*...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8  (อ่าน 45033 ครั้ง)

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อินัชเหมือนไห้ความหวังอะ รู้ว่ากับภูมิออาจไม่คิดอะไรแต่เห้ออออออ  ส่วนคายัคเด็กมาก เหมือนจะโตขึ้นแต่เด้กสมัยนี้สทชื่อเยอะมากกกกกก  หนูไม่กลัวหรอลูกกกกก

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 6  เล่นของสูง (2)






"ทำไมนั่งหน้างอ คอหักแบบนี้ล่ะครับ"

 

"อาทัชให้เบอร์ไอ้ลูกค้านั่นด้วยหรอครับ?"


 

    เม้มปากแน่นสนิท ทำหน้ารู้สึกผิดก่อนจะผงกศรีษะน้อยๆ คายัคจ้องอินทัช ก่อนบอก

 

 

"ผมไม่โกรธดีกว่า ลืมไปว่าวันนี้ผมควรอารมณ์ดีสิ"
ไม่รู้บอกตัวเองหรืออาทัช แต่เด็กหนุ่มก็พยายามฝืนยิ้มให้คนตรงหน้าที่ยกยิ้มตาม

 

      เพราะถ้าไม่ยิ้มตั้งแต่ตอนนี้ วันนี้ทั้งวัน คายัคต้องเซ็งจนพาลไปเรื่องอื่นแน่ๆ

 

 

"ดีครับ อย่าอารมณ์เสียเลย เดี๋ยวเราจะได้ไปพักผ่อนกันแล้วนะ"

 

"ครับ"


 









 ...........





     อารมณ์ไม่ดีหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อหลังจากที่ทำธุรกรรมทางการเงินเสร็จเรียบร้อย คายัคเดินออกมาจากธนาคารด้วยรอยยิ้มกว้าง หลังจากที่เด็กหนุ่มมองตัวเลขในบัญชีอย่างเป็นสุขก่อนจะส่งทั้งสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มให้อาทัชเป็นผู้เก็บ

 

"ยิ้มแก้มปริเลย"

 

"ก็ผมมีความสุขและภูมิใจที่ผมเป็นที่พึ่งให้อาทัชได้แล้วนี่นา"


 

   ชะงัก ก่อนจะยกมือหยิกแก้มเด็กหนุ่มแก้เก้อ

 

"น่ารัก"

 

"แล้วรักผมได้หรือยัง?"
[/b]

 

     อินทัชดีดหน้าผากเด็กหนุ่ม

 

"ถามอีกแล้วนะ อาว่าเรารีบไปร้านที่ตัวน้อยบอกเถอะ อาหิว"

 

"เบื่ออาทัช ชอบว่าผมเรื่องนี้อยู่เรื่อย"
บ่นพึมพำ แต่อาทัชก็ไม่สนใจ เดินนำไปลานจอดรถเพื่อออกจากห้างสรรพสินค้าไปยังเป้าหมายต่อไป คือ ร้านอาหารย่านท่าเตียน

   

 

     ขึ้นรถมาได้สักพัก คายัคให้อาทัชใช้กูเกิ้ลแม็ปนำทาง ระหว่างทาง เด็กหนุ่มนำอุปกรณ์สายต่อเสียบเข้าช่องหูฟังโทรศัพท์มือถือ ส่วนปลายสายของอีกฝั่งก็นำไปเสียบช่อง Aux ตรงแผงวิทยุ เพื่อเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ แต่ก่อนเปิด

 

"อาทัช ผมไม่เข้าใจความหมายของเพลงนี้ อาทัชช่วยฟังและอธิบายให้หน่อยสิ"


 

"ได้ครับ"


 

 

    ไม่นาน เสียงดนตรีนำร่องมาก่อนจะตามด้วยเสียงร้องหนักแน่นตามฉบับหนุ่มร็อคเกอร์




รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง...

รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง...


ยังไงจะขอลองดูสักที...

....

....

 

รู้ว่าเราแตกต่างกันเท่าไหร่

รู้ว่าเธออยู่สูง อยู่ไกลขนาดไหน

....

ใครๆก็รู้เป็นไปไม่ได้หรอก

....

....

 

 
      ดั่งคอนเสิร์ตขนาดย่อม เสียงดนตรีประสานไปกับเสียงร้องของเด็กหนุ่มที่พอถึงท่อนฮุกของเพลงคายัคก็เปล่งเสียงร้องลั่นรถอย่างไม่อาย ชูมือขวาราวกับชาวร็อค ส่วนมืออีกข้างกำโทรศัพท์ทำเป็นไมโครโฟน โยกหัวหนักหน่วงอย่างร็อกเกอร์รุ่นใหญ่

 

แต่คำว่ารักมันสั่งให้ฉันทำตามหัวใจ....

 ....

ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที

ไม่ว่ายังไงจะลองดีสักวัน

อยากรักก็ต้องเสี่ยง

ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน


ลำบาก ลำบนไม่สนใจ

ตะเกียก ตะกายสักเพียงใดก็ปล่อยเธอไปจากฉัน

ตกหลุมรักจริงๆ

เพราะรักจริงๆเธอคงไม่ว่ากัน...

...

...

 

    อินทัชมองเด็กหนุ่มโอเว่อร์แอ็คติ้งก็นึกขำ ดูเหมือนไม่สนใจนะ แต่มือที่จับพวงมาลัยอยู่ ปลายนิ้วชี้กลับเคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงไม่รู้ตัว



     สี่นาทีกว่าที่เพลงเล่นของสูง BIG ASS ได้จบลง

 

"เฮ้อ! เหนื่อย..." คายัคทำตัวอ่อนและบ่นอุบ


 "ก็เล่นใหญ่ซะขนาดนั้น..."

 
"โห่ อาทัชอ่า สรุปแล้วอาทัชเข้าใจความหมายเพลงไหมครับ?"



"ก็น่าจะเกี่ยวกับความรักของคนคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าคนที่ชอบ แต่เพราะใจอยากเล่นของสูง เลยจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง...ประมาณนั้น..."


 

"เพลงนี้ ผมให้..."


     ชะงัก ละสายตาจากท้องถนนหันไปสบตาคายัคที่มองมาด้วยแววตาจริงจังพร้อมเอ่ยเสียงหนักแน่นจนอินทัชวูบหวิว หวั่นไหว รีบหันหน้ากลับไปมองถนนดังเดิม

 

"ลองเสี่ยง เผื่อวันหนึ่ง เขาจะหันมารัก"


 

      ตะแคงข้างเอนศรีษะพิงเบาะมองอาทัชด้วยแววตาหวานฉ่ำ

 

"จีบหญิงที่โรงเรียนก็แบบนี้หรือเปล่าครับ คายัค?"



"ตอนนี้มีแค่อาทัช ผมไม่ได้ชอบใครคนอื่น"

 

       เงียบกริบทันที ส่วนเด็กหนุ่มก็ได้แต่อมยิ้มมองอาทัชไม่คลาดสายตา

 

       แม้อาทัชจะอายุสามสิบกว่าก็จริง แต่ใบหน้ายังไร้ริ้วรอยความแก่มาเยือน อาทัชเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองได้ดี

 

        อาทัชเป็นผู้ชายผอมไม่ใช่อย่างหุ่นคนออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ได้ซูบจนโทรม อาทัชผิวขาวเนียน ดวงตากลมโต ใบหน้าไม่มีเค้าโครงไปทางหล่ออย่างชายแท้หรือออกหวานละมุนอย่างผู้หญิง แต่มันหลอมรวมกันจนลงตัวเสียมากกว่า...

 

        หลอมรวมความเป็นอาทัช อย่างไม่มีใครเหมือน...

 

       ...เพราะไม่เหมือนใคร คายัคจึงรัก...



       ความรักของคายัค ไม่ได้เลือกว่ามันต้องเป็นที่สุด...


        อาทัชไม่ใช่คนดีที่สุด...

        ไม่ใช่คนรวยที่สุด...

        ไม่ใช่คนหน้าตาดีที่สุด...

        แต่แล้วไง คายัคไม่ได้แคร์ เพราะอาทัช ก็คือคนที่เด็กหนุ่มรักและคิดว่าใช่แค่นั้นเอง...


 

        คายัคต้องการอาทัชมากขึ้นเรื่อยๆ  ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันง่ายๆ อาจฟังดูทะลึ่งตึงตัง แต่มันคือเรื่องจริง ไม่มีครั้งไหนที่คายัคจะช่วยตัวเองแล้วไม่นึกถึงหน้าอาทัช ลองพยายามจินตนาการให้เป็นใบหน้าคนอื่นแล้วมันไม่เข้าหัว พอเป็นใบหน้าของอาทัชเท่านั้นแหละ คายัคก็เสร็จได้อย่างง่ายดาย

 

"แปลก! ผมมองหน้าอาทัชได้ทุกวินาทีไม่มีเบื่อ..."

 

       จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา อินทัชหันขวับไปสบตาคายัคแล้วรีบเบนหน้าหนี



       นั่งมองท่าทางวันนี้ที่อาทัชดูพิลึกพิลั่นอย่างไรชอบกล


       ใบหน้าหล่อเหลาตามวัยจุดรอยยิ้มมุมปาก เอื้อมมือใช้นิ้วโป้งลูบแก้มซ้ายคนขับ

 

"ทะ...ทำอะไร ลูบแก้มอาทำไมคายัค"



"อาทัชหน้าแดงครับ"


       มองคนหน้าแดงกว่าเดิมก็กลั้วหัวเราะ ก่อนจะพลิกตัวไปนั่งดีๆแล้วหลับตาพักทั้งๆที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มของความสุข

 

      วันนี้ คายัครุกอาทัชมากพอแล้ว เขาจะเพลาๆลงบ้างอย่างกลัวอาทัชรำคาญ แต่ยังไงคายัคก็ไม่ท้อ เพราะมุ่นมั่นแล้วว่าถ้าคิดจะเล่นของสูง ก็จะลองเสี่ยงดูสักตั้ง..




 

     วนหาที่จอดรถกว่าจะได้เล่นเอาเหนื่อย ทั้งสองรีบข้ามถนนเข้าซอยตรงข้ามกับวัดโพธิ์ ท่าเตียน คายัคพาอาทัชเดินเข้าตรอกแคบๆ หากใครไม่รู้จักอาจไม่รู้ว่ามีร้านสวยงามซุกซ่อนอยู่ตรงแห่งหนนี้ด้วย

 

      เดินไปบอกชื่อตัวเองกับพนักงานในร้านที่เด็กหนุ่มโทรจองไว้ก่อน เนื่องจากร้านนี้ หากไม่จอง อาจต้องรอคิวกันนานแสนนาน

 

      แดดร่มลมตก คายัคเดินตามพนักงานไปยังที่นั่งโซนกลางแจ้ง เพื่อรับชมวิวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อินทัชนั่งลงไม่ทันไร รีบบอกให้คายัคเลือกเมนูได้ตามใจชอบเลย เพราะอินทัชยังตื่นเต้นกับวิวไม่หาย มองฝั่งตรงข้ามที่เป็นพระปรางค์วัดอรุณฯตั้งตระหง่าน สถาปัตยกรรมไทยอันทรงคุณค่าและสวยสดงดงาม ยิ่งมองยิ่งผ่อนคลายสบายตา และประทับใจยิ่งนัก...


      กวาดตามองวิวรอบๆก็ยากจะละสายตา จะว่าไปตั้งแต่เปิดร้านกาแฟมา อินทัชไม่มีเวลามาพักผ่อนแบบนี้เลย



     นึกทึ่งในตัวคายัค เพราะไม่คิดว่าจะหาสถานที่ที่บรรยากาศดีขนาดนี้  พอพนักงานเดินพ้นที่นั่ง อินทัชจึงเอ่ยถาม

 

"ใครแนะนำครับ?"
 

"อาทัชชอบไหม?"   


"ชอบมากครับ ถึงแปลกใจว่าใครแนะนำให้มาที่นี่"


 

     เป็นการเลือกสถานที่ที่ด่วนสุดๆ ก่อนมา คายัคขอความช่วยเหลือจากแคนให้สอบถามพี่ชายว่ามีที่ไหนเหมาะแก่การไปดินเนอร์แบบคู่รักบ้าง จนมาลงเอยที่นี่

 

"พี่ชายแคนครับ ผมบอกว่า ช่วยแนะนำร้านที่ควรพาคู่รักมาหน่อย"



     อินทัชชะงักกับคำพูดของคายัคที่ดูเหมือนพักหลังมานี้ คายัครุกหนักหรือที่เรียกง่ายๆว่าจีบอินทัชแบบเปิดเผยมากขึ้น


     หวั่นใจว่า ความรักที่คายัคแสดงออกจะเป็นความรักที่เด็กหนุ่มอยากได้แบบคนรักกันจริงๆ




"อ้อครับ"


"อาทัช มื้อนี้ผมจ่ายเองนะ"

"ใจป้ำจังครับ หนุ่มน้อย"


"อย่าแซวผมสิ ผมแค่อยากเลี้ยงอาทัชคืนบ้าง"


 
"อารู้สึกว่า ตอนนี้ตัวเองเหมือนเด็กป๋ายังไงก็ไม่รู้"


"ฮ่าๆ....คำว่าเด็กป๋าครบสูตรจริงๆ ต้องได้ตัวด้วยไหม? นี่ผมยังไม่ได้เลย...โอ้ยอาทัชทำไมชอบทำร้ายร่างกายผมเนี่ย"

 



    อินทัชโน้มตัวมาตีหลังมือคายัคอย่างแรง เด็กคนนี้ทะเล้น ทะลึ่งตึงตังได้โล่ห์จริงๆ

 

"พูดจาก็น่าโดนอยู่หรอก ตัวน้อย"


 

"อาทัชเลิกเรียกผมว่าตัวน้อยได้แล้วนะ"
 

"ไม่ชอบ?"

 

"ชอบครับ แต่ตอนนี้ ผมโตแล้ว มันไม่เท่"


"หืออ...คายัคนี่นะ"


 

      เงียบเพราะเด็กเสิร์ฟเดินมาวางเครื่องดื่มบนโต๊ะ และจากนั้น ทั้งสองก็ไม่พูดอะไรอีก ขอชื่นชมบรรยากาศความงามให้เต็มตาสักหน่อย



      นับว่าไปได้ถูกเวลา เพราะขณะที่ทั้งสอง เสพรสชาติอาหารเคล้าคลอไปกับเสพบรรยากาศชวนผ่อนคลาย คายัคและอินทัชสามารถชมวิวได้ถึงสองอารมณ์


     วิวยามเย็นที่ให้ความรู้สึกชิลๆ สบายตาจากการมองแม่น้ำกว้างใหญ่ไปกับการชื่นชมมรดกไทย หลังจาก พระอาทิต์ลาลับขอบฟ้าไป ในยามค่ำคืน แสงไฟหลากสีที่ประดับประดาของเรือลำใหญ่ที่ล่องไหลไปตามเแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงแสงไฟสาดฉายไปยังพระปรางค์วัดอรุณฯ ผนวกกับบรรยากาศรอบข้างที่มีแต่คนนั่งพลอดรักกัน ยิ่งสร้างความโรแมนติกให้แก่คนนั่งอยู่ตรงนี้เสียเหลือเกิน

     

     ช่างเป็นการรับประทานอาหารริมน้ำที่ได้อารมณ์หลากหลายจนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้มา



     ยอมรับว่าบรรยากาศดีและตราตรึงใจจริงๆ แต่คายัคอาจไม่อินเท่ากับคนที่นั่งตรงข้าม เพราะตลอดมื้ออาหารที่คายัคเหลือบมองอาทัชยามเผลอ ก็เห็นอาทัชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข



    แม้จะคุยกันน้อย แต่น่าแปลกที่บนโต๊ะอาหารไม่ได้ดูอึดอัด ทว่ากลับเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจมากกว่า...

 


...............................................

อิจจจจจ

.

รัก

ขอบคุณค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2018 21:41:07 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ให้ความรู้สึกว่า  อินทัชกำลังอยู่ในห้วงภวังค์แห่งการรำลึกความหลังเลย

ว่าแต่ว่า  ความหลังความรักของอินทัชจะเป็นอย่างไรหนอ?

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

บทที่ 7  สาริน-อินทัช-คายัค



 





      เสร็จสิ้นภารกิจไปอีกหนึ่งวัน ทั้งสองต่างพกความสุขกลับบ้านเต็มกระเป๋า อาทัชไล่คายัคให้ไปอาบน้ำก่อน หลังจากที่คายัคอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ รีบเข้าห้องนอนตัวเอง ล็อกประตู ขึ้นไปนอนบนเตียงและปฏิบัติภารกิจสร้างโลกสวยด้วยมือตัวเองเช่นทุกครั้ง เมื่อถึงฝั่งฝัน เด็กหนุ่มนอนผึ่งบนเตียงไม่นานก็ลุกออกจากห้องนอนของตัวเองไปนอนกับอาทัชเช่นทุกที แต่จังหวะที่เดินผ่านห้องน้ำ คายัคได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังจากด้านในจึงแนบหูไปที่บานประตู

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

 

"อาทัชเปิดประตูให้ผมหน่อยครับ"

 

    เปิดประตูห้องน้ำด้วยสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว แก้มแดงๆที่มีผมเปียกลู่ล้อมกรอบหน้าของอาทัช ทำให้คายัคมองตาค้างพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

 

    นี่เขากลายเป็นคนขี้หื่นโรคจิตตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เด็กหนุ่มก้าวยาวๆไปประชิตตัว อินทัชก้าวถอยหลังอย่างกลัวเมื่อเห็นแววตาคายัคดูกระหายอะไรบางอย่าง

 

"คายัคมีเรื่องด่วนรึไงต้องเรียกอาตอนอาบน้ำ"

หมับ!

 

   ไม่ตอบแต่ตะปบหมับที่แก่นกายชาย แค่ลูบก็รู้ว่าน้องชายของอาทัชแข็งขึง



"อาทัชช่วยตัวเองอยู่ใช่ไหมครับ?"



"ปะเปล่า.."


 

ฟึ่บ!

 

"เฮ้ย! คายัค..."

    อินทัชตกใจเมื่อเด็กหนุ่มกระชากผ้าขนหนูผืนหนาออกจากตัว ยืนร่างเปลือยเปล่าเผยให้เห็นแก่นกายที่แข็งขึง โดดเด่นเด้ง เต็มๆตา



      กดตาลงต่ำ เดินไปไม่กี่ก้าวและยกสองมือดันไหล่อินทัชจนแผ่นหลังร่างสูงติดผนัง

 

      ทันใดนั้น เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นห้องน้ำ

 

"ถึงตาผมแล้ว ผมช่วยให้นะครับ"

"ไม่เอา อาไม่ได้ต้องการ"



"อย่าปฏิเสธ ทั้งๆที่ยังไม่เคยลองสิครับ"




     ยอมรับแบบแมนๆเลยว่า ไม่เคยมาก่อนที่จะต้องออรัลเซ็กซ์ให้คนอื่น แต่เพียงแค่เห็นใบหน้าแดงๆของอาทัชเมื่อสักครู่ ใจก็นึกอยากปรนเปรอขึ้นมา

 

      จดจำวิชาเมคเลิฟจากคลิปสยิวได้ขึ้นใจ กำแท่งร้อน ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียวนส่วนหัวสีแดงก่ำซ้ำๆ ถึงค่อยลากลิ้นไล่ตามแนวยาวของแก่นกายอย่างหยอกเย้า



      ริมฝีปากสีแดงอ้าปากรับแก่นกายของอาทัชเข้าไปอมแล้วดึงดูดช้าๆจนสุดโคน ยกยิ้มทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่าย  ตัวเกร็ง กระตุกบ้างบางคราว ช้อนตามองอาทัชที่ดูมีอารมณ์ร่วมอย่างเห็นได้ชัด



      อินทัชกดตาลงต่ำมองเด็กหนุ่มใช้ปากและส่งสายตาร้ายกาจ คนอายุมากกว่ายืนมองอยู่หน้าแดงจัดเพราะมันกระตุ้นอารมณ์เสียวกระสันได้อย่างไม่น่าเชื่อ



"อ่าาาห์"


      ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่มีคนทำให้ ย่อมได้รสชาติทางเซ็กซ์ที่แตกต่างกว่ามือของตัวเองเป็นไหนๆ


      ตั้งแต่เลี้ยงดูคายัคมา อินทัชไม่มีแฟนหรือมีคนมาช่วยสร้างความสุขสมแบบนี้มานานมากแล้ว พอคายัคอาสาปรนเปรอ อินทัชรู้สึกดีจนตัวลอย ซาบซ่าน สั่นสะท้านทั้งทรวง


"คายัค ห่อปากให้เล็กลงหน่อยครับ"



 
    เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย จนอินทัชเผลอหลุดเสียงคราง ใช้มือตัวเองแทรกตามเส้นผม ขยุ้มเบาๆอย่างลืมตัว

 



      ช่างเสียวกระสันอะไรเช่นนี้ ทนไม่ไหวที่จะไม่โต้ตอบ มือหนากดศรีษะคายัคให้รับแก่นกายที่อินทัชเด้งสะโพกกลับรับริมฝีปากที่รัดพอดิบพอดี เป็นการปฏิบัติที่พร้อมใจทำทั้งสองฝ่าย มือที่ว่างคายัคเล่นคลำคลึงลูกอัณฑะไปด้วย ส่วนอินทัชเร่งจังหวะเร็วขึ้น ซอยสะโพกถี่รัว จนใกล้ถึงฝั่งฝัน อาทัชบอกให้คายัคถอนริมฝีปากออก แต่คายัคไม่ยอมฟัง กลับขยับปากเร็วรี่อย่างรู้งาน

 

พรวด...



      ไม่ถึงนาที ของเหลวแห่งความสุขพุ่งเข้าปากเด็กหนุ่มไปเต็มๆ

 

      อินทัชหอบหายใจถี่ ตัวเกร็งกระตุกทั้งร่าง ก่อนจะเป่าลมออกมาจากปาก ทรุดตัวลงนั่งข้างคายัค ทั้งๆที่ความสุขจากเซ็กซ์ยังคงไม่จางหาย

 

      ในหลายรอบปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ เป็นครั้งที่อินทัชปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศได้อย่างมีความสุขสุดๆ

 

"แค่กๆ..." มองเด็กหนุ่มที่ใช้หลังมือเช็ดคราบที่เลอะปาก ตาแดง หูแดง หน้าแดงไปหมด

 

"อาขอโทษนะครับ"


"รสชาติอะไรวะเนี่ย โคตรอยากอ้วกเลยครับ อาทัช!"
  หลุดยิ้มที่คายัคว่าออกมาอย่างซื่อๆ



    อยากรับผิดชอบความผิดนี้ วินาทีนั้น อินทัชจับปลายคางเด็กหนุ่ม เงยหน้ามารับจูบกัน มือหนาประคองใบหน้า สอดปลายลิ้นเข้าไปเก็บกวาดของเหลวแห่งความสุขในปากเด็กหนุ่มจนหมดสิ้นความคาว   

 

    ผละออก ใช้ปลายนิ้ววนลูบไล้ริมฝีปากล่างเด็กหนุ่ม


"ยังอยากอ้วกอยู่ไหม?"


     มองคายัคที่ยิ้มเขิน จู่ๆก็โถมตัวมากอดจนอินทัชเสียหลัก ล้มก้นจ้ำเบ้า

 

"อาทัชน่ารักตลอด"


"ขอบคุณที่ทำให้อานะครับ"


    คายัคผละจากกอด ขโมยจูบหนึ่งทีก่อนว่า



"ถ้าอาทัชอยากเสร็จ ต่อไปนี้ เรียกผมนะ"



       มองคนพูดซื่อๆ คิดอะไรก็พูดมาอย่างนั้น คำบางคำจึงไร้การประดิษฐ์ให้สวยหรู อินทัชใจเต้นแรงกับคำบอก ยิ้มทั้งที่ใจสั่น



"ไม่เป็นไรครับ"


"ทำไมล่ะครับ"

 

"มันดูไม่ดีที่คายัคเป็นหลานแต่ต้องมาทำแบบนี้ให้อา"



"อาทัชก็มองให้ผมเป็นแฟนสิครับ จะได้ดูไม่น่าเกลียด"


"ไว้ค่อยคุยนะครับ อาขออาบน้ำก่อน"

 


   เกิดอาการเซ็งเล็กน้อย คายัคทำให้เห็นถึงขนาดนี้ อาทัชยังไม่มั่นใจในตัวเขาอีกหรือ?


     นอนเล่นรออาทัชบนเตียง จนกระทั่ง อินทัชเดินเข้ามา คายัคจ้องมองไม่กระพริบตาแต่อินทัชกลับไม่สบตา เดินก้มหน้าไปปิดสวิตช์ไฟแล้วล้มตัวนอนข้างคายัค

 

     เด็กหนุ่มดึงร่างสูงไปกอด แล้วเอ่ยข้างหู


"เวลาผมอยู่กับอาทัช ผมรู้สึกอบอุ่นจัง"
 

"เหมือนกัน"



"อาทัชครับ ผมไม่เร่งรัดอาทัชแล้ว แต่ผมถามหน่อยว่าผมมีความหวังที่จะเป็นแฟนอาทัชได้ไหม?"

 

    คายัคถามท่ามกลางความมืดอย่างลุ้นเอาคำตอบ อินทัชเงียบกริบ จนคายัคเกือบถอดใจ ถ้าไม่ได้ยินคำตอบหลังจากนั้นที่ทำให้นอนยิ้มแฉ่ง

 

"อืัมม"

 

    ใจสั่นอย่างแรง ความรู้สึกตอนนี้ดีใจมากเหมือนมีเทวดาโปรยเงินลงมาจากฟ้าที่เก็บไปใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด

 

     คำตอบธรรมดาที่ชาร์จพลังและแรงใจให้คายัคพร้อมสู้และพิสูจน์ให้อาทัชใจอ่อน ยอมตกลงเป็นแฟนเข้าสักวัน







.....................

 

      เปิดเทอมวันแรก ดูเหมือนความสนใจเรื่องเรียนที่สำคัญกลับกลายเป็นเรื่องรองไปซะได้ เพราะพอได้รวมตัวกันหลังจากไม่ได้เจอะหน้ามานาน บรรดาเพื่อนๆทั้งหลายต่างก็มีเรื่องเล่าจนแย่งกันพูด แม้แต่ตัวคายัคเองที่ไปทำงานมาแล้วได้เรียนรู้อะไรจากการทำงานครั้งนี้บ้างอยากเล่าแทบตาย ยังไม่มีโอกาสได้แทรกเลย

 

       มื้อเที่ยง ระหว่างกินข้าว ทุกคนคุยเฮฮากันอย่างสนุกสนาน แคนที่เป็นคนนั่งฟังเพื่อนๆเล่าเรื่องราว ลอบมองคายัคที่เอาแต่นั่งอมยิ้ม



"คายัคครับ ว่างๆแคนไปนอนที่บ้านคายัคด้วยได้ไหม?"


"ได้สิ"


"ตอนแคนไปทำงานที่ร้านคายัค แคนสนุกมาก แล้วแคนเลยรู้ว่าแคนชอบอาทัช ตะ..แต่ไม่ใช่แบบที่คายัคชอบนะ"


 

"ฮ่าๆ ครับ แล้วทำไมถึงรู้สึกดีกับอาทัชล่ะ"
 

"ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งๆที่แคนเองก็มีพี่ชาย แต่เวลาอยู่กับอาทัช แคนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นความใจดี เหมือนแคนได้รับพลังดีๆทำนองนั้นเลย แคนอิจฉาคายัคจริงๆนะ"

 


"ฮ่าๆ ใช้คำว่า พลังดีๆเลยเหรอ? แล้วช่วงที่แคนทำงานกับอาเรา อาทัชพูดถึงเราบ้างไหม?"


"พูดนะ ตอนที่คายัคไม่อยู่ร้านไปทำงานกับบอล อาทัชบ่นกับแคนตลอดว่าเป็นห่วงคายัค กลัวคายัคจะเหนื่อย แต่ที่อาทัชยอมปล่อย เขาบอกแคนว่าก็อยากให้คายัตโตขึ้นด้วย"


 
      เวลาฟังบุคคลที่สามเล่าว่าคนที่เราชอบ พูดถึงเราอย่างเป็นห่วง มันรู้สึกดีมากจริงๆ

 

      จึงไม่แปลกที่เวลานี้ คายัคยิ้มหน้าบาน แม้ไม่ต้องกินข้าวก็คงอิ่มใจจากการนึกถึงใครคนหนึ่งได้

 

"แคนว่าอาทัชต้องรู้สึกกับคายัคบ้างแหละ"

"แคนว่าอะไรนะ?"
คายัคถามย้ำ

 
"อืม...แคนว่าอาทัชมีใจให้คายัค แคนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ เพียงแต่แคนคิดว่า อาทัชเหมือนมี...."

 
       ไม่สนแล้ว มาม่าผัดขี้เมา คายัคหันไปตั้งใจฟังอย่างใจจด-ใจจ่อ แต่วินาทีนั้นบอลทุบหลังคายัคอย่างแรง

 

พลั่ก



 

"โอ้ย!...ไอ้เชี่ยบอล กูเจ็บนะ"
 

 

    คายัคหันไปด่าเพื่อนเสียงดัง ยืดตัว แอ่นหลัง วานให้แคนลูบหลังให้


"กูขอโทษ...กูตื่นเต้นไปหน่อย ไอ้ยัคดังแล้ว เฮ้ย!...พวกมึงมาดูดิ"




      ก่อนหน้านี้ บอลก็นั่งกินข้าวตามปกติ แต่พอเสียงเตือนจากข้อความไลน์ดัง เปิดพบข้อความของพี่สาวที่ส่งลิงค์มาพร้อมถามว่าใช่เพื่อนของบอลหรือเปล่า? พอบอลกดเข้าลิงค์เฟซบุ๊กถึงได้รู้ว่านี่ ไอ้คายัคชัดๆ

 

      บอลเรียกเพื่อนมาดูและวางโทรศัพท์มือถือลงกลางโต๊ะม้าหิน ทุกคนสุมหัวดูสองภาพคายัคที่ถูกแอบถ่ายจากร้านอาหารที่สวมใส่ชุดนักเรียนมีทั้งมุมด้านข้างเต็มตัว และมุมด้านหน้าครึ่งตัวเป็นจังหวะคายัคยิ้มกว้าง หล่อใสเป็นธรรมชาติ


     ภาพที่มีชาว 'เฮลโหลว โซเชียล' กดไลค์กว่าหกพันไลค์ พร้อมข้อความที่เจ้าของภาพตั้งสเตตัสไว้ว่า


 

     นั่งกินข้าวกับแก็งค์ชะนีอยู่ดีๆ ก็เจอสามีในอนาคต
   '...น้องคายัค น่ารัก น่าพาย...' อยู่แค่มอปลายเองเธอ...


 



     คนถูกแอบถ่ายนึกได้ทันทีว่าต้องเป็นแก็งค์ลูกค้าผู้หญิงกลุ่มนั้นแน่ๆ

 


"โห ยอดแชร์เยอะมาก หลายร้อยแชร์แหนะคายัค "



     อาจเป็นการถูกแชร์ต่อๆกันมาจากเฟซบุ๊กของพี่ผู้หญิงคนนั้น หรือไม่ก็คงบอกต่อ จากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที จึงแชร์กันได้ถล่มทลายขนาดนี้


       ...ถูกใจ ก็แชร์



       ไม่แปลกที่ความโด่งดังจะแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง



       คายัคดังได้ในชั่วพริบตา



"กดดูคอมเมนท์ซิ ไอ้บอล"



      ติ๊กใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อน เพื่อกดดูความเห็น ซึ่งข้อความที่เป็น Top Comment คนกดไลค์กว่าสี่ร้อยคน



 

'เป็นเด็กที่หล่อมากก โคตรอยากลากเข้าห้อง' 
                                                    427 Likes

    ตามมาด้วย

 

'หล่อแบบนี้ เกย์ชัวร์'
              256 Likes


 

 

Jaruwan naka 'อยากพรากผู้เยาว์'

calypso calypso 'อร้าย อยากกินเด็กจะได้เป็นอมตะ'

อังคณา ทินาธร 'แค่กดดูภาพ มือยังสั่น'

rinyriny 'ขออนุญาตแชร์นะคะ'

Teerapat nill 'น้องดูดีจริงๆว่ะ กูเป็นผู้ชายยังอาย'

กิ๊บเก๋ยูเรก้า 'ตัวอักษรย่อคุ้นๆ เหมือนโรงเรียนแถวบ้าน'

Namfon khonnarak 'เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านไหนคะ พี่จะตามไปเหมาร้านให้เลย'

TINATICHA'มาเสิร์ฟที่ห้องพี่ไม่จ้ะ มาแต่ตัวเสื้อผ้าไม่ต้อง เดี๋ยวซื้อให้ใหม่'

พรชิตา อายอาย 'หืออออ...หล่อจนน้ำหมากยายกระจายเลยลูกเอ้ย'




     เพื่อนๆที่ได้เห็นข้อความแสดงความคิดเห็น ต่างขำและแซวคายัคกันยกใหญ่ ยิ่งทำให้คายัคอายหน้าแดงเพราะความเห็นที่แสดงกันออกมาล้วนชวนเขินทั้งสิ้น

 

"ทำไมผู้หญิงสมัยนี้หื่นจังวะ?"
เก่งโพล่งขึ้น


      พอเก่งทัก ทุกคนสังเกตดูรูปโพรไฟล์ขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงมาเมนท์อย่างว่าจริงๆ



"เออจริงว่ะ สงสัยไม่มีที่ระบาย ฮ่าๆ" ติ๊กเอ่ย

 

"เก็บโทรศัพท์ได้แล้วไอ้บอล"



        คายัคตัดบทบอกเสียงเข้ม คว้าโทรศัพท์ยัดใส่มือเพื่อน


"ฮั่นแหน่ะ...ทำเป็นเก๊ก ไอ้เชี่ย...จริงๆ เขินอยู่ล่ะเซ่...กูรู้หรอกนะไอ้ยัค"


        เม้มปาก หน้านิ่ง ยอมรับว่าเขินจริงๆ ใครจะไปคิดว่า คนธรรมดาที่มีกิจวัตรประจำวันปกติไม่ได้พิสดารอะไร จะมาเจอสิ่งที่ทำให้ชีวิตผิดแผก แปลกไปจากเดิม คายัคก็ต้องตกใจและตั้งตัวไม่ติดเป็นเรื่องธรรมดา



"โซเชียล มาไวไปไว เดี๋ยวคนก็ลืมกู ไปกรี้ดคนอื่น กูไม่ตื่นเต้นหรอก"
  คายัคไหวไหล่อย่างไม่สนใจ

 

"แต่ไม่แน่นะ คายัคอาจดังกว่านี้ก็ได้ ถ้ามีคนเห็นรูปแล้วทาบทามไปเป็นดารา"    


"ถึงตอนนั้น ก็ค่อยคิดอีกที ไปเหอะขึ้นเรียนกัน"

 


       ปากบอกไม่ตื่นเต้น แต่ลุกขึ้นพรวด รีบเดินไปเก็บจานข้าวตรงจุดวางภาชนะ พร้อมอีกมือที่กดโทรออกไปหาใครบางคนซะแล้ว


[ว่าไงครับ ตัวน้อย]

 
"อาทัช ผมตื่นเต้นอะ มีคนถ่ายรูปผมตอนที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเอาไปลงเฟซบุ๊ก จนคนแชร์ร้อยกว่าแชร์น่ะครับ" 

 

[อาก็นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร โทรมาบอกแค่นี้เหรอ? อาทำงานก่อนนะตัวน้อย]

     ความน้อยใจบังเกิดขึ้นมาทันที

"ผมมีอาทัชคนเดียว ผมแค่อยากอวดกับคนที่ผมรัก ไม่เป็นไรก็ได้ครับ"

 

   กดวางสายอย่างน้อยใจ

   บางครั้ง คนเรามองข้ามความรู้สึกเล็กๆน้อยๆกันไปอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกในห้วงลึกของกันและกัน



    ความจริง มันควรจะรู้สึกดีไม่ใช่หรือ หากได้ฟังเรื่องที่คนๆนั้นอยากเล่า นั่นแสดงว่าเขาคนนั้นมองว่าเราสำคัญ

 

     ซึ่งคายัคเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แค่อยากเล่าให้ใครสักคนรับฟัง และแน่นอนว่า อาทัชก็เป็นคนแรกที่นึกถึง..


    วางสาย เดินดุ่มๆขึ้นห้องเรียน โดยไม่รอเพื่อนอย่างหมดอารมณ์ จากนั้น เบอร์โทรศัพท์ที่เรียกเข้ามาก็เป็นเบอร์เดียวกับที่คายัคโทรออกไปก่อนหน้า



[อาขอโทษครับ เมื่อกี้อาติดลูกค้า ไหนเล่ามาซิ มีใครเอารูปคายัคสุดหล่อของอาไปโพสต์ลงโซเชียล]

 

    เพียงแค่อาทัชโทรมาหาอีกรอบพร้อมตอบด้วยน้ำเสียงเริงร่ากว่าตอนแรก คายัคก็ยิ้ม

 

"อาทัชอยากฟังจริงๆไหม?"
 

[จริงสิครับ]

"น่าจะเป็นลูกค้าที่ผมไปทำงานที่ร้านแม่บอลน่ะครับ คงถ่ายแล้วเอาไปโพสต์ แต่ผมไม่คิดไง ว่าคนธรรมดาๆอย่างผมจะมีคนเอาไปแชร์กันเยอะขนาดนี้"

 

[จริงเหรอ? สงสัยไปหล่อสะดุดตาเขาแน่ๆเลย คายัคดังใหญ่แล้ว อย่างนี้ จะลืมอาไหมน้า?]


"ผมจะลืมอาทัชได้ยังไงกัน? ถ้าผมดังนะครับ ผมจะป่าวประกาศบอกทุกคนเลยว่า อาทัชเป็นแฟนผม"



[.....]

 

     เงียบนานเกินไป จนคายัคต้องรีบเก็บโทรศัพท์ เนื่องจากคุณครูเดินมาทางนี้


"อาทัชแค่นี้ก่อนนะครับ เจอกันที่บ้านนะ"

 

 


****1.1****



.....แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ..... :z1: :z1: :z1:
.
ขอบคุณทุกคนอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2018 21:05:30 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชื่อตอนมีสารินอยู่ด้วย  แต่ไมอ่านไม่เจอหว่า?

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 7  สาริน-อินทัช-คายัค(2)




  และการพบเจอกันของเพื่อนในวันแรกของการเปิดเทอมเป็นเรื่องที่สนุกสนานกว่าทุกที

 

     คายัคจึงถึงบ้านมืดค่ำ เพราะมัวแต่ไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้า เล่นเกมส์ตู้ กินบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่างกันจนอิ่มพุงกาง

 

     สองเท้าแตะพื้นหลังจากลงจากรถแท็กซี่มาได้ ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นรถจอดขวางทางเข้า สาวเท้าไวๆไปหาอาทัชในร้าน ตามองเห็นคนสองคนนั่งคุยกันผสมเสียงหัวเราะ



 

     เอียงคอมองอาทัชที่พออีกฝ่ายเห็นก็กวักมือเรียก คายัคทิ้งตัวลงนั่งข้างอาทัชอย่างนึกหวงว่าทำไมดึกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง แถมคุยกับอาทัชได้อย่างสนิทสนม

 

"คายัคครับ นี่อาสา-สโรชา น้องสาวของพ่อคายัค"


     เปลี่ยนความรู้สึกแทบไม่ทันเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ที่ได้เห็นตัวเป็นๆ คายัคพอจะรู้เรื่องมาน้อยนิดว่า พ่อมีน้องสาว แต่ด้วยความที่น้องสาวพ่อไม่เคยมาเยี่ยมเยียนหรือดูแลกัน คายัคจึงไม่ได้รู้สึกผูกพันแต่อย่างใด คายัคก็แค่ยิ้มและยกมือไหว้สวัสดี

 

"โตเร็วมาก หล่อเหมือนพี่สารินเลยค่ะพี่ทัช"


"ทำไมอาสาไม่เคยมาหาผมเลยหรอครับ?"



กึก!

 

      สโรชาชะงัก อินทัชหันขวับไปมองคายัคที่ฟังสุ้มเสียงดูจะไม่พอใจ

 
"คายัคโกรธอาเหรอ? อาขอโทษที่ไม่ได้มาหาเลย อาเองก็วุ่นเรื่องเรียนและต้องทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนด้วยเลยไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น แต่ตอนนี้อาทำงาน และพอมีเวลาชดเชยช่วงที่ไม่ได้เลี้ยงคายัค เอางี้ คายัคย้ายไปอยู่กับอาไหม?"

 

"ไม่! ผมจะอยู่กับอาทัชครับ"  ตอบแบบไม่ต้องคิด



      อินทัชวางมือลงบนหน้าตักคายัคบีบกระชับเบาๆส่งสัญญาณให้รู้ว่าไม่ควรแสดงอารมณ์ต่อหน้าผู้ใหญ่แบบนั้น คายัคพยักหน้ารับรู้ อินทัชจะชักมือกลับคายัคกลับวางทับแล้วกุมมืออินทัชไว้แน่น

 

      มองมือคายัค ก่อนจะหันไปหาสโรชาที่หรี่ตามองการกระทำที่ดูใกล้ชิดกันแปลกกว่าปกติ

 
"ดูคายัคติดพี่ทัชมากเลยนะคะ"


"ตั้งแต่โตมา คายัคก็เห็นแต่พี่ จะให้คายัคติดใครล่ะครับ สา"

 


"ผมรักอาทัชครับ" โพล่งขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย จนอินทัชชะงัก


      สโรชายิ้มหยอกเอินที่เห็นหลานของตัวเองดูจงรัก ภักดีกับพี่อินทัชพอสมควร





"อารู้จ๊ะ อารู้ พี่ทัชนี่เสน่ห์แรง....ตั้ง...แ.."


"สา..."
อินทัชส่ายหน้าน้อยๆเป็นคำเตือน

 

"มีอะไรที่ผมไม่รู้หรอครับ?"  คายัคมองหน้าอาทัชสลับกับอาสา


"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แล้วหายโกรธอาหรือยัง?"


"ผมไม่ได้โกรธครับ"


"แน่ใจนะว่าไม่โกรธ ถ้างั้นคราวหน้า อามาหาคายัคอีกได้ไหม? หรือคายัคจะไปนอนกับอาที่คอนโดก็ได้นะ"


 
"จะดีหรอสา? คายัคโตแล้วนะ จะให้นอนกับสาสองคนเหรอ?"
 

"สามคนค่ะ สานอนกับแฟนด้วยค่ะ แหมพี่ทัชคะ สาไม่มีทางคิดไม่ซื่อกับหลานหรอกน่า"

 

"ค...ครับ พี่แค่ถามเฉยๆ"


     สโรชามองใบหน้าหลานตัวเองที่โตเป็นหนุ่มก็อมยิ้ม ก่อนหน้าที่มา สโรชาลองเสี่ยงโทรหาพี่อินทัชดู ถึงเพิ่งรู้ว่า พี่อินทัชมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองแล้ว เธอยอมรับว่าที่ผ่านมาหลายสิบปี เธอแย่มากจริงๆ ที่ละเลยลูกของพี่ชายตัวเอง แต่ตอนนั้น สโรชาก็แทบจะเอาตัวเองไม่รอด พบความลำบากมาหลากหลายรูปแบบ ก็มีบ้างที่จำเป็นต้องเห็นแก่ตัว



     นั่งคุยมาได้ชั่วโมงกว่า ยามที่สโรชาฟังพี่ทัชเล่าเรื่องคายัค ชายผู้นี้มีรอยยิ้มแต้มอยู่เสมอ แม้บางเรื่องจะเป็นความซนของคายัคที่ทำให้พี่ทัชเหนื่อยใจ แต่อินทัชก็เล่าให้ดูเป็นเรื่องผ่อนคลายได้



     นับถือพี่อินทัชจริงๆที่สามารถเลี้ยงดูคายัคเพียงลำพังได้โดยที่คายัคก็ไม่มีแววเป็นเด็กมีปัญหาให้เห็น


      สโรชาเกรงใจพี่อินทัชที่เลี้ยงดูคายัคมานาน จึงอยากช่วยดูแลด้วยการให้หลานกลับไปอยู่กับตน แต่พี่อินทัชไม่ยอมและยังยืนกรานว่าเลี้ยงมาได้ถึงขนาดนี้ ถ้าจะเลี้ยงต่อไปอินทัชก็ไม่มีปัญหา เพราะระหว่างคายัคกับอินทัชมันผูกพันเกินกว่าจะพลัดพรากกันไปแล้ว



     นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่แวะมาแล้วได้เจอหลาน ซึ่งเจอกันครั้งแรกก็ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่  แน่ล่ะ มันเป็นความผิดของเธอเองที่ละเลยคายัคไปเช่นกัน แต่คราวหน้า สโรชาก็หวังว่ามันจะดีกว่านี้



     แหละพรุ่งนี้ สโรชาทำงานแต่เช้าจึงขอตัวกลับบ้าน ร่ำลาทั้งคู่ คายัคบอกอาทัชขอไปส่งอาสาที่หน้าบ้าน ห่างร้านกาแฟไม่ไกล จังหวะนั้น คายัคกระตุกชายเสื้ออาตัวเอง

 

"ที่อาสาพูดเมื่อกี้หมายความว่าไงครับ?"



    สโรชาชะเง้อมองพี่อินทัชในร้าน พอเห็นว่าไม่เดินออกมา สโรชาดึงแขนคายัคหลบมาคุยตรงพุ่มไม้

 
    ด้วยความที่เก็บเรื่องนี้มานาน พอเจอหลานก็อึดอัดอยากเล่า



"คายัคไม่เอะใจเลยเหรอว่าทำไม? อาทัชต้องเลี้ยงดูทั้งๆที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน"


"ไม่ครับ ก็แค่คิดว่าอาทัชเป็นคนดี"


"พ่อของหนูชอบอาทัชจ๊ะ"



     เหมือนโดนทรายดูดร่างให้จมดิน



     ยืนนิ่ง ใจวูบหวิบ มือเย็นและสมองมึนเบลอจนทำตัวไม่ถูก



"ผมงง แล้วพ่อกับแม่..."
 
"ฮุ้ย..พี่ทัชเดินออกมาแล้ว อาไปก่อนนะ อยากรู้ถามอาทัชของคายัคได้เลยจ้ะ"
สโรชาที่ยืนหันหน้าเข้าร้านก็สะดุ้ง เมื่ออินทัชเหมือนรู้ว่าคายัคออกมาเพื่อจะคุยอะไรด้วย
 

    สโรชารีบวิ่งไปขึ้นรถของตัวเองทิ้งให้คายัคยืนงงเพราะยังฟังไม่จบเกี่ยวกับเรื่องพ่อของตัวเอง


    เขาโตพอแล้วที่จะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพ่อ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย..
 

    อินทัชเดินมาแตะไหล่ คายัคหมุนตัวไปหาแล้วขอตัวไปอาบน้ำทันที


    เด็กหนุ่มอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติ นั่นเป็นเพราะคายัคกำลังคุมอารมณ์ไม่ให้ซึมและหน่วงไปมากกว่านี้ หลังจากล่วงรู้ความจริงบางอย่าง



    ไม่ได้นึกโกรธพ่อหรืออาทัช แต่อารมณ์ที่มีอยู่ในใจ มันออกโทนหม่นเทา ขมุกขมัว จนยากจะหาคำมาอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ได้


    จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย คายัคกลับมานั่งคิดเรื่องเดิมที่ห้องตัวเองอีกครั้ง


     นอนไม่หลับ ถ้าไม่ได้รู้เรื่องที่อาสาเล่าไม่จบก่อนหน้านี้   เดินไปห้องอาทัช ที่เจ้าตัวยังอาบน้ำไม่เสร็จ นั่งพิงพนักเตียงเล่นโทรศัพท์มือถือรอ จนกระทั่ง ประตูห้องนอนเปิดกว้าง เงยหน้ามองอาทัชที่ส่งยิ้มจางๆ


"ทำไมไม่นอนครับ?"
 

"รออาทัช"



"รออาทำไมครับ?"

 

"พ่อชอบอาทัชหรอครับ?"





กึก!


     อินทัชคิดในใจว่าสาไม่ควรหลุดพูด เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อน และอินทัชกลัวคายัคจะไม่เข้าใจในความสัมพันธ์อันซับซ้อนและอาจคิดมากเกินไปได้



"ครับ"

"อารู้ตอนไหน?"

"ก่อนพ่อคายัคเสียครับ"

 

"พ่อชอบอาทัชมานานรึยังครับ?"
 

"ไม่รู้ พ่อคายัคมาสารภาพความในใจว่าชอบแค่นั้น"



"แล้วอาทัชชอบพ่อผมไหม?" 



"ถามเยอะไปนะ"


"ถ้าการที่ผมจะถามเรื่องของคนที่ทำให้ผมเกิด ผมผิดมากใช่ไหมครับ"


     ชะงักงัน ถอนหายใจ อินทัชรู้ว่ามัน คือ อดีต แต่เขาไม่อยากให้คายัครู้ว่าเขาเคยรู้สึกอย่างไรกับสาริน
 

     เงียบนานจนตัดสินใจตอบ


"อาก็ชอบ แต่เราไม่ได้คบกัน ก็แค่ต่างฝ่าย ต่างมีความรู้สึกดีๆให้กัน มันเป็นอดีตไปแล้ว คายัคอย่าไปสนใจเลยครับ"


    คายัคทำหน้าครุ่นคิดอยู่นาน จึงถาม


"อาทัชเคยบอกว่าพ่อมีผมตอนอายุยังน้อย ถ้างั้นพ่อมีผมเร็วเกินไป พ่อก็คงไม่รักแม่ใช่ไหมครับ? แล้วพ่อมีผมทำไม? ผมเกิดมาทำไมหรอครับ?"

 

"คายัคไม่ควรพูดแบบนี้"

 

"ที่พูดเพราะผมก็น้อยใจ แต่ผมมีความสงสัยมากกว่าเลยถาม"



"อาก็ไม่รู้ เรื่องนี้พ่อคายัคไม่ได้บอกอา แต่เอาเป็นว่าการเกิดมาของคายัคเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับอามากเลยนะ รู้ไหม?" ว่าพลางลูบแก้มคายัคอย่างทะนุถนอม


"รู้ครับ ผมโชคดีที่เกิดมา เพราะถ้าไม่งั้น ผมคงไม่ได้เจออาทัช"


"ใช่ครับ"
 

"ผมขอถามตรงๆนะครับ การที่อาทัชยังไม่ตกลงเป็นแฟนกับผม เพราะ...อาทัชไม่ได้ชอบผม..หรือจริงๆแล้ว ..อาทัชยังลืมพ่อผมไม่ได้กันแน่ครับ.."


       อันที่จริง เรื่องของ สาริน ควรหายไปพร้อมกับการตายของเขา อินทัชก้มหน้าเงียบ แต่ไม่นานเท่าไหร่ที่อินทัชตัดสินใจจะตอบ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นพอดี



       ละสายตาจากใบหน้าคายัค เอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือตรงโต๊ะหัวเตียง

 

..........................

**ปล. ขอบคุณ คุณ DrSlump ที่ช่วยเช็คคำผิดให้นะคะ แก้ไขความผิดพลาดครั้งนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ




เอาจริงๆ ไม่ใช่อายุที่เป็นปัญหา น่าจะเป็นที่มายด์เซ็ตของตัวละครบางตัวในเรื่องนี่แหละ (เหอะๆ)

ดูๆกันไปก่อนนะคะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

.
ขอบคุณทุกการอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2018 18:20:35 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องพ่อ  น่าจะเรียกว่า "อา" นะครับ
ส่วนน้องแม่ จึงจะเรียกว่า "น้า" ครับ
กรณีนี้น่าจะเรียกว่า "อาสา" น่าจะถูกต้องกว่า

ส่วนพ่อสารินกับอาทัช  นั้นมีความตะหงิดอยู่แล้วหล่ะ  ถ้าไม่รักกันจริง จะเอาลูกเขามาเลี้ยงทำไม  ใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อาทัชก็สตั๊นไปสิ o22

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

บทที่ 8  ครั้งแรก





"สวัสดีครับภูมิ"

 

[นอนหรือยังครับ อินทัช?]

 

"กำลังจะนอนครับ"

 

[ตอนนี้ ผมอยู่หน้าร้าน ลงมาหาหน่อยได้ไหม?]

 
"อะไรนะ โอเคๆ เดี๋ยวผมลงไป"

 

    ไม่พอใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็มาไม่บอก ไม่กล่าว อินทัชเป็นคนขี้เกรงใจจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะลงไปหาภูภูมิ แต่คายัคกลับดึงมือไว้เสียก่อน

 

"อาทัชจะไปไหน?"

 

"ภูมิมา"

 

"แล้วทำไม อาต้องลงไปด้วยครับ"

 

"เขามาถึงหน้าบ้านแล้ว จะไม่รับแขกก็ดูน่าเกลียดไปหน่อย"

 

"เขาจะไม่ได้มานอนใช่ไหม?"

 

"คงไม่...."

   

   ไม่ถึงห้านาที คายัคตามลงไปติดๆ เพราะไม่อยากให้อาทัชอยู่กับภูภูมิสองต่อสอง


    ฟากคนอายุมากกว่าตกใจเมื่อตอนเปิดประตูพบใบหน้าภูภูมิแดงก่ำ

 

"คุณเมามาหรอภูมิ?"

 

"ผมไปดื่มกับเพื่อนมานิดหน่อยน่ะ แต่ผมไม่ได้เมา ผมคิดถึงอิน ผมถึงมาหา"

 

    หางตาเห็นเด็กหนุ่มเดินมายืนขนาบข้าง อินทัชรีบก้าวยาวๆไปใกล้ภูภูมิกว่าเก่า



"อย่าพูดแบบนี้ตอนคายัคอยู่อีก ผมขอ..."

 

"ก็ได้ แต่คืนนี้ ผมนอนกับคุณได้ไหม?"

 

"ไม่ได้!"



     ไม่ใช่อินทัชที่ตอบ แต่เป็นคายัคที่แทรกเสียงดัง และเดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมืออาทัช



"เรื่องของผู้ใหญ่  อย่าสอด!"

 

       กระตุกมือเตือนสติอย่างกลัวเด็กหนุ่มจะหาเรื่องชกต่อยหรือเถียงกลับตามประสาเด็กๆอีก แต่ว่า...


"ผมขอโทษที่ยุ่งเรื่องผู้ใหญ่ แต่ผมว่ามันไม่ถูกต้อง นอกจากคุณจะมารบกวนเวลานอนของคนอื่นแล้ว คุณยังกล้าขอนอนกับเขาด้วยหรอครับ?"

 

     มองเด็กหนุ่มที่คราวนี้ โต้กลับอย่างมีเหตุผล อินทัชเห็นภูมิเงียบ เขาปล่อยมือที่คายัคจับอยู่ และเดินไปหาภูภูมิ

 

"ภูมิฟังผมนะ คุณเมา"

 

"ผมกลับบ้านไม่ไหว"

 

"โอเค ผมจะใจดีให้คุณค้าง แต่คุณไม่มีสิทธ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น"

 

"ขอบคุณครับ ผมชอบคุณนะอินทัช ผมชอบมาก"

 

"ภูมิ! ถ้าพูดไม่รู้เรื่องผมจะไล่คุณกลับเดี๋ยวนี้!"

 

      ภูภูมิมองหน้าอินทัชด้วยแววตาตัดพ้อ แต่ก็ยอมจำนนทำตามคำสั่งอินทัชอย่างปฏิเสธไม่ได้



     หลังจากที่เขาดื่มกับเพื่อนเสร็จ ในขณะที่ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน หัวใจของภูมิกลับเรียกร้องหาอินทัช จนตอนเรียกแท็กซี่ ปากก็บอกปลายทางมาร้านกาแฟโดยอัตโนมัติ



     ตอนนี้ ทั้งสามเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ถึงที่ อินทัชหยุดตรงทางเดิน ชี้ทางเข้าห้องนอนที่จะให้ภูมิพัก ก่อนจะหายวับเข้าห้องนอนตัวเองเพื่อนำเสื้อผ้าออกมาให้ภูภูมิ



      ไม่ถึงห้านาที ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆออกมาหาภูภูมิตรงหน้าห้องน้ำ





"เสื้อผ้าของคุณ" ยื่นเสื้อผ้าให้ภูภูมิ



ฟึ่บ!

 

     ภูภูมิดึงต้นแขนอินทัชให้เข้ามาใกล้แล้วกอดกระชับ

 

"ผมอยากกอดคุณมานานแล้ว"

 

"ภูมิปล่อย คุณไม่ใช่แฟนผม อย่าทำแบบนี้!"

 

   อินทัชทุบหัวไหล่แต่ภูภูมิกลับกระชับวงแขนแข็งแกร่งแน่นกว่าเก่า

 

"ผมชอบอิน ผมชอบมาก"



"ภูภูมิ!!"

 


   คราวนี้ อินทัชรวมพลังที่มีผลักภูภูมิเซถลาจนแผ่นหลังไปกระแทกผนัง

 

"ถ้าภูมิทำแบบนี้อีกแค่ครั้งเดียว ผมจะไม่ให้ภูมิมาเหยียบที่ร้านอีก แค่เสียลูกค้าไปคนเดียว ร้านผมอยู่ได้ครับ..."

 

"ทำไม? อินทัช ทำไม? ผมชอบอินจริงๆนะ เมื่อไหร่อินจะเป็นแฟนกับผม?"

 

"แต่ผมไม่ได้ชอบภูมิ"



"ผมไม่เชื่อ"



"โอเค ค่อยคุยกันเถอะ ผมเหนื่อย ภูมิเข้าไปอาบน้ำได้แล้ว"

 


      อินทัชดันคนตัวโตให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วงับประตูทันที อินทัชถอนหายใจยาว เดินเข้าห้องนอนของตัวเองที่มีคายัคนอนนิ่งอยู่บนเตียง



     ทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กหนุ่มที่ตะแคงข้างหันหน้าไปอีกทาง ปิดไฟหัวเตียง พร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมตัว





"ผมเห็นอาทัชกอดคุณภูมิ"

 

กึก!

 

    ชะงัก ไม่ยักรู้ว่าคายัคแอบมองเขาคุยกับภูภูมิอยู่ข้างนอก



    อินทัชตัดสินใจชะโงกตัวไปหอมแก้มคายัคฟอดใหญ่อย่างเอาใจเพราะกลัวคายัคจะน้อยใจและไม่พูดด้วย

 

     ผละและลูบแก้มเด็กหนุ่ม


"อาไม่ได้คิดอะไรกับคุณภูมิ หลับได้แล้วครับคายัค"



"ครับ"

 

 





.....................

 

 
     ...วันเสาร์...



"มึงแม่ง..หาเรื่องเข้าตัวชัดๆ"


"คนละพันห้า ทำงานแค่สองวันก็ได้ตั้งสามพัน กินบุฟเฟ่ต์ได้หลายมื้อเลยนะมึง"



"แต่มันน่ากลัวนะเว้ย"



"เอาน่า เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้าพี่เขาจะทำอะไรจริงๆก็แค่สู้กลับ"



 
      ยามนี้ ทั้งสองอยู่บนรถไฟฟ้า มุ่งหน้าไปยังคอนโดของพี่เก้งที่อยู่ติดเส้นรถไฟฟ้าบีทีเอสแต่ไกลออกจากโซนกลางกรุงไปหน่อย



      เรื่องของเรื่อง คือ ตั้งแต่วันที่อาสามาหา แล้วคายัคได้รู้ความลับของพ่อกับอาทัช ไหนจะมีเรื่องของภูภูมิเพิ่มมาอีก ทำให้คายัคสับสนปนเครียด เพราะอยู่ในสภาพอารมณ์ไม่ปกติ คายัคจึงไม่พร้อมเจอหน้าอาทัช เลยอยากหาอะไรทำเพื่อเลี่ยงการเจอหน้าอาทัชในช่วงนี้ไปก่อน



    การมาทำความสะอาดห้องพี่เก้ง จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด



    แต่เพราะยังไม่ไว้ใจจึงพาเพื่อนมาด้วย คายัคจะลองทำดูสักสองวันก่อน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล คายัคจะกลับไปทำที่ร้านอาหารแม่บอลดังเดิม



      ถึงคอนโด ยืนรอนอกส่วนลิฟต์ที่มีประตูกระจกกั้น ไม่นานนัก พี่เก้งเดินลงมากดปุ่มจากด้านในให้ประตูกระจกเปิด



     คายัคและบอลยกมือไหว้สวัสดี และยืนรอขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน

         

  ตึ้ง!



        ถึงชั้นสิบแปด ประตูลิฟต์เปิดกว้าง ทั้งสามเดินออกมา เลี้ยวขวาไปสุดทาง และเลี้ยวซ้ายอีกนิดก็ถึงห้องของคนว่าจ้างในการทำความสะอาด

 

       ทั้งสองถอดรองเท้าไว้ตรงชั้นวางบริเวณหน้าประตู เดินเข้ามาถึงส่วนนั่งเล่น พี่เก้งก็เอ่ยขึ้น

 
"แบ่งหน้าที่แล้วกัน ซักผ้า กวาดห้อง ถูห้อง ล้างห้องน้ำ"

 

"ครับ"

 

      จังหวะที่คายัคแยกจากบอลจะไปคว้าไม้กวาด เก้งรั้งข้อมือคายัคแล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ยกยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

"พอไม่ใส่ชุดนักเรียนดูโตมากเลยนะ คายัค"

 

"หรอครับ?"

 

     ยิ้มแหยๆพลางลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อพี่เก้งเปลี่ยนจากจับข้อมือมาลูบไล้แขนเบาๆ เด็กหนุ่มค่อยๆบิดแขนออกเพื่อขอตัวไปทำงาน




       ตัวห้องของพี่เก้งแต่งสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีเรียบง่ายที่เห็นกันทั่วไปอย่างสีขาว-ดำ เสริมด้วยสีของวัสดุจากไม้ ห้องนี้กว้างขวางราวกับบ้านชั้นเดียว ตรงกลางของห้องเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีที่กั้น ฝั่งซ้ายเป็นส่วนครัวและมุมนั่งรับประทานอาหาร ส่วนฝั่งขวาเป็นส่วนนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องนอน และระเบียง

 

     หยิบไม้กวาดมาได้ รีบปรี่ไปหาบอลเพื่อตกลงกันว่าใครจะทำอะไร


      แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย คายัครับผิดชอบกวาดห้องและซักผ้า ส่วนบอลรับหน้าที่ถูห้องและล้างห้องน้ำ

     

     คายัคเลือกซักผ้าก่อน ช่วงที่รอผ้าเสร็จ ในระหว่างนั้นจะได้กวาดบ้านไปพลางๆด้วย เดินออกมาส่วนด้านนอกของห้องที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับระเบียง คายัควางตระกร้าเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของพี่เก้งลง หยิบทีละชิ้นเพื่อใส่ลงเครื่องซักผ้าจนครบ แต่เพราะเครื่องซักผ้าของพี่เก้ง แตกต่างจากบ้านของเด็กหนุ่ม จึงไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหนอะไรยังไงจึงเรียกเจ้าของห้องมาดู

 

      ขณะที่พี่เก้งยืนกดปุ่มเลือกประเภทผ้าที่ซักและกดตั้งเวลาตรงแป้นเครื่องซักผ้า คายัคตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ พี่เก้งใช้มือลูบปลายนิ้วของเด็กหนุ่มเล่นไปทีละนิ้ว เมื่อกดปุ่มเริ่มปั่นผ้าแล้ว เก้งหันมายิ้มและเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้คายัคยืนถอนหายใจยาวออกมา



      กินเวลาไปหลายชั่วโมงที่ทั้งสองทำความสะอาดจนเรียบร้อย เป็นจังหวะที่ผ้าปั่นเสร็จพอดี ขณะที่คายัคดึงผ้าออกมาจากเครื่อง เขาได้ยินพี่เก้งเรียกบอล

 

"บอล ลงไปสั่งข้าวที่ร้านหน้าคอนโดให้พี่หน่อยสิครับ"

 

    คายัคใจตกไปที่ตาตุ่ม เพราะไม่กล้าอยู่กับพี่เก้งสองต่อสอง รีบวางผ้าและเดินไปหาบอล

 

"ผมไปกับบอลด้วยนะครับ"

 

"อย่าทำตัวเป็นเด็กสิ ไม่ต้องตัวติดกันขนาดนั้นก็ได้"

 

       คายัคมองหน้าบอล ก่อนตอบ

 

"ก็ได้ครับ"

 

"กินอะไรกันบ้างก็สั่งกันเลยนะ นี่เงินครับบอล" เก้งยื่นเงินให้บอลและกลับมานั่งที่โซฟา

 

    คายัคมองบอลกำลังจดเมนูอาหารและกระซิบ



"มึงกำโทรศัพท์ไว้ตลอดนะ ถ้ากูโทรไปตื้ดนึงเป็นสัญญาณว่ามึงโทรเรียกตำรวจได้เลย"

 

"เออ"

 

 
    หลังจากที่บอลออกจากห้องไป พี่เก้งกวักมือเรียกคายัคให้นั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่ง



"คายัคใสซื่อมากเลยนะ"

 

"แล้วมันดีหรือไม่ดีครับ?"
 

"ดี พี่ชอบ"

 

"อ่อครับ พี่เก้งครับ ผมมีคำถามอยากถามครับ โดยปกติผู้ใหญ่ที่อายุสักสามสิบขึ้นไป เขาจะชอบเด็กวัยอย่างผมไหมครับ?"



    ตอนที่คายัคถาม เพราะเห็นว่า คุณเก้งก็อายุเยอะ น่าจะเข้าอกเข้าใจคนที่อายุไล่เลี่ยกัน โดยที่คายัคถามนั้น เพราะนึกถึงแต่อาทัช แต่ไม่ได้เอะใจเลยว่าเก้งยกยิ้มดีใจแล้วอยู่ดีๆมือไม้ก็ไล่ลูบต้นแขน

 

"ถ้าเป็นพี่ พี่ชอบนะ เด็กวัยคายัคนี่ มันได้ความสด ใหม่ สดใสจนพี่เองยังอยากจะ..."

 

"ขอบคุณนะครับพี่ที่ให้คำตอบ ผมขอตัวไปตากผ้าก่อนนะครับ"

 

      ลุกพรวดเมื่อเห็นสายตาน่ากลัว คายัครีบเดินดุ่มไปตรงเครื่องซักผ้า เสร็จก็เตรียมเอาไปตาก



     อ้อยอิ่งอยู่นานกับการตากผ้าทั้งๆที่ความเป็นจริงไม่ได้นานขนาดนี้ เนื่องจากคายัคกลัวการอยู่กับพี่เก้งสองต่อสอง


     ประวิงเวลาจนแขวนเสื้อตัวสุดท้าย ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ก็ไม่พบพี่เก้งนั่งอยู่ที่เดิมเลยโล่งใจเล็กน้อย
     

     มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า?



    บางทีคายัคอาจคิดมากไปเอง เด็กหนุ่มพยายามมองโลกในแง่ดีว่าคงไม่มีอะไร

 

    สามสิบห้านาทีผ่านไป ที่คายัคยังปลอดภัย ส่วนบอลก็เข้ามาในห้องพร้อมอาหาร ทั้งสามไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร แกะกล่องข้าวเทใส่จานแล้วนั่งกินกันจนหมด



     ล้างจานเสร็จ ทั้งสองหมดธุระ เตรียมกลับบ้าน


"บอลกับคายัค เคยดื่มเหล้าไหม?"

 

"ไม่เคยครับ"

 

"ดื่มไหม? พี่จะสอนให้ ต่อไปไปกินกับคนอื่นจะได้ไม่โดนมอมง่ายๆ"

 

     บอลและคายัคมองหน้ากัน โดยที่ยังไม่มีคำตอบให้

 

"เดี๋ยวให้ลอง ดื่มไม่ยาก แต่ถ้าไม่เคยดื่มมาก่อน อาจเมาเร็วหน่อย รอแป๊ปนึง"

 

    เก้งเดินเข้าส่วนครัว เปิดตู้เก็บของ หยิบขวดวิสกี้พร้อมแก้วทรงเตี้ยสามใบใส่ถาด ถือมาวางตรงโต๊ะกลางพร้อมเอ่ยชวนเด็กหนุ่มให้นั่งลงก่อน คายัคและบอลตัดสินใจทำตามคำสั่ง
 

"ขอแก้วเดียวนะครับ"

 

"ได้สิ"

 

       เก้งเทวิสกี้ใส่แค่ค่อนแก้วเพื่อลองเชิง เขาแค่ต้องการให้เด็กหนุ่มทั้งสองรับรสชาติมันเท่านั้น

 

       คายัคและบอลรับแก้วมาถือไว้ในมือ จากนั้น ทั้งสองยกแก้วกระดกดื่มด่ำความเข้ม ขมปร่า คายัควางแก้วทำหน้าเหยเก ก่อนใช้หลังมือปาดริมฝีปาก

 

"เป็นไง?"



"รู้สึกร้อนๆคอครับ"

 

"อืม...พี่หวังดีนะ พี่ไม่ต้องการให้เราใจแตกหรอก แต่ของแบบนี้ก็ต้องฝึกไว้บ้าง เผื่อมีโอกาสได้ดื่มขึ้นมาจะได้รู้ว่าลิมิตตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ กินกี่แก้วถึงเมา จะได้ระวัง ห้ามตัวเองไม่ให้กินมากกว่านั้น"

 

"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ"



"พี่เป็นห่วงน่ะ รู้ไหมว่าบอลกับคายัคเป็นเด็กหน้าตาดีนะ ระวังตัวไว้แล้วกัน"



"ครับ"

 

       เก้งยิ้มพอใจที่เห็นเด็กเชื่อฟัง เขาควักเงินจ่ายค่าทำความสะอาดให้บอลและคายัคคนละสองพันบาทถ้วน

 

"พี่ให้เพิ่ม เพราะถูกใจเราสองคน"

 

        คายัคและบอลยิ้มกว้างตื่นตาตื่นใจ รีบพนมมือไหว้ขอบคุณ

         

"พรุ่งนี้มาสายหน่อยก็ได้คงไม่มีอะไรทำมากแล้วล่ะ"

 

"ครับ"

     

       พอเดินออกจากห้องพี่เก้งมาได้ไกล ระหว่างโถงทางเดิน บอลพูดกับคายัค



"ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า"



"นั่นดิ  แถมพี่เก้งยังดูเป็นห่วงพวกเราด้วย  เขาก็คงเป็นผู้ใหญ่ที่แค่เอ็นดูเด็กมั้ง"

 

"อืม ก็คงงั้นมั้งมึง"



     ทั้งสองเห็นตรงกัน และยังดีใจที่ทำงานวันเดียวได้เงินมากขนาดนี้


    ความใสซื่อของเด็กวัยอยากรู้ อยากลอง ที่ไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้ ยังมีมุมเลวร้ายหลบซ่อนอยู่....



****1.1****

หืมมมมมมมมมม
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2018 20:44:27 โดย rinyriny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ม่าายยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่านะ อย่าตกหลุมพรางมัน ม่ายยยย :katai1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใสซื่อจริง ๆ เด็กน้อย

นั่นคือการหลอกให้เหยื่อตายใจ พอสบโอกาสก็ขย้ำทันที

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 8  ครั้งแรก (2)







   

"เที่ยงพอดี พี่หิวข้าว เราไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า และค่อยกลับมาทำงานบ้าน"



    พี่เก้งบอกขณะที่ลงมารับทั้งสอง บอลและคายัคมองหน้ากันด้วยความลังเลใจแต่ก็ยอมเดินตามผู้ว่าจ้างไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อจู่ๆ เก้งบีบบังคับด้วยการจูงมือคายัคให้เดินตาม



     พอถึงที่หมายอย่าง ร้านอาหารสเต็กและสลัด บาร์ ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า บอลและคายัคนั่งลงอย่างเก้ๆกังๆ จนกระทั่งพนักงานเดินมายื่นเมนูให้เลือก





"กำลังโตแบบนี้ สั่งสเต็กน่าจะเหมาะกับคายัคและบอลนะ" คงเห็นว่าบอลและคายัคดูเมนูนานผิดกว่าปกติแถมพลิกกลับไปกลับมา จึงเสนอแนะ



      บอลและคายัคตัดสินใจเลือกเมนูเหมือนกัน เป็นเฟรนช์คัท พอร์ค ชอร์ป และชี้รูปภาพในเมนูให้พนักงานดู



      พนักงานทวนเมนูอีกครั้งก็จะเดินพ้นไป เก้งจึงพาทั้งสองลุกไปตักสลัดเพื่อรองท้องตรงมุมสลัด บาร์ ระหว่างเดิน เก้งแตะแขนคายัคและเอ่ย





"ถ้าไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้นะ เต็มที่เลยนะ พี่เลี้ยงเอง"



 "พวกผมเกรงใจน่ะครับ"
คายัคบอก


"มาเกรงจง เกรงใจอะไรกัน มองพี่เป็นเหมือนพี่ชายสิ หรือไม่ก็คิดซะว่านั่งกินเป็นเพื่อนพี่ก็ได้...อย่าคิดมาก"



"ครับ"



     ขณะที่พี่เก้งคีบผักอีกฟาก บอลกระตุกแขนเพื่อนให้มาไกลๆและลดระดับความเร็วของฝีเท้าให้ช้าลงกว่าเดิม



"ทำไม พี่เขาใจดีจังวะ"


"ไม่รู้เหมือนกันว่ะ....พวกเราคงโชคดีที่ได้เจอคนดีๆมั้ง"




"เออ คงจะใช่"
     

      ทั้งสองเดินวนรอบ จนได้สลัดผักมาคนละหนึ่งจานพูนก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เก้งมองเด็กสองคนกินเหมือนเด็กมูมมามก็อมยิ้ม



"รู้ไหม? เวลาพี่อยู่กับพวกเรา พี่รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย"


"ยังไงครับ?"


"พี่รู้สึกตัวเองมีชีวิตชีวามากขึ้น นี่พี่จะบอกให้ว่าถ้าถึงวันที่คายัคกับบอลโต จะรู้ว่าชีวิตวัยเด็กมันดีและสนุกแค่ไหน?"



"จริงหรอครับ? แต่ผมอยากโตกว่านี้"
คายัคว่า


"หึๆ นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า พอโตก็อยากกลับไปเป็นเด็ก พอเป็นเด็กก็อยากโตไวๆ เชื่อพี่เถอะ! พอโตขึ้น การมีภาระจะทำให้เราไม่สนุกกับชีวิตหรอก"



     คายัคทำเป็นพยักหน้ารับฟัง แต่ลึกๆก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยทุกประการ ในความคิดของคายัค ก็ยังมีความเชื่อว่า เขาอยากโตขึ้นกว่านี้อยู่ดี



"พี่เก้งอยู่ห้องคนเดียวหรือครับ?" บอลถาม เพราะเห็นว่าตอนทำความสะอาดเมื่อวาน ข้าวของส่วนใหญ่เป็นของใช้สำหรับคนเดียวทั้งสิ้น



"ใช่ครับ พ่อแม่พี่ทำธุรกิจอพาร์ทเมนท์ให้เช่าตามแถวมหาฯลัยที่ต่างจังหวัดน่ะ"



"อ้อครับ"



"ที่อยู่คนเดียวเพราะพี่ยังไม่มีแฟน แต่พี่ก็มีความสุขกับชีวิตดีนะ โดยเฉพาะเวลาที่ได้อยู่กับคายัค"




       ชื่อบอลหายไปจากประโยค เหลือเพียงชื่อคายัค ที่พอเจ้าของชื่อเผลอสบตามองพี่เก้งที่จ้องตาไม่กระพริบก็ชะงักกึก รีบก้มหน้าจัดการอาหารตรงหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง



       จัดการอาหารคาวเสร็จสิ้น พี่เก้งใจดีแวะพากินของหวานอย่างบิงซูกันต่อถึงค่อยกลับบ้าน


       ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึงคอนโดก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว




       เข้าห้องปุ๊ป บอลและคายัคก็ขอพี่เก้งเข้าห้องน้ำล้างเนื้อ ล้างตัวให้พอชื่นใจก่อนจะทำความสะอาด ในขณะเดียวกัน เก้งลงไปรับเพื่อนที่อ้างว่าจะมานอนค้างที่ห้องคืนนี้



       เสร็จธุระ บอลและคายัคช่วยกันกวาดห้อง ถูห้อง ในขณะที่ทั้งสองเริ่มงานไม่นาน  พี่เก้งพาเพื่อนมาแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จัก และเดินไปนั่งที่โซฟา โดยคายัคเหลือบมองเห็นพี่ทั้งสองกำลังนั่งดื่มกันแล้วในเวลานี้



        คายัคไม่สนใจแขกมาใหม่ เขาขอแค่รีบทำหน้าที่ของเขาให้จบๆไปจะได้รีบกลับบ้านสักที


       มุ่งมั่นตั้งใจทำความสะอาดจนเรียบร้อย ก็เดินไปหาพี่เก้งเพื่อขอตัวกลับบ้าน


      แต่ว่า....



"ดื่มด้วยกันก่อนสิ" เก้งบอกเด็กหนุ่มวัยสิบหกสองคนที่ยืนเก้ๆกังๆ



"ผมกลับดีกว่า พรุ่งนี้พวกผมต้องไปโรงเรียนครับ"

 

"ไม่ดึกหรอกน่า พี่เพิ่มเงินให้คนละสามพันเลยก็ได้ มาดื่มเป็นเพื่อนพวกพี่หน่อยสิ พวกพี่มีเรื่องที่คายัคอยากรู้อีกเพียบ"



       ได้ยินดังนั้น ทั้งสองตาโต 


       คายัคและบอลไม่รู้เลยว่ากำลังตกหลุมพรางจากการใช้เงินจำนวนมากมาล่อ
     



"ถ้าผมดื่มนิดเดียวได้ไหมครับ?"
เด็กไร้เดียงสา แถมมอบความไว้ใจให้โดยไม่คิดเอะใจสักนิดเอ่ยถาม


"ได้สิ มาๆนั่งๆ"



       คายัคหันไปบอกบอลเสียงเบา



"รีบกิน รีบกลับเนอะ"



"เออๆ"



       เมื่อทั้งสองตกลงอยู่ต่อ คายัคต่อรองกับพี่เก้ง

 
"ผมขอรับเงินก่อนนะครับ..."

 

      เก้งยิ้มพอใจควักเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์จ่ายให้คายัคและบอลครบตามจำนวน เก้งตบเบาะตรงที่นั่งข้างๆให้คายัคมานั่ง ส่วนบอลโดนเรียกให้ไปนั่งข้างพี่อีกคน



       เก้งรินวิสกี้ใส่แก้วช็อต ยื่นให้บอลและคายัครับไปดื่มแบบเพียวๆ จบแก้วแรก ทั้งสองต่างรีบกระดกน้ำเปล่าจากขวดกลบความร้อนรุ่มในร่าง



"เป็นไง?"


"ร้อนกว่าเมื่อวานอีกครับ"
คายัคบอก เก้งหลุดยิ้ม ใช้หลังมือลูบแก้มเด็กหนุ่มที่เริ่มแดงและโน้มตัวไปใกล้กว่าเก่า


"รู้ตัวหรือเปล่าว่า ตัวเองเป็นเด็กหน้าตาดี?"
คายัคขยับตัวถอยหลัง และส่ายหน้า


"มะ...ไม่รู้ครับ"


"คายัค พี่มีข้อเสนอ อันนี้พี่ซีเรียส สนใจให้พี่เลี้ยงดูไหม?"



      เด็กหนุ่มเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ ว่าการเลี้ยงดูที่พี่เก้งพูดถึงนั้นนั่นหมายถึง การอุปการะแบบเด็กด้อยโอกาส หรือหมายถึง การเลี้ยงดูแบบที่อาทัชเลี้ยงคายัคอย่างทุกวันนี้



"เอ่อ...เลี้ยงดูยังไงหรอครับ? กินข้าว ให้เงินไปเรียนอย่างนี้เหรอ?"



"ทำนองนั้น อาจมีกินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง  ถ้าพี่โทรให้คายัคมาหาก็ต้องมาพี่เชื่อว่าคายัคทำได้อยู่แล้วล่ะ งานสบายจะตาย พี่เสนอให้เดือนละสองหมื่น ไม่รวมค่าเสื้อผ้าอื่นๆ หรือ ถ้าอยากได้มือถือใหม่ พี่ก็ซื้อให้ได้"



     ตาโตที่ได้ฟังข้อเสนอ คายัคดีใจที่ตัวเองได้เงินตั้งเยอะ ทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบมัธยมด้วยซ้ำ คายัคอยากตอบรับเลย แต่ก็กลัวจะมีปัญหากับอาทัชที่ไม่ยอมบอกก่อนเหมือนตอนที่คายัคไปทำงานกับแม่บอลอีก


"เรื่องงานนี้ ผมขอปรึกษาอาผมก่อนนะครับ" ยังเข้าใจว่ามันคืองาน



"หืออ...ปรึกษาทำไมกัน งานไม่ยากเลยนะนี่ พี่ไม่หลอกเราไปขายหรอกน่า คายัคไม่อยากได้เงินไปตอบแทนผู้มีพระคุณหรอ? สมัยนี้ คนตกงานกันเยอะจะตาย นี่มันคือโอกาสของคายัคแล้วนะ สองหมื่น ไม่รวมค่าช้อปปิ้ง คิดดูดีๆนะครับ" เก้งว่าด้วยรอยยิ้ม มิวายใช้หลังมือลูบปลายคางเด็กหนุ่มอย่างหยอกล้อ


      หนักใจอยากตบปากรับคำ แต่แคร์ความรู้สึกอาทัชมากกว่า



"ผมขอเวลาคิดแล้วกันนะครับ"


"อะอะ พี่ไม่อยากกดดัน เดี๋ยวจะคิดว่าพี่ไปบีบบังคับอีก แต่ฝากไว้ให้คิดแล้วกันว่า มองพี่ให้เหมือนพี่ชาย คายัคจะได้สบายใจขึ้น"
ยังยิ้ม ก่อนจะดึงมาคายัคมาจับแก้วตัวเองแล้วอ้อนให้คายัคดื่มรวดเดียว



       เก้งยังไม่อยากเร่งรัดคายัค จึงเปลี่ยนเรื่องคุย



     เก้งและเพื่อนชวนเด็กวัยสิบหกคุยอย่างสนุกสนาน ซึ่งเวลาผ่านไป บอลและคายัคก็ดื่มไปหลายแก้วแล้ว จังหวะนั้น คายัคปวดฉี่ จึงขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ เสร็จธุระ วักน้ำล้างหน้าก็รู้ตัวว่าถ้ากินต่อต้องเมากลับบ้านไม่ไหวแน่ จึงออกมาบอกบอลให้กลับบ้าน



     เก้งรู้ก็ทำหน้าตกใจ


"เมากันแล้วหรอ? ไปนอนพักห้องพี่ก่อนไหม? สักชั่วโมง ให้สร่างสักหน่อยค่อยกลับพวกพี่เป็นห่วง"

"ไม่ดีกว่าครับ"



"เอาน่า พี่ไม่ทำอะไรหรอก พวกพี่จะได้นั่งดื่มต่ออย่างไม่ต้องห่วงหรือพะวงด้วย"



"บอลมึงไหวปะ?"



"หลับสักนิดก็คงจะดี ตอนนี้ มันบอกไม่ถูกว่ะ"



"ถ้างั้นหลับก่อน ตั้งเวลาสักสี่สิบห้านาทีแล้วกลับนะเว้ยมึง"



"โอเค"
แค่มึนไม่ถึงกับเมา แต่เด็กหนุ่มทั้งสองยังคงคิดว่า ถ้าพักกายสักหน่อย น่าจะดีขึ้น



        จากสี่สิบห้านาทีที่ตั้งเป้าไว้ว่าถ้าถึงเวลาที่นาฬิกาปลุกค่อยกลับ ทว่า ผ่านไปแค่ยี่สิบนาที คนหลับใหลรู้สึกเสียวปลายเท้าไล่มายังส่วนบนของร่างกาย บางจังหวะก็วูบหวิวแปลกๆ ในตอนแรกคายัคคิดว่าฝัน เลยยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่ไม่กี่นาทีที่คายัครู้สึกถึงความเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ



"คายัค ตื่น!"



      จำได้แม่นกับเนื้อเสียงของพ่อที่ตวาดอยู่ข้างหู คายัคสะดุ้งสุดตัว ลืมตาตื่นโดยไม่รู้แล้วว่าอันไหนความจริง อันไหนความฝัน



     หันซ้าย หันขวา ก่อนจะกดตามองส่วนล่างของตัวเองต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อภาพสุดท้ายคือเห็นพี่เก้งผงกศรีษะขึ้นจากการออรัลเซ็กซ์เด็กหนุ่ม ยันกายมานั่งตัวตรง



     ช็อคตาโต เมื่อเหลือบเห็นมืออีกฝ่ายเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีขุ่น


"เหี้ย!"




      คายัคสบถทันที พอมีสติ ยกสองขาถีบกลางลำตัวพี่เก้งที่เคลิ้มอยู่จึงไม่ทันตั้งตัว ทำให้อีกฝ่ายล้มหงายหลัง เด็กหนุ่มม้วนตัวลงเตียง คว้ากางเกงขาสั้น ที่อยู่ที่พื้นมาใส่ วิ่งไปกระชากหลังคอเสื้อเพื่อนพี่เก้งที่กำลังทำออรัลเซ็กซ์ให้บอลอยู่


     กระชากไหล่อีกฝ่ายให้หยุดกระทำชำเราเพื่อนตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงหมัดกระแทกเข้าที่กรามสุดแรง จนอีกฝ่ายล้มลงไปนอน ไม่รู้ว่าสลบหรือเปล่า?


    คายัครีบปลุกบอลที่ตอนนี้ นอนหลับตาพริ้ม



"ไอ้สัดบอลอย่าเคลิ้ม ลุกสิลุก"



     สะดุ้งตื่นจากแรงกระชาก บอลเหรอหราลุกพรวดคว้ากางเกงมาใส่ ตอนที่ได้ยินคายัคบอกว่าทำไมต้องหนี


"พวกมึง อย่าตามมานะ"



 
     รีบวิ่งออกจากห้อง ลงทางบันไดหนีไฟไปกดลิฟต์อีกชั้นอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะตามมา เมื่อลิฟต์มาถึง ประตูเปิดกว้าง ทั้งสองรีบกดปิดเพื่อต้องการให้ถึงชั้นล่างอย่างไวที่สุด



    ถึงชั้นหนึ่งอย่างปลอดภัย ทั้งสองพาตัวเองวิ่งไม่คิดชีวิต รีบโบกแท็กซี่ที่ริมถนนใหญ่ ตอนนี้ ความเมาเป็นอย่างไรทั้งสองลืมมันไปจนหมดสิ้น



    คายัคและบอลสร่างเมามาได้สักพัก เวลานี้ ต่างฝ่ายต่างตระหนกตกใจมากกว่า เด็กหนุ่มวัยสิบหกสองคนยืนใจเต้นแรงราวกับเพิ่งลงจากรถไฟเหาะมาหมาดๆ



"แฮ่กๆๆๆ...."

 
"เชี่ยเอ้ย กูโดนเอาหรือเปล่าวะเนี่ย?"
  บอลจับก้นตัวเองลูบแล้ว ลูบอีก พลางเอี้ยวตัวไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง



     คายัคก้มตัว งอเข่า พลางใช้มือยันเข่าสองข้างอย่างหอบเหนื่อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน


"คงไม่ถึงขั้นนั้น เพราะพวกเราตื่นก่อน แต่ที่แน่ๆ พวกเราโดนลวนลามว่ะ เชี่ยเอ้ย! แขยงสัด"



"เชี่ย เพราะมึงเลยไอ้ยัค"



"กูขอโทษเว้ย ไอ้บอล คืนนี้ กูนอนบ้านมึงได้ปะ กูไม่กล้าเจอหน้าอาทัชเลยว่ะ"



"เออๆ...มึงแม่ง เป็นไงล่ะ เงินดี เงินดี ห่าเอ้ย...ที่แท้แม่งหลอกฟันนี่หว่า"



"จะให้ทำไงวะ มันเกิดขึ้นแล้วนี่ กูขอโทษ  กูผิดเอง แม่งเอ้ยไม่น่าไว้ใจคนแบบนี้เลย  คิดแล้วยังขนลุกไม่หาย"



"ขึ้นแท็กซี่ก่อนเว้ย"



     เมื่อรถแท็กซี่มาจอดตรงที่ทั้งสองยืน รีบบอกที่หมาย ขึ้นไปก็นั่งกันนิ่ง แม้ร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อจะแห้งเหือดหาย จากการโดนความเย็นจากแอร์รถยนต์ แต่สิ่งที่ยังติดอยู่ในความรู้สึกของทั้งสองไม่หาย คือ นาทีระทึกจากการเกือบโดนช่วงชิงความบริสุทธิ์ไป



      นั่งเงียบจนถึงที่หมาย จ่ายเงินเข้าบ้านบอล อันดับแรกที่ทั้งสองทำ คือต่างรีบแยกย้ายกันไปอาบน้ำ เพื่อชำระร่างกายที่ทั้งสองแขยง คายัคทั้งถู ทั้งขัดตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง เด็กหนุ่มขัดแรงมากจนรู้สึกแสบไปหมด



      กินเวลานานกว่าทุกที เมื่อพึงพอใจกับการชำระร่างกายที่คิดว่าสะอาดหมดจด ถึงออกมา นั่งรอบอลที่เตียงโดยสวมใส่ชุดเดิม ระหว่างรอ ก็โทรหาอาทัชว่าขอนอนค้างบ้านเพื่อน



      สิบนาทีผ่านไป บอลเดินเข้ามานั่งมองในสภาพหน้าแดง ตัวแดง


"กูขอโทษนะบอล" ก็ยังรู้สึกผิดไม่หายที่ดันลากเพื่อนไปลงนรกด้วย



"เออๆ มันผ่านมาแล้ว ช่างแม่งเหอะ ไม่อยากคิดแล้ว ยิ่งคิดยิ่งแย่ว่ะ จากนี้ กูจะไม่เชื่อใจใครแล้วว่ะ"


"เออกูก็เหมือนกัน"



"นอนๆเหอะว่ะ กูไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้ว ปวดหัว"



      ก่อนบอลจะล้มตัวลงนอน คายัคจับแขนเพื่อนแน่น



"ขอบคุณที่มึงไม่ทิ้งและไม่โกรธกู กูซึ้งใจมึงว่ะ"



"อย่ามาซึ้งตอนนี้น่า กูจะนอน"



    มองบอลที่ตอนนี้หลับตาตัดบทก็เลยต้องทิ้งตัวลงนอนบ้าง



    เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า คายัคจะไม่ละโมบ โลภมากและไม่เห็นแก่เงินมากเกินไป รวมถึงคายัคจะระมัดระวังและไม่ไว้ใจใครง่ายๆอีก



 
     ช่างเป็นบทเรียนราคาแพงที่คายัคจะจดจำไว้ไม่ลืม...





"นี่กูนอนไม่หลับมาจะสองชั่วโมงแล้วหรอวะ?"




       ตั้งแต่ล้มตัวลงนอนพร้อมหลับตา ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ร่างกายที่พัก เพราะสมองกลับไม่เป็นเช่นนั้น มันยังคงคิดถึงแต่เรื่องเดิมไม่หยุดหย่อน คายัคพลิกตัวไปมา จนกระทั่งมาดูนาฬิกาถึงเพิ่งรู้ว่าผ่านมาแล้วสองชั่วโมงที่คายัคนอนไม่หลับ



       ตัดสินใจสะกิดเพื่อน ให้ลงไปส่งหน้าบ้าน เพราะคายัคหลับไม่ลงจริงๆ เขาอยากกลับบ้านไปหาอาทัชเหลือเกิน


        ปลุกเพื่อนจนตื่น บอลบ่นอย่างรำคาญ ก่อนจะลุกจากเตียงเดินงัวเงียลงไปเปิดประตูหน้าบ้าน ที่ตอนนี้แท็กซี่ที่คายัคเรียกจากแอพพลิเคชั่นก็มาถึง



       ก่อนถึงบ้าน คายัครบกวนพี่คนขับช่วยแวะร้านสะดวกซื้อริมถนนก่อน

 
       ได้ของตามต้องการ คายัคกลับมาขึ้นรถ ใช้ระยะเวลาไม่นานก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย คายัคย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอาทัชโดยไม่เปิดไฟ เขาอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ

 

       ค่อยๆปีนขึ้นเตียงและทิ้งน้ำหนักตัวให้เบาที่สุด ความมืดทำให้คายัคคลำ ควานสะเปะสะปะเพื่อหาอะไรบางอย่าง จนกระทั่ง คายัคแตะโดนอาวุธคู่กายของอาทัชผ่านกางเกางนอนได้สำเร็จ

 
       ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ในกายร้อนวูบวาบแปลกๆ เด็กหนุ่มกัดปากจนเจ็บ เมื่อรู้ว่าแก่นกายของตัวเองแข็งขืนจนปวดหน่วงหนึบอย่างบอกไม่ถูก



       คิดดีแล้วว่าหนทางเดียวที่คายัคจะลบภาพเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้ คือ มีเซ็กซ์กับอาทัช
 

"ขอโทษนะครับ อาทัช"

 

      ขออนุญาตคนหลับอย่างไร้ประโยชน์ เพราะอินทัชก็ไม่ได้ยินอยู่ดี


      ยอมรับว่าแอลกอฮอล์มีส่วนกระตุ้นให้คายัคกล้าทำในสิ่งที่อยากทำมาแสนนาน คายัคสร่างเมานานแล้ว และเวลานี้เขารู้ตัวหมดว่ากำลังทำอะไรอยู่ คายัคกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นั่งชันเข่าบนเตียง โน้มตัวไปแกะกระดุมเสื้อนอนของอาทัชอย่างเบามือที่สุด

 
        ดูเหมือนว่า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศจะไม่ช่วยอะไร เมื่อคนที่คิดไม่ซื่อกับอาของตัวเองแกะกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จด้วยเม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าและแผ่นหลัง แทบกลั้นหายใจตอนที่แบะสาบเสื้อออกจากกัน เด็กหนุ่มแตะนิ้วลงบนผิวกายที่เย็นๆและลูบไล้ช้าๆ

 

   แค่สัมผัสผิวเนียน คายัคก็ปวดหน่วงหนึบช่วงล่างมากกว่าเดิม

 
    เด็กหนุ่มยกขาอาทัชขึ้นสูง ค่อยๆดึงกางเกงยางยืดจากสะโพกลงมาถึงต้นขา จับอาทัชอ้าขาให้กว้างกว่าเดิม พยายามถอดกางเกงให้หลุดออกจากขาได้จนสำเร็จ

 

    โยนทิ้งลงพื้น และดึงกางเกงตัวเองลง คว้าเจลหล่อลื่นที่เพิ่งซื้อมาจากเซเว่นชะโลมลงไปช่องทางรักข้างหลังของอาทัช

 

     ใจสั่นอย่างแรง เพราะเป็นครั้งแรกที่คายัคตั้งใจจะมีเซ็กซ์กับอาทัช



      ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ใจมันบอกว่าต้องทำ



     นาทีนี้  ฮอร์โมนพุ่งพล่าน ไหนจะความต้องการทางเพศที่ทะยานขึ้นสูงจนทะลุขีดจำกัด หนุ่มน้อยกำน้องชายตัวเองรูดรั้งขึ้นลงช้าๆ กัดปากกลั้นเสียง ก่อนจะกระเถิบตัวไปใกล้ ใช้ส่วนหัวแก่นกายถูไถช่องทางข้างหลังของอาทัช

 

"ซี้ดดดอ่าาาห์!"


       แค่ถูไถส่วนทางเข้าของอาทัชก็ส่งเสียงครางอย่างเสียวกระสัน อาวุธของคายัคตอนนี้พร้อมสู้ศึกเต็มที่ แต่ทว่า คายัคยังไม่สอดใส่ เขาอยากสัมผัสเนื้อตัวอาทัชมากกว่านี้สักหน่อย



        ยามนี้ ริมฝีปากอุ่นๆประทับลงบนแผ่นอกเย็นเฉียบที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ คายัคขบเม้มพลางแลบลิ้นเลียผิวกายวนอย่างอยากรู้อยากลอง ก่อนจะลากริมฝีปากลงมาโลมเลียยอดอกที่แข็งเป็นตุ่มไต



       ไม่เคยรู้สึกดีและตื่นเต้นอะไรอย่างนี้มาก่อน ยิ่งดึงดูดยอดอกของอาทัชเท่าไหร่ คายัคยิ่งรู้สึกถึงความเสียวซ่านมากขึ้นเท่านั้น



        ความต้องการทางกามารมณ์ของคายัค ทำให้เด็กหนุ่มไม่สนใจแล้วว่าอาทัชจะตื่นขึ้นมากลางคันหรือเปล่า คายัคยังรูดรั้งแก่นกายของตัวเองไปพร้อมกับการเขยิบตัวขึ้นไปจูบปากอาทัชดึงดูดริมฝีปากล่างเบาๆ โดยที่ยังไม่ได้สอดเรียวลิ้นเข้าไป



      แต่ทันใดนั้น...


      อินทัชสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกแปลกประหลาดกับตัวเอง รีบผลักบางสิ่งให้พ้นกาย เอี้ยวตัวไปเปิดไฟที่หัวเตียง

 
      หันกลับมาตกใจ เห็นเด็กหนุ่มกระเด็นไปอยู่ปลายเท้า กดตาลงมองช่วงล่างของตัวเองอย่างตกใจ เมื่อไม่มีกางเกงปกปิดของสงวน



"จะทำอะไรน่ะ คายัค"



"คะ..คือ...ผะผม...ขอโทษครับ ผมขอโทษ" พอโดนดุ น้ำตารื้นเอ่อดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่


"นี่คายัค คิดจะแอบมีเซ็กซ์กับอา ตอนอาหลับอย่างงั้นเหรอ? ห้ะ?..."

 

        เด็กหนุ่มก้มหน้ารู้สึกผิด


"ครับ"

 

"คายัค รู้ไหม? ว่า...."


        มาถึงขนาดนี้ คายัคไม่มีทางให้มันจบลงด้วยการอดร่วมรักกับอาทัชได้ คายัคต้องการอาทัชมากถึงมากที่สุด เด็กหนุ่มไม่ยอมแล้ว เข้าไปโผกอดอย่างไม่ฟังคำค้าน และซุกใบหน้าลงตรงลำคอของอีกฝ่าย


       อินทัชรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอ และตามมาด้วยถ้อยคำจริงใจเอ่ยออกมาเสียงเบา ทว่า หนักแน่นมั่นคง


"อาทัช ผมขอมีอะไรด้วยได้ไหมครับ?"




    ....................................



เรื่องของพี่เก้ง คายัคมีสองความคิดตีกันในหัวอะค่ะ แบบลังเลว่าคนนี้ดีจริงไหม มาไม้ไหน แต่สักพักก็จะมีความคิดโลกสวยมาบอกว่า อย่าคิดลบสิ เขามาดีนะแกรรร 555
ส่วนเงินที่ได้มาห้าพันบาท คิดซะว่าซื้อค่าประสบการณ์และบทเรียนราคาแพงเนอะ (ว่าแต่สงสารบอลง่า)

.

ต่อมา เราจะมาดูในส่วนของอาทัชนั้น...ว่า..จะให้ไหม? :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 21:41:11 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คายัคทำแบบนี้ไม่โตเลยนะลูกกก

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
โอ้ยยยยย ค้างงงงงงงงงง

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เงินดีๆ ไม่น่าเล้ยยยยยย  :ling3:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

บทที่ 9  แฟน



 



         ไม่คิดว่า คายัคจะกล้าขอกันตรงๆแบบนี้ อินทัชเงียบอยู่นาน เพราะรู้ดีว่า ถ้าเปิดโอกาสให้มีครั้งแรก แน่นอนว่าครั้งที่สอง สาม สี่ ต้องตามมาและนี่จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ



         บางที เหตุผลอาจไม่สำคัญเท่าความรู้สึกที่ได้รับอยู่วินาทีนี้



        ความอบอุ่นจากอ้อมกอดอีกฝ่ายที่กระชับวงแขนแน่นทำให้อินทัชตัดสินใจให้คำตอบเป็นการจูบ

 

        รั้งคอมาแลกจูบกันจนเสียงจูบจ๊วบจ๊าบดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสองแม้เสียงจะดูหยาบโลน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใต้เสียงนั้น มันแฝงด้วยบทจูบที่หวานและโรแมนติกไม่น้อย


 
        ปลายลิ้นที่ตวัดเกี่ยวกับลิ้นนุ่มภายในผสมผสานกับน้ำหวานใสยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้น ทั้งสองยังคงจูบนัวเนีย ในขณะเดียวกัน มือของต่างฝ่าย ต่างลูบไล้ผิวกายกระตุ้นอารมณ์ให้วาบหวาม ก่อนที่อินทัชจะเป็นฝ่ายดันคายัคให้นอนราบไปกับเตียง และขึ้นคร่อมทับบนตัวเด็กหนุ่ม ผละจากริมฝีปากสีแดงสด เคลื่อนลงต่ำ พรมจูบทั่วแผ่นอกและไหปราร้า มืออินทัชก็รูดรั้งแก่นกายของหนุ่มน้อยไปด้วย


      เพียงปลายนิ้วบดขยี้ส่วนปลายสีแดงก่ำ คายัคหลุดเสียงคราง แหงนหน้าขึ้น หอบอากาศเข้าเต็มปอด

           
      ในขณะที่ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ประทับจูบบนตัวจนเกิดเป็นรอยสีแดงกุหลาบทั่วแผ่นอก มือก็ละจากแก่นกายของเด็กหนุ่ม เปลี่ยนไปชะโลมเจลช่องทางด้านหลังของหนุ่มน้อย ลูบวนถูไถเบาๆก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปทันใดนั้น...



 

"อาทัช ผมไม่ได้จะรับนะ" ตกใจร้องห้ามและยกมือดันอกอาทัช




"แต่คายัคไม่เคยนี่....ใช่ไหม?" ถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าระหว่างนี้ เด็กหนุ่มแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครมาหรือเปล่า?



"อาทัชก็สอนผมสิครับ แต่ผมไม่เอาแบบนี้แน่ๆ"



      เงียบมองคายัคหน้าซีดเผือก สุดท้ายก็ใจอ่อน อินทัชยอมให้เด็กหนุ่มเป็นคนรุกล้ำอาณาเขตของเขาแทนก็ได้



       ตอนนี้ อินทัชยังนั่งคร่อมบนตัวคายัคอยู่ เขาไม่พูดอะไร ลูบร่องก้นของตัวเอง พลางใช้นิ้วสอดเข้าไปข้างในช่องทางแห่งรักอันชุ่มฉ่ำจากเจลหล่อลื่นเพื่อเปิดช่องทางให้กว้างและผ่อนคลายกว่าเก่า ไม่กี่วินาที อินทัชดึงมือเด็กหนุ่มสอดนิ้วเข้าไปแทนนิ้วของเขา จากนั้น คายัคก็ไม่รู้รีบเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง



       ตัวเกร็งกระตุก พลางสะดุ้งเฮือกเมื่อคายัคสอดนิ้วเข้าไปจนสุดและดึงเข้าดึงออกอย่างไม่ยั้งแรงสักนิด



"อ้ะ คายัค จะไม่ถนอมอาหน่อยเหรอ?"



"อาทัชเจ็บหรือครับ ผมขอโทษ"





       เพียงช่องทางรักของอาทัชตอดรัดนิ้ว คายัคก็เสียวซ่านจนลืมตัว เผลอกระทำรุนแรงและเข้าออกรวดเร็วไปหน่อย เด็กหนุ่มจึงชะงัก ก่อนจะปรับระดับจังหวะให้ช้าลงและเบามือมากขึ้น



"ทำต่อเถอะ"



        ปากว่า พลางกดตาลงต่ำมองเด็กหนุ่มนอนสบตากันด้วยรอยยิ้มมุมปาก ใบหน้าแดงจัดที่แสดงออกว่าต้องการมันอย่างหนัก ยอมรับเลยว่ามันกระตุ้นอารมณ์อินทัชได้ดี แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกของคายัค แต่อินทัชกลับเต็มใจยอมเป็นหนูทดลองเพราะตระหนักได้ว่าคายัคก็คงไม่อยากให้เซ็กซ์ครั้งแรกห่วยแน่ๆ

   
       ถอนนิ้วของคายัคออกแล้วจับแก่นกายของเด็กหนุ่มให้เสียบเข้ามาแทน แน่นอนว่าสำหรับอินทัชเองที่ห่างหายไปนานก็ย่อมไม่คุ้นชินเท่าไหร่กับการโดนสอดใส่อีกครั้ง



ฟึ่บ!


      อินทัชค่อยๆกดสะโพกลงทีละนิดจนสุดทางฝัน เริ่มขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ มืออีกข้างที่ว่างสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากันแน่น


      ความเจ็บ จุก เสียด พุ่งเข้ามา อินทัชกัดปากจนเจ็บเพื่อทน แต่หลังจากนั้น ยอมรับว่าความรู้สึกทั้งหมดกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเสียววาบ ซาบซ่านทั่วร่างจนรู้สึกว่า มันส์ ดี มากจริงๆ...


       นั่งแยกปลายเท้าอยู่บนตัวของเด็กหนุ่ม แหงนหน้ามองเพดาน อ้าปากรับอากาศเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ ในขณะที่ยังกระแทกกระทั้นสะโพกอยู่เหมือนเดิม


 หมับ!



“อื้อ..อ้ะ.”


       หลุดครางเสียงกระเส่า เมื่อสองมือคายัคจับสะโพกเอาไว้มั่น แล้วเป็นฝ่ายดันตัวเข้ามา คราวนี้ ไม่ใช่อินทัชที่จัดการแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่มันเกิดจากการร่วมด้วยช่วยกันที่คายัคก็กระเด้งรับจังหวะการขย่มของอีกฝ่ายจนเสียงเนื้อกระทบกันปนเสียงครางดังลั่นห้องอยู่หลายนาที




         อยากเป็นคนคุมเกมส์ในท่าที่ถนัดกว่านี้ คายัคยันกายขึ้นมาแล้วดันตัวอาทัชให้นอนหงาย เมื่อเปลี่ยนท่าได้เรียบร้อย คายัคจับข้อเท้าอาทัชยกขึ้นสูง และกระแทกกระทั้นลงมาจนอาทัชร้องซี๊ด


        จ้องมองคนข้างใต้ครางพลางหลับตา เกร็งตัวบิดไป บิดมา เส้นผมอันยุ่งเหยิงปิดบังบางส่วนของใบหน้าที่แดงจัด ท่าทางทั้งหมดของคนตรงหน้าบอกเลยว่าโคตรยั่ว  มองกี่ครั้งก็วูบวาบในอกอย่างแปลกประหลาด


       หนุ่มน้อยทิ้งน้ำหนัก กดร่างอาทัชเกือบจมเตียง ก้มลงต่ำไปจูบไซ้ซอกคอ เลียใบหู จนสองคนสลับกันส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะๆ

     



        อินทัชผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวของตัวเอง ยามที่ช่องทางด้านหลังกำลังตอดรัดหนักๆ อินทัชเอื้อมมือไปบีบไหล่คายัคแน่น นั่นก็ทำให้คนที่จ้องมองอยู่ข้างบนโน้มมากดจูบที่กกหูเบาๆ และเอ่ย


"อา...ทัช...ครับ...โคตรมันส์...เลยครับ แฮกๆ...อ่าห์"



"อ้ะ...อื้มมมม..."

 


     ไม่คิดว่าช่องทางคับแคบของอาทัชจะทำให้เด็กหนุ่มปวดหนึบเช่นนี้ โดยเฉพาะยิ่งเวลามันตอดรัดแท่งร้อนของคายัค มันเสียวซ่านมากๆ คายัคเร่งจังหวะกระแทกไม่ยั้ง จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องขึ้นมา และความรุนแรงจากการเคลื่อนไหวท่วงท่าของร่างกายยังทำให้เตียงนอนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ขยับตัว


 
     ไม่รู้ว่าการมีเซ็กซ์กับคนที่รักจะดีงามขนาดนี้ ทั้งช่วงล่างที่ยังคงเชื่อมต่อกัน ทั้งแรงจาบจ้วง ทุกเสียงหอบหายใจปนเสียงคราง รวมไปถึงมือทั้งสองสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากันแน่น ทั้งหมดทั้งมวลนั้น  คายัคมั่นใจว่า มันคือความรักที่ส่งผ่านถึงกันและกัน



       ยามนี้ เสียงครางดังประสานกันไปทั้งห้อง เมื่อทั้งสองตัวเกร็งกระตุก แหละไม่นานเกินรอ สองคนได้ปลดปล่อยความต้องการออกจนหมดสิ้นท่ามกลางเสียงหอบหายใจหนักๆ


      คายัคยิ้มมุมปากโน้มตัวไปกดจูบบนริมฝีปากของอาทัชอย่างอ่อนโยนที่สุด
 
           
"ขอบคุณนะครับอาทัช ผมไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้"

 

"ครับ...ดึกแล้ว นอนเถอะ"





       ไม่ดื้อดึงให้อีกฝ่ายรำคาญใจ เขาแค่ซุกหน้าลงบนซอกคออีกฝ่าย ขบเม้มดึงดูดหวังตีตราจอง จากนั้น คายัคกดจูบที่กกหูและพูดเป็นประโยคสุดท้ายของคืนนี้
 



"ผมรักอาทัชนะ"



       กระซิบเสียงแผ่วเบาราวขนนก แต่เหนืออื่นใด ผู้ฟังรับรู้ได้ถึงความมั่นคง หนักแน่นดั่งหินผา จนน้ำตาของคนอายุมากกว่าเอ่อล้นขอบตาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่...
     





 

........................



       นับว่าเป็นการร่วมรักครั้งแรกที่คายัคประทับใจไม่รู้ลืม เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นการเสพสมที่สร้างความสุขได้มากถึงเพียงนี้



       นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยังหุบยิ้มไม่ได้ ยามสายของวันต่อมา คายัคถึงยังมีรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าไม่จางหาย



       ตอนนี้ คายัคแอบมองอาทัชตรงตีนบันไดในระหว่างที่อาทัชยืนคุยกับคนที่มาส่งเมล็ดกาแฟอยู่



"ทำไมไม่ทำมุมกาแฟดริปล่ะ ทัช เห็นเคยบอกพี่ว่าลูกค้าถามหากันเยอะ จะได้มีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มด้วย"


"ไม่ไหวหรอกครับ ผมไม่มีลูกน้อง ลำพังทุกวันนี้ ทำคนเดียวก็แทบไม่ทัน ถ้าทำกาแฟดริปด้วยกลัวรสชาติจะแย่หากผมโฟกัสมันไม่มากพอ"



"อืมพี่ก็ลืมไป นี่ทำมาจนร้านอยู่ตัวขนาดนี้ พี่ว่าจ้างเด็กเถอะ ทัชเองจะได้มีเวลาไปพักผ่อน ออกไปดูโลกบ้าง"




    มองอาทัชยืนนิ่งเงียบ นั่นสิ จะว่าไป ตั้งแต่คายัคอยู่กับอาทัชมา เขาแทบไม่เห็นอาทัชไปเที่ยวไหนเลย



"ขอบคุณนะครับพี่"


"อืม พี่แค่แนะนำน่ะ พี่ไปละ อ้อ...ถ้าอยากจะลองเบลนด์เมล็ดกาแฟสูตรใหม่ บอกพี่นะ ตอนนี้ มีตัวใหม่จะแนะนำ"



"ได้ครับพี่ ขอบคุณมากนะครับ"



     หลังจากพี่ผู้ชายหน้าโหดตัวใหญ่ เดินคล้อยหลังไป คายัคถึงเดินเข้าไปหาอาทัชด้านในเคาน์เตอร์


      กวาดตามองรอบร้าน ก่อนจะหลับตา ตั้งใจสูดดมกลิ่นกาแฟหอมอ่อนๆ ยืนฟังเสียงบดเมล็ดกาแฟ ไม่เว้นแม้แต่เสียงช้อนแสตนเลสกระทบกับถ้วยตวง คายัครู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง ที่ต่างน่าจะเป็นบาริสต้าหน้าตาดีที่ยืนง่วนกับการทำกาแฟที่คายัครักมากกว่าเดิม ทั้งยังจ้องมองได้ไม่รู้เบื่อ

       
       ใบหน้าคมผุดรอยยิ้ม วางมือลงบนพื้นแสตนเลส เอียงคอมองและโน้มตัวไปจูบมุมปาก



"วันนี้ผมขอไม่ไปเรียนนะครับ ปวดตัว"



      มองคนจงใจพูดแซวพลางยิ้มหวาน ทั้งยังส่งสายตาล้อเลียนก็รีบแทรก



"ถ้าจะหยุด ก็เรียนให้ทันเพื่อนแล้วกัน"



"ครับผม"



      เห็นคนพยายามหลบหน้าก็พอรู้ คงไม่พ้นเรื่องเซ็กซ์เมื่อคืน คายัคไม่อยากเซ้าซี้ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย...

 


"ผมไม่เคยถามเลย ปกติอาทัชชอบดื่มกาแฟอะไรครับ?"


"คาปูชิโน่ร้อนครับ ถามทำไม?"

 

"สอนผมทำหน่อยสิ"

 

"ทำไมถึงอยากทำ ก่อนหน้านี้ ไม่นึกสน"

 

"เพราะเมนูนี้ อาทัชชอบ ผมอยากทำ"

 



        หันไปมองคนที่ว่าจบ ยกมือมาโอบรอบเอวอินทัชไว้หลวมๆ



"อืม ถ้าจะให้สอนก็ปล่อยก่อน"



        คายัคยิ้ม ก่อนจะปล่อยมือยืนมองอาทัชที่ตระเตรียมอุปกรณ์และคอยยืนบอกทีละสเต็ปให้ทำตามขั้นตอน เริ่มตั้งแต่บดเมล็ดกาแฟ ทำเอสเพรซโซ่ ช็อต รวมไปถึงขั้นตอนสุดท้าย คือ การสตรีมนมเพื่อทำโฟมนม อินทัชจับมือคายัคให้นำก้านสตรีมนมหรือหัวเป่าไอน้ำที่ต่อจากเครื่องชงกาแฟจุ่มก้านลงไปในพิชเชอร์ที่มีนมสดเย็นอยู่ประมาณครึ่งก้าน จากนั้น เอียงพิชเชอร์ให้ได้องศาที่พอเหมาะเปิดวาวล์ให้แรงไอน้ำออกมาแล้วเริ่มเป่าฟองนมจนเปลี่ยนอุณหภูมิจากความเย็น เป็นอุ่น และร้อน ให้สตรีมจนเกิดเป็นฟองและสังเกตผิวโฟมนมจะมีความเนียนละเอียดขึ้น ทำไปสักพักก็จะได้โฟมนมตามที่ต้องการ



        ได้โฟมนม เด็กหนุ่มค่อยๆรินลงบนคาปูชิโน่ร้อนที่ชงไว้ก่อนหน้า จากนั้น ปิดท้ายด้วยการโรยผงชินนามอน จนได้เป็นเครื่องดื่มจากฝีมือของคายัค

 
"อาทัชชิมให้หน่อยสิครับ"

 

        ยื่นแก้วเซรามิกไปตรงหน้าอาทัชให้ได้ชิมฝีมือของเด็กหนุ่ม อาทัชละเลียดโฟมนมเนียนนุ่มและค่อยๆจิบคาปูชิโน่ร้อนไปด้วย จนรอบริมฝีปากเลอะคราบสีขาว


"เกือบดี อาจะบอกว่า การทำกาแฟน่ะ ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด ทั้ง....."

 

      คายัคมองหน้าอาทัชส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม ยกมือห้ามและเอ่ย

 
"อาทัชโฟมนมเลอะปากครับ"



   

       อินทัชกำลังใช้นิ้วเช็ด แต่เด็กหนุ่มดึงมือออก รีบโน้มตัวไปเลียริมฝีปาก เก็บกวาดทำความสะอาด จนไร้คราบหลงเหลือ แต่คายัคไม่หยุดแค่นั้น สอดปลายลิ้นเข้าโพรงปากเพื่อจูบดูดดื่มต่อ จากนั้นถึงพอ

 

"ไม่มีคราบแล้วครับ ว่าแต่กาแฟที่ผมทำอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย"

 

       ยิ้มกรุ้มกริ่ม มองใบหน้าแดงๆของอาทัชที่หลุบตาลงต่ำ กัดปาก คายัคก็อยากจับกดร่างอาทัชแล้วมีเซ็กซ์กันซะตรงนี้



        อินทัชหลบสายตาคนอายุน้อยกว่าที่ยื่นมือมาเกลี่ยปอยผมที่ตกลงใบหน้าพลางลูบไล้แก้มอินทัชเบาๆ อีกมือก็กุมมืออินทัชไว้



"เมื่อคืนผมมีความสุขมากจริงๆ..."


"....."



"อาทัชเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ?"



       ช้อนตามองคนที่ส่งสายตาฉายชัดถึงความจริงจังไร้แววล้อเล่น อินทัชยืนคิดหนัก คงถึงเวลาที่เขาควรชัดเจนสักที อินทัชยิ้มกว้าง ดึงคายัคเข้ามากอด


        แต่ทันใดนั้น...


"สวัสดี อินทัช"


เฮือก

 

     ทั้งสองหันไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แต่คนที่ดูหน้าเสียที่สุดเห็นจะเป็นอินทัช คนอายุมากกว่ารีบผละ


    เมื่อเห็น...

 

      ...อรรนพ...

   
     พี่ชายของอินทัช

 



"ทำไมพี่นพ มาไม่บอกก่อน" อินทัชหน้าซีด

 

"ถ้าบอก จะได้เห็นอะไรดีๆเหรอ?"

 


      ครู่หนึ่ง คายัคเห็นผู้ชายคนนั้นเหลือบมองมาจึงยกมือไหว้ แต่อีกฝ่ายกลับส่งสายตาวาวโรจน์จนคายัคสัมผัสได้ถึงความน่ากลัว


     อินทัชหันไปบอกคายัคให้อยู่แต่ข้างในเคาน์เตอร์ห้ามออกไปไหน ส่วนอินทัชเดินออกไปนั่งคุยกับพี่ชายตัวเองนอกร้าน

 

"นี่สินะ ที่ไม่คิดจะกลับบ้าน"

 

"....."

 
"แกยังมีพ่อ มีแม่นะ ทำไมถึงทำตัวเหมือนคนไม่เหลือใครล่ะห้ะ?"

 

"ผมมีความสุขตรงจุดนี้"



"หึๆ ความสุขที่มีร้านกาแฟเป็นของตัวเองหรือความสุขที่มีเด็กคนนั้น"

 

"....."

 
"มีสามัญสำนึกหรือเปล่าทัช? ตอนที่แกเคยยืมเงินฉันบอกเอาไปเลี้ยงเด็ก ฉันเห็นใจให้ยืม เพราะเห็นว่าแกเป็นคนดี อุปถัมภ์เด็กกำพร้า อย่างน้อยก็ช่วยชีวิตคนๆหนึ่งไม่ต้องไปนอนข้างถนน แต่แล้วนี่มันอะไร?"

 

"....."

 

"เฮอะ!...รักเด็กที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือ เนี่ยนะ ประสาท!"

 

"ผมโตพอและเชื่อว่าสิ่งที่ทำมันไม่ผิด"

 

"แต่ก็ติดเด็กจนไม่คิดกลับไปหาพ่อ-แม่มาสี่ปีแล้วเนี่ยนะ"

 

   อินทัชเงียบกริบ พอตั้งแต่คายัคเข้าสู่ระดับชั้นมัธยมเขาก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านจริงๆ

 

"เรื่องนี้ผมผิด ผมขอโทษ"

 

"แม่แกอยากเลี้ยงหลาน"

 

     อินทัชเงยหน้าตอบ

 

"ผมพาคายัคไปหาแม่ก็ได้"

 

"แม่อยากได้หลานที่มาจากสายเลือดของคนในครอบครัวเดียวกัน ถึงเวลาที่แกควรมีเมีย เพื่อสร้างครอบครัวสักที"




    ในขณะที่นอกร้านกำลังสนทนากันอย่างดุเดือด ข้างในร้านแทบไม่ต่างกัน คายัคผุดลุด ผุดนั่งอย่างร้อนรน



     เขานั่งไม่ติดเก้าอี้ ชะเง้อมองอาทัชอย่างเป็นกังวล เพราะจากที่เห็นทั้งสองคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่



     กว่าสิบห้านาทีที่อาทัชเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเซื่องซึม เรื่องที่คายัคถามไปก่อนหน้าจึงต้องเก็บเข้ากุไปก่อน



"ผมเห็นอาทัชคุยกับคุณลุงดูเครียดๆ อาทัชโอเคใช่ไหมครับ"   


"โอเคครับ"


"มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหม?"



      ปากบอกว่าโอเค แต่สีหน้าไม่ได้ดีขึ้นเลย คายัคหวั่นใจว่ามีเรื่องไม่ดี ดึงมืออาทัชมาบีบกระชับเป็นระยะๆ



     ฝืนยิ้มเพราะไม่อยากให้คายัคเครียดตาม



"จากนี้ ช่วยเข้าใจอาก็พอ"



"ได้ครับ"

     

       ทั้งสองมองหน้ากันโดยความรู้สึกข้างในที่ต่าง



 


****1.1****
.

.

.

คนที่ซื่อสัตย์ในความรู้สึกอะนะ

เป็นกำลังใจให้น้องคายัคด้วยน้าาา... :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2018 23:25:25 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รถมาม่าคว่ำ   :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอ่ยยย   ดราม่าครอบครัว  ดราม่าผู้สืบสกุล   เฮ้อ...

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
มาม่าคว่ำแบบไม่รู้ตัว

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
คุณ​ลุงมาขัดจังหวะพอดีเลย​ โอ้ยเป็นกำลังใจให้ทั้งอาทัชหลานยัคนะคะ​ ความรัก​ต้องมีอุปสรรค​เป็น​ธรรมดา​ เด่วระหว่าง​รอตอนต่อไปจะไปอ่านเรื่องอื่นของคุณคนเขียนรอค่ะ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 9  แฟน(2)





"อาทัช ยื่นมือมาหน่อยครับ"


   คายัคเอ่ย ยามที่ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงเตรียมนอน มือหนาของอินทัชยื่นมาตามคำบอก คายัคยิ้มพร้อมคว้าแหวนลูกอม ริงป๊อปค่อยๆสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายของคนอายุมากกว่า



    แหวนลูกอมสีส้มรูปทรงคล้ายเพชรเม็ดโต ที่คายัคเห็นจากร้านขายของชำแถวโรงเรียน หัวสมองก็ผุดไอเดียทันทีว่ามันเป็นสื่อแทนใจได้



"เป็นแฟนกับผมนะครับ"



      เมื่อสบโอกาสคายัคจึงถามเรื่องที่ติดค้างในหัวสมอง คายัคไม่ถอดใจแค่ต้องรอเวลาให้อาทัชอารมณ์ดี ซึ่งนั้นก็ผ่านไปสี่วันนับจากวันที่พี่ชายของอาทัชมาหาถึงจะได้โอกาสนี้


      อินทัชก้มมองแหวนลูกอม ริงป๊อปอยู่บนนิ้วนางก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาบางเบา เขายกมือข้างที่มีแหวน ลูบหน้าคายัคและถาม



"คายัค มีอะไรกันไหม?"


    ไม่ตอบรับเรื่องความสัมพันธ์ แต่กลับพูดอีกเรื่อง จนคายัคนั่งอึ้ง



"อาทัชแน่ใจนะครับ"



      อินทัชพยักหน้ารับ และโน้มตัวไปจูบเป็นการส่งสัญญาณ จากนั้น ทั้งสองก็ร่วมรักกันจนกินเวลาไปสักพักก็ถึงฝั่งฝันกันทั้งสองฝ่าย




      ล้มตัวลงนอนกอดกัน คายัคกดจมูกฝังลงข้างขมับแล้วเอ่ย


"อาทัชเป็นแฟนผมแล้วนะ"


      คนที่คิดว่าการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างไรซะ มันก็คือ การตกลงเป็นแฟนกันเป็นที่เรียบร้อย



     ลูบผมที่ล้อมกรอบหน้าคายัค เม้มปากเงียบ เพื่อใช้ความคิดในการสรรหาคำพูดที่ถนอมน้ำใจที่สุด



"เราเป็นแฟนกันไม่ได้หรอก อาว่าความสัมพันธ์ของเราคงไปกันไม่รอด"


"ทำไมอาทัชพูดแบบนี้ล่ะครับ ผมรักอาทัชจริงๆนะครับ"


"พอโตขึ้น คายัคจะรู้เองว่าไม่ใช่ความรักอย่างเดียวหรอกที่ไปกันได้ มันมีเรื่องอื่นอีกเยอะที่คายัคต้องเรียนรู้ อาว่าคายัคถามตัวเองก่อนว่ารู้จักคำว่า 'คนรัก' ดีพอแล้วหรือยัง?"



"อาทัชก็ให้โอกาสผมได้รู้จักคำว่า 'คนรัก' มากขึ้นสิครับ นะครับ"


"คายัคยังเด็ก ต่อจากนี้ คายัคยังมีโอกาสเจอใครอีกมาก ไม่แน่อาจเจอคนที่ดีกว่า ดูดีกว่าอาก็ได้  อาว่า ที่คายัคเป็นแบบนี้ เพราะเราอาจอยู่ด้วยกันมากเกินไป"

 


     ไม่เคยเห็นอาทัชจริงจังอะไรเท่านี้มาก่อน มองอาทัชตัดบทด้วยการพลิกตัวตะแคง หันหลังให้


      เจ็บนะ แต่คายัคก็ไม่พูดอะไรอีก...


     คายัคไม่โวยวาย ไม่ควรทำตัวเป็นเด็กที่อยากได้อะไรก็เอาแต่เรียกร้องอีกแล้ว


"เราอาจอยู่ด้วยกันมากเกินไป...งั้นหรอ?"



      ไม่ได้ตีความหมายผิดไปใช่ไหมที่ อาทัชจะสื่อเป็นนัยๆว่า ถึงเวลาที่เราควรลองห่างกันสักที














.....................
 



     

     ตั้งแต่วันที่คายัคได้ยินอาทัชบอกแบบนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูจะแย่กว่าเดิม ต่างฝ่ายต่างพูดน้อยลง จนกระทั่งวันนี้ วันที่ คายัคตัดสินใจจะคุยกับอาทัชให้รู้เรื่อง



      ถึงร้านกาแฟในเวลาสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาปิดร้านแล้ว มือเรียวผลักประตูกระจกใส คิ้วเข้มขมวดเป็นปม เมื่อเห็นอาทัชอยู่กับคุณภูมิ จะไม่นึกโกรธ หากคุณภูมิอยู่นอกเคาน์เตอร์ดังเดิม ไม่ใช่ข้างในที่ยืนชิดอาทัชและหัวเราะอย่างมีความสุขเกินเหตุ

 

"อาทัชครับ"


     อินทัชชะงัก

 

"คายัคมาแล้วเหรอ?"

 
"คิดว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมมารึยังล่ะครับ?"

 

"คายัค!"
 

      หลายวันที่ผ่านมา คายัคอึดอัดกับสิ่งที่อาทัชเปลี่ยนไป แล้วยิ่งมาเจออย่างนี้บอกเลยโคตรหงุดหงิด

 

"ทำไมมันไปอยู่ข้างใน?"

 

   กดเสียงต่ำพลางสะกดอารมณ์



"คายัคไม่ควรเรียกคุณภูมิว่า...มัน..."


"ทำไมผมจะเรียกไม่ได้..."

 

"เพราะฉันคือแฟนอินทัช" และเป็นภูภูมิเสียเองที่โพล่งขึ้นมา

 

กึก!
 

   ใบหน้าชาวาบ มือชา ตัวเย็น ใจเต้นแปล๊บๆ


   'แฟน' สถานะที่คายัคเฝ้ารอจากอาทัชมาตลอด บัดนี้ เขาไม่ได้รับ กลับเป็นคนอื่น



    ยืนนิ่งด้วยความเจ็บปวดหัวใจ ราวกับมีมือใครมากำแน่นและบีบรัดหวังจะให้มันแหลกคามือได้ยิ่งดี



    พยายามเค้นทีละคำเพื่อพูดออกมา

"นี่...มัน...อะไรกัน?"


"ฉันก็พูดชัดอยู่ นายน่าจะได้ยินนะ ส่วนคืนนี้ ฉันขออินแล้ว เรื่องนอนค้างที่นี่"




    มั่นใจว่าถ้าคายัคยังอยู่ตรงนี้อีกสักนาที คงได้วางมวยกับคุณภูมิแน่นอน

 

     สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มือที่ถือถุงหูหิ้วพลากสติกใส่กล่องอาหารสองกล่องถูกวางลงบนเคาน์เตอร์

 

"ผมซื้อข้าวเย็นมาให้สองกล่องพอดี กินกันให้อร่อยนะครับ"

 

    ยืนมองเด็กหนุ่มเดินหายไปตรงทางขึ้นบันได ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางแล้วหลับตา


"ฟู่ว์"


    เป่าปากพ่นลมหายใจออกมา



"ผมเพิ่งเห็นหลานอินน่ารักก็วันนี้ เราไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวพอดี"


     แตะไหล่อินทัช และจูงมือพาออกจากเคาน์เตอร์ ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะกลม เปิดกล่องข้าวพลาสติกก็เจอเมนูโปรดของตัวเอง
 

     ข้าวผัดกระเพราไข่เยี่ยวม้า
 

      อินทัชกลืนก้อนน้ำตากลับลงไป และพยายามตักข้าวเข้าปาก ทั้งๆที่ใจไม่อยากกินเลยสักนิดเดียว



 







.................



ปึ่ก!


    เสียงตบโต๊ะดังลั่น มาพร้อมประโยคต่อมา


"ชลธาร เมื่อกี้ครูบอกให้เปิดหน้าไหน?"


"อย่าช่วยเพื่อนนะ นที"
บอลที่กำลังชี้นิ้วไปยังตัวเลขมุมขวาของหนังสือตัวเอง ก้มหน้าเงียบทันที


     คายัคมองหน้าคุณครู หลังจากเหม่อลอยอยู่นาน บัดนี้ เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไร เพราะหัวใจอ่อนแอเกินจนอยากขลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนมากกว่ามาเรียนด้วยซ้ำ


      จากวันนั้นที่คายัครู้สถานะว่าคุณภูมิเป็นแฟนของอาทัช ก็ผ่านมาแล้วราวสัปดาห์ที่คายัครู้ และสถานการณ์ตอนนี้ ย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า คายัคต้องพาตัวเองเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกจนดึกดื่นถึงค่อยกลับบ้านเพื่อหลบหน้าอาทัช   



"ไม่รู้ครับ"


"ใจลอยหาใคร ห้ะ!...ครูสอนแล้วไม่รู้จักฟัง"


"ผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับ"




     ลุกพรวดจากที่นั่ง ไม่สนคำยินยอมจากคุณครู เดินผ่านคุณครูที่ยืนอยู่หน้าห้อง เพื่อจะออกจากห้องเรียน แต่ทว่า นักเรียนทุกคนตาโตตกใจไม่คาดคิดว่า ครูจะขว้างแปรงลบกระดานลงกลางหลังอย่างแรง...


ปั่ก..


"ฉันยังไม่อนุญาต ใครให้ไปไม่ทราบ?...ห้ะ!...ชลธาร..."



     เสียงตวาดจากคุณครูวัยใกล้ห้าสิบดังขึ้นจนทุกคนตกใจ พวกกลุ่มคายัครีบกรูกันไปห้ามเพื่อนเมื่อคายัคหันหลังมาด้วยความโกรธ ดูจากอาการแล้ว คายัคมีสิทธิ์ต่อยหน้าคุณครูได้



    แคนยกมือไหว้ขอโทษ ขอโพยแทนคายัค ก่อนที่จะขออนุญาตครูพาเพื่อนไปสงบอารมณ์



    บอลไม่ฟังใครแล้วตอนนี้ รีบกอดคอคายัคลากออกมานอกห้องเรียนก่อนเรื่องบานปลาย ส่วนเพื่อนที่เหลือก็วิ่งตามกันมาติดๆ


"ใจเย็นนะมึง ครูเขาก็เป็นงี้ทุกทีแหละ"


"......"



"อ่าๆ ถ้ามึงยังไม่หายหงุดหงิด คาบหน้ากูโดดเรียนเป็นเพื่อนมึงก็ได้"



"พวกกูโดดด้วย"
โมทย์ตะโกนเสียงดัง จากนั้น แคน ติ๊ก เก่ง ก็ขานพร้อมกัน


    ตอนนี้ เพื่อนๆทุกคนรู้แล้วว่า ที่คายัคอารมณ์ขึ้นๆลงๆ อันเนื่องมาจาก คายัคไม่สมหวังจากความรัก เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าต้นเหตุของการผิดหวังคืออาทัชคบคนอื่นแล้ว...



      คายัคหันไปยิ้มให้เพื่อนๆทุกคน ที่แม้เขาจะมีปัญหา พวก บอล แคน ติ๊ก โมทย์ เก่ง ก็ยังคอยเคียงข้างไม่ไปไหน...




"ขอบใจ แต่กูไม่อยากให้พวกมึงเดือดร้อน ไปเรียนเถอะ กูอยู่คนเดียวได้"



"เอาน่าไม่เป็นไรหรอก ไปดูดบุหรี่กัน" ติ๊กไม่อยากให้คายัคคิดมาก จึงดึงแขนคายัคให้ลงจากอาคารเรียน และมุ่งหน้าไปตรงห้องน้ำหลังโรงเรียน ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่อย่างบอลและแคนก็ยืนดูลาดเลาว่าคุณครูจะผ่านมาทางนี้หรือไม่


    ในจังหวะที่พวกคายัคยืนสูบบุหรี่กันนั้น...รุ่นพี่มอห้าราวสามสี่คนก็เดินมาหยุดตรงมุมอับที่พวกคายัคยืนสูบบุหรี่กันอยู่บริเวณหลังห้องน้ำ


    หนึ่งในนั้นเดินมาตบเข้ากลางกบาลของคายัคด้วยความแรงปานกลาง


"ขอบุหรี่ตัวดิ๊"



     ทิ้งก้นบุหรี่ หันขวับไปมองคนตบหัว แล้วเดินไปประชิดตัว



"กูไม่มี"


"ขึ้นกูกับใคร กูรุ่นพี่มึงนะ?"



"แล้วรุ่นพี่ทำตัวให้น่าเรียกหรอวะ มาไถบุหรี่คนอื่น"
คายัคไม่พอใจตั้งแต่ตบหัวแล้ว แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไว้อยู่



"ไอ้สัด มึงอย่าขึ้นเสียงใส่กู พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรอวะ" รุ่นพี่มอห้ากระชากคอเสื้อคายัค คายัคกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายกลับบ้าง ติ๊กเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามและพยายามเจรจา โมทย์ และเก่งเดินมาขนาบข้างคายัค



"เสือก!"


"มึงจำน้องมันไม่ได้หรอวะ คนที่ดังในโซเชียลก่อนหน้านี้ไง มีคนลือกันว่ามันไม่มีพ่อแม่ ลำพังจะเอาเงินไหนแดกยังไม่รู้เลย ปล่อยมันแล้วไปขอบุหรี่คนอื่นเหอะ....เสียเวลา"



"หึๆ ที่แท้ก็เด็กกำพร้า"



      เรื่องราวก่อนหน้า คายัคยังคุมอารมณ์ให้หายดีไม่ได้เลย พอเจอเรื่องชวนบันดาลโทสะอีกครั้ง มันก็ไม่ต่างจากการนำน้ำมันราดรดกองไฟ ยิ่งทำให้เพลิงไฟแห่งความบ้าคลั่งในใจลุกลามกว่าเดิม



    ฟิวส์ขาด


    เหวี่ยงหมัดลุ่นๆเข้าที่กรามรุ่นพี่จนเสียหลัก หนุ่มมอห้าหาทางเอาคืน ปรี่มาซัดหน้า จากนั้นทั้งสองชกต่อยกัน เพื่อนๆทั้งสองที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่มีใครคิดห้าม กลับยกพวกตะลุมบอน และเหตุชุลมุนก็เกิดขึ้น...


................................
.

.

.
คำว่ารักคงยังไม่พอออออ เธอคงไม่รับฟังงงงง

 รักคงยังไม่พอออออ..แต่อยากจะขออออ...

(พี่เสือธนพล งานยุค 90 ก็มา เปิดคลอเบาๆกันไปค่ะ) T.T  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
.

เป็นกำลังใจให้น้องคายัคด้วยนะคะ...

.

ช่วยเสนอมุมมองกันได้น้าาา

.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อาทัชใจร้าย งานนี้อาทัชผิด เราเข้าข้างคายัค

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ที่จริงอินทัชพูดปัญหาไปตรงๆจะดีกว่านะ
ดีกว่าเอาภูมิมาหลอกเป็นแฟนเพื่อให้คายัคตัดใจ 
เพราะปัญหาจริงคือพ่อแม่อินทัชอยากให้อินทัชแต่งงานกับผู้หญิง แล้วมีลูกหลาน 
การดึงภูมิเข้ามา ไม่ได้แก้เรื่องปมปัญหาจากพ่อแม่อินทัชเลย  แถมอนาคตถ้าจะไล่ภูมิไปก็คงจะยาก
อินทัชแก่ขนาดนี้ ยังต้องเชื่อฟังพ่อแม่อีก ดูอ่อน  แถมวิธีแก้ปัญหาก็ค่อนข้างแย่

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อาทัชทำอะไรอ่ะ​ ดีแล้วหรอแบบนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมอินทัช ต้องทำตามที่พ่อแม่ต้องการ?

การเอาภูภูมิมาเป็นไม้กันหมา  มันดีแล้วเหรอ  มันจะไม่ทำให้อะไร ๆ บานปลายไปมากกว่านี้เหรอ?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด