[want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]  (อ่าน 47577 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 14 ช่วย


เสียงเพลงจังหวะหนักๆบรรเลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งผับ กลุ่มวัยรุ่นหญิงชายเต้นอย่างลืมโลก สนุกสุดเหวี่ยง บางคนก็นั่งดื่มเหล้าสนทนากับเพื่อนอยู่ที่โต๊ะ หรือที่มาคนเดียวก็จะมีพนักงานของผับคอยนั่งรินเหล้า อยู่คุยเป็นเพื่อน

 

วันนี้ผมแอบพี่เนลมาทำงานที่ผับ เพราะต้องการใช้เงินด่วน จึงเลือกมาที่นี่เพราะลูกค้าให้ทิปหนัก แค่เอาเหล้าไปเสริฟก็ได้เงินมาหลายร้อยแล้ว บางคนใจป๋าหน่อยก็ให้หลักพัน ถึงจะเหนื่อยหน่อยก็ถือว่าคุ้ม

 

ตอนนี้ก็ขออย่างเดียว...อย่าให้ผมได้เจอกับมันเลย

 

คงไม่เจอหรอกมั้ง คนอะไรจะซวยได้ขนาดนั้น

ถ้าเจอก็ไม่รู้แล้วว่าพรหมลิขิต หรือวิญญาณตามติดกันแน่

 

คนอะไรจะตามไปได้ทุกที่ขนาดนั้น

 

“ภีม” พี่พนักงานประจำเรียกผมให้หลุดออกจากภวัง

 

“ครับ?”

 

“ไปรับออเดอร์ที่โต๊ะสามให้หน่อย” พร้อมยื่นครื่องรับออเดอร์ส่งมาให้ผม

“ครับๆ” ผมรับครื่องรับออเดอร์จากมือพี่เขามาก่อนเดินตรงไปที่โต๊ะ 3 ทันที

โต๊ะนี้เป็นกลุ่มผู้ชายราวๆ 6 คนได้ ท่าทางเถื่อนใช้ได้เลย

 

“ผมมารับออเดอร์ครับ”

 

“อูยย พี่พึ่งรู้นะเนี่ย ว่าพนักงานเสริฟของที่นี่ น่ารักขนาดนี้” ไอ้ผู้ชายตัวเขือน ศักลายปอมปอมปูรินเต็มตัวพูดขึ้นมา

โอ้โห ยอมใจพี่ว่ะ หน้าเถื่อนแต่อยากแบ๊วว่างั้นเถอะ

 

เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ ใครน่ารักๆ

 

“ใครน่ารักครับ” ให้เดาก็น่าจะเป็นพี่พนักงานผู้หญิงของผับละมั้ง แต่ไม่รู้ว่าคนไหน จึงถามมันออกไป

เรื่องเป็นกามเทพสื่อรัก ไอ้ภีมถนัดนัก บอกมาเลยเดี๋ยวพี่ภีมช่วยเอง

 

“ก็น้องไง”

 

“ผม?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ตลกแล้วพี่ ผมหล่อตากหาก ฮ่าๆ”

พี่มันเล่นมุขอยู่ใช่ไหม ผมช่วยขำให้

 

“น่ารักว่ะ พี่เริ่มถูกใจน้องแล้ว ค่าตัวเราเท่าไหร่”

มันพูดเรื่องอะไรวะ ค่าตัวอะไร?

ค่าตัว? เงินเดือนหรือเปล่า?

ทำไมมันใช้คำกำกวมแบบนั้นวะ

แล้วมันจะรู้เงินเดือนของผมไปทำไม

หรือว่า!

กำลังร้อนเงินอยู่สินะ โถ่ๆ น่าสงสารว่ะ

จะบอกให้ก็ได้

 

“เดือนละ 2 หมืนครับพี่”

 

“หูว เดือนละ 2 หมื่น แบบนี้จ่ายไปแล้ว ก็’เอา’ได้ทุกวัน จนกว่าจะครบเดือนเลยใช่ปะ”

 

อันนี้กูว่าไม่ใช่ละ

 

“พี่พูดเรื่องอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ ที่บอกว่า 2 หมื่น คือเงินเดือนของผมครับ”

 

“พี่ไม่ได้อยากรู้เงินเดือนของน้องสักหน่อย พี่อยากรู้ว่าตัวน้องน่ะ ‘ขาย’เท่าไหร่”

 

อะไรวะ! พูดเหมือนกูจะมาขายตัวอย่างงั้นแหละ

 

“ผมว่าพี่กำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ ผมแค่มารับออเดอร์ตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาขายตัว ถ้าพี่ไม่สั่งอะไร งั้นผมขอไปรับออเดอร์ที่โต๊ะอื่นก่อนนะครับ”

 

“ใจเย็นๆสิครับ พี่แค่ล้อเล่นเอง” ไอ้หน้าเถื่อนสักปอมๆยื่นมือมาจับแขนผมเอาไว้ “เอ้าๆ อยากกินอะไรก็สั่งที่น้องมันสิโว้ย”

 

เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อน พวกมันก็จัดการสั่งกันแหลกเลยครับ

 

ผมกดคีย์รายการใส่เครื่องรับออเดอร์ไป เสร็จแล้วก็ทวนรายการให้พวกมัน เมื่อเห็นว่ารายการไม่มีปัญหาอะไร จึงก้าวขาเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว

 

ระหว่างรอพี่พนักงานหน้าบาร์เตรียมออเดอร์ให้พวกนั้น

 

ผมก็มารับออเดอร์โต๊ะอื่นไปก่อน รู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่ตลอดเวลา จึงหันไปดู เป็นไอ้ปอมๆนั่งแหละ จ้องผมไม่ละสายตาเลย

 

ขนลุกว่ะ

 

ทำไมถึงรู้สึกว่ามันคิดจะทะลวงตูดกูอยู่วะ

น่ากลัวฉิบหาย

 

ระหว่างคีย์ออเดอร์อยู่ สายตาก็เหลือบไปมองที่บาร์เป็นพักๆ ด้วยความลุ้นระทึก

 

สักพักพี่พนักงานบาร์ก็จัดออร์เดอร์ของไอ้ปอมๆและเดอะแก๊งใส่ถาด มาวางไว้

รอพนักงานเอาไปเสริฟ ผมที่กำลังรับออเดอร์โต๊ะอื่นอยู่ไม่ว่างไปรับ พี่ผู้หญิงคนหนึ่งจึงเอาไปเสริฟให้แทน

 

ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

รอดแล้วกู

 

เห็นอย่างนั้นผมจึงหันมาคีย์ออเดอร์ให้ลูกค้าต่อโดยไม่สนใจพวกโต๊ะ3อีก

 

คีย์จนเสร็จ ก็รับรู้ได้ถึงแรงสกิดที่หัวไหล่ จึงหันไปมอง

เป็นพี่ผู้หญิงคนนั้น เธอยื่นถาดนรกส่งมาให้ผม

 

“โต๊ะ 3 ไม่ยอมรับ เขาบอกว่าให้น้องเป็นคนเอาไปเสริฟ” เสียงยมทูตจากนรกเรียกผมให้ไปตายแล้ว

ผมจำต้องรับถาดนั้นมาอย่างจำยอม “ครับ”

 

“ฝากด้วยนะ เอ้อ! พวกนั้นเป็นลูกค้าประจำนะ บริการให้ดีๆล่ะ” พร้อมเอามือตบที่ไหล่ผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

 

อยากตาย! จะมีอะไรที่แย่กว่านี้อีกไหมวะ

 

ผมเดินไปที่โต๊ะสาม เห็นไอ้ปอมๆมันยิ้มเย้ยผมด้วย

แค้นนิดหน่อยแต่เจ็บใจมากๆ

 

จัดการเอาขวดเหล้าตั้งไว้บนโต๊ะพวกมันทีละขวดตามหน้าที่

รับรู้ได้ถึงแรงบีบที่ตูด จึงหันไปมองทางไอ้ปอมๆ

มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับว่ามันไม่ได้ทำอะไร

 

แต่ผมรู้ว่ามันแอบจับตูดผมแน่ๆ ไอ้ห่าเอ้ย! อยากต่อยหน้ามันสักหมัด แต่ทำอะไรไม่ได้

เพราะมันเป็นลูกค้า

 

ผมทำเป็นไม่สนใจมัน หันมาจัดการกับแก้วเหล้าต่อ

สักพักก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบที่ตูดอีก แต่ครั้งนี้มันแช่มือค้างไว้เลยครับ

 

“ทำอะไรวะ!” ผมรีบดึงมือมันออกจากตูดทันที

 

“ก็จับตูดไง ไม่น่าถาม”มันส่งสายตาหื่นให้ผม พร้อมยกมือขึ้นมาทำท่าขยุ้ม

 

“ฮ่าๆ” เพื่อนมันหัวเราะร่วน

 

“แล้วเป็นไงมั่งวะ”เพื่อนหน้าปลวกของมันถามขึ้น

 

“นิ่มว่ะ นิ่มจนตอนนี้น้องชายกูแข็งหมดแล้ว สงสัยต้องเปิดห้องแล้วมั้งงงง”ไอ้ปอมพูดลากเสียงยาว

 

ไอ้สัด หน้าตาน่ากลัว ก็อย่าพูดจาน่ากลัวแบบนั้นสิวะ

ได้ยินแล้วขนลุก

 

“ฮ่าๆ กูว่าแล้ว” เพื่อนของไอ้ปอมคนหนึ่งพูดพร้อมโยนกุญแจให้มัน “กูเปิดห้องให้แล้ว ตามสบายเลย เรื่อค่าตัวกูตกลงกับผู้จัดการไว้แล้ว”

 

“รู้ใจกูจริงๆว่ะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู ขอบใจมาก” ไอ้ปอมพูดพลางยักคิ้วให้ไปจึกหนึ่ง

 

ตอนนี้ผมพอจะประเมินสถานการณ์ได้แล้ว ไอ้ห่าปอมเป็นเกย์แน่ๆ เผลอๆอาจจะเป็นเกย์กันทั้งแก๊งนั่นแหละ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญตอนนี้คือมันกำลังจะพาผมขึ้นห้อง และมันกำลังจะเข้าตีกรุงเพื่อให้ผมเสียเอกราช

 

ไม่ได้การแล้ว ขอตัวหนีก่อน

 

ผมรีบก้าวขาหนีออกจากโต๊ะนั่นทันที แต่ไอ้ปอมไหวตัวทันรีบเอามือเข้ามาสอดระหว่างแขน ล็อคตัวผมเอาไว้ก่อน

“เห้ย! ปล่อย”

 

 “ใครยอมปล่อยไปง่ายๆล่ะ น่ารักขนาดนี้”

 

“ปล่อยกู!”

 

ไอ้ปอมออกแรงลากผมให้เดินตรงไปที่ลิฟต์ โดยไม่สนใจเสียงตระโกนของผมเลย

พยายามออกแรงดิ้นสุดแรงเกิด จนไอ้ปอมเริ่มอ่อนแรงลง ค่อยๆคลายมือที่ล็อคตัวผมลง

นาทีนี้แหละ ออกแรงเฮือกสุดท้ายจนมันเผลอปล่อยตัวผมออกจากการเกาะกุม

กำลังจะออกตัววิ่งสุดแรง ก็ถูกเพื่อนของไอ้ปอมสองคนที่ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ล็อคตัวเอาไว้ก่อน

 

แม่ง กัดไม่ปล่อยเลยว่ะ

 

หลังจากประตูลิฟต์เปิด พวกมันก็ลากผมเข้าไป แล้วกดเลขไปยังชั้น 3ทันที

 

 

พอลิฟต์เคลื่อนมาจนถึงชั้น 3 มันก็ลากผมเดินตรงไปที่ห้องของมัน ผมก็พยายามดิ้นสุดทาง พร้อมแหกปากโวยวายให้พวกมันหูแตกไปข้างหนึ่ง

 

แต่ก็ทำพวกมันอะไรไม่ได้

 

แกร็ก แอ๊ด

 

ไอ้ปอมไขกุญแจเข้าไป ก่อนจะสั่งให้เพื่อนมันโยนผมเข้ามาในห้อง

เพื่อนมันที่ทำหน้าที่เสร็จแล้วก็เดินออกไปโดยไม่ต้องออกปากไล่

 

มันเดินทำหน้าหื่นเข้ามาหาผมก่อนจะกระชากตัวผม แล้วเหวี่ยงลงเตียงอย่างแรง พร้อมเอาร่างควายๆของมันเข้ามาค่อมผมไว้

 

มันใช้ขาทั้งสองข้างกดทับขาของผมเอาไว้  ไม่ให้ลุกหนีไปไหน

 

 

เหี้ยแล้ว..จะต้องเป็นเมืองขึ้นของมันจริงๆเหรอวะ

กัดลิ้นตายตอนนี้ได้ไหม

 

“ปล่อยกู”

 

“...”มันไม่ตอบอะไร นอกจากใช้สายตาสำรวจร่างกายของผมอย่างหื่นกระหาย

 

“ไม่ปล่อย กูต่อย”

 

“ปากดีจัง”

 

ผัวะ

 

ผมตัดสินใจสวนหมัดใส่ไอ้ปอม จนหน้าของมันหันไปตามแรงที่ผมต่อย

 

 “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก” ไอ้ปอมหันมามองหน้าผม ก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของผมไว้เหนือศีรษะ

มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบเชือกจากลิ้นชักข้างเตียง มามัดมือทั้งสองข้างของผมให้ติดกับหัวเตียง

 ทีนี้ขยับไปไหนไม่ได้เลยครับ

 

“ปล่อย กูไม่นิยมเพศเดียวกัน”

มันแสยะยิ้ม ก่อนจะเคลื่อนมือขึ้นมาจับสันกรามผมพร้อมออกแรงบีบ จนผมรู้สึกเจ็บไปหมด

 

“หึ แล้วไง สุดท้ายมึงก็ต้องเป็นเมียกูอยู่ดี”

 

“ถ้าให้กูเป็นเมียมึง กูยอมตายดีกว่า ฆ่ากูเลยสิ ฆ่ากูเลย!” ผมตะคอกใส่หน้ามัน

 

ผัวะ

 

หมัดหนักๆกระทบเข้าสันกรามอย่างแรง รับรู้ถึงรสชาติของเลือดที่ไหลซึมผ่านกระพุ้งแก้ม

จนคาวไปทั้งปาก พร้อมเลื่อนมือขึ้นมาออกแรงบีบตรงแผลซ้ำๆเป็นการตอกย้ำแผลนั้น

จนรู้สึกปวดไปหมด

 

จากนั้นมันก็เลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของผมทีละเม็ดๆ จนถึงเม็ดสุดท้าย ก่อนจะใช้มือหยาบกระด้างลูบตั้งแต่ต้นคอ ค่อยๆไล่ลงมายังแผงอก ลูบวนอยู่ที่จุดเดิมซ้ำๆ ก่อนจะเคลื่อนมือลงมาจบที่แก่นกายของผม

 

รู้สึกขยะแขยงว่ะ

 

ผมพยายามออกแรงดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของมัน เนื้อตัวสั่นไม่หยุดเพราะความกลัว ลมหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ แทบหายใจไม่ทัน รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา จนอยากอวก

ตอนนี้ผมรู้สึกอยากหนีออกไปจากที่นี่ อยากหนีไปให้ไกล

จู่ๆก็นึกถึงคำพูดของพี่เนลขึ้นมา ถ้าหากผมไม่แอบหนีมันมาทำงานก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้

 

ปึง!

เสียงคนถีบประตูเข้ามาจนประตูกระทบกับฝาผนังอย่างแรง มันเดินตรงมากระชากไอ้ปอมออกไปจากตัวผม

แล้วเหวี่ยงไอ้ปอมลงพื้น ก่อนจะต่อยเข้าที่สันกรามหนักๆ

 

ผัวะ ผัวะ ผัวะ

 

มันกระหน่ำหมัดต่อยไอ้ปอมไม่ยั้ง เหมือนระบายความโกรธที่สุมอยู่ในอก

ต่อยขนาดนี้ เหมือนแค้นไอ้ปอมมาเกือบสองชาติได้ สงสัยไอ้ปอมไปแย่งเมียมันแน่ๆเลย

ไอ้ปอมก็พยายามเอามือขึ้นมาปัดป้องหมัดหนักๆที่รัวต่อย เผื่อความเจ็บปวดที่ได้รับมันจะลดน้อยลงบ้าง

 

 

น่ากลัวว่ะ

กูจะเก็บมึงไว้ในรายชื่อ บุคคลที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย

 

มันต่อยไอ้ปอมจนหมดสติไป ก่อนจะหันหน้ามาทางผม

 

"พี่เนล!" ผมเบิกตากว้าง เมื่อเห็นหน้าไอ้คนที่เข้ามาต่อยไอ้ปอมจนสลบไป

 

"ตกใจมากเหรอที่เห็นกู?"มันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ก่อนจะเดินตรงมาแก้เชือกให้ผมจนหลุด "มีอะไรจะอธิบายให้กูฟังไหม!"

 

“ไม่มีครับ”ผมตอบมันเสียงแผ่วเบา น่ากลัวกว่าไอ้ปอมก็พี่เนลตอนนี้เนี่แหละ

 

“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรให้กูหัวเสีย”

 

“...”

 

“มึงผิดสัญญา!”มันตะคอกใส่ผมตะคอกใส่ผมเสียงดัง ตั้งแต่รู้จักมันมาไม่เคยเห็นมันอารมณ์เสียได้ขนาดนี้เลย

รู้สึกเหมือนจะโดนเชือดยังไงก็ไม่รู้ ขอไปนอนตายเป็นเพื่อนไอ้ปอมตอนนี้ได้ไหม

 

“ผมขอโทษ...แต่ผมต้องการใช้เงินจริงๆ”

 

“หึ! หิวเงินขนาดที่ต้องเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอ?”

 

“ผมเปล่า ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้” แค่คิดว่ามารับออเดอร์ กับเสริฟเหล้าแค่นั้น ไม่คิดว่าต้องมาบริการลูกค้าหลังเสริฟด้วย

 

“เรื่องแบบนี้มันเกิดเป็นปกติอยู่แล้ว สำหรับพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่”

 

“พี่หมายความว่าไง?”

 

“ไม่รู้หรือไง ว่าพนักงานที่นี่เขาขายตัวกัน ไอ้โง่!” มันตะคอกใส่ผม

แล้วจะรู้ไหมละวะ ว่าเขาขายตัวกันน่ะ ทำไมมึงไม่บอกกูละวะ หืมม!! ควันออกหูเลย ผมทนไม่ไหวจึงตะคอกใส่มันกลับบ้าง



“แล้วใครมันจะไปรู้ละวะ ตอนมาสมัครงานพี่เขาก็ไม่ได้บอกสักหน่อย!”



“แล้วเขาจะบอกมึงทำซากอะไรวะ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น”

ใครๆที่มึงพูดถึงคือคนที่อยู่ในวงการเดียวกับมึงหรือเปล่าพี่เนล ?



“แต่ผมไม่รู้!”



“แล้วทำไมไม่หาข้อมูลละวะ!!”



“โอ้ย! แล้วพี่จะมาหัวเสียใส่ผมทำไมล่ะ ผมจะขายหรือไม่ขายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยวะ!”



“เกี่ยวสิวะ!!!”



“...” ผมมองมันนิ่งเพือรอฟังมันพูดต่อ



“เอ่อ...ก็ตอนนี้มึงเป็นแฟนกูอยู่ไง” เสียงมันอ่อนลงทันที 





“...”



“ถ้ามึงไม่ได้เป็นแฟนกู จะไปขายตัวที่ไหนกูก็ไม่สนใจหรอก!”



“...”



“กะ..กู..ไม่ได้เป็นห่วงมึงนะ กูห่วงตัวเองตากหาก อย่าคิดไปไกล”



“ก็ยังไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”



“แม่กูสายเยอะ ถ้าท่านสืบได้ว่ากูเอาเด็กขายบริการมาเป็นแฟน ไม่คิดหน่อยหรือไงว่าชีวิตกูจะเป็นยังไง...โดนจับแต่งงานกับยัยพิมโดยไม่ต้องคิดแน่ๆ”



“...”



“เพราะงี้ไง กูถึงไม่อยากให้มึงมาทำงาน”



นั่นสิ ผมมัวแต่คิดเรื่องของตัวเอง จนลืมคิดเรื่องผลกระทบที่จะเกิดกับพี่เนลไปเลย

ผมคงเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆสินะ



“ผมขอโทษนะครับ” ผมเอ่ยปากขอโทษพี่เนลไป ด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ ทั้งๆที่เอ่ยปากว่าจะช่วยมันแท้ๆ แต่กลับมาทำตัวแบบนี้ให้แผนล่มเอง

ถ้าแม่พี่เนลมาเห็นเข้า อาจจะจับพี่เนลแต่งงานทันทีก็ได้



“อืม..คิดได้ก็ดีแล้ว” มันพูดก่อนจะยกตัวผมขึ้นอุ้ม



เดี๋ยวนะ!



“พี่เนล ผมเดินเอง”



“ไม่”



“ปล่อย!”



“กูยังโกรธมึงอยู่นะ เรื่องที่แอบหนีกูมาทำงาน”



“แล้วมันเกี่ยวอะไรที่พี่ต้องมาอุ้มผมด้วยล่ะ”



“หึ พวกแร้งกาข้างนอกจะได้รู้ไง”



“รู้อะไร”



“รู้ว่ามึงมีผัวแล้ว”



“พ่อง ตรรกะอะไรของพี่เนี่ย”



“กูไม่ชอบให้ใครมาแย่งของๆกู อยู่เฉยๆไปเลยมึง ถ้าไม่อยากนอนตายเป็นเพื่อนไอ้ห่านี่” พี่เนลพูดก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้ปอมที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น

 

อื้อหือ! ยอมๆให้มันไปแล้วกัน ยังไม่อยากเป็นศพตอนนี้



มันอุ้มผมเดินออกมาโดยมีสายตานับพันคู่จ้องมองเราตลอดทาง รู้สึกอาย อายมากๆ ส่วนไอ้คนที่อุ้มผมก็ทำหน้าตาย ไม่สนฟ้าไม่สนดิน ใครจะมองอะไรก็ช่าง กูไม่สน กูไม่แคร์



หน้ามึงจะด้านไปไหนวะ

 

มันอุ้มผมมาจนถึงรถ ก่อนจะเปิดประตูเอาผมเข้าไปนั่งข้างๆฝั่งคนขับ ส่วนมันก็เดินอ้อมหน้ารถไปเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกไปทันที

 

มันกดเปิดเพลงคลอเบาๆทำลายความเงียบ ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างเงียบ

ผมจึงตัดสินใจถามคำถามที่ผมสงสัยกับมันไป

 

"พี่...รู้ได้ไงว่าผมอยู่ห้องนั้น"

 

"หือ?”มันหันมาเลิกคิ้ว ก่อนจะทำหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะถาม

 

 

“อ๋อ เห็นมึงกำลังเสริฟเหล้าอยู่ข้างล่าง เลยเดินลงมา กะจะมาทักทายสักหน่อยให้คนตกใจเล่น แต่พอมาถึงก็เห็นมึงโดนฉุดกระชากลากถูกไปที่ลิฟต์ กำลังวิ่งตามไป ลิฟต์ก็ปิดก่อน เลยไปใช้ทางบันไดแทน พอขึ้นมา ก็ไม่รู้อีกว่าอยู่ห้องไหน เลยไปไล่เคาะทีละห้อง จนมาถึงห้องที่มึงอยู่นั่นแหละ" ถีบโคมจนประตูแทบหลุดติดมากับตีนมึงมา นั่นเรียกว่าเคาะใช่ไหมพี่เนล

 

แต่..มันบอกเห็นผมกับไอ้ปอมอยู่ข้างล่าง แสดงว่ามันมาเที่ยวผับ และน่าจะมองมาจากชั้นสองโซนวีไอพี มันแอบตามผมมา หรือเป็นเรื่องบังเอินกันแน่วะ

 

"พี่แอบตามผมมาเหรอ"



"กูจะตามมึงมาให้เสียเวลากูทำไม"



"แล้วพี่มาผับได้ไง"



"กูก็มาเที่ยวของกูไง"



"บังเอิญสินะ"



"เอ่อ บังเอิญมากๆ" มันเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมา



"บังเอิญที่เห็นเมียกำลังยืนอ่อยผู้ชายอยู่"



"ผมไม่ได้อ่อยมันสักหน่อย!"



"เป็นเมียกูหรือไงถึงร้อนตัว” มันยกยิ้ม “ยอมรับแล้วสินะ"



"..."  รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมานิดๆ



สงสัยเป็นเพราะความอายแน่ๆ

ใช่ผมอาย ที่เข้าใจผิด

ผมจะไปเขิลผู้ชายด้วยกันทำไม มันไม่มีเหตุผล

 

ผมหันไปจ้องมันโดยไม่รู้ตัว ภาพด้านข้างของมันตอนที่กำลังขับรถ สายตาจ้องมองถนน มุมปากคลี่ยิ้ม มีแสงไฟข้างทางตกกระทบหน้ามันเป็นช่วงๆ ทำให้มันดูมีเสน่ห์มากขึ้น

 

ทำไมถึงรู้สึกว่ามองมันยิ้มมุมนี้แล้วหล่อจังวะ

 

“มองกูขนาดนี้ จับกูทำผัวเลยไหม”

 

“เหอะ! ผมไม่ได้มองเพราะอยากได้พี่มาเป็นผัวสักหน่อย”

 

“อ่าว แล้วแอบมองกูทำไม ถ้าไม่อยากได้กูไปเป็นผัว”

 

“โว๊ะ! คิดไปเอง ที่ผมมอง เพราะคิดว่ามุมนี้พี่หล่อดี แค่นั้นแหละ”



“มึงชอบกูแล้วสินะ ชมกูว่าหล่อแบบนี้”



“เหอะ ผมยังชอบผู้หญิงสวยๆอยู่นะ ผมแค่อยากหล่อแบบพี่ตากหาก ผู้หญิงจะได้เข้าหาผมบ้าง ฮ่าๆ”



“จะอยากหล่อแบบกูไปทำไม เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว”



“...”



“มีแฟนหล่อก็พอ จะหล่อกว่าแฟนไปทำไม”



“แม่ง! ไม่คุยกับพี่ละ” อุส่าห์รอฟัง นึกว่าจะพูดอะไรที่มีสาระกว่านี้ซะอีก



ผมหันไปมองวิวข้างทางโดยที่ไม่คิดจะหันไปมองมันอีก วันนี้รู้สึกวิวมันน่ามองเป็นพิเศษแฮะ

ได้ยินเสียงเพลงบรรเลงคลอไปตลอดทาง มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา



ค่อยๆเอนหัวนอนกับเบาะ สายตาก็มองข้างทางไป 

 

“พี่เนล..ขอบคุณนะครับ” ผมพูดออกมาเสียงแผ่วเบา มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ

ก่อนจะพูดพึงพำออกมา “น่ารักว่ะ”

 

ผมเห็นเงามันสะท้อนกับกระจกกำลังมองมาทางผมอยู่ พี่เนลคลี่ยิ้มบางๆส่งมาให้

 

 “เจ็บไหม” พี่เนลมันเอามือมาลูบสันกรามผมที่โดนต่อยเบาๆ

 

“หึ! แค่นี้สบายมาก โอ้ย!”กำจังจะโชว์ว่าแค่นี้จิบๆทำอะไรไอ้ภีมคนนี้ไม่ได้หรอก พี่เนลมันก็เอานิ้วจิ้มเข้าตรงที่โดนต่อยอย่างแรง

 

“อวดเก่ง ดูดิหน้าบวมหมดเลย” พี่เนลจับผมหันซ้ายหันขวา ก่อนเอามือมาลูบหัวของผมเป็นการปลอบ

 

“เดี๋ยวกลับไปกูจะทำแผลให้”

 

ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมันไปหรอก นอกจากส่งยิ้มไปให้มัน

ทำไมวันนี้มันถึงได้ดูเป็นคนอบอุ่นขึ้นมาก็ไม่รู้....

 

สงสัยผีจะเข้าล่ะมั้ง

 

ตึกตัก

 

หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกเลือดตรงหัวใจสูบฉีดแรงผิดปกติ แค่เสี้ยววิเท่านั้น

ผมต้องป่วยแล้วแน่ๆ

 

ต้องหาวันไปตรวจสุขภาพแล้วล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:21:15 โดย Gansa »

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ภีมเอ้ย น่าสงสารทั้งเรื่องจะโดนปล้ำและเรื่องที่ถูกเนลทำให้รัก
ชีวิตชั่งน่าสงสารซะจริง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ถูกปล้ำแล้วเป็นเมียไอ้คนนั้น
ยังช้ำน้อยกว่ารักอิพี่เนลซะอีก

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
นี่เป็นการหลอกที่เนียนมาก. สฃสารภีมนะเนี๊ยะ,,,

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ไม่รู้ว่าอะไรจะน่าสงสารกว่ากันระหว่างโดนอิปอมข่มขืนกับโดนอิพี่เนลหลอก...

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 15 หวั่นไหว?


“เจ็บไหม” พี่เนลเอ่ยถามผม หลังจากที่เอาผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบตรงที่โดนไอ้ปอมต่อย ซึ่งตอนนี้มันเริ่มช้ำแล้ว

 

“สบายมาก ไม่ระคายผิวผมหรอก”

 

แผลแค่นี้ผมไม่ห่วงหรอก เป็นไม่กี่วันคงหาย

ตอนนี้ห่วงอย่างอื่นมากกว่า...

ผมยังไม่ได้ทิปเลยสักบาท แถมอีกตั้งหลายวันกว่าเงินเดือนจะออก

 

เป็นแบบนี้แล้ว...ผมจะเอาเงินที่ไหนไปให้พ่อล่ะ

 

“หึ! อวดเก่งให้เสมอต้นเสมอปลายก็แล้วกัน ดูดิหน้าบวมหมดแล้วเนี่ย”

 

“ถ้ากูไปช่วยไม่ทันป่านนี้คงตกเป็นเมียไอ้ห่านั่นไปแล้วมั้ง”

 

“ห่า บอกแล้วไม่ฟัง” ปากบ่นไป มือก็ยังคบประคบเย็นให้ผมไปด้วย ทำตัวเหมือนแม่เลยว่ะ

 

พอพูดถึงแม่ ป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้างนะ จะยังสบายดีอยู่ไหม

คิดถึงเสียงท่าน อยากคุยกับท่านจัง คงต้องหาทางติดต่อไปแล้วล่ะ

 

พอนึกถึงแม่ก็หวนทำให้นึกถึงพ่อไปด้วย

ผมต้องรีบหาเงินไปให้ท่าน...

 

ตอนนี้คงเหลือแค่หนทางเดียวละมั้ง..ที่จะได้เงินมาทัน

 

“พี่เนลครับ ผมขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก่อนได้ไหม”

 

มันเลิกคิ้ว “ยังทำงานได้ไม่กี่วัน จะของเบิกเงินเดือนแล้ว?”

 

“...”ผมก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตามัน

 

“ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

“...” ไม่ได้ตอบมันไป แต่ผงกหัวเป็นการยอมรับ

 

“บอกกูได้หรือเปล่า”

 

ผมส่ายหัว

 

“เฮ้อออ” พี่เนลถอนหายใจออกมา "จะเอาเท่าไหร่ล่ะ"

 

“1 หมื่นครับ”

 

พี่เนลทำหน้าแปลกใจ คงจะสงสัยไม่ใช่น้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรเซ้าซี้ผม

 

“เออๆ เดี๋ยวกูเอาให้”

 

“ขอบคุณนะครับ”ผมส่งยิ้มให้มัน

 

“อืม”

 

ครืด ~ ครืด ~

 

เสียงโทรศัพท์พี่เนลดังขึ้น มันหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ก่อนทำหน้าตกใจ รีบกดรับสายทันที

 

“ผมขอโทษนะครับแคท พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อย เลยรีบออกมาโดยไม่ได้บอกไว้”

 

“ขอโทษจริงๆนะครับ”

 

“ไว้ผมเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษวันหลังนะครับ”

 

“ครับ แล้วเจอกัน”

 

“รักนะครับ”

 

ใช้คำว่ารักได้เรียดราดมาก หาความจริงใจในคำพูดเจอ

คนแบบนี้เชื่อเถือไม่ได้!

 

“ลืมสนิทเลยว่ะ” บ่นพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะกดวางสายไป

 

“วันนี้ไปนอนกับกูนะ”มันหันมาพูดกับผม

 

“หะ? เรื่องอะไรผมต้องไป”

 

“มึงต้องรับผิดชอบ”

 

“หือ?”

 

“ไม่ต้องมาทำหน้างง เพราะมึงคนเดียวเลย ทำให้กูไม่ได้พาคุณแคทมานอนกกที่บ้าน”

 

“?” มันพูดอะไรวะ ผมไม่เข้าใจ



“เพราะงั้น มึงต้องรับผิดชอบ โดยการมานอนให้กูกกแทนคุณแคท”

 

เจริญละ!

 

มึงไม่ได้ผู้หญิงมานอนกก แล้วเกี่ยวอะไรกับกูวะ!

 

“เห้ย ใช่เรื่อง..” กำลังจะบอกมันไปว่า ‘ใช่เรื่องอะไรของผมด้วยเล่า’ แต่มันก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

“กูหิว! เบิกเงินล่วงไปแล้ว อย่าลืมทำหน้าที่ของมึงด้วย” อ่าวเปลี่ยนเรื่องเฉย

 

“เดี๋ยว! ยังคุยเรื่องไม่กี้ไม่เคลียร์เลย”

 

“กูหิว”มันกดเสียงต่ำ พร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง อานุภาพของความโมโหหิวกำลังจะประทุในตัวมัน รอมันกินอิ่มก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน

 

“ครับ พี่จะกินอะไร”

 

“มีอะไรให้กูเลือกได้ด้วยเหรอ นอกจากไข่มึงน่ะ”

 

ดูมันพูดเข้า!

 

“พี่จะกินไข่อะไร” ผมถามมันต่อ เมนูไข่ก็มีหลายเมนู ไม่รู้หรอกว่ามันอยากกินไข่อะไร

 

“ไข่อะไรก็เอามาเถอะ ขอให้เป็นไข่มึงก็พอ”

 

“ได้ งั้นเดี๋ยวผมเอาไข่พี่ไปต้มให้นะครับ”

 

พูดเสร็จก็เดินเข้าครัวไป หยิบไข่พี่เนลที่ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นออกมา

เมนูนี้ทำงานสุดแล้ว ไม่ต้องคำนวนอะไรมากมาย แค่เอาไข่ลงไปต้มในน้ำเดือด รอสักพักก็พร้อมกินแล้ว

 

ต่อมาก็หุงข้าว รอบนี้ผมเตรียมพร้อมมาก ให้ไอ้ซานศึกษาวิธีการหุงข้าวที่ชาวบ้านทั่วไปเขาทำกันมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นก็นำข้าวมาล้างน้ำให้สะอาดก่อนแล้วค่อยนำมาแช่ แต่ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น เดี๋ยวได้โดนความหิวของพี่เนลปะทุใส่ หลังจากล้างเสร็จก็นำไปใส่หม้อหุงข้าวทันที ใส่น้ำลงไป เอานิ้วชี้ลงไปวัดปริมาณน้ำว่าถึงข้อแรกของนิ้วหรือเปล่า เมื่อมั่นใจแล้วก็เสียบปลั๊ก ระหว่างรอข้าวหุง ก็เอาไข่ต้มมานั่งแกะที่โต๊ะทานข้าวไปพลาง

 

ดูเหมือนพี่เนลมันจะว่างจัด เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม พร้อมเอื้อมไปหยิบไข่ต้มที่อยู่ในถ้วยมาแกะ

ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมัน นั่งแกะเปลือกไข่ของผมไป

 

ป๊อก

 

รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ตกกระทบเข้ากับใบหน้าอย่างจัง ก้มลงไปดูเห็นเป็นเปลือกไข่ขนาดเท่าหัวแม่มืออยู่บนตักผม

 

รีบหันขวับไปทางพี่เนลทันที มันทำหน้านิ่ง สองมือกำลังบรรจงแกะเปลือกไข่อย่างตั้งใจ

มึงไม่ต้องมาทำเนียน กูรู้ว่าเป็นฝีมือมึง

ผมทำเป็นไม่สนใจ หันมาตั้งใจแกะไข่ของตัวเองต่อ

 

ป๊อก

 

คราวนี้มันเล็งที่หัวผมเลยครับ เปลือกไข่ค้างเติ่งอยู่บนหัว จนต้องเอามือหยิบออกมา

อื้อหือ แผ่นใหญ่กว่าเมื่อกี้อีก ขนาดเท่าหัวแม่มือสองอันประกบกันได้ มึงก็สามารถเนาะ

 

หันไปมองตัวต้นเหตุก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

“พี่เนล! ไม่ต้องมาทำเนียน ผมรู้ว่าเป็นฝีมือพี่”

 

แปะ

 

มันดีดเปลือกไข่ใส่ปากผม ตอนที่กำลังอ้าปากด่ามัน

อี๋! เข้าปากมาจะครึ่งแล้ว

ผมพ่นเปลือกไข่ออก ก่อนจะหันไปจ้องหน้าพี่เนลที่กำลังนั่งหัวเราะเยาะผมอยู่

 

มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม!

 

หยิบเศษไข่ที่แกะเสร็จขึ้นมาโยนใส่มันคืนบ้าง แต่มันเบี่ยงตัวหลบทัน ผมไม่ยอมแพ้ปาใส่มันไปอีก แต่ไม่ว่าจะปาไปกี่ครั้งมันก็หลบผมได้ทุกครั้งเลย มึงไปเรียนทักษะการหลบหลีกมาจากสำนักไหนวะ

 

 “กากว่ะ” มันหัวเราะใส่ผมร่วน “ปาแค่นี้ยังไม่โดนเลย ไปเรียนมาใหม่นะไอ้น้อง”

 

เจ็บใจ!

 

คราวนี้ผมจัดการโกยซากเปลือกไข่ที่แกะเอาไว้ขึ้นมาถือไว้แน่น หันไปจ้องหน้าพี่เนล พร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปากเหมือนที่มันชอบทำใส่ผม

 

“มึงจะทำอะไร”

 

“...” ผมลุกขึ้นยืน สองขาก้าวเข้าไปหาพี่เนล ยกมือขึ้นเตรียมเอาเปลือกไข่เล็งใส่มัน

 

จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี หน้า หัว หรือ..

 

ปาก

 

“หยุด”มันออกปากสั่ง

 

ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะเล็งเป้า เอาที่ปากเลยก็แล้วกัน ถือเป็นของว่างก่อนมื้ออาหารนะครับพี่เนล หึๆ

 ดูเหมือนมันรู้ทันว่าผมคิดจะทำอะไรอยู่  รีบคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนผมทันที

 

“มึงอย่าคิดที่จะทำอะไรโง่ๆนะไอ้ลูกหมา” พี่เนลออกแรงดึงตัวผมเข้าหามัน ก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบเอวผมเอาไว้แน่น

 

เชี่ยละ ใกล้เกินไปจนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว หน้าผมซุกกับหน้าอกของมัน จนได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวของพี่เนลชัดเจน

 

พยายามสบัดให้หลุดจากการอ้อมกอดของมัน แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามมันก็ยิ่งได้ใจ กอดแน่นกว่าเดิมอีก

 

“พี่เนล ปล่อยผม”

 

“ถ้าปล่อย มึงก็จับเปลือกไข่ยัดปากกูดิ”

 

“ปล่อย” ผมว่าเสียงเข้ม พร้อมทำหน้าโหดเรียนแบบพี่เมฆมัน

 

ก็เห็นพี่แกสั่งอะไรมันก็ฟังหมด คงจะกลัวหน้าตาโหดๆนิ่งๆแบบนี้ละมั้ง มึงลองมาเจอเวอร์ชั่นไอ้ภีมหน่อยเป็นไง

 

อ่าว นิ่ง

 

 “พี่เนล”

 

“ว่าไงครับคนดี”

 

“คนดีพ่อง ปล่อย!”

 

มันยักคิ้วให้ผมสองจึก พร้อมส่งยิ้มยียวนกวนประสาทไปด้วย

 

กวนตีนแล้วไง

 

ไม่อยากพูดให้เสียเวลา ขอดีๆคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ มันต้องใช้กำลังกันสักหน่อยแล้ว

 

ผมเหยียบเท้าพี่เนลสุดแรงจนมันร้องโอ้ย ก่อนจะยอมปล่อยผมให้หลุดการจากการกอบกุมมัน กำลังจะถอยหลังหนี มันก็เอาเท้าอีกข้างมาขัดขาผมเอาไว้ จนเสียหลัก สองมือรีบคว้าแขนมันเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม แต่ดูเหมือนมันจะทรงตัวไม่อยู่เหมือนกัน จึงล้มลงไปทั้งคู่

 

ตุบ!

 

ผมล้มลงไปกับพื้นก่อนที่พี่เนลมันจะล้มลงมาทับอีกที ตอนนี้เราอยู่ในสภาพที่....ผมนอนแผ่อยู่ข้างล่างโดยมีไอ้พี่เนลค่อมเอาไว้ข้างบน เป็นอะไรที่เหี้ยมาก

 

“พี่เนล ลุกออกไปจากตัวผมได้แล้ว” มันมองผมนิ่ง ไม่ยอมลุกไปไหน จนผมต้องออกปากบอกมันให้ลุกออกไปจากตัวผมสักที

 

มันไม่ตอบอะไร สายตายังคงมองผมอยู่อย่างนั้น วูบหนึ่งที่ผมเผลอไปสบตากับมันตรงๆ ก็รู้สึกได้ว่าแววตาที่มันส่งมาสามารถทำให้ลุ่มหลงได้เหมือนกัน

 

เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกใจไม่ดี จึงรีบดันตัวมันออกไปให้ห่างจากตัวผมทันที แต่ก็ไม่เป็นผล

 

มันค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาใกล้ผมเรื่อยๆ

 

“พี่เนล จะทำอะไร”

 

“อย่า”ผมร้องห้ามมันเอาไว้ เมื่อเห็นว่าริมฝีปากมันเริ่มเคลื่อนลงมาใกล้กับริมฝีปากของผมแล้ว

 

ผมหลับตาปี๋ รีบเอาหลังมือขึ้นมาปิดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ามันเลย

 

หัวใจรัวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะอยู่ในอก หน้าก็เริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ

 

นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ

 

รับรู้ถึงอะไรบางอยู่ที่เกิดขึ้น จึงลืมตาขึ้นมาดู ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยตวามตกใจ เมื่อเห็นพี่เนลกำลังก้มลงมากินไข่ที่ผมถือเอาไว้อยู่ในมือ

 

ก็มือข้างที่ผมเอามาปิดปากเอาไว้ในแหละ!

 

ลืมสนิทเลยว่าถือไข่เอาไว้

 

พี่เนลกินไข่ในมือของผมจนหมด มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาผม ลิ้นก็เลียริมฝีปากของตัวเองไปด้วย

ก่อนก้มลงมาจูบมือของผมข้างที่ปิดปากเอาไว้

 

ผมตกใจจนตัวแข็งทื่อไปหมด  สมองประมวลผลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน คิดอะไรไม่ออก ได้แต่นอนนิ่งให้พี่เนลจูบอยู่อย่างนั้น

 

ตึก ตัก

 

รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเสียงหัวใจมันก็เต้นแรงเหมือนกัน

 

พี่เนลดูเหมือนจะรู้สึกตัว รีบลุกพรวดออกไปจากผมทันที สีหน้ามันดูตกใจไม่น้อย

 

มึงไม่ต้องมาเล่นใหญ่เลย คนที่ควรตกใจควรเป็นกูมากกว่าไหม!

 

อ๊ะ!

 

“พี่เนลครับ ไม่สบายหรือเปล่า”

 

“หือ?”

 

“ทำไม..หน้าแดง”

 

ผมยื่นมือไปทาบหน้าผากมัน ตั้งจะใจวัดอุณหภูมิไข้ให้

 

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!” มันปัดมือผมออก ก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องครัวทันที

 

“พี่เนล ผมว่ากินยาเผื่อไว้ก็ดีนะครับ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา”ผมตระโกนไล่หลังมันไป

 

ว่าแต่ มันจะกินข้าวอยู่ไหมเนี่ย!

 

ยังไงมันก็ต้องกิน



เพราะมันต้องกินยาหลังอาหารอีก


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก็อก ก็อก ก็อก

 

“พี่เนล ข้าวหุงเสร็จแล้วนะครับ” ผมตะโกนเรียกมันอยู่หน้าห้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากมัน

ได้ยินเพียงเสียงน้ำฝักบัวที่เปิดอยู่ในห้องน้ำเท่านั้นที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันกำลังอาบน้ำอยู่

 

“เอ่อ..ผมเอาไว้บนโต๊ะ ถ้าพี่หิวก็ลงไปกินเองนะครับ” บอกก่อนจะหันหลังเดินออกมาโดยไม่สนใจมันอีก

 

ถ้าหิวก็คงลงไปกินเองแหละ

 

ผมรีบเดินจ้ำอ้าวกลับเข้าห้องของตัวเอง ก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงราวตากผ้ามาถือไว้ แล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

 

ขออาบน้ำชำระร่างกายหน่อยก็แล้วกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

 

ซ่าส์

 

หยดน้ำจากฝักบัวไหลไปตามร่างกาย ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว ผมหยิบครีมอาบน้ำมาบีบใส่มือ พร้อมถูให้เกิดฟองทั่วร่างกาย ก่อนจะปล่อยให้น้ำที่เปิดอยู่ ชำระฟองสบู่ที่ติดตามร่างกายออกไป

 

ในหัวก็คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ไปด้วย ผมรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ

 

พี่เนลทำตัวแปลกๆไป เหมือนพยายามจะทำอะไรสักอย่าง...ที่ไม่ดีต่อ(ใจ)ผมแน่ๆ

จู่ๆก็เข้ามาหยอด ทำตัวอ่อนโยน แถมเหมือนจะรุกผมหนักขึ้นทุกวัน ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงคิดว่ามันกำลังอ่อยผมอยู่

 

แต่ผมดันเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นไอ้ภีมคนนี้อีก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะชอบ

แล้วมันจะพยายามทำให้ผมใจสั่นไปเพื่ออะไร..

 

เงิน 1 ล้านเหรอ หรือแค่อยากแกล้งผมกันแน่

ไม่ว่าอันไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ

 

แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย...ว่ารู้สึกดีกับมัน เรื่องที่มันเข้ามาช่วยผมให้หลุดพ้นจากไอ้ปอม

 

ผมเอามือขึ้นมาลูบที่อกด้านซ้ายของตัวเอง ที่มันเต้นตุบตับกับพี่เนลถึงสองหน

 ทำไมถึงใจเต้นได้วะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ

 

มันเป็นสัญญาณอันตราย

 

ผมกำลังก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับคำว่า’แพ้’ ก้าวหนึ่งแล้ว...

 

ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมจะแพ้ให้มันไม่ได้เด็ดขาด เงินหนึ่งล้านไม่ใช่น้อยๆ

จะไปหาที่ไหนให้มัน คงได้เป็นหนี้พี่เนลตลอดชีวิตแน่ๆ

 

ผมปิดน้ำฝักบัว แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนเอาไว้มาเช็ดตัวก่อนจะเอามาพันไว้ที่เอวไว้ แล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำมา

 

ก็อก ก็อก ก็อก

 

“ลูกหมา นอนหรือยัง”

 

“ยังครับ พี่เนลมีอะไรหรือเปล่า”

 

“เปิดประตูให้หน่อย กูมีเรื่องจะคุยด้วย” พี่เนลพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่ใช่น้อย

เอ่อ...เอาไงดีวะ

จะแต่งตัวก่อน หรือจะออกไปทั้งสภาพแบบนี้เลยดี..

 

“ด่วน!” ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ พี่เนลมันก็เร่งผมแล้ว จึงตัดสินใจไปเปิดประตูทั้งสภาพแบบนี้แหละ

ถึงเวลาอวดกล้ามหน้าท้องที่มีน้อยนิดแล้ว

 

แอ๊ดดด

 

“พี่เนลมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ?” ผมเลิกคิ้วถามมันออกไป

 

“เอ่อ...” มันใช้สายตาไล่กวาดมองไปทั่วร่างกายของผม หึ! อึ้งละสิมึง เห็นแบบนี้พี่ก็มีกล้ามนะไอ้น้อง ถึงแม้จะนิดเดียวก็เถอะ แต่ก็ถือว่ามี

 

“พี่จะมองหัวนมผมอีกนานไหม มีอะไรก็รีบๆพูดมาสิครับ ผมจะได้ไปแต่งตัว” ผมตัดสินใจพูดออกไป เมื่อเห็นไอ้พี่เนลมันไล่สายตามาหยุดที่หัวนมของผมอยู่สักพัก ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่มาโดนจ้องแบบนี้ก็อายเป็นเหมือนกันนะโว้ย

 

“อืม”มันครางออกมา ก่อนจะพูดต่อ “มึงเคยลองกับผู้ชายปะ”

 

“ไม่”

 

“มาลองกับกูไหม”

 

“พ่อง!”

 

“มองมาสองครั้งแล้ว รู้สึกครั้งนี้มึงเซ็กซี่ขึ้นนะ” มันไม่พูดเปล่าเอามือขึ้นมาลูบที่หัวนมผมเบาๆ จนรู้สึกขนลุกไปหมด ผมรีบปัดมือมันออกก่อนจะโวยใส่มัน

 

“ถ้าพี่จะมาเคาะห้องผม เพื่อทำหื่นใส่ผมแค่นี้ งั้นขอตัวนะครับ” กำลังจะปิดประตูใส่หน้ามัน แต่พี่เนลไวกว่า รีบจับแขนผมเอาไว้ก่อน

 

“เดี๋ยวดิ! อย่าพึ่งปิดประตู กูแค่ล้อเล่นเองทำเป็นจริงจังไปได้นะมึง กูยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญเลย”

ผมมองหน้ามัน พร้อมขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ย“พี่มีเรื่องอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะครับ” มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็พยายามแกะมือมันที่จับแขนผมออก

 

“เอ่อ...เรื่องที่จูบมึงน่ะ กูจะมาบอกมึงว่า กูไม่ได้ตั้งใจ”

อ๋อ เรื่องที่มันก้มลงมาจูบมือผม ตอนเอาขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อกี้สินะ

 

“ดันเห็นเป็นม่านฟ้าไปได้ เลยเผลอไป สงสัยจะคิดถึงมากจนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว” มันพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ผมก็ได้ยินชัดเจนเลย

 

“ครับ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว” ผมส่งยิ้มให้มันไป

 

ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองฝืนยิ้มอยู่ก็ตาม

 

“อืม ดีแล้วล่ะ” มันทำหน้าเย็นชาใส่ผม ก่อนจะเดินกลับห้องมันไป “คืนนี้ไม่ต้องมานอนกับกูแล้วนะ” มันพูดกับผมโดยที่ไม่หันหน้ามามองผมเลย สายตาผมมองตามแผ่นหลังของพี่เนลไปจนสุด เห็นมันเดินเข้าห้องไป ผมก็เปิดประตูห้องของตัวเองทันที ก่อนจะเอาหลังพิงกับประตูไว้

 

พี่คงจะรักพี่ม่านฟ้าจริงๆสินะครับ...

 

ถึงจะดูเหมือนรักใครไม่เป็น ไม่คิดจริงจังกับใคร แต่ผมคิดว่าพี่ม่านฟ้าน่าจะเป็นคนเดียวที่พี่เนลมันให้ความสำคัญอยู่เสมอ..

 

พี่ม่านฟ้า..ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:21:33 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่เนลมันชั่ว ต้องโดนน้องสั่งสอน อิอิ

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ภีมเอ้ยยยยยยยย
ชีวิตจะหดหู่อะไรไปซะทุกเรื่องเช่นนี้

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เจ็บด้วยกันทั้งคู่ :sad4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มีแววมาม่าหนักหน่วง,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
ถ้ายังไม่เลิกคิดทำตามที้ตกลงกะม่านฟ้า
ระวังจะเสียใจทีหลังนะเนล
หวั่นไหวไปทีละนิดละแบบนี้
 :ruready

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หึ จะคอยดูวันคนตกม้าตาย อิพี่นล ซักวันต้องเจ็บช้ำเจียนตาย :angry2: ภีมลูกอย่าไปใจอ่อนให้มันนะ :mew6:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ระวังกลืนน้ำลายตัวเองนาจา

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 16

ละเมิดข้อตกลง ข้อที่ 5
‘ห้ามขัดใจ’




ผมนอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงมาพักใหญ่


นอนไม่หลับอีกแล้ว!

 

เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมวันนี้มันตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัวไปหมด

ทั้งเรื่องของพี่เนล และก็เรื่องของพ่อ...

ผมนอนหงาย เอามือก่ายหน้าผากย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนพักกลางวัน

 


“ไอ้ภีม ไปค่ายกัน” ไอ้ทัศยังคงคะยันคะยอผมไม่เลิก หลังจากที่ผมเดินออกมา มันก็พูดถึงเรื่องค่ายไม่ยอมหยุด

 

“ไม่ไป” ผมยังยืนยันคำเดิม ยังไม่อยากหาความลำบากใส่ตัว แค่ทุกวันนี้ก็เอาตัวแทบไม่รอดแล้ว

 

“ไปเถอะ ค่ายนี้ดีนะโว้ย เราได้ไปสอนหนังสือเด็กโรงเรียนที่ขาดแคลนครู มึงไม่อยากแบ่งปันความรู้ให้อนาคตของชาติหรือไง”

 

“ใช่ๆ เท่ากับว่ามึงได้สร้างเด็กตาดำๆคนหนึ่ง ให้มีอนาคตเลยนะไอ้ภีม” ไอ้เหม่ยช่วยเสริม

 

“มึงจะทิ้งเด็กพวกนั้นได้ลงคอเหรอไอ้ภีม โคตรใจร้าย” ไอ้ทัศพูดพร้อมบีบน้ำตา มึงอย่ามาแอคติ้งให้มากเลย!

 

“มึงไม่สงสารเด็กที่อยากเรียนหนังสือ แต่ไม่มีครูสอนหรือไง เด็กพวกนั้นกำลังจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่มึงก็ตัดโอกาสเด็กพวกนั้น เพียงเพราะมึงไม่อยากไปสอน โคตรสงสารว่ะ”ไอ้เหม่ยทำเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ตามไอ้ทัศ

 

แอคติ้งไม่ผ่าน ไปเรียนมาใหม่

 

“ทำไมเราถึงมาคบกับเพื่อนใจดำแบบไอ้ภีมได้วะ เป็นเหมอได้ไง เห็นคนอื่นลำบากแล้วไม่ช่วย”

 

“นั่นดิ หมอใจดำ”

 

“พูดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกอีก” ไอ้ทัศกับไอ้เหม่ยส่งสายตากดกันผมขั้นสุด

 

“ไปก็ไป ไอ้สัด อย่าพูดเหมือนกูทำผิดมากได้ไหมวะ”

 

“ก็แค่เนี๊ย” มันพูดออกมาพร้อมกัน บางทีผมก็รู้สึกเกลียดพวกมันขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

 

“ค่อยสบายใจหน่อย เราไปเรียนกันเถอะไอ้เหม่ย” ไอ้ทัศพูดเสร็จก็เดินจูงมือไอ้เหม่ยขึ้นตึกเรียนไป

จึงหันไปหาไอ้ซาน เห็นมันทำหน้าเครียดขมวดคิ้วยุ่ง จึงอดถามออกไปไม่ได้

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นวะ”

 

“ไอ้ภีม นั่นพ่อมึงหรือเปล่า” ผมมองไปตามทิศที่ไอ้ซานชี้ เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาก็สอดส่องหาใครบางคน ผมใช้สายตาเล็งอย่สักพักก็เห็นภาพผู้ชายคนนั้นชัดเจน

 

“เห้ย! นั่นพ่อกู” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ตอนนี้รู้สึกดีใจมาก ผมรีบวิ่งไปหาพ่ออย่างมีความหวัง ผมมีคำถามมากมายที่อยากจะถามท่านออกไป แต่ก็ไม่สามาถถามได้เพราะไม่มีท่านอยู่ให้ถาม แต่ตอนนี้ท่านมาหาผมถึงมหาวิทยลัยแล้ว

 

“พ่อ!” ผมตะโกนเรียกท่าน สองขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาท่านด้วยความรวดเร็ว พ่อหันมาหาผม สีหน้าท่านก็แสดงออกมาชัดเจนว่าท่านดีใจขนาดไหน

 

“ภีม!ของพ่อ” ท่านรีบเข้ามากอดผมแน่น “พ่อหาลูกตั้งนาน” พ่อผมกอดผมแน่น พร้อมเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ

“พ่อหายไปไหนมา รู้ไหมว่าผมคิดถึงพ่อแค่ไหน ตอนที่โดนยึดบ้านผมสับสนมาก ไม่มีใครอยู่ข้างผมสักคน ไม่มีใครมาอธิบายให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย”

 

“พ่อขอโทษนะลูก”พ่อว่าเสียงอ่อน “พ่อผิดเอง ที่แอบเอาบ้านเราไปขาย แต่ทั้งหมดที่พ่อทำไปก็เพื่อซื้อชีวิตของลูกกับแม่นะ พ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ ยกโทษให้พ่อนะภีม” พ่อพูดออกมาเสียงสั่น คำถามที่ผมอยากจะตัดพ้อกับท่านตอนนี้หายไปในลำคอผมจนหมด เหลือแค่ความเข้าใจเท่านั้น ถ้าผมเป็นพ่อ ผมก็คงทำแบบท่านเหมือนกัน

 

“ครับ ผมเข้าใจ...ไม่เป็นไรนะครับ ผมหาวิธีเอาบ้านเราคืนได้แล้ว”

 

“หมายความว่าไงลูก?” ท่านปล่อยผมให้หลุดจากอ้อมกอดของท่าน ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย

 

“ผมทำงานให้เจ้าของบ้านคนใหม่เขา ถ้างานเสร็จเมื่อไหร่เขาจะคืนบ้านให้ผมครับ ไม่เป็นไรนะครับ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้บ้านเราคืน”

 

“...”

 

“ถ้าผมได้คืนเมื่อไหร่ พ่อกลับมาอยู่กับผมนะ”

 

“ได้สิ” ท่านยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน “พ่อภูมิในตัวลูกจริงๆ”

 

เราคุยเรื่องทั่วไปกันสักพัก พ่อก็ทำท่าคิดอะไรอยู่ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

 

“ภีม...”

 

“ครับ”

 

“เอ่อ...พอจะมีเงินให้พ่อยืมสัก 1แสนไหมลูก”

 

“พ่อจะเอาไปทำอะไรครับ?”

 

“เอาไปใช้หนี้พนัน” พอได้ยินคำนี้เข่าผมแทบทรุดลงกับพื้น ยังไม่หมดอีกเหรอหนี้ที่ถ่วงชีวิตผมมานาน มันยังมีอีกหรือไง

 

 “ที่พ่อขายบ้านเราไปยังใช้หนี้ไม่หมดอีกเหรอครับ” ผมตัดสินใจถามพ่อไป ผมว่าหนี้ที่เรามีอยู่ ถ้าขายบ้านหลังนี้ไปน่าจะใช้หมดนะ เผลอๆเหลือด้วยซ้ำ แล้วทำไมยังมีหนี้อีกล่ะ

 

“ส่วนนั้นใช้หมดแล้วลูก แต่...” ผมรอฟังท่านอธิบายต่อ

 

“พ่อเอาส่วนที่เหลือ..ไปเล่นใหม่” ท่านพูดแผ่วเบา พร้อมเบนสายตาไปมองที่พื้นแทน

 

“พ่อจะกลับไปเล่นอีกทำไม ก็เพราะการพนันไม่ใช่เหรอ ชีวิตของเราถึงตกต่ำกันแบบนี้” ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจกับการกระทำของท่านมากๆ มันจุกอยู่ในอก หนี้สินที่คิดว่าหมดไปแล้ว กลับก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่า ต่อไปนี้ผมจะได้เก็บเงินเพื่อตัวเองสักที มันหายไปในพริบตา​

 

“พ่อแค่อยากได้บ้านคืนเร็วๆ เห็นเพื่อนพ่อมันเล่นแล้วได้เยอะ พ่อคิดว่าถ้ากลับไปเล่นจะได้อย่างเขาบ้าง”

 

“แล้วพ่อก็ได้มาจริงๆ ได้หนี้เพิ่มไงครับ”

 

“พ่อขอโทษนะภีม”

 

“....”

 

“แต่พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อยนะ”

“....”

 

“พ่อขอร้องล่ะภีม พ่อขอร้อง” พ่อเข้ามาเขย่าแขนผมเบาๆ “ถ้าพ่อหาไปคืนเขาไม่ได้ก่อนสิ้นเดือนหน้า พวกนั้นต้องส่งคนมาฆ่าพ่อแน่ๆ”

 

“สิ้นเดือนหน้า! เงินตั้ง 1แสน ลำพังผมคนเดียวคงหาไม่ไหวหรอกนะครับ”

 

“พ่อขอผ่อนจ่าย 1 หมื่นก่อน แต่ต้องเอาไปจ่ายก่อนอาทิตย์หน้า ภีมพอไหวไหมลูก”

 

1 หมื่น น่าจะพอไหว ไปทำงานที่ Sun Pub วันไหนโชคดีอาจจะได้ทิปหลักพัน ต้องลองเสี่ยงดวงดู

 

“พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อย”ท่านพูดออกมาเสียงสั่น

 

ถึงท่านจะทำให้ผมเสียใจ หรือ ผิดหวังในตัวท่านซ้ำๆ แต่ผมก็ไม่สามารถมองข้ามความลำบากของท่านไปได้ เพราะยังไงท่านก็คือพ่อของผม

 

“ครับ ผมจะพยายามหาเงินมาให้ทัน”

 

“ขอบคุณลูกมากนะ ขอบคุณจริงๆ”

 

“แต่พ่อสัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่กลับไปเล่นการพนันอีก เรื่องบ้านปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”

 

“โอเคพ่อสัญญา”

 

 

เฮ้อออ

 

ผมถอนหายใจออกมาเมื่อย้อยคิดถึงเรื่องของพ่อ เงินตั้ง 1 แสน เลยเหรอวะ ถึงอาทิตย์นี้จะรอดเพราะขอเบิกเงินจากพี่เนลมาก็เถอะ แต่ก็ต้องหาเพิ่มอีก 9 หมื่น คงต้องไปหางานทำเพิ่มอีกแล้วล่ะมั้ง

 

แถมตอนนี้คงไม่กลับไปทำงานที่ sun pub อีกแล้วล่ะ สถานที่อันตรายแบบนั้นน่ะ

คงต้องให้ไอ้ซานหางานให้ใหม่อีกแล้ว...


----------------------------------------------------------------------------------------



      วันนี้ผมเรียนหนักตั้งแต่เช้ายันเย็น มีทั้งชั่วโมงที่ต้องจดเลคเชอร์ แถมยังมีแล็บอีก จึงไม่ค่อยมีเวลาได้นั่งจับเข่าเล่าปัญหาชีวิตกับไอ้พวกแก๊งสักเท่าไหร่

 

“นิสิตครับ พรุ่งนี้มีควิซนะครับ ไปอ่านหนังสือมาด้วย อย่ามัวเถลไถล ไอ้ที่นัดเพื่อนไปกินเหล้าเคล้านารีก็เบาๆลงหน่อย ควิซรอบนี้คะแนนหนักนะครับ” เสียงอาจารย์ฤกษ์เอ่ยเตือนพวกเราที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

 

“ครับ” ไอ้เสียงห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวาที่ตอบรับอาจารย์แกไปนี่มันอะไรกันครับ เฮ้ๆเพื่อนๆ เราควรจะกระตือรือร้นไม่ใช่หรือไง พรุ่งนี้สอบนะโว้ย

 

หลังจากนั้นอาจารย์แกก็เดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจซากศพนับสิบๆชีวิตที่นั่งอืดตายเพราะแล็บโหดตอนเช้าเลย

   

      ผมกับไอ้ซานกำลังเดินไปที่ลานจอดรถข้างตึกคณะแพทย์ จึงใช้โอกาสนี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ที่ Sun Pub ให้ไอ้ซานฟัง มันก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่เลย

มันบอกว่าเป็นความผิดของมันที่สะเพร่าเอง ด่วนหางานให้ผมจนไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดีๆ

 

กว่าจะบอกมันให้เข้าใจว่า มันไม่ได้ผิดหรอกที่ไม่รู้ ใครๆเขาก็ไม่รู้กัน ยกเว้นพวกหมกมุ่นเรื่องอย่างว่าแบบไอ้พี่เนลมันเท่านั้นแหละ ก็ปาไปหลายนาที

 

“เพราะงี้แหละ กูเลยตั้งใจจะไปลาออก มึงช่วยหางานใหม่ให้กูหน่อย กูต้องใช้เงินจริงๆ”

 

“ที่มึงต้องการเงินขนาดนี้ เพราะเรื่องที่พ่อมึงมาหามึงเมื่อวานหรือเปล่า” ไอ้ซานถามผม

 

“อืม” ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกมันไป ได้แต่พยักหน้ายอมรับความจริง

 

“เฮ้ออ ไอ้ภีม ทำไมชีวิตมึงเหี้ยขนาดนี้วะ กูล่ะสงสารมึงจริงๆ”

 

“ถ้าสงสารก็รีบหางานให้กูทำ”

 

“เอ่อๆ กูจะรีบหาให้” ไอ้ซานตอบผมพลางกดโทรศัพท์ของมันไปด้วย “แต่ต้องหลังสอบควิซในวันพรุ่งนี้ผ่านไปก่อนนะ กูต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือ มึงก็อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมอ่านล่ะ” ไอ้ซานเงยหน้าจากโทรศัพท์พลางจ้องหน้าผมอย่างคาดโทษ

 

“เอ่อๆ รู้แล้วน่ะ กูไม่ลืมหรอก”

 

“แล้วก็อย่าหักโหมทำงานหนัก จนไม่ได้พักผ่อนล่ะ”

 

“ครับๆ วันนี้กูไม่ได้ไปทำงานอยู่แล้ว พี่อ้อยหยุดร้านวันหนึ่ง”

 

ไอ้ซานพยักหน้า ก่อนจะหยุดคิดอะไรบางอย่าง

 

“กูว่าบทนี้กูพอจะได้อยู่ คืนนี้มึงมาติวที่หอกูเอาปะ จะได้สอบผ่านไปด้วยกัน”

 

“เอ่อ ความคิดดีเหมือนกันว่ะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของไอ้ซาน ถ้าอ่านคนเดียวตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามใครไม่ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนนั่งติวให้จะเป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะเลย แถมไอ้ซานก็เก่งเรื่องนี้ด้วย “โอเค แต่ขอกลับไปเอาของที่บ้านก่อนนะ”

 

“เอ่อ ได้” ไอ้ซานตบไหล่ผมปุๆ ก่อนจะเดินนำผมไปที่รถของมัน ผมก็เดินตามมันไปติดๆ ระหว่างทางเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยครับ ส่วนมากไอ้ซานจะเป็นคนพูดมากกว่า ผมก็นั่งฟังมันเพลินจนรถมาจอดที่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย

 

“จะให้กูไปด้วยปะ”

 

“ไม่เป็นไร มึงรออยู่ตรงนี้แหละ กูเข้าไปเอาของแปปเดียว” ผมเอ่ยบอกไอ้ซาน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน เห็นพี่เนลนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมไม่ได้สนใจอะไรมัน สองเท้าก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองที่มีห้องนอนของผมอยู่ ผมเดินเข้าไปเก็บพวกของใช้จำเป็น เช่น แปรงฟัน ยาสีฟัน แล้วก็เสื้อยืด กางเกงบ๊อกเซอร์ เอาไว้ใส่นอน อ๋อ! ชุดนักศึกษาด้วย เอาไว้เปลี่ยนไปเรียนพรุ่งนี้ ผมจัดการยัดของทั้งหมดใส่ในกระเป๋าเรียน ยกขึ้นสะพาย

 

“จะไปไหน” พี่เนลที่ยืนพิงอยู่ตรงหน้าประตูห้องของผม เอ่ยถามเสียงเข้ม มันมาตอนไหนวะ เมื่อกี้ยังเห็นนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างอยู่เลย

 

“ไปติวหนังสือ”

 

“ไปกับใคร”

 

“กับไอ้ซาน” มันเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ

พี่เนลนี่ก็แปลกคน เวลาเอ่ยถึงไอ้ซานเมื่อไหร่จำต้องหัวเสียทุกที เป็นบ้าอะไรของมันวะ!

 

“แค่ไปติวหนังสือ จำเป็นต้องเอาเสื้อผ้าไปด้วยเหรอ?”

 

“ก็ผมต้องไปนอนค้างกับมัน”

 

“กูไม่ให้ไป”

 

“ใช่เรื่อง! ผมจะไป”

 

“นี่เป็นคำสั่ง ห้ามขัดใจกู!”

 

“คำก็สั่ง สองคำก็สั่ง ผมเริ่มเบื่อแล้วนะ ผมแค่ไปติวหนังสือยังจะห้ามอีก พี่เป็นอะไรมากปะ” อารมณ์ผมเริ่มขุ่นขึ้นมาหน่อยๆ

 

“ไม่มีปัญญาอ่านเองหรือไง ยังไงกูก็ไม่ให้มึงไป” มันเริ่มตะคอกใส่ผมเสียงดัง คิ้วขมวดยุ่งเหยิง สายตาเริ่มแข็งกราว

 

“พี่มีสิทธิอะไรมาห้ามผม หลีกไป” คนอะไรวะ งี่เง่าซะมัดเลย! เรื่องอะไรผมจะฟังมันล่ะครับ แม่ง!ไม่มีเหตุผล ผมเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะดันพี่เนลที่ยืนขวางอยู่ตรงประตูให้หลีกทางให้ แต่มันก็ใช้สองมือผลักผมให้กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

 

“กูไม่ให้มึงไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง นอกจากกู! ยิ่งไปนอนกับไอ้นั่นแล้วกูยิ่งไม่ให้ไป” ดูมันพูดเข้า! ทำตัวเหมือนแม่หวงลูกสาวไปได้!

 

“โวะ!  ไอ้ซานก็เพื่อนผมปะวะ ไปนอนกับมันแล้วผิดตรงไหน” เมื่อก่อนก็ไปนอนออกจะบ่อย ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย

 

“กูไม่อนุญาต อยากขนาดต้องไปถวายตัวให้ผู้ชายคนอื่นถึงที่เลยเหรอ แรดว่ะ อย่ามาพูดดีว่าจะไปติวหนังสือหน่อยเลยกูไม่เชื่อหรอก” แม่งหาเรื่องกูแล้วไง อยากรู้จริงๆว่าเอาสมองส่วนไหนคิดวะ

 

“พี่แม่งพูดไม่รู้เรื่องว่ะ!” ผมเริ่มขึ้นเสียงกับมัน อารมณ์จากขุ่นๆตอนนี้เริ่มเดือดปุดๆขึ้นมาแล้ว

ก็ดูมันพูดจาดิ ใครมันจะหมกมุ่นแบบมันวะ แล้วผมกับไอ้ซานก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยแบบที่มันคิดด้วย แม่ง! ปัญญาอ่อน

 

“มึงกล้าดียังไงมาขึ้นเสียงกับกู!” มันเดินมากระชากแขนผมอย่างแรงแล้วเหวี่ยงผมลงบนฟูก ถึงจะแข็งไปหน่อย แต่ก็ถือว่ายังดีที่มันไม่จับผมทุ่มลงพื้น ไม่งั้นคงได้กระดูกหักไปหลายซี่เหมือนกัน ถ้าวัดจากระดับอารมณ์ของมันในตอนนี้

พี่เนลมันเดินมาค่อมผมเอาไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผม “ถ้าอยากมากก็มาเอากับผัวมึงนี่”

 

“อยากเหี้ยอะไร กูกับมันเป็นแค่เพื่อนกันโว้ย!” บอกไปหายครั้งแล้วไม่เคยฟัง อย่าให้ต้องพูดคำเดิมซ้ำๆได้ไหมวะ!

 

“เพื่อนเหรอ หึ! มึงคิดกับมันแค่เพื่อน แล้วมึงแน่ใจเหรอว่ามันคิดกับมึงแค่เพื่อนจริงๆน่ะ ไอ้เหี้ยนั่นน่ะดูก็รู้ว่าจ้องจะเอามึงอยู่!”

 

อื้อหือ ยั๊วะกูมากตอนนี้! ว่าผมคนเดียวยังไม่โกธรเท่ามาว่าเพื่อนผมเลย

ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากๆ จะไม่ยอมเลยถ้าเพื่อนมาโดนกล่าวหาเสียๆหายๆ ถ้าเรื่องนั้นมันไม่ใช่ความจริง!

 

“มึงอย่ามาใส่ร้านเพื่อนกูนะไอ้สัตว์! ถ้าเกิดกูกับมันเอากันขึ้นมาจริงๆ แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วยว่ะ! คนนอกอย่ายุ่งดิ อีกอย่างไอ้ซานไม่มีทางทำเรื่องเหี้ยๆแบบนั้นกับกูหรอก!” ตอนนี้อารมณ์ผมเริ่มเดือดขั้นสุดแล้ว แต่ดูเหมือนพี่เนลก็เดือดไม่แพ้ผมเหมือนกัน มันเอามือมาบีบสันกรามผมไว้แน่น ทำหน้าเหี้ยมใส่ผม พร้อมกัดฟันพูด “มึงปกป้องมัน!”

 

“เอ่อ! ไอ้ซานเพื่อนกู ทำไมจะปกป้องไม่ได้” ผมยังคงพ่นน้ำลายใส่มันไม่หยุด พี่เนลดูเหมือนจะฟิวขาดก็ตอนนี้แหละครับ มันรวบมือทั้งสองข้างของผมตรึงไว้เหนือศีรษะ

 

ก่อนก้มลงมาดูดเม้นตรงซอกคอผมจนเป็นรอยแดง ลิ้นร้อนไล่เลียรอยที่มันทำไว้ซ้ำๆ ก่อนใช้ริมฝีปากได้รูปนั้นกดจูบซ้ำๆเป็นการตอกย้ำว่ารอยนั้นมันเป็นคนทำ สองมือก็ปลดกระดุมเสื้อผมออกรวดเร็ว จนตอนนี้เสื้อนิสิตของผมลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย

 

“กูไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหรอกนะ แต่ถ้าเรื่องเซ็กส์กูว่ากับผู้ชายด้วยกันก็น่าลองเหมือนกัน เริ่มจากมึงคนแรกเลยดีไหม?”

 

“ปล่อยกู!” พยายามดิ้นให้หยุดจากการเกาะกุมของมัน แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

แถมเสียงที่ร้องห้ามให้มันปล่อยก็เหมือนจะส่งไปไม่ถึงไอ้คนหน้ามือตามัวแบบมัน

 

พี่เนลใช้มือข้างหนึ่งนวดคลึงยอดอกของผม ก่อนจะล้มลงมาดูดคลึงสลับกับใช้ลิ้นร้อนไล่วนไปทั่วยอดอกของผม จนต้องยื่นอกรับสัมผัสของมัน

ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนไปหมด ร้อนไปทั้งตัว

 

“อะ อ๊ะ” เชี่ย! เผลอคราง ผมขบริมฝีปากแน่นเพื่อจะได้ไม่ต้องปล่อยเสียงทุเรศๆแบบนั้นออกไปอีก

 

มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ใช้มือข้างที่ว่างอยู่เสยผมขึ้น พร้อมเลียริมฝีปากได้รูป ก่อนจะส่งยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อสายตาเลื่อนมองมายังรอยแดงที่มันทำเอาไว้ตรงซอกคอของผม

 

เชี่ยยย โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ

 

“ร้องดังๆสิ ให้ไอ้คนที่รอมึงอยู่ข้างล่างได้ยินเสียงมึงชัดๆนะ ถ้ามันไม่ไป กูก็จะไม่หยุด” พูดจบก็ก้มลงไปเล่นกับยอดอกผมต่อ ส่วนมือซนๆของมันก็ค่อยๆเลื่อนลงไปลูบไล้แก่นกายของผมช้าๆ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มตอบสนองกับสัมผัสวาบหวามที่พี่เนลมอบให้แล้วล่ะ

 

“อ่าห์ ปล่อย” ทำไมเสียงผมมันกระเส่าแบบนี้วะ กูไม่ขำนะโว้ยย! ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดไอ้หมีควายตัวนี้แล้ว

 

ผมคิดว่ายิ่งผมตะโกนด่าทอมัน พี่เนลมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอับอาย งั้นลองใช้ไม้อ่อนดูละกันเผื่อมันจะใจเย็นลงบ้าง

 

“อึก พี่เนลครับ ปล่อมภีมไปเถอะ ภีมไม่ไปติวกับซานแล้วครับ ภีมจะอยู่อ่านหนังสือที่บ้านก็ได้ถ้าพี่เนลไม่อยากให้ไป ภีมขอโทษครับ”

 

ได้ผลแฮะ มันหยุดแล้ว

 

มันมองหน้าผมอย่างอึ้งๆ เหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ เอ่อ! คิดว่ามึงอึ้งคนเดียวเหรอ กูก็อึ้ง เชี่ย พูดอะไรได้หน้าขนลุกสัดๆ แต่ถ้ามันช่วยให้รอดจากพี่เนลไปได้ ผมก็ต้องยอมละวะ

 

หน้าตึงๆของมันเมื่อกี้ดูผ่อนคลายลงมาบ้าง คิ้วที่ขมวดเป็นปมก็ค่อยๆคลายออก นั่นเป็นสัญญาณว่ามันเริ่มอารมณ์เย็นขึ้นมาแล้ว

 

สายตาที่มีเสน่ห์ของมันก็ยังคงจ้องผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะขยับปากพูดถ่อยคำที่ทำให้ผมอยากต่อยหน้ามันให้คว่ำ

 

“กูเผลอ” พร้อมยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อ ก่อนจะส่งยิ้มแหะๆมาให้ผม เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีนะมึง!

หืมมม! ช่วงนี้มึงเผลอบ่อยจังนะไอ้พี่เนล! เผลอขนาดนี้วันหลังมึงไม่จับกูปล้ำเลยไหมล่ะ

 

“ปล่อยผมได้ยัง จะได้ไปบอกไอ้ซาน” พี่เนลมันก็ยอมลุกออกไปแต่โดยดี ผมก้มลงไปเก็บซากเสื้อที่ถูกถอดทิ้งเมื่อกี้ ขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย

 

“ลงไปบอกมันซะ ว่ากูไม่อนุญาตให้ไป ถ้ามีปัญหามากก็ให้มาเคลียร์กับกู” พี่เนลว่าก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอา

 

เข้าใจยากว่ะคนแบบนี้ แถมเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งอีก

 

         ผมลงไปบอกไอ้ซานว่าไปไม่ได้แล้ว พร้อมขอโทษขอโพยมันยกใหญ่ ดูเหมือนมันจะเข้าใจผมนะครับ มันก็บอกแค่ว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือ ถ้าตรงไหนไม่เข้าใจก็จดไว้ แล้วค่อยเอามาถามมันพรุ่งนี้เช้า ผมก็พยักหน้าตอบรับไป แล้วก็แยกย้ายกันไป

 

“น้องภีมครับบบบ” อื้อหือเสียงหวานเชียว กินยามาผิดหรือไงวะ

 

“ว่าไงครับ” ผมเอามือกอดอกมองพี่เนลอย่างคาดโทษ ยังเคืองที่ลวนลามกูอยู่นะ

 

“ขอต่อจากเมื่อกี้ได้ไหม” เรื่องแบบนี้มันขอกันได้อย่างหน้าด้านๆแบบนี้เลยหรือไงวะ! ให้ตายเถอะ!ผมรีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปชั้นสองโดยไม่สนใจเสียงงอแงของพี่เนลที่ร้องเรียกผมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นอีกเลย

 

ผมล่ะปวดหัวกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันที่สุดเลย!



----------------------------------------------------------------------------------------



กรอบ กรอบ

 

ฮึ่มม

 

“พี่เนล เคี้ยวขนมเบาๆหน่อย ผมต้องการสมาธิ”

 

“หือ” มันเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองผม “มันเคี้ยวเบากันได้ด้วยเหรอ” พร้อมทำหน้ายียวนกวนประสาท มือก็ล้วงขนมจากซองขึ้นมาเคี้ยวเสียงดังโชว์ไปด้วย เอาแล้วไง กวนตีนกูแล้ว

 

ตอนนี้พี่เนลมันมานั่งเล่นที่ห้องของผมครับ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปสักที ทนมือทนเท้ามาก

 

ตอนแรกผมก็ไม่ยอมให้มันเข้ามาหรอกครับ แต่มันก็ตื้อไม่เลิก บอกว่าจะอยู่เล่นโทรศัพท์เงียบๆไม่รบกวนผม เลยยอมให้อยู่ด้วย ไอ้เล่นโทรศัพท์นี่เงียบจริงๆเนี่ยแหละ แต่เสียงขนมนที่มันกินนี่กวนผมมาก

 

แต่ผมขี้เกียจจะเถียงกับมันแล้ว เถียงไปก็มีแต่เสียกับเสีย เห็นมันอยากอยู่ห้องของผมมาก เดี๋ยวจะปล่อยให้อยู่สมใจเลย ผมจัดการหอบกองหนังสือที่กำลังนั่งอ่านอยู่บนฟุกขึ้นมาถือไว้ เตรียมลุกเดินไปอ่านที่ห้องนั่งเล่นทันที

 

“จะไปไหน” พี่เนลเมื่อเห็นผมเก็บหนังสือเตรียมลุกหนี มันก็รีบเอ่ยถามขึ้นมาทันที

 

“ไปอ่านหนังสือที่อื่น”

 

“อ่านนี่แหละ”

 

“ไม่ได้ครับ พี่ทำเสียงดัง ผมไม่มีสมาธิ”

 

“แค่เสียงเคี้ยวขนมก็ทำให้มึงสมาธิแตกแล้วเหรอวะ แตกง่ายเหมือนกันนะเรา”

 

“ครับ” ผมตอบมันหน้านิ่ง อารมณ์ผมตอนนี้ยังไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนอย่างมันสักเท่าไหร่

 

พี่เนลมองผมสักพักก็ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เป็นการบอกนัยๆว่า ยอมแพ้แล้ว

 

“โอเคๆ แค่ไม่ทำเสียงดังก็พอใช่ไหม?” พี่เนลถามย้ำ

 

“ครับ” ผมพยักหน้าให้มัน

 

พี่เนลเมื่อเห็นว่าผมยอม ก็ดึงมือผมให้ลงไปนั่งที่ฟุกดังเดิม ก่อนจะลุกเอาซองขนมที่มันกินเมื่อกี้ไปทิ้งถังขยะ ผมไม่ได้สนใจอะไรมันอีก หันมาสนใจกับหนังสือต่อ สักพักก็รับรู้ถึงอะไรหนักๆที่ตัก ก้มลงไปดูก็เห็นพี่เนลมันเอาหัวมานอนหนุนตักผมอยู่ เลยทำเป็นเมินใส่มัน หันมาท่องจำส่วนที่จะออกสอบต่อ ทีนี้แหละครับ มือครับมือ! เลี้อยไปทั่วเลย เดี๋ยวก็เอื้อมมาดึงแก้มผมเล่น เดี๋ยวก็เลื่อนมาลูบเอวบ้าง ขาบ้าง หน้าท้องบ้าง

 

“พี่เนลครับ อย่ามากวน ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ”

 

“เรื่องมากจัง กูอุส่าห์อยู่เงียบๆแล้วนะ” ผมไม่ได้เรื่องมากนะครับ พี่มึงนั่นแหละ เยอะ!

อยากจะถามจริงๆว่าว่างนักหรือไงวะ! ถึงมีเวลามานั่งกวนผมอยู่ได้

 

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรมันออกไป ได้แต่จ้องหน้ามันนิ่งๆ แล้วหันมาสนใจหนังสือเล่มหนาเตอะในมือต่อ พี่เนลดูเหมือนจะเบื่อกับการแกล้งผมแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์มากดนั่นกดนี่เล่นฆ่าเวลา

 

“ลูกหมา หิวข้าวหรือยัง?” พี่เนลพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่พักใหญ่ สงสัยมันคงหิวข้าวละมั้ง

 

“ยังครับ” ผมตอบมันออกไป แต่ความจริงแล้วก็แอบหิวขึ้นมาหน่อยๆเหมือนกัน

 

“ไปหาอะไรกินเพิ่มพลังก่อนไหม เดี๋ยวกูพาไปกินร้านอาหารหลัง ม. ที่พึ่งเปิดใหม่”

 

“ครับ แต่ผมขออ่านหน้านี้ให้จบก่อนนะครับ”

 

“อืม กูจะรอนะ”

 

“ครับ” ผมก้มลงไปส่งยิ้มอ่อนๆให้มัน พี่เนลเห็นอย่างนั้นจึงยิ้มตอบผม ก่อนจะเอื้อมมือลอดผ่านหนังขึ้นมาบีบจมูกผมอย่างหยอกล้อ

 

คลื่น ~ คลื่น ~

 

เสียงโทรศัพท์ของพี่เนลดังขึ้น มันจึงเด้งตัวลุกออกจากตักผม มาขัดสะมาดอยู่บนฟุก แล้วกดรับสายทันที

 

“ว่าไงครับน้องบิวว” มันทำตัวระริกระรี้ ก่อนกรอกเสียงใส่มือถือไป หืม! เสียงหวานเชียวนะมึง

 

“ตอนนี้เหรอครับ”

 

“ว่างครับ”

 

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้านนะ”

 

“ครับ แล้วเจอกันครับ”

 

พูดจบก็กดวางสายไป ก่อนจะหันมาพูดจาไร้ความรับผิดชอบกับผม “ไอ้ภีม ตอนนี้กูไม่ว่างไปกินข้าวกับมึงแล้วว่ะ”

 

“แต่พี่สัญญากับผมแล้ว”

 

“โทษทีว่ะ น้องบิวสำคัญกว่า” เหมือนมีหอกนับพันมาลุมแทงที่กลางอก รู้สึกจุกนิดหน่อย แต่ก็ยังยิ้มได้

 

ทำไมตอนนี้ถึงอยากขออะไรที่งี่เง่าออกไปก็ไม่รู้ จู่ๆก็กลัวความเหงาขึ้นมา ไม่อยากอยู่คนเดียวเลยว่ะ

 

“ไม่ไปได้ไหมครับ” ผมทำใจกล้าเอ่ยขอพี่เนลไป ถึงแม้ว่าความหวังที่มันจะทำตามที่ผมขอเท่ากับศูนย์ก็เถอะ แต่ในใจก็แอบหวังเล็กๆว่ามันจะไม่ทิ้งผมให้อยู่บ้านคนเดียว

 

“ไม่ได้หรอก คนนี้กูพึ่งเจอ ต้องเอาใจสักหน่อย”

 

“แต่ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”

 

“อย่ามาทำตัวงี่เง่าใส่กูนะไอ้ภีม กูไม่ชอบ” มันเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม สงสัยสิ่งที่ผมพูดจะไปสร้างความรำคาญใจให้กับมันไม่น้อยเลย ผมจึงก้มหน้าสำนึกผิดกับสิ่งที่พูดออกไป

 

ผมคงขอมันมากเกินไปสินะ...

 

 “...”

 

 “คืนนี้กูอาจจะไม่กลับบ้าน เดี๋ยวพาน้องบิวมาทำเสียงดังรบกวนมึงตอนอ่านหนังสืออีก อยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะ อย่าดื้อล่ะ” พี่เนลที่เห็นผมเงียบไปจึง ลดระดับน้ำเสียงลง พร้อมเอามือใหญ่นั่นมาลูบหัวผมเบาๆเป็นการปลอบใจ

 

“ครับ” ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะครับ

 

----------------------------------------------------------------------------------------

 

ตอนนี้ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย ในหัวคิดแต่เรื่องของพี่เนลกับผู้หญิงที่มันพึ่งนัดเจอเมื่อกี้ คงนัดกันไปทำเรื่องอย่างว่า ที่มันถนัดนักนั่นแหละ

 

ผมรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วหันมาจดจ่อกับสิ่งที่ผมควรให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  สอบควิซพรุ่งนี้รอผมอยู่

 

เอามือขึ้นตบหน้าสองครั้งเพื่อเรียกสติ แล้วหันไปจดจ่อกับหนังสือ

แต่ก็อย่างว่าแหละ อ่านแปปๆก็เหม่ออีกแล้ว เฮ้อ เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ว่ะ

 

ไปให้ไอ้ซานติวให้ดีกว่า ขืนอยู่คนเดียวได้คิดเรื่องไร้สาระจนอ่านหนังสือไปไม่ถึงไหนแน่ๆ

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็เก็บกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า เดินออกจากบ้านไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ ตรงดิ่งไปที่หอของไอ้ซานทันที

 

ในเมื่อผมขออะไรมันก็ไม่เคยทำตามอยู่แล้ว ทำไมผมจะต้องทำตามที่มันขอด้วยล่ะ จริงไหม?

 

ขอขัดใจมันสักวันเถอะ•‿•



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 16:47:12 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หวังว่าอิพี่มันจะไม่กลับมาเร็วแล้วรออาละวาดใส่น้องหรอกนะ

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามนะคะ  :mew2: เปลี่ยนที่อ่านหนังสือใช่ว่าจะอ่านรู้เรื่อง

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
เฮ้ออออออออออ
รอแล้วกัน

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ไปเลยค่ะลูก เพื่อการสอบวันพรุ่งนี้ของหนู

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หนีเลย จะได้รู้ว่าพี่มันจะเป็นยังไง??

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KS.F

  • มือใหม่หัดแต่งนิยาย ช่วยแนะนำด้วยน่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
อย่าได้สนใจยังไงพี่เนลก็ไม่กลับนิ รออ่านต่อค้าบ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หนีอิพี่เนลเลยจ้า หมั่นไส้มานานละ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เกลียดอิพี่เนลอ่ะ ทำไมเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้เนี่ย
หนีมันไปเลยน้องภีม

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่17 หวงก้าง
(1/2)

 

       ผมนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาลงที่หอไอ้ซานเป็นที่เรียบร้อย หอมันเป็นตึกแถวหลายๆตึกต่อกัน แถวนี้มีแต่หอพักทั้งนั้นเลยครับ เพราะเป็นหอในโครงการที่เขาพึ่งมาทำเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ถือเป็นหอใหม่พอสมควร ราคาเช่าต่อเดือนก็ถือว่าแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ไอ้ซานมันก็มีฐานะพอตัวอยู่ จึงไม่แปลกใจที่มันจะมีเงินเช่าหอราคาแพงๆอยู่

 

ผมเดินมาหยุดที่หน้าประตู แย่หน่อยที่เป็นระบบคีย์การ์ด จึงนั่งรอคนเข้าออกประตู จะได้อาศัยเขาเข้าไป รอไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเอาบัตรมาทาบตรงเครื่องแสกน แล้วเปิดประตูเข้าไป ผมจึงถือโอกาสแอบย่องตามเข้าไปอย่างเนียนๆ

 

เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 ตรงไปที่ห้องของไอ้ซานทันที ผมเคยมานอนเล่นที่ห้องมันบ่อยๆ จึงจำเลขห้องของมันได้ดีเลยทีเดียว

 

เคาะประตูไปสองสามที ไอ้ซานก็เดินมาเปิดให้ ดูเหมือนมันจะตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นผม แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อสายตามันเลื่อนลงมามองที่ลำคอผม ก่อนจะถามเสียงแผ่ว “พี่เนลเป็นคนทำใช่ไหม”

 

ผมพึ่งรู้ตัวว่าไอ้คนที่พึ่งทิ้งผมไปหาผู้หญิงคนอื่นมันฝากรอยเอาไว้ จึงรีบดึงปกเสื้อขึ้นมาปิดเอาไว้

 

“เอ่อ...” ผมอ้ำๆอึ้งๆ ลังเลว่าจะบอกมันออกไปดีไหม ที่ผมได้รอยนี้มาก็เพราะพี่เนลมันดันงี่เง่าไม่ยอมให้ผมออกมาติวกับมัน ไอ้ซานเห็นว่าผมลำบากใจจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน

 

“ช่างมันเถอะ ใครเป็นคนทำมันก็ไม่สำคัญหรอกเนาะ” มันส่งยิ้มฝืดๆมาให้ผม สีหน้ามันตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

 

“ว่าแต่ทำยังไงพี่เนลมันถึงยอมให้มึงออกมาติวกับกูเนี่ย” ไอ้ซานเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็เป็นคำถามที่ลำบากใจสำหรับผมอยู่ดี

 

“โชคดีที่พี่เนลมันทิ้งกูไปกับผู้หญิงคนอื่น เลยมีโอกาสหนีออกมาติวกับมึง ดีใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะออกมาทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่เรื่องขำเลยแท้ๆ

 

“ฮะ ฮ่าๆ” ไอ้ซานหัวเราะแห้งๆ “ช่างมันเถอะเนาะ เข้ามาข้างในดีกว่า เดี๋ยวเสียเวลาติวหนังสือไปมากว่านี้” ผมก็พยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินตามมันเข้าไปในห้อง

 

       ผมเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนเตียงของไอ้ซาน ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจห้องของมันไปด้วย ห้องของไอ้ซานแต่งแบบคุมโทนครับ ขาวเกือบทั้งห้องเลย ตั้งแต่สีผนังยันชั้นวางรองเท้า จะมีแค่ทีวีจอแบนที่ติดฝาพนัง กับ พรมเท่านั้นแหละครับที่เป็นสีดำ อ้อ! มีต้นกระบองเพชรลูกรักที่มันปลูกไว้ตรงระเบียงอีก นอกนั้นก็ขาวหมด ถ้าเป็นฝุ่นขึ้นมาที เห็นได้ชัดมากเลยล่ะ

 

ไอ้ซานเดินไปที่โต๊ะญี่ปุ่น ที่มันเอามากางไว้บนพรมผืนใหญ่ตั้งแต่แรก มีหนังสือกับชีทกองระเนระนาดเต็มไปหมด บ่งบอกชัดเจนเลยว่ามันตั้งใจกับการสอบครั้งนี้ขนาดไหน

 

มันลงไปขัดสมาธิบนพรม ก่อนจะกวักมือเรียกผมหยิกๆ เป็นเชิงว่า ให้ลงไปนั่งติวกับมันตรงนั้น ผมเห็นอย่างนั้นจึงเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนาเตอะที่พกมาด้วย ออกจากกระเป๋า แล้วเดินไปนั่งกับมัน

 

“มีตรงไหนที่มึงไม่รู้เรื่องไหม” ไอ้ซานหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่ แล้วหันมาถามผม

 

ผมจึงบอกส่วนที่ผมไม่เข้าใจกับมันไป พยายามอ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องสักที เห็นมันบอกว่ามันพอไหว ผมจึงสบายใจขึ้นมาหน่อย

 

ไอ้ซานมันก็เริ่มอธิบายให้ผมฟังในแบบที่มันเข้าใจ ผมว่ามันเก่งพอตัวเลยนะครับ อธิบายแปปเดียวผมก็รู้เรื่องแล้ว จากที่นั่งเครียดพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาส่วนนี้ตั้งนานสองนาน มาฟังไอ้ซานไม่กี่นาทีผมบรรลุพระธรรมเลยเลย ยอดจริงๆ

 

ว่าแต่ตอนนี้ไอ้พี่เนลมันทำอะไรอยู่นะ มันนัดคนที่ชื่อบิวไปทำอะไรบ้าง ส่วนมากที่เขาทำกันก็ กินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้ง ถ้าโรแมนติกๆหน่อย ก็คงไปนั่งดูดาวที่ไหนสักที เสร็จแล้วก็......ช่างมันเถอะ ป่านนี้คงจะไปไกลถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วมั้ง ฮึ่มมม กลัวมาทำเสียงดังรบกวนผมอ่านหนังสือ! อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย

 

“ไอ้ภีม ฟังกูอยู่หรือเปล่า ดูเหม่อๆ” ไอ้ซานเอามือขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้า ผมถึงหลุดออกจากภวังค์

 

“หะ เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”

 

“พักก่อนดีกว่า กูว่ามึงไม่ไหวแล้ว” ไอ้ซานพูด พร้อมถอดแว่นออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ

 

“อืม” ผมตอบมันไป ก่อนจะพับหนังสือปิดไว้ แล้วบิดขี้เกียจบ้าง

 

“คิดเรื่องพี่เนลอยู่เหรอ” ไอ้ซานถามขึ้น สีหน้าดูเป็นกังวลไม่น้อยเลย

 

“เปล่า” ผมส่ายปฏิเสธ ก่อนจะส่งยิ้มให้มัน “กูจะไปคิดเรื่องมันให้ปวดหัวทำไม”

 

“แต่หน้ามึงมันฟ้อง กูคบกับมึงมากี่ปีแล้วทำไมกูจะดูไม่ออก”

 

“...” ผมได้แต่เงียบ ไม่ตอบอะไรไอ้ซานออกไป มันมองผมอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ถ้ามันมาตามมึงกลับ กูบอกไว้เลยว่ากูจะไม่คืนมึงให้มันเด็ดขาด”

 

“มันเป็นไปไม่ได้หรอก” มันจะมาตามผมทำไม ตลกแล้ว

 

“มันก็ไม่แน่” หน้าไอ้ซานเอาเรื่องพอสมควร เหมือนพร้อมจะบวกทุกเมื่อ จนผมรู้สึกกลัวมันขึ้นมาหน่อยๆ

 

      ตั้งแต่รู้จักกับมันมาเคยเห็นสีหน้าแบบนี้แค่ 2 ครั้งเองมั้ง ครั้งแรกก็ตอน ม.ต้นได้ ตอนนั้นผมมีเรื่องกับไอ้พวกหัวโปกหลังห้อง ก็อย่างว่าแหละ 5 รุม 1 โดนลุมกระทืบไปตามระเบียบ ไอ้ซานผ่านมาเห็นเข้า โกธรหน้าดำหน้าแดง หยิบไม้ขึ้นมาไล่ตีไอ้พวกนั้นจนได้เลือดกันเป็นแถวๆ หลังจากนั้นโดนเรียกไปปรับทัศนคติที่ห้องปกครองตามท้องเรื่อง รู้สึกว่าไอ้ซานจะโดนหักคะแนนความประพฤติ กับพักการเรียนไปอาทิตย์หนึ่งด้วยนะ

 

“หัวเราะอะไร” ไอ้ซานที่เห็นผมนั่งหัวเราะคิกคักถามขึ้นมา

 

“แค่คิดถึงเรื่องเก่าแล้วนึกขำขึ้นมา มึงนี่บ้าเหมือนกันนะ ตอนที่เอาไม้ไปไล่ตีพวกไอ้เบสจนได้เลือดน่ะ”

 

“อ๋อ 55555 สมน้ำหน้าพวกนั้นไม่หาย เข้าโรงบาลเย็บแผลไปไม่รู้ตั้งกี่เข็ม”

 

“ยังมีหน้ามาหัวเราะอีกนะมึง โดยพักการเรียนแถมยังโดนหักคะแนน คิดว่ามันคุ้มแล้วหรือไง”

 

“คุ้มดิ คุ้มมาก” มันมองผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้ ดูเหมือนมันจะภูมิใจมากนะนั่น “อย่างน้อยๆกูก็โดนคนเดียว ดีที่มึงไม่โดนไปด้วย แค่นี้กูก็ว่าคุ้มมากแล้ว”

 

ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับความบ้าของมัน

 

ไอ้ซานส่งยิ้มให้ก่อนจะลุกไปหยิบถุงกระดาษอะไรอย่างตรงชั้นวางของลงมา แล้วยื่นส่งให้ผม “อะ ของมึง” ผมก็รับมาแต่โดยดี ก่อนจะเปิดดูว่าข้างในมันคืออะไร

 

“โทรศัพท์?”

 

“อืม กูเอาให้”

 

“เอ่อ...” ผมก็ดีใจอยู่หรอกที่มันเอามาให้ แต่ผมคงรับไว้ไม่ได้ รุ่นนี้มันแพงเกินไป ผมไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อคืนมันหรอก “กูว่ามันแพงเกินไป กูรับไม่ได้หรอก มึงเอาคืนไปเถอะ ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ” ผมพูดพร้อมยื่นถุงคืนให้มัน

 

“เห้ยๆ แพงอะไรกัน กูได้มาฟรี”

 

“หือ จริงดิ?" ผมเลิกคิ้วสงสัย ไอ้ซานเห็นอย่างนั้นจึงรีบอธิบายต่อ

 

“พอดีกูไปจับรางวัลมาได้ เป็นไงล่ะ กูโชคดีไหม” ไอ้ซานเอามือขึ้นมาตบอกด้วยความภาคภูมิใจ

 

“โชคดีสัดๆ”

 

“ใช่ไหมล่ะ แล้วคือรุ่นนี้กูมีอยู่แล้ว” มันเอาโทรศัพท์ของมันโชว์ให้ผมดู “เพราะงี้แหละ รับไปเถอะ”

 

"เอ่อ..."

 

"รับไปเถอะน่า อย่าปฏิเสธน้ำใจกู"

 

“อืม ก็ได้ ถ้าได้มาฟรีกูก็ไม่มีปัญหา จะรับไว้แล้วกัน” ผมยิ้มดีใจ พร้อมรีบหยิบกล่องมือถือออกจากถุงมาถือไว้ มีโทรศัพท์ใช้แล้ว จะได้โทรหาแม่สักที ไม่ได้โทรหาตั้งนาน โคตรคิดถึง... ไม่รู้ตอนนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง จะยังแข็งแรง เป็นสาวแกร่งหมายเลขหนึ่งของผมอยู่ไหมนะ

 

“เก็บอาการหน่อยไอ้ภีม ยิ้มจนแก้มย้วยแล้ว”

 

“ขอบใจมากโว้ยไอ้ซาน ขอบคุณในความโชคดีที่ได้โทรศัพท์เครื่องนี้มา” ผมโผเข้าไปกอดไอ้ซานอย่างดีใจ มีมือถือใช้สักทีหลังจากโลเทคมานาน

 

“โอ้ย ไอ้ภีม กูหายใจไม่ออก” ไอ้ซานดิ้นทุรนทุราย ดูเหมือนผมจะกอดมันแน่นเกินไป มันเลยโวยวายออกมายกใหญ่ ผมคายกอดออก ก่อนจะหันมาสนใจโทรศัทพ์เครื่องใหม่ “เจ๋งเลยว่ะ รุ่นนี้”

 

“จะให้กูสอนเล่นไหม อ้อ! กูซื้อซิมให้แล้วนะ เบอร์กูก็เมมไว้ในเครื่องแล้ว”

 

“ขอบใจมากนะโว้ย แต่ไม่เป็นไร รุ่นนี้กูเคยเล่นอยู่” เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆไอ้ซาน กูซึ้งใจน้ำใจมึงมาก หลังจากตอบมัน ผมก็หันมาสนใจกับโทรศัพท์เครื่องใหม่ทันที

 

ผมกดเชื่อม wifi หอไอ้ซาน ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้มันใส่รหัส แล้วเข้าไปโหลด app จำเป็นที่ผมใช้อยู่บ่อยๆ เช่น พวกLine , Facebook , Twitter พอเฟสโหลดเสร็จ ผมก็เข้าไปใส่รหัสล็อคอินของตัวเอง ขอเช็คความเคลื่อนไหวขอโลกหน่อยแล้วกัน

 

พอเข้ามาได้ก็ต้องตกใจกับจำนวนเพื่อนที่แอดเข้ามา!

 

5 คน!! เยอะสัดๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครแอดมาเลย เพื่อนในเฟสผมก็มีไม้ถึงร้อย ส่วนมากก็เพื่อนเก่าที่มีน้อยนิด กับเพื่อนในคณะบางคน ไม่ปล่อยให้ความสงสัยมีมากไปกว่านี้ กดเข้าไปดูว่าใครกันที่แอดพี่ภีมคนหล่อมา

 

Yang Fong

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ

Jackker

Mek Wati

Nel Sirakorn

 

บร๊ะ!!!!! พวกพี่เนลเขานี่หว่า หาเฟสกูเจอได้อย่างไร นาทีนี้หน้าไอ้ทัศกับไอ้เหม่ยก็ลอยขึ้นมา ต้องเป็นไอ้พวกนั้นแน่ๆเลย! ตัวปล่อยข้อมูล!

 

ผมกดรับแอดทีละคน จนถึงพี่เนล รายนี้คิดหนักหน่อย นั่งชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจกดรับแอดมันไปในที่สุด ลองไม่รับดูสิ ได้มาโวยวายใส่ผมแน่ๆ

 

“หิวข้าวไหม ไปหาอะไรกินก่อนปะ เดี๋ยวต้องติวหนังสือต่ออยู่นะไอ้ภีม อย่ามัวแต่สนใจโทรศัพท์จนลืมล่ะ” ไอ้ซานเริ่มบ่นที่ผมเอาแต่เล่นโทรศัพท์

 

กำลังจะเข้าไปส่องเฟสไอ้พี่เนลมันแท้ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ

 

“ก็ดี กูก็หิวแล้วเหมือนกัน” ผมเงยหน้าขึ้นไปตอบมัน ก่อนจะเก็บมือถือเครื่องใหม่ในกระเป๋า

 

“อยากไปกินที่ไหน เดี๋ยวกูพาไป”

“อยากไปกิน...ร้านอาหารที่พึ่งเปิดใหม่ หลัง ม.” พอนึกถึงร้านนี้ หน้าไอ้พี่เนลมันก็ลอยมากวนใจ คำพูดของมันก็ยังตราตึงอยู่ในสมองส่วนซีรีบรัมผมไม่หาย

 

ก็ดีเหมือนกัน จะให้ไอ้ซานพาไปกินให้หายอยากเลย

 

--------------------------------------------

 

ใช้เวลาขับรถไม่นาน ก็ถึงร้านอาหารเปิดใหม่ หน้าร้านมีป้ายขนาดใหญ่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ข้างล่างมีชื่อไทยกำกับไว้ว่า ’นางิโซะ’ ซึ่งน่าจะเป็นชื่อร้านนี้แหละครับ

 

    ร้านนี้เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ข้างหน้าร้านถูกจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ มีโคมไฟญี่ปุ่นแขวนขนานทั้งสองข้าง ส่วนหน้าร้านก็มีผ้าม่านญี่ปุ่นผืนใหญ่สีน้ำเงินสลักตัวอักษรสีขาวปิดทางเข้ามิด พอเดินเข้าไปในร้าน ก็จะเห็นโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนที่เป็นเอกลักษณ์จัดเป็นโซนๆให้ลูกค้า บนผนังยังมีพวกธงปลาคราฟประดับประดาอยู่เป็นหย่อมๆ แถมยังมีต้นซากุระ ที่ดูจากสายตาแล้วน่าจะเป็นของปลอมตั้งเด่นอยู่กลางร้านด้วย

 

     พวกผมเดินเข้ามาในร้าน ก็มีพนักงานหญิงคนหนึ่งยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนนำพวกเราไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่มุมหนึ่งของร้าน เธอยื่นเมนูอาหารให้พวกผม แล้วเตรียมรอรับออเดอร์ ผมรับมาดู ก็ต้องคิดหนัก มีแต่เมนูที่น่ากินทั้งนั้นเลย ใจจริงก็อยากสั่งทั้งหมด แต่เห็นราคาแล้วเหงื่อแตก สังขารไม่เอื้ออำนวย จึงตั้งสินใจสั่งเมนูถูกที่สุดในร้านอย่าง ข้าวหน้าเนื้อไป ส่วนไอ้ซานสั่ง ราเมง ชูชิ เทมปุระ ทงคัตสึ ทาโกยากิ และตบท้ายด้วย เซตเบนโตะอีก 1 เซต ผมนี่ขนลุกเป็นแถบๆ ราคาไม่ใช่เบาๆเลย อีกอย่าง มึงจะกินหมดไหมล่ะนั่น

 

ระหว่างรออาหารผมก็นั่งคุยกับไอ้ซานไปพลาง แต่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยกับเสียงโทรศัพท์ของไอ้โต๊ะข้างๆ ที่ดังไม่ยอมหยุด

 

คลื่น คลื่น

 

เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเกือบ 10 ครั้งได้แล้ว แต่ไม่เห็นท่าทีเจ้าของเครื่องจะรับสักที รู้สึกรำคาญจึงหันไปตั้งใจจะบอกว่าถ้าไม่รับ ก็ปิดเครื่องไปเลย ทำแบบนี้มันรบกวนคนอื่นเขา แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นหน้าเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้น

 

เชี่ย ! พี่ฟง มาอยู่นี่ได้ไงวะ แถมที่นั่งตรงข้ามพี่แกยังเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักใช้ได้เลย

 

“ทำไมถึงไม่กินผัก พี่ขอเหตุผล”

 

“ก็ผมไม่ชอบ”

 

“ไม่ได้ครับอาร์ค เหตุผลนั้นฟังไม่ขึ้น”

 

“พี่ฟง ผมอยากกินไอติม”

 

“อย่าเปลี่ยนเรื่องครับ ถ้าอาร์คไม่กินพี่ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น”

 

“พี่ไม่ใช่พ่อผมสักหน่อย ทำไมผมต้องฟัง”

 

“อ้ามมม” พี่ฟงไม่ฟังคำทักท้วง ใช้ตะเกียบคีบผักขึ้นมา แล้วป้อนให้คนที่ชื่ออาร์ค เหมือนป้อนข้าวเด็กเลยว่ะ อาร์คก็ทำหน้ามุ้ย ไม่ยอมกินง่ายๆ จึงหันหน้าหนีผักที่พี่ฟงพยายามคีบให้

 

“อาร์ค” พี่ฟงเริ่มทำหน้าดุ “ทำไมไม่ฟังพี่”

 

คลื่น คลื่น

 

“ผมว่าพี่รับโทรศัพท์ก่อนดีไหม เห็นโทรมาหลายสายแล้ว น่าจะมีเรื่องสำคัญอยู่นะครับ”

 

พี่ฟงหันไปมองโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะสักพัก ก่อนจะหยิบขึ้นมากกดรับสาย

 

“ว่าไงไอ้เนล”

 

พี่ฟงยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันมามองผม เหมือนมีแผนชั่วอยู่ในใจ

 

“นั่นสินะ เรื่องนั้น...กูไม่รู้หรอก”

 
-------------------------------------------

 

[Nel Talk]

"พี่เนล ตัวนี้เหมาะกับบิวไหม" น้องบิวยกเสื้อขึ้นมาทาบกับตัวให้ผมดู

 

"น้องบิวใส่อะไรก็สวยหมดแหละครับ" ผมตอบแบบขอไปที

 

     วันนี้ผมมาเดทกับน้องบิว สาวคนใหม่ที่ผมพึ่งทำความรู้จักไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาเลยล่ะครับ แต่อีกเดี๋ยวเธอก็จะได้ทำหน้าที่เป็นตุ๊กตา(ยาง)ให้ผมสมใจเธอแล้วฮ่าๆ

 

     หลังจากไปรับเธอที่บ้านเสร็จแล้ว ผมก็พาเธอมากินข้าวที่ห้างแห่งหนึ่ง ใช้เวลาเลือกร้านอยู่นานพอสมควรเลย เธอค่อนข้างเรื่องมาก ร้านนู่นก็ไม่เอา ร้านนี้ก็ไม่โอ สุดท้ายก็ตกลงเลือกร้านยังไม่ได้ เลยมาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าฆ่าเวลาไปก่อน นี่ก็เลือกชุดมา 2 ชั่วโมงเต็มแล้วยังไม่ได้สักตัวเลยเลยครับ

 

"งื้อ ไม่เอาดีกว่าบิวว่าสีมันเข้มไป" พูดเสร็จก็เอาไปเก็บเข้าที่เดิม ก่อนจะเดินไปเลือกตัวใหม่ ผมรู้สึกเบื่อ จึงเดินออกมานั่นรอเธอที่หน้าร้าน ถ้าเลือกได้เมื่อไหร่ก็คงออกมาเรียกผมไปจ่ายเงินเอง

 

ติก ติก

 

เสียงข้อความดังขึ้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ขึ้นมาเปิดดูสักหน่อย

 

Yang Fong : ส่งรูป

 

 

     เป็นไอ้ฟงที่ส่งข้อความมา ปกติมันไม่ค่อยจะส่งอะไรไร้สาระ อย่างสวัสดีวันจันทร์ หรือพวกรูปหมูหมากาไก่มาแบบไอ้ฟิวหรอก ส่วนมากก็จะเป็นพวกข่าวสารบ้านเมือง ระบบเศรษฐกิจ หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติมากกว่า

 

ไหนวันนี้จะเป็นอะไร หรือหุ้นจะตกฮวบฮาบจนไอ้เฆมมันรักจ๊ากหรือเปล่าวะ ฮ่าๆ

 

     เห็นอย่างนั้นจึงกดเปิดเข้าไปอ่านข้อความในกลุ่ม ‘สล็อตยอดนักเอา’ ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าใครเป็นคนตั้งชื่อกลุ่ม จะมีใครอีกนอกจากไอ้ฟิว ผมอยากเปลี่ยนชื่อกลับมากๆ แต่ไอ้ฟิวมันไม่ยอมท่าเดียว บอกตั้งไว้เป็นศิริมงคล ผมว่าเป็นอัปมงคลมากกว่ามั้งครับ เดี๋ยวว่างๆจะแอบไปเปลี่ยนเงียบๆให้มันไม่รู้ตัวอยู่

 

พอเปิดเข้าไปดูสิ่งที่ไอ้ฟงส่งมาเท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่ไอ้เมฆหรอกครับที่ร้อง ผมเนี่ยแหละ!!

 

มันเป็นรูปไอ้ภีมกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอยู่ โดยมีไอ้ซานนั่งเอามือเท้าค้างมองหน้ามันแล้วส่งยิ้มอ่อนๆให้

 

แม่ง! หนีกูไปหาไอ้ซานเหรอวะ ! ปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้เลย วันหลังต้องล่ามโซ่เอาไว้ จะได้ไม่ต้องออกไปหาหมาตัวไหนอีก

 

จากอารมณ์ดีๆ ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

ติก

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : อู้ยย หัวเราะน่ารักจัง

 

Jackker : เห็นแล้วอยากจีบเลยล่ะครับ

 

Mek Wati : สงสติ๊กเกอร์ (หัวใจ)

 

มึงก็เอาด้วยเหรอวะ ไอ้เมฆ สงสัยช่วงนี้มันจะว่างจัด

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : เจอที่ไหนครับ @Yang Fong จะรับไปเลี้ยง

 

Yang Fong : เจอแถวนี้แหละครับ แต่ดูจากลักษณะ น่าจะมีเจ้าของแล้วนะ ใส่ปลอกคอให้เห็นชัดเจนขนาดนั้น

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : อุ้ย จริงด้วยค่ะ รอยแดงชัดเจนมาก แต่เจ้าของแย่จังเลย ทำไมปล่อยให้ออกจากบ้านดึกๆดื่นๆแบบนี้ล่ะคะ @Nel Sirakron

 

Jackker : ดีเลยครับ บอกพิกัดมา เดี๋ยวกูไปฉุดมาทำเมีย

 

Mek Wati : ส่งสติ๊กเกอร์ (คนพยักหน้าเห็นด้วย)

 

ฮื่มมมมมมม!!! น่าหงุดหงิดจริงๆ ยิ่งมาอ่านที่ไอ้พวกเพื่อนนรกพิมพ์คุยกันก็ยิ่งหงุดหงิด

 

(. . .) เห็นไอ้ฟงกำลังพิมพ์อยู่ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ภีมมันหนีผมไปเที่ยวที่ไหน! เห็นมันพิมพ์นานมากจนความร้อนที่สุมอยู่ในอกแทบระเบิดออกมา แต่ก็ต้องทนใจเย็นรอมัน จนในที่สุดมันก็พิมพ์ส่งมาจนได้

 

Yang Fong : อยากได้พิกัด ทักมาหลังไมค์

 

ผมนี่แทบปาโทรศัพท์ทิ้ง ฆ่ามันก่อนคนแรกเลยดีไหม ไอ้หยางฟง! ช่วงนี้กวนตีนนะมึง

 

Nel Sirakron : ส่งมาไอ้ฟง อย่าเล่นตัว เดี๋ยวเจอตีน

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิ๋ดระบ๋ำ : กูขอเพิ่มแฮชแท็กใหม่ ให้พวกมึงเอาไปเล่นกัน

 

Jackker : แฮชแท็กอะไรวะไอ้ฟิว

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิ๋ดระบ๋ำ : #เตรียมจอบไว้ขุดหลุมฝังไอ้เนล

 

Nel Sirakron : ขุดหลุดฝังมึงก่อนเป็นไงไอ้ฟิว ไอ้ฟงรีบบอกกูมาไม่งั้นมึงได้ลงหลุมไปนอนเป็นเพื่อนไอ้ฟิวอีกคน

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : พ่อองค์ลงแล้ว กูไปละ ขอจบการยั่วอารมณ์แต่เพียงเท่านี้ แยกย้าย

 

Jackker : โชคดีนะ ใครจุดระเบิดก็รับผิดชอบด้วย @Yang Fong

 

Mek Wati : ส่งสติ๊กเกอร์ (หมียกมือบ๊ายบ่าย)

 

ไอ้ฟงทิ้งช่วงอยู่นาน จนผมเริ่มรอไม่ไหว กำลังจะกดโทรไปหามัน แต่มันก็พิมพ์มาก่อน

 

Yang Fong : good night ถึงเวลานอนของกูแล้ว

 

นอนพ่อง! อยากนอนมาก มึงก็ลงไปนอนในหลุมทีเดี๋ยวเลยเป็นไง!

 

Nel Sirakron : มึงไม่ต้องมาทำเป็นนอนเลยไอ้ฟง กูรู้ว่ามึงยังไม่กลับคอนโดด้วยซ้ำ!

 

 

“พี่เนล เอาตัวไหนดีคะ บิวเลือกไม่ได้เลย” เสียงน้องบิวดังขึ้น ทำให้ผมละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองเธอแทน น้องบิวเดินมาหยุดตรงหน้าผม ในมือถือชุดมาสองตัว ก่อนจะชูให้ผมช่วยเลือก

 

นี่ก็อีกคน ยังเลือกไม่ได้อีกหรือไง

 

“ถ้าเลือกไม่ได้ ก็เอาทั้งสองตัวนั่นแหละ!” ผมบอกเธอไป พยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังจะประทุเต็มแก่เอาไว้

 

“เอ่อ..บิวทำอะไรผิดเหรอคะ ทำไมพี่เนลต้องอารมณ์เสียใส่บิวด้วย ถ้าพี่เนลไม่อยากซื้อให้ ก็บอกมาตรงๆสิคะ ไม่เห็นต้องตะคอกใส่กันแบบนี้เลย งั้นบิวไม่เอาแล้วก็ได้ค่ะ” เธอเริ่มทำหน้างอน เอาเสื้อผ้าที่ถืออยู่ไปแขวนกลับที่เดิม

 

ผมเดินไปหาเธอ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้ไป “วันนี้กลับบ้านคนเดียวนะครับ พี่มีธุระต้องไปจัดการ”

 

“อะไรนะคะ!” เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม

 

“บิวใจเย็นๆก่อนนะครับ” ผมพยายามควบคุมระดับน้ำเสียงเอาไว้ “พี่มีธุระสำคัญจริงๆ พี่ต้องขอโทษด้วยที่ทิ้งบิวเอาไว้ที่นี่ วันหลังพี่จะเลี้ยงข้าวเป็นไถ่โทษ ดีไหมครับคนดี” ผมเอามือไปลูบหัวเธอเบาๆ “บิวเข้าใจพี่นะ”

 

“ไม่ค่ะ ธุระอะไร สำคัญถึงขั้นต้องทิ้งบิวเลยหรือไง!” เธอตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้เริ่มหันมามองเป็นแถวๆ บางคนก็เริ่มหันซุบซิบกับเพื่อน เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงบอกให้บิวลดน้ำเสียงของเธอลงหน่อย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมฟังที่ผมพูดเลย เอาแต่โวยวายใส่ผม แถมยังยื่นคำขาดว่า จะไม่ยอมให้ผมไปไหนทั้งนั้น ถ้าธุระนั้นไม่สำคัญพอ

 

ผมได้แต่มองเธอนิ่งๆ ก่อนจะตอบเธอไป

 

“ไปตามเมียกลับบ้าน” ผมบอกเธอไปตรงๆ ถึงจะนึกเสียดายที่ไม่ได้เล่นของเล่นชิ้นใหม่นี้ก็เถอะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละวะ ต้องกลับไปตามของเล่นชิ้นเก่าคืนสู่บ้านก่อน!

 

ไอ้ภีม! ทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวเป็นไม่ได้เลยนะมึง!

 

ผมเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของน้องบิวที่ตามหลังมา มือก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาไอ้ฟง ไอ้นี่ก็อีกคน ได้ทีก็เล่นตัวใหญ่เลย แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก โทรจี้มันไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ยอมรับสายแต่โดยดี

 

[ว่าไงไอ้เนล]

 

“มึงไม่ต้องมาว่างงว่าไง ไอ้ภีมอยู่ไหน บอกกูมา!”

 

[นั่นสินะ เรื่องนั้น...กูไม่รู้หรอก]

 

“มึงอย่ามาเล่นตัวไอ้ฟง เดี๋ยวกูเป่าหัว”

 

[กูต้องกลัวไหม]

 

“บอก กู มา!” ผมกดเสียงต่ำ และย้ำทีละคำ เผื่อมันจะเข้าไปในโซนประสาทของมันบ้าง

 

ติ๊ด

 

ไอ้เห้ฟง ! มันกดวางสายไปแล้วครับ เดี๋ยวพ่อทุ่มด้วยหอไอเฟลเลยไอ้สัด!

คนยิ่งหัวเสียอยู่

 

ติก ติก

 

Yang Fong : ได้แชร์โลเคชั่น

Yang Fong : อ่ะ ทำบุญ

 

กว่าจะบอกนะมึง!

 

เมื่อได้ที่อยู่แล้ว ผมก็รีบเหยียบคันเร่ง ขับตรงไปร้านที่ไอ้ฟงพึ่งแชร์โลเคชั่นมา คงจะเป็นร้านที่ผมเคยชวนไอ้ภีมไปกิน แต่ดันผิดสัญญากับมันก่อนนั่นแหละ

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:26:26 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เทอิพี่เนลมันเลยจ้า :laugh:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
หึ พี่เนล โกดอารายยยยย
แค่คนทีคิดจะจีบ แล้วทิ้งไม่ใช่ไง
ทำมาเปนหวง รอวันที่จะเห็นคนกลืนน้ำลายตัวเอง

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หมั่นพี่เนลจัง เอาให้ชัดๆได้ไหมมมม   :z6:

พี่ฟงไม่น่าบอก ให้หัวร้อนเล่นๆ อิอิ  :hao3:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
อย่าไปโกรธเค้าเลย
เราไม่ดีเองอ่ะ

ภีมเอ้ย รักเค้าแล้วดิเรา สงสารอ่ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ก็สมควรแล้วนิ ทิ้งภีมเองอ่ะ,,,

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด