Ep. 20
[รบ]
Sagittarius :
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ฝันดีนะเว้ย รักมึง
หลังจากที่ได้อ่านข้อความจากธนูเมื่อคืนวาน...ผมก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกเป็นกอง
ผมมาทำงานที่ร้านอย่างอารมณ์ดี ร่างกายของผมหายเป็นปลิดทิ้งเนื่องจากผมนอนเพียงอย่างเดียว นอนชนิดที่ว่าอาจจะใช้เวลานอนทั้งหมดทั้งสิ้นเกือบยี่สิบชั่วโมง ผมจึงกลับมาที่ร้านด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า ไม่ลืมที่จะทักทายยุกับโฮมที่ยืนอยู่ในร้านด้วยอารมณ์สดใส
“อรุณสวัสดิ์ว่ะ เมื่อวานขอโทษที่ไม่ได้มานะ” ผมยิ้ม
“ไม่เป็นไร” ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ารอยยิ้มตอบกลับของโฮมนั้นมันแห้งผิดปกติ
“ธนูยังไม่ตื่นใช่ป่ะ”
“เอ่อ ใช่”
“ทำไมไม่เห็นไอ้การ์ดเลย”
“คือมัน...”
“รบ มึงทานข้าวเช้ามายังวะ” ยุเอ่ยแทรกประโยคของโฮม “มาทานกับกูมั้ย”
“เอาสิ”
ผมจะพยายามไม่คิดเล็กคิดน้อยว่าท่าทางของยุกับโฮมนั้นแปลกๆ ไป เนื่องจากมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น ผมจะต้องไม่เก็บรายละเอียดเหล่านี้มาใส่ใจ
ทว่า...การที่ผมได้มาสิงสถิตอยู่กับคนเหล่านี้มานานร่วมเกือบสองเดือน มันทำให้ผมรู้สึกได้แทบจะในทันทีว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แล้วสิ่งนั้นมันต้องเกี่ยวกับธนูแน่ๆ
“กูจะไปเรียกมันลงมา” ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นสองโดยไม่ถงไม่ถามสุขภาพของไอ้ยุกับไอ้โฮม (?)
“รบ” สองคนนั้นร้องเรียกผม...แต่ผมเดินลิ่วไปถึงหน้าห้องของธนูเรียบร้อยแล้ว
ประตูห้องมันไม่ได้ล็อกแถมยังเปิดแง้มเอาไว้เล็กๆ ผมจึงเห็นว่าข้างในนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ธนูกำลังนั่งนิ่งๆ ให้การ์ดปฐมพยาบาลให้มันอยู่ สภาพของมันเละเทะหนักยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อครั้งที่มันบุกเดี่ยวไปถึงรังของนที หรือว่าครั้งที่มันกับผมทะเลาะกันที่สนามแข่ง...
มันมีผ้าพันแผลปิดคลุมอยู่ที่ท้อง...ราวกับว่านั่นเป็นส่วนที่มันเจ็บหนักที่สุด
ทำไมผมไม่รู้เรื่อง
การ์ดผงะตกใจ ไม่ต่างอะไรจากธนู...ความรู้สึกในตอนนั้นของผมมันตีรันฟันแทงไปหมด ทั้งโกรธเคือง โมโห น้อยใจ เป็นห่วง กังวล และที่หนักที่สุดก็คือ...ทำไมการ์ดต้องเป็นคนมาดูแลมัน ไม่ใช่ผม
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นภาพแบบนี้
ความรู้สึกที่โคตรงี่เง่าได้เกาะกินห้วงความคิดของผม ผมเลือกที่จะเดินหนี...ออกมาจากห้องนั้น ปล่อยให้ตัวเองได้กลายเป็นคนขี้งอนอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่รู้สิครับ ผมไม่ชอบเห็นธนูมันเจ็บ อีกอย่างหนึ่งแทนที่มันจะเอ่ยปากบอกกับผม แต่มันกลับบอกแค่เพื่อนๆ ของมัน ให้เพื่อนของมันอย่างการ์ดมาดูแล ไม่เห็นอกเห็นใจผม...มองข้ามหัวของผม
ปล่อยให้ผมได้รับบทแฟนงี่เง่า...ที่ไม่รู้ว่าคนรักของตัวเองเจ็บตัว
“รบ” เสียงธนูร้องเรียกดังมาจากชั้นสอง
ผมไม่ตอบอะไรมันทั้งสิ้น...เอาแต่มุ่งหน้าตรงไปข้างหน้า
“รอก่อน” แม้ว่ามันจะเจ็บ แต่ร่างของมันก็เคลื่อนไหวได้ไวเสมอ มือของมันจับข้อมือของผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากร้าน
“นทีทำเหรอ” ผมถามเสียงห้วน
“ไม่ใช่”
“...”
“ใครก็ไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นคนของไอ้พีม”
สมกับคำที่นทีมันเตือน...ผมสะบัดมือไอ้ธนูออกไป
“รบ กูขอโทษที่กูเจ็บตัว”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผมพยายามควบคุมตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ...วันนี้ผมได้รับบทแฟนงี่เง่า เพราะฉะนั้นผมก็คือคนงี่เง่า “ทำไม...กูต้องรู้เป็นคนสุดท้าย”
“กูไม่อยากให้มึงโมโหไง”
“กูโมโหแล้วยังไง...กูก็อยากดูแลมึงอยู่ดี”
“...”
“มึงทำให้กูรู้สึกแย่มาก”
“...”
“กูน้อยใจ”
“รบ” สีหน้าของธนูดูแย่ลงไปมากอาจเป็นเพราะรอยฟกช้ำที่มีอยู่ตามใบหน้าของมันด้วย
“ทำไมคนดูแลมึงต้องไม่ใช่กู ทำไมต้องเป็นการ์ด”
“นี่มึงหึง?”
“โว้ยยย” ผมร้องเสียงดังจนเพื่อนๆ ที่อยู่ในร้านไม่กล้าแม้แต่ที่จะหายใจ “ถอยไป”
“รบ อย่าโกรธกูดิ”
“ขอให้หายไวๆ ก็แล้วกัน”
“ไอ้รบ”
วินาทีที่ผมเพิ่งออกมาจากร้าน...มันทำให้ผมรู้ตัวแทบจะในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย
ไม่ได้มีแต่ธนู...ที่เป็นคนขี้หึงสักหน่อย
[ยุ]
What the f**k
บางทีชาวร้านแบล็คแพ็คอย่างเราก็ควรไปทำบุญบ้าง...หลังจากที่รบมันหายตัวไปด้วยความงอน ไอ้ธนูก็ทำท่าจะพุ่งตัวไปง้อ แต่ด้วยสังขารที่แม้แต่จะขยับตัวยังยาก มันจึงถอยหลังกลับ แล้วหายขึ้นไปอยู่บนชั้นสอง พร้อมกับส่งสัญญาณบอกว่าห้ามคนทุกคนรบกวนเป็นอันขาด
ธนูมันกลับมาตอนเช้า...ในสภาพที่ผมกับเพื่อนคนอื่นๆ ตกใจจนหัวใจแทบร่วง มันเล่าให้ฟังสองสามคำว่ามีคู่รักเกย์ใจดีมาช่วยเหลือมัน และก็บอกอีกว่าคนทำคือศัตร์ของนทีที่เห็นว่ามันเป็นน้องชาย จากนั้นมันก็ไม่เล่าอะไรให้ฟังอีก
การ์ดเป็นคนดูแลมัน...เพื่อนคนนี้บอกกับผมว่าธนูไม่อยากให้รบรู้ว่ามันเจ็บ เพราะทุกครั้งที่มันเจ็บ ไอ้รบจะหงุดหงิดและก็หัวเสียมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่มันรับไม่ได้
แต่คราวนี้มันเหนือกว่าแค่รับไม่ได้เรื่องนั้นว่ะ...มันมีคำว่าหึงซ่อนอยู่ด้วย
ตอนนี้ไอ้การ์ดเริ่มอยู่ไม่สุข สีหน้าของมันอมทุกข์ ก่อนที่มันจะระบายความรู้สึกของมันออกมาให้ผมกับโฮมได้ฟัง
“ทำไมกูต้องกลายเป็นคนที่พวกนั้นหึงด้วยวะ กูไม่เคยคิดห่าอะไรลึกซึ้งกับพวกมันเลยนะ”
ช่างน่าสงสาร...เชื่อเถอะว่าผมกับโฮมเข้าใจ ไอ้การ์ดมันไม่ค่อยรู้หรอกว่ามันเป็นผู้ชายที่น่ารัก แม้ว่านิสัยมันจะค่อนข้างสวนทางกับใบหน้าของมันก็ตาม
ถ้ามันทำตัวนุ่มนิ่มหน่อมแน้ม...มันคงเป็นเพื่อนสนิทไอ้ธนูไม่ได้
“ทำไงดี...กูไม่อยากเป็นสาเหตุให้พวกนั้นต้องหึงกันหรือทะเลาะกันแล้วว่ะ”
“...”
“ไอ้รบก็ไม่รับสายกูเลย โอย กูจะบ้า”
“รบมันรู้สึกหลายอย่าง” โฮมพยายามปลอบเพื่อนตัวเล็ก “มึงอย่าเพิ่งเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟจะดีกว่า”
“ไฟมันกำลังร้อนนนน” ผมเสริม
“มันต้องมีสักวิธีสิวะ ที่ทำให้พวกนั้นเลิกทะเลาะกันเพราะกู” การ์ดทึ้งหัวตัวเอง ผมกับโฮมก็ได้แต่สบตากันแล้วก็ลอบถอนใจเบาๆ
“กูรู้ละ”
มันมองมาที่ผมสองคนอย่างมีความหมาย...
ไอ้สัด ชักจะหวาดระแวงขึ้นมาแล้ว
โฮมเองมันก็คงรู้สึกเหมือนกัน...
“พวกมึง...ใครก็ได้สักคนหนึ่ง ช่วยแกล้งมาเป็นแฟนกูให้หน่อย”
เหี้ย...เหี้ยอะไรนะ
“มึงจะบ้าเหรอ” โฮมร้องลั่น
“กูไม่เอาอ่ะ” ผมตอบทันที
“เฮ้ยยย ไม่ช่วยกูหน่อยเหรอวะ” การ์ดโอดครวญ
“มึงคิดว่าไอ้สองคนนั้นมันโง่เหรอ ยังไงมันก็ดูออก”
“ถึงงั้นก็เหอะ ดีกว่ากูไม่ทำอะไรเลยป่ะวะ”
“...”
“กูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ปกติธนูมันจะหึงกูกับรบไปเรื่อย แต่คราวนี้...รบนะเว้ยที่เป็นฝ่ายหึง” การ์ดโวยวาย “นั่นแปลว่าคนอย่างกูแม่งเกินไปสำหรับพวกมันแล้ว กูต้องทำอะไรสักอย่าง”
เกินไปที่ว่านี่คืออะไร น่ารักเกินไปงั้นเหรอวะ...
“ว่าไงยุ” ผมส่ายหน้ารัวแรง “ว่าไงไอ้โฮม” ไอ้โฮมเองก็ไม่ต่างกัน
“...”
“กูไม่ดีตรงไหน” ไอ้การ์ดใกล้จะเป็นบ้าอยู่รอมร่อแล้ว
“ไม่ใช่ไม่ดีเว้ย แต่...” โฮมสะกิดให้ผมเป็นคนพูด ไอ้สัดนี่...เรื่องโยนขี้มาใส่หน้าบ้านคนอื่นนี่เก่งนัก
“คือ...” ผมพยายามคิดคำพูดที่จะทำให้การ์ดมันรู้สึกดีที่สุด “คือมึง...น่ารัก”
“งั้นเหรอ” มันไม่มีอารมณ์ที่จะมาปลาบปลื้มกับคำชมใดๆ ของเพื่อนอย่างผม
“แค่การเป็นแฟนมึงแบบปลอมๆ มันก็เหนื่อยแล้วว่ะ ทุกวันนี้พวกกูต้องสลับเวรกันไปเป็นไม้กันหมาให้มึง เพราะมึงถูกลูกค้าผู้ชายเต๊าะสามเวลาหลังอาหาร”
“ไม่เห็น...จะรู้เรื่องเลย”
“มึงจะไปรู้ตัวได้ยังไง ก็ในเมื่อพวกกูทำกันเงียบๆ”
“...”
“ธนูมันสั่งมา”
การ์ดมันควรจะปลื้มใจที่มีเพื่อนเป็นห่วงมันแบบนี้...แต่ในเมื่อมันอยู่ในอารมณ์ที่วิตกกังวลเกินเหตุ มันจึงไม่ได้คำนึงอะไรถึงจุดนี้เลย
“แค่มึงกับโฮมเหรอ”
“ไอ้ก้องด้วย” ไอ้โฮมกล่าวบ้าง
“ก้อง”
“...”
“เออใช่ ไอ้ก้อง!” การ์ดตบเข่าดังฉาด “มันต้องช่วยกูแล้วล่ะ”
ผมกับโฮมมองหน้ากัน...ก่อนที่จะภาวนาเอาใจช่วยไอ้ก้อง ผู้ที่ยังไม่กลับมาจากไปเอารถบิ๊กไบก์ของธนูที่มันจอดทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุเมื่อวาน
ผมไม่รู้หรอกว่าก้องจะตอบไอ้การ์ดว่ายังไง แต่ถ้าสองคนนั้นมันตกลงที่จะเป็นแฟนกันแบบปลอมๆ จริงๆ ผมกับโฮมก็พร้อมที่จะช่วยหลอกไอ้รบกับไอ้ธนูอีกชั้น
จะให้พวกผมทำยังไงล่ะครับ...ถ้าไอ้สองคนนั้นไม่ดีกัน และยังหึงไอ้การ์ดไปเรื่อยๆ แบบวนลูป แล้วตอนไหนร้านแบล็คแพ็คของเราจะสงบสุขลงสักที
มันสองคนแม่งเป็นปัจจัยหลักของร้านนี้จริงๆ นะ
[ก้อง]
ธนูมันจะว่ายังไงนะ...เรื่องที่รถของมันมีรอยใหญ่ยักษ์ขนาดนี้
ตอนที่ผมกลับมาถึงร้าน ผมเอาแต่คิดเรื่องนี้วกไปวนมาอยู่ในหัว ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะเห็นเพื่อนทั้งสามคนยืนกันอยู่ในร้าน คล้ายกับว่ารอคอยการกลับมาของผม
ไอ้สัด...กูรู้เลยแบบนี้
ท่านหัวหน้ากับเมียท่านหัวหน้าทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ
“เล่ามา” ผมพูดกับเพื่อน “ขอสั้นๆ”
“รบโกรธที่เห็นธนูเจ็บตัวและปิดบัง แถมยังหึงไอ้การ์ดที่ได้เป็นฝ่ายดูแลไอ้ธนู ไม่ใช่มัน” โฮมตอบได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งจริงๆ
“รบหึงเลยเหรอ” ผมมองไปที่ประตูชั้นสอง ซึ่งผมเดาเองว่าธนูมันน่าจะอยู่ในนั้น
“ใช่” ยุตอบ “หายออกจากร้านไปเลย คิดว่าน่าจะยังไม่กลับมาง่ายๆ”
กูขอเวลานวดขมับแป๊บ...เมื่อไหร่ผมกับเพื่อนจะเลิกมีเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวนี่สักทีนะ
ในระหว่างที่ผมคิดแบบนั้นอยู่ ผมเพิ่งเห็นว่าเพื่อนสามคนตรงหน้าแม่งมีพิรุธ
“เรื่องยังไม่หมดเหรอ”
“คราวนี้เป็นปัญหาของไอ้การ์ด” ไอ้โฮมกระทุ้งสีข้างไอ้การ์ดที่ไม่กล้าสบตาผม “มันมีเรื่องจะคุยกับมึงน่ะ”
“ว่าไง” นานๆ ทีจะเห็นเพื่อนตัวเล็กแต่ปากมากนี่สงบปากสงบคำ
“ไปคุยกันข้างหลังได้มั้ย”
“คุยต่อหน้าไอ้พวกนี้ดิ...ยังไงพวกมันก็รู้ด้วยอยู่ดี”
“แล้วถ้ามึงปฏิเสธกูอีกคนอีก...กูจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะ”
อะไรของมันวะแม่ง...ผมหันไปมองยุกับโฮมอย่างไม่ค่อยแน่ใจ พวกมันได้แต่ส่งสัญญาณบอกให้ผมตั้งใจฟังการ์ด
...ผมจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังมัน
“พูดมาได้แล้ว”
“มึงช่วย...เป็นแฟนกูที”.
.
.
เกิดมาเพิ่งเคยมีผู้ชายมาขอคบเป็นแฟน แถมคนคนนั้นยังเป็นเพื่อนอีก
เหี้ยไรวะเนี่ยยยยย
“หา” ถ้าไม่งงก็ไม่ใช่ไอ้ก้องแล้ว “อะไรเข้าสิงมึง”
“ช่วยคบกับกูแบบหลอกๆ หลอกไอ้สองคนนั้น” การ์ดดูมืดแปดด้าน...สภาพมันเหมือนหมาจนตรอกจนผมนึกหวั่นใจ “กูไม่อยากให้พวกมันต้องมาขุ่นเคืองใจกันเพราะกูอีกแล้ว...มึงเข้าใจมั้ย”
“แล้วทำไมต้องเป็นกู”
“ก็ไอ้สองคนนี้มันปฏิเสธ”
ไอ้ยุกับไอ้โฮมทำเป็นเดินไปที่อื่นราวกับทนเห็นผมกับการ์ดไม่ได้...งงฉิบหาย ทำไมพวกนั้นได้มีสิทธิ์เลือกก่อน
แต่เดี๋ยวก่อน...พวกมันปฏิเสธไอ้การ์ด ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มฮอตฉิบหาย (ในหมู่ผู้ชาย) ของเอกดนตรีของเราเนี่ยนะ
พวกมึงหล่อขนาดนั้นเลยหรือไงงงงง
“ช่วยกูที...กูขอร้อง” การ์ดลงทุนมาเกาะแขนของผมเลยทีเดียว สีหน้าของมันแตกต่างจากตอนที่มันบงการผมเวลาทำงานมาก
ผมไม่ได้เป็นคนฉลาดเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ผมดูก็รู้ว่าการ์ดมันทุกข์ใจจริงๆ มันห่วงความรู้สึกของธนูแบบเหนือสิ่งอื่นใด และตอนนี้ก็คงพ่วงการห่วงความรู้สึกของรบเพิ่มเข้าไปด้วย
ผมมองไปที่เพื่อนอีกสองคน พวกมันเอาแต่ทำเป็นทำงาน พยายามผลักไสเรื่องนี้ใส่อกผม...
“แค่หลอกเจ้านายของเราแค่นั้นนะ” ในที่สุดผมก็ใจอ่อน “เวลาอื่นกูขอใช้ชีวิตอย่างปกติ”
“ขอบใจมาก!”
หมับ
ไอ้เพื่อนตัวเล็กแม่งกระโดดเข้ามากอดผม...สองนาทีที่แล้วผมยังโสดอยู่เลย แต่ทว่าตอนนี้ผมกลับมีแฟน (ปลอมๆ) ไปแล้ว
ชีวิตนี่มันเป็นอะไรที่ระทึกดีเหมือนกันนะ
“เอ่อ...มึงปล่อยกูได้แล้วมั้ง” ผมสะกิดไหล่ไอ้การ์ด
“โทษที” การ์ดปล่อยผม...ก่อนที่มันจะส่งยิ้มตาหยีมาให้แล้วเดินจากไป รอยยิ้มของมันช่างแตกต่างจากตอนที่มันทำหน้าอับจนหนทางจริงๆ
ผมดีใจ...ที่ได้เป็นสาเหตุของรอยยิ้มนั้น
ไอ้ยุกับไอ้โฮมเดินเข้ามาประกบข้างผมลับหลังไอ้การ์ด
“แฟนการ์ดเลยนะเว้ย...”
“ธรรมดาที่ไหน”
“ถ้ามึงคิดจริงพวกกูพร้อมจะสนับสนุน”
ผมถองสีข้างของพวกมันทั้งสองคน “มึงไม่เห็นเหรอว่าเพื่อนมันต้องการความช่วยเหลือ ทำไมปฏิเสธแบบไม่ถนอมน้ำใจมันแบบนี้วะ”
“ไอ้ก้อง มึงลองคิดดูดีๆ ดิ นั่นไอ้การ์ดนะ ไอ้การ์ด!” โฮมร้องเสียงดัง
“มันทำไม”
“มันเป็นเพื่อน...ที่เหมือนเป็นเลขาฯ ของไอ้ธนูน่ะ ความร้ายกาจของมันก็คงจะน้องๆ เพื่อนมันเลยมั้ง”
“อะไรของมึงวะ มึงก็รู้จักมันดีนี่”
“แต่ก็ยังไม่รู้จักมัน...ในฐานะแฟนปลอมๆ” ยุกล่าวบ้าง “ดีไม่ดีอาจจะต้องเหนื่อยหนักเพราะเป็นแฟนคนอย่างมันก็ได้”
“ไอ้บ้า ก็แค่หลอกท่านผู้นำกับเมีย จะเหนื่อยอะไรนักหนา”
“หึ” โฮมหันไปสบตากับยุแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “กูกับไอ้ยุมั่นใจมากว่าใครก็ตามที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของไอ้การ์ดถึงแม้ว่าจะเป็นแฟนปลอมๆ ก็ตาม...มันก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นแฟนของไอ้การ์ดจริงๆ”
“ทำไมวะ” ผมย่นคิ้ว
“ก็เพื่อนเรามันน่าให้ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของน้อยที่ไหนกัน...” ยุตอบ
ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วคิดตาม...
ก็จริงของมัน...การ์ดมันเป็นผู้ชายน่ารัก คนที่อยู่ใกล้ๆ มันมากก็ต้องหลงเสน่ห์มัน โชคดีที่เราสองคนมีภูมิต้านทานสูง
ภูมิต้านทานนั้นมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ‘การกลัวตีนไอ้ธนู’
ไอ้หัวหน้าแก๊งคนนี้มันหวงการ์ดอย่างกับหวงลูกสาว...แต่มันก็หึงรบเวลาที่รบไปอยู่ใกล้ๆ ลูกสาวของมัน ทุกคนงงใจในความย้อนแย้งนี้มั้ยครับ
“กูจะคิดซะว่านั่นเป็นคำเตือน” ผมตัดสินใจตัดบท โดยไม่ลืมที่จะพยายามให้ความคิดในหัวของผมเองปั่นป่วนน้อยลง
ไอ้สัดเอ๊ย...
ก็แค่เป็นแฟนปลอมๆ มันไม่เห็นต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากมากมายขนาดนั้นหรอก
แค่ต้องทำตัวเป็นแฟนไอ้การ์ด...ต่อหน้าคนสองคนก็แค่นั้น ใช่ว่าผมจะอยากให้ทุกอย่างมันถลำลึกมากไปกว่านี้สักหน่อย
ยังไงเพื่อน...มันก็คือเพื่อนป่ะวะ...
เวรกรรม...ทำไมไอ้การ์ดมันต้องเริ่มเปิดฉากให้ผมมองมันเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย
[รบ]
กว่าไอ้นทีจะรับสาย...ผมก็หัวร้อนซะจนผมแทบจะทุบโทรศัพท์กับพวงมาลัยรถ
[มีอะไรวะ]
“กูขอที่อยู่ไอ้พีม”
[หา]
“บอกมา...เร็วๆ”
[มึงคิดจะทำอะไร]
“ก็มันทำแฟนกูเจ็บตัว”
[...]
“บอกมาเร็วๆ โว้ยยยย”
[ไอ้พีมทำน้องกูเหรอ]
“...”
[เหี้ย] เสียงของนทีเย็นขึ้นจนผมนึกประหลาดใจ [กูจัดการเอง]
“ไม่ กูเอง”
[มึงบ้าหรือไง นั่นมันน้องมาเฟีย]
“แล้วไง แค้นนี้ต้องชำระ”
[กลับไปดูแลผัวมึงไป]
“กูงอน”
[อะไรอีก] นทีออกเสียงอย่างเบื่อหน่าย
“มันเรื่องของกู...แค่มึงบอกที่อยู่ไอ้พีมมา”
[ขืนบอกไปธนูมันได้มาฆ่ากูพอดี]
“...”
[บอกที่อยู่ไอ้พีมกับมึงก็เหมือนบอกทางไอ้มึงไปตาย...กูไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก]
“...”
[มึงสำคัญกับน้องชายกูมากนะ...เลิกงอนมันแล้วกลับไปหามันได้แล้ว]
“คือกู...”
นทีกดวางสายไปแล้ว...
โว้ยยยย น่าโมโหทั้งพี่ทั้งน้อง
ผมตัดสินใจเลี้ยวรถไปจอดข้างทาง...พยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โทรศัพท์ของผมยังมีเบอร์จากพวกร้านแบล็คแพ็คโทรเข้าต่อเนื่องโดยเฉพาะการ์ด ซึ่งยิ่งผมเห็นเบอร์มันผมก็ยิ่งรู้สึกปวดแปลบในใจที่ผมดันไปรู้สึกแย่ๆ กับมันแบบนั้นเข้า
รบ...มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ โมโหหัวร้อนซะจนแยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร
แม้การ์ดจะโทรเข้ามาหลายต่อหลายสาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือข้อความใน Dm ของอินสตาแกรม ผมปล่อยให้ตัวเลขสีแดงแจ้งเตือนไปแบบนั้น เพราะผมรู้ดีว่าใครเป็นคนทักมา
ธนูมันคงง้อผม แต่ผมก็โกรธเกินกว่าที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยง่าย
นี่ผมไม่รู้ว่าผมจะจัดการกับความรู้สึกนี้ต่อไปยังไงแล้ว
[ มีต่อนะคะ ]