จบแล้ว-(Fantasy/Y) Royal quest ภารกิจรักกับคุณอัศวินซื่อบื้อ (Ch.พิเศษ2)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้ว-(Fantasy/Y) Royal quest ภารกิจรักกับคุณอัศวินซื่อบื้อ (Ch.พิเศษ2)  (อ่าน 47047 ครั้ง)

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อารมณ์เจอบอสลับชัดๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
32.2

ครึก ๆ

ผมปัดเศษไม้ที่ปกคลุมร่างกายออก สะบัดหัวแรงๆไล่ความมึน

อูย...หมัดหนักชะมัดเลย แต่ก็สมคำล่ำลือจริงๆ ทั้งฝีดาบที่เฉียบคมและรวดเร็วเฉกเช่นอัศวินระดับสูง แต่พละกำลังมหาศาลนั่นเหนือกว่าเวทย์เสริมกำลังที่ผมใช้อยู่อีก

“นายท่านบาดเจ็บตรงไหนไหมครับ”

“ไม่เท่าไหร่” ถ้าคนปกติที่ไม่มีเวทย์เสริมกำลังเพิ่มความทนทานให้กับร่างกายโดนหมัดนั้นเข้าไปกระดูกคงแหลกหมดแล้ว

“อ้ากกกก” เสียงร้องเจ็บปวดเรียกความสนใจของผม

“รอส” ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วก้าวออกไป

“อึก” รู้สึกปวดร้าวที่ชายโครงทันที ซี่โครงน่าจะหัก แต่ผมไม่มีเวลาพะวงแล้ว คนรักของผมกำลังแย่เพราะความอ่อนหัดของผม

“โอทห์คีปเปอร์” ผมพุ่งเข้าหาและจรดปลายดาบคู่ใจไปที่อัศวินตรงหน้า

“ครับผม” สิ้นเสียงกังวานดาบก็เรืองแสงสีขาวนวลขึ้น ลำแสงหลายเส้นพุ่งออกจากดาบ

แกร๊ง ๆ ๆ

สายโซ่สีทองพุ่งเข้าโอบรัดตัวสเปคเตอร์ไว้แน่น

“เร็วเข้านายท่าน โซ่คงหยุดมันไว้ได้ไม่นาน”

“เข้าใจแล้ว” ผมพุ่งลัดไปด้านข้างของศัตรูเพื่อช่วยเหลือรอสก่อน ถ้าผมล้มศัตรูไม่ได้ในดาบเดียวแล้วมันหลุดออกจากพันธนาการได้ล่ะก็...คนรักของผมแย่แน่ๆ

วื้ด

ผมอัดพลังเวทไปที่กล้ามเนื้อแขนเพื่อเพิ่มพละกำลัง ออกแรงยกกองไม้ที่ทับขารอสออก ช้อนเขาขึ้นมา เสริมกำลังแล้วขาพุ่งตัวหาที่ซ่อน

“โอ้ย” คนรักของผมร้องลั่นเมื่อผมแตะขาขวาของเขา เสียงอันเจ็บปวดของเขากรีดลึกลงไปในใจ ที่เขาต้องเป็นแบบนี้เพราะผมปกป้องเขาไม่ได้อีกแล้ว

“ไหวไหม” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“น่าจะไม่หัก แต่คงเดินไม่ได้” เขาลองลูบคลำขาของตนเอง ใบหน้าของเขาเหยเกด้วยความเจ็บปวด “เจ้าบาดเจ็บไหม”

“ซี่โครงอาจจะหัก แต่ยังไหวอยู่”

“เราจะจัดการมันยังไงดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้ หมู่บ้านพังพินาศแน่ๆ”

“ฝีดาบของข้ากับมันสูสีกัน แต่มันเป็นต่อด้านพละกำลัง” จริงอยู่ที่การต่อสู้ด้วยดาบไม่ได้ใช้เพียงพละกำลัง หากทักษะดีกว่าก็สามารถเอาชนะผู้ที่แข็งแรงกว่าได้ แต่ศัตรูเป็นถึงอัศวินยอดฝีมือในอดีต เมื่อทักษะพอๆกันก็ต้องวัดกันที่แรงและความอึด

“ข้าไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย เวทมนต์ก็ไม่ได้ผล ข้าคิดแผนอะไรไม่ออกเลย” คนตรงหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้าว่าข้าล้มมันได้...” ศึกนี้ผมต้องเอาชนะเอง และผมว่าผมเอาชนะมันได้แต่ต้องแลกด้วยบางอย่าง...

“...ยังไง”

“ถ้าข้าเสริมกำลังทั่วร่างก็น่าจะมีพละกำลังสูสี” ถ้าใช้เทคนิคนี้ล่ะก็...ผมจะมีแรงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

“แต่เจ้าเคยบอกว่าเจ้ายังฝึกไม่สมบูรณ์นี่” สิ่งที่เขาแย้งเป็นเรื่องจริง

“ใช่ แต่มันไม่ได้หมายความว่าใช้ไม่ได้ แค่ใช้แล้วจะมีผลข้างเคียง...”

 “ผลข้างเคียงคืออะไร” รอสถามด้วยสีหน้างุนงง

“ร่างกายของข้าจะพัง”

...หากเวทมนต์คือเอกลักษณ์ของนักเวทย์...

...เวทย์เสริมการรับรู้คือเอกลักษณ์ของนักธนู...

...เวทย์เสริมกำลังคือเอกลักษณ์ของอัศวิน อัดพลังเวทย์ที่ไหลเวียนในร่างกายเข้าไปในกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มพละกำลังและความทนทานให้กับตนเองอีกหลายเท่าตัว

อัศวินทั่วๆไปจะเสริมกำลังได้มากขึ้น 2-3 เท่า ผมที่มีร่างกายทนทานเป็นพิเศษสามารถเสริมพลังได้อย่างสบายๆถึง 5-6 เท่า และสามารถเสริมได้สูงสุดที่ 8 เท่า ซึ่งยังถือว่าอ่อนหัดมากเมื่อเทียบกับท่านพ่อ หรืออาจารย์มาโก้ที่เสริมไปได้ถึง 12-15 เท่า

ข้อจำกัดของเวทย์เสริมกำลังจะอยู่ที่ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดนั้นๆว่ารับพลังได้ขนาดไหน และนานแค่ไหน นั่นเป็นเหตุที่ทำให้อัศวินที่ใช้เวทย์เสริมกำลังได้ทุกคนพกน้ำมันนวดสมุนไพรติดตัว พกไว้เพื่อคลายปวดจากความล้าของกล้ามเนื้อ

แต่การเสริมกำลังทั่วร่างจะต่างออกไป เทคนิคนี้สามารถทำให้ได้รับพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่ก็อันตรายต่อผู้ใช้เพราะต้องเสริมถึงมัดกล้ามเล็กๆที่ไม่สามารถฝึกความทนทานเพิ่มได้ ทำให้ผลข้างเคียงหลังใช้งานอาจจะทำให้ผู้ใช้ตายได้ เทคนิคเสริมกำลังทั่วร่างจึงเป็นเทคนิคต้องห้ามที่ใช้ได้เฉพาะอัศวินระดับสูงเท่านั้น

 “ไม่ได้นะ ข้าไม่ให้เจ้าตายนะ โอ้ย” เขาขยับตัวขึ้นมาจะคว้าผมไว้จนขากระเทือน

“ข้าไม่ได้บอกว่าจะตายสักหน่อย กล้ามเนื้อข้าจะฉีกขาด กระดูกอาจจะร้าว คงขยับตัวไม่ได้ไปเป็นเดือนๆ” เพราะเป็นคนของตระกูลใหญ่จึงได้รับการฝึกเทคนิคนี้ไว้บ้าง แต่ก็ยังไม่สำเร็จจนลบผลข้างเคียงไปได้ ร่างกายของผมจะหมดสภาพไปนาน หากใช้สุ่มสี่สุ่มห้ากลางป่าก็อาจจะตายเพราะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้

“เร็กซ์ ถึงเจ้าจะไม่ตาย แต่นั่นจะทำให้เจ้ากลับไปเมืองหลวงไม่ทันนะ” คำเตือนของเขาทำให้ผมอมยิ้มน้อยๆ เขายังคงห่วงเรื่องเกียรติยศของผมอยู่

“นั่นไม่สำคัญแล้วล่ะ” ผมชันเข่าขึ้น เตรียมตัวลุกออกสู้อีกครั้ง “ข้าจะเรียกตนเองว่าอัศวินได้ยังไง...ถ้าข้าปกป้องคนที่ข้ารักไม่ได้”
“เร็กซ์...” ดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้นปริ่มน้ำตา

“หลังจากนี้เจ้าจะดูแลข้าที่หมดสภาพได้ไหม” คนรักของผมได้ยินเขาก็รีบหลบหน้าแล้วลอบเอามือปาดน้ำตา...น่าเอ็นดูจริงๆ
“มันแน่อยู่แล้ว” เขาตอบ ผมจับได้ถึงความสั่นเครือของน้ำเสียง

“งั้นก่อนข้าไป ขอได้ยินคำว่ารักจากเจ้าสักครั้งได้ไหม” ผมรอคอยคำนี้มาตลอด ไม่มีอะไรจะสร้างกำลังใจให้กับนักรบมากไปกว่าคำๆนี้อีกแล้ว แม้ผมจะมีอะไรกับเขาแล้ว แต่ผมอยากจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา...จากคนที่ผมรัก

“...” เขาก้มหน้าลงไปอีกครั้ง เห็นแล้วใจผมก็แป้วลง

“ชนะให้ได้ก่อนสิแล้วจะพูดให้ฟัง กี่ครั้งก็ได้...ตามที่เจ้าต้องการเลย” รอสส่งยิ้มร้ายกาจให้ผม หึหึ...เอารางวัลมาล่ออีกแล้วสินะ...ได้

“ถ้างั้นก็เตรียมเขียนเรียงความบรรยายความรักที่มีได้เลย ข้าไม่แพ้แน่นอน” หัวใจของผมพองโต ไม่ว่ายังไงผมต้องชนะให้ได้ เพื่อสิ่งที่ผมรอคอยมานาน...แต่ก่อนอื่น “จุ๊บ ขอมัดจำก่อนแล้วกัน” ผมขอขโมยจูบสักทีนึงก่อนแล้วกัน

“หึ คนฉวยโอกาส” ใบหน้าของเขาแดงก่ำ มันน่ารักมากๆเลย

เมื่อได้กำลังใจที่ผมต้องการผมก็ลุกขึ้นเตรียมประดาบกับสเปคเตอร์อีกครั้ง มาดูกันว่าอัศวินแห่งความตายกับอัศวินที่ต่อสู้เพื่อความรัก ใครจะแกร่งกว่ากัน

……………………………….

วื้ด

ร่างกายของผมปวดร้าวไปทั้งตัวเมื่อเสริมกำลังทั่วร่าง กล้ามเนื้อมัดที่ไม่ค่อยได้รับการฝึกจะปวดเป็นพิเศษ ผมเสริมพลังจนออร่าสีฟ้าปกคลุมทั้งตัว ต่อมาจึงเร่งพลังเวทย์ที่อัดเข้าไปเข้มข้นเป็นกระแสไฟฟ้า

“นั่นแหละดี เพิ่มพลังเข้าไปอีก” เสียงท่านพ่อสั่งผมในวัย 14 ปี

“ย๊ากกกก ผมจะไม่ไหวแล้ว” ความปวดตึงมันแสนสาหัสไปทั่วร่าง

“คงเสถียรภาพมันไว้ แบบนั้นแหละ แล้วเร่งไปอีก” เสียงทุ้มยังคงสั่งต่อ

“อ๊า” ผมคำรามลั่น ออร่าที่ปกคลุมตัวสลายไป ร่างกายของผมหมดเรี่ยวแรง หงายหลังลงไปนอนแผ่หลาบนพื้น นี่ขนาดแค่อัดพลังเข้าไปเฉยๆยังไม่ทันขยับเลยนะ ทำไมถึงได้ปวดร้าวขนาดนี้

“เห้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจ ฟังแล้วรู้สึกเหมือนทำให้ท่านผิดหวังเลย “ครั้งแรก ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วล่ะ” ร่างสูงใหญ่ช้อนผมขึ้นไปแบกบนหลัง “ป่ะ ไปให้แม่เจ้ารักษากล้ามเนื้อบาดเจ็บ”

“เสริมกำลังทั่วร่างเป็นเทคนิคต้องห้ามไม่ใช่เหรอครับพ่อ” ผมถามอ้อมแอ้มขณะเอาแก้มทาบลงบนบ่ากว้าง...อุ่นดีจัง

“ใช่...แล้วลูกรู้ไหมทำไมถึงเป็นเทคนิคต้องห้าม” หนุ่มใหญ่ถามกลับ

“เพราะมันอาจทำให้ผู้ใช้ถึงตายได้ หรือต่อให้รอดก็จะเป็นภาระคนในทีมรึเปล่าครับ”

“ถูก...แล้วรู้ไหมทำไมถึงพ่อถึงให้ลูกฝึกไว้”

“...” ผมส่ายหน้า

“จริงอยู่ที่การใช้เทคนิคนี้อาจเหมือนการฆ่าตัวตาย แต่หากฝึกให้ร่างกายคุ้นชินได้บ้าง อย่างเช่น ฝึกแค่การอัดพลังเวทย์เข้าไปโดยไม่ขยับให้กล้ามเนื้อเสียหาย เมื่อถึงเวลาที่ลูกจำเป็นต้องใช้เทคนิคนี้จริงๆ ลูกจะมีโอกาสรอดสูงขึ้น” พ่อชูไม้ชูมือทำท่าอธิบายๆ แต่ผมก็ยังงงวัตถุประสงค์อยู่ดี

“แล้วเวลาไหนล่ะครับ”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “ยามที่จะต้องปกป้องคนสำคัญ”

“แต่อัศวินที่ดีต้องปกป้องทุกคนให้ได้นี่ครับ” ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เราต้องปกป้องทุกคนเพราะทุกชีวิตนั้นสำคัญไม่ใช่เหรอ

“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย ไว้ลูกเจอคนที่สำคัญจริงๆแล้วลูกจะเข้าใจเอง”

..................................

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะครับ...ท่านพ่อ

เข้าใจแล้วว่าเพื่อคนสำคัญแล้ว...ต่อให้ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้อง ผมก็ยินยอม

แต่ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ผมจะไม่ยอมตายเด็ดขาด...เพราะผมต้องกลับไปทวงรางวัลของผมให้ได้

วื้ดดด...

ออร่าสีฟ้าก่อตัวจากแขนและขาแล้วลามไปทั่วร่าง พลังเวทย์ในกายถูกอัดเข้ากล้ามเนื้อทุกมัด พลังค่อยๆเข้มข้นขึ้นจนเป็นสายพลังงานราวกับกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง ผมรู้สึกร้อน

ทว่าผมไม่หยุดแค่นั้น...ยังคงถูกอัดพลังลงไปอย่างต่อเนื่อง กระแสไฟฟ้าจุดประกายเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าปกคลุมไปทั้งกาย มันก่อตัวเป็นรูปราชสีห์เข้าซ้อนทับร่างของผมไว้ ไฟสีฟ้าหนาแน่นที่รอบคอโบกสะบัดไปมาเหมือนแผงคอของสิงโต

สองตาจับจ้องกับดวงแสงสีแดงในหมวกเหล็กของอัศวินตรงหน้า สองมือกระชับดาบแน่น...

“ย๊ากกก” ผมคำรามเมื่อพุ่งเข้าปะทะ

แคร้ง!!!

เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นเมื่อดาบสองเล่มประสานกัน ดาบของผมนิ่งสนิทราวกับภูผาที่ไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้ ผิดกับปลายดาบของสเปคเตอร์ที่สั่นระริก

ได้ผล พละกำลังของผมเทียบเท่า...ไม่สิ เหนือกว่าศัตรูแล้ว ผมสามารถรับดาบของอีกฝ่ายได้สบายๆต่างจากครั้งแรกที่ดาบแทบจะกระเด็นหลุดมือ...ผมสู้มันได้แน่

แกร๊ง ๆ ๆ

ต่างฝ่ายต่างร่ายรำคมดาบเข้าหากันเพื่อไล่ต้อนหาช่องว่างจากความผิดพลาดของศัตรู ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างสูสี แต่ไม่นานผมก็เริ่มอ่านฝีดาบของอีกฝ่ายออก มันรวดเร็ว รุนแรงและเปี่ยมไปด้วยความดิบเถื่อน

ยามดาบสองเล่มประสานกัน ผมพลิกดาบด้วยท่วงท่าอ่อนช้อนส่งดาบของศัตรูหลุดมือไปได้ในที่สุดและไม่รอช้า ตะวัดคมดาบตัดผ่านร่างอัศวินตรงหน้าทันที

ฉัวะ !!!

“อูว์” สเปคเตอร์ร้องกังวาน ผงะถอยหลังไปพร้อมเอามือกอบกุมรอยบากขนาดใหญ่บนเกราะของมัน เปลวไฟสีแดงโพยพุ่งออกมาราวกับโลหิต ดวงแสงสีแดงในหมวกเหล็กสว่างใหญ่ขึ้น

“...” ผมยังคงจับจ้องศัตรูตรงหน้าด้วยความสงบนิ่ง...นี่มันเร็วเกินไปที่จะหวังถึงชัยชนะ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความประมาทของตนเอง ถึงจะทำให้มันบาดเจ็บได้แต่บาดแผลก็ยังไม่ลึกพอที่จะฆ่ามันได้

อัศวินตรงหน้าคว้าเคียวด้ามยาวออกมาจากหลัง

“โหะ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของอัศวินแห่งความตายทำให้ผมแปลกใจ นี่มันกำลังสนุกที่ได้ต่อสู้สินะ

“ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้รับความเคียดแค้นของท่าน และส่งท่านไปสู่สุขติเอง” ผมกระชับดาบในมือมั่นเตรียมต่อสู้อีกครั้ง

เราสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้ศัตรูได้เปรียบเรื่องระยะเพราะความยาวของอาวุธทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ แรงโจมตีของศัตรูไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ผิดกับผมที่เริ่มปวดไปทั้งตัวแล้ว ถ้ายืดเยื้อมีแต่ผมจะเสียเปรียบ ผมตัดสินใจอัดพลังทั้งหมดไปที่ขาแล้วทะยานตัวเข้าประชิดในทีเดียว คู่ต่อสู้ตะวัดเคียวเป็นแนวนอนเข้าสกัด

ฟ้าว !!!

ผมบิดตัวควงสว่านกลางอากาศหลบวิถีเคียวไปได้อย่างฉิวเฉียด ตะวัดดาบฟันด้ามเคียวให้ขาดออกจากกันพร้อมทั้งฝากรอยแผลลึกอีกแผลบนเกราะของศัตรูทับกับรอยเดิมเป็นรูปกากบาท

ฉัวะ

“อู้ว์”

ผมไม่เปิดจังหวะว่าง ทันทีที่เท้าแตะพื้นก็ถอยฉากออกไปคว้าคมเคียวที่ลอยตกลงมา อัดพลังไปที่แขนเพื่อขว้างมันกลับไปหาเจ้าของ

ฉึก

“โอ้วววว” ปลายแหลมของเคียวปักเข้าบ่าซ้ายของศัตรูไปเกือบครึ่งด้าม เปลวเพลิงไหลรินออกมาตามบาดแผล เข่าข้างหนึ่งทรุดลงไปชันที่พื้น

“หึ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของสเปคเตอร์ดังขึ้นอีกครั้ง มันดึงคมเคียวออกอย่างง่ายดายแล้วโยนออกไปอย่างไม่ยี่หระ ทรงตัวขึ้นยืนพร้อมคว้าอาวุธชิ้นสุดท้ายที่หลังของมัน ดาบเล่มยักษ์ขนาดเกือบเท่ามนุษย์

เปรี้ยะๆ

“อึก” ความเจ็บปวดไหลร้าวไปทั้งร่างจนผมต้องกัดกรามแน่นเพื่อระงับเสียงของตนไว้

แบบนี้ไม่ดีแน่...ผมใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว

“เอาไงเอากัน” ผมรวบรวมแรงหยาดสุดท้ายพุ่งเข้าหาก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งท่าได้ ดาบเล่มขนาดนั้นยังไงก็เคลื่อนไหวลำบากแน่ๆ ต้องใช้ความเร็วที่เหนือกว่าเข้าประชิดแล้วล้มมันในดาบเดียวเท่านั้น

ครึกๆ

ขณะวิ่งผมรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นใต้เท้า...ผมฉุกคิดบางอย่างได้...แบบนี้นี่เอง

“ขอบใจนะรอส” ไม่ว่ายังไงผมก็คงต้องพึ่งเขาเพื่อเอาชนะมอนสเตอร์อยู่สินะ

“ย๊าก” ผมแผดเสียงพร้อมพุ่งเข้าหา รวบรวมแรงทั้งหมดไว้ที่แขน ง้างดาบออกเพื่อหวังสังหารโดยไม่คิดปัดป้องใดๆ
สเปคเตอร์ยกดาบขึ้นเหนือหัวเตรียมฟาดลงมา

ทันใดนั้น...

พรืดดด

พื้นดินใต้เท้าของมันผุดขึ้นมาแล้วเคลื่อนขาให้แยกออกจากกัน เมื่อไร้ซึ่งฐานที่สมดุลมันก็เสียการทรงตัวทำท่าจะล้ม เปิดโอกาสให้ผมเข้าถึงตัวอย่างง่ายดาย

ฉัวะ

คมดาบสีเงินของโอทห์คีปเปอร์พุ่งตัดผ่านเอวลากยาวไปจนถึงหัวไหล่ ร่างของอัศวินแห่งความตายขาดออกจากกัน

“อู้ว์” เสียงโหยหวงสุดท้ายของมันดังก้องก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง ดวงแสงสีแดงในหมวกเหล็กดับไปในที่สุด

“สำเร็จ” ผมพึมพำอย่างล่องลอย สองขาก้าวเดินไปตามแรงเฉื่อยเลยกองกระดูกและเศษเหล็ก ก่อนจะหยุดยืนนิ่งได้ เปลวเพลิงสีฟ้าที่ครอบคลุมตัวมอดดับไป ร่างกายและดาบในมือหนักอึ้งจนต้องค่อยๆปล่อยหลุดออกจากมือ ผมปล่อยให้ร่างคนตนเองหงายล้มลงไป

ขณะที่กำลังร่วงหล่นลงไปนั่นเองผมก็รู้สึกถึงบางอย่างอ่อนนุ่มมารับตัวผมไว้ไม่ให้กระแทกไปที่พื้น เหลือบตาที่เกือบจะปิดไปก็เห็นเป็นพื้นดินอ่อนนุ่มนูนตัวขึ้นมารับไว้ มันค่อยๆหดลงเพื่อพาร่างผมนอน ไม่ช้าผมก็รู้สึกได้ถึงวงแขนของใครบางคนมาโอบใต้ข้อพับแขนไว้

“โอย หนักจริงๆ” เสียงใสบ่นทันทีที่วางผมนอนลงที่ตัก มือข้างหนึ่งลูบเส้นผมสีดำของผมเบาๆ อีกข้างโอบรอบคอไว้…อบอุ่นเหลือเกิน

“ชนะแล้วนะ” ผมส่งยิ้มให้เจ้าของตักที่ผมหนุนนอน แม้เปลือกตาของผมหนักอึ้งจนจะปิดอยู่แล้วผมก็ฝืนจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้นเพื่อทวงหารางวัล

“ไม่ลืมหรอกน่า อะแฮ่ม” รอสหน้าแดงจัด แดงยิ่งกว่าตอนเรามีอะไรกันเสียอีก...ฮ่าๆ อยากจะยกมือขึ้นไปหยิกแก้มจริงๆ

“ข้า...ออกจากบ้านมาเพื่อเดินทางออกตามหาความอบอุ่นที่สูญเสียไป ข้าตามหามันมาตลอด...หวังที่จะไขว่คว้ามันไว้แม้ว่าจะต้องแลกด้วยร่างกาย...” เขากระชับกอดผมแน่นขึ้น

“แต่แล้วข้าก็พบแต่ความผิดหวัง ยิ่งเดินทางไปก็ยิ่งเจ็บปวดจนเกือบจะคิดว่าตัวข้าเองคงไม่เหมาะที่จะได้รับความอบอุ่นจากใคร” ดวงตากลมโตของเขาเริ่มแดงพร้อมหยาดใสๆ

“ทว่าวันนี้การเดินทางของข้าสิ้นสุดลงแล้ว ข้าได้พบกับคนที่พร้อมจะมอบความอบอุ่นนั้นให้ข้าแล้ว”

“รอส...” หัวใจของผมพองโตจนแทบจะระเบิดออกมา...ผมกำลังจะได้รับสิ่งที่ผมรอคอยแล้ว

“วันนี้ข้าขอมอบทั้งร่างกายและ ไม่สิ...เจ้าได้ร่างกายข้าไปแล้วนี่หน่า ฮ่าๆ” หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาสวยคู่นั้น ผมอยากจะยกมือขึ้นไปเช็ดให้จัง

“ข้าขอมอบหัวใจของข้าให้กับเจ้า”

“เร็กซัส...ข้า...รักเจ้า” รอสก้มลงมาจุมพิตกลางกระหม่อม ผมสัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆ 2-3 หยด หล่นลงมาที่ใบหน้า

“หึหึ ต่อให้ต้องนอนปวดไปทั้งตัวไปเป็นเดือนๆเท่านี้ก็คุ้มแล้วล่ะ” ผมเค้นเสียงออกมาก่อนจะค่อยๆปิดตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราในอ้อมแขนของคนที่ผมรัก และรักผม

.........................

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ว้ายยยย เค้าบอกรักกันค่ะ เขิลลลลลลลล :-[ ฉากมีความรักมาตอนยังงี้ ไม่มช่ว่าฉากหน้าตัดฉับเข้าบทโศกนะ :ruready

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :o8: บอกรักกันได้เสียที

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โฮฮฮฮฮฮ กว่าบักรอสจะบอกรักเจ้าลูกสิงห์โด้ แทบต้องแลกมาด้วยชีวิต

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ว้ายยยย เค้าบอกรักกันค่ะ เขิลลลลลลลล :-[ ฉากมีความรักมาตอนยังงี้ ไม่มช่ว่าฉากหน้าตัดฉับเข้าบทโศกนะ :ruready

เรื่องนี้หวานกันหน้าบอสตลอด 555

:o8: บอกรักกันได้เสียที

คุณอัศวินตื้อจนต้องยอม

โฮฮฮฮฮฮ กว่าบักรอสจะบอกรักเจ้าลูกสิงห์โด้ แทบต้องแลกมาด้วยชีวิต

ถือว่าเจ๊ากันละกัน กว่าตาเร็กซ์จะเลือกได้บักรอสก็ปางตาย 555

...............................

เรื่องราวเหลือหลักๆอีก 4-5 ประเด็นแล้ว ไม่แน่ใจจะเขียนได้ในกี่บทนะครับ น่าจะ 5-6 ตอน

เดินทางมาด้วยกันจนใกล้จะจบแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

...............................

Spoil Chapter 33 Simple and clean
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“โอห์” เสียงโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง

“ยังไม่ตายอีกสินะ”

“ถึงตาข้าปกป้องเจ้าบ้างแล้วล่ะ”

“บทแห่งแสง Sabre of light”

เสียงฝีเท้าของสัตว์ดังขึ้น แรพเตอร์สีขาวพาร่างชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดข้ามหัวผมไปขั้นกลางไว้ระหว่างผมกับสเปคเตอร์ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกระโดดลงจากหลัง เขาอยู่ในชุดนักบวชสีขาวขลิบทอง กลางหลังมีรูปไม้กางเขนสีทอง บ่งบอกถึงยศระดับสูง

เจ้าแรพเตอร์ม้วนตัวกลับมาหาผม มันพุ่งเข้ามาประชิดตัว สอดหัวเข้ามาใต้แขนเพื่อช่วยพยุง โอบหางมาคล้องเอวเพื่อปกป้อง ดวงตาสีอำพันจับจ้องประสานกับผม

“แกคือ...อัลบิโน (Albino)” ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างทำให้ผมเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา มันผงกหัวรับ แรพเตอร์เผือกหายากแบบนี้มีอยู่ไม่กี่ตัว งั้นก็แสดงว่า...คนตรงหน้าคือ...

“พี่วาเรน”

“ไงเจ้าตัวแสบ คิดถึงพี่บ้างไหม” ชายตรงหน้าหันมายกยิ้มกวนๆทักทาย

...............................

ปล. อารมณ์ตอนถัดไปคืออารมณ์เวลาฟังเพลงที่ชื่อเดียวกับตอนครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
อยากอ่านต่อแล้วววว  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกกกกกกก ใกล้จะเจอท่านพี่แล้วววว

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เห็นชื่อตอนแล้วนึกถึง mv แม่อูทาดะล้างจานไปร้องเพลงไป
เอ๊ะ เราพูดถึงเพลงเดียวกันใช่ไหม 55555

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 33 Simple and clean

เร็กซ์หลับไปแล้ว ดวงตาเขาปิดสนิท หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆถึงได้หลับลึกลงไปอย่างรวดเร็ว

ผมเอามือลูบเส้นผมสีดำที่ชุ่มเหงื่ออย่างทะนุถนอม ร่างกายของเขาร้อนมาก ร้อนกว่าเมื่อคืนเสียอีก

- ข้าจะเรียกตนเองว่าอัศวินได้ยังไง...ถ้าข้าปกป้องคนที่ข้ารักไม่ได้ –

เร็กซ์เอ่ยคำว่ารักมามากมายหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ตราตรึงเท่าครั้งนี้ มันฟาดมากลางใจเมื่อสายฟ้า หัวใจของผมพองโตยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติแต่ในหัวผมกลับโล่ง ปลอดโปล่ง เบาหวิวเหมือนลอยได้ มันอิ่มเอมใจอย่างที่เคยเป็นมาก่อน...

และมันก็ทำให้ผมกล้าที่จะบอกเขา...

กล้าที่จะรักเขา...

แม้ว่าผมจะกลัวที่จะต้องผิดหวัง แต่วินาทีนั้นผมก็มอบใจของผมให้เขาไปแล้ว...

และผมสัญญากับตนเองว่าผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด...

“โอห์” เสียงโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นครึ่งตัวท่อนบนของสเปคเตอร์ยันตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง เศษกระดูกที่กระจัดกระจายตามพื้นต่างกลิ้งเกลือกกลับไปหา เปลวไฟที่ดับมอดลุกไหม้ขึ้นมากรุ่นๆ ดวงแสงสีแดงในหมวกเหล็กสว่างขึ้นมาเป็นดวงเล็กๆ ผมสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นพุ่งตรงมาทางนี้

“ยังไม่ตายอีกสินะ” ผมค่อยๆวางศีรษะของคนรักลงไปนอนกับพื้น หาอะไรมาหนุนหัวเขาไว้ แล้วคว้าด้ามไม้ยาวๆที่ใช้ลากสังขารตนเองมาตรงนี้พยุงตัวลุกขึ้น

“พักผ่อนให้สบายนะเร็กซ์ เดี๋ยวข้าจัดการต่อเอง” ผมใช้ไม้เท้าพาตนเองเดินกะเผลกๆเข้าหาศัตรูที่พึ่งกลับมามีแขนครบสองข้างและกำลังก่อลำตัวช่วงล่างขึ้นมาใหม่

“ถึงตาข้าปกป้องเจ้าบ้างแล้วล่ะ” ผมพยุงร่างด้วยความยากลำบากเตรียมต่อสู้

“บทแห่งแสง Sabre of light” เสียงก้องดังขึ้นจากด้านหลัง

ฟ้าวๆ ฉึกๆ

ฉับพลันผมก็รู้สึกบางพุ่งผ่านข้างผมไป มันเป็นแท่งแสงเหมือนดาบสองเล่มพุ่งเข้าแทงอัศวินแห่งความตาย

ฟิ้วๆ ฉึกๆ

ดาบแสงอีกสองเล่มพุ่งข้ามหัวผมไป มันปักลงกลางอกของสเปคเตอร์แล้วแทงลงพื้นตรึงร่างนั้นไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

“กรรร..อ๊า..” เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง

จริงสิ...มันน่าจะเป็นประเภทอันเดด (Undead) ถ้าโดนธาตุแสงเข้าไปก็น่าจะเจ็บหนักอยู่

ตึกๆๆ ฟุบ ตึง

เสียงฝีเท้าของสัตว์ดังขึ้น แร็พเตอร์สีขาวพาร่างชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดข้ามหัวผมไปขั้นกลางไว้ระหว่างผมกับสเปคเตอร์ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกระโดดลงจากหลัง เขาอยู่ในชุดนักบวชสีขาวขลิบทอง กลางหลังมีรูปไม้กางเขนสีทอง บ่งบอกถึงยศระดับสูง

เจ้าแร็พเตอร์ม้วนตัวกลับมาหาผม มันพุ่งเข้ามาประชิดตัว สอดหัวเข้ามาใต้แขนเพื่อช่วยพยุง โอบหางมาคล้องเอวเพื่อปกป้อง ดวงตาสีอำพันจับจ้องประสานกับผม

“แกคือ...อัลบิโน (Albino)” ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างทำให้ผมเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา มันผงกหัวรับ แร็พเตอร์เผือกหายากแบบนี้มีอยู่ไม่กี่ตัว งั้นก็แสดงว่า...คนตรงหน้าคือ...

“พี่วาเรน”

“ไงเจ้าตัวแสบ คิดถึงพี่บ้างไหม” ชายตรงหน้าหันมายกยิ้มกวนๆทักทาย

…………………………….

บ่ายของวันเดียวกัน

หลังจากที่พี่วาเรนใช้เวทมนต์ธาตุแสงชำระล้างให้สเปคเตอร์ไปสู่สุขติแล้ว ผมก็หน้ามืดหมดสติไป รู้ตัวอีกทีคือตอนตื่นขึ้นมาในห้องนอนห้องหนึ่ง ผมนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ขาข้างขวาบวมเป่งถูกยกด้วยหมอน มีผ้าพันแผลชุบด้วยสมุนไพรพันอย่างลวกๆ

“อูย” พอจะขยับตัวลุกก็กระเทือนขาจนปวดไปหมด

แอ็ด...

เสียงประตูไม้เปิดออกเรียกสายตาของผมไปจับจ้องก็พบชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลอ่อน สวมแว่นกรอบดำ

“ฟื้นแล้วเหรอ เจ้าตัวแสบ” เสียงนุ่มทักทาย

“พี่วาเรน” ในหัวของผมมีคำถามมากมาย ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เจอกันแบบนี้แล้วจะถูกพากลับไปรึเปล่า เร็กซ์เป็นยังไงบ้าง ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

“นี่ไม่เจอกันตั้งนานจะเรียกแค่ชื่อเหรอไง” พี่รองว่าเสียงดุแล้วพุ่งเข้ามากอดรัดพร้อมเอามือยีหัว “แสบจริงๆเลยนะเรา”

“โอ้ยๆ พอแล้วพี่ โอ้ย...ขาผม” แรงกระเทือนจากการปลุกปล้ำทำให้ขาผมเจ็บไปหมดจนร้องเสียงหลง

“ฮ่าๆ โทษที ลืมตัวไปหน่อย มาเดี๋ยวพี่รักษาให้” วาเรนดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ประสานสองมือไว้ที่ขาบวมแดง

“บทแห่งแสง Heal” แสงอบอุ่นปลดปล่อยออกจากมือเรียว แสงนวลค่อยๆซึมเข้าไปที่ขาขวา ความเจ็บปวดค่อยๆหายไปพร้อมกับความโป่งนู่นที่ลดลง

“ทุกคนเป็นห่วงนะรู้ไหม” วาเรนเอ็ดระหว่างรักษาขาของผม

“ขอโทษครับพี่” ผมได้แต่หลุบตามองต่ำ

“ทำไม...ถึงต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงต้องแกล้งทำเป็นตายแล้วทิ้งบ้านออกมา”

“ผม...” เสียงของผมขาดหายไป ไม่รู้จะเล่ายังไงดี แต่แล้วผมก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “พี่วาเรน เร็กซ์ล่ะ เร็กซัสเป็นยังไงบ้าง” คนรักของผมอยู่ไหน

“พักอยู่อีกห้องนึง พี่รักษาให้ไปแล้ว” เขากล่าวเสียงนิ่ง “อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง ตอบพี่มา” เขาลดมือลงจากขาของผมแล้วเลื่อนเก้าอีมานั่งที่หัวเตียง ส่งสายตาคาดคั้น

“เพราะว่า...บ้าน...มันไม่อบอุ่นอีกแล้ว ตั้งแต่แม่จากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พ่อเปลี่ยนไป แล้วพอพวกพี่จากไปอีก...ผมก็ไม่เหลือใคร พี่รู้ไหมมันเหงาแค่ไหน ทั้งๆที่เรา 3 คนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันตลอด พอพี่ไป...ในวันเกิดของผมกลับต้องนั่งเป่าเค้กคนเดียว ไม่มีแม้แต่คำอวยพรของพี่ผ่านทางจดหมาย...บ้านมันว่างเปล่า” ผมพลั่งพรูความอึดอัดในใจออกมา

“แต่พี่วาเรเรี่ยนก็กลับเร็วกว่ากำหนดไปหาเจ้าแล้วนี่” พี่รองยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ

“พอกลับมาพี่ใหญ่ก็เปลี่ยนไป ผมคิดถึงพี่ใหญ่ที่มุทะลุ บ้าบิ่น และหัวร้อนแบบแต่ก่อน แต่พอเขากลับมาเขากลับเย็นชาแบบท่านพ่อ” เมื่อขาหายเจ็บผมก็งอมันขึ้นมาชิดอกแล้วกอดไว้

“ฮ่าๆ วารอส เจ้าเด็กน้อย” พี่รองส่ายหน้าเอือมระอาแล้วส่งยิ้มเอ็นดูให้ “พี่ใหญ่ต้องเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปนะ จะหัวร้อนเป็นเด็กตลอดได้ยังไง พวกเราทุกคนย่อมต้องโตขึ้นนะ วารอส”

“...”

“แต่จะบอกว่าพี่ใหญ่นิ่งสนิทแบบท่านพ่อเลยคงไม่ได้ เพราะ 1 สัปดาห์หลังรู้ว่าเจ้าตาย พี่ใหญ่ก็รวบรวมหินเวทย์ไฟมาเสริมพลังแล้วระเบิดบึงนั่นไปพร้อมๆกับเจ้าแห่งบึงจนไม่เหลือแม้แต่ซาก”

“...!!!” เมื่อได้ยินผมก็ตะลึงจนพูดไม่ออก หัวร้อนสมกับเป็นพี่วาเรเรี่ยนจริงๆ ต้องขอโทษคุณเจ้าแห่งบึงด้วยนะครับที่นำปัญหาไปให้

“ส่วนเรื่องท่านพ่อมันออกจะซับซ้อนสักหน่อย เดี๋ยวค่อยไปเล่าที่บ้านก็แล้วกัน”

“บ้าน!!!” ใจผมกระตุก

“ใช่...พี่มารับเรากลับบ้าน” คำตอบของเขาทำให้ผมต้องรีบส่ายหน้า

“ผมรักชีวิตอิสระแบบนี้ ผมไม่อยากกลับไปในกรอบที่ถูกตระกูลกำหนดทุกอย่าง” ร่างผมผงะออกห่างโดยไม่รู้ตัวจนพี่รองต้องมาคว้าไหล่ไว้

“เห้อ...ว่าแล้วเชียว คิดถูกจริงๆที่มารักษาเป็นคนสุดท้าย ไม่งั้นคงโดดหนีไปแล้ว” เขาถอนหายใจเหนื่อยหน่าย “วารอส พวกเราคือเดรโกนัสนะ ตระกูลจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่”

“นั่นมันคติของตระกูลแมงมุมรึเปล่าพี่”

“ก็คือกันนั่นแหละ” วาเรนส่ายหน้า “กลับเถอะนะน้องรัก กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนแต่ก่อน” ดวงตาสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นส่งความวิงวอน

“ผม...” ถึงพี่จะร้องขอขนาดนั้นผมก็ไม่อยากจะกลับ ผมรักการผจญภัยแบบนี้ ไหนจะเรื่องเร็กซ์อีก ขืนผมกลับไปผมก็ไม่ได้อยู่กับเขาสิ

“เห้อ…ขอร้องล่ะวารอส ยอมกลับดีๆเถอะ” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำคอตกเมื่อผมไม่ยอมร่วมมือ “เจ้ากับเร็กซัสดูสนิมสนมกันนะ”

“เราช่วยเหลือกันมาเยอะเลยสนิทกัน” เรื่องวันนี้เยอะพอแล้ว ผมยังไม่พร้อมเปิดเผยความสัมพันธ์และรสนิยมของผมให้เขาฟัง
“หนีออกจากบ้านก็เรื่องนึง แต่ช่วยอีกบ้านทำเควสคัดเลือกรัชทายาทนี่ไม่เบาเลยนะ” วาเรนกอดอกทำสีหน้าจริงจัง

“ผมไม่สนใจเรื่องตระกูล ผมทำในสิ่งที่อยากจะทำ” ผมตอบกลับไปเสียงแข็ง แม้ว่าเริ่มแรกไม่ได้กะจะช่วยก็เถอะ “เร็กซ์มีบุญคุณกับผม” และเป็นคนที่ผมรัก

“ลูกชายบ้านราชสีห์นี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ น่าเสียดายที่คงไม่ได้ไปส่งเควส”

!!!

“พี่หมายความว่ายังไง” ผมผุดลุกผุดนั่งด้วยความตื่นตระหนก “พี่รักษาอาการบาดเจ็บให้เขาแล้วไม่ใช่เหรอ”

“นั่นก็ใช่ แต่...” นักบวชตรงหน้ายกยิ้มเจ้าเล่ห์

“แต่...”

“พี่รักษาแล้วก็จริง แต่กว่าจะลุกเดินได้คงอีกเดือน”

“ด...ได้ยังไง พี่มีลักษณ์แห่งแสงที่แกร่งด้านเวทย์เยียวยานะ ทำไมถึงรักษาเขาให้หายเป็นปกติไม่ได้”

สัญลักษณ์ชำนาญการของพี่วาเรนคือแสง เป็นธาตุที่หายาก ทรงอานุภาพทั้งโจมตี ป้องกัน และรักษา เป็นเวทที่ฝึกยากมากถ้าไม่ใช่คนลักษณ์นี้ พลังรักษาระหว่างคนมีและไม่มีลักษณ์นี้ต่างกันหลายเท่า

“เพราะว่าพี่ไม่อยากให้เขากลับไปส่งเควส” แววตาที่อ่อนโยนกลับกลายเป็นแววตาน่ารังเกียจ มันเจ้าเล่ห์เหมือนงูพิษ “เพื่อให้พี่วาเรเรี่ยนมีโอกาสมากขึ้นเราต้องตัดคู่แข่งลง”

“พี่อย่าพูดอะไรบ้าๆนะ พี่เป็นนักบวชตัวแทนแห่งแสงและความดีงาม พี่จะทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะ” ผมแผดเสียงด้วยความโกรธ “พี่จะเล่นสกปรกแบบนี้ไม่ได้”

“เพื่อตระกูลไงน้องพี่ ถึงแม้ว่าบ้านทั้งสี่จะเป็นมิตรกัน แต่พวกเราก็เป็นคู่แข่งกัน หากช่วงชิงความได้เปรียบได้ก็ต้องรีบคว้าไว้” เขาอธิบายด้วยเสียงเรียบ

“...” ผมกดเม้มปากด้วยความแค้น ทำไมพี่ชายผู้แสนดีของผมถึงได้เป็นแบบนี้ได้

“แต่พี่มีข้อเสนอให้เราเลือก” วาเรนยกยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง “อันที่จริงพี่จับเรากลับไปก็ได้ แต่ในบรรดาสามพี่น้อง เราน่ะชอบเล่นตุกติก นอกกรอบที่สุด พี่ไม่อยากปวดหัว พี่ยอมประนีประนอม”

“...!!!”

“ถ้าเรายอมกลับไปกับพี่ดีๆ พี่จะยอมรักษาให้เขาหายดี...ให้เดินเหินได้ในวันสองวันเลย เอ้า...สนใจไหม”

“...” ผมก้มหน้าก้มตาประมวลผลในหัวอย่างหนัก รู้สึกได้ถึงเล็บที่จิกลงฝ่ามือเพราะกำแน่นมากด้วยความโกรธ

ถ้าต้องกลับไปแล้วอาจจะไม่ได้เจอคนรักอีกสู้หนีไปแล้วหาโอกาสมาพบกันอีกไม่ดีกว่าเหรอ ดีเสียอีก...ถ้าเร็กซ์กลับไปส่งเควสไม่ได้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเลือก รีบหนีไปตอนนี้แล้วค่อยกลับมาตอนเขาหายดีก็ได้

ถุงมือเวทย์ก็ยังอยู่ในมือ ต่อให้พี่วาเรนแกร่งแค่ไหนแต่ถ้าเรื่องหลบหนีโดยไม่ปะทะผมว่าผมน่าจะเหนือกว่า ยิ่งพี่พึ่งใช้พลังเวทย์รักษาบาดแผลมาด้วยเขาน่าจะเหน็ดเหนื่อยอยู่

“จะทำอะไรก็คิดดีๆนะวารอส” พี่วาเรนเปิดปากเมื่อสัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียด “บาดเจ็บกระดูกร้าวทั้งตัวขนาดนั้น ต่อให้หายเองได้แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ดีอาจจะจับดาบไม่ได้อีกเลยนะ”

“...!!!” ดวงตาผมเบิกกว้าง มือค่อยๆคลายออก คำเตือนของพี่เปลี่ยนทุกอย่าง

เร็กซ์เป็นอัศวิน...เป็นนักรบ ต่อให้เขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผมแล้วก็จริง แต่นักรบที่ไม่อาจจับดาบต่อสู้ได้อีก...มันไม่ต่างจากตายทั้งเป็น ผมรู้เพราะผมเดินทางมาหลายที่แล้วและหลายครั้งผมก็ได้พบกับนักรบเหล่านี้นั่งหมดอาลัยตายอยาก เฝ้าเพ้อถึงวันวานที่ยังสู้รบได้ ต่อให้ผมอยากอยู่กับเขามากขนาดไหน ผมไม่สามารถที่จะให้เขาตกอยู่ในสภาพนั้นด้วยความเห็นแก่ตัวของผม

“ตกลง” ผมตอบกลับไปอย่างขมขื่น “ถ้าพี่รักษาให้เขาหายดี ผมจะยอมกลับบ้านโดยดี” ผมก้มหน้าก้มตายอมรับชะตา สิ้นสุดแล้วสินะชีวิตผจญภัยของผม

“ตัดสินใจได้ดี เจ้าเลือกประโยชน์เพื่อนมากกว่าตนเอง” พี่วาเรนยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “เจ้าเติบโตขึ้นมาก วารอส พี่ภูมิใจในตัวเรานะ”

“...” ผมได้แต่นั่งนิ่งทั้งๆที่อยากจะสะบัดมือที่น่ารังเกียจนั้นออก คนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“ไปหาเพื่อนเจ้าสิ เร็กซัสหลับอยู่ในบ้านหลังถัดไปทางซ้าย” พี่รองลุกขึ้นยืนทำท่าบิดขี้เกียจ

“ม..หมายความว่ายังไง” ผมตกตะลึง ไหนบอกว่าจะรักษาให้ไง

“นี่คิดว่าหน้าพี่อิดโรยแบบนี้เพราะอะไรล่ะ รักษากระดูกร้าวกับกล้ามเนื้อฉีกขาดทั่วร่างไม่ใช่เรื่องง่ายนะ พี่สมานมันไว้หมดแล้ว พักฟื้นสักวันนึงเขาก็เดินได้แล้ว” เขาผายมือออกสองข้างทำท่าราวกับเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนออกแล้วยกยิ้มกวนบาทาใส่

“น...นี่พี่หลอกผมเหรอ” รู้สึกได้เลยว่าหน้าผมแดงร้อน ทั้งโกรธ ทั้งอาย โดนเข้าแล้วไง...โดนเจ้าพี่บ้านี่หลอกเหมือนแต่ก่อนเลย

“ฮ่า ๆ ก็อย่างที่เราว่า พี่เป็นตัวแทนแห่งแสงและความดีงาม พี่ไม่เอาชีวิตคนมาเล่นหรอกนะ” วาเรนพลิกตัวลงมานอนข้างๆผม ทำหน้าง่วงแบบสุดๆ “ไปได้แล้ว พี่จะพักบ้าง อย่าลืมที่ตกลงกันนะ พี่จะเปิดอุโมงค์มิติกลับตอนฟ้าสาง”

“อึก” หนอยยยยย เจ้าพี่บ้านี่ แกล้งผมเหมือนแต่ก่อนเป๊ะเลย พี่วาเรนไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ

..........................................

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ว้ายยยยย ท่านพี่ ชอบคาแรคเตอร์จังค่ะ :-[

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความจริงเริ่มเปิดเผย จะได้เจอท่านพี่วาเรี่ยนกับท่านพ่อแล้วสินะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อยากอ่านต่อแล้วววว  :katai4: :katai4:

อดทนอีกนิดน้า

สนุกกกกกกก ใกล้จะเจอท่านพี่แล้วววว

พี่รองโผล่มาก็บทโหดเลย 555

ความจริงเริ่มเปิดเผย จะได้เจอท่านพี่วาเรี่ยนกับท่านพ่อแล้วสินะ

ปมคนกับคนนี่แหละยากสุด แต่งก็ยาก 555

เห็นชื่อตอนแล้วนึกถึง mv แม่อูทาดะล้างจานไปร้องเพลงไป
เอ๊ะ เราพูดถึงเพลงเดียวกันใช่ไหม 55555

ถูกต้องนะคร้าบบบบ
แฟน Kingdom heart เหมือนกันสินะครับ
นี่ก็คิดอยู่ว่าจะใส่ Sanctuary ของ KH 2 กับ Don't think twice ของ KH3 เป็นชื่อตอนได้บ้างรึเปล่า

ว้ายยยยย ท่านพี่ ชอบคาแรคเตอร์จังค่ะ :-[

นี่คือเจ้าเล่ห์สุดที่คิดได้ละ โดยส่วนตัวคนแต่งเป็นคนตรงๆ เข้าไม่ค่อยถึงบทเท่าไหร่

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
33.2

ผมหยุดยืนตรงปลายเตียงที่คนรักของผมนอนอยู่ เร็กซ์ยังคงหลับสนิท สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมากแต่ยังคงมอมแมมอยู่ ผมเดินไปขอน้ำกับผ้าสะอาดมาเช็ดตัวให้ อย่างน้อยผมก็ควรจะดูแลเขาอย่างที่สัญญาไว้

“ข้าจะบอกเจ้ายังไงดีนะ” ผมพึมพำเบาๆขณะลูบผ้าเปียกเช็ดใบหน้าของเขา นิ้วมือลูบไล้ริมฝีปากคู่นั้นที่เคยประทับจูบ “ข้าต้องคิดถึงจูบห่วยๆของเจ้าแน่ๆ”

เลิกผ้าห่มออก ยกตัวเขาขึ้นด้วยความยากลำบากเพื่อถอดเสื้อออกแล้วเช็ดลำตัวของเขา มองเห็นรอยแดงที่ผมทิ้งไว้บนแผ่นอกหนาของเขาตั้งแต่เมื่อคืน

“ข้าจะได้นอนซุกอกของเจ้าอีกไหมนะ” อ้อมกอดของเขามันช่างอบอุ่น มันคือความอบอุ่นที่ผมโหยหามาตลอด พึ่งจะได้เป็นเจ้าของเมื่อไม่กี่วันแท้ๆ...อีกไม่นานผมก็ต้องจากมันไปเสียแล้ว

“ข้าจะได้พบเจ้าอีกไหมนะ” ผมยกมือเขาขึ้นกอบกุมและบีบไว้แน่น จูบเบาๆที่หลังฝ่ามือของเขา

“ต้องได้เจอสิเมืองของเราห่างกันไม่ถึงวันนี่เนอะ” ผมพยายามปลอบใจตนเอง เป็นครั้งแรกที่ผมกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากเพราะผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าจะพบอะไร ไม่รู้ว่าจะไปลงเอยที่ไหน

ผมดึงผ้าห่มขึ้นห่มร่างหนาแล้วปีนขึ้นเตียงไปนอนข้างๆ ตะแคงเพ่งพิจารณาใบหน้าของเขา เก็บรายละเอียดจดจำไว้ให้ได้มากที่สุด

พลัน...น้ำตาก็ไหลออกมา กี่ครั้งแล้วที่ผมบอกคนอื่นๆลอยๆไปว่าหวังว่าจะได้พบกันอีกโดยไม่คิดอะไร แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง...ผมไม่อยากจากเขาไปเลย

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเจ็บปวดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทั้งจากอาจารย์และจากโจรร้าย ผมสร้างเกราะคุ้มกันตนเองจากความเจ็บปวดเหล่านั้น เซ็กซ์ไม่เคยมีความหมายใดๆกับผมเลยตราบใดที่ผมไม่ได้ให้ใจไป ทว่าครั้งนี้มันแตกต่าง เร็กซ์ทลายกำแพงของผมออกแล้วรับหัวใจของผมไปแล้ว ผมหวาดกลัวความไม่แน่นอน กลัวว่าจะไม่ได้พบเขาอีก ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เปราะบางขนาดนี้มันเมื่อไหร่ ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง

“ข้ารักเจ้าจริงๆนะ” ผมเอ่ยเบาๆแล้วเอาหัวไปซุกแนบบนอกของเขาเพื่อฟังเสียงหัวใจแทนเพลงกล่อมนอนก่อนจะหลับไปในที่สุด...

“รอส”

และตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคนข้างกายขยับตัว

“เร็กซ์ เจ้าฟื้นแล้ว” ผมโผกอดอัศวินหนุ่มตรงหน้าด้วยความดีใจ แขนแกร่งโอบรัดกลับมาอย่างรวดเร็ว ผมจูบเขา

“อ๊ะ” เขาส่งเสียงแปลกใจ “ทำไมถึงขยับได้ ข้าควรขยับไม่ได้เลยนี่หน่า แถมไม่ค่อยปวดด้วย”

“วาเรนรักษาให้แล้ว” ผมว่าพลางมองออกไปนอกหน้าต่างพบแต่ความมืด มีแต่แสงจันทร์ส่องเข้ามาให้เห็นเขาลางๆ ผมลุกไปจุดเทียนไขเพื่อให้ห้องสว่างขึ้น

“วาเรน ? วาเรนแห่งแสง วาเรน เดรโกนัสน่ะเหรอ โอ้ย” เขาขยับตัวลุกด้วยความตกใจจนใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ดูท่าร่างกายของเขายังต้องพักฟื้นอย่างที่พี่วาเรนว่า “น...นั่นมันพี่เจ้าไม่ใช่เหรอ”

“ใช่” ผมตอบเสียงเบาแล้วนั่งลงข้างเขา “เขาช่วยพวกเราไว้”

“ช่วย ? หมายความว่ายังไง แล้วเจ้าล่ะจะทำยังไงที่โดนเจอตัวแล้ว ? ” เขาฝืนตัวลุกขึ้นนั่งแล้วบีบต้นแขนสองข้างของผมไว้แน่น ดวงตาสีดำจับจ้องคาดคั้นคำตอบ “เขาจะจับเจ้ากลับไปรึเปล่า” ผมได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้น

“ไม่ได้จับหรอก แต่ข้ายอมกลับไปเอง”

“ท...ทำไมล่ะ ไหนเจ้าบอกว่าไม่อยากกลับไง”

“ข้าได้คุยกับพี่แล้ว และข้าก็คิดได้...” ผมไม่สามารถรวบรวมความกล้าเพื่อมองตาเขาได้ “ข้าคิดได้ว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าควรจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และรับผิดชอบต่อหน้าที่ได้แล้ว” ผมโกหกไป

“...”

“เหมือนที่เจ้าเคยบอกว่าเราทุกคนมีหน้าที่ต่อตระกูล ข้าทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจหนีเที่ยวมานานพอแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องเติบโตเหมือนคนอื่นๆแล้ว” ผมมอบรอยยิ้มบางๆให้กับเขา พยายามคงเสียงของตนเองไว้ไม่ให้สั่น

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” สีหน้าของคนถามเคร่งเครียด “ที่บ้านคงไม่ทำอะไรเจ้าใช่ไหม”

“ข้าไม่รู้...แต่คิดว่าน่าจะจับเข้าขั้นตอนตามประเพณีของบ้าน เข้าพิธีรับสัญลักษณ์ชำนาญการแล้วส่งไปเรียนต่อก่อนจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่”

“ที่ไหน”

“ข้าไม่รู้” หากยังไม่รู้ว่าจะได้สัญลักษณ์อะไรก็ไม่รู้ว่าจะถูกส่งไปไหน หอคอยแห่งธาตุทั้ง 7 ตั้งอยู่ทั่วอาณาจักร

“นานเท่าไหร่”

“ข...ข้าไม่รู้” ผมตอบไปด้วยเสียงสั่นเครือ เรียนทั้งขั้นกลางที่ขาดไปและขั้นสูงที่ต้องฝึกเพิ่ม ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปี “ข้าไม่รู้อะไรเลย” ผมไม่อาจกลั้นความเสียใจได้อีกแล้ว หัวใจของผมปวดร้าว ผมพุ่งตัวเข้าไปกอดซุกขอความอบอุ่นจากคนรักเพื่อซ่อนน้ำตาที่เริ่มจะปริ่มล้น “ข้าไม่รู้จริงๆ”

เร็กซ์กอดผมแล้วโยกตัวเบาๆเหมือนปลอบเด็กน้อยคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งลูบหัวผมไว้ มันรู้สึกดีมากๆเลย “แล้วเจ้าจะต้องกลับเมื่อไหร่” เขาจุมพิตกลางกระหม่อมเบาๆ

“รุ่งเช้า” เมื่อตอบไปร่างเจ้าของอ้อมกอดก็กระตุกไปพร้อมๆกับจังหวะหัวใจของเขา

“ท...ทำไมเร็วนักล่ะ”

“...” ผมนิ่งไร้คำตอบใดๆ

“ไม่ต้องห่วงนะ เราจะหาทางออกด้วยกัน เราจะหาทางอยู่ด้วยกันให้ได้ ข้ารักเจ้านะ ข้าไม่ยอมเสียเจ้าไปเด็ดขาด ข้า...อุ๊บ” ผมประกบปากปิดริมฝีปากอวบอิ่มคู่นั้นเพื่อให้เขาหยุด ผมรับปากพี่วาเรนไปแล้ว ไม่ว่ายังไงผมคงต้องกลับ

นี่ผมต้องติดนิสัยซื่อตรงจากเจ้าอัศวินนี่ไปแล้วแน่ๆ

“ข้าเองก็รักเจ้า แต่ข้าจำเป็นต้องไป” ผมผลักเร็กซ์นอนลงไปและกอดเขาไว้ “หลังจากคืนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เจ้ารู้ไว้...ว่าข้ารักเจ้าเสมอและหัวใจของข้าเป็นของเจ้า”

“รอส” เราจูบกันอีกครั้ง แบ่งปันลมหายใจกัน

คืนนั้นเราสองโอบกอดแลกเปลี่ยนความอบอุ่นให้กัน มันแนบแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ รู้สึกดียิ่งกว่าตอนมีอะไรกันเสียอีก ผมพยายามเก็บเกี่ยวมันให้ได้มากที่สุดเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้รับมัน...ก่อนจะหลับลงในอ้อมกอดของเขา ในใจได้แต่เฝ้าภาวนาให้ดวงตะวันขึ้นช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

ก๊อก ๆ ๆ

“ท่านนักเวทย์ครับ ท่านนักบวชให้มาตามแล้วครับ”

แต่สุดท้ายเวลานั้นก็มาถึง...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเมื่อแสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าส่องแสงอันอบอุ่นผ่านหน้าต่างเข้ามา แต่สำหรับผมแล้วมันช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน

ผมลุกขึ้นแล้วขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขาช้าๆ มันช่างยากลำบากเพราะแขนของเขารัดแน่นไม่ยอมให้ผมจากไปไหน

“ถึงเวลาแล้ว” ผมกระซิบบอก

“ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย” เขายังคงรั้งผมไว้

“ข้าจำเป็น” ผมจูบหน้าผากของเร็กซ์

“รอส เรามาใช้โอทห์คีปเปอร์ทำสัญญากัน ข้าจะได้ตามเจ้ากลับมาได้” ใจผมชื้นขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่ายังมีวิธีนี้อยู่ แต่ทว่า...

“ขออภัยด้วยครับนายท่าน ท่านพึ่งยกเลิกพันธะกับเขาได้ไม่นาน กว่าจะทำสัญญากับคนเดิมได้ต้องห่างกันประมาณหนึ่งเดือนครับ” ความหวังของผมก็ดับลง

“บ้าเอ๊ย” ร่างหนาสบถ

“แต่เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าอยู่ไหน ก่อนข้าต้องไปศึกษาต่อน่ะนะ” เมื่อคนตรงหน้าได้ยินแขนแกร่งก็เริ่มคลายกอดจนผมหลุดออกมาได้ แต่มือของเขายังกุมมือของผมไว้อยู่

“รอข้านะ ไว้จัดการทุกอย่างเสร็จข้าจะไปหาเจ้านะ” เร็กซ์ตอบขณะที่มือผมไหลหลุดจากการกอบกุมของเขา เขาพยายามจะลุกขึ้นตามมาแต่ก็ต้องส่งเสียงอู้อี้เมื่อร่างของเขายังขยับได้ไม่เต็มที่ “รอส ข้ารักเจ้านะ”

“เช่นกัน เจ้าคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของข้าเลยนะ” เสียงของผมแผ่วเบา ผมหันไปมองเขาก่อนที่จะก้าวออกมาจากประตูและปิดมันลง

ผมเกรงกลัวการถูกทอดทิ้งมาตลอด แต่ก็ไม่เคยนึกเลย...ว่าจะต้องเป็นฝ่ายเดินจากมาเองง่ายๆแบบนี้...ไม่เคยเลยจริงๆ

“ลาก่อนนะ...เร็กซ์”

................................
ปล.
ชื่อตอนเกี่ยวอะไร ?
ท่อนฮุคของเพลง Simple and clean คือ...
When you walk away.
You don’t hear me say.
Please, oh baby, don’t go.
Simple and clean is the way that you’re
Making me feel tonight.
It’s hard to let it go.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
มาต่อเร็วเว่อร์ ดีใจจจจ :กอด1: แปะไว้ก่อนเดี้ยวมาเม้นนนน


----------------------------------
    สู้ๆนะ ทั้งสองคน ฝึกให้เก่งๆไปเลย จะได้ไม่มีใครขวางทางได้ :laugh: แสดงว่าท่านพี่รองและพี่ใหญ่จะมีบทเยอะขึ้นล่ะสิเนี่ย ฟินนนนนน :ruready ดีต่อใจ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2018 19:03:51 โดย shiroinu »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทางแยกหน้าที่ ความรับผิดชอบกับความรัก
ปล. ผมชอบเพลง hikari มากกกกก เคยฟังครั้งแรกตั้งแต่สมัย ม.ต้น มั้ง 55555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอสเอาแต่หนีตลอดเลย อย่างนี้เร็กซ์ยิ่งต้องดูแล

ออฟไลน์ KPMwolf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Chapter 34.1 Home sweet home

ซูมมมม

ผมรู้สึกคลื่นไส้หน่อยๆเมื่อก้าวผ่านอุโมงค์แสงที่ก่อตัวขึ้นมากลางอากาศ มิติต่างๆบิดเบี้ยวไปหมดแต่ไม่นานก็พบบรรยากาศที่คุ้นเคย ลานหญ้ากว้างกับบ่อน้ำพุประดับด้วยพุ่มไม้ตัดแต่งเป็นรูปมังกร คฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุ้นตา

อุโมงค์มิติ (Warp portal) เวทมนตร์ธาตุแสงที่สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ในพริบตา ขอแค่ผู้ใช้เคยไปมาก่อนก็สามารถเคลื่อนย้ายไปได้โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งก่อสร้างใดๆช่วยแบบประตูมิติ ทั้งนี้จะไกลขนาดไหนขึ้นกับความสามารถของผู้ใช้

“ไม่รู้พี่ใหญ่ตื่นรึยัง แต่น่าจะอยู่บ้านแหละ” พี่วาเรนรายงานขณะพาผมเข้าบ้าน มือข้างหนึ่งโอบหลังผมไว้ สงสัยกลัวจะหนี
ตู้ม

เสียงระเบิดดังสนั่นจากอีกฝั่งของคฤหาสน์ช่วยตอบคำถามเมื่อครู่

“คุณชายกลางกลับมาแล้วเหรอคะ เดินทางเหนื่อยไหม” หญิงร่างท้วมวัยกลางคนท่าทางใจดีในชุดแม่บ้านทักทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้ามา

“ไม่หรอกครับป้าแอน”

“พาใครกลับมาด้วยคะเนี่ย? หน้าตาคุ้นๆ” ป้าแอนหันมามอบรอยยิ้มอันอบอุ่นให้ผม มันไม่ต่างจากแต่ก่อนเลย พี่วาเรนยกยิ้มร้ายกาจที่มุมปากแล้วแอบไหล่ผมมาแนบตัว

“สะใภ้ของบ้านครับป้า” คำตอบพี่แกเล่นเอาผมและป้าแอนอ้าปากเหวอ

“คุณชาย/พี่!!!”

“ฮ่าๆๆ ป้าจำเจ้าตัวแสบนี่ไม่ได้เหรอครับ เลี้ยงมากับมือ”

“ดวงตาคู่นั้นแบบท่านหญิงโรซ่า ม…ไม่จริง” ตกใจกับคำตอบแรกไม่นานก็ตกใจรอบสอง ป้าแอนเสียงสั่นเครือ ยกมือปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างปริ่มน้ำตา

“สวัสดีครับป้าแอน” ผมไม่กล้าสบตาตรงๆเพราะรู้สึกผิด ได้แต่ยิ้มแหยๆยกมือทักทาย ป้าแอนเป็นหนึ่งในคนที่เลี้ยงผมมาหลังจากแม่เสียไป

“คุณหนูวารอส คุณหนูยังมีชีวิตอยู่” นางโผเข้ากอดผมแน่น หยดน้ำใสจากดวงตาไหลอาบแก้ม “คุณหนูของป้ายังไม่ตาย ฮือ”
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ” ผมกระชับกอดตอบ

“ตั้งแต่รู้ว่าคุณหนูตายป้าก็ร้องไห้ทุกวันเลย ฮือ”

“ผมขอโทษจริงๆ”

“เอ๋” จู่ๆนางก็ส่งเสียงตกใจ มือไม้เริ่มคลำๆไปตามร่างของผม “คุณหนูไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมตัวถึงได้หนาผิดจากพี่ๆแบบนี้ แล้วมือ…ทำไมมือหยาบกร้านแบบนี้ นี่คุณหนูต้องไปตกระกำลำบากเป็นกรรมกรที่ไหนมารึเปล่าเนี่ย” ป้าแอนพลิกมือผมพินิจอย่างละเอียด

“อ่า…” ได้แต่เกาหัวแล้วยิ้มแห้งๆ “คือ…ก็…” เห็นสายตาคาดคั้นระคนเป็นห่วงแล้วไม่กล้าบอกเลยว่าหนีไปผจญภัยมา ขืนบอกไปล่ะก็…ป้าใจดีได้เป็นยักษ์ใจร้ายแล้วตีจนหลังลายแน่ๆ

“ไว้ค่อยเล่าละกันครับป้า ผมขอพาเจ้าตัวแสบไปหาพี่วาเรเรี่ยนก่อน” วาเรนช่วยตัดบท

“อ่านั่นสินะ คุณชายใหญ่ต้องตื่นเต้นแน่ๆ ตอนนี้เขากำลังฝึกซ้อมอยู่ที่สนามฝึกหลังบ้านค่ะ”

“แล้วท่านพ่อล่ะ”

“คุณท่านออกไปธุระตั้งแต่เมื่อวาน น่าจะกลับมาวันนี้ช่วงบ่ายค่ะ”

พอนึกถึงท่านพ่อแล้วก็ต้องเสียวสันหลังวาบ ท่านยิ่งเจ้าระเบียบอยู่ ไม่รู้ว่าพอพบหน้ากันแล้วจะโดนท่านฆ่าเอารึเปล่า แต่นั่นคือหลังจากที่ผมรอดจากมือพี่ใหญ่ก่อนนะ

ผมเหลือบมองภาพวาดบนฝาผนังตรงบันไดแยก ภาพครอบครัวอันประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูกชาย 3 คน ชายหนุ่มท่าทางงามสง่า ผิวขาวซีด ใบหน้านิ่งเรียบ ดวงตาสีน้ำเงินเย็นเฉียบ เส้นผมสีเงินยาวถึงกลางหลังถือคทาด้ามยาวลายมังกร บัลเดอร์ เดรโกนัส (Balder Dragonus) ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน หรือท่านพ่อนั่นเอง ข้างๆคือหญิงสาวผู้เลอโฉมแฝงแววขี้เล่น ดวงตาสีน้ำตาลแดง เส้นผมสีน้ำตาลจนเกือบแดงยาวถึงเอว โรซ่า เดรโกนัส (Rosa Dragonus)…ท่านแม่

“วารอส อย่าพึ่งบอกสาเหตุที่เจ้าออกจากบ้านให้ใครฟังนะ” พี่วาเรนแอบกระซิบขณะที่เราสองคนเดินผ่านทางเดินทอดยาวไปยังลานฝึก

“ทำไมล่ะพี่”

“ขืนข่าวแพร่งพรายออกไปว่าแกล้งตายเพื่อหนีออกจากบ้าน มีหวังท่านพ่อต้องอับอายและยิ่งโกรธแน่ๆ ท่านยิ่งกลัวชื่อเสียงวงศ์ตระกูลด่างพร้อยอยู่ เดี๋ยวพี่จะลองคิดข้อแก้ตัวให้ดูละกัน พี่กลัวพ่อจะปรี๊ดแตกจนลงไม้ลงมือ”

ตู้มๆ

เสียงระเบิดดังต่อเนื่อง แม้อยู่ในบ้านยังรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน อีกไม่นานจะถึงลานฝึกแล้ว เมื่อพี่วาเรนเปิดประตูออกไปก็พบชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีแดงยืนหันหลังให้ เบื้องหน้ามีหุ่นดินและหลุมหลายหลุมกระจายไปทั่ว

วิ้ง

วงแหวนเวทย์สีแดงวงหนึ่งปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของชายผมแดง อีกวงอยู่ที่พื้นใต้เท้าของตุ๊กตาดินที่ปั้นเป็นรูปโกเลม

ตู้ม

ระเบิดปะทุขึ้นใต้เท้าหุ่นดินจนลุกเป็นเสาไฟ ควันโขมงไปทั่ว เศษดินลอยกระจัดกระจาย

“มาแล้วเหรอไอ้น้องชาย” เสียงทักทายและการกระทำของชายตรงหน้าทำเอาผมอยากจะหดตัวลงแล้วมุดดินหนีไป มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

“สวัสดีครับพี่...วาเรเรี่ยน” ผมกลั้นใจตอบกลับไป และต้องสะดุ้งเมื่อแววตาแข็งกร้าวสีเดียวกันตวัดมอง

“สร้างเรื่องไว้ใหญ่โตเลยนะ” พี่ใหญ่เดินมาหยิบผ้าขนหนูซับเหงื่อที่ใบหน้า

“ขอโทษครับ พี่”

“แกล้งตายหนีออกจากบ้านเพราะขาดความอบอุ่นเนี่ยนะ” เขากล่าวเสียงดุ

“พ...พี่รู้ได้ไง”

“พี่ใช้เวทย์สื่อสารบอกไปแล้ว” พี่รองไขข้อสงสัยให้แทน

“ไปยืนตรงนั้นซิ” วาเรเรี่ยนชี้ไปกลางลานฝึก

“...” ผมยืนงุนงงจ้องมองพี่ใหญ่หักข้อนิ้วดังกร๊อบแกร็บ เริ่มจะเดาชะตากรรมของตนเองได้ ส่งสายตาหาพี่รองเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็พบว่าเจ้าตัวยืนผิวปากทำไม่รู้ไม่ชี้

“ชักช้าอะไรอยู่” พี่ใหญ่สั่งเสียงแข็ง ผมจำยอมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปกลางลานหญ้าที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและรอยไหม้จากแรงระเบิด “รู้ใช่ไหมว่าต้องโดนลงโทษ”

“อ...เอ่อ พี่ใหญ่ ใจเย็นๆนะครับ ผมขอโทษ” ซวยล่ะสิ ไหนพี่รองว่าต้องใจเย็นลงเพราะโตขึ้นแล้วไง หรือเพราะแบบนั้นก็เลยกลายเป็นพวกอารมณ์ร้อนแบบนิ่งๆแบบนี้ได้

วิ้ง

หน้าผมซีดลงทันทีเมื่อวงแหวนเวทย์สีแดงปรากฏขึ้นใต้เท้า ผมหลับตาสนิท เป็นไปตามคาดจริงๆด้วย โดนพี่ใหญ่ฆ่าแน่ๆ ขอโทษนะเร็กซ์ เราคงไม่ได้เจอกันแล้ว

ตู้มมมม

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใดๆ ร่างผมคงกระจายไปแล้วแน่ๆ คงเหลือแต่ดวงวิญญาณยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่กล้าเปิดตาขึ้นมองศพของตัวเอง

หมับ

จู่ๆก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งสวมกอดแล้วดึงเข้าไปแนบร่าง มันอุ่นจนร้อน

“ควบคุมได้ดีจริงๆเลยพี่ใหญ่ ระเบิดเสาไฟโดยกักแรงระเบิดไว้ได้อย่างมิดชิด” เสียงนุ่มของวาเรนเอ่ยชม

“พี่เป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้ไหม” จากน้ำเสียงแข็งกร้าวกลับกลายเป็นอ่อนโยน พี่วาเรเรี่ยนสวมกอดผมไว้แน่นจนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกห่วงใยที่ส่งผ่านมา “พี่คิดถึงเจ้าตลอดเลยนะ”

“ผมขอโทษครับพี่ ดีใจที่ได้พบกันอีกครับ” บางทีผมอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้ ความอบอุ่นของบ้านหลังนี้อาจจะไม่เคยหายไปไหนเลย

..................................................

ปล.ช่วงนี้ตอนจะสั้นหน่อยนะครับ

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ความรักที่มาจากคนในครอบครัวยังไงก็อบอุ่นที่สุด~ แต่เราก็ยังรอให้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆ อยู่ดี >\\\<

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด