บทที่28
กานดากระหยิ่มยิ้มย่องกับข่าวและกระแสสังคมที่ยิ่งนานวันยิ่งดีกับตนเอง ภาพที่ถูกปล่อยทางโลกโซเชียลเมื่อรวมกับข่าวที่ปราบดาช่วยโหมเข้าไป มันได้สร้างภาพลักษณ์เด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร ผลคือได้รับแรงใจจากสังคมแถมยังได้งานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ป้าข้างบ้านz02 : ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าที่จิระรังแกกานดาบ่อยๆ เพราะรู้หรือเปล่าว่ากานดาเป็นลูกคนละแม่ แหมถ้าใช่ล่ะก็สงสัยว่ากลัวจะโดนแย่งมรดก #กานดาnumber one
Ssnumber: ฉันว่าต้องรู้แน่ๆ เลยคุณป้า ไม่งั้นทำไมถึงจงใจเป็นศัตรูมาตลอด #กานดาnumber one
ป้าข้างบ้านz02 : ใช่ไหมล่ะ แล้วตอนนี้นะ ฉันไม่พอใจที่คุณป๋าไม่ยอมรับกานดาเป็นลูก ตาแก่นั่นโง้โง่นะ มีลูกที่ดีแบบนี้แต่ไม่ยอมรับ#กานดาnumber one
Ssnumber: งั้นพวกเรามาร่วมแรงร่วมใจกดดันกันจนกว่าตาแก่นั่นจะยอมตรวจdnaดีไหมป้า ถ้าไม่ตรวจนะพวกเศรษฐีพวกนี้ไม่ยอมรับความจริงแน่ๆ #กานดาnumber one
ป้าข้างบ้านz02 : ฉันเห็นด้วย กลุ่มเราจะเดินหน้าเรียกร้องเพื่อกานดา#กานดาnumber one
กานดาอ่านข้อความของแฟนคลับตัวเอ้ของเขาในแอพโซเชียลแล้วก็ให้ลำพองใจ เพราะสองคนนี้นี่แหละที่ปลุกกระแสเรียกร้องความยุติธรรมให้รุนแรงกว่าเดิม
จากนั้นกานดาก็หยิบนิตยสารข่าวซุบซิบขึ้นมาอ่าน ปราบดาทำได้ดีทีเดียว ผู้ชายของเขาส่งคนไปสัมภาษณ์จิระถึงกองถ่าย เนื้อหาใจความคือปฏิเสธไม่รู้เรื่องที่เขาเป็นพี่น้องต่างมารดา
แต่ก็อย่างว่าแหละกระแสสังคมหันเหมาทางเขา กานดาหัวเราะด้วยความชอบใจ ถึงแม้จะมีคนแก้ตัวแทนจิระ แต่คนเหล่านั้นก็ยังแสดงความคิดเห็นไปในทางสงสารเขาอยู่ดี
เท่านี้คุณพ่อก็น่าจะรู้ตัวแล้วว่าควรต้องทำยังไง
จิระมาถ่ายหนังที่กองถ่าย สิ่งแรกที่ทุกคนทำเมื่อเจอหน้าเขาคือตั้งคำถามเกี่ยวกับกานดา จิระทำเหมือนเดิมเพียงแค่ตอบว่าเขาไม่รู้
“อ้าวน้องกานดามาแล้ว” พวกทีมงานกระซิบกระซาบกัน จิระหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตรงมาด้วยท่าทางและสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเศร้าซึมมันยิ่งทำให้ฝ่ายนั้นดูน่าทะนุถนอมเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว
“อยากรู้จังว่าพวกเขาจะทำยังไงหลังจากรู้แล้วว่าต่างเป็นพี่น้องกัน”
พวกทีมงานกระซิบกระซาบและรอลุ้น พอกานดาเดินมาปะกับจิระ คนตัวเล็กก็มีสีหน้าไม่สบายใจก้มหัวขอโทษขอโพยทั้งที่ไม่มีความผิด
“พี่ขอโทษนะจิระที่สร้างความวุ่นวายให้” ถ้านับตามเดือนเกิดกานดาก็ต้องเป็นพี่อย่างแน่นอน เขาเกิดเดือนมกราคม ส่วนจิระเกิดเดือนเมษา ดังนั้นจึงแทนตัวเองว่าเป็นพี่ เท่ากับว่ากานดาประกาศตัวอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกกานดา ข่าวลือมีอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ฉันจะเอาใจช่วยนายให้พ่อยอมตรวจdnaนะ”
แค่เอาใจช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจิระต้องลงมือ ตอนนี้พวกทีมงานเริ่มรู้สึกไม่ดีต่อจิระ หลักฐานออกชัดเจนขนาดนั้น นี่แสดงว่าจิระเกลียดกานดามาก หรือว่ากลัวจะมาแย่งมรดกไป
“นั่นสิ...นั่นสินะ ก็แค่รูปภาพใครเขาจะเชื่อ” กานดาหัวเราะเศร้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มร่าเริงอย่างปกติ
“วันนี้ถ่ายฉากสุดท้ายแล้ว น่าเสียดายจังเลยนะ ทำงานกับจิระผมสนุกมากแท้ๆ เลย”
“อื้อ แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา แต่ก็นะคนเข้มแข็งอย่างนายล้มแล้วก็ลุกใหม่ได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว สู้ๆ นะ” จิระตบบ่ากานดาสองสามที มันสร้างความงุนงงเป็นอย่างมากต่อการกระทำของอีกฝ่าย กานดาแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างปิดไม่มิด
คนอย่างจิระนี่นะ จะเอาใจช่วยหรือปลุกปลอบเขาแบบนี้ นี่มันอะไรกันแน่วะ
หลังจากเข้าฉากตั้งแต่เช้าไปจนถึงช่วงเย็น ฉากสุดท้ายที่เหลือก็มาถึง ต้นข้าวต้องถูกคนร้ายที่คู่อริส่งมากรีดหน้าจนยับ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกานดาก็มายืนดูการแสดงของจิระ
หมอนี่มันทำได้ดีเกินคาดทุกครั้งไปจนน่าโมโห หลายครั้งที่กานดารู้สึกว่ามันเกินฝีมือของนักแสดงหน้าใหม่ไปหน่อย
นี่แสดงว่าแอบซุ่มเรียนการแสดงมา น่าอิจฉา สำหรับลูกที่เกิดมาบนกองเงินกองทองคงมีเงินใช้ไม่รู้จักหมดสินะ นี่มันไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลยซักนิด
หลังจากพัชรถ่ายทำทุกฉากในหนังจนครบ เขาก็สั่งปิดกอง พวกทีมงานและนักแสดงไปสังสรรค์ กันในตอนกลางคืน จิระเองก็ไปด้วย ทว่ากานดากลับขอตัวไม่ไปร่วมงานสีหน้าเขาดูเศร้าๆ จนน่าเป็นห่วง
ต้องเป็นเพราะจิระกีดกันและคุณป๋าไม่ยอมรับเป็นลูกแน่ๆ พวกทีมงานและนักแสดงพากันตั้งข้อสงสัย ทุกคนพากันคุยลับหลังแม้จิระจะอยู่ในงานฉลองด้วยเช่นกัน
“ลำบากหน่อยนะ” พัชรมานั่งข้างๆ จิระ เขายื่นแก้วน้ำหวานให้คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะรับไปดื่ม
“ลำบากยังไงครับ”
“ก็พวกปากหอยปากปูที่นินทานายไงล่ะ สงสัยจริงว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับครอบครัวนายตรงไหน” พัชรพูดไม่ได้เสียงเบาเลยซักนิด ทำเอาทีมงานและนักแสดงหุบปากฉับเลิกกระซิบกระซาบเรื่องของกานดากับจิระแล้วเงี่ยหูฟังพัชรคุยแทน
“นายรู้สึกยังไงเรื่องกานดา”
“ก็ไม่ยังไง เขามีสิทธิเรียกร้องความยุติธรรม อีกอย่างสิ่งที่เขาต้องการจากพ่อของผม จะได้ตามที่หวังหรือเปล่า ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ”
จิระพูดอย่างไม่ยี่หระ “สำหรับผมเขาเป็นคนอื่นที่ถ้าดีมาก็ดีกลับร้ายมาผมก็พร้อมสนองเท่านั้นเอง”
“แล้วถ้าเขาเป็นพี่น้องของนายจริงๆ ล่ะ” พัชรถาม จิระโคลงศีรษะไปมา
“เอาไว้ตรวจdnaก่อนค่อยว่ากัน”
จิระยิ้มกว้างให้พัชระ “ผมมีน้องชายแล้ว เพิ่มพี่ชายมาอีกคนก็ไม่ประหลาดใจนักหรอก”
พัชรนิ่งมองดูคนที่ยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน หมอนี่เป็นคนเข้มแข็งกว่าที่คิดไว้เยอะมากทีเดียว ทั้งๆ ที่เจอมรสุมติดๆ กันตั้งมากมายขนาดนั้น แถมกับพี่น้องต่างมารดาที่ควรจะเกลียดก็ยังยอมรับได้อย่างง่ายดาย
“ก่อนหน้านั้นนายเกลียดกานดาเพราะรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าเป็นพี่น้องต่างแม่ กลัวหรือไงว่าจะถูกแย่งมรดก” พัชรแกล้งถามกวนให้ขุ่นเพื่อดูปฏิกิริยา
“ผมกับเขาเราเป็นคู่แข่งกัน ผมอิจฉาเขาที่เขาเก่งกว่าทั้งที่ฐานะทางบ้านไม่ดี มันก็เท่านั้นแหละ” จิระยักไหล่ “ถ้าคุณตามโลกโซเชียลซักหน่อยคุณก็จะรู้ความสัมพันธ์ของผมกับกานดา”
“มีแต่นายไปแกล้งเขาทั้งนั้นนี่”
จิระหัวเราะชอบใจยกใหญ่ “ผมยอมรับว่าผมทำจริงๆ ก็ผมหมั่นไส้เขานี่”
“แต่ตอนนี้นายเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม”
“คุณสังเกตด้วยหรือครับ” จิระหันมามองด้วยแววตาสงสัย พัชรมองเมินไปอีกทางไม่ยอมสบตาตรงๆ
“ฉันมีตามีสมองนะ”
“ผมก็ว่างั้น” พอจิระพูดจบพัชรก็ตบมือลงบนบ่าของเขาหนักๆ
“ไปเรียกผู้จัดการนายมา ให้เขาพากลับบ้านซะนี่มันดึกแล้ว”
“คร๊าบ....” ดังนั้นจิระจึงกลับบ้านตามที่พัชรสั่ง เขาไม่รู้เลยว่าคืนนี้กานดาจะก่อเรื่องราวใหญ่โตจนแม้แต่วศินเองยังนิ่งเฉยไม่ได้
กานดากลับบ้านมาด้วยความหงุดหงิด นี่เขาอาศัยช่องทางต่างๆ กดดันคุณพ่อไปตั้งเยอะแยะ แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรคืบหน้า ทำยังไงดีนะ ทำยังไงถึงจะเรียกร้องความสนใจได้
กานดาเดินวนไปวนมาในห้อง ตอนนั้นสายตาเจ้ากรรมปะเข้ากับคัตเตอร์อันหนึ่ง วิธีเรียกร้องความสนใจมีมากมาย พอคิดได้กานดาก็เอารูปของเขากับพ่อแม่มาวางตามพื้นให้เหมือนกับเขากำลังนั่งดูมัน
กานดากะเวลาคร่าวๆ อีกไม่ถึงชั่วโมงเพื่อนคนหนึ่งของเขาจะมาหาที่บ้าน ประจวบเหมาะแก่การจัดฉากพอดี
+++++++++++++++++++++
จริงๆ ตั้งใจจะเขียน เนื้อเรื่องในส่วนของเพทายในตอนพิเศษ5555 เฉลยก็ไม่ลุ้นเนอะ ขออำภัยอิอิ
รูู้สึกว่าปมสุดท้ายนี่เขียนยากน่าดูเลย แต่จะพยายามทำออกมาไม่ให้น่าเกลียดเกินไปนะคะ
แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ