Ep. 15
[รบ]
วันนี้ไอ้ธนูมันหล่อมากกกกกกกกกก
เหมือนแม่งแต่งตัวมาข่มเด็กยังไงก็ไม่รู้ นี่มันรู้หรือเปล่าว่าเด็กที่มันพยายามแต่งตัวมาข่มเป็นแค่เด็กมอต้นน่ะหา...แต่ก็เอาเถอะ ผมเองก็ยืมชุดมันมาใส่เหมือนกัน
ตอนนี้พวกเราจึงเหมือนคุณชายจากละครค่ายเอสเอ็นสักเรื่อง (ค่ายของไอ้น้องนายท่าน...คนที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์นั่นแหละ) และกำลังยืนรอคอยคุณหนูเลิกเรียนพิเศษ แม้จะฟังดูตลกๆ แต่พวกเราก็สนุกกันมาก
อย่างน้อยก็น่าจะทำให้รันยิ้มออกมาได้นิดหน่อย
“มึงหล่อนะ” ธนูมองผมตอนที่เรายืนพิงระเบียงกระจกกันอยู่ “โคตรหล่อเลย...รู้ตัวป่ะ”
แม้จะคบกับแม่งมาเป็นเวลาพอสมควร แต่ผมก็อดเขินไม่ได้จริงๆ
“มึงก็หล่อ” ผมตอบ “หล่อฉิบหาย”
มันยิ้ม “กูอยากให้เด็กนั่นเดินออกมาพร้อมรัน”
“ทำไม”
“มันจะได้รู้ไงว่ามีพี่ชายเป็นเกย์มันดียังไง” ธนูตอบผม “มีพี่หล่อไม่พอ แฟนพี่ยังหล่อเหี้ยๆ อีก...บอกเลยว่าทำบุญสิบชาติยังไม่ได้แบบนี้”
“ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าหมั่นไส้ว่ะ”
“...”
“แต่ก็จริง”
ผมกับมันนี่ศีลเสมอกันจริงๆ...รู้แล้วว่าทำไมถึงคบกันได้ เพราะเราคิดเหมือนกันเป๊ะแบบนี้ไง
เวลาผ่านไปประมาณห้านาที ในที่สุดก็มีเด็กๆ ทยอยออกมาจากสถานที่เรียนพิเศษ ผมเห็นรันแฝงอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงซึ่งมีลิซ่าอยู่ด้วย ใบหน้าของน้องสาวผมยังคงเศร้าหมองอยู่ แต่สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปเมื่อมองมายัง...พี่ชายของมันอย่างผม
ล้อเล่น....สีหน้ามันเปลี่ยนเพราะไอ้ธนูต่างหาก
แอลฟาแม่งมีพลังให้คนอื่นอารมณ์ดีด้วยเหรอ
“ทำไมมาด้วยกัน!” รันร้อง
ครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องของผมกับธนู ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากเปิดเผย แต่ผมรู้ดีว่าน้องผมนิสัยเป็นยังไง ขืนบอกไปว่าคบกันแล้วล่ะก็...คำถามล้านแปดจะตามมาอย่างแน่นอน
‘เดตกันครั้งแรกเมื่อไหร่’
‘หุ่นพี่ธนูเป็นยังไงบ้าง’
‘จูบกันครั้งแรกเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร’
รันมันเป็นสาววาย...มันชอบเล่าเรื่องของคู่อื่นๆ ในนิยายที่มันอ่านให้ผมฟังทำนองนี้ ฉะนั้นเมื่อมีคู่ในชีวิตจริงของมันขึ้นมา ยังไงผมก็เชื่อว่าผมกับธนูหนีไม่พ้นคำถามแบบนี้แน่
ใครมันจะไปกล้าตอบน้องล่ะว้า
“วันนี้เจ้านายว่างน่ะ” ผมตอบแทนธนูที่ยิ้มเอ็นดูน้องสาวผมอยู่
รันกำลังพยายามทำใจอย่างยิ่งที่จะไม่เอานิ้วไปจิ้มซิกส์แพ็คของธนูภายในเสื้อผ้าหรู...ผมจำเป็นต้องหันเหความสนใจของน้องไปที่อย่างอื่น
“แล้วไหนล่ะ...เจ้าเด็กนั่น” ผมมองหาเป้าหมาย
“นู่นไง” รันทำเสียงเซ็งๆ ก่อนพยักเพยิดไปทางเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เจ้าเด็กนี่มันหล่อดีทีเดียว หน้าไทยแถมยังผิวแทนสุดๆ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าน้องสาวผมมีสเปกเป็นแบบนี้ “มันชื่อว่าบิ๊กน่ะ”
ผมมองเด็กคนนั้นด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ ส่วนธนูเองก็ทำตามผม กลายเป็นว่าเจ้าบิ๊กตกอกตกใจใหญ่ อาจเป็นเพราะแฟนผมมีรังสีอำมหิตที่น่ากลัวฉิบหายก็เป็นได้
มันกับเพื่อนเริ่มจ้ำอ้าวเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว...
สะใจนิดๆ แฮะ เหมือนผู้ใหญ่แกล้งเด็กไม่มีผิด
รันหลุดขำ ก่อนจะกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า “แอบไปได้ยินมาว่าไม่ชอบเกย์เพราะเกย์จะเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิง แล้วทีนี้เป็นไง...เจอมองเข้านิดเดียวทำเป็นวิ่งหางจุกตูด” มันเอามือป้องปากพร้อมกับตะโกนตามหลัง “คนบนโลกมันมีหลากหลายประเภทโว้ย ไอ้คนโลกแคบ!”
“เอาน่า” ผมแตะไปที่ไหล่ของน้อง “อย่าถือสาคำพูดของเด็กแบบนั้นเลย”
“พี่ควรพูดกับตัวเอง” รันยิ้มออกมาจนได้ ก่อนจะค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้ามากระซิบ “ถึงกับต้องลากเจ้านายมาช่วยเลยเหรอ...หนูไม่ได้ดราม่าหนักขนาดนั้นนะ”
มันเป็นความคิดของไอ้ธนูล้วนๆ ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที
“ว่าแต่...สรุปว่าพี่กับ...” รันมองผมกับธนูสลับกัน
“เหมือนโทรศัพท์จะดังนะ” ธนูกล่าวแทรก รันร้องเสียงดังก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหล แดดดี้”
ผมปล่อยให้น้องคุยโทรศัพท์ไป ส่วนผมก็ลากธนูไปพูดคุยอีกฝั่งหนึ่ง
“น้องยังไม่รู้นะว่ากูคบกับมึง”
“ไม่บอกให้รู้ไปเลยล่ะ” ธนูถามนิ่มๆ
“คำถามเจาะลึกจะตามมาน่ะสิ...มึงไม่เข้าใจหรอก”
“อ๋อ งั้นเหรอ” เรื่องของรันทำเอาแฟนผมยิ้มออกเสมอ ท่าทางมันจะเอ็นดูน้องของผมมากมายเลยทีเดียว ความคิดนั้นทำเอาผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะผมหวงน้องสาวครับ แต่เป็นเพราะความเอ็นดูของธนูที่มีต่อครอบครัวของผมต่างหาก
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมกับมันมีความสัมพันธ์เหนือระดับคนในวัยนักศึกษา (ใกล้จบ) ที่คบกันไปอีกขั้น มันไม่เคยกลัวที่จะเข้าหาคนในครอบครัวผม อย่างวันที่มันขับรถมารับผม มันก็ลงจากรถมาทักทายกับแดดดี้ของผมโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากบอกมันสักแอะ
มันทำให้ผมรู้สึกละอายใจอยู่ลึกๆ
ผมรู้ความจริงเกี่ยวกับครอบครัวมัน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะบอก...เอาเป็นว่าผมขอให้ผ่านพ้นเรื่องของรันไปก่อน ผมจะลองทำใจกล้าบอกมันดูสักตั้ง
ธนูมันต้องฟังผมบ้างสิ
“มีอะไรในใจหรือเปล่า กูเห็นมึงใจลอยอยู่ตั้งนาน” มันก้มหน้าลงมาถามผม
“คือ...” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว บางทีผมก็ควรจะเกริ่นๆ ไปก่อน “นทีน่ะ...”
สีหน้าธนูเปลี่ยนเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ลำคอของผมตีบตันลงไปกะทันหันเพียงเพราะสายตาที่แข็งกร้าวมากขึ้นของอีกฝ่าย รังสีอำมหิตของมันพุ่งทะยานพรวดขึ้น...แตกต่างจากตอนที่มันแกล้งเด็กน้อย ‘กิ๊กของรัน’ อย่างลิบลับ
ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกหวั่นกลัวที่จะพูดออกมา
มันน่ากลัวฉิบหาย...ถ้ามันกลายร่างได้เพราะความโกรธล่ะก็ มันคงกลายร่างไปแล้ว
“มันทำไม” น้ำเสียงเย็นชาของแฟนผมทำเอาผมไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกต่อไป โชคดีที่รันเข้ามาแทรกกลางระหว่างบทสนทนาของเราพอดี
“แดดดี้ชวนพวกพี่ไปทานข้าวด้วยอ่ะ แต่ร้านไม่ได้อยู่ในห้างนี้นะ” รันจงใจหันไปหาธนู “พี่ธนูไปด้วยกันมั้ยคะ”
รันหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นว่าธนูไม่ได้อยู่ในฟีลที่มันควรไปคุยเล่นด้วย...มันหันหน้ามาทางผมอย่างงุนงง
“ไปสิ” ธนูตอบ ส่งยิ้มให้น้องสาวของผมราวกับรู้ว่ามันตกใจ
เราทั้งคู่ปล่อยให้รันเดินนำหน้าไปก่อน...จากนั้นมันก็เอียงคอมากระซิบกับผม
“ขอโทษ” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“เรื่องเล็กน่า” ผมตอบกลับ...สิ่งที่ผมควรหนักใจไม่ใช่อาการหงุดหงิดง่ายของธนู แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องคิดให้หนักว่าผมจะเริ่มบอกเรื่องนทียังไงดีมากกว่า
บอกเลยว่าแม่ง...งานช้าง
[ธนู]
ทุกครั้งที่ผมเห็นครอบครัวของรบ...ผมก็มักจะสบายใจเสมอ
น้องสาวรบสดใสเป็นอย่างมาก ส่วนแดดดี้ของมันนั้น...แค่ได้มองก็ยิ้มออกแล้ว ท่านเป็นฝรั่งร่างใหญ่ที่ดูใจดีมาก ผมไม่เคยต้องคิดหนักเวลาที่จะได้เจอท่าน วันนี้ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
แต่ถ้อยคำที่ผมเพิ่งได้ยินจากปากของรบ...ทำเอาผมเครียดไปหน่อย แม้ว่าผมจะส่งยิ้มให้แดดดี้กับน้องรัน แต่ลึกๆ ในใจผมก็อดวิตกไม่ได้ว่ารบต้องการที่จะพูดอะไรกันแน่
แค่ได้ยินชื่อไอ้นที...ผมก็โมโหแล้ว
ตั้งแต่ที่ผมตัดสินใจเข้าไปคุยกับนทีตรงๆ เมื่อวาน ผมก็นึกสับสนอยู่ในใจตลอดเวลาว่าผมผิดปกติเรื่องอะไร เรื่องที่หวงของกับพี่ชายหรือว่าเรื่องหวงรบมากจนเกินไป
ผมคิดแล้วคิดอีกจนนอนไม่หลับ...จนกระทั่งผมได้หันมามองหน้ารบใกล้ๆ ในขณะนี้ มันกำลังหลับอยู่เบาะหลังรถข้างๆ ผม โดยที่ข้างหน้ามีคนขับซึ่งก็คือแดดดี้กับน้องรันซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
คำตอบในใจผมเอนเอียงไปทางอย่างหลังมากกว่า...
ที่จริง...ถ้ารบไม่เล่นกับไอ้นที สิ่งที่ผมระแวงไปเองก็คงจะไร้ความหมาย แต่นี่ผมกลับหวั่นวิตกอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารบมันเล่นด้วย ไม่ว่าไอ้นทีจะเข้ามาหามันด้วยวิธีใดก็ตาม นั่นแหละที่น่าเป็นห่วงมากกว่า
ผมนี่มันเป็นคนขี้หึงขี้หวงขั้นเทพจริงๆ สินะ...
ศีรษะของรบเอียงมาซบไหล่ผม จากนั้นมันก็ขยับไปทางอื่นราวกับว่ากลัวจะรบกวนผมอย่างสะลึมสะลือ ผมเห็นมันขยับศีรษะไปมาอย่างน่าเวทนาอยู่หลายรอบ จนในที่สุดผมก็หมดความอดทน
แขนของผมโอบไหล่ของมันเอาไว้ก่อนจะใช้มือกดศีรษะมันลงมาซบไหล่ ท่าทางมันจะสบายกับการนอนซบไหล่ผมมาก เพราะมันเอาแต่หลับด้วยการผ่อนลมหายใจ
ใบหน้าที่กำลังหันมามองจากทางด้านหน้าทำเอาผมสะดุ้ง รันอ้าปากค้าง เอามือปิดปากตัวเองขณะมองดูผมกับรบ...ซึ่งกำลังทำท่าที่มองมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าเป็นแฟนกัน
ผมอ่านสีหน้ารันไม่ออก แต่ดูก็รู้แน่ๆ ว่าทั้งช็อกทั้งดีใจ...ผมก็เลยยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ปากทีหนึ่งว่าอย่าเอ็ดไป
...ไม่งั้นรบแม่งบ่นแย่
น้องสาวของรบพยักหน้าแรงๆ จนคอจะหลุด จากนั้นก็หันไปชวนแดดดี้คุยด้วยน้ำเสียงสดใส ดูเหมือนความเครียดจากเด็กที่ชื่อไอ้บิ๊กจะมลายหายไปแล้วเมื่อผมกับรบมาเสิร์ฟความฟินให้เธอถึงที่
รบไม่รู้ว่านี่คือความหมายที่แท้จริงของผม...ผมจะมาเพื่อข่มเด็กบิ๊กนั่นทำไมกัน ในเมื่อแค่ผมดีดนิ้วเดียวมันก็ปลิวไปไกลแล้ว...ผมมาเพราะอยากให้รันยิ้มออกต่างหาก ตอนที่เธอเพ้อในสตอรี่ของเธอนั้น เธอดูเจ็บปวดมากจนผมรู้สึกสะอึกแทน
สาววายเองก็มีความเจ็บปวดในแบบของสาววาย...อย่างงั้นใช่มั้ย (ผมกูเกิ้ลความหมายของมันมาแล้วล่ะว่ามันคืออะไร ที่ผ่านมารบชอบบอกว่าน้องรันเป็นสาววายจนผมต้องไปหาความหมายเอง)
ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง...พยายามปลดปล่อยความเครียดที่มีให้หายไป มือของผมที่กุมไหล่ของรบอยู่เปลี่ยนเป็นบีบไหล่ของมันให้แน่นขึ้นเพื่อให้มันรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้
มันขยับใบหน้าเข้ามาซุกซอกคอผมโดยมันไม่รู้ตัว...สงสัยแม่งจะสบายจนเกินเหตุ ทำให้ผมอดหวังไม่ได้ว่าอาการฟิวส์ขาดของผมที่หน้าสถานที่เรียนพิเศษของรันจะไม่ทำให้มันคิดมาก...
ถ้าเรื่องห่วงพรรคพวกที่ร้านเป็นสัญชาตญาณของผมล่ะก็...เรื่องหวงรบก็คงจัดได้ว่าเป็นสัญชาตญาณของผมเหมือนกัน
ร้านที่แดดดี้รบเร้าอยากที่จะมาก็คือร้านสเต็กแถบชานเมือง
ดูจากลักษณะร้านแล้วคงเป็นร้านที่เชฟเป็นฝรั่ง แดดดี้กับรันสั่งอาหารอย่างอารมณ์ดี ส่วนรบกับผมต่างคนก็ต่างนิ่ง ที่ผมนิ่งเพราะผมไม่กล้าเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่นักต่อหน้าแดดดี้ ส่วนไอ้รบนั้นนิ่งก็เพราะว่ามันยังง่วงอยู่
รันทำตัวเนียนเหมือนไม่รู้ว่าผมกับรบเป็นอะไรกัน...ซึ่งผมก็ขอบคุณน้องมาก ผมรู้ดีว่ารบไม่อยากให้น้องรู้ ฉะนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามที่รบมันสบายใจ ผมเองก็อยากทำให้มันหมดนั่นแหละ
ผมเห็นมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อมันอ่านข้อความบนหน้าจอมันก็ทำหน้าหงุดหงิดเล็กๆ แล้วคว่ำจอลง
สายตาของผมทำให้รบต้องตอบออกมาเองว่าใครทักมา “พี่ที่รู้จักกันน่ะ”
“มันตื๊อเหรอ” ผมเดาเอาเองว่ารบรำคาญคนคนนี้
“ใช่”
ผมเลิกคิ้ว “มันไม่รู้เหรอว่ามึงมีแฟนแล้ว”
“รู้ แต่ก็ยังตื๊อ” รบพ่นลม “โคตรบ้า”
ตอนนั้นแดดดี้ส่งขนมปังมาให้ผมพอดี ผมจึงต้องแสร้งยิ้มว่าผมไม่ได้มีอะไรผิดปกติ คิดในใจไปเรื่อยว่าใครกันที่ช่างกล้าตื๊อรบ...มันไม่รู้หรือไงว่ารบเป็นแฟนผมน่ะ
โทรศัพท์รบยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง...ผมที่ชวนแดดดี้คุยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจการทักไลน์ถี่ๆ ของพี่ที่รู้จักกันของรบ แต่มันก็อดสนใจไม่ได้อยู่ดี ตลอดเวลาที่ผมคบกับมันมาไม่เคยมีใครแสดงท่าทีตื๊อรบโดยไม่เห็นหัวผมขนาดนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมต้องถลึงตามองโทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่บ่อยครั้ง
มึงไม่รู้จักกูจริงๆ เหรอ ไอ้ช่างตื๊อ...
“มีอะไรกันหรือเปล่า” แดดดี้ถามขณะที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ
“ไม่มีครับ” รบตอบ
“มีครับ” ผมตอบอีกอย่าง...จนทำให้รบถึงกับต้องหันขวับมาทางผม “เราสองคนขออนุญาตไปคุยกันข้างนอกสักครู่นะครับ”
“ได้สิ เชิญๆๆ”
สิ่งแรกที่ผมทำคือคว้าโทรศัพท์ของรบขึ้นมา เจ้าตัวรีบลุกพรวดพราดตามผมไปยังข้างนอกของร้านซึ่งติดถนน ผมกดดูหน้าจอของรบก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวแข็งทื่อ
Nateenatee : เริ่มคุยให้กูยัง
Nateenatee : ไม่ตอบกูเลยนะไอ้บ้า
Nateenatee : หรือจะให้กูบุกไปหามึงถึงที่บ้านอีก?
Nateenatee : กินข้าวเสร็จแล้วบอกด้วย จะโทรหา ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้ไลน์ที่ชื่อว่านทีนทีที่ขึ้นอยู่บนจอของรบเป็นของใคร
[ มีต่อนะคะ ]