[want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]  (อ่าน 47537 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #30 เมื่อ14-03-2018 23:49:59 »

พี่เนลขาาาา ทำไมใจดีจังคะ

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #31 เมื่อ15-03-2018 08:26:52 »

รอน้าาาาาาาา

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 11 มาพบ

“งืมๆ”

อุ่นจัง

ผมกระชับผ้าห่มแน่นขึ้น อากาศหนาวๆแบบนี้ ได้ซุกตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆจนไม่อยากตื่นเลย

ว่าแต่ ผ้าห่มมาจากไหน เมื่อคืนเท่าที่จำความได้ก่อนนอนมันไม่มีนี่หว่า

แถมยังรู้สึกว่าโซฟามันนอนสบายขึ้นด้วย

รู้สึกหนักๆ เหมือนมีอะไรมาทับตัวเลย

ลองขยับตัวดูหน่อยก็แล้วกัน

 

กระดึ๊บ ๆ

 

“อืมมม”

หือ? เสียงใคร

ผมลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย สายตาเริ่มปรับกับแสงที่ส่องสว่างผ่านหน้าต่างห้อง

จนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น

 

เท้าใครวะ

 

พาดมาได้เต็มหน้าอกกูเลย อีกไม่กี่เซนก็เสยหน้ากูแล้วเนี่ย

เอาเท้ามึงออกไปให้ห่างจากตัวกูเลย

ผมจับเท้าที่พาดอยู่บนอกอยู่ ดันมันออกไป ให้ห่างจากร่างกายของผม


สายตาเบนไปมองที่เจ้าของเท้า พบว่าเป็นไอ้พี่เนลที่นอนหลับอยู่ข้างๆ

 

เท้าไอ้พี่เนลมันเองหรอ

 

หือ! ผมตื่นขึ้นมาเต็มตา พร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

มันมานอนข้างผมได้ไงวะ!

 

ผมเด้งตัวลุกขึ้นมากวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้อง
มันห้องไอ้พี่เนลไม่ใช่หรอวะ แล้วผมมานอนที่ห้องมันได้ไง


"เห้ยพี่เนล! กูมานอนเตียงเดียวกับมึงได้ไงวะ" ผมโวยวายออกมาเสียงดัง ตอนนี้ผมตื่นเต็มตาเลยครับ ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำถามเต็มไปหมด


"อืมมมม" มันขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยใส่ผม แต่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่


"มึงตื่นมาคุยกับกูก่อน" ผมเขย่าตัวมันไปมา
มันเอามือขึ้นมาปัดๆไปมาบนอากาศ เหมือนปัดแมลงวัน ประหนึ่งรำคาญผมเต็มทน


"พี่เนล" ผมเพิ่มแรงเขย่ามันเป็นสองเท่า แต่มันก็ไม่ยอมตื่นสักที นอนไหลตายไปแล้วหรือไงวะ


"ตื่นสิวะ"


"อืมมม อย่ามากวนกู"


"ลุกมาคุยกับกูก่อน"


"กูจะนอนนน ออกไป" มันพูดออกมาเสียงยานคาง ก่อนจะพลิกตัวหันหลังหนีผม

 

เมินกูเฉย...

 

ผมขยับตัวเข้าไปหาพี่เนล พร้อมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับหูของมัน

"ตื่นสิโว้ย!!!!!!"


ตะโกนใส่หูมันจนสุดเสียงแม่ง

 

ไอ้พี่เนลดูเหมือนจะตกใจเสียงของผมพอสมควร มันสะดุ้งตื่น เด้งตัวขึ้นมา พร้อมหันมาจ้องผมหน้านิ่ง

สภาพมันตอนนี้ตลกมากครับ ผมยุ่งเหยิงชี้ไม่เป็นทิศเป็นทาง แถมหน้าตายังดูเมาขี้ตาอยู่เลย

 

"เป็นเหี้ยไรมึง" มันพูดออกมา พร้อมทำด้วยสีหน้าไม่พอใจมากนัก

 

"ผมมีเรื่องจะถาม แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นสักทีไอ้ห่า" ประโยคหลังผมพูดออกมาเสียงแผ่วเบาลง

 

"มีอะไร"มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

 

"ผมมานอนห้องพี่ได้ไง" ผมถามคำถามที่สงสัยออกไปทันที

 

"กูอุ้มมึงขึ้นมา"

 

"ห๊ะ?!"

 

"เห็นนอนสั่นเป็นลูกหมาอยู่ข้างล่าง กูรู้สึกสมเพช เลยอุ้มขึ้นมานอนด้วยในห้อง" ดูมันพูดจา กูไม่ต้องการความสมเพชจากมึง!

 

"เหอะ! ผมไม่ได้ขอให้พี่ช่วยซักหน่อย"

 

"ถ้ารู้ว่าช่วยแล้วไม่สำนึกบุญคุณแบบนี้ กูปล่อยให้หนาวตายคาโซฟาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"

 

"แล้วพี่จะช่วยผมทำไมล่ะ"

 

"ถ้าเป็นปกติกูก็คงไม่ช่วยมึงหรอก แต่ถ้าปล่อยให้มึงหนาวตายไป กูคงจะลำบากไม่ใช่น้อย เพราะวันนี้แม่กูจะมาดูตัวมึงแล้ว"

 

อืม..ชัดเจน
คนอย่างไอ้พี่เนลจะมาช่วยผมเฉยๆมันเป็นไปไม่ได้หรอก

 

"คือถ้าผมไม่มีประโยชน์อะไรกับพี่ คงไม่เลือกช่วยผมสินะ"

 

"เออ"

 

โคตรใจร้ายวะ จิตมึงทำด้วยอะไรวะ

 

"สงสัยอะไรอีกไหม?"

 

ผมส่ายหน้า

 

“ก็ดี กูจะได้นอนต่อ”

 

“พี่ยังจะนอนต่ออีกหรอวะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว พี่ไม่มีเรียนหรือไง”

 

“กูมีเรียนบ่าย”

 

“แต่ผมมีเรียนเช้า”

 

“แล้วไง?” ยังมีหน้ามาถามกูอีกนะมึง

 

“ชุดนักศึกษาอยู่ร้านพี่อ้อย”

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู?”

 

“ก็มึงเอากูมาทิ้งไว้ที่บ้านมึงเนี่ย กูจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่ร้านพี่อ้อยยังไงวะ ไหนเมื่อวานมึงจะไปส่งกูไง ลุกมาก่อน”

“น่ารำคานจริง” มันบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ใครใช้ให้มึงเอากูกลับมานอนที่บ้านเองละวะ ถ้าไปส่งร้านพี่อ้อยตั้งแต่เมื่อคืนก็สิ้นเรื่องแล้ว

 

เอ๊ะ เมื่อคืน...มันบอกว่ามีบทที่ต้องเตรียมกับผมนี่หว่า

มัวแต่กลัวมันจนสติแตกกระเจิง เลยลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย

ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย ฮ่าๆ

 

“ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อคืนไม่ยอมไปส่งผมที่ร้านเอง”

 

“เฮ้อ งั้นวันนี้มึงไปเรียนอีกทีพร้อมกูเลยก็แล้วกัน” มันถอนหายใจออกมายาวเหยียด

 

“ไม่เอา มีเรียนเช้า ผมไม่ยอมขาดเรียนเพราะความขี้เกียจของพี่หรอกนะ”

 

 “หึ! งั้นมึงลองแหกตาดูนาฬิกา ว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว”

ผมหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ที่ตอนนี้บอกเวลา 11.04 น.

 

เห้ย!!! 11 โมงแล้วเหรอวะ 

 

สงสัยเมื่อวานทำงานหนักไปหน่อย เลยเหนื่อยพอสมควร พอได้พักผ่อนเลยหลับลึก

โดนไอ้ซานบ่นหูชาแน่ๆ ดันไปรับปากซะดิบดีว่าจะไม่ให้งาน ทำเสียการเรียน

แค่ไปทำงานวันแรกก็ขาดเรียนช่วงเช้าไปแล้ว 1 วัน...

เอวัง

 

ผมลุกจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัว

ก่อนเดินไปหยิบแปรงฟัน มาบีบยาสีฟัน และลงมือแปรงฟันทันที

เมื่อวานพี่เนลมันแวะซื้อแปรงฟันที่เซเว่นให้ผมไว้ครับ

 

ก็อก ก็อก ก็อก

 

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น ผมจึงเดินไปเปิดทั้งที่แปรงฟันยังคาอยู่ในปาก

ครั้งนี้ผมไม่พลาดจนลืมล็อคประตูแล้วครับ เรื่องเมื่อวานยังอายไม่หายเลย

 

แอ๊ดดดด

 

“อะ เอาชุดนี้ไปเปลี่ยน ถ้าใส่ชุดเดิมไปเรียนคงไม่เหมาะ” มันยื่นเสื้อผ้าที่ถืออยู่ส่งมาให้ผม

“ขอบคุณ” ผมรับเสื้อมาก่อนเอ่ยปากขอบคุณมันออกไป
ใจดีเหมือนกันวะ เห็นชั่วๆแบบนี้ก็ยังมีมุมใจดีอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะน้อยจนมองแทบไม่เห็นเลยก็ตามที

“กูสงสารคนอื่นเขาหรอก ที่ต้องมาทนเห็นสภาพทุเรศลูกกะตาของมึง” เหอะ! ไม่น่าขอบคุณมันไปเลย
พี่เนลไม่ว่ายังไงก็คงเป็นพี่เนลวันยันค่ำ!

ผมเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระของตัวเองต่อจนเสร็จ
หยิบเสื้อกับกางเกงของมันมาใส่ ตัวใหญ่ทั้งเสื้อทั้งกางเกงเลย จนผมต้องเสียเวลาพับไปมาหลายตลบ


เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพี่เนลนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงโซฟามุมห้อง บนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ มันเงยหน้ากระดาษแผ่นนั้นมาจ้องผม ก่อนจะกวักมือเรียกให้ผมเดินไปหามัน

 

“มีอะไร” ผมเอยปากถามออกมา ก่อนจะหย่อนตัวนั่งข้างๆมัน

 

“เซ็นซะ” มันยื่นกระดาษแผ่นนั้นมาให้ผม

 

“หือ?”

 

“สัญญาทั้งหมด เซ็นซะ” ผมรับจากมือมันมาเปิดอ่าน กวาดสายตาอ่านข้อความข้างในสัญญาแผ่นนั้นอย่างละเอียด ผมจะไม่ยอมโดนมันโกงหรอก ถ้ามีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่ตกลงไว้ จะได้ไม่หลวมตัวเซ็นให้ตัวเองลำบากในอนาคตเด็ดขาด

 

ผมอ่านข้อความทั้งหมดจนครบทุกตัวอักษร

เหมือนกับที่เคยตกลงกันทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

เมื่อผมมั่นใจแล้วจึงจรดปากกาเซ็นชื่อตัวเองที่ช่องข้างๆ ชื่อของมัน ที่เซ็นมาก่อนหน้านี้แล้ว

 

“อะ” ผมยืนกระดาษแผ่นนั้นคืนให้มันไป

มันรับไป ก่อนพลิกกระดาษแผ่นนั้นดูด้วยความพึงพอใจ

 

“หึ อย่าผิดสัญญาล่ะ”

 

“ครับ”

 

“อีกเรื่อง มาตกลงเรื่องที่จะหลอกแม่กูก่อน กูว่าจะตกลงเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เสือกรีบไปนอนก่อนนะมึง”

“ผมเหนื่อย ร่างกายต้องการพักผ่อน” พูดไปนั่น ถึงแม้จะจริงบ้าง แต่เหตุผลส่วนใหญ่คืออายมัน

 

“เอาเถอะ ยังไงตอนนี้มึงก็ไม่ได้ไปเรียนแล้ว พูดเลยแล้วกัน”

 

“ครับว่ามา” พร้อมทำงานเต็มที่ เพื่อบ้าน

 

พี่เนลมันจัดการพูดเรื่องที่ผมต้องจำเอาไว้ เช่น คบกับกันเมื่อไหร่ ทำไมถึงมาคบกันได้ มันชอบอะไร พวกคำตอบเบสิกๆที่คนเป็นแฟนกันควรรู้เอาไว้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถของผมสักเท่าไหร่นัก

 

“ก็ประมาณนี้แหละ เย็นนี้แม่กูจะมาที่บ้าน ตอบคำถามให้ตรงกูล่ะ”

 

ผมพยักหน้ารับรู้

 

เรื่องแค่นี้เอง จิ๊บๆ

 

 

พี่เนลมันขับรถมาส่งผมที่ตึกคณะ ทันทีที่รถมันจอด ผมก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะเปิดประตูรถออกไป

 

“ตอนเย็นกูมารับ รออยู่นี่แหละ จะพาไปเอาของที่ร้านเจ๊อ้อยด้วย”

 

“ครับ”

 

ผมตอบมันกลับไป ก่อนจะก้าวขาลงจากรถ

เดินตรงดิ่งไปที่ตึงคณะทันที สองเท้ารีบก้าวด้วยความรวดเร็ว เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว

สองเท้าผมมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องด้วยเวลาที่ฉิวเฉียดพอดี

เกือบเข้าเรียนไม่ทันแล้ว

 

ผมเดินไปนั่งข้างๆไอ้ซานที่ตอนนี้ กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่ มีแววว่าผมจะโดนมันบ่นจนหูชา

“ไอ้ซา..” ผมกำลังยกมือเตรียมทักมัน แต่มันก็พูดแทรกออกมาก่อน

 

“ทำไมเมื่อเช้าถึงไม่มาเรียน” เอ้า 1 ดอก ตรงประเด็นเน้นๆ

 

“ตื่นสาย”

 

“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้ภีม เด็กอนามัยจัดอย่างมึง ต้องมาทำงานเลิกตีสองสีสามน่ะ ยังไงก็ไม่ไหวหรอก นี่ขนาดวันแรกมึงยังตื่นมาเรียนไม่ทันเลย”

 

“....”

 

“แล้วเสือกปากเก่ง บอกไหวๆ ลาออกเหอะ! กูว่ามึงไม่ไหวหรอก”

 

“เดี๋ยวทำไปๆ ร่างกายคงปรับสภาพได้เองละมั้ง...นะ”

 

“ไม่ต้องทำแล้ว เรียนหนักไม่พอ ยังต้องมาทำงานหนักอีกหรือไง กูล่ะสงสารร่างกายมึงจริงๆ” บ่นเป็นแม่กูเลยนะไอ้ซาน!

 

“แต่กูยังต้องใช้เงิน กูอยากแบ่งเบาภาระแม่”

 

“แต่ถ้าแม่มึงรู้ว่ามึงต้องมาลำบากเพื่อนช่วยท่าน กูว่าท่านคงไม่พอใจแน่ๆ เลิกเหอะ แค่เงินเดือนจากพี่อ้อยกูว่าก็เหลือเฟือแล้ว ถ้าขาดเหลืออะไรก็มายืมกูก่อน กูยินดีช่วยมึงเสมอ...กูเป็นห่วงมึงนะ”

 

“ขอบใจ”

 

“อ้อ อีกเรื่อง เมื่อไหร่มึงจะซื้อโทรศัพท์ใหม่สักทีวะ ห่า ติดต่อไม่เคยได้เลย”

 

“กูจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อวะ”

 

“เครื่องราคาถูกๆ รุ่นปาหัวหมายังมีอยู่ ถ้ามึงไม่มีปัญญาซื้อ เดี๋ยวกูซื้อให้” เออวะ ยังเหลือรุ่นนี้อยู่ เวลามีคนโทรเข้าทีนี่ดังสนั่นลั่นห้องแน่ๆ

 

“เหอะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเก็บซื้อเอง รอเงินเดือนออกก่อน”

 

“โหไอ้ภีม ถ้ามึงจะลำบากขนาดนั้น เดี๋ยวกูซื้อให้เอง”

 

“ใจดีแปลกๆนะมึง”

 

“กูลำคาน เวลาจะติดต่อมึงแต่ละทียากลำบากเหลือเกิน เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูซื้อให้เอง เพื่อความสะดวกของกูด้วย”

 

“เออ งั้นก็แล้วแต่มึงเหอะ ของฟรีกูไม่ขัดอยู่แล้ว”

 

 

ตอนนี้ผมเลิกเรียนแล้ว มายืนรอไอ้พี่เนลมันที่ใต้ตึกคณะโดยมีไอ้ซานยืนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อน ตอนแรกผมก็บอกให้มันกลับไปก่อน แต่มันไม่ยอม

 

รอได้ไม่นานสักเท่าไหร่รถของมันก็มาจอดตรงจุดเดิมที่มันจอดเมื่อเช้า ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขาลงมา ดึงดูความสนใจนักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมามากเลยทีเดียว

 

มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับคนอื่นๆรวมถึงไอ้ซานด้วย มันสกิดผมพร้อมกับกระซิบข้างๆหูของผม

 

“คนที่มึงรออยู่ คือพี่เนลหรอวะ”

 

“เออ” ผมตอบมันออกไป

 

“ไปสนิทกันเมื่อไหร่วะ”

 

“เรื่องมันยาวเดี๋ยวกูเล่าทีหลัง”

 

“จะยืนกระซิบกันอีกนานไหม ไปได้แล้ว” พี่เนลมันพูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะเอามึงมันมาดึงแขนผมให้เดินตามมันไป

 

“กูต้องไปแล้ว” ผมหันไปกระโกนบอกไอ้ซาน

 

“อ่าว เห้ย เดี๋ยว! มาคุยให้รู้เรื่องก่อนไอ้ภีม”

 

“ไว้ค่อยคุย พี่เนลเดินช้าๆหน่อยดิจะรีบไปไหนวะ” ประโยคแรกผมหันไปกระโกนบอกไอ้ซาน ส่วนประโยคข้างหลังผมหันมาบ่นใส่พี่เนล แม่งจะรีบเดินไปไหนวะ ขายาวเป็นทุกเดิมอยู่แล้วพอมาเดินแบบเร็วๆอีก ผมที่ขาสั้นกว่าก็เดินตามมันไม่ทัน จากเดินเร็วต้องเปลี่ยนเป็นวิ่งแทน เพื่อตามแรง ที่มันกระชากแขนผมไปด้วยให้ทัน

 

“มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ เสียเวลา”

 

ปึก

 

มันเปิดประตูรถของมันออก ก่อนเหวี่ยงผมเข้าไปด้านใน พร้อมปิดประตูใส่ผมทันที

ส่วนมันเดินอ้อมหน้ารถมาฝั่งคนขับ คาดเข็มขัดเสร็จเรียบร้อย ก็เร่งเครื่องพุ่งทยานออกไปด้วยความรวดเร็ว

แม่ง รีบไปไหนของมัน

 

“แล้วพี่จะรีบไปไหนวะ” ผมถามมันออกไปอีกครั้ง

 

“เราไม่มีเวลาแล้ว จะไปขอที่ร้านเจ๊อ้อยอยู่ไม่ใช่หรือไง รีบเลย แม่กูจะถึงบ้านแล้ว”

 

“ห๊ะ จริดดิพี่ นี่พึ่ง 5 โมงเองนะ”

 

“เออ แม่กูพึ่งโทรมาบอก ไปถึงร้านเจ๊อ้อยรีบๆเลยนะมึง”

 

“ครับๆ”

 

พี่เนลมันใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงร้านพี่อ้อย ผมรีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปในร้าน เห็นพี่อ้อยแกยืนเช็ดแก้วอยู่ตรงโต๊ะหน้าร้าน ผมก็ยกมือสวัสดีพี่แกไป

“จะรีบไปไหนกันน่ะ น้องภีม” พี่อ้อยแกเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของผม

 

“มีธุระนิดหน่อยน่ะพี่ ผมกลับมาเอาของที่ร้าน พอดีหาที่อยู่ได้แล้วน่ะครับ”

 

“อ่าว จริงหรอ ดีใจด้วยนะ”

 

“ครับ แต่เอ่อ..วันนี้ผมขอลางานหนึ่งวันนะครับ”

 

“อ๋อ ได้สิๆ ภีมไปทำธุระของภีมเถอะ”

 

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่แก ก่อนวิ่งเข้าไปเก็บของใช้ของตัวเองหลังร้าน

 

โชคดีที่มีของนิดเดียว จึงใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่ ก็เก็บจนหมด

ผมรีบเดินออกมาจากหลังร้าน เอ่ยปากลาพี่อ้อยนิดหน่อย ก่อนรีบเดินไปขึ้นรถพี่เนลที่จอดรออยู่หน้าร้าน

 

“ของมึง มีแค่นี้?”

 

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

 

“ชุดนักศึกษา 2 กางเกง 3 เสื้อ 3 เกงในเอ่อ...ไม่กี่ตัว...ตอนแรกนึกว่าจะมีเยอะกว่านี้ เสียเวลากูจริงๆ ถ้ารู้ว่ามีแค่นี้กูไม่มาส่งมึงให้เสียเวลาหรอก ความรู้สึกเหมือนส่งมึงมาเก็บเศษผ้าที่ทำตกไว้”

 

อื้อหือ ดูมันเปรียบเทียบ ถึงจะเป็นเศษผ้าแต่มันก็มีประโยชน์กว่ามึงแล้วกัน

 

“ความจริงมันก็มีเยอะกว่านี้อยู่หรอก แต่คนแถวนี้ สั่งขนของผมออกจากบ้านไป ที่หยิบติดตัวมาได้เลยมีแค่นี้”

 

“หึ! นั่นสินะ ป่านนี้คงไปอยู่ที่โรงแยกขยะหมดแล้วล่ะ”

 

“มึงเอาไปทิ้ง?”

 

“จะเหลือเหรอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่กูต้องเก็บไว้” อื้อหือ เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆมึงเนี่ย เหี้ยยังไงก็เหี้ยอย่างนั้น แทนที่จะถามเจ้าของสักหน่อยว่าเขาต้องการของพวกนี้อยู่ไหม ไม่มีเลยนะมึง

 

ผมอยากจะเอาตู้ใบที่แย่งกับกับพี่ยอดวันนั้นมาทุ่มใส่หัวมันจริงๆ

 

แต่ตอนนี้ต้องนิ่งเอาไว้ก่อน ทำอะไรไม่ได้ไง

 

โคตรแค้น

 

มึงไม่รู้หรอก ว่ากูต้องใช้ความพยายามขนาดไหนเพื่อแย่งของที่มึงเอาไปทิ้ง

 

 

ตอนนี้พี่เนลมันขับรถมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย

โชคดีที่แม่ของพี่เนลยังมาไม่ถึง ผมจึงมีเวลาเอาของผมเข้าไปเก็บในห้อง

พี่เนลมันบอกว่า ให้คนมาทำความสะอาด กับ ขนเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องให้เรียร้อยแล้ว

 

วู้ ตื่นเต้น

 

ผมเดินหอบเสื้อขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ก่อนเดินตรงไปเปิดประตูห้องของตัวเองทันที

 

แอ๊ดดดดด

 

ผมเปิดประตูห้องเข้าไป แต่ต้องตกอยู่ในความอึ้งทันทีที่เห็นภายในห้อง

 

โอ้โห...

 

ในห้องมีแค่ ราวตากผ้าพลาสติก พัดลม 1 ตัว กับ ฟุกนอน 3 ฟุตที่ตั้งอยู่มุมห้อง

 

อืม...

 

อย่างน้อยก็นอนฟรีละวะ ช่างเถอะ

 

ผมเอาเสื้อผ้าของผมไปพาดไว้ที่ราวตากผ้าก่อน เพราะมันไม่มีตู้เสื้อผ้าให้ผม อะไรที่ใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน

 

ตีด ตีด

 

เสียงกดแตรดังขึ้นแบนความสนใจผม

แม่พี่เนลคงมาถึงละมั้ง

ผมจึงรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที เพื่อรอพบท่าน

 

ตึกตัก ตึกตัก

หัวใจผมเต้นแรงจนได้ยินเสียง ฝ่ามือซุ่มเหงื่อทั้งสองข้าง

ตื่นเต้นเหมือนกันวะ

 

แอ๊ดดด

 

ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกมา ผมเห็นพี่เนลมันเดินเข้าบ้านมาก่อน ตามมาด้วยร่างของผู้หญิงวัย 40 กลางๆ ทำทรงผมเปิดกระบังลม ใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำ คลุมด้วยเสื้อผ้าไหมแขนยาวคอกว้างสีแดง สวมเครื่องประดับเพชรเม็ดโตที่บ่งบอกถึงฐานะได้ชัดเจน

 

หน้าตาท่านดูคล้ายกับพี่เนลอยู่หน่อยๆ  นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าต้องเป็นแม่ของพี่เนลแน่ๆ

 

ผมยกมือไหว้ เมื่อท่านเดินผ่านผมไป ท่านส่งยิ้มให้มาผม ดูท่าทางน่าจะใจดีอยู่ คงไม่มีอะไรให้น่ากังวลละมั้ง

พี่เนลกวักมือเรียกผมให้เดินตามมันไป จนถึงห้องนั่งเล่น

ท่านนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ โดยมีพี่เนลนั่งอยู่ข้างๆ

สายตาท่านสำรวจสอดส่องไปทั่วบ้าน

 

“บ้านตาเนลก็สวยน่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ม๊าอยากพาหนูพิมมาดูด้วยจัง แต่เสียดายที่หนูพิมติดธุระมาไม่ได้”

 

“พิมไม่มาน่ะดีแล้วครับ เธอจะได้ไม่ต้องมาเสียใจ ถ้ารู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว”

 

“หืม? แล้วไหนล่ะ แฟนของตาเนล ตั้งแต่ม๊าเข้ามายังไม่เห็นเลย ถ้าไม่มีก็บอกม๊ามาตรงๆดีกว่า” แม่ของพี่เนลสอดส่องสายตามองซ้ายที ขวาที เพื่อหาแฟนของพี่เนล

 

 “มีสิครับ”

 

“แล้วอยู่ไหนล่ะ เรียกให้มาคุยกับม๊าหน่อย แย่จริงๆเลยเด็กสมัยนี้ ขนาดแม่ของแฟนมาหาถึงที่บ้านยังไม่ยอมลงมาเจอเลย คนแบบนี้ลูกยังจะคบอยู่อีกเหรอ”

 

“เขาก็ลงมาเจอกับม๊าแล้วไง”

 

“ไหน? ไม่เห็นมี แฟนเป็นผีหรือไง”

 

“เขาก็อยู่ข้างหน้าม๊านั่นไง” พี่เนลชี้มาทางผม ที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับแม่ของมัน

 

“หือ? ไหนล่ะ ตรงหน้าม๊ามีแต่เด็กผู้ชาย..อย่าบอกนะว่า...”แม่พี่เนลเบิกตาโตด้วยความตกใจ

 

“ใช่ม๊า คนนี้แหละแฟนผม”

 

“ผู้ชาย?”

 

“ใช่ม๊า ผู้ชาย”

 

“นี่ตาเนล!! จะหลอกกันทั้งที ก็ให้มันเนียนๆหน่อย หาผู้หญิงมาเป็นแฟนไม่ได้ ถึงขั้นต้องไปเอาผู้ชายมาเป็นแฟนเพื่อหลอกม๊าแล้วเหรอ”

 

“ใครบอกว่าผมหาผู้หญิงไม่ได้ล่ะม๊า ผู้หญิงน่ะ หาง่ายจะตาย แต่ผมเลือกที่จะไม่หา เพราะอะไรรู้ไหมม๊า”

 

“…”

 

“เพราะผมเป็นเกย์” อู้ว มึงเอารางวัลออสก้าไปเลย หน้าตามึงได้มากตอนพูดประโยคนี้ออกไป จนกูรู้สึกขนลุกเป็นแถบๆ

 

“ไม่จริง ม๊าไม่เชื่อหรอก อย่างตาเนลเนี่ยนะจะเป็นเกย์ ม๊าเห็นควงแต่ผู้หญิง จู่ๆจะมาชอบผู้ชายได้ไง”

 

“แล้วม๊าเคยเห็นผมคบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังสักคนไหมล่ะครับ”

 

“ที่ตาเนลไม่ยอมคบกับใครจริงจังเพราะ ‘รักอิสระ’ ไม่ใช่หรือไง” โห แม่มัน แม่งเทพวะ อ่านมันออกหมดเลย

 

“ม๊าเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”

 

“…”

 

“ที่ผมไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลย เพราะคนที่ผมจริงจังมีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าม๊านั่นแหละ” อู้ยย มันมาเหนือกว่า ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงนั่งตัวบิดไปแล้ว

 

แม่ของพี่เนลกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา

 

“คนนี้เนี่ยนะ? คนที่ลูกคิดจริงจัง”

 

“ครับ”

 

“ยังไงม๊าก็ไม่เชื่อเด็ดขาด ตาเนลเพี้ยนไปแล้ว”

 

“ผมไม่ได้เพี้ยน ผมรักน้องภีมจริงๆ และผมไม่คิดที่จะรักใครอีกแล้ว”

มันพูดประโยคนี้ออกมาด้วย ในหน้าที่จริงจัง จนคนฟังรู้สึกได้ว่ามันเอาจริง

ไม่เคยได้ยินมันเรียกผมว่า ‘น้องภีม’ เลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง

 

รู้สึก....

 

ดีแปลกๆ

 

“ตาเนลชอบผู้ชายจริงๆเหรอ...”

 

“ครับ ม๊าอย่าทำร้ายผมด้วยการบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงเลย”

 

“เอางั้นก็ได้ ถ้าตาเนลไม่อยากแต่ง ม๊ากก็จะไม่บังคับ”

 

หลังจากแม่ของพี่เนลพูดจบ มันก็หันมายิ้มกว้างให้ผม

เก็บอาการหน่อยพี่เนล กลัวใครไม่รู้ว่ามึงดีใจขนาดไหน

แต่มันก็ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อแม่ของมันพูดประโยคถัดมา

 

“ตาเนลจะให้ม๊าพูดออกมาแบบนี้สินะ ไม่มีทางหรอก ม๊าดูออกนะว่าตาเนลกำลังโกหก”

“…”

“ตาเนลยังชอบผู้หญิงอยู่ ม๊ารู้”

“…”

“ตาเนลไม่ได้เป็นเกย์”

 

“ตาเนลไม่อยากแต่งงานกับหนูพิม ถึงขนาดลงทุนแต่งเรื่องมาโกโหม๊าเลยหรอ”

ตรงทุกอย่าง....เถียงไม่ได้เลย

 

“ไม่ว่าเนลจะพยายามแต่งเรื่องมาโกหกม๊ายังไง ม๊าก็จะให้เนลแต่งงานกับหนูพิมอยู่ดี”

 

พี่เนลมันทำหน้านิ่งเหมือนเก็บกดความรู้สึกอะไรบางอย่างเอาไว้ข้างใจ ถึงมันจะพยายามทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันกำลัง เจ็บปวด

 

ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้

 

แต่ตอนนี้ผม...

 

รู้สึกอยากช่วยมันขึ้นมาเลย...

 

มันคงไม่อยากแต่งงานจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นมันคงไม่พยายามดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อที่จะหลุดพ้นหรอก

 

 “ผมรู้ว่าคุณหญิงรับไม่ได้ ที่จู่ๆลูกชายตัวเองมาบอกว่าเป็นเกย์ แถมยังเอาแฟนที่เป็นผู้ชายมาเปิดตัวอีก”

 

“...”

 

“แต่ผมจะบอกอะไรคุณหญิงสักอย่าง ถึงแม้ว่าพี่เนลอาจจะไม่ได้ครบกับผม หรือไม่ได้เป็นเกย์ก็ตาม คุณหญิงก็ไม่สมควรไปกีดกันความรักของลูก พี่เนลมีสิทธิที่จะเลือกคนรักของตัวเอง ถ้าคุณหญิงกีดกันพี่เนลแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่พี่เขาจะหาเจอล่ะ มันก็เหมือนการสอบเข้ามาหาวิทยาลัยนั่นแหละครับ กำหนดกฎเกณฑมามากมาย จนเด็กไม่สามารถค้นพบตัวเองสักที ว่าอะไรคือสิ่งที่เค้าชอบจริงๆ แต่กลับใช้คะแนนเป็นหลักเกรณฑ เพื่อลดตัวเลือกแล้วบีบทางเลือกให้น้อยลง แล้วเมื่อไหร่เขาจะหาตัวเองเจอล่ะครับ ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เค้าชอบจริงๆ”

“…”

 

“ตอนนี้พี่เนลก็เหมือนกับเด็กซิ่ว ที่ไม่รู้ตัว ว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบจริงๆ จึงต้องลองเปลี่ยนไปเรียนหลายๆคณะ เพื่อค้นให้พบว่าตัวเองนั้นชอบอะไร แต่คุณหญิงกลับบังคับให้ลูกตัวเองเลือกคณะที่คุณหญิงอยากให้ลูกเข้า แบบนี้ลูกคุณหญิงจะเรียนอย่างมีความสุขไหมล่ะครับ ถึงจะฝืนเรียนต่อไปแต่การเลือกคณะนั่นก็เท่ากับเลือกเส้นทางในอนาคต มันไม่ใช่สิ่งที่ทนเรียนไม่กี่ปีแล้วจบๆไป แต่มันคือสิ่งที่เราจะต้องอยู่กับมัน”

 

“...”

 

“มันก็เหมือนกันครับ ไม่แปลกหรอกที่พี่เนลจะเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ เพื่อค้นหาคนที่ใช่จริงๆ แต่คุณหญิงกลับบังคับให้ลูกตัวเองเลือกผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่ตัวเองอยากให้แต่งด้วย ถึงแม้คุญหญิงจะบังคับให้พี่เนลแต่งได้จริงๆ แต่คุณหญิงคิดเหรอครับว่าเขาจะมีความสุข”

 

“...”

 

“พี่เนลน่าสงสารตรงไหนรู้ไหมครับ”

 

“...”

 

“ตรงที่ว่า พี่เนลเขาไม่มีสิทธิที่จะเลือก ถึงแม้กว่าพี่เขาจะเจอคนที่ใช่สำหรับเขาแล้ว แต่คุณหญิงก็ยังบังคับให้พี่เนลแต่งงานกับคนที่คุณหญิงพึงพอใจอยู่ดี โดยไม่สนใจความรู้สึกของพี่เนลเลยว่าเขารู้จะสึกยังไง”

 

“...”

 

“นั่นมันก็เท่ากับว่าคุณหญิงกำลังทรมาณลูกตัวเองอยู่ไม่ใช่หรือไงครับ?”

 

ผมตัดสินใจพูดสิ่งที่ผมกำลังคิดออกไป ถึงมันจะดูเป็นเด็กอวดดีไปบ้าง แต่ผมก็อยากจะให้คุณหญิงได้รับรู้ไว้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้น กำลังทำร้ายลูกตัวเองขนาดไหน

 

“ปากเก่งจริงนะ”

 

“ผมแค่อยากให้คุณหญิงให้โอกาส...”

 

“ให้โอกาสอะไร?”

 

“ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ ว่าพี่เนลเค้าเจอคนที่ใช่ และพร้อมใช้ชีวิตด้วยกันแล้วจริงๆ”

 

“ก็ได้ ถ้าเธอมั่นใจขนาดนั้นแล้วล่ะก็ งั้นก็ชวยพิสูจน์ให้ฉันเห็นหน่อย ว่าตาเนลพร้อมจะหยุดอยู่ที่เธอแล้วจริงๆ”

 

“ครับ”

 

“ถ้าทำให้ฉันเห็นได้ ฉันจะปล่อยตาเนลให้เป็นอิสระ ฉันจะไม่บังคับอะไรลูกฉันอีกแล้ว รวมถึงเรื่องแต่งงานด้วย โอเคไหม?”

 

“โอเคครับ”

 

“ส่วนเรื่องแต่งงานกับหนูพิม ม๊าจะพักไว้ก่อน จนกว่าเด็กคนนี้จะพิสูจน์ให้ม๊าเห็นว่าสามารถทำให้ตาเนลของม๊ารักได้จริงๆ แต่ในกรณีที่เด็กคนนี้ถอดใจไป งานแต่งก็จะกลับมามีเหมือนเดิม” แม่ของพี่เนลหันไปพูดประโยคนี้กับพี่เนลที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าพี่เนลดูผ่อนคลายลงมาบ้าง หลังจากนั้นแม่ของพี่เนลก็ขอตัวกลับบ้านไป ตอนแรกพี่เนลก็ถามท่านอยู่ ว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกันไหม แต่ท่านจะกลับท่าเดียว บอกว่ามีธุระต้องรีบไปทำต่อ

 

หลังจากลาคุณแม่ของพี่เนลเรียบร้อยแล้ว ไอ้พี่เนลมันก็รีบหันมาพูดกับผมทันที

 

“ขอบคุณนะ”

 

“หือ? อะไรนะ”  พี่เนลมันพูดอะไรไม่รู้งึมงำๆ จนผมฟังไม่รู้เรื่อง จึงถามซ้ำไปอีกครั้ง

 

“กูบอกว่า ขอบคุณ..ที่ช่วยทำให้แม่กูใจอ่อนลง” มันส่งยิ้มมาให้  รู้สึกได้เลยว่า เป็นยิ้มที่จริงใจที่สุด เท่าที่รู้จักกับมันมาแล้ว

 

.”ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”

 

“แต่มึง คิดบ้างหรือเปล่า ก่อนพูดอะไรออกไปน่ะ”

 

“หือ?”

 

“มึงจะพิสูจน์ให้แม่กูเห็นได้ยังไงวะ ว่าเรารักกัน”

 

“เรื่องนั้นผมยังไม่ได้คิดไว้หรอก แต่พี่ก็รีบๆหาคนที่ใช่สำหรับพี่ให้เจอไวๆล่ะ พี่จะได้พาเขาไปพิสูจน์กับแม่ของพี่ได้”

 

"โถ่ เห็นพูดออกไปแบบนั้นนึกว่าจะมีอะไร สุดท้ายกูก็ต้องหาแฟนแบบเดิมอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”

 

“แต่อย่างน้อยมันก็สามารถเลื่อนเวลาให้พี่ได้นานขึ้นนะ จนกว่าผมจะยอมถอดใจไป ระหว่างนี้ก็รีบๆหาเข้าล่ะ”

 

“เออ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:19:43 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #33 เมื่อ24-03-2018 10:39:05 »

หุหุ มาลุ้นตอนต่อไป

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #34 เมื่อ25-03-2018 05:42:49 »

รอตอนต่อๆไปนะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #35 เมื่อ25-03-2018 09:54:51 »

เป็นการเปรียบเทียบที่สุดยอดจริงๆ

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 12 อาหาร
(1/2)

“ภีม”

พี่เนลเรียกชื่อผมขึ้นมา หลังจากที่เรามานั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นได้สักพัก
มันเรียกชื่อผมแบบนี้ แล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ผมก็ยังไม่ชินสักที
 

“ครับ?”
 

“กูหิว”
 

“ถ้าหิวก็ออกไปหาอะไรกินสิครับ”


ตอนแรกที่ตกลงกันไว้ คือถ้าแม่พี่เนลอยู่กินข้าวด้วย จะออกไปกินกันข้างนอกกัน แต่ท่านรีบกลับก่อน พวกผมเลยต้องพับโคลงการนี้ไว้ แล้วมานั่งโง่ๆดูทีวีกันสองคนแทน
 

“มึงทำอาหารเป็นหรือเปล่า”
 

“ไม่เป็นครับ” ผมรีบตอบออกไป ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่ได้เข้าครัวเลย ถ้าหิวก็หากินตามร้านอาหาร หรือ ถ้าวันไหนแม่ผมว่างๆ ท่านก็จะทำให้ผมกิน

ระดับการทำอาหารของผมเข้าขั้นห่วยเลยล่ะ ถ้าเป็นไปได้ผมจะไม่ทำอีกเด็ดขาด
ยังจำฝันร้ายตอนไปเข้าค่ายลูกเสื้อไม่เคยลืม วันนั้นเพื่อนในหมู่ให้ผมเป็นคนทำอาหาร ในเมื่อเพื่อนฝากท้องไว้กับผม ก็มีแรงฮึด จัดเพียวๆเน้นๆ อะไรที่คิดว่ากินได้ ก็เอาไปผสมปนกันหมด เป็นไงละครับ ท้องเสียกันทั้งหมู่ หนักสุดก็ผมนี่แหละ ที่ต้องหามไปส่งโรงพยาบาลกันให้วุ่น เพราะอาหารเป็นพิษ
 
หลังจากวันนั้นก็ไม่คิดที่จะทำอาหารอีกเลย
 

“งั้นก็ฝึกทำซะ”
 


“แล้วทำไมผมต้องฝึกทำด้วยล่ะครับ”
 


“กูหิว” มึงพูดเป็นอยู่คำเดี๋ยวหรือไง
 


“พี่ก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอกสิครับ”
 


“ก็กูอยากกินฝีมือมึง” โอ้โห มึงคิดอะไรอยู่ จะตายเรอะ
 


“แล้วเรื่องอะไรผมต้องทำให้พี่กินด้วยวะ ไม่เอาด้วยหรอก”
 


“มึงมีสิทธิเลือกด้วยหรอว่าจะทำหรือไม่ทำน่ะ กูสั่งให้มึงทำมึงก็ต้องทำ” พี่เนลว่าเสียงเข้ม
เอ่อ! ถึงกูจะไม่มีสิทธิเลือก แต่มึงยังมีสิทธิสิทธิเลือกระหว่างเข้าโรงพยาบาลกับตาย
ถ้ามึงยืนยันจะให้กูทำอาหาร!
 

“สั่งอยู่นั่นแหละ เกิดมาเพื่อสั่งหรือไง”
 


“ไม่ต้องมาบ่น เป็นแค่ผู้อยู่อาศัยแท้ๆ ตอนนี้มึงก็เหมือนกับปลิงที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อกูอยู่ทุกวี้ทุกวันนั่นแหละ กูให้มึงมาอยู่ด้วยฟรีๆก็บุญแค่ไหนแล้ว ยังจะทำตัวไร้ประโยชน์อีก”
โอ้โห ถ้ามึงจะเปรียบเทียบขนาดนี้ ก็เอามีดมาแทงปลิงอย่างกูให้ตายไปเลยเถอะ กูจะได้ไม่ต้องอยุ่สูบเลือดสูบเนื้อปรสิตอย่างมึง!
 

คนที่ไม่มีทางเลือกอย่างผม เลยต้องยอมเข้าครัวไปทำอาหารให้มันอย่างจำยอม!
ไม่อร่อยอย่ามาว่าทีหลังก็แล้วกัน
เพราะถือว่ากูบอกมึงไปแล้ว ว่ากูทำอาหารไม่เป็น!
 
ผมเดินลงไปที่ห้องครัว จัดการเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรพอจะทำอาหารได้บ้าง
 

พ่ามพาม
 

โคตรเหี้ย ไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำเปล่า
 

แล้วมึงจะให้กูทำอะไรได้วะ
 

“พี่เนล! ไม่มีอะไรอยู่ในตู้เย็นเลย” ผมตระโกนบอกมันออกไป มึงหัดซื้ออะไรมาใส่ตู้บ้างเหอะ รู้สึกด้อยมากเลยครัวมึงเนี่ย จะมีไว้ทำไมวะ ไร้ประโยชน์!
 

“เออลืมไป ตั้งแต่ย้ายเข้ามายังไม่ได้ซื้อของมาใส่ตู้เลย”
 

“งั้นก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอก”
 

“ไม่ จะกินฝีมือมึง” เรื่องมากวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากกินกับข้าวฝีมือกู วันนี้เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา
 

“แต่ของไม่มี จะทำได้ไง”
 

“ออกไปซื้อ”
 

“ทำไมต้องเสียเวลาออกไปซื้อวัตถุดิบแล้วเอากลับมาทำด้วย แค่พี่ออกไปกินข้าวข้างนอกเหมือนที่ตกลงกันไว้แค่ไม่มีแม่พี่ไปกินด้วยเอง จะทำเรื่องให้มันยุ่งยากทำไมวะ”
 

“ก็กูพอใจแบบนี้ มึงจะทำไม”
 

“มันเสียเวลา พี่หิวข้าวไม่ใช่หรือไง ไหนต้องมารอผมทำอีก พี่ได้หิวตายกันพอดี”
 

“เป็นห่วงกู?” มันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
โคตรหลงตัวเอง ใครเขาเป็นห่วงมึงกัน กูแค่ไม่อยากทำอาหารโว้ย เข้าใจไหม อย่าให้กูได้พูดซ้ำ
 
 

“เหอะ ไม่มีวัน”
 

“งั้นก็เลิกบ่นแล้วออกไปซื้อของมาใส่ตู้เย็นได้แล้ว! ทำตัวเป็นเมียขี้บ่นอยู่ได้” ผมจับใจความได้แค่ประโยคข้างหน้า ส่วนประโยคข้างหลังมันพูดอะไรไม่รู้งึมงำๆ จนผมฟังไม่รู้เรื่อง
 

ทำตัว...อะไรสักอย่าง
แต่ที่รู้ๆมันกำลังด่าผมอยู่แน่ๆ
 

“พี่ว่าอะไรนะ” ผมจึงถามย้ำออกไป
 

“ไปซื้อของมาใส่ตู้เย็นได้แล้ว”
 

“ไม่ ประโยคหลังจากนี้ ผมได้ยินไม่ค่อยชัด เลยจับใจความไม่ได้”
 

“กูบอกว่าไปซื้อของมาใส่ตู้เย็นได้แล้ว ทำตัวลีลาอยู่ได้”
 

“อ๋อ”
 

“แล้วจะนั่งเป็นผีเฝ้าโซฟาตรงนั้นอีกนานไหม ลุกขึ้นมาได้แล้ว กูหิว เร็ว” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน โมโหหิวแล้วเหรอครับน้องเนล

ผมรีบลุกขึ้นเดินตามมันไปทันที ยังไม่อยากเห็นมันฟาดงวงฟาดงาใส่ตอนนี้
 
 
พี่เนลมันพาผมมาที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ออกมาเที่ยวกัน จึงทำให้ห้างแออัดเป็นพิเศษ กว่าจะหาที่จอดรถได้กินเวลาเป็นชั่วโมง ตอนแรกผมบอกมันว่าให้ไปเดินซื้อของแถวตลาดใกล้มหาลัย เพราะมีแต่ของสดใหม่ แถมราคาก็ไม่แพง แต่มันไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าไม่ชอบกลิ่นของตลาด แถมอากาศก็ร้อน สู้เดินห้างตากแอร์เย็นๆก็ไม่ได้
 
เอาที่มันสบายใจเถอะ มันเป็นคนออกเงิน ผมไม่มีสิทธิอะไรไปคัดค้านมันอยู่แล้ว


“พี่อยากกินอะไร ไข่เจียว ไข่ดาว หรือ ไข่ต้ม” ผมถามพี่เนลออกไปหลังจากที่เรามายืนเลือกไข่อยู่ตรงโซนอาหาร
 

“ใจคอมึงจะให้กูแดกไข่อย่างเดียวเลยหรือไง” พี่เนลขมวดคิ้วย่น
 


“ก็ผมพอทำได้อยู่แค่นี้แหละ”
 


“แต่กูเบื่อแล้ว กูอยากกินปลากะพงนึงมะนาว”
 


“โหพี่ ผมทำไม่เป็นหรอก”
 


“หาวิธีทำในกูเกิ้ลสิวะ”
 


“ผมไม่มีโทรศัพท์”
 


“เอ้าไอ้ห่า ในชีวิตนี้มึงมีอะไรบ้างวะ”
 

“ก็เพราะพี่ไม่ใช่หรือไงเล่า ที่โยนโทรศัพท์ผมทิ้งวันนั้นน่ะ”
 

“ก็มึงแอบถ่ายกู” เรื่องเดิมกลับมาอีกแล้วครับ เบื่อจะเถียงกับมันเรื่องนี้แล้ว
 

“เอาเถอะ สรุปคือตอนนี้ผมไม่มีมือถือใช้ และผมก็พอทำได้แต่เมนูไข่ง่ายๆเท่านั้น นอกนั้นผมทำไม่เป็น”
 

“โว๊ะ แดกไข่ก็ได้วะ รู้งี้เอาเงินไปจ้างผู้หญิงที่ทำอาหารเป็นมาดีกว่าเสียเงินไปกับคนไร้ประโยชน์แบบมึง”
 


“เหอะ แล้วพี่จ้างผมทำไมล่ะ”
 


“ถ้าเป็นไปได้กูก็ไม่จ้างมึงหรอก ชวนหาเรื่องได้ตลอดเวลา ทำอาหารก็ไม่เป็น หน้าตาก็งั้นๆ แถมยังไม่น่าปล้ำอีก”
 


“แล้วเลือกผมทำไม”
 


“เพราะไม่มีใครสามารถมาเป็นเมียกูได้แล้วนอกจากมึงไง เหตุผลกูมีแค่นี้แหละ”
 


“ว๊าย แกรได้ยินไหม” ไม่ใช่เสียงของผมครับ แต่เป็นเสียงของเด็กมัธยมสองคนที่แอบอยู่หลังเสาไม่ห่างจากผมมากเท่าไหร่ คนหนึ่งมัดผมรวบตึง ใส่แว่นตาหนาเตอะ มาดเด็กเรียนสุดๆ ส่วนอีกคนเป็นสาวแบ๊วไว้หน้าม้า มัดผมจุกสองข้าง พร้อมผูกโบสีชมพูไว้บนหัว

โอ้โห โบใหญ่กว่าหน้าอีกแม่คุณเอ๊ย
 

“ได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะ” น้องแว่นเอ่ยตอบ
 

“เขาเป็นแฟนกันจริงๆด้วยแกรรร” น้องโบใหญ่พูดออกมาพร้อมเขย่าแขนเพื่อน
เบาๆหน่อยก็ได้นะน้อง แขนเพื่อนจะหลุดติดมือน้องไปแล้ว
 

“กรี๊ดดดด คิดไม่ผิดเลยที่สละเวลาแอบตามพี่เขามาตั้งแต่หน้าประตู” โอ้โห ตามาตั้งแต่หน้าประตูเลยเหรอวะ ลงทุนมาก
 

“โอ้ย แค่นี้ใจฉันก็กระชุ่มกระชวยแล้ว” น้องโบใหญ่เอามือขึ้นมาทาบอกตัวเองไว้
 

“เห็นยืนเลือกไข่อยู่ตั้งนานแล้ว ถ้าเลือกไม่ได้ก็กินไข่ที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของแฟนแทนก็ได้นะคะ อ๊ายยย”
น้องแว่น...พี่คิดว่าน้องจะเรียบร้อยนะ ทำไมน้องถึงพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้!
น่ากลัวจริงๆผู้หญิงสมัยนี้
 

“ซู่ววว พูดเบาๆหน่อย เดี๋ยวเขารู้ตัวหรอกว่าเราแอบตามเขามา”
ไม่ทันแล้วน้อง พี่รู้ตัวแล้ว
 

“ดูพี่พูดจา เห็นไหมเขาเข้าใจผิดหมดแล้วเนี่ย” ผมขยับเข้าไปกระซิบพี่เนล พร้อมกระทุ้งศอกใส่มัน
 

 “หือ?” ผมทำหน้างง ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
 

“อ๋อออ แล้วไง ก็ปล่อยเขาเข้าใจไปดิ ความจริงเราก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆนิ”


“ไม่ได้เป็นโว้ย ก็แค่แสดงไม่ใช่หรือไงเล่า” อยากจะตระโกนประโยคนี้ออกมา แต่ทำไม่ได้นอกจาก กระซิบเบาๆ


“อ่าว แล้วเป็นหรือเปล่าล่ะ”
 

“ไม่ได้เป็นโว้ย พี่แม่ง!! พูดไม่รู้เรื่อง”
 

“กูให้โอกาสมึงตอบอีกที” มันจับแขนทั้งสองข้างของผมดึงเข้าหาตัวมัน ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนตอนนี้หน้าของเราห่างกันคืบ ผมก็พยามหดคอหนีมันให้ระยะห่างมันมากขึ้น
 

“ว๊ายแก เขาจะจูบกันแล้ว เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ เร็ววว!!!!” น้องแว่นหนาเขย่าตัวน้องโบใหญ่ จนตัวน้องโงนเงนไปมา
 

“พี่ ปล่อย เห็นไหมเขาเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” ผมพยายามดึงแขนให้ออกจากการจับกุมของพี่เนล แต่แรงมันเยอะกว่าจึงทำให้ผมไม่สามารถหลุดไปไหนได้
 

“ไม่ปล่อย กูชอบให้คนอื่นเข้าใจผิด”
 

“ปล่อยสิโว้ย เขาจะถ่ายรูปแล้วนั่น”ผมกัดฟันพูดกับมัน
แต่พี่เนลดูเหมือนจะไม่ได้สนใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ มันขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก จนตอนนี้จมูกของมันชนเข้ากับจมูกของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 

ถ้าจะใกล้ขนาดนี้ก็จูบกูเลยเถอะ
 

มันเลื่อนจุดโฟกัสสายตาเข้ามาจ้องในตาผม ประหนึ่งต้องการหาอะไรจากนัยน์ตาผมอย่างนั้นแหละ
มองขนาดนี้ ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงยอมเสียตัวให้มึงไปแล้ว
 

“คิดว่ามองแบบนี้แล้วกูจะหวั่นไหวเหรอ”
 

“หึ” มันยิ้มมุมปาก สักพักมันก็ยอมปล่อย ผมรีบหยิบไข่จากชั้นวางมาใส่รถเข็นทันที ไม่เลือกแม่งละ
 

“ว้ายแก พี่หน้าตาน่ารักเดินหนีไปแล้ว รีบๆตามพี่แกไปดีกว่า เร็วๆ” ผมเดินเข็นรถเข็นหนีพี่เนลมา ไม่วายไอ้ยินเสียงสองสาวพูดออกมา ถ้าน้องจะพูดเสียงดังขนาดนี้ พี่แนะนำให้น้องใช้โทรโข่งประกาศให้เขารู้กันทั่วห้างเลยไหม ว่าพี่เป็นอะไรกับมันน่ะ
 

พี่เนลมันเดินตามผมมา ก่อนจะใช้แขนของมันโอบไหล่ผมเอาไว้
ไอ้นี่ก็อีกคน น่าถอดรองเท้าฟาดหน้าให้รู้แล้วรู้รอด สนุกมากหรือไงทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดน่ะ
ผมพยายามแกะมือไอ้พี่เนลที่โอบไหล่ผมออก แต่ยิ่งแกะเท่าไหร่มันก็ยิ่งเพิ่มแรงให้แน่นขึ้น จนผมเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาหน่อยๆ
 

“พี่แม่ง แกล้งผม”
 

“เวลามึงรนแล้วน่ารักดี เห็นแล้วอยากแกล้ง”มันพูดพลางหันหน้ามาจ้องผมนิ่ง
มะ มองอะไรวะ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไงจ้องอยู่ได้
รู้สึก เขิลแปลกๆ อย่ามามองกูสายตาแบบนั้น
 

“นิสัยเสียวะ”
 

“ขอบคุณครับที่ชม”




ผมเดินซื้อของกับพี่เนลไปเรื่อยๆ โดยมีสองสาววัยมัธยมตามติดเป็นวิญญาณไปทุกที่ กับการเรียนหนูเคยทุ่มเทแบบนี้บ้างไหม
จนตอนนี้ของที่ซื้อมาเต็มรถเข็น มีแต่ของอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระของพี่เนลทั้งนั้น ของที่จะเอาไปทำอาหารมีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์จากของที่อยู่ในรถเข็นทั้งหมด นอกนั้นก็ของไอ้พี่เนลหมด


“แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง ไปจ่ายเงินกันเถอะ กูพอแล้ว”มันพูดขึ้นมาหลังจากที่พยายามยัดซองขนมกว่า 10 ซองใส่รถเข็น มันไม่มีที่แล้วพี่ก็ยังจะพยายามอีกเนาะ
 

เดินมาจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์เสร็จ พี่เนลมันก็ยื่นถุงทั้งหมดให้ผมถือ ส่วนมันก็เดินตัวปลิวลงไปที่ลานจอดรถทันที ผมที่ถือของพะรุงพะรังรีบเดินตามพี่มันไป ไอ้นี่ก็ไม่คิดจะรอกูเลย เคยเป็นคนยังไงก็เป็นอย่างนั้นแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:25:01 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อาหาร
(2/2)

ตอนนี้ผมอยู่ที่ครัว ส่วนพี่เนลมันนั่งดูทีวีสบายใจอยู่ที่ห้องนั่งเล่นครับ
นอนตีพุงรอกินอย่างเดียว จะสบายเกินไปแล้วนะมึง
 
หลังจากผมจัดของที่พึ่งซื้อมาใส่ตู้เรียบร้อยแล้ว ก็ลงเมื่อทำอาหารให้พี่เนลมันทันที
ผมใช้ทักษะที่ได้มาตอนไปเข้าค่ายลูกเสือหุงข้าวก่อนเป็นอันดับแรก

จัดการตักข้าวใส่ลงไปในหม้อประมาณครึ่งหม้อได้ ก่อนเติมน้ำลงไป ผมก็กะปริมาณไม่ได้หรอก ตอนไปเข้าค่าย ในหมู่ผมไม่ค่อยมีใครทำอาหารเป็น ก็ใส่มั่วๆกันไป ข้าวออกมาเป็นยังไงก็ต้องกิน
ใส่ประมาณนี้น่าจะพอล่ะมั้ง ผมจัดการปิดฝา และเสียบปลั๊กทันที
 
ระหว่างรอข้าวหุงเสร็จ ก็จัดการทำกับข้าวต่อ พี่เนลมันจะกินไข่เจียวหมูสับครับ
ผมตอกไข่ใส่ถ้วยรอไว้ก่อน หลังจากนั้นก็เอาเนื้อหมูที่พึ่งซื้อมาขึ้นเขียง


ต้องหั่นเป็นชิ้นๆก่อนเปล่าวะ เพราะหมูมันชิ้นใหญ่มาก เรียกชิ้นคงไม่เหมาะ ต้องเรียกกว่าก้อนมากกว่า ตอนที่ซื้อมาอยากเผื่อไว้เยอะๆ เลยเลือกก้อนใหญ่มาทีเดียวเลย จึงต้องมาเสียเวลานั่งเฉือนแบบนี้แหละ
อื้อหือ เหนียวดีมาก ไม่ใช่เนื้อหมูนะครับมันที่ติดมา
 
ผมไม่ยอมแพ้จับเนื้อหมูไว้แน่นแล้วใช้มีดค่อยๆเฉือนเนื้อมันออกมาทีละนิด

“โอ้ย!” ยังไม่ทันไรมีดที่ใช้เฉือนเนื้อหมู ก็หันมาเฉือนนิ้วผมแทน เจริญแล้วกู
ต้องเสียเวลาเดินไปล้างแผลอีก โชคดีที่แผลไม่ได้ใหญ่มาก จึงเอาพลาสเตอร์ที่อยู่ในถุงมาแปะแผลไว้
โชคดีที่พี่เนลมันซื้อมา ก็ไอ้ของไร้สาระที่ผมว่ามันไปนั่นแหละครับ มันติดมากับถุงพวกวัตถุดิบผมพอดี
เหมือนมันรู้อย่างนั้นแหละ ว่าผมต้องใช้
 
ทำแผลให้ตัวเองเสร็จ ผมก็กลับจัดการกับหมูต่อยกที่สอง รอบนี้ก็พยายามหั่นอย่างระมัดระวังหน่อย
หั่นเสร็จ ก็จัดการใช้มีดสับให้มันเละตามระเบียบ พอเละได้ที่แล้วก็นำหมูสับมาใส่ถ้วยที่ผมตอกไข่รอไว้ หลังจากนั้นก็ใช้ส้อมคนๆให้เข้ากัน ก่อนใส่ซอสปรุงรสไป
ผมเปิดไฟตั้งกระทะ พร้อมเทน้ำมันลงไป รอสักพักน้ำมันเดือดได้ที่ ก็เทไข่ที่ผมคนจนกล้ามขึ้น ลงไปในกระทะทันที
 


รอสักพักก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ไข่เจียวหมูสับกากๆฉบับภีมเอง
หน้าตาออกมาใช้ได้เลยนะเนี่ย ไม่น่าเกลียดถือว่าสอบผ่าน ฮ่าๆ ผมตักไข่เจียวหมูสับใส่จานเตรียมไว้
รออีก 5 นาทีข้าวที่ผมหุงก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมทาน
 


ผมนำไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะเรียกพี่เนลให้มากินด้วยความลุ้น อารมณ์เหมือนนั่งดูหนังผีแล้วลุ้นว่าผีจะโผล่มาตอนไหนเลย
 

ได้ยินเสียงพี่เนลกดปิดทีวี สักพักตัวมันก็โผล่เข้ามาในครัว
มันเดินตรงมานั่งที่โต๊ะอาหาร สายตาสำรวจไข่เจียวของผมอยู่สักพัก ก่อนจะพยักหน้าท่าทางพอใจ
 

“อืม หน้าตาใช้ได้ ไม่เลวๆ”
 

“แน่นอนครับ” ผมยื่นอกด้วยความภาคภูมิใจ มันเป็นไข่เจียวจานแรกที่ผมทำแล้วออกมาดูดีที่สุดในชีวิตแล้ว
 

“แต่....ข้าวนี่มันอะไรกัน” มันใช้ช้อนตักข้าวขึ้นมาดู
 

“ทำไมล่ะครับ”
 

“มึงทำข้าวหุงหรือข้าวต้มกันแน่วะ แฉะฉิบหาย”
 

“ผมใส่น้ำเยอะไปหน่อย แต่มันก็กินได้นะครับ”
 

“มึงแน่ใจ?”
 

“แน่ใจครับ ตอนเข้าค่ายพวกผมก็กินกันแบบนี้แหละ ผมยึดหลักใส่น้ำเยอะไว้ก่อน ข้าวจะได้ไม่แข็ง”
 

“แต่ยอมให้มันแฉะแทน ว่างั้นเถอะ”
 

“ครับ ข้าวจะได้สุก”
 

“ตายๆ” พี่เนลสบถออกมา พร้อมเอามือกุมขมับตัวเองแน่น
 

“กินๆไปเถอะพี่ กินได้ก็แล้วกัน”
 

เนลมันทำหน้าไม่ค่อยเชื่อผมนัก แต่ก็ยอมตักอาหารที่ผมทำเข้าปากไป ผมนั่งดูมันกินอย่างใจจดใจจ่อ รอลุ้นว่ารสชาติจะพอถูกปากพี่แกไหม
 

“อื้อหือ! ไข่ไหม้!!!” จึก หนึ่งดอกเน้นๆ
 

“ไหม้จริดดิ” ผมถามมันออกไป เท่าที่ดูก็เห็นจะไหม้ตรงไหนเลย ไอ้พี่เนลมันเลยพิสูจน์โดยการตักไข่พลิกกลับด้านให้ผมดู
 

ชัดเจน ไหม้จริงๆด้วย
 

“แต่ยังมีส่วนที่ไม่ไหม้อยู่นะครับ งั้นก็เลือกกินส่วนที่ไม่ไหม้แทนละกัน” ผมใช้ช้อนตักไข่ส่วนที่มันไม่ไหม้ใส่จานของพี่เนลมัน เอาใจมันหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะโดนเยอะกว่านี้
มันทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ก็ยอมกินแค่ส่วนที่ผมตักให้แต่โดยดี สงสัยหิวจัด ฮ่าๆ
 

มันเคี้ยวไข่ไปสักพักก็ทำหน้าตกใจ ก่อนจะใช้มือดึงสิ่งแปลกปลอมออกมาจากปาก
 

“นี่มันอะไร” มันว่าเสียงสั่น
 

“เปลือกไข่ครับ สงสัยแถมมาตอนผมตอก แฮะๆ” ผมตอบมันไป พลางหัวเราะแก้เก้อ
 

“ห่วยแตกวะ แค่ไข่เจียวมึงยังทำออกมาไม่ดีเลย” พี่เนลเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว ที่อาหารของผมมันไม่ถูกปากมัน
 

“...”
 

เคล้ง


มันวางช้อนเสียงดังจนผมตกใจ ก่อนทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ “มึงแกล้งกูหรือเปล่าวะ ไม่พอที่กูแกล้งมึงที่ห้างใช่ไหม เลยเอาคืนกู” เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ผมไม่ได้แกล้งพี่โว้ย แต่ผมทำอาหารไม่เป็นจริงๆ ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วไงวะ
 


“เปล่าครับ ผมไม่ได้แกล้ง ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าทำอาหารไม่เป็น พี่ก็ยืนยันจะกินอยู่นั่นแหละ”
 
 
“แต่มึงก็ควรตั้งใจให้มากกว่านี้ เหมือนทำแบบขอไปที ห่วยแตกจนไม่มีส่วนไหนที่กินได้เลย!” มันตะคอกใส่ผมเสียงดัง
 

“ผมตั้งใจทำที่สุดแล้ว”ผมพูดเสียงเบา ตอนนี้รู้สึกหมดกำลังใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ สำหรับคนที่ทำอาหารไม่เป็นแบบผม ดีที่สุดคงได้เท่านี้แหละ ตอนแรกก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามันต้องไม่อร่อย แต่ไม่คิดว่ะห่วยแตกจนถึงขั้นที่พี่เนลมันกินไม่ได้เลย
 

ผมกำชับมือที่มีพลาสเตอร์แปะแผลไว้แน่น
 
รู้สึกแย่วะ ผมคงไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้จริงๆนั่นแหละ
 

ผมใช้ช้อนตักไข่ที่ทำมาใส่ปากตัวเอง ตามด้วยข้าวที่ผมหุง
ห่วยจริงๆอย่างที่พี่มันพูดนั่นแหละ  กินไม่ได้เลย
ไข่ไหม้ๆ กับ ข้าวแฉะๆ ไม่เข้าท่าเลยวะ
เป็นใครก็ทนกินไม่ได้หรอก


พี่เนลนั่งมองผมตักข้าวกินไม่พูดไม่จา สายตาเลื่อนลงมามองมือผม ข้างที่แปะพลาสเตอร์เอาไว้ ผมจึงรีบดึงมือข้างนั้นลงทันที
มันมองอย่างนั้นอยู่สักพักก่อนหยิบช้อนขึ้นมาตักกินต่อ
 
“กินไม่ได้ แล้วพี่จะฝืนกินอีกทำไม” ผมถามมันออกไป
 

“ก็กูจะกิน”
 

“พี่อย่าฝืนกินเลย กินไข่ไหม้เดี๋ยวก็เป็นมะเร็งหรอก”
 

“ใครว่ากูฝืนกิน กูเต็มใจ ถ้าจะเป็นมะเร็งก็เป็นกันทั้งคู่นี่แหละ เพราะมึงก็กิน”
 

“ดื้อวะ”
 

“มึงก็ดื้อเหมือนกันนั่นแหละ รู้อยู่ว่ามันกินไม่ได้ ก็ฝืนใจกินอยู่นั่น”
 

“ก็ผมเสียดาย”
 


“งั้นก็กินด้วยกันเนี่ยแหละ ลูกหมาแถวนี้อุส่าห์ตั้งใจทำนี่เนาะ” มันยิ้มให้ พร้อมเอามือมาลูบหัวผมจนยุ้งไปหมด ก่อนลงมือตักไข่เจียวหมูสับของผมกินต่อ
 

น่าแปลก ถึงพี่เนลจะบ่นว่าอาหารที่ผมทำ รสชาติจะห่วยแตกจนกินไม่ได้ขนาดไหน แต่มันก็ยังตักกินต่อจนหมดจานเลย....
 

ดีใจวะ
 
 
“ยิ้มอะไรของมึง” หุบยิ้มทันที
 

“หือ? ใครยิ้ม ผมหรอ?” เผลอยิ้มออกไปตอนไหนวะ แล้วผมจะยิ้มทำไม!!!
 

“เออ มึงยิ้ม”
 

“ผะ ผม...เปล่าสักหน่อย”
 

“ก็เห็นๆอยู่ว่ามึงยิ้ม”
 

“ผมไม่ได้ยิ้ม พี่อย่ามามั่ว”
 

“เอ้า! ก็กูเห็นอยู่”
 

“ผมไม่ได้ยิ้ม”
 

“ยิ้มดิวะ มองหน้ากูแล้วยิ้มไปด้วย คิดอะไรกับกูเปล่าเนี่ย”
 

“ผมจะไปคิดอะไรกับพี่วะ หลงตัวเอง”
 

“ไม่คิดแล้วจะยิ้มทำไม”
 

“ผม..เอ่อ โต๊ะสวยดีนะครับ พี่ซื้อมาจากที่ไหน” เอามือลูบๆโต๊อยู่อย่างนั้น ประหนึ่งอยากได้มาก
 

“เหอะ! โต๊ะนี้ก็มีตั้งนานแล้ว พึ่งมาสนใจหรือไง ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย” ไอ้นี่ก็คาดคั้นอยู่นั่นแหละ ถามไปกูก็ไม่มีคำตอบให้มึงหรอก เพราะกูก็ไม่รู้
 

เดินหนีแม่ง
 

ผมลุกจากโต๊ะ เดินหนีพี่เนลขึ้นมาห้องของตัวเองมาทันที ไม่วายได้ยินเสียงมันตะโกนตามหลังผมมา
 

“อ่าว แล้วจานล่ะ”
 

มึงก็ล้างเองเลยแล้วกัน
 



ผมพลิกตัวไปมาอยู่บนฟุกสักพัก
 

เหี้ยละ นอนไม่หลับ
 

พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ไม่หลับสักที ทำไงดีวะ
 

หลับสิโว้ย! พรุ่งนี้มีเรียนเช้า มึงจะตื่นเป็นนกฮูกแบบนี้ไม่ได้นะไอ้ภีม
ต้องทำยังไงถึงจะนอนหลับ วิธีเบสิกที่สุดคือ การนับนับแกะ
 

โอเค เริ่ม!
 

แกะตัวที่หนึ่งกระโดดข้ามรั้วไป ตามมาด้วยตัวที่สอง...ตัวสาม..ตัวสี่...
ตัวที่116...117...118..119...
นับไปเถอะ ตัวที่หมื่นมึงก็ไม่หลับ โคตรเหี้ย


ต้องเปลี่ยนวิธี

อืม....นั่งสมาธิแทนก็แล้วกัน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง

เมื่อคิดได้ ผมก็รีบนั่งขัดสมาธิ เตรียมนั่งสมาธิทันที นั่งไปได้สักพักก็รู้สึกง่วงขึ้นมา

วิธีนี้ได้ผล! ผมเอนตัวลงนอนทันทีที่รู้สึกง่วง จะได้หลับแล้ว

เปลือกตาผมค่อยๆปิดลง สติของผมก็ค่อยๆจางหายไปทีละนิด ทีละนิด..

จนในที่สุด...


ก็อก ก็อก ก็อก!

อืมมม! สติกูกลับเข้าร่างมาอีกแล้ว ไอ้เหี้ย!


“ลูกหมา นอนยัง”
 

“ยังครับ พี่มีอะไรหรือเปล่า” จะบอกว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ อารมณ์มันอยู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น พอมึงมาเคาะประตูห้องกูเท่านั้นแหละ ตื่นโดยสมบูรณ์ เกลียดดด
 

“ออกมาหากูหน่อย”
ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่เนลมัน
 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ มาหาผมซะดึกดื่นเลย”
 

“กูนอนไม่หลับ”
 

“แล้ว?”
 

“ไปหาอะไรอุ่นๆมาให้กูดื่มหน่อย” คิ้วกระตุกเลย


"พี่ลงทุนมาปลุกผมเพื่อให้ผมลงไปหาอะไรให้พี่ดื่มเนี่ยนะ เป็นง่อยหรือไงวะ"
 

"เลิกบ่น แล้วลงไปหาอะไรให้กูดื่มได้แล้ว เดี๋ยวกูหักตังค์" อื้อหือ มีขู่ๆ
คิดว่าเอาเงินมาขู่แล้วกูจะยอมหรือไง
ขอบอกไว้เลย ว่าเงินไม่สามารถทำอะไรกูได้


ผมจึงรีบพูดออกไปทันทีว่า


“พี่จะดื่มอะไร”

ช่วงนี้การเงินมันติดขัด อะไรที่ยอมๆได้ก็ยอมไป
 

“อะไรก็ได้ เสร็จแล้วเอามาให้กูที่ห้องนะ”
พูดเสร็จมันก็เดินกลับเข้าห้องไปทันทีโดยไม่รอฟังผมพูดอะไรต่อ

 
ผมลงมาที่ครัวชั้นล่างของบ้านเพื่อหาอะไรให้พี่เนลมันดื่ม
เปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรบ้าง ก็เจอนมวัวที่พึ่งซื้อมา จัดการนำนมไปอุ่นให้พี่เนลมันทันที
นอนไม่หลับแบบนี้ต้อง นมอุ่นๆถึงจะเหมาะ
 
เสร็จแล้วผมก็นำขึ้นไปให้พี่เนลมัน พอมันรับแก้วไป ผมจึงเดินกลับห้องของตัวเองทันที

มาถึงห้องตูดยังไม่ทันได้สัมผัสกับฟูก เสียงเคาะประตูก็ขึ้นมาอีก



ก็อก ก็อก ก็อก

อะไรอีกวะ!
 
ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่เนลมันอีกครั้ง
 

“มีอะไรอีกพี่”
 

"กูเอาแก้วมาคืน" มันยื่นแก้วมาให้ ผมรับจากมือมัน ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อเอาแก้วลงไปล้าง


ผมว่าพี่เนล แม่ง! กะใช้ผม 24 ชั่วโมงเต็ม ให้คุ้มกับค่าจ้างจริงๆว่ะ

พอล้างแก้วเสร็จ ผมก็ขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง หวังว่าครั้งนี้คงได้นอนแล้วจริงๆนะ


พระเจ้า ได้โปรดเถอะ ให้ผมได้นอนสักที


ก็อก ก็อก ก็อก


อะไรอีกวะ! ตอนนี้ผมอยากยกฟุกทุ่มหน้าไอ้พี่เนลมันมาก

"ลูกหมา เปิดประตูหน่อย"

ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่เนลมันอีกครั้ง ด้วยความไม่สบอารมณ์นัก
 

“มีอะไรอีกพี่”
 

“กูนอนไม่หลับ” ประโยคนี้มันคุ้นๆไหมครับ เหมือนมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
 

“...”
 

“ไปดูทีวีเป็นเพื่อนกูหน่อย”
 

“แล้วทำไมพี่ไม่ไปดูคนเดียวล่ะวะ จะมาปลุกผมทำไม”
 

“เออ ไปดูเป็นเพื่อกูหน่อย ไม่อยากนั่งดูคนดียว เร็ว!”
 

“...”
 

“กูสั่ง”
 

“โว๊ะ!”


เอะอะสั่งๆ คิดว่ากูกลัวหรือไง!
ที่ยอมลงมาเป็นเพื่อนเพราะกูสงสารมึงหรอกนะ อย่าเข้าใจผิดไป


มันเปิดรายการอะไรก็ไม่รู้ดู น่าเบื่อมากๆ
ผมนั่งดูไปได้สักพักก็รู้สึกถึงอะไรหนักๆที่ไหล่ จึงละลายตาจากทีวีหันมามองที่ไหล่ผมแทน ก็พบว่าเป็นไอ้พี่เนลที่เอาหัวมันมาซบกับไหล่ของผม


หลับไปแล้วแน่ๆเลย ทำไงดีวะ


“พี่เนลครับ” ผมตัดสินใจปลุกพี่มันให้ตื่น


“...” แต่ดูเหมือนพี่มันจะหลับสนิทเลย ผมจึงเอามือไปเขย่าตัวพี่มันพร้อมเรียกไปด้วย


“พี่เนล ตื่นได้แล้วครับ ถ้าง่วงก็ไปนอนที่ห้องพี่ดิ”


“อืมมม”


“พี่เนล” ผมเพิ่มแรงเขย่าอีกหน่อย เพราะดูเหมือนพี่เนลมันจะรู้สึกตัวแล้ว


มันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองผม แต่หัวมันก็ยังซบผมอยู่เหมือนเดิม
มึงอย่ามาเนียน! ผมรีบใช้มืออีกข้างดันหัวมันออกจากไหล่ทันที


“ไปนอนที่ห้องพี่เถอะ” มันพยักหน้าให้ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องมันทันทีอย่างว่าง่าย
 

รู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ไปนอนบ้างนอนดีกว่า
ผมปิดทีวี ก่อนเดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง
เอนตัวลงไปนอนกับฟุก ทันทีที่หัวถึงหมอน เปลือกตาก็ค่อยๆปิดลง



หวังว่าครั้งนี้คงได้นอนจริงๆแล้วนะ



ก็อก ก็อก ก็อก!


ซะเมื่อไหร่

ผมเอนตัวลงนอนกับฟูกได้ไม่ถึง 5 นาที พี่เนลมันก็เดินมาเคาะห้องผมอีกแล้ว
 
อะไรของมันอีกวะเนี่ยยย กูอยากจะคำราม
 
ผมจำต้องลุกไปเปิดประตูให้มันอีกครั้ง  ตอนนี้รู้สึกอยากตั้นหน้ามันมาก
 

“อะไรของพี่อีก”
 

“กูนอนไม่หลับ” มึงไปโดฟกาแฟมาหรือไงวะ
 

“ถ้าพี่จะมาเคาะห้องผมทุกๆห้านาทีแบบนี้ ก็เอาผมไปนอนด้วยเลยเถอะ แม่ง!”
 

“ได้เหรอ ก็ดี งั้นมึงก็มานอนกับกู”
 

“ห๊ะ? ใช่เรื่อง ไม่เอาด้วยหรอก”
 

“ถ้ามึงไม่ไปกูก็จะมาเคาะห้องมึงทุกๆ 5 นาทีนี่แหละ เลือกเอาก็แล้วกัน”
 

“เคาะไปเถอะ ถ้าผมไม่เปิดซะอย่างพี่จะทำอะไรได้” ผมตอบมันก่อนจะพลิกตัวเดินหันหลังเข้าห้อง
แต่มันไวกว่า รีบคว้าแขนผมเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงผม ให้เซไปชนกับแผลอกมัน


พร้อมก้มลงมากระซิบข้างหูผมว่า
 

“มึงจะเดินไปดีๆ หรือ จะให้กูลากมึงไป”พี่เนลกดเสียงต่ำลง บ่งบอกชัดเจนว่าที่มันพูด มันเอาจริง
โอเค..ขอบคุณที่ยังให้กูเลือก


เลยต้องเดินไปนอนกับมันอย่างจำยอม เป็นไอ้ภีมนี่โคตรเศร้า
 

“พี่ไปทำอะไรมาวะ ถึงนอนไม่หลับ”ผมตัดสินใจถามมันออกไป หลังจากเดินเข้ามาในห้องมันเรียบร้อยแล้ว


“กูไม่ได้ใช้งาน” อะไรของมันวะ


มันเห็นผมทำหน้างง จึงขยายความต่อให้ “เซ็กส์” โอเค คำเดียวควบคุมทุกข้อสงสัย


“พี่เป็นพวกถ้าวันไหนไม่มีเซ็กส์แล้วจะนอนไม่หลับหรือไง?”


“ก็ไม่เชิง”


“งั้นพี่ก็ช่วยตัวเองไปดิ”


“มึงมาทำให้กูไหมล่ะ”


“พ่อง”


มันทำท่าอึดอัดใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา“กูเป็นพวกขี้เหงา..เลยเลือกใช้เซ็กส์เป็นเครื่องมือบำบัด ความเหงาที่เกิดขึ้นในใจกู” มันพูดแผ่วลง


“เป็นพวกขาดความอบอุ่นหรือไง”


อ่าว เงียบ..


เรื่องจริงเหรอวะ


เชี่ยละ อยากจะตบปากตัวเองสักพันครั้งให้รู้แล้วรู้ลอด


“เอ่อ...ขอโทษครับ”


“ช่างมันเถอะ”


“เอ่อ..เอางี้ไหมครับ ผมคิดว่ามีวิธีที่จะทำให้พี่หลับได้” ผมพูดออกไปด้วยความมั่นใจ พร้อมยักคิ้วให้มันไปสองที


“วิธีอะไร?”


“พี่ไปนอนก่อนสิครับ”
มันทำหน้าตกใจ พร้อมเอามือปิดหน้าอก เหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม“มึงจะปล้ำกู”


“ไม่ใช่โว้ย ในหัวพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไง” มึงไม่ต้องเอาความเหงามาพูดกลบเกลือนความหื่นในตัวมึง ให้มันดูดีไปหน่อยเลย กูไม่เห็นใจมึงหรอก


“เอ้า ก็มึงให้กูมานอนรอก่อน จะให้กูคิดอะไรได้อีกล่ะวะ” โอ้ย กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ มึงดูขนาดตัวมึงกับตัวกูหน่อยเถอะ จะเอาแรงที่ไหนไปกดมึงวะ คิดสิคิด!


“นอนๆไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง”


“เออๆ”
มันยอมไปนอนที่เตียงแต่โดยดี ผมก็ตามไปนั่งขัดสมาธิข้างๆขอบเตียง


“พี่ ขยับมานั่งใกล้ๆผมหน่อย” ผมเรียกมันให้ขยับตัวมานอนริมๆ ไอ้นี่ก็เล่นไปนอนซะกลางเตียงเลย


“แล้วมึงไปนั่งทำไมข้างล่างวะ ทำไมไม่ขึ้นมานั่งบนเตียง”


“เออน่า ขยับมา”


“โว๊ะ! เรื่องมากวะ” มันสบถออกมา พร้อมขยับตัวมาใกล้ริมเตียงทีละนิด


“ขออนุญาตนะครับ” ผมเอ่ยขออนุญาตพี่เนลก่อนเอามือขึ้นมาลูบหัวพี่เนลไปมาอย่างช้าๆ
 

ผมยังจำได้ดี ตอนที่ผมนอนไม่หลับ แม่จะเอามือนุ่มๆของท่านมาคอยลูบหัวผมไปมาแบบนี้
จนผมเคลิ้มไปกับสัมผัสของท่าน เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
ตอนที่ท่านเอามือมาลูบหัวผม รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ท่านมอบให้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ผมอยากลองทำแบบนั้นให้กับพี่เนลดูบ้าง เผื่อมันจะช่วยลดความเหงาในใจมันได้สักนิดก็ยังดี
 
ผมเอามือลูบหัวมันไปสักพัก เห็นมันนอนมองหน้าผม ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

มันยิ้ม?


ยิ้มอะไรของมันวะ


“ยิ้มอะไร”


“ปัญญาอ่อนวะ” มันพูดพลางหัวเราะไปพลาง


“เมื่อก่อนแม่ผมเคยทำแบบนี้กับผมตอนที่ผมนอนไม่หลับ”


“มึงเลยมาทำกับกู? มาเป็นแม่กูตั้งแต่ตอนไหน”


“ก็มันเคลิ้มดี หรือพี่ไม่เคลิ้ม?”


“อืม...เคลิ้ม” พี่เนลตอบออกมา สายตามันยังมองผมอยู่ไม่ละไปไหน


ไอ้เหี้ย ใช้สายตาแบบนี้จ้องกูอีกแล้ว
แบบนี้มันต้องสู้แล้วล่ะ
ผมจึงเอามือท้าวคาง มองมันตอบ ตาจ้องตากันไปเลย มาดูกันว่าใครจะแพ้


พอมาจ้องใกล้ๆแบบนี้แล้ว ตามันก็สวยเหมือนกันแฮะ สายตามันเหมือนมีเสน่ดึงดูดและน่าค้นหาไปในตัว
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะยอมตกเป็นของมัน

เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา มือของผมก็คอยลูบหัวมันไปเรื่อยๆ
 

จนในที่สุดมันก็พูดออกมาทำลายความเงียบ
 

"ภีม"


"ครับ?"


"มึงไม่ต้องไปทำงานที่ Sun Pub แล้วได้ไหม"


"ทำไมล่ะครับ?" ความจริงผมก็ตั้งใจจะไปลาออกอยู่แล้วเพราะไอ้ซานมันขอไว้ ผมรู้เหตุผลของไอ้ซานที่มันอยากให้ลาออก
แต่พี่เนล...ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยากให้ผมลาออกไปด้วยอีกคน


"เชื่อกูเถอะ ที่นั่นไม่เหมาะกับมึง"


"แต่ผมว่าทำที่นั่นได้เงินดีนะพี่ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย"


"ไปลาออกเถอะ เชื่อกู"


"เอ่อ.."


"ถือว่ากูขอ"


"ครับ" ถึงมันจะไม่ยอมบอกเหตุผลมา แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ต้องไปลาออกอยู่แล้วล่ะ


"สัญญากับกูก่อน"


"ครับ ผมสัญญา"


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[Nel talk]

หลังจากที่ไอ้เด็กภีมลูบหัวผม จนเผลอหลับไปซะเอง

ผมก็ลงไปอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงแทน



นั่งมองมันหลับพริ้ม ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว

แล้วอดยิ้มขำไม่ได้



"ตอนแรกกูต้องการแค่ อยากให้แม่กูยกเลิกการแต่งงานของกูกับพิมเท่านั้น เลยจ้างมึงมา"



"แต่ตอนนี้..."



"กูอยากได้เงินล้านหนึ่งจากมึงมากกว่าวะ"



"ถ้าใครตกหลุมรักก่อน เท่ากับคนนั้นแพ้ใช่ไหมล่ะ"



"ซึ่งกูก็ไม่ได้อยากแพ้ด้วย"



"งั้นก็คงต้องขอ ให้มึงเป็นฝ่ายแพ้แล้วล่ะ"



"กูอยากเห็น...ว่าคนอย่างมึง เวลาต้องมาตกหลุมรักกูจะเป็นยังไง"



"กูต้องขอโทษไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะ..."



"ถ้าหากทำมึงเสียใจ"



“ที่โดนกูหักอก”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:25:19 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #38 เมื่อ06-04-2018 02:02:54 »

อิพี่เนล อีชั่ววว :angry2:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #39 เมื่อ06-04-2018 22:03:26 »

ระวัง คนหัวเราะทีหลังจะดังกว่านะ กิกิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
« ตอบ #39 เมื่อ: 06-04-2018 22:03:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ T_TARS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #40 เมื่อ06-04-2018 22:18:57 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #41 เมื่อ06-04-2018 23:57:47 »

มีแผนนี่เอง,,,

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 13 ผิดสัญญา
(1/2)


“ไปทำค่ายกัน” ไอ้ทัศถามผมขึ้นมาหลังจากที่นำข้าวมาวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน พวกเรามากินข้าวกันที่ตึกเรียนรวมครับ
“กูไม่ว่าง”ผมรีบตอบออกไป แค่ทุกวันนี้ผมก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน
แถมยังต้องมาคอยรับมือพี่เนลมันอีก ถ้าต้องไปทำค่ายอีกมีหวังตายแน่ๆ
“กูไม่ได้ถาม แต่กูบังคับ”
“ใช่ มึงต้องไปทำค่ายกับกู ไอ้ซานมันก็รับปากไปแล้ว เหลือมึงคนเดียว” ไอ้เหม่ยเอ่ยสมทบ
พวกมึงก็กดดันกูจังวะ
“ไม่ไปโว้ย เวลากูเป็นเงินเป็นทอง”
“ไม่ได้” ไอ้ทัศและไอ้เหม่ยเอ่ยออกมาพร้อมกัน ทีงี้ล่ะสามัคคีกันจังนะพวกมึง!
“ทำไมบังคับกูวะ”
“ไปเถอะไอ้ภีม ไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนมั่ง จะจบอยู่แล้วเนี่ย”จะจบพ่อง มึงพึ่งขึ้นปี 2 พูดเหมือนมึงอยู่ปี 4 อย่างนั้นแหละ จะรีบแก่ไปไหนไอทัศ!
“ใช่ พวกเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ร่วมกันเลยนะ ไปเถอะ”ไอ้เหม่ยทำหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์
พร้อมเขย่าแขนผมเบาๆ ตอนนี้มันเหมือนลูกแมวขี้อ้อนเลยล่ะครับ ถึงแม้ภายในมันจะเถื่อนก็เถอะ
“ไปเถอะไอ้ภีม กูอยากให้มึงไปด้วย จะได้ครบแก๊ง”
“ไปเถอะนะ”
“ไอ้ซาน ช่วยกูพูดเป่าหูไอ้ภีมมันหน่อยดิวะ” ไอ้ทัศหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ซานที่นั่งหน้านิ่งกดโทรศัพท์เงียบๆอยู่ข้างผมตั้งแต่เช้าแล้ว
ไอ้ซานมันเงยหน้าจากมือถือขึ้นมามองไอ้ทัศที่ทำหน้าอ้อนวอนแบบไอ้เหม่ยบ้าง มึงอย่าทำหน้าแบบนี้อีกแนะไอ้ทัศ กูขอร้อง! ไอ้เหม่ยมันทำแล้วน่ารักไง แต่มึงมันน่าเกียจ
ไอ้ซานวางมือถือมันลง พร้อมหันหน้ามาหาผม
สีหน้ามันตอนนี้ดูจริงจังมาก
แค่เป่าหูกูไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนี้ก็ได้ไหม
“ไอ้ภีม”
“...” ไอ้ซานทำหน้าตาเหมือนยักษ์เลยสัด! กูกลัว
ทำหน้าแบบนี้ผมไม่กล้าแม้จะปฏิเสธมันออกไปเลย
ไปก็ได้เว้ย ความจริงคือกูใจอ่อนตั้งแต่ไอ้เหม่ยทำหน้าแมวใส่แล้ว
 “...” มันจ้องหน้าผมนิ่งไม่พูดอะไรออกมา
แต่ผมรู้สึกเหมือนได้รับแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกจากตัวมันเลยวะ
 “มึงเป็นอะไรกับพี่เนล”มันถามเสียงนิ่ง สีหน้ามันดูเครียดมาก
“หือ?” ไม่ได้จะพูดเรื่องค่ายหรอกเหรอ
“กูถามว่ามึงเป็นอะไรกับพี่เนล”
“จะรู้ไปทำไมวะ”
“กูถาม มึงแค่ตอบ”ไอ้ซานเค้นเสียงออกมา เหมือนมันเริ่มไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไรกับพี่มัน
เพื่อน
รุ่นพี่
คนรู้จัก
หรือ....
เบ๊?
ข้างหลังน้ำหนักเยอะสุด คงเป็นเบ๊มันล่ะมั้ง
“มันเป็นเจ้านายกู” จะบอกว่าเป็นเบ๊ให้มันกดขี่เพื่อถอนบ้านคืนก็กะไรอยู่
“ห๊ะ” ไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศอุทานออกมาพร้อมกัน วันนี้พวกมึงชักจะสามัคคีกันเกินไปแล้ว
“ใช่เหรอไอ้ภีม” ไอ้ซานถามคาดคั้น ประหนึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ก็ใช่สิวะ พี่เนลมันจ้างกูทำงานให้มัน กูกับมันเป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น”
“กูพึ่งรู้นะ ว่านายจ้างกับลูกจ้างเขาเกือบจูบกันในห้างด้วย”
“ห๊ะ!” ไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศอุทานพร้อมกัน พลางหันหน้ามาจ้องผม
“มึงพูดอะไรของมึงวะ”
“เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าล่ะ ไอ้ภีม”
“ไม่จริงโว้ย มึงไปเอามาจากไหน”
“เขาลือกันทั้นโซเซียลแล้ว เรื่องที่มึงกับพี่เนลไปเดินซื้อของด้วยกัน และเกือบจูบกันในห้าง แถมพี่แกก็เดินโอบไหล่มึงด้วย เนี่ยเหรอวะเจ้านายเขาทำกับลูกน้อง?”
“ไม่ใช่โว้ย เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” สงสัยสองสาวนั่นเอารูปไปปล่อยลงโซเซียลแน่ๆ ไอ้พี่เนลก็อีกคนอยากต่อยให้หน้าคว้ำเลย ชอบนักทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ตอนนี้คือไม่ใช่แค่สองสาวนั่นไง แต่เป็นคนทั้งมหาลัย
โอ้ย ไอ้ภีมอยากตาย
“กูถามจริงเถอะ มึงเป็นอะไรกับพี่เนลกันแน่” ไอ้นี่ก็คาดคั้นกูจัง ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรกับมัน
มันเป็นแค่เจ้านายกูเท่านั้นโว้ย อย่าให้กูได้พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ
“เป็นเมีย”
“ห๊ะ?” พวกเราอุทานออกมาพร้อมกันทั้งโต๊ะ อึ้งสิครับ อึ้งทั้งโต๊ะ รวมผมด้วย
คนที่ตอบคำถามไอ้ซานเมื่อกี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่เนลที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ กับเดอะแก๊งครบทีม
พวกนั้นถือจานข้าวมาคนละจาน พร้อมเดินเอามาวางไว้บนโต๊ะเดียวกับพวกผม
อย่าบอกนะ ว่าจะมานั่งกินข้าวด้วยน่ะ
“กินข้าวด้วยนะ” พี่ฟงที่ดูเหมือนจะมีมารยาทที่สุดเอ่ย
ชัดเจน ไขข้อสงสัยโดยไม่ต้องถามออกไป
“ครับ เชิญครับ”ไอ้ทัศเอ่ย
ผมหันไปจ้องเขม่นใส่มันทันที ไอ้ทัศทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม อยากกระโดดเตะก้านคอให้หักจริงๆ
“พี่พูดอะไรวะ ใครเป็นเมียพี่ พูดให้มีดีๆหน่อย” ผมหันไปโวยวายใส่พี่เนลที่กำลังเดินมาฝั่งผม
“กูพูดความจริง”
“ความจริงเหี้ยอะไร แล้วพี่จะมานั่งแทรกผมทำไมเนี่ย ที่มีตั้งเยอะ อึดอัดโว้ย”
มันเดินมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้ซาน ผมพยายามดันมันให้ลุกออกไป แต่มันยังคงนั่งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ข้างๆ

ออกไปสิวะ!

“หลีกไป” มันหันไปจ้องหน้าไอ้ซาน เป็นเชิงไล่ ไอ้ซานเห็นอย่างนั้นจึงยอมลุกไปนั่งข้างๆพี่เมฆแทน
มันจะเกินไปแล้ว! มึงมาทีหลัง แล้วยังมีหน้ามาไล่เพื่อนกูอีก
ผมลุกขึ้นถือจานข้าว หวังตามไปนั่งกับไอ้ซาน แต่โดนไอ้พี่เนลมันรั้งแขมผมเอาไว้ก่อน
“จะไปไหน”
“ไปนั่งกับไอ้ซาน”
“กูไม่ให้มึงไป เป็นเมียมันหรือไง ถึงตามมันไปทุกที่น่ะ นั่งลง!”มันสั่งผมเสียงดุ
“ไม่ได้เป็นเมียโว้ย เป็นเพื่อน” ผมตอบมันไปด้วยความเอือมระอา
“เป็นแค่เพื่อนจะตามไปนั่งด้วยทำไม มานั่งกับผัวมึงนี่” ห่าเน้นจังวะ
มันพูดเน้น คำว่าแค่เพื่อนพลางจ้องหน้าไอ้ซานเขม่น ก่อนเบนสายตามามองหน้าผมแล้วพูดคำว่า ผัว ย้ำชัดเจน
พ่อมึงเถอะ!
“พี่มาเป็นผัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวก็เป็น”
“ชาติหน้าเถอะ! รอผมเกิดเป็นผู้หญิงก่อนนะ”
“ชาตินี้แหละ ถึงมึงเป็นผู้ชายกูก็เอา” แม่ง กวนตีนกูแล้วไง
“ชาติหน้าพี่ยังไม่มีหวังเลยมั้ง”
“ชาตินี้ เดี๋ยวกูก็ได้มึง ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอก” มึงไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน!
“แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์”
“เดี๋ยวมึงก็เป็น ลองมาขึ้นเตียงกับกูสักครั้งสองครั้ง รับรองติดใจ”
“เหอะ! พวกที่มีดีแค่หน้าตาแต่เอามาทำพันธุ์ไมได้อย่างมึงน่ะ กูไม่เอามาทำพันธุ์ให้เสียเวลาหรอก”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูทำพันธุ์ไมได้ มาลองผสมพันธุ์กับกูไหมล่ะ มึงจะได้รู้ ว่าจริงๆแล้วพันธุ์กูดีขนาดไหน”
เดี๋ยว! ทำไมวกเข้าเรื่องนี้
“ฮิ้วววว หมอภีมว่าไงครับบบ”ไอ้ทัศเอ่ยแซว
“สัด” เดี๋ยวกูมีเรื่องต้องเคลียร์กับมึง แบบแมนๆคุยกันแล้วไอ้พี่เนล
“จะยืนอีกนานไหม นั่งได้แล้ว”พี่เนลสั่งเสียงห้วน
“...” นิ่ง
“กูให้มึงเลือก ว่าจะนั่งลงดีๆ หรือจะนั่งตักกู!”
พรึบ
นั่งลงทันทีด้วยความรวดเร็ว เรื่องอะไรต้องมานั่งตักมันกลางโรงอาหารแบบนี้วะ ไม่ไหวๆ
“ฮ่าๆๆ น่ารักว่ะ” พี่ฟิวที่นั่งมองอยู่หัวเราะร่วน
พี่เนลขมวดคิ้วมุ้ย ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่เชื่อ “น่ารักตรงไหนวะ”
“น่ารักดิ ขอยืมไปเลี้ยงที่บ้านได้ไหมวะ เชื่อฟังดี อยากได้” พี่ฟิวพูดต่อพลางยื่นมือมาตบไหล่พี่เนลเบาๆ
ผมคนนะ ไม่ใช่สัตว์ มันยืมไปเลี้ยงได้ด้วยหรือไง
“เชื่อฟังห่าไร ดื้อ!! ถ้าอยากได้ก็เอาไปดิ”
“ให้จริง?”
“เอ่อ แต่มึงต้องเป็นศพก่อนนะ”
“อู้หู้ โหดจัง กูกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว” พี่ฟิวเอามือกุมอกเอาไว้ พร้อมทำหน้ากลัวพี่เนลเต็มแก่ พี่ครับไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ดูก็รู้ว่าพี่ตั้งใจกวนตีมัน
“หึ” พี่เนลเค้นหัวเราะออกมา ก่อนเบนความสนใจมาทางผม
ผมตักข้าวในจานกินโดนไม่สนใจมันที่นั่งเอามือท้าวคางมองอยู่
แต่มาโดนจ้องตอนกินข้าวแบบนี้ ก็อดรู้สึกอึดอัดแปลกๆไม่ได้
เป็นการกินข้าวที่กดดันที่สุดเลยว่ะ
อึดอัด…
จะจ้องอะไรนักหนาวะ
ผมทนแรงกดดันทางสายตาของพี่เนลไม่ไหว จึงถามมันออกไป
“จะมองอะไรนักหนาวะ ไม่กินข้าวหรือไง”
“....” มันไม่ตอบ แต่ส่งสายตาไปที่กุ้งตัวโตๆของผม พร้อมมองกุ้งสลับกับมองหน้าผมไปด้วย
เห้ย! อย่าบอกนะ มึงจะแย่งกุ้งกู!
อุส่าห์เก็บไว้กินทีหลัง มึงจะมาแย่งกูกินแบบนี้ไม่ได้นะ
ผมรีบหันจานข้าวผัดกุ้งหนีมันทันที เป็นการบอกอ้อมๆว่า กูไม่ให้มึงกิน
“กินหน่อย”
“ไม่เอา พี่ก็กินของพี่ไปดิ”
“แต่กูอยากกินกุ้ง”
“แล้วทำไมไม่สั่งมากินตั้งแต่แรกละ”
“ตอนนั้นยังไม่อยาก แต่เห็นมึงกินแล้วอยากขึ้นมาเลย”
“พี่ก็ซื้อใหม่ดิ”
“แต่กูอยากกินของมึง”
มันส่งจานข้าวมาให้ผม ก่อนส่งสายตาเชิงบังคับให้ตักกุ้งใส่จานมัน
แค่กุ้งมึงยังจะแย่งกูกินเนาะ
“…” ผมมองกุ้งในจานตาละห้อย ยังไม่ทันได้กินก็ด่วนจากไปแล้วเหรอไอ้น้อง
ผมตัดกุ้งใส่จานพี่เนลมันแต่โดยดี ไม่อยากมีปัญหากับมัน เดี๋ยวได้เถียงกันยาวไม่ได้กินข้าวกันพอดี อะไรที่ยอมได้ก็ต้องยอมๆมันไป
พอผมตักกุ้งใส่จานมันจนหมด ก็ยื่นจานคืน พี่เนลรับจานไป ก็ยอมตักข้าวกินแต่โดยดี
แต่อ๊ะ! ปลาหมึกในจานมันน่ากินว่ะ
“พี่เนล แลกกัน ผมให้กุ้งพี่แล้ว ขอปลาหมึกให้ผมเถอะ”
“ไม่” มันปฏิเสธเสียงแข็ง
อะไรวะ! ไม่ยุติธรรม
ใช้วิธีเดียวกับมันจะได้ผลไหมวะ ต้องลองแล้วล่ะ
ผมจ้องหน้าพี่เนลมันคืนบ้าง
มันตักข้าวกิน พลางหันมามองผมเป็นพักๆ
อึดอัดล่ะสิมึง ฮ่าๆ
มันหันมามอง ผมก็ส่งสายตาพร้อมทำหน้าแมวเลียนแบบไอ้เหม่ยเผื่อมันจะใจอ่อนลงบ้าง
ดูเหมือนมันจะทนสายตาผมไม่ไหว จึงเอาส้อมจิ้มปลาหมึกในจาน ก่อนส่งมาให้ผม
ผมรีบงับปลาหมึกที่มันยื่นให้กินอย่างเอร็ดอร่อย โดยลืมตัวว่า มีสายตานับสิบคู่จ้องมองอยู่
“อุ้ยๆๆๆ พี่เนลขาน้องฟิวก็อยากกินปลาหมึกค่ะ ป้อนหน่อยสิคะ”
“กูไม่ให้ อยากกินก็ไปซื้อเอง”
“กูจะกินของมึง” พี่ฟิวส่งจานของตัวเองให้ ก่อนส่งสายตาเชิงบังคับเลียนแบบพี่เนลตอนที่แย่งกุ้งผมเมื่อกี้
ฮ่าๆ เหมือนว่ะพี่
“ไม่ให้”
“ทีน้องภีมให้กิน แถมป้อนให้อีก ทีเพื่อนเสือกหวง ความยุติธรรมอยู่ตรงไหววะ” พี่ฟิวบ่นอุบอิบ
“กูจะให้หรือไม่ให้ใคร มันก็สิทธิของกู ปลาหมึกกู”
“งั้นกูขอกินกุ้ง”
“ไม่ให้ กูหวง”
“อะไรวะ กุ้งเป็นของน้องไม่ใช่ของมึงสักหน่อย ยังจะหวงอีก”
“กูไม่ได้หวงกุ้ง กูหวงเจ้าของกุ้ง”
“อู้ยยยยยยย”อุทานกันทั้งโต๊ะเลยครับ พวกที่กินข้าวอยู่เงียบๆ ก็คงอดที่จะแซวไม่ได้
รีบตัดข้าวยัดใส่ปากจนแก้มตุ่ย พยายามเคี้ยวไห้ไว จะได้รีบๆออกไปจากโต๊ะนี้สักที แม่งอยู่ไม่ได้แล้ว โคตรอันตราย
ไอ้พวกแก๊งเห็นผมรีบกิน ก็พยายามถ่วงเวลากินให้ช้าลง โดยเฉพาะไอ้ทัศที่กินช้าเป็นพิเศษ
ไอ้ทัศ บางทีกูก็คิดนะ ว่ามึงไปติดสินบนอะไรรุ่นพี่พวกนี้หรือเปล่า
ผมส่งสายตาไปให้ไอ้ทัศ พร้อมเอามือขึ้นมาทำท่าเชือดคอให้มันดู
เป็นเชิงว่า ถ้าไม่รีบมึงตาย
มันหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ ก่อนจะลงมือตักข้าวกินต่ออย่างช้าๆ
ผมทนไม่ไหวลุกพลวด เดินหนีไปทันที
อยู่ต่อไม่ได้แล้ว
ไม่วายได้ยินเสียงพี่ฟงพูดงึมงำตามหลังมา “เป็นการแสดงที่มีความจริงซ่อนอยู่”
พี่มันพูดอะไรของมันวะ แต่ก็ช่างมันเถอะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

[Nel Talk]


"จิตใจมึงทำด้วยอะไรวะ แม่ง! กะใช้น้องมันให้คุ้มเลยหรือไง" ไอ้ฟิวโผล่พรวดขึ้นมาหลังจากที่น้องภีมและเพื่อนของมันไปจนหมดแล้ว

"น้องมันต้องมาทนกับคนอย่างมึงไม่พอ ต้องมาเป็นหมากให้มึงใช้เดินตามที่มึงต้องการอีก แค่บ้าน แม่ง! ไม่คุ้มวะ" ไอ้แจ็คเสริม

"กูล่ะสงสารน้องมันจริงๆที่ต้องมารู้จักกับคนอย่างมึง!" ไอ้เมฆที่นั่งเงียบตั้งแต่แรกเอ่ยบ้าง

"เพราะน้องมันเป็นผู้ชายมึงเลยกล้าทำกับน้องมันงี้? โกธรแทนเลยวะ ไม่คิดเลยว่าจะมีเพื่อนเลวแบบนี้" ไอ้ฟิวพูดออกมาอีกครั้ง

“…” ผมก็นั่งเงียบฟังมันบ่นไป ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พวกเพื่อนมันฟังบางส่วน

"กูอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าน้องมันรู้ความจริงขึ้นมา จะเป็นยังไง ถ้าน้องไม่ได้รักไอ้เนลก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้ารักขึ้นมาจริงๆคงเจ็บปวดน่าดู กูเชียร์ให้น้องภีมเอามีดมาแทงไอ้เนลให้ตาย คนแบบนี้แม่ง! ไม่น่ามีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ว่ะ"

เอาเข้าไป เชิญมึงด่ากูให้สมใจพวกมึงเลย

ถึงจะรู้สึกผิดกับไอ้เด็กนั่นไปบ้าง แต่..ก็ช่วยไม่ได้ ในชีวิตนี้ไม่มีใครที่ผมจริงจังเท่าม่านฟ้าอีกแล้ว


ในเมื่อเธอให้โอกาสมา ผมต้องรีบคว้าเอาไว้
ถึงแม้โอกาสนี้จะทำร้ายมันไปบ้าง แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก
ถึงตอนนั้นจริงๆ ค่อยอธิบาย และขอโทษ มันไปก็แล้วกัน
หวังว่ามันจะเข้าใจผม...

"เอาเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องของมึง กูจะไม่ยุ่ง แต่กูจะเตือนมึงไว้ เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมากๆระวังมันจะกลับมาทำร้ายตัวมึงเองก็แล้วกัน"

"มึงหมายความว่าไง ไอ้ฟิว"

"ระวังใจมึงไว้เถอะ!"

"มึงจะบอกว่ากูอาจหลวมตัวไปชอบไอ้เด็กนั่นน่ะนะ? เหอะ! ไม่มีวัน"

“มันก็ไม่แน่หรอก กูสัมผัสได้นะ ว่าที่มึงทำๆกับน้อง ถึงแม้มึงจะบอกว่าทำเพื่อหลอกให้น้องมันหลงรักมึง แต่กูรู้ว่ามันยังแฝงความรู้สึกจริงๆของมึงเอาไว้อยู่”

“เพ้อเจ้อไอ้ฟง” ผมเอ่ยบอกไอ้ฟงไป สัมผัสเหี้ยอะไรขอมึง เป็นหมอผีหรือไงวะ
อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปมากกว่าตัวกูเลย

"ระวังขุดหลุมฝังตัวเองนะไอ้เนล ใครจะไปรู้อนาคตได้ล่ะวะ อีกอย่างน้องมันก็น่ารักขนาดนั้น กูรู้ว่ามึงแพ้ทางคนอย่างน้องมัน จะไปหาใครที่ยอมมึงได้อย่างน้องภีมได้จากไหนอีกวะ"

"เหอะ! ยอมกูเหรอ? ตลกแล้วไอ้ฟิว มันดื้อจะตาย สั่งอะไรก็เอาแต่เถียง เนี่ยนะ เชื่อฟัง?"

"แล้วน้องมันยอมทำป่ะ ถึงจะเถียงไปบ้าง แต่น้องมันก็ยอมมึง ความจริงจะไม่ทำก็ได้ ถึงมึงขู่น้องมันยังไง ถ้าคนมันจะไม่ยอมยังไงก็ไม่ยอมอยู่ดี แต่น้องมันก็ยอม"

"มึงไม่รู้อะไร อย่ามาพูดดีกว่าว่ะ"

"ถึงกูจะไม่รู้อะไร แต่กูก็รู้ว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันไม่สมควร"

"หยุดเถอะ เลิกเล่นกับความรู้สึกคนอื่นสักที ตอนนี้น้องมันไม่ชอบมึงก็ดีแล้ว จะไปทำให้น้องมันชอบทำไมวะ"

"เพื่อตัวกูเอง"

"ยอมแล้ว" พวกเพื่อนพูดออกมาพร้อมกัน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

(ขอย้อนกลับไปเมื่อวาน)
 “อ่าว แล้วจานล่ะ” ผมตะโกนตามหลังไอ้ลูกหมา ที่เดินหนีขึ้นไปบนห้องเรียบร้อยแล้ว
อะไรของมันวะ
ผมมองซากอารยธรรมที่มันทิ้งไว้ให้ผมล้างอย่างเหนื่อยใจ
กูไม่ได้จ้างมึงมาเพื่อเพิ่มภาระนะโว้ย
แต่ก็ช่างมันเถอะ เห็นแก่มันที่อุส่าห์ตั้งใจทำข้าวแฉะและไข่เจียวรสชาติหมาไม่แดกมาให้ผมกิน
ตอนแรกไม่คิดจะกินต่อหรอก เห็นมันทำหน้าจ๋อยแล้วอดสงสารไม่ได้ เลยกินเป็นเพื่อนมัน
คำแรกๆก็ฝืนกินอย่างทรมาน แต่หลังๆไม่รู้สึกอะไรแล้ว ลิ้นติดพิษจนไม่รับรู้รสชาติอะไรเลย

     ผมเก็บจานของตัวเองซ้อนไว้กับจานของน้องมัน แล้วนำไปล้างที่อ่างล้างจาน
นอกจากจะไม่ล้างให้กูแล้ว มึงยังจะทิ้งจานมึงมาให้กูล้างอีกนะ
พอล้างเสร็จก็นำไปวางไว้ที่ชั้นวาง ก่อนปิดไฟชั้นล่างแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง

ผมเดินเข้าไปห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จสรรพแล้ว พร้อมเช็ดผมที่เปียกหมาดๆเดินออกจากห้องน้ำ
เดินไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมา เปิด Facebook เช็คข่าวสารหน่อยก็แล้วกัน
พอเปิดเข้ามาก็ต้องตกใจกับยอดแจ้งเตือน และข้อความที่เข้ามาไม่หยุดไม่หยอน
เกิดอะไรขึ้นวะ
ผมกดเข้าไปดูในแจ้งเตือนที่มีคนแท็กผมเข้ามา
มันเป็นโพสที่ถูกแชร์มาอีกที จากเพจ xx cute boy
Sipantida Si. ได้แท็กคุณ
พร้อมแคปชั่น ‘ไม่จริงใช่ไหมคะพี่เนล ช่วยมาอธิบายผู้หญิงตาดำๆแบบพันได้รู้ที’

เนื้อหาในรูปมาจากทวิตผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นรูปของผมกับน้องภีมตอนที่อยู่ในห้าง
หืม ถ่ายมุมนี้เหมือนกำลังจะจูบกันเลยว่ะ รู้เลยว่าใครเป็นคนปล่อยรูป คงจะเป็นน้องสองคนที่แอบเดินตามผมมาตั้งแต่ห้างประตูทางเข้าห้างนั่นแหละ
บนรูปมีแคปชั่นว่า ‘น่ารักมากเลยค่ะคู่นี้ ดูลักษณะแล้วน่าจะคบกันมานานแล้วนะคะ พอดีอีฉันไปเจอผัวเมียคู่นี้เดินซื้อของกันในห้างค่ะ เลยแอบตามไปดู อู้หู สวีตกันไม่อายฟ้าอายดินเลย พี่ตัวสูงแลดูหวงเมียจนอีฉันอิจฉามากเวอร์ มีการโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ แถมยังดูแลเมียอย่างดี ช่วยถือของที่ซื้อทั้งหมดเอง น่ารักอะไรขนาดนี้ ปล.ในรูปเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ #คู่เกย์ #คู่เกย์หล่อบอกต่อชะนีด้วย #แนะนำคู่เกย์ให้โลกรู้’
ผมนี่กุมขมับเลย ตอนแรกก็เห็นน้องเขาจิ้นแล้วดูเหมือนไอ้เด็กภีมมันจะไม่ชอบ เลยอยากแกล้งมันสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าสองสาวนั่นจะมโนได้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้
น้องครับ พี่ไม่ได้ช่วยมันถือของครับ

อยากจะเม้นตอบน้องพันอะไรนั้นไปว่า ‘ไม่ใช่ครับ เข้าใจผิดแล้ว’ แต่ต้องปล่อยไว้ ขืนไปแก้ข่าวม๊ากับป๊ามาเห็นจะลำบากกับผมภายหลัง
ปล่อยไว้แบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว ถ้าม๊ามาเห็นจะได้รู้ว่าผมกับมันรักกันดี

ผมปิดมือถือ ก่อนจะไปปิดไฟเตรียมนอนหลับ
พอหัวถึงหมอนผมก็หลับไปทันที

---------------------------------------------------------------------------------------
ครืด ~ ครึด ~

ใครมันโทรมารบกวนเวลานอนวะ
ผมตื่นมางัวเงีย เอามือขยี้ตา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู
หน้าจอปรากฎเบอร์ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำเอาผมใจสั่น
 ‘ม่านฟ้า’
ผมรีบกดรับ ก่อนจะได้ยินเสียงหวานๆที่เป็นดังดวงใจของผม
[เนล]
“ครับ ฟ้ามีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงโทรมาหาผม..” ผมกรอกเสียงใส่มือถือไป
[ฟ้าต้องมีธุระด้วยหรือไง ถึงจะโทรหาเนลได้]
“เปล่าครับ ฟ้าโทรหาผมได้เสมอถ้าฟ้าต้องการ แต่ที่ผมถามไปอย่างนั้น แค่แปลกใจที่จู่ๆฟ้าก็โทรมาหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายวัน…”
[ฟ้าขอโทษนะเนล สำหรับเรื่องวันนั้น..]เธอพูดเสียงอ่อน
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า ผมไม่เป็นไร”
[ตอนนี้...เอ่อ...เนลมีคนใหม่แล้วสินะ]
“ผมยังไม่มีสักหน่อย” เธอไปเอาอะไรมาพูดว่าผมมีคนใหม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา หัวใจผมก็รับเธอเข้ามาแค่คนเดียว ยังไม่คิดจะรับคนอื่นมาแทนที่เธอเลย
[แล้วกับเด็กนั่นล่ะ ข่าวเนลกับเด็กคณะฟ้าดังไปทัวโซเซียลเลยนะ] อ๋อ ข่าวลือไร้สาระนั่นน่ะนะ ฟ้าเชื่อไปได้ยังไง
“กับเด็กนั่นผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แค่แกล้งขำๆเท่านั้น” ผมรีบอธิบายให้เธอฟัง ก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกวานี้
[จริงเหรอ ฟ้านึกว่าเนลจะเป็นเกย์ไปซะแล้ว]
“55555 ตลกแล้วฟ้า ผมจะเป็นได้ไงล่ะ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่”
[ได้ยินแบบนี้ฟ้าค่อยสบายใจหน่อย]
“ที่ฟ้าโทรมาหาผมเพราะฟ้ากังวลเรื่องนี้เหรอครับ”
[อืม...]
“ฟ้าเลิกคิดมากเรื่องนี้ได้เลย มันไม่มีอะไร”
[แต่ฟ้าก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี เรื่องที่ฟ้าได้รับรู้วันนี้ มันทำให้ฟ้าคิดอะไรบางอย่างได้]
“…”
[เนล เอ่อ…] เธออ้ำอึงไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา [ยังรักฟ้าอยู่หรือเปล่า]
“รักสิ”
[แล้วเรื่องที่เนลขอฟ้าคบวันนั้น จะสายเกินไปหรือเปล่า ถ้าฟ้าจะตอบตกลง]
“จริงเหรอฟ้า หูผมไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม”
[อืม…แต่เนลต้องพิสูจน์ให้ฟ้าเห็นก่อนนะ ว่าเนลรักฟ้าคนเดียวจริงๆ]
“ฟ้าจะให้ผมพิสูจน์ยังไง”
[ทำให้เด็กนั่นหลงรักเนล แล้วทิ้งเพื่อฟ้าหน่อย]
“ห๊ะ” ผมอุทานออกมา เพื่ออะไรวะ ให้ผมทิ้งเด็กภีมเพื่อไปหาฟ้ายังพอสมเหตุสมผลมากกว่า ทำให้รักแล้วทิ้งเลย
[ทำได้ไหมเนล] ม่านฟ้าถามย้ำ
“มันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ทำไมต้องทำให้เด็กภีมมันมารักผมด้วยล่ะ”
[ทำเพื่อฟ้า พิสูจน์ให้ฟ้าเห็นว่าเนลรักฟ้าจริงๆ จะทำหรือไม่ทำก็ได้มันก็แล้วแต่เนล แต่ถ้าเนลไม่ทำฟ้าก็คงคบกับเนลไม่ได้ เพราะเนลไม่สามารถทำให้ฟ้าเชื่อได้ว่าเนลรักฟ้าจริงๆ]
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอออกไป เพราะผมไม่เข้าใจว่าเธอจะให้ผมทำแบบนั้นไปเพืออะไร
เธอเห็นผมเงียบไป จึงพูดออมาอีกครั้ง
[เนลไม่อยากคบกับฟ้าแล้วเหรอ] อยากคบสิ อยากคบมากๆ ผมรอมา 3 ปีแล้วนะ
“อยากสิครับ ไม่ว่าฟ้าจะถามคำนี้อีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า ผมก็ยืนยันคำเดียว ว่าผมยังอยากคบกับฟ้าอยู่”
[งั้นก็ทำเพื่อฟ้าหน่อย ถึงตอนนั้นแล้ว ฟ้าจะยอมคบกับเนล และจะมีแค่เนลคนเดียว ดีไหมคนดี]
“…”
[นะคะเนล]
“ครับ ถ้ามันทำให้เราได้คบกัน ผมจะยอมทำเพื่อเด็กดีของผม”
[น่ารักที่สุดเลย ฟ้ารักเนลนะ] เธอพูดคำที่ผมอยากฟังที่สุดออกมา มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะความรู้สึกขอการถูกคนที่รักบอกรัก
“ผมก็รักฟ้า”ผมเอ่ยบอกความรู้สึกกับเธอไป

ผมยอมทำ เพราะรักฟ้ามาก และอยากได้ฟ้ามาเป็นแฟนตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าอะไรที่ยอมทำแล้วฟ้ายอมมาคบกับผม ก็ยอมทำทั้งนั้น
ยังไงผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชายอยู่แล้ว ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
ถ้าจะต้องทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเสียใจ เพื่อแลกกับผู้หญิงที่เฝ้ารอมา 3 ปีเต็ม
ผมว่ามันก็คุ้มอยู่นะ
แต่ผมจะไม่ทิ้งมันง่ายๆหรอก จนกว่ามันจะพิสูจน์ตัวเองกับม๊าได้สำเร็จ
ถ้าหลุดพ้นจากม๊าเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นผมจะทิ้งมันอย่างไม่ลังเลเลย


พอวางสายม่านฟ้าไป ผมก็คิดไม่ตกจนนอนไม่หลับ
ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกหนักใจขึ้นมาได้วะ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะตัดสินใจทำได้อย่างไม่ต้องคิดเลยแท้ๆ
เพราะความผูกพันธ์หรืออะไร ที่ทำให้ผมหนักใจที่จะทำกับน้องภีมกันแน่
แต่มันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นแหละ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ
ผมรีบสบัดความรู้สึกนี้ออกไปจากหัว
ไม่อยากคิดให้ปวดหัวจนนอนไม่หลับ จึงเดินไปเคาะห้องไอ้ลูกหมา เพื่อขอให้มันไปหาอะไรอุ่นๆให้ผมกินหน่อย
ตอนแรกมันก็บ่นบ้าง แต่ก็ยอมเอานมขึ้นมาให้ผมดืมอย่างว่าง่าย
แต่พอดืมแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี เลยไปเคาะห้องน้องมันอีกครั้ง ขอให้มันลงไปดูทีวีเป็นเพื่อนหน่อย
เวลาเหงาๆแบบนี้นั่งดูทีวีคนเดียวยิ่งรู้สึกเหงา ต้องหาเพื่อนไปดูด้วย น้องมันก็ยอมลงมาดูเป็นเพื่อนผมอย่างจำใจ ดูได้สักพักผมก็เผลอหลับไป โชคดีที่น้องมันปลุก ผมก็ขึ้นมานอนในห้องโดยดี แต่พอถึงห้องก็ตื่นเต็มตา
นอนไม่หลับอีกแล้ว เลยเดินไปเคาะห้องน้องมันอีกครั้ง แต่ดูเหมือน้องมันจะรำคาญผมไม่ใช่น้อย เลยพูดออกมาว่าให้เอามันไปนอนด้วยเลยไหม ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดีไม่ใช่น้อย จึงให้มันมานอนเป็นเพื่อน
มันบอกกับผมว่า มีวิธีที่จะทำให้ผมนอนหลับได้ ผมก็นึกว่าวิธีอะไร ที่แท้ก็วิธีฉบับลูกหมาของมันนั่นแหละ
มันเอามือมาลูบหัวผมไปมา จนผมรู้สึกเคลิ้มไปกับสำผัสมันไม่ใช่น้อย แต่ก็อดขำกับวิธีการของมันไม่ไหว ทำอย่างกับผมเป็นเด็กๆไปได้
“ยิ้มอะไร” มันถามผมออกมา กูไม่ได้ยิ้มกูกลั้นขำ
“ปัญญาอ่อนวะ” ผมตอบพลางหัวเราะไปพลาง
“เมื่อก่อนแม่ผมเคยทำแบบนี้กับผมตอนที่ผมนอนไม่หลับ”
“มึงเลยมาทำกับกู? มาเป็นแม่กูตั้งแต่ตอนไหน”
“ก็มันเคลิ้มดี หรือพี่ไม่เคลิ้ม?”
“อืม...เคลิ้ม” ผมตอบมันไป ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดี ผมก็ยอมให้มันลูบหัวไป
สายตาก็มองสำรวจมันไปด้วย แม่ง น่ารัก ทำไมถึงรู้สึกว่ามันน่ารักขึ้นวะ
น่ากลัวว่ะ คิดอะไรของกูเนี่ย

มันลูบหัวผมจนเผลอหลับไปเอง
ผมก็ลงไปอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงแทน
นั่งมองมันหลับพริ้ม ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว
แล้วอดยิ้มขำไม่ได้
"ตอนแรกกูต้องการแค่ อยากให้แม่กูยกเลิกการแต่งงานของกูกับพิมเท่านั้น เลยจ้างมึงมา"
"แต่ตอนนี้..."
"กูอยากได้เงินล้านหนึ่งจากมึงมากกว่าวะ"
"ถ้าใครตกหลุมรักก่อน เท่ากับคนนั้นแพ้ใช่ไหมล่ะ"
"ซึ่งกูก็ไม่ได้อยากแพ้ด้วย"
"งั้นก็คงต้องขอ ให้มึงเป็นฝ่ายแพ้แล้วล่ะ"
"กูอยากเห็น...ว่าคนอย่างมึง เวลาต้องมาตกหลุมรักกูจะเป็นยังไง"
"กูต้องขอโทษไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะ..."
"ถ้าหากทำมึงเสียใจ"
“ที่โดนกูหักอก”
คงมีแต่เหตุผลนี้ล่ะมั้งที่ความผิดทั้งหมดจะมาลงที่ตัวผมแค่คนเดียว
จะโกรธ หรือจะเกลียดกูก็ตามใจมึง
แต่ตอนนี้...ต้องหาทางให้มันตกหลุมรักผมก่อนให้ได้

ทำสำเร็จเมื่อไหร่

ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเมีย เสียแค่มัน

ไม่สิ บ้านอีกหลัง แต่ไม่เป็นไรหรอก ที่ซื้อบ้านหลังนี้มาก็เพราะตั้งใจหนีพิมเท่านั้นแหละ ถ้าหลุดพ้นเมื่อไหร่ บ้านหลังนี้ก็ไม่มีค่าอะไรกับผมอีก

ผมต้องคืนให้มันตามสัญญาอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:25:40 โดย Gansa »

ออฟไลน์ T_TARS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #43 เมื่อ18-04-2018 10:07:57 »

มีแววเจ็บทั้งคู่ แต่อิเนลมีแววเจ็บกว่าแน่นอน
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #44 เมื่อ18-04-2018 11:44:47 »

อีพี่เนล โคตรเอี้ยเลย
คือแบบ จะคอยดูว่สใรจะเสียใจ
แต่ม่านฟ้า ทำเพื่อไรเนี่ย
ไม่พอใจอะไรภีม ถึงมาบอกให้เนลทำแบบนี้

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #45 เมื่อ18-04-2018 19:22:40 »

เพื่อนเตือนแล้วไม่เชื่อ
นายจะเจ็บเอง คอยดู

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #46 เมื่อ18-04-2018 22:31:04 »

เจ็บทุกฝ่าย เห้อ~ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #47 เมื่อ19-04-2018 00:39:17 »

เหอะ ไอ้เนล

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #48 เมื่อ19-04-2018 00:53:26 »

 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
«ตอบ #49 เมื่อ19-04-2018 05:38:04 »

เนลจะเจ็บซะเองล่ะซิ อยากให้ไรท์ลงวันและเวลาให้ด้วยเวลาอัพตอนใหม่จะได้รู้ค่ะว่าอัพ จะได้ไม่ต้องกดเข้ามาดูบ่อยค่ะว่าอัพหรือยัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
« ตอบ #49 เมื่อ: 19-04-2018 05:38:04 »





ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ผิดสัญญา
(2/2)


(กลับมาปัจุบัน)

“กูถือว่ากูเตือนมึงแล้วนะ ไอ้เนล”

“กูรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“ก็แล้วแต่มึง เบื่อพวกบูชาความรัก”ไอ้ฟิวพูดพร้อมเบะปากใส่ผม

“หึ! พวกที่ไม่เคยมีแฟนอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก”

“โอ้โห ดูถูกกู! ที่ยังไม่มีเพราะกูไม่หาเองตากหาก ถ้ากูหานะ รับลอง หาได้สวยกว่าแฟนมึงอีกไอ้เนล!” ไอ้ฟิวว่าเสียงดัง สงสัยไปพูดจี้ใจดำมันเข้า

“งั้นก็รีบหาแล้วกัน กูก็อยากเห็นหน้าแฟนมึงเหมือนกันว่าจะสวยขนาดไหน” ผมพูดเน้นย้ำคำว่าสวยตอกหน้าไอ้ฟิวไป จริงๆมันก็ไม่ได้หน้าตาแย่หรอกครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงถึงไม่ค่อยเขาหามันสักเท่าไหร่

ในกลุ่มพวกเรา ไอ้ฟิวเป็นบุคคลที่ผู้หญิงเข้าหาน้อยที่สุดแล้ว ที่เศร้าไปกว่านั้นคือผู้หญิงจำนวนน้อยนิดที่เข้าหามัน ส่วนมากจะเป็นเด็กและคนแก่ มากกว่า

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เนื้อหอมในหมู่ผู้ชายด้วยกันนะครับ ถ้าถามว่ามันหน้าหวานหรือเปล่า ผมตอบได้คำเดียวว่า ไม่

มันตัวเล็กหรือเปล่า ก็ไม่อีก

มันก็สูงตามมาตรฐานชายไทยนั่นแหละครับ

แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงมีเพศผู้เข้าหามันมากกว่าเพศแม่

มันเลยมาเกาะไอ้เมฆหน้าโหด เพื่อปกป้องตัวเอง

โคตรเศร้า เห็นแล้วอยากร้องไห้ให้กับชะตาชีวิตของมัน
“กูกลัวจะไม่สวยอย่างที่ไอ้ฟิวพูดน่ะสิ ฮ่าๆ” ไอ้แจ็คพูดเสริม

“หึ ระวังจะได้หล่อกว่าพวกกูนะ” ไอ้เมฆพูดขึ้นมาบ้าง นานๆทีมันจะพูด คงจะรู้สึกหมั่นไส้ไอ้ฟิวขึ้นมา

“รุมเข้าไป เดี๋ยวพี่จะหาเมียมาตบหน้าเรียงคนเลย” ไอ้ฟิวพูดพลางยกมือขึ้นมาทำท่าตบหน้าพวกผม

“ระวังได้ผัวมาแทนล่ะ” ผมพูดจี้มันต่อ

“ผัวพ่อง เดี๋ยวกูต่อยปากแตก”

“ยอมรับความจริงเถอะไอ้ฟิว”

“เหอะ! ถ้าอยากให้กูมีแฟนมีผู้ชายนัก งั้นกูจีบน้องภีมนะ” ไอ้ฟิวพูดทีเล่นทีจริง

“อยากตายก็ลองดิ” ผมตอบเสียงเรียบ พร้อมจ้องหน้ามันนิ่ง บ่งบอกว่าที่พูดไป ผมเอาจริง

“หวงหรือไง?”มันไม่หยุดกวนประสาทผมต่อ

“ทำไมกูต้องหวงมัน” ผมตอบมันไป ไม่มีเหตผลอะไรที่ผมต้องหวงไอ้เด็กนั่นสักหน่อย

“งั้นกูจีบ” มันทำลอยหน้าลอยตา

“...” ผมไม่ตอบอะไรไอ้ฟิวไป ได้แต่มองหน้ามันนิ่งๆ

“เห้ยๆ พอได้แล้ว อย่าไปชวนไอ้เนลทะเลาะ เดี๋ยวกูลืมเรื่องสำคัญ” ไอ้แจ็คพูดแทรกขึ้นมา

“เรื่องสำคัญอะไร” ผมถามมันออกไป

 “พวกกูจะชวนมึงไปค่าย”

“ค่ายอะไร”

“ค่ายอาสาของพี่ซัน”

“กูไม่ไป”

“ไม่ได้ มึงต้องไป”

“กูไม่ไป”

“ทำไม ขอเหตุผลที่ฟังขึ้นหน่อย”

“กูไม่มี”

“งั้นมึงต้องไป”

“บอกกูมาหน่อย ว่าค่ายมันมีดีอะไรที่กูต้องไปด้วย”

“มันเป็นค่ายอาสา ที่เราต้องไปสอนหนังสือน้องๆโรงเรียนห่างไกลความเจริญที่ขาดแคลนครู หลังจากนั้นเราก็จะมีกิจกรรมให้น้องๆเขาทำกันต่อ เป็นการผ่อนคลาย กูว่ามันน่าสนุกดีนะ คงรู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลย ที่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆพวกนั้น”

“ไม่ล่ะ ขอบคุณที่ชวน แต่กูไม่ชอบพาตัวเองไปลำบาก” ผมปฏิเสธไอ้แจ็คไป
ถ้าให้บริจาคของค่อยว่าไปอย่าง แต่จะให้พาตัวเองไปลำบากนี่ไม่ไหวจริงๆว่ะ ขอบ่ายละกัน

“โอ้โหไอ้เนล! ไปเหอะ พวกกูก็ไปกันหมด ขาดมึงแค่คนเดียวเนี่ย” ไอ้แจ็คโวยวายออกมา เมื่อผมปฏิเสธจะไม่ไปค่ายกับพวกมัน

“นานๆทีไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนบ้างเหอะ ไม่ใช่ว่าหมกมุ่นแต่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว ชีวิตไม่สดใสเลย” ไอ้ฟิวพูดออกมาด้วยความระอา

“กูไม่ได้หมกมุ่นขนาดนั้นไหม!”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงมึงก็ต้องไป”

“กูไม่ไป”

“เห้ยไอ้ฟง ไอ้เมฆ อย่ามัวแต่นั่งเงียบดิวะ ช่วยพวกกูพูดกับมันหน่อย” ไอ้แจ็คหมดปัญญา จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ฟงกับไอ้เมฆที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา

“ไม่ใช่ดวงดาวที่กำหนดชะตาชีวิตเรา แต่เป็นตัวเราตากหาก”
ไอ้ฟงพูดคำนี้ออกมา แล้วก็เงียบยาวเลย
อะไรของมันวะ ปล่อยให้งงแล้วก็จากไป

“ไปเถอะ” ไอ้เมฆพูดพร้อมหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง
รู้สึกกดดันนิดหน่อย แต่พี่สตองพอ ทำอะไรไม่ได้หรอกไอ้น้อง

“อะไรของพวกมึงวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยบังคับกูให้ไปไหน ทำไมครั้งนี้บังคับกูจังวะ แปลกๆนะพวกมึง มีแผนอะไรหรือเปล่า!”

“เปล๊า” อื้อหือ เสียงสูงสัด!

“กูไม่ไป ถึงเอาควายมาลาก กูก็ไม่ไป”

“โถ่ ไอ้เนล!!!” ไอ้ฟิวสบถออกมาด้วยความไม่พอใจนัก

Rrrrrrrrrrrrr

เสียงมือถือไอ้ฟิวดังขึ้น มันหยิบขึ้นมากดรับ พร้อมพูดกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

“ฟิวพูดครับ”

“ห๊ะ จริงดิ”

“ยอมไปแล้วเหรอ”

“ทำได้ดีมากไอ้น้อง มารับทิปที่พี่ได้เลย”

“โอเคๆ แค่นี้นะ”

มันกดวางสายไป ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผมต่อ
ถึงมึงเป่าหูกูยังไง กูก็จะยืนยันคำเดิมว่า กูไม่ไป!

“ตกลงมึงจะไม่ไปใช่ไหม ไอ้เนล”

“เอ่อ กูไม่ไป”

“ก็แล้วแต่มึง อย่าให้กูเห็นว่ามึงมาค่ายก็แล้วกัน” ไอ้ฟิวพูดขู่ ไม่มีวันว่ะ มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด้วย

“เหอะ! ถ้ามึงเห็นกูไป เชิญตะโกนใส่หน้ากูว่าควาย! ดังๆเลย”

“เอ่อ!! พวกกูจะเตรียมวอมเสียงไว้”

 
เชิญตามสบาย ระวังวอมเก้อล่ะ


-------------------------------------------------------------------------------


วันนี้ผมมีนัดกับ‘คุณแคท’สาวสวยนมโตที่ Sun Pub ตอน 3 ทุ่ม
จัดการอาบน้ำ แต่งตัว เซตผมให้เป็นทรง ส่องกระจกดูว่าหล่อหรือยัง เมื่อมั่นใจแล้วก็หยิบขวดน้ำหอมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาฉีด เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้น่าหลงไหล


วันนี้แหละ หึ หึ หึ


จะได้พาผู้หญิงมานอนด้วยสักที หลังจากที่ทนเหี่ยวเฉานอนกับไอ้ลูกหมามาหลายวันแล้ว
ลาก่อน กับการต้องมานอนกกกับผู้ชายอย่างมันสองคืนเต็ม


วันนี้แหละ ชีวิตกูจะสดใสสักที


ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว แต่ไอ้ลูกหมายังไม่กลับบ้าน สงสัยมันไปทำงานร้านพี่อ้อยนั่นแหละ อีกสักพักคงกลับมา ผมจึงไม่ได้ล็อคประตูบ้านไว้ เดี๋ยวมันเข้าบ้านไม่ได้ แล้วมาโวยวายให้ผมปวดหูเล่นอีก


ผมว่าจะเอากุญแจไปปั้มให้มันอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีเวลาไปสักที


เดี๋ยวต้องหาเวลาไปแล้วล่ะ


เปิดบ้านไว้แบบนี้แล้ว เสี่ยงต่อการโดนขโมยของมาก


ตอนนี้ก็หวังแค่ว่า มันจะรีบกลับมา...


ผมเดินไปเปิดประตูรถ พร้อมสตาร์ทเครื่อง บังคับพวงมาลัย ขับไปยัง Sun Pub ทันที


รอผมก่อนนะครับ คุณแคท


ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงที่ Sun Pub เรียบร้อย
หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ก็เปิดประตูรถ เดินลงมา เห็นคุณแคทยืนโบกมือให้ไม่ไกลจากที่จอดรถมากนัก
ผมจึงสาวเท้ารีบเดินไปหาเธอทันที


“ทำไมไม่รอในร้านล่ะครับ”ผมถามเธอออกไป ก่อนเอามือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางเอาไว้ พร้อมออกแรงดึงตัวเธอให้เข้ามาหาผม


“แหม๋ เนลก็ จะรีบไปไหนคะ” เธอพูดอย่างเขิลอาย “ก็แคทเห็นรถของเนลขับเข้ามา เลยออกมารับไงคะ ไม่ดีเหรอ”


“จำรถผมได้ด้วย น่ารักจัง”


“อะไรที่เกี่ยวกับเนลแคทจำได้หมดนั่นแหละ” เธอยิ้มหวาน


“ปากหวาน” ผมหอมแก้มเธอไปฟอดหนึ่งเป็นรางวัลที่พูดจาเข้าหู


“เนลอ่ะ แคทเขิลนะเนี่ย”


“จะเขิลทำไมครับ อีกเดี๋ยวก็ได้ทำกันมากกว่านี้แล้ว” ผมพูดเน้นย้ำชัดเจน หวังว่าเธอจะเข้าใจความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ


“รู้แล้วค่ะ ใจร้อนจริงๆนะเนี่ย”


“ก็แคทน่าเอาขนาดนี้ ใครจะทนไหวล่ะครับ” ผมพูดออกมา ก่อนจะเอามือลูบเอวบางขึ้นลงอย่างเบามือ


“ใจเย็นๆก่อนนะคะ แคทว่าเราเข้าไปดื่มก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปต่อกัน”


“ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”


พูดจบก็เดินควงแคทเข้าไปในผับ ผมเลือกชั้น 2 โซน VIP วันนี้อยากมานั่งดื่มเหล้าชิวๆมากกว่า


จึงเดินขึ้นบันไดมาอยู่ตรงชั้นสองของผับ ได้ยินเสียงเพลงบรรเลงคลอเบาๆ สบายหู ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา


ผมเลือกโต๊ะใกล้กับบันไดทางขึ้น เพราะตรงนี้จะมีกระจกใสกั้นข้างๆ ทำให้เห็นชั้นล่างชัดเจน
เป็นมุมดีสำหรับนั่งมองสาวๆที่อยู่ข้างล่างเต้นกัน


“เนลคะ สั่งเหล้าเลยไหม” คุณแคทพูดขึ้นมา พร้อมเดินมานั่งข้างๆผม


“สั่งเลยก็ได้ครับ แคทอยากกินอะไรก็สั่งเลย เดี๋ยวผมออกเอง”


“ใจดีจังเลยนะคะ ใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ยัวยวน พร้อมขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ก่อนจะเอามือเล็กมาลูบวนที่หน้าอกของผม


ให้ท่ากันขนาดนี้ อย่าหวังว่าจะรอดไปไหนได้เซียว


ผมจับตัวเธอขึ้นมานั่งค่อมตัวผมเอาไว้ ก่อนจะกดจูบไปที่ริมปีปากบางอย่างหยอกล้อ


“ก็ใจดีเฉพาะคนสวยเท่านั้นแหละครับ”


“ตอบแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้ใจดีกับแคทแค่คนเดียวสินะ” เธอทำหน้างอใส่ผม ก่อนจะลุกพรวดออกจากตักผม ไปนั่งข้างๆแทน


“งอลเหรอครับ” ผมหันไปง้อเธอ


“คิก ไม่หรอกค่ะ เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย” แคทตอบพรางหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหันไปมองใบเมนูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ


ผมส่งยิ้มให้เธอไป ก่อนจะหันไปมองพวกที่อยู่ชั้นล่างเต้นกันอย่างเมามันส์
ถ้าว่างๆก็อยากจะพาพวกไอ้ฟิวเขามาเต้นปลดปล่อยอารมณ์แบบนี้บ้าง คงจะสนุกน่าดู..


ผมนั่งมองพวกนั้นไปเรื่อยๆ จนสายตาไปสะดุดเข้ากับคนๆหนึ่ง ที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ที่นี่


ภีม!


มันใส่ชุดพนักงานของร้าน กำลังเสริฟเหล้าให้วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างล่าง
พวกนั้นมองไอ้ภีมตาเป็นมัน เหมือนเหยี่ยวที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ


บางคนก็แอบเนียนจับตูดมัน ดูเหมือนมันจะตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย หันไปมอง แต่ไอ้ห่านั่นก็ทำเนียนเป็นไม่รู้ไม่ชี้
น้องมันทำอะไรไม่ได้ เลยปล่อยให้ผ่านไป


ไอ้ห่านั่นดูเหมือนจะได้ใจที่น้องมันไม่ทำอะไร
คราวนี้เลยจับตูดน้องมันแล้วแช่มือค้างไว้


จากที่อารมณ์ดีๆเมื่อกี้ ตอนนี้เริ่มขุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


มัน..


ผิดสัญญา


รู้สึก


อยากฆ่าคนขึ้นมาเลย


พรึบ!


“เนลจะไปไหนคะ เนล!”


ผมลุกออกจากโต๊ะมาโดยไม่สนใจเสียงของแคทที่ตะโกนเรียกตามหลังมา


ตอนนี้รู้สึกหัวเสียมาก


ขอไปสะสางคดีกับไอ้ภีมก่อนก็แล้วกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:25:59 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แหม....ลากเสียงยาวยันดาวอังคาร ไม่หึงเล้ยย555

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
พี่เนลเลวมาก ม่านฟ้ามีความหลังอะไรปะเนี่ย ทำแบบนี้เพื่อ รออ่านต่อค้าบ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ตกลงใครจะรักใครก่อนละเนี๊ยะ??

เอาละสิ งานนี้ สนุกแน่ๆ

ออฟไลน์ Pankwun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แหมมมมมมมมมมมม :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
ภีมไปค่ายสินะ
แล้วก็คงมีใครบางคนตามไปแหงๆ
อีพี่เนล เตรียมโดนเรียกว่าควายได้เลย
 :laugh:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ภีม ก็คงทราบจะรู้จุดประสงค์ของเนลหรือป่าว จึงออกมาทำงานเพิ่อหาเงินใช้หนี้ให้ไวที่สุด

ส่วนเนลเอง อีกไม่นาน นายต้องเจ็บเองตามที่เพื่อนบอกแน่นอน

มาต่อไวๆนะครับ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
แหมมมม พี่จ้ะ o18 ขอ :z6: :z6: สักทีสองทีเถอะ!!!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ความคิดนี่ไม่เลวเลยเนอะเนล ทำไมถึงคิดได้เนี่ยถ้าไม่ชั่วในสันดารนี้คงคิดไม่ได้หรอก
ขอให้เจ็บหนักๆ เลยกับความคิดชั่วๆ นี่ แล้วยัยฟ้าอะไรนั่นมันต้องการอะไรกันแน่ถึงต้องให้เนลมาทำกับน้องแบบนี้
ขอบคุณไรท์นะคะ ที่ใส่วันที่ที่อัพให้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด