.
.
.
ผมรู้สึกได้ว่าตอนนั้นมันคุ้มแล้วที่จะแพ้
แม้จะเจ็บจนน้ำตาไหลรวมไปถึงสลบยาวต่อไปอีกหลายชั่วโมง...แต่มันก็คุ้มแล้ว
ตอนที่ผมตื่นนั้นท้องฟ้ากำลังจะสว่าง ผมสวมเสื้อผ้าให้กับตัวเองอย่างยากลำบาก...พยายามลืมเรื่องความเป็นรองของตัวเองที่ผมยอมให้ธนูมันเป็นฝ่ายกระทำ แต่มันก็ไม่สามารถลืมได้โดยง่าย
ก็ในเมื่อคนทำมันกำลังนอนหลับปุ๋ยอย่างสบายใจเฉิบอีกทั้งยังโป๊อล่างฉ่างให้ผมเห็นแบบนี้ ผมจะลืมได้ยังไงไหว
มันหมดเวลาที่จะแสดงบทเป็นคู่นอนที่ดีของกันและกันแล้ว
‘เหี้ยธนู!’ ผมเอารองเท้าที่ผมยังไม่ได้ใส่มาตีสะโพกขาวๆ ของมันเบาๆ ...มันส่งเสียงครางอือในลำคอ ขยับตัวไปมาอวดกล้ามทุกสัดส่วนให้ผมได้เห็นเต็มๆ สองตา
...ครับ ผมพูดถึงน้องชายขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มของมันด้วย
‘ตื่น กูมีเรื่องจะพูดก่อนไป’ ผมพยายามไม่มองหุ่นที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็กต์ของมัน
ธนูลุกขึ้นมานั่ง...ผมของมันกระเซอะกระเซิงอีกทั้งมันก็กำลังทำตาปรืออย่างน่ารักด้วย
ไม่ มันน่ารักตรงไหน มันไม่น่ารักหรอก
‘เออว่ะ กูก็มีเรื่องจะพูด’ หลังจากที่ธนูเริ่มครองสติได้...มันก็เริ่มหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่
นี่เราทั้งคู่ทำกันจนลืมใส่เสื้อผ้าแล้วนอนจริงๆ ใช่มั้ย...
‘ว่ามา’ ผมกอดอก ทำท่าเหมือนไม่เจ็บอะไร ทั้งๆ ที่เจ็บจะตายห่า
ไม่ได้...ผมจะมาทำตัวอ่อนแอต่อหน้าหัวหน้าแก๊งเอกอื่นที่เป็นคู่แข่งของผมไม่ได้
‘มันคือข้อตกลง’ ธนูพูดแล้วลุกขึ้นยืน...มันแต่งตัวไวมากซะจนผมอดตกใจไม่ได้ที่จู่ๆ มันก็มายืนประจันหน้ากับผม
‘กูก็กำลังจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน’ แปลกแต่จริงที่ผมกับมันใจตรงกันหลายอย่าง...แม่งเป็นมาทั้งคืนจริงๆ นะ ผมบอกได้เลย ‘มึงห้ามแพร่งพรายเรื่องที่มึงได้กูออกไปเด็ดขาด...’
‘มึงก็ได้กูนะ’ ธนูเลิกคิ้ว ทำสีหน้าไร้เดียงสา ‘ทำกูฟินไปตั้งสามสี่รอบ...ยังไงก็ถือว่ามึงได้กูอ่ะ’
มันไม่ควรพูดด้วยสีหน้าแบบนั้น ไม่ควรเลยจริงๆ เพราะผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนมันบลัฟจริงๆ นะ ให้ตายเถอะ
‘กูเสียเปรียบมึง’ ผมกัดฟันพูด
‘คิดงั้นเหรอ’ มันสวนกลับ
‘จะยังไงก็เหอะ มึงห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด’
‘มึงก็เหมือนกัน” ธนูเริ่มทำสีหน้าจริงจังมากขึ้น ‘มึงห้าม...ห้าม...’
‘อะไรวะ’ ทำไมมันจู่ๆ มันก็ตะกุกตะกักขึ้นมา
‘ห้ามเอาไปบอกใคร’
‘เรื่องไหนล่ะ’
‘เรื่อง...’
‘เรื่องอะไรกันแน่วะ’ ผมชักจะหงุดหงิดนิดๆ...มันจะอมพะนำไปทำซากกิ้งกืออะไรกัน
‘เรื่องที่กูใช้ปากให้มึง’ ผมถึงกับสตันนิ่งเหมือนมีคนเอาปืนแช่แข็งมายิงใส่...เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าไอ้ธนูมันเขินอย่างชัดเจน เพราะมันกำลังเกาศีรษะตัวเอง
‘กูไม่เคยใช้ปากให้ใครเลย...’
ผมชักจะเขินนิดๆ เพราะท่าทางการพูดของมันแม่งดูจริงใจมากจริงๆ
‘ก็ได้’ ผมรีบพูดตัดบท
‘เรื่องการ์ดมึงจะตอบยังไง’ ธนูกลับมาทำหน้าร้ายๆ ใส่ผมอีกครั้ง ‘มึงตอบคนอื่นเรื่องเพื่อนกูคนนี้ให้ดีนะ’
‘มึงห่วงเพื่อนคนนี้จังเลยเนอะ’
‘จ่าฝูงคนไหนบ้างไม่ห่วงคนในฝูงของตัวเองวะ’
‘พวกมึงเป็นฝูงหมาบ้าเหรอ’ หมั่นไส้แม่งฉิบหาย
‘มึงจะตอบกูมาได้หรือยัง’
‘กูจะตอบว่าการ์ดตกใจกลัวจนวิ่งหนี...แล้วกูก็เมามากซะจนเผลอหลับที่โรงแรมจนเช้า แบบนั้นดีมั้ย’
‘ดี เข้าท่า’ ธนูลูบคางตัวเอง ‘ถ้ามีพวกขี้เสือกมาถาม กูจะไปบอกการ์ดให้พูดแบบเดียวกัน...’
‘อืม’
เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว...ผมกับมันก็ไม่มีอะไรจะพูดกันต่อ ผมหันหลังกลับ พยายามอย่างยิ่งที่จะเดินให้ปกติเพราะรู้ว่าธนูมันกำลังมองอยู่...
‘ไหวป่ะ’ มันส่งเสียงถาม
‘กูไหว’ ผมตอบทันที
ตอนที่ผมกำลังจะถึงหน้าประตูห้อง...ธนูมันก็ร้องเรียกผมอีกครั้ง
‘เดี๋ยว’
ผมหันกลับไปมอง...มันยืนกอดอกด้วยท่าทางที่เท่สุดกู่พร้อมๆ กับส่งรอยยิ้มมุมปากนิดๆ มาให้
เหี้ย...ผมจะนึกถึงคำไหนได้อีกนอกจากคำว่าฮอตอ่ะ
‘มีอะไร’ ผมต้องรีบถามก่อนที่ผมจะหลงเสน่ห์คนคนนี้มากไปกว่านี้
‘สุขสันต์วันเกิด’ ความร้ายของมันมลายหายไปในระหว่างที่พูด...
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงพร้อมกับส่งเสียงตึกตัก
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...ไวเหมือนแค่พิมพ์งานในโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ดแล้วเคาะบรรทัดเพื่อข้ามวันเวลา
ไอ้ชู้ต ไอ้เบียร์ และก็ไอ้จุนโทรมาขอโทษผมใหญ่หลังเหตุการณ์ในวันนั้น พวกมันคิดว่าผมคงโมโหมากเพราะพวกมันพาตัวการ์ดมารอในห้องไม่ได้ (การ์ดไม่ยอมแน่แท้อยู่แล้ว) พอส่งผมเข้าห้องเสร็จพวกมันก็วิ่งหนี ปล่อยให้ผมอยู่ในห้องคนเดียวเนื่องจากกลัวผมด่าสุดๆ
แต่พวกมันไม่รู้หรอกว่าผมไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียวในคืนนั้น
โชคดีที่ผมไม่ต้องโกหกพวกมัน...ผมบอกแค่ว่าผมเมาจนหลับ ไม่ได้โกรธอะไร แต่เรื่องราวในฝั่งของไอ้ธนูก็ปล่อยให้มันไขข้อข้องใจกับเพื่อนมันไป ถ้าเพื่อนมันสนใจที่จะถามอ่ะนะ
“พี่รบ พี่รู้ป่ะ จ่าฝูงของฝูงมนุษย์หมาป่าเขาจะเรียกกันว่าแอลฟาล่ะ” ยัยรัน...น้องสาววัยมอต้นที่ความคิดไปไกลกว่าวัยเยอะของผมมาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว “พวกที่อยู่ในฝูงจะมีเบต้าและโอเมก้า เบต้าจะเก่งกว่าโอเมก้า พวกโอเมก้าจะอ่อนแอ”
“ไม่รู้และก็ไม่อยากรู้อะไรสักอย่าง” ผมตอบส่งๆ รันมันอ่านหนังสือเยอะอีกทั้งยังชอบดูซีรี่ส์ฝรั่งอีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกที่มีหมาป่ากับมนุษย์หมาป่านั่นน่ะ
“มันคูลมากเลยนะพี่ พวกนี้นะชอบอยู่กันเป็นฝูงและจะขาดกันและกันไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นแอลฟา ฝูงน่ะจะไปไม่รอดเลยถ้าขาดแอลฟาหรือผู้นำไป”
“ฝูงไหนก็ไปไม่รอดทั้งนั้นแหละถ้าไม่มีผู้นำน่ะ” เรื่องนี้เด็กอนุบาลก็รู้มั้ย (เอ๊ะ...หรือไม่รู้วะ)
“เพราะฉะนั้นคนที่จะเป็นแอลฟาได้นั้นจะต้องเท่สุดๆ” รันตบเข่าฉาดด้วยความอินจัด “หนูอยากเป็นคนรักของแอลฟาจังเลย มันจะต้องดีมากแน่ๆ”
เด็กมอต้นนี่มโนเก่งทุกคนเหมือนน้องสาวผมมั้ยครับ...
“มันดีตรงไหน” ผมลองสนใจในสิ่งที่น้องมันพูดดู “เป็นคนรักของแอลฟามันไม่ดีหรอก ต้องเป็นแอลฟาสิถึงจะดี”
“ทำไมอ่ะ”
“เพราะมันเท่”
“หนูไม่ได้อยากเท่...หนูแค่ต้องการความรักแบบผูกใจ ผูกจิตวิญญาณ”
เหี้ยอะไรวะนั่นน่ะ...ทำไมมันฟังดูโคตรล้ำลึกแบบที่ผมเข้าไม่ถึง
“ถ้าแอลฟาได้รักใครแล้ว...เขาจะรักแบบพร้อมตายถวายหัวให้ รักทั้งหัวใจ รักจนวันตายไปเลย...”
“หิวข้าวอ่ะ” ผมลูบท้องตัวเอง
“นี่ฟังหนูพูดอยู่มั้ยเนี่ย!” ยัยรันถึงกับเท้าสะเอวใส่ผมเลยทีเดียว
“ก็มันหิวนี่”
“เชอะ หนูจะขอสาปแช่ง” รันร้องเสียงดังลั่น กระทืบเท้าเดินหนีไปด้วยและก็พูดไปด้วย “ขอให้พี่ไม่ได้เป็นแอลฟา แต่ได้เป็นเมียของแอลฟาแทน!”
“เดี๋ยวเถอะ!”
ช่วงนี้ผมยอมรับว่าผมอ่อนไหวกับคำว่า ‘เมีย’ เหลือเกิน แม้ว่ามันจะฟังดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ (พวกพ่อบ้านใจกล้าอาจจะไม่เห็นด้วยกับผม) แต่ผมก็กลัวคำคำนี้มาก...กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครมาเรียกผม และที่กลัวมากที่สุดก็คือคนคนนั้นจะมาเรียกผมแบบนั้นต่อหน้าเพื่อนๆ ของผมที่เทิดทูนบูชาผมอย่างกับลูกพี่นี่แหละ
ครับ ผมกำลังพูดถึงไอ้ธนูอยู่
แม่ง...ถ้าเป็นงั้นจริงผมทั้งเสียหมาและก็เสียหน้าจริงๆ นะ
จริงอยู่ที่ผมเป็นเมียมันแค่หนึ่งคืน...แต่มันสามารถเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนาให้ผมจะผมอาจจะโดนเพื่อนกึ่งลูกน้องลดทอนความเคารพยำเกรงผมลงไปได้เลยนะครับ
นึกไปนึกมามันก็เป็นเรื่องที่ผมกังวลไปเองเท่านั้นแหละ ตอนนี้เป็นเวลาปิดเทอม ไอ้ธนูมันคงไม่สามารถบอกข่าวนี้กับใครต่อใครได้แน่ๆ เพราะมันคงจะนอนอยู่บ้านเหงาๆ แล้วก็คงไม่ได้คุยกับใครเหมือนที่ผมกำลังเป็นอยู่นี่ไง
แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่กระทบกระทั่งกันเรื่องรถไอ้ชู้ตไม่จอดในซองดีๆ ผ่านมาแล้วสามวัน...ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องระหว่างผมกับธนูคงจะมีแต่เราสองคนที่รู้เท่านั้น...ซึ่งแบบนั้นมันดีมาก มันดีจริงๆนะ
วันเกิดของผมคือวันที่สอบไฟนอลวันสุดท้ายของชั้นปีที่สามพอดีเป๊ะ การฉลองวันเกิดของผมในคืนนั้นจึงเหมือนการฉลองสอบเสร็จไปด้วย เพื่อนฝูงของผมนี่ยินดีปรีดานักเพราะผมเลี้ยงสุราพวกมันอย่างไม่คิดจะอั้นเงินอั้นทองใดๆ มันจึงได้จัดของขวัญการสุ่มคู่นอนเกรดพรีเมี่ยมให้ ซึ่งบอกได้เลยว่าแผนเซอร์ไพรส์ของพวกมันนั้นเหลวเป๋วไม่มีชิ้นดี
เพราะผมได้ไอ้ควายธนูตัวใหญ่เบิ้มมาแทนที่จะได้น้องการ์ดตัวน้อยๆ ที่สุดแสนจะน่ารักน่าชัง
แต่ก็เอาเถอะ...เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ความเจ็บปวดที่บั้นท้ายของผมก็ลดทอนลงไปมากแล้ว ตอนนี้ในหัวของผมมีเรื่องไอ้ธนูโผล่เข้ามากวนใจแค่แวบๆ เพราะเรื่องกวนใจที่แท้จริงของผมคือเรื่องที่ผมกำลังเครียดอยู่ในตอนนี้
แม่ของชู้ตกำลังจะเข้าผ่าตัดด่วนและต้องใช้จ่ายค่าผ่าตัดนั้นด้วยเงินก้อนใหญ่ ผมกับเพื่อนในกลุ่มแก๊งเอกการแสดงที่มีอยู่กันสี่คนพยายามเรี่ยไรเงินเก็บส่วนตัวของแต่ละคนมาให้ได้มากสุดๆ แล้วแต่ก็ยังไม่พออยู่ดี ชู้ตที่เป็นเด็กกำพร้าพ่อ ไร้ญาติขาดมิตรและเป็นลูกชายคนเดียวต้องทำงานค่าจ้างรายวันทั้งวันทั้งคืน
แต่ทำแค่นั้นมันจะพอสำหรับจ่ายได้ยังไง...
ผมกับเพื่อนไม่เคยเห็นมันโทรมหนักขนาดนี้มาก่อน มันเป็นเพื่อนที่ดีและก็นิสัยดีมากจนใครหลายคนในกลุ่มเต้นเร่าๆ อยากจะช่วยเหลือมันเท่าที่จะทำได้ ผมเองก็เช่นกัน
ฉะนั้น...ความเครียดของผมทั้งหมดจึงไปลงกับหน้าจอโทรศัพท์ พยายามกวาดหางานพิเศษระยะสั้นที่พอจะทำให้ผมสามารถเอาเงินก้อนที่ผมทำได้ไปช่วยเหลือชู้ต
โชคดีจริงๆ ที่ตอนนี้ฟีดเฟซบุ๊กของผมกำลังครื้นเครงเพราะกำลังจะมีร้านคาเฟ่ต์กึ่งบาร์เปิดใหม่ อีกทั้งยังเป็นร้านที่มีเจ้าของเป็นเด็กจากคณะเราอีกต่างหาก
ท่าทางเจ้าของจะเป็นคนดัง เพราะเพจเฟซบุ๊กประจำร้านนั้นมีคนกดไลค์แล้วเกือบสามพันคน ทั้งๆ ที่ยังไม่ค่อยจะโพสต์เหี้ยอะไรเลย
หนึ่งในโพสต์ที่เพจนี้กำลังเปิดแชร์อยู่นั่นก็คือการรับสมัครพนักงานพาร์ตไทม์ระยะสั้นและก็ขอเป็นเด็กที่มาจากคณะศิลปกรรมมอ V ด้วย
อะไรจะพอเหมาะพอเจาะกับผมขนาดนั้น
คุณสมบัติพนักงานพาร์ตไทม์
เด็กมอ V หน้าตาดี มีความอดทน ผมหรี่ตามองข้อความในประกาศนั่น...จะว่าแปลกก็แปลก จะว่ากวนตีนก็กวนตีน เจ้าของร้านต้องเป็นคนอินดี้ประมาณไหนวะถึงได้ทำประกาศเชิญชวนลวกๆ ง่ายๆ แบบนี้
วิธีสมัครก็ง่าย...แค่ทักข้อความในเพจไปแค่นั้นก็จบ
ผมเชื่อว่าทีมของร้านนี้แม่งต้องเป็นคนที่อยู่ในแวดวงคณะศิลปกรรมศาสตร์อยู่พอสมควร เพราะทันทีที่ผมทักไป เจ้าคนเล่นเพจก็ตอบรับอย่างตื่นเต้น อีกทั้งยังบอกอีกว่าให้ผมเริ่มงานได้ทันทีที่อยากเริ่ม
มันก็ดูง่ายดายไป๊...ง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าปากยังไงยังงั้นเลย
แต่ก็ช่างเถอะ...ผมร้อนเงิน ผมไม่ควรเรื่องมาก ร้านนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้น่าเป็นห่วงเลยสักนิดเพราะยังไงก็คงจะมีแต่รุ่นพี่รุ่นน้องคณะเดียวกัน ผมบอกร้านไปแล้วว่าผมทำงานได้แค่ช่วงเวลาปิดเทอมเท่านั้น ร้านก็ตอบตกลงแต่โดยดี...ไม่คิดจะถามต่ออะไรเลยสักแอะ
ร้านนี้ชื่อร้านว่า ‘Black pack’ หรือฝูงสีดำครับ
[การ์ด]
ณ ร้านแบล็คแพ็ค
“ธนู...รบเอกการแสดงทักเพจเฟซบุ๊กร้านมาสมัครงานว่ะ”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของร้านซึ่งกำลังนั่งอยู่บนที่ประจำนั่นก็คือระเบียงชั้นสอง มันชอบนั่งสังเกตการณ์อยู่ตรงนั้นหรือไม่ก็นั่งทอดอารมณ์ติสต์แตกของมันไปเรื่อยๆ ผมนึกว่าสิ่งที่ผมพูดจะทำให้มันชักสีหน้า แล้วขว้างปาของบางอย่างใส่ผมที่นั่งทำงานอยู่เบื้องล่าง เพราะชื่อของคนที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพิ่งดังจากปากของผม แต่มันกลับหันมามองอย่างกระตือรือร้นแทน
จังหวะที่มันหันมานั้นทำเอาผมสะดุ้ง...เพราะมันหันขวับแบบคอแทบหัก
ผมไม่ค่อยชอบคนที่ชื่อรบคนนี้เท่าไหร่หรอก มันหล่อมากก็จริงแต่มันก็ขี้เก๊กเกินไป...มันกับเพื่อนในแก๊งชอบมองหน้าผมแบบแปลกๆ ด้วย ตอนวันสอบวันสุดท้ายก็มาตามตอแยซะจนอยากไล่ถีบยอดอกทีละคน แต่ไม่ว่าจะยังไง การตัดสินใจเรื่องรับคนเข้าทำงานหรือไม่นั้น ต้องเป็นการตัดสินใจของธนูแต่เพียงผู้เดียว
มันเป็นเจ้าของร้านนี้ครับ...ทุนของมันเพียงคนเดียวหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เจ้าของร้าน การตัดสินใจทุกอย่างก็ต้องมาจากมันอยู่ดี สำหรับผมกับเพื่อน มันคือเพื่อนและผู้นำที่เป็นมากกว่าผู้นำ มีมันแล้วอุ่นใจ เหมือนมีพ่อ พี่ชาย และก็เพื่อนไปในคราวเดียวกัน
เห็นมันโหดๆ แบบนี้มันก็รักเพื่อนมากนะครับ เราทุกคนชีวิตดีขึ้นก็เพราะมันทั้งนั้น
...เพราะไอ้ธนูคนที่ชอบนั่งพิงเสาบนระเบียงและก็ชันเข่าข้างเดียวคนนี้นี่แหละ
“ไหน” มันพุ่งตัวลงมาถึงตัวผมโดยใช้เวลาไม่ถึงสี่วินาที...เกือบจะใกล้เคียงกับคำว่าวาร์ปแล้ว “มีใครสมัครบ้าง”
ผมจัดการเลื่อนผู้สมัครรายอื่นมาให้ธนูมันดูก่อนไอ้รบเอกการแสดง นิ้วมือของธนูขยับบน Trackpad ในแม็กบุ๊กไวมากจนกระทั่งหน้าจอได้มาหยุดอยู่ที่รูปของรบอีกครั้ง
มันเป็นอะไรกับไอ้ลูกครึ่งขี้เก๊กคนนี้นักวะ
ผมลอบสบตากับไอ้โฮมที่เช็ดแก้วอยู่ไม่ห่าง...เราทั้งคู่สงสัยเรื่องเดียวกันมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ธนูมันยอมพวกเอกการแสดงง่ายๆ ในเหตุการณ์ที่รถของก้องขยับชนท้ายรถของชู้ต คนจากแก๊งของรบนั่นแหละ
ก้องมันต้องจ่ายทั้งๆ ที่ธนูมันสามารถใช้กำลังให้ฝ่ายเราเป็นฝ่ายถูกได้...แต่มันก็ไม่ทำ
งงฉิบหาย
หน้าของไอ้รบมีอะไรที่ทำให้ลูกพี่ของผมเปลี่ยนใจได้เหรอ...มันเป็นมันเหมือนเดิมนี่หว่า ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยน
“ทำไมถึงมาสมัครนะ” หัวหน้าแก๊งผมบ่นพึมพำ...ไม่ได้ต้องการฟังความเห็นจากลูกแก๊งคนไหน
“เอาไง” ผมลอบมองสีหน้าของมัน
มันยิ้มมุมปากก่อนจะบอกผม “เอาคนนี้แหละ”
เชี่ย...ผมกับเพื่อนต้องเผชิญหน้ากับไอ้รบแบบยาวไป...ยาวไปเรื่อยๆ ว่ะ
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ในเมื่อธนูมันสั่งมายังไงผมก็ต้องทำ ผมจัดการตอบรับไปที่ข้อความที่รบทักมาใน Direct message ของร้านทันที ดูเหมือนรบจะตื่นเต้นดีใจมากที่ร้านของเรารับมันเข้ามาทำงานง่ายขนาดนี้
นี่มันรู้หรือยังน่ะว่านี่มันร้านของคนที่มันไม่ชอบขี้หน้าและก็ไม่ชอบขี้หน้ามัน
แต่เอ๊ะ...ไม่แน่ว่าความจริงเรื่องนี้อาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
“กูจะไปยิม” เสียงเขย่ากุญแจรถของธนูดังขึ้นพร้อมๆ กับเจ้าตัวที่เดินฉิวออกไปจากร้านซึ่งยังตกแต่งไม่เสร็จดีอย่างรวดเร็ว
ผม ไอ้โฮม ไอ้ยุ และก็ไอ้ก้องถึงกับถลึงตามองหน้ากัน
ไอ้ธนู...ไปยิม...กลางวันแสกๆ แดดส่องหัว แม่งใช่เหรอวะ
ที่ผ่านมามันชอบไปตอนเวลาที่ตลาด (คนรักสุขภาพ) วายตลอด ซึ่งนั่นหมายถึงเวลาสองสามทุ่มเป็นต้นไป แต่ทว่าวันนี้มันกลับไปตอนกลางวันแสกๆ แถมยังเป็นช่วงที่อาม่าอาอึ้มที่เรียนคอร์สโยคะกำลังเรียนด้วย
อาม่าอาอึ้มพวกนั้นกรี๊ดมันหนักมาก...มันก็เลยไม่ชอบไปยิมช่วงเวลากลางวันแบบนี้ แต่ทว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว
อะไรว้า
“อารมณ์แม่งดี” ก้องตั้งข้อสังเกต “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะการ์ด”
ผมกดสองทีไปที่ Trackpad รูปยิ้มยิงฟันโชว์เหล็กจัดฟันเส้นยาวสองเส้นสีฟ้าของมันปรากฏเด่นชัดในจอ
“กูว่าแม่งแปลกๆ ละ” โฮมเอ่ยบ้าง “มีใครพอจะเดาออกบ้าง”
เราทุกคนส่ายหน้ากันหมด เรื่องที่ธนูไม่อยากให้รู้...เราทุกคนก็ไม่มีสิทธิ์ไปคาดคั้นให้มันพูดออกมา
นอกเสียจากว่า...เราจะต้องหาความจริงกันเอาเอง
เกิดอะไรขึ้นระหว่างหัวหน้าแก๊งผมกับไอ้ลูกครึ่งหน้าหล่อเอกการแสดงคนนี้กันนะ
[รบ]
ห้างสรรพสินค้า เวลา 15.04 น.
“รัน...อยู่ไหน” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
[ห้างสิ...เดินเล่นอยู่]
“นี่รู้ใช่มั้ยว่าพี่จะมารับน่ะ”
[รู้สิ...ถึงได้เดินหนีพี่แบบนี้ไง]
ยัยเด็กกวนประสาทเอ๊ยยยย
[พี่มาไวเกินไป หนูไม่มีเวลาให้เพื่อนเลย]
“เฮ้ย นี่ถ้าพี่ไม่พารันกลับก่อนมืด แด๊ดเอาพี่ตายแน่ You knew that”
[Go away bro. Hey! Lisa Look at this guy. Oh my god he is so tall.]
อะไรคือการที่ผมต้องมาได้ยินน้องสาวตัวเองชี้ชวนชายอื่นให้เพื่อนดู
[Like alpha]
ไอ้ประเด็นแอลฟาโอเมก้าสามนั่นยังไม่ตกไปอีกเหรอวะ
[อ้าว พี่ยังไม่วางสายอีกเหรอ]
“รัน!”
น้องสาวตัวแสบของผมกดวางสายไปแล้ว ท่าทางจะรีบวิ่งไปดูหน้าผู้ชายที่มันหาว่าเหมือนแอลฟาในจินตนาการ ผมพ่นลมออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย การที่มีน้องสาวอายุอานามห่างเกือบสิบปีนี่ทำเอาปวดหัวได้เหมือนกันนะ
หางตาของผมหันไปเจอร่างสูงคุ้นตาโดยบังเอิญ...ผมรีบพาตัวเองไปหลบหลังเสาในห้างทันที
ไอ้ธนูมาพร้อมกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่สำหรับเข้ายิม ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะเล่นเสร็จ เพราะผมได้กลิ่นของแชมพูลอยละล่องผ่านอากาศเข้ามาในจมูก...ทำให้ผมรู้สึกนึกไปถึงค่ำคืนนั้น
มันก็ใช้แชมพูกลิ่นนี้เหมือนกัน
ธนูมันกำลังจะเดินผ่านไปแล้วครับ...ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าน้องสาวของผมกับเพื่อนลูกครึ่งอีกคนของเธอไปยืนขวางหน้ามันเอาไว้ซะก่อน
รู้สึกอยากจะเป็นลม
อะไรของน้องกูวะเนี่ยยยยยยย!
“พี่คะ!” น้องกูก็บุกหนักเกินไปเปล่า
“ครับ?” ธนูทำหน้างง ไม่งงก็แปลกล่ะ อยู่ดีๆ ก็มีเด็กมอต้นมาขวางทาง
“พี่เป็นดาราหรือเปล่าคะ” โอย ถอยออกมาเดี๋ยวนี้นะ ยัยติงต๊องเอ๊ยยยย
“หืม...เปล่าครับ”
“แล้วทำไมพี่หล่อจังเลยคะ” คนธรรมดาก็หล่อได้โว้ย...นึกถึงพี่ตัวเองบ้างสิฟะ
ผมเห็นไหล่ของธนูกระตุก ดูเหมือนมันจะหลุดขำออกมานิดหน่อย
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ขอบคุณนะครับ”
ไอ้ฟายธนู มึงอย่ามาสุภาพล่อลวงเด็กนะ...คุกนะไอ้สัด แล้วนั่นก็คือน้องสาวกูด้วย!
“พี่ไปได้หรือยัง” ธนูชี้ไม้ชี้มือ ทำท่าจะเดินกลับไปยังลานจอดรถ
“พี่เป็นเกย์หรือเปล่าคะ” ยัง...ยังไม่หยุด
หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ยยยยยยยย
“หืม?” ธนูถึงกับส่งเสียงหลงออกมาเลยทีเดียว
“พี่หนูเป็นเกย์ค่ะ...หล่อมากด้วย เผื่อพี่สนใจ”
บางทีแด๊ดดี้ก็ไม่ควรส่งยัยรันให้ไปเรียนโรงเรียนที่สอนแบบอเมริกันสไตล์เลยว่ะ...แม่งพูดจาตรงเว่อร์ ไม่มีอ้อมไม่มีค้อมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
จะว่าไปแด๊ดดี้ก็ควรส่งรันไปเรียนโรงเรียนสอนมารยาทด้วย พี่ชายยัยนั่นอย่างผมรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน
โชคดีที่ธนูเห็นว่าเป็นเรื่องตลก...มันนั่งยองๆ ลงเพื่อให้ความสูงของมันไม่เกินเด็กจนเกินไป จากนั้นก็ยื่นหน้าไปดูรูปผมในจอโทรศัพท์ที่ยัยรันส่งไปให้
มันคงหัวเราะสะใจล่ะสิเมื่อได้เห็นว่าในจอมือถือของรันมันคือผมน่ะ
พอกันได้แล้ว!
มันถึงคิวของผมที่จะโผล่เข้าไปในซีนแล้วล่ะ
“รัน กลับบ้าน” ผมเดินเข้าไปจูงมือรันโดยมีเพื่อนของรันอย่างลิซ่าตามมาด้วย
ธนูลุกขึ้นยืน...สีหน้าส่อแววขำ
“มึงไม่ต้องมาหัวเราะ” ผมทำปากด่ามัน ไม่อยากพูดคำหยาบเสียงดังมากเพราะเห็นแก่เด็ก
“หล่อเนอะ” รันยังไม่หยุดเม้าท์กับลิซ่าเรื่องไอ้ธนู “เหมาะกับพี่ชายฉันมั้ยล่ะ”
“น้อยๆ หน่อย” ผมปราม
“นั่นแอลฟา (ชี้นิ้วไปที่ไอ้ธนูที่เดินตามมา) นี่ก็เมียแอลฟาไง (ชี้นิ้วมาที่ผม)...ครบจบสมบูรณ์แบบ”
“ไปอ่านนิยายดีมั้ย หรือว่าดูซีรี่ส์ต่อดี อย่าเอาชีวิตจริงไปปนกับจินตนาการของตัวเองสิ” ผมขัด
“ที่มาเถียงหนูฉอดๆ เนี่ย พี่รบรู้หรือยังว่าตอนที่เห็นรูปพี่แวบแรก พี่สุดหล่อคนนั้นเขาทำหน้ายังไง”
ผมยังคงจูงมือรันอยู่...สายตาของผมลอบมองน้องสาวนิดหน่อยก่อนจะค่อยๆ เลียบๆ เคียงๆ ถาม
“มันทำหน้ายังไง”
“เราไม่บอกหรอกเนอะ” รันหัวเราะคิกคักกับลิซ่า “ดูซิดู จอดรถใกล้ๆ กันด้วยล่ะ”
ผมหันขวับไปมองทันที...ผมจอดรถที่ชั้นหนึ่งซึ่งมีลานจอดรถสำหรับบิ๊กไบก์ ไอ้ธนูเดินดุ่มๆ ไปยังบิ๊กไบก์ของมันซึ่งผมจำได้เป็นอย่างดีเพราะทั้งมอไม่ค่อยมีใครขับบิ๊กไบก์สีแดงเข้าไปในมอกันหรอก
ผมชอบเรียกชื่อรถคันนี้ในใจว่า ‘แดงไบเล่’
ไอ้ธนูผู้ขี่แดงไบเล่
“ลิซ่า เดี๋ยวพี่จะจอดรถใกล้ๆ สถานีรถไฟฟ้าให้นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่รบ”
ผมออกรถเมื่อเด็กๆ ขึ้นรถกันครบแล้ว ส่วนไอ้ธนูนั้นมันออกรถไปนานแล้วครับ มาคนเดียวโดดๆ แบบนั้นยังไงก็คล่องตัวกว่าผมที่มีเด็กอยู่ด้วยอีกตั้งสองคน
ยัง...เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้น
ผมกับไอ้ธนูมาเจอกันอีกทีตอนรถติดไฟแดง
ยัยรันที่นั่งอยู่ข้างหน้าคู่กันกับคนขับอย่างผมเลื่อนกระจกรถลง จากนั้นก็ร้องเสียงดังลั่น
“พี่คะ พี่หนูยังโสดนะคะ วู้!”
“โอย กูจะบ้า” ผมอดที่จะบ่นไม่ได้ รีบกดปิดกระจกทันที
ระหว่างที่กระจกเลื่อนขึ้น ธนูเปิดชิลด์หมวกกันน็อคแล้วมองผมผ่านหมวกกันน็อคนั่น...แหมจะเห็นแค่ดวงตาคู่เล็กๆ แต่ผมก็อดที่จะเขินแปลกๆ ไม่ได้
แม่งเอ๊ยยยยยยยย
“ได้กัน ได้กัน ได้กัน” รันเอื้อมมือไปไฮไฟฟ์กับลิซ่า
สาบานดิ๊ว่านี่เด็กมอต้นที่จะกลายเป็นอนาคตของประเทศชาติน่ะ
พอไฟเขียวปุ๊บ...แดงไบเล่ของธนูก็พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความไวปั๊บ ผมเผลอมองตามจนทำให้รถคันข้างหลังต้องบีบแตรให้ผมเคลื่อนรถไปข้างหน้าสักที
“ฮั่นแน่ะ ชอบอ่ะดิ” รันส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ “ถึงกับมองตาม”
“ทำไมชงจังเลย” ผมแค่นเสียงใส่น้อง
“อยากเห็นแอลฟาของหนูมีเมียเป็นพี่น่ะสิ...ตามคำที่หนูแช่งไง”
“ยัย...”
“เป็นเมียแอลฟาดีนะพี่”
“...”
“แอลฟานี่รักเดียวใจเดียวสุดๆ เลยนะ”
รู้สึกอยากดีดนิ้วให้น้องสาวตัวเองตื่นจากฝันเป็นบ้า
จะให้ผมร้องใส่หูมั้ยว่าไอ้ธนูมันเป็นคน มันไม่ได้เป็นมนุษย์หมาป่า!
To be continued