จบแล้ว-(Fantasy/Y) Royal quest ภารกิจรักกับคุณอัศวินซื่อบื้อ (Ch.พิเศษ2)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้ว-(Fantasy/Y) Royal quest ภารกิจรักกับคุณอัศวินซื่อบื้อ (Ch.พิเศษ2)  (อ่าน 46996 ครั้ง)

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอบคนอ่าน

Nocto - ผมพยายามหาแฟนตาซี ผจญภัยที่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันมานานมาก แต่ก็หาไม่เจอ สุดท้าย เอาวะ ลองแต่งเองละกัน ไม่ทราบว่ามีเรื่องไหนแนะนำไหมครับ
           นิยายส่วนใหญ่(ไม่ใช่ทั้งหมด)ให้พระเอกช่ำชอง นายเอกซื่อๆใสๆ อ่านจนผมเอียนเลยจับสลับกันซะเลย

PsychePie - น้องเค้ามุ่งแต่ฝึกฝนฝีมือ น้องเลยไม่ค่อยประสีประสา 555
จากที่สังเกตคนเขียนชอบแนวหมีๆ ใช่ไหม หุหุ
ชอบแนวๆไปทาง Bara ครับ กล้ามๆแน่นๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2018 13:38:38 โดย KPMwolf »

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จากที่สังเกตคนเขียนชอบแนวหมีๆ ใช่ไหม หุหุ

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอสร้อนแรงจริงๆ / รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ดูท่าว่าเรื่องของท่านอาจารย์น่าจะหนักพอดู

นิยายแนวแฟนตาซี (แนวหลักของเราคือจีนโบราณค่ะ) ที่ตามอยู่ตอนนี้หลักๆมี 2 เรื่องค่ะ คือ มิติมายา ผมกลายเป็นเงือก กับ The Reader and Protagonist Definitely Have to Be in True Love ที่เป็นนิยายแปล แนวอาจจะไม่ตรงกับเรื่องนี้ที่เป็นแฟนตาซีอัศวินซักเท่าไร แต่ก็สนุกเหมือนกันค่ะ

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 13 Branching path

   
“เจ้าจะเริ่มออกเดินทางคนเดียวจริงๆหรือ รอส”


“ผมตัดสินใจแล้วครับ”


“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะไปผจญภัยที่ตอนใต้นะรอส แต่รออีกหน่อยไม่ได้หรือ ข้าพาเจ้าไปแน่”


“อาจารย์มีครอบครัวที่ต้องดูแลแล้วหนิครับ ผมว่าถึงเวลาที่ผมต้องดูแลตัวเองแล้วหละ”


“....”


“ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลและสั่งสอนผมมาตลอด”


“...เฮ้อ...เจ้านี่ช่างหัวรั้นจริงๆ ถ้ายืนยันแบบนั้นข้าก็จะไม่รั้งไว้ ยังไงก็รับนี่ไปด้วย”


“หินอำพรางนี่มันของสำคัญของอาจารย์หนิครับ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก”


“เดินทางคนเดียวมันอันตราย เอาติดตัวไปด้วยเถอะ”


……………………………………………………………….


“รอส”


“....”


“รอส!!” เร็กซ์ตะโกนเรียกผมเสียงดังจนผมหลุดจากภวังค์


“หะ..หืม”


“เป็นอะไร ทำหน้าเครียดแล้วก็เหม่อลอยมาตั้งแต่เช้าแล้ว”


“ปะ..เปล่าสักหน่อย เรียกทำไม”


“ลงมาจากม้าได้แล้ว ให้ฟรีดได้พักบ้าง”


พวกเราออกเดินทางจากเมืองมาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว ปกติการเดินทางด้วยม้าหากไม่เร่งด่วนจะไม่ได้นั่งบนหลังม้าตลอดเวลา ต้องให้พวกมันได้เดินพักบ้าง แล้วก็ไม่ได้ให้พวกมันวิ่งเต็มฝีเท้าตลอดเวลาด้วย ขนาดม้าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดียังไม่สามารถวิ่งระยะทางไกลๆได้ติดกันหลายวันเลย


ผมกระโดดลงจากม้าอย่างคล่องแคล่ว คงเพราะเริ่มคุ้นเคยกับการขี่ม้ามากขึ้น แล้วจึงเริ่มออกเดินไปตามถนน เป้าหมายต่อไปของพวกเราคือป่าเอเดน เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสมุนไพรประหลาด กว่าจะถึงทางเข้าป่าคงเป็นช่วงบ่ายๆ จากนั้นก็ต้องค้างแรมอีกหลายวันกว่าจะฝ่าป่าไปถึงบริเวณชายแดนได้


“ถ้าเจ้ากังวลเรื่องเมื่อวาน ข้าก็ขอโทษด้วยละกันที่ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเจ้า” เร็กซ์พูดขึ้นมาขณะเดินตามหลังผม


“อื้ม ช่างมันเถอะ” นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมกังวลเลย เรื่องที่ผมกังวลคือเรื่องป้ายประกาศที่เห็นเมื่อวานต่างหาก ผมอยากจะไปตรวจ


สอบที่หมู่บ้านเครสเซนต์ให้แน่ชัด หมู่บ้านนี้ใช้ถนนเส้นเดียวกันนี้เดินทางไป ปกติใช้เวลาเดินทางครึ่งวัน แต่จะมีทางแยกไปยังป่าเอเดนก่อน


<จะขอมันดีมั้ยนะ> ผมคิดในใจ


ตั้งแต่เช้าผมก็คิดถึงแต่วันที่ผมขออาจารย์ออกมาผจญภัยคนเดียวเมื่อ 2 ปีก่อน อาจารย์ซิดเป็นพรานป่าที่เก่งกาจ ฝีมือระดับท่านสามารถหาวิธีจัดการมอนสเตอร์ที่มาสร้างความปั่นป่วนให้ชาวบ้านตามหมู่บ้านที่พวกเราเดินทางผ่านได้เสมอ ตลอด 4 ปีที่ผมติดตามท่านมาก็เป็นเช่นนี้ตลอด ทำไมครั้งนี้ถึงได้เป็นคนลงชื่อติดป้ายประกาศที่กิลนักผจญภัยเสียเอง นั่นทำให้ผมรู้สึกกังวลมาก


แต่ครั้นจะขอเร็กซ์เดินทางออกนอกเส้นทางเพื่อไปทำธุระส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่ไม่ควร ไหนๆรับงานเค้ามาแล้วจะมารับงานซ้อน มันก็เสียมารยาท


“นี่ รอส ข้าขอโทษเจ้าแล้วไง ทำไมยังทำหน้าแบบนั้นอยู่อีก” มันเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินข้างผม “อย่าบอกนะว่าไปติดพันกับใครเข้า” มันหน้าตื่น โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย


“พรืด ฮ่าๆ” ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “พูดอะไรตลกชะมัดเลย”


“อ้าวใครจะไปรู้ เจ้าอาจจะไปหลงรักคนที่เจ้านอนด้วยก็ได้”


“หึ นักผจญภัยรักอิสระอย่างข้าไม่ไปติดพันใครง่ายๆหรอก” ผมตอบอย่างมั่นใจ ใช้ชีวิตตัวคนเดียว เดินทางไปเรื่อยๆจะไปติดพันใครได้ยังไงกัน “แล้วนอนแค่ครั้งเดียวถึงกับหลงรักเลยเนี่ยนะ เจ้าอ่านนิยายน้ำเน่ามากเกินไปรึเปล่า”


“....” มันไม่พูดอะไรต่อ หันหน้าหนี คงเขินที่พูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา ที่บ้านสอนมายังไงนะถึงได้ใสซื่อขนาดนี้


ผมยิ้มให้กับภาพที่เห็น คุณอัศวินจิตใจสะอาดออกทำภารกิจเพื่อไปขอแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่กลับต้องมาออกเดินทางกับคนใจบาปอย่างผม คงทำให้มันอึดอัดไม่น้อย


………………………………………………………..


ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงทางแยก หน้าผมเริ่มเคร่งเครียดอีกครั้งเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าป้ายบอกทาง : ไปทางตะวันออกเพื่อไปยังป่าเอเดน ไปทางใต้เพื่อไปยังหมู่บ้านเครสเซนท์


“หน้าเครียดขึ้นมาอีกแล้ว เจ้าเป็นอะไร” มันถามขึ้นมาอีกครั้ง


ผมคงต้องไปฝึกปั้นหน้าเก็บอารมณ์มาใหม่ ถึงขนาดเร็กซ์ทักขึ้นมาได้นี่คงต้องชัดมากๆ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองถามดูละกัน


“เมื่อวานข้าเห็นป้ายประกาศขอความช่วยเหลือ หมู่บ้านเครสเซนท์ที่อยู่ทางนี้กำลังมีปัญหา”


“...” มันเงียบฟังผมอย่างตั้งใจ


“อาจารย์ของข้าอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ท่านเป็นพรานป่าที่เก่งกาจ การที่ท่านต้องมาติดป้ายขอความช่วยเหลือทำให้ข้ากังวล” ผมค่อยอธิบายให้มันฟัง


“งั้นจะรออะไรหล่ะ ไปกันเถอะ” มันตอบทันทีที่ผมเล่าจบ


“หือ” ผมแปลกใจ มันได้คิดอะไรก่อนตอบบ้างรึเปล่าเนี่ย “แต่มันนอกเส้นทางนะ มันจะทำให้เจ้าเสียเวลา”


“มีคนเดือดร้อนอยู่ไม่ใช่หรอ”


“ก็ใช่..แต่..”


“ข้าบอกแล้วไงว่าการช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนเป็นหน้าที่ของอัศวิน” มันยิ้มโชว์ฟันขาวให้ผมพร้อมชูนิ้วโป้งให้เป็นการยืนยันคำตอบ “อีกอย่างยังเหลือเวลาอีกต้องมาก”


<เอาจริงดิ ง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ>


“...ขอบใจนะ” ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “ข้าสัญญาว่าหลังเสร็จธุระแล้วข้าจะรีบพาเจ้าไปป่าจันทราทันที”


“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว แค่ให้เจ้าเลิกทำหน้าเครียดก็พอ” มันตอบแล้วเดินนำผมไปทางทิศใต้


ผมหัวเราะเบาๆให้กับตัวเองที่ไปเคลือบแคลงใจเร็กซ์แต่แรก <อัศวินที่ดีสมชื่อจริงๆ> ผมนึกในใจแล้วออกเดินตามมันไป


....................................................................................



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2018 17:45:45 โดย KPMwolf »

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ใช่ๆ เป็นอัศวินที่ดีจริงๆ และต้องฝึกให้ร้อนแรงมากๆ ให้สมกับความดีด้วยนะ

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
13.2

พวกเราเดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านเครสเซนท์ตอนที่พระอาทิตย์อยู่กลางศีรษะพอดี ผมรีบลงจากม้าแล้วเดินสำรวจหมู่บ้านที่ผมจากมานานทันที


หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ริมภูเขาแบรคดิคฝั่งตะวันออก เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม มีคนอยู่ประมานสิบครัวเรือน สภาพหมู่บ้านประกอบไปด้วยบ้านไม้หลังเล็กๆไม่เกิน 2 ชั้น โรงนาและโรงเลี้ยงสัตว์ มีไร่พืชพรรณหลายชนิดและมีลำธารขนาดใหญ่ที่มีคลองเล็กๆแยกออกมาอยู่ไม่ห่าง


“ระดับน้ำน้อยลงจริงๆด้วย” ผมพึมพำกับตนเองเมื่อมองเห็นระดับน้ำที่ลดลงจนน่าตกใจ น้ำน้อยกว่าช่วงหน้าแล้งเสียอีก


“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพืชพรรณต้องตายหมดแน่ๆ” เร็กซ์ที่พอจะรู้รายละเอียดจาดผมแล้วเสริมขึ้นมาข้างๆผม


“บ้านอาจารย์ของข้าอยู่ทางนี้” ผมออกเดินนำไปยังบ้านทรี่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ติดกับชายป่าที่ใช้ขึ้นเขา


เดินเข้าชายป่าไปเล็กน้อยพวกเราก็พบบ้านไม้ชั้นเดียวตั้งอยู่กลางพื้นที่โล่งๆรอบล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ สภาพบ้านใหญ่ขึ้นกว่าตอนที่ผมจากมาเล็กน้อยคงเพราะต่อเติมให้สำหรับสมาชิกใหม่ของบ้าน และดูเหมือนยังมีส่วนต่อเติมที่ยังไม่เสร็จอยู่ด้วย หน้าบ้านมีหญิงสาวผมทองยาวถึงเอวในชุดเดรสสีน้ำตาลกำลังกวาดใบไม้อยู่


“คุณลินดาครับ (Linda)” ผมตะโกนเรียกจนหญิงสาวสะดุ้งตกใจแล้วหันทางพวกเรา


“ระ รอส!!!” เธอทำหน้าแปลกใจก่อนที่ยิ้มให้กับผม “รอส เจ้ามาได้ยังไงเนี่ย ไม่ได้พบกันนานเลยนะ เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย” นางรัวคำถามมา


“ผมสบายดีครับคุณลินดา คุณลินดาหละ เป็นยังไงบ้าง” ผมยิ้มทักทายกลับเมื่อเดินเข้าไปใกล้แล้วผมก็สังเกตเห็นท้องของหญิงสาวที่นูนโต “นี่ท้องที่สามรึเปล่าครับนี่”


“นี่เสียมารยาท ฉันไม่ได้ท้องนะ” นางตะคอกใส่ ทำท่าเอามือกุมท้อง


“หะ” ผมอ้าปากค้างแล้วหลับหูหลับตารีบยกมือขอโทษขอโพย “หวา…ขะ ขอโทษครับ ผมไม่รู้”


“ฮ่าๆๆๆ” นางหัวเราะเสียงดังจนผมลืมตาขึ้นมามอง “ล้อเล่นจ่ะ นี่ท้องที่สอง”


“โหย คุณลินดาชอบหลอกผมตลอดเลย” ผมทำเสียงอ๋อย ในใจรู้สึกโล่งที่ไม่ได้ทักผิดไป“ไม่น่าหล่ะ ถึงได้ต่อเติมบ้านเพิ่ม อาจารย์ผมน้ำยาดีใช่ม๊า” ผมเริ่มแซวเล่นเป็นการแก้แค้น


“บะ..บ้าหรอ รอส พูดอะไรน่าอายแบบนั้น” นางหน้าแดงจนต้องเอามือมาปิดแก้ม


ลินดา ภรรยาแสนสวยของอาจารย์ซิด นางเป็นนักปรุงยาชั้นยอด อีกทั้งยังมีความรู้ทางการแพทย์อย่างเยี่ยม เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ หญิงสาวที่ทำให้อาจารย์ของผมหยุดชีวิตผจญภัยของตนลงแล้วตั้งหลักปักฐานที่นี่


“คุณลินดาครับ ผมมาที่นี่เพราะเห็นป้ายประกาศ” ผมเริ่มพูดถึงจุดประสงค์ของผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าของลินดาแสดงความกังวลให้ผมเห็นอย่างชัดเจน


“นั่นสินะ เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนสิ” นางเก็บไม้กวาดแล้วเดินนำเข้าบ้าน “พาม้าไปที่โรงนาหลังบ้านได้เลยนะจ๊ะ” นางหันมาบอกผมและเร็กซ์ ก่อนเดินหายเข้าไปในบ้าน


……………………………


พวกเราสองคนตามเข้ามาในบ้าน แล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหารกลางบ้าน สภาพบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคือมีตุ๊กตาวางอยู่เต็มบ้าน ไม่ใกล้ไม่ไกลมีเด็กหญิงผมทองตัวน้อยกำลังเล่นตุ๊กตาผ้าอยู่ นี่สินะสมาชิกใหม่ของบ้านที่ผมไม่ได้มีโอกาสพบเจอ

“คุณลินดา นี่เร็กซ์เพื่อนร่วมเดินทางของผมครับ”


อัศวินหนุ่มค้อมศีรษะคำนับให้อย่างนอบน้อมเป็นการทักทาย ส่วนลินดาก็ยิ้มตอบรับไว้


“สถานะการณ์เป็นยังไงบ้างหรอครับ” ผมเริ่มเข้าเรื่อง


“ก็ตามป้ายประกาศนั่นแหละจ่ะ ซิดสังเกตเห็นว่าระดับน้ำลดลงผิดปกติ เขาจึงขึ้นภูเขาไปสำรวจ”


“ได้เรื่องยังไงบ้างครับ” เป็นเร็กซ์ที่ถามขึ้นมา


“ซิดพบว่าน้ำที่ไหลลงมาจากต้นน้ำภูเขาแปลกไป พอขึ้นสูงไปเรื่อยๆก็พบพวกมอนสเตอร์ชุกชุมผิดปกติ พวกมันมีหลายสายพันธุ์แต่กลับรวมตัวกันโจมตีจนผิดวิสัย”


มอนสเตอร์นั้นมีมากมายหลายชนิด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ พวกมันมักจะหวงถิ่นของตนเอง พวกมันจะเข้าจู่โจมทุกอย่างที่ล้ำอานาเขตของพวกมัน จะมนุษย์หรือมอนสเตอร์ต่างสายพันธุ์ก็ตาม การที่มันร่วมมือกันแบบนี้ย่อมผิดปกติ


“เพราะจำนวนพวกมันที่มากทำให้ซิดไม่สามารถขึ้นไปสำรวจต้นน้ำได้ เขาและพวกชาวบ้านพยายามรวมตัวขึ้นไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว แต่ทำได้เพียงกำจัดมอนสเตอร์ไปบางส่วนเท่านั้น มีชาวบ้านบาดเจ็บหลายคน พวกเขาจึงจำเป็นต้องร่นถอยกลับออกมา”


“แล้วอาจารย์เป็นอะไรมากมั้ยครับ” ผมโพล่งถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง


“ซิดปลอดภัยดี ถ้าไม่มีเขาพวกชาวบ้านคงแย่กว่านี้” คำตอบของนางทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก


“แล้วนี่อาจารย์ไปไหนหรอครับ”


“2 วันก่อนมีนักผจญภัย 3 คนมาช่วยเหลือ ซิดเป็นคนนำพวกเขาขึ้นไป นี่ฉันก็ชักเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน ไม่ลงกันมาเสียที” นางอธิบายต่อด้วยสีหน้าวิตกกังวล “อ๊ะ นีน่า อย่าไปกวนพี่เค้าสิลูก”


เด็กหญิงผมทองเมื่อครู่เดินเตาะแตะมาเล่นกับเกราะเหล็กแวววาวที่ขาของเร็กซ์


“ อ๊ะ ไม่ได้นะ มันสกปรก” เขารีบห้ามปรามแล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งตัก เด็กหญิงนั่งนิ่งอย่างว่าง่าย ดวงตาเอาแต่จ้องหน้าของเร็กซ์


“แหม เจ้าลูกคนนี้ ปกติไม่ให้อุ้มง่ายๆหรอกนะเนี่ย” ลินดาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา


<โห มีแววแต่เด็กเลยนะ แต่เจ้านี่มีแรงดึงดูดต่อผู้หญิงทุกวัยจริงๆ> ผมคิดขณะมองเร็กซ์ที่หัวเราะแหะๆ ทำตัวไม่ถูก


“ถ้างั้นเดี๋ยวพวกผมจะตามขึ้นไปเองครับ” ผมหันกลับมาคุยกับลินดา


“อื้ม ถ้าเป็นรอสขึ้นไปช่วยก็ค่อยเบาใจหน่อย ฝากด้วยละกันนะจ๊ะ” นางตอบผมพร้อมรอยยิ้มที่ผ่อนคลายมากขึ้น


“งั้นผมขอลาเลยนะครับ” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมออกเดินทาง


“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวพวกผมจัดการให้เอง” เร็กซ์ลุกขึ้นแล้วส่งนีน่าคืนให้ลินดา


“เดี๋ยวสิ นี่พึ่งเที่ยงเองนะ พวกเจ้าทานอะไรกันรึยัง”


“อ่ะ..เอ่อ..เรียบร..” ผมกำลังจะตอบกลับแต่เจ้าเร็กซ์พูดแทรกซะก่อนว่า


“ไว้ก่อนก็ได้ครับ รีบขึ้นเขาก่อน เดี๋ยวจะมืดเสียก่อนครับ”


<ซวยหล่ะสิ ตอบแบบนั้น> ผมเริ่มหน้าซีดเมื่อได้ยินคำตอบของเร็กซ์ ตอบแบบนั้นได้เรื่องแน่นอน


ครืนนนนนน


บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที ผมและเร็กซ์สัมผัสได้ถึงรังสีอัมหิตจากคุณลินดา นางยิ้มจางๆแต่กลับดูเหี้ยมโหดแล้วเอามือวางไว้บนไหล่ของเร็กซ์


“จะปล่อยให้ท้องว่างออกไปได้ยังไง นั่งลงเดี๋ยวนี้ ฉันจะหาอะไรให้ทาน เข้าใจมั้ย!!!”


ผมกับเร็กซ์มองหน้ากัน ทางนั้นก็เหงื่อแตกเช่นกัน เราสองคนจึงตอบพร้อมกันว่า


“ได้คร้าบบบบ”

……………

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นพระเอกแบบที่ไม่ค่อยเจอ ถือเป็นของแปลก  :hao7:

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กำลังจะโกหกได้แนบเนียนแล้วเชียว โธ่เอ้ย เจ้าอัศวินซื่อบื้อ!

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
วันอาทิตย์นี้อาจจะไม่ได้ลงนะครับ พอดีติดธุระเยอะ แต่อาทิตย์หน้าจะพยายามลง 1- 1.5 ตอนครับ

PsychePie - อาจจะต้องมี pre-test ดูพื้นฐานก่อนถึงจะสอนได้

jum - แบบนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นในนิยายวายบ้านเรา แต่ค่อนข้างพบบ่อยในไลท์โนเวลญี่ปุ่น หรือการ์ตูนโชเน็นครับ

Nocto - ตอบฉะฉานเนียนสุดๆ 555

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 14 Search quest


ใช้เวลาพอสมควรกว่าคุณลินดาจะแน่ใจว่าพวกเราทานอาหารเพียงพอแล้วจึงยอมปล่อยพวกเราออกจากบ้าน ยังดีที่เพิ่งจะบ่ายอ่อนๆ เหลือเวลาที่จะขึ้นเขาพอสมควร


ผมเคยขึ้นเขาแบรคดิคฝั่งนี้เพียง 2-3 ครั้ง เมื่อนานมาแล้ว ทำให้ไม่ชำนาญทางมากนัก จำได้ลางๆเพียงแค่ว่าที่นี่มีน้ำตก 7 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดเพราะมาจากต้นน้ำบนภูเขาโดยตรง


“รอส เจ้ามาถูกทางแน่นะ” เร็กซ์เอ่ยขึ้นขณะเดินตามผมขึ้นมา


“มีร่องรอยเดินเท้าขึ้นมาทางนี้” ผมอาศัยรอยเท้าลางๆที่ถูกทิ้งไว้ตามทางเดินในการบอกทิศทาง คาดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มอาจารย์ซิดเพราะไม่มีคนขึ้นมาบ่อยนัก


ไม่นานนักพวกเราก็พบน้ำตกชั้นแรก จะเรียกว่าน้ำตกก็ไม่เชิง เพราะมีเพียงน้ำไหลเอื่อยๆลงมาเท่านั้น ท่าทางน้ำจะถูกปิดกั้นไว้ที่ชั้นสูงๆชั้นใดชั้นหนึ่ง ผมเริ่มมั่นใจเรื่องทิศทางมากขึ้นเพราะร่องรอยขนานไปตามทางน้ำที่ไหลลงมา


“เอาหละ หลังจากนี้จะชันขึ้นหน่อยนะ” ผมเริ่มจำได้แล้วว่าทางขึ้นไปชั้น 2 เป็นต้นไปจะต้องอาศัยการปีนป่ายมากขึ้น ใช้เวลาและพละกำลังพอสมควรพวกเราก็ผ่านมาถึงชั้น 3 จนได้ แล้วพวกเราก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ


“นี่มันซากสไลม์หนิ” ผมก้มลงสำรวจคราบเมือกสีเขียวๆน่าขยะแขยง กองกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น


สไลม์เป็นมอนสเตอร์ขนาดเล็กถึงกลางขึ้นอยู่กับช่วงอายุของมัน ลักษณะเป็นก้อนเมือกที่มีชีวิต ขยับคืบไปมาได้ ล่าเหยื่อโดยการโรยตัวจากที่สูงลงมาครอบตัวบนสัตว์ขนาดเล็กแล้วกลืนกินเข้าไปในก้อนเมือกของมันทั้งตัว จากนั้นจึงย่อยช้าๆ เป็นการตายที่ทรมานมาก การโจมตีทางกายภาพไม่ค่อยได้ผลกับพวกมันเพราะร่างกายที่เป็นของเหลว ต้องโจมตีให้โดนแกนกลางหรือใช้เวทมนต์เท่านั้น


“รอสมาดูนี่สิ เหมือนตุ๊กตาไม้เลย” เสียงของเร็กซ์ทำให้ผมละความสนใจจากก้อนเมือกไปมองเขา ผมเบิกตากว้าง


“เร็กซ์ ระวัง สไลม์อยู่ข้างบน” ผมรีบตะโกนบอกเขาเมื่อเห็นก้อนเมือกเขียวๆกำลังคืบคลานบนกิ่งไม้เหนือหัว ผมรีบชักดาบออกมาแล้วพุ่งตัวไปหาเขา


“ฉัวะ” ชั่วอึดใจที่สไลม์ปล่อยตัวลงมาจากต้นไม้ อัศวินหนุ่มชักดาบออกมาฟันมันขาดเป็นสองท่อนในพริบตา


<ตอบสนองไวมาก> ผมพึ่งจะก้าวได้สองก้าวเท่านั้น


“แผละๆๆ” เสียงของเหลวเหนียวหนืดร่วงหล่นสองข้างตัวของอัศวินหนุ่ม เศษบางส่วนตกใส่ชุดของเขา


“เป็นอะไรมั้ย” ผมเดินเข้าไปถามใกล้ๆ


“แค่นี้สบายมาก”


ผมแอบขำในใจเมื่อมองมันก้มดมคราบสไลม์ที่เปื้อนใส่แขนแล้วทำหน้ายู่ ยิ่งกว่านี้ผมก็เคยโดนมาแล้ว


“ดีนะที่ไม่ใช่สไลม์พิษ ไม่งั้นเจ้าเสียโฉมแล้ว” สไลม์บางชนิดมีพลังธาตุสถิตอยู่ด้วย ยิ่งเพิ่มความหน้ากลัวให้พวกมันอีกหลายเท่าตัว


เมื่อผมแน่ใจว่าเร็กซ์ไม่เป็นอะไรและไม่มีตัวอะไรซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้แล้ว ผมจึงเริ่มสำรวจตุ๊กตาที่เร็กซ์ว่า


ตุ๊กตาที่ว่ามีขนาดตัวพอๆกับเด็กทารก ร่างกายทำขึ้นจากรากไม้ กิ่งไม้และเถาวัลย์บิดพันเกลียวไปมา ส่วนหัวเป็นกระโหลกของสัตว์ ตัวที่ผมสำรวจมีลูกธนูปักเข้ากลางหัว


“นี่มันวิวโลว์ (Willow)”


วิวโลว์เป็นมอนสเตอร์ภูติไม้ขนาดเล็ก ขนาดประมานเด็กทารก อาศัยในป่าลึก ชอบแกล้งนักเดินทางที่เดินทางผ่านด้วยการใช้เวทมนต์และการควบคุมสัตว์ป่าขนาดเล็ก แต่บางครั้งการแกล้งของพวกมันก็รุนแรงถึงชีวิตได้


“อืม อย่างที่คุณลินดาบอกจริงด้วย มอนสเตอร์ต่างชนิดกันเหมือนจะร่วมมือกัน” ผมพึมพำ


“ซากพวกนี้น่าจะเป็นฝีมืออาจารย์ของเจ้านะ รอส”


“ข้ากะคิดแบบนั้น รีบขึ้นต่อเถอะ”


ยิ่งพวกเราขึ้นสูงขึ้นไปก็ยิ่งพบเห็นซากมอนสเตอร์ตามข้างทางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแมงมุมยักษ์ ก็อบลิ้น และพวกสัตว์ป่าเช่น หมาป่า เป็นต้น กว่าพวกเราจะขึ้นมาถึงชั้นที่ 5 ได้ก็เล่นเอาตอนพระอาทิตย์ตกดินแล้ว


“น้ำที่ชั้นนี้ก็ลดลง..” ผมพึมพำกับตัวเอง แสดงว่าต้นเหตุหน้าจะอยู่ที่ต้นน้ำบนเขา


“เดินทางต่อไหวมั้ยเร็กซ์” ผมกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“ไอ้ไหวมันก็ไหวอยู่หรอก แต่เดินทางขึ้นเขาตอนมืดจะดีหรอ รอส” มันทักท้วง “ข้าเข้าใจว่าเจ้ารีบร้อน แต่วิสัยทัศน์ที่ลดลงจะทำให้พวกเราไม่ปลอดภัย”


จริงอย่างที่มันว่า แม้ว่าที่ผ่านมาจะพบแต่ซากมอนสเตอร์ แต่พวกเราก็ไม่ทราบว่ามีมอนสเตอร์เหลือรอดเท่าไหร่ ยิ่งเดินทางต่อตอนกลางคืนที่แทบจะมองอะไรไม่เห็นจะเป็นอันตราย


“ตึกๆๆๆ” เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากมุมมืดมุมหนึ่งในป่า พวกเราสองคนมองหน้ากันแล้วเตรียมอาวุธในมือพร้อมรับมือ


“แซ็กๆๆๆ” เสียงผู้มาเยือนแหวกพุ่มไม้ออกมาจากมุมมืดมุมนั้น เป็นชาย 4 คน โดยมี 2 คนกำลังช่วยพยุงเพื่อนไว้คนละคน
“ท่านอาจารย์ !!! ” ผมรีบส่งสัญญาณให้อัศวินเก็บอาวุธเมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือนชัดๆ


ชายร่างสูงปราดเปรียวสมส่วน ผมสีดำสนิทยาวถึงบ่า ด้านหน้าดูยุ่งเหยิงในขณะที่ด้านหลังถูกรวบมัดไว้อย่างดี บริเวณคางไปถึงสันกรามทั้งสองข้างมีรอยเคราจางๆ สวมชุดพรานป่าสีน้ำตาลเข้ม เขากำลังพยุงชายอีกคนหนึ่งในชุดจอมเวทย์ อีกสองคนที่เดินทางมาด้วยสวมชุดเกราะเบาธรรมดา


“รอส งั้นรึ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยน้ำเสียงแปลกใจ “เจ้ามาได้ยังไง”


“ผมเห็นป้ายประกาศครับ” ผมรีบตรงเข้าหาเพื่อที่จะไปรับจอมเวทย์คนนั้นมาพยุงแทน เร็กซ์เองก็เข้าไปช่วยอีกคู่เช่นกัน ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปถึงตัวเตรียมรับคนเจ็บมาอาจารย์ของผมก็


“ป้าบ” ใช้มือที่ว่างอยู่ตบบ้องหูอย่างแรงจนผมเซหงายถอยหลังไป


“ทะ..ท่านอาจารย์..ทำไม” ผมเอามือกุมหู ถามขึ้นด้วยความตกใจ


“ไอ้ลูกศิษย์เวร ริอาจไปเป็นโจร !!” ซิดตะหวาดใส่ผมด้วยสีหน้าโกรธสุดๆ ผมหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน


“หะ..ท่านรู้ได้ยังไง...อ๊ะ” ไม่ทันพูดจบซิดก็เหวี่ยงร่างจอมเวทย์จนเซมาให้ผมรับไว้ ส่วนเจ้าตัวเดินตัวลอยผ่านหลังผมไปนั่งบนโขดหินกลางลานกว้างข้างธารน้ำ


“ทำไมจะไม่รู้ เหอะ ทางการประกาศหาตัวหัวขโมยแห่งเบลลาเดียกันให้ควั่ก ทั้งรูปพรรณและความสามารถมันตรงเจ้าทุกอย่าง หนอย ออกเดินทางคนเดียวไม่กี่เดือนก็ก่อเรื่องเลยนะ” ท่านยังคงดุผมต่อ


“...อ่ะ เอ่อ ฟังผมก่อน..” ผมพยายามอธิบายในขณะที่พยุงคนเจ็บไปนั่งใกล้ๆ


“ไม่ต้องมาแก้ตัว!!! ถ้าตอนนั้นไม่ติดที่เมียข้าใกล้คลอดหล่ะก็ ข้าจะไปลากคอเจ้ามาจัดการด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ” ท่านกล่าวต่ออย่างหัวเสีย พลางคว้าไปป์ยาสูบขึ้นมาจุดไฟสูบ “เจ้าหนุ่มนั่นหน่ะ ไปหาฟืนมา” ซิดชี้นิ้วสั่งไปที่เร็กซ์ที่พาคนเจ็บลงนั่งเรียบร้อยแล้ว เจ้านั่นพยักหน้าแล้วเดินไปอย่างว่าง่าย ก่อนไปมันส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้กำลังใจผม


ผมพาคนเจ็บไปนั่งใกล้ๆกันแล้วลงนั่งบนพื้นตรงข้ามท่านอาจารย์ของผม สภาพผมตอนนี้นั้น เหงื่อแตก หลังเปียกชื้น เสียวสันหลังวาบๆตลอดเวลา ภาพที่วาดไว้ว่าจะสวมกอดกันให้หายคิดถึงทันทีที่เห็นหน้ามลายหายไปสิ้น


“มานี่!! มาใกล้ๆมือข้านี่ เจ้าเด็กเวร”


ตัวผมสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนนักผจญภัย 3 คนนั้นยังทำหน้าเจื่อน ผมค่อยๆก้มหน้าก้มตาคลานไปนั่งอยู่ข้างๆโขดหินที่อาจารย์นั่งอยู่ แอบวางตัวให้พ้นระยะมือเล็กน้อย


“ใกล้อีก!!” ท่านสั่งอีก ผมจำใจทำตัวลีบขยับเข้าไปนั่งใกล้จนแทบจะเกาะขาท่าน เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม


<น่ากลัวไม่ต่างจากแต่ก่อนเลย ฮืออออ> ผมผวาทันทีที่ท่านขยับยกมือขึ้นมา รีบก้มหัวลงต่ำ หลับตา กัดฟันแน่น เตรียมรับบทลงโทษ


ท่านวางมือลงบนศีรษะผมอย่างแผ่วเบาแล้วลูบหัวผมพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า


“เจ้าปลอดภัยดีก็ดีแล้ว รอส”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เห็นจะมีแค่ท่านอาจารย์นี่แหละ ที่ทำให้รอสกลัวได้

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ ให้ +1 แต้มนะครับ :a9:

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
14.2

หลังจากที่พวกเราจัดการก่อไฟเพื่อตั้งที่พัก และเริ่มแจกจ่ายเสบียงให้กับนักผจญภัยที่บาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็เริ่มสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทันที

 “เอลเดอร์วิวโลว์ (Elder willow)” ท่านอาจารย์ผมเอ่ยชื่อตัวการออกมา

ตั้งแต่เดินทางมาผมเคยได้ยินเรื่องเล่าขานเอลเดอร์วิวโลว์มาบ้าง มันเป็นร่างพัฒนามาอีกขั้นหนึ่งของพวกวิวโลว์ ขนาดร่างกายเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่ มีพลังเวทย์ที่มากขึ้นหลายเท่าตัว อีกทั้งยังมีขอบเขตการควบคุมสัตว์อื่นๆที่หลากชนิดขึ้น นั่นจึงตอบคำถามว่าทำไมพวกสัตว์และมอนสเตอร์จึงร่วมมือกันขวางทางขึ้นเขา

“มันร้ายกาจมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมอนสเตอร์ระดับสูงขนาดนั้นโผล่มาที่นี่” นักผจญภัยคนหนึ่งกล่าวเสริมขึ้นมา

“เหอะ!! เป็นนักผจญภัยแท้ๆ ทำไมถึงถามอะไรโง่ๆแบบนั้นออกมา ไม่รู้จักมรสุมเวทมนต์งั้นรึ” อาจารย์ซิดเอ็ดขึ้นมาจนนักผจญภัยคนนั้นหน้าเสีย “รอส สอนเจ้าพวกนี้หน่อยสิ”

<อ่าว โยนมาซะงั้น> ได้แต่บ่นในใจแต่ผมก็เริ่มอธิบายให้เหล่านักผจญภัยหน้างงๆฟัง

มรสุมเวทมนต์เป็นปรากฏการณ์หนึ่งเหมือนการเกิดพายุ ต่างกันที่สาเหตุไม่ได้เกิดจากกระแสลมแต่เป็นกระแสเวทมนต์ตามธรรมชาติแปรปรวน ถึงกระนั้นมันก็แทบจะไม่มีอันตรายต่อมนุษย์เพราะมันไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆแบบพายุ ถ้าไม่ใช่จอมเวทย์ที่ฝึกการตรวจจับเวทยนต์มาอย่างดี คนทั่วๆไปจะไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่ากำลังเกิดมรสุมเวทมนต์อยู่ ผลของมันอาจจะแค่รบกวนอุปกรณ์เวทมนต์หรือทำให้ร่ายเวทมนต์ลำบากเท่านั้น

แต่มรสุมนี้มีผลอย่างมากกับเหล่าดวงวิญญาณและพวกมอนสเตอร์ ความแปรปรวนของกระแสเวทมนต์จะทำให้เส้นแบ่งระหว่างคนเป็นและคนตายจางหายไป เหล่าดวงวิญญาณที่ยังคงยึดติดอยู่จะใช้ความปรารถนาสุดท้ายอันแรงกล้าเก็บเกี่ยวเวทมนต์เพื่อสร้างร่างกายขึ้นมากำเนิดใหม่เป็นมอนสเตอร์ นั่นทำให้บางครั้งแม้จะกำจัดมอนสเตอร์ระดับสูงในพื้นที่หนึ่งไป พวกมันก็อาจจะปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ได้เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้พวกมอนสเตอร์เองก็สามารถเก็บเกี่ยวกระแสเวทนี้เพื่อพัฒนาร่างได้เช่นกัน

“งั้นหรอกหรอ” เร็กซ์พึมพำขึ้นมา

“หะ นี่เจ้าก็ไม่รู้หรอกหรอเนี่ย” ผมอุทานด้วยความแปลกใจ เจ้านี่เป็นคนสุดท้ายเลยนะที่ผมคิดว่าจะไม่รู้เรื่องนี้

“อ้าว พวกข้าเรียนการต่อสู้ กฎหมายและการปกครองบ้านเมืองเป็นหลัก เรื่องพวกมอนสเตอร์เนี่ย อย่างเก่งพวกข้าก็เรียนแค่วิธีกำจัด ไม่ใช่ต้นกำเนิดซะหน่อย” มันเถียงเสียงแข็ง

“รอส อย่าไปว่าคุณชาย” ซิดปรามเสียงดุ

“โถ อาจารย์ก็...อ๊ะ...” เมื่อครู่อาจารย์ผมเรียกเร็กซ์ว่าคุณชายงั้นหรอ “ท่านรู้ได้ยังไง” ผมยังไม่ได้แนะนำเร็กซ์ให้อาจารย์รู้จักด้วยซ้ำ

“ลืมไปแล้วเรอะว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นคนกว้างขวางขนาดไหน หืม ? รอส” นั่นสินะผมลืมไปสนิทเลยว่าท่านอาจารย์ของผมมักมีข้อมูลลับๆอยู่เสมอ การจะรู้จักพวกขุนนางไม่ใช่เรื่องแปลก “ไม่คิดว่าท่านชายแห่งตระกูลไลโอเนลจะมาเดินทางร่วมกับลูกศิษย์เวรของข้า”

 “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านพรานป่า” เร็กซ์ทักทายอาจารย์ผมกลับด้วยอัธยาศัยดี

“มันสร้างความลำบากอะไรให้เจ้ารึเปล่า” ไม่ว่าเปล่าเอามือมากดหัวผมลงไปในท่าคำนับ

“ฮ่าๆๆ ไม่เลยครับ รอสช่วยผมได้มากเลย” อัศวินหนุ่มกล่าวพร้อมหัวเราะ

“ยังไงก็ฝากดูแลมันด้วย ชอบดื้อให้ข้าปวดหัวอยู่เรื่อย”

“วางใจได้เลยครับ”

<หนอยย เจ้าอาจารย์นี่> ผมกัดฟันกรอดๆระงับอารมณ์

“ว่าแต่ดูสะบักสะบอมมากันพอสมควรเลยนะครับ” ผมขืนตัวขึ้นมามองหน้าเจ้าของมือบนหัวผม พร้อมยิ้มกวนๆให้ “กินดีอยู่ดีกับครอบครัวจนเขี้ยวเล็บหดหมดแล้ว...”

“เพี๊ยะ”

“โอ้ย” โดนตบหัวอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมหาเรื่องเอง

“ให้ความเคารพผู้ใหญ่หน่อย” ท่านเอ็ดผมท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ

“พวกเราโดนเข็มพิษของมันเล่นงานหน่ะ” จอมเวทย์กล่าวขึ้น

“มันใช้พลังธาตุดินได้ด้วย พวกเราจึงตั้งตัวไม่ทัน” อีกคนหนึ่งเสริมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พิษงั้นหรอ แล้วพวกท่าน 2 คนเป็นอะไรมากมั้ย” ผมถามขึ้น โดยสังเกตว่าต้องพยุงมา

“จริงๆแล้วคนที่โดนมี 3 คน” ชายคนเดิมกล่าวต่อด้วยสีหน้านิ่งๆ

<หน้านิ่งเกินไปแล้ว ไม่ทุกข์ร้อนเลยหรือไง>

“เป็นพิษที่ไม่รุนแรงมาก เจ้าคนที่นอนอยู่นั่นโดนแล้วขาชาไปข้างนึง ส่วนจอมเวทย์นี่โดนแล้วสายตาพร่ามัว” เขาพูดต่อโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“แล้วอีกคนหล่ะท่านอาจารย์หรอ”

“ไม่ใช่ อีกคนหน่ะข้าเอง” เขาพูดต่อ

“แล้วผลของมันคือ ? ”

“หน้าชา” อ่อแบบนี้นี่เอง นึกว่าหน้านิ่งเพราะพึ่งฉีดโบท็อกมา

“เจ้า 3 คนนี้มันไม่ได้เรื่อง โดนเล่นงานเอาง่ายๆ” ซิดโพล่งขึ้นมา

“อ่าว ก็ท่านให้พวกเราบุกไปก่อนแล้วลอบโจมตีจากข้างหลังนิหน่า จะไปโดนแบบพวกข้าได้ยังไง” พวกเขาเถียงพร้อมกัน 3 คน
นั่นสินะ วิธีการไม่เปลี่ยนเลย แต่ก่อนตอนผมเริ่มติดตามท่าน หลังจากได้รับการฝึกไม่นานนักท่านก็ให้ผมวิ่งเข้าวงในเป็นเหยื่อล่อให้ตลอด อ้างว่าเป็นการฝึกเอาตัวรอด นึกถึงตอนให้ไปวิ่งล่อฝูงเสือภูเขาแล้วก็ขนลุกขึ้นมา

“ทำไมท่านไม่ขอความช่วยเหลือทางการหล่ะครับ” เร็กซ์แทรกขึ้นมา

“นั่นสิ เมื่อวันก่อนยังสวนกับขบวนอัศวินอยู่เลย” ผมเสริม

“งั้นหรอกรึ สงสัยจะคลาดกันพอดี” ซิดตอบกลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“แต่ก็น่าจะแจ้งเจ้าเมืองใกล้ๆได้หนิครับ” เร็กซ์กล่าวต่อ

“มันไม่ง่ายแบบนั้นหน่ะสิ หมู่บ้านนี้อยู่ที่รอยต่อระหว่างเขตตะวันออกกับเขตใต้ เลยโดนเกี่ยงงานกัน จะปล่อยให้ยืดเยื้อก็ไม่ได้ ทำให้ต้องจัดการด้วยตัวเอง” ได้ยินคำอธิบายจากปากอาจารย์แล้วผมก็นึกโมโหงานราชการ ช้าและวุ่นวายตลอด

“ช่างพวกราชการเถอะ รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปจัดการตัวปัญหาอีกรอบ” ซิดกล่าวตัดบทแล้วเอาหลังพิงโขดหินเพื่อเตรียมพักผ่อน

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเราจึงเริ่มพักเอาแรงเพื่อเตรียมตัวออกศึกกับมอนสเตอร์ระดับสูงในวันรุ่งขึ้น

<จะแกร่งขนาดไหนกันนะ> ผมคิดในใจก่อนจะผล่อยหลับไป

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตลก หน้านิ่ง จริงๆแล้วไม่ได้หน้านิ่ง แต่โดนพิษทำให้หน้าชา 555

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แวบแรกนึกถึงวิลโลว มอนต้นไม้ใน ro เฉยเลย

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอบผู้อ่าน

เห็นจะมีแค่ท่านอาจารย์นี่แหละ ที่ทำให้รอสกลัวได้

อยู่ด้วยมานานจนต้องกลัวฤทธิ์เดช

ตลก หน้านิ่ง จริงๆแล้วไม่ได้หน้านิ่ง แต่โดนพิษทำให้หน้าชา 555

ตอนแรกว่าจะตัดละเพราะคิดว่าแป๊กแน่นอน และบทมันยาวไป ยังมีคนตลกนี่น้ำตาแทบจะไหล

ขอบคุณครับ ให้ +1 แต้มนะครับ :a9:

ขอบคุณค้าบบ

แวบแรกนึกถึงวิลโลว มอนต้นไม้ใน ro เฉยเลย

เอาชื่อมาจากของ RO แหละครับ แต่ถ้าเป็นตอไม้เดินได้มันไม่อลังค์ เลยเอาเจ้าตัวนี้มาจาก Witcher3 ครับ
https://twitter.com/CruisingDog/status/1019846861446832128

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 15 Hunting quest

   อากาศเย็นๆกลางป่ากับแสงแดดอ่อนๆอันอบอุ่นยามเช้าชวนให้หลับใหลต่อยิ่งนัก แม้ว่าจะนอนกลางดินกลางหินก็ตาม ผมพลิกตัวกระชับผ้าห่มเล็กน้อยให้สบายตัว

   “ผัวะ” แรงกระแทกรุนแรงอัดเข้าท้องผมเต็มๆจนผมตื่นเต็มตา

   “ตื่นได้แล้ว ไอ้หนู จะนอนไปถึงไหน” ลูกเตะและเสียงปลุกของอาจารย์ซิดทำให้ผมหายสะลึมสะลือทันที

   “โอ้ยย เจ้าอาจารย์บ้า มีวิธีปลุกดีๆตั้งเยอะ มาเตะซะได้” ผมเอามือกุมท้องพลางขยี้ตามองไปรอบๆก็เห็นคนอื่นๆพึ่งตื่นและขยับตัวลุกขึ้นนั่งนี่หน่า

   “หรือว่าอยากให้ข้าจับตัวอะไรมาช่วยปลุกแบบแต่ก่อนห๊ะ รีบตื่นแล้วเตรียมตัวได้แล้ว จะได้จัดการให้เสร็จๆ ข้าอยากกลับไปหาเมียข้าเต็มแก่แล้ว”

   “ท่านจะขึ้นไปหาพวกมันอีกรอบหรอ” เป็นเสียงเร็กซ์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากผมนัก

   “ก็เออสิ”

   “แล้วใครจะพาคนเจ็บกลับหล่ะ” ผมถาม

   “ให้พวกมันรออยู่ตรงนี้นี่แหละ” ซิดตอบแบบไม่แยแสเท่าไหร่

   นักผจญภัยพวกนี้โดนพิษอยู่ไม่ใช่หรอ ถึงอาการจะไม่รุนแรงแต่ทิ้งไว้นานจะมีแต่ผลเสีย ผมหันไปมองเร็กซ์ก็คาดว่ามันคงคิดแบบเดียวกัน พวกเราพยักหน้าให้กัน

   “ท่านอาจารย์ ท่านนำคนพวกนี้กลับไปเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผมกับเร็กซ์จัดการเอง”

   “จะมั่นใจเกินไปหน่อยรึเปล่ารอส เจ้าไม่เคยสู้กับเอลเดอร์วิลโลว์มาก่อนนะ” น้ำเสียงของอาจารย์แสดงถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน

   “ท่านวางใจเถอะครับ มีผมช่วยอีกแรง” เร็กซ์กล่าวเสริมขึ้นมา

   “พวกผมมีข้อมูลเบื้องต้นของมันจากพวกอาจารย์แล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ คุณลินดากับนีน่าเป็นห่วงท่านจะแย่แล้ว เดี๋ยวจะไม่ดีต่อเด็กในท้องนะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นอาจารย์ของผมเริ่มทำสีหน้าลำบากใจ

   “ชิ เอาแบบนั้นก็ได้ ไหนๆพวกข้าก็กำจัดมอนสเตอร์ตามรายทางจนหมดแล้ว” ซิดยอมพวกผมในที่สุด

   “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง” ผมชูกำปั้นยืนยันความมั่นอกมั่นใจ

   “อย่าลืมที่ข้าเคยสอนหล่ะ รอส พลังของเจ้ามีความหลากหลายและความยืดหยุ่นสูง แต่ถูกจำกัดด้วยเวลา ประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนเพื่อดึงประโยชน์ให้ได้มากที่สุดจากหินเวทมนต์ของเจ้า” ซิดกล่าวเตือนผมอีกครั้ง

   “มันแน่นอนอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าผมลูกศิษย์ใคร” ผมกล่าวพร้อมเริ่มออกเดินขึ้นเขาไปพร้อมเร็กซ์

   “อวดดีไม่เปลี่ยนเลยนะ รอส” ท่านอาจารย์พึมพำเบาๆก่อนพวกผมจะเดินหายลับไปในหมู่แมกไม้ “เจ้าโตขึ้นมาก”


...............................................................................................


   จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมา เอลเดอร์วิวโลห์ตนนี้มีพลังธาตุดินสถิตอยู่ทำให้ต้องระวังสภาพแวดล้อมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีพิษที่มีผลแบบสุ่ม ไม่แน่ว่าจะรุนแรงหรือไม่ รังของมันอยู่ที่บริเวณต้นน้ำตกชั้นบนสุด มันสร้างเขื่อนไม้ขนาดใหญ่ไว้กักเก็บน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงรังต้นไม้ของมันด้วย ต้นไม้นี้เป็นต้นไม้ขนาดกลางที่กำลังออกผลเป็นตัวอ่อนของวิวโลห์ หากไม่รีบแก้ไขแล้วหล่ะก็ นอกจากหมู่บ้านจะไม่มีน้ำใช้แล้ว พวกวิวโลห์จำนวนมากอาจจะมาก่อความวุ่นวายได้

   “รอส ข้ามีคำถาม”

   “หืม ว่า?”

   “ข้อจำกัดด้านเวลาของหินเวทมนต์เจ้าคือเท่าไหร่” อ่า นั่นสินะ ครั้งก่อนผมก็อธิบายมันไว้ไม่ชัดเจน

   “ถ้าเป็นหินธาตุดิน น้ำ และลมที่อาศัยการควบคุมมวลในธรรมชาติอยู่แล้วก็ประมาน 5-6 นาที ส่วนหินไฟกับสายฟ้าที่ต้องรีดพลังเวทของมันออกมาก็ใช้ต่อเนื่องได้ประมาน 3 นาที”

   “แปลว่าเจ้าต่อสู้ไดนานที่สุดก็ประมาน 20 นาทีสินะ” เร็กซ์ทำสีหน้าครุ่นคิด

   “ก็ประมานนั้น”

   “แล้วหลังจากนั้นเจ้าจะสู้ยังไง ฝีดาบเจ้าอยู่ในระดับกลางๆ” มันยังถามต่อ ผมเริ่มสงสัยละว่ามันถามเฉยๆ หรือหาจุดอ่อนผมอยู่

   “ระดับกลางๆนั่นก็เกินไป ฝีดาบข้าเรียกว่าห่วยเลยก็ได้ เอาไว้ใช้จวนตัวจริงๆเท่านั้นแหละ” ผมยอมรับเลยว่าถ้าปะทะตรงๆระยะประชิดนี่ยังไงผมก็แพ้ “ปกติก่อนสู้ข้าจะประเมินดูก่อน ถ้าไม่ไหวก็จะเหลือหินเวทไว้ใช้หนี”

   “ขี้ขลาด” มันว่าผม

   “อ้าว ข้าไม่ใช่อัศวินอย่างเจ้านะที่จะต้องสู้จนตัวตายเพื่อรักษาเกียรติอะไรนั่น ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังแก้มือได้เรื่อยๆ”

   “แล้วถ้าเจ้าต้องสู้ทั้งๆที่หินเวทหมดพลังไปจะเป็นยังไง”

   <ซอกแซกจริงโว้ย> ผมทำหน้าครุ่นคิดสักครู่ก็ตอบมันว่า “ก็โดนเจ้าจับไง”

……………


   ในที่สุดพวกเราก็มาถึงน้ำตกชั้นที่ 7 บ่อน้ำสีเขียวครามขนาดใหญ่นิ่งสงบ ทั้งๆที่ปกติจะมีเสียงซู่ซ่าตลอดเวลาเพราะเป็นจุดรับน้ำตกขนาดใหญ่สูงกว่า 25 เมตร บนยอดผานั่นคือที่อยู่ของเป้าหมายของพวกผม สองข้างทางเป็นหน้าผาสูงชัน แต่ยังโชคดีที่มีไหล่ทางคดเคียวไปมาให้ขึ้นไปได้ โดยไม่ต้องปีนป่ายให้เหนื่อย

   หลังขึ้นมาถึงก็ใช้เวลาไม่นานฝ่าหมู่ไม้รกทึบก็ถึงลานกว้างโล่งๆ มีต้นไม้แห้งเหี่ยวกระจายหลวมๆ แต่โดดเด่นที่สุดคือต้นไม้สูง 6-7 เมตร ที่แผ่กิ่งก้านไร้ใบออกไปอย่างกว้างขวาง ตามกิ่งเหล่านั้นมีถุงคล้ายรังนกห้อยลงมามากมาย ข้างๆเหมือนมีมนุษย์นั่งคุกเข่าอยู่ เสื้อขาดวิ่นราวพวกขอทาน ส่วนหัวเป็นหน้ากากทำจากกะโหลกกวาง เขายาวแหลมคมออกมาทั้งสองข้าง

   “นี่สินะเจ้าตัวการ” อัศวินข้างกายผมพึมพำ พวกเราหลบหลังเงาไม้เพื่อสังเกตการและวางแผน “เจ้ามีแผนมั้ย รอส”

   “ข้านึกว่าเจ้าจะบอกว่าแค่นี้สบายมากแล้วพุ่งเข้าใส่แบบครั้งก่อนซะอีก” ผมพูดปนขำ

   “นี่ไม่ใช่เวลามาล้อข้านะ ข้ากลัวเจ้าจะโดนลูกหลงแบบคราวก่อนต่างหาก”

   “ชิ” ผมสบถเบาๆ ทำมาเป็นพูดดี “มอนสเตอร์ที่มีพลังธาตุดินที่ข้าเคยสู้มีสองแบบคือสร้างอาวุธจากพื้นดินมาโจมตี ไม่ก็เน้นการป้องกันแล้วจับกุม วิธีจัดการต่างกันพอสมควรคงต้องประเมินดูก่อน”

   “อืม”

   “ครั้งนี้คงต้องให้เจ้าบุกนำเข้าไปก่อนแล้วข้าจะคอยสนับสนุนจากด้านหลังเอง ทำได้ใช่มั้ย” ผมบอกแผนการให้เร็กซ์ฟัง

   “ดี พร้อมจะลุยมานานแล้ว” มันยกมุมปากยิ้มอย่างเหิมเกริม พลางกระชับดาบในมือ

   “ถ้างั้นก็ลุยเลย” มือซ้ายผมเองก็กระชับถุงมือให้พร้อมใช้งาน มือขวาจับดาบให้มั่น


40%.....................................

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ได้เวลาบู๊แล้ววว รออีกครึ่งค่ะ~

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ได้เวลาบู๊แบบเต็มตัว!

ปล. ไม่รู้ว่าคนเขียนจะเคยเล่น skyrim ไหม รูป willow ที่ลงไว้ คล้ายๆ กับ forsworn ใน skyrim เลย

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
15.2


“วื้ดดด” เสียงพลังเวทก่อตัวเป็นออร่าสีฟ้าจางๆปกคลุมแขนและขาทั้งสองข้างของเร็กซ์

<นี่สินะเวทเสริมกำลัง> เป็นครั้งแรกที่ผมสังเกตเห็นชัดๆ

พวกเราสองคนพุ่งออกจากที่กำบังเพื่อเข้าหาศัตรู ทางนั้นเองก็รู้ตัวแล้วลุกขึ้นยืนตั้งท่าเตรียมต่อสู้ มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นสูง ผมเตรียมเปิดใช้งานหินเวทเพื่อรับการโจมตีของมัน

“ซู่ๆๆๆๆๆ” น้ำในเขื่อนก่อตัวเป็นเกลียวสูงขึ้นมาหมุนวนกลางอากาศกลายเป็นลูกบอลน้ำขนาดใหญ่

“น้ำอย่างนั้นหรอ!!” ผมอุทานด้วยความตกใจ ร่างกายหยุดชะงัก <ไหนอาจารย์ว่าไว้ว่ามันสถิตธาตุดินไง หรือว่ามันใช้ได้สองธาตุ>

ระหว่างที่ผมกำลังประเมินสถานการต่อด้วยความสับสน เร็กซ์พุ่งตัวออกไปต่อด้วยความรวดเร็ว “เดี๋ยวก่อน..” แต่ผมเรียกมันไม่ทันแล้ว

“คุ้มกันด้วย” มันตะโกนกลับมา

ลูกบอลน้ำขนาดเล็กหลายลูกถูกยิงออกมาจากบอลน้ำขนาดใหญ่นั้นตรงมาที่เราทั้งสอง ผมใช้งานหินเวทดินเพื่อรับการโจมตีนี้ สองขาออกวิ่งตามเร็กซ์ไปเพื่อให้มันอยู่ในระยะเวทของผม เสาดินหลายต้นผุดขึ้นมาบิดโค้งเป็นหลังคาคอยคุ้มกันมันไว้ ก้อนดินพุ่งขึ้นมาจากพื้นยิงสวนขึ้นไปเพื่อสกัดบอลน้ำเหล่านั้น

ผมพยายามปกป้องมันอย่างสุดความสามารถ พร้อมวิ่งตามความเร็วที่เหนือกว่าของเร็กซ์ให้ทันเท่าที่จะทำได้ ใจจริงอยากจะดึงมันกลับมาวางแผนใหม่ก่อน การต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่สถิตธาตุน้ำในสถานที่มีน้ำมากขนาดนี้อันตรายมาก ยิ่งมันพุ่งเข้าประชิดแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ไม่ดีแน่

“ฟุบ” อัศวินหนุ่มอาศัยกำลังขาที่มากกว่าคนปกติหลายเท่า ถีบทะยานพื้นพุ่งตัวเข้าไปปิดระยะในครั้งเดียว สองมือง้างดาบเตรียมตวัดฟันศัตรู ระยะทั้งสองห่างกันไม่ถึงเมตร

“ซู่ว์” น้ำปริมาณมหาศาลผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุจากพื้นใต้ตัวของเร็กซ์เข้ามาห่อหุ้มร่างนั้นไว้อย่างรวดเร็ว บัดนี้เขากำลังลอยตัวอยู่ในลูกบอลน้ำ สองมือกวัดแกว่งไปมาอย่างไร้ทางสู้

“บ้า เอ้ย” ผมสบถ แล้ววิ่งเข้าไปให้ได้ระยะเวทของผม ทิ้งไว้แบบนี้มันได้ขาดอากาศตายแน่

“ครืน” เสาดินต้นใหญ่พุ่งขึ้นมาใต้คุกน้ำนั่น พื้นดินทะลวงเข้าไปในชั้นน้ำยกร่างของอัศวินหนุ่มทะลุขึ้นมาด้านบน

“โครมมมม” ผมหักโค่นเสาดินไปทางศัตรู เสียงกระแทกดังสนั่น เหลือไว้แต่ส่วนบนที่เป็นฐานยืนพาร่างของเร็กซ์ลอยกลับมาหาผม

“แค่กๆๆ” มันไอสำลักน้ำ นี่แหละน้า ไม่ฟังกันบ้าง

เวทธาตุน้ำนั้นมีจุดเด่นด้านความหลากหลายในการใช้งานไม่ว่าจะโจมตีหรือป้องกันทั้งระยะใกล้หรือไกล และการเข้าจับกุมตัว ยิ่งถ้าเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งได้พลังทำลายยิ่งสูงขึ้น แต่เท่าทีดูอีกฝ่ายน่าจะทำไม่ได้ จุดอ่อนของธาตุนี้คือจำเป็นต้องมีแหล่งน้ำให้ใช้ ไม่เช่นนั้นการเปลี่ยนพลังเวทในตัวเป็นน้ำหรือควบแน่นน้ำในอากาศจะกินพลังเวทมากจนเกินไป

“ซ่าห์ๆๆ” อีกฝ่ายใช้น้ำผลักเศษเสาดินของผมออกแล้วไม่รอช้า ส่งคลื่นน้ำลูกใหญ่ตรงมาทางผม

“ตู้มมม” ผมสร้างกำแพงดินขึ้นมารับแรงกระแทกไว้ แต่ด้วยธรรมชาติของน้ำ มวลน้ำไหลอ้อมมาพัดร่างของของเราสองคนกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ผมลุกขึ้นตั้งหลักได้ นึกขอบคุณโชคที่พวกเราทั้งสองไม่ถูกขังในคุกน้ำของมัน ท่าทางจะใช้ได้แค่ในระยะใกล้

<มันใช้แต่น้ำแบบนี้แล้วพลังธาตุดินที่พวกอาจารย์ว่าคืออะไรกัน หรือว่า...>

“รอส ข้างหลังเจ้า”

ผมยกดาบขึ้นมาแล้วหมุนตัวกลับไปด้วยสัญชาตญาณ

“เคร้ง” เสียงขัดสีโลหะดังบาดหู กรงเล็บแหลมคมหยุดอยู่ตรงหน้าผมไม่ถึงคืบ

เอลเดอร์วิวโลห์อีกตัวโผล่มาข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตนนี้มีหน้ากากเป็นกะโหลกแพะ เขาทั้งสองข้างขดเป็นวงก้นหอย มือสองข้างมีกรงเล็บแหลมคมที่พร้อมจะกระชากร่างของผมออกเป็นชิ้นๆ

<เกือบไป>

ผมสร้างเสาดินขึ้นมาหวังกระแทกร่างของมันให้ออกห่างไป แต่มันกระโดดถอยหลังหลบได้ ตวัดฝ่ามือแล้วส่งเสาดินต้นนั้นมากระแทกผมแทน

“อึก” ร่างผมกระเด็นไปตามแรงกระแทก

“หมับ” เร็กซ์กระโดดมารับตัวผมไว้

“2 ตนเลยอย่างงั้นหรอ” มันพึมพำขณะช่วยพยุงให้ผมยืน

“คงเป็นเจ้าแพะนี่แหละที่เล่นงานพวกอาจารย์” ผมสังเกตบริเวณที่ผมยืนอยู่เมื่อครู่มีรูอยู่ตรงพื้นดิน คงมุดดินมาสินะ

รยางค์รากไม้ 2 เส้นที่หลังเอลเดอร์วิวโลห์หัวแพะกางออกมาพร้อมดอกไม้สีม่วงที่ปลาย ทันทีที่ดอกไม้บานออกเข็มพิษจำนวนมากก็พุ่งตรงมาที่พวกเราทั้งสองคน

“ฉึกๆๆ” กำแพงดินผุดขึ้นมาจากพื้นป้องกันพวกเราจากการโจมตีได้อย่างทันท่วงที เพื่อความแน่ใจ ผมสร้างกำแพงขึ้นอีกหลายชั้นจนเป็นปราการวงกตเล็กเพื่อถ่วงเวลาให้ผมได้วางแผน

ไม่ได้การ ตนหนึ่งใช้น้ำที่ป้องกันได้ยาก อีกตนหนึ่งใช้การเคลื่อนที่ใต้ดินและเข็มพิษ ถ้าสู้กันตรงๆ 2 ต่อ 2 แบบนี้น่าจะยาก คงต้องจับแยกให้ได้

“นี่เร็กซ์ ถ้าเจ้าสู้กับหัวแพะนั่น เจ้าจะหลบเข็มพิษพวกนั้นได้มั้ย”

 “ถ้ามีที่กำบัง และใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อเข้าประชิดตัวได้ก็น่าจะไหวอยู่”

“งั้นหรอ ถ้างั้นข้าจะช่วยลดภาระให้เจ้าด้วยการทำที่กำบังให้ก็แล้วกัน มันใช้การโจมตีที่จับต้องได้ข้าว่าน่าจะเหมาะกับเจ้า กันมันออกห่างจากข้าไว้ ส่วนเจ้าหัวกวางที่ใช้น้ำนั่นเดี๋ยวข้าจัดการเอง” ผมเริ่มออกอุบาย

“ฟังดูเข้าท่าดี”

“มันอาจจะน่ารำคาญตรงที่เจ้าหัวแพะมันมุดดินได้ แต่ข้าจะให้ทริคเล็กๆไว้ละกัน พยายามสังเกตแรงสั่นสะเทือนที่ผิวดิน” จากที่ผมเองก็ใช้ธาตุดินได้ ผมจึงพบว่าข้อสังเกตสำคัญของเวทดินคือแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวของพื้นดิน นั่นทำให้การใช้เวทดินมักจะมีเวลาหน่วงระหว่างใช้งานอยู่เสี้ยววินาที

“รู้แล้วหน่า ไม่งั้นข้าจะจัดการเจ้าเมื่อคราวก่อนได้หรอ” มันยิ้มมุมปากเย้ยผม

“ให้มันเก่งให้ตลอดเถอะ เอาหล่ะลุยได้” ก่อนที่หินเวทดินผมจะหมดเวลา ผมระเบิดกำแพงผมออกเป็นชิ้นน้อยใหญ่กระจายไปทั่ว หินเวทลมส่องประกายสีฟ้า ผมเริ่มบีบอัดกระสุนอากาศไว้ที่มือ

เจ้าหัวแพะสร้างกำแพงดินขึ้นมาป้องกันเศษดินของผมไว้ แต่นั่นแค่ดึงความสนใจ ผมวิ่งฝ่าฝุ่นตลบอบอวนจนได้มุมเหมาะๆ ยิงกระสุนอากาศของผมใส่

“โผละๆ” รยางค์ไม้ที่หลังขาดสะบั้น ถือซะว่าเปนของแถมละกัน มันผงะถอยหลังเมื่อเห็นว่าเวทของผมเปลี่ยนไป ผมปล่อยให้เร็กซ์พุ่งเข้าปะทะมันต่อ

ไม่รอช้าผมใช้ลมรอบกายเร่งความเร็วพุ่งเข้าหาเจ้าหัวกวาง พลางอัดเวทลมให้ห่อหุ้มไปรอบดาบในมือขวาของผม เอลเดอร์วิวโลห์หัวกวางเริ่มยิงบอลน้ำใส่ผมอีกครั้งเมื่อเห็นผมตรงไปทางมัน

“ฉอก แฉก” ผมฟันบอลน้ำเหล่านั้นขาดกระจายอย่างง่ายดาย ดาบธรรมดาไม่มีผลกับน้ำ แต่ถ้ามีลมช่วยพัดกระจายน้ำพวกนี้แล้วหล่ะก็ การจะรับมือไม่ใช่เรื่องยาก

เจ้าหัวกวางเริ่มมีท่าทีลนลานอย่างชัดเจนเมื่อรูปแบบการต่อสู้ของผมเปลี่ยนไป มันสร้างบอลน้ำขนาดใหญ่ลูกใหม่ขึ้นมาและระดมยิงกระสุนน้ำมาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ม่านลมที่ห่อหุ้มรอบกาย และดาบที่สถิตธาตุลม ผมสามารถหลบหลีกและปัดป้องกระสุนน้ำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย จนเมื่อเข้าถึงระยะที่ผมต้องการ ผมกระโดดหมุนตัวส่งแรงจากลำตัวไปที่แขนแล้วตวัดดาบ

“ฟ้าวววว” คลื่นลมแหวกอากาศพุ่งเข้าหาเจ้าหัวกวาง

“ฉัวะ” ไหล่ซ้ายที่ทำจากไม้เนื้อแข็งของเอลเดอร์วิวโลห์ถูกคลื่นอากาศผ่าเป็นร่องลึกเกือบขาด เขาของมันขาดกระเด็นไปข้างหนึ่ง มันผงะถอยหลังเอามือกุมไหล่ไว้

การผสานพลังธาตุของผมร่วมเข้ากับอาวุธเป็นเรื่องที่ผมพอจะทำได้บ้างแม้จะไม่ชำนาญนัก แต่มันสามารถเพิ่มพลานุภาพให้การโจมตีได้มากขึ้น ทว่าถ้าใช้มากๆอาวุธที่ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับพลังเวทนี้โดยเฉพาะจะเสียหายเอาได้ง่ายๆ

“ชิ พลาดซะได้” คลื่นลมที่ผมปล่อยไปพลาดจากเป้าหมายที่ผมเล็งไว้ แต่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะผมไม่ค่อยได้ฝึกให้คล่อง ทำยังไงได้หล่ะ ขืนฝึกมากๆก็หมดตัวเพราะค่าอาวุธพอดี อย่างไรก็ตาม ผมยังมีโอกาสอีก 2 ครั้งก่อนที่จะต้องอัดพลังเวทเข้าไปที่ดาบอีกรอบ

“อูวววววว” มันส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ประการสีฟ้าส่องสว่างจากเบ้าตา เจ้าหัวกวางกระโดดถอยหลังไปจนติดกับแหล่งน้ำ แล้วเริ่มใช้เวทน้ำของมันโต้ตอบกลับมา

“ซูว์” มันซัดคลื่นน้ำขนาดใหญ่มาที่ผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเตรียมรับมือไว้แล้ว ผมบีบอัดบอลอากาศไว้ที่มือพร้อมพุ่งตัวฝ่าเข้าไป

“ตู้ม” บอลอากาศผมระเบิดคลื่นน้ำออกเป็นวงเล็กๆพอให้ผมพุ่งตัวผ่านไปได้โดยไม่ได้รับอันตรายๆ ผมตวัดดาบส่งคลื่นอากาศเข้าหาศัตรูอีกครั้ง

“ฉัวะ” คราวนี้แขนขวาที่ยกมากันลำตัวไว้ขาดกระเด็น

ผมรีบพุ่งตัวเข้าประชิดเพื่อปิดฉาก แต่แล้วดวงตาของเอลเดอร์วิวโลห์ก็สว่างวาบ

“ซ่าห์” น้ำพุ่งออกมาจากพื้นดินรอบๆตัวผมแล้วเข้าห่อหุ้มร่างกายผมไว้ มันคงคิดจะขังผมไว้ในคุกน้ำแบบเดียวกับที่เร็กซ์โดน แต่ว่า..

“ฟ้าววว” ม่านลมรอบตัวผมพัดกระจายน้ำออก แรงลมทำให้ร่างของเจ้าหัวกวางเซถอยหลัง ผมไม่รอช้าฟันดาบผ่ากลางลำตัวมันจนขาดเป็นสองท่อน ท่อนล่างทรุดดลงไปกองที่พื้น ท่อนบนหงายตกลงไปในน้ำ น้ำที่ลอยอยู่ตามการควบคุมของอีกฝ่ายร่วงกลับลงมาตามแรงโน้มถ่วง ทุกอย่างนิ่งสงบ

<เรียบร้อยแล้วสินะ> ผมหันหลังกลับเพื่อเตรียมตัวจะไปช่วยเร็กซ์ต่อ

“ตู้มมมม” น้ำข้างหลังผมระเบิดกระจายออกพร้อมหนวดปลาหมึกทำจากน้ำขนาดยักษ์ฟาดตรงมาที่ผม

“ยังไม่จบง่ายๆสินะ” ผมกระโดดหลบออกมาได้อย่างทันท่วงที

มวลน้ำยกสูงขึ้นมา 5-6 เมตรเป็นร่างกายใหม่ให้กับเอลเอดร์วิวโลห์หัวกวางที่กำลังลอยเป็นแกนกลางอยู่ มีรยางค์ขนาดใหญ่ทำจากน้ำอยู่รอบตัว หัวมันผงกไปมาราวกับกำลังหัวเราะเย้ยผมอยู่ มันเงื้อรยางค์ของมันเตรียมฟาดตรงมาที่ผม

แต่ขอโทษนะ ถ้ามีร่างสองที่เป็นแบบนี้นี่มันจะเข้าทางผมเกินไปแล้ว ผมเองก็แสยะยิ้มออกมา หินสีเหลืองเรืองแสงขึ้นมา ผมรวบรวมพลังเวทออกมาเป็นกระแสไฟฟ้าไว้ที่มือซ้ายดังเปรี๊ยะๆ แสงสีฟ้าจากเบ้าตากะโหลกกวางสว่างวาบ มันคงจะรู้ชะตากรรมแล้วสินะ อีกฝ่ายพยายามแหวกว่ายออกมาจากร่างน้ำนั่น แต่สายไปแล้ว..


“ลาขาดหล่ะที่นี้”


“เปรี้ยงงง” ไฟฟ้าเป็นสายพุ่งตรงจากมือผมไปที่ร่างน้ำขนาดใหญ่นั่น เสียงไฟฟ้าช๊อตดังเปรี๊ยะปร๊าวดังต่อเนื่องตลอดเวลาที่ร่างของเอลเอดร์วิวโลห์หัวกวางนั่นชักกระตุกอยู่ในร่างน้ำของมัน ในที่สุดกะโหลกและร่างไม้นั่นก็สลายเป็นผุยผง เผยให้ดวงแสงสีน้ำเงินที่เป็นแกนกลางพลังเวทย์ของมันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะดับลงไป

“ฟู่ห์” ผมถอนให้ใจโล่งอกแล้วสงบพลังเวทสายฟ้าของผมลง เตรียมตัวหันหลังกลับเพื่อไปสมทบกับเร็กซ์ ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้ว
แต่แล้วคำตอบก็พุ่งเข้ามาหาผมแบบตั้งตัวแทบไม่ทัน

“บรึ้ม” พื้นดินแตกออกมาพร้อมร่างเจ้าหัวแพะพุ่งขึ้นมา มันง้างกรงเล็บที่มือซ้ายที่เหลืออยู่ข้างเดียวหมายจะฉีกร่างของผม เขาหักไปข้าง ร่างกายที่เป็นเนื้อไม้มีรอยดาบเต็มไปหมด

ผมเตรียมจะใช้เวทเพื่อยิงสกัดไว้แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกผมไม่ให้ยิงออกไป ผมจึงกระโดดหลบฉากออกมาแทน

“ฉึก” ปลายดาบพุ่งเข้ากลางอกของเจ้าหัวแพะจากข้างหลัง

“อยู่นี่นี่เอง” เป็นเร็กซ์นั่นเองที่พุ่งเข้ามาแทงศัตรู

ทั้งสองลอยไปตามแรงเฉื่อยไปหยุดอยู่ที่ริมผาฝั่งที่ไม่มีน้ำพอดี ร่างของเอลเอดร์วิวโลห์ตนสุดท้ายแน่นิ่งไป กิ่งและรากไม้ตามลำตัวเริ่มแหลกสลาย

“ไม่เลวนี่” ผมกล่าวชม เท่าทีดู นอกจากรอยขีดข่วนที่เกราะแล้วมันก็ไม่มีบาดแผลเลย

“มันแน่อยู่แล้ว เจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร อ๊ะ..” พูดไม่ทันจบรยางค์ไม้ที่หลังของซากนั้นพุ่งเข้ารัดตัวอัศวินหนุ่มไว้

ดวงตาผมเบิกกว้างเมื่อเห็นมันทลายพื้นดินที่ทั้งคู่ยืนอยู่จนตกหน้าผาไป ผมพุ่งตัวออกไปหมายจะคว้ามันไว้ แต่ไม่ทันแล้ว

“เร็กกกกกซ์!!!”

..................................................................


ปล1. จริงๆไม่อยากจบตอนแบบนี้แต่มันยาวเกินไปแล้ว เลยขออนุญาตตัดละกันครับ
ปล2. Ref Elder willow จาก Leshen ใน The witcher ครับ
: https://twitter.com/CruisingDog/status/1019846861446832128


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ได้เวลาบู๊แล้ววว รออีกครึ่งค่ะ~

บทบู๊ผ่านมั้ยครับ กลัวยาวอ่านไม่รู้เรื่องจัง

ได้เวลาบู๊แบบเต็มตัว!

ปล. ไม่รู้ว่าคนเขียนจะเคยเล่น skyrim ไหม รูป willow ที่ลงไว้ คล้ายๆ กับ forsworn ใน skyrim เลย

ไม่เคยเล่นครับ แต่เท่าที่ดูจะต่างกันที่อันนึงเป็นคน อีกอันเป็นต้นไม้ครับ

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 16 Trust

“เร็กกกกซ์” ผมตะโกนสุดเสียงแล้วพุ่งทะยานไปตรงหน้าผา โชคดีที่มันยังอยู่ในระยะเวทลมของผม ผมรีบควบคุมลมไปโอบอุ้มร่างของอัศวินไว้เพื่อชะลอความเร็วให้มัน

“ฉึบ” มันดิ้นจนทะลายรากไม้ที่หุ้มตัวมันไว้หลุดออกได้ ปักดาบลงไปที่หน้าผาแล้วค่อยๆไถลลงไปตามผา

ทำเอาผมลุ้นจนตัวโก่ง จากบนนี้ลงไปถึงพื้นข้างล่างที่เคยเป็นท้องน้ำก็เกือบ 10 เมตร มันหยุดตัวไว้ได้ตอนหล่นลงไปได้เกินครึ่งทางเล็กน้อย

“เห้อ” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก “ปีนขึ้นมาไหวมั้ย” เวทลมผมคงยกตัวมันขึ้นมาไม่ไหว แถมไม่มีพวกเชือกด้วยสิ

“…” มันไม่ตอบอะไรผม แต่มันดึงดาบออกจากหน้าผาแล้วค่อยๆหย่อนตัวลงไปที่พื้นอย่างปลอดภัย

<แปลกๆแฮะ> ผมสังเกตว่ามันเก็บดาบเข้าฝักแล้วเอามือขวาไปกุมไหล่ข้างซ้ายไว้ <หรือว่ามันโดนเล่นงานเข้า!!!>

“แขนซ้ายข้าชาไปหมดแล้ว” มันตะโกนกลับมาหาผม

“บ้าจริง” ผมสบถ คงจะเป็นเมื่อครู่สินะ พวกนี้มันฤทธิ์เดชเยอะจริงๆ จะตายก็ไม่ตายสักที แต่ถ้าเป็นแบบนี้เร็กซ์ขึ้นมาเองไม่ได้แน่ๆ คงต้องลงไปช่วย

ผมหันไปมองต้นไม้ใกล้ๆที่เป็นรังของมันก็นึกขึ้นได้ว่าต้องจัดการเสียก่อน

“เจ้ารออยู่ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวข้าลงไป ขอจัดการเจ้าต้นไม้นี่ก่อน” เร็กซ์พยักหน้าตอบรับ สีหน้าแสดงความกังวลพอสมควร

ผมเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้นพลางคิดว่าจะทำยังไงดี ลองใช้ไฟฟ้าจุดไฟเผาดีมั้ย แต่ทันทีที่มือผมสัมผัสมันเข้า รังต้นไม้นั้นก็ค่อยๆแตกสลายไปพร้อมๆกับตัวอ่อนในสภาพคล้ายรังนกเริ่มร่วงโรยลงมาที่พื้นแล้วสลายไป

“เออ สะดวกดีแฮะ” พอจัดการตัวการทั้งสองได้ รังของพวกมันก็สลายไปเอง แต่..

“ครึกๆๆ แอ๊ดๆๆ” เสียงไม้แตกลั่นดังขึ้นต่อเนื่องจากหน้าผา เขื่อนไม้เริ่มบิดเบี้ยวและปริแตก น้ำไหลซึมออกมาตามรอยแยก เขื่อนกำลังจะแตก

ผมนี่อยากจะกัดลิ้นตัวเอง ปากพาซวยแท้ๆ ดันคิดว่าจะจบแบบดีๆแล้วแท้ๆ ในหัวผมเริ่มคิดหาวิธีช่วยเร็กซ์ขึ้นมาให้เร็วที่สุด

“เร็กซ์ วิ่งงงงง” ผมตะโกนสั่งมัน

<เอาไงดีวะๆๆ> หินเวทลมก็หมดเวลาแล้ว หินเวทไฟฟ้ากับไฟก็ทำอะไรไม่ได้ หินเวทน้ำผมก็ไม่สามารถหยุดน้ำปริมาณมหาศาลขนาดนั้นได้ ผมคิดคำนวณพลางออกวิ่งขนานไปกับเร็กซ์ที่จ้ำอยู่ที่ก้นผา

<เอาวะ ใช้วิธีนี้แล้วกัน> ผมคิดได้แผนหนึ่งแต่ต้องหาทางลงไปที่ก้นเหวให้ได้ก่อน

“เร็กซ์ ใช้โอทห์คีปเปอร์เรียกข้าลงไปหาเจ้าเร็วเข้า” ผมตะโกนลงไป คงมีแค่ทางนี้ทางเดียวที่ผมจะลงไปหามันได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรอะไร

“เจ้าจะบ้าหรอ จะลงมาตายด้วยกันหรอไง”

“ปากเสียโว้ย ข้าไม่ปล่อยให้ตายหรอกหน่า รีบทำตามที่บอกสิ”

“….”

“ไว้ใจข้าสิ เจ้าบื้อ!!!” เริ่มจะหมดความอดทนละนะ

“วืดดดดด” ทุกอย่างดำมืดไปชั่วขณะ มีเพียงสายโซ่สีทองที่เข้ารัดตัวผมส่องประกายวิบวับ รู้ตัวอีกทีผมก็ยืนอยู่ข้างๆเร็กซ์แล้ว

“เอ้า เรียกมาแล้วไง อย่าเหม่อสิ” มันกระชากแขนผมให้ออกวิ่งไปพร้อมกัน “มีแผนอะไร”

“วิ่งตรงไปเถอะน่า” อีกนิดเดียวพวกเราก็จะถึงจุดที่เป็นน้ำตก

“โครม” เสียงเขื่อนพังทลายดังสนั่น น้ำเริ่มไหลไล่ตามพวกเรามา

“แฮ่กๆ เอาหล่ะ กระโดด” ผมสั่งทันทีที่เราถึงริมผา ต่อสู้เสร็จก็วิ่งเต็มฝีเท้าติดต่อกัน 500 เมตรแบบนี้เล่นเอาหอบเหมือนกัน

“เจ้าจะบ้าหรอ รอส ความสูงขนาดนี้ ปริมาณน้ำแค่นั้นตกลงไปกระแทกหินตายพอดี” มันเถียง

แต่มันใช่เวลามั้ย เพื่อประหยัดเวลาผมเลยจัดการถีบมันลงไปซะเลย

“เหวออออออ” มันร้องลั่น ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงขอยืนขำสักแปบ แต่เพราะมันไม่มีเวลา ผมรีบกระโดดตามมันลงไป

จริงอยู่การกระโดดจากที่สูงเกือบ 20 กว่าเมตร ลงไปในน้ำที่ลึกแค่ 1-2 เมตรนี่อาจจะตายได้ แต่ถ้าไม่มีแผนผมไม่เสี่ยงหรอก

เมื่อร่วงลงไปได้ระยะที่เหมาะสมผมเปิดใช้งานหินเวทน้ำของผม น้ำในแอ่งเบื้องล่างเริ่มหมุนวนบิดเป็นเกลียวขึ้นมากลางอากาศกลายเป็นเสาน้ำสูงเกือบ 5 เมตร ความกว้างเพียงพอที่จะรองรับคน 2 คน เท่านี้ก็ชดเชยความสูงของน้ำที่รองรับพวกเราได้แล้ว

“ตูมมมม” ร่างของเราทั้งสองจมลงไปในเสาน้ำของผม เมื่อความเร็วของพวกเราหยุดนิ่งด้วยแรงต้านของน้ำผมรีบคว้าคอเสื้อของเจ้าอัศวินไว้ แล้วควบคุมให้น้ำดีดตัวพวกเราออกไปที่ฝั่งทันที

อาจจะด้วยน้ำหนักตัวและน้ำหนักเกราะของเร็กซที่มากกว่าที่คิดทำให้ผมเสียการทรงตัวกลางอากาศหงายล้มเอาหลังลงพื้น ส่วนเจ้าเร็กซ์ก็ร่วงลงมาคร่อมผมพอดี

“แค่กๆๆ เจ้ามันบ้า” นอกจากสำลักน้ำใส่หน้าผมแล้วยังว่าผมได้อี๊ก กรุช่วยคุณมึงไว้นะ

ผมกรอกตามองบนพลางเอามือเช็ดหน้า แต่แล้วผมก็ฉุกคิดได้

“ครืนนนนน” เสียงดังจากเบื้องบนทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่จบ ผมเอาแขนคล้องคอและหลังของคนบนตัวผมแล้วดึงมันเข้ามานอนแนบตัวผมไว้ น้ำรอบตัวก่อตัวเป็นโดมน้ำแข็งเล็กๆครอบตัวเราสองคนไว้

“เฮ้ยย ทำอะไร” มันดิ้นขลุกขลัก

“อยู่นิ่งๆเงียบๆหน่า” ผมว่าเสียงดุ แล้วกระชับวงแขนแน่น

“ตูมมมม ซ่าาาาห์ โคร่มมม คร่ามมมม” เสียงน้ำไหลทะลักจากหน้าผาลงมากระแทกแอ่งน้ำเมื่อครู่อย่างรุนแรง เศษซากเขื่อนไม้ของพวกเอลเดอร์วิวโลห์กระเด็นกระดอนไปมาเสียงดังสนั่น บางส่วนเข้ามากระทบโดมน้ำแข็งของผมจนร้าว ผมต้องเสริมพลังเวทเข้าไปอีก

สักพักทุกอย่างก็เงียบสงบลงเหลือแต่เพียงเสียงน้ำตกที่คืนกลับมาดังเดิม ผมละลายน้ำแข็งออก แล้วนอนแผ่หลาหมดแรง
“นี่มันหนักนะ ลุกไปได้แล้ว”

“….” เร็กซ์ไม่ตอบอะไร เจ้าอัศวินไม่ยอมขยับตัว เอาแต่นอนนิ่งอยู่บนอกผมแล้วจ้องหน้าผมตาปริบๆ ด้วยความรำคาญ ผมเอามือยันหน้ามันออกแล้วผลักให้มันพลิกตัวออกไป

“เห้อ ขอบใจนะที่ไม่ทิ้งกัน” มันถอนหายใจโล่งอกแล้วทิ้งตัวลงนอนไปต่างจากผม

“ก็บอกแล้วไงว่าให้เชื่อใจข้า”

“จะทำอะไรก็บอกกันก่อนบ้าง เซ่”

“ฮ่าๆๆ เป็นยังไงหล่ะคุณชาย ได้ออกมาเสี่ยงภัยนอกเมืองหลวงตื่นเต้นดีมั้ยหล่ะ”

“หึหึ ก็ไม่เลว”

พวกเรานอนหัวเราะให้กับประสบการณ์เฉียดตายและพักผ่อนด้วยกันอยู่สักพักก่อนจะเดินทางกลับด้วยสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พอได้สู้ร่วมกัน ดูทั้งคู่จะได้เรียนรู้นิสัยใจคอ สไตล์การต่อสู้ระหว่างกันมากขึ้น
ดูเข้ากันได้ดีแบบแปลกๆ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อ่านเพลินดีค่ะ ขอเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยคน  o18

ชอบตัวเอกทั้งสองตัว รอสก็ธรรมาชาติ มุกก็ขำนะ ไม่แป้ก  :laugh:

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
16.2

ณ บ้านพักของซิด

กว่าพวกเราจะลงมาถึงตีนเขาก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ในใจผมนึกถึงแต่อาหารฝีมือคุณลินดาที่ผมไม่ได้ทานมานาน ก็จะให้ทำยังไงได้ เดินขึ้นเขาสูง ต่อสู้เสี่ยงตาย วิ่งกระโดดน้ำตก แล้วยังต้องเดินทางกลับอีกมันกินแรงเยอะนะ เสบียงที่เตรียมไปก็มีแต่อาหารแห้งไม่มาก มันไม่อิ่มหรอก และไม่อร่อยด้วย

ทันทีที่ก้าวขาพ้นพุ่มไม้เข้ามาในลานโล่งหน้าบ้านไม้ของอาจารย์ซิด พวกผมก็ต้องตกใจ ชาวบ้านมากมายหลายคนพุ่งตรงเข้ามาขอบคุณพวกเรา พวกเขาต้อนรับพวกเรากลับอย่างดี หญิงสาววัยใสหลายคนวิ่งเข้าไปล้อมรอบเร็กซ์จับไม้จับมือขอบคุณที่ช่วยเหลือหมู่บ้านไว้ ส่วนผมก็มีคนมายื่นผ้าขนหนูมาให้เช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วกล่าวขอบคุณผมเช่นกัน เอ หน้าตาก็เข้าที รูปร่างก็โอเค มีผมขาวแซมเล็กน้อย หรือว่าคืนนี้ผมจะไปค้างที่อื่นดีนะ หึหึ

“อ๊ะ จริงสิ” ผมอุทานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าอัศวินโดนพิษอยู่นี่หน่า ผมต้องแหวกเหล่าชาวบ้านเข้าไปขอตัวมันออกมาเพื่อไปให้คุณลินดาดูอาการและรักษา กว่าจะดึงตัวออกมาได้เล่นเอาเหนื่อยอยู่

“โห ผิดคาดแฮะ นึกว่าเจ้ารอสจะสะบักสะบอมกว่านี้” นี่เป็นประโยคแรกที่อาจารย์ทักพวกผม มือหนึ่งรองคางทำหน้าพินิจ อีกข้างลูบหัวนีน่าที่นอนอยู่บนตัก “แล้วทำไมปล่อยให้คุณชายโดนเล่นงานได้ ฮะ” ท่านเอ็ดผมเมื่อเห็นสภาพเร็กซ์

“นี่พากลับมาได้ชิ้นนึงก็บุญละนะ” ผมเถียง

“ผมประมาทพลาดเองแหละครับ” เร็กซ์ยิ้มแห้ง เอามือมาเกาแก้ม

“ไหนๆ ให้ฉันดูอาการหน่อย” คุณลินดารีบวิ่งมาจากห้องครัวแล้วพาเร็กซ์ไปนั่งเพื่อดูอาการ

“เก่งมาก” เสียงพึมพำเบาๆจากอาจารย์ซิด ผมได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก

“หา! อะไรนะครับ พูดดังๆหน่อย” ผมยียวน เอามือป้องหูตั้งใจฟัง

“พูดครั้งเดียว ฟังไม่ทันก็ช่วยไม่ได้”

“โหยยย” ผมร้องโวย

“เดี๋ยวพวกชาวบ้านจะทำอาหารมาให้เป็นการตอบแทน เจ้าไปล้างตัวพักผ่อนก่อนไป”

“แล้วพวกนักผจญภัยคนอื่นๆหล่ะครับ” ผมทางพลางปลดเกราะและอาวุธมาวางไว้

“ลินดาปรุงยาและถอนพิษให้เรียบร้อยแล้ว นี่ไล่ให้ไปนอนในหมู่บ้าน เจ้ากับเร็กซ์ไปใช้ห้องเก่าของเจ้าแล้วกัน”

“โอ้ ห้องผมยังอยู่ดีหรอเนี่ย ผมนึกว่าโดนรื้อไปไม่ก็เป็นห้องเก็บของไปแล้วซะอีก”

“เจ้าไปดีๆหรือจะไปนอนในโรงนาฮะ” ซิดว่าเสียงดุด้วยความรำคาญ

“คร้าบบบ” ผมลากเสียงยาวแล้วเอาสัมภาระไปเก็บ นึกถึงบรรยากาศเก่าๆเหมือนกันแฮะ ถ้าได้ก็อยากจะอยู่กับอาจารย์แบบนี้
แต่... มันไม่มีที่ให้ผมหรอก

.................................................................................

ตกเย็น

“จุดหมายของพวกเจ้าคือป่าจันทราหรอกรึ” อาจารย์ซิดกล่าวขึ้นมาขณะนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอาหารหลังจากฟังที่มาที่ไปของผมกับเร็กซ์

พอตกเย็นพวกชาวบ้านก็ยกอาหารมาให้มากมายเพื่อเป็นการขอบคุณ ส่วนหนึ่งแบ่งให้นักผจญภัย 3 คนนั้นทานในพื้นที่ที่จัดให้ในหมู่บ้าน อีกส่วนแบ่งให้พวกผมและครอบครัวของอาจารย์

“ใช่แล้วครับ” เร็กซ์ขานตอบขณะกำลังตักซุปเนื้อเข้าถ้วย

“งั้นก็พอดีเลย ข้ากับรอสเคยเข้าไปหาของป่ามาก่อน มันน่าจะช่วยเจ้าได้มาก” ผมนั่งแทะขนมปังฟังอาจารย์ผมสนทนาเงียบๆ
 
“อีก 5 วันก็คืนเดือนมืดแล้ว หมอกเวทมนต์ของป่าจะคลายอำนาจลง กว่าจะเดินทางไปถึงก็ 4 วัน พวกเจ้าน่าจะเข้า-ออกได้ทัน”

“ที่แท้ฤกษ์ยามที่เจ้าว่าไว้คือคืนเดือนมืดหรอกหรอ” มันหันมาถามผม

“อืม” ผมว่าพลางยื่นมือไปหยิบเนื้อไก่ในถาด

ป่าจันทราคือป่าต้องห้ามทางตะวันออกใกล้ชายแดนของประเทศ ที่ขึ้นชื่อว่าป่าต้องห้ามเพราะว่ากันว่าผู้คนที่เข้าไปจะไม่มีวันออกมาได้ หมอกของป่าจะสร้างภาพลวงตาให้กับผู้บุกรุกที่ย่างกรายเข้าไป แม้แต่จอมเวทที่มีฝีมือและจิตใจที่แข็งแกร่งถ้าได้รับผลของหมอกนานๆก็แย่เอาได้ มีน้อยคนที่รู้ว่าเวทมนต์ของป่ามาจากแสงของดวงจันทร์ ทำให้ช่วงเวลา 1-2 วันก่อนและหลังคืนเดือนมืด หมอกเวทมนต์จะเสื่อมพลังลง สามารถเข้าออกไปหาของป่าหายากได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องระวังพวกมอนสเตอร์และสัตว์ป่าดุร้ายอยู่

“อะไรกัน ทำไมเจ้าให้ข้อมูลนายจ้างไม่ครบ” ไม่ว่าเปล่า เอาส้อมมาตีมือไม่ให้หยิบอาหารอีก

“นั่นสิ เจ้าชอบมีอะไรปกปิดข้าตลอด” อ่าวรุมกันซะงั้น

“ก็ท่านสอนข้าเองหนิ ว่าเวลานำทางให้ให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็น” ผมเถียงพลางเอาส้อมไปจิ้มไก่

“อย่ามาเถียงข้านะ เจ้าเด็กเมื่อวันซืน” คราวนี้เอาส้อมมากันผมออก

โอเค ผมยอม ไม่กินก็ได้ ผมวางส้อมลงแล้วเบือนหน้าหนี เอามือเท้าคางด้วยความเซ็ง

“ก็ตั้งใจจะบอกตอนใกล้ถึงอยู่แล้ว ไม่ได้จะปิดสักหน่อย” ผมพูดเบาๆ

“หึหึ” ผมหันไปมองเร็กซ์หัวเราะในลำคอเบาๆ แต่มือก็ตักไก่มาวางไว้ให้ผม

“หึ” แล้วก็จิ้มไก่เข้าปาก

“ยังไงก็เถอะ เดินทางผ่านป่าเอเดน 3 วัน เตรียมตัวไว้ให้ดีหล่ะ ป่านั่นไม่ใช่ธรรมดา” อาจารย์เตือนพวกผม

“รู้แล้วแหละหน่า” ผมตอบแบบส่งๆไป ก็เคยเดินทางผ่านกับอาจารย์มาบ้างแล้ว ไม่ค่อยมีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นหรอก

เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เร็กซ์เข้าไปนอนพักในห้องตามคำสั่งของคุณลินดา ส่วนผมขอตัวออกมาสูดอากาศข้างนอก ผมเดินเล่นไปตามทางริมลำธารเรื่อยๆเพื่อนึกถึงบรรยากาศเก่า ผมตรงไปยังโขดหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งที่ผมมักจะมานั่งเล่นประจำ

ถึงจะบอกว่ามานั่งเล่นประจำ แต่จริงๆแล้วคือผมต้องออกมาหาที่นั่งรอเป็นประจำต่างหาก...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2018 07:56:16 โดย KPMwolf »

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พอได้สู้ร่วมกัน ดูทั้งคู่จะได้เรียนรู้นิสัยใจคอ สไตล์การต่อสู้ระหว่างกันมากขึ้น
ดูเข้ากันได้ดีแบบแปลกๆ

แปลกๆนี่ทางบวกหรือลบอ่ะครับ

อ่านเพลินดีค่ะ ขอเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยคน  o18

ชอบตัวเอกทั้งสองตัว รอสก็ธรรมาชาติ มุกก็ขำนะ ไม่แป้ก  :laugh:

ยินดีต้อนรับครับ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ที่ว่าแปลกๆ คือ ทั้งสองคนเคมีมันดูไม่น่าจะเข้ากันได้เลย แต่พออยู่ด้วยกัน สู้ด้วยกันกลับรู้สึกว่ามันลงตัว แต่ละคนเติมสิ่งที่ขาดให้กัน ซึ่งก็คือแปลกในทางดีน่ะเอง  :hao3:

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่ 15.2 - การต่อสู้เริ่มประสานกันได้ดีแล้ว ต่างจากตอนบู๊ปกป้องคาราวานพ่อค้าละ

ตอนที่ 16 - แอบมีโม้เม้นต์กันนิดๆ

ตอนที่ 16.2 - เหมือนจะได้กลิ่นดราม่า.... // บู๊มาเหนื่อยๆก็หาผู้ชายแล้วหรอรอส! ควรเอาอย่างเร็กซ์ที่นอนพักผ่อนอยู่บ้านบ้าง 5555

ขอบคุณที่อัพค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด