จบแล้ว-(Fantasy/Y) Royal quest ภารกิจรักกับคุณอัศวินซื่อบื้อ (Ch.พิเศษ2)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้ว-(Fantasy/Y) Royal quest ภารกิจรักกับคุณอัศวินซื่อบื้อ (Ch.พิเศษ2)  (อ่าน 47045 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อ่าว จะคุยกันดันเมาซะงั้น  :m20:
เรื่องเคนก็คิดไปแนวๆเอาตัวเข้าแลกเพื่อความเชื่อใจอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ในความรู้สึกเรามันตะหงิดๆเฉยๆ :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2018 00:45:01 โดย shiroinu »

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 21 Hidden desire


เสียงฝนปนฟ้าร้องยังดังอยู่เนืองๆ  ผมเดินขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลเพราะต้องแบกร่างหนักๆนี่ขึ้นห้องพัก เดชะบุญที่ร้านอาหารร้านนี้มีห้องพักด้วย และเจ้าอัศวินนี่ก็พักที่นี่พอดี ผมเลยไม่ต้องลำบากฝ่าฝนพามันกลับ แต่กว่าจะพาขึ้นชั้นสองมาได้ก็แทบแย่ ถึงอย่างนั้นเป็นผมก็ดีกว่าให้คนแปลกหน้าคนอื่นพาคุณชายขึ้นห้อง อย่างน้อยมันก็ปลอดภัยกว่า


..............................................


30 นาทีก่อนหน้า


ผมรีบตามเร็กซ์เข้าไปในร้านด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ไปทำอะไรถึงได้เกิดเรื่องชกต่อยกันขึ้น จะบอกว่าชกต่อยกันก็ไม่เชิงเพราะดูแล้วมันไม่บาดเจ็บเลย

ร้านอาหารร้านนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นบ้านไม้สองชั้น ภายในตกแต่งเรียบง่าย มีโต๊ะไม้ยาวๆวางเรียงกันเป็นทางคล้ายโรงอาหาร หน้าต่างที่แตกเมื่อครู่ถูกบานไม้ปิดสนิท มีลูกค้านั่งอยู่ในร้านไม่กี่คน บางคนดูตื่นตกใจแต่ไม่นานก็เลิกสนใจเพราะไม่ใช่เรื่องของตน

ปัง!!!

“เอ้านี่ ค่าเสียหาย” เร็กซ์ตบเหรียญทองลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วกลับไปนั่งดื่มต่อ

“โอ้ ค่าเสียหายไม่จำเป็นหรอกท่าน ต้องขอบคุณท่านมากเลยที่ช่วยลูกสาวของดิฉันไม่ให้ถูกเจ้าพวกนั้นลวนลาม” หญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านรีบมากล่าวขอบคุณโดยมีหญิงสาวสวยตามเกาะหลังไม่ห่าง

“เออๆ ช่างมันเถอะ” เจ้าคุณชายตอบแบบไม่ใส่ใจแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดก

“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันตอบแทนได้ไหม”

“แค่เอาเบียร์มาอีกก็พอ” มันกระแทกเสียงดังแบบไม่สบอารมณ์ เป็นเร็กซ์แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

<เอาไงดีหว่า> ผมถามตัวเองในใจ จะเดินเข้าไปหามันเลยดีไหมนะ แต่ตอนนี้มันไม่ค่อยปกติด้วย พึ่งทะเลาะกันมาหมาดๆอาจจะโดนชกปากแตกได้ หรือไม่ก็แย่กว่านั้น

แต่มันก็ดูปลอดภัยแล้วนี่หน่า คอยนั่งเฝ้าห่างๆก็พอมั้ง รอมันกลับมาปกติก่อนแล้วค่อยคุยกันก็ได้

แต่ก็ไม่ใช่ทุกวันที่จะเห็นมันในสภาพนี้นะ หึหึ

“ขอนั่งด้วยคนสิพี่ชาย” และแล้วผมก็โดนความคิดอันชั่วร้ายครอบงำ ผมเดินไปอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะของคุณอัศวินโดยไม่ได้ถอดผ้าคลุมออก ...ขอโทษที่ทำร้านเปียกนะครับ...แต่ขอสักครั้งแล้วกัน

มันละสายตาจากแก้วไม้ของมันแล้วมองผมด้วยหางตา ในใจคงคิดว่ามีที่ว่างตั้งมากมายจะมากวนมันทำไม

“จะทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยมีคนสนใจความต้องการของข้าอยู่แล้ว” มันตอบกลับแล้วกระดกเบียร์ดื่มต่อ ข้างๆมันมีแก้วแบบเดียววางอยู่อีก 2-3 แก้ว เต็มบ้าง ว่างเปล่าบ้าง

เมื่อได้รับอนุญาตผมก็หย่อนก้นลงนั่ง

<โถๆคุณชายผู้สุภาพเรียบร้อยมากคุณธรรม พอเบียร์เข้าปากก็กลายเป็นคนฉุนเฉียวซะแล้ว> ผมลอบมองมันแล้วแอบยิ้ม ดีนะมีผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาบังไว้ คิดถูกจริงๆที่ซื้อเสื้อคลุมนี้มา

“มองอะไร มีปัญหาเหรอไง” มันหันมาจ้องหน้าผม พยายามมองผ่านผ้าปิดใบหน้าของผม

“ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยว่าคนจะไม่สนใจความต้องการของพี่ชายได้ยังไง ทั้งแข็งแรงกำยำขนาดนี้ จะช่วงชิงอะไรมามันก็ง่ายดายไม่ใช่เหรอ”

“หึ ช่วงชิงอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ ลองมาเป็นข้าดูแล้วจะรู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้” มันตอบกลับแล้วหยิบแก้วถัดไปขึ้นดื่ม

“ทำไมเป็นแบบนั้นซะล่ะ”

“ด้วยฐานะของข้าทำให้ผู้คนมากมายตั้งความคาดหวัง พวกเขาคาดหวังให้ข้าต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม มีเกียรติ จะให้ข้าใช้พละกำลังที่มีทำอะไรตามอำเภอใจแล้วทำให้คนเหล่านั้นผิดหวังได้ยังไง”

“...” อืม...นั่นสินะ เจ้านี่เป็นลูกชายของตระกูลใหญ่ ผู้คนต้องตั้งความคาดหวังไว้มาก ผมพอจะเข้าใจอยู่บ้าง

“อย่าว่าแต่จะช่วงชิงอะไรมาเลย แค่อยากจะไปไหน อยากจะทำอะไรยังไม่สามารถทำได้เลย” มันยังคงพูดต่อพร้อมแววตาเจ็บปวด

“ถ้าไม่ชอบก็เลิกแล้วหนีออกมาสิ”

“จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง...ว่าแต่เจ้าเป็นใครมาซอกแซกอยู่ได้ เปิดหน้าออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ชอบคนมีลับลมคมใน” มันกระโจนข้ามโต๊ะมาจะกระชากฮู้ดของผม ดีที่ไหวตัวทันผมรีบแอ่นตัวออกห่างโต๊ะ

“อ่า...อย่าเลยพี่ชาย พอดีข้าไม่ค่อยสบายน่ะ ปิดไว้แบบนี้ดีแล้ว”

“เครื่องดื่มที่ท่านสั่งมาแล้วค่ะ” หญิงสาวเข้ามาได้จังหวะพอดี หล่อนนำเหยือกเบียร์มาเทเพิ่มให้เร็กซ์จนเต็มทุกแก้ว

“หึ” มันเลิกสนใจผมแล้วยกแก้วขึ้นกระดกต่อ

“ฟู่ห์” ผมลอบถอนให้ใจโล่งอกเบาๆก่อนจะกลับขึ้นมานั่งหลังตรง

“ทั้งเรื่องคัดเลือก เรื่องแต่งงาน เรื่องบ้าๆนี่ใช่สิ่งที่ข้าอยากทำเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อท่านพ่อและชื่อเสียงวงศ์ตระกูล...” เสียงมันหายไปในลำคอ สายตาว่างเปล่าของมันจับจ้องไปยังน้ำสีอำพันในแก้วที่หมุนวนไปมาตามแรงแกว่ง

“ไม่เข้าใจยัยเดลซ่า (Delza) จริงๆทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย แทนที่จะใช้วิธีดวลกันให้จบๆไปจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว” มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“...? ” เดลซ่าคือใคร ชื่อเล่นองค์หญิงเรอะ เรียกแบบนี้ได้เลยเรอะ นี่เอ็งเมาแล้วนอกจากจะพูดมากแล้วเนี่ย ยังพาลไปทั่วอีกเรอะ

“ข้าละอิจฉาเจ้านั่นจริงๆ” ว่าแล้วมันก็กระดกต่อ

“ใครหรอ” ผมถามไปด้วยความสงสัย

“เจ้าโจรกระจอกนั่น”

“ไม่ใช่โจ...” ผมเกือบจะหลุดออกไปแล้ว ดีนะยั้งตัวไว้ทัน

“จะพูดอะไร” เร็กซ์เหลือบตามาจ้องผม

“เอ่อ...เปล่า เชิญพี่ชายเล่าต่อเลย แหะๆ”

“หึ เจ้านั่นมันเหยียดหยามเกียรติของข้า ทั้งเกียรติวงศ์ตระกูล อัศวิน และความเป็นลูกผู้ชายของข้า ข้าควรจะกระทืบมันให้จมดินแล้วจัดการลากขึ้นห้องไปลงโทษต่ออีกสัก 2-3 ยกให้รู้แล้วรู้รอด” มันไม่ว่าเปล่าทุบโต๊ะเสียงดังปั้ง จนผทสะดุ้ง

“เอื้อก” ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อนึกภาพตาม นี่ถ้ามันรู้ว่าคนที่นั่งอยู่นี่คือคนที่มันเล่าถึงอยู่แล้วล่ะก็...ศพน่าจะไม่สวย

“แต่ข้าก็ทำไม่ได้...” มันขัดแขนไว้บนโต๊ะแล้วก้มตัวเอาคางไปเกยไว้

“เจ้านั่นเลือกที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ จะไปไหนก็ได้ จะเลือกงานอะไรก็ได้ แล้วก็จะนอนกับใครก็ได้...ยกเว้นข้า” เร๊กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาเศร้าสร้อย สายตามันเอาแต่จับจ้องไปที่ลวดลายไม้บนโต๊ะ

ผมเนี่ยนะน่าอิจฉา แต่ถ้านับเรื่องอิสระแล้วก็จริงอยู่ เห็นคุณอัศวินแบบนี้แล้วก็สงสาร

“ทั้งคำพูดคำจา ทั้งน้ำเสียง และแววตาเจ้าทำให้ข้านึกถึงเจ้านั่นจริงๆ แต่คงเป็นฤทธิ์เครื่องดื่มเล่นตลกกับสายตาของข้า” มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องผ่านฮู้ดผมอีกรอบ “แต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางกลับมาหาข้าหรอก”

“...”

“ข้ามันน่าสมเพศเนอะ...ว่ามั้ย” มันว่าพร้อมก้มหน้าหายไปในวงแขนของมัน

“ทั้งๆที่ควรจะเตรียมตัวเดินทางแต่มาสำมะเลเทเมาแบบนี้ แถมยังมาพล่ามอะไรก็ไม่รู้ให้คนแปลกหน้าฟัง”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วทอดสายตามองผ่านกระจกดูสายฝนที่เริ่มซาลงบ้าง

“จะเลือกไปไหนก็ไม่ได้…จะเลือกคู่ครองเองก็ไม่ได้…จะอยู่กับคนที่…ชอบ…ก็ไม่ได้”

ผมจมหายไปในความคิดของตนเอง หากผมอยู่ในตำแหน่งเดียวกับมัน ผมก็คงเครียดและต้องเก็บกดแบบเร็กซ์ ทั้งๆที่มีอำนาจมากมาย ทั้งๆที่มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร แต่ก็ไม่สามารถเลือกทำในสิ่งที่ชอบได้ เพียงเพราะความคาดหวังของคนรอบตัว เพียงเพราะความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่คนอื่นมอบให้

“...รอส...”

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง นี่มันรู้ตัวแล้วเหรอเนี่ย

“ทำไมเจ้าต้องไปด้วย...”

แต่เมื่อหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบว่า...มันฟุบหลับไปแล้ว

........................


ออฟไลน์ Aeflizm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่ออีกน้า รอออออ

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คุณอัศวินมาดฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดแหละ ฮ็อตพอมั้ยรอสสสส :laugh:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกกกก เข้ามารออีกครึ่งค่ะ

 :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 21.2

ปัจจุบัน

พอถึงห้องก็ควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกงของมันแล้วไขเข้าไป โชคดีที่แสงจากตะเกียงของห้องยังสว่างอยู่ทำให้เห็นอะไรชัดเจน

ห้องพักที่นี่จัดว่าดูดีเมื่อกับขนาดของโรงเตี๊ยม ห้องตกแต่งเรียบง่าย มีเตียงเดี่ยว โต๊ะหัวเตียง ตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำ มองลอดผ่านผ้าม่าน และหยดน้ำบนกระจกหน้าต่างไปก็เห็นว่าฝนใกล้หยุดตกแล้ว ท้องฟ้ามืดสนิท มีเสี้ยวจันทราบางๆลอยเด่นอยู่

ผมลากเจ้าอัศวินนี่ไปที่เตียงแล้ววางมันลงเบาๆ จัดแจงท่าทางให้มันนอนสบายๆแล้วห่มผ้าให้ ผมนั่งที่ขอบเตียง ก้มมองใบหน้าของเร็กซ์ที่หลับไหลอย่างสงบ หน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณดีที่กำลังอมแดงนิดๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หลับแบบนี้เจ้าสิงโตก็ไร้พิษสงเหมือนลูกแมวเลยแฮะ ฮ่าๆ ผมลูบเรือนผมสีดำสนิทของมันอย่างเบามือ

<คุณอัศวินผู้น่าสงสาร> ตอนแรกที่เจอกันผมไม่มั่นใจนัก แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วล่ะ เจ้านี่มันก็เหมือนผม ปรารถนาในร่างกายของชายหนุ่มด้วยกัน แต่ด้วยฐานะทำให้ไม่สามารถแสดงออกมาได้ ต้องเป็นคนดีที่เขาสอนให้เป็น ปกปิดในใจ อย่าให้เขารู้ ผิดกับผมที่ปล่อยออกไปอย่างที่เป็น เพราะไม่มีชื่อเสียงหรือฐานะให้ต้องกังวล

ผมเตรียมจะขยับตัวเพื่อลุกออกจากห้อง ดูแล้วห้องน่าจะแคบเกินไปสำหรับสองคน…

…แต่พอน้ำหนักที่กดเตียงหายไปเท่านั้นแหละ เจ้าลูกแมวก็กลับกลายเป็นสิงโตพลิกตัวมาคว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วกอดไว้แน่น

“อย่าไปเลยนะ…” มันพึมพำ สองแขนรวบเอวผมไว้แน่นมากราวกับกลัวว่าของสำคัญจะหลุดหายไปไหน

“มันแคบเกินไป…นอนไม่ได้” ผมพูดเบาๆ พลางพยายามแกะมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ

“…” ไร้การตอบกลับใดๆ พอสังเกตดีๆก็เห็นว่ามันยังหลับอยู่นี่หว่า…สงสัยจะละเมอ

“เฮ้อ…” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งพิงหัวเตียงไว้โดยมีเจ้าสิงโตนอนอยู่บนตัก สงสัยคงต้องนอนทั้งๆแบบนี้แล้วล่ะ โถ…อยากอาบน้ำสักหน่อยด้วยสิ

ผมเป่าดับไฟที่ตะเกียงบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วจัดท่านั่งให้สบายที่สุด เอามือลูบผมของเร็กซ์ ก่อนจะปิดตาลงเพื่อพักผ่อนบ้าง

ถึงผมจะมีความรู้สึกดีๆให้เจ้านี่อยู่บ้าง แต่คงยากที่ผมกับมันจะลงเอยกันได้ ผมไม่อยากมีบาดแผลเพิ่มอีกแล้ว ผมรู้ว่าการแยกกันตรงนี้จะมีผลดีต่อมันมากกว่า แต่จะให้เดินทางเข้าป่าจันทราคนเดียวก็อดห่วงไม่ได้ อย่างน้อยๆผมก็ควรจะอยู่กับมันเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้ อย่างน้อยก็ได้อยู่ต่อด้วยกันอีกสักพัก…

……………..

รุ่งเช้า

“โว้ย ปวดคอไปหมด นอนไม่สบายเลย” ผมบ่นกับตัวเองขณะนอนแช่อยู่ในอ่าง ตอนเช้าเจ้าเร็กซ์คลายวงแขนของมันออกทำให้ผมสามารถลุกออกมาได้ สิ่งแรกที่ทำเลยคือพุ่งไปอาบน้ำ ผมนอนแช่พลางบีบนวดไหล่สักพักก็ลุกขึ้นห่อผ้าขนหนูผืนใหญ่ไว้ที่เอว ในมือถืออีกผืนเพื่อเช็ดผม พอเปิดประตูออกมาก็เห็นเร็กซ์ตื่นพอดี

“เฮ้ย!!! นี่เจ้า… มาได้ไง” มันถามหน้าตาตื่นเหมือนเห็นผี เห็นแล้วก็ขำ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอไง” ผมถามขณะที่กำลังเช็ดตัวอยู่

“…” มันไม่ตอบ แต่มองจากสายตาที่ไล่ลงต่ำลงมาเรื่อยๆก็มองออกว่ากำลังสำรวจร่างกายผมอยู่ “อึก” มันกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“นี่!!! อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ” ผมโยนผ้าขนหนูผืนเล็กเปียกๆไปแปะหน้ามันแล้วคว้าเสื้อมาใส่

“ขะ…ข้าจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากลงไปดื่ม…แล้วก็อัดพวกลามก…แล้วก็…จำไม่ได้แล้ว” มันเอามือกุมหัวบีบนวดขมับ

“แล้วข้าก็บังเอิญเจอเจ้าเมาหลับไปเลยพามาส่งห้อง” ผมพูดต่อแทนให้ ผมไม่เล่าความรั่วของมันหรอก ฮ่าๆๆ

“อย่างนั้นหรอกเหรอ นึกว่า...” เสียงของมันหายไป

“นึกว่าอะไร”

“ปะ...เปล่าไม่มีอะไร ทำไมเจ้าถึงกลับมาล่ะ นึกว่าจะไปแล้วซะอีก”

“ก็ข้าเคยสัญญาไว้หนิว่าจะพาไปป่าจันทรา ก็ต้องกลับมาสิ”

“...” เมื่อได้ยินคำตอบจากผม รอยยิ้มจางๆก็ปรากฏขึ้นมา น่าหมั่นไส้จริงๆ

“แล้วก็เห็นบอกว่าอยากจะคุย ตอนนี้ข้าอารมณ์เย็นลงแล้ว มีอะไรก็ว่ามา”

“เอ่อ...คือ...” มันเอามือเกาหัวแล้วก็เงียบไป คงกำลังมึนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร หันหลังให้มันแล้วแต่งตัวต่อ

“ข้าขอโทษ” ผมหันกลับไปหามัน “ขอโทษที่ไปล้ำเส้นของเจ้าทั้งๆที่สถานะของข้าเองไม่ควรจะทำอะไรแบบนั้น...ไม่ควรไปพูดอะไรแบบนั้น” มันเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาผม

“ถ้ารู้สถานะของตัวเองแล้วก็ดี คราวหลังจะพูดอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน ไม่งั้นจะพาลทำคนอื่นโมโห” ลึกๆในใจผมก็รู้สึกแปลกๆที่มันเลือกขอโทษ แต่ก็ดีแล้วแหละ

“อืม...เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจตรงกันก็ดี เดินทางต่อจะได้ไม่มีปัญหา” ว่าแล้วผมก็หันกลับไปแต่งตัวหน้ากระจกที่ตู้เสื้อผ้าต่อ

“เจ้า...ไปนอนกับคนอื่นมาแล้วใช่มั้ย...ถึงได้อารมณ์ดี” ผมมองผ่านกระจกเห็นมันก้มหน้าก้มตาทำหน้าเจ็บปวดถามขึ้น

ดูมันทำหน้าสิ ยังจะกล้าคิดแบบนี้อีกเหรอ มันเห็นผมเป็นคนยังไง พอละสายตาจากเร็กซ์ก็เห็นรอแดงที่คอพอดี

“ของมีตำหนิ ไม่มีใครอยากได้หรอก คงต้องรอให้รอยหายก่อน” ผมตอบไปแบบส่งๆ

“หึๆ งั้นเหรอ” จากหน้าเศร้ากลายเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที

หนอย...อ่อนข้อให้หน่อยอย่าทำเป็นได้ใจไปนักนะ

“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว ต้องออกเดินทางแล้ว” ผมหันไปว่ามัน

“รับทราบครับ” เร็กซ์ยืนทำท่าตะเบ๊ะแล้วพุ่งตัวหายไปในห้องน้ำทันที

แล้วก็ไม่รู้ทำไมผมเองก็เห็นรอยยิ้มของตนเองบนเงาในกระจกเหมือนกัน


.........................


ช่วงสายๆ ณ ประตูเมืองฝั่งเหนือ

หลังจากเตรียมเสบียงพร้อมออกเดินทางเรียบร้อยแล้วพวกเราก็ตรงไปยังทางออกของเมืองเพื่อไปยังจุดหมายของพวกเรา ป่าจันทรา ใช้เวลาเดินทางน่าจะสัก 2 ชั่วโมงก็น่าจะถึง

...แต่ก็มีเรื่องวุ่นอีกจนได้

หลังจากพ้นประตูเมืองมาสักพักพวกเราก็ถูกคน 6 คนล้อมไว้ หนึ่งในนั้นคือชายร่างอ้วนมีผ้าพันแผลปิดบริเวณจมูกไว้ มันจ้องมองเราสองคนและหนึ่งตัวด้วยสายตาเคียดแค้น ลูกสมุนรอบๆมีอาวุธครบมือ

“หึหึ เขตนอกเมืองแบบนี้ไม่มีทหารตรวจตรา พวกเจ้าขอความช่วยเหลือใครไม่ได้ ข้าจะแก้แค้นเรื่องเมื่อคืนให้สาสมเลย”

“อ้อ...เรื่องนี้ข้าจำเจ้าได้” เร็กซ์ทำหน้านึกบางอย่างได้แล้วเริ่มหักข้อนิ้วพร้อมก้าวไปข้างหน้า

ผมหันหน้าไปเลิกคิ้วถามอัศวินข้างตัวว่าจะเอายังไง

“อยู่เฉยๆตรงนี้แหละ ข้าคนเดียวก็พอ” มันว่าพลางชักดาบออกมา

“อย่าให้นานแล้วกัน” ผมว่า

“เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ” เจ้าอัศวินพุ่งตัวออกไปปะทะกลุ่มอันธพาลโดยไม่เกรงกลัวจำนวนที่มากกว่าแม้แต่น้อย ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงออกแรงช่วย แต่ผมรู้ระดับฝีมือของมันแล้ว ผมเลยปล่อยมันไปแล้วยืนดูการต่อสู้แบบ 1 รุม 6

หึ พ่ออัศวินหนุ่มผู้เก่งกาจ มากฝีมือบนสมรภูมิรบ แต่กลับไม่เอาอ่าวเรื่องสมรภูมิบนเตียง เป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยอยากคลุกคลีด้วยเท่าไหร่ แต่สุดท้ายชะตาก็เล่นตลกให้ผมต้องมาอยู่กับคนแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเรื่องปวดหัวอะไรรออยู่อีก...

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถึงใจตรงกันแล้ว แต่ก็มีปัญหาเรื่องตระกูล ถึงจะไม่ได้รับคัดเลือกให้อภิเษกกับเจ้าหญิง แต่ตระกูลก็คงยากที่จะยอมรับอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Aeflizm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องมีความควีนในตัวอยู่น้าาา

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เมาเพราะมาดื่มย้อมใจน่ะซี สบโอกาสจับกินแล้ว เอาเลยๆ

เรื่องมันเศร้า ขอเหล้าเข้มๆ

คุณอัศวินเริ่มออกนอกลู่นอกทาง (?)

ตลกความคิดที่ตีกันในหัวของรอส 555

 :pig4:

เสียสูญเล็กน้อย

:pig4:

ขอบคุณที่ติดตามครับ

อ่าว จะคุยกันดันเมาซะงั้น  :m20:
เรื่องเคนก็คิดไปแนวๆเอาตัวเข้าแลกเพื่อความเชื่อใจอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ในความรู้สึกเรามันตะหงิดๆเฉยๆ :laugh:

ยิ่งเมายิ่งคุยง่าย 555

มาต่ออีกน้า รอออออ

ขอบคุณที่ติดตามครับ

คุณอัศวินมาดฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดแหละ ฮ็อตพอมั้ยรอสสสส :laugh:

เมาคอพับไปแล้วคงไม่ไหว 555

:mew2: :mew2:

ขอบคุณที่ติดตามครับ

สนุกกกก เข้ามารออีกครึ่งค่ะ

 :pig4:

ขอบคุณที่ติดตามครับ

:pig4:

ขอบคุณที่ติดตามครับ

ถึงใจตรงกันแล้ว แต่ก็มีปัญหาเรื่องตระกูล ถึงจะไม่ได้รับคัดเลือกให้อภิเษกกับเจ้าหญิง แต่ตระกูลก็คงยากที่จะยอมรับอีก

ชักเริ่มกลัวว่าพล๊อตตอนจบที่วางไว้จะไม่สมเหตุสมผลแล้วสิ

น้องมีความควีนในตัวอยู่น้าาา

ขออภัยไม่เก็ทคำว่าความควีนอ่ะครับ ช่วยขยายความทีครับ

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ถึงใจตรงกันแล้ว แต่ก็มีปัญหาเรื่องตระกูล ถึงจะไม่ได้รับคัดเลือกให้อภิเษกกับเจ้าหญิง แต่ตระกูลก็คงยากที่จะยอมรับอีก

ชักเริ่มกลัวว่าพล๊อตตอนจบที่วางไว้จะไม่สมเหตุสมผลแล้วสิ



อย่ากังวลไปเลยค่ะ แค่คุณนักเขียนเขียนเรื่องราวสนุกๆอย่างนี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ เรื่องคอมเม้นต์เป็นแค่การแสดงความคิดเห็นของนักอ่านตามเรื่องราว ณ ขณะนั้นเฉยๆ อนึ่งคืออยากให้รับรู้ว่ายังมีนักอ่านรออ่านอยู่นะ ไม่ได้อยากให้คิดมาก หรือเป็นกังวล สุดท้ายก็สุดแล้วแต่นักเขียนอยู่แล้วค่ะ ดำเนินเรื่องตามที่ตั้งใจไว้เถอะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2: :3123:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไป สนุกมากๆเลยค่ะ :-[ อยากเห็นฉากแก้ตัว+จัด2-3ยกของพ่อสิงโตหนุ่มเร็วๆจังเลยค่า :hao6: :hao7: ไรเตอร์สู้ๆนะคะ :3123:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เห้ออออ คุยกันดีๆ ได้ซะที
อยากให้เขาโปรเรื่องบนเตียงก็ฝึกให้บ่อยๆ สิ :m20:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 22 The Moon forest


ป่าจันทรา ป่าต้องห้ามทางตะวันออกของประเทศ ป่าทึบที่เต็มไปด้วยหมอกตลอดเวลาและทุกฤดูกาล ว่ากันว่าผู้ที่ย่างกรายเข้าไปน้อยคนที่จะกลับออกมาได้เพราะหมอกเวทมนต์ ยิ่งคืนวันเพ็ญพลังเวทจะยิ่งทรงอนุภาพมากขึ้นจนส่งผลดึงดูดให้ผู้คนนอกป่าหลงเข้าไปก็มี ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีหมู่บ้านใดตั้งอยู่ใกล้เลยเพราะความหวาดกลัว แต่ก็ไม่วายที่จะมีผู้เสี่ยงตายเข้าไปตักตวงผลประโยชน์จากของป่าหายาก และน้อยคนที่จะรู้ถึงความลับของป่าแห่งนี้

ครั้งหนึ่งผมเคยเข้ามาหาของป่ากับอาจารย์ซิด ท่านอาศัยช่วงเวลาที่เวทมนต์ของป่าเสื่อมคลายไปในคืนไร้จันทร์ ทำให้เราสามารถเข้าออกได้ในช่วงไม่กี่วันนั้น ทว่าแม้ไม่มีหมอกเวทมนต์ของป่าแห่งนี้ ป่าก็ยังอันตรายเพราะมีมอนสเตอร์ดุร้ายหลายชนิดอาศัยอยู่

ครั้งนั้นพวกเราโดนอสูรพงไพร (Wild beast) เล่นงาน มันคืออสูรผู้มีรูปร่างบิดเบี้ยวผสานกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า สูงเกือบ 3 เมตร ร่างกายอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ สองมือสองเท้ามีกรงเล็บแหลมคมพร้อมฉีกร่างเหยื่อ สามารถหยิบจับอาวุธได้เหมือนมนุษย์ หรือจะหมอบลงสี่เท้าแล้วกระโจนใส่ได้แบบสัตว์ป่า ส่วนหัวมักมีรูปลักษณ์ของสัตว์ คราวก่อนรู้สึกจะเป็นหัวกวางมูส กว่าจะล้มมันได้ก็เกือบแย่

พวกเราเดินทางมาถึงชายป่าตอนเที่ยงพอดี ฉะนั้นพวกเราจึงพักผ่อนทานอาหารกันก่อนที่จะเข้าไปลุยในป่า พวกเราเจอกองไฟที่ดับไปแล้วพร้อมขอนไม้วางเรียงเป็นวงกลมตั้งอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นจุดพักของคนที่จะเข้าป่าเหมือนกัน ระหว่างรอเร็กซ์ปลดสัมภาระให้ม้าไปทานอาหาร ผมก็นั่งลงแล้วหยิบขนมปังขึ้นมาทานพลางควานหาของในกระเป๋าขึ้นมา

“ทำอะไรน่ะ” เจ้าอัศวินมานุ่งยองๆซ้อนอยู่ข้างหลังผมแล้วชะโงกหน้าข้ามไหล่มาดูของในมือ

“ดูแผนที่” ช่วงที่ผมเดินทางไปที่ใหม่ๆผมมักจะจดบันทึกเพิ่มเติมรายละเอียดลงแผนที่เสมอ ครั้งก่อนที่เข้ามาก็ทำไว้คร่าวๆ รู้สึกว่าจะยังเดินลึกไปไม่ถึงครึ่งป่าด้วยซ้ำ

“แล้วเราจะไปทางไหนกันต่อ”

“ข้าไม่มั่นใจ ข้ารู้แค่ว่ามันน่าจะอยู่ในป่านี้แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งแน่นอนได้”

“อืม” เร็กซ์เอาคางมาวางเกยบนไหล่ผม ลมหายใจอุ่นๆรดที่ต้นคอจนรู้สึกจนขนลุก

“นี่คุณชาย!!” ผมเอ็ดพร้อมโยกตัวห่างออกมา

“แหะๆ โทษที มันห้ามใจไม่ไหว” คำตอบพร้อมรอยยิ้มอันหน้าหมั่นไส้

<หนอยแหนะ ชักจะเอาใหญ่ละนะ ไหนบอกว่าจะไม่ล้ำเส้นไง> ผมพร้อมแยกเขี้ยวใส่มัน

“ยังไงก็เถอะ ข้าเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะหาแสงนั่นทัน ป่าต้องกว้าง มีเวลาแค่ 3-4 วัน” ผมสงบอารมณ์แล้ววนกลับมาเรื่องเดิม เรื่องที่ผมพึ่งจะเริ่มมากังวลเมื่อเดินทางมาถึง ถ้าไม่ทันในช่วงเวลานี้อาจจะต้องรอคืนเดือนมืดรอบหน้าซึ่งก็ไม่ทันกำหนดเวลาพอดี

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอก”

“...!” คำตอบของมันทำให้ผมหันไปจ้องหน้า

เร็กซ์ทิ้งลงตัวมานั่งอยู่ข้างๆผมแล้วหยิบขนมปังขึ้นมา

“แม้ว่าเราจะอยู่ตรงนี้ แต่ข้าก็สัมผัสได้ถึงอีกครึ่งหนึ่งของโอทห์คีปเปอร์ ไม่ผิดแน่ มันอยู่ข้างในป่านี่แหละ”

เร็กซ์อธิบายให้ฟังว่าโอทห์คีปเปอร์เป็นเทวะภัณฑ์พิเศษ เป็นดาบที่เลือกผู้ถือครองของตน หลายชั่วรุ่นแล้วที่ผู้ใช้ดาบไม่สามารถดึงความสามารถสูงสุดของมันออกมาได้ แต่เขาคือคนแรกที่ใช้อำนาจเวทมนต์ที่สถิตในตัวดาบได้ เวทมนต์แห่งพันธะสัญญา ความสามารถของดาบไม่ใช่แค่ที่เคยใช้กับผม แต่เพราะถูกแบ่งออกไปครึ่งหนึ่งทำให้อำนาจของมันเหลือเพียงเท่านี้ ระหว่างเร็กซ์และดาบก็มีพันธะสัญญาต่อกันเช่นกัน เขาสามารถสัมผัสถึงอีกครึ่งหนึ่งของมันได้ เขาเชื่อว่าเขาสามารถใช้ความรู้สึกนี้นำทางไปได้


………………………………..


ท่ามกลางป่าทึบของป่าจันทรา


“นี่เร็กซ์ เจ้าแน่ใจนะว่านำมาถูกทาง” ผมถามขึ้นขณะนั่งอยู่บนหลังของฟรีด ส่วนมันก็เดินจูงสายบังเหียนนำทางไป เจ้าอัศวินนี่นั่งยัน ยืนยัน นอนยันว่ายังไงก็จะให้ผมนั่งอยู่บนหลังม้าตลอดส่วนมันจะขึ้นๆลงๆให้ฟรีดได้พักเป็นระยะๆเอง เหอะตลกละ จะมาทำว่าผมเป็นผู้หญิงบอบบางต้องมีคนคอยปรนนิบัติเนี่ยนะ ผมไม่ยอมให้ดูถูกหรอก กว่าจะเดินทางกันต่อได้นี่ต้องใช้เวลาถกเถียงอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ต้องยอมไม่งั้นคงไม่ได้เข้าป่าพอดี

“ทางนี้แหละๆ เชื่อข้าสิ”

“จริงหรอ” น้ำเสียงไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ ทำไมน่ะเหรอ

“จริงดิ”

“แต่เราผ่านต้นไม้รูปร่างเหมือนคนอึ๊บกันนี่มาสามรอบแล้วนะ!!!” นี่ไม่ได้คิดไปเองเพราะใจบาปหรอกนะ แต่รูปร่างมันชัดจริงๆ

“เจ้าคนลามกคิดลึกเกินไปรึเปล่า ต้นไม้ไหนๆมันก็เหมือนกันนั่นแหละ” มันหันมามองผมด้วยสายตาระอา

“ก็นี่มันอยู่ในท่า...เออช่างมันเหอะ” ผมปิดปากเงียบเมื่อเห็นสายตามีเลศนัยของมัน

“ทำไม อยากโดนบ้างเหรอ หึหึ”

“ไม่ใช่โว้ย!!” สามหาว สามหาวมากๆที่บังอาจคิดแบบนี้ ถ้าผมเอาจริงนะ เดี๋ยวเหอะคุณชายจะลุกไม่ขึ้น

“แล้วนี่ก็เศษขนมปังที่ข้าโรยไว้ตั้งแต่เดินผ่านรอบที่แล้ว” ผมชี้ให้มันมองไปที่เศษขนมปังชิ้นเล็กๆที่กระจายเป็นหย่อมๆที่พื้น

“...” มันยิ้มเจื่อนๆ

“ยอมรับมาซะเถอะว่าหลงแล้ว” ผมลงม้ามาบ่นด้วยความหัวเสีย ไม่น่าเลย ไม่น่าให้มันนำจริงๆ

“ก็ความรู้สึกมันบอกให้มาทางนี้จริงๆนี่หน่า” เจ้าอัศวินพูดเสียงเบาเอามือเกาหัวแกร๊กๆ

“เจ้านี่มัน...”

“กรี๊ดดดดดๆๆ” เสียงหวีดร้องดังลั่นอยู่ไม่ไกลมากนัก เราสองคนหันหน้ามองกันก่อนจะออกพุ่งตัวไปพร้อมกัน

“อย่าผลีผลามไปคนเดียวอีกล่ะ” ผมเตือนเร๊กซ์ขณะวิ่งตามหลังมันไป

“เออหน่า ไม่พลาดแบบคราวที่แล้วหรอก” ดีมากจำไว้เป็นบทเรียนแล้วก็อย่าพลาดอีก

พวกเราสองคนมุ่งหน้าไปตามเสียงร้องของหญิงสาวโดยมีเจ้าฟรีดวิ่งตามหลัง ฟังจากเสียงแล้วน่าจะมีกันหลายคน ทำให้ผมนึกสงสัยว่ากลางป่าต้องห้ามแบบนี้จะไปมีหญิงสาวเข้าทำไม

“ระวังตัวหน่อยนะ เร็กซ์ กลางป่าแบบนี้ไม่น่ามีผู้หญิงเข้ามา” ผมเตือน

“อือ เอะใจอยู่บ้างเหมือนกัน”

ฉับพลันก็มีดวงแสงวิบวับอยู่ไม่ไกล ดวงแสงทรงกลมขนาดน่าจะประมาณฝ่ามือ นับได้ 6 ดวง 6 สี ชมพู เขียว แสด ฟ้า ม่วง แดง ลอยฉวัดเฉวียนบิดไปมาตรงมาทางพวกเรา เมื่อมันเข้ามาใกล้ขึ้นก็สังเกตได้ว่าในดวงแสงเหล่านั้นคือหญิงสาวร่างเล็กเท่าฝ่ามือ ที่หลังมีปีกคล้ายผีเสื้อ

“นี่มันแฟรี่ (Fairy)”

แฟรี่คือมอนสเตอร์จำพวกภูติ มีร่างกายเป็นหญิงสาวรูปงาม ขนาดตัวเท่าฝ่ามือของมนุษย์ มีปีกคล้ายผีเสื้อสวยงามอยู่ที่แผ่นหลัง พวกเขามีออร่าเปล่งประกายอยู่ตลอดแสดงให้เห็นถึงเวทมนต์ที่แฝงอยู่ เวทมนต์ของพวกเขาเหล่านี้มักจะเป็นประเภทที่ใช้รักษาหรือช่วยเหลือมากกว่าทำร้าย ตำนานหลายเรื่องเกี่ยวกับผู้กล้าผู้กอบกู้อาณาจักรมักจะมีพวกเขาคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ จนพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นสัตว์วิเศษหรือเทพนำทาง

เสียงพึมพำเบาๆของผมก็เรียกความสนใจจากเหล่าแฟรี่ที่พุ่งตรงมาทางพวกเราโดยไม่ได้มองด้านหน้าเพราะมัวแต่พะว้าพะวงมองข้างหลังเหมือนหนีอะไรมาสุดชีวิต

“ว้ายๆ ๆ ๆ” แฟรี่ตนหนึ่งส่งเสียงร้องเมื่อรู้ตัวว่ามีพวกเราขวางทางอยู่ พวกหล่อนหยุดตัวกลางอากาศกะทันหันจนหน้าคะมำ  แฟรี่สีเขียวและแสดพุ่งขึ้นหน้ามาขวางตนอื่นๆไว้ไม่ให้พวกเราเข้าใกล้ ใบหน้าสวยสดงดงามแต่ก็เกรี้ยวกราดพร้อมจะต่อสู้

“แฟรี่ แฟรี่” ตัวสีเขียวเอ่ยออกมา คาดว่านะจะเป็นภาษาแฟรี่

“อย่ากลัวไปเลย พวกเราไม่ทำร้ายพวกเจ้าหรอก” อัศวินข้างกายผมตอบ

“แฟรี่ แฟรี่” มันพูดอะไรเนี่ย ฟังไม่เข้าใจ

“ข้าเป็นอัศวิน ข้าไม่ทำร้ายแฟรี่เช่นเจ้าหรอก” เร็กซ์ยกสองมือทำท่ายอมแพ้อยู่ที่ระดับอก เขาพูดโต้ตอบด้วยท่าทางเป็นมิตร

“…!!!” ทำไมมันคุยกันรู้เรื่อง

“เชื่อใจพวกเราสิ” เขาเจรจาต่อ แฟรี่ตนสีฟ้าเหมือนสังเกตเห็นบางอย่างแล้วชี้ไม้ชี้มือไปที่ดาบข้างเอวของเร็กซ์ก่อนจะดึงแฟรี่สีเขียวและแสดกลับมาแล้วปรึกษาอะไรบางอย่าง พวกเขาเริ่มจะสงบลงบ้างแล้ว

“แฟรี่ แฟรี่” ตนสีแสดบินไปอยู่ตรงหน้าของเร็กซ์แล้วเอ่ยขึ้น

“ใช่แล้ว ข้าคือผู้ถือครองโอทห์คีปเปอร์” คำตอบของอัศวินทำให้พวกแฟรี่เรื่มออกอาการดีอกดีใจและเป็นมิตรมากขึ้น

“นี่เจ้าฟังภาษาแฟรี่ออกด้วยเหรอ” ผมกระซิบถามข้างๆหู

“อื้อ เรียนเป็นวิชาเลือกน่ะ” มันตอบหน้าตาเฉยก่อนจะหันไปสนทนากับพวกแฟรี่ต่อ

<วอททท เดอะ ฟ...> นี่เจ้าอัศวินมันลงเรียนอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย

“ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ได้เรียนวิชาคุยกับสิงสาราสัตว์เช่น หนู หรือนกพิราบหรอกนะ” ผมกระซิบถามแทรก เพราะถ้ามันคุยได้นี่น่าจะเหมาะกับการเป็นเจ้าหญิงในนิทานมากกว่า

“หน่วยกิจไม่พอ” มันหันมาทำหน้ารำคาญใส่ผมก่อนจะละกลับไปหาพวกแฟรี่ ปล่อยให้ผมยืนอ้าปากค้าง

“แฟรี่ แฟรี่ๆ ๆ ๆ” พวกแฟรี่ทั้งหกตนต่างพุ่งเข้ามารุมล้อมเร็กซ์ไว้แล้วเริ่มแย่งกันพูด

“อ่าๆ ใจเย็น ค่อยๆเล่ามา เดี่ยวพวกเราช่วยเอง”

“...” ผมยืนดูพวกนั้นคุยกันเงียบๆ สังเกตท่าทางแล้วเดาว่าน่าจะแนะนำตัวกันอยู่

“หืม อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกับมันเดย์... ได้สิเดี๋ยวข้าจะไปช่วยนางเอง ไปกันเถอะรอส” หลังคุยได้ความกันแล้วเร็กซ์ก็ส่งสัญญาณให้ตามมันไปทั้งที่ผมยังสับสนอยู่

“ไปไหน?”

“เดี๋ยวเล่าให้ฟังระหว่างทาง” ว่าแล้วพวกเราก็ออกเดินทางตามแฟรี่ทั้งหกไป

………………………………..






ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาแล้วๆ ผจญหน้าที่การงานในแต่ละวัน แล้วมาอ่าน เป็นอะไรที่ฮิลจิตใจดีมากๆ ขอบคุณมากนะคะ

 :pig4:

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
22.2


เร็กซ์เล่าให้ฟังว่าพวกแฟรี่พวกนี้เป็นพี่น้องกัน 7 ตน ผมพอจะเดาชื่อได้แล้ว พวกเขาเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีหน้าทีปกป้องดูแลป่าแห่งนี้ หน้าที่ของพวกเขาคือดูแลการเติบโตของเหล่าพืชพรรณและสัตว์ป่า หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน วันนี้พวกเขาเดินทางออกจากหมู่บ้านบ้านเพื่อมาเล่นน้ำที่ทะเลสาบ แต่กลับถูกพรานป่าซุ่มจับ แฟรี่คนพี่ที่ชื่อมันเดย์จึงเสียสละตนเองเพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆของตนหนีออกมา

เมื่อได้ฟังเรื่องราวแล้วผมเองก็เริ่มลังเลที่จะช่วยเหลือ การที่พรานป่าจะเสี่ยงอันตรายเข้ามาหาของหายากเป็นเรื่องที่ผมเข้าใจเพราะผมเองก็เคยทำอยู่บ้าง หากพวกเขาจะโชคดีสามารถจับแฟรี่ไปขายได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดี ผู้ที่อ่อนแอต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว

ไม่ช้าพวกแฟรี่ก็นำทางพวกเรามาถึงทะเลสาบที่ว่า ผมกับเร็กซ์และแฟรี่สีเขียวและแสดขึ้นไปซุ่มสังเกตการณ์บนเนินสูง ส่วนแฟรี่ที่เหลือไปแอบรออยู่ห่างๆ เรามองเห็นพรานป่า 2 คนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่อีกฝั่งของทะเลสาบ ใกล้ๆตัวมีกระสอบ 2-3 ใบ และกรงทำจากไม้มีดวงแสงสีเหลืองสว่างอยู่ น่าจะเป็นแฟรี่ที่ถูกจับไป

“ระวังตัวด้วยนะรอส เวนสเดย์บอกว่าพวกมันมีกัน 5 คน” เขาน่าจะพูดถึงแฟรี่สีเขียวที่ชอบทำท่าเกรี้ยวกราด

“นี่เร็กซ์ พวกเราทำแบบนี้จะดีเหรอ” ด้วยความเข้าใจต่อการกระทำของพวกพรานป่า ผมที่ทนไม่ไหวจำต้องถามขึ้น

“หมายความว่ายังไง”

“ก็พวกเขาแค่เข้ามาหาของหายากไปขาย เราไปขัดขวางแบบนี้เหมือนกับไปตัดทางทำมาหากินพวกเขานะ”

ผัวะ!!!

“โอ้ย!!!” ผมเผลอหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อแฟรี่สีแสดเตะเข้าหางคิ้วขวาของผมเต็มแรง ผมต้องเอามือกุมไว้แล้วหันไปถลึงตาใส่หล่อนที่ทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ ถึงตัวจะเล็ก เรี่ยวแรงจะน้อย แต่เล็งเข้าจุดอ่อนแบบนี้ก็เจ็บนะ

“เสียงอะไรน่ะ” พวกพรานลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆด้วยความหวาดระแวง

ซวยล่ะสิโดนได้ยินเข้าแล้ว เพราะยัยเธิสเดย์นี่แท้ๆ น่าจะจับไปเสียบไม้ย่างไฟซะนี่

“พวกมันอยู่นั่น” พรานอีกคนที่ซุ่มอยู่ไม่ไกลจากพวกเราตะโกนแล้วชี้มาที่ตำแหน่งของพวกเรา

“ไม่ได้การแล้ว คงต้องออกไปสู้ซึ่งๆหน้าแล้วล่ะ” ไม่รอช้าเจ้าอัศวินพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนไปยืนกลางแจ้งพร้อมชักดาบออกมาประจันหน้า ทิ้งให้ผมเหงื่อตกกับความบ้าบิ่นของเขา

“ปล่อยแฟรี่ตนนั้นซะ” มันออกคำสั่ง

“อะไรกันมนุษย์ด้วยกันหนิ” พวกพรานออกมารวมตัวกัน 3 คน

“ปล่อยแฟรี่อย่างนั้นน่ะเหรอ บ้ารึเปล่า พวกนี้หายากและราคาดีมากเลยนะ”

“ใช่ คิดจะฮุบไว้เองอย่างนั้นเหรอ เจ้าหนุ่ม”

“อย่าบังอาจเอาข้าไปเทียบกับพวกเจ้า การจับหรือค้าแฟรี่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขาช่วยเหลือผู้กล้าหลายรุ่นต่อสู้สัตว์ร้าย เพื่อรักษาสัมพันธ์อันดีไว้ พวกเขาจึงอยู่ในความคุ้มครองของราชวงศ์”

<มีกฎหมายแบบนี้ด้วยเรอะ>

“ฮ่าๆๆ ตลกสิ้นดี นี่มันชายแดนนะเจ้าหนุ่ม แถมอยู่กลางป่าต้องห้ามด้วย กฎหมายอะไรนั่นไม่มีผลทั้งนั้น” พวกพรานหัวเราะร่วนจนบางคนถึงกับเอามือกุมท้อง

“มีผลสิเพราะพวกเจ้าอยู่ต่อหน้าคนของตระกูลไลโอเนล” เพียงได้ยินชื่อตระกูลใหญ่ผู้ดูแลเขตตะวันออกพวกพรานก็เริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“ว้ายยย” เสียงหวีดร้องเรียกสายตาทุกคู่ไปจับจ้องชาย 2 คนที่เดินเข้ามาร่วมวงด้วย ในมือมีกรงเล็กๆบรรจุแสงสีฟ้ากับแดงไว้

“จริงอย่างที่ลูกพี่บอกจริงๆด้วยว่าพวกนี้จะต้องกลับมาช่วย อ๊ะ...พวกเจ้าเป็นใคร”

“ตัวปัญหาน่ะ” ชายร่างท้วมที่ร่างกายสูงใหญ่ที่สุดกล่าว

“ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็ยอมปล่อยพวกนางแล้วถอยออกไปซะดีๆ” อัศวินหนุ่มกล่าวอย่างหนักแน่นพร้อมสายตาท้าทายว่าถ้าอยากจะลองดีก็เชิญ

“นี่คุณอัศวิน พวกเราต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนะ แฟรี่นี่ช่วยประทังชีวิตให้พวกเราได้หลายอาทิตย์เลยนะ”

“พวกแฟรี่ไม่ใช่สัตว์นะ พวกเค้าเป็นภูติเทียบเท่าได้กับหญิงสาวคนนึงเลยทีเดียว”

“กรอดดด” เจ้าหัวหน้าเริ่มหมดความอดทนกัดฟันกรอดๆ เป็นผมก็คงหัวเสียไม่แพ้กัน แฟรี่ถือเป็นของหายาก พวกนักสะสมมีเงินยอมจ่ายเงินมากโขเพื่อนำไปสะสมเพราะนอกจากจะแสดงถึงบารมีแล้วยังสามารถพึ่งพาเวทมนต์ที่แอบแฝงได้ด้วย แต่กฎก็คงเป็นกฎแหละน้า

“ลูกผู้ชายดีๆที่ไหนกันจะกักขังหน่วงเหนี่ยวและค้าหญิงสาวตัวเล็กๆ”

“หนอย ทำเป็นพูดดีไป มีกันแค่ไม่กี่คนอย่าคิดว่าพวกเราจะกลัว พวกเราเล่นมันเลย ถ้าไม่โดนจับก็ไม่ผิด” เมื่อหัวหน้าสั่งการพวกลูกน้องก็หยิบจับอาวุธขึ้นมาครบมือ

<แย่ล่ะสิ ไปกันใหญ่แล้ว> ผมกระโดดออกจากที่กำบังมายืนข้างๆเร็กซ์ อาวุธในมือพร้อมต่อสู้

“ถ้าลำบากใจเจ้าอยู่เฉยๆก็ได้นะ รอส แค่นี้ข้าไหว”

“ได้ไงเล่า พวกนี้กล้าเข้ามาในป่าจันทราเลยนะ คงไม่กระจอกเหมือนเจ้า 6 คนเมื่อเช้าหรอก” อันธพาล 6 คนเมื่อเช้าถูกเร็กซ์ซัดซะหมอบภายในไม่กี่อึดใจ ผิดกับเจ้าพวกนี้ที่กล้าเข้ามาเสี่ยงอันตรายในป่าต้องห้าม พวกเขาต้องมีฝีมือพอตัว

ชายสองคนขึ้นสายลูกศรแล้วเล็งมาที่พวกเราขณะที่อีกสามคนที่เหลือชักดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ในมือ สีหน้าทุกคนดูจริงจัง แบบนี้คงหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้แน่ๆ แต่ก็ไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อแฮะ ยังไงพวกเขาก็แค่ทำมาหากิน

โครม!!!

โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ก้อนดินขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากป่าเข้ากระแทกร่างชายสองคนที่ถือคันธนูอย่างจัง เศษดินกระจายไปทั่ว ทั้งสองกระเด็นไปหลายตลบร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น

ก๊าสสสสส!!!

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังบาดหูจนบางคนต้องเอามือกุมไว้ ในไม่ช้าเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวออกมา ร่างกายสูงใหญ่เต็มไปด้วยขนสีเหลืองส้มมีลายพาดกลอนสีดำเป็นแถบ กรงเล็บแหลมคมกรีดกรายแหวกต้นไม้ เขี้ยวเล่มใหญ่ดันริมฝีปากเผยอออกมา ส่วนหัวเป็นเสือ

“อ...อสูรพงไพร พวกเรารีบหนีเร็ว”

บรึ้มๆ!!!

เจ้าหัวหน้าพรานขว้างระเบิดควันใส่พวกเราและเจ้าสัตว์ร้าย ควันสีดำสนิทโอบล้อมมันไว้จนมองไม่เห็นร่างใหญ่ร่างนั้น ได้ยินแต่เสียงคำรามเกรี้ยวกราด เงาทึบสะบัดฉวัดเฉวียนไปมา

ชายสองคนวิ่งไปประคองคนเจ็บเตรียมจะหนีในขณะที่เจ้าหัวหน้าวิ่งกลับไปที่แคมป์อีกฟากของทะเลยสาบเพื่อคว้ากรงที่มีแสงสีเหลืองนั่น

“ไอ้ลุงนี่ยังจะโลภอีก” ผมสบถแล้วพุ่งตัวตามชายร่างใหญ่นั้นไป

“เดี๋ยวรอส อย่าพึ่ง” ผมไม่ฟัง ปล่อยให้เร็กซ์ไปช่วยแฟรี่สีฟ้ากับแดง

ผมเปิดใช้งานหินสีน้ำตาลแล้วสร้างกำแพงดินขึ้นมาสกัดชายคนนั้นไว้ พร้อมสร้างเสาขึ้นมาใต้เท้าตนเองเพื่อออกแรงดีดตัวแซงไปคว้ากรงได้ก่อนที่เขาจะถึง ภายในมีแฟรี่สีเหลืองท่าทางหวาดกลัว

“อย่านะเจ้าหนุ่ม นั่นมันหายากมากเลยนะ ขอร้องล่ะ แค่อสูรพงไพรก็วุ่นวายพอแล้ว อย่ามาขัดขวางพวกเราเลย” หัวหน้าพรานเว้าวอนเมื่อเห็นผมเตรียมจะเปิดกรง

“ต้องขอโทษด้วยนะลุง แต่กฎก็คือกฎ ผมว่าของอื่นๆที่พวกลุงเก็บได้ก็น่าจะพอแล้ว” ว่าแล้วผมก็กระชากประตูกรงออกปล่อยให้แฟรี่น้อยบินหนีออกไป

“หนอย ไอ้เจ้านี่ ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว” พรานป่าพุ่งคมดาบเข้าหาผม แต่ไม่ทันจะถึงตัวก็…

“อัก” ดินก้อนใหญ่พุ่งเข้ากระแทกตัวเขาจนกระเด็นไปนอนกับพื้น ควันดำเริ่มจางไปแล้วทำให้อสูรพงไพรออกอาละวาดอีกครั้ง มันใช้กรงเล็บโฉบลงพื้นแล้วขุดเอาพื้นดินเป็นแผ่นเขวี้ยงใส่ เมื่อเห็นเหยื่อหมดสภาพมันก็ง้างกรงเล็บแล้วพุ่งเข้าใส่หวังปลิดชีพ
ครืนนน!!!

เสาดินขึ้นรูปเป็นมือเข้าสกัดกรงเล็บมัจจุราชได้อย่างทันท่วงที ผมพุ่งเข้าไปขวางกลางระหว่างอสูรพงไพรกับคนเจ็บ ถึงจะตกลงกันไม่ได้แต่จะปล่อยให้ตายก็ใช่เรื่อง ยังไงพวกเขาก็เป็นคนทำมาหากินสุจริตคนหนึ่ง

เสาดินอีกหลายต้นผุดขึ้นมาเป็นกรงขังสัตว์ร้ายไว้ มันตวัดกรงเล็บใส่เพื่อทะลายกรงออกมา ท่าทางจะถ่วงเวลาไว้ได้อีกไม่นาน

“นะ...นี่เจ้า ช่วยข้างั้นเหรอ” ชายร่างใหญ่พยายามประคองร่างอันบอบช้ำให้ลุกขึ้น ผมเห็นแล้วสงสารเข้าไปช่วยพยุงอีกแรง

“เออสิ” ผมตอบไปส่งๆเมื่อประคองเขาขึ้นมาได้ อสูรร้ายส่งเสียงคำรามอีกครั้งเมื่อพังกรงดินออกมาได้

ดวงตาสีทองวาวโรจน์จับจ้องมาที่เราสองคน เจ้าอสูรเดินย่างกรายเข้ามาหาเหยื่อของมันช้าๆ เสียงลมหายใจฟืดฟาดเสียงดัง

“เดี๋ยวข้าจะล่อมันเอง ลุงหาจังหวะกลับไปหาพวกละกัน”

“เจ้าจะบ้าเหรอ”

“หึ เรื่องปกติ” ว่าแล้วผมใช้เวทมนต์ยกหินก้อนใหญ่ช้างๆขึ้นแล้วเหวี่ยงแขนส่งเข้าหน้าเจ้าอสูรเต็มๆ หินแตกกระจายแต่ไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย “เฮ้ มาทางนี้ๆ” ผมเริ่มออกวิ่งไปอีกทางหนึ่ง

กรรรร!!!

มันคำรามอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง แล้วกระโจนตามผมมา <ได้ผล> มันไล่หลังผมมาติดๆ ในขณะที่พรานป่าคนนั้นหนีไปอีกทาง
“รอส อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” คราวนี้เป็นเสียงเร็กซ์ตะโกนมาระหว่างที่กำลังช่วยประคองพรานป่า

“ช่วยคนเจ็บก่อน” ผมตะโกนกลับไป

เมื่อได้ระยะปลอดภัยแล้วผมก็จัดแจงสร้างเสาและกำแพงดินขึ้นมาเพื่อขังมันไว้อีกครั้ง แล้วเตรียมหนีบ้างแต่ทว่า...

โฮกกกก!!!

เมื่อหันหลังกลบไปผมดวงตาผมก็ต้องเบิกกว้าง อสูรพงไพรอีกตัวหนึ่งโผล่มาดักหลังผมไว้แล้ว ตัวนี้มีหัวเป็นหมี

“สะ...สองตัวเลยงั้นเหรอ”

ตึง!!!

กรงเล็บแหลมยาวตะปบเข้าหา ผมกระโดดถอยออกมาได้อย่างฉิวเฉียด ผมตกอยู่ในวงล้อมของอสูรพงไพรทั้งสอง ข้างหลังเป็นเสือที่กำลังตะกุยเสาดินออกมา ข้างหน้าเป็นหมี

อสูรหมีคำรามขู่ แยกเขี้ยว แล้วยื่นหน้าเข้ามาสูดดมกลิ่นของผม น้ำลายข้นหนืดหยดลงจากมุมปาก มันอ้ากว้างเตรียมกระโจนเข้ามาฝังเขี้ยว

ชะวิ้งงงง!!!

ก่อนที่ผมโต้ตอบ แฟรี่สีเหลืองพุ่งตัวเข้ามาขวาง แสงสีเหลืองนวลสาดส่องไปทั่วจนต้องหลับตา

ความโกลาหลกลับกลายเป็นความเงียบสงบ ไม่มีเสียงใดๆ

ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไม่ทันที่สายตาจะชินกับแสง อสูรหมีที่ทำท่าโงนเงนก็ล้มลงมาทับตัวจนผมหงายล้ม ส่วนหัวลงมานอนเกยทับผมไว้ ดวงตาปิดสนิท เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ มันหลับไปแล้ว อสูรเสือก็เช่นกัน

“รอส” เร็กซ์รีบเข้ามาหาผมแล้วช่วยยกส่วนหัวของมันขึ้นจนผมหลุดออกมาได้ เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้ “ปลอดภัยดีใช่ไหม”

“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามด้วยความงุงงง อสูรร้ายที่จะเขมือบผมเมื่อครู่หลับเป็นตาย เมื่อหันไปเห็นกลุ่มพรานป่าก็พบว่ามีอสูรพงไพรอีก 3 ตัวเข้าล้อมไว้แต่ไม่ทำอันตรายใดๆ

“ฝีมือพวกแฟรี่น่ะ” เร็กซ์ว่าขณะช่วยปัดเศษดินออกจากหลังของผม มันขอโทษขอโพยที่เอาแต่สนใจคนอีกกลุ่มหนึ่งจนทำให้ผมเกือบเป็นอันตราย แต่ผมไม่ใส่นักเพราะส่วนนึงคือผมชะล่าใจเอง

เขาอธิบายต่อว่าแท้จริงแล้วอสูรพงไพรที่มาอาละวาดเป็นฝีมือของแซทเทอเดย์ แฟรี่สีม่วง หล่อนปลีกตัวออกไปแอบใช้เวทมนต์เรียกพวกมันมาช่วย แต่เพราะระเบิดควันทำให้เสียการควบคุมพวกมันไป ถ้าไม่ได้พี่ใหญ่อย่างมันเดย์มาช่วยสะกดพวกมันไว้ผมอาจจะแย่ไปแล้ว

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” เจ้าอัศวินว่าผมเสียงดุ

“ทำอะไร”

“ก็ที่พุ่งออกไปกลางวงแบบนั้น ถ้าพลาดท่าไปจะทำยังไง”

“เหอะ ข้าไม่พลาดง่ายๆหรอกหน่า”

“ข้าเป็นห่วงนะ” คำพูดง่ายๆแต่กลับทำให้ผมใจเต้นแรง นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้ยินคำนี้ คงเพราะผมเอาแต่เดินทางคนเดียวล่ะมั้ง แต่ต้องผมก็รีบสะบัดความคิดนี้ออกจากหัวเมื่อเร็กซ์ผละตัวไปจัดการพวกพรานป่าต่อ

“ยะ...อย่าทำพวกเราเลยนะ...อ้า” พวกกลุ่มพรานป่าวิงวอนร้องขอชีวิตภายในวงล้อมของอสูรพงไพร มีคนหนึ่งสะดุ้งร้องออกมาสุดเสียงเมื่ออสูรเหยี่ยวเอาเท้ามาเขี่ยพวกเขาเล่น

เร็กซ์ยืนกอดอกมองพวกเขาอยู่นอกวงล้อมโดยมีพวกแฟรี่บินล้อมรอบส่งเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะ คงกำลังปรึกษาหาบทลงโทษพวกเขาอยู่

“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ยังไงทุกคนก็ปลอดภัยแล้ว” ผมพูดแทรกเสียงของแฟรี่

“อื้อ ข้าก็คิดแบบนั้น ดีที่พวกแฟรี่ไม่บาดเจ็บอะไร พวกเขาถึงยอมปล่อยไปง่ายๆ” ว่าแล้วพวกอสูรก็ขยับตัวคลายวงล้อมเปิดทางให้พวกเขาหนีไป

“ขะ...ขอบคุณท่านมากที่กรุณา พวกเราไปเร็ว”

“แล้วอย่าทำแบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นคราวหน้าเป็นอาหารอสูรแน่ๆ” เร็กซ์ตะโกนทิ้งท้ายให้พวกเขาที่หอบข้าวของพะลุงพะลังวิ่งจ้ำหายไปในป่า พวกแฟรี่รอบๆต่างก็หัวเราะคิกคักกันใหญ่

“เห้อ” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงจะสงสารผู้ร่วมสายอาชีพเดียวกันแต่จะทำยังไงได้ กฎก็คือกฎแหละน้า

หลังจากผ่านเรื่องยุ่งๆมาได้พวกแฟรี่ก็เชิญชวนพวกเราไปที่หมู่บ้านของพวกหล่อนเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือ นอกจากนี้พวกหล่อนยังมีข้อมูลเกี่ยวกับโอทห์คีปเปอร์ให้เร็กซ์อีกด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะนอนการป่าต้องห้ามเป็นเรื่องอันตรายพอสมควร

พวกเราเดินทางตามพวกแฟรี่ทั้ง 7 ลึกเข้าไปในป่า ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะไม่เคยมีบันทึกใดกล่าวถึงหมู่บ้านแฟรี่มาก่อน ได้ไปเห็นสักครั้งคงจะเป็นบุญตามาก

์Note : ยอมรับว่าตอนนี้ดูขาดๆเกินๆแปลกๆเพราะพึ่งเพิ่มเข้ามา วางแผนไว้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าแปลกๆก็ขออภัยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แปลกมั้ยไม่รู้ แต่จิตนาการเร็กซ์คุยภาษาแฟรี่แล้วมันดูน่ารักมุ้งมิ้งมาก

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :katai2-1: มาแล้วววว เย้ หลังๆเรารู้สึกว่านิยายสั้นลงมากเลยค่ะ มันไม่พอออออ อยากอ่านต่อ5555 งอแงหน่อยเผื่อได้เพิ่ม :haun5:

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มีโมเม้นต์เล็กๆน้อยๆ พอกระชุ่มกระชวย หัวใจ  :o8: :-[

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 23 Forest depth

ผมเดินตามพวกแฟรี่มาเรื่อยๆโดยมีเสียงเจ๊าะแจ๊ะตลอดทาง พวกแฟรี่รุมล้อมตัวเร็กซ์ส่งเสียงจ้อไม่หยุดจนผมเริ่มรำคาญ หงุดหงิดที่ฟังพวกมันไม่ออกอาศัยการเดาจากคำโต้ตอบของเร็กซ์ แต่ผมก็บ่นไม่ได้...เพราะว่าพวกเขาทำให้การเดินทางไร้อันตรายใดๆ สัตว์ป่าที่ควรจะตื่นตกใจเมื่อเห็นมนุษย์กลับแค่หันมามองแล้วเลิกสนใจ บางชนิดที่ดุร้ายกลับเดินเข้ามาดมๆแล้วก็จากไป ใครจะไปคิดว่าการเดินทางผ่านป่าต้องห้ามจะสบายแบบนี้ได้ด้วย

พวกเราเดินฝ่าป่าเข้ามาลึกกว่าครั้งก่อนที่ผมเข้ามากับอาจารย์ กระโดดข้ามโขดหินกลางลำธาร ข้ามทุ่งหญ้ากว้างเต็มไปด้วยดอกไม้หน้าตาประหลาด จนถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง ทางเข้าแคบมากจนผมคิดว่ายากที่จะมุดเข้าไปได้

พวกแฟรี่บินไปอยู่หน้าทางเข้าแล้วเรียงตัวเป็นวงกลม แสงสว่างวาบจนผมต้องป้องตา พวกเขาแข่งกันสองแสงสีประจำตนวูบวาบ ทันใดนั้น...

ครืน!!!

ปากถ้ำก็ขยายออกราวเก็บว่าทำจากวัสดุอ่อนนุ่มที่หดขยายได้ตามใจชอบ ผมตะลึงจนต้องขยี้ตา มันขยายกว้างไม่เพียงให้ผมกับเร็กซ์เข้าไปได้ แม้แต่ฟรีดก็เดินเข้าไปได้ง่ายๆเช่นกัน ตามผนังมีคริสตัลสีเขียวๆส่องแสงระยิบระยับ ถ้ำที่ควรจะมืดสนิทกลับสว่างไปด้วยแสงน้ำเงินอมเขียว พอเดินลึกเข้าไปก็พบว่าผนังถ้ำข้างหลังค่อยๆยุบตัวกลับมาเป็นช่องแคบๆดังเดิม ผมลองเอามือไปคลำๆผนังก็พบว่ามันแข็ง...เป็นผนังหินธรรมดา ไม่น่าล่ะถึงไม่เคยมีใครพบหมู่บ้านแฟรี่ นอกจากจะอยู่ในป่าต้องห้ามแล้วยังซุกซ่อนซะมิดชิด

หลังจากเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาวมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็มองเห็นแสงสว่างของทางออก ทันทีที่ก้าวออกจากถ้ำผมภาพทิวทัศน์ข้างหน้าก็ทำให้ผมยืนตกอยู่ในภวังค์ราวกับต้องมนต์สะกด มันช่างสวยงาม

ต้นไม้สูงใหญ่เกือบ 15 เมตรแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปกว้างขวางราวกับหลังคา มันตั้งอยู่กลางพื้นที่กว้างขวางที่ไม่น่าเชื่อว่าจะซ่อนอยู่ในถ้ำได้ ผนังถ้ำด้านบนเปิดกว้างให้เห็นปุยเมฆสีขาวท่ามกลางท้องฟ้าครามใกล้มืด พื้นหญ้ารอบๆเต็มไปด้วยดอกไม้ มีลำธารเล็กๆจากน้ำตกขนาดเล็กที่ตกลงมาเป็นชั้นๆจากกำแพงด้านหนึ่งวิ่งหายไปในช่องโหว่ที่กำแพงอีกฟาก บริเวณผนังหินมีคริสตัลแบบเดียวกันส่องแสงจางๆ ตามรอยแยกที่ลำต้นและตามกิ่งมีบ้านไม้เล็กๆเต็มไปหมด แฟรี่หลากหลายสีเริ่มบินออกมาด้วยความสงสัยจนมีแสงหลากสีระยิบระยับกลางอากาศราวกับหิ่งห้อยตัวใหญ่ๆเล่นกันยามค่ำคืน ช่างสวยงามเหลือเกิน หากไม่ได้ออกมาผจญภัยคงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้

“ยินดีต้อนรับผู้ถูกเลือกโดยโอทห์คีปเปอร์” เสียงหญิงชราก้องกังวานไปทั่ว เรียกสติผมกับเร็กซ์กลับมา พวกเราหันหน้าสอดส่องหาต้นเสียงแต่ก็ไม่เห็นใคร

“ใครน่ะ” ผมร้องถาม

เอี๊ยดๆๆ

เนื้อไม้ที่ต้นไม้ใหญ่เริ่มบิดเบี้ยว ลายไม้หมุนวนเป็นเกลียวจนกลายรูปเป็นใบหน้าของหญิงชราท่าทางใจดี

“ข้ามีนามว่าอาย่า (Aya) เป็นเทรี่ยนท์ผู้ปกป้องป่าแห่งนี้” นางตอบกลับมา

เทรี่ยนท์ (Treant) คือมอนสเตอร์กลุ่มต้นไม้ รูปลักษณ์ของพวกเขาจะเหมือนต้นไม้ใหญ่ธรรมดาที่มีรูปลักษณ์ของมนุษย์ปนอยู่ บ้างก็มีใบหน้า บ้างก็อาจจะขยับกิ่งแทนแขนได้ บ้างก็ขยับรากไม้เป็นขาเดินได้ พวกเขาเป็นมอนสเตอร์ที่รักสงบ มักจะจำศีลและเก็บเกี่ยวความรู้โดยการพูดคุยกับสัตว์ที่เดินทางไปมา ในตำนานบางเรื่องกล่าวว่าพวกเขาเป็นต้นไม้ผู้ทรงภูมิ มีความรู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์และสิ่งลึกลับดียิ่งกว่าปราชญ์ไหนๆเพราะอายุที่ยืนยาว

“พวกเรากำลังคอยการมาเยือนของท่าน ท่านอัศวิน”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ข้ามีนามว่าเร็กซัส บุตรชายแห่งตระกูลไลโอเนล ส่วนคนนี้คือรอสครับ” เจ้าอัศวินกล่าวแนะนำตัวพร้อมโค้งคำนับด้วยความนอบน้อมจนผมต้องทำตาม

“นักผจญภัยผู้ซ่อนเร้นตัวตนสินะ” คำพูดของนางทำให้เร็กซ์หันมามองผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ส่วนผมก็เหงื่อแตกใจตุ้มๆต่อมๆหวังว่านางคงไม่พูดเยอะไปกว่านี้

“โอทห์คีปเปอร์ได้แจ้งให้พวกเราทราบถึงการมาเยือนของท่านแล้ว การเดินทางเพื่อคัดรัชทายาทคงจะเหน็ดเหนื่อยพอสมควร”
“ไม่เลยครับ แค่นี้สบายมาก”

“หึหึ ร่างกายท่านอาจจะแข็งแรงดี แต่จิตใจท่านต่างหากที่เหนื่อยล้า การทดสอบไม่ได้มีขึ้นเพื่อทดสอบพละกำลังและความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่มีเพื่อทดสอบจิตใจด้วย”

“ข้าพอจะทราบครับ” เร็กซ์หลุบตาลงมองต่ำกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

“สิ่งที่ท่านตามหาสถิตอยู่ที่วิหารโบราณในจุดที่ลึกที่สุดของป่า หนทางเต็มไปด้วยอันตราย พวกแฟรี่สามารถช่วยนำทางให้ท่านได้ พวกอสูรไม่ทำร้ายพวกนาง”

“ขอบคุณมากครับที่กรุณา” เขาโค้งคำนับอีกครั้ง

“ส่วนเจ้า พ่อหนุ่มนักผจญภัยผู้เลือกชะตาของตนเอง การเดินทางครั้งนี้ร่วมกับท่านอัศวินจะทดสอบเจ้าด้วยเช่นกัน” สายตาของเร็กซ์จับจ้องมาที่ผมอีกครั้ง

“มะ...หมายความว่ายังไงครับ” ยัยป้านี้รู้เรื่องผมเยอะเท่าไหร่เนี่ยถึงเรียกอะไรแบบนั้น แล้วแค่นำทางให้เร็กซ์นี่ไม่เหนื่อยพอแล้วเหรอ ยังต้องโดนทดสอบไปด้วยเนี่ยนะ

“จะมีทางเลือกอันน่าลำบากใจให้เจ้าเลือก เส้นทางที่เจ้าเลือกจะบ่งบอกตัวตนของเจ้า”

“...” ผมตกอยู่ในสภาพเดียวกับเร็กซ์เมื่อครู่ หลบตามองต่ำ พูดอะไรไม่ออกเมื่อจู่ๆมาได้ยินอะไรแบบนี้เข้า หัวตื้อไปหมด

“เอาเถอะ ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเจ้าทั้งสองต้องคิดมาก เดินทางกันมาเหนื่อยๆ พักผ่อนที่นี่สักคืนนึงก่อนสิ พวกแฟรี่จะช่วยรับรองพวกท่านเอง”

“ครับ/ขอบคุณครับ” ผมได้แต่ตอบเสียงอ้อมแอ้มตามเร็กซ์ ยัยป้านี่บอกยังไม่ถึงเวลาคิดมาก แต่ผมว่าคืนนี้ผมโดนเร็กซ์ซักไม่หยุดแน่ๆ ผมเริ่มจะรู้สึกว่าตนเองตัดสินใจผิดพลาดแล้วสิที่มาด้วย

พวกแฟรี่ร่อนตัวลงมาเพื่อนำทางให้พวกเราไปยังที่พัก กิ่งไม้ใหญ่กิ่งหนึ่งโน้มลงมาเกือบถึงพื้นก่อนจะแตกกิ่งก้านอย่างรวดเร็วและบิดม้วนกลายเป็นกระโจมเล็กๆ มีม่านทำจากใบไม้ให้ความส่วนตัวได้นิดหน่อย

“ท่านเร็กซัส ข้าหวังว่าเมื่อจบการทดสอบท่านจะตอบตนเองได้ว่าสิ่งที่ท่านปรารถนาที่สุดคืออะไร ข้าขอให้ท่านโชคดี” อาย่าพูดทิ้งท้ายให้อัศวินหนุ่มก่อนที่ใบหน้าจะคลายหายไปกลับเป็นผิวไม้ธรรมดา

บรรยากาศน่าตื่นตาตื่นใจเมื่อครู่อึดอัดขึ้นทันใด เร็กซ์เอาแต่จ้องหน้าผมด้วยสายตาคาดคั้นตลอดเวลาที่พวกเรากำลังจัดแจงของเข้าที่พัก ผมพยายามไม่สนใจ ฟรีดโดนปลดสัมภาระออกจากตัวให้ไปวิ่งเล่นรอบๆกับพวกแฟรี่ ส่วนผมเอาผ้าคลุมมาปูเป็นที่นอนเพื่อเตรียมพักผ่อน

“นักผจญภัยผู้ซ่อนเร้นตัวตน...หมายความว่ายังไง รอส” เร็กซ์คงทนบรรยากาศชวนอึดอัดไม่ไหวปริปากถามขณะนั่งลงข้างตัวผม

“นางคงอายุมากแล้ว พูดจาเลอะเทอะ”

“เทรี่ยนท์คือต้นไม้ผู้ทรงปัญญา พวกเขาล่วงรู้สิ่งต่างๆมากมาย เจ้ามีอะไรปกปิดข้าอีก...หืม”

“เฮ้อ...ไม่ต้องเป็นห่วงหน่า เรื่องเหล่านั้นไม่มีผลกับเจ้า” ผมถอนหายใจแล้วตอบไปส่งๆ เรื่องของผมเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องที่ไม่อยากจะนึกถึง และไม่มีผลใดๆกับคนรอบตัว แต่เหมือนมันจะไม่พอใจคำตอบของผม

ฟุบ!!!

โดยที่ผมไม่คาดคิดไว้ เจ้าอัศวินพลิกมาคร่อมตัวผมไว้แล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงมากดไว้ที่กลางลำตัวผม ผมสะดุ้งจะขืนตัวลุกขึ้นไปขัดขืนก็โดนมันกดไหล่สองข้างลงไปนอนราบกับพื้น

“จะทำอะไร” กลับมาอยู่ในท่าล่อแหลมอีกแล้ว

“มันเกี่ยวกับที่เจ้าไม่เคยบอกชื่อสกุลของเจ้าใช่ไหม”

“...” ผมกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจที่พาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์นี้ ไม่น่าตามมาด้วยเลยจริงๆ

“รอส บอกมาเดี๋ยวนี้ เลิกมีความลับกับข้าสักที” ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องมาที่ผมเพื่อคาดคั้นคำตอบ

“ชิ” ผมแค่นเสียงออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ “ข้าละทิ้งชื่อสกุลไปเพราะข้าเกลียดครอบครัวของข้า พอใจคำตอบรึยัง” ผมตะคอกอกไป คำตอบของผมทำให้ท่าทีของเขาอ่อนลง มือสองข้างผ่อนแรงที่กดไหล่ผม น้ำหนักกลางลำตัวผมโดนยกออก
“ทำไมล่ะ ครอบครัวคือสิ่งสำคัญไม่ใช่เหรอไง”

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก ข้าไม่อยากจะพูดถึงมัน” ในที่สุดเร็กซ์ก็ยอมลุกออกจากตัวผมไปนั่งเหมือนเดิม ส่วนผมก็พลิกตัวตะแคงหันหลังให้มัน “เรื่องบางเรื่องที่ทิ้งไปแล้วก็ไม่ควรพูดถึงอีก” นิ้วโป้งข้างซ้ายกอบกุมหลังมือขวาแล้วนวดเบาๆโดยไม่รู้ตัว

“ข้าขอโทษ”

“ช่างมันเถอะ”

“หลังจากนี้เจ้าจะทำอะไรต่อเหรอ รอส” เจ้าอัศวินเริ่มชวนคุยเรื่องอื่นด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

เปลี่ยนบรรยากาศเร็วจริงนะพ่อคุณ แต่คำถามของมันก็ทำให้ผมละความสนใจจากคำพูดของอาย่า นั่นสินะ ผมยังไม่เคยได้คิดเลยว่าหลังจากจบเรื่องนี้จะทำอะไรต่อ

“ก็คง...เดินทางต่อ อาจจะลองข้ามทะเลทรายไปประเทศใกล้ๆดู” ผมเดินทางไปเกือบทั่วทั้งเทอร่าแล้ว ไหนๆก็อยู่ชายแดนแล้วลองข้ามไปดูสักหน่อยจะเป็นไรไป

“เจ้าจะเดินทางไกลมาที่เอนเดลอนแล้วข้ามประเทศเหรอ”

“เดินทางไกล ? ” ผมตะแคงตัวกลับไปหาเร็กซ์ เลิกคิ้วถามกลับด้วยความสงสัย

“ก็จากเมืองหลวงกลับมานี่ตั้งไกลไม่ใช่เหรอ”

“บ้ารึเปล่า ใครจะเดินทางไปมา พาเจ้าออกจากป่าก็หมดหน้าที่ข้าแล้ว จะต้องไปส่งคุณชายกลับบ้านอีกเหรอไง” คำตอบของผมทำให้หน้าของเขาสลดลงทันที มันเบือนหน้าหนี

“ข้า...อยากเดินทางกับเจ้าต่อ” เขากล่าวเสียงเบา

“ทำไมล่ะ ฝีมือของเจ้าเอาชนะได้ทุกอย่าง เดินทางคนเดียวไม่น่ามีปัญหา”

“ไม่ใช่ทุกอย่างหรอก แค่...” เสียงของเขาขาดหายไป เร็กซ์ล้มตัวลงนอนบนถุงนอนแล้วพลิกตัวหันหลังให้ผม “ช่างมันเถอะ”

“...” ผมไม่สามารถกล่าวอะไรต่อได้ พลิกตัวไปอีกทางหนึ่ง พอคิดๆดูแล้วมันก็น่าใจหาย อีกไม่นานเราสองคนคงต้องจากกันแล้วสินะ

................................

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
23.2


ท่ามกลางความเดียวดายอันหนาวเหน็บ เด็กชายผมสีน้ำตาลตัวน้อยยืนอยู่คนเดียวกลางความมืดในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ ประตูบานใหญ่ทำจากไม้ชั้นดีปิดสนิท ถัดมาด้วยพื้นที่กว้างประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมากมาย มีทางเดินแยกออกไปสองทาง และข้างหลังคือบันไดที่มีราวจับสีทองพาดตรงขึ้นไปก่อนแยกออกเป็นสองแฉกเพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง บนผนังมีภาพครอบครัวอันประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูกชาย 3 คน มันควรจะเป็นบรรยากาศที่สวยงามอบอุ่น แต่กลับเต็มไปด้วยความหงอยเหงา

“ฮึกๆ ทำไมท่านแม่ถึงต้องจากไปด้วย”

“ทำไมท่านพ่อถึงไม่อบอุ่นเหมือนแต่ก่อน”

“ทำไมพี่ๆถึงไม่กลับมาหาข้าบ้างเลย”

เด็กชายลดตัวลงนั่งยองๆ สองมือกอบกุมดวงตากลมโตทั้งสองข้างเพื่อปิดกั้นน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย

“ทำไมบ้างหลังใหญ่โตถึงเงียบเหงาแบบนี้ ฮึก ฮือ...”


…………………….

รุ่งเช้า

ผมสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา ฝันหรอกเหรอเนี่ย นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้ฝันถึงที่บ้าน

“คิก ๆ ๆ”

ผมกรอกไปมองสำรวจรอบกระโจมเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก เป็นเสียงของเหล่าแฟรี่ที่ส่องแสงวิบวับลอดม่านใบไม้
ของกระโจม พอมองไปบนท้องฟ้าพบว่าฟ้ายังไม่ทันสว่างดี ผมตัดสินใจหลับตาลงเพื่อที่จะนอนต่อ ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อแนบชิดกับความอบอุ่นที่โอบรอบตัวผม มีลมอุ่นๆรดที่หลังคอด้วย อุ่นสบายดีจังแฮะ

<หะ...เดี๋ยวก่อนนะ> ดวงตาผมเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ อากาศยามเช้าแบบนี้มันต้องเย็นสิ ทำไมถึงอุ่นได้ พอก้มลงมองสำรวจร่างกายก็พบแขนแกร่งหนุนลำคอ แขนอีกข้างโอบรอบเอว และยังมีขามาก่ายด้วย

“เฮ้ย” ไม่น่าล่ะทำไมถึงอุ่น ผมโดนเร็กซ์นอนกอดอยู่นี่เอง ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนของมัน

“นิ่งๆดิ” มันส่งเสียงหงุดหงุดแล้วกระชับวงแขนแน่นขึ้น

“ปล่อย!! จะมากอดทำไม” ผมไม่ละความพยายามแต่ยิ่งผมดิ้นอ้อมกอดก็ยิ่งแน่นขึ้น

“ก็เห็นหนาวจนตัวสั่น เลยดึงมากอดไว้ สุดท้ายก็หลับสบายดีนี่”

“...” คำตอบของมันเล่นเอาผมหน้าร้อนแดง กอบกับเสียงหัวเราะของพวกแฟรี่ยิ่งทำให้ผมเขินเข้าไปอีก แม้จะยอมรับบ้างก็เถอะว่ามันอุ่นสบายจริงๆ

“ไว้สว่างกว่านี้ก่อนค่อยเดินทาง นอนนิ่งๆ” มันออกคำสั่ง

“...ชิ” ผมส่งเสียงประท้วงเบาๆก่อนจะยอมอยู่นิ่งให้ วงแขนรอบตัวคลายออกเป็นกอดหลวมๆแต่ยังคงความอบอุ่น ทำไมผมถึงกลายเป็นคนว่าง่ายไปได้เนี่ย

หัวใจของผมเต้นแรง ผมไม่สามารถข่มตาหลับในสภาพนี้ได้ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน รู้สึกดีชวนให้เคลิบเคลิ้มแต่ในขณะเดียวกันอันตรายควรออกห่าง ทั้งๆที่ก็นอนในอ้อมกอดของชายมามากแต่ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ได้แต่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำไมกันนะทั้งๆที่ปากก็บอกว่าจะไม่เกินเลย แต่การกระทำของมันกลับตอดเล็กตอดน้อยผมตลอด นี่คุณอัศวิน...จะทำอะไรก็ช่วยเอาให้แน่สักอย่างได้ไหม ผมล่ะเกลียดนักพวกที่ไม่ชัดเจนกับตนเอง

หลังจากนอนนิ่งๆจนฟ้าสว่างแล้ว ไม่สิ...นอนเป็นหมอนข้างให้มันกอดจนพอใจแล้วพวกเราก็เตรียมพร้อมออกเดินทางต่อ

“หลับสบายไหม” เร็กซ์ทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชื่นมื่นเป็นพิเศษขณะกำลังล้างหน้าล้างตาข้างๆผม

“ไม่เลย”

“ข้าหลับสบายมากเลยนะ ฮ่าๆๆ” มันหัวเราะร่วน จนรู้สึกหมั่นไส้

อ้อ...จะเล่นแบบนี้เหรอ...ได้

“จะนอนสบายกว่านี้ถ้าไม่มีอะไรมาแทงหลังตลอดเวลา”

“อะ...เอ่อ คือ...” หน้าระรื่นเมื่อครู่หายไปทันที มันยิ้มเขินๆหลบตา หน้าแดง

ซู่ !!!

“เย่ย” มันร้องเมื่อผมกวักน้ำเย็นๆใส่หน้า

“อะไรกันคุณอัศวิน แค่นี้ก็เขินแล้วเหรอ ฮ่าๆๆ” เป็นฝั่งผมที่หัวเราะคืนบ้าง

ซู่ ซ่า !!!

“หึ อย่าให้ข้าได้เอาจริงนะ” มันกวักน้ำคืนใส่

“เฮ้ย เปียกหมด ชุดยิ่งมีน้อยๆอยู่” ผมบ่นอย่างหัวเสีย เมื่อมันสาดน้ำโครมใหญ่มาใส่จนเสื้อเปียก ยิ่งไม่ค่อยได้มีจังหวะให้ตากเสื้อผ้าอยู่ด้วย

ซ่าห์ !!!

“ก็เริ่มก่อนเองนะ”

และแล้วเราสองคนก็สาดน้ำใส่กันไปมากันอยู่สักพักโดยไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะคิกคักของพวกแฟรี่ หลังจากนั้นจึงจัดแจงของเตรียมตัวออกเดินทาง

.......................................

พวกเราก็ออกเดินทางโดยมีมันเดย์เป็นคนนำทางให้ การเดินทางผ่านป่า 2 ชั่วโมงเป็นไปอย่างราบรื่น มีแฟรี่คอยคุ้มครองนี่มันดีจริงๆ พวกเราเห็นยอดวิหารแล้ว เป็นส่วนยอดแหลมสามเหลี่ยมของหน้าจั่ววิหาร มีหอคอยอยู่ข้างๆ โครงสร้างทำจากหิน หลังคาทำจากไม้ อีกไม่นานพวกเราก็จะถึงที่หมายแล้ว

“ทำไมถึงมีวิหารมาตั้งในนี้ได้” ผมพึมพำขึ้นมา

“แฟรี่ แฟรี่” มันเดย์ที่บินอยู่ไม่ไกลได้ยินแล้วตอบกลับ

“นางบอกว่าวิหารนี้สร้างขึ้นมานานมากก่อนนางเกิดอีก อาย่าเคยเล่าให้นางฟังว่าที่นี่เคยเป็นที่ลี้ภัยลับของชนเผ่าโบราณ แต่ตอนนี้ถูกปล่อยร้างมานานหลายร้อยปีแล้ว”

“ข้างในมีอะไรเหรอ”

“นางเองก็ไม่ทราบ นางเคยแค่เข้าไปในเขตกำแพงแต่ไม่สามารถเข้าไปในวิหารได้เพราะมีเวทมนต์ปกป้องไม่ให้มอนสเตอร์ย่างกรายเข้าไป”

“อืม...เป็นที่ที่มีป่าปกป้องจากมนุษย์และมีอาคมของตนเองปกป้องจากมอนสเตอร์อีกทีสินะ” ผมวิเคราะห์ด้วยความตื่นเต้น เลือดนักผจญภัยมันร้อนรุ่มไปหมดเมื่อทราบถึงสถานที่ที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน อยากจะไปถึงไวๆแล้วสิ

ระหว่างที่คิดสนุกไปเรื่อยๆ จู่ๆมันเดย์ก็หยุดบิน

“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามด้วยความสงสัย

“แฟรี่”

“บางอย่างผิดปกติไป เมื่อหลายเดือนก่อนที่นี่ไม่มีเถาวัลย์เยอะแบบนี้”

ผมเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวแล้วก็เห็นความแตกต่างจากตอนก่อนหน้า ถึงจะเป็นป่าทึบที่มีต้นไม้หนาแน่น แต่ก็ไม่ได้มีเส้นเถาวัลย์พันไปมาระเกะระกะแบบนี้ มีช่วงห่างระหว่างต้นไม้ให้เดินผ่านได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้กลับมีต้นไม้เล็กขึ้นแทรกเต็มไปหมดจนทางเดินเริ่มไม่ชัดเจน อีกทั้งยังมีเถาวัลย์หลากสีทั้งน้ำตาล เขียว และแดงพันไปมาขวางทาง พวกเราเริ่มระมัดระวังตัวกันมากขึ้นขณะเดินทางแหวกแมกไม้เถาวัลย์เหล่านี้ แต่แล้ว...

หมับ!!!

“กรี๊ด” เถาวัลย์สีแดงเส้นหนึ่งบนกิ่งไม้พุ่งเข้ารัดตัวมันเดย์ขณะที่ผมกับเร็กซ์ไม่ทันมอง มันดึงนางลึกเข้าไปในป่า เร็กซ์ไม่รอช้ารีบทะยานตัวตามไปทันทีโดยมีผมกับฟรีดวิ่งตามไปติดๆ

ออร่าสีฟ้าปกคลุมขาทั้งสองข้าง เร็กซ์พุ่งตัวถีบทะแยงไปตามต้นไม้จนตามทัน

ฉัวะ !!!

เถาวัลย์ขาดออกปลดปล่อยมันเดย์เป็นอิสระ นางรีบบินหนีมาทางผมในขณะที่เร็กซ์พลิกตัวกลางอากาศเอาขาลงพื้นอย่างสวยงาม แต่ยังอันตรายไม่หมด เถาวัลย์สีแดงอีกหลายสายยกตัวขึ้นมาราวกับพึ่งตื่นนอน แล้วก็โมโหมากที่โดนทำร้าย มันพุ่งตัวเข้าหาอัศวินหนุ่มด้วยความรวดเร็วราวกับลูกศร

ฉัวะๆ ๆ !!!

เขาตวัดดาบต่อเนื่องฟันรยางค์ที่พุ่งเข้ามาขาดกระจุย แต่ก็ไม่ต่างจากทำให้มันยิ่งโมโห เถาวัลย์อีกหลายเส้นลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเขา

“เร็กซ์ ระวังที่ขา”

“อ๊ะ” อัศวินหนุ่มอุทานออกมาเมื่อเถาวัลย์เส้นหนึ่งแอบเข้ามาพันขาของเขาไว้ ออร่าสีฟ้าที่ขาจางหายไปกลายเป็นแสงจางๆไหลไปตามเส้นสายของเถาวัลย์เส้นนั้น แต่ก็แค่ชั่วขณะก่อนที่เร็กซ์จะฟันมันขาด เขาค่อยๆร่นถอยมารวมกลุ่มพร้อมใช้ดาบป้องกันตัวเองจากรยางค์เหล่านั้น

<มันดูดพลังเวทอย่างนั้นเหรอ> ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่รู้สึกว่าความคล่องแคล่วของเร็กซ์ลดลง

ขวับ ๆ ๆ

“อึก” เถาวัลย์ 3 สายพุ่งเข้ารัดแขนและลำตัวของอัศวินก่อนที่สายอื่นๆจะพุ่งเข้าตาม เขากำลังจะเสียท่า พวกมันฉุดกระชากร่างของเขาไปตามทิศทางเดิม

“พวกเจ้าไปหาที่ปลอดภัย ข้าจะตามไปช่วยเร็กซ์” ผมออกคำสั่งเมื่อแน่ใจว่ารอบๆไม่มีเถาวัลย์สีแดงเหลือแล้ว มันเดย์กับฟรีดน่าจะปลอดภัย ไม่รอช้าผมวิ่งไปตามทิศทางที่มันลากเร็กซ์ไป

ฟู่ห์ๆ ๆ ๆ

ผมเปิดใช้งานหินสีแดงแล้วพ่นไฟใส่เถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามาจู่โจม พวกมันบิดเร่าไปมาเมื่อต้องเปลวเพลิงก่อนจะหดหนีไป ผมออกวิ่งสุดฝีเท้าจนตามทัน เห็นเร็กซ์เอาดาบปักไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อต้านแรงฉุดของเถาวัยล์พวกนี้

ตอนนี้พวกเราออกมาที่พื้นโล่งๆที่มีต้นไม้ไม่กี่ต้นติดกำแพงหินขนาดใหญ่ของวิหาร แล้วผมก็มองเห็นเจ้าตัวการ มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างคล้ายดอกไม้ขนาดใหญ่ ลำต้นน่าจะสูง 3 เมตร ส่วนหัวเป็นเหมือนฝาหอยกาบ 2 ฝาที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม มีแผงคอเป็นกลีบดอกกุหลาบสีแดง ลำต้นสีเขียวอ้วนหนามีใบไม้ใบใหญ่ขยับคล้ายมือ รากไม้ที่ส่วนโคนต้นเป็นสีแดงแผ่ขยายไปยึดกำแพงบ้าง แผ่กระจายยาวหายไปในป่าบ้าง คงจะเป็นเถาวัลย์เมื่อครู่ เป็นมอนสเตอร์ที่ผมไม่เคยพบมาก่อน

ตู้ม !!!

ผมไม่รอช้ายิงลูกไฟไปที่เจ้าตัวการทันที

ก๊าซ!!!

มันส่งกรีดร้องเมื่อร่างกายลุกเป็นไฟ เถาวัลย์ที่รัดตัวเร็กซ์คลายออกก่อนจะบิดหงิกงอไปมา ผมรีบถลาตัวเข้าไปประคองเจ้าอัศวินลุกขึ้น

“แฮ่ก...มันดูดพลังเวทได้” เขากล่าวปนหอบเหนื่อย

“ไหวมั้ย”

“ไหวอยู่ มันดูดไปไม่มาก แต่เร็วกว่ามิมิคพอดคราวก่อน”

โผละๆ ฉ่า---!!!

เสียงบางอย่างแตกออกเหมือนผลไม้ปริแตกดังขึ้นเรียกความสนใจของพวกเรา รากไม้สีแดงที่ส่วนปลายเป็นกระเปาะชูขึ้นสูงแล้วแตกออกปลดปล่อยของเหลวเหนียวข้นใสๆออกมารดตัวของของมันเอง ไฟของผมดับลงทันที

กรรรรร!!!

เจ้าดอกไม้ส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ป่า ส่วนหัวคล้ายหอยกาบบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มเยาะ ดูท่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ง่ายแล้วสินะ...

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
บักเรกซ์กล้าๆ หน่อยซี่ รวบหัวรวบหางเล้ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด