*...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8  (อ่าน 45073 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หืมมมม  เกิดอีหยังละทีนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

วาวคือใครหว่า  ลืมไปแระ  ขี้เกียจย้อนกลับไปอ่าน

ใช่สาวน้อยที่ถูกคลุมถุงชนที่เป็นทอม(หรือดี้หว่า)หรือเปล่า?

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
พายุเข้าเบาๆ​ อาทัชลากน้องคา​ยัค​ไปฟังด้วยกันนะ​ ช่วยกันคิดช่วยกันวางแผน

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
นาวเบิร์น เบบี้เบิร์นนนน  :ling2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
วาวไหนเหมือนกัน จำไม่ได้

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ตายยยยยยยยแล่ววววว
ดราม่ามาจ่อที่คอ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

 บทที่ 16 ช้ำ(2)









"......"

 

 

[พี่ทัชยังอยู่ในสายหรือเปล่า? อย่าเงียบสิคะ วาวไม่ได้พูดเล่นนะ]

 

 

ตื้ด

 

     กดปุ่มวางสาย และวางลงบนเตียง ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ



    ความรู้สึกยามนี้ ทั้งชา ทั้งหน่วง หนึบแปลกๆ และแล้ว ความเจ็บแปลบปลาบได้แล่นปราดไปทั่วร่างและจู่โจมสู่หัวใจได้อย่างเจ็บปวด รวดร้าว



    ประโยคที่ได้ยิน ช่างช้ำใจเหลือเกิน

    อาทัชจะแต่งงาน? กับใคร?


    แล้วคายัคล่ะ? อาทัชเอาไปเก็บไว้ตรงไหน...


     วินาทีนี้ ดั่งมีอีการุมจิกกินร่างกาย รู้สึกเจ็บช้ำ ทรมานแทบขาดใจ

 

     คายัคเจ็บจนจุก - เจ็บจนพูดไม่ออก



     เด็กหนุ่มมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาที่สะท้อนความเศร้าเสียใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าและแววตาของตัวเอง


      ไม่นานนัก ที่แววตาคู่นั้น แดงก่ำและน้ำตาไหลออกมา

 

 

เพล้ง! โครม!

 

 

       ด้านในห้องนอน อินทัชสะดุ้งลืมตาตื่น ตอนได้ยินเสียงดังลั่นจากที่ใดสักแห่ง พร้อมกันกับโทรศัพท์ส่งเสียงสั่นครืดๆบนเตียง เหลือบมองเครื่องมือสื่อสารที่เป็นเบอร์วาวปรากฏบนหน้าจอ เขาไม่รับ เพราะสิ่งที่สนใจและสำคัญมากกว่า คือ เสียงอันน่ากลัวนั่น


       วิ่งมาเจอต้นตอของเสียง อินทัชช็อคและชะงักงัน ยามนี้ อินทัชใจหวิว แข้งขาอ่อนแรงลงทันทีที่เห็นเลือดสีแดงฉานไหลเป็นทางมาจากมือของคายัค


       มองเลือดหยดติ๋ง ติ๋งลงสู่พื้น ก็หัวใจสั่น วูบโหวง แค่เห็น อินทัชก็เจ็บปวดราวกับว่า เป็นคนบาดเจ็บเสียเอง คนอายุมากกว่าเหลือบมองคราบเลือดที่ติดกระจกแตก-ร้าวขยายเป็นวงกว้าง และตรงอ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยเศษกระจกที่แตกกระจายกลาดเกลื่อน



"คายัคเกิดอะไรขึ้น? ทำร้ายตัวเองทำไม?"



     อินทัชตั้งสติ วิ่งไปจับข้อมือคายัค เปิดก๊อกให้น้ำไหลผ่าน เพื่อล้างแผลไปในตัว

 

"อาทัชหลอกผมทำไม?"

 
"หลอก? อาหลอกอะไรครับ?"



"อาทัชจะแต่งงานแล้วทำไมไม่บอกผมครับ?"


 
กึก!

 

     อินทัชยืนอึ้ง ละล่ำ ละลักบอกอย่างกลัวคายัคเข้าใจผิด

 

"อะ...อาไม่รู้เรื่อง งานแต่งอะไร?"
 

"เลิกโกหกเถอะครับ"
 

"ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะคายัค"




    ถ้าจะให้อธิบายตอนนี้ คงต้องใช้เวลา ดูท่าจะยาว อินทัชจึงรีบพาคายัคไปหาหมอที่โรงพยาบาลก่อน


     ตลอดการเดินทาง ข้างในรถยนต์ อินทัชแทบคุมสติไม่อยู่ เมื่อที่นั่งข้างคนขับเป็นคนรักที่บาดเจ็บแถมร้องไห้ไม่หยุด เสียงร้องสะอื้นทำอินทัชทรมานแทบขาดใจ ครั้นจะเคลียร์ปัญหา คายัคก็คงไม่พร้อมฟัง

 

     ทำไม ทำไม? ต้องเกิดปัญหาขึ้นอีก



     จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล เมื่อคายัคถึงมือหมอ ช่วงที่รอให้หมอตรวจและเอ็กซเรย์ อินทัชโทรกลับไปหาวาว หญิงสาวรับไวผิดปกติพร้อมส่งเสียงร้อนรน



      อินทัชรู้แล้วว่าทำไมคายัคถึงรู้เรื่องงานแต่ง จากนั้น อินทัชฟังวาวเล่าจนจบ และจับใจความได้ว่า แม่ของเธอและแม่ของอินทัชปรึกษากันโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน มิหนำซ้ำยังมัดมือชกทั้งคู่ด้วยการเลือกวันแต่งงานพร้อมจองโรงแรมให้เสร็จสรรพ

 

      สำหรับวัน เวลาที่วาวบอก ทั้งคู่มีเวลาเตรียมตัวเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น



      มือหนากำโทรศัพท์แน่นกว่าเก่าและบอกทิ้งท้ายว่าจะขอนัดเจอวาวทีหลัง


      อินทัชโกรธและไม่พอใจที่แม่ไม่ยอมจบเรื่องนี้ และยังตั้งใจทำลายชีวิตของเขาให้พังไม่เหลือซาก



      สักพักใหญ่ๆ ที่คุณหมอออกมาคุยกับอินทัชว่า คายัคกระดูกหักต้องใส่เฝือกดามไว้และแอดมิทหนึ่งคืน อินทัชตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข


      ในระหว่างที่เจอะคายัค อินทัชพยายามหาจังหวะคุย แต่เด็กหนุ่มก็บ่ายเบี่ยง อินทัชก็ไม่อยากรบเร้า ได้แต่เฝ้าดูอาการอยู่ห่างๆ



      หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่พาคายัคไปห้องพิเศษ อินทัชมองคายัคที่นอนอยู่บนเตียง ไม่มีแม้แต่จะมองหน้ากัน จนกระทั่งพยาบาลและเจ้าหน้าที่คล้อยหลังไป



"คายัคอยากกินอะไรไหมครับ? อาจะไปซื้อมาให้"

 

    เด็กหนุ่มส่ายหน้า

 

"ไม่ได้นะ คายัคต้องกิน"

 

"อะไรก็ได้ครับ"
มองเด็กหนุ่มที่ตอบปัดๆ ไร้การหันหน้ามาสบตา อินทัชกัดปากจนเจ็บ

 

"เดี๋ยวอามานะ"

 

     ว่าจบ ก้มตัวลงไปประทับจูบลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย

 

     หมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วหวังว่าคายัคจะเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

 


 

 

 

     ยามนี้ อินทัชถึงบ้านของตัวเอง เขาทิ้งรถไว้ที่โรงพยาบาล แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาหามารดา



       อินทัชร้อนใจจนไม่สามารถทนเก็บเรื่องราวนี้ไว้ข้ามคืนได้

 

      การมาเจอกันต่อหน้าและเจรจาให้ลงตัวน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด





"ได้ข่าวแล้วสิ ถึงมา" มารดาของอินทัชชะงัก เพราะกำลังจะออกไปข้างนอก ทั้งสองกำลังสวนกันตรงประตูกระจกบานเลื่อน



"คราวก่อน ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะครับ ทำไมแม่ต้องบังคับผมให้แต่งงานด้วย?"


"เพราะฉันเป็นคนคลอดแกออกมาไง และแกคือลูกฉัน?"


"แล้วถ้าผมยอมอกตัญญูล่ะครับ"


 



เพี้ยะ!...

 

"แกจะเหิมเกริมไปแล้วนะ เรื่องแค่นี้ ทำให้ฉันไม่ได้รึไง?"



 

       อินทัชรู้ดีว่า การเถียงผู้มีพระคุณไม่ใช่เรื่องดี แต่การที่มารดาของเขาทำแบบนี้ บอกเลยว่ามันเหลืออด

 

"เรื่องแค่นี้ของแม่ แต่มันคือเรื่องใหญ่สำหรับผม แม่รู้ไหมครับ? ว่าแม่กำลังทำลายความสุขในชีวิตของผม การทำแบบนี้มันบาปนะครับแม่"

 

 

เพี้ยะ!...

 

        ความเจ็บและชาจากการโดนตบหน้าถึงสองคราว ยังไม่เจ็บเท่าการที่มารดาของเขากำลังพรากความสุขในชีวิตไป


"หยุดพูดนะ แกกล้ามาสอนฉันเหรอ? แล้วการที่แกไม่เคยสนธุรกิจครอบครัว หนีไปเปิดร้านบ้าบอนั่นมันดีแล้วเหรอไง?"

 

"......."

 

"ฉันขอแค่เรื่องเดียว แต่งงานกับหนูวาวซะ จะได้มีลูกเร็วๆ"

 

"ไม่ครับ"

 

"แกกล้าขัดคำสั่งฉัน? เฮอะ! ได้....ถ้าแกทำให้ฉันแค่นี้ไม่ได้ล่ะก็อย่าหวังว่าชีวิตแกจะมีความสุขเลย ฉันจะทำให้คนรอบตัวแกรวมถึงเด็กที่อยู่กับแกไม่มีความสุขด้วย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะอินทัช"

 

    แม่กำลังบีบให้อินทัชไม่มีทางเลือกจึงใช้การข่มขู่เอาคนใกล้ตัวที่อินทัชรักมาให้เขายอมจำนน

 

"ทำไมแม่ทำกับผมแบบนี้"

 

"รู้แล้วนี่ว่ามีเวลาไม่มาก เตรียมตัวให้ทันแล้วกัน"
มองมารดาเปลี่ยนเรื่องและเดินผ่านหน้าอย่างไม่สนใจ ใยดี ว่าลูกชายจะรู้สึกอย่างไร


   อินทัชพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าออกช้า-ช้า และเดินทางกลับไปยังโรงพยาบาลให้ไวที่สุด

 
     หลังจากได้รู้ข่าวร้าย แต่ละก้าวที่ขยับเดินกลับหนักอึ้งเหมือนมีหินมาถ่วงไว้ อินทัชเดินได้เชื่องช้ากว่าทุกที ลึกๆข้างในก็เสียใจและอึดอัดที่ทำอะไรไม่ได้เมื่อคนที่ทำร้ายชีวิตเขา เป็นมารดาของตัวเอง

 

     ถึงหน้าห้องพิเศษ มือที่กำลูกบิดประตูกลับอ่อนแรง อินทัชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา เปิดประตู เห็นคายัคนอนหลับไปแล้ว ขณะที่เดินพ้นตัวห้องน้ำ ถึงเห็นใครอีกคนนั่งตรงโซฟา

 

"สา"


"สวัสดีค่ะ พี่ทัชไปไหนมาคะ?"


"เอ่อพี่ไปซื้อข้าวให้คายัคน่ะ"

 

     เขาวางอาหารไว้โต๊ะข้างเตียง เดินกลับมานั่งที่โซฟาใกล้สโรชาที่นั่งอยู่

 

"นี่หลานเพิ่งหลับไปเมื่อกี้เองค่ะ สาต้องรีบให้แฟนขับรถมาส่ง ตอนได้ยินเสียงคายัคโทรมาพูดไม่เป็นภาษาเลย เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย พอสามาถึง เห็นหน้าหลานแล้วก็สงสาร ทำไมคายัคต้องทำร้ายตัวเองคะ? ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?"


 

ฟึ่บ!

 

    ที่ผ่านมา อินทัชต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งมาตลอด แต่เวลานี้ อินทัชก็ไม่ไหวเหมือนกัน เขาโผกอดสโรชาอย่างคนไม่เหลือมาด 

 

"พะ...พี่ทัชเกิดอะไรขึ้นคะ?"


"พี่กับคายัคเป็นแฟนกัน"


 

       และแล้วเรื่องที่ควรเก็บไว้เป็นความลับกับน้องสาวแฟนเก่าก็ถูกเปิดเผย


       เป็นเรื่องน่าอาย นอกจาก คบหาดูใจกับลูกชายของอดีตคนรักแล้ว ยังมีหน้ามาบอกน้องสาวเขาอีกต่างหาก

 

"พะ....พี่ทัช"



"พี่ขอโทษนะสา ที่พี่ไม่สามารถเป็นแค่ผู้ปกครองของคายัคได้ พี่มันแย่ที่เผลอรักคายัคแบบอื่น"


"ใจเย็นๆนะคะ พี่ทัชไม่ผิดหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ สาไม่สนว่าพี่จะรักหลานสาแบบไหน? แต่แล้วทำไม เรื่องมันถึงเป็นแบบนี้คะ?"




"เราทะเลาะกัน เพราะพี่จะแต่งงาน"


 

     สโรชาดันอกออกห่างแล้วเปลี่ยนมาจับแขนอินทัช


"อะไรนะคะ?"


      จากนั้น อินทัชเล่าเรื่องคร่าวๆให้เธอฟัง และช่วยย้ำให้ช่วงนี้ สโรชาหมั่นมาหาคายัคบ้าง เพราะอินทัชอยากให้มีคนมาช่วยเป็นกำลังใจให้คายัคไม่แย่ไปกว่านี้



      หลังจาก สารู้ก็ยินดีทำตามความต้องการของพี่อินทัชทุกอย่าง สโรชาอยู่ได้ไม่นาน อินทัชก็ไล่เธอกลับเนื่องจากอินทัชนอนเฝ้าคายัคเองได้



      ณ เก้าอี้ริมเตียงผู้ป่วย มีชายหนุ่มนั่งจับมือไม่ปล่อย และสายตาเอาแต่จ้องมองร่างคนรักที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน เนิ่นนานเหมือนกันกว่าคายัคจะตื่น อินทัชลุกพรวด


"อาสาล่ะครับ"


"อาเป็นคนบอกให้สากลับไปเองครับ"



       ไม่ชอบที่คายัคเป็นแบบนี้เลย

 

       คายัคไม่โมโห ไม่อาละวาด ไม่ก้าวร้าว ไม่เย็นชา แต่...คายัคเศร้า...



        มองเด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง อินทัชรีบเอ่ย

 

"คายัค ฟังอานะ เรื่องงานแต่งอาโดนแม่บังคับ อาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น"

 
"......"

 
"อาจะนัดวันไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น คายัคไปกั..บ...."


"พอเถอะครับ ผมไม่อยากฟัง"




      อินทัชอยากจะอธิบายต่อ แต่เขาต้องหุบปากฉับไปครู่หนึ่ง เมื่อแก้มเนียนอาบด้วยน้ำตาอีกครั้ง

 

      ยามนี้ คนรักของอินทัช ตาบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก เขาโน้มทั้งตัวไปโผกอดแนบแน่น



"อย่าเข้าใจอาผิดนะ อาไม่ได้...."


"ทำไมอาทัชต้องพูดอีก ผมบอกแล้วว่าไม่อยากฟัง ผมขอนอนก่อนแล้วกันครับ"

 

        ทั้งๆที่คายัคเพิ่งตื่น แต่เด็กหนุ่มก็เลี่ยงที่จะไม่คุยกัน

 

       ยอมผละแล้วถอยออกมามองเด็กหนุ่มที่ไถลตัวลงนอน



        มองคนหลับทั้งน้ำตา แล้วใจกระตุก อินทัชฝืนกลืนก้อนน้ำตา กัดริมฝีปากล่างที่สั่นระริก โน้มตัวไปจุมพิตที่หางตาราวกับซับน้ำตาคนรัก พร้อมเอ่ยคำแน่นหนักให้คายัคได้รู้ก่อนเด็กหนุ่มจะเข้าสู่ห้วงนิทรา



"อาไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว คายัคเป็นคนสุดท้ายที่อารักนะ"






.......................................................

     

1. 5555 ขอตอบสำหรับคอมเมนท์นะคะ วาวมีบทน้อยค่ะ อาจจำไม่ค่อยได้ วาวที่มีแฟนเป็นทอม นัดเจออินทัชที่ร้านกาแฟ ตอนนัดดูตัว แล้วที่อินทัชพาภูมิไปเจอด้วยค่ะ


2. ตอนนี้ น้องคงเหนื่อยแล้ว

งื้อออ! ใจหาย เข็นหนูคายัคมาใกล้ถึงฝั่งแล้วค่ะ ตอนหน้าก็จบแล้วจ้า  :man1: :man1: :man1: :man1:
อีกนิดเดียวเท่านั้น!!
มาลุ้นและช่วยเป็นกำลังใจให้น้องคายัคและคนเขียนกันด้วยน้า งื้อออออ  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:


3. อิอิ!! เพิ่งกลับไปเปิดนิยายเก่า ขอบคุณคนอ่านนิยายเรื่องนี้ที่กลับไปอ่านและคอมเมนท์นิยายเก่าเรานะคะ



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

rinyriny
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2018 21:45:33 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นแม่ประสาอะไรกัน?

บังคับลูกให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองต้องการ

ถามหน่อยเหอะ  รักลูกบ้างหรือเปล่า?


ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
สงสารทั้งคู่
เป็นแม่ที่ใจร้ายจริงๆ
 :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ไปโดดน้ำที่สะพานรักสารสินกันดีไหม

ชวนคู่ไอ้วาวไปด้วย

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตอนหน้าจบ? จบยังไงอะคะ 5555555555 จบไวนี่คิดดีไม่ได้เลยนะคะ  :m15:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อื้อหือ อาทัช ทำไมอุปสรรคเยอะแท้

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

 บทที่ 17  เพื่อนพ่อ (ตอนจบ)










 

       วันต่อมา



        หลังจาก จัดการธุระเสร็จสิ้น และถึงเวลาที่คายัคได้ออกจากโรงพยาบาล ทั้งสองก็มาถึงที่รถเพื่อเดินทางกลับบ้าน

 

        มองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหยเกก็สงสาร คายัคคงเจ็บแผลพอสมควร 



        รถเคลื่อนตัวไปไม่ทันไร เด็กหนุ่มก็โพล่งขึ้น



"อาทัช พาผมไปส่งที่ห้องนะครับ"



"วันนี้เราจะนอนที่ห้องคายัคกันเหรอ?"

 

"ไม่ใช่เรา แต่เป็นผมคนเดียวครับ"




"คะ...คายัค เราไม่ควรห่างกันตอนมีปัญหานะ อาจะไปนอนด้วย"

 
"อาทัชครับ ผมไม่รู้แล้วว่าผมต้องทำตัวยังไง? อาทัชไปเคลียร์ตัวเองก่อนเถอะครับ เวลานี้ ผมขออยู่คนเดียวก่อน"





       หากเปรียบเป็นกราฟ ชีวิตความรักของทั้งสองเหมือนเส้นกราฟแบบฟันปลาขึ้นๆ-ลงๆอย่างนี้มาตลอด จนบางที คายัคก็ปรับตัวไม่ทัน ดังนั้น ประโยคที่พูดออกไป คายัคไม่ได้ใช้อารมณ์ ไม่ได้พูดด้วยความโกรธ แต่พูดด้วยความเหนื่อยใจมากกว่า



       ฟากอินทัชใจหายวาบ รู้สึกถึงเค้าลางไม่ดีที่คายัคพูดออกมาแบบนั้น



"คายัค อาขอร้อง อยู่ด้วยกันนะ"


"ถ้าอาทัชไม่ไปส่งผม ผมกลับแท็กซี่ก็ได้ครับ"

 

"คะ...ครับ อาไปส่งแล้ว อาไปส่ง" 
รีบละล่ำละลักบอก และน้ำตาก็รื้นขึ้นมา อินทัชขับไปก็กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไปด้วย

 

     ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะระหว่างการเดินทาง อินทัชไม่มีโอกาสพูดเพื่อปรับความเข้าใจ เพราะคายัคหลับ ซึ่งเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มแค่แกล้งนอน เพื่อหนีปัญหา ยามนี้ ภายในห้องโดยสารจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด กระอักกระอ่วน



     แหละเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการมาถึงจุดหมายปลายทางสร้างความเจ็บปวดสุดๆ เพราะต้องเดินทางมาส่งคนรักให้ห่างจากตัวเอง เมื่อรถจอดสนิท หันไปเห็นคายัคลืมตา เมื่อรู้ว่าถึงห้องพักของตัวเอง

 

     ใจวูบโหวงทันที แค่เห็นอีกฝ่ายปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย อินทัชทำใจไม่ได้รีบก้มลงปลดของตัวเองบ้าง


     แต่ทันใดนั้น...

 
"อย่าคิดตามผมมาเลยครับ ผมอยากอยู่คนเดียวจริงๆ"

 
"คายัค"

 

"อาทัช ผมรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของเรามันมีแต่ความเจ็บปวดมากกว่าความรักยังไงไม่รู้ ขอเวลาให้ผมได้คิดหน่อยนะครับ"

 

      อินทัชควรเคารพความเป็นส่วนตัวของคนรัก ด้วยการปล่อยให้คายัคได้อยู่คนเดียว แต่บอกเลยว่า พูดง่าย แต่ทำยาก



"แล้วพรุ่งนี้ อาจะมารับคายัคที่ห้องนะ"

 

"อย่าเพิ่งเลยครับ เราห่างกันสักพักก่อนดีกว่า"

 

"......" อินทัชถึงกับพูดไม่ออก นั่งตัวแข็งทื่อ

 

       ก่อนลง คายัคยังมิวายทำให้หัวใจที่วูบโหวงก่อนหน้า กลับเต้นแรงขึ้นอย่างคนมีความหวังอีกครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มโน้มตัวมาจูบปาก


      ไม่ใช่แค่ริมฝีปากแตะกัน แต่มีการใช้ปลายลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัด รัดรึงเรียวลิ้นอีกฝ่าย



       จูบลึกซึ้งที่มีความหวานผสานไปกับความเศร้า คละเคล้าด้วยรสเค็มจากหยาดน้ำตา


      อยากจูบกันให้นานกว่านี้ แต่เป็นคายัคเองที่ผละออกก่อน คายัคสบตาอาทัชพร้อมเกลี่ยน้ำตาให้อาทัช

   

"ผมไปก่อน ขับรถดีๆนะครับ"

 

      ประตูรถปิดลงแล้ว เป็นสัญญาณของความเจ็บปวด ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัยรถ ก่อนจะฟุบหน้าลงอย่างคนหมดแรง


      อินทัชได้แต่ภาวนาว่า


      การห่างของคายัค คือ ห่างเพื่อทบทวนตัวเอง ไม่ใช่ห่างเพื่อเลิกกัน



      เขาหวังว่า มันจะเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นจริงๆ...

 




.......................

 

 


       เป็นเวลาสามวัน ที่อินทัชห่างจากคายัค เขาโทรง้อให้คายัคกลับมานอนด้วยกันแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะคายัคบอกยังไม่พร้อม



      ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก



       ปัญหาเก่ายังเคลียร์ไม่เสร็จสิ้นดี ยามนี้ อินทัชจึงนัดคุยกับวาวก่อนจะไปลองชุดวิวาห์หลังจากนี้



       การเปิดเผยตัวตนอย่างชัดแจ้งว่าชอบผู้ชาย ไม่ได้ส่งผลให้แม่เข้าใจอะไร กลับยังยัดเยียดให้อินทัชแต่งงานให้ได้

     

       ยามนี้ อินทัชนัดคุยกับวาวที่ร้านกาแฟบริเวณใกล้เคียงร้านตัด-เช่าชุดวิวาห์ อินทัชอยากคุยให้รู้เรื่องว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับการแต่งงานถ้าทั้งสองมีความเห็นตรงกันว่าจะแต่งงาน ก็ไปลองชุดกันต่อ แต่ถ้าไม่ ทั้งสองก็แยกย้ายกลับบ้าน



     ไม่นาน วาวก็เดินทางมาถึง เพียงแค่เห็นหน้าวาวเศร้าและกังวล ก็ดูรู้ว่าข้างในลึกๆก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน



     ทั้งสองไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา เข้าเรื่องสนทนาว่า ต่างฝ่าย ต่างรู้สึกอย่างไร? กับเรื่องที่โดนบังคับให้แต่งงานด้วยกัน



      สาเหตุหลักที่แม่ของทั้งสองคะยั้นคะยอ จับแต่งงานให้ได้ มันมาจาก ผู้ใหญ่ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่า วาวเป็นผู้หญิงน่ารัก ว่านอนสอนง่ายและนิสัยดี ส่วนอินทัชก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดี นิสัยก็ใช้ได้ ไม่เจ้าชู้ และมีความรับผิดชอบสูง ในเมื่อผู้ใหญ่คิดว่า ทั้งสองเหมาะสมกันและโตพอที่จะมีครอบครัว การร่วมหอลงโรงกัน เพื่อมีลูก-มีหลานก็คงถึงเวลาอันสมควร...



      ฟากวาวเล่าว่า เรื่องการแต่งงานที่จะเกิดขึ้น แฟนวาวรู้แล้ว และก็บอกว่ารับได้ ได้ฟังอย่างนั้น อินทัชดีใจแทน และอยากให้คู่ของเขาเป็นแบบวาวบ้าง แต่ดูแล้วท่าจะยาก เพราะความสัมพันธ์ของอินทัชตอนนี้ จะออกหัว-ออกก้อย ก็ยังไม่รู้เลย



      เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญจึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว การแต่งงานที่ไม่มีใจให้กัน ยิ่งต้องคิดถี่ถ้วนเป็นสองเท่า ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ทั้งสองระบายความรู้สึกและพูดให้เข้าใจความต้องการของทั้งคู่



    ได้ข้อสรุปว่า...



     ทั้งสองจะแต่งงานกัน เพื่อทำตามความต้องการแรกของมารดาทั้งสอง ปัญหาจะได้จบสิ้น



     แต่...

 

"วาว พี่ขอโทษนะที่เห็นแก่ตัว ถ้าเราแต่งงานกันแล้วพี่อยากหย่าให้เร็วที่สุด ใกล้วันหย่า เรามาคุยถึงเหตุผลกันอีกทีว่าจะบอกกับพ่อแม่ยังไง? แต่วาวจะรับได้ไหม? หากคนมองว่าคบไม่นานก็เลิกกัน"

 

"วาวไม่แคร์เลยค่ะ จะแต่งแค่ห้า-หกเดือนแล้วหย่าก็ไม่มีปัญหา ก็ดีนะคะ วาวจะได้บอกแฟนด้วย คิดซะว่าอย่างน้อย ก็ถือว่าได้ทำเพื่อพ่อ-แม่แล้ว"



"ครับ พี่อยากให้คายัคเข้าใจแบบแฟนวาวจัง"

 

"อันที่จริง วาวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าเขาจะรับได้จริงอย่างปากว่าไหม? แต่ถ้าเขาบอกว่ารับได้ วาวก็เชื่อค่ะ ส่วนน้องคายัค วาวภาวนาให้น้องเขาเข้าใจนะ หรือจะให้วาวช่วยคุยกับน้องเขาไหมคะ?" วาวพูดอย่างเป็นห่วงเพราะเธอรู้เรื่องคายัคหมดแล้ว



"อย่าเลยครับ เดี๋ยวคายัคจะเข้าใจผิด คิดว่าเตี๊ยมกันมาอีก"



"พี่ทัชดูรักน้องเขามากจริงๆนะคะ"




      อินทัชยิ้มบางๆ


"พี่แสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ?"


"ใช่ค่ะ พูดถึงน้องกี่ครั้ง แววตาพี่ทัชดูเป็นประกายมากเลยค่ะ"




      ใช่...อินทัชรักคายัคมาก รักจนสัญญากับตัวเองแล้วว่าคายัคจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตจริงๆ



       แต่เพราะ ความกตัญญูมันค้ำคอ อินทัชต้องทำเพื่อความจำเป็น ทำเพื่อหน้าที่ของคำว่า 'ลูกชาย' เพื่อแม่จะได้สบายใจ



"อาจเป็นเพราะเวลาที่พี่ได้อยู่กับคายัค พี่ไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่เลย มันมีแต่ความสุข สนุก สบายใจ ทั้งๆที่ บางที คายัคก็มีทำให้พี่ปวดหัวบ้าง บ่นบ้างนะ แต่ไม่รู้สิ พี่รับได้และมองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิบปีที่พี่อยู่กับคายัคมา เราไม่ค่อยทะเลาะกันและพี่เครียดน้อยมากเลยนะ เพิ่งจะมีช่วงนี้ที่หนักหน่อย วาวรู้ไหม? ถ้าไม่เจอเรื่องนี้ พี่ไม่มีทางรู้เลยว่า พี่จะรักคนๆหนึ่งได้มากขนาดนี้ พี่รู้แล้วว่าพี่ขาดคายัคไม่ได้"



        มองคนเล่าความหลังด้วยแววตาเปี่ยมสุขพลางน้ำตาคลอ ได้แต่ขนลุกแล้วจะร้องไห้ตาม เธอสัมผัสถึงความรักที่พี่อินทัชมีให้คายัคจริงๆ



"พี่ทัชพอเถอะ วาวฟังแล้วจะร้องไห้ วาวสงสารพี่ทัชจัง วาวเป็นกำลังใจขอให้น้องคายัคเข้าใจพี่นะคะ"



"เช่นกันนะวาว"


"ถ้างั้นเราไปลองชุดกันเถอะค่ะ เล่นละครให้มันจบๆไป"



"ครับ"



       เหลือเพียงแค่การลองชุดวิวาห์และถ่ายพรีเวดดิ้งที่ทั้งสองต้องทำ เนื่องจากรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การ์ดงานแต่ง ของชำร่วย ฝ่ายผู้ใหญ่ก็จัดการให้เรียบร้อย โดยไม่เคยถามสักคำว่า อยากดีไซน์การ์ดแบบไหน? โทนสีอะไร?


      ความรู้สึกนี้ ไม่ต่างกับการเป็นหุ่นเชิดที่คนสั่งทำอะไรก็ทำ ขัดขืนไม่ได้

 
      ทั้งสองลองชุดวิวาห์ด้วยอาการเอื่อยๆ ขนาดพนักงานยังดูออกว่า ทั้งคู่ดูเหมือนไม่เต็มใจจะแต่งงานกัน ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความทุกข์ระทม ทำให้พนักงานจะแนะนำอะไรก็ดูกระอึกกระอัก ทำตัวไม่ถูก


      ไร้รีเฟอรเรนซ์เป็นตัวอย่าง ไม่มีภาพชุดวิวาห์อยู่ในหัว ดังนั้น ยามนี้ทั้งสองต่างลองชุดแล้วเปลี่ยน ลองแล้วเปลี่ยนอยู่อย่างนั้น เพราะคิดว่าลองชุดไหนก็ไม่ถูกใจสักที


      จนกระทั่ง ทั้งสองต้องตัดสินใจเลือกเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เมื่อลองชุดเสร็จพร้อมจัดการธุระเรียบร้อย อินทัชแยกกับวาว สอดตัวเข้ามาในรถ ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เขาโทรหาคายัคอีกครั้ง

 

"คายัคครับ อาไปหาคายัคที่ห้องได้ไหม?"

 

[ผมไม่ได้อยู่ห้อง ผมออกมาคุยงาน อาทัชคุยทางโทรศัพท์เลยก็ได้ครับ]

 
"แต่อาอยากไปเจอ"

 

[ตอนนี้จะเจอหน้าหรือคุยทางโทรศัพท์มีค่าเท่ากันครับ]

 
"คายัค อาขอร้อง เจอกันเถอะ"

 

[สรุป อาทัชต้องแต่งงานไหมครับ?]

 

        ไม่คิดว่าคายัคจะตัดบทและเข้าประเด็นหลักเร็วกว่าที่คิด

 
"คายัค ฟังอาก่อน คือ อาจำเป็นต้องแต่งงาน แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะแต่งในนามเพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ สักพักค่อยหย่า"

 

[......]

 

"คายัคกับอาก็ยังคบกันได้เหมือนเดิม"

 

[อาทัชต้องแต่งเพื่อความสบายใจของแม่แล้วอะไรอีกครับ?]

 
       อินทัชเงียบ

 
"....."

 
[แบบที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกันบ่อยๆ คือ การแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น แบบพ่อ-แม่-ลูก ใช่ไหมครับ?]

 
"คะ...คือ..."

 

[ถ้างั้น เราเลิกกันเถอะครับ]




        ต่างฝ่ายต่างรักกัน แต่แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้



"คายัค ไม่..ไม่..ไม่เอาแบบนี้ อาขอร้อง อาขอโอกาสอีกครั้ง"

 

[ผมไม่ไหวแล้วครับ ที่ผ่านมา ผมทุ่มและรักอาทัชมากจนไม่คิดเผื่อใจ พอเจอเรื่องนี้เข้าไป ผมเจ็บครับ เราจบกันแค่นี้เถอะ แต่ผมสัญญานะว่าจะกลับไปหาแน่นอน แต่คงกลับไปในฐานะหลานของอาทัชคงดีกว่า]

 

"ไม่! ไม่! ไม่นะ...อาอยากคบกับคายัคต่อ ขอร้อง ได้โปรดเถอะ...อย่าเป็นแบบนี้ อย่าเลิกกันเลยนะ โธ่!....ฮึกฮือออ"
ตอนนี้ อินทัชพูดวนแต่คำเดิมๆ ซ้ำๆพร้อมปล่อยโฮอย่างคุมสติไม่อยู่



      อินทัชทำใจไม่ได้จริงๆ ถ้าคายัคจะไปจากกันอีกครั้ง



[อาทัช.....] เรียกอินทัชแต่กลับเงียบนาน จนกระทั่ง เสียงละมุนเอื้อนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง



[ไม่ร้องนะ]



      ทั้งๆที่มันเป็นแค่คำพูด แต่อินทัชกลับรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นซ่อนอยู่จนพูดไม่ออก



     อย่าเลิกกันเลย ได้โปรด...


      อยากพูดแต่พูดไม่ออก มันจุกอยู่ในลำคอ จนได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้


"......"


[ผมต้องคุยงานแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ]

 
      มองโทรศัพท์หน้าจอตัวเองที่ดับมืดก็นั่งมึนเบลอ สองมือปิดหน้า ปิดตาร้องไห้ สักพัก ก็ได้ยินเสียงข้อความพร้องแสงสว่างวาบ


      ข้อความที่คายัคส่งมา เขาอ่านทุกตัวอักษรอย่างตั้งใจ อ่านจนจบก็ยิ่งร้องไห้หนักจนหยดน้ำตา หยดร่วงแหมะ แหมะ แหมะลงบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารที่เปิดข้อความค้างไว้


 "ฮะฮึก ฮะฮือออออ ฮึก"



....

...'แต่งงานวันไหน? บอกผมด้วยนะครับ ถ้าผมทำใจได้แล้วผมจะไป

ผมว่าอาทัชต้องเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อมากแน่ๆ

เสียใจเหมือนกันที่คนข้างๆอาทัชในวันสำคัญกลับไม่ใช่ผม

แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็มีความสุขและดีใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน

ขอบคุณที่รักผมนะ'...


....

 


 
***1.1***



1. มีนักอ่านถามว่า จบยังไง? - จบดีค่า ฮ่าๆ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

2. ตอนจบมี 3 พาร์ทนะคะ มันยาวยัดให้จบเลย   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
rinyriny

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2018 20:08:22 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

้ค้างคามากที่ตอนจบดันแบ่งออกเป็น  3 parts

คายัคคิดอะไรอยู่  จึงไม่เข้าใจคำว่า แต่งหลอก ๆ?

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ถ้าแค่บทตรงนี้  ก็มองว่า คายัคเป็นคนประเภท ไม่สู้อุปสรรค และมุ่งหวังแค่ประโยชน์และความสุขตน

จะไม่มองว่าเพราะนี่เป็นประเด็นแค่ชายรักชาย ทำให้คายัคเลือกจะตัดบทอาแบบนี้..  เพราะคำว่าชายรักชายนี่ อยู่ที่ไหนในโลกทุกคนก็รู้ว่าต้องมีอุปสรรค... ย้อนกลับไปที่บทที่1  ในเมื่อทุกคนบนโลกรู้ว่าชายรักชาย ต้องมีอุปสรรค  แล้วคายัค(เสือก) อยากเข้าเอาอาตัวเอง ทำไม?... นี่คือคำถาม
ถ้าไม่มีความอยากลอง sex ของคายัคในบทที่ 1   ฉากจบในวันนี้จะเห็นอินทัชแต่งงานกับใครสักคนตามคำสั่งของแม่ ไม่เจ็บปวดขนาดนี้ การแต่งงานอาจยืดยาวจนมีลูกได้ เพราะความผูกพันรักฉันท์ชายชายยังไม่แนบแน่น ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา

เด็กมันโตแล้ว  หาเงินเองได้ พึ่งตัวเองได้ เอากับใครอีกกี่คน มีรักใหม่อีกกี่คน มันก็หาได้ ชายหญิงก็เอาได้หมด... ที่่ผ่านมา  คือพลาดเสียตัว เสียใจให้เด็กที่ฮอร์โมนแรงมันเอา
เจอเด็กมันตอบมาแบบนี้ให้จบ  ถ้าเป็นเราก็จะปล่อย  ร้องไห้เสียใจบ้างแต่ก็อย่านาน  อย่าไปฟูมฟายกับมัน เพราะมันไม่เห็นค่า  จบก็คือจบ

คำว่ารัก  บางทีก็เป็นแค่คำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้เกิดการยึดติด  สมหวังก็มีความสุข ผิดหวังก็มีทุกข์... ไม่มีรักเลย  ก็ไม่ต้องมีความสมหวัง/ผิดหวัง

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
มันเป็นเรื่องของมุมมองแต่ละคนอะว่ารับได้ถึงไหน ฝั่งคายัคก็คือรับความสัมพันธ์ที่อินทัชต้องไปแต่งงานไม่ได้ ส่วนฝั่งอินทัชก็ขัดคอแม่ไม่ได้ ถ้าจะเบลมคายัคก็ไม่ถูกอะเพราะอินทัชไม่ได้สู้เรื่องของความรักตัวเองกับครอบครัวขนาดนั้น ก็ยอมๆมาตลอด เอาจริงถ้ายอมถึงขนาดแต่งงานด้วยกันได้แล้วคนเป็นแม่สั่งมาว่าอยากได้หลานนี่นึกอยู่ว่าจะปฏิเสธแม่ตัวเองเป็นไหม  ส่วนคายัคก็ยังเด็กอยู่อะ เหมือนเป็นรักแรกคงไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงต้องรับมือยังไง ต้องเข้าใจอีกฝ่ายแบบไหนให้ไม่เจ็บ  :hao4:  เอาเถอะอันนี้มันจะอาจเป็นความรักที่ผิดที่ผิดเวลาก็ได้  อินทัชก็เหมือนจับปลาสองมืออะ จะเอาทั้งความสัมพันธ์ให้อยู่รอดจะต้องเอาใจแม่อีกด้วย ทำไม่ได้หรอกถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เข้าใจเราขนาดนั้น ฝ่ายตัวเองก็ไม่ใช่ว่าเข้าใจความเสียใจอีกฝ่ายดีซะเมื่อไหร่  :m15:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ใจเต้นรัวเลย
เริ่มหงุดหงิดคายัค แต่ก็เข้าใจน้องด้วย
สงสารอาทัช
โอ๊ย หน่วงไปหมด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มันมีตั้งหลายวิธีทั่ทำให้ไม่ต้องแต่งงาน อิทัชคือผู้ชายที่หัวอ่อนมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

ตอนที่ 17 เพื่อนพ่อ (ตอนจบ) 2

   






       ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนที่คายัคไม่ติดต่ออาทัชเลย ตั้งแต่รู้วันที่อาทัชจะแต่งงาน นับจากวันนี้ ก็ไม่ถึงสัปดาห์ที่พิธีวิวาห์จะเกิดขึ้น 



      อยากไป...แต่ก็กลัวเจ็บจนร้องไห้ออกมาท่ามกลางงานมงคลสมรส



      นาฬิกายังคงเดินหมุนไป แต่หัวใจยังเจ็บซ้ำๆอย่างเดิม จนถึงป่านนี้ คายัคก็ยังทำใจไม่ได้ ทุกวันที่ไปโรงเรียนก็แทบไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนหนังสือ เพื่อนๆที่ล่วงรู้ความจริงต่างสงสารคายัค ทุกคนได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจเพราะคายัคซึมเศร้าและอาการหนักมากกว่าตอนผิดหวังครั้งแรก เรื่องที่คายัคเจอมาช่างสาหัส สากรรจ์สำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดจริงๆ



     วันนี้ เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน...



     ผู้คนต่างวัย ต่างหากิจกรรมและความบันเทิงเพื่อผ่อนคลาย บ้างก็สังสรรค์ ปาร์ตี้ บ้างก็พาแฟนไปดินเนอร์ มื้อค่ำสุดหรู บ้างก็รวมกลุ่มกันบ้านเพื่อน เล่นเกมส์ เล่นบาส ดูบอล กินเหล้าเคล้านารีกันไป



     เช่นเดียวกับคายัคที่มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน

 

    หลังเลิกเรียน คายัคขลุกตัวอยู่แต่ในห้างสรรพสินค้า เขานำชุดลำลองมาเปลี่ยนที่ห้องน้ำ จากนั้นก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อย กินข้าว นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้านกาแฟที่เด็กหนุ่มนั่งเหม่ออยู่คนเดียวเงียบๆ



    เขานั่งเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม



    ใกล้เวลาห้างสรรพสินค้าปิด เด็กหนุ่มเดินไปลานจอดรถ ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ตรงพื้นที่สูบบุหรี่



     หมดมวนแรก คายัคก็จุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นสูบ เนิ่นนานเหมือนกันที่เด็กหนุ่มนั่งสูบบุหรี่ไป สายตาของคนหมดอาลัยตายอยากก็มองเหม่อไปอย่างไร้จุดหมาย ภายนอกเหมือนคนนั่งเฉยๆไม่คิดอะไร แต่ข้างในมีเรื่องราวเต็มหัว



     เรื่องราวของอาทัช



     ไม่ใช่แค่อาทัชหรอกที่บอกว่าจะมีคายัคเป็นคนสุดท้าย คายัคเองก็คิดจะมีอาทัชเป็นคนสุดท้ายเช่นกัน

 

     ตอนนี้ คายัคเครียดจนมืดแปดด้าน ในมุมมองของเด็กหนุ่ม ล้วนมีแต่ความไม่เข้าใจ

 

     ไหนว่าไม่รัก ทำไมต้องแต่งงาน?

 

     แล้วทำไมต้องทนทำในสิ่งที่ไม่ได้รัก?

 

     ในเมื่อไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ คายัคก็รับไม่ได้ที่จะต้องเห็นแฟนตัวเองไปคบคนอื่น จึงยอมเดินจากลาความรักอันซับซ้อน ด้วยการเลือกทางออกที่คิดว่ามันจะจบปัญหาทุกอย่างลงได้



      เขารับปัญหาเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว



      ผู้คนที่เคยนั่งสูบบุหรี่อยู่ก่อน ทะยอยลุกไปจนเหลือคายัคแค่คนเดียว

 

     คนที่สูบบุหรี่เหลือเพียงก้นกรอง บี้ลงตรงที่ทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินเอื่อยๆ ไปตรงลานจอดรถที่ไกลออกไป



      สองเท้าหยุดชะงัก เด็กหนุ่มยืนนิ่งก่อนจะวางสองมือลงบนขอบปูน ค่อยๆปีนขึ้นไปยืนตรงขอบ

 

     การยืนอยู่บนระดับความสูงหกชั้นก็มองวิวไกลๆได้ชัดเจนดี

 

    ขาที่เคยแข็งแรง กลับสั่นระริก ดวงตาหม่นหมองพร้อมรอยยิ้มปนเศร้าค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นทาง




"จากนี้ ผมขอให้อาทัชมีแต่ความสุข ผมรักอาทัชนะ"


     บางที การได้ลองโบยบินอิสระเหมือนนกก็คงดีเหมือนกัน

 







.............





 

"ฮะฮึก ฮะฮือออออ ฮึก"

 

     ยามเย็น หน้าเมรุเผาศพ มีผู้คนหลากวัยแต่งกายสุภาพด้วยชุดสีดำ ทั้งยืนสงบนิ่งและยืนร่ำไห้เป็นวรรคเป็นเวร เมื่อเห็นควันสีหม่นล่องลอยออกมาจากปล่องเมรุ



     แขกที่มาร่วมงานต่างอยู่ในอาการเศร้าโศก เพราะผู้ตายอายุยังน้อยและไม่มีใครคิดว่าเธอจะคิดสั้น



    ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของอินทัชก็มาร่วมไว้อาลัยด้วยเช่นกัน อินทัชแหงนหน้ามองกลุ่มควันสีเข้มที่ล่องลอยพลิ้วไหวอยู่บนท้องฟ้า



       ไม่มีน้ำตา แต่ข้างในลึกๆนั้นเศร้าสุดใจ



'พี่ขอให้วาวได้เจอที่ที่ทำให้วาวมีความสุขนะ'

 

      แม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่บอกเลยว่า ความจริงใจ นิสัยดีของวาวทำให้อินทัชมองวาวเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไปแล้ว การที่วาวเสียชีวิต อินทัชเองก็ใจหาย



      เรื่องนี้เกิดขึ้น ก่อนงานแต่งเพียงสองวันเท่านั้น วาวคิดสั้นด้วยการผูกคอตายที่บ้านของตัวเอง โดยทิ้งจดหมายลาตายไว้หนึ่งฉบับ



      จดหมายฉบับนั้น แม่ของวาวได้นำมาให้แม่ของอินทัชได้อ่านด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะโวยวายและมีปากเสียงกันรุนแรง เพราะสาเหตุการตายของวาว มาจากเรื่องงานแต่ง นั่นจึงทำให้แม่ของวาวพาลมาโกรธและโยนความผิดให้แม่ของอินทัชที่เป็นส่วนหนึ่งให้ลูกของเธอต้องฆ่าตัวตาย



     และแล้ว บทสรุปของเรื่องนี้ คือ แม่ของอินทัชและแม่ของวาวตัดขาดการเป็นเพื่อนกันไปโดยสมบูรณ์



     ซึ่งวันที่เพื่อนรักทะเลาะกัน อินทัชเองก็นั่งอยู่ ถึงรู้ว่าเนื้อความในจดหมายเป็นการระบายความรู้สึกเชิงตัดพ้อ ทำนองว่า...



       ชีวิตที่ผ่านมาของวาว เธอยอมทำเพื่อแม่มาตลอด ตั้งแต่การเลือกเรียนในสิ่งที่แม่อยากให้เรียน การไม่มีแฟนตอนเรียนมอปลาย จนมาถึงปัจจุบันที่เธอก็ยังทำตามที่แม่บอก นั่นคือ เรื่องการจับแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก มันเกือบจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ที่ทำไม่สำเร็จ เพราะวาวเกิดอกหักและเสียใจอย่างหนัก เมื่อเธอจับได้ว่า แฟนทอมของเธอที่คบมากว่าห้าปี นอกใจไปมีคนใหม่เนื่องจากรับไม่ได้ที่เธอต้องแต่งงานกับคนอื่น สุดท้ายเรื่องที่แอบคบกับแฟนลับๆก็ถูกเปิดเผยในจดหมายฉบับนี้



      และข้อความสำคัญของวาวที่ทำให้คนอ่านรู้สึกสงสาร และแม่วาวฟูมฟายอย่างหนัก



"ในเมื่อชีวิตหนูแทบไม่ใช่ของหนูเลย ถ้าหนูตายไปคงดีที่สุด จากนี้ แม่ไม่ต้องเหนื่อยกับการบังคับ เจ้ากี้ เจ้าการชีวิตหนูอีกแล้วนะ...แม่จะได้มีความสุขที่หนูไม่ต้องสร้างความลำบากใจให้แม่อีก"


หนูรักแม่นะ

วาว





     เมื่อเจ้าสาวเสียชีวิตก่อนพิธีวิวาห์ ทุกอย่างที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้าได้กลายเป็นศูนย์ (สูญ)



     นอกจากจะสูญเสียค่าใช้จ่ายหลายแสน ยังสูญเสียเวลาที่หมดไปกับการเตรียมงาน สูญเสียมิตรภาพและความสัมพันธ์ รวมไปถึงการสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักอีกด้วย



      สำหรับจดหมายลาตายที่วาวเขียน มีแขกบางคนแอบรู้มาแล้วนำไปพูดกันปากต่อปาก ว่า สาเหตุการตายมาจากการคลุมถุงชน คนบางกลุ่มที่ไม่เคารพครอบครัวผู้ตาย ต่างวิพากษ์ วิจารณ์ว่า เพราะผู้ใหญ่บังคับลูกมากเกินไป จนไร้อิสระการใช้ชีวิตเรื่องถึงเป็นแบบนี้ และเมื่อเรื่องหลุดมาถึงหูมารดาของอินทัชและมารดาของวาว ทั้งสองจึงเริ่มสะกิดใจในสิ่งที่ทำ และอับอายที่ต้องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน



     ความแน่นอนอยู่ตรงไหน?



     ไม่มีใครคาดคิดเหมือนกัน จากตอนแรก ทุกคนจะต้องไปร่วมแสดงความยินดีกันในงานมงคลสมรสอันหวานชื่น กลับกลายเป็นว่า ทุกคนต้องมาร่วมแสดงความอาลัยกันในงานศพแสนเศร้าแทน 



     เมื่อพิธีงานศพเสร็จสิ้น แขกเริ่มทะยอยกันกลับ ครอบครัวของอินทัชจึงเดินไปร่ำลาครอบครัวของผู้ตาย มารดาของวาวยืนอยู่ในอาการเศร้า สลด และตาบวมแดงจากการร้องไห้อย่างหนัก รอบกายเธอมีคนยืนขนาบเพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา



      ตอนอินทัชทัก มารดาของวาวเงยหน้ามอง ฝืนยิ้มให้ ยกเว้นแม่ของอินทัชคนเดียวเท่านั้นที่เธอไม่ชายตามองสักนิด

 

     อินทัชสังเกตว่าแม่ดูหงอยและซึมลงอย่างเห็นได้ชัด แม่อาจจะรู้สึกผิดที่ทำให้คนๆหนึ่งต้องมาตายจากการถูกบังคับให้แต่งงาน เพราะตั้งแต่มีเรื่องนี้ขึ้นมา แม่ของอินทัช ไม่พูดถึงการอยากได้หลานและเรื่องการแต่งงานอีกเลย



     อินทัชก็ขอให้แม่เข้าใจและคิดได้อย่างนี้ไปตลอดแล้วกัน



     ยามนี้ อินทัชได้แยกย้ายกับครอบครัวของตัวเองเพื่อกลับร้านกาแฟ เขาถอนหายใจยาวอย่างคนโล่งใจ ที่หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเรื่อง เหลือเพียงแต่เรื่องของคายัคที่อินทัชได้แต่ทำใจเฝ้ารอตามคำขอของคายัคที่แคนบอกมา



"คายัคฝากให้แคนมาบอกกับอาทัชครับ ว่าไม่ต้องห่วง คายัคสบายดี แต่ขอเวลาให้คายัคได้อยู่คนเดียวอีกหน่อยครับ แล้วจากนั้น คายัคจะกลับไปหาอาทัชที่ร้านกาแฟแน่นอน"

 

     อินทัชเชื่อและมั่นใจว่าคายัคจะกลับมา แต่จะกลับมาในสถานะไหน?  อินทัชก็ยอมหมดแล้วจริงๆ...




****2****



เย้! หมดมรสุมแล้วค่ะ แฮ่ๆ... :monkeysad: :monkeysad:
.
1. หากใครอ่านแล้วพารานอยด์ เซ็ง และหงุดหงิดใจกับที่ผ่านมา ก็อย่าโกรธกันเลย ยกโทษให้ฉันถ้าทำผิดไป แฮ่ๆ...
ดีกัน ดีกัน นะคะ  :man1: :man1: :man1:

2. พาร์ทหน้าจบบริบูรณ์แล้วค่ะ  :mew2: :mew2: :mew2: 

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กลายเป็นวาว ที่ต้องสังเวยชีวิตหรอ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

รับไม่ได้   กับผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว  ชอบบังคับให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ

จนสุดท้าย  ก็เกิดการสูญเสีย  แล้วถึงจะมาคิดได้เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเรียกกลับมาไม่ได้แล้ว

ผู้ใหญ่เฮงซวย

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ไม่ค่อยอินกับความรักของคนทั้งคู่แล้วค่ะ

อา ... แก่ขนาดนี้ ยังจัดการชีวิตไม่ได้
ทำยังกับที่ผ่านมา แบมือขอเงินแม่กิน ถึงได้ยอมแบบไร้แรงต้าน

หลาน ... อารมณ์ทอดทิ้งไปแบบนี้
ไม่เหมือนกับที่เคยรักจะเป็นจะตายเลย
มันขัด ๆ กันเนอะ :mew2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตกใจ!! นึกว่าคายัคฆ่าตัวตาย

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
สงสารวาว
แม่ก็บังคับ แฟนก็ไม่ซื่อสัตย์
ของให้อินทัชกะคายัคได้กลับมารักกันดีๆน้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
นึกว่างานศพของคายัคซะอีก กำลังจะทำใจเลย

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 17 เพื่อนพ่อ (ตอนจบ) 3






    หนึ่งเดือนต่อมา ณ  Intouch Cafe'

 

    ยามบ่ายแก่ๆของวันเสาร์

 

     ดวงตาคู่คมมองร้านกาแฟที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มือเรียวผลักประตูกระจกใส ยิ้มกว้างไปกับทุกก้าวเดิน

 

     เด็กหนุ่มที่เคยน่าเอ็นดู บัดนี้อายุสิบแปดปีบริบูรณ์ คายัคทั้งหล่อเหลา สูง รูปร่างดีมากกว่าเก่า แค่เดินเข้ามาในร้านกาแฟก็มีผู้หญิงแอบมองกันหลายคน

 

     คายัคยังมีชีวิต...ใช่...คายัคยังไม่ตาย...



     ย้อนกลับไปจากวันที่คิดสั้น ในขณะที่เตรียมตัวตาย จู่ๆก็มีคำพูดในอดีตพร้อมใบหน้าของอาทัชลอยเข้าหัว

 

'การเกิดมาของคายัคเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับอามากเลยนะ'

 

      ชะงัก เมื่อเริ่มฉุกคิดว่า การได้เกิดมาเป็นคน มีค่ากว่าสิ่งอื่นใด เขาควรขอบคุณด้วยซ้ำที่ได้เกิดมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแบบนี้

 

      ในขณะที่ยืนชั่งใจอยู่บนขอบปูน ช่วงเวลาเดียวกัน มีพลเมืองดีและพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็น วิ่งกรูกันเข้ามาช่วย ทั้งฉุด ทั้งจับเด็กหนุ่มลากร่างลงมาที่พื้น

 

      จากจุดต่ำสุดของชีวิต เป็นจุดเปลี่ยนให้คายัคลองหาทางออกทางอื่นที่จะช่วยรักษาจิตใจให้ดีขึ้นได้...

 

     การบวชเณร

 

      คายัคตัดสินใจใช้ช่วงเวลาปิดเทอมเล็กเข้าบรรพชาสามเณรที่วัดป่า โดยคายัครบกวนอาสาให้พาไปเนื่องจากต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองด้วย แต่คายัคกำชับอาสาว่าห้ามบอกอาทัชเด็ดขาด

 

       เมื่อต้องอยู่แต่ในวัด จึงไม่ง่ายนักที่จะจับคนดื้อรั้นให้อยู่ในโอวาท และกฏระเบียบของทางวัด โดยเฉพาะการทำกิจของสงฆ์ เป็นอยู่บ่อยๆที่คายัครู้สึกผ้าเหลืองร้อน คิดหนีออกจากวัดหลายครั้ง หลายครา มันร้อนรุ่มทางกายและใจอย่างบอกไม่ถูก จนพระพี่เลี้ยงย้ำว่าให้อดทน ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้แล้วจะดี

 

      และแล้ว การบวชเณรก็ครบเวลาตามกำหนด จากคนที่ร้อนรนอยากหนีออกจากวัด พอได้ฤกษ์ลาสิกขา กลับไม่อยากกลับบ้าน วันที่สึกออกมา คายัครู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เหมือนใจได้ขัดเกลากิเลส ชำระล้างสิ่งร้ายๆออกไป ทำให้คายัครู้จักคิดไตร่ตรอง ใจเย็นและรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

     

       เมื่อนึกย้อนเรื่องราวที่ผ่านมา คายัครู้ว่าตัวเองมีข้อเสียมากมาย แถมยังคิดไม่เป็นในหลายๆเรื่อง อย่าง เรื่องการเห็นแก่ตัว การเรียกร้องเอาแต่ความต้องการของตนเองจนลืมสนใจคนรอบข้างว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร มิหนำซ้ำ ยังจมจ่อม หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ร้ายๆของตัวเอง เช่น อารมณ์ร้อน โมโหง่ายมากเกินไป พอรู้จุดอ่อนแล้ว คายัคจึงพยายามแก้ไขและฝึกตนเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้น

 

       สำหรับ การบวช เพื่อนๆที่โรงเรียนและอาสารู้เรื่องทั้งหมด เว้นแต่เรื่องการฆ่าตัวตาย คายัคเก็บเงียบไว้ไม่บอกใคร เพราะคายัคอยากเริ่มต้นใหม่กับชีวิตอีกครั้ง

 

      แหละการกลับมาหาอาทัช คายัคตั้งใจมาขออาทัชให้ให้อภัยแก่เขา เพราะคายัคได้ให้อภัยตัวเองกับเรื่องราวที่ผิดพลาดในอดีตแล้ว

 

       สองเท้าชะงัก ตรงหน้าเคาน์เตอร์ โคลงศรีษะมองผู้หญิงที่ดูน่าจะแก่กว่าคายัคไม่มากยืนยิ้มหวานอยู่ด้านในเคาน์เตอร์

 

      อาทัชจ้างคนมาทำงานแล้วหรอ? จากความสงสัยใบหน้าหล่อค่อยๆผุดรอยยิ้มหวาน

 

"สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?"

 

    ยังไม่สั่งรายการเครื่องดื่ม กวาดตามองอาทัชทั่วร้าน จนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่เพิ่งเดินลงบันไดแล้วเข้ามาด้านในเคาน์เตอร์

 

     เมื่อทั้งสองสบตากัน ฟากอาทัชดูตระหนกตกใจ ผิดกับอีกคนที่พอเห็นอีกฝ่ายแล้วยิ้มกว้าง

 

"ผมอยากได้ความรัก ที่นี่มีขายไหมครับ?" คนพูดเอาแต่จดจ้องมองอาทัชไม่วางตา

 

     ทางฝั่งหญิงสาวยืนยิ้มเขินอายบิดตัวไปมาอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่เด็กหนุ่มพูดถึงนั้น ไม่ใช่เธอแต่เป็นเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ข้างหลัง



 "ผมล้อเล่น เอาช็อคโกแลตเย็นแก้วนึงครับ"

 

    คายัคยิ้มมองหญิงสาวที่ก้มหน้ารับเงินและดูประหม่าเล็กน้อย

 

"เก้าสิบบาทค่ะ"

 

    คายัคยื่นแบงค์พันให้

 

"ไม่ต้องทอนครับ" หญิงสาวพยักหน้าทั้งๆที่ยิ้มไม่หุบ

 

      จังหวะที่คายัคหมุนตัวจะไปหาที่นั่ง ขายาวกลับหยุดชะงักแล้วหันหลังกลับมาใหม่ เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ คายัคโน้มตัวไปใกล้พลางท้าวแขนถามพนักงานสาว แต่ไม่วายส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้คนที่ยังยืนตัวแข็งอยู่

 

"เอ่อ!...ขอโทษนะครับพี่ ผมขอถามอะไรหน่อย ผู้ชายที่ยืนอยู่ในเคาน์เตอร์น่ะ ไม่ทราบว่า มีแฟนรึยังครับ?" ทำเป็นถามพนักงาน แต่เสียงดังขนาดนั้น ใครๆก็ได้ยิน

 

     หญิงสาวหน้าหดเหลือสองนิ้ว หุบยิ้มแทบไม่ทันที่เด็กหนุ่มหน้าหล่อกลับแสดงความสนใจพี่ทัชจนออกนอกหน้า ฟากอินทัชยืนเงียบ แค่เห็นรอยยิ้มทะเล้น อินทัชก็อยากร้องไห้ ไม่คิดว่าเขาจะได้เห็นเจ้าของรอยยิ้มนี้เร็วกว่าที่คิดไว้

 

"มะ...ไม่มีค่ะ พี่ทัชยังไม่มีแฟนค่ะ" หญิงสาวตอบหน้าเจื่อน และแล้วคายัคก็ยิ้มกว้าง

 

"ถ้างั้นนนนนน........"  ลากเสียงยาว ก่อนส่งสายตาพราวเสน่ห์และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อาทัช

 

"ผมจีบนะ"

 

      ไม่รอคำตอบ คายัคเดินอมยิ้ม หมุนตัวไปหาที่นั่งที่ว่าง ใกล้กันนั้น มีโต๊ะหญิงสาวหลายโต๊ะที่มองมาพยายามจะส่งยิ้ม แต่คายัคไม่สนใจ

 

     เพราะเวลานี้ คนที่เขาสนใจ คือ อาทัชคนเดียว

 

     ไม่นานที่เจ้าของร้านนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ขณะที่คนอายุมากกว่าทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นทักทายยังไง หวังจะเดินกลับไปตั้งหลัก ทว่า คายัคคว้าข้อมือไว้ก่อน

 

"บอกชัดขนาดนั้นว่าจะ 'จีบ' ยังไม่คิดให้โอกาสผมได้นั่งคุยซักหน่อยหรอครับ? คุณเจ้าของร้าน"

 

     ได้ยินคนปล่อยมุกทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อินทัชชะงัก และตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งทั้งๆที่น้ำตาคลอ เขานั่งเงียบเพราะยังตื้นตันใจไม่หายที่คายัคกลับมาหากัน

 

       คนเด็กกว่าแต้มยิ้มหวานละมุน พร้อมดึงมืออาทัชมาวางไว้บนตักของตัวเอง   

 

"ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ?...หรือว่าลืม 'ตัวน้อย' คนนี้ไปแล้ว เฮ้อ! เสียใจจังเลย"

 

      แกล้งเล่นละคร ทำหน้าเศร้าสลด ส่วนอินทัชใจสั่น หวั่นไหว บีบกระชับมือคายัคที่จับเขาอยู่

 

"มะ...ไม่ลืม"

 

"แล้วเงียบทำไมครับ? อ้อ! อาทัชเขินลูกค้าหรอ? ปะ...ถ้างั้นเราขึ้นห้องกัน"
ยิ้มพร้อมมัดมือชกด้วยการจูงมือให้อาทัชลุกขึ้นยืน จนลูกค้ารายอื่นที่สนใจในตอนแรกต่างทำหน้าเสียดาย

 

    พออาทัชยืน คนที่จับมือก่อนหน้าก็เปลี่ยนไปโอบเอวคนอายุมากกว่า เดินไปหาพนักงานสาว

 

"พี่คนสวยครับ ผมฝากร้านหน่อยนะ"



     หญิงสาวมัวแต่ยืนเขินอายม้วนต้วนที่ได้ยินคำชม จนไม่รู้ตัวเลยว่าสองคนนั้นเดินลับตาขึ้นห้องด้วยกันไปแล้ว

 

      ปิดประตูห้องนอนไม่ทันไร คายัคดันร่างอาทัชจนแผ่นหลังติดบานประตูแล้วประกบจูบ ขบกัดริมฝีปาก ล่างด้วยความมันเขี้ยว ก่อนที่จะดูดเม้มริมฝีปากบน-ล่างอย่างละมุน แล้วผละออกมาลูบแก้มคนอายุมากกว่า

 

"เป็นอะไรครับ? โกรธผมหรอ? ผมขอโทษ ผมผิดเอง ที่ตอนนั้น ผมไม่พยายามเข้าใจอาทัชเลย"

 

     ไม่ใช่ไม่อยากพูด แต่มันพูดไม่ออกมากกว่าและสิ่งที่ไม่อยากให้มันออกมา กลับเป็นน้ำตาที่ไหล   

 

"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ ผมกลับมาแล้ว ผมขอโทษ ดีกันนะครับ อาทัช" คายัคใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลไม่หยุด

 

"คายัคจะทิ้งอาไปอีกไหม?"
 

"ไม่แล้วครับ"

 
"ก่อนหน้านี้ ผมเอาแต่ใช้อารมณ์จนตัดสินใจอะไรวู่วามไปหน่อย ผมขอโทษนะที่แต่ก่อน นึกถึงแต่ความต้องการของตัวเอง จากนี้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว"

 

"ครับ"

 

      อินทัชที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อกลับชะงักค้าง เมื่อเด็กหนุ่มที่ยืนแนบชิดร่าง กลับย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว หยิบพวงมาลัยกลีบกุหลาบอันสวยสดงดงามออกมาจากกระเป๋าคาดอก พร้อมก้มกราบแทบเท้าคนที่คายัคยังจงรักและภักดีเสมอ

 

"ผมขอโทษกับเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา อาทัชยกโทษให้ผมได้ไหมครับ?"



      นึกไม่ถึงว่าคายัคจะทำแบบนี้ อินทัชตัวชาวูบวาบ ใจเต้นตึกตัก ตึกตัก รู้สึกเซอร์ไพรส์และกระอักกระอ่วนในเวลาเดียวกัน เพราะลึกๆแล้ว เขาเองก็มีส่วนผิดที่ทำร้ายหัวใจคายัคเหมือนกัน

 

      อินทัชรีบย่อตัวลงตามพลางกุมมือคายัคที่ถือพวงมาลัยไว้

 
"คายัค อาไม่เคยมองว่าคายัคผิด คายัคจะขอโทษอาทำไม? อาเองที่ผิด ผิดมาตลอด"

 
"ผมว่าเราก็ต่างผิดด้วยกันทั้งคู่ ผิดที่ไม่เคยฟังและเข้าใจอะไรให้ดีจริงๆ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับมันผ่านมาแล้ว แต่ตอนนี้ อาทัชยกโทษให้ผมได้ไหม?"

 

"ครับ ครับ แล้วคายัคล่ะ?"
 

"ผมยกโทษให้ครับ ผมคิดถึงอาทัชมากนะ"

 

"เหมือนกัน อย่าไปไหนอีกนะ"

 

"ครับ ผมสัญญา"

 
"คายัค"

 

"ครับ?"

 

"ไม่ต้องจีบหรอก เป็นแฟนกันเลยก็ได้"


      ขำคนที่เพิ่งจะรับมุกคายัคที่แซวไปตั้งแต่สั่งเครื่องดื่ม

 
"ฮ่าๆๆ ถ้างั้น ผมกลับมานอนที่นี่ถาวรแล้วนะ "



"มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะคายัคมีแฟนอยู่บ้านหลังนี้นี่ "

 

"ฮ่าๆๆ อาทัชครับ ระวังคำพูดบ้าง เดี๋ยวผมจะอดใจไม่ไหวเอานะ"

 

"ก็ไม่ต้องอดสิ เดี๋ยวก็อึดอัดแย่หรอก"

 

       ระเบิดหัวเราะเสียงดัง ทำไมอาทัชถึงเป็นคนยั่วได้เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ แล้วมีหรือที่คายัคจะปฏิเสธก็ต้องทำตามอย่างห้ามไม่ได้

 


 

 

.......................

 

 
        หลังจากที่เมื่อคืนทั้งคู่ได้สานความรัก ความผูกพันให้แนบแน่นหลังจากที่ห่างหายกันไป ยามสายของวันถัดมา อินทัชรีบบึ่งไปโรงพยาบาลทันทีทราบเรื่องจากพี่ชายว่า แม่เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องจากท้องเสียมีอาการถ่ายเหลวรุนแรง และมีไข้ขึ้นร่วมด้วย

 

       ถึงโรงพยาบาล อินทัชและคายัคมุ่งตรงไปห้องพิเศษ คายัคตื่นเต้น มือชื้นเหงื่อ เขาพยายามใจดีสู้เสือ เพราะไม่รู้ว่าถ้าแม่อาทัชเห็นเขาจะทำหน้าอย่างไร

 

        อรรพนพที่นั่งเฝ้าแม่อยู่ก่อน พอเห็นทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง ก็ทักทายนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว

 

       เพียงเห็นคุณย่ามีใบหน้าซีดเซียว นอนซมบนเตียงคนไข้ ที่แขนมีเข็มปักอยู่พร้อมสายน้ำเกลือระโยง

ระยางและอุปกรณ์อื่นๆข้างเตียงก็นึกสงสาร คายัครู้ดีว่า ถ้าไม่ป่วยไข้ ก็คงไม่มีใครอยากเข้า-ออกโรงพยาบาลมากนักหรอก

 

      พออาทัชทัก คุณย่าก็ลืมตาขึ้นมามอง คายัคยกมือไหว้สวัสดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสุดฤทธิ์

 
"แม่ครับ นี่คายัคครับ เป็นแฟ../ สวัสดีครับ คุณย่า ผมเป็นหลานของอาทัชครับ"

 

      คายัคพูดกลบทับทันทีและยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มหวาน ฟากอินทัชขมวดคิ้วมองหน้าคายัค ก่อนจะละสายตาหันไปหาแม่ของเขา

 

"แม่เป็นไงบ้างครับ ผมเพิ่งรู้เมื่อเช้าเลยรีบมา"

 

"ดีขึ้น"


    เธอตอบลูกชายด้วยเสียงเบาหวิวอย่างคนไร้เรี่ยวแรง และดูเหมือนเธอพยายามจะขยับตัวหยิบแก้วน้ำที่โต๊ะข้างเตียง คายัคเห็นรีบถลาตัวไปแล้วเอ่ย

 
"เดี๋ยวผมหยิบให้นะครับ"

 
     คายัคประคองร่างมารดาคนรักให้กึ่งนั่ง กึ่งนอน ถือแก้วน้ำมาจ่อตรงปากค่อยๆยกขึ้นทีละนิด

 

    มารดาของอินทัชแตะข้อมือคายัคส่งสัญญาณว่าพอ จากนั้น คายัควางแก้วแล้วประคองเธอให้นอนลงตามเดิม

 
"คุณย่าอยากได้อะไรบอกนะครับ ผมหยิบให้"

 

     เธอพยักหน้ารับ ก่อนถาม


"จำไม่ได้ หลานใคร?"

 
"พ่อของผมเป็นเพื่อนสนิทอาทัชครับ พอพ่อผมตาย อาทัชก็รับเลี้ยงต่อครับ"

 

     มารดาของอินทัชรับฟังอย่างไม่หือ ไม่อืออะไร เธอส่งสายตามองข้ามไหล่คายัคไปหาอินทัชที่ยืนประกบอยู่ข้างหลัง

 
     อินทัชแอบยิ้มที่คายัคพยายามใส่ใจและดูแลแม่ของเขาเป็นพิเศษ พอเห็นแม่มองมา อินทัชจึงถามเพิ่ม

 

"เห็นพี่นพบอกว่าต้องรอดูอาการ ช่วงนี้ ผมมานอนเฝ้าแม่ได้นะครับ"

 

"อืม"


     คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วด้วยความฉงน คราวก่อน ที่แม่เคยพูดถึงคายัคทำนองเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของคายัคและอาทัชว่าเป็นอะไรกัน สรุปแล้วแม่รู้อะไรมากกว่านั้นจริงๆหรือเปล่า?

 
       เพราะตั้งแต่ที่ทั้งสองเข้ามาในห้อง มารดานิ่งเฉย ไม่มีผลักไสหรือไล่ให้คายัคและอินทัชกลับไป แต่ครั้นจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก็ไม่มีวี่แววเช่นเดียวกัน
 

"ผมว่าไม่เกินสองวัน คุณย่าก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแน่ๆ แต่คุณย่าต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง"

 

     เห็นทุกคนเงียบ คายัคจึงโพล่งอย่างไม่อยากให้อึดอัด เด็กหนุ่มบอกพร้อมยิ้มสู้ อย่างน้อยรอยยิ้มที่ให้ไปก็ต้องทำให้คุณย่าใจอ่อนบ้างล่ะน่า...

 

     เสี้ยววินาทีนั้น อินทัชเห็นแม่น้ำตาคลอ

 

"มานี่หน่อย"
เธอเรียกเด็กหนุ่มให้เข้าไปใกล้ คายัคชะงัก ก่อนจะโน้มตัวไปหาคุณย่าที่นอนอยู่ จู่ๆ มารดาของอินทัชยกมือลูบแก้มคายัคโดยไม่พูดอะไร

 

     อยู่ในห้องนี้ สิ่งเดียวที่ช่วยได้ คือ รอยยิ้ม ตั้งแต่มา คายัคยังยิ้มไม่หุบเพื่อข่มความกลัวข้างใน

 

      คนที่ดูเหมือนเป็นส่วนเกินอย่างอินทัชเอียงคอมองมารดาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก อ่านไม่ออก แต่มือของเธอก็ยังจับแก้มคายัคอยู่อย่างนั้น

 
     ทางฝั่งคายัคเองยิ้มพร้อมพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน

 
"อาทัชบอกผมว่า อีกไม่กี่วันก็ถึงวันเกิดคุณย่าแล้ว ถ้าถึงวันนั้น ผมชวนคุณย่าไปทำบุญที่วัดได้ไหมครับ?"

 

     เธอพยักหน้า ก่อนจะลดมือลงไว้ข้างตัวและบอกไล่อินทัชและคายัคให้ออกไปจากห้อง อย่ารบกวน เพราะเธอจะนอนต่อแล้ว

 

"ถ้างั้นเดี๋ยวผมมาเฝ้าแม่คืนนี้แทนพี่นพนะครับ"

 

    ไม่ได้ต้องการคำตอบ แค่บอกให้มารดารู้ก็เท่านั้น

 
     อินทัชเดาใจไม่ถูกว่า สรุปแล้ว แม่เขารู้สึกยังไงกันแน่...แต่จากที่เห็น ก็พอเดาสถานการณ์ได้ว่า ก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด...

 
     อินทัชขอให้พี่ชายเฝ้าแม่ต่อ ก่อนจะขอตัวไปหาอะไรรองท้อง เพราะยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า

 

     ตอนนี้ ทั้งคู่สอดตัวเข้ามาในห้องโดยสารเรียบร้อย กระทั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล

 

"ทำไมถึงไม่ให้อาแนะนำว่าเป็นอะไรกันครับ?"



"คุณย่าไม่สบายอยู่ ถ้าเผลอพูดอะไรกระทบจิตใจก็แย่ลงกว่าเดิม อีกอย่าง ผมว่าเรื่องของเรา ถ้าคุณย่ายังรับไม่ได้ก็เก็บไว้เป็นความลับก่อนก็ได้ครับ"

 

"ขอบคุณที่เข้าใจอานะ"

 

"ด้วยความยินดีครับ อ้อ...อาทัชครับ ถ้าเรากินข้าวเสร็จแล้ว แวะห้างได้ไหม? ผมอยากลองไปเดินดูของขวัญให้คุณย่าน่ะ"

 

"น่ารักนะเรา"

 

"อยากได้ลูกเขา ต้องเอาใจหน่อย"
 

"ก็ได้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?"

 

"ฮ่าๆๆ โอ้ย...ก็อาทัชเป็นซะอย่างนี้" 

 

    อินทัชก็เริ่มอายเหมือนกันที่พูดอะไรออกไปให้เด็กมันได้แซว ฟากคายัคหยุดหัวเราะพลางจับมืออาทัชที่ว่างยกขึ้นมาจุมพิตที่หลังมืออย่างแผ่วเบา

 
    ทั้งสองต่างสบตาและยิ้มให้กันเมื่อรู้ว่าสัมผัสนั้น เต็มไปด้วยความรัก ความจริงใจที่มีให้กันไม่เปลี่ยนแปลง

 
      มองคนขับรถที่อมยิ้มก็ยิ้มตาม คายัคไม่รู้หรอกว่า การได้พบเจออาทัช มันเป็นเรื่องของความบังเอิญหรือโชคชะตาที่ลิขิตไว้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คายัคก็ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เหวี่ยงอาทัชให้มาเจอและรักกันกับเขา

 
       และเรื่องที่เกิดขึ้น คายัคได้ข้อคิดว่า อดีตที่ผ่านมา คือ บทเรียน จากนี้ต่อไป คายัคจะนำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาปรับปรุงและแก้ไขตัวเอง เขาจะต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อและไม่ปล่อยมืออาทัชไปอีก เพราะคายัครู้ใจตัวเองดีแล้วว่า

 
      คนที่คายัคจะใช้ชีวิตคู่ด้วยทั้งในปัจจุบันและอนาคตมันต้องเป็น...คนนี้ คนเดียวเท่านั้น...

...เพื่อนพ่อ...

อินทัช ตันตระกาลกูล

.

.

THE END


.......................................................


จบลงด้วยดี...ใจหาย...คงคิดถึงคายัคกับอาทัชแน่ๆเลยเรา... :mew6: :mew6: :mew6:
.
จากใจ
ขอบคุณนักอ่านขาจร ขาประจำ หรือใครก็ตามที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน คอยช่วยให้กำลังใจคายัคในระหว่างทางแห่งการเติบโต ได้มีตักเตือน เตือนสติตัวละคร และช่วยเสนอมุมมองความเห็นต่างๆ-นานา มันมีค่ามากจริงๆค่ะ อ่านไปก็ยิ้มไป คล้ายคนบ้าอะนะ .^^.  :man1: :man1: :man1:
.
จากนี้ หวังใจว่า เราคงได้เห็นนักอ่านไปแวะเวียนนิยายเรื่องใหม่ของ rinyriny กันนะคะ ถ้าอัพเรื่องใหม่แล้ว ไปทักทายกันบ้างนะคะ.. :กอด1: :กอด1: :กอด1:
..
ขอบคุณค่ะ..
..


.
.
นิยายเก่าของ rinyriny

1. นิยาย ..*ขอผมได้รัก*..

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0

2. นิยาย ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0

3. นิยาย +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0

4. นิยาย  ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.30


**และเรื่องใหม่ค่ะ**

 นิยาย ||*..--+--..*คนที่สาม*..--+--..*||


  https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68271.0 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2018 15:28:59 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ค้างคากับพฤติกรรมของแม่อาทัช

แต่ก็นั่นแหละดู ๆ แล้วน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว

ที่เหลือก็ไปเรื่องของจินตนาการที่จะถักทอร้อยเรียงเหตุการณ์ต่อไปกันเอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด