พิมพ์หน้านี้ - *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: rinyriny ที่ 24-05-2018 20:16:37

หัวข้อ: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-05-2018 20:16:37
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* ||24-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-05-2018 21:13:40
รอ   
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -บทนำ- ||24-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-05-2018 21:27:08

บทนำ





 "ถ้าเกิดฉันเป็นอะไรไป นายรับคายัคไปเลี้ยงได้ไหม?"



"ได้สิ สัญญา"






    ช่วงที่ผู้คนบางตาภายในร้านกาแฟ จู่ๆอินทัชที่นั่งพักจากการรับลูกค้า คำสัญญาของเพื่อนที่พูดก็แวบเข้ามาในหัว


    อินทัช คือ เพื่อนรักของ สาริน สมัยตั้งแต่เรียนอนุบาล ทั้งสองสนิทกันมาก และตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกัน ยามสารินมีปัญหาหรือไม่สบายใจ อินทัชจะรู้ข่าวคราวจากเพื่อนอยู่เสมอ

 

     จนกระทั่งวันหนึ่งที่อินทัชไม่รู้ว่าสารินไปแอบคบผู้หญิงตอนไหน รู้ข่าวอีกที สารินเผลอทำผู้หญิงท้องซึ่งคบกันได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น ต่อมาจึงต้องรีบจัดงานแต่งกันใหญ่โต และเมื่อถึงวันที่ภรรยาของสารินคลอดลูก เธอได้ขอหย่าขาดจากกัน และไม่คิดจะเอ่ยปากรับเลี้ยงลูกชายที่เพิ่งเกิดมาแต่อย่างใด



      สารินเข้าใจดี ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้รักลูกและสารินเองก็ไม่ได้รักเธอเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะช่วงที่ทั้งสองมีลูกกันยังอยู่ในวัยเรียนด้วยซ้ำ สารินไม่คิดแค้นเคืองใดๆ กลับเต็มใจที่จะเลี้ยงลูกคนเดียว



     จากนั้นมา สารินไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งประเด็นนี้เองทำให้เขาทะเลาะกับแม่อย่างหนัก ส่วนพ่อของสารินนั้นได้เสียชีวิตไปได้ระยะหนึ่งแล้ว



    สารินจึงต้องเลี้ยงคายัคเพียงลำพังและให้เวลากับการเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ ช่วงปีแรกของการเลี้ยงลูกให้เติบโต สารินเหนื่อยสายตัวแทบขาด นอนก็แทบไม่ได้นอน ต้องมานั่งอุ้มลูกยามร้อง เปลี่ยนผ้าอ้อมยามดึกก็บ่อยจนชิน แต่สารินไม่เคยบ่นหรือโทษโชคชะตาที่เขาต้องกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว



      สารินเต็มใจและรักลูกคนนี้มาก

     

     ลูกที่เขารักสุดหัวใจและตั้งชื่อตามกิจกรรมที่สารินและอินทัชชื่นชอบสมัยโดดเรียนไปเที่ยวทะเล



     การพายเรือคายัค



     หลายปีผ่านมา ที่สารินเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ก็มีแต่อินทัช เพื่อนที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน วันใดที่สารินไม่มีเงินซื้อผ้าอ้อม หรือ ซื้อนมให้ลูก อินทัชจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้และแวะเวียนไปเล่นกับคายัคเสมอ



    จนเวลาผ่านไปถึงวันหนึ่ง วันที่สารินพูดประโยคคล้ายร่ำลา ถัดมาไม่ถึงสัปดาห์ สารินก็เสียชีวิต



     ซึ่งปีที่สารินตาย คายัคก็อายุได้เจ็ดขวบ เพิ่งเข้าชั้นประถมพอดี อินทัชทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนด้วยการรับคายัคมาเลี้ยง โดยขออนุญาตจากน้องสาวสารินในสมัยนั้นเธอเองก็เพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี ในตอนนั้น แม่ของสารินก็มาเสียชีวิตตามพ่อและสารินไป



      แม้ในตอนนั้น อินทัชเองจะเพิ่งอายุยี่สิบสามปี แต่เพราะเห็นคายัคมาตั้งแต่เด็ก และก็สงสารอยู่ลึกๆ อินทัชจึงเต็มใจดูแลคายัคอย่างสุดความสามารถ



     ครอบครัวของอินทัชมีฐานะกว่าสาริน เพราะทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ การที่อินทัชจะต้องดูแลคายัคโดยไม่ได้ทำงานและไม่มีรายได้เข้ามานั้น จึงต้องขอกู้เงินจากพี่ชายที่ยังใจดีให้ยืม เพราะรู้เหตุผล หากอินทัชไม่มีพื้นฐานทางบ้านที่พอมีจะกิน อินทัชคงไม่สามารถเลี้ยงคายัคได้แน่



    ตอนแรกอินทัชปวดหัวและเหนื่อยกับคายัคพอสมควร เพราะเป็นเด็กที่ซนมาก และแล้วก็ได้บาดแผลของความซนที่อินทัชและคายัคเองก็คงไม่ลืม มันเป็นตอนที่คายัคเล่นพัดลม จับฝาครอบพัดลมให้หันตามใจตัวเอง จนฝาพัดลมหลุดโดนใบพัดที่ยังหมุนอยู่จนใบพัดแตก เศษใบพัดลมเสี้ยวหนึ่งกระเด็นมาปาดจมูกคายัคจนเลือดอาบ ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลและเย็บกว่าสิบเข็ม


   เหตุนั้นนั่นเอง เลยทำให้คายัคมีรอยแผลเป็นที่สันจมูก และตั้งแต่วันนั้น ความซุกซนของคายัคก็ลดน้อยถอยลงและเชื่อฟังอินทัชมากขึ้น



    การมีคายัคเข้ามาในชีวิต ทำให้อินทัชขอพี่ชายย้ายมาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ด้วยการซื้อบ้านของตัวเองในช่วงที่คายัคเข้าสู่โรงเรียนมัธยมต้น


     เงินที่เคยกู้พี่ชาย ช่วงที่เลี้ยงคายัค ตอนนี้ อินทัชคืนพี่ชายจนครบถ้วน และยังมีธุรกิจเล็กๆเป็นร้านกาแฟที่ใช้พื้นที่ของบ้านชั้นล่างทั้งหมด มาปรับตกแต่งใหม่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เนื่องจากเดิมทีบ้านที่อินทัชซื้อไว้ มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ก่อนแล้ว เขาจึงปลูกดอกไม้เพิ่มเติม หาเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้ดูเข้าที


     พื้นที่ของบ้านบางส่วนที่ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านกาแฟทำให้ได้ขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป รองรับลูกค้าได้ราว 25-30 ที่นั่ง มุมหนึ่งของร้าน อินทัชยังรับเสื้อและผ้าคลุมไหล่มัดย้อมสีครามจากทางภาคเหนือมาขายสำหรับผู้ที่สนใจสไตล์นี้อีกด้วย


   อินทัชมีความสุขกับชีวิตตอนนี้ แต่จะมีบ้างที่ปวดหัว ยามที่พี่ชายมาเยี่ยมเยียนก็มักบ่นหรือตำหนิอินทัชเสมอว่า เอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงให้เป็นภาระ และเมื่อไหร่จะมีครอบครัวของตัวเองหรือได้แต่งงานสักที



    อินทัชก็เบื่อที่ต้องตอบแบบเดิมว่าเขาพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ การมีร้านกาแฟและการได้ดูแล



    ...ตัวน้อย...





    ชีวิตของอินทัชสนุกที่มีเด็กซนอยู่ข้างๆ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้บรรจงทำกาแฟแต่ละแก้ว แม้ว่าร้านกาแฟของอินทัชจะหลบอยู่ในซอย ไม่ได้อยู่ริมถนน ไม่ใช่ร้านกาแฟเชิงธุรกิจจ๋าที่ขึ้นห้าง แต่คนก็นิยมมานั่งจนลูกค้าหลายคนกลายเป็นลูกค้าขาประจำกันก็มากมาย



    อินทัชคิดว่าคงเป็นความสงบร่มรื่นที่หาได้ยากในกรุงเทพล่ะมั้ง



    ด้วยการตกแต่งที่สวยและผู้คนไม่พลุกพล่าน จึงมีบ้างที่คนสนใจติดต่อขอเช่าพื้นที่จัดทำเวิร์คช็อป บ้างก็ทำเป็นพื้นที่ประชุมนอกสถานที่กันบ้างแล้วแต่โอกาส อินทัชเลยมีรายได้มาไม่ขาดมือ

   
     อินทัชเปิดร้านกาแฟเพราะชอบดื่มกาแฟและชอบมองอิริยาบถของผู้คนที่ได้มานั่งดื่มด่ำ จิบกาแฟในร้านกาแฟแห่งนี้ บ้างก็นั่งทำงานเป็นกลุ่ม หยิบแล็ปท็อปขึ้นมาวางคุยงานจริงจัง บ้างก็พักผ่อนหย่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือคนเดียว หรือไม่ก็นั่งสวีทหวานกับแฟนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถ่ายรูปคู่กัน จนอินทัชหุบยิ้มไม่ได้


     สิ่งเหล่านี้ มันคือความสุขเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ชีวิตของอินทัชมีความหมายมากขึ้น


     เวลานึกถึงหวนอดีต อินทัชก็มักรู้สึกภูมิใจตัวเอง จากคนที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน กลับต้องมาเป็นคุณพ่อจำเป็นตั้งแต่วัยหนุ่ม จนวันนี้ เรื่องราวก็ผ่านมาแล้วเกือบสิบปี อินทัชเองอายุย่างเข้าสามสิบสองปี ส่วนคายัคเองก็โตเป็นหนุ่ม เรียนระดับมอปลายแล้ว


    ขณะที่อินทัชหวนคิดถึงอดีตนั้น...




"สวัสดีครับ อาทัช"
เขาหลุดออกจากภวังค์หันไปมองเด็กหนุ่มที่ยกมือไหว้สวัสดี ก่อนจะท้าวคางมองอินทัชนอกเคาน์เตอร์


"ทำไมวันนี้ ตัวน้อยกลับเร็ว"


"อาทัช อย่าเรียกตอนมีคนอยู่เยอะนะ ผมอายเขา"




   คายัคหน้ามุ่ย อินทัชแต้มยิ้มบางๆ เขายังมองคายัคเป็นเด็กอยู่เสมอ


    ครู่หนึ่งอินทัชเหลือบมองแผลเป็นตรงสันจมูกของคายัค แม้ว่าตอนนี้ มันจางจนแทบมองไม่เห็น


"ก็ได้ ทีนี้ตอบอาได้หรือยัง?"



"อาทัชไม่เคยสนใจผมเลย วันนี้ผมสอบไงครับ อาทิตย์หน้าผมก็ปิดเทอมแล้ว"

"อ้อ! ขอโทษที"



   คายัคกวาดตามองร้านกาแฟ Intouch Cafe' เพื่อดูลูกค้าว่ามีใครมองมาหรือเปล่า ก่อนจะวิ่งเข้าไปด้านในเคาน์เตอร์ แล้วสวมกอดอาทัช



    อาจเป็นเพราะตั้งแต่โตมา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คนที่คายัคเห็นว่ายังอยู่ข้างๆกัน ก็คือ อาทัช คายัคเลยรักอาทัชยิ่งกว่าใคร


     คายัครู้ดีว่าอาทัชไม่ใช่พ่อแท้ๆของเขา แต่การมีอาทัชเข้ามาในชีวิต ทำให้คายัคไม่เคยรู้สึกเลยว่า เขาเป็นคนขาดแคลนความรัก


     ถ้าคายัคสามารถดูแลตัวเองได้ดี มีงานมีการทำเมื่อไหร่ คายัคสัญญากับตัวเองว่าเขาจะดูแลอาทัชเช่นกัน และจะไม่มีวันอกตัญญูต่ออาทัชแน่ๆ



"โตแล้วนะ ยังทำตัวเป็นเด็กอีก"


"ถ้าโตจริงๆ ทำไมอาทัชยังเรียกผมตัวน้อยล่ะ"



"นี่อาต้องพยายามเข้าใจเด็กวัยนี้สินะ เถียงได้ทุกคำจริงๆ"



"ใช่ครับ อาทัช เพราะผมโตแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง"



"ก็ได้ๆ อาทัชก็เบื่อจะเถียงกับตัวน้อยแล้วเหมือนกัน"



"เย้! อ้อ...อาทัช ถ้าสอบเสร็จแล้ว ผมพาเพื่อนมาฉลองและทำอะไรกินที่นี่ได้ไหม?"



"ได้สิ"


"อาทัชต้องกินกับพวกเพื่อนๆผมด้วยนะครับ"



"ไม่มีปัญหา บอกล่วงหน้าแล้วกัน อาจะออกไปซื้อของสดมาเก็บไว้"



"ได้เลย ขอบคุณนะครับ"




    หลังจากที่คายัคขึ้นไปเก็บกระเป๋า เล่นเกมส์ได้สักพัก ได้เวลาปิดร้าน คายัคลงมากินข้าวเย็นกับอาทัช จัดการอาหารกันเสร็จเรียบร้อย คายัคก็ช่วยล้างจาน และทำความสะอาดอุปกรณ์พวกที่ชงกาแฟต่างๆ ส่วนอินทัชก็เก็บกวาดทำความสะอาดร้านและเอาขยะไปทิ้ง


    ราวสามทุ่มครึ่งที่ต่างฝ่าย ต่างอาบน้ำเสร็จ คายัคกระโดดขึ้นเตียงที่มีอาทัชนอนอยู่บนเตียงก่อนแล้ว


   แม้จะโตจนเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่ม แต่คายัคก็ยังชอบนอนเตียงเดียวกับอาทัช เขาอาจจะชินมาตั้งแต่เด็กหรือไม่ก็คงอยากได้ความอบอุ่นจากอาทัชเสมอ


    กลายเป็นว่า ห้องที่อินทัชทำให้คายัคไว้อยู่ก็กลายเป็นห้องร้าง ซึ่งจะมีที่เวลาคายัคทำการบ้านดึกๆก็จะไป แต่นับครั้งได้



    คายัคสวดมนต์เสร็จ ทิ้งตัวลงนอนสวมกอดอาทัชจากด้านหลัง



ฟึ่บ!



"คายัค ทำอะไรน่ะ"


"กอดไง อาทัชอย่าบ่นได้ไหม?"


"แต่เราโตแล้วนะ"


"ก็ผมอยากกอดนี่นา"


"เรานี่จริงๆเลย"


"พ่อผมก็ตาย แม่ผมก็ไม่มี อาทัชอย่าดุผมเลยนะครับ"


     เมื่อคายัคใช้มุกนี้ทีไร ไม่เคย ไม่ได้ผล คายัคยิ้มกรุ้มกริ่มที่อาทัชสงบลงในทันที


     คายัคกอดแน่น จนสังเกตได้จากเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ อาทัชคงทำงานเหนื่อยถึงหลับง่ายดายขนาดนี้


   เด็กหนุ่มยิ้ม ขณะขยับตัวเข้าไปใกล้อาทัชกว่าเดิม ส่วนล่างของคายัคสัมผัส ถูไถบั้นท้ายของอาทัช



"เชี่ย"



   เด็กหนุ่มสบถขึ้นมา เมื่ออยู่ดีๆลูกชายตื่นตัวตอนดึกเช่นนี้


    คายัคปล่อยมือจากการกอดอาทัช กลับมาพลิกนอนตัวตรง เด็กหนุ่มตัวแข็ง แต่จากนั้นเขาค่อยๆเลื่อนมือลูบแก่นกายตัวเองที่นูนพองขึ้นผ่านเนื้อผ้ากางเกงนอน


    คายัคคิดว่าเขาเป็นหนุ่มแล้ว ฮอร์โมนคงพุ่งพล่าน แต่คายัคไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดแรงกระตุ้นทางเพศกับอาทัชได้



"อาทัชครับ อาทัช"


   คายัคเรียกแล้วอาทัชไม่ขาน คายัคคิดว่าอาทัชน่าจะหลับสนิท


   คายัคตัดสินใจเอื้อมมือไปด้านหน้าคนอายุมากกว่า ลูบไล้ไปตรงเป้ากางเกงของอาทัช อวัยวะเพศของอาทัชยังคงอ่อนตัว แต่สิ่งที่คายัคสัมผัสได้คือความรู้สึกของเขาเองต่างหากที่พอสัมผัสจุดยุทธศาสตร์อีกฝ่าย มันกลับกระตุ้นอารมณ์ของคายัคเองจนรู้สึกข้างในร่างกายของตนเองร้อนวูบวาบ ช่วงล่างก็ปวดหน่วงหนึบและแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ



"กูเป็นอะไรวะ"



     คายัคพูดในใจ กัดปากและตัดสินใจลุกจากเตียงไปห้องน้ำ ยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกเงา ก่อนจะกดตาลงต่ำดูลูกชายตัวเองที่แข็งขึ้นจนเขารู้สึกอัดอัด


      สุดท้าย คายัคทนไม่ไหว ตัดสินใจดึงกางเกงขายาวลงถึงหน้าขา มือหนาค่อยๆลูบคลำ ก่อนจะกำแก่นกายของตัวเองแน่นรูดขึ้น รูดลงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ โดยขณะนั้น คายัคกลับจินตนาการและนึกถึงแต่ใบหน้าของอาทัชอยู่เต็มหัว..





.............................................

สวัสดีค่ะ
มาพบกับนิยายเรื่องใหม่กันค่ะ อยากเขียนแบบนี้ พอดี ชอบคนรักกันแบบอายุห่างกันมากๆอะค่ะ 555



   อย่าปล่อยให้เวลาของคุณสูญเปล่า เรามีนิยายที่จบแล้ว

  สามารถอ่านเพื่อความบันเทิงเริงใจ หรืออยากอ่านฆ่าเวลาที่รอใครสักคน

  ก็อ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ

[/b]

 ..*ขอผมได้รัก*..
 https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0
 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0)

||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*|| 
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0#msg3664500 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0#msg3664500)


+..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0)


▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪ (ใกล้จบ)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0)


 :z1: :กอด1: :mew1:

ด้วยรักและขอบคุณ

 rinyriny


 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -บทนำ-||24-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2018 22:18:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจิม

เพราะว่ารักแท้หรือแค่ใกล้ชิด
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -บทนำ-||24-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-05-2018 08:57:39
 :L2: :L1: :pig4:

ปีนเกลียวววว ฮึฮึ
 

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1-||27-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-05-2018 20:07:36
บทที่ 1 สับสน




    หกโมงเช้าของวันถัดมา

   คายัคอาบน้ำ แต่งชุดนักเรียนเรียบร้อยเดินลงมาข้างล่างเห็นอาทัชเตรียมอาหารให้อยู่

    เพียงแค่เห็นหน้า คายัคก็รู้สึกผิดที่ดันจินตนาการหน้าอาทัชตอนสำเร็จความใคร่ คายัครู้สึกสับสน จึงอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองก่อน 


"ไปเรียนก่อนนะครับ อาทัช"

"เดี๋ยวสิ ตัวน้อย อาทำข้าวเช้าให้แล้ว ทำไมไม่อยู่กินก่อนล่ะ"

"วันนี้นัดเพื่อนกินโจ๊กแถวโรงเรียนแล้วครับ"

"ทำไมไม่บอกอา ถ้างั้นก็ตามใจแล้วกัน"

"ครับ สวัสดีครับอาทัช"




    คายัคสะพายกระเป้าเป้ขึ้นบ่า เดินออกจากร้านกาแฟทั้งๆที่ยังคิดเรื่องเดิมในหัว



    ทำไมคายัคถึงมีอารมณ์ทางเพศกับผู้ปกครอง มันไม่ควรจะเกิดขึ้น คายัคพยายามเข้าใจว่า การรู้สึกดีแบบนี้ อาจเป็นเพราะความใกล้ชิดสนิทกันก็อาจเป็นไปได้


   ยืนรอรถโดยสารประจำทางด้วยความสงสัยคาใจ กระทั่งรถมา ขึ้นไปบนรถ ก็ยังคงครุ่นคิดไม่จบไม่สิ้น จนกระทั่งถึงที่หมาย คายัคตัดสินใจเดินดุ่มๆไปหาเพื่อนห้องเดียวกันแต่อยู่กันคนละแก็งค์


    คายัครู้ดีว่า เบล ชอบมาโรงเรียนแต่เช้า และเบลมีรสนิยมที่ชอบผู้ชาย ซึ่งเพื่อนๆก็รู้กันทั่ว คายัคจึงหวังจะให้เบลนี่แหละช่วยไขข้อสงสัย


   ถึงห้อง มองสอดส่องหาเบล ก่อนจะวางกระเป๋าสะพายลงบนที่นั่งของตัวเอง และเดินไปหา เบลที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่


   แลซ้าย แลขวา ให้มั่นใจว่าตอนนี้ในห้องมีแค่คายัคกับเบลสองคนจริงหรือไม่ จากนั้น คายัคสะกิดเบล


"เบล"

"อ้อ!...หวัดดีคายัค"
เบลวางหนังสือการ์ตูนที่อ่าน ก่อนจะหันมาหาผู้มาใหม่

"ขอนั่งด้วยคนสิ"

"นึกไงวันนี้มาคุยกับเบล"


   คายัคเลิกคิ้วขึ้นสูง มองคนถามแต่ไม่สบตา


"เราอยากถามว่าเบลมีแฟนยัง?"


   เบลเงยหน้ามองชะงักๆ ยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่ายหน้า คายัคดึงเก้าอี้ให้เข้าไปใกล้อีกหน่อย


"ถ้ายัง? เราขอจูบเบลได้ปะ"

"หาา...จะ...จะบ้าหรอคายัค นี่มันในโรงเรียนนะ" เบลก้มหน้ามองมือตัวเองที่บีบกันแน่น

"เออน่า...ให้เราได้ลองนะ เราอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง"


   เบลเม้มปากแน่น ช้อนตามองคายัค ส่วนคายัคอยากรู้ใจตัวเองเร็วๆว่าที่ปั่นป่วนอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะอะไร


    ไม่รอให้เบลตอบ คายัคดึงไหล่เบลให้เข้ามาพร้อมโน้มตัวไปใกล้ ประกบจูบเบลทันที


   คายัคขบเม้มริมฝีปากล่าง ดึงดูดเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่ามันตื่นเต้น แปลกใหม่ แต่ไม่รู้สึกถึงกับมีอารมณ์ร่วมหรืออยากสานต่ออะไรกับเบลทั้งสิ้น

   และแล้ว...



"เชี่ย...ไอ้ยัค"



   ทั้งสองผละจากกัน คายัคหันหลังไปตามเสียงก็เห็นเพื่อนสนิทหนึ่งในแก็งค์ของเขาเข้ามาเห็น

  บอล ตาโต คงจะช็อคและตกใจพอสมควร


"มึงจูบเบล มึงชอบไอ้เบลหรอวะ?"


   ไม่ตอบเพื่อน แต่หันกลับมามองเบลที่นั่งหน้าแดงจัดราวกับลูกมะเขือเทศ คายัคบีบไหล่เบลก่อนบอก


"ขอบคุณนะเบล"



   ลุกพรวด และก้าวยาวๆไปล็อคคอบอลให้ออกจากห้องเรียน


"หิวข้าว ไปโรงอาหารเป็นเพื่อนกูหน่อย"

"เฮ้ย! มึงตอบกูมาก่อน"



   คายัคเงียบมองหน้าเพื่อน โชคดีที่เป็นบอลที่เห็น อย่างน้อยเพื่อนคนนี้ก็เก็บความลับได้ดีพอสมควร


"ถึงโรงอาหารก่อน แล้วกูจะเล่า"


   ตลอดการเดินไปโรงอาหาร เหมือนคายัคจะได้คำตอบแล้วว่า คายัครู้สึกกับอาทัชมากเกินกว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครอง

    คายัคชอบอาทัชแบบคู่รัก

    มันจะเป็นไปได้หรอวะ?

    กระทั่ง ถึงโรงอาหาร คายัคสั่งผัดฟักทองกับพะแนงหมูราดข้าว เดินไปร้านน้ำ สั่งน้ำแดงและนมเย็นให้เพื่อน


    ได้ทุกอย่างเรียบร้อย ประคับประคองทั้งเครื่องดื่มและจานข้าว วางลงบนโต๊ะอาหาร ทิ้งตัวลงนั่ง ยังไม่ทันจะตักข้าวเข้าปาก คนที่คาดหวังจะได้คำตอบก็รีบรบเร้า


"มึงยังไม่ตอบกูเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามึงไม่บอกกูจะบอกเพื่อนในกลุ่มให้หมด"


"เหมือนกูจะชอบอาตัวเองว่ะ"


    คายัคตอบคนละอย่างกับที่เพื่อนต้องการ แต่นั่นก็ทำให้เพื่อนช็อคได้อีกรอบ


"แค่กๆๆ...เ..ชี่...ย"


    คายัคมองหน้าเพื่อนที่สำลักเส้นก๋วยเตี๋ยวจนรีบดูดนมเย็นอึ้กๆ


"มึงพูดอะไรนะ กูขอชัดๆ"

"กูคิดว่ากูชอบอาทัช ชัดยัง?"


   เพื่อนคายัคทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอาทัชไม่ใช่พ่อ และเขาก็ไม่อายที่จะบอกใครว่า ณ ปัจจุบัน คายัคไร้พ่อและแม่

   อาจเป็นเพราะคายัคได้เพื่อนสนิทที่ดี เลยไม่มีใครดูถูกหรือล้อปมด้อยเรื่องนี้


"เชี่ย ชอบรุ่นใหญ่เลยหรอวะ? รุ่นๆเราก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่สนใจ ส้ม กิ๊ฟ พลอย แนน..."

"กูไม่ตลก"

"เออๆๆ ขอโทษ ว่าแต่กูเพิ่งนึกขึ้นได้ มึงเป็นตุ๊ดหรอวะ?"


    คายัคเงียบ นั่นสิ เขาเป็นอะไร? ก่อนหน้านี้ ก็ยังชอบมองผู้หญิงน่ารักๆ ผิวขาวๆอยู่เลย แต่จากการโดนตัวอาทัชเมื่อคืนและลูกชายตื่นตัว จู่ๆ คายัคก็ไม่อยากมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย


"กูไม่รู้ แต่...กู..."

"มึงอาจจะสับสนในชีวิตเพราะมึงยังไม่มีแฟนเลยคิดไปว่ามึงชอบอาทัช เอางี้ไหม? เดี๋ยวกูช่วยติดต่อกิ๊ฟห้องเก้าให้ คนดังระดับชั้นมอสี่เลยนะมึง! หน้าตาอย่างมึง จีบติดอยู่แล้ว"


"ไอ้บอล มึงฟังกูนะ กูไม่คิดชอบใครตอนนี้ กูแค่อยากรู้ตัวกูมากกว่าว่ากูเป็นอะไร เมื่อคืนกูนอนกับอากู แต่กูรู้สึกแปลกๆ วันนี้ กูเลยคิดว่ากูอาจเป็นแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นๆหรือเปล่า เลยตัดสินใจจูบเบล แต่แม่งเอ้ย! กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับเบลว่ะ?"


"เฮ้ย! ใจเย็นก่อน อาจไม่ใช่ก็ได้ ถ้ามึงอยากรู้จริงๆ งั้นมึงลองทำอะไรแบบที่คู่รักเขาทำกันอะ จูบ หอมอะไรแบบนี้ ถ้ามึงใจสั่น หรือตื่นเต้นเป็นไปได้ที่มึงจะชอบอามึงจริงๆ"



    คายัคถอนหายใจยาว เขายังไม่ได้บอกเพื่อนว่า ก่อนหน้านี้ คายัคถึงกับนึกหน้าอาทัชตอนช่วยตัวเองมาแล้ว


   แต่ความคิดเพื่อนก็น่าสนใจ เพราะโดยปกติคายัคก็แค่กอดอาทัชแสดงความรักความผูกพันแบบผู้มีพระคุณ ถ้าจะลองปฏิบัติแบบอื่นๆ ก็อาจทำให้คายัคชัดเจนในความคิดก็ได้


   หลังจากวันนี้ที่สอบเสร็จไปสามวิชา คายัคแย้มกับเพื่อนในกลุ่มว่า ถ้าสอบเสร็จหมดทุกวิชาแล้วให้ไปกินเลี้ยงที่บ้านของคายัคกัน ทุกคนส่งเสียงเฮยกใหญ่ จากนั้น บอลก็เป็นตัวตั้งตัวตีชวนเพื่อนๆไปเล่นเกมส์ต่อที่บ้านของติ๊ก เพื่อนในกลุ่มอีกคน


   คายัคตอบปฏิเสธ เพราะยังฟุ้งซ่าน เขาอยากได้คำตอบให้ตัวเองที่ชัดเจนกว่านี้ก่อน จึงรีบกลับบ้า หวังจะทำตามคำแนะนำของเพื่อน


  เมื่อเด็กหนุ่มถึงร้านกาแฟ ระหว่างเดินเข้าไปหาอาทัช ก็เห็นว่าวันนี้ มีลูกค้าเยอะพอสมควร


   คายัคเดินไปหาอาทัชที่เคาน์เตอร์ ยกมือไหว้อาทัช


"สวัสดีครับ อาทัช มีอะไรให้ผมช่วยไหม?"

"ตัวน้อยมาพอดี ช่วย.."

"คายัคครับ อาทัช"


"อ้อ! ขอโทษ คายัคช่วยเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟโต๊ะไม้ยาวด้านนอกที"

"ครับ!"


   คายัคใส่ผ้ากันเปื้อนของร้าน วางแก้วกาแฟทั้งสามแก้วลงบนถาดก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตามคำบอกของอาทัช ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงวัยรุ่นตอนปลาย


    คายัคเสิร์ฟพร้อทบอกชื่อเครื่องดื่มแต่ละเมนู จังหวะที่วางแก้วสุดท้าย ได้ยินประโยคสำคัญพอดี


"แหม! ร้ายนะแก มาเป็นลูกค้าประจำเพราะชอบเจ้าของร้านนี่เอง"



ปึก!


    สามสาวที่จับกลุ่มคุยกันชะงัก หันมามองคายัคด้วยความไม่พอใจ


"น้องคะ วางกระแทกแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีมารยาท ถ้าไม่มีใจด้านงานบริการก็ไม่ต้องมาเสิร์ฟค่ะ กลับบ้านไปซะ"

"ขอโทษ" คายัคตอบห้วน

"น้องไปเรียกเจ้าของร้านมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"

"เฮ้ย! แกไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้ง"
คายัคมองเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ปรามคนที่ต่อว่า ซึ่งเธอลุกขึ้นยืนชี้หน้าคายัคแล้ว


      คายัคหมดความอดทน สวนกลับอย่างวัยรุ่นเลือดร้อน


"หึๆ...ที่ให้เรียกเพราะอยากเห็นหน้าเจ้าของร้าน เลยเอาเรื่องนี้มาอ้างหรือเปล่าครับ? ป้า!"
   

"อร้าย อีเด็กเวร!"


"ขอโทษครับ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ?"


    คายัคสะดุ้ง เมื่อมือเย็นเฉียบจับเข้าที่ข้อมือ เด็กหนุ่มหันไปมองอาทัชยืนหน้าเสีย




***1.1***

นั่นสิ? คายัคชอบอาทัชหรือเปล่า? 555

เป็นกำลังใจให้พวกเขาด้วยนะคะ

ฝากติดตามเรื่อง อมยิ้มสื่อรัก ด้วยนะคะ ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ


https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.60  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.60)

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1 -||27-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2018 20:33:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

คายัคต้องชอบอาทัชสิ 

แต่ชอบแบบไหน  ต้องรอผลพิสูจน์  อิอิ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1 -||27-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-05-2018 00:53:11
น้องคายัคสู้ๆ นะครับ รู้สึกยังไงกับอาทัชก็บอกไปเลย ^^
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1 -||27-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-05-2018 14:24:14
สนุกติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1.2 -||28-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-05-2018 21:21:20
บทที่ 1 สับสน (2)




"รับเด็กคนนี้มาทำงานได้ยังไงคะ ไร้มารยาทมากๆ"


"เอ่อ!...ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ผมไม่แน่ใจว่า หลานของผมทำอะไรให้ แต่ผมจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง ผมให้สิทธิ์คุณผู้หญิงมากินเครื่องดื่มฟรีตลอดเดือนนี้เลยนะครับ"


    ตอนอาทัชบอกสถานะของคายัคว่าเป็นใครรวมถึงยื่นข้อเสนอให้ คายัคเห็นผู้หญิงคนนี้ชะงักงัน


"อาทัช!..เข..."


"เงียบ! คายัค"


"กินฟรีเดือนหนึ่งนี่น้อยไปหรือเปล่าคะ? กับความรู้สึกที่เสียไป"


"ถ้าอย่างนั้น คุณผู้หญิงต้องการเท่าไหร่ดีครับ"


"รำคาญมนุษย์ป้าจริงๆเลยว่ะ"


 "คายัค เข้าไปในร้าน"


   อินทัชไล่คายัคทันทีก่อนเรื่องบานปลาย พร้อมคุยข้อเสนอกับลูกค้าที่มีปัญหา สรุปว่า หญิงสาวตัดสินใจรับคำขอโทษและชดเชยด้วยการดื่มกาแฟฟรีสองเดือน


    อินทัชรับคำและจะจดบันทึกให้เป็นลูกค้าในกรณีพิเศษ อินทัชขอตัว ก้าวยาวๆเข้าร้าน กวาดตามองจนทั่ว ก็ไม่เห็นคายัคอยู่ชั้นล่าง คาดว่าน่าจะขึ้นไปชั้นบนแล้ว


"คายัคเป็นอะไร ปกติไม่เคยเสียมารยาทกับลูกค้านี่หน่า"


   อินทัชบ่นพร้อมถอนหายใจ โดยปกติร้านของเขาไม่มีลูกจ้าง พอเจอคายัคสร้างเรื่องก็เหนื่อยเพิ่มขึ้น


    เวลาผ่านไป จนกระทั่งหกโมงเย็น ใกล้เวลาปิดร้าน คายัคถึงเดินลงมาเข้าไปข้างในเคาน์เตอร์บาร์หาอาทัชอย่างรู้สึกผิด


"อาทัช ผมขอโทษ" ก้มหน้าบอก


     อินทัชมองคายัคแล้วไม่นึกโกรธกลับแปลกใจในการกระทำมากกว่า


"ถ้าตัวน้อยไม่อยากเสิร์ฟก็บอกอาตรงๆ อาไม่ว่าหรอก แต่ไม่ควรไปใส่อารมณ์กับลูกค้าแบบนั้น"


"ไม่ใช่ผมไม่อยากเสิร์ฟ ผมอยากช่วยอาทัชมากครับ แต่ผม...."


"แล้วมันเป็นเพราะอะไรที่ทำให้คายัคอารมณ์เสีย เฮ้อ! เด็กสมัยนี้ เป็นยังไงกันนะ อาเอาใจไม่...ถู......"


     อินทัชพูดยังไม่จบ คายัคโพล่งขึ้น


"ก็ผู้หญิงคนนั้นชอบอาทัชอะ"


    อินทัชอึ้งไปนิด แล้วตอบกลับ


"นี่ คายัคกลายเป็นคนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? คายัคไม่ควรแอบฟังคนอื่นคุยกันนะ"


     คายัคเสียใจที่อาทัชต่อว่า หรืออาทัชชอบลูกค้าผู้หญิงคนนั้น


"อาทัชว่าผม เพราะอาทัชชอบผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมครับ?"

"ตัวน้อย อาบอกเหรอว่าชอบลูกค้าคนนั้น ตีความผิดแล้วมาพูดส่งๆแบบนี้ได้ยังไง นี่ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ ตัวน้อยเป็นอะไร? พูดตรงๆมาเลยดีกว่า"

"ผม...ไม่ชอบให้คนอื่นมาชอบอาทัช"


   คายัคอึดอัดจึงพูดออกไป อินทัชใจหายที่ได้ยินแบบนั้น


"หมายความว่าไง คายัคต้องการให้คนอื่นเกลียดอาเหรอ?"


    คายัคก้มหน้า เพราะหาคำตอบมาอธิบายไม่ได้ ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ...



"ขอโทษนะครับ ยังสั่งได้อยู่ใช่ไหมครับ?"


   อินทัชที่นั่งปรับความเข้าใจกับเด็กหนุ่ม หันไปมองลูกค้าที่มาใหม่พร้อมส่งยิ้มให้


"ได้ครับ รับอะไรดีครับ"

"คาปูชิโน่เย็น หวานน้อย กินนี่ครับ"

"รับอย่างเดียวนะครับ ทั้งหมดแปดสิบบาทครับ"


    คายัคนั่งมองลูกค้าหน้าหล่อที่จ้องอาทัชไม่วางตาแถมอมยิ้มก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่


   คายัคจิ้ปากเบาๆ ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร? ทำไมเห็นใครต่อใครทำดีกับอาทัชก็ยิ่งขวางหู ขวางตาอย่างบอกไม่ถูก


    หรือคายัคจะชอบอาทัชแบบคู่รักกันจริงๆ


    หลังจากลูกค้าละจากเคาน์เตอร์ไปหาที่นั่ง คายัคนั่งมองอาทัชบรรจงทำกาแฟในทุกขั้นตอน จนมาถึงตอนที่อาทัชเทกาแฟใส่แก้วที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง คายัคเดินไปประชิดตัว


"เดี๋ยวผมไปเสิร์ฟให้"

"ไม่ต้อง เดี๋ยวอาไปเสิร์ฟเอง"

"ให้ผมแก้ตัวนะครับ อาทัช"

"ดื้อจริงๆ แล้วอย่าไปทะเลาะกับเขาล่ะ"

"ครับ"



  คายัครับแก้วและเดินออกไปเสิร์ฟผู้ชายคนนั้น เสร็จแล้วเดินกลับมา


"เห็นไหม? ผมก็เสิร์ฟได้"

"ครับ ดีแล้ว"

"อาทัชไม่โกรธผมใช่ไหม?"
คายัคกลัวว่าอาทัชจะโกรธและไม่รักคายัคอีก เพราะเติบโตมาคายัคมีเพียงอาทัชคนเดียวในชีวิต


"ไม่หรอก แต่อย่าทำให้อาเหนื่อยใจบ่อยๆนะ"

"ผมขอโทษครับ ผมจะไม่ทำอีก"

"ดีมาก ถ้างั้น คายัคช่วยทะยอยเอาแก้วไปล้างให้อาหน่อย..ปะ..."

"ได้ครับ"
คายัคยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เห็นสีหน้าอาทัชดีขึ้น เด็กหนุ่มเดินไปล้างแก้วตามคำสั่ง

    คายัคล้างแก้วเสร็จเรียบร้อยเดินถือถาดออกมา ก็เห็นผู้ชายคนเดิมยืนคุยกะอาทัชอย่างอารมณ์ดี

   เดินเข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์ แอบได้ยินสองคนคุยกัน


"ขอโทษนะครับ ที่มาซะใกล้เวลาปิดร้าน ไว้ผมจะมาใหม่ ผมชักติดใจฝีมือการทำกาแฟของคุณแล้วสิ"

"ขอบคุณมากเลยนะครับ"

"อ้อ...ขอโทษนะครับ คุณชื่ออะไรครับ"

"ผมชื่ออินทัชครับ"


"ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อภูมินะครับ"



    คายัคจ้องเขม็งและหงุดหงิดอีกรอบ เมื่อผู้ชายคนนั้น แนะนำตัวเองแถมพูดว่าจะกลับมาใหม่

    มั่นใจว่าติดใจรสชาติกาแฟ? ไม่ได้ติดใจอาทัชไปอีกคนล่ะ?



"ทำไมหน้าบึ้งแบบนั้นล่ะตัวน้อย อาใช้ให้ไปล้างแก้วแค่นี้เอง" เมื่ออินทัชผละจากลูกค้าก็ขมวดคิ้วมุนเมื่อเห็นใบหน้าเด็กหนุ่ม


"ไม่มีอะไรครับ อาทัชรีบเก็บร้านเถอะ ผมหิวข้าว"

"วันนี้อยากออกไปกินข้างนอกไหม?"

"อาทัชไม่เหนื่อยหรอ?"

"เหนื่อย แต่อาอยากให้คายัคอารมณ์ดี"


    เพียงแค่อาทัชพูดเช่นนั้น คายัคดีใจจนหายหงุดหงิดเป็นปลิดทิ้ง


"จริงนะ เย้!...กินๆ ผมอยากกินร้านวิไลวรรณโภชนา"

"ได้สิ ถ้างั้นคายัคต้องช่วยอาทำความสะอาดให้เสร็จไวๆนะ"


"ได้เลย"


   คายัคดีใจรีบจับไม้กวาดมาทำความสะอาดจนทั่วทุกซอกทุกมุม เช็ดโต๊ะ จัดเก้าอี้ให้เป็นระเบียบ และไม่นานทั้งสองก็ช่วยกันทำความสะอาดจนเสร็จสิ้น
   
   อินทัชขับไปยังร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่ตัวน้อยอยากกิน

   ถึงร้านแล้ว อินทัชพาคายัคเดินเข้ามานั่งในโซนกลางๆของร้าน


"หืม...กลิ่นหอมจัง ผมทนไม่ไหวแล้ว"


   อินทัชหัวเราะมองเด็กหนุ่มโบกไม้ โบกมือเรียกพนักงานให้รีบเอาเมนูมาอ่าน


"สั่งเลยนะ อากินได้หมด"


    คายัคพยักหน้า พลิกดูเมนูอาหารก็พาลน้ำลายไหล ดูเมนูอาหารแต่ละหน้าก็อยากจะชี้นิ้วสั่งเอามันทั้งหมด เหมือนว่าความหิวจะเข้าครอบงำเด็กหนุ่มจนหน้ามืดตามัว


"พี่ครับ เอาผัดคะน้าน้ำมันหอย ไข่เจียวหมูสับ ซุปเปอร์ตีนไก่ แขนงปลาเค็ม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ทอดมันกุ้ง....แล้วก็...."

"เดี๋ยวๆ ตัวน้อย เรามากันแค่สองคนนะ"


    คายัคมองอาทัชที่ร้องห้าม


"แหะๆ...ก็ผมหิวอะ เอ่อ...พี่ครับเอาข้าวสวยสามจาน น้ำเปล่า น้ำแข็งสองแก้ว แค่นี้ครับ"


    พยักหน้าตามคำทวนรายการอาหารของพนักงาน คายัคยื่นเมนูคืนแล้วท้าวคางหันมาจ้องอาทัชยิ้มๆ


"ผมดีใจนะที่อาทัชไม่โกรธผม"

"อาไม่รู้จะโกรธตัวน้อยไปทำไม"


   คายัคมองหน้าอาทัชแล้วยิ้มไม่หุบ


"อ้อ!...อาทัชครับ อาทิตย์หน้าแล้วนะที่เพื่อนผมจะมากินเลี้ยงฉลองสอบเสร็จน่ะ"

"เหรอ? อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?"

"อาหารซี้ฟู้ด ผมจำได้ว่าอาทัชทำน้ำจิ้มซีฟู้ดได้แซ่บมากกกกก"


    อินทัชขำคายัคที่ลากเสียงยาว


"ได้สิ มากันกี่คน อาจะได้เตรียมของได้ถูก"

"ห้าคนครับ"

"โอเคครับ"

"อาทัช"

"หืม?"


    คายัคมีคำถามที่อยากถามต่อแต่ไม่กล้า จึงได้แต่เงียบ


"ไม่มีอะไรครับ"


    จังหวะนั้น มีสายเรียกเข้ามาจากเครื่องมือสื่อสารของอาทัช เจ้าตัวจึงลุกขึ้นไปคุยที่อื่น


    คายัคควักโทรศัพท์มาเล่นบ้าง ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ข้อความไลน์หาเพื่อน


Read
21.45
ไอ้บอล นอนรึยัง? กูเครียดเรื่องอากู แม่งสับสน กูจะทำยังไงดีวะ?




                     Read
                     21.47                 
                     ก็บอกไปแล้วไง กอด จูบ ลูบคลำอะ
                     เข้าใจไหมวะ?  มึงหยุดความสับสน                   
                   ในตัวมึงก่อน และจินตนาการ
                  ไปเลยว่าอาทัชเป็นแฟนมึงแล้ว
                  และปกติ การเป็นแฟนกัน ต้องทำ
                  อะไรบ้าง มึงก็ทำไปเลย



Read
21.50
เออๆ  กูจะลองดู ขอบใจมึงนะ เชี่ยเอ้ย! ทำไมกูอ่อนขนาดนี้วะ?



                     Read
                     21.55
                     ว้ายยยย!...ไอ้อ่อน!..555 เอาน่า
                     ถ้ามึง
                     อยากเล่นรุ่นใหญ่ ใจต้องนิ่ง
                     ลองแล้วได้ ไม่ได้ยังไงบอกกูด้วย
                     กูลุ้น
                     อยู่ ถ้าได้ก็ดี มึงจะได้มีคนสอน
                     มึงเรื่องเซ็กซ์ไง โห...ไม่อยาก
                    จะคิดภาพเลยว่ะ มึงแม่งต้องโตไวแน่



Read
22.00
มึงคิดเชี่ยอะไรอยู่ ลามกใช่ไหม? หยุดเลย กูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากนี้จะเป็นยังไง เฮ้อ! ช่างมันๆ แล้วมึงก็อย่าเพิ่งบอกใครนะ ให้กูแน่ชัดในตัวเองก่อน ถ้าชัวร์แล้วกูจะบอกเพื่อนเอง



                  Read
                  22.02
                  ได้ จัดไป!


Read
22.05
ขอบใจมากมึง


 
                    Read
                   22.10
                   โอเค




      พออาทัชเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ คายัครีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง



"คุยกับใครน่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"

"ค...ครับ อ้อ ไอ้บอลน่ะ อาทัชก็เคยเห็นตอนไปงานผู้ปกครอง"


    อินทัชพยักหน้า ไม่นาน อาหารก็มาเต็มโต๊ะ ทั้งสองก็ตักอาหารกินกันไม่พูดไม่จา อาจด้วยเพราะความหิวจัด


     สักพักใหญ่ๆ ที่ทั้งสองจัดการ อาหารตรงหน้าไม่มีเหลือ คายัคยิ้มแก้มปริ เพราะได้กินอาหารที่อร่อยและได้อยู่กับอาทัช


    จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับบ้าน


    ถึงที่หมาย อินทัชและคายัคอาบน้ำกันคนละห้อง


    วันนี้ คายัคอาบน้ำเสร็จก็เข้ามาแต่งตัวที่ห้องของตัวเอง เดินไป-เดินมาอย่างคนวิตก เพราะเอาเข้าจริงๆ คายัคเกิดใจปลาซิวขึ้นมา


"ถ้าทำแบบนั้น แล้วอาทัชไม่ชอบจะทำไงวะ"

"ถ้าอาทัชไม่พอใจแล้วโกรธกูขึ้นมา ไม่พูดกับกูอีกต่อไปล่ะ"

"ถ้าอาทัชรับไม่ได้แล้วไล่ออกจากบ้าน"

"ถ้า.....โอ้ยยย! เอาไงดีวะเนี่ย..."



    คายัคเปลี่ยนจากเดินวนรอบห้องเป็นทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง ยกมื้อขยี้ผมจนยุ่งเหยิง


    คายัคกลัวและกังวลมากเกินไป


    ใช่...เป็นใครก็คงกลัว

    เพราะการเริ่มลงมือทำอะไรครั้งแรก มักน่ากลัวเสมอ...
    แต่ถ้ายิ่งกลัวเมื่อไหร่ ใจก็ต้องกล้ามากขึ้นเท่านั้น



"เอาวะ เป็นไง เป็นกัน"



   คายัคตัดสินใจเดินกลับไปห้องอาทัช

   หมุนลูกบิดประตู เปิดออกกว้างก็เห็นห้องมืดสนิท อาทัชคงเพลียเช่นเคย เพราะหลับไม่รอคายัคอีกแล้ว

   คายัคเดินก้าวช้าๆอย่างระมัดระวัง คลำทางปีนขึ้นเตียง เด็กหนุ่มนั่งพนมมือสวดมนต์บทอิติปิโสและบทพาหุงก่อนหลับ

   สวดจนจบบท คายัคแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเสร็จสิ้น ก็ล้มตัวลงนอน

   และแล้ว คำพูดเพื่อนก็แวบเข้ามาในหัวได้ตรงจังหวะพอดิบ พอดี..


'มึงก็จินตนาการไปเลยว่า อาทัชเป็นแฟนมึงแล้ว และปกติการเป็นแฟนกัน ต้องทำอะไรบ้าง มึงก็ทำไปเลย'



...............................





อา rinyriny ว่าหนูคายัคมีใจให้เขาตั้งแต่ไม่อยากให้คนอื่นมาชอบอาทัชแล้วลูก  (ทำตัวเป็นเด็กหวงของเล่นไปได้นะเราอะ)
55555
 :o8: :o8: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1.2 ||28-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-05-2018 21:38:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1.2 ||28-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 01:36:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากรู้จัง  นู๋คายัคจะทำอะไร ๆ กับอาทัชแบบไหนน้อ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 1.2 ||28-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 12:00:50
แสดงความเป็นเจ้าของไปเล้ยย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2 ||29-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 29-05-2018 19:58:44
บทที่ 2  ชอบเด็กไหม?



   




     คายัคใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก มือไม้สั่น เพราะตั้งแต่โตมา คายัคยังไม่เคยมีแฟนและไม่รู้จะต้องเริ่มยังไง


   เวลานี้ คายัคต้องรื้อฟื้นวิชาเพศศึกษาที่อาศัยครูพัก ลักจำจากการดูหนังเรทสิบแปดบวกมาจนตาแฉะ มันอาจช่วยเขาได้ในเวลานี้ 


   เด็กหนุ่มกระเถิบตัวไปใกล้อาทัชจนแผ่นอกแนบชิดแผ่นหลังคนอายุมากกว่าและวาดมือไปกอดเอวอาทัช


    กอดจนได้รับไออุ่นอีกฝ่าย คายัคยังนิ่ง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะใจเต้นแรงขนาดนี้


     คายัคตื่นเต้นจัดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของตัวเองเป่ารดต้นคออาทัชอยู่ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายก่อนจะค่อยๆกดจมูกลงตรงซอกคอ จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของครีมอาบน้ำบนตัวของอีกฝ่าย  ทำไมกัน? ทั้งๆที่ใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้อเดียวกัน แต่พอมันมาอยู่บนตัวของอาทัช คายัคกลับรู้สึกถึงความแตกต่าง มันกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของเด็กหนุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ


     ยิ่งใบหน้าซุกลงตรงซอกคอของอาทัช คายัครู้สึกถึงไอร้อนมาจากร่างกายของตัวเอง เด็กหนุ่มค่อยๆเลื่อนริมฝีปากไปทางบนใบหน้าของอีกฝ่าย


    คายัคหอมแก้มอาทัชสำเร็จ และดูเหมือนว่า คายัคได้เปิดประตูแห่งความกล้า จนเอาชนะความกลัวได้แล้ว


   เมื่อมีครั้งแรก ย่อมมีครั้งต่อมา พอคายัครู้ว่า ตัวเองกล้าหอมแก้มอาทัชได้ คายัคกลับไม่ยอมหยุดแค่นั้น เด็กหนุ่มเลื่อนริมฝีปากมาหยุดที่ซอกคอและไม่ได้ใช้แค่ริมฝีปากแตะแล้วลากผ่าน เขากลับขมเม้มผิวกายหนักๆ ดึงดูดอย่างชอบใจ ใช้ลิ้นเลียวนตรงส่วนที่ได้สร้างรอยสีแดงกุหลาบไว้ ขณะที่มือของตัวเองก็เริ่มซุกซน ลูบไล้ไปตามสีข้าง ส่วนโค้งเว้าของอาทัช ก่อนจะเลื่อนมือไปวางลงบนเป้ากางเกงของอีกฝ่าย ลูบคลำเค้นคลึงอย่างชอบใจและใคร่รู้

    จนกระทั่ง...


ฟึ่บ!


"คายัคทำอะไรน่ะ"


   อินทัชพลิกตัวหันมาผลักคายัคจนเด็กหนุ่มกระเด็นเกือบตกเตียง เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟตรงหัวเตียง และหันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าเหวอ


"คายัครู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่?"


   คายัคเม้มปากแน่น ไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวอะไร


"รู้ครับ...ผมขอโทษอาทัช ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป"

"เปลี่ยนไป คายัคเป็นอะไร?"

"ผมกำลังมีความรักครับ"

"ห้ะ?"

"ใช่ครับ ผมเลยลองทำกับอาทัช คือ ผม..."

"ตัวน้อยมีแฟนแล้วหรอ?"

"ไม่มีครับ แต่..."



    อินทัชตาโตตกใจ จะขยับไปใกล้ เด็กหนุ่มกลับร้องเสียงหลง


"อาทัช อย่าเข้ามา"


     คายัคคว้าหมอนปิดช่วงล่างด้วยความอายเนื่องจากตอนนี้ อาวุธคู่กายได้ตื่นตัวเต็มที่

     คายัคนั่งกำหมอนแน่น


"ตัวน้อยทำกับอา นั่นหมายความว่า ตัวน้อยไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?"

"มั้งครับ ทำไมอาทัชต้องว่าผมด้วยล่ะ มันแปลกตรงไหนที่ผมจะมีความรัก แล้วถ้าเป็นผู้ชายมันผิดมากหรอไง?"


"ใจเย็นสิตัวน้อย อาไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่แปลกใจ ทำไมตัวน้อย...ช่างมันเถอะ"


     อินทัชสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับคายัค การกระทำเมื่อสักครู่ มันไม่ต่างกับการเล้าโลมแฟนก่อนจะเผด็จศึกอย่างไรอย่างนั้น
   

    อินทัชเงียบ และเป็นคายัคที่พูดขึ้นอีกครั้ง


"อาทัชโกรธผมหรอ?"

"เปล่า อาไม่ได้โกรธ แต่อาแค่คิดว่าตัวน้อยยังเด็กเกินกว่าจะมีแฟน อาก็ไม่อยากห้ามหรอก ถ้าตัวน้อยอยากมีก็มีเถอะ"


      ได้ยินเพียงว่าไม่ได้โกรธ คายัคก็พุ่งถามประเด็นที่เจ้าตัวอยากรู้




"ถ้าอาทัชไม่โกรธผม จากนี้ไป ผมขอทำแบบเมื่อกี้กับอาทัชอีกได้ไหม?"

"หาา!...ตัวน้อยพูดอะไรออกมา ตัวน้อยมีแฟนก็ไปทำกับแฟนสิ จะมาทำกับอาทำไม...แล้วอีกอย่าง..."


      อินทัชพูดไม่ทันจบ


"ผมไม่มีแฟน ผมแค่มีความรัก อาทัชไม่เข้าใจรึไงเล่า"
คายัคหงุดหงิดที่อาทัชไม่เข้าใจ

"เฮ้อ...อาไม่คิดเลยว่า ตัวน้อยจะมีความรักเร็วขนาดนี้ สงสัยท่าจะยาว ถ้างั้นนอนก่อนเถอะ อาเพลีย พรุ่งนี้ค่อยคุยแล้วกัน"

"ครับ ถ้างั้นคืนนี้ ผมไปนอนห้องผมแล้วกัน"


    คายัคบอกอาทัช พร้อมลุกจากเตียงเดินไปห้องนอนของตัวเอง


    คายัคถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีต่อจากนี้ พอใจมันกล้าหาญชาญชัยจน จุดประกายต่อมอารมณ์ทางเพศได้ คายัคชักติดใจ อยากชิม ลิ้มรสอาทัชมากขึ้นเรื่อยๆ


    คายัคนอนก่ายหน้าผากอย่างคนคิดมากอยู่บนเตียง พร้อมพึมพำคำพูดสุดท้ายก่อนหลับตา


"ผมไม่สนแล้วว่าอาจะมองผมยังไง แต่จากนี้ ผมจะจีบอาทัช"








.................




    เช้าวันถัดมา  อินทัชอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินไปเปิดประตูห้องนอนเด็กหนุ่มก็ไร้ร่างคนนอนอยู่แล้ว ขมวดคิ้วสงสัย ทำไมคายัคไปโรงเรียนเร็วอย่างน่าประหลาดใจ


"อะไรกัน ไม่กินข้าวเช้าสองวันแล้วนะ"


     อินทัชรู้สึกว่าช่วงนี้คายัคทำตัวแปลกๆ ทั้งไปโรงเรียนเช้าผิดปกติ ไหนจะยังเรื่องเมื่อคืน

     อินทัชเพิ่งนึกได้รีบปรี่ไปสำรวจต้นคอตัวเองตรงหน้ากระจกเงา


"เฮ้ย!" อินทัชยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจกมากกว่าเก่า เขาไม่คิดว่าการที่เด็กหนุ่มมาซุกซอกคอเขาเหมือนคืนจะจงใจทำให้เกิดรอยจ้ำเด่นชัดขนาดนี้


"ตัวน้อยเล่นอะไรเนี่ย แล้วเราจะกล้ารับลูกค้าได้ยังไง" อินทัชเป็นผู้ชายไม่มีหรอกพวกรองพื้นปกปิดสิวหรือริ้วรอยอะไรแบบนั้น เขาเดินไปเดินมาจนตัดสินใจเปลี่ยนจากเสื้อยืดธรรมดามาเป็นเสื้อคอเต่า


       เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เสร็จเรียบร้อยก็มาทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงครุ่นคิดเรื่องคายัค


      หรืออินทัชมองผิดไป คายัคไม่ได้เด็กเหมือนเมื่อก่อน คายัคโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับอินทัชก็มองว่าคายัคยังเด็กอยู่ดี คายัคเพิ่งมีอายุ 16 ปีเท่านั้น มันเร็วเกินไปที่ตัวน้อยจะมีแฟน


     อินทัชฟุบหน้าจนติดหัวเข่า คงถึงเวลาที่อินทัชต้องยอมรับความจริงว่าเด็กช่วงวัยว้าวุ่น การมีความรักสำหรับเขาคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่


     เงยหน้าขึ้นมาพ่นลมหายใจก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


"เฮ้อ!...ต้องเปิดใจให้ตัวน้อยมีแฟนแล้วสินะ"

 
      เลี้ยงคายัคมาตั้งแต่เด็กจนโต อินทัชเห็นวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงและรับมือได้มาโดยตลอด แต่สิ่งที่ทำให้อินทัชทำใจยากจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงคือรู้ว่าคายัคกำลังมีความรัก


      อินทัชบอกไม่ถูก แต่รู้แค่ว่าตอนนี้ เขาใจหาย..
 


     


     เที่ยงวัน ของวันเดียวกัน ทางฝั่งโรงเรียนของคายัค

 
      หลังจากที่สอบเสร็จในตอนเช้า กลุ่มเพื่อนของคายัคก็เดินไปยังโรงอาหารเพื่อกินข้าวมื้อกลางวัน เพียงแต่หนนี้ ไร้ร่างคายัคที่อยู่ในกลุ่ม


     เมื่อเพื่อนๆของคายัคได้อาหารตามต้องการแล้ว ทุกคนก็นั่งกินกัน มีติ๊กที่จับอาการผิดปกติของเพื่อนได้จึงเอ่ยถามบอลเพราะเห็นช่วงนี้ คายัคและบอลดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ





"ไอ้ยัคมันเป็นอะไรวะ ทำไมไม่ยอมกินข้าวเที่ยงกับพวกเรา"

"เพราะมันไม่หิวไง มึงก็ถามได้"

"กวนตีนนะมึง นึกว่าพวกมึงมีเรื่องอะไรที่ไม่บอกพวกกูซะอีก"

"มึงนี่หลอนหรอ? ไอ้ติ๊ก แค่ไอ้ยัคไม่กินข้าวด้วย ก็คิดเป็นตุเป็นตะไปได้"


"กูมีเซ้นส์"

"ไอ้ติ๊กหยุดพูดแล้วกินข้าวเถอะน่า อย่าไปสนไอ้ยัคมันเลย"
โมทย์ เพื่อนในกลุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น ทำให้ติ๊กเงียบและกินข้าวต่อไปจนหมดไม่เหลือ


   หลังจาก จัดการอาหารกันเสร็จสิ้น พวกเพื่อนของคายัคเดินกลับไปยังโต๊ะม้าหินที่คายัคนั่งอยู่เพียงลำพัง

   
"ชู่ววว์ เบาๆนะพวกมึง"


   เมื่อใกล้ถึงตัวเด็กหนุ่ม คนขี้แกล้ง อย่างติ้กแอบย่องเบาไปหาคายัคจากด้านหลัง หวังจะแย่งโทรศัพท์เพื่อน


หมับ!


"เฮ้ย!..."


     ติ๊กคว้าโทรศัพท์คายัคได้สำเร็จ และแอบส่องบนหน้าจอมือถือก็ต้องตาโต



"เชี่ย! มึงอ่านอะไรอยู่วะ? "6 ข้อมัดใจ แฟนวัยสามสิบอัพ"


"เฮ้ย! เอาโทรศัพท์กูคืนมา"

   
    คายัควิ่งไล่ติ๊กที่กระโดดเหยงๆ ชูโทรศัพท์ขึ้นสูง


"ง่อววววว์ วู้วววว์ เดี๋ยวนี้ ไอ้ยัคแม่งไม่ธรรมดาเว้ย!...นิยมวัตถุโบราณก็ไม่บอก มีแฟนเป็นคนแก่ด้วย...ใครวะ?...หรือว่า อาจารย์ยุวดี?"


"ป้ามึงสิ กวนตีน เอาคืนมานะเว้ย"


"บอกกูมาก่อน ไม่งั้นกู ไม่คืน"

"มึงก็คืนๆไอ้ยัคมันไปเถอะน่า ไร้สาระว่ะ"
บอลช่วยพูดให้คายัคสุดฤทธิ์


"มึงนี่ก็อีกคน ปกป้องไอ้ยัคจังนะ มีความลับกับกูชัวร์"


"ไม่มี้!!"
บอลเสียงสูงแแล้วรีบยกสองมือเหนือหัว


"แหนะ ไอ้เชี่ย!...เสียงสูงเชียว"


"เอามา...นะ" คายัควิ่งไล่และกระโดดเพื่อจะคว้าโทรศัพท์จากเพื่อน

"เล่นเป็นเด็กไปได้ คืนๆไอ้ยัคไปซะไอ้ติ้ก กูรำคาญ"


     โมทย์ ผู้เงียบขรึมเอ่ยปาก ทำให้ติ้กเบะปาก มองบนทันที เพราะโมทย์เป็นคนพูดน้อย หากได้พูดเมื่อไหร่แสดงว่าเหลืออด ติ๊กไม่อยากหือจึงคืนโทรศัพท์ให้คายัค เพราะในบรรดาเพื่อนฝูง ติ๊กกลัวโมทย์มากที่สุด


"เออกูสืบเองก็ได้วะ"
 
 
   คายัครับโทรศัพท์มาก็พ่นลมหายใจยาว รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงนักเรียน

   จังหวะที่ ติ้ก โมทย์ แคน เก่ง เดินนำหน้าไปเพราะบ่ายนี้ยังเหลือสอบอีกวิชา

   คายัคคว้าปกเสื้อนักเรียนของบอลให้หยุดเพื่อเดินช้าลงกว่าคนอื่น


"มึงบอกพวกมันแล้วหรอ?"

"ยัง"


"ชัวร์นะ"

"เออ!...สิวะ มึงเห็นกูเป็นคนยังไงไอ้ยัค ว่าแต่เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ"

"ได้คำตอบว่ะ"


"ว่า..."

"กูชอบอาทัชแบบแฟน ตอนนี้พยายามหาข้อมูลอยู่ จะจีบเขาทั้งที ข้อมูลกูต้องแน่น"

"ขนาดนั้นเลย? ทำไมวะ? คนแก่มันต่างจากพวกเรามากเลยเหรอ? โอ้ย! ไอ้ยัค มึงตบหัวกูทำไม?"


"เมื้อกี้กูก็โมโหทีนึงแล้วตอนไอ้ติ๊กเรียก มึงก็เหมือนกัน ห้ามเรียกแฟนกูว่าแก่ ให้เรียกว่า...รุ่นพี่...อาทัชเพิ่งอายุสามสิบต้นๆเอง ยังน่าฟัดอยู่เลย"


"เดี๋ยวๆนะไอ้ยัค มึงนี่มโนแจ่มเนอะ ยังไม่ทันจะจีบ ทึกทักว่าเขาเป็นแฟนมึงแล้ว? แหม่!...เพื่อนกูนี่มันเด็ดดวงจริงๆ"


"อ้าวทำไมอะ ก็มึงบอกเองไม่ใช่หรอว่าให้กูจินตนาการว่าอาทัชเป็นแฟนกู นี่ไง!... กูมโนเต็มที่เลย"



"เฮ้อ! เพื่อนกูแม่งอาการหนัก พอๆ... สรุปเมื่อคืนถึงขั้นมีอะไรกันหรือเปล่าวะ?"


"หยาบคาย ไม่มีเว้ย แค่หอมแก้ม พอกูรู้ใจตัวเองกูก็หยุดทำ"


     คายัคบอกความจริงกับเพื่อนไม่หมด ในความเป็นจริงน่ะหรอ? แทบไม่อยากหยุดเลยด้วยซ้ำ


"อ้าว แล้วอามึงไม่สงสัยหรอวะ"

"อากูหลับ"
คายัคโกหก


"ถ้างั้นก็ดี แล้วคิดจะบอกพวกไอ้ติ้กเมื่อไหร่?"

"อาจจะหลังวันที่พวกมึงไปบ้านกู เพราะถ้ารู้ก่อน ไอ้ติ้กแซวจนอาทัชรู้แน่"

"เออ เอาให้มึงพร้อม ดีใจด้วยมึง จากนี้ก็บุกเลย"

"ขอบใจมึงมากเลย ไอ้บอล"

"อ้าว!...เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิวะ"


     คายัคอมยิ้มเดินกอดคอบอลไปยังห้องสอบ เห็นทีวันนี้ เด็กหนุ่มคงยิ้มแบบนี้ไปทั้งวัน






****1.1****




หนูคายัคจ๋า ฮอร์โมนหนูคงจะพุ่งพล่านมากสินะ 55555
เอาใจช่วยเด็กอยากข้ามรุ่นหน่อยนะคะ

น้องเขายังไม่เคยมีแฟนเลยเถอะ มีแต่คนมาจีบ มาคุยมากกว่า

ขอบคุณนักอ่านมากมายค่ะ
 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2 ||29-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 21:47:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนว่าอาทัชก็มีใจทางชู้หนุ่มให้กับนู๋คายัคตัวน้อยเช่นกันน้า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2 ||29-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 30-05-2018 03:19:43
ถูกเรียกตัวน้อยนี่  ยังกะเคะเลยนะคายัค
ต้องทำให้อาเปลี่ยนการเรียกให้ได้ก่อน
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2.2 ||31-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 31-05-2018 22:17:44

บทที่ 2 ชอบเด็กไหม? (2)


 


   หลังจากสอบเสร็จ คายัคยังไม่รีบกลับเพราะต้องมีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง ตอนนี้เพื่อนทั้งหกคนนั่งรวมตัวอยู่หน้าโรงภาพยนตร์ เพื่อรอดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ ในระหว่างที่นั่งรอ ส่วนใหญ่ก็ดูดเป๊ปซี่ จ้วงป๊อปคอร์น และจู่ๆ ติ้กก็โพล่งขึ้น


"กูรู้แล้วนะไอ้ยัค ว่ามึงมีความลับอะไร"


  คายัคหันขวับไปทางบอล ที่เจ้าตัวก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธรัว


"อ..อะไรของมึง" คายัคหน้าซีดเผือก


"เดี๋ยวนี้ ไวไฟนะมึง?"


"มะ...มึงอย่าทำเป็นลับลมคมใน พูดมาเลยดีกว่า"


"มึงไปจูบไอ้เบลตอนไหนวะ? ทำไมพวกกูไม่รู้เรื่องเลย มึงชอบไอ้เบลหรอ?"



        คายัคโล่งใจที่ไม่ใช่เรื่องอาทัช แต่ก็ตกใจอยู่ไม่น้อยที่ติ๊กไปรู้เรื่องเบลจากไหน


"มึงรู้ได้ไง" คายัคตกใจรีบถามกลับเพราะคายัคย้ำกับบอลแล้วว่าห้ามบอกใคร


"กูได้ยินเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มไอ้เบลนั่นแหละกระดี๊กระด๊า ดีใจที่มึงจูบเบล"


   คายัคตบหน้าผากดังป๊าบ ไม่คิดว่าความอยากรู้อยากลองของคายัคเองจะทำพิษ?


"เฮ้อ! เบลนะเบล กูจูบเบลจริงแต่กูไม่ได้ชอบเบล"

"ถ้างั้นคายัครีบเคลียร์เถอะ แคนได้ยินมาเหมือนกันว่าผู้หญิงพวกนั้นคิดว่าคายัคชอบเบล เตรียมจะช่วยเบลวางแผนจะชวนคายัคไปเที่ยวแล้วด้วย"
คายัคมองหน้าแคนที่เสริมด้วยหน้าตาตื่น


    แคน เป็น เพื่อนในกลุ่มที่ตัวเล็กที่สุดถ้าเทียบกันแล้วความสูงของแคนก็ราวๆหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรเห็นจะได้ ความสูงของแคนบวกกับหน้าตาที่น่ารัก เรียบร้อย และพูดจาไพเราะกว่าใคร จึงไม่แปลกใจที่เวลาแคนเดินไปไหนต่อไหนกับกลุ่มพวกเขา จะได้รับการทะนุถนอมมากที่สุด
     

"ฉิบ....หา..." คายัคสบถแต่กลืนคำนั้น


    เฮ้อ! มีเรื่องเข้ามาได้จังหวะจริงเชียว แต่คายัคคงหาทางเคลียร์กับเบลทีหลัง เพราะเบลอาจไม่สำคัญเท่าใครบางคนที่รอคายัคอยู่ที่บ้าน



"เออ ขอบใจนะน้องแคนและติ้กที่มาบอก"

"ไอ้ยัค กูบอกแล้วนะว่า กูเรียกน้องแคนได้คนเดียว"
ติ๊กโพล่งขึ้นมา คายัคขำ เขารู้ดีเป็นที่สุด เพราะติ๊กพูดย้ำถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่ด้วยความโรคจิต คายัคชอบแหย่ให้เพื่อนอารมณ์เสีย เพราะมันสะใจดี


    ติ๊กชอบทำตัวราวกับงูจงอางหวงไข่ หวงแคนทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแฟนกับเขาเลยสักนิด


    คายัคละสายตาจากเพื่อน มองหน้าแคนที่แม้จะมีชื่ออยู่ในบทสนทนา แต่เจ้าตัวกลับเงียบ ไม่หือ ไม่อือ ทั้งยังเม้มปากแน่น ก้มหน้ามองพื้นอย่างเดียว


    เมื่อถึงเวลาที่ภาพยนตร์เข้าฉาย ทุกคนต่างเดินเข้าโรงหนังเพื่อเสพความบันเทิง เริงรมย์  ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่ทุกคนเดินออกมาจากโรงด้วยอารมณ์ที่ค้างคาจนอดจะเอามาพูดต่อกันข้างนอกไม่ได้


    คุยไป เดินไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าต่างก็ร่ำลาแยกย้ายกันกลับบ้าน มีเพียงบอลที่กลับกับคายัคเนื่องจากบ้านอยู่ทางเดียวกัน เมื่อทั้งสองขึ้นรถแท็กซี่ได้ไม่นาน บอลก็ถามขึ้น




"ไอ้ยัค?"


"อะไร?"



"ถ้า...กูจะจีบแคน มึงว่าไงวะ?"


"เชี่ย! บอล"


"ทำไมอะ กูไม่เหมาะกับแคนหรอ?"


"ไม่! อย่างแรง น้องแคนน่ารัก เรียบร้อย ซึ่งตรงข้ามกับมึงมาก มึงแม่งเกเร ไม่เอาไหน เรียนไม่เก่ง"


"อย่าเพิ่งตลกดิ กูขอความคิดเห็นจริงๆ กูชอบแคนมานานแล้วนะมึง เพียงแต่ก่อนหน้านี้ที่กูเฉยๆ เงียบๆ เพราะไม่อยากให้ใครแซว แต่หลังๆกูไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ไอ้ติ้กทำตัวเป็นหมาห้วงก้างแคนทั้งๆที่แคนไม่ใช่แฟนมันด้วยซ้ำ"



    คายัครู้สึกผิดทันที ที่จะเล่นมุกใส่ เพื่อนกลับไม่ขำแถมจริงจังเกินอายุไปอีก



"ถ้ามึงบอกชอบแคนนานแล้ว ทำไมตอนนี้ เพิ่งมาบอกกู"

"อาจเป็นเพราะกูเห็นมึงบอกเรื่องของอามึงมั้ง มึงไว้ใจกูถึงกับกล้าบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้ กูเลยบอกมึงบ้าง"



   คายัคหัวเราะในลำคอ ถ้าบอลไม่เห็นตอนที่คายัคจูบเบล นาทีนี้ คายัคก็คงไม่มีทางได้ล่วงรู้ความลับเรื่องที่บอลชอบแคนเหมือนกัน


"ก่อนมึงบอกแคน กูจะลองตะล่อมถามติ้กว่ามันชอบแคนด้วยหรือเปล่า? เพราะกูก็ไม่รู้หรอกว่าที่แม่งหวง มันอาจจะหวังในตัวแคนอยู่ลึกๆก็ได้"


"เฮ้อ! กูก็ไม่อยากชอบแคนหรอกนะเพราะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ความรู้สึกมันห้ามกันได้ที่ไหนวะ.... เออ...ไอ้ยัค กูถามอะไรหน่อยดิ มึงว่ากูกับไอ้ติ้กใครเหมาะกับแคนมากกว่ากันวะ"



    คายัคอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะทั้งสองก็คือเพื่อนของเขา

    แต่อย่างไรก็ตาม คายัคไม่สามารถตอบได้เพราะคายัคไม่ใช่แคน


    มันก็หมือนกับการตั้งคำถามว่า ระหว่าง กินส้มตำคู่น้ำเปล่า กับกินส้มตำคู่โค้ก อันไหนได้ความฟินมากกว่ากัน


    เชื่อว่าถามร้อยคนก็คงให้คำตอบและเหตุผลต่างกัน เพราะแต่ละคนมีรสนิยมชมชอบและสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน

   คายัคถอนหายใจ ตบบ่าเพื่อนสองสามที


"ขอโทษนะ กูตอบไม่ได้จริงๆว่ะ มึงต้องลองจีบแคนดู แล้วให้แคนเป็นคนให้คำตอบมึงน่าจะดีกว่า"


"เฮ้อ!...ถ้าถึงวันที่กูตัดสินใจจะจีบแคนจริงๆ มึงช่วยกูด้วยนะ ไอ้ยัค"

"แน่นอน เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิวะ"
คายัคตอบคำเดียวกับที่บอลเคยบอกคายัค เมื่อช่วงกลางวัน หันมองเพื่อนที่ส่งยิ้มฝืนๆเหมือนเหนื่อยล้า


"ขอบใจว่ะ"



     ตอนนี้ บอลเงียบและเบือนหน้าหนีไปนอกหน้าต่างรถ คายัคใจหาย ไม่เคยเห็นบอลเป็นแบบนี้ เหมือนบอลจะไม่ได้เล่นๆกับแคนซะด้วย คายัคสัมผัสได้ว่าเพื่อนเขาเอาจริง


     กระทั่งแท็กซี่จอดตรงปากทางเข้าหมู่บ้านของบอล และเพื่อนสนิทได้ลงจากรถไป รถยนต์ก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายที่สอง


     ระหว่างทาง คายัคฆ่าเวลาด้วยการกดเข้าเว็บไซต์พิซซ่า เพื่อดูเมนูไปพลางๆ เนื่องจากอาทัชบอกว่าจะรอกินพิซซ่าด้วยกัน


      สักครู่ใหญ่ๆ ก็ถึงที่หมาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาปิดร้าน  คายัคลงจากรถ ผลักประตูกระจกใสบานใหญ่เข้าไปก็ชะงักเมื่อเห็นลูกค้าคนที่เคยบอกว่าจะกลับมาใหม่ ได้กลับมาอีกครั้งตามปากว่า แถมดูสนิทสนมเกินหน้า เกินตากว่าลูกค้าทั่วไป เนื่องจาก ลูกค้าคนนั้นช่วยอาทัชกวาดพื้นทำความสะอาด


    คายัคไม่พอใจเท่าไหร่ที่ใครหน้าไหนก็ไม่รู้มาสนิทกับอาทัชเทียบเท่าตัวเอง
 
 
"สวัสดีครับ อาทัช"

"อ้าว!...ตัว...น้...เออะ...คายัคมาแล้วเหรอ?"
เพียงคายัคส่งสายตาพิฆาต อินทัชเปลี่ยนสรรพนามทันทีเมื่อรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย

"ไหว้คุณภูมิด้วยสิ" คายัคยกมือไหว้และรีบเดินไปประชิดตัวอาทัชพูดเสียงลอดไรฟัน


"ทำไมเขายังอยู่ครับ"


"คุณภูมิเห็นอาเก็บกวาดร้านคนเดียว เลยมาช่วย"


"แต่เขาเป็นลูกค้า จะมาช่วยทำไม"

"อาก็บอกไปแบบนี้เหมือนกัน เดี๋ยวค่อยคุยเถอะคายัค ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับเรานินทาเขาอยู่"


      คายัคหันไปบอกด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร


"พี่กลับไปเถอะครับ ผมช่วยอาผมได้"


"ถ้างั้น ผมกลับก่อนนะครับ"

"ขอบคุณคุณภูมิมากเลยนะครับ เกรงใจจัง ทำแบบนี้ ผมคงต้องยกให้เป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์แล้วล่ะมั้ง"
คายัคมองหน้าอาทัชที่ส่งยิ้มให้ลูกค้าหน้าใหม่ แล้วหงุดหงิดใจอย่างไรชอบกล


"ถ้าผมไม่ได้อยากเป็นแค่ลูกค้าล่ะครับ?"


"คุณภูมินี่อารมณ์ขันจังเลยนะครับ"
คายัคมองอาทัชที่ชะงักไปนิด ก่อนจะรีบต่อบททันควัน


     คายัคทนไม่ไหวตัดสินใจโพล่งขึ้น


"กลับบ้านดีๆนะครับและต้องขอบคุณมากเลยที่พี่มาช่วย อ้อ..อาทัชที่ว่าจะรอกินพิซซ่าพร้อมผมนี่ อาทัชอยากกินพิซซ่าหน้าอะไรดีครับ เราสั่งชุดโปรโมชั่นสำหรับสองคนดีไหม ผมว่าน่าจะคุ้มกว่านะ"


     คายัคเน้นเสียงหนักคำว่า "สำหรับสองคน" พร้อมชำเลืองมองอีกฝ่ายที่ยืนชะงัก



"ดูท่าจะหิวกัน ผมไปก่อนนะครับคุณอิน"


"เหอะเหอะแปลกจัง! ผมไม่ค่อยคุ้นคนเรียกชื่อผมว่าอินเท่าไหร่ ปกติถ้าไม่เรียกชื่อเต็มก็จะเรียกลงท้ายอย่างทัชมากกว่า"


"ดีแล้วครับ ผมไม่ชอบเรียกเหมือนใคร ไว้พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่นะครับ"


"ครับ โชคดีนะครับคุณภูมิ"

"ครับ"



    คายัคถอนหายใจฟึดฟัด แสดงอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คนบ้าอะไร หน้าด้าน หน้าทนยังจะกล้ามาร้านกาแฟได้อีก
 

    หลังจากที่ลูกค้าคนนั้นพ้นร้านจนลับตา คายัคเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงนักเรียน กอดอก มองหน้าอาทัชด้วยความขุ่นเคือง


     แค่คายัคกลับบ้านดึกวันเดียว ก็มีอะไรเปลี่ยนไปหลายอย่าง ทั้งมีคนใหม่มาช่วยทำความสะอาดร้าน อาทัชก็มาแต่งตัวดีเป็นพิเศษ เห็นทุกทีใส่แต่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ มาวันนี้ใส่คอเต่าสีดำอย่างกับสตีฟ จ๊อปส์


"ที่อาทัชแต่งตัวดูดี อย่าบอกนะว่าเพื่อไอ้ลูกค้านั่น"

"ตัวน้อยพูดจาอะไรแปลกๆ"

"ก็แล้วทำไมวันนี้อาทัชแต่งตัวดีผิดหู ผิดตาล่ะครับ"



"เป็นอะไร? โมโหหิวเหรอตัวน้อย ที่อาต้องแต่งตัวแบบนี้มันเพราะใครกันล่ะ ฮึ?" อินทัชโน้มตัวลงต่ำ ใช้นิ้วจิ้มปลายจมูกเด็กหนุ่ม คายัครีบคว้ามืออาทัชมาจับไว้แน่น


"อาพูดเหมือนจะว่าผม"


"ก็เมื่อคืนตัวน้อยเล่นอะไร รู้ไหมว่ามันเป็นรอยน่ะ อายังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่ตัวน้อยมีความรักเลยนะ"



"อาทัชไม่ต้องรู้หรอกน่า รู้แค่ว่าผมกำลังจะจีบคนๆหนึ่ง ซึ่งอีกไม่นาน ผมต้องได้เขามาเป็นแฟนแน่ๆ"



   อินทัชใจกระตุกที่คายัคพูดแบบนั้น


"อาไม่เคยเห็นตัวน้อยมุ่งมั่นอะไรเท่านี้มาก่อน รักวัยเด็กมันไม่เหมือนตอนโตนะ อย่ารักสนุกมากเกินไปล่ะ"


"ผมจริงจังและไม่ได้คิดว่า ความรักครั้งนี้มันจะเป็นแค่เรื่องสนุกหรือขำๆ"


"เฮ้อ! เถียงตลอด อาจะคอยดูแล้วกัน คายัคสั่งพิซซ่าเถอะ อาเอาพิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยน ขอแป้งหนาหนุ่มนะ ส่วนอีกถาดคายัคเลือกเลย"



    อินทัชรู้ดีว่าถ้าสั่งพิซซ่าทีไร ต้องสั่งสองถาด เพราะแค่คายัคคนเดียวก็กินถาดนึงได้เต็มๆ

     อินทัชปล่อยให้คายัคได้ทำการสั่งอาหารออนไลน์ ส่วนเขาเองขอตัวไปล้างมือ และเคลียร์อุปกรณ์การทำกาแฟอีกนิดหน่อย
 

   สี่สิบห้านาทีที่พิซซ่ามาบริการส่งถึงที่ คายัคถือเข้ามาในร้านและค่อยๆวางพิซซ่าสองถาด ไก่นิวออร์ลีนผสมไก่บาร์บีคิว สไปซี่ และ ขนมปังกระเทียมลงบนโต๊ะ


    แค่เห็นอาหารวางเต็มโต๊ะก็ดูละลานตาชวนน้ำลายสอ แถมท้องเริ่มร้อง ทั้งสองไม่รีรอ รีบนั่ง ขณะที่อินทัชเปิดกล่องพิซซ่า กำลังจะหยิบชิ้นพิซซ่าฮาวายเอี้ยน


"ผมทำให้ครับ อาทัชใส่อะไรบ้าง? ซอสมะเขือเทศ พริกป่น ผงออริกาโน่?"


    อินทัชขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่ม ก่อนตอบ


"อาใส่หมดเลย แต่ขอใส่ซอสมะเขือเทศสองซองครับ"

"ได้ครับ"



     คายัคพยักหน้า ใช้กรรไกรตัดซองซอสมะเขือเทศ พริกป่นและผงออริกาโน่ทุกอย่าง บรรจงเทโรยหน้าพิซซ่าแล้วยื่นให้อาทัชกับมือ


"ทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำดีกับอาแปลกๆ?"



"ผมรู้ว่าอาทัชเหนื่อย ผมก็แค่อยากเป็นฝ่ายดูแลอาทัชบ้าง"


"ปากหวานนะเรา เฮ้!....ตัวน้อยจะทำอะไร?"
หลังจากจบคำชม คายัคยื่นปากไปใกล้อินทัชจนเขาต้องถามอีกรอบ


"ก็อาทัชบอกผมปากหวาน อาทัชยังไม่เคยชิมสักหน่อย แล้วรู้ได้ไงว่าหวาน ผมเลยยื่นปากไปหาให้อาทัชได้ชิมจริงๆไงเล่า โอ้ย...อาทัชเจ็บนะ" คายัคลูบหน้าผากตัวเอง ที่อาทัชตีมาได้ไม่มีออมแรงสักนิด


"กวนประสาท"



    คายัคเอียงคอยิ้มมุมปาก ไม่สะทกสะท้านในคำดุด่า ตั้งหน้า ตั้งตา กินพิซซ่าของตัวเองบ้าง

    คายัคกินหมดไปชิ้นหนึ่งแล้วก็ถามอาทัชที่กำลังงับขนมปังกระเทียม


"อาทัช เคยมีแฟนไหม?"


    อินทัชเงยหน้ามอง


"เคยสิ ก็ก่อนจะมาเลี้ยงตัวน้อยนี่แหละมีอะไรหรือเปล่า? ทำไมอยู่ดีๆถึงถาม"

"ผมอยากรู้ไม่ได้หรอ? แล้วปกติอาทัชชอบคนแบบไหนหรอครับ?"

"อาโตขึ้น ก็มีมุมมองที่เปลี่ยนไป อาชอบคนที่มีนิสัยใจคอเข้ากันได้ ไม่เห็นแก่ตัว พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อกันและกัน และอยู่เคียงข้างได้ทั้งยามสุข ยามทุกข์"


"แสดงว่าตอนนี้ อาทัชไม่ชอบคนที่หน้าตาแล้วหรอครับ? ส่วนใหญ่ที่พูดมาก็เป็นลักษณะนิสัยหมดเลย"

"ก็ประมาณนั้นมั้ง"



"แล้วตอนที่อาทัชมีแฟน เขาอายุเท่าไหร่หรอครับ?"

"มากกว่าอาประมาณสามปีได้"


"โห! จริงหรอครับ แล้วถ้าตอนนี้ล่ะ อาทัชคิดจะชอบเด็กไหม?"


"หืม! อาสามสิบกว่าแล้ว คงไม่น่าจะมีเด็กมาชอบวัยนี้หรอกมั้ง"
  คายัคมองหน้าอาทัชที่เวลาคุยเรื่องความรัก อาทัชดูจะเขินๆ อาจเป็นเพราะโดยปกติ เราสองคนไม่เคยแลกเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติทางด้านความรักกันเท่าไหร่


"แล้วถ้ามีล่ะครับ? อาจะคบไหม?"


"ไม่รู้สิ ต้องดูก่อนว่าเด็กที่ว่าอายุเท่าไหร่ ห่างกันมากไหม? เพราะต้องดูนิสัยใจคออีกทีด้วย"



"เด็กอายุสิบหกน่ะครับ"


"แค่กๆๆ...อะอื้มมม..อะแฮ่ม!" อินทัชรีบดูดน้ำเปล่าแก้อาการติดคอ


"คายัคพูดอะไรน่ะ มะ...หมายถึงใคร?"


"ก็...หมายถึงเด็กทั่วไปน่ะครับ"
คายัคยิ้มขำกับอาการคนตรงหน้าที่สำลักอาหารจนหน้าแดง หูแดง


"อ...เอ่อ..ตอบยาก ถ้าได้ลองคุย ลองเจอหน้ากัน อาอาจจะชอบก็ได้ อาว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันไหม?"




"ทำไมล่ะครับ ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจดีออก ถ้างั้น คำถามสุดท้ายก็ได้ ตอนนี้ อาทัชไม่มีแฟน อาทัชเหงาไหมครับ?"

"ไม่เหงา เพราะอามีตัวน้อยไงครับ"
อินทัชรีบตัดบทแต่ยอมรับว่าที่พูดก็เป็นความจริงและไม่อยากให้คายัครู้สึกน้อยใจ ฟากคายัคยิ้มแก้มปริ


"จริงนะ"

"ครับ"

"ถ้างั้น จากนี้ อาทัชจะไม่มีวันเหงาอีกต่อไป เพราะผมจะทำทุกอย่างให้อาทัชมีความสุขเอง"

[/b]
   
    คายัคว่าจบรีบลุกขึ้นไปฝั่งตรงข้าม โน้มตัวลงต่ำเอียงหน้าไปหอมแก้มข้างขวาของอีกฝ่าย


"ตัวน้อย ปากเลอะซอสแล้วมาหอมแก้มอาเนี่ยนะ อึ้ย! สกปรก ซกมก"


    คายัคยิ้มกว้างอย่างไม่รู้สึกผิด เพราะ ไม่ว่าคายัคจะทำตัวให้น่าดุด่าว่ากล่าวขนาดไหน อาทัชก็แค่บ่นแต่ไม่เคยขึ้นเสียงหรือว่ากล่าวเสียๆหายๆโดยการใช้ถ้อยคำหยาบคาย

    คายัคดึงกระดาษทิชชูเปียกมาเช็ดปากตัวเอง ก่อนจะดึงอีกแผ่นเพื่อเช็ดแก้มอาทัชอย่างเบามือ จากนั้น คายัคกดจมูกลงไปหอมแก้มที่เดิมอีกครั้ง


"สะอาดแล้วครับ"


   คายัคผละและเดินกลับมานังที่นั่งของตัวเอง แต่อาทัชดันลุกพรวด



"อารู้สึกว่าหน้ามันยังเหนียวๆ อาไปห้องน้ำก่อน แล้วอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ซกมกจริงๆเลยเราเนี่ย!"


   คายัคเอียงคอ ยิ้มมุมปาก แล้วกัดพิซซ่าชิ้นใหม่อย่างมีความสุข




........................................................

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2.2 ||31-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-05-2018 22:57:38
 :z1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2.2 ||31-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-06-2018 00:25:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดูแววแล้ว อาหลานน่าจะใจตรงกันนะเนี่ย  อิอิ

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 2.2 ||31-5-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 01-06-2018 04:01:38
อ้อมไปอ้อมมา ระวังภูมิคาบอาไปก่อนนะคายัค 

ส่วนตัวว่าอินทัช ปฏิเสธคนไม่เป็น  ดูเป็นคนที่ขี้กลัว เหมือนไม่ค่อยทันคนจากกรณีของลูกค้าผู้หญิง แล้วก็เรื่องภูมิ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 3 ||4-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 04-06-2018 00:12:48


บทที่ 3  เด็กหวงของ








    สิบเอ็ดโมง ของวันอาทิตย์


    หลังจาก คายัค ถามเรื่องความรักของอาทัชเมื่อไม่กี่วันก่อน คายัคก็ไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก และเด็กหนุ่มยังไม่เผยความรู้สึก เพราะตั้งใจรอหลังวันกินเลี้ยงสอบเสร็จก่อน ช่วงนี้ คายัคเลยแค่หยอดความชอบลงไปทีละนิดๆ

 
    อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย คายัคเดินลงมาด้วยความเริงร่า แต่พอสายตามองไปตรงเคาน์เตอร์ ก็ต้องชะงักกลางคัน เมื่อเห็นลูกค้าคนเดิมมาแต่หัววัน และยืนคุยกับอาทัชยกยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้




    คายัคยืนหลบมุมพลางคิดแผนตรงตีนบันได ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชายคนนั้นไปไกลๆจากอาทัช



    แต่แล้ว คายัคสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง



"อาทัช ผมลงมาแล้วครับ..."
เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเริงร่าเดินเข้าไปหาอินทัชข้างในเคาน์เตอร์ อินทัชละสายตาจากภูมิ หันไปพูดเสียงเบา



"คายัค สวัสดีคุณภูมิด้วย" 



    คายัคกลอกตา ก่อนจะฝืนยิ้ม ยกมือไหว้คุณภูมิ ซึ่งดูเหมือนว่าลูกค้าคนนี้จะพิเศษกว่าคนอื่นไปหน่อยแล้ว



     จังหวะนั้น คายัคเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนออกมาจากตู้เก็บของเหนือศรีษะ เมื่อได้มา เด็กหนุ่มเดินไปประชิดตัวคนอายุมากกว่า



"ขอโทษนะครับ อาทัช"



ฟึ่บ



      ร่างผอมยืนซ้อนหลังอาทัชเพื่อสวมผ้ากันเปื้อนให้อาทัชจากศรีษะ ก่อนจะดึงเชือกตรงเอวผ้ากันเปื้อนมัดเป็นปมด้านหลัง เสร็จแล้วคายัคไม่วายแกล้งจัดผ้ากันเปื้อนด้านหน้าให้เข้าที่ด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง



     มุมที่ภูมิเห็นจึงไม่ต่างอะไรกับการที่คายัคกอดอินทัชอยู่



"อาทัชนี่ขี้ลืมจัง ผมต้องมาใส่ผ้ากันเปื้อนให้แบบนี้ทุกวันเลยนะครับ"



     บอกอย่างยิ้มๆ ก่อนจะเหลือบมองคนด้านนอกเคาน์เตอร์ที่ชะงัก คายัคยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วอย่างคนเหนือกว่า มันจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร



"ขอบคุณครับคายัค เอ่อ..คายัคช่วยออกไปซื้อของให้อาที่เซเว่นหน่อยสิ"
อินทัชดูสถานการณ์เหมือนจะไม่ค่อยดี รีบตัดบททันที



"ได้ครับ อาทัชจะเอาอะไรบ้าง"



"เอานมจืดสองขวด ไข่ไก่หนึ่งแผง"



      อินทัชแค่หาเรื่องให้เด็กหนุ่มออกไปข้างนอก เขาผละจากคายัคไปตรงที่คิดเงิน ดึงลิ้นชักเก็บเงินออกมา คายัคยังไม่วายเดินตามไปยืนซ้อนหลัง ด้วยตัวคายัคที่เตี้ยกว่าอินทัชราวสิบเซ็น เด็กหนุ่มจึงเขย่งแล้ว...

 

ฟอด!

 

"คายัคทำอะไร อามีลูกค้านะ"
อินทัชใช้หลังมือลูบแก้มตัวเอง และหันไปดุเด็กหนุ่มที่ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

"ค่าเดินออกไปข้างนอกครับ"



      คายัครับเงินมาแล้วรีบวิ่งออกไปนอกร้านทันที ยังดีที่ตอนนี้ ไม่มีลูกค้าคนอื่น อินทัชส่งยิ้มแห้งให้ภูภูมิ เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความอึดอัดและกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก



"พอดีหลานเขาติดผมพอสมควร เราเลยแสดงความรักกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติน่ะครับ" อินทัชรีบแก้ตัว

 

"แน่ใจหรอครับ? ผมว่าการกระทำของหลานคุณอินดูเหมือนเด็กหวงของมากกว่า"



"เอ่อ....คือ..."

 

"หลานคุณอินอายุเท่าไหร่ครับ?"

 

"สิบหกครับ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณภูมิ แค่คายัคยังเด็ก เลยไม่ค่อยรู้จักกาละเทศะเท่าไหร่"

 

"คนที่เลี้ยงมา มักมองว่าคนที่อยู่ภายใต้การปกครองเป็นเด็กในสายตาอยู่เสมอ แต่มุมมองคนนอกอย่างผม ผมว่าไม่เด็กแล้วนะครับ"


 

      อินทัชยืนเงียบและหน้าชาที่อีกฝ่ายโต้กลับได้รู้สึกเจ็บแสบนิดๆ



"คุณอินเป็นคนใจดีและน่ารัก ใครๆก็หวงเป็นธรรมดา ผมอาจก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวคุณอินมากเกินไป ผมขอโทษ หากทำให้คุณอินไม่สบายใจเกี่ยวกับ "หลานคุณ"



 

    อินทัชมองหน้าคนที่ตั้งใจเน้นคำว่าหลานอย่างที่อินทัชสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจสื่อความหมายให้ได้ตระหนัก

 

"ดีแล้วครับที่คุณภูมิบอก บางที ผมก็ไม่รู้ ขอบคุณนะครับ"

 

"ผมว่าคุณอินเป็นคนฉลาดนะ คุณอินอาจรู้ก่อนที่ผมบอกอยู่แล้วก็ได้...แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้กับทุกๆเรื่องมากกว่า ถ้างั้นก็ดี ผมถือโอกาสบอกเรื่องของผมให้ชัดเลยแล้วกัน ผมชอบคุณอินนะครับ"



      อินทัชมองหน้าภูภูมินิ่งๆ



"ขอบคุณนะครับ ที่คุณภูมิชอบผม แต่ผม...."



"อย่าเพิ่งปิดโอกาสกันเลยดีกว่าครับ ของแบบนี้ ไม่ให้เวลาพิสูจน์หน่อยหรือ?"



       เจ้าของร้านยืนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนจะค่อยๆเผยรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎแก่สายตาคนที่เพิ่งบอกชอบในไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา



"เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ"



"ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า เผื่อคุณอินจะผ่อนคลายได้บ้าง เห็นทีวันนี้ คุณอินน่าจะมีเรื่องให้คิดเยอะพอสมควร"



      ภูภูมิยิ้มมุมปากแต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้อินทัชหนักใจ ก่อนจะหวนไปนึกถึงเด็กในปกครอง



"ครับ คุณภูมิ"



     ลูกค้าที่ไม่ได้อยากเป็นแค่ลูกค้าหมุนตัวเดินไปยังประตูกระจกใสบานใหญ่เพื่อกลับไปตามที่บอก ทิ้งให้เจ้าของร้านทิ้งตัวลงนั่งพักที่เก้าอี้อย่างคนหมดแรง



    ถัดมายังเหตุการณ์นอกร้าน ราวสิบนาที หลังจาก คายัคซื้อของให้อาทัชเสร็จเรียบร้อย เขาก้าวเดินออกจากร้านสะดวกซื้อด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข แต่จังหวะนั้น คายัคเห็นลูกค้าคนนั้นลงจากรถยนต์ และกำลังเดินสวนเด็กหนุ่มเพื่อเข้าเซเว่น อีเลฟเว่นพอดิบ พอดี



    คายัคมองหน้าอีกฝ่ายที่เดินใกล้เข้ามาด้วยความฉงนว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจมาเจอะกันแน่



    จังหวะที่เดินสวนกัน



"สิ่งที่นายคิดจะทำอยู่ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก"



หมับ!



   ได้ยินเต็มสองรูหู คายัคกระชากไหล่อีกฝ่ายทันที



"หมายความว่าไง"



"ก็หมายความตามที่พูด แล้วอย่าคิดจะต่อยฉันหน้าเซเว่นล่ะ เห็นแก่หน้าผู้ปกครองนายบ้าง"



      พออีกฝ่ายพูดดักคอ มือที่กำหมัดแน่น หวังจะหวดหมัดเข้าเบ้าหน้าอีกฝ่าย เป็นอันคลายลงและสะกดอารมณ์ บอกตัวเองให้ใจเย็น และรีบดิ่งกลับร้านกาแฟทันที



      กระทั่ง เดินเข้ามาในร้าน คายัคก็ยังครุ่นคิดคำของอีกคน ยอมรับว่าสูญเสียความมั่นใจไปอยู่เหมือนกัน



     เด็กหนุ่มเดินยังไม่ทันจะเข้าไปข้างในเคาน์เตอร์ ก็โดนอาทัชใช้ให้ไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กลุ่มผู้ชายวัยรุ่นนอกร้านเสียก่อน คายัควางถุงที่ซื้อของให้อาทัชลงบนเคาน์เตอร์และรับถาดเครื่องดื่มไปเสิร์ฟ



     บริการเสร็จแล้ว คายัคเดินไปหาอาทัชทันที





"อาทัชครับ ผมไม่ชอบลูกค้าคนนั้น"



"ทำไม?"



"เขามาจีบอาใช่ไหม?"



"ไม่ใช่หรอกครับ เขาไม่ได้มาจีบอา"
อินทัชส่งยิ้มบางเบาให้แก่หนุ่มน้อย



"อาทัชโกหกผม"


 

   อินทัชหยิกแขนคายัคไม่แรงนัก





"เห็นอาเป็นคนยังไงกัน อาไม่ได้โกหก"



"ผมจะเชื่อ แต่จะเป็นไปได้ไหมถ้าอาทัชไม่รับลูกค้าคนนั้น?"


"คงไม่ได้หรอก มันคืองานของอานะครับ ตัวน้อยต้องเข้าใจอานะ"

 

    คายัคจำคำสัญญาได้ว่าจะไม่ทำอาทัชเหนื่อยหรือไม่สบายใจ



"ก็ได้ครับ"


"แต่ถ้ามันมีเหตุการณ์ที่ตัวอาและต้วน้อยเริ่มไม่สบายใจไปมากกว่านี้ อาจะทบทวนดูอีกที"



     บางที อินทัชอาจไม่รู้ตัวว่าเขาพยายามปกป้องคายัคมากเกินไป ฟากคายัคฟังอาทัชพูดเอาใจ เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง


"ขอบคุณครับ"



"อ้อ! อีกเรื่อง ตอนนี้ คายัคโตแล้ว คายัคไม่ควรหอมแก้มอาอีกและอย่าทำแบบนั้นต่อหน้าลูกค้า เข้าใจไหม?"



"ทำไมครับ? บางทีผมก็สับสนกับคำบอกของอาทัชนะ ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม อาทัชจะว่าผมเรื่องอายุตลอด พอผมทำอย่างนึง อาทัชก็บอกผมว่าโตแล้ว ไม่ควรทำ แต่พอผมทำอีกอย่าง อาทัชก็บอกว่า ผมยังเด็ก สรุปแล้วผมต้องทำตัวยังไงครับ"



     อินทัชชะงัก ก่อนจะลูบศรีษะเด็กหนุ่ม

   
"อาขอโทษ อาผิดเองที่ทำให้คายัคสับสน ช่วงนี้ อามีเรื่องให้คิดเยอะน่ะ"


"แล้วทำไมอาต้องคิดเยอะครับ มันพอมีอะไรที่ผมจะช่วยอาทัชได้ไหม?"



     อินทัชอมยิ้มเมื่อเด็กหนุ่มมองมาด้วยแววตามุ่งมั่น เขาไม่ตอบคำเด็กหนุ่ม เพราะแม้แต่ตัวเองตอนนี้ อินทัชก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับทุกๆเรื่อง


 

   


***1.1***



มันดูเหมือนจะง่ายแต่มันไม่ง่าย เพราะมันดันมีอายุมาเกี่ยวนี่แหละค่ะ (แหะๆๆ)
เอาเป็นว่าส่งกำลังใจให้ทั้งคู่กันดีกว่าเนอะ...

ขอบคุณมากค่ะ :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 3 ||4-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-06-2018 09:25:59
ถ้าภูมิไม่ท้วงคุณอาคงไม่คิดมาก คายัคเองก็ระวังเรื่องเบลจะมามัดตัวให้ยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้ล่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 3 ||4-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 05-06-2018 19:44:44
ตาม
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 3 ||4-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-06-2018 20:13:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครหนอจะเป็นผู้พิชิตใจอินทัชได้น้า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่ 3 ||4-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-06-2018 02:53:40
เราเชียร์คายัค คายัคสู้ๆ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...* -ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 07-06-2018 20:51:14

บทที่ 3  เด็กหวงของ(2)







    และแล้ววันฉลองสอบเสร็จก็มาถึง

 

      เวลาทุ่มเศษๆ นายชลธารหรือคายัคพาบรรดาเพื่อนๆไปร้านกาแฟ แต่ด้วยสภาพตอนนี้ ทุกคนนั่งบนรถแท็กซี่ด้วยสภาพเบียดเสียดและแออัด เพราะยัดถึงเจ็ดคนแถมเบลมาด้วย และด้วยขนาดที่นั่งจำกัด เบลจึงต้องนั่งตักคายัค ซึ่งคายัครีบใช้จังหวะนี้ เคลียร์ปัญหาและบอกย้ำกับเบลเลยว่า คายัคไม่ได้ชอบเบลแบบแฟน เบลเสียใจแต่ก็พยายามจะเข้าใจมากขึ้น

 



"เบล อารมณ์ดีเชียวนะ"

 

    คายัคอยากจะต่อยหน้าเพื่อนสักทีเมื่ออยู่ดีๆติ๊กก็แซวขึ้น แต่ด้วยการนั่งตอนนี้ แค่หายใจยังลำบาก



"มึงเงียบก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้"

 

     คายัคอุตส่าห์จบปัญหากับเบลไปแล้ว แต่การที่ติ๊กแซวแบบนี้ คายัคก็ไม่อยากให้เบลคิดว่าตัวเองมีความหวัง

 

"ทำมาว่ากู ลึกๆก็ชอบใช่ไหม? ไอ้ยัค"

 



    ขณะที่ทั้งสองยังเถียงกันไม่จบ มีเสียงใครคนหนึ่งแทรกขึ้น



"แคนนั่งตักเราได้นะ"

 

     ทุกสายตาพุ่งไปหาบอลโดยไม่ได้นัดหมาย ฟากบอลเห็นเบลนั่งไม่เต็มก้นแถมตัวลีบเล็กจนจะแนบไปกับประตูรถ จึงเอ่ยถาม

 

"ไม่เป็นไร แคนนั่งได้...อ้ะ..." คนถามเหมือนไม่ได้สนใจจะเอาคำตอบ เพราะบอลสอดแขนเข้าใต้รักแร้คนตัวเล็กเพื่ออุ้มขึ้นมานั่งบนตัก

 

"ไอ้บอล ทำเหี้ยอะไร"




   ติ๊กตวาดอย่างฉุนๆ ฟากแคนทำตัวไม่ถูก ก้มหน้า ปากสั่น พยายามจะดันตัวเองลงจากตักของบอล แต่บอลกลับกระชับเอวแคนแน่น

 

"ทำไมมึงต้องคอยแกว่งเท้าหาเสี้ยนวะไอ้ติ๊ก ก็มันเบียดขนาดนี้ จะเป็นไรไป หุบปากเป็นไหม? กูรำคาญ"

 

   ติ๊กอ้าปากหวังจะสวนกลับโมทย์ แต่ทำได้แค่เงียบ และฮึดฮัด เพียงแค่โมทย์จ้องมองอย่างเอาเรื่อง

 

    บอลกลั้นยิ้มสะใจที่โมทย์ช่วยเป็นกระบอกเสียงแทนตัวเอง

 

"ยิ่งแคนเกร็ง เรายิ่งหนัก แคนทำตัวตามสบายได้เลยนะ"
บอลบอกแคน

 

"อ่า...ห๊ะ!.."

 

   แคนพยักหน้าและตอบเสียงแผ่ว ฟากบอลใช้โอกาสนี้แนบหน้าลงไปกับแผ่นหลังของคนตัวเล็กและกอดรัดร่างเล็กแน่น

 

    บอลยิ้มอย่างมีความสุข และบอลไม่สนใจแล้วว่าติ๊กจะมองยังไง เพราะจากนี้ บอลจะเดินหน้ารุกหนักและบอกความในใจให้แคนได้รู้สักที

 

    เวลาผ่านไปได้สักพักที่รถแท็กซี่จอดเทียบหน้าร้านกาแฟ นายชลธารพาเพื่อนลงจากรถ อาจเป็นเพราะเพื่อนๆของคายัคยังไม่เคยมีใครมาเหยียบที่นี่ ทุกคนจึงดูตื่นเต้น


"โห! บ้านคายัค เจ๋งไปเลย แคนก็จำได้อยู่ว่าคายัคเคยบอกว่าบ้านเป็นร้านกาแฟ แต่ไม่คิดว่าจะสวยและร่มรื่นขนาดนี้"

 


    เหมือนเด็กเห่อของเล่นใหม่ แคนกวาดตามองรอบๆร้านกาแฟอย่างตื่นตา ตื่นใจ

 
"แคนมาอีกบ่อยๆก็ได้นะ อาเราใจดี"

 

"แหงอยู่แล้ว แคนชอบมาก วันหลังแคนจะพาพี่ชายแคนมาด้วยนะ เพราะพี่แคนก็ชอบดื่มกาแฟเหมือนกัน"

 

"ได้เลย"

 

    แคนยังไม่หยุดกวาดสายตามองทุกซอกทุกมุมของร้านอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เดินตามหลังเพื่อนเข้าร้านกาแฟเพื่อไปไหว้อาทัช ทุกคนเคยเห็นหน้าค่าตาอาทัชมาแล้วจากการไปประชุมผู้ปกครองหรือกิจกรรมของโรงเรียน

 
"สวัสดีครับ อาทัช"  ทุกคนพูดพร้อมเพรียงกัน

 

"อาจัดที่นั่งไว้ข้างนอกน่ะ ไปนั่งรอก่อนนะครับ เดี๋ยวอาเอาของไปให้"

 

"มีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับ" บอลถาม

 

"ไม่เป็นไรครับ ไปนั่งกันเถอะ"

 

      ทุกคนเออออแล้วไปนั่งรอตรงโต๊ะยาวที่อินทัชจัดให้ โดยมีอุปกรณ์ต่างๆอย่างหม้อต้มสุกี้ และตะแกรง เตาถ่านวางไว้เรียบร้อย

 
      คายัคไม่ได้ตามเพื่อนไป เพราะอยากอยู่ช่วยอาทัชจัดเตรียมของต่างๆ ขณะที่คายัครับถาดวัตถุดิบมาถือ

 

"ตัวน้อยถามเพื่อนซิ ว่าอยากกินเครื่องดื่มอะไรกันบ้าง อาจะได้ทำให้"

 

"อาทัชอยากโชว์ฝีมือใช่ไหมล่ะ?"

 

       คายัคแซวอาตัวเอง อินทัชตีแขนเด็กหนุ่ม

 

"พูดมาก ตัวน้อยก็กินน้ำเปล่าแทนแล้วกัน"

 

"โห! แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลยนะครับ ผมอยากินช็อคโกแลตเย็นฝีมืออาทัช เพราะอาทัชทำอร่อยที่สุดในโลก"


"เว่อร์จริงๆ ไปได้แล้วครับ"



      คายัคยิ้มขำ เดินถือถาดไปวางที่โต๊ะและเดินกลับเข้ามาอีกรอบเพื่อบอกเมนูเครื่องดื่มของเพื่อนๆกับอินทัช

 

      คราวนี้ คายัคออกมาพร้อมกาน้ำซุปและถาดอาหารซีฟู้ดส์ โดยอินทัชไล่ให้เด็กหนุ่มมานั่งกับเพื่อน หากอินทัชทำเครื่องดื่มเสร็จ ก็จะตามออกไป

 

    ตอนนี้เพื่อนๆเด็กหนุ่มร่วมแรงร่วมใจจัดแจงเทของสดลงหม้อต้ม ส่วนเก่งที่เชี่ยวชาญการจุดเตาถ่าน ก็มาทำตรงส่วนนี้

 

   ทุกคนสนุกสนานกับการได้ลงมือช่วยกันทำอะไรเล็กๆน้อยๆ คนที่ถนัดลวกต้มก็ทำหน้าที่ตรงนั้นไป ส่วนคนที่ถนัดปิ้งย่างก็รอถ่านร้อนพร้อมเตรียมวางกุ้งและปลาหมึกชิ้นโต

 

     คายัคเว้นที่ว่างให้อาทัชนั่งใกล้กันตรงหัวโต๊ะ ส่วนที่นั่งอีกข้างๆของคายัคเป็นบอลและเพื่อนคนอื่นไล่เรียงกันไป

 

     ไม่นานเท่าไหร่นักที่อินทัชทำเครื่องดื่มเสร็จก็ออกมาเสิร์ฟให้ทุกคน

 
"อาทัชทำช็อคโกแลตเย็นอร่อยมากเลยครับ ไม่หวานไป แคนชอบ"
คายัคมองแคนที่เครื่องดื่มยังไม่ทันจะวาง แคนก็รับมาดูดจนหมดไปเกือบครึ่งแก้ว ดูๆแล้ว  แคนไม่เหมือนเพื่อน แต่เหมือนเป็นน้องชายคายัคมากกว่า แคนชอบทำตัวน่ารักเสมอ ไม่แปลกที่บอลจะหลงใหลได้ปลื้ม

 

"แคนก็มาอีกสิครับ เดี๋ยวอาเลี้ยงเอง" อินทัชยิ้มพร้อมเอ่ยเสียงนุ่มละมุน

 
"แคนมาแน่นอนครับ แคนบอกคายัคแล้ว อาทัชใจดีจังเลย แคนอิจฉาคายัคจัง"



    คายัคลอบมองอาทัชแล้วยิ้มมุมปาก เพียงเห็นอาทัชมีรอยยิ้มได้แบบนี้ก็สบายใจ เด็กหนุ่มไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า

 

      ผ่านไปสิบห้านาทีที่ของในหม้อต้มสุกได้ที่ ส่วนหมวดปิ้งย่างต้องรออีกนิด

 

      จังหวะนั้น...

 

      ใต้โต๊ะที่ไม่มีใครสามารถเห็นได้  มีมือของเด็กหนุ่มวางมือลงบนหลังมืออินทัชบีบกระชับเบาๆและถาม

 
"อาทัชเอาอะไรบ้างครับ ผมตักให้"

 
"ไม่เป็นไรครับ คายัคกินเถอะ ไม่ต้องห่วงอา อาตักเองได้"

 

"อาทัชตักไม่ถึงหรอกครับ มันไกล ถ้างั้นผมตักมาเผื่อให้นะครับ"

 

     คายัครู้ว่าหม้อต้มอยู่ไกลจากตรงที่อาทัชนั่งจึงอาสาคว้าถ้วยของอาทัช โน้มตัวไปตักเนื้อสัตว์และผัก รวมถึงเห็ดหอมมาให้อาทัชจนเต็มถ้วย

 
"ขอบคุณครับ" อินทัชมองคายัคที่ส่งยิ้มกว้าง

 

"มึงตักให้เบลบ้างสิ"

 

      หันขวับมองติ๊กอย่างไม่พอใจ ว่าจะพูดแบบนี้ให้มันได้อะไร



"เบลตักเองได้อยู่แล้วเนอะ"
คายัคถามเบลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 
"เบลก็ตักไม่ถึงเหมือนกัน"



     คายัคถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ หยิบถ้วยเบลมาตักให้แล้ววางตรงหน้าของเบล

 

"เออหัดเอาใจคนที่ชอบมึงบ้าง" ติ๊กยังเล่นมุกเดิม จนคายัคอ้าปากจะด่า แต่ดูเหมือนว่าแคนคงสังเกตเห็น


"ติ๊กอยากได้อะไรไหมครับ? แคนจะตักให้"

 

      คายัคนั่งกำหมัดแน่น พยายามสงบอารมณ์ แล้วจังหวะที่เด็กหนุ่มข่มความโกรธ อินทัชลุกขึ้นพรวด

 

หมับ!

 

    คายัคใจหายที่เห็นอาทัชลุกหนี จังหวะนั้น คายัคจับมืออาทัชให้หยุดเท้าและโพล่งเสียงดัง


"อาทัช ผมไม่ได้ชอบหรือเป็นแฟนเบลอย่างที่อาทัชเข้าใจนะครับ"

 
"หืม?..มาบอกอาทำไม อายังไม่ได้ว่าอะไรเลย ปล่อยอาก่อนครับ อาจะไปเอาของในตู้เย็นมาเพิ่มให้" อินทัชยิ้มบางเบาและลุกจากโต๊ะเข้าไปในร้าน

 

     ไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นอะไร จู่ๆก็นึกกลัวอาทัชจะเข้าใจผิด จึงรีบบอกอย่างร้อนตัว



ครืด ครืด

 

      เครื่องมือสื่อสารของคายัคสั่น เด็กหนุ่มควักออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนและก้มมองดู
 

Read

20.45

ท่าทางที่มึงแสดงออกเมื่อกี้ โคตรมีพิรุธเลยไอ้ยัค กูว่าเพื่อนคงรู้แล้วล่ะ

 

      คายัคมองหน้าบอลที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดตามองเพื่อนทั้งโต๊ะที่พอเห็นคายัคมองก็หลุบตา ก้มหน้ากินอาหารในถ้วยของตนเองกันต่อ

 

Read

20.48

ช่างแม่งแล้วว่ะบอล กูแค่ไม่เข้าใจไอ้ติ้กมันจะพูดทำเชี่ยไรนักหนา กูอุตส่าห์เคลียร์กับเบลแล้ว

 

   คายัคจบปัญหากับเบลแล้วก็จริง แต่ยอมรับว่า คายัคก็ยังไม่ได้บอกเพื่อนว่าเคลียร์ปัญหานี้แล้ว

 

Read

20.52

ถ้ามึงไม่แคร์และคิดจะเปิดเผยอยู่แล้ว กูก็เห็นด้วย จัดเต็มไปเลย แต่ตอนนี้ใจเย็นๆก่อนอย่าใช้อารมณ์และแดกซะ



 

    คายัคเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า แล้วตบบ่าบอล พร้อมเอ่ยขอบใจ ทำให้คนรอบโต๊ะงุนงงไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันก่อนหน้า

 

    เวลาผ่านไป อาหารทยอยสุก จนเด็กๆเริ่มกินไม่ทัน ท่ามกลางมื้ออาหารตอนนี้ เป็นแคนที่ชวนอาทัชคุยเป็นส่วนใหญ่  ทำให้บนโต๊ะอาหารกลับมารื่นเริงและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง  ทุกคนตั้งใจฟังในขณะที่ปากก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย


     แคนเป็นเด็กช่างเจรจา คายัคมองแคนที่ดูตั้งใจฟังอาทัชเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าแคนถูกชะตากับอาทัชเข้าแล้ว  แม้ว่าก่อนหน้านี้ แคนอาจเจอะอาทัชมาบ้าง แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะที่สนทนาได้นานๆขนาดนี้ รอบนี้ แคนเลยดูสนใจเรื่องราวของอาทัชที่เล่าเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องชีวิตวัยเรียนตอนมัธยม มหาวิทยาลัยของอาทัช รวมถึงเรื่องการเลี้ยงดูของคายัคเองด้วย

 

     คายัคยิ้มมุมปากอย่างดีใจที่เพื่อนทุกคนชอบอาทัช แน่ล่ะ...ถ้าเราชอบใครสักคน เราก็อยากให้เพื่อนๆชอบคนที่เราชอบเช่นกัน

 

       จังหวะที่อินทัชเล่าเรื่องตัวเอง คายัคลอบมองอาทัชตบแขน ตีขาตัวเองตลอดเวลา เด็กหนุ่มลุกจากโต๊ะเข้าบ้าน ไม่กี่นาทีถัดมา คายัคเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งยองๆที่พื้นข้างขาอินทัช
 

  ฟึด ฟึด..   ฟึด ฟึด..

 

    อินทัชชะงัก และหยุดบทสนทนา ก้มลงมองเด็กหนุ่มที่ฉีดสเปรย์กันยุงที่ขาให้

 

"ยุงกัดแล้วทำไมไม่บอกผม"

 

"มะ...มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่อาต้องบอก"

 

"ผมบอกแล้วไงว่าผมจะเป็นฝ่ายดูแลอาทัชบ้าง" คายัคลุกขึ้นจากพื้น กลับมานั่งที่ตัวเอง ก่อนจะจับมืออาทัชให้ยืดแขนเพื่อฉีดสเปรย์กันยุงอีกตำแหน่ง
 

"คายัคพอแล้ว ขอบคุณนะ"

 

   คายัคยิ้มไม่พูดอะไร ก่อนจะล้างมือด้วยน้ำเปล่าแล้วกินต่อ

 
    คายัคไม่รู้ตัวเลยว่า การแสดงออกของคายัค ทำให้เพื่อนๆทุกคนคันปากอยากถามเป็นอย่างมากว่านี่คงไม่ใช่แค่อา-หลานดูแลกันแล้วแน่ๆ



   และเหตุการณ์นี้ คนที่ดูเสียใจมากที่สุดเห็นจะเป็นเบลที่สังเกตการกระทำของคายัคมาโดยตลอด และจากนั้น เบลก็กินอะไรไม่ลงอีกเลย

 

    กว่าสองชั่วโมงที่เด็กๆ จัดการอาหารกันอิ่มจนพุงกาง ก่อนกลับบ้านทุกคนพร้อมใจช่วยกันล้างจาน เก็บกวาดทำความสะอาดพื้นที่ที่รับประทานด้วยความเต็มใจ กระทั่งเรียบร้อยแล้ว อินทัชและคายัคเดินมาส่งเพื่อนที่เตรียมขึ้นรถแท็กซี่



"แคนขอเป็นหลานอาทัชอีกคนได้ไหมครับ?"
แคนเดินมาประชิดตัวแล้วเอ่ยเสียงจริงจัง

 

"ได้สิครับ อาชอบเด็กน่ารักอยู่แล้ว" อินทัชบอกแคนอย่างอารมณ์ดี จู่ๆคายัคคว้ามืออาทัชมาจับ จนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว


"แล้วผมล่ะครับ อาทัชชอบผมบ้างไหม?"

 

"หืม? คายัคเป็นหลานอาก็ต้องชอบอยู่แล้วสิครับ เลี้ยงมาจนโตขนาดนี้"

 

"ไม่ใช่ชอบอย่าง...ที่"

 

"พวกกูกลับแล้วนะ" บอลแทรกพร้อมขยิบตา คายัคเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ


     และน่าแปลกคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นหรือคิดจะถามอะไรอย่างเก่ง กลับก้าวเดินเข้ามาตบบ่าคายัคแล้วกระซิบข้างหู


"เหนื่อยน้อยนะ ถ้ามึงคิดจะข้ามรุ่น"

 

    เก่งยิ้มอย่างมีเลศนัย คายัคพยักหน้าแกนๆกลับไป ที่เขาทำทุกอย่างในวันนี้ แสดงว่าเพื่อนคงรู้หมดแล้ว



    ยืนโบกมือลาเพื่อนที่แยกย้ายไปขึ้นแท็กซี่สองคัน คายัคหันหลังกลับหันไปเจอะสายตาที่จ้องมองอยู่ก่อน
 

"หลังๆมานี้ คายัคแปลกไปนะ"


"หรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลย"

 

"เหมือนจะดูมุทะลุ หุนหันพลันแล่น และมีความคิดเป็นของตัวเองมากกว่าแต่ก่อน"

 

"แล้วอาทัชรับได้ไหม?"

 

"ได้สิ"
 

"เพราะอาทัชเป็นคนแบบนี้ไง ถึงมีแต่คนรักอาทัช อ้อ...ผมปิดเทอมแล้ว ฉะนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ผมอยู่ช่วยอาทัชได้ตลอดเลยนะ"

 

"ดีมากครับ"

 "ผมเหนียวตัวและเหม็นหัวตัวเองมาก ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ. วันนี้ ผมนอนห้องผมนะครับอาทัช"

 

"ได้ครับ"

 

       คายัครีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำเพราะรำคาญตัว แต่พออาบน้ำเสร็จ คายัคนึกว่าสมองจะโล่งได้บ้าง กลับมีแต่เรื่องอาทัชเต็มหัว


       อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ คายัคหย่อนกายลงนั่งปลายเตียง  ถ้าขนาดเพื่อนๆยังดูออกว่า คายัคชอบอาทัชมากกว่าอา-หลาน วันนี้ คายัคตัดสินใจจะบอกอาทัชแล้วเหมือนกัน เผื่อจะหายอึดอัดใจได้บ้าง



     แต่...


"เอาไงดีวะ บอกแบบไหนให้อาทัชไม่ตกใจ"
 

"ผมชอบอาทัชครับ อาทัชชอบผมไหม?"
 

"ผมจีบอาทัชได้ไหมครับ?"
 

"อาทัชก็อยู่กับผมมานาน เรารู้ใจกัน ถ้างั้นผมขอเป็นแฟนกับอาทัชนะ"
 

"ผมโตพอที่จะดูแลอาทัชครับ"

 
"ห่าเอ้ย!...นี่กูต้องมานั่งพูดคนเดียวแบบนี้ อีกนานเท่าไหร่วะ เมื่อไหร่กูจะกล้าๆสักที โอ้ยๆปวดหัวโว้ยยย..."

 

    คายัคหงายหลังทิ้งทั้งตัวนอนแผ่หราบนเตียง ขยี้ผมตัวเองอย่างหาทางออกไม่ได้ เพราะในหัวมีแต่เรื่อง


อาทัช

อาทัช


อาทัช



    หยุดคิดเรื่องการบอกความในใจของอาทัช แต่ก็ยังมีเรื่องอื่นแวบเข้ามาจนได้ เรื่องของรอยยิ้มอาทัช เรื่องตอนที่คายัคเคยได้กอด เคยจูบซอกคอและได้สัมผัสจับน้องชายของอาทัช
 

      จู่ๆ คายังเด้งตัว ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ปิดไฟ และปีนขึ้นไปบนเตียงนั่งพิงพนักเตียง ถอดกางเกงบ็อกเซอร์ กดเข้าเว็บโป๊ หวังจะระบายความอึดอัดที่มีอยู่ในใจและความปั่นป่วนภายในร่างกายด้วยการช่วยตัวเอง

       
 

"อ้าาาา ซี้ดดส์ อ้ะ อ้า อ้ะ อ้ะ"

 

       เด็กหนุ่มหลับตานั่งนึกหน้าอาทัชและจินตนาการว่ามือที่กำน้องชายของคายัคอยู่คือมือของคนที่เขาชอบ


      จังหวะที่มือกำแท่งร้อนรูดขึ้น-รูดลงช้าๆ เด็กหนุ่มใจสั่นและเสียวซาบซ่าน เมื่อจินตนาการเป็นใบหน้าของอาทัช คายัคเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วกว่าเดิม หอบหายใจถี่ ลืมตาอีกทีมาดูภาพเคลื่อนไหวที่กำลังเล่นบทรักอย่างต่อเนื่อง แม้ตาจะจ้องดูคลิปที่นักแสดงเป็นใครก็ไม่รู้เปลื้องผ้ามีเซ็กซ์กัน แต่ในหัวสมองของคายัคยังคงมีแต่อาทัชไม่จางหาย



 "โอ่ยยยย...ซี้ดด"


     คายัคหลุดครางเสียงต่ำ กัดปากแน่นด้วยความเสียวกระสัน นาทีนี้ หัวใจเต้นแรงรัวจนน่ากลัว ในกายร้อนวูบวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า


     แต่แล้ว....
 

ฟึ่บ!


   แสงไฟในห้องนอนคายัคสว่างวาบ และตามด้วยเสียง




"ตัวน้อยนอนหรือยังครับ? อ้ะ... / เฮ้ย! อาทัช!"





.......................................






ทำไมหนูไม่ล็อกประตูล่ะลูก (5555)
.
คิดว่าจากนี้ ควรจะเป็นคายัคหมดอารมณ์สุข-นอนหลับ หรือวิ่งไปหาอาทัชดีน้า 555

.
ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-06-2018 22:05:42
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุต้ะ

เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรน้อ  หุหุ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เดช สายลม ที่ 07-06-2018 22:20:00
รอๆๆๆๆๆๆตอนต่อไปนะคับ  :mew3:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-06-2018 23:09:18
ตัดได้ค้างมาก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 07-06-2018 23:57:31
อาทัชน่ารัก อย่าดราม่าเลยยยยยย เรารักฟิลกู้ดดดด  ส่วนแคนน้องไม่เหมาะกับใครคะ แต่ป้าว่า บอล กับ ติณเหมาะกันค่ะ  ฮิ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-06-2018 00:24:38
 :laugh:


ข่มใจเอาไว้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-06-2018 00:20:01
งานนี้มีเฮ 5555
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-06-2018 07:16:36
วิ่งสู้ฟัดเลยลูกกกกก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 09-06-2018 09:06:08
ีไหนๆห็เห็นแล้วจับลากเข้าห้องเลยลูกกกก  ติ๊กหนูไไม่เหมาะจพดูแลใคร ไม่ดูอะไรเลยยยยยย จัดคนคุมด่วนก่อนป้จะรำคายไปมากกว่านี้!!!!!!
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่3.2 ||7-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-06-2018 09:12:37
เอาจริงเบลควรกินอะไรไม่ลงตั้งแต่คายัคบอกปฏิเสธเบลแล้ว เป็นเราโดนปฏิเสธแบบนั้นเราคงไม่มาบ้านคายัคด้วยหรอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ-+-...-+-...*-ตอนที่ 4||9-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-06-2018 20:15:27
บทที่ 4  อายุเป็นเพียงตัวเลข


   


     อินทัชปิดประตูห้องเด็กหนุ่มดังปัง และเร่งฝีเท้ากลับห้องด้วยใจเต้นรัวแรงพร้อมคำถามเต็มหัว ก่อนจะหยุดชะงักพักอยู่หลังบานประตู

 

      ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา อินทัชเพิ่งเห็นคายัคทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้ อินทัชเข้าใจแล้วว่า คายัคโตขึ้นจริงๆ ทุกอย่างเป็นไปตามวัยแห่งการเจริญเติบโต ซึ่งตอนนี้ คายัคมาถึงจุดแห่งความอยากรู้ อยากลอง

 

      ถ้าให้เดา คายัคอยากลองเรื่องเซ็กซ์

 



"ตัวน้อยคงมีความรักแล้วจริงๆ"

 


    อินทัชพึมพำ และนึกขึ้นได้

 



"เราจะปล่อยให้คายัคไปมีอะไรกับคนอื่นแล้วท้องอีกไม่ได้"

 


   ตอนที่สารินทำผู้หญิงท้องก็ช่วงอายุประมาณนี้ อินทัชกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เขาต้องระวังและเข้มงวดกับคายัคมากกว่าเดิม ขณะที่ยืนครุ่นคิด แรงกระแทกจากประตูด้านนอกทำให้อินทัชตกใจ ผงะถอยห่างจากบานประตู

 

"ค...คายัค ม..มีอะไรครับ?"

 

"อาทัช ผม..."


 

"อาเข้าใจแล้วว่าคายัคอยากรู้อยากลอง อาไม่ว่าหรอกครับที่ตัวน้อยจะ..." อินทัชยังพูดไม่จบ


ฟึ่บ!


    แล้วจู่ๆ คายัคก็ทิ้งตัวลงนั่งกองที่พื้น

 

"อาทัชช่วยผมด้วย"

 

"ตัวน้อยเป็นอะไร?"

 

   อินทัชย่อตัวลงนั่งข้างคายัคที่ดวงตาปริ่มน้ำ

 

"ผมขอร้อง อาทัชช่วยผมได้ไหม?"

 

"ห้ะ?..." อินทัชตกใจ อุทานลั่นห้องนอน


"นะครับ"

 
"มะ...ไม่ได้อาเป็นผู้ปกครองคายัคนะ อารู้ว่าเรื่องแบบนี้เป็นไปตามวัยและผู้ชายทุกคนย่อมมีความต้องการทางเพศ แต่จะให้อาทำแบบนี้ อาทำไม่ได้หรอก"

 

"อาครับ ผมขอร้อง ผมไม่ไหวแล้ว"

 


"ไม่ได้"

 

    ยืนกรานในคำตอบแต่เสียงไม่ได้ดูหนักแน่นเอาซะเลย อินทัชใจเต้นแรงจนยากจะสงบลง เด็กน้อยที่ไม่สนอะไรแล้ว คว้ามืออินทัชไปวางตรงเป้ากางเกงของตัวเอง

 

"มันก็ดีไม่ใช่หรอครับที่ผมไม่ได้ไปมีเซ็กซ์กับใครสุ่มสี่ สุ่มห้า ผมแค่อยากปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเอง อาทัชช่วยผมนะ"

 

    คำพูดของคายัคทำให้อินทัชหวนนึกถึงเรื่องสารินที่ทำแฟนตั้งท้องก่อนวัยอันควร อินทัชถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี

 

    มือของอินทัชที่วางลงบนเป้ากางเกง สัมผัสได้ว่าน้องชายของคายัคมีปฏิกิริยาตื่นตัวจากอุ้งมือของอาที่แตะต้องของสงวน

 

    อินทัชกลืนน้ำลาย หน้าร้อนผ่าวและใจวูบโหวงแปลกๆ

 

    มือหนาของอินทัชยังอยู่ตรงที่เดิม เพิ่มเติมคือมีมือของคายัควางทาบลงบนหลังมือคนอายุมากกว่าแล้วบีบกระชับ กดน้ำหนักลงทำให้มือของอินทัชเหมือนขยำ คลึง เค้นของสงวนที่แข็งดั่งเหล็กจนอินทัชไม่มีคำตอบไหนนอกจาก

 

"ค...ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"

 

    บอกเสร็จ เด็กหนุ่มกัดปากพยักหน้ารัวและดึงกางเกงลง อ้าขาออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม แผ่นหลังพิงบานประตู

 

     ยังดีหน่อยที่คายัคหลับตา เลยทำให้อินทัชไม่ต้องกระอักกระอ่วนหรือแสดงอาการเก้อเขินให้เห็น อินทัชลอบมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่แดงจัดไล่ลามมาถึงคอ และแสดงออกชัดว่าต้องการมันอย่างหนัก

 

    เบือนหน้าหนีไม่มองเด็กหนุ่ม แต่ฝ่ามือยังคงทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขสมอารมณ์หมายให้คายัคตามร้องขอ

 

      ของเคยๆที่อินทัชก็รู้ดีว่าต้องเล่นกับมันอย่างไร มือที่กำรอบแท่งร้อนรูดขึ้นรูดลงช้าๆจนสุดโคน ก่อนจะปรับจังหวะให้เร็วและถี่ขึ้น

 

"โอ่ยยยย ซี้ดดดดส์...."


     อินทัชใจกระตุก เมื่อได้ยินเสียงเด็กหนุ่มหลุดร้องครางเสียงต่ำ อินทัชอยากรีบทำให้จบ เพราะรู้สึกไม่ดีที่ต้องมาทำแบบนี้กับหลานตัวเอง

 

"จูบผม"   

 
       สบตาเด็กหนุ่มที่ลืมตาขึ้นมาบอกด้วยใบหน้าแดงจัด

 

"ไม่!"


"อาทัชครับได้โปรด จูบผมที"


 

"คายั....อ้ะ"


     อยู่ในช่วงแห่งกามารมณ์ สิ่งใดที่ปรนเปรอความสุขได้ในวินาทีนี้ คายัคต้องทำทุกทาง และเมื่อใกล้ถึงจุดสูงสุดของการปลดปล่อย คายัคก็อยากจูบกับคนที่คายัคชอบ



      คายัคจับต้นคออินทัช รั้งมาจูบประกบปาก สอดปลายลิ้นเข้าสำรวจโพรงปากอีกฝ่าย สัมผัสได้ถึงน้ำหวานที่แลกเปลี่ยนกัน และเป็นครั้งแรกที่คายัคจูบแบบลึกซึ้ง



     เด็กหนุ่มเงอะๆงะๆกับการใช้ลิ้นที่ไม่รู้ว่าจะรุกอีกฝ่ายยังไง แต่ไม่ถึงนาที อินทัชผู้มีประสบการณ์มากกว่า กลับช่วยเด็กหนุ่มโดยการเป็นฝ่ายจู่โจม ไล่รุกลิ้นอุ่น ปลายลิ้นตวัด เกี่ยวรัดเข้าหากัน



    ถ้าคายัคเป็นโรคหัวใจอยู่ เขาคงหัวใจวายตายไปแล้ว เพราะเพียงเจอบทจูบของอาทัชเข้าไป เด็กหนุ่มก็ถึงฝั่งฝันได้อย่างง่ายดาย



 พรวด!



"แฮ่ก....แฮ่ก..."



     อินทัชผละจากริมฝีปากของเด็กหนุ่ม มองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยของเหลวเปรอะ เลอะมือ  อินทัชกำลังจะลุกไปล้างมือ แต่คายัคกลับดึงไหล่ให้นั่ง โผกอดร่างสูงจนมือที่เปื้อนน้ำกามซึ่งยังไม่ถูกทำความสะอาดเปื้อนเสื้อผ้าของอินทัชเรียบร้อยแล้ว

 

"ขอบคุณนะครับ อาทัช"

 

"ครับ แต่มันจะไม่มีแบบนี้อีกแล้วนะ"

 

"อาทัชใจดีกับผมจริงๆ ผมรักอาทัช"



     อาทัชชะงักงัน ภายนอกที่นั่งนิ่งสงบช่างสวนทางกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แรงจนแทบทะลุออกมาจากอก อินทัชสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆใช้มือที่ไม่เปรอะของเหลวลูบกลุ่มผมเด็กหนุ่ม



"อารู้ครับว่าตัวน้อยรักอา ก็เรามีกันอยู่สองคนนี่นา แม้อาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่อาจะพยายามเข้าใจวัยคายัคให้ได้มากที่สุดนะ.."


 

"ผมไม่ได้รักอาทัชแบบพ่อ ผมรักอาทัชแบบแฟนครับ"

 

 

 

 

 

   

..........................
 






      ได้ยินคำสารภาพรักเมื่อคืน อินทัชถึงกับไปไม่เป็น มันเร็วไปหากจะคุยเรื่องนั้นทันทีที่ได้ยิน อินทัชจึงปล่อยให้เวลาข้ามคืนก่อน ถึงตั้งใจจะคุยกับคายัคเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าเมื่อคืน พยายามข่มตานอนก็ทำได้ยากเต็มที

 

      ลูกชายเพื่อนที่ประคบประหงม รักและเอ็นดู เลี้ยงมาอย่างดี พอโตขึ้นมาจนถึงวันนี้



      คายัคบอกรักเขาแบบแฟน....

 

       ยามเจ็ดโมงเช้า บนเตียงกว้างของอินทัชมีตัวน้อยนอนขดตัวซบอกกว้าง และกอดเขาอยู่


     อินทัชค่อยๆพลิกตัวตะแคงข้างมองหน้าเด็กหนุ่มที่หลับตาพริ้ม เมื่อมาสังเกตดีๆ คายัคโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ ทั้งรูปร่าง ส่วนสูง น้ำเสียง และหน้าตาที่นับวันๆก็ดูหล่ออย่างหนุ่มที่โตเต็มวัย

 

      อินทัชลูบเรือนผมเด็กหนุ่มก่อนจะเลื่อนมือมาลูบริมฝีปากแดงระเรื่ออย่างธรรมชาติ อย่างเบามือ เขายิ้ม กดหน้าลงต่ำ ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของตัวน้อย

 

จุ๊บ

 

 

     ทั้งรอยยิ้มและแววตาเศร้าโศก เผยออกมาบนใบหน้าของคนอายุมากกว่า ก่อนที่ร่างสูงจะลุกไปอาบน้ำ อาบท่า เพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน

 

      อินทัชจัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย เดินเข้ามาในห้องนอน เห็นเด็กหนุ่มหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียง ขยี้ตาตัวเอง

 



"อาทัชไม่ปลุกผมล่ะครับ"


"อาไม่อยากกวน"
 

"ไม่กวนสักหน่อยเพราะผมต้องช่วยอาทัชทำงานนี่ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ"



"เดี๋ยว....อาอยากคุยกับตัวน้อยเรื่องเมื่อคืน"

 



         อินทัชจับต้นแขนคายัคที่กำลังเดินเข้าห้องน้ำ ให้ชะงักเท้า

 



"เรื่องที่ผมอยากเป็นแฟนกับอาทัชใช่ไหม?"

 

"ค...ครับ"

 

"ไม่เห็นต้องคุยเลยผมคิดอย่างนั้นจริงๆ"

 


"อาว่าคายัคอยู่ในช่วงสับสน เพราะเราผูกพันกันมานาน คายัคเลยคิดว่า การได้อยู่กับอา คือ ความรักแบบแฟนใช่ไหม?"

 

"ไม่เกี่ยวกับการที่อาทัชเลี้ยงดูเลยครับ ผมแน่ใจแล้วว่าผมรู้สึกกับอาทัชแบบแฟนจริงๆ อีกอย่าง อาทัชไม่ใช่ญาติของผม เราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ทำไมผมจะรักอาไม่ได้"

 

"เฮ้อ! คายัคยังไม่เข้าใจ อาจะทำยังไงกับเราดี"

 

"ไม่ต้องทำยังไงครับ แค่ทำตัวเป็นแฟนผมก็พอ"

 


"เอาล่ะ อาว่าคายัคคงอยากรู้อยากลอง อาจะลืมเรื่องนี้และคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น คายัคถามใจตัวเองให้แน่ชัดอีกทีแล้วกัน"



     อินทัชปล่อยแขนคายัคแล้วเดินออกจากห้องนอน ทิ้งให้คายัคยืนนิ่งมองคนที่หายจนลับตา

 

"ผมต้องทำยังไง อาทัชถึงจะเชื่อว่าผมรักอาแบบไม่ใช่ผู้ปกครอง"


       สี่สิบนาที คายัคเดินลงมาเห็นอาทัชจัดเก็บถุงเมล็ดกาแฟไว้บนตู้เก็บของเหนือศรีษะเสร็จพอดี

 

       โล่งใจหน่อยที่อาทัชไม่โกรธคายัคเรื่องเมื่อคืนที่ให้อาทัชไหว้วานทำในสิ่งที่ไม่สมควร แม้อาทัชจะไม่โกรธแต่ก็ใช่ว่าอาทัชจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องการที่คายัคขอเป็นแฟนทำให้เด็กหนุ่มสับสนอยู่ไม่น้อยว่าควรเดินไปทางไหนดี

 



"ตัวน้อยกินอะไร? อาจะสั่งอาหารออนไลน์"


"ผมเอาเส้นเล็กหมูต้มยำ และข้าวมันไก่ไม่เอาหนังครับ"
 

"โอเคครับ"




     คายัครอจังหวะที่อาทัชสั่งรายการอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก็เอ่ย



"อาทัช ผมขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องเมื่อคืน"

"ตัวน้อยไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วน่า"

 

    ครู่หนึ่ง คายัคแอบเห็นนะว่าอาทัชหน้าแดงก่ำกว่าเดิม คายัคยิ้มกว้างเดินไปใกล้อาทัชและสวมกอด


"โอเค ผมไม่พูดแล้ว แต่ถ้าอาทัชต้องการ เรียกใช้ผมก็ได้นะ"



ฟอด!

 

"เอ้ย!..อาไม่พูดกับตัวน้อยแล้ว"


       คายัคถอยห่างพลางยักคิ้วเจ้าเล่ห์ มองคนหน้านิ่งที่พูดไม่ออกก็ได้แต่อมยิ้มและเดินออกจากเคาน์เตอร์ไปตรวจความเรียบร้อยของแต่ละโต๊ะก่อนร้านเปิด

 





       วันนี้ ลูกค้าเยอะแค่ไหน คายัคก็ไม่หวั่น เนื่องจาก คายัคอารมณ์ดีมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายสองโมงคายัคยังไม่ปริปากบ่น อาจเป็นเพราะวันนี้ ลูกค้าที่เยอะ จะเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อเครื่องดื่มแบบกลับบ้านมากกว่า คายัคเลยไม่ต้องเดินเสิร์ฟให้เหนื่อย

 

       และจังหวะที่คายัคเดินออกมาเสิร์ฟลูกค้าที่นั่งอยู่นอกร้าน หมุนตัวเดินกลับหวังจะผลักประตู



"อารมณ์ดีนะครับ"


      คายัคหันหลังกลับไปว่าใครช่างกล้าแซวได้อย่างสนิทสนม

 

"อ้าวแคน...มาอีกแล้วหรอ? โหเชื่อแล้วล่ะว่าชอบ"

 

"ฮ่าๆ ก็บอกแล้วว่าแคนชอบบ้านคายัคจริงๆครับ เมื่อคืนกลับถึงบ้านโม้ให้พี่ชายฟังใหญ่เลย นี่พี่คูณ พี่ชายแคนเอง เรียนจบแล้ว"

 

      คายัคยกมือไหว้ มองคนข้างกายเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร คายัคไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายของแคนมาก่อน จึงยอมรับว่าพอเห็นแวบแรกก็มีบุคลิกคล้ายกัน เพียงแต่พี่คูณสูงกว่า มีความเป็นผู้ชายมากกว่าและเท่กว่ามากๆ



"สวัสดีครับ"


"ครับ"

 

"สั่งเต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวให้อาผมเลี้ยง"

 

"ไม่ต้องหรอกน้อง ของซื้อ ของขาย"

 

"เฮ้ย! ไม่เป็นไรพี่"

 

"ไม่เอาครับ ถือซะว่าพี่มาประเดิมลูกค้าใหม่แล้วกัน"

 

"ขอบคุณครับ ถ้างั้น เดี๋ยวผมพาไป"

 

"ไม่เอา พี่คูณไปสั่งคนเดียวได้เนอะ แคนขอนั่งคุยกับเพื่อนก่อน"

 


     คูณพยักหน้า ผลักประตูเข้าร้าน ส่วนแคนดึงแขนคายัค กวาดตามองหาที่นั่ง ก่อนจะมีที่หลบมุมสำหรับสองท่านติดต้นไม่ใหญ่ให้ได้นั่งคุยกันพอดี

 

"แคนมีอะไรหรือเปล่า?" คายัคถามเพราะดูผิดสังเกต


"คายัครู้เรื่องที่บอลชอบเราใช่ไหม?"



      คายัคถอนหายใจยาว นึกว่าที่แคนคุยจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร



"อ้อไม่รู้เลย ทำไมทำหน้าอย่างนั้น แคนไม่ชอบบอลหรอ?" คายัคโกหก

 
"ก็เปล่าหรอก แต่แคนยังไม่อยากมีความรักน่ะ แคนอยากตั้งใจเรียนก่อน"



"โอ้โห แคนพูดแบบนี้ เรารู้สึกผิดเลยอะ"
คายัคยกมือกุมขมับ  แคนกลั้วหัวเราะเขย่าแขนคายัคอยู่หลายที
 

"ฮ่าๆ ไม่หรอก ชีวิตคนเรามีแรงขับเคลื่อนไม่เหมือนกัน อย่างคายัค แรงขับเคลื่อนในชีวิตอาจเป็นอาทัชก็ได้ คายัคเลยเลือกที่จะให้ความสำคัญกับความรัก"

 

"แคนรู้?"

 

"จากเมื่อวานก็พอจะเดาออก"

 

"ก็ใช่..."

 

"เฮ้อ! คายัค แคนขอพูดตรงๆในฐานะเพื่อนคนนึงนะ คือ อาทัชเป็นอาของคายัคนะ"

 

"แล้วไง อาทัชไม่ใช่อาแท้ๆก็แค่เพื่อนพ่อ.."

 

"แต่อาทัชกับคายัคอายุห่างกันมากนะครับ แล้วแคนคิดว่า เอ่อ..."

 

"แคนรู้ไหม? เราโคตรเบื่อเลย เป็นอะไรกันนักหนากับอายุ คำก็อายุ สองคำก็อายุ คนเรารักกันสิ่งสำคัญมันอยู่ที่อายุหรอ? อายุเป็นเพียงตัวเลขที่บอกให้รู้ว่าเราโตขึ้นมาใช้ชีวิตผ่านไปแล้วกี่ปี มีอะไรที่ดี-ไม่ดีที่เราทำไปแล้วบ้างก็แค่นั้น เราไม่สนอะแคน เราอายุห่างกับอาทัชสิบกว่าปีแล้วไงอะ เราอยากเป็นแฟนอาทัช"

"คะ...คายัคไม่พอใจแคนหรอ...แคนขอโทษนะครับ แคนแค่..." แคนก้มหน้าพลางช้อนตามองว่าเสียงแผ่ว

 

"เราขอโทษที่ใส่อารมณ์นะ เราแค่ไม่ชอบให้คนต้องตัดสินการกระทำทุกอย่างจากอายุน่ะ เราจริงจังกับอาทัชมากจริงๆ"

 
"ครับ คายัค ถ้างั้นแคนจะเลิกพูดเรื่องนี้อีก แคนเอาใจช่วยนะ"

 

"หาตั้งนาน คุยอะไรกันอยู่ครับหน้าจริงจังเชียว"
คูณที่ไม่รู้ว่าน้องชายนั่งตรงไหนก็เดินหาจนทั่ว จนพบเด็กสองคนนั่งคุยด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

 
"เปล่าครับพี่คูณ ถ้างั้น แคนอยู่กับพี่ชายแคนเถอะ เราขอตัวไปช่วยอาเราทำงานก่อนนะ"

 

"ได้ครับ แต่คายัคอย่าโกรธแคนนะ"

 

"ไม่โกรธ เราก็ขอโทษนะแคน"

 

       คายัคส่งยิ้มให้แคน และก้าวขายาวๆพาตัวเองเข้าร้านกาแฟด้วยความคับข้องใจ ว่า สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคตอนนี้ กลับเป็นเรื่องของอายุหรือช่องว่างระหว่างวัยที่คายัคไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โต

 

 

 



*****1.1*****


สงสารตัวน้อย จะมีความรักกับเขาทั้งที
 อุปสรรคที่เจอดันเป็นเรื่องอายุซะงั้น
สู้ๆนะคายัค อาทัชเป็นคนใจดีจะตาย แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ได้ (หาาาา!!! 555)


 

   เขียนมาถึงตอนที่ 4 แล้วเพิ่งมาบอก???? 5555

นิยายส่วนใหญ่ของเราเป็นภาษาง่ายๆ ธรรมดาไม่หวือหวา

(ใครไม่ชอบต้องขออภัย)

และเรื่องนี้เป็นนิยายที่ตั้งใจหยิบเรื่องใกล้ตัวทั่วไปที่เป็นความจริงผนวกกับความเป็นเด็กผู้ชายวัยมอปลายที่ไม่ใช่แก็งค์เด็กเรียน เนื้อเรื่องอาจมีความเถื่อน ดิบ ดาร์ก เช่น มีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย การกระทำที่แสดงออกรุนแรงและหยาบโลน หากใครอยากได้ละมุนใสๆ ต้องขอโทษด้วยค่ะ

มาเอ็นดูคายัคและอยู่เป็นกำลังใจให้น้องกัน

น้องน่ารัก น่าเอ็นดู (หุหุ) อ่านไปเรื่อยๆ ระวังจะหลงรักน้องไม่รู้ตัวน้าาาาาา   :hao6: :hao6: :mew1: :mew1: :z1: :z1:

.

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 4 ||9-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-06-2018 21:35:31
เอ็นดูน้อง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 4 ||9-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-06-2018 21:56:08
แป๊ปๆๆๆ ได้เลย ๆๆๆๆ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 4 ||9-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-06-2018 22:35:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

ความรักฉันท์ชู้สาว เฮ้ย ชู้หนุ่มสินะ  เป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคน

ส่วนเรื่องสังคมนั้น  ถ้าไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน  ไยต้องไปสนไปแคร์

ดังนั้นประเด็นอายุ  ไม่ใช่อุปสรรค

อุปสรรคความรักของคายัค คือความรู้สึกของอาทัช ต่างหาก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 4 ||9-6-18|| P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2018 23:02:56
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re:*...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*ตอนที่4.2 ||11-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 11-06-2018 20:13:06
บทที่ 4  อายุเป็นเพียงตัวเลข (2)





        คายัคอุตส่าห์นึกดีใจที่วันนี้ทั้งวันไม่เห็นคุณภูมิมาที่ร้านกาแฟ สงสัยน่าจะถอดใจไปแล้ว แต่เปล่าเลย พอใกล้ปิดร้าน คายัคทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นคุณภูมิเดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



        คายัคเดาว่า ที่คุณภูมิชอบมาในเวลานี้ เพราะไม่มีลูกค้ารายอื่น จึงเป็นทางสะดวกที่จะได้จีบอาทัช



       แต่ตราบใดที่ยังมีคายัคอยู่ ข้ามศพเด็กหนุ่มไปก่อนเถอะ...





"สวัสดีครับ คุณอิน"

 
"อ่า...สวัสดีครับ คุณภูมิ รับคาปูชิโน่เย็น หวานน้อยเหมือนเดิมนะครับ"

 

"ดีใจจังที่คุณอินจำได้  ถ้าใครเป็นแฟนกับคุณอิน คงได้รับการเอาใจใส่มากๆ แน่เลยนะครับ"

 

     คายัคมองคนรุกหนัก หยอดคำหวานกว่าทุกครั้ง ก็ชักไม่สบอารมณ์ ยืนมองคนข้างกายตัวเองที่ยิ้มไม่ตอบคำ คายัคต้องการเอาชนะ เดินไปประชิดตัวอาทัชคว้าสองมือคนอายุมากกว่าวางทาบลงบนแก้มแทนการรับเงินของคนที่ยืนอยู่นอกเคาน์เตอร์

 

"ไม่น่าล่ะ อาทัชถึงชอบเอาใจใส่ผม ขอบคุณนะครับ อาทัช"

 

"ตัวน้อย อย่ายั่วคุณภูมิสิ อาขอล่ะ" อินทัชพูดเสียงลอดไรฟันเบาๆ อย่างเป็นห่วงเด็กหนุ่มจะดูไม่ดีในสายตาของภูภูมิ แต่คงห้ามไม่ทัน เพราะเสียงภูภูมิแทรกขึ้น

 

"คุณอินคิดเหมือนผมไหม? เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยมีมารยาทนะครับ คิดอยากจะสอดก็สอด ยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ หึๆ"

 

      อินทัชเงียบเพราะรู้ดีว่า ภูภูมิตั้งใจพูดกระแทกคายัค แต่มันก็เหมือนอินทัชโดนพ่วงไปด้วย เพราะอินทัชเป็นคนเลี้ยงคายัคด้วยตัวเอง ครั้นจะแก้ตัวแทนคายัคก็จะหาว่าให้ท้ายเด็กหนุ่มไปอีก

 

     อินทัชก้มหน้าเงียบ ทันใดนั้น...

 

"เฮ้ย! แม่งจะด่ากูก็ด่ามาเลยเหอะว่ะ"

 


"คายัค ขอโทษคุณภูมิเดี๋ยวนี้!"

 



กึก!



     ยืนชะงัก หน้าชา เป็นครั้งแรกที่อาสุดแสนจะใจดีของตัวน้อย ตวาดใส่คายัคต่อหน้าคนอื่น

 

    หันขวับมองอาทัช กัดปากแน่น ทำไมต้องเป็นคายัคที่ขอโทษด้วย



     คายัคตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลมองหน้าอาทัชด้วยความน้อยใจก่อนจะหันไปขอโทษภูภูมิแบบขอไปที แล้วเดินออกจากเคาน์เตอร์ ขณะที่อินทัชยื่นมือจะรั้งแขนตัวน้อย

 

"คุณอิน ค่ากาแฟครับ"

 

    ละสายตาจากแผ่นหลังคายัคที่เดินดุ่มไปทางประตูกระจกหน้าร้าน หันกลับมารับเงินของภูภูมิ และทำเครื่องดื่มให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์

 

    ถัดมา ยังนอกร้าน เด็กหนุ่มวัยสิบหกก้าวช้าๆไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย คายัคไม่ได้ต้องการทำตัวประชดประชัน เป็นเด็กมีปัญหาด้วยการหนีออกจากบ้าน เขาแค่ต้องการเดินออกมาให้พ้นๆหน้าสองคนนั้น



    ...ไม่โกรธแต่โคตรเสียใจ...




     สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เพราะยอมรับว่า ทั้งน้อยใจและเสียใจปะปนกัน ที่อาทัชตวาดใส่ ทั้งๆที่อาทัชไม่เคยทำกับคายัคเลยสักครั้ง

 
     เดินมาถึงจุดจอดรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เด็กหนุ่มเดินไปหาใครสักคนเพื่อถาม

 

"ขอโทษนะครับ พี่มีไฟแช็กไหมครับ?"



      คายัครับไฟแช็กจากพี่วินฯ พร้อมดึงมวนบุหรี่ออกมาจากซอง


"ขอบคุณครับ"




      สิ่งที่ไม่มีใครรู้  คายัคพกบุหรี่ติดตัวตลอด เขาเคยเห็นโมทย์กับเก่งสูบบุหรี่หลังห้องน้ำที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง คิดอยากลองอยู่หลายที แต่ไม่เคยทำ เพราะห่วงความรู้สึกของอาทัชเสมอ



     แต่ครั้งนี้ ความเครียด สับสน น้อยใจ เสียใจ ทำให้ตัวน้อยตัดสินใจจะลองดู

 

      เปลวไฟสีแดงอมส้มจากไฟแช็กจ่อปลายบุหรี่เพื่อจุดติด คายัคยื่นไฟแช็กคืนพี่วินฯ และเดินออกห่างจากจุดนั้น ไปยืนสูบบุหรี่หลบมุมแถวต้นไม้ใหญ่

 


"แค่กๆ...เชี่ย" คายัคสำลักควันบุหรี่มวลใหญ่ที่ทะลักเข้าปอด


     เด็กหนุ่มพักสักครู่ ก่อนได้ที่ สูบเอาควันเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมา ยืนมองควันสีหม่นลอยวนอยู่บนอากาศที่เคลื่อนไหวราวกับนักเต้นบัลเล่ต์หมุนตัวพลิ้วไหวอย่างอิสระ



      สูบบุหรี่จนเหลือแค่ก้นกรอง ดีดทิ้งลงพื้น ขยี้ก้นบุหรี่ด้วยเท้า ก่อนจะเดินไปเซเว่น อีเลฟเว่นเพื่อหาของดับกลิ่นปาก


       คายัคดื่มทั้งนมจืด เคี้ยวทั้งหมากฝรั่ง พยายามดับกลิ่นอย่างกลัวว่าอาทัชจะจับได้ เด็กหนุ่มตั้งใจว่าถ้าถึงร้านจะรีบขึ้นไปอาบน้ำทันที

 

        ปรับความรู้สึกได้คงที่ ก็เดินมาถึงหน้าร้านกาแฟ ขณะจะเดินเข้าร้าน ยังซวยเจอะคนที่ไม่อยากเจอสวนกันตรงรั้วทางเข้า



      คายัคไม่คิดจะทัก แต่ภูภูมิกลับจับต้นแขน เด็กหนุ่มสะบัดแขนออกสุดแรง



"อย่ามาแตะ"



"โอเค นายอาจไม่ชอบฉัน แต่ทั้งหมดที่ฉันทำก็แค่หวังดี นายคิดว่าเด็กอายุสิบหกกับคนอายุสามสิบกว่าแถมเป็นคนเลี้ยงนายมากับมือ มันจะเป็นไปได้เหรอ? อย่าพยายามเลย เหนื่อยเปล่า..."

 

"ผมไม่สน เด็กกว่าแล้วไงวะ?"

"ก็ไม่แล้วไง แค่รู้สึกว่าถ้าเป็นฉัน ฉันคงไม่เอา"

 

"หมายความว่าไง?" คายัคกระชากคอเสื้อ ภูภูมิยิ้มอย่างคนเหนือกว่า


"ถ้านายไม่ปล่อยคอเสื้อฉัน และอินทัชเดินออกมาเห็น คราวนี้ คงไม่ใช่แค่ตวาด"


      คายัคปล่อยมือออกจากปกเสื้อภูภูมิ แล้วชายผู้นั้นก็ว่าต่อ



"นายยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แถมอ่อนประสบการณ์อีกต่างหาก แค่คิดว่า ถ้าได้เป็นแฟน คงสร้างภาระน่าดู"

 

 

กึก!

      คายัคนิ่งเงียบถึงกับเถียงไม่ออก

     เพราะความเป็นจริง ทุกวันนี้ คายัคยังขอเงินอาทัชใช้อยู่เลย



"ทีนี้เชื่อฉันรึยัง? ฉันไปก่อนล่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ หลานคุณอินทัช"


 
      ภูภูมิบีบไหล่คายัคอย่างแรงก่อนจะหัวเราะในลำคอแล้วเดินออกไป



      จากที่คายัคจะมุ่งหน้าเข้าบ้าน กลับหมุนตัวเดินห่างจากร้านกาแฟแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งยองๆใต้โคนต้นไม้ใหญ่


"นายยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แถมอ่อนประสบการณ์อีกต่างหาก แค่คิดว่า ถ้าได้เป็นแฟน คงสร้างภาระน่าดู"

 

          ประโยคนี้ยังคงก้องในหัวเด็กหนุ่ม ราวกับบทสวดสะกดจิต


          คายัคต้องทำอย่างไรให้โตขึ้นเพื่อสามารถดูแลอาทัชตามที่ปากเคยให้สัญญา

 

         เด็กหนุ่มนั่งเงียบๆใต้ต้นไม้ท่ามกลางความมืดของค่ำคืน ไร้แสงไฟข้างทาง

 

"กรี๊ดด! ไอ้เด็กบ้ามานั่งอะไรมืดๆ นึกว่าผี"

 


       ไม่ใช่ว่าพี่สาวคนนั้นที่ตกใจ คายัคทั้งสะดุ้งเฮือกและตกใจเสียงกรี๊ดของหล่อนเช่นกัน

       คายัคลุกขึ้นยืนมองเธอที่สวมใส่ชุดร้านอาหารชื่อดัง และคายัคก็นึกทางออกได้ กดโทรศัพท์หาเบอร์ที่คุ้นเคยดี




"ฮัลโหล ไอ้บอล คุยได้ไหมวะ"



[ได้ ว่าไง]

"มึงถามแม่มึงให้หน่อยดิ ว่าถ้ากูไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านแม่มึงได้ไหม?"


[ได้ เดี๋ยวถามแม่ให้ มีอะไรหรือเปล่าวะ ไอ้ยัค]


"ไม่มีอะไรหรอก กูแค่อยากแบ่งเบาภาระอาทัชน่ะ"



[เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆก็นึกอยากจะช่วยอามึงตอนนี้]


"เรื่องมันยาว ไว้เจอหน้าจะเล่าใฟ้ฟัง"



[ได้ๆ]


"อย่าลืมถามแม่นะมึง กูพร้อมเริ่มงานได้ทุกเมื่อ"



[พรุ่งนี้แหละ เดี๋ยวกูโทรบอก]


"ขอบใจมากมึง"

 



     เก็บเครื่องมื่อสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงขาสั้นพลางถอนหายใจยาวกับเรื่องที่ต้องทำทั้งที่ใจไม่อยากทำ เนื่องจาก คายัคจะอดมีเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดอาทัช


     แต่เพื่อพิชิตใจและไม่อยากเป็นภาระ คายัคต้องเลือกที่จะลงมือทำ...
 

      เดินเข้าบ้านมาก็เห็นอาทัชหน้าตาตื่น กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาคายัค

 

"อาโทรหาตัวน้อยทำไมไม่รับ ไปไหนมา อาเป็นห่วงแทบแย่"

 

     อาจเป็นตอนไหนสักตอนที่คายัคไม่สนใจสิ่งอื่น นอกเหนือจากการหาทางออกที่ลดภาระให้อาทัช

 

"ผมขอโทษครับ"

 
"อาต่างหากที่ต้องขอโทษ ตัวน้อยโกรธอาหรือเปล่า? คืออาไม่ได้ตั้งใจจะ..."


 
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ"

"คายัคโกรธอาเหรอ?"



     คายัคส่ายหน้า ไม่ได้โกรธอาทัช เพียงแต่ในหัวสมองคิดแต่เรื่องภูภูมิที่พูดจาดูถูก


        อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ คายัคกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไม่ยอมไปห้องอาทัช เด็กหนุ่มพยายามข่มตาหลับ ทั้งๆที่มือยังคงก่ายหน้าผาก

 

"การจะรักใครสักคนมันยากขนาดนี้เลยหรอวะ?" คายัคพึมพำ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

      คายัคได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งคราวนี้ อินทัชคงกลัวเจอเหตุการณ์แบบคราวก่อน คายัคหยัดกายลุกขึ้นนั่ง

 

"เข้ามาได้ครับ"


     อินทัชเปิดประตูออกกว้าง ก้าวยาวๆมานั่งชิดริมเตียง เอื้อมไปจับมือเด็กหนุ่ม

 

"ตัวน้อยโกรธอา"


"ไม่ได้โกรธครับ"


"แต่ตัวน้อยไม่ไปนอนกับอา"

 

        ยอมรับว่าเรื่องที่อาทัชตวาดถูกกลบด้วยถ้อยคำของภูภูมิจนหมดสิ้น ใบหน้าที่นิ่งขรึมและขมวดคิ้วเป็นปมอยู่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องอื่นเสียมากกว่า



       แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลาตามวัย แต้มยิ้มทันทีเมื่ออาทัชใส่ใจความรู้สึกของคายัคเสมอ



      คายัคที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กระเถิบตัวเข้าไปกอดเอวอาทัชไว้หลวมๆ

     

"ผมแค่นอนเล่นเฉยๆ เดี๋ยวผมว่าจะไปนอนกับอาทัชอยู่แล้วครับ"



      คายัคมองคนที่มีสีหน้าโล่งใจ จึงดึงมืออาทัชมาวางบนตักตัวเองและถามถึงเรื่องที่ยังไม่หายไปจากหัวสมอง



"อาทัชคิดว่าผมเป็นภาระไหมครับ?"
 

"มีอะไรหรือเปล่า? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ อาไม่เคยแม้แต่จะคิด"

 


"ผม...แค่รู้สึกไม่ดี...ที่..."


     คายัคยังพูดไม่จบ อินทัชดึงเด็กหนุ่มไปกอด

 

"อย่าคิดมาก อาไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ"

"จริงนะครับ อาทัช"


 

"จริงสิ อาจะโกหกทำไม เลิกคิดว่าตัวเองเป็นภาระนะ ตัวน้อย และอาก็ขอโทษเรื่องเมื่อหัวค่ำ อาแค่ไม่ชอบให้ใครดูถูกคายัคแบบนั้น"




     อินทัชตอบพลางลูบหลังลูบไหล่ตัวน้อย ฟากคายัคตอบรับด้วยการกอดกลับกระชับวงแขนแน่น เขาไม่อยากบอกอาทัชเลยว่า คุณภูมิ ได้พูดดูถูกมากกว่าตอนที่อาทัชได้ยินเสียอีก



"อาทัชน่ารักและใจดีกับผมจริงๆ ผมนึกไม่ออกเลย ถ้าวันที่ผมไม่มีอาทัชอยู่เคียงข้าง ผมจะอยู่ยังไง"

 

"ไม่เอานะตัวน้อย ไม่พูดแบบนี้นะครับ"




     คายัคสัมผัสได้ว่า อาทัชใส่ใจมาก ก็นึกรู้สึกดี คายัคแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่อรู้ตัว ว่าตัวเองได้เปรียบ เด็กหนุ่มจึงผละจากอ้อมกอด เขยิบตัวไปพิงพนักเตียง


"ผมลืมไปว่า ผมควรโกรธอาทัชที่ตวาดใส่ผม"




       อินทัชกลั้นขำที่รู้ว่าเด็กหนุ่มแค่แกล้งหยอก


"ไหนบอกอามาซิครับว่าต้องทำยังไงน้า เด็กขี้น้อยใจจะหายโกรธ" อินทัชเล่นตามน้ำ

 
"จูบเท่านั้นครับ โอ้ยยย....อาทัช" อินทัชดีดหูตัวน้อยทันทีที่ได้ยินคำตอบ แต่อินทัชไม่รู้ตัวว่าลงน้ำหนักมากไปหน่อย ติ่งหูของเด็กหนุ่มจึงแดงจัด คายัคยกมือลูบหูทำหน้างอ

 

"โห!...อาทัชอะ ดีดมาได้ ผมเจ็บนะ"



"อะฮุ้ยย.... อาไม่รู้ อาขอโทษนะครับ"
อินทัชรู้สึกผิด โน้มหน้าไปใกล้ เป่าลมลงที่รอยแดงตรงติ่งหู แต่ความร้ายกาจของเด็กหนุ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต่อก็หันหน้าไปและ...


จุ๊บ!



    ใจยังไม่กล้าพอที่จะจูบดูดดื่ม จึงทำได้แค่ปากแตะปาก แต่พอผละ




"เฮ้ย! อาทัชโคตรหน้าแดงเลยอะ ฮั่นแน่ะ เขินใช่ไหมล่าา?"



     อินทัชชะงัก ก่อนจะหยิกเบาๆเข้าที่เอวคายัค แต่พอเห็นคายัคสะดุ้งสุดตัว เขายกยิ้มร้ายเมื่อรู้ว่า ถึงตาที่อิชทัชได้เปรียบบ้าง


      คายัคบ้าจี้...



"ฮ่าๆๆๆ โอ้ย...อาทัชอ่า...คิกๆๆๆ...ไม่เอา อาทัช ฮ่าๆๆ โอ้ย ยอมแล้วๆๆ"




"ไม่หยุดหรอก..."  อินทัชสะใจที่รู้จุดอ่อนของคายัค จี้เอวเด็กหนุ่มจนคายัคระเบิดหัวเราะคำโตทั้งยังดิ้นพล่านรอบเตียง



"ยอมแล้วฮ่าๆๆ...ครับ...อาทัช ผมยอมแล้วจริงๆ คิกๆๆ..."



      นึกสงสารหลานตัวเอง ที่ตอนนี้คายัคหน้าแดง ตัวแดง หอบหายใจถี่ จึงชะงักมือจะดึงออก แต่อีกฝ่ายร้ายกว่า กระชากข้อมืออินทัชสุดแรงจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวล้มทับบนตัวเด็กหนุ่ม



     นาทีนี้ ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ คายัคจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มอย่างไม่ละสายตา คิดว่าต่างฝ่ายคงจับจังหวะการเต้นของหัวใจได้ว่ารุนแรงแค่ไหน


    และอะไรไม่รู้ดลใจ คายัคยกสองมือประคองใบหน้าอาทัชให้ก้มต่ำลงมารับจูบกัน

   

      ไม่รู้ว่า อาทัชจะโกรธหรือเปล่า แต่ตอนนี้ คายัคจะลืมมันไปก่อน เพราะยอมรับว่าตอนที่ได้จูบอาทัชครั้งแรกนั้นช่างแตกต่างกับตอนจูบเบลยิ่งนัก
 

       จูบดูดดื่มแบบผู้ใหญ่ ช่างตื่นเต้น เร้าใจ และหอมหวาน อย่างที่คายัคไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน



       ความสุขแค่สองนาที ที่คายัคยังไม่หายอยาก อาทัชก็ผละจากริมฝีปาก ดันตัวออกห่างและลุกขึ้นนั่ง



     คายัครีบเด้งตัวลุกตาม


"อาทัชครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ คือผมห้ามใจไม่ได้จริงๆ"
คายัคก้มหน้ารับผิด ก็รู้ว่าอาทัชยังไม่ใช่แฟน แต่คายัคดันเอาแต่ใจและเผลอตามอารมณ์ตัวเองมากไปหน่อย


"หมกมุ่นนะเราอะ ตัวน้อยหันไปเล่นกีฬาบ้างนะ"


"ห้ะ?"



     ตอนนี้ อาทัชลุกจากเตียงไปแล้ว ทิ้งให้คายัคนั่งงงวยอยู่บนเตียง ถ้าเล่นกีฬาแล้วมันจะช่วยได้จริงๆหรอ?


     ส่วนกีฬาที่อาทัชว่า มันคือ กีฬาประเภทไหนล่ะครับ?





......................................





จากนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้คายัคโตขึ้นอีกมากก
.
น้องเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีดีบ้างเลวบ้างปะปนกันไป เพียงแต่น้องพยายามจะเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อคนที่เขารักก็เท่านั้นเอง
.
บางทีความหล่ออาจไม่ได้อยู่ที่หน้าตา อาจอยู่ที่เวลาได้มุ่งมั่น ทำอะไรจริงจังเพื่อใครสักคนมากกว่า มันเป็นเสน่ห์ล้นเหลืออย่างบอกไม่ถูก
.
.เห็นอย่างนี้ หลงรักตัวน้อยจังเลยอะ (งานมโนไปเรื่อยก็มา 55555)

รักน้อง เอ็นดูน้อง มาคอยเติมกำลังใจให้คายัคและเชียร์ติดขอบสนามกันนะคะ
.

ชอบอ่านความเห็นคนอ่านจัง (^-^) (^-^) :mew1: :mew1: :mew1:

ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่4.2 || 11-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-06-2018 23:47:52
คนแก่ก็ชอบเด็กเถอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่4.2 || 11-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-06-2018 02:57:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่4.2 || 11-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-06-2018 10:01:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากเห็นมุมความคิดของฝ่ายคุณอาอินทัชบ้างจัง  อิอิ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 14-06-2018 18:55:00

บทที่ 5 กำลังใจสำคัญ




    วันรุ่งขึ้น




    คายัคขออาทัชไปทำธุระข้างนอก โดยคายัคยังไม่บอกความจริงเรื่องที่ตัวเองจะไปเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารของแม่บอล เนื่องจากเจ้าตัวอยากให้ได้งานชัวร์ๆก่อน

 

     หลังจากที่คายัคไปพบกับแม่ของบอลและได้สัมภาษณ์งานกันเบื้องต้น หล่อนตกลงและเริ่มงานได้ในวันพรุ่งนี้

 

     คายัคยกมือขอบคุณยกใหญ่ ก่อนร่ำลา บอลถือโอกาสนี้ขอแม่ไปเดินเล่นเที่ยวห้างกับเพื่อนทิ้งทวนสักหน่อย

 

 

"โอ้ย ไอ้บอลต่อยกูทำไมวะ"


     ขณะที่ขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งไปปลายทาง คายัคลูบแขนป้อยๆเมื่อบอลชกหัวไหล่ไม่แรงนัก

 

"เพราะมึงนั่นแหละ กูเลยต้องมาทำงานด้วย ตอนที่กูถามแม่ว่ามึงจะขอมาทำงาน แม่กูชมมึงใหญ่ บอกดูซิ ขนาดคายัคยังรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์..."

 

"ฮ่าๆ เอาน่าบอล คิดซะว่าช่วยกูหน่อยนะ"

 

"มึงรู้ใช่ไหมว่าเป็นเด็กเสิร์ฟ งานมันหนัก"

 

"รู้ แต่กูต้องทำ เพื่ออาทัช"

 

"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามึงจะจริงจังขนาดนี้"

"ก็บอกแล้วว่าจริงจัง"

 

"เออ แล้วที่บอกว่ามีเรื่องจะเล่า คืออะไรวะ?"

 

"กินไอติมก่อน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง"

 


"โอเค"



       จนกระทั่งถึงห้างสรรพสินค้า หาร้านไอศกรีมยอดนิยมได้ ทั้งสองนั่งลงพร้อมสั่งเมนูโปรดปรานของใครของมัน จากนั้น คายัคก็เริ่มเล่าเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น คายัคเล่าไม่ได้ละเอียด


    แต่อย่างน้อยตอนนี้ บอลก็รู้แล้วว่า คายัคมีคู่แข่งแต่ไม่กล้าพูดออกไปอย่างกลัวว่าเพื่อนจะเสียกำลังใจว่า คู่แข่งของคายัคน่าจะเหมาะสมกว่า ทั้งหน้าที่การงาน และอายุที่เท่ากันกับอาทัช



        บอลจึงทำได้แค่แกล้งแย็บถาม



"มึงไม่กลัวผิดหวังหรอวะ?"



"เอาความจริงปะ กูกลัวนะ แต่ใจลึกๆมันบอกให้สู้ว่ะ ไม่รู้ว่ากูเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า? แต่กูว่าอาทัชก็มีใจให้กูเหมือนกัน"

 


"มึงคิดอย่างนั้นจริงๆหรอวะ" บอลถามอย่างหน้าตาตื่น
 

      คายัคพยักหน้า แต่ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟังว่าเพราะอะไรถึงมั่นใจเช่นนั้น เนื่องจาก คายัคสังเกตว่าเวลาจูบกัน อาทัชไม่เคยว่าสักคำ แต่ติดตรงที่พอพูดถึงเรื่องแฟน อาทัชก็บ่ายเบี่ยง ไม่ตกลงเป็นแฟนกันสักที

 

"ลืมเรื่องกูเถอะ เอาเรื่องของมึงดีกว่า เรื่องแคนอะ เป็นไงบ้าง บอกไปหรือยัง? สมหวังไหม?" คายัคแกล้งถามโดยที่เจ้าตัวไม่บอกว่าคุยกับแคนมาบ้างแล้ว

 

"บอกแล้ว แคนบอกยังไม่อยากมีแฟน ก็เฟลนิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าที่แคนมาบอกว่า ชอบติ๊ก"

 

"ฮ่าๆๆๆ มึงนี่เนอะ...แล้วไง มึงจะรอแคนหรือจีบคนใหม่"

 

"ไม่มีอารมณ์อยากจีบคนใหม่ว่ะ คิดว่าก็คงจะรอแคนแบบนี้ไปเรื่อยๆอะ"

"เจ๋งว่ะ เพื่อนกู รักเดียว ใจเดียวซะด้วย"

"กูไม่ใช่คนมั่วนะเว้ย แต่มันมีทางแก้ทางไหนไหมวะ ที่เราไม่ต้องเจ็บปวดเรื่องรัก"


 

"เฮ้ย! อกหักมันคือประสบการณ์อย่างหนึ่งนะเว้ย แต่เป็นกู กูก็ไม่เอาว่ะ ฮ่าๆ!"



"นั่นดิ ใครจะอยากเจ็บวะไอ้เชี่ย ทุกคนก็อยากสมหวังกันทั้งนั้น"


       เด็กหนุ่มสองคนกำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับความรัก เมื่อทั้งคู่สัมผัสได้ว่า เวลานี้ ความรักฉันท์หนุ่ม-สาวคืบคลานเข้ามาในชีวิตของทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว


        ไหนๆก็ได้ออกมานอกบ้าน บอลกับคายัคจึงดูหนังกันต่อค่อยกลับบ้าน
       

       ตั้งแต่บ่ายจรดค่ำ ถือว่าใช้วันนี้ได้คุ้มค่าพอสมควร ส่วนความรู้สึกของคายัคเองทั้งกลัวผสมตื่นเต้นที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มงานแรกในชีวิต



      คายัคเดินกลับเข้าบ้านมาด้วยไฟที่มืดสนิท

 

 

"โห วันนี้ไม่รอเลยแฮะ"
บ่นอย่างน้อยใจที่คายัคนึกว่าอาทัชจะรอเหมือนทุกที

 
แกรก แกรก



        คายัคเอียงคอมองลูกบิดประตูห้องนอนที่ล็อก

 

"อาทัชครับ เปิดประตูให้ผมหน่อย"


        ไม่นาน บานประตูถูกเปิดออก คายัคหรี่ตามองใบหน้าแดงจัดที่ยืนเม้มปากเรียบเป็นเส้นตรง



"อาทัชทำอะไรอยู่ ทำไมล็อกประตูล่ะครับ"


"ทำไมอาต้องบอก"


 "โห่ อาทัชอ่าา"



      เดินตามอาทัชไปนั่งที่เตียง จับมือคนอายุมากกว่า เพื่อบอกความจริง



"อาทัชครับ พรุ่งนี้ผมขอไปทำงานที่ร้านแม่บอลนะครับ"


"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเพิ่งมาบอก"

 

"อาทัชโกรธผมหรอครับ?"

 


"ใช่ ทำไมไม่ปรึกษากันก่อน"

 

     คายัคนึกว่าอาทัชจะตอบปฏิเสธ พอตอบตรงเผงแบบนี้...เด็กหนุ่มก้มหน้า
 

"ผมขอโทษ ผมแค่อยากช่วยอาทัชหารายได้เพิ่มและคิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรเลยไม่ได้ปรึกษาอาทัชก่อนครับ"

 

     อินทัชเงียบ ถอนหายใจ

 

"เฮ้อ! แล้วจะไปทำอะไรครับ"

 

"เป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารครับ"

 

"โอเค อาขอโทษนะ อาแค่ห่วงคายัคมากเกินไป เพราะคายัคไม่เคยทำงานมาก่อนจะไหวแน่เหรอ?"

 

"ไม่รู้แต่จะลองดูครับ  อาทัชทำงานคนเดียวได้นะ"


"ได้สิครับ ไม่ต้องห่วงอาหรอกนะ"




     อินทัชยิ้ม โยกศรีษะเด็กหนุ่ม

 

"พรุ่งนี้ ทำงานวันแรกแล้ว อยากได้กำลังใจจัง"

 

      มองหน้าเด็กหนุ่ม


"อยากได้แบบไหนล่ะครับ?"

 

      คายัคส่งยิ้มกรุ้มกริ่มและ...


จุ๊บ!

   อินทัชชะงัก เมื่อคายัคพุ่งมาฉกจูบไวๆ เขายังไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มได้ใจ

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ...


    คายัคจุ๊บปากซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แค่ปากแตะปากแต่กลับเพิ่มกำลังใจให้คายัคมีแรงใจไปทำงานพรุ่งนี้ได้จริงๆ และก่อนจะโดนด่า


"ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ"








 

   

........................

 

 


    ผ่านไปสี่วันแห่งการทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร...


      ร้านอาหารไทยระดับพรีเมียมมีทั้งอาหารประเภทไทยแท้และไทย-ฟิวชั่นตั้งอยู่ริมถนนชื่อดัง ตัวร้านหันหน้าออกริมถนน ข้างกัน คือ ลานจอดรถขนาดกว้าง



   และยามสี่โมงเย็น
 

"เฮ้ย! น้องมานี่หน่อยค่ะ เห็นไหมว่ามีเส้นผมตั้งหลายเส้นอยู่ในจาน ใครจะกินลง? เอาไปเปลี่ยน ฉันไม่กิน"

 
"พี่ก็เขี่ยออกสิครับ แค่เส้นผมเอง เสียดายนะถ้าต้องทิ้งทั้งจานเพื่อทำใหม่เลยอะครับ"

 


     มุมมองของเด็กคิดว่าก็แค่เส้นผมที่เป็นส่วนเล็กถ้าเทียบกับอาหารจานเบ้อเร่อ แต่แน่นอนว่าบางครั้ง มุมมองของคายัคอาจใช้ไม่ได้กับทุกคน


"นี่...ฉันเป็นลูกค้านะ นายมันแค่ลูกจ้าง กล้าดียังไงมาเถียงฉัน"

 

"เอ่อ ขอโทษนะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?" ผู้จัดการร้านเห็นท่าไม่ดี เดินมายืนขนาบข้างเด็กหนุ่มที่ทำงานไม่ถึงสัปดาห์ก็สร้างเรื่องให้เสียแล้ว

 
"เด็กคนนี้กล้าเถียงฉัน รู้ไหมฉันเป็นใคร? ฉันมีสิทธิ์จะโพสต์รูปเส้นผมที่อยู่ในจานไปประจานโซเชียลก็ยังได้ จะลองไหมล่ะ?"

 
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่สร้างความไม่สบายใจให้ลูกค้าทั้งๆที่เป็นความผิดของทางร้านเราเอง รบกวนลูกค้าโปรดรอสักครู่ แล้วเราจะรีบนำอาหารจานใหม่มาเสิร์ฟให้นะครับ"

 

"ได้ อย่าให้ฉันรอนานล่ะ ฉันหิวมาก ไม่อย่างนั้น ฉันจะโพสต์รูปลงโซเชียลจริงๆด้วย"

 

    ผู้จัดการโค้มหัวขอโทษ และลากคายัคไปถามปัญหาที่หลังร้าน จังหวะนั้น แม่ของบอลที่เดินเข้ามาพร้อมลูกชายก็เห็นพอดี



"มีอะไรหรือเปล่า?"


"คุณนภัสสรครับ พอดีน้องคนนี้ลืมตัวเถียงลูกค้าเรื่องที่มีเส้นผมอยู่ในจานครับ"

 

"คุณแม่ครับ ผมแค่เสียดายอาหารถ้าต้องทิ้งทั้งจาน ลองนึกถึงคนที่เขาต้องอดอยาก คุ้ยของกินในถังขยะดูสิครับ?" คายัคเถียงเพราะยังยึดมั่นในความคิดของตัวเองว่าไม่ได้เสียหาย

 

          นภัสสรถอนหายใจพลันส่ายหน้าเล็กน้อย



"แต่ในแง่ของธุรกิจ ลูกค้ายอมจ่ายเงินให้เราก็เพื่อต้องการสิ่งที่ดีที่สุด อะไรที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ก็ควรทำ ดังนั้น สิ่งที่ได้มา ถ้าต้องแลกกับการสูญเสียอะไรไปบางอย่างก็ต้องยอมนะลูก เฮ้อ...คายัคยังเด็กมากเลยนะ แม่ว่า...."

 

"ผมขอโทษ ผมขอโอกาสอีกครั้ง อย่าไล่ผมออกนะครับ"  คายัคยกมือไหว้ มองแม่เพื่อนด้วยแววตาเว้าวอนอย่างกลัวว่าจะโดนไล่ออกทั้งๆที่เพิ่งทำงานได้เพียงสี่วัน

 

"แม่ไม่ทำอย่างนั้นหรอกจ้ะลูก แต่แม่จะบอกว่า หนูต้องอดทน ที่นี่ เราคืองานบริการ ต้องทำไงก็ได้ให้ลูกค้าประทับใจจนอยากกลับมาอีกครั้ง พยายามตั้งใจทำงานที่เรารับผิดชอบให้ดีที่สุด จับคำแม่ไว้นะคายัค ขอให้ลูกอดทน แล้วทุกอย่างจะดีเอง"

 

"ขอบคุณครับ คุณแม่"

 

"แม่เห็นถึงความพยายามของหนูนะ เอาเป็นว่า แม่ให้โอกาส แต่ถ้ามีครั้งที่สอง อย่าหาว่าแม่ใจร้ายเลย แม่จำเป็นต้องให้หนูออกจากงาน เพราะนี่คือธุรกิจ และมันจะมีเรื่องของชื่อเสียงเข้ามามีผลกระทบกับทางร้าน"


"ครับแม่ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ"

     บอลที่ยืนอยู่ข้างแม่ ได้แต่ตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ และปล่อยให้ผู้จัดการร้าน พาคายัคกลับไปขอโทษลูกค้ารายเดิม เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย ซึ่งลูกค้าท่านนั้นก็ตัดสินใจไม่เอาความอะไรกับคายัคอีก

 

    ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันที่คายัคนอยด์จนแทบไม่อยากทำอะไร แต่ต้องฝืนเสิร์ฟอาหาร เคลียร์โต๊ะ ช่วยพนักงานคนอื่นๆทำความสะอาดร้านเรียบร้อย ก็ถึงบ้านสามทุ่มกว่าๆ 

 

    วันนี้ แม่ของเพื่อนสนิทเห็นคายัคโดนตำหนิแล้วซึมลงอย่างเห็นได้ชัด นึกสงสาร อาสาพาเด็กหนุ่มมาส่งที่บ้าน โดยระหว่างทางก็สอนให้คายัคเข้าใจโลกของการทำงานมากขึ้นด้วย
 

      ใช้เวลาสักพัก คุณนภัสสรขับรถมาจอดเทียบหน้าบ้าน หันไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งเบาะหลังก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
 

"คายัค ถึงแล้วลูก"


"คะ...ครับ!"
เด้งตัว มองซ้ายแลขวา เมื่อรถยนต์ของแม่เพื่อนจอดสนิทตรงหน้าบ้านของคายัคเรียบร้อยแล้ว คายัคไม่รู้เลยว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
 

"ขอบคุณครับแม่ ไปก่อนนะบอล"

 


"อืม"

"พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่นะลูก"

 

"ครับ"


 

      คายัคเพลียเหลือเกิน เดินลงจากรถแทบหมดแรง ถ้าเป็นตอนอยู่ที่ร้านกาแฟน่ะเหรอ แค่เห็นคายัคทำหน้าบูดบึ้ง อาทัชก็ให้คายัคพักแล้ว
 

       ถัดมาในร้าน อินทัชอาบน้ำเสร็จ ก็ลงมานั่งรอเด็กหนุ่มข้างล่างอย่างนึกห่วง แต่พอได้ยินเสียงกอกแกกตรงประตู เงยหน้ามองเห็นสภาพเด็กหนุ่มดูเหนื่อยล้าและเพลียอย่างเห็นได้ชัดก็รีบวิ่งไปหา

 

"ตัวน้อย ไหวไหม?"


"ไหวครับ" ตอบเสียงผะแผ่ว ฟากอินทัชประคองเอวคายัคที่ตอนนี้อย่างกับซอมบี้ดูสิ้นสภาพจนอดสงสารไม่ได้



"ไม่ถึงสัปดาห์ยังเป็นขนาดนี้ กลับมาช่วยอาเหมือนเดิมไหม?"

 
"ไม่ครับ ค่อยคุยนะครับอาทัช ผมอยากอาบน้ำ"

 

        ไม่ใช่ ไม่อยากตอบคำถาม แต่คายัคเหนื่อยเกินกว่าจะสนทนาด้วย จึงเดินขึ้นบันได้ไปหวังจะอาบน้ำให้สดชื่นขึ้น


        จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย ค่อยสบายตัวขึ้นมาหน่อย คายัคปีนขึ้นเตียงกระเถิบตัวไปใกล้อาทัชที่นอนรออยู่ก่อน มือหนาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและเอาศรีษะซบลาดไหล่อีกฝ่าย


      ยิ่งอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศแบบนี้ด้วยแล้วก็ชวนเคลิ้มหลับซะให้ได้

 

"อาทัชครับ ขอกอดหน่อย"


"หืม? เป็นอะไรหรือเปล่าตัวน้อย?"
กดสายตาลงต่ำ มองคนถามแต่กลับไม่ลืมตา ท่าทางคงเหนื่อยล้าเต็มที

 

"ผมเหนื่อย"


    นึกขำกับคำตอบ เขาลูบแก้มเย็นเฉียบของเด็กหนุ่ม


"ถ้ากอดจะหายเหนื่อยหรอครับ?"

 
"หายครับ เพราะการได้กอดอาทัช ผมสัมผัสได้ถึงความรัก"



"ปากดีนะ ตัวน้อย"  หัวเราะกลบเกลื่อนอาการใจกระตุก อินทัชยอมตามใจตัวน้อยด้วยการดึงมือคายัคมาโอบร่างเขาไว้


      คายัคกระชับกอดแน่น ฟากอินทัชลูบเรือนผมเด็กหนุ่ม มืออีกข้างที่ว่างก็นวดคลึงหลังต้นคอคายัคเบาๆ หวังจะช่วยให้หลับสบาย

 

"แล้ววันนี้เป็นไงบ้างครับ ทำงานสนุกไหม ไม่เห็นเล่าให้อาฟังเลย? อาอยากฟังตัวน้อยเล่านะ ดูตัวน้อยจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เล่า"



"........."

 

"คายัคครับ?"  กดตาลงต่ำ มองเด็กหนุ่มที่หลับคาอ้อมกอดอินทัชไปเรียบร้อยแล้ว

 
"........."


"เฮ้อ! จะไหวไหมเนี่ย ตัวน้อยของอา"

 

 
     ว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ เลื่อนมือจากคอลงมากลางหลัง กระชับกอดคนอายุน้อยกว่าพร้อมกดจูบข้างขมับเอื้อนเอ่ยเสียงเบาดุจกระซิบ



"อาเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้นะ"

 

****1.1****

เหนื่อยแค่ไหน ถ้ามีคนคอยเป็นกำลังใจ

มันหายเหนื่อยได้จริงๆนะ

.

.

.รัก.

ขอบคุณค่ะ :man1: :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-06-2018 22:56:13
อาทัชก้ชอบปลูกอ้อยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2018 23:51:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 15-06-2018 02:53:06
ถ้าใจตรงกันก็สมหวังในเวลาที่พอดีอยู่เเล้วเเหละ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-06-2018 05:59:34
อาทัชทำไร หน้าแดง ล็อกประตูว์ >///<
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-06-2018 08:57:28
คายัคสู้ๆๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 15-06-2018 08:59:10
สนุกค่า แต่เด็กน้อยยังต้องโตกว่านี้หน่อยอ่ะเนอะ นิสัยยังเด็กอยู่มากจริงๆ แต่ก็น่ารักนะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5 || 14-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 19:26:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

อืมมมม เด็กน้อยวัยมัธยมก็งี้แหละ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่5.2 ||17-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 17-06-2018 18:06:21
บทที่ 5 กำลังใจสำคัญ (2)




     สามสัปดาห์ผ่านไปที่คายัคทำงานวันละแปดชั่วโมงได้คุ้มค่า ทั้งเสิร์ฟอาหาร ปัด กวาด เช็ด ถูไม่มีบ่น เพราะกลัวว่าแม่เพื่อนจะไล่ออก ส่วนบอลก็มาทำงานด้วย เพียงแต่เขาทำแค่สามวันต่อสัปดาห์ คายัคเลยเจอะเพื่อนได้แค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น

 

 

       วันเวลาที่ผ่านมา คายัคเข้มแข็งและอดทนมากขึ้น จากการเจอปัญหาสารพัดรูปแบบไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกายที่เมื่อยล้าเต็มทน แต่ยังมีเรื่องของการฝึกฝืนระงับอารมณ์ร้อนของตัวเอง ที่ต้องพบเจอลูกค้าหลายประเภททั้งดี-ร้ายปะปนกันไป

 

 

"นี่น้อง ไม่ใช่โต๊ะพี่ค่ะ เสิร์ฟผิดโต๊ะแล้ว"


"ไหวไหมเนี่ย เดินมาเป็นวิญญาณขนาดนี้ กลับบ้านไปนอนไหมน้อง"

 

"อาหารได้ช้ามากเลย ไปตามผู้จัดการร้านมาซิ"

 

"น้องคะ เมนูนี้พี่กินประจำ ทำไมวันนี้ รสชาติหวานเลี่ยนขนาดนี้ เอาไปเปลี่ยน!"



 

    คายัคไม่เคยต้องฝึก ฝืน ข่มใจขนาดนี้ ที่ยังอยู่ได้ เพราะคำพูดของแม่บอลที่บอกว่าให้อดทน

 

    คายัคจึงอดทนเพื่อเงิน

   และอดทนเพื่อคนที่คายัครัก..."อาทัช"


 

"ไหวไหมไอ้ยัค?"
บอลเดินเข้ามาตบบ่าถามคายัคที่ออกมานั่งพักข้างนอกบริเวณที่จอดรถยามช่วงบ่ายๆ


"ไหว"


"อีกอาทิตย์เดียวก็ครบเดือนแล้วมึง"

 

"ขอบใจนะบอล"

 

"มึงเจ๋งมาก สู้ๆเว้ยเพื่อน กูไปเสิร์ฟอาหารก่อน หายไปสองคนพร้อมกัน เดี๋ยวแม่ว่าเอา"


 

      พยักหน้ากลับเนือยๆ พอเพื่อนลับตา คายัคควักบุหรี่ขึ้นมาจะจุดสูบ แต่ลืมไปว่าคายัคเป็นพนักงานเสิร์ฟโดยสวมเครื่องแบบนักเรียน เก็บบุหรี่เข้ากระเป๋า พ่นลมหายใจยาว เดินกลับเข้าไปทำงานต่อ
 

     เวลาล่วงเลยมาจนถึงทุ่มครึ่ง เด็กหนุ่มเพิ่งจะได้กินข้าวเที่ยง ที่มันไม่น่าจะเรียกว่าข้าวเที่ยงได้แล้ว ถือข้าวกล่องของร้านเดินออกมานั่งตรงม้านั่งล้อมรอบต้นไม้ใหญ่

 

     เปิดกล่องกระดาษ ตักข้าวเข้าปาก ด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด  คายัคเพิ่งเข้าใจถึงความยากลำบากในการทำงานเพื่อให้ได้เงินมา แล้วอาทัชล่ะจะเหนื่อยขนาดไหน?

 

        หลังจากที่พ่อเสียชีวิตไปแล้วอาทัชมาดูแลก็เกือบสิบปีเห็นจะได้ที่คายัคมีเงินกิน เงินใช้ มีค่าเทอม ไหนจะมีบ้านพักอาศัยให้อยู่อย่างสะดวก สบาย เอาเข้าจริง มานั่งนึกดู ชีวิตคายัคโชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก ทั้งๆที่คายัคไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูด้วยซ้ำ แต่เพราะยังมีอาทัชดูแลคายัคมาโดยดีตลอด



แหมะ แหมะ...



    น้ำตาหยดแรก หยดลงบนเม็ดข้าวในกล่อง



    คายัคเก็บความอัดอั้นตั้นใจไว้ไม่ไหว ระเบิดจนร้องไห้ออกมา

 

"ฮือออออออ!"
 

   ที่ร้องไห้คงเป็นความเหนื่อยผสมความรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่าอาทัชต้องลำบากในการเลี้ยงดูคายัคขนาดไหน

 

     เห็นอย่างนี้ คายัคยิ่งรักอาทัชมากขึ้นกว่าเก่า และยิ่งต้องผลักดันตัวเองหารายได้ในการช่วยแบ่งเบาภาระของอาทัชอีกทางด้วย


"ฮือออออออ ฮึกฮืออออ"

 

"ไอ้หลานเป็นอะไร?"



     สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงบุคคลอื่นดังขึ้นใกล้ๆ เงยหน้ามองคุณลุงผิวเข้มคร้ามแดด ร่องรอยยับย่นของวัยปรากฎเต็มใบหน้า คุณลุงอาจต้องการมานั่งพักเหนื่อยใต้ต้นไม้เช่นเดียวกับคายัค



     เด็กหนุ่มยกแขนเสื้อปาดน้ำตา

 

"ฮึก...เปล่าครับ"


 

"ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียว ไอ้หลาน"

 


"ผะ...ผมทำงานที่นี่ แค่มานั่งพักครับ"

 

"ดีแล้วที่รู้จักทำมาหากินและนึกได้วัยเท่านี้ ไอ้หลานคงเหนื่อยล่ะสิใช่ไหม?"

        คายัคพยักหน้า


"รู้ไหมความเหนื่อย มันคือความรู้สึกอย่างหนึ่ง ที่บอกให้รู้ว่าเรายังมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ ถ้าเอ็งเหนื่อยเพื่อใครสักคนแล้วมันคุ้มค่าที่จะเหนื่อยก็ขอให้ทนทำไป ดูอย่างลุงสิ ชีวิตที่ผ่านมา ลุงเหนื่อยกายเหนื่อยใจมาพอแล้ว เมียก็มาหย่า ต้องเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวเองตั้งแต่มันยังเด็ก แต่สุดท้ายก็พึ่งไม่ได้ ไม่เอาไหน หนีไปติดยา ทิ้งลุงไม่ดูแล ลุงปลงแล้วหลานเอ้ย!...นี่ลุงหนีมาทำใจคนเดียวแล้วล่ะ"

 

       หยุดร้องไห้ มองปัญหาตัวเองเล็กน้อยไปเลยเมื่อได้ยินเรื่องของคุณลุงที่ไร้คนเหลียวแล

 
        คายัคไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นั่งเงียบ คุณลุงส่งยิ้มจางๆมาให้แล้วว่าต่อ

 

"ยิ้มกับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามานะไอ้หลานเอ้ย! ถ้ายังเหลือคนที่รักรออยู่ที่บ้าน กลับไปกอด กลับไปบอกรักล่ะ ลุงไปก่อน"

 

"ขอบคุณครับคุณลุง"



      คายัคยิ้มยกมือไหว้ขอบคุณคุณลุง รีบจ้วงตักข้าวกินอย่างไว แล้วนำกล่องเปล่าไปทิ้งที่ถังขยะ เดินจนถึงประตูหลังร้าน ก็เห็นบอลยืนมองอยู่

 

"ทำไมตาแดง มึงร้องไห้หรอ?"


"............" คายัคไม่ตอบ ขณะที่คายัคจะเดินเข้าร้าน บอลแตะแขน



"เมื่อกี้ มึงยกมือไหว้ใครวะ?"

 

"คุณลุง"

 

"บ้า! ลุงไหน? กูเห็นมึงนั่งคนเดียว"

 

       คายัคชะงัก ขนลุกทั่วร่าง ชาวาบไปยังกระดูกสันหลัง


"อย่ามาตลกไอ้บอล  กูไปทำงานก่อน"

 

"กูพูดจริง"



       ไม่ฟังคำเพื่อนแล้ว รีบเดินเข้าร้าน ก่อนไปแอบหันหลังกลับไปมองตรงที่นั่งอีกครั้ง ถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่ไม่ว่าจะคนหรือผี คายัคจะนำคำแนะนำเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการสู้ต่อให้ถึงที่สุด







        ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวันที่หนนี้ คายัคเจียดเงินเดินทางกลับบ้านด้วยแท็กซี่ คายัคเกือบเคลิ้มหลับอยู่หลายที แต่ต้องนั่งทำตาแข็ง บอกทางคนขับจนมาถึงบ้าน


        ลงจากรถ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าเปื้อนยิ้ม เมื่อเห็น กำลังใจสำคัญ



        อาทัชนั่งรออยู่ตรงที่เดิมเสมอ...


       อินทัชโคลงศรีษะมองแล้วรีบเร่งฝีเท้าไปหาคายัคที่เดินใกล้เข้ามา

 

ฟึ่บ

 

        สวมกอดอาทัชทันที


"ตัวน้อยทำไมตาบวมอย่างนี้ล่ะ?"

 
"ฮืออออออ"



     ว่าจะไม่ร้องแล้วนะ แต่พอย้อนไปนึกถึงการกระทำทุกอย่างที่อาทัชทำให้มาโดยตลอดก็อดที่จะปล่อยน้ำตาออกมาไม่ได้



    ใจคอไม่ดีที่คายัคร้องไห้กลับมา ไม่รู้ว่า ไปทำงานเจอะเจออะไรบ้าง ถึงกลับมาร้องไห้กับเขาแบบนี้

 

"ตัวน้อยร้องไห้ทำไมครับ?"

 

     สั่นศรีษะน้อยๆในอ้อมกอด สองมือเรียวขยุ้มเสื้ออาทัชจนยับย่น



"ฮึก...ผมรักอาทัชนะ ผมจะอดทนเพื่ออาทัช ฮืออ"


       ก็ชื่นใจอยู่หรอกที่คายัคตอบแบบนั้น แต่ความสงสัยยังไม่จางหายว่า ถ้ารักแล้วจะร้องไห้ทำไม



      ผละมาดูร่องรอยน้ำตาของเด็กหนุ่มพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ



"ถ้าเหนื่อยก็พอนะ อาเลี้ยงดูคายัคได้"




      อินทัชเป็นห่วง รู้ดีว่าคายัคไม่เคยได้ออกไปเผชิญโลกกว้างจริงๆ



      ถ้าเหนื่อยนัก ก็อยากให้ให้พักก่อน หากร่างกายแข็งแรงและมีพลังใจมากขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำงานอีกที อินทัชก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว
 

"ไม่! ผมจะอดทน เพราะผมอยากเป็นคนให้อาทัชพึ่งพิงได้"

 

กึก!


       ถ้อยคำใสซื่อไร้การปรุงแต่งหรือเสแสร้ง ทำให้อินทัชชะงักงันทันที ไม่คิดว่า คายัคจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากขนาดนี้

 
       คนอายุมากกว่ายิ้มกว้างอย่างปลื้มใจ จนน้ำตาแห่งความซาบซึ้งเกือบไหล แต่เพราะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งแข็งแกร่ง อินทัชจึงต้องกลืนก้อนน้ำตามวลใหญ่ลงไปพร้อมบอกย้ำคำเดิมที่เคยบอกคราวก่อนในตอนที่คายัคหลับไปแล้ว...


"ขอบคุณครับตัวน้อย  อาเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้เสมอนะ"













 

...................




       และแล้วสัปดาห์สุดท้ายแห่งการเป็นพนักงานเสิร์ฟก็มาถึง



      ตรากตรำทำงานมาหนักจนเริ่มรู้งาน ใครจะด่า จะว่า วีนเหวี่ยงอย่างไร คายัคก็ยิ้มเข้าสู้ เผลอๆบางทียังมีการยิ้มเจ้าชู้ หยอกล้อทางสายตาให้ลูกค้านึกชอบใจและเอ็นดู จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ เริ่มมีลูกค้าติดใจตัวน้อยกันหลายราย



      ในขณะที่คายัคเรียนรู้โลกแห่งการทำงานจนมีภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้น อีกฟาก ร้านกาแฟของอาทัช บัดนี้ มีแคนไปช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบไร้ค่าจ้างได้เกือบสัปดาห์แล้ว



       เรื่องของเรื่องมีวันหนึ่ง อาทัชเปิดพื้นที่ในร้านทั้งหมดให้ลูกค้าจัดประชุมโดยที่วันนั้นแคนไปนั่งเล่นกับพี่ชายพอดี แคนเห็นอาทัชวิ่งวุ่นคนเดียวจึงอาสาช่วย จากนั้นแคนสนุกและติดใจจึงขอช่วยอาทัชโดยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้าง แคนขอแค่กินเครื่องดื่มฟรีวันละแก้วก็พอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แคนยังอยู่ช่วยอาทัชจนถึงทุกวันนี้



     จุดมุ่งหมายในการทำงานของแคนและคายัค จึงมีความแตกต่างกัน


     แคนต้องการความสนุก ส่วนคายัคต้องการพิสูจน์ตัวเองให้อาทัชได้เห็นถึงความเติบโตทางชีวิตและความคิด



     พอรู้ว่า เพื่อนไปช่วยอาทัชคายัคก็อุ่นใจที่รู้ว่าอาทัชจะไม่เหนื่อยเกินไป

         

      เสิร์ฟมาทั้งวัน จนเวลานี้ก็เป็นช่วงหัวค่ำที่คายัคยังเดินเสิร์ฟได้ด้วยรอยยิ้มสดใส



"ข้าวผัดต้มยำทะเล และไก่สะเต๊ะครับ"

 
      วางจานข้าวผัดลงบนแผ่นรองจาน ตามด้วยจานสีขาวขนาดยาวที่บรรจุไก่สะเต๊ะเรียงรายเป็นตับพร้อมถ้วยน้ำจิ้ม วางเสิร์ฟลงบนโต๊ะอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงกระแทกกับโต๊ะหินอ่อน


      ตบท้ายด้วยการส่งยิ้มหวานให้ลูกค้าผู้ชายวัยสี่สิบต้นๆ คุณลูกค้าชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มคายัค จนถึงกับต้องเปิดปาก ชวนคุย



"ยังเรียนมัธยมอยู่หรอ?"


"ครับ"

 

"เด็กสมัยนี้กินอะไรกัน ผิวดี หน้าตาก็ดี โตกว่านี้ คงหล่อมากแน่ๆ"


 
"ขอบคุณนะครับ คุณลูกค้า"  ยิ้มพร้อมโค้มหัวรับคำชม ก้าวถอยหลัง หมุนตัวเดินออกไปจากโต๊ะ

 
     คายัคหยุดยืนตรงจุดส่งออเดอร์เข้าสู่ส่วนครัว ขณะที่ยืนดูแลความเรียบร้อยและคอยสังเกตว่าจะมีลูกค้าโต๊ะไหนเรียกเก็บเงินหรือสั่งอาหารเพิ่มเติมหรือเปล่า? คายัคกวาดสายตาปะทะเข้ากับลูกค้าที่ชมคายัคเมื่อสักครู่พอดี

 

      เขาส่งยิ้มมาให้ คายัคจึงต้องส่งยิ้มกลับไปเช่นเดียวกัน จนเวลาผ่านไปแล้วสามสิบห้านาที ที่คายัคเดินไปเสิร์ฟอาหารให้โต๊ะอื่น เสร็จแล้วคายัค เดินกลับมาหาบอลที่พยายามจะส่งซิก



"มีคนติดกับมึงแล้วว่ะ"


"หมายถึงใครวะ?"


"ลูกค้าผู้ชายที่มาคนเดียวนั่งใกล้ๆประตูร้านไง"
คายัคร้องอ๋อ ก็คงไม่ผิดไปจากที่เดาไว้สักเท่าไหร่ เพราะทุกครั้งที่คายัคกวาดตามองลูกค้ารอบร้านก็มักเจอะสายตาลูกค้าคนนี้จ้องมองอยู่เสมอ


"เอาไป"


"อะไร?"
คายัคมองธนบัตรสีเทาสองใบที่อยู่ในมือของบอล
 

"เขาคงเห็นมึงยุ่ง ตอนเก็บเงินเลยเรียกให้กูไปเอาทิปส์พิเศษบอกเจาะจงให้มึงคนเดียว เขาคงดูรู้ว่ากูเป็นเพื่อนมึง เพราะทั้งร้านมีเราใส่ชุดนักเรียนกันแค่สองคน"



"เฮ้ย! ทำไมเยอะจังวะ"


"ไม่รู้ว่ะ มึงก็รับๆไปเถอะ"


     คายัคตัดสินใจรับธนบัตรสีเทาแค่ใบเดียวยัดเข้ากระเป๋ากางเกง ส่วนอีกใบให้บอลนำไปเป็นทิปส์ของร้าน



    อย่างน้อย พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ดูเหมือนว่า จะมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตได้บ้าง

 

    เลิกงานวันนี้เลยทำให้คายัคไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เพราะการได้ทิปส์ทำให้คายัคคิดว่าตัวเองก็บริการดีใช้ได้



     และยังคงเป็นเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่คายัคไปทำงาน อินทัชไม่เคยขึ้นนอนก่อน ที่สำคัญจะรออยู่ข้างล่างตรงที่เดิมเสมอ



     คายัคอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ยังเหลือแรงจึงเล่าเรื่องดีๆที่ร้านอาหารให้อาทัชฟัง

 

"อาทัชครับ วันนี้ผมได้ทิปส์ตั้งสองพันแหนะ"


"หืม? ทำไมได้เยอะจัง"

 

"สงสัยผมคงเสิร์ฟดีจนลูกค้าติดใจละมั้ง"

 

"อาจจะใช่ เพราะตัวน้อยเป็นเด็กน่ารัก ใครๆถึงเอ็นดู เห็นไหมครับ?"

 

"ชมว่าน่ารัก และเมื่อไหร่จะรักผมล่ะครับ" 


"ก็รักมานานแล้วนะ"

 

"โห...อาทัชอะ ผมรู้แกวหรอกนะ ว่าอาทัชก็ต้องบอกว่ารักแบบหลานเหมือนเดิม แต่สำหรับผมหมายถึงรักแบบคนรักนะครับ เมื่อไหร่อาทัชจะเชื่อ ผมพูดจริงๆนะเนี่ย"

 

"แก่แดดนะเรา อาว่าคายัคยังสับสนอยู่มากกับเรื่องนี้ ใครจะไปรู้ วันดี คืนดี คายัคอาจพาแฟนมาแนะนำให้อารู้จักก็ได้"

 


"โธ่เอ้ย!...ผมมั่นใจมากว่าผมรักอาทัชแบบไหน โว้ะ...อาทัชไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยอะ เหนื่อยจะอธิบาย นอนดีกว่า"

"ใช่ ตัวน้อยควรนอน ไม่ใช่เวลามาควรแก่แดดตอนนี้"

 

"ใจร้าย" บ่นขมุบขมิบ อินทัชยิ้มขำท่าทางตัวน้อยก่อนจะลูบผมคายัคราวกับกล่อม


      แอบมองคนหลับตาเหมือนเคลิ้ม สักพัก อินทัชจุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก เปลี่ยนมานวดคลึงเบาๆตรงท้ายทอยไล่ลงมายังหลังต้นคอ บ่า ไหล่เด็กหนุ่มเพื่อความผ่อนคลายและให้คายัคหลับสบายเช่นเคย


.......................................


.
 
แหม่ ทำงานมาเหนื่อยๆ

มีคนมานวดคง-นวดคอให้นี่มันดีจริงๆแฮะ...o13 o13 o13 o13

ทำไมฟีลคายัคช่างเหมือนพ่อบ้าน

หาเงินเลี้ยงครอบครัวเลยล่ะ ลูก 555555

.

.

.รัก.

ขอบคุณค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5.2 || 17-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-06-2018 20:27:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่  ถ้าตัดเรื่องความเป็นหลานออกไป  อาทัชก็คงมีความรู้สึกบางอย่างนั้นกับคายัคบ้างหล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5.2 || 17-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-06-2018 21:08:38
อยากได้คนมานวดให้บ้างจัง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5.2 || 17-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-06-2018 23:38:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 5.2 || 17-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 18-06-2018 00:40:53
อาทัชละมุนมาก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 6 || 18-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 18-06-2018 19:40:19
บทที่ 6  เล่นของสูง




     วันสุดท้ายของการทำงาน

 

     คายัคดีใจที่วันนี้จะได้รับเงินเดือนแล้ว เด็กหนุ่มเต็มที่กับการทำงาน กระดี๊กระด๋า กระปรี้ กระเปร่า สุดฤทธิ์ราวกับว่าโด๊ปเครื่องดื่มชูกำลังมาเต็มลิมิต

   

"น้องคะ น้องชื่ออะไรอะ"

 

"คายัคครับ"

 

"หูยยย....ฟังชื่อแล้วอยากขึ้นไปนั่งพายเลยอะ" 

 

     ตั้งแต่ทำงานมา คายัคไม่เคยเจอะลูกค้าผู้หญิงแทะโลมได้จนยืนยิ้มหน้าแดง เขินอายขนาดนี้มาก่อน



"มีคนส่งเสียค่าเล่าเรียนหรือยังคะ? ถ้ายัง พี่พร้อมเปย์เต็มที่ ส่งรหัสบัญชีพร้อมเลขที่บ้านมาเลยค่ะ"

"แรดมากกกกกกก"



    คำตอบนั้น ไม่ใช่คายัคที่พูดออกไปหรอกนะ แต่เป็นคำพูดของเพื่อนลูกค้าผู้หญิงที่เกิดการแขวะกันเองเกิดขึ้น

 

    คายัคไม่รู้จะต้องหาทางหนีไปอย่างไรให้ไม่น่าเกลียด  ขณะที่กำลังหาจังหวะปลีกตัวแก็งค์หญิงสาวราวสามสิบ บอลเดินมาสะกิด

 

"ไอ้ยัค ลูกค้าโต๊ะนั้น เจาะจงว่าต้องเป็นมึงไปรับออเดอร์ว่ะ"

 

      บอลชี้ไปทางลูกค้าผู้ชายรายเดิมที่เคยให้ทิปส์คายัคคราวก่อน

 

"คุณลูกค้าคนสวยครับ ผมขอตัว ไปรับออเดอร์ลูกค้าท่านอื่นก่อนนะครับ"

 

"อร้ายย....พูดจาดีแบบนี้ กลับมาอีกที อย่าลืมโยนเบอร์มาทางนี้ด้วยนะคะ น้องคายัค"


 

      คายัคยิ้มพลางพยักหน้า เดินไปหาลูกค้าผู้ชาย เพื่อรับออเดอร์ เมื่อลูกค้าบอกเมนูที่ต้องการ คายัคทวนซ้ำ จากนั้น...



"ขอบคุณนะครับสำหรับทิปส์คราวก่อน"


"จำได้ด้วยเหรอ?"

 

"ครับ"
คายัคส่งยิ้มกว้าง

 

"เลิกงานกี่โมง?"

"หา? อะไรนะครับ?"

 

"เลิกงานกี่โมง เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
คายัคมองคนที่แทนตัวเองว่าพี่ ทั้งๆที่ดูออกว่าแก่กว่าอาทัชหลายปี
 

"ไม่เป็นไรครับ พอดีผมกลับกับเพื่อนน่ะครับ"

 

"ไม่เป็นไรให้เพื่อนกลับด้วยก็ได้"



"เอ่อ..."


     คายัคนึกไม่ออก เพราะไม่รู้จะรีบตัดบทอย่างไร จึงตอบไป
 

"ได้ครับ"

 


    บอกเวลาเลิกงานและเดินไปยื่นออเดอร์ที่ครัว ด้วยสีหน้าประหลาดใจที่ลูกค้าจะขอไปส่ง คายัคบอกพี่ผู้จัดการร้าน ขอแวบไปเข้าห้องน้ำ ก็เห็นบอลยืนดูดน้ำอัดลมตรงข้างหลังร้าน
 

"แหม่ เพื่อนกูเสน่ห์แรงจริงวุ้ย ลูกค้าแย่งกันใหญ่"

 

"อย่ากวนตีน เออไอ้บอลวันนี้กลับกับกูนะ"


"ทำไม?"

 

"เมื่อกี้ ลูกค้าผู้ชายโต๊ะนั้น บอกจะไปส่งกูที่บ้าน"

 

"น่ากลัว เขาชอบมึงหรือเปล่าวะ?"

 

"ไม่รู้ แต่มึงต้องกลับกับกูนะ"

"เชี่ย ไม่เอา"

 

"เฮ้ยไอ้บอล มึงจะปล่อยให้เพื่อนไปกับใครไม่รู้สองต่อสองหรือวะ พลีสส!....ช่วยกูหน่อย"

 

"แล้วมึงไปรับปากเขาทำไม?"


"ก็ตอนนั้นคิดหาทางแก้ไม่ออก นะไอ้บอลขอร้องล่ะ"

 

"เออกูกลับด้วยก็ได้"
 


       คายัคขอบคุณเพื่อนและเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง คายัคตั้งหน้า ตั้งตาทำงานให้ดีที่สุด
 

       สิ้นสุดการทำงาน คายัคตื่นเต้นดีใจเมื่อได้รับซองจดหมายสีขาวมาถือไว้ในมือ

 
"ขอบคุณครับ"

 

"ถ้าเปิดเทอมอยากมาทำเสาร์-อาทิตย์ แม่ก็ยินดีนะ"

 

"จริงหรอครับ?"

 

"จริงสิจ๊ะ ถ้าจะมาก็บอกบอลแล้วกัน"

"ขอบคุณนะครับ คุณแม่"

 


 

       ยกมือไหว้ขอบคุณยกใหญ่ ก่อนจะแยกกับคุณนภัสสร คายัคยิ้มแฉ่งเดินกอดคอเพื่อนจนเกือบลืมไปเลยว่ามีลูกค้ารอส่งกลับบ้าน

 

       รถยนต์ของลูกค้าจอดเปิดไฟขอทางอยู่ตรงซอยทางลัดที่เป็นถนนลูกรังไม่ไกลจากร้านของแม่บอล เพียงแต่ทั้งสองต้องเดินออกไปหน่อย

   

       ถึงรถยนต์คันสีส้มอิฐหลังคารถสีดำ เด็กนักเรียนสองคนยกมือไหว้ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถ คายัคบอกปลายทางคือบ้านของบอลโดยอ้างว่าจะไปนอนค้างบ้านเพื่อน



     รถเคลื่อนตัวมาได้สักระยะ เก้งไม่อยากให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้ จึงชวนคุย

 

"ทำไมนั่งเกร็งขนาดนั้นล่ะครับ"



"ปะ...เปล่าครับ..."
ยอมรับว่าเกร็งเพราะไม่รู้จักกันมาก่อน แถมคายัคก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร เพราะผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่วัยรุ่น จึงไม่รู้ว่าต้องคุยเรื่องไหนถึงจะถูกใจ

 

"เก่งนะ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุเท่านี้ สนใจมาทำงานที่คอนโดพี่ไหม?"

 

"ทำงานอะไรหรือครับ?"


"ทำความสะอาดทั่วไป"



"พอดีผมจะเปิดเทอมแล้วครับ"

 
"ทำแค่เสาร์-อาทิตย์ พี่ให้วันละสามพันบาท ถ้าสนใจนะ"


 

      คายัคตาโตถ้าทำแค่สองวัน เขาจะมีเงินถึงหกพันบาทเลยทีเดียว



"เดี๋ยวผมขอคิดก่อนได้ไหมครับ?"



"ได้สิ เอานามบัตรพี่ไป"


 
    เด็กหนุ่มรับนามบัตรที่ลูกค้าควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อเก็บใส่กางเกง

 
   ตลอดทางที่พี่เก้งขับรถไปส่ง เขาถามเด็กสองคนตลอดว่า เรียนที่ไหน จบแล้วจะเรียนต่ออะไร มีความชอบด้านไหนเป็นพิเศษไหม และอีกมากมาย ทั้งสองก็ตอบเท่าที่ตอบได้ จนรถยนต์ถึงที่หมายคือหน้าหมู่บ้านของบอล คายัคและบอลขอบคุณอย่างนอบน้อมก่อนลงจากรถ

 

    เมื่อรถยนต์คันนั้นพ้นลานสายตา ขณะที่บอลยืนรอคายัคเรียกรถแท็กซี่

 

"มึงจะไปทำจริงๆหรอ?"

 
"สองวันหกพันเลยนะเว้ย บอล"

 

"เงินเยอะขนาดนั้น คงไม่ใช่แค่ทำความสะอาดห้องแล้วมั้ง กูว่าพี่เขาชอบมึงวะ แหม่ช่วงนี้เสน่ห์แรงกับคนมีอายุนะมึงน่ะ"


 

"กวนตีน"


"เอาจริงๆนะ กูเป็นห่วงมึงว่ะ"

 

"กูยังไม่รู้เลยว่าจะทำหรือเปล่า? เฮ้ย! รถมาพอดี ไว้เจอกัน ขอบใจสำหรับทุกอย่างนะ ที่มึงช่วยกูนะบอล"


 

"เพื่อนกัน มีอะไรก็ต้องช่วยกันสิวะ"
ถ้อยคำเดิมที่ทำให้คายัครู้สึกดีทุกครั้ง

 

       เหมือนยกภูเขาออกจากอก ตอนนี้ คายัครู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ทำงานจบแล้ว


       กระทั่งถึงบ้าน คายัคเดินลงจากรถอย่างอารมณ์ดี และยังคงเห็นอาทัชนั่งรอตรงที่เดิมเช่นทุกครา

 

      ใบหน้าเหนื่อยล้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความสุขขึ้นมาในฉับพลัน

 

 

"พอรู้ว่าเป็นวันสุดท้าย ก็ยิ้มร่ามาเลยนะตัวน้อย"
 

"ขึ้นห้องกันครับ"
ยิ้มและคล้องแขนอาทัชพาขึ้นห้องนอน หวังจะอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนบอกข่าวดี

 

      จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย คายัคปีนขึ้นเตียงไปพร้อมกับถือซองจดหมายสีขาว

 

     กระเถิบตัวไปใกล้อาทัชที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

 

"หืมม? อะไรครับ?"


"เงินเดือนของผม ผมให้ครับ"



      อินทัชมองเข้าไปยังนัยน์ตาที่ฉายชัดถึงความมุ่งมั่น รู้สึกปลาบปลื้มใจในความอุตสาหะที่สุดท้ายคายัคก็ทำสำเร็จ


       คงไม่ใช่แค่อินทัชที่ยินดี ปรีดา แต่เพียงผู้เดียวหรอก เพราะคายัคก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน


       ตอนที่คายัคอยู่บนรถแท็กซี่ก็ยิ้มร่า ทำท่าบ้าบอ ชูมือดีใจไปรอบหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นจำนวนธนบัตรสีเทา สีม่วง สีแดงรวมเป็นเงินหนึ่งหมื่นบาทถ้วน ซึ่งความจริง คายัคได้เก้าพันบาท แต่แม่ของบอลเพิ่มให้เป็นค่าขนม


       ภูมิใจที่ตัวเองประสบความสำเร็จไปอีกก้าว
 

       อินทัชวางมือลงบนกลางกลุ่มผมและโยกศรีษะเด็กหนุ่ม
 

"ตัวน้อยเก็บไว้สิครับ"


"ไม่เอา ผมให้อาทัช"



 

       มองคนหนักแน่นจนนึกทึ่ง อินทัชยิ้มมุมปากลูบแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ




"อามีเงินพอเลี้ยงตัวเองแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า เงินก้อนนี้ อาจะเก็บไว้เป็นเงินอนาคตของคายัค เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเปิดบัญชีกัน"
 

"ก็ได้ครับ"

 


"เก่งมาก ตัวน้อยทำได้แล้ว"



"ใช่ครับ นี่หมื่นแรกของผมเลยนะ"



"ครับ มานอนได้แล้ว"


       พออินทัชเอื้อมมือไปปิดไฟตรงหัวเตียง



"ไม่มีรางวัลของคนเก่งเลยหรอ?"


     หันขวับ มือชะงักตรงสวิตซ์ไฟ

 

"หือ หวังผลหรือนี่?"

 

"ก็นิดนึง"

 

"แต่อาไม่ได้ใช้ให้ตัวน้อยไปทำงานสักหน่อย ตัวน้อยไปเอง แล้วจะมาเอารางวัลอะไร"

 

"โถ่...อา...ทั.."


 
จุ๊บ...

 

    ความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากอุ่นๆถูกประทับลงบนปลายจมูกคายัค


จุ๊บ...


     และฝังจูบลงบนริมฝีปากนุ่ม

 

 

"นอนได้แล้วครับ"

 

    ช็อคที่อาทัชจูบแบบไม่บอกกล่าว ดีใจที่คราวนี้อาทัชเป็นฝ่ายจุ๊บก่อนบ้าง แต่มันไม่ค่อยชื่นใจเท่าจูบแบบเฟรนส์คิสเลย

 

    ทำตาละห้อย แต่ก็ไม่กล้าเรียกร้องสิ่งที่ใจต้องการอยู่ตอนนี้ว่า

 

"ผมอยากได้จูบแบบเล่นลิ้นด้วยอะครับ อาทัช..."

 

    กลืนประโยคนั้นลงไปในลำคอ แล้วได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า

 

     เอาน่า!...กำขี้ดีกว่ากำตดเว้ย...คายัค





....................

     


      วันนี้ อินทัชเลือกปิดร้านช่วงบ่าย โดยแจ้งลูกค้าล่วงหน้าไปบางส่วนบ้างแล้ว รวมถึง...

 

"วันนี้ปิดร้านเร็วหรอคะ แมวไม่มีที่ไปเลย"
มองหน้าลูกค้าประจำที่มาตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ แม้จะมีหายหน้าหายตาไปบ้างบางช่วง แต่พอกลับมาจะเต็มไปด้วยของฝากติดไม้ ติดมือเสมอ



       แมวเป็นลูกค้าที่น่ารัก เข้ากับคนง่ายและเป็นกันเอง จึงทำให้อินทัชกับแมวสนิทสนม คุ้นเคยกันได้ไม่ยาก



 

"ขอโทษนะครับ พอดีพี่มีธุระด่วน เดี๋ยวให้กินฟรีแก้วนึง"

 

"อย่ามาพูดเลย พี่ทัช เดือนนี้แมวกินครบสิบแก้วแล้วเถอะ ยังไงแมวก็ต้องได้แก้วฟรีอยู่แล้วไหมอะ?" อินทัชหัวเราะ

 

"จำได้ด้วยหรอ?"


"จำได้สิโธ่... แล้วนี่พี่ทัชจะไปไหนคะ?"


"ไปทำธุระกับหลานที่ธนาคารครับ"


 

"เออมาทีไร...ไม่ค่อยเจอหลานพี่เลย หล่อหรือเปล่านะ?"

 

"เป็นผู้หญิง ถามถึงผู้ชายแบบนี้เลยเหรอ?"

 

"ฮ่าๆก็มีบ้าง แมวยี่สิบห้าแล้วนะ"

 

"อาทัชครับ มีคนโทรมา"

 

     และแล้ว หนุ่มน้อยหน้ามนที่ถูกพูดถึงก็เดินเข้ามาหาอินทัชพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้  อินทัชขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าบึ้งตึง แต่พอก้มดูชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอมือถือถึงทำให้รู้สาเหตุ



     อินทัชปลีกตัวทั้งคายัคและลูกค้าประจำไปรับโทรศัพท์


"ว่าไงครับ ภูมิ"

 

[ยุ่งไหมครับ? วันนี้]

 

"ไม่เท่าไหร่ครับ เดี๋ยวเย็นๆผมจะไปทำธุระกับคายัคต่อด้วย"

 

[ปิดร้านเลยหรอครับ?]

 
"ใช่ครับ ภูมิมีอะไรหรือเปล่า?"

 

[ผมไม่ได้ไปหานะ ผมมาต่างจังหวัดกับที่บ้าน อินชอบกินขนมไทยไหม? ผมจะซื้อไปฝาก]

 
"อย่าลำบากเลยครับ"

 
[ไม่ลำบากเลย ถ้างั้นผมซื้อไปฝากนะ ขนมไทยเจ้านี้อร่อยโดยเฉพาะกลีบลำดวน ผมการันตี เดี๋ยว พรุ่งนี้ผมเอาไปให้นะครับ อินทำงานต่อเถอะ]
 

"ครับ"


[เดี๋ยวครับ อิน]

 

"มีอะไรครับ"

 

[ผมคิดถึงอินนะ]


     เงียบไปสักพักถึงตอบกลับ

   

"ค...ครับ"




     หมดธุระ อินทัชเดินกลับไปเคาน์เตอร์ หางตาเห็นคนโบกมือไหวๆ หันหน้าไปเห็นแมวกวักมือเรียกใหญ่ จึงต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินไปหาแมวที่โต๊ะเธอแทน



"มีอะไรครับแมว"


"หลานพี่ทัชหล่ออะ เรียนอยู่มออะไรหรอคะ"

 

"มอสี่ครับ"


"อยากกินเด็กอะ จีบหลานพี่ได้ป่าว?"

 

"เดี๋ยวเถอะ แมว!" อินทัชปราม


"โห่!...แมวโสดมาจะสองปีแล้ว ให้แมวได้อ่อยบ้าง อะไรบ้างนะพี่ทัช ขอไลน์น้องหน่อยสิคะ"

 
"ไม่ได้ครับ พี่ยังไม่อยากให้หลานมีแฟน มันเร็วไป"

 

"โห่พี่ทัช ไม่เร็วเลย เชื่อแมวสิ แมวเคยเดินเที่ยวห้าง เห็นเด็กมอต้น เดินจับมือกระหนุงกระหนิงกับแฟนกันเพียบ"

 

"ไม่ได้ครับแมว หาคนอื่นเถอะ" ย้ำคำเดิม จนแมวแอบทำหน้าเซ็ง คนอะไรไม่มีอ่อนข้อให้กันสักนิด

 

"พี่ทัชขี้หวง...เชอะ"


 

     อินทัชหลุดขำแมวที่นั่งหน้ามุ่ย สั่นศรีษะเล็กน้อยกับท่าทางของแมว ก่อนว่าต่อ

 

"หลานพี่ไม่เหมาะกับแมวหรอกครับ พี่เชื่อว่าน่ารักๆอย่างแมว หาแฟนได้สบายอยู่แล้วครับ รีบทำงานเถอะแมว ตอนบ่ายพี่ปิดร้านอย่าลืมนะ"

 

"จ้าา"


 

      ส่งยิ้มให้ลูกค้า หมุนตัวกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังเคาน์เตอร์ แต่จังหวะนั้น อินทัชปะทะกับสายตาคายัคที่ยืนมองอยู่ด้านในด้วยสีหน้าไม่รับแขก


****1.1****



คุณอาาาาาาาาทัชชชชช...

หลานเหมาะกับใครหรือคะ? (^_^)
.

.

รัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 6 || 18-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-06-2018 22:39:48
ดวงช่วงนี้มีเสน่ห์กับคนสูงวัย5555
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 6 || 18-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-06-2018 23:17:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่พูดกับแมวเนี่ย  กั๊ก  กันท่า  ใช่ไหมครัชคุณอาทัช?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 6 || 18-6-18|| P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 18-06-2018 23:25:19
อินัชเหมือนไห้ความหวังอะ รู้ว่ากับภูมิออาจไม่คิดอะไรแต่เห้ออออออ  ส่วนคายัคเด็กมาก เหมือนจะโตขึ้นแต่เด้กสมัยนี้สทชื่อเยอะมากกกกกก  หนูไม่กลัวหรอลูกกกกก
หัวข้อ: Re:*...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 6.2 ||20-6-18|| P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 20-06-2018 21:33:59
บทที่ 6  เล่นของสูง (2)






"ทำไมนั่งหน้างอ คอหักแบบนี้ล่ะครับ"

 

"อาทัชให้เบอร์ไอ้ลูกค้านั่นด้วยหรอครับ?"


 

    เม้มปากแน่นสนิท ทำหน้ารู้สึกผิดก่อนจะผงกศรีษะน้อยๆ คายัคจ้องอินทัช ก่อนบอก

 

 

"ผมไม่โกรธดีกว่า ลืมไปว่าวันนี้ผมควรอารมณ์ดีสิ"
ไม่รู้บอกตัวเองหรืออาทัช แต่เด็กหนุ่มก็พยายามฝืนยิ้มให้คนตรงหน้าที่ยกยิ้มตาม

 

      เพราะถ้าไม่ยิ้มตั้งแต่ตอนนี้ วันนี้ทั้งวัน คายัคต้องเซ็งจนพาลไปเรื่องอื่นแน่ๆ

 

 

"ดีครับ อย่าอารมณ์เสียเลย เดี๋ยวเราจะได้ไปพักผ่อนกันแล้วนะ"

 

"ครับ"


 









 ...........





     อารมณ์ไม่ดีหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อหลังจากที่ทำธุรกรรมทางการเงินเสร็จเรียบร้อย คายัคเดินออกมาจากธนาคารด้วยรอยยิ้มกว้าง หลังจากที่เด็กหนุ่มมองตัวเลขในบัญชีอย่างเป็นสุขก่อนจะส่งทั้งสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มให้อาทัชเป็นผู้เก็บ

 

"ยิ้มแก้มปริเลย"

 

"ก็ผมมีความสุขและภูมิใจที่ผมเป็นที่พึ่งให้อาทัชได้แล้วนี่นา"


 

   ชะงัก ก่อนจะยกมือหยิกแก้มเด็กหนุ่มแก้เก้อ

 

"น่ารัก"

 

"แล้วรักผมได้หรือยัง?"
[/b]

 

     อินทัชดีดหน้าผากเด็กหนุ่ม

 

"ถามอีกแล้วนะ อาว่าเรารีบไปร้านที่ตัวน้อยบอกเถอะ อาหิว"

 

"เบื่ออาทัช ชอบว่าผมเรื่องนี้อยู่เรื่อย"
บ่นพึมพำ แต่อาทัชก็ไม่สนใจ เดินนำไปลานจอดรถเพื่อออกจากห้างสรรพสินค้าไปยังเป้าหมายต่อไป คือ ร้านอาหารย่านท่าเตียน

   

 

     ขึ้นรถมาได้สักพัก คายัคให้อาทัชใช้กูเกิ้ลแม็ปนำทาง ระหว่างทาง เด็กหนุ่มนำอุปกรณ์สายต่อเสียบเข้าช่องหูฟังโทรศัพท์มือถือ ส่วนปลายสายของอีกฝั่งก็นำไปเสียบช่อง Aux ตรงแผงวิทยุ เพื่อเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ แต่ก่อนเปิด

 

"อาทัช ผมไม่เข้าใจความหมายของเพลงนี้ อาทัชช่วยฟังและอธิบายให้หน่อยสิ"


 

"ได้ครับ"


 

 

    ไม่นาน เสียงดนตรีนำร่องมาก่อนจะตามด้วยเสียงร้องหนักแน่นตามฉบับหนุ่มร็อคเกอร์




รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง...

รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง...


ยังไงจะขอลองดูสักที...

....

....

 

รู้ว่าเราแตกต่างกันเท่าไหร่

รู้ว่าเธออยู่สูง อยู่ไกลขนาดไหน

....

ใครๆก็รู้เป็นไปไม่ได้หรอก

....

....

 

 
      ดั่งคอนเสิร์ตขนาดย่อม เสียงดนตรีประสานไปกับเสียงร้องของเด็กหนุ่มที่พอถึงท่อนฮุกของเพลงคายัคก็เปล่งเสียงร้องลั่นรถอย่างไม่อาย ชูมือขวาราวกับชาวร็อค ส่วนมืออีกข้างกำโทรศัพท์ทำเป็นไมโครโฟน โยกหัวหนักหน่วงอย่างร็อกเกอร์รุ่นใหญ่

 

แต่คำว่ารักมันสั่งให้ฉันทำตามหัวใจ....

 ....

ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที

ไม่ว่ายังไงจะลองดีสักวัน

อยากรักก็ต้องเสี่ยง

ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน


ลำบาก ลำบนไม่สนใจ

ตะเกียก ตะกายสักเพียงใดก็ปล่อยเธอไปจากฉัน

ตกหลุมรักจริงๆ

เพราะรักจริงๆเธอคงไม่ว่ากัน...

...

...

 

    อินทัชมองเด็กหนุ่มโอเว่อร์แอ็คติ้งก็นึกขำ ดูเหมือนไม่สนใจนะ แต่มือที่จับพวงมาลัยอยู่ ปลายนิ้วชี้กลับเคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงไม่รู้ตัว



     สี่นาทีกว่าที่เพลงเล่นของสูง BIG ASS ได้จบลง

 

"เฮ้อ! เหนื่อย..." คายัคทำตัวอ่อนและบ่นอุบ


 "ก็เล่นใหญ่ซะขนาดนั้น..."

 
"โห่ อาทัชอ่า สรุปแล้วอาทัชเข้าใจความหมายเพลงไหมครับ?"



"ก็น่าจะเกี่ยวกับความรักของคนคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าคนที่ชอบ แต่เพราะใจอยากเล่นของสูง เลยจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง...ประมาณนั้น..."


 

"เพลงนี้ ผมให้..."


     ชะงัก ละสายตาจากท้องถนนหันไปสบตาคายัคที่มองมาด้วยแววตาจริงจังพร้อมเอ่ยเสียงหนักแน่นจนอินทัชวูบหวิว หวั่นไหว รีบหันหน้ากลับไปมองถนนดังเดิม

 

"ลองเสี่ยง เผื่อวันหนึ่ง เขาจะหันมารัก"


 

      ตะแคงข้างเอนศรีษะพิงเบาะมองอาทัชด้วยแววตาหวานฉ่ำ

 

"จีบหญิงที่โรงเรียนก็แบบนี้หรือเปล่าครับ คายัค?"



"ตอนนี้มีแค่อาทัช ผมไม่ได้ชอบใครคนอื่น"

 

       เงียบกริบทันที ส่วนเด็กหนุ่มก็ได้แต่อมยิ้มมองอาทัชไม่คลาดสายตา

 

       แม้อาทัชจะอายุสามสิบกว่าก็จริง แต่ใบหน้ายังไร้ริ้วรอยความแก่มาเยือน อาทัชเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองได้ดี

 

        อาทัชเป็นผู้ชายผอมไม่ใช่อย่างหุ่นคนออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ได้ซูบจนโทรม อาทัชผิวขาวเนียน ดวงตากลมโต ใบหน้าไม่มีเค้าโครงไปทางหล่ออย่างชายแท้หรือออกหวานละมุนอย่างผู้หญิง แต่มันหลอมรวมกันจนลงตัวเสียมากกว่า...

 

        หลอมรวมความเป็นอาทัช อย่างไม่มีใครเหมือน...

 

       ...เพราะไม่เหมือนใคร คายัคจึงรัก...



       ความรักของคายัค ไม่ได้เลือกว่ามันต้องเป็นที่สุด...


        อาทัชไม่ใช่คนดีที่สุด...

        ไม่ใช่คนรวยที่สุด...

        ไม่ใช่คนหน้าตาดีที่สุด...

        แต่แล้วไง คายัคไม่ได้แคร์ เพราะอาทัช ก็คือคนที่เด็กหนุ่มรักและคิดว่าใช่แค่นั้นเอง...


 

        คายัคต้องการอาทัชมากขึ้นเรื่อยๆ  ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันง่ายๆ อาจฟังดูทะลึ่งตึงตัง แต่มันคือเรื่องจริง ไม่มีครั้งไหนที่คายัคจะช่วยตัวเองแล้วไม่นึกถึงหน้าอาทัช ลองพยายามจินตนาการให้เป็นใบหน้าคนอื่นแล้วมันไม่เข้าหัว พอเป็นใบหน้าของอาทัชเท่านั้นแหละ คายัคก็เสร็จได้อย่างง่ายดาย

 

"แปลก! ผมมองหน้าอาทัชได้ทุกวินาทีไม่มีเบื่อ..."

 

       จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา อินทัชหันขวับไปสบตาคายัคแล้วรีบเบนหน้าหนี



       นั่งมองท่าทางวันนี้ที่อาทัชดูพิลึกพิลั่นอย่างไรชอบกล


       ใบหน้าหล่อเหลาตามวัยจุดรอยยิ้มมุมปาก เอื้อมมือใช้นิ้วโป้งลูบแก้มซ้ายคนขับ

 

"ทะ...ทำอะไร ลูบแก้มอาทำไมคายัค"



"อาทัชหน้าแดงครับ"


       มองคนหน้าแดงกว่าเดิมก็กลั้วหัวเราะ ก่อนจะพลิกตัวไปนั่งดีๆแล้วหลับตาพักทั้งๆที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มของความสุข

 

      วันนี้ คายัครุกอาทัชมากพอแล้ว เขาจะเพลาๆลงบ้างอย่างกลัวอาทัชรำคาญ แต่ยังไงคายัคก็ไม่ท้อ เพราะมุ่นมั่นแล้วว่าถ้าคิดจะเล่นของสูง ก็จะลองเสี่ยงดูสักตั้ง..




 

     วนหาที่จอดรถกว่าจะได้เล่นเอาเหนื่อย ทั้งสองรีบข้ามถนนเข้าซอยตรงข้ามกับวัดโพธิ์ ท่าเตียน คายัคพาอาทัชเดินเข้าตรอกแคบๆ หากใครไม่รู้จักอาจไม่รู้ว่ามีร้านสวยงามซุกซ่อนอยู่ตรงแห่งหนนี้ด้วย

 

      เดินไปบอกชื่อตัวเองกับพนักงานในร้านที่เด็กหนุ่มโทรจองไว้ก่อน เนื่องจากร้านนี้ หากไม่จอง อาจต้องรอคิวกันนานแสนนาน

 

      แดดร่มลมตก คายัคเดินตามพนักงานไปยังที่นั่งโซนกลางแจ้ง เพื่อรับชมวิวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อินทัชนั่งลงไม่ทันไร รีบบอกให้คายัคเลือกเมนูได้ตามใจชอบเลย เพราะอินทัชยังตื่นเต้นกับวิวไม่หาย มองฝั่งตรงข้ามที่เป็นพระปรางค์วัดอรุณฯตั้งตระหง่าน สถาปัตยกรรมไทยอันทรงคุณค่าและสวยสดงดงาม ยิ่งมองยิ่งผ่อนคลายสบายตา และประทับใจยิ่งนัก...


      กวาดตามองวิวรอบๆก็ยากจะละสายตา จะว่าไปตั้งแต่เปิดร้านกาแฟมา อินทัชไม่มีเวลามาพักผ่อนแบบนี้เลย



     นึกทึ่งในตัวคายัค เพราะไม่คิดว่าจะหาสถานที่ที่บรรยากาศดีขนาดนี้  พอพนักงานเดินพ้นที่นั่ง อินทัชจึงเอ่ยถาม

 

"ใครแนะนำครับ?"
 

"อาทัชชอบไหม?"   


"ชอบมากครับ ถึงแปลกใจว่าใครแนะนำให้มาที่นี่"


 

     เป็นการเลือกสถานที่ที่ด่วนสุดๆ ก่อนมา คายัคขอความช่วยเหลือจากแคนให้สอบถามพี่ชายว่ามีที่ไหนเหมาะแก่การไปดินเนอร์แบบคู่รักบ้าง จนมาลงเอยที่นี่

 

"พี่ชายแคนครับ ผมบอกว่า ช่วยแนะนำร้านที่ควรพาคู่รักมาหน่อย"



     อินทัชชะงักกับคำพูดของคายัคที่ดูเหมือนพักหลังมานี้ คายัครุกหนักหรือที่เรียกง่ายๆว่าจีบอินทัชแบบเปิดเผยมากขึ้น


     หวั่นใจว่า ความรักที่คายัคแสดงออกจะเป็นความรักที่เด็กหนุ่มอยากได้แบบคนรักกันจริงๆ




"อ้อครับ"


"อาทัช มื้อนี้ผมจ่ายเองนะ"

"ใจป้ำจังครับ หนุ่มน้อย"


"อย่าแซวผมสิ ผมแค่อยากเลี้ยงอาทัชคืนบ้าง"


 
"อารู้สึกว่า ตอนนี้ตัวเองเหมือนเด็กป๋ายังไงก็ไม่รู้"


"ฮ่าๆ....คำว่าเด็กป๋าครบสูตรจริงๆ ต้องได้ตัวด้วยไหม? นี่ผมยังไม่ได้เลย...โอ้ยอาทัชทำไมชอบทำร้ายร่างกายผมเนี่ย"

 



    อินทัชโน้มตัวมาตีหลังมือคายัคอย่างแรง เด็กคนนี้ทะเล้น ทะลึ่งตึงตังได้โล่ห์จริงๆ

 

"พูดจาก็น่าโดนอยู่หรอก ตัวน้อย"


 

"อาทัชเลิกเรียกผมว่าตัวน้อยได้แล้วนะ"
 

"ไม่ชอบ?"

 

"ชอบครับ แต่ตอนนี้ ผมโตแล้ว มันไม่เท่"


"หืออ...คายัคนี่นะ"


 

      เงียบเพราะเด็กเสิร์ฟเดินมาวางเครื่องดื่มบนโต๊ะ และจากนั้น ทั้งสองก็ไม่พูดอะไรอีก ขอชื่นชมบรรยากาศความงามให้เต็มตาสักหน่อย



      นับว่าไปได้ถูกเวลา เพราะขณะที่ทั้งสอง เสพรสชาติอาหารเคล้าคลอไปกับเสพบรรยากาศชวนผ่อนคลาย คายัคและอินทัชสามารถชมวิวได้ถึงสองอารมณ์


     วิวยามเย็นที่ให้ความรู้สึกชิลๆ สบายตาจากการมองแม่น้ำกว้างใหญ่ไปกับการชื่นชมมรดกไทย หลังจาก พระอาทิต์ลาลับขอบฟ้าไป ในยามค่ำคืน แสงไฟหลากสีที่ประดับประดาของเรือลำใหญ่ที่ล่องไหลไปตามเแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงแสงไฟสาดฉายไปยังพระปรางค์วัดอรุณฯ ผนวกกับบรรยากาศรอบข้างที่มีแต่คนนั่งพลอดรักกัน ยิ่งสร้างความโรแมนติกให้แก่คนนั่งอยู่ตรงนี้เสียเหลือเกิน

     

     ช่างเป็นการรับประทานอาหารริมน้ำที่ได้อารมณ์หลากหลายจนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้มา



     ยอมรับว่าบรรยากาศดีและตราตรึงใจจริงๆ แต่คายัคอาจไม่อินเท่ากับคนที่นั่งตรงข้าม เพราะตลอดมื้ออาหารที่คายัคเหลือบมองอาทัชยามเผลอ ก็เห็นอาทัชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข



    แม้จะคุยกันน้อย แต่น่าแปลกที่บนโต๊ะอาหารไม่ได้ดูอึดอัด ทว่ากลับเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจมากกว่า...

 


...............................................

อิจจจจจ

.

รัก

ขอบคุณค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 6.2 ||20-6-18|| P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-06-2018 09:42:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ให้ความรู้สึกว่า  อินทัชกำลังอยู่ในห้วงภวังค์แห่งการรำลึกความหลังเลย

ว่าแต่ว่า  ความหลังความรักของอินทัชจะเป็นอย่างไรหนอ?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่7 ||22-6-18|| P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-06-2018 18:26:35
 

บทที่ 7  สาริน-อินทัช-คายัค



 





      เสร็จสิ้นภารกิจไปอีกหนึ่งวัน ทั้งสองต่างพกความสุขกลับบ้านเต็มกระเป๋า อาทัชไล่คายัคให้ไปอาบน้ำก่อน หลังจากที่คายัคอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ รีบเข้าห้องนอนตัวเอง ล็อกประตู ขึ้นไปนอนบนเตียงและปฏิบัติภารกิจสร้างโลกสวยด้วยมือตัวเองเช่นทุกครั้ง เมื่อถึงฝั่งฝัน เด็กหนุ่มนอนผึ่งบนเตียงไม่นานก็ลุกออกจากห้องนอนของตัวเองไปนอนกับอาทัชเช่นทุกที แต่จังหวะที่เดินผ่านห้องน้ำ คายัคได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังจากด้านในจึงแนบหูไปที่บานประตู

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

 

"อาทัชเปิดประตูให้ผมหน่อยครับ"

 

    เปิดประตูห้องน้ำด้วยสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว แก้มแดงๆที่มีผมเปียกลู่ล้อมกรอบหน้าของอาทัช ทำให้คายัคมองตาค้างพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

 

    นี่เขากลายเป็นคนขี้หื่นโรคจิตตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เด็กหนุ่มก้าวยาวๆไปประชิตตัว อินทัชก้าวถอยหลังอย่างกลัวเมื่อเห็นแววตาคายัคดูกระหายอะไรบางอย่าง

 

"คายัคมีเรื่องด่วนรึไงต้องเรียกอาตอนอาบน้ำ"

หมับ!

 

   ไม่ตอบแต่ตะปบหมับที่แก่นกายชาย แค่ลูบก็รู้ว่าน้องชายของอาทัชแข็งขึง



"อาทัชช่วยตัวเองอยู่ใช่ไหมครับ?"



"ปะเปล่า.."


 

ฟึ่บ!

 

"เฮ้ย! คายัค..."

    อินทัชตกใจเมื่อเด็กหนุ่มกระชากผ้าขนหนูผืนหนาออกจากตัว ยืนร่างเปลือยเปล่าเผยให้เห็นแก่นกายที่แข็งขึง โดดเด่นเด้ง เต็มๆตา



      กดตาลงต่ำ เดินไปไม่กี่ก้าวและยกสองมือดันไหล่อินทัชจนแผ่นหลังร่างสูงติดผนัง

 

      ทันใดนั้น เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นห้องน้ำ

 

"ถึงตาผมแล้ว ผมช่วยให้นะครับ"

"ไม่เอา อาไม่ได้ต้องการ"



"อย่าปฏิเสธ ทั้งๆที่ยังไม่เคยลองสิครับ"




     ยอมรับแบบแมนๆเลยว่า ไม่เคยมาก่อนที่จะต้องออรัลเซ็กซ์ให้คนอื่น แต่เพียงแค่เห็นใบหน้าแดงๆของอาทัชเมื่อสักครู่ ใจก็นึกอยากปรนเปรอขึ้นมา

 

      จดจำวิชาเมคเลิฟจากคลิปสยิวได้ขึ้นใจ กำแท่งร้อน ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียวนส่วนหัวสีแดงก่ำซ้ำๆ ถึงค่อยลากลิ้นไล่ตามแนวยาวของแก่นกายอย่างหยอกเย้า



      ริมฝีปากสีแดงอ้าปากรับแก่นกายของอาทัชเข้าไปอมแล้วดึงดูดช้าๆจนสุดโคน ยกยิ้มทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่าย  ตัวเกร็ง กระตุกบ้างบางคราว ช้อนตามองอาทัชที่ดูมีอารมณ์ร่วมอย่างเห็นได้ชัด



      อินทัชกดตาลงต่ำมองเด็กหนุ่มใช้ปากและส่งสายตาร้ายกาจ คนอายุมากกว่ายืนมองอยู่หน้าแดงจัดเพราะมันกระตุ้นอารมณ์เสียวกระสันได้อย่างไม่น่าเชื่อ



"อ่าาาห์"


      ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่มีคนทำให้ ย่อมได้รสชาติทางเซ็กซ์ที่แตกต่างกว่ามือของตัวเองเป็นไหนๆ


      ตั้งแต่เลี้ยงดูคายัคมา อินทัชไม่มีแฟนหรือมีคนมาช่วยสร้างความสุขสมแบบนี้มานานมากแล้ว พอคายัคอาสาปรนเปรอ อินทัชรู้สึกดีจนตัวลอย ซาบซ่าน สั่นสะท้านทั้งทรวง


"คายัค ห่อปากให้เล็กลงหน่อยครับ"



 
    เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย จนอินทัชเผลอหลุดเสียงคราง ใช้มือตัวเองแทรกตามเส้นผม ขยุ้มเบาๆอย่างลืมตัว

 



      ช่างเสียวกระสันอะไรเช่นนี้ ทนไม่ไหวที่จะไม่โต้ตอบ มือหนากดศรีษะคายัคให้รับแก่นกายที่อินทัชเด้งสะโพกกลับรับริมฝีปากที่รัดพอดิบพอดี เป็นการปฏิบัติที่พร้อมใจทำทั้งสองฝ่าย มือที่ว่างคายัคเล่นคลำคลึงลูกอัณฑะไปด้วย ส่วนอินทัชเร่งจังหวะเร็วขึ้น ซอยสะโพกถี่รัว จนใกล้ถึงฝั่งฝัน อาทัชบอกให้คายัคถอนริมฝีปากออก แต่คายัคไม่ยอมฟัง กลับขยับปากเร็วรี่อย่างรู้งาน

 

พรวด...



      ไม่ถึงนาที ของเหลวแห่งความสุขพุ่งเข้าปากเด็กหนุ่มไปเต็มๆ

 

      อินทัชหอบหายใจถี่ ตัวเกร็งกระตุกทั้งร่าง ก่อนจะเป่าลมออกมาจากปาก ทรุดตัวลงนั่งข้างคายัค ทั้งๆที่ความสุขจากเซ็กซ์ยังคงไม่จางหาย

 

      ในหลายรอบปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ เป็นครั้งที่อินทัชปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศได้อย่างมีความสุขสุดๆ

 

"แค่กๆ..." มองเด็กหนุ่มที่ใช้หลังมือเช็ดคราบที่เลอะปาก ตาแดง หูแดง หน้าแดงไปหมด

 

"อาขอโทษนะครับ"


"รสชาติอะไรวะเนี่ย โคตรอยากอ้วกเลยครับ อาทัช!"
  หลุดยิ้มที่คายัคว่าออกมาอย่างซื่อๆ



    อยากรับผิดชอบความผิดนี้ วินาทีนั้น อินทัชจับปลายคางเด็กหนุ่ม เงยหน้ามารับจูบกัน มือหนาประคองใบหน้า สอดปลายลิ้นเข้าไปเก็บกวาดของเหลวแห่งความสุขในปากเด็กหนุ่มจนหมดสิ้นความคาว   

 

    ผละออก ใช้ปลายนิ้ววนลูบไล้ริมฝีปากล่างเด็กหนุ่ม


"ยังอยากอ้วกอยู่ไหม?"


     มองคายัคที่ยิ้มเขิน จู่ๆก็โถมตัวมากอดจนอินทัชเสียหลัก ล้มก้นจ้ำเบ้า

 

"อาทัชน่ารักตลอด"


"ขอบคุณที่ทำให้อานะครับ"


    คายัคผละจากกอด ขโมยจูบหนึ่งทีก่อนว่า



"ถ้าอาทัชอยากเสร็จ ต่อไปนี้ เรียกผมนะ"



       มองคนพูดซื่อๆ คิดอะไรก็พูดมาอย่างนั้น คำบางคำจึงไร้การประดิษฐ์ให้สวยหรู อินทัชใจเต้นแรงกับคำบอก ยิ้มทั้งที่ใจสั่น



"ไม่เป็นไรครับ"


"ทำไมล่ะครับ"

 

"มันดูไม่ดีที่คายัคเป็นหลานแต่ต้องมาทำแบบนี้ให้อา"



"อาทัชก็มองให้ผมเป็นแฟนสิครับ จะได้ดูไม่น่าเกลียด"


"ไว้ค่อยคุยนะครับ อาขออาบน้ำก่อน"

 


   เกิดอาการเซ็งเล็กน้อย คายัคทำให้เห็นถึงขนาดนี้ อาทัชยังไม่มั่นใจในตัวเขาอีกหรือ?


     นอนเล่นรออาทัชบนเตียง จนกระทั่ง อินทัชเดินเข้ามา คายัคจ้องมองไม่กระพริบตาแต่อินทัชกลับไม่สบตา เดินก้มหน้าไปปิดสวิตช์ไฟแล้วล้มตัวนอนข้างคายัค

 

     เด็กหนุ่มดึงร่างสูงไปกอด แล้วเอ่ยข้างหู


"เวลาผมอยู่กับอาทัช ผมรู้สึกอบอุ่นจัง"
 

"เหมือนกัน"



"อาทัชครับ ผมไม่เร่งรัดอาทัชแล้ว แต่ผมถามหน่อยว่าผมมีความหวังที่จะเป็นแฟนอาทัชได้ไหม?"

 

    คายัคถามท่ามกลางความมืดอย่างลุ้นเอาคำตอบ อินทัชเงียบกริบ จนคายัคเกือบถอดใจ ถ้าไม่ได้ยินคำตอบหลังจากนั้นที่ทำให้นอนยิ้มแฉ่ง

 

"อืัมม"

 

    ใจสั่นอย่างแรง ความรู้สึกตอนนี้ดีใจมากเหมือนมีเทวดาโปรยเงินลงมาจากฟ้าที่เก็บไปใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด

 

     คำตอบธรรมดาที่ชาร์จพลังและแรงใจให้คายัคพร้อมสู้และพิสูจน์ให้อาทัชใจอ่อน ยอมตกลงเป็นแฟนเข้าสักวัน







.....................

 

      เปิดเทอมวันแรก ดูเหมือนความสนใจเรื่องเรียนที่สำคัญกลับกลายเป็นเรื่องรองไปซะได้ เพราะพอได้รวมตัวกันหลังจากไม่ได้เจอะหน้ามานาน บรรดาเพื่อนๆทั้งหลายต่างก็มีเรื่องเล่าจนแย่งกันพูด แม้แต่ตัวคายัคเองที่ไปทำงานมาแล้วได้เรียนรู้อะไรจากการทำงานครั้งนี้บ้างอยากเล่าแทบตาย ยังไม่มีโอกาสได้แทรกเลย

 

       มื้อเที่ยง ระหว่างกินข้าว ทุกคนคุยเฮฮากันอย่างสนุกสนาน แคนที่เป็นคนนั่งฟังเพื่อนๆเล่าเรื่องราว ลอบมองคายัคที่เอาแต่นั่งอมยิ้ม



"คายัคครับ ว่างๆแคนไปนอนที่บ้านคายัคด้วยได้ไหม?"


"ได้สิ"


"ตอนแคนไปทำงานที่ร้านคายัค แคนสนุกมาก แล้วแคนเลยรู้ว่าแคนชอบอาทัช ตะ..แต่ไม่ใช่แบบที่คายัคชอบนะ"


 

"ฮ่าๆ ครับ แล้วทำไมถึงรู้สึกดีกับอาทัชล่ะ"
 

"ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งๆที่แคนเองก็มีพี่ชาย แต่เวลาอยู่กับอาทัช แคนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นความใจดี เหมือนแคนได้รับพลังดีๆทำนองนั้นเลย แคนอิจฉาคายัคจริงๆนะ"

 


"ฮ่าๆ ใช้คำว่า พลังดีๆเลยเหรอ? แล้วช่วงที่แคนทำงานกับอาเรา อาทัชพูดถึงเราบ้างไหม?"


"พูดนะ ตอนที่คายัคไม่อยู่ร้านไปทำงานกับบอล อาทัชบ่นกับแคนตลอดว่าเป็นห่วงคายัค กลัวคายัคจะเหนื่อย แต่ที่อาทัชยอมปล่อย เขาบอกแคนว่าก็อยากให้คายัตโตขึ้นด้วย"


 
      เวลาฟังบุคคลที่สามเล่าว่าคนที่เราชอบ พูดถึงเราอย่างเป็นห่วง มันรู้สึกดีมากจริงๆ

 

      จึงไม่แปลกที่เวลานี้ คายัคยิ้มหน้าบาน แม้ไม่ต้องกินข้าวก็คงอิ่มใจจากการนึกถึงใครคนหนึ่งได้

 

"แคนว่าอาทัชต้องรู้สึกกับคายัคบ้างแหละ"

"แคนว่าอะไรนะ?"
คายัคถามย้ำ

 
"อืม...แคนว่าอาทัชมีใจให้คายัค แคนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ เพียงแต่แคนคิดว่า อาทัชเหมือนมี...."

 
       ไม่สนแล้ว มาม่าผัดขี้เมา คายัคหันไปตั้งใจฟังอย่างใจจด-ใจจ่อ แต่วินาทีนั้นบอลทุบหลังคายัคอย่างแรง

 

พลั่ก



 

"โอ้ย!...ไอ้เชี่ยบอล กูเจ็บนะ"
 

 

    คายัคหันไปด่าเพื่อนเสียงดัง ยืดตัว แอ่นหลัง วานให้แคนลูบหลังให้


"กูขอโทษ...กูตื่นเต้นไปหน่อย ไอ้ยัคดังแล้ว เฮ้ย!...พวกมึงมาดูดิ"




      ก่อนหน้านี้ บอลก็นั่งกินข้าวตามปกติ แต่พอเสียงเตือนจากข้อความไลน์ดัง เปิดพบข้อความของพี่สาวที่ส่งลิงค์มาพร้อมถามว่าใช่เพื่อนของบอลหรือเปล่า? พอบอลกดเข้าลิงค์เฟซบุ๊กถึงได้รู้ว่านี่ ไอ้คายัคชัดๆ

 

      บอลเรียกเพื่อนมาดูและวางโทรศัพท์มือถือลงกลางโต๊ะม้าหิน ทุกคนสุมหัวดูสองภาพคายัคที่ถูกแอบถ่ายจากร้านอาหารที่สวมใส่ชุดนักเรียนมีทั้งมุมด้านข้างเต็มตัว และมุมด้านหน้าครึ่งตัวเป็นจังหวะคายัคยิ้มกว้าง หล่อใสเป็นธรรมชาติ


     ภาพที่มีชาว 'เฮลโหลว โซเชียล' กดไลค์กว่าหกพันไลค์ พร้อมข้อความที่เจ้าของภาพตั้งสเตตัสไว้ว่า


 

     นั่งกินข้าวกับแก็งค์ชะนีอยู่ดีๆ ก็เจอสามีในอนาคต
   '...น้องคายัค น่ารัก น่าพาย...' อยู่แค่มอปลายเองเธอ...


 



     คนถูกแอบถ่ายนึกได้ทันทีว่าต้องเป็นแก็งค์ลูกค้าผู้หญิงกลุ่มนั้นแน่ๆ

 


"โห ยอดแชร์เยอะมาก หลายร้อยแชร์แหนะคายัค "



     อาจเป็นการถูกแชร์ต่อๆกันมาจากเฟซบุ๊กของพี่ผู้หญิงคนนั้น หรือไม่ก็คงบอกต่อ จากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที จึงแชร์กันได้ถล่มทลายขนาดนี้


       ...ถูกใจ ก็แชร์



       ไม่แปลกที่ความโด่งดังจะแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง



       คายัคดังได้ในชั่วพริบตา



"กดดูคอมเมนท์ซิ ไอ้บอล"



      ติ๊กใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อน เพื่อกดดูความเห็น ซึ่งข้อความที่เป็น Top Comment คนกดไลค์กว่าสี่ร้อยคน



 

'เป็นเด็กที่หล่อมากก โคตรอยากลากเข้าห้อง' 
                                                    427 Likes

    ตามมาด้วย

 

'หล่อแบบนี้ เกย์ชัวร์'
              256 Likes


 

 

Jaruwan naka 'อยากพรากผู้เยาว์'

calypso calypso 'อร้าย อยากกินเด็กจะได้เป็นอมตะ'

อังคณา ทินาธร 'แค่กดดูภาพ มือยังสั่น'

rinyriny 'ขออนุญาตแชร์นะคะ'

Teerapat nill 'น้องดูดีจริงๆว่ะ กูเป็นผู้ชายยังอาย'

กิ๊บเก๋ยูเรก้า 'ตัวอักษรย่อคุ้นๆ เหมือนโรงเรียนแถวบ้าน'

Namfon khonnarak 'เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านไหนคะ พี่จะตามไปเหมาร้านให้เลย'

TINATICHA'มาเสิร์ฟที่ห้องพี่ไม่จ้ะ มาแต่ตัวเสื้อผ้าไม่ต้อง เดี๋ยวซื้อให้ใหม่'

พรชิตา อายอาย 'หืออออ...หล่อจนน้ำหมากยายกระจายเลยลูกเอ้ย'




     เพื่อนๆที่ได้เห็นข้อความแสดงความคิดเห็น ต่างขำและแซวคายัคกันยกใหญ่ ยิ่งทำให้คายัคอายหน้าแดงเพราะความเห็นที่แสดงกันออกมาล้วนชวนเขินทั้งสิ้น

 

"ทำไมผู้หญิงสมัยนี้หื่นจังวะ?"
เก่งโพล่งขึ้น


      พอเก่งทัก ทุกคนสังเกตดูรูปโพรไฟล์ขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงมาเมนท์อย่างว่าจริงๆ



"เออจริงว่ะ สงสัยไม่มีที่ระบาย ฮ่าๆ" ติ๊กเอ่ย

 

"เก็บโทรศัพท์ได้แล้วไอ้บอล"



        คายัคตัดบทบอกเสียงเข้ม คว้าโทรศัพท์ยัดใส่มือเพื่อน


"ฮั่นแหน่ะ...ทำเป็นเก๊ก ไอ้เชี่ย...จริงๆ เขินอยู่ล่ะเซ่...กูรู้หรอกนะไอ้ยัค"


        เม้มปาก หน้านิ่ง ยอมรับว่าเขินจริงๆ ใครจะไปคิดว่า คนธรรมดาที่มีกิจวัตรประจำวันปกติไม่ได้พิสดารอะไร จะมาเจอสิ่งที่ทำให้ชีวิตผิดแผก แปลกไปจากเดิม คายัคก็ต้องตกใจและตั้งตัวไม่ติดเป็นเรื่องธรรมดา



"โซเชียล มาไวไปไว เดี๋ยวคนก็ลืมกู ไปกรี้ดคนอื่น กูไม่ตื่นเต้นหรอก"
  คายัคไหวไหล่อย่างไม่สนใจ

 

"แต่ไม่แน่นะ คายัคอาจดังกว่านี้ก็ได้ ถ้ามีคนเห็นรูปแล้วทาบทามไปเป็นดารา"    


"ถึงตอนนั้น ก็ค่อยคิดอีกที ไปเหอะขึ้นเรียนกัน"

 


       ปากบอกไม่ตื่นเต้น แต่ลุกขึ้นพรวด รีบเดินไปเก็บจานข้าวตรงจุดวางภาชนะ พร้อมอีกมือที่กดโทรออกไปหาใครบางคนซะแล้ว


[ว่าไงครับ ตัวน้อย]

 
"อาทัช ผมตื่นเต้นอะ มีคนถ่ายรูปผมตอนที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเอาไปลงเฟซบุ๊ก จนคนแชร์ร้อยกว่าแชร์น่ะครับ" 

 

[อาก็นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร โทรมาบอกแค่นี้เหรอ? อาทำงานก่อนนะตัวน้อย]

     ความน้อยใจบังเกิดขึ้นมาทันที

"ผมมีอาทัชคนเดียว ผมแค่อยากอวดกับคนที่ผมรัก ไม่เป็นไรก็ได้ครับ"

 

   กดวางสายอย่างน้อยใจ

   บางครั้ง คนเรามองข้ามความรู้สึกเล็กๆน้อยๆกันไปอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกในห้วงลึกของกันและกัน



    ความจริง มันควรจะรู้สึกดีไม่ใช่หรือ หากได้ฟังเรื่องที่คนๆนั้นอยากเล่า นั่นแสดงว่าเขาคนนั้นมองว่าเราสำคัญ

 

     ซึ่งคายัคเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แค่อยากเล่าให้ใครสักคนรับฟัง และแน่นอนว่า อาทัชก็เป็นคนแรกที่นึกถึง..


    วางสาย เดินดุ่มๆขึ้นห้องเรียน โดยไม่รอเพื่อนอย่างหมดอารมณ์ จากนั้น เบอร์โทรศัพท์ที่เรียกเข้ามาก็เป็นเบอร์เดียวกับที่คายัคโทรออกไปก่อนหน้า



[อาขอโทษครับ เมื่อกี้อาติดลูกค้า ไหนเล่ามาซิ มีใครเอารูปคายัคสุดหล่อของอาไปโพสต์ลงโซเชียล]

 

    เพียงแค่อาทัชโทรมาหาอีกรอบพร้อมตอบด้วยน้ำเสียงเริงร่ากว่าตอนแรก คายัคก็ยิ้ม

 

"อาทัชอยากฟังจริงๆไหม?"
 

[จริงสิครับ]

"น่าจะเป็นลูกค้าที่ผมไปทำงานที่ร้านแม่บอลน่ะครับ คงถ่ายแล้วเอาไปโพสต์ แต่ผมไม่คิดไง ว่าคนธรรมดาๆอย่างผมจะมีคนเอาไปแชร์กันเยอะขนาดนี้"

 

[จริงเหรอ? สงสัยไปหล่อสะดุดตาเขาแน่ๆเลย คายัคดังใหญ่แล้ว อย่างนี้ จะลืมอาไหมน้า?]


"ผมจะลืมอาทัชได้ยังไงกัน? ถ้าผมดังนะครับ ผมจะป่าวประกาศบอกทุกคนเลยว่า อาทัชเป็นแฟนผม"



[.....]

 

     เงียบนานเกินไป จนคายัคต้องรีบเก็บโทรศัพท์ เนื่องจากคุณครูเดินมาทางนี้


"อาทัชแค่นี้ก่อนนะครับ เจอกันที่บ้านนะ"

 

 


****1.1****



.....แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ..... :z1: :z1: :z1:
.
ขอบคุณทุกคนอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 7 ||22-6-18|| P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2018 21:58:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชื่อตอนมีสารินอยู่ด้วย  แต่ไมอ่านไม่เจอหว่า?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่7.2 ||23-6-18|| P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 23-06-2018 17:17:33
บทที่ 7  สาริน-อินทัช-คายัค(2)




  และการพบเจอกันของเพื่อนในวันแรกของการเปิดเทอมเป็นเรื่องที่สนุกสนานกว่าทุกที

 

     คายัคจึงถึงบ้านมืดค่ำ เพราะมัวแต่ไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้า เล่นเกมส์ตู้ กินบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่างกันจนอิ่มพุงกาง

 

     สองเท้าแตะพื้นหลังจากลงจากรถแท็กซี่มาได้ ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นรถจอดขวางทางเข้า สาวเท้าไวๆไปหาอาทัชในร้าน ตามองเห็นคนสองคนนั่งคุยกันผสมเสียงหัวเราะ



 

     เอียงคอมองอาทัชที่พออีกฝ่ายเห็นก็กวักมือเรียก คายัคทิ้งตัวลงนั่งข้างอาทัชอย่างนึกหวงว่าทำไมดึกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง แถมคุยกับอาทัชได้อย่างสนิทสนม

 

"คายัคครับ นี่อาสา-สโรชา น้องสาวของพ่อคายัค"


     เปลี่ยนความรู้สึกแทบไม่ทันเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ที่ได้เห็นตัวเป็นๆ คายัคพอจะรู้เรื่องมาน้อยนิดว่า พ่อมีน้องสาว แต่ด้วยความที่น้องสาวพ่อไม่เคยมาเยี่ยมเยียนหรือดูแลกัน คายัคจึงไม่ได้รู้สึกผูกพันแต่อย่างใด คายัคก็แค่ยิ้มและยกมือไหว้สวัสดี

 

"โตเร็วมาก หล่อเหมือนพี่สารินเลยค่ะพี่ทัช"


"ทำไมอาสาไม่เคยมาหาผมเลยหรอครับ?"



กึก!

 

      สโรชาชะงัก อินทัชหันขวับไปมองคายัคที่ฟังสุ้มเสียงดูจะไม่พอใจ

 
"คายัคโกรธอาเหรอ? อาขอโทษที่ไม่ได้มาหาเลย อาเองก็วุ่นเรื่องเรียนและต้องทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนด้วยเลยไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น แต่ตอนนี้อาทำงาน และพอมีเวลาชดเชยช่วงที่ไม่ได้เลี้ยงคายัค เอางี้ คายัคย้ายไปอยู่กับอาไหม?"

 

"ไม่! ผมจะอยู่กับอาทัชครับ"  ตอบแบบไม่ต้องคิด



      อินทัชวางมือลงบนหน้าตักคายัคบีบกระชับเบาๆส่งสัญญาณให้รู้ว่าไม่ควรแสดงอารมณ์ต่อหน้าผู้ใหญ่แบบนั้น คายัคพยักหน้ารับรู้ อินทัชจะชักมือกลับคายัคกลับวางทับแล้วกุมมืออินทัชไว้แน่น

 

      มองมือคายัค ก่อนจะหันไปหาสโรชาที่หรี่ตามองการกระทำที่ดูใกล้ชิดกันแปลกกว่าปกติ

 
"ดูคายัคติดพี่ทัชมากเลยนะคะ"


"ตั้งแต่โตมา คายัคก็เห็นแต่พี่ จะให้คายัคติดใครล่ะครับ สา"

 


"ผมรักอาทัชครับ" โพล่งขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย จนอินทัชชะงัก


      สโรชายิ้มหยอกเอินที่เห็นหลานของตัวเองดูจงรัก ภักดีกับพี่อินทัชพอสมควร





"อารู้จ๊ะ อารู้ พี่ทัชนี่เสน่ห์แรง....ตั้ง...แ.."


"สา..."
อินทัชส่ายหน้าน้อยๆเป็นคำเตือน

 

"มีอะไรที่ผมไม่รู้หรอครับ?"  คายัคมองหน้าอาทัชสลับกับอาสา


"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แล้วหายโกรธอาหรือยัง?"


"ผมไม่ได้โกรธครับ"


"แน่ใจนะว่าไม่โกรธ ถ้างั้นคราวหน้า อามาหาคายัคอีกได้ไหม? หรือคายัคจะไปนอนกับอาที่คอนโดก็ได้นะ"


 
"จะดีหรอสา? คายัคโตแล้วนะ จะให้นอนกับสาสองคนเหรอ?"
 

"สามคนค่ะ สานอนกับแฟนด้วยค่ะ แหมพี่ทัชคะ สาไม่มีทางคิดไม่ซื่อกับหลานหรอกน่า"

 

"ค...ครับ พี่แค่ถามเฉยๆ"


     สโรชามองใบหน้าหลานตัวเองที่โตเป็นหนุ่มก็อมยิ้ม ก่อนหน้าที่มา สโรชาลองเสี่ยงโทรหาพี่อินทัชดู ถึงเพิ่งรู้ว่า พี่อินทัชมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองแล้ว เธอยอมรับว่าที่ผ่านมาหลายสิบปี เธอแย่มากจริงๆ ที่ละเลยลูกของพี่ชายตัวเอง แต่ตอนนั้น สโรชาก็แทบจะเอาตัวเองไม่รอด พบความลำบากมาหลากหลายรูปแบบ ก็มีบ้างที่จำเป็นต้องเห็นแก่ตัว



     นั่งคุยมาได้ชั่วโมงกว่า ยามที่สโรชาฟังพี่ทัชเล่าเรื่องคายัค ชายผู้นี้มีรอยยิ้มแต้มอยู่เสมอ แม้บางเรื่องจะเป็นความซนของคายัคที่ทำให้พี่ทัชเหนื่อยใจ แต่อินทัชก็เล่าให้ดูเป็นเรื่องผ่อนคลายได้



     นับถือพี่อินทัชจริงๆที่สามารถเลี้ยงดูคายัคเพียงลำพังได้โดยที่คายัคก็ไม่มีแววเป็นเด็กมีปัญหาให้เห็น


      สโรชาเกรงใจพี่อินทัชที่เลี้ยงดูคายัคมานาน จึงอยากช่วยดูแลด้วยการให้หลานกลับไปอยู่กับตน แต่พี่อินทัชไม่ยอมและยังยืนกรานว่าเลี้ยงมาได้ถึงขนาดนี้ ถ้าจะเลี้ยงต่อไปอินทัชก็ไม่มีปัญหา เพราะระหว่างคายัคกับอินทัชมันผูกพันเกินกว่าจะพลัดพรากกันไปแล้ว



     นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่แวะมาแล้วได้เจอหลาน ซึ่งเจอกันครั้งแรกก็ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่  แน่ล่ะ มันเป็นความผิดของเธอเองที่ละเลยคายัคไปเช่นกัน แต่คราวหน้า สโรชาก็หวังว่ามันจะดีกว่านี้



     แหละพรุ่งนี้ สโรชาทำงานแต่เช้าจึงขอตัวกลับบ้าน ร่ำลาทั้งคู่ คายัคบอกอาทัชขอไปส่งอาสาที่หน้าบ้าน ห่างร้านกาแฟไม่ไกล จังหวะนั้น คายัคกระตุกชายเสื้ออาตัวเอง

 

"ที่อาสาพูดเมื่อกี้หมายความว่าไงครับ?"



    สโรชาชะเง้อมองพี่อินทัชในร้าน พอเห็นว่าไม่เดินออกมา สโรชาดึงแขนคายัคหลบมาคุยตรงพุ่มไม้

 
    ด้วยความที่เก็บเรื่องนี้มานาน พอเจอหลานก็อึดอัดอยากเล่า



"คายัคไม่เอะใจเลยเหรอว่าทำไม? อาทัชต้องเลี้ยงดูทั้งๆที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน"


"ไม่ครับ ก็แค่คิดว่าอาทัชเป็นคนดี"


"พ่อของหนูชอบอาทัชจ๊ะ"



     เหมือนโดนทรายดูดร่างให้จมดิน



     ยืนนิ่ง ใจวูบหวิบ มือเย็นและสมองมึนเบลอจนทำตัวไม่ถูก



"ผมงง แล้วพ่อกับแม่..."
 
"ฮุ้ย..พี่ทัชเดินออกมาแล้ว อาไปก่อนนะ อยากรู้ถามอาทัชของคายัคได้เลยจ้ะ"
สโรชาที่ยืนหันหน้าเข้าร้านก็สะดุ้ง เมื่ออินทัชเหมือนรู้ว่าคายัคออกมาเพื่อจะคุยอะไรด้วย
 

    สโรชารีบวิ่งไปขึ้นรถของตัวเองทิ้งให้คายัคยืนงงเพราะยังฟังไม่จบเกี่ยวกับเรื่องพ่อของตัวเอง


    เขาโตพอแล้วที่จะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพ่อ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย..
 

    อินทัชเดินมาแตะไหล่ คายัคหมุนตัวไปหาแล้วขอตัวไปอาบน้ำทันที


    เด็กหนุ่มอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติ นั่นเป็นเพราะคายัคกำลังคุมอารมณ์ไม่ให้ซึมและหน่วงไปมากกว่านี้ หลังจากล่วงรู้ความจริงบางอย่าง



    ไม่ได้นึกโกรธพ่อหรืออาทัช แต่อารมณ์ที่มีอยู่ในใจ มันออกโทนหม่นเทา ขมุกขมัว จนยากจะหาคำมาอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ได้


    จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย คายัคกลับมานั่งคิดเรื่องเดิมที่ห้องตัวเองอีกครั้ง


     นอนไม่หลับ ถ้าไม่ได้รู้เรื่องที่อาสาเล่าไม่จบก่อนหน้านี้   เดินไปห้องอาทัช ที่เจ้าตัวยังอาบน้ำไม่เสร็จ นั่งพิงพนักเตียงเล่นโทรศัพท์มือถือรอ จนกระทั่ง ประตูห้องนอนเปิดกว้าง เงยหน้ามองอาทัชที่ส่งยิ้มจางๆ


"ทำไมไม่นอนครับ?"
 

"รออาทัช"



"รออาทำไมครับ?"

 

"พ่อชอบอาทัชหรอครับ?"





กึก!


     อินทัชคิดในใจว่าสาไม่ควรหลุดพูด เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อน และอินทัชกลัวคายัคจะไม่เข้าใจในความสัมพันธ์อันซับซ้อนและอาจคิดมากเกินไปได้



"ครับ"

"อารู้ตอนไหน?"

"ก่อนพ่อคายัคเสียครับ"

 

"พ่อชอบอาทัชมานานรึยังครับ?"
 

"ไม่รู้ พ่อคายัคมาสารภาพความในใจว่าชอบแค่นั้น"



"แล้วอาทัชชอบพ่อผมไหม?" 



"ถามเยอะไปนะ"


"ถ้าการที่ผมจะถามเรื่องของคนที่ทำให้ผมเกิด ผมผิดมากใช่ไหมครับ"


     ชะงักงัน ถอนหายใจ อินทัชรู้ว่ามัน คือ อดีต แต่เขาไม่อยากให้คายัครู้ว่าเขาเคยรู้สึกอย่างไรกับสาริน
 

     เงียบนานจนตัดสินใจตอบ


"อาก็ชอบ แต่เราไม่ได้คบกัน ก็แค่ต่างฝ่าย ต่างมีความรู้สึกดีๆให้กัน มันเป็นอดีตไปแล้ว คายัคอย่าไปสนใจเลยครับ"


    คายัคทำหน้าครุ่นคิดอยู่นาน จึงถาม


"อาทัชเคยบอกว่าพ่อมีผมตอนอายุยังน้อย ถ้างั้นพ่อมีผมเร็วเกินไป พ่อก็คงไม่รักแม่ใช่ไหมครับ? แล้วพ่อมีผมทำไม? ผมเกิดมาทำไมหรอครับ?"

 

"คายัคไม่ควรพูดแบบนี้"

 

"ที่พูดเพราะผมก็น้อยใจ แต่ผมมีความสงสัยมากกว่าเลยถาม"



"อาก็ไม่รู้ เรื่องนี้พ่อคายัคไม่ได้บอกอา แต่เอาเป็นว่าการเกิดมาของคายัคเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับอามากเลยนะ รู้ไหม?" ว่าพลางลูบแก้มคายัคอย่างทะนุถนอม


"รู้ครับ ผมโชคดีที่เกิดมา เพราะถ้าไม่งั้น ผมคงไม่ได้เจออาทัช"


"ใช่ครับ"
 

"ผมขอถามตรงๆนะครับ การที่อาทัชยังไม่ตกลงเป็นแฟนกับผม เพราะ...อาทัชไม่ได้ชอบผม..หรือจริงๆแล้ว ..อาทัชยังลืมพ่อผมไม่ได้กันแน่ครับ.."


       อันที่จริง เรื่องของ สาริน ควรหายไปพร้อมกับการตายของเขา อินทัชก้มหน้าเงียบ แต่ไม่นานเท่าไหร่ที่อินทัชตัดสินใจจะตอบ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นพอดี



       ละสายตาจากใบหน้าคายัค เอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือตรงโต๊ะหัวเตียง

 

..........................

**ปล. ขอบคุณ คุณ DrSlump ที่ช่วยเช็คคำผิดให้นะคะ แก้ไขความผิดพลาดครั้งนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ




เอาจริงๆ ไม่ใช่อายุที่เป็นปัญหา น่าจะเป็นที่มายด์เซ็ตของตัวละครบางตัวในเรื่องนี่แหละ (เหอะๆ)

ดูๆกันไปก่อนนะคะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

.
ขอบคุณทุกการอ่านน้า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 7.2 || 23-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2018 17:34:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องพ่อ  น่าจะเรียกว่า "อา" นะครับ
ส่วนน้องแม่ จึงจะเรียกว่า "น้า" ครับ
กรณีนี้น่าจะเรียกว่า "อาสา" น่าจะถูกต้องกว่า

ส่วนพ่อสารินกับอาทัช  นั้นมีความตะหงิดอยู่แล้วหล่ะ  ถ้าไม่รักกันจริง จะเอาลูกเขามาเลี้ยงทำไม  ใช่ป่ะ?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 7.2 || 23-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-06-2018 22:52:08
อาทัชก็สตั๊นไปสิ o22
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 7.2 || 23-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-06-2018 02:26:03
 :a5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8||28-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-06-2018 18:31:22
 

บทที่ 8  ครั้งแรก





"สวัสดีครับภูมิ"

 

[นอนหรือยังครับ อินทัช?]

 

"กำลังจะนอนครับ"

 

[ตอนนี้ ผมอยู่หน้าร้าน ลงมาหาหน่อยได้ไหม?]

 
"อะไรนะ โอเคๆ เดี๋ยวผมลงไป"

 

    ไม่พอใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็มาไม่บอก ไม่กล่าว อินทัชเป็นคนขี้เกรงใจจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะลงไปหาภูภูมิ แต่คายัคกลับดึงมือไว้เสียก่อน

 

"อาทัชจะไปไหน?"

 

"ภูมิมา"

 

"แล้วทำไม อาต้องลงไปด้วยครับ"

 

"เขามาถึงหน้าบ้านแล้ว จะไม่รับแขกก็ดูน่าเกลียดไปหน่อย"

 

"เขาจะไม่ได้มานอนใช่ไหม?"

 

"คงไม่...."

   

   ไม่ถึงห้านาที คายัคตามลงไปติดๆ เพราะไม่อยากให้อาทัชอยู่กับภูภูมิสองต่อสอง


    ฟากคนอายุมากกว่าตกใจเมื่อตอนเปิดประตูพบใบหน้าภูภูมิแดงก่ำ

 

"คุณเมามาหรอภูมิ?"

 

"ผมไปดื่มกับเพื่อนมานิดหน่อยน่ะ แต่ผมไม่ได้เมา ผมคิดถึงอิน ผมถึงมาหา"

 

    หางตาเห็นเด็กหนุ่มเดินมายืนขนาบข้าง อินทัชรีบก้าวยาวๆไปใกล้ภูภูมิกว่าเก่า



"อย่าพูดแบบนี้ตอนคายัคอยู่อีก ผมขอ..."

 

"ก็ได้ แต่คืนนี้ ผมนอนกับคุณได้ไหม?"

 

"ไม่ได้!"



     ไม่ใช่อินทัชที่ตอบ แต่เป็นคายัคที่แทรกเสียงดัง และเดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมืออาทัช



"เรื่องของผู้ใหญ่  อย่าสอด!"

 

       กระตุกมือเตือนสติอย่างกลัวเด็กหนุ่มจะหาเรื่องชกต่อยหรือเถียงกลับตามประสาเด็กๆอีก แต่ว่า...


"ผมขอโทษที่ยุ่งเรื่องผู้ใหญ่ แต่ผมว่ามันไม่ถูกต้อง นอกจากคุณจะมารบกวนเวลานอนของคนอื่นแล้ว คุณยังกล้าขอนอนกับเขาด้วยหรอครับ?"

 

     มองเด็กหนุ่มที่คราวนี้ โต้กลับอย่างมีเหตุผล อินทัชเห็นภูมิเงียบ เขาปล่อยมือที่คายัคจับอยู่ และเดินไปหาภูภูมิ

 

"ภูมิฟังผมนะ คุณเมา"

 

"ผมกลับบ้านไม่ไหว"

 

"โอเค ผมจะใจดีให้คุณค้าง แต่คุณไม่มีสิทธ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น"

 

"ขอบคุณครับ ผมชอบคุณนะอินทัช ผมชอบมาก"

 

"ภูมิ! ถ้าพูดไม่รู้เรื่องผมจะไล่คุณกลับเดี๋ยวนี้!"

 

      ภูภูมิมองหน้าอินทัชด้วยแววตาตัดพ้อ แต่ก็ยอมจำนนทำตามคำสั่งอินทัชอย่างปฏิเสธไม่ได้



     หลังจากที่เขาดื่มกับเพื่อนเสร็จ ในขณะที่ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน หัวใจของภูมิกลับเรียกร้องหาอินทัช จนตอนเรียกแท็กซี่ ปากก็บอกปลายทางมาร้านกาแฟโดยอัตโนมัติ



     ตอนนี้ ทั้งสามเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ถึงที่ อินทัชหยุดตรงทางเดิน ชี้ทางเข้าห้องนอนที่จะให้ภูมิพัก ก่อนจะหายวับเข้าห้องนอนตัวเองเพื่อนำเสื้อผ้าออกมาให้ภูภูมิ



      ไม่ถึงห้านาที ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆออกมาหาภูภูมิตรงหน้าห้องน้ำ





"เสื้อผ้าของคุณ" ยื่นเสื้อผ้าให้ภูภูมิ



ฟึ่บ!

 

     ภูภูมิดึงต้นแขนอินทัชให้เข้ามาใกล้แล้วกอดกระชับ

 

"ผมอยากกอดคุณมานานแล้ว"

 

"ภูมิปล่อย คุณไม่ใช่แฟนผม อย่าทำแบบนี้!"

 

   อินทัชทุบหัวไหล่แต่ภูภูมิกลับกระชับวงแขนแข็งแกร่งแน่นกว่าเก่า

 

"ผมชอบอิน ผมชอบมาก"



"ภูภูมิ!!"

 


   คราวนี้ อินทัชรวมพลังที่มีผลักภูภูมิเซถลาจนแผ่นหลังไปกระแทกผนัง

 

"ถ้าภูมิทำแบบนี้อีกแค่ครั้งเดียว ผมจะไม่ให้ภูมิมาเหยียบที่ร้านอีก แค่เสียลูกค้าไปคนเดียว ร้านผมอยู่ได้ครับ..."

 

"ทำไม? อินทัช ทำไม? ผมชอบอินจริงๆนะ เมื่อไหร่อินจะเป็นแฟนกับผม?"

 

"แต่ผมไม่ได้ชอบภูมิ"



"ผมไม่เชื่อ"



"โอเค ค่อยคุยกันเถอะ ผมเหนื่อย ภูมิเข้าไปอาบน้ำได้แล้ว"

 


      อินทัชดันคนตัวโตให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วงับประตูทันที อินทัชถอนหายใจยาว เดินเข้าห้องนอนของตัวเองที่มีคายัคนอนนิ่งอยู่บนเตียง



     ทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กหนุ่มที่ตะแคงข้างหันหน้าไปอีกทาง ปิดไฟหัวเตียง พร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมตัว





"ผมเห็นอาทัชกอดคุณภูมิ"

 

กึก!

 

    ชะงัก ไม่ยักรู้ว่าคายัคแอบมองเขาคุยกับภูภูมิอยู่ข้างนอก



    อินทัชตัดสินใจชะโงกตัวไปหอมแก้มคายัคฟอดใหญ่อย่างเอาใจเพราะกลัวคายัคจะน้อยใจและไม่พูดด้วย

 

     ผละและลูบแก้มเด็กหนุ่ม


"อาไม่ได้คิดอะไรกับคุณภูมิ หลับได้แล้วครับคายัค"



"ครับ"

 

 





.....................

 

 
     ...วันเสาร์...



"มึงแม่ง..หาเรื่องเข้าตัวชัดๆ"


"คนละพันห้า ทำงานแค่สองวันก็ได้ตั้งสามพัน กินบุฟเฟ่ต์ได้หลายมื้อเลยนะมึง"



"แต่มันน่ากลัวนะเว้ย"



"เอาน่า เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้าพี่เขาจะทำอะไรจริงๆก็แค่สู้กลับ"



 
      ยามนี้ ทั้งสองอยู่บนรถไฟฟ้า มุ่งหน้าไปยังคอนโดของพี่เก้งที่อยู่ติดเส้นรถไฟฟ้าบีทีเอสแต่ไกลออกจากโซนกลางกรุงไปหน่อย



      เรื่องของเรื่อง คือ ตั้งแต่วันที่อาสามาหา แล้วคายัคได้รู้ความลับของพ่อกับอาทัช ไหนจะมีเรื่องของภูภูมิเพิ่มมาอีก ทำให้คายัคสับสนปนเครียด เพราะอยู่ในสภาพอารมณ์ไม่ปกติ คายัคจึงไม่พร้อมเจอหน้าอาทัช เลยอยากหาอะไรทำเพื่อเลี่ยงการเจอหน้าอาทัชในช่วงนี้ไปก่อน



    การมาทำความสะอาดห้องพี่เก้ง จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด



    แต่เพราะยังไม่ไว้ใจจึงพาเพื่อนมาด้วย คายัคจะลองทำดูสักสองวันก่อน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล คายัคจะกลับไปทำที่ร้านอาหารแม่บอลดังเดิม



      ถึงคอนโด ยืนรอนอกส่วนลิฟต์ที่มีประตูกระจกกั้น ไม่นานนัก พี่เก้งเดินลงมากดปุ่มจากด้านในให้ประตูกระจกเปิด



     คายัคและบอลยกมือไหว้สวัสดี และยืนรอขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน

         

  ตึ้ง!



        ถึงชั้นสิบแปด ประตูลิฟต์เปิดกว้าง ทั้งสามเดินออกมา เลี้ยวขวาไปสุดทาง และเลี้ยวซ้ายอีกนิดก็ถึงห้องของคนว่าจ้างในการทำความสะอาด

 

       ทั้งสองถอดรองเท้าไว้ตรงชั้นวางบริเวณหน้าประตู เดินเข้ามาถึงส่วนนั่งเล่น พี่เก้งก็เอ่ยขึ้น

 
"แบ่งหน้าที่แล้วกัน ซักผ้า กวาดห้อง ถูห้อง ล้างห้องน้ำ"

 

"ครับ"

 

      จังหวะที่คายัคแยกจากบอลจะไปคว้าไม้กวาด เก้งรั้งข้อมือคายัคแล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ยกยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

"พอไม่ใส่ชุดนักเรียนดูโตมากเลยนะ คายัค"

 

"หรอครับ?"

 

     ยิ้มแหยๆพลางลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อพี่เก้งเปลี่ยนจากจับข้อมือมาลูบไล้แขนเบาๆ เด็กหนุ่มค่อยๆบิดแขนออกเพื่อขอตัวไปทำงาน




       ตัวห้องของพี่เก้งแต่งสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีเรียบง่ายที่เห็นกันทั่วไปอย่างสีขาว-ดำ เสริมด้วยสีของวัสดุจากไม้ ห้องนี้กว้างขวางราวกับบ้านชั้นเดียว ตรงกลางของห้องเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีที่กั้น ฝั่งซ้ายเป็นส่วนครัวและมุมนั่งรับประทานอาหาร ส่วนฝั่งขวาเป็นส่วนนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องนอน และระเบียง

 

     หยิบไม้กวาดมาได้ รีบปรี่ไปหาบอลเพื่อตกลงกันว่าใครจะทำอะไร


      แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย คายัครับผิดชอบกวาดห้องและซักผ้า ส่วนบอลรับหน้าที่ถูห้องและล้างห้องน้ำ

     

     คายัคเลือกซักผ้าก่อน ช่วงที่รอผ้าเสร็จ ในระหว่างนั้นจะได้กวาดบ้านไปพลางๆด้วย เดินออกมาส่วนด้านนอกของห้องที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับระเบียง คายัควางตระกร้าเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของพี่เก้งลง หยิบทีละชิ้นเพื่อใส่ลงเครื่องซักผ้าจนครบ แต่เพราะเครื่องซักผ้าของพี่เก้ง แตกต่างจากบ้านของเด็กหนุ่ม จึงไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหนอะไรยังไงจึงเรียกเจ้าของห้องมาดู

 

      ขณะที่พี่เก้งยืนกดปุ่มเลือกประเภทผ้าที่ซักและกดตั้งเวลาตรงแป้นเครื่องซักผ้า คายัคตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ พี่เก้งใช้มือลูบปลายนิ้วของเด็กหนุ่มเล่นไปทีละนิ้ว เมื่อกดปุ่มเริ่มปั่นผ้าแล้ว เก้งหันมายิ้มและเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้คายัคยืนถอนหายใจยาวออกมา



      กินเวลาไปหลายชั่วโมงที่ทั้งสองทำความสะอาดจนเรียบร้อย เป็นจังหวะที่ผ้าปั่นเสร็จพอดี ขณะที่คายัคดึงผ้าออกมาจากเครื่อง เขาได้ยินพี่เก้งเรียกบอล

 

"บอล ลงไปสั่งข้าวที่ร้านหน้าคอนโดให้พี่หน่อยสิครับ"

 

    คายัคใจตกไปที่ตาตุ่ม เพราะไม่กล้าอยู่กับพี่เก้งสองต่อสอง รีบวางผ้าและเดินไปหาบอล

 

"ผมไปกับบอลด้วยนะครับ"

 

"อย่าทำตัวเป็นเด็กสิ ไม่ต้องตัวติดกันขนาดนั้นก็ได้"

 

       คายัคมองหน้าบอล ก่อนตอบ

 

"ก็ได้ครับ"

 

"กินอะไรกันบ้างก็สั่งกันเลยนะ นี่เงินครับบอล" เก้งยื่นเงินให้บอลและกลับมานั่งที่โซฟา

 

    คายัคมองบอลกำลังจดเมนูอาหารและกระซิบ



"มึงกำโทรศัพท์ไว้ตลอดนะ ถ้ากูโทรไปตื้ดนึงเป็นสัญญาณว่ามึงโทรเรียกตำรวจได้เลย"

 

"เออ"

 

 
    หลังจากที่บอลออกจากห้องไป พี่เก้งกวักมือเรียกคายัคให้นั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่ง



"คายัคใสซื่อมากเลยนะ"

 

"แล้วมันดีหรือไม่ดีครับ?"
 

"ดี พี่ชอบ"

 

"อ่อครับ พี่เก้งครับ ผมมีคำถามอยากถามครับ โดยปกติผู้ใหญ่ที่อายุสักสามสิบขึ้นไป เขาจะชอบเด็กวัยอย่างผมไหมครับ?"



    ตอนที่คายัคถาม เพราะเห็นว่า คุณเก้งก็อายุเยอะ น่าจะเข้าอกเข้าใจคนที่อายุไล่เลี่ยกัน โดยที่คายัคถามนั้น เพราะนึกถึงแต่อาทัช แต่ไม่ได้เอะใจเลยว่าเก้งยกยิ้มดีใจแล้วอยู่ดีๆมือไม้ก็ไล่ลูบต้นแขน

 

"ถ้าเป็นพี่ พี่ชอบนะ เด็กวัยคายัคนี่ มันได้ความสด ใหม่ สดใสจนพี่เองยังอยากจะ..."

 

"ขอบคุณนะครับพี่ที่ให้คำตอบ ผมขอตัวไปตากผ้าก่อนนะครับ"

 

      ลุกพรวดเมื่อเห็นสายตาน่ากลัว คายัครีบเดินดุ่มไปตรงเครื่องซักผ้า เสร็จก็เตรียมเอาไปตาก



     อ้อยอิ่งอยู่นานกับการตากผ้าทั้งๆที่ความเป็นจริงไม่ได้นานขนาดนี้ เนื่องจากคายัคกลัวการอยู่กับพี่เก้งสองต่อสอง


     ประวิงเวลาจนแขวนเสื้อตัวสุดท้าย ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ก็ไม่พบพี่เก้งนั่งอยู่ที่เดิมเลยโล่งใจเล็กน้อย
     

     มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า?



    บางทีคายัคอาจคิดมากไปเอง เด็กหนุ่มพยายามมองโลกในแง่ดีว่าคงไม่มีอะไร

 

    สามสิบห้านาทีผ่านไป ที่คายัคยังปลอดภัย ส่วนบอลก็เข้ามาในห้องพร้อมอาหาร ทั้งสามไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร แกะกล่องข้าวเทใส่จานแล้วนั่งกินกันจนหมด



     ล้างจานเสร็จ ทั้งสองหมดธุระ เตรียมกลับบ้าน


"บอลกับคายัค เคยดื่มเหล้าไหม?"

 

"ไม่เคยครับ"

 

"ดื่มไหม? พี่จะสอนให้ ต่อไปไปกินกับคนอื่นจะได้ไม่โดนมอมง่ายๆ"

 

     บอลและคายัคมองหน้ากัน โดยที่ยังไม่มีคำตอบให้

 

"เดี๋ยวให้ลอง ดื่มไม่ยาก แต่ถ้าไม่เคยดื่มมาก่อน อาจเมาเร็วหน่อย รอแป๊ปนึง"

 

    เก้งเดินเข้าส่วนครัว เปิดตู้เก็บของ หยิบขวดวิสกี้พร้อมแก้วทรงเตี้ยสามใบใส่ถาด ถือมาวางตรงโต๊ะกลางพร้อมเอ่ยชวนเด็กหนุ่มให้นั่งลงก่อน คายัคและบอลตัดสินใจทำตามคำสั่ง
 

"ขอแก้วเดียวนะครับ"

 

"ได้สิ"

 

       เก้งเทวิสกี้ใส่แค่ค่อนแก้วเพื่อลองเชิง เขาแค่ต้องการให้เด็กหนุ่มทั้งสองรับรสชาติมันเท่านั้น

 

       คายัคและบอลรับแก้วมาถือไว้ในมือ จากนั้น ทั้งสองยกแก้วกระดกดื่มด่ำความเข้ม ขมปร่า คายัควางแก้วทำหน้าเหยเก ก่อนใช้หลังมือปาดริมฝีปาก

 

"เป็นไง?"



"รู้สึกร้อนๆคอครับ"

 

"อืม...พี่หวังดีนะ พี่ไม่ต้องการให้เราใจแตกหรอก แต่ของแบบนี้ก็ต้องฝึกไว้บ้าง เผื่อมีโอกาสได้ดื่มขึ้นมาจะได้รู้ว่าลิมิตตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ กินกี่แก้วถึงเมา จะได้ระวัง ห้ามตัวเองไม่ให้กินมากกว่านั้น"

 

"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ"



"พี่เป็นห่วงน่ะ รู้ไหมว่าบอลกับคายัคเป็นเด็กหน้าตาดีนะ ระวังตัวไว้แล้วกัน"



"ครับ"

 

       เก้งยิ้มพอใจที่เห็นเด็กเชื่อฟัง เขาควักเงินจ่ายค่าทำความสะอาดให้บอลและคายัคคนละสองพันบาทถ้วน

 

"พี่ให้เพิ่ม เพราะถูกใจเราสองคน"

 

        คายัคและบอลยิ้มกว้างตื่นตาตื่นใจ รีบพนมมือไหว้ขอบคุณ

         

"พรุ่งนี้มาสายหน่อยก็ได้คงไม่มีอะไรทำมากแล้วล่ะ"

 

"ครับ"

     

       พอเดินออกจากห้องพี่เก้งมาได้ไกล ระหว่างโถงทางเดิน บอลพูดกับคายัค



"ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า"



"นั่นดิ  แถมพี่เก้งยังดูเป็นห่วงพวกเราด้วย  เขาก็คงเป็นผู้ใหญ่ที่แค่เอ็นดูเด็กมั้ง"

 

"อืม ก็คงงั้นมั้งมึง"



     ทั้งสองเห็นตรงกัน และยังดีใจที่ทำงานวันเดียวได้เงินมากขนาดนี้


    ความใสซื่อของเด็กวัยอยากรู้ อยากลอง ที่ไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้ ยังมีมุมเลวร้ายหลบซ่อนอยู่....



****1.1****

หืมมมมมมมมมม :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8 || 28-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-06-2018 19:52:28
ม่าายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8 || 28-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-06-2018 00:09:31
 :z6:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8 || 28-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-06-2018 00:22:23
อย่านะ อย่าตกหลุมพรางมัน ม่ายยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8 || 28-6-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-06-2018 01:24:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใสซื่อจริง ๆ เด็กน้อย

นั่นคือการหลอกให้เหยื่อตายใจ พอสบโอกาสก็ขย้ำทันที
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่8.2 || 2-7-18|| P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 02-07-2018 19:55:49
บทที่ 8  ครั้งแรก (2)







   

"เที่ยงพอดี พี่หิวข้าว เราไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า และค่อยกลับมาทำงานบ้าน"



    พี่เก้งบอกขณะที่ลงมารับทั้งสอง บอลและคายัคมองหน้ากันด้วยความลังเลใจแต่ก็ยอมเดินตามผู้ว่าจ้างไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อจู่ๆ เก้งบีบบังคับด้วยการจูงมือคายัคให้เดินตาม



     พอถึงที่หมายอย่าง ร้านอาหารสเต็กและสลัด บาร์ ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า บอลและคายัคนั่งลงอย่างเก้ๆกังๆ จนกระทั่งพนักงานเดินมายื่นเมนูให้เลือก





"กำลังโตแบบนี้ สั่งสเต็กน่าจะเหมาะกับคายัคและบอลนะ" คงเห็นว่าบอลและคายัคดูเมนูนานผิดกว่าปกติแถมพลิกกลับไปกลับมา จึงเสนอแนะ



      บอลและคายัคตัดสินใจเลือกเมนูเหมือนกัน เป็นเฟรนช์คัท พอร์ค ชอร์ป และชี้รูปภาพในเมนูให้พนักงานดู



      พนักงานทวนเมนูอีกครั้งก็จะเดินพ้นไป เก้งจึงพาทั้งสองลุกไปตักสลัดเพื่อรองท้องตรงมุมสลัด บาร์ ระหว่างเดิน เก้งแตะแขนคายัคและเอ่ย





"ถ้าไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้นะ เต็มที่เลยนะ พี่เลี้ยงเอง"



 "พวกผมเกรงใจน่ะครับ"
คายัคบอก


"มาเกรงจง เกรงใจอะไรกัน มองพี่เป็นเหมือนพี่ชายสิ หรือไม่ก็คิดซะว่านั่งกินเป็นเพื่อนพี่ก็ได้...อย่าคิดมาก"



"ครับ"



     ขณะที่พี่เก้งคีบผักอีกฟาก บอลกระตุกแขนเพื่อนให้มาไกลๆและลดระดับความเร็วของฝีเท้าให้ช้าลงกว่าเดิม



"ทำไม พี่เขาใจดีจังวะ"


"ไม่รู้เหมือนกันว่ะ....พวกเราคงโชคดีที่ได้เจอคนดีๆมั้ง"




"เออ คงจะใช่"
     

      ทั้งสองเดินวนรอบ จนได้สลัดผักมาคนละหนึ่งจานพูนก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เก้งมองเด็กสองคนกินเหมือนเด็กมูมมามก็อมยิ้ม



"รู้ไหม? เวลาพี่อยู่กับพวกเรา พี่รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย"


"ยังไงครับ?"


"พี่รู้สึกตัวเองมีชีวิตชีวามากขึ้น นี่พี่จะบอกให้ว่าถ้าถึงวันที่คายัคกับบอลโต จะรู้ว่าชีวิตวัยเด็กมันดีและสนุกแค่ไหน?"



"จริงหรอครับ? แต่ผมอยากโตกว่านี้"
คายัคว่า


"หึๆ นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า พอโตก็อยากกลับไปเป็นเด็ก พอเป็นเด็กก็อยากโตไวๆ เชื่อพี่เถอะ! พอโตขึ้น การมีภาระจะทำให้เราไม่สนุกกับชีวิตหรอก"



     คายัคทำเป็นพยักหน้ารับฟัง แต่ลึกๆก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยทุกประการ ในความคิดของคายัค ก็ยังมีความเชื่อว่า เขาอยากโตขึ้นกว่านี้อยู่ดี



"พี่เก้งอยู่ห้องคนเดียวหรือครับ?" บอลถาม เพราะเห็นว่าตอนทำความสะอาดเมื่อวาน ข้าวของส่วนใหญ่เป็นของใช้สำหรับคนเดียวทั้งสิ้น



"ใช่ครับ พ่อแม่พี่ทำธุรกิจอพาร์ทเมนท์ให้เช่าตามแถวมหาฯลัยที่ต่างจังหวัดน่ะ"



"อ้อครับ"



"ที่อยู่คนเดียวเพราะพี่ยังไม่มีแฟน แต่พี่ก็มีความสุขกับชีวิตดีนะ โดยเฉพาะเวลาที่ได้อยู่กับคายัค"




       ชื่อบอลหายไปจากประโยค เหลือเพียงชื่อคายัค ที่พอเจ้าของชื่อเผลอสบตามองพี่เก้งที่จ้องตาไม่กระพริบก็ชะงักกึก รีบก้มหน้าจัดการอาหารตรงหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง



       จัดการอาหารคาวเสร็จสิ้น พี่เก้งใจดีแวะพากินของหวานอย่างบิงซูกันต่อถึงค่อยกลับบ้าน


       ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึงคอนโดก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว




       เข้าห้องปุ๊ป บอลและคายัคก็ขอพี่เก้งเข้าห้องน้ำล้างเนื้อ ล้างตัวให้พอชื่นใจก่อนจะทำความสะอาด ในขณะเดียวกัน เก้งลงไปรับเพื่อนที่อ้างว่าจะมานอนค้างที่ห้องคืนนี้



       เสร็จธุระ บอลและคายัคช่วยกันกวาดห้อง ถูห้อง ในขณะที่ทั้งสองเริ่มงานไม่นาน  พี่เก้งพาเพื่อนมาแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จัก และเดินไปนั่งที่โซฟา โดยคายัคเหลือบมองเห็นพี่ทั้งสองกำลังนั่งดื่มกันแล้วในเวลานี้



        คายัคไม่สนใจแขกมาใหม่ เขาขอแค่รีบทำหน้าที่ของเขาให้จบๆไปจะได้รีบกลับบ้านสักที


       มุ่งมั่นตั้งใจทำความสะอาดจนเรียบร้อย ก็เดินไปหาพี่เก้งเพื่อขอตัวกลับบ้าน


      แต่ว่า....



"ดื่มด้วยกันก่อนสิ" เก้งบอกเด็กหนุ่มวัยสิบหกสองคนที่ยืนเก้ๆกังๆ



"ผมกลับดีกว่า พรุ่งนี้พวกผมต้องไปโรงเรียนครับ"

 

"ไม่ดึกหรอกน่า พี่เพิ่มเงินให้คนละสามพันเลยก็ได้ มาดื่มเป็นเพื่อนพวกพี่หน่อยสิ พวกพี่มีเรื่องที่คายัคอยากรู้อีกเพียบ"



       ได้ยินดังนั้น ทั้งสองตาโต 


       คายัคและบอลไม่รู้เลยว่ากำลังตกหลุมพรางจากการใช้เงินจำนวนมากมาล่อ
     



"ถ้าผมดื่มนิดเดียวได้ไหมครับ?"
เด็กไร้เดียงสา แถมมอบความไว้ใจให้โดยไม่คิดเอะใจสักนิดเอ่ยถาม


"ได้สิ มาๆนั่งๆ"



       คายัคหันไปบอกบอลเสียงเบา



"รีบกิน รีบกลับเนอะ"



"เออๆ"



       เมื่อทั้งสองตกลงอยู่ต่อ คายัคต่อรองกับพี่เก้ง

 
"ผมขอรับเงินก่อนนะครับ..."

 

      เก้งยิ้มพอใจควักเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์จ่ายให้คายัคและบอลครบตามจำนวน เก้งตบเบาะตรงที่นั่งข้างๆให้คายัคมานั่ง ส่วนบอลโดนเรียกให้ไปนั่งข้างพี่อีกคน



       เก้งรินวิสกี้ใส่แก้วช็อต ยื่นให้บอลและคายัครับไปดื่มแบบเพียวๆ จบแก้วแรก ทั้งสองต่างรีบกระดกน้ำเปล่าจากขวดกลบความร้อนรุ่มในร่าง



"เป็นไง?"


"ร้อนกว่าเมื่อวานอีกครับ"
คายัคบอก เก้งหลุดยิ้ม ใช้หลังมือลูบแก้มเด็กหนุ่มที่เริ่มแดงและโน้มตัวไปใกล้กว่าเก่า


"รู้ตัวหรือเปล่าว่า ตัวเองเป็นเด็กหน้าตาดี?"
คายัคขยับตัวถอยหลัง และส่ายหน้า


"มะ...ไม่รู้ครับ"


"คายัค พี่มีข้อเสนอ อันนี้พี่ซีเรียส สนใจให้พี่เลี้ยงดูไหม?"



      เด็กหนุ่มเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ ว่าการเลี้ยงดูที่พี่เก้งพูดถึงนั้นนั่นหมายถึง การอุปการะแบบเด็กด้อยโอกาส หรือหมายถึง การเลี้ยงดูแบบที่อาทัชเลี้ยงคายัคอย่างทุกวันนี้



"เอ่อ...เลี้ยงดูยังไงหรอครับ? กินข้าว ให้เงินไปเรียนอย่างนี้เหรอ?"



"ทำนองนั้น อาจมีกินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง  ถ้าพี่โทรให้คายัคมาหาก็ต้องมาพี่เชื่อว่าคายัคทำได้อยู่แล้วล่ะ งานสบายจะตาย พี่เสนอให้เดือนละสองหมื่น ไม่รวมค่าเสื้อผ้าอื่นๆ หรือ ถ้าอยากได้มือถือใหม่ พี่ก็ซื้อให้ได้"



     ตาโตที่ได้ฟังข้อเสนอ คายัคดีใจที่ตัวเองได้เงินตั้งเยอะ ทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบมัธยมด้วยซ้ำ คายัคอยากตอบรับเลย แต่ก็กลัวจะมีปัญหากับอาทัชที่ไม่ยอมบอกก่อนเหมือนตอนที่คายัคไปทำงานกับแม่บอลอีก


"เรื่องงานนี้ ผมขอปรึกษาอาผมก่อนนะครับ" ยังเข้าใจว่ามันคืองาน



"หืออ...ปรึกษาทำไมกัน งานไม่ยากเลยนะนี่ พี่ไม่หลอกเราไปขายหรอกน่า คายัคไม่อยากได้เงินไปตอบแทนผู้มีพระคุณหรอ? สมัยนี้ คนตกงานกันเยอะจะตาย นี่มันคือโอกาสของคายัคแล้วนะ สองหมื่น ไม่รวมค่าช้อปปิ้ง คิดดูดีๆนะครับ" เก้งว่าด้วยรอยยิ้ม มิวายใช้หลังมือลูบปลายคางเด็กหนุ่มอย่างหยอกล้อ


      หนักใจอยากตบปากรับคำ แต่แคร์ความรู้สึกอาทัชมากกว่า



"ผมขอเวลาคิดแล้วกันนะครับ"


"อะอะ พี่ไม่อยากกดดัน เดี๋ยวจะคิดว่าพี่ไปบีบบังคับอีก แต่ฝากไว้ให้คิดแล้วกันว่า มองพี่ให้เหมือนพี่ชาย คายัคจะได้สบายใจขึ้น"
ยังยิ้ม ก่อนจะดึงมาคายัคมาจับแก้วตัวเองแล้วอ้อนให้คายัคดื่มรวดเดียว



       เก้งยังไม่อยากเร่งรัดคายัค จึงเปลี่ยนเรื่องคุย



     เก้งและเพื่อนชวนเด็กวัยสิบหกคุยอย่างสนุกสนาน ซึ่งเวลาผ่านไป บอลและคายัคก็ดื่มไปหลายแก้วแล้ว จังหวะนั้น คายัคปวดฉี่ จึงขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ เสร็จธุระ วักน้ำล้างหน้าก็รู้ตัวว่าถ้ากินต่อต้องเมากลับบ้านไม่ไหวแน่ จึงออกมาบอกบอลให้กลับบ้าน



     เก้งรู้ก็ทำหน้าตกใจ


"เมากันแล้วหรอ? ไปนอนพักห้องพี่ก่อนไหม? สักชั่วโมง ให้สร่างสักหน่อยค่อยกลับพวกพี่เป็นห่วง"

"ไม่ดีกว่าครับ"



"เอาน่า พี่ไม่ทำอะไรหรอก พวกพี่จะได้นั่งดื่มต่ออย่างไม่ต้องห่วงหรือพะวงด้วย"



"บอลมึงไหวปะ?"



"หลับสักนิดก็คงจะดี ตอนนี้ มันบอกไม่ถูกว่ะ"



"ถ้างั้นหลับก่อน ตั้งเวลาสักสี่สิบห้านาทีแล้วกลับนะเว้ยมึง"



"โอเค"
แค่มึนไม่ถึงกับเมา แต่เด็กหนุ่มทั้งสองยังคงคิดว่า ถ้าพักกายสักหน่อย น่าจะดีขึ้น



        จากสี่สิบห้านาทีที่ตั้งเป้าไว้ว่าถ้าถึงเวลาที่นาฬิกาปลุกค่อยกลับ ทว่า ผ่านไปแค่ยี่สิบนาที คนหลับใหลรู้สึกเสียวปลายเท้าไล่มายังส่วนบนของร่างกาย บางจังหวะก็วูบหวิวแปลกๆ ในตอนแรกคายัคคิดว่าฝัน เลยยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่ไม่กี่นาทีที่คายัครู้สึกถึงความเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ



"คายัค ตื่น!"



      จำได้แม่นกับเนื้อเสียงของพ่อที่ตวาดอยู่ข้างหู คายัคสะดุ้งสุดตัว ลืมตาตื่นโดยไม่รู้แล้วว่าอันไหนความจริง อันไหนความฝัน



     หันซ้าย หันขวา ก่อนจะกดตามองส่วนล่างของตัวเองต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อภาพสุดท้ายคือเห็นพี่เก้งผงกศรีษะขึ้นจากการออรัลเซ็กซ์เด็กหนุ่ม ยันกายมานั่งตัวตรง



     ช็อคตาโต เมื่อเหลือบเห็นมืออีกฝ่ายเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีขุ่น


"เหี้ย!"




      คายัคสบถทันที พอมีสติ ยกสองขาถีบกลางลำตัวพี่เก้งที่เคลิ้มอยู่จึงไม่ทันตั้งตัว ทำให้อีกฝ่ายล้มหงายหลัง เด็กหนุ่มม้วนตัวลงเตียง คว้ากางเกงขาสั้น ที่อยู่ที่พื้นมาใส่ วิ่งไปกระชากหลังคอเสื้อเพื่อนพี่เก้งที่กำลังทำออรัลเซ็กซ์ให้บอลอยู่


     กระชากไหล่อีกฝ่ายให้หยุดกระทำชำเราเพื่อนตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงหมัดกระแทกเข้าที่กรามสุดแรง จนอีกฝ่ายล้มลงไปนอน ไม่รู้ว่าสลบหรือเปล่า?


    คายัครีบปลุกบอลที่ตอนนี้ นอนหลับตาพริ้ม



"ไอ้สัดบอลอย่าเคลิ้ม ลุกสิลุก"



     สะดุ้งตื่นจากแรงกระชาก บอลเหรอหราลุกพรวดคว้ากางเกงมาใส่ ตอนที่ได้ยินคายัคบอกว่าทำไมต้องหนี


"พวกมึง อย่าตามมานะ"



 
     รีบวิ่งออกจากห้อง ลงทางบันไดหนีไฟไปกดลิฟต์อีกชั้นอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะตามมา เมื่อลิฟต์มาถึง ประตูเปิดกว้าง ทั้งสองรีบกดปิดเพื่อต้องการให้ถึงชั้นล่างอย่างไวที่สุด



    ถึงชั้นหนึ่งอย่างปลอดภัย ทั้งสองพาตัวเองวิ่งไม่คิดชีวิต รีบโบกแท็กซี่ที่ริมถนนใหญ่ ตอนนี้ ความเมาเป็นอย่างไรทั้งสองลืมมันไปจนหมดสิ้น



    คายัคและบอลสร่างเมามาได้สักพัก เวลานี้ ต่างฝ่ายต่างตระหนกตกใจมากกว่า เด็กหนุ่มวัยสิบหกสองคนยืนใจเต้นแรงราวกับเพิ่งลงจากรถไฟเหาะมาหมาดๆ



"แฮ่กๆๆๆ...."

 
"เชี่ยเอ้ย กูโดนเอาหรือเปล่าวะเนี่ย?"
  บอลจับก้นตัวเองลูบแล้ว ลูบอีก พลางเอี้ยวตัวไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง



     คายัคก้มตัว งอเข่า พลางใช้มือยันเข่าสองข้างอย่างหอบเหนื่อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน


"คงไม่ถึงขั้นนั้น เพราะพวกเราตื่นก่อน แต่ที่แน่ๆ พวกเราโดนลวนลามว่ะ เชี่ยเอ้ย! แขยงสัด"



"เชี่ย เพราะมึงเลยไอ้ยัค"



"กูขอโทษเว้ย ไอ้บอล คืนนี้ กูนอนบ้านมึงได้ปะ กูไม่กล้าเจอหน้าอาทัชเลยว่ะ"



"เออๆ...มึงแม่ง เป็นไงล่ะ เงินดี เงินดี ห่าเอ้ย...ที่แท้แม่งหลอกฟันนี่หว่า"



"จะให้ทำไงวะ มันเกิดขึ้นแล้วนี่ กูขอโทษ  กูผิดเอง แม่งเอ้ยไม่น่าไว้ใจคนแบบนี้เลย  คิดแล้วยังขนลุกไม่หาย"



"ขึ้นแท็กซี่ก่อนเว้ย"



     เมื่อรถแท็กซี่มาจอดตรงที่ทั้งสองยืน รีบบอกที่หมาย ขึ้นไปก็นั่งกันนิ่ง แม้ร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อจะแห้งเหือดหาย จากการโดนความเย็นจากแอร์รถยนต์ แต่สิ่งที่ยังติดอยู่ในความรู้สึกของทั้งสองไม่หาย คือ นาทีระทึกจากการเกือบโดนช่วงชิงความบริสุทธิ์ไป



      นั่งเงียบจนถึงที่หมาย จ่ายเงินเข้าบ้านบอล อันดับแรกที่ทั้งสองทำ คือต่างรีบแยกย้ายกันไปอาบน้ำ เพื่อชำระร่างกายที่ทั้งสองแขยง คายัคทั้งถู ทั้งขัดตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง เด็กหนุ่มขัดแรงมากจนรู้สึกแสบไปหมด



      กินเวลานานกว่าทุกที เมื่อพึงพอใจกับการชำระร่างกายที่คิดว่าสะอาดหมดจด ถึงออกมา นั่งรอบอลที่เตียงโดยสวมใส่ชุดเดิม ระหว่างรอ ก็โทรหาอาทัชว่าขอนอนค้างบ้านเพื่อน



      สิบนาทีผ่านไป บอลเดินเข้ามานั่งมองในสภาพหน้าแดง ตัวแดง


"กูขอโทษนะบอล" ก็ยังรู้สึกผิดไม่หายที่ดันลากเพื่อนไปลงนรกด้วย



"เออๆ มันผ่านมาแล้ว ช่างแม่งเหอะ ไม่อยากคิดแล้ว ยิ่งคิดยิ่งแย่ว่ะ จากนี้ กูจะไม่เชื่อใจใครแล้วว่ะ"


"เออกูก็เหมือนกัน"



"นอนๆเหอะว่ะ กูไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้ว ปวดหัว"



      ก่อนบอลจะล้มตัวลงนอน คายัคจับแขนเพื่อนแน่น



"ขอบคุณที่มึงไม่ทิ้งและไม่โกรธกู กูซึ้งใจมึงว่ะ"



"อย่ามาซึ้งตอนนี้น่า กูจะนอน"



    มองบอลที่ตอนนี้หลับตาตัดบทก็เลยต้องทิ้งตัวลงนอนบ้าง



    เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า คายัคจะไม่ละโมบ โลภมากและไม่เห็นแก่เงินมากเกินไป รวมถึงคายัคจะระมัดระวังและไม่ไว้ใจใครง่ายๆอีก



 
     ช่างเป็นบทเรียนราคาแพงที่คายัคจะจดจำไว้ไม่ลืม...





"นี่กูนอนไม่หลับมาจะสองชั่วโมงแล้วหรอวะ?"




       ตั้งแต่ล้มตัวลงนอนพร้อมหลับตา ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ร่างกายที่พัก เพราะสมองกลับไม่เป็นเช่นนั้น มันยังคงคิดถึงแต่เรื่องเดิมไม่หยุดหย่อน คายัคพลิกตัวไปมา จนกระทั่งมาดูนาฬิกาถึงเพิ่งรู้ว่าผ่านมาแล้วสองชั่วโมงที่คายัคนอนไม่หลับ



       ตัดสินใจสะกิดเพื่อน ให้ลงไปส่งหน้าบ้าน เพราะคายัคหลับไม่ลงจริงๆ เขาอยากกลับบ้านไปหาอาทัชเหลือเกิน


        ปลุกเพื่อนจนตื่น บอลบ่นอย่างรำคาญ ก่อนจะลุกจากเตียงเดินงัวเงียลงไปเปิดประตูหน้าบ้าน ที่ตอนนี้แท็กซี่ที่คายัคเรียกจากแอพพลิเคชั่นก็มาถึง



       ก่อนถึงบ้าน คายัครบกวนพี่คนขับช่วยแวะร้านสะดวกซื้อริมถนนก่อน

 
       ได้ของตามต้องการ คายัคกลับมาขึ้นรถ ใช้ระยะเวลาไม่นานก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย คายัคย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอาทัชโดยไม่เปิดไฟ เขาอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ

 

       ค่อยๆปีนขึ้นเตียงและทิ้งน้ำหนักตัวให้เบาที่สุด ความมืดทำให้คายัคคลำ ควานสะเปะสะปะเพื่อหาอะไรบางอย่าง จนกระทั่ง คายัคแตะโดนอาวุธคู่กายของอาทัชผ่านกางเกางนอนได้สำเร็จ

 
       ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ในกายร้อนวูบวาบแปลกๆ เด็กหนุ่มกัดปากจนเจ็บ เมื่อรู้ว่าแก่นกายของตัวเองแข็งขืนจนปวดหน่วงหนึบอย่างบอกไม่ถูก



       คิดดีแล้วว่าหนทางเดียวที่คายัคจะลบภาพเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้ คือ มีเซ็กซ์กับอาทัช
 

"ขอโทษนะครับ อาทัช"

 

      ขออนุญาตคนหลับอย่างไร้ประโยชน์ เพราะอินทัชก็ไม่ได้ยินอยู่ดี


      ยอมรับว่าแอลกอฮอล์มีส่วนกระตุ้นให้คายัคกล้าทำในสิ่งที่อยากทำมาแสนนาน คายัคสร่างเมานานแล้ว และเวลานี้เขารู้ตัวหมดว่ากำลังทำอะไรอยู่ คายัคกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นั่งชันเข่าบนเตียง โน้มตัวไปแกะกระดุมเสื้อนอนของอาทัชอย่างเบามือที่สุด

 
        ดูเหมือนว่า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศจะไม่ช่วยอะไร เมื่อคนที่คิดไม่ซื่อกับอาของตัวเองแกะกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จด้วยเม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าและแผ่นหลัง แทบกลั้นหายใจตอนที่แบะสาบเสื้อออกจากกัน เด็กหนุ่มแตะนิ้วลงบนผิวกายที่เย็นๆและลูบไล้ช้าๆ

 

   แค่สัมผัสผิวเนียน คายัคก็ปวดหน่วงหนึบช่วงล่างมากกว่าเดิม

 
    เด็กหนุ่มยกขาอาทัชขึ้นสูง ค่อยๆดึงกางเกงยางยืดจากสะโพกลงมาถึงต้นขา จับอาทัชอ้าขาให้กว้างกว่าเดิม พยายามถอดกางเกงให้หลุดออกจากขาได้จนสำเร็จ

 

    โยนทิ้งลงพื้น และดึงกางเกงตัวเองลง คว้าเจลหล่อลื่นที่เพิ่งซื้อมาจากเซเว่นชะโลมลงไปช่องทางรักข้างหลังของอาทัช

 

     ใจสั่นอย่างแรง เพราะเป็นครั้งแรกที่คายัคตั้งใจจะมีเซ็กซ์กับอาทัช



      ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ใจมันบอกว่าต้องทำ



     นาทีนี้  ฮอร์โมนพุ่งพล่าน ไหนจะความต้องการทางเพศที่ทะยานขึ้นสูงจนทะลุขีดจำกัด หนุ่มน้อยกำน้องชายตัวเองรูดรั้งขึ้นลงช้าๆ กัดปากกลั้นเสียง ก่อนจะกระเถิบตัวไปใกล้ ใช้ส่วนหัวแก่นกายถูไถช่องทางข้างหลังของอาทัช

 

"ซี้ดดดอ่าาาห์!"


       แค่ถูไถส่วนทางเข้าของอาทัชก็ส่งเสียงครางอย่างเสียวกระสัน อาวุธของคายัคตอนนี้พร้อมสู้ศึกเต็มที่ แต่ทว่า คายัคยังไม่สอดใส่ เขาอยากสัมผัสเนื้อตัวอาทัชมากกว่านี้สักหน่อย



        ยามนี้ ริมฝีปากอุ่นๆประทับลงบนแผ่นอกเย็นเฉียบที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ คายัคขบเม้มพลางแลบลิ้นเลียผิวกายวนอย่างอยากรู้อยากลอง ก่อนจะลากริมฝีปากลงมาโลมเลียยอดอกที่แข็งเป็นตุ่มไต



       ไม่เคยรู้สึกดีและตื่นเต้นอะไรอย่างนี้มาก่อน ยิ่งดึงดูดยอดอกของอาทัชเท่าไหร่ คายัคยิ่งรู้สึกถึงความเสียวซ่านมากขึ้นเท่านั้น



        ความต้องการทางกามารมณ์ของคายัค ทำให้เด็กหนุ่มไม่สนใจแล้วว่าอาทัชจะตื่นขึ้นมากลางคันหรือเปล่า คายัคยังรูดรั้งแก่นกายของตัวเองไปพร้อมกับการเขยิบตัวขึ้นไปจูบปากอาทัชดึงดูดริมฝีปากล่างเบาๆ โดยที่ยังไม่ได้สอดเรียวลิ้นเข้าไป



      แต่ทันใดนั้น...


      อินทัชสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกแปลกประหลาดกับตัวเอง รีบผลักบางสิ่งให้พ้นกาย เอี้ยวตัวไปเปิดไฟที่หัวเตียง

 
      หันกลับมาตกใจ เห็นเด็กหนุ่มกระเด็นไปอยู่ปลายเท้า กดตาลงมองช่วงล่างของตัวเองอย่างตกใจ เมื่อไม่มีกางเกงปกปิดของสงวน



"จะทำอะไรน่ะ คายัค"



"คะ..คือ...ผะผม...ขอโทษครับ ผมขอโทษ" พอโดนดุ น้ำตารื้นเอ่อดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่


"นี่คายัค คิดจะแอบมีเซ็กซ์กับอา ตอนอาหลับอย่างงั้นเหรอ? ห้ะ?..."

 

        เด็กหนุ่มก้มหน้ารู้สึกผิด


"ครับ"

 

"คายัค รู้ไหม? ว่า...."


        มาถึงขนาดนี้ คายัคไม่มีทางให้มันจบลงด้วยการอดร่วมรักกับอาทัชได้ คายัคต้องการอาทัชมากถึงมากที่สุด เด็กหนุ่มไม่ยอมแล้ว เข้าไปโผกอดอย่างไม่ฟังคำค้าน และซุกใบหน้าลงตรงลำคอของอีกฝ่าย


       อินทัชรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอ และตามมาด้วยถ้อยคำจริงใจเอ่ยออกมาเสียงเบา ทว่า หนักแน่นมั่นคง


"อาทัช ผมขอมีอะไรด้วยได้ไหมครับ?"




    ....................................



เรื่องของพี่เก้ง คายัคมีสองความคิดตีกันในหัวอะค่ะ แบบลังเลว่าคนนี้ดีจริงไหม มาไม้ไหน แต่สักพักก็จะมีความคิดโลกสวยมาบอกว่า อย่าคิดลบสิ เขามาดีนะแกรรร 555
ส่วนเงินที่ได้มาห้าพันบาท คิดซะว่าซื้อค่าประสบการณ์และบทเรียนราคาแพงเนอะ (ว่าแต่สงสารบอลง่า)

.

ต่อมา เราจะมาดูในส่วนของอาทัชนั้น...ว่า..จะให้ไหม? :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8.2 || 2-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-07-2018 23:12:12
คายัคทำแบบนี้ไม่โตเลยนะลูกกก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8.2 || 2-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-07-2018 00:06:12
โอ้ยยยยย ค้างงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 8.2 || 2-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 03-07-2018 17:32:16
เงินดีๆ ไม่น่าเล้ยยยยยย  :ling3:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9 || 6-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-07-2018 20:09:19
 

บทที่ 9  แฟน



 



         ไม่คิดว่า คายัคจะกล้าขอกันตรงๆแบบนี้ อินทัชเงียบอยู่นาน เพราะรู้ดีว่า ถ้าเปิดโอกาสให้มีครั้งแรก แน่นอนว่าครั้งที่สอง สาม สี่ ต้องตามมาและนี่จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ



         บางที เหตุผลอาจไม่สำคัญเท่าความรู้สึกที่ได้รับอยู่วินาทีนี้



        ความอบอุ่นจากอ้อมกอดอีกฝ่ายที่กระชับวงแขนแน่นทำให้อินทัชตัดสินใจให้คำตอบเป็นการจูบ

 

        รั้งคอมาแลกจูบกันจนเสียงจูบจ๊วบจ๊าบดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสองแม้เสียงจะดูหยาบโลน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใต้เสียงนั้น มันแฝงด้วยบทจูบที่หวานและโรแมนติกไม่น้อย


 
        ปลายลิ้นที่ตวัดเกี่ยวกับลิ้นนุ่มภายในผสมผสานกับน้ำหวานใสยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้น ทั้งสองยังคงจูบนัวเนีย ในขณะเดียวกัน มือของต่างฝ่าย ต่างลูบไล้ผิวกายกระตุ้นอารมณ์ให้วาบหวาม ก่อนที่อินทัชจะเป็นฝ่ายดันคายัคให้นอนราบไปกับเตียง และขึ้นคร่อมทับบนตัวเด็กหนุ่ม ผละจากริมฝีปากสีแดงสด เคลื่อนลงต่ำ พรมจูบทั่วแผ่นอกและไหปราร้า มืออินทัชก็รูดรั้งแก่นกายของหนุ่มน้อยไปด้วย


      เพียงปลายนิ้วบดขยี้ส่วนปลายสีแดงก่ำ คายัคหลุดเสียงคราง แหงนหน้าขึ้น หอบอากาศเข้าเต็มปอด

           
      ในขณะที่ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ประทับจูบบนตัวจนเกิดเป็นรอยสีแดงกุหลาบทั่วแผ่นอก มือก็ละจากแก่นกายของเด็กหนุ่ม เปลี่ยนไปชะโลมเจลช่องทางด้านหลังของหนุ่มน้อย ลูบวนถูไถเบาๆก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปทันใดนั้น...



 

"อาทัช ผมไม่ได้จะรับนะ" ตกใจร้องห้ามและยกมือดันอกอาทัช




"แต่คายัคไม่เคยนี่....ใช่ไหม?" ถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าระหว่างนี้ เด็กหนุ่มแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครมาหรือเปล่า?



"อาทัชก็สอนผมสิครับ แต่ผมไม่เอาแบบนี้แน่ๆ"



      เงียบมองคายัคหน้าซีดเผือก สุดท้ายก็ใจอ่อน อินทัชยอมให้เด็กหนุ่มเป็นคนรุกล้ำอาณาเขตของเขาแทนก็ได้



       ตอนนี้ อินทัชยังนั่งคร่อมบนตัวคายัคอยู่ เขาไม่พูดอะไร ลูบร่องก้นของตัวเอง พลางใช้นิ้วสอดเข้าไปข้างในช่องทางแห่งรักอันชุ่มฉ่ำจากเจลหล่อลื่นเพื่อเปิดช่องทางให้กว้างและผ่อนคลายกว่าเก่า ไม่กี่วินาที อินทัชดึงมือเด็กหนุ่มสอดนิ้วเข้าไปแทนนิ้วของเขา จากนั้น คายัคก็ไม่รู้รีบเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง



       ตัวเกร็งกระตุก พลางสะดุ้งเฮือกเมื่อคายัคสอดนิ้วเข้าไปจนสุดและดึงเข้าดึงออกอย่างไม่ยั้งแรงสักนิด



"อ้ะ คายัค จะไม่ถนอมอาหน่อยเหรอ?"



"อาทัชเจ็บหรือครับ ผมขอโทษ"





       เพียงช่องทางรักของอาทัชตอดรัดนิ้ว คายัคก็เสียวซ่านจนลืมตัว เผลอกระทำรุนแรงและเข้าออกรวดเร็วไปหน่อย เด็กหนุ่มจึงชะงัก ก่อนจะปรับระดับจังหวะให้ช้าลงและเบามือมากขึ้น



"ทำต่อเถอะ"



        ปากว่า พลางกดตาลงต่ำมองเด็กหนุ่มนอนสบตากันด้วยรอยยิ้มมุมปาก ใบหน้าแดงจัดที่แสดงออกว่าต้องการมันอย่างหนัก ยอมรับเลยว่ามันกระตุ้นอารมณ์อินทัชได้ดี แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกของคายัค แต่อินทัชกลับเต็มใจยอมเป็นหนูทดลองเพราะตระหนักได้ว่าคายัคก็คงไม่อยากให้เซ็กซ์ครั้งแรกห่วยแน่ๆ

   
       ถอนนิ้วของคายัคออกแล้วจับแก่นกายของเด็กหนุ่มให้เสียบเข้ามาแทน แน่นอนว่าสำหรับอินทัชเองที่ห่างหายไปนานก็ย่อมไม่คุ้นชินเท่าไหร่กับการโดนสอดใส่อีกครั้ง



ฟึ่บ!


      อินทัชค่อยๆกดสะโพกลงทีละนิดจนสุดทางฝัน เริ่มขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ มืออีกข้างที่ว่างสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากันแน่น


      ความเจ็บ จุก เสียด พุ่งเข้ามา อินทัชกัดปากจนเจ็บเพื่อทน แต่หลังจากนั้น ยอมรับว่าความรู้สึกทั้งหมดกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเสียววาบ ซาบซ่านทั่วร่างจนรู้สึกว่า มันส์ ดี มากจริงๆ...


       นั่งแยกปลายเท้าอยู่บนตัวของเด็กหนุ่ม แหงนหน้ามองเพดาน อ้าปากรับอากาศเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ ในขณะที่ยังกระแทกกระทั้นสะโพกอยู่เหมือนเดิม


 หมับ!



“อื้อ..อ้ะ.”


       หลุดครางเสียงกระเส่า เมื่อสองมือคายัคจับสะโพกเอาไว้มั่น แล้วเป็นฝ่ายดันตัวเข้ามา คราวนี้ ไม่ใช่อินทัชที่จัดการแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่มันเกิดจากการร่วมด้วยช่วยกันที่คายัคก็กระเด้งรับจังหวะการขย่มของอีกฝ่ายจนเสียงเนื้อกระทบกันปนเสียงครางดังลั่นห้องอยู่หลายนาที




         อยากเป็นคนคุมเกมส์ในท่าที่ถนัดกว่านี้ คายัคยันกายขึ้นมาแล้วดันตัวอาทัชให้นอนหงาย เมื่อเปลี่ยนท่าได้เรียบร้อย คายัคจับข้อเท้าอาทัชยกขึ้นสูง และกระแทกกระทั้นลงมาจนอาทัชร้องซี๊ด


        จ้องมองคนข้างใต้ครางพลางหลับตา เกร็งตัวบิดไป บิดมา เส้นผมอันยุ่งเหยิงปิดบังบางส่วนของใบหน้าที่แดงจัด ท่าทางทั้งหมดของคนตรงหน้าบอกเลยว่าโคตรยั่ว  มองกี่ครั้งก็วูบวาบในอกอย่างแปลกประหลาด


       หนุ่มน้อยทิ้งน้ำหนัก กดร่างอาทัชเกือบจมเตียง ก้มลงต่ำไปจูบไซ้ซอกคอ เลียใบหู จนสองคนสลับกันส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะๆ

     



        อินทัชผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวของตัวเอง ยามที่ช่องทางด้านหลังกำลังตอดรัดหนักๆ อินทัชเอื้อมมือไปบีบไหล่คายัคแน่น นั่นก็ทำให้คนที่จ้องมองอยู่ข้างบนโน้มมากดจูบที่กกหูเบาๆ และเอ่ย


"อา...ทัช...ครับ...โคตรมันส์...เลยครับ แฮกๆ...อ่าห์"



"อ้ะ...อื้มมมม..."

 


     ไม่คิดว่าช่องทางคับแคบของอาทัชจะทำให้เด็กหนุ่มปวดหนึบเช่นนี้ โดยเฉพาะยิ่งเวลามันตอดรัดแท่งร้อนของคายัค มันเสียวซ่านมากๆ คายัคเร่งจังหวะกระแทกไม่ยั้ง จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องขึ้นมา และความรุนแรงจากการเคลื่อนไหวท่วงท่าของร่างกายยังทำให้เตียงนอนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ขยับตัว


 
     ไม่รู้ว่าการมีเซ็กซ์กับคนที่รักจะดีงามขนาดนี้ ทั้งช่วงล่างที่ยังคงเชื่อมต่อกัน ทั้งแรงจาบจ้วง ทุกเสียงหอบหายใจปนเสียงคราง รวมไปถึงมือทั้งสองสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากันแน่น ทั้งหมดทั้งมวลนั้น  คายัคมั่นใจว่า มันคือความรักที่ส่งผ่านถึงกันและกัน



       ยามนี้ เสียงครางดังประสานกันไปทั้งห้อง เมื่อทั้งสองตัวเกร็งกระตุก แหละไม่นานเกินรอ สองคนได้ปลดปล่อยความต้องการออกจนหมดสิ้นท่ามกลางเสียงหอบหายใจหนักๆ


      คายัคยิ้มมุมปากโน้มตัวไปกดจูบบนริมฝีปากของอาทัชอย่างอ่อนโยนที่สุด
 
           
"ขอบคุณนะครับอาทัช ผมไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้"

 

"ครับ...ดึกแล้ว นอนเถอะ"





       ไม่ดื้อดึงให้อีกฝ่ายรำคาญใจ เขาแค่ซุกหน้าลงบนซอกคออีกฝ่าย ขบเม้มดึงดูดหวังตีตราจอง จากนั้น คายัคกดจูบที่กกหูและพูดเป็นประโยคสุดท้ายของคืนนี้
 



"ผมรักอาทัชนะ"



       กระซิบเสียงแผ่วเบาราวขนนก แต่เหนืออื่นใด ผู้ฟังรับรู้ได้ถึงความมั่นคง หนักแน่นดั่งหินผา จนน้ำตาของคนอายุมากกว่าเอ่อล้นขอบตาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่...
     





 

........................



       นับว่าเป็นการร่วมรักครั้งแรกที่คายัคประทับใจไม่รู้ลืม เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นการเสพสมที่สร้างความสุขได้มากถึงเพียงนี้



       นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยังหุบยิ้มไม่ได้ ยามสายของวันต่อมา คายัคถึงยังมีรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าไม่จางหาย



       ตอนนี้ คายัคแอบมองอาทัชตรงตีนบันไดในระหว่างที่อาทัชยืนคุยกับคนที่มาส่งเมล็ดกาแฟอยู่



"ทำไมไม่ทำมุมกาแฟดริปล่ะ ทัช เห็นเคยบอกพี่ว่าลูกค้าถามหากันเยอะ จะได้มีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มด้วย"


"ไม่ไหวหรอกครับ ผมไม่มีลูกน้อง ลำพังทุกวันนี้ ทำคนเดียวก็แทบไม่ทัน ถ้าทำกาแฟดริปด้วยกลัวรสชาติจะแย่หากผมโฟกัสมันไม่มากพอ"



"อืมพี่ก็ลืมไป นี่ทำมาจนร้านอยู่ตัวขนาดนี้ พี่ว่าจ้างเด็กเถอะ ทัชเองจะได้มีเวลาไปพักผ่อน ออกไปดูโลกบ้าง"




    มองอาทัชยืนนิ่งเงียบ นั่นสิ จะว่าไป ตั้งแต่คายัคอยู่กับอาทัชมา เขาแทบไม่เห็นอาทัชไปเที่ยวไหนเลย



"ขอบคุณนะครับพี่"


"อืม พี่แค่แนะนำน่ะ พี่ไปละ อ้อ...ถ้าอยากจะลองเบลนด์เมล็ดกาแฟสูตรใหม่ บอกพี่นะ ตอนนี้ มีตัวใหม่จะแนะนำ"



"ได้ครับพี่ ขอบคุณมากนะครับ"



     หลังจากพี่ผู้ชายหน้าโหดตัวใหญ่ เดินคล้อยหลังไป คายัคถึงเดินเข้าไปหาอาทัชด้านในเคาน์เตอร์


      กวาดตามองรอบร้าน ก่อนจะหลับตา ตั้งใจสูดดมกลิ่นกาแฟหอมอ่อนๆ ยืนฟังเสียงบดเมล็ดกาแฟ ไม่เว้นแม้แต่เสียงช้อนแสตนเลสกระทบกับถ้วยตวง คายัครู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง ที่ต่างน่าจะเป็นบาริสต้าหน้าตาดีที่ยืนง่วนกับการทำกาแฟที่คายัครักมากกว่าเดิม ทั้งยังจ้องมองได้ไม่รู้เบื่อ

       
       ใบหน้าคมผุดรอยยิ้ม วางมือลงบนพื้นแสตนเลส เอียงคอมองและโน้มตัวไปจูบมุมปาก



"วันนี้ผมขอไม่ไปเรียนนะครับ ปวดตัว"



      มองคนจงใจพูดแซวพลางยิ้มหวาน ทั้งยังส่งสายตาล้อเลียนก็รีบแทรก



"ถ้าจะหยุด ก็เรียนให้ทันเพื่อนแล้วกัน"



"ครับผม"



      เห็นคนพยายามหลบหน้าก็พอรู้ คงไม่พ้นเรื่องเซ็กซ์เมื่อคืน คายัคไม่อยากเซ้าซี้ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย...

 


"ผมไม่เคยถามเลย ปกติอาทัชชอบดื่มกาแฟอะไรครับ?"


"คาปูชิโน่ร้อนครับ ถามทำไม?"

 

"สอนผมทำหน่อยสิ"

 

"ทำไมถึงอยากทำ ก่อนหน้านี้ ไม่นึกสน"

 

"เพราะเมนูนี้ อาทัชชอบ ผมอยากทำ"

 



        หันไปมองคนที่ว่าจบ ยกมือมาโอบรอบเอวอินทัชไว้หลวมๆ



"อืม ถ้าจะให้สอนก็ปล่อยก่อน"



        คายัคยิ้ม ก่อนจะปล่อยมือยืนมองอาทัชที่ตระเตรียมอุปกรณ์และคอยยืนบอกทีละสเต็ปให้ทำตามขั้นตอน เริ่มตั้งแต่บดเมล็ดกาแฟ ทำเอสเพรซโซ่ ช็อต รวมไปถึงขั้นตอนสุดท้าย คือ การสตรีมนมเพื่อทำโฟมนม อินทัชจับมือคายัคให้นำก้านสตรีมนมหรือหัวเป่าไอน้ำที่ต่อจากเครื่องชงกาแฟจุ่มก้านลงไปในพิชเชอร์ที่มีนมสดเย็นอยู่ประมาณครึ่งก้าน จากนั้น เอียงพิชเชอร์ให้ได้องศาที่พอเหมาะเปิดวาวล์ให้แรงไอน้ำออกมาแล้วเริ่มเป่าฟองนมจนเปลี่ยนอุณหภูมิจากความเย็น เป็นอุ่น และร้อน ให้สตรีมจนเกิดเป็นฟองและสังเกตผิวโฟมนมจะมีความเนียนละเอียดขึ้น ทำไปสักพักก็จะได้โฟมนมตามที่ต้องการ



        ได้โฟมนม เด็กหนุ่มค่อยๆรินลงบนคาปูชิโน่ร้อนที่ชงไว้ก่อนหน้า จากนั้น ปิดท้ายด้วยการโรยผงชินนามอน จนได้เป็นเครื่องดื่มจากฝีมือของคายัค

 
"อาทัชชิมให้หน่อยสิครับ"

 

        ยื่นแก้วเซรามิกไปตรงหน้าอาทัชให้ได้ชิมฝีมือของเด็กหนุ่ม อาทัชละเลียดโฟมนมเนียนนุ่มและค่อยๆจิบคาปูชิโน่ร้อนไปด้วย จนรอบริมฝีปากเลอะคราบสีขาว


"เกือบดี อาจะบอกว่า การทำกาแฟน่ะ ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด ทั้ง....."

 

      คายัคมองหน้าอาทัชส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม ยกมือห้ามและเอ่ย

 
"อาทัชโฟมนมเลอะปากครับ"



   

       อินทัชกำลังใช้นิ้วเช็ด แต่เด็กหนุ่มดึงมือออก รีบโน้มตัวไปเลียริมฝีปาก เก็บกวาดทำความสะอาด จนไร้คราบหลงเหลือ แต่คายัคไม่หยุดแค่นั้น สอดปลายลิ้นเข้าโพรงปากเพื่อจูบดูดดื่มต่อ จากนั้นถึงพอ

 

"ไม่มีคราบแล้วครับ ว่าแต่กาแฟที่ผมทำอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย"

 

       ยิ้มกรุ้มกริ่ม มองใบหน้าแดงๆของอาทัชที่หลุบตาลงต่ำ กัดปาก คายัคก็อยากจับกดร่างอาทัชแล้วมีเซ็กซ์กันซะตรงนี้



        อินทัชหลบสายตาคนอายุน้อยกว่าที่ยื่นมือมาเกลี่ยปอยผมที่ตกลงใบหน้าพลางลูบไล้แก้มอินทัชเบาๆ อีกมือก็กุมมืออินทัชไว้



"เมื่อคืนผมมีความสุขมากจริงๆ..."


"....."



"อาทัชเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ?"



       ช้อนตามองคนที่ส่งสายตาฉายชัดถึงความจริงจังไร้แววล้อเล่น อินทัชยืนคิดหนัก คงถึงเวลาที่เขาควรชัดเจนสักที อินทัชยิ้มกว้าง ดึงคายัคเข้ามากอด


        แต่ทันใดนั้น...


"สวัสดี อินทัช"


เฮือก

 

     ทั้งสองหันไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แต่คนที่ดูหน้าเสียที่สุดเห็นจะเป็นอินทัช คนอายุมากกว่ารีบผละ


    เมื่อเห็น...

 

      ...อรรนพ...

   
     พี่ชายของอินทัช

 



"ทำไมพี่นพ มาไม่บอกก่อน" อินทัชหน้าซีด

 

"ถ้าบอก จะได้เห็นอะไรดีๆเหรอ?"

 


      ครู่หนึ่ง คายัคเห็นผู้ชายคนนั้นเหลือบมองมาจึงยกมือไหว้ แต่อีกฝ่ายกลับส่งสายตาวาวโรจน์จนคายัคสัมผัสได้ถึงความน่ากลัว


     อินทัชหันไปบอกคายัคให้อยู่แต่ข้างในเคาน์เตอร์ห้ามออกไปไหน ส่วนอินทัชเดินออกไปนั่งคุยกับพี่ชายตัวเองนอกร้าน

 

"นี่สินะ ที่ไม่คิดจะกลับบ้าน"

 

"....."

 
"แกยังมีพ่อ มีแม่นะ ทำไมถึงทำตัวเหมือนคนไม่เหลือใครล่ะห้ะ?"

 

"ผมมีความสุขตรงจุดนี้"



"หึๆ ความสุขที่มีร้านกาแฟเป็นของตัวเองหรือความสุขที่มีเด็กคนนั้น"

 

"....."

 
"มีสามัญสำนึกหรือเปล่าทัช? ตอนที่แกเคยยืมเงินฉันบอกเอาไปเลี้ยงเด็ก ฉันเห็นใจให้ยืม เพราะเห็นว่าแกเป็นคนดี อุปถัมภ์เด็กกำพร้า อย่างน้อยก็ช่วยชีวิตคนๆหนึ่งไม่ต้องไปนอนข้างถนน แต่แล้วนี่มันอะไร?"

 

"....."

 

"เฮอะ!...รักเด็กที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือ เนี่ยนะ ประสาท!"

 

"ผมโตพอและเชื่อว่าสิ่งที่ทำมันไม่ผิด"

 

"แต่ก็ติดเด็กจนไม่คิดกลับไปหาพ่อ-แม่มาสี่ปีแล้วเนี่ยนะ"

 

   อินทัชเงียบกริบ พอตั้งแต่คายัคเข้าสู่ระดับชั้นมัธยมเขาก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านจริงๆ

 

"เรื่องนี้ผมผิด ผมขอโทษ"

 

"แม่แกอยากเลี้ยงหลาน"

 

     อินทัชเงยหน้าตอบ

 

"ผมพาคายัคไปหาแม่ก็ได้"

 

"แม่อยากได้หลานที่มาจากสายเลือดของคนในครอบครัวเดียวกัน ถึงเวลาที่แกควรมีเมีย เพื่อสร้างครอบครัวสักที"




    ในขณะที่นอกร้านกำลังสนทนากันอย่างดุเดือด ข้างในร้านแทบไม่ต่างกัน คายัคผุดลุด ผุดนั่งอย่างร้อนรน



     เขานั่งไม่ติดเก้าอี้ ชะเง้อมองอาทัชอย่างเป็นกังวล เพราะจากที่เห็นทั้งสองคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่



     กว่าสิบห้านาทีที่อาทัชเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเซื่องซึม เรื่องที่คายัคถามไปก่อนหน้าจึงต้องเก็บเข้ากุไปก่อน



"ผมเห็นอาทัชคุยกับคุณลุงดูเครียดๆ อาทัชโอเคใช่ไหมครับ"   


"โอเคครับ"


"มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหม?"



      ปากบอกว่าโอเค แต่สีหน้าไม่ได้ดีขึ้นเลย คายัคหวั่นใจว่ามีเรื่องไม่ดี ดึงมืออาทัชมาบีบกระชับเป็นระยะๆ



     ฝืนยิ้มเพราะไม่อยากให้คายัคเครียดตาม



"จากนี้ ช่วยเข้าใจอาก็พอ"



"ได้ครับ"

     

       ทั้งสองมองหน้ากันโดยความรู้สึกข้างในที่ต่าง



 


****1.1****
.

.

.

คนที่ซื่อสัตย์ในความรู้สึกอะนะ

เป็นกำลังใจให้น้องคายัคด้วยน้าาา... :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9 || 6-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-07-2018 21:41:40
รถมาม่าคว่ำ   :ling1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9 || 6-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-07-2018 02:09:40
 :katai1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9 || 6-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-07-2018 12:18:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอ่ยยย   ดราม่าครอบครัว  ดราม่าผู้สืบสกุล   เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9 || 6-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 07-07-2018 13:17:57
มาม่าคว่ำแบบไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9 || 6-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 07-07-2018 14:21:00
คุณ​ลุงมาขัดจังหวะพอดีเลย​ โอ้ยเป็นกำลังใจให้ทั้งอาทัชหลานยัคนะคะ​ ความรัก​ต้องมีอุปสรรค​เป็น​ธรรมดา​ เด่วระหว่าง​รอตอนต่อไปจะไปอ่านเรื่องอื่นของคุณคนเขียนรอค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่9.2|| 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-07-2018 20:02:36

บทที่ 9  แฟน(2)





"อาทัช ยื่นมือมาหน่อยครับ"


   คายัคเอ่ย ยามที่ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงเตรียมนอน มือหนาของอินทัชยื่นมาตามคำบอก คายัคยิ้มพร้อมคว้าแหวนลูกอม ริงป๊อปค่อยๆสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายของคนอายุมากกว่า



    แหวนลูกอมสีส้มรูปทรงคล้ายเพชรเม็ดโต ที่คายัคเห็นจากร้านขายของชำแถวโรงเรียน หัวสมองก็ผุดไอเดียทันทีว่ามันเป็นสื่อแทนใจได้



"เป็นแฟนกับผมนะครับ"



      เมื่อสบโอกาสคายัคจึงถามเรื่องที่ติดค้างในหัวสมอง คายัคไม่ถอดใจแค่ต้องรอเวลาให้อาทัชอารมณ์ดี ซึ่งนั้นก็ผ่านไปสี่วันนับจากวันที่พี่ชายของอาทัชมาหาถึงจะได้โอกาสนี้


      อินทัชก้มมองแหวนลูกอม ริงป๊อปอยู่บนนิ้วนางก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาบางเบา เขายกมือข้างที่มีแหวน ลูบหน้าคายัคและถาม



"คายัค มีอะไรกันไหม?"


    ไม่ตอบรับเรื่องความสัมพันธ์ แต่กลับพูดอีกเรื่อง จนคายัคนั่งอึ้ง



"อาทัชแน่ใจนะครับ"



      อินทัชพยักหน้ารับ และโน้มตัวไปจูบเป็นการส่งสัญญาณ จากนั้น ทั้งสองก็ร่วมรักกันจนกินเวลาไปสักพักก็ถึงฝั่งฝันกันทั้งสองฝ่าย




      ล้มตัวลงนอนกอดกัน คายัคกดจมูกฝังลงข้างขมับแล้วเอ่ย


"อาทัชเป็นแฟนผมแล้วนะ"


      คนที่คิดว่าการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างไรซะ มันก็คือ การตกลงเป็นแฟนกันเป็นที่เรียบร้อย



     ลูบผมที่ล้อมกรอบหน้าคายัค เม้มปากเงียบ เพื่อใช้ความคิดในการสรรหาคำพูดที่ถนอมน้ำใจที่สุด



"เราเป็นแฟนกันไม่ได้หรอก อาว่าความสัมพันธ์ของเราคงไปกันไม่รอด"


"ทำไมอาทัชพูดแบบนี้ล่ะครับ ผมรักอาทัชจริงๆนะครับ"


"พอโตขึ้น คายัคจะรู้เองว่าไม่ใช่ความรักอย่างเดียวหรอกที่ไปกันได้ มันมีเรื่องอื่นอีกเยอะที่คายัคต้องเรียนรู้ อาว่าคายัคถามตัวเองก่อนว่ารู้จักคำว่า 'คนรัก' ดีพอแล้วหรือยัง?"



"อาทัชก็ให้โอกาสผมได้รู้จักคำว่า 'คนรัก' มากขึ้นสิครับ นะครับ"


"คายัคยังเด็ก ต่อจากนี้ คายัคยังมีโอกาสเจอใครอีกมาก ไม่แน่อาจเจอคนที่ดีกว่า ดูดีกว่าอาก็ได้  อาว่า ที่คายัคเป็นแบบนี้ เพราะเราอาจอยู่ด้วยกันมากเกินไป"

 


     ไม่เคยเห็นอาทัชจริงจังอะไรเท่านี้มาก่อน มองอาทัชตัดบทด้วยการพลิกตัวตะแคง หันหลังให้


      เจ็บนะ แต่คายัคก็ไม่พูดอะไรอีก...


     คายัคไม่โวยวาย ไม่ควรทำตัวเป็นเด็กที่อยากได้อะไรก็เอาแต่เรียกร้องอีกแล้ว


"เราอาจอยู่ด้วยกันมากเกินไป...งั้นหรอ?"



      ไม่ได้ตีความหมายผิดไปใช่ไหมที่ อาทัชจะสื่อเป็นนัยๆว่า ถึงเวลาที่เราควรลองห่างกันสักที














.....................
 



     

     ตั้งแต่วันที่คายัคได้ยินอาทัชบอกแบบนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูจะแย่กว่าเดิม ต่างฝ่ายต่างพูดน้อยลง จนกระทั่งวันนี้ วันที่ คายัคตัดสินใจจะคุยกับอาทัชให้รู้เรื่อง



      ถึงร้านกาแฟในเวลาสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาปิดร้านแล้ว มือเรียวผลักประตูกระจกใส คิ้วเข้มขมวดเป็นปม เมื่อเห็นอาทัชอยู่กับคุณภูมิ จะไม่นึกโกรธ หากคุณภูมิอยู่นอกเคาน์เตอร์ดังเดิม ไม่ใช่ข้างในที่ยืนชิดอาทัชและหัวเราะอย่างมีความสุขเกินเหตุ

 

"อาทัชครับ"


     อินทัชชะงัก

 

"คายัคมาแล้วเหรอ?"

 
"คิดว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมมารึยังล่ะครับ?"

 

"คายัค!"
 

      หลายวันที่ผ่านมา คายัคอึดอัดกับสิ่งที่อาทัชเปลี่ยนไป แล้วยิ่งมาเจออย่างนี้บอกเลยโคตรหงุดหงิด

 

"ทำไมมันไปอยู่ข้างใน?"

 

   กดเสียงต่ำพลางสะกดอารมณ์



"คายัคไม่ควรเรียกคุณภูมิว่า...มัน..."


"ทำไมผมจะเรียกไม่ได้..."

 

"เพราะฉันคือแฟนอินทัช" และเป็นภูภูมิเสียเองที่โพล่งขึ้นมา

 

กึก!
 

   ใบหน้าชาวาบ มือชา ตัวเย็น ใจเต้นแปล๊บๆ


   'แฟน' สถานะที่คายัคเฝ้ารอจากอาทัชมาตลอด บัดนี้ เขาไม่ได้รับ กลับเป็นคนอื่น



    ยืนนิ่งด้วยความเจ็บปวดหัวใจ ราวกับมีมือใครมากำแน่นและบีบรัดหวังจะให้มันแหลกคามือได้ยิ่งดี



    พยายามเค้นทีละคำเพื่อพูดออกมา

"นี่...มัน...อะไรกัน?"


"ฉันก็พูดชัดอยู่ นายน่าจะได้ยินนะ ส่วนคืนนี้ ฉันขออินแล้ว เรื่องนอนค้างที่นี่"




    มั่นใจว่าถ้าคายัคยังอยู่ตรงนี้อีกสักนาที คงได้วางมวยกับคุณภูมิแน่นอน

 

     สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มือที่ถือถุงหูหิ้วพลากสติกใส่กล่องอาหารสองกล่องถูกวางลงบนเคาน์เตอร์

 

"ผมซื้อข้าวเย็นมาให้สองกล่องพอดี กินกันให้อร่อยนะครับ"

 

    ยืนมองเด็กหนุ่มเดินหายไปตรงทางขึ้นบันได ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางแล้วหลับตา


"ฟู่ว์"


    เป่าปากพ่นลมหายใจออกมา



"ผมเพิ่งเห็นหลานอินน่ารักก็วันนี้ เราไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวพอดี"


     แตะไหล่อินทัช และจูงมือพาออกจากเคาน์เตอร์ ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะกลม เปิดกล่องข้าวพลาสติกก็เจอเมนูโปรดของตัวเอง
 

     ข้าวผัดกระเพราไข่เยี่ยวม้า
 

      อินทัชกลืนก้อนน้ำตากลับลงไป และพยายามตักข้าวเข้าปาก ทั้งๆที่ใจไม่อยากกินเลยสักนิดเดียว



 







.................



ปึ่ก!


    เสียงตบโต๊ะดังลั่น มาพร้อมประโยคต่อมา


"ชลธาร เมื่อกี้ครูบอกให้เปิดหน้าไหน?"


"อย่าช่วยเพื่อนนะ นที"
บอลที่กำลังชี้นิ้วไปยังตัวเลขมุมขวาของหนังสือตัวเอง ก้มหน้าเงียบทันที


     คายัคมองหน้าคุณครู หลังจากเหม่อลอยอยู่นาน บัดนี้ เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไร เพราะหัวใจอ่อนแอเกินจนอยากขลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนมากกว่ามาเรียนด้วยซ้ำ


      จากวันนั้นที่คายัครู้สถานะว่าคุณภูมิเป็นแฟนของอาทัช ก็ผ่านมาแล้วราวสัปดาห์ที่คายัครู้ และสถานการณ์ตอนนี้ ย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า คายัคต้องพาตัวเองเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกจนดึกดื่นถึงค่อยกลับบ้านเพื่อหลบหน้าอาทัช   



"ไม่รู้ครับ"


"ใจลอยหาใคร ห้ะ!...ครูสอนแล้วไม่รู้จักฟัง"


"ผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับ"




     ลุกพรวดจากที่นั่ง ไม่สนคำยินยอมจากคุณครู เดินผ่านคุณครูที่ยืนอยู่หน้าห้อง เพื่อจะออกจากห้องเรียน แต่ทว่า นักเรียนทุกคนตาโตตกใจไม่คาดคิดว่า ครูจะขว้างแปรงลบกระดานลงกลางหลังอย่างแรง...


ปั่ก..


"ฉันยังไม่อนุญาต ใครให้ไปไม่ทราบ?...ห้ะ!...ชลธาร..."



     เสียงตวาดจากคุณครูวัยใกล้ห้าสิบดังขึ้นจนทุกคนตกใจ พวกกลุ่มคายัครีบกรูกันไปห้ามเพื่อนเมื่อคายัคหันหลังมาด้วยความโกรธ ดูจากอาการแล้ว คายัคมีสิทธิ์ต่อยหน้าคุณครูได้



    แคนยกมือไหว้ขอโทษ ขอโพยแทนคายัค ก่อนที่จะขออนุญาตครูพาเพื่อนไปสงบอารมณ์



    บอลไม่ฟังใครแล้วตอนนี้ รีบกอดคอคายัคลากออกมานอกห้องเรียนก่อนเรื่องบานปลาย ส่วนเพื่อนที่เหลือก็วิ่งตามกันมาติดๆ


"ใจเย็นนะมึง ครูเขาก็เป็นงี้ทุกทีแหละ"


"......"



"อ่าๆ ถ้ามึงยังไม่หายหงุดหงิด คาบหน้ากูโดดเรียนเป็นเพื่อนมึงก็ได้"



"พวกกูโดดด้วย"
โมทย์ตะโกนเสียงดัง จากนั้น แคน ติ๊ก เก่ง ก็ขานพร้อมกัน


    ตอนนี้ เพื่อนๆทุกคนรู้แล้วว่า ที่คายัคอารมณ์ขึ้นๆลงๆ อันเนื่องมาจาก คายัคไม่สมหวังจากความรัก เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าต้นเหตุของการผิดหวังคืออาทัชคบคนอื่นแล้ว...



      คายัคหันไปยิ้มให้เพื่อนๆทุกคน ที่แม้เขาจะมีปัญหา พวก บอล แคน ติ๊ก โมทย์ เก่ง ก็ยังคอยเคียงข้างไม่ไปไหน...




"ขอบใจ แต่กูไม่อยากให้พวกมึงเดือดร้อน ไปเรียนเถอะ กูอยู่คนเดียวได้"



"เอาน่าไม่เป็นไรหรอก ไปดูดบุหรี่กัน" ติ๊กไม่อยากให้คายัคคิดมาก จึงดึงแขนคายัคให้ลงจากอาคารเรียน และมุ่งหน้าไปตรงห้องน้ำหลังโรงเรียน ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่อย่างบอลและแคนก็ยืนดูลาดเลาว่าคุณครูจะผ่านมาทางนี้หรือไม่


    ในจังหวะที่พวกคายัคยืนสูบบุหรี่กันนั้น...รุ่นพี่มอห้าราวสามสี่คนก็เดินมาหยุดตรงมุมอับที่พวกคายัคยืนสูบบุหรี่กันอยู่บริเวณหลังห้องน้ำ


    หนึ่งในนั้นเดินมาตบเข้ากลางกบาลของคายัคด้วยความแรงปานกลาง


"ขอบุหรี่ตัวดิ๊"



     ทิ้งก้นบุหรี่ หันขวับไปมองคนตบหัว แล้วเดินไปประชิดตัว



"กูไม่มี"


"ขึ้นกูกับใคร กูรุ่นพี่มึงนะ?"



"แล้วรุ่นพี่ทำตัวให้น่าเรียกหรอวะ มาไถบุหรี่คนอื่น"
คายัคไม่พอใจตั้งแต่ตบหัวแล้ว แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไว้อยู่



"ไอ้สัด มึงอย่าขึ้นเสียงใส่กู พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรอวะ" รุ่นพี่มอห้ากระชากคอเสื้อคายัค คายัคกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายกลับบ้าง ติ๊กเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามและพยายามเจรจา โมทย์ และเก่งเดินมาขนาบข้างคายัค



"เสือก!"


"มึงจำน้องมันไม่ได้หรอวะ คนที่ดังในโซเชียลก่อนหน้านี้ไง มีคนลือกันว่ามันไม่มีพ่อแม่ ลำพังจะเอาเงินไหนแดกยังไม่รู้เลย ปล่อยมันแล้วไปขอบุหรี่คนอื่นเหอะ....เสียเวลา"



"หึๆ ที่แท้ก็เด็กกำพร้า"



      เรื่องราวก่อนหน้า คายัคยังคุมอารมณ์ให้หายดีไม่ได้เลย พอเจอเรื่องชวนบันดาลโทสะอีกครั้ง มันก็ไม่ต่างจากการนำน้ำมันราดรดกองไฟ ยิ่งทำให้เพลิงไฟแห่งความบ้าคลั่งในใจลุกลามกว่าเดิม



    ฟิวส์ขาด


    เหวี่ยงหมัดลุ่นๆเข้าที่กรามรุ่นพี่จนเสียหลัก หนุ่มมอห้าหาทางเอาคืน ปรี่มาซัดหน้า จากนั้นทั้งสองชกต่อยกัน เพื่อนๆทั้งสองที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่มีใครคิดห้าม กลับยกพวกตะลุมบอน และเหตุชุลมุนก็เกิดขึ้น...


................................
.

.

.
คำว่ารักคงยังไม่พอออออ เธอคงไม่รับฟังงงงง

 รักคงยังไม่พอออออ..แต่อยากจะขออออ...

(พี่เสือธนพล งานยุค 90 ก็มา เปิดคลอเบาๆกันไปค่ะ) T.T  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
.

เป็นกำลังใจให้น้องคายัคด้วยนะคะ...

.

ช่วยเสนอมุมมองกันได้น้าาา

.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9.2 || 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-07-2018 22:32:50
อาทัชใจร้าย งานนี้อาทัชผิด เราเข้าข้างคายัค
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9.2 || 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-07-2018 23:42:41
 :hao5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9.2 || 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 09-07-2018 23:50:33
ที่จริงอินทัชพูดปัญหาไปตรงๆจะดีกว่านะ
ดีกว่าเอาภูมิมาหลอกเป็นแฟนเพื่อให้คายัคตัดใจ 
เพราะปัญหาจริงคือพ่อแม่อินทัชอยากให้อินทัชแต่งงานกับผู้หญิง แล้วมีลูกหลาน 
การดึงภูมิเข้ามา ไม่ได้แก้เรื่องปมปัญหาจากพ่อแม่อินทัชเลย  แถมอนาคตถ้าจะไล่ภูมิไปก็คงจะยาก
อินทัชแก่ขนาดนี้ ยังต้องเชื่อฟังพ่อแม่อีก ดูอ่อน  แถมวิธีแก้ปัญหาก็ค่อนข้างแย่
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9.2 || 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 10-07-2018 07:39:58
อาทัชทำอะไรอ่ะ​ ดีแล้วหรอแบบนี้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9.2 || 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-07-2018 09:06:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมอินทัช ต้องทำตามที่พ่อแม่ต้องการ?

การเอาภูภูมิมาเป็นไม้กันหมา  มันดีแล้วเหรอ  มันจะไม่ทำให้อะไร ๆ บานปลายไปมากกว่านี้เหรอ?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 9.2 || 9-7-18 || P.3
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 10-07-2018 16:06:52
ถึงกับเอามือกุมขมับเลยค่ะ ทำไมมันอิลุงตุนังขนาดนี้ เหมือนยิ่งทำอะไรให้ดีขึ้นเหมือนผูกเงื่อนให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิมซะอีก เหมือนคิดจะทำอะไรกันได้แค่เรื่องตื้นๆ 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10|| 11-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 11-07-2018 19:41:42
บทที่ 10  ใจดำ




[สวัสดีค่ะ คุณอินทัชผู้ปกครองของนายชลธารใช่ไหมคะ]

 

"ใช่ครับ"

 
[ดิฉัน ครูเอมอร ครูฝ่ายปกครองของโรงเรียน.....]




       ไม่คิดว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในตอนบ่ายแก่ๆของวันจะนำเรื่องไม่ดีมาให้



       ขณะที่อินทัชเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าเสร็จ เดินกลับมารับโทรศัพท์ที่แผดเสียงดัง พอรับสาย ยิ่งใจหาย เมื่อได้รับข่าวไม่ดีจากทางโรงเรียนของเด็กหนุ่ม



      ทันทีที่วางสาย อินทัชขอโทษ ขอโพยลูกค้าว่าเกิดเหตุสุดวิสัย จำต้องปิดร้านกระทันหัน

 

       ตอนนี้ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ต้องเดินทางไปห้องปกครองมาก่อน ด้วยสาเหตุที่คายัคก่อเหตุทะเลาะวิวาท




      ถึงหน้าห้องปกครอง อินทัชยังไม่ทันเข้าไป ครูสาวท่านหนึ่งที่อ้างว่าเป็นครูประจำชั้นของคายัคก็ทักพร้อมเล่าเรื่องคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้น



      รับทราบเบื้องต้นและเดินเข้ามาด้านในห้องปกครองที่อากาศเย็นเยียบกว่าปกติ อินทัชรู้สึกเกร็งเมื่อทุกสายตาจับจ้องเขาเป็นสายตาเดียว




      จังหวะนั้น อินทัชและคายัคปะทะสายตากัน อินทัชใจกระตุก และรู้สึกเจ็บ ปวด หน่วงหนึบอย่างบอกไม่ถูก  เมื่อเห็นใบหน้าของคายัคบวมปูด ตาเป็นรอยจ้ำเขียว



       อินทัชทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือจะไปกุมมือเด็กหนุ่ม แต่คายัคดึงมือหนี ขยับเก้าอี้ออกห่าง จนอาจารย์ฝ่ายปกครองยังจับพิรุธได้

   

       สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เตรียมฟังคำบอกกล่าวของครูฝ่ายปกครอง จากการสอบสวนเจ้าตัวและพยาน พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจากการที่รุ่นพี่แซวคายัค เรื่องเด็กกำพร้า



      เด็กหนุ่มยับยั้งชั่งใจไม่ได้ จึงเกิดการชกต่อยขึ้น แต่เพราะต่างฝ่าย มีเพื่อนรายล้อมอยู่ด้วย จึงกลายเป็นว่าเพื่อนของสองฝ่ายต่างช่วยรุมตะลุมบอนจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต

 

     เหตุการณ์เกือบร้ายแรงกว่านั้น ถ้าครูไปช้ากว่าห้านาที เมื่อคายัคชักมีดคัตเตอร์ออกมาเตรียมแทงรุ่นพี่ แต่เพราะครูเข้าห้ามได้ทันก่อน จึงจบลงด้วยการไม่มีใครเลือดตกยางออก ได้แค่บาดแผลฟกช้ำ ดำเขียวเท่านั้น



      แหละการทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับสถานศึกษา ครูจึงต้องเรียกพบผู้ปกครองและได้ตำหนิอินทัชให้ช่วยตักเตือน รวมถึงดูแลคายัคให้ดีกว่านี้ เพราะนอกเหนือจากการทะเลาะวิวาท คุณครูจับได้ว่าคายัคแอบสูบบุหรี่ในโรงเรียนอีกด้วย



      สำหรับบทลงโทษครั้งนี้ ทางโรงเรียนจำเป็นต้องตัดคะแนนความประพฤติและทำทัณฑ์บนกับคายัค โดยหลังจากนี้ คายัคถูกพักการเรียนพร้อมเพื่อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

 

     อินทัชรับฟังข้อพิจารณาทั้งหมด เมื่อจบเรื่องของทางโรงเรียนแล้ว อินทัชพาคายัคกลับ ขับรถมาไกลจากโรงเรียนหลายกิโล คายัคไม่ปริปากพูดสักคำ



     เวลานี้ อินทัชต้องพาคายัคไปทำแผลที่โรงพยาบาลเสียก่อน  เมื่อถึงโรงพยาบาล อินทัชปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย หมุนตัวไปหาคายัค เอื้อมมือไปจะแตะแผลฟกช้ำบนใบหน้า แต่ทว่า คายัค เบี่ยงหน้าหนี

 

"อย่า-โดน-ตัว"



   เน้นหนักทีละคำ พลางมองหน้าอาทัชด้วยแววตาตัดพ้อ เด็กหนุ่มปลดล็อกพร้อมเปิดประตูลงจากรถ โดยไม่รออินทัชสักนิด

 
   คนอายุมากกว่าถอนหายใจและฟุบหน้าลงบนพวงมาลัย ก่อนจะตัดสินใจรีบลงรถเพื่อตามคายัคไป

 

    นั่งรอเด็กหนุ่มทำแผลอยู่เป็นเวลาสักพักใหญ่ๆ ถึงเห็นคายัคเดินออกมาจากห้องทำแผล ทั้งๆที่คายัคเห็นว่าอินทัชนั่งรออยู่ตรงไหน แต่คายัคกลับเลือกหาที่นั่งรอมุมอื่น คนอายุมากกว่าจำต้องลุกไปหา



     ไม่นานเกินรอ เจ้าหน้าที่ขานคิวของคายัคเพื่อจ่ายเงินค่าหมอและค่ายา  ทั้งสองลุกขึ้นพร้อมกัน อินทัชยื่นเงินไปที่ช่องจ่ายเงิน แต่คายัคกลับยื่นแขนไปจนสุด





"เก็บเงินของอาทัชไปเถอะครับ"

 
"คายัค อย่าทำแบบนี้"

 

"อย่าให้ผมต้องพูดคำแรงๆที่อาทัชก็คงรู้ความหมาย"



     อินทัชเงียบ ชักมือกลับ เก็บเงินเข้ากระเป๋า และยืนรอคายัครับเงินทอน จากนั้น ทั้งสองรอรับยาอีกไม่กี่นาทีก็เดินออกจากโรงพยาบาล



"คายัคจะไปไหน?" อินทัชคว้าข้อมือคายัคได้ทัน

 
"ปล่อย! ผมจะเรียกแท็กซี่"
 

"กลับกับอาสิ ทำไมต้องกลับแท็กซี่"

 

"ไม่อยากรบกวน อาทัชปล่อยผม"

 

"ขอร้องนะครับ มีอะไรอยากเคลียร์เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ"

 

    มองมืออาทัชที่เปลี่ยนจากจับข้อมือเลื่อนมาสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากัน คายัคชะงัก พลันหลับตา ถอนหายใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมกลับไปที่รถด้วย

 

     วันนี้ ช่างเป็นการเดินทางกลับบ้านที่อึดอัดและทรมานใจที่สุด ขึ้นรถมา คายัคเอนศรีษะพิงกระจกรถและหลับตาหนีปัญหา


      การหลับของคายัค ไม่ใช่เพราะง่วง มันเป็นเพียงการเลี่ยงสถานการณ์การตอบคำถามที่จะต้องเกิดขึ้น


      อีกอย่าง ยิ่งเห็นแววตาและท่าทางของอาทัชที่ดูเป็นห่วง คายัคยิ่งไม่เข้าใจ ว่าอาทัชทำแบบนี้เพื่ออะไร?



      เด็กหนุ่มใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตา เม้มปากสั่นๆ กลั้นเสียงสะอื้น คายัคไม่รู้แล้วว่า จากนี้เขาต้องทำตัวยังไง จะให้คายัคคงความสัมพันธ์รักกันเช่นอา-หลาน คายัคทำได้ยากจริงๆ เพราะตอนนี้ คายัคเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปรู้สึกแบบนั้นแล้ว


      เมื่อรู้สึกได้ว่ารถยนต์จอดนิ่งสนิท ใบหน้าหล่อที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำลืมตาขึ้นมาและรีบลงจากรถ เพื่อเข้าบ้าน แต่คายัคไม่คิดว่าอาทัชจะวิ่งตามมาทัน คนอายุมากกว่า เอื้อมมือมาจับมือคายัคให้หยุด




"คายัค..คุยกับอาก่อน"


"ว่าไงครับ"


"เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?"



"......"  ยืนนิ่ง และหันหลังให้คนถาม



"คายัคยังมีอาอยู่นะ ทำไมต้องไปสนใจคำดูถูกและไปมีเรื่องกับเขาด้วย?"
 

"จะคุยเรื่องนี้ใช่ไหม?"
หนุ่มวัยสิบหกหมุนตัวไปถามเสียงเข้ม



       ตั้งแต่ที่เห็นบาดแผลบนใบหน้าของคายัค อินทัชเกือบหลุดร้องไห้ด้วยความสงสาร เพราะการที่คายัคเจ็บ เขาเองก็เจ็บไม่ต่างกัน



"อาไม่คุยก็ได้ครับ คายัคเจ็บไหม?"  อินทัชเดินไปประชิดตัวคายัคและก้มลงจนใบหน้าทั้งสองใกล้กันขึ้น แต่คายัครีบก้าวถอยหลังเพื่อออกห่างจากคนใจร้าย

 

"เจ็บอะไรดีล่ะครับ เจ็บตัวหรือเจ็บใจ"

 

"......."




"ที่อาทัชไม่ยอมคบผมและชอบพูดว่าผมเป็นเด็กอย่างนั้น อย่างนี้ คงไม่ใช่อายุสินะ คงเป็นขนาดที่ทำให้ไม่ถึงใจล่ะสิ? เป็นไงครับ คบกับไอ้เหี้ยนั่นมันส์ไหม?"



    คำหยาบโลนที่เปล่งออกมาทำให้อินทัชสะเทือนใจและสติหลุด พลั้งมือตบหน้าคายัค

 

"มันจะมากเกินไปแล้วนะ คายัค"





    เสียใจสุดๆ เมื่อคนที่รู้ทั้งรู้ ว่าคายัคเจ็บตัวมา ก็ยังไม่วายทำร้ายร่างกายแทนที่จะห่วงใยหรือเห็นอก เห็นใจกัน


     กัดปากกลั้นเสียงที่จะแสดงออกถึงความเจ็บปวดจากการโดนทำร้ายทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ


     คายัคน้ำตาคลอ บอกความรู้สึกจากใจออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ


"มันไม่มากเกินไปหรอกครับ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมเสียใจ ก่อนหน้านี้ ผมทรมานแค่ไหน ที่ต้องเห็นมันเข้า-ออกบ้านเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว ที่ผ่านมา ผมไม่พูด ไม่มีเรื่อง ยอมเงียบมาหลายวัน เพราะอะไร เพราะผมหวังและรอว่าอาทัชจะเดินมาบอกกับผมว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เปล่าเลย อาทัชไม่เคยพูด ไม่เคยคิดแก้ตัว ถามจริงเถอะอาทัชไม่เคยแคร์ผมเลยหรอ? ช่วงเวลาที่ผมรักอามา อาไม่เห็นความหมายมันเลยใช่ไหมครับ?"

 

"คายัคครับ อาขอโทษ อาเห็นและมันมีความหมายกับ..."


 

"ผมถามคำเดียว ที่ผ่านมา อาทัชให้ความหวังผมทำไมครับ?"

 

"....."

 

"แค่อาเลือกที่จะไม่ตอบ ผมก็เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะครับ" จบประโยค คายัคเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ

 

      แทบไร้เรี่ยวแรง รีบเดินไปหาที่ยึด เขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไม่นานนัก อินทัชได้ยินเสียงคนเขย่าประตูกระจก จึงเงยหน้าขึ้นมามอง



       อินทัชตาโต รีบเดินไปเปิดประตู

 

"ภูมิ กลับไปก่อน"

 
"ผมมาหาแฟนผมไม่ได้หรอ? ทำไมไล่กันล่ะครับ"

 

"ขอร้อง กลับไปก่อน"

 

   ภูภูมิไม่ฟัง กลับเดินเข้าร้านมาด้วยรอยยิ้ม วาดแขนโอบเอวอินทัชหวังจะขึ้นไปพักเหนื่อยบนห้อง




"ผมเคลียร์งานใหญ่ได้แล้วที่เหลือก็ให้ลูกน้องทำ สองสามวันนี้เราไปเที่ยวกันไหม?"





     ทั้งสองเดินช้าๆ ก้าวไปคุยไปจนกระทั่งถึงตรงตีนบันได จังหวะนั้น...


"เฮ้? หน้านายไปโดนอะไรมา" ภูภูมิตกใจจริงๆที่เห็นหน้าคายัคมีรอยช้ำและบวมปูดจนน่ากลัว

 

     คำถามนั้นไม่ได้เรียกร้องความสนใจเท่ากิริยาที่คายัคเห็นเต็มสองตา ภูภูมิโอบเอวอาทัช



     บอกเลยว่า โคตรเจ็บ...


      หลับตาไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า เดินกระแทกไหล่ภูภูมิ ผ่านหน้าอินทัชไป แต่คนอายุมากกว่าหมุนตัวไปรั้งต้นแขนเมื่อเห็นคายัคสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่



 
"คายัคจะไปไหน?"

 

    อินทัชถามอย่างนึกใจหายเหมือนเป็นลางสังหรณ์ว่าคายัคจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว



"ผมโตแล้วจะไปไหนมันก็เรื่องของผม"

 

"คายัคครับ อาขอ..โ...ท.."

 

     

      ความรู้สึกตอนนี้ เหมือนมีคนใจร้ายใช้ปลายมีดแหลมคมกรีดลงตรงบาดแผลที่ยังไม่ทันเป็นสะเก็ด กรีดย้ำซ้ำๆตรงที่เดิมจนปากแผลเปิดและเลือดไหลทะลัก



     อดทนมาได้ตั้งนาน แต่ตอนนี้ คายัคทนไม่ไหวแล้วจริงๆที่จะกักเก็บน้ำตาเอาไว้   


     ใจกระตุก เมื่อเห็นคายัคหันหลังกลับมาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาเป็นทาง

 

"อาทัชรู้อะไรไหม? อาแม่งโคตรใจดำกับผมเลย"




      เพียงประตูกระจกร้านกาแฟถูกผลักออกไป สองเท้าก้าวขยับไปข้างหน้า ทว่า ภูภูมิกลับกระชับมือไว้แน่น



"ให้เวลาคายัคได้อยู่กับตัวเองเถอะครับ อินทัช"





       หยุดชะงัก กัดปากจนเจ็บพลางเบือนหน้าหนีภูภูมิ เพื่อไม่ให้ภูมิเห็นว่า อินทัชรู้สึกอย่างไร....



****1.1****


ดูใจดำแต่ฉันหวังดี ที่ต้องทิ้งเธอตามลำพัง ไม่อยากให้เธอลำบากด้วยกัน ??????????????????  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

จากการอ่านคอมเมนท์ตอนที่ผ่านมา ขอบคุณมากๆเลยที่ ได้ช่วยชี้แนะและแสดงความเห็นกันนะคะ
มันได้เตือนให้เรามองมุมให้กว้างขึ้น วิเศษมากเลยค่ะ


อย่างไรก็ตาม เอาใจช่วยสองคนด้วยเน้อออ  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10|| 11-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 11-07-2018 20:07:17
จะต้องให้เสียคายัคไปก่อนใช่มั้ยอาทัชถึงจะพูดตรงๆ​ แล้วยอมไปเป็นแฟนกะภูมิให้มันเรื่องมันดูยุ่งยากเข้าไปอีก​ อยู่กะภูมิ​ไปเลยนะอาทัช  อาทัชใจร้าย​ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแฟนหลอกๆบังหน้าให้คายัคตัดใจ​ นี่ยอมให้ภูมิโอบเอวแล้วเชื่อภูมิไม่ยอมตามหลานไปอีกโอ้ยยยค้างค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10|| 11-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 11-07-2018 22:10:47
คายัคจะหนีไปอยู่กับใครล่ะทีนี้เห็นเอาเสื้อผ้าไปด้วย ฮื่ออออ อาทัชใจร้ายที่สุด แล้วเขาจะไม่รั้งน้องจริงเหรอ ถามจีงงงงงงงง สภาพก็ไม่ได้เต็มร้อยเลย  :hao4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10|| 11-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-07-2018 22:37:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินทัช  ใจร้ายใจดำสมกับที่คายัคเอ่ยมา

คุยกันให้รู้เรื่องให้คายัคตัดใจด้วยวิธีใดก็ได้  แต่ไม่ควรเลือกเอาภูมิมาเป็นไม้กันหมา

เพราะมันจะยิ่งทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่

เฮ้อ.....
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10|| 11-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-07-2018 23:20:46
สงสารคายัค :hao5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่10.2||13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 13-07-2018 18:11:03
บทที่ 10  ใจดำ(2)




"ชลธาร มีอะไรอยากบอกครูหรือเปล่าจ๊ะ?"



        หลังจากมีเรื่องวิวาทกัน ผ่านมาแล้วสองวันที่ครูวิสาขา ครูประจำชั้นของคายัคหาจังหวะโทรนัดเด็กหนุ่มให้ออกมาคุยกันสักหน่อย



        ยามนี้ ทั้งสองนั่งอยู่ในร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนคอมมูนิตี้ มอลล์แห่งหนึ่ง จากเรื่องชกต่อยที่เกิดขึ้นนั้น วิสาขาตั้งข้อสงสัยว่า คายัคต้องมีบางอย่างที่เก็บกดอยู่ในใจจนระเบิดออกมาด้วยการใช้กำลังหวังจะเป็นทางออกในการระบายความรู้สึกลึกๆที่ถูกกดทับเอาไว้ เนื่องจากวิสาขารู้ดีว่า โดยปกติ ชลธารไม่เคยทำตัวเกกมะเหรกเกเรหรือมีความประพฤติเหลวไหลเช่นนี้มาก่อน



"ไม่มีครับ"



        คายัคก้มหน้าพลางเขี่ยข้าวเล่นไปมา โดยไม่ยอมกินสักที ตั้งแต่คายัคหนีออกมาจากบ้าน อินทัชโทรตามตลอดแต่เด็กหนุ่มไม่รับโทรศัพท์ เพราะไม่พร้อมรับฟังอะไรในตอนนี้



        ทางวิสาขานั่งมองท่าทางชลธารแล้วรู้สึกแปลกๆ



"ชลธารอึดอัดใจอะไร? บอกครูได้นะ ครูพร้อมรับฟัง หรือมีเรื่องปรึกษาครูก็ยินดีนะ"

"........"



"เธอทะเลาะกับอาของเธอหรือเปล่า?"


"........"  วิสาขานั่งนิ่งไม่รู้จะทำยังไงต่อดี ในเมื่อคายัคเอาแต่เงียบและก้มหน้าตลอด ใบหน้าที่มีแต่รอยช้ำของชลธารยิ่งทำให้วิสาขาสงสารจับใจ



"เรื่องที่โดนล้อว่าเป็นเด็กกำพร้าน่ะ ครูเข้าใจเธอนะ ครูเองก็เคยโดนล้อ และก็สู้กลับเหมือนที่ชลธารทำนั่นแหละ น่าอายจัง... ชีวิตครูเองก็ไม่ได้เกิดมาจากครอบครัวที่อบอุ่น หรอก ครูเสียพ่อไปตอนครูอายุสามขวบ เหลือแม่ที่ยังอยู่.."



"........"


"มันเหมือนจะดีที่อย่างน้อยครูยังมีแม่ที่เลี้ยงดูมาใช่ไหมคะ? แต่ไม่ใช่เลยแม่ครูติดยา สุดท้ายครูก็ต้องหาเงินเรียนเอง เงินที่ได้บางทีก็ต้องเอาไปให้แม่ซื้อยามาเสพ ช่วงนั้น ครูเคยคิดอยากฆ่าตัวตายนะ แต่ก็ต้องพยายามดึงสติ และประคับประคองจิตใจตัวเองให้ดีขึ้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีวันนี้"


 
    มองหน้าครูวิสาขาที่กล้าเปิดใจเล่าเรื่องเลวร้ายในชีวิตทั้งๆที่คายัคก็เป็นแค่ลูกศิษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น



"ตั้งแต่นั้นครูเลยมีความฝันว่า ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่จะต้องเป็นครูให้ได้ เพราะครูอยากช่วยเด็กที่มีปัญหาหรือทุกข์ใจเกี่ยวกับครอบครัว ครูอยากให้กำลังใจ อยากเป็นที่พึ่งหรือที่ปรึกษาให้พวกเด็กๆที่พ่อแม่ไม่ยอมเข้าใจ ครูถึงอยากคุยกับชลธาร แต่ถ้าเธอไม่พร้อมเล่าไม่เป็นไรนะคะ ครู...."


"ครูเคยอกหักไหมครับ?"


"หืมม?"


"ครูบอกไม่ได้หรอครับ?"



"ได้สิจ้ะ..ครูอายุป่านนี้แล้ว ก็ต้องมีผิดหวังกันบ้าง ชีวิตไม่ได้มีแต่ด้านสวยหรูนี่เนอะ ครูเองผิดหวังมาเยอะ หลายปีเหมือนกันกว่าครูจะเจอคนดีที่คบอยู่ตอนนี้"



"แล้วตอนครูอกหัก ครูเสียใจมากไหมครับ? และทำไงถึงจะดีขึ้น?"


"ตอนอกหัก ครูร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร พร่ำเพ้อแต่เขา จากนั้น ครูกลับมาตั้งสติ บอกตัวเองว่า ถ้าจะเศร้าก็เศร้าให้พออย่าไปฝืนหรือต่อต้านความรู้สึกมัน ว่าห้ามร้องไห้ ฉันต้องเข้มแข็ง มันจะยิ่งทำให้เราอึดอัดกว่าเดิม พอครูคิดอย่างนั้น ครูเลยปล่อยอารมณ์ เศร้าและร้องไห้ให้เต็มที่เลย แต่ต้องตัดทุกช่องทางการติดต่อ ห้ามใจอ่อนแอบส่องโซเชียล หรือย้อนดูภาพเก่าๆของเขาเด็ดขาด พอเศร้าจนสุด และบอกตัวเองว่าถึงเวลาที่ควรพอเพื่อเดินหน้าต่อ ประมาณห้าเดือนครูก็ดีขึ้น"


"ที่ครูบอก มันจะได้ผลจริงๆใช่ไหมครับ?"


"สำหรับครูมันได้ผลนะคะ เอ้ ?...ชลธารมีปัญหาเรื่องความรักเหรอ? ไหนบอกครูซิ ใครกล้าทำนักเรียนสุดหล่อของครูเจ็บช้ำ เดี๋ยวครูจะทำโทษให้"



     วิสาขายิ้มกว้าง พยายามหยอกเอินกับลูกศิษย์อย่างเป็นกันเอง หวังสร้างความสนิทสนมเพื่อไม่ให้ชลธารเคร่งเครียดจนเกินไป เพราะรู้ดีว่าช่วงวัยรุ่น เรื่องความรักย่อมมีอิทธิพลต่อจิตใจพอสมควร




      คายัคมองหน้าครูวิสาขาอย่างลังเลว่าจะบอกออกไปหรือไม่ จนสุดท้าย...


"ใช่ครับครู ตอนนี้ผมอกหักครับ ผมไม่รู้ว่าที่เขาไม่ชอบผม เพราะผมเด็กไปหรือเปล่า? ผมดันไปรักคนที่แก่กว่าผมสิบปีน่ะครับ ผมเสียใจและไม่รู้ต้องทำยังไงดีเลยครับ ผมรักเขา...รักเขามากจริงๆ"




     วิสาขาชะงัก เธอคว้ากระดาษทิชชูยื่นให้ลูกศิษย์ เมื่อเห็นชลธารตาแดง เธอประเมินชลธารต่ำไป เธอนึกว่า เด็กวัยรุ่นคงรักกันแบบขำๆ ไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่เธอทึ่งเมื่อสัมผัสได้ว่าชลธารรักคนที่ถูกพูดถึงมากจริงๆ



"เขาคือใคร?..พอจะบอกครูได้ไหมคะ?"



"ไอ้แนน"


     คายัคยังไม่ทันบอก ก็ต้องหยุดชะงัก มองคนยิ้มกว้างที่ยืนค้ำหัวคายัคกับครูวิสาขาที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่



"อุ้ย! ขอโทษนะ มองไม่เห็นว่าเธออยู่กับ..."



     วิสาขารีบแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน



"นี่นักเรียนฉัน ชลธาร นี่เพื่อนครูจ้ะ"



      คายัคยกมือไหว้


"ครูครับ ผมอิ่มแล้ว ขออนุญาตกลับบ้านก่อนได้ไหมครับ?"


"หรอ รอครูก่อนได้ไหมคะ? เดี๋ยวครูไปส่ง"



"ไม่เป็นไรครับ"
คายัคไม่อยากให้ครูวิสาขารู้ว่า เขาหนีออกจากบ้านมาพักที่บ้านของบอลในตอนนี้


"ถ้างั้นชลธารกลับเลยก็ได้จ้ะ มีไลน์ครูแล้วเนอะ ไม่สบายใจก็ทักครูมานะ"




"ขอบคุณครับครู และขอบคุณที่เลี้ยงข้าวผมนะครับ"


"ยินดีค่ะ"


    เมื่อคายัคลุกจากที่นั่งพร้อมสะพายกระเป๋าเตรียมก้าว วิสาขารั้งคายัคด้วยเสียง


"ชลธาร"


"ครับ?"


"ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องราวเลวร้ายมาหนักแค่ไหน แต่ขอให้เชื่อครูนะคะ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ...ครูเป็นกำลังใจให้นะคะ"


[/b]
"ขอบคุณครับครู"




    ไม่เคยคิดเลยว่า คนที่คายัคมองข้ามและไม่สนใจขอคำปรึกษา กลับสามารถเติมพลังดีๆให้เขาเดินต่อได้อีกหนึ่งวัน









................

       





 

       ยืนมองรอบห้องที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์อย่างตู้เสื้อผ้า โต๊ะกระจกและเตียงเท่านั้นยามนี้ เด็กหนุ่มตัดสินใจหาห้องเช่า หลังจากรบกวนบอลมาหลายวัน เขาไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้ใครอีก



 

"ผมเอาห้องนี้ครับ วันอาทิตย์นี้ ผมย้ายมาได้เลยใช่ไหมครับ"


"ได้จ้ะ"

 

        เมื่อตกลงกันได้ คายัคเดินไปกดเงินตรงตู้เอทีเอ็มเพื่อนำมาจ่ายค่ามัดจำ ซึ่งเงินที่อยู่ในบัตร ก็คือเงินเก็บของคายัคที่เคยไปเปิดบัญชีกับอาทัชเมื่อนานมาแล้ว



        ตอนออกจากบ้าน คายัคนำสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มที่อยู่ในห้องนอนของอาทัชพกติดตัวมาด้วย ถึงตู้เอทีเอ็ม กดรหัสสี่ตัว ตามมาด้วยการเช็ดยอดเงินให้แน่ใจอีกครั้ง

 

        เมื่อตัวเลขปรากฏอยู่บนหน้าจอ เด็กหนุ่มยืนมองน้ำตาคลอ

 

         รู้ดีว่า ตอนทำงานเงินเก็บไม่เยอะขนาดนี้ แต่ตัวเลขล่าสุดที่คายัคเห็น

 

                  ยอดเงินคงเหลือ

         *******100,000.00*******


 

"อาทัชทำกับผมแบบนี้ทำไม ฮึก...ฮืออ?"
 


     ไม่แคร์สายตาคนมองกดเงินเสร็จก็เดินออกจากตู้เอทีเอ็มด้วยสภาพน้ำตานองหน้า



      รู้ทั้งรู้ว่าอาทัชทำร้ายหัวใจกัน แต่คายัคกลับทำใจเลิกรักคนใจดำคนนี้ไม่ได้สักที...


 



       





 

..................

 




"ขอบใจแคนกับมึงมากนะที่มาช่วย"

 

"เออเล็กน้อย ของมึงก็ไม่ได้เยอะแยะสักหน่อย"   


"ใช่ แคนก็อยากมาเห็นห้องคายัคด้วย"

 


    ตอนนี้ บอลและแคนช่วยถือของลงจากรถแท็กซี่ที่ทั้งสามเพิ่งไปซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า ก็เป็นจำพวกหมอน ผ้าห่ม และเครื่องใช้ทำความสะอาดร่างกายทั่วไปมาไว้ที่ห้องเช่าห้องใหม่ของคายัค

 

    ห้องพักของคายัคไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่อย่างตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ หรือแม้กระทั่งทีวีจึงไม่ต้องแบกขนอะไรให้เหนื่อย

 

     เพื่อนๆวางของลง นั่งพักที่พื้น ก่อนจะเปิดพัดลมตั้งพื้นให้หายร้อนสักหน่อย



      ตั้งแต่ออกมาจากบ้านของอาทัช คายัคไม่รับโทรศัพท์จากอาทัชเลย และยามนี้ เด็กหนุ่มตัดสินใจตัดขาดการสื่อสารโดยการบล็อคทุกช่องทางการติดต่อกับอาทัชเป็นที่เรียบร้อย

 


"เดี๋ยวกูเลี้ยงพิซซ่าพวกมึงนะ"


"เออขอบใจมากนะ กูหิวพอดี"
บอลไม่มีอิดออด ฟากแคนตีแขนบอลที่ไม่รู้จักเกรงใจเพื่อนที่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์แทบจะต้องเก็บหอมรอมริบไว้

 

      บอลยิ้มลอยหน้า ลอยตา แม้ตอนนี้ เขาจะยังไม่ได้เป็นแฟนกับแคน แต่ตั้งแต่ที่บอกความในใจออกไป เหมือนแคนจะเปิดใจและสนิทกับบอลมากขึ้น


      ช่วงที่คายัคโทรสั่งพิซซ่า บอลและแคนขยันขันแข็งในการช่วยกันทำความสะอาดห้องเพื่อน หลังจากคายัควางสายจากการสั่งอาหาร หมุนตัวกลับมาเห็นทั้งสองช่วยกันอย่างขะมักเขม้นก็แอบปลื้มใจ



"ขอบใจพวกมึงว่ะ นั่งพักเถอะ ที่เหลือกูจัดการเอง"



     ทั้งสองพยักหน้ารับ จากนั้น บรรยากาศในห้องก็เงียบกริบ คายัคมองหน้าบอลและแคนที่ดูจ้องจะถามอะไรบางอย่างซึ่งคายัคก็รู้ว่าสภาวะนี้คงมีไม่กี่เรื่อง แต่แล้วแคนก็โพล่งขึ้น

 

"ต่อไป ถ้ามีทำรายงานกลุ่ม แคนบอกเพื่อนๆให้มาทำที่ห้องคายัคได้ไหม?"

 

"ได้นะ เราไม่ติด"

 

"ขอบคุณนะ"

 

"ครับ แคน"
ก็ดีเหมือนกัน คายัคจะได้ไม่เหงาเกินไป หากเพื่อนๆจะมาสุมหัวกันที่นี่


      ไม่นานเกินรอ พนักงานส่งพิซซ่ามาถึง คายัค บอล และแคนต่างนั่งกินพิซซ่ากันอย่างเอร็ดอร่อย แต่หลังจากนั้น...



ครืด ครืด...


    เครื่องมือสื่อสารของบอลสั่นรัว จนเจ้าตัวต้องคว้ามาดูว่าใครโทรมา แต่แล้วเขาชะงัก



"ไม่รับละ บอล"
แคนถาม เพราะเห็นบอลเอาแต่จ้องโทรศัพท์



      ฟากบอลอึกๆอักๆ จนคายัคเริ่มสงสัยท่าทางของเพื่อน


"ใครโทรมา?"



"เอ่อะ...อ...อามึงอะ"


      ความจริง อาทัชเคยโทรหาบอลทีหนึ่งตอนที่คายัคหนีออกมาจากบ้านใหม่ๆ คราวนั้น บอลก็ได้แต่ตอบออกไปว่าไม่รู้ เพราะต้องโกหกเพื่อช่วยเพื่อน



"รับสิ แต่ห้ามบอกว่าอยู่กับกู"



       ลึกๆแล้ว คายัคก็ตัดไม่ขาด ในใจก็ยังอยากรู้ว่าอาทัชจะโทรมาถามว่าอะไร เป็นห่วงเขามากน้อยแค่ไหน


      บอลพยักหน้าพลางกดรับโทรศัพท์ เพื่อฟังอาทัชสอบถามเรื่องคายัคว่าอยู่ไหน? บอลต้องโกหกอีกตามเคย แต่เอาเข้าจริงๆ คนกลางอย่างบอลก็ทำตัวไม่ถูก เพราะเขาเองก็สงสารอาทัชเช่นกัน บอลรีบตัดบทเพราะกลัวหลุดพูดความจริง


"เขาว่าไง?"


"ถามว่ามึงอยู่ไหน? ตอนนี้ไปพักอยู่กับใคร? เขาจะตามหามึงได้ที่ไหนบ้าง? เขาจะพามึงกลับไปอยู่กับเขา"



"เฮอะ!"
คายัคแค่นหัวเราะอย่างนึกสมเพชตัวเอง จากนั้น คายัคกัดพิซซ่ากินต่อ แต่ยังไม่ทันเคี้ยวให้ละเอียด



"อามึงร้องไห้"


      คายัคชะงัก ก้มหน้าเงียบแต่หัวใจกลับเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินคำนั้น



     เด็กหนุ่มบอกตัวเองว่าจะไปสนใจทำไม ในเมื่อมันก็สมควรแล้ว ที่อาทัชเป็นแบบนั้น...



"....."


"ไอ้ยัค มึงก็รู้ ผู้ชายน่ะ ถ้ามันไม่หนักจริงๆ ก็คงไม่ร้องไห้ กูว่าอามึงคงเสีย...ใ....จ...ม"

 

"พอเหอะ ไอ้บอล"



      ฟากแคนสะกิดบอลส่งสัญญาณว่าควรกลับบ้านเพื่อให้คายัคได้อยู่เงียบๆคนเดียว



"ถ้างั้น พวกกูกลับก่อนแล้วกัน"



"อืม ขอบใจนะ"




      หลังจากเพื่อนกลับบ้าน เก็บขยะ ทำความสะอาดพื้นที่นั่งกินกันก่อนหน้าจนเสร็จสิ้น เขาขึ้นมานอนบนเตียงพร้อมกับก่ายหน้าผาก



     ลืมตามองเพดานที่ติดไฟนีออนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดปนวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก

 

     แค่วันแรก คายัคยังเหงา อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวขนาดนี้ ถ้าเป็นต่อไปเรื่อยๆจะขนาดไหน ยังไม่รู้เลย

 

    ไม่ชินเท่าไหร่เลยที่ต้องนอนคนเดียว เด็กหนุ่มยังคงนอนมองเพดาน หวนคิดเรื่องที่ผ่านมา จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาหยดแหมะลงบนหมอนที่นอนหนุน

       



"กูต้องอยู่ให้ได้"



 

       อยู่ตัวคนเดียวสิ่งที่ต้องทำเวลานี้ คือ การให้กำลังใจตัวเอง



      คำปลอบใจพูดออกมา ราวกับตอกย้ำว่าถึงเวลาที่คายัคต้องเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองอย่างจริงจังสักที



      ขณะที่นอนคิดฟุ้งซ่านอยู่ในหัว มีคำของครูวิสาขาได้แทรกผ่านความคิดอื่นเข้ามา





'สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ'





"ผมจะเชื่อนะครับครูวิสาขา"



 



 .
........................................



.
สงสารใครดีล่ะทีนี้ งื้ออออออ...
.
ตัวละครเรื่องนี้ไม่มีคนดีร้อย% หรือเลวร้อย%
มีแต่คนสีเทาๆนะคะ...
มาเอาใจช่วยทั้งสองคนด้วยเน้อ
กำลังใจจากคนอ่านช่วยสองคนได้มากเลยค่ะ
.
:mew6: :mew6:
.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 13-07-2018 21:52:27
เศร้าไม่หยุดดด  :m15:  ต่างคนต่างความคิด
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 13-07-2018 22:00:10
ปล่อยให้อาทัชทรมานสักหน่อย​ ขอให้สองคนบังเอิญ​เจอกัน​ สงสาร​ทั้งคู่​ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-07-2018 22:22:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่โทษตัวละครหรอก

ต้องโทษคนเขียน

อิอิ

เก๊าล้อเล่นน้าตะเอง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-07-2018 00:09:21
สงสารทั้งสองคนอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Minari ที่ 14-07-2018 10:20:18
งื้อออ สงสารทั้งคู่ แต่ก็อยากให้อาทัชทรมารกว่านี้อีกหน่อย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-07-2018 20:36:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 10.2 || 13-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 14-07-2018 23:16:00
สงสารทั้งสองคนเลย
คิดว่าอาทัชคงมีเหตุผลที่อยากให้น้องตัดใจ มากกว่าที่เรารู้
แต่อาควรปล่อยให้น้องได้โต ได้รู้เหตุผลบ้าง
ทีนี้กลายเป็นว่าน้องเตลิด หวังว่าคายัคจะไม่เจอเรื่องร้ายๆ หรือเดินทางผิดๆ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่11 ||15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-07-2018 21:36:08


บทที่ 11 ห่าง












      วันเวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ แหละตั้งแต่ที่คายัคออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว เขานอนร้องไห้ทุกคืน มันหนักเกินไปสำหรับเด็กหนุ่มอายุสิบหกปีที่มีปัญหาเข้ามาพร้อมกัน ช่วงที่ผ่านมาคายัคเจอะอะไรมามาก นับตั้งแต่ ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ เพื่อหารายได้เพิ่ม เขายืนจนขาแข็ง โดนชายแก่ลวนลามและทำอนาจาร ไหนจะอกหักจากอาทัชที่พาแฟนมาเปิดตัวอีก





       เรื่องหลัง ทำคายัคเขวไปพอสมควร เพราะเด็กหนุ่มทุ่มเทกับความรักครั้งนี้มากจริงๆ เลยไม่ได้เตรียมรับมือกับความผิดหวังครั้งนี้



      ไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะเจอะเรื่องเลวร้ายเท่านี้มาก่อน แต่อย่างที่เคยบอกตัวเองว่า ต้องอยู่คนเดียวให้ได้



       เมื่อวันเวลาผ่านไปมาถึงจุดหนึ่ง จุดที่ต้องยอมรับความจริง คายัคจึงพอเข้มแข็งได้บ้าง

 

      กลับมายังเหตุการณ์ปัจจุบัน ยามเลิกเรียน บอลและคายัคเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ จนมาอยู่กันที่ริมคลองแสนแสบ บอลยืนพิงราวเหล็ก มองคายัคขึ้นไปนั่งสูบบุหรี่อยู่บนราวเหล็กเงยหน้าพ่นควันบุหรี่ปล่อยให้ลอยวนอยู่บนอากาศ

 

      ทุกสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนไป ไม่วันใดก็วันหนึ่ง คายัคก็เช่นกัน



      บอลรู้สึกว่าเพื่อนตัวเองทำตัวเสเพลกว่าเดิม อาจไม่ใช่เรื่องของการเรียน แต่จะเป็นเรื่องของการแตะอบายมุข อย่างพวกเหล้าและบุหรี่มากกว่า

 

       บอลไม่รู้ว่าตอนนี้ คายัคคิดอะไรอยู่ แต่เขาเห็นเพื่อนเครียดก็เครียดตามไปด้วย



"ทำแบบนี้จะดีหรอวะ? ไอ้ยัคอย่างน้อยอาทัชก็เคยเลี้ยงมึงนะ"

 

"แล้วไง กูไม่สนใจ" พ่นควันบุหรี่ออกจากปากพลางทอดสายตามองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย

 

"มึงจะไม่ให้อาทัชรู้ความเคลื่อนไหวหน่อยเหรอว่ามึงเป็นไงบ้าง อย่าบล็อกเลย กูว่านะ"

 

"มึงดูเข้าข้างเขามากกว่ากู?"  ชะงักและหันไปถามเพื่อนหน้านิ่ง

 

"กูไม่ได้เข้าข้าง แต่กูแค่สงสารอาทัช เดี๋ยวนี้ อาทัชโทรหากูเกือบทุกวัน ถามแต่เรื่องมึง"

 

"ช่างเขา ถ้ามึงรำคาญมาก กูแนะนำให้บล็อกเบอร์เขาเหมือนที่กูทำ"

 

"เฮ้ยมึงอย่าเย็นชาแบบนี้ดิวะ" คายัคแค่นยิ้มเยาะ ก่อนจะกระโดดลงจากราวเหล็ก ดีดก้นกรองบุหรี่ทิ้ง

 

"........"



      บอลรั้งแขนเพื่อนไว้




"ไอ้ยัคกูเป็นห่วงมึงจริงๆนะ"

 

      ชลธารหันไปยิ้มมุมปาก


"ขอบใจที่เป็นห่วง แต่กูดีขึ้นแล้วว่ะ"



 

      บอลถอนหายใจยาวมองเพื่อนหมุนตัวเดินหนีไป ทิ้งไว้ให้เห็นแต่แผ่นหลังที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ



     ยืนคิดในใจ ว่ามันจะมีทางไหนที่บอลจะช่วยคายัคให้กลับมามีความสุขเรื่องรักได้สักที...






     ในขณะเดียวกัน ณ ร้านกาแฟ Intouch Cafe' ยังคงเปิดร้านตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ ใบหน้าเจ้าของร้านที่ไม่ได้ดูสดใสดังเดิม

 

"พี่ทัช เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมช่วงนี้หน้าตาดูเศร้าๆ"



      อินทัชกะจะเดินออกมาทักทายลูกค้าประจำที่วันนี้กลับเย็นกว่าปกติ แต่ก็ชะงักเมื่อเจอคำถามแทงใจดำ



"งั้นเหรอ?"


"ค่ะ"


"ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่นอนน้อยไปหน่อย"


"พี่ทัชไปหาหมอสิคะ? ลองไปปรึกษาหรือขอยานอนหลับหมอดูสิคะ เผื่อจะช่วยได้ เอ้?...ว่าแต่ทำไมช่วงนี้แมวไม่ค่อยเห็นหลานพี่เลยล่ะคะ อย่าบอกนะ ว่าหวงแมวขนาดเก็บน้องไม่ให้ออกมาให้เห็นน่ะ"



     ตั้งใจแซวหวังให้พี่อินทัชอารมณ์ดีขึ้น แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อพอพูดถึงหลานของเจ้าตัว กลับแสดงท่าทีแปลกๆ

 

"คายัคย้ายไปอยู่กับญาติแล้วล่ะ พี่ไม่กวนแล้ว แมวทำงานเถอะครับ"



"ค่ะ"
แมวจ๋อย ตอบรับเสียงแผ่ว ดูท่าแล้วพี่อินทัชน่าจะมีปัญหากับหลานแน่ๆ แต่เพราะไม่ใช่เรื่องของเธอจึงไม่อยากก้าวก่าย



    ผละจากลูกค้าเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์ นั่งลงไม่ทันไร ก็เห็นภูภูมิเดินไล่ตามมาติดๆ

 

 "อินวันนี้ เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมครับ?"
ภูภูมิตอบด้วยรอยยิ้ม

 

"ไม่เหนื่อยครับ" อินทัชตอบด้วยท่าทางซึมๆ



"ผมซื้อข้าวและลอดช่องมาฝาก ผมคิดว่าอินคงยังไม่ได้กินอะไร มากินก่อนสิ เดี๋ยวผมช่วยเฝ้าร้านให้"


"ขอบคุณครับภูมิ แต่ผมไม่หิว"

 
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? อย่าบอกนะว่าเรื่องที่คายัคออกไปอยู่ที่อื่น?"


 

     อินทัชไม่แสดงออกหรือตอบอะไร แต่ภูภูมิคาดว่าน่าจะใช่ เดินไปแตะไหล่คนที่นั่งก้มหน้า


"ไม่วันใดก็วันหนึ่ง คายัคก็ต้องออกไปอยู่ที่อื่นอยู่ดี ผมว่าดีซะอีก คายัคจะได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่แน่นะอิน ตอนนี้คายัคอาจจะมีแฟนแล้วพามาอยู่ด้วยกันแล้วก็ได้ ไม่ต้องห่วงเขาหรอกครับ"


    การที่ภูภูมิพูดเช่นนั้นยิ่งทำให้อินทัชใจหาย


"ภูมิดูลูกค้าให้แปปนึงนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน"



     โคลงศรีษะอย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายตาแดงๆ จังหวะที่อินทัชลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาหน้ามืด รีบคว้าต้นแขนภูภูมิเพื่อหาที่ยึดกันตัวเองล้ม

 

"อินเป็นอะไร? ไหวไหม?"


"ไหว แค่เวียนหัวนิดหน่อยอาจเป็นเพราะช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ"

 

"อินเครียดใช่ไหม?"


"ไม่มีอะไรหรอกภูมิ เดี๋ยวผมมานะครับ"



"เฮ้อ!...อินอยู่คนเดียวไม่ได้แล้วนะแบบนี้ ถ้างั้น ช่วงนี้ ผมจะมานอนค้างกับอินแล้วกัน ผมกลัวอินจะเป็นอะไร"


"ขอบคุณนะครับ"



"คุณไปห้องน้ำไหวแน่นะ"


"ไหวครับ"



      ผละจากภูภูมิขึ้นบันไดไปห้องน้ำชั้นสอง ปิดประตูไม่ทันไร เขายกมือปิดหน้าแล้วนั่งลงไปร้องไห้


      นานเท่าไหร่แล้วที่ร้านกาแฟแห่งนี้เงียบเหงา ไร้เสียงอ้อน ถกเถียงตามประสาเด็กดื้อ


      นานเท่าไหร่แล้วที่อินทัชอยู่แบบไร้เสียงหัวเราะ ไร้ความสุข เหมือนก่อน


      และนานเท่าไหร่แล้วที่อินทัชโหยหาอ้อมกอดจากเด็กหนุ่มอย่างหนัก

 

      กว่าสิบปีที่มีคายัคอยู่ด้วยกัน แทบไม่ห่างจากกันไปไหน พอถึงวันที่ต้องจากกันไกล อินทัชทำใจได้ยากจริงๆ...










****1.1****


 ครึ่งหลังจะมีอดีตของพ่อคายัค (สิน สาริน พอกรุบกริบ) อยากให้รักพ่อคายัคด้วยค่ะ ^^ 


1. หลังจากได้อ่านคอมเมนท์ของทุกท่าน ช่วยสร้างความหมายต่อนิยายได้ดีจริงๆค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเสนอมุมมองนะคะ ดีงามม
.

2. ส่วนของคุณ DrSlump ที่เมนท์มา ทำให้เราฉุกคิดเลยว่า เอ้!...เรานี่ซาดิสม์เหมือนกันนะ ชอบทำร้ายตัวละครตัวเอง.. งื้ออออออ...หุหุ

.
แหละตอนนี้ น้องออกมาอยู่ห้องคนเดียวแล้ว น้องต้องการกำลังใจอย่างมาก ถ้าพี่ๆคนอ่าน มีคำแนะนำอะไรก็ช่วยบอกน้องๆหน่อยแล้วกัน
น้องก็แค่โกรธอาทัชมากๆ เด็กวัยว้าวุ่นก็งี้แหละ...
.
มาอยู่ดูน้อง ปลอบน้อง เตือนน้องบ้าง หากทำอะไรไม่ดีไม่งามกันเนอะ... :mew6: :mew6: :mew6:
.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Minari ที่ 15-07-2018 22:10:42
เอาภูภูมิไปเก็บที 5555 อินทัชอะไรจะเชื่อภูภูมิขนาดนั้น เข้าใจว่าอาจจะไว้ใจ แต่ก็มากเกิ๊น เชื่อในตัวเองหน่อย รีบไปตามหาคายัดได้แล้วว ส่วนเจ้าคายัดนี่น่าตีจริงๆ เข้าใจว่าเสียศูนย์ แต่มันมากไปลูกก ขอให้มีอะไรมาทำให้น้องคิดได้เร็วๆ กลัวจะเตลิดกว่านี้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-07-2018 23:30:53
อ๊าาากเหมือนตอนนี้จะสั้นมากเลยค่ะรึเราอ่านเพลินก็ไม่รู้​ แต่สงสัย​ว่านี่คือการพัฒนา​ขึ้นจองตัวละครให้ได้เติบโตหรอ​คะ​ อาทัชก็ยังตัดภูมิไม่ขาดจะเห็นใจก็เห็นใจไม่สุดอ่ั
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-07-2018 23:35:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่อยากเห็นนุ้งคายัคเข้าสู่ด้านมืดมัวเมาในอบายมุขเลยอ่ะ

ไรท์ใจร้ายมากอ่ะ  ทำนุ้งคายัคกร้านโลกขนาดนี้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-07-2018 10:18:24
อินทัชหัวอ่อนอ่ะภูมิพูดอะไรก็เชื่อไปหมด
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-07-2018 12:47:06
อย่าปล่อยให้เด็กมันเตลิดไปมากกว่านี้เลย เลี้ยงมากับมือแท้ๆ จะไม่ตามกลับมาจริงเหรอ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 16-07-2018 13:03:34
อาทัชไปหาน้องที่โรงเรียนเลย อย่าปล่อยเวลามันผ่านไปมากกว่านี้เลยนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11 || 15-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 16-07-2018 13:07:51
อินทัชนี่ก็หัวอ่อนเกิน =_= ภูมิก็น่ารำคาญ อะไรจะยุ่งขนาดนั้น เรื่องของอากับหลานเค้าแท้ๆ เฮ่อออ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่11.2||17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 17-07-2018 21:36:05
บทที่ 11 ห่าง (2)







"อยากรู้จัง สินอวยพรว่าอะไรเหรอ?"


       รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้า ท้าวคางมองสิน สาริน ที่เพิ่งเป่าเทียนที่ปักอยู่บนคัพเค้กดับสนิท

 
      วันนี้ เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 23 ปีของสาริน ทั้งสองนั่งดื่มที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง โดยอินทัชรบกวนพี่ชายช่วยเลี้ยงลูกเพื่อนให้สักวันก่อน



"ฉันขอให้นายรักฉัน"



"หืมม? มันใช่คำอวยพรจริงๆเหรอ?" อินทัชย้ำถาม ลึกๆแล้วใจเต้นตึกตักเพราะไม่คาดคิดว่าสารินจะตอบแบบนี้ เขานั่งกัดปาก และเปลี่ยนท่านั่งเป็นเอนตัวพิงพนักเก้าอี้



"ใช่ ฉันรักนาย อินทัช"




       คำนี้ ถูกเปล่งออกมาจากปากของสารินที่เริ่มเมากรึ่มนิดหน่อย

 
"บ้าน่า"  พูดจบก็ขำ เพราะนึกว่าเพื่อนพูดทีเล่นทีจริง


"ฉันพูดจริง ฉันรักนายมานานแล้ว"


"ตะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่?"



"ตั้งแต่เราสองคนเพิ่งขึ้นมอปลาย"


     อินทัชช็อกและอึ้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนตอบแบบซีเรียส ถ้ามานับดูก็เกือบเจ็ดปีเห็นจะได้  เขาเพิ่งรู้ความจริง ว่าสารินชอบเขานานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ สินไม่เคยแสดงออกอะไรให้เห็น พอสารินไม่แสดงออก อินทัชที่มีใจให้ก็ไม่กล้าบอก จึงเก็บมันไว้เป็นความลับ จนกระทั่ง เรื่องที่สารินมีลูกโผล่ขึ้นมา อินทัชจึงหนีหน้า หวังไปทำใจ แต่มันก็ไม่เคยได้ผล



      แต่ระยะเวลาที่สินชอบอินทัช มันคาบเกี่ยวกับช่วงที่เจ้าตัวมีลูก อย่างไรก็ตาม อินทัชยังไม่เชื่อเต็มร้อย จึงถามกลับ



"แต่ตอนนั้น สินมีลูกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ"

 
"ใช่ แต่ฉันไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น เรามีอะไรกันตอนเมา แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเรื่องมันจะเลยเถิดถึงขนาดนี้ มันเป็นความผิดพลาด"



"สินห้ามพูดให้คายัคได้ยินนะ เขาจะเสียใจมากที่มันออกมาจากปากพ่อ"



"ฉันรู้หรอกน่ะ ถึงแม้ว่า จุดเริ่มต้นมันจะเกิดจากความผิดพลาดก็จริง แต่ตอนนี้ ฉันรักคายัคมาก นายก็รู้ว่า ฉันยอมไม่เรียนต่อ และเลี้ยงคายัคมาคนเดียวตั้งแต่เกิด ผู้หญิงคนนั้นเหลียวแหลซะที่ไหน?"




"รู้ครับรู้ เพราะฉะนั้น เรื่องของเรา...มันจะเป็นไปได้...เ ห ร..."

 
"ฉันทนดูไม่ได้อีกแล้วที่ต้องเห็นนายคบกับคนอื่น"

 

กึก!

 

      เงยหน้าสบตาสาริน ก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น อินทัชเม้มปากแน่น ใจสั่น ในตอนนั้นที่ อินทัชรู้ว่าสารินทำผู้หญิงท้อง เขาหลบไปเสียใจคนเดียว และพยายามเลิกรักสารินให้ได้ โดยใช้วิธีผิดๆ หากมีใครเข้ามาจีบ อินทัชตกลงคบเป็นแฟนในทันที อินทัชคบมาหลายคน จนมาคนสุดท้ายที่อินทัชคบเป็นแฟน ก็ตอนที่อินทัชอายุยี่สิบปี ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาฯลัย แต่คบได้ไม่นานก็เลิกกันไป เพราะอินทัชรู้ดีว่า ตราบใดที่ยังตัดขาดจากสารินได้ไม่สนิทดี เขาไม่ควรคบใคร เพราะมันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

 

"ฉันขอถาม นายรู้สึกยังไงกับฉัน?"

 

      อยู่ดีๆสินดึงมืออินทัชมาวางลงบนแก้มสากของเจ้าตัว

 

"บอกออกไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?"

 

"มีสิ"

 

    อินทัชกัดริมฝีปากล่าง ก้มหน้า

 

"ก็ชอบ...เหมือนกัน"

 

"ถ้างั้น เราคบกันไหม?" สินบีบกระชับมืออินทัชแน่นกว่าเก่า

 

"แล้วถ้าคายัคโตกว่านี้จะรับได้เหรอ?"
 

"เราไม่ได้ทำอะไรผิด  ถ้าคายัคโตแล้วบอกด้วยเหตุผล ฉันว่าลูกจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นไร ฉันให้เวลานายคิด"



 

       อินทัชเงียบ เขาไม่รู้หรอกว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ตอนที่สินจับมือ บอกเลยว่า รู้สึกดีจนหัวใจพองโต




       ทั้งสองเปลี่ยนเรื่องคุยไปตั้งนานแล้ว จนกระทั่ง ใกล้เวลาปิดร้าน สารินและอินทัชเดินออกจากร้านเหล้าด้วยสภาพมึนเล็กน้อย ทั้งคู่ยืนรอเรียกรถแท็กซี่ริมถนน 



     ตอนที่สารินบอกปลายทางคือ โรงแรมม่านรูด อินทัชหันขวับทันที



"สินจะทำอะไร ทำไมไม่กลับบ้าน?"


"วันนี้วันเกิดฉัน ฉันขออยู่กับนายให้นานกว่านี้ได้ไหม?"


 

"......."


"นะครับ อินทัช"


"อะอื้ม....ได้"




    เมื่อถึงที่หมายแล้ว สารินจ่ายเงินค่าห้อง ปิดประตูลงไม่ทันไร สารินสวมกอดอินทัชจากด้านหลังและเอาแต่พร่ำบอกว่ารักอินทัชอยู่อย่างนั้น



     ยืนนิ่งฟังคนเผยความในใจ อินทัชมาตระหนักได้ว่าเมื่อใจตรงกัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธอีก อินทัชจึงเสนอตัวให้กับสารินในคืนนั้น และทั้งสองก็ร่วมรักกันอย่างมีความสุข

 
     นับว่าเป็น เซ็กซ์ที่ไม่ได้รุนแรง ป่าเถื่อน ทว่า เนิบนาบ นุ่มนวล ชวนฝัน แหละหลังจากจบกิจกรรมแห่งรักที่ต่างฝ่ายต่างประทับใจ สารินดึงตัวอินทัชไปกอดจนร่างเล็กกว่าแทบจมอก


    การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่อินทัชเองก็รับรู้ได้ถึงความรัก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจคบกับสารินในคืนนั้น

 

"ขอบคุณที่ยอมคบกันนะ ฉันรักนายมากจริงๆ"

 

"เหมือนกัน"


 "ถ้าเกิดฉันเป็นอะไรไป นายรับคายัคไปเลี้ยงได้ไหม?"

 

"ได้สิ สัญญา"

 

"เลี้ยงและรักให้เหมือนเป็นลูกของเราเลยนะ"


"แน่นอน เราจะรักคายัคให้มากกว่าที่สินรักอีก คอยดู"

 

"อย่าเผลอรักคายัคมากกว่าลูกล่ะ"



"ฮ่าๆ...จะบ้าเหรอสิน มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ๆ"

"โอเค ฉันจะคอยดู"




    จบคำมั่นสัญญา ทั้งสองนอนกอดกันกลมจนถึงเช้า สารินเดินทางไปบ้านอินทัชเพื่อรับคายัคกลับบ้านของตนเอง แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์อันน่าสลด เมื่อผ่านวันเกิดของสารินได้ไม่ถึงสัปดาห์ ชายหนุ่มก็มาเสียชีวิต...



       อินทัชเสียใจอย่างหนัก เพราะทั้งสองเพิ่งตกลงปลงใจเป็นแฟนกันได้ไม่นาน สินก็ด่วนจากกันไปเสียก่อน



       แหละนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อินทัชไม่คบใครอีกเลย เขาเอาแต่ทุ่มเทกายและใจไปกับการเลี้ยงคายัคเพียงอย่างเดียว



       แต่ก็ไม่คิดหรอกว่า เมื่อคายัคเติบโตขึ้นมา อินทัชจะกลายเป็นคนกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อรู้ใจตัวเองว่าดันเผลอรักคายัคมากกว่าลูกเข้าให้แล้ว



      พยายามหักห้ามใจก็ยากเกินเยียวยา

 
      รอยยิ้มอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ้มกรุ้มกริ่ม ยิ้มหวานเชื่อม หรือยิ้มร้ายกาจ ไหนจะการสัมผัส แตะต้องทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงการใกล้ชิด ยิ่งทำให้อินทัชหลงรักคายัคจนถอนตัวไม่ขึ้น



     การที่อินทัชนั่งนึกถึงอดีต ไม่ใช่เพราะยังโหยหาหรือรักสารินแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะคนที่เขารักมีเลือดเนื้อเชื้อไขจากสารินอยู่เหมือนกัน อินทัชได้แต่ภาวนา ถ้าสารินรับรู้ ได้โปรดช่วยหาทางให้เขาได้เจอะคายัคสักครั้ง


     ที่มานั่งเครียด ฟุ้งซ่าน และโหยหาคายัคเป็นพิเศษ เพราะเดือนนี้ คือ เดือนเกิดของเราสองคน ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ คือ วันเกิดของเขา



    30 ธันวาคม


     วันนี้ของทุกๆปี จะมีเด็กหนุ่มมาอ้อน มากอด มาอวยพรพร้อมเสียงร้องเพลงแฮปปี้ เบิร์ทเดย์ที่มาพร้อมขนมเค้กหนึ่งชิ้น...แหละหลังจากนั้นหนึ่งวัน คายัคและอินทัชจะนอนเคาท์ดาวน์รับวันปีใหม่ด้วยกัน มันเป็นอย่างนี้เสมอๆ


     แต่นั่นมันก็เป็นเพียงอดีต เพราะความเป็นจริงตอนนี้ ไม่มีแม้แต่เงา...

     
     ขณะที่หวนรำลึกความหลัง


จุ๊บ จุ๊บ...



    ริมฝีปากอุ่นๆกดจูบตรงซอกคอ อินทัชผงะ ผละออกห่าง



"ภูมิทำอะไร?"


 "เรียกสติอินไง? สุขสันต์วันเกิดครับ อินทัช"




     ภูภูมิหอมแก้มก่อนอวยพรและยื่นถุงขนาดกระทัดรัดให้ เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินไปยังกระเป๋าตัวเองคว้าถุงที่อุตส่าห์แอบเอาไว้ไม่ให้อินทัชเห็นตั้งแต่มาถึงบ้าน พอสบโอกาส ภูมิหยิบมาหวังจะเซอร์ไพร์ส แต่พอเรียกชื่ออีกฝ่ายหลายครั้งไม่ขานรับเพราะนั่งเหม่อลอย ภูภูมิจึงต้องจูบเรียกสติให้หันมาสนใจกัน



     ภูมิมองหน้าอินทัชที่ดูเซื่องซึม ทั้งๆที่วันนี้คือวันเกิดของตัวเองแท้ๆ

 

"ขอบคุณครับ"


"เปิดดูสิ"


"เดี๋ยวค่อยเปิดได้ไหม?"



"ก็ได้ครับอิน ผมขอให้คุณมีความสุขกับทุกสิ่งในตอนนี้นะครับ"



"ขอบคุณครับ"



"วันนี้วันเกิดคุณ อยากให้ผมทำอะไรเป็นพิเศษไหม?"



"ไม่อยากครับ"


"แล้วถ้าคืนนี้ ผมจะขอ...."



 "ภูมิ ผมเหนื่อย ขอหลับก่อนนะ"



      ภูภูมิหน้าเสีย แต่ก็พยายามฝืนยิ้ม ยกมือลูบหน้าอินทัช แค่ได้สัมผัสภายนอกก็ยังดี


"อืมโอเค...ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่คุณบอกผมนะ"



"ครับ"



     อินทัชฟุบตัวลงนอนตะแคงข้างแล้วกอดตัวเองแน่น


     จำเป็นต้องห่าง ทั้งๆที่รัก...


     ถึงตัวจะห่าง แต่ความรักและความทรงจำของอินทัชไม่จางหาย ตอนนี้สิ่งที่แนบติดอยู่กับหัวใจ ไม่มีใคร นอกจาก คายัคเพียงผู้เดียวเท่านั้น


     แม้วันเกิดอินทัชปีนี้ จะไร้คำอวยพรจากคายัคก็ไม่เป็นไร แต่เขาได้อธิษฐานให้ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


     ถ้าเป็นคู่กันจริงๆ... ขอให้คายัคกลับมาและได้มีโอกาสรักกันอีกครั้ง..









......................





"มันจะดีใช่ไหมอิน? ที่พาผมมาด้วย"

 


       ย้ำให้แน่ชัด หลังจากที่อินทัชชวนภูภูมิมาทานข้าวที่บ้าน แต่ก่อนไป ภูมิต้องมาเป็นเพื่อนอินทัชคุยกับผู้หญิงที่ทางบ้านจัดหาให้เสียก่อน

 

"ดีครับ"

 

       สุดท้าย อินทัชจำใจต้องทำตามผู้ใหญ่กับค่านิยมเดิมๆ สำหรับเรื่องการแต่งงาน เพื่อมีลูกหลานไว้สืบสกุล



        ห้าวันก่อนวันนัดทานข้าวกับครอบครัว พี่นพได้ส่งเบอร์โทรของหญิงสาวที่พี่ชายอ้างว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ที่มารดาของอินทัชเคยเห็นหน้า ค่าตาและถูกใจผู้หญิงคนนี้จนอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ เพราะไตร่ตรองแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับอินทัชที่สุด



       ได้เบอร์มา อินทัชโทรแนะนำตัวคร่าวๆกับหญิงสาว พร้อมกันนั้น เขาได้นัดวัน เวลาเพื่อเจอเธอเรียบร้อย



       แหละวันนัดก็มาถึง เมื่ออินทัชนั่งรออยู่ในร้านกาแฟระดับพรีเมียม 



"คุณโกรธผมเหรอ?"
อินทัชมองหน้าภูมิ

 

"เปล่า แต่ผมรู้สึกแปลกๆ"
 

"แปลกยังไงครับ?"


"กลัวเราเลิกกัน"



"เลิกก็เลิก"



"ทำไมอินพูดง่ายจัง" ภูมิเผลอขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ ที่อินทัชพูดไม่ไตร่ตรองสักนิด



"ผมพูดความจริง แต่ถ้าภูมิจะลองสู้เพื่อความสัมพันธ์ของเรา ผมก็โอเค"

 

"ผมต้องสู้สิครับ อินคิดว่าผมเล่นๆเหรอ?"

 

      อินทัชส่ายหน้าพลางยิ้มพอใจ จนกระทั่ง...
 

"ขอโทษนะคะ คุณอินทัชใช่ไหมคะ?"

 

      หญิงสาวตากลมโต ผมหน้าม้า ยาวประบ่า มีใบหน้าน่ารัก คล้ายสาวญี่ปุ่นส่งเสียงทักอย่างไม่แน่ใจ

 

"ใช่ครับ"


       ผู้หญิงมองหน้าภูมิสลับกับอินทัช ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่

 

"สวัสดีค่ะ วาว นะคะ"


 

      อินทัชยิ้มรับ พร้อมกับแนะนำภูภูมิให้รู้จักโดยยังไม่ได้บอกสถานะ


"ดื่มอะไรก่อนไหมครับ?"

 
"ไม่เป็นไรค่ะ วาวต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า เราไปกันเลยไหมคะ?"

 

"เดี๋ยวครับ พอดีผมอยากรู้จักคุณวาวมากกว่านี้น่ะครับ คือ น่ารักๆอย่างคุณวาว ยังไม่มีแฟนจริงๆหรือครับ?"



"....."



       วาวชะงัก หลุบตาลงต่ำพลางก้มหน้างุด จนอินทัชสังเกตอาการพิรุธ เลยลองถามต่อ

 
"ที่บ้านคุณวาวนัดให้ดูตัวกี่คนแล้วครับ?"

 
"คุณอินทัชเป็นคนที่สามค่ะ"

 

       จ้องมองเข้าไปยังแววตาเศร้าคู่นั้นก็สัมผัสถึงความรู้สึกลึกๆของวาวได้ เจ้าตัวก็คงไม่ชอบการจับคลุมถุงชนเช่นกัน



"คุณวาวครับ ที่ผมนัดเจอคุณก่อนจะไปบ้าน เพราะผมมีความจริงจะบอก ผมมีแฟนแล้วครับ"

 

"อย่าบอกนะคะว่า...." วาวตาโต ชี้นิ้วไปทางภูภูมิ

 
"ใช่ครับ"

 
      อินทัชมองวาวที่ถอนหายใจยาวพร้อมทำหน้าโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก     

 

"ดูคุณวาวดีใจ"


       ฟากวาวเองดีใจจริงๆ เธอไม่คิดว่าจะเจอคนพูดจาตรงไป ตรงมาแบบนี้ เมื่ออีกฝ่ายเปิดใจ จึงทำให้เธอกล้าเปิดอกคุยมากขึ้น

 

"เรียกวาวเฉยๆเถอะค่ะพี่ทัช แม่บอกว่าวาวอายุน้อยกว่าพี่ทัช วาวดีใจจังเลยค่ะ ที่การดูตัวครั้งนี้เป็นพี่ทัช เพราะความจริง วาวก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน แต่ต้องปิดบัง เพราะแฟนวาวเป็นทอมค่ะ"

 

     อึ้งไปนิด ก่อนจะผุดรอยยิ้มตามคนน่ารัก

 

"แม่วาวไม่ชอบหรือครับ?"

 
"ใช่ค่ะ แม่วาวเกลียดทอม หัวอกเดียวกันแบบนี้ เราควรจะแลกเบอร์กันไว้เพื่อสานสัมพันธ์ต่อก็ดีนะคะ"

 

"ดีเลยครับ อ้อ...ส่วนเรื่องทานข้าวมื้อเย็นที่บ้านพี่ วาวไม่ต้องไปก็ได้นะครับ พี่ไม่อยากให้วาวต้องมารับแรงกระแทก ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่รับไว้เองคงดีกว่า"

 

"ให้วาวไปช่วยเล่นละครได้นะคะ" วาวยิ้ม

 
"ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่จะไปกับภูมิด้วย"

 

      วาวยิ้มกว้างดีใจที่การดูตัวคราวนี้ เป็นพี่อินทัช  เธอสัมผัสได้ว่าเราสองคนเคมีตรงกัน



       ครู่หนึ่ง เธอหันไปหาภูภูมิ


"พี่สองคนดูเหมาะสมกันดีนะคะ"

 

       คำชมเชยนั้น ทำให้ภูภูมิยกยิ้มอย่างภาคภูมิ ผิดกับอินทัชที่นั่งนิ่งเงียบจนวาวหรี่ตามองอย่างแปลกใจ

 

      คุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนสักพักก็ถึงเวลาสมควรที่ต้องแยกย้ายไปทำภารกิจส่วนตัว ขณะที่ทั้งสามเดินออกมาจากร้านกาแฟ วาวแตะข้อศอกอินทัชให้เจ้าตัวหันมาและหยุด

 

"พี่ภูมิคะ วาวขอยืมตัวพี่ทัชสักครู่นะคะ"

 

"ได้สิครับ"

 

    พอทั้งสองเดินห่างภูภูมิมาได้ไกล วาวถามออกไปตรงๆ

 

"อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ พี่ภูมิเป็นแฟนพี่ทัชจริงๆหรือคะ?"

 
"ทำไมวาวถามแบบนั้นล่ะครับ"

 

"ก็ตอนที่วาวบอกว่า ดูเหมาะกัน พี่ทัชดูไม่ดีใจ เหมือนพี่ทัช..ไม่ได้ รั..."

 

"เก่งจังครับ วาว"

 

"ฮ่าๆ นั่นไงว่าแล้วเชียว ...เซนส์ผู้หญิงนี่แม่นเหมือนกันแฮะ เอ้...แล้วถ้าพี่ทัชไม่รัก พี่ทัชคบเขาทำไมคะ?"

 

"พี่ขอไม่ตอบนะ"



"ขอโทษค่ะ วาวเข้าใจ มันเป็นเรื่องส่วนตัวเนอะ แต่ถ้าพี่ทัชเครียดวาวยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมช่วยทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตังค์นะคะ"

 

"ถ้าจะตัดบทกันขนาดนี้ พี่คงไม่ติดต่อไปแล้วแหละครับ"

 

"ฮ่าๆ พี่ทัชอะ...เป็นคนตลกเหมือนกันนะคะเนี่ย"



    อินทัชยิ้มอย่างคนสบายใจ

 
"พี่ต้องไปแล้วครับวาว โชคดีนะ"

 
"วาวต่างหากที่ต้องอวยพรให้พี่โชคดี แล้วเดี๋ยวค่ำๆวาวจะโทรไปถามความคืบหน้านะคะ"



"ได้ครับ"


"อ้อ พี่ทัชคะ วาวขอให้พี่ทัชเจอคนที่ใช่เร็วๆนะคะ"

 

    มองคนโบกมือบ๊าย บายด้วยท่าทางสดใสก็อดยิ้มตามไม่ได้ เขาพ่นลมหายใจออกมา นึกว่าจะมีแต่เรื่องเข้ามาซะอีก แต่พอเจอวาว คนหัวอกเดียวกัน จึงทำให้อินทัชลดระดับความเครียดลงได้บ้าง



    แม้หญิงสาวจะเดินหายไปจากลานสายตา แต่คำอวยพรของวาวยังติดค้างอยู่ในหัว อินทัชยิ้มบางเบากับตัวเองแล้วพูดขึ้นมาลอยๆราวกับว่า การพูดออกไปมันจะปลดเปลื้องความอึดอัดใจของเขาได้ในเวลานี้


"พี่เจอแล้วครับ แต่เป็นพี่เองแหละที่ทำมันพังไม่มีชิ้นดี"



 
.........................................

ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ ดีใจมากค่ะ

.
.
1. มีหลายๆคนรำคาญภูมิและบอกภูมิทำไมต้องยุ่งวุ่นวายเรื่องของอาทัชกับคายัคด้วย เก่งมากเลยค่ะที่รู้สึกแบบนั้น เพราะภูมิเค้าตั้งใจค่ะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ
เพราะลึกๆแล้ว ภูมิเองก็ไม่มั่นใจกับรักครั้งนี้ค่ะ ไม่มั่นใจว่าอินทัชจะรักเค้าจริงหรือเปล่า? เขาเลยต้องพยายามพูดถึงคายัค ในทางเสียๆหายๆ ใส่สีตีไข่ เพื่อโน้มน้าวให้อินทัชคล้อยตามค่ะ
อันที่จริง ภูมิก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่พอรักใครแล้วก็หวง อยากจะเป็นเจ้าข้าว เจ้าของไว้คนเดียว พอเห็นอินทัชดูอาลัยอาวรณ์คายัคจนเกินเหตุ เขาเลยกลัวว่าอินทัชจะเผลอไปรัก (เพราะแน่นอนว่า ภูมิรู้แก่ใจดีว่าตอนที่จีบอินทัช คายัคก็ชอบอินทัชเช่นเดียวกัน) ภูมิเลยต้องพยายามรักษาของรักด้วยการเป่าหูนั่นแหละค่ะ 5555+
. :z3: :z3: :z3:

.

2. ส่วนที่คุณ naruxiah  --- สงสัยว่า การที่น้องทำตัวแบบนี้ มันคือ พัฒนาการของตัวละครหรอ? ขอตอบว่าใช่ค่ะ มันคือพัฒนาการของน้อง แต่มันเป็นพัฒนาการการเติบโตผิดที่ผิดทางไปหน่อย น้องเจอปัญหามาเยอะ เลยไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง น้องจึงคิดว่าการสร้างกลไกปกป้องตัวเองด้วยการทำตัวแบบนี้น่าจะดีและสตรองที่สุดค่ะ :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ :mew1:


หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11.2 || 17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-07-2018 22:10:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินทัชนี่เหมือนเดิม  ไม่เปลี่ยนแปลง 

อดีตยังไงปัจจุบันก็ยังงั้น

อดีตคบคนอื่นเพื่อประชดหรือเพื่อตัดใจ แต่ก็ไม่เคยได้ผล

ปัจจุบันก็ยังทำอีก คบคนอื่นเพื่อทำร้ายคนที่ตัวเองรัก

ไม่เข้าใจจริง ๆ แล้วนี่หรือคือรักษาสัญญาว่าจะเลี้ยงดูคายัค?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11.2 || 17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 17-07-2018 22:11:43
ตอนนี้สงสารภูมิ เหมือนอาทัชคบกับภูมิเพื่อเป็นเครื่องมือไปช่วยจัดการกับเรื่องที่บ้านเลย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11.2 || 17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-07-2018 22:13:43
ตอนหน้าอาทัชกะน้องจะเจอกันมั้ยคะ​ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11.2 || 17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2018 01:58:03
ความรู้สึกคายัคที่พังไปแล้วใครจะรับผิดชอบหืม?
 :m15:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11.2 || 17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-07-2018 08:18:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 11.2 || 17-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-07-2018 14:06:06
ถามจีงงงง?? กับภูมินี่สรุปจริงจังหรือไม่จริงจัง แต่อีกคนคือจริงจังไปแล้ว สรุปคือถึงคายัคกลับมาแต่ตัวเองก็ยังมีสัมพันธ์กับภูมิอยู่ปะ ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องให้น้องมันกลับมาหรอก มันไม่มีไรเปลี่ยนแปลงเลย อดีตนี่ไม่สอนอะไรเลยเหรอว่าผลออกมามันจะเป็นยังไง ปากบอกโหยหาคายัค แต่ถามว่าทำอะไรเพื่อรักษาน้องมันไหม? 99H เด็กมันตัดสินใจถูกแล้วแหละ ที่ถอยออกมา  :mew5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12|| 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-07-2018 18:01:17
บทที่ 12 คิดถึง









       



       ตั้งแต่ก้าวเท้าออกไปสร้างฝันของตัวเอง อินทัชยอมรับว่า เขากลับมาเหยียบที่บ้านนับครั้งได้ ตอนนี้ อินทัชจึงยืนมองบ้านหลังโตของตัวเองด้วยแววตาหม่น เขาเดินเข้าบ้านพร้อมภูภูมิ ซึ่งคนแรกที่เห็นก็คือพี่ชายตัวเอง ก่อนจะตามมาด้วยมารดาของเขาที่ตอนแรกใบหน้าเปื้อนยิ้มพอเห็นว่าอินทัชพาคนแปลกหน้ามา มารดาของอินทัชก็หุบยิ้มพร้อมทำสีหน้าประหลาดใจ



     ชายหนุ่มยกมือไหว้มารดา





"สวัสดีครับ แม่ แล้วพ่อล่ะครับ?"


"ไปต่างจังหวัด แล้วหนูวาวล่ะ"
มารดาอินทัชหน้าหงิก



"วาวมีธุระครับแม่ ตอนนี้ ตั้งโต๊ะอาหารแล้วใช่ไหมครับ? ผมจะได้พาภูมิไปนั่งรอ อ้อ...ผมลืมแนะนำ นี่ภูมิ แฟนผมครับ"



เพี้ยะ!


    ความเจ็บปวด แสบ และชาถูกกองรวมไว้บนใบหน้า เมื่ออินทัชไม่คิดว่ามารดาตนเองจะกล้าตบหน้าเขาต่อหน้าแขก ฟากภูภูมิที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นแบบนั้นก็ยังตกใจ




"เล่นอะไรน่ะ ทัช"


     เมื่อมารดาตอกกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว อินทัชก็ไม่พูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา


"ผมไม่ได้เล่นครับ ผมจริงจังและผมขอย้ำตรงนี้ว่าผมมีลูกให้แม่ไม่ได้หรอกครับ ผมชอบผู้ชาย"



"ฉันหาคนดีๆให้ทำไมแกถึงทำตัวแย่และทำให้ฉันผิดหวังขนาดนี้ล่ะ...ห้ะ!"



"การที่ผมชอบผู้ชาย มันน่าผิดหวังมากเลยหรอครับ?"



"ใช่"


"แต่ผมยืนยันคำเดิม ว่าผมมีลูกให้แม่ไม่ได้ แม่จะให้ผมชดเชยด้วยอะไรก็ได้ ผมยินดีหมดครับ"
ทุกคำที่ออกมาจากปากอินทัช ไม่ได้เป็นการใช้อารมณ์ ซึ่งผิดกับแม่ของเขาที่ตอนนี้โมโหจนวีนเหวี่ยงอย่างหนัก



"ลูกที่มาจากแกเท่านั้นที่ชดเชยได้"


"แสดงว่า แม่ต้องการหลานโดยไม่สนว่าผมจะรู้สึกยังไงอย่างนั้นหรอครับ?"




    มารดาอินทัชชะงักไปนิด ก่อนตอบ



"ไม่รู้แหละ แกต้องแต่งงานกับหนูวาว แล้วมีลูกให้ฉัน"



"แม่ครับ เราค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังดีกว่า พาแขกอินทัชไปกินข้าวก่อนครับ"
คนกลางอย่างอรรนพก็ทำตัวไม่ถูก เขาลำบากใจและอายที่แม่เกิดอาละวาดต่อหน้าคนอื่นด้วย


      ภูภูมิมองแก้มที่แดงจัดของอินทัชก็นึกสงสาร เขาหมดอารมณ์ร่วมโต๊ะกินข้าวกับคนที่มีทัศนคติต่างกันแถมแม่ของแฟนยังพูดไม่ให้เกียรติเขาทั้งๆที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้



     ภูภูมิจำเป็นต้องปกป้องสถานะของตัวเองเหมือนกัน


"คุณน้าครับ ผมขอค้านเรื่องที่จะให้อินทัชแต่งงานกับผู้หญิง เพราะผมก็มีส่วนเกี่ยวข้องในความสัมพันธ์นี้เหมือนกัน"



"แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ฉันไม่ได้สั่งให้นายสองคนรักกัน"



"แต่ผมเป็นแฟนอินทัชนะครับ เราสองคนรักกัน ถ้าคุณน้าจะยืนยันให้อินทัชแต่งงาน ผมคงให้อินทัชทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะผมรับไม่ได้จริงๆ ได้โปรดเห็นใจผมด้วยนะครับ"

 ภูภูมิก้มหัวพนมมือไหว้อย่างขอความเห็นใจ ฟากมารดาอินทัชไม่สนใจ แถมยังพูดต่อ


"กล้ามากที่พูดกับฉันแบบนี้ จะอวดดีก็ลองดู กลับไปเถอะทัช ฉันไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนผิดเพศ ฉันบอกเลยว่าฉันอาย ยังไงก็ตาม ฉันจะให้แกคบกับหนูวาวและฉันจะบอกเพื่อนฉันให้หาฤกษ์แต่งงานให้ด่วนที่สุด"


     อินทัชเห็นภูภูมิจะอ้าปากเถียง เขาบีบกระชับมือภูภูมิเพื่อเดินออกมาตั้งหลัก พวกเขายกมือไหว้ลา แต่แม่ไม่ชายตามอง ทั้งสองจึงเดินออกมาจากบ้านเงียบๆ จังหวะนั้น อรรนพเดินมารั้งแขนน้องชาย  ภูภูมิเห็นว่าทั้งสองคงอยากคุยแบบเป็นส่วนตัว จึงหลีกทางให้


 

"เดี๋ยว ทัช"

"ครับ"

 

"แกไม่ได้ชอบเด็กคนนั้นเหรอ?"

"ผมเคยบอกพี่นพหรอครับ? คราวก่อน ผมก็แค่เงียบและฟังพี่พูดไปเรื่อยๆก็เท่านั้น"


"ฉันไม่เชื่อ? วันนั้น ฉันเห็นเต็มสองตาว่าแกกับเด็กคนนั้นจูบกัน แล้วแกก็ไม่ขัดขืน"



"พี่นพครับ ผมต้องไปแล้วภูมิรอผมอยู่"



    ยืนมองน้องชายด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอินทัชว่าสรุปแล้วน้องชายชอบใครกันแน่.?




     จนกระทั่ง อินทัชและภูภูมิอยู่ในรถกันแล้ว เขาหันไปหาภูภูมิ


"ผมขอโทษนะภูมิ"


"ขอโทษทำไม? อินไม่ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือแม่คุณต่างหาก ไม่เป็นไรนะอิน ผมจะลองสู้ดูสักตั้ง ว่าแต่อินเจ็บไหม?"



 

    ภูภูมิถามอินทัชพลันเหลือบมองรอยแดงบนแก้มที่ปรากฎชัดเจน เขายกมือลูบแก้มแฟนตัวเองอย่างเบามือ



"ไม่เจ็บครับ เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลยนะภูมิ"





     อินทัชบอกพร้อมผุดยิ้มอย่างคนเหนื่อยล้า

 






 

 .................





    ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้



    แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทางแก้ที่เลือกจะถูกต้องเสมอไป เพราะทุกทางแก้ล้วนเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ บางทีก็ต้องลองเสี่ยงตัดสินใจ เนื่องจากเราย่อมไม่มีทางรู้ว่าอนาคตจะออกมาในรูปแบบไหนอยู่ดี เช่นเดียวกับอินทัชที่วางแผนเรื่องการดึงตัวภูภูมิมาหวังจะช่วยแก้ปัญหา แต่มันกลับแย่ยิ่งกว่าเดิม



    นับจากวันที่อินทัชไปหามารดาก็ผ่านมาแล้วร่วมสองสัปดาห์




     ในตอนแรกที่อินทัชใช้ภูมิเป็นเครื่องมือ ยื่นสถานะแฟนให้ก็เพื่อต้องการทำทุกอย่างให้เป็นรูปธรรมและมีน้ำหนักมากขึ้นว่า อินทัชไม่สามารถมีลูกให้กับมารดาได้ เขาทำใจยอมรับและรู้ดีว่าผลตามมาอย่างมาก ก็คือ ตัดเขาออกจากกองมรดก ซึ่งอินทัชเองก็ยินดี แต่เปล่าเลย แม่ของเขากลับยืนยันจะให้มีลูกกับวาวให้ได้ มิหนำซ้ำ เรื่องยังกลับบานปลาย เมื่อภูภมิโดนทำร้ายร่างกายด้วย





     เหตุเกิดตอนที่ภูภูมิกำลังจอดรถเพื่อมาหาอินทัชในร้านกาแฟ และการที่อินทัชรู้ความจริง เนื่องจากมีพลเมืองดีสี่คนเห็นภูภูมิโดนทำร้ายร่างกายเยื้องร้านกาแฟไปหน่อยจึงลงมาช่วยกันล็อคตัวคนร้าย แหละเนื่องจากคนร้ายเป็นแค่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างธรรมดาที่เห็นว่าเงินดีจึงยอมทำ เขาไม่ใช่มืออาชีพ พอโดนจับได้จึงลนลานและหลุดสารภาพความจริงว่าคนที่จ้างวานโดยให้ผลตอบแทนที่งดงามคือใคร?



     พอภูมิมาบอกรายละเอียดคนจ้างวานที่คนร้ายบอกมาถึงรู้ว่านั่นคือ แม่อินทัช



    แน่นอนว่า มารดาเขาไม่ได้คลุกคลีในแวดวงมาเฟีย จึงไม่สันทัดในการต้องเลือกคนประเภทไหนในการทำเรื่องไม่ดีเช่นนี้





     โชคดีที่ ภูมิไม่เป็นอะไรมาก มีร่องรอยฟกช้ำแค่ใบหน้าเล็กน้อย คนร้ายรีบยกมือไหว้ประหลกๆขอร้องอ้อนวอนว่าอย่าแจ้งตำรวจ ภูภูมิใจอ่อน ไม่ยอมแจ้งความ เพียงแต่เอาคืนด้วยการชกกลับไปให้หายเจ็บใจสักหน่อย อินทัชทำแผลให้ภูภูมิเสร็จเรียบร้อย ภูมิก็แยกกลับบ้านไป





     แหละวันที่ภูมิโดนทำร้าย อินทัชเดินทางกลับไปบ้านของตนเอง เพื่อสอบถามความจริงกับแม่ว่าจ้างคนไปทำร้ายภูมิทำไม? แต่ไม่เป็นผล  มิหนำซ้ำ มารดาของเขายังต่อว่า ด่าทออย่างรุนแรง


"แกกล้าปรักปรำฉันเหรอ? ห้ะ...ไอ้ลูกอกตัญญู ออกจากบ้านฉันไปซะ..."




     เพียงเท่านั้น อินทัชก็รู้ได้ในทันทีว่า เขาไม่ควรเสียเวลาเจรจากับแม่อีก เพราะคนไม่ยอมรับความจริง พูดไปก็เปล่าประโยชน์

   

    นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่อินทัชเลือกให้ภูมิเป็นเหยื่อแทนคายัค เพราะถ้าแม่รู้เรื่องว่าเขารักคายัค เรื่องราวอาจหนักหนากว่านี้ก็เป็นได้ เนื่องจากคายัคยังเด็ก คนหัวโบราณอย่างแม่ ไม่มีวันเข้าใจในความสัมพันธ์ความรักแบบนี้แน่ๆ...

 

     คิดเรื่องภูภูมิและแม่จบ ก็วนมาที่เรื่องคายัค ตอนนี้ อินทัชเครียด ฟุ้งซ่านจนบางครั้งสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาคิดแต่เรื่องเดิมวนเวียนซ้ำไป ซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

         



     สี่เดือนแล้ว ที่อินทัชกับคายัคไม่เจอะหน้ากันเลย..





     อินทัชไม่รู้ต้องทำยังไง เขามีเวลาตามหาเด็กหนุ่มแค่ช่วงเวลาปิดร้านเท่านั้น แถมกรุงเทพฯก็ตั้งกว้าง มีตั้งหลายเขต อินทัชจนปัญญาและนึกไม่ออกว่าคายัคจะพักที่ไหน โทรหาเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ พอถามบอลและแคนก็ไม่ยอมบอก ได้แต่ย้ำว่าคายัคสั่งไว้ อินทัชรู้ดีว่า ทั้งสองต้องช่วยเพื่อนมากกว่าอินทัชแน่นอนอยู่แล้ว





      ขณะที่นั่งเครียดอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาเหม่อจนไม่รู้ตัวเลยว่าแคนมาหยุดเรียกเขาอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ตั้งนานแล้ว



"อ้าว แคน"



"สวัสดีครับ อาทัชเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ผมเรียกตั้งนาน"



"ขอโทษครับ อาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้ว เอ่อ..."  อินทัชชะเง้อคอมองข้ามไหล่เด็กหนุ่ม


"คายัคไม่ได้มาด้วยหรอกครับ แคนมากับพี่ชายครับ" แคนมองหน้าอาทัชที่ดูผิดหวัง 


      แคนเคยบอกกับคายัคว่ารู้สึกดีกับอาทัช จนบัดนี้ มันยังเป็นเช่นนั้นเสมอ



      ตั้งแต่รู้ว่าคายัคและอาทัชทะเลาะกัน แคนเป็นห่วงอาทัชมาก ในตอนแรก แคนไม่กล้ามาเพราะทำตัวไม่ถูก แต่พอมาถึงจุดที่แคนมาคิดได้ทีหลังว่า เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรตามใจคายัคมากเกินไป และแคนอยากช่วยให้สองคนนี้เข้าใจกัน หากแคนเป็นกาวใจให้ทั้งคู่กลับมารักกันอีกครั้งได้ แคนจะภูมิใจมาก



"อ่อครับ แล้วแคนเรียนเป็นไงบ้าง?"


"ดีครับ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วครับ"



"หรอครับ ขยันและอดทนนะ อาเป็นกำลังใจให้ วันนี้ แคนรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?"

"แคนขอชาเขียวเย็นและก็ลาเต้เย็นครับ"



"เดี๋ยวอาไปเสิร์ฟให้นะครับ"


"ไม่เป็นไรครับ อาทัช แคนรอตรงนี้ได้ครับ"




     แคนมองคนที่ทำเครื่องดื่มด้วยท่าทางไม่กระฉับ กระเฉงก็นึกสงสารและเห็นใจ อาทัชเป็นเอามากจริงๆ


      ยืนรอจนอาทัชทำเครื่องดื่มให้เสร็จ แคนจ่ายเงิน แต่อาทัชไม่รับ แคนจึงวางเครื่องมือสื่อสารของตัวเอง ก่อนจะรับเครื่องดื่มสองแก้วมาถือไว้


"ใช้เบอร์ผมโทรหาคายัคสิครับ"



      อย่างน้อย แคนก็ช่วยได้ตั้งหนึ่งอย่าง เด็กหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปนั่งนอกร้านกาแฟกับพี่คูณ ทิ้งให้อินทัชจ้องเครื่องมือสื่อสารอยู่เป็นเวลานาน และตัดสินใจหยิบมือถือ กดเบอร์โทรศัพท์ของคนคุ้นเคย


ตื้ดดด ตื้ดดด...


[ว่าไงครับ แคน]



     เพียงแค่ได้ยินเสียงเริงร่าของคายัคที่นึกว่าเป็นเพื่อนตัวเอง อินทัชใจสั่น จนน้ำตาเกือบไหล



"นี่อาเองนะ เป็นไงบ้าง? คายัคสบายดีไหมครับ?"



[........]




      แต่พอรู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร? ปลายสายกลับเงียบสนิท


"ส่วนอาสบายดี ไม่ต้องห่วงอานะครับ อาทำงานคนเดียวได้ แต่ติดตรงที่มันเบื่อ และเหงาเวลาไม่ได้ยินเสียงคายัค คอยอ้อน คอยกวนใจ ตอนนี้ คายัคพักแถวไหนเหรอ? บอกอาหน่อยได้ไหม? อาอยากไปหา"


[........]



      บทสนทนาตอนนี้ เหมือนอินทัชพูดกับตัวเองตรงหน้ากระจกเงา แต่เขาก็ยังดันทุรังที่จะพูดออกไปรวมถึงประโยคต่อจากนี้ที่มันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
     

"คายัค กลับมาอยู่ด้วยกันเถอะนะ"





[........]




      สิ่งที่อินทัชทำอยู่ตอนนี้ ไม่ต่างกับการปาลูกบอลอัดใส่กำแพง ไม่มีผู้รับ มีแต่เด้งกลับหาตัวเขาเท่านั้น...



      เป็นความจริงที่เจ็บปวด...



      เจ็บตรงที่คายัคไม่พูดอะไรสักคำ หากคายัคบอกว่า เกลียดกัน อินทัชยังรู้สึกดีกว่าที่คายัคเย็นชาแบบนี้



"โอเคครับ อาคิดว่าคายัคคงไม่สะดวกคุย อาวางสายให้ก็ได้...แต่อาขอถามคำถามสุดท้าย"



    กำลังจะถาม แต่ก้อนน้ำตาจุกอกจนต้องกลั้นไว้ก่อน จนกระทั่ง อินทัชคุมเสียงไม่ให้สั่นได้แล้ว จึงพูด



"อยู่ที่นั่น คายัคคิดถึงอาบ้างไหม?"




[........]


    แม้บอกให้รู้ว่า เป็นคำถามสุดท้าย คายัคก็ยังชาเฉย จนอินทัชร้องไห้ ช่างน่าอายอะไรอย่างนี้ อินทัชต้องรีบตัดบทเพราะกลัวหลุดความอ่อนแอให้คายัครู้ได้



"ไม่ตอบไม่เป็นไรครับ แต่อยู่ที่นี่ อาคิดถึงคายัคมากเลยนะครับ...ฮึก"




     คนทางนั้นวางสายลงแล้ว แต่คนทางนี้ กลับกำโทรศัพท์แน่น ฟุบหน้าลงกับหมอน แล้วใช้กำปั้นทุบลงบนหมอนรัวๆ ก่อนจะร้องไห้ฟูมฟายออกมา




"ฮือออออ.....ทำไมวะทำไม?...ทำไมผมลืมอาทัชไม่ได้สักที...ฮึกกกฮืออออ..."



****1.1****


1. อย่างไรก็ตาม ขอบคุณคนอ่านจริงๆที่สละเวลาส่วนตัวมาอ่าน ทั้งๆที่บางที ก็เข้าใจว่ามาพื้นที่แห่งนิยาย หลายท่านคงอยากอ่านอะไรบันเทิง สบายสมอง Feel Good กันบ้าง...
แต่พอเจอเรื่องนี้เข้าไป หลายคนคงเอิ่ม!...เอ้ยยย!...อารายของเมิ..ง...วะ เนี่ย ^^ แหะๆๆ :mew6: :mew6: :mew6: (น่ารักจัง ^^)

.
2. คายัคคงดีใจมาก และมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ที่พี่ๆคนอ่านที่น่ารักทั้งหลายคอยช่วยเป็นกำลังใจให้น้องไม่ทิ้งกันไปไหนเลย... :mew1:
.
3. รอบนี้ จะมีใครเข้าข้างอาทัชบ้างไหมน้าาาา :m15: :m15:
.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12 || 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 21-07-2018 18:32:54
เพราะแม่เป็นแบบนี้หรือเปล่า อาทัชเลยไม่ค่อยกลับบ้าน...
ด่าลูกต่อหน้าคนอื่นว่าแย่แล้ว ยังส่งคนไปทำร้ายภูมิอีก
ยิ่งตอนอาทัชไปหาที่บ้าน นี่มันมนุษย์ป้าชัดๆ
อยากให้อาทัชสู้บ้าง ฮึ่ยยย

ตอนอาทัชโทรหาคายัค รู้สึกอยากจะร้องไห้ด้วยเลย
คายัคใจอ่อนลงบ้างไหม
 :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12 || 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 21-07-2018 20:04:24
ปัญหาของอินทัชนี่   
1 ครอบครัวไม่รู้ว่าชอบผู้ชาย เกิดการรับไม่ได้(อย่างแรงเว่อร์ จนคล้ายนิยายจับคู่ชิงมรดก)   
2 รักกับเด็กผู้ชายที่เลี้ยงมากับมือ อายุอ่อนกว่ามาก เป็นลูกแฟนเก่า และเรียกกันว่าอาหลาน


อาจจะเพราะอินทัชไม่เคยเปิดเผยกับครอบครัวว่าชอบผู้ชายมาก่อนหรือเปล่าจึงเกิดปัญหายืดยาวมาจนป่านนี้ อายุอินทัชเองก็ไม่น้อย เคยมีแฟนมาก็หลายคน  ไม่รู้เมื่อก่อนอินทัชมีแฟนเป็นหญิงหรือชาย...เทียบกับเหตุการณ์จริงทั่วๆไป ถ้าบอกพ่อแม่ตั้งแต่วัยรุ่นแม้แรกๆจะถูกด่าแต่นานไปครอบครัวจะเริ่มปลง รับไม่ได้ก็ต้องรับ ... อันนี้เป็นข้อพลาดที่1ของอินทัชที่เรื่องเพิ่งเกิด


ตอนนี้อินทัชเลือกภูมิบังหน้า เพราะภูมิโตพอที่เอาไปเป็นน้ำหนักในการสู้กับมารดาเพื่อไม่ให้แต่งงานกับผู้หญิง ถ้าอินทัชเลือกคายัคที่เด็กและยังดูแลตัวเองไม่ได้  คนที่จะถูกทำลายก็คือคายัค.. แต่ถึงไม่เลือกคายัคก็ทำลายตัวเองอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าคายัคจะฟื้นได้เร็วไหม

และคงต้องขึ้นอยู่กับประโยคนี้ที่ผู้แต่งเขียนไว้.... 
.....  ถ้าเป็นคู่กันจริงๆ... ขอให้คายัคกลับมาและได้มีโอกาสรักกันอีกครั้ง .....ถ้าคายัครอดชีวิตมาได้นะ
ส่วนภูมิคงมีดวงชะตาช่วงหนึ่งที่กำหนดให้ต้องมาเป็นคู่กับอินทัชก็ควรได้ใช้สิทธิในการเป็นแฟน  ก็ถูกเลือกมาแล้วนี่เนาะ

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12 || 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-07-2018 23:23:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

ช่างเป็นครอบครัวหัวโบราณจริง ๆ  ทำทุกอย่างสนองนี้ดตัวเอง   น่าสมเพชจังเลยคุณแม่
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12 || 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-07-2018 23:27:14
อินทัช ให้ความหวังภูมิ+ใช้เป็นเกราะกำบังให้คายัค
ร้ายนะเนี่ย อินทัช
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12 || 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-07-2018 23:58:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12 || 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-07-2018 00:45:37
ก่อนจะโทร เคลียตัใเองก่อนดีกว่าไหม?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่12.2||22-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-07-2018 20:23:29
บทที่ 12 คิดถึง (2)







   

   
       และแล้วตอนอวสานของละครก็มาถึง



      ละครเรื่องนี้ดราม่า เพราะตอนจบไม่ได้สมหวัง แฮปปี้ เอนดิ้งแต่อย่างใด แล้วจะให้มันจบสวยงามได้อย่างไร



     ในเมื่อตัวละครเอกทั้งสองมีความต้องการสวนทางกัน คนหนึ่งทุ่มเทให้ความรักอย่างเต็มที่ ส่วนอีกคนกลับไม่เคยคิดรักแถมไม่เคยเปิดใจมาตั้งแต่แรก จึงไม่แปลกที่ความสัมพันธ์ของคนสองคนจึงต้องจบลงระหว่างทาง ไม่สามารถเดินไปถึงฝั่งฝันได้





"ผมเป็นแฟนอินนะ นี่ผมจะทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง? จูบก็ไม่ได้ มีเซ็กซ์ด้วยก็ไม่ได้"


"แค่เราได้อยู่ด้วยกัน กอดกันบ้าง ก็น่าจะพอแล้วนี่ครับ"




"อินเห็นแก่ตัวมากเลยนะ อินไม่เคยสนใจความรู้สึกผมเลยหรือไง"



      บทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้ แฝงไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว และความโมโหจากภูภูมิ เขาต่อว่าอย่างไม่พอใจปนเสียใจที่อินทัชไม่ยอมให้มีเซ็กซ์ด้วย ทั้งๆที่ก็คบมาตั้งหลายเดือน อย่างมากที่สุดก็แค่จับมือ กอด หอมแก้มเท่านั้น...



      ภูมิเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีความต้องการทางเพศเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป แล้วเขาผิดอะไร หากเขาต้องการมีเซ็กซ์กับแฟนตัวเอง พอถึงจุดพีคของการสัมผัส อย่างจูบลึกซึ้ง หรือเล้าโลมเพื่อร่วมรักกัน อินทัชจะผลักไสเขาออกในทันที



      จนตอนนี้ ภูมิเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า อินทัช มองเขาเป็นอะไรกันแน่?



      เพราะคำว่า 'แฟน' สำหรับอินทัชที่มอบให้ภูมิ มันเหมือนคำใช้สร้างความหวัง  ลึกๆแล้วนั้น อินทัชไม่เคยให้ค่าหรือให้ความรู้สึกว่ารักลงไปในคำๆนั้นเลย



      ภูมิจ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาของอินทัช เขาเจ็บและตาสว่างในบัดดล เมื่อเขาคิดว่าเขาหาคำตอบได้แล้ว




"เฮอะ!...ผมมันโง่เอง ตลอดเวลาที่คบกัน คุณไม่เคยมีใจให้ผมเลย คนที่คุณรักมาตลอด คือคายัคใช่ไหม?"



"......"



"ผมถามว่าใช่ไหม?"


"ครับ ผมขอโทษนะครับ ภูมิ"



"คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร? เพื่อรอเวลาให้คายัคโตกว่านี้อีกหน่อย มีวุฒิภาวะกว่านี้อีกหน่อยคุณถึงจะกล้าคบอย่างเปิดเผย เพราะตอนนี้ คุณอายหากคนอื่นรู้ว่าคุณเป็นไอ้วัวแก่ที่หวังจะกินหญ้าอ่อน แอบคบเด็กมัธยมแถมยังเลี้ยงมากับมือ อย่างนี้หรืออินทัช? ห้ะ? คุณช่วยตอบผมที"



     อินทัชเงียบ เขาไม่อยากบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าเขาก็แค่เอาภูมิมาเป็นเกราะกำบังเรื่องครอบครัวแทนคายัค หากบอกความจริง ภูมิคงเสียใจ สู้เก็บไว้ แล้วปล่อยให้ภูมิตีความแบบที่เข้าใจไปอย่างนั้นจะดีกว่า



"ผมขอโทษนะครับ ภูมิ"


"เฮอะ คุณแม่งใจดำอย่างที่คายัคว่าจริงด้วย"



     แม้แต่คำตอบ อินทัชยังไม่คิดจะใส่ใจอธิบาย เอาแต่พูดว่าขอโทษ ขอโทษ ภูภูมิโมโหจัด เดินไปผลักร่างอินทัชจนล้มลงราบไปกับเตียง ชายหนุ่มกระชากเสื้อเชิ้ตจนกระดุมหลายเม็ดหลุดกระเด็น กระดอนไปคนละทิศละทาง



แคว่ก...




     ภูภูมิใช้แรงกดข้อมือทั้งสองข้างอินทัชตรึงไว้เหนือศรีษะและกดจมูกฝังลงไปตรงซอกคอ เขาพรมจูบก่อนจะงับ กัด และขบเม้มดึงดูดผิวหนังอย่างแรงจนห้อเลือด



     ด้วยความโมโหที่อินทัชไม่ยอมให้เขาง่ายๆ ภูมิก็หวังจะข่มขืนให้รู้แล้ว รู้รอด



"ภูมิจะมีเซ็กซ์กับคนที่ไม่มีอารมณ์ร่วมได้ด้วยอย่างงั้นเหรอครับ? ถ้าภูมิทำได้ ผมก็ยินดีที่จะนอนเฉยๆแล้วให้คุณทำ"




กึก!





    น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาจนภูมิชะงัก ความจริง เขายอมรับว่าอยากได้อินทัช แต่ไม่ใช่แค่กาย มันต้องได้หัวใจด้วย ภูมิไม่ได้อยากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เอาแต่นอนตาย ไร้ชีวิตอย่างนั้น



    ชายหนุ่มถอยตัวออกมา พร้อมกับทุบกำปั้นลงบนเตียง ข้างศรีษะอินทัชอย่างแรง



"ผมขอให้คายัคเกลียดคุณ"






     ภูภูมิเดินออกมาจากห้องนอนอินทัชด้วยความเจ็บปวดหัวใจ ที่สุดท้ายเราสองคนก็เลิกกัน



     เคยนึกดีใจว่าตัวเองเอาชนะไอ้เด็กคนนั้นได้ด้วยการเป็นแฟนกับอินทัช แต่ไม่ใช่เลย ถึงตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่า คนชนะที่แท้จริงและชนะมาตั้งแต่แรก คือ คนโง่คนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามีใครบางคนรักมันมากแค่ไหน?



     รักมากจนยอมเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น...






...............




     ท่ามกลางเด็กนักเรียนหลายพันคน ไหนจะมีผู้ปกครองของเด็กแต่ละคนที่มาที่โรงเรียนอีก ยิ่งทำให้อินทัชยืนมึนงงในดงผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา จนเขาตาลายและเริ่มเวียนหัว



    วันนี้ คือ วันจ่ายค่าเทอมของคายัค สำหรับการขึ้นสู่ระดับชั้นมอห้า ซึ่งก่อนที่จะมาอินทัชทราบข่าวจากแคน เขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้  เพราะอินทัชมีความหวังว่าจะได้เจอคายัค หลังจากไม่ได้เจอมาหลายเดือนแล้ว



    ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาหาคายัคไม่เจอ โทรหาทั้งบอลและแคนก็ไม่มีใครรับสาย แต่แล้ว เหมือนคนเจอบ่อน้ำท่ามกลางทะเลทราย อินทัชผุดรอยยิ้มดีใจที่เจอสโรชา แต่แล้วความแปลกใจก็ตามมาภายหลัง

   



"สา"


"อ้าว พี่ทัช"


"ทำไมสามาอยู่ที่นี่ล่ะ"




"คายัคโทรให้สามาค่ะ บอกว่าพี่ทัชไม่ว่าง เอ้? แต่พี่ทัชก็มาได้นี่....พี่ทัชทะเลาะอะไรกับคายัครึเปล่าคะ?"


"เปล่านี่ครับ"


"อุ้ย คายัคโทรมาพอดี แปปนึงนะคะ"


      อินทัชมองสโรชาคุยกับคายัคไม่นาน หลังจากสโรชาวางสาย เธอหันมาหา


"สาไปก่อนนะคะ"


หมับ!


    อินทัชจับแขนสโรชา


"พี่ไปด้วย"


   สโรชายิ้มพยักหน้าพร้อมเดินไปยังจุดนัดพบที่คายัคบอก


   เดินมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงจุดหมาย น่าแปลก ทั้งๆที่ตอนนี้ มีคนเป็นร้อยเป็นพันเดินสวนกันขวักไขว่ แต่สายตาของอินทัชสามารถมองเห็นคนคุ้นเคยในระยะไกลได้อย่างชัดเจน


     ความโดดเด่น ทำให้อินทัชไม่อาจละสายตาได้เลย คายัคดูดีขึ้นผิดกับเขาที่นับวันก็มีแต่โทรมลงๆ เขามองคายัคยืนแลซ้าย แลขวา กวาดตาหาใครบางคนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

   

     แค่ได้เห็นตัวเป็นๆ อินทัชก็แทบจะวิ่งเข้าไปกอด แต่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่มองคายัคยามเผลออย่างนี้


     ชั่วขณะหนึ่ง อินทัชแอบเห็นเด็กนักเรียนผู้หญิงหลายคนกระซิบกระซาบพลางชี้นิ้วไปที่คายัค สายตาของเด็กสาวเหล่านั้นที่มอง มันเป็นสายตาของคนมองอย่างหลงใหล ได้ปลื้มสุดขีด


     อินทัชใจกระตุก และไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

 
     ไม่น่าเชื่อว่าพอคายัคโตขึ้น เด็กหนุ่มจะเสน่ห์แรงมากขนาดนี้




"คายัคจ้ะ"

     หันขวับตามเสียง แต่พอเห็นใครมากับอาสา เด็กหนุ่มช็อคและตกใจไม่น้อย



"ผมให้อาสามาคนเดียวไม่ใช่หรอครับ?"


"เอ่อ!...คืออา.."


"ทำไมต้องรบกวนสาด้วยครับคายัค พี่ขอบคุณสาที่เดินมาส่ง สากลับเถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปกับคายัคเอง"


     อินทัชพูดตัดบท แต่สโรชากลับยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก เมื่อเห็นคายัคส่งสายตาวาวโรจน์


"อาสาไปเถอะครับ คนเยอะแล้ว"


     ช่างเป็นการแสดงออกอย่างไร้เยื่อใย จนคนอายุมากกว่าต้องข่มใจไม่ให้จิตตกไปมากกว่านี้ อินทัชจำต้องหน้าด้านหน้าทน เดินไปจับข้อแขนคายัคอย่างบังคับ


หมับ..


"คายัค ไปกับอา"

     สัมผัสแขนไม่ถึงสิบวินาที เด็กหนุ่มสะบัดแขน แล้วบอก


"ผมจะไปกับอาสา ขอโทษด้วยนะครับ ผมรีบ"


"ถ้างั้น อาไปด้วย"


    อินทัชดึงดันและกลับมาจับต้นแขนคายัคอีกรอบ เด็กหนุ่มไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว ทันใดนั้น...



"เฮ้ย! ก็บอกว่ารีบไม่เข้าใจที่พูดรึไงวะ"


กึก!


   ระดับเสียงของการตวาด มันดังมากพอให้คนละแวกนั้นได้ยินและต่างหันขวับมามองด้วยความตกใจ


    อินทัชยืนเม้มปาก กำมือแน่น ตอนนี้ ดวงตาหลายสิบคู่กำลังจ้องมองเขากับคายัคอย่างคนอยากรู้อยากเห็น



"คายัค เป็นเด็กไม่น่ารักเลยนะจ้ะ ทำไมไปตวาดอาทัชแบบนั้น พูดจาดีๆก็ได้นี่ ขอโทษอาทัชเลยนะ" สโรชาดุเด็กหนุ่มทันที เพราะเธอไม่เคยเห็นคายัคประพฤติตัวแย่แบบนี้มาก่อน


"อาสาจะไปกับผมไหมครับ?" คายัคเริ่มหงุดหงิดและไม่ตอบรับคำที่อาสาให้ขอโทษ  ฟากสโรชาไม่อยากให้เรื่องบานปลายจึงต้องรีบทำตามความต้องการเด็กหนุ่ม



     ในขณะเดียวกัน อินทัชอาย ปะปนไปกับความเสียใจ ไม่คิดว่าคายัคจะทำร้ายหัวใจกันด้วยการพูดจาแรงๆขนาดนี้ อินทัชยอมตามใจเด็กหนุ่ม เพราะกลัวคายัคจะเสียเวลา ขณะที่คายัคเตรียมก้าวเดินไป



"อาเลิกกับภูมิแล้วนะ อาจะรอตรงนี้ รอคุยเรื่องของเรานะครับ"



    คายัคชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพาอาสาไปตรงจุดชำระค่าเทอม


     ยืนมองคายัคที่ห่างออกไปไกลจนกลายเป็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งในลานสายตาของเขา


     การยืนมองคายัคเดินหนีไปแบบนี้ มันทำให้อินทัชรู้สึกกลัว กลัวว่าคายัคจะไม่กลับมาหากันอีกแล้ว







     หลายชั่วโมงผ่านไป จนผู้คนเริ่มบางตา ทว่า อินทัชยังนั่งรออยู่ตรงที่เดิม


     บอลที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างเดินกลับบ้านกับมารดา ช่วงจังหวะที่ต้องผ่านลานต้นไม้ใหญ่ เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงที่เห็นอาทัชนั่งอยู่เพียงลำพัง



"แม่รอแปปนึงนะ เดี๋ยวผมมา"

     บอลรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาอาทัช


"อาทัช สวัสดีครับ" บอลยกมือไหว้

"อ้าว สวัสดีครับบอล"

"ทำไมอาทัชมาอยู่ตรงนี้ล่ะครับ"


"อารอคายัคน่ะ แล้วคายัคล่ะครับบอล เขาเดินออกมารึยัง?"



"ไอ้ยัคมันกลับไปแล้วครับ"
 
   
     อินทัชนั่งหน้าชา ตัวชา อย่างบอกไม่ถูก อินทัชไม่คิดว่าคายัคไม่อยากเจอหน้ากันขนาดนี้ ถ้าคายัคเอาแต่หลบหน้า อินทัชจะหาโอกาสอธิบายความจริงได้ตอนไหน?


"หรอครับ อาขอบคุณบอลนะครับที่บอก"


    อินทัชจำต้องทำใจ และลุกขึ้นยืนเตรียมจะแยกกับบอล แต่จังหวะนั้น


"อาทัชครับ ไอ้ยัคเสียใจมากจริงๆ เพราะอาคือ รักแรกของมัน ให้เวลามันหน่อยนะครับ"


    ฝืนยิ้มพยักหน้ารับแล้วมองบอลเดินห่างไปไกลพลางลอบถอนหายใจออกมา


    อินทัชต้องรีบหาโอกาสอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คายัคได้ฟังก่อนที่จะสายเกินแก้

 


....................................



1. ขอขอบคุณค่ะ พอได้อ่านคอมเมนท์แล้วรู้สึกดีจัง เพราะได้เห็นมุมมองต่างๆอย่างน่าสนใจ

 
2. ในเรื่องนี้ ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวซ่อนอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเห็นแก่ตัวมาก เห็นแก่ตัวน้อยเท่านั้นเองค่ะ
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12.2 || 22-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 22-07-2018 20:57:45
ถ้าภูมิไม่พูดขึ้นมาเรื่องนี้ก็คือจะคบไปเรื่อยๆเผาเวลาไปเรื่อยๆเลยเหรอ ถามจีงง ส่วนครอบครัวอินทัชนี่แบบ อิหยังวะ คบมาตั้งหลายคน(เอ๊ะ หรือที่คบมานั้นคือผู้หญิง ไม่ค่อยแน่ใจแฮะ เหมือนนักเขียนไม่ได้ลงดีเทล) คุณแม่ไม่รู้ไรเลยเหรอคะ  :hao4:  ส่วนคายัค อิน้องไม่อ่อนโยนเลย ดุสุด ก็นะ เข้าใจความก้าวร้าวของอิน้องอยู่ เด็กมันยังไม่ลืมหรอก ฉากหน้าความก้าวร้าวของน้องคือใจพังๆนั่นแหละ  :katai3:  เป็นกำลังใจให้อินทัชนะคะ เลิกทำนิสัยให้เรารู้สึกอิหยังวะ แล้วเม้นท์คำว่าถามจีงง ทีเถอะ คนไทยด้วยกัน เห็นใจกันบ้าง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12.2 || 22-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-07-2018 21:13:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

เพราะเป็นมนุษย์ปุถุชน  มีรัก โลภ โกรธ หลง มัวเมาในอบาย 

จึงต้องเวียนว่ายอยู่กับทุกข์นั่นแล

แต่ก็นะ...ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสมอ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12.2 || 22-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 22-07-2018 23:41:57
ถ้าอินทัชจะไม่เหลือใครสักคน ก็เข้าใจนะ  เพราะบางอย่างเสียไปแล้วเรียกคืนไม่ได้อย่างความรู้สึกของคายัคที่บาดเจ็บอยู่นาน  ตอนนี้คายัคเองก็เดินออกมาจากจุดเดิมๆแล้ว ต้องโตและเจอโลกใบใหม่ไปข้างหน้า เหล้าบุหรี่ก็เจอแล้ว ใช้คัตเตอร์จะแทงคนก็ทำมาแล้ว  จากอ่อนหวานสุภาพก็หยาบได้เพราะเป็นเด็กมีปมปัญหาเหมือนกัน แถมถูกย้ำปมปัญหาตอนอินทัชตบหน้า  ตอนนี้ปัญหาของอินทัชกับคายัคไม่ได้มีแค่เรื่องความรักอย่างเดียวแล้วไง... ถ้าเป็นชีวิตจริง คงไม่น่าได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วล่ะ...เสียดายแต่ภูมิ ก่อนจากยังไม่กล้าขืนใจอินทัช  แสดงว่าภูมินี้เป็นคนที่ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12.2 || 22-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-07-2018 02:48:03
พังเพราะเลือกทางออกผิดตั้งแต่ต้น
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13|| 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-07-2018 22:59:37
บทที่ 13 เจ็บแล้วไม่จำ




(***เพื่อความสอดคล้องของการดำเนินเรื่อง ฉากต่อไปนี้ มีความรุนแรงและมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม นักอ่านทุกท่านโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านและรับชม***)

รุนแรงมาทั้งเรื่องเพิ่งมาบอก?? ^_^







"ไปรับออเดอร์โต๊ะเจ็ดหน่อย คายัค"


"ได้ครับ"


      คายัคกลับมาทำงานที่ร้านอาหารของแม่บอลได้สักพักแล้ว เพียงแต่เลือกทำแค่ช่วงเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น


      เด็กหนุ่มก้าวเท้ายาวๆไปยังโต๊ะลูกค้าที่มาคนเดียว  วางเมนูลงบนโต๊ะอาหาร พร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร


"สวัสดีครับคุณลูกค้า นี่เมนูอาหารครับ"


       เพียงชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพร้อมถอดหมวกออกจากศรีษะ คายัคชะงัก


       อยากหันหลังกลับไปก็ทำไม่ได้ เด็กหนุ่มพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ย้ำบอกกับตัวเองว่าเขาจะสร้างปัญหาในร้านนี้ไม่ได้ เพราะมันคือร้านอาหารของแม่เพื่อน



       ยืนมองคนที่กางเมนูวางตรงหน้า แต่กลับไม่ได้ก้มมองมันสักนิด สายตาคู่นั้นเอาแต่จ้องมองคายัค จนเขาต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลงต่ำแทน


"คายัคพอจะมีเวลาคุยกับอาได้ตอนไหนบ้างครับ อาอยากคุยเรื่องของเราจริงๆ เรื่องภูมิน่ะ อาขอโทษ ความจริงอาไม่ได้รักเขา อาเลวเองที่คบเขาเพราะความจำเป็น แม่ของอาอยากให้อามีลูก แต่อาทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ อามีคนที่อา..รั..."


"คุณลูกค้าจะสั่งอาหารได้หรือยังครับ?" ยิ่งยืดเยื้อ หัวใจคายัคเองนั่นแหละที่จะทรมาน

 

     มองคนใจแข็งดั่งหินตัดบทก็ยิ่งเจ็บ ริมฝีปากขบเข้าหากันพลางก้มหน้าอย่างเสียใจ อินทัชรู้ดีว่าตัวเองผิดแค่ไหน ถึงกำลังพยายามแก้ไขให้ถูกต้องอยู่ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้ากลับไม่ยอมให้โอกาสกันสักนิด



     อินทัชไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสอีกไหม เขาจึงไม่รีรอบอกความในใจที่เก็บไว้มานาน


"คนที่อารักมาตลอด คือ คายัคนะ"  อยากเลือกสถานที่บอกรักให้ดีกว่านี้ แต่เขารู้ตัวว่า ตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกอะไรอีกแล้ว 


"....."


"ส่วนอาหาร คายัคช่วยเลือกเมนูแนะนำของทางร้านมาสักสองสามอย่างก็ได้ครับ"


      บอกเสียงสั่น ดวงตาพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา อินทัชรีบก้มหน้ากลบความอ่อนแอของตัวเอง


"ได้ครับ"


     ขณะที่คายัคกำลังเก็บเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะ อินทัชวางมือทาบทับลงบนหลังมือของคายัคพลางบีบกระชับแน่น


     ไม่น่าเชื่อว่าหัวใจจะวูบไหวเมื่อได้สัมผัส เขาดีใจที่คายัคไม่สะบัดมือออกเช่นทุกครั้ง

 
     มือที่เย็นเฉียบก่อนหน้ากลับอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


         แค่ได้จับมือกัน อินทัชก็อบอุ่นหัวใจราวกับต้นไม้ที่ขาดน้ำจวนเหี่ยวเฉา แต่พอได้น้ำมาหล่อเลี้ยง ต้นไม้ต้นนี้กลับเขียวชะอุ่ม ชุ่มชื่นได้อีกครั้ง


        แต่ไม่นาน ที่คายัคดึงมือออกไปก่อน อินทัชที่หลับตาอยู่พลันลืมตาขึ้นมามองคายัคด้วยรอยยิ้มมุมปาก


"อาจะรอคายัค เลิกงานแล้ว เรากลับบ้านพร้อมกันนะ"


       คายัคยืนนิ่ง ไม่พยักหน้าหรือตอบอะไร แต่ลึกๆในใจอินทัชก็ยังหวังว่าคายัคจะยอมใจอ่อนให้กันสักครา...

   
       อาหารมื้อเย็นได้จบลงไปสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้ อินทัชนั่งรอคายัคอยู่ในรถได้สองชั่วโมงกว่า


       นั่งมองจนกระทั่ง เริ่มเห็นพนักงานทะยอยกันออกมา เขาลงจากรถ ตั้งใจไปดักรอคายัคตรงหน้าร้านอาหาร


       ยืนรอได้สิบห้านาที ก็เห็นคายัคเดินมากับผู้หญิงที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
 
       อินทัชสาวเท้าไวๆไปยืนขวางทางทั้งสอง


"คายัคกลับบ้านเรากันครับ" ไม่พูดอ้อมค้อม บอกความต้องการของตนเองให้คายัครู้ แล้วไม่สนใจด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? มาจากไหน? และจะมองเขาว่าเสียมารยาทหรือไม่?


"ผมมีธุระ ผมกลับไปกับอาทัชไม่ได้ครับ"


     ชายหนุ่มยืนนึกในใจ นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วจะมีธุระบ้าบออะไรดึกป่านนี้



     หึงหวงเด็กหนุ่มโดยไม่รู้ตัว อินทัชคว้ามือคายัคมาจับไว้และพยายามลากให้เดินไปด้วยกัน


"ขอโทษนะครับ วันนี้มันดึกไปหน่อย ค่อยคุยธุระกับแฟนผมพรุ่งนี้นะครับ" อินทัชหันไปบอกผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา


     ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นที่ชะงัก คายัคเองก็ชะงักงัน นิ่งอึ้งไม่ต่างกัน


"เอ่อ..." ผู้หญิงคนนั้นเบิกตาโพลงตกใจจนไม่รู้จะต้องพูดประโยคอะไรออกไป


     คายัคใช้มือตัวเองแกะมืออาทัชออกแล้วบอก


"เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ผมบอกตอนไหนหรอครับว่า เราเป็นแฟนกัน"


กึก!


       อินทัชหันขวับไปมองเด็กหนุ่ม


"คายัคไม่อยากเป็น...แฟน."


"ผมมีธุระจริงๆครับอาทัช ผมไม่อยากเสียเวลา ขอตัวก่อนครับ"


     ตัดบทและเดินผ่านหน้าอินทัชไปอย่างไม่เหลียวแหล  อินทัชทำได้เพียงแค่ยืนมองทั้งสองเดินจากไปด้วยกันโดยที่ไม่รู้เลยว่า ธุระที่ว่า นั่นคือ ธุระอะไร?



     บัดนี้ ได้ถึงเวลา กรรมตามสนองเขาแล้ว...


     เราจะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นว่าเป็นอย่างไร ก็ตอนที่เราได้เจอะกับตัวเอง



    อินทัชเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ตอนที่คายัคเห็นเขาอยู่กับภูภูมิจะรู้สึกอย่างไร เพราะตอนนี้ ตอนที่เขาเห็นคายัคไปกับผู้หญิงคนอื่นมันรู้สึกเจ็บเจียนตาย คล้ายคนถูกไฟคลอกและเผาทั้งเป็น


    ร่างกายราวกับถูกสตาฟไว้ อินทัชยังยืนแข็งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เขายังมึนเบลอ ทำตัวไม่ถูกว่าจากนี้จะต้องเดินต่อไปทางไหนดี เพราะวินาทีนี้ เขาทนเข้มแข็งไม่ไหวจริงๆ อินทัชก็แค่มนุษย์คนหนึ่งที่เจ็บได้ ร้องไห้เป็นก็เท่านั้น


     น้ำตาไหลเป็นรอบที่สองของวัน ช่วงนี้ มีแต่ความอ่อนแอที่เข้าครอบงำจนไร้ช่องว่างให้ความแข็งแกร่งแทรกผ่านเข้ามา


     ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเขาเองที่เผลอลงมือทำร้ายหัวใจคายัคได้อย่างเลือดเย็น

     เขาโง่เอง...ที่ผลักไสคนรักให้ไกลออกไปโดยไม่รู้ตัว

     เขาโง่เอง...ที่มีของมีค่าแต่กลับไม่รักษา

     ชีวิตของอินทัชตอนนี้คงไม่ต่างกับการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ทำให้กระดุมเม็ดต่อๆไปก็ผิดหมด

     ได้เวลาแล้วที่อินทัชต้องรีบกลับไปแกะกระดุมเม็ดแรกแล้วติดใหม่ โดยในใจภาวนาว่าขอให้แก้ไขทันก่อนที่คายัคจะตัดใจจากเขา


"อาขอโทษนะครับ คายัค"



     เอื้อนเอ่ยคำเบาหวิวออกมา โดยหวังว่าสายลมจะช่วยพัดพาประโยคนี้ไปสู่คนที่เดินไกลออกไปให้รับรู้ถึงมันได้บ้างว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรอยู่





     ในขณะเดียวกัน ถัดมา ด้านในรถยนต์ยุโรปคันงาม หญิงสาวที่เคลื่อนรถออกจากร้านไปไม่ไกล ก็หันไปถาม



"สรุปแล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนน้องคายัคหรือเปล่าคะ?"

"ไม่รู้เหมือนกันครับ" 


"อ้าว? ไหงงั้นล่ะคะ เฮ้อ..น้องคายัคคงไม่อยากจะตอบ พี่ไม่ถามก็ได้ค่ะ แต่น้องคายัคจะมีอารมณ์คุยงานไหมคะเนี่ย หรือเราจะคุยงานพรุ่งนี้ไหมคะ? แฟนพี่ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง"

"ไม่เป็นไรครับ คุยงานวันนี้แหละครับ"

"อ่าๆ...ก็ได้ค่ะ"



       ยามนี้ คายัคต้องมาคุยงานตัวใหม่ต่อกับพี่นก เพื่อนของครูวิสาขา  เรื่องของเรื่องคงต้องย้อนกลับไป ตอนที่พี่นกเจอคายัคคราวก่อนตอนที่คายัคมีเรื่องทะเลาะวิวาทและนั่งคุยกับครูวิสาขา ผนวกกับพี่นกเคยเห็นรูปคายัคถูกเผยแพร่ลงในโซเชียล จึงติดต่อผ่านครูวิสาขาเพื่อมาบอกข่าวคายัคว่าเธอสนใจให้เขาเป็นแบบถ่ายครีมบำรุงผิวของผู้ชายที่เธอร่วมลงทุนกับแฟนของเธอ เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านทางโซเชียล รวมถึงช่องทางการโฆษณาต่างๆ


        คายัคไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ เขารับงานนั้นเป็นงานแรก และผลิตภัณฑ์ที่กล่าวถึง คายัคได้ถ่ายแบบเซ็ตแรกพร้อมรับเงินก้อนแรกไปแล้ว แต่เนื่องจากตอนทำงานร่วมกันหนก่อน ต่างฝ่ายต่างเข้าขากัน จึงทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น แฟนของพี่นกที่ชอบบุคลิกของคายัคบวกกับเจ้าตัวเริ่มทำธุรกิจกางเกงยีนส์สำหรับผู้ชาย จึงสนใจอยากจ้างคายัคต่อ เพราะทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ว่าคายัคมีของดีซ่อนอยู่ในตัว พื้นฐานคายัคไม่ใช่แค่คนหน้าตาดี มีเอกลักษณ์ แต่ลึกๆแล้วคายัคมีเสน่ห์น่าค้นหา ต่างจากผู้ชายส่วนใหญ่ที่อาจจะหน้าตาดีแต่ไม่มีเสน่ห์น่าดึงดูดเท่า นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คายัคตกลงและได้คุยงานตัวต่อไปในวันนี้


       ท่ามกลางความเงียบในรถ พี่นกคงรู้ว่าคายัคอยู่ในสภาวะอารมณ์แบบไหนและคงไม่พร้อมคุย เธอจึงให้เกียรติและไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัว

      ตลอดเวลาที่คายัคออกมาอยู่คนเดียว แม้จะเข้มแข็งจนดูแลตัวเองได้ดี มีเงินใช้จากการหารายได้เสริม ดูเหมือนชีวิตก็ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง แต่ลึกๆแล้วหัวใจของเขายังเต็มไปด้วยบาดแผลฉกาจฉกรรจ์ ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาให้หาย


      ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ใต้เสียงหัวเราะ ใต้รอยยิ้ม ใต้ความสนุก ยามอยู่กับเพื่อน อยู่กับพี่ๆที่ร่วมงาน เขาต้องซ่อนน้ำตา ความเศร้า ความเจ็บปวดไว้มากเท่าไหร่ไม่มีใครรู้



      ตั้งแต่มีปัญหากับอาทัช คายัคเจ็บหนักพอสมควรจนต้องมานั่งตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยๆว่า


      ทำไมคนเราต้องเกิดมาแล้วพบเจอความทุกข์ด้วย? ทำไมถึงไม่เจอแต่ความสุขไปซะเลย?  ในเมื่อความทุกข์มันมีแต่ทำให้เครียด ท้อแท้ ผิดหวัง แถมยังส่งผลต่อจิตใจให้บอบช้ำหนักกว่าเก่า


       ถามตัวเองทุกครั้ง แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้คำตอบ...จนบางทีเด็กหนุ่มก็เคยคิดนะว่าไม่รู้จะอยู่ไปทำไม? ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย? คายัคมีความคิดที่ไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ก็หลายหนแต่รอดพ้นมาได้หลายครั้ง จากการสู้รบกับความคิดฝ่ายร้ายของตัวเอง


 
     เบือนหน้าหนีไปทางนอกหน้าต่างรถด้วยความอายเพื่อนของครูวิสาขาที่คายัคจะร้องไห้อีกแล้ว


    เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เวลาที่ทำใจได้ระดับหนึ่ง จะต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเข้าสู่วงโคจรเดิมๆอีกครั้ง อย่างเช่นวันนี้ คำที่อาทัชบอกมาว่า รัก....มันหมายความว่ายังไง?


    มันเป็นเรื่องจริงหรือหลอกให้ตายใจ คายัคไม่รู้เลย


     ฉะนั้น บทสรุปของวันนี้ คายัคควรที่จะเชื่อใจคนใจร้ายที่บอกรักเขาอีกครั้งไหม และคายัคควรกลับไปหาอาทัชหรือเปล่า?


     คำถามที่คายัคก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน...





****ต่อด้านล่าง****
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13|| 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-07-2018 23:10:21
.................




"งื้ออออ....จะเอาอะแก ฉันชอบพี่คายัคไปขอเบอร์ให้หน่อยสิ"

 

"โห! ไม่กล้าอะ พวกพี่เขานั่งกันตั้งเยอะ"

 

     ณ ขณะนี้ ยามบ่ายแก่ๆ มีกลุ่มเด็กผู้หญิงมอสี่จับกลุ่มพูดถึงแต่คายัค และกำลังวางแผนหาทางขอเบอร์รุ่นพี่กันอยู่

   

"งื้ออ พี่คายัคหล่ออ่า"

 

"แก ฉันก็ชอบพี่บอลด้วย ทำไมแก๊งนี้ ดูดีทั้งกลุ่มเลย"



"แล้วพี่โมทย์อะ พวกแกว่าไง ฉันว่าพี่เขาเท่ดีนะ เล่นกีต้าร์ได้ด้วย"



"ไม่รู้สิ แต่พี่คายัคมีเสน่ห์น่าดึงดูดที่สุด ดูสิ เรานั่งกันอยู่ตรงนี้ ยังเห็นความหล่อออร่ามาแต่ไกลเลยอะ"

 

    เป็นเรื่องปกติที่วัยรุ่น มักจะวุ่นรัก และการชื่นชอบรุ่นพี่ผู้ชาย ได้กลายเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่จะช่วยสร้างหัวใจของเด็กสาวให้กระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวาในการมาโรงเรียน



     ตอนนี้พวกเธอกำลังโอ น้อย ออกว่าใครจะได้เป็นหน่วยกล้าตายไปขอเบอร์พี่คายัคมาให้ได้



     เมื่อรู้แล้วว่าใครที่ต้องไป คนที่รอดก็เฝ้ารออย่างตื่นเต้นดีใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาเป็นอย่างไร





     ถึงโต๊ะม้าหินที่ห่างกันไม่ไกล น้องลิ้นจี่เดินเหงื่อแตก ใจเต้นแรงอย่างกล้าๆกลัว เมื่อเธอต้องมาขอเบอร์รุ่นพี่ จนกระทั่งถึงโต๊ะพี่คายัค เธอยืนอายม้วนต้วน บิดไปบิดมา เมื่อทุกสายตามองมาที่เธอคนเดียว



     ในขณะที่ โมทย์นั่งดีดกีตาร์ บอลและติ๊กที่ช่วยกันร้องเพลงประสานเสียงกันอย่างเพลิดเพลินในอารมณ์ก็หยุดชะงัก

 

"พะ...พี่คายัคคะ"

 

"ว่าไงครับ"
คนที่นั่งเล่นเครื่องมือสื่อสารเงยหน้าขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มมุมปาก

 

"คะ...คือ พะ...เพื่อนหนู.... เอ่อ....ชอ...."

 

"น้องครับ กลับไปฝึกพูดหน้ากระจกก่อนไหมถ้าจะติดอ่างขนาดนี้" ความปากหมาของติ๊กทำให้บอลต้องตบกบาลเพื่อนเตือนสติ

 

"มึงจะแซวน้องเขาทำไมวะ เดี๋ยวก็ร้องไห้พอดี มาขอเบอร์ไอ้ยัคอะดิ"

 

     น้องผู้หญิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอหลุบตาพลางพยักหน้าหงึกหงัก

 
      มันก็ดีหรอกนะที่มีคนสนใจเขามากมาย แต่บางทีมันน่ารำคาญเกินไป ฟากคายัคถอนหายใจเหนื่อยหน่าย สงสัยความดังมันคงมีหลายเหตุการณ์ที่ผสมกัน เริ่มตั้งแต่ มีคนแอบถ่ายเขาตอนเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร มีเรื่องทะเลาะวิวาทในโรงเรียน รวมถึงมีหน้าตัวเองโผล่อยู่ในโซเชียลเกี่ยวกับครีมบำรุงผิวของผู้ชาย มันเริ่มสะสมมาทีละเล็กละน้อยจนภายหลังความดังก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้ เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงระดับมอปลาย ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักชลธาร หรือ คายัค



      อีกส่วนสำคัญ ก็คงน่าจะมาจากการที่พี่นกสนับสนุนคายัคด้านการเสริมความหล่อด้านการดูแลผิวตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้เข้าคอร์สสปา นวดตัว ทำทรีตเมนต์หน้าใสต่างๆ ยิ่งเสริมให้คนที่ดูดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งหล่อ มีสง่าราศี และมีออร่าเฉิดฉายขึ้นไปอีก


"ขอโทษที พี่มีแฟนแล้วครับ"

 
"อ้าวหรอคะ พี่มีแฟนนอกโรงเรียนหรอคะ? คือ หนูไม่เคยเห็น"

 

     เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอกลายเป็นคนกล้าขึ้นมาทันที

 

     แน่นอนว่า ความดัง ย่อมมาคู่กับการไม่เป็นส่วนตัว คนดังของโรงเรียนย่อมตกเป็นเป้าสายตาเป็นเรื่องธรรมดา จะขยับตัวไปไหน เวลาใด มันต้องได้เป็นข่าวซุบซิบนินทาอยู่เสมอๆ


      นั่นแหละจึงเป็นเหตุผลที่คายัคเริ่มรำคาญ



       ทันใดนั้น เขายึดข้อมือหญิงสาวกระชากให้ลงมานั่งข้างๆ



ฟึ่บ!


        ชายหนุ่มโน้มตัวไปกระซิบข้างหูน้องมอสี่


"อย่าเซ้าซี้ พี่ไม่ชอบ แล้วกลับไปบอกเพื่อนน้องด้วยนะว่า....."

 



"กรี้ดดด ฉันอิจฉาไอ้ลิ้นจี่อะ ได้นั่งใกล้พี่คายัคแถมจับมือกันด้วย"



      ถัดมายังอีกโต๊ะ ในขณะที่กลุ่มเด็กสาวมอปลาย นั่งรอผลอย่างใจจดใจจ่อ พอเห็นพี่คายัคฉุดข้อมือของเพื่อนเธอให้นั่งลงใกล้ๆก็ส่งเสียงกรี๊ดกันใหญ่

 

       ไม่นานเลย ที่ลิ้นจี่เดินหน้าแดงกลับมาที่โต๊ะ


"เป็นไงบ้าง ได้เบอร์ไหม?"

 
"พี่คายัคไม่ให้เบอร์อะ เขาบอกมีแฟนแล้ว แต่เขาบอกว่า ถ้าอยากได้มาก เขาจะยอมมีเซ็กซ์ด้วย ถ้าสนใจไปหาเขาที่ห้องโฮมรูมได้"

 

"อื้ออออ....พี่คายัคเป็นคนเปิดเผยดีอะ ชอบๆ อยากได้ๆ"




      คนส่งสารเดินกลับไปยังโต๊ะ ฟากคายัคอยากรู้ผล จึงหันกลับไปมองน้องมอสี่กลุ่มนั้นที่หันมามองเขาทั้งกลุ่มแล้วส่งเสียงวี้ดว้ายทั้งโต๊ะอย่างไม่นึกอาย


     คายัคทำหน้างุนงงพลางโคลงศรีษะอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นพอรู้คำตอบที่คายัคบอกถึงดีใจ แทนที่จะรังเกียจกัน


     อย่าบอกนะว่า ผลลัพธ์เหมือนเดิมอีกแล้ว...



     เขาถอนหายใจยาวอย่างระอา


     ใช่...คายัคทำแบบนี้กับทุกคนที่เข้ามาจีบ เขาตั้งใจพูดแรงๆ ด้วยการใส่ร้ายให้ตัวเองเป็นคนเลว เป็นคนไม่ดี เพื่อต้องการผลักไสผู้หญิงทุกคนที่มาวอแวให้เลิกยุ่ง วุ่นวายกับเขาซักที แต่ดูเหมือนไม่ช่วยอะไร เพราะเวลาคายัคตอบแบบนี้ กลับกลายเป็นว่ามีคนชอบเขามากกว่าเดิม บ้างก็บอกว่าคายัคเป็นผู้ชายแบดบอยบ้างล่ะ เป็นผู้ชายเท่ที่เป็นตัวของตัวเองบ้างล่ะ เป็นคนตรงๆ จริงใจ เปิดเผยบ้างล่ะ จนคายัคชักฉงนกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าสิ่งที่เขาอยากให้คนอื่นเกลียด ทำไมมันถึงกลับตาลปัตรเป็นอย่างนี้ไปซะได้



      ในขณะที่คิดอยู่นั้น....

 



"โว้ะ เบื่อมึงว่ะ ไอ้ยัค มึงช่วยเนรเทศตัวเองออกจากกลุ่มทีเถอะ"

 

      คายัคยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ พลางยักคิ้ว ส่งยิ้มยียวนให้เพื่อนๆที่ตอนนี้หยุดร้องเพลงและหันมาสนใจคายัคแทน


"ถ้ามึงประกวดวงดนตรีของโรงเรียนด้วยไม่ยิ่งดังกว่านี้อีกหรอวะ?" โมทย์ถาม เพราะตอนนี้ เขาเพิ่งจะเป็นตัวตั้งตัวตีชวนเพื่อนๆเข้าร่วมการแข่งขันวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาของค่ายเพลงดังระดับประเทศ เนื่องจากโมทย์ชื่นชอบการเล่นกีต้าร์เป็นอย่างมาก ถ้าเพื่อนๆตอบตกลงว่าสนใจ โมทย์จะแจกจัดตารางวันซ้อมดนตรีหลังเลิกเรียนให้เพื่อนทันที แต่ตอนนี้ เพื่อนๆของเขายังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจอยู่



"แคนว่าดีออก เราจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไงครับ นี่รู้ไหม ตอนนี้ แคนแอบได้ยินพวกรุ่นน้องตั้งชื่อกลุ่มให้พวกเราด้วยนะว่าแก๊งพระเอก แสดงว่าเราหล่อทั้งกลุ่มแน่ๆเลย ดีใจจังครับ"

 

"เดี๋ยวนะ ถ้าฟังแบบนี้ กูว่าแม่งโกหกแล้วว่ะ อย่างแคนเนี่ยนะ พระเอก?" เก่งว่าอย่างสงสัย

 

"เออก็ถูกของมึง ตัวเล็ก น่าฟัดแบบนี้ นี่มันเมียพระเอกชัดๆ" แคนหน้าแดงแจ๋เมื่อบอลแซวและทุกคนกลับเห็นด้วย แคนตีแขนบอลทันที



"บอลลลล!"

 
"คร้าบบบ"



"กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

 

    เป็นคายัคที่โพล่งขึ้นอย่างไม่มีอารมณ์จะฟังอะไร เขาลุกหนีเพราะไม่อยากให้เพื่อนเห็นว่าตอนนี้ เขาเบื่อแค่ไหน?


    น่าแปลก...ที่คายัคกลับไม่มีความสุขเอาเสียเลย ทั้งๆที่มีคนมากมายชื่นชอบในตัวเขา  วิ่งตามเขาเอาเป็นเอาตาย คายัคมีสิทธิ์เลือกคบใครก็ได้ แต่หัวใจกลับไม่ต้องการใครอื่นเลย นอกจากคนใจร้ายคนนั้นคนเดียว



    เมื่อไหร่กัน ที่หัวใจเขาจะพร้อมเปิดประตูหัวใจรับคนใหม่เข้ามาได้สักที



    คายัคเดินผ่านห้องน้ำชายที่อยู่ใกล้กว่าไปแล้ว เพราะเขาตั้งใจเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเดินมาถึงห้องน้ำหลังโรงเรียน

     
     ไม่กี่ก้าวก็ถึงทางเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบบุหรี่

 

ฟึ่บ!

 

     คายัคสะดุ้งเฮือก เมื่อโดนแรงกระชาก เขาสะบัดแขน ยกขึ้นเตรียมเหวี่ยงหมัด แต่ชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นพี่ผู้หญิงมอปลายแสนสวยส่งยิ้มหวานพลางลากคายัคเข้ามาในห้องน้ำหญิง

 

"พี่ส้ม"


"รู้จักชื่อพี่ด้วยหรอคะ?"

 

"รู้สิ ก็พี่ดัง"




    ใครๆก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะพี่ส้มเป็นรุ่นพี่มอหกที่ผู้ชายส่วนใหญ่อยากได้เธอกันแทบทั้งนั้น จนถึงกับตั้งฉายาให้เธอว่านางฟ้ามอปลาย

 
"เข้ามาก่อน พี่มีเรื่องจะคุยด้วย"



    ตอนนี้ ส้มบังคับคายัคให้เดินเข้าห้องน้ำ ห้องในสุด เธอปิดประตู ลงกลอนเรียบร้อย

 
"พี่จะทำอะไร?"

 
"พี่ชอบเรา"



"ขอบคุณที่พี่ชอบผม แต่ผมมีแฟนแล้ว" เธอสวยจริง แต่คายัคไม่ได้รู้สึกพิศวาส ปลาบปลื้มอยากได้เธอเป็นแฟนเหมือนคนอื่นๆ

 
"พี่ไม่สนใจ พี่ชอบคายัค พี่ไม่ได้ชอบแฟนคายัคสักหน่อย"



"หมายความว่าไง?"


     ภายในห้องน้ำที่ร้อนอบอ้าว อากาศไม่ถ่ายเท แถมยัดกันเข้ามาสองคนอย่างนี้ ยิ่งทำให้คายัคเริ่มอึดอัด แต่แล้วความรู้สึกอึดอัด ปั่นป่วนมากขึ้นกว่าเก่า เมื่อพี่ส้มเลื่อนมือไปยังเป้ากางเกง ลูบไล้ช้าๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยสะกิดหยอกเย้าผ่านเนื้อผ้า



"เรามาเล่นสนุกกันเถอะ พี่อยากลองในโรงเรียน น่าตื่นเต้นดีนะคะ ว่าไหม?" กระซิบบอกข้างหูจบ ก็ใช้ปลายลิ้นลามเลียที่กกหู

 

"พี่ส้มมั่นใจนะ?"

"ค่ะ"



       นี่หรือ? ฉายาที่หลายคนตั้งให้เธอว่า "นางฟ้า"  คนสมัยนี้รู้หน้า ไม่รู้ใจจริงๆ

 
       เด็กหนุ่มหัวเราะหึในลำคออย่างสมเพช ถ้าหญิงสาวจะอ่อยและให้ท่าขนาดนี้ มีหรือฝ่ายชายจะปฏิเสธให้เสียของ


       ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้มีที่ปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่และระบายความดิบเถื่อนออกไปบ้าง


       ตามประสาเด็กวัยมัธยมที่ฮอร์โมนพุ่งพล่าน คายัคแสยะยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มประกบจูบและผลักร่างบางติดผนัง



       บัดนี้ ทั้งสองได้กระตุ้นไฟราคะในกายของตัวเองให้ลุกโชนขึ้นแล้ว ในขณะที่ส้มและคายัคกอดจูบนัวเนียกันในห้องน้ำอย่างเร่าร้อน ฝ่ามือของเด็กหนุ่มกอบกุมอกอวบอิ่มที่เต็มไม้เต็มมือ บีบเค้นคลึงเบาๆ จากนั้น แรงบีบขยำหน้าอกเริ่มแรงมากขึ้น มากขึ้น จนหญิงสาวต้องยึดข้อมือคายัคให้เอาออกจากเนินอกพร้อมร้องห้าม



"คายัค เบามือหน่อยสิ พี่เจ็บนะ"



"ผมขอโทษที่รุนแรงไปหน่อย"





      ว่าจบ คายัคโน้มตัวประกบจูบดูดดื่มอีกครั้ง  มือที่เคยเค้นคลึงเนินอกเลื่อนต่ำลงมายังส่วนล่างของหญิงสาว ล้วงเข้าไปใต้กระโปรงนักเรียน ลูบไล้ต้นขาช้าๆและเริ่มไล่ไปยังส่วนกลางกายสาว


"อ้ะ...อ้า"



     เพียงถูกกระตุ้นตรงส่วนบอบบางและอ่อนไหว หญิงสาวก็หลุดร้องครางเสียงกระเส่า คายัคยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาเร่งจังหวะ แต่ทันใดนั้น...


     

"เฮ้ย...ไอ้ยัคๆ"



      คายัคไม่ขานรับ ละจากริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสวาวใส ลากไล้ลงมายังซอกคอ ตอนนี้ ทั้งสองเหงื่อโทรมกายด้วยไฟแห่งกามารมณ์ กระดุมเสื้อนักเรียนของพี่ส้มถูกปลดจากเจ้าตัวเอง ก่อนจะแบะสาบเสื้อแยกกว้าง คายัคเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอชุดชั้นในหญิงสาวด้วยมือเดียว ขณะที่คายัคโน้มตัวลงต่ำจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเนินอกสวย



"ไอ้เชี่ยยัค กูรู้นะว่ามึงอยู่ในนี้"

 

"แม่งเอ้ย...อะไรนักหนาวะ" ขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม คายัคสบถด่าคนที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างหงุดหงิด



"ไม่ออกไปได้ไหม? คายัค"



"ผมหมดอารมณ์แล้วว่ะพี่ ขอโทษที"


"คายัคคะ แต่พี่...ยังไม่..."


"เฮ้ย!...อย่าเซ้าซี้ได้ไหม? ผมไม่ชอบ"


      เอ่ยเสียงเข้มพลางเสยผมลวกๆ ยืนนิ่งให้น้องชายสงบลงพร้อมจัดเสื้อผ้าที่ยับย่นให้เรียบร้อยเข้าที่ ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกไป


     ขายาวพาตัวเองมาหาคนที่เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างน่ารำคาญ

 
"รู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่"



     บอลยืนมองคนหน้าแดง ตัวแดง ริมฝีปากบวมช้ำ แถมเหงื่อแตกพลั่กจนเสื้อนักเรียนสีขาวบางเปียกแนบไปกับลำตัว สภาพที่เห็นราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆ


"กูตามมึงมา"

 
    ว่าจบ มองข้ามไหล่เพื่อนเห็นพี่ส้มคนดังระดับโรงเรียน เดินออกมาในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกระโปรงนักเรียน


      พอเห็นบอล เธอกลับชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะรีบก้มหน้าเดินหนีไป บอลละสายตาจากพี่ส้มหันกลับมาจ้องเพื่อนด้วยสายตาผิดหวัง


    คายัคเปลี่ยนไปมากจริงๆ นี่มันอดอยาก ปากแห้งมาจากไหน ถึงกับขั้น คิดจะมีเซ็กซ์กันในโรงเรียน



"กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง?"

 
"เรื่องอะไร?"

 

"กูอยากได้คายัคคนเดิมกลับมา"

 

"......."

 
"ไอ้ยัค กูรู้สึกดีนะเวลามึงมีอะไรแล้วเล่าให้กูฟัง มันเหมือนว่ามึงเห็นกูเป็นคนสำคัญ เป็นเพื่อนที่ไว้ใจ แต่เดี๋ยวนี้ มึงเปลี่ยนไป มึงไม่เล่าอะไรให้กูฟังเลยสักอย่าง"

 

"......."


"มึงอย่าประชดชีวิตสิวะ"



"กูไม่ได้ประชด"

 

"แล้วที่กูเห็นเมื่อกี้มันอะไรวะ? ไอ้ยัค....ถามจริง? กูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่ไหมวะ?"

 

"มึงเป็นเพื่อนรักของกูมาตลอด ตอนนี้กูมีความสุขกับชีวิตดี ไม่ต้องเป็นห่วง"

 

"ถ้ามีความสุขกับชีวิตจริงๆ ทำไมมึงต้องบอกคนที่เข้ามาจีบมึงทุกคนว่ามีแฟนแล้ว ทำไมไม่ลองเปิดใจ แล้วเลือกใครสักคนมาเป็นแฟนจริงๆสักที มันอาจมีใครสักคนที่เหมาะกับมึงก็ได้ อีกอย่างมึงจะได้ลืมอาทัชด้วย"



"กูเบื่อ ไม่อยากคบใคร รุงรังชีวิต"

 

"กูว่าไม่จริงอะ การที่มึงบอกทุกคนแบบนั้น เพราะลึกๆแล้ว มึงหวังและรอคนๆเดียวมาตลอด มึงรอให้อาทัชเป็นแฟนกับมึงใช่ไหมล่ะ? แน่จริง...มึงตอบกูมาดิ"

 




****1.1****
[/b]


สำหรับตอนนี้ ยาวมากเป็นพิเศษ ไม่รู้จะตัดตรงไหนดี เลยยัดมาให้อ่านกันแบบจุใจไปเลยค่ะ


สำหรับครึ่งหลังของตอนที่ 12 ขอตอบความเห็น
ของคุณ larynx
อาทัชมีแฟนเป็นผู้หญิงคนเดียวค่ะ ที่เหลือผู้ชาย แต่เพราะเป็นรักฟีลวัยรุ่น ตามประสาเด็กที่แอบคบกันแบบไม่อยากให้ครอบครัวรับรู้ค่ะ เพราะแน่นอนว่าผู้ใหญ่ก็ต้องการอยากให้ลูกตั้งใจเรียนมากกว่าประมาณนั้น อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนน้าาาา อาทัชเค้าสัญญาแล้วว่าจะไม่งี่เง่าค่ะ ^^
ของคุณ DrSlump
รอบนี้ มาสายธรรม ล้ำค่ามาเลยค่ะ เอาจริงๆ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คนเขียนเองพยายามสอดแทรกธรรมะให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าเขียนแล้วผิดพลาดประการใด ช่วยเตือนสติ แนะนำ บอกกันได้นะคะ

(**คนอ่านคงงงกันอะ ไหนคือธรรมะฟระ?...ตรูเห็นทั้งเรื่องมีแต่ความรุนแรงและความหยาบคาย 55555 เอาน่านะ ^^) :mew1: :mew1:

ของคุณ kanj1005

ชอบค่ะ จดจำ ใส่ใจรายละเอียดดีเว่อร์
ของคุณ Leenboy
อันนี้ โดนอะค่ะ มาสั้นๆแต่ได้ใจความ



1.  ใครมีวิธีจัดการความทุกข์ ช่วยบอกน้องคายัคกันได้นะคะ ความคิดของทุกคนมีความหมายค่ะ ^.^
:mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-07-2018 23:46:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-07-2018 23:54:56
อยากได้คายัคคนเดิมกลับมาแล้ว  น้องหลงทางไปไกลแล้ว  กลัวกู่ไม่กลับ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-07-2018 01:16:29
ดีกับคุณ​อาทัชได้แล้วคายัคสงสารคนแก่เถอะ​ แกคงรู้​ซึ้งแล้วหล่ะ​ คราวหน้้าเจอปัญหา​อะไรสองคนค่อยๆช่วยกันแก้นะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-07-2018 02:43:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งบอล  แกเป็นเพื่อนที่ดีมากจริง ๆ

ช่วยดึงคายัคไว้หน่อยนะ  อย่าให้เข้าโหมดดาร์ก  แบบดาร์ธเวเดอร์เลย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 25-07-2018 05:52:50

คายัค อะไรที่มันไม่ใช่ตัวเองหนูก็ไม่ต้องทำหรอก มันจะยิ่งทำให้แย่นะ
อยากให้คายัคไปเคลียร์กับอานะ แต่ก็เข้าใจว่าแผลของน้องมันฉกรรจ์มาก คงต้องฝากความหวังไว้ที่อาทัชให้สู้ๆ ไม่เลือกทางผิดอีก ถ้าโชคดีอาคงได้เป็นคนรักษาแผลให้น้องก่อนที่น้องจะเจอคนอื่นที่รักษาแผลให้ได้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Minari ที่ 25-07-2018 09:36:40
เจ้าคายัคคคค แม่อยากตีหนูจริงๆเล้ย ขอให้คำพูดของบอลสะกิดใจคายัคบ้างเถอะ สิ่งที่หนูทำไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเลยนะ หนูก็ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิม ทำไมไม่ลองเลือกให้โอกาสอาทัชบ้าง ถ้าช้าเดี๋ยวมันจะสายเกินไปนะะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13 || 24-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 25-07-2018 19:16:41
ที่จริงคายัคไม่ได้เปลี่ยนไปมากนะ  ยังเป็นเหมือนเดิม
คายัคไม่ใช่เด็กเรียนเรียบร้อย ออกไปทางดื้อและแหกมาตั้งแต่ต้น 
ดื้อดูจากความคิดเหวี่ยงๆที่ทำต่อลูกค้าในร้านกาแฟ จากการเป็นคนขี้งอนขี้ใจน้อยให้อินทัชเอาใจในหลายๆฉาก
แหก คือเปิดเรื่องขึ้นมาก็เป็นอารมณ์พลุ่งพล่านอยากมีsexของเด็กเริ่มหนุ่มอย่างคายัค แถมแหกไปอยากมีกับอาทัชที่เลี้ยงดูมาเหมือนพ่อ(เกือบเป็นincest)... โชคดีที่ได้อาทัชมาเป็นคนรับอารมณ์ด้านนี้ของคายัคไป แถมรักคายัคจนยอมลงเป็นฝ่ายรับให้คายัคได้ 
ตอนนี้ไม่มีอาทัชมารองรับ อารมณ์พลุ่งพล่านนี้ก็ยังคงอยู่ และจากแนวคิดที่แกล้งตอบเด็กผู้หญิงว่าให้ได้แค่sex ทำให้รู้ว่าคายัคคิดไม่เป็น ยังเอาตัวรอดจากการถูกจู่โจมของคนในสังคมไม่ได้ เสี่ยงต่อการถูกล่อลวงถูกหลอกจากคนที่ไล่ตามอยากมีsexกับคายัค(เช่นส้ม)  และอาจพลาดเหมือนพ่อสารินที่เล่นกับเด็กผู้หญิงจนท้องและเกิดคายัค.... คือถ้าคายัคไม่มีหลักยึดเหนี่ยว ก็จะเป็นสาริน2

ถามหาวิธีจัดการความทุกข์    ... ก็แค่เลิกดื้อ  เลิกน้อยใจอาทัช
คิดให้มากกว่านี้ ว่าที่ผ่านมาถึงไม่ได้อาทัชเป็นแฟน ก็จะตัดขาดอาหรือทำนิสัยเสีย(พูดว่ะเว้ย)ใส่อาไม่ได้  คำว่ามีพระคุณเลี้ยงดู อาทัชรักเหมือนลูกมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งใหญ่กว่ารักแบบอื่นๆที่ทำให้นอยด์อาอยู่... ยิ่งไม่เข้าหา ไม่เปิดใจ ยิ่งมโน ยิ่งเตลิด  ก็ยิ่งทุกข์
ที่จริงเพราะความเป็นเด็กอย่างที่ว่ามา ถึงอาทัชเลือกคายัคแต่แรก หลายปีผ่านไปคายัคก็อาจไปมีนอกบ้านกับคนอื่นได้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่13.2||26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 26-07-2018 22:48:12

 บทที่ 13 เจ็บแล้วไม่จำ(2)








"มึงกลายเป็นคนขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่?"

 

"แล้วมึงกลายเป็นคนไม่เห็นหัวเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? กูรักและเป็นห่วงมึงนะ"

 

"......." บอลยังคงเป็นเพื่อนในกลุ่มที่คายัครักและสนิทมากที่สุด เพราะอย่างนี้ คายัคถึงไม่อยากทะเลาะกับบอล เขาตั้งใจตัดปัญหาด้วยการเดินผ่านหน้าเพื่อนไป แต่ทันใดนั้น...

 

"ที่กูตามมึงมา เพราะอาทัชโทรหากูบอกเขาไม่สบาย มึงไปเยี่ยมเขาได้ไหม?"

 

      ใจกระตุกที่ได้ยินแบบนั้น เขาเงียบไปอยู่นานถึงตอบ





"ทำไมต้องไป เขาไม่ได้สำคัญอะไรกับกู"

 

"ไอ้ยัคนี่มึงจะเหี้ยไปแล้วนะ มึงลืมช่วงเวลาสิบกว่าปีที่อาทัชดูแลมึงได้ไงวะ? ห้ะ?"



      ทนไม่ไหวที่ทุกคนเอาแต่เรียกร้องให้คายัคต้องเป็นฝ่ายทำตามไปซะทั้งหมด เด็กหนุ่มหันไปกระชากคอเสื้อเพื่อนจนคอขึ้นเป็นรอยแดง

 

"มึงไม่ใช่พ่อ ไม่ต้องมาสอน"

 

"แล้วถ้าแคนขอร้องด้วยคนล่ะ ได้ไหมครับคายัค"

 

      คายัคชะงัก ผ่อนแรงที่ยึดคอเสื้อเพื่อน หันไปหาแคนที่ยืนปากสั่นพลางน้ำตาคลอ เขาปล่อยมือออกแล้วเดินไปหาแคน






"......."



       สำหรับเพื่อนในกลุ่ม เขาเถียงกลับได้ทุกคน ยกเว้นแคนคนเดียว แคนที่เป็นเหมือนเทวดาประจำกลุ่ม น่ารักและนุ่มนวลจนเขาต้องใจอ่อนให้แคนทุกครั้ง




"คะ...แคนกลัวคายัคคนนี้!"

 

 

     เด็กหนุ่มเดินเข้าไปเช็คน้ำตาคนตัวเล็กให้หมดไปจากใบหน้า



"เราขอโทษนะแคน แต่เราไม่พร้อมไปเจอจริงๆ"

 

"ถ้าให้โทรหาล่ะได้ไหม?"

 

"ขอเป็นแคนคุยกับเขาแล้วเปิดลำโพงแล้วกัน เราจะนั่งฟังเงียบๆ"
คายัคต่อรอง

 

"ก็ได้" แคนเดินนำทั้งสองไปหาที่นั่ง จากนั้น เด็กหนุ่มจึงกดโทรหาอาทัช

 



"สวัสดีครับ อาทัชนี่แคนนะครับ"

 

[สวัสดีครับแคน แค่กๆ...]

 

"เอ่อ...คายัครู้แล้วนะครับว่าอาทัชไม่สบาย คายัคบอกว่า..." ดูเหมือนปลายสายจะตื่นเต้นจัด เพียงได้ยินแค่ว่า คายัครับรู้ ในขณะที่แคนยังพูดไม่จบประโยค

 

[คายัคจะมาหาอาใช่ไหมแคน มากี่โมงเหรอครับ? อาจะได้ทำข้าวเย็นรอไว้]

 

    เสียงแหบแห้งพยายามเค้นออกมาจากลำคอ แม้ไม่สบายแต่ยังมีแก่ใจจะทำอาหารให้คนที่ไม่เคยไปเหยียบที่นั้นนานหลายเดือน



   ทันทีที่ได้ยิน คายัคใจกระตุก หน่วงหนึบแปลกๆ รีบเบือนหน้านี้ไปอีกทาง

 

    แคนผู้อ่อนไหว ไม่สามารถคุยต่อได้เพราะหลุดร้องไห้อย่างสงสารอาทัชจึงส่งให้บอลรับช่วงต่อ

 

"ฮัลโหลนี่บอลเองนะครับอาทัช พอดีแคนโดนครูเรียกครับ ส่วนคายัคติดงานน่าจะไปไม่ได้ อาทัชไหวไหมครับ? ถ้าไม่ไหวผมไปเฝ้าไข้ให้ก็ได้นะครับ"

 

[.....]

 



    บอลบอกปลายสายพลางมองคายัคนั่งนิ่งจึงชูนิ้วกลางใส่อย่างไม่พอใจ

 

"ฮัลโหลอาทัชครับ"

 

[ขอบคุณนะครับบอล อาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก กินยาแล้วพักก็คงหาย]

 
"แน่นะครับ"

 
[ครับ ขอบคุณบอลและแคนมากนะที่เป็นห่วงอา ฝากบอกคายัคให้ดูแลตัวเองด้วย]

 

"ครับ"

 

       หลังจากที่วางสาย บอลว่าพลางถลึงตาใส่


"มึงเห็นรึยังไอ้ยัค? มึงจะใจร้ายไปไหนวะ?"

 

"......"


"กูรู้นะว่าอามึงผิด แต่การที่มึงจะจงเกลียด จงชังขนาดนี้กูว่าแม่งก็เกินไปว่ะ"

 

"......"

 
"เรากลับกันเถอะแคน พูดกับมันไปก็เปล่าประโยชน์ ปล่อยให้แม่งอยู่คนเดียวอย่างนี้แหละ"



       บอลลุกพรวดพร้อมจูงมือแคนให้กลับไปหาพวกติ๊กที่นั่งรออยู่ ฟากแคนสะบัดมือออกจากการกอบกุมแล้วเดินไปกอดคายัคที่นั่งก้มหน้าเงียบ
 

"ถ้าคายัคยังมีหัวใจ แคนขอร้องกลับไปหาอาทัชหน่อยนะครับ ฮึกฮืออ..."

 

       เอ่ยประโยคสุดท้ายให้เพื่อนได้ตระหนัก ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้คายัคนั่งด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน...




     ปากบอกว่า ต้องตัดใจให้ได้...


     บอกอย่างนี้ทุกครั้ง แต่ทำไม่ได้สักครั้ง...


    และแล้ว เด็กหนุ่มได้เดินทางมาถึงร้านกาแฟ Intouch Cafe' ในเวลาสามทุ่มกว่า



"ฮู่วววว์" พ่นลมออกมาจากปาก หลังจากที่สองเท้าก้าวลงจากรถแท็กซี่


     ทั้งๆที่คายัคอาบน้ำ เตรียมเข้านอนแล้ว แต่กลับข่มตาหลับไม่ได้ เพราะเอาแต่ห่วงพะวงถึงคนไม่สบาย สุดท้าย เด็กหนุ่มถึงเด้งตัวลุกจากเตียงเพื่อออกมาหาคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาตาสว่างแบบนี้


      วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่น่าเชื่อว่า เกือบปีแล้วที่คายัคไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้


     สถานที่คุ้นเคยตั้งแต่ยังเด็ก แต่พอกลับมารอบนี้ คายัครู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

 
     กุญแจบ้านที่พกติดตัวไม่เคยเอาออกจากกระเป๋าสตางค์ได้ถูกใช้การอีกครั้ง เขาไขกุญแจ ก่อนจะผลักประตูกระจกใสเข้าไป



      ตั้งแต่เล็กจนโต คายัคไม่เคยเห็นอาทัชป่วยเลยสักครั้ง พอตอนที่ได้ยินบอลบอก ยังนึกแปลกใจจึงต้องมาดูด้วยตาตัวเอง


     เด็กหนุ่มเดินย่องเบาขึ้นชั้นสอง แต่แล้วสองเท้าต้องหยุดชะงักกึก เมื่อเห็นแสงไฟนวลตาลอดผ่านออกมาจากประตูห้องนอนที่เปิดแง้ม

      มือเกาะไปตามผนัง ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดูอย่างกลัวว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้อง พอรู้ว่าไม่มีใคร จึงเดินก้าวยาวๆไปหาอาทัชที่นอนซมอยู่บนเตียง


      แสงสว่างจากโคมไฟหัวเตียงพอให้เห็นเงาสลัวของคนอายุมากกว่า

 

      ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นชิดริมเตียง มองอาทัชที่ดูโทรมลงถนัดตา ริมฝีปากแห้งแตก ใบหน้าไม่สดใสเหมือนก่อน


       คายัคกวาดตามองรอบห้องอย่างพินิจพิจารณา เพียงได้กลับบ้านเก่า ความทรงจำเดิมๆ ก็แย่งกันผุดเข้ามาให้เด็กหนุ่มได้หวนระลึกนึกถึงอีกครั้ง


     นานเท่าไหร่แล้วที่คายัคไม่ได้นอนห้องนี้


    หลากหลายความทรงจำอันงดงามถูกบรรจุอยู่ใน ห้องนอนของเราสองคน



     ห้องที่ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ แต่อัดแน่นด้วยความสุขเต็มอัตรา


     ห้องที่จุด้วยความรัก ยามที่ทั้งสองร่วมรักกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เชื่อมต่อความผูกพันให้กันทุกวินาทีไม่เคยขาด


      มองเตียงกว้างที่แผ่กระจายไปด้วยความอบอุ่นยามที่เราสองคนเคยตระกองกอด กกกันบนเตียง หยอกล้อ พลางหัวเราะลั่นห้องกันอย่างมีความสุข


       ดวงตาที่แข็งกร้าว บัดนี้ กลับอ่อนลง เมื่อเขาวกสายตากลับมามองผู้ชายที่นอนอยู่ตรงหน้า


      ผู้ชายที่คายัครัก


      ไม่มีวันไหน ไม่คิดถึง


      คายัคคิดถึงผู้ชายคนนี้มาตลอด



       ระยะเวลาเกือบปีที่คายัคออกมาอยู่ตัวคนเดียว มันยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยว อ้างว้าง และเหงาจับใจ   

     
       แต่พอได้กลับมา ความรู้สึกที่กล่าวไปทั้งหมดกลับสลายหายไปในพริบตา รอยยิ้มทรงเสน่ห์ค่อยๆเผยบนใบหน้าหล่อเหลา


        คายัคดึงมืออาทัชที่วางอยู่ข้างลำตัวยกขึ้นมาจูบประทับลงตรงกลางฝ่ามือ เขาอยากให้อาทัชได้รับรู้จึงตรึงความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด


       จุมพิตที่ถูกแช่ค้างไว้อุ่นขึ้นจนรู้สึกได้ ไม่นานที่คายัคละริมฝีปาก และเอียงหน้าตัวเองซบฝ่ามืออาทัช


       น้ำตาไหลกับสัมผัสที่คายัคเองก็โหยหามาตลอด เขาหลับตาพลางบีบกระชับมืออาทัชเป็นระยะๆ รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้รับความอบอุ่นจากฝ่ามือของคนที่เขารัก มันทำให้คายัครู้สึกว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป


        เด็กหนุ่มลืมตา แล้วหันหน้าไปจุมพิตตรงกลางฝ่ามืออาทัชอีกครั้ง คายัควางมืออาทัชลงตรงที่เดิม



"ที่อาทัชบอกว่ารักผม มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ?"



      ถามคนหลับใหลที่รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้คำตอบ


      เด็กหนุ่มยืดตัวและก้มลงไปจูบริมฝีปากที่แห้งผากอย่างไม่นึกรังเกียจ


      ริมฝีปากนุ่มหยุ่นแตะลงบนกลีบปากบางอีกฝ่าย คายัคขบเม้มริมฝีปากล่างอาทัชช้าๆ แต่คายัครีบผละเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเป่ารดรวมถึงอุณหภูมิในร่างกายที่ต่างกัน

 

"ทำไมอาทัชตัวร้อนขนาดนี้"

 

      ใช้ปลายนิ้วเช็ดหยดน้ำตาตัวเองบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเบามือและโน้มตัวลงไปกอดกระชับด้วยความหวังว่าร่างกายตัวเองที่เย็นกว่าน่าจะช่วยลดอุณหภูมิจากตัวอีกฝ่ายได้



"อาทัช ตื่นเถอะครับ" กระซิบบอกเสียงแผ่วพร้อมจุมพิตเบาๆที่ติ่งหู

 

"อื้มมมมม" มองคนส่งเสียงครางในลำคอ



"อาทัชครับ อาทัช"



"ใครน่ะ? คายัคเหรอ?"
เสียงแหบพร่าเล็ดลอดจากริมฝีปากช่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน  เปลือกตาหนักอึ้งราวกับมีลูกตุ้มมาถ่วงไว้ คนอายุมากกว่าได้แต่ทำหน้าเหยเก บิดตัวไปมาเหมือนคนไม่สบายตัว



"ใช่ครับ ผมเอง อาทัชลุกไหวไหม? เดี๋ยวผมพาไปหาหมอนะ"



      เด็กหนุ่มใจเต้นแรงกว่าเก่าอย่างกลัวว่าอาทัชจะเป็นอะไรไป สอดมือเข้าใต้เอวเพื่ออุ้มพยุงคนไม่สบายให้ลุกขึ้นนั่ง



       แต่จังหวะนั้น...

 

ติ้งต่อง ติ้งต่องง


      สะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงคนกดกริ่งหน้าบ้าน


"ใครมา? อาทัชครับ รอผมแปปนึงนะ ทนอีกนิดนะครับ"



     สองแขนแข็งแกร่งค่อยๆประคองและวางร่างสูงให้นอนดังเดิม ก่อนจะก้มลงจุมพิตลงบนกลางหน้าผาก เลื่อนไล้มาหอมแก้มข้างซ้ายอย่างเติมเต็มกำลังใจให้อีกฝ่ายอย่าป่วยไปมากกว่านี้



      คายัครีบวิ่งลนลานเพื่อลงไปเปิดประตู แต่พอเห็นคนด้านนอกถึงรู้ว่าเป็นใครที่มาหา คายัคกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ก่อนจะวิ่งไปหลบใต้เคาน์เตอร์

     

     เสียงกดกริ่งยังดังอยู่อย่างนั้น แต่คายัคไม่คิดลุกไปเปิด เขานั่งกอดเข่าตัวเองสองมือประสานกันแน่นและข่มอารมณ์ให้นิ่งไว้



     สักพักใหญ่ๆ ถึงเห็นเสียงตึงตังแถวบันได


"...โอ้ย..."

 

      เสียงร้องหลุดออกมาด้วยความเจ็บ คายัครีบชะโงกไปดูอย่างตกใจที่เห็นอาทัชล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้น เขาได้ยินเสียงคนเขย่าประตูกระจกด้านหน้าสุดแรงราวกับจะให้มันหลุดออกมาให้ได้


      อยากจะออกไปช่วย แต่ก็เสียใจที่เห็นว่าใครมา



      เบือนหน้าหนี เมื่อเห็นอาทัชค่อยๆคลานแล้วลุกขึ้นยืนไปยังตรงหน้าประตู จากนั้น เขาได้ยินเสียงภูภูมิที่เปล่งออกมาด้วยท่าทีตกใจที่เห็นอาทัชล้ม ไม่นานนัก เสียงสนทนาของทั้งคู่ก็เงียบหายไป เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนและออกมามองตรงประตูกระจกใสที่ไร้คนยืนอยู่

 

      ความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆแล่นเข้ามาในหัวใจ


      แล้วไง สุดท้าย คายัคก็โง่เองที่เจ็บแล้วไม่จำ

 

     ไหนว่าเลิกกันแล้ว


"หึ! นี่กูกำลังคาดหวังอะไรอยู่วะ"

   

       พึมพำลำพังอย่างเจ็บปวด ไม่คิดว่า น้ำตาความสุขก่อนหน้า จะบิดเบือนกลายเป็นหยดน้ำตาแห่งความเสียใจในวินาทีต่อมา




 
      ในขณะเดียวกัน บนรถของภูภูมิ มีร่างซีดเซียวนอนขดตัวเป็นกุ้งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ภูภูมิลดแอร์ คว้าเสื้อสูทของตัวเองมาคลุมตัวให้คนตัวร้อนจัด




"ผมขอโทษนะครับที่ต้องรบกวนภูมิ"


"ยอมโทรมาหาผม เพราะกลัวตัวเองจะตายก่อน เจอไอ้เด็กนั้นหรือไง?"

 

"......."  พอพูดถึงคายัค อินทัชก็น้ำตารื้น


        ยอมรับว่าน้อยใจที่คายัคก็รู้ว่าอินทัชไม่สบายแต่กลับใจร้ายไม่ยอมมาหากัน

 

        และน่าอายแค่ไหน ที่คาดหวังอยากให้คายัคมามากจนเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ ถ้าไม่ได้ยินเสียงกริ่ง อินทัชก็คงไม่ตื่นจากฝัน

   

"เฮ้อ! แล้วดูซิ อยู่คนเดียว พอป่วยก็ไม่มีใครรู้ ถ้าอินไม่โทรบอกผม แล้วนี่หลานคุณรู้ไหมว่าคุณไม่สบาย?"

 

"...."    อินทัชเงียบ


"เงียบอย่างนี้ แสดงว่ารู้?...แล้วไอ้เด็กบ้านั้นก็ไม่คิดจะสนใจใยดี มาหาอินเลยหรือไง?"




"ทำไมคุณดีกับผมทั้งๆที่ผมร้าย!" อินทัชตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ต้องการให้ภูภูมิว่าคายัคได้อีก

 
"เปลี่ยนเรื่องเลยนะ เฮ้อ...แตะต้องเด็กนั่นไม่ได้เลยรึไง?  นี่ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน ทำไมต้องช่วย รออินหายก่อนแล้วกัน ผมจะเอาคืนให้หนักเลย อินทัช"

 

 "ถ้าผมหายดี ผมจะยอมมีเซ็กซ์กับภูมิเป็นการตอบแทนนะ"




      ประโยคนั้น ไม่ได้ทำให้ภูมิรู้สึกดีสักนิด


"ตอนเป็นแฟนไม่เคยให้ ทีอย่างนี้ จะให้ผมมีเซ็กซ์ด้วย คุณดูถูกผมมากเลยนะอินทัช ถ้าจะให้เพราะแค่รู้สึกผิด ผมไปซื้อกินยังจะดีซะกว่า"



       ไม่คิดว่าภูภูมิจะเป็นคนดีขนาดนี้ อินทัชรู้สึกบาปในบัดดลที่ดันทำร้ายหัวใจภูภูมิอย่างไม่น่าให้อภัย


       อินทัชรวบรวมแรงที่มียื่นมือไปลูบแก้มภูภูมิ



"ผมอยากรักคุณนะ แต่ภูมิมาช้าไป ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากเขา"



      โคตรเจ็บเลยเถอะที่อินทัชพูดตรงๆแบบนั้น แต่ทำไงได้ ชีวิตมันก็เป็นเช่นนั้นเอง

   
       โกรธไม่ลง เมื่อหันไปเห็นคนป่วยปล่อยโฮ


       เวลานี้ จะพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจก็ดูจะเป็นคนเลวไปสักหน่อย เพราะอินทัชเองก็อยู่ในช่วงเวลาที่ร่างกายและใจอ่อนแออย่างหนัก



      หากดุด่าว่ากล่าวอะไรไปจะกลายเป็นน้อยใจเอาได้ง่ายๆ    ภูมิได้แต่ลอบถอนหายใจ ดึงมืออินทัชออกจากใบหน้าแล้วเปลี่ยนมาวางมืออินทัชไว้บนตักตัวเองแทน


"อินหลับเถอะ ถึงโรงพยาบาลแล้วผมจะปลุก"

     

      ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ภูมิพยายามเห็นอกเห็นใจ และเป็นคนดีที่สุดเท่าที่เป็นได้ เขาจะดูแลอินทัชเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ ชีวิตภูมิเองก็คงต้องก้าวต่อไป...



      ภูมิถอนหายใจยาวพลางยิ้มให้กับตัวเองอย่างคนมองโลกในแง่ดีว่า



      เราต้องสูญเสียสิ่งหนึ่งไป เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งหนึ่งเสมอ



       บางที การสูญเสียอินทัช อาจทำให้ภูมิได้รับสิ่งใหม่ๆที่ดีมากกว่านี้ก็เป็นได้...



      ภูภูมิเชื่ออย่างนั้น...

 


............................................


 
1. สรุปแล้ว เรื่องนี้ ภูภูมิเป็นพระเอกจ้า 555+ เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆๆ
.
2. คุณอาาาาาาาาาาาคะ? คุณอาไม่ได้ฝันค่ะ น้องเขามาหาจริงๆ ป้าดดโธ่!
.
3. คายัค หนูก็มีมุมละมุน โรแมนติกอยู่นะ
.
4. รู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนท์ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเสนอมุมมอง และสละเวลามาเขียนยาวๆก็มี อ่านไปมันก็แอบตื้นตันไปอะนะ ^^ นี่ก็เลยมีแรงฮึดลงนิยายเลยค่ะ :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13.2 || 26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Minari ที่ 27-07-2018 01:00:45
โอ้ยยย อยากตีคายัค 5555 ลองคิดดีๆสิ ถ้าอาแกไม่มีใครมาช่วย ไข้ขึ้นหนักจะทำไงห้ะ ลองคิดดิ้ อย่พึ่งคิดไปเองก่อนน
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13.2 || 26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 27-07-2018 01:50:27
อยากจะร้อง เฮ้ออออ....
1 คายัคไม่เห็นต้องซ่อนตัวเป็นเด็ก12เลย ถ้าเชื่อใจอาว่าเลิกกับภูมิแล้ว ก็เดินหน้าไปกระชากประตูเปิดถามเลยก็ได้ว่าภูมิมาทำไม  ยิ่งตอนอาทัชล้มที่บันไดก็น่าจะออกมาดูอาทัชแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องซ่อนตัวกับอาทัชเพราะกลับมาถึงบ้านขนาดนี้แล้ว  นี่ไม่ทำอะไรสักอย่าง  ไหนว่าบ้านเรา ห้องเรา  เฮ้อ
2 อินทัชไม่เห็นต้องโทรเรียกภูมิ  บอลก็อาสามาเฝ้าแต่ดันไม่ให้บอลมา   เฮ้อ  โทรเรียก1669ก็ได้นะอา
3 คายัคทั้งพูด ทั้งจูบปาก ทั้งพาเดินแต่อาดันไม่ตื่น  กลับไปตื่นเสียงเขย่าประตู   เฮ้อ 
4 แค่ภูมิพาไปโรงพยาบาล อาก็จะยอมเสียตัวให้ละ  ถ้าคิดว่าสถานะภูมิตอนนี้คือเพื่อน อาคิดจะตอบแทนเพื่อนที่ทำดีด้วยsexทุกคนไหม   อ่านช่วงนี้แล้วรู้สึกเหมือนคำพูดอามาแนวฮิสทีเรีย มีการใช้sexเป็นของขวัญ(คือรู้สึกงี้จริงนะคะผู้แต่ง   มีเอามือไปลูบหน้าภูมิ อ่านแล้ว อิหยังวะอาทัช  :katai1:)  ส่วนคุณภูมิมาในบทท่านมหาจำเริญเลย


ดูท่าจะยังต้องกินมาม่าอยู่อีกหลายบท
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13.2 || 26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 27-07-2018 08:52:30
ถามจีงงงงงงงงงง สรุปคือตัดภูมิไม่ขาด ยังไปรั้งๆเขาไว้ด้วยนะ คือยังไงอะ กำลังทำตัวให้นี่มองติดลบไปใหญ่ คนอย่างอินทัชไม่รู้ก็ดีค่ะที่น้องมาหาแล้ว น้องยอมลงแล้ว แต่อินทัชก็ยังเดินย่ำอยู่กับที่อยู่ ดึงไว้ทั้งสองทาง ไม่ชัดเจนกับใครสักคน เฮ้ย ภูมิแกเป็นคนดีจัง ดีจังเลยมีคนแบบนี้เป็นเพื่อน แต่เป็นได้แค่เพื่อนนะ เดี๋ยวจะตอบแทนด้วยเซ็กส์ โอเคม้ะ  ไม่แปลกใจเลยที่ภูมิจะพูดให้ละอินทัชค่อยรู้สึกทุเรศตัวเอง คนนั้นก็ไม่ปล่อยคนนี้ก็อยากให้กลับมา แต่ทำตัวให้เขาอยากกลับมาหาไหม ไม่!!   :beat:  แต่อิน้องใจแข็งมาก อินทัชล้มละไม่ช่วยเลยพอเห็นว่าภูมิมา ลองนึกว่าทั้งสามเจอกันในสถาณการณ์นี้ อินทัชจะพูดถึงใครมากกว่ากัน อาจจะตีกันเลยก็ได้ ละสุดท้ายอินทัชก็จะไม่เหลือใครเลย กรั่กๆๆ ภูมิเปิดใจได้เชื่อเถอะเดี๋ยวก็เจอคนที่ดีกว่านี้  :katai3: 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13.2 || 26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-07-2018 11:21:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้ย.....กำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วเชียว

อีตามภูมิดันมาเร็วทำไมเนี่ย

ถ้ามาช้ากว่านี้นะ   คงไม่มีมาม่าชามต่อไปมาเสริฟหรอก

ชิส์
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13.2 || 26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 27-07-2018 20:03:08
เอาจริง นี่เสียน้ำตาไปเยอะละ สงสารอินทัชแต่ก็เข้าใจอีกคน
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 13.2 || 26-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2018 09:24:57
เหนื่อยใจกะน้อง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14||30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 30-07-2018 13:48:17

 บทที่ 14  ง้อ






ปึ่ก!



 
      เสียงเขวี้ยงกระเป๋าเป้กระแทกลงกับโต๊ะนักเรียนในช่วงคาบโฮมรูม ทำพวกติ๊ก บอล แคน ที่กำลังนั่งหัวเราะกับคลิปวีดีโอน้องหมาน่ารักต่างชะงักและหันไปมองคนต้นเหตุ

 

      ทุกคนนั่งงงเป็นไก่ตาแตกว่าเหตุใดคายัคถึงดูอารมณ์ไม่ดีแต่เช้า

 

      ติ๊กโพล่งขึ้นก่อนใคร

 

"เป็นอะไรวะ ไอ้ยัค"

 

"....."



"มึงบอกพวกกูได้นะ"
เก่งถาม แต่คายัคไม่สนใจ กลับหันไปตะคอกใส่หน้าบอลที่นั่งกอดอก ไขว้ขา มองคายัคอยู่พอดี

 



"ไงไอ้บอล? สะใจไหมที่เห็นกูเป็นคนโง่!! มึงอยากให้กูเจ็บจนตายเลยใช่ไหม?"       



"เกิดอะไรขึ้นครับคายัค บอกแคนได้นะ"
เมื่อคายัคร้อน แคนต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แคนเดินไปประชิดตัวบีบมือคายัคเบาๆแล้วถาม เพราะแคนรู้ว่า ตัวเองมีข้อได้เปรียบตรงที่คายัคเกรงใจเขามากที่สุด คายัคถึงไม่กล้าว่าแคนแต่กลับพุ่งไปหาบอลแทน



"เรื่องที่อาทัชป่วยแล้วบอกไม่มีใครดูแล เราไปมาแต่เจอไอ้คุณภูมิ"

 
"แต่อาทัชบอกว่าเลิกแล้วนะ คายัคใจเย็นๆก่อนนะครับ"



"เฮอะ...โคตรตลบตะแลงเลยว่ะ"

 

"ไอ้สัด!! ที่มึงกำลังว่าอยู่ นั่นอามึงนะ มึงนี่จะเหี้ยไปถึงไหนวะ?...หยุดได้แล้วเห้ย!!" บอลหมดความอดทน ลุกพรวดปรี่ไปผลักอกคายัคด้วยสองมืออย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มลง

 

       ใครๆก็ดูออกว่า รอบนี้ ทั้งบอลและคายัคต่างเอาจริง เมื่อโมทย์เห็น คายัคลุกขึ้นมาจับขอบเก้าอี้จะยกขึ้นฟาด วินาทีนั้น โมทย์ เก่งช่วยกันจับแขนคายัค ส่วนติ๊กและแคนต่างยืนกั้นกลางห้ามบอลไว้ ยามนี้ เพื่อนทุกคนร่วม แรงใจจับแยกทั้งสองออกห่างจากกัน ก่อนนองเลือด 

 

"เฮ้ย! มึงทั้งคู่น่ะ ใจเย็นๆ เราเพื่อนกัน มีอะไรก็พูดดีๆกันสิวะ" ติ๊กว่าพลางลูบหลัง ลูบไหล่บอลไปด้วย

 

"โหวกเหวกโวยวายอะไรกันคะเด็กๆ แล้วนั่นชลธารกับนทีจะทำอะไรกันน่ะ"



"เฮ้ย! ครูมา ครูมา"



     ทุกคนรีบกลับไปนั่งที่ของตัวเอง เมื่อครูวิสาขาเดินเข้ามาในห้อง แคนที่นั่งข้างคายัค มองคนตัวสั่น หน้าแดง หายใจแรงอย่างคนโกรธจัดก็ได้แต่กลัว ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมความสัมพันธ์คายัคกับอาทัชถึงไม่ดีขึ้น



     แคนเม้มปากแน่นพลางเอื้อมมือสั่นๆไปวางต้นขาคายัค


"ระ..เรื่องนี้ คะ...แคนผิดเอง คายัคอย่าโกรธบอลนะ"


"....."


"แคนไม่ได้จะคิดร้ายกับคายัคนะ แคนอยู่ข้างคายัคเสมอ ให้แคนไปหาคำตอบก่อนนะครับ"




      ตวัดสายตามองแคนที่นั่งน้ำตาคลอ คายัคหลับตาพลางกำมือแน่นบนโต๊ะเรียนอย่างสะกดอารมณ์ตัวเอง และได้แต่ภาวนาให้เวลามันผ่านไปเร็วๆสักที



      จบคาบโฮมรูม คายัคและบอลโดนเรียกตัวไปคุยถึงเรื่องทะเลาะที่เกิดขึ้น แต่เพราะไม่มีใครพูดอะไร ครูวิสาขาถึงเรียกแคนไปถามเพิ่ม แต่ไม่นาน ครูวิสาขาต้องปล่อยให้เด็กๆไปเรียนคาบต่อไปก่อน



      ผ่านไปแล้วช่วงเช้า เล่นเอาเพื่อนๆเหนื่อยกันแทบตาย เนื่องจากต้องคอยระวัง ทั้งยังคอยประกบคายัคและบอลอย่างกลัวว่าจะหาเรื่องกันอีก จนกระทั่ง ถึงเวลาพักเที่ยง เด็กนักเรียนมอปลายกรูกันไปโรงอาหาร  รวมถึงพวกแก๊งคายัค แต่คายัคไม่ไป กลับมาปลีกวิเวกอยู่ที่หลังห้องน้ำ แคนเป็นห่วงจึงฝากบอลซื้อข้าวใส่กล่องเพื่อตามหาคายัค



      ระหว่างที่เดินมา แคนตัดสินใจโทรหาอาทัชเพื่อตะล่อมถามเรื่องคุณภูมิรวมถึงความคืบหน้าอาการของอาทัชด้วย



      อาทัชเลิกกับคนชื่อภูมิแล้วจริงๆ แต่ที่อาทัชตัองพึ่งพาและขอร้อง เนื่องจากคอนโดคุณภูมิใกล้ร้านของอาทัชที่สุด



     แคนเชื่อว่าอาทัชไม่โกหก จึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่คายัคไปเยี่ยมอาทัชด้วย แต่เพราะแคนไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง จึงบอกแค่ว่า พอคายัคเห็นคุณภูมิจึงกลับบ้านไปก่อน


     เพียงได้ยินว่าคายัคมาหา เสียงสะอื้นก็ดังขึ้นมาจากปลายสายทันที ฟากแคนที่กลัวตัวเองจะร้องไห้ตามจึงรีบตัดบทวางสายก่อน



     สัญญาที่เคยบอกว่าจะช่วยให้ทั้งสองกลับมาดีกันนั้น ยังเป็นสัจจะที่แคนตั้งมั่นกับตัวเองไว้ไม่ลืม ดังนั้น เมื่อได้ข้อสรุป คนกลางอย่างแคน จึงต้องหาทางอธิบายให้คายัคเข้าใจอาทัชได้มากที่สุด



     ถึงห้องน้ำที่ไร้นักเรียนคนอื่นอยู่ แววตาสงสารลอบมองคนหน้าเศร้าที่มือกำลังคีบบุหรี่ จ่อตรงริมฝีปาก



     ช่างเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจเหลือเกิน เพราะเวลานี้ แคนก็สงสารทั้งคายัคและอาทัชไม่ต่างกัน



    เร่งฝีเท้าไปหลายก้าวจนใกล้ตัวเพื่อนสนิท

 

"แคนขออยู่ด้วยได้ไหม?"



      คนที่เพิ่งพ่นควันบุหรี่ออกมาจากปาก แหงนหน้าพลางทอดสายตาเหม่อมองท้องฟ้าที่วันนี้ดูขมุกขมัว เขาละสายตาจากท้องฟ้าสีหม่น หันไปหาคนตัวเล็กพร้อมกับโบกมือไล่ควันที่ลอยวนอยู่บนอากาศให้กระจายไปทิศทางอื่น



"แคนอย่าอยู่ตรงนี้เลย เหม็นควัน"



"ไม่เป็นไรหรอก ก็แคนบอกแล้วไงว่าแคนจะอยู่ข้างๆคายัค"



    ก้มมองมองตัวเองที่คีบบุหรี่ ก่อนจะเลื่อนสายตามองขี้เถ้าที่ปลิวว่อนร่วงหล่นลงพื้นแล้วหวนนึกถึงชีวิตของตัวเอง



    เด็กหนุ่มดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เดินอ้อมไปด้านหน้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างหน้า แล้วหันมาหาแคนที่เดินตามต้อยๆ



"มีอะไรครับ?"


"เอ่อ...คือ..."



"ถ้าเรื่องอาทัช พอเถอะแคน เราเจ็บจนไม่ไหวแล้วอะ"



      แคนมองตาแดงๆของคายัคที่ดูออกว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา แคนเดินไปจับข้อมือคายัคแล้วเอ่ย



"ขอแค่ครั้งเดียวครับ ฟังแคนก่อนนะ เรื่องที่คายัคไปบ้านแล้วเห็นคุณภูมิน่ะ เพราะอาทัชไม่สบายหนักมาก เลยต้องพึ่งคุณภูมิ  แต่สถานะไม่ใช่แฟนแล้วแน่นอน คุณภูมิไปในฐานะเพื่อนเท่านั้น ถ้าไม่มีคุณภูมิ แล้วอาทัชเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆ คายัคจะไม่เสียใจทีหลังเหรอครับ?"



"....."



"อาทัชก็แค่อยากมีชีวิตที่แข็งแรงเพื่อจะได้อยู่รอเจอหน้าคายัคนะ"



"....."



"คายัคเห็นแคนเป็นคนยังไงหรอ? คายัคคิดว่า แคนอยากทำร้ายชีวิตเพื่อนหรอ? แคนหวังดีจริงๆนะ แคนรู้นะว่าคายัคเจ็บมากแค่ไหน? แคนถึงพยายามจะช่วย แคนไม่อยากให้คายัคเป็นแบบนี้อีกแล้ว แคนคิดถึงคายัคคนเดิมมากเลยนะ"



"....."



"ขอโอกาสให้อาทัชอีกรอบนะครับ แคนสัมผัสได้ว่าอาทัชรักคายัคจริงๆนะ "




       ที่เงียบ ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่แคนบอกมา คายัคคิดตามตลอด คายัคกดสายตาลงมองข้อมือตัวเองที่แคนจับแน่น ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ส่งสายตาจริงใจ



"จะลองดูแล้วกัน ขอบใจนะแคนที่เป็นห่วงเรา"  ยกยิ้มมุมปากพลางยกมือวางกลางศรีษะของคนตัวเล็ก



    แคนยิ้มพยักหน้าหงึกหงักพลางน้ำตาคลอ ก่อนจะพาคายัคกลับไปหาเพื่อนๆในกลุ่ม








.....................






"ขอบคุณนะครับพี่นก พี่ภัทร"



      คายัคยกมือไหว้ขอบคุณเพื่อนครูวิสาขาและแฟนของเขาที่มาส่ง หลังจากที่คายัคไปถ่ายแบบกางเกงยีนส์ที่สตูดิโอตั้งแต่เก้าโมงเช้า จนบัดนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว มิหนำซ้ำ ฝนยังตกหนักกระหน่ำไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ



"ไม่เป็นไรค่ะ ไว้พี่จะโอนเงินไปให้นะคะ"



"ได้ครับ ขอบคุณที่พี่นกไว้ใจให้ผมทำงานด้วยนะครับ"



"เพราะพี่เห็นว่าคายัคมีของดีซ่อนอยู่ หัดใช้มันออกมาแล้วกัน"



"ขอบคุณครับ"



     คายัคยิ้มแล้วขอตัวลงจากรถ เด็กหนุ่มวิ่งฝ่าสายฝน เข้าตัวอาคาร ขณะที่กำลังแตะคีย์การ์ดเพื่อผ่านเข้าประตู



ตื้ด!


หมับ!



    สะดุ้งเฮือกและรีบหันขวับ คายัคเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นอาทัช แน่นอนการที่คนอายุมากกว่ามายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ใช่แคนก็บอลที่ต้องเป็นคนบอก


    คายัคสะบัดแขน ก่อนถาม



"อาทัช รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ ใครบอก?"



    ตั้งแต่วันที่อินทัชไม่สบายก็ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ อินทัชรู้ดีว่าช่วงที่ผ่านมา แคนคงสงสาร ถึงใจอ่อนยอมบอกที่อยู่ของคายัค และแคนยอมรับผลที่จะตามมาว่าอย่างมาก คายัคก็คงโกรธจนไม่พูดด้วย
 

       วันนี้ทั้งวัน แคนเป็นสายสืบและเช็คให้อินทัชตลอดว่า คายัคอยู่ไหน? ทำอะไร? แล้วใกล้ถึงห้องหรือยัง? ฟากอินทัชเอง ร้อนใจกลัวมาแล้วไม่เจอ จึงต้องมานั่งดักรอคายัคในรถได้ราวสองชั่วโมงกว่า



"เมื่อไหร่ คายัคจะยอมฟังอาครับ" อินทัชไม่ตอบในสิ่งที่คายัคถาม เพราะตอบไปก็ไร้ประโยชน์ เนื่องจากสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ คือ การปรับความเข้าใจกันมากกว่า


"ฟังอะไรอีกครับ?"


"เรื่องที่ทำให้เรามีปัญหากัน"


"....."


"อาขอโทษนะครับ"




"พอเถอะครับ ผมไม่อยากฟัง"


      พอเจอหน้าอาทัชเข้าจริงๆ เด็กหนุ่มกลับทำตัวไม่ถูก เขาหันหลังกลับหวังจะไปตั้งหลักบนห้อง ขณะที่เท้ากำลังก้าวขึ้นบันไดไปอีกขั้น ทันใดนั้น...


"...'อาทัชจะไม่มีวันเหงาอีกต่อไป เพราะผมจะทำให้อาทัชมีความสุขเอง...'
คายัคยังจำได้ไหม?"


กึก!


      เด็กหนุ่มใจกระตุก หยุดชะงัก ไม่คิดว่า อาทัชจะจดจำคำพูดของเขาได้ทุกคำไม่มีผิดเพี้ยน


      มือเรียวกำที่จับประตูอยู่กลับกำแน่นขึ้นกว่าเก่า คายัคกัดปากที่สั่นอยู่จนเจ็บ และพยายามสูดลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ ก่อนจะคลายมือ แล้วหันไปถามคนที่วินาทีนี้ ยืนมองมาด้วยน้ำตาคลอ


"ที่ผ่านมาอาขอโทษ แต่ตอนนี้ คายัคกลับมาทำตามสัญญาได้ไหม?"


"ถ้าอยากให้ผมทำตามสัญญา บอกเหตุผลที่ผมควรกลับไปหน่อยสิครับ?"


"อารักคายัค และคายัคก็..ยัง..รักอา..อยู่ใช่ไหม?" ช่วงคำพูดสุดท้ายเสียงเบาหวิวอย่างคนไม่มั่นใจ




     เด็กหนุ่มหลุบตาลงต่ำ เมื่อได้ยิน


     เขาจะกลับไปแต่เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า รอบนี้ คายัคจะไม่มีวันเสียใจอีก



"ถ้ารักผมจริง ลองยืนตากฝนให้ดูหน่อยสิครับ ผมอยากเห็นว่าอาทัชรักผมพอจะอดทนยืนได้ไหม?"


"ได้ครับ"


      เด็กหนุ่มยืนอึ้ง ไม่คิดว่า คนอายุมากกว่าจะตอบรับเร็วขนาดนี้ ยืนมองอาทัชหมุนตัว ก้าวเท้าฉับๆ ออกจากตัวอาคาร ไปยืนพิงรถตัวเองท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเม็ดใหญ่ตามคำท้า คายัคใจวูบไหว ฝืนใจแข็ง เดินขึ้นบันไดอย่างพยายามหักห้ามใจไม่หันหลังกลับไปมองอีก



      ถึงห้องแล้ว คายัคต้องการหยุดความฟุ้งซ่าน ร้อนรนในหัวใจ โดยหวังให้สายน้ำเย็นๆช่วยชะโลม เขาคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ แต่กว่าจะชำระร่างกายเสร็จ ก็เล่นกินเวลานานกว่าปกติ เนื่องจากคายัคเองก็คิดไม่ตกว่าเขาจะยอมให้โอกาสกับอาทัชอีกครั้งดีไหม?


      จนกระทั่ง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย คายัคถึงเดินมาหลบมุมแอบส่องอาทัชตรงระเบียงห้องที่หันออกไปทางถนนเล็กที่อาทัชยืนอยู่


      การพักอยู่ชั้นสองมันใกล้พอจะแอบมองอีกฝ่ายได้ชัดเจน


      อาทัชยังคงยืนอยู่ที่เดิม



      เด็กหนุ่มเดินกลับมาในห้อง นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง พลางทอดสายตามองผนังตรงหน้าอันว่างเปล่า แล้วจู่ๆ น้ำตากลับไหลออกมาเป็นทาง โดยไม่ได้ต้องการมันสักนิด



   
      ในขณะที่คนบนห้องนั่งใช้ความคิดในการหาคำตอบจนไม่ยอมหลับยอมนอน ถัดมา คนที่ยืนตากฝนก็เริ่มหนาวจนตัวสั่น เพราะฝนที่ห่าลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
 
   
       อินทัชยืนเม้มปากแน่น พลางลูบแขนตัวเองทั้งสองข้าง ความหนาวกายมันทรมานก็จริง แต่ความหนาวหัวใจ ทรมานยิ่งกว่า อินทัชถึงทำทุกอย่างตามที่คายัคร้องขอเพื่อให้คายัคกลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง


     อินทัชไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร  เพียงใจมันสั่งให้ทำก็ทำ โดยในหัวใจลึกๆยังเปี่ยมด้วยความหวังว่า สายฝนจะชะล้างคราบความโกรธในหัวใจคายัคออกไปได้บ้าง...

     


      สองชั่วโมง ที่อินทัชยังยืนอยู่ตรงที่เดิม


      ดั่งมีม่านแห่งสายฝนคั่นกลางทำให้ดวงตาของอินทัชเองเริ่มมองไม่เห็นทางตรงหน้าได้ชัดเจนนัก เขาจำต้องยกมือที่กอดแขนตัวเองมาลูบหน้า ลูบตาไล่น้ำฝนให้ออกไปจากใบหน้า ก่อนจะลดมือลงมากอดตัวเองดังเดิม


     คนอายุมากกว่าที่ยังยืนท่ามกลางสายฝนเริ่มอ่อนล้า  สุดท้าย อินทัชทิ้งตัวลงนั่งกองกับพื้น แล้วยกมือปิดหน้า ปิดตาร้องไห้

     อินทัชต้านทานความรู้สึกข้างในไม่ไหวแล้ว


     ก็ดีเหมือนกัน ตากฝนแบบนี้ เวลาร้องไห้จะได้ไม่มีใครรู้


"ฮือออออออ"


     ความหวังริบหรี่ จนอินทัชเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า คายัคจะลงมาหากัน อินทัชได้แต่นั่งหลับตา ศรีษะพิงรถ นึกภาพวันเก่าๆระหว่างเราสอง โดยที่น้ำตาก็ไหลมาเรื่อยๆ


    ไม่นานมากนัก ที่อินทัชลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพตรงหน้า ยิ่งทำให้อินทัชร้องไห้หนักกว่าเก่า เมื่อเห็นคายัคเดินกางร่มมาหยุดยืนก่อนจะย่อตัวลงช้าๆมานั่งยองๆตรงหน้าของอินทัช



"คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีรึไงครับ? ทำไมถึงต้องเชื่อที่ผมบอกด้วย" ทำเป็นบ่นแต่น้ำเสียงกลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด


     วินาทีนี้ อินทัชไม่สามารถกักเก็บความรู้สึกดีใจไว้ได้ เขายิ้มกว้างทั้งน้ำตา ที่สุดท้าย คายัคก็ยอมลงมาหากันจริงๆ



"อาทำสำเร็จไหม?"


"อะไรสำเร็จครับ?"
  ไม่เข้าใจคำถามของคนตรงหน้า คายัคเอียงคอมองพลางขมวดคิ้ว


"ง้อ"


     


****1.1****




งื้ออออออออ...จะร้องเอา.TT. :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ยิ่งถ้าหาเพลงประกอบคลอไปด้วยแล้วล่ะก็.... :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 30-07-2018 15:04:38
คายัคอิเด็กเปรตตตต กล้าให้อาทัชยืนตากฝนได้ยังไง เพิ่งหายป่วยมาถึงจะสองอาทิตย์แล้วก็ตาม  :z6:  เห้อออ หวังว่าเรื่องจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ ปรับความเข้าใจกันไวๆ อยากอ่านตอนหวานๆแล้วค่ะ อินี่ไม่มีความสุขมาหลายตอนแล้ว  :ling2:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 30-07-2018 15:55:47
สุขกันเถอะเราดีกว่าเนาะ 
ออกจากบ้านมาตั้งเกือบปีละ  ไหนๆก็ยังรักกันอยู่ กลับบ้านหาอาทัชเถอะ ยังมีอะไรที่ต้องร่วมกันผจญอีกเยอะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Minari ที่ 30-07-2018 17:13:11
เค้าจะดีกันแล้วววววววว ดีใจ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 30-07-2018 19:33:10
ค่อย​ๆปรับความเข้าใจ​กันไปนะ​ ทรมานกันมาทั้วคู่แล้ว​ ให้เป็นบทเรียน​ อาจะป่วนซ้ำมั้ยคะรอบนี้​ แต่ไม่เป็นไรมีคายัค​ดูแล​แล้วคงจะหายไวไม่ป่วยอีก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-07-2018 20:13:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

คายัคจะใจอ่อนไหมน้อ?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-07-2018 17:40:04
จะร้องไห้ :hao5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14|| 30-7-18 ||P.5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-08-2018 05:11:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่14.2||2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 02-08-2018 19:47:28
บทที่ 14 ง้อ(2)











     ได้ยินเพียงดังนั้น คายัคไม่ตอบ แต่ยื่นมือที่เป็นอิสระประคองใบหน้าอาทัช โน้มตัวไปประทับจูบที่ริมฝีปาก



     แม้จะเป็นการจูบแบบแตะริมฝีปากกัน แต่ระยะเวลาที่ได้สัมผัสนั้น ยาวนานจนรับรู้ได้ว่า ทั้งสองได้ส่งความรักผ่านถึงกันเป็นที่เรียบร้อย



"ขึ้นไปห้องผมก่อน" ผละและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าหล่อเหลาแต้มยิ้มมุมปาก พร้อมยื่นมือไปให้อาทัชจับเพื่อเดินขึ้นไปห้องด้วยกัน




       ถึงหน้าห้องคายัคแล้ว ก่อนเปิดประตูเจ้าของห้องหันไปบอก



"ห้องผมเล็กหน่อยนะครับ"



      อินทัชพยักหน้า พอเดินเข้าห้องยังไม่ก้าวไปไหน อินทัชคว้ามือคายัคให้หยุด



"ตัวอาเปียก" มองคนตัวเปียกโชกก็นึกขำที่ดันมาห่วงอะไรกับเรื่องขี้ปะติ๋ว


"โถ่...ไม่เป็นไรหรอกครับ พื้นเปียกผมก็ถูได้ อาทัชรีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะไข้ขึ้น"


 
      ยิ้มน้อยๆพลางผงกศรีษะ ก่อนจะรับผ้าเช็ดตัวพร้อมชุดใส่นอนจากคายัคแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยสภาพน้ำหยดเป็นทาง



      ใช้เวลาไม่นาน คนอายุมากกว่าเดินออกมาก็พบว่าพื้นห้องแห้งสะอาดแล้ว เขายืนเก้ๆ กังๆ เพราะกลับมาดีกัน ก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี



       มองคายัคนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือข้างเตียงก็ไม่กล้าไปนั่งด้วยจึงทิ้งตัวลงนั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียง แต่ไม่ถึงนาที ข้างกาย อินทัชสัมผัสได้ถึงความยวบของเตียงจากน้ำหนักของตัวคน หันไปก็เห็นคายัคขยับมานั่งใกล้ๆพร้อมยื่นยาและขวดน้ำที่ถือในมือมาให้


"กินยาดักไว้ก่อนครับ กันป่วย!"


"ขอบคุณนะ คายัค"




     นี่เขาฝันไปหรือเปล่า? รอยยิ้มละมุนมาพร้อมสายตาที่จ้องมองมาอย่างใจจดใจจ่อ จนอินทัชเองต้องรีบเบี่ยงหน้าหนี และเอายาสองเม็ดเข้าปากพลางกระดกน้ำตาม หลังจากเสร็จแล้ว คายัคลุกขึ้นยืน กระตุกมืออาทัชให้เปลี่ยนไปนั่งข้างเตียงอีกฝั่ง


     อินทัชขมวดคิ้วแต่ก็เดินตามไป


"เดี๋ยวผมเป่าผมให้นะ"


      ไม่คิดว่าคายัคจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ ดีใจแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความประหม่าอยู่เล็กน้อย

 
       คายัคจับให้อาทัชนั่งขัดสมาธิ หันหน้าเข้าหากัน เด็กหนุ่มคว้าไดร์เป่าผมมาเปิดสวิตช์


       ความใกล้ชิด ทำให้อินทัชเห็นใบหน้าอีกฝ่ายที่แสดงออกถึงความตั้งใจ ไร้เสแสร้ง ได้ชัดเจน ไหนจะความนุ่มนวลที่อีกฝ่ายบรรจงทำ มือเรียวสอดเข้ากลางกลุ่มผม ค่อยๆเป่าไล่ผมให้แห้งทีละนิด
     

      อินทัชยิ้มและนั่งนิ่งราวกับเป็นตุ๊กตาให้คายัคเล่นผมได้ตามชอบใจ



      กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่คายัคจัดการผมอีกฝ่ายจนแห้งสนิท จนกระทั่ง เสียงของไดร์เป่าผมเงียบลง คายัควางไดร์ไว้ข้างตัว แล้วหันไปหาอาทัช



"ผมแห้..." ยังพูดไม่จบ อินทัชซุกซบใบหน้าลงลาดไหล่พลางโอบเอวคายัคแน่น


    อีกฝ่ายนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบนบ่า คายัคโอบกอดกลับกระชับวงแขนแน่น



     เมื่อโยนความเครียดทิ้งไป เหลือไว้ซึ่งความสบายใจ คายัคก็ไม่มีความจำเป็นต้องวางฟอร์มอะไรอีก เพราะอาทัชได้พิสูจน์ความรัก ความจริงใจให้เห็นได้อย่างชัดแจ้ง


"อาทัชร้องไห้ทำไมครับ? คิดมากหรอ? อย่าคิดมากสิ นอนได้แล้วครับ ถ้าป่วยขึ้นมา ผมคงรู้สึกผิด"
บอกเสียงนุ่มพลางเลื่อนมือไปลูบผมอาทัช ก่อนจะกดจูบข้างขมับ


"ที่ผ่านมา คายัคคบใครหรือเปล่า?"


"เปล่าครับ"
คำที่บอก อินทัชเชื่อสนิทใจ


    เพียงได้ยินดังนั้น อัตราการเต้นของหัวใจแรงและเร็วขึ้น อินทัชยิ้ม ผละจากอ้อมกอด มองหน้าเด็กหนุ่ม


"เป็นแฟนกับอานะ"


     มองดวงตาคู่สวยที่แดงและบวมช้ำจากการร้องไห้ คายัคแต้มยิ้มบางเบา ก่อนใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยหยาดน้ำตาอย่างเบามือ


"ผมขอเวลาเล่นตัวก่อนได้ปะ?" ตอบยิ้มๆพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างยียวน


     ฟากอินทัชยิ้มกรุ้มกริ่มกับความกวนของเด็กหนุ่ม ไม่ตอบ แต่โน้มตัวไปขบเม้มริมฝีปากล่างหนักๆ แล้วผละออกมาหอมแก้มคายัคทั้งสองข้าง ปิดท้ายด้วยการใช้ปลายลิ้นลากไล้ไล่ลามเลียติ่งหูสลับกับดึงดูดเบาๆ


"จะเล่นตัวจริงๆเหรอ?"



     คายัคกลั้วหัวเราะ จากนั้น ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากความรู้สึกลึกๆของหัวใจที่ส่งเสียงเรียกร้องออกมาพร้อมแววตาที่ต่างฝ่ายต่างรู้ในผลลัพธ์ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น



      อินทัชเป็นฝ่ายจูบก่อน ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดเรียวลิ้นอีกฝ่ายอย่างรุกไล่ต้อนจนทำให้การจูบกันครั้งนี้มีชีวิตชีวาและตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆ


      ความหอมหวานจากรสจูบอันดูดดื่ม ที่ทั้งสองห่างหายมาแสนนาน พอได้กลับมารับรสคุ้นเคยอีกครั้ง ยิ่งกระตุกอารมณ์ปรารถนาให้กระเตื้องจนอยากร่วมรักมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
     

      ฟากเด็กหนุ่มดันไหล่อินทัชให้นอนราบลงกับเตียง


     เสื้อผ้าของทั้งสองที่สวมใส่ก่อนหน้า ถูกปลดเปลื้องอย่างไว ภายในเวลาไม่กี่นาที


     ยามนี้ มีเพียงเรือนร่างเปล่าเปลือยที่นอนนาบกายกัน


จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ...


      ตอนนี้ เด็กหนุ่มเคลื่อนตัวลงต่ำมาเล้าโลม ไล้ ไล่พรมจูบแผ่วเบาตั้งแต่ข้อเท้า ปลีน่อง จนถึงขาอ่อนด้วยความนุ่มนวล ก่อนจะพรมจูบทั่วบริเวณหน้าท้องอย่างอ้อยอิ่ง ลากลิ้นเลียวนจนกระตุกความใคร่ในตัวของทั้งสองให้พวยพุ่งจนแทบระเบิด

     คายัคยังใจเย็น แม้ลึกๆแทบอยากกลืนกินร่างกายนี้เข้าไปไวๆ เด็กหนุ่มไล่ริมฝีปากลงมายังส่วนปลายสีสดของแก่นกายคลอเคลียเล่นอย่างหยอกเย้า ก่อนจะอ้าปากเพื่อครอบครองแท่งร้อนของอาทัชอย่างกระหาย


      อินทัชตกใจ ดันไหล่คายัคให้หยุด แต่แค่เห็นเด็กหนุ่มช้อนตามอง อมยิ้ม พลางเลิกคิ้วเข้มยียวน มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและวาบหวามหัวใจไม่น้อย


      คายัคถอนริมฝีปาก เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมตัวอาทัช และจูบปากกันอย่างต่อเนื่อง โดยที่มือของเด็กหนุ่มก็ปรนนิบัติรูดรั้งให้คนอายุมากกว่าอย่างรู้งาน



       และไม่นานเลยที่อินทัชเป็นฝ่ายสุขสมอารมณ์หมายก่อน เด็กหนุ่มยิ้มพอใจ เมื่อได้เห็นหลักฐานของการปลดปล่อยความหรรษาของคนตรงหน้า แหละถึงตาที่คายัคจะมีความสุขบ้าง เขาพลิกตัวอาทัชให้หันหลัง ดันสะโพกให้ยกขึ้นสูง ก่อนจะชะโลมครีมจนทั่วประตูรัก และสอดปลายนิ้วเข้ามาขยับขยายช่องทางเป็นจังหวะจนคนที่โดนกระทำแหงนหน้าขึ้น ไม่นานนักที่เด็กหนุ่มเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าสู่ภายใน กดซ้ำๆ ควานจนทั่วเพื่อเร้าอารมณ์ปรารถนา


        รอจังหวะจนได้ที่ ก็ดึงนิ้วออกมาแทนที่ด้วยการดันแก่นกายพรวดเข้าไปในความร้อนจัดที่ตอดรัดจนคายัคแทบบ้า กระทั่งดันเข้าไปจนสุด คายัคโน้มตัวลงต่ำ จนเนื้อแนบเนื้อ แขนแข็งแกร่งโอบกอดอินทัชมาจากด้านหลัง ทั้งยังซบหน้าลงบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อ ขณะที่สะโพกยังคงขยับช้าๆและค่อยๆเร่งจังหวะเป็นแรงขึ้น แรงขึ้น ช่างเร้าอารมณ์เสียจนอินทัชเผลอครางเสียงต่ำและจับพนักเตียงแน่น


       เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นฝ่ายรับทุกความต้องการของคายัค



      ในตอนแรก อินทัชนึกว่าการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหนนี้ คายัคอาจระบายความเจ็บปวดในอดีตที่ผ่านมา ด้วยการตั้งใจร่วมรัก อย่างซาดิสม์และรุนแรง กลับกัน คายัคถนอมอินทัชมากกว่าที่คิดไว้


      ถึงแม้ว่า อินทัชจะยังไม่ได้อธิบายเรื่องราวความสัมพันธ์ในอดีต แต่การที่เราสองกำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่ ณ ตอนนี้ ก็ พอพิสูจน์ได้แล้วว่า เราทั้งสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อย









.............




    ยามสายของวันต่อมา คนอายุมากกว่าตื่นก่อน พลิกตัวนอนตะแคงมองหน้าคายัคที่หลับตาพริ้ม


     ตัดสินใจถูกที่แจ้งลูกค้าล่วงหน้าไว้ว่าจะปิดให้บริการเป็นเวลาสามวัน


    ดีเหมือนกัน เขาจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง เพราะตั้งแต่ที่อินทัชเปิดร้านกาแฟ เขาแทบไม่ได้พักหรือไปเที่ยวไหน


    ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจรวมถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกัน ไม่เจอกันตั้งนาน พอกลับมา คายัคโตขึ้นมาก ทั้งความสูงที่เทียบเท่าอินทัช ไหนจะสัดส่วนร่างกายที่ดูแข็งแรง ทะมัดทะแมงกว่าแต่ก่อน รวมถึงใบหน้าหล่อเหลาชวนมอง ก็ขาวผ่องใส เนียนละเอียดจนแทบมองไม่เห็นรูขุมขน


     เพราะไม่ได้เจอกันนาน จึงพินิจพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด อินทัชยื่นมือไปลูบไล้แก้มเด็กหนุ่ม แล้วจู่ๆความเห็นแก่ตัวก็เข้าครอบงำ เมื่ออินทัชอยากครอบครองคายัคแต่เพียงผู้เดียว เขาไม่อยากให้ใครคนไหนได้เห็น ได้แตะต้องคนตรงหน้าสักนิด


      คิดไปเรื่อยๆ จนคายัคปรือตาขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มแรกของวันใหม่ที่สดใสกว่าทุกวัน


     เด็กหนุ่มยื่นมือมาเล่นริมฝีปากล่างของอินทัช


"ตื่นนานแล้วหรอครับ?"


"ครับ"
จับมือคายัคที่เล่นริมฝีปากเขาอยู่


"แล้วนอนมองผมนานรึยัง?"


"ก็นานนะ กลัวตื่นมาแล้วคายัคหนีไปอีก"


    เด็กหนุ่มยิ้มขำ กระเถิบตัวและใช้ปลายจมูกคลอเคลียคางอีกฝ่ายไล้ลงมายังซอกคออุ่นๆ แล้วบอก


"นี่ห้องผม จะหายไปไหนได้ล่ะครับ ฮึ?"



    ก็ลืมนึกไป หลุดยิ้มเก้อเขินอย่างอายๆ ก่อนจะเข้าเรื่องสำคัญ


"คายัค"



"ครับ?"


"ขอบคุณนะที่หายโกรธอา"



"ผมก็เหนื่อยแล้วด้วย แต่ขอความจริงอีกที อาทัชเลิกกับคุณภูมิแล้วใช่ไหมครับ?"


"ครับ ความจริงอาเห็นแก่ตัวเกินไป อาไม่เคยรักภูมิเลยด้วยซ้ำ คือ เรื่องมันยาว จุดเริ่มต้นมันมาจากเรื่องของครอบครัวอาที่เขาต่อต้านความรักแบบนี้ อาเลยจะทำให้เขาเห็น แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์"



"ถ้างั้นก็แสดงว่า ครอบครัวอาทัชก็ต้องไม่ชอบผมด้วยสิครับ"



"อย่าใช้คำว่าไม่ชอบคายัคเลย ไม่ชอบความรักแบบผู้ชายรักกันมากกว่า เอาไว้ว่างๆ อาจะอธิบายอย่างละเอียดให้ฟังอีกที และอาจะพาคายัคไปบ้านของอาด้วย แต่คายัคไม่ต้องกลัวนะ อาจะปกป้องคายัครวมถึงความรักของเรา อาจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคายัคได้อีก"


"ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครทำร้ายผม นอกจากอาทัชนะครับ"



กึก!


    เจ็บจนพูดไม่ออก จะเถียงก็ทำได้ยาก ก้มหน้ารับผิดแล้วเอ่ย


"อาขอ...โท..."



    คายัครีบจูบปิดปากเพื่อตัดบท


"ผมแค่พูดความจริง ตอนนี้ ผมไม่ติดใจอะไรแล้วจริงๆครับ"


"จริงๆนะ"


"ครับ"


"แล้วคายัคจะย้ายกลับมาบ้านเราเมื่อไหร่?"


"คงสักพัก อยู่ที่นี่จนชินแล้วอะครับ ขอผมไปๆ-กลับๆก่อนได้ไหม?"


"ก็ได้ ถางั้น หลังจากนี้ อาจ่ายค่าห้องให้ทุกเดือนแล้วกันนะ"


"ไม่ต้องหรอกครับ ผมมีเงินจากการทำงานแล้ว"



    อินทัชยิ้มกว้าง ก่อนจุ๊บปลายจมูกอีกฝ่าบ


"โตขึ้นนะเรา"


"ก็นิดนึง"
ยกยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วข้างเดียวอย่างกวนๆ



"คายัค....เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ"


"ในฐานะอะไรครับ?"  ทำเป็นไขสือ อันที่จริงก็แค่อยากได้ยินจากปากอาทัชอีกครั้ง


"แฟนไงครับ"


"พูดอีกทีซิครับ"
มองคนยิ้มเจ้าเล่ห์ จนอินทัชต้องหยิกแก้มเด็กหนุ่มแก้เก้อ


"กวนละ อาไปอาบน้ำดีกว่า"



     ทิ้งท้ายด้วยการจุมพิตบนหน้าผากของคายัค ก่อนจะเด้งตัว ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปไม่กี่ก้าว คนอายุมากกว่าก็หมุนตัวกลับมาหา


"คายัค"


     คนที่ท้าวศรีษะ นอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง เหลียวมองตามเสียงเรียก


"ครับ?"


"อาบน้ำด้วยกันไหม?"




     คายัคเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนถาม


"นี่อาทัชกำลังยั่วผม?"


    อินทัชเม้มปากอย่างยิ้มๆ และถามอีกครั้ง


"แล้วคิดว่าไง? ได้ผลไหม?"



     ระเบิดหัวเราะเสียงดังพลางส่ายหน้าน้อยๆ หลังจากที่คนอายุมากกว่าถามแต่ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำโดยทิ้งรอยยิ้มยั่วยวนให้ดูต่างหน้า



     เมื่อคืน คายัคก็แทบหมดแรง เพราะใช้กำลังอย่างหนักจากการสร้างกิจกรรมเข้าจังหวะไปถึงสองรอบอย่างต่อเนื่องกัน แต่ถ้าจะในห้องน้ำด้วยอีกรอบนั้น ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลว หลังจากที่ได้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง...



............................................


1. ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้องขอบคุณพี่ๆคนอ่าน ที่ช่วยให้กำลังใจน้องคายัคกันนะคะ น้องได้ไปต่อแล้วค่ะ แหะๆ

2.หลังจากที่ชีวิตของทั้งคู่...อเมริกาโน่...มานาน ตอนนี้ เข้าสู่ช่วง...คาปูชิโน่...แล้วค่ะ แต่ยังไม่ถึง...ชานมไข่มุก...นะ กลัวเลี่ยนอะ เอ้? หรือนี่ชานมไข่มุกแล้วอะ งงตัวเอง 555+  :m20: :z1: :กอด1: :กอด1:


ขอบคุณที่เข้ามาคอมเมนท์กันนะคะ และขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-08-2018 20:54:14
   :-[  :-[

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-08-2018 21:28:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ก็ดีใจกับทั้งสองคนด้วย

ว่าแต่...คุณคนแต่งจะเสริฟมาม่าเพิ่มไหมน้อ? ต้องคอยดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-08-2018 22:41:39
คืนดีกันแล้ว  :mc4:
เอาเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นบทเรียน ให้ทั้งสองคนเติบโตขึ้น
เวลาเจอปัญหาอย่าปล่อยมือกันอีกนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-08-2018 01:04:04

นั่งอ่านตั้งแต่แรก น้ำตาไหลจนตาบวม
ขอบคุณที่เราได้อ่านมาจนตอนนี้
ตอนที่เค้าดีกัน
ตอนที่เค้ากำลังจะจับมือสู้ไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 03-08-2018 22:00:36
น้องได้ไปต่อแล้วนะคะทุกท่าน หลังจากเข็นเรือพังๆมานาน  :m15:  ชุ่มชื่นหัวใจที่สุด
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-08-2018 06:54:40
ตอนต่อไม่คงไม่มีมาม่านะ :hao4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 14.2 || 2-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-08-2018 09:56:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 05-08-2018 19:32:09
บทที่ 15  ช่วงเวลาของความสุข










"นี่ไปเจาะหูตั้งแต่เมื่อไหร่?"



     หลังจากที่ทั้งสองอาบน้ำด้วยกัน และแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย อินทัชนั่งปลายเตียงมองคายัคที่ง่วนอยู่ตรงหน้ากระจกอยู่นาน จึงลุกขึ้นมายืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้า มองคายัคที่กำลังใส่ต่างหูสีดำขนาดจิ๋ว


     ยอมรับว่า คายัคลุคส์นี้ ดูดีทีเดียว ทั้งเท่และแปลกตาไปจากเดิม จนทำให้ความรู้สึกข้างในลึกๆของอินทัชกลับนึกหวงอย่างบอกไม่ถูก


"จำไม่ได้ ก็หลายเดือนแล้วครับ"

"เกเรใหญ่แล้วนะ"



     คายัคชำเลืองมอง


"เจาะหูมันเกี่ยวอะไรกับเกเรครับ?"

"เกี่ยว...ไม่รู้แหละ...อาว่า..."



      ใส่ตุ้มหูเสร็จเรียบร้อย รีบหันไปรั้งคอมาประกบจูบ เนื่องจากไม่อยากฟังคำบ่น


"ยิ่งบ่น ยิ่งแก่นะครับอาทัช"

"เดี๋ยวเถอะ คายัค"


      ยิ้มปนขำพลางลูบแก้มอาทัช ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตลงตรงกลางหน้าผากอย่างกลัวอาทัชน้อยใจ แล้วหันตัวกลับมาดึงเก๊ะลิ้นชัก เพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์และของสำคัญอื่นๆ แต่จังหวะนั้น อินทัชเหลือบเห็นซองบุหรี่ที่คายัคกำลังคว้ามันติดมือออกมาด้วย


      ชายหนุ่มสวมกอดคายัคจากด้านหลังแล้วเกยคางลงบนบ่า


"คายัค" เอื้อนเอ่ยเสียงเบาหวิว


"ครับ?"



"อาขออะไรอย่างสิ"


"อะไรครับ?"



"เลิกสูบบุหรี่ได้ไหม?"


"......"


    ใบหน้าที่ซบลงบนบ่า เอียงหน้ามองเด็กหนุ่มที่ยืนเงียบกริบ จึงถามต่อ


"คายัคติดบุหรี่แล้วเหรอ?"


"ผมก็ไม่แน่ใจ แต่เวลาที่ผมเครียด ต้องหยิบขึ้นมาสูบ"


"แต่ตอนนี้ไม่เครียดแล้วนี่...ใช่ไหม? ถ้างั้นเลิกเถอะนะ อาขอ ก่อนที่นานไปแล้วจะยิ่งเลิกยากไปกว่านี้"


"ก็ได้ครับ ผมจะลองดูนะ"



   อินทัชยิ้มดีใจ กดจมูกลงตรงต้นคอ พร้อมประทับจูบที่เดิมซ้ำๆ ก่อนเอ่ยประโยคต่อมา


"คายัคเก่งจะตายทำได้อยู่แล้วล่ะ อาเป็นห่วงสุขภาพคายัคนะ ต่อไปถ้ารู้สึกอยากสูบบุหรี่ รีบบอกอา อาจะแก้ด้วยจูบ เผื่อช่วยได้"


    หลุดหัวเราะ ก่อนจะเหลียวมอง


"เดี๋ยวนี้อาทัชยั่วเก่งนะครับ"  มองคนที่หันทั้งตัวมาหา แล้วว่าอย่างยิ้มๆ


"หือ? ไม่เจอกันนาน ทำไมปากคอเลาะร้ายอย่างนี้"

"ก็ผมพูดความจริงนี่นา อาทัชรับไม่ได้หรอ?"

"หึ!"
มองคนดึงมือออกจากอ้อมกอดแล้วจะเดินกลับไปนั่งที่เตียง คายัครั้งแขน


"โอ๋ๆ อย่างอนสิครับ ถ้างอน ผมจะออกไปสูบบุ...อื้อ"


    คายัคแค่จะแกล้ง แต่ไม่คิดว่า อาทัชจะจริงจัง ถึงกับรีบมาประกบจูบกัน ทั้งๆที่คายัคยังพูดไม่จบ


    หลังจากที่ผละจากกัน


"ผมยังอยากสูบบุหรี่อยู่เลยอะครับ"
คายัคยิ้มเจ้าเล่ห์

"นี่มันไม่ใช่ละ..."
มองคนบอกเสียงเข้มอย่างรู้แกวก็กลั้วหัวเราะออกมา

"ฮ่าๆ...."


     รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเข้ม มือเรียวลูบหน้าพลางเกลี่ยผมที่ปรกหน้าอาทัชอย่างละมุน ละไม


"ผมน่าจะเลิกได้นะ ไม่รู้สิ เวลาที่ผมได้อยู่กับอาทัช ผมไม่นึกอยากสูบบุหรี่"

"จริงเหรอ?"

"ครับ"


"ถ้างั้น เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่พรากจากกันไปไหนอีก"

"จะเป็นไปได้ไงล่ะครับ คนเราเกิดมาก็ต้องตาย"

"ก็แค่เท่าที่มีลมหายใจ เราจะไม่ห่างจากกันไปไหนอีกแล้วไงครับ"

"พูดซึ้งจนอยากร้องไห้"

"ทำไมชอบกวนประสาท?"

"ฮ่าๆ ไม่กวนก็ได้ แล้วที่อาทัชบอกว่าจะออกไปข้างนอก นี่จะไปไหนหรอครับ?"

"บ้านอาครับ อาจะพาไปหาแม่"

"ห้ะ? วันนี้เลยหรอครับ?

"ใช่ครับ อาไม่อยากรอ"

 


     พอต่างฝ่ายต่างตกลงกันเสร็จเรียบร้อย จังหวะที่เตรียมเดินออกจากห้อง คายัคมองอาทัชที่ดูเด็กกว่าเดิม อาจด้วยเพราะการแต่งตัวที่อาทัชต้องใส่เสื้อผ้าของคายัค เนื่องจากเมื่อวานเสื้อผ้าอาทัชที่เปียกนั่นยังไม่ได้ซัก


     สังเกตเห็น ก็เลยแซว


"อาทัชแต่งตัวแบบนี้ ก็ดูเด็กดีนะครับ"


"จริงเหรอ? อาว่ามันแปลกๆ ดูน่าเกลียดไหม?"
อินทัชว่าแล้วก้มลงมองสภาพตัวเองอย่างไม่มั่นใจ


"ก็ไม่นะ ผมว่าน่ารักดีออก"


"น่ารักเหรอ? ไม่ค่อยอยากได้ยินคำนี้เลย"


"เอ้า...ไหงงั้น? คำว่า...น่ารักของผม ก็คือ ไม่น่าเกลียด มันไม่ได้หมายความว่า น่ารักแบบผู้หญิงสักหน่อย"


"จริงนะ?"


"จริงสิครับ อย่าคิดมาก จะแต่งตัวยังไง? ผมก็รักที่อาทัชเป็นอาทัชอยู่ดีครับ"


     โอบเอวอาทัชไว้หลวมๆแล้วโน้มตัวลงไปซุกไซ้ซอกคอ แต่แล้วจู่ๆ คายัคก็นึกอะไรขึ้นได้


     โชคดีที่ยังไม่ออกจากห้อง เด็กหนุ่มผละจากกอด เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ค้นหาอะไรบางอย่าง ปล่อยให้อินทัชยืนงุนงงอยู่กลางห้อง


      สักพัก คายัคเดินมายื่นถุงให้อาทัช



"สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังครับ"


      อินทัชขมวดคิ้ว ก่อนจะรับถุงนั้นมา


"ย้อนหลังนานไปหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ ตอนแรกกะว่า ถ้าทำใจได้แล้ว ค่อยเอากลับไปให้อาทัชที่บ้าน"


"คะ...คายัค"


"เปิดดูสิครับ"


     อินทัชใจเต้นรุนแรง ไม่คิดว่าคายัคจะซื้อของขวัญให้ เนื่องจากวันเกิดทุกปีจะมีแค่การ์ดกับขนมเค้กหนึ่งชิ้น นับว่าเซอร์ไพรส์และสร้างความประหลาดใจให้อินทัชเป็นอย่างมาก


      เพียงเปิดกล่องแล้วพบนาฬิกาแบรนด์ดัง ที่มีหน้าปัดและตัวเรือนสีดำขลับตัดกับตัวเลขอารบิกสีขาว สัมผัสได้ถึงความเข้มขรึม เรียบ เท่ แค่เห็นแวบแรก อินทัชยังชอบ


      ตาโต ตะลึง ยกมือปิดปากเพราะพูดไม่ออก แม้จะไม่ใช่นาฬิการุ่นที่อินทัชอยากได้ แต่บอกเลยว่า สิ่งที่คายัคเลือกให้ ถูกใจอินทัชมากๆ ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะตาถึงขนาดนี้


      อินทัชได้แต่บอกตัวเองว่าควรเลิกขี้แย เขาจะร้องไห้พร่ำเพรื่อแบบนี้ไม่ได้


      แต่แล้วมันจะผิดไหม? หากน้ำใสๆที่ไหลออกมา มันคือ น้ำตาแห่งความตื้นตันใจ เขาไม่คิดว่า คายัคจะจดจำและใส่ใจเรื่องราวของอินทัชได้ด้วย


"ผมเคยได้ยินอาทัชบอกว่าอยากได้นาฬิกาของลูมิน๊อก" บอกแล้วใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาอาทัช


      อาทัชไม่มีนาฬิกาใส่มานานแล้ว ทั้งๆที่คายัคเคยได้ยินอาทัชบ่นตลอดว่าอยากได้ตั้งแต่ช่วงที่คายัคขึ้นมอสี่


    คายัครู้ถึงสาเหตุที่อาทัชชอบแต่ไม่ยอมซื้อ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เป็นเพราะอาทัชต้องเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ เพื่อเอามาเป็นค่าเล่าเรียนให้คายัค การจะซื้อนาฬิกาข้อมือจึงคิดว่ามันไม่สำคัญหรือจำเป็นน้อยกว่าเรื่องการศึกษาของเด็กหนุ่ม


    คายัครู้ดีว่า ลึกๆแล้วอาทัชยังคงต้องการสิ่งนั้นเสมอ คายัคถึงยอมควักเงินจ่าย



     น่าเสียดาย ที่คายัคจำไม่ได้ว่าอาทัชชอบรุ่นอะไร? ครั้นจะโทรหาก็ทะเลาะกันอยู่ คายัคจึงต้องพยายาม เลือกคัดสรรนาฬิกาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์อาทัชมากที่สุด


"ตอนผมดู มีรุ่นที่เป็นสายหนังสีดำ ผมเห็นว่ามันเหมาะกับอาทัชดี แต่พอเห็นราคาแล้วสู้ไม่ไหวอะ มันแพงไป ตั้งสามหมื่นกว่า ผมเลยซื้อรุ่นนี้มาให้ ดูเท่ดี และผมว่ามันเหมาะกับอาทัชด้วยนะครับ"
 

     อินทัชดีใจจนเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เขารู้ว่านาฬิกาแบรนด์นี้ มีราคาต่างกัน แม้จะไม่แพงหูฉี่ แต่ก็ใช่ว่าจะถูกเสียเมื่อไหร่กัน


"เรือนนี้เท่าไหร่ครับ?"

"เอ่อะ...ผ...ผมจำไม่ได้อะ ซื้อมานานแล้ว"
คายัคเลี่ยงอย่างไม่อยากบอกเรื่องราคาได้แต่หลุบตาลงต่ำ

"คายัค บอกอามานะ"

"โถ่...อาทัชครับ ช่างมันเถอะน่า"

"จะบอก ไม่บอก"

"อาทัชอะ ทำไมต้องบังคับผมด้วยเนี่ย กะ...ก็ประมาณหมื่นสาม...ครับ"
คายัคโกหกราคา กันโดนด่า


"หา? หมื่นสาม? คายัค? จะบ้าหรือเปล่า? เราจะใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ไม่ได้นะ"


      ดีแล้วที่ไม่บอกราคาจริง
 

"แต่มันคือของชิ้นเดียวที่อาทัชอยากได้มาตลอดไม่ใช่หรอครับ?"


กึก!


     อินทัชสะอึกถึงกับพูดไม่ออก มันก็จริงที่เขาอยากได้ แต่คายัคก็ไม่ควรทำให้เขารู้สึกผิดแบบนี้ อินทัชเม้มปากเงียบ



"......"


"ถ้ามันทำให้อาทัชมีความสุข เงินเท่าไหร่ก็ช่างมันเถอะครับ อาทัชเลี้ยงผมมา ผมยังไม่เคยตอบแทนอะไรเลย เงินแค่นี้เล็กน้อยครับ อีกอย่าง เงินนี้ก็เป็นเงินที่ผมได้มาจากการเก็บสะสมตอนทำงาน แต่มันมีงานถ่ายแบบสินค้าด้วยเลยได้เงินเยอะกว่าเป็นเด็กเสิร์ฟ ผมถึงซื้อได้ อาทัชไม่ต้อง...ห่....ว..."


      อินทัชสวมกอดคายัคแน่น เขาดีใจมากจริงๆ แค่ได้ฟังตอนที่คายัคเล่าตอนเลือกนาฬิการวมถึงยอมควักเงินจ่ายเป็นหมื่น อินทัชก็ซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะหาคำใดๆมาพูดได้นอกจาก...


"ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับคายัค อาชอบนาฬิกาเรือนนี้มากๆ อาจะใส่ทุกวันไม่ถอดเลย...คิดแล้วก็อายที่ไม่มีของขวัญวันเกิดย้อนหลังให้คายัคบ้าง"



"ไม่เป็นไรหรอกครับ สิบกว่าปีที่อาทัชดูแลผมมา นั่นก็เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดแล้วครับ"


      อินทัชยิ้มกว้างในอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่อินทัชจะไม่มีวันลืมเลือนไปจากใจเลย


      ดีใจและมีความสุขมากจนต้องถ่ายเทความรัก ความผูกพันให้กันและกันด้วยการจูบแบบลึกซึ้ง


      จูบร้อนแรงแต่แฝงด้วยความหวานละมุนลิ้น ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครคิดจะผละออกก่อน เพราะมันเป็นจูบที่หอมหวลและหลอมรวมความรู้สึกของทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งคู่ยังจูบเหมือนคนตระกละตระกราม เพราะยังจูบดูดดื่มแบบไม่มีหยุดพัก


     เป็นเวลานานพอสมควร กว่าที่ทั้งสองจะผละจากกัน คายัคยิ้มเหลือบมองอาทัชที่แก้มแดงราวกับลูกมะเขือเทศ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำหวานใสที่ไหลเลอะตรงขอบปาก ก่อนจะตัดสินใจบอกอาทัชให้รีบเดินออกจากห้อง


      เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ คงไม่พ้นที่ทั้งสองต้องจบลงบนเตียงเหมือนทุกที



      ในระหว่างที่คายัคปิดประตู สายตาพลันเหลือบเห็นกระดาษขนาดเอสี่แปะตรงหน้าห้อง


      ขมวดคิ้วและดึงกระดาษมาอ่าน เด็กหนุ่มถึงกับเขิน ก่อนจะยื่นไปให้อาทัชดู



"เหอะๆ...สงสัยผมคงต้องย้ายห้องแล้วล่ะครับ"



     เป็นข้อความที่อินทัชอ่านจบแล้วหน้าแดงจัด จับมือคายัคแล้วรีบลากให้เดินลงบันไดอย่างไว หวังจะออกจากพื้นที่นี้ไปให้เร็วที่สุด


    ตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยลายมือระบุไว้ว่า


'ขอเตือนหน่อยค่ะ ดึกๆดื่นๆ ถ้าคิดจะทำอะไรกันก็ช่วยลดเสียงลงบ้าง ช่วยเห็นใจคนโสดที่นอนอยู่ห้องข้างๆด้วยค่ะ มันดังมากจริงๆ'






****1.1****



1. ข้างห้องน้องคายัค นี่คนเขียนเองค่ะ อะจึ้ย! 555+

2. โอ้ย..คายัค ใครสั่งใครสอนให้หนูน่ารักขนาดนี้ล่ะลูก?...งื้ออออออ ในส่วนของความเซอร์ไพร์ส ความพระเอกน่ายัก น่าหยิก

3. คู่นี้พอรักกัน ก็น่ารักดีนะคะ...^~^ ว่าไหมเอ่ย? แหะๆๆ...

4. ขอบคุณที่ยังอยู่เป็นเพื่อนกัน ไม่ทิ้งกันไปไหน
ขอบคุณความเห็นที่คอยช่วยเตือน คอยเอาใ่จช่วยคายัคและอาทัช  :mew1: :mew1: :mew1:

ถามว่าจากนี้ ดราม่ามั้ย? ขอไม่บอก ไม่สปอยล์โนะ มารอลุ้นกันไปเรื่อยๆดีกว่านะคะ ^~^  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny
 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 05-08-2018 19:58:30
พอเขาเข้าใจกันแล้วมันดีจริงๆ
แต่ก็รู้สึกหวานไม่สุด กลัวดราม่า  :hao5:
ไปเจอแม่อาทัช ถ้าโดนแผลงฤทธิ์ใส่ คายัค หนูต้องใจเย็นๆนะ
ดราม่าอีกเรื่องน่าจะเกิดจากความหึงหวงของอาทัช...

 :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-08-2018 20:36:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

ห้องดันไม่เก็บเสียงซะนี่  อิอิ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-08-2018 20:45:39
คุณ​แม่อาทัชจะจัดหนักอะไรให้น้องคายัค​ของเรามั้ย​ กลับไปอยู่บ้านอาทัชดีมั้ยคะส่วนตัวดีสะดวกด้วย​ เสียงจะได้ไม่กวนคนอื่น
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 05-08-2018 21:22:32
ดูยังมีช่องว่างกันอยู่  เหมือนเคยเป็นแผลแล้วต่อกันไม่ค่อยสนิท


บางทีอาจจะเป็นบาดแผลในใจของผู้อ่าน
กลับมาคบกันครั้งนี้ ดูอาทัชจะรักแรงหึงแรงกว่าหลานคายัค เหมือนมีช่องว่างเกิดขึ้นในระหว่างที่แยกกันอยู่ (หรือผู้อ่านคิดไปแรง)
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-08-2018 01:46:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-08-2018 08:36:58
555 ย้ายห้องก็พอมั้งคายัค
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 06-08-2018 15:02:25
ดีใจที้กลับมารักกันเหมือนเดิม
แต่สงสัยต้องกลับไปอยุ่บ้านถาวรแล้วแหละคายัค
 :m20:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 06-08-2018 15:07:14
นักเขียนพูดแบบนี้ ต้องมีดราม่าอีกแน่ๆเลยค่ะ นี่ก็คิดว่ามันยังมีอีก /ตั้งโล่  อาทัชนี่แบบยั่วเก่งงงง บดเก่งงงง  :z1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15 || 5-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-08-2018 16:58:56
เขิล ตอนนี้
ตอนหน้าดราม่าบ้านอาทัชแน่
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่15.2|| 8-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 08-08-2018 19:45:04
บทที่ 15  ช่วงเวลาของความสุข (2)






       ยามนี้ รถของอินทัชถูกจอดไว้นอกบ้านของตัวเอง เพราะตั้งใจจะมาคุยกับมารดาไม่นาน อินทัชเดินจับมือเด็กหนุ่มเพื่อเข้าบ้าน ผ่านประตูรั้ว คายัคมองรอบบ้านอาทัชอย่างตื่นเต้นพลันเหลือบมองโรงจอดรถที่เต็มไปด้วยรถยนต์หลากสัญชาติจอดไว้ถึงสี่คัน  คายัคเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เองว่าครอบครัวของอาทัชก็รวยใช่ย่อย


      ในขณะเดียวกัน คนอายุมากกว่าขมวดคิ้ว เมื่อเห็นพี่นพเดินออกมาจากบ้าน อินทัชรีบปรี่ไปหา


"พี่นพ แม่อยู่ไหมครับ?"


     ยังไม่ตอบ แต่กลับกดสายตาลงต่ำมองมือน้องชายตัวเองที่กุมมือเด็กคนนั้นไม่ปล่อย



"อยู่ สรุปแล้วเด็กนี่ยังไง?" คายัคยกมือไหว้สวัสดี เมื่อคุณลุงส่งสายตามองมาอย่างสงสัย


"ผมคบกับคายัคแล้วครับ แล้วตั้งใจจะมาบอกแม่ให้รู้"



      คนกลางอย่างอรรนพทำหน้าละเหี่ยใจ ไม่รู้จะต้องเข้าข้างใคร ในเมื่อทั้งสองล้วนแต่เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง


"เฮ้อ! ในที่สุดก็ยอมรับออกมาได้แล้วสินะ ตอนนี้ยังไม่เหมาะ รีบกลับไปซะ"

"ทำไมครับ?"

"แม่กับพ่อทะเลาะกันหนักมาก ฉันห้ามไม่อยู่เลยเดินออกมาก่อน"

"แต่..."


"คิดจะมาบอกเรื่องนี้กับคนโมโหจัด แล้วเขาจะฟังไหม? รับรองเรื่องใหญ่กว่าเดิมแน่"




      คายัคยืนเงียบจนตัดสินใจกระตุกมืออาทัช



"ผมอยากกลับบ้านแล้วอะครับ อาทัช"


     มองเด็กหนุ่มที่คงอึดอัดใจ จึงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะหันไปบอกพี่ชายตัวเอง



"ถ้างั้นผมกลับก่อนก็ได้ครับ"


     อรรนพมองและบอกทิ้งท้าย


"อืม ไว้เดี๋ยวฉันจะโทรหาทีหลัง"


"ครับ"




      ตอนนี้ คายัคและอินทัชอยู่ในรถเป็นที่เรียบร้อย อีกฝ่ายเห็นคนนั่งหน้าบึ้งจึงถามอย่างเป็นห่วง



"อาทัชเครียดที่พ่อกับแม่ของอาทัชทะเลาะกันหรอครับ?"


    มองเด็กหนุ่มที่ถามซื่อๆก็อมยิ้ม อินทัชโน้มตัวไปหอมแก้มคายัค


"เครียดที่ไม่เป็นไปตามแผนมากกว่า ตั้งใจจะพาคายัคมาเปิดตัว สุดท้ายก็ไม่ได้บอก"


"ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิครับ เรามาคราวหลังก็ได้ ทำอย่างกับว่าพรุ่งนี้ เราจะเลิกกันแล้วยังไงยังงั้นน่ะ"


"นั่นสินะ"




     แม้ว่าจะผิดแผนจนทำให้อินทัชเสียอารมณ์ แต่เพราะอินทัชอยากใช้ช่วงเวลาในวันหยุดนี้ให้คุ้มค่าที่สุด จึงหาทางเลือกอื่น และแล้วก็นึกขึ้นได้


"คายัคไปเที่ยวกัน"


"ไปไหนครับ?"


"อื้ม...ที่พอขับรถไปได้ก็....วังน้ำเขียวไหม?"


"ไปๆๆครับ เอ้...แต่พรุ่งนี้ผมมีเรียน"


"โดดได้หรือเปล่า?"


"ฮ่าๆๆ อาทัช นอกจากจะไม่ว่าผมแล้วยังเห็นด้วยอีก ฮ่าๆๆ โอ้ย...อาทัชของผมเปลี่ยนไป"



      มองคนหัวเราะเสียงดัง ก็แอบเกาจมูกแก้เก้อ พลางหลุบตาลงต่ำ


"อานี่เป็นผู้ปกครองไม่ดีเลย" บอกอย่างรู้สึกผิด ไม่รู้ทำไม เดี๋ยวนี้ อินทัชถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปซะได้


"แต่อาทัชพยายามเป็นแฟนที่ดีอยู่...ผมรู้..."
รีบตอบกลับพร้อมยิ้มหวาน เอื้อมมือไปกุมมืออาทัช


"และจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆด้วยครับ"


"ถ้างั้นไปครับ แค่หยุดวันเดียวคงไม่เป็นอะไร แล้วหลังจากนั้น ผมจะขยันให้หนักเป็นสองเท่าเพื่อตามเพื่อนให้ทัน"


"ขอบคุณนะครับ ระหว่างนี้ คายัคช่วยเซิร์ชหาห้องพักในเว็บให้หน่อยนะ"


"ได้ครับ"


    แม้จะปุปปับทัวร์ไปหน่อย แต่การไปเปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่เป็นอยู่ก็น่าสนใจไม่น้อย


     หลังจากดูแผนที่จากกูเกิ้ล แม็ปเสร็จ อินทัชเลือกไปเส้นทางนครนายก เพื่อผ่านปราจีนบุรี และมุ่งหน้าไปยังวังน้ำเขียว แต่ระหว่างเดินทาง อินทัชแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถังเสียก่อน


    เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา อินทัชจึงฝากคนรักให้ลงไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟด้วย


    หลังจาก เติมน้ำมันเสร็จแล้ว อินทัชขับรถไปหาที่จอดใกล้ร้านกาแฟ ก่อนลงจากรถ สายตาเหลือบเห็นผู้หญิงสองคนเพิ่งเดินแยกไปจากเด็กหนุ่ม แล้วจู่ๆหัวใจกลับสั่นไหว วูบ โหวงอย่างไม่มีเหตุผล



"เมื้อกี้ มีอะไรกันเหรอ?"

"เอ่ออ....อ้อ!.. เขาถามทางไปห้องน้ำครับ"


    หรี่ตามองอย่างจับผิด ก่อนถามอีกครั้ง


"แน่ใจ? ห้องน้ำอยู่แค่นี้เองนะ?"
ถามพลางชี้นิ้วไปทางขวาให้ดูหลักฐาน เด็กหนุ่มหน้าซีด ยิ้มแห้ง ก่อนบอกความจริงด้วยน้ำเสียงเบาหวิว


"เขามาขอเบอร์ผมครับ"



    จนได้...

    และแล้ว สิ่งที่อินทัชกลัวตลอดก็มาถึง

    คนอายุมากกว่าถอนหายใจแรงและว่ากลับ


"อะไรกัน ในปั๊มน้ำมันก็ไม่เว้น ขอเบอร์กันง่ายๆแบบนี้เลย?"


     สบตาคนดุก็รีบอธิบายให้อาทัชเข้าใจ


"ผะ...ผมไม่รู้ครับ ผมเห็นผู้หญิงมองมาและส่งยิ้มให้ ผมก็แค่ยิ้มกลับไป แต่ใครจะคิดล่ะครับว่า เขาจะกล้าเดินเข้ามาขอเบอร์"


"แล้วคายัคยิ้มให้เขาทำไมครับ?"


"เอ้า! อาทัช เขายิ้มมาก็ต้องยิ้มให้สิครับ จะให้ผมทำตัวหยิ่งกลับไปหรอ?"


     
       คายัคเถียงกลับเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง เนื่องจากคายัคไม่ได้ชอบผู้หญิงสองคนนั้นเลยสักนิด ที่สำคัญ คายัคไม่ได้ต้องการเช็คเรตติ้งหรือโปรยเสน่ห์เรี่ยราดใส่ใครอยู่แล้ว


      มองคนหน้าบึ้งก็ได้แต่งงและไม่เข้าใจว่าทำไมเราสองคนต้องมาทะเลาะกันเรื่องนี้ด้วย

 
      เด็กหนุ่มไม่อยากให้อาทัชไม่สบายใจ เอื้อมมือไปจับมืออาทัชอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่นว่าเขาจะคิดเห็นอย่างไรกับผู้ชายสองคนยืนจับมือกันในที่สาธารณะ




"คือ ผมสั่งกาแฟไว้แล้วไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาเจอผู้หญิงสองคนนั้น และก็เป็นอย่างที่อาทัชเห็น แต่อาทัชสบายใจได้ครับ ผมไม่ได้ให้ เพราะผมบอกว่า ผม..มี...แ" พยายามอธิบายแต่ไม่เป็นผล เพราะอาทัชไม่ฟัง กลับเดินหนีเข้าร้านกาแฟ ปล่อยให้คายัคยืนขมวดคิ้วมุ่นพลางลอบถอนหายใจยาว


      ยามนี้ ด้านในร้านกาแฟ มีคนยืนหงุดหงิด งุ่นง่านไม่หยุด อินทัชไม่ชอบนิสัยตัวเองตอนนี้เลย นิสัยที่หึงหวงคายัคมากเกินไป แต่มันอดไม่ได้จริงๆ เพียงแค่เห็นผู้หญิงพวกนั้นส่งยิ้มหวานให้คนรักของตัวเองก็เกิดอารมณ์เสียขึ้นมาดื้อๆ


      รู้ดีมาตลอดว่า เมื่อคายัคโตจะยิ่งเสน่ห์แรง และวันข้างหน้า คายัคจะมีคนวิ่งเข้ามาหามากกว่านี้


      รับเครื่องดื่มมาทั้งๆที่อารมณ์ยังไม่หายหงุดหงิด จนกระทั่ง ทั้งคู่เดินกลับมาที่รถ สอดตัวเข้ามาในห้องโดยสาร และเคลื่อนรถออกจากปั๊มน้ำมัน ขับรถไปได้ไม่ถึงสิบกิโลเมตร คายัคก็บอกให้จอด


      คนขับตัดสินใจจอดข้างทาง แล้วหันมาถาม


"คายัคมีอะไร? ให้อาจอดรถทำไม?"

 
      ตั้งแต่ออกมาจากปั๊มน้ำมัน อาทัชก็ไม่พูดไม่จา คายัครู้สึกอึดอัดและไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้มันจะพาลให้การไปเที่ยวไม่สนุก


      พลิกตัวตะแคงข้างแล้วถามคนอายุมากกว่า
 

"ผมอยากคุยให้รู้เรื่อง อาทัชเป็นอะไร? หึงผมหรอครับ?"


      อินทัชหันไปมองคายัค ก่อนจะตัดสินใจบอกความรู้สึกจริงๆข้างใน


"อืม ใช่"


      จากความเครียดขึงค่อยๆคลายและแทนที่ด้วยรอยยิ้มจางๆ เด็กหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าอาทัชแล้วใช้ปลายนิ้วลูบไล้แก้มช้าๆ


"ผมดีใจนะที่อาทัชพูดออกมาตรงๆ ไม่ต้องให้ผมมานั่งเดาใจ แต่การที่อาทัชหึง เพราะอาทัชไม่ไว้ใจผมหรอครับ?"



      อินทัชเงียบอยู่นาน ก่อนตอบ
 


"ไม่รู้ รู้แค่ว่าอากลัว"


"กลัวอะไร? ไหนลองบอกผมซิ?"
เด็กหนุ่มถามเสียงนุ่ม



"คายัคจำได้ไหม? ที่อาเคยบอกว่า คายัคมีโอกาสเจอคนอีกมากและมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่มีสีสันและสนุกกว่านี้ นี่ไงครับความจริงก็มาถึง ขนาดตอนนี้ คายัคเพิ่งอายุสิบเจ็ด ก็มีคนเข้าหา มีคนมาชอบมากมาย แล้วถ้าในอนาคต คายัคเข้าเรียนมหาฯลัย ได้เจอสังคมใหม่ๆ คายัคจะไม่ยิ่งมีคนชอบเยอะกว่านี้อีกเหรอ? พอถึงเวลานั้น อาจะแน่ใจในตัวคายัคได้ยังไง? ว่าจะไม่หวั่นไหวและทำใจตัดโลกแห่งความสนุกในชีวิตของตัวเองเพื่อมาลงหลักปักฐานและใช้ชีวิตคู่กับอาได้
       คายัค อาอายุสามสิบกว่าแล้วนะ อาไม่ได้คบเล่นๆ อาเลยกลัวและไม่มั่นใจว่าคายัคจะรักอาจนจริงจังมากพอ..."
   บอกความต้องการของตัวเองให้คายัครับรู้ ว่าวัยของอินทัชไม่ใช่การใช้ชีวิตแบกรับความเสี่ยงเรื่องรักแบบลุ่มๆดอนๆอีกแล้ว



        มองคนพูดเสียยืดยาวจนประหลาดใจ เพราะโดยปกติ อาทัชไม่ค่อยระบายความรู้สึกหรือเล่าหมดเปลือกขนาดนี้ เด็กหนุ่มดึงมืออาทัชมากุมไว้แน่น



"เฮ้อ! เท่าที่ฟังมา ดูเหมือนอาทัชไม่เชื่อใจผมเลยอะ ทำไมล่ะครับ? ผมแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ มันก็น่าจะพิสูจน์ได้ว่าผมจริงจังกับความรักแค่ไหน? อาทัชยังไม่มั่นใจในตัวผมอีกหรอ?"


"....."


"อาทัชคิดว่าผมเป็นคนเจ้าชู้หรอ? ถามหน่อยเถอะ ตอนที่ผมชอบอา อาทัชเห็นผมจีบใครไปทั่วหรือเปล่า? เออ...ถ้าที่ผ่านมา ผมทำตัวเล่นๆ ไม่จริงจังหรือไม่มั่นคงต่อความรักของเรา ผมจะไม่แปลกใจเลยที่อาทัชจะกลัวและไม่ไว้ใจ แต่นี่ผมไม่เคยสนหรือมองใครเลยนะ ทำไมอาทัชถึงไม่เชื่อใจผมบ้าง?"


     คายัคพูดความรู้สึกออกไปให้มากที่สุดเพื่อพยายามปรับความเข้าใจกันจะได้ไม่ต้องมีปัญหาภายหลัง และพยายามแสดงเจตนารมณ์อันหนักแน่นและมั่นคงว่า หากคายัคมีแฟนแล้ว เขาไม่เคยคิดยุ่งกับใครคนไหนอีก

   

     ฟากอินทัชยังเงียบเพราะไม่แน่ใจว่าความเป็นเจ้าข้าว เจ้าของได้ผุดโผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่? รู้แค่ว่าพอเห็นใครก็ตามเข้าใกล้คนรักของตัวเอง ก็นึกกลัวว่าจะถูกแย่งหรือพรากของรักของหวงที่เป็นชิ้นสำคัญที่สุดไป แล้วจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอยากประกาศศักดาขึ้นมาให้คนอื่นได้รู้ว่าใครคือ เจ้าของที่แท้จริง



     และเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เมื่อใครเข้าหาคายัค ความต้องการที่จะครอบครองคายัคแต่เพียงผู้เดียวก็แผลงฤทธิ์ขึ้น ถ้าถามตัวอินทัชเอง ก็คงได้คำตอบว่า เขาอยากได้ความรักอันมั่นคงมาจากคนที่เขารักก็เท่านั้น



      หรือไม่ บางที การที่ความรู้สึกเลวร้ายได้ก่อตัวขึ้นดั่งพายุที่ถาโถมเข้ามาปั่นป่วนในหัวใจอยู่ตอนนี้ อาจเกิดจากการที่อินทัชระแวงมากจนคิดไปเอง


"อาผิดเองที่งี่เง่า อากลัวว่า คายัคจะทิ้งอาไปหาคนอื่น"


"คนที่ควรต้องกลัว คือ ผมหรือเปล่า? ที่ผ่านมา อาทัชก็มีคนอื่นก่อน ไม่ใช่ผม แถมทำร้ายความรู้สึกผมจนเจ็บหนัก ผมยังไม่กลัวที่จะกลับมาคบกันเลย แค่ได้ยินอาทัชพูดว่าเลิกกับคุณภูมิ ผมก็เชื่อหมดใจ แล้วทำไมพอเป็นผม แสดงออกว่ารักชัดเจนขนาดนี้ อาทัชกลับไม่ไว้ใจ ถ้าผมไม่จริงจังกับอาทัช ผมคงไม่คาดหวังรอกลับมาคบกันหรอก"
คายัคยังคงระบายความรู้สึกของตัวเองแต่ไม่ใช่อารมณ์



 
     แม้เด็กหนุ่มจะพูดจาตรงไปตรงมาอย่างไม่มีถนอมน้ำใจ แต่อินทัชไม่นึกโกรธเพราะมันคือเรื่องจริง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต่างฝ่ายต่างเก็บปัญหาไว้แล้วไม่ยอมปรับความเข้าใจกัน


    เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ถึงวันหนึ่ง ปัญหาอาจบานปลายจนยากจะแก้ไขแล้วก็ได้


    อินทัชถอนหายใจ ก่อนต้องการให้ความคลางแคลง สงสัยในหัวหายไปจึงบอกตัวเองว่าขอถามคำถามสุดท้าย




"แล้วถ้ามีคนที่เพอร์เฟกท์ เพียบพร้อมทุกอย่างเข้ามาตอนเราคบกันล่ะครับ?"

"ถ้าเราสองคนยังรักกันดี ไม่ได้มีปัญหา และอาทัชไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม? ผมไม่เอาครับ..."



"......"


      คายัคไม่รู้หรอกว่า เกิดอะไรขึ้นกับอาทัช ที่อยู่ดีๆ อาทัชก็เกิดไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเราสองคนขึ้นมา เด็กหนุ่มรั้งแขนอาทัชให้เข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวไปจุมพิตบนหน้าผากให้อีกฝ่ายคลายความตึงเครียดลงบ้าง พร้อมย้ำคำเดิมๆเพื่อให้อินทัชเข้าใจว่าคายัคไม่ได้พูดเล่น


"อาทัช ถ้าผมตัดสินใจคบใครแล้ว ผมไม่เคยคิดนอกใจ ผมรู้ว่าสิ่งที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ไปกันรอดได้ คือ การยับยั้งชั่งใจ และผมจะรักษาจิตใจให้หนักแน่น มั่นคงพอ เพื่อจะได้ไม่หวั่นไหวไปหาคนอื่นง่ายๆ เชื่อผมนะ"


"......"



      ค่อยๆเห็นรอยยิ้มสดใสโผล่ขึ้นมาทีละนิดจากคนอายุมากกว่าก็โล่งใจ คายัคต้องการเคลียร์เรื่องนี้ให้จบจะได้ไม่ต้องลากยาวจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง


      คายัคเลือกใช้การสัมผัส ช่วยคลี่คลายปัญหา โน้มตัวไปประกบจูบปาก มือเรียวสอดเข้ากลางกลุ่มผมพลางนวดคลึงเบาๆ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ลูบไล้แขนอีกฝ่ายไล่ไปจนถึงช่วงกลางลำตัว



     เพราะยังอยู่กันข้างทาง เด็กหนุ่มเลยไม่อยากจูบนานเกินไป คายัคถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ แล้วใช้ข้อนิ้วไล้กรอบหน้าอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า ก่อนบอกด้วยเสียงละมุน



"อย่าเป็นอย่างนี้สิครับ ผมรักอาทัชจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว ยังกลัวว่าผมจะหนีไปมีคนอื่นอีกหรอ?"



     
      ฟังคายัคพูดจบก็รู้สึกตัวเองบ้าบอที่หึงหวงคายัคได้อย่างไร้สาระ อินทัชก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเอามากถึงเพียงนี้


      รู้ตัวแล้วว่าผิดที่ปล่อยให้ความหึงหวงบังตา จนลืมไปว่า คายัครักเขามากแค่ไหน?


       หลังจากสะสางปัญหากันเป็นที่เรียบร้อย อินทัชยอมรับว่ารู้สึกดี และเพิ่งสังเกตว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงเกิด-ดับได้ตลอดเวลาจริงๆ ทั้งๆที่ตอนเช้ายังตื่นเต้น ดีใจที่คายัคให้ของขวัญอยู่เลย พอมาตอนนี้ กลับเครียด กังวล ไม่พอใจที่มีคนเข้ามาสนใจคนรักของตน


      ตระหนักได้ คนอายุมากกว่าก้มหน้าอย่างอายๆ พอคบกัน คนที่งี่เง่า ไร้สาระก่อน กลับเป็นอินทัชเองเสียอย่างนั้น


"ขอโทษ" 


"ไม่ต้องขอโทษครับ ขอแค่จากนี้ อาทัชไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวผมก็พอ"






..................................

 
1. เป็นแฟนกันไม่ทันไร ความหึงหวงมาเต็ม

2. และแล้วปัญหาชีวิตคู่ก็มา 555+

 (*ขอขยายความของมุมมองทั้งสองตัวละครค่ะ*)

2.1 มุมน้องคายัค คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเจ้าชู้ น้องเป็นคนรักใครรักจริง น้องมันเลยเซ็งแบบอะไรวะ? ทำให้เห็นขนาดนี้ ยังไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจกันอีก :m15: :m15: :m15:

.
2.2 มุมอาทัชก็แบบ ตรูสามสิบกว่าแล้วนะ จริงจังกับความรักครั้งนี้มาก จนบอกตัวเองแล้วว่า คายัคนี่คนสุดท้ายแล้วนะ หยุดแล้ว ไม่วิ่งหาแล้ว พออออออ!...

แต่พอเจอแบบนี้เข้าก็เกิดระแวงในความสัมพันธ์ของเด็กที่ผ่านโลกมาแค่สิบเจ็ดปี นึกกลัวว่าอยู่ดีๆ หากคายัคยังอยากสนุกกับแสงสีในโลกกว้าง จนวันหนึ่ง อีน้องหนีไปคบคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ทีงี้ ทำไงล่ะ?? และเริ่มกังวลตรงที่แฟนตัวเองมีคนเข้ามาชอบเยอะเกิน จนกลัวว่าน้องจะหวั่นไหวไปกับเขาบ้างเหมือนกันค่ะ... :mew6: :mew6: :mew6:
.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

rinyriny
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15.2 || 8-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-08-2018 20:11:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15.2 || 8-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-08-2018 09:57:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่แปลกสำหรับอินทิช  ชายหนุ่มอายุรุ่นพ่อกับประสบการณ์ที่ผิดหวังในความรักมาโดยตลอด  ที่จะเกิดความคิดเยี่ยงนั้น
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15.2 || 8-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-08-2018 12:09:42
หมดเรื่องค้างคากันที
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 15.2 || 8-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 09-08-2018 20:01:38
อาทัชไม่ต้องหวั่นใจอะไรหรอกค่ะ จุดยืนของคายัคชัดเจนเสมอ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 ||11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 11-08-2018 23:05:17
บทที่ 16 ช้ำ











       บอกในขณะที่ปลายนิ้วยังคงลูบเล่นริมฝีปากอีกฝ่าย



"โอ๋ๆ เลิกงอนนะครับ ผมเข้าใจ คนหน้าตาดีอย่างผมก็ต้องมีหึงหวงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา"
    ไม่อยากให้เครียดไปกันใหญ่จึงแซวเล่นให้อาทัชยิ้มอย่างสบายใจ

"เฮ้ออออ!"


      เห็นฝ่ายอีกฝ่ายลากเสียงยาว พลางกลอกตาไป-มาแถมส่ายหน้าระอาถึงกับระเบิดหัวเราะเสียงดัง


"ฮ่าๆๆ ผมพูดความจริงถึงกับรับไม่ได้เลยหรอครับ?."


"รับได้สิครับ ก็คายัคหล่อที่สุดในปฐพีอยู่แล้วนี่"


"โธ่!...อาทัชอะ มันต้องชื่นชม ไม่ใช่ประชดแฟนแบบนี้สิ"


     มองคนหน้ามุ่ยก็แต้มยิ้มบางเบาก่อนจะยื่นมือไปดึงแก้มเนียนเด็กหนุ่มจนยืดอย่างกับขนมมาร์ชเมลโล


"ถ้าไม่มีอะไร อาไปต่อแล้วนะ"


     คายัคพยักหน้า หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เดินทางกันต่อ ขับรถไปไม่ไกลเท่าไหร่ อินทัชตกใจเมื่อมือเย็นเฉียบ เลื่อนมาสอดปลายนิ้วประสานกันไว้หลวมๆ วางบนตักของอินทัช


      พอเห็นการกระทำดังนั้น อินทัชละสายตาจากท้องถนนหันไปมองเห็นคายัคจุดรอยยิ้มละมุนพร้อมส่งสายตาหวานก็ออกอาการเขินเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่ทะเลาะกันไปเมื่อครู่ ดูเหมือนคายัคพยายามใส่ใจอินทัชมากขึ้น



     ไม่ต้องมีคำบอกรักหวานหูออกมาจากปาก แต่ก็รับรู้ได้จากการกระทำที่ส่งความสุขแผ่ซ่านไปทั่วห้องโดยสาร


      ปล่อยให้คายัคจับมืออยู่อย่างนั้น เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การสัมผัสกันและกันทำให้อินทัชอุ่นใจ ราวกับว่าต่อจากนี้ อินทัชจะไม่ขาดความอบอุ่น เพราะได้ความรักมาเติมเต็มจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ



     อินทัชขับไปแบบเรื่อยๆ  ชิลล์ๆไม่เร่งรีบ บางช่วงของสองข้างทางมีต้นไม้สูงใหญ่โอบล้อมราวกับอ้อมกอดที่ช่วยเพิ่มพลังและสร้างความอบอุ่นให้กับนักเดินทางที่ผ่านเส้นทางนี้ แค่ได้เห็นก็สบายตา อินทัชผุดรอยยิ้มมุมปากพลันเหลือบมองเด็กหนุ่มที่แม้ว่าจะหันหน้าออกไปมองนอกรถ แต่มือเรียวของคายัคยังกุมมือกันไว้แน่น



     นานหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่พักก็เย็นย่ำ ขณะที่เช็คอินเรียบร้อย  อินทัชตั้งใจชวนคายัคไปผาเก็บตะวันที่เห็นจากป้ายบอกทางว่าอยู่ไม่ไกลนัก


      ออกจากที่พัก มุ่งหน้าไปผาเก็บตะวัน ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึง พาคายัคเดินไปยังจุดชมวิว ซึ่งมีกลุ่มคนราวสี่ห้าคนยืนอยู่ก่อน ทั้งสองโชคดีมากที่มาทันดูพระอาทิตย์ตก ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นรวมถึงภาพวิวธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาลที่มีภูเขาและต้นไม้น้อย-ใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา ช่วยเยียวยาร่างกายและหัวใจที่ได้มองวิวธรรมชาติแบบนี้ รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย


     
      ในขณะที่สองคนยืนมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยรอยยิ้มอันประทับใจ คายัคดึงมืออินทัชไปกุมไว้และเลื่อนมาวางตรงช่วงแผงอก จังหวะที่อินทัชหันไป ก็ปะทะเข้ากับริมฝีปากได้รูปของเด็กหนุ่มที่ตั้งใจฉวยโอกาสจูบอินทัชทั้งๆที่มีคนอยู่ตรงนี้



      รีบผละทั้งๆที่หน้าแดงก่ำ และลากคายัคให้เดินออกไปอย่างไวที่สุด


"ทำไมคายัคทำแบบนี้ คนก็มี ไม่ใช่ไม่มี" ทำหน้าดุแล้วบอกเสียงลอดไรฟัน

"ไม่มีใครเขาสนใจหรอกครับ อีกอย่างที่ผมทำก็เพื่อพิสูจน์ว่าผมมีแค่อาทัช และไม่เคยคิดมองใคร อาทัชจะได้เลิกกลัวว่าผมจะไปหาคนอื่น"


       มันก็น่าดีใจอยู่หรอก ที่คายัคต้องการให้อินทัชสบายใจด้วยการแสดงออกทางการกระทำที่ชัดเจน แต่เรื่องแบบนี้ทำประเจิดประเจ้อกลางที่สาธารณะก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก


"อารู้แล้วครับ ทีหลัง ห้ามทำตอนอยู่ข้างนอกอีกนะ เข้าใจไหม?"

   
    มองเด็กหนุ่มลอยหน้าลอยตา ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา ก่อนจะเดินห่างออกไปในบริเวณใกล้เคียงเพื่อถ่ายรูปคู่ โดยมีพื้นหลังเป็นวิวธรรมชาติสุดแสนสบายตา


    เหตุผลที่มา แค่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศจึงไม่คิดมากหากไม่ได้เที่ยวแบบอิ่มหนำ อยู่บนผาเก็บตะวันไม่ถึงสิบห้านาที ก็ขับกลับที่พัก


     จังหวะที่ต้องเดินกลับห้องนั้น คายัคเหลือบเห็นสระว่ายน้ำที่ไร้ผู้คน จึงจูงมืออาทัชไปพอถึง  ทั้งสองวางของสำคัญไว้บนเตียงริมสระ เด็กวัยสิบเจ็ดเล่นทีเผลอกระตุกแขนอาทัชและเหวี่ยงร่างจนทั้งสองร่วงหล่นลงสระว่ายน้ำ


"คายัคเล่นอะไร? เรามีเสื้อผ้าชุดเดียวนะ อีกอย่าง ใส่ชุดนี้เล่น มันผิดกฏของสถานที่ด้วย" บ่นแต่ไม่โกรธ


"โอ้ย! อาทัช จะจริงจังไปไหน? ไม่มีใครเห็นหรอกน่า ส่วนเสื้อผ้าก็ซักแล้ว ใช้ไดร์เป่าเอา เดี๋ยวก็แห้งครับ"


     ขณะที่อินทัชใช้มือลูบน้ำออกจากใบหน้า เขาสะดุ้งตอนเด็กหนุ่มกระชากตัวเข้าไปใกล้จนช่วงล่างแนบชิดสนิทกัน วงแขนก็โอบเอวไว้หลวมๆ


     รอยยิ้มมุมปากปรากฎขึ้นเมื่อใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้าไปใกล้จนปลายจมูกทั้งสองชนกัน ริมฝีปากสีแดงสดกำลังขยับช้าๆ


"จูบผมหน่อย"


      แม้ดวงตาคู่นั้นจะฉายชัดถึงความต้องการและอินทัชเองก็เห็นดีเห็นงามกับความรู้สึกอีกฝ่าย แต่เพราะใจไม่กล้าพอทำกลางสระว่ายน้ำ


"ไม่เอา เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"

"ผมชอบ ตื่นเต้นดีออก"

"เดี๋ยวเถอะ แค่เรื่องข้างห้องคายัค อาก็อายพอแล้วนะ"
บอกแล้วรีบหลุบตาลงทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว


"เสียงที่ดังทะลุออกไปไม่ใช่เสียงของผมสักหน่อย เสียงของอาทัชทั้งนั้น โอ้ยอาทัชครับ เบามือหน่อย ผมเจ็บ"  บ่นคนรักที่ฟาดแรงๆเข้าที่แขนจนขึ้นเป็นรอยแดง


"ไปทำที่ห้องก็ได้"

"มันไม่เหมือนกันนี่นา"


"คายัค อาไม่เล่นด้วยแล้ว"
มองคนเขินจัดรีบปีนขึ้นสระว่ายน้ำก็อมยิ้ม คายัคชอบแกล้งอาทัช เพราะเวลาอาทัชเขินจนประหม่า ช่างดูน่ารัก น่ามอง


     และแล้ว ความหวังที่คายัคอยากได้ฉากโรแมนติกจูบกลางสระน้ำก็อันตรธานหายไป เมื่อคนอายุมากกว่าไม่ยอมเล่นด้วย


     เดินตามอาทัชเข้ามาในห้องพัก ก็ขออาบน้ำด้วย หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย  ทั้งสองปีนขึ้นเตียงด้วยร่างกายเปล่าเปลือย เนื่องจากเสื้อผ้ามีเพียงชุดเดียวและตอนนี้ก็ถูกตากไว้ข้างนอก


    ยามนี้ จึงไม่ต่างกับฉากอีโรติก ที่ร่างมนุษย์ทั้งสองต้องนอนเปลือยเปล่าภายใต้ผ้านวมผืนเดียวกัน


     การไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้ายิ่งทำให้การโดนเนื้อของกันและกัน กระตุ้นและเร้าอารมณ์ได้โดยง่าย



     ผิวกายที่เสียดสีและสัมผัสกันในบางจังหวะ ทำคายัคลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะนาทีนี้ ความต้องการทางเพศพุ่งสูงจนแทบทะลุขีดจำกัด แต่คายัคก็ข่มใจ แกล้งหลับเพื่อดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายว่าจะสนใจกันหรือไม่


    ไม่ถึงห้านาที คายัคสัมผัสได้ว่ามีคนยุกยิกๆ ก่อนจะซบหน้าลงบนแผงอก พอเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาก็เห็นอาทัชช้อนตามอง


"หนาว"


    คายัคยิ้มขำ ลูบแก้มอีกฝ่าย ก่อนจะดันร่างอาทัชให้มาชิดใกล้มากกว่าเดิม ทั้งสองนอนตระกองกอดกันเพื่อส่งต่อความอบอุ่น จากนั้น คายัคก็หลับตา แต่สักพักใหญ่ๆคายัคเผลอซี้ดปาก เมื่อคนที่ซุกในอ้อมกอดช่างร้ายกาจใช้มือหนารวบแท่งร้อนทั้งสองท่อนเอาไว้ แล้วขยับรูดไปพร้อมกันจนคายัคลืมตามามอง



"อารู้ว่าเวลานี้ คายัคยังไม่นอนหรอก"


"โอ้ย!...ทำไมถึงชอบยั่วผม"


"หรือไม่อยาก?"


"ฮ่าๆ...ร้ายนะครับ"




    คายัคหยุดขำแล้วเป็นฝ่ายตะโบมจูบหนักหน่วง และเริ่มเร่าร้อนมากขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างกวาดต้อนความหวานด้วยปลายลิ้นอุ่นสัมผัสตวัด ไล่ รุกกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ สักพัก คายัคผละ ก่อนที่จะขยับตัวลงต่ำ ก้มลงไปใช้ริมฝีปากไต่ตามร่างกาย พรมจูบหนักๆ ทั่วแผงอกและแผ่นท้อง จนได้ยินเสียงหอบหายใจสั่นสะท้าน


จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ





    หลังจากนั้น ไม่มีแม้คำพูด มีเพียงเสียงครางกระเส่า และการกระทำอันซื่อตรงต่อหัวใจและความรู้สึก เมื่อทั้งสองกำลังร่วมรักกันเพื่อลดความอึดอัดข้างในแทนที่ด้วยความสุขกาย สบายใจในเวลาต่อมา


     นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและคุ้มค่า เมื่อทั้งสองกำลังกอบโกยความสุขกันอย่างเต็มที่....

   






..............







"ของฝาก"


    หลังจากที่คายัคกลับมาจากการไปเติมความหวานให้ชีวิต ยามนี้ คายัคนัดบอลและแคนมาตรงลานโต๊ะม้าหินนำของที่คายัคแวะร้านจำหน่ายช็อคโกแลตอยู่ตรงเขาใหญ่ตอนขากลับบ้านเพื่อเอามาให้เพื่อนๆ


     คายัคซื้อมาทั้งหมดสามกล่อง กล่องใหญ่ให้พวกติ๊ก โมทย์ เก่ง ได้กิน ส่วนกล่องเล็ก เขาตั้งใจซื้อมาขอโทษแคนและบอลเป็นพิเศษ


     ฟากบอลเหลือบมองเพื่อนที่วางถุงลงบนโต๊ะ




"กูขอโทษ" เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่คายัคพูดดีและไม่อารมณ์ร้อนเหมือนทุกที

"กูได้ยินถูกใช่ไหมวะ?" บอลเลิกคิ้วขึ้นสูง

"เออ...กูขอโทษทุกอย่างรวมถึงเรื่องที่กูจะต่อยมึงด้วย"

"กูก็ไม่ได้โกรธมึง"


      ได้ยินดังนั้น คายัคยิ้มกว้าง


"จริงนะ กูขอบใจที่มึงไม่เคืองกู"


     แคนยืนยิ้มตื้นตันใจที่เห็นเพื่อนทั้งสองคนรักกันอย่างสนิทใจดังเดิม


"อืม"

"เราขอบใจแคนด้วยนะ อ้อ!... เราจะบอกข่าวดีให้รู้ด้วย เราคบกับอาทัชแล้ว"


     บอลกับแคนมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ก่อนจะหันไปหาคายัคด้วยดวงตาเบิกโพลง

"ห้ะ? จริงหรอครับ?"


"อื้มจริง ก็ที่เมื่อวานไม่มาโรงเรียนก็เพิ่งไปเที่ยวกันมา"


"ไม่อยากจะเชื่อเลย แคนดีใจด้วยนะ อย่างนี้ต้องฉลอง"



"ได้สิ เราเต็มใจ เพื่อเป็นการขอบคุณ อยากกินอะไรบอก เราเลี้ยงเอง จะฉลองที่บ้านอาทัช หรือจะไปกินที่ห้างก็ได้นะ"


"ไปกินที่บ้านอาทัชดีกว่า แคนอยากเจออาทัช"



"กูขอพิซซ่าคนละถาด" บอลเอ่ย


"ได้ ไม่มีปัญหา"


      บอลตาโตเพราะช็อค ที่คายัครอบนี้ ว่านอนสอนง่ายและใจป้ำสุดๆ


"อย่าบอกพวกติ๊กนะ เดี๋ยวมันงอน ถ้างั้นก็ไปวันนี้เลยไหม?"


"จัดไป"



     และแล้ว คายัคก็กลับมาเป็นคนเดิม เพิ่มเติม คือ มีใบหน้าที่สดใสและสัมผัสได้ว่ามีความสุขจากภายในหัวใจจนล้นออกมาสู่ภายนอก สงสัยความรักจะช่วยชุบชีวิตให้มีชีวา เพราะตอนที่คายัคมาที่โรงเรียน ใครเห็นเป็นต้องทักว่า ดูดีและร่าเริงขึ้น     


     วันนี้ คาบเรียนทุกวิชา คายัคไม่เล่น ไม่คุยกับใคร เขาตั้งใจเรียนตามคำสัญญา จนกระทั่ง ได้เวลาเลิกเรียน คายัครายงานอาทัชก่อนกลับบ้าน ว่าแคนและบอลจะเข้าไปกินพิซซ่าด้วย โดยระหว่างนี้ คายัคขอแวบไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าสักหน่อย



     เมื่อได้เที่ยวจนเพลินใจ คายัคจึงพาเพื่อนๆไปหาอาทัช ไม่นานนัก ทั้งสามถึงที่หมายในช่วงเวลาใกล้ปิดร้าน คายัควิ่งนำเพื่อนไม่รอ เพื่อเข้าไปหาคนที่อยู่ด้านในเคาน์เตอร์ อินทัชยังไม่ทันเอ่ยปากก็โดนเด็กหนุ่มประกบจูบ จนบอลและแคนต่างยืนเหวอ มือที่กำลังพนมมือจะไหว้อาทัช ชะงักค้างกลางอากาศ


     ก็คาดไม่ถึงว่าพอดีกัน ทั้งสองจะรักกันจนหวานออกสื่อขนาดนี้


"สรุปแล้ว คายัคอยากให้พวกเรามาไหมอะบอล?" แคนหันไปถามพลางกระพริบตาปริบๆ


"นั่นดิ เรากลับกันไหมแคน?"


       จะว่าไปก็ต้องขอบคุณคายัคเหมือนกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้แคนประทับใจในตัวบอลที่ดูแลและรักเพื่อนมากขนาดนี้ จึงตัดสินใจแอบคบบอลเงียบๆ โดยไม่บอกให้เพื่อนรู้


      และขณะที่ทั้งสองจะพูดแทรกเพื่อลา คายัคและอาทัชก็ผละออกจากกันพอดี



     ฟากอินทัชดุใส่คนรัก


"คายัค ทำตัวประเจิดประเจ้ออีกแล้วนะ"


"โธ่...อาทัชครับ คนกันเองทั้งนั้น"




"ไม่ได้ อาก็อายเป็นนะ"



"เฮ้ย! เมื่อกี้มีใครเห็นอะไรหรือเปล่า?"
คายัคหันไปตะโกนถามเพื่อน ซึ่งบอลและแคนต่างส่ายหน้ารัว


"เห็นไหมครับ? อย่าบ่นเลย ผมว่าได้เวลาสั่งพิซช่าแล้ว"


      บอลและแคนต่างพยักหน้ารัวอย่างต้องการรีบกิน รีบกลับเพราะไม่อยากรบกวนเวลาหวานชื่นของคู่นี้อีก


      ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดกำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างคนมีความสุขสุดๆ เพราะรอบกายของคายัคมีแต่คนที่รักคายัคจากใจมารวมตัวกันในเวลานี้












................






    และแล้วเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก


    หนึ่งเดือนครึ่ง ที่คายัคและอินทัชคบหากันเป็นแฟน ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ทั้งสองไม่ค่อยมีปากเสียง เพราะพยายามปรับความเข้าใจกันทีละนิดละหน่อย เพื่อป้องกันการทะเลาะภายหลัง


    ยามนี้ เป็นเวลาห้าทุ่มของวันศุกร์ที่คายัคและอินทัชเพิ่งเสร็จสิ้นจากกิจกรรมแห่งรัก


    ร่างของทั้งสองไร้เสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกาย มีเพียงผ้านวมผืนใหญ่ที่ปิดช่วงท่อนล่าง แขนแข็งแกร่งพาดลงบนเอวคนอายุมากกว่าที่นอนตะแคงข้างซบแขนอีกข้างของคายัค


    อินทัชหายใจหอบถี่ เพราะเหนื่อยจากการร่วมรักเมื่อสักครู่ เขามองหน้าคายัคชื้นเหงื่อแล้วแต้มยิ้มบางเบา มันก็ดีอยู่หรอกที่พอคบกัน เราสองคนต่างเติมความรักให้กันไม่ขาด ด้วยการเอาอก เอาใจทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่ง เรื่องเซ็กซ์


     ยอมรับว่า ในตอนแรก ก็เป็นอินทัชเองที่เอ่ยปากชวนคายัคก่อน แต่พอหลังๆมานี้ เวลาที่คายัคชวนร่วมรัก อินทัชก็เริ่มมีปฏิเสธไปบ้าง


      มันจะไม่แปลกเลย หากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันวันละครั้ง แต่บางวัน มีการร่วมรักมากสุดถึงสี่ครั้ง อินทัชว่ามันมากไปจนทำให้ร่างกายเขาแทบแย่เหมือนกัน


     เขาแพ้ทางเด็กหนุ่มด้านนี้จริงๆ พอครั้นจะขอให้คายัคยอมลงเป็นฝ่ายรับบ้าง ก็มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่คายัคยอมให้ แถมร้องจะเป็น จะตาย ว่าจากนี้ ไม่เอาอีกแล้ว จนอินทัชต้องเป็นฝ่ายยอมมาตลอด



"อาทัชครับ ผมมีอะไรจะบอก"

"ว่าไงครับ?"

"ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเซ็กซ์จัด"
คายัคพูดตรงๆ เพราะเป็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์ชีวิตคู่กับเรื่องบนเตียง

"หือ?"

"แค่ผมเห็นหน้าอาทัชตอนนี้ ผมก็มีอารมณ์แล้วครับ"

"......"

"อาทัช ผมเครียด ผมควรทำไงดีครับ? ผมว่าเซ็กซ์มันเป็นปัญหาใหญ่ของเราสองคนนะ ถ้าความต้องการเราสวนทางกัน ผมกลัวว่า จะมีปัญหาภายหลัง ทุกครั้งที่อาทัชมีอะไรกับผม อาทัชต้องการมันจริงๆหรือเปล่า?"



"ต้องการครับ มีแค่บางครั้งที่คายัคต้องการมันมากไปหน่อย อาก็เหนื่อยเหมือนกัน"


"จริงหรอครับ? ทำไงดีอะ ผมสงสารอาทัช"

"แล้วก่อนหน้าที่เราห่างกัน คายัคมีความต้องการแบบนี้หรือเปล่า?"


"ไม่มีครับ"
 
"ก็อยู่ได้ โดยไม่มีปัญหาที่ต้องการจะมีเซ็กซ์กับใคร งั้นเหรอ?"

"ใช่ครับ ผมเป็นกับอาทัชคนเดียว ถ้าถามตอนนี้ ผมก็มีอีกได้นะ"


     รู้สึกร่างกายร้อนวูบวาบทันที อินทัชหน้าแดงจัด พอเป็นแฟนกัน การได้ยินอย่างนี้มันก็รู้สึกดี เพราะนั่นแสดงว่าตัวอินทัชก็มีเสน่ห์เย้ายวนอีกฝ่ายให้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือได้เหมือนกัน



     แต่....



"หา? แต่เราเพิ่งจะจบกันไปเมื่อกี้เองนะ"
 
"ก็ใช่น่ะสิครับ และผมก็รู้ว่าอาทัชไม่น่าจะไหว เพราะผมเห็นหน้าอาทัชดูเพลียมาก เฮ้อ! เป็นเพราะผมหมกมุ่นในกามมากไปหรอ? อย่างนี้ ผมต้องไปหาหมอไหม?"


"เอ่อ...ใจเย็นก่อนนะคายัค อาว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาคายัคอาจไม่ได้ระบายออกไป ลองดูอีกสักเดือนก่อน ถ้าคายัคยังมีความต้องการทางเพศสูงขนาดนี้ อาว่า เราไปหาหมอกันนะ"


"ได้ครับ ขอบคุณนะครับอาทัชที่เข้าใจผม"


"อามีแฟนคนเดียวก็ต้องดูแลและทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสิ"



    บอกแล้วจูบที่ปลายจมูกเด็กหนุ่ม



จุ๊บ



"น่ารักที่สุด ถ้างั้น วันนี้ผมพอแล้วก็ได้ ฝันดีนะครับ อาทัช"




    เห็นสีหน้าเด็กหนุ่ม ก็นึกสงสาร แม้ว่าตัวเองจะอ่อนล้าและเหนื่อยสักเพียงใด สุดท้ายอินทัชก็ต้องตามใจ อย่างกลัวเด็กหนุ่มคิดมาก เขาจึงโน้มตัวไปจูบคายัคและเริ่มร่วมรักกันใหม่อีกครั้ง


    ในขณะเดียวกัน พอเห็นอาทัชยอมทำเพื่อคายัคก็อดดีใจไม่ได้ และถ้าต้องเลือกระหว่างทรัพย์สินเงินทองมากองไว้ตรงหน้ากับอาทัช


    คายัคตอบได้ไม่คิดว่า เลือกอาทัชแน่นอน เพราะเงินหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การได้ใช้เวลาอยู่กับคนรักที่คายัคเรียกได้เต็มปากว่าเขาคือคนในครอบครัว มันช่างล้ำค่าที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้







.............






   เช้าวันต่อมา


    ครืด ครืด


   ในขณะที่ทั้งสองยังไม่มีใครตื่น เนื่องจากเพลียจัดจากการร่วมรักเมื่อคืน แต่แล้ว คนที่กำลังฝันหวานก็เริ่มหงุดหงิด เมื่อเสียงดังครืดๆจากการสั่นสะเทือนของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง


    มือเรียวควานสะเปะสะปะเพื่อหาเครื่องมือสื่อสาร เมื่อเจอต้นตอของความน่ารำคาญ คายัคกดรับ



"ฮัลโหล"



[พี่ทัชยังไม่ตื่นหรอคะ? ตื่นได้แล้วค่ะ วาวมีเรื่องสำคัญต้องคุย ถ้าเป็นไปได้มาหาวาวด่วนเลยนะคะ...วาวต้องคุยเรื่องงานแต่งกับพี่ค่ะ!....]





****1.1****




.
1. ชอบชีวิตรักคู่นี้จัง เปิดเผยธาตุแท้ดี อุตส่าห์กำลังปรับตัวเข้าหากันและรักกันหวานจนมดขึ้นแล้วแท้ๆ   :man1: :man1: :man1: :man1:
.
.
2. มาลุ้นและช่วยเป็นกำลังใจให้น้องคายัคกันด้วยนะคะ งื้อออออ :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

.



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

rinyriny   
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 11-08-2018 23:47:36
อย่าเข้าใจผิดนะคายัค
ต้องค่อยๆคุยกันน้า
 :hao5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-08-2018 00:17:11
หืมมมม  เกิดอีหยังละทีนี้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-08-2018 00:39:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

วาวคือใครหว่า  ลืมไปแระ  ขี้เกียจย้อนกลับไปอ่าน

ใช่สาวน้อยที่ถูกคลุมถุงชนที่เป็นทอม(หรือดี้หว่า)หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-08-2018 06:39:56
พายุเข้าเบาๆ​ อาทัชลากน้องคา​ยัค​ไปฟังด้วยกันนะ​ ช่วยกันคิดช่วยกันวางแผน
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 12-08-2018 08:03:21
นาวเบิร์น เบบี้เบิร์นนนน  :ling2:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-08-2018 08:27:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 12-08-2018 21:00:45
วาวไหนเหมือนกัน จำไม่ได้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16 || 11-8-18 ||P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-08-2018 19:07:13
ตายยยยยยยยแล่ววววว
ดราม่ามาจ่อที่คอ
หัวข้อ: Re:*...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่16.2 ||14-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 14-08-2018 20:43:14

 บทที่ 16 ช้ำ(2)









"......"

 

 

[พี่ทัชยังอยู่ในสายหรือเปล่า? อย่าเงียบสิคะ วาวไม่ได้พูดเล่นนะ]

 

 

ตื้ด

 

     กดปุ่มวางสาย และวางลงบนเตียง ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ



    ความรู้สึกยามนี้ ทั้งชา ทั้งหน่วง หนึบแปลกๆ และแล้ว ความเจ็บแปลบปลาบได้แล่นปราดไปทั่วร่างและจู่โจมสู่หัวใจได้อย่างเจ็บปวด รวดร้าว



    ประโยคที่ได้ยิน ช่างช้ำใจเหลือเกิน

    อาทัชจะแต่งงาน? กับใคร?


    แล้วคายัคล่ะ? อาทัชเอาไปเก็บไว้ตรงไหน...


     วินาทีนี้ ดั่งมีอีการุมจิกกินร่างกาย รู้สึกเจ็บช้ำ ทรมานแทบขาดใจ

 

     คายัคเจ็บจนจุก - เจ็บจนพูดไม่ออก



     เด็กหนุ่มมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาที่สะท้อนความเศร้าเสียใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าและแววตาของตัวเอง


      ไม่นานนัก ที่แววตาคู่นั้น แดงก่ำและน้ำตาไหลออกมา

 

 

เพล้ง! โครม!

 

 

       ด้านในห้องนอน อินทัชสะดุ้งลืมตาตื่น ตอนได้ยินเสียงดังลั่นจากที่ใดสักแห่ง พร้อมกันกับโทรศัพท์ส่งเสียงสั่นครืดๆบนเตียง เหลือบมองเครื่องมือสื่อสารที่เป็นเบอร์วาวปรากฏบนหน้าจอ เขาไม่รับ เพราะสิ่งที่สนใจและสำคัญมากกว่า คือ เสียงอันน่ากลัวนั่น


       วิ่งมาเจอต้นตอของเสียง อินทัชช็อคและชะงักงัน ยามนี้ อินทัชใจหวิว แข้งขาอ่อนแรงลงทันทีที่เห็นเลือดสีแดงฉานไหลเป็นทางมาจากมือของคายัค


       มองเลือดหยดติ๋ง ติ๋งลงสู่พื้น ก็หัวใจสั่น วูบโหวง แค่เห็น อินทัชก็เจ็บปวดราวกับว่า เป็นคนบาดเจ็บเสียเอง คนอายุมากกว่าเหลือบมองคราบเลือดที่ติดกระจกแตก-ร้าวขยายเป็นวงกว้าง และตรงอ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยเศษกระจกที่แตกกระจายกลาดเกลื่อน



"คายัคเกิดอะไรขึ้น? ทำร้ายตัวเองทำไม?"



     อินทัชตั้งสติ วิ่งไปจับข้อมือคายัค เปิดก๊อกให้น้ำไหลผ่าน เพื่อล้างแผลไปในตัว

 

"อาทัชหลอกผมทำไม?"

 
"หลอก? อาหลอกอะไรครับ?"



"อาทัชจะแต่งงานแล้วทำไมไม่บอกผมครับ?"


 
กึก!

 

     อินทัชยืนอึ้ง ละล่ำ ละลักบอกอย่างกลัวคายัคเข้าใจผิด

 

"อะ...อาไม่รู้เรื่อง งานแต่งอะไร?"
 

"เลิกโกหกเถอะครับ"
 

"ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะคายัค"




    ถ้าจะให้อธิบายตอนนี้ คงต้องใช้เวลา ดูท่าจะยาว อินทัชจึงรีบพาคายัคไปหาหมอที่โรงพยาบาลก่อน


     ตลอดการเดินทาง ข้างในรถยนต์ อินทัชแทบคุมสติไม่อยู่ เมื่อที่นั่งข้างคนขับเป็นคนรักที่บาดเจ็บแถมร้องไห้ไม่หยุด เสียงร้องสะอื้นทำอินทัชทรมานแทบขาดใจ ครั้นจะเคลียร์ปัญหา คายัคก็คงไม่พร้อมฟัง

 

     ทำไม ทำไม? ต้องเกิดปัญหาขึ้นอีก



     จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล เมื่อคายัคถึงมือหมอ ช่วงที่รอให้หมอตรวจและเอ็กซเรย์ อินทัชโทรกลับไปหาวาว หญิงสาวรับไวผิดปกติพร้อมส่งเสียงร้อนรน



      อินทัชรู้แล้วว่าทำไมคายัคถึงรู้เรื่องงานแต่ง จากนั้น อินทัชฟังวาวเล่าจนจบ และจับใจความได้ว่า แม่ของเธอและแม่ของอินทัชปรึกษากันโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน มิหนำซ้ำยังมัดมือชกทั้งคู่ด้วยการเลือกวันแต่งงานพร้อมจองโรงแรมให้เสร็จสรรพ

 

      สำหรับวัน เวลาที่วาวบอก ทั้งคู่มีเวลาเตรียมตัวเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น



      มือหนากำโทรศัพท์แน่นกว่าเก่าและบอกทิ้งท้ายว่าจะขอนัดเจอวาวทีหลัง


      อินทัชโกรธและไม่พอใจที่แม่ไม่ยอมจบเรื่องนี้ และยังตั้งใจทำลายชีวิตของเขาให้พังไม่เหลือซาก



      สักพักใหญ่ๆ ที่คุณหมอออกมาคุยกับอินทัชว่า คายัคกระดูกหักต้องใส่เฝือกดามไว้และแอดมิทหนึ่งคืน อินทัชตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข


      ในระหว่างที่เจอะคายัค อินทัชพยายามหาจังหวะคุย แต่เด็กหนุ่มก็บ่ายเบี่ยง อินทัชก็ไม่อยากรบเร้า ได้แต่เฝ้าดูอาการอยู่ห่างๆ



      หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่พาคายัคไปห้องพิเศษ อินทัชมองคายัคที่นอนอยู่บนเตียง ไม่มีแม้แต่จะมองหน้ากัน จนกระทั่งพยาบาลและเจ้าหน้าที่คล้อยหลังไป



"คายัคอยากกินอะไรไหมครับ? อาจะไปซื้อมาให้"

 

    เด็กหนุ่มส่ายหน้า

 

"ไม่ได้นะ คายัคต้องกิน"

 

"อะไรก็ได้ครับ"
มองเด็กหนุ่มที่ตอบปัดๆ ไร้การหันหน้ามาสบตา อินทัชกัดปากจนเจ็บ

 

"เดี๋ยวอามานะ"

 

     ว่าจบ ก้มตัวลงไปประทับจูบลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย

 

     หมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วหวังว่าคายัคจะเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

 


 

 

 

     ยามนี้ อินทัชถึงบ้านของตัวเอง เขาทิ้งรถไว้ที่โรงพยาบาล แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาหามารดา



       อินทัชร้อนใจจนไม่สามารถทนเก็บเรื่องราวนี้ไว้ข้ามคืนได้

 

      การมาเจอกันต่อหน้าและเจรจาให้ลงตัวน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด





"ได้ข่าวแล้วสิ ถึงมา" มารดาของอินทัชชะงัก เพราะกำลังจะออกไปข้างนอก ทั้งสองกำลังสวนกันตรงประตูกระจกบานเลื่อน



"คราวก่อน ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะครับ ทำไมแม่ต้องบังคับผมให้แต่งงานด้วย?"


"เพราะฉันเป็นคนคลอดแกออกมาไง และแกคือลูกฉัน?"


"แล้วถ้าผมยอมอกตัญญูล่ะครับ"


 



เพี้ยะ!...

 

"แกจะเหิมเกริมไปแล้วนะ เรื่องแค่นี้ ทำให้ฉันไม่ได้รึไง?"



 

       อินทัชรู้ดีว่า การเถียงผู้มีพระคุณไม่ใช่เรื่องดี แต่การที่มารดาของเขาทำแบบนี้ บอกเลยว่ามันเหลืออด

 

"เรื่องแค่นี้ของแม่ แต่มันคือเรื่องใหญ่สำหรับผม แม่รู้ไหมครับ? ว่าแม่กำลังทำลายความสุขในชีวิตของผม การทำแบบนี้มันบาปนะครับแม่"

 

 

เพี้ยะ!...

 

        ความเจ็บและชาจากการโดนตบหน้าถึงสองคราว ยังไม่เจ็บเท่าการที่มารดาของเขากำลังพรากความสุขในชีวิตไป


"หยุดพูดนะ แกกล้ามาสอนฉันเหรอ? แล้วการที่แกไม่เคยสนธุรกิจครอบครัว หนีไปเปิดร้านบ้าบอนั่นมันดีแล้วเหรอไง?"

 

"......."

 

"ฉันขอแค่เรื่องเดียว แต่งงานกับหนูวาวซะ จะได้มีลูกเร็วๆ"

 

"ไม่ครับ"

 

"แกกล้าขัดคำสั่งฉัน? เฮอะ! ได้....ถ้าแกทำให้ฉันแค่นี้ไม่ได้ล่ะก็อย่าหวังว่าชีวิตแกจะมีความสุขเลย ฉันจะทำให้คนรอบตัวแกรวมถึงเด็กที่อยู่กับแกไม่มีความสุขด้วย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะอินทัช"

 

    แม่กำลังบีบให้อินทัชไม่มีทางเลือกจึงใช้การข่มขู่เอาคนใกล้ตัวที่อินทัชรักมาให้เขายอมจำนน

 

"ทำไมแม่ทำกับผมแบบนี้"

 

"รู้แล้วนี่ว่ามีเวลาไม่มาก เตรียมตัวให้ทันแล้วกัน"
มองมารดาเปลี่ยนเรื่องและเดินผ่านหน้าอย่างไม่สนใจ ใยดี ว่าลูกชายจะรู้สึกอย่างไร


   อินทัชพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าออกช้า-ช้า และเดินทางกลับไปยังโรงพยาบาลให้ไวที่สุด

 
     หลังจากได้รู้ข่าวร้าย แต่ละก้าวที่ขยับเดินกลับหนักอึ้งเหมือนมีหินมาถ่วงไว้ อินทัชเดินได้เชื่องช้ากว่าทุกที ลึกๆข้างในก็เสียใจและอึดอัดที่ทำอะไรไม่ได้เมื่อคนที่ทำร้ายชีวิตเขา เป็นมารดาของตัวเอง

 

     ถึงหน้าห้องพิเศษ มือที่กำลูกบิดประตูกลับอ่อนแรง อินทัชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา เปิดประตู เห็นคายัคนอนหลับไปแล้ว ขณะที่เดินพ้นตัวห้องน้ำ ถึงเห็นใครอีกคนนั่งตรงโซฟา

 

"สา"


"สวัสดีค่ะ พี่ทัชไปไหนมาคะ?"


"เอ่อพี่ไปซื้อข้าวให้คายัคน่ะ"

 

     เขาวางอาหารไว้โต๊ะข้างเตียง เดินกลับมานั่งที่โซฟาใกล้สโรชาที่นั่งอยู่

 

"นี่หลานเพิ่งหลับไปเมื่อกี้เองค่ะ สาต้องรีบให้แฟนขับรถมาส่ง ตอนได้ยินเสียงคายัคโทรมาพูดไม่เป็นภาษาเลย เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย พอสามาถึง เห็นหน้าหลานแล้วก็สงสาร ทำไมคายัคต้องทำร้ายตัวเองคะ? ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?"


 

ฟึ่บ!

 

    ที่ผ่านมา อินทัชต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งมาตลอด แต่เวลานี้ อินทัชก็ไม่ไหวเหมือนกัน เขาโผกอดสโรชาอย่างคนไม่เหลือมาด 

 

"พะ...พี่ทัชเกิดอะไรขึ้นคะ?"


"พี่กับคายัคเป็นแฟนกัน"


 

       และแล้วเรื่องที่ควรเก็บไว้เป็นความลับกับน้องสาวแฟนเก่าก็ถูกเปิดเผย


       เป็นเรื่องน่าอาย นอกจาก คบหาดูใจกับลูกชายของอดีตคนรักแล้ว ยังมีหน้ามาบอกน้องสาวเขาอีกต่างหาก

 

"พะ....พี่ทัช"



"พี่ขอโทษนะสา ที่พี่ไม่สามารถเป็นแค่ผู้ปกครองของคายัคได้ พี่มันแย่ที่เผลอรักคายัคแบบอื่น"


"ใจเย็นๆนะคะ พี่ทัชไม่ผิดหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ สาไม่สนว่าพี่จะรักหลานสาแบบไหน? แต่แล้วทำไม เรื่องมันถึงเป็นแบบนี้คะ?"




"เราทะเลาะกัน เพราะพี่จะแต่งงาน"


 

     สโรชาดันอกออกห่างแล้วเปลี่ยนมาจับแขนอินทัช


"อะไรนะคะ?"


      จากนั้น อินทัชเล่าเรื่องคร่าวๆให้เธอฟัง และช่วยย้ำให้ช่วงนี้ สโรชาหมั่นมาหาคายัคบ้าง เพราะอินทัชอยากให้มีคนมาช่วยเป็นกำลังใจให้คายัคไม่แย่ไปกว่านี้



      หลังจาก สารู้ก็ยินดีทำตามความต้องการของพี่อินทัชทุกอย่าง สโรชาอยู่ได้ไม่นาน อินทัชก็ไล่เธอกลับเนื่องจากอินทัชนอนเฝ้าคายัคเองได้



      ณ เก้าอี้ริมเตียงผู้ป่วย มีชายหนุ่มนั่งจับมือไม่ปล่อย และสายตาเอาแต่จ้องมองร่างคนรักที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน เนิ่นนานเหมือนกันกว่าคายัคจะตื่น อินทัชลุกพรวด


"อาสาล่ะครับ"


"อาเป็นคนบอกให้สากลับไปเองครับ"



       ไม่ชอบที่คายัคเป็นแบบนี้เลย

 

       คายัคไม่โมโห ไม่อาละวาด ไม่ก้าวร้าว ไม่เย็นชา แต่...คายัคเศร้า...



        มองเด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง อินทัชรีบเอ่ย

 

"คายัค ฟังอานะ เรื่องงานแต่งอาโดนแม่บังคับ อาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น"

 
"......"

 
"อาจะนัดวันไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น คายัคไปกั..บ...."


"พอเถอะครับ ผมไม่อยากฟัง"




      อินทัชอยากจะอธิบายต่อ แต่เขาต้องหุบปากฉับไปครู่หนึ่ง เมื่อแก้มเนียนอาบด้วยน้ำตาอีกครั้ง

 

      ยามนี้ คนรักของอินทัช ตาบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก เขาโน้มทั้งตัวไปโผกอดแนบแน่น



"อย่าเข้าใจอาผิดนะ อาไม่ได้...."


"ทำไมอาทัชต้องพูดอีก ผมบอกแล้วว่าไม่อยากฟัง ผมขอนอนก่อนแล้วกันครับ"

 

        ทั้งๆที่คายัคเพิ่งตื่น แต่เด็กหนุ่มก็เลี่ยงที่จะไม่คุยกัน

 

       ยอมผละแล้วถอยออกมามองเด็กหนุ่มที่ไถลตัวลงนอน



        มองคนหลับทั้งน้ำตา แล้วใจกระตุก อินทัชฝืนกลืนก้อนน้ำตา กัดริมฝีปากล่างที่สั่นระริก โน้มตัวไปจุมพิตที่หางตาราวกับซับน้ำตาคนรัก พร้อมเอ่ยคำแน่นหนักให้คายัคได้รู้ก่อนเด็กหนุ่มจะเข้าสู่ห้วงนิทรา



"อาไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว คายัคเป็นคนสุดท้ายที่อารักนะ"






.......................................................

     

1. 5555 ขอตอบสำหรับคอมเมนท์นะคะ วาวมีบทน้อยค่ะ อาจจำไม่ค่อยได้ วาวที่มีแฟนเป็นทอม นัดเจออินทัชที่ร้านกาแฟ ตอนนัดดูตัว แล้วที่อินทัชพาภูมิไปเจอด้วยค่ะ


2. ตอนนี้ น้องคงเหนื่อยแล้ว

งื้อออ! ใจหาย เข็นหนูคายัคมาใกล้ถึงฝั่งแล้วค่ะ ตอนหน้าก็จบแล้วจ้า  :man1: :man1: :man1: :man1:
อีกนิดเดียวเท่านั้น!!
มาลุ้นและช่วยเป็นกำลังใจให้น้องคายัคและคนเขียนกันด้วยน้า งื้อออออ  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:


3. อิอิ!! เพิ่งกลับไปเปิดนิยายเก่า ขอบคุณคนอ่านนิยายเรื่องนี้ที่กลับไปอ่านและคอมเมนท์นิยายเก่าเรานะคะ



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

rinyriny
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16.2 || 14-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-08-2018 21:00:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นแม่ประสาอะไรกัน?

บังคับลูกให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองต้องการ

ถามหน่อยเหอะ  รักลูกบ้างหรือเปล่า?

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16.2 || 14-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 14-08-2018 21:18:08
สงสารทั้งคู่
เป็นแม่ที่ใจร้ายจริงๆ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16.2 || 14-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 14-08-2018 22:43:05
ไปโดดน้ำที่สะพานรักสารสินกันดีไหม

ชวนคู่ไอ้วาวไปด้วย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16.2 || 14-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 15-08-2018 07:12:03
ตอนหน้าจบ? จบยังไงอะคะ 5555555555 จบไวนี่คิดดีไม่ได้เลยนะคะ  :m15:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 16.2 || 14-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-08-2018 12:57:01
อื้อหือ อาทัช ทำไมอุปสรรคเยอะแท้
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17|| 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 18-08-2018 18:49:53

 บทที่ 17  เพื่อนพ่อ (ตอนจบ)










 

       วันต่อมา



        หลังจาก จัดการธุระเสร็จสิ้น และถึงเวลาที่คายัคได้ออกจากโรงพยาบาล ทั้งสองก็มาถึงที่รถเพื่อเดินทางกลับบ้าน

 

        มองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหยเกก็สงสาร คายัคคงเจ็บแผลพอสมควร 



        รถเคลื่อนตัวไปไม่ทันไร เด็กหนุ่มก็โพล่งขึ้น



"อาทัช พาผมไปส่งที่ห้องนะครับ"



"วันนี้เราจะนอนที่ห้องคายัคกันเหรอ?"

 

"ไม่ใช่เรา แต่เป็นผมคนเดียวครับ"




"คะ...คายัค เราไม่ควรห่างกันตอนมีปัญหานะ อาจะไปนอนด้วย"

 
"อาทัชครับ ผมไม่รู้แล้วว่าผมต้องทำตัวยังไง? อาทัชไปเคลียร์ตัวเองก่อนเถอะครับ เวลานี้ ผมขออยู่คนเดียวก่อน"





       หากเปรียบเป็นกราฟ ชีวิตความรักของทั้งสองเหมือนเส้นกราฟแบบฟันปลาขึ้นๆ-ลงๆอย่างนี้มาตลอด จนบางที คายัคก็ปรับตัวไม่ทัน ดังนั้น ประโยคที่พูดออกไป คายัคไม่ได้ใช้อารมณ์ ไม่ได้พูดด้วยความโกรธ แต่พูดด้วยความเหนื่อยใจมากกว่า



       ฟากอินทัชใจหายวาบ รู้สึกถึงเค้าลางไม่ดีที่คายัคพูดออกมาแบบนั้น



"คายัค อาขอร้อง อยู่ด้วยกันนะ"


"ถ้าอาทัชไม่ไปส่งผม ผมกลับแท็กซี่ก็ได้ครับ"

 

"คะ...ครับ อาไปส่งแล้ว อาไปส่ง" 
รีบละล่ำละลักบอก และน้ำตาก็รื้นขึ้นมา อินทัชขับไปก็กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไปด้วย

 

     ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะระหว่างการเดินทาง อินทัชไม่มีโอกาสพูดเพื่อปรับความเข้าใจ เพราะคายัคหลับ ซึ่งเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มแค่แกล้งนอน เพื่อหนีปัญหา ยามนี้ ภายในห้องโดยสารจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด กระอักกระอ่วน



     แหละเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการมาถึงจุดหมายปลายทางสร้างความเจ็บปวดสุดๆ เพราะต้องเดินทางมาส่งคนรักให้ห่างจากตัวเอง เมื่อรถจอดสนิท หันไปเห็นคายัคลืมตา เมื่อรู้ว่าถึงห้องพักของตัวเอง

 

     ใจวูบโหวงทันที แค่เห็นอีกฝ่ายปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย อินทัชทำใจไม่ได้รีบก้มลงปลดของตัวเองบ้าง


     แต่ทันใดนั้น...

 
"อย่าคิดตามผมมาเลยครับ ผมอยากอยู่คนเดียวจริงๆ"

 
"คายัค"

 

"อาทัช ผมรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของเรามันมีแต่ความเจ็บปวดมากกว่าความรักยังไงไม่รู้ ขอเวลาให้ผมได้คิดหน่อยนะครับ"

 

      อินทัชควรเคารพความเป็นส่วนตัวของคนรัก ด้วยการปล่อยให้คายัคได้อยู่คนเดียว แต่บอกเลยว่า พูดง่าย แต่ทำยาก



"แล้วพรุ่งนี้ อาจะมารับคายัคที่ห้องนะ"

 

"อย่าเพิ่งเลยครับ เราห่างกันสักพักก่อนดีกว่า"

 

"......" อินทัชถึงกับพูดไม่ออก นั่งตัวแข็งทื่อ

 

       ก่อนลง คายัคยังมิวายทำให้หัวใจที่วูบโหวงก่อนหน้า กลับเต้นแรงขึ้นอย่างคนมีความหวังอีกครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มโน้มตัวมาจูบปาก


      ไม่ใช่แค่ริมฝีปากแตะกัน แต่มีการใช้ปลายลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัด รัดรึงเรียวลิ้นอีกฝ่าย



       จูบลึกซึ้งที่มีความหวานผสานไปกับความเศร้า คละเคล้าด้วยรสเค็มจากหยาดน้ำตา


      อยากจูบกันให้นานกว่านี้ แต่เป็นคายัคเองที่ผละออกก่อน คายัคสบตาอาทัชพร้อมเกลี่ยน้ำตาให้อาทัช

   

"ผมไปก่อน ขับรถดีๆนะครับ"

 

      ประตูรถปิดลงแล้ว เป็นสัญญาณของความเจ็บปวด ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัยรถ ก่อนจะฟุบหน้าลงอย่างคนหมดแรง


      อินทัชได้แต่ภาวนาว่า


      การห่างของคายัค คือ ห่างเพื่อทบทวนตัวเอง ไม่ใช่ห่างเพื่อเลิกกัน



      เขาหวังว่า มันจะเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นจริงๆ...

 




.......................

 

 


       เป็นเวลาสามวัน ที่อินทัชห่างจากคายัค เขาโทรง้อให้คายัคกลับมานอนด้วยกันแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะคายัคบอกยังไม่พร้อม



      ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก



       ปัญหาเก่ายังเคลียร์ไม่เสร็จสิ้นดี ยามนี้ อินทัชจึงนัดคุยกับวาวก่อนจะไปลองชุดวิวาห์หลังจากนี้



       การเปิดเผยตัวตนอย่างชัดแจ้งว่าชอบผู้ชาย ไม่ได้ส่งผลให้แม่เข้าใจอะไร กลับยังยัดเยียดให้อินทัชแต่งงานให้ได้

     

       ยามนี้ อินทัชนัดคุยกับวาวที่ร้านกาแฟบริเวณใกล้เคียงร้านตัด-เช่าชุดวิวาห์ อินทัชอยากคุยให้รู้เรื่องว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับการแต่งงานถ้าทั้งสองมีความเห็นตรงกันว่าจะแต่งงาน ก็ไปลองชุดกันต่อ แต่ถ้าไม่ ทั้งสองก็แยกย้ายกลับบ้าน



     ไม่นาน วาวก็เดินทางมาถึง เพียงแค่เห็นหน้าวาวเศร้าและกังวล ก็ดูรู้ว่าข้างในลึกๆก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน



     ทั้งสองไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา เข้าเรื่องสนทนาว่า ต่างฝ่าย ต่างรู้สึกอย่างไร? กับเรื่องที่โดนบังคับให้แต่งงานด้วยกัน



      สาเหตุหลักที่แม่ของทั้งสองคะยั้นคะยอ จับแต่งงานให้ได้ มันมาจาก ผู้ใหญ่ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่า วาวเป็นผู้หญิงน่ารัก ว่านอนสอนง่ายและนิสัยดี ส่วนอินทัชก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดี นิสัยก็ใช้ได้ ไม่เจ้าชู้ และมีความรับผิดชอบสูง ในเมื่อผู้ใหญ่คิดว่า ทั้งสองเหมาะสมกันและโตพอที่จะมีครอบครัว การร่วมหอลงโรงกัน เพื่อมีลูก-มีหลานก็คงถึงเวลาอันสมควร...



      ฟากวาวเล่าว่า เรื่องการแต่งงานที่จะเกิดขึ้น แฟนวาวรู้แล้ว และก็บอกว่ารับได้ ได้ฟังอย่างนั้น อินทัชดีใจแทน และอยากให้คู่ของเขาเป็นแบบวาวบ้าง แต่ดูแล้วท่าจะยาก เพราะความสัมพันธ์ของอินทัชตอนนี้ จะออกหัว-ออกก้อย ก็ยังไม่รู้เลย



      เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญจึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว การแต่งงานที่ไม่มีใจให้กัน ยิ่งต้องคิดถี่ถ้วนเป็นสองเท่า ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ทั้งสองระบายความรู้สึกและพูดให้เข้าใจความต้องการของทั้งคู่



    ได้ข้อสรุปว่า...



     ทั้งสองจะแต่งงานกัน เพื่อทำตามความต้องการแรกของมารดาทั้งสอง ปัญหาจะได้จบสิ้น



     แต่...

 

"วาว พี่ขอโทษนะที่เห็นแก่ตัว ถ้าเราแต่งงานกันแล้วพี่อยากหย่าให้เร็วที่สุด ใกล้วันหย่า เรามาคุยถึงเหตุผลกันอีกทีว่าจะบอกกับพ่อแม่ยังไง? แต่วาวจะรับได้ไหม? หากคนมองว่าคบไม่นานก็เลิกกัน"

 

"วาวไม่แคร์เลยค่ะ จะแต่งแค่ห้า-หกเดือนแล้วหย่าก็ไม่มีปัญหา ก็ดีนะคะ วาวจะได้บอกแฟนด้วย คิดซะว่าอย่างน้อย ก็ถือว่าได้ทำเพื่อพ่อ-แม่แล้ว"



"ครับ พี่อยากให้คายัคเข้าใจแบบแฟนวาวจัง"

 

"อันที่จริง วาวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าเขาจะรับได้จริงอย่างปากว่าไหม? แต่ถ้าเขาบอกว่ารับได้ วาวก็เชื่อค่ะ ส่วนน้องคายัค วาวภาวนาให้น้องเขาเข้าใจนะ หรือจะให้วาวช่วยคุยกับน้องเขาไหมคะ?" วาวพูดอย่างเป็นห่วงเพราะเธอรู้เรื่องคายัคหมดแล้ว



"อย่าเลยครับ เดี๋ยวคายัคจะเข้าใจผิด คิดว่าเตี๊ยมกันมาอีก"



"พี่ทัชดูรักน้องเขามากจริงๆนะคะ"




      อินทัชยิ้มบางๆ


"พี่แสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ?"


"ใช่ค่ะ พูดถึงน้องกี่ครั้ง แววตาพี่ทัชดูเป็นประกายมากเลยค่ะ"




      ใช่...อินทัชรักคายัคมาก รักจนสัญญากับตัวเองแล้วว่าคายัคจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตจริงๆ



       แต่เพราะ ความกตัญญูมันค้ำคอ อินทัชต้องทำเพื่อความจำเป็น ทำเพื่อหน้าที่ของคำว่า 'ลูกชาย' เพื่อแม่จะได้สบายใจ



"อาจเป็นเพราะเวลาที่พี่ได้อยู่กับคายัค พี่ไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่เลย มันมีแต่ความสุข สนุก สบายใจ ทั้งๆที่ บางที คายัคก็มีทำให้พี่ปวดหัวบ้าง บ่นบ้างนะ แต่ไม่รู้สิ พี่รับได้และมองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิบปีที่พี่อยู่กับคายัคมา เราไม่ค่อยทะเลาะกันและพี่เครียดน้อยมากเลยนะ เพิ่งจะมีช่วงนี้ที่หนักหน่อย วาวรู้ไหม? ถ้าไม่เจอเรื่องนี้ พี่ไม่มีทางรู้เลยว่า พี่จะรักคนๆหนึ่งได้มากขนาดนี้ พี่รู้แล้วว่าพี่ขาดคายัคไม่ได้"



        มองคนเล่าความหลังด้วยแววตาเปี่ยมสุขพลางน้ำตาคลอ ได้แต่ขนลุกแล้วจะร้องไห้ตาม เธอสัมผัสถึงความรักที่พี่อินทัชมีให้คายัคจริงๆ



"พี่ทัชพอเถอะ วาวฟังแล้วจะร้องไห้ วาวสงสารพี่ทัชจัง วาวเป็นกำลังใจขอให้น้องคายัคเข้าใจพี่นะคะ"



"เช่นกันนะวาว"


"ถ้างั้นเราไปลองชุดกันเถอะค่ะ เล่นละครให้มันจบๆไป"



"ครับ"



       เหลือเพียงแค่การลองชุดวิวาห์และถ่ายพรีเวดดิ้งที่ทั้งสองต้องทำ เนื่องจากรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การ์ดงานแต่ง ของชำร่วย ฝ่ายผู้ใหญ่ก็จัดการให้เรียบร้อย โดยไม่เคยถามสักคำว่า อยากดีไซน์การ์ดแบบไหน? โทนสีอะไร?


      ความรู้สึกนี้ ไม่ต่างกับการเป็นหุ่นเชิดที่คนสั่งทำอะไรก็ทำ ขัดขืนไม่ได้

 
      ทั้งสองลองชุดวิวาห์ด้วยอาการเอื่อยๆ ขนาดพนักงานยังดูออกว่า ทั้งคู่ดูเหมือนไม่เต็มใจจะแต่งงานกัน ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความทุกข์ระทม ทำให้พนักงานจะแนะนำอะไรก็ดูกระอึกกระอัก ทำตัวไม่ถูก


      ไร้รีเฟอรเรนซ์เป็นตัวอย่าง ไม่มีภาพชุดวิวาห์อยู่ในหัว ดังนั้น ยามนี้ทั้งสองต่างลองชุดแล้วเปลี่ยน ลองแล้วเปลี่ยนอยู่อย่างนั้น เพราะคิดว่าลองชุดไหนก็ไม่ถูกใจสักที


      จนกระทั่ง ทั้งสองต้องตัดสินใจเลือกเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เมื่อลองชุดเสร็จพร้อมจัดการธุระเรียบร้อย อินทัชแยกกับวาว สอดตัวเข้ามาในรถ ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เขาโทรหาคายัคอีกครั้ง

 

"คายัคครับ อาไปหาคายัคที่ห้องได้ไหม?"

 

[ผมไม่ได้อยู่ห้อง ผมออกมาคุยงาน อาทัชคุยทางโทรศัพท์เลยก็ได้ครับ]

 
"แต่อาอยากไปเจอ"

 

[ตอนนี้จะเจอหน้าหรือคุยทางโทรศัพท์มีค่าเท่ากันครับ]

 
"คายัค อาขอร้อง เจอกันเถอะ"

 

[สรุป อาทัชต้องแต่งงานไหมครับ?]

 

        ไม่คิดว่าคายัคจะตัดบทและเข้าประเด็นหลักเร็วกว่าที่คิด

 
"คายัค ฟังอาก่อน คือ อาจำเป็นต้องแต่งงาน แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะแต่งในนามเพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ สักพักค่อยหย่า"

 

[......]

 

"คายัคกับอาก็ยังคบกันได้เหมือนเดิม"

 

[อาทัชต้องแต่งเพื่อความสบายใจของแม่แล้วอะไรอีกครับ?]

 
       อินทัชเงียบ

 
"....."

 
[แบบที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกันบ่อยๆ คือ การแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น แบบพ่อ-แม่-ลูก ใช่ไหมครับ?]

 
"คะ...คือ..."

 

[ถ้างั้น เราเลิกกันเถอะครับ]




        ต่างฝ่ายต่างรักกัน แต่แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้



"คายัค ไม่..ไม่..ไม่เอาแบบนี้ อาขอร้อง อาขอโอกาสอีกครั้ง"

 

[ผมไม่ไหวแล้วครับ ที่ผ่านมา ผมทุ่มและรักอาทัชมากจนไม่คิดเผื่อใจ พอเจอเรื่องนี้เข้าไป ผมเจ็บครับ เราจบกันแค่นี้เถอะ แต่ผมสัญญานะว่าจะกลับไปหาแน่นอน แต่คงกลับไปในฐานะหลานของอาทัชคงดีกว่า]

 

"ไม่! ไม่! ไม่นะ...อาอยากคบกับคายัคต่อ ขอร้อง ได้โปรดเถอะ...อย่าเป็นแบบนี้ อย่าเลิกกันเลยนะ โธ่!....ฮึกฮือออ"
ตอนนี้ อินทัชพูดวนแต่คำเดิมๆ ซ้ำๆพร้อมปล่อยโฮอย่างคุมสติไม่อยู่



      อินทัชทำใจไม่ได้จริงๆ ถ้าคายัคจะไปจากกันอีกครั้ง



[อาทัช.....] เรียกอินทัชแต่กลับเงียบนาน จนกระทั่ง เสียงละมุนเอื้อนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง



[ไม่ร้องนะ]



      ทั้งๆที่มันเป็นแค่คำพูด แต่อินทัชกลับรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นซ่อนอยู่จนพูดไม่ออก



     อย่าเลิกกันเลย ได้โปรด...


      อยากพูดแต่พูดไม่ออก มันจุกอยู่ในลำคอ จนได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้


"......"


[ผมต้องคุยงานแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ]

 
      มองโทรศัพท์หน้าจอตัวเองที่ดับมืดก็นั่งมึนเบลอ สองมือปิดหน้า ปิดตาร้องไห้ สักพัก ก็ได้ยินเสียงข้อความพร้องแสงสว่างวาบ


      ข้อความที่คายัคส่งมา เขาอ่านทุกตัวอักษรอย่างตั้งใจ อ่านจนจบก็ยิ่งร้องไห้หนักจนหยดน้ำตา หยดร่วงแหมะ แหมะ แหมะลงบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารที่เปิดข้อความค้างไว้


 "ฮะฮึก ฮะฮือออออ ฮึก"



....

...'แต่งงานวันไหน? บอกผมด้วยนะครับ ถ้าผมทำใจได้แล้วผมจะไป

ผมว่าอาทัชต้องเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อมากแน่ๆ

เสียใจเหมือนกันที่คนข้างๆอาทัชในวันสำคัญกลับไม่ใช่ผม

แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็มีความสุขและดีใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน

ขอบคุณที่รักผมนะ'...


....

 


 
***1.1***



1. มีนักอ่านถามว่า จบยังไง? - จบดีค่า ฮ่าๆ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

2. ตอนจบมี 3 พาร์ทนะคะ มันยาวยัดให้จบเลย   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny

หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17 || 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-08-2018 19:27:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

้ค้างคามากที่ตอนจบดันแบ่งออกเป็น  3 parts

คายัคคิดอะไรอยู่  จึงไม่เข้าใจคำว่า แต่งหลอก ๆ?
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17 || 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 18-08-2018 20:21:22
ถ้าแค่บทตรงนี้  ก็มองว่า คายัคเป็นคนประเภท ไม่สู้อุปสรรค และมุ่งหวังแค่ประโยชน์และความสุขตน

จะไม่มองว่าเพราะนี่เป็นประเด็นแค่ชายรักชาย ทำให้คายัคเลือกจะตัดบทอาแบบนี้..  เพราะคำว่าชายรักชายนี่ อยู่ที่ไหนในโลกทุกคนก็รู้ว่าต้องมีอุปสรรค... ย้อนกลับไปที่บทที่1  ในเมื่อทุกคนบนโลกรู้ว่าชายรักชาย ต้องมีอุปสรรค  แล้วคายัค(เสือก) อยากเข้าเอาอาตัวเอง ทำไม?... นี่คือคำถาม
ถ้าไม่มีความอยากลอง sex ของคายัคในบทที่ 1   ฉากจบในวันนี้จะเห็นอินทัชแต่งงานกับใครสักคนตามคำสั่งของแม่ ไม่เจ็บปวดขนาดนี้ การแต่งงานอาจยืดยาวจนมีลูกได้ เพราะความผูกพันรักฉันท์ชายชายยังไม่แนบแน่น ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา

เด็กมันโตแล้ว  หาเงินเองได้ พึ่งตัวเองได้ เอากับใครอีกกี่คน มีรักใหม่อีกกี่คน มันก็หาได้ ชายหญิงก็เอาได้หมด... ที่่ผ่านมา  คือพลาดเสียตัว เสียใจให้เด็กที่ฮอร์โมนแรงมันเอา
เจอเด็กมันตอบมาแบบนี้ให้จบ  ถ้าเป็นเราก็จะปล่อย  ร้องไห้เสียใจบ้างแต่ก็อย่านาน  อย่าไปฟูมฟายกับมัน เพราะมันไม่เห็นค่า  จบก็คือจบ

คำว่ารัก  บางทีก็เป็นแค่คำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้เกิดการยึดติด  สมหวังก็มีความสุข ผิดหวังก็มีทุกข์... ไม่มีรักเลย  ก็ไม่ต้องมีความสมหวัง/ผิดหวัง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17 || 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-08-2018 23:44:34
มันเป็นเรื่องของมุมมองแต่ละคนอะว่ารับได้ถึงไหน ฝั่งคายัคก็คือรับความสัมพันธ์ที่อินทัชต้องไปแต่งงานไม่ได้ ส่วนฝั่งอินทัชก็ขัดคอแม่ไม่ได้ ถ้าจะเบลมคายัคก็ไม่ถูกอะเพราะอินทัชไม่ได้สู้เรื่องของความรักตัวเองกับครอบครัวขนาดนั้น ก็ยอมๆมาตลอด เอาจริงถ้ายอมถึงขนาดแต่งงานด้วยกันได้แล้วคนเป็นแม่สั่งมาว่าอยากได้หลานนี่นึกอยู่ว่าจะปฏิเสธแม่ตัวเองเป็นไหม  ส่วนคายัคก็ยังเด็กอยู่อะ เหมือนเป็นรักแรกคงไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงต้องรับมือยังไง ต้องเข้าใจอีกฝ่ายแบบไหนให้ไม่เจ็บ  :hao4:  เอาเถอะอันนี้มันจะอาจเป็นความรักที่ผิดที่ผิดเวลาก็ได้  อินทัชก็เหมือนจับปลาสองมืออะ จะเอาทั้งความสัมพันธ์ให้อยู่รอดจะต้องเอาใจแม่อีกด้วย ทำไม่ได้หรอกถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เข้าใจเราขนาดนั้น ฝ่ายตัวเองก็ไม่ใช่ว่าเข้าใจความเสียใจอีกฝ่ายดีซะเมื่อไหร่  :m15:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17 || 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-08-2018 12:08:40
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17 || 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-08-2018 19:49:24
ใจเต้นรัวเลย
เริ่มหงุดหงิดคายัค แต่ก็เข้าใจน้องด้วย
สงสารอาทัช
โอ๊ย หน่วงไปหมด
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17 || 18-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-08-2018 20:25:55
มันมีตั้งหลายวิธีทั่ทำให้ไม่ต้องแต่งงาน อิทัชคือผู้ชายที่หัวอ่อนมาก
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17.2||21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-08-2018 20:15:16
 

ตอนที่ 17 เพื่อนพ่อ (ตอนจบ) 2

   






       ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนที่คายัคไม่ติดต่ออาทัชเลย ตั้งแต่รู้วันที่อาทัชจะแต่งงาน นับจากวันนี้ ก็ไม่ถึงสัปดาห์ที่พิธีวิวาห์จะเกิดขึ้น 



      อยากไป...แต่ก็กลัวเจ็บจนร้องไห้ออกมาท่ามกลางงานมงคลสมรส



      นาฬิกายังคงเดินหมุนไป แต่หัวใจยังเจ็บซ้ำๆอย่างเดิม จนถึงป่านนี้ คายัคก็ยังทำใจไม่ได้ ทุกวันที่ไปโรงเรียนก็แทบไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนหนังสือ เพื่อนๆที่ล่วงรู้ความจริงต่างสงสารคายัค ทุกคนได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจเพราะคายัคซึมเศร้าและอาการหนักมากกว่าตอนผิดหวังครั้งแรก เรื่องที่คายัคเจอมาช่างสาหัส สากรรจ์สำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดจริงๆ



     วันนี้ เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน...



     ผู้คนต่างวัย ต่างหากิจกรรมและความบันเทิงเพื่อผ่อนคลาย บ้างก็สังสรรค์ ปาร์ตี้ บ้างก็พาแฟนไปดินเนอร์ มื้อค่ำสุดหรู บ้างก็รวมกลุ่มกันบ้านเพื่อน เล่นเกมส์ เล่นบาส ดูบอล กินเหล้าเคล้านารีกันไป



     เช่นเดียวกับคายัคที่มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน

 

    หลังเลิกเรียน คายัคขลุกตัวอยู่แต่ในห้างสรรพสินค้า เขานำชุดลำลองมาเปลี่ยนที่ห้องน้ำ จากนั้นก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อย กินข้าว นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้านกาแฟที่เด็กหนุ่มนั่งเหม่ออยู่คนเดียวเงียบๆ



    เขานั่งเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม



    ใกล้เวลาห้างสรรพสินค้าปิด เด็กหนุ่มเดินไปลานจอดรถ ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ตรงพื้นที่สูบบุหรี่



     หมดมวนแรก คายัคก็จุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นสูบ เนิ่นนานเหมือนกันที่เด็กหนุ่มนั่งสูบบุหรี่ไป สายตาของคนหมดอาลัยตายอยากก็มองเหม่อไปอย่างไร้จุดหมาย ภายนอกเหมือนคนนั่งเฉยๆไม่คิดอะไร แต่ข้างในมีเรื่องราวเต็มหัว



     เรื่องราวของอาทัช



     ไม่ใช่แค่อาทัชหรอกที่บอกว่าจะมีคายัคเป็นคนสุดท้าย คายัคเองก็คิดจะมีอาทัชเป็นคนสุดท้ายเช่นกัน

 

     ตอนนี้ คายัคเครียดจนมืดแปดด้าน ในมุมมองของเด็กหนุ่ม ล้วนมีแต่ความไม่เข้าใจ

 

     ไหนว่าไม่รัก ทำไมต้องแต่งงาน?

 

     แล้วทำไมต้องทนทำในสิ่งที่ไม่ได้รัก?

 

     ในเมื่อไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ คายัคก็รับไม่ได้ที่จะต้องเห็นแฟนตัวเองไปคบคนอื่น จึงยอมเดินจากลาความรักอันซับซ้อน ด้วยการเลือกทางออกที่คิดว่ามันจะจบปัญหาทุกอย่างลงได้



      เขารับปัญหาเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว



      ผู้คนที่เคยนั่งสูบบุหรี่อยู่ก่อน ทะยอยลุกไปจนเหลือคายัคแค่คนเดียว

 

     คนที่สูบบุหรี่เหลือเพียงก้นกรอง บี้ลงตรงที่ทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินเอื่อยๆ ไปตรงลานจอดรถที่ไกลออกไป



      สองเท้าหยุดชะงัก เด็กหนุ่มยืนนิ่งก่อนจะวางสองมือลงบนขอบปูน ค่อยๆปีนขึ้นไปยืนตรงขอบ

 

     การยืนอยู่บนระดับความสูงหกชั้นก็มองวิวไกลๆได้ชัดเจนดี

 

    ขาที่เคยแข็งแรง กลับสั่นระริก ดวงตาหม่นหมองพร้อมรอยยิ้มปนเศร้าค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นทาง




"จากนี้ ผมขอให้อาทัชมีแต่ความสุข ผมรักอาทัชนะ"


     บางที การได้ลองโบยบินอิสระเหมือนนกก็คงดีเหมือนกัน

 







.............





 

"ฮะฮึก ฮะฮือออออ ฮึก"

 

     ยามเย็น หน้าเมรุเผาศพ มีผู้คนหลากวัยแต่งกายสุภาพด้วยชุดสีดำ ทั้งยืนสงบนิ่งและยืนร่ำไห้เป็นวรรคเป็นเวร เมื่อเห็นควันสีหม่นล่องลอยออกมาจากปล่องเมรุ



     แขกที่มาร่วมงานต่างอยู่ในอาการเศร้าโศก เพราะผู้ตายอายุยังน้อยและไม่มีใครคิดว่าเธอจะคิดสั้น



    ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของอินทัชก็มาร่วมไว้อาลัยด้วยเช่นกัน อินทัชแหงนหน้ามองกลุ่มควันสีเข้มที่ล่องลอยพลิ้วไหวอยู่บนท้องฟ้า



       ไม่มีน้ำตา แต่ข้างในลึกๆนั้นเศร้าสุดใจ



'พี่ขอให้วาวได้เจอที่ที่ทำให้วาวมีความสุขนะ'

 

      แม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่บอกเลยว่า ความจริงใจ นิสัยดีของวาวทำให้อินทัชมองวาวเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไปแล้ว การที่วาวเสียชีวิต อินทัชเองก็ใจหาย



      เรื่องนี้เกิดขึ้น ก่อนงานแต่งเพียงสองวันเท่านั้น วาวคิดสั้นด้วยการผูกคอตายที่บ้านของตัวเอง โดยทิ้งจดหมายลาตายไว้หนึ่งฉบับ



      จดหมายฉบับนั้น แม่ของวาวได้นำมาให้แม่ของอินทัชได้อ่านด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะโวยวายและมีปากเสียงกันรุนแรง เพราะสาเหตุการตายของวาว มาจากเรื่องงานแต่ง นั่นจึงทำให้แม่ของวาวพาลมาโกรธและโยนความผิดให้แม่ของอินทัชที่เป็นส่วนหนึ่งให้ลูกของเธอต้องฆ่าตัวตาย



     และแล้ว บทสรุปของเรื่องนี้ คือ แม่ของอินทัชและแม่ของวาวตัดขาดการเป็นเพื่อนกันไปโดยสมบูรณ์



     ซึ่งวันที่เพื่อนรักทะเลาะกัน อินทัชเองก็นั่งอยู่ ถึงรู้ว่าเนื้อความในจดหมายเป็นการระบายความรู้สึกเชิงตัดพ้อ ทำนองว่า...



       ชีวิตที่ผ่านมาของวาว เธอยอมทำเพื่อแม่มาตลอด ตั้งแต่การเลือกเรียนในสิ่งที่แม่อยากให้เรียน การไม่มีแฟนตอนเรียนมอปลาย จนมาถึงปัจจุบันที่เธอก็ยังทำตามที่แม่บอก นั่นคือ เรื่องการจับแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก มันเกือบจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ที่ทำไม่สำเร็จ เพราะวาวเกิดอกหักและเสียใจอย่างหนัก เมื่อเธอจับได้ว่า แฟนทอมของเธอที่คบมากว่าห้าปี นอกใจไปมีคนใหม่เนื่องจากรับไม่ได้ที่เธอต้องแต่งงานกับคนอื่น สุดท้ายเรื่องที่แอบคบกับแฟนลับๆก็ถูกเปิดเผยในจดหมายฉบับนี้



      และข้อความสำคัญของวาวที่ทำให้คนอ่านรู้สึกสงสาร และแม่วาวฟูมฟายอย่างหนัก



"ในเมื่อชีวิตหนูแทบไม่ใช่ของหนูเลย ถ้าหนูตายไปคงดีที่สุด จากนี้ แม่ไม่ต้องเหนื่อยกับการบังคับ เจ้ากี้ เจ้าการชีวิตหนูอีกแล้วนะ...แม่จะได้มีความสุขที่หนูไม่ต้องสร้างความลำบากใจให้แม่อีก"


หนูรักแม่นะ

วาว





     เมื่อเจ้าสาวเสียชีวิตก่อนพิธีวิวาห์ ทุกอย่างที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้าได้กลายเป็นศูนย์ (สูญ)



     นอกจากจะสูญเสียค่าใช้จ่ายหลายแสน ยังสูญเสียเวลาที่หมดไปกับการเตรียมงาน สูญเสียมิตรภาพและความสัมพันธ์ รวมไปถึงการสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักอีกด้วย



      สำหรับจดหมายลาตายที่วาวเขียน มีแขกบางคนแอบรู้มาแล้วนำไปพูดกันปากต่อปาก ว่า สาเหตุการตายมาจากการคลุมถุงชน คนบางกลุ่มที่ไม่เคารพครอบครัวผู้ตาย ต่างวิพากษ์ วิจารณ์ว่า เพราะผู้ใหญ่บังคับลูกมากเกินไป จนไร้อิสระการใช้ชีวิตเรื่องถึงเป็นแบบนี้ และเมื่อเรื่องหลุดมาถึงหูมารดาของอินทัชและมารดาของวาว ทั้งสองจึงเริ่มสะกิดใจในสิ่งที่ทำ และอับอายที่ต้องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน



     ความแน่นอนอยู่ตรงไหน?



     ไม่มีใครคาดคิดเหมือนกัน จากตอนแรก ทุกคนจะต้องไปร่วมแสดงความยินดีกันในงานมงคลสมรสอันหวานชื่น กลับกลายเป็นว่า ทุกคนต้องมาร่วมแสดงความอาลัยกันในงานศพแสนเศร้าแทน 



     เมื่อพิธีงานศพเสร็จสิ้น แขกเริ่มทะยอยกันกลับ ครอบครัวของอินทัชจึงเดินไปร่ำลาครอบครัวของผู้ตาย มารดาของวาวยืนอยู่ในอาการเศร้า สลด และตาบวมแดงจากการร้องไห้อย่างหนัก รอบกายเธอมีคนยืนขนาบเพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา



      ตอนอินทัชทัก มารดาของวาวเงยหน้ามอง ฝืนยิ้มให้ ยกเว้นแม่ของอินทัชคนเดียวเท่านั้นที่เธอไม่ชายตามองสักนิด

 

     อินทัชสังเกตว่าแม่ดูหงอยและซึมลงอย่างเห็นได้ชัด แม่อาจจะรู้สึกผิดที่ทำให้คนๆหนึ่งต้องมาตายจากการถูกบังคับให้แต่งงาน เพราะตั้งแต่มีเรื่องนี้ขึ้นมา แม่ของอินทัช ไม่พูดถึงการอยากได้หลานและเรื่องการแต่งงานอีกเลย



     อินทัชก็ขอให้แม่เข้าใจและคิดได้อย่างนี้ไปตลอดแล้วกัน



     ยามนี้ อินทัชได้แยกย้ายกับครอบครัวของตัวเองเพื่อกลับร้านกาแฟ เขาถอนหายใจยาวอย่างคนโล่งใจ ที่หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเรื่อง เหลือเพียงแต่เรื่องของคายัคที่อินทัชได้แต่ทำใจเฝ้ารอตามคำขอของคายัคที่แคนบอกมา



"คายัคฝากให้แคนมาบอกกับอาทัชครับ ว่าไม่ต้องห่วง คายัคสบายดี แต่ขอเวลาให้คายัคได้อยู่คนเดียวอีกหน่อยครับ แล้วจากนั้น คายัคจะกลับไปหาอาทัชที่ร้านกาแฟแน่นอน"

 

     อินทัชเชื่อและมั่นใจว่าคายัคจะกลับมา แต่จะกลับมาในสถานะไหน?  อินทัชก็ยอมหมดแล้วจริงๆ...




****2****



เย้! หมดมรสุมแล้วค่ะ แฮ่ๆ... :monkeysad: :monkeysad:
.
1. หากใครอ่านแล้วพารานอยด์ เซ็ง และหงุดหงิดใจกับที่ผ่านมา ก็อย่าโกรธกันเลย ยกโทษให้ฉันถ้าทำผิดไป แฮ่ๆ...
ดีกัน ดีกัน นะคะ  :man1: :man1: :man1:

2. พาร์ทหน้าจบบริบูรณ์แล้วค่ะ  :mew2: :mew2: :mew2: 
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-08-2018 20:44:23
กลายเป็นวาว ที่ต้องสังเวยชีวิตหรอ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-08-2018 21:04:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

รับไม่ได้   กับผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว  ชอบบังคับให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ

จนสุดท้าย  ก็เกิดการสูญเสีย  แล้วถึงจะมาคิดได้เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเรียกกลับมาไม่ได้แล้ว

ผู้ใหญ่เฮงซวย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 21-08-2018 21:32:10
ไม่ค่อยอินกับความรักของคนทั้งคู่แล้วค่ะ

อา ... แก่ขนาดนี้ ยังจัดการชีวิตไม่ได้
ทำยังกับที่ผ่านมา แบมือขอเงินแม่กิน ถึงได้ยอมแบบไร้แรงต้าน

หลาน ... อารมณ์ทอดทิ้งไปแบบนี้
ไม่เหมือนกับที่เคยรักจะเป็นจะตายเลย
มันขัด ๆ กันเนอะ :mew2:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-08-2018 21:55:03
ตกใจ!! นึกว่าคายัคฆ่าตัวตาย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 21-08-2018 23:53:39
สงสารวาว
แม่ก็บังคับ แฟนก็ไม่ซื่อสัตย์
ของให้อินทัชกะคายัคได้กลับมารักกันดีๆน้า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-08-2018 16:22:07
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.2 || 21-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 23-08-2018 07:56:42
นึกว่างานศพของคายัคซะอีก กำลังจะทำใจเลย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17.3|| 24-8-18||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 24-08-2018 20:43:04
ตอนที่ 17 เพื่อนพ่อ (ตอนจบ) 3






    หนึ่งเดือนต่อมา ณ  Intouch Cafe'

 

    ยามบ่ายแก่ๆของวันเสาร์

 

     ดวงตาคู่คมมองร้านกาแฟที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มือเรียวผลักประตูกระจกใส ยิ้มกว้างไปกับทุกก้าวเดิน

 

     เด็กหนุ่มที่เคยน่าเอ็นดู บัดนี้อายุสิบแปดปีบริบูรณ์ คายัคทั้งหล่อเหลา สูง รูปร่างดีมากกว่าเก่า แค่เดินเข้ามาในร้านกาแฟก็มีผู้หญิงแอบมองกันหลายคน

 

     คายัคยังมีชีวิต...ใช่...คายัคยังไม่ตาย...



     ย้อนกลับไปจากวันที่คิดสั้น ในขณะที่เตรียมตัวตาย จู่ๆก็มีคำพูดในอดีตพร้อมใบหน้าของอาทัชลอยเข้าหัว

 

'การเกิดมาของคายัคเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับอามากเลยนะ'

 

      ชะงัก เมื่อเริ่มฉุกคิดว่า การได้เกิดมาเป็นคน มีค่ากว่าสิ่งอื่นใด เขาควรขอบคุณด้วยซ้ำที่ได้เกิดมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแบบนี้

 

      ในขณะที่ยืนชั่งใจอยู่บนขอบปูน ช่วงเวลาเดียวกัน มีพลเมืองดีและพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็น วิ่งกรูกันเข้ามาช่วย ทั้งฉุด ทั้งจับเด็กหนุ่มลากร่างลงมาที่พื้น

 

      จากจุดต่ำสุดของชีวิต เป็นจุดเปลี่ยนให้คายัคลองหาทางออกทางอื่นที่จะช่วยรักษาจิตใจให้ดีขึ้นได้...

 

     การบวชเณร

 

      คายัคตัดสินใจใช้ช่วงเวลาปิดเทอมเล็กเข้าบรรพชาสามเณรที่วัดป่า โดยคายัครบกวนอาสาให้พาไปเนื่องจากต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองด้วย แต่คายัคกำชับอาสาว่าห้ามบอกอาทัชเด็ดขาด

 

       เมื่อต้องอยู่แต่ในวัด จึงไม่ง่ายนักที่จะจับคนดื้อรั้นให้อยู่ในโอวาท และกฏระเบียบของทางวัด โดยเฉพาะการทำกิจของสงฆ์ เป็นอยู่บ่อยๆที่คายัครู้สึกผ้าเหลืองร้อน คิดหนีออกจากวัดหลายครั้ง หลายครา มันร้อนรุ่มทางกายและใจอย่างบอกไม่ถูก จนพระพี่เลี้ยงย้ำว่าให้อดทน ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้แล้วจะดี

 

      และแล้ว การบวชเณรก็ครบเวลาตามกำหนด จากคนที่ร้อนรนอยากหนีออกจากวัด พอได้ฤกษ์ลาสิกขา กลับไม่อยากกลับบ้าน วันที่สึกออกมา คายัครู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เหมือนใจได้ขัดเกลากิเลส ชำระล้างสิ่งร้ายๆออกไป ทำให้คายัครู้จักคิดไตร่ตรอง ใจเย็นและรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

     

       เมื่อนึกย้อนเรื่องราวที่ผ่านมา คายัครู้ว่าตัวเองมีข้อเสียมากมาย แถมยังคิดไม่เป็นในหลายๆเรื่อง อย่าง เรื่องการเห็นแก่ตัว การเรียกร้องเอาแต่ความต้องการของตนเองจนลืมสนใจคนรอบข้างว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร มิหนำซ้ำ ยังจมจ่อม หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ร้ายๆของตัวเอง เช่น อารมณ์ร้อน โมโหง่ายมากเกินไป พอรู้จุดอ่อนแล้ว คายัคจึงพยายามแก้ไขและฝึกตนเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้น

 

       สำหรับ การบวช เพื่อนๆที่โรงเรียนและอาสารู้เรื่องทั้งหมด เว้นแต่เรื่องการฆ่าตัวตาย คายัคเก็บเงียบไว้ไม่บอกใคร เพราะคายัคอยากเริ่มต้นใหม่กับชีวิตอีกครั้ง

 

      แหละการกลับมาหาอาทัช คายัคตั้งใจมาขออาทัชให้ให้อภัยแก่เขา เพราะคายัคได้ให้อภัยตัวเองกับเรื่องราวที่ผิดพลาดในอดีตแล้ว

 

       สองเท้าชะงัก ตรงหน้าเคาน์เตอร์ โคลงศรีษะมองผู้หญิงที่ดูน่าจะแก่กว่าคายัคไม่มากยืนยิ้มหวานอยู่ด้านในเคาน์เตอร์

 

      อาทัชจ้างคนมาทำงานแล้วหรอ? จากความสงสัยใบหน้าหล่อค่อยๆผุดรอยยิ้มหวาน

 

"สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?"

 

    ยังไม่สั่งรายการเครื่องดื่ม กวาดตามองอาทัชทั่วร้าน จนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่เพิ่งเดินลงบันไดแล้วเข้ามาด้านในเคาน์เตอร์

 

     เมื่อทั้งสองสบตากัน ฟากอาทัชดูตระหนกตกใจ ผิดกับอีกคนที่พอเห็นอีกฝ่ายแล้วยิ้มกว้าง

 

"ผมอยากได้ความรัก ที่นี่มีขายไหมครับ?" คนพูดเอาแต่จดจ้องมองอาทัชไม่วางตา

 

     ทางฝั่งหญิงสาวยืนยิ้มเขินอายบิดตัวไปมาอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่เด็กหนุ่มพูดถึงนั้น ไม่ใช่เธอแต่เป็นเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ข้างหลัง



 "ผมล้อเล่น เอาช็อคโกแลตเย็นแก้วนึงครับ"

 

    คายัคยิ้มมองหญิงสาวที่ก้มหน้ารับเงินและดูประหม่าเล็กน้อย

 

"เก้าสิบบาทค่ะ"

 

    คายัคยื่นแบงค์พันให้

 

"ไม่ต้องทอนครับ" หญิงสาวพยักหน้าทั้งๆที่ยิ้มไม่หุบ

 

      จังหวะที่คายัคหมุนตัวจะไปหาที่นั่ง ขายาวกลับหยุดชะงักแล้วหันหลังกลับมาใหม่ เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ คายัคโน้มตัวไปใกล้พลางท้าวแขนถามพนักงานสาว แต่ไม่วายส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้คนที่ยังยืนตัวแข็งอยู่

 

"เอ่อ!...ขอโทษนะครับพี่ ผมขอถามอะไรหน่อย ผู้ชายที่ยืนอยู่ในเคาน์เตอร์น่ะ ไม่ทราบว่า มีแฟนรึยังครับ?" ทำเป็นถามพนักงาน แต่เสียงดังขนาดนั้น ใครๆก็ได้ยิน

 

     หญิงสาวหน้าหดเหลือสองนิ้ว หุบยิ้มแทบไม่ทันที่เด็กหนุ่มหน้าหล่อกลับแสดงความสนใจพี่ทัชจนออกนอกหน้า ฟากอินทัชยืนเงียบ แค่เห็นรอยยิ้มทะเล้น อินทัชก็อยากร้องไห้ ไม่คิดว่าเขาจะได้เห็นเจ้าของรอยยิ้มนี้เร็วกว่าที่คิดไว้

 

"มะ...ไม่มีค่ะ พี่ทัชยังไม่มีแฟนค่ะ" หญิงสาวตอบหน้าเจื่อน และแล้วคายัคก็ยิ้มกว้าง

 

"ถ้างั้นนนนนน........"  ลากเสียงยาว ก่อนส่งสายตาพราวเสน่ห์และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อาทัช

 

"ผมจีบนะ"

 

      ไม่รอคำตอบ คายัคเดินอมยิ้ม หมุนตัวไปหาที่นั่งที่ว่าง ใกล้กันนั้น มีโต๊ะหญิงสาวหลายโต๊ะที่มองมาพยายามจะส่งยิ้ม แต่คายัคไม่สนใจ

 

     เพราะเวลานี้ คนที่เขาสนใจ คือ อาทัชคนเดียว

 

     ไม่นานที่เจ้าของร้านนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ขณะที่คนอายุมากกว่าทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นทักทายยังไง หวังจะเดินกลับไปตั้งหลัก ทว่า คายัคคว้าข้อมือไว้ก่อน

 

"บอกชัดขนาดนั้นว่าจะ 'จีบ' ยังไม่คิดให้โอกาสผมได้นั่งคุยซักหน่อยหรอครับ? คุณเจ้าของร้าน"

 

     ได้ยินคนปล่อยมุกทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อินทัชชะงัก และตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งทั้งๆที่น้ำตาคลอ เขานั่งเงียบเพราะยังตื้นตันใจไม่หายที่คายัคกลับมาหากัน

 

       คนเด็กกว่าแต้มยิ้มหวานละมุน พร้อมดึงมืออาทัชมาวางไว้บนตักของตัวเอง   

 

"ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ?...หรือว่าลืม 'ตัวน้อย' คนนี้ไปแล้ว เฮ้อ! เสียใจจังเลย"

 

      แกล้งเล่นละคร ทำหน้าเศร้าสลด ส่วนอินทัชใจสั่น หวั่นไหว บีบกระชับมือคายัคที่จับเขาอยู่

 

"มะ...ไม่ลืม"

 

"แล้วเงียบทำไมครับ? อ้อ! อาทัชเขินลูกค้าหรอ? ปะ...ถ้างั้นเราขึ้นห้องกัน"
ยิ้มพร้อมมัดมือชกด้วยการจูงมือให้อาทัชลุกขึ้นยืน จนลูกค้ารายอื่นที่สนใจในตอนแรกต่างทำหน้าเสียดาย

 

    พออาทัชยืน คนที่จับมือก่อนหน้าก็เปลี่ยนไปโอบเอวคนอายุมากกว่า เดินไปหาพนักงานสาว

 

"พี่คนสวยครับ ผมฝากร้านหน่อยนะ"



     หญิงสาวมัวแต่ยืนเขินอายม้วนต้วนที่ได้ยินคำชม จนไม่รู้ตัวเลยว่าสองคนนั้นเดินลับตาขึ้นห้องด้วยกันไปแล้ว

 

      ปิดประตูห้องนอนไม่ทันไร คายัคดันร่างอาทัชจนแผ่นหลังติดบานประตูแล้วประกบจูบ ขบกัดริมฝีปาก ล่างด้วยความมันเขี้ยว ก่อนที่จะดูดเม้มริมฝีปากบน-ล่างอย่างละมุน แล้วผละออกมาลูบแก้มคนอายุมากกว่า

 

"เป็นอะไรครับ? โกรธผมหรอ? ผมขอโทษ ผมผิดเอง ที่ตอนนั้น ผมไม่พยายามเข้าใจอาทัชเลย"

 

     ไม่ใช่ไม่อยากพูด แต่มันพูดไม่ออกมากกว่าและสิ่งที่ไม่อยากให้มันออกมา กลับเป็นน้ำตาที่ไหล   

 

"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ ผมกลับมาแล้ว ผมขอโทษ ดีกันนะครับ อาทัช" คายัคใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลไม่หยุด

 

"คายัคจะทิ้งอาไปอีกไหม?"
 

"ไม่แล้วครับ"

 
"ก่อนหน้านี้ ผมเอาแต่ใช้อารมณ์จนตัดสินใจอะไรวู่วามไปหน่อย ผมขอโทษนะที่แต่ก่อน นึกถึงแต่ความต้องการของตัวเอง จากนี้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว"

 

"ครับ"

 

      อินทัชที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อกลับชะงักค้าง เมื่อเด็กหนุ่มที่ยืนแนบชิดร่าง กลับย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว หยิบพวงมาลัยกลีบกุหลาบอันสวยสดงดงามออกมาจากกระเป๋าคาดอก พร้อมก้มกราบแทบเท้าคนที่คายัคยังจงรักและภักดีเสมอ

 

"ผมขอโทษกับเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา อาทัชยกโทษให้ผมได้ไหมครับ?"



      นึกไม่ถึงว่าคายัคจะทำแบบนี้ อินทัชตัวชาวูบวาบ ใจเต้นตึกตัก ตึกตัก รู้สึกเซอร์ไพรส์และกระอักกระอ่วนในเวลาเดียวกัน เพราะลึกๆแล้ว เขาเองก็มีส่วนผิดที่ทำร้ายหัวใจคายัคเหมือนกัน

 

      อินทัชรีบย่อตัวลงตามพลางกุมมือคายัคที่ถือพวงมาลัยไว้

 
"คายัค อาไม่เคยมองว่าคายัคผิด คายัคจะขอโทษอาทำไม? อาเองที่ผิด ผิดมาตลอด"

 
"ผมว่าเราก็ต่างผิดด้วยกันทั้งคู่ ผิดที่ไม่เคยฟังและเข้าใจอะไรให้ดีจริงๆ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับมันผ่านมาแล้ว แต่ตอนนี้ อาทัชยกโทษให้ผมได้ไหม?"

 

"ครับ ครับ แล้วคายัคล่ะ?"
 

"ผมยกโทษให้ครับ ผมคิดถึงอาทัชมากนะ"

 

"เหมือนกัน อย่าไปไหนอีกนะ"

 

"ครับ ผมสัญญา"

 
"คายัค"

 

"ครับ?"

 

"ไม่ต้องจีบหรอก เป็นแฟนกันเลยก็ได้"


      ขำคนที่เพิ่งจะรับมุกคายัคที่แซวไปตั้งแต่สั่งเครื่องดื่ม

 
"ฮ่าๆๆ ถ้างั้น ผมกลับมานอนที่นี่ถาวรแล้วนะ "



"มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะคายัคมีแฟนอยู่บ้านหลังนี้นี่ "

 

"ฮ่าๆๆ อาทัชครับ ระวังคำพูดบ้าง เดี๋ยวผมจะอดใจไม่ไหวเอานะ"

 

"ก็ไม่ต้องอดสิ เดี๋ยวก็อึดอัดแย่หรอก"

 

       ระเบิดหัวเราะเสียงดัง ทำไมอาทัชถึงเป็นคนยั่วได้เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ แล้วมีหรือที่คายัคจะปฏิเสธก็ต้องทำตามอย่างห้ามไม่ได้

 


 

 

.......................

 

 
        หลังจากที่เมื่อคืนทั้งคู่ได้สานความรัก ความผูกพันให้แนบแน่นหลังจากที่ห่างหายกันไป ยามสายของวันถัดมา อินทัชรีบบึ่งไปโรงพยาบาลทันทีทราบเรื่องจากพี่ชายว่า แม่เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องจากท้องเสียมีอาการถ่ายเหลวรุนแรง และมีไข้ขึ้นร่วมด้วย

 

       ถึงโรงพยาบาล อินทัชและคายัคมุ่งตรงไปห้องพิเศษ คายัคตื่นเต้น มือชื้นเหงื่อ เขาพยายามใจดีสู้เสือ เพราะไม่รู้ว่าถ้าแม่อาทัชเห็นเขาจะทำหน้าอย่างไร

 

        อรรพนพที่นั่งเฝ้าแม่อยู่ก่อน พอเห็นทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง ก็ทักทายนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว

 

       เพียงเห็นคุณย่ามีใบหน้าซีดเซียว นอนซมบนเตียงคนไข้ ที่แขนมีเข็มปักอยู่พร้อมสายน้ำเกลือระโยง

ระยางและอุปกรณ์อื่นๆข้างเตียงก็นึกสงสาร คายัครู้ดีว่า ถ้าไม่ป่วยไข้ ก็คงไม่มีใครอยากเข้า-ออกโรงพยาบาลมากนักหรอก

 

      พออาทัชทัก คุณย่าก็ลืมตาขึ้นมามอง คายัคยกมือไหว้สวัสดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสุดฤทธิ์

 
"แม่ครับ นี่คายัคครับ เป็นแฟ../ สวัสดีครับ คุณย่า ผมเป็นหลานของอาทัชครับ"

 

      คายัคพูดกลบทับทันทีและยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มหวาน ฟากอินทัชขมวดคิ้วมองหน้าคายัค ก่อนจะละสายตาหันไปหาแม่ของเขา

 

"แม่เป็นไงบ้างครับ ผมเพิ่งรู้เมื่อเช้าเลยรีบมา"

 

"ดีขึ้น"


    เธอตอบลูกชายด้วยเสียงเบาหวิวอย่างคนไร้เรี่ยวแรง และดูเหมือนเธอพยายามจะขยับตัวหยิบแก้วน้ำที่โต๊ะข้างเตียง คายัคเห็นรีบถลาตัวไปแล้วเอ่ย

 
"เดี๋ยวผมหยิบให้นะครับ"

 
     คายัคประคองร่างมารดาคนรักให้กึ่งนั่ง กึ่งนอน ถือแก้วน้ำมาจ่อตรงปากค่อยๆยกขึ้นทีละนิด

 

    มารดาของอินทัชแตะข้อมือคายัคส่งสัญญาณว่าพอ จากนั้น คายัควางแก้วแล้วประคองเธอให้นอนลงตามเดิม

 
"คุณย่าอยากได้อะไรบอกนะครับ ผมหยิบให้"

 

     เธอพยักหน้ารับ ก่อนถาม


"จำไม่ได้ หลานใคร?"

 
"พ่อของผมเป็นเพื่อนสนิทอาทัชครับ พอพ่อผมตาย อาทัชก็รับเลี้ยงต่อครับ"

 

     มารดาของอินทัชรับฟังอย่างไม่หือ ไม่อืออะไร เธอส่งสายตามองข้ามไหล่คายัคไปหาอินทัชที่ยืนประกบอยู่ข้างหลัง

 
     อินทัชแอบยิ้มที่คายัคพยายามใส่ใจและดูแลแม่ของเขาเป็นพิเศษ พอเห็นแม่มองมา อินทัชจึงถามเพิ่ม

 

"เห็นพี่นพบอกว่าต้องรอดูอาการ ช่วงนี้ ผมมานอนเฝ้าแม่ได้นะครับ"

 

"อืม"


     คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วด้วยความฉงน คราวก่อน ที่แม่เคยพูดถึงคายัคทำนองเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของคายัคและอาทัชว่าเป็นอะไรกัน สรุปแล้วแม่รู้อะไรมากกว่านั้นจริงๆหรือเปล่า?

 
       เพราะตั้งแต่ที่ทั้งสองเข้ามาในห้อง มารดานิ่งเฉย ไม่มีผลักไสหรือไล่ให้คายัคและอินทัชกลับไป แต่ครั้นจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก็ไม่มีวี่แววเช่นเดียวกัน
 

"ผมว่าไม่เกินสองวัน คุณย่าก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแน่ๆ แต่คุณย่าต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง"

 

     เห็นทุกคนเงียบ คายัคจึงโพล่งอย่างไม่อยากให้อึดอัด เด็กหนุ่มบอกพร้อมยิ้มสู้ อย่างน้อยรอยยิ้มที่ให้ไปก็ต้องทำให้คุณย่าใจอ่อนบ้างล่ะน่า...

 

     เสี้ยววินาทีนั้น อินทัชเห็นแม่น้ำตาคลอ

 

"มานี่หน่อย"
เธอเรียกเด็กหนุ่มให้เข้าไปใกล้ คายัคชะงัก ก่อนจะโน้มตัวไปหาคุณย่าที่นอนอยู่ จู่ๆ มารดาของอินทัชยกมือลูบแก้มคายัคโดยไม่พูดอะไร

 

     อยู่ในห้องนี้ สิ่งเดียวที่ช่วยได้ คือ รอยยิ้ม ตั้งแต่มา คายัคยังยิ้มไม่หุบเพื่อข่มความกลัวข้างใน

 

      คนที่ดูเหมือนเป็นส่วนเกินอย่างอินทัชเอียงคอมองมารดาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก อ่านไม่ออก แต่มือของเธอก็ยังจับแก้มคายัคอยู่อย่างนั้น

 
     ทางฝั่งคายัคเองยิ้มพร้อมพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน

 
"อาทัชบอกผมว่า อีกไม่กี่วันก็ถึงวันเกิดคุณย่าแล้ว ถ้าถึงวันนั้น ผมชวนคุณย่าไปทำบุญที่วัดได้ไหมครับ?"

 

     เธอพยักหน้า ก่อนจะลดมือลงไว้ข้างตัวและบอกไล่อินทัชและคายัคให้ออกไปจากห้อง อย่ารบกวน เพราะเธอจะนอนต่อแล้ว

 

"ถ้างั้นเดี๋ยวผมมาเฝ้าแม่คืนนี้แทนพี่นพนะครับ"

 

    ไม่ได้ต้องการคำตอบ แค่บอกให้มารดารู้ก็เท่านั้น

 
     อินทัชเดาใจไม่ถูกว่า สรุปแล้ว แม่เขารู้สึกยังไงกันแน่...แต่จากที่เห็น ก็พอเดาสถานการณ์ได้ว่า ก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด...

 
     อินทัชขอให้พี่ชายเฝ้าแม่ต่อ ก่อนจะขอตัวไปหาอะไรรองท้อง เพราะยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า

 

     ตอนนี้ ทั้งคู่สอดตัวเข้ามาในห้องโดยสารเรียบร้อย กระทั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล

 

"ทำไมถึงไม่ให้อาแนะนำว่าเป็นอะไรกันครับ?"



"คุณย่าไม่สบายอยู่ ถ้าเผลอพูดอะไรกระทบจิตใจก็แย่ลงกว่าเดิม อีกอย่าง ผมว่าเรื่องของเรา ถ้าคุณย่ายังรับไม่ได้ก็เก็บไว้เป็นความลับก่อนก็ได้ครับ"

 

"ขอบคุณที่เข้าใจอานะ"

 

"ด้วยความยินดีครับ อ้อ...อาทัชครับ ถ้าเรากินข้าวเสร็จแล้ว แวะห้างได้ไหม? ผมอยากลองไปเดินดูของขวัญให้คุณย่าน่ะ"

 

"น่ารักนะเรา"

 

"อยากได้ลูกเขา ต้องเอาใจหน่อย"
 

"ก็ได้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?"

 

"ฮ่าๆๆ โอ้ย...ก็อาทัชเป็นซะอย่างนี้" 

 

    อินทัชก็เริ่มอายเหมือนกันที่พูดอะไรออกไปให้เด็กมันได้แซว ฟากคายัคหยุดหัวเราะพลางจับมืออาทัชที่ว่างยกขึ้นมาจุมพิตที่หลังมืออย่างแผ่วเบา

 
    ทั้งสองต่างสบตาและยิ้มให้กันเมื่อรู้ว่าสัมผัสนั้น เต็มไปด้วยความรัก ความจริงใจที่มีให้กันไม่เปลี่ยนแปลง

 
      มองคนขับรถที่อมยิ้มก็ยิ้มตาม คายัคไม่รู้หรอกว่า การได้พบเจออาทัช มันเป็นเรื่องของความบังเอิญหรือโชคชะตาที่ลิขิตไว้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คายัคก็ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เหวี่ยงอาทัชให้มาเจอและรักกันกับเขา

 
       และเรื่องที่เกิดขึ้น คายัคได้ข้อคิดว่า อดีตที่ผ่านมา คือ บทเรียน จากนี้ต่อไป คายัคจะนำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาปรับปรุงและแก้ไขตัวเอง เขาจะต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อและไม่ปล่อยมืออาทัชไปอีก เพราะคายัครู้ใจตัวเองดีแล้วว่า

 
      คนที่คายัคจะใช้ชีวิตคู่ด้วยทั้งในปัจจุบันและอนาคตมันต้องเป็น...คนนี้ คนเดียวเท่านั้น...

...เพื่อนพ่อ...

อินทัช ตันตระกาลกูล

.

.

THE END


.......................................................


จบลงด้วยดี...ใจหาย...คงคิดถึงคายัคกับอาทัชแน่ๆเลยเรา... :mew6: :mew6: :mew6:
.
จากใจ
ขอบคุณนักอ่านขาจร ขาประจำ หรือใครก็ตามที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน คอยช่วยให้กำลังใจคายัคในระหว่างทางแห่งการเติบโต ได้มีตักเตือน เตือนสติตัวละคร และช่วยเสนอมุมมองความเห็นต่างๆ-นานา มันมีค่ามากจริงๆค่ะ อ่านไปก็ยิ้มไป คล้ายคนบ้าอะนะ .^^.  :man1: :man1: :man1:
.
จากนี้ หวังใจว่า เราคงได้เห็นนักอ่านไปแวะเวียนนิยายเรื่องใหม่ของ rinyriny กันนะคะ ถ้าอัพเรื่องใหม่แล้ว ไปทักทายกันบ้างนะคะ.. :กอด1: :กอด1: :กอด1:
..
ขอบคุณค่ะ..
..


.
.
นิยายเก่าของ rinyriny

1. นิยาย ..*ขอผมได้รัก*..
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0)

2. นิยาย ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0)

3. นิยาย +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0)

4. นิยาย  ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.30)


**และเรื่องใหม่ค่ะ**

 นิยาย ||*..--+--..*คนที่สาม*..--+--..*||


  https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68271.0   (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68271.0)
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 17.3 || 24-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-08-2018 22:28:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

ค้างคากับพฤติกรรมของแม่อาทัช

แต่ก็นั่นแหละดู ๆ แล้วน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว

ที่เหลือก็ไปเรื่องของจินตนาการที่จะถักทอร้อยเรียงเหตุการณ์ต่อไปกันเอง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17 ||จบ|| 24-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-08-2018 22:33:49
คายัคโตแล้วจริงๆดีใจกับความรักของทั้งคู่ 
 
หวังว่าจะมีตอนพิเศษออกมาให้อ่านพอได้กระชุ่มกระชวยบ้างนะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17 ||จบ|| 24-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 25-08-2018 03:04:42
จบลงด้วยดี  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17 ||จบ|| 24-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-08-2018 13:20:39
ลงเอยด้วยดี ดีใจ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17 ||จบ|| 24-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-08-2018 05:49:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่17 ||จบ|| 24-8-18 ||P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 28-08-2018 18:50:44
เป็นเรื่องที่บีบหัวใจมากเลยอ่ะ
ตอนสุดท้ายสงสารน้องวาวมากๆ​
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 01-10-2018 17:13:12
เพื่อนพ่อ ตอนพิเศษ ยอมรับ





 

"อ้ะ อ้า อาทัชครับ เจ็บ ลึกไป"




        ยามนี้ใบหน้าแดงจัดของคนหล่อชื้นเหงื่อเนื่องจากคนรักกำลังกระแทกกระทั้นแก่นกายแข็งจัดเข้ามาจนสุดโคน สาเหตุที่คายัค ต้อง ยอม 'รับ' อยู่ตอนนี้ มันมาจากความ 'หึงหวง' ของคนอายุมากกว่า

 

"อาชอบครับ ทำให้ไม่ได้เหรอ? ซี้ดอ่า"

 

   ย้อนกลับไปยังต้นเหตุของการมาร่วมรักกันภายใต้ห้องนอนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี

.

.

.

 

"มีอะไรหรือเปล่า ตุ๊กตา?"
  บัดนี้ คายัคเรียนอยู่มหาฯลัยแล้ว เขาเป็นนักศึกษาระดับชั้นปีที่สอง



     ชายหนุ่มกำลังถามเพื่อนร่วมห้องที่นัดมาเจอ ณ บ่ายแก่ๆของวันสุดท้ายในการสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัย

 

"เราชอบคายัค"
เธอก้มหน้า ห่อไหล่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่มั่นใจ เพราะกลัวในคำตอบ

 

"เราขอโทษนะตุ๊กตา เรามีแฟนแล้ว"


 

"คายัคมีแฟนแล้วหรอ?"
นิสิตสาวเงยหน้ามองเพื่อนด้วยแววตาแดงก่ำ ปากสั่นระริก เธอผิดหวังเพราะไม่คิดว่า คายัคจะมีแฟนแล้ว เนื่องจากคายัคไม่เคยแพร่งพรายเรื่องส่วนตัวให้ใครได้รู้ ทุกวันที่คายัคมาเรียน เขาเล่น คุยเฮฮากับเพื่อนก็จริงๆแต่ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ 

 

"ใช่ เราคบมานานแล้วล่ะ และไม่เคยคิดนอกใจด้วย"

 

    ได้ยินดังนั้น เธอยิ่งเสียใจหนักกว่าเดิม ดูเหมือนว่าคายัคจะรักแฟนมากจนเธอชักอิจฉา นึกอยากเป็นคนนั้น คนที่คายัคได้ดูแลและเอาอก เอาใจ

 

         ฟากคายัคมองเพื่อนในกลุ่มก็รู้สึกสงสาร แม้คายัคอยากหาคำพูดมาถนอมน้ำใจ เพราะกลัวเธอร้องไห้ แต่คายัคก็มาตระหนักได้ว่า การพูดความจริง คือ สิ่งที่ดีที่สุด

 

        ตั้งแต่ที่คายัคและอินทัชปรับความเข้าใจกันได้ ทั้งสองก็มีแต่เพิ่มเติมความรักไม่มีขาด และไม่เคยมีเรื่องราวให้กวนใจจนทะเลาะกันใหญ่โต ส่วนใหญ่ที่ทะเลาะมักเป็นเรื่องเล็กๆหยุมหยิมให้ปะทะฝีปากกันบ้างบางคราว อย่างเช่น คายัคตื่นแล้วไม่ชอบพับผ้าห่ม, ร่วมรักกันถี่เกินไป หรือไม่ก็ มีคนแอบมองคายัคบ้าง อินทัชบ้าง ก็แอบบ่น แอบงอนเล็กน้อย นับว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไร ก็ถือเป็นสีสันในชีวิตให้ไม่จืดชืดเกินไป

 

     ส่วนเรื่องมารดาของอินทัชก็ดูจะคาดหวังในตัวลูกชายน้อยลง ไม่มีพูดถึงการอยากได้หลาน หรืออีกนัยหนึ่ง มารดาของอินทัชชอบอก ชอบใจในตัวคายัคจนหลงพอสมควร หลังจากที่อินทัชพาไปหาที่บ้านบ่อยๆ คายัคเริ่มรู้จักการป้อนคำหวานใส่คุณย่าแถมทำตัวน่าเอ็นดู จึงไม่แปลกที่คนแก่จะได้ปลื้มกับเด็กที่ออดอ้อนเอาใจและมีสัมมาคารวะ ถึงแม้ว่า ตอนนี้ คายัคและอินทัชยังคงต้องปกปิดความสัมพันธ์ที่แท้จริง แต่เพียงเห็นแม่มีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมันก็เป็นสัญญาณที่ดี

 

    หลังจากย้อนคิดเรื่องความรักของเขาสองคน คายัคก็หลุดยิ้มออกมาจนตุ๊กตาสังเกตเห็นแอบสบตามองด้วยแววตาเศร้า

 

    เมื่อเห็นเพื่อนในกลุ่มยืนร้องไห้ที่ไม่สมหวังกับความสัมพันธ์ คายัคจึงดึงตุ๊กตามาใกล้เพื่อปลอบใจ

 

     ชายหนุ่มค่อยๆลูบเรือนผมหญิงสาวช้าๆ แล้วกดตาลงต่ำมองคนตัวสั่นระริก เอียงหัวมาซบหน้าลงที่อก

 

"ขอโทษนะที่เราทำให้ตุ๊กตาไม่สมหวัง"

 

"ฮืกกฮืออ...เราเข้าใจคายัค เราเข้าใจ น่าอายจัง เราไม่น่าพูดมันออกมาเลย"

 

"น่าอายตรงไหน? ดีซะอีกที่ตุ๊กตาพูดออกมา อย่างน้อยก็ถือซะว่า ได้ทำในสิ่งที่ใจสั่งให้ทำไง อย่าคิดมากนะ"


 

   ตุ๊กตารู้สึกเสียดายที่เธอมาช้าไป คายัคทั้งหล่อ น่ารัก นิสัยดี มีอารมณ์ขันและยังเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นี่แหละคือ คุณสมบัติที่ตุ๊กตาหลง จนเผลอแอบรัก เพื่อนตัวเอง...

 

      หญิงสาวช้อนตามองเพื่อนในอ้อมกอดอันอบอุ่น เธออยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆจัง

 

"คายัคจะไม่เลิกเป็นเพื่อนกับเราใช่ไหม?"

 

"ทำไมต้องเลิกเป็นเพื่อนล่ะ ตุ๊กตาก็แค่มีความรู้สึกเกินเลยที่เผลอชอบเรามากกว่าเพื่อน แต่ตุ๊กตาไม่ได้เป็นโจรไปฆ่าใครสักหน่อย อย่าคิดมากน่า"


 

     ยิ่งคายัคพูดแบบนี้ ตุ๊กตาก็ยิ่งจะทวีความรักไปอีก คายัคน่ารักในสายตาตุ๊กตาเสมอ...

 

      แม้ว่าคายัคจะมีแฟน แต่ถ้าหลังจากนี้ ตุ๊กตาจะขอแอบรักข้างเดียวอย่างนี้ไปเรื่อยๆจะได้ไหม?

 

       ขณะที่หญิงสาวยืนคิดในใจ เธอชะงักและใจเต้นแรงเมื่อชายหนุ่มก้มหน้าลงมาด้วยรอยยิ้มพร้อมใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้เธอ

 

      คายัคอ่อนโยนกับเธอจริงๆ...จังหวะที่หญิงสาวก้มหน้างุดเพราะใจสั่นกับสิ่งที่คายัคทำ

 

         ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากระยะไกล...

 

"คายัคครับ"



        คายัครีบหันขวับไป เขาสะดุ้งเฮือก ตกใจที่เห็นคนรักจ้องเขม็ง

 

"ฉิบหายย!!!!"


 

       สบถในลำคอ อาทัชรู้ได้ไงวะ? ว่ากูอยู่ใต้ตึกนี้...

 

      คนที่กำลังปลอบใจเพื่อนที่ผิดหวังจากการแอบรักเพื่อน ยืนหน้าซีดเผือก

 

       นี่กูกลายเป็นคนกลัวแฟนไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?...

 

"อะเอ่อ ตุ๊กตา อย่าเครียดนะ เรากลับก่อน ไปล่ะ"

 

          ไม่ต้องรอให้ตุ๊กตาตอบรับ ชายหนุ่มก็วิ่งไปหาอาทัชที่ยืนกอดอกรออยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล...พอเห็นคายัคเดินไป อาทัชก็นำไปที่รถโดยไม่พูดไม่จา จนกระทั่งทั้งสองสอดตัวเข้ามาในรถยนต์ได้แล้ว คายัคถึงหาเรื่องชวนคุยด้วย

 

"อาทัชมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกผมเลยครับ"

 

"หวานดีเนอะ"


 

        กลืนน้ำลายเอื้อกๆที่เห็นใบหน้าแต้มยิ้ม แต่ทว่า แววตาที่มองมาช่างแสดงออกอย่างตรงกันข้าม

 

"โธ่อาทัชอย่าประชดสิครับ พอดีเพื่อนมีปัญหาครอบครัว ผมเลยรับฟังและปลอบใจไป"

 


"งั้นเหรอ? แล้วคายัคอยากมีปัญหาครอบครัวเหมือนเขาไหม?"   

 

      เจอประโยคนี้เข้าไป เหมือนมีเวทมนตร์เสกคาถาให้วิญญาณจะหลุดออกจากร่างยังไงไม่รู้

 

"อ่า รักกัน รักกันนะ ที่รักของผม" 
คายัคบอกอย่างเอาใจแล้วโถมตัวไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ ยื่นหน้าไปใกล้และงับดึงริมฝีปากล่างอาทัชช้าๆ หยอกเย้าเพลิดเพลิน ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเล็มเลียทั่วกลีบปากสีสด มือเรียวก็ล้วงเข้าไปยังกางเกงในควานหาส่วนกลางลำตัวอันอุ่นร้อนที่เริ่มตอบสนองด้วยการแข็งขืน

 

"อย่า ไม่มีอารมณ์"

 

"อาทัชครับ ของแบบนี้ มันโกหกไม่ได้หรอกนะ แข็งขนาดนี้"

 

"คายัคปล่อยครับ อาจะขับรถ ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ"

 

   ได้ยินน้ำเสียงเข้มไม่มีหยอกล้อ คายัคจึงปล่อยมือ แล้วขยับตัวมานั่งดีๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยง้อต่อตอนถึงบ้านก็ได้

 .

.

.

.

"ต้องทำยังไง ถึงจะหายโกรธกันครับ? ฮึ บอกผมซิ"

 

       ยามนี้คนที่เดินขึ้นมาบนห้องกำลังง้อคนอายุมากกว่าสุดฤทธิ์ คายัคสวมกอดอาทัชจากด้านหลัง ทั้งยังขบเม้มใบหูพร้อมกระซิบเสียงแผ่ว

 

 

"ยอม 'รับ'.."

 

"ยอมรับอะไรครับ? ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย"


 

"ยอมเป็นฝ่าย...รับ..."


 

           ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่เพราะรักถึงยอม

 

           และจุดนั่นเอง จึงเป็นที่มาของเสียงครางที่กล่าวไปก่อนหน้า



          กลับมายังปัจจุบัน ที่ชายสองคนเปลือยกายร่วมรักกันอย่างสุขสันต์ 

 


กึกๆๆ

 

        ยามนี้ ขาเตียงกระทบกับพื้นห้องจนก่อเกิดเสียงกึกกักดังพร้อมกับแรงสั่นจากการเด้งสะโพก โยกรัวเร็วไม่มียั้ง เพราะอินทัชกำลัง...

 

          พรวด..

 

         ของเหลวสีขาวขุ่นพวยพุ่งออกมาจนเลอะหน้าท้องของคายัค ร่างกายอินทัชกระตุกเกร็ง ก่อนที่เจ้าตัวจะโถมตัวลงไปนอนทาบทับคนใต้ร่างเพื่อประกบริมฝีปากเข้ากับปากสีสด ดูดเม้มอย่างรุนแรง ตามมาด้วยปลายลิ้นที่สอดลึกเข้าไปด้านใน เกี่ยวกระหวัดจนแทบจะหยุดหายใจ จากนั้นอินทัชก็ผละ...

 

      ยกยิ้มชอบใจที่คนรักยอมตามใจ มองใบหน้าหล่อเหลาที่โตเป็นหนุ่มและอะไรหลายๆอย่างของคายัคก็โตตามวัยจนคนที่มีโอกาสได้สัมผัสคายัคตั้งแต่เด็กจนโตก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลง

 

"เพราะรักถึงยอมรู้ไหม? อาทัชอย่าโกรธผมอีกเลยนะ"



"ไม่แล้วครับ ไม่โกรธแล้ว อารักคายัคมากที่สุด"

 


"ดีครับ ผมไม่ยอมแล้วนะ เจ็บ..."
มองชายหนุ่มบ่น อินทัชจึงก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากเบาๆ ก่อนถามต่อ

 

"เจ็บอย่างเดียว ไม่เสียวเลยเหรอ?"


 

      คายัคไม่ตอบแต่จุดรอยยิ้มมุมปากและส่งสายตาไปยังส่วนกลางลำตัว อินทัชเห็นดังนั้น ก็ส่ายหน้าน้อยๆพลางอมยิ้ม ก่อนจะเคลื่อนตัวลงไปยังปลายเตียง ใช้ปลายลิ้นแตะส่วนปลายสีสด วนไล้ช้าๆแล้วช้อนตามองคายัค ...

 

       ยกยิ้ม ก่อนถามคนรักอีกครั้ง...

 

"เสียวบ้างหรือยัง?"

 

"อ้าปากแล้วกินของผมก่อนสิครับ ผมถึงจะบอก"


 

     ก็ไม่คิดหรอกนะว่าพอคบกันไป คายัคจะกล้าพูด กล้าขออะไรมากกว่าเมื่อก่อน... แต่ไม่ว่า คายัคจะขออะไร อินทัชก็ไม่เคยปฏิเสธอยู่ดี ยามนี้ คายัคถึงกัดปาก หลับตาพริ้ม เมื่ออาทัชอ้าปากรับแก่นกายที่ขยายขนาดและแข็งจัดกลืนกินมันเข้าไปทีละนิด ทีละนิดจนสุดโคน...

 

     จากจุดนั้นเอง ฉากเลิฟซีนสุดสยิวก็เริ่มขึ้น....และดูเหมือนว่าจะเป็นฉากที่คู่รักต้องใช้เวลาเล่นบทรักนี้กันนานหลายชั่วโมงเสียด้วย



............................................


แต่งตอนพิเศษเพราะรู้สึก

 คิดถึงจึงมาหา.. ง่าาาา
คิดถึงคายัคและอาทัชมาก น้องโตแล้วววววว...
..อย่างที่รู้ๆกันอะเนอะ ...อาทัชไม่เน้นรับ ทั้งหมดทั้งมวลที่ร่วมรักกันก่อนหน้า เพราะใจรักคายัคล้วนๆเลยค่า...
ถ้าคิดถึงอีกก็จะแต่งอีก
ขอบคุณทุกความเห็นและขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ.
:mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 01-10-2018 19:00:55
ฉันว่าอาทัชหาเรื่องกินคายัค 555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-10-2018 17:45:34

คายัคทำใจเถอะ ถ้ามีครั้งแรกแล้วต้องมีครั้งต่อๆไปแน่นอน55555

 :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-10-2018 21:18:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ  ก็ผลัดกันรุกผลัดกันรับไป  ชีวิตคู่จะได้ยั่งยืนถาวร

ยอมบ้างไม่ยอมบ้าง  จะได้มีสีสัน
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-10-2018 07:16:40
งุ้ยยยย น่าร้ากกดด
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-10-2018 12:46:24
มีความเปิดซิง
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 03-10-2018 15:09:38
คิดถึงเหมือนกันเลย ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-10-2018 15:52:29
 :katai2-1: อิจฉาคนเค้ารักกันค่าคู้น หวานละมุน พอหน่วงก็ทำให้เราน้ำตาซึมได ขอบคุณมากๆค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 07-10-2018 03:15:45
คิดถึงคู่นี้มากๆ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 08-10-2018 21:46:25
 o13
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:42:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนที่ 12|| 21-7-18 ||P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 29-01-2021 02:33:07
     อินทัชไม่รู้ต้องทำยังไง เขามีเวลาตามหาเด็กหนุ่มแค่ช่วงเวลาปิดร้านเท่านั้น แถมกรุงเทพฯก็ตั้งกว้าง มีตั้งหลายเขต อินทัชจนปัญญาและนึกไม่ออกว่าคายัคจะพักที่ไหน
โง่ ไปหาที่โรงเรียนก็จบมั้ย
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 29-01-2021 20:47:14
เป็นเรื่องที่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆของตัวเอก จริงๆคือดีมาก ชีวิตจริงก็คงเป็นประมาณนี้  :pig4: o13
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 31-01-2021 11:38:19
ตอนพิเศษคืออร๊ายยยยยยย  :oo1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 09-02-2021 06:20:07
 :haun4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 09-03-2021 06:56:52

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 12-03-2021 02:25:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 22-05-2021 04:55:08
งอแงทั้งอาทั้งหลาน  น่ารักสุดๆๆ ครับบ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 31-05-2021 23:33:47
โคตรดีอะครับ จบดีมากๆ
ตอนคายัดปีนขอบปูน คือจะหยุดอ่านแล้วนะ
มันหน่วงความรู้สึกมากๆ
แต่คิดว่าคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น
ประทับใจมากๆเลยครับ
ผมมั่นใจว่า ผมต้องกลับมาอ่านซ้ำแน่นอนเลย
ชอบมากๆเลยครับ
 :m25: :z1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 03-06-2021 15:13:34
สนุกมากกกกกกกก ยิ้มแก้มปริเลยค๊าบบบบ
ขอบคุณคนเขียนนะค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-06-2021 23:33:42
 :pig4: :pig4: :pig4: