*...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-ตอนพิเศษ-ยอมรับ 1-10-18 ||P.8  (อ่าน 45037 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:


ข่มใจเอาไว้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้มีเฮ 5555

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
วิ่งสู้ฟัดเลยลูกกกกก

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ีไหนๆห็เห็นแล้วจับลากเข้าห้องเลยลูกกกก  ติ๊กหนูไไม่เหมาะจพดูแลใคร ไม่ดูอะไรเลยยยยยย จัดคนคุมด่วนก่อนป้จะรำคายไปมากกว่านี้!!!!!!

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เอาจริงเบลควรกินอะไรไม่ลงตั้งแต่คายัคบอกปฏิเสธเบลแล้ว เป็นเราโดนปฏิเสธแบบนั้นเราคงไม่มาบ้านคายัคด้วยหรอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 4  อายุเป็นเพียงตัวเลข


   


     อินทัชปิดประตูห้องเด็กหนุ่มดังปัง และเร่งฝีเท้ากลับห้องด้วยใจเต้นรัวแรงพร้อมคำถามเต็มหัว ก่อนจะหยุดชะงักพักอยู่หลังบานประตู

 

      ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา อินทัชเพิ่งเห็นคายัคทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก บัดนี้ อินทัชเข้าใจแล้วว่า คายัคโตขึ้นจริงๆ ทุกอย่างเป็นไปตามวัยแห่งการเจริญเติบโต ซึ่งตอนนี้ คายัคมาถึงจุดแห่งความอยากรู้ อยากลอง

 

      ถ้าให้เดา คายัคอยากลองเรื่องเซ็กซ์

 



"ตัวน้อยคงมีความรักแล้วจริงๆ"

 


    อินทัชพึมพำ และนึกขึ้นได้

 



"เราจะปล่อยให้คายัคไปมีอะไรกับคนอื่นแล้วท้องอีกไม่ได้"

 


   ตอนที่สารินทำผู้หญิงท้องก็ช่วงอายุประมาณนี้ อินทัชกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เขาต้องระวังและเข้มงวดกับคายัคมากกว่าเดิม ขณะที่ยืนครุ่นคิด แรงกระแทกจากประตูด้านนอกทำให้อินทัชตกใจ ผงะถอยห่างจากบานประตู

 

"ค...คายัค ม..มีอะไรครับ?"

 

"อาทัช ผม..."


 

"อาเข้าใจแล้วว่าคายัคอยากรู้อยากลอง อาไม่ว่าหรอกครับที่ตัวน้อยจะ..." อินทัชยังพูดไม่จบ


ฟึ่บ!


    แล้วจู่ๆ คายัคก็ทิ้งตัวลงนั่งกองที่พื้น

 

"อาทัชช่วยผมด้วย"

 

"ตัวน้อยเป็นอะไร?"

 

   อินทัชย่อตัวลงนั่งข้างคายัคที่ดวงตาปริ่มน้ำ

 

"ผมขอร้อง อาทัชช่วยผมได้ไหม?"

 

"ห้ะ?..." อินทัชตกใจ อุทานลั่นห้องนอน


"นะครับ"

 
"มะ...ไม่ได้อาเป็นผู้ปกครองคายัคนะ อารู้ว่าเรื่องแบบนี้เป็นไปตามวัยและผู้ชายทุกคนย่อมมีความต้องการทางเพศ แต่จะให้อาทำแบบนี้ อาทำไม่ได้หรอก"

 

"อาครับ ผมขอร้อง ผมไม่ไหวแล้ว"

 


"ไม่ได้"

 

    ยืนกรานในคำตอบแต่เสียงไม่ได้ดูหนักแน่นเอาซะเลย อินทัชใจเต้นแรงจนยากจะสงบลง เด็กน้อยที่ไม่สนอะไรแล้ว คว้ามืออินทัชไปวางตรงเป้ากางเกงของตัวเอง

 

"มันก็ดีไม่ใช่หรอครับที่ผมไม่ได้ไปมีเซ็กซ์กับใครสุ่มสี่ สุ่มห้า ผมแค่อยากปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเอง อาทัชช่วยผมนะ"

 

    คำพูดของคายัคทำให้อินทัชหวนนึกถึงเรื่องสารินที่ทำแฟนตั้งท้องก่อนวัยอันควร อินทัชถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี

 

    มือของอินทัชที่วางลงบนเป้ากางเกง สัมผัสได้ว่าน้องชายของคายัคมีปฏิกิริยาตื่นตัวจากอุ้งมือของอาที่แตะต้องของสงวน

 

    อินทัชกลืนน้ำลาย หน้าร้อนผ่าวและใจวูบโหวงแปลกๆ

 

    มือหนาของอินทัชยังอยู่ตรงที่เดิม เพิ่มเติมคือมีมือของคายัควางทาบลงบนหลังมือคนอายุมากกว่าแล้วบีบกระชับ กดน้ำหนักลงทำให้มือของอินทัชเหมือนขยำ คลึง เค้นของสงวนที่แข็งดั่งเหล็กจนอินทัชไม่มีคำตอบไหนนอกจาก

 

"ค...ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"

 

    บอกเสร็จ เด็กหนุ่มกัดปากพยักหน้ารัวและดึงกางเกงลง อ้าขาออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม แผ่นหลังพิงบานประตู

 

     ยังดีหน่อยที่คายัคหลับตา เลยทำให้อินทัชไม่ต้องกระอักกระอ่วนหรือแสดงอาการเก้อเขินให้เห็น อินทัชลอบมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่แดงจัดไล่ลามมาถึงคอ และแสดงออกชัดว่าต้องการมันอย่างหนัก

 

    เบือนหน้าหนีไม่มองเด็กหนุ่ม แต่ฝ่ามือยังคงทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขสมอารมณ์หมายให้คายัคตามร้องขอ

 

      ของเคยๆที่อินทัชก็รู้ดีว่าต้องเล่นกับมันอย่างไร มือที่กำรอบแท่งร้อนรูดขึ้นรูดลงช้าๆจนสุดโคน ก่อนจะปรับจังหวะให้เร็วและถี่ขึ้น

 

"โอ่ยยยย ซี้ดดดดส์...."


     อินทัชใจกระตุก เมื่อได้ยินเสียงเด็กหนุ่มหลุดร้องครางเสียงต่ำ อินทัชอยากรีบทำให้จบ เพราะรู้สึกไม่ดีที่ต้องมาทำแบบนี้กับหลานตัวเอง

 

"จูบผม"   

 
       สบตาเด็กหนุ่มที่ลืมตาขึ้นมาบอกด้วยใบหน้าแดงจัด

 

"ไม่!"


"อาทัชครับได้โปรด จูบผมที"


 

"คายั....อ้ะ"


     อยู่ในช่วงแห่งกามารมณ์ สิ่งใดที่ปรนเปรอความสุขได้ในวินาทีนี้ คายัคต้องทำทุกทาง และเมื่อใกล้ถึงจุดสูงสุดของการปลดปล่อย คายัคก็อยากจูบกับคนที่คายัคชอบ



      คายัคจับต้นคออินทัช รั้งมาจูบประกบปาก สอดปลายลิ้นเข้าสำรวจโพรงปากอีกฝ่าย สัมผัสได้ถึงน้ำหวานที่แลกเปลี่ยนกัน และเป็นครั้งแรกที่คายัคจูบแบบลึกซึ้ง



     เด็กหนุ่มเงอะๆงะๆกับการใช้ลิ้นที่ไม่รู้ว่าจะรุกอีกฝ่ายยังไง แต่ไม่ถึงนาที อินทัชผู้มีประสบการณ์มากกว่า กลับช่วยเด็กหนุ่มโดยการเป็นฝ่ายจู่โจม ไล่รุกลิ้นอุ่น ปลายลิ้นตวัด เกี่ยวรัดเข้าหากัน



    ถ้าคายัคเป็นโรคหัวใจอยู่ เขาคงหัวใจวายตายไปแล้ว เพราะเพียงเจอบทจูบของอาทัชเข้าไป เด็กหนุ่มก็ถึงฝั่งฝันได้อย่างง่ายดาย



 พรวด!



"แฮ่ก....แฮ่ก..."



     อินทัชผละจากริมฝีปากของเด็กหนุ่ม มองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยของเหลวเปรอะ เลอะมือ  อินทัชกำลังจะลุกไปล้างมือ แต่คายัคกลับดึงไหล่ให้นั่ง โผกอดร่างสูงจนมือที่เปื้อนน้ำกามซึ่งยังไม่ถูกทำความสะอาดเปื้อนเสื้อผ้าของอินทัชเรียบร้อยแล้ว

 

"ขอบคุณนะครับ อาทัช"

 

"ครับ แต่มันจะไม่มีแบบนี้อีกแล้วนะ"

 

"อาทัชใจดีกับผมจริงๆ ผมรักอาทัช"



     อาทัชชะงักงัน ภายนอกที่นั่งนิ่งสงบช่างสวนทางกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แรงจนแทบทะลุออกมาจากอก อินทัชสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆใช้มือที่ไม่เปรอะของเหลวลูบกลุ่มผมเด็กหนุ่ม



"อารู้ครับว่าตัวน้อยรักอา ก็เรามีกันอยู่สองคนนี่นา แม้อาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่อาจะพยายามเข้าใจวัยคายัคให้ได้มากที่สุดนะ.."


 

"ผมไม่ได้รักอาทัชแบบพ่อ ผมรักอาทัชแบบแฟนครับ"

 

 

 

 

 

   

..........................
 






      ได้ยินคำสารภาพรักเมื่อคืน อินทัชถึงกับไปไม่เป็น มันเร็วไปหากจะคุยเรื่องนั้นทันทีที่ได้ยิน อินทัชจึงปล่อยให้เวลาข้ามคืนก่อน ถึงตั้งใจจะคุยกับคายัคเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าเมื่อคืน พยายามข่มตานอนก็ทำได้ยากเต็มที

 

      ลูกชายเพื่อนที่ประคบประหงม รักและเอ็นดู เลี้ยงมาอย่างดี พอโตขึ้นมาจนถึงวันนี้



      คายัคบอกรักเขาแบบแฟน....

 

       ยามเจ็ดโมงเช้า บนเตียงกว้างของอินทัชมีตัวน้อยนอนขดตัวซบอกกว้าง และกอดเขาอยู่


     อินทัชค่อยๆพลิกตัวตะแคงข้างมองหน้าเด็กหนุ่มที่หลับตาพริ้ม เมื่อมาสังเกตดีๆ คายัคโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ ทั้งรูปร่าง ส่วนสูง น้ำเสียง และหน้าตาที่นับวันๆก็ดูหล่ออย่างหนุ่มที่โตเต็มวัย

 

      อินทัชลูบเรือนผมเด็กหนุ่มก่อนจะเลื่อนมือมาลูบริมฝีปากแดงระเรื่ออย่างธรรมชาติ อย่างเบามือ เขายิ้ม กดหน้าลงต่ำ ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของตัวน้อย

 

จุ๊บ

 

 

     ทั้งรอยยิ้มและแววตาเศร้าโศก เผยออกมาบนใบหน้าของคนอายุมากกว่า ก่อนที่ร่างสูงจะลุกไปอาบน้ำ อาบท่า เพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน

 

      อินทัชจัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย เดินเข้ามาในห้องนอน เห็นเด็กหนุ่มหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียง ขยี้ตาตัวเอง

 



"อาทัชไม่ปลุกผมล่ะครับ"


"อาไม่อยากกวน"
 

"ไม่กวนสักหน่อยเพราะผมต้องช่วยอาทัชทำงานนี่ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ"



"เดี๋ยว....อาอยากคุยกับตัวน้อยเรื่องเมื่อคืน"

 



         อินทัชจับต้นแขนคายัคที่กำลังเดินเข้าห้องน้ำ ให้ชะงักเท้า

 



"เรื่องที่ผมอยากเป็นแฟนกับอาทัชใช่ไหม?"

 

"ค...ครับ"

 

"ไม่เห็นต้องคุยเลยผมคิดอย่างนั้นจริงๆ"

 


"อาว่าคายัคอยู่ในช่วงสับสน เพราะเราผูกพันกันมานาน คายัคเลยคิดว่า การได้อยู่กับอา คือ ความรักแบบแฟนใช่ไหม?"

 

"ไม่เกี่ยวกับการที่อาทัชเลี้ยงดูเลยครับ ผมแน่ใจแล้วว่าผมรู้สึกกับอาทัชแบบแฟนจริงๆ อีกอย่าง อาทัชไม่ใช่ญาติของผม เราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ทำไมผมจะรักอาไม่ได้"

 

"เฮ้อ! คายัคยังไม่เข้าใจ อาจะทำยังไงกับเราดี"

 

"ไม่ต้องทำยังไงครับ แค่ทำตัวเป็นแฟนผมก็พอ"

 


"เอาล่ะ อาว่าคายัคคงอยากรู้อยากลอง อาจะลืมเรื่องนี้และคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น คายัคถามใจตัวเองให้แน่ชัดอีกทีแล้วกัน"



     อินทัชปล่อยแขนคายัคแล้วเดินออกจากห้องนอน ทิ้งให้คายัคยืนนิ่งมองคนที่หายจนลับตา

 

"ผมต้องทำยังไง อาทัชถึงจะเชื่อว่าผมรักอาแบบไม่ใช่ผู้ปกครอง"


       สี่สิบนาที คายัคเดินลงมาเห็นอาทัชจัดเก็บถุงเมล็ดกาแฟไว้บนตู้เก็บของเหนือศรีษะเสร็จพอดี

 

       โล่งใจหน่อยที่อาทัชไม่โกรธคายัคเรื่องเมื่อคืนที่ให้อาทัชไหว้วานทำในสิ่งที่ไม่สมควร แม้อาทัชจะไม่โกรธแต่ก็ใช่ว่าอาทัชจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องการที่คายัคขอเป็นแฟนทำให้เด็กหนุ่มสับสนอยู่ไม่น้อยว่าควรเดินไปทางไหนดี

 



"ตัวน้อยกินอะไร? อาจะสั่งอาหารออนไลน์"


"ผมเอาเส้นเล็กหมูต้มยำ และข้าวมันไก่ไม่เอาหนังครับ"
 

"โอเคครับ"




     คายัครอจังหวะที่อาทัชสั่งรายการอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก็เอ่ย



"อาทัช ผมขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องเมื่อคืน"

"ตัวน้อยไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วน่า"

 

    ครู่หนึ่ง คายัคแอบเห็นนะว่าอาทัชหน้าแดงก่ำกว่าเดิม คายัคยิ้มกว้างเดินไปใกล้อาทัชและสวมกอด


"โอเค ผมไม่พูดแล้ว แต่ถ้าอาทัชต้องการ เรียกใช้ผมก็ได้นะ"



ฟอด!

 

"เอ้ย!..อาไม่พูดกับตัวน้อยแล้ว"


       คายัคถอยห่างพลางยักคิ้วเจ้าเล่ห์ มองคนหน้านิ่งที่พูดไม่ออกก็ได้แต่อมยิ้มและเดินออกจากเคาน์เตอร์ไปตรวจความเรียบร้อยของแต่ละโต๊ะก่อนร้านเปิด

 





       วันนี้ ลูกค้าเยอะแค่ไหน คายัคก็ไม่หวั่น เนื่องจาก คายัคอารมณ์ดีมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายสองโมงคายัคยังไม่ปริปากบ่น อาจเป็นเพราะวันนี้ ลูกค้าที่เยอะ จะเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อเครื่องดื่มแบบกลับบ้านมากกว่า คายัคเลยไม่ต้องเดินเสิร์ฟให้เหนื่อย

 

       และจังหวะที่คายัคเดินออกมาเสิร์ฟลูกค้าที่นั่งอยู่นอกร้าน หมุนตัวเดินกลับหวังจะผลักประตู



"อารมณ์ดีนะครับ"


      คายัคหันหลังกลับไปว่าใครช่างกล้าแซวได้อย่างสนิทสนม

 

"อ้าวแคน...มาอีกแล้วหรอ? โหเชื่อแล้วล่ะว่าชอบ"

 

"ฮ่าๆ ก็บอกแล้วว่าแคนชอบบ้านคายัคจริงๆครับ เมื่อคืนกลับถึงบ้านโม้ให้พี่ชายฟังใหญ่เลย นี่พี่คูณ พี่ชายแคนเอง เรียนจบแล้ว"

 

      คายัคยกมือไหว้ มองคนข้างกายเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร คายัคไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายของแคนมาก่อน จึงยอมรับว่าพอเห็นแวบแรกก็มีบุคลิกคล้ายกัน เพียงแต่พี่คูณสูงกว่า มีความเป็นผู้ชายมากกว่าและเท่กว่ามากๆ



"สวัสดีครับ"


"ครับ"

 

"สั่งเต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวให้อาผมเลี้ยง"

 

"ไม่ต้องหรอกน้อง ของซื้อ ของขาย"

 

"เฮ้ย! ไม่เป็นไรพี่"

 

"ไม่เอาครับ ถือซะว่าพี่มาประเดิมลูกค้าใหม่แล้วกัน"

 

"ขอบคุณครับ ถ้างั้น เดี๋ยวผมพาไป"

 

"ไม่เอา พี่คูณไปสั่งคนเดียวได้เนอะ แคนขอนั่งคุยกับเพื่อนก่อน"

 


     คูณพยักหน้า ผลักประตูเข้าร้าน ส่วนแคนดึงแขนคายัค กวาดตามองหาที่นั่ง ก่อนจะมีที่หลบมุมสำหรับสองท่านติดต้นไม่ใหญ่ให้ได้นั่งคุยกันพอดี

 

"แคนมีอะไรหรือเปล่า?" คายัคถามเพราะดูผิดสังเกต


"คายัครู้เรื่องที่บอลชอบเราใช่ไหม?"



      คายัคถอนหายใจยาว นึกว่าที่แคนคุยจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร



"อ้อไม่รู้เลย ทำไมทำหน้าอย่างนั้น แคนไม่ชอบบอลหรอ?" คายัคโกหก

 
"ก็เปล่าหรอก แต่แคนยังไม่อยากมีความรักน่ะ แคนอยากตั้งใจเรียนก่อน"



"โอ้โห แคนพูดแบบนี้ เรารู้สึกผิดเลยอะ"
คายัคยกมือกุมขมับ  แคนกลั้วหัวเราะเขย่าแขนคายัคอยู่หลายที
 

"ฮ่าๆ ไม่หรอก ชีวิตคนเรามีแรงขับเคลื่อนไม่เหมือนกัน อย่างคายัค แรงขับเคลื่อนในชีวิตอาจเป็นอาทัชก็ได้ คายัคเลยเลือกที่จะให้ความสำคัญกับความรัก"

 

"แคนรู้?"

 

"จากเมื่อวานก็พอจะเดาออก"

 

"ก็ใช่..."

 

"เฮ้อ! คายัค แคนขอพูดตรงๆในฐานะเพื่อนคนนึงนะ คือ อาทัชเป็นอาของคายัคนะ"

 

"แล้วไง อาทัชไม่ใช่อาแท้ๆก็แค่เพื่อนพ่อ.."

 

"แต่อาทัชกับคายัคอายุห่างกันมากนะครับ แล้วแคนคิดว่า เอ่อ..."

 

"แคนรู้ไหม? เราโคตรเบื่อเลย เป็นอะไรกันนักหนากับอายุ คำก็อายุ สองคำก็อายุ คนเรารักกันสิ่งสำคัญมันอยู่ที่อายุหรอ? อายุเป็นเพียงตัวเลขที่บอกให้รู้ว่าเราโตขึ้นมาใช้ชีวิตผ่านไปแล้วกี่ปี มีอะไรที่ดี-ไม่ดีที่เราทำไปแล้วบ้างก็แค่นั้น เราไม่สนอะแคน เราอายุห่างกับอาทัชสิบกว่าปีแล้วไงอะ เราอยากเป็นแฟนอาทัช"

"คะ...คายัคไม่พอใจแคนหรอ...แคนขอโทษนะครับ แคนแค่..." แคนก้มหน้าพลางช้อนตามองว่าเสียงแผ่ว

 

"เราขอโทษที่ใส่อารมณ์นะ เราแค่ไม่ชอบให้คนต้องตัดสินการกระทำทุกอย่างจากอายุน่ะ เราจริงจังกับอาทัชมากจริงๆ"

 
"ครับ คายัค ถ้างั้นแคนจะเลิกพูดเรื่องนี้อีก แคนเอาใจช่วยนะ"

 

"หาตั้งนาน คุยอะไรกันอยู่ครับหน้าจริงจังเชียว"
คูณที่ไม่รู้ว่าน้องชายนั่งตรงไหนก็เดินหาจนทั่ว จนพบเด็กสองคนนั่งคุยด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

 
"เปล่าครับพี่คูณ ถ้างั้น แคนอยู่กับพี่ชายแคนเถอะ เราขอตัวไปช่วยอาเราทำงานก่อนนะ"

 

"ได้ครับ แต่คายัคอย่าโกรธแคนนะ"

 

"ไม่โกรธ เราก็ขอโทษนะแคน"

 

       คายัคส่งยิ้มให้แคน และก้าวขายาวๆพาตัวเองเข้าร้านกาแฟด้วยความคับข้องใจ ว่า สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคตอนนี้ กลับเป็นเรื่องของอายุหรือช่องว่างระหว่างวัยที่คายัคไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โต

 

 

 



*****1.1*****


สงสารตัวน้อย จะมีความรักกับเขาทั้งที
 อุปสรรคที่เจอดันเป็นเรื่องอายุซะงั้น
สู้ๆนะคายัค อาทัชเป็นคนใจดีจะตาย แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ได้ (หาาาา!!! 555)


 

   เขียนมาถึงตอนที่ 4 แล้วเพิ่งมาบอก???? 5555

นิยายส่วนใหญ่ของเราเป็นภาษาง่ายๆ ธรรมดาไม่หวือหวา

(ใครไม่ชอบต้องขออภัย)

และเรื่องนี้เป็นนิยายที่ตั้งใจหยิบเรื่องใกล้ตัวทั่วไปที่เป็นความจริงผนวกกับความเป็นเด็กผู้ชายวัยมอปลายที่ไม่ใช่แก็งค์เด็กเรียน เนื้อเรื่องอาจมีความเถื่อน ดิบ ดาร์ก เช่น มีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย การกระทำที่แสดงออกรุนแรงและหยาบโลน หากใครอยากได้ละมุนใสๆ ต้องขอโทษด้วยค่ะ

มาเอ็นดูคายัคและอยู่เป็นกำลังใจให้น้องกัน

น้องน่ารัก น่าเอ็นดู (หุหุ) อ่านไปเรื่อยๆ ระวังจะหลงรักน้องไม่รู้ตัวน้าาาาาา   :hao6: :hao6: :mew1: :mew1: :z1: :z1:

.

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2018 09:56:51 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอ็นดูน้อง

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
แป๊ปๆๆๆ ได้เลย ๆๆๆๆ อิอิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2018 06:07:27 โดย GBlk »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ความรักฉันท์ชู้สาว เฮ้ย ชู้หนุ่มสินะ  เป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคน

ส่วนเรื่องสังคมนั้น  ถ้าไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน  ไยต้องไปสนไปแคร์

ดังนั้นประเด็นอายุ  ไม่ใช่อุปสรรค

อุปสรรคความรักของคายัค คือความรู้สึกของอาทัช ต่างหาก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 4  อายุเป็นเพียงตัวเลข (2)





        คายัคอุตส่าห์นึกดีใจที่วันนี้ทั้งวันไม่เห็นคุณภูมิมาที่ร้านกาแฟ สงสัยน่าจะถอดใจไปแล้ว แต่เปล่าเลย พอใกล้ปิดร้าน คายัคทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นคุณภูมิเดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



        คายัคเดาว่า ที่คุณภูมิชอบมาในเวลานี้ เพราะไม่มีลูกค้ารายอื่น จึงเป็นทางสะดวกที่จะได้จีบอาทัช



       แต่ตราบใดที่ยังมีคายัคอยู่ ข้ามศพเด็กหนุ่มไปก่อนเถอะ...





"สวัสดีครับ คุณอิน"

 
"อ่า...สวัสดีครับ คุณภูมิ รับคาปูชิโน่เย็น หวานน้อยเหมือนเดิมนะครับ"

 

"ดีใจจังที่คุณอินจำได้  ถ้าใครเป็นแฟนกับคุณอิน คงได้รับการเอาใจใส่มากๆ แน่เลยนะครับ"

 

     คายัคมองคนรุกหนัก หยอดคำหวานกว่าทุกครั้ง ก็ชักไม่สบอารมณ์ ยืนมองคนข้างกายตัวเองที่ยิ้มไม่ตอบคำ คายัคต้องการเอาชนะ เดินไปประชิดตัวอาทัชคว้าสองมือคนอายุมากกว่าวางทาบลงบนแก้มแทนการรับเงินของคนที่ยืนอยู่นอกเคาน์เตอร์

 

"ไม่น่าล่ะ อาทัชถึงชอบเอาใจใส่ผม ขอบคุณนะครับ อาทัช"

 

"ตัวน้อย อย่ายั่วคุณภูมิสิ อาขอล่ะ" อินทัชพูดเสียงลอดไรฟันเบาๆ อย่างเป็นห่วงเด็กหนุ่มจะดูไม่ดีในสายตาของภูภูมิ แต่คงห้ามไม่ทัน เพราะเสียงภูภูมิแทรกขึ้น

 

"คุณอินคิดเหมือนผมไหม? เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยมีมารยาทนะครับ คิดอยากจะสอดก็สอด ยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ หึๆ"

 

      อินทัชเงียบเพราะรู้ดีว่า ภูภูมิตั้งใจพูดกระแทกคายัค แต่มันก็เหมือนอินทัชโดนพ่วงไปด้วย เพราะอินทัชเป็นคนเลี้ยงคายัคด้วยตัวเอง ครั้นจะแก้ตัวแทนคายัคก็จะหาว่าให้ท้ายเด็กหนุ่มไปอีก

 

     อินทัชก้มหน้าเงียบ ทันใดนั้น...

 

"เฮ้ย! แม่งจะด่ากูก็ด่ามาเลยเหอะว่ะ"

 


"คายัค ขอโทษคุณภูมิเดี๋ยวนี้!"

 



กึก!



     ยืนชะงัก หน้าชา เป็นครั้งแรกที่อาสุดแสนจะใจดีของตัวน้อย ตวาดใส่คายัคต่อหน้าคนอื่น

 

    หันขวับมองอาทัช กัดปากแน่น ทำไมต้องเป็นคายัคที่ขอโทษด้วย



     คายัคตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลมองหน้าอาทัชด้วยความน้อยใจก่อนจะหันไปขอโทษภูภูมิแบบขอไปที แล้วเดินออกจากเคาน์เตอร์ ขณะที่อินทัชยื่นมือจะรั้งแขนตัวน้อย

 

"คุณอิน ค่ากาแฟครับ"

 

    ละสายตาจากแผ่นหลังคายัคที่เดินดุ่มไปทางประตูกระจกหน้าร้าน หันกลับมารับเงินของภูภูมิ และทำเครื่องดื่มให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์

 

    ถัดมา ยังนอกร้าน เด็กหนุ่มวัยสิบหกก้าวช้าๆไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย คายัคไม่ได้ต้องการทำตัวประชดประชัน เป็นเด็กมีปัญหาด้วยการหนีออกจากบ้าน เขาแค่ต้องการเดินออกมาให้พ้นๆหน้าสองคนนั้น



    ...ไม่โกรธแต่โคตรเสียใจ...




     สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เพราะยอมรับว่า ทั้งน้อยใจและเสียใจปะปนกัน ที่อาทัชตวาดใส่ ทั้งๆที่อาทัชไม่เคยทำกับคายัคเลยสักครั้ง

 
     เดินมาถึงจุดจอดรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เด็กหนุ่มเดินไปหาใครสักคนเพื่อถาม

 

"ขอโทษนะครับ พี่มีไฟแช็กไหมครับ?"



      คายัครับไฟแช็กจากพี่วินฯ พร้อมดึงมวนบุหรี่ออกมาจากซอง


"ขอบคุณครับ"




      สิ่งที่ไม่มีใครรู้  คายัคพกบุหรี่ติดตัวตลอด เขาเคยเห็นโมทย์กับเก่งสูบบุหรี่หลังห้องน้ำที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง คิดอยากลองอยู่หลายที แต่ไม่เคยทำ เพราะห่วงความรู้สึกของอาทัชเสมอ



     แต่ครั้งนี้ ความเครียด สับสน น้อยใจ เสียใจ ทำให้ตัวน้อยตัดสินใจจะลองดู

 

      เปลวไฟสีแดงอมส้มจากไฟแช็กจ่อปลายบุหรี่เพื่อจุดติด คายัคยื่นไฟแช็กคืนพี่วินฯ และเดินออกห่างจากจุดนั้น ไปยืนสูบบุหรี่หลบมุมแถวต้นไม้ใหญ่

 


"แค่กๆ...เชี่ย" คายัคสำลักควันบุหรี่มวลใหญ่ที่ทะลักเข้าปอด


     เด็กหนุ่มพักสักครู่ ก่อนได้ที่ สูบเอาควันเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมา ยืนมองควันสีหม่นลอยวนอยู่บนอากาศที่เคลื่อนไหวราวกับนักเต้นบัลเล่ต์หมุนตัวพลิ้วไหวอย่างอิสระ



      สูบบุหรี่จนเหลือแค่ก้นกรอง ดีดทิ้งลงพื้น ขยี้ก้นบุหรี่ด้วยเท้า ก่อนจะเดินไปเซเว่น อีเลฟเว่นเพื่อหาของดับกลิ่นปาก


       คายัคดื่มทั้งนมจืด เคี้ยวทั้งหมากฝรั่ง พยายามดับกลิ่นอย่างกลัวว่าอาทัชจะจับได้ เด็กหนุ่มตั้งใจว่าถ้าถึงร้านจะรีบขึ้นไปอาบน้ำทันที

 

        ปรับความรู้สึกได้คงที่ ก็เดินมาถึงหน้าร้านกาแฟ ขณะจะเดินเข้าร้าน ยังซวยเจอะคนที่ไม่อยากเจอสวนกันตรงรั้วทางเข้า



      คายัคไม่คิดจะทัก แต่ภูภูมิกลับจับต้นแขน เด็กหนุ่มสะบัดแขนออกสุดแรง



"อย่ามาแตะ"



"โอเค นายอาจไม่ชอบฉัน แต่ทั้งหมดที่ฉันทำก็แค่หวังดี นายคิดว่าเด็กอายุสิบหกกับคนอายุสามสิบกว่าแถมเป็นคนเลี้ยงนายมากับมือ มันจะเป็นไปได้เหรอ? อย่าพยายามเลย เหนื่อยเปล่า..."

 

"ผมไม่สน เด็กกว่าแล้วไงวะ?"

"ก็ไม่แล้วไง แค่รู้สึกว่าถ้าเป็นฉัน ฉันคงไม่เอา"

 

"หมายความว่าไง?" คายัคกระชากคอเสื้อ ภูภูมิยิ้มอย่างคนเหนือกว่า


"ถ้านายไม่ปล่อยคอเสื้อฉัน และอินทัชเดินออกมาเห็น คราวนี้ คงไม่ใช่แค่ตวาด"


      คายัคปล่อยมือออกจากปกเสื้อภูภูมิ แล้วชายผู้นั้นก็ว่าต่อ



"นายยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แถมอ่อนประสบการณ์อีกต่างหาก แค่คิดว่า ถ้าได้เป็นแฟน คงสร้างภาระน่าดู"

 

 

กึก!

      คายัคนิ่งเงียบถึงกับเถียงไม่ออก

     เพราะความเป็นจริง ทุกวันนี้ คายัคยังขอเงินอาทัชใช้อยู่เลย



"ทีนี้เชื่อฉันรึยัง? ฉันไปก่อนล่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ หลานคุณอินทัช"


 
      ภูภูมิบีบไหล่คายัคอย่างแรงก่อนจะหัวเราะในลำคอแล้วเดินออกไป



      จากที่คายัคจะมุ่งหน้าเข้าบ้าน กลับหมุนตัวเดินห่างจากร้านกาแฟแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งยองๆใต้โคนต้นไม้ใหญ่


"นายยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แถมอ่อนประสบการณ์อีกต่างหาก แค่คิดว่า ถ้าได้เป็นแฟน คงสร้างภาระน่าดู"

 

          ประโยคนี้ยังคงก้องในหัวเด็กหนุ่ม ราวกับบทสวดสะกดจิต


          คายัคต้องทำอย่างไรให้โตขึ้นเพื่อสามารถดูแลอาทัชตามที่ปากเคยให้สัญญา

 

         เด็กหนุ่มนั่งเงียบๆใต้ต้นไม้ท่ามกลางความมืดของค่ำคืน ไร้แสงไฟข้างทาง

 

"กรี๊ดด! ไอ้เด็กบ้ามานั่งอะไรมืดๆ นึกว่าผี"

 


       ไม่ใช่ว่าพี่สาวคนนั้นที่ตกใจ คายัคทั้งสะดุ้งเฮือกและตกใจเสียงกรี๊ดของหล่อนเช่นกัน

       คายัคลุกขึ้นยืนมองเธอที่สวมใส่ชุดร้านอาหารชื่อดัง และคายัคก็นึกทางออกได้ กดโทรศัพท์หาเบอร์ที่คุ้นเคยดี




"ฮัลโหล ไอ้บอล คุยได้ไหมวะ"



[ได้ ว่าไง]

"มึงถามแม่มึงให้หน่อยดิ ว่าถ้ากูไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านแม่มึงได้ไหม?"


[ได้ เดี๋ยวถามแม่ให้ มีอะไรหรือเปล่าวะ ไอ้ยัค]


"ไม่มีอะไรหรอก กูแค่อยากแบ่งเบาภาระอาทัชน่ะ"



[เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆก็นึกอยากจะช่วยอามึงตอนนี้]


"เรื่องมันยาว ไว้เจอหน้าจะเล่าใฟ้ฟัง"



[ได้ๆ]


"อย่าลืมถามแม่นะมึง กูพร้อมเริ่มงานได้ทุกเมื่อ"



[พรุ่งนี้แหละ เดี๋ยวกูโทรบอก]


"ขอบใจมากมึง"

 



     เก็บเครื่องมื่อสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงขาสั้นพลางถอนหายใจยาวกับเรื่องที่ต้องทำทั้งที่ใจไม่อยากทำ เนื่องจาก คายัคจะอดมีเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดอาทัช


     แต่เพื่อพิชิตใจและไม่อยากเป็นภาระ คายัคต้องเลือกที่จะลงมือทำ...
 

      เดินเข้าบ้านมาก็เห็นอาทัชหน้าตาตื่น กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาคายัค

 

"อาโทรหาตัวน้อยทำไมไม่รับ ไปไหนมา อาเป็นห่วงแทบแย่"

 

     อาจเป็นตอนไหนสักตอนที่คายัคไม่สนใจสิ่งอื่น นอกเหนือจากการหาทางออกที่ลดภาระให้อาทัช

 

"ผมขอโทษครับ"

 
"อาต่างหากที่ต้องขอโทษ ตัวน้อยโกรธอาหรือเปล่า? คืออาไม่ได้ตั้งใจจะ..."


 
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ"

"คายัคโกรธอาเหรอ?"



     คายัคส่ายหน้า ไม่ได้โกรธอาทัช เพียงแต่ในหัวสมองคิดแต่เรื่องภูภูมิที่พูดจาดูถูก


        อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ คายัคกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไม่ยอมไปห้องอาทัช เด็กหนุ่มพยายามข่มตาหลับ ทั้งๆที่มือยังคงก่ายหน้าผาก

 

"การจะรักใครสักคนมันยากขนาดนี้เลยหรอวะ?" คายัคพึมพำ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

      คายัคได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งคราวนี้ อินทัชคงกลัวเจอเหตุการณ์แบบคราวก่อน คายัคหยัดกายลุกขึ้นนั่ง

 

"เข้ามาได้ครับ"


     อินทัชเปิดประตูออกกว้าง ก้าวยาวๆมานั่งชิดริมเตียง เอื้อมไปจับมือเด็กหนุ่ม

 

"ตัวน้อยโกรธอา"


"ไม่ได้โกรธครับ"


"แต่ตัวน้อยไม่ไปนอนกับอา"

 

        ยอมรับว่าเรื่องที่อาทัชตวาดถูกกลบด้วยถ้อยคำของภูภูมิจนหมดสิ้น ใบหน้าที่นิ่งขรึมและขมวดคิ้วเป็นปมอยู่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องอื่นเสียมากกว่า



       แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลาตามวัย แต้มยิ้มทันทีเมื่ออาทัชใส่ใจความรู้สึกของคายัคเสมอ



      คายัคที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กระเถิบตัวเข้าไปกอดเอวอาทัชไว้หลวมๆ

     

"ผมแค่นอนเล่นเฉยๆ เดี๋ยวผมว่าจะไปนอนกับอาทัชอยู่แล้วครับ"



      คายัคมองคนที่มีสีหน้าโล่งใจ จึงดึงมืออาทัชมาวางบนตักตัวเองและถามถึงเรื่องที่ยังไม่หายไปจากหัวสมอง



"อาทัชคิดว่าผมเป็นภาระไหมครับ?"
 

"มีอะไรหรือเปล่า? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ อาไม่เคยแม้แต่จะคิด"

 


"ผม...แค่รู้สึกไม่ดี...ที่..."


     คายัคยังพูดไม่จบ อินทัชดึงเด็กหนุ่มไปกอด

 

"อย่าคิดมาก อาไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ"

"จริงนะครับ อาทัช"


 

"จริงสิ อาจะโกหกทำไม เลิกคิดว่าตัวเองเป็นภาระนะ ตัวน้อย และอาก็ขอโทษเรื่องเมื่อหัวค่ำ อาแค่ไม่ชอบให้ใครดูถูกคายัคแบบนั้น"




     อินทัชตอบพลางลูบหลังลูบไหล่ตัวน้อย ฟากคายัคตอบรับด้วยการกอดกลับกระชับวงแขนแน่น เขาไม่อยากบอกอาทัชเลยว่า คุณภูมิ ได้พูดดูถูกมากกว่าตอนที่อาทัชได้ยินเสียอีก



"อาทัชน่ารักและใจดีกับผมจริงๆ ผมนึกไม่ออกเลย ถ้าวันที่ผมไม่มีอาทัชอยู่เคียงข้าง ผมจะอยู่ยังไง"

 

"ไม่เอานะตัวน้อย ไม่พูดแบบนี้นะครับ"




     คายัคสัมผัสได้ว่า อาทัชใส่ใจมาก ก็นึกรู้สึกดี คายัคแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่อรู้ตัว ว่าตัวเองได้เปรียบ เด็กหนุ่มจึงผละจากอ้อมกอด เขยิบตัวไปพิงพนักเตียง


"ผมลืมไปว่า ผมควรโกรธอาทัชที่ตวาดใส่ผม"




       อินทัชกลั้นขำที่รู้ว่าเด็กหนุ่มแค่แกล้งหยอก


"ไหนบอกอามาซิครับว่าต้องทำยังไงน้า เด็กขี้น้อยใจจะหายโกรธ" อินทัชเล่นตามน้ำ

 
"จูบเท่านั้นครับ โอ้ยยย....อาทัช" อินทัชดีดหูตัวน้อยทันทีที่ได้ยินคำตอบ แต่อินทัชไม่รู้ตัวว่าลงน้ำหนักมากไปหน่อย ติ่งหูของเด็กหนุ่มจึงแดงจัด คายัคยกมือลูบหูทำหน้างอ

 

"โห!...อาทัชอะ ดีดมาได้ ผมเจ็บนะ"



"อะฮุ้ยย.... อาไม่รู้ อาขอโทษนะครับ"
อินทัชรู้สึกผิด โน้มหน้าไปใกล้ เป่าลมลงที่รอยแดงตรงติ่งหู แต่ความร้ายกาจของเด็กหนุ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต่อก็หันหน้าไปและ...


จุ๊บ!



    ใจยังไม่กล้าพอที่จะจูบดูดดื่ม จึงทำได้แค่ปากแตะปาก แต่พอผละ




"เฮ้ย! อาทัชโคตรหน้าแดงเลยอะ ฮั่นแน่ะ เขินใช่ไหมล่าา?"



     อินทัชชะงัก ก่อนจะหยิกเบาๆเข้าที่เอวคายัค แต่พอเห็นคายัคสะดุ้งสุดตัว เขายกยิ้มร้ายเมื่อรู้ว่า ถึงตาที่อิชทัชได้เปรียบบ้าง


      คายัคบ้าจี้...



"ฮ่าๆๆๆ โอ้ย...อาทัชอ่า...คิกๆๆๆ...ไม่เอา อาทัช ฮ่าๆๆ โอ้ย ยอมแล้วๆๆ"




"ไม่หยุดหรอก..."  อินทัชสะใจที่รู้จุดอ่อนของคายัค จี้เอวเด็กหนุ่มจนคายัคระเบิดหัวเราะคำโตทั้งยังดิ้นพล่านรอบเตียง



"ยอมแล้วฮ่าๆๆ...ครับ...อาทัช ผมยอมแล้วจริงๆ คิกๆๆ..."



      นึกสงสารหลานตัวเอง ที่ตอนนี้คายัคหน้าแดง ตัวแดง หอบหายใจถี่ จึงชะงักมือจะดึงออก แต่อีกฝ่ายร้ายกว่า กระชากข้อมืออินทัชสุดแรงจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวล้มทับบนตัวเด็กหนุ่ม



     นาทีนี้ ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ คายัคจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มอย่างไม่ละสายตา คิดว่าต่างฝ่ายคงจับจังหวะการเต้นของหัวใจได้ว่ารุนแรงแค่ไหน


    และอะไรไม่รู้ดลใจ คายัคยกสองมือประคองใบหน้าอาทัชให้ก้มต่ำลงมารับจูบกัน

   

      ไม่รู้ว่า อาทัชจะโกรธหรือเปล่า แต่ตอนนี้ คายัคจะลืมมันไปก่อน เพราะยอมรับว่าตอนที่ได้จูบอาทัชครั้งแรกนั้นช่างแตกต่างกับตอนจูบเบลยิ่งนัก
 

       จูบดูดดื่มแบบผู้ใหญ่ ช่างตื่นเต้น เร้าใจ และหอมหวาน อย่างที่คายัคไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน



       ความสุขแค่สองนาที ที่คายัคยังไม่หายอยาก อาทัชก็ผละจากริมฝีปาก ดันตัวออกห่างและลุกขึ้นนั่ง



     คายัครีบเด้งตัวลุกตาม


"อาทัชครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ คือผมห้ามใจไม่ได้จริงๆ"
คายัคก้มหน้ารับผิด ก็รู้ว่าอาทัชยังไม่ใช่แฟน แต่คายัคดันเอาแต่ใจและเผลอตามอารมณ์ตัวเองมากไปหน่อย


"หมกมุ่นนะเราอะ ตัวน้อยหันไปเล่นกีฬาบ้างนะ"


"ห้ะ?"



     ตอนนี้ อาทัชลุกจากเตียงไปแล้ว ทิ้งให้คายัคนั่งงงวยอยู่บนเตียง ถ้าเล่นกีฬาแล้วมันจะช่วยได้จริงๆหรอ?


     ส่วนกีฬาที่อาทัชว่า มันคือ กีฬาประเภทไหนล่ะครับ?





......................................





จากนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้คายัคโตขึ้นอีกมากก
.
น้องเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีดีบ้างเลวบ้างปะปนกันไป เพียงแต่น้องพยายามจะเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อคนที่เขารักก็เท่านั้นเอง
.
บางทีความหล่ออาจไม่ได้อยู่ที่หน้าตา อาจอยู่ที่เวลาได้มุ่งมั่น ทำอะไรจริงจังเพื่อใครสักคนมากกว่า มันเป็นเสน่ห์ล้นเหลืออย่างบอกไม่ถูก
.
.เห็นอย่างนี้ หลงรักตัวน้อยจังเลยอะ (งานมโนไปเรื่อยก็มา 55555)

รักน้อง เอ็นดูน้อง มาคอยเติมกำลังใจให้คายัคและเชียร์ติดขอบสนามกันนะคะ
.

ชอบอ่านความเห็นคนอ่านจัง (^-^) (^-^) :mew1: :mew1: :mew1:

ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 20:24:46 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คนแก่ก็ชอบเด็กเถอะ :hao3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากเห็นมุมความคิดของฝ่ายคุณอาอินทัชบ้างจัง  อิอิ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 5 กำลังใจสำคัญ




    วันรุ่งขึ้น




    คายัคขออาทัชไปทำธุระข้างนอก โดยคายัคยังไม่บอกความจริงเรื่องที่ตัวเองจะไปเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารของแม่บอล เนื่องจากเจ้าตัวอยากให้ได้งานชัวร์ๆก่อน

 

     หลังจากที่คายัคไปพบกับแม่ของบอลและได้สัมภาษณ์งานกันเบื้องต้น หล่อนตกลงและเริ่มงานได้ในวันพรุ่งนี้

 

     คายัคยกมือขอบคุณยกใหญ่ ก่อนร่ำลา บอลถือโอกาสนี้ขอแม่ไปเดินเล่นเที่ยวห้างกับเพื่อนทิ้งทวนสักหน่อย

 

 

"โอ้ย ไอ้บอลต่อยกูทำไมวะ"


     ขณะที่ขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งไปปลายทาง คายัคลูบแขนป้อยๆเมื่อบอลชกหัวไหล่ไม่แรงนัก

 

"เพราะมึงนั่นแหละ กูเลยต้องมาทำงานด้วย ตอนที่กูถามแม่ว่ามึงจะขอมาทำงาน แม่กูชมมึงใหญ่ บอกดูซิ ขนาดคายัคยังรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์..."

 

"ฮ่าๆ เอาน่าบอล คิดซะว่าช่วยกูหน่อยนะ"

 

"มึงรู้ใช่ไหมว่าเป็นเด็กเสิร์ฟ งานมันหนัก"

 

"รู้ แต่กูต้องทำ เพื่ออาทัช"

 

"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามึงจะจริงจังขนาดนี้"

"ก็บอกแล้วว่าจริงจัง"

 

"เออ แล้วที่บอกว่ามีเรื่องจะเล่า คืออะไรวะ?"

 

"กินไอติมก่อน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง"

 


"โอเค"



       จนกระทั่งถึงห้างสรรพสินค้า หาร้านไอศกรีมยอดนิยมได้ ทั้งสองนั่งลงพร้อมสั่งเมนูโปรดปรานของใครของมัน จากนั้น คายัคก็เริ่มเล่าเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น คายัคเล่าไม่ได้ละเอียด


    แต่อย่างน้อยตอนนี้ บอลก็รู้แล้วว่า คายัคมีคู่แข่งแต่ไม่กล้าพูดออกไปอย่างกลัวว่าเพื่อนจะเสียกำลังใจว่า คู่แข่งของคายัคน่าจะเหมาะสมกว่า ทั้งหน้าที่การงาน และอายุที่เท่ากันกับอาทัช



        บอลจึงทำได้แค่แกล้งแย็บถาม



"มึงไม่กลัวผิดหวังหรอวะ?"



"เอาความจริงปะ กูกลัวนะ แต่ใจลึกๆมันบอกให้สู้ว่ะ ไม่รู้ว่ากูเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า? แต่กูว่าอาทัชก็มีใจให้กูเหมือนกัน"

 


"มึงคิดอย่างนั้นจริงๆหรอวะ" บอลถามอย่างหน้าตาตื่น
 

      คายัคพยักหน้า แต่ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟังว่าเพราะอะไรถึงมั่นใจเช่นนั้น เนื่องจาก คายัคสังเกตว่าเวลาจูบกัน อาทัชไม่เคยว่าสักคำ แต่ติดตรงที่พอพูดถึงเรื่องแฟน อาทัชก็บ่ายเบี่ยง ไม่ตกลงเป็นแฟนกันสักที

 

"ลืมเรื่องกูเถอะ เอาเรื่องของมึงดีกว่า เรื่องแคนอะ เป็นไงบ้าง บอกไปหรือยัง? สมหวังไหม?" คายัคแกล้งถามโดยที่เจ้าตัวไม่บอกว่าคุยกับแคนมาบ้างแล้ว

 

"บอกแล้ว แคนบอกยังไม่อยากมีแฟน ก็เฟลนิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าที่แคนมาบอกว่า ชอบติ๊ก"

 

"ฮ่าๆๆๆ มึงนี่เนอะ...แล้วไง มึงจะรอแคนหรือจีบคนใหม่"

 

"ไม่มีอารมณ์อยากจีบคนใหม่ว่ะ คิดว่าก็คงจะรอแคนแบบนี้ไปเรื่อยๆอะ"

"เจ๋งว่ะ เพื่อนกู รักเดียว ใจเดียวซะด้วย"

"กูไม่ใช่คนมั่วนะเว้ย แต่มันมีทางแก้ทางไหนไหมวะ ที่เราไม่ต้องเจ็บปวดเรื่องรัก"


 

"เฮ้ย! อกหักมันคือประสบการณ์อย่างหนึ่งนะเว้ย แต่เป็นกู กูก็ไม่เอาว่ะ ฮ่าๆ!"



"นั่นดิ ใครจะอยากเจ็บวะไอ้เชี่ย ทุกคนก็อยากสมหวังกันทั้งนั้น"


       เด็กหนุ่มสองคนกำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับความรัก เมื่อทั้งคู่สัมผัสได้ว่า เวลานี้ ความรักฉันท์หนุ่ม-สาวคืบคลานเข้ามาในชีวิตของทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว


        ไหนๆก็ได้ออกมานอกบ้าน บอลกับคายัคจึงดูหนังกันต่อค่อยกลับบ้าน
       

       ตั้งแต่บ่ายจรดค่ำ ถือว่าใช้วันนี้ได้คุ้มค่าพอสมควร ส่วนความรู้สึกของคายัคเองทั้งกลัวผสมตื่นเต้นที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มงานแรกในชีวิต



      คายัคเดินกลับเข้าบ้านมาด้วยไฟที่มืดสนิท

 

 

"โห วันนี้ไม่รอเลยแฮะ"
บ่นอย่างน้อยใจที่คายัคนึกว่าอาทัชจะรอเหมือนทุกที

 
แกรก แกรก



        คายัคเอียงคอมองลูกบิดประตูห้องนอนที่ล็อก

 

"อาทัชครับ เปิดประตูให้ผมหน่อย"


        ไม่นาน บานประตูถูกเปิดออก คายัคหรี่ตามองใบหน้าแดงจัดที่ยืนเม้มปากเรียบเป็นเส้นตรง



"อาทัชทำอะไรอยู่ ทำไมล็อกประตูล่ะครับ"


"ทำไมอาต้องบอก"


 "โห่ อาทัชอ่าา"



      เดินตามอาทัชไปนั่งที่เตียง จับมือคนอายุมากกว่า เพื่อบอกความจริง



"อาทัชครับ พรุ่งนี้ผมขอไปทำงานที่ร้านแม่บอลนะครับ"


"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเพิ่งมาบอก"

 

"อาทัชโกรธผมหรอครับ?"

 


"ใช่ ทำไมไม่ปรึกษากันก่อน"

 

     คายัคนึกว่าอาทัชจะตอบปฏิเสธ พอตอบตรงเผงแบบนี้...เด็กหนุ่มก้มหน้า
 

"ผมขอโทษ ผมแค่อยากช่วยอาทัชหารายได้เพิ่มและคิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรเลยไม่ได้ปรึกษาอาทัชก่อนครับ"

 

     อินทัชเงียบ ถอนหายใจ

 

"เฮ้อ! แล้วจะไปทำอะไรครับ"

 

"เป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารครับ"

 

"โอเค อาขอโทษนะ อาแค่ห่วงคายัคมากเกินไป เพราะคายัคไม่เคยทำงานมาก่อนจะไหวแน่เหรอ?"

 

"ไม่รู้แต่จะลองดูครับ  อาทัชทำงานคนเดียวได้นะ"


"ได้สิครับ ไม่ต้องห่วงอาหรอกนะ"




     อินทัชยิ้ม โยกศรีษะเด็กหนุ่ม

 

"พรุ่งนี้ ทำงานวันแรกแล้ว อยากได้กำลังใจจัง"

 

      มองหน้าเด็กหนุ่ม


"อยากได้แบบไหนล่ะครับ?"

 

      คายัคส่งยิ้มกรุ้มกริ่มและ...


จุ๊บ!

   อินทัชชะงัก เมื่อคายัคพุ่งมาฉกจูบไวๆ เขายังไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มได้ใจ

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ...


    คายัคจุ๊บปากซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แค่ปากแตะปากแต่กลับเพิ่มกำลังใจให้คายัคมีแรงใจไปทำงานพรุ่งนี้ได้จริงๆ และก่อนจะโดนด่า


"ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ"








 

   

........................

 

 


    ผ่านไปสี่วันแห่งการทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร...


      ร้านอาหารไทยระดับพรีเมียมมีทั้งอาหารประเภทไทยแท้และไทย-ฟิวชั่นตั้งอยู่ริมถนนชื่อดัง ตัวร้านหันหน้าออกริมถนน ข้างกัน คือ ลานจอดรถขนาดกว้าง



   และยามสี่โมงเย็น
 

"เฮ้ย! น้องมานี่หน่อยค่ะ เห็นไหมว่ามีเส้นผมตั้งหลายเส้นอยู่ในจาน ใครจะกินลง? เอาไปเปลี่ยน ฉันไม่กิน"

 
"พี่ก็เขี่ยออกสิครับ แค่เส้นผมเอง เสียดายนะถ้าต้องทิ้งทั้งจานเพื่อทำใหม่เลยอะครับ"

 


     มุมมองของเด็กคิดว่าก็แค่เส้นผมที่เป็นส่วนเล็กถ้าเทียบกับอาหารจานเบ้อเร่อ แต่แน่นอนว่าบางครั้ง มุมมองของคายัคอาจใช้ไม่ได้กับทุกคน


"นี่...ฉันเป็นลูกค้านะ นายมันแค่ลูกจ้าง กล้าดียังไงมาเถียงฉัน"

 

"เอ่อ ขอโทษนะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?" ผู้จัดการร้านเห็นท่าไม่ดี เดินมายืนขนาบข้างเด็กหนุ่มที่ทำงานไม่ถึงสัปดาห์ก็สร้างเรื่องให้เสียแล้ว

 
"เด็กคนนี้กล้าเถียงฉัน รู้ไหมฉันเป็นใคร? ฉันมีสิทธิ์จะโพสต์รูปเส้นผมที่อยู่ในจานไปประจานโซเชียลก็ยังได้ จะลองไหมล่ะ?"

 
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่สร้างความไม่สบายใจให้ลูกค้าทั้งๆที่เป็นความผิดของทางร้านเราเอง รบกวนลูกค้าโปรดรอสักครู่ แล้วเราจะรีบนำอาหารจานใหม่มาเสิร์ฟให้นะครับ"

 

"ได้ อย่าให้ฉันรอนานล่ะ ฉันหิวมาก ไม่อย่างนั้น ฉันจะโพสต์รูปลงโซเชียลจริงๆด้วย"

 

    ผู้จัดการโค้มหัวขอโทษ และลากคายัคไปถามปัญหาที่หลังร้าน จังหวะนั้น แม่ของบอลที่เดินเข้ามาพร้อมลูกชายก็เห็นพอดี



"มีอะไรหรือเปล่า?"


"คุณนภัสสรครับ พอดีน้องคนนี้ลืมตัวเถียงลูกค้าเรื่องที่มีเส้นผมอยู่ในจานครับ"

 

"คุณแม่ครับ ผมแค่เสียดายอาหารถ้าต้องทิ้งทั้งจาน ลองนึกถึงคนที่เขาต้องอดอยาก คุ้ยของกินในถังขยะดูสิครับ?" คายัคเถียงเพราะยังยึดมั่นในความคิดของตัวเองว่าไม่ได้เสียหาย

 

          นภัสสรถอนหายใจพลันส่ายหน้าเล็กน้อย



"แต่ในแง่ของธุรกิจ ลูกค้ายอมจ่ายเงินให้เราก็เพื่อต้องการสิ่งที่ดีที่สุด อะไรที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ก็ควรทำ ดังนั้น สิ่งที่ได้มา ถ้าต้องแลกกับการสูญเสียอะไรไปบางอย่างก็ต้องยอมนะลูก เฮ้อ...คายัคยังเด็กมากเลยนะ แม่ว่า...."

 

"ผมขอโทษ ผมขอโอกาสอีกครั้ง อย่าไล่ผมออกนะครับ"  คายัคยกมือไหว้ มองแม่เพื่อนด้วยแววตาเว้าวอนอย่างกลัวว่าจะโดนไล่ออกทั้งๆที่เพิ่งทำงานได้เพียงสี่วัน

 

"แม่ไม่ทำอย่างนั้นหรอกจ้ะลูก แต่แม่จะบอกว่า หนูต้องอดทน ที่นี่ เราคืองานบริการ ต้องทำไงก็ได้ให้ลูกค้าประทับใจจนอยากกลับมาอีกครั้ง พยายามตั้งใจทำงานที่เรารับผิดชอบให้ดีที่สุด จับคำแม่ไว้นะคายัค ขอให้ลูกอดทน แล้วทุกอย่างจะดีเอง"

 

"ขอบคุณครับ คุณแม่"

 

"แม่เห็นถึงความพยายามของหนูนะ เอาเป็นว่า แม่ให้โอกาส แต่ถ้ามีครั้งที่สอง อย่าหาว่าแม่ใจร้ายเลย แม่จำเป็นต้องให้หนูออกจากงาน เพราะนี่คือธุรกิจ และมันจะมีเรื่องของชื่อเสียงเข้ามามีผลกระทบกับทางร้าน"


"ครับแม่ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ"

     บอลที่ยืนอยู่ข้างแม่ ได้แต่ตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ และปล่อยให้ผู้จัดการร้าน พาคายัคกลับไปขอโทษลูกค้ารายเดิม เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย ซึ่งลูกค้าท่านนั้นก็ตัดสินใจไม่เอาความอะไรกับคายัคอีก

 

    ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันที่คายัคนอยด์จนแทบไม่อยากทำอะไร แต่ต้องฝืนเสิร์ฟอาหาร เคลียร์โต๊ะ ช่วยพนักงานคนอื่นๆทำความสะอาดร้านเรียบร้อย ก็ถึงบ้านสามทุ่มกว่าๆ 

 

    วันนี้ แม่ของเพื่อนสนิทเห็นคายัคโดนตำหนิแล้วซึมลงอย่างเห็นได้ชัด นึกสงสาร อาสาพาเด็กหนุ่มมาส่งที่บ้าน โดยระหว่างทางก็สอนให้คายัคเข้าใจโลกของการทำงานมากขึ้นด้วย
 

      ใช้เวลาสักพัก คุณนภัสสรขับรถมาจอดเทียบหน้าบ้าน หันไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งเบาะหลังก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
 

"คายัค ถึงแล้วลูก"


"คะ...ครับ!"
เด้งตัว มองซ้ายแลขวา เมื่อรถยนต์ของแม่เพื่อนจอดสนิทตรงหน้าบ้านของคายัคเรียบร้อยแล้ว คายัคไม่รู้เลยว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
 

"ขอบคุณครับแม่ ไปก่อนนะบอล"

 


"อืม"

"พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่นะลูก"

 

"ครับ"


 

      คายัคเพลียเหลือเกิน เดินลงจากรถแทบหมดแรง ถ้าเป็นตอนอยู่ที่ร้านกาแฟน่ะเหรอ แค่เห็นคายัคทำหน้าบูดบึ้ง อาทัชก็ให้คายัคพักแล้ว
 

       ถัดมาในร้าน อินทัชอาบน้ำเสร็จ ก็ลงมานั่งรอเด็กหนุ่มข้างล่างอย่างนึกห่วง แต่พอได้ยินเสียงกอกแกกตรงประตู เงยหน้ามองเห็นสภาพเด็กหนุ่มดูเหนื่อยล้าและเพลียอย่างเห็นได้ชัดก็รีบวิ่งไปหา

 

"ตัวน้อย ไหวไหม?"


"ไหวครับ" ตอบเสียงผะแผ่ว ฟากอินทัชประคองเอวคายัคที่ตอนนี้อย่างกับซอมบี้ดูสิ้นสภาพจนอดสงสารไม่ได้



"ไม่ถึงสัปดาห์ยังเป็นขนาดนี้ กลับมาช่วยอาเหมือนเดิมไหม?"

 
"ไม่ครับ ค่อยคุยนะครับอาทัช ผมอยากอาบน้ำ"

 

        ไม่ใช่ ไม่อยากตอบคำถาม แต่คายัคเหนื่อยเกินกว่าจะสนทนาด้วย จึงเดินขึ้นบันได้ไปหวังจะอาบน้ำให้สดชื่นขึ้น


        จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย ค่อยสบายตัวขึ้นมาหน่อย คายัคปีนขึ้นเตียงกระเถิบตัวไปใกล้อาทัชที่นอนรออยู่ก่อน มือหนาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและเอาศรีษะซบลาดไหล่อีกฝ่าย


      ยิ่งอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศแบบนี้ด้วยแล้วก็ชวนเคลิ้มหลับซะให้ได้

 

"อาทัชครับ ขอกอดหน่อย"


"หืม? เป็นอะไรหรือเปล่าตัวน้อย?"
กดสายตาลงต่ำ มองคนถามแต่กลับไม่ลืมตา ท่าทางคงเหนื่อยล้าเต็มที

 

"ผมเหนื่อย"


    นึกขำกับคำตอบ เขาลูบแก้มเย็นเฉียบของเด็กหนุ่ม


"ถ้ากอดจะหายเหนื่อยหรอครับ?"

 
"หายครับ เพราะการได้กอดอาทัช ผมสัมผัสได้ถึงความรัก"



"ปากดีนะ ตัวน้อย"  หัวเราะกลบเกลื่อนอาการใจกระตุก อินทัชยอมตามใจตัวน้อยด้วยการดึงมือคายัคมาโอบร่างเขาไว้


      คายัคกระชับกอดแน่น ฟากอินทัชลูบเรือนผมเด็กหนุ่ม มืออีกข้างที่ว่างก็นวดคลึงหลังต้นคอคายัคเบาๆ หวังจะช่วยให้หลับสบาย

 

"แล้ววันนี้เป็นไงบ้างครับ ทำงานสนุกไหม ไม่เห็นเล่าให้อาฟังเลย? อาอยากฟังตัวน้อยเล่านะ ดูตัวน้อยจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เล่า"



"........."

 

"คายัคครับ?"  กดตาลงต่ำ มองเด็กหนุ่มที่หลับคาอ้อมกอดอินทัชไปเรียบร้อยแล้ว

 
"........."


"เฮ้อ! จะไหวไหมเนี่ย ตัวน้อยของอา"

 

 
     ว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ เลื่อนมือจากคอลงมากลางหลัง กระชับกอดคนอายุน้อยกว่าพร้อมกดจูบข้างขมับเอื้อนเอ่ยเสียงเบาดุจกระซิบ



"อาเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้นะ"

 

****1.1****

เหนื่อยแค่ไหน ถ้ามีคนคอยเป็นกำลังใจ

มันหายเหนื่อยได้จริงๆนะ

.

.

.รัก.

ขอบคุณค่ะ
:man1: :man1: :man1: :man1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อาทัชก้ชอบปลูกอ้อยนะเนี่ย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
ถ้าใจตรงกันก็สมหวังในเวลาที่พอดีอยู่เเล้วเเหละ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
อาทัชทำไร หน้าแดง ล็อกประตูว์ >///<

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
คายัคสู้ๆๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
สนุกค่า แต่เด็กน้อยยังต้องโตกว่านี้หน่อยอ่ะเนอะ นิสัยยังเด็กอยู่มากจริงๆ แต่ก็น่ารักนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อืมมมม เด็กน้อยวัยมัธยมก็งี้แหละ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 5 กำลังใจสำคัญ (2)




     สามสัปดาห์ผ่านไปที่คายัคทำงานวันละแปดชั่วโมงได้คุ้มค่า ทั้งเสิร์ฟอาหาร ปัด กวาด เช็ด ถูไม่มีบ่น เพราะกลัวว่าแม่เพื่อนจะไล่ออก ส่วนบอลก็มาทำงานด้วย เพียงแต่เขาทำแค่สามวันต่อสัปดาห์ คายัคเลยเจอะเพื่อนได้แค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น

 

 

       วันเวลาที่ผ่านมา คายัคเข้มแข็งและอดทนมากขึ้น จากการเจอปัญหาสารพัดรูปแบบไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกายที่เมื่อยล้าเต็มทน แต่ยังมีเรื่องของการฝึกฝืนระงับอารมณ์ร้อนของตัวเอง ที่ต้องพบเจอลูกค้าหลายประเภททั้งดี-ร้ายปะปนกันไป

 

 

"นี่น้อง ไม่ใช่โต๊ะพี่ค่ะ เสิร์ฟผิดโต๊ะแล้ว"


"ไหวไหมเนี่ย เดินมาเป็นวิญญาณขนาดนี้ กลับบ้านไปนอนไหมน้อง"

 

"อาหารได้ช้ามากเลย ไปตามผู้จัดการร้านมาซิ"

 

"น้องคะ เมนูนี้พี่กินประจำ ทำไมวันนี้ รสชาติหวานเลี่ยนขนาดนี้ เอาไปเปลี่ยน!"



 

    คายัคไม่เคยต้องฝึก ฝืน ข่มใจขนาดนี้ ที่ยังอยู่ได้ เพราะคำพูดของแม่บอลที่บอกว่าให้อดทน

 

    คายัคจึงอดทนเพื่อเงิน

   และอดทนเพื่อคนที่คายัครัก..."อาทัช"


 

"ไหวไหมไอ้ยัค?"
บอลเดินเข้ามาตบบ่าถามคายัคที่ออกมานั่งพักข้างนอกบริเวณที่จอดรถยามช่วงบ่ายๆ


"ไหว"


"อีกอาทิตย์เดียวก็ครบเดือนแล้วมึง"

 

"ขอบใจนะบอล"

 

"มึงเจ๋งมาก สู้ๆเว้ยเพื่อน กูไปเสิร์ฟอาหารก่อน หายไปสองคนพร้อมกัน เดี๋ยวแม่ว่าเอา"


 

      พยักหน้ากลับเนือยๆ พอเพื่อนลับตา คายัคควักบุหรี่ขึ้นมาจะจุดสูบ แต่ลืมไปว่าคายัคเป็นพนักงานเสิร์ฟโดยสวมเครื่องแบบนักเรียน เก็บบุหรี่เข้ากระเป๋า พ่นลมหายใจยาว เดินกลับเข้าไปทำงานต่อ
 

     เวลาล่วงเลยมาจนถึงทุ่มครึ่ง เด็กหนุ่มเพิ่งจะได้กินข้าวเที่ยง ที่มันไม่น่าจะเรียกว่าข้าวเที่ยงได้แล้ว ถือข้าวกล่องของร้านเดินออกมานั่งตรงม้านั่งล้อมรอบต้นไม้ใหญ่

 

     เปิดกล่องกระดาษ ตักข้าวเข้าปาก ด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด  คายัคเพิ่งเข้าใจถึงความยากลำบากในการทำงานเพื่อให้ได้เงินมา แล้วอาทัชล่ะจะเหนื่อยขนาดไหน?

 

        หลังจากที่พ่อเสียชีวิตไปแล้วอาทัชมาดูแลก็เกือบสิบปีเห็นจะได้ที่คายัคมีเงินกิน เงินใช้ มีค่าเทอม ไหนจะมีบ้านพักอาศัยให้อยู่อย่างสะดวก สบาย เอาเข้าจริง มานั่งนึกดู ชีวิตคายัคโชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก ทั้งๆที่คายัคไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูด้วยซ้ำ แต่เพราะยังมีอาทัชดูแลคายัคมาโดยดีตลอด



แหมะ แหมะ...



    น้ำตาหยดแรก หยดลงบนเม็ดข้าวในกล่อง



    คายัคเก็บความอัดอั้นตั้นใจไว้ไม่ไหว ระเบิดจนร้องไห้ออกมา

 

"ฮือออออออ!"
 

   ที่ร้องไห้คงเป็นความเหนื่อยผสมความรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่าอาทัชต้องลำบากในการเลี้ยงดูคายัคขนาดไหน

 

     เห็นอย่างนี้ คายัคยิ่งรักอาทัชมากขึ้นกว่าเก่า และยิ่งต้องผลักดันตัวเองหารายได้ในการช่วยแบ่งเบาภาระของอาทัชอีกทางด้วย


"ฮือออออออ ฮึกฮืออออ"

 

"ไอ้หลานเป็นอะไร?"



     สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงบุคคลอื่นดังขึ้นใกล้ๆ เงยหน้ามองคุณลุงผิวเข้มคร้ามแดด ร่องรอยยับย่นของวัยปรากฎเต็มใบหน้า คุณลุงอาจต้องการมานั่งพักเหนื่อยใต้ต้นไม้เช่นเดียวกับคายัค



     เด็กหนุ่มยกแขนเสื้อปาดน้ำตา

 

"ฮึก...เปล่าครับ"


 

"ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียว ไอ้หลาน"

 


"ผะ...ผมทำงานที่นี่ แค่มานั่งพักครับ"

 

"ดีแล้วที่รู้จักทำมาหากินและนึกได้วัยเท่านี้ ไอ้หลานคงเหนื่อยล่ะสิใช่ไหม?"

        คายัคพยักหน้า


"รู้ไหมความเหนื่อย มันคือความรู้สึกอย่างหนึ่ง ที่บอกให้รู้ว่าเรายังมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ ถ้าเอ็งเหนื่อยเพื่อใครสักคนแล้วมันคุ้มค่าที่จะเหนื่อยก็ขอให้ทนทำไป ดูอย่างลุงสิ ชีวิตที่ผ่านมา ลุงเหนื่อยกายเหนื่อยใจมาพอแล้ว เมียก็มาหย่า ต้องเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวเองตั้งแต่มันยังเด็ก แต่สุดท้ายก็พึ่งไม่ได้ ไม่เอาไหน หนีไปติดยา ทิ้งลุงไม่ดูแล ลุงปลงแล้วหลานเอ้ย!...นี่ลุงหนีมาทำใจคนเดียวแล้วล่ะ"

 

       หยุดร้องไห้ มองปัญหาตัวเองเล็กน้อยไปเลยเมื่อได้ยินเรื่องของคุณลุงที่ไร้คนเหลียวแล

 
        คายัคไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นั่งเงียบ คุณลุงส่งยิ้มจางๆมาให้แล้วว่าต่อ

 

"ยิ้มกับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามานะไอ้หลานเอ้ย! ถ้ายังเหลือคนที่รักรออยู่ที่บ้าน กลับไปกอด กลับไปบอกรักล่ะ ลุงไปก่อน"

 

"ขอบคุณครับคุณลุง"



      คายัคยิ้มยกมือไหว้ขอบคุณคุณลุง รีบจ้วงตักข้าวกินอย่างไว แล้วนำกล่องเปล่าไปทิ้งที่ถังขยะ เดินจนถึงประตูหลังร้าน ก็เห็นบอลยืนมองอยู่

 

"ทำไมตาแดง มึงร้องไห้หรอ?"


"............" คายัคไม่ตอบ ขณะที่คายัคจะเดินเข้าร้าน บอลแตะแขน



"เมื่อกี้ มึงยกมือไหว้ใครวะ?"

 

"คุณลุง"

 

"บ้า! ลุงไหน? กูเห็นมึงนั่งคนเดียว"

 

       คายัคชะงัก ขนลุกทั่วร่าง ชาวาบไปยังกระดูกสันหลัง


"อย่ามาตลกไอ้บอล  กูไปทำงานก่อน"

 

"กูพูดจริง"



       ไม่ฟังคำเพื่อนแล้ว รีบเดินเข้าร้าน ก่อนไปแอบหันหลังกลับไปมองตรงที่นั่งอีกครั้ง ถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่ไม่ว่าจะคนหรือผี คายัคจะนำคำแนะนำเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการสู้ต่อให้ถึงที่สุด







        ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวันที่หนนี้ คายัคเจียดเงินเดินทางกลับบ้านด้วยแท็กซี่ คายัคเกือบเคลิ้มหลับอยู่หลายที แต่ต้องนั่งทำตาแข็ง บอกทางคนขับจนมาถึงบ้าน


        ลงจากรถ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าเปื้อนยิ้ม เมื่อเห็น กำลังใจสำคัญ



        อาทัชนั่งรออยู่ตรงที่เดิมเสมอ...


       อินทัชโคลงศรีษะมองแล้วรีบเร่งฝีเท้าไปหาคายัคที่เดินใกล้เข้ามา

 

ฟึ่บ

 

        สวมกอดอาทัชทันที


"ตัวน้อยทำไมตาบวมอย่างนี้ล่ะ?"

 
"ฮืออออออ"



     ว่าจะไม่ร้องแล้วนะ แต่พอย้อนไปนึกถึงการกระทำทุกอย่างที่อาทัชทำให้มาโดยตลอดก็อดที่จะปล่อยน้ำตาออกมาไม่ได้



    ใจคอไม่ดีที่คายัคร้องไห้กลับมา ไม่รู้ว่า ไปทำงานเจอะเจออะไรบ้าง ถึงกลับมาร้องไห้กับเขาแบบนี้

 

"ตัวน้อยร้องไห้ทำไมครับ?"

 

     สั่นศรีษะน้อยๆในอ้อมกอด สองมือเรียวขยุ้มเสื้ออาทัชจนยับย่น



"ฮึก...ผมรักอาทัชนะ ผมจะอดทนเพื่ออาทัช ฮืออ"


       ก็ชื่นใจอยู่หรอกที่คายัคตอบแบบนั้น แต่ความสงสัยยังไม่จางหายว่า ถ้ารักแล้วจะร้องไห้ทำไม



      ผละมาดูร่องรอยน้ำตาของเด็กหนุ่มพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ



"ถ้าเหนื่อยก็พอนะ อาเลี้ยงดูคายัคได้"




      อินทัชเป็นห่วง รู้ดีว่าคายัคไม่เคยได้ออกไปเผชิญโลกกว้างจริงๆ



      ถ้าเหนื่อยนัก ก็อยากให้ให้พักก่อน หากร่างกายแข็งแรงและมีพลังใจมากขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปทำงานอีกที อินทัชก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว
 

"ไม่! ผมจะอดทน เพราะผมอยากเป็นคนให้อาทัชพึ่งพิงได้"

 

กึก!


       ถ้อยคำใสซื่อไร้การปรุงแต่งหรือเสแสร้ง ทำให้อินทัชชะงักงันทันที ไม่คิดว่า คายัคจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากขนาดนี้

 
       คนอายุมากกว่ายิ้มกว้างอย่างปลื้มใจ จนน้ำตาแห่งความซาบซึ้งเกือบไหล แต่เพราะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งแข็งแกร่ง อินทัชจึงต้องกลืนก้อนน้ำตามวลใหญ่ลงไปพร้อมบอกย้ำคำเดิมที่เคยบอกคราวก่อนในตอนที่คายัคหลับไปแล้ว...


"ขอบคุณครับตัวน้อย  อาเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้เสมอนะ"













 

...................




       และแล้วสัปดาห์สุดท้ายแห่งการเป็นพนักงานเสิร์ฟก็มาถึง



      ตรากตรำทำงานมาหนักจนเริ่มรู้งาน ใครจะด่า จะว่า วีนเหวี่ยงอย่างไร คายัคก็ยิ้มเข้าสู้ เผลอๆบางทียังมีการยิ้มเจ้าชู้ หยอกล้อทางสายตาให้ลูกค้านึกชอบใจและเอ็นดู จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ เริ่มมีลูกค้าติดใจตัวน้อยกันหลายราย



      ในขณะที่คายัคเรียนรู้โลกแห่งการทำงานจนมีภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้น อีกฟาก ร้านกาแฟของอาทัช บัดนี้ มีแคนไปช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบไร้ค่าจ้างได้เกือบสัปดาห์แล้ว



       เรื่องของเรื่องมีวันหนึ่ง อาทัชเปิดพื้นที่ในร้านทั้งหมดให้ลูกค้าจัดประชุมโดยที่วันนั้นแคนไปนั่งเล่นกับพี่ชายพอดี แคนเห็นอาทัชวิ่งวุ่นคนเดียวจึงอาสาช่วย จากนั้นแคนสนุกและติดใจจึงขอช่วยอาทัชโดยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้าง แคนขอแค่กินเครื่องดื่มฟรีวันละแก้วก็พอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แคนยังอยู่ช่วยอาทัชจนถึงทุกวันนี้



     จุดมุ่งหมายในการทำงานของแคนและคายัค จึงมีความแตกต่างกัน


     แคนต้องการความสนุก ส่วนคายัคต้องการพิสูจน์ตัวเองให้อาทัชได้เห็นถึงความเติบโตทางชีวิตและความคิด



     พอรู้ว่า เพื่อนไปช่วยอาทัชคายัคก็อุ่นใจที่รู้ว่าอาทัชจะไม่เหนื่อยเกินไป

         

      เสิร์ฟมาทั้งวัน จนเวลานี้ก็เป็นช่วงหัวค่ำที่คายัคยังเดินเสิร์ฟได้ด้วยรอยยิ้มสดใส



"ข้าวผัดต้มยำทะเล และไก่สะเต๊ะครับ"

 
      วางจานข้าวผัดลงบนแผ่นรองจาน ตามด้วยจานสีขาวขนาดยาวที่บรรจุไก่สะเต๊ะเรียงรายเป็นตับพร้อมถ้วยน้ำจิ้ม วางเสิร์ฟลงบนโต๊ะอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงกระแทกกับโต๊ะหินอ่อน


      ตบท้ายด้วยการส่งยิ้มหวานให้ลูกค้าผู้ชายวัยสี่สิบต้นๆ คุณลูกค้าชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มคายัค จนถึงกับต้องเปิดปาก ชวนคุย



"ยังเรียนมัธยมอยู่หรอ?"


"ครับ"

 

"เด็กสมัยนี้กินอะไรกัน ผิวดี หน้าตาก็ดี โตกว่านี้ คงหล่อมากแน่ๆ"


 
"ขอบคุณนะครับ คุณลูกค้า"  ยิ้มพร้อมโค้มหัวรับคำชม ก้าวถอยหลัง หมุนตัวเดินออกไปจากโต๊ะ

 
     คายัคหยุดยืนตรงจุดส่งออเดอร์เข้าสู่ส่วนครัว ขณะที่ยืนดูแลความเรียบร้อยและคอยสังเกตว่าจะมีลูกค้าโต๊ะไหนเรียกเก็บเงินหรือสั่งอาหารเพิ่มเติมหรือเปล่า? คายัคกวาดสายตาปะทะเข้ากับลูกค้าที่ชมคายัคเมื่อสักครู่พอดี

 

      เขาส่งยิ้มมาให้ คายัคจึงต้องส่งยิ้มกลับไปเช่นเดียวกัน จนเวลาผ่านไปแล้วสามสิบห้านาที ที่คายัคเดินไปเสิร์ฟอาหารให้โต๊ะอื่น เสร็จแล้วคายัค เดินกลับมาหาบอลที่พยายามจะส่งซิก



"มีคนติดกับมึงแล้วว่ะ"


"หมายถึงใครวะ?"


"ลูกค้าผู้ชายที่มาคนเดียวนั่งใกล้ๆประตูร้านไง"
คายัคร้องอ๋อ ก็คงไม่ผิดไปจากที่เดาไว้สักเท่าไหร่ เพราะทุกครั้งที่คายัคกวาดตามองลูกค้ารอบร้านก็มักเจอะสายตาลูกค้าคนนี้จ้องมองอยู่เสมอ


"เอาไป"


"อะไร?"
คายัคมองธนบัตรสีเทาสองใบที่อยู่ในมือของบอล
 

"เขาคงเห็นมึงยุ่ง ตอนเก็บเงินเลยเรียกให้กูไปเอาทิปส์พิเศษบอกเจาะจงให้มึงคนเดียว เขาคงดูรู้ว่ากูเป็นเพื่อนมึง เพราะทั้งร้านมีเราใส่ชุดนักเรียนกันแค่สองคน"



"เฮ้ย! ทำไมเยอะจังวะ"


"ไม่รู้ว่ะ มึงก็รับๆไปเถอะ"


     คายัคตัดสินใจรับธนบัตรสีเทาแค่ใบเดียวยัดเข้ากระเป๋ากางเกง ส่วนอีกใบให้บอลนำไปเป็นทิปส์ของร้าน



    อย่างน้อย พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ดูเหมือนว่า จะมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตได้บ้าง

 

    เลิกงานวันนี้เลยทำให้คายัคไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เพราะการได้ทิปส์ทำให้คายัคคิดว่าตัวเองก็บริการดีใช้ได้



     และยังคงเป็นเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่คายัคไปทำงาน อินทัชไม่เคยขึ้นนอนก่อน ที่สำคัญจะรออยู่ข้างล่างตรงที่เดิมเสมอ



     คายัคอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ยังเหลือแรงจึงเล่าเรื่องดีๆที่ร้านอาหารให้อาทัชฟัง

 

"อาทัชครับ วันนี้ผมได้ทิปส์ตั้งสองพันแหนะ"


"หืม? ทำไมได้เยอะจัง"

 

"สงสัยผมคงเสิร์ฟดีจนลูกค้าติดใจละมั้ง"

 

"อาจจะใช่ เพราะตัวน้อยเป็นเด็กน่ารัก ใครๆถึงเอ็นดู เห็นไหมครับ?"

 

"ชมว่าน่ารัก และเมื่อไหร่จะรักผมล่ะครับ" 


"ก็รักมานานแล้วนะ"

 

"โห...อาทัชอะ ผมรู้แกวหรอกนะ ว่าอาทัชก็ต้องบอกว่ารักแบบหลานเหมือนเดิม แต่สำหรับผมหมายถึงรักแบบคนรักนะครับ เมื่อไหร่อาทัชจะเชื่อ ผมพูดจริงๆนะเนี่ย"

 

"แก่แดดนะเรา อาว่าคายัคยังสับสนอยู่มากกับเรื่องนี้ ใครจะไปรู้ วันดี คืนดี คายัคอาจพาแฟนมาแนะนำให้อารู้จักก็ได้"

 


"โธ่เอ้ย!...ผมมั่นใจมากว่าผมรักอาทัชแบบไหน โว้ะ...อาทัชไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยอะ เหนื่อยจะอธิบาย นอนดีกว่า"

"ใช่ ตัวน้อยควรนอน ไม่ใช่เวลามาควรแก่แดดตอนนี้"

 

"ใจร้าย" บ่นขมุบขมิบ อินทัชยิ้มขำท่าทางตัวน้อยก่อนจะลูบผมคายัคราวกับกล่อม


      แอบมองคนหลับตาเหมือนเคลิ้ม สักพัก อินทัชจุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก เปลี่ยนมานวดคลึงเบาๆตรงท้ายทอยไล่ลงมายังหลังต้นคอ บ่า ไหล่เด็กหนุ่มเพื่อความผ่อนคลายและให้คายัคหลับสบายเช่นเคย


.......................................


.

แหม่ ทำงานมาเหนื่อยๆ

มีคนมานวดคง-นวดคอให้นี่มันดีจริงๆแฮะ...o13 o13 o13 o13

ทำไมฟีลคายัคช่างเหมือนพ่อบ้าน

หาเงินเลี้ยงครอบครัวเลยล่ะ ลูก 555555

.

.

.รัก.

ขอบคุณค่ะ
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2018 19:39:27 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่  ถ้าตัดเรื่องความเป็นหลานออกไป  อาทัชก็คงมีความรู้สึกบางอย่างนั้นกับคายัคบ้างหล่ะมั้ง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อยากได้คนมานวดให้บ้างจัง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
อาทัชละมุนมาก

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 6  เล่นของสูง




     วันสุดท้ายของการทำงาน

 

     คายัคดีใจที่วันนี้จะได้รับเงินเดือนแล้ว เด็กหนุ่มเต็มที่กับการทำงาน กระดี๊กระด๋า กระปรี้ กระเปร่า สุดฤทธิ์ราวกับว่าโด๊ปเครื่องดื่มชูกำลังมาเต็มลิมิต

   

"น้องคะ น้องชื่ออะไรอะ"

 

"คายัคครับ"

 

"หูยยย....ฟังชื่อแล้วอยากขึ้นไปนั่งพายเลยอะ" 

 

     ตั้งแต่ทำงานมา คายัคไม่เคยเจอะลูกค้าผู้หญิงแทะโลมได้จนยืนยิ้มหน้าแดง เขินอายขนาดนี้มาก่อน



"มีคนส่งเสียค่าเล่าเรียนหรือยังคะ? ถ้ายัง พี่พร้อมเปย์เต็มที่ ส่งรหัสบัญชีพร้อมเลขที่บ้านมาเลยค่ะ"

"แรดมากกกกกกก"



    คำตอบนั้น ไม่ใช่คายัคที่พูดออกไปหรอกนะ แต่เป็นคำพูดของเพื่อนลูกค้าผู้หญิงที่เกิดการแขวะกันเองเกิดขึ้น

 

    คายัคไม่รู้จะต้องหาทางหนีไปอย่างไรให้ไม่น่าเกลียด  ขณะที่กำลังหาจังหวะปลีกตัวแก็งค์หญิงสาวราวสามสิบ บอลเดินมาสะกิด

 

"ไอ้ยัค ลูกค้าโต๊ะนั้น เจาะจงว่าต้องเป็นมึงไปรับออเดอร์ว่ะ"

 

      บอลชี้ไปทางลูกค้าผู้ชายรายเดิมที่เคยให้ทิปส์คายัคคราวก่อน

 

"คุณลูกค้าคนสวยครับ ผมขอตัว ไปรับออเดอร์ลูกค้าท่านอื่นก่อนนะครับ"

 

"อร้ายย....พูดจาดีแบบนี้ กลับมาอีกที อย่าลืมโยนเบอร์มาทางนี้ด้วยนะคะ น้องคายัค"


 

      คายัคยิ้มพลางพยักหน้า เดินไปหาลูกค้าผู้ชาย เพื่อรับออเดอร์ เมื่อลูกค้าบอกเมนูที่ต้องการ คายัคทวนซ้ำ จากนั้น...



"ขอบคุณนะครับสำหรับทิปส์คราวก่อน"


"จำได้ด้วยเหรอ?"

 

"ครับ"
คายัคส่งยิ้มกว้าง

 

"เลิกงานกี่โมง?"

"หา? อะไรนะครับ?"

 

"เลิกงานกี่โมง เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
คายัคมองคนที่แทนตัวเองว่าพี่ ทั้งๆที่ดูออกว่าแก่กว่าอาทัชหลายปี
 

"ไม่เป็นไรครับ พอดีผมกลับกับเพื่อนน่ะครับ"

 

"ไม่เป็นไรให้เพื่อนกลับด้วยก็ได้"



"เอ่อ..."


     คายัคนึกไม่ออก เพราะไม่รู้จะรีบตัดบทอย่างไร จึงตอบไป
 

"ได้ครับ"

 


    บอกเวลาเลิกงานและเดินไปยื่นออเดอร์ที่ครัว ด้วยสีหน้าประหลาดใจที่ลูกค้าจะขอไปส่ง คายัคบอกพี่ผู้จัดการร้าน ขอแวบไปเข้าห้องน้ำ ก็เห็นบอลยืนดูดน้ำอัดลมตรงข้างหลังร้าน
 

"แหม่ เพื่อนกูเสน่ห์แรงจริงวุ้ย ลูกค้าแย่งกันใหญ่"

 

"อย่ากวนตีน เออไอ้บอลวันนี้กลับกับกูนะ"


"ทำไม?"

 

"เมื่อกี้ ลูกค้าผู้ชายโต๊ะนั้น บอกจะไปส่งกูที่บ้าน"

 

"น่ากลัว เขาชอบมึงหรือเปล่าวะ?"

 

"ไม่รู้ แต่มึงต้องกลับกับกูนะ"

"เชี่ย ไม่เอา"

 

"เฮ้ยไอ้บอล มึงจะปล่อยให้เพื่อนไปกับใครไม่รู้สองต่อสองหรือวะ พลีสส!....ช่วยกูหน่อย"

 

"แล้วมึงไปรับปากเขาทำไม?"


"ก็ตอนนั้นคิดหาทางแก้ไม่ออก นะไอ้บอลขอร้องล่ะ"

 

"เออกูกลับด้วยก็ได้"
 


       คายัคขอบคุณเพื่อนและเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง คายัคตั้งหน้า ตั้งตาทำงานให้ดีที่สุด
 

       สิ้นสุดการทำงาน คายัคตื่นเต้นดีใจเมื่อได้รับซองจดหมายสีขาวมาถือไว้ในมือ

 
"ขอบคุณครับ"

 

"ถ้าเปิดเทอมอยากมาทำเสาร์-อาทิตย์ แม่ก็ยินดีนะ"

 

"จริงหรอครับ?"

 

"จริงสิจ๊ะ ถ้าจะมาก็บอกบอลแล้วกัน"

"ขอบคุณนะครับ คุณแม่"

 


 

       ยกมือไหว้ขอบคุณยกใหญ่ ก่อนจะแยกกับคุณนภัสสร คายัคยิ้มแฉ่งเดินกอดคอเพื่อนจนเกือบลืมไปเลยว่ามีลูกค้ารอส่งกลับบ้าน

 

       รถยนต์ของลูกค้าจอดเปิดไฟขอทางอยู่ตรงซอยทางลัดที่เป็นถนนลูกรังไม่ไกลจากร้านของแม่บอล เพียงแต่ทั้งสองต้องเดินออกไปหน่อย

   

       ถึงรถยนต์คันสีส้มอิฐหลังคารถสีดำ เด็กนักเรียนสองคนยกมือไหว้ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถ คายัคบอกปลายทางคือบ้านของบอลโดยอ้างว่าจะไปนอนค้างบ้านเพื่อน



     รถเคลื่อนตัวมาได้สักระยะ เก้งไม่อยากให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้ จึงชวนคุย

 

"ทำไมนั่งเกร็งขนาดนั้นล่ะครับ"



"ปะ...เปล่าครับ..."
ยอมรับว่าเกร็งเพราะไม่รู้จักกันมาก่อน แถมคายัคก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร เพราะผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่วัยรุ่น จึงไม่รู้ว่าต้องคุยเรื่องไหนถึงจะถูกใจ

 

"เก่งนะ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุเท่านี้ สนใจมาทำงานที่คอนโดพี่ไหม?"

 

"ทำงานอะไรหรือครับ?"


"ทำความสะอาดทั่วไป"



"พอดีผมจะเปิดเทอมแล้วครับ"

 
"ทำแค่เสาร์-อาทิตย์ พี่ให้วันละสามพันบาท ถ้าสนใจนะ"


 

      คายัคตาโตถ้าทำแค่สองวัน เขาจะมีเงินถึงหกพันบาทเลยทีเดียว



"เดี๋ยวผมขอคิดก่อนได้ไหมครับ?"



"ได้สิ เอานามบัตรพี่ไป"


 
    เด็กหนุ่มรับนามบัตรที่ลูกค้าควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อเก็บใส่กางเกง

 
   ตลอดทางที่พี่เก้งขับรถไปส่ง เขาถามเด็กสองคนตลอดว่า เรียนที่ไหน จบแล้วจะเรียนต่ออะไร มีความชอบด้านไหนเป็นพิเศษไหม และอีกมากมาย ทั้งสองก็ตอบเท่าที่ตอบได้ จนรถยนต์ถึงที่หมายคือหน้าหมู่บ้านของบอล คายัคและบอลขอบคุณอย่างนอบน้อมก่อนลงจากรถ

 

    เมื่อรถยนต์คันนั้นพ้นลานสายตา ขณะที่บอลยืนรอคายัคเรียกรถแท็กซี่

 

"มึงจะไปทำจริงๆหรอ?"

 
"สองวันหกพันเลยนะเว้ย บอล"

 

"เงินเยอะขนาดนั้น คงไม่ใช่แค่ทำความสะอาดห้องแล้วมั้ง กูว่าพี่เขาชอบมึงวะ แหม่ช่วงนี้เสน่ห์แรงกับคนมีอายุนะมึงน่ะ"


 

"กวนตีน"


"เอาจริงๆนะ กูเป็นห่วงมึงว่ะ"

 

"กูยังไม่รู้เลยว่าจะทำหรือเปล่า? เฮ้ย! รถมาพอดี ไว้เจอกัน ขอบใจสำหรับทุกอย่างนะ ที่มึงช่วยกูนะบอล"


 

"เพื่อนกัน มีอะไรก็ต้องช่วยกันสิวะ"
ถ้อยคำเดิมที่ทำให้คายัครู้สึกดีทุกครั้ง

 

       เหมือนยกภูเขาออกจากอก ตอนนี้ คายัครู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ทำงานจบแล้ว


       กระทั่งถึงบ้าน คายัคเดินลงจากรถอย่างอารมณ์ดี และยังคงเห็นอาทัชนั่งรอตรงที่เดิมเช่นทุกครา

 

      ใบหน้าเหนื่อยล้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความสุขขึ้นมาในฉับพลัน

 

 

"พอรู้ว่าเป็นวันสุดท้าย ก็ยิ้มร่ามาเลยนะตัวน้อย"
 

"ขึ้นห้องกันครับ"
ยิ้มและคล้องแขนอาทัชพาขึ้นห้องนอน หวังจะอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนบอกข่าวดี

 

      จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย คายัคปีนขึ้นเตียงไปพร้อมกับถือซองจดหมายสีขาว

 

     กระเถิบตัวไปใกล้อาทัชที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

 

"หืมม? อะไรครับ?"


"เงินเดือนของผม ผมให้ครับ"



      อินทัชมองเข้าไปยังนัยน์ตาที่ฉายชัดถึงความมุ่งมั่น รู้สึกปลาบปลื้มใจในความอุตสาหะที่สุดท้ายคายัคก็ทำสำเร็จ


       คงไม่ใช่แค่อินทัชที่ยินดี ปรีดา แต่เพียงผู้เดียวหรอก เพราะคายัคก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน


       ตอนที่คายัคอยู่บนรถแท็กซี่ก็ยิ้มร่า ทำท่าบ้าบอ ชูมือดีใจไปรอบหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นจำนวนธนบัตรสีเทา สีม่วง สีแดงรวมเป็นเงินหนึ่งหมื่นบาทถ้วน ซึ่งความจริง คายัคได้เก้าพันบาท แต่แม่ของบอลเพิ่มให้เป็นค่าขนม


       ภูมิใจที่ตัวเองประสบความสำเร็จไปอีกก้าว
 

       อินทัชวางมือลงบนกลางกลุ่มผมและโยกศรีษะเด็กหนุ่ม
 

"ตัวน้อยเก็บไว้สิครับ"


"ไม่เอา ผมให้อาทัช"



 

       มองคนหนักแน่นจนนึกทึ่ง อินทัชยิ้มมุมปากลูบแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ




"อามีเงินพอเลี้ยงตัวเองแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า เงินก้อนนี้ อาจะเก็บไว้เป็นเงินอนาคตของคายัค เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเปิดบัญชีกัน"
 

"ก็ได้ครับ"

 


"เก่งมาก ตัวน้อยทำได้แล้ว"



"ใช่ครับ นี่หมื่นแรกของผมเลยนะ"



"ครับ มานอนได้แล้ว"


       พออินทัชเอื้อมมือไปปิดไฟตรงหัวเตียง



"ไม่มีรางวัลของคนเก่งเลยหรอ?"


     หันขวับ มือชะงักตรงสวิตซ์ไฟ

 

"หือ หวังผลหรือนี่?"

 

"ก็นิดนึง"

 

"แต่อาไม่ได้ใช้ให้ตัวน้อยไปทำงานสักหน่อย ตัวน้อยไปเอง แล้วจะมาเอารางวัลอะไร"

 

"โถ่...อา...ทั.."


 
จุ๊บ...

 

    ความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากอุ่นๆถูกประทับลงบนปลายจมูกคายัค


จุ๊บ...


     และฝังจูบลงบนริมฝีปากนุ่ม

 

 

"นอนได้แล้วครับ"

 

    ช็อคที่อาทัชจูบแบบไม่บอกกล่าว ดีใจที่คราวนี้อาทัชเป็นฝ่ายจุ๊บก่อนบ้าง แต่มันไม่ค่อยชื่นใจเท่าจูบแบบเฟรนส์คิสเลย

 

    ทำตาละห้อย แต่ก็ไม่กล้าเรียกร้องสิ่งที่ใจต้องการอยู่ตอนนี้ว่า

 

"ผมอยากได้จูบแบบเล่นลิ้นด้วยอะครับ อาทัช..."

 

    กลืนประโยคนั้นลงไปในลำคอ แล้วได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า

 

     เอาน่า!...กำขี้ดีกว่ากำตดเว้ย...คายัค





....................

     


      วันนี้ อินทัชเลือกปิดร้านช่วงบ่าย โดยแจ้งลูกค้าล่วงหน้าไปบางส่วนบ้างแล้ว รวมถึง...

 

"วันนี้ปิดร้านเร็วหรอคะ แมวไม่มีที่ไปเลย"
มองหน้าลูกค้าประจำที่มาตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ แม้จะมีหายหน้าหายตาไปบ้างบางช่วง แต่พอกลับมาจะเต็มไปด้วยของฝากติดไม้ ติดมือเสมอ



       แมวเป็นลูกค้าที่น่ารัก เข้ากับคนง่ายและเป็นกันเอง จึงทำให้อินทัชกับแมวสนิทสนม คุ้นเคยกันได้ไม่ยาก



 

"ขอโทษนะครับ พอดีพี่มีธุระด่วน เดี๋ยวให้กินฟรีแก้วนึง"

 

"อย่ามาพูดเลย พี่ทัช เดือนนี้แมวกินครบสิบแก้วแล้วเถอะ ยังไงแมวก็ต้องได้แก้วฟรีอยู่แล้วไหมอะ?" อินทัชหัวเราะ

 

"จำได้ด้วยหรอ?"


"จำได้สิโธ่... แล้วนี่พี่ทัชจะไปไหนคะ?"


"ไปทำธุระกับหลานที่ธนาคารครับ"


 

"เออมาทีไร...ไม่ค่อยเจอหลานพี่เลย หล่อหรือเปล่านะ?"

 

"เป็นผู้หญิง ถามถึงผู้ชายแบบนี้เลยเหรอ?"

 

"ฮ่าๆก็มีบ้าง แมวยี่สิบห้าแล้วนะ"

 

"อาทัชครับ มีคนโทรมา"

 

     และแล้ว หนุ่มน้อยหน้ามนที่ถูกพูดถึงก็เดินเข้ามาหาอินทัชพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้  อินทัชขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าบึ้งตึง แต่พอก้มดูชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอมือถือถึงทำให้รู้สาเหตุ



     อินทัชปลีกตัวทั้งคายัคและลูกค้าประจำไปรับโทรศัพท์


"ว่าไงครับ ภูมิ"

 

[ยุ่งไหมครับ? วันนี้]

 

"ไม่เท่าไหร่ครับ เดี๋ยวเย็นๆผมจะไปทำธุระกับคายัคต่อด้วย"

 

[ปิดร้านเลยหรอครับ?]

 
"ใช่ครับ ภูมิมีอะไรหรือเปล่า?"

 

[ผมไม่ได้ไปหานะ ผมมาต่างจังหวัดกับที่บ้าน อินชอบกินขนมไทยไหม? ผมจะซื้อไปฝาก]

 
"อย่าลำบากเลยครับ"

 
[ไม่ลำบากเลย ถ้างั้นผมซื้อไปฝากนะ ขนมไทยเจ้านี้อร่อยโดยเฉพาะกลีบลำดวน ผมการันตี เดี๋ยว พรุ่งนี้ผมเอาไปให้นะครับ อินทำงานต่อเถอะ]
 

"ครับ"


[เดี๋ยวครับ อิน]

 

"มีอะไรครับ"

 

[ผมคิดถึงอินนะ]


     เงียบไปสักพักถึงตอบกลับ

   

"ค...ครับ"




     หมดธุระ อินทัชเดินกลับไปเคาน์เตอร์ หางตาเห็นคนโบกมือไหวๆ หันหน้าไปเห็นแมวกวักมือเรียกใหญ่ จึงต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินไปหาแมวที่โต๊ะเธอแทน



"มีอะไรครับแมว"


"หลานพี่ทัชหล่ออะ เรียนอยู่มออะไรหรอคะ"

 

"มอสี่ครับ"


"อยากกินเด็กอะ จีบหลานพี่ได้ป่าว?"

 

"เดี๋ยวเถอะ แมว!" อินทัชปราม


"โห่!...แมวโสดมาจะสองปีแล้ว ให้แมวได้อ่อยบ้าง อะไรบ้างนะพี่ทัช ขอไลน์น้องหน่อยสิคะ"

 
"ไม่ได้ครับ พี่ยังไม่อยากให้หลานมีแฟน มันเร็วไป"

 

"โห่พี่ทัช ไม่เร็วเลย เชื่อแมวสิ แมวเคยเดินเที่ยวห้าง เห็นเด็กมอต้น เดินจับมือกระหนุงกระหนิงกับแฟนกันเพียบ"

 

"ไม่ได้ครับแมว หาคนอื่นเถอะ" ย้ำคำเดิม จนแมวแอบทำหน้าเซ็ง คนอะไรไม่มีอ่อนข้อให้กันสักนิด

 

"พี่ทัชขี้หวง...เชอะ"


 

     อินทัชหลุดขำแมวที่นั่งหน้ามุ่ย สั่นศรีษะเล็กน้อยกับท่าทางของแมว ก่อนว่าต่อ

 

"หลานพี่ไม่เหมาะกับแมวหรอกครับ พี่เชื่อว่าน่ารักๆอย่างแมว หาแฟนได้สบายอยู่แล้วครับ รีบทำงานเถอะแมว ตอนบ่ายพี่ปิดร้านอย่าลืมนะ"

 

"จ้าา"


 

      ส่งยิ้มให้ลูกค้า หมุนตัวกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังเคาน์เตอร์ แต่จังหวะนั้น อินทัชปะทะกับสายตาคายัคที่ยืนมองอยู่ด้านในด้วยสีหน้าไม่รับแขก


****1.1****



คุณอาาาาาาาาทัชชชชช...

หลานเหมาะกับใครหรือคะ? (^_^)
.

.

รัก

ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2018 19:46:34 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดวงช่วงนี้มีเสน่ห์กับคนสูงวัย5555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่พูดกับแมวเนี่ย  กั๊ก  กันท่า  ใช่ไหมครัชคุณอาทัช?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด