พิมพ์หน้านี้ - ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: lucifer miumiu ที่ 06-06-2018 13:20:18

หัวข้อ: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-06-2018 13:20:18
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


*************************************************************************************
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทนำ+บทที่1 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-06-2018 13:20:55
Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก

บทนำ

จิระตัดสินใจแล้วที่จะแก้ตัวใหม่ทั้งหมด เขารู้แล้วว่าหลายปีที่ผ่านมาตัวเองเสียเวลาไปกับการดำเนินชีวิตอย่างไร้ค่า

ถึงอย่างนั้นทั้งที่ตลอดเวลาเขาทำแต่เรื่องแย่ๆ กับสร้างปัญหาให้กับสามีที่รักมาโดยตลอด แต่เขาคนนั้นก็ยังสามารถให้อภัยกันได้ทุกอย่าง

ดังนั้นจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีที่เมื่อก่อนเกลียดนักเกลียดหนา ความใจดีและมีเมตตาของเขาคนนั้นพังกำแพงความอวดดีโอหังของจิระจนหมดสิ้น

จิระขับรถคันหรูของตนวิ่งไปตามทาง ใครเล่าจะคิดว่าขณะที่แตะเบรครถกลับไม่หยุดวิ่งอย่างที่คิด จิระและรถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงกระแทกกับรถบรรทุกคันใหญ่จบชีวิตด้วยวัยเพียงแค่ 27 ปีเท่านั้น

เขาตายแล้ว ตายแล้วแน่ๆ ทว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมาจิระก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ที่นี่ที่ไหนเขาจำไม่ได้ในทันที แต่ก็คุ้นตาอยู่มากทีเดียว

“เฮ้ จิระยังไม่ตื่นอีกหรือ เดี๋ยวจะไปงานประกาศรางวัลช้านะ”

เสียงนี้จิระจำได้ไม่ลืม เจ้าเอ้เพื่อนสนิทในวงการที่แสนดี หมอนี่แม้จะไม่ชนะรายการเรียลลิตี้เฟ้นหาดารา อย่าง New star แต่หลังจากออกจากรายการนี้ไปก็ค่อยๆ ประสบความสำเร็จเป็นดาราชั้นแนวหน้า

ผิดกันกับเขาที่ถึงแม้จะชนะแต่ก็เจิดจรัสอยู่ไม่นานก่อนจะร่วงลงสู่พื้นเหมือนดาวตก โทษใครไม่ได้นิสัยอวดดีเอาแต่ใจของเขามันย้อนกลับมาเล่นงานทีละนิดจนย่ำแย่และไปจบลงที่ความตายอย่างในอดีตชาติ

แต่ว่าในอดีตชาติใช่ว่าเขาจะไม่กลับตัว ทั้งอย่างนั้นมันก็เป็นการแก้ไขที่เกิดขึ้นช้าไปหน่อย และดูเหมือนว่าสวรรค์คงไม่อยากให้เขาแก้ตัวในชาตินั้น

การกลับมาเกิดใหม่ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้จิระตกใจแต่อย่างใด เขาเป็นดาราที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แถมพื้นเพก็เติบโตมากับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นพล็อตเรื่องประมาณนี้ก็ใช่จะไม่เคยประสบกับมัน

ทั้งอย่างนั้นจิระกลับไม่อาจระงับความตื่นเต้น เขาจำได้ว่าปีที่ได้รับรางวัลเขาพึ่งอายุได้ 18 ปีหมาดๆ เวลานั้นใกล้มากกับการที่คุณปู่ตั้งใจจับเขาหมั้นกับสามีในชาติที่แล้ว

ในชาติก่อนเขาเกลียดสามีที่ถูกคุณปู่ยัดเยียดมาให้อย่างที่สุด ก็แน่ล่ะเขามีชายที่ชอบอยู่แล้ว การถูกพรากจากคนรักมันทำให้เขาเดือดดาล สุดท้ายตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อให้คนอื่นเจ็บเหมือนกับที่เขาคิดว่าตัวเองเจ็บ

ซึ่งนั่นเป็นการทำลายตัวเองอย่างทรงประสิทธิภาพ เวลาล่วงผ่านไปจนอายุ 27 ปี ทุกอย่างดูย่ำแย่ แต่คนจองหองอย่างจิระหรือจะสนใจ เขายังกินดื่มเที่ยว สร้างความเดือดร้อนให้สามีคนดีเหมือนเดิม

สุดท้ายทะเลาะวิวาทกับขี้เมาในผับถูกคนร้ายใช้มีดกรีดหน้าจนยับเขาเสียโฉมแถมยังถังแตก พ่อกับปู่เองก็หมดความอดทนกับเขาแล้วดังนั้นจึงไม่มีใครออกเงินรักษาแผลเป็นบนใบหน้าให้เขา

ทุกคนตีตัวออกห่าง มีเพียงสามีคนดีเท่านั้นที่เข้ามาคอยดูแล เมื่อก่อนใจดีแบบไหน ถึงตอนนี้ก็ยังคงดีกับเขาเหมือนเดิม ตั้งแต่ตอนนั้นก็ตัดสินใจว่าจะทุ่มเททุกอย่างให้กับเขาคนนั้น จิระเห็นความดีของสามีได้ในที่สุด

คราวนี้เขาจะไม่ให้พลาด ในเมื่อได้โอกาสแก้ไขทุกอย่างมาแล้วแบบนี้ เขาตัดสินใจเดินหน้าร่วมไปกับสามีอีกครั้ง มันต้องดีกว่าเดิม เขาไม่ใช่คนเก่าอีกต่อไป พร้อมกับการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในชาตินี้

“รอเดี๋ยวนะขออาบน้ำแต่งตัวก่อน” จิระบอกเอ้ที่รอหน้าห้อง

“โอเค งั้นไปรอที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ”

จิระเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ รายการเรียลลิตี้เฟ้นหาดาราอย่าง New star มีกล้องคอยจับดูผู้แข่งขันตลอดเวลา ทุกการเข้าคลาสเรียนดนตรีหรือการแสดงต่างๆ ถูกบันทึกไว้หมด และผู้ที่ชนะคลาสได้มากที่สุดคนนั้นจะได้เป็นผู้ชนะ

ผู้ชนะจะได้เงินรางวัล 1 ล้านบาท และได้แสดงเป็นพระเอกในหนังของผู้กำกับชื่อดัง การเปิดตัวเป็นดาราในลักษณะนี้ย่อมเป็นการกรุยทางให้อนาคต

ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อบริษัทโมเดลลิงเอเจนซีที่แม่ของเขาเป็นเจ้าของอยู่ แม่เล็งเห็นศักยภาพในตัวลูกชายคนเดียว ส่วนเขาก็ชื่นชอบทางด้านนี้มานานแล้ว เพียงแต่พ่อไม่เปิดโอกาสให้เขาทำตามความฝัน

ตัวเขาในชาตินี้ไม่เพียงแต่อยากสมรักกับสามีของตนยังต้องการเดินไปในเส้นทางของดวงดาวไม่ให้ผิดพลาดเหมือนกับชาติที่แล้ว
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทนำ+บทที่1 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-06-2018 13:23:44
บทที่1

เสียงปรบมือชื่นชมดังก้องไปทั่วลานจัดงาน บนเวทีมีคนสามคนยืนรับรางวัลเช่นเดียวกับเขาที่ชนะเลิศ ทางขวาคือเอ้ผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและทางซ้ายคือกานดาผู้ได้รับรางวัลอันดับสาม

ทั้งสองคนสลับกันเข้ามากอดจิระ สำหรับเจ้าเอ้เขาประจักษ์ในความดีของฝ่ายนั้นตั้งแต่เมื่อชาติที่แล้ว กานดาเองก็เหมือนกันแม้จะยิ้มแย้มหน้าใสแต่ใจคดอย่างที่สุด

ไอ้หมอนี่แย่งคนรักที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นไปจากเขา แถมยังแทงข้างหลังขโมยงานที่ควรเป็นของเขาอีกนับครั้งไม่ถ้วน

“ยินดีด้วยนะ” กานดาโอบกอดเขาแล้วกระซิบข้างหู จิระกระตุกยิ้ม <รู้ทันหรอกน่าไอ้จิ้งจอก> ตามปกติหากเป็นเมื่อชาติก่อนเขาคงไม่มีวันกอดตอบ แถมไอ้เรื่องกระซิบกลับขอบใจยังเรียกว่าฝันกลางวันได้เลย แต่ในชาตินี้เขาทำแบบนั้นจริงๆ

“ขอบใจนะกานดา” เนื่องจากว่ากานดานั้นตัวเล็กอีกฝ่ายสูงเพียงแค่ 168 ซ.มเท่านั้น ต่างกับจิระที่สูงถึง 177 ซ.ม ดังนั้นยามที่หมอนั่นเงยขึ้นมามองด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ แม้เพียงแวบหนึ่งแต่เขาเห็นได้ถนัดตาทีเดียว

จิระไม่ได้สนใจกับอาการพรึงเพริดเล็กๆ นั้นแต่อย่างใด เขาพุ่งความสนใจไปกับการให้สัมภาษณ์ออกสื่อกับนักข่าวมากกว่า ชีวิตครั้งใหม่ของเขามันเริ่มขึ้นแล้ว คราวนี้จะต้องดีกว่าเดิม

“ก่อนหน้านั่น ในเทปก่อนๆ ก็เห็นว่าจิระไม่ค่อยถูกกับกานดาเลย พอเห็นกอดกันอย่างสนิทสนมเมื่อครู่ก็รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ จริงๆ เลยนะคะ”

เป็นการเปิดคำถามที่เหมือนจะดี แต่เจตนาคือต้องการล้วงลึกเรื่องความบาดหมางระหว่างเขากับกานดา แต่จิระตอบทันทีโดยไม่ปล่อยโอกาสให้คู่กรณีตอบก่อน

“ก็เป็นธรรมดาแหละครับ เราสองคนอายุเท่ากัน ย่อมมีความรู้สึกอยากแข่งขันกันมากเป็นปกติอยู่แล้ว” จิระตอบ

“แต่ในเทปก่อนๆ เห็นได้ชัดว่า จิระแข่งกับกานดาอยู่ฝ่ายเดียวนะคะ”

นักข่าวยังไม่ลดละ ตอนนี้ไมโครโฟนจากทุกสำนักข่าวถูกส่งมาออตรงหน้าจิระ

“ก็ กานดาเขาเก่ง แถมเขาเองก็โดดเด่นมากตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกันแล้ว”

“ตายล่ะลืมไปเลย พวกคุณมาจากโรงเรียนเดียวกันสินะคะ ได้ข่าวมาว่าสอบติดในมหาลัยที่เดียวกันด้วยนี่คะ”

“ใช่ครับ คงได้แข่งกันไปอีกนานแหละ” จิระโปรยยิ้มให้นักข่าว จากนั้นพวกเหยี่ยวก็หันไปสัมภาษณ์ความเห็นจากกานดาต่อโดยลืมเจ้าเอ้รองชนะเลิศที่ยืนข้างๆ เขาไปเสียสนิท

“กานดาว่าไงคะ จิระเห็นคุณเป็นคู่แข่งคนสำคัญเลยนะ”

จิระหันไปมองดูกานดา เขายิ้มอย่างเป็นกันเองและกำลังรอดูว่าจิ้งจอกตัวนี้จะสวมหน้ากากแบบไหนกันแน่

“ชักกลัวๆ แล้วสิครับ” กานดาเกาหัวแล้วหัวเราะแฮะๆ ลักษณะหงอเป็นปกติแต่พอถึงเวลาในคลาสเรียนและการแสดงกลับห่ำหั่นกับเขาอย่างถึงเลือดถึงเนื้อมาโดยตลอดมันทำให้เขาชังน้ำหน้ากานดามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว

กานดาแข่งกับเขาทุกเรื่องมาตั้งแต่สมัยเรียนจวบจนเข้าวัยทำงาน และคงไว้ซึ่งลักษณะหัวอ่อนไร้เดียงสาโดยหน้ากากไม่หลุดมาโดยตลอด มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหมอนี่

“แต่จะสู้จนสุดฝีมือครับ ในการทำงานทุกคนต้องแข่งขันกับตัวเองและเพื่อนร่วมอาชีพ ผมหวังว่าจะทำให้สุดฝีมือเพื่อไม่ให้เป็นการดูถูกตัวเองและคนอื่น”

ตอบได้ดี จิระคิดในใจพร้อมกับร่วมปรบมือไปกับนักข่าวหลายท่าน ดูเหมือนว่ากานดาจะประสบความสำเร็จในการสร้างภาพดาราผู้ใสซื่อในขั้นแรกได้แล้ว

หากเป็นเมื่อก่อนจิระคงกระตุกยิ้มแล้วหัวเราะหยามหยันแน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เขาไม่อยากสร้างภาพลักษณ์แย่ๆ แบบนั้นให้ตัวเองอีกต่อไป

หลังจากสัมภาษณ์เขา เจ้าเอ้และกานดาจนพอแล้ว นักข่าวต่างแยกย้ายกันไปสัมภาษณ์คนอื่นต่อ ตอนนี้เองที่ภาคินแฟนของเขาในช่วงอายุ 18 ปรากฏตัวพร้อมกับช่อดอกไม้ใหญ่โต

“จิระ”

ภาคินเรียกชื่อเขา แวบหนึ่งเห็นอีกฝ่ายสบตากับกานดาด้วยแววตาลึกซึ้ง จิระรู้นานแล้วว่าทั้งสองคนเริ่มมีความสัมพันธ์ต่อกันบนช่วงอายุเท่านี้ ก่อนที่จะไปโป๊ะแตกระหว่างเรียนในวิทยาลัยด้วยกัน

ก็...ไม่แปลกใจ เขาในอดีตชาติเกรี้ยวกราดเอาแต่ใจ แถมยังตามราวีกลั่นแกล้งกานดาที่ทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำอยู่เสมอ ในสายตาของภาคินคงเห็นว่าหมอนั้นเป็นนางฟ้าเสียเต็มประดา

แต่ก็นะเท่าที่จำได้กานดาเอาตัวเองไปประเคนให้กับนายทุนและผู้จัดมากหน้าหลายตาเพื่อที่จะแย่งบทไปจากเขานับครั้งไม่ถ้วน ภาคินที่น่าสงสารถูกสวมเขามาโดยตลอด

ถามว่าสงสารไหม? ไม่เลย ยิ่งในชาตินี้ด้วยแล้วไม่ใช่เรื่องของเขาอีกต่อไป คนที่เขาควรสนใจมีแค่คุณสามีเท่านั้น

“ดอกไม้สวยจัง” จิระรับดอกช่อดอกกุหลาบขาวมาจากภาคิน เขาสูดดมกลิ่นหอมจนฉ่ำปอด เขาชอบดอกไม้และน้ำหอมมากเป็นพิเศษ ก็กลิ่นของมันจรุงใจและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ต้องเป็นกลิ่นที่ชอบด้วยนะ

“รู้ใจจัง” จิระยิ้มหวาน

“แหมๆ หวานกันเหลือเกินนะ” เจ้าเอ้เบ้ปาก คงทนความหวานระดับนี้ไม่ได้

“น่าอิจฉาจังเนอะ หรือว่าไงกานดา” เอ้ถาม

จิระหันไปมองเขาอมยิ้มน้อยๆ จากหางตาเขาสังเกตุดูสีหน้าของอีกฝ่ายได้ระยะหนึ่งแล้ว แม้เพียงนิดเดียวก็ทันเห็นสีหน้าไม่เป็นมิตรของกานดา

ไม่รู้นะว่าชอบภาคินจริงๆ หรือแค่ว่าอยากแย่งไปเพื่อทำร้ายจิตใจของเขา แต่อยากแย่งไปในชาตินี้ก็เอาเลย ชาติที่แล้วเขารับมือกับภาคินมามากเกินพอ

“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันดีไหม” ภาคินถาม จิระพยักหน้าตอบตกลง เขามีเรื่องจะพูดกับแฟนคนนี้อยู่พอดีเลย

หลังจากขึ้นรถจิระปล่อยให้ภาคินชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย เขารอเวลาให้ภาคินขับรถมาจนถึงคฤหาสน์ของตระกูลมกรธวัช ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถก็เริ่มเปิดฉากพูดความในใจทันที

“เราเลิกกันเถอะ” จิระพูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ทว่าภาคินยิ้มค้างเขายังตามคำพูดของคนเป็นแฟนไม่ทัน

“ว่าอะไรนะ”

“ฉันบอกว่าเราเลิกกันเถอะ” ภาคินครางเสียงเหมือนแมว คงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่จิระคิดว่านี่น่าจะเป็นข่าวดีของอีกฝ่ายไม่ใช่หรือ

“ขอบคุณมากนะที่เหนื่อยดูแลฉันมาตลอด นายเป็นอิสระจากคนเอาแต่ใจอย่างฉันแล้วนะ”

“อา...ถ้าอย่างนั้น...ฉันกลับก่อนนะ” ภาคินยังคงรักษาสีหน้างุนงงได้เสมอต้นเสมอปลาย เขากลับขึ้นรถและครุ่นคิดไปตลอดการเดินทางกลับคฤหาสน์ประจำตระกูลของตน

มันเกิดอะไรขึ้นกับจิระกันแน่ จิระที่ยึดติดกับตัวเขาถึงขนาดเข้าใกล้กับความบ้าคลั่ง จิระที่เอาแต่ใจและไม่เคยเข้าใจอะไรง่ายๆ คนนั้น

วันนี้อีกฝ่ายแปลกไป แม้แต่ตอนให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกานดา หรือว่าเวลาที่อยู่กับเขา ถึงจะน้อยนิดแต่ภาคินสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

จังหวะที่คิดด้วยความสงสัยเสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น ภาคินเสียบหูฟังสำหรับเชื่อมต่อบลูทูธแล้วกดรับสาย คนที่โทรมาคือกานดาผู้ชายที่เขาแอบลักลอบคบกันลับหลังจิระ

“ผมคิดถึงคุณ” เสียงเศร้าสร้อยดังมาจากปลายสาย ภาคินแทบจะเดาสีหน้าของฝ่ายนั้นได้ แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับคิดถึงใบหน้าของจิระยามบอกเลิกเขา คนรักอมยิ้มน้อยๆ และมีสีหน้าสงบอ่อนหวาน

เขาชอบที่จะเห็นสีหน้าแบบนั้นของจิระ สีหน้าแบบนั้นคือสิ่งที่เขาชอบมันเป็นสีหน้าที่จิระไม่แสดงออกมาบ่อยครั้ง และเขาเข้าใจว่าสาเหตุของสีหน้านั้นมันน่าจะหมายถึงการปลงตกจากความผิดหวังบางอย่าง

ผิดหวังในตัวเขาอย่างนั้นหรือก็เลยคิดจะปล่อยมือจากเขา จิระไม่ได้แสดงสีหน้าผ่อนคลายแบบนั้นนานเท่าไหร่แล้วนะ

ภาคินรู้สึกว่าจิระกลับไปเป็นคนอ่อนแออีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกับความจริงอันนี้มานาน จิระในแบบที่เขารักมันทำให้เขาไม่สามารถทิ้งอีกฝ่ายไปได้แม้ว่าจะถูกบอกเลิก แต่เขาก็ไม่กล้าทิ้งกานดาผู้อ่อนแอไปอย่างไม่ใยดีเช่นกัน

หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทนำ+บทที่1 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-06-2018 14:16:10
 :pig2:
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทนำ+บทที่1 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-06-2018 14:50:42
ภาคินคงไม่ใช่พระเอกใช่ไหม :katai1:
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทนำ+บทที่1 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-06-2018 14:56:56
บทที่2

จิระกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลมกรธวัชหลังจากที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้านน้องชายต่างมารดาก็มารอรับหน้าอยู่แล้ว

“เฮอะ อย่าหวังว่าจะไปได้ด้วยดี กล้าขัดใจคุณพ่อไปออกรายการเรียลลิตี้บ้าๆ นั่น เชื่อเถอะว่านายต้องเจอดีที่หลังแน่”

จิระยิ้มและเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ ดารัณกับแม่ของเขาเป็นแบบนี้เสมอมักจะคอยชิงดีชิงเด่นกับเขาและแม่มาโดยตลอด ความยากลำบากในชีวิตเขากับแม่ที่มีจนถึงตอนนี้ล้วนเกิดจากความมักมากของพ่อ โชคดีที่ถึงแม้มีบ้านเล็กอีกไม่น้อยแต่ก็ไม่กล้าเอาเข้าบ้านเพิ่มนอกจากดารินแม่ของดารัณ

“ปีกกล้าขาแข็งนักนะ ถึงท่านปู่จะอนุญาตให้นายกับแม่ของนายทำตามใจชอบ แต่ก็คงไม่พอใจเท่าไหร่แน่ๆ คนจากตระกูลมกรธวัชจะไปทำงานขายเนื้อหนังน่าขายหน้าอย่างนั้นได้ยังไง”

คนขี้อิจฉา จิระรู้ดีว่าดารัณเองก็ฝันอยากเป็นดาราเช่นกัน น้องชายคนนี้เคยไปที่โมเดลลิงแต่ก็ถูกดารินที่เป็นแม่ไปอาละวาดจนไม่กล้าทำอีก

“ถ้านายไม่กล้ามันก็ช่วยไม่ได้นะ” จิระพูดลอยลมทั้งโบกมือให้โดยไม่หันไปมอง ได้ยินเสียงกระทืบเท้าดังมาจากด้านหลัง

ในคฤหาสน์เข้าใจว่ามีเพียงเขากับดารัณอยู่เท่านั้น แม่ของเขาส่งข้อความมาว่าติดงาน ส่วนดารินก็ได้ยินจากคนรับใช้ว่าไม่อยู่บ้าน พ่อกับปู่เองก็คงอยู่ที่บริษัท

จิระถึงจะกลับมาเหนื่อยๆ แต่ก็นึกอยากออกกำลังกายเบาๆ เพื่อผ่อนคลาย ดังนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปยังสระว่ายน้ำและใช้เวลาว่ายกลับไปกลับมาประมาณ 30 นาที ก่อนจะตัดสินใจขึ้นฝั่งเพื่อพักเหนื่อยชั่วครู่

ทว่าเมื่อขึ้นจากน้ำก็พบว่าเพทายยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี <เขากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ> จิระยิ้มจนตาหยี การได้เห็นสามีในชาติที่แล้วซึ่งมีรูปลักษณ์หล่อเหลาดูดียืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง มันทำให้เขาใจเต้น

เพทายเป็นลูกครึ่งที่มีเรือนผมและดวงตาสีอ่อน รูปร่างสูงใหญ่กำยำยังคงน่ามองเหมือนเดิม ใบหน้าที่ดูดีด้วยคิ้วรูปดาบ ดวงตาหงส์ และริมฝีปากบางทรงปีกนกกอปรกันแล้วไม่ใครปฏิเสธแน่ๆ ว่าเขาคนนี้คือชายรูปงามที่หาได้ยาก



ชาติก่อนเขาไม่เคยใจเต้นกับเพทายในช่วงวัยเท่านี้เลย นั่นเป็นเพราะว่าไม่ชอบใจการดูแลเอาใจใส่และการตามติดอย่างเข้มงวดในฐานะพี่เลี้ยงของสามี

จำได้ว่าตอนที่ได้พบกับเพทายครั้งแรกเขาอายุได้ 6 ขวบและอีกฝ่ายอายุได้ 15 ปี ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณปู่ ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะยืนโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

จิระในวัย 6 ขวบเข้าใจว่าเพทายเป็นแขกคนหนึ่งของคุณปู่ก็เลยเข้าไปคุยด้วย แต่มันก็นานมากพอดู เขาจำได้เพียงว่าได้ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เพทายในตอนนั้นซับน้ำตา

จากนั้นก็พบว่าเพทายมาที่บ้านบ่อยขึ้นๆ จนเขาอายุ 8 ขวบ ถึงได้รู้ว่าเพทายเป็นเด็กที่คุณปู่ออกเงินเลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียน

พ่อดูเหมือนจะเกลียดชังเพทาย ความเกลียดอันนั้นส่งผลถึงตัวเขาด้วย เขาในสมัยนั้นยังต้องการความรักจากบิดาเหมือนเด็กทั่วๆ ไป

แม้ว่าจะจำได้รางๆ อยู่เหมือนกันว่านับตั้งแต่ 6 ขวบจนถึง8 ขวบ ตลอดสองปีที่เพทายแวะเวียนมาที่บ้าน เขาจะเป็นคนเข้าไปตีสนิทอีกฝ่ายด้วยตัวเอง แต่เด็กๆ มักถูกชักจูงโดยผู้ใหญ่ได้ง่ายๆ

จิระยังพอจำความรู้สึกกดดันที่พ่อมอบให้เขาได้ดี ‘แกมันโง่จิระ ไปทำดีกับมันมากๆ ไม่รู้หรือไงว่าอีกหน่อยมันจะมาแย่งทุกอย่างไปจากแก’ พ่อพูดอย่างนั้น

ด้วยวัยแค่นั้นเขาไม่เข้าใจซักนิดแต่อยากได้ความรักจากพ่อดังนั้นครั้งสุดท้ายก่อนที่เพทายจะไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่เมืองนอก เขาได้พูดจาเลวร้ายกับฝ่ายนั้น

มันคงเลวร้ายมาก ดังนั้นสมองของจิระจึงสั่งให้ลืมมันไปเสีย ช่วงเวลาหลังจากนั้นราวๆ สี่ห้าเดือนได้ที่เขารู้สึกผิดต่อเพทาย แต่ไม่นานนักเมื่ออายุได้ 9 ขวบ เขาก็เจอกับภาคิน

ช่วงวัยนั้นพ่อได้พาดารินกับดารัณบ้านเล็กเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ แม่ของเขาต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจ จำได้ว่าเขาไปร้องไห้กับคุณปู่

คุณปู่ปลอบเขาอย่างอ่อนโยน หลังจากออกมาจากห้องของคุณปู่ พ่อของเขายิ้มเยาะบอกกับเขาว่า ‘การที่ฉันเอาดาริณกับดารันเขาบ้านมาได้ก็แลกกับการให้ฉันไม่โวยวายเรื่องรับบุตรบุญธรรม ก็คนดีที่แกหลงใหลจนหัวปักหัวปำนั่นไง’



จิระไม่เข้าใจที่พ่อพูด แต่ได้ยินจากคนอื่นๆ ว่าคุณปู่รับเพทายเป็นลูกบุญธรรมแล้ว ด้วยการตีความแบบเด็กไม่จำเป็นต้องมีหลักเหตุผลใดๆ เขาเกลียดชังเพทาย และเริ่มใช้ภาคินเป็นที่พึ่งพิงทางใจทดแทนการขาดความรักจากพ่อ

หลังจากนั้นเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี เพทายก็กลับมา เขาเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี คุณปู่เชื้อเชิญให้เขามาอยู่ในคฤหาสน์ ได้รับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของคุณปู่ และเข้าเรียนระดับปริญญาโทของมหาลัยชั้นนำในประเทศ

และหน้าที่อีกอย่างที่คุณปู่มอบให้ คือการคอยสอนหนังสือและรับส่งเขาไปโรงเรียนอย่างเข้มงวด เพทายรับหน้าที่นี้ยาวนานจวบจนถึงเขาอายุได้สิบแปด

จะว่าไปอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาเกลียดเพทายนอกจากเรื่องที่ถูกผู้ใหญ่กดดัน อาจมาจากดวงตาวาววับเหมือนสัตว์ร้ายในที่มืดที่มักใช้มองเขาเป็นประจำ

ทั้งแววตาและการกระทำรวมถึงการเอาคุณปู่มาเป็นข้ออ้างทำให้สามารถกดดันเขาให้ทำตามได้อย่างเด็ดขาด แต่จิระในสมัยนั้นก็ยังหาทางออกนอกลู่และต่อต้านอยู่ดี

“เอ่อ...ช่วยเอาผ้าขนหนูให้ฉันหน่อยสิ” ใจเต้นระรัวจนประหม่าน่าดู ถึงแม้ว่าจะพยายามปั้นยิ้มให้น่าหลงใหล แต่ตอนที่รับผ้าขนหนูมาจากมือเพทายก็สั่นเอามากๆ แถมร้ายไปกว่านั้นพอปีนบันไดขึ้นจากสระขาดันพันกันจนเซล้มไปข้างหน้า

“อ๊ะ..” จิระร้องเบาๆ โชคดีที่เพทายเข้ามาประคองร่างเขาไว้ได้ทัน ใบหน้าหวานจมหายเข้าไปในอ้อมอกแกร่ง

“ขอบคุณ” จิระกล่าวขณะเดียวกันก็ใช้มือจับปอยผมเปียกๆ ขึ้นทัดหูแก้ประหม่า เขายังคงเกาะเกี่ยวเพทายเอาไว้ หลังจากปรับอารมณ์ได้ก็ช้อนสายตาประกายระยับขึ้นมองอีกฝ่าย

“....” ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด แต่สังเกตุเห็นแววตาสับสนชัดเจนของเพทาย คงจะแปลกจริงๆ ด้วยสินะ จู่ๆ มาทำตัวยั่วยวนแบบนี้ <เขาคงคิดว่าเราวางแผนอะไรบางอย่างแน่ๆ >

“คุณจิระ ไปแต่งตัวเถอะครับนี่ก็เย็นมากแล้วอากาศกำลังลดอุณภูมิลง มันไม่ดีกับร่างกายของคุณ”



แม้รู้ว่าควรถอยไปตั้งหลักจะดีกว่า แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวกลับทำให้จิระเดินหน้าต่อ ถึงอนาคตข้างหน้ายังไงเขาก็ต้องได้แต่งงานกับเพทายอยู่ดี แต่ไม่มีอะไรแน่นอน ขนาดกลับชาติมาเกิดใหม่ยังเป็นไปได้ อนาคตก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

ยังไงก็อยากเริ่มต้นเดินหน้าสานสัมพันธ์

“เอ่อ..พี่...” เขาต้องการจะเรียกเพทายว่าพี่ แต่ก็เปลี่ยนสรรพนามกลางคัน ไม่อยากให้แปลกประหลาดจนผิดสังเกต “เพทายเราไม่ได้ทานอาหารเย็นด้วยกันนานแล้วนะครับ”

คราวนี้เห็นหัวคิ้วของเพทายย่นเข้าหากันนิดๆ ปกติคนคนนี้จะเยือกเย็นใจดีและควบคุมตัวเองได้อยู่เสมอ แม้แต่ในเวลาที่บังคับกดดันให้เขาทำตามใบหน้าก็มักอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ

แต่อาการย่นคิ้วกินเวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เวลาต่อมาเพทายก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มสวยด้วยความอ่อนหวาน

“คงจะไม่ได้หรอกครับคุณจิระ ผมแค่มาเอาเอกสารการประชุมกลับไปให้ท่านวศิน” กล่าวจบเพทายก็ค่อยผละออกจากการเกาะหนึบของจิระ

“ช่วงนี้งานผมค่อนข้างยุ่ง แต่ถ้าคุณต้องการผมจะทานข้าวเป็นเพื่อนคุณ”

เพทายเดินห่างออกไป จิระได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างและตั้งตรงนั้นไป

นี่ก็เท่ากับว่าเขานัดทานข้าวกับเพทายแล้ว จิระกำหมัดร้องพึมพำว่า ‘มันต้องอย่างนี้สิ’ ด้วยความฮึกเหิม

ถึงแม้ว่ามันดูแปลกๆ ที่ถ้าเป็นช่วงวัยเท่านี้ของเขาในอดีตชาติ เคยตะโกนจนคอโก่งใส่เพทายว่าไม่ต้องการเห็นหน้าอีกฝ่ายเวลาทานข้าวเพราะรู้สึกอยากจะอ้วก

คิดอยู่เหมือนกันว่าเคยทำไปขนาดนั้นเพทายจะโกรธหรือเปล่า แต่ความจริงในอดีตชาติคุณสามีเป็นคนเดียวที่ยืนเคียงข้างเขาในยามที่ไม่มีใคร มันทำให้จิระผ่อนคลายมากขึ้น

แม้ว่าอาจเป็นแค่ความสงสารแต่จิระในชาตินี้จะตั้งใจพัฒนาความสัมพันธ์กับเพทายให้แน่นแฟ้นด้วยความรักให้จงได้ ความดีของเพทายในชาติก่อนมันทำให้เขารักฝ่ายนั้นจนหมดหัวใจ ชาติที่แล้วไม่ได้ตอบแทนดูแลเขาให้ดี ดังนั้นชาตินี้จะไม่ให้ผิดพลาดอย่างเด็ดขาด



                     ++++++++++



                วันนี้ลงให้หมดเท่าที่เขียนไว้เลยค่า พรุ่งนี้ถ้าว่างแต่งจบครบตอนจะเอามาลงให้อีกนะคะ


                 ไม่งั้นถ้าไม่ครบตอนอาจจะงดหนึ่งวันน้า
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่2 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-06-2018 17:02:12
สามีเก่าพระเอกใช่ไหม? :hao4:
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่2 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-06-2018 17:53:04
บทที่3

เสียงเคาะประตูดังที่หน้าห้องแต่เช้าก็ไม่ใช่ใครแม่ของเขานั่นเอง เสียงหวานๆ เรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา ตามปกติจิระเป็นคนตื่นตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเรียกแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็งัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วเดินไปปลดกลอนประตู

“นาฬิกายังไม่ดังเลยครับแม่” จินดาไม่รอให้จิระพูดจบเธอเดินแทรกเข้าไปในห้องจัดการหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าดูดีเหมาะกับลูกชายของเธอที่สุดวางลงบนเตียง

“วันนี้ต้องไปถ่ายฟิตติ้งนะลูก แล้วก็นี่บทของลูกนะ” แม่วางบทภาพยนต์ลงบนเตียงข้างๆ เสื้อผ้า จิระตาเป็นประกายบทภาพยนต์เรื่องแรกที่ใช้เปิดตัวเขาในอาชีพนักแสดง

วัยหนุ่มวัยฝันวันของเรา เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มสามคนที่มีฐานะและนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทว่าเส้นทางของพวกเขาต้องบรรจบกันด้วยมิตรภาพความขัดแย้งซึ่งนำมาสู่จุดจบอันน่าเศร้า

ภาพยนต์เรื่องนี้ผู้กำกับ พัชร อำพัน ที่ถือเป็นดาวรุ่งในสมัยนั้นและยังโด่งดังต่อๆ มาอย่างยาวนานเป็นผู้รังสรร นักแสดงนำสามคนได้แก่ เขา เอ้ และกานดา

สมัยนั้นเพราะความอ่อนหัดทางการแสดงทำให้เขาเข้าไม่ถึงบทบาทที่ได้รับ ก็ไม่แก้ตัวหรอกนะถึงแม้ว่าจะจำบทได้แม่นยำแต่ไม่สามารถตีบทให้แตกได้

นั่นเป็นเพราะบทต้นข้าวหนึ่งในตัวเอกที่เขารับมาช่างแตกต่างจากชีวิตจริงอย่างมาก ต้นข้าวเป็นเด็กยากจนมีแม่ที่นิสัยไม่ดีเลี้ยงดูมา ดังนั้นพื้นเพนิสัยจึงแย่ และทะเยอทะยานเห็นคนอื่นเป็นเพียงสะพานให้เหยียบเท่านั้น

จิระไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นเขาไม่เคยอิจฉาคนอื่น อาจเป็นเพราะเขาได้รับสิ่งต่างๆ โดยไม่ขาดมือ แต่ก็ได้รับคำชมอยู่บ้างที่ตีความอย่างดีเยี่ยมในการแสดงเป็นเด็กที่โหยหาความรักจากพ่อ ตรงจุดนั้นจิระทำได้ดี

ในขณะที่กานดารับบทเป็นลูกเศรษฐีซึ่งในตอนนั้นจิระค่อนข้างเจ็บใจและเข้าใจว่าบทนั้นมันน่าจะเป็นของเขา อะไรๆ มันคงง่ายขึ้น แต่ผู้กำกับ พัชร อำพันกลับบอกว่าเขาอยากเห็นความขัดแย้งและพัฒนาการของเขากับกานดา ดูสิว่าหากสลับบทบาทความเป็นจริงกันมันจะออกมาแบบไหน





ผลที่ได้เขาแสดงออกมาได้แบบกลางๆ แต่กานดานั้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง บทน้ำฟ้านั่นเป็นลูกเศรษฐีที่แสนดี ใจดีกับเพื่อนอย่างต้นข้าวมาก แต่หารู้ไม่ว่าต้นข้าวแสนจะเกลียดชังน้ำฟ้า เพราะว่าต้นข้าวเป็นลูกเมียเก็บพ่อเดียวกันที่น้ำฟ้าไม่เคยรู้มาก่อน

ดังนั้นต้นข้าวผู้ทะเยอะทะยานทำทุกอย่างเพื่อที่จะแย่งสิ่งที่น้ำฟ้ามีไป เพื่อให้ชนะยอมทุกวิถีทางแม้ต้องขายร่างกาย จุดจบของต้นข้าวนั้นแย่เสียยิ่งกว่าแย่ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง เสียโฉม ถังแตกและไม่มีที่ยืนในสังคม

ส่วนบทของเอ้เขามาจากชนชั้นกลางซึ่งตรงกับเจ้าตัวมาก ทั้งความเป็นคนใจดีมีคุณธรรม ทั้งความรักเพื่อน ก้อนดินเป็นคนเดียวที่มองเห็นธาตุแท้ของต้นข้าวและคอยเตือนน้ำฟ้ามาโดยตลอด แต่น้ำฟ้าก็ไม่ฟังเพราะความเป็นคนจิตใจดี

ในชาติก่อนจิระไม่เข้าใจความรู้สึกของต้นข้าวเลยซักนิด แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาล้มลุกคลุนคลานหลายปี เขาก็เริ่มเข้าใจว่าเป็นยังไง ฝีมือการแสดงในวัย 27 ของเขานั้นพัฒนาขึ้นอย่างหาได้ยาก แต่ก็มักถูกสกัดขาด้วยข่าวลือไม่ดีและโดนกานดาแย่งงานตลอด

ยิ่งบั้นปลายชีวิตของเขาต้องถูกทำร้ายจนเสียโฉม แม่เองก็มาจากไปในปีเดียวกัน คุณปู่และพ่อเองก็ตัดขาดจากเขาจนกลายเป็นคนถังแตก ประสบการณ์ชีวิตเลวร้ายแบบนั้น จิระจำได้ดียิ่งกว่าดี นี่ยังไม่รวมเรื่องแย่ๆ อีกหลายอย่างที่ทั้งทำตัวเองทั้งถูกซ้ำเติมจากใครอีกหลายคน

“เอ้า...รีบไปอาบน้ำสิจ๊ะ จะได้มีเวลาอ่านบทคร่าวๆ ก่อนทานข้าวเช้าแล้วไปงานฟิตติ้งกันต่อเลย”

“เข้าใจแล้วครับผม” จิระยังไม่ไปในทันทีเขาสวมกอดแม่หอมแก้มฟอดใหญ่ เขาคิดถึงแม่เหลือเกิน ในชาติที่แล้วแม่ที่แข็งแรงค่อยๆ อ่อนแอลงเพราะทำงานหนักตรากตรำแถมยังตรอมใจกับความเหลวแหลกของเขา จึงทำให้จากไปเร็วเกินกว่าที่ใครจะคิด การตายของแม่ทำให้เขาขาดที่พึ่งสุดท้ายในทันที

“รักแม่นะครับ” เขากระซิบข้างหูแม่ที่หัวเราะคิกๆ ก่อนจะผละออกแล้วตรงไปยังห้องน้ำ ระหว่างที่ชำระร่างกายอดคิดถึงใบหน้างดงามของเพทายไม่ได้

ในช่วงเวลาอันเลวร้ายและไม่มีใครเหลียวแลในชาติก่อน มีเพียงแค่คุณสามีเท่านั้นที่ออกทั้งค่ารักษาใบหน้าซึ่งเสียโฉมไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ถอนหมั้นลงมือจดทะเบียนแต่งงานกับเขาโดยไม่สนใจคำทัดทานของใคร น่าเสียดายที่เขาต้องมาจบชีวิตลงก่อนจะได้ดูแลหรือตอบแทนความดีของเขา

แต่ตอนนี้โอกาสมันเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ความคิดล้างแค้นไม่มีในหัวก็จริง แต่ก็คิดไว้ว่าใครดีมาก็ดีกลับใครร้ายมาก็ต้องถูกสั่งสอนบ้าง นอกจากนั้นเขายังต้องพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้น และไม่ลืมทำดีกับคนที่รักเขาให้มากที่สุด

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเขากับแม่ก็เดินคุยกันงุ้งงิ้งไปยังห้องรับประทานอาหาร ที่นั่นเขาพบกับเพทายที่มาถึงก่อนใคร

“เพทายเธอตื่นแต่เช้าเหลือเกินนะ” จินดากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่จิระตื่นเต้นเอามากๆ เขาใจเต้นถี่ระรัว

เพทายช่างงดงามจนตาแทบพร่า ชายหนุ่มในชุดสูทสีบลู เนคไทสีเดียวกันและเชิ้ตสีดำด้านใน ดูดีราวกับนายแบบนิตยสารชั้นนำ

ความงดงามเพริดแพร้วของเพทายนั้น จิระเองก็รู้ดีตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ จำได้อยู่ลางๆ ว่า เขามักจะใจเต้นเวลาเผชิญหน้ากับคนคนนี้เสมอ

แต่ก็เพราะความเกลียดชังที่ถูกพ่อชี้นำ มันทำให้เขาค่อยๆ ลดความสนใจในตัวเพทายลงไป กลายเป็นเหม็นหน้าทุกครั้งที่เจอ

“ไม่หรอกครับท่านจินดา ผมตื่นเช้ากว่าปกติเพราะท่านวศินเรียกผมให้ไปพบก่อนเวลาปกติน่ะครับ”

“มีอะไรสำคัญหรือเปล่าคะ”

“ก็เรื่องของคุณจิระนี่แหละครับ ตามจริงท่านวศินอยากให้ผมดูแลคุณจิระต่อไปอีกหน่อย แต่ผมเสนอคนคนหนึ่งมาดูแลคุณจิระช่วยผมอีกแรง”

จิระย่นคิ้วเข้าหากัน นี่มันไม่เหมือนเดิม ต่างไปจากชาติที่แล้ว ในชาติก่อนคุณปู่เองก็เสนอให้เพทายดูแลเขาต่อแบบนี้เหมือนกัน เพทายเองก็ไม่ปฏิเสธ และเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะฉวยโอกาสนี้สานสัมพันธ์อันดีกับคุณสามี แล้วนี่มันอะไร

ความเปลี่ยนแปลงอันนี้คงไม่ใช่ว่าเกิดจากการที่เขาให้ท่าเพทายที่สระน้ำเมื่อวานหรอกนะ จิระเม้มปากเข้าหากันแน่น

“นายสัญญากับฉันว่าจะไปทานข้าวเย็นด้วยกัน”

นิสัยดื้อแพ่งเอาแต่ใจใช่ว่าจะแก้ได้ง่ายๆ เขาเผลอแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกไป เพทายคลี่ยิ้มอ่อนโยน

“ถ้าผมว่างเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปนะครับ”



จินดามองหน้าลูกชายตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่ลูกชายของเธอไม่เกลียดเพทายแล้วอย่างนั้นหรือ จริงๆ แบบนี้เธอก็เห็นดีด้วย ยังไงเพทายก็เป็นแขนขาสำคัญของคุณพ่อ หากจิระทำดีต่อหน้าเพทายให้มากๆ คุณพ่อเองก็จะได้ยินแต่เรื่องดีๆ ของจิระไปด้วย

จินดาไม่เห็นด้วยกับการที่สามียุแยงให้จิระเกลียดชังเพทายมานานแล้ว ว่ากันตามตรงเธอเองก็ไม่รู้ว่าคมสันสามีของเธอเกลียดเพทายเพราะอะไร

เธอเป็นสะใภ้และเป็นเมียแต่งตามกฏหมายก็จริง แต่นับจากสามีเอาดารินกับดารันเข้าบ้านเธอกับเขาก็เหินห่างกัน เธอไม่ใช่คนซอกแซกดังนั้นจึงไม่ถามเรื่องของเพทายกับคุณพ่อ และยิ่งไม่มีอารมณ์ไปถามความเห็นจากสามีที่ดีแต่เลี้ยงชู้ไว้เต็มไปหมด

“นายสัญญาแล้วนะ” จิระอดทำปากอูดไม่ได้ มันเป็นนิสัยส่วนตัวที่เวลาชอบใครรักใครเขาจะเผลอออดอ้อนแบบนี้ เพทายทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ เป็นการตอบรับ

นิสัยของเพทายจิระย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ก็อยู่ด้วยกันเสมอๆ และถูกเขาคนนี้ดูแลมาตลอดหลายปีทีเดียว รอยยิ้มบางๆ แบบนี้หมายความว่าตกลงใจแล้วนั่นแหละ

เวลาต่อมาคนในครอบครัวก็ทยอยกันเข้ามาในห้องอาหาร ดารินเดินเคียงข้างคมสันเข้ามา จินดามองเพียงหางตาก่อนจะเชิดหน้าขึ้นและไม่สนใจคนทั้งสอง

“อุ๊ยตาย คุณพี่จินดา วันนี้กลับมาบ้านด้วยหรือคะ ปกติเห็นเอาแต่ค้างอยู่ที่ออฟฟิต” ดารินกรีดยิ้มหวานเธอเลื่อนเก้าอี้ให้คมสันก่อนจะนั่งลงในเวลาต่อมา ท่าทางเอาอกเอาใจสามีของเจ้าหล่อน จินดาคิดว่ามันน่าสมเพช แต่ก็นั่นแหละเพราะแบบนี้ไงถึงได้รับความรักจากคมสันมากเหลือเกิน ผิดกับเธอที่ไม่ใช่คนอ่อนหวาน

เธอมีความสามารถพอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายหาเลี้ยงตัวเองหรือเอาแต่ประทินโฉมเพื่อเอาอกเอาใจเพราะกลัวไม่มีที่พึ่ง เพราะแบบนี้ละมั้งคมสันถึงไม่เอาใจใส่เธอเหมือนเมื่อก่อน

“แน่สิ...ลูกชายของฉันเขาประสบความสำเร็จ ฉันต้องกลับมาดูแลให้มากหน่อย ลูกของเธอก็ดีนะ อยู่เงียบๆ เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องดูแลมาก”

ความนัยที่บอกว่าอยู่ไปวันๆ ไม่ประสบความสำเร็จซักอย่างของจินดา ดารินเข้าใจอย่างถ่องแท้ เธอเคี้ยวฟันกรอดๆ พยายามเก็บอาการเดือดดาลเอาไว้

“ดารันมันต้องดีกว่าเจ้าจิระมันอยู่แล้ว ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไปทำงานเปลืองเนื้อหนังอีกหน่อยคงเสียผู้เสียคน”

“นั่นสิๆ ค่ะ คุณพี่จินดาต้องดูแลให้ดีๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นหากปล่อยไปอาจเกิดเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ก็เป็นได้” ดารินหัวเราะเบาๆ พึงพอใจที่คมสันเข้าข้างตัวเอง คราวนี้จินดาเกร็งคอแข็งหันไปมอง ใครจะว่าอะไรเธอก็ได้ แต่อย่าริมาว่าลูกชายคนเดียวของเธอเด็ดขาด

“ขอบคุณคุณพ่อที่ตักเตือนครับ”

คาดไม่ถึงว่าจิระจะยิ้มหวานทั้งกล่าวขอบคุณ ตามปกติลูกชายของเธอจะต้องเก็บคำพูดของคมสันมาคิดให้เสียใจทุกครั้ง

เข้มแข็งขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ

จินดาบีบมือจิระเบาๆ ก่อนที่ลูกชายของเธอจะส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ จากนั้นเวลาใกล้ๆ กัน ดารันก็มายังห้องอาหาร ถือว่ายังมาทันเวลา

“คุณพ่อรันอยากไปเรียนพิเศษ รันอยากติวเพื่อสอบเข้ามหาลัยในปีหน้า”

“ไม่เร็วไปหรือจ๊ะดารัน” ดารินถาม เธอรู้สึกว่าเวลายังมีอีกมาก อยากให้ลูกชายของเธอไม่เครียดมากเกินไป

“ผลการเรียนของผมกลางๆ ถ้าไม่ขยันตอนนี้จะเข้ามหาลัยดีๆ ไม่ได้ เดี๋ยวจะขายหน้าคุณพ่อเปล่าๆ”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดารันเสียดสีใคร จิระสนใจที่ไหน เพราะเขามัวแต่สังเกตดูการเคลื่อนไหวของเพทายตลอดเวลา ท่าทางเวลาอ่านเอกสารอย่างจริงจังก็ดูน่ารัก

“ดีมาก พ่ออนุญาตให้แกไปเรียนได้”

“แต่ว่าคุณพ่อครับผมขอเดินทางไปกลับเองนะครับ เพราะว่าผมอยากไปกับเพื่อน อีกอย่างผมโตแล้วควรจะหัดนั่งรถไปไหนมาไหนเองบ้าง”

“จะดีหรือลูกมันอันตรายนะ” ดารินรู้สึกไม่ไว้ใจ ลูกชายของเธอหน้าตาดีขนาดนี้อาจถูกใครลักพาตัวไปก็ได้

“ได้สิ ฉันเห็นด้วย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแกจะทำอะไรไม่เป็นซักอย่างเหมือนอย่างจิระมัน ต้องคอยให้หมารับใช้ตามดูแลเช็ดก้นตลอด”

จิระอดปลายมองไปยังทั้งสองคนไม่ได้ และพบว่าดารันแสยะยิ้มหยามหยันส่งมา หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงโวยวายฟ้องพ่อหาว่าน้องชายไม่เคารพและได้รับแต่เพียงคำดุด่าจากพ่อ หาว่าเป็นคนใจแคบคิดไม่ดี

“ว่าแต่แกอ่านอะไรน่ะเพทาย คงไม่ใช่งานประมูลพื้นที่ที่เมืองkหรอกนะ”

คมสันหันไปสนใจเพทายที่เอาแต่นั่งอ่านเอกสาร คนถูกทักรวบเก็บเอกสารทั้งหมดลงกระเป๋าเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

“ครับท่านคมสัน เป็นเอกสารงานประมูลที่เมืองkจริงๆ” เพทายตอบ

“เมืองKมันมีอะไรดีวะเพทาย เลขานุการโง่ๆ อย่างแกถึงได้สนใจ ช่างอวดดีนักนะ สาระแนจนอุตส่าห์ได้เป็นคนถือโปรเจค”

“ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์” เพทายยิ้มเป็นรอยยิ้มแบบรับแขกที่ประดับบนใบหน้าเขาอยู่เสมอ รอยยิ้มแบบนี้คมสันเกลียดมันนัก ทำไมมันถึงไม่ทำหน้าแหยหรือหงอๆ ให้เห็นบ้างนะ มันอวดดี อวดดีเสมอๆ

“ฉันจะบอกแกให้ว่าเมืองKมันเป็นเมืองบ้านนอกมีแต่พวกชาวนาชาวไร่ แกไปซื้อที่แถวนั้นสร้างพื้นที่บ้านจัดสรร มันจะไม่มีคนซื้อ แกจะไม่ได้อะไรเลย คิดสิไอ้หน้าโง่”

จิระขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาไม่พอใจที่พ่อด่าเพทายแบบนั้น ทว่าเมื่ออีกฝ่ายยังยิ้มได้อยู่ความเป็นห่วงก็เบาบางลง จะว่าไปถ้าจำไม่ผิดเมืองKนี่มันเป็นเมืองในจุดยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางธุรกิจของชาตินี่

ถึงจิระจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเศรษฐกิจมากนักแต่ก็เป็นข่าวโด่งดังในอดีตชาติ เรื่องที่มีโครงการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากเมืองBผ่านเมืองKและไปสุดที่เมืองSทางภาคเหนือของประเทศ ซึ่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงนี้จะร่วมทุนกับประเทศJเพื่อการขนส่งสินค้าและบุคลากรให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

และหลังจากสร้างเสร็จเมืองKกับเมืองSก็จะเจริญอย่างรวดเร็วมีนักลงทุนต่างชาติไปเปิดโรงงานและอาศัยที่เมืองนั้นอย่างคึกคักไม่ต่างจากเมืองBที่เป็นเมืองหลวง

ในสถานการณ์อย่างนี้จิระไม่แปลกใจที่เพทายจะสนใจมัน เพียงแต่ชาติที่แล้วเพทายก็เคยเสนอโปรเจคนี้ไปและไม่ผ่าน มันทำให้บริษัทของครอบครัวพลาดรถไฟขบวนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

แต่ดูเหมือนว่าในชาตินี้เรื่องราวดูจะเปลี่ยนไป เพทายทำสำเร็จในการเสนอความเห็นให้คุณปู่ การที่มีบางสิ่งเปลี่ยนไปแบบนี้ใช่มีเขาเป็นตัวแปรหรือเปล่านะ

จิระสงสัยแต่ไม่แปลกใจมากนัก อะไรๆ มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ และเขาตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง หากว่าคนที่เขาเป็นห่วงเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี เขายังต้องกังวลอะไรอีก

“อ้าวมากันหมดแล้วอย่างนั้นรึ” คุณปู่เดินเข้ามาพอดี ถึงแม้จะอายุ 60 ปีเข้าไปแล้วแต่วศินยังคงแข็งแรงมากไม่ผิดกับคนวัย 50 ปี ชายชราคนนี้ยังสามารถบริหารจัดการครอบครัวและกุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ

“เอ้า คงรอกันนานแล้ว เริ่มทานข้าวกันเลยดีกว่ามั้ง” คุณปู่สั่นกระดิ่ง ไม่นานนักพวกคนรับใช้ก็นำมาอาหารมาวางบนโต๊ะ





+++++++++++++

555 ลงให้อีกตอนค่า แต่จะของดลงซักสองวันน้า นี่วันหยุดทั้งวันล่อ4บทแล้วค่า
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่3 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-06-2018 18:56:13
อยากอ่านต่อจัง :mew6:
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่3 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 06-06-2018 22:43:45
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่3 6/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Merai_View Ha Bin ที่ 06-06-2018 23:57:37
 :impress3: อยากอ่านต่อแล้ววววว รอนะคะ อิอิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่4 6/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 07-06-2018 08:45:07
บทที่4

“มีเรื่องมาเซอร์ไพรส์นายล่ะ” เจ้าเอ้ยักคิ้วหลิ่วตาขณะที่ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าเสริมหล่อให้ก่อนเข้าไปถ่ายรูปฟิตติ้ง จิระถึงไม่ต้องเดาก็รู้ได้เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วในชาติก่อน

“นายเซ็นสัญญากับโมเดลลิงของแม่ฉันแล้วใช่ไหมละ”

“โว้ว...รู้ได้ยังไง ฉันอุตส่าห์ขอร้องคุณน้าไม่ให้บอกนาย” เอ้ทำเสียงงุ้งงิ้ง

“ความสามารถพิเศษไงล่ะ” จิระยิ้มกวนๆ

“ว่าแต่นายได้บทอะไรหะจิระ” ถามปุ๊บเอ้ก็หยิบบทในส่วนของก้อนดินขึ้นมาอวดให้จิระดู

“บทนี่มันง่ายสำหรับฉันมากเลยแหละ”

“ฉันได้บทน้ำฟ้า” จิระตอบแต่ก็รู้ล่วงหน้าว่าผู้กำกับ พัชร อำพันจะเปลี่ยนบทเขากับกานดาในวันนี้นี่แหละ

“แล้วทำไมบทลูกเศรษฐีถึงได้แต่งตัวปอนๆ จังวะ เฮ้...ยัยเจ๊ เอาชุดมาผิดไหมครับ” เอ้หันไปถามช่างแต่งตัวของกองถ่าย แม่สาวประเภทสองจีบปากจีบคอตอบทันที

“เจ้จะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ผู้กำกับสั่งมาแบบไหนเจ้ก็จัดแบบนั้นแหละค่ะ แต่ว่านะน้องจิระมีออร่าคนรวยพราวระยับ ขนาดแต่งตัวบ้านๆ ขนาดนี้ยังหล่อทิ่มตาเจ้อยู่เลยนะคะ” ไม่พูดเปล่าคุณเจ้ยังส่งสายตาปิ๊งๆ มาให้จิระ

“อ้าวๆ แล้วผมไม่หล่อหรือหะเจ๊” เอ้ถาม

“น้องเอ้ก็หล่อค่า แต่คนละเบอร์กับน้องจิระ คุณมันหล่อเถื่อนแต่จิระเขาผู้ดีค่า”

นับว่ายังเป็นคำตอบที่ฟังได้อยู่สำหรับเอ้ หลังจากแต่งตัวเสร็จพวกเขาก็พากันออกไปยังห้องสตูดิโอ ที่นั่นผู้กำกับทีมงานและกานดารออยู่แล้ว แต่ที่ผิดสังเกตุคือแม่ของเขากำลังโวยวายใส่ผู้กำกับพัชร

“คุณจะเปลี่ยนบทกะทันหันอย่างนี้ไม่ได้นะ” จินดาไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้กำกับพัชรต้องการ ตอนแรกพอเธอมาถึงก็พบว่าเด็กที่ชื่อกานดากำลังถ่ายภาพฟิตติ้งอยู่ ก็ไม่แปลกอะไรแต่ที่ผิดสังเกตคือภาพลักษณ์ตัวละครที่ถูกสื่อออกมา

ตัวละครต้นข้าวโดยพื้นเพเป็นคนหน้าตาดีก็จริง แต่นัยตาต้องเต็มไปด้วยความมืดหม่นและทะเยอะทะยาน การแต่งกายออกติดไปทางมอซอ แต่กานดานั้นกลับแสดงออกในบุคลิคไฮโซซึ่งเป็นลักษณะของน้ำฟ้าไม่ผิดแน่

ดังนั้นจินดาจึงถามผู้กำกับด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้คือผู้กำกับพัชรตัดสินใจสลับบทของกานดากับลูกชายของเธออย่างกะทันหัน เธอไม่ยอมอย่างเด็ดขาด

ลูกชายของเธอยังมือใหม่อยู่การเปิดตัวครั้งแรก ควรได้บทที่ส่งเสริมให้มากหน่อย ถ้าได้แสดงบทที่เป็นตัวเองอยู่แล้วต้องทำออกมาได้ไม่มีที่ติ ถึงใครจะว่ายังไงเธอไม่ยอมเสี่ยงให้จิระเล่นบทของต้นข้าวแน่ๆ

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ผมเป็นผู้กำกับเห็นสิ่งใดเหมาะสมผมก็จะทำแบบนั้นนะ” พัชร อำพัน แผ่รัศมีกดดัน ด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไว้ด้วยความดุดัน จินดาจะโกรธก็โกรธไม่ลง บางทีเธอก็นึกอยากชวนเด็กหนุ่มคนนี้เข้าสังกัดเป็นนักแสดงในโมเดลลิงของเธอเหลือเกิน

พัชรคนนี้เคยเปิดตัวในฐานะนักแสดงและอยู่ในวงการนี้ราวห้าปีได้ก่อนจะผันตัวไปเป็นผู้กำกับเมื่ออายุได้ 25 ปี สองปีมานี้เขาสามารถลบคำสบประมาทของผู้คนรอบตัวได้จนหมด ดังนั้นการที่จินดามาเถียงพัชรปาวๆ จึงทำให้ทีมงานทุกคนเห็นว่าแม่ของนักแสดงหน้าใหม่อย่างจินดากำลังก่อปัญหา

“ยังไงฉันก็ไม่ยอมรับเด็ดขาดค่ะ” จินดาไม่ยอมแพ้ จิระกับเอ้ยืนดูเหตุการได้พักหนึ่งแล้ว และตัดสินใจหามปรามแม่ทันที

“แม่ ทำอะไรอยู่น่ะครับ”

“จิระ..” จินดากวักมือเรียกลูกชายให้เข้าไปหา จิระพอไปถึงก็ประจันหน้ากับพัชรพอดี

“เธอจะว่าไง ถ้าฉันเปลี่ยนบทใหม่ให้เธอ” พัชรยื่นบทของต้นข้าวให้จิระ เขาใช้เวลาอ่านคร่าวๆ อึดใจหนึ่ง แสร้งทำเป็นลังเลเล็กน้อย

“ถ้าผู้กำกับเห็นว่าดี เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม แต่อยากจะลองเหมือนกัน” เท่านี้ใบหน้าบึ้งตึงของพัชรก็ประดับประดาด้วยรอยยิ้ม

“ดี...งั้น ให้พวกตัวเอกอ่านบทละครกันซักพัก ฉันจะทดสอบดูว่าพวกเขาเหมาะสมกับบทที่ฉันจะให้เล่นไหม เอาเป็นฉากนี้ก็แล้วกัน”

หลังจากจิระ เอ้ และกานดาถูกสั่งให้อ่านบทเพื่อซ้อมเข้าฉากเป็นการทดสอบ พวกเขาต่างก็แยกย้ายไปหามุมของตัวเองทำสมาธิ จินดาตามลูกชายเธอไปติดๆ บ่นงุ้งงิ้งตามเรื่องตามราว

“ลูกจะทำได้หรือจิระ เท่าที่แม่อ่านบทมันไม่ได้ตรงกับความเป็นตัวลูกเลยนะ ลูกยังมือใหม่ เอาเป็นว่า แม่ไปคุยกับผู้กำกับอีกรอบ”

จินดาถามความเห็นจากจิระ แต่เมื่อเห็นลูกชายตั้งใจอ่านบทจนสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมา ความมุ่งมั่นของลูกชายมันทำให้เธอคิดว่า ถ้าจิระอยากลองเธอก็ควรเคารพความตั้งใจของเขา ดังนั้นเธอจึงนั่งเงียบๆ รอลุ้นสิ่งที่จะเกิดต่อไป

หลังจากอ่านบทกันจนพอใจ ตัวเอกทั้งสามก็เริ่มซ้อมบทตามที่ผู้กำกับขอทันที ในฉากที่แสดงนี้เป็นส่วนสำคัญฉากหนึ่งในภาพยนต์ก็ว่าได้

มันเป็นฉากที่ก้อนดินกับน้ำฟ้าจับได้ว่าต้นข้าวลักลอบเป็นชู้กับแฟนของน้ำฟ้า ก้อนดินเรียกน้ำฟ้ามาดูต้นข้าวออกมาจากบ้านของคนรักของเพื่อนในเวลาเช้าตรู่

“ทำอย่างนี้หมายความว่าไงวะต้นข้าว” ก้อนดินตะคอกอย่างหัวเสีย เขาสงสัยพฤติกรรมของต้นข้าวมานานแล้ว หลายครั้งต่อหลายครั้งที่ต้นข้าวกับอาโปแฟนของน้ำฟ้ามักบังเอิญอยู่ด้วยกัน

“นะ..นายพูดอะไร” ต้นข้าวตื่นตกใจ สีหน้าของจิระที่แสดงออกมาดูเหมือนกับคนที่กำลังตระหนกจริงๆ ก็แน่ล่ะ สีหน้าแบบนี้เขาเห็นจากกานดามาตลอดหลายปี เขาย่อมต้องเลียนแบบได้ดีอยู่แล้ว

“มันไม่จริงใช่ไหมต้นข้าว นาย...” น้ำฟ้าผู้ใสซื่อบริสุทธิพยายามยิ้มอย่างมีเมตตา กานดาเองก็ร้ายไม่เบา เขาแสดงออกถึงความสับสนในแววตาได้เป็นอย่างดี

“ไม่จริงบ้าอะไรน้ำฟ้า ไอ้หมอนี่มันนอนอยู่กับอาโปจนถึงเช้า เห็นๆ กันอยู่ว่าออกมาจากบ้านของอาโป ขอล่ะเลิกมองมันในแง่ดีได้แล้ว” ก้อนดินหัวฟัดหัวเหวี่ยง น้ำฟ้าใบหน้าเหยเกพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้หลั่งริน ตอนนี้ทีมงานฮือฮากันน่าดูในความสามารถของกานดา

แต่พัชรกลับพุ่งความสนใจไปที่จิระ ต้นข้าวเองก็ทำท่าจะหลั่งน้ำตาเหมือนกัน มือไม้ที่บิดไปมาบอกชัดว่าสับสน ท่าทางน่าเวทนาแบบนั้นทำเอาน้ำฟ้าสงสารจับใจ เขาคิดว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจอะไรผิดซักอย่าง

“อย่าร้องไห้ คงมีอะไรเข้าใจผิดไปซักอย่าง” น้ำฟ้าพยายามจะเข้าไปปลอบต้นข้าวที่น้ำตาคลอหน่วย

“อาโปเป็นอาโปทำอะไรซักอย่างกับต้นข้าวใช่ไหม”

“จะได้ยังไง” ก้อนดินโวยวายแต่น้ำฟ้าสนใจที่ไหน ฉากนี้ตามบทที่เขียนมาไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแต่พัชรผู้เขียนบทกลับระบุเพียงว่าให้ต้นข้าวเผยตัวตนที่แท้จริงให้น้ำฟ้าเห็น ไม่มีคำพูดต่อจากนั้นหมายถึงให้ด้นสดล้วนๆ

จิระจำได้ว่าในชาติที่แล้วเขางงค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่าผู้กำกับอยากจะเห็นกึ๋นในฐานะผู้ที่ชนะรายการ new star อย่างเขาจึงทำแบบนี้ ผลในชาติแล้วการซ้อมบทเกือบพัง เขาทำได้แค่พอผ่านไม่น่าเกลียด แต่พัชรก็ไม่ได้พอใจ

วินาทีที่น้ำฟ้ากุมมือทั้งสองข้าวของต้นข้าวเอาไว้ แววตาเศร้าสร้อยก็ปรากฏความมืดหม่นในนั้น ต้นข้าวก้มหน้าลงแล้วหัวเราะ จิระไต่ระดับจากการปล่อยอารมณ์อย่างแผ่วๆ และกลายเป็นบ้าคลั่ง

ต้นข้าวระเบิดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา เขารู้สึกขำขัน ความดีจนเข้าขั้นโง่ของน้ำฟ้ามันช่างน่าสมเพชจนอดหัวเราะไม่ได้ ผู้กำกับพัชรจ้องมองดูจิระตาไม่กระพริบ

“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า” ต้นข้าวสลัดมือน้ำฟ้าออก “อาโปเขาไม่ชอบผู้ชายน่าเบื่อแบบนาย แค่ขอจับมือด้วยยังเขินอายไม่ยอมให้จับ เขาบอกฉันเองว่าเขาเบื่อนายเต็มทน”

“ไม่จริงใช่ไหม” กานดาโต้กลับด้วยรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยและเต็มไปด้วยความสับสน พัชรรอดูว่าจิระจะตอบโต้ยังไง เพราะว่าเขาไม่ได้เขียนลงไปในบท ต่อจากนี้มันว่างเปล่า เขาระบุเอาไว้ว่าทำยังไงก็ได้ให้น้ำฟ้าต้องร้องไห้ออกมา

“เราเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนรักกัน” น้ำฟ้าพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วมันเป็นไปตามบท แน่นอนว่าเขาต้องทำได้อย่างเฉียบขาด เพราะตั้งแต่แรกบทที่เขาได้ก็คือน้ำฟ้า กานดาท่องบททั้งคืนจนแทบจะปรุ ดังนั้นจิระไม่มีทางแย่งบทน้ำฟ้าไปจากเขาได้

จู่ๆ สีหน้าหยามหยันของต้นข้าวก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เขายิ้มอ่อนหวานและใช้มือนุ่มนิ่มแตะไปยังใบหน้าของน้ำฟ้าอย่างอ่อนโยน

“ตอนที่ฉันกับอาโปทำรักกัน เขาบอกฉันว่าครั้งแรกที่ทำกับนายมันน่าเบื่อ นายนอนนิ่งเหมือนปลาตายจนไม่นึกอยากทำรักอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันทำเพื่อนายนะเพื่อนรัก ช่วยเขี่ยผู้ชายแย่ๆ ออกไปจากชีวิตนายไง”

กล่าวจบก็จุมพิตเบาๆ ลงบนแก้มของน้ำฟ้า กานดาตัดสินใจว่าฉากนี้ตัวเองควรจะร้องไห้ เพราะเขาคิดว่าการถูกหักหลังและถูกพูดด้วยประโยคแบบนี้คือที่สุดของความเจ็บปวดสำหรับคนประเภทจิระแน่ๆ ถึงแม้ว่าจิระจะไม่โง่อย่างน้ำฟ้า แต่ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก

“คัท” ทันทีที่กานดาร้องไห้ออกมา พัชรก็สั่งหยุดซ้อมทันที ผู้กำกับหนุ่มประหลาดใจในความสามารถของจิระ แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับได้เพราะยังไงผลงานในรายการ new star ก็เป็นสิ่งชี้ชัดในความสามารถระดับหนึ่ง

แต่ว่าคนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นจินดา เธอร้องกรี๊ดด้วยความพลุ่งพล่านออกมาเบาๆ ทันทีที่ผู้กำกับสั่งคัท ก็รู้ว่าลูกชายของเธอมีความสามารถในการแสดง แต่ที่ทำได้ถึงขนาดนี้มันเรียกว่าพรสวรรค์ชัดๆ ฝีมือแบบนี้ไม่ต่างกับดาราที่อยู่ในวงการมามากกว่าสิบปีแน่นอน

“จิระ” จินดาโผเข้าไปหอมแก้มซ้ายขวาของจิระก่อนที่ผู้กำกับจะเดินไปถึงเสียอีก

“ที่นี่คุณแม่ก็ไม่มีข้อกังขาในฝีมือของลูกชายแล้วสินะครับ” พัชรถามด้วยสีหน้านิ่งๆ จินดานึกไปนึกมาก็คิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้ตกพัชรเข้าโมเดลลิงของเธอ หน้านิ่งเป็นปลาตายแบบนี้เห็นจะเข้ากันได้ยาก

“นายชื่อจิระสินะ” พัชรถามจิระ ยังไม่ทันได้ตอบจินดาก็โวยวายขึ้นมา

“ตายแล้วผู้กำกับจำชื่อนักแสดงตัวหลักไม่ได้หรือคะแย่มาก”

“อย่างน้อยผมก็จำกานดากับคุณเอ้ทศพลได้ก็แล้วกัน”

จิระขมวดคิ้วให้กับคำตอบของพัชระ “คุณจะบอกว่าจำผมไม่ได้คนเดียวหรือครับ”

“เพราะนายในรายการ new star ไม่มีออร่า แถมผลโหวตทั่วประเทศมันปั่นโหวตได้ ฉันต้องถูกบังคับให้รับนายที่เป็นหน้าใหม่อ่อนหัดมาแสดงหนังของฉัน ก็เลยคิดว่าอยากให้โอกาสนายในการแก้ภาพลักษณ์ในสายตาฉันซักหน่อย”

พัชรกระตุกยิ้ม จิระเม้มปากเข้าหากันแน่น ชาติที่แล้วผู้กำกับหนุ่มคนนี้ไม่ได้บอกความจริงในใจเช่นนี้ เขาทำเพียงแค่ยิ้มๆ แล้วบอกตัวจิระในชาติที่แล้วว่าค่อยๆ ฝึกซ้อมบทกันไป

จะว่าไปหลังจากเล่นหนังเรื่องวัยหนุ่มวัยฝันวันของเราเพียงเรื่องเดียวเขาก็ไม่ได้มาบรรจบกับพัชร อำพัน ในหนังของเขาอีกเลย เป็นเรื่องน่าเสียดาย ในอดีตชาติเขาค่อนข้างผิดหวังอย่างมากที่ถูกผู้กำกับคนนี้เมินเฉย

“ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผม” จิระไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังไหว้ขอบคุณชายหนุ่ม กานดาค่อนข้างแปลกใจทีเดียวที่คนยะโสอย่างจิระยอมรับคำปรามาสง่ายๆ แถมยังอุตส่าห์ไหว้ขอบคณด้วย

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นแล้วผมกับเอ้ล่ะครับ คงไม่ใช่ว่า” กานดาตีหน้าแหย เกาหัวแกรกๆ ช้อนตาถามอย่างหงอๆ พัชรตอบคำถามนั้นอย่างรวดเร็ว

“สำหรับนายกับเอ้ ฝีมือการแสดงชัดเจนอยู่แล้วในรายการnew star ฉันก็คิดแล้วว่าพวกนายต้องทำได้”

“ขอบคุณครับ” กานดาไหว้พัชรสวยๆ ด้วยความดีใจ ส่วนเอ้แม้จะรู้สึกผิดกับจิระแต่ก็พึงพอใจมากทีเดียว

“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจอ่านบทกันนะ อีกไม่กี่วันจะมีวันบวงสรวงอย่าลืมมาด้วยล่ะ แล้วอีกเดี๋ยวจะให้ทีมงานส่งคิวถ่ายของแต่ละคนไปให้”

จากนั้นพวกจิระก็ถ่ายภาพฟิตติ้งกัน แต่ผู้กำกับอย่างพัชรก็ไม่อยู่แล้ว คงมั่นใจแล้วว่าตัวเอกทั้งสามเหมาะสมกับบทเลยไม่อยู่ดูงานต่อปล่อยให้ผู้ช่วยจัดการแทน

หลังจากถ่ายรูปจนครบเซ็ต จิระก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าคือภาคินที่เขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว

“จิระ” ภาคินถือดอกไม้ช่อโตมา เขาไม่ได้เหลือบมองกานดาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยซ้ำ แต่พุ่งเข้าหาจิระด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยรัก

“ฉันมารับนายไปทานข้าว” จิระยิ้มละเหี่ยใจ ดูเหมือนว่าคราวก่อนคงไม่ทำให้ภาคินเข้าใจ

“ว้ายตายแล้ว มารับน้องหรือลูก” จินดายิ้มจนแกล้มปริ รับเอาดอกไม้ของภาคินมาแทนจิระ เธอชอบใจในตัวของภาคินมากพอดูเพราะภาคินมาจากครอบครัวร่ำรวยและมีเชื้อเจ้าปะปนอยู่ด้วย ไม่ว่าจะนิสัยชาติตระกูลล้วนเหมาะสมกับจิระ หากลูกชายของเธอได้เกี่ยวดองกับเด็กคนนี้ชีวิตย่อมมีแต่เจริญรุ่งเรือง

“เอ้าๆ แม่ไม่กวนแล้วน้า ไปเที่ยวกันได้เลยจ้า” ดันจิระเข้าไปหาภาคินโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของลูกชายซักนิด ก่อนจะหันไปคว้ามือเอ้นักแสดงใหม่ในสังกัดลากไปด้วยกัน “ไป..ไปกับน้า เดี๋ยวน้าต้องคุยกันเรื่องตารางงานของเราอีก”

“แม่...เดี๋ยว...” แม่เดินจ้ำอ้าวไปไกลแล้ว จิระทำตาปริบๆ หันไปมองตัวปัญหาอย่างภาคิน

“เราไปทานข้าวกลางวันกันนะ” ภาคินส่งยิ้มอ่อนโยนทั้งยื่นมือมาให้จับ จิระมองมือนั่นช่างใจชั่วครู่ <ก็แค่ทานข้าว จริงสิคราวนี้จะได้พูดให้ฟังอีกทีจะได้รู้เรื่อง>

“ก็ได้” จิระตอบรับแล้วเดินนำหน้าภาคินไป ภาคินยิ้มอ่อนใจแต่ไม่ได้ถือโกรธจิระ คงกำลังงอนอยู่ เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่หากยังไม่ได้โวยวายก็หมายความว่าไม่ได้โกรธอะไรมากนัก



++++++++++

มาลงแล้วน้า แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่4 6/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 07-06-2018 10:22:10
แอบมองนายพัชรด้วยอีกคน ใช่พระเอกมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่4 6/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-06-2018 11:26:31
ผู้กำกับดูเท่จัง
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่4 6/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Merai_View Ha Bin ที่ 07-06-2018 13:13:10
เราเชียร์เพทาย สามีที่แสนดีในอดีตนะ... แต่พอเจอพัชรคนเข้ม เราก็อยากให้นางเป็นพระเอกอ่ะ ทำไงดีคะไรต์ 5555555 รอนะคะ จุ๊ฟ
หัวข้อ: Re: Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่4 6/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 07-06-2018 13:31:59
พระเอกคือใครละนี่
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่5 7/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 07-06-2018 16:52:47
บทที่5

ภาคินพาจิระมาทานอาหารร้านโปรด ในชาติก่อนเขามักจะรบเร้าชวนอดีตคนรักมาที่นี้บ่อยครั้ง ร้านอาหารแห่งนี้มีความทรงจำระหว่างเขาสองคนมากมาย ทั้งมาเดทครั้งแรก ฉลองวันเกิด ติวหนังสือ

“ไม่ได้มานานเลยนะ หนูจิ คุณภา” คุณป้าเจ้าของร้านซึ่งรับหน้าที่เป็นบริกรแต่เพียงผู้เดียวถาม ร้านครัวเล็กๆ นี้ค่อนไปทางเล็กสมชื่อ เพราะคุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านต้องการดูแลลูกค้าให้ใกล้ชิดได้มากที่สุดด้วยตัวเอง

ดังนั้นถึงแม้ร้านที่ค่อนข้างมีชื่อในระดับหนึ่งและลูกค้ามีจำนวนมาก แต่โต๊ะรับแขกในร้านก็มีจำนวนแค่ 6 ชุดเท่านั้น

“เนี่ยพอลุงรู้ว่าหนูจิกับคุณภาจะมา ก็ยึดโต๊ะประจำเอาไว้ให้เลยนะ”

คุณลุงพ่อครัวคนเดียวในร้านตะโกนมาจากครัวแบบเปิด จากนั้นจิระก็หยิบเมนูขึ้นมาตั้งใจจะสั่งอาหาร ทว่าภาคินกลับตัดหน้าสั่งแทนเขาเสียนี่

อาหารที่ภาคินสั่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาชอบ ข้อดีของผู้ชายคนนี้คือหากเป็นคนที่รักแล้วล่ะก็ เขามักจะเอาใจใส่อย่างดี จดจำสิ่งที่ชอบหรือช่วงเวลาดีๆ ต่อกันได้อย่างแม่นยำ และไม่ลืมคอยมาเอาใจในวันสำคัญๆ เพราะอย่างนี้จิระในชาติที่แล้วถึงได้รักภาคินเอามากๆ

ระหว่างทานอาหารภาคินไม่ใช่คนชอบพูดคุย ดังนั้นพวกเขาจึงต่างคนต่างทาน เนื่องจากอาหารบนโต๊ะคือสิ่งที่จิระชอบทั้งหมด มื้อนี้จึงอิ่มหนำสำราญจริงๆ สุดท้ายเมื่อทานอาหารจนหมด เขาก็เปิดประเด็นทันที

“ฉันจำได้นะว่าเมื่อวานได้บอกเลิกคบกับนายไปแล้ว นายเองก็ไม่คัดค้านนี่”

ภาคินหาได้สนใจในสิ่งที่จิระพูดไม่ เขาบอกว่า มาทานของหวานกันดีกว่า พอส่งสัญญาณคุณป้าเจ้าของร้านก็ยกเค้กก้อนโตมายังโต๊ะของพวกเขา

จิระชอบทานเค้กยิ่งเป็นเค้กไวท์ช็อกโกแลตเขายิ่งชอบมาก แถมไอ้เค้กตรงหน้าทุกอย่างตรงจริตเขาหมด หากเป็นในชาติที่แล้วของช่วงวัยนี้ เขาคงดีใจจนแก้มปริ

แต่เหตุการณ์นี้มันผ่านมาก่อนในชาติที่แล้ว และช่วงเวลาฉลองนั้นสั้นนัก เพราะยังไม่ทันได้ทานเค้กกันภาคินก็ปลีกตัวออกไป เขาจำเรื่องในตอนนั้นได้ดี ถ้าคาดไม่ผิดอีกเดี๋ยวคงมีสายปริศนาโทรมา

เป็นดั่งที่จิระคาด ในเวลาเดียวกันกานดาหวังว่าภาคินจะมาเยือนที่บ้านเพื่อฉลองความสำเร็จร่วมกับตนเอง ตามจริงสำหรับเขาฉลองเพียงเท่านี้จะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เพราะรู้มาว่าภาคินต้องการใช้เวลาสำคัญนี้มอบความสุขให้จิระจึงตั้งใจเรียกร้องความสนใจ

“ภาคินผมเตรียมอาหารไว้เยอะเลย ผมอยากฉลองความสำเร็จของผมกับคุณ” เสียงหวานดังมาตามสาย ภาคินเป็นคนแยกแยะว่าอะไรควรไม่ควรเสมอ ดังนั้นจึงบอกปฏิเสธไป

“ตอนนี้ไม่ได้หรอก เอาไว้คราวหน้านะ”

ถ้าเป็นในชาติที่แล้วจิระจะหัวเสียและเริ่มบ่นทันที เขาในชาติก่อนนั้นค่อนข้างอารมณ์ร้ายและยึดติดในตัวภาคินมาก

ดังนั้นในเวลาดังกล่าวจึงทั้งหวาดกลัวกับไม่พอใจเกรงว่าภาคินจะทิ้งตัวเองไปหาคนในสาย และเริ่มแสดงออกด้วยความเกรี้ยวกราดทันที

ทว่าในชาตินี้ จิระพอจะเดาได้ว่าคนในสายคงเป็นกานดา แล้วยิ่งในชาตินี้เขาไม่ได้ยึดติดอะไรกับภาคินอีกแล้ว จึงทำเพียงยิ้มน้อยๆ

“นี่ ถ้าติดธุระฉันกลับก่อนก็ได้นะ”

เสียงของจิระลอดมาตามสายให้กานดาได้ยิน เรียกร้องความสนใจ กานดาคิดว่าจิระกำลังทำแบบนั้น ส่วนจิระก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

ภาคินได้ยินเสียงเสียงข้าวของแตกมาจากทางฝั่งกานดาตามด้วยเสียงสัญญาณถูกตัดขาด ด้วยความผูกพันธ์ที่เริ่มมีระหว่างกันและกัน ทำให้ภาคินโทรกลับแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ในตอนนั้นจิระก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้

“เดี๋ยว...” ภาคินคว้ามือจิระเอาไว้

“นายดูกะวนกะวายมาก เอาเป็นว่าไปหาเพื่อนจะไม่ดีกว่าหรือไง”

“ไม่...ไม่สำคัญเท่าเธอหรอก” ภาคินตัดสินใจได้ในที่สุด เขาพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่ากานดาอาจแค่ทำมือถือตกเท่านั้น

“นะ...ได้โปรด...อยู่ทานเค้ก ใช้เวลาร่วมกันอีกหน่อย”

“ภาคินเราเลิกกันแล้วนะ ทำไมไม่ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักล่ะ”

ใครจะไปคาดคิดว่าภาคินจะยิ้มจนตาหยี พูดในสิ่งที่แม้แต่จิระก็ไม่คาดฝัน

“ถึงเลิกกันแล้วก็จีบใหม่ได้”

จิระเลิกคิ้วขึ้น <เอาอย่างนี้เลยหรือ> “ถ้าฉันไม่ให้โอกาสล่ะ”

“ก็จะตื้อจนกว่าเธอจะกลับมาคบกับฉันอีก”

<ทำไมมันหน้าด้านจังวะ> ภาคินในชาติที่แล้วไม่ใช่คนพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ จิระเบ้ปากให้เห็นกันชัดๆ ทำหน้าตากวนตีนใส่แบบนี้แต่ภาคินยังคงยิ้มละไม

“ฉันรู้ว่าเธออาจจะระแคะระคายเรื่องที่ฉันไม่ซื่อกับเธอ แต่ฉันคิดดูให้ดีแล้วเธอสำคัญกับฉันมากกว่าคนอื่นๆ ที่มีมา”

<พึ่งจะมาคิดได้ตอนนี้น่ะนะ> จิระด่าในใจ รู้สึกกรุ่นโกรธ ในชาติที่แล้วผู้ชายคนนี้ทำให้เขาต้องไล่ตามอย่างไม่ลดละ ถีบหัวส่งทำร้ายจิตใจเขาหลายครั้ง เพื่อกานดาคนที่ภาคินคิดว่าแสนดีและอ่อนแอ แต่สีหน้าของเขา ณ ตอนนี้ไม่ได้แสดงความขุ่นเคืองแต่กลับฉาบเคลือบไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ

“พูดอย่างนี้คือนายยอมรับว่ามีคนอื่น”

“ใช่ แต่จากนี้ไปเขาจะเป็นแค่น้องชายคนหนึ่งเท่านั้น”

จิระจ้องตากับภาคิน พยายามค้นหาคำโกหกในนั้น แต่แววตาคู่นี้ยังคงเหมือนเมื่อครั้งอดีตชาติ ผู้ชายคนนี้เป็นคนพูดจริงทำจริงคนหนึ่ง ดังนั้นหากไม่อยากทำจะไม่ยอมรับปากใดๆ ทั้งสิ้น

“นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่คงยากหน่อยนะ ฉันไม่คิดจะกลับไปคบกับนายแบบแฟนอีกแล้ว จริงสิเป็นพี่น้องเป็นเพื่อนไปก็แล้วกัน ฉันให้นายได้เท่านี้แหละ”

แค่นี้ยังถือว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็น ในตอนนั้นภาคินก็ยืนขึ้น โดยไม่ทันตั้งตัวอีกฝ่ายกระตุกแขนเขา จิระแทบเซไปหาภาคิน ถ้าปล่อยไปแบบนี้คงจมหายเข้าไปในอ้อมกอด เพียงแต่ว่าถูกใครคนหนึ่งช่วยพยุงเอาไว้อย่างมั่นคง

จิระหันไปมองและพบว่าเป็นผู้หญิงท่าทางทะมัดทะแมงในชุดสูทสีดำ

“คุณเป็นใคร” ภาคินถาม เคืองนิดๆ เพราะหากไม่ถูกขัดขวางคงได้กอดจิระเอาไว้ในอก ตั้งใจจะจูบเพื่อง้องอนคนรักเก่า เพราะรู้ดีว่าจิระชอบจูบของเขามาก

“ฉันพลอยชมพูค่ะ เป็นผู้จัดการและบอดี้การ์ดคนใหม่ที่เพทายส่งมารับคุณ”

<คนที่เพทายส่งมา> จริงสิ ความแตกต่างจากชาติที่แล้ว คนคนนี้เขาแทบไม่รู้จักหล่อนซักนิด

“เพทายส่งให้ฉันมาดูแลคุณ แล้วก็วันนี้ยังตั้งใจจะทำตามสัญญากับคุณ”

<ทานข้าว นัดเดท> จิระกระตือรือร้นทันที “งั้นไปกันเถอะ” จิระเดินนำพลอยชมพูไป และยังไม่ลืมหันมากล่าวลาภาคิน “ฉันขอตัวก่อนนะ”

ภาคินไม่พอใจนิดหน่อยที่ถูกขัดจังหวะ แต่ว่าในเวลาต่อมาก็มีสายเรียกเข้าจากมือถืออีกครั้ง เป็นเบอร์แปลกๆ แต่เขาก็กดรับสาย

< “เอ่อ...ไม่ทราบว่าเป็นญาติของผู้ป่วยไหมครับ” >

“ผู้ป่วยคนไหนครับ”

<” คุณกานดา จงกล น่ะครับ” >

“เขาเป็นอะไรครับ”

<” หน้ามืดเพราะทำงานหนักน่ะครับ เห็นเพื่อนบ้านพามาแต่ไม่มีญาติ พอเราถามเขาก็บอกว่าให้ติดต่อคุณ ตอนนี้เขาแอดมิดที่โรงพยาบาลของเราอาจจะต้องอยู่ให้น้ำเกลืออีกหนึ่งวันครับ” >

“เข้าใจแล้วครับ บอกเขาว่าผมกำลังไป”

ดีเหมือนกัน ไปคราวนี้เขาจะได้ระบุสถานะความเป็นพี่น้องให้ชัดเจน ระหว่างเขากับกานดา อาจสามารถพัฒนาไปหาความรักได้ แต่พอคิดดูให้ดีน้ำหนักของจิระในใจเขากลับมีมากกว่า

แม้ว่าอดีตคนรักจะช่างโวยวายเอาแต่ใจ แต่เขาเองก็ทนมาได้ไม่ใช่หรือ เขาเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จิระเป็นแบบนั้น จิระในตอนนี้ดูจะเปลี่ยนไป ช่วงเช้าวันนี้เขายืนดูจิระซ้อมบทกับเพื่อนร่วมงานเงียบๆ แล้วก็ได้สัมผัสกับการตกหลุมรักอีกครั้ง

จิระในเวลาที่เป็นนักแสดงช่างส่องประกาย จิระที่ปลงตกเพราะตัดใจจากเขาได้ก็ส่องประกาย ความเหมือนและไม่เหมือนเดิมดึงดูดภาคินจนทำให้เขาไม่อยากปล่อยมือไปหากานดาที่อ่อนแอและอยู่ไม่ได้ถ้าหากขาดที่พึ่ง




                   +++++++++++



                  วันหยุดจะเขียนกี่ตอนก็ได้5555555 แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่4 6/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-06-2018 16:53:14
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่5 7/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 07-06-2018 18:14:55
ไม่อยากให้ได้กะแฟนเก่า :katai1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่5 7/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-06-2018 19:35:30
เอามาเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่5 7/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: narumo ที่ 08-06-2018 01:15:34
ไม่ค่อยแน่ใจกับเพทายเลย อะไรคือจดทะเบียนไม่นานก็ตายมันแปลกๆ ไม่รู้ติดแง่ร้ายไปหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่6 8/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 08-06-2018 14:10:45
บทที่6

กานดานิ่งงันแม้ว่าภาคินจะออกจากห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลไปแล้ว ถึงสามารถรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภาคินเอาไว้ได้ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่ใช่ในแบบพี่น้องสิ แล้วที่เขาพยายามเพียรทำมามันก็สูญเปล่าน่ะสิ

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าภาคินเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าจิระมันเป็นยังไง หรือว่าการเรียกร้องความสนใจของหมอนั่นมันได้ผล ไม่สิอาจเป็นเพราะเขายังดูน่าสงสารน้อยเกินไป

มาถูกภาคินระบุฐานะเป็นพี่น้องอย่างชัดเจนแบบนี้ มันทำให้เขาเสียหน้า แต่สงครามมันยังไม่จบหรอก ผู้ชายจิตใจอ่อนไหวง่ายอย่างภาคินหากเขาวางแผนแสดงให้เห็นธาตุแท้ของจิระมากขึ้นอีกหน่อย <อีกไม่นานเขาก็ต้องวิ่งกลับมาหาเรา>

แต่ก่อนหน้านั้นสำหรับจิระ “ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก” กานดากดส่งข้อความติดต่อผู้ชายคนหนึ่งผ่านทางไลน์ ผู้ชายคนนี้มีอำนาจสื่ออยู่ในมือ สามารถช่วยเหลือเขาได้ ยังไงเขาก็ต้องช่วยอยู่แล้ววัวเคยขาม้าเคยขี่นี่นา เชื่อว่าด้วยสเน่ห์ของเขากับความสัมพันธ์ที่มีมานานจะทำให้เขาคนนั้นยอมช่วยเหลืออย่างแน่นอน



“นี่คือประวัติการทำงานและการศึกษาคร่าวๆ ของฉันค่ะ”

หลังจากขึ้นรถพลอยชมพูก็ยื่นแท็บเล็ตให้จิระทันที เขาเลื่อนอ่านเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับพลอยชมพูอย่างละเอียด ผู้หญิงคนนี้เป็นทหารอาชีพอยู่ห้าปีก่อนจะลาออกมาเป็นพนักงานของบริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นนำของโลกที่กระจายสาขาไปทุกประเทศ เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพคนหนึ่ง

“คุณรู้จักกับเพทายได้ยังไง” จิระถาม ไม่แปลกที่เขาจะสงสัย เพราะในชาติที่แล้วไม่มีเงาของผู้หญิงคนนี้อยู่รอบตัวเขาเลย

“นึกแล้วว่าคุณต้องถาม เพทายก็บอกฉันเหมือนกันว่าคุณเป็นคนช่างสงสัย”

“ผมรอฟังอยู่” จิระปรับเบาะหลังให้เอนลงเล็กน้อย รอฟังอย่างตั้งใจ

“ฉันกับเพทายเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้วค่ะ ฉันกับเขาอาศัยอยู่ในหอพักโทรมๆ ที่เดียวกัน เราเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมปลายค่ะ”

“งั้นคุณก็รู้จักเพทายดี” จิระขยับตัวอย่างกระตือรือร้น “ช่วยเล่าเรื่องของเขาให้ฟังหน่อยสิ”

“ไม่ดีมั้งคะ เรื่องแบบนี้อยากให้คุณถามเขาเองจะดีกว่า ช่วงวัยเด็กของเพทายไม่ใช่เรื่องน่าเล่า” เธอแสดงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มร่าเริง

“จะว่าไปคุณจิระนี่น่ารักเหมือนที่ฉันจินตนาการเลยนะคะ”

จิระทำตาปริบๆ น่ารัก มีคนชมเขาว่าสวยอยู่มากแต่ไม่ค่อยมีใครชมว่าน่ารัก

“เพทายปลื้มคุณมาก จำได้ว่าสมัยที่เขาเจอคุณใหม่ๆ เมื่ออายุได้สิบห้า เขาบอกว่าเจอกันครั้งแรกคุณก็ขอเพทายเป็นเจ้าสาว”

จิระยิ้มค้าง “จำไม่เห็นได้เลยแฮะ”

“คุณจำไม่ได้ก็ไม่แปลกตอนนั้นคุณอายุแค่ 6 ขวบ ส่วนเพทายในสมัยนั้นก็สวยมากๆ เหมือนเจ้าหญิง”

“เขามีแฟนบ้างหรือเปล่า” จิระไม่รีรอที่จะถามเรื่องสำคัญ เขาอยากรู้ว่านาทีนี้มีคู่แข่งบ้างไหม พลอยชมพูหัวเราะชอบใจ

“ถึงจะหน้าตาสวยเหมือนเจ้าหญิง แต่เพทายเขาเป็นคนก้าวร้าวมากนะคะ อ๊ะ...ฉันพูดผิดไป เขาเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ จำได้ว่าเขาไปทำงานพิเศษที่ห้างสรรพสินค้าก็มีลูกค้ามาลวนลาม เพทายชกจนดั้งจมูกอีกฝ่ายหักทั้งที่ตัวเล็กกว่า อืม...ทั้งที่ฉันคิดว่าเขาจะสวยงามเหมือนตุ๊กตาตลอดไปแต่กลับสูงขึ้นพรวดพราดและเต็มไปด้วยมัดกล้ามทั่วทั้งตัว อัศจรรย์ใช่ไหมล่ะคะ”

จิระยิ้มเจื่อนๆ เขาจำวิวัฒนาการของเพทายแทบไม่ได้เลย ก็ในชาติที่แล้วเขาเหม็นขี้หน้าเพทายจนไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น นึกแล้วก็เจ็บใจสิ่งที่เขาพอจำได้มีแค่สามีในช่วงอายุ 36 ปีเท่านั้น สมัยนั้นเพทายเป็นหนุ่มใหญ่ที่สง่างามไม่ได้ดูแก่ซักนิด

“เพทายมักจะเอาเรื่องน่ารักๆ ของคุณมาเล่าให้ฉันฟัง บอกว่าคุณเป็นเทวดาตัวน้อยที่สร้างกำลังใจให้กับเขา พอได้เห็นคุณทางรายการnew star ฉันยังคิดเลยว่าโอ้โหคุณดูดีเหลือเกินนะนี่ ยิ่งเห็นตัวจริงแบบนี้ก็เข้าใจได้ว่าทำไมเพทายถึงให้ความสำคัญกับคุณนัก”

“เขาให้ความสำคัญกับผมมากเลยหรือในสายตาคุณ”

“ก็ประมาณว่าเหมือนแม่หวงลูกชายเลยล่ะค่ะ” พลอยชมพูหันมายิ้มจนตาหยี

“อ้อจริงสิเราจะแวะไปบริษัทของแม่คุณไหมคะ หรือจะหาร้านกาแฟดีๆ คุยเรื่องงานกันก่อน กว่าจะถึงเวลานัดของเพทายยังอีกชั่วโมงสองชั่วโมง เอายังไงดีค่ะ”

“อื้อ...แวะร้านกาแฟดีๆ ซักร้านก็ได้ครับ”

ดังนั้นพวกเขาจึงมาอยู่ที่ร้านคาเฟ่กลางแจ้งใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จิระรู้สึกว่าผู้คนรอบตัวมองมาที่เขามากกว่าเมื่อก่อน ก็ไม่แปลกใจคงจำหน้าเขาได้จากรายการnew star

“ตอนนี้มีงานถ่ายโฆษณาติดต่อเข้าหนึ่งรายเป็นโฟมล้างหน้าสำหรับวัยรุ่นผู้ชาย ฉันคิดว่ามันน่าจะช่วยโปรโหมตคุณได้ดีนะคะ แม้ว่าค่าตัวจะไม่ได้มากอะไรนัก แต่มันก็จะช่วยให้คุณโผล่หน้าทางทีวีบ่อยขึ้น คุณจะรับไหมคะ”

“แม่ของผมว่ายังไง” จิระถาม

“เธอบอกว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นสินค้าใหม่ในตลาด การที่เขามาจ้างเราคงเป็นเพราะค่าตัวที่ถูกกว่าบวกกับความสดใหม่ ถึงจะได้ค่าตัวน้อยแต่ไม่ถูกกดต่ำมากเกินไป และอย่างที่บอกใบหน้าของคุณจะไปโผล่ทางป้ายโฆษณาบนท้องถนนและในทีวีเพิ่มมากขึ้นเป็นการโฆษณาตัวเองไปในตัว ดังนั้นควรรับไว้ดีกว่าค่ะ”

“ก็ไม่มีให้เลือกนี่นะ ผมเองก็ไม่ได้เป็นดาราดังซักหน่อย ตกลงผมจะทำมัน”

พลอยชมพูยิ้มจนตาหยีแล้วพูดต่อไป

“อาทิตย์หน้าจะมีงานบวงสรวง จากนั้นจะเริ่มเปิดกอง คิวถ่ายของคุณฉันได้รับมาแล้ว ทีนี้มันใกล้จะเปิดเทอมคุณจะต้องไปเรียน ฉันคิดว่าเราน่าจะซอกแซกได้ โชคดีที่คุณเรียนในวิทยาลัยการแสดง คงไม่ยากอะไรนัก”

“ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากพลาดคลาสเรียนนะ ผมยังต้องฝึกฝนอะไรอีกมาก”

“คุณเป็นคนมุ่งมั่นจังนะคะ”

“อืม...ผมต้องสู้เยอะมาก กว่าคุณปู่กับพ่อจะยอมให้ผมเข้าเรียนในวิทยาลัยการแสดง”







เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะตะเกียกตะกายเข้าไปเรียนที่นั่นเพื่อทำตามความฝัน ยอมขัดใจคุณปู่และพ่อ ด้วยการประกาศว่าจะพิสูจน์ฝีมือตัวเองจากการเข้าแข่งขันในรายการ new star เขาบอกกับคุณปู่กับพ่อว่าหากไม่ชนะการแข่งขันเขาจะอยู่ในโอวาทตลอดหนึ่งปีแล้วกลับไปสอบเข้ามหาลัยชั้นนำตามที่พวกผู้ใหญ่ต้องการ

“เพทายบอกว่าคุณกล้าเดิมพันเพื่อความฝันและมันเป็นสิ่งที่สุดยอดไปเลย”

“เพทายเขาว่าอย่างนั้นหรือ”

“ค่ะถึงฉันจะไม่รู้อะไรมากนัก แต่วิทยาลัยการแสดงชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเน้นสอนการแสดง หากเป็นฉันคงลังเลที่จะเข้าเรียนที่นั่น เพราะฉันคงเลือกเรียนคณะบริหารไม่ก็เศรษฐศาสตร์แล้วไปลงเรียนการแสดงเป็นคลาสๆ ไป จะว่ายังไงดีคะ มันจะทำให้คุณมีความสามารถพอเลือกทางเดินอื่นในอนาคตได้”

“อืม...นั่นสิ สามปีในมหาวิทยาลัยการแสดง เรียนแต่การแสดงอย่างเดียว ถ้าผมไม่เป็นนักแสดงดังนะ ผมอาจต้องเริ่มต้นใหม่ในเส้นทางที่ขรุขระกว่าคนอื่น”

“ขอโทษนะคะฉันคงพูดมากเกินไป” พลอยชมพูมีสีหน้าลำบากใจ เธอไม่น่าปากพล็อยเลย

“แต่...ครั้งนี้ผมอยากจะทำให้มันดีที่สุดนะ อยากลองอีกครั้ง ในเส้นทางอันขรุขระนี้”

พลอยชมพูไม่เข้าใจความหมาย แต่เด็กวัยนี้มักจะมีความฝันที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเป็นเรื่องธรรมดา

“คุณนี่เปล่งประกายระยับเหมือนที่เพทายเล่าเลยนะคะ”

“นี่มันฟังเหมือนเขาชมผมให้คุณฟังตลอดเวลาเลยนะ” จิระพึ่งนึกถึงข้อเท็จจริงอันนี้ได้ นี่ถือเป็นเรื่องดีเลยนี่ อย่างนี้ถ้าเขารุกจีบเพทายมันก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ

“ฉันฟังจนเบื่อเลยล่ะค่ะ” จิระยิ้มจนแก้มปริ ถ้าเพทายไม่ชอบหรือเกลียดเขาก็ไม่น่ามีพฤติกรรมแบบนี้

“ขอบคุณมากนะครับ”

“คะ” พลอยชมพูงงนิดหน่อยที่อยู่ๆ จิระก็ขอบคุณทั้งที่ฉีกยิ้มแฉ่ง เด็กคนนี้ดูท่าจะเป็นคนตลกด้วย เป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้ ไอ้ที่เธอเตรียมใจว่าจะต้องรองรับอารมณ์คุณหนูลูกคนรวยคงคิดผิดไป

ตอนนั้นเองจากหางตาจิระก็สังเกตเห็นดารัน น้องชายต่างมารดาของเขามากับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง มันก็ไม่แปลกแต่เท่าที่ดูจากบุคลิกการแต่งตัวของเด็กกลุ่มนี้ ทำให้คิดว่าน้องชายแอบคบเพื่อนเกเรนอกลู่นอกทางด้วยเหมือนกัน

ชาติที่แล้วเขาไม่ได้สนใจเรื่องของดารันมากนัก ส่วนใหญ่เอาแต่ทะเลาะกัน นอกนั้นก็ทำงานบ้าง เรียนบ้าง และตามตื้อภาคินไปพร้อมกับคอยราวีกานดาอยู่เนืองๆ

นี่น้องชายที่แสนดีของพ่อคบกับเด็กท่าทางอันตรายแบบนี้เลยหรือ นอกจากดารันแล้วทุกคนเป็นกลุ่มอีโมที่เจาะต่างหูไปทั่วร่างกายแถมยังสูบบุหรี่จัดอีกด้วย

ในกลุ่มนั้นชายที่ร่างสูงที่สุดโอบเอวของดารันขณะเดิน ส่วนเจ้าน้องชายก็เอนหัวซบไหล่ของฝ่ายนั้นอย่างสนิทชิดเชื้อ

<แฟนของดารันงั้นรึ> ดารันและเด็กกลุ่มนั้นกำลังเดินเข้ามา จะหลบจะเมินก็ไม่ทันแล้ว อยากให้เด็กพวกนี้ไม่สังเกตเขา แต่เจ้าผู้ชายที่น่าจะเป็นแฟนของดารันทักเขาขึ้นมาเสียก่อน

“อ้าว นี่มันจิระ พี่ชายของนายนี่ดารัน” ดารันสะดุ้งตกใจ พอหันมาเห็นเขาก็หน้าซีดเผือดทันที

“คุณพี่มาทำอะไรแถวนี้ครับ หรือว่ามาถ่ายละคร”

แฟนของดารันตีสนิท แถมยังทำท่าจะมานั่งโต๊ะเดียวกับจิระ เขาไม่ชอบคนพวกนี้และไม่ลังเลหากต้องหักหน้าพวกเขาเหล่านั้น ทว่ายังไม่ทันเอ่ยปากพลอยชมพูก็แก้สถานะการณ์เสียก่อน

“ขอโทษนะเด็กๆ คุณจิระมีนัดสำคัญคงต้องไปแล้วค่ะ”

พลอยชมพูลุกขึ้นยืน ความสูงของเธอมากกว่าเด็กพวกนั้นเสียอีก จิระกะความสูงน่าจะถึง183 ซ.ม โดยประมาณ

ด้วยความสูงอันนี้บวกกับรัศมีกดดันที่แผ่ออกมา ทำให้กลุ่มเด็กอีโมจำต้องหลีกทาง จิระเดินตามพลอยชมพูไปอย่างสบายอกสบายใจ

“ขอบคุณนะครับที่แก้สถานะการณ์ให้”

“มันหน้าที่ฉันอยู่แล้วค่ะ”

แต่ใครจะคาดคิดว่าดารันวิ่งตามเขามาแล้วคว้าจับมือเอาไว้ จิระหันไปเผชิญหน้ากับน้องชายต่างมารดา

“อย่าได้เอาเรื่องของฉันไปปูดเด็ดขาด” ดารันมีสีหน้าเคร่งเครียด

“ถ้าฉันไม่ทำตามล่ะ” จิระลองแหยดูเล่นๆ ตามจริงถึงดารันจะคบกับใครเขาไม่สนใจซักนิด

“ฉันจะทำให้นายเสียใจอย่างสุดซึ้ง” ดารันข่มขู่ด้วยใบหน้าดุดัน

“เข้าใจแล้ว ปล่อยซักที”

ดารันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ คนอย่างจิระนี่นะจะวางเฉยเรื่องของเขา ไม่มีทางแน่ๆ ยังไงจิระย่อมต้องเกลียดลูกเมียรองอย่างเขาและคงทำทุกวิธีทางหาข้อด้อยจนถึงขับไล่พวกเขากับคุณแม่ออกไป

“นายต้องสาบาน” ดารันขู่บังคับ จิระยักไหล่

“ถ้านายไม่เชื่อถึงสาบานก็ไม่มีประโยชน์จริงไหม ฉันต้องไปแล้ว”

ไม่รู้ทำไมดารันถึงยอมปล่อยมือจิระง่ายๆ คงเป็นเพราะการตอบโต้ที่แปลกไปของพี่ชายต่างมารดา แปลกมากถ้าเป็นเมื่อก่อนหมอนี่ต้องตอบโต้เขาด้วยคำพูดรุนแรงอีกทั้งคุกคาม แต่ครั้งนี้มันต่างกันออกไป

ดารันมองตามหลังจิระไปด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับจิระที่ใช้แต่อารมณ์คนนั้นกันแน่ จะบอกว่าไม่เกลียดเขาที่เป็นลูกเมียรองแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องมีแผนอะไรซักอย่างแน่ๆ จิระต้องวางแผนอะไรไว้ซักอย่าง



“แต่งงานกับผมนะฮะ แล้วผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้ไปตลอดชีวิต”

เขายังจำเสียงและใบหน้าน่ารักๆ ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่ามันจะนานมากแล้วก็ตาม เพทายมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ได้ประมาณ 10 นาที เขาเป็นคนเคร่งครัดเรื่องเวลา ดังนั้นจึงมักมาก่อนอย่างน้อย 5 ถึง 10 นาทีเสมอ



ในที่สุดก็ถึงเวลานัด พลอยชมพูพาเขามาส่งที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จิระจดจำร้านนี้ได้ขึ้นใจ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารเก่าแก่และมีชื่อ ในชาติที่แล้วมันคือร้านที่เขากับสามีไปด้วยกันเป็นประจำในช่วงสุดท้ายของชีวิต

มันเป็นความบังเอิญหรือไงนะ หรือว่าเป็นร้านที่เพทายชอบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จิระเข้าไปในร้านมองหาเพทายเมื่อเห็นร่างของอีกฝ่ายก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มกว้างจนแทบปริ

“นายมานานแล้วหรือยัง” จิระนั่งลงบนเก้าอี้

“ไม่นานครับผมพึ่งมาเมื่อซักครู่”

“งั้นเราสั่งอาหารกันเลยไหม” เพทายส่งเมนูมาให้จิระพร้อมกับเรียกบริกร

จิระจงใจสั่งอาหารที่เป็นของที่เพทายชอบทั้งหมดมา ซึ่งส่วนมากเป็นของเผ็ดทั้งนั้น

“ผมไม่รู้ว่าคุณทานของเผ็ดได้แล้ว”

“ฉันกำลังฝึกทานอยู่” จิระยิ้มให้เพทายจนตาหยี ชาติที่แล้วเขาพยายามเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้เข้ากับเพทาย หนึ่งในนั้นคือการทานของรสเผ็ดที่อีกฝ่ายชอบ

“ถ้ามันเผ็ดมากคุณไม่ต้องฝืนทานมันนะ”

“ไม่หรอกมั้ง” จิระครุ่นคิดแวบหนึ่ง แต่ก็ยิ้มในเวลาต่อมา

และแล้วอาหารก็มาเต็มโต๊ะ จิระพยายามสร้างบรรยากาศด้วยการถามเรื่องงานของเพทาย

“ฉันได้ยินมาว่านายจะไปประมูลพื้นที่ที่เมืองK ถ้าประมูลชนะก็คงดีนะ”

“ไม่ใช่แค่ถ้าครับ แต่มันต้องได้ เพราะบริษัทของเราจะทำเงินได้จากที่นั่นเป็นจำนวนมหาศาล ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเมืองKจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนั้น ผู้คนจะหลั่งไหลไปอาศัยอยู่มากขึ้น ไม่ต่างจากเมืองBในตอนนี้”

จิระอมยิ้ม เพทายคาดเดาได้ถูก อีกไม่นานรัฐบาลจะประกาศจุดยุทธศาสตร์ตรงนั้นและดำเนินการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว ในเวลาแค่สามปีเมืองKจะคึกคักด้วยผู้คนและนักลงทุน นับว่าเพทายมีสัญชาติญาณที่ดี

“อยากให้นายทำได้สำเร็จ” จิระตักอาหารเข้าปาก วินาทีที่ลิ้มรสชาติก็อดสะดุ้งนิดๆ ไม่ได้ นี่มันเผ็ด เผ็ดกว่าที่เคยกินมาครั้งไหนๆ เขาสำลักและไอดังโขลกๆ

“ม..ไม่เป็นไร” จิระกล่าวทั้งน้ำตา เขาพยายามปั้นยิ้ม เพราะเพทายแสดงสีหน้าไม่สบายใจ

“ถ้าทานจานนี้ไม่ได้ทานจานอื่นก็ยังได้” ทั้งที่คิดว่าตัวเองฝึกทานเผ็ดมาจนชินแล้วแท้ๆ แต่พอเลือกกินอีกอย่างผลที่ได้คือแสบลิ้นจนซดน้ำโฮกๆ จังหวะนั้นจู่ๆ เพทายก็เรียกบริการมา

“ผมขอสั่งอาหารเพิ่ม”

“เอ๊ะ...ทำไม” เพทายไม่สนใจคำถามจิระเขาหันมายิ้มและสั่งอาหารใหม่สองสามอย่าง ทุกอย่างคือของที่จิระชอบทั้งนั้น

“ของที่คุณสั่งมาผมจะเป็นคนทานเองทั้งหมด ส่วนคุณทานของที่ผมสั่งมาก็แล้วกัน” จิระนิ่งอึ้ง เขาถูกสั่งห้ามไม่ให้แตะของเผ็ดอีก และเพทายก็ไม่ได้ทานมันเขารอจนอาหารที่สั่งใหม่เพื่อจิระมาถึงจึงเริ่มลงมือไปพร้อมกัน

“ป่านนี้อาหารของนายคงเย็นชืดหมดแล้ว” จิระบ่นอุบอิบ

“ผมทานได้”

“ฉันก็ทานได้เหมือนกัน” จิระไม่ยอมแพ้ แต่ก็ลังเลที่จะทานของเผ็ดเหล่านั้นเข้าไปอีก

“คุณไม่จำเป็นต้องฝืนทำเพื่อให้เข้ากับผม คุณเป็นตัวของตัวเองเถอะ”

“ที่ฉันฝืนก็เพราะว่าฉันชอบนาย” จิระพึมพำ พลางเขี่ยอาหารในจานตัวเอง เขาเผลอพูดว่าชอบเพทายออกไปด้วยความไม่ตั้งใจ พอรู้สึกตัวว่าเผลอไปเขาก็เงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าเพทายด้วยความหวาดหวั่น

จิระกลัวจะถูกปฏิเสธ ทว่าใบหน้าของเพทายช่างอ่อนโยน

“อย่าไปพูดแบบนี้กับใครง่ายๆ นะครับเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิด”

“ไม่เข้าใจผิดหรอกก็ฉันชอบนายจริงๆ” ลองยืนยันความรู้สึกลงไป แต่เพทายแค่ยิ้มน้อยๆ ก่อนทานอาหารของตัวเองไปเงียบๆ

การที่อีกฝ่ายทำเนียนไม่ตอบมันทำให้จิระหายใจไม่ทั่วปอด ได้แต่ด่าความใจเร็วของตัวเอง <บ้าเอ๊ย...เขาน่าจะใช้เวลาสานสัมพันธ์กับเพทายให้มากกว่านี้ ก่อนหน้านั้นเขาแสดงออกชัดเจนว่าเกลียดอีกฝ่าย อยู่ๆ มาบอกว่าชอบ ใครๆ ก็ต้องสงสัยกันทั้งนั้น>

จิระทานอาหารไปอย่างเงียบๆ จวบจนถึงของหวาน ไม่กล้ามองหน้าเพทายต่ออีกเลย เขาเซ็งความโง่เง่าของตัวเองเต็มทน

“เห็นอย่างนี้ผมเองก็ดีใจที่คุณบอกว่าชอบผมนะ”

จิระเงยหน้าขึ้นสีหน้าดูดีทันตาเห็น เพทายชอบรอยยิ้มแบบนี้ รอยยิ้มของจิระช่วยเขาเอาไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง หากไม่มีจิระเขาคงปฏิเสธการอุปการะของท่านวศินแล้วเลือกหนีออกจากบ้านไปหางานทำ

เขาในตอนนั้นมีแต่ความเกลียดชัง ถึงแม้ท่านวศินจะยื่นมือมาให้จับ แต่เขาก็ยังโทษว่าเป็นความผิดของท่านวศินที่ยื่นมือมาช่วยเขากับแม่ช้าเกินไปอยู่ดี

หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่6 8/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-06-2018 15:48:35
เป็นญาติกันป่าวนิ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่6 8/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 08-06-2018 17:50:12
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่7 9/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 09-06-2018 14:56:30
บทที่7
   เป็นเวลาเกือบอาทิตย์แล้วที่ภาคินไม่แวะเวียนมาหาเลย กานดาไม่ได้หัวเสียเท่าไหร่นักเพราะรู้ว่าปฏิบัติตัวแบบไหนหนุ่มรุ่นพี่ผู้เพียบพร้อมถึงจะพอใจ
   เวลานี้กานดานับวันรออย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ผู้ชายของตนให้สัญญาแล้วว่าจะช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่ขอ ข้อแลกเปลี่ยนก็เดิมๆ เขาต้องไปนอนรอทำตัวน่ารักๆ อยู่บนเตียง
   กับผู้ชายคนนั้นเขารู้จักอีกฝ่ายมาตั้งแต่มัธยมต้น กานดาใช้ร่างกายแลกเงินจากคนคนนี้จนชีวิตไม่ต้องลำบาก ด้วยการไม่ผูกมัดมากเกินไปบวกกับเงินที่ได้อย่างสม่ำเสมอมันทำให้ความสัมพันธ์ยาวนานจวบจนถึงทุกวันนี้
   อีกไม่กี่วันเท่านั้นกานดาอยากเห็นน้ำหน้าของจิระว่าถึงตอนนั้นจะเป็นยังไง คงโมโหเดือดดาลอาละวาดสุดท้ายก็ร้องไห้ หมอนั่นเป็นแบบนี้มาโดยตลอด

   จิระเคยผ่านงานถ่ายโฆษณามาแล้วหลายครั้งตั้งแต่เล็กจนโต อาจเป็นเพราะว่าแม่ของเขาอยู่ในวงการนี้เลยมีโอกาสได้สัมผัสงานบ่อยๆ แต่ก็อย่างว่าคุณปู่กับพ่อเปิดโอกาสให้ทำสนุกๆ ไม่ได้ให้คิดจริงจัง
   แต่สำหรับจิระที่ค่อยๆ ซึมซับวงการนี้ทีละน้อยก็หลงใหลมันจนในที่สุดตัดสินใจกระโจนเข้าใส่ทำตามความฝันเหมือนอย่างทุกวันนี้
   “ผมมีงานใหม่ๆ เข้ามาบ้างไหม” จิระถามพลอยชมพูทันทีหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเตรียมกลับบ้าน
   “ยังไม่มีอะไรเข้ามาใหม่ค่ะ แต่พรุ่งนี้คุณมีงานบวงสรวงแต่เช้าฉันคิดว่าจะส่งคุณกลับบ้านเร็วหน่อย คุณจะได้พักผ่อนได้เต็มที่ หรือคุณว่าไงคะ”
   “อืม...ก็ดีเหมือนกันครับ”
   “งั้นกลับกันเถอะค่ะ”
   แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าภาคินจะดักรออยู่ที่สตูดิโออีกแล้ว ทั้งที่หายหน้าไปหลายวันจนทำให้โล่งใจแท้ๆ เชียว จิระเบ้ปากทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย
   “จิระ วันนี้ไปด้วยกันหน่อยนะ ที่โรงแรมใกล้ๆ นี่จัดงานแสดงภาพเขียนของฉัน ยังไงก็อยากให้เธอไปดู”
   จิระเกือบๆ จะลืมไปเลย ว่าภาคินเป็นนักวาดภาพที่มีชื่อเสียง ผลงานของเขาขายดีได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกเสมอ ที่สำคัญเขารู้แล้วเรื่องที่อดีตคนรักต้องการเอาใจด้วยการอวดภาพวาดซึ่งบรรจงสร้างมาได้ระยะหนึ่ง
   “อย่าบอกนะว่านายวาดรูปของฉัน”
   “อ้า...เดาถูกด้วย เพราะอย่างนั้นถึงได้อยากให้เธอไปดูไงล่ะ”
   จิระยิ้มๆ ไม่พูดอะไร กำลังคิดว่าจะหาทางปฏิเสธยังไงดี แต่เสียงเรียกมือถือก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ดังนั้นจึงต้องรับสายทั้งที่ยังหาข้ออ้างไม่ได้
   <”จิระนี่แม่เองนะลูก”>
   “มีอะไรครับแม่”
   <”เมื่อเช้านี้นะแม่ไปดูนิทรรศการภาพวาดของภาคินมา เห็นรูปลูกอยู่ที่นั่นด้วย มันสวยมากแล้วก็มีคนสนใจกันเยอะ แม่ก็เลยคิดว่าจะซื้อมันกลับบ้าน แต่ภาคินเขาบอกว่าจะยกให้ฟรี ก็ยังไงดีล่ะ....เมื่อเช้าแม่ไม่สะดวกนำกลับบ้านเลยส่งภาคินไปรับลูกแล้วให้ลูกเอามันกลับบ้านมาให้แม่ แม่จะรออยู่บ้านนะจ๊ะ อ้อบอกพลอยชมพูด้วยว่าให้ไปที่ออฟฟิตตอนนี้เลยแม่ลืมเอกสารไว้ที่นั่นให้เขาไปเอามาให้แม่ด้วยนะ”>
   จินดาวางสายก่อนจะนึกถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน ภาคินมาหาเธอและขอร้องให้ช่วยง้องอนจิระ เธอไม่ใช่คนช่างซักถามเลยไม่ล้วงลึกว่าเด็กๆ โกรธอะไรกัน เพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จิระมักจะโมโหฝ่ายเดียวแล้วให้ภาคินตามเอาอกเอาใจที่หลัง
   ทะเลาะกันทีไรก็หลบหน้าให้ภาคินง้อ สุดท้ายลูกชายของเธอก็วิ่งแจ้นเข้าใส่เพราะชอบเขาอยู่ดี จินดารู้ดีว่าลูกชายคนดีค่อนข้างอารมณ์แปรปรวนเป็นผลจากการถูกกดดันในหลายสิ่งหลายอย่าง แม้ว่าเธอพยายามชดเชยมากเท่าที่จะทำได้ แต่ลูกชายก็เลือกภาคินเป็นที่พึ่งพิงมากกว่าตัวเธอเสียอีก
   ครั้งนี้ก็คงเหมือนเดิม แต่อาจจะงอนมากกว่าครั้งไหนๆ ภาคินเลยขอให้จินดาลงมือช่วย ในสายตาของเธอภาคินดีพร้อมเป็นตัวเลือกที่ดีและจิระเองก็รักเขา ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือทุกอย่างเพื่อให้ทั้งสองคืนดีกัน

   
จิระเม้มปากเข้าหากัน เขาถลึงตาใส่ภาคินซึ่งยืนยิ้มหวาน <หน้าด้าน> กล้ารวมหัวกับแม่ของเขาแล้วทำแบบนี้ กลับไปถึงบ้านยังไงต้องพูดกับแม่ให้รู้เรื่อง
   “คุณพลอยชมพูโทรกลับหาแม่ของผมด่วนเลยครับ แล้วก็ผมต้องไปธุระกับภาคินคุณกลับไปก่อนได้เลย”
   หลังจากบอกคำสั่งของแม่ จิระก็หันไปมองภาคิน “จะไปกันได้หรือยังล่ะ” ภาคินยิ้มแล้วเดินนำจิระไปยังรถของเขาที่จอดรออยู่ก่อนออกเดินทางไปด้วยกันจนถึงโรมแรมซึ่งจัดนิทรรศการ
   พอไปถึงที่ภาคินก็พาจิระไปยังบริเวณจัดแสดงภาพเหมือนของอดีตคนรักทันที
   “สวยไหม” ภาคินยิ้มจนตาหยี
   “ก็สวยสมกับฝีมือคนวาดนะแหละ” จิระยืนมองดูภาพวาดของตัวเองแล้วนึกถึงความทรงจำอันไม่น่าพิศมัย ภาพวาดอันนี้ในชาติที่แล้วมันเคยเป็นสมบัติหวงแหนของเขามาก
จำได้ว่าครั้งที่ถูกภาคินบอกเลิก เขาร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาณพอเห็นภาพเหมือนที่ภาคินวาดก็เจ็บช้ำจนทนดูไม่ได้ จึงใช้มีดกรีดภาพที่แสนสวยงามระบายความเสียใจ ในตอนนั้นเพทายเขามาพบแย่งมีดไปจากเขา
   “ถ้าคุณไม่ต้องการภาพนี้แล้วล่ะก็ยกมันให้ผมเถอะ”
   จิระในเวลานั้นไม่เข้าใจว่าเพทายต้องการอะไร คิดได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายยุ่งไม่เข้าเรื่อง
   “อย่ามายุ่งนะ เป็นขี้ข้าก็อยู๋ส่วนขี้ข้าสิ” จิระยกมีดหมายจะจ้วงแทงรูปอีก ใครจะคาดคิดว่าคนอย่างเพทายกลับคว้าใบมีดเอาไว้ พอเห็นเลือดของอีกฝ่ายเขาก็มือไม้สั่นปล่อยมีดทันที
   “คุณมีค่ากว่านั้นมากนะครับ อย่าทำตัวตกต่ำอย่างนี้เลย”
   จิระในช่วงนั้นของชาติที่แล้วยังเกลียดเพทายอยู่มาก เพราะงั้นถึงแม้จะรู้สึกผิดที่อีกฝ่ายเลือดออก แต่ด้วยทิฐิมานะที่มีอยู่เต็มเปี่ยมเขาเลือกที่จะไม่สนใจอาการบาดเจ็บของฝ่ายนั้น เขาสะบัดหน้าหนีและตามไปหาเรื่องกานดาที่คิดว่าเป็นต้นเหตุ
   แค่นึกถึงหน้าเพทายจิระก็เผยอยิ้มออกมา ภาคินเข้าใจว่าตนเองน่าจะง้องอนได้สำเร็จ เขาเดินมายืนข้างๆ อดีตคนรัก แล้วจับมือนุ่มนิ่มบีบเบาๆ ด้วยความทะนุถนอม คนถูกฉวยโอกาสหันไปจ้อง แววตาไม่พอใจฉายชัด
   “ยังไม่ให้อภัยฉันอีกหรือ” ภาคินยิ้ม เหมือนคราวนี้จิระจะโกรธเขามากจริงๆ คงเป็นเพราะคนที่ตนเข้าไปยุ่งด้วยเป็นคนที่จิระไม่ชอบขี้หน้า
   แต่ภาคินไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมจิระถึงจงเกลียดจงชังกานดานัก กับคนที่ด้อยกว่าทุกทางแบบนั้น บางครั้งก็มุ่งมั่นชำระแค้นจนเขาทนดูไม่ไหวต้องเข้าไปจัดการไม่ให้เรื่องมันบานปลาย
   “เอาล่ะฉันยอมรับก็ได้ เป็นฉันเองที่มักง่ายปันใจให้คนอื่น ฉันรู้ว่าฉันผิด เธอไม่จำเป็นต้องให้อภัยตอนนี้ แต่ฉันจะใช้เวลาพิสูจน์จนกว่าเธอจะพอใจ”
   หากเป็นชาติที่แล้วจิระคงดีใจจนร้องไห้ นี่คือสิ่งที่เขาเคยฝันว่าจะได้ยินมันจากปากของภาคิน
   “คุณจิระ”
   จิระและภาคินหันไปมองตามเสียงเรียกและพว่าเพทายยนอยู่ตรงนั้น
 <พี่เลี้ยงของจิระนี่เอง> ภาคินจำได้ว่าจิระเกลียดผู้ชายคนนี้เอามากๆ
   “นายมาที่นี่ได้ยังไง หรือว่ากลับมาจากงานประมูลที่เมืองkแล้ว”
   “ครับผมกลับมาแล้ว”
   ภาคินไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ระหว่างคนสองคนมีบรรยากาศแปลกๆ เขามองดูจิระแล้วพบว่าอดีตคนรักมีสีหน้าผ่อนคลายผิดกับทุกที
   “ท่านวศินกับคุณพ่อของคุณให้มาตามผมไปพบที่บ้าน”
   “อ้อ...” จิระขมวดคิ้ว <ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็> เขาเริ่มจะรู้แล้วว่ามันคือเรื่องอะไร
   “งั้นกลับกันเถอะ อ้อ...ภาคิน” จิระหันไปพูดกับภาคิน “คุณช่วยจัดการห่อรูปนี้ให้ผมด้วยสิผมต้องเอามันกลับไปวันนี้
   ภาคินพยักหน้า การที่อีกฝ่ายไม่ตามตอแยให้มากความทำให้จิระสบายใจขึ้นนิดหน่อย หลังจากได้รูปแล้วเขาก็ตามเพทายไปยังรถที่อีกฝ่ายขับมาด้วยตัวเอง
   “รูปของคุณสวย” เพทายพูดขึ้นหลังจากขับรถไปได้ระยะหนึ่ง “ผมอยากได้มัน”
   วินาทีที่ได้ยินคำพูดของเพทาย หัวใจของเขาก็เต้นตึกตัก <เพทายอยากได้รูปของเรา แบบนี้จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมนะ>
   นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเขินอายกับใครแบบนี้ จิระซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำลงแล้วตอบรับคำขอของเพทายด้วยแสงแผ่วหวิว “ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ ฉันจะบอกคุณแม่ให้เอง”
   จากนั้นเพราะมัวแต่ประหม่าทำให้จิระไม่กล้าพูดหรือมองหน้าเพทายอีกเลย ท่ามกลางความเงียบเสียงหัวใจของตนเองช่างดังเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่7 9/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Merai_View Ha Bin ที่ 09-06-2018 16:41:34
เพทายนี่มีความคะแนนนำสุด แต่เรื่องเพิ่งจะดำเนินมาไม่เท่าไหร่ ยังตัดสินไม่ได้สินะคะว่าใครเป็นพระเอก จะมีการพลิกล็อคอะไรรึเปล่าคะเนี่ยยย รอติดตามจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่7 9/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-06-2018 18:10:05
จะสามีเก่าหรือผู้กำกับคนไหนกะด้ายไงกะไม่เอาภาคิน
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่8 10/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 10-06-2018 18:51:11

บทที่8

“เอ้าอ่านดู” พ่อโยนนิตยสารข่าวดาราให้จิระ ที่ยืนเป็นจำเลยต่อหน้าคนในครอบครัวซึ่งมารวมตัวกันจนครบ

จิระเปิดอ่านหน้าที่ถูกคั่นและใช้ปากกาเมจิคสีแดงเน้นข้อความเอาไว้ ข่าวที่ว่ามีเนื้อหาดังนี้

<ดาราหน้าใหม่ จ กับแม่โต้เถียงเรื่องบทกับผู้กำกับ พ ในกองถ่าย นั่นไม่น่ารักเท่ากับชัยชนะอันน่าสงสัย ขาวสะอาดหรือใช้เงินปั่นโหวต>

“นี่เท่ากับแกกับจินดาผิดเงื่อนไขที่สัญญากับฉันแล้วก็ปู่แกเอาไว้ แกบอกว่าจะชนะแข่งขันด้วยฝีมือของแกเอง จิระแกไปลาออกจากมหาลัยการแสดงบ้าๆ นั่นซะ แล้วก็เลิกฝันเป็นดาราบ้าๆ บอๆ ได้แล้ว”

จิระเม้มปาก ชาติที่แล้วก็เกิดเหตุการณ์นี้เหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงเท่าคราวนี้ การที่ข่าวซุบซิบมีเนื้อหาใส่ร้ายเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า คิดไม่ออกจริงๆ ว่ามันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง

ในชาติที่แล้วข่าวเสียหายมีแค่เรื่องที่เขากับแม่โต้เถียงกับผู้กำกับพัชรเท่านั้น

“คุณเข้าใจผิดไปแล้วคมสัน คุณคิดว่าฉันมีเงินมากพอจะจ้างคนปั่นโหวตให้จิระหรือไง คุณไม่เชื่อมั่นในตัวจิระเลยหรือ” จินดาพยายามพูดอย่างมีเหตุผล

“ต๊าย...แต่ข่าวมันต้องมีมูลนะคะคุณพี่” ดารินทำทีเตือนสติคมสัน จินดาถลึงตาใส่นึกอยากกระโดดเข้าไปตบนังเมียน้อยให้ขนตาปลอมหลุด

“ฉันเคยเตือนเธอหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าหยุดว่าร้ายลูกชายคนเดียวของฉัน เธอจะว่าอะไรฉันก็ได้ แต่ห้ามทำอย่างนั้นกับจิระ”

“ว้ายตายแล้วดูที่คุณพี่จินดาขู่ฉันสิคะคุณพี่” ดารินแสร้งทำท่าผวา คนอย่างจินดามีหรือจะไม่รู้ว่าเป็นการเล่นละคร คมสันยังลำเอียงเหมือนเดิมคว้ามือของดารินลูบไล้ปลอบโยน

“ก็เพราะเธอนั่นแหละให้ท้ายจิระมัน ดูมันสิฉันกับปู่ของมันคาดหวังให้มันเรียนเพื่อเป็นเสาหลักของบ้าน แล้วมันทำอะไรบ้างนอกจากตามตูดผู้ชายกับหาเรื่องทะเลาะกับดารันทุกวัน”

จินดาอยากจะกรีดร้องให้ดังๆ การที่จิระโหยหาความรักจากผู้ชายด้วยกันมากกว่าเพศตรงข้ามสาเหตุล้วนมาจากไม่ได้รับในสิ่งที่เขาควรได้จากคนเป็นพ่อ

แถมที่ต้องทะเลาะกับดารันทุกวันทำไมถึงไม่สังเกตพฤติกรรมของลูกชายคนเล็กที่แสนดีบ้างเล่า เด็กนั่นก็ร้ายใช่ย่อยที่ไหน ความเกรี้ยวกราดสูสีกับลูกของเธอทีเดียวแหละ

“เฮอะพูดไปคุณจะหาว่าฉันใส่ร้าย คนที่ไม่เคยเลี้ยงจิระมาอย่างคุณไม่มีทางเข้าใจ”

“ก็ทำไมจะไม่เข้าใจ” คมสันทุบโต๊ะดังปัง “ฉันเห็นพฤติกรรมมันมาตั้งแต่เด็ก” ชี้หน้าจินดาแล้วตะคอกเสียงดัง “เพราะแม่อย่างเธอเอาแต่ทำงานนอกบ้าน แทนที่จะอยู่บ้านดูแลจิระมันเหมือนดารินดูแลดารัน จิระมันขาดความอบอุ่นเพราะเธอนั่นแหละ”

เมื่อถูกจี้เอาความเป็นจริง จินดาก็ปากคอสั่น เธอยอมรับว่าเอาแต่ทำงานเพื่อให้ลืมความเศร้าเรื่องที่คมสันห่างเหินไป ห้าปีที่เธอเอาแต่ทำงานปล่อยให้ลูกชายอย่างจิระไล่ตามไปยังที่ต่างๆ

ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเธอปล่อยปละ แต่แค่คิดว่าเอาลูกชายไปที่ทำงานด้วยบ่อยๆ ครั้งคงชดเชยในสิ่งที่ขาดได้ คิดว่าทำดีที่สุดสำหรับคนที่พยายามลืมความเจ็บปวดอย่างเธอ

จินดาร้องไห้ออกมาจนได้ จิระกำหมัดแน่น เหตุการณ์นี้ต่างไปจากชาติที่แล้วโดยสิ้นเชิง แม่ร้องไห้อย่างที่ไม่ได้ทำมานาน จิระไม่สนใจจะโต้เถียงกับพ่อของเขาด้วยซ้ำ เขาเดินให้หาแม่นั่งลงข้างๆ กอดปลอบทั้งซับน้ำตาให้

“ถ้าคุณพ่อไม่อยากให้ผมเป็นนักแสดง ผมไม่ทำก็ได้ครับ แต่ได้โปรดเลิกทำร้ายจิตใจแม่ของผมซักที”

คมสันเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ จิระเป็นเด็กเอาแต่ใจและดื้อแพ่งในสายตาของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงแม้ต่อหน้าตนจะทำเป็นหัวอ่อนเชื่อฟังแต่การกระทำตรงข้ามไปเสียทุกอย่าง

“แกสำนึกได้ก็ดี เดี๋ยวให้เพทายมันไปจัดการเรื่องน่ารำคาญให้หมด” คมสันตวัดตามองไปยังเพทายซึ่งนั่งฟังเงียบๆ โดยตลอด พอเห็นสีหน้าเยือกเย็นของมันแล้วก็หงุดหงิดพาลนึกไปถึงเรื่องการประชุมของวันนี้

“คุณบ้าหรือเปล่า อย่างน้อยคุณควรให้จิระถ่ายทำหนังที่เซ็นสัญญาแล้วให้จบเสียก่อน” จินดาตวาดแหวแต่คนอย่างคมสันหรือจะสน

“ช่างมัน เงินทองเท่าขี้เล็บ ทำไมครอบครัวเราจะจ่ายไม่ได้”

“แต่คนอื่นจะมองจิระยังไงคุณคิดบ้างไหม” จินดาไม่ยอมเด็ดขาด หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ใครๆ จะมองว่าจิระเป็นคนไม่เอาอ่าว แถมยังไม่มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือที่แท้จริงแก้คำครหา คนเป็นแม่อย่างเธอทนไม่ได้แน่ๆ

“ทำอย่างกับว่าทุกวันนี้คนอื่นมองจิระมันเป็นเทวดาแสนดีอย่างนั้นแหละ จิระมันแย่เสียยิ่งกว่าแย่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“คมสันนี่มันจะเกินไปแล้วนะ” จินดาตวาดเสียงแข็งเธอยืนขึ้นท้าทาย ดวงตาวาวโรจน์ดุร้าย แม้แต่คมสันยังต้องตกใจ

“เอาล่ะ พอได้แล้ว” เสียงของผู้นำตระกูลทำให้ความเดือดพล่านลดอุณหภูมิลง วศินนิ่งฟังเด็กๆ โต้เถียงกันนานแล้ว แถมการสังเกตในคราวนี้ยังเห็นความเปลี่ยนแปลงของหลานชายคนโตอย่างชัดแจ้ง

ทีแรกที่ได้ยินก็คิดว่าเพื่อนของเขาพูดเล่นเท่านั้น วศินนึกถึงเรื่องเมื่อสามวันก่อนตอนที่ไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนที่คฤหาสน์ของฝ่ายนั้น

“ยังจำหลานชายคนโปรดของฉันได้ไหม” จู่ๆ ตาแก่พานทองก็เปลี่ยนเรื่องคุย

“อ้อหลานชายที่เป็นดาราดังคนนั้นนะรึ”

“ไม่ใช่ๆ ตอนนี้เป็นผู้กำกับดังแล้วนะ อาราย...ไม่เคยได้ยินชื่อพัชร อำพันหรือไง ฉันพูดอวดให้ฟังตลอดเวลาเลยนา”

“เฮ้อ...ฉันแก่ปูนนี้แล้วต้องมีสับสนบ้างล่ะ วันนี้จะอวดอะไรอีกล่ะ”

“เปล่าๆ ไม่ได้อวด”

วศินเลิกคิ้ว การที่พานทองไม่อวดหลานชายคนโปรดนี่เรียกได้ว่าแปลกมาก

“หลานชายคนโตของนายที่ชื่อจิระเขาจะเล่นหนังที่พัชรกำกับ ที่แรกก็ว่าจะไม่พูดถึงน่ะนะเพราะว่าหลานชายฉันบ่นๆ อยู่ว่าไม่พอใจที่ต้องให้นักแสดงที่ไม่รู้ว่าใช้เงินปั่นโหวตชิงตำแหน่งเข้ามาหรือเปล่า เขาหัวเสียน่ะที่นายทุนบังคับให้เขารับตัวปัญหาเข้ามาเล่นเป็นหนึ่งในตัวเอก”

“นั่นหมายถึงจิระหลานชายของฉันหรือ” วศินถาม พานทองพยักหน้า

“ฉันก็เลยเสนอหลานชายไปว่าให้ถอนตัวและเอาบทภาพยนต์คืนมาซะ แล้วฉันจะเป็นนายทุนให้เอง นายก็รู้ใช่ไหมว่าฉันมีเงินเยอะแยะ”

วศินยิ้มๆ ให้กับการโอ้อวดของเพื่อนรุ่นเดียวกัน อำพันแซทเทลไลท์จำกัดมหาชนผู้ให้บริการธุรกิจดาวเทียมเชิงพาณิชย์รายเดียวของประเทศ ผู้ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในวงการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ มีเงินมากมายมหาศาลย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก

“แล้วเขาไม่รับการช่วยเหลือรึ”

“ก็ไม่น่ะซี้ เขาเคยรับเงินจากฉันเสียที่ไหน...ที่นี้เรามาคุยถึงหลานชายนายดีกว่า”

“เขาไปก่อเรื่องอะไรหรือไง” วศินหน้าขรึม เขารู้นิสัยของจิระดีเพราะเห็นมาแต่เด็ก แม้ไม่ใช่เด็กที่เลวร้ายโดยกมลสันดาร แต่การระงับอารมณ์โกรธไม่ค่อยได้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของหลานชายคนนี้

“ไม่เลย พัชรชมเด็กนั่นให้ฉันฟังด้วยนะ บอกว่าเป็นเด็กที่น่าคาดหวังคนหนึ่ง เรื่องที่ปั่นโหวตคงคิดไปเอง หลานชายฉันไม่ใช่คนชอบชมใครพร่ำเพรื่อ ถ้าเขาชมใครคนนั้นจะต้องดีมากๆ”

“หมายความว่าเขามีพรสวรรค์ทางด้านนี้” วศินถาม

“ก็ใช่นะซี้ น่าดีใจไม่ใช่รึ”

“ไม่ค่อยดีใจ ฉันอยากให้เขาเรียนบริหารแล้วมาดูแลธุรกิจของครอบครัวมากกว่า”

“แต่นายยังมีหลานชายคนเล็กนี่ อย่าไปดับฝันของเด็กๆ จะดีกว่าน่า”

“ก็ไม่ได้คิดจะดับฝัน”

การที่ได้ฟังเพื่อนสนิทชมจิระมาจนอิ่ม บวกกับท่าทีที่แสดงออกในยามนี้ของหลานชายคนโต วศินได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง

จิระเลิกโต้เถียงและฟังเหตุผลมากขึ้น จากสถานการณ์ทะเลาะกันกับพัชรซึ่งพานทองเล่าให้ฟัง และครั้งนี้เจ้าหลานตัวดีก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์เอาแต่ใจแต่อย่างใด ตามปกติถ้าไม่ทำลายข้าวของก็จะบีบน้ำตาไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น

“ยังไงก็แล้วแต่ ควรให้จิระถ่ายหนังให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน ในเมื่ออยากลองทางด้านนี้ก็ให้ทำดู ส่วนข่าวซุบซิบมันก็เป็นเรื่องปกติ คนมันเริ่มดังฝูงเหยี่ยวฝูงการุมทึ้งนิดหน่อยไม่น่าแปลก”

“คุณปู่จะให้ผมเป็นนักแสดงต่อได้หรือครับ” จิระงุนงง นี่มันสถานการณ์ดีกว่าในชาติที่แล้วมาก ทีแรกนึกว่าเลวร้ายกว่ากลับกลายเป็นดีไปได้ยังไงก็ไม่รู้

ไม่ใช่แค่จิระคนเดียวที่นิ่งอึ้ง พวกผู้ใหญ๋โดยเฉพาะคมสันเหมือนถูกตีหัว

“คุณพ่อ” คมสันเตรียมตัวจะค้าน แต่วศินยกมือห้ามปราม

“ให้ลองดูก็ไม่เสียหายนี่”

คมสันเคี้ยวฟันดังกรอด ตวัดสายตาไปมองเพทายอย่างดุดันก่อนจะหันกลับมามองวสินด้วยแววตาน้อยเนื้อต่ำใจ

เพราะลูกชายคนโตของเขามันไม่เอาอ่าวนั่นแหละ เขาหวังพึ่งเจ้าลูกชายคนนี้มากว่าดารันลูกคนเล็กเสียอีก แต่ก็มาทำให้ผิดหวัง จะให้ดันดารันขึ้นมาแทนเจ้าคนเล็กก็หัวอ่อนจนไม่รู้ว่าจะห่ำหั่นฟาดฟันกับใครเขาได้หรือเปล่า

“แกทำฉันผิดหวังมากจิระ” คมสันตบโต๊ะดังปังแล้วลุกขึ้นยืน เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“คุณคะรอฉันด้วย” ดารินตามมาติดๆ แต่ก็ถูกคมสันตวาด

“ฉันอยากอยู่คนเดียว”

จากนั้นคมสันก็ไปยังห้องทำงานส่วนตัว ไปถึงก็คว้าเอาเหล้าราคาแพงในตู้เก็บมาดื่มเพียวๆ

“ไอ้เพทาย” นึกถึงเจ้าของชื่อก็อดเข่นเขี้ยวไม่ได้ ทั้งที่เพียรพยายามกดหัวมันมานาน ใครจะคิดเล่าว่าพลาดแค่ไม่กี่ตากลับทำให้มันได้ผลงานไปเต็มๆ

“จะบอกว่ามันสัญชาติญาณดีงั้นรึ” คมสันกระดกเหล้าขึ้นดื่มอีก การประมูลพื้นที่ทีเมืองKเขาคิดว่าจะยอมปล่อยให้เพทายทำตามใจชอบ เขาตั้งใจนับเดือนนับปีรอดูผลประกอบการที่พังไม่เป็นท่า

แต่เมื่อสามวันก่อนคมสันได้ยินข่าวจากวงในเกี่ยวกับการร่วมมือของรัฐบาลกับประเทศ J ข้อมูลอันนี้ทำให้มันสมองของเขาประมูลผลอย่างรวดเร็ว

<นั่นมันหมายความว่าโครงการนี้มันจะสำเร็จด้วยมือของไอ้เพทายไม่ใช่หรือวะ โครงการยิ่งใหญ่อลังการอันนี้ ไม่ใช่ด้วยมือของเขาแต่เป็นมัน มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ>

คมสันกำแก้วเหล้าแน่นขึ้นและแน่นขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องการประชุมเมื่อเช้า เขายิ่งหัวเสียหนัก ห้าปีก่อนเขาโยนแผนกพัฒนาเกมส์ให้เพทายไปจัดการ เพราะคิดว่าไอ้ของแบบนี้มันมัวเมาเยาวชน จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอย่างนั้น

แต่ไอ้เพทายกลับไปขออนุมัติเงินทุนจากคุณพ่ออย่างลับๆ แอบสร้างเกมส์มาโดยตลอด พอเขาจะคัดค้านเพราะตัวเกมส์ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ไอ้เพทายก็บอกว่าจะทดสอบโดยการปล่อยเกมส์ตัวอย่างให้เล่นฟรีในโลกออนไลน์

<มันบ้าหรือเปล่าวะ> ขึ้นชื่อว่าเกมส์มันต้องเก็บเป็นความลับสิ ขืนปล่อยเนื้อหาให้เล่นไปก่อนอย่างนี้ ความตื่นเต้นจากการสัมผัสในครั้งแรกมันจะเหลืออะไร

“มันโง่หรือฉลาดกันแน่”

แล้วไอ้เกมส์แนวที่มันเรียกว่า Battle Royale นี่มันคืออะไรเขายังไม่เข้าใจ ไอ้ของแบบนั้นมันขายได้หรือไง ไม่มีทางขายได้แน่ เขาจะรอดูคำวิจารย์จากผู้ทดลองเล่น

ที่นี้นะไอ้ความดีจากโปรเจ็คเมืองKก็จะถูกหักลบกลบไปด้วยจำนวนเงินที่มันขออนุมัติไปพัฒนาเกมส์จำนวนมหาศาล <สมน้ำหน้า สมน้ำหน้าฉิบหาย>

คิดได้อย่างนี้คมสันก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหลือก็แต่เรื่องของจิระ ยังไงต้องทำให้ไอ้ลูกโง่นี่กลับมาเข้ารูปเข้ารอยให้ได้
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่8 10/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 10-06-2018 20:04:12
อยากอ่านตอนต่อไปล้าว
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่8 10/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Merai_View Ha Bin ที่ 10-06-2018 22:31:53
นี่อยากรอหลายๆตอนแล้วค่อยอ่าน จะได้ไม่ค้างแต่มือไม่รักดีเห็นอัพทีไรก็กดเข้าอ่านทุกทีเลยอ่าาาา รอออออออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่8 10/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 10-06-2018 23:26:26
ตามติดเนื้อเรื่องสุดๆ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่8 10/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 11-06-2018 09:44:04
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่9 11/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 11-06-2018 15:31:12
บทที่9

หลังจากคมสันเดินปึงปังออกไปพร้อมดาริน วศินก็เรียกให้เพทายไปคุยด้วยที่ห้องทำงานส่วนตัว ในห้องแห่งนี้เหลือเพียงจินดากับจิระ สองแม่ลูกจับมือกันไว้แน่นคล้ายว่าถ้าแยกจากกันทุกอย่างจะพังทลายไป

“จิระ อย่าทำอย่างนี้อีกนะลูก” จินดาลูบไล้ใบหน้าอ่อนหวานของจิระ ใบหน้านี้ถอดแบบมาจากคุณยายซึ่งมีรูปโฉมงดงามอย่างหาจับตัวยาก

“ลูกต้องไม่ละทิ้งความฝันเพื่อแม่อีก แม่ทนไม่ได้ที่จะเป็นสาเหตุให้ความฝันของลูกต้องพังไป สาบานสิว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”

“ผมขอโทษที่ทำให้แม่ไม่สบายใจครับ” จิระยิ้มและไม่ได้ร้องไห้หรือบ่นว่าในความใจดำของคมสันด้วยความน้อยใจใดๆ ทั้งนั้น

ลูกของเธอเข้มแข็งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเติบโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน นี่ไม่ได้บ่งบอกว่าเธอเป็นแม่ที่ล้มเหลวตามที่คมสันพูดหรอกหรือ แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของลูกเธอก็พึ่งสังเกตเห็น

“จิระลูกเติบโตขึ้นมาก สองเดือนที่ลูกไปแข่งรายการเรียลลิตี้ เปลี่ยนลูกไปมากจริงๆ”

จิระจับมือทั้งสองข้างของแม่ขึ้นมาจูบ “ผมจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นกว่านี้อีก จะไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวัง”

จินดายิ้ม แม้ไม่แน่ใจว่าลูกชายสามารถทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ทั้งอย่างนั้นเธอก็เชื่อมั่น หากคนเป็นแม่อย่างเธอยังไม่เชื่อใจจิระใครหน้าไหนจะเข้าข้างจิระอีก

“อ้อ...จริงสิผมมีเรื่องจะพูดกับแม่ด้วย”

“อะไรหรือจ๊ะ”

“เรื่องของภาคิน” จิระทำสีหน้าจริงจัง พลอยทำให้จินดาต้องเพิ่มความเข้มทางอารมณ์ตามไปด้วย

“ผมเลิกกับภาคินแล้ว”

“เอ๊ะ” จินดางุนงง ไม่ใช่แค่งอนเท่านั้นหรือ ไม่เหมือนที่ภาคินบอกเธอซักนิด

“เขาทำอะไรผิดหรือจ๊ะ”

“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น แต่อยากให้แม่รับรู้เรื่องนี้”

“เข้าใจแล้วจะ ถ้ามันเป็นการตัดสินใจของลูก” จินดาไม่ซักไซ้ให้มากความ ลูกชายของเธอตอนนี้มีเหตุผลขึ้นมาก ดังนั้นเธอจึงเคารพการตัดสินใจของลูก

“แล้วก็ รูปที่ผมได้มาจากภาคิน ผมยกให้เพทายนะครับ”

“อย่างนั้นก็ได้จะ” จินดาเข้าใจว่าจิระคงไม่อยากเก็บรูปที่อดีตคนรักวาดไว้กับตัวแต่จะให้ทิ้งก็น่าเสียดายมูลค่าถึงได้เลยยกให้เพทายไปเท่านั้นเอง เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น



วันรุ่งขึ้นแม่ให้พลอยชมพูขับคันหรูไปรับเอ้นักแสดงในสังกัดกับผู้จัดการส่วนตัวของฝ่ายนั้นมาด้วยกัน พอเจอหน้าเจ้าตัวดีก็ชวนคุยเรื่องงานอดิเรกทันที

“ได้เล่นแล้วหรือยัง”

“เล่นอะไร” จิระเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“เอ้า ไม่รู้ได้ยังไง นี่มันเป็นเกมตัวอย่างที่บริษัทของนายปล่อยให้เล่นฟรีในโลกออนไลน์เชียวนะ ตอนนี้ยอดดาวน์โหลดปาไปสิบล้านในเวลาชั่วข้ามคืน”

“เกม...อะไร...”

“โอ๊ยตาย...มานี่ มีนักแคสเกมเอาคลิปการเล่นมาปล่อยแล้วนา”

เอ้เปิดคลิปให้จิระดูยาวนานกว่าสามสิบนาที <นี่มันเกมส์แนว Battle Royale นี่นา ชาติที่แล้วในช่วงที่เราอายุได้ 25 ปี เกมแนวนี้บูมเอามากๆ เลย>

เกมแนวนี้ถ้าให้อธิบายก็เป็นเกมแนวทหาร หาอาวุธในแผนที่ จัดการผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกันและคนที่เหลือรอดคนสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะ

การสร้างเกมทำนองนี้ ถ้าเป็นในช่วงที่เขาอายุ 27 การแข่งขันจะสูงมาก มีการเปิดตัวเกมประเภทเดียวกันออกมาเป็นสิบ ในชาติที่แล้วบริษัทของครอบครัวไม่ได้เล็งเห็นความสำคัญของเกมส์ออนไลน์แต่เนิ่นๆ ดังนั้นจึงเริ่มต้นได้ช้ากว่าชาวบ้าน

กว่าจะจับหนทางการผลิตก็เป็นเวลาที่นานาชาติประกาศให้เกมออนไลน์พวกนี้จัดอยู่ในประเภทกีฬาจำพวก e-sport ไปนานแล้ว

จะว่าไปชาติที่แล้วก็จำได้ลางๆ อยู่นะว่าพ่อของเขาเคยโยนแผนกพัฒนาเกมทิ้งให้เพทายดูแล <จริงสิ ความทรงจำช่วงนั้น พ่อดูอารมณ์ดีมากๆ เคยพูดว่าได้ตบสั่งสอนพวกแมงวี่ได้หลายๆ ที ตอนนั้นเราเองก็เข้าข้างพ่อเห็นดีเห็นงามไปด้วย>

ว่าไปแล้วกราฟฟิคเกมสวยงามมาก ถ้าหากทำเสร็จจนสมบูรณ์และพัฒนาต่อไปเรื่อยจนถึงอนาคต คิดว่าต้องเป็นเกมฮิตติดตลาดทำกำไรมหาศาลแน่นอน แถม เกมตัวนี้ยังชิงตัดหน้าเปิดให้เล่นฟรีก่อนเกมแนวเดียวกันที่น่าจะผลิตอยู่

ชาติที่แล้วก็จำได้ว่าช่วงเวลาหลังจากนี้อีกปีสองปีเกมแนวนี้เกมแรกจะเปิดตัว กราฟฟิคไม่สวยเท่านี้ แถมระบบเกมที่มาจากครอบครัวของเขา ยังทำได้ดีเห็นได้ชัดว่าเหมือนรวบรวมข้อดีจากเกมหลายเกมมาไว้จนหมด

แปลกจังเพทายเขาคาดการณ์ได้ขนาดนี้เลยหรือ หรือว่าที่เขาไม่เห็นความเป็นอัจฉริยะของคุณสามีในชาติที่แล้วนั่นเป็นเพราะพ่อคอยขัดแข้งขัดขาเพทายโดยตลอด

<ทำไงดี ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็เกิดความปลื้มใจแทนเพทายซะแล้ว เรานี่น้าเวลารักใครชอบใครเป็นอย่างนี้เสมอเลย> จิระรู้สึกเลยว่าตัวเองอมยิ้มอยู่

“เนี่ยนักวิจารย์ชมกันเป็นเสียงเดียวกันเลยนะ ว่าเป็นเกมที่แปลกใหม่และล้ำยุค พวกสายเกมนี่รอให้เกมพัฒนาเสร็จอย่างใจจดใจจ่อเลย”

“อื้อ”

จากนั้นพวกเขาก็มาถึงงานบวงสรวง จิระกับเอ้ไม่ได้พูดอะไรกับกานดา เมื่อถึงฤกษ์ยามดีพัชรก็นำทีมงานและนักแสดงทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

พิธีผ่านไปได้อย่างราบรื่น หลังจบการบวงสรวงพวกนักข่าวก็กรูกันเข้ามาสัมภาษณ์จิระ

“ตื่นเต้นไหมคะวันนี้” นักข่าวถาม

“ครับมากเลย นี่เป็นงานบวงสรวงครั้งแรกของผม ทุกอย่างแปลกใหม่มากเลยครับ” จิระโปรยยิ้มให้นักข่าว เขารอให้พวกเหยี่ยวเปิดประเด็นเรื่องข่าวซุบซิบอยู่แล้ว

“จริงสิคะ คุณได้อ่านข่าวนี้หรือยังคะ” นักข่าวสาวยื่นแท็ปเล็ตให้จิระดู ปากก็พูดถึงเนื้อหาในนั้นต่อหน้าเหยี่ยวคนอื่นๆ

“พวกเราพอจะทราบมาบ้างว่าจิระรับการทดสอบของผู้กำกับแล้วในวันนั้น แต่จิระไม่น้อยใจหรือคะที่คุณแม่ไม่เชื่อในฝีมือตัวเอง”

“คุณแม่เขาเป็นห่วงน่ะครับ อาจจะห่วงมากเกินไปหน่อย”

“ไม่ใช่เพราะว่าคุณแม่กังวลเพราะผลโหวตมาจากการปั่นหรือครับ”

จิระหันไปมองนักข่าวหน้าตาดีคนหนึ่ง ดูจากป้ายชื่อเขามาจากสำนักพิมพ์ชื่อดังเลยทีเดียว ขณะที่จะอ้าปากตอบ ไม่คาดคิดว่าพัชรกลับแทรกกายเข้ามาพูดแทนเขาเสียนี่

“พวกคุณไม่น่าถือสาคำพูดของผม พวกคุณเองก็ตั้งฉายาให้ผมไม่ใช่หรือ อะไรนะ ผู้กำกับเทวดาผู้มีปากเป็นอาวุธ”

ตอนนี้เองที่พวกนักข่าวหัวเราะคิกๆ คักๆ อาจเป็นเพราะว่าพัชรพูดไปยิ้มไปผิดกับมาดเข้มทุกทีของเขา

“เอาเป็นว่าไอ้เรื่องปั่นโหวตเป็นข้อสันนิษฐานแย่ๆ ของผู้กำกับเทวดาอย่างผม ขอให้การทำงานในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่านักแสดงนำของผมมีฝีมือจริงหรือไม่จริงดีกว่า ผมขอพาตัวเขาไปรวมกลุ่มกับนักแสดงนำคนอื่นก่อน ยังต้องคุยเรื่องงานอีกนิดหน่อย”

จิระตามพัชรไปอย่างงงๆ พอไปถึงที่ลับตาคน ผู้กำกับหนุ่มก็จุดบุหรี่สูบด้วยท่าทางเหมือนไม่แคร์โลกแคร์สื่อใดๆ ทั้งนั้น

“เอ่อ...ไหนว่าจะเรียกมารวมกลุ่มกับเอ้และกานดาเพื่อคุยไงครับ”

พัชรไม่ตอบในทันทีกลับยืนพ่นควันบุหรี่ชั่วครู่ก่อนจะดับบุหรี่แล้วทิ้งถังขยะ

“ที่นี้ก็จะเอาแต่เล่นไม่ได้แล้วนะ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางลบภาพนักแสดงที่โกงผลโหวตไปได้แน่ๆ อย่าลืมบุญคุณของฉันที่ช่วยนายด้วยล่ะ”

พูดจบก็เดินจากไป จิระชักจะหัวเสียนิดๆ ก็ใครล่ะที่พูดพล็อยๆ ออกมาจนเกิดเรื่อง ตัวเองไม่ใช่หรือไงพ่อผู้กำกับเทวดาผู้มีปากเป็นอาวุธ ตั้งใจทำงานน่ะตั้งใจแน่ ก็ผ่านมาครั้งหนึ่งแล้วนี่ ถ้าทำให้ดีไม่ได้เขาก็ไม่สมควรเป็นนักแสดงอีกต่อไป

หลังจากพัชรไปไม่นานเขาก็เดินหน้าบูดกลับไปหาเอ้กับพลอยชมพูที่รออยู่ที่รถแล้ว

“หน้าบูดเชียวเป็นอะไรวะ” เอ้ถาม

“เทวดาทำพิษไงล่ะ” จิระตอบก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนรถ เอ้แม้งงๆ อยู่บ้างก็ขยับตามขึ้นไปโดยไม่ได้ถามและเลือกจะพูดในสิ่งที่ตนสนใจแทนอย่างอื่น

“ว่าไงคืนนี้ไปปาร์ตี้วันเกิดของฉันไหม”

“เอ๊ะ...วันเกิดนาย...บ้าจริงทำไมไม่บอกฉันล่ะ” จิระบ่นงุ้งงิ้ง เขาเองก็ลืมๆ วันเกิดของเอ้ไปเสียสนิท

“ก็บอกอยู่นี่ไง ไปนะเพื่อน วันเกิดของฉันทั้งที”

“ต้องไปอยู่แล้วล่ะ แต่ฉันไม่ดื่มเหล้านะ”

ใช่ว่าจิระเป็นคนรักสุขภาพหรือหัวโบราณ แต่ให้พูดตรงๆ คือ เข็ดจากเหตุการณ์ในชาติที่แล้ว ชาติก่อนเพราะเมาไม่รู้เรื่องจนทะเลาะกับขี้เมาในผับสุดท้ายโดนกรีดหน้าจนยับ มันไม่คุ้มเอาเสียเลย

“ไม่มีใครบังคับนายหรอกน่า มีพวกผู้ใหญ่ในครอบครัวของฉันมาด้วย พวกเขามาจากต่างจังหวัดมาร่วมฉลองวันเกิดไปพร้อมความสำเร็จของฉัน”

“อื้อ..เข้าใจล่ะ ไปก็ไป” จิระรับปาก เอ้ไม่ลืมหันไปถามพลอยชมพูกับผู้จัดการของตัวเอง

“พวกพี่ก็ไปด้วยกันนะครับ พ่อแม่กับพวกญาติๆ ของผมลงทุนกันน่าดู”

พวกผู้จัดการตอบรับคำขอของเอ้ จากนั้นพลอยชมพูขับรถไปส่งเอ้กับผู้จัดการของเขาที่บริษัท เพื่อนของเขายังมีเรื่องงานที่ต้องคุยกับจินดาซึ่งเป็นเจ้าของโมเดลลิงอีกมากในฐานะนักแสดงในสังกัด





+++++++++

เขียนยากละเกิน 5555

แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่9 11/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 11-06-2018 16:24:32
น้อยจังเลยมาเยอะๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่9 11/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 11-06-2018 17:50:24
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่9 11/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 11-06-2018 19:42:14
เพทายกลับมาเกิดใหม่เหมือนกับจิระรึเปล่า :serius2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่10 13/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 13-06-2018 11:49:47
บทที่10

“แม่ไหงมาจัดงานในที่แบบนี้ได้ล่ะ” ทีแรกตอนบอกสถานที่จัดงานเอ้ยังไม่อยากเชื่อ แต่ที่นี่คือคลับชื่อดังครบวงจรอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“เพื่อนของอาเราเขาเป็นเจ้าของที่นี่ แม่คิดว่าวันเกิดปีนี้พิเศษถึงได้ทำอะไรให้เราแปลกใจนิดหน่อย”

“นี่มันไม่หน่อยแล้วแม่ พอๆ กับเปิดห้องหรูในโรงแรมจัดงานให้ผมเลย”

“มันต้องอย่างนั้นสิวะ ลูกชายอบต.จากเมืองsทั้งคนมันต้องเลิศหรูงี้แหละ”

พ่อของเอ้หัวเราะฮาๆ จิระมองความครึกครื้นสนิทสนมของครอบเอ้แล้วอมยิ้ม เขาอิจฉาความสัมพันธ์แบบพ่อลูกของเพื่อนคนนี้มานานแล้ว พ่อของเขาไม่ใช่คนที่จะมาเล่นหัวอะไรแบบนี้

“อ้าวพ่อหนุ่มนี่คือ จิระ มกรธวัช สิ ไม่แนะนำให้พ่อรู้จักเลยหรือไอ้หมา”

ตบหัวลูกชายหนึ่งทีแล้วกวักมือเรียกจิระ “มามา ทานข้าวทานปลาเถอะ อายุยังไม่ถึงก็ทานน้ำหวานเอาแล้วกัน”

ดังนั้นงานฉลองวันเกิดของเอ้จึงเริ่มต้นขึ้น เอ้แนะนำให้จิระรู้จักกับเพื่อนสนิทและญาติๆ หลายคนจนหัวหมุนไปหมด หลังจากพูดคุยดื่นกินจนครบชั่วโมง เขาก็นึกอย่างไปห้องน้ำเสียหน่อย

จิระเดินออกจากห้องจัดงานมุ่งตรงไปหาห้องน้ำ ที่คลับครบวงจรแห่งนี้ มีทั้งผับ ห้องอาหาร และห้องจัดงานต่างๆ ในตัว อาจร่วมถึงห้องสวีทที่ไว้พักข้ามคืนด้วย

ห้องน้ำอยู่ไม่ไกล ทว่าขณะก้าวไปตามทางก็พบคนคุ้นตาเดินเกาะกำแพงท่าทางเหมือนคนเมา ปกติเขาจะไม่สนใจถ้าหากคนที่ว่าไม่ใช่ดารัน



ใครๆ มักมองดารันกับแม่เป็นจำเลย เป็นพวกหนูในรูเดียวกันที่ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก ทว่าดารันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเขาสามารถเลือกเกิดได้ที่ไหน

ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นลูกของดาริน เขาก็จะเป็นอย่างนั้นไปจนตาย ถึงแม้ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจดารันก็ทำได้แค่เชื่อฟังคนเป็นแม่เท่านั้นเอง

“บ้าเอ๊ย” ดารันสบถเบาๆ ทั้งที่บอกว่าดื่มมากไม่ได้ แต่นีโอกับเพื่อนยังบังคับให้ดื่มเอาๆ ถึงตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงเลือกคบกับคนพวกนั้น

ทั้งๆ ที่มีเพื่อนกลุ่มอื่นที่พร้อมเข้ามาเลียแข้งเลียขาประจบเอาใจเสมอๆ

<อ้อใช่สิ> ดารันพอจำได้ที่ตนเองเลิกคบเพื่อนเก่าๆ แล้วมาเข้ากลุ่มนี้เพราะได้ยินความในใจของพวกเพื่อนๆ

พวกนั้นพูดว่าเขาเป็นแค่ลูกเมียน้อยที่โชคดีถึงได้ขึ้นมาชูคอแบบนี้ <อยากชกหน้าพวกมันนัก> ทั้งอย่างนั้นก็ทำไม่ได้ เขาต้องทำตัวดีๆ ให้คุณพ่อกับคุณปู่รักเอ็นดูให้มากที่สุด ต้องสร้างภาพตามอย่างที่คุณแม่ต้องการ

คิดถึงวันคืนที่ผ่านพ้นมาไม่ว่าจะทั้งอยู่กับคุณแม่ตามลำพังในห้องเช่าหรือเข้ามาอาศัยในตระกูลมกรธวัช ผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยหยุดทำร้ายเขาในที่ลับเลยแม้แต่วันเดียว ถึงไม่ทารุณทางกายเหมือนเมื่อก่อนก็เปลี่ยนมาเล่นงานด้านจิตใจของเขาจนรู้สึกว่าตนเองช่างโดดเดี่ยว

เขาอิจฉาจิระ อิจฉาพี่ชายที่มีแม่อย่างจินดา ดังนั้นความสุขเล็กๆ น้อยๆ คือการทำให้คุณพ่อพอใจแล้วเฝ้ามองสีหน้าเจ็บปวดของฝ่ายนั้น หากไม่โกหกสร้างภาพเขาคงกลายเป็นคนไร้ค่าเหมือนอย่างที่คุณแม่พูดเสมอๆ

ระยะหลังมานี้ดารันถูกกดดันหนักกว่าเดิม คุณแม่ต้องการให้เขาเข้าเรียนในมหาลัยชั้นนำ ปากก็บอกว่าไม่อยากให้เขาเรียนหนัก แต่ลับหลังคนในบ้านกลับวางกฏมากมายให้เขา

อึดอัดๆ และคิดว่าทุกวันนี้เขาไม่มีใคร ช่วยไม่ได้ที่อยากทำอะไรแหกคอกบ้าง การคบหากับพวกนีโอมันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เป็นตัวของตัวเอง ตัดสินใจอะไรๆ ด้วยตัวเอง ถึงในใจจะมีคำถามเสมอๆ ว่าที่เป็นอยู่นี่คือสิ่งที่เขาชอบแล้วอย่างนั้นหรือ

“มาทำอะไรที่นี่น่ะ” จิระหยุดยืนตรงหน้าดารันที่เมามายจนต้องเกาะกำแพงระหว่างเดิน คนถูกทักไม่ตอบและหลบเดินไปเกาะกำแพงอีกฝั่งเคลื่อนที่ต่อไป

“นายไม่ได้เรียนพิเศษจนถึงสองทุ่มหรอกหรือ” จิระถาม เขาหันหลังกลับไปมองดูดารันค่อยๆ เดินไปตามทางอย่างซวนเซ

จริงๆ จะไม่ยุ่งก็ได้ ถ้าวินาทีถัดมาน้องชายต่างมารดาไม่ขาพันกันจนล้ม จิระเข้าไปพยุงเอาไว้อย่างทันท่วงที

“เหม็นกลิ่นเหล้ามาก” จิระบ่น

“ไม่ต้องมายุ่ง” ดารันพยายามผลักไสจิระ ทั้งที่คิดว่าเรี่ยวแรงพอมีอยู่บ้างกลับสู้การจับยึดของพี่ชายต่างมารดาไม่ได้

“จริงๆ ก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ นายเป็นคนในตระกูลของมกรธวัช ปล่อยให้เมาเรื้อนนอนไปทั่วหรือถูกทำมิดีมิร้าย คุณปู่คงขายหน้าแย่”

<ที่แท้ก็ห่วงเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูล> ดารันกระตุกยิ้ม จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าคนอย่างจิระจะเห็นเขาเป็นน้องชายอะไรอยู่แล้ว

“คุณจิระ” พลอยชมพูเห็นว่าจิระออกมานานแล้วจึงได้เดินตามหา พอเห็นสภาพของเจ้านายเธอก็รีบเข้ามาทันที

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“น้องชายผม เขาเมามาก”

“ถ้าอย่างนั้นให้เขาขี่หลังฉันดีกว่าค่ะ”

“จะได้ยังไง เอางี้ผมว่าเขาขี่หลังผมดีที่สุด”

“ขี่หลัง...ขี่หลังนาย...เนี่ยนะ” เสียงของดารันดูป้อแป้ แต่ยังมีสติมากพอดู

“นายต้องการอะไรจิระถึงมาทำดีกับฉัน อ้อก็แค่กลัวเสียหน้าวงศ์ตระกูล”

ดารันไม่รู้ว่าจะพูดประชดจิระให้ได้อะไร แต่ก็ทำไปแล้ว ตอนนี้ถูกผู้หญิงตัวโตมากจัดแจงท่าทางให้ขึ้นไปขี่หลังจิระที่คอยอยู่

“ก็รู้นี่ นึกว่ายังไม่สำนึกว่าตัวเองเป็นคนของมกรธวัช”

“คำก็ตระกูลสองคำก็ตระกูล ทำเป็นพูดดี ทีตัวเองไม่เห็นเคยรักษาหน้าวงศ์ตระกูลเลย ไหงให้ฉันสร้างภาพลักษณ์ใสสะอาดอยู่คนเดียว นายมันขี้โกงใช้ชีวิตตามใจตัวเองอยู่คนเดียวในขณะที่ฉันต้องเสแสร้งในสิ่งที่ไม่เคยเป็น”

“นายไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะชอบอย่างนั้นหรือ” ดารันนิ่งอึ้งต่อคำถาม

“ถ้านายไม่ชอบก็ไม่ต้องทำมันสิ”

“อย่ามาล่อลวงให้ฉันเสียคนให้ยาก ดูตัวนายเองสิทำตามใจชอบแล้วเป็นยังไง คุณพ่อคุณปู๋มองนายยังไง” ดารันโวยวายบนหลังของจิระ

“นายเลือกเองได้นะ เลือกที่จะทำเรื่องดีๆ และชอบได้”



“นายเป็นอะไรไปแล้วจิระ ฮัลโหล จิระคนที่เคยเกลียดฉันคนนั้นไปไหน ไหนจิระที่เกรี้ยวกราดตลอดเวลาอยู่ไหนกัน” ดารันพูดกรอกหูจิระจงใจกวนโมโห <เหวี่ยงฉันลงจากหลังแล้วชกมาสิ เหมือนอย่างทุกทีที่ทำ> ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเขาจะได้สบายใจว่าจิระเองก็แค่สร้างภาพเหมือนกัน

“นายกำลังยั่วยุสินะ”

“ใช่ฉันกำลังท้าทายนาย ไอ้คนไร้ค่า” ถึงจะด่าแต่จิระยังเดินแบกเขาไปอย่างเงียบ ผู้หญิงตัวโตเองก็นิ่งเฉยตลอดทางจนชักใจไม่ดีเท่าไหร่

<นี่คงเริ่มโกรธขึ้นมาแล้วสิ ดีเลยเผยธาตุแท้ของนายมาซะ>

ดารันยิ้มรอคอยการกระทำป่าเถื่อนของจิระอย่างจดจ่อ ทว่ากลับไม่เกิดอะไรขึ้น

“ฉันกำลังคิดว่า มุมนี้ของนายฉันยังไม่เคยเห็น”

<มุมไหน> “พูดอะไรของนายหะ”

“ก็แค่ตกใจที่นาย ทำเหมือนเรียกร้องอะไรบางอย่างจากฉัน”

“ฉันเปล่าเรียกร้อง” ดารันเถียง <เราไม่ได้เรียกร้องซักหน่อย>

“คุณกำลังเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายจริงๆ ค่ะ” พลอยชมพูพูดหลังจากเงียบอยู่นาน

“ฉันไม่มีสิทธิเรียกร้อง ถึงทำไปก็ไม่มีใครสนใจอยู่ดี โดยเฉพาะคนอย่างนาย” ดารันพึมพำเสียงอ้อแอ้ และจิระได้ยินเต็มสองหู

“อยากให้ฉันสนใจนายหรือไง” จิระถาม ดารันไม่ตอบเหมือนว่าจะหลับหรือแกล้งหลับซักอย่างเขาเองก็ไม่แน่ใจ

“พากลับบ้านเลยดีไหมคะ” พลอยชมพูถาม

“ไม่ค่อยดีมั้ง จริงๆ หมอนี่คงไม่อยากกลับบ้านในสภาพเมาให้คนที่บ้านรู้แน่ หรือว่าจะไปหาคุณหมอประจำตัวของฉัน ให้เขาช่วยแอดมิดนอนที่โรงพยาบาลซักคืน”

“คุณแม่ของฉันไม่อยู่ทั้งอาทิตย์ ส่วนคุณพ่อหมู่นี้กลับบ้านดึกเป็นประจำ ไม่รู้หรือไง”

นึกว่าหลับไปแล้วไปแล้วเสียอีก คำพูดของดารันทำให้ตัดสินใจได้

“งั้นพากลับบ้านแล้วกัน”

ดังนั้นจิระจึงพาดารันกลับบ้าน โชคดีที่คนในครอบครัวไม่มีใครอยู่ด้านล่างเลย ทำให้สามารถพาคนเมาขึ้นไปพักผ่อนบนห้องได้สะดวก

“นายอยากให้ฉันเปลี่ยนเสื้อให้ไหม” จิระถามหลังจากวางดารันลงบนเตียง

“ไม่ต้อง...”

“ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนนะ แล้วดื่มนี้ซะด้วย” จิระวางถุงเครื่องดื่มที่ช่วยแก้อาการเมาจำนวนหนึ่งไว้ข้างเตียงก่อนจะเปลี่ยนใจนำมันเข้าไปแช่ในตู้เย็นเล็กๆ ในห้อง

“นี่พึ่งสองทุ่ม พรุ่งนี้ตอนเช้าๆ น่าจะดีขึ้น นายเองก็ดูท่าไม่ได้ดื่มมากใช่ไหมล่ะ”

“หนวกหูน่า” ดารันทิ้งตัวลงนอน เขาหงุดหงิด นี่อีกฝ่ายตั้งใจทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีหรือไง มันไม่ได้เหมือนตัวตนของจิระเลย

“งั้นฉันไปนะ” จิระสำรวจตรวจตราในห้องเล็กน้อยก่อนออกไป เขาไม่ได้อยากทำตัวเป็นพ่อพระ แค่คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างดีๆ ก็มีจากเหตุการณ์เมาทะเลาะของเขาในชาติก่อน

แล้วก็ตอนนี้เขาไม่ได้มีความคิดจะแข่งวาศนากับดารันอีกแล้ว แค่อยากทำให้ชีวิตใหม่ในครั้งนี้ดีที่สุด

นอกจากนั้นจากคำพูดของดารัน แม้จะนิดเดียวก็ตามมันทำให้มุมมองของเขาที่มีต่องน้องชายต่างมารดาคนนี้กว้างขึ้น เหมือนว่าเขาไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว เขาพึ่งรู้ตอนนี้เองว่าดารันที่ได้รับความรักจากพ่อก็อิจฉาเขาด้วยเหมือนกัน



                  +++++++++++++++++

                  แบบว่าช่วงนี้ติดเกมมั่กๆ civilaizationกำลังออกแพทใหม่
                 
                   แม่จ้าว  เวลาเล่นมีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ไปหาเล่นกันดูนะ


                   แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่10 13/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 13-06-2018 12:09:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่10 13/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-06-2018 15:36:28
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่10 13/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-06-2018 16:56:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่10 13/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 14-06-2018 08:23:49
รอนะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 14-06-2018 14:43:01
บทที่11

“ผมอยากติดรถของพี่จิระไปด้วย”

จิระเลิกคิ้วไม่คิดว่าอยู่ๆ ดารันจะมาขอแบบนี้ แถมยังต่อหน้าคุณปู่กับแม่ของเขา ทีแรกต้องการปฏิเสธ นึกไปนึกมาความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้ตอบตกลงไป

“อื้อ...แต่ฉันออกเช้าหน่อยนะ”

“ผมเองก็มีเรียนเช้าเหมือนกัน” ดารันยิ้มกว้างอย่างน่ารักน่าชัง เหมือนอาการเมาค้างจะไม่มี หรือไม่ก็แสร้งทำเป็นสบายดี

ถึงแม้บทสนทนาระหว่างดารันกับจิระจะเป็นบทสนทนาระหว่างพี่น้องปกติ กลับกันในความคิดของจินดาเธอประหลาดใจเอามากๆ จิระกับดารันพูดคุยกันดีๆ ก็ได้ด้วยหรือ

นี่เธอตกข่าวนี้ไปได้อย่างไร การที่ดารันกับจิระสนิทสนมกันในระดับนี้ไม่รู้ว่าดารินจะคิดยังไง จินดาเองก็ใช่ว่าสบายใจ ถึงแม้อยู่ด้วยกันมานานก็ไม่ได้ทราบนิสัยที่แท้จริงของลูกเมียน้อยซักนิด

ถึงอย่างนั้นถ้าให้พูดตามที่เห็น ดารันให้ความเคารพเธอดี แต่กับจิระหากไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เด็กคนนี้ก็ไม่เคยลดราวาศอกซักนิด

จินดาส่งสายตาไปหาลูกชาย จิระเพียงแค่ยิ้มๆ ตอบกลับมา ดูท่าทางลูกชายของเธอไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าอย่างนั้นเธอจะห่วงไปทำไม

ขณะเดียวกันในสายตาของวศิน การที่พี่น้องคู่นี้พูดคุยกันตามประสาพี่น้องทั่วไป แม้จะแปลกตาไปบ้างกลับไม่ได้เก็บมาคิดให้มากความ มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือที่เด็กๆ ในบ้านปรองดองกัน

ถึงวศินจะมองว่าคงมีอะไรที่ลับลมคมใน แต่จิระยังเริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้ เด็กที่อยู่ในโอวาทสมอๆ อย่างดารันก็ไม่น่าแปลกใจซักนิด

หลังจากทานอาหารเสร็จจิระกับดารันก็เดินไปขึ้นรถของพลอยชมพูซึ่งมารับถึงที่ พอรถออกตัวจิระก็ปลายตามองไปยังคนที่นั่งอีกฝั่ง น้องชายต่างมารดาสวมหมวกแก๊ปและหันไปมองข้างทางจึงทำให้ไม่สามารถสังเกตสีหน้าได้ชัด

“จะให้ไปส่งที่ไหน” ดารันนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม จิระเอนหลังลงบนเบาะเอามือทั้งสองข้างแทนหมอนรองคอตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ

“คงไม่ใช่ว่านึกพิศวาสอะไรฉันขึ้นมาหรอกใช่ไหม” แทนคำตอบดารันพ่นลมออกทางจมูกเสียงฟึดฟัด จิระรู้สึกเหมือนได้เปิดมุมมองใหม่ๆ

“เอาเถอะฉันจะไปถ่ายหนัง ถ้าอยากตามไปก็ไม่ว่านะ ดีกว่าให้นายไปมั่วสุมกับพวกเด็กอีโมทั้งที่ไม่ได้เรียนพิเศษจริงๆ”

ดารันขยับปีกหมวกให้ปิดบังใบหน้าเพิ่มมากขึ้น เขาเบ้ปากต่อคำพูดของจิระ เพราะไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะคิดๆ ดีต่อเขาจริงๆ

“อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันแค่กลัวนายทำเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล” จิระพูด

“ก็แค่นั่นแหละ” ดารันตอบโต้จิระทันที

หลังจากนั้นจิระก็ไม่พูดอะไร ดารันหันไปมองดูก็พบว่าอีกฝ่ายใช้เวลาระหว่างเดินทางนั่งอ่านบท เขาสะบัดหน้ากลับ ไม่เคยเชื่อเลยว่าจิระจริงจังกับการเป็นนักแสดง

ที่เขาตามติดมาแบบนี้เพราะอยากพิสูจน์ด้วยตาตนเองเกี่ยวกับจิระ แล้วก็เขาอยากเห็นการทำงานในกองถ่าย ถึงแม้ความฝันมันจะไม่มีทางเป็นจริง แต่ขอแค่ดูแล้วเก็บความประทับใจเอาไว้คงไม่ผิดอะไร



หลังจากมาถึงกองถ่าย ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีฉากที่เอ้ต้องเข้าร่วมดังนั้นเอ้จึงไม่ได้มาที่นี่ มีเพียงแค่กานดาเท่านั้นที่ต้องแสดงพร้อมกับเขาอีกนิดหน่อย

“จิระมาเร็วจังนะครับ” กานดาเดินยิ้มเข้ามาทักทาย ยังคงเสแสร้งเก่งเหมือนเดิม “สวัสดีครับพี่พลอยชมพู” กานดาไหว้พลอยชมพูก่อนจะทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นดารันอีกคน

“นี่ใครหรือครับจิระ” กานดาแทบปิดบังความสนใจไว้ไม่มิด

“น้องชายของฉันเอง”

“อ้อ...” ที่แท้ก็น้องชายที่จิระเกลียด เขารู้เรื่องนี้เพราะเจ้าคนปากพล่อยนี่ชอบเอามาฟูมฟายให้เพื่อนไฮโซในห้องฟัง

กานดาลอบมองดูดารันด้วยความสนใจ หมอนี่มาทำไมหรือว่าพวกคนในบ้านส่งมาดูพฤติกรรมของจิระ นึกถึงว่าอีกฝ่ายถูกที่บ้านคุมความประพฤติขนาดนี้กานดาก็อมยิ้มเป็นจังหวะที่ดารันเงยหน้าขึ้นมามองพอดี

กานดายิ้มกว้างกว่าเดิม ไม่ได้ตื่นกลัวอะไร การเปลี่ยนสีหน้าไปมาฉับพลันเขาเก่งมากอยู่แล้ว

<อะไรคือรอยยิ้มเสแสร้งอันนี้เนี่ย นี่คือเพื่อนร่วมงานของจิระอย่างนั้นหรือ>

ดารันอยู่กับการปั้นหน้าหลอกลวงมาตลอดจนถึงตอนนี้ ดังนั้นใครแสร้งหรือเล่นละครคนช่างสังเกตอย่างเขาจะรู้โดยสันชาติญาณ

เพราะอย่างนี้ไงจึงตั้งใจมาดูจิระเวลาทำงาน เขาอยากรู้ว่าพี่ชายคนนี้เสแสร้งแกล้งทำได้เก่งแค่ไหน คนเราโกหกไม่ได้ตลอดเวลาหรอก มันต้องมีหลุดบุคลิกที่แท้จริงออกมาบ้าง โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมในการทำงานอันเคร่งเครียด

“นายนั่งรอตรงนี้กับคุณพลอยชมพูนะ” หลังจากเข้ามาในจุดถ่ายทำ จิระก็จัดหาที่นั่งให้ดารัน เขาพยักหน้าทำตามที่พี่ชายต่างมารดาพูด

ดารันมองดูจิระเดินไปคุยกับผู้กำกับก่อนจะหายไปยังรถที่ทำเป็นห้องแต่งตัว

“หิวน้ำไหมคะ เดี๋ยวฉันไปซื้อให้” พี่สาวตัวใหญ่ในชุดสูทถามและเหมือนไม่รอคำตอบเธอบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมาแล้วออกจากกองถ่ายไป

“เอ่อ...ขอนั่งข้างๆ นะครับ” ดารันหันไปมองพบว่าเพื่อนร่วมงานที่มีรอยยิ้มเสแสร้งของจิระนั่งลงข้างๆ แทนที่พลอยชมพูและส่งยิ้มเกรงอกเกรงใจมาให้เขา

“ที่นั่งมีตั้งเยอะ ทำไมคุณเลือกมานั่งกับผมล่ะ” ดารันเชื่อว่าตนเองเป็นคนมองคนขาด เขาไม่ชอบหน้าหมอนี่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นรอยยิ้ม

“ผมแค่แปลกใจที่ได้เห็นคุณเท่านั้นเอง” กานดาเกาหัวส่งยิ้มแหยๆ มาให้ ดารันขมวดคิ้ว

“แปลกใจอะไร”

“ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับจิระมาแต่สมัยมัธยมปลาย ได้ฟังคำบ่นถึงตัวคุณจากเขามาโดยตลอด พอเห็นเขาพาคุณที่เป็นน้องชายมากองถ่ายด้วยกันก็เลยอยากรู้ว่าคุณกับเขาคืนดีกันแล้วหรือ”

“คุณบอกเองว่าสนิทกับพี่ชายของผม ทำไมคุณไม่ไปถามเขาล่ะ”

“ผมไม่กล้าหรอกครับ” กานดาแสร้งยิ้มขมขื่น “เขาเองก็ไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่นัก จิระเขาเป็นคนโมโหร้าย หากรู้ว่าผมซอกแซกเรื่องของเขา เขาอาจทำรุนแรงกับผมได้”

“ก็เป็นเรื่องปกติของเขาแล้ว คุณรู้ดีนี่นา” ดารันยิ้มหยัน กานดาเข้าใจว่ารอยยิ้มนี้คือความพออกพอใจที่น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับตนเอง

“ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาผมได้นะ เรื่องเกี่ยวกับจิระผมรู้ดีมากทีเดียว อ้อ ถ้าคุณอยากเข้าวงการผมช่วยคุณได้นะ”

“คุณรู้ได้ยังไง” ดารันขมวดคิ้วขณะรับนามบัตรของกานดามา

“คุณมองดูการทำงานของคนที่นี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย คนที่มีความฝันอย่างเดียวกันผมดูออก”

ดารันเก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าจากนั้นก็ไม่สนใจกานดาอีก ฝ่ายนั้นพอเห็นพลอยชมพูกำลังเดินมาก็ปลีกตัวไป ตอนนี้จิระกำลังจะเข้าฉาก ดารันมองดูพี่ชายต่างมารดาตาไม่กระพริบ



ต้นข้าวนั้นเติบโตมาในที่ที่ไม่มีความสะดวกสบายเลยซักนิด เขาอยู่ในหอพักโทรมๆ กับแม่มาตั้งแต่เด็ก เขารักแม่มากในขณะเดียวกันก็ชิงชังความไม่ยุติธรรมที่ตนเองได้รับ

ต้นข้าวรู้ว่าใครที่เป็นพ่อของเขา พ่อที่แท้จริงอยู่ในบ้านหรูหราใหญ่โต มีลูกชายหน้าตางดงามคนหนึ่งชื่อว่าน้ำฟ้า เขารู้จักครอบครัวนี้ดี แต่คนที่นี่ไม่มีใครรู้จักเขา

พ่อไม่ยอมรับว่าเขาเป็นลูก ถึงแม้จะพบว่าเขาเป็นลูกของแม่ก็ยังเมินเฉย เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยหนักกับส่งตัวเองเรียนต่อไป ต้นข้าวจำต้องขายตัว

วันนี้ก็เหมือนทุกครั้งเขากลับดึกเพราะรับแขกและอ้างว่าไปล้างจานให้ร้านอาหาร ทว่าเมื่อมาถึงห้องเช่าเพื่อนบ้านบอกว่าแม่ของเขาอยู่ที่โรงพยายาบาล ต้นข้าวรีบไปที่นั่นแต่ก็ไม่ทัน แม่ของเขานอนสิ้นใจทิ้งเขาให้เผชิญโลกในวัยเพียงแค่16เท่านั้น

นับจากตอนนั้นต้นข้าวตัดสินใจว่าจะล้างแค้น ทำอย่างไรก็ได้ให้ชีวิตของน้ำฟ้าไม่มีความสุข ลูกที่คุณพ่อรักลูกที่ได้ทุกอย่างที่ปรารถนาคนนั้นจะต้องได้รับบทเรียน เขาต้องการเห็นน้ำตาของน้ำฟ้า ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นโดนแกล้งเรียกร้องความสนใจจนได้เข้ากลุ่มของก้อนดินกับน้ำฟ้า



ฉากสุดท้ายที่จิระแสดงมันคือฉากที่บีบคั้นที่สุด ทีแรกตอนที่ได้ยินว่าจิระเล่นเป็นลูกเมียน้อยคนอื่นยังคิดว่า พี่ชายต่างมารดาคนนี้จะทำได้หรือ

ก็ถ้าทำได้คุณจินดาคงไม่โวยวายในกองถ่ายจนเป็นข่าวซุบซิบ แบบนั้น

แต่ดารันถูกจิระจับจนอยู่หมัดตั้งแต่ฉากแรก พี่ชายต่างมารดาในชุดนักเรียนมอซอลบภาพคุณหนูไฮโซออกไปจนหมด ทว่าแม้จะดูยากจนแต่แววตาท่าทางกลับเป็นในสิ่งที่ผู้กำกับอยากได้

เขาได้ยินผู้กำกับที่เสียงดังคนนั้นบอกย้ำว่าต้องการอะไร สิ่งที่ผู้กำกับต้องการจากต้นข้าวคือแววตาไม่ยอมแพ้และทะเยอทะยาน ดารันคิดว่าตัวละครตัวนี้น่าสนใจ ดังนั้นระหว่างที่จิระคุยงานกับผู้กำกับเขาขอบทจากคุณพลอยชมพูมาอ่านคร่าวๆ

<นี่มันเด่นกว่าชาวบ้านเขาเลยนี่> ถึงจะบอกว่าเป็นตัวเอกเหมือนกันสามตัว แต่บทต้นข้าวดึงดูดมากๆ <นี่จิระจะเล่นบทยากๆ ซับซ้อนแบบนี้ได้รึ>

ทว่าหลังจากเริ่มถ่ายทำแต่ละฉาก จิระค่อยๆ ทำให้ดารันเชื่อว่าคนคนนี้คือต้นข้าวจริงๆ ยิ่งดาราสบทบส่งอารมณ์ได้ดี จิระก็ยิ่งเล่นได้ดีขึ้นตามลำดับ

ดารันถึงขั้นถือวิสาสะแอบไปดูมอนิเตอร์ใกล้ๆ ผู้กำกับ ผู้กำกับคนนั้นไม่ได้สนใจเขาเอาแต่จ้องมองจิระตาไม่กระพริบ ยิ่งในฉากที่จิระร้องไห้ยามที่แม่ของต้นข้าวตายนั่นยิ่งน่าประหลาดใจ

จิระเล่นผ่านในฉากเดียวด้วยการหลั่งน้ำตาออกมาราวกับสั่งได้ แถมอารมณ์โกรธเกลียดหลังจากนั้นยังดูสมจริง สำหรับคนที่ตรงกันข้ามกับบททุกอย่างทำได้ถึงขนาดนี้ ดารันเริ่มจะยอมรับในฝีมือของพี่ชายต่างมารดาในขณะเดียวกันก็อิจฉาเหลือเกิน

เขาเองก็ควรจะได้ทำตามความฝัน ควรจะได้มีโอกาสเป็นนักแสดงเหมือนกัน



“ยอดไปเลยนะจิระ” หลังจากเดินออกจากฉากคนที่เข้ามายินดีคนแรกคือกานดา จิระทำเพียงแค่ยิ้มๆ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่จริงใจ

“อืม...จะดีหรือเปล่าขึ้นอยู่กับผู้กำกับนะ” จิระแบ่งรับแบ่งสู้ แต่คิดว่ามันต้องดีนะแหละไม่งั้นคงสั่งให้ถ่ายใหม่

“ต้องดีอยู่แล้วล่ะ ใช่ไหมครับคุณพัชร” กานดาถามพัชรที่ยังง่วนกับหน้าจอมอนิเตอร์อยู่ เขาย้อนดูฉากที่เพิ่งแสดงไปซ้ำอีกรอบ

“ก็ดี ดีกว่าที่คิด” พัชรไม่ได้หันไปมองและไม่ได้ยิ้มอะไร กานดาพึงพอใจเล็กๆ ที่การแสดงของจิระไม่ได้จุดประกายให้ผู้กำกับซักนิด ดังนั้นจึงลดความริษยาที่มีต่อการแสดงอันดีเยี่ยมอย่างไม่ควรจะเป็นของจิระ

“วันนี้พวกนายทำได้ดีมาก” พัชรกล่าวชมเพียงคำเดียวเท่านั้น ทีแรกคิดเอาไว้ว่าจิระกับกานดาอาจจะต้องถ่ายใหม่หลายครั้ง แต่เอาเข้าจริงๆ กลับถ่ายทำซ้ำแค่ไม่กี่ฉาก แถมฉากสุดท้ายในตารางที่เขาวางไว้กลับทำผ่านเพียงแค่ครั้งเดียว

พัชรลอบมองดูจิระห่างๆ ทั้งที่คิดว่าเป็นแค่คุณหนูไฮโซที่นึกอยากเข้าวงการบันเทิงเล่นๆ ดูเหมือนเขามองผิดไป อาจเป็นการยกยอตัวเองไปหน่อย แต่ในวงการนี้ การที่ลูกมหาเศรษฐีจะมีวินัยและทำได้อย่างเขามีน้อยมาก

เพราะอย่างนั้นจึงได้ดูถูกจิระเอาไว้ ยิ่งก่อนหน้านั้นได้เห็นการแสดงออกของจิระผ่านรายกานเรียลลิตี้ ก็รู้สึกว่าหมอนี่อาจเข้ามาแข่งในรายการเพื่อเอาชนะกานดาที่เป็นคู่ปรับเท่านั้น

ทำไมจะไม่คิดอย่างนั้นล่ะก็ข่าวที่พวกแฟนคลับขุดมาสาดโคลนใส่ทั้งคู่มันต้องมีความจริงอยู่บ้าง แถมจิระเองก็แสดงความเป็นคู่แข่งกับกานดาอย่างเปิดเผย

เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่จิตใจเอนเอียงไปทางกานดา ทว่าหลังจากการทดสอบคราวก่อนและการเริ่มงานที่เป็นไปได้ด้วยดีคราวนี้ มันทำให้เขาต้องมองจิระใหม่ทั้งหมดเลย

“วันนี้ถ่ายทำครบตามที่วางไว้แล้ว งั้นเลิกกองเลยก็แล้วกัน”

พัชระหันไปบอกผู้ช่วย ทุกคนดูแปลกใจ ปกติพัชรไม่ใช่คนพอใจอะไรง่ายๆ ถ่ายทำฉากหนึ่งหรือวันหนึ่งมักจะใช้เวลายาวนาน

บางทีเลิกกองกันเที่ยงคืน แล้ววันต่อมาถ่ายแปดโมงเช้าก็ยังเคย นี่สงสัยว่าต้องขอบคุณพวกนักแสดงแล้วมั้งที่ทำให้ทุกอย่างผ่านไปโดยไว



หลังจากเลิกกองจิระก็เดินกลับมาหาดารันที่นั่งรออยู่ น้องชายต่างมารดามองดูเขาด้วยสายตาแปลกๆ

“กลับกันได้หรือยัง”

ดารันลุกขึ้นพรวด เดินนำไปขึ้นรถก่อนจิระเสียอีก

<เหมือนจะหงุดหงิด> จิระมองดูคนที่มองข้างทางระหว่างรถแล่น แต่ปกติก็อารมณ์ประมาณนี้ใส่กันอยู่แล้ว

“จะว่าไปยังไม่ได้ทานข้าวกันเลย คุณพลอยชมพูมีร้านดีๆ ไหมครับ”

“มีร้านแนะนำค่ะ อากาศดีๆ แบบนี้ ไปทานร้านกลางแจ้งรับลมน่าจะดีนะคะ”

“ตกลงครับ ไปโลด”

หลังตกลงกันเรียบร้อยพวกเขาก็มายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านที่นี้มีทั้งนั่งทานในห้องแอร์เย็นๆ และด้านนอกที่อยู่บริเวณลานกว้าง จิระชอบบรรยากาศร่มรื่น แต่บ่ายสามนี่แดดกำลังแสบๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว

“ดารันนายอยากนั่งข้างนอกหรือข้างใน” ถามไปอย่างนั้นแหละ

“นายทนร้อนได้หรือไงหะ แดดเปรี้ยงๆ ขนาดนี้” ดารันกระแทกเสียง

<ดีมาก> จิระชอบใจที่ได้รับคำตอบที่ตรงกับความคิด “งั้นไปข้างในกันเถอะ”

จากนั้นจิระก็สั่งอาหาร ดารันยังคงเป็นดารันไม่เคยมีความเกรงใจอะไรเขาแต่ไหนแต่ไร น้อยชายต่างมารดาสั่งอาหารตามใจชอบ <เอาเถอะ เขาเลี้ยงก็ได้ ไม่เสียหายอะไรนี่>

ระหว่างทานอาหาร ดารันไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยซักคำ จิระเห็นอีกฝ่ายมองไปยังจุดๆ หนึ่ง แล้วพบว่าเด็กอีโมเพื่อนของดารันอยู่แถวนั้น

จริงๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ประสบการณ์ความผิดพลาดที่มีมาในชาติก่อนมันสอนเขา และเพิ่มนิสัยขี้กังวลบางอย่างมาให้ด้วย

ชาติที่แล้วดารันคงภาพลักษณ์ใสสะอาดเอาไว้ได้ ถึงอย่างนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกับตุ๊กตาไร้อารมณ์ดูย่ำแย่ไม่ต่างจากเขา ส่วนชาตินี้เหมือนว่าดารันจะคบเด็กเกเร ชาติก่อนเขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ บางทีหมอนี่กับแม่อาจซุกปัญหาเอาไว้ใต้พรม

ถ้าให้เดา คงมีอะไรหลายอย่างกัดกร่อนจนดารันในชาติที่แล้วกลายเป็นตุ๊กตาไร้หัวใจ <ควรจะทำอย่างไรดีนะ เขาควรเข้าไปยุ่งกับดารันดีไหม>

ระหว่างช่างใจก็มองดูกลุ่มเด็กอีโมนั่นไปด้วย พวกนั้นส่งเสียงโวยวายเอะอะ สร้างความเดือดร้อนให้บริกร ดูยังไงคนพวกนี้ก็ไม่น่านำพาเพื่อนหรือใครๆ ไปพบสิ่งดีๆ

จิระหันมามองดูดารัน น้องชายต่างมารดาขมวดคิ้วเข้าหากันและกำลังเม้มปาก <เอ๋...ดูท่าทางก็ไม่ได้ชอบพฤติกรรมของแก็งอีโมนี่เท่าไหร่นี่>

“ถ้านายจะเอาเวลาไปมั่วสุมกับพวกอันธพาล สู้เอาเวลาไปลงเรียนการแสดงจะดีกว่าไหม นายอยากเป็นนักแสดงไม่ใช่หรือไง” จิระกล่าวลอยๆ ขณะก้มหน้าก้มตาทาน

“อย่ามาสอนหน่อยเลย” น้ำเสียงของดารันไม่พอใจ จิระยักไหล่ น้องชายต่างมารดาของเขาลุกจากโต๊ะเดินตรงไปหาพวกเด็กอีโม อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

<ทำไม เราต้องมากังวลเรื่องของดารันด้วยนะ> จิระมองน้องชายที่เดินไปรวมกลุ่มกับเด็กอีโมตาไม่กระพริบ

“ให้ฉันหาคนตามดูน้องชายของคุณไหมคะ” พลอยชมพูเสนอด้วยสีหน้าขรึมๆ เธอรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงของจิระ เธอเองแม้ไม่ได้สนิทสนมกับดารันมากมายนักก็ยังอดไม่สบายใจนิดๆ ไม่ได้ คราวก่อนที่พบเด็กกลุ่มนี้ เธอสังเกตุเห็นรอยเข็มฉีดยาบนแขนของเด็กพวกนั้น

กับดารันเธอก็พยายามมองหาจนทั่วเมื่อพบว่าไม่มีเธอก็โล่งใจ เธอควรจะบอกเรื่องนี้ให้จิระทราบเอาไว้ดีกว่า แต่กว่าจะมีโอกาสพูด น้องชายของจิระก็เดินหายไปกับพวกอีโมแล้ว



ดารันไม่ได้มีความสุขเลยแม้จะอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่ตัวเองเลือก ความคิดและจิตใจของเขายังคงอยู่ที่กองถ่ายนั้น

จิระที่เอาแต่ใจและนิสัยเสียคนนั้น เปลี่ยนแปลงไปเพราะได้ในสิ่งที่ฝันแล้วอย่างนั้นหรือ เพราะมุ่งมั่นทำตามฝันเรื่องความบาดหมางหรือริษยาเลยไม่จำเป็นอีกแล้วอย่างนั้นสินะ

<ถ้านายจะเอาเวลาไปมั่วสุมกับพวกอันธพาล สู้เอาเวลาไปลงเรียนการแสดงจะดีกว่าไหม นายอยากเป็นนักแสดงไม่ใช่หรือไง>

คำพูดนี้ของจิระยังวนเวียนอยู่ในหัว

<เพิ่งมาทำตัวเป็นพี่ชายตอนนี้น่ะนะ อยากให้เราอ้วกให้ดูหรือยังไง>

จังหวะนั้น ดารันเดินผ่านตึกแห่งหนึ่ง ป้ายหน้าตึกบอกชัดว่าเปิดคอร์ทสอนการแสดงสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ เขาเม้มปากและกำหมัดแน่น ถึงแม้จะเดินผ่านตึกนั้นมาไกลแล้วแต่จิตใจยังจดจ่ออยู่ที่ตรงนั้น

<นายเลือกเองได้นะ เลือกที่จะทำเรื่องดีๆ และชอบได้>

“บ้าเอ๊ย ทำไมเราถึงเลือกเชื่อคำพูดไร้ความรับผิดชอบของหมอนั่นกันนะ”

นีโอหันมามองดารัน ตั้งใจจะถามว่าเป็นอะไร

“นีโอ ฉันนึกได้ว่ามีธุระนิดหน่อย ฉันกลับก่อนนะ”

ดารันเดินกลับไปยังตึกๆ นั้น เงินน่ะเขามีเยอะมาก คุณพ่อคุณแม่ให้เขามาไม่ขาดมือ การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ดารันรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่มาจากใจจริงของเขา



++++++++++++++++++++++++

อยากมีเวลาเยอะๆ ในการแต่งนิยาย

ทุกวันนี้เวลาน้อยมากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กว่าจะเขียน

จะเกลา แก้คำผิด ขนาดตั้งใจยังหลุดคำผิดมากมาย

555 แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2018 15:06:45
 :pig2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 14-06-2018 16:15:18
สนุกอ่ะ ชอบบบบบบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 14-06-2018 17:03:40
สู้ๆค่ะอย่าหายไปไหนตามติด เฮ้ย! ติดตามอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 14-06-2018 18:22:38
ดารันสู้ๆจิระด้วย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 14-06-2018 19:50:46
ติดตามจ้า :hao3:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-06-2018 20:49:14
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่11 14/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 15-06-2018 06:24:00
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่12 15/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 15-06-2018 15:09:53
บทที่12

หลังจากรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมบางอย่างของพวกเด็กอีโมจากพลอยชมพู จิระก็เกิดความกังวลจนปั่นป่วนไปหมด เขากลับมาถึงบ้านเวลาเกือบห้าโมงเย็นและเดาว่าดารันน่าจะยังไม่กลับมา

<พรุ่งนี้ต้องทำอะไรซักอย่าง> เรื่องยาเสพติดมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จะว่าไปในชาติที่แล้วมีช่วงที่ดารันป่วยหนักมากจนต้องพักการเรียน ดารินที่เป็นแม่ถึงกับพาไปพักฟื้นที่ต่างเมืองระยะหนึ่ง

พอกลับมาน้องชายต่างมารดาคนนั้นก็ซูบซีดลงไปอย่างน่าใจหาย ในชาติที่แล้วจิระเดาเอามั่วๆ และกระแนะกระแหนว่าดารันหนีไปรักษาอาการติดยา หรือในชาติที่แล้วเขาเดาถูก

จริงๆ เรื่องของดารันเขาจะเมินเฉยไปก็ได้ แต่กลับติดอยู่ในใจจนสลัดไม่หลุด ที่เป็นแบบคงเป็นเพราะทั้งเขาทั้งน้องชายต่างมารดาเริ่มเปิดใจให้กันนิดหน่อยแล้วก็ได้ เขาเองสองวันมานี้รู้สึกว่าดารันไม่ได้เลวร้ายอะไร

บางทีเขาควรเริ่มเปิดใจกับน้องชายคนนี้บ้าง อย่างน้อยก็เห็นแก่ความที่มีสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง

จิระสาวเท้าเข้าไปด้านในตึกและพบกับเพทายที่อยู่ส่วนหน้าของบ้าน เขาไม่ได้เห็นเพทายระยะหนึ่งแล้วดังนั้นจึงดีใจจนแก้มปริ เดินเข้าไปพูดคุยด้วยทันที

“นายทานข้าวแล้วหรือยัง” จิระถาม

“ยังเลยครับ นี่...ผมมาเอาเอกสารไปให้ท่านวศินแล้วอาจจะเลยไปทานข้าวข้างนอกเป็นเพื่อนท่านวศินเลย”

จิระฟังแล้วอดทำที่สีหน้ากระเง้ากระงอดไม่ได้ <นี่เราไม่มีเวลาทำคะแนนเลย ต่างกับชาติก่อนที่ช่วงวัยนี้เพทายต้องอยู่ใกล้ชิดเราตลอดเวลา>

“นายทำงานหนักเกินไปแล้ว ฉันอุตส่าห์คิดว่าเย็นนี้จะได้ทานข้าวเย็นกับนาย”

“เอาไว้ผมจะชดเชยให้นะครับ เอาเป็นวันที่เราว่างตรงกันซักวันไปเที่ยวเล่นกันสองคนดีไหมครับ” ไม่พูดเปล่าเพทายยังใช้มือลูบลงมาบนหัวเขาอย่างแผ่วเบา จิระหลับตาพริ้มดื่มดำกับความอ่อนโยนอันนั้น

ใครจะไปคาดคิดละว่าจะถูกคมสันกระชากตัวจากด้านหลัง จิระหันไปมอง ดวงตาของคนเป็นพ่อแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธและเดือดดาล

“แกมันใฝ่ต่ำเหลือเกินนะไอ้ลูกไม่รักดี” กำปั้นของคมสันเหวี่ยงเข้ามาจิระสามารถหลบได้แน่นอนเพราะชาติที่แล้วเขาเคยถ่ายหนังแอ็คชั่นอยู่สี่ห้าเรื่องจึงต้องเข้าคลาสเรียนศิลปะการต่อสู้ติดต่อกัน

ทว่าใครจะคาดคิดว่าเพทายเข้ามาขวางดังนั้นกำปั้นหนักๆ กระทบเข้าที่ใบหน้าส่งผลให้ปากแตกทันที เสียงหวีดร้องดังขึ้นตามมาติดๆ เพราะจินดาเองก็เดินมาตรงนี้ในเวลาเดียวกัน

“คุณทำอะไรของคุณหะคมสัน” จินดางงไปหมด จู่ๆ คมสันก็ต่อยเพทาย แต่ก่อนหน้านั้นทำไมจิระถึงแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยในตัวเพทายถึงขนาดนี้ หรือว่าเธอพลาดอะไรไปอีกแล้ว

“ก็เธอดูพฤติกรรมลูกชายเธอสิ มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า มันไม่ได้คบหากับหม่อมเจ้าภาคิน เฉลิมยุคล อยู่หรือไง”

“เรื่องนั้น” จินดาเหลือบมองจิระกับเพทายแล้วพบว่าสองคนแนบชิดสนิทสนมกันพอสมควร จิระไม่แม้แต่มองมาทางเธอและคมสันเอาแต่สนใจอาการบาดเจ็บของเพทาย

“ผมเลิกกับภาคินแล้ว”

“แก...แกก็เลยหันมาคว้าไอ้เพทายมันนี่นะ” เส้นเลือดบนขมับของคมสันปูดบวม อยากจะเข้าไปจับลูกชายหน้าโง่เขย่าไปมานัก ทำไมวะ ทำไมหมู่นี้มีแต่เรื่องให้หงุดหงิด

ทั้งเรื่องที่ไอ้เพทายมันได้หน้าไปสองครั้ง ทั้งเรื่องการต่อสัญญาของร้านกาแฟในกิจการปั๊มน้ำมันของครอบครัวบนทุกสาขาทั่วประเทศที่ปกติคุณพ่อจะไว้ใจให้เขาดูแล

นี่สัญญาก็ใกล้จะหมดแล้ว คุณพ่อยังไม่อนุมัติเอกสารสัญญาให้ผู้เช่า การเซ็นสัญญานี้สำคัญกับคมสันมาก ก็อะไรล่ะลำพังแค่เงินปันผลจากหุ้น 3 เปอร์เซ็นกับเงินเดือนที่ได้มันน้อยเกินไป เขาจะไม่ยอมขาดแปะเจี๊ยะจากผู้เช่าที่ควรได้จากการต่อสัญญาอันนี้อย่างเด็ดขาด

หงุดหงิดขนาดนี้ แล้วนี่ไอ้จิระมันยังทำงามหน้า “แกถอยห่างจากไอ้เพทายเดียวนี้จิระ” คมสันตวาด จินดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจัดการแยกจิระกับเพทายออก

“จิระกลับขึ้นห้องไป ส่วนเพทายเธอจะไปไหนก็ไปเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

ทั้งสองคนแยกย้ายกันไปตามคำสั่ง จิระส่งสายตาเป็นห่วงไปหาเพทาย ทั้งสองสบตากัน เพทายคลี่ยิ้มอ่อนโยนมาให้กระซิบบอกว่าตนไม่เป็นไร จิระพอจะอ่านริมฝีปากออกจึงยอมกลับขึ้นห้องโดยง่าย

จิระแปลกใจ ทำไมพ่อถึงต้องโมโหเดือดดาลกับการที่เขาจะคบหากับเพทายขนาดนี้

“คุณเป็นอะไรกันแน่ นี่ถึงกับต้องลงไม้ลงมือ” จินดายืนกอดอก

“ผู้หญิงที่ไม่รู้จักดูแลลูกอย่างเธอจะไปรู้อะไร โธ่เว้ย” คมสันปัดแจกันประดับตกลงพื้น พวกคนใช้รีบวิ่งมาเก็บ

“เอาล่ะ คุณคับข้องอยากระบายก็พูดมาเลย ฉันจะยอมเสียเวลาฟัง”

เหมือนว่าการเอาน้ำเข้าลูบของจินดาจะได้ผล คมสันลดความหงุดหงิดลงเล็กน้อย “ไปที่ห้องของฉันพูดที่นี่ไม่ได้”

จากนั้นจินดาจึงตามคมสันไปที่ห้องส่วนตัวของเขา เมื่อถึงห้องคมสันก็ทรุดลงนั่งบนเตียงและเอามือกุมขมับ

“เธอไม่ได้มาที่ห้องฉันกี่ปีแล้ว”

“ฉันไม่เสียเวลาจำหรอก” คมสันแค่นเสียงดังเฮอะ ภรรยาหลวงของเขาคนนี้คงยังผูกใจเจ็บเรื่องที่ตนมีผู้หญิงมากมาย

“ฉันไม่เข้าใจคุณโมโหอะไร อ้อ...คงเป็นเรื่องเดิมๆ ที่จิระหากแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันจะมีทายาทสืบต่อไม่ได้ใช่ไหม”

“เออ...ใช่ มันใช่อยู่แล้ว แต่จิระมันชอบผู้ชายฉันเลยตั้งใจว่าจะทำใจ เพราะถ้าหากมันได้แต่งกับภาคินมันจะได้ชื่อเสียงเงินทองและเส้นสายมากมาย ถึงตอนที่จิระมันสืบทอดธุรกิจจากคุณพ่ออะไรๆ มันจะง่ายขึ้น”

“อ้อ...พอเปลี่ยนมาเป็นเพทายผลประโยชน์น้อยลง คุณเลยเดือดดาลงั้นสิ”

“มันไม่ใช่แค่นั้น” คมสันตะคอกดุดันก่อนจะกลับมาควบคุมสติ “ฉันเกลียดไอ้เพทายมัน ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ยอมให้จิระมันแต่งกับไอ้เพทาย”

“คุณเกลียดอะไรเพทายขนาดนั้น ฉันสงสัยมานานแล้วนะ คุณพยายามปลุกปั่นให้ลูกชายของคุณสองคนเกลียดชังเขามาตลอด”

“เพราะว่าฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ”

จินดาหงุดหงิด เรื่องนั้นเธอรู้มานานแล้ว คมสันเป็นลูกน้องสาวของคุณอัยย์ภรรยาเพียงคนเดียวซึ่งเป็นผู้ชายของคุณพ่อ เพราะไม่สามารถมีทายาทได้ทั้งสองคนจึงนำคมสันมาเป็นลูกบุญธรรม

“อย่าบอกนะว่าคุณกังวลว่าเพทายจะมาแย่งสมบัติของคุณ คุณนี่มัน...มองคุณพ่อในแง่ร้ายไปมาก คุณเป็นหลานของเขานะ”

“แต่ไม่ได้เป็นหลานสายตรงอย่างไอ้เพทายนี่” คมสันโวยวายอีกครั้ง จินดาอึ้งกับข้อมูลที่ได้ยิน

“คุณว่าอะไรนะ”

“ไอ้เพทายมันเป็นลูกของน้องสาวไม่รักดีที่หนีออกจากบ้านไปกับผู้ชาย ตามจริงคุณพ่อตัดขาดกับมันสองแม่ลูกไปแล้ว แต่คงสงสารนั่นแหละเลยรับมันกลับมา แต่ก็นะ คงอับอายที่มีหลานสายเลือดต่ำๆ เลยไม่กล้าป่าวประกาศให้ใครรู้ว่านี่คือหลานที่แท้จริง”

“บ้าจริง” ที่ว่าบ้าคือความเข้าใจของคมสัน คุณพ่อไม่ใช่คนที่รักหน้าตาตัวเองขนาดนั้น คิดว่าคงมีตื้นลึกหนาบางอะไรซักอย่าง

“งั้นก็ดีไม่ใช่หรือคะ ถ้าจิระได้แต่งกับเพทาย เท่ากับเรือล่มในหนอง เพทายเองก็คุณสมบัติดีพร้อมทุกด้านคุณกลัวอะไร”

“จิระมันมีดีอะไรให้เพทายรักมันด้วยหรือหะจินดา ยิ่งหลายปีมานี้มันออกฤทธิ์กับไอ้เพทายมากมายเหลือเกิน ไม่คิดบ้างหรือว่ามันจะหลอกแต่งงานกับลูกเราแล้วเขี่ยทิ้งที่หลัง”

“คุณคิดมากไปแล้ว”

“ต้องคิดซี้” คมสันตวาดจนน้ำลายแตกฟอง “ตลอดหลายปีมานี้ฉันกดหัวมันเอาไว้มากเท่าไหร่ มีหรือมันจะไม่แค้นเคือง โธ่เว้ย...ทั้งที่ฉันวาดฝันเอาไว้ว่าจะดันจิระมันให้เป็นผู้นำตะกูลคนต่อไป แต่ไอ้ลูกไม่รักดีมันก็ทำผิดหวังอย่างต่อเนื่อง”

คมสันอาละวาดพังข้าวของ จินดาค่อยๆ ออกจากห้องปล่อยให้สามีทุบทำลายต่อไป เธอควรจะบอกเรื่องนี้กับจิระเอาไว้หน่อย ถึงไม่คิดว่าเพทายเลวร้ายถึงขั้นนั้น แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึง ต้องหาโอกาสดีๆ พูด เพราะเธอรู้นิสัยจิระดี หากขัดใจหรือฝืนมากๆ เข้า เกรงลูกชายคนเดียวของเธออาจเตลิดไป





“วันนี้คุณชายไปไหนสารถีอย่างพี่ชายจะไปส่งให้เองก็แล้วกัน”

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จจิระก็มาดักรอดารัน เขาตั้งใจจะเกลี่ยกล่อมให้ดารันเลิกยุ่งกับพวกเด็กอีโมระหว่างการเดินทางสั้นๆ

“นายจะไปส่งฉันหรือ” ดารันถาม จิระเตรียมใจตื้ออย่างหนักหากถูกปฏิเสธ

“ใช่” จิระยิ้ม

“ก็เอาสิ” ทุกอย่างไปได้ด้วยดีจนทั้งสองขึ้นมาบนรถของพลอยชมพู ดารันหยิบมือถือของตัวเองมาจิ้มๆ ไม่ได้สนใจใครอีก จังหวะนั้นจิระแย่งมือถือไปจากมือ

“เล่นอะไรของนายหะ” จิระยิ้มๆ แล้วจัดการบันทึกเลขติดตามเครื่องของมือถือเครื่องนั้นลงในมือถือตัวเอง หากว่าตามหาดารันไม่เจอก็ใช้แอ๊ปติดตามสัญญาณจากกล่องดำของมือถือได้ และยังไม่ลืมกดโทรออกจากมือถือของดารันไปยังมือถือของตนเพื่อโขมยเบอร์โทรจากน้องชายคนดี

“ทำอะไรของนายเนี่ย นี่ตั้งใจจะตามติดพฤติกรรมของฉันหรือไง”

“อืม...ก็อย่างนั้นแหละ”

“ตลกร้ายชะมัด” ดารันเอนเอนหลังแล้วใช้สายตาพินิจพิเคราะห์มองดูจิระ

“นี่คงเพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลพังพินาศสินะ”

“ก็อย่างนั้นแหละ” จิระยักไหล่เมื่อทำธุระเรียบร้อยแล้วก็ยื่นมือถือคืนให้ดารัน

“มีคนบอกฉันว่านายชอบดูการทำงานที่กองถ่ายมาก ฉันเลยตั้งใจว่าจะยอมให้นายติดสอยห้อยตามฉันไปทำงานระหว่างที่ยังไม่เปิดเทอม”

“แย่หน่อยนะ ฉันลงเรียนการแสดงเอาไว้แล้ว ไม่ว่างไปนั่งดูนายทำงานแบบไม่ตั้งใจหรอก”

จิระเลิกคิ้ว “แอบไปลงไว้ตอนไหนกัน”

“เมื่อวาน...เอาล่ะเล่าให้ฟังก็ได้ ฉันไม่ได้ไปกับพวกนีโอแล้ว อีกหน่อยก็คงห่างๆ กันไป”

“งั้นก็เยี่ยมเลย” จิระยิ้มกว้าง พอสบายใจก็เอนหลังลงบนเบาะพร้อมกับใช้สองแขนรองคอต่างหมอน

“นายเรียนถึงกี่โมงล่ะ ถ้ายังไงหากฉันว่าง ฉันไปรับนายเวลาเลิกเรียนก็แล้วกัน”

จิระเสนอ ดารันปลายมองมาขณะครุ่นคิด

“ก็ตามใจ”

ดังนั้นพลอยชมพูจึงขับรถไปส่งดารันที่ตึกเรียนก่อนจะพาจิระไปกองถ่ายในเวลาต่อมา
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่12 15/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 15-06-2018 16:07:08
 พี่น้องเริ่มดีกัน
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่12 15/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 15-06-2018 17:00:10
เพทายมีฟามลับไรมั้ย?
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่12 15/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-06-2018 19:07:56
รออออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่12 15/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Nighttime ที่ 15-06-2018 19:25:57
เพทาย มีอะไรมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่12 15/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-06-2018 20:02:40
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 16-06-2018 12:23:41
บทที่13

4 ปี แล้วที่ไม่ได้เฉียดใกล้ต้นข้าว เท่าที่รู้มาอดีตเพื่อนทรยศกลายเป็นดาราชื่อดังผู้มีภาพลักษณ์ใสซื่อบริสุทธิ น้ำฟ้าคิดว่าต้นข้าวคงนิสัยดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่ เจ้าตัวยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขาคอยสร้างเพียงเรื่องเลวร้ายเหมือนเดิม

น้ำฟ้าไม่เชื่อว่าเวหาคู่หมั้นของน้ำฝนน้องสาวของเขาจะแอบคบซ้อนจริง ยิ่งไม่เชื่อว่าคนที่แอบคบจะกลายมาเป็นต้นข้าวอดีตเพื่อนทรยศคนนั้น

“พี่ข้าว พี่เวหาเขา” น้ำฝนปาดน้ำตาหลายครั้ง ทีแรกนึกว่าเป็นแค่ข่าวลือ พอเห็นกับตาเธอแทบทนรับไม่ได้

พัชรสั่งขยับกล้องตามการเคลื่อนไหวของกานดาฉากนี้เป็น long take อันหนึ่งที่เขาวางไว้ ดังนั้นจนกว่าจะไปถึงจุดสุดท้ายจะไม่มีการสั่งคัทใดๆ ทั้งสิ้น

กล้องได้ซูมถ่ายการย่างก้าวของน้ำฟ้าที่เดินไล่หลังต้นข้าวกับเวหาไปตามทางเดินซึ่งมีผู้คนมากมาย สุดท้ายเมื่อไปถึงสวนสาธารณะเขาหยุดยืนดูการกระทำของคนสองคน ทันทีที่เห็นเวหากับต้นข้าวจูบกัน น้ำฟ้าก็ลุแก่โทสะย่างสามขุมไปหา

บรรยากาศหนักอึ้งเริ่มปะทุ พัชรมองดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตามบทน้ำฟ้าต้องลุแก่โทสะเพราะไม่สามารถให้อภัยต้นข้าวที่แย่งคนรักไปจากน้องสาวตนเองได้

ดังนั้นจึงก้าวพรวดออกไปออกหมัดชกเข้าที่ใบหน้าของต้นข้าวเพื่อสั่งสอนให้สำนึก เขาเปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่คนที่เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายเพียงอย่างเดียว

วินาทีที่กานดาชกจิระ พัชรก็ขมวดคิ้ว จำได้ว่าซ้อมฉากชกไปแล้วตั้งหลายครั้ง แต่กานดาก็ยังผิดคิวจนกำปั้นหนักๆ ปะทะเข้ากับแก้มของจิระเต็มเหนี่ยว

พัชรไม่สั่งคัทเพราะภาพมันออกมาสวยดี และคิดว่าอุบัติเหตุเล็กๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ จิระเองก็แสดงสปิริต ไม่มีอาการตกใจทางสีหน้าหรือหลุดความเป็นตัวตนใดๆ ทั้งนั้น

“คัท” หลังพัชรสั่งเขาเรียกให้ทีมงานเอาน้ำแข็งมา ผู้กำกับหนุ่มเดินเข้าไปดูอาการของจิระ เมื่อไปถึงก็เห็นว่ากานดาขอโทษขอโพยไม่เลิก

“ขอโทษนะจิระ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร” พัชรเห็นว่าใบหน้าของจิระแดงช้ำ แถมปากยังแตกอีกด้วย ดูท่าจะชกเต็มแรง

“วันนี้นายไม่ต้องถ่ายแล้ว พรุ่งนี้ก็พักอีกวัน รอจนหน้าหายช้ำ ไปเปลี่ยนเสื้อแล้วไปให้หมอดูหน่อยดีกว่า”

“ขอบคุณครับ” พัชรพยักหน้าเขามองดูคนเจ็บเดินตรงไปเปลี่ยนเสื้อ

“เอ่อ พี่พัชรคิดว่าจิระจะโกรธผมไหมครับ” กานดาที่ยังยืนอยู่กับเขาและมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาปลอบใจฝ่ายนั้นด้วยการตบบ่า “จิระไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจนี่ คงไม่โกรธนายหรอก” จากนั้นเขาก็หันไปออกคำสั่งกับพวกทีม “พักเบรค 15 นาที” พัชรตั้งใจจะหามุมสงบๆ หลบดื่มกาแฟซักนิด



พอไม่มีคนสังเกตกานดาก็กระตุกยิ้มหยัน เขาตั้งใจใช้การถ่ายทำระบายความแค้นและวางแผนเล่นงานจิระไปในตัว ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด เพราะภาคินนั่นแหละที่ปฏิเสธคำชวนของเขาเมื่อเช้า

กานดาหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น

“พี่ภาคินวันนี้ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่ว่าไม่อยากให้ผู้กำกับเลื่อนคิวจนคนอื่นเดือดร้อน ถ้ายังไงแอบมารับพาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลทีสิครับ”

กานดาตั้งใจวีดีโอคอลเพื่อให้ภาคินเห็นใบหน้าซีดเซียวของตัวเอง ผู้ชายคนนี้เป็นคนใจดีและช่างเอาใจใส่ เชื่อว่าถ้าตนเอาอาการเจ็บป่วยมาอ้างต้องได้อย่างที่หวังแน่

“พี่บอกนายแล้วใช่ไหม ว่าระหว่างเราเป็นได้แค่พี่น้อง ใช้คำว่าแอบมันดูไม่ดีนะ”

“ไม่เป็นไรครับถ้าพี่ภาคินไม่ว่าง” กานดาปั้นหน้าเศร้าก่อนจะยิ้มกว้าง สีหน้าที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งแบบนี้เชื่อว่าใครเห็นย่อมต้องใจอ่อน

ภาคินถอนหายใจ บ่วงอันนี้เขานำมาคล้องไว้ด้วยตัวเอง คิดจะผลักออกไปคงไม่ได้ง่ายๆ แถมเด็กนี่ไม่ใช่คนผิดฝ่ายเดียว เป็นเขาเองที่จิตใจเอนเอียงจนเอาตัวเข้าไปยุ่ง

“พี่จะให้คนของพี่ไปรับนายไปโรงพยาบาล แต่พี่คงดูแลเราไม่ได้เพราะพี่ตั้งใจจะชวนจิระไปทานข้าว แค่นี้ก่อนนะ พี่กำลังทำงานอยู่”

วีดีโอคอลถูกตัดไป กานดาหัวเสียเอามากๆ <บ้าชิบที่กูเพียรพยายามจนถึงตอนนี้แม่งคืออะไรวะ> กานดาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะรัวๆ

อุตส่าห์สร้างภาพอ่อนแอเรียกร้องความสนใจตั้งมากมาย ทำไมภาคินถึงยังเห็นจิระดีอยู่ หรือว่ายังเห็นธาตุแท้ของไอ้หมอนั่นไม่เพียงพอ

คนอย่างจิระมีอะไรดี ถึงแม้หน้าตาของเขากับหมอนั่นจะจัดไปทางงดงาม แต่เรื่องเรียนก็แพ้เขา กานดายังจำความหอมหวานของชัยชนะและสีหน้าของจิระที่เป็นที่สองมาตลอดสามปีในมัธยมปลายได้ดี

นิสัยเองก็ไม่เอาอ่าว ขี้โมโห เอาแต่ใจ ชอบอาละวาด เคยทำอะไรเองไหมไม่เคยทั้งนั้น ครบสูตรลูกคุณหนูแสนแย่ กานดายังจำวินาทีแรกที่สบตากันตอนปฐมนิเทศได้

ตอนนั้นกานดาขวนขวายเข้ามาเรียนในโรงเรียนชั้นนำนี้ ทั้งสอบชิงทุน ทั้งขายเรือนร่างแลกเงินเพื่อมาจุดนี้ สายตาของจิระที่มองดูเขาประหนึ่งว่าหมอนี่มาเรียนที่นี่ได้ยังไงมันติดตาและไม่อาจลบไป

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความบาดหมางรุ่นแม่ที่มีมานาน การที่อีกฝ่ายไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาซักนิด มันทำให้เขาได้เปรียบ เพราะจะไม่มีใครรู้หรือจับผิดการกระทำของเขาได้ ก็ในเมื่อมันไม่มีมูลเหตุใครจะคาดคิดละว่าเขาเป็นคนลงมือ

กานดาคว้าบทละครวัยหนุ่มวัยฝันวันของเราขึ้นมากรีดแต่ละหน้าเล่นไปมา

“ไอ้บทละครนี่ มันช่างสมจริงเหลือเกิน” แม้ไม่เหมือนเรื่องราวของเขากับจิระไปทั้งหมด แต่มันสะท้อนอะไรหลายอย่าง เขาจะต้องเหนือกว่าจิระให้ได้ และถ้าทำได้เขาต้องการให้จิระไม่มีความสุข



แผนการณ์ยั่วโมโหจิระเริ่มขึ้นแล้ว กานดามาดักเจอจิระเพื่อขอโทษ

“ขอโทษจริงๆ นะจิระ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว”

แปลก กานดาขมวดคิ้ว จิระไม่ได้มีท่าทางโกรธเลยซักนิด แถมยังรับคำขอโทษง่ายๆ <ถ้าปล่อยให้ไปง่ายๆ งี้แผนที่วางมาก็พังไม่เป็นท่าสิ> ดังนั้นกานดาจึงเข้าไปจับแขนจิระยื้อยุดปากก็พร่ำคำขอโทษ

“ขอโทษๆ จริงๆ นะรู้ว่านายต้องโกรธแน่ๆ “

ในเมื่อไม่โมโหก็ต้องทำให้โกรธให้ได้ ระหว่างยื้อไปมา ก็แกล้งจิกเล็บลงบนแขนจิระ ได้ผล จิระจ้องเขม็งบริเวณนั้นและสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา จริงๆ มันไม่ได้รุนแรงอะไร

แต่ในเมื่อเล่นละครแล้วต้องเอาให้ยิ่งใหญ่ กานดาแกล้งทำแข้งขาอ่อนเลือกจะเซแถดๆ หงายหลังล้มไปบริเวณสีที่ใช้ทาฉากจนมันเทรดลงมาเปรอะเปื้อนเขาไปหมด

เสียงล้มดังสนั่นทำให้ทีมงานสองสามคนมาดู

“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไรกานดาแสร้งทำเหมือนตัวเองเป็นคนล้มไปเอง แต่สายตาของทีมงานกลับพุ่งเป้าไปยังจิระโดยไม่ได้นัดหมาย

“พอดีผมสะดุดหกล้มเองน่ะครับ” กานดาไหว้ขอโทษทีมงานแถวนั้นทุกคน

ในขณะจิระที่นิ่งสนิท ไม่แสดงออกทางอารมณ์ใดๆ

<หรือว่าจะทะเลาะกันอีกแล้ว> พวกทีมงานพากันซุบซิบ

“ขอโทษนะกานดา ฉันไม่น่าสลัดนายออกแรงเลย นายไปกับฉัน ฉันจะพานายไปซื้อเสื้อตัวใหม่”

บรรยากาศโดยรอบดูจะดีขึ้น พวกทีมงานมุงคิดว่า อย่างน้อยก็ยังรับผิดชอบ ไม่รู้ว่าแค่อุบัติเหตุหรือทะเลาะกัน แต่เริ่มเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียลนิดๆ แล้วเรื่องที่กานดากับจิระไม่ถูกกัน

“น้องกานดา เอาเสื้อจากกองถ่ายไปเปลี่ยนใส่ก่อนนะ” ทีมงานเข้าไปพยุงกานดาให้ลุกขึ้น ตอนนั้นพัชรก็โผล่หน้ามาพอดี

“เดี๋ยวฉันพากานดาไปซื้อเสื้อใหม่เอง” พัชรเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตรงมาหาจิระ

“ต้องให้ผมโอนเงินให้ไหม”

จิระหยิบมือถือเตรียมจะโอนเงินผ่านทางแอ๊ปของธนาคาร

“ไม่ต้อง ค่ารักษาค่ายานายก็น่าจะพอๆ กับเสื้อผ้าที่จะซื้อให้กานดาใหม่นั่นแหละ เอาเป็นว่าฉันรับผิดชอบทั้งหมดเอง นายอย่าลืมเอาใบเสร็จมาเบิกฉันด้วย”

ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าตัวเองกลับมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผู้กำกับชื่อดัง จริงๆ ก็เพียรพยายามมาระยะหนึ่งแล้ว แต่พัชรมีกำแพงอันใหญ่ที่ทลายลงยาก โอกาสมันมาแล้วกานดาจึงไม่ปฏิเสธ

หากมีสัมพันธ์ที่ดีกับพัชรเชื่อว่างานดีๆ คงเทมาหาไม่หยุด

“นายรีบไปโรงพยาบาลซะนะ” พัชรตบไหล่จิระเบาๆ ก่อนหันไปพูดกับกานดา “นายเองก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อใหม่ เดี๋ยวฉันจะถ่ายอีกฉากสองสามฉากค่อยเลิกกองแล้วพานายไปก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับผู้กำกับ”

ความใจดีของผู้กำกับในครั้งนี้ สร้างความประหลาดใจให้ทีมงานมาก ปกติไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของใครขนาดนี้

หรือว่าพี่แกรู้สึกดีๆ กับกานดามากเป็นพิเศษ อาจจะฉวยโอกาสที่จิระทะเลาะกับกานดา หาเรื่องใกล้ชิด โฮ้ว...ได้เรื่องซุบซิบมันๆ ตั้งสองอย่าง



พัชรมองตามหลังจิระไป เหตุการณ์เมื่อครู่เขาเห็นตั้งแต่ต้น ทั้งสองคนไม่สังเกตเห็นเขานั่งหลบมุมดื่มกาแฟแถวนั้น

ก็รู้ว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเบื้องลึกอันน่าสนใจในคราวนี้

“บางทีคู่ปรับของนางร้ายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอกเสมอไป”

พัชรกระตุกยิ้ม เขาพึมพำกับตัวเอง ถ้าเกิดว่าระหว่างจิระกับกานดายังไม่สร้างปัญหาในกองถ่ายก็แล้วไป เขาจะทำแค่มองดูห่างๆ

แต่ทั้งโดนชกหน้าทั้งจิกเล็บที่แขนแบบนั้น สงสัยคงเจ็บน่าดู ทีแรกคิดว่าจะชักสีหน้าหรือโวยวายอย่างในรายการเรียลลิตี้แท้ๆ

หมายความว่าตอนนี้เติบโตขึ้นจนเป็นผู้เป็นคนแล้วสินะ

พัชรยิ้มมุมปาก ทำเอาทีมงานที่อยู่ข้างๆ คาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าผู้กำกับจอมหน้าตายนี่ยิ้มเพราะอะไรกันแน่





++++++++++++++++

จริงๆ นิยายเราไม่ได้ซับซ้อนขนาดน้าน แล้วเราก็ไม่ได้สายดราม่าน้า 5555

ไอ้ที่กังวลกัน อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่สปอยน้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-06-2018 13:21:52
ไม่ชอบดราม่าเหมือนกานนนนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-06-2018 13:36:01
ก็ดีที่อย่างน้อยยังมีคนเห็นความสตอของกานดา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-06-2018 13:51:43
ยังดีที่ไม่ใครโง่ไปซะหมด
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-06-2018 14:11:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 16-06-2018 15:16:24
พระเอกคือใคร :hao4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่13 16/6/2018 หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-06-2018 16:18:32
กานดาจะร้ายไปไหน
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 16-06-2018 17:31:52
บทที่14

หลังจากเดินออกมาจากกองถ่ายไปยังรถ จิระก็ถอนหายใจออกมา พลอยชมพูหันมาส่งยิ้มให้

“สงสัยว่าผมคงถูกเล่นงานหนักอีกแล้วแน่ๆ”

“หมายถึงพวกนักข่าวหรือคะ”

“อื้อ...ข่าวแย่ๆ มันไปไวนะครับ แถมเจ็บตัวด้วยอีกแน่ะ”

“คุณเก็บอารมณ์ได้ดีมากเลยนะคะ ฉันเห็นทั้งสองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น”

“คุณหลบอยู่มุมไหนนี่” จิระหันไปมองมือข้างหนึ่งยังใช้น้ำแข็งประคบอยู่

“ขอโทษนะคะที่ฉันไม่ออกไป ถ้าฉันไปร่วมเหตุการณ์ด้วยเกรงว่ามันจะเลยเถิดกลายเป็นช่วยกันรังแกไปเปล่าๆ”

“งั้นก็ดีแล้วครับ” จิระยิ้มๆ “เดี๋ยวก่อนไปโรงพยาบาลไปรับดารันก่อนนะครับ น่าจะได้เวลาเลิกคลาสของเขาแล้ว”

“ค่ะ” พลอยชมพูหมุนพวกมาลัยหักรถเปลี่ยนเลนมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนสอนการแสดงของดารันทันที



“ไหงถึงหน้าเยินได้ขนาดนี้” พอเจอหน้ากันดารันก็ถามถึงทันที

“แย่ขนาดนั้นเชียว” จิระนึกอยากส่องกระจกขึ้นมานิดๆ

“ก็ไม่ขนาดนั้น เกิดอะไรขึ้นถึงได้หน้าช้ำแบบนี้ล่ะ”

“ก็นะ....” จิระเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง พอเล่าจบดารันก็หัวเราะชอบใจ

“นายหัวเราะที่ฉันเจ็บตัวหรือไง”

“เออสิ...” ดารันกระตุกยิ้ม จริงๆ มันประหลาดมากที่จู่ๆ จิระเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ถึงคนอื่นไม่สังเกต แต่คนที่เป็นคู่ปรับมาตลอดอย่างเขาย่อมรู้ดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดอยากค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ซักนิด

“ท่าทางจะโง่ลงนะ ยอมเจ็บตัวตั้งสองครั้ง แถมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้นักข่าวจะเอาไปลือยังไง แย่จังเลยนะ”

“นึกว่าจะสงสารฉันซักนิด”

“อย่ามาทำอ่อนแอ นายน่าจะเตรียมใจตั้งแต่มาเป็นนักแสดงแล้วนี่ การเป็นคนของประชน ต้องเจอข่าวซุบซิบทั้งทางดีทางร้าย ถ้าทนไม่ได้ก็เลิกทำอาชีพนี้ไปดีกว่า”

ดารันพูดด้วยเสียงที่เข้มงวด เขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อนนักเพราะงั้นจึงพูดตรงๆ และคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจิระที่ผ่านมา หากทำตัวอ่อนโยนคงจะดูตลก เสแสร้ง และประดักประเดิด

จิระไม่พูดอะไรทำเพียงแค่ส่งยิ้มกลับไป เขาเข้าใจสิ่งที่ดารันพูดดี ในชาติที่แล้วเขาล้มลุกคลุกคลานกับข่าวลือพวกนี้มามาก ร้องไห้เสียใจหรือหวั่นกลัวก็มากเช่นกัน แต่หลังจากเข้าใจโลกนี้ดีขึ้น เขาก็แทบไม่รู้สึกอะไรมากนัก

เรื่องของกานดาวันนี้ก็เหมือนกัน สิ่งเดียวที่จะขจัดคำนินทาไปได้ คือตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ให้ความเป็นมืออาชีพกลบทับข่าวลือในทางลบออกไป



เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจิระได้รับการตรวจจากคุณหมอประจำตัว ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักพอออกมารับยาก็พบว่าเพทายมาหาเขาถึงที่

“มาได้ยังไง” จิระยิ้มจนแก้มปริ

“แก้มคุณช้ำ” เพทายใช้ปลายนิ้วจับคางจิระก่อนจะขยับเพื่อให้สามารถเห็นรอยช้ำได้ถนัดๆ

“พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายหนังอีกไหมครับ” เพทายถาม

“ไม่ต้อง ผู้กำกับให้พักได้หนึ่งวัน”

เพทายฟังคำตอบแล้วคลี่ยิ้ม “ดีจริง ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณไปกับผมตามสัญญานะครับ”

ไม่นึกว่านัดเดตครั้งที่สองจะเร็วขนาดนี้ ทั้งที่นึกว่างานรัดตัวเพทายจนขยับทำอะไรไม่ได้เลยแท้ๆ

“ได้ยินจากคุณปู่ว่างานนายยุ่งมาก พรุ่งนี้แน่ใจนะว่าจะว่าง”

“ผมไม่ผิดสัญญาแน่”

“อื้อ...”

เพราะว่าจิระทำตัวว่าง่าย เพทายจึงใช้มือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ คนตัวเล็กกว่ารับตาพริ้มเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่น่ารักมากเหลือเกินในสายตาเพทาย

แต่สำหรับกับจินดาที่มาเห็นโดยบังเอิญกับดารันแล้วมันชวนให้ประหลาดใจมาก คนเป็นแม่ที่รีบมาโรงพยาบาลเพราะได้รับแจ้งจากพลอยชมพูตั้งใจมาดูอาการลูกชาย

กลับพบว่าเพทายที่น่าจะปลดเปลื้องภาระในการดูแลจิระไปแล้วปรากฏตัวข้างกายลูกชายของเธอ แถมปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนช่างหวานแหวว...

ใช่หวานแหวว ลูกชายของเธอที่เคยเกลียดเพทายมากมาก่อนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่เพทายที่เยือกเย็นและเฉยชาต่อจิระทุกสถานการณ์คนนั้นกลับทำเหมือนรักและเอ็นดูจิระมากมายขนาดนี้

คราวก่อนตอนที่เข้ามารับหมัดคมสันแทนจิระก็คิดไปอาจแค่เป็นห่วงเป็นใยกันเฉยๆ ไอ้แบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้คมสันเดือดดาลจนลงมือ

จริงๆ ถ้าจิระรักใครชอบใครสำหรับเธอขอแค่คนคนนั้นเป็นคนดีก็พอ เพทายก็ใช่ว่าไม่ดี แต่หลังจากฟังเรื่องของเด็กคนนี้จากคมสันมา เธอก็เริ่มกังวลแปลกๆ

เริ่มคิดไปว่าจิระอาจถูกเพทายล่อลวงลับหลังอะไรทำนองนี้ ขณะที่จะเดินออกไปหาลูกชายก็พบว่าจากอีกฝั่ง หม่อมเจ้าภาคิน เดินมาและตรงไปหาจิระ

แย่เลย เขาเห็นฉากที่เพทายลูบหัวและจิระหลับตาพริ้มพอดิบพอดี เธอไม่อยากคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น จินดาตัดสินใจแอบสังเกตการณ์ไปก่อน



ดารันมองดูภาพหวานแหววและบรรยากาศสีชมพูของจิระกับเพทายด้วยความประหลาดใจนิดๆ แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องของเขา คิดอย่างนั้นจวบจนภาคินแฟนของพี่ชายต่างมารดาปรากฏตัว

ดารันยังนึกแปลกใจตัวเองเลยที่รู้สึกเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดเรื่อง

“ฉันได้ข่าวว่าเธอบาดเจ็บก็เลยรีบมาดู ไม่นึกว่าจะมีคนตัดหน้าคอยดูแลเสียก่อน” ภาคินยังยิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิม ขณะที่ภายในหัวประมวลภาพเหตุการณ์ที่เห็นอย่างฉับไว

<จิระไม่ได้เกลียดเพทายอย่างนั้นหรือไง เมื่อกี้นี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนเกลียดกัน มันดูไปคล้ายคนรักที่กำลังอวดความสนิทสนมให้คนอื่นเห็นมากกว่า>

“คุณพี่เลี้ยงก็ยังดูแลจิระดีเหมือนเดิมนะ จิระเขาโตแล้วไม่จำเป็นต้องตามทุกฝีก้าวมั้ง”

“คุณจิระเป็นเด็กชายตัวน้อยที่น่ารักในสายตาของผมเสมอ”

แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนจิระให้เป็นแบบไหนก็ตาม เพทายคิดอย่างนั้น

“ความภักดีแบบนั้นมาจากไหนกันเพทาย ไหนลองบอกให้ฉันฟังที”

เพทายไม่เสียเวลาครุ่นคิดเขาตอบคำถามภาคินอย่างง่ายดาย

“นับตั้งแต่คุณจิระเลือกที่จะเข้ามาคุยกับผมท่ามกลางผู้คนมากมายผมก็มองแต่เขามาโดยตลอด”

ภาคินกระตุกยิ้ม เขาไม่รู้หรอกนะว่าไอ้เหตุการณ์ที่ว่ามันคือตอนไหนและเมื่อไหร่ แต่เขาเริ่มไม่สบอารมณ์ “พูดจาเหมือนบอกรักเลยนะ”

พอภาคินจุดประเด็น จิระก็ใจเต้นตึกตัก ชาติที่แล้วเขาลงเอยกับเพทายก็จริง แต่ฝ่ายนั้นยังไม่เคยพูดความในใจให้เขาฟัง นั่นเป็นเพราะช่วงเวลาที่คุณสามีดูแลเพื่อให้เขาคลายความเศร้า จิระเป็นฝ่ายเอาแต่ใจและพูดเรื่องของตัวเองฝ่ายเดียวตลอด

<เพทายเขาทนเราได้ยังไงกันนะ> คิดแล้วก็รู้สึกแปลกๆ เขาอยากฟังความในใจของเพทาย <ถ้าเขารักเราอีกครั้งเมื่อไหร่ คราวนี้จะถามว่าเพทายเห็นดีอะไรในตัวเรา>

จะว่าไปด้วยคำพูดเมื่อกี้ จิระเดาเอาจากความทรงจำเลือนลาง เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 6 ขวบ เขาเป็นคนเข้าไปทักเพทายที่ยืนโดดเดี่ยวและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

เพทายฝังใจกับเขาด้วยเรื่องเพียงเท่านี้น่ะหรือ เรื่องเพียงเล็กน้อยแค่นี้

<บ้าจริงทำไมเราถึงจำเรื่องตอนนั้นไม่ได้นะ>

“ตายจริง ทำไมอยู่กันพร้อมหน้าเลยล่ะจ๊ะ”

การปรากฏตัวของจินดา ทำให้บรรยากาศกดดันอันตรธานหายไป เธอเลือกที่จะโผล่มาในจังหวะนี้ เพราะไม่ต้องการให้ลูกชายคนดีของเธอถูกต้อนจนมุม

“สวัสดีครับคุณแม่” ภาคินไหว้จินดา จินดารับไหว้

“ผมได้ข่าวว่าจิระบาดเจ็บเลยลองมาดูที่โรงพยาบาลประจำของเขาน่ะครับ”

“ขอบใจมากนะภาคินที่ดูแลน้องเสมอเลย แล้วนี่จะกลับเลยหรือเปล่าจ๊ะ”

“ผมตั้งใจว่าจะชวนจิระไปทานข้าว แต่ดูท่าทางคงต้องเป็นคราวหน้า คนที่บ้านเขามากันเยอะแยะ ผมไม่กล้าตัดหน้าพาเขาไปเถลไถลหรอกครับ”

“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ไม่ต้องเกรงใจน้าหรอกนะภาคิน”

ภาคินขมวดคิ้ว สรรพนามแทนตัวของจินดาซึ่งใช้กับเขาเปลี่ยนไป ปกติจะแทนตัวเองเป็นแม่แต่คราวนี้ใช้เป็นน้าเสียนี่

“คุณแม่คงรู้แล้วว่าเราสองคนเลิกกัน”

“อ๋อ...จะ” เธอไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหม นี่เด็กรุ่นลูกแผ่รัศมีกดดันเธอหรือนี่ ทั้งที่ภาคินกำลังยิ้มแท้ๆ

“คุณแม่คงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ ถ้าเกิดผมจะขอเวลาทำให้จิระกลับมารักผมใหม่”

จิระเม้มปากเข้าหากัน นึกอยากต่อว่าภาคินให้เลิกตื้อตัวเองได้แล้ว แต่พอหันไปมองเพทายอีกฝ่ายส่งสัญญาณมาให้เขานิ่งเฉย ดังนั้นจิระจึงไม่พูดอะไร

“ฉันไม่รู้นะว่านายทำอะไร” ภาคินหันมาประกาศสงครามกับเพทาย

“แต่ฉันเองก็มีความพยายามไม่แพ้ใครเหมือนกัน” ขณะที่พูดภาคินหันมามองจิระ สายตาเขาดูมั่นใจในตัวเอง เหมือนนักรบที่พร้อมฟันฝ่าทุกอย่าง

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณแม่” ภาคินไหว้จินดาอีกครั้ง

“จะ กลับบ้านดีๆ นะ”

“ครับไว้ผมจะหาเวลาว่างไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านมกรธวัช”

“จะ”

พายุได้สลายตัวไปแล้ว จิระสบตากับเพทาย สายตาของอีกฝ่ายช่างอ่อนโยนเหลือเกิน

“ช่วยเล่าหน่อยได้ไหม เรื่องสมัยเด็กของฉัน”

จิระลืมไปว่ารอบกายมีใครอยู่ เพทายคลี่ยิ้มอ่อนโยน ยังไม่ทันได้รับคำตอบจินดาก็เข้ามาขวางเสียก่อน

“เอาล่ะกลับบ้านเถอะ เพทายเธอเองก็น่าจะมีงานอยู่ใช่ไหม”

เมื่อถูกจินดาเตือนเพทายก็ยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นมาดู

“ผมต้องไปแล้วจริงๆ ต้องพาท่านวศินไปตีกอร์ฟที่บ้านเพื่อนของท่านน่ะครับ”

“ตายจริงคุณพ่อมาด้วยหรือเนี่ย”

“ท่านคุยกับเพื่อนของท่านอยู่ที่คาเฟ่ใกล้ๆ นี่ ท่านจินดาไปอาจทำให้ท่านวศินไม่สะดวก”

เมื่อเพทายหาทางลงให้แบบนี้ จินดาก็โล่งใจ เธอยังไม่อยากให้จิระเจอคุณพ่อตอนนี้ เรื่องอาการบาดเจ็บจากการทำงานเธอจะเข้าไปพูดกับคุณพ่อเอง ก็ถ้าท่านถามน่ะนะ

“งั้นเรากลับบ้านกัน คุณชมพูกลับได้เลยนะเดี๋ยวฉันจะพาลูกชายสองคนกลับเอง”

ออกคำสั่งจบเธอก็พาดารันกลับจิระไปยังรถ ระหว่างทางกลับบ้านเธอลอบสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิระและดารันอย่างเงียบๆ

ประหลาด ประหลาดมากๆ เด็กสองคนนี้สามารถนั่งใกล้กันโดยไม่ทะเลาะกันได้ จิระก็อ่านบทของตัวเองไป ส่วนดารันก็เล่นมือถือเงียบๆ

ปกติแค่มองหน้ากันยังแยกเขี้ยวใส่กันเลย ตั้งแต่ลูกชายเธอกลับมาจากการแข่งรายการเรียลลิตี้ ก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเพิ่มขึ้นทุกวัน

ลูกชายเธอเติบโตขึ้นแล้ว จินดาใช้ข้ออ้างนี้ในการหาคำอธิบายทั้งหมด เธอจะคิดมากทำไมเมื่อพี่น้องเขาไม่ทะเลาะกัน เธอไม่ชอบดารินก็จริงแต่ไม่นึกเกลียดดารัน

เธอคิดเสมอว่าเด็กที่เกิดมาไม่ผิด เขาเลือกเกิดไม่ได้ หากเธอจะรังเกียจต้องมาจากพฤติกรรมหยาบช้า ซึ่งดารันไม่เป็นแบบนั้น

“จิระเดี๋ยวไปห้องของแม่นะ แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก” เธอบอกจิระหลังจากกลับมาถึงบ้านมกรธวัชแล้ว





+++++++++++++++

เบิ้ลสองตอนได้เพราะเป็นวันหยุด ฮิฮิฮุฮุ 

เด๋วกลับไปเล่นcivilaizationต่อ พระเอกเป็นใครไม่น่าเดากันยากนะ ไม่ซับซ้อน
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-06-2018 18:14:56
มาสองตอนเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-06-2018 18:51:22
ใครพระเอก :hao4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-06-2018 19:20:43
ดีใจที่เปิดมาเจออีกตอน อร๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-06-2018 20:41:21
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 17-06-2018 01:49:12
ยังไม่แน่ใจว่าใครพระเอก แต่ทีมเพทายเต็มกำลังเลยค่ะ


คนแต่งแต่งดีมากอ่ะ เราชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่14 16/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 17-06-2018 10:07:41
……


พระเอกเป็นใครกันนะ ไม่น่าเดายาก.  เหรอออออ5555


2ตัวเลือกอยู่ดีอ่ะ. เพทายนักธุรกิจไฟแรง กับ พัชรผู้กำกับหนุ่ม


ชาตินี้อาจเปลี่ยนแปลงไปจากชาติที่แล้วไหม. จากพฤติกรรมของจิระ


สิ่งดีๆจะเข้ามาในชีวิตและครอบครัวน่ะ.


ดูอย่างภาคินซิ. ยังกลับมาง้องอนตามตื้อจิระอยู่เลย.


อ่ะ.  เชียร์ผัวเก่าเหมือนเดิมก้อได้ก้อได้.


#ทีมเพทาย





 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:



..


หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 17-06-2018 12:13:54
บทที่15

จิระตามจินดาไปยังห้องส่วนตัวของแม่ ถูกเรียกให้ไปนั่งข้างๆ กันบนเตียง แม่ดูมีท่าทางอึดอัดและลังเลใจที่จะพูด

“จิระลูก...ชอบเพทายงั้นหรือจ๊ะ”

“ครับ...ผมชอบเขา”

พอได้ฟังคำพูดของลูกชายจินดาก็ถอนหายใจ “แม่จะไม่ห้ามให้ลูกรักใครหรอกนะ แต่ลูกต้องรู้ประวัติความเป็นมาของเพทายเอาไว้ก่อนคงดีกว่า”

จิระขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าแม่ต้องการสื่ออะไร แต่ก็นิ่งฟังแม่เล่าเรื่องของเพทายอย่างเงียบๆ

“ผมรู้อยู่แล้ว เพทายเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขาคร่าวๆ”

จิระหมายถึงเมื่อชาติที่แล้ว หลังจากแต่งงานกันเพทายเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองเป็นหลานซึ่งเกิดจากน้องสาวของคุณปู่ที่หนีตามผู้ชายไป

ก่อนวันที่เขาจะตาย เพทายตั้งใจจะพาเขาไปเคารพอัฐิของแม่ที่วัดพร้อมกับเล่าเรื่องของตนเองให้เขาฟัง ทว่าจิระก็มาประสบอุบัติเหตุตายเสียก่อน

“อา...เขาบอกลูกงั้นรึ”

จินดาคราง นี่ลูกชายของเธอกับเพทายก้าวหน้ากันไปถึงขนาดนี้แล้วหรือนี่

“แม่ครับ” จิระคว้ามือของแม่มากุม “ตอนนี้ผมเข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นเองถึงแม้จะลมลงไปอีก ผมแค่อยากลองซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกแล้วก็เดิมพันกับความรักอีกซักครั้ง แม่อย่าเป็นห่วงผมเลย”

สีหน้าจริงจังของจิระทำให้จินดาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก ในเมื่อลูกชายของเธอเติบโตขึ้นแล้ว เธอก็ควรให้เขาล้มและลุกด้วยตัวเอง สิ่งที่คนเป็นแม่ควรทำคืออยู่เคียงข้างลูกเสมอไม่ว่าจะล้มหรือก้าวเดินอย่างสง่างาม

“เข้าใจแล้วจะ...แม่จะอยู่ดูลูกตลอดไป ไม่ว่าจิระจะล้มหรือก้าวเดินอย่างสง่างาม แม่จะค่อยสนับสนุนลูกอยู่ข้างหลัง จิระทำตามที่ต้องการเถอะ”

“ขอบคุณครับแม่” จิระยิ้มแล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่



สำหรับเรื่องของเพทายจิระพอเดาได้ว่าแม่กังวลเรื่องอะไร คงกลัวว่าเขาอาจถูกเพทายใช้เป็นเครื่องมือแล้วเขี่ยทิ้ง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงเขาก็ไม่โทษเพทายเลย ในเมื่อทั้งชาติก่อนและชาตินี้ก่อนที่เขาจะกลับมาเกิดใหม่ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเพทายดีเลยแม้แต่นิดเดียว

แค่ครั้งนี้เท่านั้น ขอให้เขาได้ลองไล่ตามความรักอีกซักครั้ง กับเพทายที่เคยมอบความรักความอบอุ่นมาให้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต



คมสันลงมายังห้องอาหารเป็นคนแรก กิจวัตรประจำวันของเขาคืออ่านข่าวจากหลายๆ สนพ วันนี้เขาหยิบเอาหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อที่สุดเปิดอ่านเป็นฉบับแรก หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เล่มนี้ มีบทสัมภาษณ์ของเพทาย ทั้งยังมีรูปเหมือนกรอบใหญ่แปะหรากินพื้นที่ 2 ใน 5 ของหน้าแรก

ตรงข้อความเล็กๆ ใต้รูปบอกให้อ่านต่อที่หน้า 3 คมสันกัดฟันกรอด ครุ่นคิดว่าน้ำหน้าอย่างมันไปทำอะไรถึงมีสนพ.ไปขอสัมภาษณ์ จากนั้นพอเหลือบมองก็พบว่ามุมบนของรูปเพทายมีกรอบเล็กๆ เป็นรูปของวศิน มันทำให้คมสันเดาว่าอาจเป็นเพราะคุณพ่อนั่นแหละที่ทำให้มันมีโอกาสแบบนี้

คมสันไม่รีรอที่จะเปิดหน้า 3 อ่าน พอได้อ่านเขาก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ พออ่านจบก็แทบจะฉีกหนังสือพิมพ์ทิ้งด้วยความเดือดดาล

ธุรกิจแนวใหม่อะไรวะ ร้านคาเฟ่แบบCo-working Space อะไรกันวะ ศัพย์แนวใหม่ที่ไอ้เพทายมันบัญญัติขึ้นมาช่างน่าขยะแขยง ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเป็นแนวคิดทุเรศๆ ร้านคาเฟ่ที่สามารถให้ลูกค้านั่งทำงานได้ นั่งประชุมได้

แนวคิดเหี้ยๆ ถ้าปล่อยให้ลูกค้านั่งนานๆ รายได้ของร้านก็ลงลดน่ะสิ แล้วอะไรคือพิสูจน์แนวคิดแล้วจากการทดลองเปิดมา 4 ปี จนมีนักธุรกิจและนักศึกษามาใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเปิดสาขาเพิ่มถึง 20 สาขา ทั่วเมืองB นี่มันซุกโครงการนี้ไว้ใต้จมูกข้าตั้ง 4 ปีเชียวหรือวะ

<ลำเอียง คุณพ่อลำเอียง> คมสันริษยาจนตาแดงก่ำ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาเป็นแค่ลูกบุญธรรมที่มีหุ้นของครอบครัวแค่ 3 เปอร์เซ็นเท่านั้น แถมคุณพ่อเองก็ยังไม่ไว้ใจให้เขาทำอะไรเอง

คมสันรู้ดีว่าตัวเองไม่มีหัวทางธุรกิจ แต่ก็มีความหวังพอสมควรเพราะจิระนั้นหัวดีเรียนเก่งจนได้อันดับดีๆ เสมอมา เขาคาดหวังให้จิระเป็นตัวแทนของตน ทั้งอย่างนั้นไอ้ลูกไม่รักดีกลับทำตัวเหมือนหญิงแพศยาเอนเอียงเข้าหาไอ้เพทาย

ไอ้ลูกโง่มันคิดหรือว่าถ้าไอ้เพทายมันได้ดิบได้ดี มันจะเลี้ยงดูตัวมันอย่างดีงั้นรึทำไมลูกของเขาถึงได้โง่อย่างนี้ แล้วทีนี้ควรทำอย่างไรดี ยิ่งนานวันไอ้เพทายมันยิ่งโดดเด่น หากมันยังก้าวหน้าไปมากกว่านี้ สายตาของคุณพ่อคงมองมันจากแค่แขนขวากลายเป็นผู้สืบทอดในใจไปก็เป็นได้

ขณะที่คิดอย่างเป็นกังวลไอ้ลูกตัวดีกับภรรยาหลวงก็เดินคลอเคลียกันเข้ามา ตามด้วยดารันลูกคนเล็ก โดยนิสัยของคมสันที่เป็นคนสนใจเพียงแต่เรื่องของตัวเอง

แม้จะเห็นความสนิทสนมอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างจินดา จิระ และดารัน เขาก็ไม่ได้สังเกตหรือแปลกใจ นั่นก็เพราะมัวแต่คิดโทษจิระว่าไม่เอาไหน แถมในหัวยังคิดแค้นเพทายโดยไม่มองอย่างอื่นเลย

ซ้ำร้ายไปกว่านั้นไอ้เพทายยังเดินเข้ามาพร้อมคุณพ่อ พูดคุยกระหนุงกระหนิงบอกชัดถึงความสัมพันธ์ ไฟริษยาลุกช่วงในดววงตาของคมสัน ถ้าเพียงแต่จิระมันรักดีซักหน่อยที่ยืนตรงนั้นคงเป็นมันไม่ใช่ไอ้เพทาย

“โอ้...มากันเร็วเหลือเกินนะ” วศินดูอารมณ์ดีกว่าทุกเช้า หลังจากนั่งบนเก้าอี้ก็เริ่มทักทายพูดคุยกับลูกหลาน

“ได้ฟังจากเพทายมาแล้วว่าเมื่อวานจิระเจ็บจากการถ่ายทำ เป็นยังบ้างล่ะวันนี้”

จินดาเกร็งตัวทันที หรือว่าคุณพ่อจะเอาเรื่อง ขณะที่รวบรวมคำพูดที่คิดมาทั้งคืนเพื่อตอบคำถาม ก็ถูกคมสันตัดหน้าพูด

“จินดานี่เธอปล่อยให้จิระมันเจ็บตัวในกองถ่ายรึ ไหนว่างานขายเนื้อหนังพวกนี้สบายๆ ไง ถึงกับต้องเจ็บตัวแบบนี้ เลิกทำมันไปเสียดีกว่าไหมหะ”

คมสันเอาอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหมดใส่ลงมากับเหตุการณ์ที่จิระเจ็บตัวอันนี้ ก็ดีเหมือนกันเขาจะใช้เป็นข้ออ้างกับคุณพ่อสั่งให้จิระมันเลิกทำงานเป็นดาราบ้าๆ นี่ซักที

“คุณพ่อเห็นไหมครับว่ามันไร้สาระมากแค่ไหน เงินก็น้อย แถมยังต้องเจ็บตัวอีก”

“เงินที่ได้จากการเป็นนักแสดงมันก็ไม่น้อยนะครับคุณพ่อ”

คมสันแทบไม่อยากเชื่อหู นี่ดารันพูดเอาใจช่วยจิระมันหรือ ไอ้ที่พี่น้องรักกันมันก็ดี แต่ไม่ควรให้ท้ายพี่ชายทำเรื่องโง่ๆ หรือเปล่า

“ดารันเราไม่รู้อะไรอย่าพูดแทรกผู้ใหญ่จะดีกว่า”

ดังนั้นดารันจึงหุบปากแล้วก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก

“คุณพ่อผมว่าให้จิระมัน” ยังพูดไปจบวศินก็ยกมือส่งสัญญาณบอกให้คมสันหยุดพูด เขาจำต้องหุบปากอย่างไม่เต็มใจ

“ไหนมาให้ปู่ดูรอยที่หน้าสิ” วศินกวักมือเรียก จิระลุกไปหาคุณปู่ย่อตัวลงเพื่อให้อยู่ในระดับสายตาที่คุณปู่เห็นถนัดๆ

“ไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไหร่ นี่คงประคบมาทั้งคืนเลยสิ”

“ครับคุณปู่”

“เราชอบงานแสดงใช่ไหม”

“ครับ” จิระตอบ

“ถึงจะต้องเสี่ยงเจ็บตัวก็ยังชอบงั้นรึ”

“มันเป็นความเสี่ยงในอาชีพครับ ถ้ารักที่จะทำงานนี้ ผมต้องเตรียมใจว่าจะเจออะไรอีกเยอะมาก”

“รวมถึงข่าวซุบซิบโง่ๆ นี่ด้วยใช่ไหม” วศินกล่าวจบก็หยิบแท็ปเล็ตขึ้นมาเปิดอ่านข่าวให้ได้ยินกันทั่วถ้วน

“ดาราหน้าใหม่ จ ทะเลาะกับ ดาราหน้าใหม่ ก อีกแล้ว แต่ไม่น่ากรี๊ดเท่ากับผู้กำกับ พ ปลอบใจ ก ด้วยการพาไปซื้อเสื้อผ้ากระหนุงกระหนิง”

“นั่นไง” คมสันตบโต๊ะ “จิระมันไป่ก่อ...”

“เงียบก่อน” วศินปรามทำให้คมสันต้องหุบปากอีกครั้ง

“รู้สึกยังไงกับข่าวซุบซิบอันนี้ หืม...”

“ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้ ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา” จิระกล่าวคำคมออกมาเป็นคำตอบ วศินได้ฟังแล้วอมยิ้มน้อยๆ

“หลานจะบอกว่าปลงและทนได้งั้นรึ” จิระยักไหล่ทั้งยังแลบลิ้นออกมา

“ผมอวดเก่งไปอย่างนั้นแหละครับคุณปู่ จิตใจของคนเราในแต่ละวันไม่นิ่ง บางอย่างผมอาจทนได้และบางอย่างอาจทนไม่ได้ แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าจะอยู่ในวงการนี้ ผมก็ไม่ควรเก็บมาคิดไปซะทุกเรื่อง”

“เออ...แนะ...แม่จินดา สอนลูกได้ดีทีเดียวนี่” วศินหันไปชม

จินดาปั้นหน้าไม่ถูกทีเดียว เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าลูกชายคนนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขนาดนี้ได้ตอนไหน ลูกของเธอเข้มแข็งขึ้นจนน่าภูมิใจขนาดนี้ เธอรู้สึกพลาดอะไรไปหลายๆ อย่าง แต่ก็อดมองลูกชายคนเดียวด้วยความรักหลงไม่ได้

“เอาเถอะ ถ้าชอบวงการนี้ปู่จะไม่ห้าม แต่ถ้าล้มเมื่อไหร่ต้องกลับมาเรียนรู้กิจการของบ้านเรา โดยส่วนตัวปู่เองก็พอรู้เรื่องวงการนี้อยู่บ้างเพราะหลานของเพื่อนเองก็ฝั่งตัวในวงการนี้จนมิดร่างไปแล้ว...ดารันเองก็เหมือนกันนะ ถ้าอยากทำอะไรใหม่ๆ เหมือนจิระปู่จะให้โอกาส”

“อย่าพูดเล่นสิครับคุณพ่อ” คมสันแทบร้องครางออกมา เขาคิดในแง่ร้าย หรือว่าคุณพ่อจะพยายามเขี่ยลูกๆ ของเขาออกไป เพื่อให้ไอ้เพทายมันขึ้นมาแทนที่ โธ่โว้ยไอ้จิระก็ไม่ได้เรื่อง ส่วนดารันก็หัวอ่อนเกินไป ทีนี้เขาจะพึ่งใครได้

ในขณะเดียวกันสำหรับดารัน คำพูดของคุณปู่เปรียบเสมือนเส้นทางแห่งความหวัง การที่หนทางเปิดกว้างขนาดนี้ มันทำให้อดนึกขอบคุณจิระที่เป็นคนบุกเบิกเส้นทางจนก้าวเดินไปอย่างง่ายๆ ไม่ได้

ดารันพึมพำขอบคุณพี่ชายโดยไม่ให้ใครได้ยิน แต่ว่าถึงคุณปู่อนุญาตก็ไม่รู้อุปสรรคชิ้นใหญ่อย่างคุณแม่เขาจะฝ่าฟันไปได้ไหม ถึงตรงนี้ใบหน้าที่เคยยิ้มสดใสของดารันก็สลดลง

สิ่งที่คุณแม่ต้องการ คือเขาที่เป็นเหมือนตุ๊กตา ตุ๊กตาที่นำมาซึ่งชัยชนะกับชื่อเสียงเหนือจิระและคุณจินดา เขารู้ว่าไม่สามารถเรียกร้องให้ใครช่วยได้

แต่ลึกๆ อยากให้ใครซักคนเป็นกำลังใจและคอยผลักดัน ดารันปลายมองไปยังจิระอย่างลังเลใจ เขายังไม่กล้าไว้ใจจิระ ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามทำตัวเป็นพี่ชายที่ดี

จังหวะนั้นจู่ๆ มือถือของคมสันก็ดังขึ้น มันเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ไม่รับก็ไม่ได้เผื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นคมสันจึงขอตัวไปรับสายที่ห้องอื่น

“คุณพ่อคมสันหรือครับ นี่ผมภาคินเอง”

คมสันเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมไปได้เบอร์ผมมาจากไหนหรือครับ”

“คุณพ่อไม่ต้องพูดสุภาพกับผมก็ได้ครับ คุณเป็นพ่อของจิระผมเห็นเป็นเหมือนพ่อแท้ๆ อยู่แล้ว”

“อ้อ...”

“ผมขอเลี้ยงข้าวคุณพ่อซักมื้อ พูดคุยเกี่ยวกับจิระซักหน่อยได้ไหมครับ”

ถึงตรงนี้คมสันก็ประมวลผลในหัวอย่างรวดเร็ว จิระมันบอกว่าเลิกกับภาคินแล้ว แต่นี่ภาคินคิดจะเข้าทางเขาเพื่อง้องอนจิระ

จู่ๆ หลอดไฟแห่งความคิดก็สว่างวาบในหัวของคมสัน ถ้าจิระมันแต่งงานกับภาคิน ก็หมายความว่าทั้งเงินทุนและแรงสนับสนุนจำนวนมากจะได้มาในมือ อย่างนี้มันก็เป็นหลักประกันในอนาคตที่ดีไม่ใช่หรือไง

“โอเค...นัดวันมาเลย พ่อพร้อมที่จะไปกินข้าวกับคุณเสมอ”



++++++++++++++++

อยากเล่นเกมส์ ดีทรอย บีคัม ฮิวแมน มาก แต่ไม่มีเงินซ์ื้อเครื่องเพลย์4 

จึงได้แต่ดูแคสเกมของตาเอก ฮารทร็อคเกอร์ กับ นัทปิ่นโตไปพลางๆ

โอ้ยดูตะบี้ตะบันแบบว่า 5555 เวลามีเท่าไหร่ไม่เคยพอ

แสดงความคิดเห็ฯเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-06-2018 12:45:04
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-06-2018 15:23:26
อย่าสร้างเรื่องดิคมสัน :z6:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 17-06-2018 18:04:54
ตาคม นี่รักแต่ตัวเองมากๆ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-06-2018 18:21:13
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-06-2018 20:07:45
เอาคมสันไปเก็บ ขี้อิจฉาจริงๆ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-06-2018 20:58:07
รอ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่15 17/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Merai_View Ha Bin ที่ 18-06-2018 00:07:15
เกลียดอิภาคินอ่ะ  :m31:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่16 18/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 18-06-2018 16:49:35
บทที่16

หลังจากไปส่งดารันที่โรงเรียนสอนการแสดง จิระก็นั่งอยู่ในรถปล่อยให้เพทายเป็นผู้นำทริปเดตในครั้งนี้

“นี่เรากำลังจะไปไหนหรือเพทาย”

“ไปเคารพอัฐิแม่ของผม”

พอได้ยินคำตอบจิระก็มีคำถามในหัว นี่เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม มันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่เพทายจะพาเขาไปเคารพอัฐิของแม่ ก็ในเมื่อชาตินี้ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมาเกิดใหม่ เพทายยังลิ้มรสชาติความแสบของเขาอยู่เลย

ถึงแม้ว่าสองสามอาทิตย์มานี้จิระจะเปลี่ยนแปลงไปและพยายามรุกจีบ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับอีกฝ่ายก็ไม่ควรคืบหน้าเร็วอย่างนี้

ก่อนหน้านั้นทำไมเขาไม่นึกเอะใจมาก่อนเลยนะ จากความสัมพันธ์ในช่วงนี้ของเขากับอีกฝ่ายทำให้คิดได้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเพทายที่มีต่อเขาควรจะนิ่งเฉยเย็นชาสิ

หรือว่า จิระใจเต้นตึกตัก เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังขับรถ

เขาอยากรู้ความจริง แล้วด้วยความที่เป็นคนโผงผางและค่อนข้างตรง ถึงจะพยายามแก้นิสัยเดิมที่ทำให้เสียเปรียบอันนี้ เขาก็ยังเลือกทำตามหัวใจเรียกร้อง

“ฉันกลับชาติมาเกิดใหม่ และชาติที่แล้วเราสองคนได้แต่งงานกัน ถ้าฉันบอกอย่างนี้นายจะเชื่อไหม”

จิระจ้องมองใบหน้าของเพทายอย่างเอาเป็นเอาตาย ตื่นเต้นเหลือเกินกับคำตอบ

“ก็ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงชาตินี้ผมก็จะแต่งงานกับคุณอีก”

เพทายอมยิ้มขณะหมุนพวกมาลัย ในขณะที่จิระนิ่งงัน จริงๆ คำถามของเขานั้นอ้อมค้อมไป ควรอธิบายเพิ่มเติมเช่นว่า นายกลับชาติมาเกิดเหมือนฉันใช่ไหม อะไรทำนองนี้

แต่เพราะเขินอายขึ้นมาเสียแล้ว คำพูดของเพทายไม่ได้หมายความว่าต้องการที่จะแต่งงานกับเขาหรอกหรือ

เพราะว่าเขินอายจิระจึงแก้อาการด้วยการมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ฉันอยากให้นายเล่าเรื่องของฉันกับนายสมัยเด็กให้ฟัง”

“คุณในสมัยที่เป็นเด็กน่ารักมาก”

เพทายพูด เขาหวนระลึกถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้น ตั้งแต่จำความได้เขาก็มักมองแม่ด้วยสายตาที่เจ็บปวดผสมดูแคลนมาโดยตลอด แม่ของเขาไพลินเป็นผู้หญิงที่อ่อนต่อโลกคนหนึ่ง

เป็นลูกคุณหนูที่หวังจะพบรักแท้โดยไม่แบ่งแยกฐานะ ถูกพ่อสวะหลอกให้หนีตามกันและเริ่มต้นชีวิตอันยากลำบากในฐานะคนหาเงินนับแต่ตอนนั้น

ไพลินเชื่อว่าปวิธเป็นคนน่าสงสาร เพราะหากไม่มีเธอปวิธจะไม่เหลือใคร ดังนั้นต่อให้คนเป็นสามีเอาแต่ดื่มเหล้าอาละวาดหรือทุบตีเพทายเธอก็ยังพร่ำสอนให้ลูกชายคนเดียวอดทน

เพทายเติบโตขึ้นมากลายเป็นคนก้าวร้าว ใบหน้าสวยหวานไปกันไม่ได้กับการกระทำ แต่ละวันของเพทายหมดไปกับการทะเลาะวิวาธ เขาต่อยตีเก่งเรื่อยๆ จนปวิธไม่กล้าลงมือทุบตีเขา

เนื่องจากทั้งรำคาญทั้งสมเพชผู้เป็นแม่นานวันเขาเพทายก็เหินห่างจากไพลิน เขาทำตัวลอยอยู่เหนือทุกสิ่งไปโรงเรียนบ้างไม่ไปบ้างแต่ก็ยังไถเงินแม่ตนเองทุกวัน

จนมีอยู่วันหนึ่งเขาก็พึ่งรู้ว่าแม่เป็นมะเร็ง นั่นแหละเพทายถึงได้เกิดความกลัวจับใจเป็นครั้งแรก หากแม่ตายเขาจะเหลือตัวคนเดียว จะไม่มีใครมอบความรักความเมตตาให้เขาอีก

เมื่อรู้ตัวว่าสิ่งใดสำคัญเพทายก็ทำงานหาเงินอย่างหนักเพื่อรักษาแม่ ทว่ามันไม่เคยพอ เขาต้องปล่อยให้แม่ป่วยและตายไปอย่างช้าๆ เพราะอย่างนั้นเมื่อลุงของเขาวศินปรากฏตัวขึ้นในงานศพของแม่

เพทายจึงขุ่นมัวและชิงชัง เขาโทษว่าเป็นความผิดวศินทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แถมหลังจากนั้นไม่กี่วันยังถูกเชิญไปงานวันเกิดอันหรูหราของลุง

คิดหรือว่าเพทายจะยินดีและมีความสุข เขาหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย ในขณะที่แม่ของเขาต้องลำบาก แต่คนที่นี่กลับอยู่สุขสบาย มันน่าแค้นใจนัก

ในตอนนั้นเด็กตัวเล็กๆ ก็สะกิดขาเขา เพทายก้มลงไปมอง เด็กคนนั้นทำหน้าไม่สบายใจทั้งยังยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

“ขอบใจ” เพทายรับมาและไม่ได้สนใจเด็กคนนั้นอีก แต่เด็กนั่นไม่ไปกลับยืนเป็นเพื่อนเขานานทีเดียว

“น้องจิก็เหงาเหมือนกัน แม่ของจิไม่ค่อยว่างเพราะเป็นดารา ส่วนพ่อของจิก็วุ่นวายกับพวกอีหนู”

เพทายหันไปมองตาปริบๆ นี่เด็กน้อยจะรู้ความหมายของคำพูดตัวเองไหมนะ

“รู้ความหมายของอีหนูหรือไง”

“รู้สิ...ถ้าเป็นน้องจิจะไม่ทำให้คนที่จิชอบเสียใจเด็ดขาด” พูดจบเด็กน้อยก็ก้มหน้าทั้งบิดมือไปมาด้วยความขวยเขิน

“เพราะงั้นพี่คนสวยต้องเป็นเจ้าสาวของจินะ น้องจิสัญญาว่าจะไม่นอกใจ”

“จีบกันง่ายๆ อย่างนี้เลย”

“ไม่ได้เหรอ” จิระตัวน้อยเอียงคอมองมาตาแป๋วๆ ท่าทางน่ารักน่าชัง ในตอนนั้นวูบหนึ่งรู้สึกถึงความดำมืดในจิตใจ

“ฉันไม่ชอบคนพูดพล่อยๆ ถ้าฉันเอาจริงล่ะก็นายอาจจะเดือดร้อนได้นะ”

“น้องจิเอาจริงไม่พูดพล่อย ถ้าจิไม่คว้าพี่ไว้ตอนนี้จิก็อดได้เจ้าสาวที่สวยที่สุดในงานสิ”

เพทายกระตุกยิ้มมุมปาก “เจ้าสาวที่ซอมซ่อแบบนี้ นายไม่อายหรือ”

“จิสัญญาว่าถ้าพี่มาเป็นเจ้าสาวของจิ จิจะดูแลอย่างดี”

“สาบานแล้วนะ”

“เกี่ยวก้อยสาบาน” จิระกับเพทายเกี่ยวก้อยกัน หลังจากนั้นก็ถูกรบเร้าให้มาพบกันอีก ทีแรกเขาตั้งใจจะหนีออกจากบ้านไปหางานทำเลิกเรียนและไม่ต้องการอยู่กับพ่อขี้เมา

แต่คุณลุงก็เสนอให้เป็นพี่เลี้ยงของจิระแลกเงิน จิระรบเร้าให้เขารับปากทำงานนี้

“นายอยากให้ฉันมาเจอนายบ่อยๆ งั้นสิ”

เพทายถามความรู้สึกจิระต่อหน้าวศิน เขาไม่ได้กลัวว่าลุงจะมองเขาไม่ดีซักนิดเดียว ต่อให้มองว่าไม่ดีหรือขับไล่เขาไป เขาก็เตรียมหาลู่ทางเอาไว้แล้ว เพื่อนที่สนิทสนมร่วมลำบากด้วยกันมาพร้อมจะช่วยเหลือเขาเสมอ

แต่จิระตัวน้อยทั้งออดอ้อนทั้งข่มขู่ตบท้ายด้วยการร้องไห้ เด็กนี่ต้องการเขามากถึงขนาดนั้น ดังนั้นเพทายจึงตอบตกลง

จากนั้นไม่เพียงมอบเงินค่าแรงให้ ยังส่งเสียค่าเล่าเรียนอย่างดี ช่วงนั้นเหมือนชีวิตของเขาจะเป็นขาขึ้น เมื่อแม่ตายพ่อก็ทิ้งเขาไปอยู่กับเมียใหม่ ดังนั้นเพทายจึงอาศัยอยู่ในห้องเช่าที่วศินจัดหาให้

จิระที่ว่าง่ายเชื่อฟังและช่างออดอ้อนนั้นช่างมีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก เด็กน้อยมักพูดว่าเพทายคือสำบัติของตนและตัวเองก็คือคนของเพทาย

ปากก็พร่ำบ่นว่าถ้าโตขึ้นเมื่อไหร่จะแต่งงานกัน เรื่องนี้แม้แต่คุณลุงเองก็ทราบดี คำสัญญาและรอยยิ้มที่มอบให้มาเป็นเหมือนคำสาป โดยไม่รู้ตัวจิระก็กลายเป็นเสมือนดวงจันทร์ที่โคจรรอบๆ เพทาย

น่ารัก อบอุ่น และอ่อนหวาน สองปีผ่านไปอย่างมีความสุข เพทายไม่เคยเอาใจใส่ใครขนาดนี้มาก่อน ในแต่ละวันยิ่งเพิ่มพูนความหวงแหนและความเป็นเจ้าของดั่งเช่นคำขอแต่งงานที่จิระพร่ำบอกต่อเนื่องราวกับคำสาป

“ถ้าอยากแต่งงานกับจิระ เธอก็ต้องมาเป็นลูกบุญธรรมของฉันเริ่มเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัว หรือคิดว่าไง”

คุณลุงยื่นข้อเสนอให้เขา ตอนนั้นเขากำลังจะเรียนจบมัธยมปลายและจิระอายุใกล้เก้าขวบ นับวันยิ่งน่ารักน่าชังมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เด็กนี้กลายเป็นดอกไม้ที่กลางใจเบ่งบานและคอยให้รดน้ำจนเติบโต

“ผมต้องทำยังไง”

เพทายรับข้อเสนอ ดังนั้นจึงต้องไปเรียนที่มหาลัยชั้นยอดในต่างประเทศตามคำสั่ง จิระร้องห่มร้องไห้ปานขาดใจ

ครั้งสุดท้ายที่แยกจากกัน จิระตะโกนใส่หน้าเขา ว่าไม่ต้องการเจอคนทรยศอย่างเขาอีก

เขาใจว่าคงแค่เสียใจที่ต้องแยกกันหลายปี แต่เมื่อกลับมาถึงได้รู้ว่า คมสันยุแยงจนจิระเกลียดชังเขาเข้าแล้ว

“ทั้งที่คุณดื้อเหลือเกิน แต่ผมก็ยังยึดมั่นกับความรักที่มีต่อคุณ ถึงแม้หลายครั้งจะอยากจับคุณมาขย้ำขยี้สั่งสอนให้หลาบจำก็ตาม”

“ฉันขอโทษ จนถึงก่อนหน้านั้นที่ฉันเกลียดนาย ไม่สิโทษใครไม่ได้ต้องโทษฉันเองที่อ่อนแอ”

“ผมรู้แล้ว คุณยังเล็กนัก แถมระยะเวลาที่ห่างกันก็ยาวนาน อีกทั้งคุณเองก็ต้องการได้รับความรักจากคนเป็นพ่อ ผมเข้าใจดี”

“นายคงไม่เกลียดฉันใช่ไหม” จิระเสียงสั่น เริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง

“หรือว่าที่ทำดีกับฉันเพราะแค่สงสาร”

“ทั้งรักทั้งสงสาร ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณนับวันยิ่งยุ่งเหยิงพันกันจนแก้ไม่หลุด แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกเลยก็ตาม”

“นายยังอยากแต่งงานกับฉันไหม” จิระไม่รู้ตัวว่าแววตาของตนตอนนี้เว้าวอนแค่ไหน เพทายจอดรถแล้วหันมามอง เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบ

“ยังมีคนที่ดูแลคุณได้ดีมากกว่าผมอีกหรือ”

“แค่อยากดูแลแค่นั้นหรือ” จิระรู้สึกแปลกๆ ไปบ้าง เพราะมันไม่ใช่คำบอกรักเสียทีเดียว

“ผมหนีคุณไปไหนไม่พ้นตั้งแต่คุณพร่ำบอกรักผมเหมือนเป็นคำสาปตลอดสองปีนั้น”

“ทั้งๆ ที่ฉันทำไม่ดีกับนาย ตลอด15ปีเนี่ยนะ” หยาดน้ำเอ่อคลอดวงตา จิระปาดมันออกพยายามสะกัดกั้นไม่ให้น้ำตาไหลมากกว่าเดิม

เวลานี้จิระไม่สนใจอีกแล้วว่าเพทายจะกลับชาติมาเกิดใหม่หรือไม่ เขารู้สึกโหยหาตัวตนของเพทายเหลือเกิน อีกฝ่ายซับน้ำตาให้ก่อนจะกอดเขาเอาไว้แนบแน่น สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาจนได้

“ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ”

เพทายลูบหลังของจิระปลุกปลอบอย่างอ่อนโยน

<เพราะคำสาบานที่เหมือนคำสาปนั้น ต่อให้คุณมีปีกและบินหนี ผมก็จะหักปีกคุณทิ้งไป >



“ทำยังไงถึงจะทำให้คนรักที่เอาแต่ดื้อแพ่งถึงจะหันกลับมาสนใจผม”

เพทายในวัยหนุ่มใหญ่ขอคำปรึกษากับสิบทิศเพื่อนเก่าแก่ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยประถม เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนรักที่ต่างก็ให้การสนับสนุนกันและกันมาตลอด เขาทำงานด้านสว่าง สิบทิศก็ทำงานด้านมืด

“นายหมายถึงดาราเกรดซีหน้าตางดงาม พ่อคู่หมั้นในนามของนายนะหรือ พูดก็พูดเถอะนายในตอนนี้หาคนใหม่ดีๆ กี่คนก็ได้”

สิบทิศกระดกเหล้าขึ้นดื่ม พอหันไปมองอีกทีก็พบว่าเพทายกำลังไม่พอใจอย่างมาก ดังนั้นจึงได้แต่หัวเราะแก้เก้อ

“ถึงนายไม่ทำอะไรก็มีคนหมายหัวเด็กของนายไว้เหมือนกันนา”

พอได้ฟังเพทายก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที แต่สัญญาณกล้องวงจรปิดจากมือถือมันดังขึ้น นั่นหมายความว่ามีคนเข้าไปในบ้าน

เพทายเปิดวงจรปิดผ่านมือถือแล้วพบว่าจิระที่เมาอย่างหนักหิ้วผู้ชายคนหนึ่งมากกกอดในเรือนหอที่ท่านวศินเตรียมไว้ให้พวกเขา

เพทายไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองมีสีหน้าดุร้ายมากแค่ไหน ด้วยอารมณ์ชั่ววูบทำให้ไม่นึกอยากสนใจเรื่องที่สิบทิศพูดขึ้นมา

สุดท้ายผลร้ายที่เกิดขึ้นกับจิระ แม้แต่เพทายก็บอกไม่ได้ว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่ แต่ในที่สุดก็ได้มาไว้ในครอบครอง



+++++++++++++++++++++++

จริงๆ แล้วเพทายเป็นหนุ่มยัน และเขาจะยันขึ้นเรื่อยๆ 

ไม่รู้ว่าจิระจะรับมือไหวหรือเปล่าน้า55555

อย่าเพิ่งช็อกกันเน้อ ทุกคนย่อมมีด้านมืด

เต้นระบำวนไป ยังมีคนขึ้นเรือเพทายxจิระอยู่ม้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่16 18/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 18-06-2018 19:31:13
มุมหึง เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่16 18/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-06-2018 20:23:53
ปักหลักและยึดมั่นในเรือเพทายจิระ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่16 18/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 18-06-2018 21:21:22
ร้าย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่16 18/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-06-2018 23:26:49
หนุ่มยันรึ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่16 18/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-06-2018 00:47:08
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่17 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 19-06-2018 11:09:46
บทที่17

ในที่สุดก็ทราบความรู้สึกที่แท้จริงของเพทายซักที

จิระค่อยๆ โอบกอดเพทายขณะนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับสามีในชาติที่แล้ว วันนั้นคือคืนฉลองแต่งงานของพวกเขา เพทายถูกเพื่อนจำนวนมากบังคับให้ดื่มจนเมา

ปกติเพทายเป็นคนไม่ค่อยพูด และต่อให้ดื่มก็ไม่เคยดื่มจนเมา แต่ครั้งนี้เหมือนจะต่างออกไป

“ผมขอโทษนะจิระ” หลังล้มตัวลงนอนด้วยกันเพทายก็พูดขึ้น จิระได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งจากตัวสามีแต่ไม่แน่ใจว่าเขาเมาหรือไม่เมากันแน่

“ขอโทษอะไร” เพทายกุมมือของจิระเอาไว้แน่น สีหน้าบอกชัดถึงความเจ็บปวด

“เพราะผมปล่อยปละละเลย คุณถึงได้ต้องเสียโฉมเพราะพวกขี้เมา”

“นั่นมันอุบัติเหตุนี่” จิระยิ้มแล้วใช้มือข้างที่เหลือลูบเสี้ยวหน้าเพทายอย่างรักใคร่

“ไม่หรอกผมรู้ทั้งรู้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้น แต่เพราะความหึงหวงจึงไม่สนใจมัน ผมขอโทษนะ”

เพทายจุมพิตลงบนหลังมือของจิระนับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นถึงได้รู้ว่าเพทายหึงหวงเพราะอะไร

หลังจากรับรู้ความจริงจิระไม่ได้โกรธหรือเสียใจ เขาเองก็ทำผิดไม่น้อยเหมือนกัน แต่เพทายยังให้โอกาสอีกหลายครั้ง

เขากับเพทายเพียงต้องการโอกาสเพื่อเริ่มต้นใหม่ และเขาเองก็ไม่ต้องการหวนกลับไปสู่วังวนแห่งความโสมมนั้นแล้ว

ทุกคนสามารถแก้ไขความผิดผลาดได้ด้วยการเริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ยิ่งเพทายนำมาสารภาพแบบนี้จิระไม่รู้จะแค้นเคืองให้ได้อะไร คนคนนี้สาบานแล้วว่าจะดูแลเขาไปชั่วชีวิต และในชาตินี้เขาก็ยังยืนยันคำเดิม

จากนั้นจิระกับเพทายก็พากันไปยังที่เก็บอัฐิของไพลิน พวกเขาช่วยกันทำความสะอาดที่นั่น เพทายไม่ใช่คนพูดเยอะอยู่แล้วดังนั้นคนที่พูดสร้างบรรยากาศจึงเป็นจิระเสียส่วนใหญ่

“เสร็จจากนี่แล้วเราไปไหนกันต่อดี” จิระถาม

“ผมอยากอวดหนึ่งในคาเฟ่ที่ผมดูแลอยู่ตอนนี้ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วเราไปหาของกินที่นั่นดีไหมครับ”

“อื้อ...ก็ดี” จิระเองก็รู้สึกหิวนิดๆ แล้ว ดังนั้นจึงพากันไปยังคาเฟ่ที่ว่าซึ่งอยู่ใจกลางเมืองB

เมื่อไปถึงก็พบบรรยากาศแบบคุ้นเคย ร้านคาเฟ่ร้านนี้คือร้านที่เพทายพาเขามาพักผ่อนชิวๆ บ่อยครั้งในชาติที่แล้ว

ร้านนี้เป็นร้านคาเฟ่แบบ Co-working Space จำได้ว่าในช่วงที่เขาอายุ 27 ปี ร้านประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก การที่สถานที่แบบนี้มาโผล่ก่อนเวลาในมือของเพทาย

ยิ่งทำให้จิระคิดว่าคุณสามีเองก็น่าจะกลับชาติมาเกิดใหม่เช่นกัน

<ลองทดสอบดูอีกซักหนดีกว่า>

“ชาติที่แล้วเราแต่งงานกันยังไม่ถึงเดือนดีฉันก็มาตายไปก่อน ถ้าชาตินี้ได้อยู่ร่วมกันนานๆ คงดีนะ” จิระรอปฏิกิริยาของเพทาย ดูสิว่าเขาจะรู้สึกยังไง

“คุณช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่คุณจะตายให้ผมฟังได้ไหม”

เพทายทำหน้าเคร่งขรึม การตอบโต้ต่างไปจากที่จิระคาดนิดหน่อย

“วันนั้นนายสัญญาว่าจะเล่าเรื่องส่วนตัวทั้งหมดให้ฉันฟัง แล้วก็เรามีแผนที่จะไปเคารพอัฐิคุณแม่ของนายที่วัด ตอนนั้นนายมีธุระต้องเข้าประชุมกะทันหันแต่เช้า ดังนั้นระหว่างรอนายฉันจึงขับรถคันโปรดของเราออกไปรอที่ร้านคาเฟ่ ตอนที่ฉันตายฉันไม่สามารถเหยียบเบรคได้ คิดว่าสายเบรคน่าจะขาด”

เพทายทำสีหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง “รถคันนั้นเป็นคันโปรดที่เรานั่งไปด้วยกันบ่อยครั้ง ไม่แน่ว่าคนที่ต้องการให้ตายจริงๆ อาจเป็นผม”

“เอ๊ะ...” จิระงงกับข้อสันนิษฐานในทีแรก แต่ไม่นานนักก็เข้าใจได้ดี

“นายจะบอกว่าการตายของฉันไม่ปกติ”

“ผมไม่ได้ฟันธง แต่ก็คิดไปทางนั้นได้ คุณบอกว่ารถที่พาคุณไปตายคันนั้นเป็นคันโปรดที่เรานั่งด้วยกันเสมอ ดังนั้นก็คิดได้ว่าคนที่ถูกหมายหัวเป็นได้ทั้งผมและคุณ แต่ตัวคุณไม่น่าบาดหมางร้ายแรงกับใครจนถึงกับฆ่าฟัน”

“นี่เราถูกสั่งฆ่าหรอกหรือนี่” จิระขมวดคิ้วเข้าหากัน ถ้าหากสมมุติฐานนี้เป็นความจริง จะมีใครเป็นตัวเลือกได้ คนที่เกลียดเพทายในตอนนั้น คนที่แสดงความเป็นปรปักษ์กับเพทายมากที่สุด <พ่อหรือ! >

จิระไม่กล้าฟังธงเขาได้แต่เก็บความคิดเลวร้ายอันนี้ไว้ในใจ

“ถ้าตอนนั้นฉันไม่ตาย นายก็อาจเป็นคนตายแทนสินะ” จิระรู้สึกไม่ดีเลย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

“ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีก” เพทายบีบมือของจิระเบาๆ ปลอบขวัญ

จิระเงยหน้าขึ้นมองเพทาย “ถ้าเกิดว่าคนที่วางแผนการณ์ในครั้งนั้นคือพ่อของฉัน นายจะทำยังไง ถ้าเกิดว่าคราวนี้เขาทำมันอีก อ๊ะ...นี่แค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น อาจไม่เป็นความจริง”

“คุณจิระ...ฆาตกรรมหรือวางแผนฆ่าเป็นคดีร้ายแรง คุณรู้ใช่ไหม”

“ฉันเข้าใจดี” จิระบีบมือของเพทายแน่น ไม่นึกฝันว่าประโยคที่มีไว้เพื่อทดสอบว่าเพทายกลับชาติมาเกิดหรือไม่จะกลายเป็นการจุดประเด็นเบื้องหลังการตายของเขาแทน

จิระภาวนาขอให้คนลงมือไม่ใช่พ่อของเขา ถึงแม้ว่าแรงจูงใจในการฆ่าเพทายจะชี้ชัดมากก็ตาม นั่นก็เพราะหลังจากเขากับเพทายแต่งงานกัน คุณปู่ที่อายุมากแล้วก็ยกหุ้นเกือบทั้งหมดให้เพทายเพียงคนเดียว

เม็ดเงินที่ควรจะได้เป็นจำนวนมหาศาลกับกิจการในครอบครัวทั้งหมดอยู่ในกำมือของผู้นำอย่างเพทาย คุณพ่อ ดาริน ดารันล้วนน่าสงสัย ทั้งอย่างนั้นกับดารันในชาตินี้เขาไม่คิดว่าน้องชายต่างมารดาจะโหดเหี้ยมอะไร

ขณะที่ครุ่นคิดเสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้น จิระรีบรับสายเพราะคนที่โทรมาคือดารัน

<นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกคลาสของดารัน น่าจะพักกลางวัน มีอะไรหรือเปล่านะ>

<” คิดยังไง ถึงได้เอาปืนมาขู่ฉันหะนีโอ” >

<ปืน? > จิระประสานสายตาเข้ากับเพทาย ดูเหมือนว่าเด็กอีโมจะทำอะไรบางอย่างกับดารัน แล้วเพราะต้องการให้ช่วยดารันถึงได้ลอบโทรมาหาเขาแบบนี้

<” นายเองนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องทำแบบนี้ หลายอาทิตย์มานี้นายห่างเหินกันไปจนฉันปวดใจไปหมด ตอนนี้ที่คอนโดของฉันมีปาร์ตี้ เราไปสนุกกันดีกว่าน่าทุกคนรออยู่นะ” >

ระหว่างที่ฟังดารันโตต้อบกับนีโอ เพทายก็กดอัดเสียงสนทนาจากอีกฝากเอาไว้ จิระรู้สึกขอบคุณในความรอบคอบของอีกฝ่าย

<” นายหมายถึงคอนโดริเบอร์รัลห้อง808ที่ถนนสายFนะหรือ ไหนนายบอกว่าห้องนั้นพ่อจะให้พี่นายมาอยู่แทนไง ยังไม่รีบย้ายออกอีกหรือหะ” >

การที่ดารันบอกที่อยู่ให้เสร็จมันก็ดี แต่คิดอีกทีไม่รู้ว่าเด็กอีโมพวกนั้นจะไหวตัวทันไหม จิระกดปิดเสียงทางฝั่งเขาไม่ให้ฝั่งดารันได้ยิน ปรึกษากับเพทายแล้วไปที่รถก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ดารันบอก

<” ก็นี่ไงจัดปาร์ตี้ครั้งสุดท้ายก่อนย้ายบ้าน แปลกตรงไหน” >

<” ปาร์ตี้พี้ยาอย่างทุกทีสินะ” > ดารันกล่าวเสียงที่ฟังดูเย้ยหยัน นีโอหัวเราะชอบใจ

<” และคราวนี้ฉันจะไม่ใจดีกับนายอีก ในฐานะคนสนิทของฉันนายต้องลองมันจะได้เป็นพวกเราจริงๆ ซักที” >

“บ้าเอ๊ย...” จิระสบถ เป็นเรื่องยาเสพติดอย่างที่คาดไว้จริงๆ ด้วย ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วดารันเต็มใจหรือเปล่า แต่ชาตินี้เขามั่นใจว่าดารันไม่ได้ชอบมันแน่ๆ

ขณะที่จิระกังวลอย่างหนัก เพทายต่อสายโทรศัพท์ไปหาสารวัตรในพื้นที่ซึ่งสนิทกัน จิระรู้สึกขอบคุณอีกครั้ง ถ้าไม่มีเพทายอยู่ด้วยเขาคงต้องทำอะไรเองคนเดียวทั้งหมดในสภาพที่ลนลานแบบนี้



++++++++++++++++++++++



ตอนนี้สั้นกว่าทุกทีอย่าแปลกใจ เวลาเขียนมันน้อยเลยมาแค่นี้

ตอนหน้ากะอ่านจะสั้นอีกเหมือนกันเพราะสองวันนี้ไม่ค่อยว่างเลย

งานเยอะมากสมองไม่ค่อยทำงาน5555

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่17 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 19-06-2018 11:49:48
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่17 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-06-2018 11:56:32
 :L2: เป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วเราจะรอค่ะ อยากรู้ว่าทั้ง 2 คนจะดำเนินไปยังไงต่อ  :L2:
                                                    :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่17 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: M_mA ที่ 19-06-2018 13:46:02
ลุ่นไปหมดเลยยยยย!! #ติดตามจร้าาา
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่17 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 19-06-2018 15:01:54
สรุปเพทายพระเอก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 19-06-2018 15:09:54
บทที่18

ใครจะไปคิดล่ะว่าขณะที่เดินไปหาข้าวกินตอนพักคลาสจะถูกพวกนีโอใช้ปืนที่อยู่ในเสื้อคลุมจี้เอาแบบนี้ ดารันถูกบังคับให้ขึ้นรถก่อนจะถูกพาไปยังคอนโดของนีโอ

ภายในคอนโดกว้างเด็กอีโมหลายคนนอนตาลอยระเกะระกะ ที่พื้นมีทั้งบ้องสูบและเข็มฉีดยารวมไปถึงเหล้ากับเบียร์วางกองเป็นจุดๆ

“เข้าไปสิ” นีโอสั่ง อีกฝ่ายใช้ปืนใต้เสื้อคลุมจี้หลังทำให้ดารันต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้

หลังจากประตูปิดลงดารันมองไปรอบๆ พยายามหาทางหนีทีไล่รวมถึงสังเกตผู้คน คนที่ยังมีสติอยู่มีเพียงนีโอกับพรรคพวกที่ไปรับเขามายังคอนโดแห่งนี้

“มานี่สิ” นีโอเสียบปืนเข้ากับซองใส่ปืนที่เอวก่อนจะกวักมือเรียกดารันให้ไปนั่งบนโซฟาด้วยกัน

หลังจากดารันนั่งลงอีกฝ่ายก็หยิบเข็มฉีดยาซึ่งเตรียมรออยู่แล้วขึ้นมา พวกเพื่อนกลุ่มเดียวที่ยังมีสติส่งเสียงเชียร์ให้นีโอจัดการกับดารัน



น้ำหวานเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่มีคนติดตามถึง 3 ล้านคน เธอเป็นคอสเพลย์เยอร์ที่มีชื่อ แถมยังเป็นนักแคสเกมส์ที่คนติดตามก็มากมาย วันนี้เธอตั้งใจไลฟ์สดให้ทุกคนดูคอนโดที่เธอพึ่งย้ายมาใหม่

เธอใช้เวลา 20 นาทีอวดห้องของเธอให้ผู้คนที่เข้ามาติดตามราวๆ 800 คนได้ ก่อนจะตัดสินใจพาทุกคนไปดูบรรยากาศรอบๆ คอนโดตามลำดับ

“อุ๊ยคนนั้นคุ้นๆ จังเลยค่ะ” เธอไม่เพียงพูดกับผู้ติดตามยังหันกล้องไปหาชายหนุ่มหน้าตาดีสุดๆ สองคนที่กำลังเคาะประตูห้องใกล้ๆ เธอ

“นั่นมันจิระนี่ ตายจริงฉันพึ่งได้ดูเขาในรายการnew star ไม่นานนี้เอง” น้ำหวานพูดกับคนที่เข้ามาตามดูผ่านการไลฟ์สดจากแท็ปเล็ต



หนึ่งหมัดสุดยอด : เอ้านั่นจิระ นี่หว่า หมอนั่นมาทำอะไรที่บ้านหวานๆ คับ หรือว่าเป็นโรคจิตที่ตามติดหวานๆ



สาวหน้าใส : วั้ย ฉันเป็นแฟนคลับของเขาน้า หวานๆ ซูมหน้าเขาหน่อยคร่า



ป้าข้างบ้านz02 : เธอชอบดารานิสัยเสียนี่เข้าไปลงได้ไง ไอ้เจ้านี่รังแกกานดาเหมือนเป็นเรื่องปกติ #กานดาnumber one



Ssnumber : จริงๆ เมื่อไม่กี่วันยังผลักกานดาจนล้มอยู่เลย หมอนี่มาหาเรื่องใครอีกหรือเปล่า #กานดาnumber one



สายสายก็ได้ : ไหนขอพวกเราดูหน่อยสิหวานๆ ว่านายจิระมาทำไม



นี่เป็นแค่ส่วนน้อยที่พากันรัวความเห็นเข้ามาหาน้ำหวาน จริงๆ ก็รู้ว่าแอบถ่ายคนอื่นมันไม่ถูกต้อง แต่อยู่ๆ ยอดคนดูก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้นเธอจึงยืนถ่ายจิระกับผู้ชายอีกคนอย่างช่วยไม่ได้



“ขอโทษครับ เรามาส่งพิซซ่า”

จิระกดกริ่งหน้าห้องพร้อมกับโกหกใช่จิระโกหก แถมคำโป้ปดยังถูกแพร่ผ่านทางโซเชียลอย่างรวดเร็ว



ป้าข้างบ้านz02 : เขาโกหกทำไม หรือว่ามาเซอร์ไพรท์เพื่อนซักคน



ความคิดเห็นจำนวนมากเด้งขึ้นมารัวๆ ผู้ติดตามกับคนแชร์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่กำลังสงสัยกัน คนในห้องก็เปิดประตูออกมา จิระทำท่าชะโงกหน้าเข้าไปดู เมื่อเห็นน้องชายของตนกำลังดิ้นรนขัดขืน เขาก็ผลักคนขวางประตูเข้าไปด้านใน

“ดารัน ไอ้เลวปล่อยน้องชายของฉันนะโว้ย”

ความชุลมุนที่เกิดขึ้นผ่านการไลฟ์สดสร้างความตื่นเต้นจนเป็นแรงกระเพื่อม

ป้าข้างบ้านz02 : หมอนี่ทำร้ายคน เป็นอันธพาลที่นิสัยไม่ดีจริงๆ ด้วย



Ssnumber : ตามเล่นงานคนอื่นจนถึงที่เลยรึ อย่าบอกนะว่านั้นเป็นบ้านของกานดา



สาวหน้าใส : ไม่ใช่ย่ะ ไม่ได้ยินหรือว่าจิระพูดถึงน้องชาย



ดาบใหญ่สะท้านฟ้า : น้องชายจิระชื่อดารันหรือฟะ



นารีทิพย์ นาคสมบูรณ์ : หวานๆ ตามไปดูสิคะ



มีอีกหลายเสียงที่ขอร้องให้เธอตามไปดู จริงๆ เธอก็อยากรู้เหมือนกัน ดังนั้นจึงค่อยๆ เดินไปยังหน้าประตูที่เปิดค้างเอาไว้

เธอพบว่าภายในห้องนั้นคือแหล่งมั่วสุมดีๆ นี่เอง และตอนนี้จิระกับเพื่อนของเขากำลังปะมือกับเด็กอีโมที่ท่าทางเหมือนคนติดยา ดูเหมือนว่าการต่อยตีในครั้งนี้ฝ่ายจิระจะได้เปรียบ

“ว้าย” น้ำหวานตื่นตกใจ เพราะเด็กขี้ยาคนหนึ่งชักมีดพกออกมาตั้งใจจะแทงจิระ

เหตุการณ์มันเร็วมาก ใครจะคิดว่าจิระฉากหลบได้ทันอีกทั้งยังบิดข้อมือจนคู่ต่อสู้กำมีดไว้ไม่อยู่ เมื่อมีดหลุดจากมือจิระก็เข้าคลุกวงในแทงเข่าที่ท้องจนมือมีดทรุดลงไปกอง

“ยอดเลย” ไม่ต้องพูดว่าน้ำหวานประทับใจแค่ไหน คนที่ดูไลฟ์สดเองก็ไม่ต่างกัน จิระคนนั้นสู้เก่งขนาดนี้เชียวรึ

แต่ความตื่นเต้นในฝีมือจิระไม่ได้อยู่นานนัก เพราะเด็กอีโมที่เหลืออยู่อีกคนชักปืนออกมาเล็งยิงไปทางจิระและเพื่อน น้ำหวานหวีดร้องเสียงดังมือไม้อ่อนจนแท๊ปเล็ตแทบหลุดจากมือ

ทว่าวินาทีความเป็นความตาย เด็กหน้าตาดีที่อยู่ด้านหลังคว้าแจกันทุบหัวจนคนถือปืนในมือล้มลงไปนอน หมอนั่นยังไม่สลบดี จิระเข้าไปเตะเสยคางซ้ำจนมันแน่นิ่งไป

เป็นฉากระทึกขวัญที่ยอดเยี่ยมมาก ถึงคนติดตามจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พออนุมาณได้ว่าเด็กติดยาพวกนี้ทำเรื่องแบบไหน

“พี่จิระ”

ภาพน้องชายเดินเข้ามาพิงซบไหล่ของจิระชวนให้รู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง ได้ข่าวว่าจิระเป็นดาราหน้าใหม่นิสัยเสียที่เอาแต่หาเรื่องทะเลาะกับกานดา ชอบอาละวาดใช้กำลังเป็นลูกคุณหนูที่หาดีไม่ได้คนหนึ่ง

จากเหตุการณ์ที่แพร่ภาพทางโซเชียลอันนี้มันสร้างความประทับใจให้กับผู้ติดตามดูหลายคน ผู้คนเข้าใจว่าจิระคนนี้นั้นไม่แย่อย่างข่าวซึ่งได้เห็นมา ก็ถ้าจิระจงใจใช้กำลังกับกานดาจริงๆ คงไม่จบแค่ล้มละมั้ง

แต่ก็มีบางคนที่ยังไม่เห็นดีเห็นงามไปทั้งหมด ก็อย่างว่าแหละถ้าใช้กำลังเต็มที่คงได้เข้าคุกเข้าตารางกันไป ใครมันจะเสี่ยงล่ะ

เวลานี้ผู้คนที่ตามดูไลฟ์แบ่งแยกเป็นสองข้าง แต่ฝั่งที่ประทับใจในตัวจิระมีมากกว่าถึงสองเท่าตัว

การไลฟ์สดในครั้งนี้ กานดากับพัชรเองก็ได้ดูเช่นกันจากมือถือของทีมงาน

กานดานั้นถึงกับลอบกัดเล็บ ก็รู้อยู่ว่าจิระมันมีแรงหมีควาย แต่ไม่คิดเลยซักนิดว่าจะต่อยตีเก่ง ท่าทางทะมัดทะแมงนั่นต้องแอบฝึกมานานแล้วแน่ๆ ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยนะ

ขณะเดียวกันพัชรที่ดูอยู่ตั้งแต่ต้นรู้สึกเหมือนถูกจุดประกายบางอย่าง ท่าทางทะมัดทะแมงนั้นน่าลองให้มาแคสบทภาพยนต์เรื่องถัดไปของเขา

<หลังจบงานที่ถ่ายค้างอยู่นี้แล้ว ให้หมอนี่มาลองแคสบทเรื่องใหม่ดูก็ไม่เสียหายอะไร>

“เอ้าๆ เลิกดูได้แล้ว เตรียมถ่ายฉากต่อไป”

พัชรตะโกนบอกทีมงานให้เริ่มถ่ายอีกครั้ง แต่ดูเหมือนทีมงานจะยังตื่นเต้นกับฉากบู๊ระห่ำของจิระ ดังนั้นระหว่างถ่ายทำก็ยังมีพูดคุยถึงเรื่องนี้ไปตลอดการทำงาน

++++++++++++++++++++++



มาสั้นๆ จริงๆ ตอนนี้กับตอนที่แล้วควรเป็นตอนเดียวกันนะ เฮ้อ

แสดงความคิดเห็ฯเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-06-2018 15:43:22
อร๊ายฮีโร่ตัวจริง หนูจินี่เอง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 19-06-2018 16:41:56
วั้ยสองตอน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 19-06-2018 17:10:18
 :katai4: สั้นเหลือเกินค่ะ ฮือๆๆๆ ขอยาววววววววๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 19-06-2018 19:13:53
รอออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-06-2018 19:19:24
รอวันที่กานดาจะเผยโฉมความร้ายกาจต่อหน้าทุกคน


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-06-2018 19:49:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-06-2018 21:19:27
……


คราวนี้น้องจิเป็นคนแมนคนจริงคนเก่ง2018ซะแล้ว อิ อิ

เออออ. แล้วบุกเข้าไป2คน กับเพทาย ไม่ใช่หรือ. ไม่เห็นบทเพทายเลยอ่ะ

จริงๆ เพทายเป็นองครักษ์พิทักษ์น้องจินิน่า…ต้องมีฝีมือบทบู๊ประจันบานหน่อยนะ

แล้วตำร่งตำรวจต้องมีดิ จับพวกอิโมให้หมด. อ้อ ยกเว้นนักข่าวเพราะเราต้องปิดข่าว

เอ่อออ แต่น้องน้ำหวานไลฟ์สดไปแล้ว รู้กันไปทั่วละ

น้องดารันจะโดนคุณพ่อคุณแม่ลงโทษยังไงบ้าง. จะเข้าใจเหมือนแม่พี่จิระไหม…ตอบเลยว่าไม่

555.  คิดบทให้เสร็จสรรพเลยนะเนี่ย


  :katai4:  :katai4: :katai4:  :katai4:  :katai4: :katai4:  :katai4:



……


.


หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่18 19/6/2018 หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 19-06-2018 22:38:25
สนุกอ่ะ จิระพอเป็นคนดีนี่คูลมากๆอ่ะ
อยากอ่านต่ออีกกก  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 20-06-2018 11:57:20
บทที่19

น้ำไม่ใช่ชื่อจริงของเขา และหน้าที่หลักที่ต้องทำคือการจับตาดูพฤติกรรมภรรยาน้อยของลูกมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ห้าปีมานี้เขาเฝ้าติดตามหล่อนไปทุกที่ จนเมื่อสามปีก่อนก็ได้รับคำสั่งจากนายให้แฝงตัวเข้ามาเป็นลูกศิษย์ในตำหนักหลวงปู่สมิง

องค์กรที่เขาสังกัดเป็นองค์กรที่มีอำนาจ นายใหญ่ทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนสมัยเด็ก อีกทั้งยังเลี้ยงมือปืนไว้มากมาย น้ำภาคภูมิใจที่ได้รับหน้าที่สำคัญจากนายใหญ่ ถึงแม้จะอิจฉาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของตัวเองมากกว่าที่ได้แฝงตัวเป็นหนึ่งในเมียน้อยของทางฝั่งสามีซึ่งน่าจะได้รับการปรนเปรออย่างสุขสบาย

อันที่จริงเขาในตอนนี้ก็มีสภาพใกล้ๆ กัน เป็นเมียเก็บคนหนึ่งของร่างทรงหลวงปู่สมิงในขณะที่ฉากหน้าคือลูกศิษย์ที่ร่างเลี้ยงไว้

เป้าหมายของเขามาพักอาศัยที่อาศรมของร่างได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ฉากหน้าคือมาเพื่อฝึกกรรมฐานแต่แท้จริงมาเพราะกามกำหนัดมันเรียกร้อง

เมียน้อยมหาเศรษฐีผู้นี้ติดใจในรสกาม หลงใหลอย่างหนักและให้เงินสนับสนุนร่างให้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย หญิงชั่วชายโฉดคู่นี้ไม่ได้รู้ว่าพฤติกรรมเลวทรามอยู่ในสายตาของนายใหญ่ของเขาแล้ว

วันนี้ก็เหมือนทุกทีน้ำเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ร่าง ภายในห้องภรรยาน้อยของมหาเศรษฐีพูดคุยอิงแอบแนบชิดโดยไม่สนใจการมีอยู่ของเขา

“น้องไปตรวจครรภ์มาแล้ว น่าจะท้องได้สองเดือนแล้วค่ะ”

“อืม...งั้นรึ...ตาแก่ที่บ้านเธอคงดีใจน่าดูสิ”

“แน่นอนค่ะพี่เมฆ เขาต้องดีใจแน่ๆ เผลอๆ คุณพ่ออาจให้เงินทำขวัญหลานจำนวนมากอีกด้วย เอาไว้น้องจะเอามาแบ่งพี่เมฆนะคะ”

เมฆหัวเราะชอบใจทั้งยังลูบหัวเมียรักอย่างทะนุถนอม เขากับหล่อนติดต่อกันมานานตั้งแต่ก่อนหล่อนเป็นเมียเก็บของลูกมหาเศรษฐี การที่หล่อนได้เป็นใหญ่เป็นโตก็เพราะการช่วยเหลือมากมายของเขา

ดังนั้นหล่อนจะทั้งรักทั้งหลงและทุ่มเงินมากมายมาให้เขาก็ไม่แปลกใจ อีกทั้งสามีร่ำรวยของหล่อนลีลาทำรักนั้นเรียกได้ว่าน่าเบื่ออย่างบัดซบ คงสนองอะไรผู้หญิงที่ร้อนแรงเหมือนกระดังงาเช่นหล่อนไม่ได้

“คราวนี้เป็นลูกของใคร ลูกของสามีเธออีกหรือเปล่า”

“ถ้านับการตกฟากแล้วอาจไม่ใช่ลูกของคุณสามี แต่น้องไม่หวั่นใจหรอกค่ะ คนที่บ้านหลังนั้นโง่กันออกจะตาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร”

น้ำหลังจากเก็บที่นอนเรียบร้อยก็ค่อยๆ ออกมาก่อนจะหลบหาที่เงียบๆ ฟังการสนทนาของชายโฉดหญิงชั่วผ่านทางลำโพงเล็กๆ บนนาฬิกาข้อมือ

“ลูกชายคนโตของเธอเป็นไงบ้าง คราวก่อนบอกว่านายผู้เฒ่ากับสามีของเธอรักใคร่เอ็นดูดีนี่” เมื่อเมฆพูดถึงลูกชาย หล่อนก็ระบายยิ้ม

“เด็กคนนั้นเชื่อฟังในโอวาทดี ถึงจะมีเอียงๆ ไปกับเรื่องไร้สาระบ้าง ถ้าหากลูกนังนั่นยังทำตัวเลวๆ ต่อไปเรื่อยๆ ยังไงคุณพ่อก็ต้องให้ลูกชายของน้องเป็นผู้สืบทอดอยู่แล้ว”

“อืม...” เมฆตอบรับและยังคงลูบหัวเมียเก็บอย่างอ่อนโยน

“ถ้า...ลูกชายของน้องได้เป็นทายาท น้องของเขาที่อยู่ในท้องนี่ก็จะสบายไปด้วย นอกจากนั้นพี่เมฆก็จะสุขสบายเช่นกัน”

กล่าวจบหล่อนก็โถมตัวกอดรัดเมฆแล้วระดมจูบลงไปบนใบหน้าหล่อเหลา แม้ผัวของหล่อนคนนี้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังมีหน้าตาอ่อนวัยกว่าความเป็นจริงมากนัก

“น่าสงสารผัวเศษฐีของหล่อนจริง...จิ๊ง...” น้ำพึมพำก่อนจะไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่เหลืออยู่น้อยเต็มที ติดต่อหานายใหญ่รายงานความคืบหน้า



หลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญจบลงไม่นานนักสารวัตรคนสนิทที่เพทายแจ้งเอาไว้ก็พาชุดตำรวจมาที่เกิดเหตุ ไม่เพียงแค่ตำรวจเท่านั้น ที่ไวพอกันคือเหยี่ยวข่าวซึ่งหูตาจมูกดีเป็นปกติ

ดารันเดินเกาะเกี่ยวจิระราวกับลูกน้อย เขารู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ทำแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจิระไม่ได้ผลักไส ดังนั้นน้องชายคนนี้จึงยิ่งใช้พี่ชายต่างมารดาเป็นที่พึ่งพิง

จิระไม่เพียงให้เขากอดแขนและซบลงบนไหล่ยังคอยปลอบขวัญด้วยการชวนคุยและจับมือเขาไว้แน่น ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันนี้

ดารันไม่มีทางคาดเดาได้ซักนิดว่าวันที่พี่น้องซึ่งเกลียดกันและแข่งขันกันมาโดยตลอดจะเดินเคียงกันจับมือทั้งยังปลอบขวัญกันอย่างสนิทสนมเช่นนี้

“พี่จิระ ผมว่าผมคงโดนคุณปู่กับคุณพ่อลงโทษขนานหนักแน่ๆ เลย”

“ฉันจะช่วยนายเอง จะไม่ปล่อยให้นายโดนด่าคนเดียวแน่”

ดารันฟังแล้วบีบมือจิระแน่นขึ้น รู้สึกแปลกๆ ก็จริงที่จิระเอาใจใส่ แต่นานแล้วที่ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับใครในครอบครัว แม้แต่กับแม่ของเขาเอง

คิดถึงคุณแม่สีหน้าก็สลดลง “คุณแม่คงไม่ให้อภัยผม”

จิระเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของดารันก็เข้าใจ ดารินเกลียดเขากับแม่และเสี้ยมสอนให้ดารันชิงดีชิงเด่นกับพวกเขามาตลอด วันนี้ดารันพลาดท่าแถมยังเป็นข่าวใหญ่ไม่รู้ว่าดารินคนนั้นจะเล่นงานดารันยังไง

“ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจ ต่อหน้าแม่ของนายเราเล่นละครเป็นคนที่เกลียดกันเหมือนเดิมก็ได้ แต่ลับหลังเราจะเป็นพี่น้องที่ปรองดองกัน”

ดารันขมวดคิ้ว นั่นมันไม่ดีกับจิระซักนิด ถ้าทำอย่างนั้นเขาก็เป็นคนเห็นแก่ตัว “ฉันไม่อยากโกหกตัวเองหรือใครอีกแล้ว”

“งั้นก็ต้องสู้นะ เพื่อตัวเอง อย่ายอมแพ้ ฉันจะคอยช่วยนายเอง”

หลังจากเดินมาพ้นอาคารคอนโด นักข่าวก็ทำท่าจะเข้ามาสัมภาษณ์จิระกับดารัน แต่ว่าเพทายช่วยกันทั้งสองเอาไว้เสียก่อน

“ขอโทษนะครับ พวกเขายังเป็นเยาวชนยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์”

พูดถึงความเป็นเยาวชน จิระอายุเพียง18 และดารันแค่17เท่านั้น เหล่านักข่าวจึงเปลี่ยนเป้าหมายขอสัมภาษณ์เพทายซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่บุกเข้าไปช่วยดารันแทน

“ขอโทษนะครับๆ ทุกท่าน คนเหล่านี้ต้องกลับไปสอบปากคำที่โรงพัก ช่วยงดสัมภาษณ์ไว้ก่อนนะครับ” สารวัตรตำรวจที่สนิทกับเพทายเข้ามาจัดการ ดังนั้นพวกนักข่าวจึงไม่ได้สัมภาษณ์ผู้ร่วมเหตุการณ์โดยตรง ทำเพียงแค่ถ่ายรูปแล้วรายงานเหตุการณ์คร่าวๆ



จากจอโทรทัศน์ ภาพดารันกับจิระเดินอิงแอบกันท่ามกลางตำรวจทั้งจินดาและคมสันก็ได้รับทราบข่าวในครั้งนี้แล้ว ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ แม้ว่าจะต่างคนต่างไปก็ตาม

จินดามาถึงก็พบว่าลูกชายของเธอกับดารันนั่งซบกันอยู่ตรงเก้าอี้บนสถานีตำรวจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสอบปากคำเสร็จแล้ว

“จิระ ดารัน”

เจ้าของชื่อทั้งสองหันไปมองจินดา เป็นอย่างที่คาดคุณจินดามาถึงเป็นคนแรกจริงๆ

“ไม่เป็นไรใช่ไหมดารัน” จินดาเข้าไปสำรวจเนื้อตัวดารันก่อนลูกชายของเธอเสียอีก เธอไม่ได้คิดซับซ้อนอะไร แค่เข้าใจว่าดารันเป็นคนเจ็บถูกทำร้ายกักขังน่าจะอยู่ในอาการหวาดกลัวมากกว่าจิระที่เป็นคนอาละวาดต่อยตี

“ผมไม่เป็นไรครับคุณจินดา” ดารันคาดไม่ถึงว่าจะได้รับการห่วงใยแบบนี้ นี่ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบซึ่งแตกต่างกับคุณแม่อย่างเด่นชัด

“ไม่เป็นไรแล้วนะดารัน ไหนเล่ามาให้แม่ใหญ่ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น”

ดารันเผลอบีบมือของจิระที่ยังกุมเอาไว้แน่นขึ้น เขาไม่รู้ว่าถ้าเล่าความเหลวแหลกของตนเองออกไปคุณจินดาจะเลิกใจดีกับเขาหรือเปล่า

“ผม...”

“จิระ ดารัน” เสียงตวาดของคมสันดังทั่วโรงพัก ดารันกับจิระมองดูคนเป็นพ่อย่างสามขุมเข้ามาหา ใบหน้าดุดันบอกชัดว่ากำลังโกรธจัด

“ทำงามหน้านักนะ ดารัน” คมสันวาดมือขึ้นหมายตบสั่งสอนดารัน คนที่รู้ตัวว่าจะถูกลงมือหลับตาปี๋ ใครจะคาดคิดว่าจิระเข้ามารับตบแทนน้องชายต่างมารดาอย่างเขา

จิระลูบเสี้ยวหน้าข้างที่ถูกตบ คมสันนิ่งงันด้วยไม่คิดว่าคนอย่างจิระจะปกป้องดารัน การที่พี่น้องปรองดองกันมันก็ดี แต่ไม่ควรให้ท้ายกันในเวลาที่ทำผิด หรือออกหน้ารับแทนทั้งที่น้องควรถูกลงโทษ

แต่ว่าสายตาของจิระที่มองมาอีกทั้งดารันที่เข้ามากอดรัดจิระแล้วคนเป็นพี่ก็กอดตอบความรักของพี่น้องการปกป้องกันจากความโกรธของเขาในครั้งนี้ ทำเอาคมสันรู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อที่แย่และทำเกินกว่าเหตุ

“เอาไว้เราไปพูดกันที่บ้าน”

คมสันที่สงบสติอารมณ์แออกคำสั่งเป็นเวลาเดียวกับที่เพทายออกจากห้องสอบปากคำพอดี

“แก...” คมสันถลึงตาใส่เพทาย ปากอ้าจะด่าอะไรซักอย่างแต่ก็หุบปากฉับ

“ดีนักนะ แทนที่จะแจ้งตำรวจกลับพาจิระบุกเข้าไปสู้กับพวกขี้ยา”

“ผมขอรับความผิดอันนี้ไว้เองครับ” เพทายก้มหัวให้คมสัน

ก็ยังดีที่รู้ว่าทำอะไรผิด ถึงแม้คมสันจะเกลียดชังเพทายเข้าไส้ แต่เรื่องที่ช่วยลูกชายทั้งสองคนเอาไว้ก็คือช่วย คมสันแยกบุญคุณความแค้นออกจากกันชัดเจน

“กลับ ฉันจะให้คุณพ่อตัดสินเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ดังนั้นทุกคนจึงพากันขึ้นรถกลับบ้านมกรธวัช คมสันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมดารันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ก็ในเมื่อดารินเลี้ยงดูให้อยู่ในโอวาทเป็นอย่างดี

ก็ถ้าเป็นเจ้าจิระเขาจะไม่แปลกใจ เพราะจินดาก็ไม่ใช่แม่ที่ดีเท่าไหร่ ปวดหัว อุตส่าห์หลบไปบ้านเล็กเพื่อผ่อนคลายความเครียดแล้วแท้ๆ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ของพวกลูกชาย

จะไม่ให้เขาได้พักผ่อนเลยหรือไงวะ



เสียงเรียกมือถือดังขึ้นระหว่างที่เพทายขับรถ ดั้งนั้นเขาจึงเสียบหูฟังแล้วเปิดบลูทูทเพื่อเริ่มบทสนทนา

<” เห็นข่าวนั่นแล้วนะ ไม่อยากรักษาภาพลักษณ์นักธุรกิจมาดคุณชายแล้วหรือไง” >

” ที่โทรมานี่เพื่อจะเหน็บแนมหรือสิบทิศ”

<” เปล่าเลย นี่ฉันอุตส่าห์แบ่งเวลาที่เอาไว้อยู่กับคนรักมารายงานความคืบหน้าให้นายฟังเชียวนะ” >

“ว่ามา”

จากนั้นสิบทิศก็รายงานความคืบหน้าต่างๆ ให้เพทายฟังอย่างละเอียด





++++++++++++++++++++

เหมือนยิ่งเขียนยิ่งน้อยลง5555 ขออำภัย

จริงๆ มีพลอตในหัว แต่เวลาเขียนออกมามันค่อนข้างยาก

บางทีต้องใช้เวลาในการเขียนยาวๆ ลบๆ แก้ๆ 

และนี่กะแบบชอบตัดตอนประมาณ5หน้าเอสี่เป็นหนึ่งตอน 

บางที่อาจจะ7-8หน้าแล้วแต่เวลาที่ว่างกับความหัวแล่น ขออำภัยที่มาน้อยเน้อ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 20-06-2018 12:18:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 20-06-2018 12:52:58
สนุกมากกกกกก มาต่ออีกเยอะๆ วันนึงอยากอ่านประมาณ10ตอนนนน  ไรท์แต่งทันป่ะะะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-06-2018 13:01:35
คือดูเหมือน้นื้อเรื่องมันซับซ้อนมากกก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-06-2018 14:19:34
ดารันใช่ลูกคมสันไหมอ่า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-06-2018 14:22:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 20-06-2018 17:17:44
ค้าง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2018 21:13:02
เพื่อนเพทายนี่เป็นนายของน้ำหรือเปล่า

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่19 20/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-06-2018 05:54:46


สนุกน่าติดตาม เนื้อเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 21-06-2018 11:05:09
บทที่20

“คุณพ่อให้อภัยดารันเถอะนะคะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ลูกสอนดารันไม่ดี”

ดารินร้องห่มร้องไห้ใหญ่โตท่ามกลางเหล่าผู้คนในบ้าน ส่วนดารันผู้เป็นจำเลยได้แต่นั่งก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร

“เรื่องออกนอกลู่นอกทางคบหาเพื่อนผิดๆ ใครๆ ก็ต้องมีซักครั้งในชีวิต แต่เด็กที่อยู่ในโอวาทมาตลอดอย่างดารันคงมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น ไหนลองเล่ามาให้ปู๋ฟังซิ”

“ขณะที่จะอ้าปากเล่าจู่ๆ ดารินก็พะอืดพะอมจะอ้วกเอาให้ได้ ดังนั้นพวกคนใช้จึงรีบเอากระโถนมาให้ จินดาเป็นคนแรกเลยที่รู้ไวกว่าใครเธอตั้งข้อสังเกตทันที

“ดารินหรือว่าเธอท้อง”

“ค่ะ...คุณพี่จินดา”

ดูเหมือนว่าคนที่ทั้งตกใจและดีใจที่สุดกลับเป็นคมสัน อายุเขาปูนนี้แล้วมีลูกหลงมาอีกคนไม่ให้ดีใจได้อย่างไร แต่ก็ไม่ลืมเรื่องของดารินเขาพยายามสงวนท่าที

“ถ้าอย่างนั้นผมพาดารินไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับคุณพ่อ” คมสันเข้าไปพยุงดารินแต่เธอผลักไสออก

“ถ้าน้องไม่อยู่เดี๋ยวจะไม่มีใครปกป้องดารัน”

“เอาล่ะให้ดารินอยู่เถอะ” เมื่อเป็นคำสั่งของวศินคมสันก็ไม่กล้าขัด ได้แต่พยุงดารินซึ่งกำลังท้องให้นั่งลงอย่างช้าๆ

“เล่ามาให้ปู่ฟังสิดารัน”

ดารันก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเริ่มพูดในสิ่งที่ตนอึดอัดเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ไม่รวมถึงเรื่องที่คุณแม่กดดันเขาตลอดเวลา

“พวกเพื่อนที่โรงเรียนไม่มีใครจริงใจกับผม ทุกคนนินทาว่าผมผยองทั้งที่เป็นแค่ลูกเมียน้อย”

ดารินฟังแล้วพลุ่งพล่านทันที ไอ้เด็กบ้าที่ไหนนะมันกล้านินทาแบบนี้ นี่มันเหมือนกับดูถูกเธอไปด้วยนะ

“ในโรงเรียนไม่มีใครจริงใจกับผมเลย พวกเขาเข้ามาประจบทำทีคบด้วยเพราะผมเป็นหลานปู่ที่มีเงินทองและอำนาจ ผมเบื่อสังคมพวกนั้น ผมเลยคิดแค่ว่าอยากหาเพื่อนที่ไม่สนใจฐานะชาติตระกูลของผม พวกนีโอเขาไม่สนใจเลยว่าผมเป็นลูกหลานของใคร”

วศินฟังเงียบๆ และมีสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่จิระพึ่งรู้เป็นครั้งแรกเลยว่าดารันต้องทนกดดันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าน้องชายน่าสงสาร ยิ่งเห็นสภาพของดารันที่นั่งก้มหน้าหลบตาคนในครอบครัวทั้งกำมือเอาไว้แน่นด้วยความหดหู่ เขาก็อดทนเงียบต่อไปไม่ไหว

“แต่ดารันเขาเลิกคบกับเด็กอีโมพวกนั้นไประยะหนึ่งแล้วนะครับ ผมเป็นพยานได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ไปลงคอร์ทเรียนการแสดงและให้ผมไปรับไปส่งทุกวัน”

ดารินพึ่งรู้ข่าวสารนี้เป็นครั้งแรกเลย ถึงว่าสิทำไมดารันถึงมีท่าท่าทีสนิทสนมกับจิระ ที่แท้แอบสานสัมพันธ์พี่น้องลับหลังเธอ เฮอะ...ไอ้เด็กไม่มีอะไรดีอย่างจิระนะหรือจะคิดเรื่องดีๆ กับดารัน นี่คงพยายามชักจูงให้ลูกของกระด้างกระเดื่อง พยายามกำจัดคู่แข่งด้วยชี้นำไปในทางผิดๆ เรียนการแสดงงั้นหรือ นี่เจ้าดารันมันยังไม่เลิกฝันไร้สาระอีกหรือนี่

“จิระ...นี่แกออกนอกลู่คนเดียวไม่พอ ยังเสี้ยมสอนให้น้องเหลวแหลกตามแกด้วยหรือไง” คนที่โวยวายก่อนใครเลยคือคมสัน คนอย่างดารันถ้าไม่มีตัวแสบที่ไหนผลักดันมีหรือจะกล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้

“พอเถอะครับคุณพ่อ” จู่ๆ ดารันก็ตะโกนออกมา ตอนนี้เขาไม่ได้ก้มหน้าอีกต่อไปแล้ว คมสันเห็นแววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของลูกชายคนเล็ก

ทำไมเขาไม่เคยเห็นดวงตาเช่นนี้ของดารันเลยนะ คมสันยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ เพราะอะไรลูกๆ ถึงได้พากันออกนอกลู่นอกทางไปหมด

“การเป็นนักแสดงเป็นความฝันของผม คุณแม่ก็รู้ดี ไม่จำเป็นต้องให้ใครผลักดัน แต่ผมคิดเองว่าถ้าจะเอาเวลามามั่วสุมกับคนไม่ดี สู้ตั้งใจทำตามฝันของตัวเองจะดีกว่า”

“เพราะอย่างนั้นก็เลยเลิกคบกับพวกเด็กไม่ดีพวกนั้นสินะ”

“ครับคุณปู่” ดารันมองสบตาวศินไปตรงๆ

จริงๆ เรื่องของดารันนั้น สารวัตรที่สืบสวนคดีนี้โทรมารายงานให้เขาฟังแล้ว อีกอย่างได้ฟังเพิ่มเติมคร่าวๆ จากเพทายด้วยเหมือนกัน

เหมือนว่าเด็กเกเรพวกนั้นจะไม่พอใจที่ดารันตีตัวออกห่าง เด็กที่เป็นผู้นำชอบดารันจึงพยายามทุกวิถีทางให้หลานชายคนเล็กของเขากลับไปคบหาด้วยเช่นเดิม

“คุณพ่อให้อภัยดารันที่ทำเรื่องไม่เข้าท่าด้วยนะคะ ดาราอะไรนั่น พวกเด็กเกเรอะไรนั่น ลูกสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก” ดารินร้องอ้อนว้อนอีกทั้งกดหัวให้ดารันคำนับขอโทษวศิน

“เอ้าดารัน สัญญากับคุณปู่สิลูกว่าจะไม่ข้องแวะกับเด็กเลวรวมถึงเรื่องดาราอะไรเทือกนั้นอีก”

ดารันที่ถูกกดหัวขืนตัวพยายามเงยหน้าขึ้น เขาส่งสายตามุ่งมั่นไปหาคุณปู่

“ผมจะไม่คบเพื่อนเลวๆ อีก แต่ผมไม่มีทางเลิกการฝึกฝนเพื่อเป็นนักแสดงเด็ดขาด”

ดารินอยากจับลูกชายหน้าโง่เขย่าไปมานัก ไอ้ลูกโง่นี่ไม่เคยกล้าขัดขืนคำสั่งของเธอมาก่อน อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่จินดาและจิระตามลำดับ

จินดามองเมินทำเป็นไม่สนใจ ส่วนจิระไม่ได้สนใจดารินด้วยซ้ำ

“คุณปู่” จิระเอ่ยปากหวังจะช่วยดารัน แต่วศินยกมือขึ้นปราม

“เรื่องคบกับเพื่อนไม่ดีจนเกิดปัญหาก็อีกอย่าง เรื่องอยากฝึกฝนเป็นนักแสดงก็อีกอย่าง”

วศินกวาดสายตามองไปที่ลูกหลานทีละคนจนหยุดอยู่ที่ดารัน

“จริงๆ ถูกลักพาตัวกักขังแบบนั้นก็น่าจะขวัญหายมากพอแล้ว นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกปู่จะหักค่าขนมรายเดือนของเราให้น้อยลง ส่วนเรื่องเรียนการแสดง ในเมื่อเราอยากทำปู่ก็จะให้ทำ เดี๋ยวจะมีคนนินทาหาว่าปู่ลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน เอาเป็นว่าปู่จะให้จิระช่วยคุมความประพฤติของหลาน ให้พี่ชายเขาคอยไปรับไปส่งจนกว่าปู่จะเห็นว่าเราดีขึ้นแล้ว อ้อ...ให้เพทายช่วยดูด้วยอีกคนแล้วกัน”

วศินหันไปส่งสายตาถามความเห็นเพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ “พอมีเวลาว่างไหม”

“จริงๆ ที่คุณดารันอยากเป็นนักแสดง ก็ให้เขาเข้าสังกัดโมเดลลิงของท่านจินดาก็ได้นี่ครับ เป็นครอบครัวเดียวกันน่าจะดูแลผลประโยชน์ให้กันได้ดี อีกอย่างถ้าเข้าสังกัดก็สามารถให้ผู้จัดการตามติดควบคุมความประพฤติได้เหมือนกัน”

“ว่าไงแม่จินดา ฝากหลานชายของฉันเอาไว้ให้เธอดูแลอีกคนได้ไหม”

จินดาปลายมองไปยังดารินและคมสัน สีหน้าสามีของเธอดูอึดอัดใจ ส่วนดารินนั้นถึงแม้ยิ้มแต่ก็เป็นยิ้มที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ

“ก็ถ้าดารินไม่รังเกียจนะคะ” จินดาแบ่งรับแบ่งสู้

“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะคุณพี่จินดา น้องฝากดูแลดารันด้วยนะคะ”

“งั้นก็ตามนี้” หลังจากวศินได้ข้อสรุป เขาก็ชักชวนเพทายให้กลับไปที่บริษัทอีกครั้ง คมสันกลัวว่าเพทายจะประจบประแจงวศินจนได้อะไรไปอีกลับหลังตนจึงรีบตามทั้งคู่ไปติดๆ

“ดารัน...ช่วยมาพยุงแม่ไปพักผ่อนทีสิจ๊ะ”

“ครับ” ดารันพยุงดารินไปยังห้องนอน จิระมองตามหลังไปอย่างเป็นห่วง

“เป็นห่วงน้องหรือลูก” จิระพยักหน้า

“ถึงเราเป็นห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้มากนัก อย่าลืมว่าดารันยังมีแม่ของเขาอยู่นะลูก”

ก็รู้ว่าก้าวก่ายไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ทำไงได้ล่ะ

“แม่ว่าเราออกไปหาอะไรทานนอกบ้านคลายเครียดกันดีไหม”

จินดาพยายามทำให้จิระร่าเริงที่สุด แม้จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ก็ตาม



ทันทีที่ประตูปิดลงดารินก็ตบหน้าดารันหนึ่งฉาดทันที ทว่ายังไม่ทันได้เอาเรื่องเพิ่มเธอก็พะอืดพะอมจนไปอ้วกในห้องน้ำเสียก่อน

ดารันมองดูแม่ของเขาหายเข้าไปในห้องน้ำ เขามีคำถามมากมายที่อยากได้คำตอบจากดาริน มันเป็นเรื่องที่คอขาดบาดตายเอามากๆ

“นั่นใช่ลูกของคุณพ่อหรือเปล่าครับ”

ดารันถามคนที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำ ผลที่ได้คือถูกตบอีกหนึ่งฉาด









“แกพูดพล่อยๆ แกรู้อะไรมาดารัน” ดารินจิกเล็บลงบนไหล่ลูกชายแล้วเขย่าไปมาอย่างแรง “แกต้องไม่พูดพล่อยๆ แบบนี้อีก แกอยากให้แม่กับน้องของแกลำบากหรือไง แกอยากออกไปอยู่ข้างนอกใช้ชีวิตลำบากเหมือนเมื่อก่อนหรือไง แกตั้งใจทำลายชีวิตแม่กับน้องแกใช่ไหมถึงได้พูดจาร้ายกาจแบบนี้”

ดารันถูกโยกไปมาจนหัวสั่นหัวคลอน เขาเจ็บแต่เจ็บที่ใจมากกว่า ตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อยังไม่ยอมรับพวกเขาเข้ามาในบ้าน ดารันก็พบว่ามีคุณลุงคนหนึ่งแวะเวียนมาหาคุณแม่เสมอ จนเดี๋ยวนี้การที่ดารินหายไปนั่งวิปัสสนาบ่อยๆ ดารันก็ยังไม่ไว้ใจและอดคิดไม่ได้ว่าคุณแม่ยังติดต่อกับผู้ชายคนนี้อยู่

จะไม่ให้คิดอย่างนั้นได้ยังไง คุณแม่เคยพูดกับผู้ชายคนนั้นว่าเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่แม่รัก ดารันแอบได้ยินนานแล้ว

เขารู้ว่าข้อสันนิษฐานอันนี้เป็นคำปรักปรำอันร้ายกาจ แต่ผู้ชายคนนั้นยังวนเวียนอยู่รอบตัวแม่ไม่ผิดแน่ คิดอย่างนี้ดารันก็เศร้าสลดใจขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าจะทนเก็บงำความลับของแม่ไปได้อีกนานเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าพูดมันออกไป ถ้าทำแบบนั้นเขาจะกลายเป็นลูกที่เนรคุณที่สุด

ไม่สิถ้าไม่พูดเขาก็เป็นลูกสารเลวของคุณพ่ออยู่ดี

“คุณแม่” น้ำตาของดารันเอ่อคลอทั่วดวงตาเพราะความอึดอัดเสียใจหลายๆ อย่าง ดารินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบฉีกยิ้มหวานเอาน้ำเข้าลูบลูกชายคนโตของตัวเอง

“แม่ไม่รู้นะว่าลูกเข้าใจอะไรผิดไป แต่แม่ไม่มีผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อของเราอีกแล้ว น้องของลูกที่อยู่ในท้องก็ต้องเป็นลูกของคุณพ่อ อย่ากังวลไปเลยนะรัน”

ดารินกอดลูกชายอย่างทะนุถนอม ดารันกอดแม่ตัวเองตอบ น้ำตาที่หลั่งออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ

“ดูสิ ร้องไห้ใหญ่โตทำไมเล่า เอาล่ะ ถึงจะไม่ชอบเท่าไหร่ แต่อยากเป็นดาราก็เอา แม่ไม่ห้ามเราแล้ว”

ดารันผละออกจากดารินอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาเห็นคุณแม่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“ยังไงก็ตาม...แม่ยังหวังให้ลูกเอาชนะจิระกับนังจินดา ไม่ว่าเรื่องไหนๆ ลูกก็ต้องชนะ ตำแหน่งผู้สืบทอดลูกก็ต้องได้ เป็นดาราก็ต้องทำได้ดีกว่าจิระมันอยู่แล้ว”

คุณแม่ยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ดารันยังไม่คลายใจเรื่องชาติกำเนิดของน้องที่กำลังถือกำเนิด

<เราควรทำอย่างไรดี ควรเลิกคิดหรือหาข้อพิสูจน์ดีนะ>

“ไป...กลับไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เราต้องไปเรียนไม่ใช่หรือไง”

ดารันเดินออกจากห้องไป หลังจากประตูปิดลง ดารินเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เธอกำลังหงุดหงิดกับความไม่เอาอ่าวของลูกชาย แต่จะทำอย่างไรได้เล่า เธอพึ่งดารันเพียงได้คนเดียว

เพราะเด็กนี่คือลูกของคมสัน บ่อเงินบ่อทองที่จะนำมาซึ่งความร่ำรวยและสุขสบายในอนาคต



+++++++++++++++++++++++++++

                 ปมมันเยอะเขียนไปเขียนมากะมีงงๆ 5555

                 แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 21-06-2018 12:10:18
ดารันน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-06-2018 12:18:34
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 21-06-2018 12:36:29
ถ้าดารันดีพอก็ควรจะบอกนะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-06-2018 13:02:33
เห็นใจดารันที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-06-2018 13:28:23
ถ้าดารันเป็นลูกคมสันจริงๆก็ดีไปเพราะอย่างน้อยยังทำให้ดารินเกรงๆบ้างไม่งั้นดารันคงน่าจะโดนทุบโดนตีไม่น้อย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-06-2018 15:55:58
อิแม่เลว
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 21-06-2018 17:25:10
เดือดมาก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่20 21/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-06-2018 18:53:25
สนุกมากอ่ะ อ่านรวดเดียวเลย รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 22-06-2018 12:46:09
บทที่21

“ทำไมนายถึงมาที่นี่แต่เช้า” จิระงงงันเมื่อเห็นภาคินมาหาเขาที่บ้านมกรธวัชแต่เช้า

“ฉันให้เขามารับแกเอง” คนที่ตอบคำถามคือคมสัน จิระหันไปมองครุ่นคิดว่าพ่อซึ่งเคยไม่พอใจที่เขาคบผู้ชายมาตลอดทำไมถึงสนับสนุนภาคินแบบนี้

“แกไปกับเขาจิระ” คมสันออกคำสั่งก่อนจะหันไปยิ้มให้ภาคิน “ฝากน้องด้วยนะภาคิน”

“ครับคุณพ่อ” ภาคินตอบแล้วหันมาส่งยิ้มให้จิระ “ฉันต้องพาดารันไปส่งที่โรงเรียนก่อนใช่ไหม มาเถอะเดี๋ยวไปสายทั้งคู่หรอก”

จิระช่างในชั่วครู่ ถ้าเกิดขัดคำสั่งพ่อก็รำคาญเกรงว่าจะเข้ามาวุ่นวายไม่เลิก ยังไงก็แค่ไปส่งเดี๋ยวตอนเย็นค่อยสลัดให้หลุดก็พอ

หลังจากส่งดารันเรียบร้อยก็เหลือเพียงภาคินและจิระในรถ พลอยชมพูขับรถอีกคันไล่ตามมาติดๆ เนื่องจากจิระรำคาญภาคินระหว่างเดินทางจึงหันไปมองนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด

“วันนี้เหมือนเธออารมณ์ไม่ดี”

“ก็ถ้าต้องมาติดแหงกกับแฟนเก่า ใครก็อารมณ์ไม่ดีทั้งนั้น” จิระขยับตัวหันไปมองภาคิน “นี่ถามจริงๆ เถอะ ทำไมถึงกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องไปได้”

จิระอยากได้คำตอบ ภาคินอมยิ้มเขายังคงตั้งใจขับรถและตอบคำถามโดยไม่หันมามอง

“เพราะว่ารู้ตัวแล้วน่ะสิว่าเธอเป็นคนสำคัญ”

“ไม่ใช่ว่าแค่อยากเอาชนะหรอกหรือ” จิระถาม

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง ฉันเคยพิชิตเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง แถมยิ่งมีคู่แข่งฉันยิ่งรู้สึกว่ายอมแพ้ไม่ได้”

“ทุเรศ...นายไม่ได้รักฉันซักนิดแค่อยากเอาชนะ”

“อย่าน้อยใจไปสิ” ภาคินหันมายิ้ม “เรื่องที่ฉันรักเธอก็เป็นความจริงที่เราสองคนปฏิเสธไม่ได้นะ เราคบกันมาตั้งหลายปีต่างคนต่างรู้ความจริงข้อนี้ดีนี่”

<ทำไมมันเห็นแก่ตัวอย่างนี้วะ หน้าด้านหน้าทนอย่างเหลือเชื่อ>

จิระคร้านที่จะพูดด้วยจึงหันหน้าออกไปข้างทางอีกครั้ง ภาคินอมยิ้มปฏิกิริยาโต้ตอบของคนรักเก่ายังเดาได้ง่ายเสมอ

“งอน...”

“เกลียดต่างหาก” จิระตอบ

“ที่เป็นแบบนี้เพราะคุณพี่เลี้ยงคนนั้นหรือเปล่า นายเพทายคนนั้น”

“ไม่เกี่ยวกับนายนี่ อย่าจุ้นจ้านเรื่องของฉันอีกจะดีที่สุด อ้อ...อย่าคิดว่าเข้าทางพ่อของฉันแล้วจะได้อะไรไป ที่ฉันตามนายมานี่ก็แค่ไม่อยากทะเลาะกับพ่อเท่านั้น คราวหลังอย่าหวังว่าจะตามมาแบบนี้อีก”

ภาคินหัวเราะอารมณ์ดี จิระไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหัวเราะทำไม แต่ท่าทางร่าเริงนั้นสร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาท้วมท้น

“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“......”

“เธอสนิทสนมกับน้องชายต่างแม่คนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“จะรู้ไปทำไม”

“เธอทำตัวเป็นฮีโร่มันก็เป็นผลดีกับเธอ แต่ไม่กลัวนักข่าวเข้ามาขุดคุ้ยงั้นหรือ”

จิระแค่นเสียง “คุณปู่บอกฉันว่าได้ยื่นคำขาดไปยังทุกสื่อว่าไม่สะดวกให้ฉันกับดารันให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางมาสร้างความวุ่นวายให้รำคาญใจ”

“แต่ก็ไม่ได้หมายรวมถึง ข่าวอื่นๆ นี่ เป็นดารานี่มีแต่เปลืองเนื้อเปลืองตัวได้ไม่คุ้มเสียหรอกนะ”

“เอ๊ะ” จิระหันกลับไปมองภาคินอีกครั้ง “นี่นายพูดเหมือนพ่อฉันเข้าไปทุกทีแล้วนะ เป็นร่างอวตารของพ่อหรือไง เราไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้ว อย่ามาก้าวก่ายได้ไหม”

คราวนี้ภาคินฉีกยิ้มกว้างอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิมอีก

บ้าหรือไงวะ ในเวลานั้นจิระยังคิดไม่ถึงว่าภาคินอารมณ์ดีเรื่องอะไรกว่าจะรู้ก็เป็นหลังจากเลิกกองในวันนั้นแล้ว



เมื่อกานดาเห็นภาคินมากับจิระความไม่พอใจก็พลุ่งพล่านอย่างที่สุด ไม่เข้าใจว่าทำไมภาคินถึงไล่ตื่อจิระนักอาจเป็นเพราะว่าไอ้หมอนั่นมันเดินเกมถูกแกล้งทำเป็นงอนให้ง้อเรียกร้องความสนใจ

ช่วงนี้กานดาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ปกติเวลาไปด่าจิระในกระทู้ต่างๆ หรือปลุกปั่นความเกลียดชังก็มักมีคนเข้าข้างเป็นลูกคู่ให้เสมอ แต่นับจากจิระมันสร้างภาพฮีโร่ช่วยน้องชาย

ไอ้พวกหน้าโง่ก็พากันตั้งกระทู้ชมทั้งเอาคลิปบ้าๆ นั่นมาเผยแพร่จนจิระมันมีภาพลักษณ์เป็นพี่ชายที่แสนดี มันจะสนุกตรงไหนหากลงมือไปแล้วผลที่ได้ยังไม่บรรลุ

ตอนนี้จุดอ่อนที่เด่นชัดที่สุดของจิระก็คือภาคิน ยังไงต้องแย่งมาให้ได้ ถ้าทำได้คงได้เห็นจิระน้ำตาไหลพรากๆ แค่คิดถึงกานดาก็อมยิ้มออกมา

ดังนั้นหลังจากถ่ายฉากของตัวเองครบ ก็ฉวยโอกาสที่จิระยังต้องถ่ายต่อเดินตามภาคินที่ออกจากกองถ่ายไป

“พี่ภาคินไปไหนหรือครับ”

“พี่จะไปซื้อน้ำให้จิระ จิระเขาไม่ชอบดื่มน้ำหวาน เขาชอบชาไร้น้ำตาล แต่ในกองถ่ายดันไม่มี”

จู่ๆ กานดาที่เดินไปด้วยกันก็ทำหน้าสลด “ผมอิจฉาจิระเหลือเกิน ทั้งที่ผมเองก็ชอบพี่เหมือนกันแต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่พี่ก็ยัง....รักจิระอยู่ดี”

“นายควรตัดใจ” ภาคินพูด กานดาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าตกตะลึง แววตาคู่สวยไหวระริกและเริ่มมีน้ำเอ่อคลอทั้งสองข้าง

“เราร้องไห้ตอนนี้เถอะ ดีกว่าร้องไห้ที่หลัง พี่กำลังจะหมั้นกับจิระ อย่าเสียเวลากับพี่เลย”

กานดาร้องไห้ออกมาจริงๆ ภาคินไม่รู้จะทำอย่างไรจึงกอดปลอบอีกฝ่ายไม่ให้ร้องไห้ เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหลายต่อหลายครั้งที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนนี้ ภาพการอยู่ร่วมกันมักถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน จากคนที่เขาคิดว่าใสซื่อเป็นคนจ้างวานมา

จิระเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากถ่ายทำจนครบทุกฉากของวัน พอเดินกลับมาจะไหว้ลาผู้กำกับ พัชรก็ยื่นซองสีขาวมาให้

“อะไรหรือครับ”

“บัตรเชิญไปงานวันเกิดของฉัน ทุกคนได้รับตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหลือแต่นาย”

“อ๋อ...” จิระรับมาจากมือพัชร

“ฉันเห็นแล้วนะคลิปวันนั้น นายดูเท่มากจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ลองมาแคสบทให้หนังเรื่องใหม่ของฉันด้วยนะ”

“เอ๊ะ” จิระยังประมวลผลไม่ทัน แต่เมื่อคิดสะระตะดีแล้วก็ยิ้มจนแกล้มปริ

ชาติที่แล้วเคยคาดหวังอย่างมากให้พัชรเรียกไปแสดงหนังของคนคนนี้ แต่กลับผิดหวังทุกครั้งไป ไม่ว่าจะพยายามฝึกฝนหรือทำตัวให้โดดเด่นแค่ไหน ก็ดูเหมือนไม่สามารถกลบข่าวฉาวที่ตัวเองสร้างและคนอื่นสาดใส่จนทำให้ไม่เป็นที่สนใจและยังถูกพัชรเกลียดขี้หน้า

“จริงๆ หรือครับ ผู้กำกับอย่างให้ผมไปแคสเรื่องใหม่จริงๆ”

พัชรไม่คิดว่าจิระจะดีใจขนาดนั้น มันทำให้เขาอดหัวเราะและแสดงความสนิทสนมด้วยการเอื้อมมือไปยีหัวอีกฝ่ายไม่ได้

“นายนี่มันน่ารักกว่าที่คิดนะ เอ้า...กลับบ้านไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานหนักอีก”

จิระจากมาด้วยรอยยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ พอเจอหน้าภาคินที่รออยู่เขาก็หุบยิ้มทันที

“คุณพ่ออยากคุยด้วยแนะ” ภาคินยื่นมือถือมาให้ จิระคุยกับคนในสาย

“มีอะไรครับ”

<” ภาคินบอกว่าแกถ่ายหนังในส่วนของวันนี้เสร็จแล้ว กลับมาพร้อมภาคิน ฉันกับปู่แกรออยู่ที่โรงแรม” >

<โรงแรม พวกคุณปู่ไปทำอะไรที่นั่น> จิระไม่ได้ถาม ทำแค่ตอบตกลงออกไป “ครับ”

หลังจากวางสายไปจิระมองดูภาคินด้วยสายตาหวาดระแวง ภาคินดูอารมณ์ดี เขาต้องทำอะไรลงไปซักอย่าง จิระเริ่มเดาได้รางๆ เมื่อเดินทางไปถึงที่และพบกับวิชุดาหม่อมแม่ของภาคิน

“สวัสดีครับหม่อมแม่” จิระไหว้อย่างมีมารยาท วิชุดายิ้มจนแก้มปริ

“มาๆ มานั่งสิลูกทั้งภาคินทั้งจิระ”

จิระเลือกที่จะไปนั่งข้างๆ คุณปู่เขามองหาเพทายแต่ก็ไม่พบ รู้สึกใจไม่ดีเลย

“ท่านวศิน ดาก็คิดว่าน่าจะได้เวลาแล้วนะคะ ภาคินกับจิระก็คบหากันมานานแล้ว”

จิระเกร็งตัวทันที <หรือว่า> “ไม่...ผมจะไม่หมั้นหรือแต่งงานกับภาคินทั้งนั้นแหละ”

ทุกคนในห้องตกตะลึงเว้นแต่ภาคินกับวศินเท่านั้นที่สงบนิ่งเหมือนเดิม

“แกยังเด็กไม่มีสิทธิตัดสินใจนะจิระ” คมสันตะคอกเสียงดัง จิระยอมแพ้ที่ไหนเขาโต้เถียงด้วยการพูดความจริง

“ภาคินเขานอกใจผมก่อน แค่ผมยอมเจอหน้าเขายอมพูดดีด้วยก็มากเกินพอแล้ว”

“แก...จิระ...” คมสันไม่รู้จะทำอย่างไรกับจิระ เขารู้นิสัยไอ้ลูกคนนี้ดี เวลามันดื้อขึ้นมามันไม่ฟังใครทั้งนั้น

“นี่มันอะไรกันคะ ไหนใครช่วยอธิบายให้แม่ฟังที่สิ จิระหรือภาคินก็ได้”

หม่อมวิชุดางงไปหมด เธอยังเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของจิระกับภาคินยังแน่นแฟ้น จิระเหมาะสมกับลูกชายของเธอทุกอย่าง ไม่ว่าหน้าตาชาติตระกูลทรัพย์สิน ไม่มีคู่รักคู่ไหนเหมาะสมกันไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“ก็ให้ลูกของคุณแม่อธิบายเถอะครับ ยังไงก็แล้วแต่ผมไม่ยอมหมั้นกับหรือแต่งกับภาคินแน่ๆ”

กล่าวจบจิระก็ลุกขึ้นพรวด สาวเท้าเดินออกจากโรงแรมที่ด้านนอกเขาพบว่าเพทายรออยู่

“เพทาย” จิระเดินเข้าไปหาก่อนจะโถมกอดอีกฝ่ายเอาไว้

“ทำไมถึงทิ้งฉันเผชิญหน้ากับภาคินแค่คนเดียว”

“ผมเข้าไปไม่ได้ เพราะงั้นถึงได้มารอคุณอยู่ที่หน้าโรงแรม”

“นายรู้อยู่แล้วหรือว่าภาคินจะพาแม่มาขอหมั้นฉัน”

“ผมรู้แล้ว”

จิระฟังคำตอบแล้วก็เกิดทั้งงอนและไม่พอใจ ส่งสายตาเขียวปั๊ดให้อีกฝ่าย

“นายจะไม่ทำอะไรซักอย่างเลยหรือไง”

“ผมทำแล้ว ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ท่านวศินกำลังรอดูและตัดสินใจความเหมาะสมระหว่างคุณกับผม และท่านรับปากกับผมแล้วว่าถึงหม่อมวิชุดาจะมาเจรจาขอหมั้นคุณ ท่านวศินจะทำเพียงแค่รับพิจารนาไว้เท่านั้น”

“แบบนี้มันไม่ได้ยืนยันซักหน่อยว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน”

“ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ ทั้งผมแล้วก็คุณ เรายังมีเวลาอีกมากให้ศึกษากันและกัน และท่านวศินยังต้องการเวลาพิสูจน์ความสามารถของผม ผมคงไม่มีหน้าเป็นคนรักของคุณถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากท่านวศิน”

พอเพทายบอกว่าให้ค่อยเป็นค่อยไป จิระก็เกิดละอายขึ้นมา จะว่าไปเพราะปักใจเชื่อว่าเพทายกลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นความรู้สึกของเขาจึงเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

แต่เพทายก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่ว่าเขาไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ การกระทำของคนคนนี้ทำให้จิระปักใจไปแล้วว่ายังไงเพทายต้องมีความทรงจำของสามีในชาติที่แล้วอย่างแน่นอน

“นายมีลับลมคมในตลอด ชาติที่แล้วไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย ไม่สิหรือว่าฉันยังไม่รู้จักนายดีพอ”

เพทายไม่ตอบเขาจูงมือจิระเดินไปตามทางเดินเท้า “เดินเล่นกันซักหน่อย แล้วไปรับคุณดารันไปหาของกินกันเถอะครับ”

<เฉไฉอีกแล้ว> แต่พอเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของเพทาย ก็คิดว่าช่างมันไปก็ได้ จิระกุมมือของอีกฝ่ายแน่น พวกเขาใช้เวลาเดตสั้นๆ ด้วยการเดินดูร้านรวงข้างทาง

ถ้าได้เดตด้วยกันกว่านี้บ่อยๆ จะดีมาก แต่ก็เข้าใจดีว่าเพทายต้องทำงานเขาเองก็ทำงานเช่นกัน หากเป็นเมื่อก่อนสมัยที่ยังคบกับภาคิน จิระไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ เพราะมีความคิดเด็กๆ อย่างเช่น คนรักต้องเจอหน้ากันทุกวันหรือคุยกันตลอด 24 ช.ม แบบนี้ละมั้งที่ทำให้ภาคินเบื่อหน่าย



แม่ว่าอายุของพัชราภาจะล่วงไปถึงสี่สิบ แต่เธอยังคงความงามไว้ได้เหมือนคนวัยสามสิบเท่านั้น ในสังคมชั้นสูงทุกคนต่างรู้จักเธอดี เธอเป็นทายาทสนพ.ซึ่งผลิตทั้งนิตยสารชั้นนำและหนังสือพิมพ์มานาน

ในรุ่นของพ่อเธอธุรกิจของครอบครัวอยู่ในสภาพร่อแร่ แต่พอเธอขึ้นมากุมอำนาจเธอก็นำความรุ่งเรืองมาสู่ธุรกิจในมืออีกครั้ง

ใครๆ ก็เชิดชูเธอว่าเป็นยอดหญิงแห่งวงการสื่อ แต่ข่าวแง่ลบในการเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นหรือเห็นผู้ชายเป็นของเล่นก็อยู่คู่ชื่อเสียงในด้านดีของเธอด้วยเช่นกัน

เธอไม่สนไม่แคร์ เธอมีเงินจะหาผู้ชายมาปรนเปรอเท่าไหร่ก็ได้ หนึ่งในนั้นคนที่เธอเลี้ยงดูมาอย่างยาวนานและทำตามความคาดหวังของเธอได้ดีที่สุดคือปราบดา

เธอส่งเสียให้เขาเรียนให้เงินให้เงินไปมากมายจนเขาถีบตัวเองขึ้นมาเป็นหัวหน้าบรรณาธิการของเธอ ด้วยใบหน้าหล่อเหลาและหัวคิดอันชาญฉลาดรู้กาละเทศะ ทำให้เธอคิดว่านี่แหละคือผู้ชายที่เข้าท่ามากที่สุดในบรรดาเด็กเลี้ยงที่มีทั้งหมด

ปกติใครๆ จะคิดว่าเธอเป็นคนใจกว้าง แต่ทุกคนคิดผิด เธอเลี้ยงผู้ชายมากมายให้รองรับอารมณ์เธอ นั่นหมายถึงเธอต้องการเป็นฮ่องเต้หญิง นั่นหมายความว่าผู้ชายในฮาเร็มจะมีคนอื่นลับหลังเธอไม่ได้

หลังจากดื่มดำกับการทำรักจนถึงสวรรค์หลายครั้ง เธอก็ทิ้งตัวลงนอนเพื่อพักผ่อน แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นคนประสาทสัมผัสดีใครขยับหรือลุกไปทำอะไรเธอจะตื่นทันที ทว่าเธอมักจะแกล้งหลับ

ระยะหลังมานี้เพราะปราบดาทำตัวเข้าท่ามากๆ เธอถึงเรียกเขาให้มาหาบ่อยๆ เพราะแบบนี้ละมั้งถึงได้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เธอปลายมองปราบดาที่ย่องออกไปทำอะไรบางอย่างที่ระเบียง

Kanda : ผมคิดถึงคุณมาก คิดถึงที่สุด

ปราบดา : เอาไว้ฉันจะไปหา เธอนี่น้ายังขี้อ้อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

Kanda : จริงสิคุณช่วยผมหน่อยได้ไหม เหมือนทุกทีเรื่องง่ายๆ

กานดาส่งไฟล์บางอย่างแนบมาให้ปราบดา เขาเปิดดูแล้วเข้าใจความต้องการของกานดาในทันที

ปราบดา : ฉันช่วยก็ได้ แต่เธอต้องสมนาคุณฉันอย่างงามนะ แล้วถ้าได้เป็นใหญ่เป็นโตก็อย่าลืมผัวที่ส่งเสียเธอมาตลอดคนไปเสียล่ะ

Kanda : แน่นอนครับ ผมไม่ลืมคุณแน่ๆ




+++++++++++++++++++++

ค่าตัวเพทายแพง

นอกจากจะออกมาน้อยแล้วยังประหยัดคำด้วย

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 22-06-2018 13:22:49
รอออ :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-06-2018 15:13:18
ภาพกานดากับภาคินใช่ป่าว ถ้าลงมันก็เป็นผลดีอะสิจะได้ยืนยันว่านอกใจจริงๆ
ตัวละครผุดมาอีกแล้ว แล้วเพทายยังไง โอ๊ย...จะไปยังไงต่อ ลุ้นมาก  :ling1:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-06-2018 16:24:23
ลุ้นกับเพทายเนี่ยว่าสรุปแล้วชาตินี้จะได้เป็นสามีจิระไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 22-06-2018 16:43:02
แงงงงงงงงง คิดถึง  :ling1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 22-06-2018 17:23:19
กานดานายหาแต่เรื่องนะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-06-2018 17:31:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 22-06-2018 19:33:07
ยังซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่บ้าง
คีย์อยู่ที่คมสัน55555
ทั้งเรื่องคนโง่ที่สุด แย่ที่สุด คือคมสัน
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่21 22/6/2018 หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 22-06-2018 19:58:13
มีฟามรำคานภาคิน :z6:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 23-06-2018 11:33:20

บทที่22

พัชรไม่ใช่คนชอบที่พลุกพล่านและงานสังสรรค์หรูหรา แต่งานวันเกิดของเขาในครั้งนี้มีคุณปู่เป็นพ่องาน นอกจากปฏิเสธไม่ได้แถมคุณปู่ยังเชิญผู้คนมากมายมาร่วมงานอย่างคับคั่ง

งานวันเกิดของเขาครั้งนี้จัดที่โรงแรมในธุรกิจของครอบครัว ในเมื่อเป็นงานของเจ้าของโรมแรมพวกพนักงานจึงตื่นตัวกว่าปกติ พัชรไม่เพียงแจกบัตรเชิญให้เพื่อนๆ เขายังชวนพวกทีมงานจากหนังเรื่องวัยหนุ่มวัยฝันวันของเรามาทุกคน

หนึ่งในคนที่เชิญมาคือตาแก่อ้วนหัวล้านนายทุนที่สนับสนุนหนังของเขาหลายต่อหลายเรื่อง แล้วคนคนนี้ก็เป็นผู้ออกเงินให้กับหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่

ในระยะสายตาพัชรเห็นตาแก่กำลังเกี้ยวพาหนึ่งในดารานำซึ่งก็คือกานดา ดูเหมือนว่าจะคุยกันถูกคอน่าดู พอหันไปหานักแสดงนำอีกสองคนที่เหลือ นายเอ้ทศพลเอาแต่กินดื่มอย่างมุ่งมั่น ส่วนจิระตัวปัญหาของกองถ่ายยืนพิงกำแพงเพียงลำพัง ดังนั้นพัชรจึงเดินเข้าไปหา

“มายืนหลบมุมทำไมคนเดียว” จิระปลายตามองแทนคำตอบ จุดสายตาของเขาคือบริเวณที่คุณปู่ของจิระกับพัชรคุยกัน ที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยชนชั้นสูงที่พากันรุมล้อมราชาเฒ่าที่มีถึงสองคน

“ถ้าเหงาก็ไปเต้นรำตรงนั้นสิ ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฉันยืนเป็นเพื่อนก็ได้”

จิระส่งยิ้มมาให้ ปกติพัชรไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่รู้สึกว่าชั้นเชิงในการพบปะผู้คนของจิระเข้าขั้นยอดเยี่ยม หมอนี่รู้จักวิธีการพูดให้คนไม่เบื่อและไม่พูดมากจนน่ารำคาญเกินไป ตรรกะความคิดเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จะมีความเอาแต่ใจปนๆ อยู่บ้างก็ไม่น่าแปลกสำหรับเด็กวัยนี้

พัชรนั้นหารู้ไม่ว่าหากเขาได้สุงสิงกับจิระในช่วงวัยนี้เมื่อชาติที่แล้ว เขาคงรีบเดินหนีไม่มีทางยืนยิ้มตอบโต้อย่างสบายๆ แบบนี้ได้ แม้แต่จิระเองยังรู้ตัวว่าในชาติก่อนเขาเป็นคุณหนูที่พูดเอาแต่ใจจนน่ารำคาญไปหมด

หลังจากพูดคุยอย่างสนุกสนานพัชรนึกอยากเข้าห้องน้ำ เขาผละจากจิระไปจัดการธุระส่วนตัว พอเดินกลับมาตามทางก็พบว่ากานดายืนทำลับๆ ล่อๆ บางอย่าง

เขาชะโงกหน้าดูจากด้านข้างว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็พบความจริงว่ากานดากำลังแอบดูนายทุนตัวอ้วนพูดคุยบางอย่างกับบริกร เจ้านายทุนน่ารำคาญคนนั้นยื่นซองบางอย่างให้พนักงานของโรงแรม

จากนั้นกานดาก็เดินหลบจากที่นั่น พัชรเก็บความสงสัยเดินกลับไปในงาน เขาถูกเรียกจากเพื่อนสมัยเด็กที่พึ่งเดินทางมาถึงงาน เขาดีใจที่เพื่อนคนนี้มาได้ซักทีจึงหยุดพูดคุยอย่างออกรส ที่หางตาสังเกตเห็นว่าเจ้านายทุนพาจิระกับกานดาออกไปจากห้องจัดงาน

<ไปไหนกัน> พัชรสงสัยแต่ไม่สามารถปลีกตัวจากเพื่อนกลุ่มใหญ่ได้ หลังจากถูกเพื่อนๆ ชักชวนให้เล่นเกมติดต่อกันมากๆ เข้า เขาก็ลืมสนใจเรื่องที่แคลงใจไปจนหมด



กานดามองจิระที่ไหลลงไปซบกับโซฟาด้วยสีหน้าชั่วร้าย แผนการณ์ครั้งนี้เขาคิดได้อย่างปัจจุบันทันด่วน มันปิ๊งขึ้นมาฉับพลันหลังจากแอบไปได้ยินว่านายทุนรายใหญ่ตั้งใจให้บริกรใส่ยาในแก้วของเขาเพื่อให้สมยอมนอนกับอีกฝ่ายในคืนนี้

จริงๆ ถึงไม่มอมยาถ้าพูดกันดีๆ ก็จบไปแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะแบบนี้ถึงได้มีโอกาสเล่นงานจิระ เจ้านายทุนคนนั้นก็ตลกชะมัดพอเห็นว่าจิระดื่มน้ำในแก้วที่ควรเป็นของเขาก็ลุกพรวดหนีไปด้วยความกลัว

เอายังไงดีน้าสภาพวาบหวิวแบบนี้ควรเรียกผู้ชายมาซักหลายๆ คน แล้วค่อยเรียกพวกคนใหญ่คนโตเข้ามาปะ แบบนั้นคงได้เป็นข่าวอื้อฉาวแน่ๆ แค่คิดก็สนุกแล้วนอกจากข่าวคราวนี้ วันต่อมาข่าวของเขากับภาคินก็จะตามมาเป็นระลอก เป็นเทศกาลบูชายันอันยิ่งใหญ่จริงๆ

จะว่าไปถ้าเกิดว่าหมอนี่ต้องมีเรื่องอื้อฉาวกับคนที่เกลียดจะเป็นยังไงนะ กานดานึกถึงหน้าพี่เลี้ยงคนที่จิระเกลียดนักเกลียดหนาถ้าเรียกหมอนั่นมาคงสนุกพิลึก จิระที่ออกอาการวาบหวิวพร้อมบวกอยู่กลายๆ ตอนนี้น่าจะได้เห็นเรื่องดีๆ ไม่น้อย

ดังนั้นจึงหยิบมือถือของจิระหาช่องทางติดต่อของพี่เลี้ยงคนนั้น เมื่อพบแอพสื่อสารและแอคเคาท์ที่มีรูปของเพทายกานดาก็รัวแป้นอักษรส่งข้อความไปหาคนที่อยู่ในงานเช่นกัน

กานดาหัวเราะเสียงต่ำ “อีกเดี๋ยวคนที่นายเกลียดเขาจะมาหานะ อยากออดอ้อนหรือเล่นกันท่าไหนก็ตามสบายเลย”

“ร้อนจัง” จู่ๆ จิระก็คลายเสื้อผ้าออกด้วยตัวเอง กานดายิ้มจนตาหยีก่อนจะเดินออกไปแอบดูว่าเพทายจะมาเมื่อไหร่ ไม่นานนักคนที่เขาเรียกมาก็เข้าไปในห้อง เมื่อเห็นจนแน่ใจเขาก็รีบเดินกลับเข้าไปในงานมองหาพัชร



พัชรเห็นกานดาเดินกลับมาเข้างานโดยปราศจากจิระ จะว่าไปก่อนหน้านั้นก็เห็นว่านายทุนของเขากลับไปแล้วเช่นกัน

“พี่พัชรเห็นจิระไหมครับ”

พัชรเลิกคิ้ว “นายไม่ได้ออกไปพร้อมกับเขาหรอกหรือไง”

สีหน้าที่ดูเหมือนจับผิดของพัชรทำให้กานดารู้สึกว่าผิดท่า เขารีบแก้ตัวทันที

“เอ่อ จริงๆ ก่อนหน้านั้น ผมกับจิระออกไปนั่งพูดคุยเรื่องงานชิ้นถัดไปกับคุณเอก เขาบอกว่าสนใจให้ผมกับจิระไปแคสบทหนังเรื่องใหม่ของพี่ แต่ผมไม่ค่อยสบายเลยขอตัวออกมาก่อน แล้วออกไปนั่งพักด้านนอกตั้งนาน....”

ยิ่งโกหกก็ดูไม่เข้าที แล้วสีหน้าของพัชรก็ดูไร้อารมณ์ลงเรื่อยๆ จนใกล้เคียงกับรูปปั้นหิน

“ครั้งสุดท้ายนายเห็นจิระที่ไหน”

“เอ่อ...ที่ห้องรับรองใกล้ๆ นี่”

“พัชรมาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง ปู่ยังไม่ได้แนะนำให้เพื่อนๆ ของปู่รู้จักหลานเลย”

กานดาปลายมองกลุ่มคนที่มา มีทั้ง คุณพานทอง อำพัน นักธุกิจหมื่นล้าน คุณปู่วศินม กรธวัช และหม่อมวิชุดา เฉลิมยุคล ตัวละครดีๆ มากันครบ มันก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้กลัวว่าพัชรจะจับพิรุธได้มากกว่า

“คุณปู่รอซักเดี๋ยวนะครับ ตอนนี้ผมจะให้กานดาช่วยตามหาจิระก่อน”

“หมายถึงหลานของฉันรึ” วศินถาม จะว่าไปเพทายก็หายไปเหมือนกัน

“เธอรู้สินะว่าหลานชายฉันไปไหน”

“เออครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน ก็ที่ห้องรับรองใกล้ๆ นี่”

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพากันไปยังห้องที่ว่า พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอจิระจูบกับเพทายอย่างดูดดื่ม แถมเสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อยอีกด้วย

“งามหน้าเหลือเกิน เพราะอย่างนี้สินะถึงไม่ยอมหมั้นกับภาคิน”

หม่อมวิชุดาเป็นคนแรกที่รีบเดินหนีไป กานดาลอบยิ้มด้วยความสะใจ แต่รีบเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อพบว่าพัชรหันมามองทางเขา

“เกิดอะไรขึ้นเพทาย” วศินถามด้วยเสียงเยียบเย็น

“คุณปู่มาด้วยหร...คาบ...” จิระพูดไม่ค่อยเป็นคำแถมยังปล่อยตัวลงไปกองกับโซฟาเหมือนคนไม่มีกระดูก ใครเห็นก็รู้ได้ว่าไม่ปกติ

“สงสัยจะถูกให้ทานยาอะไรซักอย่าง” พัชรออกความเห็น

“ก็อย่างนั้นแหละครับ พอผมมาถึงคุณจิระก็พูดไม่รู้เรื่องแล้ว เขาส่งข้อความเรียกให้ผมมาหา” เพทายพูดพร้อมกับจัดการช้อนอุ้มจิระขึ้น

“ไหนขอดูข้อความซิ” พัชรก้าวเข้าไปยืนข้างๆ เพทาย อีกฝ่ายส่งมือถือของตนให้เขา

“อาการแบบนี้ยังอุตส่าห์ส่งข้อความไหวนะ” พัชรไม่ได้พูดถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดตัวเอง แต่เขาหรี่ตามองดูกานดา

เพทายสังเกตเห็นท่าทีของพัชรในทันที เขามองตามสายตานั้นไปยังกานดาที่หลบยืนอยู่ด้านหลังท่านพานทอง

“เรื่องอื้อฉาวแบบนี้จะให้ทำยังไง หม่อมวิชุดาไม่ใช่คนที่ชอบเก็บปากเก็บคำเสียด้วย” พานทองพูดกับวศิน

เขาลำบากใจแทนเพื่อนคนนี้จริงๆ คิดว่าอีกไม่นานข่าวจิระนัวเนียกับเพทายในห้องรับรองของโรงแรมคงรั่วไปในกลุ่มชนชั้นสูงแน่ๆ เพราะดูท่าทางหม่อมไม่พอใจวศินที่ปฏิเสธไม่ยอมตกลงรับหมั้นของลูกชายตัวเอง

ระหว่างที่คุยกันวันนี้ก็พูดถึงแต่เรื่องการหมั้นกับคนที่เหมาะสมตลอดพยายามเกลี่ยกล่อมและเริ่มมีโมโหเมื่อวศินบ่ายเบี่ยงไปทุกครั้ง เห็นทีแม่คนนั้นคงเอาไปพูดจนสนุกปาก แก้แค้นที่วศินกับหลานเล่นตัวเหลือเกิน

“เพทายพาจิระไปโรงพยาบาลก่อน ฉันต้องหาความกระจ่างอันนี้ให้หลานของชายฉันให้ได้”

“ผมจะช่วยเองครับ” พัชรอาสา เขายังคงหรี่ตามองดูกานดาไม่เลิก





เพทายเองก็เช่นกันเขาใช้สายตาพิเคราะห์มองดูกานดา คนคนนี้ไม่ว่าจะในครั้งนี้หรือชาติก่อนก็เป็นศัตรูที่นำความวิบัติมาให้จิระ ชาติที่แล้วเขาได้สะสางให้จิระไปอย่างถึงน้ำถึงเนื้อ คราวนี้คงต้องคิดแล้วว่าจะจัดการยังไงให้เข็ดหลาบจนไม่กล้าวุ่นวายอีก

<ไม่จำเป็นต้องรีบ> เพทายกำลังรอโอกาสเหมาะๆ ทั้งเรื่องกานดาและเรื่องอื่นๆ ในเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเกิดอีกครั้งคราวนี้เขาตั้งใจว่าจะไม่ให้ซ้ำรอยกับครั้งที่แล้ว



คืนนั้นเกือบทั้งคืนกานดาถูกสอบปากคำอย่างเข้มงวด โชคดีที่ตนเองรอบคอบระวังไม่ให้เข้าไปอยู่ในกล้องวงจรปิดในช่วงเวลาสำคัญ แถมไอ้เจ้าวงจรปิดบางจุดก็มาเสียพร้อมกันจึงนับว่าโชคเข้าข้างเขามาก

แม้ว่าเหมือนพวกตำรวจจะมีความสงสัยแต่ในเมื่อหาหลักฐานไม่ได้ความผิดจึงตกไปอยู่กับนายทุนจนหมด สุดท้ายเขาก็กลายเป็นหนึ่งในพยานสำคัญ

กว่าจะได้กลับบ้านก็รุ่งเช้าของอีกวัน กานดาปาดเหงื่อ ครั้งนี้เกือบพลาดไปแล้ว คิดว่าคราวหน้าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้

ยังไงก็แล้วแต่เช้านี้ยังอารมณ์ดีอยู่บ้าง อีกเดี๋ยวข่าวของเขากับภาคินก็คงถูกแพร่ออกไป ยังแถมด้วยข่าวนายทุนถูกจับที่ชวนสงสัย ยังไงก็ต้องมีคนคุ้ยหาความจริงแน่ๆ กานดาอมยิ้มความสนุกเล็กๆ น้อยๆ ของเขายังคงมีอยู่



                    ++++++++++++++++++++++++++



                  เข้าใจว่านักอ่านงงในจุดของเพทายที่ยังไม่เฉลย 

                 จะค่อยๆ เฉลยทีละนิดในเนื้อเรื่องนะคะ

                อย่าพึ่งรำคาญกะวิธีการเขียนของเรานะ

                แสดงความคิดเห็ฯเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 23-06-2018 13:43:51
สนุกทุกตอนค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 23-06-2018 15:39:12
อยากตรบนังกานดา
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-06-2018 15:58:42
เหนื่อยใจ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-06-2018 16:31:57
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-06-2018 19:36:36
นี่รอเหยียยกานดาอยู่อ่ะบอกเลย
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 23-06-2018 22:52:52
อยากอ่านอีกกกกกกก ไรท์ขออีกตอนสิ ทำไมมันสั้นจังอ่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่22 23/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 24-06-2018 07:17:36
รอออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 24-06-2018 13:22:06
บทที่23

ทันทีที่เพื่อนในสังคมชั้นสูงส่งเรื่องของภาคินที่อยู่ในโลกออนไลน์มาให้ดูก็ตกใจจนหน้าซีด วิชุดาไม่คิดว่าก่อนว่าลูกชายของเธอจะนอกใจจิระจริง

แต่หลักฐานจากหลายคนที่เอามาแฉคราวนี้มัดตัวลูกชายอย่างแน่นหนา ผู้คนในโลกโซเซียลช่วยกันตีสีใส่ไข่เรื่องราวความรักสามเสร้าแสนคละคลุ้งกันสนุกสนานการที่มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้มันทำให้เธอแทบร้องกรี๊ด

ตามจริงหมายกำหนดการแรกของเธอในวันนี้คือแก้แค้นให้ลูกชายคนเดียวของเธอ ด้วยวิธีเอาเรื่องเหลวแหลกของจิระไปโพนทะนา เด็กนั่นกับวศินจะได้เลิกลองดีปั่นหัวลูกชายของเธอเสียที

แต่นี่มันอะไรทั้งในนิตยาและตามที่ต่างๆ ในโลกออนไลน์ หัวข้อสนทนาเต็มไปด้วยเรื่องรักสามเสร้าเคล้าน้ำตา จะแก้ข่าวตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว พอหันไปมองลูกชายตัวดี ภาคินถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“หลบไปบ้านพักต่างอาการที่ประเทศEซักพัก” วิชุดาคิดออกได้เท่านี้จริงๆ

“เร็วลูกไปเก็บข้าวของซะหลบไปซักเดือนสองเดือน เดี๋ยวข่าวก็ซาไปเอง”

เธอเห็นภาคินยังมีท่าทีลังเลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงพูดย้ำเตือนให้ลูกชายเข้าใจ

“ภาคิน แม่ไม่ยอมมีลูกสะใภ้ที่เป็นคนชั้นต่ำแบบนั้นหรอกนะ ส่วนจิระลูกเลิกหวังกับเด็กคนนี้ไปเถอะ”

“คุณแม่” ภาคินยังเหมือนไม่อยากยอมแพ้ ทำให้วิชุดาต้องตักเตือนอีกครั้ง

“มันจบแล้วภาคิน ฟังแม่นะ ทั้งลูกทั้งจิระต่างก็นอกใจกันและกัน แม่ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องทู่ซี้ไล่ตื้อคนที่เขาไม่รักเราแล้ว เอาล่ะไว้แม่จะหาลูกสะใภ้ดีๆ มาให้ลูกใหม่ ตัดใจจากเด็กคนนั้นซะเถอะ”

จากนั้นเธอก็ดันภาคินให้ขึ้นไปเก็บกระเป๋าตามด้วยจองตั๋วเครื่องบินที่เร็วที่สุดเพื่อไปประเทศE ทว่าระหว่างที่ง้วนกับการเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าคมสันก็โทรมาหา

<” หม่อมครับผมรู้ว่าวิธีที่จะทำให้จิระยอมแต่งงานกับภาคินแล้วนะ” >

เสียงของคมสันดูตื่นเต้น ใช่สิเขาคิดหาวิธีมาทั้งคืนเลยนี่

“หะ”

เสียงหงุดหงิดของวิชุดาจากอีกฝากทำให้คมสันแปลกใจ นี่หม่อมไม่พอใจอะไรอย่างนั้นหรือ แต่คมสันใช่ว่าจะยอมหยุดพูดเรื่องแผนการ

“เราวางแผนจัดฉากนิดหน่อยให้เหมือนกับจิระกับภาคินได้เสียกัน นี่เป็นเรื่องง่ายมาก...”

“คุณไม่รู้เรื่องงามหน้าของลูกชายคุณเลยหรือไงหะ” วิชุดาแทรกเสียงมาทางอีกฝาก น้ำเสียงนั่นบ่งบอกถึงความโมโหจัดมากทีเดียว

“ระ..เรื่องอะไรหรือครับ” คมสันงงไปหมด ทำไมอยู่ๆ หม่อมวิชุดาถึงมาทำเสียงแบบนี้ใส่เขา

“เอาไว้ไปถามท่านวศินเอาเองเถอะค่ะ หรือไม่งั้นก็ไปถามลูกชายคุณ ไม่ก็ไอ้ลูกบุญธรรมของท่านวศิน เลือกเอาซักคนนะ และจำเอาไว้ว่าฉันไม่มีทางรับจิระมาเป็นลูกสะใภ้อีกแน่ๆ คุณไม่ต้องมาตื้ออีกนะ”

วิชุดาตัดสายไปแล้ว คมสันมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เค้นสมองคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเลขานุการหน้าห้องก็เข้ามารายงานเรื่องสำคัญ

“กรรมการผู้จัดการ ได้เวลาเข้าประชุมแล้วนะคะ”

จริงสินี่มันถึงเวลาเข้าประชุมแล้ว ดังนั้นคมสันจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอาดๆ ไปยังที่หมาย ระหว่างทางอารมณ์ของเขายิ่งร้อนแรงดุดันขึ้นเรื่อยๆ ไอ้เพทายมันทำอะไรลงไปกันแน่ มันวางแผนอะไรกับลูกชายหน้าโง่ของเขา

ต้องเป็นเรื่องอื้อฉาวร้ายแรงอะไรซักอย่างไม่อย่างนั้นหม่อมวิชุดาที่เอ็นดูจิระนักหนาจู่ๆ ทำไมถึงกลายเป็นรังเกียจรังงอน เมื่อไปถึงที่ประชุมก็ปะกับเพทายที่นั่งอยู่ข้างวศิน คมสันกัดฟันกรอดถลึงตาใส่อย่างดุดัน

การประชุมเริ่มต้นขึ้นแต่คมสันไม่ละสายตาไปจากเพทายเขามัวแต่จ้องจนแทบไม่ได้ฟังข้อความการประชุมของผู้จัดการแต่ละแผนก จนในที่สุดหัวข้อเกี่ยวกับการบริหารปั๊มน้ำมันของครอบครัวก็มาถึง

“คุณพ่ออนุมัติเอกสารต่อสัญญาแล้วหรือยังครับ” คมสันรีบทวงสิ่งที่ต้องการทันที เขารอให้คุณพ่อยกหัวข้อนี้ขึ้นมาประชุมนานแล้ว

“ฉันจะไม่ต่อสัญญากับร้านคาเฟ่เดิมที่อยู่ในปั๊มของเรา”

“อะไรนะ” คมสันแทบตะโกนออกมา คาดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้



“หลายปีมานี้ผลประกอบการของร้านคาเฟ่ในปั๊มซึ่งเช่าพื้นที่ของเรากำไรสูงมาก ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่าสนใจ ฉันก็เลยคิดว่าผลกำไรอันนี้ก็น่าจะฮุบเอาไว้เอง กอปรกับสี่ปีมานี้เพทายเสนอโปรเจ็คคาเฟ่เล็กๆ เพื่อทดสอบการเติบโตทางธุรกิจนี้ มันไปได้ดีและฉันต้องการนำร้านคาเฟ่ของเราเข้าแทนที่ร้านคาเฟ่เดิมในปั๊มทุกสาขา แล้วอาจจะเปิดเพิ่มในห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง”

คมสันร้องครางออกมา คำตัดสินของคุณพ่อก็คือประกาศิต เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ถือทั้งหมดกว่า 97 เปอร์เซ็น ทำให้วศินสามารถตัดสินใจทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว

แต่คมสันยังไม่ยอมแพ้ เขารอให้คนอื่นๆ ออกนอกห้องประชุมไปหมดและเรียกรั้งให้วศินอยู่คุยต่อ โดยมีเพทายอยู่ด้วยอีกคน

“ผมไม่รู้ว่าไอ้เพทายมันพูดอะไรให้คุณพ่อทำแบบนี้ แต่เปิดร้านกาแฟเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณพ่อจะต้องมาแบกภาระบริหารร้านกาแฟในปั๊มของเราทั่วประเทศกว่า 1500 สาขา ถ้าบริหารไม่ดีเราอาจจะต้องขาดทุนจำนวนมหาศาล ผมเชื่อว่าการให้ผู้บริหารรายอื่นมาเช่าพื้นที่เป็นเรื่องที่ทำผลกำไรให้มากที่สุด”

“คมสันฉันไม่เพียงแต่จะยึดพื้นที่มาทำคาเฟ่เอง แต่เดี๋ยวนี้เพทายเขาเสนอให้ยึดร้านสะดวกซื้อจากผู้บริหารรายเดิมมาทำเองอีกด้วย ตอนนี้เขากำลังหาข้อมูลมาให้ฉันศึกษาอยู่ เดี๋ยวรอดูผลประกอบการของร้านคาเฟ่ของเราในปั๊มเสียก่อนหากว่ามันดีดั่งที่คิดจริง ฉันก็จะเดินหน้าโปรเจ็คร้านสะดวกซื้ออีก”

“คุณพ่อ” คมสันอ้าปากค้าง แค่เสียค่าแป๊ะเจี๊ยะของร้านคาเฟ่ยังไม่เท่าไหร่ แต่หากเสียอำนาจควบคุมของร้านสะดวกซื้อในมือไปด้วยเขาจะเหลืออะไร

“ไอ้เพทาย...” คมสันถลึงตาใส่เพทายที่ยืนหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาใดๆ เขาอยากบีบคอมันให้ตายไปเลย

“คุณพ่อจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะครับ นี่มันเป็นโปรเจ็คที่ผมควบคุมเองมานาน อยู่ๆ คุณพ่อจะเขี่ยผมทิ้งผมไม่ยอม”

คมสันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผู้ชายตัวโตๆ มาทำแบบนี้ วศินรู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ เขานึกถึงสมัยที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นคุณอัยย์อยากมีลูก สำหรับเขาจะมีหรือไม่มีก็เหมือนกัน ขอแค่มีภรรยาที่รักเคียงข้างทุกอย่างไม่สำคัญ





แต่ว่าน้องสาวและน้องเขยของอัยย์ดันมาตายในอุบัติเหตุเหลือเพียงลูกชายตัวน้อยรอดจากเหตุการณ์นั้น อัยย์เอ็นดูหลานชายที่น่ารักและน่าสงสารคนนี้มาก เพราะอัยย์รักคมสันเปรียบเสมือนลูกก็เลยทำให้เขาเผื่อแผ่ความเอ็นดูรักใคร่ให้ลูกบุญธรรมคนนี้อย่างไม่มีขีดจำกัด

การที่คมสันเสียคนส่วนหนึ่งก็มาจากอัยย์ อีกส่วนที่เหลือแน่นอนเพราะเขาเอง เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายสิบปี นึกเสียใจตอนนี้ก็มาทันแล้ว การที่เขาให้หุ้นกับคมสัน 3 เปอร์เซ็นก็เพื่อให้ลูกคนนี้สุขสบายด้วยเงินที่ได้จากเงินปั้นผลของหุ้นที่มากมายจนถึงขั้นไม่ต้องทำงานทั้งชีวิต

แต่ที่มันไม่เคยพอเพราะไอ้ลูกคนนี้เลี้ยงนางบำเรอเอาไว้มาก วศินก็คิดว่าถ้าทำกำไรให้บริษัทมากขึ้นอีกหน่อยเงินปันผลจากหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นคงทำให้คมสันสุขสบายกว่าเดิม

วศินทำงานอย่างหนักและมองหาผู้สืบทอดไปพร้อมกัน หลานชายของเขาสองคนมีหนทางที่เลือกด้วยตัวเองและมุ่งมั่นกับเส้นทางนั้น วศินไม่ใช่คนใจดำเขาเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ และพร้อมจะรับกลับเข้ามาในธุรกิจครอบครัวทุกเมื่อ

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ยอมให้ทั้งสองทำตามใจชอบ ลูกของไพลินน้องสาวแท้ๆ ของเขา นับวันยิ่งส่องประกาย เพทายพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการดูแลกิจการและครอบครัวมกรธวัช

ยิ่งมาวันนี้เขาตัดสินใจบางอย่างได้เด็ดขาดแล้ว ถึงมันจะทำให้คมสันเสียใจ แต่เชื่อว่ามันจะทำให้ลูกบุญธรรมคนนี้สุขสบาย หมายความถึงนับจากนี้คมสันสามารถนั่งกินนอนกินโดยไม่ต้องทำอะไรทั้งชีวิตเลยยังได้

“เสียดายค่าแป๊ะเจี๊ยะที่จะได้จากการเซ็นสัญญาเช่าขนาดนั้นเลยรึคมสัน”

คมสันเหมือนถูกตีแสกหน้า ปากคอสั่นสะท้านไปหมด

“พ่อรู้แล้วว่าเราทำอะไร เพราะเราเป็นลูกพ่อถึงไม่แฉไม่เอาความอะไรเราทั้งนั้น”

“คุณพ่อ...” คมสันกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ยิ่งคุณพ่อพูดและยิ้มอย่างอ่อนโยนด้วย ยิ่งรู้สึกละอายตัวเอง ใครจะคาดคิดว่าคุณพ่อจะลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู วศินไม่ได้ปฏิบัติกับคมสันเหมือนทำกับเด็กน้อยอย่างนี้มานานแล้ว

“สบายใจได้นะ จากนี้ไปเจ้าไม่ต้องลำบากแล้ว อีกเดี๋ยวจะมีลูกเขยช่วยหาเงินแทนให้”

“อะไรนะครับ” คมสันมองเหม่อ ไม่เข้าใจความหมายของคุณพ่อ

“ฉันจะให้เพทายหมั้นกับจิระ นอกจากนั้นยังจะมอบหุ้นเป็นของขวัญหมั้นให้เพทาย 25 เปอร์เซ็น และจิระ อีก10เปอร์เซ็น ลูกชายและลูกเขยมีเงินมากชนาดนี้ เจ้าไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเงินใช้ไม่พออีกต่อไปแล้วนะ อีกอย่างได้ลูกเขยที่วิสัยทัศน์ไกล เชื่อว่ามูลค่าหุ้นและเงินปันผล 3 เปอร์เซ็นที่ได้รับจะต้องมากกว่าเดิม สบายใจได้แล้วนะคมสัน”

วศินกับเพทายออกจากห้องประชุมไป คมสันพูดอะไรไม่ออก เขาค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ทำอะไรไม่ได้อีกแล้วได้แต่ยอมแพ้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วศินกำหนด



จิระนอนแกร่วอยู่ในห้องวีไอพีของโรงพยาบาล มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เพราะคุณหมอประจำตัวให้เขาอยู่ดูอาการไปก่อน ดารันพึ่งมาเยี่ยมเขาในช่วงเช้าพร้อมแม่ของเขาแล้วพากันแยกย้ายไปทำงานหรือธุระของแต่ละคน เพราะเขาไล่

จิระไม่อยากให้ทุกคนเอาแต่เป็นห่วงเขาจนเสียงานเสียการ พออยู่คนเดียวก็เบื่อๆ ดังนั้นจึงเปิดทีวีทิ้งไว้พร้อมกับเล่นมือถือท่องโลกโซเชียลไปด้วย

ยิ่งใช้เวลาในการท่องโลกอินเตอร์เน็ตมากเท่าไหร่ จิระก็ยิ่งอารมณ์ดีมากเท่านั้น ข่าวอื้อฉาวรักสามเสร้าระหว่างเขาดับภาคินและกานดา มันทำให้จิระอารมณ์ดีสุดๆ

นี่ไม่ได้หมายถึงเขาสามารถเขี่ยภาคินออกไปได้ซักทีหรอกหรือ แถมพอมองไปที่ข่าวบันเทิงในทีวีก็พบว่านักข่าวไปตื้อสัมภาษณ์ภาคินกับกานดาด้วย

ภาคินกับหม่อมวิชุดาไม่ยอมตอบคำถามแถมยังขู่จะฟ้องกลับ ในขณะที่ทางฝั่งกานดาเอาแต่ทำหน้าเศร้าๆ พร้อมบีบน้ำตาแต่ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์เหมือนกัน

ตอนนี้ในโลกออนไลน์เดือดจัด ความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวความรักสามเสร้า มีทั้งคนเห็นใจจิระและมีคนด่าเขาคละเคล้ากันไป แต่เขาสนใจเสียที่ไหนก็ในเมื่อข่าวฉาวก็คือข่าวฉาว อีกหน่อยถ้ามีข่าวที่ฉาวกว่านี้ทุกคนก็จะลืมเรื่องของเขาไปเอง

แถมทั้งเขาทั้งภาคินหรือกานดาก็สงวนท่าที่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กันทั้งนั้น ในเมื่อไม่มีข้อความสาดโคลนใส่กัน แล้วคนอื่นๆ จะหาข้อมูลอะไรไปนินทากันล่ะ

จิระก็แค่อยู่นิ่งๆ รอให้ทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่ต้องทำอะไร สบายจะตายเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดต้องร้องไห้กระวนกระวายเมื่อมีอะไรมากระทบเหมือนชาติก่อนอีกแล้ว

เสียงเคาะประตูดังที่หน้าห้อง ตามด้วยการก้าวเข้ามาของเพทาย จิระเมื่อเห็นว่าคนมาเยี่ยมคือชายในดวงใจเขาก็ยิ้มแก้มปริ

“ให้รอตั้งนาน นึกว่าจะไม่มาเยี่ยมแล้ว” เพทายยิ้ม เดินเข้ามาหาหยิบจานชามออกมาจากตู้แล้วเทอาหารที่นำมาลงจาน

“ผมให้ภัตตาคารทำโจ๊กแซลมอนผสมแครอทมาให้คุณ ทานซักหน่อยนะครับ”

“อื้อ...กำลังอยากทานพอดี” โจ๊กแซลมอนผสมแครอทเป็นของโปรดของจิระ เขามักจะสั่งให้แม่ครัวทำให้กินเป็นมื้อเช้าบ่อยๆ

“นายเห็นข่าวของภาคินหรือยัง” จิระถาม

“ผมเห็นแล้ว”

“ดีจังเลยเนอะเท่านี้ หมอนั่นก็คงไม่มาตามตื้อฉันอีกแล้ว” จิระหัวเราะชอบใจ

“ท่านวศินยังตัดสินใจให้ผมกับคุณหมั้นกันแล้ว”

“เอ๊ะ...” จิระทำหน้าแปลกใจ

“ไม่ดีใจหรือครับ” จิระก้มหน้าครุ่นคิดแทนคำตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาประสานตากับเพทาย

“ฉันยังไม่ได้คำตอบจากนายเลย”

“เรื่องไหนครับ”

“เรื่องที่ฉันถามว่านายกลับชาติมาเกิดใหม่เหมือนฉันหรือเปล่า”

เพทายนำมือของจิระมากุมก่อนจะจุมพิตลงไปบนหลังมือทั้งสองข้าง

“อีกไม่นานผมจะเล่าให้คุณฟังทั้งหมด ไม่นานหรอกครับ”

“สัญญานะ”

“ผมสัญญา”



คืนนี้พัชราภามาดื่มสังสรรค์ในคลับของชนชั้นสูงกับเพื่อน เธออยากหาคนระดับเดียวกันคุยบ้าง ไม่ได้จะมาปรับทุกข์อะไรหรอกแต่ต้องการความเห็นจากเพื่อนๆ เท่านั้นเอง



“ถ้าเธอรู้สึกว่าหนึ่งในเด็กที่เลี้ยงเอาไว้จำนวนมากมีลับลมคมในเธอจะทำยังไง” พัชราภาตั้งคำถามกับเพื่อนสองสามคน

“มีชู้หรือไง” เพื่อนเกย์ที่มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นของหล่อนถาม

“ไม่รู้สิ”

“ถ้ามีชู้นะฉันจะเล่นงานนังชู้แล้วเฉดหัวไอ้เด็กไม่รักดีทิ้งไปซะ”

เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังให้ความเห็น

“แต่ควรให้โอกาสเขาก่อนนะ ปรักปรำไม่ใช้เรื่องดี ว่าไงหานักสืบตามดูดีไหม” ดาราหญิงชื่อดังที่สุดในวงการตอนนี้เสนอแนะ ซึ่งมันโดนใจพัชราภาเอามากๆ

“นั่นสิหานักสืบก็ดีเหมือนกัน”

ขณะที่พูดอยู่ๆ สุภาพบุรุษรูปงามท่านหนึ่งที่เดินผ่านก็หยุดตรงข้างๆ เธอ พัชราภาหันไปมองด้วยความหงุดหงิดเธอไม่ชอบให้ใครแอบฟังหรือแส่ ทว่าพอเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ถนัดๆ เธอก็เปลี่ยนท่าทีไป

“เมื่อกี้คุณพูดถึงนักสืบ ผมมีองค์กรดีๆ แนะนำให้คุณได้นะ”

ไม่เพียงแค่รูปงามเท่านั้น น้ำเสียงหรือกิริยาท่าทางยังมีความเป็นผู้ดี เธอรู้จักคนคนนี้ในวงสังคมดี นักธุรกิจหนุ่มที่กำลังมาแรงในวงการ เพทาย มกรธวัช ลูกบุญธรรมของราชาธุรกิจ วศิน มกรธวัช

“ถ้ามันดีจริงฉันก็อยากลองดูค่ะ ถ้าไม่รังเกียจคุณมานั่งดื่มกับพวกเราในคืนนี้ไหมคะ” เพทายยิ้ม เป็นยิ้มที่สวยน่ามองที่สุดจนพัชราภาอดเคลิ้มไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะครับ”

เพทายขยับนั่งลงกับพวกพัชราภา การล้างแค้นให้จิระเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขารอจังหวะเหมาะมานานทีเดียว



++++++++++++++++++++++++++++

                  เหมือนว่าจะมีพายุพัดครั้งใหญ่ในชีวิตของจิระเลยเนอะ

                 จะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดนะคะ

                 ยังมีปมเหลืออีกสองสามปมที่ต้องคลาย

                 แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 24-06-2018 15:01:41
สามีสายสปอย :katai3:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-06-2018 20:05:07
เพทายไปยุ่งกับชะนีเดี๋ยวจิระก็งอนหรอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-06-2018 22:48:42
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 25-06-2018 02:58:46
เหยยยยยย เสียใจมากทำไมพึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ มันสนุกมากค่ะ มีอะไรหลายอย่างรวมกันในหนึ่งเรื่อง แถมมีการแสดงถึงพัฒนาการตัวละครอีกด้วย เลิฟฟฟ ♥ :mew1: :mew1:

ปล.พูดถึง เมือง k เนี้ยยยย ชีวิตจริงขออย่าให้เจริญเทียบ b เลยค่ะ  ไอ้ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่รถติดนานๆแบบนั้นอ้วกแตกตายพอดี เรานี่คน k ไปอยู่ b แปปเดียวยังทนไม่ได้เลย 5555
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 25-06-2018 07:51:21
รอออออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: M_mA ที่ 25-06-2018 11:55:14
เพทายนายร้ายมากกกกก!! แต่นายทำเพื่อจิระเราให้อภัย รอตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่23 24/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-06-2018 12:07:55
เพทาย นี่ลุค สามี มากๆอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 25-06-2018 16:09:01
บทที่24

ถึงแม้จะทั้งริษยาและไม่พอใจแค่ไหนแต่ดารินยังต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มให้วศินเห็น คำประกาศิตของผู้นำตระกูลในเช้าวันนี้ทำเอาเธอนั่งแทบไม่ติดที่

ก็อะไรล่ะ นี่มันบ้าอะไรกัน จู่ๆ วศินถึงให้จิระหมั้นกับเพทายแถมยังยกหุ้นจำนวนมากให้พวกมันสองคนเสียอีก จำนวนหุ้นถึงแม้จะแค่คนเดียวยังมากกว่าคมสันสามีที่ไม่ได้เรื่องของเธอ

อย่างนี้มันไม่ได้หมายความว่าวศินหมายใจจะให้ไอ้เพทายกับจิระสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้วหรือ แล้วดารันลูกของเธอล่ะเอาไปไว้ไหน ดารันจะได้อะไรแล้วเธอจะได้อะไรบ้าง

เธอยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มยินดีไปพร้อมกับนังจินดาที่ยิ้มจนแก้มปริ ส่วนคมสันนะหรือนั่งบื้อทื่อเหมือนคนไร้วิญญาณ

เป็นอะไรกันแน่นะ สงสัยว่าเธอจะต้องเอาน้ำลูบแล้วถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียหน่อย ดังนั้นจึงตามติดคมสันไปที่ห้องของเขายกทั้งขนมและน้ำปรนนิบัติพัดวีอย่างดี

“คุณค่ะทำไมอยู่ๆ คุณพ่อถึงให้จิระกับเพททายหมั้นกันล่ะคะ”

พอเริ่มถามคมสันก็ห่อไหล่เข้าหากันอย่างหดหู่

“คุณพ่อตั้งความหวังกับคนรุ่นใหม่อย่างเพทายมัน เห็นทีว่าฉันคงได้เวลาเกษียณแล้วล่ะมั้ง”

ดูก็รู้ว่าคมสันยังไม่ยอมรับความจริงข้อนี้เท่าไหร่นัก

“คุณพี่ทำไมยอมแพ้ซะล่ะค่ะ คุณพี่เป็นทายาทสายตรงส่วนไอ้เพทายมันก็แค่ลูกบุญธรรมเท่านั้น จริงๆ คนที่ควรจะได้หุ้น 25 เปอร์เซ็นมันควรจะเป็นคุณ ดารัน หรือไม่ก็จิระนี่คะ รินไม่เข้าใจคุณพ่อจริงๆ”

หลังจากฟังคำพูดของภรรยารองคมสันก็ถอนหายใจอย่างอ่อนล้าเขาเริ่มเล่าเกี่ยวกับเพทายให้อีกฝ่ายฟัง ดารินยิ่งฟังยิ่งรู้สึกรับไม่ได้ นี่เธอยอมทุ่มเทตั้งมากมายแต่ไอ้เพทายกับจิระมันจะมาแย่งของที่ควรเป็นของเธอหรือนี่

“แล้วดารันล่ะคะ คุณพ่อจะให้หุ้นเป็นของรับขวัญเมื่อไหร่ นี่ก็ใกล้วันเกิดดารันแล้วน้องคิดว่า...”

“อืม...คุณพ่อน่าจะให้ซัก 3 เปอร์เซ็นล่ะมั้ง” เรื่องนี้คมสันคุยกับคุณพ่อไว้แล้วว่าถ้าดารันบรรลุนิติภาวะก็จะให้หุ้นจำนวน 3 เปอร์เซ็น

จำนวนนั้นเยอะพอๆ กับที่คมสันได้ และสามารถทำให้อยู่สุขสบายโดยไม่ต้องทำงานเช่นกัน แต่ดูเหมือนดารินจะไม่พอใจ

กับอีแค่หุ้น 3 เปอร์เซ็น เงินขี้ปะติ๋วเทียบไม่ได้กับที่จิระมันได้เลย ยิ่งคิดไฟในอกยิ่งสุมจนร้อนรุ่ม ต้องทำอะไรซักอย่าง

“เอ่อคุณคะ ฉันว่าจะไปทำบุญเก้าวัดซักสองสามวัน ว่าจะเดินทางเย็นนี้เลย ฝากดูแลดารันด้วยนะคะ”

“ทำบุญอีกแล้วรึ” คมสันเลิกคิ้ว แต่สำหรับดารินที่ธัมมะธัมโมถือเป็นเรื่องปกติ คมสันลูบมือที่กำลังนวดไหล่ของเขาอย่างทะนุถนอม “เธอนี่ช่างเป็นผู้หญิงใจบุญจริงๆ”

“น้องทำบุญมากมายก็เพื่อแบ่งผลบุญให้คุณพี่นั่นแหละค่ะ น้องไปก่อนนะคะ”

“อืมไปเถอะ” คมสันไม่ได้สนใจอะไรอีก จริงๆ เขาต้องเข้าบริษัท แต่คนว่างงานอย่างเขาจะเข้าไปทำอะไร ในเมื่อเพทายว่าที่ลูกเขยก็รับงานในส่วนของเขาไปหมดแล้ว

คมสันแทบไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะถูกบังคับให้วางมือเร็วขนาดนี้ แต่เมื่อวานเงินปันผลที่โอนเข้ามาในบัญชีมากขึ้นถึงสองเท่า จำนวนเงินเท่านี้นับว่าทำให้อารณ์ดีอยู่บ้าง



ชีวิตของหินผาได้รับความลำบากตั้งแต่เด็กจนโต สมัยยังวัยรุ่นเขาอาศัยทำงานกับร่างทรงหลอกลวงต้มตุ๋นไปวันๆ จนวันหนึ่งเขาทะเลาะกับอันธพาลที่ตลาด ด้วยความเป็นคนที่มีขวัญเทียมฟ้า

นอกจากไม่กลัวยังบุกเดี๋ยวเข้าไปท่ามกลางดงตีน ผลที่ได้นะหรือถูกยำตีนจนเละน่ะสิ แต่ไอ้หินผาสู้สุดใจมันกลัวเสียที่ไหน หลังจากตีรันฟันแทงจนบาดเจ็บหนัก ทั้งที่คิดว่าคงตายเหมือนหมาข้างถนน

นายใหญ่กลับพอใจในความกล้าหาญของเขา ชุบเลี้ยงไอ้หินผาไม่พอ ยังให้งานหินผาทำ แม้จะเป็นงานที่ไม่สุจริตนักแต่ไอ้หินผาก็สำนึกบุญคุณ

แม่ที่แก่และป่วยของหินผาได้รับการดูแลอย่างดี น้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ก็ถูกส่งเข้าเรียนโรงเรียนดีๆ เพียงแต่หินผาต้องทำงานด้านมืดให้กับนายใหญ่

อย่างว่ามันเป็นคนขวัญเทียมฟ้างานหนักงานสกปรกมันไม่เกี่ยง แถมด้วยอำนาจของนายทำให้หินผาไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมติดตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เดี๋ยวนี้มันได้เลื่อนขึ้นมาเป็นคนคุมบ่อน รายได้ดีแถมยังได้เป็นใหญ่เป็นโต ใครจะไปคิดล่ะว่าขณะที่ชีวิตรุ่งโรจน์ นายเก่าซึ่งเป็นร่างทรงจะติดต่อมาหามัน

ร่างทรงต้องการว่าจ้างให้มันทำงานบางอย่างมันปฏิเสธชัดแจ้งว่าไม่ต้องการทำ ทว่าหลังวางสายไปจู่ๆ นายก็โทรมาหามัน

<” มึงจะยอมติดคุกเพื่อกูซัก7 – 8 ปีได้ไหม” >

เจ้านายมีบุญคุณล้นฟ้ามันตอบรับคำอย่างไม่ลังเล “นายอยากให้ผมทำอะไร”

< “มึงยอมทำสินะ...ดี มึงไม่ติดคุกฟรีๆ กูจะให้เงินมึง 8 ล้าน แถมดูแลแม่กับน้องมึงอย่างดี” >

“นายบอกมาเถอะ ว่าจะให้ผมทำอะไร ผมทำได้ทุกอย่าง”

<” มึงมาหากูที่สำนักงาน กูจะบอกให้มึงทำอะไร” >

ด้วยเหตุนี้หินผาจึงสั่งงานกับลูกน้องคนสนิท แล้วขับรถออกไปที่สำนักงานซึ่งนายใหญ่รอเขาอยู่



หลังจากทานโจ๊กหมดจิระก็นั่งจ้องตากับเพทาย คนถูกมองคลี่ยิ้ม

“มีอะไรติดหน้าผมหรือครับ จ้องมองขนาดนั้น”

“นายบอกว่าอีกไม่นานจะเล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด นี่เท่ากับว่ายอมรับแล้วว่านายกลับมาเกิดใหม่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันอยากรู้มากว่าหลังจากฉันตายนายทำอะไรอยู่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันอยากรู้เรื่องนี้ นายแต่งงานใหม่หลังจากที่ฉันตายเลยหรือเปล่า”

เพทายหัวเราะน้อยๆ ไม่คิดมาก่อนว่ายามที่จิระหึงจะน่ารักน่าชังแบบนี้ ชาติที่แล้วเขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มาก่อน

“บอกมาสิ เดี๋ยวนี้เลย” จิระทำท่าทางข่มขู่ เพทายยิ้มละไมเล่าเรื่องของตนให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่ปิดบัง

“ผมมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงอายุ 80 ปี”

“นานขนาดนั้นเชียว” จิระอึ้งก่อนจะเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง “นี่คงมีเมียใหม่อีกหลายคนเลยสิ”

“ไม่มีหรอกครับ หลังจากคุณตายไม่มีซักวันที่ผมจะไม่เสียใจที่ช่วยเหลือคุณไม่ได้”

“ง...งั้นหรือ” จิระสงบสติอารมณ์ลง พอคิดว่าเพทายต้องอยู่ตามลำพังและย้ำคิดย้ำทำจนแก่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ

“ก็ทำไมไม่แต่งงานใหม่เล่า มีใครอยู่ห้ามที่ไหนกัน” จิระบ่นอุบอิบ

“ผมลืมคุณไม่ลง เพราะงั้นจึงเอาแต่ทำงานหาเงินจำนวนมาก สุดท้ายก็แก่ตายไปโดยบริจาคสมบัติให้มูลนิธิทั้งหมด”

“ไม่เอาๆ แล้ว เปลี่ยนเรื่องดีกว่า” จิระไม่อยากฟังเรื่องน่าเศร้าของเพทายอีก ดังนั้นจึงถามถึงสิ่งที่สงสัยอีกเรื่อง

“นายบอกว่าการตายของฉันไม่ปรกติ แล้วในชาติที่แล้วจับคนร้ายได้ไหม”

“จับได้ ผมขุดลากถอนโคนจนหมด แม้แต่ศัตรูคู่อาฆาตที่แทงคุณลับหลังมาตลอดผมก็ไม่เว้น”

จิระฟังแล้วครุ่นคิด ศัตรูคู่อาฆาตของเขานี่มัน... “อย่าบอกนะว่าหมายถึงกานดา”

“เขาเป็นคนจ้างขี้เมามากรีดหน้าคุณ”

จิระลูบเสี้ยวหน้าข้างหนึ่งของตนเอง ไม่คิดมาก่อนว่าหมอนั่นจะเลวร้ายถึงขั้นนี้ “หมอนั่นคงไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม”

“เยอะแยะ แต่ผมยังไม่อยากเล่า เพราะว่าไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ”

“นายจะล้างแค้นให้ฉันอีก”

“ไม่ใช่ล้างแค้นแต่แค่ตอบโต้ คราวนี้ผมตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้คุณตายหรือเจ็บอีก คุณอยากฟังแผนการณ์ของผมไหม”

“มะ...ไม่ดีกว่า” จิระส่ายหน้า “ฉันเก็บความลับไม่เก่ง แถมถ้าฉันไปวุ่นวายจะขัดแข้งขัดขาเปล่าๆ”

“จริงๆ คุณแค่ไม่อยากรู้เรื่องที่ผมทำไม่ดีใช่ไหม หรือคุณอยากจะห้ามไม่ให้ผมทำ”

“ถ้าฉันห้ามนายจะฟังไหม” จิระทำสีหน้าจริงจัง เขารอฟังคำตอบ เพทายยิ้มจนตาหยี

“ถึงคุณห้ามผมก็ไม่ฟัง ผมไม่อยากอยู่คนเดียวจนแก่ตายไปอีกแล้ว”

“งั้นก็ช่างมันเถอะ” จิระยักไหล่ “นายอยากทำอะไรก็ทำเลย ฉันเชื่อใจนาย”

โดยไม่ทันตั้งตัวจิระถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขน ใบหน้าของเพทายเคลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงหลับตาดื่มดำไปกับจุมพิตหอมหวาน

“นี่เป็นจูบแรกของเราตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่เลยนะนี่” จิระพึมพำหลังจากผละออก เพทายยกยิ้มที่เต็มไปด้วยเลศนัย

“เอ๊ะ...หรือว่าไม่ใช่” จิระเอียงคอมองอย่างสงสัย

“เพราะจูบแรกนั่นแหละครับ เลยทำให้พวกเราได้หมั้นกันเร็วขึ้นกว่าชาติที่แล้ว”

“อย่างนั้นหรือนี่ ไม่มีใครเล่าให้ฉันฟังเลย”

“ถ้างั้นผมจะเล่าให้คุณฟัง”

เพทายหวนระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อครั้งที่จิระถูกมอมด้วยยาในงานเลี้ยงวันเกิดของพัชร

“เพทายหร...มา...มาจูบที” จิระไม่เพียงใช้มือปลาหมึกกอดรัดเพทาย แต่ยังพรมจูบไปทั่วใบหน้าของเขาอย่างเอาแต่ใจ

“ฉันรักนายนะเพทาย” จิระทำตาปรือปรอยค่อยๆ ยื่นใบหน้าเข้ามาหาเขา

“ผมก็รักคุณเหมือนกัน” เพทายแนบจูบลงไปอย่างดูดดื่ม


++++++++++++++++++

อยากรู้ว่าถ้าจ้างวาดปกแล้วเปิดพรีจะมีคนสนใจจองกันไหม

แต่คงเปิดพรีตอนเขียนจบแล้วนะ

แล้วก็อาจจะต้องรอจนเขียนตอนพิเศษในส่วนของเล่มจบด้วย

ขอเสียงคนสนใจอยากได้หน่อยน้า เราจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเอาไง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 25-06-2018 19:09:20
สนุกมากจ้า ติดตามทุกวัน เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ถ้ามีเป็นอีบุ๊ค จะดีมากเลยจ้า เพราะสะดวกซื้อแบบอีบุ๊คมากกว่าค่ะ

ขอบคุณค่ะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-06-2018 19:42:23
ไม่ใช่ว่าดารินจ้างคนของผัวร่างทรงมาทำร้ายเพทายกับจิระเหรอ




 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-06-2018 21:01:45
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-06-2018 21:22:22
เราซื้อๆๆๆ ได้ไวป่ะะะ อยากได้ ต่ออีกๆๆ กำลังลุ้นเลย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 25-06-2018 21:37:08
ที่จิระตายเมื่อชาติที่แล้วดารินน่าสงสัยสุด
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 25-06-2018 21:48:53
รอออออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-06-2018 00:33:21
สนุก มาปูพรมรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 26-06-2018 15:43:38
รอน้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-06-2018 16:39:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่24 25/6/2018 หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Pandora20 ที่ 26-06-2018 17:04:39
ซื้ออออ ชอบมากเลย แต่อยากให้เกลาๆ เนื้อเรื่องอีกนิด
รอซื้อนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 27-06-2018 10:58:58
บทที่25

คนในกองถ่ายได้รับบัตรเชิญไปงานฉลองหมั้นของจิระทุกคนแม้แต่เขาก็เช่นกัน กานดารับสิ่งนั้นมากับมือด้วยใบหน้าที่เกือบจะบิดเบี้ยว ให้ตายเถอะทนเก็บความริษยาชิงชังเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

กานดารู้เหตุผลที่ต้องจัดงานหมั้นอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ดี ปราบดาเล่าให้ฟังแล้วเมื่อวานก่อน งานหมั้นครั้งนี้มีเพื่อเปิดตัวทายาทคนสำคัญอย่างเพทายและจิระเขายังรู้ด้วยว่าจิระได้หุ้นของบริษัทมาอยู่ในมือถึง 10 เปอร์เซ็น

นี่มันไม่ยุติธรรม ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นลูกของคุณพ่อเหมือนกันแท้ๆ ต่างกันตรงที่เขาเป็นลูกที่คุณพ่อไม่เคยยอมรับ เขาเติบโตมากับคำบอกเล่าของแม่ที่ป่วยหนักจนตายไป

แม่บอกว่าน่าเสียดายที่คมสันไม่ยอมรับกานดาเป็นลูก นับตั้งแต่รู้ว่าเป็นลูกเขาก็แอบแวะเวียนไปดูหน้าพ่อและครอบครัวของพ่อเสมอ เขาพบว่าลูกชายของพ่อทั้งสองคนไม่มีใครมีดีเทียบเท่าตนได้เลย

แล้วทำไมในเมื่อมีลูกที่ยอดเยี่ยมอย่างเขาคุณพ่อถึงไม่หันมาเหลียวแลบ้าง เพราะแม่ของเขาเป็นเพียงแค่เด็กเสิร์ฟอย่างนั้นหรือ ยัยดารินอะไรนั่นก็เป็นแค่ผู้หญิงในบาร์เหมือนกัน

หรือว่าเป็นเพราะเขาเป็นลูกที่ไม่ตั้งใจให้เกิด ใช่สิหลังจากมีลูกครบสามคน พ่อก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมีลูกของตัวเองอีกเลย

การที่จิระประสบความสำเร็จได้เงินทองมากมายและเป็นที่รักขนาดนี้ กานดาอยากจะร้องตะโกนออกมาให้เต็มเสียง เขาจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อคนที่อยากให้ลิ้มรสความเจ็บปวดเหมือนอย่างเขานั้น ได้รับพรจากฟ้าและไม่ต้องไขว่คว้าอะไรเลย

เกลียด เกลียดมัน เกลียดไอ้จิระ

แม้จะเกลียดแค่ไหนแต่ก็ยังต้องปั้นหน้ายิ้ม กานดารู้สึกอยากกลับบ้านหลบไปเลียแผลใจเพื่อหาที่ระบายความคลั่งแค้นอันนี้



วาดดาวกับชาติชายเป็นนักพนันตัวยง สองสามีภรรยาอาศัยอยู่ด้วยเงินที่ได้จากการพนันในบ่อนต่างๆ สองผัวเมียตระเวณไปทุกที่ที่มีบ่อน

แต่ว่าช่วงนี้ดวงของทั้งคู่ตกหรือไงนะ สามวันนี้เล่นไปก็แทบไม่ได้เงินเลย ยิ่งเล่นเสียยิ่งมีแรงฮึดว่าลองอีกหนน่าเดี๋ยวก็ได้กำไร สุดท้ายต้องกู้เจ้าของบ่อนมาลงทุนจนเป็นหนี้บานเบอะ ต้องถูกคุมตัวเพื่อคุยกันเรื่องหนทางใช้หนี้

“ว่าไงมึงจะหาเงินมาใช้กูยังไง”

หินผาถามด้วยเสียงที่มีเมตตา แต่ใบหน้าไม่ได้ใจดีเหมือนเสียง สองผัวเมียกลัวจนหัวหด

“เอ้า...ทำไมไม่ตอบ” หินผาถีบเก้าอี้โครมใหญ่ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้กระซิบถามสองผัวเมีย

“ว่าไง เลือกเอานะว่าผัวหรือเมียที่จะขายอวัยวะมาใช้หนี้กู”

“ไม่...ไม่” วาดดาวกับชาติชายกอดกันกลมถึงพวกเขาจะเป็นผีพนัน แต่ต่างก็รักกันมาก

“นายหินผา ให้เวลาเราหาเงินหน่อยเถอะครับ ร...เราต้องหามาใช้ได้แน่”

“ให้เวลาพวกมึงหนีนะหรือ” ไม่พูดเปล่ายังถีบหน้าชาติชายจนล้มกลิ้ง วาดดาวผวารีบคลานตามไปดูสามี

“นายหินผาอย่าทำอะไรผัวป้าเลย ป้ายอมทำทุกอย่างแล้ว....” วาดดาวพนมมือไหว้ประหลกๆ น้ำตาพรั่งพรูเป็นสาย

“ทำอะไรก็ได้งั้นสิ” หินผาหัวเราะ

“จ๊ะๆ” สองผัวเมียรีบรับคำทันที พวกเขามองดูนายหินผาที่อารมณ์ดีขึ้นและเดินกลับไปนั่งเก้าอี้

“ได้ข่าวว่าพวกมึงมีน้องสาวชื่อกิ่งหยก จงกล”

“จะ แต่น้องสาวตายไปนานแล้วเหลือแต่หลานชื่อกานดา” วาดดาวตอบ หินผายิ้มชอบใจ ก่อนจะโยนซองน้ำตาลใส่หน้าสองสามีภรรยา

“เปิดดู”

สองสามีภรรยาทำตามหินผา ด้านในเป็นรูปของกิ่งหยกกับคนรักเก่า บางรูปเป็นรูปกิ่งหยกเด็กทารกและแฟนเก่า ทั้งหมดเป็นภาพเก่าที่มีเด็กและคนรักเก่าอยู่ในนั้นทั้งหมด

“น...นายไปค้นบ้านเราหรือครับ” ชาติชายถามเสียงสั่น

“เออ...กูส่งคนไปค้นมา”

สองสามีภรรยามองหน้ากันว่าทำไปทำไม รูปของกิ่งหยกแฟนเก่าและหลานของเขาเกี่ยวอะไรกับเงินที่ยืมมา

“มึงเอาของพวกนี้ไปให้หลานมึงนะ บอกมันว่าถึงเวลาแล้วที่จะบอกความจริง”

“ความจริงเรื่องอะไรคะนายหินผา” วาดดาวยังสงสัยไม่หาย

“จะจริงหรือไม่จริง มึงก็ต้องยืนยันกับหลานมึงเอาไว้ ว่านี่คือรูปของมันและคนในรูปเป็นพ่อของมันแน่นอน”

“ต..แต่ว่า...” วาดดาวลังเล ถึงแม้รูปพวกนี้เป็นของจริงแต่ว่ามัน....

“มึงเลือกเอานะ ว่าจะช่วยหลานหรือช่วยตัวเอง ถ้ามึงทำตามที่กูสั่งแล้วกูจะยกหนี้ทั้งหมดให้พวกมึง”

“วาด...รับคำไปสิ” ชาติชายบอกวาดดาว ภรรยามีความลังเลอยู่ไม่น้อย เธอไม่เคยทำดีกับน้องสาวและหลานเลย ดูแลยามน้องสาวป่วยก็ไม่เคย หรือแม้แต่พอน้องสาวตายก็ไม่รับกานดามาเลี้ยงที่บ้าน

“ว่าไง...ถ้ามึงไม่รับปาก กูจะเอาผัวมึงไปชำแหละเอาอวัยวะขายแล้วนะ”

หินผาส่งสัญญาณให้ลูกน้องลากตัวของชาติชายออกไป วาดดาวลนลานรีบรับคำทันที

“ยอมแล้วๆ นาย”

“ดี มึงกลับไปได้ รีบทำตามที่สั่งซะ ผัวมึงกูจะเก็บไว้เป็นตัวประกันก่อน”

หลังจากวาดดาวจากไป หินผาก็โทรรายงานผลให้นายใหญ่ฟัง

<” ว่าไง” >

“เป็นตามแผนทุกอย่างแล้วครับนาย”

<” ดี กูจะให้รางวัลมึงอย่างงามหินผา” >

หลังจากหินผาตัดสายไป สิบทิศก็หันมาชนแก้วกับเพทายต่อ

“แผนการณ์ของแกเป็นไปได้ราบรื่นดีว่ะ”

“ต้องขอบใจนายที่อุตส่าห์ยื่นมือช่วยเสมอนั่นแหละ” เพทายยิ้มบางๆ ก่อนยกแก้วขึ้นดื่ม

“ท่าทางอีกไม่นานคงมีข่าวใหญ่ติดๆ กันแน่ๆ พวกมันคงไม่คิดหรอกว่ากำลังเต้นอยู่บนมือของแกเพทาย”

“ก็ต้องขอบใจที่นายให้ยืมเครือข่ายกับลูกน้องนั่นแหละ ขอบใจจริงๆ นะ”

น้อยครั้งที่เพทายจะแสดงสีหน้าซาบซึ้งแบบนี้ นี่แสดงว่าเรื่องนี้สำคัญกับเพื่อนคนนี้มากจริงๆ

“เอาน่าเราสองคนล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน ถ้าไม่มีนายฉันคงถูกฆ่าตายไปแล้วด้วยฝีมือคู่อริของพ่อ อย่างว่าและมาเฟียอย่างเราหาคนจริงใจด้วยยากเหลือเกิน”

จากนั้นเพทายอยู่ดื่มกับสิบทิศต่ออีกหน่อยก่อนจะขอตัวกลับในเวลาเกือบตีหนึ่ง



ทีแรกกานดาไม่ดีใจซักนิดที่วาดดาวมาเยี่ยม ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าป้าคนนี้ไม่เคยดูดำดูดีเขากับแม่ซักนิด ที่นี้พอเห็นว่าเขาหาเงินได้ก็มาหาตั้งใจจะมาเกาะอย่างนั้นหรือไง

กานดาแสดงตัวไม่เป็นมิตรกับป้าคนนี้ทันที หากแต่วาดดาวกลับพูดจาฉอเลาะน่าฟังจนสุดท้ายก็ต้องเชื้อเชิญให้เข้ามาในห้องพัก

“ท่าทางจะกินดีอยู่ดีขึ้นนะ เห็นว่ามีทั้งงานถ่ายแบบและโฆษนาเยอะแยะเลยนี่” วาดดาวมองไปรอบห้องที่ตกแต่งเป็นอย่างดี

“ป้ามีอะไรก็พูดมาเถอะครับ ถ้าเงินล่ะก็ผมไม่มีให้ยืมนะ”

วาดดาวไม่เพียงไม่ยืมเงินแต่ปั้นหน้าเศร้าขอโทษในทุกสิ่งที่ทำมา กานดาคาดเอาไว้แล้วว่าอาจจะมาไม้นี้ จึงทำนิ่งเสียไม่พูดอะไร จวบจนคนเป็นป้านำรูปถ่ายเก่าๆ ออกมาให้ดู

“ป้าคิดว่าควรจะเล่าเรื่องของหลานกับแม่และพ่อของหลานให้ฟังได้แล้ว คิดว่าของพวกนี้น่าจะสำคัญกับหลาน”

กานดากระจ่างตาทันทีที่เห็นหลักฐานสำคัญ เขาเพียรหาของพวกนี้ในบ้านเก่าโกโรโกโสที่อยู่กับแม่มาตลอด จวบจนแม่ตายก็ยังหาไม่เจอเขาถึงได้ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

กานดาหยิบรูปเหล่านั้นขึ้นมาดู รวมทั้งการ์ดข้อความต่างๆ ที่ดูเหมือนเป็นการ์ดที่แนบมากับของขวัญ ชื่อในนั้นระบุชัดว่ามาจาก คมสัน มกรธวัช

“ป้าคิดว่ามันอาจจำเป็นต่อกานดานะ”

“ใช่ครับ..จำเป็นมากๆ” กานดายิ้มอย่างผู้มีชัย เท่านี้ก็หาเรื่องเรียกร้องให้คมสันตรวจดีเอ็นเอแล้วรับเขาเป็นลูกคนหนึ่งได้เสียที

กานดามีความสุขจนยิ้มแก้มปริ



+++++++++++++++++++++++++++++++++

นี่กะพยายามเรียบเรียงว่าจะเขียนยังไงให้เข้าใจได้ง่ายมากที่สุด

หวังว่าจะไม่เข้าใจยากหรือเรียบเรียงออกมาน่าเบื่อเกินไปนะคะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-06-2018 14:56:33
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-06-2018 18:01:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-06-2018 18:06:07
เห ทำไมเพทายทำงี้ล่ะ ให้รูปแก่กานดาล่ะ
ไม่กลัวจิระเสียใจเหรอ เพทายต้องการอะไรกันแน่
.
ไรท์ต่อด่วนนนนนนนนนน  มันค้าง!!!
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-06-2018 19:35:03
ค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพทายวางแผนทำอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-06-2018 20:29:45
เพทายกลับมาแก้แค้นให้จิระหรือเปล่า เพราะทุกอย่างคนที่วางแผนทำลายจิระคือกานดา
และที่จิระตายอาจเพราะกานดาด้วย ชอบๆ ผูกปมแล้วค่อยๆ คลายสนุกมากค่ะ ตามต่อๆ  :mew1:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-06-2018 21:27:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 27-06-2018 23:04:41
มาต่อไวๆนะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-06-2018 23:34:51
โอ๊ยยยย ค้างเด้อออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่25 27/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 28-06-2018 06:17:14
อ่านทันตอนล่าสุดแล้ว สนุกมากๆ เลยค่ะ  มานั่งรอตอนต่อไป :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 28-06-2018 13:02:54
บทที่26

หลังจากงานหมั้นในตอนเช้าจบไป ก็ถึงเวลาฉลองหมั้นครั้งใหญ่ในเวลากลางคืน เหล่าไฮโซและดาราพากันมารวมตัวอย่างคับคั่ง พัชรเองก็มาด้วยเช่นกัน ผู้กำกับหนุ่มเดินมาแสดงความยินดีกับจิระและเพทาย

“ยินดีด้วยนะ” ทีแรกพัชรคิดว่าจิระอาจไม่สบายใจที่ถูกหมั้นโดยไม่ทันตั้งตัว เขาเข้าใจไปเองเรื่องงานหมั้นครั้งนี้อาจเป็นการถูกบังคับเพื่อรักษาหน้าและปกปิดความอื้อฉาว ทว่าเมื่อเห็นจิระยิ้มแย้มอย่างมีความสุขทุกอย่างก็กระจ่างชัด

“ในที่สุดก็ได้สมหวังแล้วนะ ดีใจด้วย”

จิระทำตาโต ไม่รู้ว่าพัชรคาดเดาไปถึงไหน แต่อนุมานได้ขนาดนี้ ต้องเรียกว่าสมกับที่เป็นนักคิดผู้สร้างสรรค์ความบันเทิงหลากรูปแบบ <อุตส่าห์เดาได้อีกนะว่าเขากับเพทายรักกันทั้งที่ไม่ได้บอกซักคำ>

“กับหม่อมเจ้าภาคิน ก็ถือว่าเป็นฝันร้ายไปแล้วกันนะ”

“ขอบคุณครับผู้กำกับ” จิระหันไปยิ้มกับเพทายพวกเขาสองคนจับมือกันแน่น พัชรขอปลีกตัวไป คราวนี้เอ้ก็เข้ามาทักทาย

“เฮ้อ...อายุเท่านี้ก็หาโซ่คล้องคอซะละ พี่เพทายฝากดูแลเพื่อนของผมคนนี้ด้วยนะครับ หมอนี่มันมุทะลุไปหน่อย พูดตรงไปนิด พี่อย่าถือโทษโกรธมันนะครับ”

เพทายยิ้มรับเขาไม่ใช่คนพูดเยอะโดยเฉพาะกับคนไม่รู้จักแต่วันนี้เขาก็ชวนเอ้คุยเรื่องงาน “ผมได้ข่าวว่าคุณแคสเกมด้วยเหมือนกัน รวมถึงตัวเกมของบริษัทเราที่เปิดให้ทดสอบ คุณสนใจมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้เราไหม ผมคิดว่าคุณน่าจะเหมาะ”

“ดีเลยครับ” เอ้แทบจะไชโยโห่ร้อง นอกจากได้เงินแล้วยังได้ทำงานร่วมกับบริษัทเกมที่ชอบใครล่ะจะไม่คว้าเอาไว้

“ตัวเกมใกล้จะเสร็จในปีหน้า ผมอยากเริ่มโปรโหมตคร่าวๆ ในช่องบนยูทูปของคุณ หรือคุณเห็นว่ายังไง”

“คุณต้องได้ประโยชน์แน่ครับ ตอนนี้ผมเป็นนักแคสที่มีคนติดตามอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคน ผมว่าผมช่วยคุณได้เยอะนะ”

“ไม่เห็นรู้เลยว่านายเป็นนักแคสชื่อดัง” จิระค่อนข้างตกใจกับข้อเท็จจริงอันนี้ เอ้ทำปากบึนใส่ รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ไม่ได้สนใจหรือตามกระแสยอดฮิตอะไรกับเขาเลย

“ชวนให้ดูตั้งหลายครั้ง นายสนที่ไหนล่ะ นายก็เห็นไม่ใช่หรือไงว่าฉันไลฟ์สดออกบ่อยไป”

“ไลฟ์สดก็ไม่ได้บอกนี่ว่าเป็นนักแคสเกม”

เอ้ยักไหล่ “เอาเหอะก็รู้แล้วนะ”

ขณะที่พูดคุยสัพเพเหระกับเอ้ ที่หางตาเขาเห็นกานดาอยู่กับบรรดาคนมีชื่อในวงการบันเทิง ในเมื่อไม่ได้มาก่อเรื่องเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปวุ่นวายกับฝ่ายนั้น ดังนั้นจึงยืนรับแขกสำคัญอีกหลายท่านไปตลอดจนงานเลี้ยงใกล้เลิกรา

“พวกลูกคงเหนื่อยกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพวกแม่จะเคลียสถานที่กับแขกเหรื่ออีกนิดหน่อย”

เพราะว่าแม่ของเขากลับที่หลัง เพทายจึงทิ้งรถของตัวเองเอาไว้ให้ส่วนพวกเขากลับรถของคุณพลอยชมพูแทน ระหว่างทางที่กลับบ้านนั้นจู่ๆ ก็พบว่าทางหลักที่จะไปยังคฤหาสน์ก็ถูกป้ายประกาศปิดกั้น ดูเหมือนจะซ่อมถนนกันอยู่

“เราไปอีกทางดีกว่านะคะ” พลอยชมพูแนะนำ

การมุ่งหน้ากลับบ้านในทางลัดนั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะต้องอ้อมไปไกลและหนทางเปลี่ยวไฟข้างทางก็ติดๆ ดับๆ จิระไม่สบายใจจนเผลอจับมือเพทายเอาไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวนะ ทุกอย่างจะคลี่คลายไปเอง” เพทายส่งยิ้มอ่อนโยนมา เมื่อเห็นรอยยิ้มอันนั้น จิระก็รู้สึกผ่อนคลายทันที เขาเอนศีรษะซบลงบนบ่าของเพทาย

“ฉันเชื่อนาย”

พูดออกไปเพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ว่าโดยไม่ทันตั้งตัวก็พบว่ามีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งเคลื่อนตัวมาข้างๆ คนขับและคนซ้อนสวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า จิระผวาเพราะพวกมันหยิบปืนส่องมาทางเขาและยิง เพทายกดตัวจิระแล้วขึ้นคร่อมปกป้องจากอะไรก็ตามที่จะมาทำร้ายคนรักของเขา

“จับแน่นๆ นะคะ” พลอยชมพูสั่ง เธอยังไม่ได้โดนกระสุนซักนัด แต่เลือกที่จะขับรถไปทางด้านข้างเพื่อดันให้มอเตอร์ไซด์เสียหลักแล้วมันก็ได้ผลมอเตอร์ไซด์พุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ขนขับและมือปืนล้มกลิ้งไปกอง

พลอยชมพูหยิบปืนจากที่ซ่อนเล็งยิงที่ขาของทั้งสองคนจนพวกมันร้องโอดครวญอยู่ที่ตรงนั้น

เสียงการต่อสู้เงียบลงไป เพทายค่อยๆ ขยับตัวออกจากจิระ พอได้เห็นคู่หมั้นถนัดตาก็พบว่าอีกฝ่ายถูกยิงเข้าที่แขน ดังนั้นจึงรีบเรียกรถฉุกเฉินมาทั้งที่มือไม้สั่น

“นายไม่เป็นอะไรนะ” จิระทำอะไรไม่ถูก หลังจากโทรเรียกรถฉุกเฉินแล้วเขาก็ตื่นตกใจอยู่ข้างๆ เพทาย

“ฉันเรียกตำรวจไปแล้วค่ะ” พลอยชมพูตะโกนรายงานเหตุการณ์ เธอจัดการพวกมือปืนจนสิ้นท่าอย่างง่ายดาย จนจิระทั้งชื่นชมและรู้สึกขอบคุณเป็นที่สุด

“คุณพลอยชมพูขอบคุณนะครับ”

“ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันต้องไปมัดคนร้ายพวกนั้นเอาไว้ก่อน คุณปฐมพยาบาลเพทายก่อนดีกว่าค่ะ”

หลังจากพลอยชมพูสอนวิธีปฐมพยาบาลให้จิระก็ทำตาม พวกเขารอรถฉุกเฉินประมานสิบห้านาที เมื่อรถมาถึงจิระกับเพทายก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ปล่อยให้พลอยชมพูรอรถตำรวจที่กำลังมา



ดารันป่วยเป็นไข้หวัดตัวร้อนรุมๆ เพราะแบบนี้ถึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองหมั้นของจิระ ดารินแม่ของเขาอ้างว่าต้องคอยดูแลเขาดังนั้นสองแม่ลูกจึงเป็นเจ้านายเพียงสองคนที่อยู่ในบ้านมกรธวัช

ดารันนั้นหลับไปได้พักใหญ่ๆ แล้ว แต่เพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของแม่ ทำให้เขาตื่น

“ตกลงว่าคนที่ส่งไปลอบยิงไอ้เพทายกับจิระเตรียมตัวแล้วใช่ไหมคะพี่เมฆ”

ดารันตกใจกับคำพูดของคุณแม่ เขาแสร้งทำเป็นหลับต่อทั้งที่หวาดกลัวจนตัวสั่น

“ฮ่าๆ ๆ คืนนี้พวกมันไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ ป่านนี้คงถูกยิงตายกลางป่าไปแล้ว สะใจจริงๆ ขอบคุณพี่เมฆมากนะคะ น้องว่าน้องไปนอนหลับสบายๆ รอฟังผลพรุ่งนี้เช้าดีกว่า น้องเองก็เหนื่อยมาทั้งวันจากการดูแลดารันที่ป่วย แค่นี้ก่อนนะคะ”

ดารันแสร้งหลับตา พยายามทำให้เป็นธรรมชาติที่สุดถึงแม้จะตัวสั่น พอแม่ออกจากห้องไป เขารอให้เสียงฝีเท้าไปไกลๆ ก่อนจะหยิบมือถือต่อสายหาจิระ แต่ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสาย



ดารันกะวนกะวายอย่างหนัก เขากลัวจนแทบจะร้องไห้ คุณแม่สั่งมือปืนไปยิงพี่จิระ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณแม่จะเลวร้ายถึงขั้นนี้ เขาเป็นห่วงพี่จิระและไม่อยากให้พี่ชายต่างมารดาตาย เพราะคนคนนั้นเป็นคนไม่กี่คนที่เป็นห่วงเป็นใยเขาจากใจจริง

จิระเป็นพี่ชายที่ดีกับเขาอย่างแท้จริง เขาไม่อยากสูญเสียสายสัมพันธ์นี้ไป

<” ดารันหรือ” > เสียงจากปลายสายดูเศร้าๆ เหมือนจิระกำลังจะร้องไห้

“เกิดอะไรขึ้นพี่จิระ” ดารันถามเสียงสั่น

< “เพทายโดนยิงเข้าที่แขน พวกเราถูกมือปืนลอบยิง” >

ดารันมือไม้อ่อนยวบแต่ยังยึดจับมือถือเอาไว้ได้ดี

“พี่อยู่ที่ไหนฉันจะไปหา”

ดารันรู้สึกถึงความโกรธกลัวและไม่พอใจพลุ่งพล่านปะปนกันไปหมด เขาจะไปหาพี่ชายเพื่อไปดูผลแห่งการกระทำอันเลวร้ายของคุณแม่

การกระทำเลวร้ายและเลยเถิดในครั้งนี้ ทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างได้เด็ดขาด คนผิดก็สมควรได้รับผิด เขาอดทนเก็บงำบาปของแม่มานานพอแล้ว

ดารันหวนนึกถึงเมื่อหลายวันก่อนที่เขาแอบติดตามคุณแม่ที่บอกว่าไปทำบุญเก้าวัดเหมือนนักสืบ ที่นั่นเขาพบกับความจริงอันเลวร้าย

แม่ของเขายังลอบคบหาฉันชู้สาวกับไอ้เมฆ ผู้ชายคนเดิมที่แวะเวียนมาที่บ้านหลายครั้งเมื่อสมัยยังเด็ก ดารันเจ็บใจ เขาเจ็บใจแทนคุณพ่อและตัวเอง นอกจากนั้นยังรู้สึกละอายที่ไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณพ่อ

คราวนี้มันเกินไป เกินไปแล้วจริงๆ ต่อให้เป็นแม่ลูกกัน เขาก็ไม่รู้สึกว่าอยากปกป้องคุณแม่เอาไว้อีกแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้แม่ของเขาทำร้ายคนในครอบครัวคนไหนอีก ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือพี่ชาย

ดารันแอบย่องลงไปหาคนขับรถแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่จิระกับเพทายอยู่ทันที





++++++++++++++++++++++

เราจะขอหายหัวไปซักสามสี่วันนะคะ5555

ตอนนี้เราวุ่นวายเรื่องงานมาก สาขาที่เราทำงานกำลังจะปิดตัวลงในสิ้นเดือนนี้

เราเลยแบบต้องวิ่งวุ่นหลายอย่าง แต่หายไปไม่นาน

เพราะอาจจะย้ายไปแต่งนิยายตอนกลางคืนแทนอิอิ

บังเอิญว่างานเดิมเรา เรานั่งแต่งนิยายในมือถือได้ เลยแบบลงได้ทุกวันค่า

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 28-06-2018 13:13:43
รับทราบค่ะ สู้ๆ จ้า
นอกจากกานดาก็มีดารินอีกคน เก็บให้หมดค่ะ คนที่ทำร้ายจิระ
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-06-2018 14:32:01
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-06-2018 14:41:09
อยากจะรู้ว่าคมสันถ้าได้รู้ว่าเมียที่ตัวรักนักหนาคบชู้จะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 28-06-2018 15:31:41
น้องดารันจะมีคู่ไหมคะ แอบอยากให้น้องคู่กับคุณผู้กำกับ  :hao6: :hao6: เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: M_mA ที่ 28-06-2018 16:23:44
รอตอนต่อไป... ลุ่นไปอีกกกก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 28-06-2018 18:08:05
รอจ้าาาาาาาาาาา สนุกๆๆ ลุ้นนๆ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 28-06-2018 19:55:50
รอน้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-06-2018 22:03:39
ค้าง ง ง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 28-06-2018 22:20:05
 ค้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-06-2018 00:23:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 29-06-2018 06:46:14
รอน้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่26 28/6/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-06-2018 07:27:34
คร้าบ รับทราบครับผ้ม
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 02-07-2018 13:46:01
บทที่27

ดารันมาถึงโรงพยาบาลและพบจิระที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินก่อนใคร พอเห็นหน้าพี่ชายเขาก็เดินเซื่องซึมเข้าไปหาเริ่มต้นเล่าความจริงรวมถึงสิ่งที่ได้ยินมาให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง

ระหว่างเล่าดารันก็สังเกตสีหน้าของจิระไปด้วย เขากลัวจริงๆ กลัวว่าพี่ชายจะนึกรังเกียจที่ตนเองเป็นลูกของคุณแม่ ผู้หญิงที่วางแผนฆ่าจิระกับคู่หมั้น ผู้หญิงที่ทำสิ่งร้ายกาจอย่างคบชู้สวมเขาให้คุณพ่อมาตลอดโดยที่เขาเองก็รู้แต่ไม่ยอมปริปาก

“นายคงทรมานมากสินะ” จิระไม่เพียงแต่ไม่โกรธกลับใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารมองมา ดารันถูกพี่ชายคว้ามือไปจับเอาไว้ เข้าใจว่าต้องการปลอบโยนเขานั่นเอง “ต้องทนเก็บเรื่องเลวร้ายของแม่ไว้กับตัว แถมยังต้องมาตกใจเรื่องร้ายแรงที่แม่ทำอีก นายกล้าหาญมากนะที่ยอมเล่าให้ฉันฟัง” ไม่พูดเปล่าจิระยังดึงดารันให้เอนซบศีรษะลงมาบ่นบ่าตัวเอง

“จะร้องไห้ออกมาก็ได้นะ ฉันจะให้นายยืมบ่า”

“พี่ไม่โกรธไม่เกลียดที่ฉันเป็นลูกของคุณแม่หรือ”

“ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อนเมื่อนานมากแล้ว....ฉันอาจจะไม่รีรอหาเรื่องเฉดหัวนายกับแม่ออกจากบ้าน แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกไม่อยาก...ก็ฉันคิดว่านายน่ารักเกินกว่าที่ฉันจะทำแบบนั้น” จิระหมายถึงถ้าเป็นตัวเขาในชาติก่อน เขาไม่รู้หรอกว่าการเปลือยความรู้สึกเล็กๆ ในครั้งนี้มันจะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้ดารันอย่างมากมาย

พี่ชายไม่ได้โกหกหลอกลวงเขาเลย โดยพื้นฐานดารันเป็นคนขี้ระแวงและชอบจับผิด หากจิระไม่พูดถึงเรื่องความรู้สึกเก่าก่อนที่อยากเฉดหัวเขาออกจากบ้านไปพร้อมกับแม่ ก็อาจจะรู้สึกได้ว่าพี่ชายกำลังเสแสร้ง

ดารันน้ำตาซึมระหว่างทางที่มาเขาคิดเอาไว้แล้วตั้งแต่ตัดสินใจเปิดโปงการกระทำของแม่ เขาจะต้องกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวในบ้านมกรธวัช แต่เขาแอบคาดหวัง เขาสามารถทำแบบนั้นได้ไหมนะกับพี่จิระ พี่ชายต่างมารดาคนนี้

“ร้องไห้ทำไม หรือว่ากลัวพวกเราจะเกลียดนาย นายไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ถ้านายทำเรื่องฉาวเหมือนที่ฉันทำก็ว่าไปอย่าง”

จิระเผลอพูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำในชาติที่แล้ว เรื่องฉาวโฉ่มากมายที่ทำให้ตนเองถูกตัดขาดจากตระกูลไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะกลับมาเงยหน้าอ้าปากได้อีกครั้งเพราะแต่งงานกับเพทาย

“ฉันนับถือพี่จริงๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านั้น พี่ยังช่วยเหลือฉันเอาไว้ตั้งหลายครั้ง”

“หมายถึงจากเด็กอีโมพวกนั้นสินะ” จิระถาม

“รวมถึงเรื่องที่ช่วยให้ฉันได้ทำตามความฝันด้วยนะ”

“เห็นความยิ่งใหญ่ของพี่ชายคนนี้แล้วหรือยังล่ะ จะซูฮกหรือกราบไหว้พี่ชายคนนี้ก็ได้นะ”

ดารันเงยหน้ามองดูพี่ชายและพบว่าอีกฝ่ายยักคิ้วหลิ่วตามาให้ ท่าทางกับคำพูดอวดโตทำเอาน้ำตาแทบแห้งเหือดนึกอยากทุบตีพี่ชายให้หายหมั่นไส้มากๆ

“มา...มากอดกัน ฉันจะกอดนายจนกว่าจะหายเศร้า” จิระอ้าแขนออกกว้าง ดารันยิ้มอ่อนใจ คนที่ต้องเศร้ามันควรเป็นจิระมากกว่าเพราะคู่หมั้นอย่างเพทายยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลย

“อย่ามางี่เง่านะ พี่ต่างหากที่ต้องให้ฉันปลอบ จะร้องไห้โยเยออกมาก็ได้นะ ไม่ต้องเก็บเอาไว้หรอก”

จิระยิ้มๆ พอดารันประกาศตัวเช่นนั้น เขาก็เอนศีรษะซบไหล่น้องชายบ้าง ดารันรู้สึกดีและแปลกๆ ไปพร้อมกันที่จิระอาศัยตนเป็นที่พึ่งพา

“ขอบใจนะ” จิระพูด ดารันจับมือพี่ชายกุมเอาไว้แน่น รอคอยให้หมอที่ผ่าตัดเพทายออกมาแจ้งข่าวดี



สองพี่น้องไม่ได้รู้เลยว่าผู้ปกครองไม่ว่าจะวศิน คมสัน หรือจินดาแอบฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกันอยู่

ตอนที่คมสันได้ฟังความจริงจากปากดารันไม่เพียงงุนงงอย่างหนัก ยังไม่เข้าใจว่าทำไมดารันถึงใส่ความแม่ตัวเองแบบนี้

“สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อเลยนะคมสัน”

“ค...ครับ” คมสันสะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อคุณพ่อพูดด้วย

“ไหนโทรตามแม่ดารินซิว่าอยู่ไหนแล้ว”

คมสันรีบทำตามทันที “เธออยู่ไหนดาริน”

<” น้องอยู่บนรถค่ะ แค่เสียเวลาหาดารันนิดหน่อยเพราะลูกออกจากบ้านไปก่อนน้อง” >

“อืม...ฉันรออยู่นะรีบมาล่ะ” คมสันตัดสายแล้วหันไปรายงานวศิน

“ดารินกำลังมาครับคุณพ่อ”

วศินพยักหน้าก่อนจะกดต่อสายไปหาใครบางคนต่อหน้าบรรดาลูกๆ

“ช่วยหาคนตามดูดารินลูกสะใภ้คนรองของฉันที แล้วก็รีบไปติดเครื่องดักฟังในห้องของหล่อนด้วย แจ้งหัวหน้าแม่บ้านของฉันได้เลย”

คมสันทำอะไรไม่ถูก เขาสับสนขึ้นเรื่อยๆ นี่คุณพ่อไม่ไว้ใจดารินแล้วอย่างนั้นรึ

“คุณพ่อไม่ไหวใจดารินแล้วหรือครับ” คมสันถามแต่วศินยังไม่สนใจเขากลับต่อสายไปหาคนอีกคน

คนคนนั้นคมสันดาว่าคงเป็นผู้มีอิทธิพลทางสื่อ เพราะวศินพูดถึงเรื่องข่าวที่น่าจะกำลังรายงานทางสื่อโทรทัศน์ในอีกไม่นาน

“คมสัน เดี๋ยวพอข่าวมือปืนถูกจับได้แพร่ออกไป เราจะรู้เองว่าดารินบริสุทธิ์ใจมากแค่ไหน เจ้ารอดูเงียบๆ ไปเถอะ”

“แม่จินดา เราไปหาพวกเด็กๆ กันดีกว่า”

“ค่ะคุณพ่อ” จินดาเดินตามวศินไป เธอเป็นคนฉลาดแม้จะรู้สึกว่าคมสันได้รับบทเรียนที่สาสม แต่เธอไม่ชอบเหยียบย้ำคนล้ม และเดี๋ยวนี้เธอไม่ได้โกรธแค้นหรือรู้สึกไม่ยุติธรรมที่คมสันมีผู้หญิงมากมายอีกต่อไปแล้ว

ที่เธอทนอยู่เพียงเพราะจิระเท่านั้น เธอไม่ได้เห็นคมสันเป็นอะไรมากไปกว่าผู้ชายที่มีส่วนทำให้จิระเกิด ความรู้สึกดีๆ ที่มีเหลือคือขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เธอมีจิระเคียงข้างอย่างทุกวันนี้

จากนั้นคมสันก็รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินกับครอบครัว เขารอเวลาที่ดารินจะเดินทางมาถึง แต่จนแล้วจนรอดแม้ว่าเพทายจะถูกย้ายไปห้องพักพิเศษ ภรรยารองของเขาก็ยังเดินทางมาไม่ถึงโรงพยาบาลอยู่ดี

“หนีไปแล้วงั้นรึ” คมสันพึมพำ นี่ไม่เท่ากับว่าสิ่งที่ดารันปลักปลำแม่ตัวเองเป็นความจริงรึ

“แม่ดารินคงได้ดูข่าวทางtvแล้ว สายของฉันบอกว่าหล่อนเดินทางไปตำหนักร่างทรงเมื่อคืนและหนีไปกับร่างทรงเมื่อชั่วโมงที่แล้ว”

วศินเล่าให้คมสันฟังหลังได้รับรายงานจากนักสืบที่ตามติดดารินไป คมสันไม่พูดซักคำ เขายืนขึ้นรู้สึกเหมือนโลกหมุน ร่างของเขาโงนเงนแต่ยังสามารถขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

คมสันกลับมาครุ่นคิดเพียงลำพังที่บ้าน ถ้าหากสิ่งดารันพูดเป็นความจริงเด็กในท้องคงไม่ใช่ลูกของเขา ส่วนดารันนี่ไม่ต้องพูดถึง ลูกชายคนเล็กหน้าตางดงามเหมือนคุณอัยย์แม่บุญธรรมที่ตายราวกับแกะ แถมเขายังแอบตรวจdnaเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว คมสันเป็นคนรอบคอบอย่างนี้เสมอ

จากนั้นแม้ว่าคมสันจะยังอาลัยอาวรณ์ดารินอยู่บ้าง แต่พอผ่านไปสามวันทั้งมือปืนและพยานก็เรียงหน้าโผล่มาให้ปากคำหลายต่อหลายคน หนึ่งอาทิตย์ให้หลังดารินกับร่างทรงถูกเปิดโปงและทางการก็ออกหมายจับ

ในเวลาแค่สองสัปดาห์ทั้งคู่ถูกจับได้โดยละม่อม คมสันถูกพวกนักข่าวตามตื้อขอสัมภาษณ์อย่างถึงลูกถึงคน เขาไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้นแต่ทั้งที่เรื่องวุ่นมันก็มากพอแล้ว ยังมีความยุ่งยากมาให้ปวดหัวเป็นระลอกที่สอง

“ท่านคมสันได้เห็นรูปของท่านที่หลุดออกมาหรือยังครับ”

“รูปอะไรนะ” คมสันถาม นักข่าวเลื่อนหน้าจอแท็ปเล็ตไปมาก่อนยื่นส่งให้

“กานดา จงกล นี่ใช่ลูกของท่านกับคนรักเก่าหรือเปล่าครับ”

การเปิดประเด็นใหม่ๆ ทำให้นักข่าวคนอื่นๆ ซึ่งรออยู่แล้วเข้ามาแย่งกันถามเสียงเซ็งแซ่ คมสันรู้สึกเหมือนมีหลุมลึกอยู่ที่เท้าและเขาพร้อมจะร่วงลงไปได้ทุกเมื่อ ภายในเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์คมสันรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ขึ้นไปอีกเกือบสิบปีเลยทีเดียว



จิระอยู่ในห้องกับเพทายตามลำพัง ข่าวเกี่ยวกับดารินเพทายได้เล่าให้เขาฟังแล้วว่าลงมือทำอะไรลงไปบ้าง ทีแรกตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายส่งคนตามสอดแนมทั้งดาริน ดารันแล้วก็พ่อตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนเขาก็ตกใจอย่างมาก

“ยังมีแผนการอะไรที่ยังไม่ได้เล่าอีกไหม” จิระถามเพราะว่าเมื่อเช้าเขาท่องโลกโซเชียลแล้วพบดราม่าเกี่ยวกับกานดากับพ่อของเขาซึ่งกำลังร้อนแรงได้ที่

“คุณหมายถึงกานดา จงกล ใช่ไหม” เพทายถาม จิระพยักหน้า

“นายยังไม่ได้เล่าเรื่องหลังจากที่ฉันตายอย่างละเอียด ชาติที่แล้วกานดาก็ปล่อยข่าวเรื่องเป็นลูกของพ่ออย่างนี้หรือเปล่า”

เพทายกระตุกยิ้ม “ชาติก่อนตอนที่ได้ฟาดฟันกับเขาผมสนุกมากจริงๆ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาแค่สั้นๆ ก็ตาม”

“หมอนั่นเป็นลูกของคุณพ่อจริงๆ หรือ”

เพทายิ้มละไม “คุณรอดูเถอะครับ ครั้งนี้ไม่ยุ่งยากเหมือนเมื่อชาติก่อน เพราะคุณพ่อของคุณยังสบายดีอยู่”

“นายไม่คิดจะเล่าให้ฉันฟังหน่อยหรือไง”

“คุณไม่อยากลุ้นระทึกหรือครับ”

จิระทำตาปริบๆ มองดูเพทายที่ทำสีหน้าซุกซน คนๆ นี้กำลังสนุกเอามากๆ

“นายคงรู้อะไรหลายอย่าง” จิระทำสีหน้าครุ่นคิด “อื้อ..จริงๆ ก็อยากนั่งลุ้นอยู่นะ แต่ช่วยเล่าเรื่องของกานดาในชาติก่อนมาให้ฟังเดี๋ยวนี้เลย ฉันอยากรู้แล้ว”

“ถ้างั้นก็ต้องเท้าความยาวหน่อย คุณจะให้ค่าเหนื่อยผมไหม”

จิระอมยิ้ม อยากได้ค่าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เขาหลับตาพริ้มแนบจูบลงไปบนริมฝีปากของเพทาย

“เท่านี้พอไหม” ถามหลังจากถอนจูบออกมา

“อีกครั้งได้ไหมครับ ผมรู้สึกว่ามันยังไม่พอ”

“ได้อยู่แล้ว”

จิระทำตามคำขอ ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มนับครั้งไม่ถ้วน





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กลับมาแล้วจ้า 55555 หวังว่าจะมีคนรออยู่นะ

แล้วก็หวังว่าเราจะเขียนตอนต่อหลังจากเว้นระยะไปสามวันได้ไม่งงจนเกินไปนะคะ

คือยอมรับว่าหายไปสามวันต้องมานั่งไล่อ่านรอบนึงบิ้วอารมใหม่

กว่าจะเคลียงานที่สาขาได้หมดโอ๊ย ทำบัญชีวุ่นวายไปหมดเลย

ในหัวยังมีแต่เอกสารกับตัวเลข55555

จริงๆ ตอนทำพลอตทีแรกเคยตั้งใจให้ดารันเป็นตัวเอก แต่ทำไปทำมา ดันชอบจิระมากกว่า

เพราะงั้นที่ดารันเด่นคู่มากับจิระไม่ต้องแปลกใจนะคะ555 

เคยวางพลอตไว้ว่าให้ดารันกลัยมาเกิดใหม่ด้วยซ้ำ

คนที่เป็นพระเอกของดารัน555 เดาเอาเขาอยู่ในเรื่องนี่แหละ

แต่ถ้าจะให้เขียนตอนนี้บอกเลยว่ามันไม่ได้แล้ว ลืมๆ ไปแล้วค่า สมองปลาทองมาก

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-07-2018 14:38:58
อยากรู้ด้วย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-07-2018 15:10:16
แหมๆค่าเล่านี่แพงจริงอะไรจริงนะคุณเพทาย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 02-07-2018 16:59:27
อยากรู้เหมือนกันค่ะ เพราะฉนั้นมาต่อไวไวนะคะ อิอิ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 02-07-2018 18:21:19
ลุ้นมากๆเลยค่ะ มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 02-07-2018 21:43:54
เอาสินบนไปก่อนเล่านิน่าขี้โกง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-07-2018 23:48:38
แงง ค้างง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 03-07-2018 02:15:06
กำลังจะบ่นนักเขียนว่าทำเราค้าง พอเจอคำว่าบัญชีเป็นกำลังใจให้เลยค่ะ สู้ๆ รอได้ค่า :hao7: :a5:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-07-2018 07:23:31
รออออแ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่27 2/7/2018 หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-07-2018 08:20:51
อ่านคืนเดียวถึงตอน27เลย

สนุกมากค่ะ วางไม่ลงเลย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 03-07-2018 12:06:20
บทที่28

กานดากระหยิ่มยิ้มย่องกับข่าวและกระแสสังคมที่ยิ่งนานวันยิ่งดีกับตนเอง ภาพที่ถูกปล่อยทางโลกโซเชียลเมื่อรวมกับข่าวที่ปราบดาช่วยโหมเข้าไป มันได้สร้างภาพลักษณ์เด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร ผลคือได้รับแรงใจจากสังคมแถมยังได้งานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว



ป้าข้างบ้านz02 : ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าที่จิระรังแกกานดาบ่อยๆ เพราะรู้หรือเปล่าว่ากานดาเป็นลูกคนละแม่ แหมถ้าใช่ล่ะก็สงสัยว่ากลัวจะโดนแย่งมรดก #กานดาnumber one



Ssnumber: ฉันว่าต้องรู้แน่ๆ เลยคุณป้า ไม่งั้นทำไมถึงจงใจเป็นศัตรูมาตลอด #กานดาnumber one



ป้าข้างบ้านz02 : ใช่ไหมล่ะ แล้วตอนนี้นะ ฉันไม่พอใจที่คุณป๋าไม่ยอมรับกานดาเป็นลูก ตาแก่นั่นโง้โง่นะ มีลูกที่ดีแบบนี้แต่ไม่ยอมรับ#กานดาnumber one



Ssnumber: งั้นพวกเรามาร่วมแรงร่วมใจกดดันกันจนกว่าตาแก่นั่นจะยอมตรวจdnaดีไหมป้า ถ้าไม่ตรวจนะพวกเศรษฐีพวกนี้ไม่ยอมรับความจริงแน่ๆ #กานดาnumber one



ป้าข้างบ้านz02 : ฉันเห็นด้วย กลุ่มเราจะเดินหน้าเรียกร้องเพื่อกานดา#กานดาnumber one



กานดาอ่านข้อความของแฟนคลับตัวเอ้ของเขาในแอพโซเชียลแล้วก็ให้ลำพองใจ เพราะสองคนนี้นี่แหละที่ปลุกกระแสเรียกร้องความยุติธรรมให้รุนแรงกว่าเดิม

จากนั้นกานดาก็หยิบนิตยสารข่าวซุบซิบขึ้นมาอ่าน ปราบดาทำได้ดีทีเดียว ผู้ชายของเขาส่งคนไปสัมภาษณ์จิระถึงกองถ่าย เนื้อหาใจความคือปฏิเสธไม่รู้เรื่องที่เขาเป็นพี่น้องต่างมารดา

แต่ก็อย่างว่าแหละกระแสสังคมหันเหมาทางเขา กานดาหัวเราะด้วยความชอบใจ ถึงแม้จะมีคนแก้ตัวแทนจิระ แต่คนเหล่านั้นก็ยังแสดงความคิดเห็นไปในทางสงสารเขาอยู่ดี

เท่านี้คุณพ่อก็น่าจะรู้ตัวแล้วว่าควรต้องทำยังไง



จิระมาถ่ายหนังที่กองถ่าย สิ่งแรกที่ทุกคนทำเมื่อเจอหน้าเขาคือตั้งคำถามเกี่ยวกับกานดา จิระทำเหมือนเดิมเพียงแค่ตอบว่าเขาไม่รู้

“อ้าวน้องกานดามาแล้ว” พวกทีมงานกระซิบกระซาบกัน จิระหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตรงมาด้วยท่าทางและสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเศร้าซึมมันยิ่งทำให้ฝ่ายนั้นดูน่าทะนุถนอมเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว

“อยากรู้จังว่าพวกเขาจะทำยังไงหลังจากรู้แล้วว่าต่างเป็นพี่น้องกัน”

พวกทีมงานกระซิบกระซาบและรอลุ้น พอกานดาเดินมาปะกับจิระ คนตัวเล็กก็มีสีหน้าไม่สบายใจก้มหัวขอโทษขอโพยทั้งที่ไม่มีความผิด

“พี่ขอโทษนะจิระที่สร้างความวุ่นวายให้” ถ้านับตามเดือนเกิดกานดาก็ต้องเป็นพี่อย่างแน่นอน เขาเกิดเดือนมกราคม ส่วนจิระเกิดเดือนเมษา ดังนั้นจึงแทนตัวเองว่าเป็นพี่ เท่ากับว่ากานดาประกาศตัวอย่างมั่นใจ

“ไม่ต้องขอโทษหรอกกานดา ข่าวลือมีอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ฉันจะเอาใจช่วยนายให้พ่อยอมตรวจdnaนะ”

แค่เอาใจช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจิระต้องลงมือ ตอนนี้พวกทีมงานเริ่มรู้สึกไม่ดีต่อจิระ หลักฐานออกชัดเจนขนาดนั้น นี่แสดงว่าจิระเกลียดกานดามาก หรือว่ากลัวจะมาแย่งมรดกไป

“นั่นสิ...นั่นสินะ ก็แค่รูปภาพใครเขาจะเชื่อ” กานดาหัวเราะเศร้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มร่าเริงอย่างปกติ

“วันนี้ถ่ายฉากสุดท้ายแล้ว น่าเสียดายจังเลยนะ ทำงานกับจิระผมสนุกมากแท้ๆ เลย”

“อื้อ แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา แต่ก็นะคนเข้มแข็งอย่างนายล้มแล้วก็ลุกใหม่ได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว สู้ๆ นะ” จิระตบบ่ากานดาสองสามที มันสร้างความงุนงงเป็นอย่างมากต่อการกระทำของอีกฝ่าย กานดาแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างปิดไม่มิด

คนอย่างจิระนี่นะ จะเอาใจช่วยหรือปลุกปลอบเขาแบบนี้ นี่มันอะไรกันแน่วะ

หลังจากเข้าฉากตั้งแต่เช้าไปจนถึงช่วงเย็น ฉากสุดท้ายที่เหลือก็มาถึง ต้นข้าวต้องถูกคนร้ายที่คู่อริส่งมากรีดหน้าจนยับ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกานดาก็มายืนดูการแสดงของจิระ

หมอนี่มันทำได้ดีเกินคาดทุกครั้งไปจนน่าโมโห หลายครั้งที่กานดารู้สึกว่ามันเกินฝีมือของนักแสดงหน้าใหม่ไปหน่อย

นี่แสดงว่าแอบซุ่มเรียนการแสดงมา น่าอิจฉา สำหรับลูกที่เกิดมาบนกองเงินกองทองคงมีเงินใช้ไม่รู้จักหมดสินะ นี่มันไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลยซักนิด

หลังจากพัชรถ่ายทำทุกฉากในหนังจนครบ เขาก็สั่งปิดกอง พวกทีมงานและนักแสดงไปสังสรรค์ กันในตอนกลางคืน จิระเองก็ไปด้วย ทว่ากานดากลับขอตัวไม่ไปร่วมงานสีหน้าเขาดูเศร้าๆ จนน่าเป็นห่วง

ต้องเป็นเพราะจิระกีดกันและคุณป๋าไม่ยอมรับเป็นลูกแน่ๆ พวกทีมงานและนักแสดงพากันตั้งข้อสงสัย ทุกคนพากันคุยลับหลังแม้จิระจะอยู่ในงานฉลองด้วยเช่นกัน

“ลำบากหน่อยนะ” พัชรมานั่งข้างๆ จิระ เขายื่นแก้วน้ำหวานให้คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะรับไปดื่ม

“ลำบากยังไงครับ”

“ก็พวกปากหอยปากปูที่นินทานายไงล่ะ สงสัยจริงว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับครอบครัวนายตรงไหน” พัชรพูดไม่ได้เสียงเบาเลยซักนิด ทำเอาทีมงานและนักแสดงหุบปากฉับเลิกกระซิบกระซาบเรื่องของกานดากับจิระแล้วเงี่ยหูฟังพัชรคุยแทน

“นายรู้สึกยังไงเรื่องกานดา”

“ก็ไม่ยังไง เขามีสิทธิเรียกร้องความยุติธรรม อีกอย่างสิ่งที่เขาต้องการจากพ่อของผม จะได้ตามที่หวังหรือเปล่า ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ”

จิระพูดอย่างไม่ยี่หระ “สำหรับผมเขาเป็นคนอื่นที่ถ้าดีมาก็ดีกลับร้ายมาผมก็พร้อมสนองเท่านั้นเอง”

“แล้วถ้าเขาเป็นพี่น้องของนายจริงๆ ล่ะ” พัชรถาม จิระโคลงศีรษะไปมา

“เอาไว้ตรวจdnaก่อนค่อยว่ากัน”

จิระยิ้มกว้างให้พัชระ “ผมมีน้องชายแล้ว เพิ่มพี่ชายมาอีกคนก็ไม่ประหลาดใจนักหรอก”

พัชรนิ่งมองดูคนที่ยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน หมอนี่เป็นคนเข้มแข็งกว่าที่คิดไว้เยอะมากทีเดียว ทั้งๆ ที่เจอมรสุมติดๆ กันตั้งมากมายขนาดนั้น แถมกับพี่น้องต่างมารดาที่ควรจะเกลียดก็ยังยอมรับได้อย่างง่ายดาย

“ก่อนหน้านั้นนายเกลียดกานดาเพราะรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าเป็นพี่น้องต่างแม่ กลัวหรือไงว่าจะถูกแย่งมรดก” พัชรแกล้งถามกวนให้ขุ่นเพื่อดูปฏิกิริยา

“ผมกับเขาเราเป็นคู่แข่งกัน ผมอิจฉาเขาที่เขาเก่งกว่าทั้งที่ฐานะทางบ้านไม่ดี มันก็เท่านั้นแหละ” จิระยักไหล่ “ถ้าคุณตามโลกโซเชียลซักหน่อยคุณก็จะรู้ความสัมพันธ์ของผมกับกานดา”

“มีแต่นายไปแกล้งเขาทั้งนั้นนี่”

จิระหัวเราะชอบใจยกใหญ่ “ผมยอมรับว่าผมทำจริงๆ ก็ผมหมั่นไส้เขานี่”

“แต่ตอนนี้นายเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม”

“คุณสังเกตด้วยหรือครับ” จิระหันมามองด้วยแววตาสงสัย พัชรมองเมินไปอีกทางไม่ยอมสบตาตรงๆ

“ฉันมีตามีสมองนะ”

“ผมก็ว่างั้น” พอจิระพูดจบพัชรก็ตบมือลงบนบ่าของเขาหนักๆ

“ไปเรียกผู้จัดการนายมา ให้เขาพากลับบ้านซะนี่มันดึกแล้ว”

“คร๊าบ....” ดังนั้นจิระจึงกลับบ้านตามที่พัชรสั่ง เขาไม่รู้เลยว่าคืนนี้กานดาจะก่อเรื่องราวใหญ่โตจนแม้แต่วศินเองยังนิ่งเฉยไม่ได้



กานดากลับบ้านมาด้วยความหงุดหงิด นี่เขาอาศัยช่องทางต่างๆ กดดันคุณพ่อไปตั้งเยอะแยะ แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรคืบหน้า ทำยังไงดีนะ ทำยังไงถึงจะเรียกร้องความสนใจได้

กานดาเดินวนไปวนมาในห้อง ตอนนั้นสายตาเจ้ากรรมปะเข้ากับคัตเตอร์อันหนึ่ง วิธีเรียกร้องความสนใจมีมากมาย พอคิดได้กานดาก็เอารูปของเขากับพ่อแม่มาวางตามพื้นให้เหมือนกับเขากำลังนั่งดูมัน

กานดากะเวลาคร่าวๆ อีกไม่ถึงชั่วโมงเพื่อนคนหนึ่งของเขาจะมาหาที่บ้าน ประจวบเหมาะแก่การจัดฉากพอดี



+++++++++++++++++++++



                  จริงๆ ตั้งใจจะเขียน เนื้อเรื่องในส่วนของเพทายในตอนพิเศษ5555 เฉลยก็ไม่ลุ้นเนอะ ขออำภัยอิอิ

                  รูู้สึกว่าปมสุดท้ายนี่เขียนยากน่าดูเลย แต่จะพยายามทำออกมาไม่ให้น่าเกลียดเกินไปนะคะ

                   แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-07-2018 12:28:28
ตบมือแปะๆให้กานดา

เธอเป็นนักแสดงที่แสดงเก่งๆจริงๆ

นี่ถ้าจิระไม่กลับชาติมาแก้ไขจะสู้กานดาได้หรือเปล่าน้อ :m28:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-07-2018 13:05:01
 :hao7: :hao7: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-07-2018 13:54:14
มันน่าสงสัยนะ เราไม่เชื่อว่ากานดาคือลูกของคมสันจริงๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 03-07-2018 18:27:52
ลุ้นต่อไป รออ่านเหมือนกันนนนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-07-2018 18:40:08
กานดามั่นใจจริง
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่28 3/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 03-07-2018 21:53:07
เดาว่าไม่ใช่
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 04-07-2018 11:41:31
บทที่29

ข่าวกรีดข้อมือของ กานดา จงกล กลายเป็นข่าวดังคึกโครม ใครๆ ต่างก็ว่ากันว่าดาราหน้าใหม่ที่กำลังไปได้สวยผู้นี้กำลังเครียดจัด ส่วนเรื่องอะไรนั้นใครๆ ก็เดาได้ไม่ยาก

ในโลกโซเชียลเริ่มมีเรื่องราววัยเด็กของกานดา ทั้งเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับคมสันและกิ่งหยกผู้เป็นแม่ที่ตายไป เรื่องราวถูกตีสีใส่ไข่จนเริ่มเลยเถิดอย่างเหลือเชื่อ

ตอนนี้ลือถึงขั้นว่าจินดาภรรยาหลวงของคมสันเป็นมือที่สามที่แย่งคนรักของกิ่งหยกแม่ของกานดาไป ทำเอาคมสันปวดหัวทุกวัน

สุดท้ายในวันที่สามที่กานดาอยู่ในโรงพยาบาล วศินเรียกคมสันไปคุยตัวต่อตัวในห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เจ้าจะเอายังไงคมสัน” วศินถาม

หมู่นี้หลายๆ อย่างที่โถมเข้าใส่คนในครอบครัวมีมากไปหมดจนดูวุ่นวาย โดยเฉพาะเรื่องของดารินเองก็ยังไม่เข้าที่

ความวัวไม่ทันหายแท้ๆ กลับมีเรื่องเด็กที่ชื่อกานดาอีก วศินไม่รู้เลยว่ามีหลานคนนี้อยู่ เขาไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ หากรู้ถึงตัวตนของหลานคนนี้แต่แรกเขาคงสั่งให้คมสันรับเข้ามาในบ้านแต่ต้นไม่ปล่อยให้ลำบากข้างนอกแบบนี้

“ไปรับเด็กนั่นเข้าบ้านเราซะ” วศินออกคำสั่งเฉียบขาด

“แต่คุณพ่อ...เด็กนั่นไม่ใช่ลูกผม”

“จะใช่หรือไม่ใช่ไว้ตรวจdnaกันก่อน พ่อไม่รู้นะว่าอะไรทำให้เด็กคนนั้นปักใจเชื่อว่าเป็นลูกของเจ้า แต่ก็เห็นแล้วว่าเด็กนั่นต้องรับภาระทางใจมากแค่ไหน ผลที่ได้เจ้าเห็นแล้วนี่”

คมสันคอตกจริงๆ ที่เขาไม่สนใจเด็กคนนั้นทั้งหมดก็เพื่อเด็กนั่นเอง เพราะเข้าใจว่าเด็กไม่มีความผิด จะผิดก็กิ่งหยกที่ทำกับเขาอย่างแสบสัน

เข้าใจว่ากิ่งหยกคงเลี้ยงดูกานดาให้เชื่อว่าเป็นลูกของเขามาโดยตลอด ก็ไม่แปลกใจหล่อนเองยังเข้าใจว่ากานดาคือลูกของเขา ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขาลอบตรวจdnaของเด็กตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงส่งคนไปสืบภายหลังถึงได้รู้ว่ากิ่งหยกเองแอบคบผู้ชายซ้อนไว้หนึ่งคน

มีผู้ชายนอนด้วยถึงสองคนจะแยกไม่ออกว่าเป็นลูกใครก็ไม่แปลก แต่ก็นั่นแหละหากอยากสบายคงต้องสะกดจิตตัวเองและลูกให้คิดว่ากานดาเป็นลูกของเขา

18 ปีก่อนหลังจากตรวจdna เขาโอนเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีของกิ่งหยกแล้วหายตัวมาอย่างเงียบๆ ในบรรดาผู้หญิงทั้งหมดกิ่งหยกเข้ากับเขาได้ดีที่สุด ดังนั้นเงินจำนวน 1 ล้าน ที่โอนให้ไว้เลี้ยงบุตรก็เหมาะสมแล้ว

กลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เขารู้สึกเวทนากานดาเหลือเกิน เชื่อว่าหากตรวจdnaแล้วพบว่าไม่ใช่ลูกของเขาเด็กนั่นคงไม่ต่างจากถูกผลักร่วงลงเหวไป

“ไปรับเด็กนั่นจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านเรา แล้วจัดการตรวจdnaให้เรียบร้อย เข้าใจนะคมสัน”

“ครับคุณพ่อ”



กานดาอยู่ในห้องพักของโรงพยาบาลอย่างกะวนกะวายใจ นี่ก็วันที่ 4 แล้ว ไม่มีวี่แววของคุณพ่อเลยซักนิด ถึงแม้ว่าในโลกโซเชียลจะโหมด่าคนในตระกูลมกรธวัชอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีใครมา

นานมากแล้วที่กานดาไม่ได้รู้สึกเศร้าและเสียใจอย่างจริงจัง ตั้งแต่แม่ตายและต้องเลี้ยงดูตัวเองด้วยการเป็นเด็กของปราบดา เขาก็ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายอีกเลย

ชีวิตส่วนใหญ่ของเขานับจากแม่ตาย มีแต่การเฝ้าดูจิระอย่างใกล้ชิดและอิจฉา เขามีอะไรไม่ดี แล้วหมอนั่นมีอะไรดี คุณพ่อถึงเลือกจิระแล้วเขี่ยเขาทิ้งตั้งแต่แรกเกิด

ก็รู้อยู่ว่าที่ทำลงไปทั้งหมดนั้นมันแย่ แต่ถ้าให้หยุดรังแกจิระ เขาก็ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่หดหู่และเสียใจ เขาจะวนเวียนอยู่ข้างๆ จิระ หาเรื่องรังแกลับๆ เพื่อระบายความคับคั่งอันนี้ไป

หลายต่อหลายครั้งที่ถามตัวเองว่าเหนื่อยไหม จะพอได้หรือยัง แต่มันหยุดไม่ได้ ตัวตนของจิระเหมือนหนามยอกใจโดยตลอด รวมถึงจิระเองก็เห็นเขาเป็นศัตรูเช่นกัน หมอนั่นเองก็ไม่เคยทำดีหรือพูดดีกับเขาเลยไม่ใช่หรือไง

เกลียด เกลียดตัวเองที่ต้องมานั่งร้องไห้ เกลียดที่ต้องแอบมองครอบครัว มองคุณพ่อจากเงามืด เขาเคยพยายามทำดีกับจิระหลายครั้งเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งอย่างเนียนๆ

แต่ด้วยความที่จิระเป็นคนที่มีหนามแหลมคมมากกว่าคนทั่วไป แถมอีกฝ่ายยังตั้งป้อมรังเกียจเขาอย่างเห็นได้ชัด ก็ในเมื่อเกลียดเขานักก็ดีเหมือนกัน เขาเองก็ไม่ใช่ดอกไม้อ่อนแอ

กานดาเป็นดอกไม้ที่มีหนามแหลมคม และพร้อมจะทิ่มแทงจิระลูกที่ได้รับความรักจากคุณพ่อไปจนหมด แต่มาวันนี้เขาเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน เขาอุตส่าห์ลงทุนทำโง่ๆ ยอมทำร้ายตัวเองจนเกือบตาย

“ทำเพื่ออะไรกันนะเรา” กานดาพยายามกลั้นน้ำตา แต่เพราะเจ็บปวดเหลือเกินจึงร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียง

“ขอเข้าไปนะคะ” เสียงเคาะประตูดังที่หน้าห้อง กานดารีบปาดน้ำตา

คนที่เข้ามาในห้องกานดารู้จักดี จะไม่รู้ได้อย่างไรเขาแอบเฝ้ามองดูคนๆ นี้มานานพอๆ กับเฝ้ามองจิระ

“คุณน้ามีอะไรกับผมหรือครับ”

“น้าชื่อจินดา มกรธวัช นะ ที่มาวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเรา”

“เรื่อง...เรื่องอะไรครับ” กานดาเผลอทำสีหน้าเข้มขึ้น หรือว่าจะมาเล่นงานเขาแทนจิระ

“น้ามาในฐานะตัวแทนของบ้านมกรธวัช” จินดามองดูรอยกรีดที่ข้อมือแล้วรู้สึกเวทนา คมสันนะคมสัน ก็รู้อยู่ว่าเป็นผู้ชายมักมาก แต่ไม่คิดว่าถึงขั้นไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้

“ลำบากหน่อยนะลูก คุณปู่ให้เราไปอยู่ที่บ้านมกรธวัชเพื่อรอพิสูจน์dnaนะลูกนะ”

“เอ๊ะ...” กานดายังไม่เข้าใจที่จินดาพูด “คุณน้าหมายถึง”

“คุณปู่อนุญาตให้หนูได้พิสูจน์ความจริงแล้วนะ น้าเขาใจว่ามันเหมือนไม่ยุติธรรม แต่พวกเราเห็นว่ามันดีที่สุดแล้ว วันนี้ออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม เดี๋ยวเราไปที่บ้านหนูกันแล้วจัดกระเป๋าไปที่บ้านมกรธวัชกันนะ”

“ท่านวศินอนุญาตให้ผมไปอยู่ที่บ้านหรือครับ ให้ตรวจdna”

“ใช่จะ”

กานดาปั้นสีหน้าไม่ถูก ทั้งที่นี่เป็นสิ่งที่รอคอยมานาน แต่เมื่อโอกาสมาถึง เขากลับรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจยังไงบอกไม่ถูก

วศินแจ้งเรื่องที่กานดาจะมาอาศัยอยู่ในบ้านมกรธวัชให้สมาชิกครอบครัวทั้งหมดทราบ ตามจริงจิระจะไม่สนใจเรื่องของกานดาเลยก็ได้ แต่พอมาคิดให้ดีแล้ว หากผลตรวจdnaออกมาเป็นอย่างที่เพทายบอก เขาก็รู้สึกสงสารขึ้นมานิดหน่อย

กานดาคนนั้นถูกแม่เลี้ยงดูมาให้เชื่อว่าเป็นลูกของพ่อมาโดยตลอด พอรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ไม่แปลกใจว่าทำไมหมอนั่นถึงเห็นเขาเป็นศัตรูนัก

เพทายบอกว่ากานดาอิจฉาเขา แต่พอมาคิดดูให้ดีๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องอิจฉาเท่านั้น จิระรู้ดี มันมาจากการที่เขาไปรังแกกานดาก่อนจนกระตุ้นให้ฝ่ายนั้นตอบโต้ด้วยเช่นกัน

เดี๋ยวนี้ชีวิตเขาดีขึ้นมากกว่าชาติที่แล้วหลายเท่า ดังนั้นจึงไม่รู้สึกโกรธแค้นกานดาอย่างที่ควรเป็น กลับรู้สึกเวทนาที่ฝ่ายนั้นไม่มีใครคอยปกป้องเหมือนอย่างที่เพทายปกป้องเขา และเขาดูแลดารัน

<นายอยากได้รับการยอมรับจนถึงกับกรีดข้อมือเลยเชียวหรือ> ถ้าบอกว่าเสแสร้งก็ไม่ถูกเสียทีเดียว การที่คนเราจะทำร้ายตัวเองเพื่ออะไรบางอย่าง นั่นหมายถึงเขาต้องการมันมาก หรืออีกในหนึ่งก็คือสุดๆ กับทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว

จิระหันไปมองหน้าเพทาย อีกฝ่ายกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมา แผนการเร่งให้ทำลายตัวเองเร็วขึ้นของคนรัก ช่างร้ายกาจ เขาไม่รู้ว่ากานดาจะเข้มแข็งพอที่จะผ่านไปได้ไหม

จริงๆ ก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นแบบนี้อยู่หรอก แต่ถ้าไม่ทำให้รู้กันตั้งแต่ตอนนี้ เพทายบอกว่าหากปล่อยไปนานๆ กานดาจะก่อเรื่องได้ใหญ่โตกว่านี้

อย่างสำนวนที่พูดกันว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด หากไม่สั่งสอนตอนนี้ กานดาจะเพิ่มความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจมากกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าหมอนั่นเป็นอย่างที่เพทายพูดไหม แต่เขาเลือกที่จะเชื่อคนรักอย่างหมดใจ



++++++++++++++++++++++++++++++++

คนเขียนไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น แต่เวลาต้องตีกะเฆี่ยนนะ 5555

สงสารกานดากันใช่ไหมเอ่ย จุดจบนางทั้งแย่และไม่แย่จ้า ไม่สปอยนะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 04-07-2018 13:07:20
ทำตัวเองทั้งนั้นอ่ะะ เห้ออออ ไม่สงสารและไม่เกลียด
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-07-2018 13:41:03
จัดการตอนนี้ดีกว่าปล่อยเอาไว้
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 04-07-2018 15:36:05
ทำให้รู้แล้วตัดใจก็ดีเหมือนกัน

เจอกันพรุ่งนี้น้าาาาาาา :L2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-07-2018 17:14:27
ไม่สงสารอ่า ทำตัวเองทั้งหมดรวมถึงแม่ด้วย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 04-07-2018 20:23:47
ถอนหายใจรัวให้กานดา
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-07-2018 20:47:44
 :เฮ้อ: ทำตัวเองนะกานดา
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 04-07-2018 21:20:17
แพ้ภัยตัวเองและแพ้ความเจ้าเล่ห์ของเพทาย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่29 4/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 05-07-2018 00:08:22
กานดาต้องโดนแบบสาสม !!
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 05-07-2018 13:29:39
บทที่30

วินาทีที่ถูกพามาที่บ้านมกรธวัช กานดารู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นความฝัน ไม่ให้เหมือนฝันได้ยังไง ในเมื่อก่อนหน้านั้นคิดว่าคนในบ้านหลังนี้ต้องต่อต้านการมาของเขาแน่นอน

แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น กานดาได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างดีจนไม่รู้สึกเหมือนตนเองเป็นลูกนอกกฏหมายเลยแม้แต่นิดเดียว

กานดาไม่เข้าใจเลยซักนิดว่าทำไมคุณจินดาถึงได้แสดงความปรานีแก่เขานัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจิระ ฝ่ายนั้นไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเขาเลยจนรู้สึกไม่อยากเชื่อ

กานดาคาดหวังว่าจะได้พบหน้าคุณพ่อ ไม่ได้คาดหวังให้คุณพ่อรัก เขาแค่อยากถามว่าเพราะอะไรถึงทิ้งตนกับแม่ไป แต่คนที่คาดหวังกลับไม่ได้อยู่ที่บ้านมกรธวัช

เขาไม่รู้ว่าคุณพ่อไปไหน แต่ก็เดาได้ไม่ยากนัก คุณพ่อคงอยากหลบหน้าเขานั่นเอง ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ กระนั้นเมื่อมาพบกับเหตุการณ์จริง ก็รู้สึกร้อนผะผ่าวที่กระบอกตา

วันนี้ทั้งวันกานดามีถ่ายโฆษณาหลายตัว ในขณะที่จิระยังคงว่างงานนั่งแกร่วอยู่บ้าน แปลกที่จิระไม่ดิ้นรนหางาน ทั้งๆ ที่จิระคนนั้นเป็นคนกระหายความก้าวหน้าและชื่อเสียง

กานดาเก็บความสงสัยเอาไว้เต็มหัว เขาไม่สามารถสลัดเรื่องราวเกี่ยวกับจิระได้ ถึงแม้ไม่กระทบงาน แต่สองวันมานี้เหมือนได้พบจิระในมุมมองใหม่

หมอนั่นไม่สำรวยฟู่ฟ่าเท่าเดิม ไม่สิยังคงเป็นคนประเภทดูแลตัวเองดีใช้ของมีราคาเหมือนเดิม แต่ไม่สุรุ่ยสุร่ายอวดรวยเกินงามอีกต่อไป

แล้วยังมีอะไรอีก จิระที่เคยเกลียดน้องชายคนนั้น ดูแลน้องชายต่างมารดาอย่างดี เด็กที่ชื่อดารันนั่นถูกจิระเอาอกเอาใจจนเรียกได้ว่ามองแทบไม่ออกว่าเป็นพี่น้องต่างมารดา

แล้วยังมีอะไรอีกนะ อ้อ...จิระซึ่งเกลียดแสนเกลียดคู่หมั้นของตนเองมาตลอด เวลานี้ปฏิบัติตัวไม่ต่างกับเจ้าแมวเปอร์เซียที่อยากออดอ้อนเจ้าของ

เขาตกข่าวอะไรไปหรือไงนะ มันไม่น่าใช่แบบนี้สิ จิระที่เคยดูถูกคนเขาไปทั่ว จิระที่ขี้โมโห จิระที่เอาแต่ใจ ฟุ้งเฟ้อ และชอบอวดคนนั้น เปลี่ยนเป็นอะไรไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติของจิระที่มีต่อเขา หมอนั่นแม้ไม่ได้มาวุ่นวายจนน่ารำคาญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากจิระ

ทั้งพาไปแนะนำส่วนต่างๆ ของบ้าน ทั้งฝากฝังให้คนรับใช้คอยดูแลความสะดวก จะบอกว่าหมอนั่นยอมรับได้อย่างนั้นหรือเรื่องที่เขาเป็นพี่ชาย

แปลกๆ ๆ ๆ นี่มันแปลกเกินไปแล้ว สองวันมานี้ยอมรับว่าอึดอัด เขาไม่รู้ว่าจะแสร้งปั้นหน้าอย่างไรเวลาพบจิระ บ้าเอ๊ย จู่ๆ ก็มาทำดีด้วยต้องการอะไรกันแน่

กานดาคิดว่าอีกไม่นานจิระคงเผยธาตุแท้ ทว่าหนึ่งสัปดาห์พอดีที่ฝ่ายนั้นทำดีกับเขา ดีเสียจนเขาปฏิบัติตัวด้วยไม่ถูก เขายอมให้หมอนั่นชกยังดีกว่ามาเคาะเรียกหน้าห้องเพื่อให้ไปทานข้าว มันประหลาด ประหลาดจริงๆ



“พี่จะไปไหน” ดารันถามจิระที่เดินนำฉับๆ ไปตามทาง

“ไปตามกานดามาทานข้าว” จิระตอบ

“ต้องไปเรียกทุกครั้งนี่นะ พี่ดีกับเขาเกินไปไหม”

“นายก็เห็นที่พวกคนใช้แสดงออกแล้วนี่”

ดารันยิ้มเยาะหลังจากจิระพูดจบ เขารู้ดีว่าจิระหมายถึงอะไรพวกคนใช้เกลียดกานดาและไม่ค่อยยอมรับใช้หมอนั่น ทุกอย่างเป็นฝีมือของเขาเอง

จริงๆ ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับกานดา แต่เพราะทราบเรื่องราวต่างๆ มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นจากคำบอกเล่า เจอมากับตัว หรือตามสัญชาติญาณ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เป็นคู่ปรับกับจิระ ยิ่งได้ฟังจากคำบอกเล่าที่เขาแกมบังคับมาก็ยิ่งรู้สึกว่าพี่ชายของตนนี่ช่างโง่ไม่มีใครเกิน

ถูกยั่วยุปั่นหัวก็โต้ตอบด้วยความรุนแรงทุกครั้ง เดี๋ยวนี้ยังดีขึ้นหน่อยที่มีสติรู้คิดไม่เหมือนเมื่อก่อน สำหรับเขาแค่ฟังคำบอกเล่าไม่ต้องอยู่ร่วมเหตุการณ์ก็เดาออกได้ทั้งหมด

ไม่สิ อาจเป็นเพราะว่าเขารักพี่ชายอย่างจิระแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นความคิดอ่านจึงเอนเอียงเข้าข้างพี่ชายไปเสียหมด ดังนั้นแม้ไม่แสดงออกแต่เขาก็เป็นตัวตั้งตัวตีที่ทำให้คนรับใช้กระด้างกระเดื่องต่อกานดา

“พวกคนใช้ทำไมหรือพี่จิระ” ดารันถาม สีหน้าไม่ต่างจากปกติไม่มีพิรุธทั้งสิ้น

“ก็เหมือนไม่ชอบ แล้วไม่ดูแลรับใช้กานดาอยู่คนเดียว”

“งั้นรึ...”

“ก็เออสิ” จิระตอบ รู้สึกวันนี้ดารันดูกวนๆ ดีเหลือเกิน

“พี่จะเดือดร้อนทำไม พี่นี่แปลกนะ อยู่ๆ เกิดมาเป็นห่วงศัตรูคู่แค้น ประหลาดคน อีกอย่างเรายังไม่รู้เลยว่าเขาใช่พี่น้องเราจริงไหม ไม่จำเป็นต้องรีบทำดีหรอก”

ดารันไม่ได้พูดเสียงเบานัก และเขาจงใจพูดยามที่อยู่หน้าห้องของกานดา หลังจากพูดจบโดยไมทันตั้งตัวกานดาก็เปิดประตูออกมาเผชิญหน้า

สีหน้าของกานดาไม่ได้ดูหงอหรือแหยเอาอกเอาใจใครเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ทว่าแววตากลับวาววับพร้อมสู้รบตบมืออย่างที่สุด

ดารันกระตุกยิ้ม นี่สินะธาตุแท้ของหมอนี่ ก็ดีเลย พี่จิระควรได้เห็น คราวนี้จะได้เลิกโง่เห็นจิ้งจอกเป็นกระต่ายเสียที

“นายต้องการอะไรกันแน่จิระ”

“หะ” จิระงงไปหมดต่อคำถามของกานดา

“ฉันถามอีกครั้งว่านายต้องการอะไรกันแน่”

“ฉันเหรอ...ก็จะมาเรียกนายไปทานข้าวไง”

ดารันหัวเราะเยาะหยัน บางทีพี่ชายของเขาบทจะเซ่อก็ได้ใจจริงๆ สีหน้านี่บอกชัดเลยว่าพูดออกมาจากใจ

“เลิกสร้างภาพเสียทีได้ไหม” กานดาไม่ได้ตะคอก แต่กำหมัดแน่นและตัวสั่นเทิ้ม ดารันรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าพี่ชายจะตอบโต้อีกฝ่ายไม่ได้จึงทำท่าเข้าไปคุย แต่จิระพูดกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน

“ฉันทำดีกับนายระดับที่ใช้ต้อนรับแขกของบ้าน ลองคิดดูให้ดีสิ พาเดินชมบ้าน ฝากฝังคนใช้ เรียกมาทานข้าว ร้ายกันเกินไปหน่อยนะที่หาว่าฉันเสแสร้งนี่”

“นายไม่เคยดีกับฉันแบบนี้” กานดากัดฟันกรอด จ้องมองดูจิระตรงๆ



จิระไม่เสียเวลาคิดคำตอบแต่อย่างใด เขายักไหล่ “ก็ฉันเบื่อแล้ว เบื่อที่จะตามเกลียด ตามฟาดฟันกับใคร ชีวิตฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ถ้าเกิดต้องมานั่งเสียเวลาคิดว่าใครเกลียดตัวเองแล้วหาวิธีตอบโต้ หรือนั่งอิจฉาจนวางแผนรังแก มันก็เสียเวลาชีวิตน่ะนะ นายเป็นคนฉลาดน่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ”

ดารันเห็นด้วยกับจิระทุกประการ เขาสังเกตเห็นว่ากานดาหน้าซีดเผือด ดูท่าทางคงทั้งตกใจทั้งคาดไม่ถึง อย่าว่าแต่หมอนี่เลย เขาเองก็ไม่ต่างกัน ดารันเองก็เคยเป็นศัตรูที่ฟาดฟันกับจิระมาตลอด

การที่จิระเปลี่ยนไปขนาดนี้ยังความสงสัยมาให้เขามากมาย บางที่ดารันก็แอบคิดว่ามีใครสับเปลี่ยนวิญญาณใหม่มาสิงจิระ แต่หลังจากที่สังเกตอย่างถี่ถ้วนมาระยะหนึ่ง

จิระก็ยังคงเป็นจิระ ของที่ชอบหรือพฤติกรรมคุ้นชินยังคงทำแบบเดิมโดยไม่ได้ตั้งใจ จิระทำตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขจัดนิสัยน่ารำคาญออกไปทั้งหมด

ยังคงมีนิสัยขี้เหงาและเรียกร้องความสนใจอย่างน่าชัง เมื่อก่อนแค่กับภาคิน แต่เดี๋ยวนี้ลามปามมาใช้กับเขาด้วยอีกคน พูดง่ายๆ คือบางครั้งก็เข้ามาอ้อนเขาที่เป็นน้องชายเหมือนแมวตัวใหญ่ พฤติกรรมน่าเหนื่อยใจแบบนี้บางทีคงแก้ไม่หายทั้งชีวิต

“นายนี่มันน่ารังเกียจ”

ใช่น่ารังเกียจจริงๆ แบบนี้มันก็เหมือนทิ้งเขาให้กลายเป็นนางร้ายเพียงผู้เดียวโดยสมบูรณ์สิ กานดารู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ นี่มันเหมือนกับเขาพ่ายแพ้ พ่ายแพ้จิระอย่างหมดรูป

“ฉันจะไปถ่ายละคร” กานดาก้มหน้าก้มตาแหวกทางระหว่างดารันและจิระ อีกไม่นานผลตรวจdnaจะออกมา ถึงตอนนั้นเขายังต้องกังวลอะไรอีก

จิระจะทำดีเพราะเสแสร้งหรือจริงใจก็ช่าง ในที่สุดเขาจะได้สิ่งที่ปรารถนาและยืนท่ามกลางแสงสว่างอย่างเท่าเทียม

ทว่า...คำพูดของจิระวนเวียนอยู่ในหัวของกานดาจนสลัดไม่หลุด เขาเองก็เคยคิดแบบนั้นนับครั้งไม่ถ้วน เคยพยายามเข้าหาจิระอย่างดี แต่หมอนั่นไม่เคยเห็นความตั้งใจของเขาเลย

แล้วทำไมจู่ๆ ถึงคิดได้ขึ้นมา ขี้โกง ขี้โกงจริงๆ จะบอกว่าไม่ต้องการความเกลียดชังที่มีต่อเขาแล้วงั้นหรือ หมายถึงไม่เห็นเขาในสายตาแล้วใช่ไหม

กานดาสับสน เจ็บใจ และรู้สึกอ้างว้าง ที่ผ่านมาลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไหร่ แต่ศัตรูของเขากลับมาบอกซึ่งๆ หน้าว่าพอแล้ว แล้วเขาล่ะ...จะทำอย่างไรต่อไป

เดินหน้ารังแกคนที่เขาไม่สนใจตัวเองแล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าทำอย่างนั้นก็รู้สึกว่าตนเองเป็นคนพ่ายแพ้และน่าสมเพชที่สุด เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี...

กานดาใช้สายตาอ้างว้างมองไปบนถนน เขาไม่รู้แล้วว่าที่ผ่านมาพยายามทำเพื่ออะไร แต่พอนึกถึงผลตรวจdnaแรงใจก็กลับมาอีกครั้ง

อย่าไปคิดถึงจิระ เขาควรคิดถึงสิ่งที่หวังเอาไว้มาโดยตลอด



++++++++++++++++

ที่มาสั้นไม่ต้องแปลกใจ เวลาแต่งนิยายมันน้อยงานใหม่หยิบมือถือมาพิมนิยายไม่ได้เลยค่าTT

ตอนนี้ต้องมาแต่งตอนกลางคืน ง่วงนอนละเกิน

ปกติเราใช้เวลาแต่งนิยายห้าหน้าคือสองชั่วโมงกว่าๆ ก็นะถึงมีพลอตในหัว

แต่นั่งแก้ไปแก้มาเยอะ ลบทิ้งเยอะกะมีค่า

ที่นี่มันสั้นมากอะนะ แต่อยากให้อ่านกันทุวันเราเลยเอามาลงสเต็ปเดิมเลย

ขอบคุณทุกความเห็นที่ผ่านมานะคะ แล้วอย่าลืมแสดงความคิดเห็นให้เราอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 05-07-2018 13:50:33
บางที กานดา ก็ยึดติดเกินไปกับสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นของตัวเอง เหมือนมีไอคิวแต่ขาดอีคิว  อยากได้แต่ไม่ทำตัวมีให้คุณค่า  คนแบบนี้ไม่น่าสงสารเท่าไหร่ จริงๆทำคนเราเรียนเก่งขนาดนี้ ไปสอบเป็นหมอ หรือหาหนทางชีวิตดีๆนาจะโอเคกว่า มาตามหาว่าพ่อไม่ยอมรับตนเอง ทำชีวิตยุ่งเหยิง
ถ้ามันเป็นของเราจริง สักวันก็ต้องกลับมาเป็นของเราป่ะ #ทีมจิระ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-07-2018 14:09:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 05-07-2018 14:46:37
คนอื่นเขาหยุดแล้วเราก็ควรหยุดนะกานดา
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-07-2018 15:59:46
 :z3:ค้างเหลือเหินค่า อยากอ่านต่อแล้ว คุณนีกเขียนสู้ๆค่ะ ถ้าไม่ไหวพักสีกพักก็ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-07-2018 16:18:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-07-2018 16:47:07
เตรียมพบคนหน้าแหก 1ea
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 05-07-2018 18:25:47
รอๆๆ รอวันกานดาหน้าแตก 

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่30 5/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-07-2018 22:17:59
รอเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-07-2018 11:14:18
บทที่31

ปราบดามีคนที่เกลียดและเริ่มจะเกลียดหน้ามันขึ้นเรื่อยๆ ไอ้หมอนั้นมันมีตำแหน่งเป็นรองบรรณาธิการ ยังหนุ่มแน่นและเป็นคลื่นลูกใหม่ไฟแรง

เพราะแนวคิดอันล้ำหน้าหลากหลายกับการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมจนมันก้าวขึ้นมาเป็นรองบรรนาธิการด้วยวัยเพียงแค่ 27 เท่านั้น

ปราบดาอิจฉาสายหมอก มันไม่ได้แค่หล่อเท่านั้นแต่ยังฉลาดอีกด้วย ถึงแม้เขาจะคอยแย่งผลงานหรือกดหัวมันบ่อยครั้งก็ไม่สามารถปิดบังประกายแสงแห่งความล้ำเลิศของมันไปได้

วันนี้ก็เหมือนกันมันได้เสนอบางสิ่งที่น่าสนใจขึ้นมาท่ามกลางการประชุม ปกติสนพจะมีการส่งตัวโฆษนาไปตามช่องทางสื่อtvและวิทยุเพื่อเชิญชวนกับแนะนำให้ลูกค้าใหม่ๆ รู้จักนิตยสารรวมถึงหนังสือพิมพ์ของสนพ

แต่คราวนี้เผลอแผลบเดียว ไอ้สายหมอกถึงกลับกล้าเสนอแผนการโฆษนารูปแบบใหม่ทั้งที่มันไม่ใช่หน้าที่ของแผนกตัวเอง

จริงๆ ปราบดาคิดว่ามันเป็นรูปแบบการโฆษนาที่น่าสนใจ เขาคิดไม่ถึงมาก่อน แต่ก็รู้มาว่าที่ประเทศอื่นรวมถึงในประเทศตนเองก็เริ่มมีการโฆษนาผ่านแอฟfด้วยเหมือนกัน

“น่าสนใจดีนี่ เท่าที่คุณแจกแจงรายละเอียดมา มีข้อดีหลายอย่างทีเดียว”

พัชราภาดูพออกพอใจ สายหมอกยังเสนอให้เปิดเพจออฟฟิตเชียลของสนพในแอฟfเพื่อรายงานความคืบหน้าและคอนเทนต์ต่างๆ ของสนพ

ทุกคนในที่ประชุมเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ตามจริงปราบดานึกอยากขัดแข้งขัดขาอยู่บ้าง แต่พอเห็นสีหน้าของพัชราภาเขาก็หุบปากไม่กล้ากวนน้ำให้ขุ่น

การประชุมที่ว่านี้เป็นเรื่องเมื่อ5เดือนก่อน เพียง5เดือนเท่านั้นผลจากการโฆษณาและเสนอคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางแอพf มันกระตุ้นยอดขายให้เติบโตขึ้นถึง 3 เปอร์เซ็น

ปราบดาไม่คิดมาก่อนว่าการเสนอโฆษนาให้ผู้คนบนแอฟจะส่งผลดีถึงขนาดนี้ คิดๆ ดูแล้วรู้สึกเจ็บใจที่ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้มาจากการเสนอของตนเอง





ความเจ็บใจนี้ยังไม่เท่ากับการที่ไอ้สายหมอกถูกเสนอให้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการในสนพลูกที่ตั้งขึ้นมาใหม่ คุณพัชราภาเริ่มสนใจพวกวรรณกรรมวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นงานวรรณกรรมแปลจากต่างประเทศหรือแม้แต่งานจำพวกนิยายรักวัยรุ่น

ปราบดาไม่ถนัดงานด้านนี้ก็จริง แต่รู้สึกเสียดายแล้วก็คิดว่าถึงต้องควบตำแหน่งทั้งงานเดิมและงานใหม่เขาก็น่าจะทำได้ดี

สงสัยว่าวันนี้ต้องเข้าไปอ้อนคุณพัชราภาเสียหน่อย เขารู้ดีว่าตนเองเป็นที่รักของพัชราภา ในบรรดาเด็กที่คุณเลี้ยงมา ไม่ใช่เขาหรือที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมที่สุด

ปราบดาเดินอาดๆ ไปยังห้องทำงานส่วนตัวของพัชราภาในบริษัท เลขานุการคุ้นชินกับการมาของปราบดาดี

วรินทรยิ้มเยาะปราบดาโดยไม่ให้เห็น ผู้ชายคนนี้ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ถือตัวว่าเป็นที่รักของคุณพัชราภา วางก้ามไปทั่ว ตอนนี้จะตกกระป๋องยังไม่รู้ตัวอีก

“มาทำไมคะคุณปราบดา” วรินทรถาม

“ฉันก็มาหาคุณพัชราภานะซี้ถามได้”

“เข้าไม่ได้ค่ะ คุณเขายุ่งอยู่”

“ทำไมจะเข้าไม่ได้ ฉันต้องรายงานเกี่ยวกับงานให้คุณทราบนะ”

วรินทรเบ้ปาก มาเรื่องงานหรือมาเรื่องกามเพื่อหาผลประโยชน์กันแน่ เธอเป็นเลขานุการที่พัชราภาไว้ใจให้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องที่บ้านยันที่ทำงาน ทำไมเธอจะไม่รู้สถานะของปราบดา

“ยังไงก็เข้าไม่ได้ค่ะ” วรินทรแกล้งแสร้งทำเป็นเดินเข้ามาขวาง แต่ตามจริงอยากให้ปราบดาเสนอหน้าเข้าไปอย่างโง่ๆ จะได้รู้ตัวซักทีว่าตกกระป๋องมันเป็นยังไง

“หลีก” ปราบดาผลักวรินทรจนเซ เธอไม่ได้ล้มและไม่ได้ห้ามปราบดาอีก

“คุณอิ๋วผมเข้าไปนะครับ”

ปราบดาผลักประตูเข้าไปและพบภาพบาดตา ไอ้สายหมอกกำลังบรรจงจุมพิตริมฝีปากลงบนหลังมือของพัชราภาซึ่งนั่งไขว้ห้างบนเก้าอี้

ปราบดาทั้งหึงทั้งรู้สึกโกรธจนเส้นเลือดบนขมับปูดบวม เขาปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วชกสายหมอกจนหน้าสะบัดหัน

ปราบดาสะใจที่สามารถทำให้สายหมอกเลือดออกได้ แต่แวบหนึ่งเห็นสายตาดุดันของมันชำเลืองมา สายตาราวกับนักฆ่านั้นทำเอาตัวชาไปชั่วครู่

“หยุดเดียวนี้นะ” เพราะคำพูดของพัชราภาทำให้การวิวาทจบลง

“ปราบดากล้าดียังไงถึงมาก่อเรื่องในห้องทำงานของฉัน”

“ก็มันล่วงเกินคุณอิ๋วนี่ครับ”

“แค่นั้น...” พัชราภาเลิกคิ้ว ปราบดารีบพลั่งพรูความในใจออกมาทันที

“ไม่ใช่แค่นั่นสิครับ ผมรู้ว่าไอ้สายหมอกมันคงเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของหัวสนพใหม่ แต่ผมเกรงว่านอกจากมันจะฝีมือไม่พอ อาจจะไม่ซื่อสัตย์ต่อคุณอิ๋วด้วย”

“อ้อ...” พัชราภายกยิ้ม เธอใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางกับโต๊ะ ส่วนมือข้างที่เหลือก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ

“เธอเดาได้ถูก สายหมอกเขาใช้ร่างกายเข้าแลกเพื่อไต่เต้าจริงๆ แต่เขาก็มีฝีมือโดดเด่นน่าจับตามอง”

“ฝีมืออะไรกันครับ แค่เสนอหัวข้อที่ไม่ตรงกับตำแหน่งหน้าที่เท่านั้นเอง”

ปราบดายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สายหมอกยกยิ้มเหี้ยมเกรียม เขารอให้คุณพัชราภาแจกแจง

“ฉันมีหูตาในสนพเยอะ ใครทำอะไรฉันรู้ทั้งนั้น ผลงานระยะหลังส่วนใหญ่ของเธอตอนนี้ก็แย่งมาจากสายหมอกทั้งนั้นนี่”

ปราบดาหน้าซีดเผือด พอหันไปมองสายหมอกก็พบว่าอีกฝ่ายแสยะยิ้มอยู่

“อย่าไปเชื่อไอ้ผู้ชายบำเรอที่เอาตัวเข้าแลกสิครับ ชั้นต่ำอย่างมันต้องโกหกแน่ๆ”

“ฉันว่าไม่น่าใช่นะ สายหมอนี่ฉันเล็งเอาไว้ตั้งแต่เขาเข้ามาสมัครงานใหม่ๆ ก่อนหน้านั้นเขาไม่ยอมรับข้อเสนอของฉันไม่ว่าจะด้านใดๆ จนเขาทนให้เธอขโมยผลงานต่อไปไม่ไหว ตอนนี้ฉันถึงได้เขามายังไงล่ะ”

“คุณอิ๋วอย่าไปหลงกลมันสิครับ มันรับข้อเสนอเพราะผลประโยชน์มันไม่ได้รักคุณอิ๋วอีกหน่อยมันก็ต้องมีคนอื่น”

พัชราภามองปราบดายิ้มๆ “พูดถึงเรื่องผลประโยชน์และความรัก” กล่าวจบก็ก็ต่อสายโทรศัพท์ภายในไปหาวรินทร “เข้ามาหาฉันพร้อมเอกสารส่วนตัวของปราบดาซิ”

วรินทรรีบหอบสิ่งต่างๆ เข้ามา เธอมองปราบดาแล้วยิ้มเยาะ “นี่ค่ะคุณอิ๋ว”

พัชราภาโยนเอกสารให้ปราบดาดู ในนั้นมีทั้งรูปถ่ายที่เขาเข้าออกโรงแรมกับกานดา รวมไปถึงข้อความตอบโต้ทางแอพLที่ถูกปริ้นออกมาจากpc

“สนุกไหมปราบดา เอาเงินของฉันไปบำเรอเด็กเลี้ยงของตัวเอง”

พัชราภายิ้มหวาน ในขณะที่ปราบดาหน้าซีดเผือด ปากคอเขาสั่นไปหมด หมดสิ้นกันแล้วทั้งหน้าที่การงานทั้งเงินทองที่ควรได้รับ

“ฉันไม่ต้องการคนทรยศ เพราะงั้นฉันจะตัดขาดจากเธอ และจะให้เธอออกจากงานที่ทำอยู่สิ้นเดือนนี้จะโอนเงินค่าชดเชยให้ตามกฏหมายที่ระบุเอาไว้ แล้วก็อย่าได้คิดก่อเรื่องวุนวายให้ฉัน เธอคงรู้สินะว่าฉันมีเส้นสายมากมายทีเดียว”

“คุณอิ๋ว ให้โอกาสผม” ปราบดาพุ่งตัวเข้าหาพัชราภาหมายจะกอดขาอ้อนวอน แต่ถูกสายหมอกถีบจนล้มกลิ้ง

“อยากถูกฉันฟ้องร้องข้อหาทำร้ายร่างกายหรือปราบดา” พัชราภายิ้ม

“วรินทรให้รปภมาลากตัวปราบดาออกไป”

“ผมยังต้องการเวลาอธิบาย” ปราบดาเหมือนไม่ยอมแพ้ แต่เมื่อเจอสายตาวาววับของสายหมอกเขาก็ไม่กล้าโวยวายอีก ได้แต่เดินตามรปภออกจากบริษัทไป

จบสิ้นแล้วชีวิตของเขาจบสิ้นแล้ว เชื่อว่าคงไม่สามารถเข้าทำงานในสนพไหนได้อีก คนอย่างคุณอิ๋วคงร่อนจดหมายไปทุกสนพแล้วแน่ๆ ความฝันของเขาจบลงแล้ว มีแต่ต้องไปเริ่มใหม่ในสายงานด้านอื่น



พัชราภามองแผ่นหลังหดหู่ของปราบดาด้วยรอยยิ้มเปรมปรีดิ์ คนที่ทำกับเธอก็ต้องเจอแบบนี้ สำหรับปราบดาเธอยังปรานีเขามาก แค่ไล่ออกจากงานแถมร่อนจดหมายไปทั่วไม่ให้กลับมาทำงานด้านนี้อีก

แต่กับไอ้ชู้นั่นเธอไม่ปรานีแน่ๆ แค่คิดว่าปราบดานำเงินที่ได้จากเธอไปเลี้ยงดูมันต่อ เธอก็โมโหจนเส้นเลือดปูดบวม

“สายหมอก เธอคิดว่าพวกดารานี่อะไรสำคัญที่สุด” พัชราถาม

“คงเป็นหน้าตาละมั้งครับ”

พัชราภาฟังแล้วหัวเราะชอบใจ เธอต่อสายหาสิบทิศ เพื่อนใหม่ที่เพทายแนะนำให้เธอรู้จัก ทั้งเพทายทั้งสิบทิศต่างเป็นผู้ชายเกรดssที่หน้าตาหล่อเหลาและมีประโยชน์มาก แต่น่าเสียดายเธอชอบผู้ชายที่อยู่ในกำมือมากกว่า

“สิบทิศช่วยงานพี่หน่อยได้ไหมคะ”

<” เรื่องอะไรหรือครับคุณอิ๋ว” >

“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ แค่สั่งสอนไม่ให้ดาราหน้าใหม่กล้าเผยอชูคออีกเท่านั้น เอาเบาะๆ ก็พอนะคะ”

<” เบาะๆ นะครับ” > สิบทิศหัวเราะชอบใจ หลังจากคุยกับพัชราภาเสร็จก็หันมาชนแก้วกับเพทายต่อ

“พี่อิ๋วมาขอให้ช่วยอีกแล้ว” สิบทิศรายงานให้เพทายฟัง คนฟังยิ้มละไม

“เรื่องอะไรล่ะ”

“เรื่องของกานดา จงกล” สิบทิศส่งสัญญาณให้ลูกน้องชงเหล้ามาให้เพิ่ม

“การลงมือของนายนี่น่าขนลุกจริง ลงดาบโดยไม่ให้มือเปื้อนเลยนะ”

เพทายไม่ตอบได้แต่ดื่มเหล้าในแก้วของตตัวเองเงียบๆ

“ถูกสั่งสอนติดๆ กันแบบนี้ กูเดาว่านิสัยเด็กนั้นคงเปลี่ยนจากกหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย”

“ก็ต้องดูกันไป ถ้านิสัยยังแย่เหมือนเดิมก็อาจจะต้องเล่นกันแรงมากขึ้น”

เพทายบอกสิบทิศ คนฟังนึกอยากหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก เพทายเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรกับศัตรูจะไม่มีความปรานี เด็กนี่โชคดีที่ยังแค่อยู่ในระดับสั่งสอน

“เออ ช่างเรื่องคุณอิ๋วกับเด็กนั่นไปเหอะ มาดื่มกันต่อดีกว่า อย่าเสียเวลาเลย”

จากนั้นสิบทิศก็ชวนเพทายดื่มจนถึงตีสาม เขามีเรื่องให้คุยเยอะแยะมากจึงไม่ยอมปล่อยเพื่อนสนิทสมัยเด็กคนนี้ไปง่ายๆ แต่ก็รั้งเพทายให้อยู่ถึงเช้าไม่ได้อยู่ดี



++++++++++++++++++++++++++++++

บทสรุปของกานดาใกล้มาถึง รู้สึกเขียนยากกลัวเขียนออกมาไม่ดีแฮะ5555

มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องทำไมคนในเรื่องยอมรับเรื่องชายรักชายง่ายจัง

คือปัจจุบันนี้กฏหมายคู่ชีวิตเพศเดียวกันก็ยอมรับหลายประเทศแล้วเนอะ

ในยนิยายเรา เราจินตนาการว่าให้ กฏหมายนี้และเรื่องราวชสายรักชายถูกยอมรับอย่างปกติแล้ว

ออกจะแฟนตาซีไปบ้าง อย่าพึ่งเบื่อรำคาญหรือขัดใจนะคะ ลองอ่านนิยายเราดูก่อน

ถ้าไม่ชอบจริงๆ จะทิ้งเราไปก็ไม่ว่ากันค่ะTT แต่กะอยากให้อ่านจนจบนะ อุตส่ามาอ่านแล้ว

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-07-2018 11:41:01
 :3123: เป็นกำลังใจให้จ้า รอตอนต่อไปว่าเพื่อสุดที่รักเพทายทำอะไรอีกบ้าง  o13
 :กอด1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 06-07-2018 12:11:18
จิ้งจอกห่มหนังแกะนี่หว่า
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-07-2018 14:10:34
อืม กานดาแย่แน่
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-07-2018 17:35:05
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-07-2018 19:06:29
เราเข้าใจเรื่องเซตติ้งเรื่องค่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-07-2018 21:38:37
ลุ้นหนักมาก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-07-2018 22:31:57
ลุ้นไปอิก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-07-2018 06:58:11
 :laugh:รออออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่31 6/7/2018 หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-07-2018 08:59:12
รอสมน้ำหน้ากานดา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 08-07-2018 18:51:36
บทที่32

เหล่าแฟนคลับของกานดาคอยลุ้นผลตรวจdnaอย่างเงียบๆ แล้ววันนี้ก็มาถึงจินดาเป็นตัวแทนไปรับผลตรวจกลับมายังบ้านมกรธวัช

เวลานี้ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้า ยกเว้นคมสัน กานดานั่งรอฟังผลตรวจอย่างสงบแต่นั่นแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขากะวนกะวายมากแค่ไหน เขาเครียดจัดจนเมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ ทั้งที่ความจริงผลตรวจไม่น่าเป็นอื่นไปได้

กานดามั่นใจว่าตนเองต้องเป็นลูกของคุณพ่อแน่ๆ ก็คุณแม่พร่ำบอกเขาอย่างนั้นมาโดยตลอด

จินดายื่นซองผลตรวจให้วศิน เธอไปรับมาให้ก็จริงแต่ไม่ได้ถือวิสาสะเปิดผนึกอ่าน คนรับของไปค่อยๆ เปิดเอกสารด้านในดูอย่างละเอียดโดยไม่ปริปากซักคำ กานดาลุ้นระทึกจนนั่งแทบไม่ติดที่

“กานดาเจ้ามาอ่านเองเถอะ” วศินยื่นซองให้กานดาเดินมารับไป

เมื่อรับของมากานดายังไม่กล้าคลี่กระดาษอ่าน เขายืนลังเลอยู่สองสามนาที

“เจ้าอ่านเถอะ นี่คือความจริงที่เจ้าควรรับรู้”

กานดาประสานสายกับวศิน จากนั้นตัดสินใจอ่านทั้งที่ก็กลัวไม่น้อย เขาไล่อ่านผลตรวจจากด้านบนลงไปข้างล่าง ข้อความที่อยู่ในกระดาษทำเอากานดาแทบหมดแรง

หลังจากรู้ผลตรวจชัดแจ้ง กานดารู้สึกเหมือนหน้าจะมืด เขาเอนตัวโงนเงนคล้ายจะเป็นลม โชคดีที่จิระเข้ามาพยุงทันเสียก่อนแล้วช้อนอุ้มกานดาขึ้นในท่าเจ้าหญิง

<หมอนี่ตัวเบาชะมัด> จิระคิดในใจ คนถูกอุ้มอยู่ในอาการไม่ดีนักเพราะตกใจ ดังนั้นจึงปล่อยให้จิระอุ้มไปส่งถึงห้องได้อย่างสะดวก เมื่อไปถึงห้องจิระวางกานดาลงบนเตียง

จิระสังเกตเห็นว่าในมือของกานดายังกำผลตรวจเอาไว้แน่น เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตกใจและเสียใจขนาดนี้

“ฉันไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ” กานดามองเหม่อไปยังเพดานด้านบน “นายคงดีใจสินะที่ฉันไม่ใช่”

จิระอดไม่ได้ที่จะยืนเท้าเอวมองดูคนที่อาการร่อแร่เพราะกำลังเสียใจ ท่าทางของกานดาดูชัดเจน การสูญเสียสิ่งที่ยึดติดส่งผลให้เป็นแบบนี้ จิระเคยอยู่ในลักษณะนี้มาก่อน

“บอกตามตรงนะกานดา ฉันไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอก เรื่องของนายฉันไม่สนใจซักนิด”

กานดาขย้ำผลตรวจในมือแน่น ตวัดสายตามองดูจิระอย่างแค้นเคือง หมอนี่กำลังจะบอกว่าเขาเป็นแค่ก้อนกรวดที่ไม่มีค่าให้สนใจหรือไง

“นายเห็นฉันเป็นก้อนกรวด ใช่สิ แต่ไหนแต่ไร ฉันเป็นแค่ก้อนหินที่ตำเท้านายเสมอ จริงไหมล่ะ”

“นายเป็นก้อนกรวดงั้นรึ นายก็รู้ตัวเองดี ว่านายเป็นหินที่สวยงามกว่าหินก้อนไหน แล้วตอนนี้ในวงการนักแสดงนายเป็นอัญมณีที่ส่องประกายกว่าฉัน ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าทำไมนายไม่มุ่งมั่นทำในสิ่งที่เป็นความฝันของนายให้ดีต่อไป แทนที่จะมาสนใจคนอื่นอย่างฉัน”

“เพราะว่าฉันอิจฉานายมาโดยตลอดไงล่ะ เพราะงั้นถึงได้ขัดแข้งขัดขานายตลอด” กานดาตะโกนใส่จิระ เขาส่งสายตาดุดันทั้งยังเตรียมพร้อมที่จะรับหมัดของจิระ จงใจกวนโมโหให้อีกฝ่ายแสงธาตุแท้ออกมาให้ได้

“ฉันก็เหมือนกัน ฉันอิจฉานาย นายเรียนเก่ง เป็นที่รักของอาจารย์และคนทั่วไป เป็นเด็กดีในสายตาผู้ใหญ่แม้กระทั่งแฟนเก่าของฉันเขายังเห็นว่านายดี เอาจริงๆ หากไม่มีนายเป็นคู่แข่ง ฉันคงไม่ตั้งใจเรียนทำกิจกรรมอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ก็รู้สึกขอบคุณนายนิดๆ นะ ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่แข่งกันฉันจะได้ที่สองตลอด”

กานดามองดูจิระอย่างไม่อยากจะเชื่อ หมอนี่มันพูดบ้าอะไร ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เพราะอะไร “อะไรกันที่เปลี่ยนแปลงนายไป ไหนบอกฉันซิ” กานยกมือขึ้นนวดขมับไปมา เขาสับสนไปหมด

“ชีวิตฉันพังมาเยอะแล้ว แค่ไม่อยากกลับไปตกต่ำอีกเท่านั้นเอง”

คนอย่างจิระนี่นะที่คิดได้ คนที่ใช้กำลังมากกว่าสมองอย่างจิระ กานดาบอกความรู้สึกตนเองไม่ถูกเลย เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกจิระทอดทิ้ง นี่เขาถูกทิ้งให้วิ่งแข่งเพียงลำพัง แถมสิ่งที่เชื่อมาทั้งหมดกลับพังทลายไม่มีชิ้นดี เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว

คิดได้อย่างนั้นกานดาก็ลุกขึ้นเก็บกระเป๋า จิระยืนดูเงียบๆ จวบจนทุกอย่างเรียบร้อย กานดาเดินผ่านร่างจิระไปโดยไม่มองหน้าและไม่พูดซักคำ

“ขอให้โชคดีนะ จากนี้ไปก็ต่างคนต่างพยายามล่ะ”

กานดาเม้มปาก จิระกำลังอวยพรให้เขาหรือนี่ รสชาติบัดซบนี่มันอะไรกัน เขาขมขื่นใจอย่างบอกไม่ถูก การเป็นผู้แพ้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

กานดาออกจากบ้านมกรธวัชมาอย่างเงียบๆ เขารู้สึกเหงาและอ้างว้าง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะต่อสายไปหาปราบดา แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่รับสาย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงติดต่อไม่ได้

ความกังวลเครียดและอ้างว้าง ทำให้กานดาไปดื่มเหล้าในผับแห่งหนึ่งทั้งที่อายุไม่ถึง ก็ไม่มีอะไรประหลาด ผับพวกนี้แค่จ่ายเงินต่อให้เป็นเด็กมัธยมต้นก็สามารถแอบเข้าได้เหมือนกัน

กานดาดื่มจนเมามาย เขาคิดถึงคำพูดของจิระวนเวียนอยู่ในหัว จิระคนนั้นพูดว่าเหนื่อยบ้างล่ะ ให้ต่างคนต่างพยายามบ้างล่ะ เป็นคำพูดที่มหัศจรรย์มากๆ เมื่อออกมาจากปากจิระ

มันจบลงแล้วอย่างนั้นรึนี่มันจบลงแล้ว เขาไม่ใช่ลูกคุณพ่อ สิ่งที่เพียรทำมาทั้งหมดมันสูญเปล่า เขาในตอนนี้แทบไม่เห็นทางเดินเลย แม้แต่คู่แข่งที่วิ่งในเส้นทางเดียวกันอย่างจิระก็มาทิ้งเขาไป

กานดารู้สึกอยากร้องไห้แล้วก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ เมา วันนี้เขาอยากเมา ไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น คิดได้อย่างนั้นกานดาก็ดื่มเข้าไปแก้วแล้วแก้วเล่าจนเมามาย

อยากกลับบ้านแล้ว กานดาเลิกดื่มเดินโซเซแหวกทางฝูงคนที่ดิ้นกันมันหยด แต่เพราะเมานั้นแหละจึงเดินชนคนเข้าอย่างจัง

“เฮ้ น้องชายไปสนุกกับพี่ไหมจ๊ะ” คนถูกชนทำท่าลวนลาม กานดาปัดมือของอีกฝ่ายที่ลูบไล้เสี้ยวหน้าตนออก

“ไปให้พ้นไอ้ชาติหมา อย่ามายุ่งกับฉัน”

“อ้าวปากดีนะไอ้เหี้ย” กานดาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายชักมีดออกมา ก็เขาเมาแทบไม่รู้เรื่องแถมยังโมโหสุดๆ

“มึงสิเหี้ยหลีกทางไปให้พ้น”

ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะกรีดมีดลงมาบนใบหน้า กานดาสะดุ้งเพราะความแสบร้อนเขามีสติชึ้นมานิดหน่อยทรุดลงกับพื้นกุมบริเวณที่เลือดไหลโกรกออกมา

เสียงตะโกนโหวกเหวกด้วยความตกใจของผู้คนดังขึ้น ทุกคนห้อมล้อมเข้ามามุงดู แต่เจ้าตัวการหลังฝากรอยไว้ก็รีบหนีไปทันที หลังจากนั้นกานดาจำไม่ได้ว่าเขาถูกใครหามส่งโรงพยาบาลมา



เมื่อลืมตาตื่นขึ้นคนแรกที่เห็นดันกลายเป็นจิระเสียนี่ กานดาไม่อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายเขาขยับตัวจะพลิกกายหันหลังให้ก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าเสียเหลือเกิน

เมื่อวานเขาถูกคนเมาในผับกรีดหน้า พอจะจำได้เลาๆ จริงๆ หากต้องการรักษาแผลก็พอมีเงินอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่สนใจหน้าตาที่มีรอยแผลของตนเองอย่างที่ควรเป็น

“คุณปู่บอกว่าจะออกค่ารักษาแผลบนใบหน้าของนายให้”

กานดาหันหลังให้ไม่ตอบและไม่ไหวติง

“คุณปู่รู้ว่านายคงเสียใจ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาท่านตามนักสืบตรวจสอบเรื่องของนาย”

ร่างกายของกานดาไหวระริก จิระยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจ “ท่านบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของนาย เพื่อเป็นการเยียวยาความรู้สึก ท่านจะโอนเงินค่าชดเชยให้นายด้วย แต่ถึงยังไงเราก็แถลงการณ์ให้นักข่าวทราบเรื่องผลตรวจdnaไปแล้ว...รีบรักษาตัวให้หาย นายยังมีงานรออยู่อีกเยอะไม่ใช่หรือไง” จิระหยุดคิดครู่หนึ่ง ตามจริงอยากปลอบกานดาให้มากกว่านี้ แต่คิดว่ากานดาคงไม่ต้องการ

“สู้ๆ นะ ฉันเองก็จะสู้เหมือนกัน วงการนี้ยังต้องการเพชรอย่างนาย พวกแฟนคลับก็รออยู่นะ”

หลังจากพูดจบจิระก็จากไป กานดาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งมองดูกระเช้าเยี่ยมที่จิระนำมา เขาหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบๆ คนที่เขาเกลียดที่สุดกลับเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

จิระคนนั้นบอกว่ามีแฟนคลับรอเขาอยู่ กานดาอดที่จะใช้มือถือเข้าไปดูในโลกโซเชียลไม่ได้

ป้าข้างบ้านz02 : กานดาคงช็อคน่าดูเรื่องตรวจdnaไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ไปเมาจนถูกทำร้าย#กานดาnumber one

ป้าข้างบ้านz02 : ฉันอยากไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เขาตัวคนเดียวคงรู้สึกเหงาแน่ๆ #กานดาnumber one



Ssnumber: จริงของป้า เรารวมตัวกันไปเยี่ยมกานดากันดีกว่า อยากให้เขารู้ว่าถึงเขาจะล้มลงก็ยังมีพวกเราเคียงข้างนะ#กานดาnumber one

สองแฟนคลับตัวเอ้ของเขาจัดทัพเพื่อจะมาเยี่ยมเยียนที่โรงพยาบาล กานดาซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก จริงอย่างที่จิระพูดจริงๆ ใช่ว่าเขาจะหมดสิ้นไปเสียทุกอย่าง คำพูดหลายประโยคของจิระที่ชวนให้คิดวนเวียนอยู่ในหัว



<ชีวิตของฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ถ้าเกิดต้องมานั่งเสียเวลาคิดว่าใครเกลียดตัวเองแล้วหาวิธีตอบโต้ หรือนั่งอิจฉาจนวางแผนรังแก มันก็เสียเวลาชีวิตน่ะนะ>



จิระพูดทำนองนี้ เขาเองก็จำได้ไม่หมด แต่หมอนั่นบอกว่าเบื่อแล้วใช่ไหมนะ ตอนนี้เขาเองก็เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน



ป้าข้างบ้านz02 : ทำยังไงดีได้ข่าวว่ากานดาถูกทำร้ายที่ใบหน้า ถ้าเสียโฉม เขาจะได้กลับมาทำงานสายนักแสดงอีกไหม ไม่นะ ฉันรักเด็กคนเน้นนนน#กานดาnumber one



Ssnumber: ป้าอย่าพูดงั้นสิ มาเรามารวบรวมกองทัพไปเยี่ยมกานดากัน ไปกันให้หมดนี่แหละ#กานดาnumber one



มีผู้คนมากมายในโลกโซเชียลอยากมาเยี่ยมเยียนเขา กานดารู้สึกว่าเขาอยากทำตามความคาดหวังของผู้คนที่สนับสนุนตนเอง ถ้าหากว่ารักษาใบหน้าจนหาย เขาเองก็อยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่ายังช้าไปหรือเปล่า









“ผมแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงรบเร้าให้ท่านวศินดูแลค่าใช่จ่ายแผลบนใบหน้าของกานดา แต่พอมาคิดดูแล้วคนจิตใจดีอย่างคุณจะสงสารเขาก็ไม่แปลก”

คนรักยังไม่ตอบคำถามของเพทาย อีกฝ่ายยืนมองดูทะเลอยู่ริมหาด สายลมเย็นๆ พัดมาจนเส้นผมปลิวไสว จิระหันมาหาแล้วใช้มือเสยผมที่ถูกลมตีจนกระจัดกระจาย ดวงตาคู่สวยมองจ้องมาอย่างต้องการค้นหาบางอย่างจากตัวเขา

“นายเป็นคนสั่งให้คนไปกรีดหหน้ากานดาล้างแค้นให้ฉันหรือเปล่า”

“ผมไม่ได้สั่ง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้คนร้ายลงมือ”

“นายทำเพื่อฉันสินะ”

“ผมยินดีทำเพื่อคุณทุกอย่าง” เพทายคว้ามือจิระมากำเอาไว้แล้วจุมพิตลงไป

“นายบอกว่ากานดาจะร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เล่าละเอียดว่าชาติที่แล้วเขาทำยังไง ไหนลองอธิบายสิ่งที่ทำให้นายต้องเหยียบย่ำหมอนั่นขนาดนี้ทีสิ”

“ในชาติก่อน กานดาทำเรื่องแบบเดียวกันกับชาตินี้ แต่เขาร้ายกว่านั้นเยอะมาก ชาติที่แล้วดารินและคมสันติดคุกเพราะวางแผนฆ่าผม ส่วนดารันก็วนเวียนอยู่กับยาเสพติดจนถูกตัดออกจากตระกูล กานดาเขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ใช่ลูกท่านคมสัน แต่เอาผลตรวจdnaของดารันมาหลอก พวกเขาสี่คนรวมหัวกันพื่อให้ได้เงิน แต่พอถูกผมจับได้กานดาคนนั้นก็เข้ามายั่วยวนผม สร้างภาพและเหตุการณ์มากมายเพื่อให้สัมคมเข้าใจผิดเพื่อบังคับให้ผมแต่งงานกับเขา ตอนนั้นผมมีอำนาจในมือจนล้นสิ่งที่ผมทำคือกดดันนายทุนและบริษัทต่างๆ ให้แบนกานดาออกจากสื่อจนเขาไม่มีงานทำ เท่านั้นไม่พอผมยังเปิดโปงความเหลวแหลกที่เขาเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งาน จนเขาไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ดาราผู้บริสุทธิ์เอาไว้ได้เท่านั้นเอง”

“งั้นรึ” จิระพึมพำก่อนหันกลับไปมองทะเลอีกครั้ง

“ผมทำร้ายกาจเกินไปหรือไง” เพทายไม่กล้าพูดว่าชาติที่แล้วเขายังส่งคนไปทำลายโฉมของกานดาอีกด้วย เขาเหยียบย่ำกานดาจนกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว

“ทุกอย่างมันจบลงแล้วใช่ไหม” จิระถาม

“ก็ถ้าเขายังไม่เข็ดอีก ชาตินี้ผมจะทำให้เขาจำยิ่งกว่าชาติก่อน”

จิระหันมามองแล้วใช้แขนคล้องคอเพทาย เขาส่งจูบไปป้อนให้ชายหนุ่มถึงที่ พวกเขาแลกจุมพิตกันเนินนานไม่ได้สนใจว่าใครจะแอบถ่ายเอาไว้หรือเปล่า

“ชาตินี้ถ้าไม่มีนายคอยปกป้อง ฉันคิดว่า...ฉันคงไม่ได้สบายอย่างนี้ ขอบคุณนะ” จิระซบหน้าลงบนแผ่นอกของเพทาย คนถูกซบกอดร่างเล็กกว่าในอกอย่างแนบแน่น

“เพราะผมรักคุณและมันยิ่งมากขึ้นหลังจากถูกคุณทิ้งให้โดดเดี่ยว”

“ฉันจะไม่ทิ้งนายให้โดดเดี่ยวอีก ฉันสัญญา จากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะ”

“ผมก็เหมือนกัน”

เพทายกับจิระจูบกันอีกครั้ง คราวนี้ยาวนานกว่าเดิม พวกเขาต่างแลกคำสาบานว่าจะดูแลปกป้องกันด้วยความรักไปตลอดชีวิต



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



                 มาซะดึกแถมยังจบสั้นห้วนมาก มีตอนพิเศษนะคะ รอรีโหลดกันหน่อยนะ

                  ว่าจะเปิดพรีออเดอร์แต่ตอนนี้หาคนวาดปกอยู่ น่าจะไม่นาน 

                  นี่กำลังคิดอยู่ว่าตอนพิเศษมีอะไรต้องเขียนเพิ่มเขียนเฉลยที่ยังขาดไปบ้าง5555

                  แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-07-2018 19:38:31
รู้สึกดีจังที่มีคนที่รักเราที่เป็นตัวเรา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-07-2018 19:52:40
 :katai2-1: หวังว่าจะไม่ร้ายอีกนะ แต่เหมือนจะจบนะ ผ่านไปด้วยดี  รอว่าจะมีไรมาอีก
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-07-2018 20:46:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 08-07-2018 20:55:05
แบบอ่านมาแล้วรู้สึกว่า พระเอก นี่ออกมาหวานน้อยจังเลยอ่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 08-07-2018 20:55:54
จบล้าว :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-07-2018 21:11:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 08-07-2018 22:15:33
จบตอนแบบละลาย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 09-07-2018 22:04:47
จะจบแล้วหรือคะ กำลังอ่านเพลินๆ เลย พระนายมีบทด้วยกันน้อยไปหน่อย ส่วนตัวร้ายบทเยอะมาก ฮ่า
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 09-07-2018 23:06:37
เจ็บแล้วเหรอออ ฮืออ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 14-07-2018 13:59:16
สนุกจังชอบมาก
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-08-2018 19:34:26
จบเรื่องหรือจบตอนอ่ะ ยังไม่หวานเลย
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 03-08-2018 20:49:45
อ่านรวดเดียวจบ เพราะวางไม่ลงจริงๆ
ชอบมากกกกก
ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 23-11-2018 07:48:01
จบแล้วหรออยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-11-2018 12:53:49
เป็นเรื่องที่สนุกมากเลยค่ะ ชอบที่จิระเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่รัก :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-03-2020 11:22:11
มาอ่านย้ำอีกครั้ง ยังชอบเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 08-01-2021 03:06:39
 :กอด1: