" พิชิตภู " : Chapter 18 --- [ 17.04.2019 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: " พิชิตภู " : Chapter 18 --- [ 17.04.2019 ]  (อ่าน 75242 ครั้ง)

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #60 เมื่อ14-07-2018 01:52:45 »

สนุกมากๆๆๆๆๆ หนูพุกสู้ๆฟๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #61 เมื่อ14-07-2018 01:56:55 »

ว่าแล้วเชีย5555555 รอดูว่าหนูพุกจะแก้เกมยังไง พี่ภูก้อดีนะ ไม่ได้เชื่อเต็มร้อย มั้ง

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #62 เมื่อ14-07-2018 07:34:15 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #63 เมื่อ14-07-2018 10:26:06 »

ยังไงเราก็ว่าเป็นแดนดินแฟนเต้ยแน่ๆ ที่ทำ แต่ทำไปทำไมอยากรู้ถึงเหตุผลจริงๆ

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #64 เมื่อ14-07-2018 22:28:13 »

พี่เต้ยสงสัยหนูพุกจนได้ T^T  แต่ก็ว่าไม่ได้อ่ะเนอะ
เพิ่งทำงานด้วยกันไม่นาน แถมเห็นกับตาว่าหนูพุกอยู่กับเพื่อนคนนั้นอีก
แต่ก็ดีใจที่พี่ภูยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นหนูพุกอ่ะ คุณแดน น่าสงสัย
แต่คุณปูน ก็น่าสงสัยอ่ะ อาจจะอยากให้งานตัวเองได้เอามาใช้หรือเปล่า
แต่ตอนนี้ อะไรไม่เท่า คนโปรดของเราทั้งสองคน คุณกวีกับพี่เต้ยจ้า  :-[
ถ้าคุณแดนนอกใจพี่เต้ยจริงนี่ไม่ว่าเลยนะ เพราะเชียร์คุณกวีกับพี่เต้ยที่สุดอ่ะ น่ารัก 555
เอาใจช่วยหนูพุกสุด ๆ หนูพุกคนเก่ง จับตัวคนร้ายตัวจริงให้ได้เลยนะ!
สนุกมาก เขียนดีมาก ๆ เลยค่ะ ^^

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #65 เมื่อ14-07-2018 23:03:29 »

 ใครคือคนร้ายตัวจริงน้า

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #66 เมื่อ15-07-2018 11:32:14 »

อยากอ่านต่อแล้ววววว
กำลังตื่นเต้นเลย  ใครคือคนร้ายนะ  :katai1: 

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 7 --- [ 13.07.2018 ]
«ตอบ #67 เมื่อ15-07-2018 18:37:40 »

หนูพุกสู้เต็มที่นะคะ
ดัดหลังคนที่จะให้เราเป็นแพะ เอาให้หนัก

ออฟไลน์ Miss Midnight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
" พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #68 เมื่อ19-07-2018 16:04:34 »

Chapter 8
 
อากาศช่วงพักกลางวันหน้าฝนไม่เป็นที่ประทับใจของหนูพุกนัก วันนี้ฟ้าปิดจนเเทบไม่เห็นเเดดเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นแต่เมฆสีเทาแต่ฝนไม่ยักตก อากาศก็ร้อนอบอ้าวจากที่หงุดหงิดเรื่องที่ทำงานอยู่แล้วก็น่าหงุดหงิดเข้าไปอีก นิ้วเรียวเเตะลงบนแอพพลิเคชั่นสีฟ้า สำรวจอะไรต่ออะไรไปเรื่อย… เทรนด์ช่วงนี้ที่เห็นบ่อยหน่อยก็บอลโลก

เขาไม่ได้อินอะไรกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ไม่ได้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษ หนูพุกรามือจากหน้าจอเล็ก ๆ มองชามก๋วยเตี๋ยวเนื้อว่างเปล่าของตัวเองเงียบ ๆ ตั้งใจว่าจะเรียกเด็กมาเก็บเงินหากดวงตาเหลือบไปเห็นสถานะของสถาปนิกสาวที่เขาเพียรนั่งหารายชื่อผู้ติดต่อที่ดูจะเข้าเค้ากับผู้ต้องสงสัยมาทั้งวันแต่ก็ไม่เจออะไรที่น่าพอใจ

‘เป็นไทแล้วเว้ย!’

   หนูพุกเลื่อนปลายนิ้วลงไปที่ช่องคอมเมนท์ใต้สถานะเฟสบุ๊กของเพื่อนสาว สิ่งที่ทำให้หนูพุกสนใจจะอ่านมันต่อไปคงจะหนีไม่พ้นข้อความเเสดงความยินดีจากเพื่อนของเพื่อนในทำนองเเสดงความยินดีกับการลาออกเเละได้งานใหม่ของหญิงสาว
   
หนูพุกตัดสินใจโทรติดต่อฝ่ายนั้นทันที เขาพอจะจำได้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูมีความสุขกับงานที่ทำเท่าไหร่ คงเป็นโชคดีของเขาที่อีกฝ่ายรับสายทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคอยนานนัก

เขาถามไถ่ถึงเรื่องสารทุกข์สุกดิบไปเรื่อย ก่อนจะเข้าเรื่องประเด็นการลาออกที่เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง สถาปนิกหัวหน้าทีมพรีเซนต์โครงการใหญ่ซึ่งดูคล้ายจะไปได้สวยดันจะลาออกกลางคัน

...มันควรจะมีเเรงจูงใจมหาศาลทีเดียวกับการต้องออกจากงาน...
   
[ จริง ๆ ก็จะลาออกมานานแล้ว ทุกวันนี้เหมือนโดนบีบออกนั่นเเหละเเก ]
   
“หืม… บีบออกเลยหรือ”

เลขาหนุ่มก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ… เขายังเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีกว่าจะได้เวลาเข้างานตอนบ่าย หนูพุกเปลี่ยนใจไม่เรียกพนักงานในร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าใกล้ออฟฟิศมาเก็บเงิน แต่เเกะขนมถ้วยที่มีวางไว้ทุกโต๊ะขึ้นกินไปด้วย

   [ ทำนองนั้นเเหละพุก จริง ๆ ก็เป็นมาได้สักพักแล้วนะ เวลาฉันเสนองานไปก็โดนตีกลับมาแก้ตลอด ตอนแรกฉันก็สงสัยว่าฉันงานห่วยขนาดนั้นเลยหรือวะ ] เธอรำพันความทุกข์ใจ

   “แล้วแกแน่ใจได้ยังไงว่ามันคือการบีบออก”

   [ เขาไม่ป้อนงานให้เลย ให้นั่งว่างติดเก้าอี้ไปอย่างนั้นแล้วบอกว่าจะให้ฉันเป็นหัวหน้าทีมทำโรงเรียนศิลปะ แต่พอถึงเวลาไอ้โครงการนี่เขาก็ล็อบบี้ให้พัฒนาแบบต่อจากที่เขาคิดมา บอกตรง ๆ ว่าอึดอัดว่ะ มันเหมือนฉันเป็นตัวไม่มีประโยชน์ แกนึกออกไหม ]

จากที่หนูพุกพยายามจะฟังหูไว้หูคิดว่าเพื่อนตัวเองอาจมีส่วนร่วมกับการขโมยข้อมูลก็เริ่มจะคิดว่าเรื่องนี้มันเเปลกเเปร่ง จึงได้แต่ฟังต่อไป

[ ‘แล้วเรื่องนี้มันก็บ้าขึ้นเรื่อย ๆ วันที่ฉันไปเจอบริษัทแกพรีเซนต์งานอยู่หน้าห้องประชุม… งานมันคล้ายกับอันที่เจ้านายให้มามากเลยว่ะ อันที่จริงมันก็ทะเเม่ง ๆ ตั้งแต่แบบครั้งแรกแล้ว ]
   
“ยังไงวะ” มือเรียววางถ้วยเคลือบขนาดเล็กที่ว่างเปล่าเเล้วลงและเริ่มต้นอีกถ้วยหนึ่งให้ครบคู่
   
[ ก็ไฟล์ที่เขาให้ฉันมาทำต่อมันคืองานที่เหมือนจะเสร็จแล้ว แกเก็ทไหม ยิ่งมาเจอของบริษัทแกวันนั้นฉันก็ยิ่งสงสัยว่ามันคล้ายกันจนเหมือนลอกกันมาเลย… ]

 คนฟังหัวเราะในใจ เพื่อนเขาคงช็อคจนหงายหลังเเน่ถ้าพบว่าไฟล์จริงก่อนพรีเซนต์เป็นเเบบไหน
   
[ ฉันก็ไม่ได้อ่อนหัดขนาดจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันมีนอกมีในแน่ ๆ ไม่อยากโดนหางเลขไปด้วยเลยชิงลาออกก่อน ตอนนี้ก็ได้งานใหม่แล้ว แฮปปี้ ] เธอหัวเราะ คล้ายกับว่าสิ่งที่เผชิญเป็นฝันร้ายที่ผ่านพ้นไป

“แต่ตอนนี้ฉันไม่แฮปปี้ว่ะ คนเกือบทั้งออฟฟิศดันเชื่อไปแล้วว่าฉันเป็นคนขายความลับบริษัท”

หนูพุกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ เขายังจับมือใครดมไม่ได้ หากพอจะรู้ว่าไอ้เรื่องที่เขาโดนกันจากโปรเจคใหญ่เเพร่กันไปถึงไหน แม้ว่าพนักงานรวมเเล้วจะมีไม่ถึงสิบชีวิตดี แต่เพราะคนยิ่งน้อยนั่นล่ะ ข่าวก็เลยยิ่งไวเป็นไฟลามทุ่ง

[ เวร… แกจะทำไงต่อไปอ่ะ ]

“ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ยังไงฉันต้องพิสูจน์ก่อนว่าฉันไม่ใช่คนผิด”

ไม่ใช่ว่าหนูพุกไม่โกรธ เขาต้องอดทนทำงานมาหลายวันท่ามกลางคำครหาอย่างเงียบเชียบ จะขยับตัวไปไหนมาไหนก็มีเเต่สายตาเพ่งเล็ง พี่เต้ยเเทบจะไม่เสวนากับเขานอกจากการคุยธุระหรือการสนทนาไปตามมารยาท

ยิ่งไปกว่านั้นเขาโกรธพี่ภู ฝ่ายนั้นไม่มีแม้เเต่การพูดคุยทำความเข้าใจ แต่ดันตัดเขาออกมาดื้อ ๆ เหมือนงานนี้ไม่เคยเกิดขึ้น หนูพุกคิดว่าตัวเองไม่ควรเลยที่จะต้องมาเผชิญสถานการณ์อันเลวร้ายในเมื่อเขาทำงานให้ด้วยความขยันเเละซื่อตรง

...ในฐานะคนทำงาน เขาเกลียดการเทให้หมดหน้าตักแต่กลับไม่ได้รับความไว้วางใจสักกระผีก...
   
[ แล้วแกจะพิสูจน์ยังไง ]
   
“เฮ้อ ก็คงต้องหาหลักฐานไปเรื่อย ๆ ระหว่างนี้ก็อดทนไปก่อน” นิ้วเรียวเคาะโต๊ะไม้เบา ๆ อย่างใช้ความคิด “ขอเฟสบุ๊กเจ้านายแกหน่อยดิ”
   
[ ขอหาก่อนนะ พอดีฉันไม่เป็นเฟรนด์กับพวกที่ออฟฟิศว่ะ แต่ว่าถ้าเจอแล้วจะส่งให้ทันทีเลย ] ความหวังขั้นต่อไปของเลขาหนุ่มย้ายไปอยู่ที่เพื่อนสนิทแล้ว
   
ระหว่างนี้หนูพุกก็คิดว่าจะติดตามผู้ต้องสงสัยไปพลาง ๆ สถาปนิกผู้มีอายุมากที่สุดในทีมถูกส่งลงไปทำงานที่จังหวัดภูเก็ตเเละตรังตลอดสัปดาห์ ดังนั้นเขาจึงตัดตัวเลือกนี้ออกไป เหลือเพียงเเค่คุณแดนเเละน้องปูน
   
แดนดินเองก็ตัวติดพี่เต้ยยิ่งกว่าเงาตามตัว มันคงยากถ้าจะแอบไปเกาะติดนอกรอบ สถาปนิกหนุ่มน้อยจึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายของหนูพุกที่ดูจะเป็นไปได้
   
การที่พี่เต้ยนำงานของปูนมาปรับใช้วันนำเสนอโครงการวันนั้นทำให้หนูพุกสร้างสมมติฐานหนึ่งขึ้นในใจเงียบ ๆ หากว่าสถาปนิกรุ่นเล็กต้องการจะโดดเด่นจนคิดจะกำจัดงานของทีมทิ้งแล้ววางเเผนให้เต้ยนำงานเขามาใช้ตั้งแต่เเรกล่ะ
   
เพราะฉะนั้นหนูพุกก็เลยเลิกงานเร็ว แอบติดตามสถาปนิกหนุ่มมาได้สามวันแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบว่าอีกฝ่ายมีท่าทีอะไรนอกจากมากินข้าวเย็นกับเด็กผู้ชายวัยมัธยมปลายเหมือนเดิม ทว่าท่าทีของเป้าหมายในวันนี้ทำให้อะดรีนาลินในตัวของหนูพุกพุ่งพล่าน

...วันนี้ปูนมาคนเดียว…

หนูพุกมองหามุมที่คิดว่าเป็นทำเลเหมาะสมแก่การสังเกตการณ์ หากอีกฝ่ายเล่นลุกขึ้นสบตาเขาอย่างองอาจแล้วเดินเข้ามาทักทาย

“นั่งด้วยกันสิครับ ผมเห็นพี่พุกตามผมมาสองวันเเล้วนะ”

...สถาปนิกตัวเล็กรู้เห็นมาโดยตลอดแต่ก็ยังปล่อยให้เขาแอบตามอย่างนั้นหรือ…

“เราแค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นเอง”

หนูพุกระบายยิ้มทั้งที่ในใจเหงื่อตก น้องปูนในวันนี้ไม่เหมือนคนที่เคยหน้าซีดตัวสั่นเรื่องบ้านคุณเอมเลยสักนิด สงสัยวันนั้นจะตกใจจนหมดท่าจริง ๆ

“บังเอิญไปจนถึงหน้าคอนโดผมเลยนะพี่” เสียงเล็ก ๆ หัวเราะในลำคอ เปิดเมนูแล้วเลือกราเมนอย่างรวดเร็วราวกับคิดมาก่อนแล้ว ในขณะที่คนเเก่วัยกว่าได้เเต่จิ้ม ๆ บอกพนักงานไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

“นี่ตกลงคิดว่าผมเป็นคนเอาข้อมูลไปปล่อยจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” มือสั้น ๆ ขนาดพอดีกับส่วนสูงยกขึ้นนวดขมับ หากเป็นเมื่อก่อนหนูพุกคงจะมองว่าน่ารักไม่หยอกทีเดียว

“แล้วน้องปูนทำหรือเปล่าล่ะ” หนูพุกยกเเก้วชาเขียวเย็นขึ้นดูด มองคู่สนทนาอย่างตั้งคำถามและยังคงเส้นคงวาด้านความสุภาพ

“ก็ไม่ได้ทำน่ะสิครับ”   

“พูดเฉย ๆ แล้วจะให้พี่เชื่อเนี่ยนะ ง่ายไปหรือเปล่า” หนูพุกขมวดคิ้ว

“เฮ้อ เพราะพี่เคยเดินมาปลอบผมตอนโดนคุณเอมด่ากับช่วยคุยกับพี่ภูไม่ให้ดุผมเยอะหรอกนะ” ปูนถอนใจยาว เขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างโฉ่งฉ่าง เพราะไม่อยากให้เรื่องมันเข้าตัว

“พี่แดนเนี่ยแหละ เอาเรื่องที่สงสัยว่าพี่ขายข้อมูลไปบอกทีมอื่นจนเขารู้กันหมดว่าเกิดอะไรขึ้น”

“คุณเเดนเนี่ยนะ” เลขาหนุ่มทวน… ผู้ต้องสงสัยที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดของเขาน่ะหรือจะทำอย่างนั้น คิดไปหนูพุกก็จับโกหกคู่สนทนาไปด้วย

ใครจะไปรู้… ปูนอาจจะเป็นคนทำแล้วสร้างเรื่องก็ได้นี่

“ผมได้ยินมาอีกทีหนึ่ง จริง ๆ ตอนแรกผมก็สงสัยแค่พี่กับพี่เเดนเนี่ยแหละ” ปูนเเกะตะเกียบ คลี่ราเมนเส้นเรียวออกจากกัน

“ทำไมถึงสงสัยพี่ล่ะ” หนูพุกคีบเส้นขึ้นเป่า มองคนพูดเจื้อยเเจ้วอย่างค้นหา

“ผมรู้นะ ว่ามันไม่ค่อยเเฟร์เท่าไหร่ แต่ว่าพี่เพิ่งมาทำงานใหม่ก็โดนเพ่งเล็งง่ายอยู่เเล้ว แถมอยู่ดี ๆ มาโดนถีบออกจากโปรเจ็คอีก… แบบนี้จะให้คิดว่าไง” ปูนยักไหล่ สูดเส้นคำโตเหมือนอยู่ในเทศกาลเเข่งกินไวอย่างไรอย่างนั้น

“แล้วเรื่องคุณเเดน ?”

“ตอนแรกผมก็เฉย ๆ จนเขาพูดเรื่องพี่กับคนอื่น… ไม่รู้สิ มันผิดวิสัยนะ ปกติพี่เเดนไม่ค่อยร่วมวงจับเข่าคุยอะไรกับใครเท่าไหร่ แต่ดันเอาเรื่องสำคัญมากระจาย พี่ว่ามันไม่น่าสงสัยหรือ”

“ก็จริง… ปูนนี่ช่างสังเกตดีนะ” หนูพุกเริ่มคล้อยตาม เพราะเเดนดินเป็นคนพูดน้อย ซึ่งก็นับว่าเป็นจุดเเข็งอย่างหนึ่ง ด้วยคนที่ไม่ค่อยพูด พอถึงเวลาต้องพูดมันจึงดูมีน้ำหนักมากกว่าปกติในสายตาคนฟัง

แต่เลขาหนุ่มก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าหากเเดนดินเป็นคนทำจริง เขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็คบหาอยู่กับเจ้าของหุ้นเกือบครึ่งของบริษัทเเท้ ๆ ไม่น่าจะหาเรื่องเข้าเนื้อตัวเอง

“เก่งใช่ไหม… พอดีตอนเด็ก ๆ ผมชอบดูโคนันน่ะ” เด็กหนุ่มหน้าอ่อนยิ้มกว้าง บรรยากาศของการพูดคุยผ่อนคลายลงเมื่อเเดนดินสลับขึ้นมาเป็นผู้ต้องสงสัยลำดับหนึ่ง

“แล้วไม่มีใครสงสัยพี่คนนั้นหรือ” หนูพุกเอ่ยถึงคนที่ไปทำงานไกลถึงภาคใต้ ไหน ๆ ก็ถือโอกาสเก็บข้อมูลไปเสียเลย

“ไม่หรอกพี่พุก พี่แกถือศีลห้า… เคร่งมากด้วย เหล้ายานี่ไม่เคยเเตะ ไม่พูดโกหก ไม่ลักขโมยด้วย เงินทอนค่าน้ำสามบาทของผมที่เคยบอกว่าไม่ต้องทอนเขายังไม่เอาเลย”

ปูนหัวเราะ คราวนี้เขามีหลักฐาน หนุ่มน้อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเฟสบุ๊กของอีกฝ่ายที่แชร์เเต่เรื่องทำกุศล ในแกลลอรี่รูปมีทั้งรูปไปปฏิบัติธรรม ไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หนูพุกอ้าปากค้างเมื่อปูนเลื่อนไปถึงภาพที่อีกฝ่ายใส่ชุดขาวเเล้วนั่งเคียงข้างมัคทายกวัดป่าในต่างจังหวัด

ก็เห็นเเต่งตัวดูมีสไตล์ หนวดเคราเฟิ้มไปหมด ในไลน์มีเเต่รูปล่าเหรียญรางวัลวิ่งมาราธอน ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีอีกมุมเป็นคนเคร่งศาสนา
   
“อึ้งไหม.. ผมโคตรช็อคเลยตอนเห็นครั้งแรกน่ะ” ปูนกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วกินต่อ ในชามเขาพร่องไปมากเเต่ของหนูพุกยังเเทบไม่ยุบเลย

“แปลว่าคนนี้ตัดไปได้เลยสินะ” หนูพุกรู้สึกว่าโชคดีที่ได้คุยกับน้องปูน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่วางใจ ตาเรียวเหลือบเห็นข้อความที่คอยมาตลอดวัน

...ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะได้อะไรมากกว่าที่คิด...

‘อันนี้ชื่อเฟสบุ๊กที่แกขอ มันมีงานที่เขาเคยทำแบบนี้คล้าย ๆ กันแต่ว่าตอนนั้นฉันเป็นแค่ลูกทีมว่ะ แกลองดูนะ’
ภาพบนเฟสบุ๊กทำให้หนูพุกเเทบไม่เชื่อสายตา เขาพยายามกดเลื่อนดูรูปโพรไฟล์ของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจแม้ว่ามันจะถูกตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นส่วนอื่นๆในไทม์ไลน์ได้

...นี่มันผู้ชายคนที่อยู่กับเเดนดินที่ข้าวสารวันนั้นชัด ๆ เลย...

“พี่พุก อมข้าวเดี๋ยวก็ฟันผุหรอก มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ปูนมองคนอมเส้นราเม็งจนเเก้มตุ่ยยิ้ม ๆ หากเห็นท่าทางจริงจังกดโทรศัพท์ไปหน้าซีดไปแบบนั้นเขาก็ชักจะห่วง

“ปูนรู้จักคนนี้ไหม” โทรศัพท์ของหนูพุกถูกยื่นให้กับเพื่อนร่วมงานดู

“อ๋อ รู้ ๆ รุ่นพี่คณะผมเนี่ยเเหละ แต่ว่าจบไปนานแล้วนะ ผมเข้ามาไม่ทันเขาหรอกแต่ได้ยินคนบอกว่างานเทพเยอะอยู่” ปูนพยักหน้า แล้วก็เพิ่งจะนึกได้คล้ายเเสงไฟสว่างวาบขึ้นกลางสมองทีเดียว

“เดี๋ยวนะ… พี่คนนี้แกจบที่เดียวกับผม… พี่เเดนก็จบที่เดียวกับผมเหมือนกันนี่หว่า…”

“พี่ว่าน่าจะเจอตัวเเล้วล่ะ”

หนูพุกหัวเราะในลำคอ เขาค่อนข้างแน่ใจเเล้วว่างานนี้เป็นใคร ถึงจะยังไม่ทราบถึงเเรงจูงใจ เสียดายที่ขาดเพียงเเต่หลักฐานเพื่อมัดตัวให้อยู่เท่านั้นเอง

คืนนั้นหนูพุกแทบนอนไม่หลับ เขารอคอยที่จะให้ฟ้าสางรีบมุ่งหน้าไปที่ออฟฟิศเปิดดูงานเก่าที่น่าจะคล้ายกับงานที่เพื่อนสาวส่งมาให้ แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจกันเมื่อวันนี้ทั้งวันมีแต่สายโทรเข้า หนูพุกต้องออกไปนอกบริษัท คราวนี้เขาเริ่มรู้แกวแล้วว่าหากตัวเองออกไป คีรินทร์ต้องเปิดประชุมลับหลังกันแน่ ๆ

หากเป็นคนอื่นที่ทำกับเขาแบบนี้ หนูพุกจะตั้งตาคอยดูความหายนะของบริษัทระหว่างหางานใหม่ไปอย่างเงียบเชียบ

แต่นี่คือพี่ภู… คนที่เขาปลื้มมาตั้งแต่เด็ก ๆ นี่นะ ซ้ำยังรับเขาเพราะเจ้านายเก่าฝากงานให้อีกต่างหาก

“ก๊อปเนียนมาก...”

หนูพุกเปิดงานที่เคยผ่านตามาบ้าง รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่คิดอ่านทบทวนข้อมูลเก่าในช่วงที่เข้ามาทำงานใหม่ ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลานั่งเปิดดูไปเรื่อย ๆ หลายสิบโครงการทีเดียว

สองสามโครงการที่เขาได้มาเป็นโครงการเมื่อสองปีที่แล้ว พอนำแปลนมาเทียบกันก็เห็นว่ามันเเทบจะเหมือนกันเป๊ะ ๆ ต่างกันที่ขนาดพื้นที่และต้นไม้ที่นำมาใช้ลงเท่านั้นเอง

เลขาหนุ่มยิ้มกริ่มรวมไฟล์ทั้งหมดส่งให้อีเมลล์คุ้นเคยที่มักจะส่งงานกันเรื่องงบการเงินมากกว่า

...ถ้างานนี้เขาเจ็บ แดนดินก็ต้องเจ็บมากกว่า…

เขาควรจะรู้ว่าคิดผิดที่จะมาป้ายสีกันง่าย ๆ หนูพุกไม่ใช่กระดูกอ่อนที่จะให้ใครมาเคี้ยวเล่น!

มือน้อยกดสั่งพิมพ์งานต้นฉบับของพี่ภู และพิมพ์ข้อมูลของฝั่งบริษัทเพื่อนที่ได้มาบางส่วนด้วย หนูพุกทำไฮไลต์ทุกข้อความที่เห็นว่าสำคัญ ตั้งแต่วันที่เปิดโปรเจ็ค และวันที่สร้างจริงไปจนปิดโปรเจ็ค ซึ่งฝั่งนั้นก็ล้วนแต่ทำหลังจากเขาเกือบปีได้
 
“พี่ภูครับ รบกวนช่วยดูเอกสารอันนี้ แล้วก็เซ็นอนุมัติให้หน่อยนะครับ”

คีรินทร์เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ วันนี้เลขาของเขาสดใสกว่าทุก ๆ วัน รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นไม่ใช่เพียงการยิ้มเพื่อมารยาทเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

“กลับแล้วหรือ”

“จะไปแล้วครับ สวัสดีครับพี่ภู”

คนแก่วัยกว่ายกมือรับคนที่กระพุ่มมือไหว้อยู่เป็นนิจ ตั้งแต่โดนกันออกจากโปรเจ็คถนนวิทยุ หนูพุกก็เลิกงานตรงเวลาเสมอ มีแต่วันนี้ที่อีกฝ่ายอยู่ล่วงเวลาจนเกือบสองทุ่ม เขาเหลือบมองเอกสารรอบเย็นที่มีเเฟ้มใสสอดมาด้วย

หัวคิ้วของเจ้านายขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่ามันเป็นงานเก่า เอกสารสองสามชุดถูกเย็บมาด้วยกัน ครึ่งหนึ่งเป็นงานที่เขาคลุกคลีตีโมงมาด้วยตลอด หากอีกครึ่งหนึ่งเป็นงานจากบริษัทคู่เเข่งที่ได้ข้อมูลไป ถูกเทียบให้เห็นอย่างชัดเเจ้ง ที่สำคัญ ชื่อผู้รับผิดชอบโครงการนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้ชัด ในเมื่อทุกโครงการมีชื่อสถาปนิกผู้รับผิดชอบคนเดียวกัน

...แดนดิน...

ชายหนุ่มตระหนักแล้วว่าการไม่เคยจับได้ว่าข้อมูลรั่วออกไป ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่เคยเกิดขึ้น

มือใหญ่หยุดอยู่ที่กระดาษใบสุดท้ายที่ถูกสอดมาด้วยกัน สายตาคมกวาดมองตัวอักษรที่เรียงเป็นระเบียบเเล้วก็รู้สึกว่าในอกวูบโหวงราวกับใครมาควักเอาอะไรออกไป

เนื้อหาในกระดาษเป็นใบเเจ้งความประสงค์จะลาออก มันถูกพิมพ์มาอย่างเรียบร้อยเเละมีลายเซ็นที่เขาเห็นจนเจนตากำกับชัด

คีรินทร์ประจักษ์เเก่ใจว่าเขาทำพลาดมาตลอดในวินาทีนั้น… หนูพุกปลดเปลื้องตัวเองได้อย่างขาวสะอาด นี่คือความจริงแท้เบื้องหลังรอยยิ้มสุขสดใสเหล่านั้น

เขาลุกจากเก้าอี้ ทิ้งงานทั้งหมดไว้บนโต๊ะ หันหลังให้เสียงโทรศัพท์มือถือที่กระหน่ำโทรเข้าหา สองขาก้าวออกไปหมายจะให้ทันคนที่ออกไปก่อนไม่ถึงสามนาที

คีรินทร์ใจเต้นเเรง เบื้องหน้ามีเพียงเเผ่นหลังของเลขานุการหนุ่มกำลังเดินก้าวออกไปจากหน้าประตูกระจก สองเท้าย่ำไปบนพื้นหินในสวน ในมือของอีกฝ่ายถือโทรศัพท์เเนบเสี้ยวหน้าข้างหนึ่ง ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ลดระดับฝีเท้าลงเปลี่ยนเป็นเดินตามหนูพุกไปอย่างเงียบเชียบ

“ถ้าใบลาออกอนุมัติแล้วก็คงทำงานอีกประมาณหนึ่งเดือนตามกฎหมายแหละม้า… อื้อ… กลับไปช่วยม้ากับป๊าที่บ้านสบายใจกว่า” หนูพุกหัวเราะเบา ๆ หากมันกรีดใจคนแอบฟังเสียขาดวิ่น เขาเลือกทำไม่ดีกับคนที่อุทิศทุกอย่างให้บริษัท ไม่แปลกใจแล้วที่หนูพุกจะหมดใจและลาจากไปง่าย ๆ

“เดี๋ยวเสาร์นี้พุกคงกลับบ้าน คิดถึงป๊ากับม้านะ น้องด้วย ครับ เดี๋ยวพุกถึงคอนโดแล้วโทรหาใหม่นะ”

“หนูพุก…” มือใหญ่เเตะเบา ๆ ที่ข้อศอกของอีกฝ่าย คนที่กำลังจะเดินผ่านรั้วหน้าออฟฟิศหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้มชืดจาง ดวงตาเรียวหล่อไปด้วยน้ำใส ๆ

…หนูพุกรักงานของตัวเองมาก แต่มันไม่มีความหมายหากทั้งหมดที่เขาทำจะไม่สามารถซื้อใจใครได้เลยแม้กระทั่งเจ้านายที่ทำงานใกล้ชิดกันที่สุด…

ยิ่งโทรคุยกับหม่าม้าแล้วอีกฝ่ายบอกให้หนูพุกกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่บ้าน จะหางานใหม่หรืออะไรก็ค่อยว่าไปยิ่งทำให้เขาอ่อนไหวมากกว่าเดิม

“อ้าวพี่ภู พุกลืมทำอะไรหรือเปล่าครับ ข้าวเย็นก็จัดให้แล้วนะ หรือว่ามีงานอะไรผิดตรงไหน” เลขาหนุ่มรัวคำพูดใส่เขาอย่างกับซ้อมยิงปืนกล ยิ้มกว้างขวางขึ้นอีกทั้งที่ในใจมีแต่ความอึดอัดเต็มล้น

“รีบกลับหรือเปล่า พี่ขอคุยด้วยหน่อย” มือใหญ่เลื่อนลงเเตะที่ข้อมือเล็กราวกับจะขอร้อง

...พี่ภูคงเห็นใบลาออกนั่นเเล้ว...

“ได้ครับ” หนูพุกรับคำ รู้ว่าปฏิเสธไปพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอยู่ดี คุยกันไปเสียตั้งตอนนี้ให้มันจบไปน่าจะดีกว่า หากชายหนุ่มก็ไม่ได้ปล่อยมือ ทั้งยังกำข้อมือเลขาหนุ่มไว้คล้ายกับกลัวว่าร่างเพรียวระหงจะหลุดลอยจากไป
เพราะไม่มีใครอยู่ที่บริษัทอีกเเล้ว คีรินทร์จึงไม่เสียเวลาเเม้แต่จะคุยกับหนูพุกที่ห้องทำงานส่วนตัว เขาเดินนำเข้าไปในโถงทางเดินรับเเขก รอบข้างเป็นกระจกใสบานกว้างสามารถมองออกไปเห็นเเมกไม้น้อยใหญ่ในสวนด้านนอกได้ทุกทิศทาง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่จับจองเก้าอี้สตูลทำจากไม้สีอ่อนขัดจนเงาตัวหนึ่ง เว้นที่ข้างเคียงกันให้กับเลขาหนุ่ม

“พี่ขอโทษนะ สำหรับการเป็นเจ้านายที่ไม่ได้เรื่อง” เสียงทุ้มชิงเอ่ยก่อน เขาเห็นท่าทีของหนูพุกก็รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะที่อารมณ์ไม่มั่นคงเท่าใดนัก

“คือ… อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ” หนูพุกเหมือนคนน้ำท่วมปาก โกรธเขาก็โกรธ แต่อีกใจก็ยังห่วงใยอยู่มาก เขาถอนใจ ทาบมืออีกข้างลงบนหลังมือใหญ่ที่ยังไม่ยอมปล่อยกันไป

“งั้นเรามาคุยกันจริง ๆ นะครับพี่ภู… เรื่องนี้พุกโกรธมาก”

สายตาคมทอดมองคนบอกว่าโกรธ ดวงตาเรียวแดงขึ้นนิดหน่อย และน้ำในหน่วยตานั่นก็คลอขึ้นจนเขาใจเสีย เเววตาที่มองสบมาคล้ายมีสิ่งอื่นใดมากกว่าความโทโสเปล่า ๆ หากมันเจืออยู่ด้วยความเสียใจมากทีเดียว

“พูดมาเถอะ”

“พุกโกรธที่พี่เตะพุกออกมาจากงานนั้นโดยที่ไม่บอกอะไรสักคำ พี่ทำเหมือนพุกไม่มีตัวตน ทำทุกอย่างลับหลัง… ถ้าพี่เรียกพุกไปคุยก่อน มันจะไม่เป็นเเบบนี้เลย”

เสียงเลขาหนุ่มเอ่ยเเผ่วเบา หนูพุกหลบตาเขาเเล้วพูดต่อ ในตอนนี้เลขานุการหนุ่มไม่แตกต่างอะไรกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ ลาวาร้อน ๆ ที่สะสมอยู่นานพวยพุ่งขึ้นอย่างยากที่จะระงับ

“คือ… พุกแค่รู้สึกว่าพุกรักงานนี้ พุกรักที่นี่ ก็เลยตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีมาตลอด… ถึงมันจะเป็นเเค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่พุกก็ทุ่มสุดตัว อาทิตย์หลังมานี้พุกต้องอดทนอยู่กับคำกล่าวหาที่ว่าพุกคิดไม่ซื่อกับบริษัท มันโกรธ… โกรธที่ต้องมาอดทนกับเรื่องงี่เง่าที่เราไม่ได้ทำ”

คนระบายความในใจตัวสั่นเทิ้ม หลุบตาลงต่ำเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถซ่อนน้ำร้อนผ่าวที่เอ่อล้นออกมาได้อีกต่อไป เขาแกะมือออกจากการเกาะกุมของคนที่นิ่งค้างไป ยกหลังมือสองข้างช่วยกันป้ายน้ำตาออกลวก ๆ ราวกับเด็กไม่กี่ขวบ

“แต่ที่เสียใจ...คือการที่คนที่ทำงานใกล้ชิดกันที่สุดกลับไม่มีความเชื่อใจกันสักนิด มันเหมือนพุกไม่เหลือใครเลย...”

วินาทีนี้หนูพุกไม่ต่างกับสัตว์เล็ก ๆ ที่นุ่มนิ่มอ่อนเเอในสายตาคีรินทร์  เขายอมรับผิดทุกประการตามที่อีกฝ่ายว่าไว้ ในครั้งนี้เขาเดินเกมผิดพลาดทั้งสิ้น

“ชู่ว...ไม่ร้องแล้ว พี่ขอโทษนะ… ขอโทษทุกอย่างเลยครับ” 

ยิ่งพอหนูพุกสะอื้นคนมองก็เหมือนในอกเป็นโพรงลึกกว้างเเละว่างเปล่า เขาเป็นลูกชายคนกลางที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างลูกคนเล็กไม่เข้าใจเลยว่าการจะต้องปลอบประโลมใครสักคนจะต้องทำอย่างไร เขาไม่เคยเห็นใครร้องไห้ตัวสั่นงันงกในระยะเผาขนอย่างนี้ แถมตัวเองยังเป็นตัวการเสียอีก

เลขาหนุ่มไม่ต่างอะไรกับกุ้งตัวนิ่มที่ถูกลอกคราบจนไม่เหลือความเข้มเเข็งใดฉาบไว้… เขาไม่อยากเห็นคนที่ยิ้มร่าเริงมาตลอดต้องเปราะบางขนาดนี้เลย

คีรินทร์ลุกขึ้น วงเเขนใหญ่อ้าออกกว้างโอบเอาคนตัวบางเข้าอก เขาลูบเเผ่นหลังเล็กเบา ๆ อย่างปลอบโยน น้ำตาร้อนผ่าวไหลเปียกเสื้อยืดสีเทาของเขาจนเปียกชุ่มเป็นด่างดวง มือใหญ่เชยคางหนูน้อยที่ร้องไห้จนหน้าเเดงหูแดงขึ้นสบตากัน
 
“ไหนมาคุยกันดี ๆ ก่อน ดูซิ แอบสั่งขี้มูกกับเสื้อพี่หรือเปล่าเนี่ย”

“ฮื่อ! เปล่าสักหน่อย” หนูพุกร้องเสียงอู้อี้ อยากจะทุบพี่ภูสักทีสองทีให้รู้ว่าเขาไม่ตลกด้วย กว่าจะรู้ตัวว่าตอนนี้สภาพคงขี้เหร่น่าดูก็เลยมุดตัวกลับเข้าไปเอาหน้าฝังไว้ที่เดิม

...แม้กระทั่งวินาทีนี้วงแขนอบอุ่นก็ยังไม่ละออกจากตัวเขาเลย…

“พี่ขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ เลยที่ทำให้เรารู้สึกเเย่แบบนั้น” กระเเสเสียงนุ่มทุ้มนั้นหนักเเน่นเหมือนขุนเขาเท่า ๆ กันกับชื่อจริงของเจ้าตัว

“ครับ”

“ถ้าพี่จะขอโอกาสให้เริ่มต้นกันใหม่เราจะว่ายังไง ยังอยากทำงานกับเจ้านายไม่ได้เรื่องคนนี้อยู่หรือเปล่า ยังรักที่นี่อยู่ไหม…”

นิ้วโป้งใหญ่เกลี่ยคราบน้ำตาบนเเก้มนวลออก คีรินทร์จดจ้องดวงตาเรียวอย่างค้นหา ประกายตาของอีกฝ่ายสั่นระริก ตอบกลับมาเสียงเเผ่ว

“รักครับ”

...ความรู้สึกนั้น มิใช่เพียงแต่สถานที่ หากรวมไปถึงเจ้าของคำถาม…

ถึงขนาดนี้แล้วแต่หนูพุกยังไม่ยอมปล่อยมือ คำจำกัดความสั้น ๆ ว่า ‘ชอบ’ หรือ ‘ปลื้ม’ ที่เคยใช้คงไม่เพียงพออีกต่อไป

เลขาหนุ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำคล้ายหูอื้อตาลายไปหมดยามที่เจ้านายก้มลงกระซิบใกล้ชิด ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอวางทิฐิมานะและความโกรธเคืองเรื่องงานไปตั้งแต่เมื่อใด

“ถ้ายังรัก… ก็อยู่ด้วยกันนะ”


----------------------------------------------------------------------------------------

โอ้โห มาง้อแบบนี้ก็ได้หรอคะพรี่.... 5555555555

จริงๆตอนนี้เส้นเรื่องหลักไม่ได้เดินหน้าไปไกลมากเท่าไหร่   :z10: :z10:

คนเขียนก็เลยกะว่าอาทิตย์นี้จะอัพสองครั้งค่ะ  :katai4: :katai4:

ยังไงฝากด้วยนะคะ ;-; มาลุ้นแรงจูงใจของคนร้ายไปด้วยกันน้า  ใครถ่ายถูกให้สิบบาทเลยเอ้า!

ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2018 22:45:52 โดย Thei12 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #69 เมื่อ19-07-2018 17:28:09 »

 :L2: :L1: :pig4:

ชอบตอนนี้จังเลย
รัก อะไรคงไม่ต้องบอกเนาะ พุกเนาะ

มีความสุข หายเครียดอีกพักหนึ่ง เย้เย้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
« ตอบ #69 เมื่อ: 19-07-2018 17:28:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #70 เมื่อ19-07-2018 17:40:34 »

สงสารหนูพุกกกกกกกก ร้องตามเลยเนี้ยยยย รอๆๆตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #71 เมื่อ19-07-2018 17:41:48 »

โกรธแทนหนูพุกมากกก :katai4: ทุกคนทำไม่ดีกับพุกมากๆ ถ้าไม่ติดว่าพุกรักภูเป็นเราจะลาออกต่อให้เค้ามาง้อก็จะลาออกก

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #72 เมื่อ19-07-2018 18:15:03 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #73 เมื่อ19-07-2018 18:19:35 »

หนูพุกอย่าปล่อยคนร้ายให้ลอยนวลนะ ต้องให้พี่ภูจัดการขั้นเด็ดขาดเลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #74 เมื่อ19-07-2018 18:39:58 »

พี่ภู!!!  กรีดร้อง  พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้ ตบหัวแล้วลูบหลังไม่ได้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #75 เมื่อ19-07-2018 21:13:02 »

หนูพุก ฉลาด ทันคน ทันงานมากกกก   :hao3: :hao3: :hao3:
และเพราะหนูพุกมีเพื่อนดีด้วย หลักฐานเลยคาชื่อ คากระดาษ คาแฟ้ม
ฟ้องว่าใครทรยศ ใครที่เกลือเป็นหนอน
ไอ้ดอแดน เลวววววววววววววววว
พี่เต้ย รู้ทั้งนอกใจ ทั้งทรยศบริษัท   ขอโทษหนูพุกเลย   o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2018 22:03:04 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #76 เมื่อ19-07-2018 21:49:41 »

แรงจูงใจคงเป็นหลงคนทางนู้นแน่เลย ส่วนทางนี้ก็มาหลอกให้รักแล้วเอาข้อมูล

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #77 เมื่อ19-07-2018 21:51:02 »

หนูพุกอย่ายอมง่ายๆนะ!!!!! เราไม่ใช่หมูในอวย ที่ใครจะมาทำอะไรกับเราก็ได้ แค่ขอโทษแล้วจบ มันไม่ใช่!!!!!!? :m31: :m31:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #78 เมื่อ19-07-2018 21:57:34 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

นู๋พุกอย่ายอมง่าย ๆ ต้องเล่นตัวนิดนึงให้พองาม  ให้เขารู้สึกว่าเรามีค่ายิ่งขึ้นไปอีก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #79 เมื่อ20-07-2018 02:45:02 »

พี่ภูสำนึกผิดให้เยอะๆ เลยนะถ้าไม่รักนี่หนูพุกคงปล่อยให้บริษัทล้มเพราะมีเกลือเป็นหนอนแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
« ตอบ #79 เมื่อ: 20-07-2018 02:45:02 »





ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #80 เมื่อ20-07-2018 07:50:59 »

นายแดนดินจริง ๆ ด้วย โธ่ สงสารพี่เต้ยล่วงหน้าเลย T^T
แสดงว่าพี่เต้ยโดนทั้งนอกใจ โดนทั้งหักหลังเรื่องงานเลย ฮือออ
แต่ก็ดี จะได้เชียร์พี่เต้ยกับคุณกวีได้เต็มที่ 555
หนูพุกเก่งมาก แล้วก็ดีที่เพื่อนของหนูพุกไม่มีส่วนกับเรื่องนี้ แถมยังช่วยให้ข้อมูลอีก
แล้วก็แอบสงสัยน้องปูนเหมือนเราเลย ขอโทษนะน้องปูน
เข้าใจความรู้สึกของหนูพุกนะ แต่ยังไงก็ให้โอกาสพี่ภูพี่เต้ยอีกครั้งน้าหนูพุก
พี่เต้ยตอนรู้ความจริงจะเป็นยังไงเนี่ย เหตุจูงใจนายแดนดิน คงจะหลงอีกฝ่ายมากน่ะสิ
ต้องเข้มแข็งเรื่องนายแดนดินให้ได้ แล้วก็มาขอโทษ ปรับความเข้าใจกับหนูพุกนะพี่เต้ย
อยากอ่านต่อแล้ว ตอนหน้ากระชากหน้ากากนายแดนดินสินะ ขอให้นายแดนดินกระอักเลือด ฮึ
รอตอนต่อจ้า ชอบเรื่องนี้มากกกก ^^


ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #81 เมื่อ20-07-2018 18:53:07 »

สนุกมากกๆๆ รอตอนต่อไปนะ  :pig4:

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #82 เมื่อ21-07-2018 08:07:20 »

 :laugh: :laugh: :laugh: ถ้ายังรัก........ ก็อยู่ด้วยกันนะ  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #83 เมื่อ21-07-2018 16:17:03 »

 :z2: :-[

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #84 เมื่อ22-07-2018 19:02:49 »

แอบมาส่องตั้งแต่แรกๆ อุทานในใจว่าน้องน่ารักมาก ยิ่งอ่านยิ่งชอบนายเอกค่ะ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #85 เมื่อ22-07-2018 19:08:31 »

 :katai5: :ling1:

รออออออ อยากรู้ว่าตอนต่อไปเป็นไงแล้ว

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 8 --- [ 19.07.2018 ]
«ตอบ #86 เมื่อ22-07-2018 20:13:24 »

รออยู่นะจ้ะ   :mew1:

ออฟไลน์ Miss Midnight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
" พิชิตภู " : Chapter 9 --- [ 22.07.2018 ]
«ตอบ #87 เมื่อ22-07-2018 21:19:23 »

Chapter 9

“พุกจะออก...” ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเป็นหลักให้ลูกน้องกอดนานสองนานชะงักไป นอกจากการยอมรับความผิดที่ไม่บอกกล่าวแผนการให้ฟัง เขามัวเเต่ยุ่งวุ่นวายสารพัดเรื่องจนไม่ได้ทำสิ่งที่สมควรทำเป็นอย่างเเรก

เพราะความประมาทแบบนี้ จะทำให้เสียขุนศึกดี ๆ ไปสักคนก็คงไม่เเปลก

“ยื้อไม่ไหวแล้วใช่ไหมเนี่ย” คีรินทร์หัวเราะในลำคอ ทั้งเสียใจเเละเสียดายจริงๆ วงเเขนใหญ่ปล่อยคนที่เขาลืมตัวรวบมากอดไว้นานสองนานออกอย่างนุ่มนวล

“พุกจะออก… ถ้าพี่ทำแบบนี้อีก” หนูพุกสูดหายใจลึก ทอดมองรอยน้ำตาเป็นดวง ๆ บนเสื้อของคนอีกฝ่าย โกรธตัวเองไม่น้อยที่โดนเขาตบหัวเสียเเรงแต่มาลูบหลังกันไม่ถึงสิบนาที “ถ้าพี่ทำอะไรไม่บอกกันอีกครั้งเดียว พุกจะไปจริง ๆ” 

“งั้นพี่ว่ามีเรื่องที่พุกควรต้องรู้ร่วมกันล่ะนะ”

ชายหนุ่มเดินนำหนูพุกขึ้นไปที่ห้องทำงาน หยิบเอาใบขาวของหนูพุกไปหย่อนลงเครื่องย่อยทำลายเอกสารเสียให้สิ้นซาก ไม่รู้เลยว่ามีใครยิ้มหน้าบานอยู่เบื้องหลัง เมื่อเห็นว่ากระดาษซึ่งถูกเขียนขึ้นมาเพื่อลองใจของเขากลายเป็นฝอยเล็ก ๆ

...อย่างน้อยที่สุดพี่ภูก็ขาดเขาไปไม่ได้…

เจ้านายหนุ่มเปิดไฟล์ที่เซฟไว้ในแล็ปท็อปส่วนตัวให้หนูพุกชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วยกัน เมื่อเห็นว่าไฟล์ภาพที่เเยกออกเป็นสองสามไฟล์นั้นคืออะไร ก็เหมือนกับว่ากล้ามเนื้อยึดรั้งกรามบนล่างหยุดทำงานกระทันหัน

...ทุกภาพประกอบด้วยเเดนดินเเละเจ้านายเพื่อนเขาในอิริยาบถต่าง ๆ กันไป...

“นี่พี่ภูจ้างคนตามสืบเลยหรือครับ”

กว่าเลขาหนุ่มจะเก็บกู้กรามที่ค้างได้ คีรินทร์ก็เลื่อนรูปให้ดูจนครบ ไม่ได้บอกว่าเขาเองก็ติดใจเรื่องข้อมูลอาจรั่วไหลตั้งแต่การนำเสนองานครั้งแรกแต่ก็ยังไม่เเน่ใจนักจึงได้แต่ปล่อยผ่านไป

“ไม่ขนาดนั้นหรอก วานคนรู้จักกันช่วยดูให้หน่อยน่ะ”

“แล้ว… คือพี่ไม่ได้สงสัยพุกหรือครับ” หนูพุกลอบมองใบหน้าคมสัน ผิวสีเเทน ปากหยักได้รูป จมูกโด่งรับกับตาคมโต…

   นิ้วน้อย ๆ แอบหยิกตัวเองใต้โต๊ะเรียกสติ นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะมานั่งพินิจพิจารณาความหล่อของพี่ภูหรือเปล่า! ชายหนุ่มลอบถอนใจตั้งใจฟังสิ่งที่คนตรงหน้าพูด

   “สงสัยน้อยกว่าเเดน” ภูส่ายหน้าเเล้วยิ้มนิดหน่อย หากจะพูดว่าไม่เลยสักนิดก็คงไม่ต่างอะไรกับการโป้ปดในเมื่อเขาเองก็กระจายความสงสัยไปในตัวทุกคน

   “อ่า… ครับ”

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่รู้สึกผิดจะแย่แล้ว” คีรินทร์ยกยิ้ม มองท่าทีหูลู่หางตกเเบบนั้นเเล้วก็ให้เอ็นดูระคนสำนึกผิดไม่หาย
 
...เขาจงใจกีดกันหนูพุกออกจากงานนี้เพื่อให้แดนดินชะล่าใจ ไม่ระวังตัวจนการติดตามของเขาเสียเรื่อง...

“ต่อเถอะครับ คือพุกสงสัยว่าอาจจะเป็นการ...นอกใจ” สองคำสุดท้ายหนูพุกเองก็พูดได้ไม่เต็มเสียงนัก เนื่องด้วยถ้าจะคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ พี่เต้ยก็จะถูกดึงเข้ามาเป็นตัวแปร

“ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้น แต่ความเสี่ยงต่ำมาก เท่าที่เห็นสองคนนี้ก็ไม่เคยมีพฤติกรรมส่อไปในทางนั้นเลย”

ดวงตาเรียวสีดำขลับจ้องไปบนหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกันไปมากเกินกว่าการกอดคอหรือตบหลังเท่านั้น อีกทั้งสถานที่ในภาพก็ยังเป็นพื้นที่เปิดโล่งอย่างร้านอาหารและสถานที่สาธารณะอื่นๆอีกด้วย

“แล้วจะมีเรื่องอื่นนอกจากนี้ไหมครับ อย่างเช่นความไม่ลงรอยกัน” นักสืบจำเป็นเเย็บถามเจ้านาย เพราะมาทีหลังเขาเองก็ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของความสัมพันธ์มากมายนัก

“จริง ๆ เขาก็ไม่ได้ไม่ถูกกับใครจริงจังนะ ดูเเล้วก็ทำงานได้กับทุกคน จะขัดกันมากหน่อยก็คงเป็นพี่” เมื่อพี่ภูหยุดพูด หัวหนูพุกก็แล่นฉิว

...อาจจะเป็นความไม่พอใจในตัวหัวหน้างานก็เป็นไปได้…

“เรื่องงานใช่ไหมครับ”

“จะให้ขัดกันเรื่องไอ้เต้ยหรือไงเล่า”

ชายหนุ่มขำคึ่ก ๆ เขากับเต้ยรู้จักกันตอนเรียนปริญญาโท ตอนนั้นต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานและกลับไทยในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อเห็นว่ามีวิสัยทัศน์เเละเป้าหมายที่ไปด้วยกันได้จึงเกิดการหุ้นกันสร้างบริษัทขึ้น

“ก็พุกไม่รู้นี่” คนอ่อนวัยทำปากยื่น หากอิ่มเอมใจเมื่อดวงตาสีเข้มของคู่สนทนาอ่อนประกายลงยามพูดคุยกัน

“เรื่องขัดกับพี่จนโกรธเอาเเบบไปปล่อยให้คนอื่นก็เป็นไปได้นะ แต่คงไม่ใช่สาเหตุหลักหรอก ลองดูเวลาสิ”

เขาชี้เวลาที่บริษัทคู่เเข่งปิดโปรเจ็ค คำนวณเวลาการปล่อยข้อมูลเทียบกับช่วงที่กระทบกระทั่งกันแรง ๆ แล้วมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่

“ห่างกันเยอะเหมือนกันเเฮะ”

ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ครั้งที่สองเเละสามเเทบจะติดกันคือต้นปีที่เเล้ว และครั้งสุดท้ายคือเมื่อเดือนที่เเล้วจนถึงตอนนี้

“แล้วพี่ภูคิดว่ายังไงครับ น่าจะมีสาเหตุอื่นอีกไหม แบบว่า… อาจจะไม่พอใจพี่เต้ย”

“ไม่น่าใช่หรอก เวลาตีกันกับพี่ส่วนใหญ่ก็ได้เต้ยช่วยสงบศึก งานไหนไม่ผ่านพี่... เต้ยก็ช่วยดูช่วยแก้ให้ตลอด”

คีรินทร์ยกมือนวดขมับ เขาคิดเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่สองสามวันเเล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันมีเหตุผลจากอะไร ในเมื่อสองคนนั้นเเทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ

“สาเหตุจริง ๆ อาจจะต้องใช้คนใกล้ชิดเข้าช่วย” หนูพุกเห็นพี่ภูถอนใจหลังพูดจบแล้วก็กลืนน้ำลายดังเอื้อก รู้เเน่ว่าอีกคนคงกำลังหาทางบอกหุ้นส่วนอย่างละมุนละม่อม

“คือ… พุกมีอะไรจะบอกด้วยครับ” เลขาหนุ่มหลบตา เหมือนตัวหดลงสักสองสามนิ้วยามคิดจะสารภาพเรื่องราวที่เขาทำลงไปด้วยแรงอารมณ์

“หืม”

“พุกเมลล์หลักฐานให้พี่เต้ยไปหมดแล้วครับ…”


………………………………………………………………


ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใช้ผ้าขนหนูนุ่มขยี้บนศีรษะเพื่อซับเอาน้ำจากการสระผมออก กระทั่งพอใจเเล้วเขาก็ชู๊ตมันลงตะกร้าเหมือนเล่นบาส โดยปกติเต้ยจะเช็คอีเมลล์ก่อนเข้านอนในขณะที่อีกคนที่จะมานอนห้องเขาบ้างห้องตัวเองบ้างจะหลับไปก่อน นิ้วเรียวเลื่อนทัชแพดดูกล่องขาเข้าแต่เเล้วก็เห็นเมลล์จากเลขาของเพื่อนสนิทอยู่ลำดับแรก บนหัวเรื่องยังวงเล็บว่า ‘ด่วน’ เสียด้วย

ด้านในเป็นไฟล์โครงการเก่าที่ผ่านตาเขามาจนมองผ่าน ๆ ก็รู้รายละเอียดดี หากไฟล์แนบอื่นที่เขาค่อย ๆ เปิดพิจารณาองค์ประกอบ คอนเซปท์และส่วนอื่น ๆ มันกลับคล้ายกันอย่างน่ากลัว เต้ยรู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่ต่างไปจากปลาที่ถูกทุบหัว สิ่งที่ประมวลได้ด้วยเหตุผลทำให้เขาชาไปตั้งแต่หัวจรดเท้า

…ไม่จริงหรอก…

เต้ยยกมือปิดหน้า ภาวนาให้สิ่งที่เห็นเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหนีความจริงไปได้ เขาสูดหายใจลึก เลื่อนดูรายละเอียดต่าง ๆ อย่างจริงจัง

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงหน เต้ยก็ยังคิดว่าเขาน่าจะพอให้อภัยได้

...ทว่านี่ไม่ใช่…

เต้ยปิดไฟล์เหล่านั้นลง ลุกออกจากโต๊ะทำงานด้านนอกเข้าไปเมียงมองในห้องนอน แดนดินหลับสนิทในผ้าห่มนวมหนานุ่ม เขาเคยคิดว่ารู้จักคนรักดีพอ ๆ กับที่รู้จักตัวเอง แต่ความจริงที่มาตีเเสกหน้าถึงหน้าประตูทำให้ตัวตนของแดนดินในทรรศนะของเขาบิดเบี้ยวไป

...คล้ายว่าเขาไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายเลยตั้งแต่แรก...

 ชายหนุ่มย่องเข้าไปหยิบเอาทัชโฟนสีดำที่เสียบชาร์จเเบตฯไว้บนโต๊ะหัวเตียงมาไว้กับตัว เต้ยไม่เคยสอบถามรหัสด้วยความไว้ใจที่มีให้เสมอมา แทบจะไม่เคยกระทั่งขอเช็คโทรศัพท์ เหตุเพราะอีกฝ่ายเป็นคนสม่ำเสมอ ตอนเเรกเป็นอย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

เพราะเดี๋ยวนี้ทัชโฟนกลายเป็นเเบบแสกนนิ้วมือ เต้ยไม่เเน่ใจนักว่ารหัสหกตัวที่อีกฝ่ายมักจะใส่ไว้ยังเหมือนเดิมหรือไม่ และมันก็ล้มเหลวทันทีที่เต้ยกดวันเดือนปีเกิดของตัวเองลงไป

ดวงตากลมสั่นระริก… รหัสเดิมถูกเปลี่ยนไปแล้ว

ในที่สุดเลขหกตัวที่เต้ยกดลงไปก็ปลดล็อคหน้าจอได้ในครั้งที่สาม มันไม่ได้กลายเป็นเลขอื่นใดนอกจากวันเดือนปีเกิดของเเดนดิน ทั้งที่ทั้งใจเหมือนถูกหินถมถ่วงคล้ายจะผ่อนคลายขึ้นบ้างที่มันไม่ได้กลายเป็นเลขของใครอื่น

เต้ยเข้าไปที่อีเมลล์ก่อนเป็นอันดับเเรก อีเมลล์ของเเดนดินไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมากมายนัก ในกล่องขาเข้ามีเรื่องงาน บัตรเครดิตและอื่น ๆ อันไม่ใช่สาระนัก ในกล่องขาออกต่างหากที่เป็นเป้าหมาย

ลมหายใจของชายหนุ่มสะดุดเมื่อเปิดไล่ไปเรื่อย ๆ เขาไม่เจองานก่อน ๆ ที่แบบหลุดไป ด้วยอีกฝ่ายอาจจะกังวลจนกดลบทิ้ง กระทั่งเขาไปค้นดูในถังขยะแล้วก็พบว่าหลักฐานการส่งไฟล์งานโรงเรียนศิลปะสองครั้งแรกและงานที่เพิ่งจะสรุปคอนเซปต์เพื่อจะพรีเซนต์ในรอบสุดท้าย แบบที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ได้ถูกส่งออกไปยังชื่อผู้ติดต่อเดียว

...ทุกอย่างมันชัดเจนเเล้ว…

คนที่เขากล่าวโทษบริสุทธิ์ไปทุกข้อกล่าวหา มีเพียงแต่เต้ยเองที่ยังอยู่ในวังวนของการหลอกลวง

ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เเดนดินต้องขายข้อมูลของบริษัท หากจะพูดกันเรื่องความสัมพันธ์ แดนดินไม่ค่อยลงรอยกับภูมากนักแต่ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรหมางใจกันมากไปกว่าเรื่องงาน

เขาจัดการเเคปภาพหน้าจอทั้งหมดเก็บไว้ ปลายนิ้วเรียวเเตะลงบนเเอพลิเคชั่นสีเขียว ส่งหลักฐานทั้งหมดเข้าหาตัวเองเอาไว้ก่อน เเละไล่ดูทุกอย่างอย่างละเอียด เพื่อนทุกกรุ๊ปของอีกฝ่ายเขาก็รู้จักดีเสียด้วยซ้ำ เต้ยหยุดมองเเชทหนึ่งที่ยังไม่มีการกดอ่าน มีแค่เพียงตัวเลขเเจ้งเตือนจำนวนข้อความค้างไว้ด้านข้าง

‘ตำแหน่งว่างแล้ว กูล็อคไว้ให้ มึงรีบมา’

เขาเลื่อนขึ้นไปอ่านข้อความด้านบน มันเป็นการตกลงการจ่ายหนี้สินที่ติดค้างไว้ด้วยแบบอาคารที่พวกเขาคิดแทนเงินสด เต้ยไม่เคยรู้เลยว่าคนรักมีปัญหาเรื่องเงิน เท่าที่ดูเเดนดินก็เป็นคนที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง เงินเดือนไม่น้อยด้วยซ้ำหากเทียบกับอายุ

...มีปัญหาอะไรกันที่ทำให้เเดนติดเงินหลักเกือบแสนบาท…

‘ถ้าอึดอัดมึงออกมาอยู่ออฟฟิศกูก็ได้นะ จะหาที่ไว้ให้’

‘คงออกแหละพี่ รบกวนด้วย นี่ผมยังไม่รู้จะบอกยังไงว่ะ ช่วงนี้เขาทำงานหนักมาก ผมสงสาร’

เต้ยย้อนดูประวัติการส่งข้อความแล้วน้ำตาร่วงเผาะ ทั้งร่างสั่นเทิ้มจากความเจ็บปวดเสียใจที่สะเทือนไปทุกอณูของหัวใจ เขามองผ่านม่านน้ำตาสีใสที่ทำเอาทุกอย่างพร่ามัวได้แค่เพียงกระพริบตา ข้อความเหนือขึ้นไปมีบทสนทนาบ้างประปราย หากมันไม่สำคัญเท่าตัวเลขที่มีการโต้ตอบกัน

เขารู้ว่าคนรักเป็นพวกชอบดูรายการกีฬา แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่แดนดินจะตบเท้าเข้าสู่วงพนัน เต้ยไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรต่อไป
 
ในฐานะเจ้านาย… การที่ลูกน้องสร้างความเสียหายให้กับบริษัทขนาดนี้ คงเหลืออยู่เพียงคำตอบเดียว

ในฐานะคนรัก...เขาอาจต้องพูดคุยกันอย่างจริงจัง

ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเขาบกพร่องประการใด ทั้งที่ทุกอย่างดูไปได้ดีตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เขากับแดนดินทะเลาะกันน้อยมาก ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเเละดีเสมอ

...เต้ยไม่เข้าใจว่าเขาผิดอะไร…
   
หลังมือขาวนวลทาบลงบนริมฝีปากรูปหัวใจที่ถูกฟันคมขบจนเเดงก่ำเพื่อกลั้นสะอื้น น้ำร้อน ๆ ไหลลงมาไม่ขาดสายด้วยความอึดอัดคับข้องใจ 

หลายชั่วโมงกว่าที่น้ำตาจะหยุดไหล เต้ยกลั้นสะอื้นทั้งที่แทบหอบจนตัวโยน เขาลุกไปล้างหน้าและกลับมานอนที่โซฟา เต้ยไม่สามารถเเสร้งทำเหมือนทุกอย่างปกติดีได้ เขาได้แต่นอนคิดวนเวียนถึงเรื่องที่เพิ่งค้นพบ เขาไม่อยากเดาเลยว่าเเดนดินต้องการจะบอกอะไร

...เขาไม่อยากรับรู้…

“ทำไมไม่เข้าไปนอนด้วยกัน” ร่างสูงใหญ่ฝ่าความมืดออกมานอกห้อง ไฟดาวน์ไลท์สีนวลทำให้เเดนดินมองเห็นคนรักพลิกตัวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่

“เฮ้ย ร้องไห้ทำไม” สองขายาวสาวเท้าเข้ามาใกล้ ทรุดลงเมื่อเต้ยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แสงไฟสลัวเลือนรางไม่ได้ช่วยบดบังรอยน้ำบนเเพขนตายาวนั่นเลยแม้แต่น้อย

“ขอกอดหน่อย” เสียงของชายหนุ่มร่างโปร่งเเหบโหย

“ฝันร้ายหรือ” นอกจากตกใจก็ไม่มีความคิดอื่นใดเข้าสู่สมอง ชายหนุ่มขยับเข้าโอบกอดตามคำขอร้อง เช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายเเผ่วเบา

“อยากให้เป็นแค่ฝันเหมือนกัน” เต้ยพูดเสียงอู้อี้ รู้สึกว่าบางอย่างกำลังล่มสลายอยู่ในใจ

“อยากเล่าไหม” แดนดินเคารพความเป็นส่วนตัวของเขาเสมอ ไม่เคยคาดคั้นให้เขารู้สึกอึดอัดใจเลยสักครั้ง

“แดนต่างหาก มีอะไรอยากเล่าหรือเปล่า” เต้ยกลืนน้ำลาย ยื่นโทรศัพท์ของเเดนดินให้เจ้าตัว

“...”

มือใหญ่ปลดล็อคหน้าจอ เดาได้ไม่ยากว่าความลับที่ถูกเก็บซ่อน ไม่ลับอีกต่อไป เดิมทีแดนดินตั้งใจจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยเเละหมางใจกันน้อยที่สุด

แต่มันสายเกินไป… เขาอยู่ในจุดที่วกกลับไปเเก้ไขอะไรไม่ได้อีกเเล้ว

“เรา...เลิกกันเถอะ”

“ทำแบบนี้ได้ยังไง…” เต้ยไม่ได้สะบัดตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นที่บัดนี้ชืดจางไปตามความรู้สึก เขาซุกหน้าลงบนเเผ่นอกกว้าง มือหนึ่งกำแน่นและทุบลงไปหลายต่อหลายครั้ง

...แดนดินนิ่งเฉย…

ชายหนุ่มตัวสูงโย่งไม่ตอบโต้ ในใจอึดอัดเหมือนมีเชือกเส้นใหญ่รัดพันจนกล้ามเนื้อเต้นตุบนั้นแทบระเบิด

“เราไม่รักกันแล้วหรือ แดนไม่รักเราเเล้วหรือ ทำไมถึงมีคนอื่น...” เหมือนทำนบที่สร้างไว้พังทลายภายในเสี้ยววินาที เต้ยสะอื้นไห้ด้วยรู้ว่า ‘เรา’ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“ไม่ได้มีคนอื่น… แค่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว” คนพูดก้มลงมองคนแก่วัยกว่าที่ร้องไห้ราวกับโลกทั้งใบพินาศลงต่อหน้าด้วยความรู้สึกผิดเปี่ยมล้นในเเววตา

“ไม่เหมือนเดิมยังไง เรามาช่วยกันนะ เอาใหม่นะ เริ่มกันใหม่…” ดวงตากลมโตหม่นเเสงลง มันเเห้งผากราวกับผืนดินที่ไม่เคยโดนฝน สองมือเขย่าเเขนคนรักจนอีกฝ่ายตัวคลอน

“ขอโทษนะ… แต่เเดนไม่ได้รักเต้ยแล้ว”

คำว่า ‘ไม่รัก’ ร้ายกาจยิ่งกว่ากระบอกปืนหรือมีดผ่าตัดคมกริบ เต้ยรู้สึกราวกับถูกของมีคมทื่อ ๆ เถือเนื้อทีละน้อย

...เจ็บเจียนตายมันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า...

“ทำไม… เราทำอะไรผิด ทำไมไม่บอกกัน” เสื้อยืดเนื้อนุ่มของเเดนดินถูกเขากำจนยับยู่

เสียงร้องที่ถูกเปล่งออกจากลำคอร้าวรานกว่าครั้งไหน เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะหยุดร้องไห้หากเต้ยรู้สึกราวกับว่าเขาควบคุมร่างกายไม่ได้อีกต่อไป

“แดนแค่เหนื่อย มันเหนื่อยขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงวันนี้… แดนไม่เข้าใจเลยว่าเราเคยรักกันขนาดนั้นได้ยังไง”

คนพูดหวนคิดถึงช่วงเวลาที่เเสนมีคุณค่าในอดีต เต้ยเป็นคนน่ารักกับคนรอบข้างอยู่เสมอ ตอนนั้นในบริษัทมีกันอยู่แค่สองสามคนเท่านั้น แต่เด็กจบใหม่อย่างเขาก็ยังเสี่ยงมาทำงานด้วย

แดนดินเคยมีความมั่นใจเปี่ยมล้น แม้ว่าเขาเองถึงไม่ได้เก่งเหนือใคร แต่ก็ไม่ใช่ไอ้กระจอกที่ไหน ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เขาทำเเล้วเต้ยดีใจ เขาก็จะทำ

ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามโบราณว่ายามรักน้ำต้มผักยังว่าหวานหรือเปล่า เขาตามใจคนรักทุกอย่าง เเม้ในบางครั้งจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง ความเป็นตัวตนของนายเเดนดินเหมือนถูกฝังกลบลงไปทีละน้อย

หากเต้ยคือพระอาทิตย์โชนเเสง สว่างเหนือใคร

เขาก็ไม่ต่างอะไรกับดวงดาราในยามกลางวัน

ยิ่งเข้าใกล้… ก็ยิ่งเลือนหายไปในแสงสว่าง

เต้ยเป็นลูกคนเล็กจากครอบครัวคนมีเงินย่านเยาวราชในกรุงเทพฯ แต่เต้ยมักคิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาฐานะปานกลางเสมอ ด้วยถูกรอบล้อมไปด้วยคนที่มีทัดเทียมกันหรือมากกว่า ส่วนเขาเป็นพวกที่มาจากครอบครัวฐานะปานกลางจากต่างจังหวัด ซ้ำยังเป็นลูกคนโตอีกด้วย

เเดนดินต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรงยามที่พ่อเเละเเม่ต่างก็เกษียณอายุ เขาถูกปลูกฝังอยู่ตลอดมาว่าต้องเป็นที่พึ่งให้ทุกคนได้เสมอ

...เขาก็พยายามจะเป็นที่พึ่งให้คนรักเช่นกัน...

เต้ยช้อนตามองคนรัก เขาพยายามบอกเเดนดินอยู่เสมอว่าเขาพร้อมจะเเชร์ และในหลายต่อหลายครั้งเขาเองก็ยินดีเป็นคนจ่ายเเต่อีกฝ่ายกลับเอาเเต่ส่ายหน้าปฎิเสธ

“อย่าบอกนะ ว่าเรื่องเงินอีกแล้ว บอกเเล้วไงว่าไม่มีก็ให้มาเอาที่เรา” ชายหนุ่มร่างโปร่งถอนหายใจอย่างหัวเสีย

“แดนไม่ใช่แมงดาหรือเปล่าวะเต้ย ถึงจะได้ไม่มีปัญญาหาเงินจนต้องให้เมียเลี้ยง” แววตาคู่คมของคนพูดส่อเเววร้าวราน เขาเคยรักเต้ย เคยพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองมีทัดเทียม

หลายครั้งที่มีปัญหาเรื่องนี้ เต้ยก็บอกเขาว่าจะพยายามประหยัด แต่ประหยัดของเขากับอีกฝ่ายมันก็ยังถือว่าเป็นคนละมาตรฐานกันอยู่ดี

...เมื่อสายป่านถูกดึงจนตึง ในที่สุดวันที่มันขาดสะบั้นออกเป็นสองส่วนก็มาถึง...

“แล้วยังไง ก็เลยพนันจนเสียหมดตัวเเบบนี้หรือ” เต้ยเริ่มขึ้นเสียง ในอกเดือดปุด ๆ เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะไปเเคร์อะไรนักหนากับไอ้เรื่องเงินทอง เขาเองก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ ถึงคราวไม่มีเขาก็ยินดีจะช่วยหยิบยื่น

“ไอ้ที่ได้มามันก็เป็นค่าใช้จ่ายของเต้ยทั้งนั้นแหละ เวลาไปกินอาหารมื้อละเป็นหมื่น หรือเวลาเต้ยอยากได้กล้องอยากได้เลนส์ มันก็เงินที่เเดนได้มาทั้งนั้น!”

 เสียงทุ้มที่ตะโกนก้องทำให้คนฟังตัวชาไปทุกตารางนิ้ว เขาเคยยิ้มอย่างมีความสุขเสมอในโอกาสพิเศษที่เเดนดินซื้ออะไรต่อมิอะไรให้ เเต่มีสิ่งหนึ่งที่อีกฝ่ายควรรู้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

“เราไม่เคยอยากได้อะไรมากกว่าการที่เเดนอยู่ข้าง ๆ เลย… ไม่เคย…”

“มันไม่เหมือนเดิมแล้วเต้ย” แดนดินสูดหายใจลึก โอบกอดคนร้องไห้โยเยไว้เเนบกาย

ความรู้สึก ‘รักใคร่’ เเห้งเหือดระเหยหายไม่ทิ้งเหลือเอาไว้เเม้เพียงฝุ่นละออง เขาเคยพยายามจะประคับประคองทุกอย่างเอาไว้ด้วยตัวคนเดียว ที่สุดเเล้วมันก็บิดเบี้ยวจนเสียรูป เเหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี

“ที่ทำทั้งหมดนี้ เพราะเราจริง ๆ หรือ”

แดนดินไม่ตอบคำถาม เขารู้ดีว่าว่าอย่างไรวันที่จะต้องพูดคุยกันเรื่องสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็ต้องมาถึง เพียงแต่มันมาถึงไวกว่าที่เขาคิด ทุกอย่างที่เขาเคยเตรียมตัว พลิกกลับตาลปัตรไปเสียหมด

ในครั้งแรกที่เขาเรียนรู้ที่จะพนันขันต่อ มันเกิดจากความสามารถด้านการอ่านเกมกีฬา จึงเล่นเอาสนุก ๆ พอได้เงินมากินมาใช้บ้างนิดหน่อยจากรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันมากพอสมควร

การได้เงินมาง่าย ๆ ทำให้เขารู้สึกเหลิง และการเสียไปบ้างในปริมาณน้อย ๆ ก็ทำให้เขาเข้าใจไปว่ามีกำไร ก็ต้องมีขาดทุน

ผลตอบแทนจากการคาดการณ์ทำเงินให้เเดนดินสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าตกใจทีเดียว ทว่าเมื่อถึงเวลามันผิดคาดขึ้นมาก็เล่นเอาเขาหน้ามืดพอดู

กระทั่งเมื่อสองปีก่อน แดนดินติดหนี้เจ้ามือเหยียบหลักแสนบาท ตอนนั้นเขาเครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจะขอความช่วยเหลือจากที่บ้านก็เป็นไปไม่ได้เมื่อพ่อเเละเเม่เป็นข้าราชการ ด้วยความตงฉินเหลือเกินจึงทำให้ตำเเหน่งของพวกท่านไม่ก้าวหน้าไปไหนนัก การจะติดต่อขอเงินเพื่อมาโปะหนี้จึงเเทบเป็นไปไม่ได้ เขาเคยมีความคิดที่จะรบกวนเต้ย แต่กระนั้นมันยังเป็นช่วงที่ความรักสุกงอม

...แดนดินกลัวการถูกทิ้ง…

เขารู้ตัวว่าชีวิตที่ไม่มีเต้ยในตอนนั้นต้องว่างเปล่าไม่เหลืออะไร… เขารักเต้ยมาก… อีกฝ่ายไม่ควรเลยที่จะต้องมารับรู้มิติที่มืดบอดของเขาเลยเเม้เเต่น้อย

...เเดนดินอยากจะเป็น ‘แดนคนดี’ ของเต้ยตลอดไป…

ที่สุดแล้ว รุ่นพี่หนุ่มจึงเสนอทางออกให้เปลี่ยนจากเงินเป็นเเบบ ในครั้งนั้นแดนดินจึงตัดสินใจทำงานให้รุ่นพี่โดยให้ถือเป็นค่าจ้างแต่ไม่ยอมขายเเบบที่เคยทำให้กับบริษัท

ด้วยความที่ออฟฟิศของภูเเละเต้ยยังเป็นบริษัทรับออกเเบบภูมิทัศน์โนเนม พนักงานยุคบุกเบิกทุกคนต่างก็ทำงานหนักจนเลือดตาเเทบกระเด็น ในที่สุดเขาก็ทำทั้งงานนอกเเละงานในบริษัทไปพร้อมกันไม่ไหว

แดนดินจึงคัดเลือกงานเก่าที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบเเต่เพียงผู้เดียว หรืองานที่เขามีส่วนช่วยมากที่สุดมาผ่อนจ่ายเเทนเงินทอง โดยมีเงื่อนไขว่างานจะต้องผ่านการปรับปรุงเเบบอย่างน้อยหนึ่งถึงสองครั้ง ไม่ให้เหมือนต้นฉบับมากเกินไปนัก

เขาเคยคิดว่าจะเลิก หากยังมีการรบเร้าอยู่บ้างและความลำบากเรื่องเงินเดินมาถึงหน้าประตู เเดนดินจึงหวนกลับเขาสู่วงจรเดิม

...เขาได้ เเละเสีย…

ตราบใดที่ยังได้มากกว่าเสีย แดนดินก็ยังถือว่ามันเป็นกำไร

เขาประมาท คิดว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างได้ จนกระทั่งมาถึงเเมตช์ใหญ่ที่ทุกคนจับตาดู เขาคาดการณ์ผิดไปกับทีมจากประเทศม้ามืด

...ครั้งนี้เขาล้มไม่เป็นท่า…

เงินเก็บสำรองที่กักเอาไว้ยามเสียพนันถูกเทหมดหน้าตัก แต่กระนั้นมันก็ยังไม่พอ หนี้ที่เหลืออีกเกือบเเสนจะถูกจ่ายจนหมดหากบริษัทของรุ่นพี่ได้เข้าสู่รอบไฟนอลของการประกวดเเบบ

ทุกอย่างเป็นไปได้สวยตามเเผนการของเขา เนื่องจากทางนายทุนเปิดพิจารณาเเบบของเเต่ละบริษัทไม่พร้อมกัน แดนดินส่งงานที่เสร็จเเปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับฝั่งคู่เเข่งอย่างเงียบเชียบ

ทุกครั้งที่ส่งแบบ ภาระด้านการเงินของเขาก็เบาลงไปมาก

เดิมทีแดนดินคิดเเล้วว่าเมื่อจบโปรเจ็คใหญ่ เขาคงจะต้องคุยกับคนรักอย่างจริงจัง เขาจะลาออกเเละเปลี่ยนงาน อย่างน้อยที่สุดรุ่นพี่ก็เตรียมที่ทางให้เขาบ้างแล้ว

...ทุกอย่างควรจบได้ด้วยดี...

เขาเองยังเคยนึกโกรธเคืองฟ้าฝนที่บันดาลให้ทุกอย่างไปสู่จุดที่บานปลาย หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงกติกาการนำเสนองานในรอบล่าสุดให้เป็นแบบพบกันหมด ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ ทุกคนรับรู้ร่วมกันเเล้วว่างานนี้มีเเบบรั่วหลุดออกไป หากเขายังเหลือกำหนดต้องส่งแบบไปอีกหนเพื่อชำระหนี้ก้อนสุดท้าย

คนรับเคราะห์คราวนี้อาจจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่เลขาหนุ่มของภู ทว่าหนูพุกอยู่ผิดที่ผิดเวลาเกินไป การให้ทุกคนพุ่งเป้าไปทางนั่น น่าจะพอช่วยถ่วงเวลาให้เขาขายเเบบครั้งสุดท้ายได้ หากเเดนดินคิดไม่ถึง เวลาคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเช็คโทรศัพท์จะดันมาเปิดเจอทุกอย่างทั้งหมดเอาคืนนี้
   

- ต่อด้านล่างค่ะ -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2018 21:22:25 โดย Thei12 »

ออฟไลน์ Miss Midnight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 9 --- [ 22.07.2018 ]
«ตอบ #88 เมื่อ22-07-2018 21:24:46 »

   เช้าวันนี้แดนยังคงเป็นสารถีให้เต้ยเหมือนเคยในช่วงที่รถถูกลากเข้าศูนย์ เพียงแต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่มีเเต่ความมึนตึงเเละห่างเหิน

ที่ผ่านมาเต้ยอดนอนอยู่บ่อยครั้งเพื่อทำงาน หากนี่เป็นครั้งแรกที่เต้ยมองเห็นฟ้าสางกับตาเพราะนอนอยู่เฉย ๆ ถึงรอยน้ำอุ่นร้อนจะไม่ปรากฎบนข้างเเก้มอีก แต่คนที่กำลังดำดิ่งลงในห้วงทุกข์โศกตระหนักดี

...น้ำตาของเขายังไหลอยู่ในใจ…

เต้ยยังไม่อยากยอมรับว่าเรื่องราวทั้งหมดของเขาเเละคนรักเดินมาถึงทางตัน เขาไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำไปว่าเเดนดินจะขายงานได้หน้าตาเฉย กระนั้น… เขาเองก็คงเป็นสาเหตุหลักที่ขับเคลื่อนให้เเดนดินตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

...เขาจะทำอย่างไรได้บ้าง...

หลักฐานทั้งหมดถูกส่งมาจากหนูพุก ถ้าเดาไม่ผิดเขาก็คิดว่าเพื่อนสนิทคงรู้เห็นเเน่แล้ว รายนั้นแยกแยะเรื่องงานเเละเรื่องส่วนตัวได้ดีจนไม่มีอะไรปะปนกันแม้แต่น้อย ในขณะที่เส้นทางของเขามันสะเปะสะปะทับกันไปจนเเยกไม่ออก

หากมีใครสักคนคิดไม่ซื่อกับบริษัทที่เขาสร้างมาเองกับมือ เต้ยยืนยันว่าเขาจะทำให้คนคนนั้นแทบหาที่ยืนในวงการออกแบบไม่ได้

แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป… เขาควรจะทำอย่างไรดี
   
โชคดีที่วันนี้เป็นวันท้าย ๆ สัปดาห์ สถาปนิกหลายคนต่างก็เเยกย้ายกันไปลงไซต์งาน น้อยคนนักที่จะยังนั่งทำงานในออฟฟิศ เต้ยมองคนสีหน้าเรียบเฉยที่เดินเข้ามาพร้อมกันแล้วก็อดเเตะมือตัวเองบนท่อนเเขนเขาไม่ได้
   
“เดี๋ยวเราไปคุยกับภูให้ก่อน”

“ไม่เป็นไร เเดนเตรียมใจมาแล้วล่ะ”

แดนดินวางกระเป๋า มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของคีรินทร์ที่อยู่ด้านในสุดพร้อมกับเต้ย เขาเห็นหนูพุกก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรสักอย่างอยู่ใต้โต๊ะทำงานของตัวเอง เสียงฝีเท้าสองคู่ทำให้เลขาหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาให้เห็นแค่เพียงช่วงตา

ชายหนุ่มตัวสูงค้อมศีรษะให้น้อย ๆ เพื่อเป็นการขอโทษ ไม่ว่าเขาจะเจตนาหรือไม่… สิ่งที่ทำลงไปก็เป็นการทำร้ายหนูพุกไปเเล้ว เขาไม่เเปลกใจเลยที่เเววตาคู่นั้นจะส่องประกายเพียงแต่เเววตำหนิเเละโกรธเคือง

“เอายังไงดี” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองเพื่อนที่ตาบวมเป็นกบกับลูกน้องหนุ่ม

“ผมยินดีรับผิดทุกอย่างครับ ขอโทษที่ภูกับทุกคนด้วย” คนพูดเเววตาไหวระริก ซ่อนความกลัวเอาไว้ในซอกหลืบที่ลึกที่สุดในจิตใจ

...เป็นลูกผู้ชาย กล้าทำต้องกล้ารับ…

ไม่ว่าเหตุปัจจัยจะเกิดจากอะไรก็ตาม แต่ผู้ที่ตัดสินใจเดินทางผิดก็คือเขา เเดนดินไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์เลย

“พูดง่ายดีนี่” คีรินทร์กระตุกยิ้มค่อนขอด หากคนที่นั่งเงียบไม่ต่างอะไรจากแก้วที่ปริร้าวกลับปรามเขาซึ่ง ๆ หน้า

“ภูอย่า...”

“อย่าให้ลาออกไปเฉย ๆ หรืออย่าติดแบล็กลิสต์ เลือกมาสิ” คิ้วหนาเลิกขึ้น มองเพื่อนรักที่ตั้งท่าจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ น่าประหลาดใจที่เต้ยกลับไม่มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อน ขู่จะฟ้องจนหมดตัวเหมือนรายที่เคย ๆ มา

“คุยกันก่อนได้ไหม” กลายเป็นคนไกล่เกลี่ยที่ดูจะเปราะบางที่สุดในสถานการณ์นี้

“เคยบอกให้มาคุยแล้ว ทำไมไม่มาล่ะ”

แดนดินเม้มปากเเน่น ไม่ตอบคำถาม ไม่รู้เพราะเหตุผลกลใดที่ทำให้เขาเลือกผิดเสมอ ส่วนลึกในจิตใจของเขาร่ำร้องขอให้สถานการณ์นี้จบลงโดยไว เขาเลื่อนเอกสารที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นใบลาออกมาเบื้องหน้า เปิดปากกาที่เหน็บไว้บนอกเสื้อลงลายมือชื่อไปอย่างรวดเร็วเเละปราศจากเงื่อนไข

“ออกไปก่อน เก็บของรอไว้ได้เลย ฉันคุยกับเต้ยแล้วจะเรียกมาฟังผล” คนมีอำนาจสูงสุดในบริษัทเสียงเย็นเยียบ

อยู่กันมาตั้งหลายปี แดนดินรู้ว่าภูคงแจ้งความฟ้องเอาผิดทั้งเขาเเละรุ่นพี่ได้ไม่ยาก แต่ที่ควบคุมอารมณ์อยู่ขนาดนี้ได้คงเป็นเพราะอยากรักษาน้ำใจเพื่อนสนิทด้วยส่วนหนึ่ง

เมื่อคล้อยหลังคนสิ้นสุดสถานะเป็นพนักงานเเล้ว คีรินทร์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่… เขาหงุดหงิดไม่น้อยที่เเดนไม่ชี้แจงอะไรเลย ทำไมไม่รู้จักปากเก่งให้เท่าตอนเถียงกันเรื่องงานบ้างก็ไม่รู้

“ตกลงยังไง เล่ามาให้หมดแล้วค่อยมาช่วยกันหาทางออก” เสียงเข้มของคนพูดไม่ต่างอะไรจากค้อนอันโตที่ทุบทำลายทำนบกั้นน้ำตาของเต้ยจนสิ้น

ชายหนุ่มอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่ละเว้นกระทั่งเรื่องที่เขาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เเดนดินต้องเดินมาไกลถึงจุดนี้

“กูไม่เคยขออะไรมึงเลยตั้งแต่เรารู้จักกันมา แต่ครั้งนี้กูขอได้ไหมวะ” เต้ยปรายตามองกล่องกระดาษทิชชูที่เพื่อนดันมาให้ พยายามสูดหายใจลึก บังคับตัวไม่ให้สั่น

“ขออะไร ถ้าจะไม่ให้ออก… บอกเลยว่ากูให้ไม่ได้”

“อย่าเเบล็คลิสต์ได้ไหม”

เต้ยรับรู้เเละเข้าใจว่าจะอย่างไรคนทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นดูเอาได้ แต่อย่างไรเสีย ก็ขอว่าอย่าตัดหนทางทำกินกันต่อไปเลย

...เรื่องทั้งหมดเต้ยก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ...

“เอาเป็นว่าไม่เเบล็กลิสต์ตามที่มึงขอ  เงินชดเชยสามเดือนจะจ่ายให้ตามจริง แล้วยังไงอีก จะขออะไรอีกไหม” คีรินทร์ถาม จะได้จัดการให้หมดไปเสียทีเดียว

 “ไม่เอาแล้ว” เต้ยส่ายหน้า แค่นี้ภูก็ปราณีมากพอเเล้ว ให้แดนสมัครใจลาออกเองไม่ใช่เลิกจ้าง ซ้ำยังจ่ายเงินให้ตามกฎหมาย ไม่มีการฟ้องร้องหรือบันทึกประวัติ

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าภูเองก็เป็นห่วงเเดนดินไม่น้อยไปกว่ากัน เห็นกันมาตั้งแต่แดนดินเพิ่งเรียนจบ ช่วยบริษัทมาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่กระทั่งมามีทุกวันนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ก็คงเป็นทั้งรักทั้งชังนั่นล่ะ

“กูแถมให้แล้วกัน มึงพักสักสามสี่วัน เดี๋ยวกูโทรให้เฮียมึงมารับ กลับไปอยู่บ้าน อย่าอยู่คนเดียว”

กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่คีรินทร์ขอให้หนูพุกเลื่อนประชุมให้ เลขานุการหนุ่มประคองเเก้วชานมอุ่น ๆ เข้ามาให้เจ้านาย

ตั้งแต่พี่เต้ยกับคุณเเดนออกไป พี่ภูก็รูดมูลี่บังสายตา ขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานอย่างเงียบเชียบ หนูพุกพอจะเข้าใจความรู้สึกเขาดี ต่อให้เก่งเเค่ไหน ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ก็คงไม่มีสมาธิจะทำงานต่อ

“พี่ภูครับ ดื่มอะไรหน่อยดีกว่า”

ถ้วยมัคสีเทาใบโตถูกยื่นให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนพิงกรอบหน้าต่าง ทอดสายตาออกไปยังสวนสีเขียวเบื้องล่าง คอมพิวเตอร์จอกว้างมักจะส่องเเสงสว่างอยู่เสมอ บัดนี้มืดสนิท เครื่องปรับอากาศที่เคยเย็นเฉียบก็ถูกปิดตามกัน คีรินทร์ดันหน้าต่างบานเฟี้ยมออกทั้งหมด ให้อากาศ กลิ่นดินและต้นไม้พัดเขามา ทำให้เขาสงบใจลงได้บ้าง

“ขอบคุณมาก วันนี้พี่ไม่เท่เลยเนอะ” เขาหัวเราะขื่น ๆ ส่งลูกน้องที่ไว้ใจออกจากบริษัทไปแล้ว ส่งเพื่อนสนิทกลับไปพักก็เเล้ว ทั้งหมดนี้ก็คงเหลือเเต่ปัญหาที่เขาต้องเเก้ไขต่อไป

...คอนเซปต์งานที่จะนำเสนอรอบสุดท้ายถูกแดนดินปล่อยออกไปแล้ว แม้ว่ามันจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี..

“เท่แล้วครับ หล่อด้วย” หนูพุกยิ้มกว้างขวาง ไม่หวงคำชมกับเขาเลยเเม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าป่านนี้ในสมองของคู่สนทนาคงวนเวียนอยู่กับเเต่เรื่องงาน

“ปากหวานแบบนี้ เอาอะไรดีหืม” เขาถาม ไม่ยักรู้เหมือนกันว่าตัวเองก็เป็นพวกบ้ายอ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าแค่เพียงเลขาหนุ่มยิ้ม มุมปากเขาก็ยกขึ้นไปด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่

“พี่ภูยิ้มแล้ว… ยิ้มเยอะ ๆ นะครับ”

“ขอเเค่นี้เอง มักน้อย” ภูสูดหายใจลึก รู้สึกสบายใจขึ้นที่อย่างน้อยก็มีคนรั้งไว้ไม่ให้เขาจมลงไปกับเรื่องราวที่เพิ่งผ่านพ้นไป

“ถ้ามักมาก…”

...จะขอเป็นเเฟนพี่ภูได้ไหมครับ…

หนูพุกไม่ได้พูดความนัยออกไปจนครบประโยค หากเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นเเทน

“ก็ว่าจะขอลาพักร้อนสักสองอาทิตย์ เจ้านายว่ายังไงครับ”

“ก็ต้องจับตัวไว้ แล้วบอกว่าอย่าเพิ่งหนีพี่ไป… อยู่ช่วยกันทำโปรเจ็คให้เสร็จก่อน” หนูพุกฟังเเล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นอีกด้วยหัวใจเต็มตื้น เพิ่งรู้ด้วยว่าเขาเป็นพวกปากว่ามือถึง พูดปุ๊บมือหนึ่งก็ล็อคข้อมือเขาเอาไว้ปั๊บ

“พูดแบบนี้… ถ้าไม่ไล่ออกก็ไม่ไปแล้วนะครับ”



-------------------------------------------------


มรสุมลูกนี้ผ่านไปแล้วค่ะ  :o12: :o12: /หันไปจ่ายค่าตัวน้องแดน
เรื่องนี้สิบสองว่าหนูพุกก็ได้เอาคืนแล้วด้วยการส่งอีเมลล์ไปให้พี่เต้ย
ซึ่งผลที่ตามมาก็... ทุ่งข้าวสาลีกลายเป็นโกโกครั้นช์... 55555
พี่ภูนี่ตั้งแต่กอดก็มือไวนะคะ มีมาจงมาจับ!! ผิดผีแล้วยกขันหมากมาขอน้องด้วยยยย 5555 :o8: :o8:
 
มาถึงตรงนี้แล้วก็ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ /ปาดนั้มตา  :sad4:
ดีใจที่มีคนชอบ ดีใจที่ยังมีคนรอ ดีใจมากค่ะ มากในมากอีกที เพราะไม่เคยเขียนอะไรยาวขนาดนี้เลย 5555
ขอบคุณนะคะ  :pig4: :pig4: :L1: :L1:

ปล. มีวาร์ปแล้วค่ะ  @ms_midnight ถ้ามาอัพจะเเจ้งในทวิตเตอร์นะคะ
 เก๊าจะวนๆเวียนๆอยู่ในนั้นค่ะ ไหนๆก็ไหนๆ ฝาก #พิชิตภู  :pig4: :pig4: :impress2: ด้วยค่า 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2018 00:19:21 โดย Thei12 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 9 --- [ 22.07.2018 ]
«ตอบ #89 เมื่อ22-07-2018 21:47:09 »

 :o12:

เสียใจกับพี่เต้ย  คบกันมาตั้งนาน เรื่องเงินนี่พังในพัง พังมากจริงๆ

หนูพุกโชคดีที่พี่ภูไม่โง่ อิอิ

 :L2: :L1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด