บทที่22
พัชรไม่ใช่คนชอบที่พลุกพล่านและงานสังสรรค์หรูหรา แต่งานวันเกิดของเขาในครั้งนี้มีคุณปู่เป็นพ่องาน นอกจากปฏิเสธไม่ได้แถมคุณปู่ยังเชิญผู้คนมากมายมาร่วมงานอย่างคับคั่ง
งานวันเกิดของเขาครั้งนี้จัดที่โรงแรมในธุรกิจของครอบครัว ในเมื่อเป็นงานของเจ้าของโรมแรมพวกพนักงานจึงตื่นตัวกว่าปกติ พัชรไม่เพียงแจกบัตรเชิญให้เพื่อนๆ เขายังชวนพวกทีมงานจากหนังเรื่องวัยหนุ่มวัยฝันวันของเรามาทุกคน
หนึ่งในคนที่เชิญมาคือตาแก่อ้วนหัวล้านนายทุนที่สนับสนุนหนังของเขาหลายต่อหลายเรื่อง แล้วคนคนนี้ก็เป็นผู้ออกเงินให้กับหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่
ในระยะสายตาพัชรเห็นตาแก่กำลังเกี้ยวพาหนึ่งในดารานำซึ่งก็คือกานดา ดูเหมือนว่าจะคุยกันถูกคอน่าดู พอหันไปหานักแสดงนำอีกสองคนที่เหลือ นายเอ้ทศพลเอาแต่กินดื่มอย่างมุ่งมั่น ส่วนจิระตัวปัญหาของกองถ่ายยืนพิงกำแพงเพียงลำพัง ดังนั้นพัชรจึงเดินเข้าไปหา
“มายืนหลบมุมทำไมคนเดียว” จิระปลายตามองแทนคำตอบ จุดสายตาของเขาคือบริเวณที่คุณปู่ของจิระกับพัชรคุยกัน ที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยชนชั้นสูงที่พากันรุมล้อมราชาเฒ่าที่มีถึงสองคน
“ถ้าเหงาก็ไปเต้นรำตรงนั้นสิ ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฉันยืนเป็นเพื่อนก็ได้”
จิระส่งยิ้มมาให้ ปกติพัชรไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่รู้สึกว่าชั้นเชิงในการพบปะผู้คนของจิระเข้าขั้นยอดเยี่ยม หมอนี่รู้จักวิธีการพูดให้คนไม่เบื่อและไม่พูดมากจนน่ารำคาญเกินไป ตรรกะความคิดเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จะมีความเอาแต่ใจปนๆ อยู่บ้างก็ไม่น่าแปลกสำหรับเด็กวัยนี้
พัชรนั้นหารู้ไม่ว่าหากเขาได้สุงสิงกับจิระในช่วงวัยนี้เมื่อชาติที่แล้ว เขาคงรีบเดินหนีไม่มีทางยืนยิ้มตอบโต้อย่างสบายๆ แบบนี้ได้ แม้แต่จิระเองยังรู้ตัวว่าในชาติก่อนเขาเป็นคุณหนูที่พูดเอาแต่ใจจนน่ารำคาญไปหมด
หลังจากพูดคุยอย่างสนุกสนานพัชรนึกอยากเข้าห้องน้ำ เขาผละจากจิระไปจัดการธุระส่วนตัว พอเดินกลับมาตามทางก็พบว่ากานดายืนทำลับๆ ล่อๆ บางอย่าง
เขาชะโงกหน้าดูจากด้านข้างว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็พบความจริงว่ากานดากำลังแอบดูนายทุนตัวอ้วนพูดคุยบางอย่างกับบริกร เจ้านายทุนน่ารำคาญคนนั้นยื่นซองบางอย่างให้พนักงานของโรงแรม
จากนั้นกานดาก็เดินหลบจากที่นั่น พัชรเก็บความสงสัยเดินกลับไปในงาน เขาถูกเรียกจากเพื่อนสมัยเด็กที่พึ่งเดินทางมาถึงงาน เขาดีใจที่เพื่อนคนนี้มาได้ซักทีจึงหยุดพูดคุยอย่างออกรส ที่หางตาสังเกตเห็นว่าเจ้านายทุนพาจิระกับกานดาออกไปจากห้องจัดงาน
<ไปไหนกัน> พัชรสงสัยแต่ไม่สามารถปลีกตัวจากเพื่อนกลุ่มใหญ่ได้ หลังจากถูกเพื่อนๆ ชักชวนให้เล่นเกมติดต่อกันมากๆ เข้า เขาก็ลืมสนใจเรื่องที่แคลงใจไปจนหมด
กานดามองจิระที่ไหลลงไปซบกับโซฟาด้วยสีหน้าชั่วร้าย แผนการณ์ครั้งนี้เขาคิดได้อย่างปัจจุบันทันด่วน มันปิ๊งขึ้นมาฉับพลันหลังจากแอบไปได้ยินว่านายทุนรายใหญ่ตั้งใจให้บริกรใส่ยาในแก้วของเขาเพื่อให้สมยอมนอนกับอีกฝ่ายในคืนนี้
จริงๆ ถึงไม่มอมยาถ้าพูดกันดีๆ ก็จบไปแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะแบบนี้ถึงได้มีโอกาสเล่นงานจิระ เจ้านายทุนคนนั้นก็ตลกชะมัดพอเห็นว่าจิระดื่มน้ำในแก้วที่ควรเป็นของเขาก็ลุกพรวดหนีไปด้วยความกลัว
เอายังไงดีน้าสภาพวาบหวิวแบบนี้ควรเรียกผู้ชายมาซักหลายๆ คน แล้วค่อยเรียกพวกคนใหญ่คนโตเข้ามาปะ แบบนั้นคงได้เป็นข่าวอื้อฉาวแน่ๆ แค่คิดก็สนุกแล้วนอกจากข่าวคราวนี้ วันต่อมาข่าวของเขากับภาคินก็จะตามมาเป็นระลอก เป็นเทศกาลบูชายันอันยิ่งใหญ่จริงๆ
จะว่าไปถ้าเกิดว่าหมอนี่ต้องมีเรื่องอื้อฉาวกับคนที่เกลียดจะเป็นยังไงนะ กานดานึกถึงหน้าพี่เลี้ยงคนที่จิระเกลียดนักเกลียดหนาถ้าเรียกหมอนั่นมาคงสนุกพิลึก จิระที่ออกอาการวาบหวิวพร้อมบวกอยู่กลายๆ ตอนนี้น่าจะได้เห็นเรื่องดีๆ ไม่น้อย
ดังนั้นจึงหยิบมือถือของจิระหาช่องทางติดต่อของพี่เลี้ยงคนนั้น เมื่อพบแอพสื่อสารและแอคเคาท์ที่มีรูปของเพทายกานดาก็รัวแป้นอักษรส่งข้อความไปหาคนที่อยู่ในงานเช่นกัน
กานดาหัวเราะเสียงต่ำ “อีกเดี๋ยวคนที่นายเกลียดเขาจะมาหานะ อยากออดอ้อนหรือเล่นกันท่าไหนก็ตามสบายเลย”
“ร้อนจัง” จู่ๆ จิระก็คลายเสื้อผ้าออกด้วยตัวเอง กานดายิ้มจนตาหยีก่อนจะเดินออกไปแอบดูว่าเพทายจะมาเมื่อไหร่ ไม่นานนักคนที่เขาเรียกมาก็เข้าไปในห้อง เมื่อเห็นจนแน่ใจเขาก็รีบเดินกลับเข้าไปในงานมองหาพัชร
พัชรเห็นกานดาเดินกลับมาเข้างานโดยปราศจากจิระ จะว่าไปก่อนหน้านั้นก็เห็นว่านายทุนของเขากลับไปแล้วเช่นกัน
“พี่พัชรเห็นจิระไหมครับ”
พัชรเลิกคิ้ว “นายไม่ได้ออกไปพร้อมกับเขาหรอกหรือไง”
สีหน้าที่ดูเหมือนจับผิดของพัชรทำให้กานดารู้สึกว่าผิดท่า เขารีบแก้ตัวทันที
“เอ่อ จริงๆ ก่อนหน้านั้น ผมกับจิระออกไปนั่งพูดคุยเรื่องงานชิ้นถัดไปกับคุณเอก เขาบอกว่าสนใจให้ผมกับจิระไปแคสบทหนังเรื่องใหม่ของพี่ แต่ผมไม่ค่อยสบายเลยขอตัวออกมาก่อน แล้วออกไปนั่งพักด้านนอกตั้งนาน....”
ยิ่งโกหกก็ดูไม่เข้าที แล้วสีหน้าของพัชรก็ดูไร้อารมณ์ลงเรื่อยๆ จนใกล้เคียงกับรูปปั้นหิน
“ครั้งสุดท้ายนายเห็นจิระที่ไหน”
“เอ่อ...ที่ห้องรับรองใกล้ๆ นี่”
“พัชรมาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง ปู่ยังไม่ได้แนะนำให้เพื่อนๆ ของปู่รู้จักหลานเลย”
กานดาปลายมองกลุ่มคนที่มา มีทั้ง คุณพานทอง อำพัน นักธุกิจหมื่นล้าน คุณปู่วศินม กรธวัช และหม่อมวิชุดา เฉลิมยุคล ตัวละครดีๆ มากันครบ มันก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้กลัวว่าพัชรจะจับพิรุธได้มากกว่า
“คุณปู่รอซักเดี๋ยวนะครับ ตอนนี้ผมจะให้กานดาช่วยตามหาจิระก่อน”
“หมายถึงหลานของฉันรึ” วศินถาม จะว่าไปเพทายก็หายไปเหมือนกัน
“เธอรู้สินะว่าหลานชายฉันไปไหน”
“เออครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน ก็ที่ห้องรับรองใกล้ๆ นี่”
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพากันไปยังห้องที่ว่า พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอจิระจูบกับเพทายอย่างดูดดื่ม แถมเสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อยอีกด้วย
“งามหน้าเหลือเกิน เพราะอย่างนี้สินะถึงไม่ยอมหมั้นกับภาคิน”
หม่อมวิชุดาเป็นคนแรกที่รีบเดินหนีไป กานดาลอบยิ้มด้วยความสะใจ แต่รีบเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อพบว่าพัชรหันมามองทางเขา
“เกิดอะไรขึ้นเพทาย” วศินถามด้วยเสียงเยียบเย็น
“คุณปู่มาด้วยหร...คาบ...” จิระพูดไม่ค่อยเป็นคำแถมยังปล่อยตัวลงไปกองกับโซฟาเหมือนคนไม่มีกระดูก ใครเห็นก็รู้ได้ว่าไม่ปกติ
“สงสัยจะถูกให้ทานยาอะไรซักอย่าง” พัชรออกความเห็น
“ก็อย่างนั้นแหละครับ พอผมมาถึงคุณจิระก็พูดไม่รู้เรื่องแล้ว เขาส่งข้อความเรียกให้ผมมาหา” เพทายพูดพร้อมกับจัดการช้อนอุ้มจิระขึ้น
“ไหนขอดูข้อความซิ” พัชรก้าวเข้าไปยืนข้างๆ เพทาย อีกฝ่ายส่งมือถือของตนให้เขา
“อาการแบบนี้ยังอุตส่าห์ส่งข้อความไหวนะ” พัชรไม่ได้พูดถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดตัวเอง แต่เขาหรี่ตามองดูกานดา
เพทายสังเกตเห็นท่าทีของพัชรในทันที เขามองตามสายตานั้นไปยังกานดาที่หลบยืนอยู่ด้านหลังท่านพานทอง
“เรื่องอื้อฉาวแบบนี้จะให้ทำยังไง หม่อมวิชุดาไม่ใช่คนที่ชอบเก็บปากเก็บคำเสียด้วย” พานทองพูดกับวศิน
เขาลำบากใจแทนเพื่อนคนนี้จริงๆ คิดว่าอีกไม่นานข่าวจิระนัวเนียกับเพทายในห้องรับรองของโรงแรมคงรั่วไปในกลุ่มชนชั้นสูงแน่ๆ เพราะดูท่าทางหม่อมไม่พอใจวศินที่ปฏิเสธไม่ยอมตกลงรับหมั้นของลูกชายตัวเอง
ระหว่างที่คุยกันวันนี้ก็พูดถึงแต่เรื่องการหมั้นกับคนที่เหมาะสมตลอดพยายามเกลี่ยกล่อมและเริ่มมีโมโหเมื่อวศินบ่ายเบี่ยงไปทุกครั้ง เห็นทีแม่คนนั้นคงเอาไปพูดจนสนุกปาก แก้แค้นที่วศินกับหลานเล่นตัวเหลือเกิน
“เพทายพาจิระไปโรงพยาบาลก่อน ฉันต้องหาความกระจ่างอันนี้ให้หลานของชายฉันให้ได้”
“ผมจะช่วยเองครับ” พัชรอาสา เขายังคงหรี่ตามองดูกานดาไม่เลิก
เพทายเองก็เช่นกันเขาใช้สายตาพิเคราะห์มองดูกานดา คนคนนี้ไม่ว่าจะในครั้งนี้หรือชาติก่อนก็เป็นศัตรูที่นำความวิบัติมาให้จิระ ชาติที่แล้วเขาได้สะสางให้จิระไปอย่างถึงน้ำถึงเนื้อ คราวนี้คงต้องคิดแล้วว่าจะจัดการยังไงให้เข็ดหลาบจนไม่กล้าวุ่นวายอีก
<ไม่จำเป็นต้องรีบ> เพทายกำลังรอโอกาสเหมาะๆ ทั้งเรื่องกานดาและเรื่องอื่นๆ ในเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเกิดอีกครั้งคราวนี้เขาตั้งใจว่าจะไม่ให้ซ้ำรอยกับครั้งที่แล้ว
คืนนั้นเกือบทั้งคืนกานดาถูกสอบปากคำอย่างเข้มงวด โชคดีที่ตนเองรอบคอบระวังไม่ให้เข้าไปอยู่ในกล้องวงจรปิดในช่วงเวลาสำคัญ แถมไอ้เจ้าวงจรปิดบางจุดก็มาเสียพร้อมกันจึงนับว่าโชคเข้าข้างเขามาก
แม้ว่าเหมือนพวกตำรวจจะมีความสงสัยแต่ในเมื่อหาหลักฐานไม่ได้ความผิดจึงตกไปอยู่กับนายทุนจนหมด สุดท้ายเขาก็กลายเป็นหนึ่งในพยานสำคัญ
กว่าจะได้กลับบ้านก็รุ่งเช้าของอีกวัน กานดาปาดเหงื่อ ครั้งนี้เกือบพลาดไปแล้ว คิดว่าคราวหน้าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
ยังไงก็แล้วแต่เช้านี้ยังอารมณ์ดีอยู่บ้าง อีกเดี๋ยวข่าวของเขากับภาคินก็คงถูกแพร่ออกไป ยังแถมด้วยข่าวนายทุนถูกจับที่ชวนสงสัย ยังไงก็ต้องมีคนคุ้ยหาความจริงแน่ๆ กานดาอมยิ้มความสนุกเล็กๆ น้อยๆ ของเขายังคงมีอยู่
++++++++++++++++++++++++++
เข้าใจว่านักอ่านงงในจุดของเพทายที่ยังไม่เฉลย
จะค่อยๆ เฉลยทีละนิดในเนื้อเรื่องนะคะ
อย่าพึ่งรำคาญกะวิธีการเขียนของเรานะ
แสดงความคิดเห็ฯเป็นกำลังใจด้วยนะคะ