" พิชิตภู " : Chapter 18 --- [ 17.04.2019 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: " พิชิตภู " : Chapter 18 --- [ 17.04.2019 ]  (อ่าน 75219 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #150 เมื่อ11-08-2018 22:45:49 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แอบลุ้นให้เนื้อความในใบเซียมซีหมายถึงอิฐจัง

เพราะมองไม่เห็นทางว่าหนูพุกกับพี่ภูจะสมหวังยังไงเลย

แต่...มันก็ไม่เข้ากับชื่อเรื่องอ่ะจิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #151 เมื่อ11-08-2018 23:09:32 »

เห้ยๆ............. :laugh: :laugh:หรือเซียมซีที่ว่า...... 
คู่ชีวีได้พานพบประสบเอย
คือพี่อิฐ พี่ชายของปูน  อะจ๊ากกกกกกกกก   :katai2-1:
ยินดีเลย หนูพุกจะได้พบคู่ชีวีแล้ว   :-[
ไม่ต้องช้ำชอกใจแล้ว  เย้    :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #152 เมื่อ11-08-2018 23:31:33 »

สงสารพุกจังเลยนะ ไปเที่ยวพร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำ ดีที่มีปูนคอยช่วยประคองให้
 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #153 เมื่อ12-08-2018 00:05:20 »

แอบเชียร์คุณอิฐ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #154 เมื่อ12-08-2018 00:11:01 »

พี่อิฐ แน่ๆ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #155 เมื่อ12-08-2018 00:59:54 »

เอาไงดีล่ะทีนี้
เชียร์พี่ภูมาครึ่งค่อนเรื่องแล้ว
กลับลำไม่ทันแล้วแง้

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #156 เมื่อ12-08-2018 01:53:00 »

พิชิตภูที่ว่าคืออิฐคนเหนือใช่ไหม ไม่ใช่พี่ภู

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #157 เมื่อ12-08-2018 10:45:03 »

ขอให้เป็นพี่อิฐเหอะ เก็บพี่ภูให้เป็นความทรงจำ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #158 เมื่อ12-08-2018 10:58:10 »

เปลี่ยนเป็นพิชิตอิฐ พิชิตปูน แทนดีกว่าหนูพุก

ให้พิชิตภูหมายถึง บ้านที่อยู่ของอิฐและปูนไปเถอะ // คนมีเจ้าของแล้วเราจะไม่ยุ่ง  :hao7:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #159 เมื่อ12-08-2018 11:56:11 »

หรือว่าจะเป็นคุณอิฐ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
« ตอบ #159 เมื่อ: 12-08-2018 11:56:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 485
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #160 เมื่อ12-08-2018 16:03:36 »

สงสารหนูพุกง่าาาาา

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #161 เมื่อ12-08-2018 22:29:00 »

สารภาพว่าเราไม่ได้คิดว่าพี่ภู เป็นพระเอกมาตั้งแต่แรก เพราะ !!!!
ตอนแรกเลย ที่หนุพุกตกบันได บอกว่ามีสายตานึงมองมาอะไรซักอย่าง ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นคนที่แกล้งหนูพุก และคนนั้นแหละเป็นพระเอก
แต่พอป่านไปหลายตอน พี่ภูเป็นผู้ชายคนเดียวที่มีบทบาทเด่นสุด แถมชื่อเรื่องก็พิชิตภูไปอีก เราก็เลยเปลี่ยนเป้าหมาย สงสัยจะคิดมากไปเอง
พอมาตอนนี้ ฉึ่งงงงง เริ่มคิดว่าพระเอกคือคนนั้นที่เคยคิดแน่ๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นอิฐนี่แหละ งุ้ยๆๆๆๆ
ขอให้เดาถูกด้วยเถ้ออออออ หนูพุกสู้ๆ

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #162 เมื่อ12-08-2018 22:46:08 »

เราอ่านตอนล่่าสุดแล้วอินมากเลยย​ สงสารหนูพุกมากเลยย​ เข้าใจความรู้สึกคนแอบรักเขาเลย
ี่พี่ภูดูรักแพรมาก​ แพรก็ดูเป็นผญที่ด้วยแถมมีแพลนจะแต่งกันอีก​ จะเลิกกันได้ยังไง​ แงงงงงง
หรือพระเอกจะเป็นอิฐ​ แต่ชื่อเรื่องนี้คือพิชิตภูนะ.. ฮือ

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #163 เมื่อ13-08-2018 01:58:02 »

ตอนนี้เริ่มงงๆๆ คือแบบถ้าจะเป็นพี่อิฐก็แบบผ่านมา12อีพีละอะพระเอกเพิ่งมาใช่หรอแต่ พี่ภูกับหนูพุกก็เป็นไปได้ยากอะยิ่งพี่ภูมีแฟนอีกเห้อออออ ได้แต่รอๆๆๆตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #164 เมื่อ13-08-2018 07:37:52 »

 :hao5:  :monkeysad: สงสารหนูพุก  :monkeysad: :hao5: 

 :L1: ขอให้อิฐมีชื่อจริงที่แปลว่า ภูเขา ก็ดี ชื่อแบบเหนือ ๆ ว่า "ม่อนฟ้า" หรือ "ศิขริน" แบบแขก คำทำนายจะได้เป็นจริง :L1:

ออฟไลน์ Miss Midnight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #165 เมื่อ18-08-2018 19:02:21 »

ขอโทษที่ผิดนัดนะคะ
ยังเขียนไม่เสร็จจริงๆค่ะ เพราะว่าอาทิตย์นี้งานเราเยอะมากๆ :z3:  :katai4: ไหว้รอบทิศ  :sad4:
-

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #166 เมื่อ18-08-2018 19:22:36 »

รออ่าน สู้สู้

 :L2:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #167 เมื่อ18-08-2018 20:30:50 »

เรารอได้เรารอได้ รออ่านอย่างใจจดใจจ่อวันนี้รีมาแล้ว10รอบ5555555 สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ Ryyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #168 เมื่อ19-08-2018 00:06:58 »

หนูพุกตัดใจเถอะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #169 เมื่อ21-08-2018 20:54:40 »

เอ้า พี่ภูเรือล่มเฉย
มาถึงตอนนี้อยากให้พี่ภูเป้นพระเอกมั้ยก็เฉยอ่ะ  ยิ่งเห็นรักกันดีกับแพรก้ยิ่งคิดว่าไม่อยากให้เลิกกับแพรเพราะพุกอ่ะ สงสารพุกแค่ว่าถ้าพี่ภูใจโลเลเอนเอียงใส่พุกมันก้ไม่ดีอ่ะ
จริงๆแอบเชียร์หม่อม แต่ท่าทางหม่อมจะจีบเต้ยไปละ เชียร์พี่อิฐละกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
« ตอบ #169 เมื่อ: 21-08-2018 20:54:40 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #170 เมื่อ22-08-2018 01:37:29 »

หายไปนานจัง

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #171 เมื่อ25-08-2018 19:47:22 »

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #172 เมื่อ25-08-2018 20:23:21 »

เข้ามารออยู่นะจ๊ะ  แต่เธอไม่มาซักที~555
รออยู่เน้อ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 12 --- [ 11.08.2018 ]
«ตอบ #173 เมื่อ25-08-2018 20:29:09 »

 :call: :call: :call:

ออฟไลน์ Miss Midnight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 13 --- [ 28.08.2018 ]
«ตอบ #174 เมื่อ28-08-2018 20:41:29 »

Chapter 13



“Behave well my big boy, see you” มือใหญ่ลูบลงบนศีรษะเด็กชายวัยสี่ขวบ ซึ่งเจ้าตัวก็นั่งนิ่งรอคอยการจูบหน้าผากเหมือนทุกทีที่บิดาจะไม่อยู่ด้วย

“See you then” ภูมองพี่ชายที่ยังไม่ละมือออกจากตัวลูก ทั้งที่เด็กน้อยก็ก้มหน้าก้มตาต่อเลโก้ชิ้นโตต่อไปด้วยท่าทีสบาย ๆ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้ลูกติดพ่อหรือพ่อติดลูกกันแน่

“ฝากน้องวินด้วย ถ้าดื้อก็ดุได้เลย” ร่างสูงใหญ่เลื่อนประตูกระจกกั้นระหว่างพื้นที่เล่นของลูกชายและห้องรับแขกปิดลง ตอนนี้เจ้าตัวดีคงคิดว่าคุณย่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนอย่างทุกที

“อืม คนนี้ถนัดเลี้ยงเด็กอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง” คีรินทร์พยักหน้าพลางแตะไหล่คนรัก

แผนพาแฟนสาวเข้าบ้านครั้งแรกล้มครืน เมื่อคุณแม่วัยใกล้เกษียณของเขาดันติดสัมนาที่กรุงเทพด่วน ซ้ำร้ายพี่ชายก็ติดภารกิจฉุกเฉินระดับชาติที่เขาได้แต่สงสัยหากยังไม่ได้มีโอกาสซักถามอย่างเป็นจริงเป็นจัง ตั้งแต่เกิดมาภูไม่เคยเห็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวบ้านไหนเป็นเดือดเป็นร้อนต้องไปง้องอนพี่เลี้ยงเด็กแบบนี้มาก่อน

“ยังไงผมฝากคุณแพรด้วยนะ ฝากภูไม่น่าจะได้เรื่อง…” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยกระเซ้าน้องชายทั้งที่สีหน้าแทบไม่เปลี่ยนแปลง

“ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องกังวลทางนี้นะคะ” แพรยิ้มจางให้คนที่คว้ากุญแจรถเดินลงบันไดไป หากเทียบกับภูแล้ว เธอว่าพี่ชายของอีกฝ่ายเป็นพวกที่จะทำให้คนอื่นเกร็งจนชักได้ง่าย ๆ

ตั้งแต่เมื่อเช้าที่เขาขับรถมารับทั้งภูและเธอที่โรงแรม ขอโทษที่ทำแผนการเที่ยวของเธอพังและขอความช่วยเหลือให้ช่วยดูลูกชายให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างนั้น เล่นเอาเสียคนมองเดาทางไม่ถูกเลย 

“เกร็งเหรอ… อย่าไปคิดมากเลย พวกเสือยิ้มยากก็งี้” คีรินทร์ยักไหล่

ชายหนุ่มออกเดินสำรวจอาคารสามชั้นบนถนนนิมมานเหมินทร์อย่างสนอกสนใจ หกเดือนก่อนหน้าเขาแวะขึ้นมาที่นี่หนหนึ่งแต่การตกแต่งภายในยังไม่เรียบร้อยพร้อมอยู่ขนาดนี้

ชั้นหนึ่งถูกแบ่งเป็นร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งและครัวขนาดใหญ่ซึ่งล็อกเอาไว้ไม่ให้เขาเข้าไปยลโฉม ส่วนพักอาศัยจริง ๆ คือชั้นสองและสามซึ่งแยกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวขนาดเล็ก และห้องอเนกประสงค์ ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดจึงจะเป็นห้องนอนส่วนตัว

“What are you doing?” ชายหนุ่มนั่งลงบนพรมหนานุ่มที่เจ้าหลานชายตัวดีรื้อตัวต่อออกมาเกลื่อนไปหมด

“Uncle Pooh!” เด็กชายผมสีบรูเน็ตหากดวงตาสีเข้มเหมือนบิดาหันมาร้องเสียงดังอย่างตกใจ

“Yep, miss me?” ภูรวบตัวเด็กชายลูกครึ่งมานั่งตัก ฟัดแก้มหลานคนเดียวอย่างมันเขี้ยว ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่เดือนแต่ดูเหมือนว่าหลานชายจะตัวยืดขึ้นกว่าเดิมโข

“กึ๊ดเติงหาขนาดเลยคับ” คนฟังยิ้มกว้างอย่างชอบอกชอบใจกับคนที่พูดภาษาไทยกลางยังผันวรรณยุกต์ไม่ชัดแต่ข้ามขั้นมาอู้กำเมืองแล้ว

...แต้มความหลงหลานของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นพัน...

“ใครสอนน้องวินพูดเนี่ย แด๊ดดี้เหรอ” พอฟังแล้วก็พบว่าเป็นพี่เลี้ยงคนดีคนนั้นอย่างที่คิดไม่ผิด อันที่จริง...คุณอาหนุ่มแน่ใจว่าคงไม่ใช่พ่อเด็กแหง ๆ รายนั้นพูดภาษาไทยกับลูกแทบนับคำได้เลยด้วยซ้ำไป

“น้องวิน สวัสดีอาแพรก่อน”

“สวัสดีครับคนเก่ง ต่อสวยจังเลยครับลูก” สองมือเรียวยกขึ้นรับไหว้หลานชาย แล้วแตะลงเบา ๆ บนแก้มกลมนุ่มนิ่ม 

“อาแพรต่อเครื่องบินกับวินไหม” หญิงสาวระบายยิ้ม เมื่อเด็กชายยื่นกระดาษที่พิมพ์แบบสำเร็จมาเสร็จแล้วมาให้ดูตัวอย่าง… อย่างน้อยที่สุด หลานของคีรินทร์ก็ดูเป็นเด็กอัธยาศัยดีมากทีเดียว

“น้องวินสอนอาแพรหน่อยครับ ทำยังไงบ้างเนี่ย” แพรวานั่งลงบนพรมหนานุ่มเคียงข้างกับหลานชายของคนรัก

ในขณะที่ชายหนุ่มเดินออกไปยังระเบียงหลังบ้านซึ่งเปิดให้เห็นสวนด้านล่างโดยรอบ รั้วล้อมด้วยพืชสวนครัวชนิดต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำอาหาร ปลูกเป็นแนวตั้งไล่ขึ้นมา

   ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่ามีชั้นอะลูมิเนียมรมดำวางอยู่ที่มุมหนึ่ง ชั้นล่างสุดมีดินถุงขนาดสองฝ่ามือ อุปกรณ์เพาะปลูกขนาดย่อมจำพวกส้อมพรวนดิน กระป๋องใส่ปุ๋ยธรรมชาติ และบัวรดน้ำเก็บเอาไว้ ชั้นบนสุดเป็นรางยาวเว้นเป็นหลุมสำหรับปลูกผัก ข้าง ๆ ยังมีถาดเพาะต้นอ่อนของอะไรสักอย่างอยู่ด้วยอีกสามใบ พร้อมทั้งแปะชื่อชัดเจนด้วยว่าของใครเป็นของใคร

   เห็นแล้วเขาก็ได้แต่อมยิ้ม พี่เลี้ยงเด็กของหลานชายนี่ท่าจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันถึงทำให้พี่ชายเขายอมแบ่งพื้นที่ในบ้านให้พักอาศัย ทั้งที่หวงความเป็นส่วนตัวมากพอ ๆ กับจงอางหวงไข่

   ชายหนุ่มก้าวไปในครัว ทุกอย่างถูกทำความสะอาดอย่างดีและเก็บจนเรียบร้อย บนผนังข้างตู้เย็นสองประตูมีบอร์ดแปะกระดาษขนาดย่อมที่ติดไว้ด้วย คีรินทร์ยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อเห็นว่ามันถูกแบ่งออกเป็นสามช่อง คงจะระบายสีแบบปราณีตที่สุดตามความสามารถของเด็กอนุบาล

   ตารางสามช่องนั้นแปะดาวจำนวนไม่เท่ากัน เขาเดาได้ว่าคงจะทำเหมือนที่มารดาเลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเด็ก หากใครมีแต้มดาวสูงจนถึงที่กำหนดไว้น่าจะขออะไรได้อย่างหนึ่ง

   ชายหนุ่มเหลือบตามองคนรักที่เชียร์ให้หลานประกอบเลโก้ชิ้นสุดท้ายจนกลายเครื่องบินเต็มลำแล้วก็มั่นใจว่าแพรจะเป็นแม่ที่ดีได้แน่ เพียงแต่ในช่วงนี้เขายังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวด้วยอะไรต่อมิอะไรยังไม่ค่อยลงตัวก็เท่านั้น

   “แพร ฝากดูของกินให้วินด้วยนะ มีพาสต้าในตู้เย็น แล้วก็อะไรกินได้ไม่ได้แปะอยู่ที่บอร์ดเล็ก” อาจารย์สาวมองคีรินทร์ที่ชะโงกหน้าออกมาจากโซนครัว ยามเห็นหน้าจอโทรศัพท์ในมือใหญ่เรืองแสงขึ้นแพรก็ขมวดคิ้วฉับ

   ...นี่มันวันหยุดไม่ใช่หรือไงกัน...

   “ครับ… เหรอ… เดี๋ยวผมแก้เลยก็ได้… อีกสักประมาณชั่วโมงก็น่าจะได้ครับ ครับ...ไม่เป็นไรครับ” 

   ชายหนุ่มเดินออกจากครัว หายเข้าไปยังส่วนห้องทำงานที่กั้นเอาไว้ด้านหลังห้องนั่งเล่นเป็นสัดส่วน เขาเพิ่งจะรู้ว่าคนเป็นเชฟนี่เลือกใช้คอมพิวเตอร์สเป็คสูงเกินจำเป็นขนาดนี้ ภูละทิ้งความสนใจใคร่รู้ไปชั่วขณะ เขาส่งข้อความขอยืมคอมพิวเตอร์แล้วก็จัดแจงเปิดมันขึ้น โหลดโปรแกรมเขียนแบบมาใช้ไปก่อนเนื่องจากลูกค้าขอให้ปรับเปลี่ยนบริเวณก่อปูนและสร้างชานบ้านเพิ่มเติม

   “ภู…เดี๋ยวแพรเอาออกมาอุ่นแล้วออกมากินด้วยกัน” คนถามนึกฉุนหน่อย ๆ ที่เขาตอบกลับมาทั้งที่ตายังไม่ละออกจากหน้าจอ

   “แพรอุ่นกินก่อนเลย ไว้งานเสร็จแล้วภูออกไปกิน”

   “โอเค… น้องวินครับ เดี๋ยวคุณอาอุ่นพาสต้าแล้วน้องวินเตรียมจานดีไหม” หญิงสาวกุมมือเด็กตัวจ้อย ตกลงกันแล้วเธอก็เห็นว่าน้องวินเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาให้ดูแลตัวเองได้โดยแท้จริง

   เด็กชายตัวน้อยเปิดลิ้นชักเคาน์เตอร์หยิบจานเซรามิคออกมาสามใบและช้อนส้อมเข้าชุดกันออกมาวางเรียงไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนั่งคอยคุณอาสาวที่กำลังมองหาว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ร่างเพรียวบางเดินผ่านบอร์ดไม้ซึ่งมีโพสต์อิทและบิลค่าใช้จ่ายต่างๆและกระดาษโน้ตติดเอาไว้ เธอหยิบกล่องทัปเปอร์แวร์ที่เรียงในตู้เย็นอย่างเรียบร้อยออกมาอุ่นและเตรียมน้ำดื่มให้ทั้งน้องวินและคีรินทร์

   อาหารอิตาเลียนซึ่งทำเส้นจากข้าวไม่ขัดสีทำให้แพรนึกชอบใจมากทีเดียว มีทบอลในซอสโบลองเนสสีแดงก็หอมอร่อยถูกปาก แพรวามองกล่องทัปเปอร์แวร์แล้วโคลงหัวน้อย ๆ เมื่อย้อนนึกถึงอาหารของคีรินทร์ที่เล่นเอาเธอต้องแอดมิดไปสองวันเต็มเนื่องจากอาหารเป็นพิษ

   “ภู… มากินก่อน เดี๋ยวปวดท้อง” หญิงสาวหย่อนจานของตัวเองและหลานชายลงในซิงค์สำหรับล้างจาน กระจกใสกรุผนังบานยาวในครัวทำให้เธอมองลงไปเห็นว่าด้านล่างเริ่มมีพนักงานครัวเข้ามาเริ่มเปิดร้านแล้ว

   “ยังไม่เสร็จเลยแพร ฝากดูวินก่อนนะ” เสียงทุ้มตะโกนตอบ มือขวาขยับเม้าส์และมือซ้ายกดโค้ดลัดที่ช่วยทำให้แปลนบนหน้าจอเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างจริงจัง

   “...”

อาจารย์สาวได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเคยชอบคีรินทร์เพราะเขาเป็นชายหนุ่มไฟแรงที่มุ่งมั่นกับการทำงาน เธอชอบที่เขามักจะท้าทายขีดจำกัดความสามารถของตัวเองเสมอ ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่เคยชื่นชอบกลับกลายเป็นสิ่งซึ่งเธอชิงชังมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยภูเจียดเวลาของเธอไปให้มันเสียมาก

“อาแพรครับ เล่นเกมกับวินไหม” เด็กน้อยวัยสี่ขวบเดินเข้ามาหาเธอ สำเนียงแปลกแปร่งแบบลูกครึ่งทำให้คนฟังอดเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ ในมือจิ๋วมีจอยสติ๊กสองอัน หนำซ้ำหน้าจอโทรทัศน์ก็ยังต่อเข้ากับเครื่องเล่นเกมเสียเรียบร้อย

   “อาแพรไม่ถนัดเลยค่ะ… แต่ว่าถ้าน้องวินสอนก็น่าจะพอได้นะ”

แพรวาพยักหน้า แม้เธอจะไม่ถนัด ไม่ชอบใจหรืออะไรก็ตาม ทว่าเธอก็ยังรู้ว่าไม่ควรปฏิเสธเด็กที่ฝากเอาไว้กับคนไม่คุ้นเคย ดวงตากลมโตเหลือบมองไปที่นาฬิกาดิจิตอลบนผนัง ตัวเลขสีขาวฟ้องว่าเลยเที่ยงวันมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ไหนเจ้าของบ้านว่าไม่เกินเที่ยงก็คงกลับ

หญิงสาวนั่งลงบนโซฟา เห็นเด็กเอาหมอนอิงมารองศอกแล้วก็เอาบ้าง โชคดีในโชคร้ายของเธอวันนี้ก็คงจะเป็นน้องวินที่เลี้ยงง่ายกว่าที่คิดไว้

...คงต้องยกความดีความชอบให้พ่อเขา…

   สมาธิของหญิงสาวไม่ได้จดจ่ออยู่กับเกมจูราสสิคเวิล์ดของเด็กชายเท่าที่ควร ใจหนึ่งพะวักพะวงกับเรื่องคนรักไม่ค่อยจะดูแลเรื่องปากท้องของตัวเองเท่าไหร่ อีกใจก็นึกหงุดหงิดที่เธอตกมาอยู่ในสภาพนี้อีกหน

   ...วันหยุดที่ไม่เคยได้หยุด…

   “Wow! GG!” น้องวินหัวเราะคิกคักเมื่อเกมแรกจบลง ศัพท์แสงที่หลุดออกมาทำเอาคนแก่วัยกว่าที่ไม่ถนัดด้านนี้งงเป็นไก่ตาแตก

   “What does it mean?” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งพอจะจับได้ว่าน้องวินพูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย

   “It is a good game. Can we play this again?” เด็กชายเงยหน้าถาม โดยปกติแล้วแด๊ดดี้มักจะให้น้องวินเล่นเกมที่ต้องเพ่งจอแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ ครั้งละสี่สิบนาทีเท่านั้นเอง

   “sure, and this is for the winner!” เธอยิ้มกว้าง หยิบเอาลูกอมคาราเมลในกระเป๋าเสื้อมาแบ่งกันกินกับหลานชาย เป็นรางวัลให้คนชนะเกมแล้วชักชวนกันเล่นต่ออีกตา จนแทบลืมใครอีกคนที่จมลงไปกับงานแล้ว

“Will we go left of right?”

สองอาหลานช่วยกันทำมิชชั่นในเกมไปพลางปรึกษากันไปหากคราวนี้เสียงของหลานชายกลับดูแปลกแปร่งด้วยทั้งเเห้งทั้งแหบ เมื่อดวงตากลมละออกจากหน้าจอแล้วเธอก็ได้แต่ใจหาย

“ภู! ภู… น้องวินเป็นอะไรไม่รู้!”คุณอาสาวกรีดร้อง เมื่อเห็นว่าละสายตาไปเเค่พักเดียวก็ตัวเเดงเป็นกุ้ง ทั้งยังหายใจสั้นลงด้วย

“Win! Look at me and take a deep breathe!” เธอละล่ำละลัก ได้แต่บอกให้หลานนอนลงและสูดหายใจลึก ๆ

“เป็นอะไร… เฮ้ย! ทำไมเป็นแบบนี้ ให้กินอะไรเข้าไปหรือเปล่า” คุณอาหนุ่มถลันเข้ามาหา ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นหลานนอนตัวแดง หายใจหอบคล้ายจะหายใจไม่ออก

...เขาเองก็เคยเป็นมาก่อนใยกันจะไม่รู้...

“ก็กินพาสต้าในตู้เย็น แล้วเมื่อกี้ก็กินลูกอมของแพร… อันที่ภูชอบกินน่ะ”

“เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยแพร” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พูดเสียงเข้มแล้วส่งโทรศัพท์ตัวเองให้เธอ

หัวใจของภูเต้นระส่ำเมื่ออยู่ในสถานการณ์วิกฤติ ด้วยลูกอมที่น้องวินกินเข้าไปเป็นลูกอมคาราเมลผสมเนยถั่ว ซึ่งเจ้าตัวก็ดันเเพ้ถั่วขั้นรุนแรง ชายหนุ่มได้แต่ข่มใจ ไม่ทำกระโตกกระตากให้เด็กใจเสีย

“น้องวิน... Where is your Epipen?”

“It’s in the first aids box over there.” ใบหน้าคมสันพยักลงเป็นสัญญาณว่ารับรู้ เขาลุกไปรื้อลิ้นชักที่ใช้เก็บกล่องยาโดยเฉพาะเเล้วก็เจอกล่องผ้าสำหรับเก็บยาฉีดแก้ภูมิแพ้ชนิดรุนแรงแบบปากกาซึ่งเตรียมไว้พร้อม

เข็มนาฬิกาเดินไปเพียงนิดหากยาวนานเหลือเกินในความรู้สึก คีรินทร์เลิกชายกางเกงขาสั้นของน้องวินขึ้นแล้วปักปลายด้ามปากกาลงบนต้นขา

เด็กน้อยที่เริ่มจะหายใจไม่สะดวกทำให้เเพรวาใจเสียจนร้องไห้ออกมา เธอพูดโทรศัพท์แทบจะไม่เป็นคำ โชคยังดีที่ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงพอดู ซ้ำยังตั้งอยู่บนถนนเส้นใหญ่ที่ใคร ๆ ก็รู้จักดี จึงไม่ยากเย็นจนเกินไปนักกับการแจ้งพิกัด

ขณะที่อาจารย์มหาวิทยาลัยสาวโทรเรียกแอมบูแลนซ์ คีรินทร์ก็โทรหาพี่ชายไปด้วยและตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่โรงพยาบาล ยามคีรินทร์อุ้มร่างเล็กป้อมลงมารอที่ด้านล่าง เหล่าพนักงานก็แตกฮือเป็นผึ้งแตกรัง คนครัวช่วยกันยกเอาเก้าอี้บุนวมนุ่ม ๆ มาต่อกันให้นอนคอยรถพยาบาล

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ คีรินทร์นั่งเคียงแพรวาอยู่เงียบ ๆ นัยน์ตาคมแดงก่ำไม่แพ้กันกับเธอ อาจารย์สาวได้แต่บริภาษตัวเองซ้ำ ๆ ในความไม่รู้และไม่ทันระวัง เธอเหลือบตามองอีกคนที่นั่งนิ่งเงียบแทบไม่พูดอะไรเลย

“ขอโทษนะ… คือ แพรไม่รู้จริงๆ”

“ภูบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ดูบอร์ดที่ติดไว้ก่อน… ทำไมสะเพร่าล่ะ” คีรินทร์สูดหายใจลึก รู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกมัดตึงเขม็ง ชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เสียงดังหากเสียงทุ้มที่เอ่ยช้าชั้นสะท้อนชัดถึงอารมณ์

ในอกชายหนุ่มเหมือนมีลาวาเดือดปุดไหลวนจวนเจียนจะปะทุอยู่รอมร่อ… นั่นหลานชายคนแรกและคนเดียวของบ้าน…

ไม่มีอะไรเลยที่จะมีคุณค่ามากไปกว่าเด็กชายกาลวินทร์ของเขา

“ภู…” มือเรียวแตะลงบนต้นแขนล่ำสัน ตากลมรื้นน้ำจนเห็นได้ชัด

“ไว้หมอออกมาค่อยคุยกัน”

มือใหญ่ตบเบา ๆ ลงบนมือของคนรักแล้วละออก ชายหนุ่มถอนหายใจแม้จะมียาฉีดและพามาส่งถึงมือหมอได้ทันท่วงที หากภูยังไม่สิ้นกังวล หัวใจของเขาจะคลายลงได้เมื่อแพทย์ยืนยันว่าน้องวินปลอดภัยเท่านั้น

“ทำไมต้องทำเหมือนทั้งหมดนี้แพรผิดอยู่คนเดียว…” เสียงหวานสั่นพร่า ท้วงติงออกมายามเห็นว่าชายหนุ่มจงใจจะลุกออกไป แค่คิดว่าน้องวินจะปลอดภัยไหม พ่อเด็กจะว่าอย่างไรบ้างแพรก็หวั่นใจจนทำอะไรไม่ถูก

“ทำไมไม่ช่วยกันดูแลหลานบ้าง…” เพียงกระพริบตาหยดน้ำวาวใสก็กลิ้งหล่นลง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจของเธอ

แพรวาคิดว่าตัวเองพยายามอย่างเต็มที่แล้วกับทุกอย่างในวันนี้ เธอยอมถูกล้มแพลนเที่ยวเพื่อให้พี่ชายของคีรินทร์ได้ไปธุระ เธออยู่เป็นเพื่อนเล่นกับน้องวินตลอดเวลาทั้งที่เกมพวกนั้นมันแสนจะน่าเบื่อ เธอพลาดร้านอาหารที่จองมาตั้งแต่อยู่กรุงเทพเพื่อกินพาสต้าอุ่นไมโครเวฟ และอยู่กับคนรักที่ดูเหมือนว่าจะรักงานมากกว่าเธอเสียอีก

“เพราะภูไว้ใจแพรไง…”

คำพูดที่ไม่ต่างอะไรกับคมหอกนั้นทำให้ปราการความอดทนของอาจารย์สาวพังทลายลง เธอรู้ตัวดีว่าอันตรายถึงชีวิตเกิดขึ้นเพราะความไม่รอบคอบของตัวเอง หากสิ่งที่ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเธอดิ่งลงเป็นทบทวีคือความคิดคาดหวังว่าคนรักจะอยู่เคียงข้าง จับมือเธอไว้ในตอนที่พลาดพลั้ง

...น่าเสียดายที่แพรวาคิดผิดไปถนัด...


..........................

ออฟไลน์ Miss Midnight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 13 --- [ 28.08.2018 ]
«ตอบ #175 เมื่อ28-08-2018 20:42:48 »

   ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ข้ามจังหวัดไปทำให้หนังตาของคนนั่งเบาะหลังปรือปรอย หนูพุกพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษามารยาทด้วยการไม่หนีคนขับไปเฝ้าพระอินทร์ หากดูเหมือนแอร์เย็นฉ่ำที่กระทบผิวจะไม่ค่อยเป็นใจ ทีแรกเขาว่าจะคุยกับปูน รายนั้นยังไม่พ้นสี่สิบกิโลเมตรก็กรนคร่อก ทิ้งให้เขาเผลอสบตากับคุณอิฐผ่านกระจกมองหลังอยู่เนือง ๆ

   “ง่วงก็หลับเถอะ ผมไม่ได้มาพาคุณไปทรมานนะ” เสียงทุ้มจากเบาะหน้าดังขึ้นเล่นเอาหนูพุกปั้นหน้าไม่ถูก ทั้งที่เพ่งสายตามองนกมองไม้นอกหน้าต่างแล้วเชียว

   “ผมก็อยู่เป็นเพื่อนไงครับ คุณไม่ง่วงบ้างเหรอ ขับรถจากเชียงรายไปรับพวกเราแล้วก็ยังวกกลับมาอีก”

หนูพุกหยิบขวดน้ำในกระเป๋ามาเปิดจิบแก้เก้อ ตั้งแต่ย่ำรุ่งกระทั่งพระอาทิตย์โชนแสงให้แสบตา อิฐก็ยังเหยียบคันเร่งหมุนพวงมาลัยไปเรื่อยไม่ได้มีท่าทีเมื่อยขบให้เห็นสักนิด

   ถ้าลองเอานิ้วจิ้มที่คอเเล้วมีน๊อตหลุดออกมาสักตัวเขาจะไม่แปลกใจเลย

   “เมื่อวานผมมาธุระที่เชียงใหม่ ตื่นมาแล้วก็ค่อยไปรับคุณกับน้องนั่นแหละครับ หายห่วงเถอะ ไม่หลับในแน่นอน” อิฐยิ้มมุมปาก เขาลอบมองท่าทางเหรอหราน่าเอ็นดูชวนให้คิดว่าคนแบบนี้จะมาคบกับไอ้ปูนได้ยังไง เพื่อนมันแต่ละคนทะโมนยิ่งกว่าลิงลพบุรีทั้งจังหวัดรวมกันเสียอีก

   “อีกนานไหมครับกว่าจะถึง”

หนูพุกมองนาฬิกาที่ล่วงเลยมานานกว่าที่คิด รถยนต์คันนี้ยังคงวิ่งอยู่บนทางหลวงชนบทลาดยางเรียบกริบ พิจารณาดูแล้วก็เดาได้ว่าคงเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ไม่เกินปี บนถนนสองเลนมีรถอยู่ประปรายแต่เดาว่าน่าจะมากกว่าปกติเนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์

   “อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ… เป็นวัยรุ่นใจร้อนเหรอคุณน่ะ”

   เพราะเป็นคนเพิ่งรู้จักหนูพุกจึงสงวนท่าทีไม่ย่นหน้าไปกับถ้อยคำหยอกล้อ ที่ว่าวัยรุ่นใจร้อนน่ะ หนูพุกว่าน่าจะเป็นคนพูดเสียเองต่างหาก เขาพอจะสังเกตได้ว่าอิฐเร่งความเร็วรถขึ้น แถมยังแซงรถอื่นมาสามหนเเล้วด้วยซ้ำ

   “คุณพุก… ก้มหัวลงนะ” เสียงทุ่มเรียบเรื่อยเอ่ยถ้อยคำชวนให้สนเท่ห์ อิฐมองกระจกข้าง หาทางจะเเซงออกด้านขวา

   “ฮะ… ก้มทำไมครับ” คนสั่งขมวดคิ้วเมื่อผู้โดยสารไม่ทำถามซ้ำยังมาตั้งคำถามอีก

   “ผมบอกให้ก้มก็ก้มเถอะน่า” ชายหนุ่มสะบัดเสียง เขาหมุนพวงมาลัยออกขวาแล้วเหยียบคันเร่งแซงรถเก๋งขนาดเล็กคันหน้าทันที

เปรี้ยง!

เสียงกระจกแตกจากด้านหลังทำให้หนูพุกตกใจ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกจะหันกลับไปมองก็ถูกเสียงเข้มสั่งเฉียบขาด

“อย่าหันไปมอง! ก้มหัวลงไปให้ต่ำที่สุดถ้าคุณยังไม่อยากตาย” ด้วยอารามตกใจกอรปกับรถยนต์คันใหญ่เหวี่ยงซ้ายทีขวาทีทำให้หนูพุกหล่นลงไปนั่งบนพื้นรถ หางตามองเห็นแวบๆว่ากระจกหน้ามีรอยกลม ๆ ผ่านออกไป

...ถ้าไม่ได้ตาฝาด เขาคิดว่านั่นคงเป็นรอยกระสุน…

“อะไรวะเนี่ย”

คนที่หลับนิ่งมาตลอดทางตื่นเต็มตา ปูนเห็นหน้าพี่ชายกับกระจกหน้ารถเเล้วก็พอรู้ว่าเขาควรต้องทำอะไร มือซ้ายของปูนปรับเบาะให้เอนราบลงจนสุดระยะเพื่อป้องกันไม่ให้โดนส่องหัวเอาง่าย ๆ ส่วนมือขวาก็รับทัชโฟนจากพี่ชาย

“โทรหาตำรวจที” เขาเปิดหาเบอร์ส่วนตัวของนายตำรวจเพื่อนพี่ชายแล้วกรอกเสียงลงไป ปล่อยให้คนตัวบางที่ยังไม่กล้ากระเถิบขึ้นมาจากพื้นรถประมวลผลไปเงียบ ๆ โดยปราศจากคำอธิบาย

   ...นี่มันอะไรกัน…

ใครก็ได้บอกหนูพุกทีว่าพี่น้องบ้านนี้ไม่ได้เล่นการเมืองหรือขนยาเสพติดใช่หรือเปล่า

   “รถกระบะสีบรอนซ์ น่าจะมากันเเค่สองคน คนหนึ่งขับคนหนึ่งยิง ไม่เห็นป้ายทะเบียน อีกห้ากิโลจะถึงส.น. ตอนนี้ยังไม่มีใครบาดเจ็บ” อิฐเร่งเสียงให้ดังพอจะลอดเข้าไปในสายโทรศัพท์ หนูพุกได้ยินนายตำรวจปลายสายรับคำ บอกว่าจะส่งกำลังออกมาช่วยกันให้

   เพราะเป็นทางสองเลนหนำซ้ำรถที่สัญจรไปมาก็แน่นขนัดกว่าปกติจึงถือว่าเป็นโชคดีให้อิฐพอจะหาที่ซิกเเซกเอาตัวรอดได้ เขาเห็นรถทัวร์ขสมกอยู่ด้านหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าประเดี๋ยวอีกฝ่ายจะต้องเลี้ยวขวาเข้าไปที่ตัวเมือง เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงมองหาช่องว่างเร่งเครื่องแซงหน้ารถใหญ่ขึ้นไปแล้วใช้มันเป็นโล่กำบังให้

ช่วงชุลมุนแบบนี้พวกมันคงไม่กล้ายิง ด้วยหากลูกปืนลองไปถูกหัวใครขึ้นมาเรื่องคงใหญ่ยิ่งกว่าเดิม   

หนูพุกมองไม่เห็นอะไรอย่างที่สองพี่น้องด้านหน้ามองเห็น ซ้ายก็เบาะ ขวาก็เบาะ เขาตัวคลอนไปมา.. ยิ่งไปกว่านั้นก็คงเป็นใจที่หวาดวิตก

...หนูพุกไม่ได้เตรียมตัวมาตายที่นี่…

ชายหนุ่มใจเต้นตึกตักจนเหมือนมันจะทะลุออกมานอกอก เพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองมีห่วงเยอะแยะขนาดไหนก็เวลาจวนตัวอย่างนี้ ถึงป๊ากับม้าจะไม่ได้มีโรคใดจำเพาะแต่ก็ยังต้องไปพบหมอตรวจสุขภาพอยู่เป็นระยะ อย่างนี้ใครจะคอยดูยา ใครจะพาไปหาหมอ เภาเองก็เพิ่งจะเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม เขายังไม่ได้ซื้อรองเท้าให้เป็นรางวัลที่อีกฝ่ายว่าจะเอาเกรดสี่งาม ๆ มาแลก สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นอีกคนที่เข้ามาอยู่ในห้วงความคิด

ถ้าเขาไม่อยู่แล้ว… ใครจะคอยดูแลพี่ภูกัน

จะมีเลขาสักกี่คนที่ยอมอยู่ล่วงเวลาโดยไม่โอดครวญ จะมีใครที่ทำงานทุกชิ้นอย่างรัดกุมเกินปกติเพราะไม่อยากให้พี่ภูลำบาก จะมีเลขาที่ไหนรักและเป็นห่วงเขาอยู่ทุกขณะจิต

“น่าจะหลุดแล้วนะ” อิฐว่า เขาชำเลืองมองหลังก็ไม่เห็นว่ามีใครตามมาอีกแต่ก็ไม่ได้ลดความเร็วลง

“พี่พุกอย่าเพิ่งลุกขึ้นมา เอาให้ชัวร์ก่อน” ปูนเอื้อมเเขนมาจับคนตัวสั่นงันงก เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอที่อุตส่าห์จะพาคนอกหักมาย้อมใจแต่ดันเสียฤกษ์

อยู่เชียงใหม่หนีคู่รัก อยู่เชียงรายหนีกระสุน เชื่อเขาเลยจริง ๆ

“โห เอาเรื่องว่ะ” ปูนอุทาน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นด่านตรวจที่ผุดขึ้นมาได้ภายในไม่ถึงห้านาที ซ้ำยังมีรถตำรวจจอดบริเวณไหล่ทางและเปิดสัญญาณไซเรนอีกด้วย

 เหตุการณ์เฉียดตายวันนี้ทำให้หนูพุกได้เปิดประสบการณ์ใหม่อย่างที่ไม่เคยนึกฝัน เมื่อถึงสถานีตำรวจนอกเมืองแล้วเขาก็แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้พร้อมกับอิฐและปูน นอกจากหวิดตายแล้วหนูพุกก็เพิ่งจะได้ข้อมูลใหม่มาประดับสมองว่าสองพี่น้องคู่นี้มีคนนับหน้าถือตาอยู่ไม่น้อย

เขาได้ยินคนเดินสวนไปสวนมาเรียกอิฐว่า ‘พ่อเลี้ยง’ ฟังแล้วก็นึกทึ่ง ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรทำนองนี้กับหู อันที่จริงแล้วหนูพุกคิดเอาเองว่าคำนำหน้าการันตีความล่ำซำอย่างนี้จะมีแต่ในละครเสียอีก

กว่าเรื่องราวทั้งหมดจะแล้วสิ้นก็ปาไปเกือบเที่ยง อิฐทิ้งรถไว้ที่สน.เพื่อให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐาน และมีสารวัตรที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับอิฐขับรถกลับมาส่งแทน นั่งฟังก็พบว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่ไหนแต่ไร

“หนังเหนียวฉิบหาย เอาไว้ได้เรื่องว่ายังไงกูจะโทรบอกแล้วกัน... ยังไงเที่ยวให้สนุกนะคุณ ขากลับเดี๋ยวผมหาคนมาคุ้มกัน ปลอดภัยแน่นอน”

 นายตำรวจในเครื่องแบบโบกมือลาโดยที่ไม่ลงจากรถแล้วยังยกยิ้มราวกับที่หนูพุกพบเป็นเรื่องปกติเสียเต็มประดา เมื่อเจ้าถิ่นว่าอย่างนั้นหนูพุกก็ทำได้เพียงแต่ยิ้มแกน ๆ รับคำและขอบคุณไปตามมารยาท

“หายช็อคหรือยังเนี่ยพี่พุก ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า หิวจนแสบไส้ไปหมด” ปูนตบแขนรุ่นพี่แปะ ๆ ลากเอาคนที่ขวัญหนีดีฝ่อเข้าบ้าน

“ปลอดภัยแล้วคุณ อยู่ในนี้ไม่มีใครเข้ามาได้หรอก”

สีหน้าเคร่งขรึมเป็นนิจของคนพูดค่อยทำให้คนฟังคลายใจ หนูพุกคิดว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยไม่ใช่เพียงสีหน้าหรือคำพูดยืนยัน แต่คงเป็นสิ่งที่ใครต่อใครเรียกกันว่าบารมีต่างหากที่ทำให้เขาเชื่อ

กว่าสติที่หลุดลอยหายไปจะกลับคืน หนูพุกก็ก้าวเข้ามาในห้องรับประทานอาหารของบ้านไม้สักทองหลังใหญ่บนภูเขาสูง โต๊ะอาหารขนาดแปดที่นั่งทำจากไม้ซึ่งถูกขัดจนเงาวับล้อไปกับการตกแต่งเรียบง่ายภายใน ผนังสองด้านทำเป็นช่องเปิดให้เห็นทิวทัศน์ภายนอกด้วยประตูบานเฟี้ยมกรุกระจกตั้งแต่พื้นถึงฝ้ายาวตลอดแนว เมื่อเปิดออกไปแล้วจึงจะเป็นชานบ้านยกสูง

ภาพเบื้องหน้าทำให้คนที่เห็นแต่ป่าคอนกรีตจนชินตาลิงโลดขึ้น เขาเคยเห็นภาพไร่ชาแบบขั้นบันไดมานักต่อนัก แต่ก็เพิ่งจะเห็นกับตาว่าภาพต้นไม้ใหญ่โอบล้อมทิวเขาขั้นบันไดซึ่งปลูกต้นชาเป็นพุ่มยาวไปตามแนวที่จัดไว้สวยงามขนาดนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์แต่งรูปเลยสักนิด

“ข้าวไม่ต้องกินแล้ว อิ่มวิวแล้ว” ไอ้แสบทักเสียงดัง ในมือกำทัพพีพร้อมจ้วงข้าวจากหม้อลงจาน

หนูพุกเดินเข้ามาในครัว เตะขาปูนไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้แล้วก็ช่วยลำเลี้ยงจานข้าวออกไปวางที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับเจ้าของบ้านคนพี่ซึ่งถือชามโคมใบใหญ่ใส่แกงเผ็ดสีแดงชาดมือหนึ่ง อีกมือถือจานของทอดซึ่งเขายังไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร

“ไม่แน่ใจว่าจะพอกินได้หรือเปล่า เห็นปูนบอกว่าคุณกินอาหารเด็ก” อิฐหมายถึงแกงฮังเลในชามเคลือบสีนวลซึ่งดูแล้วคงเผ็ดที่สุดในสำรับ พอบอกว่าวันนี้ที่บ้านจะมีแขกมา แม่บ้านก็ร่าเริงใหญ่ เล่นจัดอาหารมาอวดเสน่ห์ปลายจวักเสียเต็มที่

“ผมไม่ได้กินซีรีแล็คเป็นอาหารหลักนะคุณ” หนูพุกหัวเราะเพราะคำเขา “แต่ก็ขอบคุณมากครับ”

ชายหนุ่มว่า ซึ้งใจเจ้าบ้านที่ใส่ใจไปถึงเรื่องนี้ แล้วคนตาเรียวยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นปูนยกจานไข่เจียวออกมาด้วย สงสัยจะกันเหนียวกลัวเขาจูนไม่ติดกับอาหารเหนือ

   มื้ออาหารที่ควบทั้งเช้าทั้งกลางวันที่ทำให้หนูพุกเริ่มเข้าถึงกับทั้งอิฐและปูนมากขึ้นกว่าเก่า ปูนก็ยังคงเป็นปูนตั้งแต่เด็กซนอย่างไรก็อย่างนั้น

   “แล้วไปอยู่ไกล ๆ ไม่คิดถึงบ้านบ้างเหรอเราน่ะ” หนูพุกเปรย เขาเห็นว่าจากคนที่ร่าเริงอยู่แล้วดูจะร่าเริงขึ้นอีกเมื่อได้กลับบ้าน

   “ไม่อยากบอกว่าคิดถึงเลย กลัวต้องกลับมาเดินท่อ”

ปูนหัวเราะ เล่าให้ฟังว่าเดิมทีไร่ชาเป็นสมบัติฝั่งแม่ ที่เห็นเป็นอาณาจักรกว้างไกลอย่างตอนนี้มีที่เดิมอยู่สักหกในสิบส่วนได้ ส่วนที่ดินที่เหลืออีกสี่ส่วนเป็นฝีมือของอิฐที่ทำให้งอกเงยขึ้น

   ก่อนหน้านี้เนื้อที่ไม่ได้มากมายคนงานจึงไม่ได้มากตาม ส่วนใหญ่ก็เป็นญาติห่าง ๆ ที่จ้างให้เข้ามาทำงานและมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงบ้าง พอเข้าช่วงต่อเติมขายพื้นที่ เจ้าของก็ต้องลงมือช่วยกันวางระบบท่อเดินน้ำคอยรดต้นชา

   “พี่เห็นเวิ้งนั้นไหม ผมเดินเองกับมือ” ปูนชี้ไปที่โซนหนึ่งซึ่งเป็นระยะไม่น้อยทีเดียว

   “แล้วแบบนี้คุณอิฐดูแลคนเดียวเลยเหรอครับ” ชายหนุ่มหันไปถาม เขาเห็นที่เป็นร้อยไร่แล้วก็เหนื่อยแทน นี่ยังเห็นอยู่ลิบ ๆ ว่าฟากที่ใกล้กับทางเข้ามีการสร้างอาคารเพิ่มเติมด้วย

   “มีพี่สาวผมอีกคน วันนี้เข้าเมืองน่ะ”

ชายหนุ่มเจ้าของบ้านรวบช้อน เมื่อเห็นว่ารับประทานอาหารกันอิ่มถ้วนหน้าแล้ว หนูพุกก็ช่วยเขาเก็บจานในขณะที่ปูนไปหาฝาชีมาครอบกับข้าวรอเวลาแม่บ้านมาทำความสะอาดช่วงบ่ายและพาหนูพุกลงไปที่ไร่

   สองเท้าของคนกรุงเทพโดยกำเนิดเดินย่ำไปบนคันดินตอนปูนให้ไปทดลองเด็ดใบชา หนูพุกแตะนิ้วลงบนใบสีเขียวสดเป็นมัน นึกถึงใบชาจีนที่ป๊าชอบดื่มแล้วก็ตั้งใจสัมผัสมันอย่างจริงจัง กว่าจะไปเป็นชาสำเร็จรูปมันก็แห้งจนไม่เหลือเค้าเดิม

เขาเห็นคนงานพากันเด็ดใบชาลงอุปกรณ์เก็บซึ่งขึ้นโครงจากเหล็กแล้วล้อมด้วยตาข่ายรูปทรงคล้ายกระป๋องขนาดใหญ่แล้วก็นึกยกย่องเรื่องความชำนาญอยู่ในใจ เมื่อเกือบทุกคนทำงานมือเป็นระวิงคล้ายต่อให้ปิดตาก็ยังทำงานต่อได้อย่างไรอุปสรรค ทุกคนเด็ดชาพุ่มนี้ขยับไปพุ่มโน้นและไปต่ออย่างรวดเร็วทีเดียว

   “มีของกินเล่นด้วยนะพี่พุก ไม่กินถือว่ามาไม่ถึง” เด็กซนรุนหลังเขาให้เข้าไปในอาคารสำนักงาน หนูพุกเห็นห้องประชุมอยู่ฝั่งหนึ่ง อีกส่วนกั้นเอาไว้สำหรับพนักงาน และด้านหลังสุดเป็นสถานที่ซึ่งหนูพุกไม่คาดคิดว่าจะมี

   มันเป็นห้องครัวเล็ก ๆ ที่มีโต๊ะสตูล มีพื้นที่สำหรับทดลองแปรรูปชาหลายสายพันธ์ที่ปลูกไว้ ภายในห้องที่กั้นขึ้นง่าย ๆ อวลไปด้วยกลิ่นชา สำคัญที่สุดก็คงเป็นมุมเล็ก ๆ ที่มีเตาแบบใช้แก๊สกระป๋อง ตั้งหม้อน้ำมันเอาไว้พร้อมสรรพทีเดียว

   “ไงล่ะ อึ้งดิพี่” ปูนกระเซ้า วันนี้ไม่ได้มีใครเข้ามาใช้ห้องนี้เขาจึงขอให้พนักงานช่วยเตรียมของเอาไว้ ทั้งหม้อทอด จานชาม และวัตถุดิบอีกสารพัด

   “ยืนมองแบบนี้ใบชาไม่สุกนะครับผม อยากกินต้องช่วยกันทอด”

ปูนยื่นถ้วยผสมให้เขาแล้วส่งแป้งอเนกประสงค์ที่ผ่านการปรุงรสมาแล้วให้หนูพุก เขาไม่คิดจะชวนคนเป็นพี่เพราะเห็นว่าคงกินมาจนหน้าจะเป็นใบชา แค่เห็นก็เดินหนีไปคุยกับคนงานแล้วนั่น

“ให้ทอดได้เลยเหรอ” หนูพุกเห็นปูนเทน้ำลงถ้วยผสมแล้วก็ลังเล เห็นน้ำมันพรายฟองอยู่ในหม้อแสตนเลสแล้วเขาไม่ไว้ใจ กลัวมันจะกระเด็นให้ได้เจ็บ

“ทอดน้ำมันเยอะแบบนี้ไม่กระเด็นแน่นอน”

ว่าแล้วมือโปรก็เอาใบชาที่ตัดเป็นช่อเล็ก ๆ ลงทอดเป็นตัวอย่าง เห็นว่าปลอดภัยดังนั้นหนูพุกก็เริ่มสนุก ทอดจนใบชาหมดไปครึ่งกระบะทีเดียว

   “ชิม ๆ อันนี้อร่อยมาก” ปูนยื่นใบชาชุบแป้งทอดสะเด็ดน้ำมันแล้วส่งให้หนูพุกชิม ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นรอฟังคอมเมนท์จากคนนอกอย่างตื่นเต้น

   “อร่อยใช้ได้เลยนะเนี่ย ทำขายหรือเปล่า” หนูพุกตาวาว กะว่าถ้ามีขายจะเหมาไปฝากคนที่ออฟฟิศกับคนที่บ้านด้วย

...น่าเสียดาย พี่ภูน่าจะได้มาด้วยกัน...

“ไม่รู้สิ พี่ลองไปถามพี่อิฐ”

ปูนส่งจานเปล่าให้หนูพุกตักใบชาทอดลงไป เจ้าของไร่คนน้องมองของที่ทอดไว้แล้วก็ถอนใจ นอกจากพี่ชายเขาแล้วพนักงานในส่วนออฟฟิศก็คงต้องเป็นเหยื่อช่วยกินอาหารที่เขากับหนูพุกช่วยกันทอดจนติดลม

หนูพุกพยักหน้า ถือจานออกไปหาเจ้าของไร่ซึ่งกำลังกดโทรศัพท์อยู่เงียบ ๆ หนูพุกหยุดยืนข้างเขา ทอดมองออกไปยังไร่เบื้องหน้า สูดอากาศบริสุทธิ์จนชื่นใจ

“คุณทานเถอะ” อิฐส่ายหน้า เมื่อเห็นของที่เขาลองชิมไปหลายสิบรอบกว่าจะลงตัว

“ผมจะบอกว่าอร่อยมาก คุณคิดจะทำขายหรือเปล่า” หนูพุกว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีมากทีเดียวในการขยายไลน์สินค้าของไร่ชาแห่งใหญ่

“ตอนนี้กำลังทดลองอบน่ะคุณ ผมว่าอบกรอบน่าจะดีกว่าทอด ไม่ต้องมาคอยดูแลส่วนน้ำมันที่ทอดแล้วต้องทิ้ง ดีกับสุขภาพคนกิน” อิฐว่า ช่วงนี้พอเริ่มขยายผลิตภัณฑ์แปรรูปเขาก็หัวหมุนพอดู

“จริง ๆ อยู่ในช่วงขอใบรับรองด้วย เอาไว้เรียบร้อยดีแล้วผมจะเอาไปให้นะ” ชายหนุ่มตัวสูงยิ้มน้อย ๆ ทอดมองคู่สนทนาอย่างสังเกตสังกา

“ไว้ผมอุดหนุนดีกว่าครับ คุณเก็บตำแหน่งลูกค้าเบอร์หนึ่งไว้ให้ผมแล้วกัน” หนูพุกคลี่ยิ้ม ส่งของว่างรสชาติถูกใจเข้าปาก

“อันที่จริงผมว่าจะลองทำถุงชาประคบตา อยากเป็นลูกค้าเบอร์หนึ่งด้วยไหม” อิฐเปรย ใครเห็นตาหนูพุกก็เดาได้ไม่ยากว่าถ้าไม่ใช่อดนอนมาสามวันสามคืนติดกันก็คงผ่านสงครามน้ำตามาอย่างหนักหน่วง

“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” หนูพุกกระตุกยิ้มหากแววตาว่างเปล่า วางจานไว้บนราวระเบียงด้านข้าง

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ไหน ๆ มาพักผ่อนแล้วคุณก็พักสายตาบ้างดีกว่า” อิฐเท้ามือลงบนราวระเบียง มองไร่ชายามบ่ายที่เห็นจนเจนตาอย่างเงียบเชียบ

“น่าอิจฉานะครับ ได้เห็นวิวสวย ๆ อยู่ที่สงบแบบนี้ทุกวัน” เขาปฎิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่มีเสน่ห์มาก พื้นที่บนดอยยิ่งทำให้อากาศเย็นพอเหมาะ

“พอเห็นบ่อยเข้าเดี๋ยวมันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะสู้อะไรที่นาน ๆ เห็นทีมีแสงมีสีไม่ได้หรอกคุณ” หนูพุกลอบมองคนพูด

...ที่โบราณเขาว่าผีเห็นผีคงจะเป็นอย่างนี้นี่เอง…

“เรื่องถุงชา… ผมว่าคุณน่าจะลองใช้ดูด้วยนะ” หนูพุกกะเอาคืนเขา หากแววตาที่สบลงมานั้นไม่คล้ายกับคนที่จะยอมปราชัยเลยแม้แต่น้อย

“ยังไม่ถึงเวลาหรอก… ผมยังไปไม่สุดทางเลย” อิฐยักคิ้วให้คนที่ยืนข้างกัน ท่าทีมั่นอกมั่นใจแบบนั้นทำให้หนูพุกชักจะอิจฉา

“ทางของผมมันตันไปแล้ว” คนกรุงเทพถอนหายใจ คิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วก็เหมือนใจจะเหี่ยวเฉาลงไปอีก

“เมื่อสองสามปีก่อนผมก็เคยคิดว่าตัวเองไปถึงทางตัน ที่สุดแล้วถ้าที่ตรงนั้นจะเป็นของเรา โอกาสมันก็จะมาเอง หน้าที่ของเราคืออย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไปเฉย ๆ เท่านั้น”

----------------------------------------------------------------------

รู้สึกเหมือนได้กลิ่นธูปค่ะ 5555555 มาแล้ววว ขอโทษที่มาไม่ตรงวันนะคะ งานยุ่งจริง ๆ แงงงง ;-;
ปล. อิฐนี่หล่อไม่พอ แถมกระสุนด้วยค่ะ 555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2018 21:00:44 โดย Thei12 »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: " พิชิตภู " : Chapter 13 --- [ 28.08.2018 ]
«ตอบ #176 เมื่อ28-08-2018 21:21:27 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าววววววว  หนูพุกมีแววสมหวังแล้วเว้ยเฮ้ย  เพราะต่อไปน่าจะมีการระหองระแหงเกิดขึ้นเพราะความที่ภูไม่ค่อยใส่ใจแพรวาเท่าที่ควร  อิอิ

ส่วนอิฐ  จะมีบทบาทไปในทางไหนน้อ?

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: " พิชิตภู " : Chapter 13 --- [ 28.08.2018 ]
«ตอบ #177 เมื่อ28-08-2018 21:58:55 »

พี่ภูกับแฟน ไม่ราบรื่นจริง ๆ ด้วย ว่าแล้วเชียวมันต้องมีอะไร
แต่อ่านตอนนี้แล้วเห็นใจคุณแพรนะ ถ้าคุณแพรขอเลิกกับพี่ภู ก็ไม่แปลกใจเลย เฮ้อ

แต่ตอนนี้แอบสนใจ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวพี่ชายพี่ภูกับคุณพี่เลี้ยงคนสำคัญมากเลย > <
อยากให้เป็นเรื่องแยกอีกเรื่องเลยด้วยซ้ำ ชอบเรื่องแบบมีเด็กน้อยน่ารัก
ว่าแต่พี่เลี้ยงนี่ ผู้ชายไหมนะ 555

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: " พิชิตภู " : Chapter 13 --- [ 28.08.2018 ]
«ตอบ #178 เมื่อ28-08-2018 22:18:14 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: " พิชิตภู " : Chapter 13 --- [ 28.08.2018 ]
«ตอบ #179 เมื่อ28-08-2018 22:36:45 »

อ่านตอนนี้เหมือนเห็นแววหนูพุกจะสมหวังแหะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด