[want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]  (อ่าน 47590 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ซานหายไหนละลูก? :hao4:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ช่วงนี้
งงๆดีเนอะ

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอโทษ
(2/2)



แอ๊ดดดดดด

 

เสียงเปิดประตูดังขึ้น ผมละสายตายจากหนังสือ เงยขึ้นไปมองเจ้าของร่างสูง ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงบ๊อกเซอร์ลายทางสีน้ำเงิน เส้นผมเปียกลู่ปิดหน้าปิดตา หยดน้ำไหลตามเส้นผมตกลงพื้นหลายหยด แต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะขยับไปไหน มันยืนนิ่งเป็นอนุสาวรีย์เลยครับ ผมจึงลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูที่ราวตากผ้า เอาไปให้มันเช็ดผม

 

 “มึงเข้าไปอาบน้ำ หรือสร้างกระสวยอวกาศ นานสัส! กูอ่านหนังสือรอจนจบแล้วเนี่ย” เห็นเพื่อนเข้าห้องน้ำนานก็อดแซวไม่ได้ ไอ้ซานส่งยิ้มบางๆมาให้ พร้อมรับผ้าขนหนูไปเช็ดผม

 

“โทษทีว่ะ” มันเอามือมาตบหัวผมเบาๆ “ติวต่อเถอะ” พูดจบก็เดินนำผมไปที่โต๊ะ มันดูชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นพี่เนลนั่งทำหน้าหล่อกดมือถืออยู่บนเตียง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมเลยเดินตามมันไปเงียบๆ

 

มันหยิบเบาะรองนั่งมาปูให้ ก่อนเอาหนังสือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ เปิดหน้าที่จะติว ตาผมตาเบิกโพลงเมื่อเห็นแผลที่มือมันโดยบังเอิญ

 

“มือไปโดนอะไรมา” ผมถามพลางถือมือมันขึ้นดูให้ชัดๆ เป็นแผลเหมือนไปต่อยอะไรแข็งๆมาอย่างนั้นแหละ แถมเลือดที่ไหลก็ยังสดอยู่

 

“ไม่…” มันทำท่าจะปฏิเสธ ผมเลยรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

“กูไม่ชอบคนโกหกนะไอ้ซาน”

 

“หกล้ม”

 

“หกล้มบ้าบอกอะไร”

 

“หกล้มจริงๆ”

 

“ถ้าหกล้มส่วนมากจะมีแผลตรงเข่า หรือข้อพับไม่ใช่เหรอ มึงจะบอกว่า เอากำปั้นลงหรือไง ถึงมีแผลตรงนี้” เหตุผลฟังไม่ขึ้นโว้ย ใครเชื่อก็โง่เต็มแก่แล้ว

 

“ใช่” มันตอบเสียงเรียบ

 

ใครจะไปเชื่อวะ ดูยังไงก็เหมือนตั้งใจทำมากกว่าอุบัติเหตุ ผมไม่ถามเซ้าซี้ แต่ข่มมันด้วยสายตา ให้มันบอกความจริง

 

“เชื่อกูเถอะ” มันเลือกที่จะไม่บอก เห็นสีหน้าลำบากใจของมันแล้ว ผมเลยไม่อยากถามเซ้าซี้ต่อ

 

“งั้นก็ทำแผลก่อน เดี๋ยวกูทำให้” ผมลุกขึ้นกวาดสายตาหากล่องปฐมพยาบาลในห้องจนทั่ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลย “ไอ้ซานกล่องปฐมพยาบาลอยู่ตรงไหน”

 

“ติวก่อน กูไม่เป็นไร” มันยกมือขึ้นมาห้ามผม

 

“แต่…”

 

“มันไม่มีเวลาแล้วไอ้ภีม นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว มึงจะโต้รุ่ง แล้วเป็นศพไปสอบหรือไง” ไอ้ซานทำเสียงดุใส่

ผมหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนังห้องบ่งบอกเวลา 23.05 น. ก็ต้องตกใจ ตายละ! เวลาผ่านไปเร็วมาก

 

“ไม่ได้ ยังไงมึงก็ต้องทำแผลก่อน กูอ่านหนังสือพอจำได้คร่าวๆแล้ว” ผมยังคงดื้อดึง เลือดสีสดไหลไปตามซอกนิ้วเป็นทางเลย จะปล่อยไว้เฉยๆเห็นจะใจดำเกินไป

 

“อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องเจ็บตัวเนาะคนเรา” พี่เนลพูดขึ้นมาลอยๆ เอามือเท้าคาง มองไปทางอื่น เหมือนมองนกมองไม้ แต่ฟังที่มันพูดก็รู้ว่าหมายถึงใคร

 

“พี่หุบปากไปเลย” ผมหันไปมองค้อนใส่มัน “มือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำครับ” พี่เนลเดาะลิ้นเสียงดังด้วยความไปพอใจ ปากก็บ่นอะไรของมันไป ซึ่งผมไม่ได้ฟัง หันไปคาดคั้นไอ้ซานต่อ

 

“ว่าไง อยู่ไหน” ไอ้ซานชี้ไปที่ตู้เก็บของสีขาวไม่สูงมากตรงมุมห้อง ผมจึงลุกขึ้นไปเปิดดู เมื่อหาเจอก็หยิบออกมา นั่งทำแผลให้มันตามระเบียบ มันก็นั่งเงียบๆไม่พูดไม่จาเหมือนคนเป็นใบ้

 

ผมได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงให้มันอยู่ห่างๆ ได้ยินเสียงเดาะลิ้นไม่พอใจจากใครบางคนที่นั่งเล่นมือถือเป็นระยะๆ แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจมัน เมินแม่ง!

 

ไอ้ซานช่วงนี้มันดูเฉาๆยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่มีสีสันเอาเสียเลย ที่เห็นยังยิ้มได้ทุกวันนี้ก็ฝืนทั้งนั้น สงสัยอยู่กับเพศผู้มากเกินไป จนไม่ได้ใกล้ชิดกับเพศแม่แน่ๆ เดี๋ยวต้องพามันไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยแล้ว ชีวิตจะได้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง ฮ่าๆ

 

“จ้องขนาดนั้น ก็จับมันทำผัวเลยไหม” นี่เนลพูดเสียงกระโชกโฮกฮากขึ้นมา สีหน้าไม่พอใจสุดขีด

 

“…..” แค่เป็นห่วงเพื่อนเถอะ ไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ซานแบบนั้นสักหน่อย ผมเลือกที่จะไม่ตอบโต้ไป ขืนไปพูดอะไรไม่เข้าหูพี่แกเดี๋ยวยาว เงียบก่อนดีที่สุด

 

“ทำแผลเสร็จแล้วก็รีบติวสิวะ นั่งจ้องตากันอยู่ได้ จะไม่ติวแล้วใช่ไหม หนังสงหนังสือน่ะ” พี่เนลหายใจออกมาเสียงดัง ผมจึงรีบเก็บพวกยาทาแผล ผ้าก๊อซทันที เดี๋ยวมันบ้าขึ้นมาคนที่ลําบากจะเป็นผมอีก

 

“โว้ย เห็นแล้วหงุดหงิด” พูดจบก็เดินกระทืบเท้าออกไปนั่งคนเดียวตรงระเบียงให้ยุงกัดเล่น

 

ดีครับผมชอบคนแบบนี้ เขาคือผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ อยู่เฉยๆไม่ชอบ ออกไปให้ทานฝูงยุงผู้หิวกระหาย ดีครับ ทำได้ดี ผมขอชื่นชม

 

หลังจากตัวกวนเดินออกไปนั่งทำ MV ตรงระเบียง เราก็เริ่มติวหัวข้อที่ค้างเอาไว้ตอนหัวคว่ำ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ครั้งนี้ผมมีสมาธิมากขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไฟเริ่มรนตูดแล้ว หรือเพราะอะไรกันแน่ ไอ้ซานก็เทพจัด อธิบายกระชับได้ใจความ เนื้อๆเน้นๆ ไม่มีน้ำ จบไปเป็นติวเตอร์ได้สบาย เราติวกันอยู่อย่างนี้จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ผมเริ่มอ้าปากหาวเพราะความง่วง สงสัยยาที่กินไปเริ่มออกฤทธิ์ ได้แต่บอกตัวเองให้อดทน ยังติวได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง มึงอย่าเพิ่งล้มไอ้ภีม แต่ก็อย่างว่าแหละ ยาสองเม็ดเน้นๆ ล้มควายได้เป็นตัว มีหรือที่คนอย่างผมจะทนไหว

 

“กูว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะ” ไอ้ซานที่เห็นว่าผมเริ่มไม่ไหว สัปหงกจนหน้าเกือบทิ่มโต๊ะไปหลายที จูบหนังสือไปก็หลายรอบ พูดขึ้นมา

 

“อืมมม กูไหว” ผมตอบมันเสียงแผ่วเบา ฝืนบังคับเปลือกตาที่หนักอึ้ง ให้ลืมตาตื่น

 

“ไม่ กูว่ามึงโคตรไม่ไหว นอนก่อนเถอะ”

 

“ไม่…กู….ไหว” อย่ามาดูถูกกูนะไอ้ซาน พี่ภีมยังฟิตปั๋ง งืมๆ

 

“มึงอย่าฝืน…..&#@%#**………” เหมือนถูกตัดสัญสัญญาณการได้ยินไปชั่วขณะ รู้ว่าไอ้ซานมันพูดอยู่นะครับ แต่ฟังไม่รู้เรื่องเลย

 

พูดอะไรของมันก็ไม่รู้ นั่นใช่ภาษาคนหรือเปล่าวะ พี่ภีมฟังไม่ออก

 

“….”

 

“ดูๆ น้ำลายไหลเป็นเส้นแล้ว ตายๆ หนังสือกู! เปียกหมด ไอ้ภีม!!!! หนังสือกู!!” ผมสะดุ้งตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงไอ้ซานตะโกนกึ่งคำรามออกมาเสียงดังลั่นห้อง เกิดอิหยังขึ้นหว่า

 

“หือ” ผมมองหน้าไอ้ซานอย่างงงๆ มึนๆ สองมือก็เช็ดน้ำลายที่ไหลเป็นสายน้ำไปด้วย

 

“ไปนอนเถอะ หนังสือกูเปียกหมดแล้ว” ไอ้ซานพูดอย่างปลงๆ พลางชี้หนังสือที่ผมเอามือทับไว้อยู่ โอ้ว! หนังสือไอ้ซานนี่หว่า เปียกน้ำลายผมไปกว่าครึ่งหน้า แถมเป็นเส้นๆตวักไปมา ลวดลายสวยงามตระการตาดีจริงๆ

 

เอาซะกูเขิลหมดเลย ฮ่าๆ

 

“โทษที” ผมเอ่ยขอโทษมันไป

 

“ไม่เป็นไร ชั่งมันเถอะ” ไอ้ซานยิ้มให้ผม พร้อมเอื้อมมือมาดึงหนังสือไป “ไอ้ภีมฝากรอยไว้ซะแล้วสิ ฮ่าๆ”

 

ดูมันพูดเข้า!

 

“เอาของกูไปใช้แทนไหม” ผมยื่นหนังสือของตัวเองไปให้มัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

 

“ไม่เป็นไร แบบนี้แหละ กูชอบ” ไอ้ซานพูดพร้อมยักยิ้วให้สองจึก งั้นก็แล้วแต่มึงเถอะ เอาที่สบายใจเลย

 

ผมลุกขึ้น กำลังจะเดินไปนอนที่เตียง ในหัวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีไอ้บ้าคนหนึ่งมันออกไปบริจาคเลือดให้บรรดายุงตัวเมียทั้งหลายตรงระเบียง จนตอนนี้มันก็ยังไม่เข้ามาข้างในเลย ก็อดเป็นห่วงไม่ไหว ว่ามันถูกยุงหามศพไปหรือยัง ขอย่องไปดูหน่อยแล้วกัน

 

“จะไปไหนเหรอ” ไอ้ซานทักขึ้นมา หลังจากเก็บหลังสือเข้าที่เสร็จแล้ว

 

“ไปดูพี่เนลมันหน่อย ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นไงมั่ง” ผมหันไปตอบมัน ก่อนจะเดินดุ่มๆไปที่ระเบียง

 

ฟืดดดด

 

จัดการเปิดประตูบานเลือน ชะโงกหน้าออกไปดูว่ามันเป็นยังไงบ้าง สายตาปะทะเข้ากับพี่เนลที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดี ในมือถือรูปถ่ายที่ผมเพิ่งทำฉีกไปเมื่อครู่ เหมือนมันพยายามเอามาประกบต่อกันให้เป็นเหมือนเดิม

 

“มีอะไร” มันถามเสียงห้วนๆ แล้วหันกลับไปมองรูปที่ถืออยู่ แววตาสั่นไหว ผมจึงปิดประตูก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆมัน

 

“เอ่อ…” เอามือขึ้นมาเกาหัว อย่างทำอะไรไม่ถูก กลับไปนอนเลยดีไหมวะ ดูสภาพพี่เนลตอนนี้คงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า หน้ามันดูเศร้ามาก จนผมรู้สึกผิดเลยที่ไปทำรูปมันขาด

 

“รูปนั้นสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมถามมันออกไป เพราะดูมันอาลัยอาวอนไม่น้อยเลย

 

“อืม” มันตอบในลำคอ สีหน้าดูไม่ค่อยดี

 

“ผม…ขอโทษนะครับ” ผมเอ่ยขอโทษมันออกจากใจ เห็นมันซึมแบบนี้แล้วความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินเข้ามาในหัวใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีส่วนที่ทำรูปขาดอยู่เหมือนกัน

 

“อืม” พี่เนลตอบสั้นๆ เก็บรูปใส่ในกระเป๋า พร้อมเอามือตบพื้นข้างๆตัว เป็นเชิงบอกให้ผมลงไปนั่งเป็นเพื่อน

 

“ไม่เป็นไรพี่ ผมจะนอนแล้ว” แค่ออกมาดูเฉยๆ ว่ามันยังอยู่ดีไหม เห็นว่ายังไม่ตายก็สบายใจแล้ว “งั้นผมไปก่อนนะ พี่ก็รีบๆเข้าไปล่ะ ข้างนอกยุงมันเยอะ” พูดพร้อมเอามือตบยุงไปด้วย ออกมาไม่ถึงนาที โดนกัดไปสามสี่ที่แล้ว ไม่อยากคิดถึงสภาพพี่เนลที่ออกมานั่งเกือบชั่วโมงเลย ปานนี้ร่างคงพรุนไปแล้วมั้ง

 

“นั่งเป็นเพื่อนหน่อย” พี่เนลพูดเสียงเรียบ

 

“ไม่เอา ผมจะนอนแล้ว”

 

“ขอ 5 นาที” พี่เนลยังคงตื้อต่อ

 

“ไม่เอา พื้นมันแข็ง ผมปวดตูด” พยายามหาข้ออ้าง เพราะตอนนี้กูง่วงมาก

 

“งั้นมานั่งตักกู” มันส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ พร้อมเอามือตบตักตัวเองปุๆ “เร็วครับ”

 

“ใช่เรื่อง ไม่เอาครับ”

 

“เรื่องมากจังวะ” ไม่พูดเปล่า ดึงแขนผมให้ลงไปนั่งจุมปุ๊กที่ตักมัน ก่อนจะเอาแขนแกร่งนั่นโอบรอบเอวผมเอาไว้แน่น ไม่ให้หนีไปไหน

 

“เห้ยพี่เนล ผมง่วงแล้ว จะไปนอน” ผมโวยวาย พยายามแกะแขนมันออก แต่อย่างว่าครับ แรงควาย ถ้าเพิ่มแรงรัดอีกหน่อยซี่โครงผมคงแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว

 

“ขอ 5 นาที แล้วจะไม่กวนอีก” พี่เนลเอาคางมาเกยไหล่ผมเอาไว้ แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู “นะครับน้องภีม”

 

“แค่ 5 นาทีนะครับ” ผมถามย้ำ ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า อะไรที่มันสัญญาแล้ว มักจะทำไม่เคยได้เลยก็ตาม

 

“อืม”

 

ผมยอมอยู่นิ่งๆให้มันกอดสักพัก รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่กระทบต้นคอ ทำให้หน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา พยายามหดคอหนีจมูกโด่งได้รูปที่พยายามซุกไซ้ซอกคอผมอย่างหยอกล้อ หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ยินเสียงหัวใจของผมไหม แต่ผมได้ยินชัดเจนเลย โคตรน่าอาย

 

 

“รูปนั้นน่ะ เป็นรูปที่กูถ่ายกับม่ายฟ้าตอนไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันสองคน เมื่อปีที่แล้ว” จู่ๆมันก็พูดขึ้นมา “เป็นทริปที่กูมีความสุขมาก เพราะได้ไปเที่ยวกับฟ้าสองต่อสอง ได้ตื่นมาเห็นรอยยิ้มสวยๆ ใบหน้าสดใส แก้มแดงๆ ของเธอแล้วโคตรดี”

 

ตอนนี้ผมดีใจแล้วล่ะ ที่นั่งหันหลังให้ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ามันเวลาเล่าเรื่องนี้ แค่ฟังเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความสุขนั้นก็เพียงพอแล้ว

 

“เราเที่ยวด้วยกันราวกับเป็นแฟนกันจริงๆ ตอนนั้นกูลืมสถานะของตัวเองไปแล้ว ว่าเป็นได้แค่คู่ควง ทริปนั้นกูพกกล้องไปด้วย 1 ตัว เพื่อตามถ่ายรูปม่านฟ้า รู้ไหม กูถ่ายได้เป็นพันๆรูปเลยนะ”

 

ผมไม่อยากฟังแล้วจะผิดไหม เหมือนยิ่งฟังเรื่องที่มันเล่า ยิ่งกลับมาทำร้ายตัวผมเองยังไงก็ไม่รู้

 

“ตอนไปที่หาดกะรน จู่ๆฟ้าก็ขอถ่ายรูปคู่ เพราะตั้งแต่มายังไม่มีรูปคู่เลย กูก็ไม่รอช้า รีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายทันที แต่หลังจากเที่ยวหาดกะรนจบ กูดันเผลอทำกล้องถ่ายรูปตกน้ำ ตอนถ่ายฟ้าใส่ชุดบิกินี่ ทุกวันนี้ยังเสียดายรูปไม่หายเลย ฮ่าๆ”

 

พี่เนลพูดไปหัวเราะไป ส่วนผมได้แต่กัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด ฟังแล้วรู้สึกเจ็บแปลบตรงอกขึ้นมาเลยวะ

 

“พอเอาไปให้ร้านซ่อม เขาบอกกูว่า…รูปอื่นไม่สามารถกู้คืนได้แล้ว เหลือแต่รูปนี้รูปเดียวที่ยังเหลืออยู่ในเครื่อง” มันพูดพร้อมหยิบรูปในกระเป๋าขึ้นมาให้ผมดู “มึงคิดดู รูปมีเป็นพันๆรูป แต่ทำไมถึงเหลือแค่รูปนี้ล่ะ”

 

พี่เนลเว้นช่วงไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “กูว่าเป็นเพราะ พรหมลิขิต”

 

“ฟ้าเลยเอารูปนี้ไปอัด แล้วเขียนข้อความบอกรักกูหลังรูป เธอบอกกับกูว่าให้เก็บรูปนี้ไว้ดีๆ มันคือสัญลักษณ์ของความรักที่กูมีให้เธอ ถ้าวันไหนรูปฉีก นั่นเท่ากับว่ากูไม่ได้รักม่านฟ้าแล้ว กูถึงเก็บรูปนี้เป็นอย่างดี เพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าหัวใจกูยังคงมีแค่เธอเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้ว่ากูจะมีคู่ควงหลายคน แต่หัวใจกูได้มอบให้ผู้หญิงคนนี้แค่คนเดียว”

 

ตอนนี้ผมไม่อยากฟังแล้ว ช่วยหยุดพูดที ผมไม่อยากรู้แล้วว่ารูปนั้นสำคัญกับพี่ขนาดไหน ผมไม่อยากรู้แล้ว ช่วยปล่อยผมกลับไปนอนสักที ขอร้อง

 

“พี่คงเสียใจมากเลยสินะ ที่ผมทำรูปขาด” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดตอนถามมันออกไป นึกว่าเป็นแค่รูปธรรมดา ไม่คิดว่ามันจะมีความหมายขนาดนี้

 

มันส่ายหัว “กูไม่ได้เสียใจที่รูปมันขาดหรอก”

 

“….”

 

“แต่กูเสียใจที่ทำมึงร้องไห้ เพราะรูปนี้มากกว่า…”

 

“….”

 

“กูขอโทษ….” มันกำชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มผมเบาๆ … “ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง แต่อย่าทำเป็นเมินใส่กูเหมือนเมื่อกี้ได้ไหม”

 

“….”

 

“กูไม่ชอบเลย….ไม่ชอบเลยจริงๆ” เสียงมันเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ

 

“….”

 

“กูนึกว่ามึงจะโกธรกู จนไม่คิดจะออกมาตามกูซะแล้ว” มันก้มลงมาจูบที่หัวไหล่ของผมเบาๆ “ขอบคุณนะ”

 

เดี๋ยวๆ สมองไม่ประมวลผล แปปๆ พี่ภีมคิดไม่ทัน ตอนนี้รู้สึกร้อนทั้งตัวเลย ไม่แค่หน้าแล้ว อะไรวะเนี่ย! ไปโกธรมันตอนไหนวะ แค่โมโหนิดๆ เคืองหน่อยๆ

 

ทำไงดีวะ กับสถานการณ์แบบนี้

 

คร่อก

 

แกล้งหลับแม่ง

 

“ภีม ได้ยินพี่ไหม”

 

“….” ไม่ กูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

 

“ภีมครับ” มันเอามือมาเขย่าตัวผมเบาๆ

 

“….” พี่โดนยุงกัดจนเพี้ยนไปแล้วใช่ไหมครับ หรือออกมานั่งสมาธิคนเดียวตรงระเบียงตั้งนานสองนาน จนเริ่มตรัสรู้ บรรลุธรรม แยกแยะชั่วดีได้ โอ้โห ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

“อ่าวหลับไปแล้วเหรอ หลับไปตอนไหนวะ”

 

“….” หลับไปเมื่อกี้นี่แหละ ไม่อยากคุยกับคนบ้า

 

“ฝันดีครับ ลูกหมา” มันเอานิ้วมาเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าออกให้ ก่อนอุ้มผมเข้าไปนอนในห้องตามระเบียบ

ด้วยความง่วงจัด ผมจึงหลับไปไม่ได้สติทันทีที่หัวถึงหมอน…

 

ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นแบ่งกันนอนยังไง เพราะเตียงของไอ้ซานก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย พอสำหรับผู้ชายตัวเท่าควายสองคนนั่นจะนอนด้วยกันได้ แต่ถ้าเกิดได้จริงๆ ก็อัดโคตรๆ ด้วยนิสัยพี่เนลมันไม่ยอมแน่ๆ ผมรู้ดี

 

ต้องมีคนหนึ่งเสียสละไปนอนที่โซฟา…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:27:35 โดย Gansa »

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
งั้นพี่เนลควรทิ้งรูปไปซะ ไม่ก็จุดไฟเผาแม่ม
มาพูดจาวกวน อาลัยอาวรณ์นั่นนี่แบบนี้ เค้าจะขโมยน้องไปกกเองนะเออ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไม่ค่อยน่าวางใจอิพี่เนลมันอ่ะ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เอาเงินมาเลย1ล้าน แล้วมาแบ่งกับคนอ่านนี่มาๆ

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ไม่เอาพระเอกแบบนี้ แบนนๆๆๆ  :fire:

ออฟไลน์ ฟาร์มไก่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew6: :mew6: :mew6: ใจร้ายเกินคน อีพี่เนล  :fire: :fire:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
พี่เนลรีบเลือกซักทางเถอะ สงสารภีม พอน้องรู้ความจริงว่าพี่หลอก น้องคงเสียใจมากๆอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
จะทำอะไรก็คิดดีๆก่อนนะเนล ความรู้สึกคนเรามันกู้ให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้หรอกนะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เนลเหมือนเป็นไบโพล่า

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ขึ้นๆ ลงๆเนาะ อารมณ์คนเรา,,,

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เนลได้ลองไปหาหมอจิตเวทบ้างยั้งอ่ะ งงไปหมดแล้ว ตามอารมไม่ทันยิ่งกว่าคนเป็นเมนส์อีก

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 20 คำตอบของพี่
(1/2)


 และแล้วการสอบควิชก็ผ่านไปได้ด้วยดี อยากตีลังกาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบคณะ ถามว่าสอบได้ไหม ด้วยมันสมองระดับไอสไตน์อย่างพี่ภีมคนนี้แล้ว ตอบได้คำเดียวว่า ‘ได้สอบ’

 

ล้อเล่นครับ สอบได้สบายอยู่แล้ว ได้ติวเตอร์ฝีมือเทพอย่าง ‘พี่ซานคนหล่อ’ ค่อยป้อนข้อมูลให้ ถึงแม้จะรับมาได้ไม่มาก แต่มีประสิทธิภาพแน่นอน เพราะที่รับมาออกข้อสอบทั้งหมด ถือว่าเป็นโชคดีของไอ้ภีมคนนี้เหลือเกิน

 

“แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ แสดงว่าทำข้อสอบได้สินะ” ไอ้ซานที่ออกจากห้องมาทีหลังเอ่ยแซว

 

“แน่นอนอยู่แล้ว นี่ใคร ภีมเอง” พูดพลางเอานิ้วโป้งชี้เข้าหาตัวเอง ทำหน้าภูมิใจที่สุดในชีวิต

 

“อู้หู เก่งครับ เก่ง” ไอ้ซานตบมือให้ น้ำเสียงดูตื่นเต้นสุดขีด ผิดกับสีหน้าที่บอกผมเป็นนัยๆว่า ไม่ใช่เพราะกูหรอกเหรอ ที่ทำให้มึงสอบได้ สำนึกบุญคุณด้วย

 

“แต่ถ้าไม่มีมึง กูก็คงลำบากไม่น้อยเลย เอางี้ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน มึงอยากกินอะไร” ผมเอามือไปตบหลังไอ้ซานแปะๆ พี่ภีมคนนี้เป็นคนรู้คุณคนอยู่แล้ว ไม่ลืมหรอก

 

“อืมม กูอยากกิน KFC, Shabushi , MK , Sizzler แล้วก็ปิดท้ายด้วย Swensens ส่วนน้ำกูขอเป็น Starbucks สัก 2 แก้วนะ” ไอ้ซานพ่นสิ่งที่อยากกินออกมาเป็นชุด ทำเอาผมลมแทบจับ โอ้โห! ท้องคนหรือหลุมดำ มึงกะไปแข่งแดกทีมชาติเลยหรือไง เป็นผมจอดตั้งแต่ KFC แล้ว ไม่ใช่ท้องนะครับ เงินในกระเป๋า

 

“เยอะไปๆ กูเลี้ยงได้แค่ร้านเจ๊อ้อยอะครับ” เสนอไปงั้นแหละ ไปไกลสุดได้แค่ร้านพี่อ้อยเท่านั้น ไม่คิดว่าเพื่อนจะหัวสูงขนาดนี้ เลี้ยงทีกูล้มละลายเลยนะนั่น

 

“โอ้โห แพงมากเลยครับ”

 

“กูมีงบแค่นี้ คนมันจนช่วยไม่ได้ รอกูถูกหวยก่อนนะ เดี๋ยวพาไปเลี้ยง” ถึงวันนั้นโปรดเรียกกูว่าเสี่ยได้เลย พี่จะเปย์น้องเอง

 

“ฮ่าๆ กูล้อเล่น” ไอ้ซานเอาแขนมาล็อคคอผมเล่นอย่างหยอกล้อ “กูไม่เอาหรอก”

 

“ได้ไงวะ มึงช่วยกูตั้งหลายเรื่องแล้ว ให้กูได้ตอบแทนบ้างเถอะ” ผมโวยใส่มัน เวลามีเรื่องอะไรก็มีไอ้ซานนี่แหละที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอๆ มันไม่เคยบ่นสักคำแถมยังเต็มใจช่วยผมอีก เพื่อนที่ดีแบบมันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

“อยากตอบแทนกูเหรอ” มันเลิกคิ้ว

 

“อืม” แน่นอนอยู่แล้ว ไอ้ภีมไม่ชอบติดค้างอะไรใคร

 

“งั้นมึงก็ทำอาหารมาให้กูกินสักมื้อแล้วกัน ไหวเปล่า” โอ้โห ไอ้ซาน! ตอนเข้าค่ายลูกเสือ มึงยังไม่เข็ดอีกเหรอ มึงโดนน็อกไปคนแรกเลยนะ ลืมไปแล้วหรือไงครับคุณพีรวัตร

 

“ไม่เอา กูไม่อยากทำร้ายเพื่อน มึงก็รู้ว่ากูทำอาหารห่วยแค่ไหน” ขนาดพี่เนลยังบ่นผมเรื่องนี้ทุกวันเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้ผมทำให้กินอยู่ดี ไม่รู้ว่าขี้เกียจออกไปซื้อ หรือกะใช้ผมให้คุ้มกันแน่

 

เอ่อ พูดถึงมัน ให้เดาครับว่าใครเป็นคนเสียสละไปนอนที่โซฟา เฉลยเลยแล้วกัน คุณชายซานเจ้าของห้องนั่นเอง

ไม่รู้ไปตกลงกันยังไง แต่เห็นไอ้ซานบ่นๆอยู่ ว่าแพ้มันไปซะทุกอย่าง แพ้ยันเป่ายิ้งฉุบ น่าสงสารเขานะครับ

 

“ไม่เป็นไร กูอยากกิน”

 

“เอ่อ…” ผมเริ่มอ้ำอึง ลำบากใจ กลัวทำมันเข้าโรงพยาบาล แค่ตอนเข้าค่ายลูกเสือก็ถือเป็นฝันร้ายสำหรับผมแล้ว ภาพไอ้ซานล้มลงไปทั้งที่มือยังถือช้อนค้างไว้ ยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้

 

“ขอแค่มึงทำมาด้วยใจ อะไรกูก็กินได้หมดแหละ ยกเว้นไข่” เกือบหล่อแล้ว ถ้ามึงไม่ตัดขากูตรงประโยคสุดท้าย เมนูไข่นี่ผมมั่นใจมาก ว่าจะไม่ทำให้ใครต้องไปนอนเติมน้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่นอน เพราะมันทำง่าย โดยเฉพาะไข่ต้มนะมึงเอ้ย! ลงหม้ออย่างเดียว ไม่ต้องปรุงอะไรทั้งสิ้น

 

ผมกลัวที่ต้องมาปรุงอาหารให้ใครทาน มันเหมือนปมหลังฝังใจที่เห็นเพื่อนล้มลงไปต่อหน้าทีละคนๆ แต่วันไหนนึกอยากฆ่าพี่เนลขึ้นมา จะทำอาหารมื้อสุดท้ายให้มันสุดฝีมือเลย หึๆ

 

“….”

 

“กูไม่อยากให้มึงกลัวการทำอาหารไปจนตายนะ ลองทำอย่างอื่นนอกจากเมนูไข่ดู กูพร้อมจะเป็นหนูทดลองให้มึงเสมอ ยังไงกูก็อยากให้มึงเอาชนะตรงนี้ให้ได้ เพราะฉนั้น เริ่มจากการทำอะไรง่ายๆอย่างพวกข้าวต้ม หรือข้าวผัดก่อนก็ได้”

 

คิดหนักเลย…

แต่ในเมื่อมันต้องการแบบนั้นพี่ภีมก็ไม่ขัดครับ ประหยัดเงินดี จัดไปเลย “โอเค”

 

     ตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วครับ กำลังเดินลงจากตึกคณะไปที่ลานจอดรถ โดยมีไอ้ซานเจ้าเก่าเจ้าเดิมอาสาไปส่ง หลังจากเลิกงานพวกผมก็ต้องไปช่วยไอ้ทัศเตรียมค่ายต่อ ผมกับไอ้ซานอยู่ฝ่ายสอนครับ ส่วนไอ้สองคนนั้นอยู่ฝ่ายกิจกรรม ต้องเตรียมอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด พี่ซันประธานค่ายเลยขอให้พวกผมไปช่วยพวกมันหน่อย ความจริงแล้วพวกผมยังไม่เคยเห็นหน้าประธานแกเลย ติดต่อและรับข้อมูลจากไอ้ทัศตลอด จนบางทีผมก็คิดว่ามันอาจจะเอาชื่อประธานแกมาอ้างเพื่อหลอกใช้แรงงานพวกผมก็ได้ ฮ่าๆ

 

กึก จู่ๆไอ้ซานก็หยุดเดิน ทำให้ผมที่เดินตามติดๆ ชนเข้ากับแผ่นหลังมันเต็มๆ อะไรของมันวะ คิดจะหยุดก็หยุด

 

“อะไรของมึงเนี่ย” ผมโวยวายใส่มัน ไอ้ซานยืนนิ่ง ไม่ตอบอะไร สายตามองไปที่มุมหนึ่งของตึกคณะ ผมจึงทอดสายตามองตามมันไป

 

เห็นพี่ม่านฟ้ากำลังนั่งคุยกับพี่เนลที่ม้าหินอ่อน ใต้ต้นไม้ข้างๆตึก ในมือพี่เนลถือรูปที่ผมพึ่งทำขาดเมื่อวานด้วย ให้เดาคงมาคุยเรื่องรูปล่ะมั้ง หน้าพี่เนลเครียดไม่น้อยเลย พี่ฟ้าเอามือมาจับแขนพี่เนลเอาไว้ ก่อนส่ายหัวไปมา แล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมอยู่ไกลมาก จึงไม่ได้ยิน สักพักพี่เนลก็คลี่ยิ้มออกมา คิ้วที่ขมวดเป็นปมก็ค่อยๆคลายออกเช่นกัน

 

“อั่นแน่ มองพี่ฟ้าแบบนั้น อย่าบอกนะ ว่ามึง…แอบชอบเขาน่ะ” ผมแซวไอ้ซานที่ยืนมองพี่ฟ้าตาไม่กระพริบ

มิน่าล่ะ ชอบมีปัญหากับพี่เนลจัง ที่แท้ก็ชอบคนเดียวกันนี่เอง

 

“เห้ย! ไม่ใช่โว้ย” ไอ้ซานหันมาโวยวายใส่ผมใหญ่เลย แม่งมีพิรุธ

 

“ไปชอบคนเดียวกับพี่เนลระวังเจ็บหนักนะโว้ย” ผมเอาศอกกระทุ้งสีข้างมันเบาๆ เป็นการหยอกล้อ

 

“เจ็บหัวใจอะนะ” แววตามันหมองลงทันที ที่พูดจบ

เห้ย! มันชอบพี่ฟ้าจริงดิ ตายละ ไปพูดจี้ซะแล้ว

 

“เจ็บตัว รายนั้นเอะอะใช้กำลังๆ สมองมีไม่เคยใช้หรอก” ไอ้ซานที่ยืนนิ่งอยู่หลุดขำออกมา แปลว่ามึงก็คิดแบบนี้มาตลอดใช่ไหม แค่มึงไม่กล้าพูดออกมา

 

“หึๆ ไปว่าพี่เขาระวังโดนต่อยนะไอ้ภีม อีกอย่างกูไม่ได้ชอบพี่ฟ้าโว้ย”

 

“เอ้า ก็เห็นมองตาไม่กระพริบเลย นึกว่าหลงเสน่ห์นางฟ้าเข้าซะแล้ว”

 

“ไปกันใหญ่แล้ว ที่กูมองเพราะพี่ฟ้าหน้าคุ้นๆโว้ย เหมือนเคยเห็นที่ไหน พอได้มองใกล้ๆแบบนี้แล้ว โคตรคุ้น”

 

“เอ้า ก็พี่เขาเป็นอดีตดาวคณะเรา จะไม่ให้คุ้นได้ไง” ไอ้นี่พูดแปลกๆ ใครไม่คุ้นหน้าสวยๆของพี่แกมั่งล่ะ ขึ้นชื่อว่านางฟ้าแพทย์แล้ว ใครๆก็รู้จักเหอะ เจ้าพ่อโซเชียลอย่างมึง ทำไมถึงตั้งคำถามโง่ๆแบบนี้ออกมาล่ะ ไอ้ซาน!

 

“ไม่ กูรู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน” ไอ้ซานทำท่านึกรำลึกความหลัง

 

“วันคัดเลือกดาว-เดือน?” จำได้ว่าเจอครั้งแรก วันคัดเลือกดาวเดือน ตอนปี1 ตอนนั้นที่ฟ้าเป็นตัวแทนดาวปี2 มาเดินเปิดตัวให้ดู คือสวยมาก หัวใจพี่ภีมคนนี้สั่นไปหมด

 

“ไม่ ก่อนหน้านั้น สมัยเรียนมัธยม” มันตอบผม แต่สายตายังจ้องพี่ฟ้านิ่ง ทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่

 

“โห ไอ้ซาน มึงเคยเจอคนสวยแบบพี่ฟ้ามาก่อนด้วยเหรอวะ กูไม่เห็นรู้เลย ไม่เบานะเรา” ผมแซวมันเล่น พลางเอานิ้วชี้จิ้มๆที่หัวไหล่มันไปด้วย

 

“เห้ย!” จู่ๆมันก็อุทานขึ้นมาเสียงดัง ทำเอาผมตกใจหมด หัวใจแทบหล่นลงไปถึงตาตุ่ม อะไรของมัน!

 

กำลังจะหันไปถามมันว่า ‘เป็นบ้าอะไรของมึง’ แต่หน้ามันดูเครียดมาก จ้องพี่ฟ้าเขม็ง เลยเลือกไม่พูดออกไปดีกว่า

 

“เห้ยไอ้ซาน ทำหน้าตาน่ากลัวเซียว ทำไม เคยโดนพี่เขาหักอกมาเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะดูหน้ามันตอนนี้แล้ว แซวเล่นคงไม่เหมาะ

 

ไอ้ซานคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่ง “กูว่า กูพอจะนึกออกแล้ว อยู่ห่างๆไว้ดีกว่า ถ้าใช่คนที่กูกำลังคิดอยู่ ถือว่าอันตรายต่อมึงมาก”

 

“ใคร?” ผมเลิกคิ้วสงสัย

 

“ช่างมันเถอะ กูไม่อยากไปกล่าวหาใครมั่วซั่วโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน สงสัยกูจะคิดมากไปเอง” อ่าว อะไรของมึงวะ ไป! เชิญไปอยู่กับพี่เนล กลุ่มบุคคลคนพูดไม่รู้เรื่องแห่งปี ปล่อยประเด็นมาให้สงสัยแล้วก็ตัดจบโดยไม่เฉลย กูล่ะเกลียดคนแบบนี้จริงๆ

 

ชะอุ่ย แวบหนึ่งพี่ฟ้าหันมามองผมด้วย หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปคุยกับพี่เนลต่อ โดยไม่หันกลับมามองอีก ผมไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่าวะ ทำไมพี่ฟ้าคนสวยต้องมองน้องภีมแบบนั้นล่ะครับ ใจไม่ดีเลย กระซิกๆ

 

“ไอ้ภีม มึงไปร้านพี่อ้อยคนเดียวได้ไหม ตอนนี้กูมีเรื่องที่ต้องจัดการว่ะ” ยังไม่ทันได้เอ่ยถามหาสาเหตุอะไรเลย ไอ้ซานก็เดินดุ่มๆ จากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่ตรงนี้คนเดียว อิหยังหว่า ผีเข้าผีออกจะมึง

 

ช่างมันเถอะ ไปคนเดียวก็ได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก แต่ตอนนี้ ต่อมเสือกมันเริ่มทำงานหงิกๆ ไปแอบฟังจะเสียมารยาทไหมวะ ไม่หรอก ผมแค่เดินผ่านเฉยๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็แอบย่องๆ อ้อมหลังตึก ไปหลบพักเหนื่อยอยู่ที่มุมเสาข้างๆต้นไม้ใหญ่

 

“ขอโทษนะฟ้า”

 

“ไม่เอาน่าเนลอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฟ้าไม่ได้โกธรเนลสักหน่อย”

 

“แต่ผมรู้สึกผิด แค่รูปยังรักษาไว้ไม่ได้เลย” พี่เนลเอามือกุมขมับแน่น

 

“โถ่ คนดีของฟ้า” พี่ฟ้าเอามือขึ้นมาจับแก้มพี่เนลอย่างเอ็นดู “ไม่เอานะ อย่าคิดมากเลย”

 

โถ่ ไอ้เหี้ยของภีม ทีทำกับกูเคยรู้สึกผิดแบบนี้ไหม

 

“งั้นเอางี้ไหมคะ เสาร์นี้ฟ้าต้องลงไปทำธุระที่ภูเก็ต เราถือโอกาสนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม ครั้งนี้ฟ้าจะเอากล้องไปด้วย แล้วถ่ายรูปด้วยกันหลายๆรูปเลย ดีไหมคะเนล”

 

เสาร์นี้… เดี๋ยว มึงมีนัดกับกูนะ อย่าลืม ผมพยายามส่งพลังจิตไปให้มัน เผื่อมันจะจำอะไรได้บ้าง

 

“เสาร์นี้เหรอครับ?”

 

“ค่ะ ไปด้วยกันน๊า” พี่ฟ้าขยับมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับพี่เนล กอดแขนมันแน่น พลางเอาหน้าถูตรงไหล่แกร่งเป็นการออดอ้อน “ฟ้าไม่มีเพื่อนอยู่พอดีเลย นะคะเนล น๊า” พี่ฟ้าทำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์

 

ตาย เป็นกูก็ตาย เจอแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ต้องยอมเจ๊แก ยิ่งเป็นคนแบบพี่เนลแล้ว ไม่น่ารอด ผมจะยืนสวดศพพี่อยู่ข้างเสานี้ก็แล้วกัน ไปดีซะแล้วบักเนลเอ้ย

 

“เงียบทำไมล่ะคะ หรือเสาร์นี้เนลไม่ว่าง” พี่ฟ้าหันไปมองพี่เนลที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ สายตามีแววสงสัย

เฮ้พี่เนล มึงยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม คงไม่ช็อกตายไปแล้วนะ

 

“ว่างครับ” ดูเหมือนมันจะรู้สึกตัวแล้ว รีบตอบพี่ฟ้าทันที หืม ตอบได้เต็มปากเต็มคำนะครับคุณศิรากร ผู้ว่างตลอดเวลา

 

“ฟ้าดีใจจังเลยค่ะ” พี่ฟ้ายิ้มกว้างจนเห็นฟันสวยๆ หน้าตาดูมีความสุข แต่คงไม่มากเท่าไอ้ที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นหรอก เก็บอาการหน่อยครับ ออร่าพุ่งกระจัดกระจายหมดแล้ว

 

“ผมดีใจมากนะครับที่ฟ้าชวน” มันยิ้มหวาน พลางเอามือแกร่งนั่นลูบหัวพี่ฟ้าไปด้วย “แต่….ไปวันอื่นได้ไหมครับ”

 

“งือ ทำไมล่ะคะ” เธอทำหน้างอ “ฟ้าเสียใจนะเนี่ย ที่เนลไม่มีเวลาให้ฟ้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นนะฟ้า”

 

“งั้นเสาร์นี้เนลต้องไปกับฟ้า นะคะ เนลน๊า ฟ้าไม่มีเพื่อนเลย เนลจะทิ้งฟ้าได้ลงคอเหรอคะ” เธอจับมือพี่เนลขึ้นมา พร้อมเอาใบหน้าสวยๆนั่นก้มลงซบกับฝ่ามือหนา “ถ้าเสาร์นี้เนลไม่ไป ฟ้าก็จะไม่ไปไหนกับเนลอีก เลือกเอาก็แล้วกัน” เสียงหวานๆนั่น ไม่ได้ทำให้คำพูดของเธอดูน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นการขู่ก็ตาม กลับกันมันดูน่ารักด้วยซ้ำ

 

ผมก็รอลุ้นคำตอบมันจนน้ำลายเหนียว กลืนลงไปสามสี่อึกแล้ว ทำไมกูต้องมาลุ้นกับอะไรแบบนี้ด้วยว่ะ

 

คลื่น คลื่น

 

โทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นได้จังหวะดีจริงๆ ครั้งนี้ผมตั้งเป็นระบบสั่นเอาครับ เดี๋ยวมีเรื่องเหมือนคราวแล้วอีก คิดถูกจริงๆ ถ้าดังขึ้นมารับรอง พี่เนลต้องหันมามองผม แล้วเอาเครื่องนี้โยนลงน้ำ ชะตาคงไม่ต่างจากเครื่องก่อนแน่ๆ

 

“ครับพี่อ้อย” เป็นพี่อ้อยที่โทรมา หลังจากที่ได้โทรศัพท์ ก็ไม่มีเวลาโทรไปแจกเบอร์ใครเลย จนกระทั่งเมื่อพักกลางวันนั่นแหละถึงว่าง ผมเลือกโทรไปหาแม่สุดที่รักก่อน ท่านดูดีใจมากที่ผมโทรไปหา ก็แหม ไม่ได้คุยกันตั้งนานนี่เนาะ ท่านดูสบายดี แถมยังมีชีวิตที่ดีอีก แค่นี้ผมก็มีแรงฮึดใช้ชีวิตต่อไปแล้ว หลังจากนั้นก็โทรไปแจกเบอร์ พี่อ้อย กับพวกไอ้ทัศตามลำดับ

 

[ที่ร้านยุ่งมากเลย พี่ต้องการคนช่วย ภีมรีบๆมานะ] ได้ยินเสียงดังระงมเล็ดลอดออกมาจากปลายสาย นั่นบ่งบอกชัดเจนว่าที่ร้านคงวุ่นวายน่าดู

 

“ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมเอ่ยบอกกับพี่อ้อย ก่อนจะกดวางไป สองขารีบก้าวออกจากตรงนั้นทันที

 

 

ไม่ต้องรอฟัง ผมก็พอรู้อยู่แล้ว ว่าพี่เนลจะตอบกลับไปยังไง

 

พี่เนลก็ยังคงเป็นพี่เนล สัญญาอะไรไว้ไม่เคยจำได้หรอก

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:27:56 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คำตอบของพี่
(2/2)


เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด กว่าจะเลิกงานได้ แทบกลายเป็นศพ ยิ่งมาปวดตูดแถมยังต้องเดินรับส่งออเดอร์ทั่วร้านอีก บอกได้คำเดียวว่า ระบม ถ้าไม่ใช่ไอ้ภีมทำไม่ได้นะครับ

 

“พี่อ้อย ผมไปแล้วนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่อ้อยที่กำลังเก็บของอยู่ในครัวอย่างขะมักเขม้น

 

“จ้า ขอบคุณที่ทนเหนื่อยนะ เดี๋ยวพี่เพิ่มทิปให้” โอ้โห ฟังแบบนี้แล้วมีแรงฮึดขึ้นมาเลย

 

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไว้พี่แกอีกครั้ง ก่อนจะไปหยิบกระเป๋า เดินไปหาไอ้ซานที่มานั่งหาววอดๆ รอผมเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

 

ไอ้ซานเมื่อเห็นผมเลิกงานแล้ว ก็เดินนำไปที่รถ พาผมเข้า ม. มาที่ตึกเรียนรวมทันที ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว แต่ไม่ได้วังเวงเลยแม้แต่น้อย ได้ยินเสียงคุยกันดังลั่นมาแต่ไกลเลยครับ

 

“ใครก็ได้ช่วยไอ้ฟงเย็บเอกสารหน่อย ทำมาเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้สักเล่มเลย” เสียงพี่ฟิวดังลั่นกังวานทั่วตึกเลยครับ ถึงแม้ยังเดินไปไม่ถึง แต่เสียงแว้ดๆของพี่แกชัดแจ๋วมาก

 

เดี๋ยว! พี่ฟิว? เพื่อนพี่เนล มาได้ยังไง? ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้ซานเลยครับ มันได้แต่ส่ายหน้าไปมา พลางส่งสายตามาบอกผมเป็นนัยๆว่า ‘กูไม่รู้เรื่องนะ’

 

“เงียบๆหน่อยไอ้ฟิว กูต้องการสมาธิ” พี่ฟงที่กำลังถือไว้บรรทัด ค่อยๆเอาไปทาบเอกสารปึกหนึ่งอยู่ หันไปพูดกับพี่ฟิวสีหน้าเคร่งเครียด พี่เขากำลังทำอะไรอยู่วะ ทำไมดูเครียดกันขนาดนั้น ผมกับไอ้ซานที่เดินมาถึงแล้วได้แต่ยืนนิ่งมองพี่เขาอย่างเงียบๆ

 

“โอ้ยย มึงจะเอาให้มันตรงเพื่ออะไรวะ แค่ใช้ได้ก็พอแล้ว มึงจะไปแข่งเย็บเอกสารเพอร์เฟคระดับโลกหรือไง ขัดใจพี่ฟิวคนนี้จริงๆเลย งานยิ่งเร่งๆอยู่ เพื่อนเสือกใจเย็นแข่งกับอากาศขั้วโลกเหนืออีก” พี่ฟิวแกดูเกี้ยวกราดน่าดู

 

“ไม่ได้ มันขัดต่อการดำรงชีวิตของกูมาก กูไม่ชอบอะไรที่ไม่เป็นระเบียบ แม้แต่การเรียงตัวของแม็กบนกระดาษกูก็ไม่เว้น” พี่ฟงตอบพลางเอาไม้บรรทัดทาบลงไปใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเมื่อกี้ยังไม่ตรงพอ อุดมการณ์พี่แกหนักแน่นมาก ไอ้ภีมคนนี้โคตรนับถือ

 

ผมพอเดาสถานการณ์ออกแล้ว คงจะกำลังเย็บเอกสารประกอบการเรียนกันอยู่ ดูจากข้างตัวพี่ฟิวที่มีเอกสารกองเป็นปึกๆ ต่างกับพี่ฟงที่ไม่มีสักเล่ม เพราะมัวแต่วัดว่ามันตรงหรือยัง ไม่ยอมแม็กเย็บเล่มสักที

 

“มา มึงไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวกูทำเอง” พี่ฟิวทนไม่ไหวลุกพรวด ไปแย่งปึกเอกสารจากมือพี่ฟงมา

 

“ไม่เอา” พี่ฟงเอาเอกสารหนี “ไปทำอย่างอื่นเถอะ ถ้าวันนี้กูเย็บเล่มนี้ไม่เสร็จ กูคงนอนไม่หลับ”

 

“โวะ! ไอ้เชี่ยฟง! ชาตินี้จะเสร็จไหมเนี่ย นานจนน้องอาร์คหลับไปแล้วเห็นไหม” พี่ฟิวเอานิ้วชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่นอนขดตัวบนพื้น หลับปุ๋ยอยู่ข้างๆพี่ฟง ผู้ชายคนนี้ผมเคยเห็นมาก่อน ที่ไปกินข้าวกับพี่ฟงที่ร้านนางิโซะวันนั้นนี่หว่า

 

“อ่าว หลับไปตอนไหน” พี่ฟงหันไปมอง เอามือไปเขย่าร่างเล็กเพื่อปลุก แต่ดูเหมือนน้องมันจะหลับลึก ไม่ยอมตื่น พี่ฟงจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะยกหัวน้องอาร์คมาหนุนตักตัวเอง พลางถอดเสื้อแขนยาวออก ห่มให้น้อง ก่อนจะหันมาพูดกับพี่ฟิวเสียงเรียบ “ไอ้ฟิว…วันนี้กูคงช่วยมึงได้แค่นี้แหละ เดี๋ยวต้องพาน้องอาร์คไปนอนแล้ว”

 

“มึงจะอยู่หรือไม่อยู่ ก็ไม่ได้ช่วยให้งานมันเสร็จเร็วขึ้นหรอก รีบๆพาลูกมึงกลับไปนอนเถอะ”

 

“อืม งั้นกูไปก่อนนะ” พูดจบก็อุ้มน้องอาร์คเดินดุ่มๆจากไปทันที ผมว่าพี่ฟงแกดูเป็นผู้ชายอบอุ่นคนหนึ่งเลยนะ ถึงดูเป็นพวกบ้าความสมบูรณ์แบบไปบ้าง แต่ดูเอาใจใส่น้องอาร์คดี ตั้งแต่บังคับน้องมันกินผักแล้ว ฮ่าๆ คงจะเป็นห่วงสุขภาพน้องมันนั่นแหละ

 

พี่ฟิวได้แต่สายหัวอย่างระอา ก่อนจะหันกลับมา สบตาเข้ากับผมจังๆ เลยส่งยิ้มให้พี่เขาไป ตามวิถีคนเฟรนลี่

 

“ว้ายๆๆๆๆๆ ดูสิ ใครมา” อารมณ์เปลี่ยนไปทันที พี่แกเดินสะดีดสะดิ้งมาทางผม “น่องภีมของพี่” พูดจบก็เอามือมาลูบแขนผมจนขนลุกไหมหมด

 

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไว้พี่ฟิว ก่อนหันไปไหว้พวกพี่ๆที่มานั่งทำงานก่อนหน้าแล้ว มีครบแก๊งพี่เนลเลยว่ะ พี่เมฆกำลังนั่งตัดเชือกอยู่ข้างเสา หน้าตาจริงจังน่าดู พี่แจ็คก็ถือคัตเตอร์กำลังกรีดกระดาษแข็งอย่างตั้งอกตั้งใจ พี่ฟงพึ่งกลับไปเมื่อกี้ ส่วนพี่ฟิวก็ยืนเกาะแขนผมอยู่

 

อย่าบอกนะ ว่าพี่เนลก็ไปค่ายด้วย ตายแล้ว ถอนตัวทันไหม

 

“มันไม่มาหรอก” พี่ฟิวดูเหมือนจะอ่านความคิดผมออก รีบพูดขึ้น “กูไม่มีทางมาค่ายนี้เด็ดขาด ถ้าเห็นกูมา เชิญตะโกนใส่หน้าว่าควายดังๆเลย น้องเนลได้กล่าวไว้อย่างนี้” พี่ฟิวทำเสียงสอง ล้อเลียนคำพูดของเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้

 

เอ่อ ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย “อ๋อ ครับ”

 

“เฮ้ ไอ้ภีมทางนี้ๆ” ไอ้เหม่ยยืนขึ้น โบกมือไปมา เรียกผมซะเสียงดังลั่นตึก “ไอ้ภีมมาแล้วโว้ย เฮ้ไอ้ภีม” ไอ้ทัศไม่น้อยหน้า หันมาเรียกชื่อผมแข่งกับไอ้เหม่ยทันที พี่ภีมรู้ว่าเป็นที่ต้องการ แต่ใจเย็นๆครับเพื่อน อย่าแย่งกันๆ

 

“มาช่วยกูตัดกระดาษหน่อย” ไอ้ทัศพูดพลางชูกระดาษขึ้นมาให้ผมดู

 

กูคงมีความสำคัญแค่นี้สินะ ไอ้เพื่อนรัก

 

“งั้นผมไปหาเพื่อนก่อนนะครับ” ผมยกมือไว้พี่ฟิวอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหาไอ้สองคนที่นั่งตัดกระดาษกันจนนิ้วแทบล็อค

 

“มาๆ เชิญครับ เชิญ” ไอ้ทัศขยับให้ พร้อมผายมือเชิญผมให้ลงไปนั่งข้างๆ ส่วนไอ้เหม่ยก็ตบพื้นแปะๆ เรียกไอ้ซานไปนั่งด้วยเหมือนกัน ยังไม่ได้พูดอะไร ไอ้ทัศก็ยื่นกระดาษ กับกรรไกรมาให้ผมทันที

 

“ช่วยหน่อยครับฝ่ายสอน ฝ่ายกิจกรรมเหนื่อยเหลือเกิน” พูดจบก็ล้มตัวลงไปนอนกอดนอนฟัดกับไอ้โตทันที ไอ้โตเป็นหมาของมหาลัยที่ติดไอ้ทัศมากครับ สงสัยทะเลาะกันบ่อยจนซี้กันไปแล้ว ไอ้ทัศไปไหนบางครั้งก็เห็นไอ้โตเดินตามเป็นเงา วันนี้ก็น่าจะมานอนเฝ้ามันนั่นแหละ

 

“โห นี่กะใช้กูให้เต็มที่เลยนี่หว่า ไอ้ทัศ!”

 

“ใช่ ทำไปไอ้เบ๊ กูที่เป็นนายจะนอนแล้ว” พูดจบก็หันไปลูบหัวไอ้โต “เศร้าว่ะ ชะตาชีวิตกู เพื่อนก็มีผัวไปหมดแล้ว เหลือแต่กูที่ต้องนอนกอดหมาอย่างเปล่าเปลี่ยว กระซิกๆ มึงอย่าทิ้งกูไปไหนนะไอ้โต ตอนนี้กูรู้สึกเหงาเอกาเหลือเกิน” มันเอาหน้าไปถูกับลำตัวของไอ้โตที่นอนอยู่ อี๋!!! ไอ้ทัศ ไอ้โตมันเคยอาบน้ำบ้างไหมก็ไม่รู้ ดูจากขนที่เกาะตัวกันเป็นหย่อมๆแล้ว ถ้าอาบ ก็อาบมาแล้วหลายปี ทำไมมึงถึงยังกล้าทำอะไรแบบนั้น อย่ามาใกล้กูเลยนะ อยู่ห่างๆ พี่ภีมไม่มีเพื่อนแบบมึง

 

“บ่นอะไรของมึง” พี่ฟิวหันมาถามไอ้ทัศที่กำลังนอนพร่ำเพ้อพรรณนา กอดๆหอมๆไอ้โตอยู่ “ไม่มีเพื่อนคบเหรอไอ้ทัศ”

 

ใช่ครับ อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งนี่แหละ พึ่งตัดความสัมพันธ์ไปเมื่อ 1วิที่แล้ว

 

“ฮือออ พี่ฟิวครับบ ชีวิตผมโคตรเศร้า มีเพื่อนอยู่สามคน หนีไปมีผัวแล้วสอง อีกคนก็หล่อระเบิดระเบ้อถ้ามันคิดจะหา ก็หาได้สบาย เหลือแต่ผมเนี่ยแหละที่ยังโสดและสดอยู่อย่างนี้” ไอ้ทัศหันไปโอดโอยกับพี่ฟิว พลางเอามือล้วงเข้าไปในรูจมูก เพื่อหยิบขนไอ้โตออก ก่อนจะดีดใส่ไอ้เหม่ยที่นั่งตัดกระดาษเงียบๆอยู่ อี๋! กูรับการกระทำอันต่ำทรามนี้ไม่ได้จริงๆ

 

“ไอ้ทัศ….” พี่ฟิวลุกขึ้นมาหาไอ้ทัศ ก่อนจะโผกอดมันแน่น ประหนึ่งหมากฝรั่งติดกับรองเท้า เหนียวแน่นชนิดที่ว่าชาตินี้กูจะยึดติดกับมึงไม่ไปไหน “ฮือ กูเข้าใจความรู้สึกมึงงง เพื่อนกูก็หนีไปมีเมียหมดแล้ว เหลือแต่กูเนี่ยแหละที่ยังซิง”

 

หลังจากนั้นสองคนนั้นก็กอดปลอบกัน งานการไม่ยอมทำอีกเลย

เฮ้อ ปล่อยคนบ้าเขาคุยกันไปดีกว่า ไร้สารมาก

 

“เอ้า เด็กๆ ของว่างมาแล้วครับบ” ผมหันไปมองคนที่มาใหม่ ตาคมๆแบบนี้ ไว้ผมไถข้าง เจาะหู จมูกโด่งได้รูปแบบนี้ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก พี่ท็อป!

 

พี่แกวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ตรงดิ่งมาหาไอ้เหม่ยทันที พร้อมยื่นน้ำแตงโมปั่นให้ “นี่ครับของน้องเหม่ย น้ำแตงโมปั่นเย็นๆ แถมหัวใจของพี่ไปด้วย ดื่มเข้าไปรับรองหวานเจี๊ยบ โดยไม่ต้องใส่น้ำเชื่อมเพิ่ม เพราะความหวานที่พี่มีให้น้องมันมีมากกว่ามวลน้ำตาลใดๆในโลก” โอ้โห…ขออ้วกแปป

 

ไอ้เหม่ยยอมรับน้ำจากมือของพี่ท็อปแต่โดยดี “ผมขอรับไว้แค่น้ำแตงโมนะครับ ส่วนหัวใจพี่เอากองไว้ตรงนั้นแหละ” พูดจบก็ดูดน้ำแตงโมไปหลายอึกด้วยความกระหาย ทิ้งให้พี่ท็อปยืนอึ้งกับคำพูดไร้ซึ่งเยื่อใยเมื่อกี้

 

“ใจแข็งว่ะ แต่ไม่เป็นไร ยังไงสักวันมึงก็ต้องแพ้ในลีลากูอยู่ดี”

 

“หลงตัวเองฉิบหาย”

 

“ถ้ากูไม่มั่นใจ ไม่มีทางพูดออกไปหรอกนะ ยังไงกูก็ต้องจีบมึงให้ติด เพราะมึงคือคนที่หัวใจเลือกแล้ว”

 

“พี่ไม่ต้องมาปากหวาน ผมเห็นพี่พูดแบบนี้กับทุกคนที่จีบอยู่นั่นแหละ ขอบอกไว้เลยว่าผมไม่หลงเคลิ้มกับคำพูดหลอกลวงของคนอย่างพี่หรอก”

 

พี่ท็อปมองไอ้เหม่ยเหมือนคิดอะไรอยู่ ก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ดี! ยากๆแบบนี้แหละ ท้าทายกูดี”

 

ไอ้เหม่ยไม่ได้ตอบโต้อะไรพี่ท็อปไป หันไปตัดกระดาษของมันต่อ

 

“ฮันแน่ พึ่งรู้นะครับว่าแอบมาปลูกต้นรักกับเด็กแถวนี้” พี่ฟิวที่เมื่อกี้ล้มตัวลงไปนอนกับไอ้ทัศ ลุกขึ้นมาแซวที่ท็อปเล่น

 

“แน่นอนครับ กูปลูกไว้ทุกที่แหละ จะได้ไม่อดตาย”

 

“แล้วเอาน้องออมไปไว้ไหนล่ะครับนั่น รายนั้นดูเหมือนจะกัดพี่ไม่ยอมปล่อยด้วยนะครับ”

 

“อ่าว นี่มากันหมดทั้งแก๊งเลยเหรอ” พี่ท็อปเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อพี่ฟิวเอ่ยถึงน้องออม

 

“แหม เปลี่ยนเรื่อง เกือบครบแล้วครับ ยกเว้นน้องรหัสพี่”

 

“อ่าว ไอ้ห่าเนลไม่มาจริงดิ” ป๊าด วันนี้มีแต่เรื่องให้ตกใจ พี่ท็อปเป็นพี่รหัสของพี่เนลว่ะ โห เหมือนกันจริงๆ

 

เหี้ยเหมือนกัน

 

คนหนึ่งเลือกที่จะไม่ทิ้งน้องออม แต่ก็ตามจีบไอ้เหม่ยทุกวี่ทุกวัน ส่วนอีกคนก็ยังไม่ลืมรักเก่า แต่ควงคนอื่นไปทั่ว ถือคติที่ว่า ไม่มั่วแต่ทั่วถึง ใครเข้ามาพี่เอาหมด

 

ตายๆ เข้ากันอะไรอย่างนี้ ไม่ควรเป็นแค่พี่รหัสกับน้องรหัสอะ ควรเป็นพี่น้องกันจริงๆ

 

“ครับ มันบอกว่าค่ายเฮงซวย ไม่เหมาะกับคนสูงส่งแบบมัน!” พี่ฟิวพูดใส่อารมณ์

 

“อ่าวไอ้สัด! ขึ้นเลยๆ กูขึ้นเลย! ไอ้เนลมันว่าอย่างนั้นจริงเหรอ”

 

“เปล่าครับ ผมใส่ไข่”

 

“อ่าว ไอ้ห่าฟิว กวนตีนนะมึง” พี่ท็อปชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งข้างๆพี่ฟิว “แล้วนี่มันไปไหน ว่าจะพาไปเลี้ยงสายสักหน่อย”

 

 “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่พี่เถอะ คิดไงเลี้ยงมัน ตั้งแต่ผมรู้จักกับพี่มา ยังไม่เคยเห็นพี่พามันไปเลี้ยงเลยนะ”

 

“ไม่ได้ กูจะจบแล้ว เดี๋ยวมันเทกู”

 

“โห! ยอม”

 

“เอาน่า ก็กูไม่ชอบคนเจ้าชู้แบบมันนี่หว่า คนสองจิตสองใจแบบนั้นกูไม่ปลื้ม” เหมือนพี่แกด่าตัวเองยังไงก็ไม่รู้

 

“แหวะ หน้าอย่างพี่มีสิทธิพูดคำนั้นด้วยหรือไง” ไอ้เหม่ยพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยความความหมั่นใส้

 

“แน่นอนครับ พี่รักเดียวใจเดียว แล้วก็…..รักน้องคนเดียว”

 

“แหวะ กูจะอ้วก ไปพูดจาชวนเลียนไกลๆเลย กูไม่อิน” ไอ้เหม่ยรีบเบือนหน้าหนีพี่ท็อปทันที เห็นแวปๆว่าหูมันแดงนิดๆด้วย เห้ยไอ้เหม่ย มึงอย่ามาแพ้ให้ไอ้คนแบบนี้เด็ดขาดนะโว้ย กูไม่เชียร์!

 

ไอ้พี่ท็อปได้แต่ยิ้มพึงพอใจก่อนจะพูดออกมา “เมียแพ้ท้องเหรอครับ อ้วกบ่อยจัง”

 

“หุบปากไปเลย” ไอ้เหม่ยหยิบกรรไกรเขวี้ยงใส่พี่ท็อปอย่างแรง โชคดีที่พี่แกหลบได้ ไม่งั้นคงได้เย็บไปหลายเข็ม เย็บตรงไหนรู้ไหมครับ ตรงน้องชายไงครับ ไอ้เหม่ยแม่ง! เล่งตรงจุดยุทธศาสตร์เลย

 

“โหดจัง” ไอ้พี่ท็อปสบถออกมาเบาๆ หน้าซีดเผือด

 

“กวนตีนใส่ผมก่อนช่วยไม่ได้” ไอ้เหม่ยดูจะไม่แคร์กับการกระทำเมื่อกี้สักเท่าไหร่ เห้ย! ถ้าพลาดถึงตายเลยนะโว้ยไอ้เหม่ย!! กูยังไม่อยากมีเพื่อนเป็นฆาตกรนะ

 

“วันหลังพี่ขอเป็นอย่างอื่นแทนกรรไกรได้ไหมครับ….เช่น…” ไอ้พี่ท็อปทำหน้าหื่น ก่อนจะใช้สายตาหื่นกระหายนั่น จ้องไปที่ตูดของไอ้เหม่ยนิ่ง… น่ากลัวว่ะ น่ากลัวมากคนแบบนี้

 

ไอ้เหม่ยยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนจะหยิบกรรไกรมาจากมือไอ้ซาน ยกขึ้นขู่ “ผมว่าครั้งนี้ไม่น่าพลาด” มันค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ ตรงมาทางพี่ท็อป “เพราะผมจะเป็นคนตัดเอง”

 

โห กูว่าไอ้นี่แหละน่ากลัวสุด เอาซะผมเสี่ยวไข่แทนพี่แกเลย ดูจากหน้าเพื่อนผมแล้ว มันเอาจริงด้วยนะนั่น

ไอ้พี่ท็อปหน้าซีดกว่าเก่า รีบยกมือยอมแพ้ “พี่แค่ล้อเล่นครับน้องเหม่ย วางอาวุธลงก่อน ของแบบนี้เราเจรจากันได้”

 

“ฮ่าๆๆ” พี่ฟิวหัวเราะร่วน “มีแววเกียร์มัวว่ะ”

 

“หุบปากไปเลยไอ้ฟิว เดี๋ยวกูตบด้วยหน้าแข้ง” พี่ท็อปหันไปขู่ที่ฟิวที่ตอนนี้ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด เมื่อเห็นไอ้เหม่ยยอมรามือ เดินกลับไปตัดกระดาษต่อ พี่แกก็หันมาพูดกับพี่ฟิวต่อ

 

“ตกลงไอ้เนลมันจะว่างไปกับกูหรือเปล่า ไปถามเพื่อนมึงให้กูหน่อย”

 

“เอ้าทำไมต้องเป็นผม พี่ก็ไปถามเองดิ แต่ผมแนะนำว่าช่วงนี้อย่าไปยุ่งกับมันเลย น้องรหัสพี่กำลังเป็นบ้า”

 

“หือ? มันเป็นอะไร”

 

“มันโดนปั่นหัวอยู่ ปัญหาตีกันรอบด้าน ทั้งรักเก่า ทั้งคู่หมั่น ไหนจะครอบครัวอีก ล่าสุดนี่เลย ไอ้นี่เลย” พี่ฟิวพูดพลางชี้นิ้วมาทางผมด้วย หือ อะไร? ผมเกี่ยวอะไร

 

ผมจะเอาอะไรไปปั่นหัวมัน ออกจะเชื่อฟัง(?)ขนาดนี้

 

“อะไรวะ กูไม่เข้าใจ ช่วยขยายความให้กูที”

 

“ช่างมันเถอะ ไม่อยากพูดเยอะ” พูดจบก็ลุกขึ้นไปเย็บเอกสารต่อ ปล่อยให้พี่ท็อปนั่งงงอยู่คนเดียว ไม่สิ บวกผมไปด้วยอีกคน อะไรวะ ทำไมวันนี้พี่ภีมเจอแต่คนแบบนี้ ตั้งแต่ไอ้ซานยันพี่ฟิว พูดเหมือนรู้อะไร แต่ก็เลือกที่จะไม่บอกเนื้อหา ให้เราเอาไปคิดต่อเอง

 

แต่ช่างมันเถอะ เมื่อถึงเวลา น่าจะรู้เองนั่นแหละ ผมเชื่อแบบนั้นอะนะ.. โดยเฉพาะเรื่องพี่ฟ้า ผมค้างคาใจเป็นพิเศษเลย ในชีวิตนี้ผมไม่เคยไปทำอะไรให้พี่ฟ้าเกลียดชัง แม้แต่เข้าไปคุยด้วยยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมพี่เขาถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ เหมือนผมไปทำอะไรไม่ดีไว้อย่างนั้นแหละ

 

 

ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว ก่อนจะหันมาสนใจกับการตัดกระดาษตรงหน้าแทน ต้องรีบตัดกระดาษให้เสร็จก่อน ถ้ามัวแต่คิดเรื่องนี้งานไม่เดินกันพอดี

 

พวกผมทำงานมาเพลินๆ จนเวลาล่วงเลยมา 4 ทุ่มกว่าๆ พี่ท็อปเมื่อเห็นว่าควรพอได้แล้ว จึงบอกให้พวกผมเก็บของและแยกย้ายกันกลับได้ เมื่อเก็บเสร็จผมก็บอกลาพวกพี่ๆตามมารยาท แล้วตามไอ้ซานเจ้าเก่าที่อาสาไปส่งผมเป็นกิจวัตรไปที่รถทันที

 

ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะไอ้ซานมันทำหน้าเครียดมาก เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ผมจึงปล่อยให้มันอยู่ในโลกของตัวเอง หันไปมองวิวนอกหน้าต่างเป็นการพักสายตา ถึงแม้ตอนนี้จะมืดจนมองไม่เห็นอะไรก็เถอะ ฮ่าๆ

 

ใช้เวลาไม่นาน รถของไอ้ซานก็มาจอดหน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย ผมบอกลามัน ก่อนจะเดินลงจากรถไป แปลกมากที่ไฟเปิดอยู่ ทั้งไฟห้องนั่งเล่น และไฟห้องพี่เนล ดูเหมือนวันนี้มันจะอยู่บ้านไม่ออกไปตกผู้หญิงที่ไหนว่ะ หายากนะเนี่ย เวลาที่เสืออย่างมันจะอยู่ในถ้ำ

 

ผมเปิดประตูเข้าไปในบ้าน แต่ไม่เห็นพี่เนลอยู่ในห้องนั่งเล่น จึงเดินขึ้นไปดูที่ชั้นสอง หันไปมองหน้าห้องมันที่เปิดประตูทิ้งไว้ เห็นเจ้าตัวกำลังรีบร้อนเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ สองมือหยิบอะไรได้ ก็ยัดๆเข้าไปหมด มันยกกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า เดินออกมาอย่างรวดเร็ว สายตาคมนั่นหันมามองผมนิ่ง ก่อนก้าวขายาวๆเข้ามาหา พร้อมใช้มือหนานั่นลูบหัวผมอย่างเบาๆ

 
“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม กูไปก่อนนะ”

 

“จะกลับเมื่อไหร่ครับ” ผมรีบดึงแขนมันเอาไว้ เมื่อห็นมันกำลังจะทิ้งผมเอาไว้คนเดียว

 

“ไม่รู้” มันตอบ “ทำไมมองกูแบบนั้น ไม่อยากให้ไปหรือไง”



“ถ้า..บอกว่าใช่ล่ะครับ พี่จะไปอยู่ไหม”



“กูก็จะไป” มันตอบเสียงเรียบ ก่อนจะแกะมือผมออก เดินลงบันไดไป ไม่วายหันมาชี้นิ้วขู่ “อยู่คนเดียวแล้วอย่าดื้อล่ะ อย่าให้กูรู้นะว่าตอนที่กูไม่อยู่แอบเอาชู้มานอนกก ไม่งั้นมึงตาย”



“ครับ”

 

นี่สินะ…คำตอบของพี่….



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:28:16 โดย Gansa »

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
มันอาจจะมีการหักมุม
ภีมไม่เอาชู้มากกหรอก
คนไม่มีพันธะกะใคร จะไปมีใคร จะเรียกชู้ได้ไง
แต่นี่อยากให้ภีมไปอยุ่กะชานนะ
อยากจะรุ้ว่าอีพี่เนลจะทำตัวยังไง
แต่ยัยำฟ้านี่เกลียดอะไรภีม  :hao4:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
คำตอบซึ้งดี อื้มๆ งี้ก็ได้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ฟ้าคือใคร ต้องการอะไร อิพี่เนลก็......  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ฟ้าเคยชอบซาน แต่ซานชอบภีม ฟ้าก็เลยเกียจภีมหรือเปล่า เดาล้วน ๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เรื่องนี้มีปมน้าสงสัยอยู่,,,

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ดีมากเนล นี้คือคำตอบนายสินะ...ย้าก! :z6: :z6:

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 21 คำตอบของผม
(1/2)



[Nel talk]

 

ตอนนี้ผมอยู่ที่ตึกคณะแพทย์ครับ ตั้งใจมาดูไอ้ลูกหมามันสักหน่อย ยอมรับว่าเป็นห่วงมันนิดๆ เพราะดันทำให้มันเจ็บตัวหรอก ถึงได้รู้สึกแบบนี้  ถ้าเป็นเวลาปกติแม้แต่เศษความห่วงใยเล็กๆจากผม มันไม่มีทางได้รับเด็ดขาด

 

ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นรอบที่สิบได้แล้ว ชะโงกมองซ้ายที ขวาทีแต่ก็ไม่มีวี่แววของมันเลย ยังไม่เลิกเรียน หรือกลับไปแล้ววะ วันหลังต้องให้ google ส่วนตัวของผม อย่างไอ้ฟงไปสืบหาตารางเรียนของน้องมันสักหน่อยแล้ว

 

จึก จึก

รับรู้ถึงแรงที่สกิดไหล่เบาๆ จึงหันไปมอง

 

“เห้ย!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่มาสกิดผมคือ ไอ้ฟิว เอาแล้วไง เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอไอ้นี่

 

“นี่กูเอง ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ว่าแต่..มาทำตัวลับๆล่อๆอะไรแถวนี้วะ” มันไม่รอช้า รีบพ่นคำถามใส่ผมทันที ถ้าบอกว่ามาหาไอ้ลูกหมา รับรองโดนซักไซ้ยาวยันอาทิตย์ตกดินแน่ๆ

 

“มาชมนกชมไม้”

 

“ตึกคณะมึงไม่มีหรือไง ถึงต้องถ่อสังขารมาถึงคณะแพทย์น่ะ?”

 

“เอ่อ แถวนั้นไม่มี เขตปลอดสัตว์ปีก”

 

“อ๋ออออออออออออ กูพึ่งรู้นะ ว่าถ้าอยากดูนกต้องหันหน้าหลบมุมเสาถึงจะเห็น มิติใหม่แห่งการดูนกเลยวะ”

 

“เอ่อ” ไม่อยากพูดให้มากความ เพราะเหตุผลที่แก้ตัวมันก็ฟังไม่ขึ้นจริงๆนั่นแหละ มันจะคิดอะไรก็เรื่องของมันเถอะ

 

“ไม่ต้องมาโกหก! มึงมาหาใคร? กูฉลาด กูดูออก”

 

“มาหาหมอ”

 

“หมอไหน?” เอ๊ะ! ไอ้นี่ ถามซักไซ้กูจัง หมอไหนก็เรื่องของกู รู้ไปแล้วมึงจะบินได้หรือไง ถามจัง

 

“หมอไหนก็เรื่องของกู! ว่าแต่มึงเถอะ มาทำอะไรแถวนี้?”

 

“มาหาไอ้เบส ว่าจะชวนไปเล่นบาสสักหน่อย” ไอ้เบสเป็นรุ่นน้องต่างมหาวิทยาลัยที่พวกผมรู้จักครับ เจอกันที่ร้านเหล้าไอ้แจ็ค ถึงภายนอกจะดูเป็นนักเลงหัวไม้ไปหน่อยก็เถอะ มันชอบมาเล่นบาสกับพวกผมอยู่บ่อยๆเลยสนิทกันระดับหนึ่ง ว่าแต่ไอ้เบสมันมาทำอะไรที่คณะแพทย์ ม. ผมวะ

 

“ไอ้เบสมันมาทำอะไรแถวนี้วะ?” อดสงสัยไม่ได้จึงถามออกไปสักหน่อย ไอ้เบสมันเกลียดคณะแพทย์มหาลัยผมยิ่งกว่าอะไรดี เคยถามมันว่าทำไมถึงเกลียด มันบอกว่าจริงๆก็ไม่ได้เกลียดคณะหรอก แต่คนที่มันเกลียดเรียนอยู่คณะนี้ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่น่าจะเป็นคู่อริมันนั่นแหละ หน้าตาไม่รับแขกแบบนี้คู่อริคงมีเป็นฝูง

 

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นบอกว่ามาดักรอเจอใครสักคนนี่แหละ กูอยากรู้เลยตามมาดู” อ๋อ ความจริงแล้วมึงก็อยากเสือกว่างั้น อย่ามาอ้างว่าจะชวนน้องมันไปเล่นบาส เพื่อกลบความเสือกของมึงเลย ไอ้ฟิว!

 

“ว่าแต่มึง มาหาหมอคนไหน หมอฟ้า หรือหมอภีม บอกกู!” ไอ้ฟิวยังไม่หยุดซักไซ้ผม พร้อมส่งสายตามากดดันผม กูไม่บอกโว้ย

 

“อ๊ะ!” ไอ้ฟิวอุทานออกมา ก่อนจะรีบดึงผมให้หลบมุมเสาอย่างรวดเร็ว “กูเจอไอ้เบสแล้ว อยู่นิ่งๆแล้วทำตัวให้ลีบๆนะไอ้เนล เสาจะได้ปิดตัวมึงมิดๆ” คือมึงทำตัวเหมือนโจรพร้อมจี้มากไอ้ฟิว แล้วจะลากกูเข้าไปร่วมขบวนการเสือกของมึงทำไม กูไม่ได้อยากรู้เรื่องของไอ้เบสสักหน่อย มันจะมาหาใครก็เรื่องของมันสิวะ กูจะไปหาไอ้ภีมโว้ย ปล่อกกูไปสักที

 

จึก จึก


ใครมาสกิดไหล่อีกแล้ววะ กำลังจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนทำ

 

“เนลกับฟิวมาทำอะไรตรงนี้คะ ท่าทางลับๆล่อๆไม่น่าไว้ใจเลย นี่ถ้าฟ้าไม่รู้จักคงคิดว่าเป็นพวกโรคจิตที่ตามมาแอบส่องสาวๆคณะฟ้าแล้วนะคะ ฮ่าๆ” ฟ้าหยอกล้อพวกผมเล่น พลางเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะไปด้วย นั่นไง ไอ้ฟิว กูโดนเหมารวมกับมึงไปด้วยเลย เห็นไหม!

 

“เห้ยไอ้เนล มึงมาหาม่านฟ้าใช่ไหมล่ะ งั้นกูไปก่อนนะ” ไอ้ฟิวเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะออกตัววิ่งสุดแรงเกิดจากไปแต่โดยดี พร้อมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ผมอีก ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้นางฟ้าตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก เอ่อ…เอาไงดีวะ

 

ฟ้าเลิกคิ้วสงสัย “เนลมีธุระอะไรกับฟ้าหรือเปล่าคะ”

 

“เอ่อ…ผมว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหมครับ” ผมพูดก่อนจะพาเธอไปนั่งที่ม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้อากาศดีมากครับ เหมาะแก่การมานั่งเล่น ชมนกชมไม้แก้เบื่อได้ อันที่จริงผมก็มีเรื่องที่อยากจะขอโทษม่านฟ้าอยู่เหมือนกัน ก็เรื่องรูปที่ขาดไปนั่นแหละครับ ผมยอมรับแบบแมนๆเลยว่าตกใจมากที่รูปมันขาดไปต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นผมโกธรไอ้ภีมมาก จึงทำอะไรไปตามอารมณ์ แต่พอเห็นมันนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงแล้ว ความโกธรที่สุมอยู่ในอกก็หายไปทันที ความรู้สึกผิดเริ่มแทรกซึมเข้ามาทีละนิด (นิดเดียวจริงๆ นิ๊ดดดดดดเดียว)

 

ผมหยิบรูปนั้นออกจากกระเป๋าตังค์ ก่อนยื่นให้เธอดู ม่านฟ้าดูตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นสภาพของรูปถ่าย สีหน้าของเธอยิ่งทำให้ผมกลัว กลัวว่าเธอจะโกธรผมจนไม่ให้อภัย

 

“ขอโทษนะฟ้า…ผมไม่ได้ตั้งใจทำมันขาด ผมพยายามรักษามันมาโดยตลอดเพื่อที่…” ผมหยุดพูด สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อรวบรวมความกล้า “เพื่อพิสูจน์ให้ฟ้าเห็นว่าหัวใจผมยังเหมือนเดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน รูปถ่ายใบนี้จะเป็นหลักฐานช่วยยืนยันให้ฟ้ามั่นใจ แต่ตอนนี้มันขาดไปแล้ว…”

 

ฟ้าเอามือมาจับแขนผมไว้ เป็นการปลอบใจ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไรค่ะเนล ฟ้าไม่ได้โกรธสักหน่อย ก็แค่รูป มันไม่สำคัญเท่าหัวใจเนล ขอแค่มันยังอยู่กับฟ้าก็พอแล้วล่ะคะ”

 

ได้ยินคำนี้ออกจากปากสวยๆนั่น ผมก็คลี่ยิ้มอย่างสบายใจ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเลย แต่ก็ไม่สุด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ‘ขอแค่หัวใจยังอยู่กับฟ้า..’ นั่นสิ ผมจะกลัวอะไร? ในเมื่อผมยังรู้สึกกับเธอเหมือนเดิม…

 

หรือสิ่งที่ผมกำลังกลัวอยู่ตอนนี้ คือความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอมันกำลังจะเปลี่ยนไปกันแน่

 

เป็นไปไม่ได้หรอก..

 

เรื่องแบบนั้น…

 

เมื่อวาน ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าทำกับไอ้ลูกหมาแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวมันหอม แถมยังนิ่ม ผิวก็ขาว ไหนจะแก้มแดงๆตอนที่มันเขินอีก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว อยากกัดให้พรุน เห้ย! ไม่ใช่ๆ กูโดนเล่นของใส่แน่ๆ ทำไมถึงคิดอะไรน่ากลัวแบบนี้วะ

 

“เนลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าซีดขนาดนั้น”

 

“เปล่าครับ แค่คิดถึงเรื่องอะไรที่น่ากลัวนิดหน่อย” ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ลืมไปว่าตัวเองกำลังพูดเรื่องเศร้า อย่าทำรูปขาดอยู่ ไอ้ภีมช่วงนี้มันน่ากลัวมาก ชอบเข้ามาหลอกหลอนวนเวียนในหัวผมได้ตลอด ต้องหาพระที่ศักดิ์สิทธิ์ๆ มาห้อยแล้วล่ะ ผมโดนคุณไสยแน่ๆ

 

“คงจะหลอนมากเลยนะคะ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเลย ฟ้าเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ฟ้าดีใจนะคะ ที่เนลลงทุนมาถึงคณะ เพื่อขอโทษฟ้าเรื่องนี้…” เธอหลุบตามองพื้น ใบหูเริ่มแดงขึ้นมานิดๆ “ไม่เคยมีใครใส่ใจฟ้าได้เท่านี้เลย ขอบคุณนะคะ”

 

โอ้โห… ฟังแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาเลยว่ะ ที่เลือกมาดูอาการปวดตูดของไอ้ลูกหมาก่อนมาขอโทษเธอ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ได้เท่าใจผมเอง ผมรีบลบบุคคลไม่สำคัญอย่างไอ้ภีมออกจากหัวทันที (ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงมีอิทธิพลต่อผมได้…)

 

คัทๆๆๆ เอาใหม่ๆ

 

เริ่ม!

 

แอคชั่น!

 

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมอยู่ใต้ตึกคณะแพทย์เพื่อมาขอโทษม่านฟ้าเรื่องที่ทำรูปขาด ผมวิตกกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ เพราะไอ้ซานนอนกรน แถมไอ้ภีมก็นอนดิ้น แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าหัวใจดวงน้อยๆของม่านฟ้าถูกทำให้ฉีก แบบนี้ผมถึงไม่สบายใจ เลิกเรียนเสร็จก็รีบพาตัวเองมาหาเธอถึงคณะทันที

 

“ผมขอโทษนะฟ้า” ผมเอ่ยขอเธออีกครั้ง ผมรู้สึกผิดต่อเธอจริงๆ จากใจ… ทั้งเรื่องรูป และเรื่องนี้

 

“ไม่เอาน่าเนลอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฟ้าไม่ได้โกรธเนลสักหน่อย” ฟ้าเริ่มทำสีหน้ากังวลขึ้นมาเล็กๆ โถ่นางฟ้าของผม อย่าทำหน้าไม่สบายใจแบบนั้นสิครับ เห็นแล้วผมก็เป็นกังกลไปด้วย

 

“แต่ผมรู้สึกผิด แค่รูปยังรักษาไว้ไม่ได้เลย” ผมเอามือกุมขมับแน่น

 

“โถ่ คนดีของฟ้า” ฟ้าเอามือขึ้นมาจับแก้มผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน “ไม่เอานะ อย่าคิดมากเลย”

โอ้โห ร้อยวันพันปีแสง ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนแบบนี้เลย วันนี้เป็นวันอะไร ทำไมถึงโชคดีแบบนี้

 

“งั้นเอางี้ไหมคะ เสาร์นี้ฟ้าต้องลงไปทำธุระที่ภูเก็ต เราถือโอกาสนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม ครั้งนี้ฟ้าจะเอากล้องไปด้วย แล้วถ่ายรูปด้วยกันหลายๆรูปเลย ดีไหมคะเนล” เธอเสนอ เป็นความคิดที่ดีมากครับ ผมยอมรับข้อเสนอนี้ครับ โคตรคุ้มเลย

 

แต่เดี๋ยว…เสาร์นี้เหรอ? เหมือนมีนัดแฮะ ไม่หรอกมั้ง นัดที่ไหนกัน ไม่มี!

 

“เสาร์นี้เหรอครับ?” ผมถามเธอเพื่อย้ำว่าตัวเองฟังไม่ผิด

 

“ค่ะ ไปด้วยกันน๊า” ฟ้าขยับมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับผม กอดแขนผมแน่น พลางเอาหน้าถูตรงไหล่เป็นการออดอ้อน “ฟ้าไม่มีเพื่อนอยู่พอดีเลย นะคะเนล น๊า” เธอทำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์ ทำให้ใจของคนที่ได้ยินแบบผมอ่อนยวบทันที ไปครับไป ผมไป!

 

‘กูจะพามึงไปหาหมอ’ จู่ๆคำนี้ก็ขึ้นมาในหัว

 

‘เสาร์นี้’ คำนี้ขึ้นมาเต็มหน้าผมเลยครับ เสาร์นี้ต้องพาหมาน้อยไปหาหมอนี่หว่า ทำไงดีวะ

 

“เงียบทำไมล่ะคะ หรือเสาร์นี้เนลไม่ว่าง” ฟ้าเริ่มทำหน้าน้อยใจใส่ผม

 

“ว่างครับ” อ่าว ลั่น เห็นฟ้าทำหน้างอล แล้วอดใจอ่อนไม่ได้ รีบตอบไปโดยไม่คิด เอ่อ ช่างไอ้ภีมไปเถอะ เดิมทีเจ้าตัวก็ไม่อยากไปหาหมออยู่แล้ว คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง บางทีมันอาจจะขอบคุณผมด้วยซ้ำ ที่ไม่อยู่บ้านคอยกวนใจมัน

 

แต่เดี๋ยว! ถ้ามันไปอยู่กับซานล่ะ รายนั้นยิ่งไม่น่าไว้ใจด้วย เมื่อคืนก็ทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้อง แย่งนอนบนเตียง มีหรือที่ผมจะยอมไปนอนโซฟา ถ้าทะเลาะกับมันเดี๋ยวลูกหมาตื่นอีก ทำได้แต่มองเขม่นมันอยู่นาน สุดท้ายก็จบสงครามโดยการใช้วิธีปัญญาอ่อนด้วยการเป่ายิ้งฉุบ ผลก็คือผมชนะมัน บอกแล้วคนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ พระเจ้าไม่เห็นใจคนแพ้หรอก กลับกัน ถ้าเกิดผมแพ้ขึ้นมา ถามว่าผมจะไปนอนที่โซฟาไหม คำตอบคือ ไม่อยู่ดี

 

“ผมดีใจมากนะครับที่ฟ้าชวน” ผมส่งยิ้มหวานให้ฟ้า พลางเอามือลูบหัวเธอไปด้วย “แต่….ไปวันอื่นได้ไหมครับ”

 

“งือ ทำไมล่ะคะ” เธอทำหน้างอ “ฟ้าเสียใจนะเนี่ย ที่เนลไม่มีเวลาให้ฟ้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” จะว่ามี ผมก็มีนะครับ แต่มันติดอยู่อย่างเนี่ยแหละ เฮ้อ…ทำไมรู้สึกลำบากใจอย่างนี้วะ

 

“ไม่ใช่แบบนั้นนะฟ้า”

 

“งั้นเสาร์นี้เนลต้องไปกับฟ้า นะคะ เนลน๊า ฟ้าไม่มีเพื่อนเลย เนลจะทิ้งฟ้าได้ลงคอเหรอคะ” เธอจับมือผมขึ้นมา พร้อมเอาใบหน้าสวยๆนั่นก้มลงซบกับฝ่ามือของผมไปด้วย “ถ้าเสาร์นี้เนลไม่ไป ฟ้าก็จะไม่ไปไหนกับเนลอีก เลือกเอาก็แล้วกัน”

 

อ่าว ซวย.. ไม่เลือกได้ไหม ขออยู่เฉยๆตรงนี้จะได้หรือเปล่า

 

“ว่าไงคะ” เธอส่งสายตาแกมบังคับมาทางผม “เนลจะกล้าทิ้งฟ้าไปภูเก็ตคนเดียวจริงๆเหรอคะ” เธอทำปากจู๋ พลางเอานิ้วมาเขี่ยๆตรงแขนผมเล่น

 

ถึงเวลาที่ผมต้องเลือกแล้วสินะ ระหว่าง ม่านฟ้าที่ผมรักมานาน กำลังชวนไปเที่ยว เวลาแบบนี้หายากมากระหว่างผมกับเธอ ถ้าพลาดคงไม่มีโอกาสได้ไปอีกแล้ว กับไอ้ลูกหมาที่เสี่ยงต่อการหนีไปนอนกกกับไอ้ซานมาก ฮึ่มมม พูดถึงไอ้นี่ เมื่อวานทำตัวเองจนได้แผล แถมมาออดอ้อนไอ้ลูกหมา จนมันต้องมานั่งทำแผลให้

 

เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้าเลย

 

“คือ…ขอโทษนะฟ้า ผมคงไปด้วยไม่ได้” ถึงจะเสียดาย แต่ต้องปฏิเสธออกไป ผมไม่อยากไปเที่ยวแล้วต้องมาคอยพะวง ว่าเมียที่บ้านจะแอบไปหาชู้เมื่อไหร่ “พอดีหมาที่บ้านป่วย ต้องพาไปพบสัตวแพทย์น่ะครับ คงทิ้งมันเอาไว้ไม่ได้”

 

“แย่จัง เนลเห็นน้องหมาดีกว่าฟ้าเหรอเนี่ย ฟังแล้วเสียใจจัง”

 

“ผมขอโทษจริงๆนะครับ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟ้าเข้าใจ ถ้าเป็นเหตุผลนี้ฟ้าเข้าใจดีเลย ก็เนลรักน้องหมายิ่งกว่าอะไรดี คงทนเห็นมันป่วยแล้วทิ้งเอาไว้ที่บ้านตัวเดียวไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ขนาดเจ้าชิคโก้ตายเนลยังร้องไห้เสียใจไปตั้งหลายวัน เนลคงไม่อยากให้น้องหมาตัวใหม่ของเนลมีชะตากรรมแบบเดียวกับตัวนั้นใช่ไหมล่ะคะ”

 

ก็อย่างที่ฟ้าว่า ผมชอบลูกหมามาก ตอนเด็กๆเวลาผ่านร้านขายสัตว์เลี้ยง ก็จะชอบหยุดดูมัน ผมรู้สึกว่ามันน่ารัก เวลามองก็เพลินตาดี น่าแปลกใช่ไหมล่ะครับ ที่คนอย่างผมจะชอบอะไรแบบนี้  ตอนนั้นผมเป็นเด็กจึงไม่มีเงินพอที่จะซื้อมัน พอโตขึ้น มีเงิน จึงไปซื้อมาเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง มันชื่อ ชิคโก้ เป็นลูกหมาไซบีเรียนตัวเล็กขนฟู ผมทั้งรักทั้งหลงมัน พอได้มันมาแรกๆ ดูเหมือนมันจะไม่ชินกับผมสักเท่าไหร่ แถมยังดูกลัวผมอีกตากหาก ทำท่าจะหนีอยู่ตลอดเวลา   

 

ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยรีบจับมันยัดใส่กรง เพราะกลัวมันจะหนีไป กลัว..กลัวมันไม่อยู่กับผม จึงเลี้ยงมันเอาไว้ในกรงสี่เหลี่ยมไม่ให้ออกไปดูแสงเดือนแสงตะวัน ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้นคือการมอบความรักกับมัน แต่เปล่าเลย มันซึมมาก ข้าวปลาไม่ยอมกิน จนผมต้องไปปรึกษากูรูอย่างไอ้ฟง โดนมันเทศนาใหญ่เลย ว่าผมใจร้ายบ้างแหละ ไม่อ่อนโยนบ้างแหละ ก็ผมไม่รู้ว่าต้องทำไงนี่หว่า ดูแลเอาใจใส่ใครไม่เป็นด้วย แถมไอ้ชิคโก้มันก็พูดไม่ได้ เหมือนสาวๆที่ผมควง จะไปรู้ไหมล่ะว่ามันต้องการอะไร

 

 ‘มึงต้องพยายามทำให้มันคุ้นเลยกับมึง ไม่ใช่บังคับ ทำแบบนี้หมามึงได้ตรอมใจตายเข้าสักวันแน่ๆ’ นี่เป็นคำพูดของไอ้ฟงที่ทิ้งเอาไว้ ให้ผมคิด

 

เมื่อคิดได้ ผมก็เริ่มปล่อยมันออกจากกรง บางวันว่างก็พามันไปเดินเล่นบ้าง เริ่มเอาใจใส่มัน ดูแลมัน จนมันเริ่มดีขึ้น กินข้าวจนตัวเริ่มอ้วน ทำตัวดี้ด้าทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน…ผมพึ่งรู้ว่ามันเป็นสนัขที่ขี้อ้อนตัวหนึ่งเลยล่ะ เห็นผมไม่ได้ต้องวิ่งเข้ามาประจบ เพื่อขอขนมทุกครั้ง

 

แต่สุดท้ายมันก็ตายจากผมไป โดยฝีมือผู้หญิงที่ผมเรียกว่านางมารร้าย คุณพิมเธอเหี้ยมโหดมาก แต่ผมก็ทำอะไรเธอไม่ได้เลย คำพูดที่เธอคอยบอกกับผมยังคงวนเวียนอยู่ในหัวอยู่ตลอด ‘เนลห้ามรัก ห้ามสนใจใครมากกว่าพิมเด็ดขาด! ถ้าพิมรู้จะตามทุบให้ตายทันที’ ผมพยายามหนีผู้หญิงคนนี้มาตลอดชีวิต ไม่รู้ว่าโชคชะตาผมต่อจากนี้จะหนีพ้นไหม แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยหนีเธอพ้นเลย ผมยังจำได้ครั้งแรกที่เจอเธอ ครั้งที่เธอทำหุ่นยนต์ของผมพัง วันต่อมาเธอก็มาหาผมอีก แต่ผมเลือกที่จะไม่เล่นกับนางปีศาจแบบเธอ ไม่พูด ไม่คุย เมินใส่ แต่สิ่งที่ผมได้รับจากการกระทำของตัวเอง มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่แสนขมขื่น คอยตามหลอกหลอนให้ผมกลัว…กลัวผู้หญิงแบบเธอ

 

ช่วงที่เจ้าชิคโก้ตาย ผมเสียใจมาก แต่ก็มีฟ้านี่แหละที่คอยอยู่ คอยปลอบผม เป็นกำลังใจให้ เธอถึงเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจผมเรื่องนี้ดี….

 

“ไว้ฟ้ากลับมาจากภูเก็ต จะไปดูหน้าลูกหมาตัวใหม่ของเนลนะคะ” พูดจบเธอก็รีบลุกขึ้นไป ไม่รอฟังคำทักท้วงของผมเลยสักนิด

 

 

แต่…ฟ้าครับ นั่นหมาคนละตัวแล้ว




ไอ้ภีมมันไม่ได้น่ารักเหมือนไอ้ชิคโก้ ไอ้ภีมมันเป็นหมาผี





กลับมาก่อน ฟ้า!!!


 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:28:31 โดย Gansa »

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
ไม่ได้ไปกะฟ้า
แล้วอีพี่เนลไปไหน
 :hao4:


ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ไม่ได้ไปภูเก็ตแล้วเนลเก็บกระเป๋าไปไหน

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
 แล้วพี่มันไปไหนอะ มาต่อ อีกนะครับชอบๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
โอ้วววว..เนลเป็นพระเอกจริงดิ
ไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นพระเอกก็ได้..คนแบบนี้
หุหุ

เปลี่ยนเป็นซานกับภีม
ได้ไหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่เนล แอบสตอล์กเกอร์ภีม แน่ๆ :hao3:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เฮ้อออออ เนล .. ขอให้โดนน้องทิ้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด