## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## Destiny love ท้าชะตาเปลี่ยนรัก บทที่32 8/7/2018 หน้า8  (อ่าน 30527 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ตามติดเนื้อเรื่องสุดๆ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่9

หลังจากคมสันเดินปึงปังออกไปพร้อมดาริน วศินก็เรียกให้เพทายไปคุยด้วยที่ห้องทำงานส่วนตัว ในห้องแห่งนี้เหลือเพียงจินดากับจิระ สองแม่ลูกจับมือกันไว้แน่นคล้ายว่าถ้าแยกจากกันทุกอย่างจะพังทลายไป

“จิระ อย่าทำอย่างนี้อีกนะลูก” จินดาลูบไล้ใบหน้าอ่อนหวานของจิระ ใบหน้านี้ถอดแบบมาจากคุณยายซึ่งมีรูปโฉมงดงามอย่างหาจับตัวยาก

“ลูกต้องไม่ละทิ้งความฝันเพื่อแม่อีก แม่ทนไม่ได้ที่จะเป็นสาเหตุให้ความฝันของลูกต้องพังไป สาบานสิว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”

“ผมขอโทษที่ทำให้แม่ไม่สบายใจครับ” จิระยิ้มและไม่ได้ร้องไห้หรือบ่นว่าในความใจดำของคมสันด้วยความน้อยใจใดๆ ทั้งนั้น

ลูกของเธอเข้มแข็งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเติบโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน นี่ไม่ได้บ่งบอกว่าเธอเป็นแม่ที่ล้มเหลวตามที่คมสันพูดหรอกหรือ แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของลูกเธอก็พึ่งสังเกตเห็น

“จิระลูกเติบโตขึ้นมาก สองเดือนที่ลูกไปแข่งรายการเรียลลิตี้ เปลี่ยนลูกไปมากจริงๆ”

จิระจับมือทั้งสองข้างของแม่ขึ้นมาจูบ “ผมจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นกว่านี้อีก จะไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวัง”

จินดายิ้ม แม้ไม่แน่ใจว่าลูกชายสามารถทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ทั้งอย่างนั้นเธอก็เชื่อมั่น หากคนเป็นแม่อย่างเธอยังไม่เชื่อใจจิระใครหน้าไหนจะเข้าข้างจิระอีก

“อ้อ...จริงสิผมมีเรื่องจะพูดกับแม่ด้วย”

“อะไรหรือจ๊ะ”

“เรื่องของภาคิน” จิระทำสีหน้าจริงจัง พลอยทำให้จินดาต้องเพิ่มความเข้มทางอารมณ์ตามไปด้วย

“ผมเลิกกับภาคินแล้ว”

“เอ๊ะ” จินดางุนงง ไม่ใช่แค่งอนเท่านั้นหรือ ไม่เหมือนที่ภาคินบอกเธอซักนิด

“เขาทำอะไรผิดหรือจ๊ะ”

“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น แต่อยากให้แม่รับรู้เรื่องนี้”

“เข้าใจแล้วจะ ถ้ามันเป็นการตัดสินใจของลูก” จินดาไม่ซักไซ้ให้มากความ ลูกชายของเธอตอนนี้มีเหตุผลขึ้นมาก ดังนั้นเธอจึงเคารพการตัดสินใจของลูก

“แล้วก็ รูปที่ผมได้มาจากภาคิน ผมยกให้เพทายนะครับ”

“อย่างนั้นก็ได้จะ” จินดาเข้าใจว่าจิระคงไม่อยากเก็บรูปที่อดีตคนรักวาดไว้กับตัวแต่จะให้ทิ้งก็น่าเสียดายมูลค่าถึงได้เลยยกให้เพทายไปเท่านั้นเอง เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น



วันรุ่งขึ้นแม่ให้พลอยชมพูขับคันหรูไปรับเอ้นักแสดงในสังกัดกับผู้จัดการส่วนตัวของฝ่ายนั้นมาด้วยกัน พอเจอหน้าเจ้าตัวดีก็ชวนคุยเรื่องงานอดิเรกทันที

“ได้เล่นแล้วหรือยัง”

“เล่นอะไร” จิระเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“เอ้า ไม่รู้ได้ยังไง นี่มันเป็นเกมตัวอย่างที่บริษัทของนายปล่อยให้เล่นฟรีในโลกออนไลน์เชียวนะ ตอนนี้ยอดดาวน์โหลดปาไปสิบล้านในเวลาชั่วข้ามคืน”

“เกม...อะไร...”

“โอ๊ยตาย...มานี่ มีนักแคสเกมเอาคลิปการเล่นมาปล่อยแล้วนา”

เอ้เปิดคลิปให้จิระดูยาวนานกว่าสามสิบนาที <นี่มันเกมส์แนว Battle Royale นี่นา ชาติที่แล้วในช่วงที่เราอายุได้ 25 ปี เกมแนวนี้บูมเอามากๆ เลย>

เกมแนวนี้ถ้าให้อธิบายก็เป็นเกมแนวทหาร หาอาวุธในแผนที่ จัดการผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกันและคนที่เหลือรอดคนสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะ

การสร้างเกมทำนองนี้ ถ้าเป็นในช่วงที่เขาอายุ 27 การแข่งขันจะสูงมาก มีการเปิดตัวเกมประเภทเดียวกันออกมาเป็นสิบ ในชาติที่แล้วบริษัทของครอบครัวไม่ได้เล็งเห็นความสำคัญของเกมส์ออนไลน์แต่เนิ่นๆ ดังนั้นจึงเริ่มต้นได้ช้ากว่าชาวบ้าน

กว่าจะจับหนทางการผลิตก็เป็นเวลาที่นานาชาติประกาศให้เกมออนไลน์พวกนี้จัดอยู่ในประเภทกีฬาจำพวก e-sport ไปนานแล้ว

จะว่าไปชาติที่แล้วก็จำได้ลางๆ อยู่นะว่าพ่อของเขาเคยโยนแผนกพัฒนาเกมทิ้งให้เพทายดูแล <จริงสิ ความทรงจำช่วงนั้น พ่อดูอารมณ์ดีมากๆ เคยพูดว่าได้ตบสั่งสอนพวกแมงวี่ได้หลายๆ ที ตอนนั้นเราเองก็เข้าข้างพ่อเห็นดีเห็นงามไปด้วย>

ว่าไปแล้วกราฟฟิคเกมสวยงามมาก ถ้าหากทำเสร็จจนสมบูรณ์และพัฒนาต่อไปเรื่อยจนถึงอนาคต คิดว่าต้องเป็นเกมฮิตติดตลาดทำกำไรมหาศาลแน่นอน แถม เกมตัวนี้ยังชิงตัดหน้าเปิดให้เล่นฟรีก่อนเกมแนวเดียวกันที่น่าจะผลิตอยู่

ชาติที่แล้วก็จำได้ว่าช่วงเวลาหลังจากนี้อีกปีสองปีเกมแนวนี้เกมแรกจะเปิดตัว กราฟฟิคไม่สวยเท่านี้ แถมระบบเกมที่มาจากครอบครัวของเขา ยังทำได้ดีเห็นได้ชัดว่าเหมือนรวบรวมข้อดีจากเกมหลายเกมมาไว้จนหมด

แปลกจังเพทายเขาคาดการณ์ได้ขนาดนี้เลยหรือ หรือว่าที่เขาไม่เห็นความเป็นอัจฉริยะของคุณสามีในชาติที่แล้วนั่นเป็นเพราะพ่อคอยขัดแข้งขัดขาเพทายโดยตลอด

<ทำไงดี ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็เกิดความปลื้มใจแทนเพทายซะแล้ว เรานี่น้าเวลารักใครชอบใครเป็นอย่างนี้เสมอเลย> จิระรู้สึกเลยว่าตัวเองอมยิ้มอยู่

“เนี่ยนักวิจารย์ชมกันเป็นเสียงเดียวกันเลยนะ ว่าเป็นเกมที่แปลกใหม่และล้ำยุค พวกสายเกมนี่รอให้เกมพัฒนาเสร็จอย่างใจจดใจจ่อเลย”

“อื้อ”

จากนั้นพวกเขาก็มาถึงงานบวงสรวง จิระกับเอ้ไม่ได้พูดอะไรกับกานดา เมื่อถึงฤกษ์ยามดีพัชรก็นำทีมงานและนักแสดงทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

พิธีผ่านไปได้อย่างราบรื่น หลังจบการบวงสรวงพวกนักข่าวก็กรูกันเข้ามาสัมภาษณ์จิระ

“ตื่นเต้นไหมคะวันนี้” นักข่าวถาม

“ครับมากเลย นี่เป็นงานบวงสรวงครั้งแรกของผม ทุกอย่างแปลกใหม่มากเลยครับ” จิระโปรยยิ้มให้นักข่าว เขารอให้พวกเหยี่ยวเปิดประเด็นเรื่องข่าวซุบซิบอยู่แล้ว

“จริงสิคะ คุณได้อ่านข่าวนี้หรือยังคะ” นักข่าวสาวยื่นแท็ปเล็ตให้จิระดู ปากก็พูดถึงเนื้อหาในนั้นต่อหน้าเหยี่ยวคนอื่นๆ

“พวกเราพอจะทราบมาบ้างว่าจิระรับการทดสอบของผู้กำกับแล้วในวันนั้น แต่จิระไม่น้อยใจหรือคะที่คุณแม่ไม่เชื่อในฝีมือตัวเอง”

“คุณแม่เขาเป็นห่วงน่ะครับ อาจจะห่วงมากเกินไปหน่อย”

“ไม่ใช่เพราะว่าคุณแม่กังวลเพราะผลโหวตมาจากการปั่นหรือครับ”

จิระหันไปมองนักข่าวหน้าตาดีคนหนึ่ง ดูจากป้ายชื่อเขามาจากสำนักพิมพ์ชื่อดังเลยทีเดียว ขณะที่จะอ้าปากตอบ ไม่คาดคิดว่าพัชรกลับแทรกกายเข้ามาพูดแทนเขาเสียนี่

“พวกคุณไม่น่าถือสาคำพูดของผม พวกคุณเองก็ตั้งฉายาให้ผมไม่ใช่หรือ อะไรนะ ผู้กำกับเทวดาผู้มีปากเป็นอาวุธ”

ตอนนี้เองที่พวกนักข่าวหัวเราะคิกๆ คักๆ อาจเป็นเพราะว่าพัชรพูดไปยิ้มไปผิดกับมาดเข้มทุกทีของเขา

“เอาเป็นว่าไอ้เรื่องปั่นโหวตเป็นข้อสันนิษฐานแย่ๆ ของผู้กำกับเทวดาอย่างผม ขอให้การทำงานในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่านักแสดงนำของผมมีฝีมือจริงหรือไม่จริงดีกว่า ผมขอพาตัวเขาไปรวมกลุ่มกับนักแสดงนำคนอื่นก่อน ยังต้องคุยเรื่องงานอีกนิดหน่อย”

จิระตามพัชรไปอย่างงงๆ พอไปถึงที่ลับตาคน ผู้กำกับหนุ่มก็จุดบุหรี่สูบด้วยท่าทางเหมือนไม่แคร์โลกแคร์สื่อใดๆ ทั้งนั้น

“เอ่อ...ไหนว่าจะเรียกมารวมกลุ่มกับเอ้และกานดาเพื่อคุยไงครับ”

พัชรไม่ตอบในทันทีกลับยืนพ่นควันบุหรี่ชั่วครู่ก่อนจะดับบุหรี่แล้วทิ้งถังขยะ

“ที่นี้ก็จะเอาแต่เล่นไม่ได้แล้วนะ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางลบภาพนักแสดงที่โกงผลโหวตไปได้แน่ๆ อย่าลืมบุญคุณของฉันที่ช่วยนายด้วยล่ะ”

พูดจบก็เดินจากไป จิระชักจะหัวเสียนิดๆ ก็ใครล่ะที่พูดพล็อยๆ ออกมาจนเกิดเรื่อง ตัวเองไม่ใช่หรือไงพ่อผู้กำกับเทวดาผู้มีปากเป็นอาวุธ ตั้งใจทำงานน่ะตั้งใจแน่ ก็ผ่านมาครั้งหนึ่งแล้วนี่ ถ้าทำให้ดีไม่ได้เขาก็ไม่สมควรเป็นนักแสดงอีกต่อไป

หลังจากพัชรไปไม่นานเขาก็เดินหน้าบูดกลับไปหาเอ้กับพลอยชมพูที่รออยู่ที่รถแล้ว

“หน้าบูดเชียวเป็นอะไรวะ” เอ้ถาม

“เทวดาทำพิษไงล่ะ” จิระตอบก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนรถ เอ้แม้งงๆ อยู่บ้างก็ขยับตามขึ้นไปโดยไม่ได้ถามและเลือกจะพูดในสิ่งที่ตนสนใจแทนอย่างอื่น

“ว่าไงคืนนี้ไปปาร์ตี้วันเกิดของฉันไหม”

“เอ๊ะ...วันเกิดนาย...บ้าจริงทำไมไม่บอกฉันล่ะ” จิระบ่นงุ้งงิ้ง เขาเองก็ลืมๆ วันเกิดของเอ้ไปเสียสนิท

“ก็บอกอยู่นี่ไง ไปนะเพื่อน วันเกิดของฉันทั้งที”

“ต้องไปอยู่แล้วล่ะ แต่ฉันไม่ดื่มเหล้านะ”

ใช่ว่าจิระเป็นคนรักสุขภาพหรือหัวโบราณ แต่ให้พูดตรงๆ คือ เข็ดจากเหตุการณ์ในชาติที่แล้ว ชาติก่อนเพราะเมาไม่รู้เรื่องจนทะเลาะกับขี้เมาในผับสุดท้ายโดนกรีดหน้าจนยับ มันไม่คุ้มเอาเสียเลย

“ไม่มีใครบังคับนายหรอกน่า มีพวกผู้ใหญ่ในครอบครัวของฉันมาด้วย พวกเขามาจากต่างจังหวัดมาร่วมฉลองวันเกิดไปพร้อมความสำเร็จของฉัน”

“อื้อ..เข้าใจล่ะ ไปก็ไป” จิระรับปาก เอ้ไม่ลืมหันไปถามพลอยชมพูกับผู้จัดการของตัวเอง

“พวกพี่ก็ไปด้วยกันนะครับ พ่อแม่กับพวกญาติๆ ของผมลงทุนกันน่าดู”

พวกผู้จัดการตอบรับคำขอของเอ้ จากนั้นพลอยชมพูขับรถไปส่งเอ้กับผู้จัดการของเขาที่บริษัท เพื่อนของเขายังมีเรื่องงานที่ต้องคุยกับจินดาซึ่งเป็นเจ้าของโมเดลลิงอีกมากในฐานะนักแสดงในสังกัด





+++++++++

เขียนยากละเกิน 5555

แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
น้อยจังเลยมาเยอะๆ :katai3:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รอนะคะ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพทายกลับมาเกิดใหม่เหมือนกับจิระรึเปล่า :serius2:

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่10

“แม่ไหงมาจัดงานในที่แบบนี้ได้ล่ะ” ทีแรกตอนบอกสถานที่จัดงานเอ้ยังไม่อยากเชื่อ แต่ที่นี่คือคลับชื่อดังครบวงจรอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“เพื่อนของอาเราเขาเป็นเจ้าของที่นี่ แม่คิดว่าวันเกิดปีนี้พิเศษถึงได้ทำอะไรให้เราแปลกใจนิดหน่อย”

“นี่มันไม่หน่อยแล้วแม่ พอๆ กับเปิดห้องหรูในโรงแรมจัดงานให้ผมเลย”

“มันต้องอย่างนั้นสิวะ ลูกชายอบต.จากเมืองsทั้งคนมันต้องเลิศหรูงี้แหละ”

พ่อของเอ้หัวเราะฮาๆ จิระมองความครึกครื้นสนิทสนมของครอบเอ้แล้วอมยิ้ม เขาอิจฉาความสัมพันธ์แบบพ่อลูกของเพื่อนคนนี้มานานแล้ว พ่อของเขาไม่ใช่คนที่จะมาเล่นหัวอะไรแบบนี้

“อ้าวพ่อหนุ่มนี่คือ จิระ มกรธวัช สิ ไม่แนะนำให้พ่อรู้จักเลยหรือไอ้หมา”

ตบหัวลูกชายหนึ่งทีแล้วกวักมือเรียกจิระ “มามา ทานข้าวทานปลาเถอะ อายุยังไม่ถึงก็ทานน้ำหวานเอาแล้วกัน”

ดังนั้นงานฉลองวันเกิดของเอ้จึงเริ่มต้นขึ้น เอ้แนะนำให้จิระรู้จักกับเพื่อนสนิทและญาติๆ หลายคนจนหัวหมุนไปหมด หลังจากพูดคุยดื่นกินจนครบชั่วโมง เขาก็นึกอย่างไปห้องน้ำเสียหน่อย

จิระเดินออกจากห้องจัดงานมุ่งตรงไปหาห้องน้ำ ที่คลับครบวงจรแห่งนี้ มีทั้งผับ ห้องอาหาร และห้องจัดงานต่างๆ ในตัว อาจร่วมถึงห้องสวีทที่ไว้พักข้ามคืนด้วย

ห้องน้ำอยู่ไม่ไกล ทว่าขณะก้าวไปตามทางก็พบคนคุ้นตาเดินเกาะกำแพงท่าทางเหมือนคนเมา ปกติเขาจะไม่สนใจถ้าหากคนที่ว่าไม่ใช่ดารัน



ใครๆ มักมองดารันกับแม่เป็นจำเลย เป็นพวกหนูในรูเดียวกันที่ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก ทว่าดารันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเขาสามารถเลือกเกิดได้ที่ไหน

ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นลูกของดาริน เขาก็จะเป็นอย่างนั้นไปจนตาย ถึงแม้ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจดารันก็ทำได้แค่เชื่อฟังคนเป็นแม่เท่านั้นเอง

“บ้าเอ๊ย” ดารันสบถเบาๆ ทั้งที่บอกว่าดื่มมากไม่ได้ แต่นีโอกับเพื่อนยังบังคับให้ดื่มเอาๆ ถึงตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงเลือกคบกับคนพวกนั้น

ทั้งๆ ที่มีเพื่อนกลุ่มอื่นที่พร้อมเข้ามาเลียแข้งเลียขาประจบเอาใจเสมอๆ

<อ้อใช่สิ> ดารันพอจำได้ที่ตนเองเลิกคบเพื่อนเก่าๆ แล้วมาเข้ากลุ่มนี้เพราะได้ยินความในใจของพวกเพื่อนๆ

พวกนั้นพูดว่าเขาเป็นแค่ลูกเมียน้อยที่โชคดีถึงได้ขึ้นมาชูคอแบบนี้ <อยากชกหน้าพวกมันนัก> ทั้งอย่างนั้นก็ทำไม่ได้ เขาต้องทำตัวดีๆ ให้คุณพ่อกับคุณปู่รักเอ็นดูให้มากที่สุด ต้องสร้างภาพตามอย่างที่คุณแม่ต้องการ

คิดถึงวันคืนที่ผ่านพ้นมาไม่ว่าจะทั้งอยู่กับคุณแม่ตามลำพังในห้องเช่าหรือเข้ามาอาศัยในตระกูลมกรธวัช ผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยหยุดทำร้ายเขาในที่ลับเลยแม้แต่วันเดียว ถึงไม่ทารุณทางกายเหมือนเมื่อก่อนก็เปลี่ยนมาเล่นงานด้านจิตใจของเขาจนรู้สึกว่าตนเองช่างโดดเดี่ยว

เขาอิจฉาจิระ อิจฉาพี่ชายที่มีแม่อย่างจินดา ดังนั้นความสุขเล็กๆ น้อยๆ คือการทำให้คุณพ่อพอใจแล้วเฝ้ามองสีหน้าเจ็บปวดของฝ่ายนั้น หากไม่โกหกสร้างภาพเขาคงกลายเป็นคนไร้ค่าเหมือนอย่างที่คุณแม่พูดเสมอๆ

ระยะหลังมานี้ดารันถูกกดดันหนักกว่าเดิม คุณแม่ต้องการให้เขาเข้าเรียนในมหาลัยชั้นนำ ปากก็บอกว่าไม่อยากให้เขาเรียนหนัก แต่ลับหลังคนในบ้านกลับวางกฏมากมายให้เขา

อึดอัดๆ และคิดว่าทุกวันนี้เขาไม่มีใคร ช่วยไม่ได้ที่อยากทำอะไรแหกคอกบ้าง การคบหากับพวกนีโอมันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เป็นตัวของตัวเอง ตัดสินใจอะไรๆ ด้วยตัวเอง ถึงในใจจะมีคำถามเสมอๆ ว่าที่เป็นอยู่นี่คือสิ่งที่เขาชอบแล้วอย่างนั้นหรือ

“มาทำอะไรที่นี่น่ะ” จิระหยุดยืนตรงหน้าดารันที่เมามายจนต้องเกาะกำแพงระหว่างเดิน คนถูกทักไม่ตอบและหลบเดินไปเกาะกำแพงอีกฝั่งเคลื่อนที่ต่อไป

“นายไม่ได้เรียนพิเศษจนถึงสองทุ่มหรอกหรือ” จิระถาม เขาหันหลังกลับไปมองดูดารันค่อยๆ เดินไปตามทางอย่างซวนเซ

จริงๆ จะไม่ยุ่งก็ได้ ถ้าวินาทีถัดมาน้องชายต่างมารดาไม่ขาพันกันจนล้ม จิระเข้าไปพยุงเอาไว้อย่างทันท่วงที

“เหม็นกลิ่นเหล้ามาก” จิระบ่น

“ไม่ต้องมายุ่ง” ดารันพยายามผลักไสจิระ ทั้งที่คิดว่าเรี่ยวแรงพอมีอยู่บ้างกลับสู้การจับยึดของพี่ชายต่างมารดาไม่ได้

“จริงๆ ก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ นายเป็นคนในตระกูลของมกรธวัช ปล่อยให้เมาเรื้อนนอนไปทั่วหรือถูกทำมิดีมิร้าย คุณปู่คงขายหน้าแย่”

<ที่แท้ก็ห่วงเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูล> ดารันกระตุกยิ้ม จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าคนอย่างจิระจะเห็นเขาเป็นน้องชายอะไรอยู่แล้ว

“คุณจิระ” พลอยชมพูเห็นว่าจิระออกมานานแล้วจึงได้เดินตามหา พอเห็นสภาพของเจ้านายเธอก็รีบเข้ามาทันที

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“น้องชายผม เขาเมามาก”

“ถ้าอย่างนั้นให้เขาขี่หลังฉันดีกว่าค่ะ”

“จะได้ยังไง เอางี้ผมว่าเขาขี่หลังผมดีที่สุด”

“ขี่หลัง...ขี่หลังนาย...เนี่ยนะ” เสียงของดารันดูป้อแป้ แต่ยังมีสติมากพอดู

“นายต้องการอะไรจิระถึงมาทำดีกับฉัน อ้อก็แค่กลัวเสียหน้าวงศ์ตระกูล”

ดารันไม่รู้ว่าจะพูดประชดจิระให้ได้อะไร แต่ก็ทำไปแล้ว ตอนนี้ถูกผู้หญิงตัวโตมากจัดแจงท่าทางให้ขึ้นไปขี่หลังจิระที่คอยอยู่

“ก็รู้นี่ นึกว่ายังไม่สำนึกว่าตัวเองเป็นคนของมกรธวัช”

“คำก็ตระกูลสองคำก็ตระกูล ทำเป็นพูดดี ทีตัวเองไม่เห็นเคยรักษาหน้าวงศ์ตระกูลเลย ไหงให้ฉันสร้างภาพลักษณ์ใสสะอาดอยู่คนเดียว นายมันขี้โกงใช้ชีวิตตามใจตัวเองอยู่คนเดียวในขณะที่ฉันต้องเสแสร้งในสิ่งที่ไม่เคยเป็น”

“นายไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะชอบอย่างนั้นหรือ” ดารันนิ่งอึ้งต่อคำถาม

“ถ้านายไม่ชอบก็ไม่ต้องทำมันสิ”

“อย่ามาล่อลวงให้ฉันเสียคนให้ยาก ดูตัวนายเองสิทำตามใจชอบแล้วเป็นยังไง คุณพ่อคุณปู๋มองนายยังไง” ดารันโวยวายบนหลังของจิระ

“นายเลือกเองได้นะ เลือกที่จะทำเรื่องดีๆ และชอบได้”



“นายเป็นอะไรไปแล้วจิระ ฮัลโหล จิระคนที่เคยเกลียดฉันคนนั้นไปไหน ไหนจิระที่เกรี้ยวกราดตลอดเวลาอยู่ไหนกัน” ดารันพูดกรอกหูจิระจงใจกวนโมโห <เหวี่ยงฉันลงจากหลังแล้วชกมาสิ เหมือนอย่างทุกทีที่ทำ> ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเขาจะได้สบายใจว่าจิระเองก็แค่สร้างภาพเหมือนกัน

“นายกำลังยั่วยุสินะ”

“ใช่ฉันกำลังท้าทายนาย ไอ้คนไร้ค่า” ถึงจะด่าแต่จิระยังเดินแบกเขาไปอย่างเงียบ ผู้หญิงตัวโตเองก็นิ่งเฉยตลอดทางจนชักใจไม่ดีเท่าไหร่

<นี่คงเริ่มโกรธขึ้นมาแล้วสิ ดีเลยเผยธาตุแท้ของนายมาซะ>

ดารันยิ้มรอคอยการกระทำป่าเถื่อนของจิระอย่างจดจ่อ ทว่ากลับไม่เกิดอะไรขึ้น

“ฉันกำลังคิดว่า มุมนี้ของนายฉันยังไม่เคยเห็น”

<มุมไหน> “พูดอะไรของนายหะ”

“ก็แค่ตกใจที่นาย ทำเหมือนเรียกร้องอะไรบางอย่างจากฉัน”

“ฉันเปล่าเรียกร้อง” ดารันเถียง <เราไม่ได้เรียกร้องซักหน่อย>

“คุณกำลังเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายจริงๆ ค่ะ” พลอยชมพูพูดหลังจากเงียบอยู่นาน

“ฉันไม่มีสิทธิเรียกร้อง ถึงทำไปก็ไม่มีใครสนใจอยู่ดี โดยเฉพาะคนอย่างนาย” ดารันพึมพำเสียงอ้อแอ้ และจิระได้ยินเต็มสองหู

“อยากให้ฉันสนใจนายหรือไง” จิระถาม ดารันไม่ตอบเหมือนว่าจะหลับหรือแกล้งหลับซักอย่างเขาเองก็ไม่แน่ใจ

“พากลับบ้านเลยดีไหมคะ” พลอยชมพูถาม

“ไม่ค่อยดีมั้ง จริงๆ หมอนี่คงไม่อยากกลับบ้านในสภาพเมาให้คนที่บ้านรู้แน่ หรือว่าจะไปหาคุณหมอประจำตัวของฉัน ให้เขาช่วยแอดมิดนอนที่โรงพยาบาลซักคืน”

“คุณแม่ของฉันไม่อยู่ทั้งอาทิตย์ ส่วนคุณพ่อหมู่นี้กลับบ้านดึกเป็นประจำ ไม่รู้หรือไง”

นึกว่าหลับไปแล้วไปแล้วเสียอีก คำพูดของดารันทำให้ตัดสินใจได้

“งั้นพากลับบ้านแล้วกัน”

ดังนั้นจิระจึงพาดารันกลับบ้าน โชคดีที่คนในครอบครัวไม่มีใครอยู่ด้านล่างเลย ทำให้สามารถพาคนเมาขึ้นไปพักผ่อนบนห้องได้สะดวก

“นายอยากให้ฉันเปลี่ยนเสื้อให้ไหม” จิระถามหลังจากวางดารันลงบนเตียง

“ไม่ต้อง...”

“ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนนะ แล้วดื่มนี้ซะด้วย” จิระวางถุงเครื่องดื่มที่ช่วยแก้อาการเมาจำนวนหนึ่งไว้ข้างเตียงก่อนจะเปลี่ยนใจนำมันเข้าไปแช่ในตู้เย็นเล็กๆ ในห้อง

“นี่พึ่งสองทุ่ม พรุ่งนี้ตอนเช้าๆ น่าจะดีขึ้น นายเองก็ดูท่าไม่ได้ดื่มมากใช่ไหมล่ะ”

“หนวกหูน่า” ดารันทิ้งตัวลงนอน เขาหงุดหงิด นี่อีกฝ่ายตั้งใจทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีหรือไง มันไม่ได้เหมือนตัวตนของจิระเลย

“งั้นฉันไปนะ” จิระสำรวจตรวจตราในห้องเล็กน้อยก่อนออกไป เขาไม่ได้อยากทำตัวเป็นพ่อพระ แค่คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างดีๆ ก็มีจากเหตุการณ์เมาทะเลาะของเขาในชาติก่อน

แล้วก็ตอนนี้เขาไม่ได้มีความคิดจะแข่งวาศนากับดารันอีกแล้ว แค่อยากทำให้ชีวิตใหม่ในครั้งนี้ดีที่สุด

นอกจากนั้นจากคำพูดของดารัน แม้จะนิดเดียวก็ตามมันทำให้มุมมองของเขาที่มีต่องน้องชายต่างมารดาคนนี้กว้างขึ้น เหมือนว่าเขาไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว เขาพึ่งรู้ตอนนี้เองว่าดารันที่ได้รับความรักจากพ่อก็อิจฉาเขาด้วยเหมือนกัน



                  +++++++++++++++++

                  แบบว่าช่วงนี้ติดเกมมั่กๆ civilaizationกำลังออกแพทใหม่
                 
                   แม่จ้าว  เวลาเล่นมีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ไปหาเล่นกันดูนะ


                   แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจบ้างนะคะ

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่11

“ผมอยากติดรถของพี่จิระไปด้วย”

จิระเลิกคิ้วไม่คิดว่าอยู่ๆ ดารันจะมาขอแบบนี้ แถมยังต่อหน้าคุณปู่กับแม่ของเขา ทีแรกต้องการปฏิเสธ นึกไปนึกมาความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้ตอบตกลงไป

“อื้อ...แต่ฉันออกเช้าหน่อยนะ”

“ผมเองก็มีเรียนเช้าเหมือนกัน” ดารันยิ้มกว้างอย่างน่ารักน่าชัง เหมือนอาการเมาค้างจะไม่มี หรือไม่ก็แสร้งทำเป็นสบายดี

ถึงแม้บทสนทนาระหว่างดารันกับจิระจะเป็นบทสนทนาระหว่างพี่น้องปกติ กลับกันในความคิดของจินดาเธอประหลาดใจเอามากๆ จิระกับดารันพูดคุยกันดีๆ ก็ได้ด้วยหรือ

นี่เธอตกข่าวนี้ไปได้อย่างไร การที่ดารันกับจิระสนิทสนมกันในระดับนี้ไม่รู้ว่าดารินจะคิดยังไง จินดาเองก็ใช่ว่าสบายใจ ถึงแม้อยู่ด้วยกันมานานก็ไม่ได้ทราบนิสัยที่แท้จริงของลูกเมียน้อยซักนิด

ถึงอย่างนั้นถ้าให้พูดตามที่เห็น ดารันให้ความเคารพเธอดี แต่กับจิระหากไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เด็กคนนี้ก็ไม่เคยลดราวาศอกซักนิด

จินดาส่งสายตาไปหาลูกชาย จิระเพียงแค่ยิ้มๆ ตอบกลับมา ดูท่าทางลูกชายของเธอไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าอย่างนั้นเธอจะห่วงไปทำไม

ขณะเดียวกันในสายตาของวศิน การที่พี่น้องคู่นี้พูดคุยกันตามประสาพี่น้องทั่วไป แม้จะแปลกตาไปบ้างกลับไม่ได้เก็บมาคิดให้มากความ มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือที่เด็กๆ ในบ้านปรองดองกัน

ถึงวศินจะมองว่าคงมีอะไรที่ลับลมคมใน แต่จิระยังเริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้ เด็กที่อยู่ในโอวาทสมอๆ อย่างดารันก็ไม่น่าแปลกใจซักนิด

หลังจากทานอาหารเสร็จจิระกับดารันก็เดินไปขึ้นรถของพลอยชมพูซึ่งมารับถึงที่ พอรถออกตัวจิระก็ปลายตามองไปยังคนที่นั่งอีกฝั่ง น้องชายต่างมารดาสวมหมวกแก๊ปและหันไปมองข้างทางจึงทำให้ไม่สามารถสังเกตสีหน้าได้ชัด

“จะให้ไปส่งที่ไหน” ดารันนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม จิระเอนหลังลงบนเบาะเอามือทั้งสองข้างแทนหมอนรองคอตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ

“คงไม่ใช่ว่านึกพิศวาสอะไรฉันขึ้นมาหรอกใช่ไหม” แทนคำตอบดารันพ่นลมออกทางจมูกเสียงฟึดฟัด จิระรู้สึกเหมือนได้เปิดมุมมองใหม่ๆ

“เอาเถอะฉันจะไปถ่ายหนัง ถ้าอยากตามไปก็ไม่ว่านะ ดีกว่าให้นายไปมั่วสุมกับพวกเด็กอีโมทั้งที่ไม่ได้เรียนพิเศษจริงๆ”

ดารันขยับปีกหมวกให้ปิดบังใบหน้าเพิ่มมากขึ้น เขาเบ้ปากต่อคำพูดของจิระ เพราะไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะคิดๆ ดีต่อเขาจริงๆ

“อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันแค่กลัวนายทำเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล” จิระพูด

“ก็แค่นั่นแหละ” ดารันตอบโต้จิระทันที

หลังจากนั้นจิระก็ไม่พูดอะไร ดารันหันไปมองดูก็พบว่าอีกฝ่ายใช้เวลาระหว่างเดินทางนั่งอ่านบท เขาสะบัดหน้ากลับ ไม่เคยเชื่อเลยว่าจิระจริงจังกับการเป็นนักแสดง

ที่เขาตามติดมาแบบนี้เพราะอยากพิสูจน์ด้วยตาตนเองเกี่ยวกับจิระ แล้วก็เขาอยากเห็นการทำงานในกองถ่าย ถึงแม้ความฝันมันจะไม่มีทางเป็นจริง แต่ขอแค่ดูแล้วเก็บความประทับใจเอาไว้คงไม่ผิดอะไร



หลังจากมาถึงกองถ่าย ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีฉากที่เอ้ต้องเข้าร่วมดังนั้นเอ้จึงไม่ได้มาที่นี่ มีเพียงแค่กานดาเท่านั้นที่ต้องแสดงพร้อมกับเขาอีกนิดหน่อย

“จิระมาเร็วจังนะครับ” กานดาเดินยิ้มเข้ามาทักทาย ยังคงเสแสร้งเก่งเหมือนเดิม “สวัสดีครับพี่พลอยชมพู” กานดาไหว้พลอยชมพูก่อนจะทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นดารันอีกคน

“นี่ใครหรือครับจิระ” กานดาแทบปิดบังความสนใจไว้ไม่มิด

“น้องชายของฉันเอง”

“อ้อ...” ที่แท้ก็น้องชายที่จิระเกลียด เขารู้เรื่องนี้เพราะเจ้าคนปากพล่อยนี่ชอบเอามาฟูมฟายให้เพื่อนไฮโซในห้องฟัง

กานดาลอบมองดูดารันด้วยความสนใจ หมอนี่มาทำไมหรือว่าพวกคนในบ้านส่งมาดูพฤติกรรมของจิระ นึกถึงว่าอีกฝ่ายถูกที่บ้านคุมความประพฤติขนาดนี้กานดาก็อมยิ้มเป็นจังหวะที่ดารันเงยหน้าขึ้นมามองพอดี

กานดายิ้มกว้างกว่าเดิม ไม่ได้ตื่นกลัวอะไร การเปลี่ยนสีหน้าไปมาฉับพลันเขาเก่งมากอยู่แล้ว

<อะไรคือรอยยิ้มเสแสร้งอันนี้เนี่ย นี่คือเพื่อนร่วมงานของจิระอย่างนั้นหรือ>

ดารันอยู่กับการปั้นหน้าหลอกลวงมาตลอดจนถึงตอนนี้ ดังนั้นใครแสร้งหรือเล่นละครคนช่างสังเกตอย่างเขาจะรู้โดยสันชาติญาณ

เพราะอย่างนี้ไงจึงตั้งใจมาดูจิระเวลาทำงาน เขาอยากรู้ว่าพี่ชายคนนี้เสแสร้งแกล้งทำได้เก่งแค่ไหน คนเราโกหกไม่ได้ตลอดเวลาหรอก มันต้องมีหลุดบุคลิกที่แท้จริงออกมาบ้าง โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมในการทำงานอันเคร่งเครียด

“นายนั่งรอตรงนี้กับคุณพลอยชมพูนะ” หลังจากเข้ามาในจุดถ่ายทำ จิระก็จัดหาที่นั่งให้ดารัน เขาพยักหน้าทำตามที่พี่ชายต่างมารดาพูด

ดารันมองดูจิระเดินไปคุยกับผู้กำกับก่อนจะหายไปยังรถที่ทำเป็นห้องแต่งตัว

“หิวน้ำไหมคะ เดี๋ยวฉันไปซื้อให้” พี่สาวตัวใหญ่ในชุดสูทถามและเหมือนไม่รอคำตอบเธอบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมาแล้วออกจากกองถ่ายไป

“เอ่อ...ขอนั่งข้างๆ นะครับ” ดารันหันไปมองพบว่าเพื่อนร่วมงานที่มีรอยยิ้มเสแสร้งของจิระนั่งลงข้างๆ แทนที่พลอยชมพูและส่งยิ้มเกรงอกเกรงใจมาให้เขา

“ที่นั่งมีตั้งเยอะ ทำไมคุณเลือกมานั่งกับผมล่ะ” ดารันเชื่อว่าตนเองเป็นคนมองคนขาด เขาไม่ชอบหน้าหมอนี่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นรอยยิ้ม

“ผมแค่แปลกใจที่ได้เห็นคุณเท่านั้นเอง” กานดาเกาหัวส่งยิ้มแหยๆ มาให้ ดารันขมวดคิ้ว

“แปลกใจอะไร”

“ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับจิระมาแต่สมัยมัธยมปลาย ได้ฟังคำบ่นถึงตัวคุณจากเขามาโดยตลอด พอเห็นเขาพาคุณที่เป็นน้องชายมากองถ่ายด้วยกันก็เลยอยากรู้ว่าคุณกับเขาคืนดีกันแล้วหรือ”

“คุณบอกเองว่าสนิทกับพี่ชายของผม ทำไมคุณไม่ไปถามเขาล่ะ”

“ผมไม่กล้าหรอกครับ” กานดาแสร้งยิ้มขมขื่น “เขาเองก็ไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่นัก จิระเขาเป็นคนโมโหร้าย หากรู้ว่าผมซอกแซกเรื่องของเขา เขาอาจทำรุนแรงกับผมได้”

“ก็เป็นเรื่องปกติของเขาแล้ว คุณรู้ดีนี่นา” ดารันยิ้มหยัน กานดาเข้าใจว่ารอยยิ้มนี้คือความพออกพอใจที่น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับตนเอง

“ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาผมได้นะ เรื่องเกี่ยวกับจิระผมรู้ดีมากทีเดียว อ้อ ถ้าคุณอยากเข้าวงการผมช่วยคุณได้นะ”

“คุณรู้ได้ยังไง” ดารันขมวดคิ้วขณะรับนามบัตรของกานดามา

“คุณมองดูการทำงานของคนที่นี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย คนที่มีความฝันอย่างเดียวกันผมดูออก”

ดารันเก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าจากนั้นก็ไม่สนใจกานดาอีก ฝ่ายนั้นพอเห็นพลอยชมพูกำลังเดินมาก็ปลีกตัวไป ตอนนี้จิระกำลังจะเข้าฉาก ดารันมองดูพี่ชายต่างมารดาตาไม่กระพริบ



ต้นข้าวนั้นเติบโตมาในที่ที่ไม่มีความสะดวกสบายเลยซักนิด เขาอยู่ในหอพักโทรมๆ กับแม่มาตั้งแต่เด็ก เขารักแม่มากในขณะเดียวกันก็ชิงชังความไม่ยุติธรรมที่ตนเองได้รับ

ต้นข้าวรู้ว่าใครที่เป็นพ่อของเขา พ่อที่แท้จริงอยู่ในบ้านหรูหราใหญ่โต มีลูกชายหน้าตางดงามคนหนึ่งชื่อว่าน้ำฟ้า เขารู้จักครอบครัวนี้ดี แต่คนที่นี่ไม่มีใครรู้จักเขา

พ่อไม่ยอมรับว่าเขาเป็นลูก ถึงแม้จะพบว่าเขาเป็นลูกของแม่ก็ยังเมินเฉย เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยหนักกับส่งตัวเองเรียนต่อไป ต้นข้าวจำต้องขายตัว

วันนี้ก็เหมือนทุกครั้งเขากลับดึกเพราะรับแขกและอ้างว่าไปล้างจานให้ร้านอาหาร ทว่าเมื่อมาถึงห้องเช่าเพื่อนบ้านบอกว่าแม่ของเขาอยู่ที่โรงพยายาบาล ต้นข้าวรีบไปที่นั่นแต่ก็ไม่ทัน แม่ของเขานอนสิ้นใจทิ้งเขาให้เผชิญโลกในวัยเพียงแค่16เท่านั้น

นับจากตอนนั้นต้นข้าวตัดสินใจว่าจะล้างแค้น ทำอย่างไรก็ได้ให้ชีวิตของน้ำฟ้าไม่มีความสุข ลูกที่คุณพ่อรักลูกที่ได้ทุกอย่างที่ปรารถนาคนนั้นจะต้องได้รับบทเรียน เขาต้องการเห็นน้ำตาของน้ำฟ้า ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นโดนแกล้งเรียกร้องความสนใจจนได้เข้ากลุ่มของก้อนดินกับน้ำฟ้า



ฉากสุดท้ายที่จิระแสดงมันคือฉากที่บีบคั้นที่สุด ทีแรกตอนที่ได้ยินว่าจิระเล่นเป็นลูกเมียน้อยคนอื่นยังคิดว่า พี่ชายต่างมารดาคนนี้จะทำได้หรือ

ก็ถ้าทำได้คุณจินดาคงไม่โวยวายในกองถ่ายจนเป็นข่าวซุบซิบ แบบนั้น

แต่ดารันถูกจิระจับจนอยู่หมัดตั้งแต่ฉากแรก พี่ชายต่างมารดาในชุดนักเรียนมอซอลบภาพคุณหนูไฮโซออกไปจนหมด ทว่าแม้จะดูยากจนแต่แววตาท่าทางกลับเป็นในสิ่งที่ผู้กำกับอยากได้

เขาได้ยินผู้กำกับที่เสียงดังคนนั้นบอกย้ำว่าต้องการอะไร สิ่งที่ผู้กำกับต้องการจากต้นข้าวคือแววตาไม่ยอมแพ้และทะเยอทะยาน ดารันคิดว่าตัวละครตัวนี้น่าสนใจ ดังนั้นระหว่างที่จิระคุยงานกับผู้กำกับเขาขอบทจากคุณพลอยชมพูมาอ่านคร่าวๆ

<นี่มันเด่นกว่าชาวบ้านเขาเลยนี่> ถึงจะบอกว่าเป็นตัวเอกเหมือนกันสามตัว แต่บทต้นข้าวดึงดูดมากๆ <นี่จิระจะเล่นบทยากๆ ซับซ้อนแบบนี้ได้รึ>

ทว่าหลังจากเริ่มถ่ายทำแต่ละฉาก จิระค่อยๆ ทำให้ดารันเชื่อว่าคนคนนี้คือต้นข้าวจริงๆ ยิ่งดาราสบทบส่งอารมณ์ได้ดี จิระก็ยิ่งเล่นได้ดีขึ้นตามลำดับ

ดารันถึงขั้นถือวิสาสะแอบไปดูมอนิเตอร์ใกล้ๆ ผู้กำกับ ผู้กำกับคนนั้นไม่ได้สนใจเขาเอาแต่จ้องมองจิระตาไม่กระพริบ ยิ่งในฉากที่จิระร้องไห้ยามที่แม่ของต้นข้าวตายนั่นยิ่งน่าประหลาดใจ

จิระเล่นผ่านในฉากเดียวด้วยการหลั่งน้ำตาออกมาราวกับสั่งได้ แถมอารมณ์โกรธเกลียดหลังจากนั้นยังดูสมจริง สำหรับคนที่ตรงกันข้ามกับบททุกอย่างทำได้ถึงขนาดนี้ ดารันเริ่มจะยอมรับในฝีมือของพี่ชายต่างมารดาในขณะเดียวกันก็อิจฉาเหลือเกิน

เขาเองก็ควรจะได้ทำตามความฝัน ควรจะได้มีโอกาสเป็นนักแสดงเหมือนกัน



“ยอดไปเลยนะจิระ” หลังจากเดินออกจากฉากคนที่เข้ามายินดีคนแรกคือกานดา จิระทำเพียงแค่ยิ้มๆ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่จริงใจ

“อืม...จะดีหรือเปล่าขึ้นอยู่กับผู้กำกับนะ” จิระแบ่งรับแบ่งสู้ แต่คิดว่ามันต้องดีนะแหละไม่งั้นคงสั่งให้ถ่ายใหม่

“ต้องดีอยู่แล้วล่ะ ใช่ไหมครับคุณพัชร” กานดาถามพัชรที่ยังง่วนกับหน้าจอมอนิเตอร์อยู่ เขาย้อนดูฉากที่เพิ่งแสดงไปซ้ำอีกรอบ

“ก็ดี ดีกว่าที่คิด” พัชรไม่ได้หันไปมองและไม่ได้ยิ้มอะไร กานดาพึงพอใจเล็กๆ ที่การแสดงของจิระไม่ได้จุดประกายให้ผู้กำกับซักนิด ดังนั้นจึงลดความริษยาที่มีต่อการแสดงอันดีเยี่ยมอย่างไม่ควรจะเป็นของจิระ

“วันนี้พวกนายทำได้ดีมาก” พัชรกล่าวชมเพียงคำเดียวเท่านั้น ทีแรกคิดเอาไว้ว่าจิระกับกานดาอาจจะต้องถ่ายใหม่หลายครั้ง แต่เอาเข้าจริงๆ กลับถ่ายทำซ้ำแค่ไม่กี่ฉาก แถมฉากสุดท้ายในตารางที่เขาวางไว้กลับทำผ่านเพียงแค่ครั้งเดียว

พัชรลอบมองดูจิระห่างๆ ทั้งที่คิดว่าเป็นแค่คุณหนูไฮโซที่นึกอยากเข้าวงการบันเทิงเล่นๆ ดูเหมือนเขามองผิดไป อาจเป็นการยกยอตัวเองไปหน่อย แต่ในวงการนี้ การที่ลูกมหาเศรษฐีจะมีวินัยและทำได้อย่างเขามีน้อยมาก

เพราะอย่างนั้นจึงได้ดูถูกจิระเอาไว้ ยิ่งก่อนหน้านั้นได้เห็นการแสดงออกของจิระผ่านรายกานเรียลลิตี้ ก็รู้สึกว่าหมอนี่อาจเข้ามาแข่งในรายการเพื่อเอาชนะกานดาที่เป็นคู่ปรับเท่านั้น

ทำไมจะไม่คิดอย่างนั้นล่ะก็ข่าวที่พวกแฟนคลับขุดมาสาดโคลนใส่ทั้งคู่มันต้องมีความจริงอยู่บ้าง แถมจิระเองก็แสดงความเป็นคู่แข่งกับกานดาอย่างเปิดเผย

เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่จิตใจเอนเอียงไปทางกานดา ทว่าหลังจากการทดสอบคราวก่อนและการเริ่มงานที่เป็นไปได้ด้วยดีคราวนี้ มันทำให้เขาต้องมองจิระใหม่ทั้งหมดเลย

“วันนี้ถ่ายทำครบตามที่วางไว้แล้ว งั้นเลิกกองเลยก็แล้วกัน”

พัชระหันไปบอกผู้ช่วย ทุกคนดูแปลกใจ ปกติพัชรไม่ใช่คนพอใจอะไรง่ายๆ ถ่ายทำฉากหนึ่งหรือวันหนึ่งมักจะใช้เวลายาวนาน

บางทีเลิกกองกันเที่ยงคืน แล้ววันต่อมาถ่ายแปดโมงเช้าก็ยังเคย นี่สงสัยว่าต้องขอบคุณพวกนักแสดงแล้วมั้งที่ทำให้ทุกอย่างผ่านไปโดยไว



หลังจากเลิกกองจิระก็เดินกลับมาหาดารันที่นั่งรออยู่ น้องชายต่างมารดามองดูเขาด้วยสายตาแปลกๆ

“กลับกันได้หรือยัง”

ดารันลุกขึ้นพรวด เดินนำไปขึ้นรถก่อนจิระเสียอีก

<เหมือนจะหงุดหงิด> จิระมองดูคนที่มองข้างทางระหว่างรถแล่น แต่ปกติก็อารมณ์ประมาณนี้ใส่กันอยู่แล้ว

“จะว่าไปยังไม่ได้ทานข้าวกันเลย คุณพลอยชมพูมีร้านดีๆ ไหมครับ”

“มีร้านแนะนำค่ะ อากาศดีๆ แบบนี้ ไปทานร้านกลางแจ้งรับลมน่าจะดีนะคะ”

“ตกลงครับ ไปโลด”

หลังตกลงกันเรียบร้อยพวกเขาก็มายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านที่นี้มีทั้งนั่งทานในห้องแอร์เย็นๆ และด้านนอกที่อยู่บริเวณลานกว้าง จิระชอบบรรยากาศร่มรื่น แต่บ่ายสามนี่แดดกำลังแสบๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว

“ดารันนายอยากนั่งข้างนอกหรือข้างใน” ถามไปอย่างนั้นแหละ

“นายทนร้อนได้หรือไงหะ แดดเปรี้ยงๆ ขนาดนี้” ดารันกระแทกเสียง

<ดีมาก> จิระชอบใจที่ได้รับคำตอบที่ตรงกับความคิด “งั้นไปข้างในกันเถอะ”

จากนั้นจิระก็สั่งอาหาร ดารันยังคงเป็นดารันไม่เคยมีความเกรงใจอะไรเขาแต่ไหนแต่ไร น้อยชายต่างมารดาสั่งอาหารตามใจชอบ <เอาเถอะ เขาเลี้ยงก็ได้ ไม่เสียหายอะไรนี่>

ระหว่างทานอาหาร ดารันไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยซักคำ จิระเห็นอีกฝ่ายมองไปยังจุดๆ หนึ่ง แล้วพบว่าเด็กอีโมเพื่อนของดารันอยู่แถวนั้น

จริงๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ประสบการณ์ความผิดพลาดที่มีมาในชาติก่อนมันสอนเขา และเพิ่มนิสัยขี้กังวลบางอย่างมาให้ด้วย

ชาติที่แล้วดารันคงภาพลักษณ์ใสสะอาดเอาไว้ได้ ถึงอย่างนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกับตุ๊กตาไร้อารมณ์ดูย่ำแย่ไม่ต่างจากเขา ส่วนชาตินี้เหมือนว่าดารันจะคบเด็กเกเร ชาติก่อนเขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ บางทีหมอนี่กับแม่อาจซุกปัญหาเอาไว้ใต้พรม

ถ้าให้เดา คงมีอะไรหลายอย่างกัดกร่อนจนดารันในชาติที่แล้วกลายเป็นตุ๊กตาไร้หัวใจ <ควรจะทำอย่างไรดีนะ เขาควรเข้าไปยุ่งกับดารันดีไหม>

ระหว่างช่างใจก็มองดูกลุ่มเด็กอีโมนั่นไปด้วย พวกนั้นส่งเสียงโวยวายเอะอะ สร้างความเดือดร้อนให้บริกร ดูยังไงคนพวกนี้ก็ไม่น่านำพาเพื่อนหรือใครๆ ไปพบสิ่งดีๆ

จิระหันมามองดูดารัน น้องชายต่างมารดาขมวดคิ้วเข้าหากันและกำลังเม้มปาก <เอ๋...ดูท่าทางก็ไม่ได้ชอบพฤติกรรมของแก็งอีโมนี่เท่าไหร่นี่>

“ถ้านายจะเอาเวลาไปมั่วสุมกับพวกอันธพาล สู้เอาเวลาไปลงเรียนการแสดงจะดีกว่าไหม นายอยากเป็นนักแสดงไม่ใช่หรือไง” จิระกล่าวลอยๆ ขณะก้มหน้าก้มตาทาน

“อย่ามาสอนหน่อยเลย” น้ำเสียงของดารันไม่พอใจ จิระยักไหล่ น้องชายต่างมารดาของเขาลุกจากโต๊ะเดินตรงไปหาพวกเด็กอีโม อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

<ทำไม เราต้องมากังวลเรื่องของดารันด้วยนะ> จิระมองน้องชายที่เดินไปรวมกลุ่มกับเด็กอีโมตาไม่กระพริบ

“ให้ฉันหาคนตามดูน้องชายของคุณไหมคะ” พลอยชมพูเสนอด้วยสีหน้าขรึมๆ เธอรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงของจิระ เธอเองแม้ไม่ได้สนิทสนมกับดารันมากมายนักก็ยังอดไม่สบายใจนิดๆ ไม่ได้ คราวก่อนที่พบเด็กกลุ่มนี้ เธอสังเกตุเห็นรอยเข็มฉีดยาบนแขนของเด็กพวกนั้น

กับดารันเธอก็พยายามมองหาจนทั่วเมื่อพบว่าไม่มีเธอก็โล่งใจ เธอควรจะบอกเรื่องนี้ให้จิระทราบเอาไว้ดีกว่า แต่กว่าจะมีโอกาสพูด น้องชายของจิระก็เดินหายไปกับพวกอีโมแล้ว



ดารันไม่ได้มีความสุขเลยแม้จะอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่ตัวเองเลือก ความคิดและจิตใจของเขายังคงอยู่ที่กองถ่ายนั้น

จิระที่เอาแต่ใจและนิสัยเสียคนนั้น เปลี่ยนแปลงไปเพราะได้ในสิ่งที่ฝันแล้วอย่างนั้นหรือ เพราะมุ่งมั่นทำตามฝันเรื่องความบาดหมางหรือริษยาเลยไม่จำเป็นอีกแล้วอย่างนั้นสินะ

<ถ้านายจะเอาเวลาไปมั่วสุมกับพวกอันธพาล สู้เอาเวลาไปลงเรียนการแสดงจะดีกว่าไหม นายอยากเป็นนักแสดงไม่ใช่หรือไง>

คำพูดนี้ของจิระยังวนเวียนอยู่ในหัว

<เพิ่งมาทำตัวเป็นพี่ชายตอนนี้น่ะนะ อยากให้เราอ้วกให้ดูหรือยังไง>

จังหวะนั้น ดารันเดินผ่านตึกแห่งหนึ่ง ป้ายหน้าตึกบอกชัดว่าเปิดคอร์ทสอนการแสดงสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ เขาเม้มปากและกำหมัดแน่น ถึงแม้จะเดินผ่านตึกนั้นมาไกลแล้วแต่จิตใจยังจดจ่ออยู่ที่ตรงนั้น

<นายเลือกเองได้นะ เลือกที่จะทำเรื่องดีๆ และชอบได้>

“บ้าเอ๊ย ทำไมเราถึงเลือกเชื่อคำพูดไร้ความรับผิดชอบของหมอนั่นกันนะ”

นีโอหันมามองดารัน ตั้งใจจะถามว่าเป็นอะไร

“นีโอ ฉันนึกได้ว่ามีธุระนิดหน่อย ฉันกลับก่อนนะ”

ดารันเดินกลับไปยังตึกๆ นั้น เงินน่ะเขามีเยอะมาก คุณพ่อคุณแม่ให้เขามาไม่ขาดมือ การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ดารันรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่มาจากใจจริงของเขา



++++++++++++++++++++++++

อยากมีเวลาเยอะๆ ในการแต่งนิยาย

ทุกวันนี้เวลาน้อยมากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กว่าจะเขียน

จะเกลา แก้คำผิด ขนาดตั้งใจยังหลุดคำผิดมากมาย

555 แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกอ่ะ ชอบบบบบบบบบ  o13

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
สู้ๆค่ะอย่าหายไปไหนตามติด เฮ้ย! ติดตามอยู่ค่ะ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ดารันสู้ๆจิระด้วย

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ติดตามจ้า :hao3:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่12

หลังจากรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมบางอย่างของพวกเด็กอีโมจากพลอยชมพู จิระก็เกิดความกังวลจนปั่นป่วนไปหมด เขากลับมาถึงบ้านเวลาเกือบห้าโมงเย็นและเดาว่าดารันน่าจะยังไม่กลับมา

<พรุ่งนี้ต้องทำอะไรซักอย่าง> เรื่องยาเสพติดมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จะว่าไปในชาติที่แล้วมีช่วงที่ดารันป่วยหนักมากจนต้องพักการเรียน ดารินที่เป็นแม่ถึงกับพาไปพักฟื้นที่ต่างเมืองระยะหนึ่ง

พอกลับมาน้องชายต่างมารดาคนนั้นก็ซูบซีดลงไปอย่างน่าใจหาย ในชาติที่แล้วจิระเดาเอามั่วๆ และกระแนะกระแหนว่าดารันหนีไปรักษาอาการติดยา หรือในชาติที่แล้วเขาเดาถูก

จริงๆ เรื่องของดารันเขาจะเมินเฉยไปก็ได้ แต่กลับติดอยู่ในใจจนสลัดไม่หลุด ที่เป็นแบบคงเป็นเพราะทั้งเขาทั้งน้องชายต่างมารดาเริ่มเปิดใจให้กันนิดหน่อยแล้วก็ได้ เขาเองสองวันมานี้รู้สึกว่าดารันไม่ได้เลวร้ายอะไร

บางทีเขาควรเริ่มเปิดใจกับน้องชายคนนี้บ้าง อย่างน้อยก็เห็นแก่ความที่มีสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง

จิระสาวเท้าเข้าไปด้านในตึกและพบกับเพทายที่อยู่ส่วนหน้าของบ้าน เขาไม่ได้เห็นเพทายระยะหนึ่งแล้วดังนั้นจึงดีใจจนแก้มปริ เดินเข้าไปพูดคุยด้วยทันที

“นายทานข้าวแล้วหรือยัง” จิระถาม

“ยังเลยครับ นี่...ผมมาเอาเอกสารไปให้ท่านวศินแล้วอาจจะเลยไปทานข้าวข้างนอกเป็นเพื่อนท่านวศินเลย”

จิระฟังแล้วอดทำที่สีหน้ากระเง้ากระงอดไม่ได้ <นี่เราไม่มีเวลาทำคะแนนเลย ต่างกับชาติก่อนที่ช่วงวัยนี้เพทายต้องอยู่ใกล้ชิดเราตลอดเวลา>

“นายทำงานหนักเกินไปแล้ว ฉันอุตส่าห์คิดว่าเย็นนี้จะได้ทานข้าวเย็นกับนาย”

“เอาไว้ผมจะชดเชยให้นะครับ เอาเป็นวันที่เราว่างตรงกันซักวันไปเที่ยวเล่นกันสองคนดีไหมครับ” ไม่พูดเปล่าเพทายยังใช้มือลูบลงมาบนหัวเขาอย่างแผ่วเบา จิระหลับตาพริ้มดื่มดำกับความอ่อนโยนอันนั้น

ใครจะไปคาดคิดละว่าจะถูกคมสันกระชากตัวจากด้านหลัง จิระหันไปมอง ดวงตาของคนเป็นพ่อแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธและเดือดดาล

“แกมันใฝ่ต่ำเหลือเกินนะไอ้ลูกไม่รักดี” กำปั้นของคมสันเหวี่ยงเข้ามาจิระสามารถหลบได้แน่นอนเพราะชาติที่แล้วเขาเคยถ่ายหนังแอ็คชั่นอยู่สี่ห้าเรื่องจึงต้องเข้าคลาสเรียนศิลปะการต่อสู้ติดต่อกัน

ทว่าใครจะคาดคิดว่าเพทายเข้ามาขวางดังนั้นกำปั้นหนักๆ กระทบเข้าที่ใบหน้าส่งผลให้ปากแตกทันที เสียงหวีดร้องดังขึ้นตามมาติดๆ เพราะจินดาเองก็เดินมาตรงนี้ในเวลาเดียวกัน

“คุณทำอะไรของคุณหะคมสัน” จินดางงไปหมด จู่ๆ คมสันก็ต่อยเพทาย แต่ก่อนหน้านั้นทำไมจิระถึงแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยในตัวเพทายถึงขนาดนี้ หรือว่าเธอพลาดอะไรไปอีกแล้ว

“ก็เธอดูพฤติกรรมลูกชายเธอสิ มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า มันไม่ได้คบหากับหม่อมเจ้าภาคิน เฉลิมยุคล อยู่หรือไง”

“เรื่องนั้น” จินดาเหลือบมองจิระกับเพทายแล้วพบว่าสองคนแนบชิดสนิทสนมกันพอสมควร จิระไม่แม้แต่มองมาทางเธอและคมสันเอาแต่สนใจอาการบาดเจ็บของเพทาย

“ผมเลิกกับภาคินแล้ว”

“แก...แกก็เลยหันมาคว้าไอ้เพทายมันนี่นะ” เส้นเลือดบนขมับของคมสันปูดบวม อยากจะเข้าไปจับลูกชายหน้าโง่เขย่าไปมานัก ทำไมวะ ทำไมหมู่นี้มีแต่เรื่องให้หงุดหงิด

ทั้งเรื่องที่ไอ้เพทายมันได้หน้าไปสองครั้ง ทั้งเรื่องการต่อสัญญาของร้านกาแฟในกิจการปั๊มน้ำมันของครอบครัวบนทุกสาขาทั่วประเทศที่ปกติคุณพ่อจะไว้ใจให้เขาดูแล

นี่สัญญาก็ใกล้จะหมดแล้ว คุณพ่อยังไม่อนุมัติเอกสารสัญญาให้ผู้เช่า การเซ็นสัญญานี้สำคัญกับคมสันมาก ก็อะไรล่ะลำพังแค่เงินปันผลจากหุ้น 3 เปอร์เซ็นกับเงินเดือนที่ได้มันน้อยเกินไป เขาจะไม่ยอมขาดแปะเจี๊ยะจากผู้เช่าที่ควรได้จากการต่อสัญญาอันนี้อย่างเด็ดขาด

หงุดหงิดขนาดนี้ แล้วนี่ไอ้จิระมันยังทำงามหน้า “แกถอยห่างจากไอ้เพทายเดียวนี้จิระ” คมสันตวาด จินดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจัดการแยกจิระกับเพทายออก

“จิระกลับขึ้นห้องไป ส่วนเพทายเธอจะไปไหนก็ไปเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

ทั้งสองคนแยกย้ายกันไปตามคำสั่ง จิระส่งสายตาเป็นห่วงไปหาเพทาย ทั้งสองสบตากัน เพทายคลี่ยิ้มอ่อนโยนมาให้กระซิบบอกว่าตนไม่เป็นไร จิระพอจะอ่านริมฝีปากออกจึงยอมกลับขึ้นห้องโดยง่าย

จิระแปลกใจ ทำไมพ่อถึงต้องโมโหเดือดดาลกับการที่เขาจะคบหากับเพทายขนาดนี้

“คุณเป็นอะไรกันแน่ นี่ถึงกับต้องลงไม้ลงมือ” จินดายืนกอดอก

“ผู้หญิงที่ไม่รู้จักดูแลลูกอย่างเธอจะไปรู้อะไร โธ่เว้ย” คมสันปัดแจกันประดับตกลงพื้น พวกคนใช้รีบวิ่งมาเก็บ

“เอาล่ะ คุณคับข้องอยากระบายก็พูดมาเลย ฉันจะยอมเสียเวลาฟัง”

เหมือนว่าการเอาน้ำเข้าลูบของจินดาจะได้ผล คมสันลดความหงุดหงิดลงเล็กน้อย “ไปที่ห้องของฉันพูดที่นี่ไม่ได้”

จากนั้นจินดาจึงตามคมสันไปที่ห้องส่วนตัวของเขา เมื่อถึงห้องคมสันก็ทรุดลงนั่งบนเตียงและเอามือกุมขมับ

“เธอไม่ได้มาที่ห้องฉันกี่ปีแล้ว”

“ฉันไม่เสียเวลาจำหรอก” คมสันแค่นเสียงดังเฮอะ ภรรยาหลวงของเขาคนนี้คงยังผูกใจเจ็บเรื่องที่ตนมีผู้หญิงมากมาย

“ฉันไม่เข้าใจคุณโมโหอะไร อ้อ...คงเป็นเรื่องเดิมๆ ที่จิระหากแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันจะมีทายาทสืบต่อไม่ได้ใช่ไหม”

“เออ...ใช่ มันใช่อยู่แล้ว แต่จิระมันชอบผู้ชายฉันเลยตั้งใจว่าจะทำใจ เพราะถ้าหากมันได้แต่งกับภาคินมันจะได้ชื่อเสียงเงินทองและเส้นสายมากมาย ถึงตอนที่จิระมันสืบทอดธุรกิจจากคุณพ่ออะไรๆ มันจะง่ายขึ้น”

“อ้อ...พอเปลี่ยนมาเป็นเพทายผลประโยชน์น้อยลง คุณเลยเดือดดาลงั้นสิ”

“มันไม่ใช่แค่นั้น” คมสันตะคอกดุดันก่อนจะกลับมาควบคุมสติ “ฉันเกลียดไอ้เพทายมัน ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ยอมให้จิระมันแต่งกับไอ้เพทาย”

“คุณเกลียดอะไรเพทายขนาดนั้น ฉันสงสัยมานานแล้วนะ คุณพยายามปลุกปั่นให้ลูกชายของคุณสองคนเกลียดชังเขามาตลอด”

“เพราะว่าฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ”

จินดาหงุดหงิด เรื่องนั้นเธอรู้มานานแล้ว คมสันเป็นลูกน้องสาวของคุณอัยย์ภรรยาเพียงคนเดียวซึ่งเป็นผู้ชายของคุณพ่อ เพราะไม่สามารถมีทายาทได้ทั้งสองคนจึงนำคมสันมาเป็นลูกบุญธรรม

“อย่าบอกนะว่าคุณกังวลว่าเพทายจะมาแย่งสมบัติของคุณ คุณนี่มัน...มองคุณพ่อในแง่ร้ายไปมาก คุณเป็นหลานของเขานะ”

“แต่ไม่ได้เป็นหลานสายตรงอย่างไอ้เพทายนี่” คมสันโวยวายอีกครั้ง จินดาอึ้งกับข้อมูลที่ได้ยิน

“คุณว่าอะไรนะ”

“ไอ้เพทายมันเป็นลูกของน้องสาวไม่รักดีที่หนีออกจากบ้านไปกับผู้ชาย ตามจริงคุณพ่อตัดขาดกับมันสองแม่ลูกไปแล้ว แต่คงสงสารนั่นแหละเลยรับมันกลับมา แต่ก็นะ คงอับอายที่มีหลานสายเลือดต่ำๆ เลยไม่กล้าป่าวประกาศให้ใครรู้ว่านี่คือหลานที่แท้จริง”

“บ้าจริง” ที่ว่าบ้าคือความเข้าใจของคมสัน คุณพ่อไม่ใช่คนที่รักหน้าตาตัวเองขนาดนั้น คิดว่าคงมีตื้นลึกหนาบางอะไรซักอย่าง

“งั้นก็ดีไม่ใช่หรือคะ ถ้าจิระได้แต่งกับเพทาย เท่ากับเรือล่มในหนอง เพทายเองก็คุณสมบัติดีพร้อมทุกด้านคุณกลัวอะไร”

“จิระมันมีดีอะไรให้เพทายรักมันด้วยหรือหะจินดา ยิ่งหลายปีมานี้มันออกฤทธิ์กับไอ้เพทายมากมายเหลือเกิน ไม่คิดบ้างหรือว่ามันจะหลอกแต่งงานกับลูกเราแล้วเขี่ยทิ้งที่หลัง”

“คุณคิดมากไปแล้ว”

“ต้องคิดซี้” คมสันตวาดจนน้ำลายแตกฟอง “ตลอดหลายปีมานี้ฉันกดหัวมันเอาไว้มากเท่าไหร่ มีหรือมันจะไม่แค้นเคือง โธ่เว้ย...ทั้งที่ฉันวาดฝันเอาไว้ว่าจะดันจิระมันให้เป็นผู้นำตะกูลคนต่อไป แต่ไอ้ลูกไม่รักดีมันก็ทำผิดหวังอย่างต่อเนื่อง”

คมสันอาละวาดพังข้าวของ จินดาค่อยๆ ออกจากห้องปล่อยให้สามีทุบทำลายต่อไป เธอควรจะบอกเรื่องนี้กับจิระเอาไว้หน่อย ถึงไม่คิดว่าเพทายเลวร้ายถึงขั้นนั้น แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึง ต้องหาโอกาสดีๆ พูด เพราะเธอรู้นิสัยจิระดี หากขัดใจหรือฝืนมากๆ เข้า เกรงลูกชายคนเดียวของเธออาจเตลิดไป





“วันนี้คุณชายไปไหนสารถีอย่างพี่ชายจะไปส่งให้เองก็แล้วกัน”

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จจิระก็มาดักรอดารัน เขาตั้งใจจะเกลี่ยกล่อมให้ดารันเลิกยุ่งกับพวกเด็กอีโมระหว่างการเดินทางสั้นๆ

“นายจะไปส่งฉันหรือ” ดารันถาม จิระเตรียมใจตื้ออย่างหนักหากถูกปฏิเสธ

“ใช่” จิระยิ้ม

“ก็เอาสิ” ทุกอย่างไปได้ด้วยดีจนทั้งสองขึ้นมาบนรถของพลอยชมพู ดารันหยิบมือถือของตัวเองมาจิ้มๆ ไม่ได้สนใจใครอีก จังหวะนั้นจิระแย่งมือถือไปจากมือ

“เล่นอะไรของนายหะ” จิระยิ้มๆ แล้วจัดการบันทึกเลขติดตามเครื่องของมือถือเครื่องนั้นลงในมือถือตัวเอง หากว่าตามหาดารันไม่เจอก็ใช้แอ๊ปติดตามสัญญาณจากกล่องดำของมือถือได้ และยังไม่ลืมกดโทรออกจากมือถือของดารันไปยังมือถือของตนเพื่อโขมยเบอร์โทรจากน้องชายคนดี

“ทำอะไรของนายเนี่ย นี่ตั้งใจจะตามติดพฤติกรรมของฉันหรือไง”

“อืม...ก็อย่างนั้นแหละ”

“ตลกร้ายชะมัด” ดารันเอนเอนหลังแล้วใช้สายตาพินิจพิเคราะห์มองดูจิระ

“นี่คงเพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลพังพินาศสินะ”

“ก็อย่างนั้นแหละ” จิระยักไหล่เมื่อทำธุระเรียบร้อยแล้วก็ยื่นมือถือคืนให้ดารัน

“มีคนบอกฉันว่านายชอบดูการทำงานที่กองถ่ายมาก ฉันเลยตั้งใจว่าจะยอมให้นายติดสอยห้อยตามฉันไปทำงานระหว่างที่ยังไม่เปิดเทอม”

“แย่หน่อยนะ ฉันลงเรียนการแสดงเอาไว้แล้ว ไม่ว่างไปนั่งดูนายทำงานแบบไม่ตั้งใจหรอก”

จิระเลิกคิ้ว “แอบไปลงไว้ตอนไหนกัน”

“เมื่อวาน...เอาล่ะเล่าให้ฟังก็ได้ ฉันไม่ได้ไปกับพวกนีโอแล้ว อีกหน่อยก็คงห่างๆ กันไป”

“งั้นก็เยี่ยมเลย” จิระยิ้มกว้าง พอสบายใจก็เอนหลังลงบนเบาะพร้อมกับใช้สองแขนรองคอต่างหมอน

“นายเรียนถึงกี่โมงล่ะ ถ้ายังไงหากฉันว่าง ฉันไปรับนายเวลาเลิกเรียนก็แล้วกัน”

จิระเสนอ ดารันปลายมองมาขณะครุ่นคิด

“ก็ตามใจ”

ดังนั้นพลอยชมพูจึงขับรถไปส่งดารันที่ตึกเรียนก่อนจะพาจิระไปกองถ่ายในเวลาต่อมา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
 พี่น้องเริ่มดีกัน

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เพทายมีฟามลับไรมั้ย?

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ Nighttime

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพทาย มีอะไรมั้ยนะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่13

4 ปี แล้วที่ไม่ได้เฉียดใกล้ต้นข้าว เท่าที่รู้มาอดีตเพื่อนทรยศกลายเป็นดาราชื่อดังผู้มีภาพลักษณ์ใสซื่อบริสุทธิ น้ำฟ้าคิดว่าต้นข้าวคงนิสัยดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่ เจ้าตัวยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขาคอยสร้างเพียงเรื่องเลวร้ายเหมือนเดิม

น้ำฟ้าไม่เชื่อว่าเวหาคู่หมั้นของน้ำฝนน้องสาวของเขาจะแอบคบซ้อนจริง ยิ่งไม่เชื่อว่าคนที่แอบคบจะกลายมาเป็นต้นข้าวอดีตเพื่อนทรยศคนนั้น

“พี่ข้าว พี่เวหาเขา” น้ำฝนปาดน้ำตาหลายครั้ง ทีแรกนึกว่าเป็นแค่ข่าวลือ พอเห็นกับตาเธอแทบทนรับไม่ได้

พัชรสั่งขยับกล้องตามการเคลื่อนไหวของกานดาฉากนี้เป็น long take อันหนึ่งที่เขาวางไว้ ดังนั้นจนกว่าจะไปถึงจุดสุดท้ายจะไม่มีการสั่งคัทใดๆ ทั้งสิ้น

กล้องได้ซูมถ่ายการย่างก้าวของน้ำฟ้าที่เดินไล่หลังต้นข้าวกับเวหาไปตามทางเดินซึ่งมีผู้คนมากมาย สุดท้ายเมื่อไปถึงสวนสาธารณะเขาหยุดยืนดูการกระทำของคนสองคน ทันทีที่เห็นเวหากับต้นข้าวจูบกัน น้ำฟ้าก็ลุแก่โทสะย่างสามขุมไปหา

บรรยากาศหนักอึ้งเริ่มปะทุ พัชรมองดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตามบทน้ำฟ้าต้องลุแก่โทสะเพราะไม่สามารถให้อภัยต้นข้าวที่แย่งคนรักไปจากน้องสาวตนเองได้

ดังนั้นจึงก้าวพรวดออกไปออกหมัดชกเข้าที่ใบหน้าของต้นข้าวเพื่อสั่งสอนให้สำนึก เขาเปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่คนที่เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายเพียงอย่างเดียว

วินาทีที่กานดาชกจิระ พัชรก็ขมวดคิ้ว จำได้ว่าซ้อมฉากชกไปแล้วตั้งหลายครั้ง แต่กานดาก็ยังผิดคิวจนกำปั้นหนักๆ ปะทะเข้ากับแก้มของจิระเต็มเหนี่ยว

พัชรไม่สั่งคัทเพราะภาพมันออกมาสวยดี และคิดว่าอุบัติเหตุเล็กๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ จิระเองก็แสดงสปิริต ไม่มีอาการตกใจทางสีหน้าหรือหลุดความเป็นตัวตนใดๆ ทั้งนั้น

“คัท” หลังพัชรสั่งเขาเรียกให้ทีมงานเอาน้ำแข็งมา ผู้กำกับหนุ่มเดินเข้าไปดูอาการของจิระ เมื่อไปถึงก็เห็นว่ากานดาขอโทษขอโพยไม่เลิก

“ขอโทษนะจิระ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร” พัชรเห็นว่าใบหน้าของจิระแดงช้ำ แถมปากยังแตกอีกด้วย ดูท่าจะชกเต็มแรง

“วันนี้นายไม่ต้องถ่ายแล้ว พรุ่งนี้ก็พักอีกวัน รอจนหน้าหายช้ำ ไปเปลี่ยนเสื้อแล้วไปให้หมอดูหน่อยดีกว่า”

“ขอบคุณครับ” พัชรพยักหน้าเขามองดูคนเจ็บเดินตรงไปเปลี่ยนเสื้อ

“เอ่อ พี่พัชรคิดว่าจิระจะโกรธผมไหมครับ” กานดาที่ยังยืนอยู่กับเขาและมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาปลอบใจฝ่ายนั้นด้วยการตบบ่า “จิระไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจนี่ คงไม่โกรธนายหรอก” จากนั้นเขาก็หันไปออกคำสั่งกับพวกทีม “พักเบรค 15 นาที” พัชรตั้งใจจะหามุมสงบๆ หลบดื่มกาแฟซักนิด



พอไม่มีคนสังเกตกานดาก็กระตุกยิ้มหยัน เขาตั้งใจใช้การถ่ายทำระบายความแค้นและวางแผนเล่นงานจิระไปในตัว ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด เพราะภาคินนั่นแหละที่ปฏิเสธคำชวนของเขาเมื่อเช้า

กานดาหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น

“พี่ภาคินวันนี้ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่ว่าไม่อยากให้ผู้กำกับเลื่อนคิวจนคนอื่นเดือดร้อน ถ้ายังไงแอบมารับพาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลทีสิครับ”

กานดาตั้งใจวีดีโอคอลเพื่อให้ภาคินเห็นใบหน้าซีดเซียวของตัวเอง ผู้ชายคนนี้เป็นคนใจดีและช่างเอาใจใส่ เชื่อว่าถ้าตนเอาอาการเจ็บป่วยมาอ้างต้องได้อย่างที่หวังแน่

“พี่บอกนายแล้วใช่ไหม ว่าระหว่างเราเป็นได้แค่พี่น้อง ใช้คำว่าแอบมันดูไม่ดีนะ”

“ไม่เป็นไรครับถ้าพี่ภาคินไม่ว่าง” กานดาปั้นหน้าเศร้าก่อนจะยิ้มกว้าง สีหน้าที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งแบบนี้เชื่อว่าใครเห็นย่อมต้องใจอ่อน

ภาคินถอนหายใจ บ่วงอันนี้เขานำมาคล้องไว้ด้วยตัวเอง คิดจะผลักออกไปคงไม่ได้ง่ายๆ แถมเด็กนี่ไม่ใช่คนผิดฝ่ายเดียว เป็นเขาเองที่จิตใจเอนเอียงจนเอาตัวเข้าไปยุ่ง

“พี่จะให้คนของพี่ไปรับนายไปโรงพยาบาล แต่พี่คงดูแลเราไม่ได้เพราะพี่ตั้งใจจะชวนจิระไปทานข้าว แค่นี้ก่อนนะ พี่กำลังทำงานอยู่”

วีดีโอคอลถูกตัดไป กานดาหัวเสียเอามากๆ <บ้าชิบที่กูเพียรพยายามจนถึงตอนนี้แม่งคืออะไรวะ> กานดาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะรัวๆ

อุตส่าห์สร้างภาพอ่อนแอเรียกร้องความสนใจตั้งมากมาย ทำไมภาคินถึงยังเห็นจิระดีอยู่ หรือว่ายังเห็นธาตุแท้ของไอ้หมอนั่นไม่เพียงพอ

คนอย่างจิระมีอะไรดี ถึงแม้หน้าตาของเขากับหมอนั่นจะจัดไปทางงดงาม แต่เรื่องเรียนก็แพ้เขา กานดายังจำความหอมหวานของชัยชนะและสีหน้าของจิระที่เป็นที่สองมาตลอดสามปีในมัธยมปลายได้ดี

นิสัยเองก็ไม่เอาอ่าว ขี้โมโห เอาแต่ใจ ชอบอาละวาด เคยทำอะไรเองไหมไม่เคยทั้งนั้น ครบสูตรลูกคุณหนูแสนแย่ กานดายังจำวินาทีแรกที่สบตากันตอนปฐมนิเทศได้

ตอนนั้นกานดาขวนขวายเข้ามาเรียนในโรงเรียนชั้นนำนี้ ทั้งสอบชิงทุน ทั้งขายเรือนร่างแลกเงินเพื่อมาจุดนี้ สายตาของจิระที่มองดูเขาประหนึ่งว่าหมอนี่มาเรียนที่นี่ได้ยังไงมันติดตาและไม่อาจลบไป

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความบาดหมางรุ่นแม่ที่มีมานาน การที่อีกฝ่ายไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาซักนิด มันทำให้เขาได้เปรียบ เพราะจะไม่มีใครรู้หรือจับผิดการกระทำของเขาได้ ก็ในเมื่อมันไม่มีมูลเหตุใครจะคาดคิดละว่าเขาเป็นคนลงมือ

กานดาคว้าบทละครวัยหนุ่มวัยฝันวันของเราขึ้นมากรีดแต่ละหน้าเล่นไปมา

“ไอ้บทละครนี่ มันช่างสมจริงเหลือเกิน” แม้ไม่เหมือนเรื่องราวของเขากับจิระไปทั้งหมด แต่มันสะท้อนอะไรหลายอย่าง เขาจะต้องเหนือกว่าจิระให้ได้ และถ้าทำได้เขาต้องการให้จิระไม่มีความสุข



แผนการณ์ยั่วโมโหจิระเริ่มขึ้นแล้ว กานดามาดักเจอจิระเพื่อขอโทษ

“ขอโทษจริงๆ นะจิระ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว”

แปลก กานดาขมวดคิ้ว จิระไม่ได้มีท่าทางโกรธเลยซักนิด แถมยังรับคำขอโทษง่ายๆ <ถ้าปล่อยให้ไปง่ายๆ งี้แผนที่วางมาก็พังไม่เป็นท่าสิ> ดังนั้นกานดาจึงเข้าไปจับแขนจิระยื้อยุดปากก็พร่ำคำขอโทษ

“ขอโทษๆ จริงๆ นะรู้ว่านายต้องโกรธแน่ๆ “

ในเมื่อไม่โมโหก็ต้องทำให้โกรธให้ได้ ระหว่างยื้อไปมา ก็แกล้งจิกเล็บลงบนแขนจิระ ได้ผล จิระจ้องเขม็งบริเวณนั้นและสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา จริงๆ มันไม่ได้รุนแรงอะไร

แต่ในเมื่อเล่นละครแล้วต้องเอาให้ยิ่งใหญ่ กานดาแกล้งทำแข้งขาอ่อนเลือกจะเซแถดๆ หงายหลังล้มไปบริเวณสีที่ใช้ทาฉากจนมันเทรดลงมาเปรอะเปื้อนเขาไปหมด

เสียงล้มดังสนั่นทำให้ทีมงานสองสามคนมาดู

“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไรกานดาแสร้งทำเหมือนตัวเองเป็นคนล้มไปเอง แต่สายตาของทีมงานกลับพุ่งเป้าไปยังจิระโดยไม่ได้นัดหมาย

“พอดีผมสะดุดหกล้มเองน่ะครับ” กานดาไหว้ขอโทษทีมงานแถวนั้นทุกคน

ในขณะจิระที่นิ่งสนิท ไม่แสดงออกทางอารมณ์ใดๆ

<หรือว่าจะทะเลาะกันอีกแล้ว> พวกทีมงานพากันซุบซิบ

“ขอโทษนะกานดา ฉันไม่น่าสลัดนายออกแรงเลย นายไปกับฉัน ฉันจะพานายไปซื้อเสื้อตัวใหม่”

บรรยากาศโดยรอบดูจะดีขึ้น พวกทีมงานมุงคิดว่า อย่างน้อยก็ยังรับผิดชอบ ไม่รู้ว่าแค่อุบัติเหตุหรือทะเลาะกัน แต่เริ่มเชื่อข่าวลือในโลกโซเชียลนิดๆ แล้วเรื่องที่กานดากับจิระไม่ถูกกัน

“น้องกานดา เอาเสื้อจากกองถ่ายไปเปลี่ยนใส่ก่อนนะ” ทีมงานเข้าไปพยุงกานดาให้ลุกขึ้น ตอนนั้นพัชรก็โผล่หน้ามาพอดี

“เดี๋ยวฉันพากานดาไปซื้อเสื้อใหม่เอง” พัชรเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตรงมาหาจิระ

“ต้องให้ผมโอนเงินให้ไหม”

จิระหยิบมือถือเตรียมจะโอนเงินผ่านทางแอ๊ปของธนาคาร

“ไม่ต้อง ค่ารักษาค่ายานายก็น่าจะพอๆ กับเสื้อผ้าที่จะซื้อให้กานดาใหม่นั่นแหละ เอาเป็นว่าฉันรับผิดชอบทั้งหมดเอง นายอย่าลืมเอาใบเสร็จมาเบิกฉันด้วย”

ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าตัวเองกลับมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผู้กำกับชื่อดัง จริงๆ ก็เพียรพยายามมาระยะหนึ่งแล้ว แต่พัชรมีกำแพงอันใหญ่ที่ทลายลงยาก โอกาสมันมาแล้วกานดาจึงไม่ปฏิเสธ

หากมีสัมพันธ์ที่ดีกับพัชรเชื่อว่างานดีๆ คงเทมาหาไม่หยุด

“นายรีบไปโรงพยาบาลซะนะ” พัชรตบไหล่จิระเบาๆ ก่อนหันไปพูดกับกานดา “นายเองก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อใหม่ เดี๋ยวฉันจะถ่ายอีกฉากสองสามฉากค่อยเลิกกองแล้วพานายไปก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับผู้กำกับ”

ความใจดีของผู้กำกับในครั้งนี้ สร้างความประหลาดใจให้ทีมงานมาก ปกติไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของใครขนาดนี้

หรือว่าพี่แกรู้สึกดีๆ กับกานดามากเป็นพิเศษ อาจจะฉวยโอกาสที่จิระทะเลาะกับกานดา หาเรื่องใกล้ชิด โฮ้ว...ได้เรื่องซุบซิบมันๆ ตั้งสองอย่าง



พัชรมองตามหลังจิระไป เหตุการณ์เมื่อครู่เขาเห็นตั้งแต่ต้น ทั้งสองคนไม่สังเกตเห็นเขานั่งหลบมุมดื่มกาแฟแถวนั้น

ก็รู้ว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเบื้องลึกอันน่าสนใจในคราวนี้

“บางทีคู่ปรับของนางร้ายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอกเสมอไป”

พัชรกระตุกยิ้ม เขาพึมพำกับตัวเอง ถ้าเกิดว่าระหว่างจิระกับกานดายังไม่สร้างปัญหาในกองถ่ายก็แล้วไป เขาจะทำแค่มองดูห่างๆ

แต่ทั้งโดนชกหน้าทั้งจิกเล็บที่แขนแบบนั้น สงสัยคงเจ็บน่าดู ทีแรกคิดว่าจะชักสีหน้าหรือโวยวายอย่างในรายการเรียลลิตี้แท้ๆ

หมายความว่าตอนนี้เติบโตขึ้นจนเป็นผู้เป็นคนแล้วสินะ

พัชรยิ้มมุมปาก ทำเอาทีมงานที่อยู่ข้างๆ คาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าผู้กำกับจอมหน้าตายนี่ยิ้มเพราะอะไรกันแน่





++++++++++++++++

จริงๆ นิยายเราไม่ได้ซับซ้อนขนาดน้าน แล้วเราก็ไม่ได้สายดราม่าน้า 5555

ไอ้ที่กังวลกัน อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่สปอยน้า

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ไม่ชอบดราม่าเหมือนกานนนนนนน :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ก็ดีที่อย่างน้อยยังมีคนเห็นความสตอของกานดา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยังดีที่ไม่ใครโง่ไปซะหมด

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด