[want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]  (อ่าน 47613 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
 



เรื่องทำให้คนอื่นรัก 'เนล' ถนัดนัก อย่างหลวมตัวเข้ามารักก็แล้วกัน จะเจ็บเจียนตาย!

ภูมิคุ้มกันของคนอย่าง 'ภีม' มีมากพอที่ไม่หลวมตัวไปชอบมันหรอก ถ้าตกหลุมรักใครง่ายๆ ชาตินี้คงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปแล้วล่ะ




สารบัญ

ตอนที่1 เกลียด (1/1)
ตอนที่2 จัดการ (1/1)
ตอนที่3 เจ้าสาว (1/1)
ตอนที่4 ทะเลาะ (1/1)
ตอนที่5 ซวย (1/1)
ตอนที่6 บ้าน (1/1)
ตอนที่7 เจ้าของบ้าน (1/1)
ตอนที่8 ตื้อ (1/1)
ตอนที่9 แฟน (1/2)    (2/2)
ตอนที่10 ข้อตกลง (1/1)
ตอนที่11 มาพบ (1/1)
ตอนที่12 อาหาร (1/2)    (2/2)
ตอนที่13 ผิดสัญญา (1/2)    (2/2)
ตอนที่14 ช่วย (1/1)
ตอนที่15 หวั่นไหว? (1/1)
ตอนที่16ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) (1/1)
ตอนที่17 ห้วงก้าง (1/2)    (2/2)
ตอนที่18 หื่น (1/1)
ตอนที่19 ขอโทษ (1/2)    (2/2)
ตอนที่20 คำตอบของพี่ (1/2)    (2/2)
ตอนที่21คำตอบของผม (1/2)    (2/2)
ตอนบันทึกพิเศษซัน หน้าที่ 1 (1)
ตอน22 รอ (1/1)
ตอน23 ไข้ (1/1)
ตอนที่24(Part ภีม)โกรธ (1/2)    (2/2)
            (Part เนล)ความในใจ (1/4)  (2/4)  (3/4)  (4/4)
ตอนที่ 25 นอนกับกู (1/2) (2/2)
ตอนที่26 เรื่องเล่า (1/2)




**หมายเหตุ** บางตอนเนื้อหามีมากกว่าที่จะลงให้จบภายในกระทู้เดียว จึงขอแยกเป็น Partไปนะคะ  ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ ^^



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 01:00:56 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 1 เกลียด

ผู้ชายที่หน้าตาดีแบบธรรมชาติ ล้างหน้าด้วยสบู่ตรานกแก้วทุกวัน เพราะไม่มีเงินซื้อโฟม

ความหล่อระดับดีกรีนายแบบ เจมส์จิชิดซ้าย เจมส์ มาร์ชิดขวา อาม่ายังร้องกรี๊ด ปัจจุบันยังไม่มีแฟน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม กำลังยืนโง่ๆรอรถไฟฟ้าหน้าตึกคณะแพทย์มาร่วมชั่วโมง

เอามือขึ้นมาบังแดดที่ส่องกระทบหน้า อากาศวันนี้ร้อนเหลือเกิน ร้อนชนิดที่ว่านกที่บินอยู่สามารถตกลงมานอนตายได้เป็นแถบๆ
ยกนาฬิกาขึ้นมาดู สลับกับมองรถไฟฟ้า ก็ไม่มีวี่แววว่ารถจะมาสักที ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เดินไปก็ได้วะ กะอีแค่หน้า ม. มันจะไกลสักแค่ไหนกันเชียว ขืนรอรถต่อไป คงไปทำงานไม่ทันแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงตัดสินใจเดินตั้งแต่ตึกคณะ ไปยังหน้า ม. ทันที
ระยะทางช่างไกลกว่าที่คิด ตอนนี้รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดมหัน ต้องเดินฝ่าแดดร้อนๆที่แทบเผาเนื้อหนังจนไหม้เกียม สายตาก็หันไปมองรถไฟฟ้าเป็นพักๆเผื่อจะโผล่มาบ้าง แต่ก็ไร้วี่แว่ว วันนี้รถมันหยุดเดินหรือยังไงวะ!
ถ้ามีรถเป็นของตัวเองคงสบายกว่านี้  ถึงเมื่อก่อนจะมีก็เถอะ แต่ตอนนี้...มันไม่มีแล้ว
ผมหอบแหกๆ เมื่อเดินมาถึงหน้า ม. แล้ว ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือรถไฟฟ้ามันพึ่งขับผ่านหน้าผมไปเมื่อกี้นี่เอง จะขึ้นให้หายเจ็บใจเล่นก็กระไรอยู่ เพราะกูเดินมาถึงหน้า ม.แล้ว
มาผิดที่ผิดเวลาดีจริงๆ
เดินต่ออีกนิดก็ถึงร้านพี่อ้อย ร้านที่ผมมาทำงานพิเศษเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง
 ร้านของพี่แกค่อนข้างใหญ่ และดังมากในหมู่นักศึกษา เพราะฝีมือการทำอาหารทีไม่ธรรมดา แถมราคาก็ย่อมเยาต่อเงินในกระเป๋า ทำให้ร้านพี่แกขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว
“พี่อ้อยสวัสดีครับ”
ผมเดินเข้าไปในร้าน พร้อมยกมือไหว้สวัสดีพี่อ้อยแกตามระเบียบ
พี่อ้อยที่เช็ดโต๊ะอยู่หันมามองผมที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ด้วยท่าทางตกใจนิดหน่อยกับสภาพที่เหมือนคนพึ่งตกน้ำมา “ไปเล่นน้ำที่ไหนมาเนี่ย เปียกหมดเลย”
“เหงื่อครับพี่ พอดีรอรถไฟฟ้าเท่าไหร่ก็ไม่มาสักที ผมเลยเดินจากตึกคณะมาที่นี่ กลัวจะมาทำงานไม่ทัน เดี๋ยวโดนหักเงินเดือนอีก” ผมพูดทีเล่นทีจริงกับพี่แก
“แหม๋ น้องภีม พี่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นนะ”
“ฮ่าๆ ครับ แต่ผมไม่อยากมาทำงานสาย เดี๋ยวทำงานไม่คุ้มค่าแรงที่พี่เอาให้ รู้สึกผิดแย่”
“จ้า แต่วันหลังก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ สายนิดสายหน่อยพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ครับ”
“ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนก็ดีนะ พี่ไม่อยากให้พนักงานตัวเหม็นเหงื่อ เดี๋ยวลูกค้าพี่หายหมด ฮ่าๆ” พี่อ้อยพูดติดตลก
“รับทราบครับ” ผมตอบรับพี่แกไป

ก่อนเดินไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด พร้อมเปลี่ยนชุดพนักงานที่หลังร้าน เตรียมตัวทำงานทันที
วันนี้คนก็เยอะเหมือนทุกวัน ผมเดินรับออเดอร์สลับกับเอาอาหารมาเสริฟจนแทบไม่ได้พักเลย ช่วงนี้เป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เลิกเรียน และออกมาหาข้าวกินกัน จะวุ่นวายเป็นพิเศษ บางครั้งโต๊ะที่มีในร้านก็ไม่พอจนต้องสำรองที่นั่งให้

พอตกดึกคนก็เริ่มน้อยลง พี่อ้อยรับลูกค้าหน้าร้านคนเดียวไหว เลยให้ผมไปล้างจานที่หลังร้านแทน
ผมดึงแขนเสื้อขึ้น เตรียมล้างจากองโตที่สุมกันอยู่ข้างหลังร้าน

เรื่องล้างจานไว้ใจไอ้ภีม! ผู้ที่ขัดเกลาฝีมือด้านการล้างจานมาอย่างช่ำชอง เรียกได้ว่าเป็นนักล้างจานระดับมืออาชีพ ถ้ามีการแข่งขันล้างจาน ไอ้ภีมคนนี้คงกวาดรางวัลมาเพียบ!

ผมจัดการล้างจานที่กองรวมกันอย่างชํานาญ ด้วยความรวดเร็วระดับมือโปร จานที่กองรวมกันค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องทำจานแตกกี่ใบนั้นไม่ได้นับ ของานเสร็จเป็นพอ

“ภีม ถ้าล้างจานกองนี้เสร็จก็กลับบ้านได้เลยนะ” พี่อ้อยเดินมาบอกผมที่กำลังนั่งล้างจานกองสุดท้ายของวันนี้อยู่หลังร้าน

“ครับ”ผมขานตอบพี่แกไป ก่อนจะหันมาล้างจานของตัวเองต่อ

ใช้เวลาไม่นานก็ล้างจนเสร็จ พร้อมนำไปวางไว้บนชั้นเป็นอย่างดี

เดินไปเช็ดมือ ก่อนจะไปเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นเหมือนเดิม
 
“พี่อ้อย ผมกลับแล้วนะครับ” ผมบอกลาพี่อ้อยหลังจากที่ทำงานของตัวเองเสร็จรีบร้อยแล้ว ก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ตรงชั้นวางของมาสะพายบ่าไว้ พร้อมเดินออกจากร้านมาทันที

ต้องรีบไปงานวันเกิดของไอ้ซาน มันนัดกินเลี้ยงกันที่ร้าน เหล้าในป่า ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่ และ หรูหรามากทีเดียว นอกจากเฟอนิเจอร์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราแล้ว พวกเหล้าก็เป็นเหล้านำเข้า มีแต่ยี่ห้อแพงๆทั้งนั้น ติดอยู่อย่างเดียวชื่อร้านขัดใจกูมาก ร้านก็ดูหรูระดับหนึ่งแต่ชื่อเหมือนพวกคนป่าที่มานั่งก๊งเหล้าฉลองกันหลังจากพึ่งล่าสัตว์ได้ อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนตั้งชื่อร้าน

ร้านพวกนี้ถ้าเป็นไปได้คนอย่างผมจะไม่มีทางมาเหยียบเด็ดขาดเลยครับ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยดื่มเหล้าอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นวันเกิดของไอ้ซานมันทั้งที เลยต้องไปอย่างจำยอม

ผมมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 20.50 น.แล้ว ดึกแล้วด้วย ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีวินมอเตอร์ไซค์เหลืออยู่ไหม...

 “ช้าจังวะไอ้ภีม พวกกูมานั่งรอมึงจนหงอกกูจะขึ้นอยู่ละ” ไอ้ทัศที่นั่งรอผมอยู่นอกร้านบ่นใส่ผมทันที หลังจากที่เห็นผมเดินออกมาจากร้าน เดี๋ยวนะไอ้ทัศ มึงมานั่งรอกูตั้งแต่เมื่อไหร่ ความทรงจำสุดท้ายที่กูมีต่อมึงคือ มึงพาแฟนเด็กของมึงออกไปเที่ยวไม่ใช่หรือไงวะ

“กูไม่ได้ขอให้มึงมานั่งรอสักหน่อยเหอะไอ้ทัศ ว่าแต่มึง จะมานั่งรอกูทำไมวะ” ผมถามคำถามที่สงสัยออกไป

 “กูเป็นห่วงมึงไง กลัวมึงไม่มีรถไป ก็เลยมารับไม่ดีหรอวะ” โห เป็นคนดีเหมือนกันนี่หว่าไอ้ทัศ กูซึ้งงงง

 “แต่ความจริงคือ มันแค่พาน้องออม คณะพยาบาลแฟนมัน มาส่งหอที่อยู่แถวนี้เท่านั้นแหละ เลยแวะมารอรับมึงไปด้วย” ไอ้เหม่ยที่นั่งเสียบหูฟังอยู่ข้างๆไอ้ทัศเอ่ยแทรกขึ้นมา กูไม่น่าซึ้งไปกับบทบาทเพื่อนที่แสนดีของมึงเลยไอ้ทัศ

“อ่าวไอ้เหม่ย อย่ามาใส่ร้ายกู”ไอ้ทัศหันไปโวยวายใส่ไอ้เหม่ย

“กูแค่พูดความจริง กูพูดตามที่กูเห็น และกูเห็นตามที่กูพูด”

“เหอะ! แต่มึงไม่รู้หรอก ว่าในใจกูมันร่ำร้องว่าเป็นห่วงไอ้ภีมขนาดไหน”

“อย่ามาพูดให้มันดูดีเพื่อกลบเกลือนความจังไรในตัวมึงเลย”

“เอ้า! ไอ้เหม่ย พูดหาหาเรื่อง มาต่อยกันตรงนี้เลยไหม จะได้จบ”

“เอาดิ อยากต่อยมึงมานานแล้วเหมือนกัน” ไอ้สองคนนี่เริ่มเถียงกันอีกแล้วครับ มันจะมีสักวันไหมเนี่ยที่พวกมึงอยู่ด้วยกันแล้วจะไม่เถียงกันน่ะ

“เห้ย! ใจเย็นๆ” ผมร้องห้าม

“ไอ้ภีมกูขอทีเถอะ อย่าห้ามกูเลย ถ้าไม่ได้ต่อยมันกูคงอยู่ไม่สุข” ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน เหมือนสิงโตที่พร้อมจะคำรามทุกเมื่อ

“เอ่อ ถ้าวันนี้ไม่ได้ต่อยมึง กูก็นอนไม่หลับเหมือนกันไอ้ทัศ!”

ไอ้เหม่ยไม่รอช้า หลังจากพูดจบก็ซัดหมัดหนักๆเข้าที่หน้าท้องไอ้ทัศโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวทันที

ไอ้ทัศที่เป็นดังราชสีห์เมื่อกี้ กลายเป็นลูกแมวน้อยที่โดยไอ้เหม่ยซัดไม่ยั้ง

“ไอ้ภีมห้ามมัน! ห้ามมันที!” ไอ้ทัศตะโกนขอความช่วยเหลือจากผมทันที

“เฮ้อ” ไอ้พวกเลือดร้อน!

ทะเลาะกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนมาก พวกมึงน่ะ!

“พอแล้วไอ้เหม่ย จากที่จะได้ไปงานวันเกิดไอ้ซาน จะได้ไปงานศพไอ้ทัศแทนนะโว้ย” ผมร้องห้ามไอ้เหม่ย

ไอ้เหม่ยยอมหยุดทันที

“ไปกันได้ละ ปานนี้ไอ้ซานรอจนรากงอกแล้วมั้ง” ไอ้ทัศเอ่ยขึ้นมาพร้อมเอามือกุมหน้าท้องเอาไว้ คงจะเจ็บน่าดูกูจะสงสารหรือสมน้ำหน้ามึงดีที่ไปท้าไอ้เหม่ยต่อยน่ะ

ไอ้ทัศพูดจบก็เดินนำไปที่รถของมันทันที พวกผมก็เดิมตามมันไปตามระเบียบครับ รถของมันเป็นรถ Nissan note สีดำ ที่จอดอยู่ตรงลานหน้าร้าน

 ไอ้ทัศเป็นคนขับรถ โดยมีไอ้เหม่ยนั่งตรงข้างคนขับ ตามด้วยผมที่นั่งข้างหลัง

 ผมขอแนะนำเพื่อนในกลุ่มก่อนนะครับ

กลุ่มของพวกผมมีกัน 4 คนครับ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัย ม.ต้นแล้ว พอเรียนจบ ม. ปลายก็มาต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยครับ

 คนแรกไอ้ทัศ ทศทัศ มันเป็นพวกชอบกวนบาทาคนอื่นไปทั่วครับ มีดีแค่หน้าตาและความสูงเท่านั้น งานอดิเรกคือแร็พแข่งกับไอ้โต หมาที่มหาลัยเลี้ยงไว้น่ะครับ ทางบ้านมันค่อนข้างมีฐานะพอสมควร แม่เป็นเจ้ามือหวยใต้ดินรายใหญ่ ทางพ่อมันก็ทำธุรกิจสวนทุเรียนอยู่จังหวัดนนทบุรี ส่วนตัวมันก็ปลีกตัวมาเรียน คณะวิศวะ มหาวิทยาลัยแถวภาคเหนือครับ

 คนที่สอง ไอ้เหม่ย ณัฐพล มันเป็นผู้ชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มของพวกเรา หน้าตามันจัดว่าน่ารักเลยทีเดียว ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย แต่ความจริงนิสัยมันเถื่อนมากครับ มันเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ผมว่านิสัยมันไม่เข้ากับหน้าหวานๆของมันเลยครับ

คนที่สาม ไอ้ซาน พีรวัตร  มันเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมครับ ข่าวสารอะไรที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซานต้องรู้ก่อนเป็นคนแรกครับ เป็นเจ้าของแฮชแท็กยอดฮิตสำหรับเผือกเรื่องชาวบ้าน #ซานรู้โลกรู้ #หมอชานรู้ทุกเรื่อง ถ้าอยากรู้ความเคลื่อนไหวของคนดัง หรือข่าวสารอะไรใหม่ๆ เพียงกดเข้าไปในแฮชแท็กของไอ้ซาน เรื่องที่คุณสงสัยอยู่จะถูกไขให้กระจ่างทันที

และคนสุดท้ายคือผมเองครับ ภีม ภัคพงษ์ เป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดในกลุ่ม แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของผมเลย หรือผู้หญิงสมัยนี้ไม่ชอบคนหล่ออย่างผม? ฐานะทางบ้านค่อนข้างจน ความจริงข้อนี้ต้องทำใจยอมรับ จริงๆแล้วฐานะทางบ้านผมปานกลาง พอมีกินมีใช้ แต่เพราะพ่อของผมดันโดนผีพนันเข้าสิง ทำให้ทางบ้านเรามีหนี้ก้อนโตที่ไม่รู้ชาตินี้จะใช้หมดไหม แถมเมื่อปีก่อนพ่อก็พึ่งโดนไล่ออกจากงานทำให้พ่อเครียดจนต้องออกไปดื่มเหล้าข้างนอกบ้านแทบทุกวัน ส่วนแม่ก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทางบ้านทั้งหมด ทำให้ฐานะทางบ้านผมค่อนข้างย่ำแย่ ผมจึงต้องหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระแม่ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวไปเรียบร้อย
โคตรเศร้า

     ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงร้าน เหล้าในป่า ร้านนี้ใหญ่และหรูอย่างที่เขาว่ามาจริงๆครับแถมลูกค้าก็เยอะมาก กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็กินเวลาหลายนาทีเลย พอหาที่จอดรถได้ พวกผมก็พากันเข้ามาในร้าน สายตากวาดหาไอ้ซานไปทั่วร้านสักพัก ก็เจอมันนั่งรอพวกผมอยู่ที่มุมร้าน จึงเดินไปหามันทันที

“มาช้าจังวะ”ไอ้ซานเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกผมเดินไปถึงโต๊ะแล้ว
“รอไอ้ภีม” อ่าวไอ้ทัศ เดี๋ยวก็โดนกูต่อยอีกคนหรอก
“โยนขี้ให้กูเฉย ถ้ามึงไม่มัวแต่ตีกับไอ้เหม่ยปานนี้คงถึงนานแล้วเถอะ”
“พอๆ” ไอ้ซานร้องห้าม ก่อนที่จะเถียงกันยาวไปมากกว่านี้ “จะรอใครก็ช่างเหอะ ตอนนี้จะสั่งอะไรก็สั่งเลย จะสั่งเหล้ามาเป็นลังๆก็ได้ กูมีเงินจ่าย กูรวยยย” ไอ้ซานพูดพลางตบกระเป๋าเงินตัวเองไปพลาง เป็นการบอกเป็นนัยๆว่า วันนี้เงินกูหนัก

  พอสิ้นเสียงไอ้ซาน พวกเราก็จัดการสั่งเหล้ามากินกันครับ ไอ้ทัศสั่งไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าไอ้ซานจริงๆ จัดเหล้าราคาแพงตูดฉีกมานับสิบๆขวดได้ ผมถามมันว่า ‘จะกินหมดเหรอ’ มันบอกว่า ‘ถ้าไม่หมดก็เอากลับบ้านสิวะ เหล้าฟรี นานๆทีจะมีโอกาสแบบนี้ก็เอาให้คุ้มเลย’
มึงเชื่อกูเถอะ ปีหน้าไอ้ซานมันคงไม่เลี้ยงอีกแล้วล่ะ ถ้ามึงเล่นสั่งแบบนี้
พอเหล้ามาถึงโต๊ะ ไอ้ทัศก็รินเหล้าใส่แก้วแล้วแจกพวกเราคนละแก้ว แจกจนครับทุกคน บริการดีแบบนี้พี่ไม่มีทริปนะไอ้น้อง

“วันนี้ไม่เมาไม่เลิกโว้ยยย เอ้า สุขสันต์วันเกิดไอ้ซาน ชนแก้วววว” ไอ้ทัศลุกขึ้นยืน พร้อมร้องตระโกนออกมาเสียงดัง มึงไม่อายเขาบ้างเหรอ มึงดูสายตานับสิบๆคู่ที่เขามองมาทางมึงหน่อยก็ดี กูละอายแทน
พวกนั้นยกแก้วเราขึ้นดื่มกันตามระเบียบ คงเหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังคงจ้องแก้วนิ่ง จนไอ้เหม่ยจับสังเกตได้จึงเอ่ยทัก
“ถึงมึงนั่งจ้องแก้วอยู่อย่างนั้นก็ไม่ทำให้เหล้ามันลดลงหรอกนะ ไอ้ภีม”

 ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินหรอกนะ แต่ผมเป็นพวกคออ่อน กินไม่กี่แก้วก็เมาแล้ว ผมไม่อยากเมาเลยครับ เพื่อนผมมันรู้ดีว่าเวลาผมเมามันจะเป็นยังไง พวกมันถึงชอบยุให้ผมกินนัก 

“กำลังนั่งดูปฏิกิริยาของเหล้าที่ทำกับอากาศอยู่”

“มึงอย่ามาวิชาการไอ้ภีม!”

“แดกๆเข้าไป เสียน้ำใจไอ้ซานที่อุส่าห์เลี้ยง” ไอ้ทัศไม่พูดเปล่า จับแก้วเหล้ากรอกปากผมทันที

ผมพยายามขัดขืนมันเต็มที่ กะมอมเหล้ากูให้ได้เลยใช่ไหมพวกมึง!

"เห้ย! ไอ้ทัศ นั่นน้องออม แฟนมึงไม่ใช่หรอ" ไอ้ซานเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ไอ้ทัศจะจับเหล้ากรอกปากผมได้สำเร็จ ขอบคุณมึงมากที่ช่วยชีวิตกู

ผมเบนสายตามองไปตามนิ้วไอ้ซานที่ชี้ไปตรงประตูทางเข้าของร้าน แฟนไอ้ทัศจริงด้วย ผมจำหน้าเธอได้

แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ผมจำได้ว่าไอ้ทัศพึ่งไปส่งเธอกลับหอ ก่อนที่มันจะไปรับผมมาที่นี่ด้วยซ้ำ

     น้องออมเธอเดินเข้ามาในร้าน ด้วยชุดกระโปงยาวถึงเข่าสีชมพู เธอแต่งหน้าทำผมมาอย่างดี ผมว่าวันนี้น้องออมเธอดูดีมากเลยครับ ขนาดผมยังไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย สายตาเธอสอดส่องไปทั่วร้านเหมือนกำลังหาใครบางคนอยู่

   เธอเดินไปหยุดอยู่โต๊ะที่ตั้งอยู่ก่อนหน้าโต๊ะพวกผมเพียงไม่กี่โต๊ะ โต๊ะนั้นมีผู้ชายนั่งอยู่ประมาณห้าคน แต่ละคนหล่อเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายเลยครับ ทั้งรูปร่างที่เหมือนถูกคัดสรรมาอย่างดี พร้อมกับหน้าตาที่เหมือนพระเจ้าตั้งใจแต่งเติมให้มา พอพวกนั้นมานั่งรวมกันแบบนี้แล้วกลบรัศมีผู้ชายในร้านมิดเลยครับ พึ่งสักเกตว่าผู้หญิง เกือบ 80 เปอร์เซนต์ในร้านนี้ต่างเบนสายตาไปรวมอยู่ตรงโต๊ะนั้นโต๊ะเดียว เฮ้ๆ สาวๆ ยังมีคนหล่อนั่งอยู่ตรงนี้อีกคนนะครับ หันมามองกันบ้าง

น้องออมเดินไปนั่งข้างๆ ผู้ชายคนหนึ่ง ผมว่าหมอนี่หล่อใช้ได้เลยทีเดียว รูปร่างสูงชะลูด มีผมสีดำที่ขับกับผิวขาวๆ ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับรูปหน้าเป็นอย่างดี ดวงตาที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลนั้นถ้าได้จ้องก็ยากที่จะละสายตาไปได้ อิจฉาว่ะ โลกแม่ง ไม่ยุติธรรม!

 "เห้ย พวกแก๊งพี่เมฆเขานี่หว่า" ไอ้ซานพรำพรึงออกมา

 "มึงรู้จักพวกนั้นด้วยเหรอวะ" ผมถามมันออกไป แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่ไอ้ซานมันจะรู้จัก ไอ้นี่มันก็รู้ทุกเรื่องแหละ โดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้าน ซานรู้โลกรู้ หมอซานรู้ทุกเรื่อง

"รู้จักดิวะ ใครไม่รู้จักพวกพี่เขาบ้าง" กูไงที่ไม่รู้จัก จำเป็นต้องรู้จักพวกมันด้วยหรือไงเล่า

 "พวกพี่เขาดังมากไม่มีใครไม่รู้จักพวกพี่เขาหรอก แต่จะยกเว้นมึงไว้คนหนึ่งแล้วกันไอ้ภีม เห็นผู้ชายหน้าโหดที่นั่งตรงริมนั้นปะ นั่นอะพี่เมฆ บริหารธุรกิจ เป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ถ้าเป็นไปได้อย่าไปหาเรื่องกับพี่เขาดีกว่า ส่วนคนที่นั่งข้างพี่เมฆ ชื่อพี่ฟง นิติศาสตร์ คนนี้นิสัยต่างกับพี่เมฆพอสมควร เป็นคนใจดี อ่อนโยน เจ้าบทเจ้ากลอน กูก็งงเหมือนกัน ว่าพวกพี่แกไปเป็นเพื่อนกันได้ไง" ผมก็มองคนที่ไอ้ซานชี้ให้ดูครับ พวกพี่เขาหล่อจริงๆนั่นแหละ คนที่ชื่อพี่เมฆนี่มีรัศมีความหน้ากลัวแผ่มาถึงรูขุมขนผมเลยครับ ขนาดดูไกลๆรัศมียังขนาดนี้ ตัวจริงพี่เขาต้องโหดมากแน่ๆ ทางที่ดีอย่าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า

“...”

 "ส่วนที่นั่งตรงข้ามพี่ฟงชื่อ พี่ฟิว เรียนคณะเดียวกับพี่เมฆ และคนที่นั่งหัวโต๊ะ ชื่อพี่แจ็ค วิศวะ พี่แจ็คแกเป็นเจ้าของร้านนี้ด้วยแหละ" โห แปลว่าบ้านพี่แกต้องรวยมากแน่ๆ ถึงมีเงินมาเปิดร้านเหล้าที่ใหญ่ขนาดนี้ได้

“…”

"ส่วนคนสุดท้าย ที่นั่งข้างๆน้องออม ชื่อพี่ เนล วิศวะ คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมาก ได้ข่าวว่าควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเลยสักคน"

ผมมองหน้าพี่เนลอยู่สักพัก รูปร่างหน้าตาจัดว่าเพอร์เฟคเลย เห็นแล้วอิจฉาว่ะ ถ้าผมหล่อแบบพี่เขาก็คงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบมันนั้นแหละ แต่คือหล่อน้อยกว่าเลยไม่มีผู้หญองคนไหนเข้าหาเลย พูดแล้วอยากร้องไห้

 "แล้วทำไมน้องออมของกูถึงมาอยู่กับรุ่นพี่พวกนั้นวะ" ไอ้ทัศเริ่มแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนเลยครับว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไอ้ทัศมันจริงจังกับน้องออมมากครับ มันเคยบอกว่าน้องออมคนนี้แหละ แม่ของลูกมันในอนาคต มันทุ่มเทกับน้องออมมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่มันเคยคบมา แค่นี้ผมก็รับรู้ได้แล้วว่ามันรักผู้หญิงคนนี้แค่ไหน

 "นั่นดิ กูก็อยากรู้เหมือนกัน"ไอ้ซานเอ่ยตอบ

 "เดินเข้าไปถามเลยไหม! แม่ง" ไอ้ทัศดูจะหัวเสียมาก มันไม่รีรอตั้งท่าจะลุกออกจากที่นั่ง แต่กลับถูกไอ้เหม่ยดึงแขนไว้ก่อน

 "เดี๋ยว!"

"มึงจะห้ามกูทำไมวะไอ้เหม่ย"

 "ใจเย็นๆก่อนดิไอ้ทัศ กูรู้ว่ามึงใจร้อนที่เห็นแฟนของตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่น แต่กูอยากให้มึงใจเย็นๆไว้ก่อน มันอาจจะไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่มึงคิดก็ได้นะ"

 “นั่นดิ กูว่ารอดูก่อนอย่างที่ไอ้เหม่ยว่าดีกว่า ขืนเข้าไปแบบนี้จะไม่ดีต่อตัวมึงเอง บางทีเขาอาจจะมาคุยธุระอะไรกันก็ได้ ทำใจเย็นๆแล้วนั่งลงก่อน” ไอ้ซานคอยพูดให้ไอ้ทัศใจเย็นลง

 "พวกมึงจะให้กูรอ จนแฟนกูโดนไอ้พี่เนลนั้นคาบไปต่อหน้าต่อตากูก่อนใช่ไหม เห็นแล้วทนไม่ไหว มึงดูสายตาที่ไอ้พี่เนลมองแฟนกูดิ เหมือนจะกินแฟนกูไปทั้งตัวแล้ว!" ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก สายตาดุดันเหมือนอยากจะฆ่าคนให้ได้เดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ยอมนั่งลงสงบสติอารมณ์แต่โดยดี

 พี่เนลใช้สายตาที่ชวนน่าลุ่มหลงนั้นไล่มองร่ายกายน้องออมตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมยกมุมปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาเอามือข้างหนึ่งยันไว้กับเก้าอี้ของน้องออมไว้ พร้อมขยับใบหน้าอันหล่อเหล่านั้นเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอ ก่อนที่จะกดจูบเข้าที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอย่างดูดดื่ม

เห้ย! จูบกันแล้ว!

น้องออมก็ดูจะเต็มใจด้วย

สองคนนั้นจูบกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่สนสายตานับร้อยคู่ที่จ้องพวกเขาอยู่เลย

"อ่าว หาย!" ผมอุทานออกมา

กำลังจะหันกลับไปบอกไอ้ทัศว่า 'ไอ้ทัศ มึงโดนพี่เนลแย่งแฟนแล้วล่ะ' แต่ตอนนี้เพื่อนผมหายไปไปหมดแล้วครับ เหลือผมนั่งอยู่ตรงนี้อยู่คนเดียว

ผลั๊วะ ผลั๊วะ ตุบ!

ผมหันไปมองที่ต้นเสียง เห็นไอ้ทัศกำลังซัดกับพี่เนลอยู่ โดยมีไอ้เหม่ยกับไอ้ซานตามไปพยายามจะแยกสองคนนั้นออกจากกัน ผมเห็นดังนั้นก็รีบตรงไปสมทบกับพวกมันด้วยครับ

"อะไรของมึงวะ! มาต่อยกูทำไม"พี่เนลตะคอกออกมาอย่างหัวเสียที่จู่ๆไอ้ทัศก็เดินเข้าไปต่อย

 "มึงยังมีหน้ามาถามกูอีกเหรอว่ากูต่อยมึงทำไม?”

 “....”

 “กูว่ามึงก็หน้าตาดีอยู่นะ ไม่มีปัญญาหาแฟนเองหรือไง ถึงต้องมาแย่งแฟนคนอื่นเขาน่ะ !!! " ไอ้ทัศตะโกนใส่หน้าพี่เนลด้วยความโมโหจัด พี่เนลทำหน้างงอยู่สักครู่ ก่อนจะหันไปถามน้องออม

"แฟนเธอเหรอ?" พี่เนลหันไปถามน้องออมเสียงเย็นเยือก

"อะ..เอ่อ...คือ" น้องออมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกะกุกตะกัก

"หือ?" พี่เนลเลิกคิ้ว "ว่าไงตอบพี่มาสิ ไหนเราบอกพี่ว่าเราโสดไง"

 "เอ่อ...คืมว่า.." สีหน้าน้องออมดูลำบากใจไม่ใช่น้อย

 "ถ้าออมมีแฟนแล้ว พี่ว่าเราเลิกยุ่งกันเถอะนะ พี่บอกกับเราแล้วนะว่าพี่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีแฟนแล้ว"

พี่เนลพูดกับน้องออม ด้วยแววตาเฉยชา ก่อนจะเดินหันหลังเตรียมออกจากร้านไป แต่ก็ถูกมือเล็กๆของน้องออมรั้นเอาไว้ก่อน

 “เอ่อ..คือ ออม.. ขอโทษนะคะพี่เนล ที่ออมโกหกพี่ ยกโทษให้ออมนะคะ” เธอพูดออกมาเสียงสั่น

 “พี่คงยกโทษให้คนที่มาโกหกพี่ว่าโสดไม่ได้หรอก”

 “ออม อึก ขอโทษ” น้องออมร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลชุ่มเต็มสองแก้ม

 “ขอโทษด้วยนะ พี่ไม่ชอบยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว” พี่เนลพูดพลางแกะมือเล็กที่เกาะแขนของตัวเองออก

 “ยกโทษให้ออมเถอะค่ะ ออมไม่ได้ตั้งใจ อึก” เธอพูดออกมาพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น

“…” พี่เนลหันมาจ้องหน้าออมนิ่ง สายตาดูว่างเปล่า

“อึก ออมยอมทำทุกอย่าง ขอเพียงพี่เนลยกโทษให้ออม”

 พี่เนลคลี่ยิ้มตรงมุมปากอย่าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยบอกน้องออม
 
“ยอมทำทุกอยากจริงเหรอ?”

“ค่ะ ออมยอมทำทุกอย่าง ขอแค่พี่ไม่ทิ้งออมก็พอ.." ประโยคหลังเธอพูดเสียงแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยิน

"หึ! ก็ดี งั้นก็เลิกไอ้นี่ซะ" พี่เนลชี้นิ้วมาทางไอ้ทัศที่ตอนนี้ถูกไอ้ซานล็อคตัวเอาไว้ น้องออมได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับโดยดี เห้ย! ทำไมถึงทำอย่างงี้วะ มึงไปแย่งของเขายังจะให้เขาเลิกกันเพื่อมึงอีก โคตรเหี้ยบอกเลย!

"พี่ทัศ คือตอนนี้คนที่ออมรักคือพี่เนล เราเลิกกันเถอะนะพี่ทัศ ออม..ขอโทษนะ ออมไม่ได้รักพี่ทัศเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อึก " น้องออมเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

เห้ย! น้องบอกเลิกกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะ มันมีดีอะไรนักหนาถึงยอมเลิกกับไอ้ทัศง่ายๆแบบนี้ น้องดูไม่ออกเลยหรือไง ว่ามันไม่ได้ริงจังกับน้องเท่าไอ้ทัศเ

"ออม..ทำไม.. ทำไมออม!! ทำไมออมทำแบบนี้กับพี่ ที่ผ่านมาพี่รักออมน้อยไปเหรอ หรือพี่ทำอะไรให้ออมไม่พอใจ ออมบอกพี่หน่อย บอกพี่!!" ไอ้ทัศตะโกนออกมา ดูเหมือนมันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว น้ำเสียงมันเจ็บปวดมากครับ ผมสงสารเพื่อนผมจับใจเลย ผมรู้ว่ามันรักน้องออมมากแค่ไหน จู่ๆมาโดนบอกเลิกแบบนี้ หัวใจมันจะแตกสลายขนาดไหนกันนะ ผมไม่อยากจะคิดเลย

"ออมรู้ว่าพี่รักออมมาก และพี่ไม่ได้ทำอะไรให้ออมไม่พอใจหรอก แต่ออมผิดเองที่ออมไม่ได้รักพี่แล้ว ออมรักพี่เนล! จริงๆออมกะจะขอเลิกพี่ต้องนานแล้ว แต่ที่ยังไม่ยอมเลิกเพราะออมสงสาร"

"หึๆ" พี่เนลมันยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบขี้หน้ามันแล้วล่ะ

พอน้องออมพูดจบ มันก็เดินไปหยิบขวดเหล้าที่ถูกเปิดดื่มแล้วประมาณครึ่งขวดแล้วเดินตรงมาทางไอ้ทัศ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูไอ้ทัศ

"กูเป็นคนที่ไม่ชอบแย่งแฟนของคนอื่นหรอก ถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้วกูจะไม่มีทางเอาตัวเองไปยุ่งกับคนนั้นเด็ดขาด เพราะกูไม่ชอบใช้ของซ้ำกับใคร กูจะคืนผู้หญิงคนนี้ให้มึงก็แล้วกัน กูไม่เอาหรอก แต่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นนี่มันก็สนุกดีนะ ว่าไหม?"

เนื่องจากผมยืนอยู่ข้างๆไอ้ทัศ

ทำให้ผมได้ยินประโยคที่มันกระซิบชัดเจนเลย

โคตรเหี้ย ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าคนอย่างมันแล้ว

พวกที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นน่ะ ผมเกลียดที่สุดเลย

หลังจากนั้นมันก็เทเหล้าที่มีในขวดใส่หัวไอ้ทัศทันที

"และนี่สำหรับ ที่มึงต่อยหน้ากู" 

ถึงตรงนี้ผมทนไม่ไหวแล้วครับ โกรธแทนไอ้ทัศมันมาก

ผลั๊วะ!

จัดการชัดหมัดหนักๆใส่หน้าไอ้เนลทันที ผมขอไม่เรียกมันว่าพี่แล้วกันครับ คนชั่วๆแบบมันไม่สมควรได้รับคำๆนี้จากผม แต่ด้วยที่มันสูงมาก สูงราวๆ เกือบ 190 เซนได้ ทำให้หมัดที่ผมตั้งใจซัดไปโดนปลายคางมันแทนที่จะโดนหน้ามัน

 แต่ก็ถือว่าโดน เจ็บได้เหมือนกัน

 มันเบนสายตาจากไอ้ทัศมามองหน้าผมแทน สายตามันตอนนี้น่ากลัวมากครับ มันเข้ามากระชากคอเสื้อของผมขึ้น สายตามองสำรวดผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่งสายตาอำมหิตใส่

 “มึงกล้าดียังไงมาต่อยกู”มันกดเสียงต่ำลง ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงรูขุมขนเลยทีเดียว

 “คนเหี้ยอย่างมึง แค่ต่อยยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ผมส่งสายตาอำมหิตใส่มันคืนทันที ตอนนี้ผมโมโหมันมากๆครับ ถึงจะเอาช้างมาฉุด ก็ฉุดผมไม่อยู่แล้ววินาทีนี้   

 “ปากดีแบบนี้ อยากปากแตกนักใช่ไหมมึง!” มันไม่พูดเปล่า ง้างหมัดขึ้นมาหวังจะต่อยหน้าของผม

ผมที่โดนมันดึงคอเสื้ออยู่จนหายใจเริ่มไม่ออก ก็ตั้งการ์ดเตรียมรับหมัดของมัน

“เห้ย!! พอได้แล้ว” พี่เมฆตระโกนห้ามออกมาก่อนที่หมัดของไอ้พี่เนลจะสวนมาโดนหน้าของผม พี่แกทำหน้าตาน่ากลัวเชียว

 พี่เมฆครับพี่จงรู้ไว้นะครับ ว่าพี่จะเป็นคนเดียวที่ผมจะไม่มีทางไปหาเรื่องด้วยเด็ดขาด

 “กลับกันได้แล้ว อย่ามามีเรื่องกันแถวนี้ นี่มันร้านไอ้แจ็ค จะทำอะไรก็ให้เกียรติมันหน่อย” พี่เมฆพูดพลางมองหน้าทุกคนเรียงกัน ก่อนจะหันมาพูดกับไอ้พี่เนลที่เป็นตัวต้นเหตุของทุกๆอย่าง

 “...”

 “ส่วนไอ้เนลปล่อยมันซะ กูไม่มีอารมณ์จะกินต่อเพราะมึงเลย!” พี่เมฆหันมาค้อนใส่ไอ้พี่เนลทันที

 พอไอ้พี่เนลได้ยินเสียพี่เมฆสั่ง มันก็ยอมปล่อยคอเสื้อผมลง เสร็จแล้วก็เดินกระทืบเท้าออกจากร้านไปด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจนัก ตามด้วยพวกพี่เมฆเขา พอน้องออมเห็นพวกพี่เขาเดินออกไปจากร้าน เธอก็รีบวิ่งตามไปโดยไม่หันกลับมาสนใจไอ้ทัศที่ตอนนี้สภาพเละเทะดูไม่ได้เลยครับ

 “ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เพื่อนฉันทำเรื่องเสียมารยาทใส่พวกนาย” คนที่พูดดูเหมือนจะเป็นพี่ฟงครับ พี่เขาหันมาขอโทษพวกผมแทนไอ้พี่เนลก่อนจะเดินออกจากร้านไปเป็นคนสุดท้าย

ถ้าเป็นไปได้อย่าให้ผมได้เจอคนแบบมันอีกเลย ไอ้พี่เนล!!!!! ผมจะบันทึกชื่อมันเอาไว้ในบัญชีดำของผมจนกว่าผมจะแก่ตายไปนั่นแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:06:32 โดย Gansa »

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #2 เมื่อ18-02-2018 14:52:55 »

ฮิฮิฮิฮิ น้องภีมจะเป็นยังไงบ้างนิพี่เนลอย่าทำน้องนะ

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 2 จัดการ

หลังจากที่พวกไอ้พี่เนลกลับไป ไอ้ทัศก็นั่งซึมแถมยังเอาแต่ดืมเหล้าเมาไม่รู้เรื่อง ต้องลำบากพวกผมแบกมันกลับหออีก ไอ้เหม่ยเป็นคนอาสาดูแลไอ้ทัศอยู่ที่หอครับ มันบอกว่าอาการไอ้ทัศน่าเป็นห่วงคงปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้ พวกเราเลยแยกย้ายกับไอ้เหม่ยตั้งแต่หอไอ้ทัศ ส่วนผมไอ้ซานเป็นคนอาสาขับรถมาส่งที่บ้าน



บ้านของผมใกล้กับมหาลัยเลยไม่ต้องไปนอนหอเหมือนเพื่อนคนอื่น เดินทางไปกลับได้สะดวก



พอรถไอ้ซานขับเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านของผมเรียบร้อยแล้ว ก็บอกลากับมัน ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถมา



บ้านของผมเป็นบ้านสไตส์โมเดิลสองชั้น ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัย หลังคาทรงแหงน แนวบ้านติดกระจกขนาดกว้าง ทำให้สามารถมองทะลุผ่านเข้ามาในตัวบ้านได้อย่างง่ายดาย บริเวณตรงประตูบ้าน ถูกตกแต่งไปด้วยต้นไม้ขนาดเล็กวางเรียงกันเป็นระเบียบ



ผมเดินเข้ามาในบ้านทันทีหลังจากที่รอรถของไอ้ซานขับออกไปจนลับสายตาแล้ว



ผ่านสวนหย่อมเล็กๆ ที่เมื่อก่อนเคยถูกแตกแต่งด้วยต้นไม้สวยงาม และน่าอยู่มาก โดยฝีมือคุณแม่สุดสวยของผมเอง ท่านชอบงานตกแต่งสวนมาก แต่ตอนนี้มันถูกทิ้งให้รกร้างเพราะแม่ผมไม่มีเวลามานั่งจัดสวนแบบเมื่อก่อนแล้ว



หันไปมองสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับสวนหย่อม ที่เมื่อก่อนมีน้ำอยู่เต็มสระ เคยว่ายน้ำเล่นกับคุณพ่อตอนผมเด็กๆ มันทำให้ผมหวนนึกถึงช่วงเวลาที่คุณพ่อสอนผมว่ายน้ำครั้งแรก หน้าคุณพ่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าท่านมีความสุขมากเพียงใด แต่ตอนนี้มันไม่มีน้ำอยู่ในสระแล้วล่ะครับ สิ่งที่หายไปไม่ใช่เพียงแค่น้ำในสระอย่างเดียว แต่เป็นรอยยิ้มของคุณพ่อที่หายไปด้วย



ผมรักบ้านหลังนี้มาก เพราะบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ที่ผมจะไม่มีทางลืม ทั้งรอยยิ้มของคุณพ่อ ความสุขของคุณแม่ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากได้สิ่งที่หายไปนั้นกลับคืนมาอีกสักครั้ง



จึงพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมา ผมอยากมีส่วนช่วยครอบครัวใช้หนี้บ้าง แค่แม่เพียงคนเดียวคงแบกรับหนี้สินที่มีทั้งหมดไม่ไหวหรอก ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ลดรายจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเรียนจบไวๆ จะได้ช่วยแม่หาเงินได้สะดวกขึ้น ครอบครัวเราจะได้หลุดพ้นจากหนี้สินที่พ่อเป็นคนก่อสักที



ถึงตอนนั้น ครอบครัวเราอาจกลับมาสมบูรณ์แบบเหมือนเดิมก็ได้



ส่วนตอนนี้ ก็ได้แค่’ หวัง’ เท่านั้น



เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้าน ได้ยินเสียงพ่อทะเลาะกับแม่มาแต่ไกล ตอนนี้เริ่มจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะครับ เพราะหลังจากที่เป็นหนี้ พวกท่านก็เริ่มทะเลาะกันทุกวัน ยิ่งนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกกลัว



กลัวว่าสักวันหนึ่ง ครอบครัวเราจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ได้....



ขาสองข้างค่อยๆ ก้าวผ่านประตูเข้ามาในตัวบ้าน เห็นแม่กับพ่อกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงห้องนั่งเล่น

พ่อนั่งอยู่ตรงโซฟาท่าทางจะเมาได้ที่แล้ว มือข้างหนึ่งยังถือขวดเหล้าอยู่เลย

ส่วนแม่ก็ยืนเอามือท้าวเอวด่าพ่ออยู่ข้างๆ โซฟา

มือข้างหนึ่งยังถือตะหลิวอยู่เลย บ่งบอกชัดเจนว่าท่านยังทำอาหารไม่เสร็จ แต่ต้องมามีปากเสียงกับพ่อก่อน



ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันรู้สึกอึดอัดไปหมด



“ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมเดิมๆ ของคุณแล้วนะ!” แม่ตะคอกใส่พ่อเสียงดัง ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

ปกติท่านไม่เคยพูดว่าทนไม่ไหว หรือทนไม่ได้ออกมาเลย ไม่ว่าท่านจะเจอเรื่องที่ลำบากขนาดไหนก็ตาม แต่ครั้งนี้ท่านคงสุดทนแล้วจริงๆ



คงเป็นเพราะท่านเครียดกับเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้ว แถมพ่อก็ยังทำพฤติกรรมเดิมๆ ไม่เปลี่ยน

แม่ที่ต้องแบกรับทุกอย่างในครอบครัว ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ ทั้งเรื่องหนี้ แถมยังต้องส่งผมเรียนอีก

แต่พ่อก็ยังเพิ่มภาระให้กับท่าน วันๆ ไม่ยอมทำอะไรนอกจากกินเหล้าเมาเละเทะกลับบ้านทุกวัน



ท่านคงสุดทนแล้วจริงๆ



“เลิกบ่นสักทีเถอะ บ่นไปแล้วหนี้มันจะหายไปไหม”



“แล้วมันเพราะใครกันล่ะ! ถ้าคุณไม่ไปติดการพนัน ครอบครัวเราไม่แย่ขนาดนี้หรอก”



“ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า คุณจะพูดถึงเรื่องอดีตอีกทำไม”



“จะไม่ให้ฉันพูดถึงได้ยังไงคะ คุณรู้ไหมว่าวันนี้คนของบ่อนพนันเขามาตามหาคุณถึงที่บ้านเลย!”



“แล้วไงล่ะ มาตามถึงที่บ้าน ผมก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี ถ้าพวกมันอยากเสียเวลามากก็เชิญ”



“ทำไมถึงพูดจาเห็นแก่ตัวอย่างนี้คะ!!!! รู้ไหมว่าเขามาขู่ฉันเอาไว้! ว่าถ้าภายในอาทิตย์นี้คุณยังไม่เอาเงินไปใช้ เขาจะส่งคนมาเก็บพวกเรา”



หะ อะไรนะ ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม



“คุณเข้าใจคำว่า พวกเราไหมคะ มันไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่ต้องตาย แต่มันรวมไปถึงฉันและลูกภีมด้วย ลำพังแค่ฉันทำงานคนเดียว ก็พอแค่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ต่อชีวิตไปวันๆ เท่านั้น แถมคุณยังเอาแต่ดื่มเหล้าผลาญเงินไปวันๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน อึก อืออ”



พอสิ้นประโยคนี้คุณแม่ก็เข่าทรุดลงไปกับพื้น ปล่อยน้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม ท่านคงอดทนเก็บความทรมานนี้มานานมากแล้ว แค่รอวันได้ปลดปล่อยเท่านั้น



วันนี้ท่านคงทนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ



เห็นอย่างนั้น ผมจึงเดินเข้าไปโอบกอดท่านเอาไว้หวังว่าอ้อมกอดของผมจะช่วยปลอมประโลมท่านได้สักนิดก็ยังดี



พ่อที่เห็นแม่ทรุดลงไปร้องไห้กับพื้น ก็เปลี่ยนสีหน้าอ่อนลงทันที



ท่านวางขวดเหล้าลงกับพื้น ก่อนจะลงจากโซฟามานั่งข้างๆ แม่ที่กำลังร้องไห้อยู่



“โอเค ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้ให้เอง คุณกับลูกไม่ต้องห่วงนะ” คุณพ่อว่าเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างของท่านโอมกอดพวกเราสองแม่ลูกเอาไว้



“ไม่ต้องห่วงนะ...” ท่านกระซิบเสียงเบาที่ข้างหู



“เดี๋ยวผมจะเป็นคนจบเรื่องนี้เอง”


--------------------------------------------------------------------------------------


ผมนั่งคิดเรื่องเมื่อคืนไม่ตก ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเลย ที่จู่ๆ ชีวิตก็ถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย จะตายเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อจะเอาเงินไปคืนทันหรือเปล่า



ให้เวลาอาทิตย์หนึ่ง



น้อยเกินไปหรือเปล่า



ใครจะไปหาทัน..



เงินที่เป็นหนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ต่อให้ช่วยกันหาจนสายตัวแทบขาด ก็ไม่มีทางหาคืนครบตามกำหนดได้หรอก



แบบนี้มันก็มีแต่ตายกับตายสิวะ



แต่พ่อรับปากไปแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้เอง ผมก็ควรไว้ใจท่าน



คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ



ปล่อยเรื่องนี้ให้ท่านจัดการดีกว่า ผมเชื่อว่าท่านไม่มีทางปล่อยให้คนในครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก





ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง









เสียงแจ้งเตือนมือถือของไอ้ซานดังขึ้นรัวๆ เห็นมันนั่งกดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้



“มีข่าวอะไรหรือเปล่าวะ เห็นนั่งกดโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”



ตอนนี้พวกเรามานั่งเล่นฆ่าเวลาอยู่ที่ใต้ตึกคณะแพทย์ เพื่อรอเรียนวิชาเอกต่อตอนบ่ายสอง ผมกับไอ้ซานเรียนคณะเดียวกันครับ



ส่วนไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศพวกมันเรียนวิศวะ จะได้เจอพวกมันแค่ช่วงพักกับช่วงเลิกเท่านั้นแหละครับ



“หึ” มันเงยหน้าขึ้นมาแสยะยิ้มตรงมุมปาก “ข่าวพี่เนลไง”



“หือ?”



“ก็เรื่องเรื่องชกต่อยเมื่อวานไง เป็นกระแสดั่งกระหึ่มทั่วโลกโซเซียลแล้ว”



“จริงดิ ข่าวไวเหมือนกันว่ะ”



“แน่นอน กูเป็นคนปล่อยข่าวเอง” มันยกมือขึ้นมาตบอกด้วยความภาคภูมิใจ



ผมไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข่าวสารทันที

กดเข้า แอปพลิเคชันที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะพิมพ์ #ซานรู้โลกรู้ ในช่องค้นหา



SAN_: ข่าวเด็ดข่าวดังครับ อดีตเดือนวิศวะ ปี 3 มหาวิทยลัย xx ขอไม่บอกชื่อแล้วกันนะครับว่าเป็นใคร เว้นให้ไปกันเดาเอาเอง เรื่องเกิดขึ้นที่ร้านเหล้าชื่อดังแห่งหนึ่งเมื่อวานสดๆ ร้อนๆ เลย มีเรื่องชกต่อยเพราะไปเป็นมือที่สามแฟนชาวบ้านเขา

ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า หล่อเลือกได้แบบพี่.น อุ๊ปส์เกือบหลุดครับ จะไปแย่งแฟนคนอื่นได้ #ซานรู้โลกรู้ #หมอซานรู้ทุกเรื่อง #ถามมาตอบไป



โอ้โหไอ้ซาน ถ้าจะใบ้ขนาดนี้ มึงก็บอกชื่อพี่เขาไปเหอะ ไอ้สันขวาน !



Neenimi: อะไรนะ จริงเหรอคะ ข่าวมั่วหรือเปล่า ไม่เชื่อหรอกค่ะ



ชื่อภัทร: อยากเรียกกระแสเหรอคะ ถึงได้โจมตีพี่เขาแบบนั้น



Anmo: @Neenimi @ชื่อภัทร เรื่องจริงค่ะ เมื่อวานเราอยู่ในเหตุการณ์ พี่เขามีเรื่องกับรุ่นน้องคนหนึ่งในร้านเหล้าค่ะ เรารับประกันได้



ชื่อภัทร:@Anmo จริงเหรอคะ โหย เราไม่อยากจะชื่อเลยค่ะ



ผมไล่อ่านคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ ข่าวที่ไอ้ซานเอาลง ดูเหมือนจะช่วยโจมตีกระแสของไอ้พี่เนลได้พอสมควรเลยล่ะ



หึ! ทำได้ดีมากไอ้ซานเพื่อนรัก จงทำให้คนที่ชอบมันได้รับรู้ ว่ามันน่ะเลวขนาดไหน

คนที่มีดีแค่หน้าตา แต่นิสัยติดลบแบบนั้นน่ะ ไม่ควรได้รับความรักจากใครหรอก



ตึ่ง



ฟ.ฟุตสวยสิบเมตร : ไม่จร๊งงงง ฟุตไม่เชื่อเด็ดขาดค่ะ ไม่รับไม่รู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นนน พี่เนลจะมาหักอกน้องฟุตกระเทยสาวถึกแบบนี้ไม่ได้นะคะ



อื้อหือ ยอมรับความจริงสักทีเถอะ



MY.Fon : ถึงจะเป็นความจริง แต่ความรักที่มีให้พี่เนลก็จะยังเหมือนเดิมค่ะ #รักเสมอ



ยังมีคนหลงมันหน้ามืดตามัวขนาดนี้อยู่อีกเหรอวะ อยากรู้จริงๆ ว่ามันไปทำเสน่ห์ที่ไหน จะไปทำบ้าง

เผื่อมีคนมาหลงรักผม ชาตินี้จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที



สถานะตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า

โคตรเฉา!



ผมนั่งไล่อ่านคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ มีทั้งคอมเมนต์ด่าไอ้พี่เนล และคอมเมนต์ที่ไม่เชื่อกับข่าวนี้ คอมเมนต์ส่วนมากจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เฮ้อ พวกไม่ยอมรับความจริง



นั่งตามติดข่าวไอ้พี่เนลได้สักพักก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา จึงเอ่ยบอกไอ้ซานที่นั่งตอบแชทจนมือหงิก

“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” มันพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้



ผมเห็นอย่างนั้นจึงรีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที เดินมาถึงห้องน้ำที่อยู่ใต้ตึกก็ต้องตกใจกับจำนวนคนมหาศาลที่แห่กันมาจากไหนก็ไม่รู้เต็มห้องน้ำ นี่มันมหกรรมเชิงกันเยี่ยวหรือไงวะ อะไรจะแย่งโถ่ฉี่กันได้ดุเดือดขนาดนั้น!



คนเยอะแบบนี้รอเป็นชั่วโมงก็ไม่ได้ฉี่แน่ๆ จึงตัดสินใจไปเข้าที่หลังตึกแทน



ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึงห้องน้ำที่อยู่ตรงหลังตึก แถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาหรอกครับ มันอยู่ไกลแถมลับสายตาคน อีก ส่วนมากที่มาก็นัดกันมาทำเรื่องอย่างว่ามากกว่า



ผมรีบดึงซิปกางเกงของตัวเองลงด้วยความรวดเร็ว จัดการทำธุระของตัวเองทันที

เสร็จแล้วก็เดินไปล้างมือ กำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นไอ้พี่เนลกำลังเดินมาทางนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยมากครับ ไว้ผมยาวถึงไหล่ ปากอมชมพู ผิวขาวเป็นธรรมชาติ จมูกได้รูปเข้ากับใบหน้ารูปไข่เป็นอย่างดี



สวย...



สวยจนใจสั่น



ว่าแต่หมอนี่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยอย่างที่เขาล่ำลือกันมาจริงๆ ด้วย เมื่อวานยังแย่งน้องออมไปจากไอ้ทัศอยู่เลย วันนี้ควงอีกคนแล้ว



มันเดินมาทางนี้แล้ว หลบก่อนแล้วกัน



“เนล มีเรื่องอะไรจะคุยกับฟ้าหรอ ต้องสำคัญมากแน่ๆ เลยไม่งั้นเนลไม่ลงทุนมาหาฟ้าถึงตึกคณะหรอก” เธอถามเสียงหวาน



“สำคัญสิ! ผมกำลังจะถูกที่บ้านจับคลุมถุงชน” ไอ้พี่เนลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางจับมือของคุณฟ้ามากุมเอาไว้



เรื่องสำคัญนี่หว่า



ขออัดคลิปเก็บไว้หน่อยก็แล้วกัน เผื่อมันมีประโยชน์ในอนาคต



ไม่รอช้าเตรียมตั้งกล้องอัดคลิปไอ้พี่เนลมันทันที



หึ! เสร็จกู



“กับ...ใครเหรอคะ” คุณฟ้าเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย



“กับคุณพิม ลูกเจ้าสัวธนชัย”



“…..”



“ม๊าบอกผมว่า ถ้าในหนึ่งเดือนนี้ผมยังหาคนที่คบอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ได้ ก็ต้องแต่งงานกับคุณพิม”



“แล้วเนลเอาเรื่องนี้มาบอกฟ้าทำไมคะ” เธอตอบไอ้พี่เนลเสียงสั่น



“ฟ้ารู้ใช่ไหม ในบรรดาผู้หญิงที่ผมควงด้วย ผมจริงจังกับฟ้าที่สุดแล้ว”



น่าตกใจว่ะ คนอย่างมันจริงจังกับใครเป็นด้วย?

นึกควงผู้หญิงไปวันๆ แล้วจบลงที่เตียงพอเช้ามาก็แยกย้ายกัน แบบวันไนท์สแตนด์ซะอีก



“....”



“ผมพร้อมจะหยุด”



“....”



“ถ้าฟ้า..ยอมคบกับผม”



“….”



“เป็นแฟนกันนะครับฟ้า” อู้หู ซ็อตเด็ดเลยนะเนี่ย ฉากขอคบหน้าห้องน้ำ



กลิ่นส้วมหอมๆ ช่วยสร้างบรรยากาศให้ชวนหลงใหล

เสียงตดที่เป็นจังหวะจากห้องข้างๆ (ที่ไม่รู้ว่าไปท้องเสียมาจากไหน) ช่วยบรรเลงเป็นบทเพลงรัก



เป็นอะไรที่โรแมนติกเหี้ยๆ

ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงถอดรองเท้าตบหน้ามันให้หงายก่อน



ช่างเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ



“เนล คือฟ้า...”



“....”



“ฟ้าขอเวลาหน่อยได้ไหม คือ...”



กริ๊งงงงง กรี๊งงงงงง



เห้ยซวยแล้ว!!

ไอ้ซานมึงจะโทรมาทำไมตอนนี้วะ ผมรีบกดวางสายมันทันที ก่อนจะเบนสายตาไปทางไอ้พี่เนล



ซวยแล้ววครับพี่น้อง ไอ้ภีมซวยแล้ว มันเห็นผมแล้วครับ ซวยกว่านี้มีอีกไหม วินาทีนี้ห้อยพระอะไรก็ไม่สามารถช่วยปกป้องผม จากผีที่ชื่อว่าเนลได้แล้ว



ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งสวดมนต์ไล่มันในใจ



มันเดินตรงดิ่งมาหาผมทันที ก่อนจะกวาดสายตามาหยุดอยู่ที่โทรศัพท์ของผม



กำซับมือที่ถือโทรศัพท์ไว้แน่นเลยครับ ให้ตายก็ไม่ปล่อยหลักฐานสำคัญที่จะเอาไว้แฉไอ้พี่เนลให้หลุดมือหรอก



“ส่งมา” มันตะคอกเสียงดังใส่หน้าผม ก่อนแบมือมันยื่นมาตรงหน้าผม เป็นเชิงบอกให้ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน



เรื่องอะไรจะให้มึงละครับ กูอุส่าห์ทนดมกลิ่นตดจากไอ้ที่นั่งขี้อยู่ในห้องน้ำมาตั้งนาน เพื่อที่จะได้คลิปมึง



ถ้าให้ง่ายๆ ก็หมาแล้ว



“ไม่!! นี่มันโทรศัพท์ของกู มึงจะเอาไปทำไม” ผมทำเป็นร้องโวยวายใส่มัน



“ส่งมา!!! เมื่อกี้ก่อนที่มึงจะกดวางสาย กูเห็นมึงตั้งกล้องโทรศัพท์เอาไว้ มึงถ่ายอะไรกู เอามาดู!!!”



“ถะ ถ่าย อะไร หลงตัวเองว่ะ กูไม่ถ่ายมึงให้เปลืองเมมหรอก” แถเข้าไปไอ้ภีม แถ แถให้สีข้างมันถลอกไปข้างหนึ่งเลย



“ถ้าบริสุทธิ์ใจก็เอาโทรศัพท์มึงมาดู เอามา!”



วินาทีนี้แหละ เอ๋วิ่งสิเอ๋ ไม่อยู่ให้มันจับได้แล้ว ออกตัววิ่งหนีสุดแรงเกิดครับพี่น้อง จะอยู่ให้มันเชือดคอเล่นหรือไง



ไอ้พี่เนลเมื่อเห็นว่าผมออกตัววิ่งหนีมัน ก็ออกตัววิ่งตามผมมา



มึงจะตามกูมาทำไม ปล่อยกูไป ปล่อยกูไปเถอะ



ด้วยความสูงที่แตกต่างกันพอสมควร ทำให้มันออกตัววิ่งแปปเดียว ก็ตามผมมาทัน รีบคว้าข้อมือผมเอาไว้ พร้อมเหวี่ยงผมไปติดกับกำแพง ก่อนใช้มือทั้งสองข้างดันกับกำแพงไว้ เพื่อปิดทางหนีของผม





มันก้มลงมาจ้องหน้าผมครับ ผมก็จ้องมันกลับ จ้องมาจ้องกลับไม่โกง







"เอามา" มันกดเสียงลงต่ำ พร้อมส่งสายตาข่มขู่ผม







"กูไม่ให้"





"กูบอกให้เอามา จะให้หรือไม่ให้"







"ไม่ ถึงมึงจะถามกูซ้ำๆ กูก็จะตอบแค่ว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่โว้ย"







"หึ! อวดเก่ง ตกลงจะไม่ให้ใช่ไหม ได้! "





มันยื่นมือเข้ามาแย่งโทรศัพท์ออกไปจากมือของผม



เมื่อเห็นว่ามันคิดจะทำอะไร ผมก็รีบกำโทรศัพท์ตัวเองไว้แน่นเลย ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด



เรายื้อแย่งแบบนั้นอยู่สักพัก สุดท้ายผมที่แรงน้อยกว่ามันก็แพ้ไปตามระเบียบ น่าเจ็บใจที่สุด มันได้โทรศัพท์ผมไปแล้วครับ หลังจากนั้นมันก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะ



จุ๋ม~



“เห้ยยยย!!!!!”



ไอ้พี่เนลมันโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระน้ำของมหาวิทยาลัยไปแล้วครับ บ่อน้ำยิ่งลึกๆ แถมมหาลัยยังเลี้ยงไอ้ตัวเห้ไว้ในสระอีก ผมไม่มีทางได้โทรศัพท์ผมคืนแล้วละครับ



ไอ้พี่เนลลล !!!! เกลียดดดดดด เกลียดมัน!! เกลียดดดดดด



“ทำเหี้ยอะไรของมึง!” ตอนนี้ผมรู้สึกโกธรมันมาก ตรงเข้าไปกะชากคอเสื้อมันแล้วดึงลงมา ยกขึ้นไม่ได้ครับ มันสูงกว่า



เป็นโมเมนต์ที่โคตรเศร้า



“ก็ทำลายหลักฐานไง” มันตอบแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร



“รู้ไหม โทรศัพท์เครื่องนั้นกูใช้เวลาตั้งหลายปี กว่าจะผ่อนหมด!”



“แล้วมาบอกกูทำไม?” มันยักไหล่ไม่แยแส



“ไอ้เหี้ย! อย่าอยู่เลยมึง!” ผมตั้งใจจะสวนหมัดหนักๆ ใส่หน้ามัน

คราวนี้ไม่พลาดเหมือนรอบที่แล้วแน่ๆ



แต่มันไหวตัวหลบทัน ทำให้ผมชกอากาศแทน ตัวผมเซนิดหน่อย แต่ก็กลับมาตั้งหลักได้ทัน



“อยากได้โทรศัพท์คืนไหม” มันเอ่ยถาม



“อยาก”



“งั้นก็เชิญมึงลงไปเอาในน้ำแล้วกัน!”



“เห้ย!!!!”

มันยกเท้าขึ้นมา ออกแรงถีบผมสุดแรง ตอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวผมพุ่งตรงไปทางสระน้ำตามแรงถืบของมันทันที



หลังจากที่ไถลตรงไปถึงขอบสระ ก็รีบกางแขนตีปีกพึบพับอยู่ตรงนั้นหลายที พยายามพยุงตัวเองไม่ให้พุ่งลงไปจนกล้ามน่องเกร็งไปหมด ดิ้นรนแบบนั้นอยู่สักพักกว่าจะทรงตัวได้



ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อีกนิดเดียวก็ลงสระไปอาบน้ำเป็นเพื่อนตัวเห้แล้ว



ตั้งใจจะหันกลับไปด่า แต่มันก็เดินหายไปแล้ว..



ทำอะไรไม่ได้นอกจากก่นด่ามันในใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:06:57 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 3 เจ้าสาว

[Nel talk]

ผมเดินออกมาหลังจากทำลายหลักฐานที่ไอ้เด็กบ้านั่นแอบถ่ายคลิปบทสนทนาของผมกับ'ม่านฟ้า'เอาไว้ ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันจะเอาไปทำอะไร แต่เรื่องที่มันคิดจะทำ ต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีกับผมแน่ๆ เห็นไอ้เด็กนั่นโวยวายใส่ผมใหญ่เลย หลังจากที่ผมปาโทรศัพท์มันลงสระน้ำ



รู้สึกรําคาญเสียง เลยตั้งใจจะถีบมันลงไปเล่นน้ำให้หายหัวร้อนสักหน่อย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง



วันนี้ผมตั้งใจมาขอฟ้าคบเป็นแฟนแบบจริงๆ จังๆ ครับ ที่จริงผมตั้งใจขอเธอคบมาหลายรอบแล้ว แต่เธอก็บอกกับผมว่า ให้ดูๆ กันไปก่อน ทั้งๆ ที่ผมคิดจะจริงจังกับเธอแค่คนเดียวแท้ๆ แต่ดูเหมือนเธอยังไม่พร้อมที่จะคบกับผมแบบเปิดตัวสักที คงเป็นเพราะฐานะในสังคมของพวกเรา ม่านฟ้าเธอเคยเป็นดาวคณะแพทย์แถมยังมีชื่อเสียงในสังคมค่อยข้างมาก ส่วนผมก็เคยเป็นเดือนวิศวะเหมือนกัน เราทั้งคู่ค่อนข้างถูกจับตามอง แถมผมยังมีข่าวด้านลบเรื่องผู้หญิงเยอะอีก



ผมคิดว่า เธอยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวผมสักเท่าไหร่ ผมจึงยอมคบกับเธอในฐานะ’ คนควง’ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เธอสบายใจ



จนกระทั่งเมื่อวาน



      หลังจากที่มีเรื่องในร้านเหล้าไอ้แจ็ค ผมก็เดินออกจากร้านทันทีหลังจากที่ไอ้เมฆมันห้ามไว้ ผมยอมรับเลยครับ ว่าผมหัวเสียมากกับไอ้พวกเด็กอวดดีพวกนั้น



       ที่ผมสั่งให้น้องออมนั่น บอกเลิกไอ้รุ่นน้องที่ชื่อทัศ เพราะผมอยากให้มันตาสว่างสักทีว่ายัยนั่นไม่ได้มีมันแค่มันคนเดียว ถ้าผมปล่อยไว้ ยังไงไอ้น้องทัศมันคงไม่ยอมเลิกง่ายๆ หรอกครับ ดูก็รู้ว่ามันรักยัยผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน ผมเลยสั่งให้ยัยนั่นเลิกกับไอ้น้องทัศไปเลย มันจะได้ตัดขาดๆ สักที ผู้หญิงหลายใจแบบนี้ไม่ควรได้รับความรักที่จริงใจจากรุ่นน้องคนนั้นไปหรอกครับ ผมว่าน้องเขาต้องเจอคนที่ดีกว่านี้ ทั้งๆ ที่ผมพยายามช่วยไอ้น้องทัศเอาไว้เแท้ๆ กลับต้องมาโดนไอ้เด็กบ้าหน้าตาบ้านๆ ต่อยเข้าให้ หมัดหนักใช้ได้เลย กำลังจะง้างหมัดต่อยมันคืน ไอ้เมฆก็ห้ามไว้อีก



“โถ่โว้ยย!!” ผมรัวเตะกำแพงร้านไอ้แจ็คระบายอารมณ์



“เห้ย เบาๆ ตีนหน่อย ร้านกูๆ” ไอ้แจ็คที่เดินตามผมออกมาติดๆ รีบเอ่ยห้าม



“ปล่อยมันเตะไปเหอะไอ้แจ็ค กูอยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างกำแพงร้านมึง กับตีนของไอ้เนล อันไหนจะพังก่อนกัน แต่กูว่าอย่างหลังวะ 55555” อ่าวไอ้เหี้ยฟิว พูดจาน่าเตะปากแตก



“อ่าวหยุดเตะทำไมวะ เตะต่อดิ”



“กูไม่เตะกำแพงร้านไอ้แจ็คมันละ แต่กูจะเตะมึงแทนนี่แหละไอ้ฟิว!!!”



“อูยยย น่ากลัว กลัวจังเลยค่ะพี่เนลขา” กวนตีนไม่เลิกนะมึง เดี๋ยวถีบขาคู่ให้

กำลังจะยกขาถีบไอ้ฟิว แต่ก็ต้องชะงักทันที เมื่อเห็นน้องออมที่ออกจากร้าน เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม



“พี่เนล จะเลิกกับออมหรือเปล่าคะ”



“....” ไม่เลิกครับ เพราะไม่ได้คบกันตั้งแต่แรก



“ออมขอโทษนะคะที่โกหกพี่ ถ้าพี่รู้ว่าออมมีแฟนแล้วพี่ก็คงไม่คุยกับออมใช่ไหมล่ะคะ”



“....” ใช่ครับ ถูกแล้ว พี่จะไม่เอาตัวเข้าไปล่อตีนชาวบ้านแน่ๆ



“เพราะงั้นออมถึงต้องโกหกพี่ไปไงคะ ออมชอบพี่จริงๆ นะคะ อึก ฮืออ ออมชอบพี่เนล” เธอบอกกับผมเสียงสั่น ก่อน

จะเอามือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม



ฉากบีบน้ำตาก็มา



“ออม พี่ว่าเราเลิกยุ่งเกี่ยวกันดีกว่านะ” ผมบอกกับน้องออมไป พร้อมเอามือไปจับไหล่เธอเอาไว้



“ทำไมละคะ ออมไม่ดีตรงไหน”



“มันไม่เกี่ยวหรอกครับว่าน้องออมไม่ดีตรงไหน แต่พี่ไม่ได้คิดจะจริงจังกับน้องตั้งแต่แรกแล้วครับ พี่แค่คุยกับน้องเล่นๆ เท่านั้น” ดูเลวไปเลยกู



“พี่เนล!! ทำไมพี่ทำกับออมแบบนี้คะ อึก อึก” เธอร้องไห้ออกมาพร้อมกับใช้กำปั้นทุบเข้าที่หน้าอกของผมอย่างแรง



"พี่ขอโทษน้องออมด้วยนะครับ”



“อึก อึก ฮือ” เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง นอกจากยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอไป

เธอก็รับไปเช็ดน้ำตาแต่โดยดี “พี่เนล คบกับออมไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”



“พี่ขอโทษด้วยนะครับ แต่พี่คบน้องแค่คั่นเวลาเท่านั้น ยอมรับความจริงแล้วตัดใจไปดีกว่า”



เพี้ยะ!



เธอตบคางผมหันเลยครับ ให้ผมเดาเธอคงจะตั้งใจตบหน้าผมนั่นแหละแต่คงตบไม่ถึง วันนี้มันวันอะไรวะ มีแต่เรื่องให้เจ็บตัวทั้งนั้นเลย



เธอเอามือเล็กๆ นั่นปาดน้ำตาทิ้ง พร้อมกับแสยะยิ้มร้ายใส่ผม



“ก็ได้ค่ะ ออมก็ไม่ได้มีพี่แค่คนเดียวสักหน่อย พี่โง่เองนะคะที่ไม่เลือกออม งั้นก็ลาขาดแล้วกันค่ะ” เธอพูดเสร็จก็สบัดตูดหนีไปเลย



โอ้โห!! นางมารร้ายในคาบตุ๊กตาชัดๆ เลย



“อื้อหือ ร้ายไม่เบา” ไอ้ฟิวพูดพึงพำออกมา



“เห็นแบบนี้ คงมองคนจากภายนอกไม่ได้แล้วจริงๆ ว่ะ” อืม กูเห็นด้วยไอ้แจ็ค



“ไม่มีศาสตร์ใดอ่านนิสัยคนจากหน้าตาได้ ดั่งที่วิลเลียมได้กล่าวไว้” ไอ้ฟงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง

มันพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกครับ เป็นพวกบ้าปรัชญาขึ้นสมอง



“จบเรื่องก็กลับกันได้แล้ว กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ” ไอ้เมฆพูดพร้อมส่ายหัวเบาๆ



“เอ่อๆ แยกย้ายๆ” ไอ้แจ็กบอกอย่างเอือมระอาเต็มทน ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกไล่พวกผม

เห้ยๆ กูลูกค้ามึงนะ



“อืมงั้นกูไปก่อนนะ ขอให้ร้านมึงเฮงๆ รวยๆ อย่าพึ่งเจ๊งไปก่อนล่ะ ไอ้แจ็ค 55555” ไอ้ฟิวหันไปกวนใส่ไอ้แจ็คแทน



“ร้านเหล้ากูไม่เจ๊งง่ายๆ หรอกไอ้ฟิว อย่ามาแช่งเดี๋ยวกูถีบ”



“มาดิๆ มาถีบกูเลย” ไอ้ฟิวตบตูดตัวเอง 3 ที ก่อนจะออกตัววิ่งไปที่รถของมัน



หลังจากที่แยกย้ายกับไอ้พวกนั้นผมก็เดินตรงมาที่รถเตรียมตัวกลับบ้าน



บ้านผมค่อนข้างไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควรครับ ผมเลือกเดินทางไปกลับแทนที่จะหาคอนโดอยู่ เพราะผมไม่ค่อยชอบอาศัยอยู่ห้องข้างคนอื่น บางทีเขาก็ส่งเสียงดังจนน่าหนวกหู ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ตอนแรกผมว่าจะหาซื้อบ้านพักที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย แต่ก็เต็มหมดแล้ว เลยต้องเดินทางไปกลับทุกวันแบบนี้





ครืด ~ ครืด ~



เสียงโทรศัพท์ดัง ผมจึงหยิบขึ้นมาดู บนหน้าเจอปรากฎเบอร์ที่ผมคุ้นเคยดี



‘ม๊า’



[ตาเนล ตอนนี้อยู่ที่ไหน] ยังไม่ทันได้พูดกรอกเสียงไป ม๊าผมก็รีบพูดขึ้นมาก่อน ด้วยน้ำเสียงสดใส ประหนึ่งกำลังจะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น แต่คงไม่ใช่ผมแน่ๆ



“อยู่ร้านไอ้แจ็คครับ ม๊าโทรมีอะไรหรือเปล่า”



[รีบกลับบ้านมาเดี๋ยวนี้เลย ม๊ามีเรื่องด่วนจะบอก]



“เรื่องอะไรครับ”



[เดี๋ยวมาก็รู้เองแหละจ๊ะ แค่นี้นะ รีบๆ มาล่ะ รักลูกน๊า จุ๊บๆ]



ตุ๊ด



ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ

...ลางสังหรณ์ผมบอกว่า ต้องเกิดที่เรื่องไม่ดีกับผมแน่ๆ









-------------------------------------------------------------------------------



     ผมขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบ้าน พร้อมกับก้าวขาลงจากรถมาด้วยความหวาดระแวง

รู้สึกได้เลยว่าวันนี้ม๊าต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมขวัญผวาแน่ๆ เดาจากระดับน้ำเสียงที่พูดโทรศัพท์เมื่อกี้ต้องเป็นเรื่องที่สยดสยองสำหรับผมพอสมควร แต่จะเรื่องอะไรเดี๋ยวก็คงรู้เองในอีกไม่ช้า



เดินเข้าไปในบ้าน เห็นพ่อบ้านอุล พ่อบ้านประจำตระกูลของบ้านผมเองครับ เขายืนต้อนรับอยู่ที่ประตูทางเข้าของบ้าน



“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงรอคุณชายอยู่ที่ห้องรับทานอาหารครับ”



“วันนี้ม๊ามีเซอร์ไพส์อะไรผมอีกแล้วใช่ไหม”



พ่อบ้านอุลยิ้มขำออกมาเล็กน้อย “ครับ”



รู้สึกใจไม่ดีแปลกๆ



“คุณชายรีบๆ ไปหาพวกท่านเถอะครับ พวกท่านรอคุณชายอยู่”



ผมพยักหน้าหน้าให้พ่อบ้านอุลก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องรับประทานอาหาร ได้ยินเสียงคุยกันเจื้อยแจ้วเล็ดลอดออกมา น่าจะมีแขกมาที่บ้าน แต่ผมว่าเสียงมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน



พอผมเดินไปถึงห้องอาหารความสงสัยที่มีอยู่ก็ถูกไขให้กระจ่างทันที หัวใจหล่นวูบไปจนถึงตาตุ่ม นาทีนี้อยากวิ่งหนีไปให้ไกลจากที่นี่มากๆ



“น้องพิม!!”



“อ่าว มาแล้วหรอตาเนล ม๊ารออยู่ตั้งนานแน่ะ มานั่งนี่เร็ว” ม๊ากวักมือเรียกผมให้เดินไปนั่งที่โต๊ะ

ผมเลือกเดินไปนั่งข้างๆ ป๊า โดยมีน้องพิมนั่งตรงข้ามกับผม



วิวดีจริงๆ



“ตาเนล หน้าไปโดนอะไรมา” ป๊าถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผมในระยะประชิด



ท่านยังมองหน้าผมนิ่ง รอฟังคำตอบ



“ไปมีเรื่องมานิดหน่อยครับ” ผมตอบป๊าไปเสียงอ่อน

ในครอบครัวผมกลัวป๊าที่สุดแล้ว ท่านเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมาก



ตั้งแต่เกิดมาผมขัดใจท่านแค่ครั้งเดี๋ยวเองมั้ง หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยขัดใจท่านอีกเลย เวลาที่ท่านโมโหน่ะ น่ากลัวที่สุด



“เรื่องอะไร” ท่านเลิกคิ้วถาม



“ผู้หญิง....”



“เรื่องผู้หญิงอีกแล้วเหรอตาเนล ม๊าล่ะเบื่อจริงๆ เลย เมื่อไหร่จะหยุดสักที กับเรื่องผู้หญิงเนี่ย”



“ผมอยู่ในช่วงตามหารักแท้อยู่ครับ” แหวะ พูดอะไรกูวะ



“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย เห็นควงทีเป็นสิบๆ คน นั่นเรียกว่ารักแท้ด้วยหรือเปล่า?”



“ก็ยังหาไม่เจอสักทีไงม๊า ผู้หญิงทุกคนที่ผมควงด้วยจึงไปจบลงที่เตียง”



“ดูพูดเข้า!!! คุณคะฉันไม่ไหวกับพฤติกรรมเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าของตาเนลแล้วนะคะ ขืนไปทำผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าท้องขึ้นมาจะทำยังไงคะ” ประโยคแรกท่านพูดกับผมครับ ส่วนประโยคข้างหลังท่านหันไปพูดกับป๊า



“โถ่ม๊า ผมก็ป้องกันตลอดเถอะ”



“ป้องกัน แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สักหน่อยนะตาเนล”



“ผมไม่พลาดไปทำใครท้องหรอกนะม๊า”



“ไม่รู้ล่ะ ยังไงตาเนลก็ต้องเลิกพฤติกรรมแบบนี้สักที ตอนนี้ตามหารักแท้เหมือนในละครน้ำเน่าใช่ไหมล่ะ”



“ครับ” ความจริงคือ ผมไม่ได้หาครับ รักทงรักแท้อะไรนั่น



ก็ผมเจอรักแท้ของผมตั้งนานแล้ว จะไปหาอีกทำไมล่ะ แต่เขายังไม่ยอมคบกับผมสักทีเนี่ยสิ

เป็นผู้หญิงที่ใจแข็งซะมัดเลย



“ตาเนลไม่ต้องตามหาแล้วล่ะ ม๊าหามาให้ลูกได้แล้ว หนูพิมนี่ไง เป็นถึงลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวธนชัย เจ้าของห้างใหญ่อย่างห้างเจิงอีกด้วยนะ ดูเรียบพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม นิสัยก็น่ารักเรียบร้อยเชียว ม๊าไม่เห็นมีใครเหมาะสมกับลูกเท่าหนูพิมอีกแล้วล่ะ”



โอ้โห อยากตาย เจ้าสัวธนชัยจ้างม๊ามามาพูดกี่บาทครับถามจริง ไอ้เรื่องฐานะก็มีเค้าโคลงความจริงบ้าง ส่วนหน้าตาพิมเขาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่หรอกครับ แต่ไอ้นิสัยนี่ผมรับไม่ได้จริงๆ





ยังจำตอนที่ผม 5 ขวบได้ดี ตอนนั้นเจ้าสัวธนชัยเขาเอาคุณพิมมาเล่นกับผมที่บ้าน



เพราะท่านกับป๊าต้องคุยกันเรื่องโครงการที่ทำร่วมกัน ท่านจึงฝากคุณพิมให้มาเป็นเพื่อนเล่นของผม ตอนนั้นเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาหน้ารักคนหนึ่งเลย มัดผมจุดสองข้าง ใส่ชุดเดรสสีชมพู ถือตุ๊กตามาตัวหนึ่ง



เธอเดินเข้ามาเล่นกับผม ตอนนั้นผมกำลังนั่งเล่นหุ่นยนต์ตัวโปรดที่ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ผมรักหุ่นยนต์ตัวนี้มาก เพราะมันแทบจะเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ผมได้รับจากท่านเลย



เธอเดินมานั่งข้างๆ ผม พร้อมมองหุ่นยนต์ที่ผมเล่นอยู่ตาแป๋ว เธอจ้องอยู่นาน จนทนต่อสายตาอันใสซื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ไหว จึงถามเธอออกไปว่าอยากเล่นเหรอ เธอก็พยักหน้ารับ ผมจึงยกหุ่นยนต์ตัวนั้นให้เธอเล่นไป



พอได้หุ่นยนต์ของผมมาเธอก็ทำหน้าดีใจใหญ่เลย ก่อนจะลุกขึ้นเหวี่ยงหุ่นยนต์ตัวนั้นลงพื้น



เธอแสยะยิ้มให้ผมพร้อมใช้เท้าเหยียบหุ่นยนต์ตัวนั้นซ้ำๆ ผมตกใจกับการกระทำของเธอมาก รีบเข้าไปห้ามเธอไว้



แต่ไม่ทัน



หุ่นยนต์ตัวนั้นก็แหลกคาเท้าเธอทันที



ผมนั่งร้องไห้ออกมาเหมือนคนเสียสติ มันเป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ต้องสูญเสียของที่ผมรักไปต่อหน้าต่อตา



ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รู้สึกผิดเลย แต่กลับพูดกับผมว่า ‘พ่อให้นายมาเล่นกับฉัน นายก็ต้องเล่นกับฉัน ไม่ใช่ไปเล่นกับหุ่นยนต์เข้าใจไหม! หุ่นยนต์ตัวนั้นผิดที่มาแย่งเพื่อนเล่นของฉันไป มันก็สมควรที่จะแหลกไปซะนั่นแหละ ถูกต้องแล้ว!!’ ตอนนั้นเธอทำหน้าตาน่ากลัวมาก จนผมรู้สึกกลัวไปหมด อย่างกับนางแม่มดที่เคยเห็นในการ์ตูนเลย



‘งั้นก็ไปเล่นกับฉันได้แล้ว ถ้ายังไม่อยากให้ของเล่นชิ้นอื่นของนายแหลกไปด้วย’



‘ผมไม่อยากเล่นกับยัยแม่มด’



‘ว่าอะไรนะ’



‘ไม่อยากยุ่งกับแม่มด’



‘กรี๊ดดดดด’ เธอกรี๊ดออกมาเสียงดัง จนผมต้องรีบเอามืออุดหูโดยไว อานุภาพทำลายล้างสูงมาก



เธอเดินไปกวาดของเล่นที่วางบนชั้นของผมลงทั้งหมด ก่อนจะลงมือทุบมันทิ้ง จนแหลก



‘หยุด!’ ผมวิ่งไปห้ามเธอเอาไว้



‘ไม่! จนกว่านายจะมายอมเล่นกับฉัน’



‘ยอมเล่นด้วยก็ได้ แต่อย่ามายุ่งกับของๆ ผมอีกนะ’ ผมบอกกับเธอไป ก่อนจะรีบเข้าไปเก็บของเล่นที่ตกพื้นระเนระนาดขึ้นมาวางไว้ที่ชั้นเหมือนเดิม



‘ถ้ายอมเล่นด้วยแล้วยังมาทำร้ายของเล่นของผมอีก จะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาดเลย’



‘ได้ สัญญาเลย’





      เธอพาผมมาเล่นขายของตรงสวนหลังบ้านครับ แถวนี้ค่อนข้างร่มรื่น อากาศก็ถ่ายเทสะดวก ผมแอบเห็นคนงานแอบมานอนอู้งานแถวนี้อยู่บ่อยๆ



‘รับอะไรดีคะ’ เธอถามผมเสียงเจื้อยแจ้ว



‘เอาข้าวผัดครับ’



‘ได้ค่ะ ขอสักครูนะคะ’



เธอรับบทเป็นแม่ค้า ส่วนผมเป็นลูกค้าครับ เราก็เล่นไปตามปกติเหมือนที่เด็กคนอื่นเขาเล่นกัน

แต่มันไม่ปกติก็ตอนที่เธอทำจนเสร็จ แล้วบังคับขู่เข็ญให้ผมกินเนี่ยแหละครับ



คุณอ่านไม่ผิดหรอก เธอบังคับให้ผมกินอาหารที่ทำมาจากเศษดินกับเศษหญ้าของเธอจริงๆ



     ผมไม่ยอมกิน เธอจึงตะคอกใส่ผมว่า ‘ฉันสั่งให้กินเธอก็ต้องกิน!!!’ น้องพิมพยายามเอาอาหารพวกนั้นยัดใส่ปากผม เธอใช้มือทั้งสองข้างง้างปากผมออก ผมก็พยายามดิ้นรนสุดชีวิต งับปากสุดแรงเกิด ตอนนั้นคิดแค่ว่าให้ตายยังไงก็ไม่มีทางยอมกินเข้าไปเด็ดขาด



โชคดีที่ป้าแม่บ้านแกมาเห็นก่อนแล้วห้ามเอาไว้ก่อน ผมถึงรอดมาได้



แต่ความโรคจิตของเธอผมยังจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้



คิดถึงเรื่องสมัยก่อนแล้วสยองไม่หาย ได้แต่ขอให้ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้เจอเธออีกเลย



แต่เหมือนโชคซะตาจะกลั่นแกล้งผมแล้วล่ะมั้ง





“คุณน้าก็ ชมพิมเกินไปนะคะ พูดแบบนี้พิมเขิลแย่เลย”



“ก็มันจริง หนูพิมน่ะเหมาะสมกับตาเนลของแม่ที่สุดแล้วล่ะ”



“ขอบคุณนะคะ พิมเขิลจังเลย” เธออมยิ้ม พร้อมทำเป็นหลบตาท่าน ประหนึ่งเขิลเต็มแก่

ถึงท่าทางแบบนั้นจะดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ใหญ่ (แบบม๊าผม) แต่มันไม่ได้น่ารักสำหรับผมเลย



“น่ารักจริงๆ เลยเด็กคนนี้” ม๊าส่งยิ้มให้ยัยพิม ก่อนจะหันมาถามความเห็นจากป๊า “จะว่าไปตอนนี้ตาเมลก็โสดหนูพิมก็โสด ฉันว่าถ้าตาเนลเรียนจบเราจัดงานแต่งงานให้พวกเขาเลยดีไหมคะคุณ”



ม๊าถามความเห็นผมด้วยว่าอยากแต่งกับยัยนี่ไหม!!



“อะไรที่คุณว่าดี ผมก็ว่าดีทั้งนั้นแหละ” ป๊าก็อย่าไปเห็นด้วยกับม๊าสิ ผมไม่เอานะเจ้าสาวแบบยัยนี่ ถ้าได้เป็นเมียผมขอตายอย่างโดดเดี่ยวดีกว่า



“เอ่อจริงด้วย! นี่ตาเนล หลังจากนี้เป็นต้นไปหนูพิมจะมาบ้านเราทุกวันเลยนะ กลับบ้านให้ไวๆ หน่อยล่ะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนหนูพิมเค้า”



โอ้โห ฝันร้ายมาเยือน ผมคงอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้วล่ะครับ



“เอ่อ...ครับ” รับปากไปก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยหาทางหนีอีกที



หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จแล้ว ม๊าก็บังคับผมให้ขับรถไปส่งคุณพิมที่บ้านของเธอ ระหว่างทางเธอก็ชวนผมคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปครับ จนกระทั่งรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านเธอ



“พิมไปก่อนนะคะ” เธอพูดก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผม ฟอดหนึ่ง



หันไปมองหน้าเธอด้วยความอึ้ง พร้อมยกมือขึ้นมาลูบแก้มข้างที่พึงโดนหอมไปเมื่อกี้



“พี่เนลเนี่ย หล่อขึ้นนะคะ เมื่อก่อนพิมว่าหล่อแล้วแต่ตอนนี้หล่อกว่าเมื่อก่อนอีก”



“เอ่อ..ขอบคุณครับ”



“พิมรับรองเลยค่ะ ว่าจะไม่ปล่อยพี่หลุดมือไปแน่นอน ถึงที่ผ่านมาพี่จะมีผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่ถ้าพี่แต่งงานกับพิมแล้ว พี่ต้องมีพิมแค่คนเดียวเท่านั้น” เธอแสยะยิ้มร้าย



“ไม่งั้น...สภาพพี่จะไม่ต่างจากหุ่นยนต์ตัวที่พิมทำลายไปเมื่อ 16 ปีก่อนแน่นอน” เธอพูดก่อนจะเปิดประตูรถผมออกไป ไม่วายหันมาส่งยิ้มให้ผม



“ฝันดีนะคะ ที่รัก”



น่ากลัวจริงๆ เลยผู้หญิงคนนี้





ผมว่าผมมีเรื่องต้องคุยกับม๊าแล้วล่ะ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอย่างจริงๆ จังๆ ตอนอยู่บนโต๊ะอาหารผมพูดอะไรออกไปไม่ได้เพราะเกรงใจคุณพิม



แต่ตอนนี้คุณพิมกลับบ้านแล้ว เพราะงั้น....



“ม๊า!! ทำไรเนี่ยไม่ปรึกษาผมสักคำ จู่ๆ ก็จับผมคงถุงชนแต่งกับคุณพิมมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ”



“โหดร้ายยังไง ในเมื่อลูกก็ไม่คิดจะจริงจังกับใครอยู่แล้ว ถึงจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมละ”



อันนั้นมันไม่ใช่ประเด็นม๊า ประเด็นอยู่ที่ว่าเจ้าสาวผมคือใคร



ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ยัยพิมนั่นน่ะ



“แล้วถ้าผมมีคนที่ผมอยากคบอย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ ม๊าจะบังคับผมให้แต่งงานกับคุณพิมนั่นอีกไหม”



“ถ้าลูกมีคนที่ลูกจริงจังแล้ว..ม๊าก็จะไม่บังคับ แต่คนอย่างตาเนลม๊ารู้นิสัยดี ว่ายังหาไม่ได้หรอก ถ้าลูกของม๊าหาแฟนแบบจริงๆ จังๆ ได้ ม๊าคงไม่บังคับให้มาแต่งงานแบบนี้หรอก”



“ผมหาได้แน่ๆ ม๊า ม๊ารอดูเลย”



“ได้ งั้นม๊ามีข้อเสนอ ม๊าให้เวลา 1 เดือน หาแฟนมาเจอม๊าให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ม๊าจะให้ตาเนลของม๊าแต่งงานกับหนูพิม”



“ม๊า!! 1 เดือน ใครจะไปหาได้กันละ” นี่เท่ากับบังคัญผมทางออมให้แต่งานกับยัยพิมนั่นอยู่ดีไม่ใช่หรือไง



“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องหามาให้ได้ ภายใน 1 เดือนนี้ ถ้าลูกยังไม่พาแฟนมาเจอม๊า ลูกต้องแต่งงานกับหนูพิมตอนที่ลูกเรียนจบทันที” โอ้ยตายๆ



“ม๊าว่าม๊าใจดีแล้วนะ จะรับหรือไม่รับไว้ก็ได้ข้อเสนอนี้ ถ้ารับก็ไปเอาแฟนมาเจอม๊า ถ้าไม่รับก็แต่งงานกับหนูพิม”



ต้องรับแล้วล่ะนาทีนี้



“ครับ..ผมจะพาแฟนมาเจอม๊าให้ได้”



“โอเคตามนี้นะ อ๋อ! อย่าลืม พรุ่งนี้หนูพิมจะมาหาเราที่บ้าน เพราะงั้นรีบกลับบ้านให้ไวๆ ล่ะ”



“ครับ”



ตอนนี้มีสองสิ่งที่ผมจะต้องหามาให้ได้ คือ หนึ่งแฟน และ สองบ้าน ผมทนอยู่บ้านที่มียัยคุณพิมมาหาทุกวันไม่ได้หรอกนะ



ใครก็ได้ช่วยผมทีครับ!!!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:07:16 โดย Gansa »

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #5 เมื่อ18-02-2018 20:33:39 »

แรกๆมั่นไส้อิตาเนลตอนนี้สงสารแล้วเจอคู่หมั่นบรมมหาภัยเลยทีเดียว.. .. :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #6 เมื่อ18-02-2018 23:05:55 »

น่าติดตามครับผม,,,

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #7 เมื่อ19-02-2018 07:56:56 »

ติดตามๆ

ออฟไลน์ พันธุ์ไทย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #8 เมื่อ19-02-2018 12:09:03 »

ปักๆๆๆ

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 4 ทะเลาะ



[Nel talk]

 

 
“มีอะไรหรือเปล่าเนล” เสียงหวานๆของม่าฟ้าเอ่ยถาม หลังจากที่ผมเดินกลับมาหาเธออีกครั้ง เพื่อคุยเรื่องที่ยังคุยกันค้างไว้เมื่อกี้

 

 “ไอ้เด็กนั่นแอบถ่ายคลิปเราน่ะ แต่ฟ้าไม่ต้องห่วงหรอกผมจัดการไปแล้ว”

 

“อืมดีแล้วล่ะ..” เธอพูดเสียงเบา ก่อนจะก้มหน้าลงไม่ยอมสบตาผม เธอทำหน้าเหมือนหนักใจกับอะไรสักอย่าง ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องที่ผมพูดกับเธอไปเมื่อกี้แน่ๆ

 

 “แล้วเรื่องที่ผมถามไปเมื่อกี้..” ผมทวนถามเธอย้ำอีกครั้ง เพราะผมต้องการคำตอบที่ออกจากปากเธอชัดๆ ไม่ใช่อ้ำๆอึ้งๆ ผมไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน

 

 “คือ...เรื่องที่เนลถามฟ้าเมื่อกี้ ฟ้ามาคิดๆดูแล้ว ฟ้ายังไม่มั่นใจ...” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมตรงๆ ท่าทางดูลำบากใจไม่ใช่น้อย

 

 “ฟ้ายังไม่มั่นใจในตัวผมใช่ไหม เพราะผมมีข่าวด้านลบเรื่องผู้หญิงเยอะหรือเปล่า มันเลยทำให้ฟ้าไม่มั่นใจในตัวของผม ใช่หรือเปล่าฟ้า..” ผมรัวคำถามใส่เธอ แต่ประโยคข้างหลังเสียงเริ่มแผ่วลง เพราะไม่มั่นใจว่าความจริงแล้วมันเป็นอย่างที่ผมถามเธอไปหรือเปล่า

 

“ไม่ใช่หรอกเนล ฟ้าไม่มั่นใจในตัวเองตากหาก ฟ้าไม่มั่นใจว่าฟ้ารู้สึกกับเนลแบบไหนกันแน่ ฟ้าขอโทษนะเนล แต่.....” ฟ้าตอบเสียงสั่นเล็กน้อย ท่าทางจะสับสนอยู่เหมือนกัน

แต่ทำไมพอได้ฟังคำที่พูดออกมาจากปากสวยๆนั่น ผมถึงรู้สึกเหมือนโดนปฎิเสธ

 

ท่าทางและสีหน้าของเธอที่แสดงออกมา มันทำให้ผมรู้สึกได้ชัดเจนจากก้นบึ้งของหัวใจเลย ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลยนอกจากเพื่อน

 

เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น....

 

 ทำไมผมรู้สึกปวดที่อกด้ายซ้ายขึ้นมานะ แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าอกหัก ความรู้สึกแบบนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผมเลย...

 

     ผมกับฟ้าเรารู้จักกันช่วงประกวดดาวเดือนตอนปี1ครับ ม่านฟ้าเธอเป็นคนน่ารักร่าเริง และคุยเก่ง เธอมีเสน่ห์มากในสายตาของผม 

ตอนแรกผมก็ตั้งจะจีบเธอ แต่ม่านฟ้าน่ะมีแฟนอยู่แล้ว ผมเป็นประเภทที่ถ้ารู้ว่าใครมีแฟนแล้วต่อให้ชอบขนาดไหน ก็จะไม่มีทางเขาไปยุ่งด้วยเด็ดขาด เพราะอย่างนี้ผมถึงได้แค่มองเธออยู่ห่างๆ

 

     จนกระทั่งวันงานเฟรชชี่ไนท์ ม่านฟ้าทะเลาะกับแฟนของอย่างหนัก ผมเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวอยู่ข้างนอกโดม ผมจึงเข้าไปปลอบใจเธอ และนั่งเป็นเพื่อน เผื่อเธอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอทะเลาะกับแฟนเธอเรื่องอะไรและผมก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้ถามเธอออกไปด้วย ถ้าเธอสบายใจเมื่อไหร่คงจะเล่าให้ผมฟังเองนั่นแหละครับ

ตอนนี้ผมรู้อยู่อย่างเดียวคือ ม่านฟ้าเลิกกับแฟนแล้วครับ เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด และเอาแต่พูดว่า ‘ไม่มีผู้ชายคนไหนที่รักฟ้าและยอมทนคบกับฟ้าได้นานๆสักคนเลย ทั้งๆที่ฟ้าพยายามที่จะจริงจังกับใครสักคน แต่ทำไม...ถึงไม่มีใครที่สามารถทนคบกับฟ้านานๆได้เลย คบกี่คนๆก็เป็นอันต้องเลิก ฟ้าไม่อยากจะจริงจังกับใครแล้ว!’ม่านฟ้าเธอร้องไห้ สะอึกสะอืน น้ำตาใสๆไหลอาบเต็มสองแก้มของเธอ ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจเลย

 

‘ไม่อยากจะจริงจังกับใครแล้ว’

พอได้ยินแบบนั้นจากตอนแรกที่ตั้งใจจะจีบเธออย่างจริงจัง มันก็ทำให้ผมไม่กล้าขึ้นมา

แต่ผม....ก็อยากช่วยเธอรักษาแผลใจครับ แค่สักนิดก็ยังดี

 

  ‘ลองกันดูไหม ผมรู้ว่าฟ้ายังทำใจไม่ได้ และแผลที่ฟ้าได้ก็ยังสดอยู่  แต่..ผมอยากช่วยฟ้ารักษาแผลใจ ลองคบกับผมดูนะ ไม่ต้องจริงจังก็ได้ แค่คบเล่นๆ เป็นคู่ควงก็พอ ถ้าเมื่อไหร่ที่แผลของฟ้าหายดี ผมอยากให้ฟ้าช่วยพิจารณาผมเข้าไปอยู่ในใจฟ้าจะได้หรือเปล่า....’ ขืนฝืนจีบตอนที่เธอกำลังเสียใจ สุดท้ายผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ของผม ก็คงไม่ต่างกับแฟนเก่าของเธอแน่ๆ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของผมดีกว่า



สักวัน...เธอคงจะเห็นมันเอง...

 

 หลังจากวันนั้นเราก็คบกันในฐานะคู่ควงตลอดมาครับ

 

 “ไม่เป็นไรครับฟ้า ผมเข้าใจ” ก็คงต้องอกหักไปตามระเบียบนั่นแหละครับ สงสัยไปหักอกเขาไว้เยอะ

 

 “ฟ้า ขอโทษด้วยนะเนล ดูเหมือนฟ้าจะยัง...” เธออ้ำอึ้ง เหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ ผมได้แต่กลืนน้ำลายฝืดๆลงรอ เพื่อรอฟังคำที่เธอจะพูดต่อไป “ลืมเขาไม่ได้...”

 

“.....” ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจุกที่อก แค่นี้ผมก็ได้คำตอบแล้วว่าที่ผมพยายามมามันศูนย์เปล่า

 

 “ตลอดเวลาที่เนลเป็นคู่ควงฟ้า ฟ้ามีความสุขมากนะ”

 

“….”

 

 “แต่ฟ้ายังไม่รู้สึกรักเนลมากพอที่จะคบกับเนลแบบจริงจังน่ะ”

 

 “....”

 

 “ฟ้า...ขอโทษ”

 

 ครับ...ผมเข้าใจแล้ว..ไม่ต้องตอกย้ำก็ได้

 

 ขอบคุณที่บอกผมออกมาตรงๆ

 

 สงสัยผมยังรอเธอไม่นานพอสินะ แด่ 3 ปีที่รอเธอรับผมเข้าไปในหัวใจ

 

 แต่ตอนนี้มันต้องหยุดลงแล้วล่ะ...

ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก

 

---------------------------------------------------------------

 

 

       ตอนนี้ผมและเดอะแก๊งมาหาอะไรกินกันที่ร้านเจ๊อ้อยแกครับ ผมว่าในบรรดาร้านอาหารรอบมหาลัยของผม ร้านเจ๊อ้อยแกอร่อยที่สุดแล้ว ถึงร้านเจ๊แกจะใหญ่พอสมควร แต่พวกผมก็ต้องรอคิวอยู่นานเหมือนกัน กว่าจะมีที่ว่างเหลือให้พวกผมได้นั่งกัน ก็อย่างว่าแหละครับอาหารฝีมือเจ๊แกอร่อยขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่คนแห่เข้ามากินกันมากมายขนาดนี้

 

     ผมพาร่างไร้วิญาณของตัวเองมานั่งที่โต๊ะ ไอ้ฟิวเป็นคนเอาเมนูอาหารไปดูกับไอ้แจ็ค ก่อนจะจรดปากกาเขียนเมนูที่อยากกินใส่ลงไปในกระดาษ แล้วยื่นใบเมนูมาให้ไอ้เมฆกับไอ้ฟง พวกมันดูอยู่สักพักก็เอ่ยปากบอกให้ไอ้ฟิวจดไป แล้วค่อยยื่นส่งมาให้ผม มันก็จะลำบากหน่อยที่นั่งกันคนละมุมแต่มีใบเมนูแค่ใบเดียว

 

ผมนั่งจ้องเมนูอาหารเจ๊แกอยู่นานพอสมควร ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อยากกินอะไรเลยครับ กระเพาะอาหารเหมือนหยุดทำงานไปชั่วคราว แถมในหัวยังมันรู้สึกว่างเปล่าไปหมด ตอนนี้ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบของผมหยุดหมุนลงเลยล่ะครับ

ไอ้ฟิวที่เห็นว่าผมนั่งจ้องเมนูอยู่นานก็ทนไม่ไหว เลยออกปากถาม

 

“ไอ้เนล กินอะไร จ้องอยู่อย่างนั้นอาหารมันก็ไม่ออกมาให้มึงแดกได้หรอกนะ” ไอ้ฟิวเริ่มขมวดคิ้วไม่พอใจ สงสัยจะโมโหหิว ผมจึงตอบมันแบบขอไปที

 

 “อะไรก็ได้” ไอ้ฟิวมันก็พยักหน้ารับรู้ครับ จดเมนูให้ผมหยิกๆ แล้วเดินเอากระดาษไปเสียบที่เหล็กเสียบกระดาษ ตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินสะบัดตูดกลับมาอย่างอารมณ์ดี

 

ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันสั่งอะไรให้ผมกิน

 ไม่ว่าอะไรมันก็คงจะไม่อร่อยสำหรับผมแล้วแหละนาทีนี้

 

 “เป็นไรวะ เห็นทำหน้าอมขี้มาตั้งแต่เมื่อกี้ล่ะ” ไอ้ฟิวเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เอาร่างบางๆของมันมานั่งที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

 

“อกหัวว่ะ โดนม่านฟ้าปฎิเสธรักมา” ผมตอบมันไปตามตรงครับ เวลาที่เรารู้สึกแย่มากๆ ถ้ามีเพื่อนสักคนคอยรับฟังเราระบายปัญหาที่อัดอันตันใจ จะช่วยให้เราสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะ ผมจึงเลือกที่จะบอกมันไปตรงๆ หวังว่ามันจะช่วยให้ความเจ็บปวดนี้ลดลงได้บ้าง

 

 “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะน้องเนล เดี๋ยวพี่ฟิวร้องเพลงปลอบใจ” ไอ้ฟิวลุกขึ้นมาหาผม ก่อนจะดึงหัวผมไปซุกกับอกของมัน แล้วใช้มือข้างหนึ่งล็อคหัวผมเอาไว้แน่น ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก

ไอ้ฟิว! บางทีกูก็คิดนะ ว่ามึงจะมาปลอบกู หรือฆ่ากูกันแน่

 

“....” เมื่อเห็นผมไม่พูดอะไร มันเริ่มวอมเสียงประหนึ่งตัวเองเป็นนักร้องดังที่กล่องเสียงระดับไฮคลาส

 

“อะแฮ่มๆ โด๊ เร่ มี่ ” เมื่อเห็นผมไม่พูดอะไร มันเริ่มวอมเสียงประหนึ่งตัวเองเป็นนักร้องดังที่กล่องเสียงระดับไฮคลาส ตอนนี้ผมรู้สึกดีแล้วล่ะ ที่หน้าผมซุกกับอกมันอยู่ คนในร้านเริ่มหันมามองไอ้ฟิวแล้ว พวกนั้นจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าผม ปล่อยพวกไอ้เมฆอายแทน

 

 “โด โด่ โด้เรมีโด้เรมีซ้อลหล่า หนูขอเวลาซักสามนาที ไม่ต้องชมว่าหนูเสียงดี ก่อนจบเพลงนี้อย่าพึ่งหนีก็แล้วกัน” ทีนี้ ปล่อยผมแล้วเดินขึ้นไปเต้นร่อนเอวอยู่บนเก้าอี้เลยครับ!

 

แล้วเสียงมันไม่ใช่เบาๆนะ! อย่างกับมาประกาศหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศบาล ดังตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย โดยไม่อายสายตานับพันคู่ที่จ้องมันอยู่เลย 

 

เฮ้ออ อย่าพยายามเลยไอ้ฟิว เห็นแล้วกูอายแทน  จากที่มึงตั้งใจปลอบกูให้รู้สึกดี กูจะเครียดแทน

 

“พอลืมตาปากก็อ้าเสียงก็ออก ไม่หยุดร้องหรอกนอกจากหลับเท่านั้น

ชาวบ้านชาวช่องเขาคงชอบกันทั่ว พยายามปีนรั้วเข้ามาฟังทุกวัน

บางคนก็ถืออีโต้มาด้วย เขาคงมาช่วยเคาะจังหวะมันส์ๆ

หนูร้องดีไม่มีเสียงตก เขาเลยทุ่มครกมาเป็นของกำนัล อ๊าส์”

 

โอ้โห! มีเสียงครางด้วย หยุดเถอะ ไอ้ฟิวหยุด! กูไหว้ล่ะ

พวกผมนี่กุมขมับเลยครับ ไอ้แจ็กก็พยายามดึงไอ้ฟิวให้นั่งดีๆ

 

“พอเถอะไอ้ฟิว ถ้ามึงไม่อาย ก็อยากให้คิดบ้าง ว่าพวกกูอายขนาดไหนที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอย่างมึง” ไอ้แจ็คพูดออกมา ไอ้ฟิวมันถึงยอมหยุด แล้วลงมานั่งเก้าอี้ดีๆ

 

“โอเคๆเห็นแต่มึง กูจะหยุดการวอมเสียงแต่เพียงเท่านี้”

 

พวกผมถอดหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

“อะแฮ่มๆ โอเคกูวอมเสียงเสร็จละ ต่อไปเอาจริง”

นี่มึงยังจะมีก๊อกสองอีกเหรอวะ พอเถอะ!

 

“อะ อือ เพื่อนชะตาเศร้า พี่ฟิวคนนี้จึงอยากร้องเพลงปลอบใจ”

พูดเสร็จมันก็เริ่มแหกปากร้องเพลงอีกรอบ

 

 “เจ็บแปลบขึ้นมาทันที

อกหักใช่ไหมอย่างนี้

นี่เธอไม่รักฉัน แล้วหรือเธอ

เจ็บแปลบขึ้นมาทันทิ อิ อิ อี

อกหักใช่ไหมแบบนี้

บอกฉันที ฉันควรทำอย่างระ ระ ราย”

 

 “ไปร้องเพลงไกลๆตีนกูเลย ไอ้ฟิว!” แม่ง!! กวนตีนไม่เลิก แล้วดูเพลงแต่ละเพลงที่มันร้องออกมา บ่งบอกอายุขัยมึงมาก

 

 “เกรี้ยวกราดจังเลยนะคะพี่เนล น้องฟิวกลัวจังเลยค่ะ” มันทำท่าสะดีดสะดิ้งออกมา พร้อมกลับหันมาบีบน้ำตาใส่ผม ท่าทางทุเรศลูกกะตากูมาก มึงอย่าไปทำท่านี้ใส่ใครนะไอ้ฟิว กูกราบ!

 

“ไอ้ฟิวมึงอย่าไปเล่นเยอะ มันพึ่งถูกม่านฟ้าหักอกมานะโว้ย เราควรปลอบใจมันสิวะ” ใช่ไอ้แจ็คมึงพูดถูก ตอนนี้กูต้องการคนมาดามหัวใจ เอมโซแซดมาก

 

 “งั้นกูแนะนำให้มึงไปหาสาวมาดามหัวใจมึงสักคน เดี๋ยวมึงก็ลืมม่านฟ้าได้ เชื่อกู ถ้ามึงอยู่กับความจริงแล้วมันทำให้มึงเจ็บปวด มึงก็แค่มันหนีออกมาก่อน อะไรที่ทำให้เราทุกข์ก็อย่าเก็บมาทำร้ายเราเลย อีกอย่างสาวในสต๊อกมึงเยอะจะตาย กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว จะมาซงมาแซดทำไม” เอ่อ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มึงพูดจาเข้าหูกูน่ะ ไอ้ฟิว

 

 “แต่มึงก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้....คนเราเกิดมาต้องอยู่และยอมรับกับความจริงในชีวิต ถึงแม้ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นมันจะทำให้คุณเจ็บปวดจนอยากจะหลีกหนีแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ เพื่อที่จะก้าวผ่านพ้นความทุกข์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วคุณจะพบกับแสงสว่างในชีวิตได้เอง ถ้ามัวแต่พยายามหนีจากความจริง สุดท้ายแล้วคุณก็จะยังจมปักอยู่กับความทุกข์ แล้วเมื่อไหร่จะหลุดพ้นสักที จากหนังสือปรัชญา หน้า 194 ย่อหน้าที่ 3”

 

 อือหือไอ้ฟงมึงท่องมาได้เป๊ะมาก กูบรรลุแล้ว

 

 ไอ้ฟงมันเป็นคนที่จริงจังกับการดำรงชีวิตมากครับ จะไปไหนมาไหนต้องพกหนังสือปรัชญา กับตลับเมตรติดตัวตลอด ทุกอย่างในชีวิตมาต้องสมบูรณ์แบบ เป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ บางวันถ้าไม่พกตลับเมตร มันก็พกไม้บรรทัดมาครับ ผมเคยถามมันว่ามึงจะพกมาทำไม มันบอกว่า เวลาไปซื้อของจะได้ไม่ต้องโดนโกงเรื่องขนาดของสินค้า คือคุณมึงครับคนส่วนมากเขาก็ไม่วัดกันหรอก อะไรมันจะขนาดนั้น

 

มีอยู่วันหนึ่งที่ผมเคยไปส่งมันซื้อตู้เก็บของที่ห้างครับ มันนั่งวัดเป็นชั่วโมงเลย  มันนั่งคำนวนความสูง ความยาว และความกว้างของตู้เก็บของ กับพื้นที่ในบ้านของมันครับ เสร็จแล้วก็คำนวนว่าถ้าเอาตู้ขนาดนี้ไปพื้นที่ในบ้านมันจะเหลืออยู่เท่าไหร่ โอ้โห มึง!!! กูยอม

 

 แต่บางครั้งมันก็เอามาวัดเนคไทผูกคอมันนะครับ ต้องผูกให้เท่ากันทุกวัน ถ้าผูกเกินมานิดหน่อย ย้ำนะครับว่านิดหน่อยเท่านั้น นิดเท้าขี้เล็บ มันก็จะแกะแล้วผูกใหม่จนกว่าจะได้ มีใครให้มากกว่ามันไหมครับ สุดยอดคนแห่งความสมบูรณ์แบบ ผมล่ะอยากเห็นเมียมันจริงๆเลยว่าจะเป็นคนยังไง

 

 “โวะ กว่ากูจะคิดคำเท่ๆแบบนั้นได้ พอมึงพูดออกมา คำของกูดูเด็กอนุบาลไปเลย ไอ้ฟง” ไอ้ฟิวเริ่มบ่นออกมา

 

 “วิลเลียม เช็กสเปียร์กล่าวว่า การแสวงหาความรักเป็นสิ่งดี แต่การไม่แสวงหาความรักดีกว่า”ไอ้ฟงเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วครับ

 

 “ถ้าหากมึงเจ็บปวดจากความรัก แล้วมึงจะไปแสวงหาความรักให้มึงเจ็บปวดอีกทำไมละ หยุดก่อนเถอะไอ้เรื่องที่มึงคิดจะไปหาผู้หญิงคนมาควงเล่นเพื่อทำให้ลืมความเจ็บปวดจากผู้หญิงอีกคนน่ะ เป็นคนบาปอยู่แล้วยังจะทำบาปเพิ่มอีก ตายไปนรกกินหัวแน่มึง”

 

 ครับ..แม่

 

 “กูเห็นด้วยกับไอ้ฟงมัน มึงจะไปควงผู้หญิงคนอื่นเล่น ให้เขาเจ็บปวดอีกทำไม แค่นี้เวรกรรมมันยังไม่ตามสนองมึงไม่พออีกเหรอไอ้เนล” ไอ้เมฆที่นั่งเงียบอยู่นานพูดออกมาบ้าง

 

 ครับ..พ่อ

ผมเข้าใจแล้ว

 

คิดไม่ผิดเลยที่เล่าปัญหาให้ไอ้พวกนี้ฟัง มันช่วยผมได้เยอะเลยครับ ตอนนี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นนิดนึงแล้วล่ะครับ

 

 พวกผมรออาหารได้ไม่นานเท่าไหร่ อาหารก็ค่อยๆมาเสิร์ฟที่โต๊ะพวกเราทีละเมนูๆ ครับ

 

จานแรกเป็นข้าวผัดกระเพราของโปรดของไอ้เมฆ ส่วนจานต่อมาของไอ้แจ็กเป็นราดหน้าหมู ตามด้วยข้าวมันไก่ของไอ้ฟิว และ ไอ้ฟง..ข้าวคะน้าหมูกรอบ แต่เดี๋ยว ไอ้ฟง!! มึงจะมานั่งวัดใบคะน้าทีละใบแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย

 

 “ไม่เท่าว่ะ” ไอ้ฟงสบถออกมาอย่างหัวเสีย

 

 “อะไรไม่เท่าวะ”ผมถามมันออกไป

 

 “ใบคะน้าของกูอะดิ ได้ใบสั้นกว่าจานของไอ้โต๊ะตรงข้ามนั่นอีก ใบมันยาวกว่า ไม่ยุติธรรมเลยว่ะ” พอเถอะไอ้ฟง มึงก็แค่แดกๆเข้าไปจะอะไรมากวะ เห้ยย!!

 

 ผมรอไม่นานจานของผมก็มาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้วครับ..ตื่นเต้นนิดหน่อยว่าไอ้ฟิวมันจะสั่งอะไรให้ผมกิน

 





 OMG!!!

 

 ไอ้ฟิว!!! มึงสั่งอะไรมาให้กูกินวะ มึงแน่ใจนะว่ามันกินได้ นี่อะไรน่ะ ปะ! ปลาร้าเป็นตัวเลยนี่หว่า เดี๋ยวๆ พึ่งสังเกต ไอ้น้ำดำๆนี่มันน้ำอะไรวะเนี่ย

 

 

“ไอ้ฟิว มึงสั่งอะไรมาให้กูวะ”

 

“ข้าวผัดปลาร้าน้ำปูเค็ม” โอ้ยยยยย ไอ้ฟิววว มันมีเมนูนี้ในร้ายเจ๊อ้อยด้วยเหรอวะ!!! กูอยากตาย

 

 “ใครจะไปกินได้ละวะ” นี่มึงใช้สมองคิดแล้วใช่ไหมไอ้ฟิว ก่อนสั่งให้กูน่ะ มึงบอกกูให้มั่นใจหน่อยว่ามึงใช้สมองคิดแล้ว?

 

 “อร่อยดีออก กูเคยกินมาแล้วเลยสั่งให้มึง มึงต้องลองกินโว้ยถึงจะรู้ว่าอร่อยขนาดไหน!” ไม่เป็นไรวะไอ้ฟิว กูขอผ่านดีกว่า

 

 “อร่อยแล้วทำไมมึงไม่สั่งมากินเองวะ”

 

 “ไม่ล่ะ แดกครั้งเดียวในชีวิตก็เพียงพอแล้ว ความอร่อยของมันยังคงตราตรึงลิ้นกูอยู่มาจนถึงทุกวันนี้” พูดพร้อมแลบลิ้นให้ดู

 

ขอบคุณสำหรับความเหี้ยที่มอบให้กูมา ไอ้เพื่อนเลว..

 

“ขอโทษด้วยนะครับพี่อ้อยพอดีผมติดทำงานเอกน่ะครับ เลยมาสาย จริงๆผมกะจะโทรบอกพี่แล้ว แต่โดนไอ้บ้านิสัยเหี้ยคนหนึ่งโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน คิดแล้วแค้นไม่หายเลย อย่าให้ได้เจออีกนะ!!! พ่อจะต่อยให้จมดินเลย”

 

เสียงคุ้นๆ

 

 “เพราะมีคนเหี้ยแบบมัน ประเทศชาติถึงได้ไม่เจริญสักที คิดแล้วหงุดหงิด”

 

 หวับ!! หันไปมองหน่อย

 

 ชัดเจน!ไอ้เด็กเมื่อตอนกลางวัน

 

 มันกำลังยืนด่าผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้านครับ

 

 ไม่ได้การล่ะ ผมลุกจากโต๊ะ แล้วเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ร้านทันที มันต้องเจอกันสักหน่อยละ

 

 “มีคนแบบกูแล้วประเทศชาติมันไม่เจริญยังไง?” ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างๆมัน พร้อมถามเสียงเข้ม

 

 “เห้ย!” มันดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อยครับ ที่เห็นผม

 

 “กูว่ามีคนแบบมึงมากกว่ามั้ง ประเทศถึงไม่เจริญสักที” ผมย้อนมันบ้าง

 

 “มีคนแบบผมแล้วประเทศมันไม่เจริญยังไง อย่างน้อยผมก็ไม่เคยไปแย่งแฟนของใครล่ะวะ”

 

หืมมม ขึ้นเลย ขึ้นนนน มันขึ้นนนน!!!

 

 “เหอะ!! แต่อย่างน้อยกูก็ไม่เคยไปแอบถ่ายคลิปที่ชาวบ้านเขาคุยกันเหอะ”

 

 “ถ้ามึงไม่ไปแย่งแฟนเพื่อนกู กูคงไม่ยุ่งกับมึงหรอก” ขึ้นมึงแล้วโว้ย

 

 “ถ้าน้องเขาไม่มาอ่อยกูก่อน กูก็คงไม่ไปยุ่งกับน้องเขาหรอก เพราะงั้นกูไม่ผิด”

 

 “ถ้ามึงไม่เล่นด้วยซะอย่าง น้องเขาก็คงไม่นอกในเพื่อนกูแล้วไปหามึงไหมล่ะ?”

 

 “ต้องขอโทษด้วยวะที่กูเป็นพวกถือคติที่ว่า ผู้หญิงอ่อยมาให้อ่อยกลับ เขามาบริการขนาดนั้นแล้ว เป็นมึงไม่เอา?” ผมเลิกคิ้วถามมัน

 

 “โถ่โว้ย!! กูแม่งไม่คุยกับมึงละไร้สาสาระ เสียเวลาดำเนินชีวิต!!” มันเอามือทึกหัวตัวเอง ก่อนจะขยับปากด่าผมสองสามคำ แต่ผมไม่ได้ยินหรอกว่ามันด่าว่าอะไร

 

“งั้นมึงก็เลิกยุ่งกับกูซะที! น้องออมอะไรนั่นกูก็เลิกไปแล้วเหอะ อีกอย่างน้องออมนั่นแฟนเพื่อนมึงไม่ใช่แฟนมึงสักหน่อย โกรธอย่างกับกูไปแย่งแฟนมึงอย่างงั้นแหละ”

 

 “ฮื้ม!” มันเริ่มถียงไม่ได้แล้วครับ เลยทำเสียงออกมาอย่างไม่พอใจนัก

 

“อ๊ะ! หรือว่าที่มึงยังตามวุ่นวายกับกูอยู่นี่เป็นเพราะ.....” แกล้งสักหน่อยล่ะกัน

 

 ผมไล้สายตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะโน้มใบหน้าของผมเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ จนใบหน้าของเราตอนนี้ห่างกันไม่ถึงคืบ มันก็พยายามขยับใบหน้ามันหนี แถมยังทำสายตาเลิกลั่ก พยายามที่จะหลบตาผมอีก หึ! ท่าทางมันตลกซะมัดเลยเด็กเอ๋อ

 

 ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “มึงแอบชอบกู?”

 

 พอมันได้ยินประโยคชวนสยองเมื่อกี้ มันก็รีบผลักผมออกไปให้ห่างจากตัวมันทันที แถมยังเดินบิดตูดหนีผมไปทางห้องครัว ยังวายหันมามาตะโกนบอกผม

 

 “ใครจะไปชอบมึงวะ หลงตัวเอง!”

 

“หึ!” ผมยิ้มมุมปากส่งไปให้มัน

 

ครืด ~ ครึด ~

 

 ‘ม๊า’ ทำไมวันนี้ม๊ารีบโทรมาหาผมจังวะ ปกติก็โทรมาทุกวันนะครับ แต่จะเป็นช่วงประมาณสองทุ่มกว่าๆ

 

ตอนนี้พึ่งจะทุ่มกว่าๆเอง

 

 

“ครับม๊า มีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ไป

 

 [อาเนลลล วันนี้ รีบๆกลับบ้านน๊า]

ม๊ามาโทนเสียงนี้อีกแล้ว มาโทนเสียงนี้เมื่อไหร่สยดสยองทุกทีในให้ ตายเหอะ!!

 

 “มีอะไรหรือเปล่าม๊า”

 

 [ไม่บอก มาลุ้นเอาเอง รีบๆกลับมาน๊า จุ๊บ!]

 

 มันต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่ๆ น้ำเสียงโทนนี้....!!  รู้สึกขนลุกตั้งแต่หัวไปจนถึงตาตุ่ม

รอบที่แล้วจับคู่ผมกับยัยพิมผมว่ามันโหดร้ายมากแล้วนะ อย่าให้มีเรื่องอะไรโหดร้ายกว่านี้อีกเลย

 

 สาธุ!

 

 “กูไปก่อนนะ ม๊าโทรเรียกกลับบ้าน มีเรื่องอะไรจะเซอร์ไพรส์กูอีกก็ไม่รู้” ผมเดินไปลาพวกไอ้ฟิวที่นั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ

 

“อ่าวจะไปแล้วเหรอ แย่จัง อดเห็นมึงกินข้าวผัดปลาร้าน้ำปูเค็มเลย” ถึงกูไม่มีธุระไปไหน กูก็ไม่แดกหรอกไอ้ฟิว มึงพับโครงการนั้นไว้เลย เก็บไว้แล้วไม่ต้องเอาออกมาอีกนะ!

 

“เอ่อ ขอให้เป็นเรื่องดีๆนะ 55555”

 

 “เอ่อ กูก็หวังให้เป็นอย่างงั้น” ผมตอบไอ้แจ็คไป

 

       



      หลังจากที่ผมบอกลาไอ้พวกเพื่อนเสร็จแล้ว ผมก็ขับรถรีบกลับบ้านทันทีครับ อยากรู้เหลือเกินว่าม๊ามีเรื่องอะไรจะเซอร์ไพรส์ผมอีก ตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดออกมาเต้นแอโรบิคข้างนอก

 

ผมขับรถมาจอดที่ลานจอดรถ แล้วตรงดิ่งเข้าไปในบ้านทันที สายตาผมกวาดมองซ้ายมองขวาหาตัวม๊า ทำไมผมถึงรู้สึกใจไม่ดีได้ขนาดนี้นะ มันต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับผมแน่ๆ

 

 “กลับมาแล้วเหรอ ตาเนลของม๊า” ม๊ากับป๊าผมเดินลงมาจากบันไดใหญ่ของบ้าน ป๊าสวมชุดสูท ผูกเนคไทค์อย่างดี ส่วนม๊าก็สวมชุดราตีสีขาวแขนยาวเปิดไหล่ไว้ บนคอประดับเครื่องเพชรเม็ดงามบ่งบอกชัดเจนว่าท่านกำลังจะไปออกงานสังคม แล้วทำไมท่านถึงโทรเรียกให้ผมรีบกลับบ้านล่ะ?

 

 “ม๊ากำลังจะไปงานวันเกิดคุณหญิงนันสุดา กับป๊า”ท่านว่าด้วยน้ำเสียร่าเริง

 

“แล้วม๊า...” ผมกำลังจะพูดว่า แล้วม๊าให้ผมรีบกลับบ้านมาทำไม ท่านก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

 

 “พอดีว่าหนูพิมจะมาอยู่กับเราด้วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พอดีเจ้าสัวธนชัยแกต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ หนูพิมเค้าอยู่คนเดียวไม่ได้ เค้าเลยมาขออยู่กับเราจนกว่าเจ้าสัวแกจะกลับมา”

 

“...” ที่เงียบไม่ใช่อะไร ช็อคอยู่

 

 “แล้ววันนี้ม๊ากับป๊าก็ดันไม่ได้อยู่บ้าน ม๊าเลยต้องโทรตามตาเนลของม๊ามาอยู่เป็นเพื่อนหนูพิมไง”

 

 โอ้ยยย บัดซบมาก บัดซับจริงๆ มีใครให้มากกว่านี้อีกไหมครับ

 

 “คุณคะเราไปกันเถอะค่ะ ม๊าฝากเนลดูแลหนูพิมด้วยนะ”ประโยคแรกม๊าหันไปพูดกับป๊า ส่วนประโยคหลังม๊าหันมาบอกกำชับกับผม

 

ผมส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ แต่ท่านก็เดินออกไปแล้ว

 


ไม่ครับม๊าอย่าทำแบบนั้นกับผมครับ ม๊ากลับมาก่อนม๊า

 

 กลับมา!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:07:41 โดย Gansa »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #10 เมื่อ20-02-2018 23:18:55 »

น่ากลัว. อยู๋กับพิมในบ้าน แค่คิดก็สยองแล้วววว

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 5 ซวย


[Nel talk]

 

“เนลคะ ลองชิมอาหารฝีมือพิมหน่อยสิคะ พิมตั้งใจทำสุดฝีมือเลย” พิมยิ้มแป้นแล้นออกมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้มาแปลกครับ จู่ๆก็มาพูดจาดี แถมยังเอาอกเอาใจผมอีก แต่แค่รู้ว่าใครทำก็ไม่กล้ากินแล้ว ไอ้ภาพสุดสยดสยองที่ยัยพิมนั่นพยายามยัดเศษดินเศษหญ้าเข้าปากผมยังตราตรึงอยู่ในใจผมมาจนถึงทุกวันนี้

 

ตอนนี้ผมอยู่กับพิมที่ห้องทางอาหารครับ เธอลงทุนเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้ผมทาน ดูเธอเอาอกเอาใจผมใช่ไหมล่ะครับ แต่...

 

“เอ่อ...” ยิ้มหล่อๆส่งให้ก่อนแล้วกัน

 

“พิมลองฝึกทำแกงจืดหมูสับดู ไม่รู้ว่าจะอร่อยไหม แต่พิมตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะคะ เนลลองทานดูหน่อยนะคะ”

 

“เอ่อ...” คือมันก็ดูเหมือนจะกินได้นะครับ แต่พิมแน่ใจใช่ไหมว่ามันคือแกงจืดหมูสับน่ะ โอ้โห พิมครับ ผักกะหล่ำน่ะหั่นบ้างก็ดีนะ เล่นใส่มาเป็นลูกเลย ไหนจะไอ้หมูสับนั่นอีก คือพิม! มันไม่เรียกว่าหมูสับครับ ถ้าพิมจะเล่นใส่หมูมาทั้งตัวแบบนั้นน่ะ (มันไม่ใช่หมูตัวใหญ่มากนะครับ เป็นลูกหมูตัวเล็กๆ แต่ก็หลายตัวอยู่ กำลังนอนอืดตายอยู่ในหม้อ) แล้วถ้าพิมช่วยตักใส่จานมาให้ผม จะขอบพระคุณเป็นอย่างมากครับ ไม่ใช่ยกมาให้ผมทั้งหม้อแบบนี้ ผมไม่โอเคครับ ไม่โอเค!

 

“ทานสิคะ เนล” เสร็จแล้วเธอก็ยื่นทัพพีให้ผม คาดว่าคงจะให้ผมใช้ทัพพีตักแทนช้อน โอ้โหจิตใจเธอทำด้วยอะไร

 

“เอ่อ..พิมครับ ทำไมไม่หั่นผัก” ถามออกไปหน่อยก็แล้วกัน

 

“พิมขี้เกียจหั่นค่ะ”

 

“เอ่อ..แล้วหมูทำไมมาเป็นตัวแบบนี้ละครับ”

 

“พิมก็ขี้เกียจเหมือนกันค่ะ กินๆไปเถอะ ยังไงมันต้องต้องลงท้องเนลอยู่แล้ว จะหั่นให้มันเสียเวลาทำไมคะ”

พิม!!!! นั่นมันไม่ใช่ประเด็นพิม!! ประเด็นมันอยู่ที่ว่าผมจะกินเข้าไปยังไงมากกว่า โอ้โห กะหล่ำปีเป็นหัวเลย

รับไม่ได้สุดๆ ! ไอ้หมูนี่ไม่ต้องถามหานะครับ ผมคงไม่กินมันแล้วล่ะ จะกินยังไงวะนั่น

 

“แล้วพิม คิดยังไงถึงลงทุนมาทำอาหารให้ผมกินหรอครับ พิมให้แม่ครัวเขาทำให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องลงทุนเข้าครัวเองเลย” ถามไปหน่อยแล้วกันสงสัยมากๆ ปกติพิมไม่ค่อยจะลงมือทำอาหารให้ใครกินหรอก ส่วนมากเธอก็จะมีแม่ครัวประจำบ้านคอยทำอาหารให้ทาน จึงไม่จำเป็นที่เธอจะลงทุนเข้าครัวเองแบบนี้หรอกครับ

 

“แหม...เดี๋ยวเราก็จะเป็นผัวเมีย อุ้ย! สามีภรรยากันแล้วนี่คะเนล พิมก็ต้องฝึกทำอาหารให้เนลทานสิคะ

พิมวางแผนอนาคตของเราไว้แล้วนะคะ ว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว เราจะไปสร้างบ้านอยู่ด้วยกันสองคน พิมจะไม่จ้างแม่ครัวหรือแม่บ้านหรอกนะคะ พิมอยากลองเป็นภรรยาที่ดีคอยดูแลสามีอย่างเนลไงคะ” เธอทำหน้าเพ้อฝัน

 

คือ...ถ้าผมแต่งงานกับคุณเธอไป ผมต้องกินอะไรแบบนี้ทุกวันเลยใช่ไหม โอ้โห!!! เอามีดมาแทงกูให้ตายเลยดีกว่า เอามีดมา!!!! ผมไม่อยู่หายใจเพื่อไปแย่งออกซิเจนคุณเธอแล้ว

 

“กินเข้าไปสินะคะ จ้องแบบนั้นมันก็ไม่ช่วยอะไรนะคะเนล” ที่ผมจ้องคือกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าผมจะยัดซากพวกนี้เข้าปากไปยังไง คือถ้าคุณเธอยอมหั่นให้ผมตั้งแต่แรก ปัญหาพวกนี้มันจะไม่เกิดหรอกครับ

 

“เนลจะกินได้หรือยังคะ”

 

“ครับ กินๆ” นาทีนี้ต้องกินแล้วล่ะ เพราะพิมเธอเริ่มกดเสียงลงต่ำ และทำหน้าตาน่ากลัวขึ้นมา

ผมลงมือใช้ทัพพีตักหัวกะหล่ำขึ้นมา แต่! ตักไม่ขึ้นครับ พอผมพยายามจะตัดมันขึ้นมา มันก็หล่นตกจากทัพพีไป มันก็ไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่ ก็ทัพพีอันแค่นี้จะไปตักหัวกะหล่ำอันเท่าหัวหมูได้ยังไง ตัดขึ้นได้นี่สิแปลก!

 

ผมก็พยายามตักๆไปครับ ถ่วงเวลาสักนิดก็ยังดี แต่ดูเหมือนพิมเธอจะทนดูผมไม่ไหว เลยลุกขึ้นจากเก้าอี้ หลังจากนั้น..

 

“โอ้ย เนลไม่ได้ดังใจพิมเลย มานี่เดี๋ยวพิมป้อนเอง!” เธอแย่งทัพพีออกจากมือผมไป แล้วจัดการใช้ทัพพีนั้นตักกะหล่ำปีให้ผมครับ แต่ดูเหมือนเธอจะตักมันไม่ขึ้นเหมือนกัน เธอดูจะหัวเสียขึ้นมานิดหน่อย จึงโยนทัพพีทิ้งลงกับพื้น และ...

 

เธอใช้มือของเธอล้วงลงไปหยิบกะหล่ำในหม้อนั้นขึ้นมา อี๋! พิมอย่า! อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ

คุณลองคิดสภาพกะหล่ำปีเป็นลูกๆที่ถูกต้มจนเปื่อยดูสิครับ ! เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วครับ

ไม่นะ! มันคงไม่ได้เป็นแบบนี่ผมคิดหรอกใช่ไหม ลุกหนีก่อนดีกว่านาทีนี้คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว

 

ผมกำลังจะลุกหนีไป แต่พิมดูเหมือนจะรู้ทันเลยใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกะหล่ำปีรั้งผมไว้ แล้วจับผมให้ลงนั่งกับเก้าอี้เหมือนเดิม

 

“จะหนีไปไหนคะ” เธอตกเสียงต่ำ

 

“เอ่อ ลืมไปว่าผมพึ่งกินข้าวมา แย่จังพิม ผมอิ่มแล้ว ขอโทษนะ” พูดจบก็ทำท่าจะลุกหนี แต่ดูเหมือนพิมจะไม่ยอม กดไหล่ผมให้ลงไปนั่งเหมือนเดิม

 

“ไม่ได้คะเนล พิมอุส่าห์ทำมาแล้ว เนลต้องกิน!!!” เธอตะหวาดใส่ผมเสียงดังลั่น

คนอะไรวะ แม่งไม่มีเหตุผล แล้วดูสภาพอาหารที่เธอทำมาดิ คนสติดีที่ไหนเขาจะกินกัน บ้าไปแล้ว

 

“ผมไม่กิน” พูดออกไปตรงๆเลย เห็นผมยยอมจะบังคับอะไรก็ได้หรือไง

 

“เนลกล้าขัดใจพิมเหรอคะ” เธอเลิกคิ้ว “เนลคงจะลืมเรื่องเมื่อ 16 ปีก่อน ที่เนลขัดใจพิมแล้วโดนลงโทษอะไรบ้างแล้วสินะ อยากรื้อฟื้นความทรงจำไหมละคะ พิมช่วย”

 

ไม่…

ผมไม่เคยลืมความขมขืนนั้นเด็ดขาด….

มันเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ…

 

“อุก!”

 

ในช่วงจังหวะที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นเอง เธอก็ง้างปากผมแล้วยัดกะหล่ำปีลูกนั้นใส่ปากผมทันทีเลยครับ ผมพยายาม ตะเกียกตะกาย ดึงมือเธอออกสุดชีวิต แต่พิมเธอไม่ยอมละความพยายามกดกะหล่ำปีเข้ามาในปากผมเรื่อยๆ

 

อี๋!!!! รสชาติหน่วยเป็นบ้าเลย แหวะ

 

“กินเข้าไปค่ะ อย่าขัดใจพิม ไม่งั้นพิมฟ้องพ่อเนลนะ”

 

ผมก็พยายามอดทนฝืนเคี้ยวกะหล่ำอย่างพะอืดพะอม ต้องเคี้ยวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่เคี้ยวมันก็ไม่หมดสักทีครับ คุณเธอเล่นยัดไม่ให้ผมได้หายใจเลย

 

เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันไย ฉันทำ อะไรให้เธอเคืองขุ่น~

 

 

ผมว่าชาติก่อนผมต้องไปทำอะไรให้คุณเธอเกลียดแค้นแน่ๆ ชาตินี้ถึงได้ตามเป็นเจ้ากรรมนายเวรผมขนาดนี้ ถ้าผมหลุดพ้นจากคุณเธอไปแล้วโลกนี้ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้วล่ะครับ

 

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าคุณได้ลิ้มลองฝีมือการทำอาหารของคุณพิมแล้ว ใดๆในโลกล้วนอร่อย อาเมน

 

 

ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมทนไม่ไหวแล้ว!!!

ถ้าให้ผมต้องอยู่กับยัยคุณพิมนี่ทุกวัน ผมต้องตายเอาจริงๆสักวันแน่

 

ผมไม่รีรอรีบกดโทรศัพท์หาไอ้ฟงมันทันทีครับ ไอ้นี่เป็นเจ้าพ่อข้อมูล ถ้าให้มันไปสืบหาอะไรมันจะหามาให้ได้อย่างรวดเร็วครับ รอไม่นานมันก็รับสายผม

 

[ว่าไง]

 

“ไอ้ฟง กูมีเรื่องด่วนให้มึงช่วยกูหน่อย”

 

[เรื่องอะไร]

 

“มึงช่วยไปหาข้อมูลให้กูหน่อย ว่าช่วงนี้มีบ้านว่างให้กูบ้างหรือเปล่า ใกล้มหาวิทยาลัยเราได้ก็ยิ่งดี”

 

[เอาไปทำไม มึงไปกลับบ้านแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว] แต่ตอนนี้มันไม่ดีแล้ววะไอ้ฟง

 

“เอ่อน่า ช่วยกูหน่อย อย่าถามเยอะ”

 

[ไม่ได้หรอก กูต้องรู้เหตุผลก่อน ทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมมีเหตุจึงมีผลตามมา มึงไม่บอกเหตุมา กูก็ไม่สามารถนำผลมาให้มึงได้] โอ้ยพูดไม่รู้เรื่องวะฟง มึงแค่ไปหาบ้านให้กู ไปหาเหตุหาผลอะไรของมึง

 

แต่ผมก็ยอมเล่าทุกอย่างให้มันฟังไปครับว่าตอนนี้ชีวิตผมเข้าขั้นวิกฤตขนาดไหน!

 

[อ๋อ..แม่มึงให้คุณพิมผู้หญิงที่มึงรู้สึกกลัวที่สุด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่า ตอนนี้กำลังจะตกเป็นเจ้าสาวมึง ให้มาอยู่บ้านเดียวกับมึง มึงเลยอยากหนีออกมาอยู่ข้างนอก ว่างั้น?] ไอ้ฟงพูดทวน

 

“เอ่อดิ ให้อยู่ด้วยคงไม่ไหววะ มึงรีบๆหาให้กูเลยไอ้ฟง”

 

[อืม เดี๋ยวหาให้]

 

รีบหาให้กูเลยไอ้ฟง มึงคือความหวังเดียวของกู

 

 

            หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับไอ้ฟงเสร็จผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ขออาบน้ำให้ชื่นใจสักหน่อยเถอะ วันนี้เจอแต่เรื่องที่ทำให้ปวดหัวทั้งนั้น หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องปวดหัวอีกแล้วนะ  หลังจากที่พะอืดพะอมอดทนฝืนกลั้นกินอาหารรสชาติห่วยแตกฝีมือยัยพิมไป เราก็อยู่คุยกันนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน

 

จริงๆผมอยากกลับห้องมาอ้วกมากหลังจากกินอาหารฝีมือเธอไป แต่คุณพิมเธอไม่ยอมให้ผมกลับ เธอยื้อผมให้อยู่กับเธอสักพัก จนตอนนี้อ้วกที่ผมคิดว่าจะปล่อยออกมา มันไหลขึ้นสมองผมไปหมดแล้วครับ เจริญพร !

 

ซ่า~

 

หยาดน้ำที่ไหลกระทบกับผิวกาย มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาระดับหนึ่ง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะหมดวันที่แสนเลวร้ายที่สุดในชีวิตผมไปแล้วสินะ ในหัวผมทวนคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น วันนี้เป็นวันที่ม่านฟ้าปฎิเสธไม่ยอมคบกับผม แถมยังโดนไอ้เด็กรุ่นน้องตัวแสบแอบถ่ายคลิป ซ้ำยังมีหน้าไปยืนด่าผมที่หน้าเคาน์เตอร์ร้านเจ๊อ้อย แต่ที่เลวร้ายสำหรับผมที่สุดในวันนี้ คือต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับยัยพิมนี่แหละ เฮ้อ~ รีบๆหมดไปสักทีเถอะ วันเฮงซวย

 

ผมหยิบผ้าเซ็ดตัวมาพันร่างกายท่องล่างเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องน้ำ

 

“เห้ยย!!”

 

มาอยู่นี่ได้ไงวะ ยัยพิมครับยัยคุณพิมตัวเป็นๆเลย นั่งอยู่บนเตียงของผม เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยาวถึงต้นขาเนียนขาว ปล่อยเรือนผมยาวที่เปียกลู่ลงมาถึงไหล่มนของเธอ โอ้โห โคตรเซ็กซี่เลย

 

เห้ย! ไม่ได้นะไอ้เนล มึงหยุดความคิดนั้นเลย นั่นคุณพิมนะ คุณพิมที่แสนน่ากลัวคนนั้น ท่องไว้ คุณพิม คุณพิม

 

“คุณพิมมาอยู่ที่ห้องผมได้ไงครับ”

 

“พิมก็จะมานอนกับเนลไงคะ”

 

“ห๊ะ! ม๊าผมให้คนเตรียมห้องให้พิมแล้วไม่ใช่หรอครับ”

 

“เนลอะ ก็พิมไม่อยากนอนคนเดียวนี่คะ พิมกลัวผี” ผมว่าพิมหน้ากลัวกว่าผีอีกนะครับ

 

“งั้นพิมก็ไปเรียกป้าแม่บ้านมานอนเป็นเพื่อนพิมก็ได้”

 

“แต่พิมอยากนอนกับเนลนี่คะ”

 

“แต่ถ้าพิมมานอนห้องเดียวกับผมแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะมองพิมไม่ดีนะครับ”

 

“ใครเขาจะมองพิมไม่ดีกันคะ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ายังไงเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว จะนอนตอนนี้หรือตอนไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” เธอทำเสียงยั่วยวน ก่อนมือคู่สวยนั้นจะค่อยๆดึงปกเสื้อลงเผยให้เห็นหัวไหล่มน

 

“แต่ไม่ใช่ตอนนี้พิม ออกไปจากห้องผมได้แล้ว” ผมเดินเข้าไปดึงเสื้อของเธอขึ้นมาปิดไหล่ให้ ก่อนจะเอ่ยไล่เธอ

 

“ไม่ค่ะ พิมจะนอนกับเนล” เธอไม่ยอมลุกไปไหน ยืนกรานคำเดิมว่าจะนอนกับผม

 

“ไม่ได้ครับ ออกไปเถอะครับพิม คนที่เสียหายไม่ใช่ผมนะครับ แต่เป็นคุณ”

 

“แล้วไงคะ พิมต้องแคร์ไหม”

 

“ออกไปเถอะครับ”

 

“เนลกล้าไล่พิมเหรอคะ พิมไม่ออกไปค่ะ ยังไงพิมก็จะไม่ออกไปเด็ดขาด!!” พิมเริ่มขึ้นเสียงใส่ผมแล้ว โวะ! พูดไม่รู้เรื่องวะ

 

“พิมจะเอาแบบนี้ใช่ไหมครับ ได้งั้นก็เชิญพิมนอนห้องนี้ไปเลยนะครับ”

 

พูดเสร็จผมก็เดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตอนนี้ห้องผมนอนไม่ได้แล้วครับ ต้องย้ายไปนอนห้องอื่นด่วนๆ

 

“นั่นเนลกำลังจะไปไหนคะ”

 

“ก็พิมอยากนอนห้องนี้ไม่ใช่หรอครับ ผมก็จะไปนอนห้องอื่นไง”

 

“งั้นพิมจะตามไปนอนกับเนลค่ะ”

 

“ไม่ได้ครับพิม”

 

“ไม่รู้แหละค่ะ เนลไปนอนที่ห้องไหนพิมก็จะตามไปนอนกับเนล” ปวดหัวโว้ย พิมแม่งพูดไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่ใจตัวเองซะมัด

 

ผมไม่สนแล้ว รีบสาวเท้าเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองทันที คุณพิมเธอก็ลุกเดินตามผมมาติดๆเลยครับ

 

ตื้อชะมัด

 

“นั่นเนลกำลังจะออกไปไหนคะ เนล!!!”

 

ผมไม่สนแล้วครับนาทีนี้ ผมไม่อยู่มันแล้วไอ้บ้านเฮงซวยเนี่ย ผมรีบเดินตรงดิ่งไปที่รถของผม จัดการสตาร์ทรถแล้วเร่งเครื่องพุ่งออกไปทันที ยังไม่วายได้ยิงเสียพิมตะโกนไล่หลังมา

 

“พิมบอกให้กลับมาไง!! กลับมานะ!!! พิมสั่งให้เนลกลับมา!!!!!”

 

 

 

     ผมขับรถวนอยู่บนท้องถนนมาสักพักแล้ว สายตาสอดส่องหาโรงแรมที่จะนอนพักผ่อนในคืนนี้

หามาสักพักผมก็เจอโรงแรมสักที ที่นี่เป็นโรงแรม 5 ดาว ในเครือวาติธิพัฒน์ ตระกูลของไอ้เมฆมันครับ

ผมจัดการเข้าเช็คอิน แล้วเดินตรงเข้าไปห้องของผมทันที เฮ้ออ เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยมากๆ ขอได้นอนพักเอาแรงหน่อยเถอะ ผมจัดการเอนตัวนอนบนเตียงนุ่ม สายตาที่เหนื่อยหล้าเต็มทีกำลังจะปิดลง

 

อ่า~ จะได้นอนสักที

 

“ไอ้ชั่ว!!!” หือ?

 

“มึงกล้าหนีกูมาเอากับเมียน้อยถึงที่นี่เลยหรอ ไอ้ชาติชั่ว!!” เสียงอะไร

 

“ถ้าวันนี้กูไม่ได้เอาเลือดชั่วๆมึงออกไป กูคงนอนไม่หลับแน่!!” กูก็นอนไม่หลับเพราะเสียงมึงนี่แหละ

 

“ตายซะเถอะมึง!!” หาที่มาของเสียงแปป

 

โครม!!! ตูมม!!!

 

ผมว่า..ผมรู้แล้วล่ะว่าเสียงมันมาจากไหน มันมาจากห้องข้างๆผมแน่ๆ  ดูลักษณะแล้วผัวเมียน่าจะทะเลาะกัน

 

เสียงโคตรดัง!

 

“กรี๊ดดดดด!!!”เสียงเมียน้อยนั่นกรี๊ดแน่ๆ

 

โอ้ยยยย!!! แล้วกูจะได้นอนไหมเนี่ยวันนี้

 

โครม!!!

 

ฟัคคคคคค!!! แด่วันเหี้ยๆ

 

สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องตื่นไปทำบุญแล้วล่ะ

 

 

 

“ไปทำอะไรมาวะ ทำไมหน้าโทรมขนาดนั้น” ไอ้ฟิวเป็นคนเอ่ยทักผมคนแรกครับ หลังจากที่พวกเรามานั่งรวมกลุ่มทานข้าวเที่ยงที่ร้านเจ๊อ้อย ไม่ให้โทรมได้ยังไงวะ ผมยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน เหนื่อยก็เหนื่อย กว่าข้างห้องจะเคลียร์ปัญหาผัวเมียเสร็จก็ปาไป 6 โมงเช้า วันนี้ผมดันมีเรียนเช้าอีก ไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้วครับ

 

“เมื่อคืนไม่ได้นอน”

 

“จัดหนักเลยอะดิเมื่อคืน โหยอิจฉาวะ ถ้าใจดีก็แบ่งผู้หญิงของมึงมาให้กูสักคนสองคนกูจะขอบพระคุณมาก” ไอ้ฟิวเอ่ยแซว

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีดิ”แต่ความจริงที่เกิดขึ้นกับกูมึงไม่รู้หรอก ว่ามันโหดร้ายขนาดไหน

 

“อ่าว ไม่ใช่เหรอวะ แล้วเรื่องอะไรวะ ขอเสือกหน่อย” มันทำหน้าพร้อมเสือกเต็มที่

 

“อย่ารู้เลยปัญหาของกู” ผมไม่ค่อยอยากให้พวกเพื่อนมารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้สักเท่าไหร่ครับ ไม่อยากให้พวกมันต้องมาเครียดกับปัญหาของผม หรือต้องมาเป็นห่วงกับเรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะจัดการกับปัญหาพวกนี้ด้วยตัวเองมากกว่า

 

“อ้าวไอ้นี่ กับเพื่อนกับฝูงหัดมีความลงความลับ” ไอ้ฟิวแบะปากใส่ผม

 

“เดี๋ยวกูก็หาทางออกได้เองแหละ” คิดว่านะ

 

“เห้ยไอ้เนล! มึงมีเพื่อนไว้ทำไมวะ เวลามึงมีปัญหาอะไรน่ะ เพื่อนมีไว้แชร์ปัญหาและช่วยกันแก้ปัญหานั่นนะโว้ย มึงปิดบังแบบนี้มึงจะมีเพื่อนไว้ทำไมวะ” ความจริงคือมึงอย่าเลือกเรื่องของกูมึงก็บอกกูมาเถอะไอ้ฟิว ไม่ต้องพยายามสรรหาคำพูดสวยหรูหรอก

 

“ชีวิตไอ้เนลตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต เพราะโดนแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มันเกรงกลัว และไม่รู้ว่าจิตปกติหรือเปล่า มันเลยเครียดจัดและพยายามจะหนีออกจากบ้าน”ไอ้ฟงจู่ๆพูดแทรกขึ้นมา ขณะที่ยกน้ำชาดื่มไปด้วย ชิวไปไหนวะ มึงพูดเรื่องปัญหากูเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

 

แต่เดี๋ยวไอ้ฟง! เมื่อกี้มึงพูดอะไรออกไป! บางทีมึงก็ไม่ต้องไปบอกเขาทุกเรื่องที่มึงรู้มาก็ได้นะ

รู้หมดแล้วครับ เรื่องที่ผมพยายามปกปิดพวกมัน ไอ้ฟง! ไอ้เห้

 

“โคตรละครหลังข่าวเลยวะ 5555555”

 

“เอ่อนั่นดิ ว่าแต่น่ารักหรือเปล่าวะ คู่หมั่นมึงอะ” ไอ้แจ็คถามขึ้นมาบ้าง

 

“ก็น่ารักอยู่”

 

“แล้วทำไมมึงไม่แต่งละวะ”

 

อย่าให้กูต้องเล่าเยอะไอ้ฟิว อย่าให้กูต้องเล่า!

 

ผมก็จัดการสาธยายเรื่องยัยพิมให้พวกมันฟังไปเลยครับ ไหนๆแม่งก็รู้กันทั้งกลุ่มละ ว่าผมต้องเจอกับอะไรบ้าง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และ อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกมันก็ตั้งใจฟังผมอย่างตั้งอกตั้งใจครับ พวกมึงเคยตั้งใจเรียนเหมือนที่ตั้งใจเสือกเรื่องของกูขนาดนี้บ้างไหม

 

“โอ้โห ชีวิตมึงนี่โคตรรันทด ถ้าต้องแต่งงานกับคุณพิมนี่กูยอมโสดตลอดชีวิตดีกว่า”อืมๆมึงพูดถูกไอ้ฟิว พูดจาเข้าหูกูมาก

 

“แล้วมึงจะทำไงต่อไปวะ” ไอ้เมฆที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามผมขึ้นมา

 

“ก็ต้องหาแฟนไปเปิดตัวกับม๊า แล้วก็หาบ้านอยู่”

 

“เพราะอย่างนี้ปะ มึงถึงไปขอม่านฟ้าคบ” ไอ้เมฆมึงโปรดอย่าเอ่ยชื่อนั้นให้กูได้เจ็บช้ำน้ำใจไปเลย

 

“อืม”

 

“ให้เวลา 1  เดือนอย่างมึงหาได้สบายอยู่แล้ว เลือกสาวในสต๊อกมึงมาสักคนดิ”

 

“อืม ตอนแรกกูก็คิดแบบมึงไอ้ฟิว แต่...กูว่าคงไม่ไหววะ พวกนั้นงี้เง่ากันเกินไป ขืนให้มาช่วยกู จากเป็นแฟนปลอมๆจะทำตัวเป็นแฟนจริงๆอะดิ เผลอๆได้แม่เพิ่มอีกคน”

 

“เอ่อวะ 5555”

 

“แล้วทำไมมึงไม่หาแฟนเป็นผู้ชายไปเลยวะ” ไอ้แจ็คที่นั่งฟังอยู่ เสนอความคิดมันออกมาบ้าง

 

“เห้ย!! พูดอะไรออกมาวะ มึงแน่ใจนะว่ามึงใช้สมองกลั่นกรองมาแล้ว?”

 

“เอ้า!ไอ้เนล มึงลองคิดดูนะ เพราะแม่มึงคิดว่ามึงชอบผู้หญิงไง เลยพยายามหาผู้หญิงมาเป็นเมียมึง แล้วถ้าแม่มึงรู้ว่าลูกชายของตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิงละ?” เอ่อ น่าคิดว่ะ

 

“ก็หาผู้ชายมาเป็นเมียมัน” ไอ้ฟิวมึงพูดจริงหรือมึงกวนตีนกู

 

“ไม่ใช่โว้ยไอ้ฟิว แม่มึงจะใจร้ายขนาดที่ปิดกั้นรสนิยมทางเพศลูกตัวเองเลยหรอวะ ท่านอาจจะรับไม่ได้อยู่บ้าง แต่ท่านคงไม่ฝืนใจมึงขนาดที่จับมึงให้แต่งงานกับผู้หญิงหรอกมั้ง ทั้งๆที่ท่านก็รู้อยู่เต็มสองอก ว่าลูกไม่ได้ชอบผู้หญิง” ประโยคแรกมันหันไปพูดกับไอ้ฟิว ส่วนประโยคต่อมามันหันมาพูดกับผมต่อ เอ่อวะ จริงด้วย ล้ำมากไอ้แจ็ค

 

“อืม มีสองอย่าง คือถ้าโชคดีพวกท่านจะทำใจยอมรับเรื่องรสนิยมทางเพศของลูก กับ ส่งลูกไปบำบัด แต่ดูจากลักษณะครอบครัวไอ้เนลแล้ว กูว่าอย่างหลังมีโอกาสสูงมาก” ไอ้เมฆมึงอย่าพูดทำลายความหวังกูสิวะ

 

“เห้ยยยยย แต่ไม่ลองก็ไม่รู้นะโว้ยไอ้เนล มึงอย่าไปฟังไอ้เมฆ” ไอ้แจ็คพยายามเป่าหูผมต่อ

 

“ใช่กูเห็นด้วย แล้วจะไปหาผู้ชายที่เขาจะยอมเป็นเมียไอ้เนลมาจากไหนวะ” ไอ้ฟิวเริ่มตั้งคำถาม

 

เอ่อนั่นดิ จะไปหามาจากไหนวะ! โอ้ยยย คิดแล้วปวดหัว

 

 

 

ครืด ~ ครึด ~

 

เสียงโทรศัพท์ไอ้ฟงดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของพวกผมซะก่อน มันหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมาดูเบอร์ แล้วกดรับทันที

 

ติ๊ด!

 

“ครับ ว่าไงครับ จริงหรอครับ ครับๆ”

 

“โอเคครับ ติดต่อให้เลยครับ”

 

ติ๊ด!

 

“มีอะไรหรือเปล่าวะไอ้ฟง”

 

“บ้านที่มึงให้กูไปสืบหาอะ ได้แล้วนะ ใกล้กับมหาลับเราด้วย เดี๋ยวให้คนของกูติดต่อเข้าไป แล้วเย็นๆมึงก็เข้าไปดูบ้านได้เลย”

 

“เห้ยจริงดิไอ้ฟง”

 

“เอ่อ”

 

ได้บ้านแล้วแล้วโว้ยยย 5555 ลาก่อนคุณพิม ลาก่อน ขอให้อยู่บ้านกับม๊าผมอยู่มีความสุขนะครับ

 

 เหลืออยู่อีกอย่างสินะ ชีวิตผมจะได้ปกติสุขสักที

 

แฟน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2018 19:31:28 โดย Gansa »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #12 เมื่อ22-02-2018 12:46:06 »

Iสงสารเนลจริงๆ พิมก็หลอนเกิน :hao7:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #13 เมื่อ22-02-2018 15:24:47 »

ขอเอาสันขวานจามหน้าอิชะนีพิมได้ไหมค่ะซิส
ถ้าบอกว่สเป็นซอมบี้เชื่อเลย!
ส่วนอิแม่ของตาเนลลำไยสุดแต่งกับนางโอ๊ยอิบ้าใครเขาจะทนเหอะผลประโยชน์แบบนี้ใครๆก็ไม่เอาทั้งแหละชะนีแบบนี้ไม่มีใครอยากเอาเป็นแม่ของลูกหรอก! พี่เกดเพลียค่ะ!  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #14 เมื่อ22-02-2018 23:26:44 »

ได้บ้าน เหลือแฟน รับๆหาแฟนนะครับ,,,

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 6 บ้าน



“ไอ้ภีม!!”

 

“กลับมา!!”

 

“กลับมาสิโว้ย! ไอ้ภีม”

 

“กลับมา!!”

 

“ไอ้ภีม!!” โอ้ยยไอ้เหม่ยจะตระโกนอะไรนักหนาวะ กูกำลังจะทำประตูอยู่แล้วเนี่ย ถึงมึงจะตระโกนไปจนถึงดาวพระศุกร์ มึงก็หยุดกูไม่ได้หรอก ไฟในตัวกูตอนนี้กำลังลุกอย่างโชกโชน

 

ผมจัดการเลี้ยงบอลที่ไอ้ซานบรรจงส่งมาให้ผมอย่างสวยงาม เลี้ยงหลบซ้าย หลีกขวา สับขาหลอก สกิลระดับนักฟุตบอลมือโปรทีมชาติที่กำลังจะไปบอลโลก วิ่งตรงดิ่งไปที่ประตูของฝ่ายตรงข้ามทันที

 

ผมจัดการรวบรวมสมาธิ มันมาแล้ว จะบรรลุแล้ว เหมือนเห็นแสงสว่างมารางๆ

 

เอาละวะ กูจะยิงละนะ มึงจับตาดูกูให้ดีๆนะไอ้พวกนรกทั้งหลาย ต่อไปนี้มึงโปรดเรียกกูใหม่ได้เลย เทพเจ้าแห่งการยิงประตูกำลังจะเข้าสิงกูแล้ว จัดรวมรวมพลังทั้งหมดไว้ที่กล้ามน่องอันทรงพลัง ที่ตอนนี้เก็งจนเส้นเอ็นปูดไปหมดแล้ว สายตาสอดส่องหาพิกัดเป้ายิง เจอแล้ว!

 

เชิญพวกมึงจะกรีดร้องได้เลยหลังจากที่กูยิงประตูนี้เข้า!

 

“กรี๊ดดดดดดดดด!!!” ไอ้เหม่ยกรีดร้องออกมา พร้อมลงไปดิ้นเร่าๆตรงพื้น

 

หึ! เป็นไงละพวกมึง รู้จักกูน้อยไปแล้ว

 

“เข้าเต็มๆเลยไอ้ภีม!!!” ไอ้ทัศตะโกนชม ผมยื่นอกรับอย่างภาคภูมิ

 

เชิญพวกมึงกรีดร้องได้ตามสบาย เพราะท่านภีมคนนี้กำลังจะนำพาชัยชนะให้แก่ทีม หึๆ

 

“ใครก็ได้ ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ ไอ้โก๋หน่อย!”

 

อ่าว เกิดอะไรขึ้น

 

“กากจังวะไอ้ภีม บอลน่ะมีให้ยิงเข้าโกลโว้ย ไม่ใช่ยิ่งเข้าเป้า...เป้าไอ้โก๋!!”

 

..ไอ้โก๋นอนแน่นิ่งไปแล้วครับ

 

กูขอโทษ

 

“อีกอย่างนะ! ไอ้โก๋น่ะ ทีมเรา ไอ้เหี้ย!!!”

 

อ่าวเหรอ..โทษๆ กูลืม

ก็หน้าไอ้โก๋มันแก่ขนาดนั้น มองไกลๆกูนึกว่าพวกรุ่นพี่เขา กูขอโทษ ยกโทษให้กูได้ไหมล่ะ

 

“เพราะมึงเลย ไอ้ภีม!” ไอ้เหม่ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย

 

กูยอมรับผิดก็ได้ กูแมนพอ

 

“โถ่เว้ยยยย!!!!”ไอ้เหม่ยมึงไม่ต้องหัวร้อนขนาดนั้นหรอก เราแค่แพ้

 

“พวกมึงแพ้พวกกูแล้ว อย่าลืมที่พนันกันไว้ล่ะ” ไอ้พี่ท็อปหัวโจกทีมเดินมาหาพวกผม แล้วเอ่ยถ้อยคำที่แสนเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก

 

“เออ” ไอ้เหม่ยทำไมต้องพูดจาเกี้ยวกราดขนาดนั้นด้วย

 

ถึงไม่เต็มใจก็ต้องทำ! เพื่อศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย!! มึงต้องยอม!

 

กูไม่เกี่ยว..

 

 

***ขอย้อนความกลับไปก่อนหน้านี้ 10 นาที***

 

“โอ้ยย เลิกสักที”

 

“วันนี้เรียนหนักหนาสาหัสมาก ถ้ามีเรียนต่ออีกวิชากูคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้วล่ะ ฝากมึงเก็บศพกูด้วยนะไอ้ภีม”

เหอะ! เรื่องอะไร ถ้ามึงตายกูคงไม่เสียเวลาอันมีค่าของกูมาเก็บศพมึงหรอกไอ้ซาน แต่กูสามารถเอาศพมึงไปโยนให้ตัวเห้กินได้ ถ้ามึงต้องการ

 

ตอนนี้เราพึ่งเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้เสร็จครับ วันนี้เรียนหนักหนาสาหัสอย่างที่ไอ้ชานมันพูดจริงๆนั่นแหละ อาจารณ์แกเล่นไม่ให้พวกผมได้พักหายใจเลย กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็แทบจะกลายเป็นศพอยู่เหมือนกัน

 

“เย็นนี้ไปทำอะไรคลายเครียดดีวะ” ไอ้ซานเอ่ยถามผมขึ้นมา

 

“กูต้องไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยว่ะ คงไม่ว่างไปกับมึงหรอก” จริงๆก็อยากไปหาอะไรทำคลายเครียดกับมันอยู่ครับ แต่มันช่วยไม่ได้นิหว่า ผมต้องหาเงินเลี้ยงชีพ คนมันจนอะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้วนาทีนี้

 

“โห!เซ็งวะ” ไอ้ซานสบถออกมา ทำคอตก

 

“ช่วยไม่ได้หนิหว่า คนมันต้องกินต้องใช้” ผมตอบมันไป พูดแล้วเศร้าว่ะ ทำไมชีวิตพี่ภีมถึงได้รันทดแบบนี้

ใครก็ได้เชิญกูไปรายการปลดหนี้หน่อย!

 

ไอ้ซานมันก็ไม่คะยั้นคะยอผมต่อครับ มันเข้าใจผมดีว่าผมต้องหาเงินแบ่งเบาภาระทางบ้าน เราเดินออกมาจากตึกคณะ กำลังจะเดินตรงไปที่ลานจอดรถ

 

ผมมากับไอ้ซานมันครับ ไม่มีรถใช้เองหรอก เมื่อก่อนผมเคยมีมอเตอร์ไซค์อยู่คันหนึ่ง คุณพ่อผมซื้อให้ตอนสอบติดมหาวิทยลัยใหม่ๆ ผมดีใจมากที่ท่านซื้อให้ แต่ตอนนี้ถูกขายไปแล้วครับ พ่อผมเอามันไปขาย เพื่อเอาเงินไปเล่นการพนันที่ท่านรัก

 

... ตอนนั้นผมเสียใจมาก แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...

 

 

“เห้ย!!ไอ้ภีม! ไอ้ซาน!!”

พวกผมที่กำลังจะเดินไปที่รถ ต้องหยุดชะงักฝีเท้าลง เพราะเห็นไอ้เหม่ยวิ่งตรงมาทางนี้ แถมมันยังเรียกชื่อพวกผมเสียงดังลั่น เสื้อนักศึกษาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แนบชิดเนื้อหนัง เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออ่อนๆจากร่างบางของมัน

 

“มาเล่นบอลเป็นเพื่อนกูหน่อย แฮ่กๆ คนขาดไป 2 คนวะ” ไอ้เหม่ยหอมแหกๆ พูดหายใจติดขัดด้วยความเหนื่อย เอามือทั้งสองข้างท้าวกับเข่าของตัวเองเอาไว้ เอ่ยเชิญชวน

 

“แต่กูต้องไป...” กำลังจะบอกว่า กูต้องไปทำงาน มันก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

 

“นะ! ขอร้องละ ขอ 10 นาที ขอแค่ 10 นาที กูพนันกับพี่เขาไว้” พูดพร้อมกุมมือผมเอาไว้แน่น ส่งสายตาเว้าวอน “นะ ไอ้ภีม นะ”

 

“มึงไปพนันอะไรไว้วะ” ผมถามมันออกไปด้วยความสงสัย

 

คือ มึงไปพนันกับเขาไว้แล้วจะลากพวกกูมาเกี่ยวทำไม! กูไม่เกี่ยวกับมึงเลยไอ้เหม่ย มึงอย่าลากเพื่อนมาซวยนะเว้ย

 

“ก็ไอ้พวกพี่ท็อปแฟนใหม่น้องออมอะดิ แม่งมาหาเรื่องพวกกูได้ทุกวีทุกวัน จริงๆมันมาหาเรื่องไอ้ทัศคนเดียวนั่นแหละ สงสัยไอ้ทัศเป็นแฟนเก่าเมียมันมั้ง เลยหมั่นไส้” ไอ้เหม่ยแบะปากสามร้อยหกสิบองศา

 

“…” พวกผมก็รอฟังมันเล่าต่ออย่างใจจดใจจ่อ เรื่องของชาวบ้านขอให้บอก ตั้งใจกว่าเรียนอีก

 

“ตอนแรกพวกกูแม่ง ก็อยู่เฉยๆแล้วนะ แต่พี่แกแม่งก็หาเรื่องวอนส้นติงอยู่นั่น กูเลยทนไม่ไหว!”

 

“มึงเลยท้าพี่เขาแข่งบอล?” ผมเดาจากสถานการณ์

 

“เปล่า” มันส่ายหัวไปมา

 

“...” เอ้าไอ้ห่า รีบๆเล่า กูรอฟังมึงจนยายข้างบ้านกูคลอดลูกออกมาเป็นตัวแล้วมั้ง ไอ้สัด! ลีลา!

เริ่มหัวร้อน เวลากูเป็นเงินเป็นทอง

 

“กูเลย ถามมันไปว่าแม่งมากวนพวกกูแบบนี้มันต้องการอะไร”

 

“แล้ว” ต่อให้มันหน่อย

 

“มันบอกว่ามันเหงา ไม่มีคู่ซ้อมบอล เลยอยากให้พวกกูไปเล่นบอลเป็นเพื่อนมันหน่อย”

 

“อืม มึงเลยยอม?” แปลก คนอย่างไอ้เหม่ยมันยอมใครง่ายๆที่ไหน ทำไมรอบนี้ยอมง่ายๆว่ะ

 

“เออดิ และเราต้องชนะเท่านั้น!!” ไอ้เหม่ยพูดหนักแน่น พร้อมกำหมัดขึ้นมา

 

“ทำไมต้องชนะวะ” ผมกับไอ้ซานถามออกไปพร้อมกัน

 

“มันบอกว่าถ้าพวกเราชนะมันจะไม่มาตามกวนปรสาทพวกกูอีก แต่ถ้ากูแพ้...”

 

“....” หัวใจเต้นตุบๆตับๆด้วยความลุ้นขั้นสุด

 

ไอ้เหม่ยมันอ้ำๆอึ้งๆอยู่สักพักก่อนจะตอบออกมา

 

“ถ้ากูแพ้ มันจะจับกูทำเมียแทนน้องออม!”

 

เยดดดดดดดดดดด!!!

 

หูกูไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม

 

“พวกมึงต้องช่วยกูนะ! มันบอกว่าถ้ากูไม่ยอมรับคำท้า มันจะตามมารังควานทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร

ให้ชีวิตพวกกูไม่ปกติสุขอีกต่อไป” ไอ้เหม่ยดึงมือพวกผมไปกุมไว้ พร้อมทำหน้าอย่างโคตรมีความหวัง

 

เมื่อเพื่อนลำบากมา พระเอกอย่างผมต้องไม่ลังเลที่จะช่วยเพื่อน กูจะทุ่มกำลังกายกำลังใจทั้งหมดช่วยมึงเองไอ้เหม่ย!! มึงไว้ใจกูได้เลย!

 

“เข้าใจแล้วไอ้เหม่ย มึงไว้ใจไอ้ภีมคนนี้ได้เลย กูจะช่วยมึงเอง!”

 

 

เรื่องทั้งหมดก็เป็นประการฉะนี้แหละครับ ผลออกมาเราแพ้ ที่สกอร์ 1-2 เลขสวยดีจริงๆ

และสุดท้าย เรามายืนไว้อาลัยให้ไอ้เหม่ยเพื่อนรัก 3 วิครับ

 

ความจริงพี่ท็อปแกก็หล่อใช้ได้เลยนะครับ รูปร่างสูงชะลูด น่าจะสูงประมาณ 182 เซนได้ ตาคม จมูกโด่ง ไว้ผมรองทรงไถข้าง เจาะหูข้างเดียวแล้วใส่จิวสีดำโคตรเท่! ถ้าผมไปทำแบบพี่เขาบ้าง จะออกมาดูดีแบบพี่เขาไหมวะ

 

“เริ่มตั้งแต่วันไหนดีละครับ น้องเหม่ย” ไอ้พี่ท็อปเดินเข้ามาหา ก่อนจะให้ตาคมนั่นจ้องไอ้เหม่ย ดั่งเหยี่ยวที่จ้องจะตะคุบเหยื่อชิ้นโปรด

 

“ชาติหน้า” ไอ้เหม่อยตอบด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก

 

พี่ท็อปเดินมากระชากคอเสื้อไอ้เหม่ยแน่นด้วยอารมณ์ขุ่น ขบกรามแน่น พร้อมพูดลอดไรฟัน “กวนตีนกู?”

สงสัยไม่พอใจในคำตอบของไอ้เหม่ยแน่ๆ

 

“ใครจะกล้ากวนตีนพี่มึงละครับ” ไอ้เหม่ยจ้องหน้าพี่ท็อปนิ่ง

 

มึงนั่นแหละ ดูรูปประโยคก็รู้ว่ามึงแม่งกวนพี่เขาชัดๆ ระวังจะไม่ตายดีนะไอ้เหม่ย

 อ่าวใครเหรอที่ทำให้เพื่อนต้องมาตกในสภาพแบบนี้ คำตอบคือ กูเอง! คนจะแพ้อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ฮ่าๆ

 

“ถามจริงมึงต้องการอะไรจากกูกันแน่” ไอ้เหม่ยไม่ยอมแพ้เขย่งเท้า ขึ้นไปดึงคอเสื้อพี่ท็อปคืนบ้าง นี่แหละครับ วิถีคนเตี้ย พี่ท็อปต้องก้มลงมาตามแรงดึงอย่างช่วยไม่ได้

 

“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่เห็นน่ารักดี..เลยอยากรู้จัก” พี่ท็อปยกยิ้มมุมปาก ก่อนส่งส่งตากรุ่มกริ่มไปให้ไอ้เหม่ย

 

“แต่กูไม่อยากรู้จักมึง”

 

“ปากร้ายจัง”

 

“แค่พูดความจริง”

 

“ถึงจะปากร้ายแบบนี้ กูก็ยังชอบมึงอยู่นะครับ”

 

“ไม่ต้องมาปากหวาน กูไม่อิน ขยะแขยง ถ้ามึงยังพูดอีกกูได้ต่อยมึงจริงๆแน่!” ไอ้เหม่ยกำหมัดยกขึ้นมาขู่

 

“อู้ว โหดจัง กูต้องกลัวไหม?” พร้อมยักคิ้วกวนประสาทให้ไอ้เหม่ยไปสองที

 

“กวนตีน”

 

“ใครจะกล้ากวนตีนน้องละครับ”

 

“ผมถามพี่จริงเหอะ มีน้องออมอยู่แล้ว จะมายุ่งกับผมทำไมวะ” ไอ้เหม่ยเริ่มพูดจาดีๆกับที่ท็อปแกแล้ว

 

“ใครบอกว่ากูมีน้องออม? กูมีมึงคนเดียว”

 

“ผมบอกไม่ต้องมาพูดจาชวนเลียน ผมจะอ้วก”

 

“ก็พูดความจริง”

 

“ผมถาม พี่ก็ตามตรงดิ กวนตีนอยู่ได้”

 

“พี่ยอมรับตามตรงเลยว่าตอนแรกพี่หมั่นใส้ไอ้น้องทัศที่เป็นแฟนเก่าน้องออมของพี่จริงๆนั่นแหละ เลยไปหาเรื่องมัน แต่ตอนนี้ไม่ได้อยากหาเรื่องน้องทัศอะไรนั่นแล้วครับ พี่อยากหาเรื่องน้องเหม่ยมากกว่า” พี่แกยิ้มให้ไอ้เหม่ยไปหนึ่งที รอยยิ้มพิฆาตมาก ตายยังไอ้เหม่ย มึงช่วยตอบให้กูได้รู้ที ว่ามึงยังมีชีวิตอยู่

 

"แล้วพี่จะเอาน้องออมของพี่ไปไว้ที่ไหนละครับ"

 

"ไว้ที่เดิม เพิ่มเติมคือน้อง" โห! โคตรชั่วเลยว่ะไอ้พี่ท็อป

 

 “เลว”

 

“ขอบคุณครับที่ชม”

 

หลังจากที่ไอ้พี่ท็อปพูดประโยคนั้นจบไอ้เหม่ยก็เดินสบัดตูดหนีไปเลยครับ ไม่รู้หนีไปไหนของมัน

ไอ้เหม่ยเถียงแพ้ว่ะ ตั้งแต่รู้จักกับไอ้เหม่ยมายังไม่ค่อยเห็นมันเถียงแพ้ใครเลย โอ้โห ไม่ธรรมดาวะไอ้พี่ท็อป ถึงแม้จะเป็นศัตรูแต่ก็ขอชื่นชม

 

หลังจากที่แข่งบอลกับไอ้พวกพี่ท็อปเสร็จเวลาก็ผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วครับ(ไอ้เหม่ยไหนมึงบอกขอแค่ 10 นาทีไง)

พวกเราก็แยกย้ายกันตามระเบียบครับ เดี๋ยวว่างๆค่อยไปเยียมไอ้โก๋ที่โรงพยายามก็แล้วกัน พี่ภีมคนนี้จะซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ๆไปให้น้องโก๋เป็นการขอโทษทีหลังนะครับ ถือว่าเป็นการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากใจพี่ภีมเลย กระซิกๆ

 

ผมให้ไอ้ซานมาส่งผมที่บ้านเลย วันนี้คงไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเพลียมาก นอกจากจะเหนื่อยกับการเรียน ยังต้องมาเหนื่อยกับการแข่งขันฟุตบอลไร้สาระนั่นอีก ไม่ไหวจริงๆครับ ผมขอกลับบ้านไปนอนหลับพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปบอกพี่อ้อยทีหลังแล้วกัน

 

พอรถไอ้ซานขับมาจอดที่หน้าบ้านผมเรียบร้อย ก็เห็นรถกระบะไม่คุ้นตาคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ สงสัยจะมาจอดไว้เฉยๆ อาจจะมาหาใครแถวนี้ก็ได้ ผมเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก โบกมือลาไอ้ซานแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในบ้านทันที

 

“เห้ย เร็วๆหน่อย ล็อตนี้ล็อตสุดท้ายแล้ว”

 

เห้ย!! ผู้ชายสองคนนี้มันเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านผม แถมพี่เขาก็กำลังช่วยกันขนของในบ้านผมออกไปด้วย นี่มันอะไรวะเนี่ย

 

“พวกพี่เป็นใครครับ! ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านผมได้”ผมถามพี่เขาออกไป จะว่าพวกพี่เขาเป็นโจรก็ไม่น่าใช่ โจรอะไรจะมาขโมยของกันโจ่งแจ้งแบบนี้ แถมบ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ขโมยเท่าไหร่ เพราะของมีค่าในบ้าน พ่อผมก็เอาไปขายหมดแล้ว

 

“ก็มาขนของออกจากบ้านไงครับ”

 

“ขนของ? พี่จะขนไปไหนครับ”ผมถามพี่เขาออกไป ใจผมตอนนี้เริ่มสั่นๆขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

 

“เอ้าน้อง ก็ขนออกไปไว้ที่อื่นน่ะสิ มีคนจ้างพี่มาให้มาขนออกไป”

 

“ใครจ้างพี่มา! พี่ปล่อยของผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะครับ!!” ผมเริ่มใจเสีย

 

“ก็เจ้าของบ้านหลังนี้ไง ที่ชื่อคุณศิรากร” ศิรากร ใครวะ พี่เขาต้องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ

 

“เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่มีคนชื่อ ศิรากรครับ ผมว่าพี่มาผิดหลังแล้ว”

 

“ไม่ผิดหรอกครับ บ้านหลังนี้แหละ”

 

“ไม่! ไม่ใช่ นี่มันบ้านผม พี่ออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ! ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้!!!” ผมตะโกนไล่พี่เขาเสียงดังสั่น มือไม้สั่นไปหมด

 

“น้องพูดเรื่องอะไรครับ? หลีกทางหน่อยครับน้อง พี่จะได้ทำงานให้เสร็จสักที คุณศิรากรบอกว่าให้ย้ายของออกให้หมดภายในวันนี้ด้วย”

 

“ไม่ใช่! พี่เข้าใจผิดแล้ว นี่บ้านผม!! บ้านผม!!พี่ได้ยินไหม ว่านี่มันบ้านผม!! ไม่ใช่บ้านคุณศิรากรอะไรนั่น”

 

ใครก็ได้บอกผมทีว่าพี่เขาแค่เข้าใจผิด พี่เขาแค่เข้าใจผิด

 

“หลีกไปครับน้อง พี่จะทำงาน”

 

“ไม่ครับ ผมไม่ยอมให้พี่ขนของพวกนี้ไปไหนทั้งนั้น!! เอาของผมคืนมา!” ผมรีบไปแย่งของที่พวกพี่เขากำลังขนออกไปคืนกลับมาทันที ตอนนี้ในหัวผมมันสับสนไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วคุณศิรากรนี่มันเป็นใครกัน แล้วทำไมพี่เขาถึงบอกว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ล่ะ ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำถามเต็มไปหมด

 

ทำไม...

 

ทำไม...

 

ทำไม....

 

พ่อครับ แม่ครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

ใครก็ได้มาช่วยอธิบายให้ผมฟังที!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2018 18:13:25 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #16 เมื่อ24-02-2018 01:51:26 »

จุดเริ่มต้นกำลังจะเริ่มขึ้น,,,

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #17 เมื่อ24-02-2018 13:21:06 »

แล้วหนูจะไปอยู่ไหนล่ะ

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 7เจ้าของบ้าน



“น้องปล่อยได้แล้ว! พี่จะทำงาน” พี่คนหนึ่งที่กำลังยกตู้เก็บของขนาดเล็กอยู่ พูดกับผม ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

 

“ไม่ครับ ของพวกนี้เป็นของผม! พี่นั่นแหละปล่อย!” ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆดึงตู้นั้นกลับมา

ผมไม่ยอมปล่อยหรอก


ไม่ว่าอะไรพี่ก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น มันคือของๆผม


“เห้ยน้องพูดไม่รู้เรื่องวะ บอกให้ปล่อยไง” พี่แกตะคอกใส่ผมเสียงดัง คิ้วขมวดยุ่ง


“ไม่ครับ” ผมยังคงดื้อดึง


“ปล่อย!”


ไม่! ยังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด

 

ขอร้องละ อย่าเอาของผมไปเลย ผมขอร้อง..

 

แค่นี้ชีวิตผมก็แทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว...


    เรายื้อแย่งกันแบบนั้นอยู่สักครู่ แต่ดูเหมือนพี่คนนั้นเขาจะทนไม่ไหวเลยกระแทกตู้เก็บของใส่หน้าท้องผมเต็มๆ ด้วยตัวที่พี่เขาใหญ่กว่าผมมากแถมกล้ามก็เยอะ เหมือนพวกเล่นกล้ามตามยิมเลยครับ ทำให้ผมที่แรงน้อยกว่า สู้แรงพี่เขาไม่ไหว เซล้มลงไปกับพื้น


ผมไม่ตัดใจยอมแพ้ลุกขึ้นไปหาพี่เขาอีกครั้ง แล้วแย่งตู้ใบเดิมกลับคืนมา


“เห้ยน้อง! ปล่อย! ทำแบบนี้ต้องการอะไรวะ” ดูเหมือนพี่แกจะเริ่มทนผมไม่ไหว จึงถามออกมาด้วยความสงสัย


“ผมต้องการของผมคืน ผมขอร้องนะพี่ อย่าเอาของผมไปเลย”


“ไม่ได้หรอกน้อง พี่มาทำงานตามคำสั่งเจ้านาย เขาสั่งให้ขนของออกไปให้หมด พี่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าน้องอยากได้ของคืน ก็ไปขอคืนจากคุณศิรากรเอาเองนะน้อง พี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้หรอก” พี่กล้ามใหญ่แกพูดจบ ก็ดันมือผมออกจากตู้ทันที พร้อมยกตู้ไปไว้ที่รถกระบะ ซึ่งจอดเด่นอยู่หน้าบ้านผม


“เห้ยไอ้ยอด แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะ เอาไงวะ?” พี่อีกคนตระโกนเรียกพี่กล้ามใหญ่ที่น่าจะชื่อพี่ยอดอยู่ตรงบันไดบ้านผม


แต่เห้ย! นั่นมันเสื้อผ้าผม!!!


“เจ้านายเขาสั่งแค่ให้ขนของออกไปอย่างเดียว ส่วนเสื้อผ้าพวกนั้นก็เอาไปทิ้งเถอะ” แต่ยอดตอบแบบไม่แยแสสักเท่าไหร่


ไม่ได้นะเว้ย! สต๊อปเลย!สต๊อป!!! อย่าเอาเสื้อผ้ากูไป! นี่พวกมึงกะจะไม่ให้กูเหลืออะไรในชีวิตเลยใช่ไหม แม้กระทั่งเสื้อผ้ามึงยังจะพรากไปจากชีวิตกูอีกเหรอ จิตใจพวกมึงทำด้วยอะไร ทำไมถึงชั่วช้าได้ขนาดนี้ ตอบกู!!

ผมไม่รีรอ วิ่งตรงดิ่งไปหาพี่อีกคนทันที ไม่ได้นะโว้ย พวกมึงจะเอาเสื้อผ้ากูไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!! ถ้ามึงเอาไป กูจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่วะ ไม่ได้เลยนาทีนี้ กูต้องปกป้องเสื้อผ้ายิ่งชีพ! กูจะพลีชีพเพื่อเสื้อผ้า อุดมการณ์อันหาญกล้า เพื่อเสื้อผ้ากูยอมตาย! ฮึบ!


ผมรีบวิ่งไปตะคลุบเสื้อผ้าของตัวเองทันที ด้วยความเร็วเหนือแสง


“เห้ยน้องทำไร ออกไป” มันเข้ามาดึงแขนผมให้ออกจากกองเสื้อผ้าทนที


“ไม่!” ผมกอดเสื้อผ้าพวกนั้นไว้แน่น จิตใจของมึงกะจะไม่เหลืออะไรให้กูเลยจริงๆเหรอวะ เหลือให้กูบ้างเหอะ ลดความต่ำตมลงบ้าง แล้วชีวิตพวกพี่จะเจริญสักวัน


“อะไรวะ ออกไป!!!”พี่คนนั้นเพิ่มแรงดึงตัวผมมากขึ้น ทั้งกระชาก ลาก ถู แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะผมเหนียวมาก


เอาสิ เหนียวกว่ากาวตราช้างก็กูเนี่ยแหละ


ผมกระชับออบกอดให้แน่นกว่าเดิม ประหนึ่งว่าชาตินี้กูกับมึงจะไม่มีวันพลัดพรากจากกันไปไหน เราจะอยู่และลงหลุมไปด้วยกัน


“ผมขอเถอะพี่ ให้ผมเถอะนะ” ผมรีบเอ่ยปากขอร้องพี่เขาเสียงสั่น พร้อมทำหน้าตาน่าสงสารที่สุดในชีวิต เผื่อพี่มันจะใจอ่อนลงบ้าง


“เห้ยไอ้กล้า ถ้าน้องมันอยากได้มากขนาดนั้น ก็ให้ไปเหอะ ไม่ต้องไปเสียเวลากับมันหรอก” ไอ้พี่ยอดยืนกอดอกมองผมด้วยความเอือมระอาเต็มแก่ เอ่ยบอกกับพี่กล้า

 

”กูขนของชิ้นสุดท้ายขึ้นรถเสร็จแล้ว รีบไปกันเถอะ เราเสียเวลามาเยอะแล้ว” พูดเสร็จก็เดินไปที่รถทันที


“เออๆ” ไอ้พี่กล้าตอบรับพี่ยอดออกไป แล้วหันมาพูดกับผมต่อ “เห้ย! ถ้ามึงอยากได้ มึงก็ขนไปเลย กูยกให้ก็แล้วกัน” มันเป็นของกูตั้งแต่แรกแล้วเหอะ! มึงไม่ต้องมาทำเป็นยกให้


“เอ้า! จะนิ่งแบบนั้นอีกนานไหม รีบๆเก็บผ้าพวกนี้ไปให้หมด แล้วออกไปจากบ้านคุณศิรากรได้แล้ว” พี่ยอดเอ่ยปากไล่ผม


“ทำไมผมต้องออกไป นี่มันบ้านของผม” เถียงครับเถียง กูเถียงสุดใจ


“กูไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อก่อนบ้านหลังนี้เคยเป็นของใคร แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของคุณศิรากร”


“ไม่จริง....” เสียงผมเริ่มแผ่วลง


“แล้วมึงก็ไม่ต้องมาถามอะไรกู เพราะกูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น กูแค่ทำตามคำสั่งของคุณศิรากรเขา”


“....”


“ถ้ามึงอยากรู้อะไรก็ไปถามกับคุณศิรากรเอาเอง”


“....”

 

“ออกไปได้แล้ว กูจะล็อคบ้าน”

 

“....”

 

“ออกไปสิวะ”

 

“....” นิ่ง


“ออกไป!!”ไอ้พี่กล้าแกก็พยายามดึงแขนผมให้ออกจากบ้านไปให้ได้

 

อึบ! กูจะอยู่เป็นอนุสาวรีย์อยู่ในนี้แหละ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยกู!


“กูให้มึงเลือกระหว่างออกไปเอง กับ ให้กูแจ้งความข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่น มึงเลือกเอาเองแล้วกัน ออกไป!”


ไปก็ได้วะ ถ้ามึงจะไล่กูขนาดนี้!


ผมก้มลงเก็บเสื้อผ้าของผมที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาทีละชิ้น ทีละชิ้น จนหมด แล้วเดินออกไปจากบ้านที่เคยเป็นของผม ทีละก้าวอย่างช้าๆ


ความรู้สึกผมตอนนี้มันเจ็บปวดปนงงไปหมด ทั้งๆที่เมื่อวานบ้านหลังนี้มันเคยเป็นของผมแท้ๆ แต่วันนี้...มันกลับตกเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว


มัน..ไม่ใช่...ของผมแล้ว

 

รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเลย...


ในหัวผมหวนคิดถึงเรื่องตอนที่ผมอายุได้ 3 ขวบ คุณแม่ท่านซื้อรถของเล่นมาให้ผม

ผมรักรถคันนั้นมาก เล่นทุกวัน แต่สุดท้ายผมก็ทำมันพัง ผมร้องไห้ออกมา รู้สึกเสียใจที่เสียของที่ผมรักไป พอคุณแม่เห็นผมร้องไห้ท่านก็เอามือนุ่มๆที่แสนอ่อนโยนของท่าน ค่อยลูบหัวผมไปมา ท่านคอยปลอบผมตลอดเวลาว่า ‘ไม่เป็นไรภีมลูกแม่ แค่รถของเล่นเอง เดี๋ยวแม่ซื้อให้ลูกใหม่ก็ได้ หยุดร้องไห้เถอะลูกของแม่’ท่านปลอบผมอยู่อย่างนั้นจนผมหยุดร้องไห้ วันถัดมาท่านก็ซื้อรถของเล่นคันใหม่มาให้ผมทันที


ผมยังจำสัมผัสอบอุ่นที่มือของท่านได้ดี..


ผมกำชับกอดเสื้อผ้าของผมไว้แน่น เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน

 

แม่...

 

แม่ครับ...

 

ตอนนี้ผมเจ็บปวดมากๆเลย ช่วยกลับมาปลอบผมหน่อย


ผมหันไปมองบ้านหลังนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขาเดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…ไม่มีใครสามารถอธิบายให้ผมฟังได้เลย

 

---------------------------------------------------------------

   

  สองขาก้าวเดินไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ไหน และเมื่อไหร่ แสงแดดที่ส่องให้ความสว่างเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงความมืด ข้างทางเริ่มเปลี่ยวไร้ซึ่งเสียงของผู้คน มีเพียงเสียงลมเท่านั้นที่คอยพัดใบไม้ให้โบกสบัด ปลิวว่อนทั่วถนน


เหนื่อย...


ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน...


ผมนั่งเอาหลังพิงกับกำแพงคอนกรีตเก่าๆ ข้างๆมีถังขยะใบโต ถึงแม้จะเหม็นกลิ่นเน่าที่โชยมาเพียงใด แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะก้าวเดินต่อไปแล้ว


มือสองข้างผมโอบกอดเสื้อผ้าเอาไว้แน่น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมยังหลงเหลืออยู่


ถ้าเป็นไปได้ตอนนี้..ผมอยากกอดแม่มากกว่าเสื้อผ้าพวกนี้เสียอีก


พวกท่าหายไปไหนครับ...ตอนนี้ผมรู้สึกเปล่าเปลี่ยว..เหลือเกิน


ตอนนี้ผมสูญเสียแทบจะทุกอย่าง


ผมไม่มีบ้านให้กลับไปแล้ว….

 

แถมแผลตรงท้องที่โดนตู้กระแทกเมื่อกี้


ทำไม..จู่ๆถึงรู้สึกเจ็บขึ้นมาได้นะ


เจ็บ...


เจ็บที่สุด...

 

-----------------------------------------------------------------

   



ผมย้อนกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ยังไงผมก็ต้องรู้เรื่องให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมตั้งใจมาดักเจอไอ้คุณศิรากรอะไรนั่น แล้วถามความจริงจากมัน ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ผมหายไปไหนก็ไม่รู้ แถมโทรศัพท์ก็ไม่มีด้วย เผลอๆพวกท่านอาจจะพยายามติดต่อผมอยู่ก็ได้...


คิดแล้วแค้นไม่หาย เพราะไอ้รุ่นพี่เอ็งซวยนั่นแท้ๆ ดันโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระไป ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลยสักคน


อย่าให้ผมเจออีกนะ พ่อจะกระโดดเตะก้านคอ ให้คอหักตายไปเลย อยู่ไปก็รกสังคมคนแบบมันน่ะ


“โถ่โว้ยย!!!”ผมสบถออกมาอย่าหัวเสีย ยังมีใครชีวิตบัดซบได้มากกว่านี้อีกไหมวะ ขนาดบ้านกูยังไม่มีให้อยู่เลย ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินแค่ 20 บาท กับเสื้อผ้าอีก 1 กอง หึ!อยากจะขำให้กับโชคชะตาของตัวเองดังๆ

 

ตอนนี้ผมคิดจะปีนรั้วเข้าไปในบ้านครับ ถึงจะดึกมากแล้วแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมสักเท่าไหร่ เพราะแถวนี้มีไฟกิ่งตามถนนอยู่ ทำให้ความมืดไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปีนรั้วของผมสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ


คงไม่มีใครมาเห็นหรอก หันซ้ายที แลขวาที โอเคทางสะดวก ผมจัดการโยนกองเสื้อผ้าเข้าไปในบ้านก่อนเป็นอันดับแรก


“ฮึบ!”


หลังจากนั้นผมก็จัดการเกาะรั้วบ้าน แล้วนำพาร่างอันสง่าผ่าเผยของตัวเองค่อยๆไต่ขึ้นรั้วบ้านทีละน้อย ทีละน้อย ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกนินจาในการ์ตูนเลยวะ โคตรเท่! แต่ถ้าในความเป็นจริง ก็พวกโจรดีๆนั่นแหละ


ใช้เวลาไม่นานสักเท่าไหร่ ก็สามารถนำพาตัวเองเข้ามาอยู่ข้างในอาณาเขตบ้านเรียบร้อยแล้ว 5555


เก็บเสื้อผ้าเสร็จ ก็สาวท้าวเดินตรงไปนั่งหน้าประตูบ้านทันที เผื่อพรุ่งนี้คุณศิรากรนั่นมา จะได้เห็นผมชัดๆ แบบ full HD


ผมนั่งเหยียดขา แล้วเอาหลังพิงกับประตูหน้าบ้านไว้


อ่า ทำไมวันนี้ดาวหม่องจัง หม่องเหมือนชีวิตผมตอนนี้เลย...


คิดแล้วโคตรเศร้า..


ผมนั่งมองดาวอยู่แบบนั้นไปสักพักเปลือกตาที่หนักอึ้งก็ค่อยๆปิดลง..

 

วันนี้..ผม รู้สึกเหนื่อยจริงๆ


ขอนอนเอาแรงหน่อยแล้วกัน..


พรุ่งนี้ค่อยหาทางแก้ปัญหาอีกที


ครอก


-----------------------------------------------------------------


คลื่น  ~


แอ๊ด!


“เอ้า! ระวังหน่อย”


“ถือดีๆนะโว้ย”


“ระวังตก”


“เห้ย! นั่นใครมานอนอยู่ตรงประตูน่ะ”

 

“นอนขวางประตูแบบนี้จะขนของเข้าไปได้ไงวะ”


เสียงอะไรวะ น่ารำคาญจริง คนจะหลับจะนอน แหกปากเสียงดังอยู่ได้ เดี๋ยวพ่อต่อยคว่ำ


“เห้ยน้อง น้องครับ” มันเอามือมาเขย่าตัวผมอย่างแรง จนผมนึกว่าแผ่นดินไหว แรงควายฉิบ


“อืม” ปัดมือแม่ง อย่ามากวน คนจะนอน


“เห้ยน้อง! ตื่น!”


“…”


“น้องมานอนขวางประตูแบบนี้พี่ทำงานไม่ได้นะครับ” มันเพิ่มแรงขย่าตัวผมเป็นสองเท่า จนผมรู้สึกโลกมันโอนเอียงไปมายังไงก็ไม่รู้


“อืม”ผมปัดมือมันไปอีกรอบด้วยความรำคาญ คนจะหลับจะนอน มาปลุกแบบนี้มันบาปนะโว้ย


“น้องครับ”


ปลุกไปกูไม่ตื่นหรอก กูเหนื่อย กูจะนอน


“มีอะไรหรือเปล่า”เสียงใครวะ ทำไมคุ้นๆ

 

 

“ก็น้องคนนี้สิครับคุณศิรากร มานอนขวางประตูแบบนี้ พวกผมขนของเข้าไปข้างในไม่ได้เลย ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”


หือ? ศิรากร ชื่อคุ้นๆ แต่ตอนนี้สมองไม่ทำงานเพราะอาการง่วงจัด เดี๋ยวค่อยตื่นมาคิดแล้วกันว่ามันเป็นใคร


“หืม? อ๋อ เดี๋ยวผมจัดการเอง”


เสียงพวกนั้นเงียบลงไปแล้ว หึ! ได้นอนอย่างเงียบๆสักที ตัดใจไปแล้วสินะ

คนที่อ่อนแอ่ก็แพ้ไปไอ้น้อง อะไรก็ไม่สามารถมาหยุดการนอนอืดเป็นพยูนเกยตื้นของกูได้


ซ่าาาาาส์!


“เห้ยยย” โอ้โห ตื่นเต็มตาเลยกู ไอ้บ้าที่ไหนมันบังอาจมาสาดน้ำใส่คนหล่อที่กำลังนอนอยู่อย่างกูวะ

ผมรีบแหงนขึ้นไปมองหน้ามันทันทีครับ บังอาจมาก บังอาจมาทำกับกูได้!


“มึง!”ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นไอ้คนเอ็งซวยนามว่าเนล ยืนถือถังน้ำอยู่ตรงหน้าผม มึงสินะ

ที่สาดน้ำใส่กู!!


“เอ่อกูเอง” มันพูดเสียงเรียบ ทำหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา


ผมจัดการก้มมองสำรวจตัวเอง โอ้มายก็อดดดดด!! เปียกหมดเลย เปียกหมดเลย! กองเสื้อผ้าของผมที่กองอยู่ข้างๆก็พลอยเปียกไปด้วย ไอ้เนล! มึงง!! หงิดเลย หงิดมาก กำปั้นในมือผมสั่นหงิงๆเลย

 

ฮึ้ยยยยย!! ไอ้เนล! ระยำต่ำช้าจริงๆ


“ไอ้เหี้ย มึงทำอะไรกับกูเนี่ย เห็นไหมกูเปียกหมดเลย สัด!” นาทีนี้รู้สึกโมโหโกทามากๆ


“มึงนั่นแหละ มานอนขวางทางเองทำไม คนเขาจะขนของเข้าไปไว้ในบ้าน แต่เข้าไปไม่ได้เพราะมึงมานอน

เป็นศพขึ้นอืดอยู่ตรงประตูเนี่ยแหละ” โอ้โห! ด่ากูได้เจ็บแสบยิ่งนัก


“ไอ้เนล มึง!” บังอาจมาว่ากูนอนเป็นศพขึ้นอืด กูรับไม่ได้ คนหล่อรับไม่ได้!!


“ทำไม กูทำไม?” มันพูดออกมาพร้อมทำหน้ายียวนกวนประสาท


ว่าแต่...มึงมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ไอ้เนล


“มึงมาอยู่นี่ได้ไง” ถามออกไปหน่อย คือสงสัย


“มึงนั่นแหละ มานอนอยู่นี่ได้ไง” เอ้า ถามกูกลับเฉย


“กะ กู มารอพบคุณศิรากร”


“หือ?”มันเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถามผมต่อ

 

“มึงมารอพบเขาทำไม?”


“กูมีเรื่องต้องคุยกับเขา”


“เรื่องอะไร?” เอ้าไอ้นี่ มันใช่เรื่องที่กูต้องบอกมึงไหม? มึงไม่ใช่คุณศิรากรสักหน่อย งดเผือกครับน้องเนล ไม่ใช่ธุระอะไรที่น้องต้องรู้


“กูไม่มีธุระอะไรจำเป็นต้องบอกมึง”


“เหรอ? แล้วถ้ากูบอกมึงว่า กูคือคุณศิรากรล่ะ”


“มึงไม่ต้องมาโม้! กูไม่เชื่อมึงหรอก”


“ก็แล้วแต่มึง” มันทำหน้าไม่แยแส พร้อมยักไหล่ไปทีหนึ่ง เห็นแล้วรู้สึกหมั่นใส้มันขึ้นมาทันทีเลย


“จะอยู่ตรงนี้อีกนานไหม ออกไปได้แล้ว พี่เขาจะได้ทำงาน เกะกะอยู่ได้” มันเดินมากระชากมือผม แล้วเหวี่ยงตัวผมให้ออกห่างจากประตูบ้าน ทำให้ล้มกลิ้งไถลไปกับพื้นสองสามตลบ จนตอนนี้ตัวผมกระเด็นมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงสนามหญ้าเป็นที่เรียบร้อย


คนอะไรวะแรงเยอะชะมัด!


หน้าตาก็ดี แต่ทำไมนิสัยแย่แบบนี้วะ ผมเสียดายหน้าตามันจริงๆ

นิสัยเหี้ยๆแบบนี้ ถ้ากูเป็นผู้หญิงไม่มีทางเอามันมาเป็นพ่อพันธุ์หรอก! เสียของหมด!!


“โอ้ย!”


ผมกำลังจะลุกขึ้นไปด่ามัน แต่ดันรู้สึกแสบที่หน้าขาขึ้นมาก่อน ด้วยสัญชาตญาณมนุษย์จึงล้มลงไปดู

เห้ย! หน้าขาทั้งสองข้างของผมมีแผลถลองปอกเปิกเต็มไปหมดเลย สงสัยได้มาตอนที่โดนเหวี่ยงจนล้มไถลกับพื้นนั่นแหละ


ไอ้เนล!!! มึงพยายามวางแผนฆาตกรรมกูใช่ไหม ตอบ!


เฮ้อ~ ทำไมช่วงนี้ชีวิตคนหล่อ ถึงมีแต่เรื่องให้ต้องเจ็บตัวนักวะ


“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ออกไปจากบ้านกูได้แล้ว” ไม่วายหันมาตระโกนไล่ผมอีก อยากรู้จริงๆเลย ว่าไปทำอะไรให้มันเจ็บช้ำน้ำใจนัก มันถึงได้ทำกับผมขนาดนี้ ไอ้คนเฮ็งซวย!


อ๊ะ!แต่เดี๋ยว เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ! ออก ไป จาก บ้าน กู?


“บ้านหลังนี้ไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ หะ!ไอ้เนล”


“เมื่อวานไง กูพึ่งซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อวาน”


“หะ?”

 

“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย อีกอย่างนะ กูอนุญาตให้มึงเรียกกูว่า’ไอ้เนล’ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ”


“ก็กูจะเรียก”


“คุณศิรากรครับ โซฟาตัวนี้จะให้ผมเอาไปไว้ตรงมุมไหนดีครับ” มันกำลังจะหันมาด่าผมต่อ แต่ถูกพี่คนหนึ่งเรียกความสนใจก่อน


แต่...มันชื่อศิรากรจริงๆหรอวะ


งั้นแสดงว่ามันเป็นคนสั่งให้พวกพี่กล้ากับพี่ยอด มาย้ายของผมออกจากบ้านอะดิ


โอ้โห ครบองค์ทรงเครื่องจริงๆ


เมื่อกี้…มันยังบอกผมว่า มันซื้อบ้านของผมมาเมื่อวาน...งั้นก็แปลว่าบ้านผมถูกขาย..ถูกขายไปแล้วหรอ...


“ไอ้พี่เนล!! ไอ้พี่เนล!! นี่มันอะไรกัน ช่วยอธิบายให้ผมฟังที!! พี่มาซื้อบ้านผมไปได้ยังไง ใครขายให้พี่ บอกผม!!! บอกผมมา!!” ผมตระโกนถามไอ้พี่เนลไปอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ผมรู้สึกหวั่น หวั่นไปหมด มือไม้ผมสั่นไม่ยอมหยุดเลย


“กูซื้อมาจากคุณภัคพล เขาขายบ้านหลังนี้ให้กูแล้ว เพราะฉนั้นบ้านหลังนี้เป็นของกู มีอะไรสงสัยอีกไหม?”


พ่อหรอ...

 

พ่อ...


อีกแล้วหรอ...


จริงๆผมก็พอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่ในใจลึกๆของผมยังเชื่อใจท่านอยู่ เชื่อว่าท่านจะไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ๆ ท่านจะไม่ขายบ้าน ให้พวกเราต้องมาลำบาก..แต่สุดท้ายท่านก็ทำ...

ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าท่านขายทุกอย่างที่ผมมีจริงๆ ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์คันแรกที่ท่านซื้อให้ผมเพื่อเอาไปใช้ในมหาลัย จะได้เดินทางไปเรียนสะดวกๆ ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเสียใจมาก ที่ท่านแอบเอารถของผมไปขาย ท่านบอกกับผมว่าท่านจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ท่านกำลังลำบาก ผมเห็นอย่างนั้นเลยไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้ท่านขายมอเตอร์ไซค์ของผมไป เผื่อมันจะช่วยอะไรท่านได้บ้าง...แต่สุดท้ายท่านก็ยังไม่พอ แอบเอาโน๊ตบุ๊ค ที่ผมทนเก็บเงินมาตั้งหลายเดือนไปขายด้วย ท่านบอกกับผมด้วยเหตุผลเดิมๆ ท่านต้องการใช้เงิน สุดท้ายผมก็ยอมให้อภัยท่านไป


เพราะยังไง..ท่านก็คือพ่อ


ผมอาจจะเสียใจอยู่บ้าง ที่ท่านเอาของๆผมไปขายอยู่บ่อยๆ แต่ยังไงท่านก็ยังคือพ่อ พ่อที่เลี้ยงดูผมมา

ผมไม่สิทธิไปถือโทษโกธรท่าน...


แต่พ่อครับ...


ทำไมพ่อถึงขายทุกอย่างที่ผมมีไปล่ะครับ พ่อจะไม่ให้ผมเหลืออะไรในชีวิตเลย...หรอครับ


พ่อเคยคิดบ้างไหมครับ..

 

ถ้าพ่อขายบ้านไปแล้ว...


ผมจะไปอยู่ที่ไหน....


ตุบ!


ไอ้พี่เนลมันโยนเสื้อผ้าของผมที่กองเรี่ยราดตรงประตูทางเข้า คืนมาให้ผม

ทำให้ตอนนี้เสื้อผ้าของผมกระจัดกระจายเต็มสนามหญ้าไปหมด


“เอาเสื้อผ้าของมึงคืนไป”


“....”


“แล้วออกไปจากบ้านกูซะ!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2018 16:36:10 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #19 เมื่อ25-02-2018 18:03:33 »

อยากกระโดดถีบอิพี่เนลจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-02-2018 18:03:33 »





ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #20 เมื่อ26-02-2018 00:05:56 »

โหดร้าย. แล้วจะไปอยู่ไหนละเนี๊ยะ???

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #21 เมื่อ01-03-2018 16:06:07 »

ทำไมพี่เนลทำยังงี้หล่ะคะ แล้วพ่อแม่ของภีมไปอยู่ที่ไหนแล้วเนี้ย ไม่พยายามจะมาอธิบายกับลูกหรอ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2018 00:20:39 โดย papapajimin »

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 8 ตื้อ


ผมลุกขึ้นยืน พร้อมก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่ไอ้พี่เนลมันโยนทิ้งกระจัดกระจายเต็มสนามหญ้าขึ้นมา



ถึงแม้จะรู้สึกแสบแผลที่ถลอกปอกเปิกจากการลื่นไถลเมื่อกี้แค่ไหนก็ตาม แต่มันคงสู้แผลที่มีอยู่ในใจของผมตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว



พ่อทำผมได้เจ็บแสบจริงๆ



ตอนนี้ผมได้รับรู้ความจริงทั้งหมดจากปากคุณศิรกรแล้ว



ผมไม่เหลือความสงสัยอะไรต่อไปแล้ว



เพราะฉะนั้น...ผมจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป



ในเมื่อเจ้าของบ้าน ’ คนใหม่’ เขาออกปากไล่ขนาดนี้แล้ว ทนอยู่ต่อไป เขาจะสมเพชเอา



ผมเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาจนครบทุกชิ้น แล้วเดินหันหลังให้ไอ้พี่เนลที่ยืนจ้องผมทุกการกระทำอยู่ตั้งแต่แรกทันที



ค่อยๆ เดินออกมาจากบ้าน สองมือหอบเสื้อผ้าเอาไว้แน่น สองขาก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ประตูรั้ว ผมหันกลับไปมองบ้านของตัวเองด้วยความอาลัยอาวอน แต่สายตาดันปะทะเข้ากับดวงตามีเสน่ห์ของร่างสูงที่ยืนกอดอกจ้องผมอยู่ไม่ละสายตา อะไรมองอะไร? ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ จ้องอยู่ได้ ไอ้พี่เนลดูเหมือนจะรู้ตัวว่ามันกำลังจ้องผมอยู่ มันกะพริบตาสองที แล้วหันหน้าหนี เดินตรงเข้าไปในบ้านของมัน พร้อมปิดประตูใส่ผมทันที เหอะ!



ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวกูมาเอาคืน ขอกลับไปตั้งหลักก่อน!!

กูไม่ยอมแพ้มึงง่ายๆ หรอก นี่ใคร ภีมเอง!


-------------------------------


โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ครับ ผมไม่มีเรียนด้วย จึงเลือกไปตั้งหลักที่ร้านของพี่อ้อย ผมใช้เงิน 20 บาทที่เหลือติดตัว นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านพี่แกครับ ทำให้ตอนนี้ผมไม่เหลือเงินติดตัวสักบาท โคตรเศร้า ขอร้องไห้ให้กับโชคชะตาของตัวเอง สักทีเถอะ



แต่อย่างน้อยถ้ามาร้านพี่แก ได้ทำงานสักหน่อย ก็พอจะมีเงินติดตัวเพื่อต่อชีวิตบ้างละวะ



อาจเพราะร้านพี่แกอยู่ใกล้ด้วย ทำให้ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่ร้านเรียบร้อย ตอนนี้พี่แกเปิดร้านแล้วครับ ร้านพี่แกจะเปิดตั้งแต่เช้ายันค่ำเลย ชนิดที่ว่าขายทั้งวันทั้งคืนให้กระอักเลือดตายกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว แต่ช่วงสายๆ แบบนี้จะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ จะมีเยอะอีกทีก็ตอนเที่ยงๆ กับช่วง 5 โมง ครับ ช่วงนั้นจะชุลมุนเป็นพิเศษ





กริ้ง กริ้ง~



กระดิ่งตรงประตูร้านส่งเสียงดังกังวาน ตอนที่ผมผลักประตูเข้าไป ทำให้สาววัยกลางคนที่กำลังง่วนกับการทำอาหารอยู่ในครัว ชะโงกหน้ามามอง



“สวัสดีครับพี่อ้อย” ผมยกมือไหว้พี่แก



“อ่าวน้องภีม! ทำไมเมื่อวานไม่มะ..” พี่อ้อยยังพูดได้ทันไม่จบประโยคดี ก็ทำตาโต รีบพุ่งเข้ามา หน้าตาตื่นตระหนก ประหนึ่งโลกจะแตกอีกสองวันนี้ “ตายแล้วน้องภีม!!! ไปทำอะไรมา สภาพถึงได้ละเทะแบบนี้!” พี่แกสำรวจมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า



มันก็ไม่แปลกหรอกที่พี่แกจะตกใจ ก็สภาพผมตอนนี้มันเละเทะมากๆ เนื้อตัวก็เปียกไปหมด แผลก็ถลอกเต็มหน้าขา แถมเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เปรอะเปื้อนดูไม่ได้ ก็เล่นไปคลุกดินคลุกฝุ่นขนาดนั้นไม่เปื้อนนี่สิแปลก พี่วินเขายอมมาส่งถึงร้านพี่อ้อยก็บุญแค่ไหนแล้ว ไอ้ภีมคนนี้แทบก้มลงไปกราบตีนพี่วินเขาอยู่แล้ว ดีที่ไม่พาผมไปส่งให้มูลนิธิกระจกเงาเขาดูแลน่ะ



“เกิดเรื่องนิดหน่อยครับ”



“เกิดเรื่องอะไรกับน้องภีมของพี่เนี่ย” พี่อ้อยแกทำหน้าครุ่นคิด สายตายังคงไล่สำรวจผมไม่หยุด “หรือน้องภีมไปซัดกับใครมา?” มันก็ไม่เชิงหรอกครับพี่อ้อย แค่ผมไม่ได้ซัดมันคืนเท่านั้นเอง



“ก็ประมาณนั้นแหละครับ ที่ผมมาหาวันนี้เพราะผมต้องการความช่วยเหลือจากพี่” ผมตอบพี่แกไปส่งๆ ก่อนเข้าประเด็นหลักที่มาหาพี่แกในวันนี้ จะได้ไม่เสียเวลา ตอนนี้ผมต้องการที่พึ่งครับ ต้องการเพื่อคู่คิด ช่วยผมแก้ปัญหา



“เรื่องอะไรจ๊ะ?”



“เอ่อ...” กำลังจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดกับตัวเองให้พี่แกฟัง เผื่อจะช่วยอะไรผมได้บ้าง แต่พี่แกก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน



“เอ่อใช่! น้องภีม พี่พึ่งนึกออก”



“ครับ?”



“เมื่อวานน่ะ มีคนมาขอพบน้องภีมที่ร้านพี่ด้วย เขามารอน้องภีมที่ร้านทั้งคืนเลย”



“ใครครับพี่อ้อย!”



“อืมมม...เขาบอกเป็นแม่ของน้องภีมนะ ถ้าพี่จำไม่ผิด”



“จริงหรอครับพี่อ้อย! แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้ว!” ผมรีบถามพี่อ้อยออกไปด้วยความร้อนรน มือที่ชุ่มเหงือทั้งสองข้างของผมสั่นไม่ยอมหยุด



แม่...ท่านมาตามหาผมที่ร้าน แถมยังรอผมยันเช้าอีก ถ้าเมื่อวานผมเข้ามาทำงานเหมือนปกติทุกวัน ผมคงไม่ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายเหมือนเมื่อวานด้วยตัวคนเดียว..



“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาฝากกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ภีมนะ เขาบอกว่าถ้าภีมมาที่ร้าน ให้เอากระดาษแผ่นนี้ให้ภีมหน่อย หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านไปเลย” พี่อ้อยหยิบกระดาษใบหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งมาให้ผม



ผมรับกระดาษแผ่นนั้นจากมือพี่เขามาอย่างร้อนรน แล้วรีบเปิดอ่านทันที



‘ภีม แม่พยายามโทรหาลูกหลายสายแล้ว แต่ลูกไม่ยอมรับโทรศัพท์แม่เลย เมื่อวานแม่กลับไปบ้านเพื่อรอเจอลูกอยู่นาน แต่ลูกก็ไม่ได้กลับ แม่จึงมาหาลูกที่ร้านอาหารที่ลูกมาทำงานพิเศษ แต่ลูกกลับไม่มาทำงาน แม่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับลูกหรือเปล่า ถ้าลูกได้อ่านข้อความนี้ช่วยโทรกลับมาหาแม่หน่อยนะลูก แม่เป็นห่วง และแม่ก็มีเรื่องสำคัญที่จะบอกลูกด้วย ปล.ถ้าพรุ่งนี้ลูกไม่โทรมาหาแม่ แม่จะไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจทันที’ อ่านถึง ปล.แล้วสะดุ้งโหยงเลย คือถ้าวันนี้ผมไม่มาที่ร้านพี่อ้อย แม่ผมต้องไปแจ้งความคนหายให้เป็นเรื่องวุ่นวายแน่ๆ



สงสัยเมื่อวานแม่กลับไปรอผมที่บ้านช่วงที่ผมโดนไล่ออกมาแน่ๆ เลยทำให้เราคลาดกัน พอผมกลับไปที่บ้านอีกครั้ง ท่านก็ออกมารอผมที่ร้านพี่อ้อยเรียบร้อยแล้ว เจริญไหมล่ะ!



เมื่ออ่านข้อความของแม่จบแล้ว ผมก็รีบโทรหาแม่สิครับรออะไร รอแม่ผมไปแจ้งความคนหายที่ สน. หรอ?



“พี่อ้อยครับ..เอ่อ..คือผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ พอดีผมทำโทรศัพท์หาย..” ผมรีบเอ่ยปากขอยืมโทรศัพท์พี่อ้อยแกทันที รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน แต่ต้องยอมรับความจริงที่ว่า กูไม่มีโทรศัพท์!



“อ๋อ ได้สิๆ” พี่แกก็ล้วงโทรศัพท์ของแกในกระเป๋ากางเกงแกมาให้

ผมรับมาแล้วรีบต่อสายไปหาแม่ทันที ไม่ได้นะแม่ใจเย็นๆ ก่อน ลูกชายแม่ไม่ไห้หายไปไหน



ตู๊ดดด ตู๊ดดดดด ~



ผมรอสายได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยิน



[สวัสดีค่ะ] ท่านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหล้าเต็มที ฟังจากน้ำเสียงผมก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าท่านไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดทั้งคืน...ผมรู้สึกเป็นห่วงท่านเหลือเกิน



“แม่ นี่ภีมเองนะ”



[ภีม!! ลูกแม่ ลูกหายไปไหนมา! รู้ไหมแม่เป็นห่วงลูกขนาดไหน! แม่พยายามโทรหาลูกแต่ลูกก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์แม่เลย เกิดอะไรขึ้นกับลูกแม่หรือเปล่า?] เมื่อรู้ว่าเป็นผม ท่านก็ยิ่งคำถามใส่ผม จนไม่รู้ว่าควรตอบคำถามไหนก่อนดี



“เอ่อ..มีอุบัติเหตนิดหน่อยครับแม่ แต่ช่างมันเถอะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ” จะให้บอกแม่ว่า ‘พอดีผมไปแอบถ่ายคลิปรุ่นพี่คนหนึ่งเพราะหวังจะแบล็กเมล์มัน แต่มันดันจับได้ซะก่อน เลยโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระ’ อย่างงี้หรอ ไม่ได้หรอกเสียภาพพจน์หมด ไม่บอกน่ะดีแล้ว



[อืม ดีแล้วล่ะ ลูกแม่…ไม่เป็นอะไรแม่ก็สบายใจแล้ว] น้ำเสียงท่านดูผ่อนคลายขึ้นมาจากตอนแรก นั่นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าท่านสบายใจขึ้นมาแล้ว



แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มาถามสารทุกข์สุกดิบกัน เรื่องบ้านสำคัญกว่า

“แม่...เมื่อวานผมกลับบ้าน...แม่รู้ไหมว่าผมเจอกับอะไรบ้าง”



[เมื่อวานลูกกลับบ้านหรอ] ท่านทำเสียงประหลาดใจ



“ครับ เมื่อวานผมไม่ได้มาทำงานที่ร้าน เรียนเสร็จไอ้เหม่ยมันชวนผมไปเล่นบอลนิดหน่อย แล้วผมก็กลับบ้านเลยครับ พอมาถึง...” ผมพยายามกลั้นน้ำเสียงให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้ได้รู้ว่าผมรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน



“มันไม่ใช่บ้านของเราแล้วครับแม่” มันยากที่จะพูดคำนี้ออกไป แต่ยังไงมันก็คือความจริง



[….]



“พ่อขายบ้านเราไปแล้ว”



[….]



“แม่ครับ...พ่อขายบ้านเราไปแล้ว ใช่ไหมครับ” ประโยคข้างหลังผมพูดออกมาเสียงแผวลง ผมอยากฟังคำตอบจากแม่ให้มั่นใจว่าสิ่งที่ผมกำลังพูด มันคือความจริงที่เกิดขึ้น



[ใช่ลูก เมื่อวานแม่ตั้งใจที่จะบอกเรื่องนี้กับลูกนั่นแหละ พ่อเราแอบเอาบ้านเราไปขาย แล้วนัดลูกค้ามาดูบ้านช่วงที่เราไม่อยู่ จัดการตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย พอแม่กลับมา ก็เจอแต่คนที่ซื้อบ้านเรา กำลังสั่งให้คนขนของเราออกจากบ้าน ตอนนั้นแม่งงมาก เลยเดินเข้าไปถามเขา เขาบอกว่าซื้อบ้านหลังนี้มาจากพ่อ ตอนแรกแม่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่เขาเอาหลักฐานสัญญาทั้งหมดที่ทำกับพ่อมาให้แม่ดู แม่ถึงได้รู้ว่าความจริงว่าพ่อเรากล้าขายบ้านของเราไปแล้ว....จริงๆ] ท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ผมรับรู้ถึงความรู้สึกท่านดี มันคงเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่



“แล้วแม่..ติดต่อพ่อได้หรือยังครับ หลังจากที่พ่อขายบ้านเราไปแล้ว]



[แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ติดต่อพ่อไม่ได้เลย]



“แล้ว...เราจะเอายังไงต่อไป”



[แม่คิดว่า แม่จะกลับไปอยู่กับยายที่จังหวัดสมุทรปราการ กลับไปตั้งหลักใหม่ที่นั่น]



“....”



[ส่วนลูก แม่ไม่อยากทำลายอนาคตลูกด้วยการขอให้ลูกดรอปเรียน หรือ ให้ลูกลาออกไป เพียงเพราะแม่ไม่มีเงินส่งลูกเรียนหรอกนะ แม่อยากให้ลูกอยู่เรียนต่อที่นี่ ถึงแม้หลังจากนี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอยู่บ้าง แต่แม่ก็จะพยายามหาเงินมาเพื่อลูก จนกว่าลูกจะเรียนจบ] น้ำเสียงของท่านตอนนี้ดูอ่อนโยนจนผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา และมั่นใจว่าสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้น ท่านสามารถทำได้จริงๆ



“ครับแม่” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ท่านก็ยังคงทำเพื่อผมเสมอ ขอบคุณมากนะครับที่ทนลำบากเพื่อผม



[ต่อไปนี้คงต้องเพิ่มรายจ่ายค่าหอพักให้ลูกอีกสินะ แม่ต้องพยายามให้มากกว่าเดิมแล้วสิ]



“แม่ครับ ไม่ต้องก็ได้ ทุกวันนี้แม่ก็ทำงานหนักเกินพอแล้ว เดี๋ยวค่าหอพักผมหาเงินจ่ายเองก็ได้” ผมไม่อยากให้แม่ต้องลำบากไปมากกว่านี้แล้ว ลำพังทุกวันนี้ท่านก็แทบไม่ได้พักผ่อน ผมเป็นห่วงสุขภาพท่านเหลือเกิน ถ้าวันหนึ่งท่านต้องมาล้มป่วยเพราะฝืนตัวเองเพื่อลูกอย่างผม คงรู้สึกผิดไม่น้อยเลย



[แต่ลำพังลูก แค่เงินที่ได้จากการทำงานพิเศษก็แทบจะไม่พอค่ากินอยู่แล้ว ยังต้องมาออกค่าหออีก แล้วลูกจะไปหาเงินมาจากไหนล่ะ]



“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมหางานทำเพิ่มอีกหน่อยก็พอสำหรับค่าหอแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงผมหรอก”



[แต่ลูกภีม ลูกจะไหวเหรอ เรียนเสร็จแล้วยังต้องมาทำงานหลายๆ งานติดต่อกันอีก แม่เป็นห่วงลูกนะ แม่กลัวลูกไม่ไหว ให้แม่ออกเถอะ]



“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมไหว แม่เชื่อใจผมสิครับ แม่นั่นแหละที่ไม่ควรทำงานหนัก ผมยังหนุ่มๆ อยู่ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยสบายอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงผมหรอก” ผมพูดเพื่อให้ท่านสบายใจขึ้นบ้าง



[ภีม...แต่]



“นะครับแม่ ผมอยากช่วย”



[…]



“นะครับ..” ผมทำเสียงออดอ้อนสุดชีวิต



[แต่ถ้าภีมไม่ไหวก็อย่าฝืนนะลูก ลูกมีหน้าที่เรียน ลูกก็ต้องเรียน ต้องให้ความสำคัญกับการเรียนมาเป็นอันดับหนึ่งนะลูก อย่ามัวแต่หักโหมทำงานจนตัวเองไปเรียนไม่ไหวเข้าใจไหม แม่เป็นห่วง]



“ครับแม่ ผมรับปาก” ผมจะพยายาม..เพื่อแม่ ถึงแม้ว่าต้องโกหกออกไป แต่ทั้งหมดก็เพื่อให้ท่านไม่ฝืนทำงานจนเกินไป ผมไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไป อยากให้ท่านอยู่กับผมนานๆ ถึงแม้ต่อจากนี้ผมต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้ามันสามรถแบ่งเบาภาระของท่านได้บ้าง...ผมก็ยอม



[งั้นแม่ก็สบายใจขึ้นแล้ว ต่อจากนี้เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก เข้าใจไหมลูก]



“ครับแม่”



ไม่ต้องห่วง



เราต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก



เพราะผมจะเอาบ้านของเราคืนมาให้ได้เร็วที่สุด! ต่อให้ทำงานจนร่างพัง ผมก็ยอม

ผมจะไม่ปล่อยบ้านที่พวกท่านทนเก็บเงินสร้างมาด้วยกัน ต้องตกไปเป็นของคนอื่นหรอก



ต้องเอาคืนมาให้ได้







“ขอบคุณนะครับพี่อ้อย” หลังจากที่วางสายจากแม่เสร็จ ผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนพี่อ้อย และเอ่ยปากขอบคุณพี่เขาทันที หลังจากที่คุยกับแม่ ผมก็ได้รับรู้ว่าตอนนี้ท่านลาออกจากงานเก่าแล้ว เพราะงานหนักแถมได้เงินเดือนน้อย มันไม่เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่ายที่กำลังจะเพิ่มขึ้นมา ท่านจึงเลือกลาออกจากงาน และตั้งใจกลับไปช่วยป้าทำงานที่บ้าน



แม่บอกว่าตอนนี้ให้ผมรีบหาหอพักอยู่ไปก่อน ท่านจะพยายามหาเงินส่งผมเรียน และจะเก็บเงินส่วนหนึ่งออมไว้เพื่อไถ่บ้านคืน ถึงตอนนั้นเจ้าของบ้านเขาอาจจะใจอ่อนขายคืนให้ท่านก็ได้



มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าเจ้าของบ้านคนนั้นไม่ใช่ไอ้พี่เนล!!! ดูจากหน้าตาและนิสัยของมันแล้ว คงขอซื้อคืนยากหน่อย



“ไม่เป็นไรจ่ะ ตอนนี้ภีมกำลังลำบากอยู่สินะ อะไรที่พี่สามารถช่วยภีมได้ ภีมบอกพี่ได้นะ พี่ยินดีช่วยเสมอ”



“ขอบคุณนะครับพี่อ้อย งั้น...พี่ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”



“ได้สิ”



“คือผมต้องการหอพักแถวนี้ที่ราคาถูกๆ หน่อย พี่พอจะหาให้ผมได้ไหมครับ” ก่อนอื่นก็หาที่อยู่ก่อนเพื่อตั้งหลัก



“อืมได้สิ งั้นรอพี่แปปนะ”



พี่อ้อยแกเดินเข้าไป ตรงเคาน์เตอร์ร้าน แล้วหยิบเอาสมุดอะไรสักอย่างออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล ก่อนจะเดินเอาสมุดเล่มนั้นมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมยื่นกล่องปฐมพยาบาลมาให้ผม



“อ่ะ เอาไปทำแผลก่อนนะภีม ส่วนเรื่องติดต่อหอพักเดี๋ยวพี่จัดการให้เอง” ผมรับกล่องปฐมพยาบาลจากพี่แกมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองสมุดที่พี่แกเอามาวางไว้บนโต๊ะ ให้ผมเดาน่าจะเป็นสมุดจดเบอร์โทรของหอพักนะครับ ไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่ที่พี่แกจะมีเบอร์พวกนี้



พี่อ้อยแกเป็นคนต่างจังหวัดครับ แล้วบังเอิญพี่แกดันได้งานทำอยู่แถวนี้พอดี เลยต้องย้ายมาพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานจะได้เดินทางสะดวกๆ แต่ทำไปทำมา ไม่รอดครับ เลยต้องปลีกตัวมาเปิดร้านอาหารแถวนี้เพื่อเอาชีวิตรอดแทน โคตรเศร้า



ผมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างแผลที่เปอะเปือนจากเศษดินออกให้สะอาด ก่อนออกมานั่งทำแผลที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์รอพี่อ้อยแกหาหอให้



พอมานั่งดูชัดๆ แบบนี้แล้ว แผลมันเยอะกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ไอ้เนลนะไอ้เนล! บังอาจมาเหวี่ยงกูได้!

คิดแล้วแค้น! ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องหาทางเอาคืนมันให้ได้เลย! อย่าให้ถึงทีผมบ้างล่ะ จะเหยียบให้จมดินเลย แค้นครับแค้น



ผมจัดการเริ่มทำแผลให้ตัวเองทันที รู้สึกแสบขึ้นมานิดหน่อย ตอนเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาถูทำความสะอาดบริเวณที่เป็นแผล



หึ! แต่แผลแค่นี้ไม่ระคายผิวพี่หรอกไอ้น้อง!



ผมทำแผลเสร็จได้ไม่นาน พี่แกอ้อยก็ออกมาจากครัวหลังร้าน พร้อมให้คำตอบที่น่ายินดียิ่งนัก



“ภีม เอ่อ..คือตอนนี้มันช่วงกลางเทอม หอพักราคาถูกๆ เต็มหมดเลย เหลือแต่หอพักราคาแพงเท่านั้นแหละภีมที่ยังเหลืออยู่..” ได้ฟังครับตอบแบบนี้แล้วใจหล่นวูบเลย แต่ก็ใจดีสู้เสื้อถามออกไป



“ประมาณเท่าไหร่ครับพี่อ้อย ถ้าสู้ไหวผมก็จะสู้”



“13,000 จ่ะ”



“ต่อปี”



“ต่อเดือน”



โอ้โห จะแพงอะไรเบอร์นั้นวะ เพิ่มอีกไม่กี่พันก็จ่ายค่าเทอมได้เลยนะนั่น



ไม่ไหวๆ สู้ไม่ไหวจริงๆ แพงเกิน



“พี่อ้อย ห้องที่ถูกกว่านี้ไม่เหลือเลยหรอครับ” ถามย้ำอีกรอบเพื่อความมั่นใจ ราคาแพงตูดฉีกแบบนี้พี่ภีมสู้ไม่ไหวจริงๆ



“ไม่มีแล้วจ่ะ พี่โทรถามให้หมดแล้วราคานี้ถูกที่สุดแล้ว” โอ้โห อยากตาย



แต่ถ้าไม่เอา ก็ไม่มีที่อยู่ จะไปขอนอนกับไอ้พวกเพื่อนก็ไม่ได้อีก แค่พอนอนสักวันสองวันพอไหวอยู่ แต่อยู่ตลอดไปจนกว่าจะจบนี่ก็คงไม่ไหว หรือช่วยพวกมันแชร์ค่าห้องดีวะ



‘ไม่เอาหรอก กูไม่นิยมนอนกับผู้ เห็นหน้าแล้วรู้สึกไม่สร้างสรรค์ เตียงกูมีไว้ให้อิสตรีเท่านั้น ไปขอคนอื่นเหอะว่ะ’ ถ้าเป็นไอ้ทัศต้องพูดแบบนี้แน่ๆ เพราะงั้น…ตัดมันไปได้เลยคนแรก ไอ้เพื่อนชั่ว



‘ได้ดิ กูยินดีต้อนรับมึงเสมอ แต่ช่วยดูแลห้องกูให้ดีๆ ล่ะ นั่นโมเดลแฮนค็อกของกู อย่าเข้าใกล้เซียว กว่าจะไปประมูลมาได้ ไส้แห้งไปเกือบครึ่งปี เห้ยๆ ไอ้ภีมอย่าเข้าใกล้นามิกู ไอ้ภีมอยู่ให้ห่างๆ โรบิ้นกูเลย ออกไป!!! ’ เอ่อ...ไอ้เหม่ยก็คงไม่ไหว



‘อืม มาดิ เรื่องค่าเช่าไม่ต้องช่วยหรอก กูไม่เอา’ ถ้าเป็นไอ้ซานมันก็คงยินดีต้อนรับผมเหมือนทุกครั้ง แต่คือกูเกรงใจไงสัด เงินไม่ต้องจ่ายสักบาท แถมให้อยู่ฟรีๆ อีก ถึงเป็นเพื่อนกัน แต่ผมก็ยังมีความเกรงใจหลงเหลืออยู่บ้าง



ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองซ้ำๆ เผื่อความเครียดที่มีจะจางหายไปบ้าง



เครียดโว้ยยย!!



จะเอาไงต่อไปดีวะ ไอ้ภีม!



“อืม..งั้นเอางี้ไหม ระหว่างที่ภีมหาที่อยู่ ภีมมานอนที่ร้านพี่ก่อนก็ได้ พี่ให้นอนจนกว่าภีมจะหาที่อยู่ได้เลย แล้วเดี๋ยวพี่หาผ้านวมมาปูให้”



“จะดีหรอครับพี่อ้อย”



“ดีสิ มีภีมอยู่ จะได้มีคนเฝ้าร้านให้พี่ ตอนที่พี่ปิดร้านด้วย”



“แต่ผมเกรงใจ..”



“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ดีจะตาย ภีมได้ที่นอน แถมพี่ก็มีคนอยู่เฝ้าร้านให้ด้วย ไม่ดีหรอ?”



“เอางั้นก็ได้ครับ ผมขอบคุณพี่อ้อยมากๆ นะครับ ที่ค่อยช่วยเหลือผม” ผมรีบยกมือไหว้พี่แกไปทันที เอ่อแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เหมือนหมาเฝ้าร้านเลยว่ะ 5555555



ไม่ว่าผมจะมีปัญหาอะไร พี่แกก็จะค่อยช่วยเหลือผมอยู่เสมอ พี่อ้อยแกถือเป็นคนหนึ่งที่มีพระคุณสำหรับผมเลยทีเดียว



พี่อ้อยไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะอยู่รบกวนพี่ไม่นานหรอก



ผมจะรีบเอาบ้านของผมคืนมา ให้เร็วที่สุด!!



ตอนนี้ผมคิดไม่ตกเลยว่า จะทำยังไงให้ไอ้พี่เนลมันยอมใจอ่อนขายบ้านคืนให้ผม



สิ่งเดียวที่ผมคิดได้ตอนนี้คือ ลองเข้าไปพูดจาดีๆ ตกลงกันแบบผู้ใหญ่ มันคงสงสารผมบ้างแหละ

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ไถ่บ้านคืนมันทีละนิดๆ จนกว่าจะครบ



แอบหวังนิดๆ ว่ามันจะยอม…



----------------------------------------


วันนี้ผมมาดักรอเจอมันที่บ้านตั้งแต่เช้าเลยครับ ผมขอให้ไอ้ซานหาตารางเรียนของมันมาแล้ว วันนี้มันมีเรียนคาบแรกตอน 9 โมงเช้า โชคดีที่วันนี้ผมมีเรียนบ่ายโมง เลยมาดักรอเจอมันได้สบาย



ผมเกาะรั้วหน้าบ้านมันพร้องซะโงกหน้าหามันอยู่สักพัก ก็เห็นมันเปิดประตูออกมา วันนี้มันใส่เสื้อช็อปคณะกับกางเกงยีนส์ครับ เซ็ตผมมาอย่างดี พร้อมสพายกระเป๋าข้างเดียวบนไหล่ขวา จัดว่าหล่อมีออร่าชนิดทีว่าหญิงรักหญิงหลง ตุ๊ดเห็นก็แทบถวายชีวิตเลยทีเดียว แต่เสียใจด้วย ผมหล่อกว่า!



“ไอ้เนล!” ผมตระโกนเรียกชื่อมันอยู่ตรงประตูรั้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยินที่ผมเรียก จึงตระโกนเรียกมันไปอีกครั้ง



“ไอ้เนล!! ไม่ได้ยินที่กูเรียกหรอวะ” มันก็ไม่ยอมหันมาสักที

เรียกอีกรอบแล้วกัน เผื่อเสียงผมเบาไป



“ไอ้เนล!!!!!!!” รอบนี้ตระโกนสุดเสียงจนลูกกระเดือกแทบหลุดออกมาเต้นระบำข้างนอกได้อยู่แล้ว แต่แม่ง! เดินดุ่มๆ ไปที่รถไม่สนเหี้ยอะไรเลย



“หูตึ่งหรือไง ไอ้ห่า” ผมสบถออกมาเบาๆ กับตัวเอง แม่ง เรียกขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ยินอีก มึงควรไปเช็คหูของมึงได้แล้วนะไอ้พี่เนล



“เมื่อกี้มึงว่าใคร” อ่าวไอ้สัด! ได้ยินเฉย ถ้ากูรู้ว่าพูดแค่เบาๆ แทบกระชิบแค่นี้แล้วมึงได้ยิน กูไม่เสียเวลาแหกปากเรียกชื่อมึงตั้งนานสองนานหรอก



“เปล๊า ก็เรียกตั้งหลายรอบ แต่ไม่ยอมหันมาสักทีนึกว่าหูตึง”



“กูได้ยินตั้งแต่ที่มึงเรียกครั้งแรกแล้ว กูไม่ได้หูตึง”



“อ่าว ได้ยินแล้วทำไมมึงไม่ยอมหันมาหากูวะ?” กวนตีนหรอมึง ปล่อยกูแหกปากเรียกตั้งนานสองนาน ขึ้นเลย รู้สึกฉุนเฉียว



“กูไม่อยากเสวนากับคนอย่างมึง” โอ้โห ปากคอเราะร้ายนะน้องเนล แต่โทษทีว่ะ กูอยากเสวนากับมึงอะครับ



“คนอย่างกูมันทำไม?” ตอบให้มันเข้าหูกูนะ! ถ้าไม่เข้าหูกูเมื่อไหร่ รองเท้าที่กูใส่อยู่จะบินไปหามึงทันที ไอ้พี่เนล!



“คนอย่างมึงมันไม่มีค่าพอที่กูจะลดตัวลงไปคุยด้วย หน้าตาขี้เหร่นิสัยยังเหี้ยอีก แถมยังทำตัวกร่างไล่ต่อยชาวบ้านเขาไปทั่ว คืนนั้นกูไม่ต่อยมึงคืนก็บุญแค่ไหนแล้ว” ที่มึงพร่ามมาทั้งหมดคือมึงแค้นที่กูไปต่อยมึง แล้วไม่ได้ต่อยกูคืนว่างั้นไอ้พี่เนล?



แล้วดูที่มึงด่ากู กล้าดียังไงมาว่ากูขี้เหร่ ขึ้นเลย ขึ้น!!! หล่อขนาดนี้มึงเอาตาไปไว้ที่ไหนไม่ทราบ



ยืนเอามือเท้าเอวด่ามันคืนแม่ง! หน้าประตูเนี่ยแหละ ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าจะมาหามันทำไม ขอด่ามันก่อน!



“มึงว่ากูหน้าตาขี้เหร่ แล้วมึงดูตัวเองหรือยัง มึงหน้าตาดีตายแหละไอ้หน้าปลาไหลชนเขือน! ส่วนนิสัยมึงเนี่ยนะดีมาก โอ้โห! ดีโคตรๆ ไล่ทำร้ายร่างกายชาวบ้านจนเขาจนได้แผล กูไม่วิ่งเอามีดไปแทงมึงคืนก็บุญแค่ไหนแล้ว”



“กูไปทำร้ายร่างกายใครตอนไหน?” โอ้โห! กล้าพูดนะมึง! แล้วไอ้แผลเต็มสองขากูนี่ ไอ้ควายตัวไหนมันทำวะ



“นี่ไง!! แผลที่หน้าขากูเนี่ย!” ชี้ให้มันดูแม่งเลย แหกตามึงดูนะ! ถ้ายังไม่เห็นก็ควักมันออกมาเลย! กูสนับสนุน



“หือ? ถ้าแผลที่หน้าขามึง กูไม่ได้ทำ กูแค่ดึงมึงให้ออกจากประตูแค่นั้น มึงดันเซ่อได้แผลมาเอง” มันตอบออกมาหน้าตาเฉย ไอ้ชั่ว! มึงใช้คำว่าดึงหรอ? ที่บ้านกูเรียกเหวี่ยงโว้ย



“กูไม่ได้เซ่อขนาดนั้นเหอะ! ถ้ามึงไม่เหวี่ยงกูก่อน แล้วกูจะได้แผลมาไหม?”



“เห็นพูดกูมึงมาตั้งหลายครั้งละ กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ พูดจากับกูให้มันดีๆ หน่อย ไม่มีความเคารพต่อรุ่นพี่ พูดจาปีนเกลียว!”



“ที่มึงว่ากูทำตัวไม่เคารพรุ่นพี่ กูก็เคารพรุ่นพี่ทุกคนนะ ยกเว้นมึง! เคยถามตัวเองหรือยังว่าเคยทำตัวให้กูเคารพบ้างไหม?”



“กูก็ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพของรุ่นน้องทุกคนนะ ยกเว้นมึง!”



“สัด!” มันมาเหนือกว่า เถียงแพ้ครับ เถียงแพ้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากสบถออกมาเบาๆ



“หึ! ถ้ามึงจะลงทุนมาถึงบ้านกู เพื่อมายืนด่ากูฉอดๆ ๆ แบบนี้ กูว่ามึงกลับไปเหอะ เสียเวลา! ลงทุนมาด่าแล้วเสือกเถียงแพ้อีก อายแทนว่ะ” มีการหัวเราะเยาะกูอีก เกลียดมัน!



“กูไม่ได้ลงทุนมาถึงที่นี่ เพื่อด่ามึง” นึกออกแล้วว่ามาทำไม บ้านกูไง บ้านกู สำคัญที่สุด!



“แล้วมึงมาทำไม?” ขอบคุณสำหรับคำถามนะครับน้องเนล



“กู.. อ้าวไอ้สัดจะไปไหน ฟังกูก่อน ไอ้เนล!”

มันเดินไปขึ้นรถของมันแล้วครับ!

ไอ้เหี้ยยยย! ถ้ามึงไม่คิดจะฟังกู มึงจะถามกูทำหอกอะไรตั้งแต่แรก



ประตูรั้วที่ผมเกาะอยู่ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ แต่เดี๋ยว! มันไปเป็นประตูอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เท่าที่จำความได้บ้านกูไม่มีประตูแบบนี้มาก่อน! โห! ไฮโซเวอร์



ปี้นๆ



ยังมีหน้ามาบีบแตรไล่กูอีก กูไม่หลีกให้หรอก มึงต้องฟังกูพูดก่อนไอ้พี่เนล



“จะยืนขวางทางกูอีกนานไหม หลีกไป!” มันลดกระจกลง แล้วยื่นหน้าออกมาตะคอกใส่ผม



“ไม่! จนกว่าพี่จะฟังเรื่องที่ผมพูด” เป็นคนหนักแน่นครับ ถ้ามึงไม่ฟังกูก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น เอาสิ!



“หลีกไป กูจะไปเรียน”



“ผมขอเวลาคุยกับพี่แค่ 5 นาที นะพี่เนล” พูดดีๆ กับมันสักหน่อยเผื่อมันใจอ่อน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลล่ะวะ



“ไม่หลีกกูชน” โอโห้! มีการมาขู่ มึงไม่กล้าชนกูหรอกไอ้พี่เนล แน่จริงก็มาชนกูสิ ชนกูเลย



บรื้นนนนนน บรื้นนนนนนนน!



ดูเหมือนมันเหยียบคันเร่งจนสุด ก่อนจะพุ่งรถออกมาเต็มที่โดยไม่สนใจว่ายังมีผมยืนขวางรถมันอยู่

งานนี้ก็หลบสิครับ จะอยู่ให้มันชนหรอวะ มีแต่ตายกับตาย ไม่เอาด้วยหรอก

ไอ้เหี้ยนี่มันไม่ลังเลที่จะชนกูเลยนี่หว่า จิตใจมันทำด้วยอะไรวะ



แต่กูไม่ยอมมึงง่ายๆ หรอก



กูจะตื้อ ตื้อ ตื้อ จนกว่ามึงจะยอมคุยกับกูนั่นแหละ!




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:16:48 โดย Gansa »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #23 เมื่อ01-03-2018 21:21:59 »

ที่เลวกว่าเนลก็พ่อนายเอกนี่แหละ :katai1:

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #24 เมื่อ01-03-2018 22:41:44 »

ตรรกะนายเอกเพี้ยนๆ ไปหน่อย
สงสัยนางกำลังเศร้าเลยคิดอะไรทำอะไรแปลกๆ
โดยรวม อ่านแล้วคิดว่าพล็อตนี้เหมือนละครเกาหลี
พระเอกหล่อเลว นายเอกเรียนเก่งแต่จน แล้วเพี้ยนๆ
โดนพระเอกจ้างหรือมีเงื่อนไขให้แสดงเป็นคนรักแล้วจะคืนบ้านให้
สุดท้าย พ่อที่หนีไป หาเงินมาไถ่บ้านได้ เลยต้องแยกกันก่อนจะบอกรักกัน
เราคิดว่างั้นนะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #25 เมื่อ02-03-2018 00:10:41 »

แล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่องละเนี๊ยะ,,,

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 9 แฟน
(1/2)

[Nel talk]

“เป็นอะไรของมึงวะ ทำหน้าบูดตั้งแต่เช้าเลย” ไอ้แจ็คที่เดินอยู่ข้างผมเอ่ยถามขึ้น

“กูอารมณ์ไม่ดี”

“แล้วอะไรมันทำให้คนอย่างมึงอารมณ์เสียแต่เช้าเลยวะ ไอ้เนล”

ตอนนี้เราพึ่งเลิกเรียนช่วงเช้าครับ กำลังจะไปสมทบกับไอ้พวกแก๊งที่ตึกเรียนรวม วันนี้เรานัดกันกินข้าวเที่ยงที่ตึกเรียนรวมครับ วันนี้ไอ้ฟิว ไอ้เมฆ ไอ้ฟง มันเรียนที่ตึกเรียนรวม ส่วนผมกับไอ้แจ็คมีเรียนวิชาเอกที่ตึกคณะ มีเรียนอีกทีตอนบ่ายโมงที่ตึกเรียนรวม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเราจึงนัดกันกินข้าวที่นั่นเลย


“โดนเด็กปืนเกียว” คิดแล้วอารมณ์เสียไม่หาย เมื่อเช้าผมเกือบเข้าเรียนไม่ทันเพราะมัวแต่เถียงกับไอ้เด็กบ้านั่นแหละ


แต่เมื่อเช้าเหมือนมันมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างจะคุยกับผมนะ แต่ผมไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่ คงจะเป็นเรื่องบ้านนั่นแหละ เพราะดูเหมือนมันจะยังยอมรับไม่ได้เรื่องที่บ้านของมันถูกขายไป ซึ่งอยู่ฟังมันไป ผมก็ไม่คืนให้มันหรอก เพราะงั้นผมเลยขับรถออกมาโดยไม่คิดจะฟังเรื่องที่มันจะพูดเลย


“หือ? ใช่ไอ้เด็กคนนั้นหรือเปล่า” ไอ้แจ็คชี้นิ้วไปตรงมุมหนึ่งของตึก ผมก็มองตามนิ้วมันไปเรื่อยๆ จนสายตาผมหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง


“เห้ย!” ผมอุทานออกมา เมื่อเห็นหน้ามันชัดๆ ไอ้เด็กปากเสียที่ยืนด่ากับผมฉอดๆๆเมื่อเช้านิหว่า มันมาทำอะไรใต้ตึกคณะกูวะ มันชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวา เหมือนมันกำลังหาใครสักคนอยู่ สายตามันสอดส่องไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ผม


นี่มึง...คงไม่ได้ตามหากูอยู่หรอกนะ


พอมันเห็นผม มันก็รีบตรงดิ่งมาทางผมทันทีเลย


ใช่แน่ๆ มึงมาหากูแน่ๆ


“ไปเหอะ ไอ้แจ็ค ป่านนี้ไอ้พวกนั้นรอเรานานแล้วมั้ง”ผมรีบบอกไอ้แจ็คไป ตอนนี้ผมยังไม่อยากจะคุยกับมันให้เสียอารมณ์


“เอางั้นหรอ”


“เออ”


 “เดี๋ยว!!อย่าพึ่งไป” มันรีบตระโกนออกมา เมื่อมันเห็นว่าผมตั้งท่าจะเดินหนีมัน ขาสองข้างของมันก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางผมเรื่อยๆ


“จะยืนรออะไรอีก รีบไปดิ”ผมหันไปพูดกับไอ้แจ็คด้วยอารมณ์ขุ่นเล็กน้อย ที่มันไม่ยอมเดินตามมาสักที


“แต่ดูเหมือนเด็กนั่นมีเรื่องจะคุยกับมึงนะ ไม่อยู่คุยกับมันก่อนล่ะ”


“กูไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับมัน ไปเหอะ”ไอ้แจ็คมันก็พยักหน้าอย่างงงๆ พร้อมยอมเดินตามผมออกมาแต่โดยดี


“เดี๋ยว! หยุดก่อน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย หยุดก่อน!” ผมไม่สนใจเสียงตระโกนของมัน รีบสาวเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว รีบตรงดิ่งไปที่ลานจอดรถทันที ไอ้เด็กนั่นจากที่ตอนแรกกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามผมมา ตอนนี้มันเปลี่ยนมาเป็นวิ่งแทน


“รอก่อน! รอก่อนครับ! แฮ่กๆ”


“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”


“หยุดก่อนครับ!”


“แฮ่กๆ ช่วยหยุดฟังผมก่อน”


“พี่เนลครับ” สองเท้าของผมหยุดซะงักทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อกี้จากปากมัน อืมพูดจาเข้าหู


“ไอ้แจ็ค มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไปทีหลัง”ผมเอ่ยปากบอกไอ้แจ็คออกไป


ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว จะรอฟังเรื่องที่ไอ้เด็กนั่นจะคุยกับผมหน่อยก็ได้


“อะไรของมึงวะ เดี๋ยวอยู่ เดี๋ยวไป กูตามอารมณ์มึงไม่ทันละ” ไอ้แจ็คบ่นพึมพรำออกมา ก่อนที่มันจะเดินตรงไปหารถของมันที่จอดไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก


“กว่าจะยอมหยุดนะมึง แฮ่กๆ” มันเอามือทั้งสองข้างของมันยันกับเข่าเอาไว้ พร้อมหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย


 “ที่กูหยุดเพราะกูสงสาร แต่มาพูดจาไม่เข้าหูกูแบบนี้ กูไปล่ะ”


“เดี๋ยว!” มันรีบเอามือที่ชื้นเหงื่อของมัน มาคว้าแขนเสื้อของผมเอาไว้


นี่มึงหลอกเช็ดเหงื่อกับแขนเสื้อกูหรือเปล่าเนี่ย


รีบเอามือของมึงออกไปเลย


“เอามือมึงออกไปจากแขนเสื้อกู”


“ไม่ ถ้าผมปล่อยพี่ก็จะเดินหนีผมอีกใช่ไหม เพราะงั้นผมจะไม่ยอมปล่อยจนกว่าพี่จะยอมฟังเรื่องที่ผมพูด”


“เออ! งั้นมีอะไรก็รีบๆพูดมา กูมีเวลาไม่เยอะ”


“คือ..เรื่องบ้านน่ะครับ พี่คืนบ้านให้ผมได้หรือเปล่า”


“ไม่” เรื่องอะไรกูจะคืนให้มึง ถามออกมาไม่คิดนะมึง


“นะพี่ เดี๋ยวผมจะรีบหาเงินมาไถ่บ้านคืนพี่ให้เร็วที่สุดเลย”


“ไม่”


“พี่ผมขอร้องล่ะ บ้านหลังนั้นมันสำคัญกับผมจริงๆ”


“ไม่” บ้านหลังนั้นมันก็สำคัญกับกูเหมือนกัน ถ้าไม่มีกูก็แย่ไม่ใช่น้อยเลย


“....”


“มึงจะมาพูดกับกูแค่นี้ใช่ไหม? งั้นกูไปล่ะ เสียเวลา”


“เดี๋ยวพี่!”


“อะไรอีกวะ!”


“ยังไงผมก็จะรีบหาเงินมาซื้อบ้านคืนให้ได้”


“แล้วถ้ากูบอกว่า กูไม่ขายล่ะ? มึงจะทำยังไง”


“ผมก็จะตื้อจนกว่าพี่จะยอมขายให้ผม”


“หึ! งั้นเชิญมึงตื้อไปตลอดชีวิตเหอะ!”


“…”


“ถึงมึงมีเงินพอที่จะไถ่บ้านคืน กูก็จะ ไม่ คืน ให้ มึง!”


พอพูดจบผมก็เดินตรงมาที่รถของตัวเองทันที โดยไม่สนใจมันที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับไปไหน..

 

 
ช่วงนี้เป็นช่วงพักเที่ยง จึงทำให้คนเยอะเป็นพิเศษ ผมชะโงกหน้าไอ้พวกแก๊ง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที

อยู่ไหนของพวกมันวะ


คลืน คลืน ~


ยังหาพวกแก๊งไม่เจอก็ดันมีสายเรียกเข้าซะก่อน ให้เดาคงเป็นไอ้ฟิวละมั้งที่โทรตาม ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันที โดยไม่ได้ดูรายชื่อหน้าจอว่าเป็นใคร


“นั่งตรงไหนของพวกมึงเนี่ย กูหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเลย”


[เอ่อ..นี่ม๊าเอง!]


“ม๊า!!”ผมตกใจ รีบดึงโทรศัพท์ออกมาดูรายชื่อคนที่โทรมาเพื่อความแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป


บนหน้าจอปรากฎรายชื่อ ‘ม๊า’ ชัดเจน


ทำไมจู่ๆ ม๊าถึงโทรมา?


เพราะหลังจากที่ผมทิ้งยัยพิมนั่นให้อยู่บ้านคนเดียว แล้วมาเปิดโรงแรมนอน ยัยนั่นก็ไปฟ้องม๊าว่าผมทิ้งให้เธออยู่บ้านคนเดียว ม๊าดูเหมือนจะโกธรผมมาก โทรมาด่าผมใหญ่เลย แล้วบอกกับผมว่า ‘ถ้าอยากออกไปนอนข้างนอกมาก ก็ไม่ต้องกลับมานอนบ้าน จนกว่าจะสำนึกได้เรื่องที่ทำให้หนูพิมเสียใจได้!’ ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่ เพราะช่วงนั้นผมหาบ้านได้แล้ว และไม่คิดที่จะกลับไปนอนที่บ้านด้วย พอหลังจากวันนั้นม๊าก็ไม่โทรติดต่อผมมาอีกเลย จนกระทั่งวันนี้....


“ที่ม๊าโทรมาหาผม ม๊าหายโกธรผมแล้วหรอครับ”


[ยัง! ม๊ายังโกธรตาเนลอยู่ ที่ไม่ฟังคำสั่งม๊าทิ้งหนูพิมอยู่คนเดียว! หนูพิมที่น่ารักของม๊าต้องร้องไห้คนเดียวตลอดทั้งคืนเลย ม๊าล่ะสงสารจริงๆเลย] เหอะ! ม๊าควรสงสารผมมากกว่าไหม?


“ถ้าม๊ายังโกธรผมอยู่ แล้วม๊าโทรมาหาผมทำไมครับ”


[ก็หนูพิมน่ะสิ ขอร้องม๊าให้ยกโทษให้ลูก เธอไม่อยากเห็น แม่ ลูก ต้องมาทะเลาะกันเพียงเพราะลูกทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว คิดดูสิผู้หญิงที่มีจิตใจงดงามขนาดนี้ลูกยังกล้าทำเธอเสียใจ แม่ละเหนือยจริงๆ]


“ที่ม๊าโทรมา เพียงเพราะจะบอกกับผมว่าคุณพิมช่วยพูดกับม๊า ให้ยกโทษให้ผม?”


[ใช่จ่ะ แล้วอีกอย่างนะ ม๊ารู้เรื่องที่เนลแอบไปซื้อบ้านแล้วนะ]


“ห๊ะ! ม๊ารู้ได้ไง”


[ม๊าตรวจสอบบัญชีของตาเนลมา แล้วเห็นว่ายอดเงินหายมันไปเยอะผิดปกติ ม๊าเลยให้คนไปสืบมา]


“….”


[แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ตาเนลของม๊าซื้อบ้าน] ม๊าพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสมากจนผมรู้สึกขนลุก


“....”


[ม๊าจะให้หนูพิมย้ายไปอยู่กับลูกที่นั่นเลย]


“ห๊ะ!!! ม๊าว่าไงนะ!!!” พอได้ยินประโยคเมื่อนี้ ใจผมหล่นวูบเลย ขนแขนขนขาลุกเป็นแถบๆเลย

ม๊า!!!!! ม๊าจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ม๊า!!!


เกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ


[ม๊าบอกว่าจะให้หนูพิมย้ายไปอยู่กับตาเนลของม๊าที่บ้านไง ดีจริงๆเลย อยู่กันสองต่อสอง ไม่มีม๊ากับป๊าคอยเป็น ก.ข.ค. ด้วย อีกอย่างนะหนูพิมก็เห็นดีเห็นงามด้วย เธอบอกว่าอยากอยู่แบบนี้มานานแล้ว เธออยากลูกแลตาเนลขอม๊าด้วยตัวเอง เหมือนกับภรรยาที่คอยดูแลสามี แค่คิดก็โรแมนติกแล้ว] ม๊าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใสตามสไตล์ท่าน มันเป็นตัวบ่งบอกชัดเจนเลยว่า นรกกำลังจะกลับมาเยือนผมอีกครั้ง


ตอนนี้ผมรู้แล้ว


ว่าผมพลาดอย่างแรง!!!


โอ้โห! ตอนนี้คำพูดของยัยพิมที่เคยพูดกำผมลอยขึ้นมาในหัวทันที


‘พิมวางแผนอนาคตของเราไว้แล้วนะคะ ว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว เราจะไปสร้างบ้านอยู่ด้วยกันสองคน พิมจะไม่จ้างแม่ครัวหรือแม่บ้านหรอกนะคะ พิมอยากลองเป็นภรรยาที่ดีคอยดูแลสามีอย่างเนลไงคะ’


โอ้โห! ตาย ตาย พลาดมาก!! นี่คือยังไม่ได้แต่งานเลย จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้วหรอวะ!


ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้!!!


ไม่ได้เลย จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด


“ไม่ได้หรอกม๊า”


[ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตอนนี้ลูกก็อยู่คนเดียวแถมยังโสด ส่วนหนูพิมก็อยู่คนเดียวแถมโสดเหมือนกัน และในอนาคตเราสองคนก็จะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว ให้หนูพิมไปอยู่ด้วยไม่เห็นเป็นไรเลย] โอ้โห! พยายามยัดเยียดเต็มทีเลยนิหว่าม๊า


“ใครว่าผมอยู่คนเดียว ผมอยู่กับแฟน” โกหกไปก่อนแล้วกัน ค่อยไปหาเอาด่านหน้า


[ห๊ะ!! ม๊าไม่เชื่อ! อย่ามาโกหกม๊านะ!]


“เรื่องจริงครับม๊า ผมซื้อบ้านอยู่กับแฟนสองคน”


[ม๊าไม่เชื่อ!!!!ตาเนลของม๊าเนี่ยนะมีแฟน แถมตอนนี้ยังอยู่กับแฟนสองคนอีก เป็นไปไม่ได้!!]


“มันเป็นไปแล้วครับม๊า”


[ม๊าไม่เชื่อ! งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นๆม๊าจะเข้าไปดูหน้าแฟนตาเนลถึงที่บ้าน! ถ้าม๊ารู้ว่าเนลของม๊าโกหก ม๊าจะให้หนูพิมย้ายไปอยู่กับลูกที่บ้านทันทีเลย!]



อ่าวซวย จะไปหามาจากไหนวะ


คงไม่เป็นไรหรอก...แค่หาใครก็ได้มาเล่นละครหลอกม๊าเอง คิดสิคิด! ไอ้เนลคิด!!


สาวในสต๊อกไง! เลือกมาสักคนก็แล้วกัน


เอาใครดี แค่เล่นละครหลอกม๊าวันเดียวเอง ใครก็ได้มั้ง สุ่มเบอร์ใครได้ก็เอาคนนั้นแหละ


“ได้ครับม๊า”


[แล้วอย่าคิดนะว่า จะไปเอาผู้หญิงในสต๊อกของตัวเองมาเล่นละครหลอกม๊าน่ะ ม๊าสืบมาหมดแล้วว่ามีใครบ้าง] น่ากลัวเวอร์ ม๊าน่ากลัวเกินไปแล้ว มิน่าล่ะถึงเข้ากับยัยพิมได้!


 “ได้ดิม๊า”ตอบออกไปด้วยความมั่นใจ ผู้หญิงในสต๊อกใช้ไม่ได้ ก็ไปจีบมาใหม่ หาคนใหม่มาเล่นก็จบ


ชิวๆมากบอกเลย แค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกม๊า


[ก็ดี ม๊าจะส่งคนไปส่องทุกวันเลย ว่าอยู่ด้วยกันจริงๆหรือเปล่า ไม่ใช่แค่มาอยู่ด้วยกันเฉพาะวันที่ม๊ามานะ ถ้าม๊ารู้ว่าตาเนลหาแฟนมาตบตาม๊า ม๊าจะให้แต่งงานกับหนูพิมทันที สัญญาที่ตกลงไว้ ถือเป็นอันยกเลิก!!]

 

ซวยแล้ว!!

 

“ครับ”

 

งานนี้มีแต่ตายกับตาย

 

[End talk]

 

จะทำยังไงให้ไอ้พี่เนลมันยอมคืนบ้านให้ดีวะ ไอ้เราก็อุตส่าห์ยอมพูดดีๆด้วย เผื่อมันจะใจอ่อนลงบ้าง สุดท้ายก็ไม่ได้ผลอยู่ดี

ใจแข็งชะมันเลย!


ไอ้ที่เขาว่า ‘น้ำหยดลงบนหินทุกวัน ยังสามารถทำให้หินมันยังกร่อนได้เลย แล้วนับภาษาอะไรกับใจคน’ แต่น้ำมันก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยนะ กว่าจะทำให้หินมันกร่อนได้


ถ้าต้องเอาเวลามาตามตื้อไอ้พี่เนลทุกวัน นอกจากจะเหนื่อยกายแล้ว ยังต้องเหนื่อยใจอีก ที่ทำอยู่นี่คุ้มหรือเปล่าวะ


สู้กูเอาเวลาที่ไปตามตื้อมัน เอาไปหาเงินสร้างบ้านใหม่ไม่ดีกว่าหรอวะ


“เฮ้อ”


“เป็นอะไรของมึงวะไอ้ภีม เห็นมึงนั่งถอนหายใจหลายรอบแล้ว กูเห็นแล้วเหนื่อยใจแทน” ไอ้ซานถามขึ้นมาหลังจากเห็นผมนั่งถอนหลายใจซ้ำๆมาหลายรอบ


ตอนนี้พวกเรามานั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่ที่ใต้ตึกคณะแพทย์ครับ ส่วนไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศมันอยากเปลี่ยนบรรยากาศเลยมานั่งกินด้วยกันที่นี่เลย


“เออ! กูว่าจะถามตั้งแต่เจอกันละ แผลที่หน้าขามึงไปโดนอะไรมาวะ” ไอ้เหม่ยเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง


“จะว่ารถล้มก็ไม่ไม่น่าใช่นะ ไอ้ภีมมันไม่มีรถ นอกจากขาจะเดี้ยงแล้วรถเสือกไม่มีอีก จะเดินทางไปไหนนี่โคตรลำบาก กูเห็นแล้วรู้สึกสมเพชวะ 555555” ไอ้ทัศ! ขากูไม่ได้เดี้ยงโว้ย! แต่อีกหน่อยขามึงจะเดี้ยงแทนถ้ามึงยังไม่หยุดพูด! เมื่อเช้ากูก็ไปวิ่งมาราธอนตามไอ้พี่เนลมันมาแล้วเหอะ! แผลแค่นี้สบายมากไอ้น้อง


อ๋อ! ไอ้ทัศมันทำใจเรื่องน้องออมได้แล้วนะครับ หลังจากที่มันหดหู่อยู่หลายวัน มันก็ได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า ‘ผู้หญิงมีให้เลือกเป็นล้านจะมาจมปักเสียใจให้กับผู้หญิงคนเดียวที่ไม่รักมันได้ยังไง’ ก็ดีแล้วครับที่มันทำใจได้แล้ว

 
“เกิดปัญหาที่บ้านอะดิ”


ผมจัดการเล่าเรื่องที่ผมเจอให้พวกมันฟัง เผื่อมันจะหาทางช่วยผมแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ก็ยังดี


“พ่อมึงทำไมทำอย่างนั้นวะ”


“แล้วคนที่ซื้อบ้านต่อดันเป็นพี่เนล รุ่นพี่ที่เราไปมีเรื่องที่ร้านเหล้าอีก โคตรซวย”


“ไอ้เหี้ย! แม่งแย่งแฟนกู ยังไม่โกรธเท่าทำร้ายเพื่อนกูเลย! อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ!มีแลกหมันกันอีกแน่ๆ”ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ เห็นมันเป็นคนแบบนี้ แต่ผมรับรู้ได้เลยว่ามันรักเพื่อนขนาดไหน คงทนไม่ไหวที่เพื่อนต้องมาโดนคนอื่นทำร้าย แต่ใจเย็นๆก่อนไอ้ทัศ กูก็ไม่พอใจไอ้พี่เนลมันเหมือนกันแต่มันถือไพ่เหนือกว่า


“มึงอย่าไปมีเรื่องกับพี่เขาอีกโว้ยไอ้ทัศ!”


“ทำไมวะไอ้ซาน?”


“มึงจำกรณีที่มีเรื่องในร้านเหล้า แล้วกูไปโพสข้อความโจมตีพี่เนลมันได้ปะ”


“เออ! กูจำได้ๆ” เรื่องที่ไอ้ซานมันโพสโจมตีไอ้พี่เนล เรื่องที่มันไปแย่งแฟนไอ้ทัศ กูจำได้ๆ


“มึงไม่เอะใจหน่อยหรือไงวะ ว่าทำไมข่าวมันถึงเงียบไป ทั้งๆที่ตอนปล่อยข่าวออกไปข่าวมันก็ดังพอสมควรเลย แต่พอมาอีกวันกลับเงียบหาย เหมือนไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย” เอ่อวะ จริงด้วย ทั้งๆที่วันแรกที่ไอ้ซานมันปล่อยข่าวออกไป แทบเป็นกระแสถล่มโซเซียลเลย แต่พอผ่านไปอีกวันกลับเงียบหายไปเลย แถมไม่เห็นใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย


“เกิดอะไรขึ้นวะ”


“กูไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นบ้าง แต่กูรู้ว่าคนที่ปิดข่าวนี้คือพี่เมฆกับพี่ฟง ข่าวที่กูปล่อยยังไม่ทันถึงหูพี่เนลเลย พวกพี่เมฆกับพี่ฟงแกก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ข่าวหายไปเป็นธาตุอากาศเลย ส่วนบัญชีของกูก็ปลิวไปตั้งแต่วันนั้นแหละ เพราะโดน Hack ระบบ”


“อื้อหือ” กูพึ่งรู้นะเนี่ย


“กูขอบอกไว้เลย รอบที่แล้วที่ไอ้ทัศไปต่อยพี่เนล ที่พวกพี่เขาไม่เอาเรื่องเพราะพี่เนลผิดที่ไปแย่งแฟนไอ้ทัศ แต่ถ้าครั้งนี้มึงไปต่อยพี่เขาอีกกูก็ไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ามึงอยากรู้ก็เชิญ” ไอ้ซาน มึงพูดมาขนาดนี้แล้ว ใครจะกล้าวะ


แต่ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วพี่เขาทำยังไงข่าวมันถึงเงียบไป


“ไอ้ทัศ มึงช่วยเป็นตัวตายตัวแทนให้กูหน่อย กูอยากรู้ว่าพี่เขาจะจัดการมึงด้วยวิธีไหน”


“ไอ้สัด!ภีม กูอุตส่าห์เป็นห่วง นี่คือสิ่งที่มึงตอบแทนความเป็นห่วงกูหรอวะ”ไอ้ทัศทำท่าบีบน้ำตา เบะปากเล็กน้อย พร้อมเหลือกตาขึ้นบน มันเอามือไปปัดๆบริเวณรอบดวงตา เหมือนกันกำลังปัดน้ำตานั่นแหละครับ โถ่ๆ ไอ้ทัศ ทุเรศวะ


“ทุเรศลูกกะตาวะไอ้ทัศ” ไอ้เหม่ยครับ เป็นคนพูด


“เงียบไปเลยไอ้เหม่ย! เห็นไหมไอ้ภีมมันไม่ได้ทำหน้าอมทุกข์เหมือนเมื่อกี้แล้ว แปลว่ากูสามารถทำให้มันรู้สึกดีขึ้นไง”


“แต่มันจะหันมาทำหน้าผวาแทนอะดิ ที่เห็นหน้าทุเรศๆของมึงอะ”


“อ้าวไอ้เหม่ย พูดจาหาเรื่องนะมึง!”


ไอ้สองคนนี้เริ่มทะเลาะกันอีกแล้วครับ ผมก็ปล่อยพวกมันทะเลาะกันไป ผมจึงหันมาพูดกับไอ้ซานที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ


“เอ่อ..ไอ้ซาน กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อย”


“หือ? เรื่องอะไร”


“คือช่วงนี้กูต้องใช้เงินเพิ่ม มึงช่วยหางานให้กูหน่อยได้ไหม”


“อ่าว แล้วงานที่ทำกับพี่อ้อยอยู่ล่ะ”


“กูก็จะทำปกตินั่นแหละ แต่อยากได้งานที่ทำหลังจากเลิกงานของพี่อ้อยแล้ว พอจะมีบ้างปะ”


“โห ไอ้ภีม มึงจะไหวหรอวะ แค่ทำงานกับพี่อ้อยก็เลิกดึกแล้วนะ”


“เออ กูต้องใช้เงินวะ ช่วยหาให้กูหน่อย ของานที่ทำตอนกลางคืนนะ”


“ขายตัว งานสบายแถมได้เงินเยอะ” ไอ้ทัศที่เถียงอยู่กับไอ้เหม่ยอยู่ พูดแทรกขึ้นมา ไอ้ทัศ! มึงเอาสมองของมึงไว้ประดับหัวเหมือนเดิมเหอะ ไม่ต้องเสนอความคิดเห็นแบบนี้ออกมาหรอก ไร้ประโยชน์มากมึงน่ะ


“อืม เดี๋ยวหาให้นะ” ไอ้ซานรับปาก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของมันออกมากดอะไรสักอย่าง


ผมก็กินข้าวรอมันไปพลางฟังไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศตีกันไปครับ

 

รอมันได้สักพักไอ้ซานก็เอ่ยขึ้นมา


“ถ้างานตอนกลางคืน ดูเหมือนที่ Sun Pub จะเปิดรับสมัครพนักงานเสริฟนะ”


“หือ ที่ไหนขอรายละเอียดหน่อย”


“อยู่ไกลจาก ม. เราไปไม่เยอะเท่าไหร่ ทำงานตั้งแต่ 2 ทุ่ม – ตี 2 เลิกงานของพี่อ้อยคือมึงต้องรีบไปเลย เห็นเขาบอกว่าทำงานที่นี่ได้เงินเยอะด้วย”


“จริงดิ!” ตาผมลุกวาวทันที คุณเห็นเงินในตาผมหรือเปล่า มันกำลังสั่นพึบๆๆเลย


“แต่มึงจะไหวแน่หรอวะ เลิกตีสอง กว่ามึงจะได้นอนก็ปาไปตีสามตีสี่ มึงจะต้องตื่นแต่เช้ามาเรียนอีก มึงแน่ใจนะไอ้ภีม ว่ามึงจะทำ”


“ไม่เป็นไร กูไหว มึงติดต่อเขาให้กูหน่อย”


“มึงไหวแน่นะไอ้ภีม กูล่ะเป็นห่วงมึงจริงๆ”ไอ้ซานบ่นเหมือนแม่เลยวะ


“เออ กูไหวไม่ต้องห่วง กูต้องใช้เงิน ติดต่อให้กูเลย”


“เออๆ”ไอ้ซานมันทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะยอมติดต่องานให้ผมแต่โดยดี

 

 

 “ช้าจังวะไอ้ภีม”


“ขอโทษพอดีวันนี้งานที่ร้านพี่อ้อยเยอะ เลยมาสาย”


“จะไปสัมภาษณ์งานทันไหมเนี่ย”


“เร่งความเร็วเต็มทีเลยไอ้ซาน กูต้องได้งานนี้”


“โว๊ะ! มึงช้าเอง มาเร่งกูอีก” เลิกบ่นแล้วเหยียบคันเร่งได้แล้วไอ้ซาน เดี๋ยวกูไปไม่ทันเสียเครดิตหมด

รีบเลยนะมึง!


รถของไอ้ซานเลื่อนออกจากลานจอดรถร้านของพี่อ้อย แล้วมุ่งตรงไปสู่ Sun Pub ทันที


วันนี้ผมให้ไอ้ซานมันมาส่งครับ เพราะมันรู้ทางไป


ใช้เวลาไม่นาน รถของได้ซานก็เลื่อนมาจอดหน้า Sun Pub เป็นที่เรียบร้อย


ที่นี่ค่อยข้างใหญ่พอสมควร ตัวอาคารถูกสร้างเป็นรูปทรงห้าเหลี่ยม มีอยู่ประมาณ3ชั้นได้ มีต้นไม้ประดับอยู่รายรอบมีทั้งต้นเล็กต้นใหญ่สลับกันไป มีหลอดไฟหลากสีประดับอยู่เต็มไปหมด ข้างบนมีป้ายใหญ่ๆเขียนว่า Sun Pub หรูใช้ได้เลย

 

“ให้มารับไหม?”

 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้”


มันพยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะเปิดประตูออกมาจากรถมัน


ไม่วายหันมาตระโกนไล่ตามหลังผม “โชคดีนะไอ้ภีม”


“เออไม่ต้องห่วง”
 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:24:04 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แฟน
(2/2)

ผมเดินตรงเข้าไปในร้านทันทีหลังจากลากับไอ้ซานเสร็จ
เห็นพี่พนักงานคนหนึ่งกำลังกวาดๆถูๆพื้นอยู่ในร้าน ผมเลยตรงเข้าไปถามเขาทันที

“เอ่อ..ขอโทษครับ”

“ว่าไงคะ”

“คือ..ผมเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งมาสมัครงานน่ะครับ ไม่ทราบว่าไปสัมภาษณ์งานที่ไหนหรอครับ”

“อ๋อ เปิดประตูบานนั้นเข้าไป แล้วเดินเลี้ยวซ้ายนะคะ จะมีห้องของผู้จัดการอยู่ สัมภาษณ์งานห้องนั้นเลยค่ะ”

“อ๋อขอบคุณครับ”ผมยกมือไว้พี่พนักงานคนนั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูบานที่พี่เขาชี้เมื่อกี้ทันที
อืม เดินเข้ามา เลี้ยวซ้าย จะมีห้องผู้จัดการอยู่

น่าจะใช่ห้องนี้ละมั้ง ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องหนึ่งซึ่งให้เดาก็คงจะเป็นห้องผู้จัดการนั่นแหละ

ก็อก ๆ ๆ

ผมจัดการเคาะประตูก่อน รอได้สักพัก ก็มีคนเปิดประตูออกมา

เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง น่าจะอายุราวๆ 30กลางๆได้ ไว้ทรงผมสกินเฮด เจาะหูหลายรูนับไม่ถ้วน แถมยังสักเต็มตัวอีก คนนี้ใช่ผู้จัดการร้านแน่หรอวะ

“ว่าไง”เขาเอ่ยถามผมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

“เอ่อ...ผมที่ติดต่อสมัครงานมาเมื่อตอนกลางวันน่ะครับ”

“อ๋อ เข้ามาสิ”พี่แกเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไปห้อง
ก่อนจะมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จับผมบิดซ้าย บิดขวา พลิกไปพลิกมาอยู่สักพัก

“อืม ใช่ได้เลยนะเรา” พี่แกพึมพรำออกมา

“ครับ?”

“รูปร่าง หน้าตาดูดีใช้ได้เลย”

“ขะ ขอบคุณครับ”

“อืม..โอเค พี่รับเราเข้าทำงานเลยแล้วกัน” ห๊ะ? ว๊อท? อะไรวะ

“เอ่อพี่ครับ..แล้วสัมภาษณ์งานล่ะครับ พี่ไม่สัมภาษณ์ผมแล้วหรอ”

“หือ? อ๋อ ไม่ล่ะ เริ่มทำงานได้เลย”ทำไมง่ายจังวะ ไม่เห็นถามอะไร แค่ดูรูปร่างหน้าตาก็เข้าทำงานได้เลยหรอวะ ง่ายไปไหมเนี่ย

“เอ่อ...ผมเข้าทำงานได้เลยหรอครับ?”

“ใช่..หน้าตาแบบน้องกำลังเป็นที่ต้องการเลย” เอ่อ..สงสัยผมจะหน้าตาดี เป็นที่ต้องการของลูกค้าส่วนมากละมั้งครับ พี่เขาเลย
อยากได้ผม จะได้ช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ

“คะ ครับ”

 “เริ่มทำงานวันนี้เลยแล้วกัน”

“หะ ห๊ะ?”

“ไม่ต้อง งง เริ่มทำวันนี้เลย”

“...”

“ไอ้เจ๋ง! พาเด็กใหม่ไปเปลี่ยนชุด” พี่แกเรียกพนักงานที่ชื่อเจ๋งให้เข้ามาในห้อง แล้วพาผมไปเปลี่ยนชุด
ผมก็ตามเขาไปอย่างงงๆครับ

 “เข้าไปเปลี่ยนชุดห้องนี้เลย” พี่เจ๋งแกชี้เข้าไปในห้องๆหนึ่ง ที่ผมคิดว่าจะน่าเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่นแหละ
อยู่ไม่ไกลจากห้องผู้จัดการสักเท่าไหร่

“ครับ”

ผมเดินเข้าไปข้างในทันที เห็นเสื้อผ้าถูกแขวนเรียงกันเป็นแถบๆ เสื้อผ้าก็มีเหมือนๆกัน
แยกฝั่งชัดเจนระหว่างชุดพนักงานหญิงและชาย ผมหยิบชุดหนึ่งออกมาเปลี่ยนทั้นที มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกหูกระต่างดำ กับกางเกงสีดำผูกผ้ากันเปื้อน 

พอเปลี่ยนเสร็จผมก็ออกมาหาพี่เจ๋งที่รอผมอยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างหรอครับพี่”

“ก็แค่เสริฟเหล้า เสริฟเบียร์ทั่วไป ถ้าโต๊ะไหนถูกใจก็แค่ไปบริการเขาแค่นั้นเอง”

“บริการ? ยังไงครับ”

“เออเดี๋ยวมึงก็รู้เอง ไปทำงานได้แล้ว”ดูเหมือนพี่แกจะขี้เกียจตอบคำถามผมเลยตอบแบบขอไปที อะไรวะ! แล้วกูจะรู้ไหมว่ากูต้องทำอะไรบ้าง กูพึ่งมาสมัครงานวันนี้แถมได้เริ่มทำงานเลยทันทีแบบนี้ใครมันจะไปตั้งตัวทันวะ
ปกติจะมีคนที่คอยสอนเด็กใหม่ก่อนไม่ใช่หรือไง ว่าควรทำอะไรบ้าง ปฎิบัติตัวยังไง

“จะยืนเฉยอยู่ตรงนี้อีกนานไหมวะ ไปทำงานได้แล้ว มึงแค่ออกไปรับออเดอร์มา แล้วเอาไปยื่นให้บาร์เดี๋ยวเขาจัดการเตรียมเอง
มึงก็แค่รอ แล้วเอาไปเสริฟแค่นี้แหละ”

“เออ..ครับๆ” ผมรับคำพี่แกอย่างงงๆ เอาวะ แค่นี้เอง เดี๋ยวค่อยๆเรียนรู้ก็ได้


เสียงจังหวะดนตรีหนักๆเปิดบรรเลงเสียงดังไปทั่วผับ ผู้คนส่วนมากเริ่มออกมาเต้นอย่างเมามันตรงกลางฟอร์ ในร้านตอนนี้ผู้คนเริ่มเยอะแล้วครับ พี่ๆพนักงานเขาก็ทำงานกันวุ่นเลย เท่าที่ดูๆโต๊ะแถวชั้นล่างคนแทบจะเต็มทุกโต๊ะแล้ว

“อ่าวนาย ไม่เคยเห็นหน้า เด็กใหม่หรอ?”พี่พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามผมขึ้น

“ใช่ครับ พึ่งมาทำงานวันนี้วันแรกเลยครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

“อ๋อจ่ะ งั้นพี่ฝากเราไปรับออเดอร์ที่ห้อง310 ให้พี่หน่อยสิ พอดีตอนนี้พี่ยุ่งๆแถมพนักงานเสริฟไม่พออีก ช่วยพี่หน่อยนะ” ห๊ะ
ห้อง? ผมหูฝาดอะไรไปหรือเปล่า ที่นี่มันผับไม่ใช่หรอวะ ไม่ใช่โรงแรมจะมีห้องได้ไง

“ห๊ะ?พี่ ที่นี่มีห้องด้วยหรอ”

“มีสิน้อง ที่นี่ชั้น1จะเป็นผับเอาไว้สำหรับวัยรุ่นรักสนุกได้เต้นกัน ส่วนชั้นสองโซน VIP เอาไว้สำหรับคนที่พอมีฐานะได้นั่งดื่มชิวๆกัน ส่วนชั้น3เปิดเป็นห้องนอนสำหรับแขกที่ใช้บริการของเรา”

“อ๋อ...ครับ” น่าจะมีไว้สำหรับพวกที่เมาหนักแล้วขับรถกลับบ้านไม่ได้ ก็ให้เปิดห้องนอนที่นี่เลย ดีจริงๆ

 “ขึ้นบันไดไปชั้น3 ห้อง310 จะอยู่ตรงซ้ายมือพอดี”

“อ๋อ ครับๆ”

“ขอบคุณมากนะ พี่ฝากเราด้วย”

“ครับ”

ผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ชั้น 3
สายตาผมสอดส่องหาห้อง 310 ทันที พี่คนเมื่อกี้บอกว่า ขึ้นบันไดมาจะอยู่ตรงซ้ายมือพอดี
อืม..น่าจะห้องนั้นละมั้ง

ก็อก ก็อก ก็อก

ผมจัดการเคาะประตูที่มีป้ายเลขห้อง 310 ติดตรงหน้าประตู ก่อนจะเรียกคนที่อยู่ข้างใน

“เอ่อ..ขออนุญาตนะครับคุณลูกค้า พอดีผมมารับออเดอร์ครับ”

 เงียบ...

“คุณลูกค้าครับ ผมมารับออเดอร์ครับ”

เงียบ...

ตายยังวะ!

“คุณลูกค้าห้อง 310 ได้ยินที่ผมพูดไหมครับ”

เงียบอีก...

อะไรวะ

ผมเรียกลูกค้าห้อง310 เท่าไหร่เขาก็ไม่ตอบรับมาสักที จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปแม่งเลย

“เห้ย!”

โอ้โห เต็มๆสองตาเลย ข้างในนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังจูบกันเมามันเลยครับเข้าขั้นเกือบเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่บนเตียง ผู้หญิงเปลือยท่อนบนจนหมด ส่วนท่อนล่างของเธอเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเท่านั้นที่ยังปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้ ส่วนผู้ชายเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนๆ ส่วนท่อนล่างของมันเหลือแต่กางเกงยีนส์เท่านั้นที่สวมใส่อยู่ ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ในท่าที่...ฝ่ายหญิงกำลังโดนฝ่ายชายค่อมเอาไว้

ผมตกใจจึงรีบปิดประตูทันที

อะไรวะเนี่ย!?

รีบไปดีกว่า หนีไปเลยแล้วกัน

พับ!

“เห้ย! จะไปไหน!” เสียงผู้ชายคนนั้นตะโกนเสียงดังออกมา ทำให้ขาทั้งสองข้างของผมที่กำลังจะก้าวหนีเป็นอันต้องหยุดชะงักลง ตอนนี้ผมหันหลังให้มันครับ ผมไม่กล้าแม้จะกลับไปสบตามันเลย

“เอ่อ..จะไปข้างล่างครับ” ผมตอบมันไปทั้งๆที่ยังหันหลังให้มันอยู่

“ที่นี่ไม่สอนเรื่องมารยาทให้กับพนักงานหรือไง ว่าห้ามเปิดประตูเข้ามาจนกว่าลูกค้าจะเอ่ยปากอนุญาตน่ะ”
เอ้า ใครจะไปรู้ละวะ เห็นเรียกหลายทีไม่เห็นตอบรับกลับมาสักที กูนึกว่ามึงตายไปแล้ว

“ผมเรียกตั้งหลายทีแต่คุณลูกค้าไม่ตอบกลับมาสักที นึกว่า...คุณลูกค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่าเลยเปิดเข้าไปครับ”

“หึ! ไม่มีมารยาท วันหลังถ้าฉันไม่เอ่ยปากอนุญาตให้เข้าไป ก็ยืนรอจนกว่าฉันจะอนุญาตนั่นแหละ” โอ้โหไอ้เหี้ย ใครจะไปว่างรอมึงได้วะ กูก็มีการมีงานที่ต้องไปทำไหม จะให้มารอมึงจนเสร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องปะวะ

“ครับ..ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน เชิญคุณลูกค้าตามสบายเลยนะครับ” ลูกค้าคือพระเจ้าท่องเอาไว้ จะไปต่อปากต่อคำเห็นจะไม่สมควร ผมก็เลยต้องยอมขอโทษมันไป

ผมกำลังยกขาก้าวเดินหนี แต่มันก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

“เดี๋ยว! แล้วไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทหรือไง ว่าเวลาที่คุยกับลูกค้าน่ะ ให้หันหน้ามาคุยไม่ใช่หันหลังให้” โว๊ะ!! เรื่องมากจังวะ

“...”

“หันหน้ามาดิ กูอยากเห็นหน้ามึงวะ กูจะได้ไปแจ้งให้เจ้าของร้านไล่พนักงานออกได้ถูกคน” อ่าว!ไอ้เหี้ย ตอนนี้กูก็เริ่มอยากเห็นหน้ามึงแล้วเหมือนกัน

ผมจึงรีบหันหน้าไปมองหน้ามันทันทีเลยครับ อยากจะเห็นเหมือนกันว่าหน้าตามันจะเป็นยังไง

“เห้ย! ไอ้!!”ผมกับมันอุทานออกมาพร้อมกัน ชัดเลย!ไอ้พี่เนลครับ อะไรจะโลกกลมขนาดนี้วะ

“นี่มึงอีกแล้วเหรอวะ จะตามกูไปทุกที่เลยหรือไง” โคตรหลงตัวเองเลยวะ กูไม่ได้ตามมึงมาโว้ย!

“กูไม่ได้ตามมึงมาเหอะ กูมาทำงานของกู!”

“หือ?” ไอ้พี่เนลมันกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยครับ “หึ! นี่ร้อนเงินถึงขนาดนี้เลยหรอวะ”

“ก็กูต้องใช้เงินนี่หว่า ไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัว ไหนจะค่าไถ่บ้านคืนอีก ใครจะไปมีเงินใช้สบายตลอดชีวิตแบบมึงวะ”

“อ๋อ มึงเลยเลือกที่จะมาทำงานแบบนี้?”

“ทำงานแบบนี้แล้วมันยังไง” กูแค่มาทำงานเป็นเด็กเสริฟ ไม่เห็นต้องมาทำหน้าดูถูกกูขนาดนั้นเลย

“เปล๊า”

 “เนลคะ มีอะไรหรือเปล่า” ผู้หญิงที่จูบกับพี่เนลเมื่อกี้ เปิดประตูออกมา ตอนนี้เธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วครับ
เห้ย! เป็นชุดยูนิฟอร์มพนักงานเสริฟของที่นี่นิหว่า! ทำไมเด็กเสริฟถึงมาจูบกับลูกค้านัวเนียแบบบนี้วะ

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

“งั้นเรามาต่อจากเมื่อกี้กันเถอะค่ะ”

“ผมหมดอารมณ์แล้ว”

“หรอคะ งั้นเราไปต่อกันที่บ้านเนลดีไหมคะ จะได้ไม่มีคนมาขัดจังหวะ” ผู้หญิงคนนั้นกอดแขนไอ้พี่เนลเอาไว้พร้อมเอาหน้าของเธอถูกับแขนไอ้พี่เนลไปมาเป็นเชิงอ้อน แล้วหันมาทำสายตาดุใส่ผม อะไรวะ ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกมึงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่น่ะ

“งั้นผมต้องขออภัยเป็นอย่างมากเลยนะครับที่เข้ามารบกวนให้เสียอารมณ์ แต่วันหลังกรุณาบอกหน่อยก็ดีนะครับว่ากำลังเอากันอยู่ ผมจะได้ไม่เข้าไปรบกวนลูกค้าให้หมดอารมณ์” ผมส่งยิ้มให้ไอ้พี่เนลมันไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเตรียมก้าวขาเดินหนีมันไป

“เดี๋ยว!” โอ้ย อะไรอีกวะ ให้กูไปสักทีเถอะ! ยื้ออะไรนักหนา

“อะไรครับ”

“มารับออเดอร์ไม่ใช่หรือไง? จะไปโดยไม่เอาออเดอร์จากลูกค้า พนักงานแบบนี้ควรโดนไล่ออกนะ บกพร่องในหน้าที่!”

“ครับๆ ขออภัยอย่างสูงครับคุณลูกค้า”

“หึ!” มันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง พร้อมหยิบแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นมาให้ผม

“อะ กูจดไว้ในนี้หมดแล้ว” ผมรับแผ่นกระดาษจากมือมันมา ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ไม่วายกระโกนไล่หลังผมมาอีก

“คนที่เอามาเสริฟกูต้องเป็นมึงเท่านั้นนะ! คนอื่นกูไม่รับ”

โอ้ย! เรื่องมากจังวะ

ทำงานวันแรกแท้ๆยังต้องมาเจอลูกค้าแบบมันอีก โคตรซวย!!!!


ผมถือถาดที่มีแก้วไวน์อยู่ 2 แก้ว และ ไวน์ชั้นดี 1 ขวด ตรงดิ่งไปที่ห้อง 310 ทันที

ก็อก ก็อก ก็อก

“ผมเอาไวน์มาเสริฟครับ”

เงียบ...

อะไรอีกวะ

“อยู่ไหมครับ ช่วยส่งเสียงหน่อย”

“กรี๊ดดด!!! เนลจะทำแบบนี้กับเจนไม่ได้นะคะ!! เจนไม่ยอม”

“ผมบอกให้ออกไป!!!!”


อุ้ย! เกิดอะไรขึ้น?!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[Nel talk]

“เนลคะ จะสั่งไวน์มากินทำไมให้เสียเวลาอีก เจนว่าเรารีบกลับไปบ้านเนลดีกว่านะคะ”เจนเธอเดินมาเกาะแขนผมที่นั่งอยู่บนเตียง พร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนผมสุดชีวิต

เจนเธอเป็นพนักงานเสริฟที่นี่ เธอเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยแบบพิมพ์นิยมเลยล่ะครับ ที่สำคัญคือเป็นคุยง่ายครับ ตอนแรกที่ผมตกลงกับเธอเอาไว้เธอก็พยักหน้าเข้าใจทุกอย่าง ซึ่งเธอตรงสเปคผมทุกอย่าง ทั้งนิสัยใจคอและหน้าตา ผมจึงเลือกเธอให้มาเล่นละครเป็นแฟนผมภายในวันพรุ่งนี้

แต่ตอนนี้...ดูเหมือนเธอจะไม่อยากเป็นแค่แฟนปลอมๆของผม ดูเหมือนเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะจับผมทำผัวเธอจริงๆ เธอพยายามอ่อยผมสุดฤทธิ์เลย ด้วยหน้าตาและรูปร่างอันเซ็กซี่ของเธอทำให้ผมหลงเคลิ้มไปกับเธอชั่วขณะ โชคดีที่ไอ้เด็กนั่นเข้ามาขัดจังหวะก่อน ไม่งั้นผมคงได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียมาจริงๆแน่

“แต่ผมอยากกิน”

“งั้นเรากลับไปกินที่บ้านก็ได้หนิคะ กินที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“แต่ผมอยากกินที่นี่”

“งั้นเราลงไปกินข้างล่างกันเถอะค่ะ เจนขี้เกียจรอเด็กนั่นเอามาเสริฟ”

“แต่ผมจะรอ”

“เนลคะ!”

“เจนกำลังขึ้นเสียงกับผมนะครับ” ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก

“แต่เจนอยากกลับแล้วค่ะ เจนอารมณ์เสียมากนะคะที่เด็กนั่นมาขัดจังหวะเราน่ะ เนลไม่อารมณ์เสียบ้างหรอคะ”

“ไม่ครับ”

“เนล!!!”

“เจน! ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาขึ้นเสียงกับผม”

คลืน คลืน

เสียงโทรศัทพ์ของผมดังขึ้น ทำให้ผมหันความสนใจจากเจนไปที่โทรศัพท์แทน

‘น้องพลอย’

พึบ!

ผมกำลังจะกดรับสายของน้องพลอย แต่เจนดันแย่งโทรศัพท์ไปจากมือผมไปก่อน

“เจนเอาโทรศัพท์ผมคืนมา”

“ไม่ค่ะ จนกว่าเนลจะยอมกลับบ้าน”

“เจน ผมเคยเตือนแล้วนะว่าอย่ามาทำตัวงี่เงากับผม! เอาคืนมา!”
ตอนแรกเธอก็เป็นคนพูดรู้เรื่องดีนะครับ แต่ตอนนี้ทำไมถึงได้เป็นคนงี่เง่าแบบนี้ก็ไม่รู้

“ไม่ค่ะ!”

คลืน คลืน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจนเบนสายตาไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของผมแทน

“หือ? น้องพลอย? มันคือใครคะเนล”

“เอาโทรศัพท์ผมคืนมา!”ผมตระคอกใส่เจน ตอนนี้อารมณ์ของผมเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาแล้ว ผมไม่ค่อยชอบให้ใครมาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของผม คู่นอนของผมทุกคนรู้เรื่องนี้ดี จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมสักเท่าไหร่

“ก็บอกมาก่อนสิคะ ว่ายัยนี่มันเป็นใคร!!!”เจนเริ่มขึ้นเสียงกับผม

“คู่นอน จบไหม เอาคืนมาได้แล้ว!”

“อะไรนะคะ คู่นอน? เนลทำแบบนี้กับเจนได้ยังไงคะ!!!”เธอเอามือเล็กๆขอเธอทุบเข้าที่หน้าอกของผมซ้ำๆ ด้วยความไม่พอใจ ผมว่าผมตกลงเรื่องนี้กับเจนชัดแล้วนะ ว่าให้แสดงเป็นแฟนเพื่อหลอกแม่เท่านั้น ไม่ใช่เป็นแฟนกันจริงๆ ผมไม่ชอบการผูกมัด ค่า
จ้างผมก็จ่ายให้เธอไปแล้ว

“เจน เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไง เรื่องนี้น่ะ”

“แต่ตอนนี้เจนเป็นแฟนกับเนลนะคะ!!!”

“เจนพูดไม่รู้เรื่องหรือไง!!”

 “เนลกำลังขึ้นเสียงกับเจนอยู่นะคะ!”

“ออกไปได้แล้ว”

“อะไรนะคะ”

“ผมบอกให้ออกไป!”

“เนลไล่เจนหรอคะ เนลกล้าไล่แฟนตัวเองหรอคะ”

“เจน! ดูเหมือนเจนจะหลงประเด็นอยู่ ถึงแม้ว่าผมจะขอเจนเป็นแฟนก็จริง แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าเจนจะพิเศษกว่าคนอื่นๆนะ”

“เนล!!!”เธอตะคอกใส่หน้าผม

“เราเคยตกลงกันแล้วนะ ว่าผมไม่ชอบการผูกมัด แค่เป็นแฟนกันเพื่อหลอกแม่อย่างเดียวไม่ใช่หรอ นอกนั้นให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองไป ต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายชีวิตของกันและกัน แค่นี้เจนยังทำให้ผมไม่ได้เลย”

“เนล..เจน ขอโทษ” น้ำเสียงขอเธอเริ่มอ่อนลงแล้ว สงสัยเธอจะรู้ตัวแล้วว่าทำอะไรลงไป

“...”

“เจนแค่หึงเนลไปหน่อย..”

“เจนไม่ควรหึงผม”

“แต่เจนรู้สึกชอบเนล เจนชอบเนล”

“เจนรู้สึกชอบผมได้ แต่เจนไม่ควรรู้สึกอยากครอบคองผม เพราะนั่นมันก็เหมือนกรงที่เจนพยายามจะขังผมเอาไว้ ซึ่งผมเกลียด
มาก แต่เจนก็ยังทำ”

“เจอขอโทษ เจนลืมตัว...”

“ออกไปได้แล้วเจน!”

“เจนขอโทษ เจนขอโอกาสแก้ตัวได้ไหม เจนจะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเนลอีกแล้ว”

“...”

“เจนขอ..ขอแค่ได้อยู่กับเนลเท่านั้น ก็พอใจแล้ว”

“ออกไปได้แล้ว!”

“เจนขอโอกาส..”

“ไม่เจน ออกไปได้แล้ว ผมไม่ชอบให้ใครมาตามหึงหวง ขนาดแค่วันแรกเจนยังเป็นถึงขนาดนี้ ถ้าผมให้โอกาสไปเจนจะไปเป็น
มากกว่านี้อีกหรอ แล้วช่วยจำไว้ด้วยนะว่าผมต้องการแค่แฟนเพื่อเอาไปหลอกแม่ ไม่ใช่แฟนจริงๆ ช่วยแยกแยะด้วย!”

“เจน..”

“ออกไป!”

“….”

“จะยอมออกไปดีๆ หรือ จะให้ผมลากออกไป?”

“กรี๊ดดด!!! เนลจะทำแบบนี้กับเจนไม่ได้นะคะ!! เจนไม่ยอม” เธอส่งเสียกรี๊ดออกมาเหมือนคนสติแตก จนผมต้องรีบเอามือปิดหู
เอาไว้ คนอะไรวะเสียงโคตรแหลม!

“ผมบอกให้ออกไป!!!!”

เธอชักสีหน้าใส่ผม ก่อนจะเดินกระแทกประตูออกไปทันที

ปั้ง!

“เห้ย!!”

หลังจากที่เจนเปิดประตูออกไป ประตูก็กระแทกใส่เด็กปากเสียที่ยืนแอบฟังผมอยู่หน้าประตูจนเกือบล้ม โชคดีที่มันยังตั้งหลักไว้ได้ก่อน

"แอบฟังคนอื่นคุยกัน ไม่มีมารยาท" ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เจนเดินออกไปพ้นระยะสายตาของผมแล้ว เหลือแต่เด็กปากเสียที่ยังยืนเอ๋ออยู่หน้าประตู

"ผมไม่ได้แอบฟัง!"

"ไม่ได้แอบฟังแล้วมายืนอยู่หน้าประตูได้ไง"

"ผมเอาไวน์มาเสริฟเหอะ"

"มาถึงแล้วทำไมไม่เรียก"

"เรียกแล้ว"

"แต่กูไม่ได้ยิน"

"แต่กูเรียกมึงแล้ว หูตึงหรือไง"

"เป็นพนักงาน พูดจากับลูกค้าแบบนี้สมควรแล้วหรอ? อยากถูกไล่ออกหรือไง?"
มันทำสีหน้าไม่พอใจ ปากเม้มเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยคำๆหนึ่งออกมาด้วยความไม่เต็มใจนัก

"ขออภัยครับ"

"หึ! งั้นเอาเข้ามาไว้ข้างในเลย" มันยอมเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเอาไวน์ที่มันถือมาวางไว้บนโต๊ะ
ผมรีบสาวเท้าเดินตรงไปที่ประตูก็จะปิดประตูขังมันไว้ทันที

"เห้ย! ทำอะไร"

"อยู่ดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อย"

"ไม่ครับ ผมจะไปทำงาน หลีกไป"

"นี่ก็งานของมึง อยู่บริการลูกค้า จะบกพร่องในหน้าที่หรือไง?"

"แล้วทำไมถึงไม่ให้ผู้หญิงคนเมื่อกี้บริการล่ะครับ"

"ก็กูอยากให้มึงบริการ มึงมีปัญหาหรือไง?"

"โว๊ะ! เรื่องมากวะมึง!" มันเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจผมออกมาหน่อยๆ แต่ผมไม่สนใจมันหรอก

"นั่งดื่มเป็นเพื่อนกู"

"ผมดื่มไม่เป็น แค่รินให้เฉยๆได้ไหมครับ"

"เออๆ"

มันเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะเปิดขวดไวน์รินใส่แก้วให้ผม
เมื่อเห็นว่ามันคงไม่คิดจะหนีไปไหน จึงเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างๆมัน

ผมหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ในหัวผมพลางคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอาจริงๆมันก็ใช้ได้เลยนิหว่า เห็นดื้อๆแบบนี้แต่บางครั้งมันก็ยอมฟังคำสั่งผม และยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงมันจะไม่เต็มใจก็เถอะ อีกอย่างมันดูไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับผมสักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีเรื่องบ้าน ให้ตายยังไงมันก็คงไม่เข้ามายุ่งกับผมแน่ๆ

อีกอย่างมันเป็นผู้ชายผมก็เป็นผู้ชาย แถมมันก็ไม่ได้เรื่องมากเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่เข้ามาในชีวิตผมด้วย ถ้าเป็นแบบนี้คงอยู่ด้วยกันง่าย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เห้ย! โอเคเลยวะ

"มึง" ผมเอ่ยปากเรียกมัน

"ผมไม่ได้ชื่อมึงครับ ผมชื่อภีมกรุณาเรียกให้ถูกด้วย!"

"เออ ภีม"

"ครับ"

"ยังอยากได้บ้านมึงคืนอยู่ปะ"

"ห๊ะ!!?" มันทำหน้าตกใจออกมา ผมเลยพูดย้ำออกไป ให้มันได้ฟังชัดๆอีกครั้ง

"กูถามว่ายังอยากได้คืนอยู่ไหม บ้านน่ะ"

"พะ พี่ พูดจริงปะ"

"เออ"

พอมาคิดดีๆแล้ว ผมซื้อบ้านหลังนั้นมาเพราะอยากจะหนีจากยัยพิมนั่นเท่านั้น ถ้าผมหนีจากยัยนั่นได้ มันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรกับผมอีกต่อไป

ถ้าเด็กภีมมันสามารถช่วยผมเรื่องนี้ได้ ผมก็ยินดีที่จะคืนให้มันไป

"แล้วผมต้องทำยังไง ถึงจะได้บ้านคืน"

"มาเป็นแฟนกู"

"ห๊ะ!?"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:24:38 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #28 เมื่อ09-03-2018 00:20:41 »

เป็นเลย มีแต่ได้กับได้,,,

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 10 ข้อตกลง

“มาเป็นแฟนกู”
“ห๊ะ?”
“ถ้าอยากได้บ้านคืน มึงต้องมาเป็นแฟนกับกู”
“ให้กูไปเป็นแฟนกับมึงเนี่ยนะ ตลกละ สมองมึงเพี้ยนแล้วหรือไง”
“กูพูดจริง” สีหน้ามันจริงจังมาก ตอนที่พูดคำนี้ออกมาจนผมรู้สึกขนลุกไปหมด
ให้กูไปเป็นแฟนกับมึงเนี่ยนะ? มึงคิดจะทำอะไรของมึงวะ

ผมนั่งทวนคำพูดของไอ้พี่เนลซ้ำๆด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันถึงอยากได้ผมไปเป็นแฟน
แค่ทุกวันนี้แฟนมันก็มีเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่แล้ว..
คนอย่างมันแค่หาแฟนไม่ยากหรอก แล้วมันจะมาขอผมเป็นแฟนเพื่ออะไรวะ
หรือว่ามัน! ชอบผม
อื้ย! คิดอะไรของกูอยู่วะ สยดสยองฉิบหาย
อีกอย่าง...ผมก็เป็นผู้ชายด้วย!
 
หรือว่า!!
 
มันเป็นเกย์!!!
 
อึ้ยย ใช่แน่ๆเลย ที่มึงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าทุกวันเพียงเพราะมึงต้องการจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของมึงใช่ไหม! ตอบ!
ออกไปให้ห่างกูเลยไอ้พี่เนล ยิ่งอยู่ในห้องกับมันสองต่อสองอีก กูยังไม่พร้อมเสียประตูหลังให้มึงนะเว้ย!
ไม่ได้การแล้ว ต้องหนีมันแล้วล่ะนาทีนี้

“หยุดความคิดประหลาดๆของมึงเดี๋ยวนี้เลย กูไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ต้องมาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนั้นก็ได้”
“เอ้า! จู่ๆก็มาขอกูเป็นแฟน จะให้กูคิดว่ายังไงล่ะ ผู้ชายที่ไหนจะมาขอผู้ชายด้วยกันเป็นแฟนวะ ถ้าไม่ได้เป็น..”
“กูไม่ได้เป็น!”มันว่าด้วยน้ำเสียงดุดัน ไม่เห็นต้องเกรี๊ยวกราดขนาดนี้เลยน้องเนล ถ้าเป็นก็ยอมรับมาเหอะ
“แล้วมึงจะมาขอกูเป็นแฟนทำไมละ ถ้ามึงไม่ได้เป็นเกย์”
“กูไม่ได้อยากได้มึงมาเป็นแฟนโว้ย! กูแค่อยากให้มึงมาแสดงเป็นแฟนปลอมๆของกู เพื่อหลอกแม่ของกูเท่านั้นแหละ”
“เพื่ออะไร?”
“กูโดนแม่จับให้แต่งงานกับคนที่กูไม่ได้รัก โดยแม่กูกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า ถ้าไม่อยากแต่งงานก็ต้องหาแฟนมาเปิดตัวกับท่านให้ได้”
อ๋อ! ผมจำเรื่องนี้ได้แล้ว ที่มันขอนางฟ้าคณะแพทย์เป็นแฟนวันนั้นไง แล้วผมพยายามจะถ่ายคลิปแบล็คเมล์มัน แต่มันรู้ตัวก่อน เลยเอาโทรศัพท์ของผมไปปาลงน้ำเล่น
แต่ดูเหมือนมันจะโดนปฏิเสธด้วย ถ้าจำไม่ผิด...

เห้ย! แล้วอะไรคือโดนปฏิเสธ แล้วมาขอกูคบแทนวะ

มันคงไม่ได้คิดอะไรกับผม เหมือนที่คิดกับพี่ฟ้าหรอกนะ

“แล้วทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ...หรือว่ามึงชอบกู! แต่ต้องขอโทษด้วยวะที่ต้องบอกว่า เสียใจด้วยกูไม่ได้ชอบผู้ชาย โดยเฉพาะคนแบบมึง” ต่อให้มึงเป็นผู้หญิงกูก็ไม่เอา บอกไว้ตรงนี้เลย
“มึงแหกหูมึงออกมา แล้วควักขี้หูที่อุดอยู่เต็มสองรูหูมึงออกมาให้หมด แล้วตั้งใจฟังกูให้ดีๆ” อี๋! กูแคะเป็นประจำเหอะ!
“...”
“มึงอย่างหลงตัวเองให้มาก หน้าอย่างมึงไม่ใช่สเปคกูหรอก แค่เห็นกูก็เอาไม่ลงแล้ว อีกอย่างกูก็ชอบผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ถึงกูจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆกูก็มั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่มึงแน่นอน มึงสบายใจได้เลย” เหอะ! มึงก็ไม่ใช่สเปคกูเหมือนกันนั่นแหละ หน้าตาก็ดีแต่นิสัยเหี้ยแบบนี้ ชาติหน้านู่นแหละกว่ามึงจะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาได้น่ะ หึ!
แต่กูก็ไม่เข้าใจมึงอยู่ดีว่าทำไมถึงเป็นกูที่ต้องทนลำบากลำบนไปเล่นเป็นแฟนกับคนอย่างมึงด้วย นรกชัดๆ!
 
“แต่กูก็ไม่เข้าใจอยู่ดี บทบาทแฟนปลอมๆของมึงให้คนอื่นทำก็ได้”
“ถ้าเป็นใครก็ได้กูคงไม่เลือกคนอย่างมึงหรอก!” อ่าวไอ้สัด! เป็นกูแล้วมันทำไมวะ อย่าให้พี่ได้มีน้ำโหนะไอ้น้อง
“แล้วเป็นคนอื่นทำไมไม่ได้วะ”
“กูลองมาหลายคนแล้ว ไปไม่รอดสักคน แต่ละคนที่กูเลือกเป็นผู้หญิงที่ตรงสเปคกูทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา พอลองอยู่ด้วยกันแปปๆ ก็เสร็จกูทุกราย พอหลังจากนั้นพวกเธอก็เริ่มเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของกูมากขึ้น เริ่มแสดงอาการหึงห่วงออกมา แสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน กูทนไม่ไหว เลิกมาหลายคนแล้ว แต่ถ้าเป็นมึงกูมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นแน่ๆ เพราะเท่าที่ดูมึงเหมือนจะไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้กูสักเท่าไหร่” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องบ้านมาเกี่ยวข้องให้ตายยังไงกูก็ไม่มีวันเข้าใกล้มึงแน่ๆ กูมั่นใจ
“มึงก็เลยเลือกกู?”
“เออ อีกอย่างถ้าเป็นมึงกูคงไม่หลงตัวไปเอากับมึงแน่ๆวะ กูมั่นใจ” โห! กูก็ไม่หลงตัวไปมีอะไรกับมึงหรอกไอ้พี่เนล อย่าหลงตัวเองให้มากไปหน่อยเลย แค่คิดกูก็สยองแล้ว
 “ให้คนอื่นทำเถอะ กูคงไม่ทำ” จู่ๆก็ให้กูมาเล่นเป็นแฟนกับผู้ชาย และต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีก แถมคนๆนั้นยังเป็นไอ้พี่เนลอีก ไม่ไหววะ
“ตกลงมึงจะไม่เอาบ้านคืน?”
“เอา”
“ถ้ามึงอยากได้บ้านคืน มึงต้องมาเป็นแฟนกับกู แค่แสดงเป็นแฟนปลอมๆยากตรงไหนวะ” มันก็ไม่ได้ยากหรอก แต่คือกูไม่อยากใกล้ชิดกับมึงไง แค่คิดว่าต้องมาแสดงบทรักอันหวานชื่นกับมึง กูก็อยากจะอวกแล้ว
มีตัวเลือกให้กูเพิ่มอีกไหมวะ ขอตัวเลือกเพิ่มหน่อย แบบนี้มันน้อยไป!
“มีตัวเลือกอย่างอื่นให้กูไหม”
“ไม่มี มีแค่ ‘มาเป็นแฟนกู’ กับ ‘มีกูเป็นแฟน’ มึงเลือกเอาเลย” โอ้โห ไอ้!!เนล! ตัวเลือกมึงมันไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่เลย! เลือกอันไหนกูก็ต้องเป็นแฟนกับมึงอยู่ดี

แต่ก็..เอาเถอะ เพื่อบ้าน!!เพื่อบ้าน ท่องเอาไว้
เป็นก็ได้วะ แค่แฟนหลอกๆมันจะไปยากอะไรเซียว!
งานสบายๆ แถมยังได้บ้านคืนอีก

“ก็ได้! ผมยอมรับข้อเสนอ แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”
“มึงแค่มาแสดงเป็นแฟนปลอมๆเพื่อหลอกแม่ของกูเท่านั้น เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะแฟนกันแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวกู นอกนั้นก็ต่างคนต่างอยู่” เห้ย! โอเคเลย
“ไม่มีปัญหาครับ”
“อ้อ! อีกอย่าง มึงต้องย้ายมาอยู่กับกูที่บ้าน”
“ห๊ะ กูต้องอยู่กับมึงด้วยหรอวะ” ไม่ไหวมั้ง
“เออ นอกจากเป็นแฟนแล้ว มึงก็ต้องอาศัยอยู่กับกูด้วย เพื่อความแนบเนียน”
อืมมมม...พอมาคิดดูดีๆแล้ว  อยู่กับมันก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปหาหอใหม่อยู่ให้เสียงเงินเพิ่ม ไม่ต้องรบกวนพี่อ้อย แถมยังเหมือนได้กลับมาอยู่บ้านตัวเองอีก เออ..เข้าท่าวะ
 
“อืม..โอเคครับ ผมไม่มีปัญหา”
“ก็ดี งั้นเรามาทำข้อตกลงกันหน่อยดีกว่า”
“ข้อตกลง?”
“ใช่ ข้อตกลงของการอยู่ร่วมกับกู ถ้ามึงรับข้อเสนอนี้ มึงก็ต้องรับข้อตกลงนี้ให้ได้ด้วย”
“ข้อตกลงมีอะไรบ้าง?”
“ข้อตกลงของการอยู่ร่วมกับกู ซึ่งมึงควรจำเอาไว้ให้ดี คือ 1.ห้ามเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของกูเด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว กูคงไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมึงหรอก มึงก็อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของกูก็แล้วกัน”
“มึงสบายใจได้ อย่างมึงกูคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เสียเวลาไปมากกว่านี้หรอก”
“กูก็เหมือนกัน!”
“ข้อ 2 ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ถ้าเป็นไปได้”
“ผมก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน”
“ก็ดี งั้นข้อที่ 3 ห้ามทำเสียงดังหนวกหูเด็ดขาดเพราะกูไม่ชอบ” ปกติผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำเสียงดังอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาในข้อนี้สักเท่าไหร่
“ได้ ไม่มีปัญหา”
“ข้อที่ 4 มึงต้องดูแลบ้าน และอำนวยความสะดวกให้กูทุกอย่าง เรียกสั้นๆก็เบ๊นั่นแหละ เพราะตอนอยู่บ้านกูมีแม่บ้านคอยทำให้ตลอด แต่กูจะมีเงินตอบแทนให้มึงด้วย” ดูมันใช้คำ! เบ๊? เรียกพ่อบ้านกูยังจะสบายใจกว่านี้เลย
“อืม...โอเค” คงไม่เสียหายเท่าไหร่หรอก จะถือว่ามันเป็นการทำงาน ที่มีนายจ้างเป็นไอ้พี่เนลมันละกัน
“ข้อ 5 มึงห้ามขัดใจกู กูสั่งอะไรมึงก็ต้องทำ”
“เผด็จการฉิบหาย” ผมบ่นออกมาพึมพำ
“กูได้ยินนะ!” ทีงี้ละหูดีจัง
“แล้วทำไมกูต้องเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวด้วย ห้ามขัดใจมึงเนี่ยนะ? เหอะ! ตลกละ”
“จะเอาไหมบ้าน?”
“เอา”
“งั้นก็ต้องยอมรับข้อตกลงนี้ซะ”
 “เออๆ” คงยอมรับไปอย่างจำยอม เอะอะๆอ้างบ้านตลอด อย่าให้กูได้บ้านคืนนะมึง! กูจะจับมึงหักสองท่อนเลย!
“และข้อ 6 ห้ามชอบกู ห้ามแสดงความเป็นเจ้าของกูออกมาเด็ดขาด เพราะกูไม่ชอบยึดติดกับใคร” ห๊ะ? อะไรวะเนี่ย ข้อนี้แปลกๆนะ กูจะไปชอบมึงได้ไงไอ้พี่เนล กูเป็นผู้ชาย! แถมมึงก็ยังเป็นผู้ชายเหมือนกูอีก ถ้ามึงเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มก็ว่าไปอย่าง
“ใครมันจะไปชอบมึง โคตรหลงตัวเองวะ” ผมตอบมันออกไป กูอยากรู้จริงๆว่ามึงไปเอามั่นใจนี้มาจากไหนวะไอ้พี่เนล มันเป็นไปไม่ได้โว้ย มึงสบายใจข้อนี้ได้
“มันก็ไม่แน่หรอก คนที่ผ่านๆมา พอได้มาอยู่กับกูแล้วหลงกูทุกราย พอหลงก็เกิดอยากครอบรองกูขึ้นมาจริงๆ ซึ่งกูไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของกู กูยังอยากเป็นอิสระอยู่”
“คนที่อยู่กับมึงเป็นผู้หญิงไง ส่วนกูน่ะผู้ชาย!” แถมความรู้สึกเดียวที่กูมีต่อมึงตอนนี้ คือ เกลียด ความเกลียดมักจะแปรผกผันกับความชอบ มึงสบายใจได้
“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่เคยอยู่กับผู้ชาย”
“ห๊ะ?” โอ้มายก็อด
“เคยลองมาแล้วด้วย”
“เห้ย!” มึงเป็นเป็นเกย์แล้วแน่ๆ ผมนี่รีบเอามือปิดตูดเลย มึงอย่านะ! มึงอย่ามาแอบตีกรุงตอนกูนอนเชียว
“ไม่ใช่แบบนั้นโว้ย! ที่เคยลองน่ะ เคยลองอยู่ แต่ยังไม่เคยมีอะไรกัน! โว๊ะ! คุยกับมึงไม่รู้เรื่องวะ เอาเป็นว่าคนที่เคยอยู่กับกูน่ะ หลวมตัวชอบกูจริงจังแทบทุกราย สุดท้ายก็พยายามอ่อยกูได้ทุกวี่ทุกวัน แม้กระทั่งผู้ชายที่กูเลยลองอยู่ด้วย หมอนั่นเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมาก จนบางทีกูก็เผลอหลงไปกับความน่ารักของมันเหมือนกัน แต่ดีที่กูยังมีสติอยู่ กูเลยต้องสร้างข้อตกลงข้อนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ” โอ้โห มึงไปทำอะไรเขาหรือเปล่าไอ้พี่เนล อย่างพวก เล่นของใส่อะไรพวกนี้ เพราะดูลักษณะแล้วคนอย่างมึงมันไม่น่าหลวมตัวเข้าไปชอบเลย
“งั้นมึงสบายใจได้เลย! ว่ากูจะไม่ละเมิดข้อนี้เด็ดขาดเลย กูมั่นใจมากที่สุดในชีวิตเลย ข้อนี้ มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ว่าแต่มึงเหอะระวังตกหลุมรักกูขึ้นมาก็แล้วกัน”
“หลงตัวเองวะ อย่างมึงแค่จะเฉียดเข้าไปใกล้ๆกูก็ไม่อยากแล้ว เลิกคิดเรื่องที่ว่า กูจะไปรักคนอย่างมึงได้เลย”
“หึ! มันก็ไม่แน่หรอก เผื่อมึงคิดไม่ซื่อกับกูขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง”
“เหอะ! ไม่มีวัน”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ผมออกจะมีหล่อขนาดนี้”
“ถ้ามึงมั่นใจขนาดนั้น ลองมาพนันเล่นๆกับกูไหมล่ะ”
“พนันอะไร?”
“ถ้ามึงตกหลุมรักกูก่อน มึงต้องจ่ายให้กูล้านหนึ่ง”
“โหย! ไม่ยุติธรรมเลยวะ”
“มึงไม่มั่นใจ? ถ้าไม่มั่นใจจะไม่พนันก็ได้นะ”
“กูมั่นใจ! แล้วถ้ามึงเกิดหลงรักกูขึ้นมาก่อน กูจะได้อะไร”
“ถ้ากูตกหลุมรักมึงก่อน กูจะจ่ายให้มึงล้านหนึ่ง” โอ้โห! งานนี้มีแต่ได้กับได้ ได้ทั้งบ้าน ได้ทั้งเงินค่าทำงาน แถมยังได้เงินค่าพนันอีก คุ้มยิ่งว่าคุ้ม! ตอนนี้เริ่มอยากขอบคุณพระเจ้าที่ส่งไอ้พี่เนลมาให้ผม
“โอเค ตกลงครับ เพราะกูมั่นใจว่ากูจะต้องได้เงินจากมึงแน่นอน” หึ! เต็มเงินสดจ่ายให้กูเน้นๆล้านหนึ่งเลยไอ้น้อง!
“หึ! กูว่ามึงอาจจะต้องจ่ายให้กูล้านหนึ่งมากกว่าวะ” เหอะ! ไม่มีทางวะ มึงจะไม่มีวันได้เงินจากกูเลยสักแดงเดียว!!
คอยดู!
“แล้วจะให้กูเริ่มคบกับมึง เมื่อไหร่” ผมถามมันออกไป
“วันนี้เลย”
“ห๊ะ? มึงจะไม่ให้เวลากูเตรียมใจหน่อยหรือไง”
“มันไม่ทันแล้ว มึงต้องย้ายไปอยู่กับกูคืนนี้เลย! เรามีบทที่ต้องเตรียมกันไว้ก่อน พรุ่งนี้แม่กูจะมาหามึงที่บ้าน กรุณาเล่นเป็นแฟนกูให้เนียนๆด้วย”
โอ้โห! ให้เวลากูได้ตั้งตัวหน่อย อะไรมันจะเร็วปานนั้นวะ
 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไอ้พี่เนลมันมานั่งดื่มรอผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ตรงชั้น1 เพื่อรอรับผมกลับบ้านไปกับมันครับ ตอนแรกผมไม่ยอมไปกับมันหรอก ตั้งใจจะขึ้นรถกลับเอง แต่มันไม่ยอมท่าเดียว ดึงดันจะให้ผมกลับไปกับมันให้ได้ โดยให้เหตุผลปัญญาอ่อนที่ว่า ‘ถ้าเกิดผมโดนแท็กซี่ดักฆ่าขึ้นมา แล้วมันจะไปหาใครมาเป็นแฟนของมันล่ะ แท็กซี่สมัยนี้ยิ่งอันตรายๆอยู่ เห็นเป็นข่าวออกจะบ่อย’ ไอ้พี่เนล! กูว่าไปกับแท็กซี่ยังปลอดภัยกว่าไปกับมึงอีก แต่ผมก็ยอมไปกับมันอยู่ดี ก็อย่างว่าแหละ ขึ้นแท็กซี่มันเสียเงินนี่หว่า สู้ไปกับมันแบบฟรีๆ บริการส่งฟรีถึงบ้านไม่ดีกว่าหรอ

มันเลยลงมานั่งดื่มชิวๆรอผมตรงบาร์ ผมถามมันว่าทำไมถึงไม่นั่งรอที่ห้อง ไหนๆแม่งก็เสียเงินเปิดห้องแล้ว มันบอกผมว่า ‘อยู่ในห้องไปก็เห็นแค่ผนังสี่เหลี่ยม สู้เอาเวลามานั่งส่องสาวข้างล่างดีกว่า’ เจริญไหมล่ะ!

 ตอนนี้ก็เป็นเวลา ตี 2 กว่าๆแล้ว ผมรู้สึกอ่อนหล้าไปหมดทั้งตัวเลย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเป็นพนักงานเสริฟที่นี่จะเหนื่อยหล้าได้ขนาดนี้ ลูกค้าที่นี่มากันไม่ขาดสายเลย ผมต้องคอยรับออเดอร์และนำเอาไปเสริฟแทบไม่ได้หยุดพัก นี่ขนาดกูพึ่งมาทำงานวันแรกนะ!
 
พอผมเลิกงานเสร็จแล้ว ก็รีบเดินตรงดิ่งไปหาไอ้พี่เนลที่นั่งรอผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ทันที เห็นมันกำลังนั่งคุยออกรสออกชาติกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยเซ้งกระเดะเลยล่ะครับ
อะไรวะ! โลกนี้แม่งไม่ยุติธรรมเลย ดูไอ้พี่เนลมันดิ แปปๆก็หาผู้หญิงคุยได้แล้ว ส่วนผมร้อยวันพันปีไม่เคยจะหาได้เลย!
 
ผมเดินไปหาไอ้พี่เนลที่นั่งรออยู่ตรงบาร์ ไม่อยากไปรบกวนเวลาคุยมัน จึงเอานิ้วสกิดไปที่หัวไหล่มันแทน

“อ่าว เลิกงานแล้วหรอ”มันหันขึ้นมามองหน้าผม ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา
“อืม”
“งั้นผมไปก่อนนะครับคุณแคท” มันหันกลับไปบอกลาผู้หญิงที่มันนั่งคุยด้วย
“งื้ออ จะไปแล้วหรอคะ แคทยังอยากอยู่กับเนลต่ออีกสักนิดจัง” คุณแคทพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ตอนนี้มันก็จะเช้าแล้วด้วย ผมต้องรีบกลับ”
“แย่จัง”
“งั้น..เอางี้ไหมครับ เอาเบอร์ผมไป แล้วเราค่อยติดต่อกันทีหลัง ดีไหมครับ?” ไอ้พี่เนลทำสายตาแพรวพราว พร้อมกับส่งยิ้มทรงเสน่ห์ส่งไปให้เธอ
หึ! อ่อยไปทั่วเลยนะมึง กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่มึงเขาถึงหาเมียมาให้มึงน่ะ ตอนนี้กูเห็นด้วยกับแม่มึงเป็นอย่างมาก มึงควรจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนสักที จะได้ไม่ไปไล่อ่อยคนอื่นเขาแล้วทิ้งอย่างไม่ใยดี กูสงสารผู้หญิงเขาวะ
“ค่ะ ดีค่ะ” พูดจบยัยคุณแคทก็รีบยื่นโทรศัพท์ของเธอไอ้พี่เนลไป มันก็รับมา พร้อมกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองใส่ไปในเครื่องของคุณแคท สักพักมันก็ยื่นคืนให้เธอ
“แล้วเจอกันใหม่นะครับ” มันบอกลาคุณแคทพร้อมเดินสาวเท้าออกจากผับไป ผมเห็นมันเดินออกไปโดยไม่คิดจะรอ ก็รีบสาวเท้าตามมันออกไปทันที


มันเดินตรงมาที่ลานจอดรถชั้น G ของผับ ผมก็เดินตามมันไปเรื่อยๆครับจนถึงรถของมัน รถของมันเป็นสปอร์ตคันสีขาวที่ผมแสนจะคุ้นตาดี  ดูกี่ทีๆก็โคตรเท่เลย ผมอยากลองขึ้นไปขับสักครั้งในชีวิตดูเหมือนกัน

“จะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ขึ้นมาได้แล้ว กูง่วง”
“ครับๆ”
ผมรีบสาวเท้าขึ้นรถไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามของมันทันที กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงรีบ ที่แท้ก็ง่วงนี่เอง โถ่ๆน้องเนล แค่นี้ก็ง่วงแล้วหรอ
พอผมขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย มันก็รีบขับรถออกไปทันที
 
ตอนนี้ในรถเงียบมาก เงียบอย่างกับป่าช้า เราต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา มันก็มองถนนของมันไป ส่วนผมก็มองที่ข้างทาง มันมืดจนผมมองอะไรแทบไม่เห็นหรอกครับ แต่ผมก็ยังคงมองมันต่อไปเรื่อยๆ มีแต่แสงไฟข้างถนนเท่านั้นที่ยังคอยช่วยส่องสว่างได้บ้าง
เงียบจริง...

ผมทนไม่ไหวจึงถามมันออกไปเพื่อทำลายความเงียบที่มีลง
 “มึง จะกลับบ้านมึงเลยหรอวะ”
“เออ” มันตอบผมโดยที่สายตาของมันยังมองไปที่พื้นถนนอยู่
“แล้วกูล่ะ”
“มึงก็ไปนอนบ้านกูไง”
“แล้วเสื้อผ้า ของใช้กูที่อยู่ร้านที่อ้อยล่ะ”
“เอาไว้นั่นแหละ พรุ่งนี้ค่อยไปเอา”
“อ้าว! แล้วกูจะใส่อะไรละวะ”
“ใส่ตัวเดิม”
“สกปก”
“เรื่องมากจังวะ งั้นก็ใส่ของกูไป”
“ให้กูใส่เสื้อผ้าของมึงเนี่ยนะ?”
“เออ มึงมีปัญหา? ถ้ามีแม่งก็ไม่ต้องใส่มันละ”
“ใส่ก็ใส่วะ”
“เออ! อีกอย่างนะติดใจกูมาหลายทีละ กรุณาใช้สรรพนามกับกูให้มันดีๆหน่อย กูเป็นรุ่งพี่มึงนะ จะมาใช้กูกับมึงได้ไง ต่อไปนี้กรุณาเรียกกูว่าพี่”
“แล้วทำไมกูต้องเรียก?”
“นี่เป็นคำสั่ง!!”
ไอ้คนเผด็จการ!

 
รถของพี่เนลเคลื่อนมาจอดตรงลานจอดรถของบ้านมันเป็นที่เรียบร้อย ผมเดินลงมาจากรถ สายตาสอดส่องสำรวจไปทั่วบริเวณบ้าน ตอนนี้สวนถูกจัดแต่งใหม่ทั้งหมด สระน้ำก็ถูกทำความสะอาดเรียบร้อย แถมในสระก็ถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำ พร้อมใช้งาน ทางเดินเข้าบ้านก็ถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด มันเปลี่ยนไปเยอะจนแทบไม่มีเค้าโครงเดิมอยู่แล้ว
 
พี่เนลเดินลงจากรถ ตรงไปเปิดประตูบ้าน มันเดินนำผมเข้าไปข้างในบ้าน ผมก็เดินตามมันเข้าไปทันที
ไม่เพียงแต่ข้างนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ข้างในก็เปลี่อยนไปทั้งหมดเช่นกัน เฟอนิเจอร์ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทำให้ข้างในนี้ดูหรูขึ้นและน่าอยู่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว บางส่วนของบ้านก็ถูกแต่งเติมขึ้นมาใหม่ ทำให้ผมรู้สึกไม่คุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างมา ผ่านไปแค่ไม่กี่วันบ้านผมเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอวะ
 
“มึงนอนห้องนี้นะ” มันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ซึ่งมันก็คือห้องนอนเก่าของผมนั่นแหละ ก็ดีเหมือนกันที่ได้นอนห้องของตัวเอง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ครับ”
“เดี๋ยว!” ผมกำลังจะเดินตรงเข้าไปเปิดประตูห้องนอนเก่าของตัวเอง เพื่อจะได้เข้าไปนอนพักผ่อนสักที วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยหล้าพอสมควร ร่างกายต้องการพักผ่อน! แต่ก็ถูกไอ้พี่เนลมันพูดห้ามขึ้นมาก่อน อะไรของมันอีกวะ
“ห้องนี้...มึงค่อยมานอนพรุ่งนี้ ส่วนคืนนี้มึงก็ไปนอนตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็แล้วกัน”
“ห๊ะ? ทำไมคืนนี้กู!...เอ่อ ผมถึงนอนห้องนี้ไม่ได้”
“ก็ห้องนี้กูเอาไว้ทำเป็นห้องเก็บของ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คนมาเคลียร์ห้องให้ เพราะงั้นคืนนี้มึงก็นอนที่ห้องนั่งเล่นไปก่อน” ดูมันทำกับห้องสุดที่รักกู!! มึงกล้ามากที่เอามาทำเป็นห้องเก็บของ
“ครับๆ” สำหรับผมนาทีนี้จะนอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอแค่ได้นอนเถอะ
“ส่วนเรื่องอาบน้ำ ไปอาบที่ห้องของกูแล้วกัน” ผมก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินตามมันไปที่ห้องนอนของมันที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของผม เมื่อก่อนห้องนี้เคยเป็นห้องรับรองแขกที่มาพักที่บ้านครับ อย่างพวกเพื่อนของพ่อ หรือ พวกญาติๆฝ่ายแม่ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครมานอนหรอกครับ จึงปล่อยเอาไว้ว่างๆ ไม่คิดว่าไอ้พี่เนลมันจะเลือกห้องนี้เป็นห้องของมัน อาจจะเพราะห้องนี้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆก็ได้
มันเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป ผมก็สำรวจห้องของมันไปพลาง ตอนนี้ห้องนี้ถูกจัดแต่งขึ้นมาใหม่ คลุมโทนขาวดำเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นเป็นพื้นไม้ลามิเนตสีบีชอ่อนโยน มีพรมขนาดใหญ่สีดำสลับขาวปูอยู่ปลายเตียง ส่วนด้านข้างห้องมีแผ่นกระจกสีดำทึบกั้นเอาไว้ ให้เดาด้านในน่าจะเป็นห้องแต่งตัวของมันละมั้ง
“มึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย อะนี่ผ้าเช็ดตัว เดี๋ยวกูไปหาเสื้อผ้ามาให้มึงใส่ก่อน” ผมรับผ้าเช็ดตัวมา พร้อมพยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำทันที
ผมเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดไว้ตรงราวแขวน แล้วเดินตรงไปที่ฝักบัว ห้องน้ำของไอ้พี่เนลมันมีทั้งอ่างอาบน้ำ และฝักบัวเลยล่ะครับ ผมเลือกใช้ฝักบัวเพราะจะได้ใช้เวลาในการอาบน้ำได้ไวกว่า แถมตอนนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์มานั่งแช่อ่างน้ำชิวๆด้วย ผมง่วงมาก รีบๆอาบน้ำดีกว่าจะได้ไปนอนสักที
ซ่า ~
เสียงน้ำกระทบผิวกายเมื่อผมเปิดน้ำชำระร่างกายของตัวเอง ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามากพอสมควร ไม่ได้อาบน้ำสบายๆแบบนี้มาหลายวันแล้ว แถมตอนนี้ผมก็กำลังอาบน้ำอยู่ที่บ้าน(ที่เคยเป็น)ของตัวเองด้วย มันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ
ผมจัดการบีบครีมมอาบน้ำใส่ฝ่ามือ แล้วจัดการถูให้เกิดฟองทั่วตัว ได้กลิ่นหอมๆของครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้แล้วมันทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
 
แอ๊ดดดด
 
“เห้ย!” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆไอ้พี่เนลมันก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง มือทั้งสองข้างรีบเลื่อนไปปิดส่วนแก่นกายโดยอัตโนมัติ
“พะ พี่ จะเข้ามาทำไมวะ”ผมพูดออกไปด้วยความตะกุกตะกัก ตอนนี้ยอมรับว่าอายมันมาก ไอ้เหี้ยนี่ก็ยืนมองอยู่นั่นแหละ
“กูเอาเสื้อผ้าเข้ามาให้” มันพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย สายตามันยังคงมองผมไม่อยู่ละสายตา มึงจะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมวะ เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วก็รีบๆออกไปสิเห้ย! ต้องมายืนเปลือยให้คนอื่นเห็นแบบนี้กูก็อายเป็นนะเว้ย
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วพี่ก็รีบออกไปได้แล้ว ผมจะอาบน้ำ”
“หือ?” มันเลิกคิ้ว
“มะ มองอะไรอยู่ได้นักหนาวะ ออกไปสิโว้ย!”
“ขาวดีวะ”
“ขาวพ่อง!”
"เนียนไปหมด”
“เนียนเชี่ยไร”
“เอวบางเหมือนกันนะเรา”
“ไอ้ห่า ออกไปสิวะ มึงจะอยู่ดูมังกรกูหรือไง” ยิ่งพูดกูก็ยิ่งรู้สึกอาย
“เหอะ! มึงแน่ใจหรอวะว่าเป็นมังกร กูว่าอย่างมึงหนอนน้อยมากกว่ามั้ง เอามือเล็กๆของมึงปิดไว้ก็มิดแล้ว”
อื้อหือ ดูมันพูดจา! มึงอย่ามาดูถูกลูกชายกูนะเว้ย ใหญ่ระดับเรียกพ่อมังกร ก็ของกูแล้วล่ะ
“หึ! ว่าแต่ของมึงเหอะ สู้ของกูได้ไหม”
“มึงจะลองดูไหมล่ะ” พี่เนลมันไม่พูดเปล่า มือของมันค่อยๆเลื่อนลงไปปลดเข็มขลัดของตัวเองออก พร้อมสาวเท้าก้าวมาหาผมเรื่อยๆ มึงจะทำอะไร!
ผมรีบถอยหลังหนีมันทันที จนตอนนี้แผ่นหลังของผมชิดติดกับพนังห้องน้ำ พี่เนลมันก็ก้าวเข้ามาหาผมต่อเรื่อยๆ ส่วนมือทั้งสองข้างที่ปลดเข็มขัดได้แล้ว ก็ค่อยๆเลื่อนลงมารูดซิปกางเกงของตัวเองลงทีละนิด
จนตอนนี้เผยให้เห็นเป้านูนๆผ่านกางเกงบ๊อกเซอร์ของมันที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกง ที่ตอนนี้ถูกรูดซิปลงจนสุด
อื้อหือ ใหญ่กว่าพ่อมังกรกูก็มันเนี่นแหละ
พี่เนลมันไม่หยุดอยู่แค่นี้ มันค่อยๆดึงขอบกางเกงบ๊อคเซอร์ของมันลงอีก เห้ย! หยุด สต็อปเลย  สต็อป! มึงไม่ต้องเอากางเกงชิ้นสุดท้ายที่อยู่บนตัวมึงลงแล้วก็ได้ แค่นี้กูก็รู้แล้ว หยุดด!
“เป็นโรคจิตหรือไงมึงน่ะ เที่ยวไล่เปิดของสงวนโชว์คนอื่นเขาไปทั่ว!”
“พูดจาให้มันดีๆหน่อย ถ้ามึงยังปากเสียแบบนี้ กูจะอยู่อาบน้ำกับมึงเนี่ยแหละ อาบน้ำอ่างเดียวกันประชันมังกรเลยไหม?”
โคตรเหี้ยยยย! แม่งขู่กูวะ จะให้ทำยังไงได้วะ ต้องยอมมันไปตามระเบียบ
“พี่เนลครับ ออกไปเถอะครับ ผมขอร้องล่ะ ผมจะอาบน้ำต่อแล้ว..นะครับ” โคตรกระดากปาก
“ไม่ขอบคุณกูสักคำหน่อยหรือไง คนเขาอุส่าไปหาเสื้อผ้ามาให้มึงใส่” เรื่องมากวะมึง ได้คืบจะเอาศอก
“ขอบคุณครับ”
“หึ! ก็แค่นี้แหละ” มันพูดจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำแต่โดยดี
ทิ้งให้ผมใจเต้นตุบตับด้วยความผวาอยู่คนเดียวในห้องน้ำ
อาบน้ำต่อ แล้วรีบๆไปนอนดีกว่า รู้สึกว่านี้ใช้พนังงานเยอะเหลือเกิน!!!
พออาบน้ำเสร็จ ผมก็หยิบเสื้อผ้าของพี่เนลที่เอาวางไว้ตรงอ่างล้างหน้ามาใส่ทันที มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวใหญ่พอสมควร กับกางเกงบ๊อคเซอร์สีดำครับ พอจัดการใส่เสร็จผมรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องมันแล้วตรงดิ่งที่ห้องนั่งเล่นทันที
ที่ห้องนั่งเล่นจะมีชุดโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ มันใหญ่พอที่ผมจะนอนได้สบายๆเลยล่ะครับ บนโซฟายังมีหมอนอิงวางเรียงกันอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว ผมจัดการเอาหมอนอิงมาวางไว้เป็นหมอนสำหรับหนุนนอน ก่อนจะนำร่างที่แสนเหนื่อยหล้าของตัวเอง เอนลงนอนกับโซฟา
พอหัวถึงหมอน เปลือกตาก็ค่อยๆปิดลงเรื่อยๆ
ขอนอนเอาแรงก่อนก็แล้วกัน
อยู่กับไอ้พี่เนลแล้วต้องใช้พลังงานเยอะพอสมควร ไม่รู้พรุ่งนี้มันจะหาเรื่องอะไรมาให้ผมปวดหัวอีกไหม
ต้องนอนเอาแรงเพื่อรับมือคนอย่างมัน
คร่อกฟี้


[Nel talk]
ผมนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายครั้ง
เชี่ย! นอนไม่หลับ
ผมมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ตอนนี้มันบ่งบอกเวลา 03.45 น.แล้ว
อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว แต่ตัวผมตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ หรือจะไม่นอนดีวะ
ผมลืมตามองเพดานห้องด้วยความว่างเปล่า อารมณ์ตอนนี้คือง่วงมากแต่นอนไม่หลับ ข่มตาหลับได้อย่างเดียว แต่ยังอยู่สึกตัวอยู่ตลอดเวลา โคตรทรมาน
ทำไงดีวะ ลงไปหาอะไรอุ่นๆดื่มก่อนก็แล้วกันเผื่อจะช่วยทำให้ผมนอนหลับได้บ้าง

ผมจัดการลุกจากเตียง เดินลงไปหาอะไรดื่มที่ครัวชั้นล่าง เปิดตู้เย็นมาเจอแต่น้ำเปล่า เจริญละ! ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้ซื้ออะไรใส่ตู้เย็นเลย ผมจัดการหยิบน้ำเปล่าออกมาใส่กาต้มน้ำทำให้มันอุ่นก่อนเทใส่แก้วดื่ม
พอดื่มเสร็จตั้งใจจะเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน สายตาเหลือบไปเห็นไอ้เด็กภีมมันนอนหลับสนิทอยู่ตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น จึงเดินเข้าไปหามันใกล้ๆ
เห็นมันนอนขดตัวอยู่บนโซฟา สงสัยเพราะอากาศค่อนข้างเย็นลงแล้ว ทำให้มันหนาวขึ้นมา ที่นี่มีผ้าห่มอยู่ผืนเดียวด้วย ผมคงไม่เสียสละยกให้มันห่มเองหรอก ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้น
ผมเอามือไปสกิดๆมัน แต่ดูเหมือนมันจะหลับลึกมาก จึงไม่รู้สึกตัวเลย
ตอนนี้ตัวมันเย็นเฉียบเลย
เอาไงดีวะ
ปล่อยมันหนาวตายอยู่ตรงนี้เลยก็คงไม่ดี
เฮ้อ ขนาดมึงหลับยังต้องมาเป็นภาระกูอีกหรอวะ

ผมจัดการช้อนตัวอุ้มมันขึ้นมา แล้วเดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนของผม จัดการวางมันลงกับเตียงนอน
ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงไปนอนข้างๆมัน แล้วห่มผ้าที่มีอยู่ผืนเดียวให้มัน ก่อนจะห่มส่วนที่เหลือให้ตัวเอง

ได้กลิ่มแชมพูอ่อนๆจากผมของมันลอยมาแตะจมูกด้วย มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

ผมหลับตาลง ก่อนที่สติของผมจะค่อยๆดับไป

พรุ่งนี้ถ้ามันตื่นมา แล้วเห็นผมนอนอยู่ข้างๆ จะเป็นยังไง ก็ค่อยว่ากันอีกที
[End Talk]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2018 16:47:15 โดย Gansa »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด