บทที่ 4 อายุเป็นเพียงตัวเลข (2) คายัคอุตส่าห์นึกดีใจที่วันนี้ทั้งวันไม่เห็นคุณภูมิมาที่ร้านกาแฟ สงสัยน่าจะถอดใจไปแล้ว แต่เปล่าเลย พอใกล้ปิดร้าน คายัคทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นคุณภูมิเดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
คายัคเดาว่า ที่คุณภูมิชอบมาในเวลานี้ เพราะไม่มีลูกค้ารายอื่น จึงเป็นทางสะดวกที่จะได้จีบอาทัช
แต่ตราบใดที่ยังมีคายัคอยู่ ข้ามศพเด็กหนุ่มไปก่อนเถอะ...
"สวัสดีครับ คุณอิน"
"อ่า...สวัสดีครับ คุณภูมิ รับคาปูชิโน่เย็น หวานน้อยเหมือนเดิมนะครับ"
"ดีใจจังที่คุณอินจำได้ ถ้าใครเป็นแฟนกับคุณอิน คงได้รับการเอาใจใส่มากๆ แน่เลยนะครับ"
คายัคมองคนรุกหนัก หยอดคำหวานกว่าทุกครั้ง ก็ชักไม่สบอารมณ์ ยืนมองคนข้างกายตัวเองที่ยิ้มไม่ตอบคำ คายัคต้องการเอาชนะ เดินไปประชิดตัวอาทัชคว้าสองมือคนอายุมากกว่าวางทาบลงบนแก้มแทนการรับเงินของคนที่ยืนอยู่นอกเคาน์เตอร์
"ไม่น่าล่ะ อาทัชถึงชอบเอาใจใส่ผม ขอบคุณนะครับ อาทัช" "ตัวน้อย อย่ายั่วคุณภูมิสิ อาขอล่ะ" อินทัชพูดเสียงลอดไรฟันเบาๆ อย่างเป็นห่วงเด็กหนุ่มจะดูไม่ดีในสายตาของภูภูมิ แต่คงห้ามไม่ทัน เพราะเสียงภูภูมิแทรกขึ้น
"คุณอินคิดเหมือนผมไหม? เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยมีมารยาทนะครับ คิดอยากจะสอดก็สอด ยึดเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ หึๆ"
อินทัชเงียบเพราะรู้ดีว่า ภูภูมิตั้งใจพูดกระแทกคายัค แต่มันก็เหมือนอินทัชโดนพ่วงไปด้วย เพราะอินทัชเป็นคนเลี้ยงคายัคด้วยตัวเอง ครั้นจะแก้ตัวแทนคายัคก็จะหาว่าให้ท้ายเด็กหนุ่มไปอีก
อินทัชก้มหน้าเงียบ ทันใดนั้น...
"เฮ้ย! แม่งจะด่ากูก็ด่ามาเลยเหอะว่ะ"
"คายัค ขอโทษคุณภูมิเดี๋ยวนี้!"
กึก!
ยืนชะงัก หน้าชา เป็นครั้งแรกที่อาสุดแสนจะใจดีของตัวน้อย ตวาดใส่คายัคต่อหน้าคนอื่น
หันขวับมองอาทัช กัดปากแน่น ทำไมต้องเป็นคายัคที่ขอโทษด้วย
คายัคตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลมองหน้าอาทัชด้วยความน้อยใจก่อนจะหันไปขอโทษภูภูมิแบบขอไปที แล้วเดินออกจากเคาน์เตอร์ ขณะที่อินทัชยื่นมือจะรั้งแขนตัวน้อย
"คุณอิน ค่ากาแฟครับ" ละสายตาจากแผ่นหลังคายัคที่เดินดุ่มไปทางประตูกระจกหน้าร้าน หันกลับมารับเงินของภูภูมิ และทำเครื่องดื่มให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์
ถัดมา ยังนอกร้าน เด็กหนุ่มวัยสิบหกก้าวช้าๆไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย คายัคไม่ได้ต้องการทำตัวประชดประชัน เป็นเด็กมีปัญหาด้วยการหนีออกจากบ้าน เขาแค่ต้องการเดินออกมาให้พ้นๆหน้าสองคนนั้น
...ไม่โกรธแต่โคตรเสียใจ... สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เพราะยอมรับว่า ทั้งน้อยใจและเสียใจปะปนกัน ที่อาทัชตวาดใส่ ทั้งๆที่อาทัชไม่เคยทำกับคายัคเลยสักครั้ง
เดินมาถึงจุดจอดรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เด็กหนุ่มเดินไปหาใครสักคนเพื่อถาม
"ขอโทษนะครับ พี่มีไฟแช็กไหมครับ?"
คายัครับไฟแช็กจากพี่วินฯ พร้อมดึงมวนบุหรี่ออกมาจากซอง
"ขอบคุณครับ" สิ่งที่ไม่มีใครรู้ คายัคพกบุหรี่ติดตัวตลอด เขาเคยเห็นโมทย์กับเก่งสูบบุหรี่หลังห้องน้ำที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง คิดอยากลองอยู่หลายที แต่ไม่เคยทำ เพราะห่วงความรู้สึกของอาทัชเสมอ
แต่ครั้งนี้ ความเครียด สับสน น้อยใจ เสียใจ ทำให้ตัวน้อยตัดสินใจจะลองดู
เปลวไฟสีแดงอมส้มจากไฟแช็กจ่อปลายบุหรี่เพื่อจุดติด คายัคยื่นไฟแช็กคืนพี่วินฯ และเดินออกห่างจากจุดนั้น ไปยืนสูบบุหรี่หลบมุมแถวต้นไม้ใหญ่
"แค่กๆ...เชี่ย" คายัคสำลักควันบุหรี่มวลใหญ่ที่ทะลักเข้าปอด
เด็กหนุ่มพักสักครู่ ก่อนได้ที่ สูบเอาควันเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมา ยืนมองควันสีหม่นลอยวนอยู่บนอากาศที่เคลื่อนไหวราวกับนักเต้นบัลเล่ต์หมุนตัวพลิ้วไหวอย่างอิสระ
สูบบุหรี่จนเหลือแค่ก้นกรอง ดีดทิ้งลงพื้น ขยี้ก้นบุหรี่ด้วยเท้า ก่อนจะเดินไปเซเว่น อีเลฟเว่นเพื่อหาของดับกลิ่นปาก
คายัคดื่มทั้งนมจืด เคี้ยวทั้งหมากฝรั่ง พยายามดับกลิ่นอย่างกลัวว่าอาทัชจะจับได้ เด็กหนุ่มตั้งใจว่าถ้าถึงร้านจะรีบขึ้นไปอาบน้ำทันที
ปรับความรู้สึกได้คงที่ ก็เดินมาถึงหน้าร้านกาแฟ ขณะจะเดินเข้าร้าน ยังซวยเจอะคนที่ไม่อยากเจอสวนกันตรงรั้วทางเข้า
คายัคไม่คิดจะทัก แต่ภูภูมิกลับจับต้นแขน เด็กหนุ่มสะบัดแขนออกสุดแรง
"อย่ามาแตะ"
"โอเค นายอาจไม่ชอบฉัน แต่ทั้งหมดที่ฉันทำก็แค่หวังดี นายคิดว่าเด็กอายุสิบหกกับคนอายุสามสิบกว่าแถมเป็นคนเลี้ยงนายมากับมือ มันจะเป็นไปได้เหรอ? อย่าพยายามเลย เหนื่อยเปล่า..."
"ผมไม่สน เด็กกว่าแล้วไงวะ?"
"ก็ไม่แล้วไง แค่รู้สึกว่าถ้าเป็นฉัน ฉันคงไม่เอา"
"หมายความว่าไง?" คายัคกระชากคอเสื้อ ภูภูมิยิ้มอย่างคนเหนือกว่า
"ถ้านายไม่ปล่อยคอเสื้อฉัน และอินทัชเดินออกมาเห็น คราวนี้ คงไม่ใช่แค่ตวาด"
คายัคปล่อยมือออกจากปกเสื้อภูภูมิ แล้วชายผู้นั้นก็ว่าต่อ
"นายยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แถมอ่อนประสบการณ์อีกต่างหาก แค่คิดว่า ถ้าได้เป็นแฟน คงสร้างภาระน่าดู"
กึก!
คายัคนิ่งเงียบถึงกับเถียงไม่ออก
เพราะความเป็นจริง ทุกวันนี้ คายัคยังขอเงินอาทัชใช้อยู่เลย
"ทีนี้เชื่อฉันรึยัง? ฉันไปก่อนล่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ หลานคุณอินทัช" ภูภูมิบีบไหล่คายัคอย่างแรงก่อนจะหัวเราะในลำคอแล้วเดินออกไป
จากที่คายัคจะมุ่งหน้าเข้าบ้าน กลับหมุนตัวเดินห่างจากร้านกาแฟแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งยองๆใต้โคนต้นไม้ใหญ่
"นายยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แถมอ่อนประสบการณ์อีกต่างหาก แค่คิดว่า ถ้าได้เป็นแฟน คงสร้างภาระน่าดู" ประโยคนี้ยังคงก้องในหัวเด็กหนุ่ม ราวกับบทสวดสะกดจิต
คายัคต้องทำอย่างไรให้โตขึ้นเพื่อสามารถดูแลอาทัชตามที่ปากเคยให้สัญญา
เด็กหนุ่มนั่งเงียบๆใต้ต้นไม้ท่ามกลางความมืดของค่ำคืน ไร้แสงไฟข้างทาง
"กรี๊ดด! ไอ้เด็กบ้ามานั่งอะไรมืดๆ นึกว่าผี"
ไม่ใช่ว่าพี่สาวคนนั้นที่ตกใจ คายัคทั้งสะดุ้งเฮือกและตกใจเสียงกรี๊ดของหล่อนเช่นกัน
คายัคลุกขึ้นยืนมองเธอที่สวมใส่ชุดร้านอาหารชื่อดัง และคายัคก็นึกทางออกได้ กดโทรศัพท์หาเบอร์ที่คุ้นเคยดี
"ฮัลโหล ไอ้บอล คุยได้ไหมวะ"
[ได้ ว่าไง]
"มึงถามแม่มึงให้หน่อยดิ ว่าถ้ากูไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านแม่มึงได้ไหม?"[ได้ เดี๋ยวถามแม่ให้ มีอะไรหรือเปล่าวะ ไอ้ยัค]
"ไม่มีอะไรหรอก กูแค่อยากแบ่งเบาภาระอาทัชน่ะ"
[เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆก็นึกอยากจะช่วยอามึงตอนนี้]
"เรื่องมันยาว ไว้เจอหน้าจะเล่าใฟ้ฟัง"
[ได้ๆ]
"อย่าลืมถามแม่นะมึง กูพร้อมเริ่มงานได้ทุกเมื่อ"
[พรุ่งนี้แหละ เดี๋ยวกูโทรบอก]
"ขอบใจมากมึง"
เก็บเครื่องมื่อสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงขาสั้นพลางถอนหายใจยาวกับเรื่องที่ต้องทำทั้งที่ใจไม่อยากทำ เนื่องจาก คายัคจะอดมีเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดอาทัช
แต่เพื่อพิชิตใจและไม่อยากเป็นภาระ คายัคต้องเลือกที่จะลงมือทำ...
เดินเข้าบ้านมาก็เห็นอาทัชหน้าตาตื่น กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาคายัค
"อาโทรหาตัวน้อยทำไมไม่รับ ไปไหนมา อาเป็นห่วงแทบแย่" อาจเป็นตอนไหนสักตอนที่คายัคไม่สนใจสิ่งอื่น นอกเหนือจากการหาทางออกที่ลดภาระให้อาทัช
"ผมขอโทษครับ"
"อาต่างหากที่ต้องขอโทษ ตัวน้อยโกรธอาหรือเปล่า? คืออาไม่ได้ตั้งใจจะ..." "ผมไปอาบน้ำก่อนนะ"
"คายัคโกรธอาเหรอ?"
คายัคส่ายหน้า ไม่ได้โกรธอาทัช เพียงแต่ในหัวสมองคิดแต่เรื่องภูภูมิที่พูดจาดูถูก
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ คายัคกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไม่ยอมไปห้องอาทัช เด็กหนุ่มพยายามข่มตาหลับ ทั้งๆที่มือยังคงก่ายหน้าผาก
"การจะรักใครสักคนมันยากขนาดนี้เลยหรอวะ?" คายัคพึมพำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
คายัคได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งคราวนี้ อินทัชคงกลัวเจอเหตุการณ์แบบคราวก่อน คายัคหยัดกายลุกขึ้นนั่ง
"เข้ามาได้ครับ" อินทัชเปิดประตูออกกว้าง ก้าวยาวๆมานั่งชิดริมเตียง เอื้อมไปจับมือเด็กหนุ่ม
"ตัวน้อยโกรธอา"
"ไม่ได้โกรธครับ"
"แต่ตัวน้อยไม่ไปนอนกับอา" ยอมรับว่าเรื่องที่อาทัชตวาดถูกกลบด้วยถ้อยคำของภูภูมิจนหมดสิ้น ใบหน้าที่นิ่งขรึมและขมวดคิ้วเป็นปมอยู่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องอื่นเสียมากกว่า
แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลาตามวัย แต้มยิ้มทันทีเมื่ออาทัชใส่ใจความรู้สึกของคายัคเสมอ
คายัคที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กระเถิบตัวเข้าไปกอดเอวอาทัชไว้หลวมๆ
"ผมแค่นอนเล่นเฉยๆ เดี๋ยวผมว่าจะไปนอนกับอาทัชอยู่แล้วครับ"
คายัคมองคนที่มีสีหน้าโล่งใจ จึงดึงมืออาทัชมาวางบนตักตัวเองและถามถึงเรื่องที่ยังไม่หายไปจากหัวสมอง
"อาทัชคิดว่าผมเป็นภาระไหมครับ?"
"มีอะไรหรือเปล่า? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ อาไม่เคยแม้แต่จะคิด"
"ผม...แค่รู้สึกไม่ดี...ที่..."
คายัคยังพูดไม่จบ อินทัชดึงเด็กหนุ่มไปกอด
"อย่าคิดมาก อาไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ"
"จริงนะครับ อาทัช"
"จริงสิ อาจะโกหกทำไม เลิกคิดว่าตัวเองเป็นภาระนะ ตัวน้อย และอาก็ขอโทษเรื่องเมื่อหัวค่ำ อาแค่ไม่ชอบให้ใครดูถูกคายัคแบบนั้น" อินทัชตอบพลางลูบหลังลูบไหล่ตัวน้อย ฟากคายัคตอบรับด้วยการกอดกลับกระชับวงแขนแน่น เขาไม่อยากบอกอาทัชเลยว่า คุณภูมิ ได้พูดดูถูกมากกว่าตอนที่อาทัชได้ยินเสียอีก
"อาทัชน่ารักและใจดีกับผมจริงๆ ผมนึกไม่ออกเลย ถ้าวันที่ผมไม่มีอาทัชอยู่เคียงข้าง ผมจะอยู่ยังไง"
"ไม่เอานะตัวน้อย ไม่พูดแบบนี้นะครับ" คายัคสัมผัสได้ว่า อาทัชใส่ใจมาก ก็นึกรู้สึกดี คายัคแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่อรู้ตัว ว่าตัวเองได้เปรียบ เด็กหนุ่มจึงผละจากอ้อมกอด เขยิบตัวไปพิงพนักเตียง
"ผมลืมไปว่า ผมควรโกรธอาทัชที่ตวาดใส่ผม"
อินทัชกลั้นขำที่รู้ว่าเด็กหนุ่มแค่แกล้งหยอก
"ไหนบอกอามาซิครับว่าต้องทำยังไงน้า เด็กขี้น้อยใจจะหายโกรธ" อินทัชเล่นตามน้ำ
"จูบเท่านั้นครับ โอ้ยยย....อาทัช" อินทัชดีดหูตัวน้อยทันทีที่ได้ยินคำตอบ แต่อินทัชไม่รู้ตัวว่าลงน้ำหนักมากไปหน่อย ติ่งหูของเด็กหนุ่มจึงแดงจัด คายัคยกมือลูบหูทำหน้างอ
"โห!...อาทัชอะ ดีดมาได้ ผมเจ็บนะ"
"อะฮุ้ยย.... อาไม่รู้ อาขอโทษนะครับ" อินทัชรู้สึกผิด โน้มหน้าไปใกล้ เป่าลมลงที่รอยแดงตรงติ่งหู แต่ความร้ายกาจของเด็กหนุ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นต่อก็หันหน้าไปและ...
จุ๊บ!
ใจยังไม่กล้าพอที่จะจูบดูดดื่ม จึงทำได้แค่ปากแตะปาก แต่พอผละ
"เฮ้ย! อาทัชโคตรหน้าแดงเลยอะ ฮั่นแน่ะ เขินใช่ไหมล่าา?" อินทัชชะงัก ก่อนจะหยิกเบาๆเข้าที่เอวคายัค แต่พอเห็นคายัคสะดุ้งสุดตัว เขายกยิ้มร้ายเมื่อรู้ว่า ถึงตาที่อิชทัชได้เปรียบบ้าง
คายัคบ้าจี้...
"ฮ่าๆๆๆ โอ้ย...อาทัชอ่า...คิกๆๆๆ...ไม่เอา อาทัช ฮ่าๆๆ โอ้ย ยอมแล้วๆๆ""ไม่หยุดหรอก..." อินทัชสะใจที่รู้จุดอ่อนของคายัค จี้เอวเด็กหนุ่มจนคายัคระเบิดหัวเราะคำโตทั้งยังดิ้นพล่านรอบเตียง
"ยอมแล้วฮ่าๆๆ...ครับ...อาทัช ผมยอมแล้วจริงๆ คิกๆๆ..." นึกสงสารหลานตัวเอง ที่ตอนนี้คายัคหน้าแดง ตัวแดง หอบหายใจถี่ จึงชะงักมือจะดึงออก แต่อีกฝ่ายร้ายกว่า กระชากข้อมืออินทัชสุดแรงจนคนที่ไม่ทันตั้งตัวล้มทับบนตัวเด็กหนุ่ม
นาทีนี้ ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ คายัคจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มอย่างไม่ละสายตา คิดว่าต่างฝ่ายคงจับจังหวะการเต้นของหัวใจได้ว่ารุนแรงแค่ไหน
และอะไรไม่รู้ดลใจ คายัคยกสองมือประคองใบหน้าอาทัชให้ก้มต่ำลงมารับจูบกัน
ไม่รู้ว่า อาทัชจะโกรธหรือเปล่า แต่ตอนนี้ คายัคจะลืมมันไปก่อน เพราะยอมรับว่าตอนที่ได้จูบอาทัชครั้งแรกนั้นช่างแตกต่างกับตอนจูบเบลยิ่งนัก
จูบดูดดื่มแบบผู้ใหญ่ ช่างตื่นเต้น เร้าใจ และหอมหวาน อย่างที่คายัคไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
ความสุขแค่สองนาที ที่คายัคยังไม่หายอยาก อาทัชก็ผละจากริมฝีปาก ดันตัวออกห่างและลุกขึ้นนั่ง
คายัครีบเด้งตัวลุกตาม
"อาทัชครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ คือผมห้ามใจไม่ได้จริงๆ" คายัคก้มหน้ารับผิด ก็รู้ว่าอาทัชยังไม่ใช่แฟน แต่คายัคดันเอาแต่ใจและเผลอตามอารมณ์ตัวเองมากไปหน่อย
"หมกมุ่นนะเราอะ ตัวน้อยหันไปเล่นกีฬาบ้างนะ"
"ห้ะ?" ตอนนี้ อาทัชลุกจากเตียงไปแล้ว ทิ้งให้คายัคนั่งงงวยอยู่บนเตียง ถ้าเล่นกีฬาแล้วมันจะช่วยได้จริงๆหรอ?
ส่วนกีฬาที่อาทัชว่า มันคือ กีฬาประเภทไหนล่ะครับ?
......................................
จากนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้คายัคโตขึ้นอีกมากก
.
น้องเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีดีบ้างเลวบ้างปะปนกันไป เพียงแต่น้องพยายามจะเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อคนที่เขารักก็เท่านั้นเอง
.
บางทีความหล่ออาจไม่ได้อยู่ที่หน้าตา อาจอยู่ที่เวลาได้มุ่งมั่น ทำอะไรจริงจังเพื่อใครสักคนมากกว่า มันเป็นเสน่ห์ล้นเหลืออย่างบอกไม่ถูก
.
.เห็นอย่างนี้ หลงรักตัวน้อยจังเลยอะ (งานมโนไปเรื่อยก็มา 55555)
รักน้อง เอ็นดูน้อง มาคอยเติมกำลังใจให้คายัคและเชียร์ติดขอบสนามกันนะคะ
.
ชอบอ่านความเห็นคนอ่านจัง () ()
ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ