุ่นใจก็เพิ่มขึ้นมาอีก อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของแววตามุ่งมั่นและคำพูดที่ได้ฟัง มันทำให้เขาพร้อมสู้ถ้าหากทัพยังยืนอยู่ข้างกัน

            ทัพฝังจมูกลงข้างขมับ คนที่ทั้งขี้กลัว ขี้ตกใจ หวาดระแวงง่าย ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก รับรู้ได้ถึงความเข้มแข็งและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา แม้ยังไม่รู้ว่าทางออกจะอยู่ในรูปแบบไหน อาจจะเป็นแสงสว่างหรือทางตัน แต่เขาเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี

            "ไอ้เอฟกับคุณวิชัยก็คอยช่วยมึงอยู่นะ อยากให้รู้ว่ามึงไม่ได้สู้คนเดียว"

            "กูรู้ตั้งแต่ได้ยินเสียงมึงผ่านโทรศัพท์แล้ว" ตั้งแต่ตอนที่โทรไปหาทัพ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วที่เพ้นท์รู้ว่าไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหาเพียงลำพัง

            "โคตรห่วงมึงเลยตอนนั้น ได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าโทรมาเพราะเรื่องนี้แน่ๆ"

            "รู้ดีไปอีก"

            "นี่ใครครับ แฟนนะ"

            "แล้วแฟนคิดว่าจะทำยังไงต่อล่ะ" เงยหน้าช้อนตามองแล้วเอ่ยถาม อยู่กับทัพแล้วความกังวลลดลงก็จริง แต่ความเป็นจริงที่ว่าความลับที่รักษามาได้แรมปีกำลังจะถูกเปิดเผยยังคงอยู่ หากไม่มีวิธีจัดการ เขาคงต้องทำใจยอมรับชะตากรรมที่ไม่อยากให้เกิด

            "กูมีแผนนะ แต่อาจจะเสี่ยงหน่อย"

            "แผนอะไร"

            "แผนจับตัวคนร้าย เพราะยังไงมันต้องมาหามึงอีกแน่"

            เพ้นท์แอบกลืนน้ำลายลงคอ เป็นแบบนี้เขากับไอ้โรคจิตคนนั้นต้องได้เจอกันอีก ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่อยากเจอ ไม่อยากพบใครทั้งนั้นที่รู้ความลับและสามารถเอาไปป่าวประกาศได้ คิดแล้วก็ยิ่งสงสัยว่ามีคนรู้ความลับนี้ได้ยังไง เก่งขนาดสืบจนรู้ได้เลยอย่างนั้นเหรอ แอคเคาต์ MU เองก็ไม่รู้ว่ารู้ความจริงมากน้อยแค่ไหน แล้วคนที่ชนเขาหน้าตึกคณะจะใช่ผู้ต้องสงสัยจริงหรือเปล่า ทุกอย่างยังเป็นปริศนาที่ชวนให้กังวล แต่จะให้หลบอยู่ข้างหลังและรอให้คนเหล่านั้นปั่นประสาทเล่นก็คงไม่ได้เหมือนกัน ถ้าหากความลับแตกจริง ขอแค่ได้พยายามอย่างที่สุดแล้วก็พอ

            หรือไม่อย่างน้อยก็ขอให้ได้ซ้อนแผนเพื่อเอาคืน

           

            "มึงจะกลับหอเลยมั้ย หรือไปไหนต่อ ไอ้ทัพมารับเปล่า" เลิกเรียนปุ๊บเอฟก็รัวคำถามใส่เพื่อนรักเป็นชุด ช่วงนี้เขาต้องรับหน้าที่เป็นบอร์ดี้การ์ดคอยปกป้องอดีตนายแบบวาบหวิวคนดังจากการปองร้าย

            "กลับหอเลย ทัพบอกให้รอกลับพร้อมกัน อีกครึ่งชั่วโมงมันก็เลิกแล้ว"

            "ไปรอที่ไหน"

            "มันบอกให้รอที่นี่"

            "โอเค"

            "แต่มึงไม่ต้องอยู่รอเป็นเพื่อนกูก็ได้นะเอฟ" แม้เพื่อนไม่พูดเพ้นท์ก็รู้อยู่แล้วว่าเอฟกับทัพตกลงกันไว้ว่าจะคอยดูแลเขาในตอนที่อีกคนไม่อยู่ แต่แค่นั่งรออยู่ใต้ตึกคณะไม่น่ามีอะไรน่าห่วง

            "เดี๋ยวก็เป็นเหมือนคราวที่แล้วอีก" คราวที่แล้วที่ห่างกันแค่แป๊บเดียวยังเกิดเรื่องได้

            "ตอนนั้นกูไม่รู้ตัวไง ตอนนี้รู้ตัวแล้ว ดูแลตัวเองได้น่า"

            "ไม่เอาอ่ะ กูห่วง เข้าใจมั้ยว่าเป็นห่วง" เอฟย้ำเน้นๆ ให้คำที่ต้องการบอกฝังเข้าไปในหัวเพื่อน เมื่อวานตอนรู้เรื่องยังกลัวยังระแวงขนาดนั้น ตอนนี้มาบอกว่าดูแลตัวเองได้เขาไม่เชื่อหรอก

            "เออ เข้าใจ แต่ไหนมึงบอกว่าทีมงานนัดไง ไปสายเดี๋ยวก็โดนเด้งหรอก"

            "เด้งใครคับ นี่ผู้ก่อตั้งนะ กล้าเด้งเหรอ"

            "ทำเป็นเก่ง"

            "เพิ่งรู้เหรอว่ากูเก่ง แค่อยู่รอเป็นเพื่อนมึงแป๊บเดียวไม่เป็นอะไรหรอก อย่าดื้อ" หลังจากเถียงกันอยู่นานเอฟก็ยื่นคำขาดและไม่สนใจคำคัดค้านใดๆ อีก

            ทุกย่างก้าวหลังจากเดินออกจากห้องเรียนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แม้ตอนนี้จะไม่มีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่เคยเป็นก็ตาม เพ้นท์คอยมองคอยสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว ระวังแม้กระทั่งคำพูด ที่สำคัญคือเอฟยังไม่เคยเห็นคนแปลกหน้าที่เดินชนเขาวันนั้น เลยต้องยิ่งระวังตัวเป็นพิเศษ

            ลงมาถึงชั้นล่างก้าวห่างออกจากตีนบันไดได้ไม่นานความรู้สึกไม่ดีก็เข้าจู่โจม เพ้นท์ชะงักค้าง มือคว้าแขนเอฟไว้ ก่อนหันมองไปด้านขวาตามที่ความรู้สึกบอก

            แล้วก็ได้พบกับรอยยิ้มน่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

            เพ้นท์ยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดขณะที่ยังสบตากับเจ้าของดวงตาไม่น่าไว้ใจนั้น เขาเผลอกำมือที่จับข้อมือเอฟไว้แน่นด้วยความกลัว

            ความผิดปกติของเพื่อนชัดเจนจนเอฟต้องมองตามทางที่เพ้นท์มองไป แต่กลับไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ

            "มึง" กระตุกแขนที่โดนจับอยู่คนที่ยืนนิ่งถึงกลับมาได้สติ

            เพ้นท์หันมาหาเอฟ แววตายังคงตื่นกลัว ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวเร็ว เพราะสายตากับรอยยิ้มคุกคามที่ได้เห็น มันเหมือนกับปีศาจที่พร้อมจะทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อ

            "เอฟ เมื่อกี้มันยืนอยู่ตรงนั้น"

            "ใคร"

            "ไอ้นั่น คนที่มันเดินชนกูเมื่อคราวก่อน"

            "แล้วมันไปไหนแล้ว" เอฟถามหน้าตาตื่น ชะเง้อคอมองพลางสาวเท้าก้าวเข้าไปดูตรงจุดที่เพื่อนบอก

            "มันเดินหนีไปแล้ว"

            "ทำไมมึงไม่รีบบอกกูวะ"

            "กูตกใจอ่ะมึง มันยิ้มให้กูแป๊บเดียวแล้วก็หายไปเลย เอฟ กูกลัว" แววตากับน้ำเสียงสื่อตามที่บอก ไหนจะมือที่ยังไม่ยอมปล่อยแขนออกอีก

            "มึงน่าจะรีบบอกกู แบบนี้ก็ไม่เห็นหน้ามันสักที"

            "ขอโทษ กูตกใจจริงๆ"

            "เออ ช่างมัน แล้วนี่แม่งอะไรวะ"

            ซองจดหมายสีชมพูอ่อนที่วางอยู่ข้างกระถางต้นไม้ดึงความสนใจให้เอฟก้มลงหยิบมันขึ้นมาดู ในซองนั้นมีจดหมายกับรูปที่เห็นแล้วเอฟต้องรีบคว่ำมันลงเพราะกลัวคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะบังเอิญมองเห็น มันคือรูปอวัยวะเพศชายที่กำลังสำเร็จความใคร่ด้วยมือใส่รูปเพื่อนสนิทของเขา

            "ไอ้โรคจิตเอ้ย!" เอฟขยำรูปและจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่านด้วยความโมโห

            "รูปอะไรวะ"

            "มึงไม่ต้องดูหรอก"

            "มันเกี่ยวกับกู ก็ควรรู้มั้ยวะ"

            "งั้นมึงไปโรงพักกับกู"

            "ไปทำไม"

            "ลงบันทึกประจำวันไว้ ถ้ามันยังไม่เลิกกูเอามันเข้าคุกแน่"

            "ใจเย็นก่อนมึง"

            "ไม่เย็นแล้วไอ้สัดเอ้ย!"

            "งั้นขอกูดูหน่อยว่ามันคืออะไร" บอกแล้วเพ้นท์ก็แบมือขอกันตรงๆ

            เอฟมองอย่างช่างใจชั่วครู่ก่อนจะยอมให้กระดาษยับยู่ยี่ในมือกับเพื่อนไปคลี่ดูเอาเอง จากที่กลัวจนหน้าซีดอยู่แล้ว พอเห็นรูปกับจดหมายก็เหมือนเลือดถูกสูบออกไปจากร่างกาย เพ้นท์ยืนนิ่ง ตาจ้องรูปตัวเองในชุดนักศึกษาที่มีน้ำสีขาวขุ่นเปื้อนอยู่ เขามั่นใจว่ามันถูกถ่ายที่คณะเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงจดหมายที่มีคำสั้นๆ เขียนกระจัดกระจายไว้

            'ทรยศ หักหลัง เจ็บปวด ชดใช้ คิดถึง อยากพบ ที่รัก'

            แม้ไม่เป็นประโยคแต่มันกลับสื่อความหมายได้อย่างดี

            ลึกซึ้ง หากแต่น่ากลัว

            "บอกไอ้ทัพด้วยว่าเดี๋ยวกูไปส่งมึงที่หอเอง หรือไม่ก็ให้ตามไปที่โรงพัก"

            เพ้นท์พยักหน้ารับโดยไม่ขัดอะไร เอฟขอจดหมายกับรูปไปเก็บไว้เอง ก่อนคว้ามือเพื่อนสนิทให้เดินไปข้างกัน

            ไอ้โรคจิตนั่น ได้เห็นดีกันแน่

 

            ทัพโกรธจัดอย่างที่คาดเมื่อรู้เรื่อง นั่งขัดสมาธิทำหน้าเครียดเล่นจ้องตากับเพ้นท์อยู่บนเตียง ห่วงความลับที่จะโดนเปิดเผยก็ห่วง ห่วงคนโดนโรคจิตเล่นงานยิ่งห่วงกว่า แต่ก็ยังจัดการให้เด็ดขาดไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าตัวจริงของโรคจิตคนนั้นเป็นใคร และไม่รู้จะเจอตัวมันได้ตอนไหน

            "อย่าทำหน้าน่ากลัวดิ" เพ้นท์ขยับคลานเข้าไปใกล้ จิ้มนิ้วชี้ตรงกลางระหว่าคิ้วให้ปมที่ขมวดอยู่คลายออก

            "ก็เครียดอยู่"

            "ที่จริงแผนมึงก็ดีนะทัพ ทำไมไม่ลองทำดู"

            "กูไม่อยากให้มึงไปเสี่ยง"

            "ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้ดีอะไรเลยนะ"

            ทัพพูดถึงแผนจับตัวโรคจิตให้เพ้นท์ฟังตั้งแต่เมื่อวาน มันมีความเสี่ยงที่ทำให้ไม่อยากลงมือทำจริงๆ เพราะคิดไม่ออกว่าขนาดตัวอย่างเพ้นท์จะต่อกรกับไอ้โรคจิตตัวยักษ์นั้นได้ยังไงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน แค่จับมือล็อกไว้ก็คงหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ฉะนั้นอย่าคิดถึงแผนที่จะใช้เพ้นท์เป็นตัวล่อเลย

            "กูเป็นห่วงมึงมากนะ"

            "กูรู้ทัพ รู้มาตลอดนั่นแหละ ไม่งั้นมึงไม่นั่งหน้าแก่อยู่นี่หรอก"

            "เออเนอะ เครียดเรื่องมึงนี่ทำให้กูดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย"

            แม้จะเป็นมุกแป้กที่ชวนให้เครียดยิ่งกว่าเดิมแต่มันก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มออกมาได้ เพ้นท์ขยับขึ้นไปนั่งตัก เอนหลังพิงแผ่นอกกว้างที่ให้ความอบอุ่นเขาอยู่ทุกคืน ดึงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามให้โอบตัวเองแล้วกอดทับไว้อีกที

            "เหมือนกูไม่มีความสามารถเลย จัดการเรื่องนี้ไม่ได้สักที"

            "มึงเก่งมากแล้วทัพ อย่าพูดงี้ดิ"

            "อยากโดดเรียนไปนั่งเฝ้ามึง ถ้าเจอไอ้โรคจิตนั่นจะได้กระทืบได้ทัน"

            "มึงห้ามโดดเรียน"

            "แค่วันสองวันไม่เป็นอะไรหรอก"

            "บอกแล้วไงว่ากูดูแลตัวเองได้"

            "เหรอ ได้ข่าวว่าที่เจอมันวันนี้ก็ช็อคจนตัวแข็งไปเลย" อีกสาเหตุที่ทัพไม่อยากให้เพ้นท์เจอไอ้โรคจิตอีกก็เพราะแบบนี้

            "กูตกใจอ่ะ มึงรู้มั้ย รอยยิ้มกับสายตามันน่ากลัวแค่ไหน" ภาพที่เห็นเมื่อช่วงบ่ายยังจำติดตา ชนิดที่ว่าหลับตาเมื่อไรเป็นต้องนึกถึง

            ทัพวางคางเกยไหล่คนบนตัก ตั้งใจจะเก็บเล็กเก็บน้อยสักหน่อยให้หายเครียดมือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็ดังรัวๆ จนต้องหยิบมันมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเอฟที่ทักมาจึงรีบกดเข้าไปอ่าน

            FFF : มันส่งรูปนี้มาให้กู น่าจะถ่ายวันนี้ตอนที่มันเอาจดหมายมาวาง กูถามมันแล้วนะว่าต้องการอะไร มันตอบเหมือนเดิมว่าอยากให้ทุกคนว่ารู้ว่าเพ้นท์เป็นใคร เอาไงต่อดีวะ

            ทัพก้มมองคนในอ้อมกอดที่ได้อ่านข้อความและดูรูปที่ถูกส่งมาพร้อมกัน เพ้นท์เม้มปากแน่น นั่งเงียบไม่ออกความเห็นอะไร เพราะแค่ทำใจรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็เกินตัวแล้ว เขารู้ว่าเพ้นท์ไม่ได้ห่วงเรื่องที่โดนโรคจิตตามติด แต่ห่วงเรื่องความลับที่จะถูกเปิดเผยมากกว่า

            TTW : มึงนัดมันมาเคีลยร์กันได้มั้ย

            FFF : มันไม่มา

            TTW : แล้วกูจะเจอมันได้ยังไงวะ

            FFF : แป๊บนะมึง เหมือนมันจะทวีตว่ะ

            อ่านจบทัพก็กดออกจากหน้าแชตเข้าทวิตเตอร์แทน แล้วก็เจอทวีตล่าสุดของไอ้โรคจิตจริงๆ

            'พรุ่งนี้เจอกันอีกนะครับที่รัก ผมจะรอคุณที่เดิม'

            ได้เจอกันแน่ไอ้โรคจิต
 

TBC

 
ชัดเจนแล้วเนอะ ใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆๆ
คือตอนที่ 15 ที่เปิดประเด็นเรื่องการเปิดโปงตอนแรกเลยมีคนเดาถูก
แต่เหมือนจะมีแค่สองคนเองมั้ง เราเลยคิดว่าต้องมีคนรู้แน่ๆ
ปรากฏว่าจิว พี่แสน คุณวิชัย แล้วก็เอฟด้วย กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหมดเลย ฮา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
กลัวแทนน้อง  :hao5:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เครียดแทนเลย

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
เพ้นท์ไม่ไหว กลัวก็บอกไปเถอะ ทำตัวเข้มแข็งมีแต่จะทำใหทัพกับเอฟห่วงหนักเข้าไปอีก ขอให้จับโรคจิตได้

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
 :ling2:

น่ากลัวมาก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ากลัวอ่ะ หวังว่าจะจัดการให้ได้เร็วๆอกสั่นขวัญแขวนไปหมด

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
อ๊ากกกกกกกกส์ !!! เราอึดอัด
ห่วงเพ้นท์  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไปขอดูกล้องวงจรปิดกับทางมหาลัยไม่ได้เหรอ  :ling1:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่ทัพต้องสู้.. จัดการมานนนน..

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ้โรคจิตนี่มันเก่งเนอะ  คนใกล้ชิดยังไม่รู้ดูไม่ออกเลยว่าตัวจริงเป็นใคร  แต่ไอ้โรคจิตแม่งรู้อ่ะ  สุดยอด

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตามอ่าน

ออฟไลน์ btoey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นี้ยังคิดว่าเป็น เจ้าของบ. อยู่

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

Photo(20)


“ตั้งใจเรียนนะ”

เพ้นท์พยักหน้ารับคำอวยพรกับฝ่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบหัว เป็นสถานการณ์ปกติที่ไม่ควรใจเต้นแต่เพราะรู้ว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้คนขี้กังวลจึงเก็บอาการไม่อยู่

“กลัวว่ะ”

“มึงแค่ทำตัวปกติ ไม่มีอะไรต้องกลัว”

พยักหน้ารับอีกครั้ง เพ้นท์ได้ฟังคำปลอบใจมาแล้วทั้งคืน แต่ถึงอย่างนั้นความกังวลกลับไม่ได้ลดลงเท่าไร ความกลัวมันแฝงอยู่ในความกล้า กลัวว่าความลนลานของตัวเองจะทำแผนที่วางไว้พังหมด

“แล้วถ้ามันไม่มาล่ะทัพ”

“กูก็แค่รอกลับพร้อมมึงไง”

“อืม”

“ไปได้แล้ว”

“ระวังตัวนะ”

“ครับ”

ได้รับคำตอบเพ้นท์ก็หันหลังเดินเข้าตัวอาคาร ปล่อยทัพให้รอสังเกตการณ์อยู่รอบตึกคณะ ทำตามแผนที่วางกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ทุกอย่างจะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่พวกเขาฝ่ายเดียว

ไอ้โรคจิตคนนั้น หวังว่ามันจะปรากฏตัวออกมาตามที่บอกไว้จริงๆ

 

ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ส่งเพ้นท์เข้าเรียนทัพทำทีเป็นอ่านหนังสืออยู่ใต้โถงอาคารอย่างเฝ้ารอ เขาปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ต่างจากเดิมนิดหน่อย ใส่แว่นและเซ็ตผมขึ้นจนดูคล้ายเด็กเรียน สลัดคราบชายหนุ่มผู้เกรี้ยวกราดในวันนั้นออกไป คิดว่าไอ้โรคจิตนั่นน่าจะไม่ทันสังเกตหรือจำเขาได้

อีกไม่ถึงสิบนาทีจะถึงเวลาเลิกเรียนคนที่รอก็ยังไม่โผล่มา ใกล้ได้เวลายกเลิกภารกิจที่วางไว้เอฟก็ส่งข่าวมาบอกคนที่นั่งรออยู่ข้างล่าง

ไอ้โรคจิตเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

‘ผมเบื่อการรอคอยแล้ว หมดเวลาเล่นสนุกแล้วครับที่รัก รีบออกมาเจอผมนะ คุณ FxxanPxx คนดีของผม’

ทัพกำหมัดแน่น อารมณ์ที่นิ่งมาตลอดทั้งวันเริ่มพุ่งสูง เมื่อทวีตล่าสุดของ MU ไม่ได้มีเพียงข้อความเหมือนทุกที แต่มีรูปแนบมาด้วย

รูปเพ้นท์ในชุดนักศึกษาที่มันแอบถ่ายไว้ เป็นรูปถ่ายครึ่งตัวที่ซูมจนภาพแตก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นหน้าเพ้นท์ชัดอยู่ดี ชัดระดับที่ว่าถ้าเป็นคนรู้จักมองย่อมรู้ว่าคนในรูปคือใคร

กดออกจากทวิตเตอร์กำลังจะตอบกลับไปหาเอฟ จังหวะที่ทัพเงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงโดยรอบอย่างที่ทำมาตลอดทั้งวัน สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายตัวใหญ่ที่เคยเห็นเพียงครั้งเดียวแต่กลับจำได้ขึ้นใจ ในที่สุดก็โผล่หัวออกมาสักที

TTW : มันมาแล้วนะมึง ทำตามแผนเลย

 

กลายเป็นกระแสฮือฮาในหมู่ผู้ติดตามเมื่อรูปที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวจริงของอดีตนายแบบ FxxanPxx ถูกโพสต์ เอฟที่รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างยังไม่ได้บอกเรื่องนี้เพราะกลัวว่าเพื่อนจะยิ่งกังวล พวกเขายังคงทำตามแผนที่วางกันไว้ ประวิงเวลารออีกสักนิด กระตุ้นให้เหยื่อกระวนกระวายใจเพิ่มอีกสักหน่อยก่อนเริ่มปฏิบัติการ

ทัพยังคอยรายงานสถานการณ์ให้ตลอด ไอ้โรคจิตเองก็ยังวนเวียนอยู่ไม่ห่าง นั่งบ้างเดินบ้าง คอยมองตามกลุ่มนักศึกษาที่ทยอยลงมาจากตึก จนถึงกลุ่มท้ายๆ คนที่มันรอคอยก็ออกมา

เพ้นท์กวาดตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวงเมื่อรับรู้ถึงรังสีคุกคาม จากมุมที่เขาอยู่ไม่สามารถมองเห็นไอ้โรคจิตนั่นได้ แต่จากมุมที่ทัพมองนั้นเห็นได้ชัดเจนว่ามันกำลังทำอะไร ใช้สายตาแบบไหนมองเหยื่อของมันอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่สายตาแบบที่เพ้นท์อยากเห็น

สมอลทอร์คที่เสียบหูเหมือนกำลังฟังเพลงเป็นอีกหนึ่งการหลอกล่อให้คิดว่าเหยื่อไม่ทันระวังตัว แต่แท้จริงแล้วนั้นเพ้นท์ใช้มันเพื่อรับฟังสถานการณ์ที่กำลังดำเนินไป จะได้รู้ว่าไอ้โรคจิตนั่นอยู่ตรงไหน กำลังทำอะไรจากการติดตามของทัพ ส่วนเอฟนั้นกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อมัดตัวคนร้ายอยู่

แผนที่คิดขึ้นโดยการหลอกให้เชื่อว่าเพ้นท์อยู่ตัวคนเดียวนั้นพวกเขาไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะทำให้ไอ้โรคจิตเชื่อได้แน่ไหน แต่จากการที่มันเดินตามโดยไม่ทันระแวงใดๆ ก็ถือว่าแผนยังใช้การได้อยู่ไม่มากก็น้อย

[มันยังตามอยู่นะ เดินไปเรื่อยๆ อย่าหันกลับมามอง]

เสียงทัพในสายดังบอกเป็นระยะ ถึงจะรู้ความเคลื่อนไหวและเชื่อว่าตัวเองยังปลอดภัยแต่เพ้นท์ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดีเมื่อมีโรคจิตเดินตาม เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาไม่รู้เลยว่านอกจากการเปิดโปงตัวจริงของนายแบบ FxxanPxx แล้วมันต้องการอะไรอีกกันแน่ ถึงได้พยายามเข้าหาเขาแบบนี้

[แวะพักเซเว่นก่อนมั้ย] ประโยคคำถามหลุดมาทั้งที่รู้ว่าหากตอบจะเป็นพิรุธ แต่เห็นท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติแล้วทัพอดสงสารไม่ได้ เพ้นท์ยังกลัวทั้งที่มีผู้คนอยู่รอบตัว

“ได้ใช่มั้ย” ตอบกลับเบาๆ เหมือนกำลังฮัมเพลง เพ้นท์หันมองรอบข้าง ใจอยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้โรคจิตมันอยู่ตรงไหน แต่มันคงไม่โผล่ออกมาให้เหยื่อเห็นตัวง่ายๆ

[จะเข้าก็เข้า หาอะไรกินไปก่อนก็ได้ หยุดทำลอกแลกด้วย ถามจริงตะคริวกินยังเดินเกร็งขนาดนั้น]

ถ้าอยู่ใกล้ๆ เพ้นท์คงยันโครมให้หงายหลัง ในสถานการณ์เคร่งเครียดแบบนี้ยังจะมีอารมณ์มากวนประสาทอีก

“ทัพ กูกลัว”

[กูอยู่ตรงนี้ ไม่ปล่อยให้มันทำอะไรมึงหรอก]

“ถ้ามันเข้าใกล้กูมึงรีบบอกเลยนะ”

[ทราบแล้วครับ]

“งั้นขอแวะเซเว่นแป๊บ”

[ซื้อถุงยางให้ด้วย หมดแล้ว]

“สัดทัพ” เพ้นท์ด่าเบาๆ ผิดกับในใจที่อยากตะโกนให้ดังลั่นซอย ได้ยินเสียงหัวเราะของคนกวนประสาทผ่านสายมาเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้นำเสียงจริงจังพูดต่อ

[กูปกป้องมึงอยู่ ไม่ต้องกลัว]

เพ้นท์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เลี้ยวเข้าเซเว่นรับอากาศเย็นๆ ให้จิตใจผ่อนคลายลงบ้าง ซึ่งมันช่วยได้มากเมื่อความรู้สึกประหลาดที่เหมือนโดนจับจ้องหายไป

เข้ามาด้านในเพ้นท์ก็เดินเลี้ยวไปยังโซนเครื่องดื่ม ยืนมองน้ำหลากหลายรสขาติในตู้อย่างประวิงเวลาเพราะยังไม่อยากกลับไปเผชิญความจริงนัก ตัดสินใจเลือกอยู่นานกว่าจะเปิดตู้หยิบชารสที่กินเป็นประจำ จากนั้นอ้อมไปยังโซนขนม มองดูแล้วเดินผ่าน จกานั้นวนกลับไปยืนหน้าแผงลูกอกใกล้ๆ กับแคชเชียร์ จนทัพทักมา

[เพ้นท์]

“ขออีกแป๊บ”

[คือกูจะบอกว่ามันไม่ได้อยู่รอนะ แต่มันเดินไปที่หน้าหอแล้ว]

“จริงดิ”

[อืม กูว่ามันน่าจะรู้มานานแล้วด้วย โมโหว่ะ ทำไมไม่เคยสังเกตอะไรเลยวะ มันเคยแอบตามมึงมาถึงที่นี่บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันจะคิดจะทำอะไรกับมึงบ้างก็ไม่รู้อีก อยากเข้าไปต่อยหน้าแม่งตอนนี้เลย]

“ได้นะ กูอนุญาต”

[มึงควรห้ามดิเพ้นท์]

เพ้นท์หัวเราะเบาๆ กับอาการหัวเสียของทัพ เข้าใจดีว่าทำไมถึงโมโห เขาเองก็อยากจับตัวไอ้โรคจิตนั่นให้ได้เร็วๆ เหมือนกันถึงไม่ห้าม แล้วก็รู้ด้วยว่าทัพไม่มีทางทำอย่างที่พูดไม่อย่างนั้นแผนจะพังหมด พวกเขาต้องจับมันให้ได้ขาหนังขาเขา และต้องมั่นใจว่าเมื่อแสดงตัวออกไปแล้วมันจะหาทางหนีไปไหนไม่ได้ นอกจากโดนรวบตัวยัดเข้าตาราง

“กูจะออกไปแล้วนะ” หยิบลูกอมรสมิ้มเพิ่มอีกห่อเพ้นท์ก็เดินไปที่แคชเชียร์ เตรียมพร้อมสำหรับการออกไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวอีกครั้ง

[มันเดินผ่านศาลพระภูมิเข้าไปแล้ว น่าจะอยู่แถวลานจอดรถ]

“ทำไมน่าจะ มึงคลาดสายตาเหรอ” เพ้นท์แกล้งแซว อยากผ่อนคลายตัวเองด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่กลัวว่าทัพจะมองไม่เห็นไอ้โรคจิตนั่นมากกว่า เกิดจู่ๆ มันกระโจนออกมาล็อกคอเขาจะทำยังไง

[มันหลบอยู่หลังรถ]

"ยังเห็นมันอยู่ใช่มั้ย แล้วมันเข้าไปตรงลานจอดรถได้ไง ยามไม่ห้ามเหรอ"

[ยามเขานั่งตรงหน้าประตูทางขึ้นไง แต่จริงๆ แม่งก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร ลองมีคนลืมปิดประตูใครก็ขึ้นไปได้]

เป็นความจริงที่ไม่อยากจะยอมรับ ถ้าไม่ใช่คอนโดหรูราคาแพงการรักษาความปลอดภัยมักหละหลวม หอของเขาเองก็เช่นกัน โชคดีแค่ไหนที่ก่อนหน้านี้ไอ้โรคจิตไม่บุกขึ้นมาถึงบนห้อง

"ตอนนี้มึงอยู่ตรงไหนเหรอทัพ"

[ร้านข้าวฝั่งตรงข้าม มึงเดินมาเลย กูรออยู่ตรงนี้แหละ ถ้ามันหนีจะได้ล็อกตัวไว้ทัน]

"กูกำลังจะเดินไปที่หอแล้ว มึงต้องคอยบอกกูนะทัพ ถ้ามันจะเข้ามาทำอะไรกูรีบเข้ามาล็อกมันไว้เลยนะ"

[ไม่ต้องห่วงครับ]

"รักมึงนะ"

[อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย] ปลายสายถามเสียงสูงกลับมาจนเพ้นท์หลุดหัวเราะ แค่อยากหยอกให้หายเครียด แต่ที่บอกว่ารักนั้นพูดจริงๆ

ออกจากเซเว่นก็เลี้ยวเข้าซอย เพ้นท์เปิดน้ำชาที่ซื้อมาดื่มระหว่างเดิน มองเข้าไปในร้านข้าวฝั่งตรงข้ามกับหอพักตอนหยุดยืนอยู่หน้าหอ เขาเห็นทัพยืนอยู่ตรงนั้น มองมาโดยไร้รอยยิ้ม ก่อนพยักหน้าบอกให้เขาเดินผ่านศาลพระภูมิเข้าไปด้านใน

ความรู้สึกคุกคามเข้าเล่นงานทันทีเมื่อเพ้นท์เดินผ่านบริเวณลานจอดรถใต้หอเพื่อไปยังประตูทางขึ้น คนขี้กลัวเผลอหันมองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะได้ยินเสียงทัพผ่านสายโทรศัพท์บอกให้เดินหน้าต่อไป ทำตามแผนที่ให้เพ้นท์ใช้คีย์การ์ดเปิดประตู ถ้าหากไอ้โรคจิตคิดจะตามเข้าไปก็รวบตัวมันเสียตอนนั้น แต่ถ้าไม่ก็รอจับตอนมันหนีออกมา

เพ้นท์เปิดประเป๋าค้นคีย์การ์ดเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าประตู หยิบมันขึ้นมาได้พร้อมกับได้ยินเสียงเหรียญตกดังอยู่ข้างตัว ก้มลงหันไปมองเห็นเหรียญสิบกลิ้งไปหยุดอยู่ที่ข้างรถไม่ไกลนัก เผลอจิ๊ปากอย่างนึกหงุดหงิด ก้าวเท้าออกห่างจากประตูเพื่อเดินไปเก็บมัน ลืมตัวไปเสียสนิทว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่

[เพ้นท์ มึงทำอะไร!] เสียงตระหนกตกใจของทัพดังผ่านสายตอนเพ้นท์ก้าวไปแล้วนั่งลงข้างรถ

"กูทำเหรียญตก"

[ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ถอยออกมา เร็ว!]

กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรลงไปก็ตอนที่มีคนเดินมายืนอยู่ตรงหน้า เพ้นท์เงยหน้าขึ้นมอง เสียงทัพเหมือนสลายหายไปกับอากาศ หูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันน่าสยดสยองนั้น

รอยยิ้มของไอ้โรคจิตที่ย่อตัวนั่งลงและกำลังเอื้อมมือมาสัมผัสตัวเขา

"ไอ้เหี้ยเอ้ย!"

คนที่กำลังช็อคอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ ไอ้โรคจิตก็กระเด็นไปด้านข้างด้วยแรงถีบจากคนที่พุ่งตัวเข้ามา ทัพจับมันนอนคว่ำนั่งทับไว้แล้วล็อกมือไขว้หลัง เกิดการขัดขืนดิ้นรนจนกลัวว่าแรงของทัพคนเดียวจะต้านไว้ไม่ไหว เพราะไอ้โรคจิตคนนี้ตัวมันใหญ่เอาเรื่อง ยังดีที่ยามเฝ้าประตูกระตือรือร้นเข้ามาดู เพราะถ้าหากยังทำเพิกเฉยไม่สนใจอะไรก็ควรเตรียมตัวโดนไล่ออกได้เลย

"โรคจิตครับพี่ ช่วยจับหน่อย"

ยามตัวผอมแห้งทำหน้าตื่นตกใจรีบวิ่งเข้ามาหาหวังจะช่วยล็อกตัวเมื่อได้ยินคำบอก แต่ไม่ทันการที่ทัพจะสามารถต้านแรงไอ้โรคจิตตัวยักษ์เอาไว้ได้ มันพลิกตัวกลับมาแล้วถีบทัพจนกระเด็น ยามที่วิ่งเข้ามาล็อคแขนก็โดนเหวี่ยงจนล้มไปอีกทาง เพ้นท์มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ ขาก้าวถอยหลังเร็วๆ จนไปชิดโต๊ะยาม มือคว้ากระบองที่วางอยู่แล้วซ่อนไว้ข้างหลัง ขณะที่สายตาจ้องมองไอ้โรคจิตเดินเข้ามาหา มันมอบรอยยิ้มอันน่าสยดสยองมาให้ แต่ยังไม่ทันเดินเข้ามาหาถึงตัวมันก็โดนทัพถีบจนกระเด็นอีกรอบ

“ทัพหลบ!” เพ้นท์ตะโกนบอกพลางก้าวเข้าไปหาไอ้โรคจิต จ้องคนตัวยักษ์ที่กำลังโซซัดโซเซด้วยความโมโหแล้วฟาดกระบองเข้าที่หัวมันเต็มแรงจนล้มไปอีกรอบ

ทัพอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นก่อนจะยกยิ้มอย่างชอบใจ เขาเข้าไปซ้ำไอ้โรคจิตอีกรอบให้มันไม่มีแรงต่อต้านโดยมียามตัวผอมแห้งช่วยอีกแรง เพ้นท์เองก็หันไปตะโกนบอกเพื่อนบ้านที่เริ่มเข้ามามุงดูให้ช่วยกัน

“ช่วยจับโรคจิตด้วยครับ!”

แค่ได้ยินคำว่าโรคจิตคนที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็กรูกันเข้ามาช่วยกันมะรุมมะตุ้ม แม่ค้าร้านข้าวหน้าหอยังหยิบตะหลิวติดมือมาด้วย รุมสะกำเสียจนไอ้โรคจิตไม่มีแรงหนี ก่อนมันจะถูกจับมัดไว้กับเสารอตำรวจมารับตัวไป

ความวุ่นวายจบลงเมื่อทุกคนร่วมมือร่วมใจช่วยกันจับโรคจิตได้สำเร็จ สภาพมันที่ถูกจับมัดติดเสายับเยินจนดูไม่ได้ คราบเลือดเปรอะเลอะเต็มใบหน้า ตากับปากบวมช้ำ แต่ก็สมควรแล้วกับสิ่งที่มันกระทำ หากมันรักและชื่นชมในตัวเพ้นท์จริงๆ ก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้เอฟที่เพิ่งเสร็จภารกิจจากการรวบรวมหลักฐานมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากทุกอย่างสงบลง ไม่มีการพูดคุยกับผู้ต้องหามากนักเพราะแค่ยืนมองหน้ากันเฉยๆ ยังแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ อีกอย่างมันก็คงอ้าปากตอบคำถามอะไรไม่ไหว เพ้นท์เลยชวนเอฟไปนั่งหลบมุมระหว่างรอตำรวจ ปล่อยให้ทัพที่กำลังอารมณ์ร้อนเฝ้าตัวไอ้โรคจิตอยู่กับยาม

"จบเรื่องสักที" เพ้นท์ถอนหายใจยาว มองสถานการณ์ตรงหน้าที่กลับมาจนเกือบเป็นปกติ พอจับไอ้โรคจิตได้แล้วรู้สึกโล่งใจขึ้น

เอฟเหลือบมองเพื่อนรักด้วยความไม่สบายใจนัก เพ้นท์ยังไม่รู้เรื่องที่รูปถูกโพสต์ไปแล้วถึงได้คิดว่าจบเรื่อง ยิ่งคิดความรู้สึกผิดก็ยิ่งประดังประเดเข้ามา เอฟขยับเข้าไปกอดเพ้นท์แน่นๆ เพื่อเพิ่มกำลังใจก่อนสารภาพผิดว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากตัวเขา

"อะไรของมึงเนี่ยเอฟ"

"ขอโทษนะ"

"ขอโทษทำไม"

"ขอโทษที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้"

"มึงไม่ได้ทำอะไรกูสักหน่อย" เพ้นท์ดันหัวเอฟออกให้นั่งคุยกันดีๆ ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนอยากบอกนัก แต่ถ้าเอฟผิด เขาเองก็ผิดด้วยเหมือนกัน

"ทำดิ กูเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนเห็นหน้าไอ้โรคจิตชัดๆ นี่แหละ มึงไม่สงสัยเหรอเพ้นท์ว่าทำไมใครที่ไหนไม่รู้อย่างมันถึงรู้ว่าเป็นมึง ทั้งที่เราไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้หรือพูดให้ใครฟังเลย"

แน่นอนว่าเพ้นท์สงสัย และเป็นเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เอฟจะบอกว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้โรคจิตนั่นรู้ว่าเขาคือตัวจริงของนายแบบอย่างนั้นน่ะเหรอ

"ไอ้โรคจิตมันรู้ว่าเป็นมึงเพราะกูเองอ่ะ มึงจำวันที่เราไปดูหนังก่อนเปิดเทอมได้มั้ย ที่ร้านไอเจแปนนีสตอนมึงพาคนที่น้ำหกใส่ไปซื้อเสื้อใหม่อ่ะ วันนั้นกูเปิดรูปมึงดูในมือถือ แล้วมันมีรูปที่ถ่ายติดหน้ามึงไว้ด้วย กูก็ไม่คิดนะว่าจังหวะสั้นๆ ที่มีใครที่ไหนไม่รู้มาเห็นมันจะทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ จนกูได้เห็นหน้าไอ้นั่นชัดๆ นี่แหละ มันคือคนที่เห็นรูปมึงวันนั้น กูขอโทษจริงๆ" เอฟสารภาพออกมายาวเหยียดด้วยความรู้สึกผิด ปิดท้ายด้วยคำขอโทษกับตาแดงๆ ที่ทำให้เพ้นท์ต้องดึงเพื่อนเข้ามากอดแน่นๆ เขาไม่เคยโกรธเอฟเลย ไม่ว่าสาเหตุทั้งหมดจะมาจากอะไรก็ตาม

"คิดมากว่ะ กูไม่โกรธมึงสักหน่อย มึงไม่ได้ตั้งใจกูรู้"

"แต่ถ้าตอนนั้นกูไม่เปิดรูปดู..."

"ถ้าไม่หยุดโทษตัวเองกูจะตบปากตัวเองแล้วนะ"

เอฟยอมหยุดเพราะเพ้นท์ง้างมือเตรียมทำอย่างที่พูด ถ้าขู่ว่าตบเขาจะไม่ว่าเลย ยินดีให้ตบด้วยซ้ำ แต่นี่คนอะไรดันขู่ว่าจะตบปากตัวเอง

"เรื่องมันจบแล้วมึง เดี๋ยวตำรวจก็มาเอามันไปแล้ว"

"ไม่มึง มันยังไม่จบ" เป็นอีกเรื่องที่เอฟไม่อยากบอก เขาอยากให้เพ้นท์คิดว่ามันจบไปแล้ว แต่ถึงจะปิดไปเรื่องก็ต้องแตกเร็วๆ นี้อยู่ดี

สองเพื่อนรักสบตากันนิ่ง เพ้นท์เองก็พอจะรู้ตัว นอกจากจับตัวไอ้โรคจิตได้แล้วยังมีอีกปัญหาที่ยังค้างคา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วเขาทำได้เพียงทำใจยอมรับมันเท่านั้น

"ไอ้โรคจิตมันโพสต์รูปมึงไปแล้วนะ"

มันคือข่าวร้ายที่ไม่อยากได้ยินที่สุด

 

กว่าจะเสร็จเรื่องเสร็จราวจากโรงพักก็เย็นย่ำค่ำมืด เอฟติดต่อคุยกับทีมงาน FxxanPxx เป็นระยะตั้งแต่รูปถูกโพสต์ กระแสยังแรงอย่างต่อเนื่องในหมู่แฟนคลับ ถึงขนาดมีคนเอาประวัติกับรูปของเเพ้นท์มาลงเพิ่มเติม มีการวิจารณ์ทั้งในแง่บวกและลบ ทำให้ทางทีมงานต้องรีบปรึกษากันเพื่อหาข้อสรุป

FxxanPxx ทุกช่องทางในโซเชียลมีเดียออกแถลงการณ์พร้อมกันตอนเวลาสามทุ่มตรง เป็นการปฏิเสธคำแอบอ้างของผู้ไม่ประสงค์ดี ว่าชายในรูปที่ถูกแอบอ้างนั้นไม่ใช่คนเดียวกับอดีตนายแบบคนดัง และพร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหาย รวมถึงกล่าวขอโทษกับชายผู้ถูกใส่ร้าย ปิดท้ายด้วยการยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของอดีตนายแบบตามข้อตกลงของสัญญา

เพ้นท์นั่งอ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์แถลงการณ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ความคิดเห็นคนเป็นร้อยย่อมไม่มีใครคิดเหมือนกันไปทั้งหมด มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ บางคนก็ด่าเหมือนเขาทำผิดบาปมหันต์ แม้ความเห็นดีๆ ก็มีอยู่มาก แต่สมองมันกลับจำอะไรที่ทำร้ายจิตใจแทน

"เลิกอ่านได้แล้วมั้ง" ทัพบอกคำนี้กับเพ้นท์เป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ เขายอมทำตามที่เพ้นท์ขอเพราะเจ้าตัวบอกว่าทำใจยอมรับได้ สุดท้ายกลับนั่งซึมอย่างที่เห็น

เพ้นท์รับฟังแล้วปล่อยคำพูดของทัพให้ลอยหายไปในอากาศ มือยังเลื่อนดูคอมเมนต์ใต้โพสต์ไปเรื่อยๆ อ่านความเห็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเอง ไม่ว่าจะดีหรือร้ายริมฝีปากก็ยังเหยียดตรงไม่แสดงอาการใดๆ

"ไหนบอกว่ารับได้ไง"

"ให้เวลากูหน่อยดิ"

"มานี่มา" ทัพที่นั่งอยู่บนเตียงเรียกคนที่คร่ำเครียดอยู่หน้าคอมฯ ให้มาหา เพ้นท์มองอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ยอมก้าวขึ้นเตียง เบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่นๆ ที่เป็นดั่งที่พักพิงของเขา

เพ้นท์นอนกอดทัพแน่น ทำใจไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงแต่พอเอาเข้าจริงก็ทำเอาจิตใจบอบช้ำใช่ย่อย ความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ตอนนี้ทุกคนได้รู้กันหมดแล้ว มันอาจจะไม่ได้ดูน่าเชื่อถือ ทั้งยังมีการแก้ข่าว แต่เพราะรู้ดีว่าแท้จริงเป็นยังไงเลยโกหกกับตัวเองไม่ได้ว่าความลับยังคงเป็นความลับอยู่

"กูไม่น่ายอมให้มึงอ่านเลยว่ะ ถ้าปิดมึงไว้แล้วรอให้เรื่องมันซาไปเองคงดีกว่านี้"

"พูดเหมือนมึงจะปิดได้อ่ะทัพ ยังไงกูก็ต้องรู้อยู่ดีมั้ย กูตามเพจอยู่"

"ทุกคนพยายามช่วยมึงอยู่นะ"

"กูรู้ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ด้วย กูพยายามบอกตัวเองอยู่ตลอดนะว่าไม่เป็นไร ถึงคนจะรู้ก็ไม่เป็นไร คนทั้งประเทศมีตั้งกี่ล้านคนตามเอฟแอนพีแค่หลักแสน มันจะมีสักกี่คนกันที่รู้จักกู แต่ก็ลืมไปว่าสมัยนี้โซเชียลมันเร็ว คนช่างขุดช่างคุ้ยก็เยอะ มียันประวัติกูที่คนเอามาโพสต์อ่ะ แม่ง อยากร้องไห้" ระบายออกมาด้วยความอัดอั้นเพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ตลอดไหลออกมาอย่างห้ามไม่ไหว เพ้นท์ไม่ได้ร้องฟูมฟาย นอนให้ทัพเช็ดน้ำตา แสดงความอ่อนแอให้คนที่ยังเข้มแข็งกว่าช่วยปลอบประโลม แค่กอดกับฝ่ามือที่คอยลูบหัวกันอยู่ซ้ำๆ ก็ทำให้ความทุกข์ใจค่อยๆ สลายหายไปได้แล้ว

เพียงแค่อ้อมกอดจากคนที่รัก

ได้ระบายจนรู้สึกดีขึ้นเพ้นท์ก็ผละออกลุกไปหน้าคอมฯ ตั้งใจจะปิดแล้วกลับไปนอนกอดทัพเหมือนเดิม อยากทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วหลับไป เผื่อตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อเห็นคอมเมนต์ใหม่ที่โพสต์ยาวเหยียดมันก็อดนั่งอ่านไม่ได้อยู่ดี

"เพ้นท์ ไม่ต้องอ่าน ปิดแล้วรีบกลับมานอนเลย"

"อันนี้ใช่เฟซจิวหรือเปล่า"

ทัพรีบลุกจากเตียงเดินไปยืนซ้อนหลัง ชื่อกับรูปโปรไฟล์ใช่จิวเพื่อนเขาไม่ผิดแน่

‘ผมเป็นเพื่อนคนในรูปเองครับ และโกรธคนที่แอบอ้างเอารูปเพื่อนผมมาโพสต์ให้เสียหายมากๆ ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรถึงได้ทำแบบนี้ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกของเพื่อนผมคนนี้มองแล้วชวนให้นึกถึงอดีตนายแบบคนนั้น ซึ่งยอมรับตรงๆ เลยว่าผมก็เคยคิด เพราะหุ่นมันคล้ายจริงๆ แต่การแอบอ้างขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐานัมนไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แบบนี้ผมก็หารูปใครที่หุ่นดูคล้ายๆ มาโพสต์แล้วบอกว่าเป็นตัวจริงของนายแบบก็ได้เหมือนกัน อยากให้ทุกคนเลิกขุดคุ้ยนะครับ เป็นการขอความร่วมมือ ขอยืนยันอีกครั้งว่าเพื่อนผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถ่ายแบบแน่นอน รู้จักเพจนี้หรือเปล่าผมก็ยังไม่รู้เลย’

สิ่งที่มันคอมเมนต์เป็นการแก้ต่างให้กับผู้เสียหายโดยการบอกว่าเป็นคนรู้จัก อธิบายเหตุผลบวกความคิดเห็นส่วนตัว ก่อนปิดท้ายด้วยการยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีทางใช่คนคนเดียวกันอย่างแน่นอน

ริมฝีปากที่เหยียดตรงมานานยิ้มได้บ้างแล้ว แม้แทบจะมองไม่เห็นว่ามันเป็นรอยยิ้มก็ตาม

 "จิวก็ตามเพจนี้ด้วยเหรอ" เพ้นท์หันกลับมาหาคนที่ยืนซ้อนอยู่หลังอ่านจบ จะว่าตกใจก็ใช่ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นที่มีเพื่อนมาช่วยพูดให้แบบนี้

"ใช่"

"ตามหมดทั้งกลุ่มเลยมั้ยเนี่ย"

"ไอทีไม่น่าจะตามมั้ง"

"แล้วจิวรู้เรื่องหรือเปล่า"

"มันจะไปรู้ได้ไงไม่มีใครบอก"

"แล้วทำไมถึงมาเม้นต์ให้แบบนี้อ่ะ มึงบอกให้ทำเหรอ"

"ไม่เห็นต้องบอกเลยเรื่องแบบนี้ น้ำใจระหว่างเพื่อนไง กูยังไม่ได้คุยกับมันเลยด้วยซ้ำ มันคงเห็นว่ามึงกำลังแย่เลยยื่นมือมาช่วยตามประสาคนรู้จัก แต่หลังจากนี้โดนซักยาวแน่ๆ ล่ะ" ทัพตอบไปตามที่คิด เขาเองก็ตกใจที่จิวออกมาแก้ต่างให้แบบนี้ ทั้งที่มันไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

"แล้วถ้าจิวถามจะว่าไงอ่ะ"

"คงตอบไปตามความจริง"

เพ้นท์ทำน้าหงอยทันที เขาไม่อยากบอกความจริง หรือจะบอกว่าไม่อยากเล่าอะไรให้ใครฟังทั้งนั้นก็ได้ ในเมื่อจิวยังไม่รู้ก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป รู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่ช่วย แต่ไม่อยากแลกน้ำใจนั้นด้วยความจริง

"บอกไปว่าโดนโรคจิตตาม โดนใส่ร้าย ก็แค่นี้เอง" เรื่องนี้ทัพคิดว่าอธิบายกับจิวไม่น่ายาก มันยังเคยบอกเลยว่าน้องนุ่มนิ่มมีส่วนคล้ายเพ้นท์ แล้วคนอื่นที่เห็นเพ้นท์และติดตามเพจย่อมคิดเหมือนมันได้เช่นกัน เพียงแต่ไอ้คนนั้นดันเป็นโรคจิตเท่านั้นเอง

"แล้วถ้าจิวถามเรื่องนายแบบล่ะ"

"ก็บอกไปดิว่าสนิทกันเหรอมาถามแบบนี้"

คนกวนประสาทก็ยังกวนได้ทุกช่วงเวลา ทัพแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศขมุกขมัวให้ดีขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเพ้นท์ไม่เล่นด้วยเลยก้มลงสวมกอดและใช้วิธีอธิบายแทน

"ถึงเจอหน้าจิวมันก็ไม่ถามซอกแซกอะไรมึงหรอกเพ้นท์ ถึงมันจะชอบเสือกเรื่องชาวบ้านแต่มันก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร บอกแค่ไหนมันก็รับแค่นั้น ถ้าสืบต่อเองไม่ได้เดี๋ยวมันก็ล้มเลิกไปเอง มันไม่ใช่คนขี้วอแว เข้าใจมั้ยครับ"

"อืม"

"กูจะไม่บอกให้มึงเลิกคิดนะเพราะรู้ว่ายังไงก็ห้ามไม่ได้ แต่อย่าให้มันกลายเป็นทั้งหมดของชีวิตมึง รู้มั้ยโลกสมัยนี้มันหมุนเร็วจะตาย แป๊บๆ เดี๋ยวคนก็ลืมกันหมด อย่าเก็บมันมาใส่ใจนักเลย เอาเวลามาใส่ใจกูดีกว่า"

"ยังจะหยอดอีก" บรรยากาศตึงเครียดแค่ไหน ทัพก็ยังเป็นทัพอยู่ดี

"ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวกูประคบตาให้ พรุ่งนี้จะได้ไม่บวม"

ทัพปิดคอมฯ ให้ โบกมือบอกให้เพ้นท์ไปรอที่เตียงส่วนเขาเดินไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับประคบตา ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเย็นบิดให้หมาดแทนการห่อน้ำแข็ง ก้มลงประทับจูบบนเปลือกตาช้ำๆ ของคนที่นอนหลับตาพริ้มรออยู่ ก่อนจะวางผ้าขนหนูลงไป บรรเทาให้ฝนที่ตกหนักในวันนี้ไม่เป็นอุปสรรคกับท้องฟ้าที่ควรจะสดใสในวันพรุ่งนี้

แม้วันนี้ท้องฟ้าจะมืดมัว ผ่านไปวันพรุ่งนี้ก็อาจจะไม่สดใสเหมือนดังเก่า แต่สักวันมันจะกลับมาสดใสได้อย่างแน่นอน


TBC


ตอนเขียนพาร์ทหลังขึ้นมาเราคิดว่าการเลิกทำในสิ่งที่ยังเป็นความลับ และส่งผลกับคนหมู่มากน่าจะเกิดผลกระทบอะไรสักอย่าง
ลองคิด ลองหาข่าวดู เจอข่าวโรคจิตพอดี บวกกับข่าวไอดอลญี่ปุ่นเกาหลีที่มีโรคจิตตามบ่อยๆ เลยจับมาเป็นประเด็น
ตอนแรกจะกะเฉลยตั้งแต่ตอนที่ 14 แล้วค่ะว่ามีคนเห็นแต่กลัวว่าจะรู้ง่ายเกินไปเลยเก็บมาเฉลยทีหลัง
ก็ไม่คิดว่าจะถูกเดาเป็นคนใกล้ตัวของเพ้นท์ ทั้งจิวทั้งเอฟ แถมสงสัยกันสุดๆ ขนาดนี้ด้วยค่ะ
ตัวจิวเองถูกวางให้เป็นพวกขี้สงสัยก็จริง แต่จริงๆ ไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย
เอฟก็เพื่อน ถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่มีเพื่อนสนิทคนเดียวเขาก็รักของเขา และเคารพกันนะ
คุณวิชัยกับแสน เราไม่เคยวางให้ร้ายเลยค่ะแม้จะมีคนได้กลิ่นร้ายๆ ออกมาจากสองคนนี้ก็ตาม
ไม่อยากให้คนที่ทำร้ายเพ้นท์เป็นคนใกล้ตัว เพราะแค่นี้ก็สาหัสแล้ว
กับการใช้ชีวิตไม่มีอะไรง่ายเลย สิ่งร้ายๆ จะเข้ามาเมื่อไรก็ไม่รู้ ใครจะคิดร้ายกับเราก็ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะเป็นไปตามที่อยากให้เป็นเสมอไป
ความจริงพาร์ทหลังนี้เรากะจะทำให้เป็นดราม่าน้ำตาซึมไปเลย แต่ตอนเขียนดันเจอความทัพเข้าแทรก
กลายเป็นหน่วงๆ จะหวานก็หวานไม่สุดแทน มีความระแวงตลอดเวลา เลยออกมาเป็นแบบนี้
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ มาเอาใจช่วยให้น้องผ่านช่วงเวลาร้ายไปให้ได้เร็วๆ กันเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จับได้เสียที โคตรโล่งใจ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: จับได้เสียที

 :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด