พิมพ์หน้านี้ - [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Gansa ที่ 18-02-2018 09:37:38

หัวข้อ: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-02-2018 09:37:38
 ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
 



เรื่องทำให้คนอื่นรัก 'เนล' ถนัดนัก อย่างหลวมตัวเข้ามารักก็แล้วกัน จะเจ็บเจียนตาย!

ภูมิคุ้มกันของคนอย่าง 'ภีม' มีมากพอที่ไม่หลวมตัวไปชอบมันหรอก ถ้าตกหลุมรักใครง่ายๆ ชาตินี้คงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปแล้วล่ะ




สารบัญ

ตอนที่1 เกลียด  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3791657#msg3791657)
ตอนที่2 จัดการ  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3791964#msg3791964)
ตอนที่3 เจ้าสาว  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3791981#msg3791981)
ตอนที่4 ทะเลาะ  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3793038#msg3793038)
ตอนที่5 ซวย  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3794049#msg3794049)
ตอนที่6 บ้าน  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3794938#msg3794938)
ตอนที่7 เจ้าของบ้าน  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3795898#msg3795898)
ตอนที่8 ตื้อ  (1/1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3798331#msg3798331)
ตอนที่9 แฟน  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3801092#msg3801092)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3801094#msg3801094)
ตอนที่10 ข้อตกลง  (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3804168#msg3804168)
ตอนที่11 มาพบ  (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3808282#msg3808282)
ตอนที่12 อาหาร  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3813984#msg3813984)     (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3814004#msg3814004)
ตอนที่13 ผิดสัญญา  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3819296#msg3819296)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3819856#msg3819856)
ตอนที่14 ช่วย  (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3824334#msg3824334)
ตอนที่15 หวั่นไหว?  (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3831219#msg3831219)
ตอนที่16ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5)  (1/1)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3832092#msg3832092)
ตอนที่17 ห้วงก้าง (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3836212#msg3836212)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3837189#msg3837189)
ตอนที่18 หื่น  (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3840162#msg3840162)
ตอนที่19 ขอโทษ  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3844857#msg3844857)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3845469#msg3845469)
ตอนที่20 คำตอบของพี่  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3851549#msg3851549)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3851550#msg3851550)
ตอนที่21คำตอบของผม  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3852972#msg3852972)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3857082#msg3857082)
ตอนบันทึกพิเศษซัน หน้าที่ 1 (1)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3858482#msg3858482)
ตอน22 รอ (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3859187#msg3859187)
ตอน23 ไข้  (1/1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3877379#msg3877379)
ตอนที่24(Part ภีม)โกรธ (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3882297#msg3882297)    (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3884870#msg3884870)
            (Part เนล)ความในใจ (1/4) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3888807#msg3888807)   (2/4) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3888879#msg3888879)   (3/4) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3889165#msg3889165)   (4/4) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3889168#msg3889168)
ตอนที่ 25 นอนกับกู  (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3908601#msg3908601)  (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3908602#msg3908602)
ตอนที่26 เรื่องเล่า (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66248.msg3908938#msg3908938)




**หมายเหตุ** บางตอนเนื้อหามีมากกว่าที่จะลงให้จบภายในกระทู้เดียว จึงขอแยกเป็น Partไปนะคะ  ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ ^^



หัวข้อ: Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 1 เกลียด
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-02-2018 09:45:33
ตอนที่ 1 เกลียด

ผู้ชายที่หน้าตาดีแบบธรรมชาติ ล้างหน้าด้วยสบู่ตรานกแก้วทุกวัน เพราะไม่มีเงินซื้อโฟม

ความหล่อระดับดีกรีนายแบบ เจมส์จิชิดซ้าย เจมส์ มาร์ชิดขวา อาม่ายังร้องกรี๊ด ปัจจุบันยังไม่มีแฟน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม กำลังยืนโง่ๆรอรถไฟฟ้าหน้าตึกคณะแพทย์มาร่วมชั่วโมง

เอามือขึ้นมาบังแดดที่ส่องกระทบหน้า อากาศวันนี้ร้อนเหลือเกิน ร้อนชนิดที่ว่านกที่บินอยู่สามารถตกลงมานอนตายได้เป็นแถบๆ
ยกนาฬิกาขึ้นมาดู สลับกับมองรถไฟฟ้า ก็ไม่มีวี่แววว่ารถจะมาสักที ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เดินไปก็ได้วะ กะอีแค่หน้า ม. มันจะไกลสักแค่ไหนกันเชียว ขืนรอรถต่อไป คงไปทำงานไม่ทันแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงตัดสินใจเดินตั้งแต่ตึกคณะ ไปยังหน้า ม. ทันที
ระยะทางช่างไกลกว่าที่คิด ตอนนี้รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดมหัน ต้องเดินฝ่าแดดร้อนๆที่แทบเผาเนื้อหนังจนไหม้เกียม สายตาก็หันไปมองรถไฟฟ้าเป็นพักๆเผื่อจะโผล่มาบ้าง แต่ก็ไร้วี่แว่ว วันนี้รถมันหยุดเดินหรือยังไงวะ!
ถ้ามีรถเป็นของตัวเองคงสบายกว่านี้  ถึงเมื่อก่อนจะมีก็เถอะ แต่ตอนนี้...มันไม่มีแล้ว
ผมหอบแหกๆ เมื่อเดินมาถึงหน้า ม. แล้ว ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือรถไฟฟ้ามันพึ่งขับผ่านหน้าผมไปเมื่อกี้นี่เอง จะขึ้นให้หายเจ็บใจเล่นก็กระไรอยู่ เพราะกูเดินมาถึงหน้า ม.แล้ว
มาผิดที่ผิดเวลาดีจริงๆ
เดินต่ออีกนิดก็ถึงร้านพี่อ้อย ร้านที่ผมมาทำงานพิเศษเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง
 ร้านของพี่แกค่อนข้างใหญ่ และดังมากในหมู่นักศึกษา เพราะฝีมือการทำอาหารทีไม่ธรรมดา แถมราคาก็ย่อมเยาต่อเงินในกระเป๋า ทำให้ร้านพี่แกขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว
“พี่อ้อยสวัสดีครับ”
ผมเดินเข้าไปในร้าน พร้อมยกมือไหว้สวัสดีพี่อ้อยแกตามระเบียบ
พี่อ้อยที่เช็ดโต๊ะอยู่หันมามองผมที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ด้วยท่าทางตกใจนิดหน่อยกับสภาพที่เหมือนคนพึ่งตกน้ำมา “ไปเล่นน้ำที่ไหนมาเนี่ย เปียกหมดเลย”
“เหงื่อครับพี่ พอดีรอรถไฟฟ้าเท่าไหร่ก็ไม่มาสักที ผมเลยเดินจากตึกคณะมาที่นี่ กลัวจะมาทำงานไม่ทัน เดี๋ยวโดนหักเงินเดือนอีก” ผมพูดทีเล่นทีจริงกับพี่แก
“แหม๋ น้องภีม พี่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นนะ”
“ฮ่าๆ ครับ แต่ผมไม่อยากมาทำงานสาย เดี๋ยวทำงานไม่คุ้มค่าแรงที่พี่เอาให้ รู้สึกผิดแย่”
“จ้า แต่วันหลังก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ สายนิดสายหน่อยพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ครับ”
“ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนก็ดีนะ พี่ไม่อยากให้พนักงานตัวเหม็นเหงื่อ เดี๋ยวลูกค้าพี่หายหมด ฮ่าๆ” พี่อ้อยพูดติดตลก
“รับทราบครับ” ผมตอบรับพี่แกไป

ก่อนเดินไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด พร้อมเปลี่ยนชุดพนักงานที่หลังร้าน เตรียมตัวทำงานทันที
วันนี้คนก็เยอะเหมือนทุกวัน ผมเดินรับออเดอร์สลับกับเอาอาหารมาเสริฟจนแทบไม่ได้พักเลย ช่วงนี้เป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เลิกเรียน และออกมาหาข้าวกินกัน จะวุ่นวายเป็นพิเศษ บางครั้งโต๊ะที่มีในร้านก็ไม่พอจนต้องสำรองที่นั่งให้

พอตกดึกคนก็เริ่มน้อยลง พี่อ้อยรับลูกค้าหน้าร้านคนเดียวไหว เลยให้ผมไปล้างจานที่หลังร้านแทน
ผมดึงแขนเสื้อขึ้น เตรียมล้างจากองโตที่สุมกันอยู่ข้างหลังร้าน

เรื่องล้างจานไว้ใจไอ้ภีม! ผู้ที่ขัดเกลาฝีมือด้านการล้างจานมาอย่างช่ำชอง เรียกได้ว่าเป็นนักล้างจานระดับมืออาชีพ ถ้ามีการแข่งขันล้างจาน ไอ้ภีมคนนี้คงกวาดรางวัลมาเพียบ!

ผมจัดการล้างจานที่กองรวมกันอย่างชํานาญ ด้วยความรวดเร็วระดับมือโปร จานที่กองรวมกันค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องทำจานแตกกี่ใบนั้นไม่ได้นับ ของานเสร็จเป็นพอ

“ภีม ถ้าล้างจานกองนี้เสร็จก็กลับบ้านได้เลยนะ” พี่อ้อยเดินมาบอกผมที่กำลังนั่งล้างจานกองสุดท้ายของวันนี้อยู่หลังร้าน

“ครับ”ผมขานตอบพี่แกไป ก่อนจะหันมาล้างจานของตัวเองต่อ

ใช้เวลาไม่นานก็ล้างจนเสร็จ พร้อมนำไปวางไว้บนชั้นเป็นอย่างดี

เดินไปเช็ดมือ ก่อนจะไปเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นเหมือนเดิม
 
“พี่อ้อย ผมกลับแล้วนะครับ” ผมบอกลาพี่อ้อยหลังจากที่ทำงานของตัวเองเสร็จรีบร้อยแล้ว ก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ตรงชั้นวางของมาสะพายบ่าไว้ พร้อมเดินออกจากร้านมาทันที

ต้องรีบไปงานวันเกิดของไอ้ซาน มันนัดกินเลี้ยงกันที่ร้าน เหล้าในป่า ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่ และ หรูหรามากทีเดียว นอกจากเฟอนิเจอร์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราแล้ว พวกเหล้าก็เป็นเหล้านำเข้า มีแต่ยี่ห้อแพงๆทั้งนั้น ติดอยู่อย่างเดียวชื่อร้านขัดใจกูมาก ร้านก็ดูหรูระดับหนึ่งแต่ชื่อเหมือนพวกคนป่าที่มานั่งก๊งเหล้าฉลองกันหลังจากพึ่งล่าสัตว์ได้ อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนตั้งชื่อร้าน

ร้านพวกนี้ถ้าเป็นไปได้คนอย่างผมจะไม่มีทางมาเหยียบเด็ดขาดเลยครับ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยดื่มเหล้าอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นวันเกิดของไอ้ซานมันทั้งที เลยต้องไปอย่างจำยอม

ผมมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 20.50 น.แล้ว ดึกแล้วด้วย ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีวินมอเตอร์ไซค์เหลืออยู่ไหม...

 “ช้าจังวะไอ้ภีม พวกกูมานั่งรอมึงจนหงอกกูจะขึ้นอยู่ละ” ไอ้ทัศที่นั่งรอผมอยู่นอกร้านบ่นใส่ผมทันที หลังจากที่เห็นผมเดินออกมาจากร้าน เดี๋ยวนะไอ้ทัศ มึงมานั่งรอกูตั้งแต่เมื่อไหร่ ความทรงจำสุดท้ายที่กูมีต่อมึงคือ มึงพาแฟนเด็กของมึงออกไปเที่ยวไม่ใช่หรือไงวะ

“กูไม่ได้ขอให้มึงมานั่งรอสักหน่อยเหอะไอ้ทัศ ว่าแต่มึง จะมานั่งรอกูทำไมวะ” ผมถามคำถามที่สงสัยออกไป

 “กูเป็นห่วงมึงไง กลัวมึงไม่มีรถไป ก็เลยมารับไม่ดีหรอวะ” โห เป็นคนดีเหมือนกันนี่หว่าไอ้ทัศ กูซึ้งงงง

 “แต่ความจริงคือ มันแค่พาน้องออม คณะพยาบาลแฟนมัน มาส่งหอที่อยู่แถวนี้เท่านั้นแหละ เลยแวะมารอรับมึงไปด้วย” ไอ้เหม่ยที่นั่งเสียบหูฟังอยู่ข้างๆไอ้ทัศเอ่ยแทรกขึ้นมา กูไม่น่าซึ้งไปกับบทบาทเพื่อนที่แสนดีของมึงเลยไอ้ทัศ

“อ่าวไอ้เหม่ย อย่ามาใส่ร้ายกู”ไอ้ทัศหันไปโวยวายใส่ไอ้เหม่ย

“กูแค่พูดความจริง กูพูดตามที่กูเห็น และกูเห็นตามที่กูพูด”

“เหอะ! แต่มึงไม่รู้หรอก ว่าในใจกูมันร่ำร้องว่าเป็นห่วงไอ้ภีมขนาดไหน”

“อย่ามาพูดให้มันดูดีเพื่อกลบเกลือนความจังไรในตัวมึงเลย”

“เอ้า! ไอ้เหม่ย พูดหาหาเรื่อง มาต่อยกันตรงนี้เลยไหม จะได้จบ”

“เอาดิ อยากต่อยมึงมานานแล้วเหมือนกัน” ไอ้สองคนนี่เริ่มเถียงกันอีกแล้วครับ มันจะมีสักวันไหมเนี่ยที่พวกมึงอยู่ด้วยกันแล้วจะไม่เถียงกันน่ะ

“เห้ย! ใจเย็นๆ” ผมร้องห้าม

“ไอ้ภีมกูขอทีเถอะ อย่าห้ามกูเลย ถ้าไม่ได้ต่อยมันกูคงอยู่ไม่สุข” ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน เหมือนสิงโตที่พร้อมจะคำรามทุกเมื่อ

“เอ่อ ถ้าวันนี้ไม่ได้ต่อยมึง กูก็นอนไม่หลับเหมือนกันไอ้ทัศ!”

ไอ้เหม่ยไม่รอช้า หลังจากพูดจบก็ซัดหมัดหนักๆเข้าที่หน้าท้องไอ้ทัศโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวทันที

ไอ้ทัศที่เป็นดังราชสีห์เมื่อกี้ กลายเป็นลูกแมวน้อยที่โดยไอ้เหม่ยซัดไม่ยั้ง

“ไอ้ภีมห้ามมัน! ห้ามมันที!” ไอ้ทัศตะโกนขอความช่วยเหลือจากผมทันที

“เฮ้อ” ไอ้พวกเลือดร้อน!

ทะเลาะกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนมาก พวกมึงน่ะ!

“พอแล้วไอ้เหม่ย จากที่จะได้ไปงานวันเกิดไอ้ซาน จะได้ไปงานศพไอ้ทัศแทนนะโว้ย” ผมร้องห้ามไอ้เหม่ย

ไอ้เหม่ยยอมหยุดทันที

“ไปกันได้ละ ปานนี้ไอ้ซานรอจนรากงอกแล้วมั้ง” ไอ้ทัศเอ่ยขึ้นมาพร้อมเอามือกุมหน้าท้องเอาไว้ คงจะเจ็บน่าดูกูจะสงสารหรือสมน้ำหน้ามึงดีที่ไปท้าไอ้เหม่ยต่อยน่ะ

ไอ้ทัศพูดจบก็เดินนำไปที่รถของมันทันที พวกผมก็เดิมตามมันไปตามระเบียบครับ รถของมันเป็นรถ Nissan note สีดำ ที่จอดอยู่ตรงลานหน้าร้าน

 ไอ้ทัศเป็นคนขับรถ โดยมีไอ้เหม่ยนั่งตรงข้างคนขับ ตามด้วยผมที่นั่งข้างหลัง

 ผมขอแนะนำเพื่อนในกลุ่มก่อนนะครับ

กลุ่มของพวกผมมีกัน 4 คนครับ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัย ม.ต้นแล้ว พอเรียนจบ ม. ปลายก็มาต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยครับ

 คนแรกไอ้ทัศ ทศทัศ มันเป็นพวกชอบกวนบาทาคนอื่นไปทั่วครับ มีดีแค่หน้าตาและความสูงเท่านั้น งานอดิเรกคือแร็พแข่งกับไอ้โต หมาที่มหาลัยเลี้ยงไว้น่ะครับ ทางบ้านมันค่อนข้างมีฐานะพอสมควร แม่เป็นเจ้ามือหวยใต้ดินรายใหญ่ ทางพ่อมันก็ทำธุรกิจสวนทุเรียนอยู่จังหวัดนนทบุรี ส่วนตัวมันก็ปลีกตัวมาเรียน คณะวิศวะ มหาวิทยาลัยแถวภาคเหนือครับ

 คนที่สอง ไอ้เหม่ย ณัฐพล มันเป็นผู้ชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มของพวกเรา หน้าตามันจัดว่าน่ารักเลยทีเดียว ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย แต่ความจริงนิสัยมันเถื่อนมากครับ มันเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ผมว่านิสัยมันไม่เข้ากับหน้าหวานๆของมันเลยครับ

คนที่สาม ไอ้ซาน พีรวัตร  มันเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมครับ ข่าวสารอะไรที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซานต้องรู้ก่อนเป็นคนแรกครับ เป็นเจ้าของแฮชแท็กยอดฮิตสำหรับเผือกเรื่องชาวบ้าน #ซานรู้โลกรู้ #หมอชานรู้ทุกเรื่อง ถ้าอยากรู้ความเคลื่อนไหวของคนดัง หรือข่าวสารอะไรใหม่ๆ เพียงกดเข้าไปในแฮชแท็กของไอ้ซาน เรื่องที่คุณสงสัยอยู่จะถูกไขให้กระจ่างทันที

และคนสุดท้ายคือผมเองครับ ภีม ภัคพงษ์ เป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดในกลุ่ม แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของผมเลย หรือผู้หญิงสมัยนี้ไม่ชอบคนหล่ออย่างผม? ฐานะทางบ้านค่อนข้างจน ความจริงข้อนี้ต้องทำใจยอมรับ จริงๆแล้วฐานะทางบ้านผมปานกลาง พอมีกินมีใช้ แต่เพราะพ่อของผมดันโดนผีพนันเข้าสิง ทำให้ทางบ้านเรามีหนี้ก้อนโตที่ไม่รู้ชาตินี้จะใช้หมดไหม แถมเมื่อปีก่อนพ่อก็พึ่งโดนไล่ออกจากงานทำให้พ่อเครียดจนต้องออกไปดื่มเหล้าข้างนอกบ้านแทบทุกวัน ส่วนแม่ก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทางบ้านทั้งหมด ทำให้ฐานะทางบ้านผมค่อนข้างย่ำแย่ ผมจึงต้องหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระแม่ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวไปเรียบร้อย
โคตรเศร้า

     ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงร้าน เหล้าในป่า ร้านนี้ใหญ่และหรูอย่างที่เขาว่ามาจริงๆครับแถมลูกค้าก็เยอะมาก กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็กินเวลาหลายนาทีเลย พอหาที่จอดรถได้ พวกผมก็พากันเข้ามาในร้าน สายตากวาดหาไอ้ซานไปทั่วร้านสักพัก ก็เจอมันนั่งรอพวกผมอยู่ที่มุมร้าน จึงเดินไปหามันทันที

“มาช้าจังวะ”ไอ้ซานเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกผมเดินไปถึงโต๊ะแล้ว
“รอไอ้ภีม” อ่าวไอ้ทัศ เดี๋ยวก็โดนกูต่อยอีกคนหรอก
“โยนขี้ให้กูเฉย ถ้ามึงไม่มัวแต่ตีกับไอ้เหม่ยปานนี้คงถึงนานแล้วเถอะ”
“พอๆ” ไอ้ซานร้องห้าม ก่อนที่จะเถียงกันยาวไปมากกว่านี้ “จะรอใครก็ช่างเหอะ ตอนนี้จะสั่งอะไรก็สั่งเลย จะสั่งเหล้ามาเป็นลังๆก็ได้ กูมีเงินจ่าย กูรวยยย” ไอ้ซานพูดพลางตบกระเป๋าเงินตัวเองไปพลาง เป็นการบอกเป็นนัยๆว่า วันนี้เงินกูหนัก

  พอสิ้นเสียงไอ้ซาน พวกเราก็จัดการสั่งเหล้ามากินกันครับ ไอ้ทัศสั่งไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าไอ้ซานจริงๆ จัดเหล้าราคาแพงตูดฉีกมานับสิบๆขวดได้ ผมถามมันว่า ‘จะกินหมดเหรอ’ มันบอกว่า ‘ถ้าไม่หมดก็เอากลับบ้านสิวะ เหล้าฟรี นานๆทีจะมีโอกาสแบบนี้ก็เอาให้คุ้มเลย’
มึงเชื่อกูเถอะ ปีหน้าไอ้ซานมันคงไม่เลี้ยงอีกแล้วล่ะ ถ้ามึงเล่นสั่งแบบนี้
พอเหล้ามาถึงโต๊ะ ไอ้ทัศก็รินเหล้าใส่แก้วแล้วแจกพวกเราคนละแก้ว แจกจนครับทุกคน บริการดีแบบนี้พี่ไม่มีทริปนะไอ้น้อง

“วันนี้ไม่เมาไม่เลิกโว้ยยย เอ้า สุขสันต์วันเกิดไอ้ซาน ชนแก้วววว” ไอ้ทัศลุกขึ้นยืน พร้อมร้องตระโกนออกมาเสียงดัง มึงไม่อายเขาบ้างเหรอ มึงดูสายตานับสิบๆคู่ที่เขามองมาทางมึงหน่อยก็ดี กูละอายแทน
พวกนั้นยกแก้วเราขึ้นดื่มกันตามระเบียบ คงเหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังคงจ้องแก้วนิ่ง จนไอ้เหม่ยจับสังเกตได้จึงเอ่ยทัก
“ถึงมึงนั่งจ้องแก้วอยู่อย่างนั้นก็ไม่ทำให้เหล้ามันลดลงหรอกนะ ไอ้ภีม”

 ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินหรอกนะ แต่ผมเป็นพวกคออ่อน กินไม่กี่แก้วก็เมาแล้ว ผมไม่อยากเมาเลยครับ เพื่อนผมมันรู้ดีว่าเวลาผมเมามันจะเป็นยังไง พวกมันถึงชอบยุให้ผมกินนัก 

“กำลังนั่งดูปฏิกิริยาของเหล้าที่ทำกับอากาศอยู่”

“มึงอย่ามาวิชาการไอ้ภีม!”

“แดกๆเข้าไป เสียน้ำใจไอ้ซานที่อุส่าห์เลี้ยง” ไอ้ทัศไม่พูดเปล่า จับแก้วเหล้ากรอกปากผมทันที

ผมพยายามขัดขืนมันเต็มที่ กะมอมเหล้ากูให้ได้เลยใช่ไหมพวกมึง!

"เห้ย! ไอ้ทัศ นั่นน้องออม แฟนมึงไม่ใช่หรอ" ไอ้ซานเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ไอ้ทัศจะจับเหล้ากรอกปากผมได้สำเร็จ ขอบคุณมึงมากที่ช่วยชีวิตกู

ผมเบนสายตามองไปตามนิ้วไอ้ซานที่ชี้ไปตรงประตูทางเข้าของร้าน แฟนไอ้ทัศจริงด้วย ผมจำหน้าเธอได้

แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ผมจำได้ว่าไอ้ทัศพึ่งไปส่งเธอกลับหอ ก่อนที่มันจะไปรับผมมาที่นี่ด้วยซ้ำ

     น้องออมเธอเดินเข้ามาในร้าน ด้วยชุดกระโปงยาวถึงเข่าสีชมพู เธอแต่งหน้าทำผมมาอย่างดี ผมว่าวันนี้น้องออมเธอดูดีมากเลยครับ ขนาดผมยังไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย สายตาเธอสอดส่องไปทั่วร้านเหมือนกำลังหาใครบางคนอยู่

   เธอเดินไปหยุดอยู่โต๊ะที่ตั้งอยู่ก่อนหน้าโต๊ะพวกผมเพียงไม่กี่โต๊ะ โต๊ะนั้นมีผู้ชายนั่งอยู่ประมาณห้าคน แต่ละคนหล่อเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายเลยครับ ทั้งรูปร่างที่เหมือนถูกคัดสรรมาอย่างดี พร้อมกับหน้าตาที่เหมือนพระเจ้าตั้งใจแต่งเติมให้มา พอพวกนั้นมานั่งรวมกันแบบนี้แล้วกลบรัศมีผู้ชายในร้านมิดเลยครับ พึ่งสักเกตว่าผู้หญิง เกือบ 80 เปอร์เซนต์ในร้านนี้ต่างเบนสายตาไปรวมอยู่ตรงโต๊ะนั้นโต๊ะเดียว เฮ้ๆ สาวๆ ยังมีคนหล่อนั่งอยู่ตรงนี้อีกคนนะครับ หันมามองกันบ้าง

น้องออมเดินไปนั่งข้างๆ ผู้ชายคนหนึ่ง ผมว่าหมอนี่หล่อใช้ได้เลยทีเดียว รูปร่างสูงชะลูด มีผมสีดำที่ขับกับผิวขาวๆ ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับรูปหน้าเป็นอย่างดี ดวงตาที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลนั้นถ้าได้จ้องก็ยากที่จะละสายตาไปได้ อิจฉาว่ะ โลกแม่ง ไม่ยุติธรรม!

 "เห้ย พวกแก๊งพี่เมฆเขานี่หว่า" ไอ้ซานพรำพรึงออกมา

 "มึงรู้จักพวกนั้นด้วยเหรอวะ" ผมถามมันออกไป แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่ไอ้ซานมันจะรู้จัก ไอ้นี่มันก็รู้ทุกเรื่องแหละ โดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้าน ซานรู้โลกรู้ หมอซานรู้ทุกเรื่อง

"รู้จักดิวะ ใครไม่รู้จักพวกพี่เขาบ้าง" กูไงที่ไม่รู้จัก จำเป็นต้องรู้จักพวกมันด้วยหรือไงเล่า

 "พวกพี่เขาดังมากไม่มีใครไม่รู้จักพวกพี่เขาหรอก แต่จะยกเว้นมึงไว้คนหนึ่งแล้วกันไอ้ภีม เห็นผู้ชายหน้าโหดที่นั่งตรงริมนั้นปะ นั่นอะพี่เมฆ บริหารธุรกิจ เป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ถ้าเป็นไปได้อย่าไปหาเรื่องกับพี่เขาดีกว่า ส่วนคนที่นั่งข้างพี่เมฆ ชื่อพี่ฟง นิติศาสตร์ คนนี้นิสัยต่างกับพี่เมฆพอสมควร เป็นคนใจดี อ่อนโยน เจ้าบทเจ้ากลอน กูก็งงเหมือนกัน ว่าพวกพี่แกไปเป็นเพื่อนกันได้ไง" ผมก็มองคนที่ไอ้ซานชี้ให้ดูครับ พวกพี่เขาหล่อจริงๆนั่นแหละ คนที่ชื่อพี่เมฆนี่มีรัศมีความหน้ากลัวแผ่มาถึงรูขุมขนผมเลยครับ ขนาดดูไกลๆรัศมียังขนาดนี้ ตัวจริงพี่เขาต้องโหดมากแน่ๆ ทางที่ดีอย่าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า

“...”

 "ส่วนที่นั่งตรงข้ามพี่ฟงชื่อ พี่ฟิว เรียนคณะเดียวกับพี่เมฆ และคนที่นั่งหัวโต๊ะ ชื่อพี่แจ็ค วิศวะ พี่แจ็คแกเป็นเจ้าของร้านนี้ด้วยแหละ" โห แปลว่าบ้านพี่แกต้องรวยมากแน่ๆ ถึงมีเงินมาเปิดร้านเหล้าที่ใหญ่ขนาดนี้ได้

“…”

"ส่วนคนสุดท้าย ที่นั่งข้างๆน้องออม ชื่อพี่ เนล วิศวะ คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมาก ได้ข่าวว่าควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเลยสักคน"

ผมมองหน้าพี่เนลอยู่สักพัก รูปร่างหน้าตาจัดว่าเพอร์เฟคเลย เห็นแล้วอิจฉาว่ะ ถ้าผมหล่อแบบพี่เขาก็คงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบมันนั้นแหละ แต่คือหล่อน้อยกว่าเลยไม่มีผู้หญองคนไหนเข้าหาเลย พูดแล้วอยากร้องไห้

 "แล้วทำไมน้องออมของกูถึงมาอยู่กับรุ่นพี่พวกนั้นวะ" ไอ้ทัศเริ่มแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนเลยครับว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไอ้ทัศมันจริงจังกับน้องออมมากครับ มันเคยบอกว่าน้องออมคนนี้แหละ แม่ของลูกมันในอนาคต มันทุ่มเทกับน้องออมมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่มันเคยคบมา แค่นี้ผมก็รับรู้ได้แล้วว่ามันรักผู้หญิงคนนี้แค่ไหน

 "นั่นดิ กูก็อยากรู้เหมือนกัน"ไอ้ซานเอ่ยตอบ

 "เดินเข้าไปถามเลยไหม! แม่ง" ไอ้ทัศดูจะหัวเสียมาก มันไม่รีรอตั้งท่าจะลุกออกจากที่นั่ง แต่กลับถูกไอ้เหม่ยดึงแขนไว้ก่อน

 "เดี๋ยว!"

"มึงจะห้ามกูทำไมวะไอ้เหม่ย"

 "ใจเย็นๆก่อนดิไอ้ทัศ กูรู้ว่ามึงใจร้อนที่เห็นแฟนของตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่น แต่กูอยากให้มึงใจเย็นๆไว้ก่อน มันอาจจะไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่มึงคิดก็ได้นะ"

 “นั่นดิ กูว่ารอดูก่อนอย่างที่ไอ้เหม่ยว่าดีกว่า ขืนเข้าไปแบบนี้จะไม่ดีต่อตัวมึงเอง บางทีเขาอาจจะมาคุยธุระอะไรกันก็ได้ ทำใจเย็นๆแล้วนั่งลงก่อน” ไอ้ซานคอยพูดให้ไอ้ทัศใจเย็นลง

 "พวกมึงจะให้กูรอ จนแฟนกูโดนไอ้พี่เนลนั้นคาบไปต่อหน้าต่อตากูก่อนใช่ไหม เห็นแล้วทนไม่ไหว มึงดูสายตาที่ไอ้พี่เนลมองแฟนกูดิ เหมือนจะกินแฟนกูไปทั้งตัวแล้ว!" ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก สายตาดุดันเหมือนอยากจะฆ่าคนให้ได้เดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ยอมนั่งลงสงบสติอารมณ์แต่โดยดี

 พี่เนลใช้สายตาที่ชวนน่าลุ่มหลงนั้นไล่มองร่ายกายน้องออมตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมยกมุมปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาเอามือข้างหนึ่งยันไว้กับเก้าอี้ของน้องออมไว้ พร้อมขยับใบหน้าอันหล่อเหล่านั้นเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอ ก่อนที่จะกดจูบเข้าที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอย่างดูดดื่ม

เห้ย! จูบกันแล้ว!

น้องออมก็ดูจะเต็มใจด้วย

สองคนนั้นจูบกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่สนสายตานับร้อยคู่ที่จ้องพวกเขาอยู่เลย

"อ่าว หาย!" ผมอุทานออกมา

กำลังจะหันกลับไปบอกไอ้ทัศว่า 'ไอ้ทัศ มึงโดนพี่เนลแย่งแฟนแล้วล่ะ' แต่ตอนนี้เพื่อนผมหายไปไปหมดแล้วครับ เหลือผมนั่งอยู่ตรงนี้อยู่คนเดียว

ผลั๊วะ ผลั๊วะ ตุบ!

ผมหันไปมองที่ต้นเสียง เห็นไอ้ทัศกำลังซัดกับพี่เนลอยู่ โดยมีไอ้เหม่ยกับไอ้ซานตามไปพยายามจะแยกสองคนนั้นออกจากกัน ผมเห็นดังนั้นก็รีบตรงไปสมทบกับพวกมันด้วยครับ

"อะไรของมึงวะ! มาต่อยกูทำไม"พี่เนลตะคอกออกมาอย่างหัวเสียที่จู่ๆไอ้ทัศก็เดินเข้าไปต่อย

 "มึงยังมีหน้ามาถามกูอีกเหรอว่ากูต่อยมึงทำไม?”

 “....”

 “กูว่ามึงก็หน้าตาดีอยู่นะ ไม่มีปัญญาหาแฟนเองหรือไง ถึงต้องมาแย่งแฟนคนอื่นเขาน่ะ !!! " ไอ้ทัศตะโกนใส่หน้าพี่เนลด้วยความโมโหจัด พี่เนลทำหน้างงอยู่สักครู่ ก่อนจะหันไปถามน้องออม

"แฟนเธอเหรอ?" พี่เนลหันไปถามน้องออมเสียงเย็นเยือก

"อะ..เอ่อ...คือ" น้องออมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกะกุกตะกัก

"หือ?" พี่เนลเลิกคิ้ว "ว่าไงตอบพี่มาสิ ไหนเราบอกพี่ว่าเราโสดไง"

 "เอ่อ...คืมว่า.." สีหน้าน้องออมดูลำบากใจไม่ใช่น้อย

 "ถ้าออมมีแฟนแล้ว พี่ว่าเราเลิกยุ่งกันเถอะนะ พี่บอกกับเราแล้วนะว่าพี่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีแฟนแล้ว"

พี่เนลพูดกับน้องออม ด้วยแววตาเฉยชา ก่อนจะเดินหันหลังเตรียมออกจากร้านไป แต่ก็ถูกมือเล็กๆของน้องออมรั้นเอาไว้ก่อน

 “เอ่อ..คือ ออม.. ขอโทษนะคะพี่เนล ที่ออมโกหกพี่ ยกโทษให้ออมนะคะ” เธอพูดออกมาเสียงสั่น

 “พี่คงยกโทษให้คนที่มาโกหกพี่ว่าโสดไม่ได้หรอก”

 “ออม อึก ขอโทษ” น้องออมร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลชุ่มเต็มสองแก้ม

 “ขอโทษด้วยนะ พี่ไม่ชอบยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว” พี่เนลพูดพลางแกะมือเล็กที่เกาะแขนของตัวเองออก

 “ยกโทษให้ออมเถอะค่ะ ออมไม่ได้ตั้งใจ อึก” เธอพูดออกมาพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น

“…” พี่เนลหันมาจ้องหน้าออมนิ่ง สายตาดูว่างเปล่า

“อึก ออมยอมทำทุกอย่าง ขอเพียงพี่เนลยกโทษให้ออม”

 พี่เนลคลี่ยิ้มตรงมุมปากอย่าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยบอกน้องออม
 
“ยอมทำทุกอยากจริงเหรอ?”

“ค่ะ ออมยอมทำทุกอย่าง ขอแค่พี่ไม่ทิ้งออมก็พอ.." ประโยคหลังเธอพูดเสียงแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยิน

"หึ! ก็ดี งั้นก็เลิกไอ้นี่ซะ" พี่เนลชี้นิ้วมาทางไอ้ทัศที่ตอนนี้ถูกไอ้ซานล็อคตัวเอาไว้ น้องออมได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับโดยดี เห้ย! ทำไมถึงทำอย่างงี้วะ มึงไปแย่งของเขายังจะให้เขาเลิกกันเพื่อมึงอีก โคตรเหี้ยบอกเลย!

"พี่ทัศ คือตอนนี้คนที่ออมรักคือพี่เนล เราเลิกกันเถอะนะพี่ทัศ ออม..ขอโทษนะ ออมไม่ได้รักพี่ทัศเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อึก " น้องออมเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

เห้ย! น้องบอกเลิกกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะ มันมีดีอะไรนักหนาถึงยอมเลิกกับไอ้ทัศง่ายๆแบบนี้ น้องดูไม่ออกเลยหรือไง ว่ามันไม่ได้ริงจังกับน้องเท่าไอ้ทัศเ

"ออม..ทำไม.. ทำไมออม!! ทำไมออมทำแบบนี้กับพี่ ที่ผ่านมาพี่รักออมน้อยไปเหรอ หรือพี่ทำอะไรให้ออมไม่พอใจ ออมบอกพี่หน่อย บอกพี่!!" ไอ้ทัศตะโกนออกมา ดูเหมือนมันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว น้ำเสียงมันเจ็บปวดมากครับ ผมสงสารเพื่อนผมจับใจเลย ผมรู้ว่ามันรักน้องออมมากแค่ไหน จู่ๆมาโดนบอกเลิกแบบนี้ หัวใจมันจะแตกสลายขนาดไหนกันนะ ผมไม่อยากจะคิดเลย

"ออมรู้ว่าพี่รักออมมาก และพี่ไม่ได้ทำอะไรให้ออมไม่พอใจหรอก แต่ออมผิดเองที่ออมไม่ได้รักพี่แล้ว ออมรักพี่เนล! จริงๆออมกะจะขอเลิกพี่ต้องนานแล้ว แต่ที่ยังไม่ยอมเลิกเพราะออมสงสาร"

"หึๆ" พี่เนลมันยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบขี้หน้ามันแล้วล่ะ

พอน้องออมพูดจบ มันก็เดินไปหยิบขวดเหล้าที่ถูกเปิดดื่มแล้วประมาณครึ่งขวดแล้วเดินตรงมาทางไอ้ทัศ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูไอ้ทัศ

"กูเป็นคนที่ไม่ชอบแย่งแฟนของคนอื่นหรอก ถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้วกูจะไม่มีทางเอาตัวเองไปยุ่งกับคนนั้นเด็ดขาด เพราะกูไม่ชอบใช้ของซ้ำกับใคร กูจะคืนผู้หญิงคนนี้ให้มึงก็แล้วกัน กูไม่เอาหรอก แต่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นนี่มันก็สนุกดีนะ ว่าไหม?"

เนื่องจากผมยืนอยู่ข้างๆไอ้ทัศ

ทำให้ผมได้ยินประโยคที่มันกระซิบชัดเจนเลย

โคตรเหี้ย ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าคนอย่างมันแล้ว

พวกที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นน่ะ ผมเกลียดที่สุดเลย

หลังจากนั้นมันก็เทเหล้าที่มีในขวดใส่หัวไอ้ทัศทันที

"และนี่สำหรับ ที่มึงต่อยหน้ากู" 

ถึงตรงนี้ผมทนไม่ไหวแล้วครับ โกรธแทนไอ้ทัศมันมาก

ผลั๊วะ!

จัดการชัดหมัดหนักๆใส่หน้าไอ้เนลทันที ผมขอไม่เรียกมันว่าพี่แล้วกันครับ คนชั่วๆแบบมันไม่สมควรได้รับคำๆนี้จากผม แต่ด้วยที่มันสูงมาก สูงราวๆ เกือบ 190 เซนได้ ทำให้หมัดที่ผมตั้งใจซัดไปโดนปลายคางมันแทนที่จะโดนหน้ามัน

 แต่ก็ถือว่าโดน เจ็บได้เหมือนกัน

 มันเบนสายตาจากไอ้ทัศมามองหน้าผมแทน สายตามันตอนนี้น่ากลัวมากครับ มันเข้ามากระชากคอเสื้อของผมขึ้น สายตามองสำรวดผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่งสายตาอำมหิตใส่

 “มึงกล้าดียังไงมาต่อยกู”มันกดเสียงต่ำลง ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงรูขุมขนเลยทีเดียว

 “คนเหี้ยอย่างมึง แค่ต่อยยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ผมส่งสายตาอำมหิตใส่มันคืนทันที ตอนนี้ผมโมโหมันมากๆครับ ถึงจะเอาช้างมาฉุด ก็ฉุดผมไม่อยู่แล้ววินาทีนี้   

 “ปากดีแบบนี้ อยากปากแตกนักใช่ไหมมึง!” มันไม่พูดเปล่า ง้างหมัดขึ้นมาหวังจะต่อยหน้าของผม

ผมที่โดนมันดึงคอเสื้ออยู่จนหายใจเริ่มไม่ออก ก็ตั้งการ์ดเตรียมรับหมัดของมัน

“เห้ย!! พอได้แล้ว” พี่เมฆตระโกนห้ามออกมาก่อนที่หมัดของไอ้พี่เนลจะสวนมาโดนหน้าของผม พี่แกทำหน้าตาน่ากลัวเชียว

 พี่เมฆครับพี่จงรู้ไว้นะครับ ว่าพี่จะเป็นคนเดียวที่ผมจะไม่มีทางไปหาเรื่องด้วยเด็ดขาด

 “กลับกันได้แล้ว อย่ามามีเรื่องกันแถวนี้ นี่มันร้านไอ้แจ็ค จะทำอะไรก็ให้เกียรติมันหน่อย” พี่เมฆพูดพลางมองหน้าทุกคนเรียงกัน ก่อนจะหันมาพูดกับไอ้พี่เนลที่เป็นตัวต้นเหตุของทุกๆอย่าง

 “...”

 “ส่วนไอ้เนลปล่อยมันซะ กูไม่มีอารมณ์จะกินต่อเพราะมึงเลย!” พี่เมฆหันมาค้อนใส่ไอ้พี่เนลทันที

 พอไอ้พี่เนลได้ยินเสียพี่เมฆสั่ง มันก็ยอมปล่อยคอเสื้อผมลง เสร็จแล้วก็เดินกระทืบเท้าออกจากร้านไปด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจนัก ตามด้วยพวกพี่เมฆเขา พอน้องออมเห็นพวกพี่เขาเดินออกไปจากร้าน เธอก็รีบวิ่งตามไปโดยไม่หันกลับมาสนใจไอ้ทัศที่ตอนนี้สภาพเละเทะดูไม่ได้เลยครับ

 “ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เพื่อนฉันทำเรื่องเสียมารยาทใส่พวกนาย” คนที่พูดดูเหมือนจะเป็นพี่ฟงครับ พี่เขาหันมาขอโทษพวกผมแทนไอ้พี่เนลก่อนจะเดินออกจากร้านไปเป็นคนสุดท้าย

ถ้าเป็นไปได้อย่าให้ผมได้เจอคนแบบมันอีกเลย ไอ้พี่เนล!!!!! ผมจะบันทึกชื่อมันเอาไว้ในบัญชีดำของผมจนกว่าผมจะแก่ตายไปนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-02-2018 14:52:55
ฮิฮิฮิฮิ น้องภีมจะเป็นยังไงบ้างนิพี่เนลอย่าทำน้องนะ
หัวข้อ: Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 2 จัดการ
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-02-2018 19:53:56
ตอนที่ 2 จัดการ

หลังจากที่พวกไอ้พี่เนลกลับไป ไอ้ทัศก็นั่งซึมแถมยังเอาแต่ดืมเหล้าเมาไม่รู้เรื่อง ต้องลำบากพวกผมแบกมันกลับหออีก ไอ้เหม่ยเป็นคนอาสาดูแลไอ้ทัศอยู่ที่หอครับ มันบอกว่าอาการไอ้ทัศน่าเป็นห่วงคงปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้ พวกเราเลยแยกย้ายกับไอ้เหม่ยตั้งแต่หอไอ้ทัศ ส่วนผมไอ้ซานเป็นคนอาสาขับรถมาส่งที่บ้าน



บ้านของผมใกล้กับมหาลัยเลยไม่ต้องไปนอนหอเหมือนเพื่อนคนอื่น เดินทางไปกลับได้สะดวก



พอรถไอ้ซานขับเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านของผมเรียบร้อยแล้ว ก็บอกลากับมัน ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถมา



บ้านของผมเป็นบ้านสไตส์โมเดิลสองชั้น ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัย หลังคาทรงแหงน แนวบ้านติดกระจกขนาดกว้าง ทำให้สามารถมองทะลุผ่านเข้ามาในตัวบ้านได้อย่างง่ายดาย บริเวณตรงประตูบ้าน ถูกตกแต่งไปด้วยต้นไม้ขนาดเล็กวางเรียงกันเป็นระเบียบ



ผมเดินเข้ามาในบ้านทันทีหลังจากที่รอรถของไอ้ซานขับออกไปจนลับสายตาแล้ว



ผ่านสวนหย่อมเล็กๆ ที่เมื่อก่อนเคยถูกแตกแต่งด้วยต้นไม้สวยงาม และน่าอยู่มาก โดยฝีมือคุณแม่สุดสวยของผมเอง ท่านชอบงานตกแต่งสวนมาก แต่ตอนนี้มันถูกทิ้งให้รกร้างเพราะแม่ผมไม่มีเวลามานั่งจัดสวนแบบเมื่อก่อนแล้ว



หันไปมองสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับสวนหย่อม ที่เมื่อก่อนมีน้ำอยู่เต็มสระ เคยว่ายน้ำเล่นกับคุณพ่อตอนผมเด็กๆ มันทำให้ผมหวนนึกถึงช่วงเวลาที่คุณพ่อสอนผมว่ายน้ำครั้งแรก หน้าคุณพ่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าท่านมีความสุขมากเพียงใด แต่ตอนนี้มันไม่มีน้ำอยู่ในสระแล้วล่ะครับ สิ่งที่หายไปไม่ใช่เพียงแค่น้ำในสระอย่างเดียว แต่เป็นรอยยิ้มของคุณพ่อที่หายไปด้วย



ผมรักบ้านหลังนี้มาก เพราะบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ที่ผมจะไม่มีทางลืม ทั้งรอยยิ้มของคุณพ่อ ความสุขของคุณแม่ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากได้สิ่งที่หายไปนั้นกลับคืนมาอีกสักครั้ง



จึงพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมา ผมอยากมีส่วนช่วยครอบครัวใช้หนี้บ้าง แค่แม่เพียงคนเดียวคงแบกรับหนี้สินที่มีทั้งหมดไม่ไหวหรอก ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ลดรายจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเรียนจบไวๆ จะได้ช่วยแม่หาเงินได้สะดวกขึ้น ครอบครัวเราจะได้หลุดพ้นจากหนี้สินที่พ่อเป็นคนก่อสักที



ถึงตอนนั้น ครอบครัวเราอาจกลับมาสมบูรณ์แบบเหมือนเดิมก็ได้



ส่วนตอนนี้ ก็ได้แค่’ หวัง’ เท่านั้น



เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้าน ได้ยินเสียงพ่อทะเลาะกับแม่มาแต่ไกล ตอนนี้เริ่มจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะครับ เพราะหลังจากที่เป็นหนี้ พวกท่านก็เริ่มทะเลาะกันทุกวัน ยิ่งนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกกลัว



กลัวว่าสักวันหนึ่ง ครอบครัวเราจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ได้....



ขาสองข้างค่อยๆ ก้าวผ่านประตูเข้ามาในตัวบ้าน เห็นแม่กับพ่อกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงห้องนั่งเล่น

พ่อนั่งอยู่ตรงโซฟาท่าทางจะเมาได้ที่แล้ว มือข้างหนึ่งยังถือขวดเหล้าอยู่เลย

ส่วนแม่ก็ยืนเอามือท้าวเอวด่าพ่ออยู่ข้างๆ โซฟา

มือข้างหนึ่งยังถือตะหลิวอยู่เลย บ่งบอกชัดเจนว่าท่านยังทำอาหารไม่เสร็จ แต่ต้องมามีปากเสียงกับพ่อก่อน



ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันรู้สึกอึดอัดไปหมด



“ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมเดิมๆ ของคุณแล้วนะ!” แม่ตะคอกใส่พ่อเสียงดัง ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

ปกติท่านไม่เคยพูดว่าทนไม่ไหว หรือทนไม่ได้ออกมาเลย ไม่ว่าท่านจะเจอเรื่องที่ลำบากขนาดไหนก็ตาม แต่ครั้งนี้ท่านคงสุดทนแล้วจริงๆ



คงเป็นเพราะท่านเครียดกับเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้ว แถมพ่อก็ยังทำพฤติกรรมเดิมๆ ไม่เปลี่ยน

แม่ที่ต้องแบกรับทุกอย่างในครอบครัว ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ ทั้งเรื่องหนี้ แถมยังต้องส่งผมเรียนอีก

แต่พ่อก็ยังเพิ่มภาระให้กับท่าน วันๆ ไม่ยอมทำอะไรนอกจากกินเหล้าเมาเละเทะกลับบ้านทุกวัน



ท่านคงสุดทนแล้วจริงๆ



“เลิกบ่นสักทีเถอะ บ่นไปแล้วหนี้มันจะหายไปไหม”



“แล้วมันเพราะใครกันล่ะ! ถ้าคุณไม่ไปติดการพนัน ครอบครัวเราไม่แย่ขนาดนี้หรอก”



“ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า คุณจะพูดถึงเรื่องอดีตอีกทำไม”



“จะไม่ให้ฉันพูดถึงได้ยังไงคะ คุณรู้ไหมว่าวันนี้คนของบ่อนพนันเขามาตามหาคุณถึงที่บ้านเลย!”



“แล้วไงล่ะ มาตามถึงที่บ้าน ผมก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี ถ้าพวกมันอยากเสียเวลามากก็เชิญ”



“ทำไมถึงพูดจาเห็นแก่ตัวอย่างนี้คะ!!!! รู้ไหมว่าเขามาขู่ฉันเอาไว้! ว่าถ้าภายในอาทิตย์นี้คุณยังไม่เอาเงินไปใช้ เขาจะส่งคนมาเก็บพวกเรา”



หะ อะไรนะ ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม



“คุณเข้าใจคำว่า พวกเราไหมคะ มันไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่ต้องตาย แต่มันรวมไปถึงฉันและลูกภีมด้วย ลำพังแค่ฉันทำงานคนเดียว ก็พอแค่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ต่อชีวิตไปวันๆ เท่านั้น แถมคุณยังเอาแต่ดื่มเหล้าผลาญเงินไปวันๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน อึก อืออ”



พอสิ้นประโยคนี้คุณแม่ก็เข่าทรุดลงไปกับพื้น ปล่อยน้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม ท่านคงอดทนเก็บความทรมานนี้มานานมากแล้ว แค่รอวันได้ปลดปล่อยเท่านั้น



วันนี้ท่านคงทนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ



เห็นอย่างนั้น ผมจึงเดินเข้าไปโอบกอดท่านเอาไว้หวังว่าอ้อมกอดของผมจะช่วยปลอมประโลมท่านได้สักนิดก็ยังดี



พ่อที่เห็นแม่ทรุดลงไปร้องไห้กับพื้น ก็เปลี่ยนสีหน้าอ่อนลงทันที



ท่านวางขวดเหล้าลงกับพื้น ก่อนจะลงจากโซฟามานั่งข้างๆ แม่ที่กำลังร้องไห้อยู่



“โอเค ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้ให้เอง คุณกับลูกไม่ต้องห่วงนะ” คุณพ่อว่าเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างของท่านโอมกอดพวกเราสองแม่ลูกเอาไว้



“ไม่ต้องห่วงนะ...” ท่านกระซิบเสียงเบาที่ข้างหู



“เดี๋ยวผมจะเป็นคนจบเรื่องนี้เอง”


--------------------------------------------------------------------------------------


ผมนั่งคิดเรื่องเมื่อคืนไม่ตก ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเลย ที่จู่ๆ ชีวิตก็ถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย จะตายเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อจะเอาเงินไปคืนทันหรือเปล่า



ให้เวลาอาทิตย์หนึ่ง



น้อยเกินไปหรือเปล่า



ใครจะไปหาทัน..



เงินที่เป็นหนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ต่อให้ช่วยกันหาจนสายตัวแทบขาด ก็ไม่มีทางหาคืนครบตามกำหนดได้หรอก



แบบนี้มันก็มีแต่ตายกับตายสิวะ



แต่พ่อรับปากไปแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้เอง ผมก็ควรไว้ใจท่าน



คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ



ปล่อยเรื่องนี้ให้ท่านจัดการดีกว่า ผมเชื่อว่าท่านไม่มีทางปล่อยให้คนในครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก





ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง









เสียงแจ้งเตือนมือถือของไอ้ซานดังขึ้นรัวๆ เห็นมันนั่งกดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้



“มีข่าวอะไรหรือเปล่าวะ เห็นนั่งกดโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”



ตอนนี้พวกเรามานั่งเล่นฆ่าเวลาอยู่ที่ใต้ตึกคณะแพทย์ เพื่อรอเรียนวิชาเอกต่อตอนบ่ายสอง ผมกับไอ้ซานเรียนคณะเดียวกันครับ



ส่วนไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศพวกมันเรียนวิศวะ จะได้เจอพวกมันแค่ช่วงพักกับช่วงเลิกเท่านั้นแหละครับ



“หึ” มันเงยหน้าขึ้นมาแสยะยิ้มตรงมุมปาก “ข่าวพี่เนลไง”



“หือ?”



“ก็เรื่องเรื่องชกต่อยเมื่อวานไง เป็นกระแสดั่งกระหึ่มทั่วโลกโซเซียลแล้ว”



“จริงดิ ข่าวไวเหมือนกันว่ะ”



“แน่นอน กูเป็นคนปล่อยข่าวเอง” มันยกมือขึ้นมาตบอกด้วยความภาคภูมิใจ



ผมไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข่าวสารทันที

กดเข้า แอปพลิเคชันที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะพิมพ์ #ซานรู้โลกรู้ ในช่องค้นหา



SAN_: ข่าวเด็ดข่าวดังครับ อดีตเดือนวิศวะ ปี 3 มหาวิทยลัย xx ขอไม่บอกชื่อแล้วกันนะครับว่าเป็นใคร เว้นให้ไปกันเดาเอาเอง เรื่องเกิดขึ้นที่ร้านเหล้าชื่อดังแห่งหนึ่งเมื่อวานสดๆ ร้อนๆ เลย มีเรื่องชกต่อยเพราะไปเป็นมือที่สามแฟนชาวบ้านเขา

ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า หล่อเลือกได้แบบพี่.น อุ๊ปส์เกือบหลุดครับ จะไปแย่งแฟนคนอื่นได้ #ซานรู้โลกรู้ #หมอซานรู้ทุกเรื่อง #ถามมาตอบไป



โอ้โหไอ้ซาน ถ้าจะใบ้ขนาดนี้ มึงก็บอกชื่อพี่เขาไปเหอะ ไอ้สันขวาน !



Neenimi: อะไรนะ จริงเหรอคะ ข่าวมั่วหรือเปล่า ไม่เชื่อหรอกค่ะ



ชื่อภัทร: อยากเรียกกระแสเหรอคะ ถึงได้โจมตีพี่เขาแบบนั้น



Anmo: @Neenimi @ชื่อภัทร เรื่องจริงค่ะ เมื่อวานเราอยู่ในเหตุการณ์ พี่เขามีเรื่องกับรุ่นน้องคนหนึ่งในร้านเหล้าค่ะ เรารับประกันได้



ชื่อภัทร:@Anmo จริงเหรอคะ โหย เราไม่อยากจะชื่อเลยค่ะ



ผมไล่อ่านคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ ข่าวที่ไอ้ซานเอาลง ดูเหมือนจะช่วยโจมตีกระแสของไอ้พี่เนลได้พอสมควรเลยล่ะ



หึ! ทำได้ดีมากไอ้ซานเพื่อนรัก จงทำให้คนที่ชอบมันได้รับรู้ ว่ามันน่ะเลวขนาดไหน

คนที่มีดีแค่หน้าตา แต่นิสัยติดลบแบบนั้นน่ะ ไม่ควรได้รับความรักจากใครหรอก



ตึ่ง



ฟ.ฟุตสวยสิบเมตร : ไม่จร๊งงงง ฟุตไม่เชื่อเด็ดขาดค่ะ ไม่รับไม่รู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นนน พี่เนลจะมาหักอกน้องฟุตกระเทยสาวถึกแบบนี้ไม่ได้นะคะ



อื้อหือ ยอมรับความจริงสักทีเถอะ



MY.Fon : ถึงจะเป็นความจริง แต่ความรักที่มีให้พี่เนลก็จะยังเหมือนเดิมค่ะ #รักเสมอ



ยังมีคนหลงมันหน้ามืดตามัวขนาดนี้อยู่อีกเหรอวะ อยากรู้จริงๆ ว่ามันไปทำเสน่ห์ที่ไหน จะไปทำบ้าง

เผื่อมีคนมาหลงรักผม ชาตินี้จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที



สถานะตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า

โคตรเฉา!



ผมนั่งไล่อ่านคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ มีทั้งคอมเมนต์ด่าไอ้พี่เนล และคอมเมนต์ที่ไม่เชื่อกับข่าวนี้ คอมเมนต์ส่วนมากจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เฮ้อ พวกไม่ยอมรับความจริง



นั่งตามติดข่าวไอ้พี่เนลได้สักพักก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา จึงเอ่ยบอกไอ้ซานที่นั่งตอบแชทจนมือหงิก

“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” มันพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้



ผมเห็นอย่างนั้นจึงรีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที เดินมาถึงห้องน้ำที่อยู่ใต้ตึกก็ต้องตกใจกับจำนวนคนมหาศาลที่แห่กันมาจากไหนก็ไม่รู้เต็มห้องน้ำ นี่มันมหกรรมเชิงกันเยี่ยวหรือไงวะ อะไรจะแย่งโถ่ฉี่กันได้ดุเดือดขนาดนั้น!



คนเยอะแบบนี้รอเป็นชั่วโมงก็ไม่ได้ฉี่แน่ๆ จึงตัดสินใจไปเข้าที่หลังตึกแทน



ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึงห้องน้ำที่อยู่ตรงหลังตึก แถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาหรอกครับ มันอยู่ไกลแถมลับสายตาคน อีก ส่วนมากที่มาก็นัดกันมาทำเรื่องอย่างว่ามากกว่า



ผมรีบดึงซิปกางเกงของตัวเองลงด้วยความรวดเร็ว จัดการทำธุระของตัวเองทันที

เสร็จแล้วก็เดินไปล้างมือ กำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นไอ้พี่เนลกำลังเดินมาทางนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยมากครับ ไว้ผมยาวถึงไหล่ ปากอมชมพู ผิวขาวเป็นธรรมชาติ จมูกได้รูปเข้ากับใบหน้ารูปไข่เป็นอย่างดี



สวย...



สวยจนใจสั่น



ว่าแต่หมอนี่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยอย่างที่เขาล่ำลือกันมาจริงๆ ด้วย เมื่อวานยังแย่งน้องออมไปจากไอ้ทัศอยู่เลย วันนี้ควงอีกคนแล้ว



มันเดินมาทางนี้แล้ว หลบก่อนแล้วกัน



“เนล มีเรื่องอะไรจะคุยกับฟ้าหรอ ต้องสำคัญมากแน่ๆ เลยไม่งั้นเนลไม่ลงทุนมาหาฟ้าถึงตึกคณะหรอก” เธอถามเสียงหวาน



“สำคัญสิ! ผมกำลังจะถูกที่บ้านจับคลุมถุงชน” ไอ้พี่เนลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางจับมือของคุณฟ้ามากุมเอาไว้



เรื่องสำคัญนี่หว่า



ขออัดคลิปเก็บไว้หน่อยก็แล้วกัน เผื่อมันมีประโยชน์ในอนาคต



ไม่รอช้าเตรียมตั้งกล้องอัดคลิปไอ้พี่เนลมันทันที



หึ! เสร็จกู



“กับ...ใครเหรอคะ” คุณฟ้าเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย



“กับคุณพิม ลูกเจ้าสัวธนชัย”



“…..”



“ม๊าบอกผมว่า ถ้าในหนึ่งเดือนนี้ผมยังหาคนที่คบอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ได้ ก็ต้องแต่งงานกับคุณพิม”



“แล้วเนลเอาเรื่องนี้มาบอกฟ้าทำไมคะ” เธอตอบไอ้พี่เนลเสียงสั่น



“ฟ้ารู้ใช่ไหม ในบรรดาผู้หญิงที่ผมควงด้วย ผมจริงจังกับฟ้าที่สุดแล้ว”



น่าตกใจว่ะ คนอย่างมันจริงจังกับใครเป็นด้วย?

นึกควงผู้หญิงไปวันๆ แล้วจบลงที่เตียงพอเช้ามาก็แยกย้ายกัน แบบวันไนท์สแตนด์ซะอีก



“....”



“ผมพร้อมจะหยุด”



“....”



“ถ้าฟ้า..ยอมคบกับผม”



“….”



“เป็นแฟนกันนะครับฟ้า” อู้หู ซ็อตเด็ดเลยนะเนี่ย ฉากขอคบหน้าห้องน้ำ



กลิ่นส้วมหอมๆ ช่วยสร้างบรรยากาศให้ชวนหลงใหล

เสียงตดที่เป็นจังหวะจากห้องข้างๆ (ที่ไม่รู้ว่าไปท้องเสียมาจากไหน) ช่วยบรรเลงเป็นบทเพลงรัก



เป็นอะไรที่โรแมนติกเหี้ยๆ

ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงถอดรองเท้าตบหน้ามันให้หงายก่อน



ช่างเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ



“เนล คือฟ้า...”



“....”



“ฟ้าขอเวลาหน่อยได้ไหม คือ...”



กริ๊งงงงง กรี๊งงงงงง



เห้ยซวยแล้ว!!

ไอ้ซานมึงจะโทรมาทำไมตอนนี้วะ ผมรีบกดวางสายมันทันที ก่อนจะเบนสายตาไปทางไอ้พี่เนล



ซวยแล้ววครับพี่น้อง ไอ้ภีมซวยแล้ว มันเห็นผมแล้วครับ ซวยกว่านี้มีอีกไหม วินาทีนี้ห้อยพระอะไรก็ไม่สามารถช่วยปกป้องผม จากผีที่ชื่อว่าเนลได้แล้ว



ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งสวดมนต์ไล่มันในใจ



มันเดินตรงดิ่งมาหาผมทันที ก่อนจะกวาดสายตามาหยุดอยู่ที่โทรศัพท์ของผม



กำซับมือที่ถือโทรศัพท์ไว้แน่นเลยครับ ให้ตายก็ไม่ปล่อยหลักฐานสำคัญที่จะเอาไว้แฉไอ้พี่เนลให้หลุดมือหรอก



“ส่งมา” มันตะคอกเสียงดังใส่หน้าผม ก่อนแบมือมันยื่นมาตรงหน้าผม เป็นเชิงบอกให้ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน



เรื่องอะไรจะให้มึงละครับ กูอุส่าห์ทนดมกลิ่นตดจากไอ้ที่นั่งขี้อยู่ในห้องน้ำมาตั้งนาน เพื่อที่จะได้คลิปมึง



ถ้าให้ง่ายๆ ก็หมาแล้ว



“ไม่!! นี่มันโทรศัพท์ของกู มึงจะเอาไปทำไม” ผมทำเป็นร้องโวยวายใส่มัน



“ส่งมา!!! เมื่อกี้ก่อนที่มึงจะกดวางสาย กูเห็นมึงตั้งกล้องโทรศัพท์เอาไว้ มึงถ่ายอะไรกู เอามาดู!!!”



“ถะ ถ่าย อะไร หลงตัวเองว่ะ กูไม่ถ่ายมึงให้เปลืองเมมหรอก” แถเข้าไปไอ้ภีม แถ แถให้สีข้างมันถลอกไปข้างหนึ่งเลย



“ถ้าบริสุทธิ์ใจก็เอาโทรศัพท์มึงมาดู เอามา!”



วินาทีนี้แหละ เอ๋วิ่งสิเอ๋ ไม่อยู่ให้มันจับได้แล้ว ออกตัววิ่งหนีสุดแรงเกิดครับพี่น้อง จะอยู่ให้มันเชือดคอเล่นหรือไง



ไอ้พี่เนลเมื่อเห็นว่าผมออกตัววิ่งหนีมัน ก็ออกตัววิ่งตามผมมา



มึงจะตามกูมาทำไม ปล่อยกูไป ปล่อยกูไปเถอะ



ด้วยความสูงที่แตกต่างกันพอสมควร ทำให้มันออกตัววิ่งแปปเดียว ก็ตามผมมาทัน รีบคว้าข้อมือผมเอาไว้ พร้อมเหวี่ยงผมไปติดกับกำแพง ก่อนใช้มือทั้งสองข้างดันกับกำแพงไว้ เพื่อปิดทางหนีของผม





มันก้มลงมาจ้องหน้าผมครับ ผมก็จ้องมันกลับ จ้องมาจ้องกลับไม่โกง







"เอามา" มันกดเสียงลงต่ำ พร้อมส่งสายตาข่มขู่ผม







"กูไม่ให้"





"กูบอกให้เอามา จะให้หรือไม่ให้"







"ไม่ ถึงมึงจะถามกูซ้ำๆ กูก็จะตอบแค่ว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่โว้ย"







"หึ! อวดเก่ง ตกลงจะไม่ให้ใช่ไหม ได้! "





มันยื่นมือเข้ามาแย่งโทรศัพท์ออกไปจากมือของผม



เมื่อเห็นว่ามันคิดจะทำอะไร ผมก็รีบกำโทรศัพท์ตัวเองไว้แน่นเลย ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด



เรายื้อแย่งแบบนั้นอยู่สักพัก สุดท้ายผมที่แรงน้อยกว่ามันก็แพ้ไปตามระเบียบ น่าเจ็บใจที่สุด มันได้โทรศัพท์ผมไปแล้วครับ หลังจากนั้นมันก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะ



จุ๋ม~



“เห้ยยยย!!!!!”



ไอ้พี่เนลมันโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระน้ำของมหาวิทยาลัยไปแล้วครับ บ่อน้ำยิ่งลึกๆ แถมมหาลัยยังเลี้ยงไอ้ตัวเห้ไว้ในสระอีก ผมไม่มีทางได้โทรศัพท์ผมคืนแล้วละครับ



ไอ้พี่เนลลล !!!! เกลียดดดดดด เกลียดมัน!! เกลียดดดดดด



“ทำเหี้ยอะไรของมึง!” ตอนนี้ผมรู้สึกโกธรมันมาก ตรงเข้าไปกะชากคอเสื้อมันแล้วดึงลงมา ยกขึ้นไม่ได้ครับ มันสูงกว่า



เป็นโมเมนต์ที่โคตรเศร้า



“ก็ทำลายหลักฐานไง” มันตอบแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร



“รู้ไหม โทรศัพท์เครื่องนั้นกูใช้เวลาตั้งหลายปี กว่าจะผ่อนหมด!”



“แล้วมาบอกกูทำไม?” มันยักไหล่ไม่แยแส



“ไอ้เหี้ย! อย่าอยู่เลยมึง!” ผมตั้งใจจะสวนหมัดหนักๆ ใส่หน้ามัน

คราวนี้ไม่พลาดเหมือนรอบที่แล้วแน่ๆ



แต่มันไหวตัวหลบทัน ทำให้ผมชกอากาศแทน ตัวผมเซนิดหน่อย แต่ก็กลับมาตั้งหลักได้ทัน



“อยากได้โทรศัพท์คืนไหม” มันเอ่ยถาม



“อยาก”



“งั้นก็เชิญมึงลงไปเอาในน้ำแล้วกัน!”



“เห้ย!!!!”

มันยกเท้าขึ้นมา ออกแรงถีบผมสุดแรง ตอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวผมพุ่งตรงไปทางสระน้ำตามแรงถืบของมันทันที



หลังจากที่ไถลตรงไปถึงขอบสระ ก็รีบกางแขนตีปีกพึบพับอยู่ตรงนั้นหลายที พยายามพยุงตัวเองไม่ให้พุ่งลงไปจนกล้ามน่องเกร็งไปหมด ดิ้นรนแบบนั้นอยู่สักพักกว่าจะทรงตัวได้



ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อีกนิดเดียวก็ลงสระไปอาบน้ำเป็นเพื่อนตัวเห้แล้ว



ตั้งใจจะหันกลับไปด่า แต่มันก็เดินหายไปแล้ว..



ทำอะไรไม่ได้นอกจากก่นด่ามันในใจ
หัวข้อ: Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 3 เจ้าสาว
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-02-2018 20:15:58
ตอนที่ 3 เจ้าสาว

[Nel talk]

ผมเดินออกมาหลังจากทำลายหลักฐานที่ไอ้เด็กบ้านั่นแอบถ่ายคลิปบทสนทนาของผมกับ'ม่านฟ้า'เอาไว้ ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันจะเอาไปทำอะไร แต่เรื่องที่มันคิดจะทำ ต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีกับผมแน่ๆ เห็นไอ้เด็กนั่นโวยวายใส่ผมใหญ่เลย หลังจากที่ผมปาโทรศัพท์มันลงสระน้ำ



รู้สึกรําคาญเสียง เลยตั้งใจจะถีบมันลงไปเล่นน้ำให้หายหัวร้อนสักหน่อย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง



วันนี้ผมตั้งใจมาขอฟ้าคบเป็นแฟนแบบจริงๆ จังๆ ครับ ที่จริงผมตั้งใจขอเธอคบมาหลายรอบแล้ว แต่เธอก็บอกกับผมว่า ให้ดูๆ กันไปก่อน ทั้งๆ ที่ผมคิดจะจริงจังกับเธอแค่คนเดียวแท้ๆ แต่ดูเหมือนเธอยังไม่พร้อมที่จะคบกับผมแบบเปิดตัวสักที คงเป็นเพราะฐานะในสังคมของพวกเรา ม่านฟ้าเธอเคยเป็นดาวคณะแพทย์แถมยังมีชื่อเสียงในสังคมค่อยข้างมาก ส่วนผมก็เคยเป็นเดือนวิศวะเหมือนกัน เราทั้งคู่ค่อนข้างถูกจับตามอง แถมผมยังมีข่าวด้านลบเรื่องผู้หญิงเยอะอีก



ผมคิดว่า เธอยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวผมสักเท่าไหร่ ผมจึงยอมคบกับเธอในฐานะ’ คนควง’ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เธอสบายใจ



จนกระทั่งเมื่อวาน



      หลังจากที่มีเรื่องในร้านเหล้าไอ้แจ็ค ผมก็เดินออกจากร้านทันทีหลังจากที่ไอ้เมฆมันห้ามไว้ ผมยอมรับเลยครับ ว่าผมหัวเสียมากกับไอ้พวกเด็กอวดดีพวกนั้น



       ที่ผมสั่งให้น้องออมนั่น บอกเลิกไอ้รุ่นน้องที่ชื่อทัศ เพราะผมอยากให้มันตาสว่างสักทีว่ายัยนั่นไม่ได้มีมันแค่มันคนเดียว ถ้าผมปล่อยไว้ ยังไงไอ้น้องทัศมันคงไม่ยอมเลิกง่ายๆ หรอกครับ ดูก็รู้ว่ามันรักยัยผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน ผมเลยสั่งให้ยัยนั่นเลิกกับไอ้น้องทัศไปเลย มันจะได้ตัดขาดๆ สักที ผู้หญิงหลายใจแบบนี้ไม่ควรได้รับความรักที่จริงใจจากรุ่นน้องคนนั้นไปหรอกครับ ผมว่าน้องเขาต้องเจอคนที่ดีกว่านี้ ทั้งๆ ที่ผมพยายามช่วยไอ้น้องทัศเอาไว้เแท้ๆ กลับต้องมาโดนไอ้เด็กบ้าหน้าตาบ้านๆ ต่อยเข้าให้ หมัดหนักใช้ได้เลย กำลังจะง้างหมัดต่อยมันคืน ไอ้เมฆก็ห้ามไว้อีก



“โถ่โว้ยย!!” ผมรัวเตะกำแพงร้านไอ้แจ็คระบายอารมณ์



“เห้ย เบาๆ ตีนหน่อย ร้านกูๆ” ไอ้แจ็คที่เดินตามผมออกมาติดๆ รีบเอ่ยห้าม



“ปล่อยมันเตะไปเหอะไอ้แจ็ค กูอยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างกำแพงร้านมึง กับตีนของไอ้เนล อันไหนจะพังก่อนกัน แต่กูว่าอย่างหลังวะ 55555” อ่าวไอ้เหี้ยฟิว พูดจาน่าเตะปากแตก



“อ่าวหยุดเตะทำไมวะ เตะต่อดิ”



“กูไม่เตะกำแพงร้านไอ้แจ็คมันละ แต่กูจะเตะมึงแทนนี่แหละไอ้ฟิว!!!”



“อูยยย น่ากลัว กลัวจังเลยค่ะพี่เนลขา” กวนตีนไม่เลิกนะมึง เดี๋ยวถีบขาคู่ให้

กำลังจะยกขาถีบไอ้ฟิว แต่ก็ต้องชะงักทันที เมื่อเห็นน้องออมที่ออกจากร้าน เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม



“พี่เนล จะเลิกกับออมหรือเปล่าคะ”



“....” ไม่เลิกครับ เพราะไม่ได้คบกันตั้งแต่แรก



“ออมขอโทษนะคะที่โกหกพี่ ถ้าพี่รู้ว่าออมมีแฟนแล้วพี่ก็คงไม่คุยกับออมใช่ไหมล่ะคะ”



“....” ใช่ครับ ถูกแล้ว พี่จะไม่เอาตัวเข้าไปล่อตีนชาวบ้านแน่ๆ



“เพราะงั้นออมถึงต้องโกหกพี่ไปไงคะ ออมชอบพี่จริงๆ นะคะ อึก ฮืออ ออมชอบพี่เนล” เธอบอกกับผมเสียงสั่น ก่อน

จะเอามือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม



ฉากบีบน้ำตาก็มา



“ออม พี่ว่าเราเลิกยุ่งเกี่ยวกันดีกว่านะ” ผมบอกกับน้องออมไป พร้อมเอามือไปจับไหล่เธอเอาไว้



“ทำไมละคะ ออมไม่ดีตรงไหน”



“มันไม่เกี่ยวหรอกครับว่าน้องออมไม่ดีตรงไหน แต่พี่ไม่ได้คิดจะจริงจังกับน้องตั้งแต่แรกแล้วครับ พี่แค่คุยกับน้องเล่นๆ เท่านั้น” ดูเลวไปเลยกู



“พี่เนล!! ทำไมพี่ทำกับออมแบบนี้คะ อึก อึก” เธอร้องไห้ออกมาพร้อมกับใช้กำปั้นทุบเข้าที่หน้าอกของผมอย่างแรง



"พี่ขอโทษน้องออมด้วยนะครับ”



“อึก อึก ฮือ” เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไง นอกจากยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอไป

เธอก็รับไปเช็ดน้ำตาแต่โดยดี “พี่เนล คบกับออมไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”



“พี่ขอโทษด้วยนะครับ แต่พี่คบน้องแค่คั่นเวลาเท่านั้น ยอมรับความจริงแล้วตัดใจไปดีกว่า”



เพี้ยะ!



เธอตบคางผมหันเลยครับ ให้ผมเดาเธอคงจะตั้งใจตบหน้าผมนั่นแหละแต่คงตบไม่ถึง วันนี้มันวันอะไรวะ มีแต่เรื่องให้เจ็บตัวทั้งนั้นเลย



เธอเอามือเล็กๆ นั่นปาดน้ำตาทิ้ง พร้อมกับแสยะยิ้มร้ายใส่ผม



“ก็ได้ค่ะ ออมก็ไม่ได้มีพี่แค่คนเดียวสักหน่อย พี่โง่เองนะคะที่ไม่เลือกออม งั้นก็ลาขาดแล้วกันค่ะ” เธอพูดเสร็จก็สบัดตูดหนีไปเลย



โอ้โห!! นางมารร้ายในคาบตุ๊กตาชัดๆ เลย



“อื้อหือ ร้ายไม่เบา” ไอ้ฟิวพูดพึงพำออกมา



“เห็นแบบนี้ คงมองคนจากภายนอกไม่ได้แล้วจริงๆ ว่ะ” อืม กูเห็นด้วยไอ้แจ็ค



“ไม่มีศาสตร์ใดอ่านนิสัยคนจากหน้าตาได้ ดั่งที่วิลเลียมได้กล่าวไว้” ไอ้ฟงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง

มันพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกครับ เป็นพวกบ้าปรัชญาขึ้นสมอง



“จบเรื่องก็กลับกันได้แล้ว กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ” ไอ้เมฆพูดพร้อมส่ายหัวเบาๆ



“เอ่อๆ แยกย้ายๆ” ไอ้แจ็กบอกอย่างเอือมระอาเต็มทน ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกไล่พวกผม

เห้ยๆ กูลูกค้ามึงนะ



“อืมงั้นกูไปก่อนนะ ขอให้ร้านมึงเฮงๆ รวยๆ อย่าพึ่งเจ๊งไปก่อนล่ะ ไอ้แจ็ค 55555” ไอ้ฟิวหันไปกวนใส่ไอ้แจ็คแทน



“ร้านเหล้ากูไม่เจ๊งง่ายๆ หรอกไอ้ฟิว อย่ามาแช่งเดี๋ยวกูถีบ”



“มาดิๆ มาถีบกูเลย” ไอ้ฟิวตบตูดตัวเอง 3 ที ก่อนจะออกตัววิ่งไปที่รถของมัน



หลังจากที่แยกย้ายกับไอ้พวกนั้นผมก็เดินตรงมาที่รถเตรียมตัวกลับบ้าน



บ้านผมค่อนข้างไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควรครับ ผมเลือกเดินทางไปกลับแทนที่จะหาคอนโดอยู่ เพราะผมไม่ค่อยชอบอาศัยอยู่ห้องข้างคนอื่น บางทีเขาก็ส่งเสียงดังจนน่าหนวกหู ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ตอนแรกผมว่าจะหาซื้อบ้านพักที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย แต่ก็เต็มหมดแล้ว เลยต้องเดินทางไปกลับทุกวันแบบนี้





ครืด ~ ครืด ~



เสียงโทรศัพท์ดัง ผมจึงหยิบขึ้นมาดู บนหน้าเจอปรากฎเบอร์ที่ผมคุ้นเคยดี



‘ม๊า’



[ตาเนล ตอนนี้อยู่ที่ไหน] ยังไม่ทันได้พูดกรอกเสียงไป ม๊าผมก็รีบพูดขึ้นมาก่อน ด้วยน้ำเสียงสดใส ประหนึ่งกำลังจะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น แต่คงไม่ใช่ผมแน่ๆ



“อยู่ร้านไอ้แจ็คครับ ม๊าโทรมีอะไรหรือเปล่า”



[รีบกลับบ้านมาเดี๋ยวนี้เลย ม๊ามีเรื่องด่วนจะบอก]



“เรื่องอะไรครับ”



[เดี๋ยวมาก็รู้เองแหละจ๊ะ แค่นี้นะ รีบๆ มาล่ะ รักลูกน๊า จุ๊บๆ]



ตุ๊ด



ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ

...ลางสังหรณ์ผมบอกว่า ต้องเกิดที่เรื่องไม่ดีกับผมแน่ๆ









-------------------------------------------------------------------------------



     ผมขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบ้าน พร้อมกับก้าวขาลงจากรถมาด้วยความหวาดระแวง

รู้สึกได้เลยว่าวันนี้ม๊าต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมขวัญผวาแน่ๆ เดาจากระดับน้ำเสียงที่พูดโทรศัพท์เมื่อกี้ต้องเป็นเรื่องที่สยดสยองสำหรับผมพอสมควร แต่จะเรื่องอะไรเดี๋ยวก็คงรู้เองในอีกไม่ช้า



เดินเข้าไปในบ้าน เห็นพ่อบ้านอุล พ่อบ้านประจำตระกูลของบ้านผมเองครับ เขายืนต้อนรับอยู่ที่ประตูทางเข้าของบ้าน



“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงรอคุณชายอยู่ที่ห้องรับทานอาหารครับ”



“วันนี้ม๊ามีเซอร์ไพส์อะไรผมอีกแล้วใช่ไหม”



พ่อบ้านอุลยิ้มขำออกมาเล็กน้อย “ครับ”



รู้สึกใจไม่ดีแปลกๆ



“คุณชายรีบๆ ไปหาพวกท่านเถอะครับ พวกท่านรอคุณชายอยู่”



ผมพยักหน้าหน้าให้พ่อบ้านอุลก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องรับประทานอาหาร ได้ยินเสียงคุยกันเจื้อยแจ้วเล็ดลอดออกมา น่าจะมีแขกมาที่บ้าน แต่ผมว่าเสียงมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน



พอผมเดินไปถึงห้องอาหารความสงสัยที่มีอยู่ก็ถูกไขให้กระจ่างทันที หัวใจหล่นวูบไปจนถึงตาตุ่ม นาทีนี้อยากวิ่งหนีไปให้ไกลจากที่นี่มากๆ



“น้องพิม!!”



“อ่าว มาแล้วหรอตาเนล ม๊ารออยู่ตั้งนานแน่ะ มานั่งนี่เร็ว” ม๊ากวักมือเรียกผมให้เดินไปนั่งที่โต๊ะ

ผมเลือกเดินไปนั่งข้างๆ ป๊า โดยมีน้องพิมนั่งตรงข้ามกับผม



วิวดีจริงๆ



“ตาเนล หน้าไปโดนอะไรมา” ป๊าถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผมในระยะประชิด



ท่านยังมองหน้าผมนิ่ง รอฟังคำตอบ



“ไปมีเรื่องมานิดหน่อยครับ” ผมตอบป๊าไปเสียงอ่อน

ในครอบครัวผมกลัวป๊าที่สุดแล้ว ท่านเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมาก



ตั้งแต่เกิดมาผมขัดใจท่านแค่ครั้งเดี๋ยวเองมั้ง หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยขัดใจท่านอีกเลย เวลาที่ท่านโมโหน่ะ น่ากลัวที่สุด



“เรื่องอะไร” ท่านเลิกคิ้วถาม



“ผู้หญิง....”



“เรื่องผู้หญิงอีกแล้วเหรอตาเนล ม๊าล่ะเบื่อจริงๆ เลย เมื่อไหร่จะหยุดสักที กับเรื่องผู้หญิงเนี่ย”



“ผมอยู่ในช่วงตามหารักแท้อยู่ครับ” แหวะ พูดอะไรกูวะ



“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย เห็นควงทีเป็นสิบๆ คน นั่นเรียกว่ารักแท้ด้วยหรือเปล่า?”



“ก็ยังหาไม่เจอสักทีไงม๊า ผู้หญิงทุกคนที่ผมควงด้วยจึงไปจบลงที่เตียง”



“ดูพูดเข้า!!! คุณคะฉันไม่ไหวกับพฤติกรรมเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าของตาเนลแล้วนะคะ ขืนไปทำผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าท้องขึ้นมาจะทำยังไงคะ” ประโยคแรกท่านพูดกับผมครับ ส่วนประโยคข้างหลังท่านหันไปพูดกับป๊า



“โถ่ม๊า ผมก็ป้องกันตลอดเถอะ”



“ป้องกัน แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สักหน่อยนะตาเนล”



“ผมไม่พลาดไปทำใครท้องหรอกนะม๊า”



“ไม่รู้ล่ะ ยังไงตาเนลก็ต้องเลิกพฤติกรรมแบบนี้สักที ตอนนี้ตามหารักแท้เหมือนในละครน้ำเน่าใช่ไหมล่ะ”



“ครับ” ความจริงคือ ผมไม่ได้หาครับ รักทงรักแท้อะไรนั่น



ก็ผมเจอรักแท้ของผมตั้งนานแล้ว จะไปหาอีกทำไมล่ะ แต่เขายังไม่ยอมคบกับผมสักทีเนี่ยสิ

เป็นผู้หญิงที่ใจแข็งซะมัดเลย



“ตาเนลไม่ต้องตามหาแล้วล่ะ ม๊าหามาให้ลูกได้แล้ว หนูพิมนี่ไง เป็นถึงลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวธนชัย เจ้าของห้างใหญ่อย่างห้างเจิงอีกด้วยนะ ดูเรียบพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม นิสัยก็น่ารักเรียบร้อยเชียว ม๊าไม่เห็นมีใครเหมาะสมกับลูกเท่าหนูพิมอีกแล้วล่ะ”



โอ้โห อยากตาย เจ้าสัวธนชัยจ้างม๊ามามาพูดกี่บาทครับถามจริง ไอ้เรื่องฐานะก็มีเค้าโคลงความจริงบ้าง ส่วนหน้าตาพิมเขาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่หรอกครับ แต่ไอ้นิสัยนี่ผมรับไม่ได้จริงๆ





ยังจำตอนที่ผม 5 ขวบได้ดี ตอนนั้นเจ้าสัวธนชัยเขาเอาคุณพิมมาเล่นกับผมที่บ้าน



เพราะท่านกับป๊าต้องคุยกันเรื่องโครงการที่ทำร่วมกัน ท่านจึงฝากคุณพิมให้มาเป็นเพื่อนเล่นของผม ตอนนั้นเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาหน้ารักคนหนึ่งเลย มัดผมจุดสองข้าง ใส่ชุดเดรสสีชมพู ถือตุ๊กตามาตัวหนึ่ง



เธอเดินเข้ามาเล่นกับผม ตอนนั้นผมกำลังนั่งเล่นหุ่นยนต์ตัวโปรดที่ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ผมรักหุ่นยนต์ตัวนี้มาก เพราะมันแทบจะเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ผมได้รับจากท่านเลย



เธอเดินมานั่งข้างๆ ผม พร้อมมองหุ่นยนต์ที่ผมเล่นอยู่ตาแป๋ว เธอจ้องอยู่นาน จนทนต่อสายตาอันใสซื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ไหว จึงถามเธอออกไปว่าอยากเล่นเหรอ เธอก็พยักหน้ารับ ผมจึงยกหุ่นยนต์ตัวนั้นให้เธอเล่นไป



พอได้หุ่นยนต์ของผมมาเธอก็ทำหน้าดีใจใหญ่เลย ก่อนจะลุกขึ้นเหวี่ยงหุ่นยนต์ตัวนั้นลงพื้น



เธอแสยะยิ้มให้ผมพร้อมใช้เท้าเหยียบหุ่นยนต์ตัวนั้นซ้ำๆ ผมตกใจกับการกระทำของเธอมาก รีบเข้าไปห้ามเธอไว้



แต่ไม่ทัน



หุ่นยนต์ตัวนั้นก็แหลกคาเท้าเธอทันที



ผมนั่งร้องไห้ออกมาเหมือนคนเสียสติ มันเป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ต้องสูญเสียของที่ผมรักไปต่อหน้าต่อตา



ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รู้สึกผิดเลย แต่กลับพูดกับผมว่า ‘พ่อให้นายมาเล่นกับฉัน นายก็ต้องเล่นกับฉัน ไม่ใช่ไปเล่นกับหุ่นยนต์เข้าใจไหม! หุ่นยนต์ตัวนั้นผิดที่มาแย่งเพื่อนเล่นของฉันไป มันก็สมควรที่จะแหลกไปซะนั่นแหละ ถูกต้องแล้ว!!’ ตอนนั้นเธอทำหน้าตาน่ากลัวมาก จนผมรู้สึกกลัวไปหมด อย่างกับนางแม่มดที่เคยเห็นในการ์ตูนเลย



‘งั้นก็ไปเล่นกับฉันได้แล้ว ถ้ายังไม่อยากให้ของเล่นชิ้นอื่นของนายแหลกไปด้วย’



‘ผมไม่อยากเล่นกับยัยแม่มด’



‘ว่าอะไรนะ’



‘ไม่อยากยุ่งกับแม่มด’



‘กรี๊ดดดดด’ เธอกรี๊ดออกมาเสียงดัง จนผมต้องรีบเอามืออุดหูโดยไว อานุภาพทำลายล้างสูงมาก



เธอเดินไปกวาดของเล่นที่วางบนชั้นของผมลงทั้งหมด ก่อนจะลงมือทุบมันทิ้ง จนแหลก



‘หยุด!’ ผมวิ่งไปห้ามเธอเอาไว้



‘ไม่! จนกว่านายจะมายอมเล่นกับฉัน’



‘ยอมเล่นด้วยก็ได้ แต่อย่ามายุ่งกับของๆ ผมอีกนะ’ ผมบอกกับเธอไป ก่อนจะรีบเข้าไปเก็บของเล่นที่ตกพื้นระเนระนาดขึ้นมาวางไว้ที่ชั้นเหมือนเดิม



‘ถ้ายอมเล่นด้วยแล้วยังมาทำร้ายของเล่นของผมอีก จะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาดเลย’



‘ได้ สัญญาเลย’





      เธอพาผมมาเล่นขายของตรงสวนหลังบ้านครับ แถวนี้ค่อนข้างร่มรื่น อากาศก็ถ่ายเทสะดวก ผมแอบเห็นคนงานแอบมานอนอู้งานแถวนี้อยู่บ่อยๆ



‘รับอะไรดีคะ’ เธอถามผมเสียงเจื้อยแจ้ว



‘เอาข้าวผัดครับ’



‘ได้ค่ะ ขอสักครูนะคะ’



เธอรับบทเป็นแม่ค้า ส่วนผมเป็นลูกค้าครับ เราก็เล่นไปตามปกติเหมือนที่เด็กคนอื่นเขาเล่นกัน

แต่มันไม่ปกติก็ตอนที่เธอทำจนเสร็จ แล้วบังคับขู่เข็ญให้ผมกินเนี่ยแหละครับ



คุณอ่านไม่ผิดหรอก เธอบังคับให้ผมกินอาหารที่ทำมาจากเศษดินกับเศษหญ้าของเธอจริงๆ



     ผมไม่ยอมกิน เธอจึงตะคอกใส่ผมว่า ‘ฉันสั่งให้กินเธอก็ต้องกิน!!!’ น้องพิมพยายามเอาอาหารพวกนั้นยัดใส่ปากผม เธอใช้มือทั้งสองข้างง้างปากผมออก ผมก็พยายามดิ้นรนสุดชีวิต งับปากสุดแรงเกิด ตอนนั้นคิดแค่ว่าให้ตายยังไงก็ไม่มีทางยอมกินเข้าไปเด็ดขาด



โชคดีที่ป้าแม่บ้านแกมาเห็นก่อนแล้วห้ามเอาไว้ก่อน ผมถึงรอดมาได้



แต่ความโรคจิตของเธอผมยังจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้



คิดถึงเรื่องสมัยก่อนแล้วสยองไม่หาย ได้แต่ขอให้ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้เจอเธออีกเลย



แต่เหมือนโชคซะตาจะกลั่นแกล้งผมแล้วล่ะมั้ง





“คุณน้าก็ ชมพิมเกินไปนะคะ พูดแบบนี้พิมเขิลแย่เลย”



“ก็มันจริง หนูพิมน่ะเหมาะสมกับตาเนลของแม่ที่สุดแล้วล่ะ”



“ขอบคุณนะคะ พิมเขิลจังเลย” เธออมยิ้ม พร้อมทำเป็นหลบตาท่าน ประหนึ่งเขิลเต็มแก่

ถึงท่าทางแบบนั้นจะดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ใหญ่ (แบบม๊าผม) แต่มันไม่ได้น่ารักสำหรับผมเลย



“น่ารักจริงๆ เลยเด็กคนนี้” ม๊าส่งยิ้มให้ยัยพิม ก่อนจะหันมาถามความเห็นจากป๊า “จะว่าไปตอนนี้ตาเมลก็โสดหนูพิมก็โสด ฉันว่าถ้าตาเนลเรียนจบเราจัดงานแต่งงานให้พวกเขาเลยดีไหมคะคุณ”



ม๊าถามความเห็นผมด้วยว่าอยากแต่งกับยัยนี่ไหม!!



“อะไรที่คุณว่าดี ผมก็ว่าดีทั้งนั้นแหละ” ป๊าก็อย่าไปเห็นด้วยกับม๊าสิ ผมไม่เอานะเจ้าสาวแบบยัยนี่ ถ้าได้เป็นเมียผมขอตายอย่างโดดเดี่ยวดีกว่า



“เอ่อจริงด้วย! นี่ตาเนล หลังจากนี้เป็นต้นไปหนูพิมจะมาบ้านเราทุกวันเลยนะ กลับบ้านให้ไวๆ หน่อยล่ะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนหนูพิมเค้า”



โอ้โห ฝันร้ายมาเยือน ผมคงอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้วล่ะครับ



“เอ่อ...ครับ” รับปากไปก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยหาทางหนีอีกที



หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จแล้ว ม๊าก็บังคับผมให้ขับรถไปส่งคุณพิมที่บ้านของเธอ ระหว่างทางเธอก็ชวนผมคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปครับ จนกระทั่งรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านเธอ



“พิมไปก่อนนะคะ” เธอพูดก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผม ฟอดหนึ่ง



หันไปมองหน้าเธอด้วยความอึ้ง พร้อมยกมือขึ้นมาลูบแก้มข้างที่พึงโดนหอมไปเมื่อกี้



“พี่เนลเนี่ย หล่อขึ้นนะคะ เมื่อก่อนพิมว่าหล่อแล้วแต่ตอนนี้หล่อกว่าเมื่อก่อนอีก”



“เอ่อ..ขอบคุณครับ”



“พิมรับรองเลยค่ะ ว่าจะไม่ปล่อยพี่หลุดมือไปแน่นอน ถึงที่ผ่านมาพี่จะมีผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่ถ้าพี่แต่งงานกับพิมแล้ว พี่ต้องมีพิมแค่คนเดียวเท่านั้น” เธอแสยะยิ้มร้าย



“ไม่งั้น...สภาพพี่จะไม่ต่างจากหุ่นยนต์ตัวที่พิมทำลายไปเมื่อ 16 ปีก่อนแน่นอน” เธอพูดก่อนจะเปิดประตูรถผมออกไป ไม่วายหันมาส่งยิ้มให้ผม



“ฝันดีนะคะ ที่รัก”



น่ากลัวจริงๆ เลยผู้หญิงคนนี้





ผมว่าผมมีเรื่องต้องคุยกับม๊าแล้วล่ะ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอย่างจริงๆ จังๆ ตอนอยู่บนโต๊ะอาหารผมพูดอะไรออกไปไม่ได้เพราะเกรงใจคุณพิม



แต่ตอนนี้คุณพิมกลับบ้านแล้ว เพราะงั้น....



“ม๊า!! ทำไรเนี่ยไม่ปรึกษาผมสักคำ จู่ๆ ก็จับผมคงถุงชนแต่งกับคุณพิมมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ”



“โหดร้ายยังไง ในเมื่อลูกก็ไม่คิดจะจริงจังกับใครอยู่แล้ว ถึงจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมละ”



อันนั้นมันไม่ใช่ประเด็นม๊า ประเด็นอยู่ที่ว่าเจ้าสาวผมคือใคร



ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ยัยพิมนั่นน่ะ



“แล้วถ้าผมมีคนที่ผมอยากคบอย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ ม๊าจะบังคับผมให้แต่งงานกับคุณพิมนั่นอีกไหม”



“ถ้าลูกมีคนที่ลูกจริงจังแล้ว..ม๊าก็จะไม่บังคับ แต่คนอย่างตาเนลม๊ารู้นิสัยดี ว่ายังหาไม่ได้หรอก ถ้าลูกของม๊าหาแฟนแบบจริงๆ จังๆ ได้ ม๊าคงไม่บังคับให้มาแต่งงานแบบนี้หรอก”



“ผมหาได้แน่ๆ ม๊า ม๊ารอดูเลย”



“ได้ งั้นม๊ามีข้อเสนอ ม๊าให้เวลา 1 เดือน หาแฟนมาเจอม๊าให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ม๊าจะให้ตาเนลของม๊าแต่งงานกับหนูพิม”



“ม๊า!! 1 เดือน ใครจะไปหาได้กันละ” นี่เท่ากับบังคัญผมทางออมให้แต่งานกับยัยพิมนั่นอยู่ดีไม่ใช่หรือไง



“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องหามาให้ได้ ภายใน 1 เดือนนี้ ถ้าลูกยังไม่พาแฟนมาเจอม๊า ลูกต้องแต่งงานกับหนูพิมตอนที่ลูกเรียนจบทันที” โอ้ยตายๆ



“ม๊าว่าม๊าใจดีแล้วนะ จะรับหรือไม่รับไว้ก็ได้ข้อเสนอนี้ ถ้ารับก็ไปเอาแฟนมาเจอม๊า ถ้าไม่รับก็แต่งงานกับหนูพิม”



ต้องรับแล้วล่ะนาทีนี้



“ครับ..ผมจะพาแฟนมาเจอม๊าให้ได้”



“โอเคตามนี้นะ อ๋อ! อย่าลืม พรุ่งนี้หนูพิมจะมาหาเราที่บ้าน เพราะงั้นรีบกลับบ้านให้ไวๆ ล่ะ”



“ครับ”



ตอนนี้มีสองสิ่งที่ผมจะต้องหามาให้ได้ คือ หนึ่งแฟน และ สองบ้าน ผมทนอยู่บ้านที่มียัยคุณพิมมาหาทุกวันไม่ได้หรอกนะ



ใครก็ได้ช่วยผมทีครับ!!!!!
หัวข้อ: Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 18-02-2018 20:33:39
แรกๆมั่นไส้อิตาเนลตอนนี้สงสารแล้วเจอคู่หมั่นบรมมหาภัยเลยทีเดียว.. .. :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: want มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-02-2018 23:05:55
น่าติดตามครับผม,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-02-2018 07:56:56
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 19-02-2018 12:09:03
ปักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 4 ทะเลาะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 20-02-2018 19:21:48
ตอนที่ 4 ทะเลาะ



[Nel talk]

 

 
“มีอะไรหรือเปล่าเนล” เสียงหวานๆของม่าฟ้าเอ่ยถาม หลังจากที่ผมเดินกลับมาหาเธออีกครั้ง เพื่อคุยเรื่องที่ยังคุยกันค้างไว้เมื่อกี้

 

 “ไอ้เด็กนั่นแอบถ่ายคลิปเราน่ะ แต่ฟ้าไม่ต้องห่วงหรอกผมจัดการไปแล้ว”

 

“อืมดีแล้วล่ะ..” เธอพูดเสียงเบา ก่อนจะก้มหน้าลงไม่ยอมสบตาผม เธอทำหน้าเหมือนหนักใจกับอะไรสักอย่าง ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องที่ผมพูดกับเธอไปเมื่อกี้แน่ๆ

 

 “แล้วเรื่องที่ผมถามไปเมื่อกี้..” ผมทวนถามเธอย้ำอีกครั้ง เพราะผมต้องการคำตอบที่ออกจากปากเธอชัดๆ ไม่ใช่อ้ำๆอึ้งๆ ผมไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน

 

 “คือ...เรื่องที่เนลถามฟ้าเมื่อกี้ ฟ้ามาคิดๆดูแล้ว ฟ้ายังไม่มั่นใจ...” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมตรงๆ ท่าทางดูลำบากใจไม่ใช่น้อย

 

 “ฟ้ายังไม่มั่นใจในตัวผมใช่ไหม เพราะผมมีข่าวด้านลบเรื่องผู้หญิงเยอะหรือเปล่า มันเลยทำให้ฟ้าไม่มั่นใจในตัวของผม ใช่หรือเปล่าฟ้า..” ผมรัวคำถามใส่เธอ แต่ประโยคข้างหลังเสียงเริ่มแผ่วลง เพราะไม่มั่นใจว่าความจริงแล้วมันเป็นอย่างที่ผมถามเธอไปหรือเปล่า

 

“ไม่ใช่หรอกเนล ฟ้าไม่มั่นใจในตัวเองตากหาก ฟ้าไม่มั่นใจว่าฟ้ารู้สึกกับเนลแบบไหนกันแน่ ฟ้าขอโทษนะเนล แต่.....” ฟ้าตอบเสียงสั่นเล็กน้อย ท่าทางจะสับสนอยู่เหมือนกัน

แต่ทำไมพอได้ฟังคำที่พูดออกมาจากปากสวยๆนั่น ผมถึงรู้สึกเหมือนโดนปฎิเสธ

 

ท่าทางและสีหน้าของเธอที่แสดงออกมา มันทำให้ผมรู้สึกได้ชัดเจนจากก้นบึ้งของหัวใจเลย ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลยนอกจากเพื่อน

 

เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น....

 

 ทำไมผมรู้สึกปวดที่อกด้ายซ้ายขึ้นมานะ แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าอกหัก ความรู้สึกแบบนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผมเลย...

 

     ผมกับฟ้าเรารู้จักกันช่วงประกวดดาวเดือนตอนปี1ครับ ม่านฟ้าเธอเป็นคนน่ารักร่าเริง และคุยเก่ง เธอมีเสน่ห์มากในสายตาของผม 

ตอนแรกผมก็ตั้งจะจีบเธอ แต่ม่านฟ้าน่ะมีแฟนอยู่แล้ว ผมเป็นประเภทที่ถ้ารู้ว่าใครมีแฟนแล้วต่อให้ชอบขนาดไหน ก็จะไม่มีทางเขาไปยุ่งด้วยเด็ดขาด เพราะอย่างนี้ผมถึงได้แค่มองเธออยู่ห่างๆ

 

     จนกระทั่งวันงานเฟรชชี่ไนท์ ม่านฟ้าทะเลาะกับแฟนของอย่างหนัก ผมเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวอยู่ข้างนอกโดม ผมจึงเข้าไปปลอบใจเธอ และนั่งเป็นเพื่อน เผื่อเธอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอทะเลาะกับแฟนเธอเรื่องอะไรและผมก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้ถามเธอออกไปด้วย ถ้าเธอสบายใจเมื่อไหร่คงจะเล่าให้ผมฟังเองนั่นแหละครับ

ตอนนี้ผมรู้อยู่อย่างเดียวคือ ม่านฟ้าเลิกกับแฟนแล้วครับ เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด และเอาแต่พูดว่า ‘ไม่มีผู้ชายคนไหนที่รักฟ้าและยอมทนคบกับฟ้าได้นานๆสักคนเลย ทั้งๆที่ฟ้าพยายามที่จะจริงจังกับใครสักคน แต่ทำไม...ถึงไม่มีใครที่สามารถทนคบกับฟ้านานๆได้เลย คบกี่คนๆก็เป็นอันต้องเลิก ฟ้าไม่อยากจะจริงจังกับใครแล้ว!’ม่านฟ้าเธอร้องไห้ สะอึกสะอืน น้ำตาใสๆไหลอาบเต็มสองแก้มของเธอ ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจเลย

 

‘ไม่อยากจะจริงจังกับใครแล้ว’

พอได้ยินแบบนั้นจากตอนแรกที่ตั้งใจจะจีบเธออย่างจริงจัง มันก็ทำให้ผมไม่กล้าขึ้นมา

แต่ผม....ก็อยากช่วยเธอรักษาแผลใจครับ แค่สักนิดก็ยังดี

 

  ‘ลองกันดูไหม ผมรู้ว่าฟ้ายังทำใจไม่ได้ และแผลที่ฟ้าได้ก็ยังสดอยู่  แต่..ผมอยากช่วยฟ้ารักษาแผลใจ ลองคบกับผมดูนะ ไม่ต้องจริงจังก็ได้ แค่คบเล่นๆ เป็นคู่ควงก็พอ ถ้าเมื่อไหร่ที่แผลของฟ้าหายดี ผมอยากให้ฟ้าช่วยพิจารณาผมเข้าไปอยู่ในใจฟ้าจะได้หรือเปล่า....’ ขืนฝืนจีบตอนที่เธอกำลังเสียใจ สุดท้ายผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ของผม ก็คงไม่ต่างกับแฟนเก่าของเธอแน่ๆ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของผมดีกว่า



สักวัน...เธอคงจะเห็นมันเอง...

 

 หลังจากวันนั้นเราก็คบกันในฐานะคู่ควงตลอดมาครับ

 

 “ไม่เป็นไรครับฟ้า ผมเข้าใจ” ก็คงต้องอกหักไปตามระเบียบนั่นแหละครับ สงสัยไปหักอกเขาไว้เยอะ

 

 “ฟ้า ขอโทษด้วยนะเนล ดูเหมือนฟ้าจะยัง...” เธออ้ำอึ้ง เหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ ผมได้แต่กลืนน้ำลายฝืดๆลงรอ เพื่อรอฟังคำที่เธอจะพูดต่อไป “ลืมเขาไม่ได้...”

 

“.....” ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจุกที่อก แค่นี้ผมก็ได้คำตอบแล้วว่าที่ผมพยายามมามันศูนย์เปล่า

 

 “ตลอดเวลาที่เนลเป็นคู่ควงฟ้า ฟ้ามีความสุขมากนะ”

 

“….”

 

 “แต่ฟ้ายังไม่รู้สึกรักเนลมากพอที่จะคบกับเนลแบบจริงจังน่ะ”

 

 “....”

 

 “ฟ้า...ขอโทษ”

 

 ครับ...ผมเข้าใจแล้ว..ไม่ต้องตอกย้ำก็ได้

 

 ขอบคุณที่บอกผมออกมาตรงๆ

 

 สงสัยผมยังรอเธอไม่นานพอสินะ แด่ 3 ปีที่รอเธอรับผมเข้าไปในหัวใจ

 

 แต่ตอนนี้มันต้องหยุดลงแล้วล่ะ...

ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก

 

---------------------------------------------------------------

 

 

       ตอนนี้ผมและเดอะแก๊งมาหาอะไรกินกันที่ร้านเจ๊อ้อยแกครับ ผมว่าในบรรดาร้านอาหารรอบมหาลัยของผม ร้านเจ๊อ้อยแกอร่อยที่สุดแล้ว ถึงร้านเจ๊แกจะใหญ่พอสมควร แต่พวกผมก็ต้องรอคิวอยู่นานเหมือนกัน กว่าจะมีที่ว่างเหลือให้พวกผมได้นั่งกัน ก็อย่างว่าแหละครับอาหารฝีมือเจ๊แกอร่อยขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่คนแห่เข้ามากินกันมากมายขนาดนี้

 

     ผมพาร่างไร้วิญาณของตัวเองมานั่งที่โต๊ะ ไอ้ฟิวเป็นคนเอาเมนูอาหารไปดูกับไอ้แจ็ค ก่อนจะจรดปากกาเขียนเมนูที่อยากกินใส่ลงไปในกระดาษ แล้วยื่นใบเมนูมาให้ไอ้เมฆกับไอ้ฟง พวกมันดูอยู่สักพักก็เอ่ยปากบอกให้ไอ้ฟิวจดไป แล้วค่อยยื่นส่งมาให้ผม มันก็จะลำบากหน่อยที่นั่งกันคนละมุมแต่มีใบเมนูแค่ใบเดียว

 

ผมนั่งจ้องเมนูอาหารเจ๊แกอยู่นานพอสมควร ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อยากกินอะไรเลยครับ กระเพาะอาหารเหมือนหยุดทำงานไปชั่วคราว แถมในหัวยังมันรู้สึกว่างเปล่าไปหมด ตอนนี้ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบของผมหยุดหมุนลงเลยล่ะครับ

ไอ้ฟิวที่เห็นว่าผมนั่งจ้องเมนูอยู่นานก็ทนไม่ไหว เลยออกปากถาม

 

“ไอ้เนล กินอะไร จ้องอยู่อย่างนั้นอาหารมันก็ไม่ออกมาให้มึงแดกได้หรอกนะ” ไอ้ฟิวเริ่มขมวดคิ้วไม่พอใจ สงสัยจะโมโหหิว ผมจึงตอบมันแบบขอไปที

 

 “อะไรก็ได้” ไอ้ฟิวมันก็พยักหน้ารับรู้ครับ จดเมนูให้ผมหยิกๆ แล้วเดินเอากระดาษไปเสียบที่เหล็กเสียบกระดาษ ตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินสะบัดตูดกลับมาอย่างอารมณ์ดี

 

ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันสั่งอะไรให้ผมกิน

 ไม่ว่าอะไรมันก็คงจะไม่อร่อยสำหรับผมแล้วแหละนาทีนี้

 

 “เป็นไรวะ เห็นทำหน้าอมขี้มาตั้งแต่เมื่อกี้ล่ะ” ไอ้ฟิวเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เอาร่างบางๆของมันมานั่งที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

 

“อกหัวว่ะ โดนม่านฟ้าปฎิเสธรักมา” ผมตอบมันไปตามตรงครับ เวลาที่เรารู้สึกแย่มากๆ ถ้ามีเพื่อนสักคนคอยรับฟังเราระบายปัญหาที่อัดอันตันใจ จะช่วยให้เราสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะ ผมจึงเลือกที่จะบอกมันไปตรงๆ หวังว่ามันจะช่วยให้ความเจ็บปวดนี้ลดลงได้บ้าง

 

 “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะน้องเนล เดี๋ยวพี่ฟิวร้องเพลงปลอบใจ” ไอ้ฟิวลุกขึ้นมาหาผม ก่อนจะดึงหัวผมไปซุกกับอกของมัน แล้วใช้มือข้างหนึ่งล็อคหัวผมเอาไว้แน่น ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก

ไอ้ฟิว! บางทีกูก็คิดนะ ว่ามึงจะมาปลอบกู หรือฆ่ากูกันแน่

 

“....” เมื่อเห็นผมไม่พูดอะไร มันเริ่มวอมเสียงประหนึ่งตัวเองเป็นนักร้องดังที่กล่องเสียงระดับไฮคลาส

 

“อะแฮ่มๆ โด๊ เร่ มี่ ” เมื่อเห็นผมไม่พูดอะไร มันเริ่มวอมเสียงประหนึ่งตัวเองเป็นนักร้องดังที่กล่องเสียงระดับไฮคลาส ตอนนี้ผมรู้สึกดีแล้วล่ะ ที่หน้าผมซุกกับอกมันอยู่ คนในร้านเริ่มหันมามองไอ้ฟิวแล้ว พวกนั้นจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าผม ปล่อยพวกไอ้เมฆอายแทน

 

 “โด โด่ โด้เรมีโด้เรมีซ้อลหล่า หนูขอเวลาซักสามนาที ไม่ต้องชมว่าหนูเสียงดี ก่อนจบเพลงนี้อย่าพึ่งหนีก็แล้วกัน” ทีนี้ ปล่อยผมแล้วเดินขึ้นไปเต้นร่อนเอวอยู่บนเก้าอี้เลยครับ!

 

แล้วเสียงมันไม่ใช่เบาๆนะ! อย่างกับมาประกาศหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศบาล ดังตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย โดยไม่อายสายตานับพันคู่ที่จ้องมันอยู่เลย 

 

เฮ้ออ อย่าพยายามเลยไอ้ฟิว เห็นแล้วกูอายแทน  จากที่มึงตั้งใจปลอบกูให้รู้สึกดี กูจะเครียดแทน

 

“พอลืมตาปากก็อ้าเสียงก็ออก ไม่หยุดร้องหรอกนอกจากหลับเท่านั้น

ชาวบ้านชาวช่องเขาคงชอบกันทั่ว พยายามปีนรั้วเข้ามาฟังทุกวัน

บางคนก็ถืออีโต้มาด้วย เขาคงมาช่วยเคาะจังหวะมันส์ๆ

หนูร้องดีไม่มีเสียงตก เขาเลยทุ่มครกมาเป็นของกำนัล อ๊าส์”

 

โอ้โห! มีเสียงครางด้วย หยุดเถอะ ไอ้ฟิวหยุด! กูไหว้ล่ะ

พวกผมนี่กุมขมับเลยครับ ไอ้แจ็กก็พยายามดึงไอ้ฟิวให้นั่งดีๆ

 

“พอเถอะไอ้ฟิว ถ้ามึงไม่อาย ก็อยากให้คิดบ้าง ว่าพวกกูอายขนาดไหนที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับคนอย่างมึง” ไอ้แจ็คพูดออกมา ไอ้ฟิวมันถึงยอมหยุด แล้วลงมานั่งเก้าอี้ดีๆ

 

“โอเคๆเห็นแต่มึง กูจะหยุดการวอมเสียงแต่เพียงเท่านี้”

 

พวกผมถอดหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

“อะแฮ่มๆ โอเคกูวอมเสียงเสร็จละ ต่อไปเอาจริง”

นี่มึงยังจะมีก๊อกสองอีกเหรอวะ พอเถอะ!

 

“อะ อือ เพื่อนชะตาเศร้า พี่ฟิวคนนี้จึงอยากร้องเพลงปลอบใจ”

พูดเสร็จมันก็เริ่มแหกปากร้องเพลงอีกรอบ

 

 “เจ็บแปลบขึ้นมาทันที

อกหักใช่ไหมอย่างนี้

นี่เธอไม่รักฉัน แล้วหรือเธอ

เจ็บแปลบขึ้นมาทันทิ อิ อิ อี

อกหักใช่ไหมแบบนี้

บอกฉันที ฉันควรทำอย่างระ ระ ราย”

 

 “ไปร้องเพลงไกลๆตีนกูเลย ไอ้ฟิว!” แม่ง!! กวนตีนไม่เลิก แล้วดูเพลงแต่ละเพลงที่มันร้องออกมา บ่งบอกอายุขัยมึงมาก

 

 “เกรี้ยวกราดจังเลยนะคะพี่เนล น้องฟิวกลัวจังเลยค่ะ” มันทำท่าสะดีดสะดิ้งออกมา พร้อมกลับหันมาบีบน้ำตาใส่ผม ท่าทางทุเรศลูกกะตากูมาก มึงอย่าไปทำท่านี้ใส่ใครนะไอ้ฟิว กูกราบ!

 

“ไอ้ฟิวมึงอย่าไปเล่นเยอะ มันพึ่งถูกม่านฟ้าหักอกมานะโว้ย เราควรปลอบใจมันสิวะ” ใช่ไอ้แจ็คมึงพูดถูก ตอนนี้กูต้องการคนมาดามหัวใจ เอมโซแซดมาก

 

 “งั้นกูแนะนำให้มึงไปหาสาวมาดามหัวใจมึงสักคน เดี๋ยวมึงก็ลืมม่านฟ้าได้ เชื่อกู ถ้ามึงอยู่กับความจริงแล้วมันทำให้มึงเจ็บปวด มึงก็แค่มันหนีออกมาก่อน อะไรที่ทำให้เราทุกข์ก็อย่าเก็บมาทำร้ายเราเลย อีกอย่างสาวในสต๊อกมึงเยอะจะตาย กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว จะมาซงมาแซดทำไม” เอ่อ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มึงพูดจาเข้าหูกูน่ะ ไอ้ฟิว

 

 “แต่มึงก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้....คนเราเกิดมาต้องอยู่และยอมรับกับความจริงในชีวิต ถึงแม้ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นมันจะทำให้คุณเจ็บปวดจนอยากจะหลีกหนีแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ เพื่อที่จะก้าวผ่านพ้นความทุกข์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วคุณจะพบกับแสงสว่างในชีวิตได้เอง ถ้ามัวแต่พยายามหนีจากความจริง สุดท้ายแล้วคุณก็จะยังจมปักอยู่กับความทุกข์ แล้วเมื่อไหร่จะหลุดพ้นสักที จากหนังสือปรัชญา หน้า 194 ย่อหน้าที่ 3”

 

 อือหือไอ้ฟงมึงท่องมาได้เป๊ะมาก กูบรรลุแล้ว

 

 ไอ้ฟงมันเป็นคนที่จริงจังกับการดำรงชีวิตมากครับ จะไปไหนมาไหนต้องพกหนังสือปรัชญา กับตลับเมตรติดตัวตลอด ทุกอย่างในชีวิตมาต้องสมบูรณ์แบบ เป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ บางวันถ้าไม่พกตลับเมตร มันก็พกไม้บรรทัดมาครับ ผมเคยถามมันว่ามึงจะพกมาทำไม มันบอกว่า เวลาไปซื้อของจะได้ไม่ต้องโดนโกงเรื่องขนาดของสินค้า คือคุณมึงครับคนส่วนมากเขาก็ไม่วัดกันหรอก อะไรมันจะขนาดนั้น

 

มีอยู่วันหนึ่งที่ผมเคยไปส่งมันซื้อตู้เก็บของที่ห้างครับ มันนั่งวัดเป็นชั่วโมงเลย  มันนั่งคำนวนความสูง ความยาว และความกว้างของตู้เก็บของ กับพื้นที่ในบ้านของมันครับ เสร็จแล้วก็คำนวนว่าถ้าเอาตู้ขนาดนี้ไปพื้นที่ในบ้านมันจะเหลืออยู่เท่าไหร่ โอ้โห มึง!!! กูยอม

 

 แต่บางครั้งมันก็เอามาวัดเนคไทผูกคอมันนะครับ ต้องผูกให้เท่ากันทุกวัน ถ้าผูกเกินมานิดหน่อย ย้ำนะครับว่านิดหน่อยเท่านั้น นิดเท้าขี้เล็บ มันก็จะแกะแล้วผูกใหม่จนกว่าจะได้ มีใครให้มากกว่ามันไหมครับ สุดยอดคนแห่งความสมบูรณ์แบบ ผมล่ะอยากเห็นเมียมันจริงๆเลยว่าจะเป็นคนยังไง

 

 “โวะ กว่ากูจะคิดคำเท่ๆแบบนั้นได้ พอมึงพูดออกมา คำของกูดูเด็กอนุบาลไปเลย ไอ้ฟง” ไอ้ฟิวเริ่มบ่นออกมา

 

 “วิลเลียม เช็กสเปียร์กล่าวว่า การแสวงหาความรักเป็นสิ่งดี แต่การไม่แสวงหาความรักดีกว่า”ไอ้ฟงเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วครับ

 

 “ถ้าหากมึงเจ็บปวดจากความรัก แล้วมึงจะไปแสวงหาความรักให้มึงเจ็บปวดอีกทำไมละ หยุดก่อนเถอะไอ้เรื่องที่มึงคิดจะไปหาผู้หญิงคนมาควงเล่นเพื่อทำให้ลืมความเจ็บปวดจากผู้หญิงอีกคนน่ะ เป็นคนบาปอยู่แล้วยังจะทำบาปเพิ่มอีก ตายไปนรกกินหัวแน่มึง”

 

 ครับ..แม่

 

 “กูเห็นด้วยกับไอ้ฟงมัน มึงจะไปควงผู้หญิงคนอื่นเล่น ให้เขาเจ็บปวดอีกทำไม แค่นี้เวรกรรมมันยังไม่ตามสนองมึงไม่พออีกเหรอไอ้เนล” ไอ้เมฆที่นั่งเงียบอยู่นานพูดออกมาบ้าง

 

 ครับ..พ่อ

ผมเข้าใจแล้ว

 

คิดไม่ผิดเลยที่เล่าปัญหาให้ไอ้พวกนี้ฟัง มันช่วยผมได้เยอะเลยครับ ตอนนี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นนิดนึงแล้วล่ะครับ

 

 พวกผมรออาหารได้ไม่นานเท่าไหร่ อาหารก็ค่อยๆมาเสิร์ฟที่โต๊ะพวกเราทีละเมนูๆ ครับ

 

จานแรกเป็นข้าวผัดกระเพราของโปรดของไอ้เมฆ ส่วนจานต่อมาของไอ้แจ็กเป็นราดหน้าหมู ตามด้วยข้าวมันไก่ของไอ้ฟิว และ ไอ้ฟง..ข้าวคะน้าหมูกรอบ แต่เดี๋ยว ไอ้ฟง!! มึงจะมานั่งวัดใบคะน้าทีละใบแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย

 

 “ไม่เท่าว่ะ” ไอ้ฟงสบถออกมาอย่างหัวเสีย

 

 “อะไรไม่เท่าวะ”ผมถามมันออกไป

 

 “ใบคะน้าของกูอะดิ ได้ใบสั้นกว่าจานของไอ้โต๊ะตรงข้ามนั่นอีก ใบมันยาวกว่า ไม่ยุติธรรมเลยว่ะ” พอเถอะไอ้ฟง มึงก็แค่แดกๆเข้าไปจะอะไรมากวะ เห้ยย!!

 

 ผมรอไม่นานจานของผมก็มาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้วครับ..ตื่นเต้นนิดหน่อยว่าไอ้ฟิวมันจะสั่งอะไรให้ผมกิน

 





 OMG!!!

 

 ไอ้ฟิว!!! มึงสั่งอะไรมาให้กูกินวะ มึงแน่ใจนะว่ามันกินได้ นี่อะไรน่ะ ปะ! ปลาร้าเป็นตัวเลยนี่หว่า เดี๋ยวๆ พึ่งสังเกต ไอ้น้ำดำๆนี่มันน้ำอะไรวะเนี่ย

 

 

“ไอ้ฟิว มึงสั่งอะไรมาให้กูวะ”

 

“ข้าวผัดปลาร้าน้ำปูเค็ม” โอ้ยยยยย ไอ้ฟิววว มันมีเมนูนี้ในร้ายเจ๊อ้อยด้วยเหรอวะ!!! กูอยากตาย

 

 “ใครจะไปกินได้ละวะ” นี่มึงใช้สมองคิดแล้วใช่ไหมไอ้ฟิว ก่อนสั่งให้กูน่ะ มึงบอกกูให้มั่นใจหน่อยว่ามึงใช้สมองคิดแล้ว?

 

 “อร่อยดีออก กูเคยกินมาแล้วเลยสั่งให้มึง มึงต้องลองกินโว้ยถึงจะรู้ว่าอร่อยขนาดไหน!” ไม่เป็นไรวะไอ้ฟิว กูขอผ่านดีกว่า

 

 “อร่อยแล้วทำไมมึงไม่สั่งมากินเองวะ”

 

 “ไม่ล่ะ แดกครั้งเดียวในชีวิตก็เพียงพอแล้ว ความอร่อยของมันยังคงตราตรึงลิ้นกูอยู่มาจนถึงทุกวันนี้” พูดพร้อมแลบลิ้นให้ดู

 

ขอบคุณสำหรับความเหี้ยที่มอบให้กูมา ไอ้เพื่อนเลว..

 

“ขอโทษด้วยนะครับพี่อ้อยพอดีผมติดทำงานเอกน่ะครับ เลยมาสาย จริงๆผมกะจะโทรบอกพี่แล้ว แต่โดนไอ้บ้านิสัยเหี้ยคนหนึ่งโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน คิดแล้วแค้นไม่หายเลย อย่าให้ได้เจออีกนะ!!! พ่อจะต่อยให้จมดินเลย”

 

เสียงคุ้นๆ

 

 “เพราะมีคนเหี้ยแบบมัน ประเทศชาติถึงได้ไม่เจริญสักที คิดแล้วหงุดหงิด”

 

 หวับ!! หันไปมองหน่อย

 

 ชัดเจน!ไอ้เด็กเมื่อตอนกลางวัน

 

 มันกำลังยืนด่าผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้านครับ

 

 ไม่ได้การล่ะ ผมลุกจากโต๊ะ แล้วเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ร้านทันที มันต้องเจอกันสักหน่อยละ

 

 “มีคนแบบกูแล้วประเทศชาติมันไม่เจริญยังไง?” ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างๆมัน พร้อมถามเสียงเข้ม

 

 “เห้ย!” มันดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อยครับ ที่เห็นผม

 

 “กูว่ามีคนแบบมึงมากกว่ามั้ง ประเทศถึงไม่เจริญสักที” ผมย้อนมันบ้าง

 

 “มีคนแบบผมแล้วประเทศมันไม่เจริญยังไง อย่างน้อยผมก็ไม่เคยไปแย่งแฟนของใครล่ะวะ”

 

หืมมม ขึ้นเลย ขึ้นนนน มันขึ้นนนน!!!

 

 “เหอะ!! แต่อย่างน้อยกูก็ไม่เคยไปแอบถ่ายคลิปที่ชาวบ้านเขาคุยกันเหอะ”

 

 “ถ้ามึงไม่ไปแย่งแฟนเพื่อนกู กูคงไม่ยุ่งกับมึงหรอก” ขึ้นมึงแล้วโว้ย

 

 “ถ้าน้องเขาไม่มาอ่อยกูก่อน กูก็คงไม่ไปยุ่งกับน้องเขาหรอก เพราะงั้นกูไม่ผิด”

 

 “ถ้ามึงไม่เล่นด้วยซะอย่าง น้องเขาก็คงไม่นอกในเพื่อนกูแล้วไปหามึงไหมล่ะ?”

 

 “ต้องขอโทษด้วยวะที่กูเป็นพวกถือคติที่ว่า ผู้หญิงอ่อยมาให้อ่อยกลับ เขามาบริการขนาดนั้นแล้ว เป็นมึงไม่เอา?” ผมเลิกคิ้วถามมัน

 

 “โถ่โว้ย!! กูแม่งไม่คุยกับมึงละไร้สาสาระ เสียเวลาดำเนินชีวิต!!” มันเอามือทึกหัวตัวเอง ก่อนจะขยับปากด่าผมสองสามคำ แต่ผมไม่ได้ยินหรอกว่ามันด่าว่าอะไร

 

“งั้นมึงก็เลิกยุ่งกับกูซะที! น้องออมอะไรนั่นกูก็เลิกไปแล้วเหอะ อีกอย่างน้องออมนั่นแฟนเพื่อนมึงไม่ใช่แฟนมึงสักหน่อย โกรธอย่างกับกูไปแย่งแฟนมึงอย่างงั้นแหละ”

 

 “ฮื้ม!” มันเริ่มถียงไม่ได้แล้วครับ เลยทำเสียงออกมาอย่างไม่พอใจนัก

 

“อ๊ะ! หรือว่าที่มึงยังตามวุ่นวายกับกูอยู่นี่เป็นเพราะ.....” แกล้งสักหน่อยล่ะกัน

 

 ผมไล้สายตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะโน้มใบหน้าของผมเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ จนใบหน้าของเราตอนนี้ห่างกันไม่ถึงคืบ มันก็พยายามขยับใบหน้ามันหนี แถมยังทำสายตาเลิกลั่ก พยายามที่จะหลบตาผมอีก หึ! ท่าทางมันตลกซะมัดเลยเด็กเอ๋อ

 

 ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “มึงแอบชอบกู?”

 

 พอมันได้ยินประโยคชวนสยองเมื่อกี้ มันก็รีบผลักผมออกไปให้ห่างจากตัวมันทันที แถมยังเดินบิดตูดหนีผมไปทางห้องครัว ยังวายหันมามาตะโกนบอกผม

 

 “ใครจะไปชอบมึงวะ หลงตัวเอง!”

 

“หึ!” ผมยิ้มมุมปากส่งไปให้มัน

 

ครืด ~ ครึด ~

 

 ‘ม๊า’ ทำไมวันนี้ม๊ารีบโทรมาหาผมจังวะ ปกติก็โทรมาทุกวันนะครับ แต่จะเป็นช่วงประมาณสองทุ่มกว่าๆ

 

ตอนนี้พึ่งจะทุ่มกว่าๆเอง

 

 

“ครับม๊า มีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ไป

 

 [อาเนลลล วันนี้ รีบๆกลับบ้านน๊า]

ม๊ามาโทนเสียงนี้อีกแล้ว มาโทนเสียงนี้เมื่อไหร่สยดสยองทุกทีในให้ ตายเหอะ!!

 

 “มีอะไรหรือเปล่าม๊า”

 

 [ไม่บอก มาลุ้นเอาเอง รีบๆกลับมาน๊า จุ๊บ!]

 

 มันต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่ๆ น้ำเสียงโทนนี้....!!  รู้สึกขนลุกตั้งแต่หัวไปจนถึงตาตุ่ม

รอบที่แล้วจับคู่ผมกับยัยพิมผมว่ามันโหดร้ายมากแล้วนะ อย่าให้มีเรื่องอะไรโหดร้ายกว่านี้อีกเลย

 

 สาธุ!

 

 “กูไปก่อนนะ ม๊าโทรเรียกกลับบ้าน มีเรื่องอะไรจะเซอร์ไพรส์กูอีกก็ไม่รู้” ผมเดินไปลาพวกไอ้ฟิวที่นั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ

 

“อ่าวจะไปแล้วเหรอ แย่จัง อดเห็นมึงกินข้าวผัดปลาร้าน้ำปูเค็มเลย” ถึงกูไม่มีธุระไปไหน กูก็ไม่แดกหรอกไอ้ฟิว มึงพับโครงการนั้นไว้เลย เก็บไว้แล้วไม่ต้องเอาออกมาอีกนะ!

 

“เอ่อ ขอให้เป็นเรื่องดีๆนะ 55555”

 

 “เอ่อ กูก็หวังให้เป็นอย่างงั้น” ผมตอบไอ้แจ็คไป

 

       



      หลังจากที่ผมบอกลาไอ้พวกเพื่อนเสร็จแล้ว ผมก็ขับรถรีบกลับบ้านทันทีครับ อยากรู้เหลือเกินว่าม๊ามีเรื่องอะไรจะเซอร์ไพรส์ผมอีก ตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดออกมาเต้นแอโรบิคข้างนอก

 

ผมขับรถมาจอดที่ลานจอดรถ แล้วตรงดิ่งเข้าไปในบ้านทันที สายตาผมกวาดมองซ้ายมองขวาหาตัวม๊า ทำไมผมถึงรู้สึกใจไม่ดีได้ขนาดนี้นะ มันต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับผมแน่ๆ

 

 “กลับมาแล้วเหรอ ตาเนลของม๊า” ม๊ากับป๊าผมเดินลงมาจากบันไดใหญ่ของบ้าน ป๊าสวมชุดสูท ผูกเนคไทค์อย่างดี ส่วนม๊าก็สวมชุดราตีสีขาวแขนยาวเปิดไหล่ไว้ บนคอประดับเครื่องเพชรเม็ดงามบ่งบอกชัดเจนว่าท่านกำลังจะไปออกงานสังคม แล้วทำไมท่านถึงโทรเรียกให้ผมรีบกลับบ้านล่ะ?

 

 “ม๊ากำลังจะไปงานวันเกิดคุณหญิงนันสุดา กับป๊า”ท่านว่าด้วยน้ำเสียร่าเริง

 

“แล้วม๊า...” ผมกำลังจะพูดว่า แล้วม๊าให้ผมรีบกลับบ้านมาทำไม ท่านก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

 

 “พอดีว่าหนูพิมจะมาอยู่กับเราด้วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พอดีเจ้าสัวธนชัยแกต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ หนูพิมเค้าอยู่คนเดียวไม่ได้ เค้าเลยมาขออยู่กับเราจนกว่าเจ้าสัวแกจะกลับมา”

 

“...” ที่เงียบไม่ใช่อะไร ช็อคอยู่

 

 “แล้ววันนี้ม๊ากับป๊าก็ดันไม่ได้อยู่บ้าน ม๊าเลยต้องโทรตามตาเนลของม๊ามาอยู่เป็นเพื่อนหนูพิมไง”

 

 โอ้ยยย บัดซบมาก บัดซับจริงๆ มีใครให้มากกว่านี้อีกไหมครับ

 

 “คุณคะเราไปกันเถอะค่ะ ม๊าฝากเนลดูแลหนูพิมด้วยนะ”ประโยคแรกม๊าหันไปพูดกับป๊า ส่วนประโยคหลังม๊าหันมาบอกกำชับกับผม

 

ผมส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ แต่ท่านก็เดินออกไปแล้ว

 


ไม่ครับม๊าอย่าทำแบบนั้นกับผมครับ ม๊ากลับมาก่อนม๊า

 

 กลับมา!!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 20-02-2018 23:18:55
น่ากลัว. อยู๋กับพิมในบ้าน แค่คิดก็สยองแล้วววว
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่5 ซวย
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 22-02-2018 10:33:20
ตอนที่ 5 ซวย


[Nel talk]

 

“เนลคะ ลองชิมอาหารฝีมือพิมหน่อยสิคะ พิมตั้งใจทำสุดฝีมือเลย” พิมยิ้มแป้นแล้นออกมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้มาแปลกครับ จู่ๆก็มาพูดจาดี แถมยังเอาอกเอาใจผมอีก แต่แค่รู้ว่าใครทำก็ไม่กล้ากินแล้ว ไอ้ภาพสุดสยดสยองที่ยัยพิมนั่นพยายามยัดเศษดินเศษหญ้าเข้าปากผมยังตราตรึงอยู่ในใจผมมาจนถึงทุกวันนี้

 

ตอนนี้ผมอยู่กับพิมที่ห้องทางอาหารครับ เธอลงทุนเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้ผมทาน ดูเธอเอาอกเอาใจผมใช่ไหมล่ะครับ แต่...

 

“เอ่อ...” ยิ้มหล่อๆส่งให้ก่อนแล้วกัน

 

“พิมลองฝึกทำแกงจืดหมูสับดู ไม่รู้ว่าจะอร่อยไหม แต่พิมตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะคะ เนลลองทานดูหน่อยนะคะ”

 

“เอ่อ...” คือมันก็ดูเหมือนจะกินได้นะครับ แต่พิมแน่ใจใช่ไหมว่ามันคือแกงจืดหมูสับน่ะ โอ้โห พิมครับ ผักกะหล่ำน่ะหั่นบ้างก็ดีนะ เล่นใส่มาเป็นลูกเลย ไหนจะไอ้หมูสับนั่นอีก คือพิม! มันไม่เรียกว่าหมูสับครับ ถ้าพิมจะเล่นใส่หมูมาทั้งตัวแบบนั้นน่ะ (มันไม่ใช่หมูตัวใหญ่มากนะครับ เป็นลูกหมูตัวเล็กๆ แต่ก็หลายตัวอยู่ กำลังนอนอืดตายอยู่ในหม้อ) แล้วถ้าพิมช่วยตักใส่จานมาให้ผม จะขอบพระคุณเป็นอย่างมากครับ ไม่ใช่ยกมาให้ผมทั้งหม้อแบบนี้ ผมไม่โอเคครับ ไม่โอเค!

 

“ทานสิคะ เนล” เสร็จแล้วเธอก็ยื่นทัพพีให้ผม คาดว่าคงจะให้ผมใช้ทัพพีตักแทนช้อน โอ้โหจิตใจเธอทำด้วยอะไร

 

“เอ่อ..พิมครับ ทำไมไม่หั่นผัก” ถามออกไปหน่อยก็แล้วกัน

 

“พิมขี้เกียจหั่นค่ะ”

 

“เอ่อ..แล้วหมูทำไมมาเป็นตัวแบบนี้ละครับ”

 

“พิมก็ขี้เกียจเหมือนกันค่ะ กินๆไปเถอะ ยังไงมันต้องต้องลงท้องเนลอยู่แล้ว จะหั่นให้มันเสียเวลาทำไมคะ”

พิม!!!! นั่นมันไม่ใช่ประเด็นพิม!! ประเด็นมันอยู่ที่ว่าผมจะกินเข้าไปยังไงมากกว่า โอ้โห กะหล่ำปีเป็นหัวเลย

รับไม่ได้สุดๆ ! ไอ้หมูนี่ไม่ต้องถามหานะครับ ผมคงไม่กินมันแล้วล่ะ จะกินยังไงวะนั่น

 

“แล้วพิม คิดยังไงถึงลงทุนมาทำอาหารให้ผมกินหรอครับ พิมให้แม่ครัวเขาทำให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องลงทุนเข้าครัวเองเลย” ถามไปหน่อยแล้วกันสงสัยมากๆ ปกติพิมไม่ค่อยจะลงมือทำอาหารให้ใครกินหรอก ส่วนมากเธอก็จะมีแม่ครัวประจำบ้านคอยทำอาหารให้ทาน จึงไม่จำเป็นที่เธอจะลงทุนเข้าครัวเองแบบนี้หรอกครับ

 

“แหม...เดี๋ยวเราก็จะเป็นผัวเมีย อุ้ย! สามีภรรยากันแล้วนี่คะเนล พิมก็ต้องฝึกทำอาหารให้เนลทานสิคะ

พิมวางแผนอนาคตของเราไว้แล้วนะคะ ว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว เราจะไปสร้างบ้านอยู่ด้วยกันสองคน พิมจะไม่จ้างแม่ครัวหรือแม่บ้านหรอกนะคะ พิมอยากลองเป็นภรรยาที่ดีคอยดูแลสามีอย่างเนลไงคะ” เธอทำหน้าเพ้อฝัน

 

คือ...ถ้าผมแต่งงานกับคุณเธอไป ผมต้องกินอะไรแบบนี้ทุกวันเลยใช่ไหม โอ้โห!!! เอามีดมาแทงกูให้ตายเลยดีกว่า เอามีดมา!!!! ผมไม่อยู่หายใจเพื่อไปแย่งออกซิเจนคุณเธอแล้ว

 

“กินเข้าไปสินะคะ จ้องแบบนั้นมันก็ไม่ช่วยอะไรนะคะเนล” ที่ผมจ้องคือกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าผมจะยัดซากพวกนี้เข้าปากไปยังไง คือถ้าคุณเธอยอมหั่นให้ผมตั้งแต่แรก ปัญหาพวกนี้มันจะไม่เกิดหรอกครับ

 

“เนลจะกินได้หรือยังคะ”

 

“ครับ กินๆ” นาทีนี้ต้องกินแล้วล่ะ เพราะพิมเธอเริ่มกดเสียงลงต่ำ และทำหน้าตาน่ากลัวขึ้นมา

ผมลงมือใช้ทัพพีตักหัวกะหล่ำขึ้นมา แต่! ตักไม่ขึ้นครับ พอผมพยายามจะตัดมันขึ้นมา มันก็หล่นตกจากทัพพีไป มันก็ไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่ ก็ทัพพีอันแค่นี้จะไปตักหัวกะหล่ำอันเท่าหัวหมูได้ยังไง ตัดขึ้นได้นี่สิแปลก!

 

ผมก็พยายามตักๆไปครับ ถ่วงเวลาสักนิดก็ยังดี แต่ดูเหมือนพิมเธอจะทนดูผมไม่ไหว เลยลุกขึ้นจากเก้าอี้ หลังจากนั้น..

 

“โอ้ย เนลไม่ได้ดังใจพิมเลย มานี่เดี๋ยวพิมป้อนเอง!” เธอแย่งทัพพีออกจากมือผมไป แล้วจัดการใช้ทัพพีนั้นตักกะหล่ำปีให้ผมครับ แต่ดูเหมือนเธอจะตักมันไม่ขึ้นเหมือนกัน เธอดูจะหัวเสียขึ้นมานิดหน่อย จึงโยนทัพพีทิ้งลงกับพื้น และ...

 

เธอใช้มือของเธอล้วงลงไปหยิบกะหล่ำในหม้อนั้นขึ้นมา อี๋! พิมอย่า! อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ

คุณลองคิดสภาพกะหล่ำปีเป็นลูกๆที่ถูกต้มจนเปื่อยดูสิครับ ! เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วครับ

ไม่นะ! มันคงไม่ได้เป็นแบบนี่ผมคิดหรอกใช่ไหม ลุกหนีก่อนดีกว่านาทีนี้คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว

 

ผมกำลังจะลุกหนีไป แต่พิมดูเหมือนจะรู้ทันเลยใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกะหล่ำปีรั้งผมไว้ แล้วจับผมให้ลงนั่งกับเก้าอี้เหมือนเดิม

 

“จะหนีไปไหนคะ” เธอตกเสียงต่ำ

 

“เอ่อ ลืมไปว่าผมพึ่งกินข้าวมา แย่จังพิม ผมอิ่มแล้ว ขอโทษนะ” พูดจบก็ทำท่าจะลุกหนี แต่ดูเหมือนพิมจะไม่ยอม กดไหล่ผมให้ลงไปนั่งเหมือนเดิม

 

“ไม่ได้คะเนล พิมอุส่าห์ทำมาแล้ว เนลต้องกิน!!!” เธอตะหวาดใส่ผมเสียงดังลั่น

คนอะไรวะ แม่งไม่มีเหตุผล แล้วดูสภาพอาหารที่เธอทำมาดิ คนสติดีที่ไหนเขาจะกินกัน บ้าไปแล้ว

 

“ผมไม่กิน” พูดออกไปตรงๆเลย เห็นผมยยอมจะบังคับอะไรก็ได้หรือไง

 

“เนลกล้าขัดใจพิมเหรอคะ” เธอเลิกคิ้ว “เนลคงจะลืมเรื่องเมื่อ 16 ปีก่อน ที่เนลขัดใจพิมแล้วโดนลงโทษอะไรบ้างแล้วสินะ อยากรื้อฟื้นความทรงจำไหมละคะ พิมช่วย”

 

ไม่…

ผมไม่เคยลืมความขมขืนนั้นเด็ดขาด….

มันเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ…

 

“อุก!”

 

ในช่วงจังหวะที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นเอง เธอก็ง้างปากผมแล้วยัดกะหล่ำปีลูกนั้นใส่ปากผมทันทีเลยครับ ผมพยายาม ตะเกียกตะกาย ดึงมือเธอออกสุดชีวิต แต่พิมเธอไม่ยอมละความพยายามกดกะหล่ำปีเข้ามาในปากผมเรื่อยๆ

 

อี๋!!!! รสชาติหน่วยเป็นบ้าเลย แหวะ

 

“กินเข้าไปค่ะ อย่าขัดใจพิม ไม่งั้นพิมฟ้องพ่อเนลนะ”

 

ผมก็พยายามอดทนฝืนเคี้ยวกะหล่ำอย่างพะอืดพะอม ต้องเคี้ยวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่เคี้ยวมันก็ไม่หมดสักทีครับ คุณเธอเล่นยัดไม่ให้ผมได้หายใจเลย

 

เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันไย ฉันทำ อะไรให้เธอเคืองขุ่น~

 

 

ผมว่าชาติก่อนผมต้องไปทำอะไรให้คุณเธอเกลียดแค้นแน่ๆ ชาตินี้ถึงได้ตามเป็นเจ้ากรรมนายเวรผมขนาดนี้ ถ้าผมหลุดพ้นจากคุณเธอไปแล้วโลกนี้ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้วล่ะครับ

 

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าคุณได้ลิ้มลองฝีมือการทำอาหารของคุณพิมแล้ว ใดๆในโลกล้วนอร่อย อาเมน

 

 

ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมทนไม่ไหวแล้ว!!!

ถ้าให้ผมต้องอยู่กับยัยคุณพิมนี่ทุกวัน ผมต้องตายเอาจริงๆสักวันแน่

 

ผมไม่รีรอรีบกดโทรศัพท์หาไอ้ฟงมันทันทีครับ ไอ้นี่เป็นเจ้าพ่อข้อมูล ถ้าให้มันไปสืบหาอะไรมันจะหามาให้ได้อย่างรวดเร็วครับ รอไม่นานมันก็รับสายผม

 

[ว่าไง]

 

“ไอ้ฟง กูมีเรื่องด่วนให้มึงช่วยกูหน่อย”

 

[เรื่องอะไร]

 

“มึงช่วยไปหาข้อมูลให้กูหน่อย ว่าช่วงนี้มีบ้านว่างให้กูบ้างหรือเปล่า ใกล้มหาวิทยาลัยเราได้ก็ยิ่งดี”

 

[เอาไปทำไม มึงไปกลับบ้านแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว] แต่ตอนนี้มันไม่ดีแล้ววะไอ้ฟง

 

“เอ่อน่า ช่วยกูหน่อย อย่าถามเยอะ”

 

[ไม่ได้หรอก กูต้องรู้เหตุผลก่อน ทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมมีเหตุจึงมีผลตามมา มึงไม่บอกเหตุมา กูก็ไม่สามารถนำผลมาให้มึงได้] โอ้ยพูดไม่รู้เรื่องวะฟง มึงแค่ไปหาบ้านให้กู ไปหาเหตุหาผลอะไรของมึง

 

แต่ผมก็ยอมเล่าทุกอย่างให้มันฟังไปครับว่าตอนนี้ชีวิตผมเข้าขั้นวิกฤตขนาดไหน!

 

[อ๋อ..แม่มึงให้คุณพิมผู้หญิงที่มึงรู้สึกกลัวที่สุด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่า ตอนนี้กำลังจะตกเป็นเจ้าสาวมึง ให้มาอยู่บ้านเดียวกับมึง มึงเลยอยากหนีออกมาอยู่ข้างนอก ว่างั้น?] ไอ้ฟงพูดทวน

 

“เอ่อดิ ให้อยู่ด้วยคงไม่ไหววะ มึงรีบๆหาให้กูเลยไอ้ฟง”

 

[อืม เดี๋ยวหาให้]

 

รีบหาให้กูเลยไอ้ฟง มึงคือความหวังเดียวของกู

 

 

            หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับไอ้ฟงเสร็จผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ขออาบน้ำให้ชื่นใจสักหน่อยเถอะ วันนี้เจอแต่เรื่องที่ทำให้ปวดหัวทั้งนั้น หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องปวดหัวอีกแล้วนะ  หลังจากที่พะอืดพะอมอดทนฝืนกลั้นกินอาหารรสชาติห่วยแตกฝีมือยัยพิมไป เราก็อยู่คุยกันนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน

 

จริงๆผมอยากกลับห้องมาอ้วกมากหลังจากกินอาหารฝีมือเธอไป แต่คุณพิมเธอไม่ยอมให้ผมกลับ เธอยื้อผมให้อยู่กับเธอสักพัก จนตอนนี้อ้วกที่ผมคิดว่าจะปล่อยออกมา มันไหลขึ้นสมองผมไปหมดแล้วครับ เจริญพร !

 

ซ่า~

 

หยาดน้ำที่ไหลกระทบกับผิวกาย มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาระดับหนึ่ง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะหมดวันที่แสนเลวร้ายที่สุดในชีวิตผมไปแล้วสินะ ในหัวผมทวนคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น วันนี้เป็นวันที่ม่านฟ้าปฎิเสธไม่ยอมคบกับผม แถมยังโดนไอ้เด็กรุ่นน้องตัวแสบแอบถ่ายคลิป ซ้ำยังมีหน้าไปยืนด่าผมที่หน้าเคาน์เตอร์ร้านเจ๊อ้อย แต่ที่เลวร้ายสำหรับผมที่สุดในวันนี้ คือต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับยัยพิมนี่แหละ เฮ้อ~ รีบๆหมดไปสักทีเถอะ วันเฮงซวย

 

ผมหยิบผ้าเซ็ดตัวมาพันร่างกายท่องล่างเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องน้ำ

 

“เห้ยย!!”

 

มาอยู่นี่ได้ไงวะ ยัยพิมครับยัยคุณพิมตัวเป็นๆเลย นั่งอยู่บนเตียงของผม เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยาวถึงต้นขาเนียนขาว ปล่อยเรือนผมยาวที่เปียกลู่ลงมาถึงไหล่มนของเธอ โอ้โห โคตรเซ็กซี่เลย

 

เห้ย! ไม่ได้นะไอ้เนล มึงหยุดความคิดนั้นเลย นั่นคุณพิมนะ คุณพิมที่แสนน่ากลัวคนนั้น ท่องไว้ คุณพิม คุณพิม

 

“คุณพิมมาอยู่ที่ห้องผมได้ไงครับ”

 

“พิมก็จะมานอนกับเนลไงคะ”

 

“ห๊ะ! ม๊าผมให้คนเตรียมห้องให้พิมแล้วไม่ใช่หรอครับ”

 

“เนลอะ ก็พิมไม่อยากนอนคนเดียวนี่คะ พิมกลัวผี” ผมว่าพิมหน้ากลัวกว่าผีอีกนะครับ

 

“งั้นพิมก็ไปเรียกป้าแม่บ้านมานอนเป็นเพื่อนพิมก็ได้”

 

“แต่พิมอยากนอนกับเนลนี่คะ”

 

“แต่ถ้าพิมมานอนห้องเดียวกับผมแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะมองพิมไม่ดีนะครับ”

 

“ใครเขาจะมองพิมไม่ดีกันคะ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ายังไงเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว จะนอนตอนนี้หรือตอนไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” เธอทำเสียงยั่วยวน ก่อนมือคู่สวยนั้นจะค่อยๆดึงปกเสื้อลงเผยให้เห็นหัวไหล่มน

 

“แต่ไม่ใช่ตอนนี้พิม ออกไปจากห้องผมได้แล้ว” ผมเดินเข้าไปดึงเสื้อของเธอขึ้นมาปิดไหล่ให้ ก่อนจะเอ่ยไล่เธอ

 

“ไม่ค่ะ พิมจะนอนกับเนล” เธอไม่ยอมลุกไปไหน ยืนกรานคำเดิมว่าจะนอนกับผม

 

“ไม่ได้ครับ ออกไปเถอะครับพิม คนที่เสียหายไม่ใช่ผมนะครับ แต่เป็นคุณ”

 

“แล้วไงคะ พิมต้องแคร์ไหม”

 

“ออกไปเถอะครับ”

 

“เนลกล้าไล่พิมเหรอคะ พิมไม่ออกไปค่ะ ยังไงพิมก็จะไม่ออกไปเด็ดขาด!!” พิมเริ่มขึ้นเสียงใส่ผมแล้ว โวะ! พูดไม่รู้เรื่องวะ

 

“พิมจะเอาแบบนี้ใช่ไหมครับ ได้งั้นก็เชิญพิมนอนห้องนี้ไปเลยนะครับ”

 

พูดเสร็จผมก็เดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตอนนี้ห้องผมนอนไม่ได้แล้วครับ ต้องย้ายไปนอนห้องอื่นด่วนๆ

 

“นั่นเนลกำลังจะไปไหนคะ”

 

“ก็พิมอยากนอนห้องนี้ไม่ใช่หรอครับ ผมก็จะไปนอนห้องอื่นไง”

 

“งั้นพิมจะตามไปนอนกับเนลค่ะ”

 

“ไม่ได้ครับพิม”

 

“ไม่รู้แหละค่ะ เนลไปนอนที่ห้องไหนพิมก็จะตามไปนอนกับเนล” ปวดหัวโว้ย พิมแม่งพูดไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่ใจตัวเองซะมัด

 

ผมไม่สนแล้ว รีบสาวเท้าเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองทันที คุณพิมเธอก็ลุกเดินตามผมมาติดๆเลยครับ

 

ตื้อชะมัด

 

“นั่นเนลกำลังจะออกไปไหนคะ เนล!!!”

 

ผมไม่สนแล้วครับนาทีนี้ ผมไม่อยู่มันแล้วไอ้บ้านเฮงซวยเนี่ย ผมรีบเดินตรงดิ่งไปที่รถของผม จัดการสตาร์ทรถแล้วเร่งเครื่องพุ่งออกไปทันที ยังไม่วายได้ยิงเสียพิมตะโกนไล่หลังมา

 

“พิมบอกให้กลับมาไง!! กลับมานะ!!! พิมสั่งให้เนลกลับมา!!!!!”

 

 

 

     ผมขับรถวนอยู่บนท้องถนนมาสักพักแล้ว สายตาสอดส่องหาโรงแรมที่จะนอนพักผ่อนในคืนนี้

หามาสักพักผมก็เจอโรงแรมสักที ที่นี่เป็นโรงแรม 5 ดาว ในเครือวาติธิพัฒน์ ตระกูลของไอ้เมฆมันครับ

ผมจัดการเข้าเช็คอิน แล้วเดินตรงเข้าไปห้องของผมทันที เฮ้ออ เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยมากๆ ขอได้นอนพักเอาแรงหน่อยเถอะ ผมจัดการเอนตัวนอนบนเตียงนุ่ม สายตาที่เหนื่อยหล้าเต็มทีกำลังจะปิดลง

 

อ่า~ จะได้นอนสักที

 

“ไอ้ชั่ว!!!” หือ?

 

“มึงกล้าหนีกูมาเอากับเมียน้อยถึงที่นี่เลยหรอ ไอ้ชาติชั่ว!!” เสียงอะไร

 

“ถ้าวันนี้กูไม่ได้เอาเลือดชั่วๆมึงออกไป กูคงนอนไม่หลับแน่!!” กูก็นอนไม่หลับเพราะเสียงมึงนี่แหละ

 

“ตายซะเถอะมึง!!” หาที่มาของเสียงแปป

 

โครม!!! ตูมม!!!

 

ผมว่า..ผมรู้แล้วล่ะว่าเสียงมันมาจากไหน มันมาจากห้องข้างๆผมแน่ๆ  ดูลักษณะแล้วผัวเมียน่าจะทะเลาะกัน

 

เสียงโคตรดัง!

 

“กรี๊ดดดดด!!!”เสียงเมียน้อยนั่นกรี๊ดแน่ๆ

 

โอ้ยยยย!!! แล้วกูจะได้นอนไหมเนี่ยวันนี้

 

โครม!!!

 

ฟัคคคคคค!!! แด่วันเหี้ยๆ

 

สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องตื่นไปทำบุญแล้วล่ะ

 

 

 

“ไปทำอะไรมาวะ ทำไมหน้าโทรมขนาดนั้น” ไอ้ฟิวเป็นคนเอ่ยทักผมคนแรกครับ หลังจากที่พวกเรามานั่งรวมกลุ่มทานข้าวเที่ยงที่ร้านเจ๊อ้อย ไม่ให้โทรมได้ยังไงวะ ผมยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน เหนื่อยก็เหนื่อย กว่าข้างห้องจะเคลียร์ปัญหาผัวเมียเสร็จก็ปาไป 6 โมงเช้า วันนี้ผมดันมีเรียนเช้าอีก ไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้วครับ

 

“เมื่อคืนไม่ได้นอน”

 

“จัดหนักเลยอะดิเมื่อคืน โหยอิจฉาวะ ถ้าใจดีก็แบ่งผู้หญิงของมึงมาให้กูสักคนสองคนกูจะขอบพระคุณมาก” ไอ้ฟิวเอ่ยแซว

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีดิ”แต่ความจริงที่เกิดขึ้นกับกูมึงไม่รู้หรอก ว่ามันโหดร้ายขนาดไหน

 

“อ่าว ไม่ใช่เหรอวะ แล้วเรื่องอะไรวะ ขอเสือกหน่อย” มันทำหน้าพร้อมเสือกเต็มที่

 

“อย่ารู้เลยปัญหาของกู” ผมไม่ค่อยอยากให้พวกเพื่อนมารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้สักเท่าไหร่ครับ ไม่อยากให้พวกมันต้องมาเครียดกับปัญหาของผม หรือต้องมาเป็นห่วงกับเรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะจัดการกับปัญหาพวกนี้ด้วยตัวเองมากกว่า

 

“อ้าวไอ้นี่ กับเพื่อนกับฝูงหัดมีความลงความลับ” ไอ้ฟิวแบะปากใส่ผม

 

“เดี๋ยวกูก็หาทางออกได้เองแหละ” คิดว่านะ

 

“เห้ยไอ้เนล! มึงมีเพื่อนไว้ทำไมวะ เวลามึงมีปัญหาอะไรน่ะ เพื่อนมีไว้แชร์ปัญหาและช่วยกันแก้ปัญหานั่นนะโว้ย มึงปิดบังแบบนี้มึงจะมีเพื่อนไว้ทำไมวะ” ความจริงคือมึงอย่าเลือกเรื่องของกูมึงก็บอกกูมาเถอะไอ้ฟิว ไม่ต้องพยายามสรรหาคำพูดสวยหรูหรอก

 

“ชีวิตไอ้เนลตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต เพราะโดนแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มันเกรงกลัว และไม่รู้ว่าจิตปกติหรือเปล่า มันเลยเครียดจัดและพยายามจะหนีออกจากบ้าน”ไอ้ฟงจู่ๆพูดแทรกขึ้นมา ขณะที่ยกน้ำชาดื่มไปด้วย ชิวไปไหนวะ มึงพูดเรื่องปัญหากูเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

 

แต่เดี๋ยวไอ้ฟง! เมื่อกี้มึงพูดอะไรออกไป! บางทีมึงก็ไม่ต้องไปบอกเขาทุกเรื่องที่มึงรู้มาก็ได้นะ

รู้หมดแล้วครับ เรื่องที่ผมพยายามปกปิดพวกมัน ไอ้ฟง! ไอ้เห้

 

“โคตรละครหลังข่าวเลยวะ 5555555”

 

“เอ่อนั่นดิ ว่าแต่น่ารักหรือเปล่าวะ คู่หมั่นมึงอะ” ไอ้แจ็คถามขึ้นมาบ้าง

 

“ก็น่ารักอยู่”

 

“แล้วทำไมมึงไม่แต่งละวะ”

 

อย่าให้กูต้องเล่าเยอะไอ้ฟิว อย่าให้กูต้องเล่า!

 

ผมก็จัดการสาธยายเรื่องยัยพิมให้พวกมันฟังไปเลยครับ ไหนๆแม่งก็รู้กันทั้งกลุ่มละ ว่าผมต้องเจอกับอะไรบ้าง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และ อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกมันก็ตั้งใจฟังผมอย่างตั้งอกตั้งใจครับ พวกมึงเคยตั้งใจเรียนเหมือนที่ตั้งใจเสือกเรื่องของกูขนาดนี้บ้างไหม

 

“โอ้โห ชีวิตมึงนี่โคตรรันทด ถ้าต้องแต่งงานกับคุณพิมนี่กูยอมโสดตลอดชีวิตดีกว่า”อืมๆมึงพูดถูกไอ้ฟิว พูดจาเข้าหูกูมาก

 

“แล้วมึงจะทำไงต่อไปวะ” ไอ้เมฆที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามผมขึ้นมา

 

“ก็ต้องหาแฟนไปเปิดตัวกับม๊า แล้วก็หาบ้านอยู่”

 

“เพราะอย่างนี้ปะ มึงถึงไปขอม่านฟ้าคบ” ไอ้เมฆมึงโปรดอย่าเอ่ยชื่อนั้นให้กูได้เจ็บช้ำน้ำใจไปเลย

 

“อืม”

 

“ให้เวลา 1  เดือนอย่างมึงหาได้สบายอยู่แล้ว เลือกสาวในสต๊อกมึงมาสักคนดิ”

 

“อืม ตอนแรกกูก็คิดแบบมึงไอ้ฟิว แต่...กูว่าคงไม่ไหววะ พวกนั้นงี้เง่ากันเกินไป ขืนให้มาช่วยกู จากเป็นแฟนปลอมๆจะทำตัวเป็นแฟนจริงๆอะดิ เผลอๆได้แม่เพิ่มอีกคน”

 

“เอ่อวะ 5555”

 

“แล้วทำไมมึงไม่หาแฟนเป็นผู้ชายไปเลยวะ” ไอ้แจ็คที่นั่งฟังอยู่ เสนอความคิดมันออกมาบ้าง

 

“เห้ย!! พูดอะไรออกมาวะ มึงแน่ใจนะว่ามึงใช้สมองกลั่นกรองมาแล้ว?”

 

“เอ้า!ไอ้เนล มึงลองคิดดูนะ เพราะแม่มึงคิดว่ามึงชอบผู้หญิงไง เลยพยายามหาผู้หญิงมาเป็นเมียมึง แล้วถ้าแม่มึงรู้ว่าลูกชายของตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิงละ?” เอ่อ น่าคิดว่ะ

 

“ก็หาผู้ชายมาเป็นเมียมัน” ไอ้ฟิวมึงพูดจริงหรือมึงกวนตีนกู

 

“ไม่ใช่โว้ยไอ้ฟิว แม่มึงจะใจร้ายขนาดที่ปิดกั้นรสนิยมทางเพศลูกตัวเองเลยหรอวะ ท่านอาจจะรับไม่ได้อยู่บ้าง แต่ท่านคงไม่ฝืนใจมึงขนาดที่จับมึงให้แต่งงานกับผู้หญิงหรอกมั้ง ทั้งๆที่ท่านก็รู้อยู่เต็มสองอก ว่าลูกไม่ได้ชอบผู้หญิง” ประโยคแรกมันหันไปพูดกับไอ้ฟิว ส่วนประโยคต่อมามันหันมาพูดกับผมต่อ เอ่อวะ จริงด้วย ล้ำมากไอ้แจ็ค

 

“อืม มีสองอย่าง คือถ้าโชคดีพวกท่านจะทำใจยอมรับเรื่องรสนิยมทางเพศของลูก กับ ส่งลูกไปบำบัด แต่ดูจากลักษณะครอบครัวไอ้เนลแล้ว กูว่าอย่างหลังมีโอกาสสูงมาก” ไอ้เมฆมึงอย่าพูดทำลายความหวังกูสิวะ

 

“เห้ยยยยย แต่ไม่ลองก็ไม่รู้นะโว้ยไอ้เนล มึงอย่าไปฟังไอ้เมฆ” ไอ้แจ็คพยายามเป่าหูผมต่อ

 

“ใช่กูเห็นด้วย แล้วจะไปหาผู้ชายที่เขาจะยอมเป็นเมียไอ้เนลมาจากไหนวะ” ไอ้ฟิวเริ่มตั้งคำถาม

 

เอ่อนั่นดิ จะไปหามาจากไหนวะ! โอ้ยยย คิดแล้วปวดหัว

 

 

 

ครืด ~ ครึด ~

 

เสียงโทรศัพท์ไอ้ฟงดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของพวกผมซะก่อน มันหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมาดูเบอร์ แล้วกดรับทันที

 

ติ๊ด!

 

“ครับ ว่าไงครับ จริงหรอครับ ครับๆ”

 

“โอเคครับ ติดต่อให้เลยครับ”

 

ติ๊ด!

 

“มีอะไรหรือเปล่าวะไอ้ฟง”

 

“บ้านที่มึงให้กูไปสืบหาอะ ได้แล้วนะ ใกล้กับมหาลับเราด้วย เดี๋ยวให้คนของกูติดต่อเข้าไป แล้วเย็นๆมึงก็เข้าไปดูบ้านได้เลย”

 

“เห้ยจริงดิไอ้ฟง”

 

“เอ่อ”

 

ได้บ้านแล้วแล้วโว้ยยย 5555 ลาก่อนคุณพิม ลาก่อน ขอให้อยู่บ้านกับม๊าผมอยู่มีความสุขนะครับ

 

 เหลืออยู่อีกอย่างสินะ ชีวิตผมจะได้ปกติสุขสักที

 

แฟน...
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-02-2018 12:46:06
Iสงสารเนลจริงๆ พิมก็หลอนเกิน :hao7:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 22-02-2018 15:24:47
ขอเอาสันขวานจามหน้าอิชะนีพิมได้ไหมค่ะซิส
ถ้าบอกว่สเป็นซอมบี้เชื่อเลย!
ส่วนอิแม่ของตาเนลลำไยสุดแต่งกับนางโอ๊ยอิบ้าใครเขาจะทนเหอะผลประโยชน์แบบนี้ใครๆก็ไม่เอาทั้งแหละชะนีแบบนี้ไม่มีใครอยากเอาเป็นแม่ของลูกหรอก! พี่เกดเพลียค่ะ!  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-02-2018 23:26:44
ได้บ้าน เหลือแฟน รับๆหาแฟนนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่6 บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 23-02-2018 21:53:26
ตอนที่ 6 บ้าน



“ไอ้ภีม!!”

 

“กลับมา!!”

 

“กลับมาสิโว้ย! ไอ้ภีม”

 

“กลับมา!!”

 

“ไอ้ภีม!!” โอ้ยยไอ้เหม่ยจะตระโกนอะไรนักหนาวะ กูกำลังจะทำประตูอยู่แล้วเนี่ย ถึงมึงจะตระโกนไปจนถึงดาวพระศุกร์ มึงก็หยุดกูไม่ได้หรอก ไฟในตัวกูตอนนี้กำลังลุกอย่างโชกโชน

 

ผมจัดการเลี้ยงบอลที่ไอ้ซานบรรจงส่งมาให้ผมอย่างสวยงาม เลี้ยงหลบซ้าย หลีกขวา สับขาหลอก สกิลระดับนักฟุตบอลมือโปรทีมชาติที่กำลังจะไปบอลโลก วิ่งตรงดิ่งไปที่ประตูของฝ่ายตรงข้ามทันที

 

ผมจัดการรวบรวมสมาธิ มันมาแล้ว จะบรรลุแล้ว เหมือนเห็นแสงสว่างมารางๆ

 

เอาละวะ กูจะยิงละนะ มึงจับตาดูกูให้ดีๆนะไอ้พวกนรกทั้งหลาย ต่อไปนี้มึงโปรดเรียกกูใหม่ได้เลย เทพเจ้าแห่งการยิงประตูกำลังจะเข้าสิงกูแล้ว จัดรวมรวมพลังทั้งหมดไว้ที่กล้ามน่องอันทรงพลัง ที่ตอนนี้เก็งจนเส้นเอ็นปูดไปหมดแล้ว สายตาสอดส่องหาพิกัดเป้ายิง เจอแล้ว!

 

เชิญพวกมึงจะกรีดร้องได้เลยหลังจากที่กูยิงประตูนี้เข้า!

 

“กรี๊ดดดดดดดดด!!!” ไอ้เหม่ยกรีดร้องออกมา พร้อมลงไปดิ้นเร่าๆตรงพื้น

 

หึ! เป็นไงละพวกมึง รู้จักกูน้อยไปแล้ว

 

“เข้าเต็มๆเลยไอ้ภีม!!!” ไอ้ทัศตะโกนชม ผมยื่นอกรับอย่างภาคภูมิ

 

เชิญพวกมึงกรีดร้องได้ตามสบาย เพราะท่านภีมคนนี้กำลังจะนำพาชัยชนะให้แก่ทีม หึๆ

 

“ใครก็ได้ ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ ไอ้โก๋หน่อย!”

 

อ่าว เกิดอะไรขึ้น

 

“กากจังวะไอ้ภีม บอลน่ะมีให้ยิงเข้าโกลโว้ย ไม่ใช่ยิ่งเข้าเป้า...เป้าไอ้โก๋!!”

 

..ไอ้โก๋นอนแน่นิ่งไปแล้วครับ

 

กูขอโทษ

 

“อีกอย่างนะ! ไอ้โก๋น่ะ ทีมเรา ไอ้เหี้ย!!!”

 

อ่าวเหรอ..โทษๆ กูลืม

ก็หน้าไอ้โก๋มันแก่ขนาดนั้น มองไกลๆกูนึกว่าพวกรุ่นพี่เขา กูขอโทษ ยกโทษให้กูได้ไหมล่ะ

 

“เพราะมึงเลย ไอ้ภีม!” ไอ้เหม่ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย

 

กูยอมรับผิดก็ได้ กูแมนพอ

 

“โถ่เว้ยยยย!!!!”ไอ้เหม่ยมึงไม่ต้องหัวร้อนขนาดนั้นหรอก เราแค่แพ้

 

“พวกมึงแพ้พวกกูแล้ว อย่าลืมที่พนันกันไว้ล่ะ” ไอ้พี่ท็อปหัวโจกทีมเดินมาหาพวกผม แล้วเอ่ยถ้อยคำที่แสนเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก

 

“เออ” ไอ้เหม่ยทำไมต้องพูดจาเกี้ยวกราดขนาดนั้นด้วย

 

ถึงไม่เต็มใจก็ต้องทำ! เพื่อศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย!! มึงต้องยอม!

 

กูไม่เกี่ยว..

 

 

***ขอย้อนความกลับไปก่อนหน้านี้ 10 นาที***

 

“โอ้ยย เลิกสักที”

 

“วันนี้เรียนหนักหนาสาหัสมาก ถ้ามีเรียนต่ออีกวิชากูคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้วล่ะ ฝากมึงเก็บศพกูด้วยนะไอ้ภีม”

เหอะ! เรื่องอะไร ถ้ามึงตายกูคงไม่เสียเวลาอันมีค่าของกูมาเก็บศพมึงหรอกไอ้ซาน แต่กูสามารถเอาศพมึงไปโยนให้ตัวเห้กินได้ ถ้ามึงต้องการ

 

ตอนนี้เราพึ่งเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้เสร็จครับ วันนี้เรียนหนักหนาสาหัสอย่างที่ไอ้ชานมันพูดจริงๆนั่นแหละ อาจารณ์แกเล่นไม่ให้พวกผมได้พักหายใจเลย กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็แทบจะกลายเป็นศพอยู่เหมือนกัน

 

“เย็นนี้ไปทำอะไรคลายเครียดดีวะ” ไอ้ซานเอ่ยถามผมขึ้นมา

 

“กูต้องไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยว่ะ คงไม่ว่างไปกับมึงหรอก” จริงๆก็อยากไปหาอะไรทำคลายเครียดกับมันอยู่ครับ แต่มันช่วยไม่ได้นิหว่า ผมต้องหาเงินเลี้ยงชีพ คนมันจนอะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้วนาทีนี้

 

“โห!เซ็งวะ” ไอ้ซานสบถออกมา ทำคอตก

 

“ช่วยไม่ได้หนิหว่า คนมันต้องกินต้องใช้” ผมตอบมันไป พูดแล้วเศร้าว่ะ ทำไมชีวิตพี่ภีมถึงได้รันทดแบบนี้

ใครก็ได้เชิญกูไปรายการปลดหนี้หน่อย!

 

ไอ้ซานมันก็ไม่คะยั้นคะยอผมต่อครับ มันเข้าใจผมดีว่าผมต้องหาเงินแบ่งเบาภาระทางบ้าน เราเดินออกมาจากตึกคณะ กำลังจะเดินตรงไปที่ลานจอดรถ

 

ผมมากับไอ้ซานมันครับ ไม่มีรถใช้เองหรอก เมื่อก่อนผมเคยมีมอเตอร์ไซค์อยู่คันหนึ่ง คุณพ่อผมซื้อให้ตอนสอบติดมหาวิทยลัยใหม่ๆ ผมดีใจมากที่ท่านซื้อให้ แต่ตอนนี้ถูกขายไปแล้วครับ พ่อผมเอามันไปขาย เพื่อเอาเงินไปเล่นการพนันที่ท่านรัก

 

... ตอนนั้นผมเสียใจมาก แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...

 

 

“เห้ย!!ไอ้ภีม! ไอ้ซาน!!”

พวกผมที่กำลังจะเดินไปที่รถ ต้องหยุดชะงักฝีเท้าลง เพราะเห็นไอ้เหม่ยวิ่งตรงมาทางนี้ แถมมันยังเรียกชื่อพวกผมเสียงดังลั่น เสื้อนักศึกษาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แนบชิดเนื้อหนัง เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออ่อนๆจากร่างบางของมัน

 

“มาเล่นบอลเป็นเพื่อนกูหน่อย แฮ่กๆ คนขาดไป 2 คนวะ” ไอ้เหม่ยหอมแหกๆ พูดหายใจติดขัดด้วยความเหนื่อย เอามือทั้งสองข้างท้าวกับเข่าของตัวเองเอาไว้ เอ่ยเชิญชวน

 

“แต่กูต้องไป...” กำลังจะบอกว่า กูต้องไปทำงาน มันก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

 

“นะ! ขอร้องละ ขอ 10 นาที ขอแค่ 10 นาที กูพนันกับพี่เขาไว้” พูดพร้อมกุมมือผมเอาไว้แน่น ส่งสายตาเว้าวอน “นะ ไอ้ภีม นะ”

 

“มึงไปพนันอะไรไว้วะ” ผมถามมันออกไปด้วยความสงสัย

 

คือ มึงไปพนันกับเขาไว้แล้วจะลากพวกกูมาเกี่ยวทำไม! กูไม่เกี่ยวกับมึงเลยไอ้เหม่ย มึงอย่าลากเพื่อนมาซวยนะเว้ย

 

“ก็ไอ้พวกพี่ท็อปแฟนใหม่น้องออมอะดิ แม่งมาหาเรื่องพวกกูได้ทุกวีทุกวัน จริงๆมันมาหาเรื่องไอ้ทัศคนเดียวนั่นแหละ สงสัยไอ้ทัศเป็นแฟนเก่าเมียมันมั้ง เลยหมั่นไส้” ไอ้เหม่ยแบะปากสามร้อยหกสิบองศา

 

“…” พวกผมก็รอฟังมันเล่าต่ออย่างใจจดใจจ่อ เรื่องของชาวบ้านขอให้บอก ตั้งใจกว่าเรียนอีก

 

“ตอนแรกพวกกูแม่ง ก็อยู่เฉยๆแล้วนะ แต่พี่แกแม่งก็หาเรื่องวอนส้นติงอยู่นั่น กูเลยทนไม่ไหว!”

 

“มึงเลยท้าพี่เขาแข่งบอล?” ผมเดาจากสถานการณ์

 

“เปล่า” มันส่ายหัวไปมา

 

“...” เอ้าไอ้ห่า รีบๆเล่า กูรอฟังมึงจนยายข้างบ้านกูคลอดลูกออกมาเป็นตัวแล้วมั้ง ไอ้สัด! ลีลา!

เริ่มหัวร้อน เวลากูเป็นเงินเป็นทอง

 

“กูเลย ถามมันไปว่าแม่งมากวนพวกกูแบบนี้มันต้องการอะไร”

 

“แล้ว” ต่อให้มันหน่อย

 

“มันบอกว่ามันเหงา ไม่มีคู่ซ้อมบอล เลยอยากให้พวกกูไปเล่นบอลเป็นเพื่อนมันหน่อย”

 

“อืม มึงเลยยอม?” แปลก คนอย่างไอ้เหม่ยมันยอมใครง่ายๆที่ไหน ทำไมรอบนี้ยอมง่ายๆว่ะ

 

“เออดิ และเราต้องชนะเท่านั้น!!” ไอ้เหม่ยพูดหนักแน่น พร้อมกำหมัดขึ้นมา

 

“ทำไมต้องชนะวะ” ผมกับไอ้ซานถามออกไปพร้อมกัน

 

“มันบอกว่าถ้าพวกเราชนะมันจะไม่มาตามกวนปรสาทพวกกูอีก แต่ถ้ากูแพ้...”

 

“....” หัวใจเต้นตุบๆตับๆด้วยความลุ้นขั้นสุด

 

ไอ้เหม่ยมันอ้ำๆอึ้งๆอยู่สักพักก่อนจะตอบออกมา

 

“ถ้ากูแพ้ มันจะจับกูทำเมียแทนน้องออม!”

 

เยดดดดดดดดดดด!!!

 

หูกูไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม

 

“พวกมึงต้องช่วยกูนะ! มันบอกว่าถ้ากูไม่ยอมรับคำท้า มันจะตามมารังควานทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร

ให้ชีวิตพวกกูไม่ปกติสุขอีกต่อไป” ไอ้เหม่ยดึงมือพวกผมไปกุมไว้ พร้อมทำหน้าอย่างโคตรมีความหวัง

 

เมื่อเพื่อนลำบากมา พระเอกอย่างผมต้องไม่ลังเลที่จะช่วยเพื่อน กูจะทุ่มกำลังกายกำลังใจทั้งหมดช่วยมึงเองไอ้เหม่ย!! มึงไว้ใจกูได้เลย!

 

“เข้าใจแล้วไอ้เหม่ย มึงไว้ใจไอ้ภีมคนนี้ได้เลย กูจะช่วยมึงเอง!”

 

 

เรื่องทั้งหมดก็เป็นประการฉะนี้แหละครับ ผลออกมาเราแพ้ ที่สกอร์ 1-2 เลขสวยดีจริงๆ

และสุดท้าย เรามายืนไว้อาลัยให้ไอ้เหม่ยเพื่อนรัก 3 วิครับ

 

ความจริงพี่ท็อปแกก็หล่อใช้ได้เลยนะครับ รูปร่างสูงชะลูด น่าจะสูงประมาณ 182 เซนได้ ตาคม จมูกโด่ง ไว้ผมรองทรงไถข้าง เจาะหูข้างเดียวแล้วใส่จิวสีดำโคตรเท่! ถ้าผมไปทำแบบพี่เขาบ้าง จะออกมาดูดีแบบพี่เขาไหมวะ

 

“เริ่มตั้งแต่วันไหนดีละครับ น้องเหม่ย” ไอ้พี่ท็อปเดินเข้ามาหา ก่อนจะให้ตาคมนั่นจ้องไอ้เหม่ย ดั่งเหยี่ยวที่จ้องจะตะคุบเหยื่อชิ้นโปรด

 

“ชาติหน้า” ไอ้เหม่อยตอบด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก

 

พี่ท็อปเดินมากระชากคอเสื้อไอ้เหม่ยแน่นด้วยอารมณ์ขุ่น ขบกรามแน่น พร้อมพูดลอดไรฟัน “กวนตีนกู?”

สงสัยไม่พอใจในคำตอบของไอ้เหม่ยแน่ๆ

 

“ใครจะกล้ากวนตีนพี่มึงละครับ” ไอ้เหม่ยจ้องหน้าพี่ท็อปนิ่ง

 

มึงนั่นแหละ ดูรูปประโยคก็รู้ว่ามึงแม่งกวนพี่เขาชัดๆ ระวังจะไม่ตายดีนะไอ้เหม่ย

 อ่าวใครเหรอที่ทำให้เพื่อนต้องมาตกในสภาพแบบนี้ คำตอบคือ กูเอง! คนจะแพ้อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ฮ่าๆ

 

“ถามจริงมึงต้องการอะไรจากกูกันแน่” ไอ้เหม่ยไม่ยอมแพ้เขย่งเท้า ขึ้นไปดึงคอเสื้อพี่ท็อปคืนบ้าง นี่แหละครับ วิถีคนเตี้ย พี่ท็อปต้องก้มลงมาตามแรงดึงอย่างช่วยไม่ได้

 

“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่เห็นน่ารักดี..เลยอยากรู้จัก” พี่ท็อปยกยิ้มมุมปาก ก่อนส่งส่งตากรุ่มกริ่มไปให้ไอ้เหม่ย

 

“แต่กูไม่อยากรู้จักมึง”

 

“ปากร้ายจัง”

 

“แค่พูดความจริง”

 

“ถึงจะปากร้ายแบบนี้ กูก็ยังชอบมึงอยู่นะครับ”

 

“ไม่ต้องมาปากหวาน กูไม่อิน ขยะแขยง ถ้ามึงยังพูดอีกกูได้ต่อยมึงจริงๆแน่!” ไอ้เหม่ยกำหมัดยกขึ้นมาขู่

 

“อู้ว โหดจัง กูต้องกลัวไหม?” พร้อมยักคิ้วกวนประสาทให้ไอ้เหม่ยไปสองที

 

“กวนตีน”

 

“ใครจะกล้ากวนตีนน้องละครับ”

 

“ผมถามพี่จริงเหอะ มีน้องออมอยู่แล้ว จะมายุ่งกับผมทำไมวะ” ไอ้เหม่ยเริ่มพูดจาดีๆกับที่ท็อปแกแล้ว

 

“ใครบอกว่ากูมีน้องออม? กูมีมึงคนเดียว”

 

“ผมบอกไม่ต้องมาพูดจาชวนเลียน ผมจะอ้วก”

 

“ก็พูดความจริง”

 

“ผมถาม พี่ก็ตามตรงดิ กวนตีนอยู่ได้”

 

“พี่ยอมรับตามตรงเลยว่าตอนแรกพี่หมั่นใส้ไอ้น้องทัศที่เป็นแฟนเก่าน้องออมของพี่จริงๆนั่นแหละ เลยไปหาเรื่องมัน แต่ตอนนี้ไม่ได้อยากหาเรื่องน้องทัศอะไรนั่นแล้วครับ พี่อยากหาเรื่องน้องเหม่ยมากกว่า” พี่แกยิ้มให้ไอ้เหม่ยไปหนึ่งที รอยยิ้มพิฆาตมาก ตายยังไอ้เหม่ย มึงช่วยตอบให้กูได้รู้ที ว่ามึงยังมีชีวิตอยู่

 

"แล้วพี่จะเอาน้องออมของพี่ไปไว้ที่ไหนละครับ"

 

"ไว้ที่เดิม เพิ่มเติมคือน้อง" โห! โคตรชั่วเลยว่ะไอ้พี่ท็อป

 

 “เลว”

 

“ขอบคุณครับที่ชม”

 

หลังจากที่ไอ้พี่ท็อปพูดประโยคนั้นจบไอ้เหม่ยก็เดินสบัดตูดหนีไปเลยครับ ไม่รู้หนีไปไหนของมัน

ไอ้เหม่ยเถียงแพ้ว่ะ ตั้งแต่รู้จักกับไอ้เหม่ยมายังไม่ค่อยเห็นมันเถียงแพ้ใครเลย โอ้โห ไม่ธรรมดาวะไอ้พี่ท็อป ถึงแม้จะเป็นศัตรูแต่ก็ขอชื่นชม

 

หลังจากที่แข่งบอลกับไอ้พวกพี่ท็อปเสร็จเวลาก็ผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วครับ(ไอ้เหม่ยไหนมึงบอกขอแค่ 10 นาทีไง)

พวกเราก็แยกย้ายกันตามระเบียบครับ เดี๋ยวว่างๆค่อยไปเยียมไอ้โก๋ที่โรงพยายามก็แล้วกัน พี่ภีมคนนี้จะซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ๆไปให้น้องโก๋เป็นการขอโทษทีหลังนะครับ ถือว่าเป็นการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากใจพี่ภีมเลย กระซิกๆ

 

ผมให้ไอ้ซานมาส่งผมที่บ้านเลย วันนี้คงไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเพลียมาก นอกจากจะเหนื่อยกับการเรียน ยังต้องมาเหนื่อยกับการแข่งขันฟุตบอลไร้สาระนั่นอีก ไม่ไหวจริงๆครับ ผมขอกลับบ้านไปนอนหลับพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปบอกพี่อ้อยทีหลังแล้วกัน

 

พอรถไอ้ซานขับมาจอดที่หน้าบ้านผมเรียบร้อย ก็เห็นรถกระบะไม่คุ้นตาคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ สงสัยจะมาจอดไว้เฉยๆ อาจจะมาหาใครแถวนี้ก็ได้ ผมเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก โบกมือลาไอ้ซานแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในบ้านทันที

 

“เห้ย เร็วๆหน่อย ล็อตนี้ล็อตสุดท้ายแล้ว”

 

เห้ย!! ผู้ชายสองคนนี้มันเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านผม แถมพี่เขาก็กำลังช่วยกันขนของในบ้านผมออกไปด้วย นี่มันอะไรวะเนี่ย

 

“พวกพี่เป็นใครครับ! ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านผมได้”ผมถามพี่เขาออกไป จะว่าพวกพี่เขาเป็นโจรก็ไม่น่าใช่ โจรอะไรจะมาขโมยของกันโจ่งแจ้งแบบนี้ แถมบ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ขโมยเท่าไหร่ เพราะของมีค่าในบ้าน พ่อผมก็เอาไปขายหมดแล้ว

 

“ก็มาขนของออกจากบ้านไงครับ”

 

“ขนของ? พี่จะขนไปไหนครับ”ผมถามพี่เขาออกไป ใจผมตอนนี้เริ่มสั่นๆขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

 

“เอ้าน้อง ก็ขนออกไปไว้ที่อื่นน่ะสิ มีคนจ้างพี่มาให้มาขนออกไป”

 

“ใครจ้างพี่มา! พี่ปล่อยของผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะครับ!!” ผมเริ่มใจเสีย

 

“ก็เจ้าของบ้านหลังนี้ไง ที่ชื่อคุณศิรากร” ศิรากร ใครวะ พี่เขาต้องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ

 

“เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่มีคนชื่อ ศิรากรครับ ผมว่าพี่มาผิดหลังแล้ว”

 

“ไม่ผิดหรอกครับ บ้านหลังนี้แหละ”

 

“ไม่! ไม่ใช่ นี่มันบ้านผม พี่ออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ! ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้!!!” ผมตะโกนไล่พี่เขาเสียงดังสั่น มือไม้สั่นไปหมด

 

“น้องพูดเรื่องอะไรครับ? หลีกทางหน่อยครับน้อง พี่จะได้ทำงานให้เสร็จสักที คุณศิรากรบอกว่าให้ย้ายของออกให้หมดภายในวันนี้ด้วย”

 

“ไม่ใช่! พี่เข้าใจผิดแล้ว นี่บ้านผม!! บ้านผม!!พี่ได้ยินไหม ว่านี่มันบ้านผม!! ไม่ใช่บ้านคุณศิรากรอะไรนั่น”

 

ใครก็ได้บอกผมทีว่าพี่เขาแค่เข้าใจผิด พี่เขาแค่เข้าใจผิด

 

“หลีกไปครับน้อง พี่จะทำงาน”

 

“ไม่ครับ ผมไม่ยอมให้พี่ขนของพวกนี้ไปไหนทั้งนั้น!! เอาของผมคืนมา!” ผมรีบไปแย่งของที่พวกพี่เขากำลังขนออกไปคืนกลับมาทันที ตอนนี้ในหัวผมมันสับสนไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วคุณศิรากรนี่มันเป็นใครกัน แล้วทำไมพี่เขาถึงบอกว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ล่ะ ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำถามเต็มไปหมด

 

ทำไม...

 

ทำไม...

 

ทำไม....

 

พ่อครับ แม่ครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

ใครก็ได้มาช่วยอธิบายให้ผมฟังที!

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-02-2018 01:51:26
จุดเริ่มต้นกำลังจะเริ่มขึ้น,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-02-2018 13:21:06
แล้วหนูจะไปอยู่ไหนล่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่7 เจ้าของบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 25-02-2018 16:01:09
ตอนที่ 7เจ้าของบ้าน



“น้องปล่อยได้แล้ว! พี่จะทำงาน” พี่คนหนึ่งที่กำลังยกตู้เก็บของขนาดเล็กอยู่ พูดกับผม ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

 

“ไม่ครับ ของพวกนี้เป็นของผม! พี่นั่นแหละปล่อย!” ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆดึงตู้นั้นกลับมา

ผมไม่ยอมปล่อยหรอก


ไม่ว่าอะไรพี่ก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น มันคือของๆผม


“เห้ยน้องพูดไม่รู้เรื่องวะ บอกให้ปล่อยไง” พี่แกตะคอกใส่ผมเสียงดัง คิ้วขมวดยุ่ง


“ไม่ครับ” ผมยังคงดื้อดึง


“ปล่อย!”


ไม่! ยังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด

 

ขอร้องละ อย่าเอาของผมไปเลย ผมขอร้อง..

 

แค่นี้ชีวิตผมก็แทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว...


    เรายื้อแย่งกันแบบนั้นอยู่สักครู่ แต่ดูเหมือนพี่คนนั้นเขาจะทนไม่ไหวเลยกระแทกตู้เก็บของใส่หน้าท้องผมเต็มๆ ด้วยตัวที่พี่เขาใหญ่กว่าผมมากแถมกล้ามก็เยอะ เหมือนพวกเล่นกล้ามตามยิมเลยครับ ทำให้ผมที่แรงน้อยกว่า สู้แรงพี่เขาไม่ไหว เซล้มลงไปกับพื้น


ผมไม่ตัดใจยอมแพ้ลุกขึ้นไปหาพี่เขาอีกครั้ง แล้วแย่งตู้ใบเดิมกลับคืนมา


“เห้ยน้อง! ปล่อย! ทำแบบนี้ต้องการอะไรวะ” ดูเหมือนพี่แกจะเริ่มทนผมไม่ไหว จึงถามออกมาด้วยความสงสัย


“ผมต้องการของผมคืน ผมขอร้องนะพี่ อย่าเอาของผมไปเลย”


“ไม่ได้หรอกน้อง พี่มาทำงานตามคำสั่งเจ้านาย เขาสั่งให้ขนของออกไปให้หมด พี่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าน้องอยากได้ของคืน ก็ไปขอคืนจากคุณศิรากรเอาเองนะน้อง พี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้หรอก” พี่กล้ามใหญ่แกพูดจบ ก็ดันมือผมออกจากตู้ทันที พร้อมยกตู้ไปไว้ที่รถกระบะ ซึ่งจอดเด่นอยู่หน้าบ้านผม


“เห้ยไอ้ยอด แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะ เอาไงวะ?” พี่อีกคนตระโกนเรียกพี่กล้ามใหญ่ที่น่าจะชื่อพี่ยอดอยู่ตรงบันไดบ้านผม


แต่เห้ย! นั่นมันเสื้อผ้าผม!!!


“เจ้านายเขาสั่งแค่ให้ขนของออกไปอย่างเดียว ส่วนเสื้อผ้าพวกนั้นก็เอาไปทิ้งเถอะ” แต่ยอดตอบแบบไม่แยแสสักเท่าไหร่


ไม่ได้นะเว้ย! สต๊อปเลย!สต๊อป!!! อย่าเอาเสื้อผ้ากูไป! นี่พวกมึงกะจะไม่ให้กูเหลืออะไรในชีวิตเลยใช่ไหม แม้กระทั่งเสื้อผ้ามึงยังจะพรากไปจากชีวิตกูอีกเหรอ จิตใจพวกมึงทำด้วยอะไร ทำไมถึงชั่วช้าได้ขนาดนี้ ตอบกู!!

ผมไม่รีรอ วิ่งตรงดิ่งไปหาพี่อีกคนทันที ไม่ได้นะโว้ย พวกมึงจะเอาเสื้อผ้ากูไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!! ถ้ามึงเอาไป กูจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่วะ ไม่ได้เลยนาทีนี้ กูต้องปกป้องเสื้อผ้ายิ่งชีพ! กูจะพลีชีพเพื่อเสื้อผ้า อุดมการณ์อันหาญกล้า เพื่อเสื้อผ้ากูยอมตาย! ฮึบ!


ผมรีบวิ่งไปตะคลุบเสื้อผ้าของตัวเองทันที ด้วยความเร็วเหนือแสง


“เห้ยน้องทำไร ออกไป” มันเข้ามาดึงแขนผมให้ออกจากกองเสื้อผ้าทนที


“ไม่!” ผมกอดเสื้อผ้าพวกนั้นไว้แน่น จิตใจของมึงกะจะไม่เหลืออะไรให้กูเลยจริงๆเหรอวะ เหลือให้กูบ้างเหอะ ลดความต่ำตมลงบ้าง แล้วชีวิตพวกพี่จะเจริญสักวัน


“อะไรวะ ออกไป!!!”พี่คนนั้นเพิ่มแรงดึงตัวผมมากขึ้น ทั้งกระชาก ลาก ถู แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะผมเหนียวมาก


เอาสิ เหนียวกว่ากาวตราช้างก็กูเนี่ยแหละ


ผมกระชับออบกอดให้แน่นกว่าเดิม ประหนึ่งว่าชาตินี้กูกับมึงจะไม่มีวันพลัดพรากจากกันไปไหน เราจะอยู่และลงหลุมไปด้วยกัน


“ผมขอเถอะพี่ ให้ผมเถอะนะ” ผมรีบเอ่ยปากขอร้องพี่เขาเสียงสั่น พร้อมทำหน้าตาน่าสงสารที่สุดในชีวิต เผื่อพี่มันจะใจอ่อนลงบ้าง


“เห้ยไอ้กล้า ถ้าน้องมันอยากได้มากขนาดนั้น ก็ให้ไปเหอะ ไม่ต้องไปเสียเวลากับมันหรอก” ไอ้พี่ยอดยืนกอดอกมองผมด้วยความเอือมระอาเต็มแก่ เอ่ยบอกกับพี่กล้า

 

”กูขนของชิ้นสุดท้ายขึ้นรถเสร็จแล้ว รีบไปกันเถอะ เราเสียเวลามาเยอะแล้ว” พูดเสร็จก็เดินไปที่รถทันที


“เออๆ” ไอ้พี่กล้าตอบรับพี่ยอดออกไป แล้วหันมาพูดกับผมต่อ “เห้ย! ถ้ามึงอยากได้ มึงก็ขนไปเลย กูยกให้ก็แล้วกัน” มันเป็นของกูตั้งแต่แรกแล้วเหอะ! มึงไม่ต้องมาทำเป็นยกให้


“เอ้า! จะนิ่งแบบนั้นอีกนานไหม รีบๆเก็บผ้าพวกนี้ไปให้หมด แล้วออกไปจากบ้านคุณศิรากรได้แล้ว” พี่ยอดเอ่ยปากไล่ผม


“ทำไมผมต้องออกไป นี่มันบ้านของผม” เถียงครับเถียง กูเถียงสุดใจ


“กูไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อก่อนบ้านหลังนี้เคยเป็นของใคร แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของคุณศิรากร”


“ไม่จริง....” เสียงผมเริ่มแผ่วลง


“แล้วมึงก็ไม่ต้องมาถามอะไรกู เพราะกูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น กูแค่ทำตามคำสั่งของคุณศิรากรเขา”


“....”


“ถ้ามึงอยากรู้อะไรก็ไปถามกับคุณศิรากรเอาเอง”


“....”

 

“ออกไปได้แล้ว กูจะล็อคบ้าน”

 

“....”

 

“ออกไปสิวะ”

 

“....” นิ่ง


“ออกไป!!”ไอ้พี่กล้าแกก็พยายามดึงแขนผมให้ออกจากบ้านไปให้ได้

 

อึบ! กูจะอยู่เป็นอนุสาวรีย์อยู่ในนี้แหละ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยกู!


“กูให้มึงเลือกระหว่างออกไปเอง กับ ให้กูแจ้งความข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่น มึงเลือกเอาเองแล้วกัน ออกไป!”


ไปก็ได้วะ ถ้ามึงจะไล่กูขนาดนี้!


ผมก้มลงเก็บเสื้อผ้าของผมที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาทีละชิ้น ทีละชิ้น จนหมด แล้วเดินออกไปจากบ้านที่เคยเป็นของผม ทีละก้าวอย่างช้าๆ


ความรู้สึกผมตอนนี้มันเจ็บปวดปนงงไปหมด ทั้งๆที่เมื่อวานบ้านหลังนี้มันเคยเป็นของผมแท้ๆ แต่วันนี้...มันกลับตกเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว


มัน..ไม่ใช่...ของผมแล้ว

 

รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเลย...


ในหัวผมหวนคิดถึงเรื่องตอนที่ผมอายุได้ 3 ขวบ คุณแม่ท่านซื้อรถของเล่นมาให้ผม

ผมรักรถคันนั้นมาก เล่นทุกวัน แต่สุดท้ายผมก็ทำมันพัง ผมร้องไห้ออกมา รู้สึกเสียใจที่เสียของที่ผมรักไป พอคุณแม่เห็นผมร้องไห้ท่านก็เอามือนุ่มๆที่แสนอ่อนโยนของท่าน ค่อยลูบหัวผมไปมา ท่านคอยปลอบผมตลอดเวลาว่า ‘ไม่เป็นไรภีมลูกแม่ แค่รถของเล่นเอง เดี๋ยวแม่ซื้อให้ลูกใหม่ก็ได้ หยุดร้องไห้เถอะลูกของแม่’ท่านปลอบผมอยู่อย่างนั้นจนผมหยุดร้องไห้ วันถัดมาท่านก็ซื้อรถของเล่นคันใหม่มาให้ผมทันที


ผมยังจำสัมผัสอบอุ่นที่มือของท่านได้ดี..


ผมกำชับกอดเสื้อผ้าของผมไว้แน่น เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน

 

แม่...

 

แม่ครับ...

 

ตอนนี้ผมเจ็บปวดมากๆเลย ช่วยกลับมาปลอบผมหน่อย


ผมหันไปมองบ้านหลังนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขาเดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…ไม่มีใครสามารถอธิบายให้ผมฟังได้เลย

 

---------------------------------------------------------------

   

  สองขาก้าวเดินไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ไหน และเมื่อไหร่ แสงแดดที่ส่องให้ความสว่างเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงความมืด ข้างทางเริ่มเปลี่ยวไร้ซึ่งเสียงของผู้คน มีเพียงเสียงลมเท่านั้นที่คอยพัดใบไม้ให้โบกสบัด ปลิวว่อนทั่วถนน


เหนื่อย...


ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน...


ผมนั่งเอาหลังพิงกับกำแพงคอนกรีตเก่าๆ ข้างๆมีถังขยะใบโต ถึงแม้จะเหม็นกลิ่นเน่าที่โชยมาเพียงใด แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะก้าวเดินต่อไปแล้ว


มือสองข้างผมโอบกอดเสื้อผ้าเอาไว้แน่น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมยังหลงเหลืออยู่


ถ้าเป็นไปได้ตอนนี้..ผมอยากกอดแม่มากกว่าเสื้อผ้าพวกนี้เสียอีก


พวกท่าหายไปไหนครับ...ตอนนี้ผมรู้สึกเปล่าเปลี่ยว..เหลือเกิน


ตอนนี้ผมสูญเสียแทบจะทุกอย่าง


ผมไม่มีบ้านให้กลับไปแล้ว….

 

แถมแผลตรงท้องที่โดนตู้กระแทกเมื่อกี้


ทำไม..จู่ๆถึงรู้สึกเจ็บขึ้นมาได้นะ


เจ็บ...


เจ็บที่สุด...

 

-----------------------------------------------------------------

   



ผมย้อนกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ยังไงผมก็ต้องรู้เรื่องให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมตั้งใจมาดักเจอไอ้คุณศิรากรอะไรนั่น แล้วถามความจริงจากมัน ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ผมหายไปไหนก็ไม่รู้ แถมโทรศัพท์ก็ไม่มีด้วย เผลอๆพวกท่านอาจจะพยายามติดต่อผมอยู่ก็ได้...


คิดแล้วแค้นไม่หาย เพราะไอ้รุ่นพี่เอ็งซวยนั่นแท้ๆ ดันโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระไป ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลยสักคน


อย่าให้ผมเจออีกนะ พ่อจะกระโดดเตะก้านคอ ให้คอหักตายไปเลย อยู่ไปก็รกสังคมคนแบบมันน่ะ


“โถ่โว้ยย!!!”ผมสบถออกมาอย่าหัวเสีย ยังมีใครชีวิตบัดซบได้มากกว่านี้อีกไหมวะ ขนาดบ้านกูยังไม่มีให้อยู่เลย ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินแค่ 20 บาท กับเสื้อผ้าอีก 1 กอง หึ!อยากจะขำให้กับโชคชะตาของตัวเองดังๆ

 

ตอนนี้ผมคิดจะปีนรั้วเข้าไปในบ้านครับ ถึงจะดึกมากแล้วแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมสักเท่าไหร่ เพราะแถวนี้มีไฟกิ่งตามถนนอยู่ ทำให้ความมืดไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปีนรั้วของผมสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ


คงไม่มีใครมาเห็นหรอก หันซ้ายที แลขวาที โอเคทางสะดวก ผมจัดการโยนกองเสื้อผ้าเข้าไปในบ้านก่อนเป็นอันดับแรก


“ฮึบ!”


หลังจากนั้นผมก็จัดการเกาะรั้วบ้าน แล้วนำพาร่างอันสง่าผ่าเผยของตัวเองค่อยๆไต่ขึ้นรั้วบ้านทีละน้อย ทีละน้อย ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกนินจาในการ์ตูนเลยวะ โคตรเท่! แต่ถ้าในความเป็นจริง ก็พวกโจรดีๆนั่นแหละ


ใช้เวลาไม่นานสักเท่าไหร่ ก็สามารถนำพาตัวเองเข้ามาอยู่ข้างในอาณาเขตบ้านเรียบร้อยแล้ว 5555


เก็บเสื้อผ้าเสร็จ ก็สาวท้าวเดินตรงไปนั่งหน้าประตูบ้านทันที เผื่อพรุ่งนี้คุณศิรากรนั่นมา จะได้เห็นผมชัดๆ แบบ full HD


ผมนั่งเหยียดขา แล้วเอาหลังพิงกับประตูหน้าบ้านไว้


อ่า ทำไมวันนี้ดาวหม่องจัง หม่องเหมือนชีวิตผมตอนนี้เลย...


คิดแล้วโคตรเศร้า..


ผมนั่งมองดาวอยู่แบบนั้นไปสักพักเปลือกตาที่หนักอึ้งก็ค่อยๆปิดลง..

 

วันนี้..ผม รู้สึกเหนื่อยจริงๆ


ขอนอนเอาแรงหน่อยแล้วกัน..


พรุ่งนี้ค่อยหาทางแก้ปัญหาอีกที


ครอก


-----------------------------------------------------------------


คลื่น  ~


แอ๊ด!


“เอ้า! ระวังหน่อย”


“ถือดีๆนะโว้ย”


“ระวังตก”


“เห้ย! นั่นใครมานอนอยู่ตรงประตูน่ะ”

 

“นอนขวางประตูแบบนี้จะขนของเข้าไปได้ไงวะ”


เสียงอะไรวะ น่ารำคาญจริง คนจะหลับจะนอน แหกปากเสียงดังอยู่ได้ เดี๋ยวพ่อต่อยคว่ำ


“เห้ยน้อง น้องครับ” มันเอามือมาเขย่าตัวผมอย่างแรง จนผมนึกว่าแผ่นดินไหว แรงควายฉิบ


“อืม” ปัดมือแม่ง อย่ามากวน คนจะนอน


“เห้ยน้อง! ตื่น!”


“…”


“น้องมานอนขวางประตูแบบนี้พี่ทำงานไม่ได้นะครับ” มันเพิ่มแรงขย่าตัวผมเป็นสองเท่า จนผมรู้สึกโลกมันโอนเอียงไปมายังไงก็ไม่รู้


“อืม”ผมปัดมือมันไปอีกรอบด้วยความรำคาญ คนจะหลับจะนอน มาปลุกแบบนี้มันบาปนะโว้ย


“น้องครับ”


ปลุกไปกูไม่ตื่นหรอก กูเหนื่อย กูจะนอน


“มีอะไรหรือเปล่า”เสียงใครวะ ทำไมคุ้นๆ

 

 

“ก็น้องคนนี้สิครับคุณศิรากร มานอนขวางประตูแบบนี้ พวกผมขนของเข้าไปข้างในไม่ได้เลย ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”


หือ? ศิรากร ชื่อคุ้นๆ แต่ตอนนี้สมองไม่ทำงานเพราะอาการง่วงจัด เดี๋ยวค่อยตื่นมาคิดแล้วกันว่ามันเป็นใคร


“หืม? อ๋อ เดี๋ยวผมจัดการเอง”


เสียงพวกนั้นเงียบลงไปแล้ว หึ! ได้นอนอย่างเงียบๆสักที ตัดใจไปแล้วสินะ

คนที่อ่อนแอ่ก็แพ้ไปไอ้น้อง อะไรก็ไม่สามารถมาหยุดการนอนอืดเป็นพยูนเกยตื้นของกูได้


ซ่าาาาาส์!


“เห้ยยย” โอ้โห ตื่นเต็มตาเลยกู ไอ้บ้าที่ไหนมันบังอาจมาสาดน้ำใส่คนหล่อที่กำลังนอนอยู่อย่างกูวะ

ผมรีบแหงนขึ้นไปมองหน้ามันทันทีครับ บังอาจมาก บังอาจมาทำกับกูได้!


“มึง!”ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นไอ้คนเอ็งซวยนามว่าเนล ยืนถือถังน้ำอยู่ตรงหน้าผม มึงสินะ

ที่สาดน้ำใส่กู!!


“เอ่อกูเอง” มันพูดเสียงเรียบ ทำหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา


ผมจัดการก้มมองสำรวจตัวเอง โอ้มายก็อดดดดด!! เปียกหมดเลย เปียกหมดเลย! กองเสื้อผ้าของผมที่กองอยู่ข้างๆก็พลอยเปียกไปด้วย ไอ้เนล! มึงง!! หงิดเลย หงิดมาก กำปั้นในมือผมสั่นหงิงๆเลย

 

ฮึ้ยยยยย!! ไอ้เนล! ระยำต่ำช้าจริงๆ


“ไอ้เหี้ย มึงทำอะไรกับกูเนี่ย เห็นไหมกูเปียกหมดเลย สัด!” นาทีนี้รู้สึกโมโหโกทามากๆ


“มึงนั่นแหละ มานอนขวางทางเองทำไม คนเขาจะขนของเข้าไปไว้ในบ้าน แต่เข้าไปไม่ได้เพราะมึงมานอน

เป็นศพขึ้นอืดอยู่ตรงประตูเนี่ยแหละ” โอ้โห! ด่ากูได้เจ็บแสบยิ่งนัก


“ไอ้เนล มึง!” บังอาจมาว่ากูนอนเป็นศพขึ้นอืด กูรับไม่ได้ คนหล่อรับไม่ได้!!


“ทำไม กูทำไม?” มันพูดออกมาพร้อมทำหน้ายียวนกวนประสาท


ว่าแต่...มึงมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ไอ้เนล


“มึงมาอยู่นี่ได้ไง” ถามออกไปหน่อย คือสงสัย


“มึงนั่นแหละ มานอนอยู่นี่ได้ไง” เอ้า ถามกูกลับเฉย


“กะ กู มารอพบคุณศิรากร”


“หือ?”มันเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถามผมต่อ

 

“มึงมารอพบเขาทำไม?”


“กูมีเรื่องต้องคุยกับเขา”


“เรื่องอะไร?” เอ้าไอ้นี่ มันใช่เรื่องที่กูต้องบอกมึงไหม? มึงไม่ใช่คุณศิรากรสักหน่อย งดเผือกครับน้องเนล ไม่ใช่ธุระอะไรที่น้องต้องรู้


“กูไม่มีธุระอะไรจำเป็นต้องบอกมึง”


“เหรอ? แล้วถ้ากูบอกมึงว่า กูคือคุณศิรากรล่ะ”


“มึงไม่ต้องมาโม้! กูไม่เชื่อมึงหรอก”


“ก็แล้วแต่มึง” มันทำหน้าไม่แยแส พร้อมยักไหล่ไปทีหนึ่ง เห็นแล้วรู้สึกหมั่นใส้มันขึ้นมาทันทีเลย


“จะอยู่ตรงนี้อีกนานไหม ออกไปได้แล้ว พี่เขาจะได้ทำงาน เกะกะอยู่ได้” มันเดินมากระชากมือผม แล้วเหวี่ยงตัวผมให้ออกห่างจากประตูบ้าน ทำให้ล้มกลิ้งไถลไปกับพื้นสองสามตลบ จนตอนนี้ตัวผมกระเด็นมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงสนามหญ้าเป็นที่เรียบร้อย


คนอะไรวะแรงเยอะชะมัด!


หน้าตาก็ดี แต่ทำไมนิสัยแย่แบบนี้วะ ผมเสียดายหน้าตามันจริงๆ

นิสัยเหี้ยๆแบบนี้ ถ้ากูเป็นผู้หญิงไม่มีทางเอามันมาเป็นพ่อพันธุ์หรอก! เสียของหมด!!


“โอ้ย!”


ผมกำลังจะลุกขึ้นไปด่ามัน แต่ดันรู้สึกแสบที่หน้าขาขึ้นมาก่อน ด้วยสัญชาตญาณมนุษย์จึงล้มลงไปดู

เห้ย! หน้าขาทั้งสองข้างของผมมีแผลถลองปอกเปิกเต็มไปหมดเลย สงสัยได้มาตอนที่โดนเหวี่ยงจนล้มไถลกับพื้นนั่นแหละ


ไอ้เนล!!! มึงพยายามวางแผนฆาตกรรมกูใช่ไหม ตอบ!


เฮ้อ~ ทำไมช่วงนี้ชีวิตคนหล่อ ถึงมีแต่เรื่องให้ต้องเจ็บตัวนักวะ


“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ออกไปจากบ้านกูได้แล้ว” ไม่วายหันมาตระโกนไล่ผมอีก อยากรู้จริงๆเลย ว่าไปทำอะไรให้มันเจ็บช้ำน้ำใจนัก มันถึงได้ทำกับผมขนาดนี้ ไอ้คนเฮ็งซวย!


อ๊ะ!แต่เดี๋ยว เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ! ออก ไป จาก บ้าน กู?


“บ้านหลังนี้ไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ หะ!ไอ้เนล”


“เมื่อวานไง กูพึ่งซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อวาน”


“หะ?”

 

“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย อีกอย่างนะ กูอนุญาตให้มึงเรียกกูว่า’ไอ้เนล’ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ”


“ก็กูจะเรียก”


“คุณศิรากรครับ โซฟาตัวนี้จะให้ผมเอาไปไว้ตรงมุมไหนดีครับ” มันกำลังจะหันมาด่าผมต่อ แต่ถูกพี่คนหนึ่งเรียกความสนใจก่อน


แต่...มันชื่อศิรากรจริงๆหรอวะ


งั้นแสดงว่ามันเป็นคนสั่งให้พวกพี่กล้ากับพี่ยอด มาย้ายของผมออกจากบ้านอะดิ


โอ้โห ครบองค์ทรงเครื่องจริงๆ


เมื่อกี้…มันยังบอกผมว่า มันซื้อบ้านของผมมาเมื่อวาน...งั้นก็แปลว่าบ้านผมถูกขาย..ถูกขายไปแล้วหรอ...


“ไอ้พี่เนล!! ไอ้พี่เนล!! นี่มันอะไรกัน ช่วยอธิบายให้ผมฟังที!! พี่มาซื้อบ้านผมไปได้ยังไง ใครขายให้พี่ บอกผม!!! บอกผมมา!!” ผมตระโกนถามไอ้พี่เนลไปอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ผมรู้สึกหวั่น หวั่นไปหมด มือไม้ผมสั่นไม่ยอมหยุดเลย


“กูซื้อมาจากคุณภัคพล เขาขายบ้านหลังนี้ให้กูแล้ว เพราะฉนั้นบ้านหลังนี้เป็นของกู มีอะไรสงสัยอีกไหม?”


พ่อหรอ...

 

พ่อ...


อีกแล้วหรอ...


จริงๆผมก็พอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่ในใจลึกๆของผมยังเชื่อใจท่านอยู่ เชื่อว่าท่านจะไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ๆ ท่านจะไม่ขายบ้าน ให้พวกเราต้องมาลำบาก..แต่สุดท้ายท่านก็ทำ...

ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าท่านขายทุกอย่างที่ผมมีจริงๆ ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์คันแรกที่ท่านซื้อให้ผมเพื่อเอาไปใช้ในมหาลัย จะได้เดินทางไปเรียนสะดวกๆ ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเสียใจมาก ที่ท่านแอบเอารถของผมไปขาย ท่านบอกกับผมว่าท่านจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ท่านกำลังลำบาก ผมเห็นอย่างนั้นเลยไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้ท่านขายมอเตอร์ไซค์ของผมไป เผื่อมันจะช่วยอะไรท่านได้บ้าง...แต่สุดท้ายท่านก็ยังไม่พอ แอบเอาโน๊ตบุ๊ค ที่ผมทนเก็บเงินมาตั้งหลายเดือนไปขายด้วย ท่านบอกกับผมด้วยเหตุผลเดิมๆ ท่านต้องการใช้เงิน สุดท้ายผมก็ยอมให้อภัยท่านไป


เพราะยังไง..ท่านก็คือพ่อ


ผมอาจจะเสียใจอยู่บ้าง ที่ท่านเอาของๆผมไปขายอยู่บ่อยๆ แต่ยังไงท่านก็ยังคือพ่อ พ่อที่เลี้ยงดูผมมา

ผมไม่สิทธิไปถือโทษโกธรท่าน...


แต่พ่อครับ...


ทำไมพ่อถึงขายทุกอย่างที่ผมมีไปล่ะครับ พ่อจะไม่ให้ผมเหลืออะไรในชีวิตเลย...หรอครับ


พ่อเคยคิดบ้างไหมครับ..

 

ถ้าพ่อขายบ้านไปแล้ว...


ผมจะไปอยู่ที่ไหน....


ตุบ!


ไอ้พี่เนลมันโยนเสื้อผ้าของผมที่กองเรี่ยราดตรงประตูทางเข้า คืนมาให้ผม

ทำให้ตอนนี้เสื้อผ้าของผมกระจัดกระจายเต็มสนามหญ้าไปหมด


“เอาเสื้อผ้าของมึงคืนไป”


“....”


“แล้วออกไปจากบ้านกูซะ!”
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-02-2018 18:03:33
อยากกระโดดถีบอิพี่เนลจัง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 26-02-2018 00:05:56
โหดร้าย. แล้วจะไปอยู่ไหนละเนี๊ยะ???
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 01-03-2018 16:06:07
ทำไมพี่เนลทำยังงี้หล่ะคะ แล้วพ่อแม่ของภีมไปอยู่ที่ไหนแล้วเนี้ย ไม่พยายามจะมาอธิบายกับลูกหรอ?
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่8 ตื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 01-03-2018 20:41:26
ตอนที่ 8 ตื้อ


ผมลุกขึ้นยืน พร้อมก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่ไอ้พี่เนลมันโยนทิ้งกระจัดกระจายเต็มสนามหญ้าขึ้นมา



ถึงแม้จะรู้สึกแสบแผลที่ถลอกปอกเปิกจากการลื่นไถลเมื่อกี้แค่ไหนก็ตาม แต่มันคงสู้แผลที่มีอยู่ในใจของผมตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว



พ่อทำผมได้เจ็บแสบจริงๆ



ตอนนี้ผมได้รับรู้ความจริงทั้งหมดจากปากคุณศิรกรแล้ว



ผมไม่เหลือความสงสัยอะไรต่อไปแล้ว



เพราะฉะนั้น...ผมจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป



ในเมื่อเจ้าของบ้าน ’ คนใหม่’ เขาออกปากไล่ขนาดนี้แล้ว ทนอยู่ต่อไป เขาจะสมเพชเอา



ผมเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาจนครบทุกชิ้น แล้วเดินหันหลังให้ไอ้พี่เนลที่ยืนจ้องผมทุกการกระทำอยู่ตั้งแต่แรกทันที



ค่อยๆ เดินออกมาจากบ้าน สองมือหอบเสื้อผ้าเอาไว้แน่น สองขาก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ประตูรั้ว ผมหันกลับไปมองบ้านของตัวเองด้วยความอาลัยอาวอน แต่สายตาดันปะทะเข้ากับดวงตามีเสน่ห์ของร่างสูงที่ยืนกอดอกจ้องผมอยู่ไม่ละสายตา อะไรมองอะไร? ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ จ้องอยู่ได้ ไอ้พี่เนลดูเหมือนจะรู้ตัวว่ามันกำลังจ้องผมอยู่ มันกะพริบตาสองที แล้วหันหน้าหนี เดินตรงเข้าไปในบ้านของมัน พร้อมปิดประตูใส่ผมทันที เหอะ!



ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวกูมาเอาคืน ขอกลับไปตั้งหลักก่อน!!

กูไม่ยอมแพ้มึงง่ายๆ หรอก นี่ใคร ภีมเอง!


-------------------------------


โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ครับ ผมไม่มีเรียนด้วย จึงเลือกไปตั้งหลักที่ร้านของพี่อ้อย ผมใช้เงิน 20 บาทที่เหลือติดตัว นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านพี่แกครับ ทำให้ตอนนี้ผมไม่เหลือเงินติดตัวสักบาท โคตรเศร้า ขอร้องไห้ให้กับโชคชะตาของตัวเอง สักทีเถอะ



แต่อย่างน้อยถ้ามาร้านพี่แก ได้ทำงานสักหน่อย ก็พอจะมีเงินติดตัวเพื่อต่อชีวิตบ้างละวะ



อาจเพราะร้านพี่แกอยู่ใกล้ด้วย ทำให้ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่ร้านเรียบร้อย ตอนนี้พี่แกเปิดร้านแล้วครับ ร้านพี่แกจะเปิดตั้งแต่เช้ายันค่ำเลย ชนิดที่ว่าขายทั้งวันทั้งคืนให้กระอักเลือดตายกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว แต่ช่วงสายๆ แบบนี้จะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ จะมีเยอะอีกทีก็ตอนเที่ยงๆ กับช่วง 5 โมง ครับ ช่วงนั้นจะชุลมุนเป็นพิเศษ





กริ้ง กริ้ง~



กระดิ่งตรงประตูร้านส่งเสียงดังกังวาน ตอนที่ผมผลักประตูเข้าไป ทำให้สาววัยกลางคนที่กำลังง่วนกับการทำอาหารอยู่ในครัว ชะโงกหน้ามามอง



“สวัสดีครับพี่อ้อย” ผมยกมือไหว้พี่แก



“อ่าวน้องภีม! ทำไมเมื่อวานไม่มะ..” พี่อ้อยยังพูดได้ทันไม่จบประโยคดี ก็ทำตาโต รีบพุ่งเข้ามา หน้าตาตื่นตระหนก ประหนึ่งโลกจะแตกอีกสองวันนี้ “ตายแล้วน้องภีม!!! ไปทำอะไรมา สภาพถึงได้ละเทะแบบนี้!” พี่แกสำรวจมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า



มันก็ไม่แปลกหรอกที่พี่แกจะตกใจ ก็สภาพผมตอนนี้มันเละเทะมากๆ เนื้อตัวก็เปียกไปหมด แผลก็ถลอกเต็มหน้าขา แถมเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เปรอะเปื้อนดูไม่ได้ ก็เล่นไปคลุกดินคลุกฝุ่นขนาดนั้นไม่เปื้อนนี่สิแปลก พี่วินเขายอมมาส่งถึงร้านพี่อ้อยก็บุญแค่ไหนแล้ว ไอ้ภีมคนนี้แทบก้มลงไปกราบตีนพี่วินเขาอยู่แล้ว ดีที่ไม่พาผมไปส่งให้มูลนิธิกระจกเงาเขาดูแลน่ะ



“เกิดเรื่องนิดหน่อยครับ”



“เกิดเรื่องอะไรกับน้องภีมของพี่เนี่ย” พี่อ้อยแกทำหน้าครุ่นคิด สายตายังคงไล่สำรวจผมไม่หยุด “หรือน้องภีมไปซัดกับใครมา?” มันก็ไม่เชิงหรอกครับพี่อ้อย แค่ผมไม่ได้ซัดมันคืนเท่านั้นเอง



“ก็ประมาณนั้นแหละครับ ที่ผมมาหาวันนี้เพราะผมต้องการความช่วยเหลือจากพี่” ผมตอบพี่แกไปส่งๆ ก่อนเข้าประเด็นหลักที่มาหาพี่แกในวันนี้ จะได้ไม่เสียเวลา ตอนนี้ผมต้องการที่พึ่งครับ ต้องการเพื่อคู่คิด ช่วยผมแก้ปัญหา



“เรื่องอะไรจ๊ะ?”



“เอ่อ...” กำลังจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดกับตัวเองให้พี่แกฟัง เผื่อจะช่วยอะไรผมได้บ้าง แต่พี่แกก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน



“เอ่อใช่! น้องภีม พี่พึ่งนึกออก”



“ครับ?”



“เมื่อวานน่ะ มีคนมาขอพบน้องภีมที่ร้านพี่ด้วย เขามารอน้องภีมที่ร้านทั้งคืนเลย”



“ใครครับพี่อ้อย!”



“อืมมม...เขาบอกเป็นแม่ของน้องภีมนะ ถ้าพี่จำไม่ผิด”



“จริงหรอครับพี่อ้อย! แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้ว!” ผมรีบถามพี่อ้อยออกไปด้วยความร้อนรน มือที่ชุ่มเหงือทั้งสองข้างของผมสั่นไม่ยอมหยุด



แม่...ท่านมาตามหาผมที่ร้าน แถมยังรอผมยันเช้าอีก ถ้าเมื่อวานผมเข้ามาทำงานเหมือนปกติทุกวัน ผมคงไม่ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายเหมือนเมื่อวานด้วยตัวคนเดียว..



“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาฝากกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ภีมนะ เขาบอกว่าถ้าภีมมาที่ร้าน ให้เอากระดาษแผ่นนี้ให้ภีมหน่อย หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านไปเลย” พี่อ้อยหยิบกระดาษใบหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งมาให้ผม



ผมรับกระดาษแผ่นนั้นจากมือพี่เขามาอย่างร้อนรน แล้วรีบเปิดอ่านทันที



‘ภีม แม่พยายามโทรหาลูกหลายสายแล้ว แต่ลูกไม่ยอมรับโทรศัพท์แม่เลย เมื่อวานแม่กลับไปบ้านเพื่อรอเจอลูกอยู่นาน แต่ลูกก็ไม่ได้กลับ แม่จึงมาหาลูกที่ร้านอาหารที่ลูกมาทำงานพิเศษ แต่ลูกกลับไม่มาทำงาน แม่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับลูกหรือเปล่า ถ้าลูกได้อ่านข้อความนี้ช่วยโทรกลับมาหาแม่หน่อยนะลูก แม่เป็นห่วง และแม่ก็มีเรื่องสำคัญที่จะบอกลูกด้วย ปล.ถ้าพรุ่งนี้ลูกไม่โทรมาหาแม่ แม่จะไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจทันที’ อ่านถึง ปล.แล้วสะดุ้งโหยงเลย คือถ้าวันนี้ผมไม่มาที่ร้านพี่อ้อย แม่ผมต้องไปแจ้งความคนหายให้เป็นเรื่องวุ่นวายแน่ๆ



สงสัยเมื่อวานแม่กลับไปรอผมที่บ้านช่วงที่ผมโดนไล่ออกมาแน่ๆ เลยทำให้เราคลาดกัน พอผมกลับไปที่บ้านอีกครั้ง ท่านก็ออกมารอผมที่ร้านพี่อ้อยเรียบร้อยแล้ว เจริญไหมล่ะ!



เมื่ออ่านข้อความของแม่จบแล้ว ผมก็รีบโทรหาแม่สิครับรออะไร รอแม่ผมไปแจ้งความคนหายที่ สน. หรอ?



“พี่อ้อยครับ..เอ่อ..คือผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ พอดีผมทำโทรศัพท์หาย..” ผมรีบเอ่ยปากขอยืมโทรศัพท์พี่อ้อยแกทันที รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน แต่ต้องยอมรับความจริงที่ว่า กูไม่มีโทรศัพท์!



“อ๋อ ได้สิๆ” พี่แกก็ล้วงโทรศัพท์ของแกในกระเป๋ากางเกงแกมาให้

ผมรับมาแล้วรีบต่อสายไปหาแม่ทันที ไม่ได้นะแม่ใจเย็นๆ ก่อน ลูกชายแม่ไม่ไห้หายไปไหน



ตู๊ดดด ตู๊ดดดดด ~



ผมรอสายได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยิน



[สวัสดีค่ะ] ท่านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหล้าเต็มที ฟังจากน้ำเสียงผมก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าท่านไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดทั้งคืน...ผมรู้สึกเป็นห่วงท่านเหลือเกิน



“แม่ นี่ภีมเองนะ”



[ภีม!! ลูกแม่ ลูกหายไปไหนมา! รู้ไหมแม่เป็นห่วงลูกขนาดไหน! แม่พยายามโทรหาลูกแต่ลูกก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์แม่เลย เกิดอะไรขึ้นกับลูกแม่หรือเปล่า?] เมื่อรู้ว่าเป็นผม ท่านก็ยิ่งคำถามใส่ผม จนไม่รู้ว่าควรตอบคำถามไหนก่อนดี



“เอ่อ..มีอุบัติเหตนิดหน่อยครับแม่ แต่ช่างมันเถอะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ” จะให้บอกแม่ว่า ‘พอดีผมไปแอบถ่ายคลิปรุ่นพี่คนหนึ่งเพราะหวังจะแบล็กเมล์มัน แต่มันดันจับได้ซะก่อน เลยโยนโทรศัพท์ผมทิ้งลงสระ’ อย่างงี้หรอ ไม่ได้หรอกเสียภาพพจน์หมด ไม่บอกน่ะดีแล้ว



[อืม ดีแล้วล่ะ ลูกแม่…ไม่เป็นอะไรแม่ก็สบายใจแล้ว] น้ำเสียงท่านดูผ่อนคลายขึ้นมาจากตอนแรก นั่นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าท่านสบายใจขึ้นมาแล้ว



แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มาถามสารทุกข์สุกดิบกัน เรื่องบ้านสำคัญกว่า

“แม่...เมื่อวานผมกลับบ้าน...แม่รู้ไหมว่าผมเจอกับอะไรบ้าง”



[เมื่อวานลูกกลับบ้านหรอ] ท่านทำเสียงประหลาดใจ



“ครับ เมื่อวานผมไม่ได้มาทำงานที่ร้าน เรียนเสร็จไอ้เหม่ยมันชวนผมไปเล่นบอลนิดหน่อย แล้วผมก็กลับบ้านเลยครับ พอมาถึง...” ผมพยายามกลั้นน้ำเสียงให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้ได้รู้ว่าผมรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน



“มันไม่ใช่บ้านของเราแล้วครับแม่” มันยากที่จะพูดคำนี้ออกไป แต่ยังไงมันก็คือความจริง



[….]



“พ่อขายบ้านเราไปแล้ว”



[….]



“แม่ครับ...พ่อขายบ้านเราไปแล้ว ใช่ไหมครับ” ประโยคข้างหลังผมพูดออกมาเสียงแผวลง ผมอยากฟังคำตอบจากแม่ให้มั่นใจว่าสิ่งที่ผมกำลังพูด มันคือความจริงที่เกิดขึ้น



[ใช่ลูก เมื่อวานแม่ตั้งใจที่จะบอกเรื่องนี้กับลูกนั่นแหละ พ่อเราแอบเอาบ้านเราไปขาย แล้วนัดลูกค้ามาดูบ้านช่วงที่เราไม่อยู่ จัดการตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย พอแม่กลับมา ก็เจอแต่คนที่ซื้อบ้านเรา กำลังสั่งให้คนขนของเราออกจากบ้าน ตอนนั้นแม่งงมาก เลยเดินเข้าไปถามเขา เขาบอกว่าซื้อบ้านหลังนี้มาจากพ่อ ตอนแรกแม่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่เขาเอาหลักฐานสัญญาทั้งหมดที่ทำกับพ่อมาให้แม่ดู แม่ถึงได้รู้ว่าความจริงว่าพ่อเรากล้าขายบ้านของเราไปแล้ว....จริงๆ] ท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ผมรับรู้ถึงความรู้สึกท่านดี มันคงเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่



“แล้วแม่..ติดต่อพ่อได้หรือยังครับ หลังจากที่พ่อขายบ้านเราไปแล้ว]



[แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ติดต่อพ่อไม่ได้เลย]



“แล้ว...เราจะเอายังไงต่อไป”



[แม่คิดว่า แม่จะกลับไปอยู่กับยายที่จังหวัดสมุทรปราการ กลับไปตั้งหลักใหม่ที่นั่น]



“....”



[ส่วนลูก แม่ไม่อยากทำลายอนาคตลูกด้วยการขอให้ลูกดรอปเรียน หรือ ให้ลูกลาออกไป เพียงเพราะแม่ไม่มีเงินส่งลูกเรียนหรอกนะ แม่อยากให้ลูกอยู่เรียนต่อที่นี่ ถึงแม้หลังจากนี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอยู่บ้าง แต่แม่ก็จะพยายามหาเงินมาเพื่อลูก จนกว่าลูกจะเรียนจบ] น้ำเสียงของท่านตอนนี้ดูอ่อนโยนจนผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา และมั่นใจว่าสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้น ท่านสามารถทำได้จริงๆ



“ครับแม่” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ท่านก็ยังคงทำเพื่อผมเสมอ ขอบคุณมากนะครับที่ทนลำบากเพื่อผม



[ต่อไปนี้คงต้องเพิ่มรายจ่ายค่าหอพักให้ลูกอีกสินะ แม่ต้องพยายามให้มากกว่าเดิมแล้วสิ]



“แม่ครับ ไม่ต้องก็ได้ ทุกวันนี้แม่ก็ทำงานหนักเกินพอแล้ว เดี๋ยวค่าหอพักผมหาเงินจ่ายเองก็ได้” ผมไม่อยากให้แม่ต้องลำบากไปมากกว่านี้แล้ว ลำพังทุกวันนี้ท่านก็แทบไม่ได้พักผ่อน ผมเป็นห่วงสุขภาพท่านเหลือเกิน ถ้าวันหนึ่งท่านต้องมาล้มป่วยเพราะฝืนตัวเองเพื่อลูกอย่างผม คงรู้สึกผิดไม่น้อยเลย



[แต่ลำพังลูก แค่เงินที่ได้จากการทำงานพิเศษก็แทบจะไม่พอค่ากินอยู่แล้ว ยังต้องมาออกค่าหออีก แล้วลูกจะไปหาเงินมาจากไหนล่ะ]



“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมหางานทำเพิ่มอีกหน่อยก็พอสำหรับค่าหอแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงผมหรอก”



[แต่ลูกภีม ลูกจะไหวเหรอ เรียนเสร็จแล้วยังต้องมาทำงานหลายๆ งานติดต่อกันอีก แม่เป็นห่วงลูกนะ แม่กลัวลูกไม่ไหว ให้แม่ออกเถอะ]



“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมไหว แม่เชื่อใจผมสิครับ แม่นั่นแหละที่ไม่ควรทำงานหนัก ผมยังหนุ่มๆ อยู่ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยสบายอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงผมหรอก” ผมพูดเพื่อให้ท่านสบายใจขึ้นบ้าง



[ภีม...แต่]



“นะครับแม่ ผมอยากช่วย”



[…]



“นะครับ..” ผมทำเสียงออดอ้อนสุดชีวิต



[แต่ถ้าภีมไม่ไหวก็อย่าฝืนนะลูก ลูกมีหน้าที่เรียน ลูกก็ต้องเรียน ต้องให้ความสำคัญกับการเรียนมาเป็นอันดับหนึ่งนะลูก อย่ามัวแต่หักโหมทำงานจนตัวเองไปเรียนไม่ไหวเข้าใจไหม แม่เป็นห่วง]



“ครับแม่ ผมรับปาก” ผมจะพยายาม..เพื่อแม่ ถึงแม้ว่าต้องโกหกออกไป แต่ทั้งหมดก็เพื่อให้ท่านไม่ฝืนทำงานจนเกินไป ผมไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไป อยากให้ท่านอยู่กับผมนานๆ ถึงแม้ต่อจากนี้ผมต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้ามันสามรถแบ่งเบาภาระของท่านได้บ้าง...ผมก็ยอม



[งั้นแม่ก็สบายใจขึ้นแล้ว ต่อจากนี้เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก เข้าใจไหมลูก]



“ครับแม่”



ไม่ต้องห่วง



เราต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก



เพราะผมจะเอาบ้านของเราคืนมาให้ได้เร็วที่สุด! ต่อให้ทำงานจนร่างพัง ผมก็ยอม

ผมจะไม่ปล่อยบ้านที่พวกท่านทนเก็บเงินสร้างมาด้วยกัน ต้องตกไปเป็นของคนอื่นหรอก



ต้องเอาคืนมาให้ได้







“ขอบคุณนะครับพี่อ้อย” หลังจากที่วางสายจากแม่เสร็จ ผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนพี่อ้อย และเอ่ยปากขอบคุณพี่เขาทันที หลังจากที่คุยกับแม่ ผมก็ได้รับรู้ว่าตอนนี้ท่านลาออกจากงานเก่าแล้ว เพราะงานหนักแถมได้เงินเดือนน้อย มันไม่เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่ายที่กำลังจะเพิ่มขึ้นมา ท่านจึงเลือกลาออกจากงาน และตั้งใจกลับไปช่วยป้าทำงานที่บ้าน



แม่บอกว่าตอนนี้ให้ผมรีบหาหอพักอยู่ไปก่อน ท่านจะพยายามหาเงินส่งผมเรียน และจะเก็บเงินส่วนหนึ่งออมไว้เพื่อไถ่บ้านคืน ถึงตอนนั้นเจ้าของบ้านเขาอาจจะใจอ่อนขายคืนให้ท่านก็ได้



มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าเจ้าของบ้านคนนั้นไม่ใช่ไอ้พี่เนล!!! ดูจากหน้าตาและนิสัยของมันแล้ว คงขอซื้อคืนยากหน่อย



“ไม่เป็นไรจ่ะ ตอนนี้ภีมกำลังลำบากอยู่สินะ อะไรที่พี่สามารถช่วยภีมได้ ภีมบอกพี่ได้นะ พี่ยินดีช่วยเสมอ”



“ขอบคุณนะครับพี่อ้อย งั้น...พี่ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”



“ได้สิ”



“คือผมต้องการหอพักแถวนี้ที่ราคาถูกๆ หน่อย พี่พอจะหาให้ผมได้ไหมครับ” ก่อนอื่นก็หาที่อยู่ก่อนเพื่อตั้งหลัก



“อืมได้สิ งั้นรอพี่แปปนะ”



พี่อ้อยแกเดินเข้าไป ตรงเคาน์เตอร์ร้าน แล้วหยิบเอาสมุดอะไรสักอย่างออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล ก่อนจะเดินเอาสมุดเล่มนั้นมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมยื่นกล่องปฐมพยาบาลมาให้ผม



“อ่ะ เอาไปทำแผลก่อนนะภีม ส่วนเรื่องติดต่อหอพักเดี๋ยวพี่จัดการให้เอง” ผมรับกล่องปฐมพยาบาลจากพี่แกมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองสมุดที่พี่แกเอามาวางไว้บนโต๊ะ ให้ผมเดาน่าจะเป็นสมุดจดเบอร์โทรของหอพักนะครับ ไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่ที่พี่แกจะมีเบอร์พวกนี้



พี่อ้อยแกเป็นคนต่างจังหวัดครับ แล้วบังเอิญพี่แกดันได้งานทำอยู่แถวนี้พอดี เลยต้องย้ายมาพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานจะได้เดินทางสะดวกๆ แต่ทำไปทำมา ไม่รอดครับ เลยต้องปลีกตัวมาเปิดร้านอาหารแถวนี้เพื่อเอาชีวิตรอดแทน โคตรเศร้า



ผมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างแผลที่เปอะเปือนจากเศษดินออกให้สะอาด ก่อนออกมานั่งทำแผลที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์รอพี่อ้อยแกหาหอให้



พอมานั่งดูชัดๆ แบบนี้แล้ว แผลมันเยอะกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ไอ้เนลนะไอ้เนล! บังอาจมาเหวี่ยงกูได้!

คิดแล้วแค้น! ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องหาทางเอาคืนมันให้ได้เลย! อย่าให้ถึงทีผมบ้างล่ะ จะเหยียบให้จมดินเลย แค้นครับแค้น



ผมจัดการเริ่มทำแผลให้ตัวเองทันที รู้สึกแสบขึ้นมานิดหน่อย ตอนเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาถูทำความสะอาดบริเวณที่เป็นแผล



หึ! แต่แผลแค่นี้ไม่ระคายผิวพี่หรอกไอ้น้อง!



ผมทำแผลเสร็จได้ไม่นาน พี่แกอ้อยก็ออกมาจากครัวหลังร้าน พร้อมให้คำตอบที่น่ายินดียิ่งนัก



“ภีม เอ่อ..คือตอนนี้มันช่วงกลางเทอม หอพักราคาถูกๆ เต็มหมดเลย เหลือแต่หอพักราคาแพงเท่านั้นแหละภีมที่ยังเหลืออยู่..” ได้ฟังครับตอบแบบนี้แล้วใจหล่นวูบเลย แต่ก็ใจดีสู้เสื้อถามออกไป



“ประมาณเท่าไหร่ครับพี่อ้อย ถ้าสู้ไหวผมก็จะสู้”



“13,000 จ่ะ”



“ต่อปี”



“ต่อเดือน”



โอ้โห จะแพงอะไรเบอร์นั้นวะ เพิ่มอีกไม่กี่พันก็จ่ายค่าเทอมได้เลยนะนั่น



ไม่ไหวๆ สู้ไม่ไหวจริงๆ แพงเกิน



“พี่อ้อย ห้องที่ถูกกว่านี้ไม่เหลือเลยหรอครับ” ถามย้ำอีกรอบเพื่อความมั่นใจ ราคาแพงตูดฉีกแบบนี้พี่ภีมสู้ไม่ไหวจริงๆ



“ไม่มีแล้วจ่ะ พี่โทรถามให้หมดแล้วราคานี้ถูกที่สุดแล้ว” โอ้โห อยากตาย



แต่ถ้าไม่เอา ก็ไม่มีที่อยู่ จะไปขอนอนกับไอ้พวกเพื่อนก็ไม่ได้อีก แค่พอนอนสักวันสองวันพอไหวอยู่ แต่อยู่ตลอดไปจนกว่าจะจบนี่ก็คงไม่ไหว หรือช่วยพวกมันแชร์ค่าห้องดีวะ



‘ไม่เอาหรอก กูไม่นิยมนอนกับผู้ เห็นหน้าแล้วรู้สึกไม่สร้างสรรค์ เตียงกูมีไว้ให้อิสตรีเท่านั้น ไปขอคนอื่นเหอะว่ะ’ ถ้าเป็นไอ้ทัศต้องพูดแบบนี้แน่ๆ เพราะงั้น…ตัดมันไปได้เลยคนแรก ไอ้เพื่อนชั่ว



‘ได้ดิ กูยินดีต้อนรับมึงเสมอ แต่ช่วยดูแลห้องกูให้ดีๆ ล่ะ นั่นโมเดลแฮนค็อกของกู อย่าเข้าใกล้เซียว กว่าจะไปประมูลมาได้ ไส้แห้งไปเกือบครึ่งปี เห้ยๆ ไอ้ภีมอย่าเข้าใกล้นามิกู ไอ้ภีมอยู่ให้ห่างๆ โรบิ้นกูเลย ออกไป!!! ’ เอ่อ...ไอ้เหม่ยก็คงไม่ไหว



‘อืม มาดิ เรื่องค่าเช่าไม่ต้องช่วยหรอก กูไม่เอา’ ถ้าเป็นไอ้ซานมันก็คงยินดีต้อนรับผมเหมือนทุกครั้ง แต่คือกูเกรงใจไงสัด เงินไม่ต้องจ่ายสักบาท แถมให้อยู่ฟรีๆ อีก ถึงเป็นเพื่อนกัน แต่ผมก็ยังมีความเกรงใจหลงเหลืออยู่บ้าง



ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองซ้ำๆ เผื่อความเครียดที่มีจะจางหายไปบ้าง



เครียดโว้ยยย!!



จะเอาไงต่อไปดีวะ ไอ้ภีม!



“อืม..งั้นเอางี้ไหม ระหว่างที่ภีมหาที่อยู่ ภีมมานอนที่ร้านพี่ก่อนก็ได้ พี่ให้นอนจนกว่าภีมจะหาที่อยู่ได้เลย แล้วเดี๋ยวพี่หาผ้านวมมาปูให้”



“จะดีหรอครับพี่อ้อย”



“ดีสิ มีภีมอยู่ จะได้มีคนเฝ้าร้านให้พี่ ตอนที่พี่ปิดร้านด้วย”



“แต่ผมเกรงใจ..”



“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ดีจะตาย ภีมได้ที่นอน แถมพี่ก็มีคนอยู่เฝ้าร้านให้ด้วย ไม่ดีหรอ?”



“เอางั้นก็ได้ครับ ผมขอบคุณพี่อ้อยมากๆ นะครับ ที่ค่อยช่วยเหลือผม” ผมรีบยกมือไหว้พี่แกไปทันที เอ่อแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เหมือนหมาเฝ้าร้านเลยว่ะ 5555555



ไม่ว่าผมจะมีปัญหาอะไร พี่แกก็จะค่อยช่วยเหลือผมอยู่เสมอ พี่อ้อยแกถือเป็นคนหนึ่งที่มีพระคุณสำหรับผมเลยทีเดียว



พี่อ้อยไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะอยู่รบกวนพี่ไม่นานหรอก



ผมจะรีบเอาบ้านของผมคืนมา ให้เร็วที่สุด!!



ตอนนี้ผมคิดไม่ตกเลยว่า จะทำยังไงให้ไอ้พี่เนลมันยอมใจอ่อนขายบ้านคืนให้ผม



สิ่งเดียวที่ผมคิดได้ตอนนี้คือ ลองเข้าไปพูดจาดีๆ ตกลงกันแบบผู้ใหญ่ มันคงสงสารผมบ้างแหละ

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ไถ่บ้านคืนมันทีละนิดๆ จนกว่าจะครบ



แอบหวังนิดๆ ว่ามันจะยอม…



----------------------------------------


วันนี้ผมมาดักรอเจอมันที่บ้านตั้งแต่เช้าเลยครับ ผมขอให้ไอ้ซานหาตารางเรียนของมันมาแล้ว วันนี้มันมีเรียนคาบแรกตอน 9 โมงเช้า โชคดีที่วันนี้ผมมีเรียนบ่ายโมง เลยมาดักรอเจอมันได้สบาย



ผมเกาะรั้วหน้าบ้านมันพร้องซะโงกหน้าหามันอยู่สักพัก ก็เห็นมันเปิดประตูออกมา วันนี้มันใส่เสื้อช็อปคณะกับกางเกงยีนส์ครับ เซ็ตผมมาอย่างดี พร้อมสพายกระเป๋าข้างเดียวบนไหล่ขวา จัดว่าหล่อมีออร่าชนิดทีว่าหญิงรักหญิงหลง ตุ๊ดเห็นก็แทบถวายชีวิตเลยทีเดียว แต่เสียใจด้วย ผมหล่อกว่า!



“ไอ้เนล!” ผมตระโกนเรียกชื่อมันอยู่ตรงประตูรั้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยินที่ผมเรียก จึงตระโกนเรียกมันไปอีกครั้ง



“ไอ้เนล!! ไม่ได้ยินที่กูเรียกหรอวะ” มันก็ไม่ยอมหันมาสักที

เรียกอีกรอบแล้วกัน เผื่อเสียงผมเบาไป



“ไอ้เนล!!!!!!!” รอบนี้ตระโกนสุดเสียงจนลูกกระเดือกแทบหลุดออกมาเต้นระบำข้างนอกได้อยู่แล้ว แต่แม่ง! เดินดุ่มๆ ไปที่รถไม่สนเหี้ยอะไรเลย



“หูตึ่งหรือไง ไอ้ห่า” ผมสบถออกมาเบาๆ กับตัวเอง แม่ง เรียกขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ยินอีก มึงควรไปเช็คหูของมึงได้แล้วนะไอ้พี่เนล



“เมื่อกี้มึงว่าใคร” อ่าวไอ้สัด! ได้ยินเฉย ถ้ากูรู้ว่าพูดแค่เบาๆ แทบกระชิบแค่นี้แล้วมึงได้ยิน กูไม่เสียเวลาแหกปากเรียกชื่อมึงตั้งนานสองนานหรอก



“เปล๊า ก็เรียกตั้งหลายรอบ แต่ไม่ยอมหันมาสักทีนึกว่าหูตึง”



“กูได้ยินตั้งแต่ที่มึงเรียกครั้งแรกแล้ว กูไม่ได้หูตึง”



“อ่าว ได้ยินแล้วทำไมมึงไม่ยอมหันมาหากูวะ?” กวนตีนหรอมึง ปล่อยกูแหกปากเรียกตั้งนานสองนาน ขึ้นเลย รู้สึกฉุนเฉียว



“กูไม่อยากเสวนากับคนอย่างมึง” โอ้โห ปากคอเราะร้ายนะน้องเนล แต่โทษทีว่ะ กูอยากเสวนากับมึงอะครับ



“คนอย่างกูมันทำไม?” ตอบให้มันเข้าหูกูนะ! ถ้าไม่เข้าหูกูเมื่อไหร่ รองเท้าที่กูใส่อยู่จะบินไปหามึงทันที ไอ้พี่เนล!



“คนอย่างมึงมันไม่มีค่าพอที่กูจะลดตัวลงไปคุยด้วย หน้าตาขี้เหร่นิสัยยังเหี้ยอีก แถมยังทำตัวกร่างไล่ต่อยชาวบ้านเขาไปทั่ว คืนนั้นกูไม่ต่อยมึงคืนก็บุญแค่ไหนแล้ว” ที่มึงพร่ามมาทั้งหมดคือมึงแค้นที่กูไปต่อยมึง แล้วไม่ได้ต่อยกูคืนว่างั้นไอ้พี่เนล?



แล้วดูที่มึงด่ากู กล้าดียังไงมาว่ากูขี้เหร่ ขึ้นเลย ขึ้น!!! หล่อขนาดนี้มึงเอาตาไปไว้ที่ไหนไม่ทราบ



ยืนเอามือเท้าเอวด่ามันคืนแม่ง! หน้าประตูเนี่ยแหละ ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าจะมาหามันทำไม ขอด่ามันก่อน!



“มึงว่ากูหน้าตาขี้เหร่ แล้วมึงดูตัวเองหรือยัง มึงหน้าตาดีตายแหละไอ้หน้าปลาไหลชนเขือน! ส่วนนิสัยมึงเนี่ยนะดีมาก โอ้โห! ดีโคตรๆ ไล่ทำร้ายร่างกายชาวบ้านจนเขาจนได้แผล กูไม่วิ่งเอามีดไปแทงมึงคืนก็บุญแค่ไหนแล้ว”



“กูไปทำร้ายร่างกายใครตอนไหน?” โอ้โห! กล้าพูดนะมึง! แล้วไอ้แผลเต็มสองขากูนี่ ไอ้ควายตัวไหนมันทำวะ



“นี่ไง!! แผลที่หน้าขากูเนี่ย!” ชี้ให้มันดูแม่งเลย แหกตามึงดูนะ! ถ้ายังไม่เห็นก็ควักมันออกมาเลย! กูสนับสนุน



“หือ? ถ้าแผลที่หน้าขามึง กูไม่ได้ทำ กูแค่ดึงมึงให้ออกจากประตูแค่นั้น มึงดันเซ่อได้แผลมาเอง” มันตอบออกมาหน้าตาเฉย ไอ้ชั่ว! มึงใช้คำว่าดึงหรอ? ที่บ้านกูเรียกเหวี่ยงโว้ย



“กูไม่ได้เซ่อขนาดนั้นเหอะ! ถ้ามึงไม่เหวี่ยงกูก่อน แล้วกูจะได้แผลมาไหม?”



“เห็นพูดกูมึงมาตั้งหลายครั้งละ กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ พูดจากับกูให้มันดีๆ หน่อย ไม่มีความเคารพต่อรุ่นพี่ พูดจาปีนเกลียว!”



“ที่มึงว่ากูทำตัวไม่เคารพรุ่นพี่ กูก็เคารพรุ่นพี่ทุกคนนะ ยกเว้นมึง! เคยถามตัวเองหรือยังว่าเคยทำตัวให้กูเคารพบ้างไหม?”



“กูก็ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพของรุ่นน้องทุกคนนะ ยกเว้นมึง!”



“สัด!” มันมาเหนือกว่า เถียงแพ้ครับ เถียงแพ้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากสบถออกมาเบาๆ



“หึ! ถ้ามึงจะลงทุนมาถึงบ้านกู เพื่อมายืนด่ากูฉอดๆ ๆ แบบนี้ กูว่ามึงกลับไปเหอะ เสียเวลา! ลงทุนมาด่าแล้วเสือกเถียงแพ้อีก อายแทนว่ะ” มีการหัวเราะเยาะกูอีก เกลียดมัน!



“กูไม่ได้ลงทุนมาถึงที่นี่ เพื่อด่ามึง” นึกออกแล้วว่ามาทำไม บ้านกูไง บ้านกู สำคัญที่สุด!



“แล้วมึงมาทำไม?” ขอบคุณสำหรับคำถามนะครับน้องเนล



“กู.. อ้าวไอ้สัดจะไปไหน ฟังกูก่อน ไอ้เนล!”

มันเดินไปขึ้นรถของมันแล้วครับ!

ไอ้เหี้ยยยย! ถ้ามึงไม่คิดจะฟังกู มึงจะถามกูทำหอกอะไรตั้งแต่แรก



ประตูรั้วที่ผมเกาะอยู่ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ แต่เดี๋ยว! มันไปเป็นประตูอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เท่าที่จำความได้บ้านกูไม่มีประตูแบบนี้มาก่อน! โห! ไฮโซเวอร์



ปี้นๆ



ยังมีหน้ามาบีบแตรไล่กูอีก กูไม่หลีกให้หรอก มึงต้องฟังกูพูดก่อนไอ้พี่เนล



“จะยืนขวางทางกูอีกนานไหม หลีกไป!” มันลดกระจกลง แล้วยื่นหน้าออกมาตะคอกใส่ผม



“ไม่! จนกว่าพี่จะฟังเรื่องที่ผมพูด” เป็นคนหนักแน่นครับ ถ้ามึงไม่ฟังกูก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น เอาสิ!



“หลีกไป กูจะไปเรียน”



“ผมขอเวลาคุยกับพี่แค่ 5 นาที นะพี่เนล” พูดดีๆ กับมันสักหน่อยเผื่อมันใจอ่อน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลล่ะวะ



“ไม่หลีกกูชน” โอโห้! มีการมาขู่ มึงไม่กล้าชนกูหรอกไอ้พี่เนล แน่จริงก็มาชนกูสิ ชนกูเลย



บรื้นนนนนน บรื้นนนนนนนน!



ดูเหมือนมันเหยียบคันเร่งจนสุด ก่อนจะพุ่งรถออกมาเต็มที่โดยไม่สนใจว่ายังมีผมยืนขวางรถมันอยู่

งานนี้ก็หลบสิครับ จะอยู่ให้มันชนหรอวะ มีแต่ตายกับตาย ไม่เอาด้วยหรอก

ไอ้เหี้ยนี่มันไม่ลังเลที่จะชนกูเลยนี่หว่า จิตใจมันทำด้วยอะไรวะ



แต่กูไม่ยอมมึงง่ายๆ หรอก



กูจะตื้อ ตื้อ ตื้อ จนกว่ามึงจะยอมคุยกับกูนั่นแหละ!




หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 01-03-2018 21:21:59
ที่เลวกว่าเนลก็พ่อนายเอกนี่แหละ :katai1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 01-03-2018 22:41:44
ตรรกะนายเอกเพี้ยนๆ ไปหน่อย
สงสัยนางกำลังเศร้าเลยคิดอะไรทำอะไรแปลกๆ
โดยรวม อ่านแล้วคิดว่าพล็อตนี้เหมือนละครเกาหลี
พระเอกหล่อเลว นายเอกเรียนเก่งแต่จน แล้วเพี้ยนๆ
โดนพระเอกจ้างหรือมีเงื่อนไขให้แสดงเป็นคนรักแล้วจะคืนบ้านให้
สุดท้าย พ่อที่หนีไป หาเงินมาไถ่บ้านได้ เลยต้องแยกกันก่อนจะบอกรักกัน
เราคิดว่างั้นนะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-03-2018 00:10:41
แล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่องละเนี๊ยะ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 9 แฟน(1/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 07-03-2018 10:13:11
ตอนที่ 9 แฟน
(1/2)

[Nel talk]

“เป็นอะไรของมึงวะ ทำหน้าบูดตั้งแต่เช้าเลย” ไอ้แจ็คที่เดินอยู่ข้างผมเอ่ยถามขึ้น

“กูอารมณ์ไม่ดี”

“แล้วอะไรมันทำให้คนอย่างมึงอารมณ์เสียแต่เช้าเลยวะ ไอ้เนล”

ตอนนี้เราพึ่งเลิกเรียนช่วงเช้าครับ กำลังจะไปสมทบกับไอ้พวกแก๊งที่ตึกเรียนรวม วันนี้เรานัดกันกินข้าวเที่ยงที่ตึกเรียนรวมครับ วันนี้ไอ้ฟิว ไอ้เมฆ ไอ้ฟง มันเรียนที่ตึกเรียนรวม ส่วนผมกับไอ้แจ็คมีเรียนวิชาเอกที่ตึกคณะ มีเรียนอีกทีตอนบ่ายโมงที่ตึกเรียนรวม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเราจึงนัดกันกินข้าวที่นั่นเลย


“โดนเด็กปืนเกียว” คิดแล้วอารมณ์เสียไม่หาย เมื่อเช้าผมเกือบเข้าเรียนไม่ทันเพราะมัวแต่เถียงกับไอ้เด็กบ้านั่นแหละ


แต่เมื่อเช้าเหมือนมันมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างจะคุยกับผมนะ แต่ผมไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่ คงจะเป็นเรื่องบ้านนั่นแหละ เพราะดูเหมือนมันจะยังยอมรับไม่ได้เรื่องที่บ้านของมันถูกขายไป ซึ่งอยู่ฟังมันไป ผมก็ไม่คืนให้มันหรอก เพราะงั้นผมเลยขับรถออกมาโดยไม่คิดจะฟังเรื่องที่มันจะพูดเลย


“หือ? ใช่ไอ้เด็กคนนั้นหรือเปล่า” ไอ้แจ็คชี้นิ้วไปตรงมุมหนึ่งของตึก ผมก็มองตามนิ้วมันไปเรื่อยๆ จนสายตาผมหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง


“เห้ย!” ผมอุทานออกมา เมื่อเห็นหน้ามันชัดๆ ไอ้เด็กปากเสียที่ยืนด่ากับผมฉอดๆๆเมื่อเช้านิหว่า มันมาทำอะไรใต้ตึกคณะกูวะ มันชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวา เหมือนมันกำลังหาใครสักคนอยู่ สายตามันสอดส่องไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ผม


นี่มึง...คงไม่ได้ตามหากูอยู่หรอกนะ


พอมันเห็นผม มันก็รีบตรงดิ่งมาทางผมทันทีเลย


ใช่แน่ๆ มึงมาหากูแน่ๆ


“ไปเหอะ ไอ้แจ็ค ป่านนี้ไอ้พวกนั้นรอเรานานแล้วมั้ง”ผมรีบบอกไอ้แจ็คไป ตอนนี้ผมยังไม่อยากจะคุยกับมันให้เสียอารมณ์


“เอางั้นหรอ”


“เออ”


 “เดี๋ยว!!อย่าพึ่งไป” มันรีบตระโกนออกมา เมื่อมันเห็นว่าผมตั้งท่าจะเดินหนีมัน ขาสองข้างของมันก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางผมเรื่อยๆ


“จะยืนรออะไรอีก รีบไปดิ”ผมหันไปพูดกับไอ้แจ็คด้วยอารมณ์ขุ่นเล็กน้อย ที่มันไม่ยอมเดินตามมาสักที


“แต่ดูเหมือนเด็กนั่นมีเรื่องจะคุยกับมึงนะ ไม่อยู่คุยกับมันก่อนล่ะ”


“กูไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับมัน ไปเหอะ”ไอ้แจ็คมันก็พยักหน้าอย่างงงๆ พร้อมยอมเดินตามผมออกมาแต่โดยดี


“เดี๋ยว! หยุดก่อน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย หยุดก่อน!” ผมไม่สนใจเสียงตระโกนของมัน รีบสาวเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว รีบตรงดิ่งไปที่ลานจอดรถทันที ไอ้เด็กนั่นจากที่ตอนแรกกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามผมมา ตอนนี้มันเปลี่ยนมาเป็นวิ่งแทน


“รอก่อน! รอก่อนครับ! แฮ่กๆ”


“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”


“หยุดก่อนครับ!”


“แฮ่กๆ ช่วยหยุดฟังผมก่อน”


“พี่เนลครับ” สองเท้าของผมหยุดซะงักทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อกี้จากปากมัน อืมพูดจาเข้าหู


“ไอ้แจ็ค มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไปทีหลัง”ผมเอ่ยปากบอกไอ้แจ็คออกไป


ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว จะรอฟังเรื่องที่ไอ้เด็กนั่นจะคุยกับผมหน่อยก็ได้


“อะไรของมึงวะ เดี๋ยวอยู่ เดี๋ยวไป กูตามอารมณ์มึงไม่ทันละ” ไอ้แจ็คบ่นพึมพรำออกมา ก่อนที่มันจะเดินตรงไปหารถของมันที่จอดไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก


“กว่าจะยอมหยุดนะมึง แฮ่กๆ” มันเอามือทั้งสองข้างของมันยันกับเข่าเอาไว้ พร้อมหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย


 “ที่กูหยุดเพราะกูสงสาร แต่มาพูดจาไม่เข้าหูกูแบบนี้ กูไปล่ะ”


“เดี๋ยว!” มันรีบเอามือที่ชื้นเหงื่อของมัน มาคว้าแขนเสื้อของผมเอาไว้


นี่มึงหลอกเช็ดเหงื่อกับแขนเสื้อกูหรือเปล่าเนี่ย


รีบเอามือของมึงออกไปเลย


“เอามือมึงออกไปจากแขนเสื้อกู”


“ไม่ ถ้าผมปล่อยพี่ก็จะเดินหนีผมอีกใช่ไหม เพราะงั้นผมจะไม่ยอมปล่อยจนกว่าพี่จะยอมฟังเรื่องที่ผมพูด”


“เออ! งั้นมีอะไรก็รีบๆพูดมา กูมีเวลาไม่เยอะ”


“คือ..เรื่องบ้านน่ะครับ พี่คืนบ้านให้ผมได้หรือเปล่า”


“ไม่” เรื่องอะไรกูจะคืนให้มึง ถามออกมาไม่คิดนะมึง


“นะพี่ เดี๋ยวผมจะรีบหาเงินมาไถ่บ้านคืนพี่ให้เร็วที่สุดเลย”


“ไม่”


“พี่ผมขอร้องล่ะ บ้านหลังนั้นมันสำคัญกับผมจริงๆ”


“ไม่” บ้านหลังนั้นมันก็สำคัญกับกูเหมือนกัน ถ้าไม่มีกูก็แย่ไม่ใช่น้อยเลย


“....”


“มึงจะมาพูดกับกูแค่นี้ใช่ไหม? งั้นกูไปล่ะ เสียเวลา”


“เดี๋ยวพี่!”


“อะไรอีกวะ!”


“ยังไงผมก็จะรีบหาเงินมาซื้อบ้านคืนให้ได้”


“แล้วถ้ากูบอกว่า กูไม่ขายล่ะ? มึงจะทำยังไง”


“ผมก็จะตื้อจนกว่าพี่จะยอมขายให้ผม”


“หึ! งั้นเชิญมึงตื้อไปตลอดชีวิตเหอะ!”


“…”


“ถึงมึงมีเงินพอที่จะไถ่บ้านคืน กูก็จะ ไม่ คืน ให้ มึง!”


พอพูดจบผมก็เดินตรงมาที่รถของตัวเองทันที โดยไม่สนใจมันที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับไปไหน..

 

 
ช่วงนี้เป็นช่วงพักเที่ยง จึงทำให้คนเยอะเป็นพิเศษ ผมชะโงกหน้าไอ้พวกแก๊ง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที

อยู่ไหนของพวกมันวะ


คลืน คลืน ~


ยังหาพวกแก๊งไม่เจอก็ดันมีสายเรียกเข้าซะก่อน ให้เดาคงเป็นไอ้ฟิวละมั้งที่โทรตาม ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันที โดยไม่ได้ดูรายชื่อหน้าจอว่าเป็นใคร


“นั่งตรงไหนของพวกมึงเนี่ย กูหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเลย”


[เอ่อ..นี่ม๊าเอง!]


“ม๊า!!”ผมตกใจ รีบดึงโทรศัพท์ออกมาดูรายชื่อคนที่โทรมาเพื่อความแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป


บนหน้าจอปรากฎรายชื่อ ‘ม๊า’ ชัดเจน


ทำไมจู่ๆ ม๊าถึงโทรมา?


เพราะหลังจากที่ผมทิ้งยัยพิมนั่นให้อยู่บ้านคนเดียว แล้วมาเปิดโรงแรมนอน ยัยนั่นก็ไปฟ้องม๊าว่าผมทิ้งให้เธออยู่บ้านคนเดียว ม๊าดูเหมือนจะโกธรผมมาก โทรมาด่าผมใหญ่เลย แล้วบอกกับผมว่า ‘ถ้าอยากออกไปนอนข้างนอกมาก ก็ไม่ต้องกลับมานอนบ้าน จนกว่าจะสำนึกได้เรื่องที่ทำให้หนูพิมเสียใจได้!’ ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่ เพราะช่วงนั้นผมหาบ้านได้แล้ว และไม่คิดที่จะกลับไปนอนที่บ้านด้วย พอหลังจากวันนั้นม๊าก็ไม่โทรติดต่อผมมาอีกเลย จนกระทั่งวันนี้....


“ที่ม๊าโทรมาหาผม ม๊าหายโกธรผมแล้วหรอครับ”


[ยัง! ม๊ายังโกธรตาเนลอยู่ ที่ไม่ฟังคำสั่งม๊าทิ้งหนูพิมอยู่คนเดียว! หนูพิมที่น่ารักของม๊าต้องร้องไห้คนเดียวตลอดทั้งคืนเลย ม๊าล่ะสงสารจริงๆเลย] เหอะ! ม๊าควรสงสารผมมากกว่าไหม?


“ถ้าม๊ายังโกธรผมอยู่ แล้วม๊าโทรมาหาผมทำไมครับ”


[ก็หนูพิมน่ะสิ ขอร้องม๊าให้ยกโทษให้ลูก เธอไม่อยากเห็น แม่ ลูก ต้องมาทะเลาะกันเพียงเพราะลูกทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว คิดดูสิผู้หญิงที่มีจิตใจงดงามขนาดนี้ลูกยังกล้าทำเธอเสียใจ แม่ละเหนือยจริงๆ]


“ที่ม๊าโทรมา เพียงเพราะจะบอกกับผมว่าคุณพิมช่วยพูดกับม๊า ให้ยกโทษให้ผม?”


[ใช่จ่ะ แล้วอีกอย่างนะ ม๊ารู้เรื่องที่เนลแอบไปซื้อบ้านแล้วนะ]


“ห๊ะ! ม๊ารู้ได้ไง”


[ม๊าตรวจสอบบัญชีของตาเนลมา แล้วเห็นว่ายอดเงินหายมันไปเยอะผิดปกติ ม๊าเลยให้คนไปสืบมา]


“….”


[แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ตาเนลของม๊าซื้อบ้าน] ม๊าพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสมากจนผมรู้สึกขนลุก


“....”


[ม๊าจะให้หนูพิมย้ายไปอยู่กับลูกที่นั่นเลย]


“ห๊ะ!!! ม๊าว่าไงนะ!!!” พอได้ยินประโยคเมื่อนี้ ใจผมหล่นวูบเลย ขนแขนขนขาลุกเป็นแถบๆเลย

ม๊า!!!!! ม๊าจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ม๊า!!!


เกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ


[ม๊าบอกว่าจะให้หนูพิมย้ายไปอยู่กับตาเนลของม๊าที่บ้านไง ดีจริงๆเลย อยู่กันสองต่อสอง ไม่มีม๊ากับป๊าคอยเป็น ก.ข.ค. ด้วย อีกอย่างนะหนูพิมก็เห็นดีเห็นงามด้วย เธอบอกว่าอยากอยู่แบบนี้มานานแล้ว เธออยากลูกแลตาเนลขอม๊าด้วยตัวเอง เหมือนกับภรรยาที่คอยดูแลสามี แค่คิดก็โรแมนติกแล้ว] ม๊าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใสตามสไตล์ท่าน มันเป็นตัวบ่งบอกชัดเจนเลยว่า นรกกำลังจะกลับมาเยือนผมอีกครั้ง


ตอนนี้ผมรู้แล้ว


ว่าผมพลาดอย่างแรง!!!


โอ้โห! ตอนนี้คำพูดของยัยพิมที่เคยพูดกำผมลอยขึ้นมาในหัวทันที


‘พิมวางแผนอนาคตของเราไว้แล้วนะคะ ว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว เราจะไปสร้างบ้านอยู่ด้วยกันสองคน พิมจะไม่จ้างแม่ครัวหรือแม่บ้านหรอกนะคะ พิมอยากลองเป็นภรรยาที่ดีคอยดูแลสามีอย่างเนลไงคะ’


โอ้โห! ตาย ตาย พลาดมาก!! นี่คือยังไม่ได้แต่งานเลย จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้วหรอวะ!


ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้!!!


ไม่ได้เลย จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด


“ไม่ได้หรอกม๊า”


[ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตอนนี้ลูกก็อยู่คนเดียวแถมยังโสด ส่วนหนูพิมก็อยู่คนเดียวแถมโสดเหมือนกัน และในอนาคตเราสองคนก็จะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว ให้หนูพิมไปอยู่ด้วยไม่เห็นเป็นไรเลย] โอ้โห! พยายามยัดเยียดเต็มทีเลยนิหว่าม๊า


“ใครว่าผมอยู่คนเดียว ผมอยู่กับแฟน” โกหกไปก่อนแล้วกัน ค่อยไปหาเอาด่านหน้า


[ห๊ะ!! ม๊าไม่เชื่อ! อย่ามาโกหกม๊านะ!]


“เรื่องจริงครับม๊า ผมซื้อบ้านอยู่กับแฟนสองคน”


[ม๊าไม่เชื่อ!!!!ตาเนลของม๊าเนี่ยนะมีแฟน แถมตอนนี้ยังอยู่กับแฟนสองคนอีก เป็นไปไม่ได้!!]


“มันเป็นไปแล้วครับม๊า”


[ม๊าไม่เชื่อ! งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นๆม๊าจะเข้าไปดูหน้าแฟนตาเนลถึงที่บ้าน! ถ้าม๊ารู้ว่าเนลของม๊าโกหก ม๊าจะให้หนูพิมย้ายไปอยู่กับลูกที่บ้านทันทีเลย!]



อ่าวซวย จะไปหามาจากไหนวะ


คงไม่เป็นไรหรอก...แค่หาใครก็ได้มาเล่นละครหลอกม๊าเอง คิดสิคิด! ไอ้เนลคิด!!


สาวในสต๊อกไง! เลือกมาสักคนก็แล้วกัน


เอาใครดี แค่เล่นละครหลอกม๊าวันเดียวเอง ใครก็ได้มั้ง สุ่มเบอร์ใครได้ก็เอาคนนั้นแหละ


“ได้ครับม๊า”


[แล้วอย่าคิดนะว่า จะไปเอาผู้หญิงในสต๊อกของตัวเองมาเล่นละครหลอกม๊าน่ะ ม๊าสืบมาหมดแล้วว่ามีใครบ้าง] น่ากลัวเวอร์ ม๊าน่ากลัวเกินไปแล้ว มิน่าล่ะถึงเข้ากับยัยพิมได้!


 “ได้ดิม๊า”ตอบออกไปด้วยความมั่นใจ ผู้หญิงในสต๊อกใช้ไม่ได้ ก็ไปจีบมาใหม่ หาคนใหม่มาเล่นก็จบ


ชิวๆมากบอกเลย แค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกม๊า


[ก็ดี ม๊าจะส่งคนไปส่องทุกวันเลย ว่าอยู่ด้วยกันจริงๆหรือเปล่า ไม่ใช่แค่มาอยู่ด้วยกันเฉพาะวันที่ม๊ามานะ ถ้าม๊ารู้ว่าตาเนลหาแฟนมาตบตาม๊า ม๊าจะให้แต่งงานกับหนูพิมทันที สัญญาที่ตกลงไว้ ถือเป็นอันยกเลิก!!]

 

ซวยแล้ว!!

 

“ครับ”

 

งานนี้มีแต่ตายกับตาย

 

[End talk]

 

จะทำยังไงให้ไอ้พี่เนลมันยอมคืนบ้านให้ดีวะ ไอ้เราก็อุตส่าห์ยอมพูดดีๆด้วย เผื่อมันจะใจอ่อนลงบ้าง สุดท้ายก็ไม่ได้ผลอยู่ดี

ใจแข็งชะมันเลย!


ไอ้ที่เขาว่า ‘น้ำหยดลงบนหินทุกวัน ยังสามารถทำให้หินมันยังกร่อนได้เลย แล้วนับภาษาอะไรกับใจคน’ แต่น้ำมันก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยนะ กว่าจะทำให้หินมันกร่อนได้


ถ้าต้องเอาเวลามาตามตื้อไอ้พี่เนลทุกวัน นอกจากจะเหนื่อยกายแล้ว ยังต้องเหนื่อยใจอีก ที่ทำอยู่นี่คุ้มหรือเปล่าวะ


สู้กูเอาเวลาที่ไปตามตื้อมัน เอาไปหาเงินสร้างบ้านใหม่ไม่ดีกว่าหรอวะ


“เฮ้อ”


“เป็นอะไรของมึงวะไอ้ภีม เห็นมึงนั่งถอนหายใจหลายรอบแล้ว กูเห็นแล้วเหนื่อยใจแทน” ไอ้ซานถามขึ้นมาหลังจากเห็นผมนั่งถอนหลายใจซ้ำๆมาหลายรอบ


ตอนนี้พวกเรามานั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่ที่ใต้ตึกคณะแพทย์ครับ ส่วนไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศมันอยากเปลี่ยนบรรยากาศเลยมานั่งกินด้วยกันที่นี่เลย


“เออ! กูว่าจะถามตั้งแต่เจอกันละ แผลที่หน้าขามึงไปโดนอะไรมาวะ” ไอ้เหม่ยเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง


“จะว่ารถล้มก็ไม่ไม่น่าใช่นะ ไอ้ภีมมันไม่มีรถ นอกจากขาจะเดี้ยงแล้วรถเสือกไม่มีอีก จะเดินทางไปไหนนี่โคตรลำบาก กูเห็นแล้วรู้สึกสมเพชวะ 555555” ไอ้ทัศ! ขากูไม่ได้เดี้ยงโว้ย! แต่อีกหน่อยขามึงจะเดี้ยงแทนถ้ามึงยังไม่หยุดพูด! เมื่อเช้ากูก็ไปวิ่งมาราธอนตามไอ้พี่เนลมันมาแล้วเหอะ! แผลแค่นี้สบายมากไอ้น้อง


อ๋อ! ไอ้ทัศมันทำใจเรื่องน้องออมได้แล้วนะครับ หลังจากที่มันหดหู่อยู่หลายวัน มันก็ได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า ‘ผู้หญิงมีให้เลือกเป็นล้านจะมาจมปักเสียใจให้กับผู้หญิงคนเดียวที่ไม่รักมันได้ยังไง’ ก็ดีแล้วครับที่มันทำใจได้แล้ว

 
“เกิดปัญหาที่บ้านอะดิ”


ผมจัดการเล่าเรื่องที่ผมเจอให้พวกมันฟัง เผื่อมันจะหาทางช่วยผมแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ก็ยังดี


“พ่อมึงทำไมทำอย่างนั้นวะ”


“แล้วคนที่ซื้อบ้านต่อดันเป็นพี่เนล รุ่นพี่ที่เราไปมีเรื่องที่ร้านเหล้าอีก โคตรซวย”


“ไอ้เหี้ย! แม่งแย่งแฟนกู ยังไม่โกรธเท่าทำร้ายเพื่อนกูเลย! อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ!มีแลกหมันกันอีกแน่ๆ”ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ เห็นมันเป็นคนแบบนี้ แต่ผมรับรู้ได้เลยว่ามันรักเพื่อนขนาดไหน คงทนไม่ไหวที่เพื่อนต้องมาโดนคนอื่นทำร้าย แต่ใจเย็นๆก่อนไอ้ทัศ กูก็ไม่พอใจไอ้พี่เนลมันเหมือนกันแต่มันถือไพ่เหนือกว่า


“มึงอย่าไปมีเรื่องกับพี่เขาอีกโว้ยไอ้ทัศ!”


“ทำไมวะไอ้ซาน?”


“มึงจำกรณีที่มีเรื่องในร้านเหล้า แล้วกูไปโพสข้อความโจมตีพี่เนลมันได้ปะ”


“เออ! กูจำได้ๆ” เรื่องที่ไอ้ซานมันโพสโจมตีไอ้พี่เนล เรื่องที่มันไปแย่งแฟนไอ้ทัศ กูจำได้ๆ


“มึงไม่เอะใจหน่อยหรือไงวะ ว่าทำไมข่าวมันถึงเงียบไป ทั้งๆที่ตอนปล่อยข่าวออกไปข่าวมันก็ดังพอสมควรเลย แต่พอมาอีกวันกลับเงียบหาย เหมือนไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย” เอ่อวะ จริงด้วย ทั้งๆที่วันแรกที่ไอ้ซานมันปล่อยข่าวออกไป แทบเป็นกระแสถล่มโซเซียลเลย แต่พอผ่านไปอีกวันกลับเงียบหายไปเลย แถมไม่เห็นใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย


“เกิดอะไรขึ้นวะ”


“กูไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นบ้าง แต่กูรู้ว่าคนที่ปิดข่าวนี้คือพี่เมฆกับพี่ฟง ข่าวที่กูปล่อยยังไม่ทันถึงหูพี่เนลเลย พวกพี่เมฆกับพี่ฟงแกก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ข่าวหายไปเป็นธาตุอากาศเลย ส่วนบัญชีของกูก็ปลิวไปตั้งแต่วันนั้นแหละ เพราะโดน Hack ระบบ”


“อื้อหือ” กูพึ่งรู้นะเนี่ย


“กูขอบอกไว้เลย รอบที่แล้วที่ไอ้ทัศไปต่อยพี่เนล ที่พวกพี่เขาไม่เอาเรื่องเพราะพี่เนลผิดที่ไปแย่งแฟนไอ้ทัศ แต่ถ้าครั้งนี้มึงไปต่อยพี่เขาอีกกูก็ไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ามึงอยากรู้ก็เชิญ” ไอ้ซาน มึงพูดมาขนาดนี้แล้ว ใครจะกล้าวะ


แต่ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วพี่เขาทำยังไงข่าวมันถึงเงียบไป


“ไอ้ทัศ มึงช่วยเป็นตัวตายตัวแทนให้กูหน่อย กูอยากรู้ว่าพี่เขาจะจัดการมึงด้วยวิธีไหน”


“ไอ้สัด!ภีม กูอุตส่าห์เป็นห่วง นี่คือสิ่งที่มึงตอบแทนความเป็นห่วงกูหรอวะ”ไอ้ทัศทำท่าบีบน้ำตา เบะปากเล็กน้อย พร้อมเหลือกตาขึ้นบน มันเอามือไปปัดๆบริเวณรอบดวงตา เหมือนกันกำลังปัดน้ำตานั่นแหละครับ โถ่ๆ ไอ้ทัศ ทุเรศวะ


“ทุเรศลูกกะตาวะไอ้ทัศ” ไอ้เหม่ยครับ เป็นคนพูด


“เงียบไปเลยไอ้เหม่ย! เห็นไหมไอ้ภีมมันไม่ได้ทำหน้าอมทุกข์เหมือนเมื่อกี้แล้ว แปลว่ากูสามารถทำให้มันรู้สึกดีขึ้นไง”


“แต่มันจะหันมาทำหน้าผวาแทนอะดิ ที่เห็นหน้าทุเรศๆของมึงอะ”


“อ้าวไอ้เหม่ย พูดจาหาเรื่องนะมึง!”


ไอ้สองคนนี้เริ่มทะเลาะกันอีกแล้วครับ ผมก็ปล่อยพวกมันทะเลาะกันไป ผมจึงหันมาพูดกับไอ้ซานที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ


“เอ่อ..ไอ้ซาน กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อย”


“หือ? เรื่องอะไร”


“คือช่วงนี้กูต้องใช้เงินเพิ่ม มึงช่วยหางานให้กูหน่อยได้ไหม”


“อ่าว แล้วงานที่ทำกับพี่อ้อยอยู่ล่ะ”


“กูก็จะทำปกตินั่นแหละ แต่อยากได้งานที่ทำหลังจากเลิกงานของพี่อ้อยแล้ว พอจะมีบ้างปะ”


“โห ไอ้ภีม มึงจะไหวหรอวะ แค่ทำงานกับพี่อ้อยก็เลิกดึกแล้วนะ”


“เออ กูต้องใช้เงินวะ ช่วยหาให้กูหน่อย ของานที่ทำตอนกลางคืนนะ”


“ขายตัว งานสบายแถมได้เงินเยอะ” ไอ้ทัศที่เถียงอยู่กับไอ้เหม่ยอยู่ พูดแทรกขึ้นมา ไอ้ทัศ! มึงเอาสมองของมึงไว้ประดับหัวเหมือนเดิมเหอะ ไม่ต้องเสนอความคิดเห็นแบบนี้ออกมาหรอก ไร้ประโยชน์มากมึงน่ะ


“อืม เดี๋ยวหาให้นะ” ไอ้ซานรับปาก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของมันออกมากดอะไรสักอย่าง


ผมก็กินข้าวรอมันไปพลางฟังไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศตีกันไปครับ

 

รอมันได้สักพักไอ้ซานก็เอ่ยขึ้นมา


“ถ้างานตอนกลางคืน ดูเหมือนที่ Sun Pub จะเปิดรับสมัครพนักงานเสริฟนะ”


“หือ ที่ไหนขอรายละเอียดหน่อย”


“อยู่ไกลจาก ม. เราไปไม่เยอะเท่าไหร่ ทำงานตั้งแต่ 2 ทุ่ม – ตี 2 เลิกงานของพี่อ้อยคือมึงต้องรีบไปเลย เห็นเขาบอกว่าทำงานที่นี่ได้เงินเยอะด้วย”


“จริงดิ!” ตาผมลุกวาวทันที คุณเห็นเงินในตาผมหรือเปล่า มันกำลังสั่นพึบๆๆเลย


“แต่มึงจะไหวแน่หรอวะ เลิกตีสอง กว่ามึงจะได้นอนก็ปาไปตีสามตีสี่ มึงจะต้องตื่นแต่เช้ามาเรียนอีก มึงแน่ใจนะไอ้ภีม ว่ามึงจะทำ”


“ไม่เป็นไร กูไหว มึงติดต่อเขาให้กูหน่อย”


“มึงไหวแน่นะไอ้ภีม กูล่ะเป็นห่วงมึงจริงๆ”ไอ้ซานบ่นเหมือนแม่เลยวะ


“เออ กูไหวไม่ต้องห่วง กูต้องใช้เงิน ติดต่อให้กูเลย”


“เออๆ”ไอ้ซานมันทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะยอมติดต่องานให้ผมแต่โดยดี

 

 

 “ช้าจังวะไอ้ภีม”


“ขอโทษพอดีวันนี้งานที่ร้านพี่อ้อยเยอะ เลยมาสาย”


“จะไปสัมภาษณ์งานทันไหมเนี่ย”


“เร่งความเร็วเต็มทีเลยไอ้ซาน กูต้องได้งานนี้”


“โว๊ะ! มึงช้าเอง มาเร่งกูอีก” เลิกบ่นแล้วเหยียบคันเร่งได้แล้วไอ้ซาน เดี๋ยวกูไปไม่ทันเสียเครดิตหมด

รีบเลยนะมึง!


รถของไอ้ซานเลื่อนออกจากลานจอดรถร้านของพี่อ้อย แล้วมุ่งตรงไปสู่ Sun Pub ทันที


วันนี้ผมให้ไอ้ซานมันมาส่งครับ เพราะมันรู้ทางไป


ใช้เวลาไม่นาน รถของได้ซานก็เลื่อนมาจอดหน้า Sun Pub เป็นที่เรียบร้อย


ที่นี่ค่อยข้างใหญ่พอสมควร ตัวอาคารถูกสร้างเป็นรูปทรงห้าเหลี่ยม มีอยู่ประมาณ3ชั้นได้ มีต้นไม้ประดับอยู่รายรอบมีทั้งต้นเล็กต้นใหญ่สลับกันไป มีหลอดไฟหลากสีประดับอยู่เต็มไปหมด ข้างบนมีป้ายใหญ่ๆเขียนว่า Sun Pub หรูใช้ได้เลย

 

“ให้มารับไหม?”

 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้”


มันพยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะเปิดประตูออกมาจากรถมัน


ไม่วายหันมาตระโกนไล่ตามหลังผม “โชคดีนะไอ้ภีม”


“เออไม่ต้องห่วง”
 


หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 9 แฟน(2/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 07-03-2018 10:24:43
แฟน
(2/2)

ผมเดินตรงเข้าไปในร้านทันทีหลังจากลากับไอ้ซานเสร็จ
เห็นพี่พนักงานคนหนึ่งกำลังกวาดๆถูๆพื้นอยู่ในร้าน ผมเลยตรงเข้าไปถามเขาทันที

“เอ่อ..ขอโทษครับ”

“ว่าไงคะ”

“คือ..ผมเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งมาสมัครงานน่ะครับ ไม่ทราบว่าไปสัมภาษณ์งานที่ไหนหรอครับ”

“อ๋อ เปิดประตูบานนั้นเข้าไป แล้วเดินเลี้ยวซ้ายนะคะ จะมีห้องของผู้จัดการอยู่ สัมภาษณ์งานห้องนั้นเลยค่ะ”

“อ๋อขอบคุณครับ”ผมยกมือไว้พี่พนักงานคนนั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูบานที่พี่เขาชี้เมื่อกี้ทันที
อืม เดินเข้ามา เลี้ยวซ้าย จะมีห้องผู้จัดการอยู่

น่าจะใช่ห้องนี้ละมั้ง ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องหนึ่งซึ่งให้เดาก็คงจะเป็นห้องผู้จัดการนั่นแหละ

ก็อก ๆ ๆ

ผมจัดการเคาะประตูก่อน รอได้สักพัก ก็มีคนเปิดประตูออกมา

เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง น่าจะอายุราวๆ 30กลางๆได้ ไว้ทรงผมสกินเฮด เจาะหูหลายรูนับไม่ถ้วน แถมยังสักเต็มตัวอีก คนนี้ใช่ผู้จัดการร้านแน่หรอวะ

“ว่าไง”เขาเอ่ยถามผมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

“เอ่อ...ผมที่ติดต่อสมัครงานมาเมื่อตอนกลางวันน่ะครับ”

“อ๋อ เข้ามาสิ”พี่แกเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไปห้อง
ก่อนจะมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จับผมบิดซ้าย บิดขวา พลิกไปพลิกมาอยู่สักพัก

“อืม ใช่ได้เลยนะเรา” พี่แกพึมพรำออกมา

“ครับ?”

“รูปร่าง หน้าตาดูดีใช้ได้เลย”

“ขะ ขอบคุณครับ”

“อืม..โอเค พี่รับเราเข้าทำงานเลยแล้วกัน” ห๊ะ? ว๊อท? อะไรวะ

“เอ่อพี่ครับ..แล้วสัมภาษณ์งานล่ะครับ พี่ไม่สัมภาษณ์ผมแล้วหรอ”

“หือ? อ๋อ ไม่ล่ะ เริ่มทำงานได้เลย”ทำไมง่ายจังวะ ไม่เห็นถามอะไร แค่ดูรูปร่างหน้าตาก็เข้าทำงานได้เลยหรอวะ ง่ายไปไหมเนี่ย

“เอ่อ...ผมเข้าทำงานได้เลยหรอครับ?”

“ใช่..หน้าตาแบบน้องกำลังเป็นที่ต้องการเลย” เอ่อ..สงสัยผมจะหน้าตาดี เป็นที่ต้องการของลูกค้าส่วนมากละมั้งครับ พี่เขาเลย
อยากได้ผม จะได้ช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ

“คะ ครับ”

 “เริ่มทำงานวันนี้เลยแล้วกัน”

“หะ ห๊ะ?”

“ไม่ต้อง งง เริ่มทำวันนี้เลย”

“...”

“ไอ้เจ๋ง! พาเด็กใหม่ไปเปลี่ยนชุด” พี่แกเรียกพนักงานที่ชื่อเจ๋งให้เข้ามาในห้อง แล้วพาผมไปเปลี่ยนชุด
ผมก็ตามเขาไปอย่างงงๆครับ

 “เข้าไปเปลี่ยนชุดห้องนี้เลย” พี่เจ๋งแกชี้เข้าไปในห้องๆหนึ่ง ที่ผมคิดว่าจะน่าเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่นแหละ
อยู่ไม่ไกลจากห้องผู้จัดการสักเท่าไหร่

“ครับ”

ผมเดินเข้าไปข้างในทันที เห็นเสื้อผ้าถูกแขวนเรียงกันเป็นแถบๆ เสื้อผ้าก็มีเหมือนๆกัน
แยกฝั่งชัดเจนระหว่างชุดพนักงานหญิงและชาย ผมหยิบชุดหนึ่งออกมาเปลี่ยนทั้นที มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกหูกระต่างดำ กับกางเกงสีดำผูกผ้ากันเปื้อน 

พอเปลี่ยนเสร็จผมก็ออกมาหาพี่เจ๋งที่รอผมอยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างหรอครับพี่”

“ก็แค่เสริฟเหล้า เสริฟเบียร์ทั่วไป ถ้าโต๊ะไหนถูกใจก็แค่ไปบริการเขาแค่นั้นเอง”

“บริการ? ยังไงครับ”

“เออเดี๋ยวมึงก็รู้เอง ไปทำงานได้แล้ว”ดูเหมือนพี่แกจะขี้เกียจตอบคำถามผมเลยตอบแบบขอไปที อะไรวะ! แล้วกูจะรู้ไหมว่ากูต้องทำอะไรบ้าง กูพึ่งมาสมัครงานวันนี้แถมได้เริ่มทำงานเลยทันทีแบบนี้ใครมันจะไปตั้งตัวทันวะ
ปกติจะมีคนที่คอยสอนเด็กใหม่ก่อนไม่ใช่หรือไง ว่าควรทำอะไรบ้าง ปฎิบัติตัวยังไง

“จะยืนเฉยอยู่ตรงนี้อีกนานไหมวะ ไปทำงานได้แล้ว มึงแค่ออกไปรับออเดอร์มา แล้วเอาไปยื่นให้บาร์เดี๋ยวเขาจัดการเตรียมเอง
มึงก็แค่รอ แล้วเอาไปเสริฟแค่นี้แหละ”

“เออ..ครับๆ” ผมรับคำพี่แกอย่างงงๆ เอาวะ แค่นี้เอง เดี๋ยวค่อยๆเรียนรู้ก็ได้


เสียงจังหวะดนตรีหนักๆเปิดบรรเลงเสียงดังไปทั่วผับ ผู้คนส่วนมากเริ่มออกมาเต้นอย่างเมามันตรงกลางฟอร์ ในร้านตอนนี้ผู้คนเริ่มเยอะแล้วครับ พี่ๆพนักงานเขาก็ทำงานกันวุ่นเลย เท่าที่ดูๆโต๊ะแถวชั้นล่างคนแทบจะเต็มทุกโต๊ะแล้ว

“อ่าวนาย ไม่เคยเห็นหน้า เด็กใหม่หรอ?”พี่พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามผมขึ้น

“ใช่ครับ พึ่งมาทำงานวันนี้วันแรกเลยครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

“อ๋อจ่ะ งั้นพี่ฝากเราไปรับออเดอร์ที่ห้อง310 ให้พี่หน่อยสิ พอดีตอนนี้พี่ยุ่งๆแถมพนักงานเสริฟไม่พออีก ช่วยพี่หน่อยนะ” ห๊ะ
ห้อง? ผมหูฝาดอะไรไปหรือเปล่า ที่นี่มันผับไม่ใช่หรอวะ ไม่ใช่โรงแรมจะมีห้องได้ไง

“ห๊ะ?พี่ ที่นี่มีห้องด้วยหรอ”

“มีสิน้อง ที่นี่ชั้น1จะเป็นผับเอาไว้สำหรับวัยรุ่นรักสนุกได้เต้นกัน ส่วนชั้นสองโซน VIP เอาไว้สำหรับคนที่พอมีฐานะได้นั่งดื่มชิวๆกัน ส่วนชั้น3เปิดเป็นห้องนอนสำหรับแขกที่ใช้บริการของเรา”

“อ๋อ...ครับ” น่าจะมีไว้สำหรับพวกที่เมาหนักแล้วขับรถกลับบ้านไม่ได้ ก็ให้เปิดห้องนอนที่นี่เลย ดีจริงๆ

 “ขึ้นบันไดไปชั้น3 ห้อง310 จะอยู่ตรงซ้ายมือพอดี”

“อ๋อ ครับๆ”

“ขอบคุณมากนะ พี่ฝากเราด้วย”

“ครับ”

ผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ชั้น 3
สายตาผมสอดส่องหาห้อง 310 ทันที พี่คนเมื่อกี้บอกว่า ขึ้นบันไดมาจะอยู่ตรงซ้ายมือพอดี
อืม..น่าจะห้องนั้นละมั้ง

ก็อก ก็อก ก็อก

ผมจัดการเคาะประตูที่มีป้ายเลขห้อง 310 ติดตรงหน้าประตู ก่อนจะเรียกคนที่อยู่ข้างใน

“เอ่อ..ขออนุญาตนะครับคุณลูกค้า พอดีผมมารับออเดอร์ครับ”

 เงียบ...

“คุณลูกค้าครับ ผมมารับออเดอร์ครับ”

เงียบ...

ตายยังวะ!

“คุณลูกค้าห้อง 310 ได้ยินที่ผมพูดไหมครับ”

เงียบอีก...

อะไรวะ

ผมเรียกลูกค้าห้อง310 เท่าไหร่เขาก็ไม่ตอบรับมาสักที จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปแม่งเลย

“เห้ย!”

โอ้โห เต็มๆสองตาเลย ข้างในนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังจูบกันเมามันเลยครับเข้าขั้นเกือบเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่บนเตียง ผู้หญิงเปลือยท่อนบนจนหมด ส่วนท่อนล่างของเธอเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเท่านั้นที่ยังปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้ ส่วนผู้ชายเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนๆ ส่วนท่อนล่างของมันเหลือแต่กางเกงยีนส์เท่านั้นที่สวมใส่อยู่ ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ในท่าที่...ฝ่ายหญิงกำลังโดนฝ่ายชายค่อมเอาไว้

ผมตกใจจึงรีบปิดประตูทันที

อะไรวะเนี่ย!?

รีบไปดีกว่า หนีไปเลยแล้วกัน

พับ!

“เห้ย! จะไปไหน!” เสียงผู้ชายคนนั้นตะโกนเสียงดังออกมา ทำให้ขาทั้งสองข้างของผมที่กำลังจะก้าวหนีเป็นอันต้องหยุดชะงักลง ตอนนี้ผมหันหลังให้มันครับ ผมไม่กล้าแม้จะกลับไปสบตามันเลย

“เอ่อ..จะไปข้างล่างครับ” ผมตอบมันไปทั้งๆที่ยังหันหลังให้มันอยู่

“ที่นี่ไม่สอนเรื่องมารยาทให้กับพนักงานหรือไง ว่าห้ามเปิดประตูเข้ามาจนกว่าลูกค้าจะเอ่ยปากอนุญาตน่ะ”
เอ้า ใครจะไปรู้ละวะ เห็นเรียกหลายทีไม่เห็นตอบรับกลับมาสักที กูนึกว่ามึงตายไปแล้ว

“ผมเรียกตั้งหลายทีแต่คุณลูกค้าไม่ตอบกลับมาสักที นึกว่า...คุณลูกค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่าเลยเปิดเข้าไปครับ”

“หึ! ไม่มีมารยาท วันหลังถ้าฉันไม่เอ่ยปากอนุญาตให้เข้าไป ก็ยืนรอจนกว่าฉันจะอนุญาตนั่นแหละ” โอ้โหไอ้เหี้ย ใครจะไปว่างรอมึงได้วะ กูก็มีการมีงานที่ต้องไปทำไหม จะให้มารอมึงจนเสร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องปะวะ

“ครับ..ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน เชิญคุณลูกค้าตามสบายเลยนะครับ” ลูกค้าคือพระเจ้าท่องเอาไว้ จะไปต่อปากต่อคำเห็นจะไม่สมควร ผมก็เลยต้องยอมขอโทษมันไป

ผมกำลังยกขาก้าวเดินหนี แต่มันก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

“เดี๋ยว! แล้วไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทหรือไง ว่าเวลาที่คุยกับลูกค้าน่ะ ให้หันหน้ามาคุยไม่ใช่หันหลังให้” โว๊ะ!! เรื่องมากจังวะ

“...”

“หันหน้ามาดิ กูอยากเห็นหน้ามึงวะ กูจะได้ไปแจ้งให้เจ้าของร้านไล่พนักงานออกได้ถูกคน” อ่าว!ไอ้เหี้ย ตอนนี้กูก็เริ่มอยากเห็นหน้ามึงแล้วเหมือนกัน

ผมจึงรีบหันหน้าไปมองหน้ามันทันทีเลยครับ อยากจะเห็นเหมือนกันว่าหน้าตามันจะเป็นยังไง

“เห้ย! ไอ้!!”ผมกับมันอุทานออกมาพร้อมกัน ชัดเลย!ไอ้พี่เนลครับ อะไรจะโลกกลมขนาดนี้วะ

“นี่มึงอีกแล้วเหรอวะ จะตามกูไปทุกที่เลยหรือไง” โคตรหลงตัวเองเลยวะ กูไม่ได้ตามมึงมาโว้ย!

“กูไม่ได้ตามมึงมาเหอะ กูมาทำงานของกู!”

“หือ?” ไอ้พี่เนลมันกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยครับ “หึ! นี่ร้อนเงินถึงขนาดนี้เลยหรอวะ”

“ก็กูต้องใช้เงินนี่หว่า ไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัว ไหนจะค่าไถ่บ้านคืนอีก ใครจะไปมีเงินใช้สบายตลอดชีวิตแบบมึงวะ”

“อ๋อ มึงเลยเลือกที่จะมาทำงานแบบนี้?”

“ทำงานแบบนี้แล้วมันยังไง” กูแค่มาทำงานเป็นเด็กเสริฟ ไม่เห็นต้องมาทำหน้าดูถูกกูขนาดนั้นเลย

“เปล๊า”

 “เนลคะ มีอะไรหรือเปล่า” ผู้หญิงที่จูบกับพี่เนลเมื่อกี้ เปิดประตูออกมา ตอนนี้เธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วครับ
เห้ย! เป็นชุดยูนิฟอร์มพนักงานเสริฟของที่นี่นิหว่า! ทำไมเด็กเสริฟถึงมาจูบกับลูกค้านัวเนียแบบบนี้วะ

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

“งั้นเรามาต่อจากเมื่อกี้กันเถอะค่ะ”

“ผมหมดอารมณ์แล้ว”

“หรอคะ งั้นเราไปต่อกันที่บ้านเนลดีไหมคะ จะได้ไม่มีคนมาขัดจังหวะ” ผู้หญิงคนนั้นกอดแขนไอ้พี่เนลเอาไว้พร้อมเอาหน้าของเธอถูกับแขนไอ้พี่เนลไปมาเป็นเชิงอ้อน แล้วหันมาทำสายตาดุใส่ผม อะไรวะ ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกมึงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่น่ะ

“งั้นผมต้องขออภัยเป็นอย่างมากเลยนะครับที่เข้ามารบกวนให้เสียอารมณ์ แต่วันหลังกรุณาบอกหน่อยก็ดีนะครับว่ากำลังเอากันอยู่ ผมจะได้ไม่เข้าไปรบกวนลูกค้าให้หมดอารมณ์” ผมส่งยิ้มให้ไอ้พี่เนลมันไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเตรียมก้าวขาเดินหนีมันไป

“เดี๋ยว!” โอ้ย อะไรอีกวะ ให้กูไปสักทีเถอะ! ยื้ออะไรนักหนา

“อะไรครับ”

“มารับออเดอร์ไม่ใช่หรือไง? จะไปโดยไม่เอาออเดอร์จากลูกค้า พนักงานแบบนี้ควรโดนไล่ออกนะ บกพร่องในหน้าที่!”

“ครับๆ ขออภัยอย่างสูงครับคุณลูกค้า”

“หึ!” มันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง พร้อมหยิบแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นมาให้ผม

“อะ กูจดไว้ในนี้หมดแล้ว” ผมรับแผ่นกระดาษจากมือมันมา ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ไม่วายกระโกนไล่หลังผมมาอีก

“คนที่เอามาเสริฟกูต้องเป็นมึงเท่านั้นนะ! คนอื่นกูไม่รับ”

โอ้ย! เรื่องมากจังวะ

ทำงานวันแรกแท้ๆยังต้องมาเจอลูกค้าแบบมันอีก โคตรซวย!!!!


ผมถือถาดที่มีแก้วไวน์อยู่ 2 แก้ว และ ไวน์ชั้นดี 1 ขวด ตรงดิ่งไปที่ห้อง 310 ทันที

ก็อก ก็อก ก็อก

“ผมเอาไวน์มาเสริฟครับ”

เงียบ...

อะไรอีกวะ

“อยู่ไหมครับ ช่วยส่งเสียงหน่อย”

“กรี๊ดดด!!! เนลจะทำแบบนี้กับเจนไม่ได้นะคะ!! เจนไม่ยอม”

“ผมบอกให้ออกไป!!!!”


อุ้ย! เกิดอะไรขึ้น?!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[Nel talk]

“เนลคะ จะสั่งไวน์มากินทำไมให้เสียเวลาอีก เจนว่าเรารีบกลับไปบ้านเนลดีกว่านะคะ”เจนเธอเดินมาเกาะแขนผมที่นั่งอยู่บนเตียง พร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนผมสุดชีวิต

เจนเธอเป็นพนักงานเสริฟที่นี่ เธอเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยแบบพิมพ์นิยมเลยล่ะครับ ที่สำคัญคือเป็นคุยง่ายครับ ตอนแรกที่ผมตกลงกับเธอเอาไว้เธอก็พยักหน้าเข้าใจทุกอย่าง ซึ่งเธอตรงสเปคผมทุกอย่าง ทั้งนิสัยใจคอและหน้าตา ผมจึงเลือกเธอให้มาเล่นละครเป็นแฟนผมภายในวันพรุ่งนี้

แต่ตอนนี้...ดูเหมือนเธอจะไม่อยากเป็นแค่แฟนปลอมๆของผม ดูเหมือนเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะจับผมทำผัวเธอจริงๆ เธอพยายามอ่อยผมสุดฤทธิ์เลย ด้วยหน้าตาและรูปร่างอันเซ็กซี่ของเธอทำให้ผมหลงเคลิ้มไปกับเธอชั่วขณะ โชคดีที่ไอ้เด็กนั่นเข้ามาขัดจังหวะก่อน ไม่งั้นผมคงได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียมาจริงๆแน่

“แต่ผมอยากกิน”

“งั้นเรากลับไปกินที่บ้านก็ได้หนิคะ กินที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“แต่ผมอยากกินที่นี่”

“งั้นเราลงไปกินข้างล่างกันเถอะค่ะ เจนขี้เกียจรอเด็กนั่นเอามาเสริฟ”

“แต่ผมจะรอ”

“เนลคะ!”

“เจนกำลังขึ้นเสียงกับผมนะครับ” ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก

“แต่เจนอยากกลับแล้วค่ะ เจนอารมณ์เสียมากนะคะที่เด็กนั่นมาขัดจังหวะเราน่ะ เนลไม่อารมณ์เสียบ้างหรอคะ”

“ไม่ครับ”

“เนล!!!”

“เจน! ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาขึ้นเสียงกับผม”

คลืน คลืน

เสียงโทรศัทพ์ของผมดังขึ้น ทำให้ผมหันความสนใจจากเจนไปที่โทรศัพท์แทน

‘น้องพลอย’

พึบ!

ผมกำลังจะกดรับสายของน้องพลอย แต่เจนดันแย่งโทรศัพท์ไปจากมือผมไปก่อน

“เจนเอาโทรศัพท์ผมคืนมา”

“ไม่ค่ะ จนกว่าเนลจะยอมกลับบ้าน”

“เจน ผมเคยเตือนแล้วนะว่าอย่ามาทำตัวงี่เงากับผม! เอาคืนมา!”
ตอนแรกเธอก็เป็นคนพูดรู้เรื่องดีนะครับ แต่ตอนนี้ทำไมถึงได้เป็นคนงี่เง่าแบบนี้ก็ไม่รู้

“ไม่ค่ะ!”

คลืน คลืน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจนเบนสายตาไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของผมแทน

“หือ? น้องพลอย? มันคือใครคะเนล”

“เอาโทรศัพท์ผมคืนมา!”ผมตระคอกใส่เจน ตอนนี้อารมณ์ของผมเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาแล้ว ผมไม่ค่อยชอบให้ใครมาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของผม คู่นอนของผมทุกคนรู้เรื่องนี้ดี จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมสักเท่าไหร่

“ก็บอกมาก่อนสิคะ ว่ายัยนี่มันเป็นใคร!!!”เจนเริ่มขึ้นเสียงกับผม

“คู่นอน จบไหม เอาคืนมาได้แล้ว!”

“อะไรนะคะ คู่นอน? เนลทำแบบนี้กับเจนได้ยังไงคะ!!!”เธอเอามือเล็กๆขอเธอทุบเข้าที่หน้าอกของผมซ้ำๆ ด้วยความไม่พอใจ ผมว่าผมตกลงเรื่องนี้กับเจนชัดแล้วนะ ว่าให้แสดงเป็นแฟนเพื่อหลอกแม่เท่านั้น ไม่ใช่เป็นแฟนกันจริงๆ ผมไม่ชอบการผูกมัด ค่า
จ้างผมก็จ่ายให้เธอไปแล้ว

“เจน เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไง เรื่องนี้น่ะ”

“แต่ตอนนี้เจนเป็นแฟนกับเนลนะคะ!!!”

“เจนพูดไม่รู้เรื่องหรือไง!!”

 “เนลกำลังขึ้นเสียงกับเจนอยู่นะคะ!”

“ออกไปได้แล้ว”

“อะไรนะคะ”

“ผมบอกให้ออกไป!”

“เนลไล่เจนหรอคะ เนลกล้าไล่แฟนตัวเองหรอคะ”

“เจน! ดูเหมือนเจนจะหลงประเด็นอยู่ ถึงแม้ว่าผมจะขอเจนเป็นแฟนก็จริง แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าเจนจะพิเศษกว่าคนอื่นๆนะ”

“เนล!!!”เธอตะคอกใส่หน้าผม

“เราเคยตกลงกันแล้วนะ ว่าผมไม่ชอบการผูกมัด แค่เป็นแฟนกันเพื่อหลอกแม่อย่างเดียวไม่ใช่หรอ นอกนั้นให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองไป ต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายชีวิตของกันและกัน แค่นี้เจนยังทำให้ผมไม่ได้เลย”

“เนล..เจน ขอโทษ” น้ำเสียงขอเธอเริ่มอ่อนลงแล้ว สงสัยเธอจะรู้ตัวแล้วว่าทำอะไรลงไป

“...”

“เจนแค่หึงเนลไปหน่อย..”

“เจนไม่ควรหึงผม”

“แต่เจนรู้สึกชอบเนล เจนชอบเนล”

“เจนรู้สึกชอบผมได้ แต่เจนไม่ควรรู้สึกอยากครอบคองผม เพราะนั่นมันก็เหมือนกรงที่เจนพยายามจะขังผมเอาไว้ ซึ่งผมเกลียด
มาก แต่เจนก็ยังทำ”

“เจอขอโทษ เจนลืมตัว...”

“ออกไปได้แล้วเจน!”

“เจนขอโทษ เจนขอโอกาสแก้ตัวได้ไหม เจนจะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเนลอีกแล้ว”

“...”

“เจนขอ..ขอแค่ได้อยู่กับเนลเท่านั้น ก็พอใจแล้ว”

“ออกไปได้แล้ว!”

“เจนขอโอกาส..”

“ไม่เจน ออกไปได้แล้ว ผมไม่ชอบให้ใครมาตามหึงหวง ขนาดแค่วันแรกเจนยังเป็นถึงขนาดนี้ ถ้าผมให้โอกาสไปเจนจะไปเป็น
มากกว่านี้อีกหรอ แล้วช่วยจำไว้ด้วยนะว่าผมต้องการแค่แฟนเพื่อเอาไปหลอกแม่ ไม่ใช่แฟนจริงๆ ช่วยแยกแยะด้วย!”

“เจน..”

“ออกไป!”

“….”

“จะยอมออกไปดีๆ หรือ จะให้ผมลากออกไป?”

“กรี๊ดดด!!! เนลจะทำแบบนี้กับเจนไม่ได้นะคะ!! เจนไม่ยอม” เธอส่งเสียกรี๊ดออกมาเหมือนคนสติแตก จนผมต้องรีบเอามือปิดหู
เอาไว้ คนอะไรวะเสียงโคตรแหลม!

“ผมบอกให้ออกไป!!!!”

เธอชักสีหน้าใส่ผม ก่อนจะเดินกระแทกประตูออกไปทันที

ปั้ง!

“เห้ย!!”

หลังจากที่เจนเปิดประตูออกไป ประตูก็กระแทกใส่เด็กปากเสียที่ยืนแอบฟังผมอยู่หน้าประตูจนเกือบล้ม โชคดีที่มันยังตั้งหลักไว้ได้ก่อน

"แอบฟังคนอื่นคุยกัน ไม่มีมารยาท" ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เจนเดินออกไปพ้นระยะสายตาของผมแล้ว เหลือแต่เด็กปากเสียที่ยังยืนเอ๋ออยู่หน้าประตู

"ผมไม่ได้แอบฟัง!"

"ไม่ได้แอบฟังแล้วมายืนอยู่หน้าประตูได้ไง"

"ผมเอาไวน์มาเสริฟเหอะ"

"มาถึงแล้วทำไมไม่เรียก"

"เรียกแล้ว"

"แต่กูไม่ได้ยิน"

"แต่กูเรียกมึงแล้ว หูตึงหรือไง"

"เป็นพนักงาน พูดจากับลูกค้าแบบนี้สมควรแล้วหรอ? อยากถูกไล่ออกหรือไง?"
มันทำสีหน้าไม่พอใจ ปากเม้มเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยคำๆหนึ่งออกมาด้วยความไม่เต็มใจนัก

"ขออภัยครับ"

"หึ! งั้นเอาเข้ามาไว้ข้างในเลย" มันยอมเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเอาไวน์ที่มันถือมาวางไว้บนโต๊ะ
ผมรีบสาวเท้าเดินตรงไปที่ประตูก็จะปิดประตูขังมันไว้ทันที

"เห้ย! ทำอะไร"

"อยู่ดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อย"

"ไม่ครับ ผมจะไปทำงาน หลีกไป"

"นี่ก็งานของมึง อยู่บริการลูกค้า จะบกพร่องในหน้าที่หรือไง?"

"แล้วทำไมถึงไม่ให้ผู้หญิงคนเมื่อกี้บริการล่ะครับ"

"ก็กูอยากให้มึงบริการ มึงมีปัญหาหรือไง?"

"โว๊ะ! เรื่องมากวะมึง!" มันเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจผมออกมาหน่อยๆ แต่ผมไม่สนใจมันหรอก

"นั่งดื่มเป็นเพื่อนกู"

"ผมดื่มไม่เป็น แค่รินให้เฉยๆได้ไหมครับ"

"เออๆ"

มันเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะเปิดขวดไวน์รินใส่แก้วให้ผม
เมื่อเห็นว่ามันคงไม่คิดจะหนีไปไหน จึงเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างๆมัน

ผมหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ในหัวผมพลางคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอาจริงๆมันก็ใช้ได้เลยนิหว่า เห็นดื้อๆแบบนี้แต่บางครั้งมันก็ยอมฟังคำสั่งผม และยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงมันจะไม่เต็มใจก็เถอะ อีกอย่างมันดูไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับผมสักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีเรื่องบ้าน ให้ตายยังไงมันก็คงไม่เข้ามายุ่งกับผมแน่ๆ

อีกอย่างมันเป็นผู้ชายผมก็เป็นผู้ชาย แถมมันก็ไม่ได้เรื่องมากเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่เข้ามาในชีวิตผมด้วย ถ้าเป็นแบบนี้คงอยู่ด้วยกันง่าย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เห้ย! โอเคเลยวะ

"มึง" ผมเอ่ยปากเรียกมัน

"ผมไม่ได้ชื่อมึงครับ ผมชื่อภีมกรุณาเรียกให้ถูกด้วย!"

"เออ ภีม"

"ครับ"

"ยังอยากได้บ้านมึงคืนอยู่ปะ"

"ห๊ะ!!?" มันทำหน้าตกใจออกมา ผมเลยพูดย้ำออกไป ให้มันได้ฟังชัดๆอีกครั้ง

"กูถามว่ายังอยากได้คืนอยู่ไหม บ้านน่ะ"

"พะ พี่ พูดจริงปะ"

"เออ"

พอมาคิดดีๆแล้ว ผมซื้อบ้านหลังนั้นมาเพราะอยากจะหนีจากยัยพิมนั่นเท่านั้น ถ้าผมหนีจากยัยนั่นได้ มันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรกับผมอีกต่อไป

ถ้าเด็กภีมมันสามารถช่วยผมเรื่องนี้ได้ ผมก็ยินดีที่จะคืนให้มันไป

"แล้วผมต้องทำยังไง ถึงจะได้บ้านคืน"

"มาเป็นแฟนกู"

"ห๊ะ!?"
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-03-2018 00:20:41
เป็นเลย มีแต่ได้กับได้,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 10 ข้อตกลง
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 14-03-2018 21:20:44
ตอนที่ 10 ข้อตกลง

“มาเป็นแฟนกู”
“ห๊ะ?”
“ถ้าอยากได้บ้านคืน มึงต้องมาเป็นแฟนกับกู”
“ให้กูไปเป็นแฟนกับมึงเนี่ยนะ ตลกละ สมองมึงเพี้ยนแล้วหรือไง”
“กูพูดจริง” สีหน้ามันจริงจังมาก ตอนที่พูดคำนี้ออกมาจนผมรู้สึกขนลุกไปหมด
ให้กูไปเป็นแฟนกับมึงเนี่ยนะ? มึงคิดจะทำอะไรของมึงวะ

ผมนั่งทวนคำพูดของไอ้พี่เนลซ้ำๆด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันถึงอยากได้ผมไปเป็นแฟน
แค่ทุกวันนี้แฟนมันก็มีเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่แล้ว..
คนอย่างมันแค่หาแฟนไม่ยากหรอก แล้วมันจะมาขอผมเป็นแฟนเพื่ออะไรวะ
หรือว่ามัน! ชอบผม
อื้ย! คิดอะไรของกูอยู่วะ สยดสยองฉิบหาย
อีกอย่าง...ผมก็เป็นผู้ชายด้วย!
 
หรือว่า!!
 
มันเป็นเกย์!!!
 
อึ้ยย ใช่แน่ๆเลย ที่มึงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าทุกวันเพียงเพราะมึงต้องการจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของมึงใช่ไหม! ตอบ!
ออกไปให้ห่างกูเลยไอ้พี่เนล ยิ่งอยู่ในห้องกับมันสองต่อสองอีก กูยังไม่พร้อมเสียประตูหลังให้มึงนะเว้ย!
ไม่ได้การแล้ว ต้องหนีมันแล้วล่ะนาทีนี้

“หยุดความคิดประหลาดๆของมึงเดี๋ยวนี้เลย กูไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ต้องมาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนั้นก็ได้”
“เอ้า! จู่ๆก็มาขอกูเป็นแฟน จะให้กูคิดว่ายังไงล่ะ ผู้ชายที่ไหนจะมาขอผู้ชายด้วยกันเป็นแฟนวะ ถ้าไม่ได้เป็น..”
“กูไม่ได้เป็น!”มันว่าด้วยน้ำเสียงดุดัน ไม่เห็นต้องเกรี๊ยวกราดขนาดนี้เลยน้องเนล ถ้าเป็นก็ยอมรับมาเหอะ
“แล้วมึงจะมาขอกูเป็นแฟนทำไมละ ถ้ามึงไม่ได้เป็นเกย์”
“กูไม่ได้อยากได้มึงมาเป็นแฟนโว้ย! กูแค่อยากให้มึงมาแสดงเป็นแฟนปลอมๆของกู เพื่อหลอกแม่ของกูเท่านั้นแหละ”
“เพื่ออะไร?”
“กูโดนแม่จับให้แต่งงานกับคนที่กูไม่ได้รัก โดยแม่กูกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า ถ้าไม่อยากแต่งงานก็ต้องหาแฟนมาเปิดตัวกับท่านให้ได้”
อ๋อ! ผมจำเรื่องนี้ได้แล้ว ที่มันขอนางฟ้าคณะแพทย์เป็นแฟนวันนั้นไง แล้วผมพยายามจะถ่ายคลิปแบล็คเมล์มัน แต่มันรู้ตัวก่อน เลยเอาโทรศัพท์ของผมไปปาลงน้ำเล่น
แต่ดูเหมือนมันจะโดนปฏิเสธด้วย ถ้าจำไม่ผิด...

เห้ย! แล้วอะไรคือโดนปฏิเสธ แล้วมาขอกูคบแทนวะ

มันคงไม่ได้คิดอะไรกับผม เหมือนที่คิดกับพี่ฟ้าหรอกนะ

“แล้วทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ...หรือว่ามึงชอบกู! แต่ต้องขอโทษด้วยวะที่ต้องบอกว่า เสียใจด้วยกูไม่ได้ชอบผู้ชาย โดยเฉพาะคนแบบมึง” ต่อให้มึงเป็นผู้หญิงกูก็ไม่เอา บอกไว้ตรงนี้เลย
“มึงแหกหูมึงออกมา แล้วควักขี้หูที่อุดอยู่เต็มสองรูหูมึงออกมาให้หมด แล้วตั้งใจฟังกูให้ดีๆ” อี๋! กูแคะเป็นประจำเหอะ!
“...”
“มึงอย่างหลงตัวเองให้มาก หน้าอย่างมึงไม่ใช่สเปคกูหรอก แค่เห็นกูก็เอาไม่ลงแล้ว อีกอย่างกูก็ชอบผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ถึงกูจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆกูก็มั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่มึงแน่นอน มึงสบายใจได้เลย” เหอะ! มึงก็ไม่ใช่สเปคกูเหมือนกันนั่นแหละ หน้าตาก็ดีแต่นิสัยเหี้ยแบบนี้ ชาติหน้านู่นแหละกว่ามึงจะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาได้น่ะ หึ!
แต่กูก็ไม่เข้าใจมึงอยู่ดีว่าทำไมถึงเป็นกูที่ต้องทนลำบากลำบนไปเล่นเป็นแฟนกับคนอย่างมึงด้วย นรกชัดๆ!
 
“แต่กูก็ไม่เข้าใจอยู่ดี บทบาทแฟนปลอมๆของมึงให้คนอื่นทำก็ได้”
“ถ้าเป็นใครก็ได้กูคงไม่เลือกคนอย่างมึงหรอก!” อ่าวไอ้สัด! เป็นกูแล้วมันทำไมวะ อย่าให้พี่ได้มีน้ำโหนะไอ้น้อง
“แล้วเป็นคนอื่นทำไมไม่ได้วะ”
“กูลองมาหลายคนแล้ว ไปไม่รอดสักคน แต่ละคนที่กูเลือกเป็นผู้หญิงที่ตรงสเปคกูทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา พอลองอยู่ด้วยกันแปปๆ ก็เสร็จกูทุกราย พอหลังจากนั้นพวกเธอก็เริ่มเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของกูมากขึ้น เริ่มแสดงอาการหึงห่วงออกมา แสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน กูทนไม่ไหว เลิกมาหลายคนแล้ว แต่ถ้าเป็นมึงกูมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นแน่ๆ เพราะเท่าที่ดูมึงเหมือนจะไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้กูสักเท่าไหร่” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องบ้านมาเกี่ยวข้องให้ตายยังไงกูก็ไม่มีวันเข้าใกล้มึงแน่ๆ กูมั่นใจ
“มึงก็เลยเลือกกู?”
“เออ อีกอย่างถ้าเป็นมึงกูคงไม่หลงตัวไปเอากับมึงแน่ๆวะ กูมั่นใจ” โห! กูก็ไม่หลงตัวไปมีอะไรกับมึงหรอกไอ้พี่เนล อย่าหลงตัวเองให้มากไปหน่อยเลย แค่คิดกูก็สยองแล้ว
 “ให้คนอื่นทำเถอะ กูคงไม่ทำ” จู่ๆก็ให้กูมาเล่นเป็นแฟนกับผู้ชาย และต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีก แถมคนๆนั้นยังเป็นไอ้พี่เนลอีก ไม่ไหววะ
“ตกลงมึงจะไม่เอาบ้านคืน?”
“เอา”
“ถ้ามึงอยากได้บ้านคืน มึงต้องมาเป็นแฟนกับกู แค่แสดงเป็นแฟนปลอมๆยากตรงไหนวะ” มันก็ไม่ได้ยากหรอก แต่คือกูไม่อยากใกล้ชิดกับมึงไง แค่คิดว่าต้องมาแสดงบทรักอันหวานชื่นกับมึง กูก็อยากจะอวกแล้ว
มีตัวเลือกให้กูเพิ่มอีกไหมวะ ขอตัวเลือกเพิ่มหน่อย แบบนี้มันน้อยไป!
“มีตัวเลือกอย่างอื่นให้กูไหม”
“ไม่มี มีแค่ ‘มาเป็นแฟนกู’ กับ ‘มีกูเป็นแฟน’ มึงเลือกเอาเลย” โอ้โห ไอ้!!เนล! ตัวเลือกมึงมันไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่เลย! เลือกอันไหนกูก็ต้องเป็นแฟนกับมึงอยู่ดี

แต่ก็..เอาเถอะ เพื่อบ้าน!!เพื่อบ้าน ท่องเอาไว้
เป็นก็ได้วะ แค่แฟนหลอกๆมันจะไปยากอะไรเซียว!
งานสบายๆ แถมยังได้บ้านคืนอีก

“ก็ได้! ผมยอมรับข้อเสนอ แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”
“มึงแค่มาแสดงเป็นแฟนปลอมๆเพื่อหลอกแม่ของกูเท่านั้น เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะแฟนกันแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวกู นอกนั้นก็ต่างคนต่างอยู่” เห้ย! โอเคเลย
“ไม่มีปัญหาครับ”
“อ้อ! อีกอย่าง มึงต้องย้ายมาอยู่กับกูที่บ้าน”
“ห๊ะ กูต้องอยู่กับมึงด้วยหรอวะ” ไม่ไหวมั้ง
“เออ นอกจากเป็นแฟนแล้ว มึงก็ต้องอาศัยอยู่กับกูด้วย เพื่อความแนบเนียน”
อืมมมม...พอมาคิดดูดีๆแล้ว  อยู่กับมันก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปหาหอใหม่อยู่ให้เสียงเงินเพิ่ม ไม่ต้องรบกวนพี่อ้อย แถมยังเหมือนได้กลับมาอยู่บ้านตัวเองอีก เออ..เข้าท่าวะ
 
“อืม..โอเคครับ ผมไม่มีปัญหา”
“ก็ดี งั้นเรามาทำข้อตกลงกันหน่อยดีกว่า”
“ข้อตกลง?”
“ใช่ ข้อตกลงของการอยู่ร่วมกับกู ถ้ามึงรับข้อเสนอนี้ มึงก็ต้องรับข้อตกลงนี้ให้ได้ด้วย”
“ข้อตกลงมีอะไรบ้าง?”
“ข้อตกลงของการอยู่ร่วมกับกู ซึ่งมึงควรจำเอาไว้ให้ดี คือ 1.ห้ามเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของกูเด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว กูคงไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมึงหรอก มึงก็อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของกูก็แล้วกัน”
“มึงสบายใจได้ อย่างมึงกูคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เสียเวลาไปมากกว่านี้หรอก”
“กูก็เหมือนกัน!”
“ข้อ 2 ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ถ้าเป็นไปได้”
“ผมก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน”
“ก็ดี งั้นข้อที่ 3 ห้ามทำเสียงดังหนวกหูเด็ดขาดเพราะกูไม่ชอบ” ปกติผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำเสียงดังอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาในข้อนี้สักเท่าไหร่
“ได้ ไม่มีปัญหา”
“ข้อที่ 4 มึงต้องดูแลบ้าน และอำนวยความสะดวกให้กูทุกอย่าง เรียกสั้นๆก็เบ๊นั่นแหละ เพราะตอนอยู่บ้านกูมีแม่บ้านคอยทำให้ตลอด แต่กูจะมีเงินตอบแทนให้มึงด้วย” ดูมันใช้คำ! เบ๊? เรียกพ่อบ้านกูยังจะสบายใจกว่านี้เลย
“อืม...โอเค” คงไม่เสียหายเท่าไหร่หรอก จะถือว่ามันเป็นการทำงาน ที่มีนายจ้างเป็นไอ้พี่เนลมันละกัน
“ข้อ 5 มึงห้ามขัดใจกู กูสั่งอะไรมึงก็ต้องทำ”
“เผด็จการฉิบหาย” ผมบ่นออกมาพึมพำ
“กูได้ยินนะ!” ทีงี้ละหูดีจัง
“แล้วทำไมกูต้องเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวด้วย ห้ามขัดใจมึงเนี่ยนะ? เหอะ! ตลกละ”
“จะเอาไหมบ้าน?”
“เอา”
“งั้นก็ต้องยอมรับข้อตกลงนี้ซะ”
 “เออๆ” คงยอมรับไปอย่างจำยอม เอะอะๆอ้างบ้านตลอด อย่าให้กูได้บ้านคืนนะมึง! กูจะจับมึงหักสองท่อนเลย!
“และข้อ 6 ห้ามชอบกู ห้ามแสดงความเป็นเจ้าของกูออกมาเด็ดขาด เพราะกูไม่ชอบยึดติดกับใคร” ห๊ะ? อะไรวะเนี่ย ข้อนี้แปลกๆนะ กูจะไปชอบมึงได้ไงไอ้พี่เนล กูเป็นผู้ชาย! แถมมึงก็ยังเป็นผู้ชายเหมือนกูอีก ถ้ามึงเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มก็ว่าไปอย่าง
“ใครมันจะไปชอบมึง โคตรหลงตัวเองวะ” ผมตอบมันออกไป กูอยากรู้จริงๆว่ามึงไปเอามั่นใจนี้มาจากไหนวะไอ้พี่เนล มันเป็นไปไม่ได้โว้ย มึงสบายใจข้อนี้ได้
“มันก็ไม่แน่หรอก คนที่ผ่านๆมา พอได้มาอยู่กับกูแล้วหลงกูทุกราย พอหลงก็เกิดอยากครอบรองกูขึ้นมาจริงๆ ซึ่งกูไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของกู กูยังอยากเป็นอิสระอยู่”
“คนที่อยู่กับมึงเป็นผู้หญิงไง ส่วนกูน่ะผู้ชาย!” แถมความรู้สึกเดียวที่กูมีต่อมึงตอนนี้ คือ เกลียด ความเกลียดมักจะแปรผกผันกับความชอบ มึงสบายใจได้
“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่เคยอยู่กับผู้ชาย”
“ห๊ะ?” โอ้มายก็อด
“เคยลองมาแล้วด้วย”
“เห้ย!” มึงเป็นเป็นเกย์แล้วแน่ๆ ผมนี่รีบเอามือปิดตูดเลย มึงอย่านะ! มึงอย่ามาแอบตีกรุงตอนกูนอนเชียว
“ไม่ใช่แบบนั้นโว้ย! ที่เคยลองน่ะ เคยลองอยู่ แต่ยังไม่เคยมีอะไรกัน! โว๊ะ! คุยกับมึงไม่รู้เรื่องวะ เอาเป็นว่าคนที่เคยอยู่กับกูน่ะ หลวมตัวชอบกูจริงจังแทบทุกราย สุดท้ายก็พยายามอ่อยกูได้ทุกวี่ทุกวัน แม้กระทั่งผู้ชายที่กูเลยลองอยู่ด้วย หมอนั่นเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมาก จนบางทีกูก็เผลอหลงไปกับความน่ารักของมันเหมือนกัน แต่ดีที่กูยังมีสติอยู่ กูเลยต้องสร้างข้อตกลงข้อนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ” โอ้โห มึงไปทำอะไรเขาหรือเปล่าไอ้พี่เนล อย่างพวก เล่นของใส่อะไรพวกนี้ เพราะดูลักษณะแล้วคนอย่างมึงมันไม่น่าหลวมตัวเข้าไปชอบเลย
“งั้นมึงสบายใจได้เลย! ว่ากูจะไม่ละเมิดข้อนี้เด็ดขาดเลย กูมั่นใจมากที่สุดในชีวิตเลย ข้อนี้ มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ว่าแต่มึงเหอะระวังตกหลุมรักกูขึ้นมาก็แล้วกัน”
“หลงตัวเองวะ อย่างมึงแค่จะเฉียดเข้าไปใกล้ๆกูก็ไม่อยากแล้ว เลิกคิดเรื่องที่ว่า กูจะไปรักคนอย่างมึงได้เลย”
“หึ! มันก็ไม่แน่หรอก เผื่อมึงคิดไม่ซื่อกับกูขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง”
“เหอะ! ไม่มีวัน”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ผมออกจะมีหล่อขนาดนี้”
“ถ้ามึงมั่นใจขนาดนั้น ลองมาพนันเล่นๆกับกูไหมล่ะ”
“พนันอะไร?”
“ถ้ามึงตกหลุมรักกูก่อน มึงต้องจ่ายให้กูล้านหนึ่ง”
“โหย! ไม่ยุติธรรมเลยวะ”
“มึงไม่มั่นใจ? ถ้าไม่มั่นใจจะไม่พนันก็ได้นะ”
“กูมั่นใจ! แล้วถ้ามึงเกิดหลงรักกูขึ้นมาก่อน กูจะได้อะไร”
“ถ้ากูตกหลุมรักมึงก่อน กูจะจ่ายให้มึงล้านหนึ่ง” โอ้โห! งานนี้มีแต่ได้กับได้ ได้ทั้งบ้าน ได้ทั้งเงินค่าทำงาน แถมยังได้เงินค่าพนันอีก คุ้มยิ่งว่าคุ้ม! ตอนนี้เริ่มอยากขอบคุณพระเจ้าที่ส่งไอ้พี่เนลมาให้ผม
“โอเค ตกลงครับ เพราะกูมั่นใจว่ากูจะต้องได้เงินจากมึงแน่นอน” หึ! เต็มเงินสดจ่ายให้กูเน้นๆล้านหนึ่งเลยไอ้น้อง!
“หึ! กูว่ามึงอาจจะต้องจ่ายให้กูล้านหนึ่งมากกว่าวะ” เหอะ! ไม่มีทางวะ มึงจะไม่มีวันได้เงินจากกูเลยสักแดงเดียว!!
คอยดู!
“แล้วจะให้กูเริ่มคบกับมึง เมื่อไหร่” ผมถามมันออกไป
“วันนี้เลย”
“ห๊ะ? มึงจะไม่ให้เวลากูเตรียมใจหน่อยหรือไง”
“มันไม่ทันแล้ว มึงต้องย้ายไปอยู่กับกูคืนนี้เลย! เรามีบทที่ต้องเตรียมกันไว้ก่อน พรุ่งนี้แม่กูจะมาหามึงที่บ้าน กรุณาเล่นเป็นแฟนกูให้เนียนๆด้วย”
โอ้โห! ให้เวลากูได้ตั้งตัวหน่อย อะไรมันจะเร็วปานนั้นวะ
 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไอ้พี่เนลมันมานั่งดื่มรอผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ตรงชั้น1 เพื่อรอรับผมกลับบ้านไปกับมันครับ ตอนแรกผมไม่ยอมไปกับมันหรอก ตั้งใจจะขึ้นรถกลับเอง แต่มันไม่ยอมท่าเดียว ดึงดันจะให้ผมกลับไปกับมันให้ได้ โดยให้เหตุผลปัญญาอ่อนที่ว่า ‘ถ้าเกิดผมโดนแท็กซี่ดักฆ่าขึ้นมา แล้วมันจะไปหาใครมาเป็นแฟนของมันล่ะ แท็กซี่สมัยนี้ยิ่งอันตรายๆอยู่ เห็นเป็นข่าวออกจะบ่อย’ ไอ้พี่เนล! กูว่าไปกับแท็กซี่ยังปลอดภัยกว่าไปกับมึงอีก แต่ผมก็ยอมไปกับมันอยู่ดี ก็อย่างว่าแหละ ขึ้นแท็กซี่มันเสียเงินนี่หว่า สู้ไปกับมันแบบฟรีๆ บริการส่งฟรีถึงบ้านไม่ดีกว่าหรอ

มันเลยลงมานั่งดื่มชิวๆรอผมตรงบาร์ ผมถามมันว่าทำไมถึงไม่นั่งรอที่ห้อง ไหนๆแม่งก็เสียเงินเปิดห้องแล้ว มันบอกผมว่า ‘อยู่ในห้องไปก็เห็นแค่ผนังสี่เหลี่ยม สู้เอาเวลามานั่งส่องสาวข้างล่างดีกว่า’ เจริญไหมล่ะ!

 ตอนนี้ก็เป็นเวลา ตี 2 กว่าๆแล้ว ผมรู้สึกอ่อนหล้าไปหมดทั้งตัวเลย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเป็นพนักงานเสริฟที่นี่จะเหนื่อยหล้าได้ขนาดนี้ ลูกค้าที่นี่มากันไม่ขาดสายเลย ผมต้องคอยรับออเดอร์และนำเอาไปเสริฟแทบไม่ได้หยุดพัก นี่ขนาดกูพึ่งมาทำงานวันแรกนะ!
 
พอผมเลิกงานเสร็จแล้ว ก็รีบเดินตรงดิ่งไปหาไอ้พี่เนลที่นั่งรอผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ทันที เห็นมันกำลังนั่งคุยออกรสออกชาติกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยเซ้งกระเดะเลยล่ะครับ
อะไรวะ! โลกนี้แม่งไม่ยุติธรรมเลย ดูไอ้พี่เนลมันดิ แปปๆก็หาผู้หญิงคุยได้แล้ว ส่วนผมร้อยวันพันปีไม่เคยจะหาได้เลย!
 
ผมเดินไปหาไอ้พี่เนลที่นั่งรออยู่ตรงบาร์ ไม่อยากไปรบกวนเวลาคุยมัน จึงเอานิ้วสกิดไปที่หัวไหล่มันแทน

“อ่าว เลิกงานแล้วหรอ”มันหันขึ้นมามองหน้าผม ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา
“อืม”
“งั้นผมไปก่อนนะครับคุณแคท” มันหันกลับไปบอกลาผู้หญิงที่มันนั่งคุยด้วย
“งื้ออ จะไปแล้วหรอคะ แคทยังอยากอยู่กับเนลต่ออีกสักนิดจัง” คุณแคทพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ตอนนี้มันก็จะเช้าแล้วด้วย ผมต้องรีบกลับ”
“แย่จัง”
“งั้น..เอางี้ไหมครับ เอาเบอร์ผมไป แล้วเราค่อยติดต่อกันทีหลัง ดีไหมครับ?” ไอ้พี่เนลทำสายตาแพรวพราว พร้อมกับส่งยิ้มทรงเสน่ห์ส่งไปให้เธอ
หึ! อ่อยไปทั่วเลยนะมึง กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่มึงเขาถึงหาเมียมาให้มึงน่ะ ตอนนี้กูเห็นด้วยกับแม่มึงเป็นอย่างมาก มึงควรจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนสักที จะได้ไม่ไปไล่อ่อยคนอื่นเขาแล้วทิ้งอย่างไม่ใยดี กูสงสารผู้หญิงเขาวะ
“ค่ะ ดีค่ะ” พูดจบยัยคุณแคทก็รีบยื่นโทรศัพท์ของเธอไอ้พี่เนลไป มันก็รับมา พร้อมกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองใส่ไปในเครื่องของคุณแคท สักพักมันก็ยื่นคืนให้เธอ
“แล้วเจอกันใหม่นะครับ” มันบอกลาคุณแคทพร้อมเดินสาวเท้าออกจากผับไป ผมเห็นมันเดินออกไปโดยไม่คิดจะรอ ก็รีบสาวเท้าตามมันออกไปทันที


มันเดินตรงมาที่ลานจอดรถชั้น G ของผับ ผมก็เดินตามมันไปเรื่อยๆครับจนถึงรถของมัน รถของมันเป็นสปอร์ตคันสีขาวที่ผมแสนจะคุ้นตาดี  ดูกี่ทีๆก็โคตรเท่เลย ผมอยากลองขึ้นไปขับสักครั้งในชีวิตดูเหมือนกัน

“จะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ขึ้นมาได้แล้ว กูง่วง”
“ครับๆ”
ผมรีบสาวเท้าขึ้นรถไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามของมันทันที กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงรีบ ที่แท้ก็ง่วงนี่เอง โถ่ๆน้องเนล แค่นี้ก็ง่วงแล้วหรอ
พอผมขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย มันก็รีบขับรถออกไปทันที
 
ตอนนี้ในรถเงียบมาก เงียบอย่างกับป่าช้า เราต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา มันก็มองถนนของมันไป ส่วนผมก็มองที่ข้างทาง มันมืดจนผมมองอะไรแทบไม่เห็นหรอกครับ แต่ผมก็ยังคงมองมันต่อไปเรื่อยๆ มีแต่แสงไฟข้างถนนเท่านั้นที่ยังคอยช่วยส่องสว่างได้บ้าง
เงียบจริง...

ผมทนไม่ไหวจึงถามมันออกไปเพื่อทำลายความเงียบที่มีลง
 “มึง จะกลับบ้านมึงเลยหรอวะ”
“เออ” มันตอบผมโดยที่สายตาของมันยังมองไปที่พื้นถนนอยู่
“แล้วกูล่ะ”
“มึงก็ไปนอนบ้านกูไง”
“แล้วเสื้อผ้า ของใช้กูที่อยู่ร้านที่อ้อยล่ะ”
“เอาไว้นั่นแหละ พรุ่งนี้ค่อยไปเอา”
“อ้าว! แล้วกูจะใส่อะไรละวะ”
“ใส่ตัวเดิม”
“สกปก”
“เรื่องมากจังวะ งั้นก็ใส่ของกูไป”
“ให้กูใส่เสื้อผ้าของมึงเนี่ยนะ?”
“เออ มึงมีปัญหา? ถ้ามีแม่งก็ไม่ต้องใส่มันละ”
“ใส่ก็ใส่วะ”
“เออ! อีกอย่างนะติดใจกูมาหลายทีละ กรุณาใช้สรรพนามกับกูให้มันดีๆหน่อย กูเป็นรุ่งพี่มึงนะ จะมาใช้กูกับมึงได้ไง ต่อไปนี้กรุณาเรียกกูว่าพี่”
“แล้วทำไมกูต้องเรียก?”
“นี่เป็นคำสั่ง!!”
ไอ้คนเผด็จการ!

 
รถของพี่เนลเคลื่อนมาจอดตรงลานจอดรถของบ้านมันเป็นที่เรียบร้อย ผมเดินลงมาจากรถ สายตาสอดส่องสำรวจไปทั่วบริเวณบ้าน ตอนนี้สวนถูกจัดแต่งใหม่ทั้งหมด สระน้ำก็ถูกทำความสะอาดเรียบร้อย แถมในสระก็ถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำ พร้อมใช้งาน ทางเดินเข้าบ้านก็ถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด มันเปลี่ยนไปเยอะจนแทบไม่มีเค้าโครงเดิมอยู่แล้ว
 
พี่เนลเดินลงจากรถ ตรงไปเปิดประตูบ้าน มันเดินนำผมเข้าไปข้างในบ้าน ผมก็เดินตามมันเข้าไปทันที
ไม่เพียงแต่ข้างนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ข้างในก็เปลี่อยนไปทั้งหมดเช่นกัน เฟอนิเจอร์ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทำให้ข้างในนี้ดูหรูขึ้นและน่าอยู่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว บางส่วนของบ้านก็ถูกแต่งเติมขึ้นมาใหม่ ทำให้ผมรู้สึกไม่คุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างมา ผ่านไปแค่ไม่กี่วันบ้านผมเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอวะ
 
“มึงนอนห้องนี้นะ” มันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ซึ่งมันก็คือห้องนอนเก่าของผมนั่นแหละ ก็ดีเหมือนกันที่ได้นอนห้องของตัวเอง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ครับ”
“เดี๋ยว!” ผมกำลังจะเดินตรงเข้าไปเปิดประตูห้องนอนเก่าของตัวเอง เพื่อจะได้เข้าไปนอนพักผ่อนสักที วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยหล้าพอสมควร ร่างกายต้องการพักผ่อน! แต่ก็ถูกไอ้พี่เนลมันพูดห้ามขึ้นมาก่อน อะไรของมันอีกวะ
“ห้องนี้...มึงค่อยมานอนพรุ่งนี้ ส่วนคืนนี้มึงก็ไปนอนตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็แล้วกัน”
“ห๊ะ? ทำไมคืนนี้กู!...เอ่อ ผมถึงนอนห้องนี้ไม่ได้”
“ก็ห้องนี้กูเอาไว้ทำเป็นห้องเก็บของ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คนมาเคลียร์ห้องให้ เพราะงั้นคืนนี้มึงก็นอนที่ห้องนั่งเล่นไปก่อน” ดูมันทำกับห้องสุดที่รักกู!! มึงกล้ามากที่เอามาทำเป็นห้องเก็บของ
“ครับๆ” สำหรับผมนาทีนี้จะนอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอแค่ได้นอนเถอะ
“ส่วนเรื่องอาบน้ำ ไปอาบที่ห้องของกูแล้วกัน” ผมก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินตามมันไปที่ห้องนอนของมันที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของผม เมื่อก่อนห้องนี้เคยเป็นห้องรับรองแขกที่มาพักที่บ้านครับ อย่างพวกเพื่อนของพ่อ หรือ พวกญาติๆฝ่ายแม่ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครมานอนหรอกครับ จึงปล่อยเอาไว้ว่างๆ ไม่คิดว่าไอ้พี่เนลมันจะเลือกห้องนี้เป็นห้องของมัน อาจจะเพราะห้องนี้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆก็ได้
มันเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป ผมก็สำรวจห้องของมันไปพลาง ตอนนี้ห้องนี้ถูกจัดแต่งขึ้นมาใหม่ คลุมโทนขาวดำเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นเป็นพื้นไม้ลามิเนตสีบีชอ่อนโยน มีพรมขนาดใหญ่สีดำสลับขาวปูอยู่ปลายเตียง ส่วนด้านข้างห้องมีแผ่นกระจกสีดำทึบกั้นเอาไว้ ให้เดาด้านในน่าจะเป็นห้องแต่งตัวของมันละมั้ง
“มึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย อะนี่ผ้าเช็ดตัว เดี๋ยวกูไปหาเสื้อผ้ามาให้มึงใส่ก่อน” ผมรับผ้าเช็ดตัวมา พร้อมพยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำทันที
ผมเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดไว้ตรงราวแขวน แล้วเดินตรงไปที่ฝักบัว ห้องน้ำของไอ้พี่เนลมันมีทั้งอ่างอาบน้ำ และฝักบัวเลยล่ะครับ ผมเลือกใช้ฝักบัวเพราะจะได้ใช้เวลาในการอาบน้ำได้ไวกว่า แถมตอนนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์มานั่งแช่อ่างน้ำชิวๆด้วย ผมง่วงมาก รีบๆอาบน้ำดีกว่าจะได้ไปนอนสักที
ซ่า ~
เสียงน้ำกระทบผิวกายเมื่อผมเปิดน้ำชำระร่างกายของตัวเอง ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามากพอสมควร ไม่ได้อาบน้ำสบายๆแบบนี้มาหลายวันแล้ว แถมตอนนี้ผมก็กำลังอาบน้ำอยู่ที่บ้าน(ที่เคยเป็น)ของตัวเองด้วย มันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ
ผมจัดการบีบครีมมอาบน้ำใส่ฝ่ามือ แล้วจัดการถูให้เกิดฟองทั่วตัว ได้กลิ่นหอมๆของครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้แล้วมันทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
 
แอ๊ดดดด
 
“เห้ย!” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆไอ้พี่เนลมันก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง มือทั้งสองข้างรีบเลื่อนไปปิดส่วนแก่นกายโดยอัตโนมัติ
“พะ พี่ จะเข้ามาทำไมวะ”ผมพูดออกไปด้วยความตะกุกตะกัก ตอนนี้ยอมรับว่าอายมันมาก ไอ้เหี้ยนี่ก็ยืนมองอยู่นั่นแหละ
“กูเอาเสื้อผ้าเข้ามาให้” มันพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย สายตามันยังคงมองผมไม่อยู่ละสายตา มึงจะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมวะ เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วก็รีบๆออกไปสิเห้ย! ต้องมายืนเปลือยให้คนอื่นเห็นแบบนี้กูก็อายเป็นนะเว้ย
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วพี่ก็รีบออกไปได้แล้ว ผมจะอาบน้ำ”
“หือ?” มันเลิกคิ้ว
“มะ มองอะไรอยู่ได้นักหนาวะ ออกไปสิโว้ย!”
“ขาวดีวะ”
“ขาวพ่อง!”
"เนียนไปหมด”
“เนียนเชี่ยไร”
“เอวบางเหมือนกันนะเรา”
“ไอ้ห่า ออกไปสิวะ มึงจะอยู่ดูมังกรกูหรือไง” ยิ่งพูดกูก็ยิ่งรู้สึกอาย
“เหอะ! มึงแน่ใจหรอวะว่าเป็นมังกร กูว่าอย่างมึงหนอนน้อยมากกว่ามั้ง เอามือเล็กๆของมึงปิดไว้ก็มิดแล้ว”
อื้อหือ ดูมันพูดจา! มึงอย่ามาดูถูกลูกชายกูนะเว้ย ใหญ่ระดับเรียกพ่อมังกร ก็ของกูแล้วล่ะ
“หึ! ว่าแต่ของมึงเหอะ สู้ของกูได้ไหม”
“มึงจะลองดูไหมล่ะ” พี่เนลมันไม่พูดเปล่า มือของมันค่อยๆเลื่อนลงไปปลดเข็มขลัดของตัวเองออก พร้อมสาวเท้าก้าวมาหาผมเรื่อยๆ มึงจะทำอะไร!
ผมรีบถอยหลังหนีมันทันที จนตอนนี้แผ่นหลังของผมชิดติดกับพนังห้องน้ำ พี่เนลมันก็ก้าวเข้ามาหาผมต่อเรื่อยๆ ส่วนมือทั้งสองข้างที่ปลดเข็มขัดได้แล้ว ก็ค่อยๆเลื่อนลงมารูดซิปกางเกงของตัวเองลงทีละนิด
จนตอนนี้เผยให้เห็นเป้านูนๆผ่านกางเกงบ๊อกเซอร์ของมันที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกง ที่ตอนนี้ถูกรูดซิปลงจนสุด
อื้อหือ ใหญ่กว่าพ่อมังกรกูก็มันเนี่นแหละ
พี่เนลมันไม่หยุดอยู่แค่นี้ มันค่อยๆดึงขอบกางเกงบ๊อคเซอร์ของมันลงอีก เห้ย! หยุด สต็อปเลย  สต็อป! มึงไม่ต้องเอากางเกงชิ้นสุดท้ายที่อยู่บนตัวมึงลงแล้วก็ได้ แค่นี้กูก็รู้แล้ว หยุดด!
“เป็นโรคจิตหรือไงมึงน่ะ เที่ยวไล่เปิดของสงวนโชว์คนอื่นเขาไปทั่ว!”
“พูดจาให้มันดีๆหน่อย ถ้ามึงยังปากเสียแบบนี้ กูจะอยู่อาบน้ำกับมึงเนี่ยแหละ อาบน้ำอ่างเดียวกันประชันมังกรเลยไหม?”
โคตรเหี้ยยยย! แม่งขู่กูวะ จะให้ทำยังไงได้วะ ต้องยอมมันไปตามระเบียบ
“พี่เนลครับ ออกไปเถอะครับ ผมขอร้องล่ะ ผมจะอาบน้ำต่อแล้ว..นะครับ” โคตรกระดากปาก
“ไม่ขอบคุณกูสักคำหน่อยหรือไง คนเขาอุส่าไปหาเสื้อผ้ามาให้มึงใส่” เรื่องมากวะมึง ได้คืบจะเอาศอก
“ขอบคุณครับ”
“หึ! ก็แค่นี้แหละ” มันพูดจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำแต่โดยดี
ทิ้งให้ผมใจเต้นตุบตับด้วยความผวาอยู่คนเดียวในห้องน้ำ
อาบน้ำต่อ แล้วรีบๆไปนอนดีกว่า รู้สึกว่านี้ใช้พนังงานเยอะเหลือเกิน!!!
พออาบน้ำเสร็จ ผมก็หยิบเสื้อผ้าของพี่เนลที่เอาวางไว้ตรงอ่างล้างหน้ามาใส่ทันที มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวใหญ่พอสมควร กับกางเกงบ๊อคเซอร์สีดำครับ พอจัดการใส่เสร็จผมรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องมันแล้วตรงดิ่งที่ห้องนั่งเล่นทันที
ที่ห้องนั่งเล่นจะมีชุดโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ มันใหญ่พอที่ผมจะนอนได้สบายๆเลยล่ะครับ บนโซฟายังมีหมอนอิงวางเรียงกันอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว ผมจัดการเอาหมอนอิงมาวางไว้เป็นหมอนสำหรับหนุนนอน ก่อนจะนำร่างที่แสนเหนื่อยหล้าของตัวเอง เอนลงนอนกับโซฟา
พอหัวถึงหมอน เปลือกตาก็ค่อยๆปิดลงเรื่อยๆ
ขอนอนเอาแรงก่อนก็แล้วกัน
อยู่กับไอ้พี่เนลแล้วต้องใช้พลังงานเยอะพอสมควร ไม่รู้พรุ่งนี้มันจะหาเรื่องอะไรมาให้ผมปวดหัวอีกไหม
ต้องนอนเอาแรงเพื่อรับมือคนอย่างมัน
คร่อกฟี้


[Nel talk]
ผมนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายครั้ง
เชี่ย! นอนไม่หลับ
ผมมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ตอนนี้มันบ่งบอกเวลา 03.45 น.แล้ว
อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว แต่ตัวผมตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ หรือจะไม่นอนดีวะ
ผมลืมตามองเพดานห้องด้วยความว่างเปล่า อารมณ์ตอนนี้คือง่วงมากแต่นอนไม่หลับ ข่มตาหลับได้อย่างเดียว แต่ยังอยู่สึกตัวอยู่ตลอดเวลา โคตรทรมาน
ทำไงดีวะ ลงไปหาอะไรอุ่นๆดื่มก่อนก็แล้วกันเผื่อจะช่วยทำให้ผมนอนหลับได้บ้าง

ผมจัดการลุกจากเตียง เดินลงไปหาอะไรดื่มที่ครัวชั้นล่าง เปิดตู้เย็นมาเจอแต่น้ำเปล่า เจริญละ! ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้ซื้ออะไรใส่ตู้เย็นเลย ผมจัดการหยิบน้ำเปล่าออกมาใส่กาต้มน้ำทำให้มันอุ่นก่อนเทใส่แก้วดื่ม
พอดื่มเสร็จตั้งใจจะเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน สายตาเหลือบไปเห็นไอ้เด็กภีมมันนอนหลับสนิทอยู่ตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น จึงเดินเข้าไปหามันใกล้ๆ
เห็นมันนอนขดตัวอยู่บนโซฟา สงสัยเพราะอากาศค่อนข้างเย็นลงแล้ว ทำให้มันหนาวขึ้นมา ที่นี่มีผ้าห่มอยู่ผืนเดียวด้วย ผมคงไม่เสียสละยกให้มันห่มเองหรอก ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้น
ผมเอามือไปสกิดๆมัน แต่ดูเหมือนมันจะหลับลึกมาก จึงไม่รู้สึกตัวเลย
ตอนนี้ตัวมันเย็นเฉียบเลย
เอาไงดีวะ
ปล่อยมันหนาวตายอยู่ตรงนี้เลยก็คงไม่ดี
เฮ้อ ขนาดมึงหลับยังต้องมาเป็นภาระกูอีกหรอวะ

ผมจัดการช้อนตัวอุ้มมันขึ้นมา แล้วเดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนของผม จัดการวางมันลงกับเตียงนอน
ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงไปนอนข้างๆมัน แล้วห่มผ้าที่มีอยู่ผืนเดียวให้มัน ก่อนจะห่มส่วนที่เหลือให้ตัวเอง

ได้กลิ่มแชมพูอ่อนๆจากผมของมันลอยมาแตะจมูกด้วย มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

ผมหลับตาลง ก่อนที่สติของผมจะค่อยๆดับไป

พรุ่งนี้ถ้ามันตื่นมา แล้วเห็นผมนอนอยู่ข้างๆ จะเป็นยังไง ก็ค่อยว่ากันอีกที
[End Talk]
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-03-2018 23:49:59
พี่เนลขาาาา ทำไมใจดีจังคะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 15-03-2018 08:26:52
รอน้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 11 มาพบ
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 23-03-2018 21:40:36
ตอนที่ 11 มาพบ

“งืมๆ”

อุ่นจัง

ผมกระชับผ้าห่มแน่นขึ้น อากาศหนาวๆแบบนี้ ได้ซุกตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆจนไม่อยากตื่นเลย

ว่าแต่ ผ้าห่มมาจากไหน เมื่อคืนเท่าที่จำความได้ก่อนนอนมันไม่มีนี่หว่า

แถมยังรู้สึกว่าโซฟามันนอนสบายขึ้นด้วย

รู้สึกหนักๆ เหมือนมีอะไรมาทับตัวเลย

ลองขยับตัวดูหน่อยก็แล้วกัน

 

กระดึ๊บ ๆ

 

“อืมมม”

หือ? เสียงใคร

ผมลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย สายตาเริ่มปรับกับแสงที่ส่องสว่างผ่านหน้าต่างห้อง

จนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น

 

เท้าใครวะ

 

พาดมาได้เต็มหน้าอกกูเลย อีกไม่กี่เซนก็เสยหน้ากูแล้วเนี่ย

เอาเท้ามึงออกไปให้ห่างจากตัวกูเลย

ผมจับเท้าที่พาดอยู่บนอกอยู่ ดันมันออกไป ให้ห่างจากร่างกายของผม


สายตาเบนไปมองที่เจ้าของเท้า พบว่าเป็นไอ้พี่เนลที่นอนหลับอยู่ข้างๆ

 

เท้าไอ้พี่เนลมันเองหรอ

 

หือ! ผมตื่นขึ้นมาเต็มตา พร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

มันมานอนข้างผมได้ไงวะ!

 

ผมเด้งตัวลุกขึ้นมากวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้อง
มันห้องไอ้พี่เนลไม่ใช่หรอวะ แล้วผมมานอนที่ห้องมันได้ไง


"เห้ยพี่เนล! กูมานอนเตียงเดียวกับมึงได้ไงวะ" ผมโวยวายออกมาเสียงดัง ตอนนี้ผมตื่นเต็มตาเลยครับ ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำถามเต็มไปหมด


"อืมมมม" มันขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยใส่ผม แต่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่


"มึงตื่นมาคุยกับกูก่อน" ผมเขย่าตัวมันไปมา
มันเอามือขึ้นมาปัดๆไปมาบนอากาศ เหมือนปัดแมลงวัน ประหนึ่งรำคาญผมเต็มทน


"พี่เนล" ผมเพิ่มแรงเขย่ามันเป็นสองเท่า แต่มันก็ไม่ยอมตื่นสักที นอนไหลตายไปแล้วหรือไงวะ


"ตื่นสิวะ"


"อืมมม อย่ามากวนกู"


"ลุกมาคุยกับกูก่อน"


"กูจะนอนนน ออกไป" มันพูดออกมาเสียงยานคาง ก่อนจะพลิกตัวหันหลังหนีผม

 

เมินกูเฉย...

 

ผมขยับตัวเข้าไปหาพี่เนล พร้อมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับหูของมัน

"ตื่นสิโว้ย!!!!!!"


ตะโกนใส่หูมันจนสุดเสียงแม่ง

 

ไอ้พี่เนลดูเหมือนจะตกใจเสียงของผมพอสมควร มันสะดุ้งตื่น เด้งตัวขึ้นมา พร้อมหันมาจ้องผมหน้านิ่ง

สภาพมันตอนนี้ตลกมากครับ ผมยุ่งเหยิงชี้ไม่เป็นทิศเป็นทาง แถมหน้าตายังดูเมาขี้ตาอยู่เลย

 

"เป็นเหี้ยไรมึง" มันพูดออกมา พร้อมทำด้วยสีหน้าไม่พอใจมากนัก

 

"ผมมีเรื่องจะถาม แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นสักทีไอ้ห่า" ประโยคหลังผมพูดออกมาเสียงแผ่วเบาลง

 

"มีอะไร"มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

 

"ผมมานอนห้องพี่ได้ไง" ผมถามคำถามที่สงสัยออกไปทันที

 

"กูอุ้มมึงขึ้นมา"

 

"ห๊ะ?!"

 

"เห็นนอนสั่นเป็นลูกหมาอยู่ข้างล่าง กูรู้สึกสมเพช เลยอุ้มขึ้นมานอนด้วยในห้อง" ดูมันพูดจา กูไม่ต้องการความสมเพชจากมึง!

 

"เหอะ! ผมไม่ได้ขอให้พี่ช่วยซักหน่อย"

 

"ถ้ารู้ว่าช่วยแล้วไม่สำนึกบุญคุณแบบนี้ กูปล่อยให้หนาวตายคาโซฟาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"

 

"แล้วพี่จะช่วยผมทำไมล่ะ"

 

"ถ้าเป็นปกติกูก็คงไม่ช่วยมึงหรอก แต่ถ้าปล่อยให้มึงหนาวตายไป กูคงจะลำบากไม่ใช่น้อย เพราะวันนี้แม่กูจะมาดูตัวมึงแล้ว"

 

อืม..ชัดเจน
คนอย่างไอ้พี่เนลจะมาช่วยผมเฉยๆมันเป็นไปไม่ได้หรอก

 

"คือถ้าผมไม่มีประโยชน์อะไรกับพี่ คงไม่เลือกช่วยผมสินะ"

 

"เออ"

 

โคตรใจร้ายวะ จิตมึงทำด้วยอะไรวะ

 

"สงสัยอะไรอีกไหม?"

 

ผมส่ายหน้า

 

“ก็ดี กูจะได้นอนต่อ”

 

“พี่ยังจะนอนต่ออีกหรอวะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว พี่ไม่มีเรียนหรือไง”

 

“กูมีเรียนบ่าย”

 

“แต่ผมมีเรียนเช้า”

 

“แล้วไง?” ยังมีหน้ามาถามกูอีกนะมึง

 

“ชุดนักศึกษาอยู่ร้านพี่อ้อย”

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู?”

 

“ก็มึงเอากูมาทิ้งไว้ที่บ้านมึงเนี่ย กูจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่ร้านพี่อ้อยยังไงวะ ไหนเมื่อวานมึงจะไปส่งกูไง ลุกมาก่อน”

“น่ารำคานจริง” มันบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ใครใช้ให้มึงเอากูกลับมานอนที่บ้านเองละวะ ถ้าไปส่งร้านพี่อ้อยตั้งแต่เมื่อคืนก็สิ้นเรื่องแล้ว

 

เอ๊ะ เมื่อคืน...มันบอกว่ามีบทที่ต้องเตรียมกับผมนี่หว่า

มัวแต่กลัวมันจนสติแตกกระเจิง เลยลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย

ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย ฮ่าๆ

 

“ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อคืนไม่ยอมไปส่งผมที่ร้านเอง”

 

“เฮ้อ งั้นวันนี้มึงไปเรียนอีกทีพร้อมกูเลยก็แล้วกัน” มันถอนหายใจออกมายาวเหยียด

 

“ไม่เอา มีเรียนเช้า ผมไม่ยอมขาดเรียนเพราะความขี้เกียจของพี่หรอกนะ”

 

 “หึ! งั้นมึงลองแหกตาดูนาฬิกา ว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว”

ผมหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง ที่ตอนนี้บอกเวลา 11.04 น.

 

เห้ย!!! 11 โมงแล้วเหรอวะ 

 

สงสัยเมื่อวานทำงานหนักไปหน่อย เลยเหนื่อยพอสมควร พอได้พักผ่อนเลยหลับลึก

โดนไอ้ซานบ่นหูชาแน่ๆ ดันไปรับปากซะดิบดีว่าจะไม่ให้งาน ทำเสียการเรียน

แค่ไปทำงานวันแรกก็ขาดเรียนช่วงเช้าไปแล้ว 1 วัน...

เอวัง

 

ผมลุกจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัว

ก่อนเดินไปหยิบแปรงฟัน มาบีบยาสีฟัน และลงมือแปรงฟันทันที

เมื่อวานพี่เนลมันแวะซื้อแปรงฟันที่เซเว่นให้ผมไว้ครับ

 

ก็อก ก็อก ก็อก

 

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น ผมจึงเดินไปเปิดทั้งที่แปรงฟันยังคาอยู่ในปาก

ครั้งนี้ผมไม่พลาดจนลืมล็อคประตูแล้วครับ เรื่องเมื่อวานยังอายไม่หายเลย

 

แอ๊ดดดด

 

“อะ เอาชุดนี้ไปเปลี่ยน ถ้าใส่ชุดเดิมไปเรียนคงไม่เหมาะ” มันยื่นเสื้อผ้าที่ถืออยู่ส่งมาให้ผม

“ขอบคุณ” ผมรับเสื้อมาก่อนเอ่ยปากขอบคุณมันออกไป
ใจดีเหมือนกันวะ เห็นชั่วๆแบบนี้ก็ยังมีมุมใจดีอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะน้อยจนมองแทบไม่เห็นเลยก็ตามที

“กูสงสารคนอื่นเขาหรอก ที่ต้องมาทนเห็นสภาพทุเรศลูกกะตาของมึง” เหอะ! ไม่น่าขอบคุณมันไปเลย
พี่เนลไม่ว่ายังไงก็คงเป็นพี่เนลวันยันค่ำ!

ผมเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระของตัวเองต่อจนเสร็จ
หยิบเสื้อกับกางเกงของมันมาใส่ ตัวใหญ่ทั้งเสื้อทั้งกางเกงเลย จนผมต้องเสียเวลาพับไปมาหลายตลบ


เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพี่เนลนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงโซฟามุมห้อง บนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ มันเงยหน้ากระดาษแผ่นนั้นมาจ้องผม ก่อนจะกวักมือเรียกให้ผมเดินไปหามัน

 

“มีอะไร” ผมเอยปากถามออกมา ก่อนจะหย่อนตัวนั่งข้างๆมัน

 

“เซ็นซะ” มันยื่นกระดาษแผ่นนั้นมาให้ผม

 

“หือ?”

 

“สัญญาทั้งหมด เซ็นซะ” ผมรับจากมือมันมาเปิดอ่าน กวาดสายตาอ่านข้อความข้างในสัญญาแผ่นนั้นอย่างละเอียด ผมจะไม่ยอมโดนมันโกงหรอก ถ้ามีอะไรผิดเพี้ยนไปจากที่ตกลงไว้ จะได้ไม่หลวมตัวเซ็นให้ตัวเองลำบากในอนาคตเด็ดขาด

 

ผมอ่านข้อความทั้งหมดจนครบทุกตัวอักษร

เหมือนกับที่เคยตกลงกันทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

เมื่อผมมั่นใจแล้วจึงจรดปากกาเซ็นชื่อตัวเองที่ช่องข้างๆ ชื่อของมัน ที่เซ็นมาก่อนหน้านี้แล้ว

 

“อะ” ผมยืนกระดาษแผ่นนั้นคืนให้มันไป

มันรับไป ก่อนพลิกกระดาษแผ่นนั้นดูด้วยความพึงพอใจ

 

“หึ อย่าผิดสัญญาล่ะ”

 

“ครับ”

 

“อีกเรื่อง มาตกลงเรื่องที่จะหลอกแม่กูก่อน กูว่าจะตกลงเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เสือกรีบไปนอนก่อนนะมึง”

“ผมเหนื่อย ร่างกายต้องการพักผ่อน” พูดไปนั่น ถึงแม้จะจริงบ้าง แต่เหตุผลส่วนใหญ่คืออายมัน

 

“เอาเถอะ ยังไงตอนนี้มึงก็ไม่ได้ไปเรียนแล้ว พูดเลยแล้วกัน”

 

“ครับว่ามา” พร้อมทำงานเต็มที่ เพื่อบ้าน

 

พี่เนลมันจัดการพูดเรื่องที่ผมต้องจำเอาไว้ เช่น คบกับกันเมื่อไหร่ ทำไมถึงมาคบกันได้ มันชอบอะไร พวกคำตอบเบสิกๆที่คนเป็นแฟนกันควรรู้เอาไว้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถของผมสักเท่าไหร่นัก

 

“ก็ประมาณนี้แหละ เย็นนี้แม่กูจะมาที่บ้าน ตอบคำถามให้ตรงกูล่ะ”

 

ผมพยักหน้ารับรู้

 

เรื่องแค่นี้เอง จิ๊บๆ

 

 

พี่เนลมันขับรถมาส่งผมที่ตึกคณะ ทันทีที่รถมันจอด ผมก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะเปิดประตูรถออกไป

 

“ตอนเย็นกูมารับ รออยู่นี่แหละ จะพาไปเอาของที่ร้านเจ๊อ้อยด้วย”

 

“ครับ”

 

ผมตอบมันกลับไป ก่อนจะก้าวขาลงจากรถ

เดินตรงดิ่งไปที่ตึงคณะทันที สองเท้ารีบก้าวด้วยความรวดเร็ว เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว

สองเท้าผมมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องด้วยเวลาที่ฉิวเฉียดพอดี

เกือบเข้าเรียนไม่ทันแล้ว

 

ผมเดินไปนั่งข้างๆไอ้ซานที่ตอนนี้ กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่ มีแววว่าผมจะโดนมันบ่นจนหูชา

“ไอ้ซา..” ผมกำลังยกมือเตรียมทักมัน แต่มันก็พูดแทรกออกมาก่อน

 

“ทำไมเมื่อเช้าถึงไม่มาเรียน” เอ้า 1 ดอก ตรงประเด็นเน้นๆ

 

“ตื่นสาย”

 

“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้ภีม เด็กอนามัยจัดอย่างมึง ต้องมาทำงานเลิกตีสองสีสามน่ะ ยังไงก็ไม่ไหวหรอก นี่ขนาดวันแรกมึงยังตื่นมาเรียนไม่ทันเลย”

 

“....”

 

“แล้วเสือกปากเก่ง บอกไหวๆ ลาออกเหอะ! กูว่ามึงไม่ไหวหรอก”

 

“เดี๋ยวทำไปๆ ร่างกายคงปรับสภาพได้เองละมั้ง...นะ”

 

“ไม่ต้องทำแล้ว เรียนหนักไม่พอ ยังต้องมาทำงานหนักอีกหรือไง กูล่ะสงสารร่างกายมึงจริงๆ” บ่นเป็นแม่กูเลยนะไอ้ซาน!

 

“แต่กูยังต้องใช้เงิน กูอยากแบ่งเบาภาระแม่”

 

“แต่ถ้าแม่มึงรู้ว่ามึงต้องมาลำบากเพื่อนช่วยท่าน กูว่าท่านคงไม่พอใจแน่ๆ เลิกเหอะ แค่เงินเดือนจากพี่อ้อยกูว่าก็เหลือเฟือแล้ว ถ้าขาดเหลืออะไรก็มายืมกูก่อน กูยินดีช่วยมึงเสมอ...กูเป็นห่วงมึงนะ”

 

“ขอบใจ”

 

“อ้อ อีกเรื่อง เมื่อไหร่มึงจะซื้อโทรศัพท์ใหม่สักทีวะ ห่า ติดต่อไม่เคยได้เลย”

 

“กูจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อวะ”

 

“เครื่องราคาถูกๆ รุ่นปาหัวหมายังมีอยู่ ถ้ามึงไม่มีปัญญาซื้อ เดี๋ยวกูซื้อให้” เออวะ ยังเหลือรุ่นนี้อยู่ เวลามีคนโทรเข้าทีนี่ดังสนั่นลั่นห้องแน่ๆ

 

“เหอะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเก็บซื้อเอง รอเงินเดือนออกก่อน”

 

“โหไอ้ภีม ถ้ามึงจะลำบากขนาดนั้น เดี๋ยวกูซื้อให้เอง”

 

“ใจดีแปลกๆนะมึง”

 

“กูลำคาน เวลาจะติดต่อมึงแต่ละทียากลำบากเหลือเกิน เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูซื้อให้เอง เพื่อความสะดวกของกูด้วย”

 

“เออ งั้นก็แล้วแต่มึงเหอะ ของฟรีกูไม่ขัดอยู่แล้ว”

 

 

ตอนนี้ผมเลิกเรียนแล้ว มายืนรอไอ้พี่เนลมันที่ใต้ตึกคณะโดยมีไอ้ซานยืนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อน ตอนแรกผมก็บอกให้มันกลับไปก่อน แต่มันไม่ยอม

 

รอได้ไม่นานสักเท่าไหร่รถของมันก็มาจอดตรงจุดเดิมที่มันจอดเมื่อเช้า ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขาลงมา ดึงดูความสนใจนักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมามากเลยทีเดียว

 

มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับคนอื่นๆรวมถึงไอ้ซานด้วย มันสกิดผมพร้อมกับกระซิบข้างๆหูของผม

 

“คนที่มึงรออยู่ คือพี่เนลหรอวะ”

 

“เออ” ผมตอบมันออกไป

 

“ไปสนิทกันเมื่อไหร่วะ”

 

“เรื่องมันยาวเดี๋ยวกูเล่าทีหลัง”

 

“จะยืนกระซิบกันอีกนานไหม ไปได้แล้ว” พี่เนลมันพูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะเอามึงมันมาดึงแขนผมให้เดินตามมันไป

 

“กูต้องไปแล้ว” ผมหันไปกระโกนบอกไอ้ซาน

 

“อ่าว เห้ย เดี๋ยว! มาคุยให้รู้เรื่องก่อนไอ้ภีม”

 

“ไว้ค่อยคุย พี่เนลเดินช้าๆหน่อยดิจะรีบไปไหนวะ” ประโยคแรกผมหันไปกระโกนบอกไอ้ซาน ส่วนประโยคข้างหลังผมหันมาบ่นใส่พี่เนล แม่งจะรีบเดินไปไหนวะ ขายาวเป็นทุกเดิมอยู่แล้วพอมาเดินแบบเร็วๆอีก ผมที่ขาสั้นกว่าก็เดินตามมันไม่ทัน จากเดินเร็วต้องเปลี่ยนเป็นวิ่งแทน เพื่อตามแรง ที่มันกระชากแขนผมไปด้วยให้ทัน

 

“มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ เสียเวลา”

 

ปึก

 

มันเปิดประตูรถของมันออก ก่อนเหวี่ยงผมเข้าไปด้านใน พร้อมปิดประตูใส่ผมทันที

ส่วนมันเดินอ้อมหน้ารถมาฝั่งคนขับ คาดเข็มขัดเสร็จเรียบร้อย ก็เร่งเครื่องพุ่งทยานออกไปด้วยความรวดเร็ว

แม่ง รีบไปไหนของมัน

 

“แล้วพี่จะรีบไปไหนวะ” ผมถามมันออกไปอีกครั้ง

 

“เราไม่มีเวลาแล้ว จะไปขอที่ร้านเจ๊อ้อยอยู่ไม่ใช่หรือไง รีบเลย แม่กูจะถึงบ้านแล้ว”

 

“ห๊ะ จริดดิพี่ นี่พึ่ง 5 โมงเองนะ”

 

“เออ แม่กูพึ่งโทรมาบอก ไปถึงร้านเจ๊อ้อยรีบๆเลยนะมึง”

 

“ครับๆ”

 

พี่เนลมันใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงร้านพี่อ้อย ผมรีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปในร้าน เห็นพี่อ้อยแกยืนเช็ดแก้วอยู่ตรงโต๊ะหน้าร้าน ผมก็ยกมือสวัสดีพี่แกไป

“จะรีบไปไหนกันน่ะ น้องภีม” พี่อ้อยแกเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของผม

 

“มีธุระนิดหน่อยน่ะพี่ ผมกลับมาเอาของที่ร้าน พอดีหาที่อยู่ได้แล้วน่ะครับ”

 

“อ่าว จริงหรอ ดีใจด้วยนะ”

 

“ครับ แต่เอ่อ..วันนี้ผมขอลางานหนึ่งวันนะครับ”

 

“อ๋อ ได้สิๆ ภีมไปทำธุระของภีมเถอะ”

 

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่แก ก่อนวิ่งเข้าไปเก็บของใช้ของตัวเองหลังร้าน

 

โชคดีที่มีของนิดเดียว จึงใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่ ก็เก็บจนหมด

ผมรีบเดินออกมาจากหลังร้าน เอ่ยปากลาพี่อ้อยนิดหน่อย ก่อนรีบเดินไปขึ้นรถพี่เนลที่จอดรออยู่หน้าร้าน

 

“ของมึง มีแค่นี้?”

 

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

 

“ชุดนักศึกษา 2 กางเกง 3 เสื้อ 3 เกงในเอ่อ...ไม่กี่ตัว...ตอนแรกนึกว่าจะมีเยอะกว่านี้ เสียเวลากูจริงๆ ถ้ารู้ว่ามีแค่นี้กูไม่มาส่งมึงให้เสียเวลาหรอก ความรู้สึกเหมือนส่งมึงมาเก็บเศษผ้าที่ทำตกไว้”

 

อื้อหือ ดูมันเปรียบเทียบ ถึงจะเป็นเศษผ้าแต่มันก็มีประโยชน์กว่ามึงแล้วกัน

 

“ความจริงมันก็มีเยอะกว่านี้อยู่หรอก แต่คนแถวนี้ สั่งขนของผมออกจากบ้านไป ที่หยิบติดตัวมาได้เลยมีแค่นี้”

 

“หึ! นั่นสินะ ป่านนี้คงไปอยู่ที่โรงแยกขยะหมดแล้วล่ะ”

 

“มึงเอาไปทิ้ง?”

 

“จะเหลือเหรอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่กูต้องเก็บไว้” อื้อหือ เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆมึงเนี่ย เหี้ยยังไงก็เหี้ยอย่างนั้น แทนที่จะถามเจ้าของสักหน่อยว่าเขาต้องการของพวกนี้อยู่ไหม ไม่มีเลยนะมึง

 

ผมอยากจะเอาตู้ใบที่แย่งกับกับพี่ยอดวันนั้นมาทุ่มใส่หัวมันจริงๆ

 

แต่ตอนนี้ต้องนิ่งเอาไว้ก่อน ทำอะไรไม่ได้ไง

 

โคตรแค้น

 

มึงไม่รู้หรอก ว่ากูต้องใช้ความพยายามขนาดไหนเพื่อแย่งของที่มึงเอาไปทิ้ง

 

 

ตอนนี้พี่เนลมันขับรถมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย

โชคดีที่แม่ของพี่เนลยังมาไม่ถึง ผมจึงมีเวลาเอาของผมเข้าไปเก็บในห้อง

พี่เนลมันบอกว่า ให้คนมาทำความสะอาด กับ ขนเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องให้เรียร้อยแล้ว

 

วู้ ตื่นเต้น

 

ผมเดินหอบเสื้อขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ก่อนเดินตรงไปเปิดประตูห้องของตัวเองทันที

 

แอ๊ดดดดด

 

ผมเปิดประตูห้องเข้าไป แต่ต้องตกอยู่ในความอึ้งทันทีที่เห็นภายในห้อง

 

โอ้โห...

 

ในห้องมีแค่ ราวตากผ้าพลาสติก พัดลม 1 ตัว กับ ฟุกนอน 3 ฟุตที่ตั้งอยู่มุมห้อง

 

อืม...

 

อย่างน้อยก็นอนฟรีละวะ ช่างเถอะ

 

ผมเอาเสื้อผ้าของผมไปพาดไว้ที่ราวตากผ้าก่อน เพราะมันไม่มีตู้เสื้อผ้าให้ผม อะไรที่ใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน

 

ตีด ตีด

 

เสียงกดแตรดังขึ้นแบนความสนใจผม

แม่พี่เนลคงมาถึงละมั้ง

ผมจึงรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที เพื่อรอพบท่าน

 

ตึกตัก ตึกตัก

หัวใจผมเต้นแรงจนได้ยินเสียง ฝ่ามือซุ่มเหงื่อทั้งสองข้าง

ตื่นเต้นเหมือนกันวะ

 

แอ๊ดดด

 

ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกมา ผมเห็นพี่เนลมันเดินเข้าบ้านมาก่อน ตามมาด้วยร่างของผู้หญิงวัย 40 กลางๆ ทำทรงผมเปิดกระบังลม ใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำ คลุมด้วยเสื้อผ้าไหมแขนยาวคอกว้างสีแดง สวมเครื่องประดับเพชรเม็ดโตที่บ่งบอกถึงฐานะได้ชัดเจน

 

หน้าตาท่านดูคล้ายกับพี่เนลอยู่หน่อยๆ  นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าต้องเป็นแม่ของพี่เนลแน่ๆ

 

ผมยกมือไหว้ เมื่อท่านเดินผ่านผมไป ท่านส่งยิ้มให้มาผม ดูท่าทางน่าจะใจดีอยู่ คงไม่มีอะไรให้น่ากังวลละมั้ง

พี่เนลกวักมือเรียกผมให้เดินตามมันไป จนถึงห้องนั่งเล่น

ท่านนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ โดยมีพี่เนลนั่งอยู่ข้างๆ

สายตาท่านสำรวจสอดส่องไปทั่วบ้าน

 

“บ้านตาเนลก็สวยน่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ม๊าอยากพาหนูพิมมาดูด้วยจัง แต่เสียดายที่หนูพิมติดธุระมาไม่ได้”

 

“พิมไม่มาน่ะดีแล้วครับ เธอจะได้ไม่ต้องมาเสียใจ ถ้ารู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว”

 

“หืม? แล้วไหนล่ะ แฟนของตาเนล ตั้งแต่ม๊าเข้ามายังไม่เห็นเลย ถ้าไม่มีก็บอกม๊ามาตรงๆดีกว่า” แม่ของพี่เนลสอดส่องสายตามองซ้ายที ขวาที เพื่อหาแฟนของพี่เนล

 

 “มีสิครับ”

 

“แล้วอยู่ไหนล่ะ เรียกให้มาคุยกับม๊าหน่อย แย่จริงๆเลยเด็กสมัยนี้ ขนาดแม่ของแฟนมาหาถึงที่บ้านยังไม่ยอมลงมาเจอเลย คนแบบนี้ลูกยังจะคบอยู่อีกเหรอ”

 

“เขาก็ลงมาเจอกับม๊าแล้วไง”

 

“ไหน? ไม่เห็นมี แฟนเป็นผีหรือไง”

 

“เขาก็อยู่ข้างหน้าม๊านั่นไง” พี่เนลชี้มาทางผม ที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับแม่ของมัน

 

“หือ? ไหนล่ะ ตรงหน้าม๊ามีแต่เด็กผู้ชาย..อย่าบอกนะว่า...”แม่พี่เนลเบิกตาโตด้วยความตกใจ

 

“ใช่ม๊า คนนี้แหละแฟนผม”

 

“ผู้ชาย?”

 

“ใช่ม๊า ผู้ชาย”

 

“นี่ตาเนล!! จะหลอกกันทั้งที ก็ให้มันเนียนๆหน่อย หาผู้หญิงมาเป็นแฟนไม่ได้ ถึงขั้นต้องไปเอาผู้ชายมาเป็นแฟนเพื่อหลอกม๊าแล้วเหรอ”

 

“ใครบอกว่าผมหาผู้หญิงไม่ได้ล่ะม๊า ผู้หญิงน่ะ หาง่ายจะตาย แต่ผมเลือกที่จะไม่หา เพราะอะไรรู้ไหมม๊า”

 

“…”

 

“เพราะผมเป็นเกย์” อู้ว มึงเอารางวัลออสก้าไปเลย หน้าตามึงได้มากตอนพูดประโยคนี้ออกไป จนกูรู้สึกขนลุกเป็นแถบๆ

 

“ไม่จริง ม๊าไม่เชื่อหรอก อย่างตาเนลเนี่ยนะจะเป็นเกย์ ม๊าเห็นควงแต่ผู้หญิง จู่ๆจะมาชอบผู้ชายได้ไง”

 

“แล้วม๊าเคยเห็นผมคบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังสักคนไหมล่ะครับ”

 

“ที่ตาเนลไม่ยอมคบกับใครจริงจังเพราะ ‘รักอิสระ’ ไม่ใช่หรือไง” โห แม่มัน แม่งเทพวะ อ่านมันออกหมดเลย

 

“ม๊าเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”

 

“…”

 

“ที่ผมไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลย เพราะคนที่ผมจริงจังมีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าม๊านั่นแหละ” อู้ยย มันมาเหนือกว่า ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงนั่งตัวบิดไปแล้ว

 

แม่ของพี่เนลกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา

 

“คนนี้เนี่ยนะ? คนที่ลูกคิดจริงจัง”

 

“ครับ”

 

“ยังไงม๊าก็ไม่เชื่อเด็ดขาด ตาเนลเพี้ยนไปแล้ว”

 

“ผมไม่ได้เพี้ยน ผมรักน้องภีมจริงๆ และผมไม่คิดที่จะรักใครอีกแล้ว”

มันพูดประโยคนี้ออกมาด้วย ในหน้าที่จริงจัง จนคนฟังรู้สึกได้ว่ามันเอาจริง

ไม่เคยได้ยินมันเรียกผมว่า ‘น้องภีม’ เลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง

 

รู้สึก....

 

ดีแปลกๆ

 

“ตาเนลชอบผู้ชายจริงๆเหรอ...”

 

“ครับ ม๊าอย่าทำร้ายผมด้วยการบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงเลย”

 

“เอางั้นก็ได้ ถ้าตาเนลไม่อยากแต่ง ม๊ากก็จะไม่บังคับ”

 

หลังจากแม่ของพี่เนลพูดจบ มันก็หันมายิ้มกว้างให้ผม

เก็บอาการหน่อยพี่เนล กลัวใครไม่รู้ว่ามึงดีใจขนาดไหน

แต่มันก็ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อแม่ของมันพูดประโยคถัดมา

 

“ตาเนลจะให้ม๊าพูดออกมาแบบนี้สินะ ไม่มีทางหรอก ม๊าดูออกนะว่าตาเนลกำลังโกหก”

“…”

“ตาเนลยังชอบผู้หญิงอยู่ ม๊ารู้”

“…”

“ตาเนลไม่ได้เป็นเกย์”

 

“ตาเนลไม่อยากแต่งงานกับหนูพิม ถึงขนาดลงทุนแต่งเรื่องมาโกโหม๊าเลยหรอ”

ตรงทุกอย่าง....เถียงไม่ได้เลย

 

“ไม่ว่าเนลจะพยายามแต่งเรื่องมาโกหกม๊ายังไง ม๊าก็จะให้เนลแต่งงานกับหนูพิมอยู่ดี”

 

พี่เนลมันทำหน้านิ่งเหมือนเก็บกดความรู้สึกอะไรบางอย่างเอาไว้ข้างใจ ถึงมันจะพยายามทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันกำลัง เจ็บปวด

 

ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้

 

แต่ตอนนี้ผม...

 

รู้สึกอยากช่วยมันขึ้นมาเลย...

 

มันคงไม่อยากแต่งงานจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นมันคงไม่พยายามดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อที่จะหลุดพ้นหรอก

 

 “ผมรู้ว่าคุณหญิงรับไม่ได้ ที่จู่ๆลูกชายตัวเองมาบอกว่าเป็นเกย์ แถมยังเอาแฟนที่เป็นผู้ชายมาเปิดตัวอีก”

 

“...”

 

“แต่ผมจะบอกอะไรคุณหญิงสักอย่าง ถึงแม้ว่าพี่เนลอาจจะไม่ได้ครบกับผม หรือไม่ได้เป็นเกย์ก็ตาม คุณหญิงก็ไม่สมควรไปกีดกันความรักของลูก พี่เนลมีสิทธิที่จะเลือกคนรักของตัวเอง ถ้าคุณหญิงกีดกันพี่เนลแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่พี่เขาจะหาเจอล่ะ มันก็เหมือนการสอบเข้ามาหาวิทยาลัยนั่นแหละครับ กำหนดกฎเกณฑมามากมาย จนเด็กไม่สามารถค้นพบตัวเองสักที ว่าอะไรคือสิ่งที่เค้าชอบจริงๆ แต่กลับใช้คะแนนเป็นหลักเกรณฑ เพื่อลดตัวเลือกแล้วบีบทางเลือกให้น้อยลง แล้วเมื่อไหร่เขาจะหาตัวเองเจอล่ะครับ ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เค้าชอบจริงๆ”

“…”

 

“ตอนนี้พี่เนลก็เหมือนกับเด็กซิ่ว ที่ไม่รู้ตัว ว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบจริงๆ จึงต้องลองเปลี่ยนไปเรียนหลายๆคณะ เพื่อค้นให้พบว่าตัวเองนั้นชอบอะไร แต่คุณหญิงกลับบังคับให้ลูกตัวเองเลือกคณะที่คุณหญิงอยากให้ลูกเข้า แบบนี้ลูกคุณหญิงจะเรียนอย่างมีความสุขไหมล่ะครับ ถึงจะฝืนเรียนต่อไปแต่การเลือกคณะนั่นก็เท่ากับเลือกเส้นทางในอนาคต มันไม่ใช่สิ่งที่ทนเรียนไม่กี่ปีแล้วจบๆไป แต่มันคือสิ่งที่เราจะต้องอยู่กับมัน”

 

“...”

 

“มันก็เหมือนกันครับ ไม่แปลกหรอกที่พี่เนลจะเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ เพื่อค้นหาคนที่ใช่จริงๆ แต่คุณหญิงกลับบังคับให้ลูกตัวเองเลือกผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่ตัวเองอยากให้แต่งด้วย ถึงแม้คุญหญิงจะบังคับให้พี่เนลแต่งได้จริงๆ แต่คุณหญิงคิดเหรอครับว่าเขาจะมีความสุข”

 

“...”

 

“พี่เนลน่าสงสารตรงไหนรู้ไหมครับ”

 

“...”

 

“ตรงที่ว่า พี่เนลเขาไม่มีสิทธิที่จะเลือก ถึงแม้กว่าพี่เขาจะเจอคนที่ใช่สำหรับเขาแล้ว แต่คุณหญิงก็ยังบังคับให้พี่เนลแต่งงานกับคนที่คุณหญิงพึงพอใจอยู่ดี โดยไม่สนใจความรู้สึกของพี่เนลเลยว่าเขารู้จะสึกยังไง”

 

“...”

 

“นั่นมันก็เท่ากับว่าคุณหญิงกำลังทรมาณลูกตัวเองอยู่ไม่ใช่หรือไงครับ?”

 

ผมตัดสินใจพูดสิ่งที่ผมกำลังคิดออกไป ถึงมันจะดูเป็นเด็กอวดดีไปบ้าง แต่ผมก็อยากจะให้คุณหญิงได้รับรู้ไว้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้น กำลังทำร้ายลูกตัวเองขนาดไหน

 

“ปากเก่งจริงนะ”

 

“ผมแค่อยากให้คุณหญิงให้โอกาส...”

 

“ให้โอกาสอะไร?”

 

“ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ ว่าพี่เนลเค้าเจอคนที่ใช่ และพร้อมใช้ชีวิตด้วยกันแล้วจริงๆ”

 

“ก็ได้ ถ้าเธอมั่นใจขนาดนั้นแล้วล่ะก็ งั้นก็ชวยพิสูจน์ให้ฉันเห็นหน่อย ว่าตาเนลพร้อมจะหยุดอยู่ที่เธอแล้วจริงๆ”

 

“ครับ”

 

“ถ้าทำให้ฉันเห็นได้ ฉันจะปล่อยตาเนลให้เป็นอิสระ ฉันจะไม่บังคับอะไรลูกฉันอีกแล้ว รวมถึงเรื่องแต่งงานด้วย โอเคไหม?”

 

“โอเคครับ”

 

“ส่วนเรื่องแต่งงานกับหนูพิม ม๊าจะพักไว้ก่อน จนกว่าเด็กคนนี้จะพิสูจน์ให้ม๊าเห็นว่าสามารถทำให้ตาเนลของม๊ารักได้จริงๆ แต่ในกรณีที่เด็กคนนี้ถอดใจไป งานแต่งก็จะกลับมามีเหมือนเดิม” แม่ของพี่เนลหันไปพูดประโยคนี้กับพี่เนลที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าพี่เนลดูผ่อนคลายลงมาบ้าง หลังจากนั้นแม่ของพี่เนลก็ขอตัวกลับบ้านไป ตอนแรกพี่เนลก็ถามท่านอยู่ ว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกันไหม แต่ท่านจะกลับท่าเดียว บอกว่ามีธุระต้องรีบไปทำต่อ

 

หลังจากลาคุณแม่ของพี่เนลเรียบร้อยแล้ว ไอ้พี่เนลมันก็รีบหันมาพูดกับผมทันที

 

“ขอบคุณนะ”

 

“หือ? อะไรนะ”  พี่เนลมันพูดอะไรไม่รู้งึมงำๆ จนผมฟังไม่รู้เรื่อง จึงถามซ้ำไปอีกครั้ง

 

“กูบอกว่า ขอบคุณ..ที่ช่วยทำให้แม่กูใจอ่อนลง” มันส่งยิ้มมาให้  รู้สึกได้เลยว่า เป็นยิ้มที่จริงใจที่สุด เท่าที่รู้จักกับมันมาแล้ว

 

.”ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”

 

“แต่มึง คิดบ้างหรือเปล่า ก่อนพูดอะไรออกไปน่ะ”

 

“หือ?”

 

“มึงจะพิสูจน์ให้แม่กูเห็นได้ยังไงวะ ว่าเรารักกัน”

 

“เรื่องนั้นผมยังไม่ได้คิดไว้หรอก แต่พี่ก็รีบๆหาคนที่ใช่สำหรับพี่ให้เจอไวๆล่ะ พี่จะได้พาเขาไปพิสูจน์กับแม่ของพี่ได้”

 

"โถ่ เห็นพูดออกไปแบบนั้นนึกว่าจะมีอะไร สุดท้ายกูก็ต้องหาแฟนแบบเดิมอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”

 

“แต่อย่างน้อยมันก็สามารถเลื่อนเวลาให้พี่ได้นานขึ้นนะ จนกว่าผมจะยอมถอดใจไป ระหว่างนี้ก็รีบๆหาเข้าล่ะ”

 

“เออ”
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-03-2018 10:39:05
หุหุ มาลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-03-2018 05:42:49
รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-03-2018 09:54:51
เป็นการเปรียบเทียบที่สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 12 อาหาร(1/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 06-04-2018 00:17:36
ตอนที่ 12 อาหาร
(1/2)

“ภีม”

พี่เนลเรียกชื่อผมขึ้นมา หลังจากที่เรามานั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นได้สักพัก
มันเรียกชื่อผมแบบนี้ แล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ผมก็ยังไม่ชินสักที
 

“ครับ?”
 

“กูหิว”
 

“ถ้าหิวก็ออกไปหาอะไรกินสิครับ”


ตอนแรกที่ตกลงกันไว้ คือถ้าแม่พี่เนลอยู่กินข้าวด้วย จะออกไปกินกันข้างนอกกัน แต่ท่านรีบกลับก่อน พวกผมเลยต้องพับโคลงการนี้ไว้ แล้วมานั่งโง่ๆดูทีวีกันสองคนแทน
 

“มึงทำอาหารเป็นหรือเปล่า”
 

“ไม่เป็นครับ” ผมรีบตอบออกไป ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่ได้เข้าครัวเลย ถ้าหิวก็หากินตามร้านอาหาร หรือ ถ้าวันไหนแม่ผมว่างๆ ท่านก็จะทำให้ผมกิน

ระดับการทำอาหารของผมเข้าขั้นห่วยเลยล่ะ ถ้าเป็นไปได้ผมจะไม่ทำอีกเด็ดขาด
ยังจำฝันร้ายตอนไปเข้าค่ายลูกเสื้อไม่เคยลืม วันนั้นเพื่อนในหมู่ให้ผมเป็นคนทำอาหาร ในเมื่อเพื่อนฝากท้องไว้กับผม ก็มีแรงฮึด จัดเพียวๆเน้นๆ อะไรที่คิดว่ากินได้ ก็เอาไปผสมปนกันหมด เป็นไงละครับ ท้องเสียกันทั้งหมู่ หนักสุดก็ผมนี่แหละ ที่ต้องหามไปส่งโรงพยาบาลกันให้วุ่น เพราะอาหารเป็นพิษ
 
หลังจากวันนั้นก็ไม่คิดที่จะทำอาหารอีกเลย
 

“งั้นก็ฝึกทำซะ”
 


“แล้วทำไมผมต้องฝึกทำด้วยล่ะครับ”
 


“กูหิว” มึงพูดเป็นอยู่คำเดี๋ยวหรือไง
 


“พี่ก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอกสิครับ”
 


“ก็กูอยากกินฝีมือมึง” โอ้โห มึงคิดอะไรอยู่ จะตายเรอะ
 


“แล้วเรื่องอะไรผมต้องทำให้พี่กินด้วยวะ ไม่เอาด้วยหรอก”
 


“มึงมีสิทธิเลือกด้วยหรอว่าจะทำหรือไม่ทำน่ะ กูสั่งให้มึงทำมึงก็ต้องทำ” พี่เนลว่าเสียงเข้ม
เอ่อ! ถึงกูจะไม่มีสิทธิเลือก แต่มึงยังมีสิทธิสิทธิเลือกระหว่างเข้าโรงพยาบาลกับตาย
ถ้ามึงยืนยันจะให้กูทำอาหาร!
 

“สั่งอยู่นั่นแหละ เกิดมาเพื่อสั่งหรือไง”
 


“ไม่ต้องมาบ่น เป็นแค่ผู้อยู่อาศัยแท้ๆ ตอนนี้มึงก็เหมือนกับปลิงที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อกูอยู่ทุกวี้ทุกวันนั่นแหละ กูให้มึงมาอยู่ด้วยฟรีๆก็บุญแค่ไหนแล้ว ยังจะทำตัวไร้ประโยชน์อีก”
โอ้โห ถ้ามึงจะเปรียบเทียบขนาดนี้ ก็เอามีดมาแทงปลิงอย่างกูให้ตายไปเลยเถอะ กูจะได้ไม่ต้องอยุ่สูบเลือดสูบเนื้อปรสิตอย่างมึง!
 

คนที่ไม่มีทางเลือกอย่างผม เลยต้องยอมเข้าครัวไปทำอาหารให้มันอย่างจำยอม!
ไม่อร่อยอย่ามาว่าทีหลังก็แล้วกัน
เพราะถือว่ากูบอกมึงไปแล้ว ว่ากูทำอาหารไม่เป็น!
 
ผมเดินลงไปที่ห้องครัว จัดการเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรพอจะทำอาหารได้บ้าง
 

พ่ามพาม
 

โคตรเหี้ย ไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำเปล่า
 

แล้วมึงจะให้กูทำอะไรได้วะ
 

“พี่เนล! ไม่มีอะไรอยู่ในตู้เย็นเลย” ผมตระโกนบอกมันออกไป มึงหัดซื้ออะไรมาใส่ตู้บ้างเหอะ รู้สึกด้อยมากเลยครัวมึงเนี่ย จะมีไว้ทำไมวะ ไร้ประโยชน์!
 

“เออลืมไป ตั้งแต่ย้ายเข้ามายังไม่ได้ซื้อของมาใส่ตู้เลย”
 

“งั้นก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอก”
 

“ไม่ จะกินฝีมือมึง” เรื่องมากวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากกินกับข้าวฝีมือกู วันนี้เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา
 

“แต่ของไม่มี จะทำได้ไง”
 

“ออกไปซื้อ”
 

“ทำไมต้องเสียเวลาออกไปซื้อวัตถุดิบแล้วเอากลับมาทำด้วย แค่พี่ออกไปกินข้าวข้างนอกเหมือนที่ตกลงกันไว้แค่ไม่มีแม่พี่ไปกินด้วยเอง จะทำเรื่องให้มันยุ่งยากทำไมวะ”
 

“ก็กูพอใจแบบนี้ มึงจะทำไม”
 

“มันเสียเวลา พี่หิวข้าวไม่ใช่หรือไง ไหนต้องมารอผมทำอีก พี่ได้หิวตายกันพอดี”
 

“เป็นห่วงกู?” มันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
โคตรหลงตัวเอง ใครเขาเป็นห่วงมึงกัน กูแค่ไม่อยากทำอาหารโว้ย เข้าใจไหม อย่าให้กูได้พูดซ้ำ
 
 

“เหอะ ไม่มีวัน”
 

“งั้นก็เลิกบ่นแล้วออกไปซื้อของมาใส่ตู้เย็นได้แล้ว! ทำตัวเป็นเมียขี้บ่นอยู่ได้” ผมจับใจความได้แค่ประโยคข้างหน้า ส่วนประโยคข้างหลังมันพูดอะไรไม่รู้งึมงำๆ จนผมฟังไม่รู้เรื่อง
 

ทำตัว...อะไรสักอย่าง
แต่ที่รู้ๆมันกำลังด่าผมอยู่แน่ๆ
 

“พี่ว่าอะไรนะ” ผมจึงถามย้ำออกไป
 

“ไปซื้อของมาใส่ตู้เย็นได้แล้ว”
 

“ไม่ ประโยคหลังจากนี้ ผมได้ยินไม่ค่อยชัด เลยจับใจความไม่ได้”
 

“กูบอกว่าไปซื้อของมาใส่ตู้เย็นได้แล้ว ทำตัวลีลาอยู่ได้”
 

“อ๋อ”
 

“แล้วจะนั่งเป็นผีเฝ้าโซฟาตรงนั้นอีกนานไหม ลุกขึ้นมาได้แล้ว กูหิว เร็ว” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน โมโหหิวแล้วเหรอครับน้องเนล

ผมรีบลุกขึ้นเดินตามมันไปทันที ยังไม่อยากเห็นมันฟาดงวงฟาดงาใส่ตอนนี้
 
 
พี่เนลมันพาผมมาที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ออกมาเที่ยวกัน จึงทำให้ห้างแออัดเป็นพิเศษ กว่าจะหาที่จอดรถได้กินเวลาเป็นชั่วโมง ตอนแรกผมบอกมันว่าให้ไปเดินซื้อของแถวตลาดใกล้มหาลัย เพราะมีแต่ของสดใหม่ แถมราคาก็ไม่แพง แต่มันไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าไม่ชอบกลิ่นของตลาด แถมอากาศก็ร้อน สู้เดินห้างตากแอร์เย็นๆก็ไม่ได้
 
เอาที่มันสบายใจเถอะ มันเป็นคนออกเงิน ผมไม่มีสิทธิอะไรไปคัดค้านมันอยู่แล้ว


“พี่อยากกินอะไร ไข่เจียว ไข่ดาว หรือ ไข่ต้ม” ผมถามพี่เนลออกไปหลังจากที่เรามายืนเลือกไข่อยู่ตรงโซนอาหาร
 

“ใจคอมึงจะให้กูแดกไข่อย่างเดียวเลยหรือไง” พี่เนลขมวดคิ้วย่น
 


“ก็ผมพอทำได้อยู่แค่นี้แหละ”
 


“แต่กูเบื่อแล้ว กูอยากกินปลากะพงนึงมะนาว”
 


“โหพี่ ผมทำไม่เป็นหรอก”
 


“หาวิธีทำในกูเกิ้ลสิวะ”
 


“ผมไม่มีโทรศัพท์”
 


“เอ้าไอ้ห่า ในชีวิตนี้มึงมีอะไรบ้างวะ”
 

“ก็เพราะพี่ไม่ใช่หรือไงเล่า ที่โยนโทรศัพท์ผมทิ้งวันนั้นน่ะ”
 

“ก็มึงแอบถ่ายกู” เรื่องเดิมกลับมาอีกแล้วครับ เบื่อจะเถียงกับมันเรื่องนี้แล้ว
 

“เอาเถอะ สรุปคือตอนนี้ผมไม่มีมือถือใช้ และผมก็พอทำได้แต่เมนูไข่ง่ายๆเท่านั้น นอกนั้นผมทำไม่เป็น”
 

“โว๊ะ แดกไข่ก็ได้วะ รู้งี้เอาเงินไปจ้างผู้หญิงที่ทำอาหารเป็นมาดีกว่าเสียเงินไปกับคนไร้ประโยชน์แบบมึง”
 


“เหอะ แล้วพี่จ้างผมทำไมล่ะ”
 


“ถ้าเป็นไปได้กูก็ไม่จ้างมึงหรอก ชวนหาเรื่องได้ตลอดเวลา ทำอาหารก็ไม่เป็น หน้าตาก็งั้นๆ แถมยังไม่น่าปล้ำอีก”
 


“แล้วเลือกผมทำไม”
 


“เพราะไม่มีใครสามารถมาเป็นเมียกูได้แล้วนอกจากมึงไง เหตุผลกูมีแค่นี้แหละ”
 


“ว๊าย แกรได้ยินไหม” ไม่ใช่เสียงของผมครับ แต่เป็นเสียงของเด็กมัธยมสองคนที่แอบอยู่หลังเสาไม่ห่างจากผมมากเท่าไหร่ คนหนึ่งมัดผมรวบตึง ใส่แว่นตาหนาเตอะ มาดเด็กเรียนสุดๆ ส่วนอีกคนเป็นสาวแบ๊วไว้หน้าม้า มัดผมจุกสองข้าง พร้อมผูกโบสีชมพูไว้บนหัว

โอ้โห โบใหญ่กว่าหน้าอีกแม่คุณเอ๊ย
 

“ได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะ” น้องแว่นเอ่ยตอบ
 

“เขาเป็นแฟนกันจริงๆด้วยแกรรร” น้องโบใหญ่พูดออกมาพร้อมเขย่าแขนเพื่อน
เบาๆหน่อยก็ได้นะน้อง แขนเพื่อนจะหลุดติดมือน้องไปแล้ว
 

“กรี๊ดดดด คิดไม่ผิดเลยที่สละเวลาแอบตามพี่เขามาตั้งแต่หน้าประตู” โอ้โห ตามาตั้งแต่หน้าประตูเลยเหรอวะ ลงทุนมาก
 

“โอ้ย แค่นี้ใจฉันก็กระชุ่มกระชวยแล้ว” น้องโบใหญ่เอามือขึ้นมาทาบอกตัวเองไว้
 

“เห็นยืนเลือกไข่อยู่ตั้งนานแล้ว ถ้าเลือกไม่ได้ก็กินไข่ที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของแฟนแทนก็ได้นะคะ อ๊ายยย”
น้องแว่น...พี่คิดว่าน้องจะเรียบร้อยนะ ทำไมน้องถึงพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้!
น่ากลัวจริงๆผู้หญิงสมัยนี้
 

“ซู่ววว พูดเบาๆหน่อย เดี๋ยวเขารู้ตัวหรอกว่าเราแอบตามเขามา”
ไม่ทันแล้วน้อง พี่รู้ตัวแล้ว
 

“ดูพี่พูดจา เห็นไหมเขาเข้าใจผิดหมดแล้วเนี่ย” ผมขยับเข้าไปกระซิบพี่เนล พร้อมกระทุ้งศอกใส่มัน
 

 “หือ?” ผมทำหน้างง ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
 

“อ๋อออ แล้วไง ก็ปล่อยเขาเข้าใจไปดิ ความจริงเราก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆนิ”


“ไม่ได้เป็นโว้ย ก็แค่แสดงไม่ใช่หรือไงเล่า” อยากจะตระโกนประโยคนี้ออกมา แต่ทำไม่ได้นอกจาก กระซิบเบาๆ


“อ่าว แล้วเป็นหรือเปล่าล่ะ”
 

“ไม่ได้เป็นโว้ย พี่แม่ง!! พูดไม่รู้เรื่อง”
 

“กูให้โอกาสมึงตอบอีกที” มันจับแขนทั้งสองข้างของผมดึงเข้าหาตัวมัน ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนตอนนี้หน้าของเราห่างกันคืบ ผมก็พยามหดคอหนีมันให้ระยะห่างมันมากขึ้น
 

“ว๊ายแก เขาจะจูบกันแล้ว เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ เร็ววว!!!!” น้องแว่นหนาเขย่าตัวน้องโบใหญ่ จนตัวน้องโงนเงนไปมา
 

“พี่ ปล่อย เห็นไหมเขาเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” ผมพยายามดึงแขนให้ออกจากการจับกุมของพี่เนล แต่แรงมันเยอะกว่าจึงทำให้ผมไม่สามารถหลุดไปไหนได้
 

“ไม่ปล่อย กูชอบให้คนอื่นเข้าใจผิด”
 

“ปล่อยสิโว้ย เขาจะถ่ายรูปแล้วนั่น”ผมกัดฟันพูดกับมัน
แต่พี่เนลดูเหมือนจะไม่ได้สนใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ มันขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก จนตอนนี้จมูกของมันชนเข้ากับจมูกของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 

ถ้าจะใกล้ขนาดนี้ก็จูบกูเลยเถอะ
 

มันเลื่อนจุดโฟกัสสายตาเข้ามาจ้องในตาผม ประหนึ่งต้องการหาอะไรจากนัยน์ตาผมอย่างนั้นแหละ
มองขนาดนี้ ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงยอมเสียตัวให้มึงไปแล้ว
 

“คิดว่ามองแบบนี้แล้วกูจะหวั่นไหวเหรอ”
 

“หึ” มันยิ้มมุมปาก สักพักมันก็ยอมปล่อย ผมรีบหยิบไข่จากชั้นวางมาใส่รถเข็นทันที ไม่เลือกแม่งละ
 

“ว้ายแก พี่หน้าตาน่ารักเดินหนีไปแล้ว รีบๆตามพี่แกไปดีกว่า เร็วๆ” ผมเดินเข็นรถเข็นหนีพี่เนลมา ไม่วายไอ้ยินเสียงสองสาวพูดออกมา ถ้าน้องจะพูดเสียงดังขนาดนี้ พี่แนะนำให้น้องใช้โทรโข่งประกาศให้เขารู้กันทั่วห้างเลยไหม ว่าพี่เป็นอะไรกับมันน่ะ
 

พี่เนลมันเดินตามผมมา ก่อนจะใช้แขนของมันโอบไหล่ผมเอาไว้
ไอ้นี่ก็อีกคน น่าถอดรองเท้าฟาดหน้าให้รู้แล้วรู้รอด สนุกมากหรือไงทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดน่ะ
ผมพยายามแกะมือไอ้พี่เนลที่โอบไหล่ผมออก แต่ยิ่งแกะเท่าไหร่มันก็ยิ่งเพิ่มแรงให้แน่นขึ้น จนผมเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาหน่อยๆ
 

“พี่แม่ง แกล้งผม”
 

“เวลามึงรนแล้วน่ารักดี เห็นแล้วอยากแกล้ง”มันพูดพลางหันหน้ามาจ้องผมนิ่ง
มะ มองอะไรวะ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไงจ้องอยู่ได้
รู้สึก เขิลแปลกๆ อย่ามามองกูสายตาแบบนั้น
 

“นิสัยเสียวะ”
 

“ขอบคุณครับที่ชม”




ผมเดินซื้อของกับพี่เนลไปเรื่อยๆ โดยมีสองสาววัยมัธยมตามติดเป็นวิญญาณไปทุกที่ กับการเรียนหนูเคยทุ่มเทแบบนี้บ้างไหม
จนตอนนี้ของที่ซื้อมาเต็มรถเข็น มีแต่ของอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระของพี่เนลทั้งนั้น ของที่จะเอาไปทำอาหารมีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์จากของที่อยู่ในรถเข็นทั้งหมด นอกนั้นก็ของไอ้พี่เนลหมด


“แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง ไปจ่ายเงินกันเถอะ กูพอแล้ว”มันพูดขึ้นมาหลังจากที่พยายามยัดซองขนมกว่า 10 ซองใส่รถเข็น มันไม่มีที่แล้วพี่ก็ยังจะพยายามอีกเนาะ
 

เดินมาจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์เสร็จ พี่เนลมันก็ยื่นถุงทั้งหมดให้ผมถือ ส่วนมันก็เดินตัวปลิวลงไปที่ลานจอดรถทันที ผมที่ถือของพะรุงพะรังรีบเดินตามพี่มันไป ไอ้นี่ก็ไม่คิดจะรอกูเลย เคยเป็นคนยังไงก็เป็นอย่างนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 12 อาหาร(2/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 06-04-2018 00:28:21
อาหาร
(2/2)

ตอนนี้ผมอยู่ที่ครัว ส่วนพี่เนลมันนั่งดูทีวีสบายใจอยู่ที่ห้องนั่งเล่นครับ
นอนตีพุงรอกินอย่างเดียว จะสบายเกินไปแล้วนะมึง
 
หลังจากผมจัดของที่พึ่งซื้อมาใส่ตู้เรียบร้อยแล้ว ก็ลงเมื่อทำอาหารให้พี่เนลมันทันที
ผมใช้ทักษะที่ได้มาตอนไปเข้าค่ายลูกเสือหุงข้าวก่อนเป็นอันดับแรก

จัดการตักข้าวใส่ลงไปในหม้อประมาณครึ่งหม้อได้ ก่อนเติมน้ำลงไป ผมก็กะปริมาณไม่ได้หรอก ตอนไปเข้าค่าย ในหมู่ผมไม่ค่อยมีใครทำอาหารเป็น ก็ใส่มั่วๆกันไป ข้าวออกมาเป็นยังไงก็ต้องกิน
ใส่ประมาณนี้น่าจะพอล่ะมั้ง ผมจัดการปิดฝา และเสียบปลั๊กทันที
 
ระหว่างรอข้าวหุงเสร็จ ก็จัดการทำกับข้าวต่อ พี่เนลมันจะกินไข่เจียวหมูสับครับ
ผมตอกไข่ใส่ถ้วยรอไว้ก่อน หลังจากนั้นก็เอาเนื้อหมูที่พึ่งซื้อมาขึ้นเขียง


ต้องหั่นเป็นชิ้นๆก่อนเปล่าวะ เพราะหมูมันชิ้นใหญ่มาก เรียกชิ้นคงไม่เหมาะ ต้องเรียกกว่าก้อนมากกว่า ตอนที่ซื้อมาอยากเผื่อไว้เยอะๆ เลยเลือกก้อนใหญ่มาทีเดียวเลย จึงต้องมาเสียเวลานั่งเฉือนแบบนี้แหละ
อื้อหือ เหนียวดีมาก ไม่ใช่เนื้อหมูนะครับมันที่ติดมา
 
ผมไม่ยอมแพ้จับเนื้อหมูไว้แน่นแล้วใช้มีดค่อยๆเฉือนเนื้อมันออกมาทีละนิด

“โอ้ย!” ยังไม่ทันไรมีดที่ใช้เฉือนเนื้อหมู ก็หันมาเฉือนนิ้วผมแทน เจริญแล้วกู
ต้องเสียเวลาเดินไปล้างแผลอีก โชคดีที่แผลไม่ได้ใหญ่มาก จึงเอาพลาสเตอร์ที่อยู่ในถุงมาแปะแผลไว้
โชคดีที่พี่เนลมันซื้อมา ก็ไอ้ของไร้สาระที่ผมว่ามันไปนั่นแหละครับ มันติดมากับถุงพวกวัตถุดิบผมพอดี
เหมือนมันรู้อย่างนั้นแหละ ว่าผมต้องใช้
 
ทำแผลให้ตัวเองเสร็จ ผมก็กลับจัดการกับหมูต่อยกที่สอง รอบนี้ก็พยายามหั่นอย่างระมัดระวังหน่อย
หั่นเสร็จ ก็จัดการใช้มีดสับให้มันเละตามระเบียบ พอเละได้ที่แล้วก็นำหมูสับมาใส่ถ้วยที่ผมตอกไข่รอไว้ หลังจากนั้นก็ใช้ส้อมคนๆให้เข้ากัน ก่อนใส่ซอสปรุงรสไป
ผมเปิดไฟตั้งกระทะ พร้อมเทน้ำมันลงไป รอสักพักน้ำมันเดือดได้ที่ ก็เทไข่ที่ผมคนจนกล้ามขึ้น ลงไปในกระทะทันที
 


รอสักพักก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ไข่เจียวหมูสับกากๆฉบับภีมเอง
หน้าตาออกมาใช้ได้เลยนะเนี่ย ไม่น่าเกลียดถือว่าสอบผ่าน ฮ่าๆ ผมตักไข่เจียวหมูสับใส่จานเตรียมไว้
รออีก 5 นาทีข้าวที่ผมหุงก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมทาน
 


ผมนำไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะเรียกพี่เนลให้มากินด้วยความลุ้น อารมณ์เหมือนนั่งดูหนังผีแล้วลุ้นว่าผีจะโผล่มาตอนไหนเลย
 

ได้ยินเสียงพี่เนลกดปิดทีวี สักพักตัวมันก็โผล่เข้ามาในครัว
มันเดินตรงมานั่งที่โต๊ะอาหาร สายตาสำรวจไข่เจียวของผมอยู่สักพัก ก่อนจะพยักหน้าท่าทางพอใจ
 

“อืม หน้าตาใช้ได้ ไม่เลวๆ”
 

“แน่นอนครับ” ผมยื่นอกด้วยความภาคภูมิใจ มันเป็นไข่เจียวจานแรกที่ผมทำแล้วออกมาดูดีที่สุดในชีวิตแล้ว
 

“แต่....ข้าวนี่มันอะไรกัน” มันใช้ช้อนตักข้าวขึ้นมาดู
 

“ทำไมล่ะครับ”
 

“มึงทำข้าวหุงหรือข้าวต้มกันแน่วะ แฉะฉิบหาย”
 

“ผมใส่น้ำเยอะไปหน่อย แต่มันก็กินได้นะครับ”
 

“มึงแน่ใจ?”
 

“แน่ใจครับ ตอนเข้าค่ายพวกผมก็กินกันแบบนี้แหละ ผมยึดหลักใส่น้ำเยอะไว้ก่อน ข้าวจะได้ไม่แข็ง”
 

“แต่ยอมให้มันแฉะแทน ว่างั้นเถอะ”
 

“ครับ ข้าวจะได้สุก”
 

“ตายๆ” พี่เนลสบถออกมา พร้อมเอามือกุมขมับตัวเองแน่น
 

“กินๆไปเถอะพี่ กินได้ก็แล้วกัน”
 

เนลมันทำหน้าไม่ค่อยเชื่อผมนัก แต่ก็ยอมตักอาหารที่ผมทำเข้าปากไป ผมนั่งดูมันกินอย่างใจจดใจจ่อ รอลุ้นว่ารสชาติจะพอถูกปากพี่แกไหม
 

“อื้อหือ! ไข่ไหม้!!!” จึก หนึ่งดอกเน้นๆ
 

“ไหม้จริดดิ” ผมถามมันออกไป เท่าที่ดูก็เห็นจะไหม้ตรงไหนเลย ไอ้พี่เนลมันเลยพิสูจน์โดยการตักไข่พลิกกลับด้านให้ผมดู
 

ชัดเจน ไหม้จริงๆด้วย
 

“แต่ยังมีส่วนที่ไม่ไหม้อยู่นะครับ งั้นก็เลือกกินส่วนที่ไม่ไหม้แทนละกัน” ผมใช้ช้อนตักไข่ส่วนที่มันไม่ไหม้ใส่จานของพี่เนลมัน เอาใจมันหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะโดนเยอะกว่านี้
มันทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ก็ยอมกินแค่ส่วนที่ผมตักให้แต่โดยดี สงสัยหิวจัด ฮ่าๆ
 

มันเคี้ยวไข่ไปสักพักก็ทำหน้าตกใจ ก่อนจะใช้มือดึงสิ่งแปลกปลอมออกมาจากปาก
 

“นี่มันอะไร” มันว่าเสียงสั่น
 

“เปลือกไข่ครับ สงสัยแถมมาตอนผมตอก แฮะๆ” ผมตอบมันไป พลางหัวเราะแก้เก้อ
 

“ห่วยแตกวะ แค่ไข่เจียวมึงยังทำออกมาไม่ดีเลย” พี่เนลเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว ที่อาหารของผมมันไม่ถูกปากมัน
 

“...”
 

เคล้ง


มันวางช้อนเสียงดังจนผมตกใจ ก่อนทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ “มึงแกล้งกูหรือเปล่าวะ ไม่พอที่กูแกล้งมึงที่ห้างใช่ไหม เลยเอาคืนกู” เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ผมไม่ได้แกล้งพี่โว้ย แต่ผมทำอาหารไม่เป็นจริงๆ ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วไงวะ
 


“เปล่าครับ ผมไม่ได้แกล้ง ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าทำอาหารไม่เป็น พี่ก็ยืนยันจะกินอยู่นั่นแหละ”
 
 
“แต่มึงก็ควรตั้งใจให้มากกว่านี้ เหมือนทำแบบขอไปที ห่วยแตกจนไม่มีส่วนไหนที่กินได้เลย!” มันตะคอกใส่ผมเสียงดัง
 

“ผมตั้งใจทำที่สุดแล้ว”ผมพูดเสียงเบา ตอนนี้รู้สึกหมดกำลังใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ สำหรับคนที่ทำอาหารไม่เป็นแบบผม ดีที่สุดคงได้เท่านี้แหละ ตอนแรกก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามันต้องไม่อร่อย แต่ไม่คิดว่ะห่วยแตกจนถึงขั้นที่พี่เนลมันกินไม่ได้เลย
 

ผมกำชับมือที่มีพลาสเตอร์แปะแผลไว้แน่น
 
รู้สึกแย่วะ ผมคงไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้จริงๆนั่นแหละ
 

ผมใช้ช้อนตักไข่ที่ทำมาใส่ปากตัวเอง ตามด้วยข้าวที่ผมหุง
ห่วยจริงๆอย่างที่พี่มันพูดนั่นแหละ  กินไม่ได้เลย
ไข่ไหม้ๆ กับ ข้าวแฉะๆ ไม่เข้าท่าเลยวะ
เป็นใครก็ทนกินไม่ได้หรอก


พี่เนลนั่งมองผมตักข้าวกินไม่พูดไม่จา สายตาเลื่อนลงมามองมือผม ข้างที่แปะพลาสเตอร์เอาไว้ ผมจึงรีบดึงมือข้างนั้นลงทันที
มันมองอย่างนั้นอยู่สักพักก่อนหยิบช้อนขึ้นมาตักกินต่อ
 
“กินไม่ได้ แล้วพี่จะฝืนกินอีกทำไม” ผมถามมันออกไป
 

“ก็กูจะกิน”
 

“พี่อย่าฝืนกินเลย กินไข่ไหม้เดี๋ยวก็เป็นมะเร็งหรอก”
 

“ใครว่ากูฝืนกิน กูเต็มใจ ถ้าจะเป็นมะเร็งก็เป็นกันทั้งคู่นี่แหละ เพราะมึงก็กิน”
 

“ดื้อวะ”
 

“มึงก็ดื้อเหมือนกันนั่นแหละ รู้อยู่ว่ามันกินไม่ได้ ก็ฝืนใจกินอยู่นั่น”
 

“ก็ผมเสียดาย”
 


“งั้นก็กินด้วยกันเนี่ยแหละ ลูกหมาแถวนี้อุส่าห์ตั้งใจทำนี่เนาะ” มันยิ้มให้ พร้อมเอามือมาลูบหัวผมจนยุ้งไปหมด ก่อนลงมือตักไข่เจียวหมูสับของผมกินต่อ
 

น่าแปลก ถึงพี่เนลจะบ่นว่าอาหารที่ผมทำ รสชาติจะห่วยแตกจนกินไม่ได้ขนาดไหน แต่มันก็ยังตักกินต่อจนหมดจานเลย....
 

ดีใจวะ
 
 
“ยิ้มอะไรของมึง” หุบยิ้มทันที
 

“หือ? ใครยิ้ม ผมหรอ?” เผลอยิ้มออกไปตอนไหนวะ แล้วผมจะยิ้มทำไม!!!
 

“เออ มึงยิ้ม”
 

“ผะ ผม...เปล่าสักหน่อย”
 

“ก็เห็นๆอยู่ว่ามึงยิ้ม”
 

“ผมไม่ได้ยิ้ม พี่อย่ามามั่ว”
 

“เอ้า! ก็กูเห็นอยู่”
 

“ผมไม่ได้ยิ้ม”
 

“ยิ้มดิวะ มองหน้ากูแล้วยิ้มไปด้วย คิดอะไรกับกูเปล่าเนี่ย”
 

“ผมจะไปคิดอะไรกับพี่วะ หลงตัวเอง”
 

“ไม่คิดแล้วจะยิ้มทำไม”
 

“ผม..เอ่อ โต๊ะสวยดีนะครับ พี่ซื้อมาจากที่ไหน” เอามือลูบๆโต๊อยู่อย่างนั้น ประหนึ่งอยากได้มาก
 

“เหอะ! โต๊ะนี้ก็มีตั้งนานแล้ว พึ่งมาสนใจหรือไง ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย” ไอ้นี่ก็คาดคั้นอยู่นั่นแหละ ถามไปกูก็ไม่มีคำตอบให้มึงหรอก เพราะกูก็ไม่รู้
 

เดินหนีแม่ง
 

ผมลุกจากโต๊ะ เดินหนีพี่เนลขึ้นมาห้องของตัวเองมาทันที ไม่วายได้ยินเสียงมันตะโกนตามหลังผมมา
 

“อ่าว แล้วจานล่ะ”
 

มึงก็ล้างเองเลยแล้วกัน
 



ผมพลิกตัวไปมาอยู่บนฟุกสักพัก
 

เหี้ยละ นอนไม่หลับ
 

พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ไม่หลับสักที ทำไงดีวะ
 

หลับสิโว้ย! พรุ่งนี้มีเรียนเช้า มึงจะตื่นเป็นนกฮูกแบบนี้ไม่ได้นะไอ้ภีม
ต้องทำยังไงถึงจะนอนหลับ วิธีเบสิกที่สุดคือ การนับนับแกะ
 

โอเค เริ่ม!
 

แกะตัวที่หนึ่งกระโดดข้ามรั้วไป ตามมาด้วยตัวที่สอง...ตัวสาม..ตัวสี่...
ตัวที่116...117...118..119...
นับไปเถอะ ตัวที่หมื่นมึงก็ไม่หลับ โคตรเหี้ย


ต้องเปลี่ยนวิธี

อืม....นั่งสมาธิแทนก็แล้วกัน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง

เมื่อคิดได้ ผมก็รีบนั่งขัดสมาธิ เตรียมนั่งสมาธิทันที นั่งไปได้สักพักก็รู้สึกง่วงขึ้นมา

วิธีนี้ได้ผล! ผมเอนตัวลงนอนทันทีที่รู้สึกง่วง จะได้หลับแล้ว

เปลือกตาผมค่อยๆปิดลง สติของผมก็ค่อยๆจางหายไปทีละนิด ทีละนิด..

จนในที่สุด...


ก็อก ก็อก ก็อก!

อืมมม! สติกูกลับเข้าร่างมาอีกแล้ว ไอ้เหี้ย!


“ลูกหมา นอนยัง”
 

“ยังครับ พี่มีอะไรหรือเปล่า” จะบอกว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ อารมณ์มันอยู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น พอมึงมาเคาะประตูห้องกูเท่านั้นแหละ ตื่นโดยสมบูรณ์ เกลียดดด
 

“ออกมาหากูหน่อย”
ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่เนลมัน
 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ มาหาผมซะดึกดื่นเลย”
 

“กูนอนไม่หลับ”
 

“แล้ว?”
 

“ไปหาอะไรอุ่นๆมาให้กูดื่มหน่อย” คิ้วกระตุกเลย


"พี่ลงทุนมาปลุกผมเพื่อให้ผมลงไปหาอะไรให้พี่ดื่มเนี่ยนะ เป็นง่อยหรือไงวะ"
 

"เลิกบ่น แล้วลงไปหาอะไรให้กูดื่มได้แล้ว เดี๋ยวกูหักตังค์" อื้อหือ มีขู่ๆ
คิดว่าเอาเงินมาขู่แล้วกูจะยอมหรือไง
ขอบอกไว้เลย ว่าเงินไม่สามารถทำอะไรกูได้


ผมจึงรีบพูดออกไปทันทีว่า


“พี่จะดื่มอะไร”

ช่วงนี้การเงินมันติดขัด อะไรที่ยอมๆได้ก็ยอมไป
 

“อะไรก็ได้ เสร็จแล้วเอามาให้กูที่ห้องนะ”
พูดเสร็จมันก็เดินกลับเข้าห้องไปทันทีโดยไม่รอฟังผมพูดอะไรต่อ

 
ผมลงมาที่ครัวชั้นล่างของบ้านเพื่อหาอะไรให้พี่เนลมันดื่ม
เปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรบ้าง ก็เจอนมวัวที่พึ่งซื้อมา จัดการนำนมไปอุ่นให้พี่เนลมันทันที
นอนไม่หลับแบบนี้ต้อง นมอุ่นๆถึงจะเหมาะ
 
เสร็จแล้วผมก็นำขึ้นไปให้พี่เนลมัน พอมันรับแก้วไป ผมจึงเดินกลับห้องของตัวเองทันที

มาถึงห้องตูดยังไม่ทันได้สัมผัสกับฟูก เสียงเคาะประตูก็ขึ้นมาอีก



ก็อก ก็อก ก็อก

อะไรอีกวะ!
 
ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่เนลมันอีกครั้ง
 

“มีอะไรอีกพี่”
 

"กูเอาแก้วมาคืน" มันยื่นแก้วมาให้ ผมรับจากมือมัน ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อเอาแก้วลงไปล้าง


ผมว่าพี่เนล แม่ง! กะใช้ผม 24 ชั่วโมงเต็ม ให้คุ้มกับค่าจ้างจริงๆว่ะ

พอล้างแก้วเสร็จ ผมก็ขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง หวังว่าครั้งนี้คงได้นอนแล้วจริงๆนะ


พระเจ้า ได้โปรดเถอะ ให้ผมได้นอนสักที


ก็อก ก็อก ก็อก


อะไรอีกวะ! ตอนนี้ผมอยากยกฟุกทุ่มหน้าไอ้พี่เนลมันมาก

"ลูกหมา เปิดประตูหน่อย"

ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พี่เนลมันอีกครั้ง ด้วยความไม่สบอารมณ์นัก
 

“มีอะไรอีกพี่”
 

“กูนอนไม่หลับ” ประโยคนี้มันคุ้นๆไหมครับ เหมือนมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
 

“...”
 

“ไปดูทีวีเป็นเพื่อนกูหน่อย”
 

“แล้วทำไมพี่ไม่ไปดูคนเดียวล่ะวะ จะมาปลุกผมทำไม”
 

“เออ ไปดูเป็นเพื่อกูหน่อย ไม่อยากนั่งดูคนดียว เร็ว!”
 

“...”
 

“กูสั่ง”
 

“โว๊ะ!”


เอะอะสั่งๆ คิดว่ากูกลัวหรือไง!
ที่ยอมลงมาเป็นเพื่อนเพราะกูสงสารมึงหรอกนะ อย่าเข้าใจผิดไป


มันเปิดรายการอะไรก็ไม่รู้ดู น่าเบื่อมากๆ
ผมนั่งดูไปได้สักพักก็รู้สึกถึงอะไรหนักๆที่ไหล่ จึงละลายตาจากทีวีหันมามองที่ไหล่ผมแทน ก็พบว่าเป็นไอ้พี่เนลที่เอาหัวมันมาซบกับไหล่ของผม


หลับไปแล้วแน่ๆเลย ทำไงดีวะ


“พี่เนลครับ” ผมตัดสินใจปลุกพี่มันให้ตื่น


“...” แต่ดูเหมือนพี่มันจะหลับสนิทเลย ผมจึงเอามือไปเขย่าตัวพี่มันพร้อมเรียกไปด้วย


“พี่เนล ตื่นได้แล้วครับ ถ้าง่วงก็ไปนอนที่ห้องพี่ดิ”


“อืมมม”


“พี่เนล” ผมเพิ่มแรงเขย่าอีกหน่อย เพราะดูเหมือนพี่เนลมันจะรู้สึกตัวแล้ว


มันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองผม แต่หัวมันก็ยังซบผมอยู่เหมือนเดิม
มึงอย่ามาเนียน! ผมรีบใช้มืออีกข้างดันหัวมันออกจากไหล่ทันที


“ไปนอนที่ห้องพี่เถอะ” มันพยักหน้าให้ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องมันทันทีอย่างว่าง่าย
 

รู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ไปนอนบ้างนอนดีกว่า
ผมปิดทีวี ก่อนเดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง
เอนตัวลงไปนอนกับฟุก ทันทีที่หัวถึงหมอน เปลือกตาก็ค่อยๆปิดลง



หวังว่าครั้งนี้คงได้นอนจริงๆแล้วนะ



ก็อก ก็อก ก็อก!


ซะเมื่อไหร่

ผมเอนตัวลงนอนกับฟูกได้ไม่ถึง 5 นาที พี่เนลมันก็เดินมาเคาะห้องผมอีกแล้ว
 
อะไรของมันอีกวะเนี่ยยย กูอยากจะคำราม
 
ผมจำต้องลุกไปเปิดประตูให้มันอีกครั้ง  ตอนนี้รู้สึกอยากตั้นหน้ามันมาก
 

“อะไรของพี่อีก”
 

“กูนอนไม่หลับ” มึงไปโดฟกาแฟมาหรือไงวะ
 

“ถ้าพี่จะมาเคาะห้องผมทุกๆห้านาทีแบบนี้ ก็เอาผมไปนอนด้วยเลยเถอะ แม่ง!”
 

“ได้เหรอ ก็ดี งั้นมึงก็มานอนกับกู”
 

“ห๊ะ? ใช่เรื่อง ไม่เอาด้วยหรอก”
 

“ถ้ามึงไม่ไปกูก็จะมาเคาะห้องมึงทุกๆ 5 นาทีนี่แหละ เลือกเอาก็แล้วกัน”
 

“เคาะไปเถอะ ถ้าผมไม่เปิดซะอย่างพี่จะทำอะไรได้” ผมตอบมันก่อนจะพลิกตัวเดินหันหลังเข้าห้อง
แต่มันไวกว่า รีบคว้าแขนผมเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงผม ให้เซไปชนกับแผลอกมัน


พร้อมก้มลงมากระซิบข้างหูผมว่า
 

“มึงจะเดินไปดีๆ หรือ จะให้กูลากมึงไป”พี่เนลกดเสียงต่ำลง บ่งบอกชัดเจนว่าที่มันพูด มันเอาจริง
โอเค..ขอบคุณที่ยังให้กูเลือก


เลยต้องเดินไปนอนกับมันอย่างจำยอม เป็นไอ้ภีมนี่โคตรเศร้า
 

“พี่ไปทำอะไรมาวะ ถึงนอนไม่หลับ”ผมตัดสินใจถามมันออกไป หลังจากเดินเข้ามาในห้องมันเรียบร้อยแล้ว


“กูไม่ได้ใช้งาน” อะไรของมันวะ


มันเห็นผมทำหน้างง จึงขยายความต่อให้ “เซ็กส์” โอเค คำเดียวควบคุมทุกข้อสงสัย


“พี่เป็นพวกถ้าวันไหนไม่มีเซ็กส์แล้วจะนอนไม่หลับหรือไง?”


“ก็ไม่เชิง”


“งั้นพี่ก็ช่วยตัวเองไปดิ”


“มึงมาทำให้กูไหมล่ะ”


“พ่อง”


มันทำท่าอึดอัดใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา“กูเป็นพวกขี้เหงา..เลยเลือกใช้เซ็กส์เป็นเครื่องมือบำบัด ความเหงาที่เกิดขึ้นในใจกู” มันพูดแผ่วลง


“เป็นพวกขาดความอบอุ่นหรือไง”


อ่าว เงียบ..


เรื่องจริงเหรอวะ


เชี่ยละ อยากจะตบปากตัวเองสักพันครั้งให้รู้แล้วรู้ลอด


“เอ่อ...ขอโทษครับ”


“ช่างมันเถอะ”


“เอ่อ..เอางี้ไหมครับ ผมคิดว่ามีวิธีที่จะทำให้พี่หลับได้” ผมพูดออกไปด้วยความมั่นใจ พร้อมยักคิ้วให้มันไปสองที


“วิธีอะไร?”


“พี่ไปนอนก่อนสิครับ”
มันทำหน้าตกใจ พร้อมเอามือปิดหน้าอก เหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม“มึงจะปล้ำกู”


“ไม่ใช่โว้ย ในหัวพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไง” มึงไม่ต้องเอาความเหงามาพูดกลบเกลือนความหื่นในตัวมึง ให้มันดูดีไปหน่อยเลย กูไม่เห็นใจมึงหรอก


“เอ้า ก็มึงให้กูมานอนรอก่อน จะให้กูคิดอะไรได้อีกล่ะวะ” โอ้ย กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ มึงดูขนาดตัวมึงกับตัวกูหน่อยเถอะ จะเอาแรงที่ไหนไปกดมึงวะ คิดสิคิด!


“นอนๆไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง”


“เออๆ”
มันยอมไปนอนที่เตียงแต่โดยดี ผมก็ตามไปนั่งขัดสมาธิข้างๆขอบเตียง


“พี่ ขยับมานั่งใกล้ๆผมหน่อย” ผมเรียกมันให้ขยับตัวมานอนริมๆ ไอ้นี่ก็เล่นไปนอนซะกลางเตียงเลย


“แล้วมึงไปนั่งทำไมข้างล่างวะ ทำไมไม่ขึ้นมานั่งบนเตียง”


“เออน่า ขยับมา”


“โว๊ะ! เรื่องมากวะ” มันสบถออกมา พร้อมขยับตัวมาใกล้ริมเตียงทีละนิด


“ขออนุญาตนะครับ” ผมเอ่ยขออนุญาตพี่เนลก่อนเอามือขึ้นมาลูบหัวพี่เนลไปมาอย่างช้าๆ
 

ผมยังจำได้ดี ตอนที่ผมนอนไม่หลับ แม่จะเอามือนุ่มๆของท่านมาคอยลูบหัวผมไปมาแบบนี้
จนผมเคลิ้มไปกับสัมผัสของท่าน เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
ตอนที่ท่านเอามือมาลูบหัวผม รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ท่านมอบให้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ผมอยากลองทำแบบนั้นให้กับพี่เนลดูบ้าง เผื่อมันจะช่วยลดความเหงาในใจมันได้สักนิดก็ยังดี
 
ผมเอามือลูบหัวมันไปสักพัก เห็นมันนอนมองหน้าผม ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

มันยิ้ม?


ยิ้มอะไรของมันวะ


“ยิ้มอะไร”


“ปัญญาอ่อนวะ” มันพูดพลางหัวเราะไปพลาง


“เมื่อก่อนแม่ผมเคยทำแบบนี้กับผมตอนที่ผมนอนไม่หลับ”


“มึงเลยมาทำกับกู? มาเป็นแม่กูตั้งแต่ตอนไหน”


“ก็มันเคลิ้มดี หรือพี่ไม่เคลิ้ม?”


“อืม...เคลิ้ม” พี่เนลตอบออกมา สายตามันยังมองผมอยู่ไม่ละไปไหน


ไอ้เหี้ย ใช้สายตาแบบนี้จ้องกูอีกแล้ว
แบบนี้มันต้องสู้แล้วล่ะ
ผมจึงเอามือท้าวคาง มองมันตอบ ตาจ้องตากันไปเลย มาดูกันว่าใครจะแพ้


พอมาจ้องใกล้ๆแบบนี้แล้ว ตามันก็สวยเหมือนกันแฮะ สายตามันเหมือนมีเสน่ดึงดูดและน่าค้นหาไปในตัว
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะยอมตกเป็นของมัน

เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา มือของผมก็คอยลูบหัวมันไปเรื่อยๆ
 

จนในที่สุดมันก็พูดออกมาทำลายความเงียบ
 

"ภีม"


"ครับ?"


"มึงไม่ต้องไปทำงานที่ Sun Pub แล้วได้ไหม"


"ทำไมล่ะครับ?" ความจริงผมก็ตั้งใจจะไปลาออกอยู่แล้วเพราะไอ้ซานมันขอไว้ ผมรู้เหตุผลของไอ้ซานที่มันอยากให้ลาออก
แต่พี่เนล...ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยากให้ผมลาออกไปด้วยอีกคน


"เชื่อกูเถอะ ที่นั่นไม่เหมาะกับมึง"


"แต่ผมว่าทำที่นั่นได้เงินดีนะพี่ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย"


"ไปลาออกเถอะ เชื่อกู"


"เอ่อ.."


"ถือว่ากูขอ"


"ครับ" ถึงมันจะไม่ยอมบอกเหตุผลมา แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ต้องไปลาออกอยู่แล้วล่ะ


"สัญญากับกูก่อน"


"ครับ ผมสัญญา"


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[Nel talk]

หลังจากที่ไอ้เด็กภีมลูบหัวผม จนเผลอหลับไปซะเอง

ผมก็ลงไปอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงแทน



นั่งมองมันหลับพริ้ม ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว

แล้วอดยิ้มขำไม่ได้



"ตอนแรกกูต้องการแค่ อยากให้แม่กูยกเลิกการแต่งงานของกูกับพิมเท่านั้น เลยจ้างมึงมา"



"แต่ตอนนี้..."



"กูอยากได้เงินล้านหนึ่งจากมึงมากกว่าวะ"



"ถ้าใครตกหลุมรักก่อน เท่ากับคนนั้นแพ้ใช่ไหมล่ะ"



"ซึ่งกูก็ไม่ได้อยากแพ้ด้วย"



"งั้นก็คงต้องขอ ให้มึงเป็นฝ่ายแพ้แล้วล่ะ"



"กูอยากเห็น...ว่าคนอย่างมึง เวลาต้องมาตกหลุมรักกูจะเป็นยังไง"



"กูต้องขอโทษไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะ..."



"ถ้าหากทำมึงเสียใจ"



“ที่โดนกูหักอก”

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-04-2018 02:02:54
อิพี่เนล อีชั่ววว :angry2:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 06-04-2018 22:03:26
ระวัง คนหัวเราะทีหลังจะดังกว่านะ กิกิ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: T_TARS ที่ 06-04-2018 22:18:57
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-04-2018 23:57:47
มีแผนนี่เอง,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ ตอนที่ 13 ผิดสัญญา(1/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-04-2018 09:04:32
ตอนที่ 13 ผิดสัญญา
(1/2)


“ไปทำค่ายกัน” ไอ้ทัศถามผมขึ้นมาหลังจากที่นำข้าวมาวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน พวกเรามากินข้าวกันที่ตึกเรียนรวมครับ
“กูไม่ว่าง”ผมรีบตอบออกไป แค่ทุกวันนี้ผมก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน
แถมยังต้องมาคอยรับมือพี่เนลมันอีก ถ้าต้องไปทำค่ายอีกมีหวังตายแน่ๆ
“กูไม่ได้ถาม แต่กูบังคับ”
“ใช่ มึงต้องไปทำค่ายกับกู ไอ้ซานมันก็รับปากไปแล้ว เหลือมึงคนเดียว” ไอ้เหม่ยเอ่ยสมทบ
พวกมึงก็กดดันกูจังวะ
“ไม่ไปโว้ย เวลากูเป็นเงินเป็นทอง”
“ไม่ได้” ไอ้ทัศและไอ้เหม่ยเอ่ยออกมาพร้อมกัน ทีงี้ล่ะสามัคคีกันจังนะพวกมึง!
“ทำไมบังคับกูวะ”
“ไปเถอะไอ้ภีม ไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนมั่ง จะจบอยู่แล้วเนี่ย”จะจบพ่อง มึงพึ่งขึ้นปี 2 พูดเหมือนมึงอยู่ปี 4 อย่างนั้นแหละ จะรีบแก่ไปไหนไอทัศ!
“ใช่ พวกเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ร่วมกันเลยนะ ไปเถอะ”ไอ้เหม่ยทำหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์
พร้อมเขย่าแขนผมเบาๆ ตอนนี้มันเหมือนลูกแมวขี้อ้อนเลยล่ะครับ ถึงแม้ภายในมันจะเถื่อนก็เถอะ
“ไปเถอะไอ้ภีม กูอยากให้มึงไปด้วย จะได้ครบแก๊ง”
“ไปเถอะนะ”
“ไอ้ซาน ช่วยกูพูดเป่าหูไอ้ภีมมันหน่อยดิวะ” ไอ้ทัศหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ซานที่นั่งหน้านิ่งกดโทรศัพท์เงียบๆอยู่ข้างผมตั้งแต่เช้าแล้ว
ไอ้ซานมันเงยหน้าจากมือถือขึ้นมามองไอ้ทัศที่ทำหน้าอ้อนวอนแบบไอ้เหม่ยบ้าง มึงอย่าทำหน้าแบบนี้อีกแนะไอ้ทัศ กูขอร้อง! ไอ้เหม่ยมันทำแล้วน่ารักไง แต่มึงมันน่าเกียจ
ไอ้ซานวางมือถือมันลง พร้อมหันหน้ามาหาผม
สีหน้ามันตอนนี้ดูจริงจังมาก
แค่เป่าหูกูไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนี้ก็ได้ไหม
“ไอ้ภีม”
“...” ไอ้ซานทำหน้าตาเหมือนยักษ์เลยสัด! กูกลัว
ทำหน้าแบบนี้ผมไม่กล้าแม้จะปฏิเสธมันออกไปเลย
ไปก็ได้เว้ย ความจริงคือกูใจอ่อนตั้งแต่ไอ้เหม่ยทำหน้าแมวใส่แล้ว
 “...” มันจ้องหน้าผมนิ่งไม่พูดอะไรออกมา
แต่ผมรู้สึกเหมือนได้รับแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกจากตัวมันเลยวะ
 “มึงเป็นอะไรกับพี่เนล”มันถามเสียงนิ่ง สีหน้ามันดูเครียดมาก
“หือ?” ไม่ได้จะพูดเรื่องค่ายหรอกเหรอ
“กูถามว่ามึงเป็นอะไรกับพี่เนล”
“จะรู้ไปทำไมวะ”
“กูถาม มึงแค่ตอบ”ไอ้ซานเค้นเสียงออกมา เหมือนมันเริ่มไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไรกับพี่มัน
เพื่อน
รุ่นพี่
คนรู้จัก
หรือ....
เบ๊?
ข้างหลังน้ำหนักเยอะสุด คงเป็นเบ๊มันล่ะมั้ง
“มันเป็นเจ้านายกู” จะบอกว่าเป็นเบ๊ให้มันกดขี่เพื่อถอนบ้านคืนก็กะไรอยู่
“ห๊ะ” ไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศอุทานออกมาพร้อมกัน วันนี้พวกมึงชักจะสามัคคีกันเกินไปแล้ว
“ใช่เหรอไอ้ภีม” ไอ้ซานถามคาดคั้น ประหนึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ก็ใช่สิวะ พี่เนลมันจ้างกูทำงานให้มัน กูกับมันเป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น”
“กูพึ่งรู้นะ ว่านายจ้างกับลูกจ้างเขาเกือบจูบกันในห้างด้วย”
“ห๊ะ!” ไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศอุทานพร้อมกัน พลางหันหน้ามาจ้องผม
“มึงพูดอะไรของมึงวะ”
“เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าล่ะ ไอ้ภีม”
“ไม่จริงโว้ย มึงไปเอามาจากไหน”
“เขาลือกันทั้นโซเซียลแล้ว เรื่องที่มึงกับพี่เนลไปเดินซื้อของด้วยกัน และเกือบจูบกันในห้าง แถมพี่แกก็เดินโอบไหล่มึงด้วย เนี่ยเหรอวะเจ้านายเขาทำกับลูกน้อง?”
“ไม่ใช่โว้ย เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” สงสัยสองสาวนั่นเอารูปไปปล่อยลงโซเซียลแน่ๆ ไอ้พี่เนลก็อีกคนอยากต่อยให้หน้าคว้ำเลย ชอบนักทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ตอนนี้คือไม่ใช่แค่สองสาวนั่นไง แต่เป็นคนทั้งมหาลัย
โอ้ย ไอ้ภีมอยากตาย
“กูถามจริงเถอะ มึงเป็นอะไรกับพี่เนลกันแน่” ไอ้นี่ก็คาดคั้นกูจัง ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรกับมัน
มันเป็นแค่เจ้านายกูเท่านั้นโว้ย อย่าให้กูได้พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ
“เป็นเมีย”
“ห๊ะ?” พวกเราอุทานออกมาพร้อมกันทั้งโต๊ะ อึ้งสิครับ อึ้งทั้งโต๊ะ รวมผมด้วย
คนที่ตอบคำถามไอ้ซานเมื่อกี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่เนลที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ กับเดอะแก๊งครบทีม
พวกนั้นถือจานข้าวมาคนละจาน พร้อมเดินเอามาวางไว้บนโต๊ะเดียวกับพวกผม
อย่าบอกนะ ว่าจะมานั่งกินข้าวด้วยน่ะ
“กินข้าวด้วยนะ” พี่ฟงที่ดูเหมือนจะมีมารยาทที่สุดเอ่ย
ชัดเจน ไขข้อสงสัยโดยไม่ต้องถามออกไป
“ครับ เชิญครับ”ไอ้ทัศเอ่ย
ผมหันไปจ้องเขม่นใส่มันทันที ไอ้ทัศทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม อยากกระโดดเตะก้านคอให้หักจริงๆ
“พี่พูดอะไรวะ ใครเป็นเมียพี่ พูดให้มีดีๆหน่อย” ผมหันไปโวยวายใส่พี่เนลที่กำลังเดินมาฝั่งผม
“กูพูดความจริง”
“ความจริงเหี้ยอะไร แล้วพี่จะมานั่งแทรกผมทำไมเนี่ย ที่มีตั้งเยอะ อึดอัดโว้ย”
มันเดินมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้ซาน ผมพยายามดันมันให้ลุกออกไป แต่มันยังคงนั่งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ข้างๆ

ออกไปสิวะ!

“หลีกไป” มันหันไปจ้องหน้าไอ้ซาน เป็นเชิงไล่ ไอ้ซานเห็นอย่างนั้นจึงยอมลุกไปนั่งข้างๆพี่เมฆแทน
มันจะเกินไปแล้ว! มึงมาทีหลัง แล้วยังมีหน้ามาไล่เพื่อนกูอีก
ผมลุกขึ้นถือจานข้าว หวังตามไปนั่งกับไอ้ซาน แต่โดนไอ้พี่เนลมันรั้งแขมผมเอาไว้ก่อน
“จะไปไหน”
“ไปนั่งกับไอ้ซาน”
“กูไม่ให้มึงไป เป็นเมียมันหรือไง ถึงตามมันไปทุกที่น่ะ นั่งลง!”มันสั่งผมเสียงดุ
“ไม่ได้เป็นเมียโว้ย เป็นเพื่อน” ผมตอบมันไปด้วยความเอือมระอา
“เป็นแค่เพื่อนจะตามไปนั่งด้วยทำไม มานั่งกับผัวมึงนี่” ห่าเน้นจังวะ
มันพูดเน้น คำว่าแค่เพื่อนพลางจ้องหน้าไอ้ซานเขม่น ก่อนเบนสายตามามองหน้าผมแล้วพูดคำว่า ผัว ย้ำชัดเจน
พ่อมึงเถอะ!
“พี่มาเป็นผัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวก็เป็น”
“ชาติหน้าเถอะ! รอผมเกิดเป็นผู้หญิงก่อนนะ”
“ชาตินี้แหละ ถึงมึงเป็นผู้ชายกูก็เอา” แม่ง กวนตีนกูแล้วไง
“ชาติหน้าพี่ยังไม่มีหวังเลยมั้ง”
“ชาตินี้ เดี๋ยวกูก็ได้มึง ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอก” มึงไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน!
“แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์”
“เดี๋ยวมึงก็เป็น ลองมาขึ้นเตียงกับกูสักครั้งสองครั้ง รับรองติดใจ”
“เหอะ! พวกที่มีดีแค่หน้าตาแต่เอามาทำพันธุ์ไมได้อย่างมึงน่ะ กูไม่เอามาทำพันธุ์ให้เสียเวลาหรอก”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูทำพันธุ์ไมได้ มาลองผสมพันธุ์กับกูไหมล่ะ มึงจะได้รู้ ว่าจริงๆแล้วพันธุ์กูดีขนาดไหน”
เดี๋ยว! ทำไมวกเข้าเรื่องนี้
“ฮิ้วววว หมอภีมว่าไงครับบบ”ไอ้ทัศเอ่ยแซว
“สัด” เดี๋ยวกูมีเรื่องต้องเคลียร์กับมึง แบบแมนๆคุยกันแล้วไอ้พี่เนล
“จะยืนอีกนานไหม นั่งได้แล้ว”พี่เนลสั่งเสียงห้วน
“...” นิ่ง
“กูให้มึงเลือก ว่าจะนั่งลงดีๆ หรือจะนั่งตักกู!”
พรึบ
นั่งลงทันทีด้วยความรวดเร็ว เรื่องอะไรต้องมานั่งตักมันกลางโรงอาหารแบบนี้วะ ไม่ไหวๆ
“ฮ่าๆๆ น่ารักว่ะ” พี่ฟิวที่นั่งมองอยู่หัวเราะร่วน
พี่เนลขมวดคิ้วมุ้ย ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่เชื่อ “น่ารักตรงไหนวะ”
“น่ารักดิ ขอยืมไปเลี้ยงที่บ้านได้ไหมวะ เชื่อฟังดี อยากได้” พี่ฟิวพูดต่อพลางยื่นมือมาตบไหล่พี่เนลเบาๆ
ผมคนนะ ไม่ใช่สัตว์ มันยืมไปเลี้ยงได้ด้วยหรือไง
“เชื่อฟังห่าไร ดื้อ!! ถ้าอยากได้ก็เอาไปดิ”
“ให้จริง?”
“เอ่อ แต่มึงต้องเป็นศพก่อนนะ”
“อู้หู้ โหดจัง กูกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว” พี่ฟิวเอามือกุมอกเอาไว้ พร้อมทำหน้ากลัวพี่เนลเต็มแก่ พี่ครับไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ดูก็รู้ว่าพี่ตั้งใจกวนตีมัน
“หึ” พี่เนลเค้นหัวเราะออกมา ก่อนเบนความสนใจมาทางผม
ผมตักข้าวในจานกินโดนไม่สนใจมันที่นั่งเอามือท้าวคางมองอยู่
แต่มาโดนจ้องตอนกินข้าวแบบนี้ ก็อดรู้สึกอึดอัดแปลกๆไม่ได้
เป็นการกินข้าวที่กดดันที่สุดเลยว่ะ
อึดอัด…
จะจ้องอะไรนักหนาวะ
ผมทนแรงกดดันทางสายตาของพี่เนลไม่ไหว จึงถามมันออกไป
“จะมองอะไรนักหนาวะ ไม่กินข้าวหรือไง”
“....” มันไม่ตอบ แต่ส่งสายตาไปที่กุ้งตัวโตๆของผม พร้อมมองกุ้งสลับกับมองหน้าผมไปด้วย
เห้ย! อย่าบอกนะ มึงจะแย่งกุ้งกู!
อุส่าห์เก็บไว้กินทีหลัง มึงจะมาแย่งกูกินแบบนี้ไม่ได้นะ
ผมรีบหันจานข้าวผัดกุ้งหนีมันทันที เป็นการบอกอ้อมๆว่า กูไม่ให้มึงกิน
“กินหน่อย”
“ไม่เอา พี่ก็กินของพี่ไปดิ”
“แต่กูอยากกินกุ้ง”
“แล้วทำไมไม่สั่งมากินตั้งแต่แรกละ”
“ตอนนั้นยังไม่อยาก แต่เห็นมึงกินแล้วอยากขึ้นมาเลย”
“พี่ก็ซื้อใหม่ดิ”
“แต่กูอยากกินของมึง”
มันส่งจานข้าวมาให้ผม ก่อนส่งสายตาเชิงบังคับให้ตักกุ้งใส่จานมัน
แค่กุ้งมึงยังจะแย่งกูกินเนาะ
“…” ผมมองกุ้งในจานตาละห้อย ยังไม่ทันได้กินก็ด่วนจากไปแล้วเหรอไอ้น้อง
ผมตัดกุ้งใส่จานพี่เนลมันแต่โดยดี ไม่อยากมีปัญหากับมัน เดี๋ยวได้เถียงกันยาวไม่ได้กินข้าวกันพอดี อะไรที่ยอมได้ก็ต้องยอมๆมันไป
พอผมตักกุ้งใส่จานมันจนหมด ก็ยื่นจานคืน พี่เนลรับจานไป ก็ยอมตักข้าวกินแต่โดยดี
แต่อ๊ะ! ปลาหมึกในจานมันน่ากินว่ะ
“พี่เนล แลกกัน ผมให้กุ้งพี่แล้ว ขอปลาหมึกให้ผมเถอะ”
“ไม่” มันปฏิเสธเสียงแข็ง
อะไรวะ! ไม่ยุติธรรม
ใช้วิธีเดียวกับมันจะได้ผลไหมวะ ต้องลองแล้วล่ะ
ผมจ้องหน้าพี่เนลมันคืนบ้าง
มันตักข้าวกิน พลางหันมามองผมเป็นพักๆ
อึดอัดล่ะสิมึง ฮ่าๆ
มันหันมามอง ผมก็ส่งสายตาพร้อมทำหน้าแมวเลียนแบบไอ้เหม่ยเผื่อมันจะใจอ่อนลงบ้าง
ดูเหมือนมันจะทนสายตาผมไม่ไหว จึงเอาส้อมจิ้มปลาหมึกในจาน ก่อนส่งมาให้ผม
ผมรีบงับปลาหมึกที่มันยื่นให้กินอย่างเอร็ดอร่อย โดยลืมตัวว่า มีสายตานับสิบคู่จ้องมองอยู่
“อุ้ยๆๆๆ พี่เนลขาน้องฟิวก็อยากกินปลาหมึกค่ะ ป้อนหน่อยสิคะ”
“กูไม่ให้ อยากกินก็ไปซื้อเอง”
“กูจะกินของมึง” พี่ฟิวส่งจานของตัวเองให้ ก่อนส่งสายตาเชิงบังคับเลียนแบบพี่เนลตอนที่แย่งกุ้งผมเมื่อกี้
ฮ่าๆ เหมือนว่ะพี่
“ไม่ให้”
“ทีน้องภีมให้กิน แถมป้อนให้อีก ทีเพื่อนเสือกหวง ความยุติธรรมอยู่ตรงไหววะ” พี่ฟิวบ่นอุบอิบ
“กูจะให้หรือไม่ให้ใคร มันก็สิทธิของกู ปลาหมึกกู”
“งั้นกูขอกินกุ้ง”
“ไม่ให้ กูหวง”
“อะไรวะ กุ้งเป็นของน้องไม่ใช่ของมึงสักหน่อย ยังจะหวงอีก”
“กูไม่ได้หวงกุ้ง กูหวงเจ้าของกุ้ง”
“อู้ยยยยยยย”อุทานกันทั้งโต๊ะเลยครับ พวกที่กินข้าวอยู่เงียบๆ ก็คงอดที่จะแซวไม่ได้
รีบตัดข้าวยัดใส่ปากจนแก้มตุ่ย พยายามเคี้ยวไห้ไว จะได้รีบๆออกไปจากโต๊ะนี้สักที แม่งอยู่ไม่ได้แล้ว โคตรอันตราย
ไอ้พวกแก๊งเห็นผมรีบกิน ก็พยายามถ่วงเวลากินให้ช้าลง โดยเฉพาะไอ้ทัศที่กินช้าเป็นพิเศษ
ไอ้ทัศ บางทีกูก็คิดนะ ว่ามึงไปติดสินบนอะไรรุ่นพี่พวกนี้หรือเปล่า
ผมส่งสายตาไปให้ไอ้ทัศ พร้อมเอามือขึ้นมาทำท่าเชือดคอให้มันดู
เป็นเชิงว่า ถ้าไม่รีบมึงตาย
มันหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ ก่อนจะลงมือตักข้าวกินต่ออย่างช้าๆ
ผมทนไม่ไหวลุกพลวด เดินหนีไปทันที
อยู่ต่อไม่ได้แล้ว
ไม่วายได้ยินเสียงพี่ฟงพูดงึมงำตามหลังมา “เป็นการแสดงที่มีความจริงซ่อนอยู่”
พี่มันพูดอะไรของมันวะ แต่ก็ช่างมันเถอะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

[Nel Talk]


"จิตใจมึงทำด้วยอะไรวะ แม่ง! กะใช้น้องมันให้คุ้มเลยหรือไง" ไอ้ฟิวโผล่พรวดขึ้นมาหลังจากที่น้องภีมและเพื่อนของมันไปจนหมดแล้ว

"น้องมันต้องมาทนกับคนอย่างมึงไม่พอ ต้องมาเป็นหมากให้มึงใช้เดินตามที่มึงต้องการอีก แค่บ้าน แม่ง! ไม่คุ้มวะ" ไอ้แจ็คเสริม

"กูล่ะสงสารน้องมันจริงๆที่ต้องมารู้จักกับคนอย่างมึง!" ไอ้เมฆที่นั่งเงียบตั้งแต่แรกเอ่ยบ้าง

"เพราะน้องมันเป็นผู้ชายมึงเลยกล้าทำกับน้องมันงี้? โกธรแทนเลยวะ ไม่คิดเลยว่าจะมีเพื่อนเลวแบบนี้" ไอ้ฟิวพูดออกมาอีกครั้ง

“…” ผมก็นั่งเงียบฟังมันบ่นไป ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พวกเพื่อนมันฟังบางส่วน

"กูอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าน้องมันรู้ความจริงขึ้นมา จะเป็นยังไง ถ้าน้องไม่ได้รักไอ้เนลก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้ารักขึ้นมาจริงๆคงเจ็บปวดน่าดู กูเชียร์ให้น้องภีมเอามีดมาแทงไอ้เนลให้ตาย คนแบบนี้แม่ง! ไม่น่ามีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ว่ะ"

เอาเข้าไป เชิญมึงด่ากูให้สมใจพวกมึงเลย

ถึงจะรู้สึกผิดกับไอ้เด็กนั่นไปบ้าง แต่..ก็ช่วยไม่ได้ ในชีวิตนี้ไม่มีใครที่ผมจริงจังเท่าม่านฟ้าอีกแล้ว


ในเมื่อเธอให้โอกาสมา ผมต้องรีบคว้าเอาไว้
ถึงแม้โอกาสนี้จะทำร้ายมันไปบ้าง แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก
ถึงตอนนั้นจริงๆ ค่อยอธิบาย และขอโทษ มันไปก็แล้วกัน
หวังว่ามันจะเข้าใจผม...

"เอาเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องของมึง กูจะไม่ยุ่ง แต่กูจะเตือนมึงไว้ เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมากๆระวังมันจะกลับมาทำร้ายตัวมึงเองก็แล้วกัน"

"มึงหมายความว่าไง ไอ้ฟิว"

"ระวังใจมึงไว้เถอะ!"

"มึงจะบอกว่ากูอาจหลวมตัวไปชอบไอ้เด็กนั่นน่ะนะ? เหอะ! ไม่มีวัน"

“มันก็ไม่แน่หรอก กูสัมผัสได้นะ ว่าที่มึงทำๆกับน้อง ถึงแม้มึงจะบอกว่าทำเพื่อหลอกให้น้องมันหลงรักมึง แต่กูรู้ว่ามันยังแฝงความรู้สึกจริงๆของมึงเอาไว้อยู่”

“เพ้อเจ้อไอ้ฟง” ผมเอ่ยบอกไอ้ฟงไป สัมผัสเหี้ยอะไรขอมึง เป็นหมอผีหรือไงวะ
อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปมากกว่าตัวกูเลย

"ระวังขุดหลุมฝังตัวเองนะไอ้เนล ใครจะไปรู้อนาคตได้ล่ะวะ อีกอย่างน้องมันก็น่ารักขนาดนั้น กูรู้ว่ามึงแพ้ทางคนอย่างน้องมัน จะไปหาใครที่ยอมมึงได้อย่างน้องภีมได้จากไหนอีกวะ"

"เหอะ! ยอมกูเหรอ? ตลกแล้วไอ้ฟิว มันดื้อจะตาย สั่งอะไรก็เอาแต่เถียง เนี่ยนะ เชื่อฟัง?"

"แล้วน้องมันยอมทำป่ะ ถึงจะเถียงไปบ้าง แต่น้องมันก็ยอมมึง ความจริงจะไม่ทำก็ได้ ถึงมึงขู่น้องมันยังไง ถ้าคนมันจะไม่ยอมยังไงก็ไม่ยอมอยู่ดี แต่น้องมันก็ยอม"

"มึงไม่รู้อะไร อย่ามาพูดดีกว่าว่ะ"

"ถึงกูจะไม่รู้อะไร แต่กูก็รู้ว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันไม่สมควร"

"หยุดเถอะ เลิกเล่นกับความรู้สึกคนอื่นสักที ตอนนี้น้องมันไม่ชอบมึงก็ดีแล้ว จะไปทำให้น้องมันชอบทำไมวะ"

"เพื่อตัวกูเอง"

"ยอมแล้ว" พวกเพื่อนพูดออกมาพร้อมกัน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

(ขอย้อนกลับไปเมื่อวาน)
 “อ่าว แล้วจานล่ะ” ผมตะโกนตามหลังไอ้ลูกหมา ที่เดินหนีขึ้นไปบนห้องเรียบร้อยแล้ว
อะไรของมันวะ
ผมมองซากอารยธรรมที่มันทิ้งไว้ให้ผมล้างอย่างเหนื่อยใจ
กูไม่ได้จ้างมึงมาเพื่อเพิ่มภาระนะโว้ย
แต่ก็ช่างมันเถอะ เห็นแก่มันที่อุส่าห์ตั้งใจทำข้าวแฉะและไข่เจียวรสชาติหมาไม่แดกมาให้ผมกิน
ตอนแรกไม่คิดจะกินต่อหรอก เห็นมันทำหน้าจ๋อยแล้วอดสงสารไม่ได้ เลยกินเป็นเพื่อนมัน
คำแรกๆก็ฝืนกินอย่างทรมาน แต่หลังๆไม่รู้สึกอะไรแล้ว ลิ้นติดพิษจนไม่รับรู้รสชาติอะไรเลย

     ผมเก็บจานของตัวเองซ้อนไว้กับจานของน้องมัน แล้วนำไปล้างที่อ่างล้างจาน
นอกจากจะไม่ล้างให้กูแล้ว มึงยังจะทิ้งจานมึงมาให้กูล้างอีกนะ
พอล้างเสร็จก็นำไปวางไว้ที่ชั้นวาง ก่อนปิดไฟชั้นล่างแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง

ผมเดินเข้าไปห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จสรรพแล้ว พร้อมเช็ดผมที่เปียกหมาดๆเดินออกจากห้องน้ำ
เดินไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมา เปิด Facebook เช็คข่าวสารหน่อยก็แล้วกัน
พอเปิดเข้ามาก็ต้องตกใจกับยอดแจ้งเตือน และข้อความที่เข้ามาไม่หยุดไม่หยอน
เกิดอะไรขึ้นวะ
ผมกดเข้าไปดูในแจ้งเตือนที่มีคนแท็กผมเข้ามา
มันเป็นโพสที่ถูกแชร์มาอีกที จากเพจ xx cute boy
Sipantida Si. ได้แท็กคุณ
พร้อมแคปชั่น ‘ไม่จริงใช่ไหมคะพี่เนล ช่วยมาอธิบายผู้หญิงตาดำๆแบบพันได้รู้ที’

เนื้อหาในรูปมาจากทวิตผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นรูปของผมกับน้องภีมตอนที่อยู่ในห้าง
หืม ถ่ายมุมนี้เหมือนกำลังจะจูบกันเลยว่ะ รู้เลยว่าใครเป็นคนปล่อยรูป คงจะเป็นน้องสองคนที่แอบเดินตามผมมาตั้งแต่ห้างประตูทางเข้าห้างนั่นแหละ
บนรูปมีแคปชั่นว่า ‘น่ารักมากเลยค่ะคู่นี้ ดูลักษณะแล้วน่าจะคบกันมานานแล้วนะคะ พอดีอีฉันไปเจอผัวเมียคู่นี้เดินซื้อของกันในห้างค่ะ เลยแอบตามไปดู อู้หู สวีตกันไม่อายฟ้าอายดินเลย พี่ตัวสูงแลดูหวงเมียจนอีฉันอิจฉามากเวอร์ มีการโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ แถมยังดูแลเมียอย่างดี ช่วยถือของที่ซื้อทั้งหมดเอง น่ารักอะไรขนาดนี้ ปล.ในรูปเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ #คู่เกย์ #คู่เกย์หล่อบอกต่อชะนีด้วย #แนะนำคู่เกย์ให้โลกรู้’
ผมนี่กุมขมับเลย ตอนแรกก็เห็นน้องเขาจิ้นแล้วดูเหมือนไอ้เด็กภีมมันจะไม่ชอบ เลยอยากแกล้งมันสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าสองสาวนั่นจะมโนได้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้
น้องครับ พี่ไม่ได้ช่วยมันถือของครับ

อยากจะเม้นตอบน้องพันอะไรนั้นไปว่า ‘ไม่ใช่ครับ เข้าใจผิดแล้ว’ แต่ต้องปล่อยไว้ ขืนไปแก้ข่าวม๊ากับป๊ามาเห็นจะลำบากกับผมภายหลัง
ปล่อยไว้แบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว ถ้าม๊ามาเห็นจะได้รู้ว่าผมกับมันรักกันดี

ผมปิดมือถือ ก่อนจะไปปิดไฟเตรียมนอนหลับ
พอหัวถึงหมอนผมก็หลับไปทันที

---------------------------------------------------------------------------------------
ครืด ~ ครึด ~

ใครมันโทรมารบกวนเวลานอนวะ
ผมตื่นมางัวเงีย เอามือขยี้ตา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู
หน้าจอปรากฎเบอร์ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำเอาผมใจสั่น
 ‘ม่านฟ้า’
ผมรีบกดรับ ก่อนจะได้ยินเสียงหวานๆที่เป็นดังดวงใจของผม
[เนล]
“ครับ ฟ้ามีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงโทรมาหาผม..” ผมกรอกเสียงใส่มือถือไป
[ฟ้าต้องมีธุระด้วยหรือไง ถึงจะโทรหาเนลได้]
“เปล่าครับ ฟ้าโทรหาผมได้เสมอถ้าฟ้าต้องการ แต่ที่ผมถามไปอย่างนั้น แค่แปลกใจที่จู่ๆฟ้าก็โทรมาหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายวัน…”
[ฟ้าขอโทษนะเนล สำหรับเรื่องวันนั้น..]เธอพูดเสียงอ่อน
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า ผมไม่เป็นไร”
[ตอนนี้...เอ่อ...เนลมีคนใหม่แล้วสินะ]
“ผมยังไม่มีสักหน่อย” เธอไปเอาอะไรมาพูดว่าผมมีคนใหม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา หัวใจผมก็รับเธอเข้ามาแค่คนเดียว ยังไม่คิดจะรับคนอื่นมาแทนที่เธอเลย
[แล้วกับเด็กนั่นล่ะ ข่าวเนลกับเด็กคณะฟ้าดังไปทัวโซเซียลเลยนะ] อ๋อ ข่าวลือไร้สาระนั่นน่ะนะ ฟ้าเชื่อไปได้ยังไง
“กับเด็กนั่นผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แค่แกล้งขำๆเท่านั้น” ผมรีบอธิบายให้เธอฟัง ก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกวานี้
[จริงเหรอ ฟ้านึกว่าเนลจะเป็นเกย์ไปซะแล้ว]
“55555 ตลกแล้วฟ้า ผมจะเป็นได้ไงล่ะ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่”
[ได้ยินแบบนี้ฟ้าค่อยสบายใจหน่อย]
“ที่ฟ้าโทรมาหาผมเพราะฟ้ากังวลเรื่องนี้เหรอครับ”
[อืม...]
“ฟ้าเลิกคิดมากเรื่องนี้ได้เลย มันไม่มีอะไร”
[แต่ฟ้าก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี เรื่องที่ฟ้าได้รับรู้วันนี้ มันทำให้ฟ้าคิดอะไรบางอย่างได้]
“…”
[เนล เอ่อ…] เธออ้ำอึงไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา [ยังรักฟ้าอยู่หรือเปล่า]
“รักสิ”
[แล้วเรื่องที่เนลขอฟ้าคบวันนั้น จะสายเกินไปหรือเปล่า ถ้าฟ้าจะตอบตกลง]
“จริงเหรอฟ้า หูผมไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม”
[อืม…แต่เนลต้องพิสูจน์ให้ฟ้าเห็นก่อนนะ ว่าเนลรักฟ้าคนเดียวจริงๆ]
“ฟ้าจะให้ผมพิสูจน์ยังไง”
[ทำให้เด็กนั่นหลงรักเนล แล้วทิ้งเพื่อฟ้าหน่อย]
“ห๊ะ” ผมอุทานออกมา เพื่ออะไรวะ ให้ผมทิ้งเด็กภีมเพื่อไปหาฟ้ายังพอสมเหตุสมผลมากกว่า ทำให้รักแล้วทิ้งเลย
[ทำได้ไหมเนล] ม่านฟ้าถามย้ำ
“มันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ทำไมต้องทำให้เด็กภีมมันมารักผมด้วยล่ะ”
[ทำเพื่อฟ้า พิสูจน์ให้ฟ้าเห็นว่าเนลรักฟ้าจริงๆ จะทำหรือไม่ทำก็ได้มันก็แล้วแต่เนล แต่ถ้าเนลไม่ทำฟ้าก็คงคบกับเนลไม่ได้ เพราะเนลไม่สามารถทำให้ฟ้าเชื่อได้ว่าเนลรักฟ้าจริงๆ]
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอออกไป เพราะผมไม่เข้าใจว่าเธอจะให้ผมทำแบบนั้นไปเพืออะไร
เธอเห็นผมเงียบไป จึงพูดออมาอีกครั้ง
[เนลไม่อยากคบกับฟ้าแล้วเหรอ] อยากคบสิ อยากคบมากๆ ผมรอมา 3 ปีแล้วนะ
“อยากสิครับ ไม่ว่าฟ้าจะถามคำนี้อีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า ผมก็ยืนยันคำเดียว ว่าผมยังอยากคบกับฟ้าอยู่”
[งั้นก็ทำเพื่อฟ้าหน่อย ถึงตอนนั้นแล้ว ฟ้าจะยอมคบกับเนล และจะมีแค่เนลคนเดียว ดีไหมคนดี]
“…”
[นะคะเนล]
“ครับ ถ้ามันทำให้เราได้คบกัน ผมจะยอมทำเพื่อเด็กดีของผม”
[น่ารักที่สุดเลย ฟ้ารักเนลนะ] เธอพูดคำที่ผมอยากฟังที่สุดออกมา มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะความรู้สึกขอการถูกคนที่รักบอกรัก
“ผมก็รักฟ้า”ผมเอ่ยบอกความรู้สึกกับเธอไป

ผมยอมทำ เพราะรักฟ้ามาก และอยากได้ฟ้ามาเป็นแฟนตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าอะไรที่ยอมทำแล้วฟ้ายอมมาคบกับผม ก็ยอมทำทั้งนั้น
ยังไงผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชายอยู่แล้ว ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
ถ้าจะต้องทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเสียใจ เพื่อแลกกับผู้หญิงที่เฝ้ารอมา 3 ปีเต็ม
ผมว่ามันก็คุ้มอยู่นะ
แต่ผมจะไม่ทิ้งมันง่ายๆหรอก จนกว่ามันจะพิสูจน์ตัวเองกับม๊าได้สำเร็จ
ถ้าหลุดพ้นจากม๊าเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นผมจะทิ้งมันอย่างไม่ลังเลเลย


พอวางสายม่านฟ้าไป ผมก็คิดไม่ตกจนนอนไม่หลับ
ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกหนักใจขึ้นมาได้วะ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะตัดสินใจทำได้อย่างไม่ต้องคิดเลยแท้ๆ
เพราะความผูกพันธ์หรืออะไร ที่ทำให้ผมหนักใจที่จะทำกับน้องภีมกันแน่
แต่มันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นแหละ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ
ผมรีบสบัดความรู้สึกนี้ออกไปจากหัว
ไม่อยากคิดให้ปวดหัวจนนอนไม่หลับ จึงเดินไปเคาะห้องไอ้ลูกหมา เพื่อขอให้มันไปหาอะไรอุ่นๆให้ผมกินหน่อย
ตอนแรกมันก็บ่นบ้าง แต่ก็ยอมเอานมขึ้นมาให้ผมดืมอย่างว่าง่าย
แต่พอดืมแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี เลยไปเคาะห้องน้องมันอีกครั้ง ขอให้มันลงไปดูทีวีเป็นเพื่อนหน่อย
เวลาเหงาๆแบบนี้นั่งดูทีวีคนเดียวยิ่งรู้สึกเหงา ต้องหาเพื่อนไปดูด้วย น้องมันก็ยอมลงมาดูเป็นเพื่อนผมอย่างจำใจ ดูได้สักพักผมก็เผลอหลับไป โชคดีที่น้องมันปลุก ผมก็ขึ้นมานอนในห้องโดยดี แต่พอถึงห้องก็ตื่นเต็มตา
นอนไม่หลับอีกแล้ว เลยเดินไปเคาะห้องน้องมันอีกครั้ง แต่ดูเหมือน้องมันจะรำคาญผมไม่ใช่น้อย เลยพูดออกมาว่าให้เอามันไปนอนด้วยเลยไหม ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดีไม่ใช่น้อย จึงให้มันมานอนเป็นเพื่อน
มันบอกกับผมว่า มีวิธีที่จะทำให้ผมนอนหลับได้ ผมก็นึกว่าวิธีอะไร ที่แท้ก็วิธีฉบับลูกหมาของมันนั่นแหละ
มันเอามือมาลูบหัวผมไปมา จนผมรู้สึกเคลิ้มไปกับสำผัสมันไม่ใช่น้อย แต่ก็อดขำกับวิธีการของมันไม่ไหว ทำอย่างกับผมเป็นเด็กๆไปได้
“ยิ้มอะไร” มันถามผมออกมา กูไม่ได้ยิ้มกูกลั้นขำ
“ปัญญาอ่อนวะ” ผมตอบพลางหัวเราะไปพลาง
“เมื่อก่อนแม่ผมเคยทำแบบนี้กับผมตอนที่ผมนอนไม่หลับ”
“มึงเลยมาทำกับกู? มาเป็นแม่กูตั้งแต่ตอนไหน”
“ก็มันเคลิ้มดี หรือพี่ไม่เคลิ้ม?”
“อืม...เคลิ้ม” ผมตอบมันไป ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดี ผมก็ยอมให้มันลูบหัวไป
สายตาก็มองสำรวจมันไปด้วย แม่ง น่ารัก ทำไมถึงรู้สึกว่ามันน่ารักขึ้นวะ
น่ากลัวว่ะ คิดอะไรของกูเนี่ย

มันลูบหัวผมจนเผลอหลับไปเอง
ผมก็ลงไปอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงแทน
นั่งมองมันหลับพริ้ม ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว
แล้วอดยิ้มขำไม่ได้
"ตอนแรกกูต้องการแค่ อยากให้แม่กูยกเลิกการแต่งงานของกูกับพิมเท่านั้น เลยจ้างมึงมา"
"แต่ตอนนี้..."
"กูอยากได้เงินล้านหนึ่งจากมึงมากกว่าวะ"
"ถ้าใครตกหลุมรักก่อน เท่ากับคนนั้นแพ้ใช่ไหมล่ะ"
"ซึ่งกูก็ไม่ได้อยากแพ้ด้วย"
"งั้นก็คงต้องขอ ให้มึงเป็นฝ่ายแพ้แล้วล่ะ"
"กูอยากเห็น...ว่าคนอย่างมึง เวลาต้องมาตกหลุมรักกูจะเป็นยังไง"
"กูต้องขอโทษไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะ..."
"ถ้าหากทำมึงเสียใจ"
“ที่โดนกูหักอก”
คงมีแต่เหตุผลนี้ล่ะมั้งที่ความผิดทั้งหมดจะมาลงที่ตัวผมแค่คนเดียว
จะโกรธ หรือจะเกลียดกูก็ตามใจมึง
แต่ตอนนี้...ต้องหาทางให้มันตกหลุมรักผมก่อนให้ได้

ทำสำเร็จเมื่อไหร่

ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเมีย เสียแค่มัน

ไม่สิ บ้านอีกหลัง แต่ไม่เป็นไรหรอก ที่ซื้อบ้านหลังนี้มาก็เพราะตั้งใจหนีพิมเท่านั้นแหละ ถ้าหลุดพ้นเมื่อไหร่ บ้านหลังนี้ก็ไม่มีค่าอะไรกับผมอีก

ผมต้องคืนให้มันตามสัญญาอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: T_TARS ที่ 18-04-2018 10:07:57
มีแววเจ็บทั้งคู่ แต่อิเนลมีแววเจ็บกว่าแน่นอน
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 18-04-2018 11:44:47
อีพี่เนล โคตรเอี้ยเลย
คือแบบ จะคอยดูว่สใรจะเสียใจ
แต่ม่านฟ้า ทำเพื่อไรเนี่ย
ไม่พอใจอะไรภีม ถึงมาบอกให้เนลทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 18-04-2018 19:22:40
เพื่อนเตือนแล้วไม่เชื่อ
นายจะเจ็บเอง คอยดู
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-04-2018 22:31:04
เจ็บทุกฝ่าย เห้อ~ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 19-04-2018 00:39:17
เหอะ ไอ้เนล
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 19-04-2018 00:53:26
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-04-2018 05:38:04
เนลจะเจ็บซะเองล่ะซิ อยากให้ไรท์ลงวันและเวลาให้ด้วยเวลาอัพตอนใหม่จะได้รู้ค่ะว่าอัพ จะได้ไม่ต้องกดเข้ามาดูบ่อยค่ะว่าอัพหรือยัง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 19-04-2018 18:38:37
ผิดสัญญา
(2/2)


(กลับมาปัจุบัน)

“กูถือว่ากูเตือนมึงแล้วนะ ไอ้เนล”

“กูรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“ก็แล้วแต่มึง เบื่อพวกบูชาความรัก”ไอ้ฟิวพูดพร้อมเบะปากใส่ผม

“หึ! พวกที่ไม่เคยมีแฟนอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก”

“โอ้โห ดูถูกกู! ที่ยังไม่มีเพราะกูไม่หาเองตากหาก ถ้ากูหานะ รับลอง หาได้สวยกว่าแฟนมึงอีกไอ้เนล!” ไอ้ฟิวว่าเสียงดัง สงสัยไปพูดจี้ใจดำมันเข้า

“งั้นก็รีบหาแล้วกัน กูก็อยากเห็นหน้าแฟนมึงเหมือนกันว่าจะสวยขนาดไหน” ผมพูดเน้นย้ำคำว่าสวยตอกหน้าไอ้ฟิวไป จริงๆมันก็ไม่ได้หน้าตาแย่หรอกครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงถึงไม่ค่อยเขาหามันสักเท่าไหร่

ในกลุ่มพวกเรา ไอ้ฟิวเป็นบุคคลที่ผู้หญิงเข้าหาน้อยที่สุดแล้ว ที่เศร้าไปกว่านั้นคือผู้หญิงจำนวนน้อยนิดที่เข้าหามัน ส่วนมากจะเป็นเด็กและคนแก่ มากกว่า

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เนื้อหอมในหมู่ผู้ชายด้วยกันนะครับ ถ้าถามว่ามันหน้าหวานหรือเปล่า ผมตอบได้คำเดียวว่า ไม่

มันตัวเล็กหรือเปล่า ก็ไม่อีก

มันก็สูงตามมาตรฐานชายไทยนั่นแหละครับ

แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงมีเพศผู้เข้าหามันมากกว่าเพศแม่

มันเลยมาเกาะไอ้เมฆหน้าโหด เพื่อปกป้องตัวเอง

โคตรเศร้า เห็นแล้วอยากร้องไห้ให้กับชะตาชีวิตของมัน
“กูกลัวจะไม่สวยอย่างที่ไอ้ฟิวพูดน่ะสิ ฮ่าๆ” ไอ้แจ็คพูดเสริม

“หึ ระวังจะได้หล่อกว่าพวกกูนะ” ไอ้เมฆพูดขึ้นมาบ้าง นานๆทีมันจะพูด คงจะรู้สึกหมั่นไส้ไอ้ฟิวขึ้นมา

“รุมเข้าไป เดี๋ยวพี่จะหาเมียมาตบหน้าเรียงคนเลย” ไอ้ฟิวพูดพลางยกมือขึ้นมาทำท่าตบหน้าพวกผม

“ระวังได้ผัวมาแทนล่ะ” ผมพูดจี้มันต่อ

“ผัวพ่อง เดี๋ยวกูต่อยปากแตก”

“ยอมรับความจริงเถอะไอ้ฟิว”

“เหอะ! ถ้าอยากให้กูมีแฟนมีผู้ชายนัก งั้นกูจีบน้องภีมนะ” ไอ้ฟิวพูดทีเล่นทีจริง

“อยากตายก็ลองดิ” ผมตอบเสียงเรียบ พร้อมจ้องหน้ามันนิ่ง บ่งบอกว่าที่พูดไป ผมเอาจริง

“หวงหรือไง?”มันไม่หยุดกวนประสาทผมต่อ

“ทำไมกูต้องหวงมัน” ผมตอบมันไป ไม่มีเหตผลอะไรที่ผมต้องหวงไอ้เด็กนั่นสักหน่อย

“งั้นกูจีบ” มันทำลอยหน้าลอยตา

“...” ผมไม่ตอบอะไรไอ้ฟิวไป ได้แต่มองหน้ามันนิ่งๆ

“เห้ยๆ พอได้แล้ว อย่าไปชวนไอ้เนลทะเลาะ เดี๋ยวกูลืมเรื่องสำคัญ” ไอ้แจ็คพูดแทรกขึ้นมา

“เรื่องสำคัญอะไร” ผมถามมันออกไป

 “พวกกูจะชวนมึงไปค่าย”

“ค่ายอะไร”

“ค่ายอาสาของพี่ซัน”

“กูไม่ไป”

“ไม่ได้ มึงต้องไป”

“กูไม่ไป”

“ทำไม ขอเหตุผลที่ฟังขึ้นหน่อย”

“กูไม่มี”

“งั้นมึงต้องไป”

“บอกกูมาหน่อย ว่าค่ายมันมีดีอะไรที่กูต้องไปด้วย”

“มันเป็นค่ายอาสา ที่เราต้องไปสอนหนังสือน้องๆโรงเรียนห่างไกลความเจริญที่ขาดแคลนครู หลังจากนั้นเราก็จะมีกิจกรรมให้น้องๆเขาทำกันต่อ เป็นการผ่อนคลาย กูว่ามันน่าสนุกดีนะ คงรู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลย ที่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆพวกนั้น”

“ไม่ล่ะ ขอบคุณที่ชวน แต่กูไม่ชอบพาตัวเองไปลำบาก” ผมปฏิเสธไอ้แจ็คไป
ถ้าให้บริจาคของค่อยว่าไปอย่าง แต่จะให้พาตัวเองไปลำบากนี่ไม่ไหวจริงๆว่ะ ขอบ่ายละกัน

“โอ้โหไอ้เนล! ไปเหอะ พวกกูก็ไปกันหมด ขาดมึงแค่คนเดียวเนี่ย” ไอ้แจ็คโวยวายออกมา เมื่อผมปฏิเสธจะไม่ไปค่ายกับพวกมัน

“นานๆทีไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนบ้างเหอะ ไม่ใช่ว่าหมกมุ่นแต่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว ชีวิตไม่สดใสเลย” ไอ้ฟิวพูดออกมาด้วยความระอา

“กูไม่ได้หมกมุ่นขนาดนั้นไหม!”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงมึงก็ต้องไป”

“กูไม่ไป”

“เห้ยไอ้ฟง ไอ้เมฆ อย่ามัวแต่นั่งเงียบดิวะ ช่วยพวกกูพูดกับมันหน่อย” ไอ้แจ็คหมดปัญญา จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ฟงกับไอ้เมฆที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา

“ไม่ใช่ดวงดาวที่กำหนดชะตาชีวิตเรา แต่เป็นตัวเราตากหาก”
ไอ้ฟงพูดคำนี้ออกมา แล้วก็เงียบยาวเลย
อะไรของมันวะ ปล่อยให้งงแล้วก็จากไป

“ไปเถอะ” ไอ้เมฆพูดพร้อมหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง
รู้สึกกดดันนิดหน่อย แต่พี่สตองพอ ทำอะไรไม่ได้หรอกไอ้น้อง

“อะไรของพวกมึงวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยบังคับกูให้ไปไหน ทำไมครั้งนี้บังคับกูจังวะ แปลกๆนะพวกมึง มีแผนอะไรหรือเปล่า!”

“เปล๊า” อื้อหือ เสียงสูงสัด!

“กูไม่ไป ถึงเอาควายมาลาก กูก็ไม่ไป”

“โถ่ ไอ้เนล!!!” ไอ้ฟิวสบถออกมาด้วยความไม่พอใจนัก

Rrrrrrrrrrrrr

เสียงมือถือไอ้ฟิวดังขึ้น มันหยิบขึ้นมากดรับ พร้อมพูดกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

“ฟิวพูดครับ”

“ห๊ะ จริงดิ”

“ยอมไปแล้วเหรอ”

“ทำได้ดีมากไอ้น้อง มารับทิปที่พี่ได้เลย”

“โอเคๆ แค่นี้นะ”

มันกดวางสายไป ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผมต่อ
ถึงมึงเป่าหูกูยังไง กูก็จะยืนยันคำเดิมว่า กูไม่ไป!

“ตกลงมึงจะไม่ไปใช่ไหม ไอ้เนล”

“เอ่อ กูไม่ไป”

“ก็แล้วแต่มึง อย่าให้กูเห็นว่ามึงมาค่ายก็แล้วกัน” ไอ้ฟิวพูดขู่ ไม่มีวันว่ะ มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด้วย

“เหอะ! ถ้ามึงเห็นกูไป เชิญตะโกนใส่หน้ากูว่าควาย! ดังๆเลย”

“เอ่อ!! พวกกูจะเตรียมวอมเสียงไว้”

 
เชิญตามสบาย ระวังวอมเก้อล่ะ


-------------------------------------------------------------------------------


วันนี้ผมมีนัดกับ‘คุณแคท’สาวสวยนมโตที่ Sun Pub ตอน 3 ทุ่ม
จัดการอาบน้ำ แต่งตัว เซตผมให้เป็นทรง ส่องกระจกดูว่าหล่อหรือยัง เมื่อมั่นใจแล้วก็หยิบขวดน้ำหอมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาฉีด เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้น่าหลงไหล


วันนี้แหละ หึ หึ หึ


จะได้พาผู้หญิงมานอนด้วยสักที หลังจากที่ทนเหี่ยวเฉานอนกับไอ้ลูกหมามาหลายวันแล้ว
ลาก่อน กับการต้องมานอนกกกับผู้ชายอย่างมันสองคืนเต็ม


วันนี้แหละ ชีวิตกูจะสดใสสักที


ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว แต่ไอ้ลูกหมายังไม่กลับบ้าน สงสัยมันไปทำงานร้านพี่อ้อยนั่นแหละ อีกสักพักคงกลับมา ผมจึงไม่ได้ล็อคประตูบ้านไว้ เดี๋ยวมันเข้าบ้านไม่ได้ แล้วมาโวยวายให้ผมปวดหูเล่นอีก


ผมว่าจะเอากุญแจไปปั้มให้มันอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีเวลาไปสักที


เดี๋ยวต้องหาเวลาไปแล้วล่ะ


เปิดบ้านไว้แบบนี้แล้ว เสี่ยงต่อการโดนขโมยของมาก


ตอนนี้ก็หวังแค่ว่า มันจะรีบกลับมา...


ผมเดินไปเปิดประตูรถ พร้อมสตาร์ทเครื่อง บังคับพวงมาลัย ขับไปยัง Sun Pub ทันที


รอผมก่อนนะครับ คุณแคท


ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงที่ Sun Pub เรียบร้อย
หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ก็เปิดประตูรถ เดินลงมา เห็นคุณแคทยืนโบกมือให้ไม่ไกลจากที่จอดรถมากนัก
ผมจึงสาวเท้ารีบเดินไปหาเธอทันที


“ทำไมไม่รอในร้านล่ะครับ”ผมถามเธอออกไป ก่อนเอามือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางเอาไว้ พร้อมออกแรงดึงตัวเธอให้เข้ามาหาผม


“แหม๋ เนลก็ จะรีบไปไหนคะ” เธอพูดอย่างเขิลอาย “ก็แคทเห็นรถของเนลขับเข้ามา เลยออกมารับไงคะ ไม่ดีเหรอ”


“จำรถผมได้ด้วย น่ารักจัง”


“อะไรที่เกี่ยวกับเนลแคทจำได้หมดนั่นแหละ” เธอยิ้มหวาน


“ปากหวาน” ผมหอมแก้มเธอไปฟอดหนึ่งเป็นรางวัลที่พูดจาเข้าหู


“เนลอ่ะ แคทเขิลนะเนี่ย”


“จะเขิลทำไมครับ อีกเดี๋ยวก็ได้ทำกันมากกว่านี้แล้ว” ผมพูดเน้นย้ำชัดเจน หวังว่าเธอจะเข้าใจความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ


“รู้แล้วค่ะ ใจร้อนจริงๆนะเนี่ย”


“ก็แคทน่าเอาขนาดนี้ ใครจะทนไหวล่ะครับ” ผมพูดออกมา ก่อนจะเอามือลูบเอวบางขึ้นลงอย่างเบามือ


“ใจเย็นๆก่อนนะคะ แคทว่าเราเข้าไปดื่มก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปต่อกัน”


“ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”


พูดจบก็เดินควงแคทเข้าไปในผับ ผมเลือกชั้น 2 โซน VIP วันนี้อยากมานั่งดื่มเหล้าชิวๆมากกว่า


จึงเดินขึ้นบันไดมาอยู่ตรงชั้นสองของผับ ได้ยินเสียงเพลงบรรเลงคลอเบาๆ สบายหู ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา


ผมเลือกโต๊ะใกล้กับบันไดทางขึ้น เพราะตรงนี้จะมีกระจกใสกั้นข้างๆ ทำให้เห็นชั้นล่างชัดเจน
เป็นมุมดีสำหรับนั่งมองสาวๆที่อยู่ข้างล่างเต้นกัน


“เนลคะ สั่งเหล้าเลยไหม” คุณแคทพูดขึ้นมา พร้อมเดินมานั่งข้างๆผม


“สั่งเลยก็ได้ครับ แคทอยากกินอะไรก็สั่งเลย เดี๋ยวผมออกเอง”


“ใจดีจังเลยนะคะ ใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ยัวยวน พร้อมขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ก่อนจะเอามือเล็กมาลูบวนที่หน้าอกของผม


ให้ท่ากันขนาดนี้ อย่าหวังว่าจะรอดไปไหนได้เซียว


ผมจับตัวเธอขึ้นมานั่งค่อมตัวผมเอาไว้ ก่อนจะกดจูบไปที่ริมปีปากบางอย่างหยอกล้อ


“ก็ใจดีเฉพาะคนสวยเท่านั้นแหละครับ”


“ตอบแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้ใจดีกับแคทแค่คนเดียวสินะ” เธอทำหน้างอใส่ผม ก่อนจะลุกพรวดออกจากตักผม ไปนั่งข้างๆแทน


“งอลเหรอครับ” ผมหันไปง้อเธอ


“คิก ไม่หรอกค่ะ เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย” แคทตอบพรางหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหันไปมองใบเมนูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ


ผมส่งยิ้มให้เธอไป ก่อนจะหันไปมองพวกที่อยู่ชั้นล่างเต้นกันอย่างเมามันส์
ถ้าว่างๆก็อยากจะพาพวกไอ้ฟิวเขามาเต้นปลดปล่อยอารมณ์แบบนี้บ้าง คงจะสนุกน่าดู..


ผมนั่งมองพวกนั้นไปเรื่อยๆ จนสายตาไปสะดุดเข้ากับคนๆหนึ่ง ที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ที่นี่


ภีม!


มันใส่ชุดพนักงานของร้าน กำลังเสริฟเหล้าให้วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างล่าง
พวกนั้นมองไอ้ภีมตาเป็นมัน เหมือนเหยี่ยวที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ


บางคนก็แอบเนียนจับตูดมัน ดูเหมือนมันจะตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย หันไปมอง แต่ไอ้ห่านั่นก็ทำเนียนเป็นไม่รู้ไม่ชี้
น้องมันทำอะไรไม่ได้ เลยปล่อยให้ผ่านไป


ไอ้ห่านั่นดูเหมือนจะได้ใจที่น้องมันไม่ทำอะไร
คราวนี้เลยจับตูดน้องมันแล้วแช่มือค้างไว้


จากที่อารมณ์ดีๆเมื่อกี้ ตอนนี้เริ่มขุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


มัน..


ผิดสัญญา


รู้สึก


อยากฆ่าคนขึ้นมาเลย


พรึบ!


“เนลจะไปไหนคะ เนล!”


ผมลุกออกจากโต๊ะมาโดยไม่สนใจเสียงของแคทที่ตะโกนเรียกตามหลังมา


ตอนนี้รู้สึกหัวเสียมาก


ขอไปสะสางคดีกับไอ้ภีมก่อนก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-04-2018 20:27:39
แหม....ลากเสียงยาวยันดาวอังคาร ไม่หึงเล้ยย555
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|ตอนที่13 ผิดสัญญา(1/2)|[18/4/2018]P.42
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-04-2018 20:32:59
พี่เนลเลวมาก ม่านฟ้ามีความหลังอะไรปะเนี่ย ทำแบบนี้เพื่อ รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-04-2018 23:02:10
ตกลงใครจะรักใครก่อนละเนี๊ยะ??

เอาละสิ งานนี้ สนุกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 19-04-2018 23:08:21
แหมมมมมมมมมมมม :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 20-04-2018 00:34:57
ภีมไปค่ายสินะ
แล้วก็คงมีใครบางคนตามไปแหงๆ
อีพี่เนล เตรียมโดนเรียกว่าควายได้เลย
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 20-04-2018 10:26:30
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 20-04-2018 12:57:11
ภีม ก็คงทราบจะรู้จุดประสงค์ของเนลหรือป่าว จึงออกมาทำงานเพิ่อหาเงินใช้หนี้ให้ไวที่สุด

ส่วนเนลเอง อีกไม่นาน นายต้องเจ็บเองตามที่เพื่อนบอกแน่นอน

มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 21-04-2018 09:29:17
แหมมมม พี่จ้ะ o18 ขอ :z6: :z6: สักทีสองทีเถอะ!!!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|อัพ ตอนที่13 ผิดสัญญา(2/2)|[19/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-04-2018 15:33:16
ความคิดนี่ไม่เลวเลยเนอะเนล ทำไมถึงคิดได้เนี่ยถ้าไม่ชั่วในสันดารนี้คงคิดไม่ได้หรอก
ขอให้เจ็บหนักๆ เลยกับความคิดชั่วๆ นี่ แล้วยัยฟ้าอะไรนั่นมันต้องการอะไรกันแน่ถึงต้องให้เนลมาทำกับน้องแบบนี้
ขอบคุณไรท์นะคะ ที่ใส่วันที่ที่อัพให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่14 ช่วย|[29/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 29-04-2018 17:46:06
ตอนที่ 14 ช่วย


เสียงเพลงจังหวะหนักๆบรรเลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งผับ กลุ่มวัยรุ่นหญิงชายเต้นอย่างลืมโลก สนุกสุดเหวี่ยง บางคนก็นั่งดื่มเหล้าสนทนากับเพื่อนอยู่ที่โต๊ะ หรือที่มาคนเดียวก็จะมีพนักงานของผับคอยนั่งรินเหล้า อยู่คุยเป็นเพื่อน

 

วันนี้ผมแอบพี่เนลมาทำงานที่ผับ เพราะต้องการใช้เงินด่วน จึงเลือกมาที่นี่เพราะลูกค้าให้ทิปหนัก แค่เอาเหล้าไปเสริฟก็ได้เงินมาหลายร้อยแล้ว บางคนใจป๋าหน่อยก็ให้หลักพัน ถึงจะเหนื่อยหน่อยก็ถือว่าคุ้ม

 

ตอนนี้ก็ขออย่างเดียว...อย่าให้ผมได้เจอกับมันเลย

 

คงไม่เจอหรอกมั้ง คนอะไรจะซวยได้ขนาดนั้น

ถ้าเจอก็ไม่รู้แล้วว่าพรหมลิขิต หรือวิญญาณตามติดกันแน่

 

คนอะไรจะตามไปได้ทุกที่ขนาดนั้น

 

“ภีม” พี่พนักงานประจำเรียกผมให้หลุดออกจากภวัง

 

“ครับ?”

 

“ไปรับออเดอร์ที่โต๊ะสามให้หน่อย” พร้อมยื่นครื่องรับออเดอร์ส่งมาให้ผม

“ครับๆ” ผมรับครื่องรับออเดอร์จากมือพี่เขามาก่อนเดินตรงไปที่โต๊ะ 3 ทันที

โต๊ะนี้เป็นกลุ่มผู้ชายราวๆ 6 คนได้ ท่าทางเถื่อนใช้ได้เลย

 

“ผมมารับออเดอร์ครับ”

 

“อูยย พี่พึ่งรู้นะเนี่ย ว่าพนักงานเสริฟของที่นี่ น่ารักขนาดนี้” ไอ้ผู้ชายตัวเขือน ศักลายปอมปอมปูรินเต็มตัวพูดขึ้นมา

โอ้โห ยอมใจพี่ว่ะ หน้าเถื่อนแต่อยากแบ๊วว่างั้นเถอะ

 

เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ ใครน่ารักๆ

 

“ใครน่ารักครับ” ให้เดาก็น่าจะเป็นพี่พนักงานผู้หญิงของผับละมั้ง แต่ไม่รู้ว่าคนไหน จึงถามมันออกไป

เรื่องเป็นกามเทพสื่อรัก ไอ้ภีมถนัดนัก บอกมาเลยเดี๋ยวพี่ภีมช่วยเอง

 

“ก็น้องไง”

 

“ผม?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ตลกแล้วพี่ ผมหล่อตากหาก ฮ่าๆ”

พี่มันเล่นมุขอยู่ใช่ไหม ผมช่วยขำให้

 

“น่ารักว่ะ พี่เริ่มถูกใจน้องแล้ว ค่าตัวเราเท่าไหร่”

มันพูดเรื่องอะไรวะ ค่าตัวอะไร?

ค่าตัว? เงินเดือนหรือเปล่า?

ทำไมมันใช้คำกำกวมแบบนั้นวะ

แล้วมันจะรู้เงินเดือนของผมไปทำไม

หรือว่า!

กำลังร้อนเงินอยู่สินะ โถ่ๆ น่าสงสารว่ะ

จะบอกให้ก็ได้

 

“เดือนละ 2 หมืนครับพี่”

 

“หูว เดือนละ 2 หมื่น แบบนี้จ่ายไปแล้ว ก็’เอา’ได้ทุกวัน จนกว่าจะครบเดือนเลยใช่ปะ”

 

อันนี้กูว่าไม่ใช่ละ

 

“พี่พูดเรื่องอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ ที่บอกว่า 2 หมื่น คือเงินเดือนของผมครับ”

 

“พี่ไม่ได้อยากรู้เงินเดือนของน้องสักหน่อย พี่อยากรู้ว่าตัวน้องน่ะ ‘ขาย’เท่าไหร่”

 

อะไรวะ! พูดเหมือนกูจะมาขายตัวอย่างงั้นแหละ

 

“ผมว่าพี่กำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ ผมแค่มารับออเดอร์ตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาขายตัว ถ้าพี่ไม่สั่งอะไร งั้นผมขอไปรับออเดอร์ที่โต๊ะอื่นก่อนนะครับ”

 

“ใจเย็นๆสิครับ พี่แค่ล้อเล่นเอง” ไอ้หน้าเถื่อนสักปอมๆยื่นมือมาจับแขนผมเอาไว้ “เอ้าๆ อยากกินอะไรก็สั่งที่น้องมันสิโว้ย”

 

เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อน พวกมันก็จัดการสั่งกันแหลกเลยครับ

 

ผมกดคีย์รายการใส่เครื่องรับออเดอร์ไป เสร็จแล้วก็ทวนรายการให้พวกมัน เมื่อเห็นว่ารายการไม่มีปัญหาอะไร จึงก้าวขาเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว

 

ระหว่างรอพี่พนักงานหน้าบาร์เตรียมออเดอร์ให้พวกนั้น

 

ผมก็มารับออเดอร์โต๊ะอื่นไปก่อน รู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่ตลอดเวลา จึงหันไปดู เป็นไอ้ปอมๆนั่งแหละ จ้องผมไม่ละสายตาเลย

 

ขนลุกว่ะ

 

ทำไมถึงรู้สึกว่ามันคิดจะทะลวงตูดกูอยู่วะ

น่ากลัวฉิบหาย

 

ระหว่างคีย์ออเดอร์อยู่ สายตาก็เหลือบไปมองที่บาร์เป็นพักๆ ด้วยความลุ้นระทึก

 

สักพักพี่พนักงานบาร์ก็จัดออร์เดอร์ของไอ้ปอมๆและเดอะแก๊งใส่ถาด มาวางไว้

รอพนักงานเอาไปเสริฟ ผมที่กำลังรับออเดอร์โต๊ะอื่นอยู่ไม่ว่างไปรับ พี่ผู้หญิงคนหนึ่งจึงเอาไปเสริฟให้แทน

 

ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

รอดแล้วกู

 

เห็นอย่างนั้นผมจึงหันมาคีย์ออเดอร์ให้ลูกค้าต่อโดยไม่สนใจพวกโต๊ะ3อีก

 

คีย์จนเสร็จ ก็รับรู้ได้ถึงแรงสกิดที่หัวไหล่ จึงหันไปมอง

เป็นพี่ผู้หญิงคนนั้น เธอยื่นถาดนรกส่งมาให้ผม

 

“โต๊ะ 3 ไม่ยอมรับ เขาบอกว่าให้น้องเป็นคนเอาไปเสริฟ” เสียงยมทูตจากนรกเรียกผมให้ไปตายแล้ว

ผมจำต้องรับถาดนั้นมาอย่างจำยอม “ครับ”

 

“ฝากด้วยนะ เอ้อ! พวกนั้นเป็นลูกค้าประจำนะ บริการให้ดีๆล่ะ” พร้อมเอามือตบที่ไหล่ผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

 

อยากตาย! จะมีอะไรที่แย่กว่านี้อีกไหมวะ

 

ผมเดินไปที่โต๊ะสาม เห็นไอ้ปอมๆมันยิ้มเย้ยผมด้วย

แค้นนิดหน่อยแต่เจ็บใจมากๆ

 

จัดการเอาขวดเหล้าตั้งไว้บนโต๊ะพวกมันทีละขวดตามหน้าที่

รับรู้ได้ถึงแรงบีบที่ตูด จึงหันไปมองทางไอ้ปอมๆ

มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับว่ามันไม่ได้ทำอะไร

 

แต่ผมรู้ว่ามันแอบจับตูดผมแน่ๆ ไอ้ห่าเอ้ย! อยากต่อยหน้ามันสักหมัด แต่ทำอะไรไม่ได้

เพราะมันเป็นลูกค้า

 

ผมทำเป็นไม่สนใจมัน หันมาจัดการกับแก้วเหล้าต่อ

สักพักก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบที่ตูดอีก แต่ครั้งนี้มันแช่มือค้างไว้เลยครับ

 

“ทำอะไรวะ!” ผมรีบดึงมือมันออกจากตูดทันที

 

“ก็จับตูดไง ไม่น่าถาม”มันส่งสายตาหื่นให้ผม พร้อมยกมือขึ้นมาทำท่าขยุ้ม

 

“ฮ่าๆ” เพื่อนมันหัวเราะร่วน

 

“แล้วเป็นไงมั่งวะ”เพื่อนหน้าปลวกของมันถามขึ้น

 

“นิ่มว่ะ นิ่มจนตอนนี้น้องชายกูแข็งหมดแล้ว สงสัยต้องเปิดห้องแล้วมั้งงงง”ไอ้ปอมพูดลากเสียงยาว

 

ไอ้สัด หน้าตาน่ากลัว ก็อย่าพูดจาน่ากลัวแบบนั้นสิวะ

ได้ยินแล้วขนลุก

 

“ฮ่าๆ กูว่าแล้ว” เพื่อนของไอ้ปอมคนหนึ่งพูดพร้อมโยนกุญแจให้มัน “กูเปิดห้องให้แล้ว ตามสบายเลย เรื่อค่าตัวกูตกลงกับผู้จัดการไว้แล้ว”

 

“รู้ใจกูจริงๆว่ะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู ขอบใจมาก” ไอ้ปอมพูดพลางยักคิ้วให้ไปจึกหนึ่ง

 

ตอนนี้ผมพอจะประเมินสถานการณ์ได้แล้ว ไอ้ห่าปอมเป็นเกย์แน่ๆ เผลอๆอาจจะเป็นเกย์กันทั้งแก๊งนั่นแหละ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญตอนนี้คือมันกำลังจะพาผมขึ้นห้อง และมันกำลังจะเข้าตีกรุงเพื่อให้ผมเสียเอกราช

 

ไม่ได้การแล้ว ขอตัวหนีก่อน

 

ผมรีบก้าวขาหนีออกจากโต๊ะนั่นทันที แต่ไอ้ปอมไหวตัวทันรีบเอามือเข้ามาสอดระหว่างแขน ล็อคตัวผมเอาไว้ก่อน

“เห้ย! ปล่อย”

 

 “ใครยอมปล่อยไปง่ายๆล่ะ น่ารักขนาดนี้”

 

“ปล่อยกู!”

 

ไอ้ปอมออกแรงลากผมให้เดินตรงไปที่ลิฟต์ โดยไม่สนใจเสียงตระโกนของผมเลย

พยายามออกแรงดิ้นสุดแรงเกิด จนไอ้ปอมเริ่มอ่อนแรงลง ค่อยๆคลายมือที่ล็อคตัวผมลง

นาทีนี้แหละ ออกแรงเฮือกสุดท้ายจนมันเผลอปล่อยตัวผมออกจากการเกาะกุม

กำลังจะออกตัววิ่งสุดแรง ก็ถูกเพื่อนของไอ้ปอมสองคนที่ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ล็อคตัวเอาไว้ก่อน

 

แม่ง กัดไม่ปล่อยเลยว่ะ

 

หลังจากประตูลิฟต์เปิด พวกมันก็ลากผมเข้าไป แล้วกดเลขไปยังชั้น 3ทันที

 

 

พอลิฟต์เคลื่อนมาจนถึงชั้น 3 มันก็ลากผมเดินตรงไปที่ห้องของมัน ผมก็พยายามดิ้นสุดทาง พร้อมแหกปากโวยวายให้พวกมันหูแตกไปข้างหนึ่ง

 

แต่ก็ทำพวกมันอะไรไม่ได้

 

แกร็ก แอ๊ด

 

ไอ้ปอมไขกุญแจเข้าไป ก่อนจะสั่งให้เพื่อนมันโยนผมเข้ามาในห้อง

เพื่อนมันที่ทำหน้าที่เสร็จแล้วก็เดินออกไปโดยไม่ต้องออกปากไล่

 

มันเดินทำหน้าหื่นเข้ามาหาผมก่อนจะกระชากตัวผม แล้วเหวี่ยงลงเตียงอย่างแรง พร้อมเอาร่างควายๆของมันเข้ามาค่อมผมไว้

 

มันใช้ขาทั้งสองข้างกดทับขาของผมเอาไว้  ไม่ให้ลุกหนีไปไหน

 

 

เหี้ยแล้ว..จะต้องเป็นเมืองขึ้นของมันจริงๆเหรอวะ

กัดลิ้นตายตอนนี้ได้ไหม

 

“ปล่อยกู”

 

“...”มันไม่ตอบอะไร นอกจากใช้สายตาสำรวจร่างกายของผมอย่างหื่นกระหาย

 

“ไม่ปล่อย กูต่อย”

 

“ปากดีจัง”

 

ผัวะ

 

ผมตัดสินใจสวนหมัดใส่ไอ้ปอม จนหน้าของมันหันไปตามแรงที่ผมต่อย

 

 “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก” ไอ้ปอมหันมามองหน้าผม ก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของผมไว้เหนือศีรษะ

มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบเชือกจากลิ้นชักข้างเตียง มามัดมือทั้งสองข้างของผมให้ติดกับหัวเตียง

 ทีนี้ขยับไปไหนไม่ได้เลยครับ

 

“ปล่อย กูไม่นิยมเพศเดียวกัน”

มันแสยะยิ้ม ก่อนจะเคลื่อนมือขึ้นมาจับสันกรามผมพร้อมออกแรงบีบ จนผมรู้สึกเจ็บไปหมด

 

“หึ แล้วไง สุดท้ายมึงก็ต้องเป็นเมียกูอยู่ดี”

 

“ถ้าให้กูเป็นเมียมึง กูยอมตายดีกว่า ฆ่ากูเลยสิ ฆ่ากูเลย!” ผมตะคอกใส่หน้ามัน

 

ผัวะ

 

หมัดหนักๆกระทบเข้าสันกรามอย่างแรง รับรู้ถึงรสชาติของเลือดที่ไหลซึมผ่านกระพุ้งแก้ม

จนคาวไปทั้งปาก พร้อมเลื่อนมือขึ้นมาออกแรงบีบตรงแผลซ้ำๆเป็นการตอกย้ำแผลนั้น

จนรู้สึกปวดไปหมด

 

จากนั้นมันก็เลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของผมทีละเม็ดๆ จนถึงเม็ดสุดท้าย ก่อนจะใช้มือหยาบกระด้างลูบตั้งแต่ต้นคอ ค่อยๆไล่ลงมายังแผงอก ลูบวนอยู่ที่จุดเดิมซ้ำๆ ก่อนจะเคลื่อนมือลงมาจบที่แก่นกายของผม

 

รู้สึกขยะแขยงว่ะ

 

ผมพยายามออกแรงดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของมัน เนื้อตัวสั่นไม่หยุดเพราะความกลัว ลมหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ แทบหายใจไม่ทัน รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา จนอยากอวก

ตอนนี้ผมรู้สึกอยากหนีออกไปจากที่นี่ อยากหนีไปให้ไกล

จู่ๆก็นึกถึงคำพูดของพี่เนลขึ้นมา ถ้าหากผมไม่แอบหนีมันมาทำงานก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้

 

ปึง!

เสียงคนถีบประตูเข้ามาจนประตูกระทบกับฝาผนังอย่างแรง มันเดินตรงมากระชากไอ้ปอมออกไปจากตัวผม

แล้วเหวี่ยงไอ้ปอมลงพื้น ก่อนจะต่อยเข้าที่สันกรามหนักๆ

 

ผัวะ ผัวะ ผัวะ

 

มันกระหน่ำหมัดต่อยไอ้ปอมไม่ยั้ง เหมือนระบายความโกรธที่สุมอยู่ในอก

ต่อยขนาดนี้ เหมือนแค้นไอ้ปอมมาเกือบสองชาติได้ สงสัยไอ้ปอมไปแย่งเมียมันแน่ๆเลย

ไอ้ปอมก็พยายามเอามือขึ้นมาปัดป้องหมัดหนักๆที่รัวต่อย เผื่อความเจ็บปวดที่ได้รับมันจะลดน้อยลงบ้าง

 

 

น่ากลัวว่ะ

กูจะเก็บมึงไว้ในรายชื่อ บุคคลที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย

 

มันต่อยไอ้ปอมจนหมดสติไป ก่อนจะหันหน้ามาทางผม

 

"พี่เนล!" ผมเบิกตากว้าง เมื่อเห็นหน้าไอ้คนที่เข้ามาต่อยไอ้ปอมจนสลบไป

 

"ตกใจมากเหรอที่เห็นกู?"มันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ก่อนจะเดินตรงมาแก้เชือกให้ผมจนหลุด "มีอะไรจะอธิบายให้กูฟังไหม!"

 

“ไม่มีครับ”ผมตอบมันเสียงแผ่วเบา น่ากลัวกว่าไอ้ปอมก็พี่เนลตอนนี้เนี่แหละ

 

“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรให้กูหัวเสีย”

 

“...”

 

“มึงผิดสัญญา!”มันตะคอกใส่ผมตะคอกใส่ผมเสียงดัง ตั้งแต่รู้จักมันมาไม่เคยเห็นมันอารมณ์เสียได้ขนาดนี้เลย

รู้สึกเหมือนจะโดนเชือดยังไงก็ไม่รู้ ขอไปนอนตายเป็นเพื่อนไอ้ปอมตอนนี้ได้ไหม

 

“ผมขอโทษ...แต่ผมต้องการใช้เงินจริงๆ”

 

“หึ! หิวเงินขนาดที่ต้องเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอ?”

 

“ผมเปล่า ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้” แค่คิดว่ามารับออเดอร์ กับเสริฟเหล้าแค่นั้น ไม่คิดว่าต้องมาบริการลูกค้าหลังเสริฟด้วย

 

“เรื่องแบบนี้มันเกิดเป็นปกติอยู่แล้ว สำหรับพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่”

 

“พี่หมายความว่าไง?”

 

“ไม่รู้หรือไง ว่าพนักงานที่นี่เขาขายตัวกัน ไอ้โง่!” มันตะคอกใส่ผม

แล้วจะรู้ไหมละวะ ว่าเขาขายตัวกันน่ะ ทำไมมึงไม่บอกกูละวะ หืมม!! ควันออกหูเลย ผมทนไม่ไหวจึงตะคอกใส่มันกลับบ้าง



“แล้วใครมันจะไปรู้ละวะ ตอนมาสมัครงานพี่เขาก็ไม่ได้บอกสักหน่อย!”



“แล้วเขาจะบอกมึงทำซากอะไรวะ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น”

ใครๆที่มึงพูดถึงคือคนที่อยู่ในวงการเดียวกับมึงหรือเปล่าพี่เนล ?



“แต่ผมไม่รู้!”



“แล้วทำไมไม่หาข้อมูลละวะ!!”



“โอ้ย! แล้วพี่จะมาหัวเสียใส่ผมทำไมล่ะ ผมจะขายหรือไม่ขายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยวะ!”



“เกี่ยวสิวะ!!!”



“...” ผมมองมันนิ่งเพือรอฟังมันพูดต่อ



“เอ่อ...ก็ตอนนี้มึงเป็นแฟนกูอยู่ไง” เสียงมันอ่อนลงทันที 





“...”



“ถ้ามึงไม่ได้เป็นแฟนกู จะไปขายตัวที่ไหนกูก็ไม่สนใจหรอก!”



“...”



“กะ..กู..ไม่ได้เป็นห่วงมึงนะ กูห่วงตัวเองตากหาก อย่าคิดไปไกล”



“ก็ยังไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”



“แม่กูสายเยอะ ถ้าท่านสืบได้ว่ากูเอาเด็กขายบริการมาเป็นแฟน ไม่คิดหน่อยหรือไงว่าชีวิตกูจะเป็นยังไง...โดนจับแต่งงานกับยัยพิมโดยไม่ต้องคิดแน่ๆ”



“...”



“เพราะงี้ไง กูถึงไม่อยากให้มึงมาทำงาน”



นั่นสิ ผมมัวแต่คิดเรื่องของตัวเอง จนลืมคิดเรื่องผลกระทบที่จะเกิดกับพี่เนลไปเลย

ผมคงเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆสินะ



“ผมขอโทษนะครับ” ผมเอ่ยปากขอโทษพี่เนลไป ด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ ทั้งๆที่เอ่ยปากว่าจะช่วยมันแท้ๆ แต่กลับมาทำตัวแบบนี้ให้แผนล่มเอง

ถ้าแม่พี่เนลมาเห็นเข้า อาจจะจับพี่เนลแต่งงานทันทีก็ได้



“อืม..คิดได้ก็ดีแล้ว” มันพูดก่อนจะยกตัวผมขึ้นอุ้ม



เดี๋ยวนะ!



“พี่เนล ผมเดินเอง”



“ไม่”



“ปล่อย!”



“กูยังโกรธมึงอยู่นะ เรื่องที่แอบหนีกูมาทำงาน”



“แล้วมันเกี่ยวอะไรที่พี่ต้องมาอุ้มผมด้วยล่ะ”



“หึ พวกแร้งกาข้างนอกจะได้รู้ไง”



“รู้อะไร”



“รู้ว่ามึงมีผัวแล้ว”



“พ่อง ตรรกะอะไรของพี่เนี่ย”



“กูไม่ชอบให้ใครมาแย่งของๆกู อยู่เฉยๆไปเลยมึง ถ้าไม่อยากนอนตายเป็นเพื่อนไอ้ห่านี่” พี่เนลพูดก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้ปอมที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น

 

อื้อหือ! ยอมๆให้มันไปแล้วกัน ยังไม่อยากเป็นศพตอนนี้



มันอุ้มผมเดินออกมาโดยมีสายตานับพันคู่จ้องมองเราตลอดทาง รู้สึกอาย อายมากๆ ส่วนไอ้คนที่อุ้มผมก็ทำหน้าตาย ไม่สนฟ้าไม่สนดิน ใครจะมองอะไรก็ช่าง กูไม่สน กูไม่แคร์



หน้ามึงจะด้านไปไหนวะ

 

มันอุ้มผมมาจนถึงรถ ก่อนจะเปิดประตูเอาผมเข้าไปนั่งข้างๆฝั่งคนขับ ส่วนมันก็เดินอ้อมหน้ารถไปเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกไปทันที

 

มันกดเปิดเพลงคลอเบาๆทำลายความเงียบ ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างเงียบ

ผมจึงตัดสินใจถามคำถามที่ผมสงสัยกับมันไป

 

"พี่...รู้ได้ไงว่าผมอยู่ห้องนั้น"

 

"หือ?”มันหันมาเลิกคิ้ว ก่อนจะทำหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะถาม

 

 

“อ๋อ เห็นมึงกำลังเสริฟเหล้าอยู่ข้างล่าง เลยเดินลงมา กะจะมาทักทายสักหน่อยให้คนตกใจเล่น แต่พอมาถึงก็เห็นมึงโดนฉุดกระชากลากถูกไปที่ลิฟต์ กำลังวิ่งตามไป ลิฟต์ก็ปิดก่อน เลยไปใช้ทางบันไดแทน พอขึ้นมา ก็ไม่รู้อีกว่าอยู่ห้องไหน เลยไปไล่เคาะทีละห้อง จนมาถึงห้องที่มึงอยู่นั่นแหละ" ถีบโคมจนประตูแทบหลุดติดมากับตีนมึงมา นั่นเรียกว่าเคาะใช่ไหมพี่เนล

 

แต่..มันบอกเห็นผมกับไอ้ปอมอยู่ข้างล่าง แสดงว่ามันมาเที่ยวผับ และน่าจะมองมาจากชั้นสองโซนวีไอพี มันแอบตามผมมา หรือเป็นเรื่องบังเอินกันแน่วะ

 

"พี่แอบตามผมมาเหรอ"



"กูจะตามมึงมาให้เสียเวลากูทำไม"



"แล้วพี่มาผับได้ไง"



"กูก็มาเที่ยวของกูไง"



"บังเอิญสินะ"



"เอ่อ บังเอิญมากๆ" มันเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมา



"บังเอิญที่เห็นเมียกำลังยืนอ่อยผู้ชายอยู่"



"ผมไม่ได้อ่อยมันสักหน่อย!"



"เป็นเมียกูหรือไงถึงร้อนตัว” มันยกยิ้ม “ยอมรับแล้วสินะ"



"..."  รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมานิดๆ



สงสัยเป็นเพราะความอายแน่ๆ

ใช่ผมอาย ที่เข้าใจผิด

ผมจะไปเขิลผู้ชายด้วยกันทำไม มันไม่มีเหตุผล

 

ผมหันไปจ้องมันโดยไม่รู้ตัว ภาพด้านข้างของมันตอนที่กำลังขับรถ สายตาจ้องมองถนน มุมปากคลี่ยิ้ม มีแสงไฟข้างทางตกกระทบหน้ามันเป็นช่วงๆ ทำให้มันดูมีเสน่ห์มากขึ้น

 

ทำไมถึงรู้สึกว่ามองมันยิ้มมุมนี้แล้วหล่อจังวะ

 

“มองกูขนาดนี้ จับกูทำผัวเลยไหม”

 

“เหอะ! ผมไม่ได้มองเพราะอยากได้พี่มาเป็นผัวสักหน่อย”

 

“อ่าว แล้วแอบมองกูทำไม ถ้าไม่อยากได้กูไปเป็นผัว”

 

“โว๊ะ! คิดไปเอง ที่ผมมอง เพราะคิดว่ามุมนี้พี่หล่อดี แค่นั้นแหละ”



“มึงชอบกูแล้วสินะ ชมกูว่าหล่อแบบนี้”



“เหอะ ผมยังชอบผู้หญิงสวยๆอยู่นะ ผมแค่อยากหล่อแบบพี่ตากหาก ผู้หญิงจะได้เข้าหาผมบ้าง ฮ่าๆ”



“จะอยากหล่อแบบกูไปทำไม เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว”



“...”



“มีแฟนหล่อก็พอ จะหล่อกว่าแฟนไปทำไม”



“แม่ง! ไม่คุยกับพี่ละ” อุส่าห์รอฟัง นึกว่าจะพูดอะไรที่มีสาระกว่านี้ซะอีก



ผมหันไปมองวิวข้างทางโดยที่ไม่คิดจะหันไปมองมันอีก วันนี้รู้สึกวิวมันน่ามองเป็นพิเศษแฮะ

ได้ยินเสียงเพลงบรรเลงคลอไปตลอดทาง มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา



ค่อยๆเอนหัวนอนกับเบาะ สายตาก็มองข้างทางไป 

 

“พี่เนล..ขอบคุณนะครับ” ผมพูดออกมาเสียงแผ่วเบา มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ

ก่อนจะพูดพึงพำออกมา “น่ารักว่ะ”

 

ผมเห็นเงามันสะท้อนกับกระจกกำลังมองมาทางผมอยู่ พี่เนลคลี่ยิ้มบางๆส่งมาให้

 

 “เจ็บไหม” พี่เนลมันเอามือมาลูบสันกรามผมที่โดนต่อยเบาๆ

 

“หึ! แค่นี้สบายมาก โอ้ย!”กำจังจะโชว์ว่าแค่นี้จิบๆทำอะไรไอ้ภีมคนนี้ไม่ได้หรอก พี่เนลมันก็เอานิ้วจิ้มเข้าตรงที่โดนต่อยอย่างแรง

 

“อวดเก่ง ดูดิหน้าบวมหมดเลย” พี่เนลจับผมหันซ้ายหันขวา ก่อนเอามือมาลูบหัวของผมเป็นการปลอบ

 

“เดี๋ยวกลับไปกูจะทำแผลให้”

 

ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมันไปหรอก นอกจากส่งยิ้มไปให้มัน

ทำไมวันนี้มันถึงได้ดูเป็นคนอบอุ่นขึ้นมาก็ไม่รู้....

 

สงสัยผีจะเข้าล่ะมั้ง

 

ตึกตัก

 

หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกเลือดตรงหัวใจสูบฉีดแรงผิดปกติ แค่เสี้ยววิเท่านั้น

ผมต้องป่วยแล้วแน่ๆ

 

ต้องหาวันไปตรวจสุขภาพแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่14 ช่วย|[29/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 29-04-2018 19:19:22
ภีมเอ้ย น่าสงสารทั้งเรื่องจะโดนปล้ำและเรื่องที่ถูกเนลทำให้รัก
ชีวิตชั่งน่าสงสารซะจริง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่14 ช่วย|[29/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-04-2018 22:02:10
ถูกปล้ำแล้วเป็นเมียไอ้คนนั้น
ยังช้ำน้อยกว่ารักอิพี่เนลซะอีก
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่14 ช่วย|[29/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 30-04-2018 00:30:00
นี่เป็นการหลอกที่เนียนมาก. สฃสารภีมนะเนี๊ยะ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่14 ช่วย|[29/4/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 30-04-2018 16:22:32
ไม่รู้ว่าอะไรจะน่าสงสารกว่ากันระหว่างโดนอิปอมข่มขืนกับโดนอิพี่เนลหลอก...
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 14-05-2018 16:50:11
ตอนที่ 15 หวั่นไหว?


“เจ็บไหม” พี่เนลเอ่ยถามผม หลังจากที่เอาผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบตรงที่โดนไอ้ปอมต่อย ซึ่งตอนนี้มันเริ่มช้ำแล้ว

 

“สบายมาก ไม่ระคายผิวผมหรอก”

 

แผลแค่นี้ผมไม่ห่วงหรอก เป็นไม่กี่วันคงหาย

ตอนนี้ห่วงอย่างอื่นมากกว่า...

ผมยังไม่ได้ทิปเลยสักบาท แถมอีกตั้งหลายวันกว่าเงินเดือนจะออก

 

เป็นแบบนี้แล้ว...ผมจะเอาเงินที่ไหนไปให้พ่อล่ะ

 

“หึ! อวดเก่งให้เสมอต้นเสมอปลายก็แล้วกัน ดูดิหน้าบวมหมดแล้วเนี่ย”

 

“ถ้ากูไปช่วยไม่ทันป่านนี้คงตกเป็นเมียไอ้ห่านั่นไปแล้วมั้ง”

 

“ห่า บอกแล้วไม่ฟัง” ปากบ่นไป มือก็ยังคบประคบเย็นให้ผมไปด้วย ทำตัวเหมือนแม่เลยว่ะ

 

พอพูดถึงแม่ ป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้างนะ จะยังสบายดีอยู่ไหม

คิดถึงเสียงท่าน อยากคุยกับท่านจัง คงต้องหาทางติดต่อไปแล้วล่ะ

 

พอนึกถึงแม่ก็หวนทำให้นึกถึงพ่อไปด้วย

ผมต้องรีบหาเงินไปให้ท่าน...

 

ตอนนี้คงเหลือแค่หนทางเดียวละมั้ง..ที่จะได้เงินมาทัน

 

“พี่เนลครับ ผมขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก่อนได้ไหม”

 

มันเลิกคิ้ว “ยังทำงานได้ไม่กี่วัน จะของเบิกเงินเดือนแล้ว?”

 

“...”ผมก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตามัน

 

“ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

“...” ไม่ได้ตอบมันไป แต่ผงกหัวเป็นการยอมรับ

 

“บอกกูได้หรือเปล่า”

 

ผมส่ายหัว

 

“เฮ้อออ” พี่เนลถอนหายใจออกมา "จะเอาเท่าไหร่ล่ะ"

 

“1 หมื่นครับ”

 

พี่เนลทำหน้าแปลกใจ คงจะสงสัยไม่ใช่น้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรเซ้าซี้ผม

 

“เออๆ เดี๋ยวกูเอาให้”

 

“ขอบคุณนะครับ”ผมส่งยิ้มให้มัน

 

“อืม”

 

ครืด ~ ครืด ~

 

เสียงโทรศัพท์พี่เนลดังขึ้น มันหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ก่อนทำหน้าตกใจ รีบกดรับสายทันที

 

“ผมขอโทษนะครับแคท พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อย เลยรีบออกมาโดยไม่ได้บอกไว้”

 

“ขอโทษจริงๆนะครับ”

 

“ไว้ผมเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษวันหลังนะครับ”

 

“ครับ แล้วเจอกัน”

 

“รักนะครับ”

 

ใช้คำว่ารักได้เรียดราดมาก หาความจริงใจในคำพูดเจอ

คนแบบนี้เชื่อเถือไม่ได้!

 

“ลืมสนิทเลยว่ะ” บ่นพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะกดวางสายไป

 

“วันนี้ไปนอนกับกูนะ”มันหันมาพูดกับผม

 

“หะ? เรื่องอะไรผมต้องไป”

 

“มึงต้องรับผิดชอบ”

 

“หือ?”

 

“ไม่ต้องมาทำหน้างง เพราะมึงคนเดียวเลย ทำให้กูไม่ได้พาคุณแคทมานอนกกที่บ้าน”

 

“?” มันพูดอะไรวะ ผมไม่เข้าใจ



“เพราะงั้น มึงต้องรับผิดชอบ โดยการมานอนให้กูกกแทนคุณแคท”

 

เจริญละ!

 

มึงไม่ได้ผู้หญิงมานอนกก แล้วเกี่ยวอะไรกับกูวะ!

 

“เห้ย ใช่เรื่อง..” กำลังจะบอกมันไปว่า ‘ใช่เรื่องอะไรของผมด้วยเล่า’ แต่มันก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

“กูหิว! เบิกเงินล่วงไปแล้ว อย่าลืมทำหน้าที่ของมึงด้วย” อ่าวเปลี่ยนเรื่องเฉย

 

“เดี๋ยว! ยังคุยเรื่องไม่กี้ไม่เคลียร์เลย”

 

“กูหิว”มันกดเสียงต่ำ พร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง อานุภาพของความโมโหหิวกำลังจะประทุในตัวมัน รอมันกินอิ่มก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน

 

“ครับ พี่จะกินอะไร”

 

“มีอะไรให้กูเลือกได้ด้วยเหรอ นอกจากไข่มึงน่ะ”

 

ดูมันพูดเข้า!

 

“พี่จะกินไข่อะไร” ผมถามมันต่อ เมนูไข่ก็มีหลายเมนู ไม่รู้หรอกว่ามันอยากกินไข่อะไร

 

“ไข่อะไรก็เอามาเถอะ ขอให้เป็นไข่มึงก็พอ”

 

“ได้ งั้นเดี๋ยวผมเอาไข่พี่ไปต้มให้นะครับ”

 

พูดเสร็จก็เดินเข้าครัวไป หยิบไข่พี่เนลที่ซื้อมาตุนไว้ในตู้เย็นออกมา

เมนูนี้ทำงานสุดแล้ว ไม่ต้องคำนวนอะไรมากมาย แค่เอาไข่ลงไปต้มในน้ำเดือด รอสักพักก็พร้อมกินแล้ว

 

ต่อมาก็หุงข้าว รอบนี้ผมเตรียมพร้อมมาก ให้ไอ้ซานศึกษาวิธีการหุงข้าวที่ชาวบ้านทั่วไปเขาทำกันมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นก็นำข้าวมาล้างน้ำให้สะอาดก่อนแล้วค่อยนำมาแช่ แต่ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น เดี๋ยวได้โดนความหิวของพี่เนลปะทุใส่ หลังจากล้างเสร็จก็นำไปใส่หม้อหุงข้าวทันที ใส่น้ำลงไป เอานิ้วชี้ลงไปวัดปริมาณน้ำว่าถึงข้อแรกของนิ้วหรือเปล่า เมื่อมั่นใจแล้วก็เสียบปลั๊ก ระหว่างรอข้าวหุง ก็เอาไข่ต้มมานั่งแกะที่โต๊ะทานข้าวไปพลาง

 

ดูเหมือนพี่เนลมันจะว่างจัด เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม พร้อมเอื้อมไปหยิบไข่ต้มที่อยู่ในถ้วยมาแกะ

ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมัน นั่งแกะเปลือกไข่ของผมไป

 

ป๊อก

 

รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ตกกระทบเข้ากับใบหน้าอย่างจัง ก้มลงไปดูเห็นเป็นเปลือกไข่ขนาดเท่าหัวแม่มืออยู่บนตักผม

 

รีบหันขวับไปทางพี่เนลทันที มันทำหน้านิ่ง สองมือกำลังบรรจงแกะเปลือกไข่อย่างตั้งใจ

มึงไม่ต้องมาทำเนียน กูรู้ว่าเป็นฝีมือมึง

ผมทำเป็นไม่สนใจ หันมาตั้งใจแกะไข่ของตัวเองต่อ

 

ป๊อก

 

คราวนี้มันเล็งที่หัวผมเลยครับ เปลือกไข่ค้างเติ่งอยู่บนหัว จนต้องเอามือหยิบออกมา

อื้อหือ แผ่นใหญ่กว่าเมื่อกี้อีก ขนาดเท่าหัวแม่มือสองอันประกบกันได้ มึงก็สามารถเนาะ

 

หันไปมองตัวต้นเหตุก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

“พี่เนล! ไม่ต้องมาทำเนียน ผมรู้ว่าเป็นฝีมือพี่”

 

แปะ

 

มันดีดเปลือกไข่ใส่ปากผม ตอนที่กำลังอ้าปากด่ามัน

อี๋! เข้าปากมาจะครึ่งแล้ว

ผมพ่นเปลือกไข่ออก ก่อนจะหันไปจ้องหน้าพี่เนลที่กำลังนั่งหัวเราะเยาะผมอยู่

 

มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม!

 

หยิบเศษไข่ที่แกะเสร็จขึ้นมาโยนใส่มันคืนบ้าง แต่มันเบี่ยงตัวหลบทัน ผมไม่ยอมแพ้ปาใส่มันไปอีก แต่ไม่ว่าจะปาไปกี่ครั้งมันก็หลบผมได้ทุกครั้งเลย มึงไปเรียนทักษะการหลบหลีกมาจากสำนักไหนวะ

 

 “กากว่ะ” มันหัวเราะใส่ผมร่วน “ปาแค่นี้ยังไม่โดนเลย ไปเรียนมาใหม่นะไอ้น้อง”

 

เจ็บใจ!

 

คราวนี้ผมจัดการโกยซากเปลือกไข่ที่แกะเอาไว้ขึ้นมาถือไว้แน่น หันไปจ้องหน้าพี่เนล พร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปากเหมือนที่มันชอบทำใส่ผม

 

“มึงจะทำอะไร”

 

“...” ผมลุกขึ้นยืน สองขาก้าวเข้าไปหาพี่เนล ยกมือขึ้นเตรียมเอาเปลือกไข่เล็งใส่มัน

 

จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี หน้า หัว หรือ..

 

ปาก

 

“หยุด”มันออกปากสั่ง

 

ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะเล็งเป้า เอาที่ปากเลยก็แล้วกัน ถือเป็นของว่างก่อนมื้ออาหารนะครับพี่เนล หึๆ

 ดูเหมือนมันรู้ทันว่าผมคิดจะทำอะไรอยู่  รีบคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนผมทันที

 

“มึงอย่าคิดที่จะทำอะไรโง่ๆนะไอ้ลูกหมา” พี่เนลออกแรงดึงตัวผมเข้าหามัน ก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบเอวผมเอาไว้แน่น

 

เชี่ยละ ใกล้เกินไปจนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว หน้าผมซุกกับหน้าอกของมัน จนได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวของพี่เนลชัดเจน

 

พยายามสบัดให้หลุดจากการอ้อมกอดของมัน แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามมันก็ยิ่งได้ใจ กอดแน่นกว่าเดิมอีก

 

“พี่เนล ปล่อยผม”

 

“ถ้าปล่อย มึงก็จับเปลือกไข่ยัดปากกูดิ”

 

“ปล่อย” ผมว่าเสียงเข้ม พร้อมทำหน้าโหดเรียนแบบพี่เมฆมัน

 

ก็เห็นพี่แกสั่งอะไรมันก็ฟังหมด คงจะกลัวหน้าตาโหดๆนิ่งๆแบบนี้ละมั้ง มึงลองมาเจอเวอร์ชั่นไอ้ภีมหน่อยเป็นไง

 

อ่าว นิ่ง

 

 “พี่เนล”

 

“ว่าไงครับคนดี”

 

“คนดีพ่อง ปล่อย!”

 

มันยักคิ้วให้ผมสองจึก พร้อมส่งยิ้มยียวนกวนประสาทไปด้วย

 

กวนตีนแล้วไง

 

ไม่อยากพูดให้เสียเวลา ขอดีๆคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ มันต้องใช้กำลังกันสักหน่อยแล้ว

 

ผมเหยียบเท้าพี่เนลสุดแรงจนมันร้องโอ้ย ก่อนจะยอมปล่อยผมให้หลุดการจากการกอบกุมมัน กำลังจะถอยหลังหนี มันก็เอาเท้าอีกข้างมาขัดขาผมเอาไว้ จนเสียหลัก สองมือรีบคว้าแขนมันเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม แต่ดูเหมือนมันจะทรงตัวไม่อยู่เหมือนกัน จึงล้มลงไปทั้งคู่

 

ตุบ!

 

ผมล้มลงไปกับพื้นก่อนที่พี่เนลมันจะล้มลงมาทับอีกที ตอนนี้เราอยู่ในสภาพที่....ผมนอนแผ่อยู่ข้างล่างโดยมีไอ้พี่เนลค่อมเอาไว้ข้างบน เป็นอะไรที่เหี้ยมาก

 

“พี่เนล ลุกออกไปจากตัวผมได้แล้ว” มันมองผมนิ่ง ไม่ยอมลุกไปไหน จนผมต้องออกปากบอกมันให้ลุกออกไปจากตัวผมสักที

 

มันไม่ตอบอะไร สายตายังคงมองผมอยู่อย่างนั้น วูบหนึ่งที่ผมเผลอไปสบตากับมันตรงๆ ก็รู้สึกได้ว่าแววตาที่มันส่งมาสามารถทำให้ลุ่มหลงได้เหมือนกัน

 

เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกใจไม่ดี จึงรีบดันตัวมันออกไปให้ห่างจากตัวผมทันที แต่ก็ไม่เป็นผล

 

มันค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาใกล้ผมเรื่อยๆ

 

“พี่เนล จะทำอะไร”

 

“อย่า”ผมร้องห้ามมันเอาไว้ เมื่อเห็นว่าริมฝีปากมันเริ่มเคลื่อนลงมาใกล้กับริมฝีปากของผมแล้ว

 

ผมหลับตาปี๋ รีบเอาหลังมือขึ้นมาปิดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ามันเลย

 

หัวใจรัวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะอยู่ในอก หน้าก็เริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ

 

นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ

 

รับรู้ถึงอะไรบางอยู่ที่เกิดขึ้น จึงลืมตาขึ้นมาดู ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยตวามตกใจ เมื่อเห็นพี่เนลกำลังก้มลงมากินไข่ที่ผมถือเอาไว้อยู่ในมือ

 

ก็มือข้างที่ผมเอามาปิดปากเอาไว้ในแหละ!

 

ลืมสนิทเลยว่าถือไข่เอาไว้

 

พี่เนลกินไข่ในมือของผมจนหมด มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาผม ลิ้นก็เลียริมฝีปากของตัวเองไปด้วย

ก่อนก้มลงมาจูบมือของผมข้างที่ปิดปากเอาไว้

 

ผมตกใจจนตัวแข็งทื่อไปหมด  สมองประมวลผลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน คิดอะไรไม่ออก ได้แต่นอนนิ่งให้พี่เนลจูบอยู่อย่างนั้น

 

ตึก ตัก

 

รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเสียงหัวใจมันก็เต้นแรงเหมือนกัน

 

พี่เนลดูเหมือนจะรู้สึกตัว รีบลุกพรวดออกไปจากผมทันที สีหน้ามันดูตกใจไม่น้อย

 

มึงไม่ต้องมาเล่นใหญ่เลย คนที่ควรตกใจควรเป็นกูมากกว่าไหม!

 

อ๊ะ!

 

“พี่เนลครับ ไม่สบายหรือเปล่า”

 

“หือ?”

 

“ทำไม..หน้าแดง”

 

ผมยื่นมือไปทาบหน้าผากมัน ตั้งจะใจวัดอุณหภูมิไข้ให้

 

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!” มันปัดมือผมออก ก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องครัวทันที

 

“พี่เนล ผมว่ากินยาเผื่อไว้ก็ดีนะครับ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา”ผมตระโกนไล่หลังมันไป

 

ว่าแต่ มันจะกินข้าวอยู่ไหมเนี่ย!

 

ยังไงมันก็ต้องกิน



เพราะมันต้องกินยาหลังอาหารอีก


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก็อก ก็อก ก็อก

 

“พี่เนล ข้าวหุงเสร็จแล้วนะครับ” ผมตะโกนเรียกมันอยู่หน้าห้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากมัน

ได้ยินเพียงเสียงน้ำฝักบัวที่เปิดอยู่ในห้องน้ำเท่านั้นที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันกำลังอาบน้ำอยู่

 

“เอ่อ..ผมเอาไว้บนโต๊ะ ถ้าพี่หิวก็ลงไปกินเองนะครับ” บอกก่อนจะหันหลังเดินออกมาโดยไม่สนใจมันอีก

 

ถ้าหิวก็คงลงไปกินเองแหละ

 

ผมรีบเดินจ้ำอ้าวกลับเข้าห้องของตัวเอง ก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงราวตากผ้ามาถือไว้ แล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

 

ขออาบน้ำชำระร่างกายหน่อยก็แล้วกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

 

ซ่าส์

 

หยดน้ำจากฝักบัวไหลไปตามร่างกาย ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว ผมหยิบครีมอาบน้ำมาบีบใส่มือ พร้อมถูให้เกิดฟองทั่วร่างกาย ก่อนจะปล่อยให้น้ำที่เปิดอยู่ ชำระฟองสบู่ที่ติดตามร่างกายออกไป

 

ในหัวก็คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ไปด้วย ผมรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ

 

พี่เนลทำตัวแปลกๆไป เหมือนพยายามจะทำอะไรสักอย่าง...ที่ไม่ดีต่อ(ใจ)ผมแน่ๆ

จู่ๆก็เข้ามาหยอด ทำตัวอ่อนโยน แถมเหมือนจะรุกผมหนักขึ้นทุกวัน ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงคิดว่ามันกำลังอ่อยผมอยู่

 

แต่ผมดันเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นไอ้ภีมคนนี้อีก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะชอบ

แล้วมันจะพยายามทำให้ผมใจสั่นไปเพื่ออะไร..

 

เงิน 1 ล้านเหรอ หรือแค่อยากแกล้งผมกันแน่

ไม่ว่าอันไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ

 

แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย...ว่ารู้สึกดีกับมัน เรื่องที่มันเข้ามาช่วยผมให้หลุดพ้นจากไอ้ปอม

 

ผมเอามือขึ้นมาลูบที่อกด้านซ้ายของตัวเอง ที่มันเต้นตุบตับกับพี่เนลถึงสองหน

 ทำไมถึงใจเต้นได้วะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ

 

มันเป็นสัญญาณอันตราย

 

ผมกำลังก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับคำว่า’แพ้’ ก้าวหนึ่งแล้ว...

 

ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมจะแพ้ให้มันไม่ได้เด็ดขาด เงินหนึ่งล้านไม่ใช่น้อยๆ

จะไปหาที่ไหนให้มัน คงได้เป็นหนี้พี่เนลตลอดชีวิตแน่ๆ

 

ผมปิดน้ำฝักบัว แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนเอาไว้มาเช็ดตัวก่อนจะเอามาพันไว้ที่เอวไว้ แล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำมา

 

ก็อก ก็อก ก็อก

 

“ลูกหมา นอนหรือยัง”

 

“ยังครับ พี่เนลมีอะไรหรือเปล่า”

 

“เปิดประตูให้หน่อย กูมีเรื่องจะคุยด้วย” พี่เนลพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่ใช่น้อย

เอ่อ...เอาไงดีวะ

จะแต่งตัวก่อน หรือจะออกไปทั้งสภาพแบบนี้เลยดี..

 

“ด่วน!” ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ พี่เนลมันก็เร่งผมแล้ว จึงตัดสินใจไปเปิดประตูทั้งสภาพแบบนี้แหละ

ถึงเวลาอวดกล้ามหน้าท้องที่มีน้อยนิดแล้ว

 

แอ๊ดดด

 

“พี่เนลมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ?” ผมเลิกคิ้วถามมันออกไป

 

“เอ่อ...” มันใช้สายตาไล่กวาดมองไปทั่วร่างกายของผม หึ! อึ้งละสิมึง เห็นแบบนี้พี่ก็มีกล้ามนะไอ้น้อง ถึงแม้จะนิดเดียวก็เถอะ แต่ก็ถือว่ามี

 

“พี่จะมองหัวนมผมอีกนานไหม มีอะไรก็รีบๆพูดมาสิครับ ผมจะได้ไปแต่งตัว” ผมตัดสินใจพูดออกไป เมื่อเห็นไอ้พี่เนลมันไล่สายตามาหยุดที่หัวนมของผมอยู่สักพัก ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่มาโดนจ้องแบบนี้ก็อายเป็นเหมือนกันนะโว้ย

 

“อืม”มันครางออกมา ก่อนจะพูดต่อ “มึงเคยลองกับผู้ชายปะ”

 

“ไม่”

 

“มาลองกับกูไหม”

 

“พ่อง!”

 

“มองมาสองครั้งแล้ว รู้สึกครั้งนี้มึงเซ็กซี่ขึ้นนะ” มันไม่พูดเปล่าเอามือขึ้นมาลูบที่หัวนมผมเบาๆ จนรู้สึกขนลุกไปหมด ผมรีบปัดมือมันออกก่อนจะโวยใส่มัน

 

“ถ้าพี่จะมาเคาะห้องผม เพื่อทำหื่นใส่ผมแค่นี้ งั้นขอตัวนะครับ” กำลังจะปิดประตูใส่หน้ามัน แต่พี่เนลไวกว่า รีบจับแขนผมเอาไว้ก่อน

 

“เดี๋ยวดิ! อย่าพึ่งปิดประตู กูแค่ล้อเล่นเองทำเป็นจริงจังไปได้นะมึง กูยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญเลย”

ผมมองหน้ามัน พร้อมขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ย“พี่มีเรื่องอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะครับ” มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็พยายามแกะมือมันที่จับแขนผมออก

 

“เอ่อ...เรื่องที่จูบมึงน่ะ กูจะมาบอกมึงว่า กูไม่ได้ตั้งใจ”

อ๋อ เรื่องที่มันก้มลงมาจูบมือผม ตอนเอาขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อกี้สินะ

 

“ดันเห็นเป็นม่านฟ้าไปได้ เลยเผลอไป สงสัยจะคิดถึงมากจนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว” มันพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ผมก็ได้ยินชัดเจนเลย

 

“ครับ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว” ผมส่งยิ้มให้มันไป

 

ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองฝืนยิ้มอยู่ก็ตาม

 

“อืม ดีแล้วล่ะ” มันทำหน้าเย็นชาใส่ผม ก่อนจะเดินกลับห้องมันไป “คืนนี้ไม่ต้องมานอนกับกูแล้วนะ” มันพูดกับผมโดยที่ไม่หันหน้ามามองผมเลย สายตาผมมองตามแผ่นหลังของพี่เนลไปจนสุด เห็นมันเดินเข้าห้องไป ผมก็เปิดประตูห้องของตัวเองทันที ก่อนจะเอาหลังพิงกับประตูไว้

 

พี่คงจะรักพี่ม่านฟ้าจริงๆสินะครับ...

 

ถึงจะดูเหมือนรักใครไม่เป็น ไม่คิดจริงจังกับใคร แต่ผมคิดว่าพี่ม่านฟ้าน่าจะเป็นคนเดียวที่พี่เนลมันให้ความสำคัญอยู่เสมอ..

 

พี่ม่านฟ้า..ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-05-2018 18:23:15
อิพี่เนลมันชั่ว ต้องโดนน้องสั่งสอน อิอิ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 14-05-2018 19:29:32
ภีมเอ้ยยยยยยยย
ชีวิตจะหดหู่อะไรไปซะทุกเรื่องเช่นนี้
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 14-05-2018 22:52:05
เจ็บด้วยกันทั้งคู่ :sad4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 14-05-2018 23:39:52
มีแววมาม่าหนักหน่วง,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 14-05-2018 23:47:11
ถ้ายังไม่เลิกคิดทำตามที้ตกลงกะม่านฟ้า
ระวังจะเสียใจทีหลังนะเนล
หวั่นไหวไปทีละนิดละแบบนี้
 :ruready
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 15-05-2018 08:08:03
หึ จะคอยดูวันคนตกม้าตาย อิพี่นล ซักวันต้องเจ็บช้ำเจียนตาย :angry2: ภีมลูกอย่าไปใจอ่อนให้มันนะ :mew6:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 15-05-2018 13:05:56
ระวังกลืนน้ำลายตัวเองนาจา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่15 |[14/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 15-05-2018 21:13:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 16-05-2018 16:12:58
ตอนที่ 16

ละเมิดข้อตกลง ข้อที่ 5
‘ห้ามขัดใจ’




ผมนอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงมาพักใหญ่


นอนไม่หลับอีกแล้ว!

 

เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมวันนี้มันตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัวไปหมด

ทั้งเรื่องของพี่เนล และก็เรื่องของพ่อ...

ผมนอนหงาย เอามือก่ายหน้าผากย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนพักกลางวัน

 


“ไอ้ภีม ไปค่ายกัน” ไอ้ทัศยังคงคะยันคะยอผมไม่เลิก หลังจากที่ผมเดินออกมา มันก็พูดถึงเรื่องค่ายไม่ยอมหยุด

 

“ไม่ไป” ผมยังยืนยันคำเดิม ยังไม่อยากหาความลำบากใส่ตัว แค่ทุกวันนี้ก็เอาตัวแทบไม่รอดแล้ว

 

“ไปเถอะ ค่ายนี้ดีนะโว้ย เราได้ไปสอนหนังสือเด็กโรงเรียนที่ขาดแคลนครู มึงไม่อยากแบ่งปันความรู้ให้อนาคตของชาติหรือไง”

 

“ใช่ๆ เท่ากับว่ามึงได้สร้างเด็กตาดำๆคนหนึ่ง ให้มีอนาคตเลยนะไอ้ภีม” ไอ้เหม่ยช่วยเสริม

 

“มึงจะทิ้งเด็กพวกนั้นได้ลงคอเหรอไอ้ภีม โคตรใจร้าย” ไอ้ทัศพูดพร้อมบีบน้ำตา มึงอย่ามาแอคติ้งให้มากเลย!

 

“มึงไม่สงสารเด็กที่อยากเรียนหนังสือ แต่ไม่มีครูสอนหรือไง เด็กพวกนั้นกำลังจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่มึงก็ตัดโอกาสเด็กพวกนั้น เพียงเพราะมึงไม่อยากไปสอน โคตรสงสารว่ะ”ไอ้เหม่ยทำเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ตามไอ้ทัศ

 

แอคติ้งไม่ผ่าน ไปเรียนมาใหม่

 

“ทำไมเราถึงมาคบกับเพื่อนใจดำแบบไอ้ภีมได้วะ เป็นเหมอได้ไง เห็นคนอื่นลำบากแล้วไม่ช่วย”

 

“นั่นดิ หมอใจดำ”

 

“พูดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกอีก” ไอ้ทัศกับไอ้เหม่ยส่งสายตากดกันผมขั้นสุด

 

“ไปก็ไป ไอ้สัด อย่าพูดเหมือนกูทำผิดมากได้ไหมวะ”

 

“ก็แค่เนี๊ย” มันพูดออกมาพร้อมกัน บางทีผมก็รู้สึกเกลียดพวกมันขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

 

“ค่อยสบายใจหน่อย เราไปเรียนกันเถอะไอ้เหม่ย” ไอ้ทัศพูดเสร็จก็เดินจูงมือไอ้เหม่ยขึ้นตึกเรียนไป

จึงหันไปหาไอ้ซาน เห็นมันทำหน้าเครียดขมวดคิ้วยุ่ง จึงอดถามออกไปไม่ได้

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นวะ”

 

“ไอ้ภีม นั่นพ่อมึงหรือเปล่า” ผมมองไปตามทิศที่ไอ้ซานชี้ เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาก็สอดส่องหาใครบางคน ผมใช้สายตาเล็งอย่สักพักก็เห็นภาพผู้ชายคนนั้นชัดเจน

 

“เห้ย! นั่นพ่อกู” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ตอนนี้รู้สึกดีใจมาก ผมรีบวิ่งไปหาพ่ออย่างมีความหวัง ผมมีคำถามมากมายที่อยากจะถามท่านออกไป แต่ก็ไม่สามาถถามได้เพราะไม่มีท่านอยู่ให้ถาม แต่ตอนนี้ท่านมาหาผมถึงมหาวิทยลัยแล้ว

 

“พ่อ!” ผมตะโกนเรียกท่าน สองขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาท่านด้วยความรวดเร็ว พ่อหันมาหาผม สีหน้าท่านก็แสดงออกมาชัดเจนว่าท่านดีใจขนาดไหน

 

“ภีม!ของพ่อ” ท่านรีบเข้ามากอดผมแน่น “พ่อหาลูกตั้งนาน” พ่อผมกอดผมแน่น พร้อมเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ

“พ่อหายไปไหนมา รู้ไหมว่าผมคิดถึงพ่อแค่ไหน ตอนที่โดนยึดบ้านผมสับสนมาก ไม่มีใครอยู่ข้างผมสักคน ไม่มีใครมาอธิบายให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย”

 

“พ่อขอโทษนะลูก”พ่อว่าเสียงอ่อน “พ่อผิดเอง ที่แอบเอาบ้านเราไปขาย แต่ทั้งหมดที่พ่อทำไปก็เพื่อซื้อชีวิตของลูกกับแม่นะ พ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ ยกโทษให้พ่อนะภีม” พ่อพูดออกมาเสียงสั่น คำถามที่ผมอยากจะตัดพ้อกับท่านตอนนี้หายไปในลำคอผมจนหมด เหลือแค่ความเข้าใจเท่านั้น ถ้าผมเป็นพ่อ ผมก็คงทำแบบท่านเหมือนกัน

 

“ครับ ผมเข้าใจ...ไม่เป็นไรนะครับ ผมหาวิธีเอาบ้านเราคืนได้แล้ว”

 

“หมายความว่าไงลูก?” ท่านปล่อยผมให้หลุดจากอ้อมกอดของท่าน ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย

 

“ผมทำงานให้เจ้าของบ้านคนใหม่เขา ถ้างานเสร็จเมื่อไหร่เขาจะคืนบ้านให้ผมครับ ไม่เป็นไรนะครับ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้บ้านเราคืน”

 

“...”

 

“ถ้าผมได้คืนเมื่อไหร่ พ่อกลับมาอยู่กับผมนะ”

 

“ได้สิ” ท่านยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน “พ่อภูมิในตัวลูกจริงๆ”

 

เราคุยเรื่องทั่วไปกันสักพัก พ่อก็ทำท่าคิดอะไรอยู่ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

 

“ภีม...”

 

“ครับ”

 

“เอ่อ...พอจะมีเงินให้พ่อยืมสัก 1แสนไหมลูก”

 

“พ่อจะเอาไปทำอะไรครับ?”

 

“เอาไปใช้หนี้พนัน” พอได้ยินคำนี้เข่าผมแทบทรุดลงกับพื้น ยังไม่หมดอีกเหรอหนี้ที่ถ่วงชีวิตผมมานาน มันยังมีอีกหรือไง

 

 “ที่พ่อขายบ้านเราไปยังใช้หนี้ไม่หมดอีกเหรอครับ” ผมตัดสินใจถามพ่อไป ผมว่าหนี้ที่เรามีอยู่ ถ้าขายบ้านหลังนี้ไปน่าจะใช้หมดนะ เผลอๆเหลือด้วยซ้ำ แล้วทำไมยังมีหนี้อีกล่ะ

 

“ส่วนนั้นใช้หมดแล้วลูก แต่...” ผมรอฟังท่านอธิบายต่อ

 

“พ่อเอาส่วนที่เหลือ..ไปเล่นใหม่” ท่านพูดแผ่วเบา พร้อมเบนสายตาไปมองที่พื้นแทน

 

“พ่อจะกลับไปเล่นอีกทำไม ก็เพราะการพนันไม่ใช่เหรอ ชีวิตของเราถึงตกต่ำกันแบบนี้” ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจกับการกระทำของท่านมากๆ มันจุกอยู่ในอก หนี้สินที่คิดว่าหมดไปแล้ว กลับก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่า ต่อไปนี้ผมจะได้เก็บเงินเพื่อตัวเองสักที มันหายไปในพริบตา​

 

“พ่อแค่อยากได้บ้านคืนเร็วๆ เห็นเพื่อนพ่อมันเล่นแล้วได้เยอะ พ่อคิดว่าถ้ากลับไปเล่นจะได้อย่างเขาบ้าง”

 

“แล้วพ่อก็ได้มาจริงๆ ได้หนี้เพิ่มไงครับ”

 

“พ่อขอโทษนะภีม”

 

“....”

 

“แต่พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อยนะ”

“....”

 

“พ่อขอร้องล่ะภีม พ่อขอร้อง” พ่อเข้ามาเขย่าแขนผมเบาๆ “ถ้าพ่อหาไปคืนเขาไม่ได้ก่อนสิ้นเดือนหน้า พวกนั้นต้องส่งคนมาฆ่าพ่อแน่ๆ”

 

“สิ้นเดือนหน้า! เงินตั้ง 1แสน ลำพังผมคนเดียวคงหาไม่ไหวหรอกนะครับ”

 

“พ่อขอผ่อนจ่าย 1 หมื่นก่อน แต่ต้องเอาไปจ่ายก่อนอาทิตย์หน้า ภีมพอไหวไหมลูก”

 

1 หมื่น น่าจะพอไหว ไปทำงานที่ Sun Pub วันไหนโชคดีอาจจะได้ทิปหลักพัน ต้องลองเสี่ยงดวงดู

 

“พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อย”ท่านพูดออกมาเสียงสั่น

 

ถึงท่านจะทำให้ผมเสียใจ หรือ ผิดหวังในตัวท่านซ้ำๆ แต่ผมก็ไม่สามารถมองข้ามความลำบากของท่านไปได้ เพราะยังไงท่านก็คือพ่อของผม

 

“ครับ ผมจะพยายามหาเงินมาให้ทัน”

 

“ขอบคุณลูกมากนะ ขอบคุณจริงๆ”

 

“แต่พ่อสัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่กลับไปเล่นการพนันอีก เรื่องบ้านปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”

 

“โอเคพ่อสัญญา”

 

 

เฮ้อออ

 

ผมถอนหายใจออกมาเมื่อย้อยคิดถึงเรื่องของพ่อ เงินตั้ง 1 แสน เลยเหรอวะ ถึงอาทิตย์นี้จะรอดเพราะขอเบิกเงินจากพี่เนลมาก็เถอะ แต่ก็ต้องหาเพิ่มอีก 9 หมื่น คงต้องไปหางานทำเพิ่มอีกแล้วล่ะมั้ง

 

แถมตอนนี้คงไม่กลับไปทำงานที่ sun pub อีกแล้วล่ะ สถานที่อันตรายแบบนั้นน่ะ

คงต้องให้ไอ้ซานหางานให้ใหม่อีกแล้ว...


----------------------------------------------------------------------------------------



      วันนี้ผมเรียนหนักตั้งแต่เช้ายันเย็น มีทั้งชั่วโมงที่ต้องจดเลคเชอร์ แถมยังมีแล็บอีก จึงไม่ค่อยมีเวลาได้นั่งจับเข่าเล่าปัญหาชีวิตกับไอ้พวกแก๊งสักเท่าไหร่

 

“นิสิตครับ พรุ่งนี้มีควิซนะครับ ไปอ่านหนังสือมาด้วย อย่ามัวเถลไถล ไอ้ที่นัดเพื่อนไปกินเหล้าเคล้านารีก็เบาๆลงหน่อย ควิซรอบนี้คะแนนหนักนะครับ” เสียงอาจารย์ฤกษ์เอ่ยเตือนพวกเราที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

 

“ครับ” ไอ้เสียงห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวาที่ตอบรับอาจารย์แกไปนี่มันอะไรกันครับ เฮ้ๆเพื่อนๆ เราควรจะกระตือรือร้นไม่ใช่หรือไง พรุ่งนี้สอบนะโว้ย

 

หลังจากนั้นอาจารย์แกก็เดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจซากศพนับสิบๆชีวิตที่นั่งอืดตายเพราะแล็บโหดตอนเช้าเลย

   

      ผมกับไอ้ซานกำลังเดินไปที่ลานจอดรถข้างตึกคณะแพทย์ จึงใช้โอกาสนี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ที่ Sun Pub ให้ไอ้ซานฟัง มันก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่เลย

มันบอกว่าเป็นความผิดของมันที่สะเพร่าเอง ด่วนหางานให้ผมจนไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดีๆ

 

กว่าจะบอกมันให้เข้าใจว่า มันไม่ได้ผิดหรอกที่ไม่รู้ ใครๆเขาก็ไม่รู้กัน ยกเว้นพวกหมกมุ่นเรื่องอย่างว่าแบบไอ้พี่เนลมันเท่านั้นแหละ ก็ปาไปหลายนาที

 

“เพราะงี้แหละ กูเลยตั้งใจจะไปลาออก มึงช่วยหางานใหม่ให้กูหน่อย กูต้องใช้เงินจริงๆ”

 

“ที่มึงต้องการเงินขนาดนี้ เพราะเรื่องที่พ่อมึงมาหามึงเมื่อวานหรือเปล่า” ไอ้ซานถามผม

 

“อืม” ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกมันไป ได้แต่พยักหน้ายอมรับความจริง

 

“เฮ้ออ ไอ้ภีม ทำไมชีวิตมึงเหี้ยขนาดนี้วะ กูล่ะสงสารมึงจริงๆ”

 

“ถ้าสงสารก็รีบหางานให้กูทำ”

 

“เอ่อๆ กูจะรีบหาให้” ไอ้ซานตอบผมพลางกดโทรศัพท์ของมันไปด้วย “แต่ต้องหลังสอบควิซในวันพรุ่งนี้ผ่านไปก่อนนะ กูต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือ มึงก็อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมอ่านล่ะ” ไอ้ซานเงยหน้าจากโทรศัพท์พลางจ้องหน้าผมอย่างคาดโทษ

 

“เอ่อๆ รู้แล้วน่ะ กูไม่ลืมหรอก”

 

“แล้วก็อย่าหักโหมทำงานหนัก จนไม่ได้พักผ่อนล่ะ”

 

“ครับๆ วันนี้กูไม่ได้ไปทำงานอยู่แล้ว พี่อ้อยหยุดร้านวันหนึ่ง”

 

ไอ้ซานพยักหน้า ก่อนจะหยุดคิดอะไรบางอย่าง

 

“กูว่าบทนี้กูพอจะได้อยู่ คืนนี้มึงมาติวที่หอกูเอาปะ จะได้สอบผ่านไปด้วยกัน”

 

“เอ่อ ความคิดดีเหมือนกันว่ะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของไอ้ซาน ถ้าอ่านคนเดียวตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามใครไม่ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนนั่งติวให้จะเป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะเลย แถมไอ้ซานก็เก่งเรื่องนี้ด้วย “โอเค แต่ขอกลับไปเอาของที่บ้านก่อนนะ”

 

“เอ่อ ได้” ไอ้ซานตบไหล่ผมปุๆ ก่อนจะเดินนำผมไปที่รถของมัน ผมก็เดินตามมันไปติดๆ ระหว่างทางเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยครับ ส่วนมากไอ้ซานจะเป็นคนพูดมากกว่า ผมก็นั่งฟังมันเพลินจนรถมาจอดที่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย

 

“จะให้กูไปด้วยปะ”

 

“ไม่เป็นไร มึงรออยู่ตรงนี้แหละ กูเข้าไปเอาของแปปเดียว” ผมเอ่ยบอกไอ้ซาน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน เห็นพี่เนลนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมไม่ได้สนใจอะไรมัน สองเท้าก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองที่มีห้องนอนของผมอยู่ ผมเดินเข้าไปเก็บพวกของใช้จำเป็น เช่น แปรงฟัน ยาสีฟัน แล้วก็เสื้อยืด กางเกงบ๊อกเซอร์ เอาไว้ใส่นอน อ๋อ! ชุดนักศึกษาด้วย เอาไว้เปลี่ยนไปเรียนพรุ่งนี้ ผมจัดการยัดของทั้งหมดใส่ในกระเป๋าเรียน ยกขึ้นสะพาย

 

“จะไปไหน” พี่เนลที่ยืนพิงอยู่ตรงหน้าประตูห้องของผม เอ่ยถามเสียงเข้ม มันมาตอนไหนวะ เมื่อกี้ยังเห็นนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างอยู่เลย

 

“ไปติวหนังสือ”

 

“ไปกับใคร”

 

“กับไอ้ซาน” มันเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ

พี่เนลนี่ก็แปลกคน เวลาเอ่ยถึงไอ้ซานเมื่อไหร่จำต้องหัวเสียทุกที เป็นบ้าอะไรของมันวะ!

 

“แค่ไปติวหนังสือ จำเป็นต้องเอาเสื้อผ้าไปด้วยเหรอ?”

 

“ก็ผมต้องไปนอนค้างกับมัน”

 

“กูไม่ให้ไป”

 

“ใช่เรื่อง! ผมจะไป”

 

“นี่เป็นคำสั่ง ห้ามขัดใจกู!”

 

“คำก็สั่ง สองคำก็สั่ง ผมเริ่มเบื่อแล้วนะ ผมแค่ไปติวหนังสือยังจะห้ามอีก พี่เป็นอะไรมากปะ” อารมณ์ผมเริ่มขุ่นขึ้นมาหน่อยๆ

 

“ไม่มีปัญญาอ่านเองหรือไง ยังไงกูก็ไม่ให้มึงไป” มันเริ่มตะคอกใส่ผมเสียงดัง คิ้วขมวดยุ่งเหยิง สายตาเริ่มแข็งกราว

 

“พี่มีสิทธิอะไรมาห้ามผม หลีกไป” คนอะไรวะ งี่เง่าซะมัดเลย! เรื่องอะไรผมจะฟังมันล่ะครับ แม่ง!ไม่มีเหตุผล ผมเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะดันพี่เนลที่ยืนขวางอยู่ตรงประตูให้หลีกทางให้ แต่มันก็ใช้สองมือผลักผมให้กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

 

“กูไม่ให้มึงไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง นอกจากกู! ยิ่งไปนอนกับไอ้นั่นแล้วกูยิ่งไม่ให้ไป” ดูมันพูดเข้า! ทำตัวเหมือนแม่หวงลูกสาวไปได้!

 

“โวะ!  ไอ้ซานก็เพื่อนผมปะวะ ไปนอนกับมันแล้วผิดตรงไหน” เมื่อก่อนก็ไปนอนออกจะบ่อย ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย

 

“กูไม่อนุญาต อยากขนาดต้องไปถวายตัวให้ผู้ชายคนอื่นถึงที่เลยเหรอ แรดว่ะ อย่ามาพูดดีว่าจะไปติวหนังสือหน่อยเลยกูไม่เชื่อหรอก” แม่งหาเรื่องกูแล้วไง อยากรู้จริงๆว่าเอาสมองส่วนไหนคิดวะ

 

“พี่แม่งพูดไม่รู้เรื่องว่ะ!” ผมเริ่มขึ้นเสียงกับมัน อารมณ์จากขุ่นๆตอนนี้เริ่มเดือดปุดๆขึ้นมาแล้ว

ก็ดูมันพูดจาดิ ใครมันจะหมกมุ่นแบบมันวะ แล้วผมกับไอ้ซานก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยแบบที่มันคิดด้วย แม่ง! ปัญญาอ่อน

 

“มึงกล้าดียังไงมาขึ้นเสียงกับกู!” มันเดินมากระชากแขนผมอย่างแรงแล้วเหวี่ยงผมลงบนฟูก ถึงจะแข็งไปหน่อย แต่ก็ถือว่ายังดีที่มันไม่จับผมทุ่มลงพื้น ไม่งั้นคงได้กระดูกหักไปหลายซี่เหมือนกัน ถ้าวัดจากระดับอารมณ์ของมันในตอนนี้

พี่เนลมันเดินมาค่อมผมเอาไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผม “ถ้าอยากมากก็มาเอากับผัวมึงนี่”

 

“อยากเหี้ยอะไร กูกับมันเป็นแค่เพื่อนกันโว้ย!” บอกไปหายครั้งแล้วไม่เคยฟัง อย่าให้ต้องพูดคำเดิมซ้ำๆได้ไหมวะ!

 

“เพื่อนเหรอ หึ! มึงคิดกับมันแค่เพื่อน แล้วมึงแน่ใจเหรอว่ามันคิดกับมึงแค่เพื่อนจริงๆน่ะ ไอ้เหี้ยนั่นน่ะดูก็รู้ว่าจ้องจะเอามึงอยู่!”

 

อื้อหือ ยั๊วะกูมากตอนนี้! ว่าผมคนเดียวยังไม่โกธรเท่ามาว่าเพื่อนผมเลย

ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากๆ จะไม่ยอมเลยถ้าเพื่อนมาโดนกล่าวหาเสียๆหายๆ ถ้าเรื่องนั้นมันไม่ใช่ความจริง!

 

“มึงอย่ามาใส่ร้านเพื่อนกูนะไอ้สัตว์! ถ้าเกิดกูกับมันเอากันขึ้นมาจริงๆ แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วยว่ะ! คนนอกอย่ายุ่งดิ อีกอย่างไอ้ซานไม่มีทางทำเรื่องเหี้ยๆแบบนั้นกับกูหรอก!” ตอนนี้อารมณ์ผมเริ่มเดือดขั้นสุดแล้ว แต่ดูเหมือนพี่เนลก็เดือดไม่แพ้ผมเหมือนกัน มันเอามือมาบีบสันกรามผมไว้แน่น ทำหน้าเหี้ยมใส่ผม พร้อมกัดฟันพูด “มึงปกป้องมัน!”

 

“เอ่อ! ไอ้ซานเพื่อนกู ทำไมจะปกป้องไม่ได้” ผมยังคงพ่นน้ำลายใส่มันไม่หยุด พี่เนลดูเหมือนจะฟิวขาดก็ตอนนี้แหละครับ มันรวบมือทั้งสองข้างของผมตรึงไว้เหนือศีรษะ

 

ก่อนก้มลงมาดูดเม้นตรงซอกคอผมจนเป็นรอยแดง ลิ้นร้อนไล่เลียรอยที่มันทำไว้ซ้ำๆ ก่อนใช้ริมฝีปากได้รูปนั้นกดจูบซ้ำๆเป็นการตอกย้ำว่ารอยนั้นมันเป็นคนทำ สองมือก็ปลดกระดุมเสื้อผมออกรวดเร็ว จนตอนนี้เสื้อนิสิตของผมลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย

 

“กูไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหรอกนะ แต่ถ้าเรื่องเซ็กส์กูว่ากับผู้ชายด้วยกันก็น่าลองเหมือนกัน เริ่มจากมึงคนแรกเลยดีไหม?”

 

“ปล่อยกู!” พยายามดิ้นให้หยุดจากการเกาะกุมของมัน แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

แถมเสียงที่ร้องห้ามให้มันปล่อยก็เหมือนจะส่งไปไม่ถึงไอ้คนหน้ามือตามัวแบบมัน

 

พี่เนลใช้มือข้างหนึ่งนวดคลึงยอดอกของผม ก่อนจะล้มลงมาดูดคลึงสลับกับใช้ลิ้นร้อนไล่วนไปทั่วยอดอกของผม จนต้องยื่นอกรับสัมผัสของมัน

ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนไปหมด ร้อนไปทั้งตัว

 

“อะ อ๊ะ” เชี่ย! เผลอคราง ผมขบริมฝีปากแน่นเพื่อจะได้ไม่ต้องปล่อยเสียงทุเรศๆแบบนั้นออกไปอีก

 

มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ใช้มือข้างที่ว่างอยู่เสยผมขึ้น พร้อมเลียริมฝีปากได้รูป ก่อนจะส่งยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อสายตาเลื่อนมองมายังรอยแดงที่มันทำเอาไว้ตรงซอกคอของผม

 

เชี่ยยย โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ

 

“ร้องดังๆสิ ให้ไอ้คนที่รอมึงอยู่ข้างล่างได้ยินเสียงมึงชัดๆนะ ถ้ามันไม่ไป กูก็จะไม่หยุด” พูดจบก็ก้มลงไปเล่นกับยอดอกผมต่อ ส่วนมือซนๆของมันก็ค่อยๆเลื่อนลงไปลูบไล้แก่นกายของผมช้าๆ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มตอบสนองกับสัมผัสวาบหวามที่พี่เนลมอบให้แล้วล่ะ

 

“อ่าห์ ปล่อย” ทำไมเสียงผมมันกระเส่าแบบนี้วะ กูไม่ขำนะโว้ยย! ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดไอ้หมีควายตัวนี้แล้ว

 

ผมคิดว่ายิ่งผมตะโกนด่าทอมัน พี่เนลมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอับอาย งั้นลองใช้ไม้อ่อนดูละกันเผื่อมันจะใจเย็นลงบ้าง

 

“อึก พี่เนลครับ ปล่อมภีมไปเถอะ ภีมไม่ไปติวกับซานแล้วครับ ภีมจะอยู่อ่านหนังสือที่บ้านก็ได้ถ้าพี่เนลไม่อยากให้ไป ภีมขอโทษครับ”

 

ได้ผลแฮะ มันหยุดแล้ว

 

มันมองหน้าผมอย่างอึ้งๆ เหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ เอ่อ! คิดว่ามึงอึ้งคนเดียวเหรอ กูก็อึ้ง เชี่ย พูดอะไรได้หน้าขนลุกสัดๆ แต่ถ้ามันช่วยให้รอดจากพี่เนลไปได้ ผมก็ต้องยอมละวะ

 

หน้าตึงๆของมันเมื่อกี้ดูผ่อนคลายลงมาบ้าง คิ้วที่ขมวดเป็นปมก็ค่อยๆคลายออก นั่นเป็นสัญญาณว่ามันเริ่มอารมณ์เย็นขึ้นมาแล้ว

 

สายตาที่มีเสน่ห์ของมันก็ยังคงจ้องผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะขยับปากพูดถ่อยคำที่ทำให้ผมอยากต่อยหน้ามันให้คว่ำ

 

“กูเผลอ” พร้อมยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อ ก่อนจะส่งยิ้มแหะๆมาให้ผม เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีนะมึง!

หืมมม! ช่วงนี้มึงเผลอบ่อยจังนะไอ้พี่เนล! เผลอขนาดนี้วันหลังมึงไม่จับกูปล้ำเลยไหมล่ะ

 

“ปล่อยผมได้ยัง จะได้ไปบอกไอ้ซาน” พี่เนลมันก็ยอมลุกออกไปแต่โดยดี ผมก้มลงไปเก็บซากเสื้อที่ถูกถอดทิ้งเมื่อกี้ ขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย

 

“ลงไปบอกมันซะ ว่ากูไม่อนุญาตให้ไป ถ้ามีปัญหามากก็ให้มาเคลียร์กับกู” พี่เนลว่าก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอา

 

เข้าใจยากว่ะคนแบบนี้ แถมเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งอีก

 

         ผมลงไปบอกไอ้ซานว่าไปไม่ได้แล้ว พร้อมขอโทษขอโพยมันยกใหญ่ ดูเหมือนมันจะเข้าใจผมนะครับ มันก็บอกแค่ว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือ ถ้าตรงไหนไม่เข้าใจก็จดไว้ แล้วค่อยเอามาถามมันพรุ่งนี้เช้า ผมก็พยักหน้าตอบรับไป แล้วก็แยกย้ายกันไป

 

“น้องภีมครับบบบ” อื้อหือเสียงหวานเชียว กินยามาผิดหรือไงวะ

 

“ว่าไงครับ” ผมเอามือกอดอกมองพี่เนลอย่างคาดโทษ ยังเคืองที่ลวนลามกูอยู่นะ

 

“ขอต่อจากเมื่อกี้ได้ไหม” เรื่องแบบนี้มันขอกันได้อย่างหน้าด้านๆแบบนี้เลยหรือไงวะ! ให้ตายเถอะ!ผมรีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปชั้นสองโดยไม่สนใจเสียงงอแงของพี่เนลที่ร้องเรียกผมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นอีกเลย

 

ผมล่ะปวดหัวกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันที่สุดเลย!



----------------------------------------------------------------------------------------



กรอบ กรอบ

 

ฮึ่มม

 

“พี่เนล เคี้ยวขนมเบาๆหน่อย ผมต้องการสมาธิ”

 

“หือ” มันเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองผม “มันเคี้ยวเบากันได้ด้วยเหรอ” พร้อมทำหน้ายียวนกวนประสาท มือก็ล้วงขนมจากซองขึ้นมาเคี้ยวเสียงดังโชว์ไปด้วย เอาแล้วไง กวนตีนกูแล้ว

 

ตอนนี้พี่เนลมันมานั่งเล่นที่ห้องของผมครับ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปสักที ทนมือทนเท้ามาก

 

ตอนแรกผมก็ไม่ยอมให้มันเข้ามาหรอกครับ แต่มันก็ตื้อไม่เลิก บอกว่าจะอยู่เล่นโทรศัพท์เงียบๆไม่รบกวนผม เลยยอมให้อยู่ด้วย ไอ้เล่นโทรศัพท์นี่เงียบจริงๆเนี่ยแหละ แต่เสียงขนมนที่มันกินนี่กวนผมมาก

 

แต่ผมขี้เกียจจะเถียงกับมันแล้ว เถียงไปก็มีแต่เสียกับเสีย เห็นมันอยากอยู่ห้องของผมมาก เดี๋ยวจะปล่อยให้อยู่สมใจเลย ผมจัดการหอบกองหนังสือที่กำลังนั่งอ่านอยู่บนฟุกขึ้นมาถือไว้ เตรียมลุกเดินไปอ่านที่ห้องนั่งเล่นทันที

 

“จะไปไหน” พี่เนลเมื่อเห็นผมเก็บหนังสือเตรียมลุกหนี มันก็รีบเอ่ยถามขึ้นมาทันที

 

“ไปอ่านหนังสือที่อื่น”

 

“อ่านนี่แหละ”

 

“ไม่ได้ครับ พี่ทำเสียงดัง ผมไม่มีสมาธิ”

 

“แค่เสียงเคี้ยวขนมก็ทำให้มึงสมาธิแตกแล้วเหรอวะ แตกง่ายเหมือนกันนะเรา”

 

“ครับ” ผมตอบมันหน้านิ่ง อารมณ์ผมตอนนี้ยังไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนอย่างมันสักเท่าไหร่

 

พี่เนลมองผมสักพักก็ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เป็นการบอกนัยๆว่า ยอมแพ้แล้ว

 

“โอเคๆ แค่ไม่ทำเสียงดังก็พอใช่ไหม?” พี่เนลถามย้ำ

 

“ครับ” ผมพยักหน้าให้มัน

 

พี่เนลเมื่อเห็นว่าผมยอม ก็ดึงมือผมให้ลงไปนั่งที่ฟุกดังเดิม ก่อนจะลุกเอาซองขนมที่มันกินเมื่อกี้ไปทิ้งถังขยะ ผมไม่ได้สนใจอะไรมันอีก หันมาสนใจกับหนังสือต่อ สักพักก็รับรู้ถึงอะไรหนักๆที่ตัก ก้มลงไปดูก็เห็นพี่เนลมันเอาหัวมานอนหนุนตักผมอยู่ เลยทำเป็นเมินใส่มัน หันมาท่องจำส่วนที่จะออกสอบต่อ ทีนี้แหละครับ มือครับมือ! เลี้อยไปทั่วเลย เดี๋ยวก็เอื้อมมาดึงแก้มผมเล่น เดี๋ยวก็เลื่อนมาลูบเอวบ้าง ขาบ้าง หน้าท้องบ้าง

 

“พี่เนลครับ อย่ามากวน ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ”

 

“เรื่องมากจัง กูอุส่าห์อยู่เงียบๆแล้วนะ” ผมไม่ได้เรื่องมากนะครับ พี่มึงนั่นแหละ เยอะ!

อยากจะถามจริงๆว่าว่างนักหรือไงวะ! ถึงมีเวลามานั่งกวนผมอยู่ได้

 

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรมันออกไป ได้แต่จ้องหน้ามันนิ่งๆ แล้วหันมาสนใจหนังสือเล่มหนาเตอะในมือต่อ พี่เนลดูเหมือนจะเบื่อกับการแกล้งผมแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์มากดนั่นกดนี่เล่นฆ่าเวลา

 

“ลูกหมา หิวข้าวหรือยัง?” พี่เนลพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่พักใหญ่ สงสัยมันคงหิวข้าวละมั้ง

 

“ยังครับ” ผมตอบมันออกไป แต่ความจริงแล้วก็แอบหิวขึ้นมาหน่อยๆเหมือนกัน

 

“ไปหาอะไรกินเพิ่มพลังก่อนไหม เดี๋ยวกูพาไปกินร้านอาหารหลัง ม. ที่พึ่งเปิดใหม่”

 

“ครับ แต่ผมขออ่านหน้านี้ให้จบก่อนนะครับ”

 

“อืม กูจะรอนะ”

 

“ครับ” ผมก้มลงไปส่งยิ้มอ่อนๆให้มัน พี่เนลเห็นอย่างนั้นจึงยิ้มตอบผม ก่อนจะเอื้อมมือลอดผ่านหนังขึ้นมาบีบจมูกผมอย่างหยอกล้อ

 

คลื่น ~ คลื่น ~

 

เสียงโทรศัพท์ของพี่เนลดังขึ้น มันจึงเด้งตัวลุกออกจากตักผม มาขัดสะมาดอยู่บนฟุก แล้วกดรับสายทันที

 

“ว่าไงครับน้องบิวว” มันทำตัวระริกระรี้ ก่อนกรอกเสียงใส่มือถือไป หืม! เสียงหวานเชียวนะมึง

 

“ตอนนี้เหรอครับ”

 

“ว่างครับ”

 

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้านนะ”

 

“ครับ แล้วเจอกันครับ”

 

พูดจบก็กดวางสายไป ก่อนจะหันมาพูดจาไร้ความรับผิดชอบกับผม “ไอ้ภีม ตอนนี้กูไม่ว่างไปกินข้าวกับมึงแล้วว่ะ”

 

“แต่พี่สัญญากับผมแล้ว”

 

“โทษทีว่ะ น้องบิวสำคัญกว่า” เหมือนมีหอกนับพันมาลุมแทงที่กลางอก รู้สึกจุกนิดหน่อย แต่ก็ยังยิ้มได้

 

ทำไมตอนนี้ถึงอยากขออะไรที่งี่เง่าออกไปก็ไม่รู้ จู่ๆก็กลัวความเหงาขึ้นมา ไม่อยากอยู่คนเดียวเลยว่ะ

 

“ไม่ไปได้ไหมครับ” ผมทำใจกล้าเอ่ยขอพี่เนลไป ถึงแม้ว่าความหวังที่มันจะทำตามที่ผมขอเท่ากับศูนย์ก็เถอะ แต่ในใจก็แอบหวังเล็กๆว่ามันจะไม่ทิ้งผมให้อยู่บ้านคนเดียว

 

“ไม่ได้หรอก คนนี้กูพึ่งเจอ ต้องเอาใจสักหน่อย”

 

“แต่ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”

 

“อย่ามาทำตัวงี่เง่าใส่กูนะไอ้ภีม กูไม่ชอบ” มันเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม สงสัยสิ่งที่ผมพูดจะไปสร้างความรำคาญใจให้กับมันไม่น้อยเลย ผมจึงก้มหน้าสำนึกผิดกับสิ่งที่พูดออกไป

 

ผมคงขอมันมากเกินไปสินะ...

 

 “...”

 

 “คืนนี้กูอาจจะไม่กลับบ้าน เดี๋ยวพาน้องบิวมาทำเสียงดังรบกวนมึงตอนอ่านหนังสืออีก อยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะ อย่าดื้อล่ะ” พี่เนลที่เห็นผมเงียบไปจึง ลดระดับน้ำเสียงลง พร้อมเอามือใหญ่นั่นมาลูบหัวผมเบาๆเป็นการปลอบใจ

 

“ครับ” ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะครับ

 

----------------------------------------------------------------------------------------

 

ตอนนี้ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย ในหัวคิดแต่เรื่องของพี่เนลกับผู้หญิงที่มันพึ่งนัดเจอเมื่อกี้ คงนัดกันไปทำเรื่องอย่างว่า ที่มันถนัดนักนั่นแหละ

 

ผมรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วหันมาจดจ่อกับสิ่งที่ผมควรให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  สอบควิซพรุ่งนี้รอผมอยู่

 

เอามือขึ้นตบหน้าสองครั้งเพื่อเรียกสติ แล้วหันไปจดจ่อกับหนังสือ

แต่ก็อย่างว่าแหละ อ่านแปปๆก็เหม่ออีกแล้ว เฮ้อ เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ว่ะ

 

ไปให้ไอ้ซานติวให้ดีกว่า ขืนอยู่คนเดียวได้คิดเรื่องไร้สาระจนอ่านหนังสือไปไม่ถึงไหนแน่ๆ

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็เก็บกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า เดินออกจากบ้านไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ ตรงดิ่งไปที่หอของไอ้ซานทันที

 

ในเมื่อผมขออะไรมันก็ไม่เคยทำตามอยู่แล้ว ทำไมผมจะต้องทำตามที่มันขอด้วยล่ะ จริงไหม?

 

ขอขัดใจมันสักวันเถอะ•‿•



หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-05-2018 17:03:16
หวังว่าอิพี่มันจะไม่กลับมาเร็วแล้วรออาละวาดใส่น้องหรอกนะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 16-05-2018 18:47:10
ติดตามนะคะ  :mew2: เปลี่ยนที่อ่านหนังสือใช่ว่าจะอ่านรู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 16-05-2018 19:23:15
เฮ้ออออออออออ
รอแล้วกัน
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 16-05-2018 22:35:27
ไปเลยค่ะลูก เพื่อการสอบวันพรุ่งนี้ของหนู
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 16-05-2018 23:34:21
หนีเลย จะได้รู้ว่าพี่มันจะเป็นยังไง??
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 17-05-2018 13:02:34
 :mew2:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 17-05-2018 20:51:52
อย่าได้สนใจยังไงพี่เนลก็ไม่กลับนิ รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-05-2018 07:51:45
หนีอิพี่เนลเลยจ้า หมั่นไส้มานานละ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่16 ละเมิดข้อตกลง(ข้อที่ 5) |[16/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-05-2018 11:55:43
เกลียดอิพี่เนลอ่ะ ทำไมเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้เนี่ย
หนีมันไปเลยน้องภีม
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 25-05-2018 16:21:16
ตอนที่17 หวงก้าง
(1/2)

 

       ผมนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาลงที่หอไอ้ซานเป็นที่เรียบร้อย หอมันเป็นตึกแถวหลายๆตึกต่อกัน แถวนี้มีแต่หอพักทั้งนั้นเลยครับ เพราะเป็นหอในโครงการที่เขาพึ่งมาทำเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ถือเป็นหอใหม่พอสมควร ราคาเช่าต่อเดือนก็ถือว่าแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ไอ้ซานมันก็มีฐานะพอตัวอยู่ จึงไม่แปลกใจที่มันจะมีเงินเช่าหอราคาแพงๆอยู่

 

ผมเดินมาหยุดที่หน้าประตู แย่หน่อยที่เป็นระบบคีย์การ์ด จึงนั่งรอคนเข้าออกประตู จะได้อาศัยเขาเข้าไป รอไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเอาบัตรมาทาบตรงเครื่องแสกน แล้วเปิดประตูเข้าไป ผมจึงถือโอกาสแอบย่องตามเข้าไปอย่างเนียนๆ

 

เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 ตรงไปที่ห้องของไอ้ซานทันที ผมเคยมานอนเล่นที่ห้องมันบ่อยๆ จึงจำเลขห้องของมันได้ดีเลยทีเดียว

 

เคาะประตูไปสองสามที ไอ้ซานก็เดินมาเปิดให้ ดูเหมือนมันจะตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นผม แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อสายตามันเลื่อนลงมามองที่ลำคอผม ก่อนจะถามเสียงแผ่ว “พี่เนลเป็นคนทำใช่ไหม”

 

ผมพึ่งรู้ตัวว่าไอ้คนที่พึ่งทิ้งผมไปหาผู้หญิงคนอื่นมันฝากรอยเอาไว้ จึงรีบดึงปกเสื้อขึ้นมาปิดเอาไว้

 

“เอ่อ...” ผมอ้ำๆอึ้งๆ ลังเลว่าจะบอกมันออกไปดีไหม ที่ผมได้รอยนี้มาก็เพราะพี่เนลมันดันงี่เง่าไม่ยอมให้ผมออกมาติวกับมัน ไอ้ซานเห็นว่าผมลำบากใจจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน

 

“ช่างมันเถอะ ใครเป็นคนทำมันก็ไม่สำคัญหรอกเนาะ” มันส่งยิ้มฝืดๆมาให้ผม สีหน้ามันตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

 

“ว่าแต่ทำยังไงพี่เนลมันถึงยอมให้มึงออกมาติวกับกูเนี่ย” ไอ้ซานเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็เป็นคำถามที่ลำบากใจสำหรับผมอยู่ดี

 

“โชคดีที่พี่เนลมันทิ้งกูไปกับผู้หญิงคนอื่น เลยมีโอกาสหนีออกมาติวกับมึง ดีใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะออกมาทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่เรื่องขำเลยแท้ๆ

 

“ฮะ ฮ่าๆ” ไอ้ซานหัวเราะแห้งๆ “ช่างมันเถอะเนาะ เข้ามาข้างในดีกว่า เดี๋ยวเสียเวลาติวหนังสือไปมากว่านี้” ผมก็พยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินตามมันเข้าไปในห้อง

 

       ผมเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนเตียงของไอ้ซาน ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจห้องของมันไปด้วย ห้องของไอ้ซานแต่งแบบคุมโทนครับ ขาวเกือบทั้งห้องเลย ตั้งแต่สีผนังยันชั้นวางรองเท้า จะมีแค่ทีวีจอแบนที่ติดฝาพนัง กับ พรมเท่านั้นแหละครับที่เป็นสีดำ อ้อ! มีต้นกระบองเพชรลูกรักที่มันปลูกไว้ตรงระเบียงอีก นอกนั้นก็ขาวหมด ถ้าเป็นฝุ่นขึ้นมาที เห็นได้ชัดมากเลยล่ะ

 

ไอ้ซานเดินไปที่โต๊ะญี่ปุ่น ที่มันเอามากางไว้บนพรมผืนใหญ่ตั้งแต่แรก มีหนังสือกับชีทกองระเนระนาดเต็มไปหมด บ่งบอกชัดเจนเลยว่ามันตั้งใจกับการสอบครั้งนี้ขนาดไหน

 

มันลงไปขัดสมาธิบนพรม ก่อนจะกวักมือเรียกผมหยิกๆ เป็นเชิงว่า ให้ลงไปนั่งติวกับมันตรงนั้น ผมเห็นอย่างนั้นจึงเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนาเตอะที่พกมาด้วย ออกจากกระเป๋า แล้วเดินไปนั่งกับมัน

 

“มีตรงไหนที่มึงไม่รู้เรื่องไหม” ไอ้ซานหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่ แล้วหันมาถามผม

 

ผมจึงบอกส่วนที่ผมไม่เข้าใจกับมันไป พยายามอ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องสักที เห็นมันบอกว่ามันพอไหว ผมจึงสบายใจขึ้นมาหน่อย

 

ไอ้ซานมันก็เริ่มอธิบายให้ผมฟังในแบบที่มันเข้าใจ ผมว่ามันเก่งพอตัวเลยนะครับ อธิบายแปปเดียวผมก็รู้เรื่องแล้ว จากที่นั่งเครียดพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาส่วนนี้ตั้งนานสองนาน มาฟังไอ้ซานไม่กี่นาทีผมบรรลุพระธรรมเลยเลย ยอดจริงๆ

 

ว่าแต่ตอนนี้ไอ้พี่เนลมันทำอะไรอยู่นะ มันนัดคนที่ชื่อบิวไปทำอะไรบ้าง ส่วนมากที่เขาทำกันก็ กินข้าว ดูหนัง ช็อปปิ้ง ถ้าโรแมนติกๆหน่อย ก็คงไปนั่งดูดาวที่ไหนสักที เสร็จแล้วก็......ช่างมันเถอะ ป่านนี้คงจะไปไกลถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วมั้ง ฮึ่มมม กลัวมาทำเสียงดังรบกวนผมอ่านหนังสือ! อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย

 

“ไอ้ภีม ฟังกูอยู่หรือเปล่า ดูเหม่อๆ” ไอ้ซานเอามือขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้า ผมถึงหลุดออกจากภวังค์

 

“หะ เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”

 

“พักก่อนดีกว่า กูว่ามึงไม่ไหวแล้ว” ไอ้ซานพูด พร้อมถอดแว่นออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ

 

“อืม” ผมตอบมันไป ก่อนจะพับหนังสือปิดไว้ แล้วบิดขี้เกียจบ้าง

 

“คิดเรื่องพี่เนลอยู่เหรอ” ไอ้ซานถามขึ้น สีหน้าดูเป็นกังวลไม่น้อยเลย

 

“เปล่า” ผมส่ายปฏิเสธ ก่อนจะส่งยิ้มให้มัน “กูจะไปคิดเรื่องมันให้ปวดหัวทำไม”

 

“แต่หน้ามึงมันฟ้อง กูคบกับมึงมากี่ปีแล้วทำไมกูจะดูไม่ออก”

 

“...” ผมได้แต่เงียบ ไม่ตอบอะไรไอ้ซานออกไป มันมองผมอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ถ้ามันมาตามมึงกลับ กูบอกไว้เลยว่ากูจะไม่คืนมึงให้มันเด็ดขาด”

 

“มันเป็นไปไม่ได้หรอก” มันจะมาตามผมทำไม ตลกแล้ว

 

“มันก็ไม่แน่” หน้าไอ้ซานเอาเรื่องพอสมควร เหมือนพร้อมจะบวกทุกเมื่อ จนผมรู้สึกกลัวมันขึ้นมาหน่อยๆ

 

      ตั้งแต่รู้จักกับมันมาเคยเห็นสีหน้าแบบนี้แค่ 2 ครั้งเองมั้ง ครั้งแรกก็ตอน ม.ต้นได้ ตอนนั้นผมมีเรื่องกับไอ้พวกหัวโปกหลังห้อง ก็อย่างว่าแหละ 5 รุม 1 โดนลุมกระทืบไปตามระเบียบ ไอ้ซานผ่านมาเห็นเข้า โกธรหน้าดำหน้าแดง หยิบไม้ขึ้นมาไล่ตีไอ้พวกนั้นจนได้เลือดกันเป็นแถวๆ หลังจากนั้นโดนเรียกไปปรับทัศนคติที่ห้องปกครองตามท้องเรื่อง รู้สึกว่าไอ้ซานจะโดนหักคะแนนความประพฤติ กับพักการเรียนไปอาทิตย์หนึ่งด้วยนะ

 

“หัวเราะอะไร” ไอ้ซานที่เห็นผมนั่งหัวเราะคิกคักถามขึ้นมา

 

“แค่คิดถึงเรื่องเก่าแล้วนึกขำขึ้นมา มึงนี่บ้าเหมือนกันนะ ตอนที่เอาไม้ไปไล่ตีพวกไอ้เบสจนได้เลือดน่ะ”

 

“อ๋อ 55555 สมน้ำหน้าพวกนั้นไม่หาย เข้าโรงบาลเย็บแผลไปไม่รู้ตั้งกี่เข็ม”

 

“ยังมีหน้ามาหัวเราะอีกนะมึง โดยพักการเรียนแถมยังโดนหักคะแนน คิดว่ามันคุ้มแล้วหรือไง”

 

“คุ้มดิ คุ้มมาก” มันมองผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้ ดูเหมือนมันจะภูมิใจมากนะนั่น “อย่างน้อยๆกูก็โดนคนเดียว ดีที่มึงไม่โดนไปด้วย แค่นี้กูก็ว่าคุ้มมากแล้ว”

 

ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับความบ้าของมัน

 

ไอ้ซานส่งยิ้มให้ก่อนจะลุกไปหยิบถุงกระดาษอะไรอย่างตรงชั้นวางของลงมา แล้วยื่นส่งให้ผม “อะ ของมึง” ผมก็รับมาแต่โดยดี ก่อนจะเปิดดูว่าข้างในมันคืออะไร

 

“โทรศัพท์?”

 

“อืม กูเอาให้”

 

“เอ่อ...” ผมก็ดีใจอยู่หรอกที่มันเอามาให้ แต่ผมคงรับไว้ไม่ได้ รุ่นนี้มันแพงเกินไป ผมไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อคืนมันหรอก “กูว่ามันแพงเกินไป กูรับไม่ได้หรอก มึงเอาคืนไปเถอะ ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ” ผมพูดพร้อมยื่นถุงคืนให้มัน

 

“เห้ยๆ แพงอะไรกัน กูได้มาฟรี”

 

“หือ จริงดิ?" ผมเลิกคิ้วสงสัย ไอ้ซานเห็นอย่างนั้นจึงรีบอธิบายต่อ

 

“พอดีกูไปจับรางวัลมาได้ เป็นไงล่ะ กูโชคดีไหม” ไอ้ซานเอามือขึ้นมาตบอกด้วยความภาคภูมิใจ

 

“โชคดีสัดๆ”

 

“ใช่ไหมล่ะ แล้วคือรุ่นนี้กูมีอยู่แล้ว” มันเอาโทรศัพท์ของมันโชว์ให้ผมดู “เพราะงี้แหละ รับไปเถอะ”

 

"เอ่อ..."

 

"รับไปเถอะน่า อย่าปฏิเสธน้ำใจกู"

 

“อืม ก็ได้ ถ้าได้มาฟรีกูก็ไม่มีปัญหา จะรับไว้แล้วกัน” ผมยิ้มดีใจ พร้อมรีบหยิบกล่องมือถือออกจากถุงมาถือไว้ มีโทรศัพท์ใช้แล้ว จะได้โทรหาแม่สักที ไม่ได้โทรหาตั้งนาน โคตรคิดถึง... ไม่รู้ตอนนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง จะยังแข็งแรง เป็นสาวแกร่งหมายเลขหนึ่งของผมอยู่ไหมนะ

 

“เก็บอาการหน่อยไอ้ภีม ยิ้มจนแก้มย้วยแล้ว”

 

“ขอบใจมากโว้ยไอ้ซาน ขอบคุณในความโชคดีที่ได้โทรศัพท์เครื่องนี้มา” ผมโผเข้าไปกอดไอ้ซานอย่างดีใจ มีมือถือใช้สักทีหลังจากโลเทคมานาน

 

“โอ้ย ไอ้ภีม กูหายใจไม่ออก” ไอ้ซานดิ้นทุรนทุราย ดูเหมือนผมจะกอดมันแน่นเกินไป มันเลยโวยวายออกมายกใหญ่ ผมคายกอดออก ก่อนจะหันมาสนใจโทรศัทพ์เครื่องใหม่ “เจ๋งเลยว่ะ รุ่นนี้”

 

“จะให้กูสอนเล่นไหม อ้อ! กูซื้อซิมให้แล้วนะ เบอร์กูก็เมมไว้ในเครื่องแล้ว”

 

“ขอบใจมากนะโว้ย แต่ไม่เป็นไร รุ่นนี้กูเคยเล่นอยู่” เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆไอ้ซาน กูซึ้งใจน้ำใจมึงมาก หลังจากตอบมัน ผมก็หันมาสนใจกับโทรศัพท์เครื่องใหม่ทันที

 

ผมกดเชื่อม wifi หอไอ้ซาน ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้มันใส่รหัส แล้วเข้าไปโหลด app จำเป็นที่ผมใช้อยู่บ่อยๆ เช่น พวกLine , Facebook , Twitter พอเฟสโหลดเสร็จ ผมก็เข้าไปใส่รหัสล็อคอินของตัวเอง ขอเช็คความเคลื่อนไหวขอโลกหน่อยแล้วกัน

 

พอเข้ามาได้ก็ต้องตกใจกับจำนวนเพื่อนที่แอดเข้ามา!

 

5 คน!! เยอะสัดๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครแอดมาเลย เพื่อนในเฟสผมก็มีไม้ถึงร้อย ส่วนมากก็เพื่อนเก่าที่มีน้อยนิด กับเพื่อนในคณะบางคน ไม่ปล่อยให้ความสงสัยมีมากไปกว่านี้ กดเข้าไปดูว่าใครกันที่แอดพี่ภีมคนหล่อมา

 

Yang Fong

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ

Jackker

Mek Wati

Nel Sirakorn

 

บร๊ะ!!!!! พวกพี่เนลเขานี่หว่า หาเฟสกูเจอได้อย่างไร นาทีนี้หน้าไอ้ทัศกับไอ้เหม่ยก็ลอยขึ้นมา ต้องเป็นไอ้พวกนั้นแน่ๆเลย! ตัวปล่อยข้อมูล!

 

ผมกดรับแอดทีละคน จนถึงพี่เนล รายนี้คิดหนักหน่อย นั่งชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจกดรับแอดมันไปในที่สุด ลองไม่รับดูสิ ได้มาโวยวายใส่ผมแน่ๆ

 

“หิวข้าวไหม ไปหาอะไรกินก่อนปะ เดี๋ยวต้องติวหนังสือต่ออยู่นะไอ้ภีม อย่ามัวแต่สนใจโทรศัพท์จนลืมล่ะ” ไอ้ซานเริ่มบ่นที่ผมเอาแต่เล่นโทรศัพท์

 

กำลังจะเข้าไปส่องเฟสไอ้พี่เนลมันแท้ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ

 

“ก็ดี กูก็หิวแล้วเหมือนกัน” ผมเงยหน้าขึ้นไปตอบมัน ก่อนจะเก็บมือถือเครื่องใหม่ในกระเป๋า

 

“อยากไปกินที่ไหน เดี๋ยวกูพาไป”

“อยากไปกิน...ร้านอาหารที่พึ่งเปิดใหม่ หลัง ม.” พอนึกถึงร้านนี้ หน้าไอ้พี่เนลมันก็ลอยมากวนใจ คำพูดของมันก็ยังตราตึงอยู่ในสมองส่วนซีรีบรัมผมไม่หาย

 

ก็ดีเหมือนกัน จะให้ไอ้ซานพาไปกินให้หายอยากเลย

 

--------------------------------------------

 

ใช้เวลาขับรถไม่นาน ก็ถึงร้านอาหารเปิดใหม่ หน้าร้านมีป้ายขนาดใหญ่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ข้างล่างมีชื่อไทยกำกับไว้ว่า ’นางิโซะ’ ซึ่งน่าจะเป็นชื่อร้านนี้แหละครับ

 

    ร้านนี้เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ข้างหน้าร้านถูกจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ มีโคมไฟญี่ปุ่นแขวนขนานทั้งสองข้าง ส่วนหน้าร้านก็มีผ้าม่านญี่ปุ่นผืนใหญ่สีน้ำเงินสลักตัวอักษรสีขาวปิดทางเข้ามิด พอเดินเข้าไปในร้าน ก็จะเห็นโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนที่เป็นเอกลักษณ์จัดเป็นโซนๆให้ลูกค้า บนผนังยังมีพวกธงปลาคราฟประดับประดาอยู่เป็นหย่อมๆ แถมยังมีต้นซากุระ ที่ดูจากสายตาแล้วน่าจะเป็นของปลอมตั้งเด่นอยู่กลางร้านด้วย

 

     พวกผมเดินเข้ามาในร้าน ก็มีพนักงานหญิงคนหนึ่งยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนนำพวกเราไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่มุมหนึ่งของร้าน เธอยื่นเมนูอาหารให้พวกผม แล้วเตรียมรอรับออเดอร์ ผมรับมาดู ก็ต้องคิดหนัก มีแต่เมนูที่น่ากินทั้งนั้นเลย ใจจริงก็อยากสั่งทั้งหมด แต่เห็นราคาแล้วเหงื่อแตก สังขารไม่เอื้ออำนวย จึงตั้งสินใจสั่งเมนูถูกที่สุดในร้านอย่าง ข้าวหน้าเนื้อไป ส่วนไอ้ซานสั่ง ราเมง ชูชิ เทมปุระ ทงคัตสึ ทาโกยากิ และตบท้ายด้วย เซตเบนโตะอีก 1 เซต ผมนี่ขนลุกเป็นแถบๆ ราคาไม่ใช่เบาๆเลย อีกอย่าง มึงจะกินหมดไหมล่ะนั่น

 

ระหว่างรออาหารผมก็นั่งคุยกับไอ้ซานไปพลาง แต่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยกับเสียงโทรศัพท์ของไอ้โต๊ะข้างๆ ที่ดังไม่ยอมหยุด

 

คลื่น คลื่น

 

เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเกือบ 10 ครั้งได้แล้ว แต่ไม่เห็นท่าทีเจ้าของเครื่องจะรับสักที รู้สึกรำคาญจึงหันไปตั้งใจจะบอกว่าถ้าไม่รับ ก็ปิดเครื่องไปเลย ทำแบบนี้มันรบกวนคนอื่นเขา แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นหน้าเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้น

 

เชี่ย ! พี่ฟง มาอยู่นี่ได้ไงวะ แถมที่นั่งตรงข้ามพี่แกยังเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักใช้ได้เลย

 

“ทำไมถึงไม่กินผัก พี่ขอเหตุผล”

 

“ก็ผมไม่ชอบ”

 

“ไม่ได้ครับอาร์ค เหตุผลนั้นฟังไม่ขึ้น”

 

“พี่ฟง ผมอยากกินไอติม”

 

“อย่าเปลี่ยนเรื่องครับ ถ้าอาร์คไม่กินพี่ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น”

 

“พี่ไม่ใช่พ่อผมสักหน่อย ทำไมผมต้องฟัง”

 

“อ้ามมม” พี่ฟงไม่ฟังคำทักท้วง ใช้ตะเกียบคีบผักขึ้นมา แล้วป้อนให้คนที่ชื่ออาร์ค เหมือนป้อนข้าวเด็กเลยว่ะ อาร์คก็ทำหน้ามุ้ย ไม่ยอมกินง่ายๆ จึงหันหน้าหนีผักที่พี่ฟงพยายามคีบให้

 

“อาร์ค” พี่ฟงเริ่มทำหน้าดุ “ทำไมไม่ฟังพี่”

 

คลื่น คลื่น

 

“ผมว่าพี่รับโทรศัพท์ก่อนดีไหม เห็นโทรมาหลายสายแล้ว น่าจะมีเรื่องสำคัญอยู่นะครับ”

 

พี่ฟงหันไปมองโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะสักพัก ก่อนจะหยิบขึ้นมากกดรับสาย

 

“ว่าไงไอ้เนล”

 

พี่ฟงยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันมามองผม เหมือนมีแผนชั่วอยู่ในใจ

 

“นั่นสินะ เรื่องนั้น...กูไม่รู้หรอก”

 
-------------------------------------------

 

[Nel Talk]

"พี่เนล ตัวนี้เหมาะกับบิวไหม" น้องบิวยกเสื้อขึ้นมาทาบกับตัวให้ผมดู

 

"น้องบิวใส่อะไรก็สวยหมดแหละครับ" ผมตอบแบบขอไปที

 

     วันนี้ผมมาเดทกับน้องบิว สาวคนใหม่ที่ผมพึ่งทำความรู้จักไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาเลยล่ะครับ แต่อีกเดี๋ยวเธอก็จะได้ทำหน้าที่เป็นตุ๊กตา(ยาง)ให้ผมสมใจเธอแล้วฮ่าๆ

 

     หลังจากไปรับเธอที่บ้านเสร็จแล้ว ผมก็พาเธอมากินข้าวที่ห้างแห่งหนึ่ง ใช้เวลาเลือกร้านอยู่นานพอสมควรเลย เธอค่อนข้างเรื่องมาก ร้านนู่นก็ไม่เอา ร้านนี้ก็ไม่โอ สุดท้ายก็ตกลงเลือกร้านยังไม่ได้ เลยมาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าฆ่าเวลาไปก่อน นี่ก็เลือกชุดมา 2 ชั่วโมงเต็มแล้วยังไม่ได้สักตัวเลยเลยครับ

 

"งื้อ ไม่เอาดีกว่าบิวว่าสีมันเข้มไป" พูดเสร็จก็เอาไปเก็บเข้าที่เดิม ก่อนจะเดินไปเลือกตัวใหม่ ผมรู้สึกเบื่อ จึงเดินออกมานั่นรอเธอที่หน้าร้าน ถ้าเลือกได้เมื่อไหร่ก็คงออกมาเรียกผมไปจ่ายเงินเอง

 

ติก ติก

 

เสียงข้อความดังขึ้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ขึ้นมาเปิดดูสักหน่อย

 

Yang Fong : ส่งรูป

 

 

     เป็นไอ้ฟงที่ส่งข้อความมา ปกติมันไม่ค่อยจะส่งอะไรไร้สาระ อย่างสวัสดีวันจันทร์ หรือพวกรูปหมูหมากาไก่มาแบบไอ้ฟิวหรอก ส่วนมากก็จะเป็นพวกข่าวสารบ้านเมือง ระบบเศรษฐกิจ หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติมากกว่า

 

ไหนวันนี้จะเป็นอะไร หรือหุ้นจะตกฮวบฮาบจนไอ้เฆมมันรักจ๊ากหรือเปล่าวะ ฮ่าๆ

 

     เห็นอย่างนั้นจึงกดเปิดเข้าไปอ่านข้อความในกลุ่ม ‘สล็อตยอดนักเอา’ ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าใครเป็นคนตั้งชื่อกลุ่ม จะมีใครอีกนอกจากไอ้ฟิว ผมอยากเปลี่ยนชื่อกลับมากๆ แต่ไอ้ฟิวมันไม่ยอมท่าเดียว บอกตั้งไว้เป็นศิริมงคล ผมว่าเป็นอัปมงคลมากกว่ามั้งครับ เดี๋ยวว่างๆจะแอบไปเปลี่ยนเงียบๆให้มันไม่รู้ตัวอยู่

 

พอเปิดเข้าไปดูสิ่งที่ไอ้ฟงส่งมาเท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่ไอ้เมฆหรอกครับที่ร้อง ผมเนี่ยแหละ!!

 

มันเป็นรูปไอ้ภีมกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอยู่ โดยมีไอ้ซานนั่งเอามือเท้าค้างมองหน้ามันแล้วส่งยิ้มอ่อนๆให้

 

แม่ง! หนีกูไปหาไอ้ซานเหรอวะ ! ปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้เลย วันหลังต้องล่ามโซ่เอาไว้ จะได้ไม่ต้องออกไปหาหมาตัวไหนอีก

 

จากอารมณ์ดีๆ ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

ติก

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : อู้ยย หัวเราะน่ารักจัง

 

Jackker : เห็นแล้วอยากจีบเลยล่ะครับ

 

Mek Wati : สงสติ๊กเกอร์ (หัวใจ)

 

มึงก็เอาด้วยเหรอวะ ไอ้เมฆ สงสัยช่วงนี้มันจะว่างจัด

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : เจอที่ไหนครับ @Yang Fong จะรับไปเลี้ยง

 

Yang Fong : เจอแถวนี้แหละครับ แต่ดูจากลักษณะ น่าจะมีเจ้าของแล้วนะ ใส่ปลอกคอให้เห็นชัดเจนขนาดนั้น

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : อุ้ย จริงด้วยค่ะ รอยแดงชัดเจนมาก แต่เจ้าของแย่จังเลย ทำไมปล่อยให้ออกจากบ้านดึกๆดื่นๆแบบนี้ล่ะคะ @Nel Sirakron

 

Jackker : ดีเลยครับ บอกพิกัดมา เดี๋ยวกูไปฉุดมาทำเมีย

 

Mek Wati : ส่งสติ๊กเกอร์ (คนพยักหน้าเห็นด้วย)

 

ฮื่มมมมมมม!!! น่าหงุดหงิดจริงๆ ยิ่งมาอ่านที่ไอ้พวกเพื่อนนรกพิมพ์คุยกันก็ยิ่งหงุดหงิด

 

(. . .) เห็นไอ้ฟงกำลังพิมพ์อยู่ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ภีมมันหนีผมไปเที่ยวที่ไหน! เห็นมันพิมพ์นานมากจนความร้อนที่สุมอยู่ในอกแทบระเบิดออกมา แต่ก็ต้องทนใจเย็นรอมัน จนในที่สุดมันก็พิมพ์ส่งมาจนได้

 

Yang Fong : อยากได้พิกัด ทักมาหลังไมค์

 

ผมนี่แทบปาโทรศัพท์ทิ้ง ฆ่ามันก่อนคนแรกเลยดีไหม ไอ้หยางฟง! ช่วงนี้กวนตีนนะมึง

 

Nel Sirakron : ส่งมาไอ้ฟง อย่าเล่นตัว เดี๋ยวเจอตีน

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิ๋ดระบ๋ำ : กูขอเพิ่มแฮชแท็กใหม่ ให้พวกมึงเอาไปเล่นกัน

 

Jackker : แฮชแท็กอะไรวะไอ้ฟิว

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิ๋ดระบ๋ำ : #เตรียมจอบไว้ขุดหลุมฝังไอ้เนล

 

Nel Sirakron : ขุดหลุดฝังมึงก่อนเป็นไงไอ้ฟิว ไอ้ฟงรีบบอกกูมาไม่งั้นมึงได้ลงหลุมไปนอนเป็นเพื่อนไอ้ฟิวอีกคน

 

ฟอฟิวหล่อใหญ่ เหิดระบ๋ำ : พ่อองค์ลงแล้ว กูไปละ ขอจบการยั่วอารมณ์แต่เพียงเท่านี้ แยกย้าย

 

Jackker : โชคดีนะ ใครจุดระเบิดก็รับผิดชอบด้วย @Yang Fong

 

Mek Wati : ส่งสติ๊กเกอร์ (หมียกมือบ๊ายบ่าย)

 

ไอ้ฟงทิ้งช่วงอยู่นาน จนผมเริ่มรอไม่ไหว กำลังจะกดโทรไปหามัน แต่มันก็พิมพ์มาก่อน

 

Yang Fong : good night ถึงเวลานอนของกูแล้ว

 

นอนพ่อง! อยากนอนมาก มึงก็ลงไปนอนในหลุมทีเดี๋ยวเลยเป็นไง!

 

Nel Sirakron : มึงไม่ต้องมาทำเป็นนอนเลยไอ้ฟง กูรู้ว่ามึงยังไม่กลับคอนโดด้วยซ้ำ!

 

 

“พี่เนล เอาตัวไหนดีคะ บิวเลือกไม่ได้เลย” เสียงน้องบิวดังขึ้น ทำให้ผมละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองเธอแทน น้องบิวเดินมาหยุดตรงหน้าผม ในมือถือชุดมาสองตัว ก่อนจะชูให้ผมช่วยเลือก

 

นี่ก็อีกคน ยังเลือกไม่ได้อีกหรือไง

 

“ถ้าเลือกไม่ได้ ก็เอาทั้งสองตัวนั่นแหละ!” ผมบอกเธอไป พยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังจะประทุเต็มแก่เอาไว้

 

“เอ่อ..บิวทำอะไรผิดเหรอคะ ทำไมพี่เนลต้องอารมณ์เสียใส่บิวด้วย ถ้าพี่เนลไม่อยากซื้อให้ ก็บอกมาตรงๆสิคะ ไม่เห็นต้องตะคอกใส่กันแบบนี้เลย งั้นบิวไม่เอาแล้วก็ได้ค่ะ” เธอเริ่มทำหน้างอน เอาเสื้อผ้าที่ถืออยู่ไปแขวนกลับที่เดิม

 

ผมเดินไปหาเธอ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้ไป “วันนี้กลับบ้านคนเดียวนะครับ พี่มีธุระต้องไปจัดการ”

 

“อะไรนะคะ!” เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม

 

“บิวใจเย็นๆก่อนนะครับ” ผมพยายามควบคุมระดับน้ำเสียงเอาไว้ “พี่มีธุระสำคัญจริงๆ พี่ต้องขอโทษด้วยที่ทิ้งบิวเอาไว้ที่นี่ วันหลังพี่จะเลี้ยงข้าวเป็นไถ่โทษ ดีไหมครับคนดี” ผมเอามือไปลูบหัวเธอเบาๆ “บิวเข้าใจพี่นะ”

 

“ไม่ค่ะ ธุระอะไร สำคัญถึงขั้นต้องทิ้งบิวเลยหรือไง!” เธอตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้เริ่มหันมามองเป็นแถวๆ บางคนก็เริ่มหันซุบซิบกับเพื่อน เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงบอกให้บิวลดน้ำเสียงของเธอลงหน่อย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมฟังที่ผมพูดเลย เอาแต่โวยวายใส่ผม แถมยังยื่นคำขาดว่า จะไม่ยอมให้ผมไปไหนทั้งนั้น ถ้าธุระนั้นไม่สำคัญพอ

 

ผมได้แต่มองเธอนิ่งๆ ก่อนจะตอบเธอไป

 

“ไปตามเมียกลับบ้าน” ผมบอกเธอไปตรงๆ ถึงจะนึกเสียดายที่ไม่ได้เล่นของเล่นชิ้นใหม่นี้ก็เถอะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละวะ ต้องกลับไปตามของเล่นชิ้นเก่าคืนสู่บ้านก่อน!

 

ไอ้ภีม! ทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวเป็นไม่ได้เลยนะมึง!

 

ผมเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของน้องบิวที่ตามหลังมา มือก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาไอ้ฟง ไอ้นี่ก็อีกคน ได้ทีก็เล่นตัวใหญ่เลย แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก โทรจี้มันไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ยอมรับสายแต่โดยดี

 

[ว่าไงไอ้เนล]

 

“มึงไม่ต้องมาว่างงว่าไง ไอ้ภีมอยู่ไหน บอกกูมา!”

 

[นั่นสินะ เรื่องนั้น...กูไม่รู้หรอก]

 

“มึงอย่ามาเล่นตัวไอ้ฟง เดี๋ยวกูเป่าหัว”

 

[กูต้องกลัวไหม]

 

“บอก กู มา!” ผมกดเสียงต่ำ และย้ำทีละคำ เผื่อมันจะเข้าไปในโซนประสาทของมันบ้าง

 

ติ๊ด

 

ไอ้เห้ฟง ! มันกดวางสายไปแล้วครับ เดี๋ยวพ่อทุ่มด้วยหอไอเฟลเลยไอ้สัด!

คนยิ่งหัวเสียอยู่

 

ติก ติก

 

Yang Fong : ได้แชร์โลเคชั่น

Yang Fong : อ่ะ ทำบุญ

 

กว่าจะบอกนะมึง!

 

เมื่อได้ที่อยู่แล้ว ผมก็รีบเหยียบคันเร่ง ขับตรงไปร้านที่ไอ้ฟงพึ่งแชร์โลเคชั่นมา คงจะเป็นร้านที่ผมเคยชวนไอ้ภีมไปกิน แต่ดันผิดสัญญากับมันก่อนนั่นแหละ

 

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-05-2018 17:08:53
เทอิพี่เนลมันเลยจ้า :laugh:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-05-2018 18:09:38
หึ พี่เนล โกดอารายยยยย
แค่คนทีคิดจะจีบ แล้วทิ้งไม่ใช่ไง
ทำมาเปนหวง รอวันที่จะเห็นคนกลืนน้ำลายตัวเอง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-05-2018 18:16:34
หมั่นพี่เนลจัง เอาให้ชัดๆได้ไหมมมม   :z6:

พี่ฟงไม่น่าบอก ให้หัวร้อนเล่นๆ อิอิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-05-2018 20:02:21
อย่าไปโกรธเค้าเลย
เราไม่ดีเองอ่ะ

ภีมเอ้ย รักเค้าแล้วดิเรา สงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-05-2018 23:11:33
ก็สมควรแล้วนิ ทิ้งภีมเองอ่ะ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(1) |[25/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-05-2018 00:27:02
มีสิทธิอะไรไปโกรธคนอื่นเขา?
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 27-05-2018 19:01:37
หวงก้าง
(2/2)




เอี๊ยดดดดดดดดด

 

“เห้ย ขับรถภาษาอะไรวะ”

 

“ขับแบบนี้ มึงไปสอบใบขับขี่ใหม่เหอะ ไอ้ควาย”

 

ผมไม่สนใจคำตะโกนด่าทอที่ตามหลังมา เมื่อถึงร้านนางิโซะแล้ว ก็รีบลงจากรถ สองเท้าก้าวเข้าไปในร้านด้วยความรวดเร็ว

 

   เพราะวันนี้คนเยอะพอสมควร จึงใช้เวลามองหาไอ้ภีมอยู่นานกว่าจะเจอ เห็นมันกำลังนั่งหัวเราะอย่างมีความสุขกับไอ้ซานอยู่ ก็รู้สึกขัดหูขัดตายังไงก็ไม่รู้ ทีอยู่กับกูหัวเราะสักแอะก็แทบไม่มี ดีแต่ทำหน้าอมทุกข์ คิ้วขมวดเป็นปมได้ทุกวี่ทุกวัน เหมือนกำลังกล้ำกลืนฝืนทนที่ต้องมาอยู่กับกูอย่างนั้นแหละ ทีกับไอ้ซานนี่ยิ้มจนปากจะฉีกไปจนถึงหูแล้วมั้ง

 

เห็นแล้วรำคาญใจจริง!!!

 

ผมเดินเข้าไปดึงแขนมันให้ลุกขึ้น ก่อนจะออกแรงกระชากมันให้เดินตาม

 

“พี่เนล!!” ดูเหมือนมันจะตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นผม

 

"กูบอกมึงว่าไง!"ผมถามเสียงดุดัน ก่อนจะออกแรงบีบข้อมือมันมากกว่าเดิม

 

"บอกให้ผมอ่านหนังสืออยู่บ้าน...คนเดียว"

 

"แล้วมึงทำไหม!! ก็ไม่เคย! ดื้อ!! ดื้อดึง!!! บอกอะไรไม่เคยฟัง กูควรจะทำยังไงกับมึงดีหะ!"

 

"...." ไอ้ภีมไม่ได้ตอบอะไรผม

 

“กลับบ้าน!!”ผมหันไปตวาดใส่มัน ก่อนจะออกแรงกระชากมากกว่าเดิม เมื่อไอ้ลูกหมามันเริ่มดิ้นรนขัดขืน

 

“ไม่!”

 

“กูบอกให้กลับ!”

 

“ผมไม่กลับ” มันเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่มาแกะมือผมออก ก่อนจะยืนกอดอกมองผมนิ่ง เป็นการบอกนัยๆว่า ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมพี่อีกแล้ว

 

ผมเริ่มกัดฟันกรอด ด้วยความไม่สบอารมณ์ “ไอ้ภีม มึงอย่ามาดึ้อกับกูนะ”

 

“พี่ก็อย่ามาทำตัวงี่เง่าใส่ผมดิ” มันเริ่มยอกย้อนผม

 

“มึงว่าไงนะ? กูไปทำตังงี่เง่าใส่มึงตอนไหน”

 

“ก็ตอนนี้แหละ! ทีกับผมบังคับให้อ่านหนังสืออยู่บ้าน ทีพี่ออกไปหาผู้หญิงสบายใจเฉิบ แล้วมาทำตัวบังคัญนั่น บังคัญนี่อยู่ได้ ไม่ยุติธรรมว่ะ”ไอ้ภีมเริ่มโวยใส่ผม

 

“อย่างมึงมีสิทธิ์เรียกร้องหาความยุติธรรมด้วยหรือไง?” ผมเลิกคิ้วถามมัน “บ้านก็อยู่กับกู เงินเดือนที่มาขอเบิกล่วงหน้า กูก็ยังไม่ได้ให้” ผมพูดตอกย้ำมันไป เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง ว่าที่มันต้องเชื่อฟังผมเป็นเพราะอะไร ไอ้ภีมดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย ผมเลยพูดจี้มันต่อ “หรือจะไม่เอา?”

 

มันก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จา นั่นก็แสดงว่ามันเริ่มยอมผมแล้ว

 

“กลับบ้าน!!" ผมเอื้อมมือไปดึงแขนมันอีกครั้ง

 

“พี่อย่าเอาเงินมาขู่เพื่อนผมหน่อยเลย จะบังคับอะไรมันนักหนา มันก็เป็นคนนะครับ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ที่แค่เอาเงินไปซื้อถ่านมาเติม มันก็ทำทุกอย่างตามที่พี่สั่งเพียงแค่มีรีโมทบังคับ”

 

“ไอ้ซาน!”

 

“ตอนนี้ สำหรับไอ้ภีม เงินก็เหมือนถ่าน รีโมทก็เหมือนบ้าน ถ้าวันไหนพี่ไม่มีสองอย่างนี้ พี่คิดว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะเดินตามที่พี่บังคับไหมครับ?”

 

“มึงอย่ามาตั้งคำถามกับกู!”

 

“ผมรู้ว่าตอนนี้มันต้องการเงินจนต้องลดศักดิ์ศรียอมทำตามที่พี่สั่ง ถึงผมไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพี่ แต่ผมหมั่นใจว่าเงินที่ผมมีอยู่สามารถซื้อศักดิ์ศรีของไอ้ภีมคืนมาได้ เอางี้เป็นไงครับ? เดี๋ยวผมจะซื้อถ่านกับรีโมทคืนให้ไอ้ภีมเอง” ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่มันพูดออกมาคือความตั้งใจจริงๆ หรือแค่ตั้งใจยั่วโมโหผมกันแน่ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง คือได้ผลดีทีเดียว

 

“คนนอกอย่างมึง อยู่เฉยๆดีกว่า อย่าแกว่งปากหาตีน!”

 

“ผมไม่ใช่คนนอกครับ ผมเป็นเพื่อนมัน ที่ผ่านมาผมยอมพี่ก็จริง แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากปล่อยไอ้ภีมให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนอย่างพี่ด้วยซ้ำ”

 

“ไอ้ซาน!” ผมพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อมัน ก่อนจะถามลอดไรฟัน “มึงแน่ใจเหรอว่าคิดกับไอ้ภีมแค่เพื่อนอย่างที่ปากพูด”

 

“ครับ ตอนนี้ผมคิดกับมันแค่เพื่อน แต่ถ้าวันไหนพี่ทำมันเสียใจขึ้นมา ผมก็พร้อมเป็นให้มันมากกว่าเพื่อนเหมือนกัน” ฮึ่มมมม พอได้ยินประโยคนี้ ความเกี๊ยวกราดก็ทะลุปรอท ต่อยหน้ามันด้วยหมัดหนักๆไปหนึ่งที จนมันล้มลงไป คนในร้านที่แค่หันมาดูสถานการณ์ ตอนนี้เริ่มแตกตื่นกันใหญ่ ไอ้ภีมที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเข้าไปช่วยไอ้ซานทันที แต่ผมไม่ยอมรีบดึงแขนมันเอาไว้ ก่อนจะสั่งเสียงแข็ง “กลับ”

 

ผลัวะ

 

ไอ้ซานลุกขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ ต่อยหน้าผมคืนหมัดหนึ่งเน้นๆ รู้สึกชาไปหมด ไอ้นี่ก็ต่อยหนักใช้ได้เลยเหมือนกันว่ะ

 

“ผมไม่ยอมให้พี่พาไอ้ภีมไปไหนทั้งนั้น จะเอามันไปทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวอีกเหรอครับ? ถ้าพี่ตัดสินใจที่จะทิ้งมันแล้วก็ทิ้งให้มันสุดๆสิครับ” ไอ้ซานดึงแขนไอ้ภีมกลับไป ทำอย่างนี้สงสัยอยากโดนอีกหมัด!

 

ไอ้ภีมที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบห้ามเอาไว้ก่อน “หยุดทั้งคู่นั่นแหละ”

 

“ไอ้ซาน มึงจะไปยั่วโมโหมันทำไม เดี๋ยวก็โดนเอาคืนจนเมาหมัดไปข้างหนึ่ง แล้วมาติวหนังสือให้กูต่อไม่ได้พอดี” ไอ้ภีมหันไปพูดกับไอ้ซาน ก่อนจะหันมาพูดกับผมต่อ “พี่เนลก็อีกคน ผมแค่มาติวหนังสือกับไอ้ซานเอง จะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไมครับ”

 

“เหอะ! กูพึ่งรู้นะว่านักศึกษาแพทย์เขาลงทุนมาติวหนังสือกันถึงร้านอาหารสองต่อสอง ตอนสามทุ่ม” ผมเลิกคิ้วถามมัน

 

ไอ้ภีมถอนหายใจออกมา ทำหน้าปลงตก ก่อนจะค่อยๆอธิบายให้ผมฟัง“ผมแค่หิวข้าว แล้วให้ไอ้ซานพาออกมากินเท่านั้น เดี๋ยวก็กลับไปติวต่อแล้ว”

 

ผมไม่ได้ตอบอะไรน้องมันไป ได้แต่ยืนมองมันนิ่งๆ ไอ้ภีมเห็นว่าผมเงียบไปจึงเข้าเอามือมาเกาะแขนผมแน่น

 

“พี่เนล ให้ผมอยู่ติวกับไอ้ซานเถอะ สอบพรุ่งนี้สำคัญกับผมมากนะ นะครับ”

 

มึงไม่ต้องมาทำเป็นอ้อน กูใจอ่อนแต่กับผู้หญิงเท่านั้นโว้ย คิดว่าทำแบบนั้นมันน่ารักมากนักหรือยังไง

แล้วมือที่เกาะแขนกูเนี่ย ปล่อย! รีบปล่อยเลยไอ้ภีม!



ผมหันไปทำตาขวางใส่มัน ก่อนจะตอบปฏิเสธออกไป “อืม ก็ได้” อ่าว ปากไปไวกว่าความคิด

 

มันคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้มอย่างฉับพลันเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากผม “แต่!!!!!! กูจะไปด้วย”

 

“หะ”

 

“กูจะไปนั่งติวกับมึงด้วย มีปัญหาอะไรไหม”

 

“มีดิ พี่จะมาทำไมวะ”

 

“งั้นมึงก็ไม่ต้องไป”

 

“งั้นผมไม่มีปัญหาแล้ว”

 

----------------------------------------

   



 หลังจากที่ผมยอมให้ไอ้ภีมไปติวกับไอ้ซาน เจ้าของร้านอาหารแกก็รีบโผล่หัวออกมาจากหลังมุมเสา ถือมีดชี้หน้าด่าพวกผมใหญ่เลย ว่าทำร้านแกเสียหาย แถมยังทำให้ลูกค้าคนอื่นตกใจจนหนีหายไปอีก (ผมว่าไอ้พวกนี้ตั้งใจกินแล้วไม่จ่ายเงินมากกว่า) ใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะขอโทษเจ้าของร้านแกให้ยอมความพวกผม ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันในร้าน ก็เสียเงินค่าปลอบขวัญแกไปหลายตังค์อยู่เหมือนกัน

 

หลังจากที่เคลียร์กันจนสถานการณ์กลับมาเป็นปกติไอ้ลูกหมาของผมก็กลับไปนั่งตักข้าวหน้าเนื้อของมันกินต่อ ส่วนไอ้ซาน! มันก็กลับไปซดราเมงของมันต่อเช่นกัน เห็นหน้าไอ้นี่แล้วรำคาญลูกตาว่ะ

 

ในจังหวะที่มันกำลังคีบเส้นราเมงขึ้นมา หวังจะกินนั้น ผมก็ยกมือขึ้นมา

 

ตะเกียบตกแม่ง!

 

อย่าได้แดกเลยมึง โทษฐานทำตัวรกหูรกตากู

 

เส้นที่คีบขึ้นมาตกลงไปในชาม ทำให้น้ำราเมงกระจุยกระจายออกมาเลอะโต๊ะ ส่วนตะเกียบน่ะเหรอ! กระเด็นตกลงไปนอนหงายอยู่ข้างรองเท้าไอ้ภีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ

 

ไอ้ซานมองผมตาขวางเลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ต้องคีพลุคเป็นเพื่อนที่แสนดีของไอ้ภีมเข้าไว้ ส่วนผมไม่ต้องคงไม่ต้องคีพหรอกครับ ไม่เคยดีในสายตามันอยู่แล้ว

 

“พี่เนล อย่าพาล” ไอ้ภีมหันมาทำเสียงดุใส่ผม ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกพนักงานให้เอาตะเกียบมาเปลี่ยนให้ไอ้ซานใหม่

 

ไอ้ซานหยิบทิชชูมาเช็ดโต๊ะที่เปื้อนน้ำราเมง ก่อนจะรับตะเกียบจากพนักงานมาคีบเส้นราเมงกินต่อ

 

ผมก็มองเขม่นมันไปด้วย มือที่ว่างก็เอื้อมไปหยิบทาโกะยากิมากินไปพลาง ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นของใคร แต่ตอนนี้ผมหิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เย็นแล้ว หิวจนกระเพาะแทบร้องขอชีวิต

 

"พี่เนลไม่จำเป็นต้องจ้องเพื่อนผมขนาดนั้นก็ได้นะครับ ถ้าผมเป็นไอ้ซานอึดอัดตายเลย แม่ง! จะกินแต่ละทีีกดดันฉิบ!"

 

"ก็ได้! งั้นกูหันมามองมึงแทนดีครับคนดีของพี่" หยอดมันสักหน่อย

 

แต่ดูเหมือนไอ้ภีมจะไม่เล่นด้วยแฮะ นอกจากจะไม่สนใจผมแล้วยังจะหันไปชวนไอ้ซานคุยเรื่องเรียนต่ออีก ใช้ศัพท์บ้าอะไรก็ไม่รู้ ผมฟังไม่รู้เรื่องเลย

 

ฮึ่มมม ไอ้ลูกหมา! แสบดีเหมือนกันนะมึง!

 

พวกมันน่าจะคุยกันเรื่องข้อสอบนั่นแหละ ไม่อยากจะไปรบกวนมาก วันนี้ผมเป็นคนดี จะนั่งจิ้มทาโกะยากิกินเงียบๆแทนละกัน

 

หลังจากที่กินข้าวกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ขับรถไปหอของไอ้ซานทันที โดยมีรถของมันนำทางไป ผมก็ขับตามมันไปเรื่อยๆครับ แน่นอนว่าไอ้ลูกหมาต้องมากับผม ตอนแรกก็ดื้อจะไปกับไอ้ซาน แต่ผมไม่ยอม ถึงได้มานั่งหน้างออยู่ข้างๆผมนี่ไง

 

ผมเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงฟังชิวๆ เผื่ออารมณ์คนที่มาด้วยจะดีขึ้นมาบ้าง คิ้วที่ขมวดเป็นปมเมื่อกี้ค่อยๆคลายออก นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าลูกหมาของผมเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว

 

ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ก็ถึงหอของไอ้ซานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โห! เป็นหอในโครงการวาติธิพัฒน์ซะด้วย นี่พึ่งรู้ว่าครอบครัวไอ้เมฆทำโครงการพวกนี้ด้วย น่าตกใจว่ะ

 

พอถึงห้องไอ้ซานเดินไปค้นเสื้อผ้าจากตู้แล้วยื่นมาให้ผม “อะ วันนี้พี่ใส่เสื้อผ้าของผมไปก่อน”

 

ผมหยิบขึ้นมาดู เป็นเสื้อยืดกับกางเกงบอลทีมที่ผมเกลียด ผมหันไปมองมันตาขวาง นอกจากจะคิดแย่งเมียกูแล้วมึงยังจะเชียร์บอลทีมที่กูเกลียดอีกเหรอวะไอ้ซาน ครบวงจรอุบาทว์จริงๆ “กูไม่ใส่!” ผมโยนเสื้อผ้ามันทิ้งลงพื้น

 

“ก็เรื่องของพี่เถอะ ผมมีเสื้อผ้าอยู่แค่นี้” อยู่หอก็แพง เสือกขาดแคลนเสื้อผ้าเหรอวะ น่าสงสารจริงๆ

 

“กูไม่ใส่กางเกงตัวนี้ ไปเปลี่ยนตัวอื่นมา”

 

“เรื่องมากว่ะ ตอนนี้พี่อยู่ในสถานะเลือกอะไรได้ด้วยเหรอครับ”

 

ไอ้นี่ ปากวอนตีนอีกแล้ว “เอ่อ คนอย่างกูเลือกได้เสมอ”

 

“แต่ไม่ใช่ที่หอผมครับ ถ้าไม่ใส่ก็แล้วแต่พี่เถอะ”

 

ได้ทีข่มกูใหญ่เลยนะ เดี๋ยวยกไอ้ภีมกลับบ้านแม่ง ไม่ต้องตงต้องติวมันละ พาลโว้ย!

 

“เอ่อ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว” ไอ้ภีมพูดด้วยเสียงเนือยๆ เดินไปหยิบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวออกจากกระเป๋า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบเสื้อยืดกับกางเกงบอลติดมือวิ่งสามคูณร้อยตามไอ้ภีมไปทันที

 

“เห้ย พี่เนล”

 

ปัง!

 

ไม่รอให้ไอ้ลูกหมาหนีออกไป ผมก็รีบปิดประตูล็อคกลอนทันที

 

“เข้ามาทำไมวะ” น้องมันโวยวายลั่น

 

“กูขออาบน้ำด้วย”

 

“เห้ย ไม่เอาโว้ย” น้องมันพยายามดันผมออกไปจากห้องน้ำ “ออกไป”

 

“จะเป็นอะไรไป ผู้ชายอาบน้ำด้วยกัน มาๆ กูแก้ผ้าให้” พูดจบก็ใช้มือข้างหนึ่งล็อคตัวมันเอาไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อผ้ามันออกทีละชิ้น ไอ้ภีมมันก็พยายามขัดขืน แต่แบบนี้แหละครับ ผมชอบ มันท้าทายความสามารถดี หึหึหึ

 

เรื่องที่มึงหนีกูออกมา ก็ยังไม่ได้คิดบัญชีเลย

จะถือโอกาสนี้คิดบัญชีทบต้นทบดอกเลยล่ะ

 

รอยแดงที่ต้นคอมึงสวยดีจริงๆ แต่คงต้องทำเพิ่มอีกสักสองสามรอยล่ะมั้ง สงสัยแค่รอยเดียวมันยังไม่ชัดเจนพอที่จะกันคนนอกอย่างใครบางคนได้

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 27-05-2018 19:22:04
พี่เนลท่าจะขี้หวงเกินไปละนะ
ไม่คิดอะไรจริงๆหรอ
อ่ะๆ แผนการหลอกให้รักชิมิ
  :hao3:
ไม่รุ้จะรุ้ตัวมะไหร่ เพื่อนรุ้ทั้งกลุ่มแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-05-2018 20:06:20
นี่คือแผนหรือความต้องการส่วนตัวคะพี่เนล 5555
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 27-05-2018 20:16:53
ปวดหัวดีเนอะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-05-2018 00:03:54
นี่ดราม่าชัวร์
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 28-05-2018 00:31:41
ร้ายๆๆ   :mew2:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-05-2018 08:04:25
จ้าาาาา ไม่ได้อะไรกับน้องแต่หวงก้างเว่ออออออ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-05-2018 09:11:41
จะหวงบ้าอะไรขนาดนั้น จำไม่ได้เหรอว่าไม่ได้มีสถานะอะไรกับน้องเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 29-05-2018 04:14:03
สมน้ำหน้า เดี่ยวก็ไปโมโหใส่น้องอีก มีสิทธิ์อะไรเหรอคะพี่เนลลลล ตัวเองผิดสัญญาก่อนแท้ๆ อยากเปลี่ยนพระเอกเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-05-2018 15:53:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่17 หวงก้าง(2) |[27/5/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 29-05-2018 21:13:27
เป็นกูก็ทวงเงิน1ล้านแล้ว หวงเบอร์นี้ ยิ่งกว่าแมวหวงก้างอีก เยอะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 02-06-2018 18:41:32
ตอนที่ 18 หื่น


 “ปล่อยยยย” ผมโวยวายลั่นเมื่อพี่เนลมันเอามือข้างหนึ่งมาล็อกเอวผมไว้แน่น ทำให้แผ่นหลังของผมแนบชิดกับแผงอกกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมันอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งค่อยๆปลดเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้น พยายาขัดขืนมันโดยการแกะแขนที่รัดเอวผมไว้ ทั้งจิก ทั้งขวน ทั้งทุบ แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งชอบรัดผมแน่นกว่าเดิมอีก เป็นพวกชอบความรุนแรงเหรอมึงน่ะ

 

มันหัวเราะเยาะผมในลำคอ ก่อนเปลี่ยนมือที่รัดเอวผมเอาไว้ มาจับมือผมไขว้หลัง พร้อมรวบมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ทำให้ตอนนี้มือของผมเฉียวไปโดนเป้ากางเกงมันที่ยืนประชิดตัวผมหลายทีแล้ว เป็นโมเม้นที่โคตรเหี้ยเลย

 

มันก้มลงมากระชิบข้างหูผมเสียงกระเส่า“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก พี่จะได้ทำแรงๆ” พูดจบก็ใช้มือค่อยๆลูบไร้บริเวณหน้าท้อง ก่อนค่อยๆเลื่อนต่ำลงไปดึงกางเกงชั้นนอกของผมลงไปกองกับพื้น มันเอาจมูกโด่งได้รูปมาถูไถล่บริเวณลำคอ รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคอ แล้วรู้สึกวาบหวิวแปลกๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด เลือดเริ่มฉูบฉีดไปทั่วร่างกาย ตอนนี้รู้สึกเห่อร้อนไปหมดทั้งตัวแล้ว พี่เนลใช้ฟันกัดอย่างแรง จนผมร้องออกมาด้วยความตกใจ เริ่มได้กลิ่นคราวเลือดอ่อนๆลอยมาแตะจมูก พี่เนลพรมจูบซ้ำบริเวณที่ตัวเองพึ่งกัดไป ก่อนจะทั้งดูดทั้งเม้นที่จุดเดิมซ้ำๆ จนผมรู้สึกเจ็บปวดไปหมด

 

“เจ็บ” ผมเอ่ยบอกมัน เผื่อมันจะหยุดการกระทำบ้าๆนี้สักที แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันหยุดเลย

 

ตอนนี้ผมเริ่มกลัวมันขึ้นมาแล้ว

 

“พี่เนล ผมไม่มีเวลามาเล่นกับพี่หรอกนะครับ ปล่อย” ผมพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก

 

“ใครว่าพี่เล่นอยู่” มันกระซิบข้างหู ก่อนจะงับหูผมเบาๆเป็นการหยอกเย้า

 

“ไม่เอา” ผมรีบบอกปฏิเสธ ตอนนี้บนร่างกายผมเหลือแต่กางเกงบ๊อคเซอร์เท่านั้นที่ช่วยปิดบังร่างกายเอาไว้ ส่วนเสื้อตัวโปรดกับกางเกงตัวเก่งถูกถอดทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

“ภีมไม่ชอบเหรอ”

 

“ไม่ชอบ” ผมพยายามทำหน้าให้นิ่งมากที่สุดตอนตอบมันออกไป ถึงแม้ว่าสัมผัสเมื่อกี้มันจะทำให้สติผมแทบหลุดขนาดไหน แต่ผมจะให้มันรู้ไม่ได้ เดี๋ยวแม่ง! ได้ใจ

 

“แต่พี่ชอบ” พูดจบก็ก้มลงไปดูดเม้มที่หัวไหล่ของผมจนเป็นรอยแดง

 

“ไม่เอาพี่เนล ผมไม่เอา” ผมส่ายหัวไปมา พยายามขอร้องให้มันหยุด แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งชอบใจที่เห็นผมพยายามดิ้นรน

ที่ทำแบบนี้ มันต้องการอะไรจากผมกันแน่

 

ต้องการสั่งสอน

 

หรือ ความสะใจส่วนตัว

 

“พี่ทำแบบนี้ทำไม” พี่เนลชะงักค้างกับคำถามของผม ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

 

“ลงโทษเด็กดื้อ ที่ไม่ยอมเชื่อฟังกู” จากนั้นก็เริ่มทำรอยบริเวณลำคอต่อ

 

“ไอ้ภีม!!! มีอะไรหรือเปล่า” เสียงไอ้ซานตะโกนเรียกอยู่หน้าห้องน้ำ ผมจึงรีบเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือจากมันทันที

 

“ไอ้ชะ! อุ๊บ” พี่เนลรีบใช้มือปิดปากผมเอาไว้แน่น “เงียบ”

 

ก็อก ก็อก ก็อก

 

“ไอ้ภีม เป็นอะไรหรือเปล่า ตอบกูหน่อย”

 

“อ่อย อู! (ปล่อยกู)” ผมดิ้นรน พยายามดึงมือที่ถูกมันรวบเอาไว้ออก

 

“ไอ้ภีม!” ไอ้ซานตะโกนเรียกชื่อผมใหญ่เลย คือกูก็อยากจะตอบมึงอยู่นะ แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ตอบอะไรออกไปได้

 

“ถ้ามึงไม่ตอบ กูจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ” พังมาเลย กูเชียร์ พังเลยไอ้ซาน!

 

พี่เนลจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะตะโกนออกไปเสียงดังลั่น จนผมอยากมุดหน้าลงดินมาก “ผัวเมียกำลังเอากันอยู่ อยากพังเข้ามาดูก็เชิญ”

 

ไอ้เหี้ยยยยยยย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันแล้ว

 

ไอ้ซานเงียบไปแล้วครับ เห้ยเพื่อน! ดึงดันหน่อย กูรอมึงอยู่

 

“จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม แค่อาบน้ำเอง” มึงพูดว่า แค่อาบน้ำเหรอพี่เนล ไม่ใช่ แค่ โว้ยยย มันไม่ใช่การอาบน้ำธรรมดาแล้วแบบนี้ กูขอประท้วง

 

“อ๋ม ไอ้ อาก อาบ อับ อี้  ออก ไอ!(ผมไม่อยากอาบกับพี่ ออกไป!)”

 

“โดนขนาดนี้แล้วยังจะดื้ออีกนะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอคนที่ดื้อกับกูได้เท่ามึงเลย งั้นกูให้มึงเลือกระหว่างยอมอาบน้ำกับกูดีๆ หรือจะอาบแบบไร้เรียวแรง” แบบไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ กูไม่เลือกโว้ย กูขอโหวตมึงออกจากห้องน้ำ! ออกไป

 

มันปล่อยมือผม ก่อนจะจับตัวผมให้หันไปเผชิญหน้ากับมัน แต่มืออีกข้างก็ยังคงปิดปากผมแน่น “ถ้ามึงไม่ยอมอาบกับกูดีๆ ได้ออกไปสภาพไร้เรียวแรงแน่ๆ” มันดันผมให้ไปชิดกับผนัง พร้อมส่งสายตาหื่นกระหายมาให้ เชี่ย! น่ากลัว

 

อย่าทำอะไรที่ทำให้กูขนลุกบ่อยๆได้ไหมวะ

 

“ตอบให้เข้าหูกูล่ะ” พูดจบก็ค่อยๆเอามือข้างที่ปิดปากผมออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างยันกับพนังไว้ปิดทางหนี

ผมยกยิ้มให้มันไปทีหนึ่ง มือกูก็เป็นอิสระแล้ว ตัวกูก็เป็นอิสระแล้ว คิดว่ากูจะฟังอะไรมึงอีกไหม

 

ผลัวะ! สวนหมัดเข้าที่หน้ามันเต็มๆ ครั้งนี้พี่ภีมไม่พลาดแล้ว เพราะเล็งมาอย่างดี ไม่รอให้มันตั้งตัวได้ ยกขาขึ้นมาถีมมันสุดแรง จนมันล้มลงไป

 

เมื่อได้โอกาสผมก็รีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างเอาไว้ ก่อนจะเดินไปที่ประตู

 

“โอ้ยยยยยย กระดูกหักแน่ๆ ขยับตัวไม่ได้เลย” พี่เนลร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ผมเริ่มใจไม่ดี นี่ผมถีบมันแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ หันไปมองพี่เนล เห็นมันนอนงอตัว กุมขาไว้แน่น สงสัยขาน่าจะไปกระแทกโดนอ่างอาบน้ำแน่ๆเลย เห็นอย่างนั้นผมก็รีบพุ่งเข้าไปหาพี่เนลทันที

 

“พี่ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมเข้าไปหามัน รู้สึกรนจนมือสั่นไปหมด เอาดีวะ!! ไอ้ภีมทำพี่เนลขาหัก

 

ถ้าถึงขั้นกระดูกหัก แปลว่าต้องกระแทกแรงมากแน่ๆ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เรียนมาต้องทำอะไรก่อนวะ ตอนนี้ความรู้ที่เรียนมาปลิวหายไปจากหัว เหลือแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น ผมเอามือทึงหัวด้วยความเจ็บใจ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรมันได้เลย

 

“เจ็บ” พี่เนลพูดเสียงเบา สีหน้าดูเจ็บปวดมาก จนผมรู้สึกผิดที่ทำมันเจ็บตัว

 

“พี่เนล ผมขอโทษนะ”ผมพูดเสียงสั่น

 

คิดสิวะ คิดให้ออกไอ้ภีม!

 

ผมเอามือทุบหัวตัวเองรัวๆ เผื่อมันจะจำอะไรได้บ้าง

 

“ลูกหมาใจเย็น” พี่เนลจับมือผมเอาไว้ ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง

 

“ไม่เป็นไรนะพี่ เดี๋ยวผมช่วยพี่เอง” ผมเอามือสั่นๆไปจับมือพี่เนลเอาไว้แน่น

 

 “ใจเย็น”

 

สายตาก็สอดส่องหาของที่พอปฐมพยาบาลได้บ้าง ไม่สิ! ต้องรีบพามันไปส่งโรงพยาบาลก่อน

 

“พี่รออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมให้ไอ้ซานโทรเรียกรถพยาบาลให้”ผมบอกมันเสียงสั่น รู้สึกเป็นห่วงมันขึ้นมาจนทำอะไรไม่ถูก

 

“ลูกหมา….”

 

หมับ!

 

พี่เนลมันดึงผมเข้าไปกอดแน่น ก่อนกระซิบเสียงเบา“ไม่ต้องหรอก กูไม่เป็นไรแล้ว”

 

“….”

 

“กระดูกกูไม่ได้หัก” มันเอามือข้างที่กุมขาออก “เห็นไหมไม่ได้บิด เบี้ยว สักหน่อย”

 

ผมก้มลงไปดูที่มัน เอ่อจริงด้วย! มันไม่ได้บิด เบี้ยว หรือเปลี่ยนรูปทรงแต่อย่างใด

 

หมายความว่าไง ! หลอกผม? หันไปมันตาขวางเลยครับ แม่ง คนอุส่าห์เป็นห่วง มาเล่นกับความรู้สึกผมแบบนี้ไม่โอเคเลย โกรธมากนาทีนี้ กูโกรธ!!!!

 

“ภีม” พี่เนลที่เห็นผมเงียบผิดปกติ จึงเรียกชื่อผมเสียงแผ่ว

 

ไม่ต้องมาเรียกชื่อกู!!! ไม่อยากคุยกับคนขี้โกหก

 

“….”

 

“มึง….โกรธกูเหรอ”

 

“….”

 

“ภีม ตอบพี่หน่อยสิครับ” มันเอามือมาจับแขนผมก่อนจะออกแรงเขย่าเบาๆ

 

“….”

 

“น้องภีมครับ ไม่เอาน่า อย่างอลสิ” มึงอย่าใช้คำว่างอลนะโว้ย มันดูไม่แมน กูโกรธ ที่มึงเล่นกับความเป็นห่วงของกูแบบนี้ แม่ง

 

หะ! ผมเป็นห่วงมัน ใช่ เพราะผมทำมันเจ็บตัว จึงไม่แปลกอะไรที่ผมจะห่วงมัน เดี๋ยวมันตายขึ้นมา คนผิดก็คือผม อนาคตที่สดใสกำลังรอพี่ภีมอยู่ ยังไม่อยากเข้าไปกินข้าวแดงในคุก

 

“ภีม..”

 

“….”

 

“กูแค่อยากอาบน้ำกับมึง” พี่เนลทำหน้าตาน่าสงสาร เหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้ ก่อนจะเอาหัวมาถูกับไหล่ผมไปมา เป็นการออดอ้อน

 

“ภีม ไม่เอา ไม่งอลพี่นะ” พร้อมส่งสายตาระยิบระยับมาให้

 

เฮ้อออ เห็นแบบนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ว่ะ

 

“คนประเภทที่ผมเกลียดที่สุดคือคนที่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้นะครับ วันหลังอย่าทำอีก” ผมทำหน้าจริงจังใส่มัน เรื่องนี้ผมซีเรียสมาก ครั้งนี้ผมก็มีส่วนผิดที่ทำมัน เพราะฉนั้น ผมจะยกโทษให้

 

“โอเค วันหลังกูจะไม่ทำอีกแล้ว ตกลงมึงจะอาบน้ำกับกูใช่ปะ” พี่เนลทำหน้าตามีความหวังออกมา ถ้ามันอยู่ในการ์ตูนญี่ปุ่น ผมคงเห็นดาวระยิบระยับนับพันๆในดวงตามันแล้วล่ะ

 

“ครับ แค่อาบน้ำนะ ห้ามทำอย่างอื่น” ผมถามมันออกไปด้วยความไม่ไว้ใจ

 

“กูเคยทำอย่างอื่นด้วยหรือไง” มันทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ ได้โคตรตอแหล คนแบบนี้เชื่อไม่ได้

 

ผมก็มองมันนิ่งเลยครับ มันถึงยกมือขึ้นยอมแพ้ “โอเค ไม่ทำ”

 

ผมส่งยิ้มให้มัน “ดีแล้วล่ะ ที่พี่ไม่เป็นอะไร” มันชะงักค้างไปเล็กน้อย ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นแววตาของพี่เนลหวั่นไหวแวบหนึ่ง แค่แวบหนึ่งจริงๆ หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ

 

“เห็นตัวเล็กแค่นี้ แต่ถีบหนักเหมือนกัน ทำเอากูจุกไปหมด” พี่เนลแซวผม

 

“สมน้ำหน้า มาทำลามกใส่ผมดีนัก”

 

พี่เนลยักไหล่แบบไม่แยแสกับคำพูดของผมสักเท่าไหร่

 

“มาๆอาบน้ำได้แล้วจะได้ไม่เสียเวลา”มันจับมือผมไปที่อ่างอาบน้ำ ก่อนจะเปิดก็อกให้น้ำไหล คือเปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก ว่าแต่…มึงเพิ่งมาเปิดน้ำแบบนี้กี่ปีกี่ชาติวะกว่าน้ำมันจะเต็ม กูไม่ต้องออกไปติวสอบกับไอ้ชานปีหน้าเลยหรือไง

 

พี่เนลไม่รอช้า จัดการถอดเสื้อแขนยาวสีเทาของตัวเองออก สองมือค่อยๆเลื่อนลงไปปลดเข็มขัด ดึงซิบกางเกงของตัวเองลง แล้วโยนทั้งเสื้อกับกางเกงที่เพิ่งถอดเสร็จไปลงอ่างล้างหน้าของไอ้ซานเรียบร้อย ตอนนี้มันก็เหลือกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวที่ปิดบังน้องชายตัวใหญ่เอาไว้อยู่

 

พี่เนลยืนโชว์กล้ามหน้าท้องเป็นมัดๆ ที่เห็นกี่ทีๆก็รู้สึกอิจฉาในหุ่นของมัน จริงๆหุ่นแบบนี้ควรมาอยู่บนตัวผมมากกว่ามันอีก ฮ่าๆ

 

“มองอะไร” พี่เนลที่เห็นผมจ้องอยู่นาน ถามขึ้นมา

 

“ปะ เปล่า” ผมรีบปฏิเสธออกไปด้วยอาการร้อนรน

 

“มองแต่หัวนมกูอยู่ได้ ทำไม หลงไหลในหัวนมยูนิคอนของกูเหรอ” หัวนมยูนิคอนพ่องงงง

 

“ทำไมถึงเป็นยูนิคอนวะพี่” ถามสักหน่อย คือสงสัย

 

“มันเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก เป็นสัตว์ในเทพนิยายและเป็นสัญญาลักษณ์ของความบริสุทธิ์ดุจหัวนมกูตอนนี้ นี่บอกเลยว่าถ้าผู้หญิงไม่บริสุทธิ์จริงหัวนมกูไม่แข็ง”

 

“….” อึ้ง โอ้โหหหหหหหหหหหหหหหห ยอม นี่จริงหรือมั่ว

 

“ไม่ต้องมาชวนกูเปลี่ยนเรื่อง มาแอบดูหัวนมกูทำไม”

 

“ผมไม่ได้มองหัวนมพี่สักหน่อย ผมมองหุ่นพี่ตากหาก แม่งเซ็กซี่ดีว่ะ ผมอยากได้”

 

“อยากได้กู?”

 

“อยากได้หุ่นโว้ยยย” ไอ้นี่ พูดจาไม่รู้เรื่อง

 

ขอแบะปากสามร้อยหกสิบองศาด้วยอาการหมั่นไส้ขั้นสุด เรื่องหลงตัวเอง กูขอยกให้มึงเป็น the best

 

“หุ่นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” มันพูดพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนใช้สายตาหื่นๆนั่นกวาดมองร่างกายผม ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ปล้ำง่ายดี”

 

“พี่แม่ง! ผมไม่คุยกับพี่แล้ว” พูดจบก็จัดการถอดของตัวเองบ้าง อ๊ะ! เหลืออยู่ตัวเดียวนี่หว่า จะใส่ลงน้ำเลย หรือ ถอดดีวะ

 

“จะยืนโง่อีกนานไหม ถอดดิวะ”

 

“เอ่อ…” เอาไงดีวะ ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน มีอะไรเหมือนๆกัน แต่มึง! กูไม่เคยมาอาบน้ำกับใครแบบนี้มาก่อนเลย เอาเป็นว่าลงไปทั้งบ๊อกเซอร์เนี่ยแหละ “ผมจะใส่อาบน้ำ”

 

พี่เนลมันมองผมด้วยสายตาดูถูกขั้นสุด จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ย“อายเหรอ น้องชายเล็กสินะ ไม่เป็นไรกูเข้าใจ” พูดจบก็ถอดกางเกงบ๊อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายที่ปิดบังส่วนใหญ่โตนั้นเอาไว้ โอ้โห !มันจะดูถูกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างไอ้ภีมเกินไปแล้ว

 

“ไม่ได้เล็กสักหน่อย” เถียงเลย อันนี้กูเถียงสุดใจ

 

“ไม่ได้เล็กก็เอาออกมาโชว์” พี่เนลพูดท้าทาย

 

แต่ผมไม่โง่พอให้มันยั่วหรอก ไม่ถอดโว้ย ไม่ได้เล็กด้วย แต่กูยังมียางอายอยู่

 

“ไม่ครับ ผมจะอาบทั้งบ๊อกเซอร์นี่แหละ”

 

“โถ่ จะอายทำไม เดี๋ยวก็เห็นหมดไส้หมดพุงแล้ว”

 

“พี่หมายความว่าไง”

 

“อ่าว ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือไง คนเป็นแฟนกันเขาต้องทำอะไรกันล่ะ” มาอีกแล้ว พี่เนลเวอร์ชั่นหัวงู ผมกลัวที่สุดแล้ว กลัวยิ่งกว่าเวอร์ชั่นซาตานอีก เอะอะปล้ำ เอะอะจับกด ผมยอมให้มันทุบตีดีกว่า

 

“แฟนอะไรพี่ แค่แฟนปลอมๆเหอะ อย่ามาเล่นจริงสมบทบาท” ผมโวยใส่มัน ยิ่งนับวันยิ่งเล่นจริงสมบทบาทจนผมรู้สึกหวั่น (ไหว)

 

“จะได้สมจริงไง”

 

“แต่เรื่องบนเตียงไม่ต้องก็ได้”

 

“ใจแข็งจัง” มันทำหน้าเซ็งใส่ผม เรื่องแบบนี้ใครมันจะยอมง่ายๆวะ “ตกลงจะไม่ยอมถอดใช่ไหม” พี่เนลถามย้ำเรื่องกางเกง

 

“ครับ”

 

“จะไม่ถอดเอง จะให้กูถอดให้สินะ” พูดจบก็รีบพุ่งมาหาผมด้วยความรวดเร็ว จนผมต้องร้องห้าม “หยุด! ถ้าพี่ยังทำตัวแบบนี้ ผมจะไม่อาบน้ำกับพี่แล้ว” ผมยื่นคำขาด

 

“ครับๆ” พี่เนลทำหน้าจ๋อย เป็นหมาหงอย หางลู่ หูตก ไปตามระเบียบ

 

มัวแต่ทำสงครามขนาดย่อมกับมันจนตอนนี้น้ำเต็มอ่างเรียบร้อยแล้ว พี่เนลมันเดินลงไปนั่งในอ่าง ก่อนจะดึงมือผมให้ลงไปแช่กับมัน คือ… แค่มันคนเดียวก็คับอ่างแล้วว่ะ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ยังจะดึงดันเอาตัวผมลงไปให้ได้

 

 

“อาบน้ำให้หน่อย” พร้อมยื่นขวดครีมอาบน้ำมาให้ผม

 

“พี่ก็อาบเองดิ” ใช่เรื่องอะไรผมต้องไปทำให้วะ แฟนก็ไม่ใช่

 

“กูสั่ง” มันว่าเสียงแข็ง หน้าตาดุเอาเรื่อง มาแล้วเวอร์ชั่นซาตาน ผมว่ามันแม่ง! เป็นไบโพล่าร์แน่ๆ 5555

 

“จะเอาไหมบ้าน” เริ่มขู่ผมแล้ว อย่างเดียวที่มีอิธิพลสำหรับผมเสมอต้นเสมอปลายก็บ้านเนี่ยแหละ

 

ผมก็รับครีมอาบน้ำมาอย่างจำยอม อาบก็อาบวะ คิดซะว่าอาบน้ำหมาบ้า ที่จะกัดเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

จัดการบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือ เห็นพี่เนลขยับเอาหลังไปพิงอ่าง เหยียดขาตรง ก่อนจะเอามือพาดกับขอบอ่างไว้ทั้งสองข้าง ท่าทางสะบายๆ

 

“พี่เนล ขยับมาหน่อย แบบนั้นผมถูไม่สะดวก”

 

“ก็ขยับเข้ามาหากูสิ” พูดเหมือนง่ายนะมึง เหยียดขาซะเต็มอ่าง แทบจะไม่มีที่ให้กูอยู่แล้วเนี่ย

 

แต่ช่างเถอะ ผมสามารถ ค่อยๆเอามือข้างหนึ่งจับกับขอบอ่างไว้เพื่อการทรงตัว สองขาก็ค่อยๆคลานเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ ก่อนจะเอามือข้างที่มีครีมอาบน้ำเริ่มถูตั้งแต่หน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ลูบไล้อยู่อย่างนั้นสักพักก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นไปที่หน้าอกแกร่ง หัวใจเต้นตุบๆตับๆไม่เป็นจังหวะเลยว่ะ ผมกลืนน้ำลายลงคอ ลงมือถูครีมวนตรงหัวนมยูนิคอนที่มันแสนภาคภูมิใจ

 

ดันไปสบกับสายตาพี่เนลเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันจ้องผมอยู่ตลอดเลยครับ สายตามีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก มันส่งยิ้มอย่างพึงพอใจมาให้ ก่อนจะเอามือมาดึงเอวผมลงไปแนบชิดกับมัน จากนั้นก็สวมกอดผมแน่น ทำให้อะไรต่อมิอะไรสัมผัสกัน จนแทบจะรวมร่างกันได้แล้ว

 

 

ใกล้มาก…. ใกล้เกินไป….

 

ใกล้จนหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาแล้ว….

 

“หยุดถูทำไมล่ะครับ กำลังเคลิ้มเลย” พี่เนลเอ่ยเสียงอ่อน

 

“ก็ปล่อยผมก่อนสิครับ แบบนี้มันถูไม่ได้”

 

“ไม่เอา”

 

“….” อะไรของมัน ตกลงจะให้กูถูให้อยู่หรือเปล่าวะ

 

“เปลี่ยนกันดีกว่า เดี๋ยวกูถูให้มึงบ้าง” พูดจบก็จับผมพลิก แล้วดันผมให้นั่ง ก่อนมันจะดันตัวลุกขึ้นบ้าง

 

ทำให้ตอนนี้ผมอยู่ในท่าที่เสี่ยงต่อการเสียตัวเป็นอย่างมาก เพราะผมหันหลังให้พี่เนลอยู่ แถมยังนั่งอยู่ตรงระหว่างขามันอีก

พี่เนลบีบครีมอาบน้ำใส่มือก่อนจะค่อยๆถูหลังให้ผมอย่างช้าๆ ฝ่ามือหนาค่อยๆลูบไล้ตั้งแต่กลางหลังขึ้นมายังหัวไหล่ ก่อนจะลูบมายังต้นคอ พี่เนลลูบวนอยู่อย่างนั้น จนผมต้องเหงนคอรับสัมผัส

 

 อืม…รู้สึกผ่อนคลายเหมือนกันว่ะ ผมหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม

 

ฝ่ามือหนาสอดผ่านใต้วงแขน มาถูวนบริเวณหน้าท้อง จนผมกระแหม่วท้องด้วยความเกร็ง ทุกครั้งที่ถูกพี่เนลสัมผัส มือซนเลื่อนขึ้นมาลูบไล้หน้าอก พร้อมนวดคลึงตุ่มใตแดงระเรื่อทั้งสองข้าง ความเสียวซ่านเข้าครอบงำ จนผมเผลอร้องครางออกมาอย่างน่าอาย

 

พี่เนลก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูผมเสียงกระเส่า “ตัวหอมจัง”

 

“พี่เนล อย่า” ผมร้องห้าม ตีแขนมันไปหนึ่งที “ไหนว่าจะไม่ทำอะไรไง”

 

“ก็ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” มันโกหกหน้าตาย

 

“งั้นก็อย่าเล่นตรงนั้นสิครับ” ผมหันไปดุใส่มัน

 

“ทำไมเหรอ…รู้สึกเสียวขึ้นมาหรือไง”

 

ก็ใช่น่ะสิ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวพ่อต่อยคว่ำ

 

 “ภีมครับ” พี่เนลเรียกผมเสียงแผ่ว

 

“ครับ” ผมตอบมันไปด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

 

“ตั้งแต่มีมึงเข้ามาในชีวิต กูก็ไม่เคยมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนไหนอีกเลยนะ”

 

“แล้วพี่มาบอกผมทำไม”

 

“ไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยเหรอ?” ไม่ปล่อยให้งงนาน จับมือผมไปวางส่วนแก่นกายแข็งขืน ที่ชี้โด่งรับแสงไฟ และ สายน้ำ

 

โอ้มายก็อดดดดด !!! ผมรีบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความร้อนเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

 

หัวใจเต้นรัวแรงอยู่ในอก จนแทบจะหลุดออกมา

 

“พี่ก็ช่วยตัวเองไปสิครับ จะมาบอกผมทำไม”

 

“ใจร้ายจัง ไม่คิดจะช่วยพี่หน่อยเหรอ”พี่เนลทำเสียงอ่อยสุดฤทธิ์

 

 ไม่เอาโว้ย ไม่เอาเด็ดขาด รีบสายหัวรัวๆ จนหัวแทบหลุดออกจากบ่า

นาทีนี้ รีบเลย รีบอาบน้ำด่วนๆ อยู่ไม่ได้ โคตรอันตราย ผมรีบดึงมือพี่เนลออก ก่อนจะถูครีมอาบน้ำที่เป็นฟองอยู่เต็มตัวจนทั่ว ตวักน้ำล้างออก ก่อนจะรีบลุกพวกออกจากอ่างไป พี่เนลรีบลุกขึ้นมาคว้าแขนผมเอาไว้

 

“ภีมไม่คิดจะรับผิดชอบพี่จริงๆเหรอครับ” พี่เนลว่าเสียงเรียบ

 

ถึงเสียงจะเรียบ แต่ผมรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองต่อจากนี้เป็นอย่างดี พี่เนลแผ่รังสีความหื่นมาให้ จนผมรู้สึกขนลุกซู่

 

ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังผมโดนมันปล้ำแน่ๆ ต้องทำอะไรสักอย่าง

 

“หลงผมเข้าแล้วล่ะสิ ปากบอกเห็นผมแล้วเอาไม่ลง แต่ความจริงแล้วก็อยากได้ผมใช่ไหมล่ะ” ผมจี้มัน แต่ดูเหมือนจะได้ผล มันชะงักไป แรงที่รั้งมือผมเริ่มผ่อนลง

 

“แย่จัง จะได้เงินล้านหนึ่งแล้วเหรอวะ ไวกว่าที่คิดแฮะ” ที่เนลรีบปล่อยผมเลยครับ แล้วไม่ได้ปล่อยแบบสามัญชนคนธรรมดาทั่วไปนะ เรียกว่าจับผมทุ่มลงพื้นดีกว่า ประหนึ่งตัวเองเป็นเดอะฮัก ไปหมดแล้วกระดูกผม ไม่รู้ร้าวไปกี่ซี่ ปวดระบมสุดก็ตูดเนี่ยแหละ

 

เชี่ย! ทำไมถึงทำกันได้รุนแรงแบบนี้

 

“มึงอย่ามาพูดจาไร้สาระ กูเนี่ยนะหลงมึง! ตลก!!!” พี่เนลโวยวายใหญ่เลย ลงสัยผมไปพูดจาจี้จุดอะไรมัน แต่ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ เจ็บตัวฟรีแบบนี้นับว่าไม่คุ้ม กระซิกๆ

 

“อู้ยย” ผมลุกขึ้นมา เอามือลูบตูดตัวเองปอยๆ “ทำอะไรของพี่เนี่ย!”

 

“ช่วยไม่ได้ เสือกพูดจาไม่เข้าหูกูเอง” พี่เนลมองผมด้วยแววตาว่างเปล่า ราวกับไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไป พร้อมเอานิ้วชี้ไปที่ประตูห้องน้ำ “ออกไปเลย กูไม่อยากเห็นหน้ามึงแล้ว” มันตะโกนไล่ผมเสียงดังลั่น **“ออกไป!”**

 

หึ! ไม่ต้องไล่ กูก็จะออกไปอยู่แล้ว

 

เดินกะเผลกๆไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ทำตกมาพันเอวเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าที่เอามาเปลี่ยนตรงราวแขวนมาถือเอาไว้ด้วยความยากลำบาก ดาเมจรุนแรงไม่เบา ตอนนี้เริ่มปวดระบมตรงตูดมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มทนไม่ไหว ตั้งใจจะหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่เนล แต่มันไม่คิดที่จะหันมามองผมเลยสักนิด คนอะไรวะ ใจดำฉิบ แต่ก็ช่างมันเถอะ

 

เอาผ้าที่ถือไว้มาใส่ทีละชิ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำทันที
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 02-06-2018 19:15:19
ไอ้พี่เนล ทำไมชอบทำร้ายร่างกายน้อง ซาดิสม์เหรอหะ :angry2: ตีตายเลย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-06-2018 20:38:21
เผลอบ่อยนะพี่เนล
ยังไงๆ จะนอมรับใจตัวเองเมื่อไหร่
จะเล่นกะความรุ้สึกน้องจริงๆหรอ
ภีมบอกแล้วนะว่าเกลียด ระวังน้องรุ้แล้วจะไม่ให้อภัยนะ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-06-2018 21:19:23
อย่างนี้ยิ่งทำเหมือนทำอะไรกันในห้องน้ำจริง ๆ นะนี่ สงสารซานเลย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-06-2018 22:20:15
แทงใจดำอิพี่เนลมันนะสิ 555
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 02-06-2018 22:32:58
อิเนลคนเฬว
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 03-06-2018 02:25:13
แม่งเอ้ยยยยน สุดๆไปเลยว้อยย ชอบๆๆๆๆๆๆ นี่รอฉากNCไม่ไหวแล้ววว กรี๊ดดดด :katai4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 03-06-2018 06:00:09
แต่ละอย่าง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-06-2018 10:08:56
เวรกรรม
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-06-2018 00:20:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 04-06-2018 10:22:33
ปล่อยงี้ต่อยแล้ว มันน่านัก
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-06-2018 10:47:40
ปากไม่ตรงใจดีนัก
รอกรรมสนองอิพี่เนล
จะหัวร่อให้ลั่นเลยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-06-2018 23:09:55
ไบโพล่าร์ของจริง พี่เนลเนี๊ยะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่18 หื่น |[2/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 06-06-2018 10:17:41
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(1/2) |[11/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 11-06-2018 18:05:16
ตอนที่ 19 ขอโทษ
(1/2)



ความเจ็บปวดตรงจุดที่โดนกระแทกเริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกครั้งที่ผมขยับร่างกาย แต่ผมต้องอดทนพาร่างที่ปวดระบมออกไปจากห้องน้ำให้ได้ ถึงแม้คนที่ทำ มันไม่คิดที่จะมาช่วยเลยก็ตาม มันใจดำจนผมรู้สึกเจ็บปวด มันไม่คิดจะเยแสกับสิ่งที่ทำเอาไว้ นั่นก็เป็นเครื่องบ่งบอกชัดเจนว่าผมไม่ได้สำคัญสำหรับมัน

 

สองขาค่อยๆก้าวไปอย่างช้าๆ มือข้างหนึ่งจับส่วนที่ปวดเอาไว้ ส่วนอีกข้างพยายามเกาะพนังห้องน้ำเพื่อให้ตัวเองทรงตัวได้สะดวก

 

ตุบ!

 

มือไปโดนใส่อะไรบางอย่างหล่นลงพื้น ก้มลงไปมอง เป็นกระเป๋าตังค์ของพี่เนลที่มันเอาวางไว้ตรงอ่าง ตกกระจุยกระจาย พวกบัตรเครดิต บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรนิสิตก็พลอยหลุดออกมาด้วย ผมก้มลงไปเก็บใส่ให้เข้าที่เหมือนเดิม สายตาเหลือบเห็นรูปใบหนึ่งที่หลุดออกมาด้วยจึงหยิบขึ้นมาดู

 

เป็นรูปพี่เนลถ่ายกับพี่ฟ้า ฉากหลังเป็นน้ำทะเลสีคราม ท้องฟ้าสดใส เหมือนกับรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของพี่เนล สองคนนั้นยืนอยู่บนพื้นทรายละเอียด พี่ฟ้าปล่อยผมยาวปลิวไสวไปตามแรงลม เอาแว่นกันแดดคาดไว้บนหัว เธอยิ้มตาหยีโชว์ฟันขาว ส่วนพี่เนลก็เอามือโอบไหล่เธอเอาไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างก็ชูขึ้นมา ถือกล้องถ่ายเซลฟี่

 

 

เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่า สองคนนี้เหมาะสมกันจริงๆ ทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม คนหนึ่งอดีตเดือน อีกคนก็อดีตดาว…

 

เหมือนมีก้อนอะไรติดอยู่ที่คอ หันไปมองพี่เนลที่แช่ตัวอยู่ในอ่าง เป็นจังหวะเดียวกันที่มันหันมามองผมพอดี มันตาเบิกกว้างหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันเอวแล้วพุ่งมาหาผม ผมรีบเอารูปนั้นยัดใส่กระเป๋าด้วยความตกใจ มันเข้ามาดึงรูปนั้นไปจากมืออย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้รูปนั้นขาดออกเป็นสองส่วน

 

“ทำอะไรของมึง! เห็นไหม รูปขาดหมด” มันผลักผมล้มเกือบหน้าคว่ำ ชูรูปนั้นขึ้นมา พร้อมตะคอกใส่ผมเสียงดัง พี่เนลตอนนี้เหมือนกับหมาบ้า ที่พร้อมแยกเขี้ยวยีฟัน พุ่งเข้ามากัดผมได้ทุกเมื่อ

 

ผมอยากจะเถียงออกไปมากว่า ‘มึงนั่นแหละทำ ไอ้สัด!’ แต่เลือกที่จะไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวมันเข้ามาต่อยผมหน้าแหกจะแย่เอา ขอให้ความเจ็บปวดมันหยุดลงที่ตูดก็พอแล้ว อย่ามีมากไปกว่านี้เลย

 

“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวผมเอารูปไปอัดใหม่ให้นะครับ” ผมเอื้อมมือไปจับส่วนที่ขาด ที่อยู่ในมือของพี่เนล ถ้าเอามาต่อกันร้านถ่ายรูปน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง

 

“มันไม่เหมือนกัน!” พี่เนลปัดมือผมออก

 

“มะ..ไม่เหมือนกันยังไง กะ..ก็แค่รูป” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก เหงื่อเริ่มซึมจนมือชื้นไปหมด

 

“มึงไม่รู้หรอกว่ารูปนี้สำคัญกับกูขนาดไหน มันเป็นรูปเดียวที่กูถ่ายกับม่านฟ้าวันที่ไปเที่ยวภูเก็ตกันสองคน แถมฟ้าก็เป็นคนเอาไปอัดแล้วเขียนข้อความบอกรักกูหลังรูปด้วย”

 

ด้วยความสงสัยจึงพลิกรูปดู เอ่อจริงว่ะ ‘ฟ้ารักเนลนะคะ’ เห็นแล้วอยากแบะปากเป็นรูปจานดาวเทียม ถ้ารักกันขนาดนั้นทำไมถึงปฎิเสธคำขอเป็นแฟนของไอ้หมาบ้าตรงหน้าผมวะ

 

“งั้นเดียวผมเอาไปอัดให้ พร้อมเขียนข้อความบอกรักพี่หลังรูปด้วย” อะ กูต่อให้ขนาดนี้ เป็นข้อเสนอที่ดีใช่ไหมล่ะ

 

“มึงเป็นม่านฟ้าหรือเปล่าล่ะ คนให้คนละคน ความรู้สึกก็ต่างกันแล้ว” มันสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะกระชากกระเป๋าที่ผมถืออยู่ไป

 

“วันหลังอย่าเสือกมายุ่งกับของกูอีก ถ้าตกก็ปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้นแหละ เข้าใจไหม!” มันสั่งเสียงเข้ม

 

ดูพี่เนลจะหัวเสียงไม่น้อยเลย ที่ผมแอบดูรูปมัน ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า มันเป็นอุบัติเหตุ ถ้าวางเอาไว้เฉยๆผมไม่มีทางไปแอบเปิดดูรูปของมันกับพี่ฟ้าหรอก มันเป็นสิ่งที่เห็นเจริญหูเจริญตาที่ไหน

 

“ครับ” ผมพยักหน้าอย่างรู้ความ ก่อนจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พี่เนลได้แต่กอดอก ยืนมองเฉยๆ ไม่คิดจะเข้ามาช่วย

 

“ช่วยผมหน่อย” ผมขอร้องมัน

 

“ซุ่มซามเอง ก็ช่วยตัวเองไปดิ” เสียงมันเย็นจนมือที่ซื้นเหงื่อเริ่มเย็นเฉียบขึ้นมา

 

“แต่พี่เป็นคนทำผมเจ็บ”

 

“มึงพูดจาไม่เข้าหูกูเอง!”

 

“ก็ดูที่พี่ทำดิ มันน่าคิดไหมล่ะ”

 

พี่เนลเงียบไป ไม่พูดอะไรต่ออีก เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะ จนรู้สึกอึดอัดไปหมด

 

 “มึงไม่มีค่าพอที่คนอย่างกูจะลดตัวลงไปชอบหรอก สำหรับกู มึงก็เหมือนของเล่นที่มีไว้เวลากูเบื่อเท่านั้น อย่าสำคัญตัวผิดไป” ดูเหมือนพี่เนลจะทนไม่ไหว จึงพูดทำลายความเงียบ

 

ฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดว่ะ ผมกัดริมฝีปากแน่น “ครับ”

 

พยายามตะเกียกตะกายลุกเอง พี่เนลคงรำคาญลูกหูลูกตา เอื้อมมือมาถือแขนผมให้ลุกขึ้น

เมื่อทรงตัวได้แล้ว ก็เดินออกไปโดยไม่หันไปมองหน้ามันอีก

 

ตอนนี้รู้สึกปวดทั้งกายและใจเลย ครบเซ็ตดีจริงๆ

 

ผมไม่มีสิทธิจะไปเรียกร้องขอให้มันเห็นใจ ไม่เป็นไรไอ้ภีม สิ่งเดียวที่ผมคอยบอกตัวเองอยู่เสมอ และต้องเตือนตัวเองเอาไว้ว่าให้ ‘อดทน’ เพื่อบ้าน เพื่อครอบครัว และเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ต่อให้โดนทำร้ายแค่ไหนก็ต้องอดทน ตอนนี้หวังอย่างเดียว ขอให้แม่พี่เนลใจอ่อน ผมจะได้บ้านคืน และออกไปจากชีวิตของมันสักที…

 

ขืนฝืนอยู่ต่อไปของเล่นอย่างผมต้องพังเข้าสักวันแน่ๆ….

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ดีเลย” ไอ้ซานรีบพุ่งเข้ามาหาผม และถามด้วยความเป็นห่วง ผมได้แต่ส่ายหัวไปมา ก่อนเข้าไปกอดมันแน่น ตอนนี้ผมต้องการที่พึ่ง

 

“เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกกูหน่อย” เสียงมันเริ่มสั่น แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรมันกลับไป เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร

 

ผมนิ่วหน้าเมื่อความเจ็บแล่นแป๊ดขึ้นมา “ปวดตูด…”

 

“….”

 

“ไม่ไหว ปวดมาก” เสียงผมเบาลง จนแทบกระซิบ ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมาก อยากพักผ่อน

 

ไอ้ซานยืนเงียบไป ได้ยินเสียงขบกรามกรอดดังขึ้น มันกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดนูนออกมา ทำให้ผมรับรู้ว่ามันกำลังโมโหอยู่ ต้องทำอะไรสักอย่าง

 

“ติวต่อเถอะ จะได้ไม่เสียเวลา” ผมจับชายเสื้อมันเอาไว้แน่น เงยหน้าขึ้นไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือ มันก้มลงมามองหน้าผม คิ้วที่ขมวดเป็นปมเริ่มคลายออก ก่อนจะค่อยๆพยุงผมไปที่เตียง

 

มันนั่งคุกเข่า เอามือมาปาดน้ำตาออกจากแก้มผมอย่างช้าๆ

 

อ่าว ไหลตอนไหนวะ! ไม่เท่เลย

 

“ไหวไหม” สีหน้าไอ้ซานดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนถามผม

 

ผมพยักหน้าให้มัน “อืม ไหว”

 

“แน่ใจนะไอ้ภีม ไม่ไหวก็อย่าฝืน”

 

“ไหว ติวต่อเถอะ”

 

สีหน้ามันเป็นกังวล จนผมต้องเอามือไปตบไหล่มันเบาๆ “กูโอเค” ผมบอกมัน ไอ้ซานเงียบ ไม่ตอบอะไรจนกระทั่งพี่เนลออกมาจากห้องน้ำ มันยอมใส่ชุดของไอ้ซานด้วย แถมใส่ได้พอดีอีก

 

“มองอะไร” พี่เนลถามไอ้ซานห้วนๆ พลางเช็ดผมที่เปียกหมาดๆไปด้วย

 

“พี่ทำอะไรไอ้ภีม” ไอ้ซานลุกขึ้นเผชิญหน้าพี่เนล

 

บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา จนผมอยากหนี ขอเดินออกไปนั่งอ่านหนังสือให้ยุงกัดเล่นข้างนอกได้ไหมวะ นาทีนี้พี่ภีมรู้สึกอยากบริจาคเลือดมากๆ

 

“หลักฐานชัดเจนขนาดนั้น ก็น่าจะคิดเองได้นะ หรือมึงอยากได้ยินจากปากกูชัดๆล่ะ ว่ากูทำอะไรมันบ้าง”

 

“พี่ทำไปทำไม” ไอ้ซานขบกรามจนเป็นสันนูน สายตาฉายแววเจ็บปวด เมื่อถามพี่เนลออกไป

 

“กูพึงพอใจ มันเป็นของกู กูจะทำอะไรกับมันก็ได้” ไอ้นี่ก็ตอบได้เลวดีจริงๆ ฟังแล้วอยากเข้าไปต่อยให้หน้าชาเลย

 

ไอ้ซานกัดริมฝีปากจนห้อเลือดเพื่อข่มอารมณ์ที่เดือดดาลในอก นัยน์ตานั่นมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง “เลว” มันสบถออกมา

 

“หึ เป็นคนดีแล้วอดแบบมึง กูขอบ่ายว่ะ” พี่เนลยกยิ้มมุมปาก

 

สองคนนั่นจ้องหน้ากันเขม็งเลย ถ้าเป็นในการ์ตูนคงมีไฟฟ้าสถิตออกจากตาคู่นั้นแล้ว

 

“ไอ้ซาน” ผมรีบดึงแขนมันเอาไว้ เมื่อเห็นว่าไอ้ซานกำลังเดินเข้าไปหาพี่เนล แววตาแดงก่ำแบบนี้มีเรื่องชัวๆ “ไม่เอาน่า อย่ามามีเรื่องกันเลย ถือว่ากูขอ” ผมไม่อยากให้พวกนั้นมีเรื่องกันตอนนี้ อย่างที่บอกพรุ่งนี้มีสอบ ถ้าไอ้ซานบาดเจ็บขึ้นมาจนไปสอบไม่ไหวจะแย่เอา

 

ผมเลือกที่จะห้ามไอ้ซานเอาไว้ เพราะมันดูฟังผมที่สุดแล้ว ขืนไปบอกพี่เนลแบบนี้มีหวัง ผมได้โดนมันต่อยสลบก่อนแน่ รายนั้นเคยฟังอะไรเสียที่ไหน

 

ส่วนพี่เนลก็เหลือเกิน ใส่เสื้อผ้าเขาทั้งตัวแล้วยังมีหน้ามาจ้องเขาแบบจะกินเลือดกินเนื้ออีก ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย แลดูย้องแย้งในตัวเอง

 

“ไอ้ซานอย่าไปสนใจมันเลย” ผมดึงเสื้อมันให้นั่งลง ตอนนี้ผมรู้สึกเบื่อ เบื่อทุกอย่าง บางทีผมก็อยากติสท์ๆ หนีไปบวชให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตัวเองดันแบกภาระอันยิ่งใหญ่เอาไว้ เลยทำแบบนั้นไม่ได้

 

“พรุ่งนี้มีสอบ กูขอ” ผมพูดย้ำ

 

ไอ้ซานยอมนั่งลงแต่โดยดี ดูเหมือนมันไม่พอใจพี่เนลเอามากๆเลย แต่เลือกที่จะไม่เข้าไประบายความอัดอั้นในใจเพราะผมขอเอาไว้ ไม่เป็นไรนะไอ้ซาน เดี๋ยววันหลังกูจะเปิดค่ายมวยให้พวกมึงสองคนต่อยกันเอง

 

พี่เนลหันมามองหน้าผมนิ่ง ดูชะงักไปเล็กน้อย ก่อนโยนผ้าที่ถืออยู่ลงพื้น สองขาเดินดุ่มๆออกจากห้องไปโดยไม่บอกไม่กล่าว คงจะหัวเสียมากเลยนะนั่น

 

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ พี่เนลนะพี่เนล ตอนแรกก็มีเรื่องกับไอ้ทัศเพราะน้องออม ซึ่งไม่รู้ว่าไปดีกันได้ยังไง ว่าจะถามหลายที แต่ไม่มีโอกาสได้เจอมันเลย ส่วนตอนนี้มามีเรื่องกับไอ้ซานอีก ผมล่ะปวดหัวจริงๆ

 

“อย่าไปสนใจมันเลย” ไอ้ซานเอ่ยลอยๆ ได้ทีก็อปคำพูดกูเลยนะ

 

“ว่าแต่กู มึงก็โดนมันยั่วโมโหจนเกือบเข้าไปต่อยมันเหมือนกันแหละ” ผมกรอกตามองบน ไอ้ซานไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่ส่ายหัวไปมา เดินไปหยิบผ้าที่พี่เนลเพิ่งโยนทิ้งเมื่อกี้ลงตระกร้า

 

“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนนะ เสร็จแล้วจะมาติวให้” พูดจบก็เดินไปหยิบชุดในตู้เสื้อผ้า แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

 

ระหว่างรอไอ้ซาน ผมก็อ่านหนังสือฆ่าเวลาไป อ่านได้สองสามหน้า ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู นึกว่าไอ้ซานมันอาบน้ำเสร็จแล้ว กะจะแซวเล่นสักหน่อยว่า ‘มึงอาบน้ำหรือวิ่งผ่านน้ำกันแน่’ เงยหน้าขึ้นไปดู ไม่ใช่ประตูห้องน้ำที่ถูกเปิด แต่เป็นประตูหน้าห้อง พร้อมร่างสูงของพี่เนล ในมือถือถุงอะไรสักอย่าง เดินตรงมาหาผม

 

“ของมึง” มันยื่นถุงนั้นมาให้ผม ผมรับมาวางไว้ข้างเตียง แล้วหันไปสนใจหนังสือต่อ ได้ยินเสียงพี่เนลจิ๊ปากไม่พอใจ ก่อนจะอุ้มผมขึ้นทุ่มลงเตียง จับผมนอนคว้ำ สองมือก็ดึงกางเกงผมลง

 

“เห้ย พี่จะทำอะไร”

 

“ขอดูหน่อย”

 

“ดูอะไร เห้ย” ผมรีบปัดมือมันออกจากขอบกางเกงทันที

 

“ขอดูที่โดนกระแทกหน่อย เป็นอะไรมากไหม”

 

“อื้อ ไม่เอา” ผมพยายามดิ้น

 

“ไอ้ภีมอย่าดื้อ” เสียงแข็งเชียว ยอมก็ได้วะ อยากรู้เหมือกันว่าเป็นยังไงบ้าง ให้เดา ก็คงแค่ฟกซ้ำนั่นแหละ

 

 

“เป็นไงมั่งพี่” ผมถามมันออกไป เมื่อเห็นว่าพี่เนลมันจ้องตูดผมอยู่นาน เห้ย! มองแบบนี้กูก็อายนะเว้ย

 

พี่เนลเงียบไป เงียบไปนานมาก จนผมคิดว่าพี่แกช็อคตายไปแล้ว

 

“กู….ขอโทษ…”

 

“หะ พี่ว่าไรนะ” มันพูดเบามาก จนผมได้ยินไม่ชัด

 

“ช่างมันเถอะ” พูดตัดบทเอาดื้อๆ มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบถุงข้างเตียง ยื่นยาแก้ปวดให้ผมสองเม็ด เดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วเอามาให้ ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียง รับน้ำมาอย่างงงๆ

 

“กินยา” พี่เนลพูดสั้นๆแต่ได้ใจความ

 

“…” มาอารมณ์ไหนอีกแล้วเนี่ย

 

“จะนั่งโง่อีกนานไหม อยู่เฉยๆก็ไม่ช่วยให้มึงหายปวดได้หรอกนะ” พี่เนลเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม

 

“ครับๆๆ” ผมยอมกินยาแต่โดยดี ไม่อยากขัดใจพี่มัน พอกินเสร็จพี่เนลก็จับผมนอนคว้ำอีก

 

“พี่จะทำอะไรอีกครับ” ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

 

“เดี๋ยวทายาให้” เห้ย มียาทาด้วยเหรอวะ

 

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมทาเอง” ผมรีบปฎิเสธ

 

“ไม่เป็นไร กูทาให้” มันหยิบเรพาริลออกจากถุง แกะกล่อง เปิดฝา บีบใส่มือ แล้วค่อยๆทางบริเวณที่ผมรู้สึกปวด

 

หืมม ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอมึง

 

 “ปวดมากไหม” มันถามอย่างอ่อนโยน

 

“…” เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย บางครั้งอ่อนโยน แต่บางครั้งก็รุนแรง จนพี่ภีมคนนี้งงไปหมดแล้ว

 

“กูถาม”

 

“ครับ”

 

“พรุ่งนี้จะพาไปหาหมอ”

 

“พรุ่งนี้มีเรียนเต็มวัน ตอนเย็นไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยอีก ไม่มีเวลาไปหรอกครับ” เลิกงานเสร็จก็ต้องไปช่วยพวกไอ้ทัศเตรียมค่ายอีกนี่หว่า ค่ายก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว ทำไมช่วยนี้แอมโซฮอตจริงๆ

 

“ไม่ต้องไปทำงาน”

 

“ไม่ได้หรอกครับ”

 

“กูไม่ให้ไป มึงต้องไปหาหมอกับกู”

 

“ผมไม่ปวดมากแล้ว เดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องไปหรอก” ผมพยายามหาข้ออ้าง

 

“เป็นหมอหรือไงถึงรู้ว่าตัวเองไม่เป็นไร” เอ้าไอ้นี่ ถึงไม่เป็นหมอ ก็ว่าที่หมอล่ะวะ

 

“อืม ผมรู้ลิลิตตัวเองดี”

 

“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปเอกซเรย์ดูว่าไม่มีส่วนไหนแตกหรือร้าว” แหม ทีนี้มาทำเป็นห่วง ที่จับกูทุ่มลงพื้นทำไมไม่คิดล่ะครับ

 

“มะ!” ยังไม่ทันอ้าปากปฎิเสธ พี่เนลก็รีบพูดแทรกขึ้นมา

 

“ตกลงตามนี้นะ” โคตรเผด็จการ

 

“ไม่ครับ” ผมไม่ยอมแพ้

 

“ดื้อว่ะ” เสียงเริ่มขุ่นแล้ว

 

“ผมไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็จะไปทำงาน” ขาดไม่ได้เดี๋ยวพี่อ้อยตัดเงินเดือนแล้วจะแย่เอา ยิ่งจนๆอยู่ แถมไอ้ซานก็ยังหางานใหม่ให้ไม่ได้ จะไปซ่ากับเจ๊แกไม่ได้เด็ดขาด ฮ่าๆ

 

“กูไม่ให้ไป” มันเอ่ยปากสั่งเด็ดขาด เอาแต่ใจว่ะมึง

 

“ไม่เอาครับ ทำไมถึงอยากให้ผมไปนัก รู้สึกผิดขึ้นมาหรือไง” ผมถามออกไป จู่ๆก็มาแสดงท่าทีอยากรับผิดชอบการกระทำของตัวเองขึ้นมา ก็อดสัยไม่ได้ว่ามันรู้สึกผิดจริง หรือมีแผนชั่วอะไรอีก คือหน้าตามันเหมือนมีแผนชั่วอยู่ตลอดเวลาจนผมไม่ไว้ใจ

 

“กู....”

 

พูดแค่นั้นก็เงียบขึ้นมาอีก

 

“พี่ทำไมครับ?” ทนความเงียบไม่ไหว เลยต่อบทสนทนาให้ มันอ้ำอึงสักพักก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ

 

“กูเป็นห่วง”

 

บทจะพูดตรงก็ตรงเกินไป บทจะอ้อมก็แทบอ้อมจักรวาล

 

เกิดเดดแอร์ขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่มันพูดจบก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ผมนี่อึ้งจนช็อคไปแล้ว จู่ๆก็มาบอกว่าเป็นห่วงทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งทำระยำต่ำช้ากับผม บ้าไปแล้วเมืองไทย บ้าไปแล้ว

 

 

พี่เพิ่งสำนึกได้หรือไง? ว่าตัวเองต้องช่วยเหลือไอ้ภีมคนนี้หะ

 

“วันเสาร์ได้ไหมครับ” ผมขอเลื่อน

 

“งั้นก็แล้วแต่มึงเหอะ” ฟังดูเหมือนจะตามใจผมนะครับ แต่พอหันไปมองหน้ามันแล้ว คือ โคตรไม่พอใจเลย

 

มันทาเสร็จ ก็ดึงกางเกงขึ้นให้ผมเหมือนเดิม “เสร็จแล้ว”

 

“ขอบคุณครับ” ผมลุกขึ้นมา หันไปขอบคุณพี่เนลตามมารยาท มันไม่ได้พูดอะไรต่อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นข้างๆผม ทำเป็นขรึมนะมึง

 

ผมหยิบหนังสือที่ทำตกมาวางไว้บนเตียง ชะเง้อมองหาไอ้ซาน มันเข้าห้องน้ำไปนานมาก นานจนผิดปกติ ก็อดห่วงไม่ได้

 

คงไม่ได้ไปร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะเจ็บใจไอ้พี่เนลมันหรอกนะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(1/2) |[11/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-06-2018 18:08:58
อิพี่เนลมันเริ่มเป็นผู้เป็นคนแล้วชิมิ
กดบวกรัวๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(1/2) |[11/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 11-06-2018 19:59:39
จะรอวันสมน้ำหน้าพี่เนล ช้ำให้ตายไปเลย เาเกลียดคนแบบนี้ คนที่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นเนี่ยมันไม่น่าให้อภัยเลยนะ สงสารน้องภีมมากเลยตอนนี้

อิพี่เนล วันไหนโดนน้องทิ้งนะ จะสมน้ำหน้าอย่างเกียวเลย
ปล.อิน้องฟ้านั่นเหมือนกัน จะทำร้ายภีมทำไม เหอะ มีแต่คนนิสัยไม่ดี หาพระเอกใหม่ให้น้องภีมเลยเถอะ ปล่อยให้ อิพี่เนลกับนังฟ้ามืดนั่นคู่กันไปเหมาะสมกันดีค่ะ

ฮึ่ยยยย อินค่ะอิน :z3:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(1/2) |[11/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 11-06-2018 23:38:10
เห้อ!! จะไหวมั้ยนิภีม,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(1/2) |[11/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-06-2018 23:53:42
ซานหายไหนละลูก? :hao4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(1/2) |[11/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 12-06-2018 06:00:06
ช่วงนี้
งงๆดีเนอะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 12-06-2018 16:07:04
ขอโทษ
(2/2)



แอ๊ดดดดดด

 

เสียงเปิดประตูดังขึ้น ผมละสายตายจากหนังสือ เงยขึ้นไปมองเจ้าของร่างสูง ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงบ๊อกเซอร์ลายทางสีน้ำเงิน เส้นผมเปียกลู่ปิดหน้าปิดตา หยดน้ำไหลตามเส้นผมตกลงพื้นหลายหยด แต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะขยับไปไหน มันยืนนิ่งเป็นอนุสาวรีย์เลยครับ ผมจึงลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูที่ราวตากผ้า เอาไปให้มันเช็ดผม

 

 “มึงเข้าไปอาบน้ำ หรือสร้างกระสวยอวกาศ นานสัส! กูอ่านหนังสือรอจนจบแล้วเนี่ย” เห็นเพื่อนเข้าห้องน้ำนานก็อดแซวไม่ได้ ไอ้ซานส่งยิ้มบางๆมาให้ พร้อมรับผ้าขนหนูไปเช็ดผม

 

“โทษทีว่ะ” มันเอามือมาตบหัวผมเบาๆ “ติวต่อเถอะ” พูดจบก็เดินนำผมไปที่โต๊ะ มันดูชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นพี่เนลนั่งทำหน้าหล่อกดมือถืออยู่บนเตียง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมเลยเดินตามมันไปเงียบๆ

 

มันหยิบเบาะรองนั่งมาปูให้ ก่อนเอาหนังสือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ เปิดหน้าที่จะติว ตาผมตาเบิกโพลงเมื่อเห็นแผลที่มือมันโดยบังเอิญ

 

“มือไปโดนอะไรมา” ผมถามพลางถือมือมันขึ้นดูให้ชัดๆ เป็นแผลเหมือนไปต่อยอะไรแข็งๆมาอย่างนั้นแหละ แถมเลือดที่ไหลก็ยังสดอยู่

 

“ไม่…” มันทำท่าจะปฏิเสธ ผมเลยรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

“กูไม่ชอบคนโกหกนะไอ้ซาน”

 

“หกล้ม”

 

“หกล้มบ้าบอกอะไร”

 

“หกล้มจริงๆ”

 

“ถ้าหกล้มส่วนมากจะมีแผลตรงเข่า หรือข้อพับไม่ใช่เหรอ มึงจะบอกว่า เอากำปั้นลงหรือไง ถึงมีแผลตรงนี้” เหตุผลฟังไม่ขึ้นโว้ย ใครเชื่อก็โง่เต็มแก่แล้ว

 

“ใช่” มันตอบเสียงเรียบ

 

ใครจะไปเชื่อวะ ดูยังไงก็เหมือนตั้งใจทำมากกว่าอุบัติเหตุ ผมไม่ถามเซ้าซี้ แต่ข่มมันด้วยสายตา ให้มันบอกความจริง

 

“เชื่อกูเถอะ” มันเลือกที่จะไม่บอก เห็นสีหน้าลำบากใจของมันแล้ว ผมเลยไม่อยากถามเซ้าซี้ต่อ

 

“งั้นก็ทำแผลก่อน เดี๋ยวกูทำให้” ผมลุกขึ้นกวาดสายตาหากล่องปฐมพยาบาลในห้องจนทั่ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลย “ไอ้ซานกล่องปฐมพยาบาลอยู่ตรงไหน”

 

“ติวก่อน กูไม่เป็นไร” มันยกมือขึ้นมาห้ามผม

 

“แต่…”

 

“มันไม่มีเวลาแล้วไอ้ภีม นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว มึงจะโต้รุ่ง แล้วเป็นศพไปสอบหรือไง” ไอ้ซานทำเสียงดุใส่

ผมหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนังห้องบ่งบอกเวลา 23.05 น. ก็ต้องตกใจ ตายละ! เวลาผ่านไปเร็วมาก

 

“ไม่ได้ ยังไงมึงก็ต้องทำแผลก่อน กูอ่านหนังสือพอจำได้คร่าวๆแล้ว” ผมยังคงดื้อดึง เลือดสีสดไหลไปตามซอกนิ้วเป็นทางเลย จะปล่อยไว้เฉยๆเห็นจะใจดำเกินไป

 

“อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องเจ็บตัวเนาะคนเรา” พี่เนลพูดขึ้นมาลอยๆ เอามือเท้าคาง มองไปทางอื่น เหมือนมองนกมองไม้ แต่ฟังที่มันพูดก็รู้ว่าหมายถึงใคร

 

“พี่หุบปากไปเลย” ผมหันไปมองค้อนใส่มัน “มือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำครับ” พี่เนลเดาะลิ้นเสียงดังด้วยความไปพอใจ ปากก็บ่นอะไรของมันไป ซึ่งผมไม่ได้ฟัง หันไปคาดคั้นไอ้ซานต่อ

 

“ว่าไง อยู่ไหน” ไอ้ซานชี้ไปที่ตู้เก็บของสีขาวไม่สูงมากตรงมุมห้อง ผมจึงลุกขึ้นไปเปิดดู เมื่อหาเจอก็หยิบออกมา นั่งทำแผลให้มันตามระเบียบ มันก็นั่งเงียบๆไม่พูดไม่จาเหมือนคนเป็นใบ้

 

ผมได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงให้มันอยู่ห่างๆ ได้ยินเสียงเดาะลิ้นไม่พอใจจากใครบางคนที่นั่งเล่นมือถือเป็นระยะๆ แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจมัน เมินแม่ง!

 

ไอ้ซานช่วงนี้มันดูเฉาๆยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่มีสีสันเอาเสียเลย ที่เห็นยังยิ้มได้ทุกวันนี้ก็ฝืนทั้งนั้น สงสัยอยู่กับเพศผู้มากเกินไป จนไม่ได้ใกล้ชิดกับเพศแม่แน่ๆ เดี๋ยวต้องพามันไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยแล้ว ชีวิตจะได้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง ฮ่าๆ

 

“จ้องขนาดนั้น ก็จับมันทำผัวเลยไหม” นี่เนลพูดเสียงกระโชกโฮกฮากขึ้นมา สีหน้าไม่พอใจสุดขีด

 

“…..” แค่เป็นห่วงเพื่อนเถอะ ไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ซานแบบนั้นสักหน่อย ผมเลือกที่จะไม่ตอบโต้ไป ขืนไปพูดอะไรไม่เข้าหูพี่แกเดี๋ยวยาว เงียบก่อนดีที่สุด

 

“ทำแผลเสร็จแล้วก็รีบติวสิวะ นั่งจ้องตากันอยู่ได้ จะไม่ติวแล้วใช่ไหม หนังสงหนังสือน่ะ” พี่เนลหายใจออกมาเสียงดัง ผมจึงรีบเก็บพวกยาทาแผล ผ้าก๊อซทันที เดี๋ยวมันบ้าขึ้นมาคนที่ลําบากจะเป็นผมอีก

 

“โว้ย เห็นแล้วหงุดหงิด” พูดจบก็เดินกระทืบเท้าออกไปนั่งคนเดียวตรงระเบียงให้ยุงกัดเล่น

 

ดีครับผมชอบคนแบบนี้ เขาคือผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ อยู่เฉยๆไม่ชอบ ออกไปให้ทานฝูงยุงผู้หิวกระหาย ดีครับ ทำได้ดี ผมขอชื่นชม

 

หลังจากตัวกวนเดินออกไปนั่งทำ MV ตรงระเบียง เราก็เริ่มติวหัวข้อที่ค้างเอาไว้ตอนหัวคว่ำ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ครั้งนี้ผมมีสมาธิมากขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไฟเริ่มรนตูดแล้ว หรือเพราะอะไรกันแน่ ไอ้ซานก็เทพจัด อธิบายกระชับได้ใจความ เนื้อๆเน้นๆ ไม่มีน้ำ จบไปเป็นติวเตอร์ได้สบาย เราติวกันอยู่อย่างนี้จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ผมเริ่มอ้าปากหาวเพราะความง่วง สงสัยยาที่กินไปเริ่มออกฤทธิ์ ได้แต่บอกตัวเองให้อดทน ยังติวได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง มึงอย่าเพิ่งล้มไอ้ภีม แต่ก็อย่างว่าแหละ ยาสองเม็ดเน้นๆ ล้มควายได้เป็นตัว มีหรือที่คนอย่างผมจะทนไหว

 

“กูว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะ” ไอ้ซานที่เห็นว่าผมเริ่มไม่ไหว สัปหงกจนหน้าเกือบทิ่มโต๊ะไปหลายที จูบหนังสือไปก็หลายรอบ พูดขึ้นมา

 

“อืมมม กูไหว” ผมตอบมันเสียงแผ่วเบา ฝืนบังคับเปลือกตาที่หนักอึ้ง ให้ลืมตาตื่น

 

“ไม่ กูว่ามึงโคตรไม่ไหว นอนก่อนเถอะ”

 

“ไม่…กู….ไหว” อย่ามาดูถูกกูนะไอ้ซาน พี่ภีมยังฟิตปั๋ง งืมๆ

 

“มึงอย่าฝืน…..&#@%#**………” เหมือนถูกตัดสัญสัญญาณการได้ยินไปชั่วขณะ รู้ว่าไอ้ซานมันพูดอยู่นะครับ แต่ฟังไม่รู้เรื่องเลย

 

พูดอะไรของมันก็ไม่รู้ นั่นใช่ภาษาคนหรือเปล่าวะ พี่ภีมฟังไม่ออก

 

“….”

 

“ดูๆ น้ำลายไหลเป็นเส้นแล้ว ตายๆ หนังสือกู! เปียกหมด ไอ้ภีม!!!! หนังสือกู!!” ผมสะดุ้งตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงไอ้ซานตะโกนกึ่งคำรามออกมาเสียงดังลั่นห้อง เกิดอิหยังขึ้นหว่า

 

“หือ” ผมมองหน้าไอ้ซานอย่างงงๆ มึนๆ สองมือก็เช็ดน้ำลายที่ไหลเป็นสายน้ำไปด้วย

 

“ไปนอนเถอะ หนังสือกูเปียกหมดแล้ว” ไอ้ซานพูดอย่างปลงๆ พลางชี้หนังสือที่ผมเอามือทับไว้อยู่ โอ้ว! หนังสือไอ้ซานนี่หว่า เปียกน้ำลายผมไปกว่าครึ่งหน้า แถมเป็นเส้นๆตวักไปมา ลวดลายสวยงามตระการตาดีจริงๆ

 

เอาซะกูเขิลหมดเลย ฮ่าๆ

 

“โทษที” ผมเอ่ยขอโทษมันไป

 

“ไม่เป็นไร ชั่งมันเถอะ” ไอ้ซานยิ้มให้ผม พร้อมเอื้อมมือมาดึงหนังสือไป “ไอ้ภีมฝากรอยไว้ซะแล้วสิ ฮ่าๆ”

 

ดูมันพูดเข้า!

 

“เอาของกูไปใช้แทนไหม” ผมยื่นหนังสือของตัวเองไปให้มัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

 

“ไม่เป็นไร แบบนี้แหละ กูชอบ” ไอ้ซานพูดพร้อมยักยิ้วให้สองจึก งั้นก็แล้วแต่มึงเถอะ เอาที่สบายใจเลย

 

ผมลุกขึ้น กำลังจะเดินไปนอนที่เตียง ในหัวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีไอ้บ้าคนหนึ่งมันออกไปบริจาคเลือดให้บรรดายุงตัวเมียทั้งหลายตรงระเบียง จนตอนนี้มันก็ยังไม่เข้ามาข้างในเลย ก็อดเป็นห่วงไม่ไหว ว่ามันถูกยุงหามศพไปหรือยัง ขอย่องไปดูหน่อยแล้วกัน

 

“จะไปไหนเหรอ” ไอ้ซานทักขึ้นมา หลังจากเก็บหลังสือเข้าที่เสร็จแล้ว

 

“ไปดูพี่เนลมันหน่อย ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นไงมั่ง” ผมหันไปตอบมัน ก่อนจะเดินดุ่มๆไปที่ระเบียง

 

ฟืดดดด

 

จัดการเปิดประตูบานเลือน ชะโงกหน้าออกไปดูว่ามันเป็นยังไงบ้าง สายตาปะทะเข้ากับพี่เนลที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดี ในมือถือรูปถ่ายที่ผมเพิ่งทำฉีกไปเมื่อครู่ เหมือนมันพยายามเอามาประกบต่อกันให้เป็นเหมือนเดิม

 

“มีอะไร” มันถามเสียงห้วนๆ แล้วหันกลับไปมองรูปที่ถืออยู่ แววตาสั่นไหว ผมจึงปิดประตูก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆมัน

 

“เอ่อ…” เอามือขึ้นมาเกาหัว อย่างทำอะไรไม่ถูก กลับไปนอนเลยดีไหมวะ ดูสภาพพี่เนลตอนนี้คงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า หน้ามันดูเศร้ามาก จนผมรู้สึกผิดเลยที่ไปทำรูปมันขาด

 

“รูปนั้นสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมถามมันออกไป เพราะดูมันอาลัยอาวอนไม่น้อยเลย

 

“อืม” มันตอบในลำคอ สีหน้าดูไม่ค่อยดี

 

“ผม…ขอโทษนะครับ” ผมเอ่ยขอโทษมันออกจากใจ เห็นมันซึมแบบนี้แล้วความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินเข้ามาในหัวใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีส่วนที่ทำรูปขาดอยู่เหมือนกัน

 

“อืม” พี่เนลตอบสั้นๆ เก็บรูปใส่ในกระเป๋า พร้อมเอามือตบพื้นข้างๆตัว เป็นเชิงบอกให้ผมลงไปนั่งเป็นเพื่อน

 

“ไม่เป็นไรพี่ ผมจะนอนแล้ว” แค่ออกมาดูเฉยๆ ว่ามันยังอยู่ดีไหม เห็นว่ายังไม่ตายก็สบายใจแล้ว “งั้นผมไปก่อนนะ พี่ก็รีบๆเข้าไปล่ะ ข้างนอกยุงมันเยอะ” พูดพร้อมเอามือตบยุงไปด้วย ออกมาไม่ถึงนาที โดนกัดไปสามสี่ที่แล้ว ไม่อยากคิดถึงสภาพพี่เนลที่ออกมานั่งเกือบชั่วโมงเลย ปานนี้ร่างคงพรุนไปแล้วมั้ง

 

“นั่งเป็นเพื่อนหน่อย” พี่เนลพูดเสียงเรียบ

 

“ไม่เอา ผมจะนอนแล้ว”

 

“ขอ 5 นาที” พี่เนลยังคงตื้อต่อ

 

“ไม่เอา พื้นมันแข็ง ผมปวดตูด” พยายามหาข้ออ้าง เพราะตอนนี้กูง่วงมาก

 

“งั้นมานั่งตักกู” มันส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ พร้อมเอามือตบตักตัวเองปุๆ “เร็วครับ”

 

“ใช่เรื่อง ไม่เอาครับ”

 

“เรื่องมากจังวะ” ไม่พูดเปล่า ดึงแขนผมให้ลงไปนั่งจุมปุ๊กที่ตักมัน ก่อนจะเอาแขนแกร่งนั่นโอบรอบเอวผมเอาไว้แน่น ไม่ให้หนีไปไหน

 

“เห้ยพี่เนล ผมง่วงแล้ว จะไปนอน” ผมโวยวาย พยายามแกะแขนมันออก แต่อย่างว่าครับ แรงควาย ถ้าเพิ่มแรงรัดอีกหน่อยซี่โครงผมคงแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว

 

“ขอ 5 นาที แล้วจะไม่กวนอีก” พี่เนลเอาคางมาเกยไหล่ผมเอาไว้ แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู “นะครับน้องภีม”

 

“แค่ 5 นาทีนะครับ” ผมถามย้ำ ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า อะไรที่มันสัญญาแล้ว มักจะทำไม่เคยได้เลยก็ตาม

 

“อืม”

 

ผมยอมอยู่นิ่งๆให้มันกอดสักพัก รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่กระทบต้นคอ ทำให้หน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา พยายามหดคอหนีจมูกโด่งได้รูปที่พยายามซุกไซ้ซอกคอผมอย่างหยอกล้อ หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ยินเสียงหัวใจของผมไหม แต่ผมได้ยินชัดเจนเลย โคตรน่าอาย

 

 

“รูปนั้นน่ะ เป็นรูปที่กูถ่ายกับม่ายฟ้าตอนไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันสองคน เมื่อปีที่แล้ว” จู่ๆมันก็พูดขึ้นมา “เป็นทริปที่กูมีความสุขมาก เพราะได้ไปเที่ยวกับฟ้าสองต่อสอง ได้ตื่นมาเห็นรอยยิ้มสวยๆ ใบหน้าสดใส แก้มแดงๆ ของเธอแล้วโคตรดี”

 

ตอนนี้ผมดีใจแล้วล่ะ ที่นั่งหันหลังให้ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ามันเวลาเล่าเรื่องนี้ แค่ฟังเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความสุขนั้นก็เพียงพอแล้ว

 

“เราเที่ยวด้วยกันราวกับเป็นแฟนกันจริงๆ ตอนนั้นกูลืมสถานะของตัวเองไปแล้ว ว่าเป็นได้แค่คู่ควง ทริปนั้นกูพกกล้องไปด้วย 1 ตัว เพื่อตามถ่ายรูปม่านฟ้า รู้ไหม กูถ่ายได้เป็นพันๆรูปเลยนะ”

 

ผมไม่อยากฟังแล้วจะผิดไหม เหมือนยิ่งฟังเรื่องที่มันเล่า ยิ่งกลับมาทำร้ายตัวผมเองยังไงก็ไม่รู้

 

“ตอนไปที่หาดกะรน จู่ๆฟ้าก็ขอถ่ายรูปคู่ เพราะตั้งแต่มายังไม่มีรูปคู่เลย กูก็ไม่รอช้า รีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายทันที แต่หลังจากเที่ยวหาดกะรนจบ กูดันเผลอทำกล้องถ่ายรูปตกน้ำ ตอนถ่ายฟ้าใส่ชุดบิกินี่ ทุกวันนี้ยังเสียดายรูปไม่หายเลย ฮ่าๆ”

 

พี่เนลพูดไปหัวเราะไป ส่วนผมได้แต่กัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด ฟังแล้วรู้สึกเจ็บแปลบตรงอกขึ้นมาเลยวะ

 

“พอเอาไปให้ร้านซ่อม เขาบอกกูว่า…รูปอื่นไม่สามารถกู้คืนได้แล้ว เหลือแต่รูปนี้รูปเดียวที่ยังเหลืออยู่ในเครื่อง” มันพูดพร้อมหยิบรูปในกระเป๋าขึ้นมาให้ผมดู “มึงคิดดู รูปมีเป็นพันๆรูป แต่ทำไมถึงเหลือแค่รูปนี้ล่ะ”

 

พี่เนลเว้นช่วงไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “กูว่าเป็นเพราะ พรหมลิขิต”

 

“ฟ้าเลยเอารูปนี้ไปอัด แล้วเขียนข้อความบอกรักกูหลังรูป เธอบอกกับกูว่าให้เก็บรูปนี้ไว้ดีๆ มันคือสัญลักษณ์ของความรักที่กูมีให้เธอ ถ้าวันไหนรูปฉีก นั่นเท่ากับว่ากูไม่ได้รักม่านฟ้าแล้ว กูถึงเก็บรูปนี้เป็นอย่างดี เพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าหัวใจกูยังคงมีแค่เธอเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้ว่ากูจะมีคู่ควงหลายคน แต่หัวใจกูได้มอบให้ผู้หญิงคนนี้แค่คนเดียว”

 

ตอนนี้ผมไม่อยากฟังแล้ว ช่วยหยุดพูดที ผมไม่อยากรู้แล้วว่ารูปนั้นสำคัญกับพี่ขนาดไหน ผมไม่อยากรู้แล้ว ช่วยปล่อยผมกลับไปนอนสักที ขอร้อง

 

“พี่คงเสียใจมากเลยสินะ ที่ผมทำรูปขาด” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดตอนถามมันออกไป นึกว่าเป็นแค่รูปธรรมดา ไม่คิดว่ามันจะมีความหมายขนาดนี้

 

มันส่ายหัว “กูไม่ได้เสียใจที่รูปมันขาดหรอก”

 

“….”

 

“แต่กูเสียใจที่ทำมึงร้องไห้ เพราะรูปนี้มากกว่า…”

 

“….”

 

“กูขอโทษ….” มันกำชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มผมเบาๆ … “ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง แต่อย่าทำเป็นเมินใส่กูเหมือนเมื่อกี้ได้ไหม”

 

“….”

 

“กูไม่ชอบเลย….ไม่ชอบเลยจริงๆ” เสียงมันเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ

 

“….”

 

“กูนึกว่ามึงจะโกธรกู จนไม่คิดจะออกมาตามกูซะแล้ว” มันก้มลงมาจูบที่หัวไหล่ของผมเบาๆ “ขอบคุณนะ”

 

เดี๋ยวๆ สมองไม่ประมวลผล แปปๆ พี่ภีมคิดไม่ทัน ตอนนี้รู้สึกร้อนทั้งตัวเลย ไม่แค่หน้าแล้ว อะไรวะเนี่ย! ไปโกธรมันตอนไหนวะ แค่โมโหนิดๆ เคืองหน่อยๆ

 

ทำไงดีวะ กับสถานการณ์แบบนี้

 

คร่อก

 

แกล้งหลับแม่ง

 

“ภีม ได้ยินพี่ไหม”

 

“….” ไม่ กูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

 

“ภีมครับ” มันเอามือมาเขย่าตัวผมเบาๆ

 

“….” พี่โดนยุงกัดจนเพี้ยนไปแล้วใช่ไหมครับ หรือออกมานั่งสมาธิคนเดียวตรงระเบียงตั้งนานสองนาน จนเริ่มตรัสรู้ บรรลุธรรม แยกแยะชั่วดีได้ โอ้โห ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

“อ่าวหลับไปแล้วเหรอ หลับไปตอนไหนวะ”

 

“….” หลับไปเมื่อกี้นี่แหละ ไม่อยากคุยกับคนบ้า

 

“ฝันดีครับ ลูกหมา” มันเอานิ้วมาเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าออกให้ ก่อนอุ้มผมเข้าไปนอนในห้องตามระเบียบ

ด้วยความง่วงจัด ผมจึงหลับไปไม่ได้สติทันทีที่หัวถึงหมอน…

 

ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นแบ่งกันนอนยังไง เพราะเตียงของไอ้ซานก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย พอสำหรับผู้ชายตัวเท่าควายสองคนนั่นจะนอนด้วยกันได้ แต่ถ้าเกิดได้จริงๆ ก็อัดโคตรๆ ด้วยนิสัยพี่เนลมันไม่ยอมแน่ๆ ผมรู้ดี

 

ต้องมีคนหนึ่งเสียสละไปนอนที่โซฟา…
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 12-06-2018 19:35:24
มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-06-2018 20:38:14
งั้นพี่เนลควรทิ้งรูปไปซะ ไม่ก็จุดไฟเผาแม่ม
มาพูดจาวกวน อาลัยอาวรณ์นั่นนี่แบบนี้ เค้าจะขโมยน้องไปกกเองนะเออ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 21:28:29
ไม่ค่อยน่าวางใจอิพี่เนลมันอ่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-06-2018 22:32:21
เอาเงินมาเลย1ล้าน แล้วมาแบ่งกับคนอ่านนี่มาๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 12-06-2018 23:36:00
ไม่เอาพระเอกแบบนี้ แบนนๆๆๆ  :fire:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ฟาร์มไก่ ที่ 12-06-2018 23:50:41
 :mew6: :mew6: :mew6: ใจร้ายเกินคน อีพี่เนล  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 13-06-2018 01:22:25
พี่เนลรีบเลือกซักทางเถอะ สงสารภีม พอน้องรู้ความจริงว่าพี่หลอก น้องคงเสียใจมากๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 13-06-2018 13:42:07
จะทำอะไรก็คิดดีๆก่อนนะเนล ความรู้สึกคนเรามันกู้ให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้หรอกนะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-06-2018 20:11:15
เนลเหมือนเป็นไบโพล่า
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-06-2018 22:53:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 14-06-2018 00:05:29
ขึ้นๆ ลงๆเนาะ อารมณ์คนเรา,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่19 ขอโทษ(2/2) |[12/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 16-06-2018 23:40:20
เนลได้ลองไปหาหมอจิตเวทบ้างยั้งอ่ะ งงไปหมดแล้ว ตามอารมไม่ทันยิ่งกว่าคนเป็นเมนส์อีก
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 25-06-2018 16:33:05
ตอนที่ 20 คำตอบของพี่
(1/2)


 และแล้วการสอบควิชก็ผ่านไปได้ด้วยดี อยากตีลังกาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบคณะ ถามว่าสอบได้ไหม ด้วยมันสมองระดับไอสไตน์อย่างพี่ภีมคนนี้แล้ว ตอบได้คำเดียวว่า ‘ได้สอบ’

 

ล้อเล่นครับ สอบได้สบายอยู่แล้ว ได้ติวเตอร์ฝีมือเทพอย่าง ‘พี่ซานคนหล่อ’ ค่อยป้อนข้อมูลให้ ถึงแม้จะรับมาได้ไม่มาก แต่มีประสิทธิภาพแน่นอน เพราะที่รับมาออกข้อสอบทั้งหมด ถือว่าเป็นโชคดีของไอ้ภีมคนนี้เหลือเกิน

 

“แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ แสดงว่าทำข้อสอบได้สินะ” ไอ้ซานที่ออกจากห้องมาทีหลังเอ่ยแซว

 

“แน่นอนอยู่แล้ว นี่ใคร ภีมเอง” พูดพลางเอานิ้วโป้งชี้เข้าหาตัวเอง ทำหน้าภูมิใจที่สุดในชีวิต

 

“อู้หู เก่งครับ เก่ง” ไอ้ซานตบมือให้ น้ำเสียงดูตื่นเต้นสุดขีด ผิดกับสีหน้าที่บอกผมเป็นนัยๆว่า ไม่ใช่เพราะกูหรอกเหรอ ที่ทำให้มึงสอบได้ สำนึกบุญคุณด้วย

 

“แต่ถ้าไม่มีมึง กูก็คงลำบากไม่น้อยเลย เอางี้ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน มึงอยากกินอะไร” ผมเอามือไปตบหลังไอ้ซานแปะๆ พี่ภีมคนนี้เป็นคนรู้คุณคนอยู่แล้ว ไม่ลืมหรอก

 

“อืมม กูอยากกิน KFC, Shabushi , MK , Sizzler แล้วก็ปิดท้ายด้วย Swensens ส่วนน้ำกูขอเป็น Starbucks สัก 2 แก้วนะ” ไอ้ซานพ่นสิ่งที่อยากกินออกมาเป็นชุด ทำเอาผมลมแทบจับ โอ้โห! ท้องคนหรือหลุมดำ มึงกะไปแข่งแดกทีมชาติเลยหรือไง เป็นผมจอดตั้งแต่ KFC แล้ว ไม่ใช่ท้องนะครับ เงินในกระเป๋า

 

“เยอะไปๆ กูเลี้ยงได้แค่ร้านเจ๊อ้อยอะครับ” เสนอไปงั้นแหละ ไปไกลสุดได้แค่ร้านพี่อ้อยเท่านั้น ไม่คิดว่าเพื่อนจะหัวสูงขนาดนี้ เลี้ยงทีกูล้มละลายเลยนะนั่น

 

“โอ้โห แพงมากเลยครับ”

 

“กูมีงบแค่นี้ คนมันจนช่วยไม่ได้ รอกูถูกหวยก่อนนะ เดี๋ยวพาไปเลี้ยง” ถึงวันนั้นโปรดเรียกกูว่าเสี่ยได้เลย พี่จะเปย์น้องเอง

 

“ฮ่าๆ กูล้อเล่น” ไอ้ซานเอาแขนมาล็อคคอผมเล่นอย่างหยอกล้อ “กูไม่เอาหรอก”

 

“ได้ไงวะ มึงช่วยกูตั้งหลายเรื่องแล้ว ให้กูได้ตอบแทนบ้างเถอะ” ผมโวยใส่มัน เวลามีเรื่องอะไรก็มีไอ้ซานนี่แหละที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอๆ มันไม่เคยบ่นสักคำแถมยังเต็มใจช่วยผมอีก เพื่อนที่ดีแบบมันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

“อยากตอบแทนกูเหรอ” มันเลิกคิ้ว

 

“อืม” แน่นอนอยู่แล้ว ไอ้ภีมไม่ชอบติดค้างอะไรใคร

 

“งั้นมึงก็ทำอาหารมาให้กูกินสักมื้อแล้วกัน ไหวเปล่า” โอ้โห ไอ้ซาน! ตอนเข้าค่ายลูกเสือ มึงยังไม่เข็ดอีกเหรอ มึงโดนน็อกไปคนแรกเลยนะ ลืมไปแล้วหรือไงครับคุณพีรวัตร

 

“ไม่เอา กูไม่อยากทำร้ายเพื่อน มึงก็รู้ว่ากูทำอาหารห่วยแค่ไหน” ขนาดพี่เนลยังบ่นผมเรื่องนี้ทุกวันเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้ผมทำให้กินอยู่ดี ไม่รู้ว่าขี้เกียจออกไปซื้อ หรือกะใช้ผมให้คุ้มกันแน่

 

เอ่อ พูดถึงมัน ให้เดาครับว่าใครเป็นคนเสียสละไปนอนที่โซฟา เฉลยเลยแล้วกัน คุณชายซานเจ้าของห้องนั่นเอง

ไม่รู้ไปตกลงกันยังไง แต่เห็นไอ้ซานบ่นๆอยู่ ว่าแพ้มันไปซะทุกอย่าง แพ้ยันเป่ายิ้งฉุบ น่าสงสารเขานะครับ

 

“ไม่เป็นไร กูอยากกิน”

 

“เอ่อ…” ผมเริ่มอ้ำอึง ลำบากใจ กลัวทำมันเข้าโรงพยาบาล แค่ตอนเข้าค่ายลูกเสือก็ถือเป็นฝันร้ายสำหรับผมแล้ว ภาพไอ้ซานล้มลงไปทั้งที่มือยังถือช้อนค้างไว้ ยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้

 

“ขอแค่มึงทำมาด้วยใจ อะไรกูก็กินได้หมดแหละ ยกเว้นไข่” เกือบหล่อแล้ว ถ้ามึงไม่ตัดขากูตรงประโยคสุดท้าย เมนูไข่นี่ผมมั่นใจมาก ว่าจะไม่ทำให้ใครต้องไปนอนเติมน้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่นอน เพราะมันทำง่าย โดยเฉพาะไข่ต้มนะมึงเอ้ย! ลงหม้ออย่างเดียว ไม่ต้องปรุงอะไรทั้งสิ้น

 

ผมกลัวที่ต้องมาปรุงอาหารให้ใครทาน มันเหมือนปมหลังฝังใจที่เห็นเพื่อนล้มลงไปต่อหน้าทีละคนๆ แต่วันไหนนึกอยากฆ่าพี่เนลขึ้นมา จะทำอาหารมื้อสุดท้ายให้มันสุดฝีมือเลย หึๆ

 

“….”

 

“กูไม่อยากให้มึงกลัวการทำอาหารไปจนตายนะ ลองทำอย่างอื่นนอกจากเมนูไข่ดู กูพร้อมจะเป็นหนูทดลองให้มึงเสมอ ยังไงกูก็อยากให้มึงเอาชนะตรงนี้ให้ได้ เพราะฉนั้น เริ่มจากการทำอะไรง่ายๆอย่างพวกข้าวต้ม หรือข้าวผัดก่อนก็ได้”

 

คิดหนักเลย…

แต่ในเมื่อมันต้องการแบบนั้นพี่ภีมก็ไม่ขัดครับ ประหยัดเงินดี จัดไปเลย “โอเค”

 

     ตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วครับ กำลังเดินลงจากตึกคณะไปที่ลานจอดรถ โดยมีไอ้ซานเจ้าเก่าเจ้าเดิมอาสาไปส่ง หลังจากเลิกงานพวกผมก็ต้องไปช่วยไอ้ทัศเตรียมค่ายต่อ ผมกับไอ้ซานอยู่ฝ่ายสอนครับ ส่วนไอ้สองคนนั้นอยู่ฝ่ายกิจกรรม ต้องเตรียมอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด พี่ซันประธานค่ายเลยขอให้พวกผมไปช่วยพวกมันหน่อย ความจริงแล้วพวกผมยังไม่เคยเห็นหน้าประธานแกเลย ติดต่อและรับข้อมูลจากไอ้ทัศตลอด จนบางทีผมก็คิดว่ามันอาจจะเอาชื่อประธานแกมาอ้างเพื่อหลอกใช้แรงงานพวกผมก็ได้ ฮ่าๆ

 

กึก จู่ๆไอ้ซานก็หยุดเดิน ทำให้ผมที่เดินตามติดๆ ชนเข้ากับแผ่นหลังมันเต็มๆ อะไรของมันวะ คิดจะหยุดก็หยุด

 

“อะไรของมึงเนี่ย” ผมโวยวายใส่มัน ไอ้ซานยืนนิ่ง ไม่ตอบอะไร สายตามองไปที่มุมหนึ่งของตึกคณะ ผมจึงทอดสายตามองตามมันไป

 

เห็นพี่ม่านฟ้ากำลังนั่งคุยกับพี่เนลที่ม้าหินอ่อน ใต้ต้นไม้ข้างๆตึก ในมือพี่เนลถือรูปที่ผมพึ่งทำขาดเมื่อวานด้วย ให้เดาคงมาคุยเรื่องรูปล่ะมั้ง หน้าพี่เนลเครียดไม่น้อยเลย พี่ฟ้าเอามือมาจับแขนพี่เนลเอาไว้ ก่อนส่ายหัวไปมา แล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมอยู่ไกลมาก จึงไม่ได้ยิน สักพักพี่เนลก็คลี่ยิ้มออกมา คิ้วที่ขมวดเป็นปมก็ค่อยๆคลายออกเช่นกัน

 

“อั่นแน่ มองพี่ฟ้าแบบนั้น อย่าบอกนะ ว่ามึง…แอบชอบเขาน่ะ” ผมแซวไอ้ซานที่ยืนมองพี่ฟ้าตาไม่กระพริบ

มิน่าล่ะ ชอบมีปัญหากับพี่เนลจัง ที่แท้ก็ชอบคนเดียวกันนี่เอง

 

“เห้ย! ไม่ใช่โว้ย” ไอ้ซานหันมาโวยวายใส่ผมใหญ่เลย แม่งมีพิรุธ

 

“ไปชอบคนเดียวกับพี่เนลระวังเจ็บหนักนะโว้ย” ผมเอาศอกกระทุ้งสีข้างมันเบาๆ เป็นการหยอกล้อ

 

“เจ็บหัวใจอะนะ” แววตามันหมองลงทันที ที่พูดจบ

เห้ย! มันชอบพี่ฟ้าจริงดิ ตายละ ไปพูดจี้ซะแล้ว

 

“เจ็บตัว รายนั้นเอะอะใช้กำลังๆ สมองมีไม่เคยใช้หรอก” ไอ้ซานที่ยืนนิ่งอยู่หลุดขำออกมา แปลว่ามึงก็คิดแบบนี้มาตลอดใช่ไหม แค่มึงไม่กล้าพูดออกมา

 

“หึๆ ไปว่าพี่เขาระวังโดนต่อยนะไอ้ภีม อีกอย่างกูไม่ได้ชอบพี่ฟ้าโว้ย”

 

“เอ้า ก็เห็นมองตาไม่กระพริบเลย นึกว่าหลงเสน่ห์นางฟ้าเข้าซะแล้ว”

 

“ไปกันใหญ่แล้ว ที่กูมองเพราะพี่ฟ้าหน้าคุ้นๆโว้ย เหมือนเคยเห็นที่ไหน พอได้มองใกล้ๆแบบนี้แล้ว โคตรคุ้น”

 

“เอ้า ก็พี่เขาเป็นอดีตดาวคณะเรา จะไม่ให้คุ้นได้ไง” ไอ้นี่พูดแปลกๆ ใครไม่คุ้นหน้าสวยๆของพี่แกมั่งล่ะ ขึ้นชื่อว่านางฟ้าแพทย์แล้ว ใครๆก็รู้จักเหอะ เจ้าพ่อโซเชียลอย่างมึง ทำไมถึงตั้งคำถามโง่ๆแบบนี้ออกมาล่ะ ไอ้ซาน!

 

“ไม่ กูรู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน” ไอ้ซานทำท่านึกรำลึกความหลัง

 

“วันคัดเลือกดาว-เดือน?” จำได้ว่าเจอครั้งแรก วันคัดเลือกดาวเดือน ตอนปี1 ตอนนั้นที่ฟ้าเป็นตัวแทนดาวปี2 มาเดินเปิดตัวให้ดู คือสวยมาก หัวใจพี่ภีมคนนี้สั่นไปหมด

 

“ไม่ ก่อนหน้านั้น สมัยเรียนมัธยม” มันตอบผม แต่สายตายังจ้องพี่ฟ้านิ่ง ทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่

 

“โห ไอ้ซาน มึงเคยเจอคนสวยแบบพี่ฟ้ามาก่อนด้วยเหรอวะ กูไม่เห็นรู้เลย ไม่เบานะเรา” ผมแซวมันเล่น พลางเอานิ้วชี้จิ้มๆที่หัวไหล่มันไปด้วย

 

“เห้ย!” จู่ๆมันก็อุทานขึ้นมาเสียงดัง ทำเอาผมตกใจหมด หัวใจแทบหล่นลงไปถึงตาตุ่ม อะไรของมัน!

 

กำลังจะหันไปถามมันว่า ‘เป็นบ้าอะไรของมึง’ แต่หน้ามันดูเครียดมาก จ้องพี่ฟ้าเขม็ง เลยเลือกไม่พูดออกไปดีกว่า

 

“เห้ยไอ้ซาน ทำหน้าตาน่ากลัวเซียว ทำไม เคยโดนพี่เขาหักอกมาเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะดูหน้ามันตอนนี้แล้ว แซวเล่นคงไม่เหมาะ

 

ไอ้ซานคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่ง “กูว่า กูพอจะนึกออกแล้ว อยู่ห่างๆไว้ดีกว่า ถ้าใช่คนที่กูกำลังคิดอยู่ ถือว่าอันตรายต่อมึงมาก”

 

“ใคร?” ผมเลิกคิ้วสงสัย

 

“ช่างมันเถอะ กูไม่อยากไปกล่าวหาใครมั่วซั่วโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน สงสัยกูจะคิดมากไปเอง” อ่าว อะไรของมึงวะ ไป! เชิญไปอยู่กับพี่เนล กลุ่มบุคคลคนพูดไม่รู้เรื่องแห่งปี ปล่อยประเด็นมาให้สงสัยแล้วก็ตัดจบโดยไม่เฉลย กูล่ะเกลียดคนแบบนี้จริงๆ

 

ชะอุ่ย แวบหนึ่งพี่ฟ้าหันมามองผมด้วย หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปคุยกับพี่เนลต่อ โดยไม่หันกลับมามองอีก ผมไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่าวะ ทำไมพี่ฟ้าคนสวยต้องมองน้องภีมแบบนั้นล่ะครับ ใจไม่ดีเลย กระซิกๆ

 

“ไอ้ภีม มึงไปร้านพี่อ้อยคนเดียวได้ไหม ตอนนี้กูมีเรื่องที่ต้องจัดการว่ะ” ยังไม่ทันได้เอ่ยถามหาสาเหตุอะไรเลย ไอ้ซานก็เดินดุ่มๆ จากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่ตรงนี้คนเดียว อิหยังหว่า ผีเข้าผีออกจะมึง

 

ช่างมันเถอะ ไปคนเดียวก็ได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก แต่ตอนนี้ ต่อมเสือกมันเริ่มทำงานหงิกๆ ไปแอบฟังจะเสียมารยาทไหมวะ ไม่หรอก ผมแค่เดินผ่านเฉยๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็แอบย่องๆ อ้อมหลังตึก ไปหลบพักเหนื่อยอยู่ที่มุมเสาข้างๆต้นไม้ใหญ่

 

“ขอโทษนะฟ้า”

 

“ไม่เอาน่าเนลอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฟ้าไม่ได้โกธรเนลสักหน่อย”

 

“แต่ผมรู้สึกผิด แค่รูปยังรักษาไว้ไม่ได้เลย” พี่เนลเอามือกุมขมับแน่น

 

“โถ่ คนดีของฟ้า” พี่ฟ้าเอามือขึ้นมาจับแก้มพี่เนลอย่างเอ็นดู “ไม่เอานะ อย่าคิดมากเลย”

 

โถ่ ไอ้เหี้ยของภีม ทีทำกับกูเคยรู้สึกผิดแบบนี้ไหม

 

“งั้นเอางี้ไหมคะ เสาร์นี้ฟ้าต้องลงไปทำธุระที่ภูเก็ต เราถือโอกาสนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม ครั้งนี้ฟ้าจะเอากล้องไปด้วย แล้วถ่ายรูปด้วยกันหลายๆรูปเลย ดีไหมคะเนล”

 

เสาร์นี้… เดี๋ยว มึงมีนัดกับกูนะ อย่าลืม ผมพยายามส่งพลังจิตไปให้มัน เผื่อมันจะจำอะไรได้บ้าง

 

“เสาร์นี้เหรอครับ?”

 

“ค่ะ ไปด้วยกันน๊า” พี่ฟ้าขยับมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับพี่เนล กอดแขนมันแน่น พลางเอาหน้าถูตรงไหล่แกร่งเป็นการออดอ้อน “ฟ้าไม่มีเพื่อนอยู่พอดีเลย นะคะเนล น๊า” พี่ฟ้าทำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์

 

ตาย เป็นกูก็ตาย เจอแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ต้องยอมเจ๊แก ยิ่งเป็นคนแบบพี่เนลแล้ว ไม่น่ารอด ผมจะยืนสวดศพพี่อยู่ข้างเสานี้ก็แล้วกัน ไปดีซะแล้วบักเนลเอ้ย

 

“เงียบทำไมล่ะคะ หรือเสาร์นี้เนลไม่ว่าง” พี่ฟ้าหันไปมองพี่เนลที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ สายตามีแววสงสัย

เฮ้พี่เนล มึงยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม คงไม่ช็อกตายไปแล้วนะ

 

“ว่างครับ” ดูเหมือนมันจะรู้สึกตัวแล้ว รีบตอบพี่ฟ้าทันที หืม ตอบได้เต็มปากเต็มคำนะครับคุณศิรากร ผู้ว่างตลอดเวลา

 

“ฟ้าดีใจจังเลยค่ะ” พี่ฟ้ายิ้มกว้างจนเห็นฟันสวยๆ หน้าตาดูมีความสุข แต่คงไม่มากเท่าไอ้ที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นหรอก เก็บอาการหน่อยครับ ออร่าพุ่งกระจัดกระจายหมดแล้ว

 

“ผมดีใจมากนะครับที่ฟ้าชวน” มันยิ้มหวาน พลางเอามือแกร่งนั่นลูบหัวพี่ฟ้าไปด้วย “แต่….ไปวันอื่นได้ไหมครับ”

 

“งือ ทำไมล่ะคะ” เธอทำหน้างอ “ฟ้าเสียใจนะเนี่ย ที่เนลไม่มีเวลาให้ฟ้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นนะฟ้า”

 

“งั้นเสาร์นี้เนลต้องไปกับฟ้า นะคะ เนลน๊า ฟ้าไม่มีเพื่อนเลย เนลจะทิ้งฟ้าได้ลงคอเหรอคะ” เธอจับมือพี่เนลขึ้นมา พร้อมเอาใบหน้าสวยๆนั่นก้มลงซบกับฝ่ามือหนา “ถ้าเสาร์นี้เนลไม่ไป ฟ้าก็จะไม่ไปไหนกับเนลอีก เลือกเอาก็แล้วกัน” เสียงหวานๆนั่น ไม่ได้ทำให้คำพูดของเธอดูน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นการขู่ก็ตาม กลับกันมันดูน่ารักด้วยซ้ำ

 

ผมก็รอลุ้นคำตอบมันจนน้ำลายเหนียว กลืนลงไปสามสี่อึกแล้ว ทำไมกูต้องมาลุ้นกับอะไรแบบนี้ด้วยว่ะ

 

คลื่น คลื่น

 

โทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นได้จังหวะดีจริงๆ ครั้งนี้ผมตั้งเป็นระบบสั่นเอาครับ เดี๋ยวมีเรื่องเหมือนคราวแล้วอีก คิดถูกจริงๆ ถ้าดังขึ้นมารับรอง พี่เนลต้องหันมามองผม แล้วเอาเครื่องนี้โยนลงน้ำ ชะตาคงไม่ต่างจากเครื่องก่อนแน่ๆ

 

“ครับพี่อ้อย” เป็นพี่อ้อยที่โทรมา หลังจากที่ได้โทรศัพท์ ก็ไม่มีเวลาโทรไปแจกเบอร์ใครเลย จนกระทั่งเมื่อพักกลางวันนั่นแหละถึงว่าง ผมเลือกโทรไปหาแม่สุดที่รักก่อน ท่านดูดีใจมากที่ผมโทรไปหา ก็แหม ไม่ได้คุยกันตั้งนานนี่เนาะ ท่านดูสบายดี แถมยังมีชีวิตที่ดีอีก แค่นี้ผมก็มีแรงฮึดใช้ชีวิตต่อไปแล้ว หลังจากนั้นก็โทรไปแจกเบอร์ พี่อ้อย กับพวกไอ้ทัศตามลำดับ

 

[ที่ร้านยุ่งมากเลย พี่ต้องการคนช่วย ภีมรีบๆมานะ] ได้ยินเสียงดังระงมเล็ดลอดออกมาจากปลายสาย นั่นบ่งบอกชัดเจนว่าที่ร้านคงวุ่นวายน่าดู

 

“ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมเอ่ยบอกกับพี่อ้อย ก่อนจะกดวางไป สองขารีบก้าวออกจากตรงนั้นทันที

 

 

ไม่ต้องรอฟัง ผมก็พอรู้อยู่แล้ว ว่าพี่เนลจะตอบกลับไปยังไง

 

พี่เนลก็ยังคงเป็นพี่เนล สัญญาอะไรไว้ไม่เคยจำได้หรอก

 
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 25-06-2018 16:35:59
คำตอบของพี่
(2/2)


เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด กว่าจะเลิกงานได้ แทบกลายเป็นศพ ยิ่งมาปวดตูดแถมยังต้องเดินรับส่งออเดอร์ทั่วร้านอีก บอกได้คำเดียวว่า ระบม ถ้าไม่ใช่ไอ้ภีมทำไม่ได้นะครับ

 

“พี่อ้อย ผมไปแล้วนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่อ้อยที่กำลังเก็บของอยู่ในครัวอย่างขะมักเขม้น

 

“จ้า ขอบคุณที่ทนเหนื่อยนะ เดี๋ยวพี่เพิ่มทิปให้” โอ้โห ฟังแบบนี้แล้วมีแรงฮึดขึ้นมาเลย

 

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไว้พี่แกอีกครั้ง ก่อนจะไปหยิบกระเป๋า เดินไปหาไอ้ซานที่มานั่งหาววอดๆ รอผมเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

 

ไอ้ซานเมื่อเห็นผมเลิกงานแล้ว ก็เดินนำไปที่รถ พาผมเข้า ม. มาที่ตึกเรียนรวมทันที ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว แต่ไม่ได้วังเวงเลยแม้แต่น้อย ได้ยินเสียงคุยกันดังลั่นมาแต่ไกลเลยครับ

 

“ใครก็ได้ช่วยไอ้ฟงเย็บเอกสารหน่อย ทำมาเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้สักเล่มเลย” เสียงพี่ฟิวดังลั่นกังวานทั่วตึกเลยครับ ถึงแม้ยังเดินไปไม่ถึง แต่เสียงแว้ดๆของพี่แกชัดแจ๋วมาก

 

เดี๋ยว! พี่ฟิว? เพื่อนพี่เนล มาได้ยังไง? ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้ซานเลยครับ มันได้แต่ส่ายหน้าไปมา พลางส่งสายตามาบอกผมเป็นนัยๆว่า ‘กูไม่รู้เรื่องนะ’

 

“เงียบๆหน่อยไอ้ฟิว กูต้องการสมาธิ” พี่ฟงที่กำลังถือไว้บรรทัด ค่อยๆเอาไปทาบเอกสารปึกหนึ่งอยู่ หันไปพูดกับพี่ฟิวสีหน้าเคร่งเครียด พี่เขากำลังทำอะไรอยู่วะ ทำไมดูเครียดกันขนาดนั้น ผมกับไอ้ซานที่เดินมาถึงแล้วได้แต่ยืนนิ่งมองพี่เขาอย่างเงียบๆ

 

“โอ้ยย มึงจะเอาให้มันตรงเพื่ออะไรวะ แค่ใช้ได้ก็พอแล้ว มึงจะไปแข่งเย็บเอกสารเพอร์เฟคระดับโลกหรือไง ขัดใจพี่ฟิวคนนี้จริงๆเลย งานยิ่งเร่งๆอยู่ เพื่อนเสือกใจเย็นแข่งกับอากาศขั้วโลกเหนืออีก” พี่ฟิวแกดูเกี้ยวกราดน่าดู

 

“ไม่ได้ มันขัดต่อการดำรงชีวิตของกูมาก กูไม่ชอบอะไรที่ไม่เป็นระเบียบ แม้แต่การเรียงตัวของแม็กบนกระดาษกูก็ไม่เว้น” พี่ฟงตอบพลางเอาไม้บรรทัดทาบลงไปใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเมื่อกี้ยังไม่ตรงพอ อุดมการณ์พี่แกหนักแน่นมาก ไอ้ภีมคนนี้โคตรนับถือ

 

ผมพอเดาสถานการณ์ออกแล้ว คงจะกำลังเย็บเอกสารประกอบการเรียนกันอยู่ ดูจากข้างตัวพี่ฟิวที่มีเอกสารกองเป็นปึกๆ ต่างกับพี่ฟงที่ไม่มีสักเล่ม เพราะมัวแต่วัดว่ามันตรงหรือยัง ไม่ยอมแม็กเย็บเล่มสักที

 

“มา มึงไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวกูทำเอง” พี่ฟิวทนไม่ไหวลุกพรวด ไปแย่งปึกเอกสารจากมือพี่ฟงมา

 

“ไม่เอา” พี่ฟงเอาเอกสารหนี “ไปทำอย่างอื่นเถอะ ถ้าวันนี้กูเย็บเล่มนี้ไม่เสร็จ กูคงนอนไม่หลับ”

 

“โวะ! ไอ้เชี่ยฟง! ชาตินี้จะเสร็จไหมเนี่ย นานจนน้องอาร์คหลับไปแล้วเห็นไหม” พี่ฟิวเอานิ้วชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่นอนขดตัวบนพื้น หลับปุ๋ยอยู่ข้างๆพี่ฟง ผู้ชายคนนี้ผมเคยเห็นมาก่อน ที่ไปกินข้าวกับพี่ฟงที่ร้านนางิโซะวันนั้นนี่หว่า

 

“อ่าว หลับไปตอนไหน” พี่ฟงหันไปมอง เอามือไปเขย่าร่างเล็กเพื่อปลุก แต่ดูเหมือนน้องมันจะหลับลึก ไม่ยอมตื่น พี่ฟงจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะยกหัวน้องอาร์คมาหนุนตักตัวเอง พลางถอดเสื้อแขนยาวออก ห่มให้น้อง ก่อนจะหันมาพูดกับพี่ฟิวเสียงเรียบ “ไอ้ฟิว…วันนี้กูคงช่วยมึงได้แค่นี้แหละ เดี๋ยวต้องพาน้องอาร์คไปนอนแล้ว”

 

“มึงจะอยู่หรือไม่อยู่ ก็ไม่ได้ช่วยให้งานมันเสร็จเร็วขึ้นหรอก รีบๆพาลูกมึงกลับไปนอนเถอะ”

 

“อืม งั้นกูไปก่อนนะ” พูดจบก็อุ้มน้องอาร์คเดินดุ่มๆจากไปทันที ผมว่าพี่ฟงแกดูเป็นผู้ชายอบอุ่นคนหนึ่งเลยนะ ถึงดูเป็นพวกบ้าความสมบูรณ์แบบไปบ้าง แต่ดูเอาใจใส่น้องอาร์คดี ตั้งแต่บังคับน้องมันกินผักแล้ว ฮ่าๆ คงจะเป็นห่วงสุขภาพน้องมันนั่นแหละ

 

พี่ฟิวได้แต่สายหัวอย่างระอา ก่อนจะหันกลับมา สบตาเข้ากับผมจังๆ เลยส่งยิ้มให้พี่เขาไป ตามวิถีคนเฟรนลี่

 

“ว้ายๆๆๆๆๆ ดูสิ ใครมา” อารมณ์เปลี่ยนไปทันที พี่แกเดินสะดีดสะดิ้งมาทางผม “น่องภีมของพี่” พูดจบก็เอามือมาลูบแขนผมจนขนลุกไหมหมด

 

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไว้พี่ฟิว ก่อนหันไปไหว้พวกพี่ๆที่มานั่งทำงานก่อนหน้าแล้ว มีครบแก๊งพี่เนลเลยว่ะ พี่เมฆกำลังนั่งตัดเชือกอยู่ข้างเสา หน้าตาจริงจังน่าดู พี่แจ็คก็ถือคัตเตอร์กำลังกรีดกระดาษแข็งอย่างตั้งอกตั้งใจ พี่ฟงพึ่งกลับไปเมื่อกี้ ส่วนพี่ฟิวก็ยืนเกาะแขนผมอยู่

 

อย่าบอกนะ ว่าพี่เนลก็ไปค่ายด้วย ตายแล้ว ถอนตัวทันไหม

 

“มันไม่มาหรอก” พี่ฟิวดูเหมือนจะอ่านความคิดผมออก รีบพูดขึ้น “กูไม่มีทางมาค่ายนี้เด็ดขาด ถ้าเห็นกูมา เชิญตะโกนใส่หน้าว่าควายดังๆเลย น้องเนลได้กล่าวไว้อย่างนี้” พี่ฟิวทำเสียงสอง ล้อเลียนคำพูดของเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้

 

เอ่อ ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย “อ๋อ ครับ”

 

“เฮ้ ไอ้ภีมทางนี้ๆ” ไอ้เหม่ยยืนขึ้น โบกมือไปมา เรียกผมซะเสียงดังลั่นตึก “ไอ้ภีมมาแล้วโว้ย เฮ้ไอ้ภีม” ไอ้ทัศไม่น้อยหน้า หันมาเรียกชื่อผมแข่งกับไอ้เหม่ยทันที พี่ภีมรู้ว่าเป็นที่ต้องการ แต่ใจเย็นๆครับเพื่อน อย่าแย่งกันๆ

 

“มาช่วยกูตัดกระดาษหน่อย” ไอ้ทัศพูดพลางชูกระดาษขึ้นมาให้ผมดู

 

กูคงมีความสำคัญแค่นี้สินะ ไอ้เพื่อนรัก

 

“งั้นผมไปหาเพื่อนก่อนนะครับ” ผมยกมือไว้พี่ฟิวอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหาไอ้สองคนที่นั่งตัดกระดาษกันจนนิ้วแทบล็อค

 

“มาๆ เชิญครับ เชิญ” ไอ้ทัศขยับให้ พร้อมผายมือเชิญผมให้ลงไปนั่งข้างๆ ส่วนไอ้เหม่ยก็ตบพื้นแปะๆ เรียกไอ้ซานไปนั่งด้วยเหมือนกัน ยังไม่ได้พูดอะไร ไอ้ทัศก็ยื่นกระดาษ กับกรรไกรมาให้ผมทันที

 

“ช่วยหน่อยครับฝ่ายสอน ฝ่ายกิจกรรมเหนื่อยเหลือเกิน” พูดจบก็ล้มตัวลงไปนอนกอดนอนฟัดกับไอ้โตทันที ไอ้โตเป็นหมาของมหาลัยที่ติดไอ้ทัศมากครับ สงสัยทะเลาะกันบ่อยจนซี้กันไปแล้ว ไอ้ทัศไปไหนบางครั้งก็เห็นไอ้โตเดินตามเป็นเงา วันนี้ก็น่าจะมานอนเฝ้ามันนั่นแหละ

 

“โห นี่กะใช้กูให้เต็มที่เลยนี่หว่า ไอ้ทัศ!”

 

“ใช่ ทำไปไอ้เบ๊ กูที่เป็นนายจะนอนแล้ว” พูดจบก็หันไปลูบหัวไอ้โต “เศร้าว่ะ ชะตาชีวิตกู เพื่อนก็มีผัวไปหมดแล้ว เหลือแต่กูที่ต้องนอนกอดหมาอย่างเปล่าเปลี่ยว กระซิกๆ มึงอย่าทิ้งกูไปไหนนะไอ้โต ตอนนี้กูรู้สึกเหงาเอกาเหลือเกิน” มันเอาหน้าไปถูกับลำตัวของไอ้โตที่นอนอยู่ อี๋!!! ไอ้ทัศ ไอ้โตมันเคยอาบน้ำบ้างไหมก็ไม่รู้ ดูจากขนที่เกาะตัวกันเป็นหย่อมๆแล้ว ถ้าอาบ ก็อาบมาแล้วหลายปี ทำไมมึงถึงยังกล้าทำอะไรแบบนั้น อย่ามาใกล้กูเลยนะ อยู่ห่างๆ พี่ภีมไม่มีเพื่อนแบบมึง

 

“บ่นอะไรของมึง” พี่ฟิวหันมาถามไอ้ทัศที่กำลังนอนพร่ำเพ้อพรรณนา กอดๆหอมๆไอ้โตอยู่ “ไม่มีเพื่อนคบเหรอไอ้ทัศ”

 

ใช่ครับ อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งนี่แหละ พึ่งตัดความสัมพันธ์ไปเมื่อ 1วิที่แล้ว

 

“ฮือออ พี่ฟิวครับบ ชีวิตผมโคตรเศร้า มีเพื่อนอยู่สามคน หนีไปมีผัวแล้วสอง อีกคนก็หล่อระเบิดระเบ้อถ้ามันคิดจะหา ก็หาได้สบาย เหลือแต่ผมเนี่ยแหละที่ยังโสดและสดอยู่อย่างนี้” ไอ้ทัศหันไปโอดโอยกับพี่ฟิว พลางเอามือล้วงเข้าไปในรูจมูก เพื่อหยิบขนไอ้โตออก ก่อนจะดีดใส่ไอ้เหม่ยที่นั่งตัดกระดาษเงียบๆอยู่ อี๋! กูรับการกระทำอันต่ำทรามนี้ไม่ได้จริงๆ

 

“ไอ้ทัศ….” พี่ฟิวลุกขึ้นมาหาไอ้ทัศ ก่อนจะโผกอดมันแน่น ประหนึ่งหมากฝรั่งติดกับรองเท้า เหนียวแน่นชนิดที่ว่าชาตินี้กูจะยึดติดกับมึงไม่ไปไหน “ฮือ กูเข้าใจความรู้สึกมึงงง เพื่อนกูก็หนีไปมีเมียหมดแล้ว เหลือแต่กูเนี่ยแหละที่ยังซิง”

 

หลังจากนั้นสองคนนั้นก็กอดปลอบกัน งานการไม่ยอมทำอีกเลย

เฮ้อ ปล่อยคนบ้าเขาคุยกันไปดีกว่า ไร้สารมาก

 

“เอ้า เด็กๆ ของว่างมาแล้วครับบ” ผมหันไปมองคนที่มาใหม่ ตาคมๆแบบนี้ ไว้ผมไถข้าง เจาะหู จมูกโด่งได้รูปแบบนี้ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก พี่ท็อป!

 

พี่แกวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ตรงดิ่งมาหาไอ้เหม่ยทันที พร้อมยื่นน้ำแตงโมปั่นให้ “นี่ครับของน้องเหม่ย น้ำแตงโมปั่นเย็นๆ แถมหัวใจของพี่ไปด้วย ดื่มเข้าไปรับรองหวานเจี๊ยบ โดยไม่ต้องใส่น้ำเชื่อมเพิ่ม เพราะความหวานที่พี่มีให้น้องมันมีมากกว่ามวลน้ำตาลใดๆในโลก” โอ้โห…ขออ้วกแปป

 

ไอ้เหม่ยยอมรับน้ำจากมือของพี่ท็อปแต่โดยดี “ผมขอรับไว้แค่น้ำแตงโมนะครับ ส่วนหัวใจพี่เอากองไว้ตรงนั้นแหละ” พูดจบก็ดูดน้ำแตงโมไปหลายอึกด้วยความกระหาย ทิ้งให้พี่ท็อปยืนอึ้งกับคำพูดไร้ซึ่งเยื่อใยเมื่อกี้

 

“ใจแข็งว่ะ แต่ไม่เป็นไร ยังไงสักวันมึงก็ต้องแพ้ในลีลากูอยู่ดี”

 

“หลงตัวเองฉิบหาย”

 

“ถ้ากูไม่มั่นใจ ไม่มีทางพูดออกไปหรอกนะ ยังไงกูก็ต้องจีบมึงให้ติด เพราะมึงคือคนที่หัวใจเลือกแล้ว”

 

“พี่ไม่ต้องมาปากหวาน ผมเห็นพี่พูดแบบนี้กับทุกคนที่จีบอยู่นั่นแหละ ขอบอกไว้เลยว่าผมไม่หลงเคลิ้มกับคำพูดหลอกลวงของคนอย่างพี่หรอก”

 

พี่ท็อปมองไอ้เหม่ยเหมือนคิดอะไรอยู่ ก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ดี! ยากๆแบบนี้แหละ ท้าทายกูดี”

 

ไอ้เหม่ยไม่ได้ตอบโต้อะไรพี่ท็อปไป หันไปตัดกระดาษของมันต่อ

 

“ฮันแน่ พึ่งรู้นะครับว่าแอบมาปลูกต้นรักกับเด็กแถวนี้” พี่ฟิวที่เมื่อกี้ล้มตัวลงไปนอนกับไอ้ทัศ ลุกขึ้นมาแซวที่ท็อปเล่น

 

“แน่นอนครับ กูปลูกไว้ทุกที่แหละ จะได้ไม่อดตาย”

 

“แล้วเอาน้องออมไปไว้ไหนล่ะครับนั่น รายนั้นดูเหมือนจะกัดพี่ไม่ยอมปล่อยด้วยนะครับ”

 

“อ่าว นี่มากันหมดทั้งแก๊งเลยเหรอ” พี่ท็อปเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อพี่ฟิวเอ่ยถึงน้องออม

 

“แหม เปลี่ยนเรื่อง เกือบครบแล้วครับ ยกเว้นน้องรหัสพี่”

 

“อ่าว ไอ้ห่าเนลไม่มาจริงดิ” ป๊าด วันนี้มีแต่เรื่องให้ตกใจ พี่ท็อปเป็นพี่รหัสของพี่เนลว่ะ โห เหมือนกันจริงๆ

 

เหี้ยเหมือนกัน

 

คนหนึ่งเลือกที่จะไม่ทิ้งน้องออม แต่ก็ตามจีบไอ้เหม่ยทุกวี่ทุกวัน ส่วนอีกคนก็ยังไม่ลืมรักเก่า แต่ควงคนอื่นไปทั่ว ถือคติที่ว่า ไม่มั่วแต่ทั่วถึง ใครเข้ามาพี่เอาหมด

 

ตายๆ เข้ากันอะไรอย่างนี้ ไม่ควรเป็นแค่พี่รหัสกับน้องรหัสอะ ควรเป็นพี่น้องกันจริงๆ

 

“ครับ มันบอกว่าค่ายเฮงซวย ไม่เหมาะกับคนสูงส่งแบบมัน!” พี่ฟิวพูดใส่อารมณ์

 

“อ่าวไอ้สัด! ขึ้นเลยๆ กูขึ้นเลย! ไอ้เนลมันว่าอย่างนั้นจริงเหรอ”

 

“เปล่าครับ ผมใส่ไข่”

 

“อ่าว ไอ้ห่าฟิว กวนตีนนะมึง” พี่ท็อปชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งข้างๆพี่ฟิว “แล้วนี่มันไปไหน ว่าจะพาไปเลี้ยงสายสักหน่อย”

 

 “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่พี่เถอะ คิดไงเลี้ยงมัน ตั้งแต่ผมรู้จักกับพี่มา ยังไม่เคยเห็นพี่พามันไปเลี้ยงเลยนะ”

 

“ไม่ได้ กูจะจบแล้ว เดี๋ยวมันเทกู”

 

“โห! ยอม”

 

“เอาน่า ก็กูไม่ชอบคนเจ้าชู้แบบมันนี่หว่า คนสองจิตสองใจแบบนั้นกูไม่ปลื้ม” เหมือนพี่แกด่าตัวเองยังไงก็ไม่รู้

 

“แหวะ หน้าอย่างพี่มีสิทธิพูดคำนั้นด้วยหรือไง” ไอ้เหม่ยพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยความความหมั่นใส้

 

“แน่นอนครับ พี่รักเดียวใจเดียว แล้วก็…..รักน้องคนเดียว”

 

“แหวะ กูจะอ้วก ไปพูดจาชวนเลียนไกลๆเลย กูไม่อิน” ไอ้เหม่ยรีบเบือนหน้าหนีพี่ท็อปทันที เห็นแวปๆว่าหูมันแดงนิดๆด้วย เห้ยไอ้เหม่ย มึงอย่ามาแพ้ให้ไอ้คนแบบนี้เด็ดขาดนะโว้ย กูไม่เชียร์!

 

ไอ้พี่ท็อปได้แต่ยิ้มพึงพอใจก่อนจะพูดออกมา “เมียแพ้ท้องเหรอครับ อ้วกบ่อยจัง”

 

“หุบปากไปเลย” ไอ้เหม่ยหยิบกรรไกรเขวี้ยงใส่พี่ท็อปอย่างแรง โชคดีที่พี่แกหลบได้ ไม่งั้นคงได้เย็บไปหลายเข็ม เย็บตรงไหนรู้ไหมครับ ตรงน้องชายไงครับ ไอ้เหม่ยแม่ง! เล่งตรงจุดยุทธศาสตร์เลย

 

“โหดจัง” ไอ้พี่ท็อปสบถออกมาเบาๆ หน้าซีดเผือด

 

“กวนตีนใส่ผมก่อนช่วยไม่ได้” ไอ้เหม่ยดูจะไม่แคร์กับการกระทำเมื่อกี้สักเท่าไหร่ เห้ย! ถ้าพลาดถึงตายเลยนะโว้ยไอ้เหม่ย!! กูยังไม่อยากมีเพื่อนเป็นฆาตกรนะ

 

“วันหลังพี่ขอเป็นอย่างอื่นแทนกรรไกรได้ไหมครับ….เช่น…” ไอ้พี่ท็อปทำหน้าหื่น ก่อนจะใช้สายตาหื่นกระหายนั่น จ้องไปที่ตูดของไอ้เหม่ยนิ่ง… น่ากลัวว่ะ น่ากลัวมากคนแบบนี้

 

ไอ้เหม่ยยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนจะหยิบกรรไกรมาจากมือไอ้ซาน ยกขึ้นขู่ “ผมว่าครั้งนี้ไม่น่าพลาด” มันค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ ตรงมาทางพี่ท็อป “เพราะผมจะเป็นคนตัดเอง”

 

โห กูว่าไอ้นี่แหละน่ากลัวสุด เอาซะผมเสี่ยวไข่แทนพี่แกเลย ดูจากหน้าเพื่อนผมแล้ว มันเอาจริงด้วยนะนั่น

ไอ้พี่ท็อปหน้าซีดกว่าเก่า รีบยกมือยอมแพ้ “พี่แค่ล้อเล่นครับน้องเหม่ย วางอาวุธลงก่อน ของแบบนี้เราเจรจากันได้”

 

“ฮ่าๆๆ” พี่ฟิวหัวเราะร่วน “มีแววเกียร์มัวว่ะ”

 

“หุบปากไปเลยไอ้ฟิว เดี๋ยวกูตบด้วยหน้าแข้ง” พี่ท็อปหันไปขู่ที่ฟิวที่ตอนนี้ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด เมื่อเห็นไอ้เหม่ยยอมรามือ เดินกลับไปตัดกระดาษต่อ พี่แกก็หันมาพูดกับพี่ฟิวต่อ

 

“ตกลงไอ้เนลมันจะว่างไปกับกูหรือเปล่า ไปถามเพื่อนมึงให้กูหน่อย”

 

“เอ้าทำไมต้องเป็นผม พี่ก็ไปถามเองดิ แต่ผมแนะนำว่าช่วงนี้อย่าไปยุ่งกับมันเลย น้องรหัสพี่กำลังเป็นบ้า”

 

“หือ? มันเป็นอะไร”

 

“มันโดนปั่นหัวอยู่ ปัญหาตีกันรอบด้าน ทั้งรักเก่า ทั้งคู่หมั่น ไหนจะครอบครัวอีก ล่าสุดนี่เลย ไอ้นี่เลย” พี่ฟิวพูดพลางชี้นิ้วมาทางผมด้วย หือ อะไร? ผมเกี่ยวอะไร

 

ผมจะเอาอะไรไปปั่นหัวมัน ออกจะเชื่อฟัง(?)ขนาดนี้

 

“อะไรวะ กูไม่เข้าใจ ช่วยขยายความให้กูที”

 

“ช่างมันเถอะ ไม่อยากพูดเยอะ” พูดจบก็ลุกขึ้นไปเย็บเอกสารต่อ ปล่อยให้พี่ท็อปนั่งงงอยู่คนเดียว ไม่สิ บวกผมไปด้วยอีกคน อะไรวะ ทำไมวันนี้พี่ภีมเจอแต่คนแบบนี้ ตั้งแต่ไอ้ซานยันพี่ฟิว พูดเหมือนรู้อะไร แต่ก็เลือกที่จะไม่บอกเนื้อหา ให้เราเอาไปคิดต่อเอง

 

แต่ช่างมันเถอะ เมื่อถึงเวลา น่าจะรู้เองนั่นแหละ ผมเชื่อแบบนั้นอะนะ.. โดยเฉพาะเรื่องพี่ฟ้า ผมค้างคาใจเป็นพิเศษเลย ในชีวิตนี้ผมไม่เคยไปทำอะไรให้พี่ฟ้าเกลียดชัง แม้แต่เข้าไปคุยด้วยยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมพี่เขาถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ เหมือนผมไปทำอะไรไม่ดีไว้อย่างนั้นแหละ

 

 

ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว ก่อนจะหันมาสนใจกับการตัดกระดาษตรงหน้าแทน ต้องรีบตัดกระดาษให้เสร็จก่อน ถ้ามัวแต่คิดเรื่องนี้งานไม่เดินกันพอดี

 

พวกผมทำงานมาเพลินๆ จนเวลาล่วงเลยมา 4 ทุ่มกว่าๆ พี่ท็อปเมื่อเห็นว่าควรพอได้แล้ว จึงบอกให้พวกผมเก็บของและแยกย้ายกันกลับได้ เมื่อเก็บเสร็จผมก็บอกลาพวกพี่ๆตามมารยาท แล้วตามไอ้ซานเจ้าเก่าที่อาสาไปส่งผมเป็นกิจวัตรไปที่รถทันที

 

ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะไอ้ซานมันทำหน้าเครียดมาก เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ผมจึงปล่อยให้มันอยู่ในโลกของตัวเอง หันไปมองวิวนอกหน้าต่างเป็นการพักสายตา ถึงแม้ตอนนี้จะมืดจนมองไม่เห็นอะไรก็เถอะ ฮ่าๆ

 

ใช้เวลาไม่นาน รถของไอ้ซานก็มาจอดหน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย ผมบอกลามัน ก่อนจะเดินลงจากรถไป แปลกมากที่ไฟเปิดอยู่ ทั้งไฟห้องนั่งเล่น และไฟห้องพี่เนล ดูเหมือนวันนี้มันจะอยู่บ้านไม่ออกไปตกผู้หญิงที่ไหนว่ะ หายากนะเนี่ย เวลาที่เสืออย่างมันจะอยู่ในถ้ำ

 

ผมเปิดประตูเข้าไปในบ้าน แต่ไม่เห็นพี่เนลอยู่ในห้องนั่งเล่น จึงเดินขึ้นไปดูที่ชั้นสอง หันไปมองหน้าห้องมันที่เปิดประตูทิ้งไว้ เห็นเจ้าตัวกำลังรีบร้อนเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ สองมือหยิบอะไรได้ ก็ยัดๆเข้าไปหมด มันยกกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า เดินออกมาอย่างรวดเร็ว สายตาคมนั่นหันมามองผมนิ่ง ก่อนก้าวขายาวๆเข้ามาหา พร้อมใช้มือหนานั่นลูบหัวผมอย่างเบาๆ

 
“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม กูไปก่อนนะ”

 

“จะกลับเมื่อไหร่ครับ” ผมรีบดึงแขนมันเอาไว้ เมื่อห็นมันกำลังจะทิ้งผมเอาไว้คนเดียว

 

“ไม่รู้” มันตอบ “ทำไมมองกูแบบนั้น ไม่อยากให้ไปหรือไง”



“ถ้า..บอกว่าใช่ล่ะครับ พี่จะไปอยู่ไหม”



“กูก็จะไป” มันตอบเสียงเรียบ ก่อนจะแกะมือผมออก เดินลงบันไดไป ไม่วายหันมาชี้นิ้วขู่ “อยู่คนเดียวแล้วอย่าดื้อล่ะ อย่าให้กูรู้นะว่าตอนที่กูไม่อยู่แอบเอาชู้มานอนกก ไม่งั้นมึงตาย”



“ครับ”

 

นี่สินะ…คำตอบของพี่….



หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-06-2018 17:06:20
มันอาจจะมีการหักมุม
ภีมไม่เอาชู้มากกหรอก
คนไม่มีพันธะกะใคร จะไปมีใคร จะเรียกชู้ได้ไง
แต่นี่อยากให้ภีมไปอยุ่กะชานนะ
อยากจะรุ้ว่าอีพี่เนลจะทำตัวยังไง
แต่ยัยำฟ้านี่เกลียดอะไรภีม  :hao4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 25-06-2018 18:39:31
คำตอบซึ้งดี อื้มๆ งี้ก็ได้
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-06-2018 21:46:34
พี่ฟ้าคือใคร ต้องการอะไร อิพี่เนลก็......  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 25-06-2018 22:46:18
ฟ้าเคยชอบซาน แต่ซานชอบภีม ฟ้าก็เลยเกียจภีมหรือเปล่า เดาล้วน ๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-06-2018 23:07:11
เรื่องนี้มีปมน้าสงสัยอยู่,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่20 คำตอบของพี่ |[25/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-06-2018 09:18:06
ดีมากเนล นี้คือคำตอบนายสินะ...ย้าก! :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 28-06-2018 18:32:43
ตอนที่ 21 คำตอบของผม
(1/2)



[Nel talk]

 

ตอนนี้ผมอยู่ที่ตึกคณะแพทย์ครับ ตั้งใจมาดูไอ้ลูกหมามันสักหน่อย ยอมรับว่าเป็นห่วงมันนิดๆ เพราะดันทำให้มันเจ็บตัวหรอก ถึงได้รู้สึกแบบนี้  ถ้าเป็นเวลาปกติแม้แต่เศษความห่วงใยเล็กๆจากผม มันไม่มีทางได้รับเด็ดขาด

 

ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นรอบที่สิบได้แล้ว ชะโงกมองซ้ายที ขวาทีแต่ก็ไม่มีวี่แววของมันเลย ยังไม่เลิกเรียน หรือกลับไปแล้ววะ วันหลังต้องให้ google ส่วนตัวของผม อย่างไอ้ฟงไปสืบหาตารางเรียนของน้องมันสักหน่อยแล้ว

 

จึก จึก

รับรู้ถึงแรงที่สกิดไหล่เบาๆ จึงหันไปมอง

 

“เห้ย!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่มาสกิดผมคือ ไอ้ฟิว เอาแล้วไง เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอไอ้นี่

 

“นี่กูเอง ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ว่าแต่..มาทำตัวลับๆล่อๆอะไรแถวนี้วะ” มันไม่รอช้า รีบพ่นคำถามใส่ผมทันที ถ้าบอกว่ามาหาไอ้ลูกหมา รับรองโดนซักไซ้ยาวยันอาทิตย์ตกดินแน่ๆ

 

“มาชมนกชมไม้”

 

“ตึกคณะมึงไม่มีหรือไง ถึงต้องถ่อสังขารมาถึงคณะแพทย์น่ะ?”

 

“เอ่อ แถวนั้นไม่มี เขตปลอดสัตว์ปีก”

 

“อ๋ออออออออออออ กูพึ่งรู้นะ ว่าถ้าอยากดูนกต้องหันหน้าหลบมุมเสาถึงจะเห็น มิติใหม่แห่งการดูนกเลยวะ”

 

“เอ่อ” ไม่อยากพูดให้มากความ เพราะเหตุผลที่แก้ตัวมันก็ฟังไม่ขึ้นจริงๆนั่นแหละ มันจะคิดอะไรก็เรื่องของมันเถอะ

 

“ไม่ต้องมาโกหก! มึงมาหาใคร? กูฉลาด กูดูออก”

 

“มาหาหมอ”

 

“หมอไหน?” เอ๊ะ! ไอ้นี่ ถามซักไซ้กูจัง หมอไหนก็เรื่องของกู รู้ไปแล้วมึงจะบินได้หรือไง ถามจัง

 

“หมอไหนก็เรื่องของกู! ว่าแต่มึงเถอะ มาทำอะไรแถวนี้?”

 

“มาหาไอ้เบส ว่าจะชวนไปเล่นบาสสักหน่อย” ไอ้เบสเป็นรุ่นน้องต่างมหาวิทยาลัยที่พวกผมรู้จักครับ เจอกันที่ร้านเหล้าไอ้แจ็ค ถึงภายนอกจะดูเป็นนักเลงหัวไม้ไปหน่อยก็เถอะ มันชอบมาเล่นบาสกับพวกผมอยู่บ่อยๆเลยสนิทกันระดับหนึ่ง ว่าแต่ไอ้เบสมันมาทำอะไรที่คณะแพทย์ ม. ผมวะ

 

“ไอ้เบสมันมาทำอะไรแถวนี้วะ?” อดสงสัยไม่ได้จึงถามออกไปสักหน่อย ไอ้เบสมันเกลียดคณะแพทย์มหาลัยผมยิ่งกว่าอะไรดี เคยถามมันว่าทำไมถึงเกลียด มันบอกว่าจริงๆก็ไม่ได้เกลียดคณะหรอก แต่คนที่มันเกลียดเรียนอยู่คณะนี้ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่น่าจะเป็นคู่อริมันนั่นแหละ หน้าตาไม่รับแขกแบบนี้คู่อริคงมีเป็นฝูง

 

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นบอกว่ามาดักรอเจอใครสักคนนี่แหละ กูอยากรู้เลยตามมาดู” อ๋อ ความจริงแล้วมึงก็อยากเสือกว่างั้น อย่ามาอ้างว่าจะชวนน้องมันไปเล่นบาส เพื่อกลบความเสือกของมึงเลย ไอ้ฟิว!

 

“ว่าแต่มึง มาหาหมอคนไหน หมอฟ้า หรือหมอภีม บอกกู!” ไอ้ฟิวยังไม่หยุดซักไซ้ผม พร้อมส่งสายตามากดดันผม กูไม่บอกโว้ย

 

“อ๊ะ!” ไอ้ฟิวอุทานออกมา ก่อนจะรีบดึงผมให้หลบมุมเสาอย่างรวดเร็ว “กูเจอไอ้เบสแล้ว อยู่นิ่งๆแล้วทำตัวให้ลีบๆนะไอ้เนล เสาจะได้ปิดตัวมึงมิดๆ” คือมึงทำตัวเหมือนโจรพร้อมจี้มากไอ้ฟิว แล้วจะลากกูเข้าไปร่วมขบวนการเสือกของมึงทำไม กูไม่ได้อยากรู้เรื่องของไอ้เบสสักหน่อย มันจะมาหาใครก็เรื่องของมันสิวะ กูจะไปหาไอ้ภีมโว้ย ปล่อกกูไปสักที

 

จึก จึก


ใครมาสกิดไหล่อีกแล้ววะ กำลังจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนทำ

 

“เนลกับฟิวมาทำอะไรตรงนี้คะ ท่าทางลับๆล่อๆไม่น่าไว้ใจเลย นี่ถ้าฟ้าไม่รู้จักคงคิดว่าเป็นพวกโรคจิตที่ตามมาแอบส่องสาวๆคณะฟ้าแล้วนะคะ ฮ่าๆ” ฟ้าหยอกล้อพวกผมเล่น พลางเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะไปด้วย นั่นไง ไอ้ฟิว กูโดนเหมารวมกับมึงไปด้วยเลย เห็นไหม!

 

“เห้ยไอ้เนล มึงมาหาม่านฟ้าใช่ไหมล่ะ งั้นกูไปก่อนนะ” ไอ้ฟิวเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะออกตัววิ่งสุดแรงเกิดจากไปแต่โดยดี พร้อมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ผมอีก ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้นางฟ้าตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก เอ่อ…เอาไงดีวะ

 

ฟ้าเลิกคิ้วสงสัย “เนลมีธุระอะไรกับฟ้าหรือเปล่าคะ”

 

“เอ่อ…ผมว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหมครับ” ผมพูดก่อนจะพาเธอไปนั่งที่ม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้อากาศดีมากครับ เหมาะแก่การมานั่งเล่น ชมนกชมไม้แก้เบื่อได้ อันที่จริงผมก็มีเรื่องที่อยากจะขอโทษม่านฟ้าอยู่เหมือนกัน ก็เรื่องรูปที่ขาดไปนั่นแหละครับ ผมยอมรับแบบแมนๆเลยว่าตกใจมากที่รูปมันขาดไปต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นผมโกธรไอ้ภีมมาก จึงทำอะไรไปตามอารมณ์ แต่พอเห็นมันนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงแล้ว ความโกธรที่สุมอยู่ในอกก็หายไปทันที ความรู้สึกผิดเริ่มแทรกซึมเข้ามาทีละนิด (นิดเดียวจริงๆ นิ๊ดดดดดดเดียว)

 

ผมหยิบรูปนั้นออกจากกระเป๋าตังค์ ก่อนยื่นให้เธอดู ม่านฟ้าดูตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นสภาพของรูปถ่าย สีหน้าของเธอยิ่งทำให้ผมกลัว กลัวว่าเธอจะโกธรผมจนไม่ให้อภัย

 

“ขอโทษนะฟ้า…ผมไม่ได้ตั้งใจทำมันขาด ผมพยายามรักษามันมาโดยตลอดเพื่อที่…” ผมหยุดพูด สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อรวบรวมความกล้า “เพื่อพิสูจน์ให้ฟ้าเห็นว่าหัวใจผมยังเหมือนเดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน รูปถ่ายใบนี้จะเป็นหลักฐานช่วยยืนยันให้ฟ้ามั่นใจ แต่ตอนนี้มันขาดไปแล้ว…”

 

ฟ้าเอามือมาจับแขนผมไว้ เป็นการปลอบใจ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไรค่ะเนล ฟ้าไม่ได้โกรธสักหน่อย ก็แค่รูป มันไม่สำคัญเท่าหัวใจเนล ขอแค่มันยังอยู่กับฟ้าก็พอแล้วล่ะคะ”

 

ได้ยินคำนี้ออกจากปากสวยๆนั่น ผมก็คลี่ยิ้มอย่างสบายใจ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเลย แต่ก็ไม่สุด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ‘ขอแค่หัวใจยังอยู่กับฟ้า..’ นั่นสิ ผมจะกลัวอะไร? ในเมื่อผมยังรู้สึกกับเธอเหมือนเดิม…

 

หรือสิ่งที่ผมกำลังกลัวอยู่ตอนนี้ คือความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอมันกำลังจะเปลี่ยนไปกันแน่

 

เป็นไปไม่ได้หรอก..

 

เรื่องแบบนั้น…

 

เมื่อวาน ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าทำกับไอ้ลูกหมาแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวมันหอม แถมยังนิ่ม ผิวก็ขาว ไหนจะแก้มแดงๆตอนที่มันเขินอีก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว อยากกัดให้พรุน เห้ย! ไม่ใช่ๆ กูโดนเล่นของใส่แน่ๆ ทำไมถึงคิดอะไรน่ากลัวแบบนี้วะ

 

“เนลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าซีดขนาดนั้น”

 

“เปล่าครับ แค่คิดถึงเรื่องอะไรที่น่ากลัวนิดหน่อย” ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ลืมไปว่าตัวเองกำลังพูดเรื่องเศร้า อย่าทำรูปขาดอยู่ ไอ้ภีมช่วงนี้มันน่ากลัวมาก ชอบเข้ามาหลอกหลอนวนเวียนในหัวผมได้ตลอด ต้องหาพระที่ศักดิ์สิทธิ์ๆ มาห้อยแล้วล่ะ ผมโดนคุณไสยแน่ๆ

 

“คงจะหลอนมากเลยนะคะ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเลย ฟ้าเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ฟ้าดีใจนะคะ ที่เนลลงทุนมาถึงคณะ เพื่อขอโทษฟ้าเรื่องนี้…” เธอหลุบตามองพื้น ใบหูเริ่มแดงขึ้นมานิดๆ “ไม่เคยมีใครใส่ใจฟ้าได้เท่านี้เลย ขอบคุณนะคะ”

 

โอ้โห… ฟังแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาเลยว่ะ ที่เลือกมาดูอาการปวดตูดของไอ้ลูกหมาก่อนมาขอโทษเธอ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ได้เท่าใจผมเอง ผมรีบลบบุคคลไม่สำคัญอย่างไอ้ภีมออกจากหัวทันที (ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงมีอิทธิพลต่อผมได้…)

 

คัทๆๆๆ เอาใหม่ๆ

 

เริ่ม!

 

แอคชั่น!

 

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมอยู่ใต้ตึกคณะแพทย์เพื่อมาขอโทษม่านฟ้าเรื่องที่ทำรูปขาด ผมวิตกกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ เพราะไอ้ซานนอนกรน แถมไอ้ภีมก็นอนดิ้น แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าหัวใจดวงน้อยๆของม่านฟ้าถูกทำให้ฉีก แบบนี้ผมถึงไม่สบายใจ เลิกเรียนเสร็จก็รีบพาตัวเองมาหาเธอถึงคณะทันที

 

“ผมขอโทษนะฟ้า” ผมเอ่ยขอเธออีกครั้ง ผมรู้สึกผิดต่อเธอจริงๆ จากใจ… ทั้งเรื่องรูป และเรื่องนี้

 

“ไม่เอาน่าเนลอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฟ้าไม่ได้โกรธเนลสักหน่อย” ฟ้าเริ่มทำสีหน้ากังวลขึ้นมาเล็กๆ โถ่นางฟ้าของผม อย่าทำหน้าไม่สบายใจแบบนั้นสิครับ เห็นแล้วผมก็เป็นกังกลไปด้วย

 

“แต่ผมรู้สึกผิด แค่รูปยังรักษาไว้ไม่ได้เลย” ผมเอามือกุมขมับแน่น

 

“โถ่ คนดีของฟ้า” ฟ้าเอามือขึ้นมาจับแก้มผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน “ไม่เอานะ อย่าคิดมากเลย”

โอ้โห ร้อยวันพันปีแสง ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนแบบนี้เลย วันนี้เป็นวันอะไร ทำไมถึงโชคดีแบบนี้

 

“งั้นเอางี้ไหมคะ เสาร์นี้ฟ้าต้องลงไปทำธุระที่ภูเก็ต เราถือโอกาสนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม ครั้งนี้ฟ้าจะเอากล้องไปด้วย แล้วถ่ายรูปด้วยกันหลายๆรูปเลย ดีไหมคะเนล” เธอเสนอ เป็นความคิดที่ดีมากครับ ผมยอมรับข้อเสนอนี้ครับ โคตรคุ้มเลย

 

แต่เดี๋ยว…เสาร์นี้เหรอ? เหมือนมีนัดแฮะ ไม่หรอกมั้ง นัดที่ไหนกัน ไม่มี!

 

“เสาร์นี้เหรอครับ?” ผมถามเธอเพื่อย้ำว่าตัวเองฟังไม่ผิด

 

“ค่ะ ไปด้วยกันน๊า” ฟ้าขยับมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับผม กอดแขนผมแน่น พลางเอาหน้าถูตรงไหล่เป็นการออดอ้อน “ฟ้าไม่มีเพื่อนอยู่พอดีเลย นะคะเนล น๊า” เธอทำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์ ทำให้ใจของคนที่ได้ยินแบบผมอ่อนยวบทันที ไปครับไป ผมไป!

 

‘กูจะพามึงไปหาหมอ’ จู่ๆคำนี้ก็ขึ้นมาในหัว

 

‘เสาร์นี้’ คำนี้ขึ้นมาเต็มหน้าผมเลยครับ เสาร์นี้ต้องพาหมาน้อยไปหาหมอนี่หว่า ทำไงดีวะ

 

“เงียบทำไมล่ะคะ หรือเสาร์นี้เนลไม่ว่าง” ฟ้าเริ่มทำหน้าน้อยใจใส่ผม

 

“ว่างครับ” อ่าว ลั่น เห็นฟ้าทำหน้างอล แล้วอดใจอ่อนไม่ได้ รีบตอบไปโดยไม่คิด เอ่อ ช่างไอ้ภีมไปเถอะ เดิมทีเจ้าตัวก็ไม่อยากไปหาหมออยู่แล้ว คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง บางทีมันอาจจะขอบคุณผมด้วยซ้ำ ที่ไม่อยู่บ้านคอยกวนใจมัน

 

แต่เดี๋ยว! ถ้ามันไปอยู่กับซานล่ะ รายนั้นยิ่งไม่น่าไว้ใจด้วย เมื่อคืนก็ทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้อง แย่งนอนบนเตียง มีหรือที่ผมจะยอมไปนอนโซฟา ถ้าทะเลาะกับมันเดี๋ยวลูกหมาตื่นอีก ทำได้แต่มองเขม่นมันอยู่นาน สุดท้ายก็จบสงครามโดยการใช้วิธีปัญญาอ่อนด้วยการเป่ายิ้งฉุบ ผลก็คือผมชนะมัน บอกแล้วคนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ พระเจ้าไม่เห็นใจคนแพ้หรอก กลับกัน ถ้าเกิดผมแพ้ขึ้นมา ถามว่าผมจะไปนอนที่โซฟาไหม คำตอบคือ ไม่อยู่ดี

 

“ผมดีใจมากนะครับที่ฟ้าชวน” ผมส่งยิ้มหวานให้ฟ้า พลางเอามือลูบหัวเธอไปด้วย “แต่….ไปวันอื่นได้ไหมครับ”

 

“งือ ทำไมล่ะคะ” เธอทำหน้างอ “ฟ้าเสียใจนะเนี่ย ที่เนลไม่มีเวลาให้ฟ้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” จะว่ามี ผมก็มีนะครับ แต่มันติดอยู่อย่างเนี่ยแหละ เฮ้อ…ทำไมรู้สึกลำบากใจอย่างนี้วะ

 

“ไม่ใช่แบบนั้นนะฟ้า”

 

“งั้นเสาร์นี้เนลต้องไปกับฟ้า นะคะ เนลน๊า ฟ้าไม่มีเพื่อนเลย เนลจะทิ้งฟ้าได้ลงคอเหรอคะ” เธอจับมือผมขึ้นมา พร้อมเอาใบหน้าสวยๆนั่นก้มลงซบกับฝ่ามือของผมไปด้วย “ถ้าเสาร์นี้เนลไม่ไป ฟ้าก็จะไม่ไปไหนกับเนลอีก เลือกเอาก็แล้วกัน”

 

อ่าว ซวย.. ไม่เลือกได้ไหม ขออยู่เฉยๆตรงนี้จะได้หรือเปล่า

 

“ว่าไงคะ” เธอส่งสายตาแกมบังคับมาทางผม “เนลจะกล้าทิ้งฟ้าไปภูเก็ตคนเดียวจริงๆเหรอคะ” เธอทำปากจู๋ พลางเอานิ้วมาเขี่ยๆตรงแขนผมเล่น

 

ถึงเวลาที่ผมต้องเลือกแล้วสินะ ระหว่าง ม่านฟ้าที่ผมรักมานาน กำลังชวนไปเที่ยว เวลาแบบนี้หายากมากระหว่างผมกับเธอ ถ้าพลาดคงไม่มีโอกาสได้ไปอีกแล้ว กับไอ้ลูกหมาที่เสี่ยงต่อการหนีไปนอนกกกับไอ้ซานมาก ฮึ่มมม พูดถึงไอ้นี่ เมื่อวานทำตัวเองจนได้แผล แถมมาออดอ้อนไอ้ลูกหมา จนมันต้องมานั่งทำแผลให้

 

เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้าเลย

 

“คือ…ขอโทษนะฟ้า ผมคงไปด้วยไม่ได้” ถึงจะเสียดาย แต่ต้องปฏิเสธออกไป ผมไม่อยากไปเที่ยวแล้วต้องมาคอยพะวง ว่าเมียที่บ้านจะแอบไปหาชู้เมื่อไหร่ “พอดีหมาที่บ้านป่วย ต้องพาไปพบสัตวแพทย์น่ะครับ คงทิ้งมันเอาไว้ไม่ได้”

 

“แย่จัง เนลเห็นน้องหมาดีกว่าฟ้าเหรอเนี่ย ฟังแล้วเสียใจจัง”

 

“ผมขอโทษจริงๆนะครับ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟ้าเข้าใจ ถ้าเป็นเหตุผลนี้ฟ้าเข้าใจดีเลย ก็เนลรักน้องหมายิ่งกว่าอะไรดี คงทนเห็นมันป่วยแล้วทิ้งเอาไว้ที่บ้านตัวเดียวไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ขนาดเจ้าชิคโก้ตายเนลยังร้องไห้เสียใจไปตั้งหลายวัน เนลคงไม่อยากให้น้องหมาตัวใหม่ของเนลมีชะตากรรมแบบเดียวกับตัวนั้นใช่ไหมล่ะคะ”

 

ก็อย่างที่ฟ้าว่า ผมชอบลูกหมามาก ตอนเด็กๆเวลาผ่านร้านขายสัตว์เลี้ยง ก็จะชอบหยุดดูมัน ผมรู้สึกว่ามันน่ารัก เวลามองก็เพลินตาดี น่าแปลกใช่ไหมล่ะครับ ที่คนอย่างผมจะชอบอะไรแบบนี้  ตอนนั้นผมเป็นเด็กจึงไม่มีเงินพอที่จะซื้อมัน พอโตขึ้น มีเงิน จึงไปซื้อมาเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง มันชื่อ ชิคโก้ เป็นลูกหมาไซบีเรียนตัวเล็กขนฟู ผมทั้งรักทั้งหลงมัน พอได้มันมาแรกๆ ดูเหมือนมันจะไม่ชินกับผมสักเท่าไหร่ แถมยังดูกลัวผมอีกตากหาก ทำท่าจะหนีอยู่ตลอดเวลา   

 

ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยรีบจับมันยัดใส่กรง เพราะกลัวมันจะหนีไป กลัว..กลัวมันไม่อยู่กับผม จึงเลี้ยงมันเอาไว้ในกรงสี่เหลี่ยมไม่ให้ออกไปดูแสงเดือนแสงตะวัน ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้นคือการมอบความรักกับมัน แต่เปล่าเลย มันซึมมาก ข้าวปลาไม่ยอมกิน จนผมต้องไปปรึกษากูรูอย่างไอ้ฟง โดนมันเทศนาใหญ่เลย ว่าผมใจร้ายบ้างแหละ ไม่อ่อนโยนบ้างแหละ ก็ผมไม่รู้ว่าต้องทำไงนี่หว่า ดูแลเอาใจใส่ใครไม่เป็นด้วย แถมไอ้ชิคโก้มันก็พูดไม่ได้ เหมือนสาวๆที่ผมควง จะไปรู้ไหมล่ะว่ามันต้องการอะไร

 

 ‘มึงต้องพยายามทำให้มันคุ้นเลยกับมึง ไม่ใช่บังคับ ทำแบบนี้หมามึงได้ตรอมใจตายเข้าสักวันแน่ๆ’ นี่เป็นคำพูดของไอ้ฟงที่ทิ้งเอาไว้ ให้ผมคิด

 

เมื่อคิดได้ ผมก็เริ่มปล่อยมันออกจากกรง บางวันว่างก็พามันไปเดินเล่นบ้าง เริ่มเอาใจใส่มัน ดูแลมัน จนมันเริ่มดีขึ้น กินข้าวจนตัวเริ่มอ้วน ทำตัวดี้ด้าทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน…ผมพึ่งรู้ว่ามันเป็นสนัขที่ขี้อ้อนตัวหนึ่งเลยล่ะ เห็นผมไม่ได้ต้องวิ่งเข้ามาประจบ เพื่อขอขนมทุกครั้ง

 

แต่สุดท้ายมันก็ตายจากผมไป โดยฝีมือผู้หญิงที่ผมเรียกว่านางมารร้าย คุณพิมเธอเหี้ยมโหดมาก แต่ผมก็ทำอะไรเธอไม่ได้เลย คำพูดที่เธอคอยบอกกับผมยังคงวนเวียนอยู่ในหัวอยู่ตลอด ‘เนลห้ามรัก ห้ามสนใจใครมากกว่าพิมเด็ดขาด! ถ้าพิมรู้จะตามทุบให้ตายทันที’ ผมพยายามหนีผู้หญิงคนนี้มาตลอดชีวิต ไม่รู้ว่าโชคชะตาผมต่อจากนี้จะหนีพ้นไหม แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยหนีเธอพ้นเลย ผมยังจำได้ครั้งแรกที่เจอเธอ ครั้งที่เธอทำหุ่นยนต์ของผมพัง วันต่อมาเธอก็มาหาผมอีก แต่ผมเลือกที่จะไม่เล่นกับนางปีศาจแบบเธอ ไม่พูด ไม่คุย เมินใส่ แต่สิ่งที่ผมได้รับจากการกระทำของตัวเอง มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่แสนขมขื่น คอยตามหลอกหลอนให้ผมกลัว…กลัวผู้หญิงแบบเธอ

 

ช่วงที่เจ้าชิคโก้ตาย ผมเสียใจมาก แต่ก็มีฟ้านี่แหละที่คอยอยู่ คอยปลอบผม เป็นกำลังใจให้ เธอถึงเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจผมเรื่องนี้ดี….

 

“ไว้ฟ้ากลับมาจากภูเก็ต จะไปดูหน้าลูกหมาตัวใหม่ของเนลนะคะ” พูดจบเธอก็รีบลุกขึ้นไป ไม่รอฟังคำทักท้วงของผมเลยสักนิด

 

 

แต่…ฟ้าครับ นั่นหมาคนละตัวแล้ว




ไอ้ภีมมันไม่ได้น่ารักเหมือนไอ้ชิคโก้ ไอ้ภีมมันเป็นหมาผี





กลับมาก่อน ฟ้า!!!


 



หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 28-06-2018 18:58:21
ไม่ได้ไปกะฟ้า
แล้วอีพี่เนลไปไหน
 :hao4:

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 28-06-2018 20:13:35
ไม่ได้ไปภูเก็ตแล้วเนลเก็บกระเป๋าไปไหน
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 28-06-2018 21:25:58
 แล้วพี่มันไปไหนอะ มาต่อ อีกนะครับชอบๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-06-2018 22:12:21
โอ้วววว..เนลเป็นพระเอกจริงดิ
ไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นพระเอกก็ได้..คนแบบนี้
หุหุ

เปลี่ยนเป็นซานกับภีม
ได้ไหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-06-2018 00:37:31
อิพี่เนล แอบสตอล์กเกอร์ภีม แน่ๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 04-07-2018 01:53:19
เฮ้อออออ เนล .. ขอให้โดนน้องทิ้ง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-07-2018 12:43:54
รอน้องภีมที่ท่าน้ำทุกวัน
กดบวกลอยตามน้ำไปจ้า
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-07-2018 23:46:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-07-2018 23:48:57
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-07-2018 00:19:34
ฟ้านี่ร้ายกาจมาก,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(1/2) |[28/6/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-07-2018 17:01:45
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 07-07-2018 17:41:01
ตอนที่ 21 คำตอบของผม
(2/2)



หลังจากที่ฟ้ากลับไป ผมก็รอไอ้ลูกหมาสักพัก แต่เห็นไม่มีวี่แววเจ้าตัวเลย คงจะกลับไปแล้วนั่นแหละ เมื่อคิดได้อย่างนั้น จึงขับกลับบ้านทันที เดินไปห้องนั่งเล่น หาแผ่นหนัง เปิดดูจบไปเรื่องหนึ่ง เจ้าตัวก็ยังไม่กลับบ้าน เหงนดูนาฬิกา ที่บอกเวลา 20.30 น. ก็ได้แต่คิดทวนว่า ร้านพี่อ้อยแม่งปิดตอนสองทุ่มไม่ใช่เหรอวะ ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมมันยังไม่กลับบ้านอีก

 

สงสัยช่วยพี่อ้อยเคลียร์ร้านละมั้ง

 

ดูหนังจนเบื่อแล้ว จึงเดินไปหาอะไรทำฆ่าเวลา เดี๋ยวมันกลับมาจะคิดว่าผมรอมันอีก ความจริงไม่ได้รอเล๊ย (เสียงสูงโคตร)

 

เดินไปหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแก้เบื่อสักหน่อย จนเวลาล่วงเลยมา 21.15 น. ก็ไม่เห็แม้แต่เงา เอ่อ! สงสัยรถแท็กซี่ที่มันนั่งมาแก๊สหมด

 

เดินไปเปิดเพลงฟังสักหน่อย เพื่อให้โลกรู้ว่ากูโคตรอารมณ์ดีเลย (ประชดขั้นสุด)

 

21.30 น. อารมณ์เริ่มไม่ดี เพลงที่นั่งฟังเริ่มไม่สนุก ชะเง้อหน้าออกไปดูที่หน้าต่างเป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว แต่หมาน้อยก็ยังไม่กลับบ้าน

 

21.50 น. ตอนนี้กูเริ่มคิดแล้วล่ะ ว่ามันจะแอบหนีผมไปทำงานที่ Sun pub อีก เห็นช่วงนี้ร้อนเงิน แถมยังมาขอเบิกเงินเดือนจากผมล่วงหน้าอีก แต่กูใจเย็นไง เลยยังไม่ให้

 

คิดได้อย่างนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายหา ‘พี่ซัน’ เพื่อนพี่รหัสของผมทันที

 

พี่ซันเป็นประธานค่าย‘ส่องสว่างสู่การศึกษา พาอนาคตน้องก้าวไกล’ ที่เอาตำแหน่งประธานมาบังหน้าเพื่อตามเต๊าะเด็กหน้าตาน่ารักเท่านั้นแหละครับ ถือคติที่ว่า หญิงก็ได้ชายก็ดี พี่เอาหมด เห็นว่าปีที่แล้วได้เด็กค่ายมาหลายคนแล้ว  ยิ่งเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักพี่แกจะเล็งเป็นพิเศษเลย ผมพอรู้เรื่องนี้มาจากไอ้ฟง แต่ก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม

 

แถมพี่แกยังควบตำแหน่งเจ้าของผับดังอย่าง Sun Pub อีกด้วย โชคดีที่พี่มันไม่ค่อยได้เข้าไปดูกิจการสักเท่าไหร่ เพราะติดเรียนจึงจ้างคนอื่นมาดูแลแทน ถ้าพี่มันเห็นไอ้ภีมเข้าไม่รู้จะยอมปล่อยให้ลาออกไหม ยิ่งหน้าตาตรงสเปค ทั้งรูปร่าง สัดส่วน หน้าตา นิสัย เรียกมาครบเครื่องมาก ไม่รู้ว่าทุกวันนี้รอดสายตาเสืออย่างพี่ซันไปได้ยังไง

 

แต่ก็ดีแล้วล่ะ ผมไม่คอยอยากให้สองคนนี้เจอกันสักเท่าไหร่ ไม่ได้หวงไอ้ภีมนะครับ แต่แค่กลัวว่าจะเป็นอุปสรรคต่อแผนการเท่านั้น เพราะถ้าพี่ซันมันถูกใจใครเข้า แม่งกัดไม่ปล่อยแน่ๆ จนกว่าเหยื่อจะติดเบ็ด โคตรอันตรายเลย

 

ถึงพี่มันจะมีนิสัยเหมือนผม แค่สเปคเราก็ไม่เหมือนกัน

 

ยังยืนยันคำเดิมครับ ไอ้ภีมไม่ใช่สเปคผม.. (แค่ก ๆ สำลักน้ำลาย)

 

[เห้ย ไอ้เนลน้องรัก ไม่พูดสักแอะ แล้วจะโทรมาทำซากอะไรครับ] เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย ทำให้ผมไม่รู้ตัวว่าปลายสายกดรับเรียบร้อยแล้ว

 

“เอ่อ พี่ซัน อยู่ไหนครับ”

 

[อยู่ผับ วันนี้มาตกเหยื่อ โทรมามีอะไร ขอเนื้อๆเลยนะครับ เข้าประเด็ดตรงๆเลย กูไม่มีเวลาคุย] แปลกที่พี่มันอยู่ผับ ไอ้ข่าวว่าวันนี้นัดทำค่ายไม่ใช่เหรอวะ ทำไมประธานอย่างพี่ถึงไปอยู่ที่ผับได้ งานการไม่ทำ เอาเวลาไปหาความสุขใส่ตัว ทุกคนควรโหวตมันออกจากประธานครับ

 

“ไอ้ภีมได้ไปทำงานที่นั่นไหม”

 

[ภีมไหนวะ กูไม่รู้จักสัด! วันนี้มีคนเอ่ยชื่อนี้กับกูสองคนแล้ว เป็นอะไรมากปะ เมื่อเย็นนี้ ไอ้ 583388xx พีรวัตร รัตน์ฐิพัฒกุล ก็ตามมาเอาเรื่องกูถึงผับเพราะชื่อนี้แหละ ห่า! ไม่รู้จักโว้ย]

 

ทำไมต้องเกรี้ยวกราด…

 

“ไอ้ภีมเคยเป็นพนังงานผับพี่ ไปตรวจสอบให้หน่อยว่าคนชื่อภัคพงษ์มาทำงานวันนี้ไหม ถ้าพี่ไม่ทำ ผมจะไประเบิดถึงที่” ผมไม่ได้ขู่นะ ทำจริง กรณีไอ้หน้าปลวกสักลายปอมๆที่ผมไปต่อยมันจนหน้ายับ ผับพี่มันก็เสียหายไปหลายตังค์อยู่เหมือนกัน

 

[เอ่อ เดี๋ยวกูดูให้ โว้ย!! ลำบากกูจริงๆเลย] พี่มันบ่นอุบอิบ ก่อนจะกดวางสายไป รอได้ไม่นาน แกก็โทรมาอีกครั้ง

 

[ไม่มีโว้ย คนชื่อภัคพงษ์ลาออกไปนานแล้ว เช็คจากรายชื่อพนักงานที่มาทำงานวันนี้ก็ไม่มีครับน้องรัก มีอะไรอีกไหมกูจะไปเต๊าะเด็ก] เอ่อ งั้นก็ตามสบายเลยครับ กูไม่กวนพี่มึงละ

 

แม่ง! หายไปไหนของมันวะ หรือพี่อ้อยยังไม่ปิดร้าน? ปกติเลิกดึกขนาดนี้เลยหรือไง ไม่ได้การละ กูจะพามันไปลาออก!!!! ถ้าเลิกดึกแบบนี้ทุกวันไม่ไหวครับ

 

หลังจากวางสายพี่ซันไป ผมก็ออกมานั่งรอมันข้างนอก ลมหนาวพอสมควร  แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร ที่ออกมาไม่ใช่อะไรหรอกครับ หันไปมองหน้าต่างจนคอแทบเคล็ด เลยออกมานั่งรอเลยดีกว่า ถ้ากลับมาพ่อจะระเบิดใส่จนกลับบ้านไม่ถูกเลย แม่ง! โทษฐานทิ้งผมให้อยู่บ้านคนเดียว

 

22.00 น. โคตรแย่เลยว่ะ ไอ้ภีมไม่มีโทรศัพท์แบบนี้ ติดต่ออะไรไม่ได้เลย เดี๋ยวเสาร์นี้ต้องพามันไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ละ จะได้หมดปัญหาสักที แอบรู้สึกผิดนิดๆที่โยนโทรศัพท์มันทิ้งลงสระน้ำ

 

ยืนเคาะเท้าเล่นฆ่าเวลาก็แล้ว เดินไปถอนหญ้าเล่นก็แล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมผ่านไปก็หลายด่าน ไอ้ภีมก็ยังไม่กลับบ้าน เลยมานั่งขัดสมาธิ เอามือเท้าคาง รอที่หน้าประตูอย่างเซ็งๆ

 

22.50 น. อารมณ์ตอนนี้เดือดดานมาก ทำงานเลิกดึกขนาดนี้เลยหรือไง อารมณ์พี่ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะครับ ถ้ากลับมารับรองจะลากไปลาออกเดี๋ยวนี้แหละ เหตุผลห่าเหวอะไรก็จะไม่ฟังทันนั้น!!! บัดนี้ กูเกรี้ยวกราดมาก

 

บอกเลย อีก 10 นาทีแล้วยังไม่โผล่หัวมา พ่อจะตามไปหาถึงร้านเลยสัด! โมโห

 

แล้วทำไมผมต้องมานั่งรอมันกลับบ้านด้วยวะ !?

 

เอ่อ...นั่นดิ

 

แสงไฟจากรถยนต์ส่องกระทบกับม่านตา ทำให้รู้ชัดว่าคนตัวเล็กที่กำลังรออยู่กลับมาแล้ว

ผมรีบยืนเต็มความสูงก่อนจะพุ่งหลาวเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว รีบสาวเท้าขึ้นบันไดอย่างลืมตาย แล้วมายืนหอบอยู่ในห้อง ขอมาตั้งหลักก่อน..

 

เมื่อรวบรวมสติได้ ผมก็นึกเรื่องสำคัญบางอย่างออก

 

ฉิบหาย! ลืมปิดไฟที่ห้องนั่งเล่น

 

คลื่น ~ คลื่น  ~

 

ขณะที่พะวงเรื่องไฟที่ลืมปิด เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา หน้าจอแสดงชื่อ ‘ไอ้แจ็ค’ ที่นานๆจะโทรมาที ปกติถ้าเรื่องไม่สำคัญมากมันจะส่งข้อความมาทางไลน์ ถ้าโทรมาแบบนี้เรื่องต้องสำคัญมากพอสมควร

 

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า โทรมาดึกๆดื่นๆแบบนี้” ผมกดรับ และถามมันทันที

 

[เอ่อดิ มึงรีบมาเลยนะไอ้เนล แฮ่กๆ] ปลายสายพูดไป หอบไป เหมือนกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อมันหลุดออกมาจากปลายสายด้วย

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ?”

 

[ชลากร แฮ่กๆ สะ..] กูว่ามึงหยุดหายใจก่อนแล้วค่อยมาคุยกับกูนะไอ้แจ็ค แม่ง! ฟังไม่รู้เรื่องครับ [งานกลุ่มที่อาจารย์ชลากรสั่ง ส่งก่อนหกโมงเช้า แฮ่กๆ]

 

“หะ!!! ไอ้สัดทำไมไม่รีบบอกกูให้เร็วกว่านี้” ผมใจหล่นถึงตาตุ่ม เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่แสดโหดร้าย ระย่ำ ต่ำช้า ที่ไอ้แจ็คเล่าให้ฟัง ตอนแรกเหมือนประธานบอกว่าส่งสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอวะ หรือกูฟังผิด..?

 

[ตอนแรกประธานบอกว่าส่งสิ้นเดือน เนี่ย! พึ่งมาขอโทษขอโพยในกลุ่มว่าฟังมาผิด จังไรฉิบหาย]

 

บัดซบ! ใครจะไปปั่นทันวะ

 

[รีบมาช่วยกันเลยนะไอ้เนล สมศรีรอมึงอยู่] อู้หู ขนลุกเลยครับ

 

‘สมศรี’ เป็นกระเทยตัวใหญ่ก้ามยักษ์ ที่กระดี๊กระด๊าทุกครั้งที่เห็นผู้ชายหล่อ พวกผมโคตรซวยที่นัดกับไอ้แจ็คโดดเรียน วันที่อาจารย์แกให้จับกลุ่มแบ่งงาน เพื่อนในเซคจึงจับกลุ่มกันไปหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่มสมศรีกระเทยโหดเนี่ยแหละที่อ้าแขนต้อนรับพวกเรา เพราะแบบนี้แหละครับ จึงทำให้ผมต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนั้น

 

เข้าใกล้ทีไรโคตรเปลืองตัว กูกลัวว่ะครับ ไม่ไปได้ไหม

 

[มึงไม่ต้องคิดที่จะทิ้งกูไว้ในดงกระเทยเลยนะ] ไอ้แจ็ครีบพูดเหมือนอ่านความคิดผมออก เทพสาด

 

“เอ่อ จะรีบไป ขออาบน้ำก่อน” ผมตอบมันไปอย่างไม่เต็มใจนัก ไปก็ไปวะ แต่ผมขออาบน้ำก่อน เมื่อกี้ไปนั่งคลุกดินคลุกฝุ่น จนเนื้อตัวเหนียวไปหมด ผมอยู่ไม่ได้หรอกในสภาพแบบนี้โดยไม่ได้อาบน้ำ

 

[ไม่ได้ รีบมาเลย สมศรีสั่งมาว่าให้มาภายใน 10 นาที ไม่งั้นจะตัดชื่อมึงออกจากกลุ่ม] ขู่ได้น่ากลัวว่ะ...แต่ผมไม่กลัวหรอก ผมรู้จักสมศรีดี มันไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก

 

ผมสำรวจตัวเองไปพลาง ไม่น่าไปนั่งถอนหญ้าเล่นเลยกู แรกๆก็หยิบออกมาทีละนิดเพราะมันส์มือดี แต่เพลินไง รู้ตัวอีกทีหญ้าก็หายไปเกือบทั้งสนาม ให้กูอยู่ในสภาพที่เปื้อนดิน แถมเหงื่อเต็มตัวอีกเนี่ยนะ กูรับไม่ได้

 

“แต่กูจะอาบน้ำ” ผมยังยืนยันคำเดิม

 

[พ่อยอดขมองอิ่มของศรี รีบๆมาช่วยงานนะฮ้า ถ้าไม่มา นอกจากจะตัดชื่ออกแล้ว แถมโปรโมชั่นติดป้ายแดงคือ มึงจะได้กูเป็นเมียค่ะ] นี่ไม่ใช่เสียงของไอ้แจ็คครับ แต่เป็นเสียงกระเทยร่างหนา ฟังทีไรขนลุกทุกที [ศรีจะรอแค่สิบนาทีนะคะ ถ้าเกินกว่านั้นเราคือผัวเมียกัน]

 

กูกลัวววววววววววววววววว

 

[กูจะรอมึงนะครับ เกินสิบนาทีกูจะส่งแก๊งกระเทย ไปบุกจับตัวมึงมาทำผัวแน่ๆ โทษฐานทำศรีรอ ฮ่าๆ ชาตินี้กูจะมีผัวเป็นไอ้เนลแล้วโว้ย ตายอย่างสงบแล้ว ไม่ต้องรีบนะครับ แต่กูจะรอ] ไอ้สมศรีขู่ผมเสียงเข้ม เหมือนจะพูดเล่นนะครับ แต่ผมเชื่อว่ามันทำจริง ไอ้นี่มันจ้องจะจับผมมานานแล้ว ชอบหาเหตุผลต่างๆนาๆ ยกมาให้ผมยอมสยบ ตอนนี้ตัวผมสั่นไปหมด สยองว่ะ

 

[เร็วครับ กูไม่อยากเป็นยอดชายเพียงคนเดียวในดงกระเทย มาด่วนๆเลย เก็บของมาอาบน้ำที่นี่เอา กูก็ขนมาเหมือนกัน เชื่อกู กูขอร้องงงงง เป็นห่วงเพื่อนหน่อย อย่าพึ่งห่วงอาบน้ำ] เป็นเสียงไอ้แจ็คเจ้าของโทรศัพท์ที่พูดขึ้นมา มันคงจะลำบากมากๆเลยนะนั่น...

 

ถ้ากูไปอาบน้ำที่นั่น มึงจะรับรองความปลอดภัยให้กูสักกี่เปอร์เซ็นต์ครับเพื่อน แต่ก็เห็นใจเพื่อน กูจะเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อมึงก็แล้วกัน

 

[ศรีจะเริ่มจับเวลาแล้วนะคะ 1 2 3 เริ่มค่ะ รีบๆมานะฮ้า อยากเจอ จุ๊บ] เมื่อได้ยินคำนี้ ผมก็รีบเก็บของอย่างไม่คิดชีวิตเลยครับ ในใจก็ก่นด่ากระเทยถึกสมศรีไปด้วย รอกูอาบน้ำ10-20นาที พวกมึงจะตายหรือไงวะ เสียเวลาโว้ย

 

เก็บเสร็จก็ยกเป้ขึ้นสะพายบ่า สองเท้าก็ก้าวออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว เห็นลูกหมายืนมองตาแป๋วอยู่ตรงบันได จึงเดินไปหา พร้อมเอามือลูบหัวมันเบาๆ

 

มือที่ผมเอาไปถอนหญ้าเมื่อกี้ยังไม่ได้ล้างเลยครับ

หลอกเช็ดแม่ง 55555555555

 

“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม กูไปก่อนนะ” กูจะพยายามรอดชีวิตออกมาให้ได้ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วย

 

“จะกลับเมื่อไหร่ครับ” ไอ้ภีมรีบดึงแขนผมเอาไว้ ขณะผมกำลังจะก้าวลงบันได

 

“ไม่รู้” ผมตอบ เห็นมันส่งสายตาอาลัยอาวอนมาให้ แล้วใจกูสั่นแปลกๆ “ทำไมมองกูแบบนั้น ไม่อยากให้กูไปหรือไง”

 

"ถ้า..บอกว่าใช่ล่ะครับ พี่จะไปอยู่ไหม" มันหลุบตาต่ำ ไม่มองหน้าผม คือถ้าไม่จำเป็น ถึงมึงไล่กูก็ไม่ไปอ่ะครับ ใครจะโง่พาตัวเองไปลงนรกกัน

 

"กูก็จะไป" ถ้าไม่ไปชีวิตกูจบแห่แน่ ยังไม่อยากได้เนื้อคู่เป็นไอ้สมศรี กูขอเถอะ เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมตอบมันเสียงเรียบ ก่อนจะแกะมือมันออก เดินลงบันไดไปได้สองขั้น ก็ต้องหันไปชี้นิ้วขู่มันสักหน่อย เดี๋ยวหนีไปนอนกับไอ้ซานเหมือนเมื่อวานอีก

 

“อยู่คนเดียวแล้วอย่าดื้อล่ะ อย่าให้กูรู้นะว่าตอนที่กูไม่อยู่แอบเอาชู้มานอนกก ไม่งั้นมึงตาย”

 

“ครับ”

 

รอกูก่อน พรุ่งนี้จะกับมาเคลียร์ปัญหากับมึงอีกทีไอ้ลูกหมา

 

ถ้ากูรอดอะนะ...

 

-------------------------------------------- 

 





    ตอนนี้เวลา 6.00 น. เป็นเวลาที่พวกผมอัพโหลดงานเสร็จพอดี แบบฉิวเฉียด สภาพแต่ละคนแทบดูไม่ได้หลังจากทนโต้รุ่งทำงาน ข้าวปลาไม่ได้กิน น้ำสักหยดก็ไม่ตกถึงท้อง ในที่สุดงานที่ทนปั่นก็เสร็จสมบูรณ์

 

ตอนแรกไอ้สมศรีคะยั้นคะยอให้ผมนอนพักผ่อนที่ห้องมันก่อน แต่ผมเลือกปฏิเสธมันไป เรื่องอะไรที่ผมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วย กูยอมอดนอนแล้วขับรถกลับบ้านดีกว่า

 

แต่คนจะซวย อะไรก็ไม่สามารถช่วยได้ ดันลืมกุญแจบ้านไว้ในห้อง ทำให้ตอนนี้ผมต้องแหกปากตะโกนเรียกไอ้ลูกหมาที่นอนอยู่ชั้นสอง จนเจ็บคอ ไม่คิดเลยว่าจะหลับลึกขนาดนี้ เรียกไปเป็นสิบครั้งแล้ว ก็ได้ยินแม้แต่เสียงเท้าที่กระทบกับพื้น โคตรหมดหวังเลย

 

สายตาสอดส่องหาก้อนหิน ก้อนเล็กๆที่ตกพื้นขึ้นมา โยนขึ้นไปกระทบหน้าตาห้องไอ้ภีม ดังเปาะ ปากก็ตะโกนเรียกไปด้วย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าตัวจะออกมาเปิดเลย บางทีกูก็คิดนะว่ามึงนอนหรือไหลตาย

 

อีกนิดกูจะปีนขึ้นไปละนะ ออกมาสิโว้ย

 

สายตาไปปะทะเข้ากับก้อนหินขนาดพอดีมือก้อนหนึ่ง คือตอนนี้ยอมรับว่าสิ้นคิดมาก ถ้าก้อนเล็กๆ มันไม่ตื่น ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบไปเลย งานนี้แตกเป็นแตกละวะ

 

ถามว่าอะไรแตก กระจกเหรอ ? ไม่ใช่ครับ หัวไอ้ภีมนั่นแหละ แม่ง โมโห!

ไหนๆ วันนี้ก็ต้องพามันไปโรงพยาบาลอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักแผลละกัน

 

เพล้ง!

 

เต็มๆ

เศษกระจกจากหน้าต่างชั้นสองแตกกระจุยกระจายไปทั่ว สักครู่ก็เห็นมือขาวของคนตัวเล็ก ดันหน้าต่างออก พร้อมชะโงกหน้าลงมาดู

 

ตอนนี้ผมก็แต่สบถเบาๆว่า โอ้โห...

 

โคตรน่ารักเลย

 

ไอ้ภีมในชุดฮูตน้องหมาหูตก ขนปุยสีน้ำตาลอ่อน กำลังงัวเงีย เอามือขึ้นมาขยี้ตาช้าๆ กำลังเมาขี้ตาได้ที่อยู่ข้างบน

 

“กูเข้าบ้านไม่ได้ ลงมาเปิดประตูให้หน่อย”

 

มันไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินลงมาเปิดประตูให้ผมแต่โดยดี

 

ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็เห็นไอ้ลูกหมาเต็มๆตัว มันใส่ชุดมาสคอตน้องหมาทั้งตัวเลยครับ ไอ้เหี้ยเอ้ย มีหางด้วย

 

ใจกูเต้นแรงมาก รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ไอ้ภีมเวอร์ชั่นนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ หมาในชุดหมา

ดูเหมือนเจ้าตัวจะหายเมาขี้ตาแล้วนะครับ มันมองผมอึ้งๆ ก่อนจะถามออกมาเสียงเบา

 

“พี่เนล..มาได้ไงครับ?” งงเลยกับคำถาม นี่กูทำงานจนเมา หรือไอ้ภีมมันยังไม่ตื่นเต็มตา

 

“ถามอะไรของมึง กูก็ขับรถมาดิ”

 

“พี่ไม่ได้มีธุระไปไหนเหรอครับ” เอ้า งงเข้าไปอีก

 

“นี่กูพึ่งมาถึงบ้าน มึงจะไล่กูอีกแล้วเหรอ?”

 

“ปะ เปล่าครับ”

 

“แล้วใครสั่งใครสอนให้มึงใส่ชุดนี้” โวยครับ ต้องรีบโวย

 

ลูกหมาทำตาโต ท่าทางร้อนรน หน้าเริ่มขึ้นสี “เอ่อ...คะ คือผมไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว เลยต้องหยิบชุดนี้มาใส่อย่างจำยอม มันไม่มีทางเลือก” เจ้าตัวพูดตะกุกตะกัก คงจะอายน่าดูที่ต้องมาให้ผมเห็นสภาพแบบนี้

 

“...” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่มองมันนิ่งๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไอ้ภีมโคตรเหมาะกับชุดนี้

 

“อย่าจ้องผมแบบนั้นสิครับ”

 

“...” ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆ เชี่ย...น่ารัก

 

“เอ่อ...มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เจ้าตัวถามผมอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

 

“ทุเรศมาก มึงอย่าใส่มาให้กูเห็นอีกนะ ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย” ผมตะคอกใส่มันเสียงดังจนเจ้าตัวตกใจ ก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของตัวเองทันที ไม่วายได้ยินคนตัวเล็กบ่นตามมา

 

“มึงคิดว่ากูอยากใส่ชุดนี้มากเลยหรือไง อายโว้ย อาย ถ้าไม่ได้ซักผ้าจนไม่มีให้ใส่ ก็ไม่คิดจะใส่หรอกไอ้ชุดเฮงซวยเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าไอ้เหม่ยซื้อให้เป็นของขวัญ จะเอาไปเผาทิ้งโดยไม่ลังเลเลย อีกอย่างผมทำอะไรผิดอีกแล้ววะ ทำไมต้องตะคอกใส่ด้วย”

 

ไปลงนรกเลยไป
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 07-07-2018 18:13:07
 :hao6: :hao6: งานดีย์
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-07-2018 01:41:12
อิพี่เนลแกนี่มันน่า :z6:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 08-07-2018 06:06:54
แหมทนมองน้องน่ารักไม่ไหวกร่างไล่น้องไปเปลี่ยนชุดอีก รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-07-2018 10:18:59
มาเจอสถานการณ์ฝั่งคุณเนลแล้ว...ดิฉันให้อภัยคุณ(แค่ครั้งนี้)ค่ะ ฮ่าๆๆขำอ่ะ หนังคนละม้วนกับภีมเลย อืม เกือบล่ะ เกือบได้เมียเพิ่มแล้วคุณเนล :katai3:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-07-2018 15:25:26
นึกว่าจะไปหาผู้หญิง,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 08-07-2018 19:59:45
งือ หมายั่วแล้วเร็วๆ 555 อยากเห็นเลยว่าน่ารักมั้ย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-07-2018 22:52:07
คำตอบของเนลที่ส่งไปไม่ถึงภีม
แล้วมันจะมีค่า มีความหมายอะไร

แทงกั๊กอ่ะดิ..ไม่ว่า
หุหุ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 08-07-2018 23:06:56
พี่เนลลลลลลลลลลลล
พี่ต้องปากตรงกะใจได้ละนะ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-07-2018 23:20:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-07-2018 10:03:20
ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ น่ารักก็บอกว่าน่ารักซิจะเป็นไรไป
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่21 คำตอบของผม(2/2) |[07/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-07-2018 13:58:41
อิพี่เนลเจอชุดน่ารักๆ บวกความคิ้วท์เข้าไป
หลงโงหัวไม่ขึ้นเลยอ่ะดิ
บวกรัวๆ เด๋วจะไลน์บอกเพื่อนซื้อชุดมาเพิ่มอีก
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! บันทึกพิเศษซัน (1) |[10/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 10-07-2018 17:09:13
บันทึกพิเศษซัน หน้าที่ 1
(ซาน x ซัน)
'ผับเฮงซวย'




Chan San: หางานให้เพื่อนครับ พอดีเพื่อนร้อนเงิน ขอเป็นช่วงเวลาสองทุ่มขึ้นไปนะครับ ใกล้ ม.xx ยิ่งดี

 

Sun Chan: มาทำงานผับพี่ก็ได้ พอดีพนักงานคนเก่าพึ่งลาออก ต้องการพนักงานใหม่อยู่พอดี ทำงาน 2 ทุ่ม – ตี 2 สอบถามรายละเอียดที่เบอร์ 094-55x-xxx ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไปสัมภาษณ์งานกับผู้จัดการร้านได้เลยครับ ปล.ไม่ต้องกังวล เด็กม.เดียวกันพี่รับหมดครับ

 

 

ไม่คิดว่าการที่หวังดี โพสช่วยเหลือใครคนหนึ่งไป จะเป็นปัญหาขนาดนี้…

 

.

.

 

 

Chan san: @Sun Pub เบื้องหน้าเป็นผับชื่อดังรายได้หลักล้าน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้อหลังอันดำมืดนั้นจะเป็นแหล่งขายบริการทางเพศขนาดใหญ่ หลอกคนบริสุทธิ์ไปขายตัว วอนเจ้าหน้าที่ไปตวรจสอบหน่อยครับ ช่วยเอาคนจิตใจต่ำตมลงไปนอนในคุกที

ปล.ช่วยรีทวิตนี้ให้คนที่ไม่รู้เรื่อง ได้รู้ด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องตกไปเป็นเหยี่อพวกมิฉาชีพที่หากินกับเรื่องพวกนี้

-แอคเก่าโดนแฮก อยากติดตามข่าวสารฟอลแอคนี้แทน-

#ซานรู้โลกรู้ #ต่อต้านซันผับแหล่งขายบริการทางเพศ #ป้องกันการถูกหลอก

 

 

นี่เป็นข้อความที่ผมได้อ่านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว และทำให้รู้สึกหงุดหงิดมาจนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าแอคต้องการอะไรกันแน่ แต่เท่าที่รู้ ผับกูไม่เคยมีบริการแบบนั้นครับ เดิมทีก็เปิดให้ลูกค้าได้สังสรรค์กันอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เห็นภาพลูกค้านัวเนียกันเป็นเรื่องปกติ

 

ผมใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างดี มีทั้งเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่ไวน์ ก็ของดีทั้งนั้น บางยี่ห้อที่สั่งตรงจากต่างประเทศ แถมยังห่วงความปลอดภัยของลูกค้าที่เมาไม่ได้สติ โดยการเปิดบริการห้องพักที่ชั้นสามของผับอีกด้วย  ถึงแม้รายได้ตรงส่วนนั้นจะน้อยจนแทบเจ๊ง แต่ก็ไม่ได้กระทบเงินในกระเป๋าผมสักเท่าไหร่

 

ส่วนพนักงานผมก็สั่งผู้จัดการให้ดูแลสวัสดิการเขาอย่างดี แต่ทำไม!!!!!! ไอ้เจ้าของแอคนี้มันถึงได้โพสโจมตีผับผมในทางเสียๆหายๆแบบนี้

 

ถึงตัวผมไม่ได้อยู่ดูแลกิจการเลย แต่ผู้จัดการก็รายงานความเลื่อนไหวให้ผมฟังตลอดนะครับ

 

แม้แต่เรื่องที่ไอ้เนลรุ่นน้องสุดที่รักของผม เมาหนักจนอาละวาด ไปต่อยหน้าลูกค้าคนสำคัญจนหน้าแหก พี่เขาก็รายงานให้ผมได้ทราบ ผู้จัดการคนนี้ผมไว้ใจมาก เลยให้ดูแลกิจการทั้งหมดแทน ให้อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง และผมก็เชื่อใจ พี่เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน

 

ไอ้เจ้าของแอค Chan san อย่าให้กูรู้นะมึงเป็นใคร พ่อจะจับหักนิ้วให้ไม่มีปัญญาพิมพ์อะไรได้อีกเลย

 

ภาพลักษณ์ผับของผมเสียหายมากงานนี้

 

“ทำไมไอ้ฟิวไปตามน้องเบสนานจังวะ” เสียงของน้องแจ็คทำให้ผมหลุดจากภวัง ตอนนี้พวกผมอยู่ที่สนามบาสในม. ใกล้กับหอใน เพื่อรอบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่อเมื่อกี้ไปตามรุ่นน้องหน้าใสนามว่าเบส มาเล่นบาส นี่ก็รอมาจะชั่วโมงได้ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวแม่ตีนมันเลย

 

 

“เอ่อนั่นดิ ไอ้ซันไปตามให้หน่อย” ไอ้ท็อปที่นั่งคุยแชทกับสาวอย่างอารมณ์ดี หันมาสั่งผม

 

“ทำไมต้องเป็นกูวะ มึงก็ไปเองดิ” ผมโยนขี้คืนให้มัน เรื่องอะไรผมจะไป ขี้เกียจครับ

 

“มึงนั่นแหละ ถ้าน้องมันไม่มา เราไม่ได้เล่นบาสนะโว้ย รีบๆออกไปตามได้ละ” ไอ้ท็อปโบกมือไล่ผมยิกๆ

 

“ไอ้ห่าท็อป มึงไม่รู้จักนวัตกรรมที่เรียกว่ามือถือใช่ไหม โทรไปสิครับ จะให้กูออกไปตามเพื่อ?” เพื่อนรักที่สูงกว่าผมไม่กี่เซนติเมตร ไม่รอช้า หยิบโทรศัพท์ข้างตัวชูขึ้นมา ก่อนจะพูดหน้าตายว่า “ของไอ้ฟิว”

 

เจริญแล้วไงไอ้ฟิวน้องรัก

จะออกไปไหน ทำไมไม่พกโทรศัพท์ไปครับ มันลำบากตัวกูเนี่ยที่ต้องออกไปตามมึง

 

“มึงแหกตาให้กว้างๆ และหัดใช้สมองด้วยนะครับ ว่าพื้นที่มหาลัยเรามันใหญ่ขนาดไหน”

 

“มึงก็ใช้ความสามารถส่วนตัวหาสิวะ ทีเด็กรุ่นน้องที่หน้าตาน่ารักต่อให้หลบอยู่ในซอกหลืบ มึงยังหาเจอเลย อีกอย่างไอ้ฟิวก็จัดว่าเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่งด้วย อย่างมึงหาได้สบาย เรดาร์มีไม่รู้จัดใช้ ไปได้ละ ไป ไป กูอยากเล่นบาส” ไอ้ท็อปที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวยาว ยกเท้าขึ้นมาเขี่ยผมให้ออกไป ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนก้อนอึเลยวะครับ ช่วยปฏิบัติกับกูดีๆหน่อย คนอะไรหยาบคายจริง

 

ไอ้น้องฟิวมันก็น่ารักจริงๆนั่นแหละครับ แต่ผมไม่กล้าจีบหรอก แม่งกวนตีนเกินไป

 

“กูไม่ไปครับ”

 

“แต่กูมีเบอร์น้องอัสนะ” ไอ้ท็อปเมื่อเห็นว่าออกปากสั่งเฉยๆ ผมไม่ยอมทำตาม จึงเอาอย่างอื่นมาล่อแทน

 

แต่ไม่อยู่ดีครับ น้องอัสกูได้มามากกว่าเบอร์อีก แค่มึงยังไม่รู้

 

“กูมีไลน์น้องหมวยด้วย”

 

ไม่สนครับ น้องหมวยกูก็ได้มาแล้ว แต่นิสัยเอาแต่ใจโคตรๆ ตามใจไม่ไหว เลยบอกเลิกไปแล้วเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน แต่มึงยังไม่รู้

 

“กูรู้จักกับน้องที สหเวช”

 

รายนั้นกูก็รู้จักครับ ตัวเล็กน่ารักสเปคผมเลย แต่เรื่องบนเตียงห่วยมาก ลาขาด

 

ดูเหมือนไอ้ท็อปเริ่มจะอารมณ์เสียที่ผมไม่ยอมออกไปตามสักที ขมวดคิ้ว หายใจออกมาเสียงดัง “ตกลงมึงจะไม่ไปใช่ไหม”

 

“เอ่อ แต่ถ้ามึงยอมให้กูควงน้องเหม่ยวันหนึ่ง จะพิจารณาเป็นพิเศษ” ผมพูดทีเล่นทีจริง แต่ในใจก็แอบหวังนิดๆว่ามันจะตอบตกลง น้องเหม่ยแม่งโคตรน่ารัก ถึงจะชอบใช้ความรุนแรงอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าผมเอาอยู่นะ อยากลองควงคนแบบนั้นมานานแล้ว แต่โชคร้ายที่น้องมันเจอกับไอ้ท็อปก่อน ไม่งั้นเสร็จผมไปนานแล้ว

 

“ไม่เอา คนนี้กูจริงจัง” ไอ้ท็อปพูดหนักแน่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรก็ไม่รู้ พร้อมยื่นมาให้ผมดู

 

หน้าจอปรากฏรูปผู้ชายคนหนึ่ง กำลังยิ้มหวานให้กล้อง

นาทีนี้ เหมือนมีลูกศรกามเทพแทงทะลุผ่านหัวใจ พร้อมมีผีพรายกระซิบข้างหูว่า นี่แหละเนื้อคู่ที่หามานาน

โอ้โห น่ารักสัดๆ เห็นแล้วใจพี่สั่นไปหมด

 

 

“แล้วถ้ากูบอกว่ารู้จักกับน้องคนนี้ล่ะ มึงจะออกไปตามไอ้ฟิวไหม”

 

“โอเค มึงรออยู่อยู่ตรงนี้นะ อีก 5 นาทีมึงได้เล่นบาสแน่ๆ” จะรออะไรล่ะครับ รีบไปสิ คือกูอยากรู้จักคนในรูปมากๆเลย โคตรตรงสเปค

 

สองขาก้าวฉับๆ ไปที่ลานจอดรถทันที ตั้งใจจะขับรถหาเอา แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นน้องฟิวพอดี มันกำลังทำตัวลับๆล่อๆ หลบอยู่มุมเสาข้างลานจอดรถ เลยเอานิ้วไปสกิดสองที จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

 

“เห้ย! อุปส์” น้องมันหันมาอุทานเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที

 

“มาทำอะไรตรงนี้วะ ไอ้ท็อปไล่พี่มาตามน้องแล้วเนี่ย แล้วไหนน้องเบสวะ?” ผมถามน้องฟิวออกไปเสียงดัง จนเจ้าตัวต้องรีบเอามือขึ้นมาปิดปากผมเอาไว้ พร้อมดึงให้เข้าไปหลบมุมเสาเป็นเพื่อน

 

“แหวะ นี่เหงื่อคนหรือน้ำทะเลเดดซี เค็มฉิบหาย!” ผมบ่นทันที เมื่อน้องฟิวปล่อยมือออกจากปาก

 

“โหพี่ โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง กระบวนการเสือกผมบกพร่องหมด”

 

เอ่อ…นั่นความผิดกูใช่ไหมครับ?

 

ผมชะโงกหน้าออกดูว่าอะไรคือสิ่งที่น้องมันกำลังเสือกอยู่ ก็พบร่างเล็กๆของน้องเบสยืนคุยกับผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ไอ้นี่สูงมากครับ สูงกว่าไอ้ท็อปเพื่อนกูอีก น่าจะตัวพอๆกับไอ้เนลเลยละมั้ง โห…เห็นแล้วอยากจับมันเข้าทีมบาสกูเลย ช่วงนี้กำลังขาดแคลนคนสูงๆแบบนี้ เดี๋ยวจะฝึกน้องมันรีบาวลูกแข่งกับไอ้เนล น่าจะเหมาะ

 

“อย่ามาให้กูเห็นหน้ามึงอีก” ไอ้หน้าหล่อมองน้องเบสด้วยสายตาชิงชัง ผมว่าไอ้สองคนนี้ต้องเคยมีปัญหากันมาก่อนแน่ๆ และปัญหานั้นต้องใหญ่มากด้วย

 

“กูไม่ได้มาหามึง อย่าสำคัญตัวผิดไป” น้องเบสตอบเสียงแข็ง

 

“มึงจะบอกว่ามาหาเพื่อนที่คณะแพทย์ว่างั้น?”

 

“ใช่”

 

“ใครเชื่อก็โง่แล้ว มึงไม่มีเพื่อนอยู่คณะนี้”

 

“มันก็เรื่องของมึง กูไม่ได้อ้อนวอนขอให้มึงเชื่อสักหน่อย” น้องเบสเริ่มขึ้นเสียง

 

“…” ชายหนุ่มร่างสูงชลูดได้แต่กอดอกมองน้องมันนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆออกมา

 

น้องเบสจ้องตาตอบ ก่อนจะค่อยๆยกยิ้มมุมปาก “หึ! น่าตกใจนะที่มึงรู้แม้กระทั่งกูมีเพื่อนอยู่คณะไหนบ้าง สนใจเรื่องของกูขนาดนั้นเลยหรือไง”

 

“กูก็ตามสืบเรื่องของทุกคนที่กูรังเกียจนั่งแหละ จะได้เลี่ยงไม่ต้องเจอ แต่วันนี้คงซวยที่เศษขยะมูลฝอยอย่างมึงปลิวมาตกถึงคณะกู จะปล่อยไว้เฉยๆก็ไม่ได้ เดี๋ยวอากาศที่ไอ้ภีมหายใจจะเป็นพิษ” โอ้โห แรง!

หน้าตาก็จัดว่าหล่อสัดๆ แต่ปากร้ายฉิบหายเลย

 

“คำก็ไอ้ภีมสองคำก็ไอ้ภีม มึงเป็นอะไรกับคำนี้มากปะ!! พูดแต่คำนี้ทุกครั้งที่เจอกูเลย เบื่อ กูเบื่อ!!!! เบื่อทั้งมึงทั้งมันนั่นแหละ” เบสเริ่มเดือดดาล แต่ไฟในอกกูเองก็เริ่มสุมแล้วเหมือนกัน โกรธแทนครับ กล้าดียังไงมาว่าน้องเบสของกู เดี๋ยวมึงเจอง้ามตีนเลยไอ้นี่

 

“ทำไมกูจะพูดชื่อคนที่กูรักไม่ได้” ไอ้หน้าหล่อพูดออกมาหนักแน่น น้องเบสเริ่มตัวสั่นแล้วครับ น้ำตาก็เริ่มคลอแล้ว ผู้พิทักษ์คนน่ารักแบบผมก็ทนดูไม่ไหว รีบลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที เดี๋ยวต้องเจอกันสักหน่อยแล้ว น้องฟิวที่เห็นผมกำลังจะเดินออกไปก็รีบห้ามเอาไว้ก่อน

 

“ใจเย็นๆสิครับ”

 

“จะให้กูใจเย็นได้ไงวะ เห็นไหมน้องรักกูน้ำตาคลอแล้ว” ผมหันไปโวยใส่น้องฟิว

 

“เอาน่าพี่ ทนดูไปก่อน” ไอ้ฟิวพยายามพูดให้ผมใจเย็น มือก็ตบไหล่ผมไปด้วย

 

“ถ้าสมมุติว่าไม่มีไอ้ภีม..มึงจะรักกูได้ไหม” น้องเบสถามเสียงติดสั่น

 

“ต่อให้ไม่มีไอ้ภีม คนสุดท้ายบนโลกที่กูจะเลือกรักก็ไม่ใช่มึง” เสียงทุ่มของคนตรงหน้าตอบแบบไร้เยื่อใย ขนาดคนฟังอย่างผมยังรู้สึกเจ็บแทนเลย

 

คนอะไร โคตรใจร้ายว่ะ

 

“วันหลังอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก น่าเสียดาย..ถ้ามึงไม่ไปทำเรื่องเลวร้ายกับพี่มะนาวจนไอ้ภีมต้องเดือดร้อน กูกับมึงคงเป็นเพื่อนกันได้” ไอ้หน้าหล่อพูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย น้องเบสได้แต่ยืนนิ่ง มองตามหลังร่างสูงไปจนลับสายตา

 

เข่าร่างเล็กทรุดลงไปกับพื้นเหมือนคนหมดแรง ยกมือขึ้นปิดหน้า ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร

 

ผมเห็นน้องมันเป็นแบบนี้ก็ทนไม่ไหวจริงๆ รีบหันไปพูดกับไอ้ฟิวทันที

“ไอ้ฟิว ฝากบอกไอ้ท็อปด้วยว่ากูไม่ว่างไปเล่นบาสแล้ว และเย็นนี้กูก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานค่ายอาสาด้วย ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ตามไปเต๊าะเด็กก็เถอะ แต่น้องเบสต้องการคนเยียวยาหัวใจ”

 

“โห ดูเหมือนจะหล่อนะครับ แต่ถ้ามองกลับกัน ถ้าไอ้เบสมันไม่ได้หน้าตาน่ารัก พี่มึงคงไม่แลแล้วปล่อยให้ร้องไห้อยู่อย่างนั้นใช่ไหมครับ ผมเข้าใจสันดานพี่ดี” ไอ้ฟิวยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมเบาๆ “ผมจะบอกพี่ท็อปให้นะครับ”

 

เกลียด!!! เกลียดมัน

 

เกลียดคนรู้ทัน

 

--------------------------------------------

 

   

    หลังจากน้องฟิวมันกลับไป ผมก็เข้าไปกอดปลอบน้องเบสแน่นเลยครับ น้องมันร้องไห้ไม่หยุดอยู่เป็นชั่วโมง ผมไม่รู้หรอกว่าข้างในใจน้องมันเสียหายขนาดไหน ที่โดนปฏิเสธแบบนั้น ไอ้หน้าหล่อนั่นก็พูดไม่ถนอมน้ำใจเลย จิตใจทำจากก้อนอิฐก้อนปูนหรือไงวะ เด็กน่ารักขนาดนี้น้ำตานองหน้า แทนที่จะเข้ามาปลอบกลับพูดจาเสียดแทงให้เจ็บหนักกว่าเดิมอีก

 

เห็นน้องมันเป็นแบบนี้แล้วอดสงสารไม่ได้เลยจริงๆ …

อย่าไปรักเลยคนแบบนั้น เดี๋ยวพี่จะช่วยเยียวยาหัวใจของน้องเองนะ อกหักครั้งแรกก็แบบนี้แหละ

 

“เวลาก็ผ่านไปตั้งหลายปี ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่พอมาเห็นหน้ามันแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าผมยังไม่ลืมมันเลย เกลียดตัวเองว่ะ” น้องมันพูดไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย

 

“รักแรกเหรอ”

 

“ประมาณนั้น”

 

รักแรกมันก็เป็นแบบนี้แหละ ยากที่จะลืม ถึงผมไม่เคยมีก็เถอะ แต่คนรอบข้างผมเป็นทุกคน บางคนยึดติดกับรักแรกจนไม่ยอมเปิดใจให้ใครเลย…แต่บางคนกลับทำตัวเจ้าชู้เพื่อที่จะได้ลืมรักแรกก็มีเหมือนกัน

 

แต่น้องเบสคงเป็นประเภทที่ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร

 

 ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาขอให้น้องมันลืมไอ้หน้าหล่อไวๆ ผมจะไม่ขอให้ไอ้งั่งนั่นใจอ่อนกลับมารักน้องมันหรอก คนแบบนั้นไม่คู่ควรกับสิ่งที่ดีงามแบบนี้

 

และได้แต่สาปแช่งขอให้มันอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต คือกูหมั่นไส้มันมาก ที่ได้ใจของน้องเบสไป

 

 

--------------------------------------------

 

   ผมขับรถมาส่งน้องเบสที่หอพักไม่ใกล้จากตัวเมืองมาก ตอนแรกตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อน แต่น้องมันบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมไม่อยากขัดใจ เลยปล่อยให้น้องมันอยู่คนเดียว ให้ได้คิดทบทวนกับตัวเองเผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง

 

หลังจากส่งน้องเขาเสร็จ ผมขับรถเปลี่ยนเส้นทาง ตรงดิ่งไปยัง Sun Pub ทันที เพื่อไปตรวจสอบเรื่องที่โดนไอ้เจ้าของแอค Chan San กล่าวหาเสียๆหายๆ ครั้งนี้ผมไม่ได้โทรบอกพี่กิติก่อนว่าจะเข้าไป ตั้งใจไปดูเท่านั้นว่าเรื่องที่เจ้าของแอคนั่นพูดจริงไหม

 

ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจพี่เขานะครับ แค่อยากไปตัวสอบให้แน่ใจเท่านั้นเอง จะทำอะไรมันต้องมีข้อมูลก่อนจริงไหม ถ้าเกิดไม่จริงอย่างที่โดนกล่าวหา ผมพร้อมแจ้งความ ลากคอเจ้าของแอคเข้าคุกแน่ๆ เรื่องนี้ผมยอมปล่อยผ่านเหมือนเรื่องอื่นไม่ได้จริงๆ มันกระทบต่อกิจการ และชื่อเสียงของผมมากพอสมควร

 

ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของผับ หยิบแว่นกันแดดสีดำขึ้นมาใส่ ถึงแม้ตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดสนิดแล้วก็ตาม แต่กูอยากเท่ครับ ถึงใครจะมองว่าบ้า แต่มันคือแฟชั่น พวกไม่บรรลุไม่มีสิทธิ์ว่าได้ เอามือขึ้นเซ็ตผมให้เป็นทรง ส่องกระจกให้แน่ใจว่าตัวเองหล่อสัสรัสเซียแล้ว จึงก้าวเท้าลงจากรถทันที

 

โอ้โห เดินเซเลยครับ มืดฉิบหาย

เมื่อความมืดเป็นอุปสรรคต่อความหล่อ เลยเปลี่ยนเอาแว่นตามาคาดหัวไว้แทน แล้วเดินหมุนตัวเข้าไปในผับทันที

 

ยังเดินไม่ถึงปากทางเข้า ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาแต่ไกลเลย

 

“ผมว่าคุณกลับไปเถอะครับ”

 

“ไม่ จนกว่าผมจะเจอเจ้าของผับ”

 

“คุณไม่เจอหรอก เขาไม่ได้เข้ามาดูกิจการมาเป็นปีๆแล้ว กลับไปเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ”

 

สายตาปะทะเข้ากับใครหนึ่ง ที่นั่งเหยียดขาอยู่ตรงบันไดทางเข้า กำลังถูกไอ้เจ๋งหนึ่งในพนักงานของผับเอ่ยปากไล่อยู่ โชคดีนะที่มันหน้าตาดี นั่งแบบนั้นเลยดูไม่น่าเกียจ มึงลองตัดหัวออกดูสิ ไอ้ห่า กูนึกว่าขอทาน

 

ผมว่า…ผมเคยเห็นหน้าไอ้นี่มาก่อนนะ ไอ้หล่อที่หักอดน้องเบสเมื่อเย็นนี้ไง

 

“คุณซัน” ไอ้เจ๋งทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผม รีบยกมือไว้อย่างร้อนรน “จะมาทำไมไม่โทรแจ้งคุณกิติก่อนล่ะครับ จะได้เคลียร์ห้องให้” ห้องที่ว่าเป็นห้องทำงานของผมที่ปล่อยให้ทิ้งร้างไว้ครับ ถ้าวันไหนผมมาตรวจความเรียบร้อย จะโทรแจ้งพี่กิติไว้ แล้วพี่แกจะให้คนมาทำความสะอาดห้องให้

 

“ไม่ต้องหรอก วันนี้ผมมาเที่ยวเฉยๆ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหานะ” ผมตอบพลางเหล่มองคนที่นั่งอยู่ตรงบันได ซึ่งมันก็หันมามองผมเหมือนกัน แววตาเอาเรื่องเลย

 

“ครับ น้องมันต้องการมาพบคุณ ผมไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปสักที” ไอ้เจ๋งเข้ามากระซิบกระชาบให้ผมฟัง

 

“เอ่อ ไปทำงานเลย เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง” ผมโบกมือไล่ลูกน้อง ก่อนจะหันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งตบยุงอยู่ตรงบันไดเสียงเรียบ “เข้าไปคุยกันข้างใน”

 

ดูจากแววตาของหมอนี่พร้อมบวกกับกูมากเลยครับ จึงเรียกมันไปคุยในทีลับตาคน

 

ผมเดินนำไอ้หน้าหล่อมาตรงห้องรับรองแขกของผับ ยืนผายมือเชิญให้ร่างสูงนั่งลงตรงโซฟาตัวยาว พร้อมพูดเข้าประเด็นทันทีจะได้ไม่เสียเวลา ไม่อยากมองหน้ามันนานๆครับ เห็นแล้วไม่เจริญตา คุยเสร็จจะได้รีบเดินไปขอเบอร์น้องผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งคนเดียว ตรงโต๊ะ 12 ด้วย

 

“มีธุระอะไร” ผมถามมันห้วนๆ

 

“พี่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมทำแบบนี้” ไอ้หน้าหล่อถามเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรผ่านสีหน้า เอามือขึ้นพาดพนักโซฟาท่าทางสบาย

 

“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ” ผมเอียงคอ ขมวดคิ้วเข้าหากัน พลางถามออกไปอย่างงงๆ คือถามออกมาโต้งๆแบบนี้ ไม่มีเกริ่นนำอะไรเลย มึงคิดว่ากูจะบรรลุไหมครับ ไอ้หน้าส้นตีน

 

“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย พี่ซันเจ้าของผับเฮงซวย ที่หลอกเพื่อนผมมาขายบริการ ตอนแรกนึกว่าหวังดี เพราะเห็นเป็นเด็กมอเดียวกัน ที่ไหนได้ หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองล้วนๆ” ไอ้หน้าหล่อยังคงพูดเสียงเรียบ แต่ละคำช่างเสียดแทงใจกูเหลือเกิน

 

ผับเฮงซวยพ่อง เดี๋ยวตบด้วยหลังแหวน

 

“…”

 

“ทำไมครับ หาเงินจากเหล้าจวนจะเจ๊ง จนต้องหากินบนร่างกายคนอื่นแทนแล้วเหรอ” มันด่าผมหน้าตาย

คำพูดที่ออกมาจากปากนั่น น่าต่อยจนเลือดกบปากมาก

 

“ผมไม่เข้าใจที่คุณจะสื่อครับ” ผมนั่งไขว่ห้าง กอดอกมองมันนิ่งๆ พยายามใจเย็นไม่ตอบโต้อะไรไป เอาสิ มึงจะเล่นสงครามประสาทกับกูเหรอ

 

“เข้าประเด็นเลยดีกว่า พี่ทำแบบนี้ทำไม โพสบอกว่าต้องการพนักงาน รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนผมมันต้องการเงิน แต่กลับจิตใจต่ำช้า หลอกมันมาขายตัวเนี่ยนะ ถึงมันจะร้อนเงินแต่ก็ใช่ว่าจะยอมขายศักดิ์ศรีให้เขาย่ำยีเสมอไป ไอ้ภีมมันเป็นคนขยัน ยอมเอาแรงกายสู้งาน หยาดเหงื่อแลกเงิน ไม่ใช่เอาร่างกายแลกตังค์” ไอ้หน้าหล่อยังคงมองผม ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน

 

“....” รู้สึกกดดันฉิบหายเลย

 

“พี่หลอกมันมาทำงานแบบนี้ทำไม มันเข้าใจมาตลอดว่า ‘บริการ’ ของที่นี่คือ เสริฟเหล้า เสริฟเบียร์ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า บริการที่เด็กเสริฟทั่วๆไปเป็น แต่ไม่คิดว่าต้องมาบริการอย่างอื่นด้วย”

 

“บริการที่คุณกำลังพูดถึง คือบริการอะไร พูดให้มันชัดๆเคลียร์ๆครับ”

 

“บริการทางเพศไง”

 

หะ อะไรนะ? ...มันยากจะเชื่อนะครับ ที่คนแปลกหน้ามาพูดจาอะไรก็ไม่รู้ กล่าวหาผับตัวเองเสียๆหายๆแบบนี้ พูดเหมือนผับผมเป็นที่มั่วสุ่มเซ็กส์ เปิดเป็นช่องอย่างนั้นแหละ กูรับไม่ได้ครับ

 

“หุบปาก! คุณไม่รู้อะไรอย่ามาใส่ร้ายผมดีกว่า ผับผมไม่เคยมีบริการแบบนั้น คุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน!” เป็นผมเองที่โดนมันยั่วจนโมโห จนอารมณ์เดือดขึ้นมา

กล้าดียังไงมากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ ฟ้องหมิ่นประมาทได้เลยนะครับ

 

“ก็เอามาจากคนที่โดนหลอก อย่างเพื่อนผมไงครับ” เจ้าตัวส่งยิ้มเหี้ยมมาให้

 

“เรื่องแบบนี้มันแต่งกันได้ หลักฐานที่พูดปากเปล่า มันจะเชื่อได้สักกี่เปอร์เซ็นต์กัน” ไม่เข้าใจเลยว่าคนตรงหน้าผม ต้องการอะไรกันแน่ มันมีจุดประสงค์อะไร ถึงได้พูดจาโจมตีผับผมได้ขนาดนี้ เดี๋ยวค่อยไปตรวจสอบอีกทีว่าข้อมูลมันจริงเท็จยังไง

 

แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน “คุณต้องการเท่าไหร่?”

 

“อะไรนะ?” เจ้าตัวทำหน้าไม่เข้าใจ หรือสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันยังไม่ชัดพอ

 

“ต้องการเงินเท่าไหร่ ลงทุนแต่งเรื่องโกหกให้ผมฟัง คุณคงหิวเงินมากสินะ” ผมหยิบเช็คเงินสด กับปากกาที่อยู่ตรงลิ้นชัก ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ “ต้องการเท่าไหร่ก็เขียนยอดเงินลงบนเช็คนี้ ผมจะให้ทุกบาททุกสตางค์ที่คุณเรียกร้องมาเลย แล้วช่วยเลิกพูดจาโจมตีผับผมเสียๆหายๆได้แล้ว ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้า มันจะกระทบต่อกิจการของผม”

 

เจ้าตัวยกยิ้มพึงพอใจ มือหนาหยิบปากกาขึ้นมา จรดเขียนเช็คอย่างบรรจง ก่อนยื่นมาให้ผม

 

หึ! พวกเห็นแก่เงิน ผมยังไม่เคยเห็นปัญหาไหนที่เงินแก้ไขไม่ได้เลย

ในโลกนี้เงินคือทุกอย่าง

เงินมาข่าวเงียบน่ะ พวกคุณเคยได้ยินไหม

 

ไหนขอดูหน่อย คนแบบมันเรียกร้องเท่าไหร่ ผมก้มลงไปดูยอดเงินในเช็คที่อีกฝ่ายพึ่งยื่นมาให้

มันไม่มีตัวเลขเลยครับ มีแต่ข้อความที่บรรจงเขียน กับภาพวาดตัวการ์ตูนหน้าเห่ยๆหลังข้อความ

 

‘เก็บเงินของพี่ไว้เข้าคอร์สบำบัดนิสัยเสียๆของตัวเองเหอะ ผมไม่ต้องการเงินที่หามาด้วยวิธีสกปกหรอก (•¸• )’

 

โอ้ยยยย กูอยากระเบิดมากตอนนี้ หัวร้อนปุดๆเลย ไอ้เหี้ย!



 

ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยำเช็คทิ้งลงพื้น แล้วหันไปจ้องตากับไอ้หน้าตีนไก่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้าง มองผมนิ่ง

 

“พี่คงจะเป็นแฟนของไอ้เบสสินะ เห็นกอดกันกลมเลยตรงลานจอดรถ”

 

“…” ผมเลือกไม่ตอบออกไป คือไม่ได้เป็นแฟนน้องมันครับ แต่ไม่อยากพูดปฏิเสธออกไป ปล่อยมันเข้าใจผิดแบบนี้แหละดีแล้ว

 

“ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กับมันวางแผนอะไรไว้ แต่ผมจะปกป้องไอ้ภีมเอง อย่าหวังว่าแผนชั่วๆในหัวจะสำเร็จ”

 

อะไรวะ ไม่รู้เรื่อง! ภีมไหนกูยังไม่รู้จักเลยครับ

 

“แผนเชี่ยไร ไม่รู้โว้ย! ภีมไหนกูยังไม่รู้จักเลย แล้วจะไปสุมหัวทำร้ายเพื่ออะไรวะ” ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับมันทันที หงุดหงิดครับ

 

ใส่ร้ายกูไม่พอ ยังใส่ร้ายน้องเบสอีก มาต่อยกับกูตอนนี้เลยมะ เรื่องจะได้จบๆ

 

“…”

 

“ถึงกูไม่รู้เรื่องที่มึงพูด แต่มีอย่างหนึ่งที่กูรู้ คือน้องเบสกูจะเป็นคนปกป้องเอง กูไม่ยอมปล่อยให้คนดีๆแบบนั้น ต้องมาเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคนเหี้ยๆแบบมึงอีกเป็นครั้งที่สองแน่”

 

อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก “หึ! พี่ไม่รู้อะไร อย่ามาพูดเลยดีกว่า รู้จักสันดานมันดีแล้วเหรอ? ถึงบอกว่ามันเป็นคนดี”

 

“ก็รู้จักดีกว่ามึงก็แล้วกัน”

 

“…” มันเงียบ ไม่ตอบโต้อะไร แต่สายตาที่ส่งมาให้ผม บอกเป็นนัยๆว่า ‘เดี๋ยวมึงก็รู้’

 

ผมไม่สนครับ ผมเข้าข้างคนน่ารัก

 

มันจ้องหน้าผมเหมือนคิดอะไรอยู่ ซึ่งกูเองโคตรกดดันเลยครับ จะพูดอะไรก็รีบๆพูด แล้วช่วยออกไปสักที

คนตรงหน้ายกนาฬิกาขึ้นมาดู ปากก็พึมพำ“ต้องไปรับไอ้ภีมแล้ว” ไปด้วย ก่อนลุกเต็มความสูง เดินตรงไปที่ประตู โดยไม่บอกลาสักคำ

 

“เดี๋ยว! มึงชื่ออะไร” ผมตะโกนเรียกมัน มือหนาที่เอื้อมไปจับลูกบิดชะงัก

 

ถามไปงั้นแหละ ชื่อปักติดหราตรงเสื้อรุ่นที่มันใส่อยู่ เห็นไม่ค่อยชัด ใช้เวลาเพ่งอยู่นานกว่าจะอ่านออก แต่อยากถามย้ำเพื่อความมั่นใจ จะได้เขียนชื่อป้ายหลุมศพมันถูก ปากแบบนี้อายุไม่ยืนแน่ๆ พรุ่งนี้มึงจะโดนชายชุดดำที่เป็นการ์ดของผับดังแห่งหนึ่งอุ้มไปฆ่า เชื่อกู

 

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้ารู้” มันตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ก่อนเปิดประตูออกไป

 

ไอ้เด็กเปรต!

 

“ไอ้เจ๋ง มึงเอารูปไอ้ห่านั่น ไปทำเป็นป้ายไวนิลขึ้นหน้าผับให้กูด้วย เขียนข้อความตัวใหญ่ๆเลยว่า ห้ามเข้า!! ถ้าการ์ดคนไหนปล่อยให้มันเข้ามาอีก กูจะไล่ออกให้หมดเลย!!” ผมเอ่ยปากสั่งลูกน้องที่โผล่หน้าเข้ามาในห้อง หลังจากไอ้หน้าหล่อนั่นออกไปได้ไม่นาน

 

ไอ้พวกที่ปริ้นรูปใส่ A4 ติดหน้าร้านมันเชยไปแล้วครับ ระดับซันไม่ชอบทำอะไรที่มันเล็กๆแบบนั้น จะทำทั้งทีต้องจัดชุดใหญ่ไปเลย

 

คนอะไรกวนตีนฉิบหาย!!!

ผมจะยกให้ไอ้นั่นเป็น the most ของบุคคลที่ทำให้ผมอารมณ์เสียที่สุดของวันนี้

 

'583388xx พีรวัตร รัตน์ฐิพัฒกุล'


---------------------------------


น่าแปลก....


เวลา  21.50 น.วันเดียวกัน ไอ้เนลน้องรัก โทรมาโวยวายกับผม พร้อมกับเอ่ยชื่อบุคคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้านามว่า ‘ภีม’ เป็นคนที่สอง


จนตอนนี้ผมเริ่มอยากเห็นหน้าเด็กคนนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะ





หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! บันทึกพิเศษซัน (1) |[10/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-07-2018 22:53:18
เบสคือใคร อิน้อง งง :hao4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! บันทึกพิเศษซัน (1) |[10/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-07-2018 23:08:41
เอาละสิ. เห็นหน้าภีมแล้วจะรู้สึกยังไงนะ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 12-07-2018 16:49:00
ตอนที่ 22

รอ..



    เซ็งเป็นบ้าเลย…โดนพี่เนลตะคอกใส่อย่างไม่มีเหตุผล แถมโดนบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกอีก คือผมไม่มีใส่แล้วครับ เมื่อคืนคิดแล้วคิดอีกว่าจะใส่ชุดนี้ หรือนอนเป็นชีเปลือยดี แต่พอคิดว่าพี่เนลมันไปภูเก็ต ก็ค่อยวางใจ เพราะมันจะได้ต้องมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ คือโคตรอายครับ ขนาดเจอกระจกยังต้องหลบ กลัวเห็นตัวเองแล้วจะช็อกตาย

 

แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าผมตอนนี้จะชิงช็อกไปก่อนนะครับ หน้ามันตอนเห็นผมโคตรตลกเลย ยืนอ้ำๆอึ้งๆเหมือนเห็นผีอย่างนั้นแหละ

 

“เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” พี่เนลยังคงคะยั้นคะยอให้ผมเปลี่ยนชุด ไม่รู้ทำไมพี่มันถึงอยากให้เปลี่ยนนัก ตัวก็ตัวผม ชุดก็ชุดผม ถ้าทุเรศลูกตามากก็แค่ไม่ต้องมอง ไม่เห็นต้องทำตัวเดือดร้อนกับการแต่งตัวผมขนาดนี้เลย

 

“ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว” ผมบอกพี่มันไปตรงๆ ตั้งแต่มาอยู่กับพี่เนลก็แทบไม่มีเวลาซักผ้าเลย มีปัญหาเข้ามาตลอด วันนี้จึงเป็นวันดี ที่ผมจะได้ซักสักที ทั้งของตัวเองและของพี่เนลนั่นแหละ ตำแหน่งเบ๊ประจำตัวพี่มันค้ำคออยู่

 

“งั้นเอาชุดกูไปใส่” พี่เนลยังไม่ยอมแพ้

 

“ไม่เอาพี่ตัวใหญ่”

 

“เรื่องมากจังวะ” พีเนลสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก คนที่เรื่องมากคือพี่นั่นแหละ จะอะไรมากกับผมเนี่ย เจ้าตัวไม่สนใจคำปฏิเสธของผม เดินดุ่มๆไปหยิบเสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน ในตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นมาให้ผม“เปลี่ยนซะ กูไม่ยอมให้มึงใส่ชุดนี้ออกไปข้างนอกหรอกนะ”

 

พี่มันกระแอม ก่อนจะพูดต่อ “สงสารลูกตาคนที่ต้องมาเห็นมึงในสภาพนี้  ใส่ให้กูเห็นคนเดียวก็พอละ”

ผมรับมาอย่างว่าง่าย แต่ไม่ได้เดินไปเปลี่ยนทันที ยังมองพี่มันนิ่งๆ อยู่หน้าประตูห้อง คือสมองประมวลผลไม่ทันครับ ยังงงๆอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

พี่เนลที่เห็นว่าผมยังไม่ยอมไปเปลี่ยนชุด รีบตะคอกไล่ทันที “รีบไปเปลี่ยนได้แล้ว จะได้ไปหาหมอ!!”

 

เอ่อว่ะ ต้องไปหาหมอนี่หว่า นึกว่าพี่มันลืมไปแล้วนะ ยังจำได้อยู่เหรอวะ ผมพยักหน้าให้ ก่อนเดินเข้าห้องไป ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ หยิบเสื้อมันมาใส่ พับแขนขึ้นให้เรียบร้อย ก่อนใส่กางเกงตาม ดีที่เป็นขาสามส่วน จึงไม่ต้องพับให้เสียเวลา เพราะยาวถึงตาตุ่มพอดี เชี่ย เห็นความต่างของส่วนสูงชัดเจน

 

เดินลงมาเห็นมันนั่งกระดิกนิ้วเท้า ดูทีวีรออยู่ข้างล่างอย่างสบายใจ อยากถามออกไปมากๆ ว่าทำไมถึงโผล่หน้ามาได้ เมื่อวานเห็นเก็บของอย่างร้อนรนออกไปแล้วนี่หว่า หรือตกเครื่อง?

 

ช่างเถอะ ถามไปได้โดนมันซักไซ้ยาวแน่ๆ

 

มันโผล่หัวมาสร้างความเดือดร้อน ประเดิมด้วยหน้าต่างด้านซ้าย ที่แตกกระจุยกระจาย ก็เป็นหลักฐานชัดเจนแล้วว่ามันไม่ได้ไปภูเก็ตกับพี่ฟ้า

 

ก็แอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆเหมือนกัน …

 

พี่เนลพาผมมากินข้าวเช้า ที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งก่อนพาไปโรงพยาบาล ระหว่างรอข้าว พี่มันก็หยิบโทรศัพท์มากดเล่นฆ่าเวลา เห็นอย่างนั้นผมจึงหยิบขึ้นมาเช็คข่าวสารบ้าง เลื่อนดูข่าวหน้าฟีตได้ไม่ถึงสองนาที โทรศัพท์ของผมก็โดนฉกไปต่อหน้าต่อตา

 

“มีโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมกูไม่รู้” พี่มันจ้องผมด้วยแววตาขุ่น พลางถือโทรศัพท์ที่พึ่งแย่งขึ้นมาถือแน่น ตั้งใจจะเข้าไปฉกคืน แต่พี่มันไม่ยอมง่ายๆ ปัดมือผมออกอย่างแรง

 

“พึ่งได้ไม่กี่วัน”

 

“ใครเอาให้” พี่เนลกดเสียงต่ำ

 

 

แย่แล้วครับ รู้สึกเหมือนงานเข้า…

‘ไอ้ซาน’ ถูกจัดเป็นคำต้องห้าม ที่อย่าพูดให้พี่เนลมันได้ยินเด็ดขาด ไม่งั้นอารมณ์พี่มันเดือดทุกครั้ง

 

“ไอ้ซานเอาให้ พอดีมันได้มาฟรี” ไม่อยากโกหกครับ เลยเลือกบอกไปตรงๆ ทีนี้แหละ พี่มันตบโต๊ะเสียงดัง ปึง! จนคนในร้านหันมามองหน้ามันพึบพับ

 

“แล้วมึงก็รับของมันเนี่ยนะ รู้จักมันดีแค่ไหน ถึงได้รับของจากมัน คนสมัยนี้มันไว้ใจไม่ได้หรอก ที่ให้มาหวังอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ รีบเอาไปคืนมันเดี๋ยวนี้เลย!”

 

รู้จักมาตั้งแต่ ม.1ยันปี2 อะครับ ไว้ใจได้มากกว่าพี่อีก

 

“ไม่เอาครับ ถ้าเอาไปคืนผมก็ไม่มีมือถือใช้ดิ” อุส่าห์ได้มาแล้ว เรื่องอะไรจะเอาไปคืนวะ

 

“เดี๋ยวกูซื้อให้”

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะใช้ของไอ้ซาน” ดูเหมือนคำตอบของผมจะทำให้คนตรงหน้าหงุดหงิดไม่น้อยเลย มันหายใจฟืดฟาดออกมาเสียงดัง ดวงตาน่ามองนั่นจ้องผมอย่างไม่พอใจนัก

 

“มึงเลือกมันเหรอ”

 

“ครับ ผมเลือกไอ้ซาน”

 

“….” พี่เนลดูอึ้งๆกับคำตอบผมอยู่เหมือนกัน พูดอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ? ก็เลือกโทรศัพท์ไง..

 

“เอาคืนมาได้แล้วครับ” ผมแบมือไปข้างหน้า เพื่อขอโทรศัพท์คืน แต่เจ้าตัวยังคงนิ่ง ไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมาให้ “พี่เนลครับ ขอของผมคืนด้วย” ผมกดเสียงต่ำ ส่งสายตากดดันไปให้ แต่ก็ไม่เป็นผล

 

ดื้อว่ะ ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจเลย

 

“กฎข้อที่ 2 ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ พี่กำลังก้าวก่ายชีวิตผมอยู่นะครับ” ผมพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง พลางกระดิกนิ้วยิกๆให้มันคืนของมาให้ พี่เนลเดาะลิ้นไม่พอใจ แต่ก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้ผมแต่โดยดี

 

มันหยิบมือถือมันขึ้นมากดเล่น ทำหน้าถมึงทึงใส่ ไม่พูดไม่จา

นั่นคงไม่ได้งอนอยู่ใช่ไหม…

 

รอไม่นานผัดกะเพรากุ้งตัวโตๆของผม กับ ข้าวหมูทอดกระเทียมของพี่เนลก็มาเสริฟบนโต๊ะ

พี่เนลวางโทรศัพท์ หยิบซ้อนกับส้อมขึ้นมาตักกินอย่างเงียบๆ เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วพี่ภีมรู้สึกใจไม่ดีเลยครับ

 

ผมจึงตักกุ้งในจานตัวเองยื่นไปใส่จานมัน เป็นการบอกอ้อมๆว่าผมง้อนะ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะก้มลงไปกินข้าวต่อเหมือนเดิม ไม่ได้ผลแฮะ…

 

กุ้งตัวที่สองถูกตักใส่จานมันในเวลาต่อมา เห็นวันนั้นแย่งผมกิน มันน่าจะชอบนะครับ แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่สนใจกุ้งของผมเลย ก้มหน้าก้มตาตักหมูกินอย่างเดียว

 

ผมไม่ยอมแพ้ ตักตัวที่สามสี่ใส่จามมันตามลำดับ ถ้ามึงยังไม่หายงอล มื้อนี้กูจะได้กินแค่ข้าวเปล่ากับใบกะเพราแล้วนะ เห็นใจกันหน่อย อย่าเล่นตัวมาก กุ้งในจานพี่มีจำกัด

 

พี่เนลเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง ริมฝีปากค่อยๆยกยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนจะตักกุ้งคืนมาให้ผม แถมหมูอีกสองสามชิ้นติดสอยห้อยตามมาด้วย

 

“ไม่ต้องแบ่งให้กูหรอก มึงควรกินเยอะๆ จะได้น้ำมีน้ำมีนวล น่าปล้ำหน่อย” ดูมันพูด

หลังจากนั้นผมก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวทันที โดยไม่สนใจคนที่นั่งตรงข้ามอีกเลย ช่วงนี้เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ชอบพูดแหย่เข้าเรื่องบนเตียงตลอด

 

--------------------------------------------

 

พี่เนลพาผมมา X- ray ที่โรงพบายเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าค่ารักษาแพงตูดฉีก ตอนแรกผมปฏิเสธพี่มันไป เพราะไม่มีปัญญาจ่าย แต่พี่มันไม่ยอมท่าเดียว แถมเป็นคนออกค่ารักษาให้ ชดเชยความผิดที่ตัวเองก่อ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเหมือนทุกที

 

ผลออกมา ไม่มีกระดูกหัก หรือร้าว อาจจะมีอาการฟกช้ำของก้ามเนื้อบ้าง แต่โดยรวมไม่น่าเป็นห่วง อาจใช้เวลาอยู่บ้าง แต่จะค่อยๆหายไปตามลำดับ

 

ผมเดินออกมาจากห้องตรวจ ก่อนเอาใบสั่งยาไปยื่นห้องรับยา สายตาสอดส่องหาร่างสูงของพี่เนล ที่ตอนแรกนั่งรอผมอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้หายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว

 

ผมทำได้เพียงนั่งรอมันอยู่อย่างนั้น จนถึงคิวผมรับยามันก็ยังไม่มา เลขคิวค่อยๆรันขึ้นเรื่อยๆจาก 39  เป็น65  ยัน80 ยาวมาที่ 105 ในที่สุดก็เห็นร่างสูงของคนที่ผมรออยู่ เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี ในมือถือกาแฟมาด้วยแก้วหนึ่ง

 

“อ่าว เสร็จแล้วเหรอ” มันถามผมอย่างสบายอารมณ์ ผิดกับคนที่นั่งรอมาร่วมชั่วโมงอย่างผม

“ไปไหนมาเหรอครับ”

 

“คุยโทรศัพท์” มันยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมเดินนำผมไปที่รถคันหรู

 

ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกัน มีแต่พี่เนลที่เปิดเพลงเสียงดัง ร้องเพลงไป เคาะจังหวะกับพวงมาลัยไปด้วย ช่วงที่รถติดไฟแดง ท่าทางอารมณ์ดี ผมก็ได้แต่มองมันเงียบๆไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่ง

 

“อ่าว พี่เนลผิดทางแล้วครับ” ผมเอ่ยบอกกับคนขับรถ เมื่อเห็นว่าทางที่มันขับ เป็นคนละเส้นกับทางที่จะกลับบ้าน

 

“ใครบอกว่ากูจะกลับบ้าน” เจ้าตัวตอบผม สายตายังคงมองถนนอยู่

 

“อ่าวแล้วพี่จะไปไหน”

 

“ไปห้าง”

 

ไปทำไมวะ… ผมเลือกที่จะเก็บคำถามนี้ไว้ในใจ ไม่ถามออกไป จนกระทั่งรถของพี่เนลเคลื่อนมาจอดที่ลานจอดรถ d12 เรียบร้อย เจ้าตัวเดินนำผมเข้าไปในห้าง ก่อนจะพบร่างผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นั่งรออยู่ข้างในก่อนแล้ว เธอหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักมากครับ แต่งตัวก็เรียบร้อย ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่พี่เนลเคยควงมาก

 

เธอวิ่งเข้ามากอดพี่เนล ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้มซ้ายที ขวาที อีกฝ่ายก็ยื่นแก้มรับสัมผัสอย่างเต็มใจ

 

บางทีผมก็คิดนะครับ ว่าทำไมกูมาเห็นภาพอะไรพวกนี้ด้วย

 

“ทำไมถึงปล่อยให้น้ำหวานรอนานจังคะ” เธอทำเสียงกะเง้ากะงอด

 

“ขอโทษนะครับ พอดีต้องพาเพื่อนไปหาหมอก่อน ไม่โกรธพี่ใช่ไหมที่ปล่อยให้รอนาน” พี่เนลเอื้อมมือไปดึงจมูกอีกฝ่ายเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว เธอหันมามองผมพร้อมส่งยิ้มหวานๆให้ ผมจึงยิ้มตอบไปตามมารยาท

 

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่พี่เนลมาหวานก็ดีใจแล้ว” เธอตอบพลางควงแขนคนตัวสูงแน่น เดินนำหน้าไป คุยกันอย่างสนิทสนม โดยไม่สนใจหมาหัวเน่าอย่างผมเลย ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามไปเงียบๆ

 

สองคนนั้นเดินมาหยุดที่ร้านเครื่องสําอางค์เป็นอันดับแรก ร่างเล็กของน้ำหวานเดินเข้าไป ก่อนจะหยิบลิปสติกที่วางหลายเฉดสีขึ้นลองกับมือของพี่เนล จนมือหนาของคนตรงหน้าถูกแต่งสีจนลายไปหมด

 

“งือ หวานเลือกไม่ได้เลยค่ะ” เธอจับมือพี่เนลขึ้นมามองเฉดสีของลิปสติก ที่ถูกตนเองละเลงทาจนแทบไม่เหลือสีเนื้อ “พี่เนลว่าสีไหนเหมาะกับหวานคะ” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มหันไปขอความเห็นจากพี่เนล

 

รู้สึกหงุดหงิดว่ะ ถ้ารู้ว่าจะมาเที่ยวกับผู้หญิง จะขอลงข้างทางโดยไม่ลังเลเลย รู้สึกเป็นส่วนเกินมากครับ เหมือนวิญญาณตามติด ที่มนุษย์ปกติไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นธาตุอากาศที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาโผล่ตรงนี้ทำไม…

 

“พี่เลือกไม่เป็น สีมันเหมือนกันหมด” พี่เนลตอบ พลางหันมาขอความเห็นจากผม “ไอ้ภีม มึงว่าสีไหนเหมาะกับหวาน ช่วยเลือกให้หน่อย” มันยื่นมือหนาของตัวเองมาตรงหน้าผม

 

“ไม่รู้ ดูไม่เป็นเหมือนกัน” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด ตอนตอบมันออกไป

เรื่องแบบนี้ไม่ต้องมาถามผมครับ ดูไม่ออกเหมือนกัน เห็นเป็นสีเดียวกันหมด แดงก็คือแดง ส้มก็คือส้มครับ

 

“งั้นก็เอาหมดนี่แหละ” พี่เนลไม่รอช้า ตอบน้ำหวานออกไป

 

“แต่หลายสีเลยนะคะ”

 

“ไม่เป็นไร พี่มีปัญญาเปย์อยู่แล้ว”

 

“น่ารักที่สุดเลย” มือบางเอื้อมขึ้นไปหยิกแก้มพี่เนลเล่นอย่างถือวิสาสะ “น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้หวานรักได้ยังไงเนี่ย มา ขอหอมที” ร่างสูงโน้มตัวลงมาให้คนตรงหน้าหอมอย่างเต็มใจ

 

เอาเลย หอมกันจนแก้มเปือยไปข้างหนึ่งเลย ตามสบายครับ ในโลกนี้มีแค่คุณสองคน

 

หลังจากช็อปที่ร้านสําอางค์จนพอใจแล้ว สองคนนั้นก็ไปต่อที่ร้านเครื่องประดับ น้ำหวานได้สร้อยข้อมือที่พี่เนลเลือกให้เป็นชั่วโมงมาอันหนึ่ง แหวนคู่อีกสองวง กับของจุกจิกอีกเป็นขบวน

 

ช็อปเยอะขนาดนี้ ถามว่าใครเป็นคนถือ คำตอบคือผมเองครับ โดยให้เหตุผลว่า หวานเป็นผู้หญิง ส่วนตัวมันเองก็ต้องอยู่เลือกของให้เธอ ผมว่างที่สุดจึงต้องรับภาระนี้ไป ..ขอบคุณสำหรับเกียรติอันสูงส่งนี้

 

ต่อจากนั้นก็เดินเข้าร้านเสื้อผ้า น้ำหวานเลือกชุดอยู่นานพอสมควร ผมจึงออกมานั่งรอข้างนอก ปล่อยให้สองคนนั้นได้เลือกชุดกันตามสบาย ไม่อยากอยู่เป็น ก.ข.ค ครับ ขนาดผมออกมาแล้วพี่เนลยังไมรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าไม่มีผมอยู่ในร้านแล้ว เป็นไงล่ะ ไร้ตัวตนขนาดไหนถามใจเธอดู

 

หยิบยาแก้ปวดสองแผงที่พึ่งได้มาแดกประชดชีวิตดีไหม เกลียดอารมณ์แบบนี้มาก

 

ตอนนี้…ผมอยากกลับบ้านแล้ว…

 

“มานั่งทำไมตรงนี้” พี่เนลเดินออกจากร้านมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้น “ปะ ไปเลือกเสื้อผ้า เดี๋ยวกูซื้อให้”

 

“ไม่เอาครับ”

 

“เอาน่า เดี๋ยวชื้อให้ ไม่ชอบของฟรีเหรอ?”

 

“ไม่ชอบครับ” ไม่รู้ว่าตัวเองตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน แต่คงจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน

 

มันยืนมองผมนิ่ง ก่อนจะถามเสียงแข็ง “เป็นอะไร”

 

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”

 

“ถ้าไม่เป็นอะไรก็เข้าไปด้วยกัน กูจะเสื้อชุดให้” มันเอามือมาจับแขนผมให้ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ผมไม่ลุกครับ นั่งตรงนี้อากาศดีกว่าข้างในเยอะเลย

 

“…”

 

“อย่าทำตัวดื้อกับกูนะไอ้ภีม ลุก” เสียงทุ่มต่ำสั่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก

 

“พี่เนลคะ มานี่หน่อย” น้ำหวานเดินออกมาจากหน้าร้าน กวักมือเรียกร่างสูงยิกๆ

 

“คนของพี่เรียกแล้ว ไปเถอะครับ” ผมเอ่ยไล่ มันถึงยอมปล่อยมือ แล้วเดินเข้าไปในร้านทันที โดยไม่คิดหันมามองผมอีก

 

นั่งรอมาเกือบ 2 ชั่วโมง…

แต่ไม่มีวี่แววว่าสองคนนั้นจะออกมาสักที ท้องเริ่มร้อง เลยเดินไปหาอะไรกินตรงฟู้ดคอร์ท ด้วยยอดเงินในกระเป๋ามีจำกัด จึงเลือกกินเมนูที่ถูกสุดอย่างข้างราดแกง มานั่งกินคนเดียวตรงโต๊ะติดกระจก เห็นวิวข้างนอกแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง

 

รับรู้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่าน เมื่อมีใครไม่รู้เอาน้ำเย็นมาแนบกับแก้มผม จึงหันไปมองหน้า

 

“ไอ้เบส..” ผมพึมพำออกมาเสียงเบา ยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นเพื่อนสมัยมัธยม ในเวลาแบบนี้

รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยว่ะ

 

“ไง” มันยกมือทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผม

 

“…”

 

“มาคนเดียวเหรอ”

 

“…”

 

“เจอเพื่อนเก่าไม่เห็นต้องทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นก็ได้นะไอ้ภีม ฮ่าๆ” มันพูดไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข มือข้างหนึ่งเอื้อมมาตบไหล่ผมเบาๆ

 

“แล้วนี่ไอ้ซานไม่มาด้วยเหรอ” มันถามพลางมองซ้ายมองที ขวาที

 

“…” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ก้มลงไปกินข้าวต่อให้ไว จะได้ไปจากตรงนี้สักที

 

“ว้า แย่จัง ถามทำไมไม่ตอบล่ะครับ เป็นใบ้เหรอ?”

มันพยายามพูดยั่ว ผมเลือกทำหูทวนลม ปากยังคงลิมิตเดิม ไม่ต่างจากตอนมัธยมเลย รู้สึกโชคดีที่ได้ต่อยกับมัน

 

“อ้อ! กูมีอะไรให้มึงดู นี่ไง นี่ๆ” มันเอามือเปิดหน้าม้าขึ้น พลางเอานิ้วชี้ตรงรอยสักรูปนกที่อยู่ไม่ห่างจากหัวคิ้วมาก

 

“น่ารักใช่ไหมล่ะ” มันยิ้มระรื่น “กูไปสักมา เพื่อกลบรอยแผลเมื่อ 3 ปีก่อนไง”

รอยยิ้มตรงหน้าค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงแววตาที่เจ็บปวด “แผลที่ไอ้ซานมันเอาไม้หน้าสามมาฟาดใส่กู เพราะปกป้องมึงไง ยังจำได้ไหม”

 

ผมยังจำเรื่องวันนั้นได้ดี ไอ้ซานโดนพักการเรียนไปตั้งหลายวัน… ผมเรียนอย่างโคตรเหงาเลย โชคดีที่เจ้าตัวยังมานั่งเป็นเพื่อนช่วงพักเที่ยง แต่ต้องคอยระแวงไอ้เบสตลอด ว่ามันจะหาเรื่องอะไรมาแกล้งผม

 

ไม่เข้าใจมันจริงๆว่าทำไมถึงเกลียดผมนัก ผมไม่เคยไปทำอะไรให้มันเดือดร้อนเลยนะ ลำพังไอ้เบสคนเดียวผมก็สู้ไหวอยู่หรอก แต่เพราะมันควบตำแหน่งนักเลงหัวโปกหลังห้องเนี่ยแหละ มันถึงมีพรรคพวกเยอะ มีเรื่องแต่ละทีต้องยกโขยงกันไปเป็นฝูง

 

ถ้ามึงไม่เอาพวกมารุมตีกับกู เรื่องวันนั้นมันจะจบที่เราต่างคนต่างเจ็บ…

แล้วมึงจะไม่ได้บาดแผลนั้นจากไอ้ซาน…

 

“มึงจำพี่มะนาวได้ไหม” หัวใจผมกระตุกวูบ เมื่อเจ้าตัวพูดชื่อผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา เป็นชื่อที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ทุกครั้งที่ได้ยิน

 

ความรู้สึกผิดที่ผมทำกับเธอยังเกาะกุมหัวใจไม่หายไปไหน มันยังคงตามเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนผมมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะเข้าไปขอโทษเธอ

 

ภาพสุดท้ายที่เธอเดินมาร้องห่มร้องไห้ น้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด ตะโกนด่าทอผมสารพัด ผมยังจำได้ทุกคำ

 

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้นเหตุก็มาจากไอ้คนตรงหน้าผมเนี่ยแหละ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไอ้ซานผูกใจเจ็บไม่ใช่น้อยเลย

ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาขอให้มันยังไม่เจอไอ้เบสก็พอ…

 

“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ไอ้เบสเอามือขึ้นมาดึงแก้มผมเล่น อย่าหยอกล้อ

 

“…”

 

“ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นไงบ้างเนาะ” มันยังคงพล่ามต่อไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันมาทักวันนี้มีจุดประสงค์อะไร แต่ผมไม่อยากคุยกับมันครับ จึงตักข้าวกินเงียบๆ ปล่อยให้มันพูดไป กินเสร็จสัญญาว่าจะรีบลุกทันที

 

 

“กูเห็นแววตาที่มึงมองพี่เนลนะ ระวังใจไว้เถอะ ถ้าพลาดขึ้นมา คนที่เจ็บหนักก็คือมึง” ผมชะงักมือที่ถือซ้อน เหงยหน้าขึ้นไปมองไอ้เบส เมื่อมันเอ่ยชื่อใครบางคนออกมา ผมไม่เข้าใจสิ่งที่มันต้องการจะสื่อ จึงถามออกไป

 

“ทำไมกูถึงต้องเป็นฝ่ายเจ็บ”

 

“โอ้โห พูดได้แล้วเหรอครับ” มันยกมือขึ้นมาตบแปะๆ ประหนึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ผมยอมพูดกับมัน

 

“…”

 

“จะบอกอะไรให้เอาบุญนะ เพราะเห็นเป็นเพื่อนกัน”

 

“มึงมั่นใจสักกี่เปอร์เซ็นต์ ว่าจะไม่ถูกพี่เนลหลอก”

 

“…” ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ แต่ไม่อยากถามออกไป เดี๋ยวจะโดนมันยั่วจนอารมณ์เสียอีก ถ้ามันอยากพูดเดี๋ยวก็พูดเอง

 

 

“กูรู้จักพี่เขาดี พี่เนลน่ะชอบผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่มีทางหันมาชอบผู้ชายแน่ๆ”

 

“…” ฟังคำนี้แล้วรู้สึกเจ็บแปลกๆ แต่มันก็คือความจริงนั่นแหละ พี่เนลมันไม่ได้เป็นเกย์ แถมยังเป็นเสือผู้หญิงอีก ไม่มีทางที่เสืออย่างมันจะออกล่าผู้ชายด้วยกันหรอก เรื่องนี้ผมเข้าใจดี

 

“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอ ว่ามันมาทำดีกับมึงทำไม”

 

“….” มันไม่ได้ทำดีกับผมครับ ทำตัวเหี้ยใส่ทุกวัน มึงไปเอาข้อมูลนั้นมาจากไหน ล่าสุดก็ทิ้งกูเป็นหมาหัวเน่าอยู่เนี่ย แบบนี้เรียกว่าดีแล้วเหรอ? ตลกสัด!

 

 “พูดลอยๆให้เก็บเอาไปคิดนะ”

 

“…”

 

“อ้อ! เมื่อกี้เห็นพี่มันจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งในห้องลองเสื้อ ร้านxx ด้วย พอดีบังเอิญไปเห็นมา” ไอ้เบสไม่พูดเปล่า ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอปรากฏภาพถ่ายรูปหนึ่งมาให้ผม

 

ในรูปเห็นร่างเล็กของน้ำหวานนั่งบนเก้าอี้ในห้องแต่งตัว มีผ้าม่านบังไว้ แต่ถ้าซูมเข้าไปดีๆ จะเห็นพี่เนลยืนค่อมตัวเธออยู่ และสองคนนั้นก็กำลังจูบกันจริงๆอย่างที่ไอ้เบสว่า

 

เหมือนถูกมีดคมกระหนำแทง หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ เริ่มถูกความเจ็บปวดรวดร้าวเข้าแทนที่อย่างช้าๆ…

 

“เอามาให้ดูเล่น” พูดจบเจ้าตัวก็เดินจากไป โดยทิ้งขวดน้ำไว้เป็นของดูต่างหน้า

 

เอ่อ…อย่างน้อยไอ้เบสก็มีประโยชน์ตรงนี้แหละ กำลังหิวน้ำอยู่พอดี

 

ผมยกขวดน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย สองขาก้าวออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย ในหัวคิดหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้วเป็นฉากๆ รวมถึงเรื่องของใครบางคนที่กำลังช็อปปิ้งอยู่ในห้างนั่นด้วย..

 

รู้สึกแย่ชะมัดเลย ทำไมผมต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้ด้วยวะ เสียเวลามากเลย เสียเวลาที่ต้องทนรอมันอยู่หน้าร้านตั้งนานสองนาน เพื่อรอมันจูบกับคนอื่นเนี่ยนะ เจริญไหมล่ะ

 

ผมเดินออกมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้อยู่ในห้างแล้ว ผมไม่สามารถบังคับให้ตัวเองหยุดเดินได้ สองเท้ายังคงทำหน้าที่ก้าวต่อไปเรื่อยๆ

 

หยาดฝนเริ่มตกลงมา กระทบร่างกายผมจนเปียกชื้น ขอยืนทำ MV ให้กับชีวิตบัดซบที่เกิดขึ้นวันนี้

แต่ก็นั่นแหละครับ หยดฝนสามารถเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย แต่ไม่สามารถชำระล้างความหมองหมนที่อยู่ในใจผมได้

 

น้ำตาที่ทนกลั้นอยู่ ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ทำไม รู้แค่ว่ารู้สึกเจ็บ

เจ็บปวดไปหมด ขาเริ่มล้า จึงทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างคนหมดแรง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินมาไกลถึงไหนแล้ว รู้แค่ว่า.. แถวนี้เงียบ.. ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถผ่าน หรือเสียงฝีเท้าของฝูงชน มีเพียงสายฝนเท่านั้นที่คอยกลอมให้เปลือกตาผมค่อยๆปิดลง

 

 

ว่าแต่

 

ของที่วางทิ้งไว้หน้าร้าน…

 

ปานนี้จะโดนขโมยไปหรือยังนะ…

 

ถ้าพี่เนลออกมาแล้วไม่เจอ

 

คงโกรธผมน่าดู ที่ไม่อยู่รักษาของให้มัน….

 

คงโดนบ่นจนหูชาไปตามระเบียบนั่นแหละ



.

.

.

ขนาดเวลานี้ผมยังคิดถึงแต่เรื่องของมัน รู้สึกสมเพชตัวเองชะมัดเลย

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-07-2018 18:45:24
สมเพชตัวเองด้วย งื้อ ๆ5555 น่าสงสารอะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-07-2018 19:10:48
 :o12: :o12: :o12: หนีลูก หนี



ป.ล. รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 12-07-2018 19:46:38
มะนาว กับ น้ำฟ้า ?????
รุ้จักกันรึเปล่า
ถึงอยากให้เนลมาแก้แค้นภีม
แต่ลำไยพี่เนลมาก
ทำตัวหวงภีม แต่ก็มั่วกะคนอื่นไปทั่ว
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-07-2018 21:34:18
อิพี่เนลเอาสักทาง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 12-07-2018 23:52:13
เรื่องนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย น่าติดตามมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-07-2018 23:56:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 13-07-2018 02:12:06
อิเนลแย่มากอ่ เปลี่ยนพระเอกเลยนะ ขอฝห้กรรมตามสนองนางเนลอย่างสามสม !!!!!!! โมโหหหหหหหห
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-07-2018 15:44:26
อยากจะบอกว่า....เอาตามที่เมิงสบายใจเลยไอ่เนล
อยากจะทำเหี้ยห่าอะไรก็ได้ตามใจเมิงเลย
ก็พระเอกแมร่งงงงง ทำตัวได้เลวทรามชั่วช้าขนาดนี้

เป็นพระเอกของเรื่องที่มีแต่หัวฆวยเท่านั้น
เชี่ยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 13-07-2018 16:43:58
เนลคะ ตอนก่อนเราพึ่งรู้สึกกับนายดีขึ้น(จึ๋งนึง)เองนะคะ แต่มาตอนนี้...หักคะแนนรัวๆค่ะ!!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 22 รอ |[12/07/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 22-07-2018 18:53:12
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 22-08-2018 20:25:00
ตอนที่ 23 ไข้


[nel talk]

“ทั้งหมด 7,500 บาทค่ะ” พนักงานสาวสวย ที่กระดุมเสื้อปริ นมทะลักออกมาสวัสดีกับสายตาฝูงชนคนธรรมดา จนคนอย่างผมไม่สามารถละไปไหนได้เลยนอกจากนมของคุณเธอ ตูมมากครับ เห็นแล้วน้ำลายแทบหก



“เก็บอาการหน่อยค่ะพี่เนล” น้ำหวานที่ยืนอยู่ข้างๆกระซิบเสียงเบา พร้อมเอาศอกมากระทุ้งสีข้างผมอย่างแรง “ดูๆ น้ำลายจะหกโดนนมเจ๊แกแล้ว ให้มันน้อยๆหน่อย”



“รู้แล้วครับ” ผมตอบไปอย่างอารมณ์ดี พลางเอามือขยี้หัวเธอไปด้วยความเอ็นดู ก่อนยื่นเงินสดให้พนักงานผู้หญิงคนนั้นไปแปดพันถ้วน สาวนมอึ๋มรับไปจากมือ ก่อนยื่นแบงค์ห้าร้อยทอนให้



จ่ายเงินเสร็จสรรพผมก็ถือถุงเสื้อผ้าของสาวร่างเล็ก เดินนำออกมาหน้าร้าน แอบรู้สึกผิดที่ให้ลูกหมานั่งรอตั้งนานสองนาน เดี๋ยวค่อยไปขอโทษมันแล้วกัน คิดว่ามันคงไม่โกธรผมเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้หรอก

 

…มั้ง

พอเดินออกมาก็ไม่เจอไอ้ภีมที่นั่งตรงเก้าอี้หน้าร้านแล้ว แถมยังทิ้งของไว้ตรงนั้นอีก มันคิดอะไรของมัน ถึงได้ทิ้งไว้แบบนี้ ดีแค่ไหนที่ของไม่หาย ร่างเล็กเดินตามผมมาติดๆ ก็เอ่ยปากถามหาบุคคลที่หายตัวไปทันที “เพื่อนพี่หายไปไหนเหรอคะ”



“ไม่รู้ น่าจะไปเข้าห้องน้ำมั้ง” ผมตอบเธอไป ก่อนหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้รอไอ้ภีมอย่างใจเย็น



-------------------------------------------------------

 

ยกนาฬิกาขึ้นมาดูจนมันเฉา คนที่ผมกำลังรอก็ยังไม่โผล่หัวมา จนผมคิดว่าแม่งตกส้วมตายไปแล้วมั้ง นานอะไรขนาดนี้ ทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นไปตามมันสักหน่อย



“น้ำรอพี่ตรงนี้แปปนะ เดี๋ยวไปตามเพื่อนก่อน” ผมเอ่ยบอกคนข้างๆ ก่อนก้าวขาฉับๆ ตรงดิ่งไปห้องน้ำทันที



พอมาถึงห้องน้ำก็รีบพุ่งเข้าไป กวาดสายตาหาไอ้ลูกหมาทันที เห็นคนแปลกหน้ายืนฉี่อยู่ 3 คน ในนั้นไม่มีเมียผมสักคน เดินไปดูตรงห้องส้วม เผื่อมันถ่ายหนัก แต่ประตูห้องน้ำกลับเปิดว่างหมดทุกห้อง



เชี่ย เมียหาย..



เอ่อ.....บางทีมันอาจจะไปเข้าชั้นอื่น โอเค จัดการสาวน่องเดินหามันแม่งทุกชั้น บางห้องปิดอยู่ก็ตะโกนเรียกชื่อมันไปด้วย แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลยครับ เรื่องยุ่งแล้วไง



หายไปไหนของมันวะ…



ผมเปลี่ยนเป้าหมาย เดินไล่หามันแม่งทุกร้านนี่แหละ บางทีอาจเบื่อ อยากเดินเที่ยวเล่นอะไรอย่างนี้ สรุปคือไม่มีครับ หาจนทั่ว เดินจนขาลากก็ไม่เจอ ใจคอเริ่มไม่ดี  ผมจึงเดินกลับไปหาน้ำหวานในสภาพเหงื่อชุ่มเต็มตัว คนตัวเล็กรีบลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงมาหาผมด้วยความเป็นห่วง



“เจอไหมคะ”



“ไม่เจอเลย หายไปไหนก็ไม่รู้”



“แล้วจะเอาไงต่อดีคะ” เธอทำสีหน้าเป็นกังวล



“พี่คิดว่ามันอาจจะกลับไปแล้ว เดี๋ยวต้องไปดูที่บ้านก่อน” ผมตอบเธอออกไปด้วยท่าทางใจเย็นที่สุด ถึงแม้ในใจไม่ได้เย็นเลยก็ตาม โอกาสสุดท้ายที่น่าจะเป็นไปได้คือ กลับบ้านไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นมันน่าโมโหมากนะครับ ที่หนีกลับก่อนโดยไม่บอกผม อย่างน้อยๆก็น่าจะแจ้งให้รู้สักนิดยังดี จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาหามันแบบนี้



“แล้วน้ำจะเอาไง ให้พี่ไปส่งที่บ้านก่อนไหม”



เธอส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ หาเพื่อนพี่ให้เจอก่อนก็ได้ น้ำหวานไม่รีบ”



“ครับ งั้นพี่ขอกลับไปดูไอ้ภีมก่อนนะ แล้วจะรีบไปส่งน้ำ” ผมพูดกับเธอ ก่อนเดินนำร่างเล็กไปที่ลานจอดรถ ข้างนอกฝนตกหนักพอสมควร ทำให้การเดินทางลำบาก ติดไฟแดงหลายแยกจนรู้สึกหงุดหงิดไปหมด ในใจก็นึกบ่นไอ้คนที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจอยู่ตอนนี้ หัวเสียมากจนอยากขับฝ่าไฟแดงเพื่อไปคิดบัญชีกับเด็กที่บ้านให้รู้แล้วรู้รอด



พอรถจอดตรงลานเรียบร้อย ผมรีบสาวเท้าลงมา เดินไปเปิดประตู หาตัวลูกหมาจนทั่ว ตะโกนเรียกจนลั่นบ้าน แต่ที่ได้กลับมาคือความเงียบ ที่ห้องนอนก็ไม่อยู่ ห้องครัวก็ไม่มี แม้แต่ห้องน้ำก็ไม่พบตัวมัน



ไอ้ภีมไม่ได้กลับบ้าน..



หายไปไหนของมัน...



จะเกิดอะไรขึ้นกับมันหรือเปล่า...

ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมด อารมณ์ขุ่นมัวที่ก่อตัวเมื่อครู่มลายหายไปทันที เมื่อกลับมาแล้วไม่เจอเจ้าตัว อย่างที่คิดเอาไว้



ทำไงดีวะ…



“เป็นไงบ้างคะ” น้ำหวานที่นั่งรออยู่ด้านล่าง ถามขึ้นมาเมื่อเห็นผมเดินกลับมาหาเธอ ผมได้แต่ส่ายหัวตอบกลับไป ก่อนพาตัวเองมานั่งที่โซฟาอย่างคิดไม่ตก เอามือทึ่งหัวตัวเองอย่างหัวเสียที่ปล่อยมันรออยู่คนเดียว ป่านนี้เจ้าตัวจะเป็นยังไงบ้าง รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ยิ่งเอ๋อๆอยู่ จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ฝนตกแบบนี้มันคงไม่เปียกฝนจนไม่สบายหรอกนะ”



“หวานว่าพี่เนลใจเย็นๆก่อนนะ ลองค่อยๆคิด บางทีพี่ภีมอาจจะอยู่ที่ห้างก็ได้” น้ำเอามือตบไหล่ผมเบาๆ เป็นการปลอบ…



"มันไม่อยู่หรอกหวาน พี่หาดีแล้ว"



"งั้นเราลองไปขอดูกล้องวงจรปิดดีไหมคะ หวานคิดว่ามันอาจจะช่วยได้บ้างก็ได้" เธอเสนอ

เอ่อว่ะ อาจจะช่วยอะไรบ้างก็ได้ อย่างน้อยๆก็รู้ตำแหน่งสุดท้ายมันก็ยังดี เมื่อคิดได้อย่างนั้น สองขาก็รีบก้าวไปที่รถคันหรูฉับๆ โดยมีร่างเล็กของน้ำตามมาติดๆ

 

ผมรีบขับออกมาอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางก็คือห้างเดิม ระหว่างทางก็มองหามันไปด้วย เผื่อนั่งรอรถอยู่ที่ป้ายไหนสักที่ แต่ก็ไร้วี่แววคนตัวเล็ก ใจผมมันร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก อยากเจอมันไวๆ จึงหักรถเข้าซอย ซอยหนึ่ง ซึ่งเปลี่ยวน่าดู แต่มันเป็นทางลัดที่ถึงห้างเร็วที่สุดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ผมจะไม่มาทางเส้นนี้เด็ดขาด ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ



ทางนี้ค่อนข้างมืด ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มข้างทาง มีบ้านคนอยู่แค่ไม่กี่หลัง บางหลังก็ถูกทิ้งให้ร้าง กำแพงบ้านถูกพ่นสีจนลายหูลายตา ส่วนในตัวบ้านก็ถูกพวกวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด ขับรถผ่านตอนกลางวันนับว่าน่ากลัวแล้ว ตอนมืดๆแบบนี้ไม่ต้องคิดเลยว่าจะขนาดไหน

 

ผมขับออกมาเรื่อยๆ เริ่มมีเสาไฟกิ่งข้างทางช่วยให้ความสว่างขึ้นมาบ้าง นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าผมใกล้จะออกถนนใหญ่แล้ว ข้างหน้าเป็นสวนสาธารณะ ถ้าผ่านตรงนั้นไปได้ ขับต่ออีกนิดก็ถึงห้างซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง

 

"กรี๊ด" จู่ๆน้ำหวานก็กรี๊ดออกมา ผมจึงรีบหันไปหาเธอ คนข้างๆก้มหน้างุด หลับตาปี๋ เหมือนไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า



"เป็นอะไรหรือเปล่าน้ำหวาน" ผมถามเธอออกไปด้วยความเป็นห่วง



"รีบๆขับรถไปจากตรงนี้เถอะค่ะ หวานว่า...หวานเห็นผีค่ะ" เธอตอบออกมาเสียงสั่นๆ จนผมต้องแบนสายตามองผ่านกระจกฝั่งเธอออกไปดูตรงสวนสาธารณะ เห็นเงามืดๆดำๆ นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆชิงช้า เชี่ย หลอนสัด

 

แต่พอเพ่งสายตาดูดีๆแล้ว อีผีมันใส่เสื้อคุ้นๆ เหมือนเสื้อตัวโปรดราคาหลักหมื่นของผมเลย แถมกางเกงที่มันใส่อยู่เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ผมทนกัดฟันซื้อมาอย่างยากลำบาก เป็นผีที่หัวสูงน่าดู เห้ย ไม่ใช่ละ นั่นเสื้อผ้าที่ผมให้เมียใส่เมื่อเช้าชัดๆ



เห็นอย่างนั้น ผมก็จอดรถ รีบเปิดประตูไปหาคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างชิงช้าทันที



"ไอ้ภีม!!" ผมเรียกชื่อมันเสียงเสียงดัง เมื่อจับคนที่นอน พลิกตัวขึ้นมามองหน้าชัดๆ  ตัวมันเปื้อนดินเปื้อนโคลนไปหมด แถมยังนอนหมดสติอยู่ ใจผมกระตุกวูบ มือที่สั่นค่อยๆประคองคนตรงหน้าขึ้นมานอนตัก ก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวขึ้นมาเช็ดหน้าคนตรงหน้าให้สะอาดสะอ้านก่อน



"ไอ้ภีม ได้ยินกูไหม" มือที่ว่างอยู่ก็ตบหน้ามันเบาๆเพื่อเรียกสติไปด้วย ตัวมันเย็นมาก ผมไม่รู้ว่ามันนอนตากฝนแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว จึงรีบช้อนตัวมันมาอุ้มไปที่รถทันทีด้วยความเป็นห่วง



"อืมม" มันครางในลำคอ หน้าก็พยายามมุดเข้ากับอกของผม



"ไอ้ภีม" ผมเรียกมันอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันเริ่มได้สติ “เป็นไงบ้าง”



“ไอ้ซานเหรอ” มันถามออกมาเสียงแผ่ว เหมือนคนหมดแรง



ผมชะงักเท้า เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่3 ออกมาจากปากมัน ฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล จึงเผลอกำชับอ้อมแขนแรงขึ้น มือออกแรงบีบอย่างลืมตัว จนร่างเล็กต้องดิ้นรน “โอ้ย ไอ้ซาน! เจ็บ”

 

“…”



“อืออ ไอ้ซาน ปล่อยย”



“กวนประสาทกูอยู่หรอ” ผมกดเสียงต่ำอย่างไม่สบการมณ์ “เวลาแบบนี้มึงยังจะคิดถึงมันอยู่เหรอ แต่ขอโทษด้วย กูที่ไม่ใช่คนที่มึงกำลังคิดถึงอยู่”



“อืออ ไอ้ซาน” มันเอามือขึ้นมาดึงเสื้อผมไว้แน่น หน้าก็พยายามมุดเข้ามา



“หนาวเหรอ” ผมถามคนในอ้อมแขน ที่อยู่ในสภาพกึ่งหมดสติ



“อือ”



“อดทนหน่อยนะ จะถึงรถแล้ว” พยายามเร่งฝีเท้า พาไอ้ลูกหมาตัวเปียกไปที่รถให้เร็วที่สุด

 

ผมเปิดประตูหลัง พร้อมพาร่างไอ้ภีมเข้าไปนอนข้างใน จัดท่าให้มันนอนสบาย ก่อนเอื้อมมือไปหยิบเสื้อกันหนาวที่วางพาดตรงเบาะฝั่งคนขับมาห่มให้ คนตัวเล็กยังนอนสั่นไม่หยุด หน้ามันซีดมาก จนอาการน่าเป็นห่วง



น้ำหวานที่นั่งข้างหน้าจึงถอดเสื้อกันหนาวของเธอออก แล้วยื่นส่งมาให้ผม



“แค่นั้นไม่อุ่นหรอกค่ะ เอาของหวานไปด้วยก็ได้”

ผมยอมรับมาห่มให้มัน ถึงแม้จะช่วยได้ไม่เยอะมากก็ตาม



“อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวกูจะพามึงไปส่งโรงพยาบาล”



“ไม่ไป” ไอ้ภีมตอบงึมงำ



“ไม่ได้ มึงต้องไป”



“ไม่เอา จะกลับบ้าน” ขนาดไม่ได้สติ มึงยังจะดื้อกับกูอีกเหรอไอ้ลูกหมา



“ไม่ได้”



“อืมมมม จะกลับบ้าน”  มันเริ่มงอแง คนอะไรวะ เอาแต่ใจซะมัดเลยมึง



“….”



“ฮึ กูจะกลับบ้าน” คนที่นอนอยู่ สะอึกสะอื้นออกมา ร้องไห้อยู่เหรอวะ… ผมได้แต่มองมันนิ่งๆ รู้สึกเหมือนตัวชาไปหมด ที่เห็นมันในสภาพอ่อนแอแบบนี้ มือของคนตัวเล็กเอื้อมมาดึงชายเสื้อผมไว้แน่น “ไปส่งบ้านหน่อย”



“เอ่อๆ กลับก็กลับ ถ้าพรุ่งนี้อาการแย่ลง มึงต้องไปโรงพยาบาล โอเคไหม”



“อืม” มันพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือจากชายเสื้อผมช้าๆ ผมจึงเปิดประตูออกไป แต่มืออีกข้างก็รั้งขอมือผมไว้อีก



“ขอบใจนะ…” คนตัวเล็กพูดออกมาเสียงแผ่ว ผมจึงคลี่ยิ้มออกมา เอามือไปลูบหัวมันเบาๆ เวลาไม่สบาย แล้วขี้อ้อนแบบนี้ ก็น่ารักดีแฮะ



“ขอบใจจริงๆ…. ไอ้ซาน…” พอประโยคนี้ออกจากปากนั่น ผมถึงกับหุบยิ้มทันที ฟังแล้วรู้สึกเจ็บแปลบๆขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ ทำไมเวลาแบบนี้มึงถึงได้คิดถึงแต่มัน เป็นกูไม่ได้หรือไง หรือเพราะว่ามันอยู่กับมึงช่วงที่มึงอ่อนแอ มึงถึงคิดถึงมันแบบนี้…



“อู้ยยย เจ็บ” เสียงน้ำหวานทำให้ผมหลุดออกจากภวัง หันไปมองสาวน้อยที่ชโงกหน้ามองอยู่



“ใครเจ็บ” ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันไปโมโหกรบเกลื่อนความรู้สึกที่ก่อขึ้นในใจ ถึงแม้จะเกิดขึ้นมาแค่เสี้ยววิก็ตาม คิดอะไรของกูว่ะ เจ็บ? เจ็บอะไร ตลกแล้ว ทำเหมือนพลาดไปชอบไอ้ภีมอย่างนั้นแหละ สงสัยเพี้ยนไปแล้วแน่ๆเลยกู



“แววตามันฟ้อง” น้ำหวานชูสองนิ้วขึ้นมา ชี้ที่ทั้งสองตาของเธอเป็นท่าทางประกอบคำพูด



“คิดไปเอง”



“หวานมโนไปเองก็ได้ ถ้ามันเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่เนลสบายใจ…” ปากได้รูปยกยิ้มยียวน “…อะนะ”



“ว่าแต่พี่ภีมเนี่ย น่ารักจริงๆนะ เห็นครั้งแรกก็อยากได้ไปกอดที่บ้านเลย หวานขอนะ” มือเรียว พยายามเอื้อมมาจิ้มแก้มลูกหมาที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราว



ผมจึงรีบปัดมือเธอออก ก่อนที่นิ้วนั่นจะจิ้มโดนแก้ม “ฝันอยู่หรือไง”



“หวงหรือไง”



“หวงทำไม!”



“ไม่ต้องขึ้นเสียงก็ได้ แค่แหย่เล่นเอง”



“เป็นผู้หญิง มาโดนตัวผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่ใช่คนในครอบครัว แถมพึ่งรู้จักกันแค่วันเดียวแบบนี้ มันดูไม่ดี หัดหวงเนื้อหวงตัวบ้าง”



“แต่หวานไม่ถือเรื่องนี้”



“แต่พี่ถือ”



น้ำเบะปากใส่ ก่อนจะหันกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์เงียบๆ คนเดียวโดยไม่หันมาสนใจผมอีก ผมจึงเปิดประตูออกไป นั่งฝั่งคนขับ จะได้พาไอ้คนน่าทุบที่สุดของวันนี้ กลับไปดูแลที่บ้านตามระเบียบ



[End]

 

 ------------------------------------------------------------

 

แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างยามเช้าของวันใหม่ กระทบเข้ากับม่านตา ทำให้ผมที่นอนหมดสติค่อยๆลืมตาตื่น ภาพแรกที่เห็นหลังจากที่ดวงตาปรับแสงได้แล้วคือ ใบหน้าหล่อๆของใครบางคน นอนฟุบกับเตียงอย่างหมดแรง ในมือถือผ้าขนหนูชุบน้ำค้างเอาไว้ ข้างๆมีกะละมังใบเล็กตั้งอยู่

 

ผมค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้นจากเตียงนุ่มอย่างช้าๆ รู้สึกปวดหัว แถมยังเมื่อยเนื้อเมื่อยไปหมด ก้มลงมองสำรวจตัวเอง ก็เห็นว่าเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อวานได้ถูกเปลี่ยนเป็นชุดนอนลายทางสีเทาที่ตัวใหญ่พอสมควร แขนเสื้อยาวเลื้อย เลยแขนผมไปเยอะ แถมกางเกงก็ยาวเลยเท้าไปหลายเซน ก็พอจะเดาได้ว่าชุดที่ผมใส่อยู่นี้เป็นของใคร



มองไปรอบๆเพื่อดูว่าตนเองอยู่ที่ไหน ก็ต้องพบกับความจริงว่าอยู่บ้านตัวเองเรียบร้อย แถมยังนอนอยู่ในห้องเจ้านายที่ทิ้งผมให้นั่งรอตั้งนานอีกด้วย

 

ตอนนี้มีคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด…ผมมาอยู่ห้องมันได้ไง!? เกิดอะไรขึ้น! จำได้ว่าครั้งสุดท้ายเดินตากฝนทำ MV อยู่ที่ไหนสักแห่งหลังจากนั้นก็วูบเลย ทุกอย่างมืดสนิท ตื่นมาอีกทีเหมือนวาปได้

 

“อ่าว ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถามอย่างงัวเงีย พลางยกมือขึ้นขยี้ตาไปด้วย



“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรไปนอนจากดูมันนิ่งๆ อยู่บนเตียง สมองก็พยายามประมวลผลไปด้วย ว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง



“ดีขึ้นหรือยัง” พี่เนลเอามือขึ้นมาทาบหน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิ “ไข้ลดลงจากเมื่อวานแล้ว แต่ตัวยังอุ่นๆอยู่”



“…”



“เดี๋ยวกินข้าว แล้วกินยา จะได้หายไวๆ” พูดจบก็หยิบกะละมังใบเล็ก กับผ้าขนหู เตรียมลุกออกไป ผมจึงรีบคว้าแขนมันเอาไว้ เพื่อถามคำถามที่ค้างคาใจก่อน



“ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ไงครับ”



“กูควรถามมึงมากกว่า ว่าไปอยู่ตรงนั้นได้ไง” มันถามผมกลับ



“เอ่อ…” ผมอ้ำๆอึ้งๆสักพัก ควรจะบอกมันว่ายังไงดีวะ… ตอนออกมาก็ไม่ได้คิดด้วย



“ตอบคำถามกูมาก่อน แล้วจะบอกว่ามึงมาอยู่ที่นี่ได้ไง” มันวางกะละมังลง ก่อนจะพาร่างของตัวเองมานั่งบนเตียง



ตอนนี้เปลี่ยนใจทันไหม ไม่อยากรู้แล้ว



ผมเลือกที่จะเงียบ พี่เนลจึงใช้สายตาจ้องเข้ามาในตาผมอย่างคาดคั้น “ว่าไงครับเมีย?”



“ใครเมียพี่”



“ก็มึงไง”



“ตลก”



“กูขำอยู่เหรอ อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามกูมาก่อน” คนตรงหน้าขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ สายตามีเสน่ห์นั่นจ้องมองลึกเข้ามาในตาเรื่อยๆ จนผมต้องเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง



พี่เนลไม่ยอมแพ้ เอามือมาจับคาผมให้หันกลับไปมองตามันอีกครั้ง “จะไปไหนทำไมไม่บอกกู” เสียงทุ่มต่ำถามออกมา สีหน้าจริงจังขึ้น



“อยากกลับบ้าน” ผมตอบมันส่งๆ แบบขอไปที



“แล้วทำไมไม่บอก จะได้ขับรถมาส่ง”



“ไม่อยากรบกวน”



“รบกวนเชี่ยไร กูพามึงมาก็ต้องพามึงกลับสิวะ” คุยกันเหมือนคนไม่เคยเจอกันเป็นชาติ เห็นแบบนั้นใครมันจะกล้าบอกล่ะครับ ว่ากูอยากกลับบ้าน บ้าหรือเปล่า



“ผมเกรงใจ”



“เกรงใจ?” พี่เนลมองผมอย่างไม่เข้าใจ มันขมวดคิ้วจนเป็นปม “เกรงใจอะไร ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย ถ้ามึงอยากกลับก็แค่บอกกูตรงๆ จะรีบพามึงกลับทันทีเลย ถ้ามึงไม่อยากอยู่”



“ผมไม่ได้เกรงใจพี่ครับ แต่เกรงใจคุณน้ำหวาน”



คนที่ชื่อน้ำหวานต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่พี่เนลเคยควงมาก เธอดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมเธอดูดีใจมากที่ได้อยู่กับพี่เนล ผมไม่อยากไปขัดความสุขของคนอื่น ยิ่งเป็นคุณน้ำหวานนั่น จิตใต้สำนึกผมบอกว่ายิ่งไม่ควร

 

“แล้วออกมาคนเดียวแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายขนาดไหน จะทำอะไรทำไมไมคิด”



“….” ตอนนั้นไม่ได้คิดครับ อารมณ์มันพาไป



“ถ้ากูไม่บังเอิญไปเจอมึงเมื่อวาน ป่านนี้มึงคงนอนหมดสติเพราะพิษไข้อยู่ตรงนั้นทั้งคืน ดีไม่ดีอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับมึงก็ได้ ทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงแบบนี้วะ” พี่เนลสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์



โดนดุเฉย… ทำไมถึงเป็นมันวะ ที่เป็นฝ่ายต่อว่าผมฉอดๆแบบนี้



“ถ้าเกิดอะไรกับมึงขึ้นมาจริงๆ แล้วกูจะ…!” พี่เนลชะงักไป ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง “ช่างมันเถอะ”



“….”



“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม”



“ครับ” วันหลังผมจะไม่ทำอีกแล้ว… จะไม่ไปเดินโง่ๆตากฝนคนเดียว แล้วร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้อีกแล้ว มันดูไม่เท่เลย

คนตรงหน้ายกยิ้มพอใจ ก่อนจะเอามือใหญ่ๆนั่นลูบหัวผมเบาๆอย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวลงไปทำข้าวต้มให้ กินเสร็จจะได้กินยา” พูดจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูง โดยไม่ลืมที่จะหยิบกะละมัง กับผ้าขนหนูติดตัวไปด้วย



รอไม่นานพี่เนลก็เดินเข้ามาพร้อมถ้วยข้าวต้ม กับแก้วอีกหนึ่งใบ ร่างสูงเอาแก้ววางไว้บนชั้นวางของข้างเตียง ก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยท่าทางอารมณ์ดี



“อะ ข้าวต้มร้อนๆฝีมือกูเอง ค่อยๆกินนะมันร้อน หรือจะให้กูป้อน” พี่เนลไม่รอฟังคำตอบ ถือช้อนตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า พร้อมยื่นมาจ่อปากผม “อ้ามม กินสิไอ้ภีม” พี่เนลทำหน้าเหมือนตัวเองกำลังป้อนเข้าเด็ก



โตเป็นควายขนาดนี้มึงยังกล้าทำอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ อายแทน…



ผมไม่ยอมอ้าปากรับข้าวต้มจากคนตรงหน้า มันรู้สึกพะอืดพะอมไปหมด จนไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น



“ผมไม่หิว”



“เห้ย ได้ไง กูอุสาห์ทำมาให้ ข้าวต้มฝีมือกูลิมิเต็ดอิดิชั่นมากนะโว้ย ถ้าไม่กินแม่งโคตรพลาด!” เจ้าตัวโฆษณาเต็มที่



“….” ลิมิเต็ดตรงไหนครับ หน้าตาก็ข้าวต้มทั่วไป มึงอย่ามาโม้



“จะไม่กินจริงๆเหรอ” พี่เนลถามเสียงอ่อน



ผมยังคงตอบกลับไปคำเดิม ตอนนี้ไม่อยากกินอะไรเลยครับ รู้สึกท้องไส้หยุดทำงาน



“กูไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครกินเลยนะ”



“…”



“ถ้าคนนั้นสำคัญจริงๆ”



“….”



“กินหน่อยเถอะ จะได้กินยา ไม่กินอะไรแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะหาย”



“แต่…”



“ให้มึงเลือก ว่าจะให้กูป้อนดีๆ หรือจับยัดปากทั้งถ้วย เลือกเอา บอกไว้ก่อนเลย ว่าอย่างที่สองกูกล้าทำโดยไม่ลังเลเลย ถึงแม้มึงจะป่วยอยู่ก็ตาม” กูเชื่อว่าคนอย่างมึงกล้าทำแน่ๆ ไม่ใช่แค่ขู่ให้กลัวแบบคนทั่วไปหรอก เพราะมึงมันคนใจดำอำมหิต ไอ้คนหลายใจแต่ไร้คุณภาพ!



ทำอะไรไม่ได้อย่างเช่นทุกที จึงยอมอ้าปากกินข้าวต้มที่มันป้อนให้ รสชาติอร่อยใช้ได้เลย แต่คือไม่หิวไงครับ เลยกินได้แค่นิดเดียว ถ้ามันฝืนป้อนให้อีก พี่จะคืนให้หมด ทบต้นทบดอกแล้วนะครับ นี่ไม่ได้ขู่ มึงเห็นไหม กูตั้งท่าจะอวกอยู่แล้ว หยุดมือมึงเดี๋ยวนี้ กูไม่ไหวแล้ว ผมรีบยกมือขึ้นห้ามพี่เนลที่เอาแต่ป้อนไม่ลืมหูลืมตา ก่อนที่จะมีผ้าจำนวนมากพลีชีพเพราะอวกผม



“อิ่มแล้วเหรอ”



“ครับ”



“กินนิดเดียวเอง เอาอีกคำไหม” มึงไม่ต้องมาเป็นห่วงกูในช่วงเวลาแบบนี้ กูไม่ต้องการ ปล่อยกูไปได้แล้ว ผมรีบส่ายหัวรัวๆ พี่เนลมันถึงยอมวางถ้วยแต่โดยดี



มือหนาหยิบยา รินน้ำใส่แก้ว แล้วยื่นมาให้ผม ผมก็รับจากมือมันมาทันที จัดการกินยา แล้วตามด้วยดื่มน้ำตามระเบียบ ก่อนยื่นแก้วคืนให้มัน แล้วล้มตัวนอนทันที



พี่เนลหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเงียบๆ ปล่อยให้ผมได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ จะมีบางครั้งที่มันเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ ผมที่ตอนนี้นอนซมเพราะพิษไข้จึงปล่อยให้มันทำไปโดยไม่มีท่าทีขัดขืนอะไร

 

นอนหลับยาวยันค่ำ อาจจะเป็นเพราะพิษไข้ด้วย จึงทำผมนอนโง่ๆได้นานขนาดนี้ จะรู้สึกสลึมสะลือเป็นบางครั้ง แต่ทุกครั้งที่ลืมตามา ก็จะเห็นพี่เนลมันนั่งเฝ้าผมไม่ยอมไปไหนเลย บางครั้งก็เห็นมันอ่านหนังสืออยู่ บางทีลืมตาตื่นมาก็เห็นมันนั่งเอามือเท้าคางมองหน้าผมอยู่เงียบๆ หรือไม่ก็นั่งหลับ แต่ทุกครั้งต้องเห็นมันอยู่ข้างๆตลอด

 

ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมด

 

มันทำดีกับผมทำไม… ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่คนอย่างมันต้องมานั่งเฉยๆดูแลคนป่วยอย่างผม ยิ่งเป็นคนอย่างพี่เนลแล้วยิ่งยาก ที่ต้องมาดูแลคนอื่นแบบนี้ แต่มันก็เลือกที่จะทำ

 

บางทีผมก็ไม่ชอบให้มันมาทำตัวอ่อนโยนแบบนี้ด้วยเลย สู้ทำตัวแย่ๆให้รู้สึกเกลียดเหมือนเดิมยังดีกว่า ถ้ายังทำตัวดีแบบนี้ มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองพิเศษ ถึงแม้ไม่ควรคิดแบบนี้ แต่ผมไม่สามารถห้ามความคิดแย่ๆนี้ได้เลย ยิ่งชอบหยอด ชอบแหย่ พูดจาเป็นเจ้าของ บางเวลาก็ชอบทำตัวลามกใส่ แม้ลึกๆจะรู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรเลยก็ตาม แต่เสี้ยวหนึ่งก็อดรู้สึกดีไม่น้อยเลย



ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ถ้าเห็นมันจูบกับคนอื่น จะรู้สึกเฉยๆเหมือนเมื่อก่อนได้หรือเปล่า ถ้ามันพาผู้หญิงมามั่วที่บ้าน หรือเห็นมันทำตัวดีกับคนอื่นไปทั่วเหมือนที่กำลังทำกับผมอยู่ตอนนี้ ผมจะรู้สึกแย่ขนาดไหน

 

ไม่มีอะไรรับประกันได้เลย ว่าสุดท้ายผมจะไม่เจ็บ

 

บางที ผมอาจจะรู้สึกชอบมันแล้วก็ได้…

 

ถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องที่คิดว่าจะเอาบ้านคืนมาง่ายๆ เพียงแค่ทนอยู่กับคนอย่างมันให้รอด จะไม่รอดเพราะใจผมเอง หลังจากนี้ผมต้องเว้นระยะห่างกับพี่เนลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ต้องรีบถอยหลังกลับไปที่จุดเดิมให้ได้ เรื่องนี้มันต้องจบลงโดยที่ผมต้องไม่พลาดให้กับมัน

 

“พี่เนล” ผมเรียกมันเสียงแผ่ว



“หือว่าไง หิวน้ำเหรอ” ร่างสูงวางหนังสือลง เอือมมือไปหยิบแก้ว เทน้ำใส่ ก่อนยื่นมาให้ผม



“ไม่ต้องเอาใจผมขนาดนั้นก็ได้ มันไม่ชิน” ผมบอกมันไปตรงๆ พร้อมรับแก้วจากมือหนา ยิ่งมันทำดีด้วยเท่าไหร่ ผมจะยิ่งลำบากเท่านั้น



ต่อจากนี้ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้



เพื่อเป็นเกาะป้องกันตัวเอง เงินล้านหนึ่งผมไม่มีปัญญาคืนมันหรอก



เพราะฉนั้น เกมนี้ผมจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด



“ไม่ได้หรอก” พี่เนลพูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน “กูเป็นห่วง…”



“ถ้าห่วงก็ช่วยอยู่ห่างๆจะดีต่อผมมาก” ผมตอบมันไปแบบไร้เยื่อใย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวผมเอง เกมนี้เราไม่ควรใกล้ชิดกันตั้งแต่แรกแล้ว ควรต่างคนต่างอยู่ตามข้อตกลงที่พี่มันสร้างมากกว่า ถึงแม้ผมแทบจะไม่เคยล้ำเส้นมันเลย แต่มันกลับทำตัวล้ำเส้นผมซะเอง เหมือนข้อตกลงมันถูกออกแบบมาใช้กับผม แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยปฏิบัติมันได้



“ทำไมมึงถึงพูดแบบนั้น…” สีหน้ามันดูไม่ดี เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมสื่ออกไป “กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจหรือเปล่า”



“ต่อจากนี้ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่อีก ยกเว้นพวกงานต่างๆที่เรามีสัญญาต่อกันเท่านั้น ส่วนพี่ก็เลิกยุ่งกับผมนอกจากเวลางานได้แล้ว”



“ไอ้ภีม…มึงพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม”



“มันควรเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว หวังว่าพี่จะเคารพข้อตกลง” ผมใจแข็งพูดออกไป ทำหน้านิ่งราวกลับไม่รู้สึกอะไร ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเจ็บแปลบๆก็เถอะ แต่ควรตัดไฟแต่ต้นลม เรื่องนี้ผมเอาตัวเองเข้ามาถลำลึกเกินไป



“มึงโกรธอะไร บอกกูสิ” พี่เนลจับแขนผมไว้แน่น “ไม่พอใจอะไรก็พูดออกมา อย่าทำตัวงี่เง่าใส่กู!” มันเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม



“ผมง่วงแล้ว” ผมพูดตัดบท สองขาก้าวลงจากเตียงเดินไปที่ประตู เพื่อกลับห้องของตัวเอง



“จะไปไหน”



“กลับห้องครับ”



“นอนห้องกูเนี่ยแหละ”



“ไม่ดีกว่าครับ”



“ไม่พอใจอะไรก็บอกกูมาสิวะ ไม่ใช่ทำตัวประชดแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ทำอะไรทำไมไม่คิด!! มึงไม่รู้หรอกว่ากูเป็นห่วงขนาดไหน กูแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วตอนมึงหายไป ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามึงคงเบื่อจนกลับบ้าน พอมาถึงมึงก็ไม่อยู่ ตอนนั้นกูทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คิดต่างๆนาๆเหมือนคนเสียสติ สุดท้ายมาเจอมึงนอนนิ่งอยู่ข้างทาง ใจกูเสียแค่ไหน ทำอะไรทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกกูบ้างวะ” พี่เนลพูดสิ่งที่เก็บกดมาเป็นชุด ผมทำได้เพียงรับฟังเงียบๆ ก่อนจะพูดออกไป

 

“ฝันดีนะครับ เจ้านาย”

 

พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ผมผิดเอง…

 

ให้เวลาผมทำใจหน่อยนะ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ผมจะกลับมารู้สึกเฉยๆเวลาที่เห็นพี่จูบกับคนอื่น...
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 22-08-2018 23:29:24
สงสารภีมมม
พี่เนล พี่ต้องรุ้ใจตัวเองได้แล้วนะ
เห้ออออออออ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-08-2018 23:41:54
ท้ายที่สุด คนที่เจ็บก็คือภีม,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-08-2018 00:10:45
หน่วงจัง
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-08-2018 03:02:41
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 23-08-2018 16:13:07
รีบมสอัพอีกนะ จะร้องไห้ สงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: nidasu ที่ 23-08-2018 19:02:44
สงสารภีม
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-08-2018 22:28:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 24-08-2018 00:06:59
หน่วงมากกกกกกก ฉันทนไม่ไหวแล้ววสส
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 23 ไข้ |[22/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 25-08-2018 10:41:52
เนล...เอ็งลืมสัญญาแล้วชะ?
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 03-09-2018 19:43:05
ตอนที่ 24 โกรธ
(Part ภีม)
(1/2)



    น่าแปลก…ทั้งๆที่เมื่อคืนจำได้ว่ากลับไปนอนห้องตัวเองแล้วแท้ๆ… ทำไมตอนนี้ผมถึงได้มาอยู่บนเตียงของพี่เนลอีกแล้ว ให้เดามันคงไปแบกผมกลับมาแน่ๆ ว่าแต่เจ้าตัวหายไปไหนแล้ว สายตามองหาคนที่พาผมมาจนทั่ว แต่กลับไม่พบมันเลย ข้างๆตัวมีถุงกระดาษ กับเงินสด แถมโน๊ตใบเล็กๆแผ่นหนึ่งแนบมาด้วย เขียนว่า ‘เสื้อผ้ากับเงินเดือนมึง’

 

ผมจึงหยิบเงินปึกหนึ่งที่วางข้างตัวขึ้นมานับทีละใบ รวมๆ 18 ใบได้ ซึ่งผมเคยขอมันไว้ที่ 1 หมื่น จะว่าให้มาเกินกว่าจำนวนก็แปลกๆ เพราะมันจะเกินมาถึง 8 ใบเลยหรือไง ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนสำรวจถุงกระดาษที่วางอยู่ข้างๆแทน ข้างในเป็นเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ กับชุดนอนอีก 1 เซตลายน้องหมา กับผ้าปิดตาลายคอร์กี้ ซึ่งน่าตกใจมากๆที่คนอย่างพี่เนลจะซื้อของแบบนี้ให้ ไม่รู้สิครับ คนแบบมันไม่น่ามีรสนิยมชอบของน่ารักแบบนี้ แถมเอาให้ผมด้วยแล้วยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตอนที่ผมใส่ชุดหมาของไอ้เหม่ย มันก็ทำตัวโวยวายยกใหญ่ จนผมคิดว่ามันเกลียดอะไรพวกนี้เสียอีก และผมสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ใส่ให้ใครเห็นอีก

 

ผมว่ามันให้ผิดถุงแน่ๆ



ผมหยิบเงินแค่ 1 หมื่นขึ้นมา ก่อนค่อยๆลุกจากที่นอน เดินกลับห้องของตัวเอง

ดันมีปัญหา จนลืมซักผ้า โชคดีวันนี้เรียนบ่าย ผมจึงตั้งใจใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ จัดการปั่นกองมรสุมเสื้อผ้าที่ดองเอาไว้ แห้งทันไม่ทันก็อยู่ที่ดวงละวะ เปิดประตูเดินเข้าห้องไป ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่น่าจะกองทับกันอยู่ในตะกร้า ถูกแขวนเรียงกันเป็นระเบียบตรงราว ชุดนิสิตก็ถูกรีดเรียบร้อย แถมเศษกระจกที่แตกตรงพื้นก็ถูกเก็บกวาดไปแล้วด้วย



ฝีมือพี่เนลเหรอ…



ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ กับสิ่งที่มันทำ แต่คิดมากไปก็พลางจะทำให้ปวดหัวเสียเปล่าๆ จึงเดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จสรรพ ก่อนลงมาชั้นล่าง เพื่อหาอะไรง่ายๆกินสักหน่อย



สายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่ยืนกินน้ำอยู่หน้าตู้เย็น วันนี้มันใส่ชุดนิสิต ชายเสื้อหลุดลุ่ย กับเสื้อคลุมคณะ มีตัวอักษร Engineer ปักติดกลางหลัง พี่เนลมองผมด้วยหางตา ในท่ายกแก้วน้ำดื่ม



ผมมองหน้ามันครู่หนึ่ง รู้สึกถึงบรรยาการศอึมครึมที่แผ่ออกมาจากตัวมัน ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลย จึงรีบพูดทำลายบรรยากาศทันที



“เอ่อ..เสื้อผ้าในห้องผม พี่เป็นคนเอาไปซักเหรอครับ”



ดูเหมือนว่าผมจะพูดเบาเกินไป คนตรงหน้าผมถึงได้ทำเมิน ไม่สนใจ จึงถามย้ำไปอีกรอบ



"เสื้อผ้าผม..."



คลื่น คลื่น



พี่เนลวางแก้วลง มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากดรับ



“ครับน้องเนย พี่กำลังออกไป”



“ครับ รอพี่แปปหนึ่งนะ”



“ครับผม”



พี่เนลยกยิ้มก่อนกดวางสาย เดินผ่านผมไปเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก ไม่มีแม้แลหางตามามองเลย แถมยังเมินคำถามที่ผมถามออกไป เหมือนเป็นแค่เสียงลมเท่านั้น…

 

แบบนี้แหละ ดีแล้ว…

 

พี่ทำถูกแล้ว…

 

นี่แหละ ที่ผมต้องการ

 

อย่ามายุ่งเกี่ยวกับผม ให้รู้สึกดีเลย

 

ผมกัดปากตัวเองจนห้อเลือด นั่งมองแก้วน้ำ ที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ด้วยอารมณ์ที่ปวดหนึบไปหมด เวลาช่วงเช้าผมผ่านไปช้าพอสมควร มันรู้สึกวูบโหวงในใจแปลกๆ ในหัวคิดถึงแต่เรื่องของใครบางคน จนพาจิตฟุ้งซ่านไปหมด….

--------------------------------------------


ตอนเที่ยงไอ้ซานมารับผมไปกินข้าวด้วย ก่อนเข้าเรียนช่วงบ่าย มันพามาร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งแถวมหาลัย ราคาโหดเอาเรื่องเลย แต่ในเมื่อไอ้ซานมันเลี้ยง ผมก็ไม่ท้วงอะไรทั้งนั้น มันสั่งสปาเก็ตตี้ซี่โครงหมูอบซอสมาให้จานหนึ่ง หน้าตาดูดีใช้ได้ รสชาติก็ถือว่าถูกปากสมราคา เลยจ้วงกินอย่างไม่อายสายตาไอ้ซาน ที่เอามือเท้าคางมองอยู่



“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็สำลักหรอก” ไอ้ซานเอามือไปหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปากให้ “ดูๆ เลอะหมดแล้ว น่าเกียจว่ะ ฮ่าๆ” มันพูดไปหัวเราะไป



“หุบปากไปเลย แดกของมึงไป เรียนบ่ายโมงนะ ไม่ใช่เรียน 5 โมง เร็ว!” ผมเร่งมันเสียงเข้ม เมื่อเห็นเพื่อนยังใจเย็นอยู่ คาบบ่ายเจอเจ๊บุศลิณทร์นะโว้ย รายนั้นเรทแกเช็คขาดลูกเดียว ไม่มีการปราณีอะไรทั้งนั้น โหดสมกับหน้าตาเจ๊แกนั่นแหละ



“เอ่อๆ อย่าโมโหเพื่อกรบเกลื่อนความตะกละของมึง!” ไอ้ซานดีดหน้าผากผมหนึ่งที จนผมต้องเอามือลูบปอยๆ หันไปทำหน้ายักษ์ใส่มัน นับมันยิ่งเป็นคนรุนแรงนะมึง



“นี่! ดีดกูเหรอ” ผมดีดมันคืนบ้าง ไอ้ซานทำหน้าดุใส่ ก่อนยัดเฟรนฟรายใส่ปากผม ผมจึงเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยยั่วโมโหมัน



“เล่นอยู่ได้ แดกๆไป” มันยกซ้อมขึ้นมาขู่ ผมได้แต่ขำกับท่าทางจริงจังของมัน ก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารในจาน สายตาดันไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองอยู่หน้าร้านผ่านกระจกใส รอยยิ้มตรงมุมปากผมค่อยๆหุบลงทีละนิด เราสบตากันอย่างนั้นไม่มีใครละไปไหน สายตาที่อีกฝ่ายมองมามีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น ที่ผมรู้สึกได้ในตอนนี้… ยิ่งมองยิ่งเหมือนคนแปลกหน้า



เป็นพี่เนลเองที่หลบตาก่อน ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่แวบหนึ่งสายตาวางเปล่านั่นเปลี่ยนเป็นสั่นไหว ถึงแม้จะแวบเดียว แต่ผมก็รับรู้ได้



มันโอบไหล่ผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดอะไรกับเธอสักอย่าง ก้มลงไปหอมหน้าผากมน ก่อนจับมือเธอเดินไปที่รถคันหรูที่จอดอยู่อย่างรวดเร็ว ขับออกไปจนลับสายตา



“วันนี้มาแปลกแฮะ ปกติจะเข้ามาต่อยหน้ากูคว่ำแล้วนะนั่น” ไอ้ซานที่มองตามพี่เนล หันมาพูดกับผม



“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมตอบมันไปแต่สายตากลับไม่ได้มองคนที่คุยด้วยเลย พอเห็นหน้ามันความรู้สึกผมก็กลับมาดิ่งลงเหวอีกครั้ง



“ทะเลาะกันมาเหรอวะ” ไอ้ซานถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ผมได้แต่ส่ายหัวให้มัน



“รีบกินเถอะ จะได้ไปเรียน” ผมพูดเสียงเบา รู้สึกเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้



“อืม ถ้ามึงพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็บอกนะ กูรอได้เสมอ”



“อืม” ผมตอบรับไอ้ซานไป ก่อนหันมากินสปาเก็ตตี้ในจานต่อ

 

น่าแปลก…ที่ผมรู้สึกไม่อร่อยเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

---------------------------------------------------------


 หลังจากเรียนเสร็จผมก็ไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยต่อทันที วันนี้ความรู้สึกผมมันหดหู่ไปหมด ในหัวคิดแต่เรื่องของพี่เนล นั่งเหม่อจนไม่เป็นอันเรียน เสียงของอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องก็เหมือนเสียงลมที่พัดผ่าน จนไอ้ซานที่นั่งข้างๆสกิดผมหลายทีอย่างเป็นห่วง

 

“เลคเชอร์กู เอาไปอ่านให้เข้าหัวด้วย” ไอ้ซานยื่นสมุดที่นั่งจดในคาบที่แล้วมาให้ “มีเรื่องหนักใจอะไร ก็ปล่อยวางบ้าง เดี๋ยวมึงก็ตายแล้ว”

 

“สัด” ผมสบถด่ามัน ก่อนรับสมุดจากมือหนา มาใส่กระเป๋า ไอ้ซานเอามือมาขยี้หัวผมเล่นจนยุ่งเหยิง ปัดมือมันออก ก่อนที่ทรงผมจะเสียทรงไปมากกว่านี้ หมดหล่อสาวไม่แลกันพอดี

 

“กูไปก่อนนะ” มันโบกมือลา ผมพยักหน้าให้ ก่อนเดินเข้าไปในร้านพี่อ้อย วันนี้ก็คนเยอะเหมือนเดิม พี่อ้อยก็ยังคงทำงานวุ่นอยู่หลังร้าน ผมเดินเข้าไปทักทายพี่แกเหมือนทุกที พร้อมเปลี่ยนชุดพนักงานตามระเบียบ และออกมารับออเดอร์หน้าร้าน

 

“เอ้า เร็วๆ ก่อนที่จะไม่มีโต๊ะให้พวกมึงนั่ง” พี่ฟิวที่เดินเข้ามาก่อน เร่งเพื่อนอีก 4 คนให้รีบเร่งฝีเท้า

 

“อู้ว ตรงนั้นว่างพอดี” พี่ฟิวเดินดุ่มๆ มาตรงโต๊ะ ใกล้ๆกับที่ผมยืนรับออเดอร์อยู่ พี่มันหันมาทักทายผมตามประสาคนรู้จัก ก่อนกวักมือเรียกเพื่อนหยิกๆ

 

“เร็วสิวะ มึงคิดว่าตัวเองมาเดินแบบอยู่หรือไง กว่าจะถึงโต๊ะ น้ำย่อยคงย่อยกะเพาะกูเกลี้ยงแล้ว” พี่ฟิวหันไปเร่งเพื่อนที่ยังเดินเนิบนาบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ช้าสุดในกลุ่มเห็นจะเป็นพี่เนล ที่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้มา

 

หลังจากแก๊งนั้นมานั่งกันครบแล้ว พี่ฟิวก็หยิบปากกามาจดเมนูหยิกๆ ก่อนยืนให้พี่เนลที่นั่งริมสุด ร่างสูงจำใจลุกขึ้น หลังจากโดนเพื่อนในกลุ่มไล่ให้ออกมา มันสาวเท้าเดินมาทางผม ผมจึงเอื้อมมือออกไปหวังรับใบออเดอร์ แต่เจ้าตัวกลับเดินผ่านผมไปที่เคาน์เตอร์ วางเมนูไว้ตรงนั้น แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะดังเดิม

 

เพื่อนในกลุ่มได้แต่มองหน้ากันอย่างอึ้งๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เห็นอย่างนั้นจึงไปหยิบเมนูตรงเคาน์เตอร์ เดินเอาไปให้พี่อ้อยที่ครัว รอไม่นานเมนูก็เสร็จ ผมเอาไปเสิร์ฟให้พวกพี่เขา พี่ฟิวชวนผมคุยเล่นเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึมครึมจนเกินไป มันก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคายลงบ้าง

 

“น้องคะ” จู่ๆพี่ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งก็ยกมือเรียก ผมไม่แน่ใจว่าเรียกใคร แต่สายตาพี่แกจ้องมาทางผม เลยเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง

 

“ใช่ค่ะ น้องนั่นแหละ” พี่แกยืนยัน ผมจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะพี่เขา โต๊ะนี้เป็นกลุ่มผู้หญิงราวๆ 5-6 คน แต่ละคนแจ่มๆทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ยกมือเรียกผม นมนี่นำหน้ามาเลยครับ

 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามออกไปอย่างสุภาพ

 

“น่ารักจัง มีแฟนยัง” หือ? พี่เขาถามว่าอะไรนะ

 

“ทำไมต้องทำหน้างงแบบนั้นล่ะ พี่แค่ถามว่ามีแฟนยัง น้องแค่ตอบว่า มี หรือ ไม่มีแค่นั้นเอง” สาวสวยติดเซ็กซี่ เอาหน้าอกสะบึ้มนั่นมาถูกับแขนผม

 

“เอ่อ….” ผมอ้ำอึ้ง ก็ดีใจอยู่หรอกนะ ที่ผู้หญิงระดับนี้มาอ่อย แต่สถานการณ์แบบนี้ผมว่ามันไม่เหมาะ หันไปมองพี่เนลที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ เจ้าตัวกลับไม่มีท่าทีสนใจผมเลย มันตักข้าวกินด้วยใบหน้าเรียบเฉย จะมีแต่พี่ฟง พี่ฟิว และพี่แจ็คเท่านั้นที่มองผมอยู่

 

“ว่าไง มีหรือไม่มีจ๊ะ แต่ดูจากตอนที่โดนเนื้อตัวพี่ แล้วตกใจแบบนี้ น่าจะไม่เคยสินะ” พี่คนสวยเอามือมาลูบแขนผมเล่น

 

“ครับ..” ผมตอบเธอออกไป เหงื่อเม็ดใหญ่ฝุดซึมตามรูขุมขน “ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวไปรับออเดอร์โต๊ะนั้นก่อนนะครับ” ผมชี้โต๊ะไปมั่ว

 

“เดี๋ยวสิจ๊ะ” พี่แกไม่ยอมแพ้ ดึงผมให้เข้าไปหาเธออีก

 

“เขินเหรอจ๊ะ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย” พี่แกเอานิ้วมาเขี่ยเส้นผมเล่น บอกตรงๆเลย ว่าเขินครับ อยู่ใกล้ผู้หญิงแล้วเหมือหัวใจล้มเหลว ชีวิตนี้ไม่เคยมีแฟน มาโดนรุกหนักแบบนี้ มันทำตัวไม่ถูกเลย

 

“ไอ้เนล เมียมึงจะโดนคาบไปแดกแล้ว ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ” พี่แจ็คที่นั่งข้างๆเอานิ้วไปสกิดพี่เนลหนึ่งที เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองผมนิ่ง ก่อนหันไปตอบเพื่อนเสียงเรียบ

 

“จะให้กูรู้สึกอะไร”

 

เจ็บปวด…

 

“ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย มันจะโดนคาบไปแดกที่ไหนก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับกู อีกอย่างมันไม่ใช่เมียกู มันเป็นแค่ลูกน้อง เรียนภาษาไทยมาทั้งชีวิต ใช้คำเรียกให้ถูกด้วย”

 

เจ็บกว่า…

 

“รีบกินได้แล้ว กูไม่ได้มีเวลามากขนาดที่รอมึงเสือกเรื่องของคนอื่น กูมีนัดกับน้องครีมต่อ” พูดจบก็ตักข้าวกินต่อ

 

เจ็บที่สุด…

 

“ว่าไงจ๊ะ” พี่คนสวยถามย้ำ ทำให้ผมหันมาสนใจเธออีกครั้ง

 

“ว่าอะไรนะครับ” ผมเลิกคิ้วถาม

 

“ไม่ได้ฟังพี่เลยเหรอ เสียใจจัง หรือพี่ไม่สวยพอที่น้องจะสนใจ” เธอตัดเพ้อ

 

“ไม่หรอกครับ พี่สวย” แต่ผมดันไปชอบไอ้โง่ที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆแล้วน่ะสิ ถ้าเราเจอกันก่อน พี่อาจจะมีความหวังก็ได้

 

“งั้นพี่ขอไอดีไลน์หน่อยสิ ได้ไหม” เธอส่งสายตาเว้าวอนมาให้

 

“เอ่อ.. ผมว่า…”

 

“งั้นสแกนคิวอาร์โค้ดเลยดีกว่า” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ขึ้นมา โชว์หน้าแสกนคิวอาร์โค้ด ยื่นมาตรงหน้าผม “ขอคิวอาร์โค้ดของน้องหน่อยสิ ถ้าได้มาสัญญาว่าจะทักมาจีบทุกวันเลย” พร้อมทำท่าเขินอาย

 

“ฮิ้วววว เอาแล้วโว้ยย จะได้ผัวก็คราวนี้แหละ อีหยกยี๋” เพื่อนในกลุ่มรีบตะโกนแซว จนเธอต้องเอามือไปตีแขนเพื่อนเป็นการห้าม

 

“ยังไม่ได้ ใจเย็นๆสิ” เธอทำหน้าดุ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีในเวลาต่อมา พร้อมพูดเสียงสองอย่างดัดจริต “รอได้กันก่อน ค่อยแซววว”

 

เพื่อนในกลุ่มเธอต่างหัวเราะกับท่าทางของพี่ส่วนมอึ๋ม เธอก็ได้แต่บิดตัวไปมาอย่างเขินๆ

 

แต่ผมกลับรู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงก็ไม่รู้

 

“พี่อ่อยขนาดนี้แล้ว ให้พี่เถอะ เห็นความพยายามกันหน่อย”

 

มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าปฏิเสธไปก็กลัวเธอเสียหน้า ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดหน้าคิวอาร์โค้ด แล้วยื่นส่งให้เธอ พี่สาวนมอึ๋มทำหน้าดีใจ รับโทรศัพท์จากมือผมไป ท่าทางระริกระรี้

 

ปึง!**

 

พี่เนลตบโต๊ะเสียงดัง จนผมสะดุ้ง หันไปมอง มันลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนสาวเท้าก้าวยาวๆออกจากร้านไป ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่มองไปที่มัน

 

“อั๊ยหยา อั้วว่ามันไม่ธรรมดาแล้วหนา” พี่ฟิวสบถออกมา

 

“อาการหนักแล้ว” พี่ฟงพูด เอามือมาจับคางตัวเองอย่างใช้ความคิด

 

“ฝากจ่ายด้วย กูไปตามไอ้เนลก่อน” พี่แจ็คหันไปบอกเพื่อน ก่อนวิ่งตามพี่เนลออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนที่เหลือก็รีบเอาเงินวางไว้บนโต๊ะ และตามพี่แจ็คไปติดๆ

 

“ขอโทษนะครับ ผมขอมือถือผมคืนด้วย พอดีต้องไปทำงานต่อแล้ว” ผมหันไปพูดกับสาวสวยข้างตัว ที่ยังนั่งอึ้งกับการกระทำของพี่เนลเมื่อกี้

 

“เอ่อ…แต่พี่ยังไม่ได้แอดน้องเลยนะ” เธอทำหน้าเสียดาย

 

“ขออภัยจริงๆนะครับ” ผมดึงโทรศัพท์จากมือสวย รีบสาวเท้าออกมาทำงานตัวเองต่อ โดยไม่สนใจเสียงแว๊ดๆของเธออีก

 

เวลาล่วงเลยมา 2 ทุ่ม ถึงเวลาปิดร้าน ผมช่วยพี่อ้อยเก็บของในร้านเสร็จ หยิบกระเป๋า ออกไปเตรียมค่ายต่อ สายตาดันไปเห็นผู้ชายที่ผมคุ้นตาดีนั่งตบยุงรออยู่หน้าร้าน

 

“พ่อ…” ผมอุทานออกมาเสียงเบา เข่าแทบทรุดกับพื้นเมื่อเห็นสภาพผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ท่านผอมมาก ผอมจนผมตกใจ

 

“ภีมลูกพ่อ..” ท่านเข้ามากอดผมแน่น

 

“ทำไมพ่อผอมแบบนี้ล่ะครับ ไม่ได้กินข้าวหรือไง” ผมขมวดคิ้วยุ่ง จับแขนท่าน สายตาก็สำรวจท่านไปพลาง

 

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ วันนี้พ่อมาเอาเงิน 1 หมื่นที่ขอเอาไว้” ท่านจับแขนผมแน่น “ลูกมีให้พ่ออยู่ใช่ไหม”

 

“ครับ” ผมตอบท่านไป ก่อนหยิบเงินที่พี่เนลให้เมื่อเช้า ยื่นให้ท่าน พ่อทำหน้าตาดีใจ เข้ามากอดผมอีกครั้ง พลางเขย่าตัวผมไปด้วย

 

“ขอบใจมากนะภีม ขอบใจมากลูก”

 

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่พ่อกินข้าวมาหรือยัง” ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะสภาพท่านตอนนี้มันแย่กว่าผมเสียอีก

 

“ยังเลยลูก” ท่านตอบเสียอ่อนระโหย

 

“งั้นเดี๋ยวผมพาไปกินข้าวต้มแถวนี้ แล้วกันนะครับ” ผมเสนอ ท่านไม่ได้ปฏิเสธอะไร

จึงพาท่านเดินต่ออีกนิดหน่อย ก็ถึงร้านข้าวต้มชงเทพ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านพี่อ้อยสักเท่าไหร่ ร้านนี้ เปิดตั้งแต่ 1 ทุ่ม ยันตี 4 ถือเป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่อร่อยที่สุดร้านหนึ่งเลยล่ะครับ พอมาถึงผมก็จัดการสั่งพิเศษให้ท่าน รอไม่นานชามข้าวต้มไซส์ยักษ์ก็มาเสริฟ ท่านจัดการกินอย่างหิวกระหาย ส่วนผมก็ได้แต่มองอยู่เงียบๆ

 

“ว่าแต่ เงินเดือนที่ทำงานร้านนั้นจะออกเมื่อไหร่ลูก” จู่ๆท่านก็ถามออกมา ทั้งๆที่ข้าวยังคาปากอยู่

ร้านที่พ่อหมายถึงน่าจะเป็นร้านของพี่อ้อยนั่นแหละ

 

“อาทิตย์หน้าครับ”

 

พ่อกลืนข้าวลงคอ ตามด้วยดื่มน้ำ “ดีเลย เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพ่อมาเอาอีกนะ”

 

“ครับ…” ผมตอบเสียงแผ่ว ยังไม่ทันได้ก็จะหายไปอีกแล้ว…

 

ระหว่างนั้น พ่อก็เล่าเรื่องที่ต้องทนลำบาก หาเงินมาใช้หนี้ จากพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดที่ขุดรีดเอาดอกเบี้ยโหด เงินต้นยังไม่ได้คืน ทุกวันนี้ท่านต้องหาเงินมาจ่ายดอกที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น จนต้องยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้ได้เงินมาจ่ายพวกมัน

 

เห็นสภาพท่านแบบนี้ ผมยิ่งบอกตัวเองว่าจะท้อไม่ได้ ตราบใดที่ครอบครัวยังลำบาก ผมต้องสู้

ถึงจะโดนพี่เนลมันทำร้ายจิตใจแค่ไหน ผมก็ต้องทนให้ได้ ต่อให้ตอนจบผมจะโดนทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดีก็ตาม

 

ผมหยิบกระดาษบนโต๊ะ ฉีกออกมา จดเบอร์ตัวเองลงไป แล้วยื่นไปให้พ่อ “นี่เบอร์ผม ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรรีบโทรมาเลยนะครับ”

 

ท่านรับไป เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “ลูกมีโทรศัพท์ด้วยเหรอ?”

 

“ครับ พอดีเพื่อนได้มาฟรี…” ผมหยิบออกมาให้ท่านดู ยังพูดไม่จบท่านก็หยิบมือถือของผมไป

 

“รุ่นนี้แพงด้วยนะ พ่อขอยืมไปจำนำก่อนได้ไหม”

 

“แต่มันไม่ใช่ของผม เป็นขอไอ้ซาน” ผมทำท่าลำบากใจ ถึงจะเป็นของที่มันบอกว่าได้มาฟรีก็เถอะ แต่มูลค่าของเครื่องก็สูงอยู่ดี ถ้าเอาไปจำนำก็ได้หลายบาทอยู่เหมือนกัน

 

“ไม่เป็นไรหรอก พ่อยืมแปปเดียว เดี๋ยวพอหนี้หมด พ่อสัญญาว่าจะไปถอนคืนให้”

 

“แต่…”

 

“นะลูก พ่อต้องการใช้เงินจริงๆ ซานคงเข้าใจ ลูกบอกว่าได้มาฟรีใช่ไหมล่ะ”

 

“ใช่ครับ แต่มันก็เป็นของไอ้ซาน เราไม่ควรเอาของคนอื่นมาจำนำแบบนี้นะพ่อ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกลูก เพื่อนมันเอาให้ลูกมาใช้ขนาดนี้ มันคงไม่คิดจะเอาคืนหรอก ให้พ่อยืมก่อนนะ”

 

“….”

 

พ่อที่เห็นผมเงียบนาน ท่านก็รีบพูดต่อ “ถ้าไม่รีบหาเงินไปคืน พวกนั้นซ้อมพ่อตายแน่ๆเลย แค่ทุกวันนี้พ่อก็แทบอดมื้อกินมื้อเพื่อหาเงินใช้หนี้อยู่แล้ว นะภีมนะ ทำเพื่อพ่อได้ไหม” พ่อจับมือผมไว้แน่น มือแกร่งของท่านติดสั่น จนผมอดสงสารไม่ได้

 

“...”





“นะภีม พ่อขอร้องล่ะ” ท่านยกมือไหว้อย่างคนอับจนหนทาง “ช่วยพ่อด้วย”



“....”



“จะให้พ่อกราบลูกตรงนี้เลยก็ได้ พ่อหมดหนทางจริงๆ ช่วยพ่อหน่อยนะ ”ท่านลุกขึ้น เดินมาหาผม ก่อนคุกเข่าลง ผมเห็นอย่างนั้นจึงรีบเข้าไปห้ามท่านไว้ ก่อนที่จะทำเรื่องที่ไม่สมควร


“พ่อรู้ว่าพ่อเป็นพ่อที่ไม่เอาไหน ทำให้ลูกลำบากอยู่เรื่อย แต่พ่อสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย พ่อจะไม่ทำให้ภีมลำบากอีก เชื่อใจพ่อนะ”


“เอ่อ...” ลำบากใจว่ะ



“ภีมคงไม่อยากเห็นพ่อโดนยิงตายหรอกใช่ไหม”



“ครับ”



“งั้นช่วยพ่อหน่อนะ..”



“เอ่อ....ครับ…แต่ถ้าหนี้หมด พ่อต้องรีบถอยคืนเพื่อนผมทันทีเลยนะ”

 



“ได้สิ พ่อสัญญา”



เฮ้อออ จะไปบอกกับไอ้ซานยังไงดีวะเนี่ย



 




 
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-09-2018 20:11:29
อ่าววววว นายเอกโง่จริงๆเหรอเรื่องนี้ ตอนแรกว่าเฉยๆ แต่ตอนนี้หนักไปขั้นกว่าอีก ="=
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 03-09-2018 21:35:04
รอต่อไป
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-09-2018 22:20:50
เมื่อไหร่พ่อภีมจะเลิกการพนันได้จริง ๆ ซักที
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 03-09-2018 23:49:34
พ่อบ้าอะไร  เลวขนาดนี้ เอาเงินไปลงบ่อนอีกรึเปล่าก็ไม่รุ้
จะต้องเอาเงินจากลูกแค่ไหนถึงจะพอ
คือเอาไปหมื่น เงินเดือนออกก็จะมาเอา
คิดจะให้ลูกมันมีกินมีใช้บ้างมั้ย
มือถือก็จะเอาของลูกไปจำนำ ไถ่คืนได้จริงหรอ
สงสารภีม ชีวิตที่มันต้องซวยทุกวันนี้ก็เพราะพ่อแบบนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 04-09-2018 00:05:46
หุ้วววว หงุดหงิดไปหมด อินเกิน 555555
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-09-2018 00:27:50
ชีวิตภีม ทำไมลำบากขนาดนี้!!!

ร้องไห้,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-09-2018 12:43:04
พ่อประสาอะไรเนี่ย!!!!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(1/2) |[03/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-09-2018 14:26:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 09-09-2018 22:12:01
โกรธ
(2/2)


ผมไม่ได้คุยกับพี่เนลมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้มันไม่ค่อยอยู่บ้านเลย บางวันก็ไม่กลับ หรือบางครั้งก็กลับอีกทีเช้าเลย แต่ทุกครั้งมันจะหิ้วผู้หญิงกลับมาด้วยตลอด ส่วนผมก็ยุ่งกับการเตรียมค่ายกับหาเงินจนไม่มีเวลามานั่งคิดถึงมัน ถึงแม้บางครั้งที่อยู่คนเดียวจะรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้าง ก็หาอะไรทำให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว

 
ส่วนเรื่องโทรศัพท์ของไอ้ซาน ผมบอกและขอโทษมันไปแล้ว ไอ้ซานดูสตั้นไปเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้โกรธอะไร มันทำได้แค่หัวเราะแห้งๆออกมา ดูก็รู้ว่ามันคงเสียความรู้สึกอยู่เหมือนกัน และผมก็รู้สึกผิดกับมันมาก ผมคอยบอกขอโทษตลอด แต่มันก็ทำได้แค่ยิ้มตอบกับมาว่า “ไม่เป็นไร”ทุกครั้ง

 
วันนี้พี่ท็อปนัดประชุมที่ห้องสโลปตอน 5 โมงอย่างกะทันหัน ทำให้ผมกับเพื่อนในค่ายอีก 100 กว่าชีวิตต้องมานั่งฟังพี่แกชี้แจงเรื่องกิจกรรมค่าย พี่ท็อปเปิดคลิปให้ดู ความยาวประมาณ 15 นาทีได้ มันเป็นคลิปประมวลกิจกรรมตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย ปีที่แล้วไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนในชนบทแห่งหนึ่งที่จังหวัดพิษณุโลก

 
 “ช่วง 8 โมง – 4 โมง เราจะสอนหนังสือตามแผนการที่พี่ให้ไป จะมีกิจกรรมให้น้องตอน 5 โมง ถึง 1 ทุ่ม พี่แบ่งกลุ่มให้แล้ว ไปคิดกิจกรรมมา แล้วส่งมาให้พี่ด้วย ไม่เกินวันศุกร์นี้” พี่ท็อปเริ่มพูดขึ้นมา หลังจากที่คลิปจบแล้ว

 

“พวกเราไปทั้งหมด 5 วัน คือช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ 4 วันแรกเราจะเน้นวิชาการ ส่วนวันสุดท้ายจะเน้นกิจกรรม”

 
“อย่างที่เห็นในคลิป วันสุดท้ายเราต้องมีละครมาแสดงให้น้องดูในวันปิดค่าย ซึ่งละครเรื่องนี้จะถูกนำไปโปรโมทในเพจค่าย ส่องสว่างสู่การศึกษาของเรา เพื่อดึงดูดรุ่นน้องปีต่อๆไปให้มาค่ายด้วย”

 

“แน่นอน ปีที่แล้วได้น้องโป๊ปเดือนศึกษามาแสดง ปีนี้ถึงได้มีคนมาสมัครเยอะแยะขนาดนี้ เพราะฉะนั้นตัวเอกของเรา พี่อยากได้คนหน้าตาดี”

 

“บทพระเอก พี่ต้องการคนหล่อๆ อย่างน้องซานมาแสดง พี่คิดว่าน้องซานน่าจะดึงดูดคนมาค่ายปีหน้าได้เยอะเลย”

 

“ผมเหรอครับ” ไอ้ซานถามย้ำ มันทำหน้าอึ้งๆ เอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง

 

“ใช่น้องนั่นแหละ น้องเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเพราะพี่เลือกแล้ว เอ้าต่อไป…” พี่ท็อปรีบพูดตัดบทก่อนที่ไอ้ซานจะทักท้วง

 

ผมเห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมันตอนนี้ก็อดขำไม่ไหว ไอ้ซานมันเล่นละครเป็นที่ไหน เคยเห็นมันแสดงละครตอน ม.ต้น เล่นแข็งฉิบหาย แข็งแข่งกับไอ้ทัศที่รับบทเป็นก้อนหินอยู่ข้างเวทีเลยพูดก็ตะกุกตะกัก จนกูนึกว่าแผ่นเสีย แต่ทุกครั้งที่พูดหน้านี่นิ่งเป็นหินแกรนิตเลย โคตรไร้อารมณ์

 

ไอ้เชี่ยเอ้ยยย อย่าเอามันมาเล่นเลย กูสงสารอนาคตของค่าย

 

“ขำอะไร” ไอ้ซานหันมาขมวดคิ้วยุ่งใส่ผม

 

“จะไหวเหรอมึง ฮ่าๆ”

 

“ไม่ไหว ไม่แสดง” มันตอบอย่างหนักแน่น

 

“แต่พี่ท็อปเลือกไปแล้วนะโว้ย ดูแล้วน่าจะกัดไม่ปล่อยด้วย ฮ่าๆ คิดถึงตอนมึงแสดงครั้งนั้นแล้วอดขำไม่ไหวจริงๆ” ผมตบไหล่ปลอบใจเพื่อนที่นั่งข้างๆ

 

“ขำมากเหรอมึง!” ไอ้ซานเอามือมาผลักตัวผมเบาๆ อย่างหมั่นใส้ ก่อนยกมือบอกพี่ท็อปอย่างกล้าหาญ “ผมแสดงไม่ได้ หาคนใหม่เถอะครับ”

 

“ไม่เป็นไร เรื่องนี้มันฝึกกันได้ เดี๋ยวให้ไอ้ซันสอน แบบติวเข้มยันเช้าเลย มันเชี่ยวชาญเรื่องนี้” พี่ท็อปพูดอย่างมั่นใจในตัวเพื่อน แต่เรื่องนี้ไอ้ซานมันสอนยากนะครับ ถ้าไม่อินจริง อินเนอร์มันไม่ออกหรอก

 

“แต่…”

 

“พี่อยากได้น้องมาแสดงจริงๆ รูปร่าง หน้าตา นิสัย น้องตรงกับคาแรคเตอร์มาก รับรองละครปิดปีนี้ต้องเพอร์เฟคแน่ๆ น้องๆที่โรงเรียนชนบทต้องหลั่งน้ำตาอย่างซาบซึ้ง ถ้ามีน้องมาแสดงเป็นพระเอก” พี่ท็อปเอาปากกาชี้หน้าไอ้ซาน ก่อนจะหันกลับไปสนใจกระดาษกำหนดการในมือต่อ

 

ไอ้ซานได้แต่ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอยู่ข้างๆ เห็นมันเป็นแบบนี้เพื่อนที่ดีควรพูดให้กำลังใจมันหน่อย

 

“กูบอกแล้ว พี่แกไม่ยอมหรอก ทำใจเหอะไอ้ซาน ฮ่าๆ” มันอดขำไม่ได้จริงๆ จะได้เห็นไอ้ซานเฉิดฉายบนเวทีอีกแล้วเหรอวะ

ผมหันไปสนใจพี่ท็อปที่อยู่หน้าห้องต่อ พี่แกก็มอบหมายบทให้ นางเอกได้ มายด์ รัฐศาสตร์มาแสดงคู่กับไอ้ซาน ถือว่าพี่แกตาถึงมากนะครับ ดูสองคนนี้เคมีเข้ากันสุดๆ ถ้าผลงานออกมาน่าจะปังอยู่ระดับหนึ่งเลย

 

ปังปินาศ เพราะไอ้ซาน…

 

“ส่วนน้องทัศ…เอ่อ….เอ่อ…” ไอ้ทัศเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ก็ทำท่าดี๊ด๊าใหญ่ ปากก็ท่องบทสวดไปด้วย

 

“เอาแล้ววะ กูจะแจ้งเกิดก็คราวนี้แหละ” ไอ้ทัศบ่นงึมงำอยู่คนเดียว

“ก้อนหิน” พี่ท็อปพูดจบก็จลดปากกาเขียน รายชื่อคนที่ได้แสดงหยิกๆ ไอ้ทัศที่ทำหน้ามีความหวังเป็นอันต้องห่อเหียวลงทันที

 

กูขออนุญาต สงสารมึงได้ไหม…

 

นักแสดงระดับแนวหน้ามาเจอกัน การพบกันของไอ้ซานและไอ้ทัศ ผมแทบนับวันรอดูไม่ไหวแล้ว

 

“โอเค คนที่มีรายชื่อแสดง พรุ่งนี้ให้มาเจอพี่ที่ใต้ตึกคณะ เวลา 17.30 น. นะ ส่วนคนที่ไม่มีก็ไปเตรียมของต่อเลย” พี่ท็อปพูดจบ ก็อยู่คุยกับเพื่อนในค่ายต่อสักแปปก่อนเดินออกไป พวกผมก็เดินตามออกมาติดๆ

 

วันนี้ไม่ต้องไปเตรียมค่ายเพราะพี่ท็อปหยุดให้วันหนึ่ง จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เคยเห็นหน้าพี่ซัน ประธานค่ายเลยสักครั้ง ส่วนมากมีอะไรติดต่อพี่ท็อปตลอด จนผมเริ่มอยากเห็นหน้าพี่แกขึ้นมาแล้ว

--------------------------------------------​

 

ไอ้ซานมาส่งผมที่ร้านพี่อ้อยเหมือนทุกวัน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ พี่แกออกมายืนทำท่ากระอักกระอ่วนใจอยู่หน้าร้าน สายตากวาดมองไปทั่ว ซอยเท้าหยิกๆ ทำหน้าเหมือนคนกำลังคิดไม่ตก

 

ผมขมวดคิ้วงงกับท่าทางของแก แต่ก็เดินเข้าไปสกิดไหล่ ให้หันมาทางผม

 

“สวัสดีครับพี่อ้อย” ผมยกมือไหว้เหมือนทุกครั้ง

 

“สวัสดีจ่ะ….อะ อ่าว..น้องภีม” พี่อ้อยทำท่าตกใจเมื่อเห็นผม ประโยคหลังเสียงเริ่มแผ่วลง

 

“ขอโทษนะครับที่มาช้า พอดีวันนี้มีนัดประชุมค่ายกะทันหัน” ผมรีบพูดขอโทษออกไปทันที พร้อมชี้แจงเหตุผลให้ฟัง “เดี๋ยวผมมาทำงานชดเชยที่ขาดไป พี่อย่าพึ่งหักเงินเดือนผมนะครับ”

 

ผมพูดขอความเมตตาจากสาววัยกลางคนตรงหน้า ต้องหาเงิน ถ้ามาโดนหัก ชีวิตผมแย่แน่ๆ

พี่อ้อยส่งยิ้มแห้งๆมาให้ พร้อมกัดริมฝีปากอย่างกังวล

 

“ว่าแต่…พี่มาทำอะไรหน้าร้าน วันนี้คนไม่มีเหรอครับ?” ผมถามอย่างสงสัย ปกติเวลานี้คนเยอะ พี่อ้อยต้องยุ่งอยู่ในครัวจนไม่มีเวลาพักด้วยซ้ำ

 

“มีอยู่จ่ะ แต่…” พี่แกทำท่าลำบากใจ

 

“….” ผมได้แต่ยืนนิ่ง รอฟังพี่แกพูดต่อ

 

“คือ พี่มารอเจอน้องภีม..เอ่อ…คือ” พี่อ้อยหลุบตามองพื้น ท่าทางของพี่แกทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย

 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นพี่แกเงียบไปสักพัก ผมจึงถามย้ำ

 

“คือ…พี่จะบอกน้องภีมว่า วันหลังไม่ต้องมาทำงานที่ร้านพี่แล้วนะ”

 

“!!?”

 

“พี่ขอโทษด้วย พี่พยายามช่วยน้องเต็มที่แล้ว แต่พี่ก็ต้องช่วยตัวเองเหมือนกัน” พี่อ้อยเข้ามาจับมือผมไว้แน่น เหงื่อเม็ดโตซึมผ่านฝ่ามือจนเปียกชุ่ม “พี่ขอโทษจริงๆ”

 

ความรู้สึกผมตอนนี้มันตกใจ ปนอึ้งไปหมด ใครก็ได้เอาไม้หน้าสามมาตีหัวผมที แล้วช่วยบอกผมด้วยว่ามันคือความฝัน

 

ผมโดนโล่ออกจากงาน ที่เป็นแหล่งหาเงินของผมมาตลอด

 

พี่อ้อยกำลังเล่าเรื่องตลกที่สุดในชีวิตให้ผมฟังอยู่หรือไง

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ผมถามเสียงสั่น “ทำไมพี่ถึงไล่ผมออก บอกเหตุผลได้ไหม” กลั้นใจถามออกไป หัวใจเต้นรัวไปหมด

 

“พี่โดนขู่ขึ้นค่าเช่า ถ้าไม่ไล่น้องออก เขาจะรีดเก็บค่าเช่าเพิ่มเป็น 3 เท่า ซึ่งพี่ไม่มีปัญญาจ่ายให้เขาหรอก ลำพังแค่กำไรที่ได้มาหักลบต้นทุนก็แทบไม่เหลือใช้แล้ว ต้องมาโดนเรียกค่าเช่าโหดแบบนี้ธุรกิจพี่ไปต่อไม่ได้กันพอดี”

 

“….”

 

“จะย้ายไปทำที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะตึกแถวนี้เป็นของวาติธิพัฒน์เกือบทั้งหมด” พี่อ้อยทำหน้าเป็นกังวล

 

วาติธิพัฒน์… ฝีมือพี่เมฆเหรอ

ไม่ใช่หรอก ลำพังพี่เมฆไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ…ถ้าไม่มีพี่เนลอยู่เบื้องหลัง

ทำผมย่ำแย่ไม่พอใจอีกหรือไง ทำไมถึงลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างพี่อ้อยมาลำบากด้วย

 

มันทำเกินไปแล้วนะ เกิดขอบเขตแล้ว

 

ผมเม้มปาก กำหมัดแน่นจนเลือดซึมด้วยความโกรธ ความเดือดดานในอกมันแทบประทุออกมา

กับสิ่งที่มันทำวันนี้

 

“พี่ไม่รู้ว่าน้องมีปัญหาอะไรกับตระกูลวาติธิพัฒน์ แต่พี่ไม่อยากมีปัญหากับเขา พี่ต้องรักษาร้านเอาไว้ ภีมเข้าใจพี่ใช่ไหม” พี่อ้อยเข้ามาจับแขนผมเอาไว้

 

“….”

 

“พี่ขอโทษนะ ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าน้องต้องการใช้เงิน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย”

 

“ไม่หรอกครับ พี่ไม่ผิดหรอก” คนที่ผิดคือไอ้คนที่มันทำเรื่องแบบนี้ตากหาก

 

พี่อ้อยหยิบซองสีขาวออกจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน มาวางไว้ในมือผม “นี่เงินเดือน พี่ให้เต็มจำนวนเลย ขอโทษด้วยนะ พี่ช่วยน้องได้แค่นี้จริงๆ”

 

“ครับ…”

 

แย่ชะมัดเลย

 

ตอนนี้ผมอยากเข้าไปต่อยหน้ามันให้สาสมกับโชคชะตาที่ผมไม่ได้กำหนดเอง เพราะทั้งหมดมันเป็นคนกำหนดให้ทั้งนั้น....

---------------------------------------


หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 09-09-2018 22:12:25
ผมเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ขับมาส่งที่บ้าน เห็นรถพี่เนลจอดอยู่ตรงลาน ทำให้รู้ว่าตอนนี้มันยังไม่ได้ออกไปไหน สองเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ด้วยอารมณ์คุกรุ่น เหมือนมีไฟสุมอยู่ในอก และพร้อมปะทุทุกเมื่อ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่า แม่ง! ทำไปเพื่ออะไร

 

เดินไปหยุดอยู่หน้าห้อง ยกมือขึ้นเตรียมเคาะ แต่พี่เนลดันเปิดประตูออกมาก่อน ด้วยใบหน้าบึ้งตึง มันใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ ปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นอกแกร่ง กับกางเกงสแล็คสีเข้ม ผมถูกเซตให้เป็นทรงอย่างดี แถมกลิ่นน้ำหอมยังฉุนจนแสบจมูกไปหมด 

 

“หลบไป” คนตรงหน้าสั่งเสียงแข็ง เมื่อผมขวางทางมัน

 

“พี่ทำแบบนี้ทำไม!! ต้องการอะไรจากผมอีก” ผมรีบตะคอกใส่มัน อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เข้าไปกระชากเสื้อคนตรงหน้าจนยับเยิน

 

“มึงพูดอะไร” มันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ มือแกร่งแกะมือผมออกจากเสื้อราคาแพง

 

“พี่เป็นคนขู่ขึ้นค่าเช่าร้านพี่อ้อย เพียงแค่ต้องการบีบผมให้ออกจากงาน ใช่ไหม!” ผมขึ้นเสียงมองมันด้วยสายตาแข็งกร้าว

 

พี่เนลกระตุกยิ้มมุมปาก “ใช่ กูเป็นคนบอกให้ไอ้เมฆทำเอง พอใจยัง? ”

 

“พี่ทำแบบนั้นทำไม!”

 

“ตอนแรกขอให้ไล่มึงออกดีๆแล้ว แต่พี่อ้อยแกไม่ยอม กูถึงต้องใช้วิธีนี้ เป็นไง ได้ผลดีใช่ไหม” มันเลิกคิ้วถามท่าทางกวนประสาท

 

“พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่ ทำไมถึงได้ลงทุนทำเรื่องชั่วขนาดนี้ แค่ทุกวันนี้ ที่ทำร้ายผมยังไม่สะใจพี่อีกเหรอ?”

 

“กูแค่อยากให้มึงลาออก”

 

“พี่กำลังยุ่งเรื่องส่วนตัวผม จนเกินขอบเขต กฎของเรามีไว้ให้ใช้ ทำไมไม่รู้จักปฏิบัติ”

 

“หึ” มันหัวเราะในลำคอ “กฎนั้น เดิมทีกูตั้งใจมีไว้ให้มึงปฏิบัติแค่คนเดียว” ร่างสูงก้มลงมา ให้หน้าเราเสมอกัน

 

“….”

 

“บ้านราคาตั้งเท่าไหร่ ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องเอา!”

 

เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ด้วยความโมโห เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหู มือหนาดันผมให้หลีกทาง แต่ผมยังดื้อดึงไม่ยอมหลีกให้ หน้าเรียบเฉยเริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิด พลางเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์

 

“หลีกไป กูมีนัด”

 

ผัวะ!**

 

ผมต่อยเข้าที่สันกรามมันเต็มๆ ในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัว จนหน้าหัน ถึงตรงนี้ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ รู้สึกโกรธจนแทบเสียสติ

 

พี่เนลเอามือมาลูบสันกราม หันมามองหน้าผม แววตาเอาเรื่อง ผมได้แต่ยืนกัดริมฝีปากจนห้อเลือดด้วยความเจ็บใจ

 

“มึงกล้าต่อยกูเหรอ?”

 

“ทำไมผมจะต่อยพี่ไม่ได้ ถ้าไม่พอใจก็ต่อยผมคืนเลย”

ผมจับมือมันขึ้นมา ทั้งสองข้าง ก่อนทั้งทุบ ทั้งต่อยเข้าที่หน้าตัวเอง

พี่เนลทำหน้าตกใจ รีบยั้งมือตัวเองไว้

 

“เป็นบ้าอะไรของมึงหะ!!” มันตะคอกใส่ผมเสียงดัง

 

“หยุดทำไม ต่อยผมเลย ต่อยจนกว่าจะสมใจพี่ แล้วเลิกทำลายชีวิตผมสักที!” ผมพูดติดสั่น ความเสียใจทั้งหมดที่อดทนเก็บไว้ ตีตื้นขึ้นมา น้ำตาเริ่มซึม ผมจึงรีบเอามือไปปาดมันออก เพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็นความอ่อนแอของตัวเอง

 

“ไอ้ภีมหยุด!” มันเปลี่ยนมารวบมือผมไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้

 

“พอใจพี่หรือยัง ผมเสียแทบทุกอย่างไปแล้ว ทั้งบ้าน ทั้งงานประจำที่ทำอยู่ ต่อไปพี่จะเอาอะไรจากผมอีกล่ะ? บีบผมให้ลาออกจากมหาลัยเลยไหม!!” ผมขึ้นเสียงใส่ ดึงแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม

 

คนตรงหน้าขบกรามแน่น ตั้งท่าจะเข้ามาต่อยผม จึงเตรียมตั้งการ์ดรอ เอาวะ วันนี้ขอต่อยกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ผมก็ผู้ชายเหมือนกัน ถ้าลองต่อยกับมันก็น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงล่ะวะ ถึงแม้ผมจะตัวเล็กกว่าแถมความสูงก็ห่างกันมากก็เถอะ

 

พี่เนลพุ่งเข้ามา อุ้มผมขึ้นพาดบ่าอย่างไม่ทันตั้งตัว มันเดินเข้าไปในห้อง ก่อนทุ่มผมลงกับเตียงนุ่น แล้วขึ้นคร่อมผมในเวลาต่อมา

 

เชี่ยไรเนี่ย…

 

“ออกไป ทำอะไรของพี่” ผมโวยวาย

 

“ทำไมถึงคิดว่ากูเป็นฝ่ายทำลายมึงด้วย จะมองว่ากูเป็นฝ่ายปกป้องมึงบ้างไม่ได้หรือไง” มันตัดพ้อ มองผมด้วยแววตาสั่นไหว ทำให้คนมองอย่างผม รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาในใจ

 

“พี่เคยปกป้องอะไรผม บีบให้ออกจากงานเนี่ยนะ ปกป้อง?”

มันเอื้อมไปเปิดลิ้นชักตรงหัวเตียง ก่อนหยิบมือถือที่น่าจะถูกเอาไปจำนำแล้ว โยนมาให้

 

“นี่ไงล่ะ!”

ผมรับมาด้วยความงง ปนตกใจ ที่มือถือเครื่องนี้มาอยู่กับพี่เนล

 

“คนให้มันเสียความรู้สึก ถึงกูจะเกลียดไอ้ซาน จนอยากเอามือถือเครื่องนี้ไปทำลายทิ้งก็เถอะ แต่ก็ทนเห็นมึงทำหน้าลำบากใจ ตอนเอาโทรศัพท์ให้พ่อไปไม่ไหว เลยเก็บไว้ให้ รักษาให้ดีๆล่ะ”

 

“…” อึ้ง…

 

“แต่จะดีมากถ้ามึงเอาไปคืนมัน”

 

“แล้วมันมาอยู่กับพี่ได้ไง…” ขมวดคิ้ว ถามออกไปให้หายสงสัย

 

“ก็เอาจากพ่อมึงน่ะสิ อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้…ว่าพ่อมึงมารีดไถเงินจากมึง”

 

“ระ…รู้ได้ไงครับ” อย่าบอกนะว่าแอบตามเป็นสโตกเกอร์ผมเงียบๆน่ะ น่ากลัวสัดๆ

 

“กูรู้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ ตั้งแต่พ่อมึงมาดักรอที่ ม.แล้ว”

 

“…”

 

“จะให้กู ปล่อยมึงไปทำงานเหนื่อยฟรี ให้พ่อมึงรู้ว่ามึงมีเงิน แล้วมาขูดรีดทีหลังน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ คิดว่าตัวเองเป็นพ่อพระอยู่หรือไง ช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองลำบาก กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน มันเสียเวลากูที่ต้องมานั่งรอมึง” พี่เนลระบายความอัดอั้นออกมา

 

“แต่พ่อกำลังลำบาก จะให้ผมอยู่เฉยๆหรือไง”

 

“หึ ลำบากอะไร หนี้ก้อนโต 1 แสนอะนะ กูใช้คืนให้ตั้งนานแล้วเถอะ”

 

“!!!?” หะ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

 

“กูจ่ายให้ตั้งแต่วันที่พ่อมึงมาดักเจอมึงที่มหาลัยวันนั้นแล้ว”

 

“ไม่จริง…”

 

เรื่องตลกอะไรกัน แล้วที่ผ่านมาล่ะ? จะบอกว่าพ่อผมโหหกงั้นเหรอ ไอ้โง่ข้างหน้าโกหกยังน่าเชื่อกว่าเลย

 

“กูมีหลักฐานนะ จะดูไหมล่ะ” มันลุกขึ้นไป หยิบใบเสร็จจ่ายเงินที่อยู่ในลิ้นชัก ยื่นมาให้ผม ในใบมีชื่อพ่อที่เป็นลูกหนี้อยู่ พร้อมจำนวนเงินที่รับชำระครบถ้วน ในวันเดียวกันกับที่พ่อมาขอเงินผมที่มหาลัย

 

ตอนนี้ผมอึ้งจนพูดไม่ออก รู้สึกจุกในอกไปหมด น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเมื่อไหร่ไม่รู้ ผมได้แต่ปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น โดยไม่คิดจะเช็ดมันออก

 

ผมเสียใจ.. เสียใจที่โดนพ่อหลอกเอาเงินซ้ำซาก แต่ก็ไม่เคยโกรธท่านเลย

 

“ขอโทษที่ทำให้มึงโดนไล่ออก แต่กูไม่อยากเห็นมึงลำบาก กูผิดมากไหม” พี่เนลที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอามือมาปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

 

“ตอนแรกกูตั้งใจปล่อยผ่าน เพราะพ่อมึงรับปากกับกูไว้แล้ว ว่าจะไม่มารีดไถมึงอีก แต่สุดท้ายก็มาเอาเงินมึงไป จะให้กูทำยังไง”

 

“…..ฮึก” พี่เนลดึงผมเข้ามากอดแน่น ไอ้อุ่นจากอ้อมกอดมัน ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจนน่าแปลกใจ

 

“จะปล่อยให้มารีดมึงที่ร้านพี่อ้อยเหมือนวันนั้นอีกเหรอ ยิ่งเป็นคนใจอ่อนแบบมึงแล้ว มีร้อยให้ร้อยมีพันให้พันอะ”

 

“….”

 

“ถ้าพ่อมึงแต่งเรื่องมาหลอกอีก มึงมั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่ใจอ่อน ปล่อยเรื่องนี้ให้กูจัดการเองเถอะ”

 

“….”

 

“มึงเหนื่อยเกินไปแล้ว หยุดเถอะ อยู่ทำงานกับกูแค่คนเดียวก็พอ ส่วนเงินกูจะเพิ่มให้อีก เท่ากับจำนวนที่ไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยเลย” มือหนาคอยลูบหัวผมเบาๆ เป็นการปลอบ “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ”

 

โอ๋พ่อง!

 

ผมปล่อยให้พี่เนลปลอบใจอยู่อย่างนั้นสักพัก ในหัวก็คิดทบทวน เงินเดือนที่หามาส่วนมากก็หมดไปกับพ่อ แถมของที่มีมูลค่าท่านก็เอาไปขายหมด จนผมไม่เหลืออะไรติดตัว อยากรู้จริงๆ ว่าท่านเอาเงินไปทำอะไร…

 

“ที่พี่เอาผมออกจากงานเพราะเรื่องนี้เหรอครับ”

 

“ใช่ แต่แค่ 20% นะ”

 

“อ่าว…อีก 80% ล่ะ”

 

“อีก 80% คือกูไม่ชอบใจผู้หญิงที่มาขอเบอร์มึง จบนะ”

เกือบหล่อละมึง เหตุผล 20% แรกมันเหมือนจะฟังขึ้นนะ แต่อีก 80% โคตรส้นติงเลย คือมึงหึงผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือไง งั้นกูขอโทษด้วยแล้วกัน ที่ผู้หญิงคนนั้น มาสนใจกู ฮ่าๆ

 

ก็คนมันหล่อช่วยไม่ได้

 

ผมมองหน้ามัน ยกยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจ พี่มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้ ความจริงก็แอบใจดีอยู่เหมือนกันแฮะ ถึงจะดูป่าเถื่อนไปหน่อยก็เถอะ

 

“แน่ะ! ยิ้มๆ หายโกรธกูแล้วใช่ไหม” มันเอามือมาดึงจมูกผมเล่น

 

“….”

 

“งั้นคืนนี้ก็มานอนกับกูนะ” พร้อมส่งยิ้มทรงเสน่ห์ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกใจเต้นอยู่ในอก

 

“ใช่เรื่อง ถึงแม้ผมจะหายโกรธพี่เรื่องนี้ แต่อย่าลืมสิครับ ข้อตกลงเรายังเหมือนเดิม” ผมพูดอย่างหนักแน่น มึงอย่ามาทำเนียน หาเรื่องนอนกับกูไอ้พี่เนล

 

“อะไรวะ มานอนกับกูหน่อยก็ไม่ได้ กูซื้อมึงมาแพงนะไอ้ภีม ทำงานให้สมกับราคาหน่อย” พี่มันได้ทีก็โวยวายชุดใหญ่

 

“หัดเคารพข้อตกลงที่ตัวเองสร้างขึ้นมาหน่อย” ถึงแม้คดีนี้จะจบ แต่คดีที่มึงทิ้งกูรอตรงห้างยังไม่จบนะครับ

 

“โอ้ยย ไอ้ภีม เห็นใจกูหน่อย กูไม่ได้นอนกกใครมาหลายวันแล้ว กูเหงากาย”

 

“ก็เห็นควงผู้หญิงไปทั่ว อย่ามาโกหกผม”

 

“กูพูดความจริง”

 

“งั้นก็โทรเรียกผู้หญิงของพี่มาสิครับ เห็นคั่วตั้งหลายคน เลือกเอาสักคนสิ” พูดแล้วหงุดหงิดเหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยวัยกระเตาะที่ประจำเดือนพึ่งมา ภาพที่มึงจู๋จี๋ดี้ด๊ากับคุณน้ำหวานยังติดตาอยู่เลย ถามว่าผมหึงมันเหรอ… ไม่รู้ครับ รู้แค่ว่าไม่ชอบ

 

“หืออ เสียงแข็งเชียวว ยังไม่หายงอนกูหรือไง” มันเอามือมาบีบแก้มผมเล่น

 

“….” ได้แต่สงสายตาจริงจังให้มันได้รู้ว่า กูไม่ได้อยู่ในอารมณ์ล้อเล่นกับมึง

 

“อ๋อ” มันเหล่ตามอง ยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน “งั้นโทรเรียกน้ำหวานมานอนด้วยดีกว่า”

 

“ตามสบายเลยครับ อยากทำอะไรก็เชิญ อ๋อ! วันหลังถ้ามีกับนัดผู้หญิงคนอื่น ก็อย่าพาผมไปด้วยนะ ขี้เกียจรอ” พอได้ยินชื่อ พาลทำให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

 

“ลูกหมา…”

 

“แล้วถ้าหอมแก้มกัน ก็ช่วยไปหอมในที่ลับตาคนหน่อย ไม่ใช่ทำในที่สาธารณะแบบนั้น หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง”

 

“ลูกหมาครับ”

 

“เลือกของให้กันตั้งนานสองนาน ได้มาแค่กำไลข้อมือ กับแหวนคู่ อ้าว! แล้วแหวนคู่หายไปไหนล่ะครับ ทำไมไม่ใส่ แบบนี้ฝ่ายหญิงไม่เสียใจแย่เหรอ” ผมจับมือมันขึ้นมาดู

 

“เมียครับ ใจเย็น” พี่เนลเอานิ้วมาแตะปากผมให้หยุดพูด พลางยกยิ้มกว้าง

 

"ใครเมียมึง"เห็นอารมณ์ของกูไหม กำลังเดือดถึงขีดสุดเลย

 

"เกรี้ยวกราดจัง" ร่างสูงเอามือมาขยี้หัวผมจนไม่เป็นทรง จึงปัดมือมันออก พลางส่งสายตาเป็นนัยๆว่า อย่ามายุ่งกับกู!!

 

“ที่พูดมาทั้งหมด คือหึงกู?”

 

“หึงทำไม” กล้าพูดนะมึง.. ใครหึงมึง ไม่มี๊

 

“หึงชัดๆอะ โคตรหึงเลยด้วย อย่าบอกนะ ที่ทำตัวอึมครึมใส่เพราะหึงกูกับน้ำหวาน ฮ่าๆๆๆ” พี่เนลหัวเราะร่วน ดังลั่นห้อง

 

ขำอะไรของมึง มันน่าขำนักหรือไง

 

มันเอามือกุมท้อง “โอ้ยย น่ารักว่ะมึง”

 

“ขำอะไรนักหนาครับ”

ผมขมวดคิ้ว เตรียมลุกจากเตียง ออกไปจากห้องมัน แต่พี่เนลไวกว่า ดึงแขนให้ลงไปนอน แล้วเอาตัวมาคร่อมไว้เหมือนเดิม

 

“ทำกูเครียดตั้งหลายวันเลยนะมึง ถ้าบอกตรงๆว่าหึงกู ป่านนี้คงนั่งยิ้มยันฟ้าสาง” มันก้มลงมากระซิบข้างหู

 

“ไม่ได้หึงครับ” ผมปฏิเสธออกไป พร้อมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอเมื่อสบตากับคนด้านบน ที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ พี่เนลยกยิ้ม มือซนเริ่มลูบไล้ตั้งแต่ลำคอ ลงไปเรื่อยๆ

 

“จะบอกอะไรให้…น้ำหวาน เป็นน้องกูเอง พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ กำลังตัดสินใจว่าจะต่อมหาลัยที่นู่น หรือกลับมาเรียนในไทย เรื่องนี้ยังคุยๆกันอยู่ คุณน้าอยากให้เรียนต่อนู่นเลย แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก” พี่เนลอธิบายให้ผมฟัง มือหนาค่อยๆลูบลงมาที่หน้าท้อง

 

หยุดมือมึงเลย จะอธิบายก็ใช้แค่ปาก มือไม่ต้อง

 

“บอกผมทำไมครับ” ผมตอบมันไป มือที่ว่างก็พยายามดึงมือมันออก

 

“ก็มึงหึงกูอยู่” มือมันค่อยๆมาลูบลงไปที่หน้าขาอย่างถือวิสาสะ

 

“ไม่ได้หึงครับ”

 

“กูจะบอกว่าน้ำหวานโตมาในสังคมที่ไม่ค่อยถือตัวแบบในไทย เธออาจจะทำอะไรโดยไม่คิดอยู่บ้าง มึงอย่าไปถือการกระทำบางอย่างของเธอเลย เรื่องหอมแก้มนั่นอีก เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เธอก็ชอบมาหอมกูแบบนี้แหละ โตมาอาจเพราะความเคยชิน จึงทำอะไรแบบนั้นออกไปจนทำให้มึงหึง”

 

“ผมไม่ได้หึง!!”

 

“ชู่ว เบาๆสิ” พี่เนลเอามือขึ้นปิดปากผมไว้ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มเสียงดัง

 

“!…แล้วเป็นพี่น้องกัน ปกติเขาจูบกันด้วยเหรอครับ” ผมถามสิ่งสุดท้ายที่ค้างคาใจ

 

“หะ? จูบอะไร” อีกฝ่ายทำหน้างง

 

“กะ…ก็…จะ…จูบกันไงครับ จูบปาก” ผมพูดตะกุกตะกัก หน้าก็เริ่มเห่อร้อนขึ้นมา

 

“หะ? ตอนไหน” เจ้าตัวยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ

 

“ก็ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเห็นเต็มสองตาเลย”

 

พี่เนลทำหน้านึกระลึกความหลังสักครู่ ก่อนพูดออกมา “อ๋ออออ มึงแน่ใจนะว่ากูจูบกับน้ำหวานจริงๆ”

 

“แน่ใจ” ผมตอบออกไปด้วยความมั่นใจ

 

“แน่ใจ?” มันถามย้ำ

 

“นะ แน่”

 

“แน่เหรอ?”

 

“เอ่อ…นะ แน่” ตอนนี้กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วไอ้สัด อย่าถามย้ำเยอะ เดี๋ยวพี่ลังเล

 

ในรูปที่ไอ้เบสให้ดูก็จูบกันนะ ถึงจะไม่เห็นปากปะกบปากก็เถอะ แต่มองยังไงก็จูบกันชัดๆ ถ้าถามว่าเป็นมุมกล้องได้ไหม… ตอบได้คำเดียวว่า ได้ แต่พี่ภีมจะไม่ลังเลเพราะเรื่องแบบนี้

 

“กูไม่ได้จูบกับน้ำหวานสักหน่อย”

 

“อย่ามาโม้”

 

“ไม่ได้โม้ ไม่ได้จูบจริงๆ” มันยังคงยืนยันทำเดิม จนผมเริ่มไม่แน่ใจ

 

“จะ จูบ” เสียงผมเริ่มแผ่วลง

 

“ไม่ได้จูบ!”

 

“….”

 

“ถ้าจูบต้องแบบนี้…”

 

คนด้านบนก้มลงมาประกบจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากอุ่นพยายามฉกชิมความหวาน ฟันคมขบเม้มบางเบา ก่อนจะส่งเรียวลิ้นเข้าแทรกโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกันกับปลายลิ้นผม ดูดกลืนหยาดน้ำใสลงคออย่างไม่นึกรังเกียจ ผมได้แต่ร้องครางในลำคอ รู้สึกวาบหวามอยู่ในอก รับรู้ถึงการเต้นของหัวใจของอีกฝ่าย ก็พลางทำให้หัวใจของผมเต้นรัวแรงไปด้วย

 

มันจูบอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ก่อนถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ ผมรีบกอบกวยอากาศให้ได้มากที่สุด มันมองตาผมด้วยแววตาหื่นกระหาย ก่อนประกบลงไปอีกครั้ง คนด้านบนดูดเม้นปากล่างผมอย่างอ่อนโยน ก่อนย้ายไปริมฝีปากบนต่ออย่างเชี่ยวชาญ ผมได้แต่ปล่อยให้มันทำอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ขัดขืนอะไร จูบที่มันมอบให้ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อยเลย

 

“อืมม” พี่เนลครางออกมาอย่างพึงพอใจ มือหนาเลื่อนขึ้นมาลูบไล้บริเวณอกของผม


พยายามดันตัวมัน เมื่อเริ่มหายใจติดขัด พี่เนลยังคงดื้อดึงไม่ยอมถอนริมฝีปากออก จึงเอามือไปตุบที่อกแกร่งแรงๆ มันถึงยอมผละออกแต่โดยดี

 

พี่เนลมองหน้าผม พลางเลียริมฝีปากตัวเองไปด้วย “ไอ้ภีม…” มันเรียกเสียงกระเส่า

 

“ครับ”

 

“กูขอได้ไหม” ไม่พูดเปล่า จับขาผมแยก ก่อนเอาตัวเองมาแทรกกลาง เห้ยๆๆ เดี๋ยวๆ เสื้อผ้ากูหายไปไหน มันก้มลงมากัดหูผมเล่น พลางกระซิบเสียงแผ่วเบา

 

“ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา กูคิดถึงมึงมากนะ มาเติมเต็มช่วงที่ขาดหายให้กูหน่อย” มันมองมาด้วยสายตาที่โหยหา จนผมต้องเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง

 

ฆ่ากูเถอะ ระเบิดผมให้ตายไปตรงนี้เลยก็ได้

 

"พี่มีนัดไม่ใช่หรือไง รีบไปดิ" ผมเอ่ยปากไล่

 

"ไม่เอา กูไม่ไปแล้ว"

 

เชี่ยยเอ้ยยยย ปล่อยกูไปเถอะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 09-09-2018 23:38:13
เย้ มาต่อแล้ว

 :katai2-1:

ว่าแต่ยังไงน้าาา เรื่องม่านฟ้ายังไม่เคลียร์เลยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-09-2018 00:12:17
จะรอดมั้ยละเนี๊ยะ!!!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 10-09-2018 00:14:51
พี่เนล คือรุ้ใจตัวเองรึยัง
ไม่ใช่ยัยฟ้านั้นกลับมา ก็ตามแผนเดิมนะ
สงสารภีมมมม ถ้าเปนแบบนั้น
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-09-2018 00:21:47
จะโดนจับกินแล้ววว
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-09-2018 00:55:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 10-09-2018 19:46:44
เนลป๋ามาก
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 11-09-2018 00:36:03
เดี๋ยววววว ต้องเคลียร์ก่อนโดนกินนะะ ไม่งั้นดราม่าใหญ่กว่าเดิมแน่ 555555
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 11-09-2018 08:42:20
เดี๋ยววววว ต้องเคลียร์ก่อนโดนกินนะะ ไม่งั้นดราม่าใหญ่กว่าเดิมแน่ 555555
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 11-09-2018 22:38:20
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Puring Pudding ที่ 11-09-2018 22:52:06
งื้ออออ จะหน่วงก้ไม่หน่วง แต่ไอฟินอ่ะฟินแน่นอน5555 :mew1: :mew2:

รอ Nc อย่างใจจดใจจ่อ555 :hao6: o13


สู้นะคะ คนเขียนขอให้คิดพล๊อตได้เยอะ :pig4: :hao6: :katai4: :call:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 13-09-2018 12:31:44
ยังไม่อนุญาตให้กินอ่ะค่ะคุณเนล เคลียร์เรื่องคุณฟ้าก่อนค่ะ มา!!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24 โกรธ(2/2) |[09/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 14-09-2018 13:26:54
ปมเยอะอ่ะ ภีมไปทำอะไรให้ฟ้าเกลียดแล้วฟ้ากับเบสรู้จักกันป่าวเบสถึงบอกภีมแบบนั้น แล้วอิพี่เนลยังไม่เคลียร์ตัวเองจะมากินภีมได้งั้ยแค่นี้ชีวิตนางก็ดราม่ามากพอแล้ว หวังว่าถ้าคนชื่อซันเจอภีมคงไม่มีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นอีกนะ อยากรู้อดีตของภีมแล้ว
ในที่สุดก็ตามทันสนุกมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ(เนล) |[18//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-09-2018 20:22:56
ตอนที่ 23.5

ความในใจ (Part เนล)

(1/4)

(ขอย้อนเหตุการณ์)

 

[Nel Talk]

หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ผมเดินออกมา ในสภาพเปลือยท่อนบน มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างเอาไว้ เดินไปใส่เสื้อผ้าเสร็จสรรพก็หยิบกระเป๋าสตางค์เอาเงินออกมานับ รวม 18 ใบ ผมมองเงินในมือที่ไอ้ภีมของเบิกล่วงหน้า ก็หวนคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา

.

.

 

“เห้ยๆ ไอ้เนล” ไอ้แจ็คเอานิ้วสกิดผมที่กำลังเปิดน้ำกินยิกๆ

 

“อะไรของมึง”

 

“นั่นใช่คนที่ขายบ้านให้มึงปะ ที่ไอ้ฟงบอกว่าติดพนันหนัก จนต้องขายบ้านตัวเองทิ้ง” ผมมองตามนิ้วที่ไอ้แจ็คชี้ไป เห็นคุณภัคพล ยืนคุยอยู่ไอ้ลูกหมาท่าทางเคร่งเครียด

 

“มาทำอะไรวะ…” ผมพึมพำ สองขารีบก้าวเข้าไปใกล้ๆ

 

“นั่นดิ อ่าวเห้ย ไอ้เนล มึงจะไปไหน” ไอ้แจ็คถาม ก่อนสาวเท้าตามมาติดๆ ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างต้นไม้ไม่ไกลจากสองคนนั้นมาก แต่ก็เป็นจุดอับสายตาพอสมควร

 

“พ่อขอโทษนะภีม”

 

“....”

 

“แต่พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อยนะ”

 

“....”

 

“พ่อขอร้องล่ะภีม พ่อขอร้อง” คุณภัคพลเข้าไปเขย่าแขนไอ้ภีมเบาๆ เมื่อเห็นมันยืนเงียบอยู่นาน “ถ้าพ่อหาไปคืนเขาไม่ได้ก่อนสิ้นเดือนหน้า พวกนั้นต้องส่งคนมาฆ่าพ่อแน่ๆ”

 

 

“สิ้นเดือนหน้า! เงินตั้ง 1แสน ลำพังผมคนเดียวคงหาไม่ไหวหรอกนะครับ” ไอ้ภีมเริ่มหน้าซีด เมื่อได้ยินจำนวนเงินที่ออกจากปากคุณภัคพล

เงินตั้ง…1 แสน ยังไงไอ้ลูกหมามันก็หาไม่ทันอยู่แล้ว ลำพังเงินเดือนของพี่อ้อยมันก็ไม่ได้เยอะ ขนาดที่จะจ่ายหนี้ให้พ่อมันไหวหรอก ดูจากงาน Part Time เข้า 5 โมง ออก 2 ทุ่ม เงินต่อเดือนไม่ถึง 6,000 ด้วยซ้ำ

 

“พ่อขอผ่อนจ่าย 1 หมื่นก่อน แต่ต้องเอาไปจ่ายก่อนอาทิตย์หน้า ภีมพอไหวไหมลูก”

 

“…” ไอ้ภีมยืนเงียบ ท่าทางลำบากใจ 1 หมื่น ก่อนอาทิตย์หน้า ต้องเบิกเงินล่วงหน้า 2 เดือนติดเลยนะนั่น จะไหวเหรอวะ

 

“พ่อขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อย”คุณภัคพลเมื่อเห็นลูกชายยืนเงียบอยู่นาน ก็รีบเข้าไปจับแขนไว้ ปากก็พูดขอร้องเสียงสั่น

 

ไอ้ภีมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนกลั้นใจพูดออกไป “ครับ ผมจะพยายามหาเงินมาให้ทัน”

 

ไม่ทันหรอกมึง 1 หมื่น ภายในอาทิตย์เดียว ยกเว้นหางานทำเพิ่ม หามรุ่งหามค่ำ ชนิดที่ไม่ได้หลับได้นอน หรือไม่ก็ไปขายตัวอ่ะ ซึ่งอย่างหลังถ้ามึงเลือกทำกูจะโกรธมึงมาก

 

“ขอบคุณลูกมากนะ ขอบคุณจริงๆ”

 

“แต่พ่อสัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่กลับไปเล่นการพนันอีก ส่วนเรื่องบ้านปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”

 

“โอเคพ่อสัญญา”

 

ไอ้ภีมเดินแยกกับพ่อ ไปหาซานที่ยืนรออยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่ เมื่อได้โอกาสผมก็รีบออกไปคว้าแขนพ่อไอ้ภีมที่กำลังจะเดินออกไปไว้ ท่านหันมามองผม ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มมาให้ ผมจึงยกมือไหว้ตามมารยาท

 

“คุณศิรากรมีอะไรหรือเปล่าครับ?…” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักทาย ด้วยท่าทางสบายๆ

 

“เอ่อ…ครับ ผมจะถามว่าคุณติดหนี้อยู่เท่าไหร่” ผมถามออกไปตรงๆ จะได้ไม่เสียเวลา

 

เรื่องนี้เสี่ยงพอสมควร การที่คนๆหนึ่งต้องการใช้เงินจำนวนมากในเวลาที่จำกัด มีโอกาสสูงที่มันจะขายตัว เพื่อแลกกับเงิน ยิ่งหน้าตาแบบมัน เจอคนเปย์หนัก นอนด้วยคืนเดียว ก็ได้มากกว่าเงินเดือนที่มันต้องทำทั้งเดือนแล้ว งานสบายได้เงินมาง่ายๆ แบบนี้มีเหรอที่จะไม่ติดใจ

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตผมคงยุ่งยากแน่ๆ เพราะมันดันเป็นกุญแจสำคัญของผมด้วย เรื่องที่ปั้นแต่งกับแม่มาจะมาเสียเพราะมันไม่ได้ ฉะนั้นผมควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม จะได้ไม่มีปัญหากันทีหลัง

 

“เอ่อ…” ท่านทำหน้าอึ้ง ผมจึงถามย้ำออกไปอีก

 

“ว่าไงครับ? ผมถามว่าติดหนี้อยู่เท่าไหร่”

 

“เอ่อ…มันก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ฮ่าๆ ลูกผมมันรับปากไว้แล้วว่าจะหาคืนให้ ลูกคนนี้มันเป็นเด็กกตัญญูครับ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทนเห็นพ่อลำบากไม่ได้ วันไหนที่ผมขัดสนเรื่องเงิน ภีมก็จะเป็นคนหาเงินมาช่วยผมเสมอ ล่าสุดผมก็เพิ่งเอารถกับโน๊ตบุ้กลูกชายไปขาย ภีมก็ไม่ได้โกรธอะไร พูดนิดพูดหน่อยก็เข้าใจแล้ว เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย คุณคงรู้จักลูกผมสินะ เห็นภีมบอกว่าจะพยายามหาทางเอาบ้านคืนจากคุณอยู่ ยังไงก็ช่วยเอ็นดูมันหน่อยนะ” ท่านพูดติดหัวเราะ เอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ

 

“ครับ” ผมกัดฟันแน่น ฟังแล้วรู้สึกโมโหยังไงก็ไม่รู้ ทำไมถึงพูดเรื่องที่ทำให้ลูกตัวเองลำบากได้อย่างหน้าชื่นตาบานแบบนั้น มิน่าล่ะ ทำไมมันถึงไม่มีรถขับจนต้องอาศัยไอ้ซานตลอด เพราะรถตัวเองโดนคนเป็นพ่อเอาไปขายทิ้งนี่เอง

 

“เอ่อ ขอโทษนะครับ อย่าว่าผมยุ่งเรื่องของคุณเลย คุณพ่อไปทำอะไรหนี้ถึงติดตัวมากมายขนาดนั้นครับ พอดีผมบังเอิญได้ยินพอดี ไอ้ภีมก็เป็นเพื่อนผมคนหนึ่ง ไม่อยากเห็นมันฝืนตัวเองจนเกินไป เพราะปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อน่ะครับ” ผมส่งยิ้มไปให้ท่าน

 

“อ๋อ ฮ่าๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ หนี้ทั่วไป” ท่านบอกปัด “งั้นผมไปก่อนนะครับ มีธุระต้องไปทำต่อ” พูดจบท่านก็รีบสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ผมจึงรีบตะโกนออกไป

 

“เดี๋ยวผมจ่ายคืนให้ทั้งหมดทบต้นทบดอก”

 

“อะไรนะครับ” ท่านหันกลับมา ทำหน้างง ผมจึงพูดย้ำไปอีกรอบ เพื่อตอกย้ำว่าที่ท่านได้ยินนั้นไม่ได้หูฝาด คุณภัคพลยกยิ้มอย่างดีใจ ก่อนเดินเข้ามาหาผม “จริงเหรอครับ”

 

“ครับ แต่ผมมีข้อแม้อย่างหนึ่ง คืออย่ามาขอเงินไอ้ภีมมันอีก ทำได้ไหมครับ” ให้มันหาเพื่อตัวเองบ้างเถอะ

 

“ครับ ทำได้ครับ” ท่านรีบผงกหัว

 

“ดีครับ หลังเลิกเรียนมาหาผมอีกที แล้วพาผมไปจ่ายหนี้ที่คุณภัคพลติดด้วย ผมจะไม่จ่ายเงินสดให้คุณแต่จะชำระผ่านเจ้าหนี้คุณโดยตรงเลย” ผมไม่เสี่ยงให้เงินสดไปหรอก ถ้าเอาไปจ่ายด้วยตัวเอง อย่างน้อยๆก็มั่นใจว่าเงินของผมชำระหนี้ให้ท่านแล้ว และมีใบเสร็จยืนยันด้วย

 

“เอ่อ..ได้ครับ”

 

“อย่าลืมไปบอกลูกคุณด้วยนะครับ ว่าไม่ต้องหาเงินมาคืนแล้ว ......อ้อ! แล้วอย่าบอกมันนะว่าเป็นเงินผม ผมไม่อยากให้มันมองว่าผมไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมันโดยไม่จำเป็น”

 

“ครับ ผมจะรีบไปบอกลูกภีมทันทีเลย ว่าหนี้ของพ่อมีคนใจดีจ่ายให้หมดแล้ว”

 

“ครับ อย่าให้ผมเห็นว่าคุณมาขูดรีดเงินจากลูกตัวเองอีก ถ้าคุณภัคพลต้องการเงิน ให้มาติดต่อที่ผมโดยตรง แล้วผมจะพิจารณาอีกทีว่าสมควรให้เงินคุณหรือไม่”

 

 “ครับ”

 

.

.

 

ผมยืนมองไอ้ภีมนอนหลับปุ๋ย ไม่รู้เรื่องรู้ราวบนเตียง เอามือเกลี่ยเส้นผมที่ตกปรกหน้ามันออก ก่อนไล่ลงมาที่แก้มเนียน น่าแปลกทั้งๆที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แก้มกลับนุ่มนิ่มน่าฟัด  ออกแรงบีบเล่นจนเจ้าตัวขมวดคิ้ว มันครางในลำคออย่างรำคาญ มือก็พยายามปัดป่ายออก

 

ผมได้แต่ยืนขำกับท่าทางของมัน ก่อนเดินไปหยิบถุงเสื้อผ้าที่ตั้งใจเลือกให้ วางไว้ข้างๆตัว กับเงินสด หมื่นแปด วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจคุณภัคพลหรอกนะ แต่ผมแค่แปลกใจว่าทำไมหลังจากที่จ่ายหนี้ไปแล้ว ไอ้ภีมถึงยังไปทำงานที่ Sun Pub แถมขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าอีก ถ้าคิดอย่างแย่ที่สุด คือ พ่อมันยังไม่ได้บอก เรื่องที่ผมจ่ายหนี้ให้แล้ว อยากถามเรื่องนี้กับมัน แต่เลือกเก็บไว้เงียบๆดีกว่า

 

ผมให้มันหมื่นแปด 1หมื่นเป็นค่าที่มันขอเบิก ส่วนอีก 8 พันเป็นค่ากิน ดูแล้วเงินหมื่นได้หมดไปโดยที่เจ้าตัวไม่มีเงินเก็บแน่ๆถ้าหากว่าเรื่องที่ผมคาดการณ์ไว้มันเป็นความจริง

 

ผมออกมาเก็บกวาดเศษกระจกที่ตัวเองเป็นคนทำแตก ที่ห้องของไอ้ภีมก่อน ตอนเย็นๆค่อยเรียกช่างมาเปลี่ยนกระจกให้ใหม่

 

ได้ยินเสียงกดกริ่งจึงเดินออกไปดู เป็นป้าร้านซักรีดที่เอาเสื้อที่ส่งซักเมื่อวานมาส่ง ผมรับแล้วจ่ายเงินให้ป้าแกไป เอามายัดใส่ตู้ของตัวเอง ส่วนของไอ้ลูกหมาก็เอาไปแขวนที่ราวตากผ้าห้องมัน บางทีผมก็คิดนะ ว่าผมจ้างมันมาทำอะไร ให้ดูแลแทบทุกเรื่องเลย

 

เดินลงมาเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน หยิบแอปเปิ้ลออกมาสองลูก จัดการกินเพิ่มพลังงานหลังจากนั่งจัดผ้าให้ใครบางคนจนเหนื่อย ยกนาฬิกาขึ้นมาดู อีกครึ่งชั่วโมงเรียนคาบแรก ผมจึงทำตัวชิวได้ หยิบขวดน้ำออกมา เทน้ำใส่แก้ว แล้วยกขึ้นดื่ม

 

เหล่ตามองคนตัวเล็กที่เพิ่งลงบันไดมา มันใส่เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาสามส่วน ยืนมองผมตาแป๋วอยู่ข้างตู้เย็น

 

บอกตรงๆ เรื่องที่มันพูดเมื่อวานทำให้ผมฉุกคิดได้ ว่าผมกำลังยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมันมากเกินไปจริงๆ ไอ้ข้อตกลงที่ผมสร้างขึ้นมา กลับทำมันไม่ได้สักข้อ มันพูดถูกทุกอย่าง ผมไม่ควรยุ่งกับชีวิตมันไปมากกว่านี้

 

นอกจากจะทำให้มันรําคาญแล้ว ช่วงนี้ผมยังรู้สึกว่ามันน่ารักขึ้น จนหวั่นไหวแปลกๆ ไอ้ภีมทำให้ตารางชีวิตผมรวนไปหมด จากที่เคยนัดผู้หญิงไปกินข้าว ดูหนังฟังเพลง และจบด้วยเรื่องอย่างว่า ผมต้องสละเวลาทั้งหมดมาดูแลคนอย่างมัน บางครั้งการกระทำเรียบๆ ของมันก็ทำให้ผมยิ้มโดยไม่รู้ตัว

 

ยอมรับตรงๆ ว่าผมกลัว…

 

กลัวว่าความรู้สึกผมจะถลำลึกเกินไป จนสุดท้ายแล้ว ผมจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีมันไม่ได้

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แย่แน่ๆ ต้องรีบพาตัวเองไปใช้ชีวิตแบบเดิมให้ได้

 

“เอ่อ..เสื้อผ้าในห้องผม พี่เป็นคนเอาไปซักเหรอครับ” มันถามออกมา หลังจากที่ยืนเงียบอยู่นาน ผมทำเป็นไม่สนใจมัน ดื่มน้ำต่อ

 

"เสื้อผ้าผม..."

 

คลื่น คลื่น

 

ผมวางแก้วลง มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากดรับ

 

[ฮัลโหล ไอ้เนลรถกูแม่งเสียว่ะ ออกจากบ้านยัง มารับกูที่คอนโดหน่อยยยย ฮื้อออ อย่าเพิ่งจากพ่อไปนะลูกเอ้ยย] เสียงของไอ้แจ็คที่โอดครวญออกมา ได้ยินเสียงสตาร์ทรถติดๆดับๆ หลุดออกจากปลายสาย เอ่อ…รถอีแก่ใกล้ตายของมึงกำลังจะไปดีแล้วสินะ

 

“ครับน้องเนย พี่กำลังออกไป” ผมกลั้นใจพูด

 

[น้องเนยเหี้ยไร กูชื่อแจ็ค! รีบๆมารับกูล่ะ]

 

“ครับ รอพี่แปปหนึ่งนะ”

 

[สัด พูดไรของมึง สยองว่ะ! แต่รีบๆมารับกูนะโว้ย เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน]

 

“ครับผม”

 

[อี๋! มีครับพงครับผม ขนลุกครับ]

 

ผมยกยิ้ม กดวางสายไอ้เชี่ยแจ็คไป สองขารีบก้าวออกมา โดยพยายามไม่สนใจลูกหมาที่ทำหน้าเจื่อนอยู่ข้างตู้เย็น

 

ไอ้เนล ท่องไว้อย่าไปสนใจมัน

แบบนี้แหละมึงทำถูกแล้ว

.

.

.

 


ตอนเที่ยง ผมพาน้องโมวิทยาออกมากินข้าวข้างนอก เสียเวลาขับรถวนตั้งนาน กว่าจะเจอร้านที่ถูกใจ ร้านนี้คนค่อนข้างเยอะ ที่จอดรถเต็ม แถมที่เหลือยังจอดข้างทางยาวเป็นหางว่าว จึงเอาจอดไว้ที่หน้าร้านฟาสต์ฟู้ด ลงทุนเดินเอา

 

ใช้เวลาไม่นานกินเสร็จก็เดินกลับรถแต่สายตาดันไปเห็นคนตัวเล็กที่นั่งกินข้าวกับไอ้ซานผ่านกระจกใสของร้าน เท้าผมหยุดชะงักยืนมองมันนิ่ง เห็นมันคุยหัวเราะได้ผมก็ควรรู้สึกดีใจ แต่เปล่าเลย ผมกลับรู้สึกไม่ชอบใจ เพราะคนที่ทำให้มันร่าเริงได้ขนาดนี้กลับไม่ใช่ผม แต่เป็นมัน..

 

ไอ้ซานเอากระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปากไอ้ภีมที่กินเลอะเหมือนเด็ก พลางพูดอะไรสักอย่าง ก่อนดีดหน้าผากไอ้ภีม จนเจ้าตัวต้องเอามือมาลูบปอยๆ ไอ้ภีมลุกขึ้นมาดีดไอ้ซานบ้าง ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า แต่ผมทำได้แค่มองเฉยๆเท่านั้น เพราะผมไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัวมัน

 

ไอ้ภีมหันมามองผมผ่านกระจก เราสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ สบตากับมันอยู่อย่างนั้นสักพัก สุดท้ายเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว รีบหลบตา แล้วหันมาสนใจคนข้างๆแทน

 

เอามือโอบไหล่มนไว้ “รีบกลับกันเถอะ พี่มีเรียนต่อ” ก้มลงไปจูบหน้าผากของเธอ ก่อนจับมือเล็กเดินตรงดิ่งไปที่รถ แล้วขับออกไปทันที

 

 

-----------------------------------------

 

รู้สึกหงุดหงิดทั้งวัน ในหัวมีแต่หน้าของไอ้ภีมจนรู้สึกหลอนไปหมด อยากออกไปตะโกนดังๆว่า เป็นเชี่ยไรของกูเนี่ย ตั้งใจว่าเลิกเรียนเสร็จจะไปแดกเหล้าสักหน่อย แต่ดันโดนไอ้เมฆชวนไปกินข้าวก่อน เลยต้องไปกับมัน ตอนแรกตกลงหาร้านกันอยู่นาน และหวยก็มาออกที่ร้านเจ๊อ้อยเหมือนเดิม ผมพยายามหาข้ออ้าง เพราะไม่อยากไปกินที่นั่น แต่สุดท้ายก็โดนบังคับมานั่งทำหน้าเซ็งอยู่ในร้านจนได้

 

ผมพยายามไม่สนใจสายตาไอ้ลูกหมาที่มองมา ทำเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ลึกๆผมจะรู้สึกอึดอัดในใจแค่ไหนก็ตาม นั่งกินอยู่สักพัก เจ๊หน้าสวยโต๊ะข้างๆก็เรียกไอ้ภีมไป เดินหน้ารุกจีบมันเต็มที่ ไอ้นี่ก็เหลือเกิน ยืนเอ๋อๆให้เขาแทะโลมเล่น ซึ่งกูที่นั่งฟังอยู่ตรงนี้ เห็นรู้สึกหงุดหงิดกว่าเก่าอีก ผมนั่งอดทนจนกระทั่งมันยื่นโทรศัพท์ให้เจ๊แกแอดไลน์นั่นแหละ ทนไม่ไหวจึงทุบโต๊ะระบายความโมโห ก่อนสาวเท้าเดินออกไปจากร้านฉับๆ โดยไม่สนใจสายตาที่มองมา

 

 

“ไอ้เนล เป็นไรวะ” ไอ้แจ็ควิ่งออกมา รั้งแขนผมไว้

 

“ไม่รู้” ผมพยายามข่มอารมณ์ไว้ ดึงแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่หงุดหงิดฉิบหาย

 

“ทะเลาะกับน้องภีมมาเหรอ” มันถามด้วยใบหน้าจริงจัง สายตาฉายแววเป็นห่วง

 

“ก็ไม่เชิง”

 

“งั้นก็เข้าไปเคลียร์กันดีๆ ปัญหาจะได้ไม่คาราคาซัง” ไอ้แจ็คดึงแขนผม พยายามลากเข้าไปในร้าน แต่ผมหยุดเท้าเอาไว้ก่อน มันหันมามองผม คิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ

 

“…”

 

“กูไม่รู้ว่าพวกมึงมีปัญหาอะไรกัน แต่ไปคุยกันดีๆเถอะ” ไอ้ฟงที่วิ่งตามมาติดๆพูดบ้าง “กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้”

 

“มันไม่มีประโยชน์หรอกฟง” จะให้ไปคุยอะไร? มันไม่มีเรื่องที่ต้องคุยด้วยซ้ำ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ไอ้ภีมต้องการ

 

“รู้ได้ไงว่ามันไม่มีประโยชน์ ทั้งๆที่มึงยังไม่ได้ลงมือทำเนี่ยนะ?”

 

“…”

 

“ไม่มีอะไรที่ลงมือทำแล้วมันไร้ประโยชน์หรอก คนที่บอกว่าไร้ประโยชน์คือคนที่ยังไม่ลงมือทำต่างหาก”

 

“เหมือนจะรู้เรื่อง แต่กูก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี” ไอ้ฟิวพูดออกมาเสียงดัง จนไอ้ฟงหันไป เอาหนังสือปรัชญาเล่มหนาตีหัวมันเบาๆ เจ้าตัวต้องเอามือลูบหัวตัวเองปอยๆ ปากก็ด่าไอ้ฟงไป

 

“รุงแรงจังวะ ตีกูทำไมเนี่ย!”

 

“ขัดกู”ไอ้ฟงพูดกับไอ้ฟิว ก่อนหันมาพูดกับผมต่อ “รีบๆไปสะสาง กูเบื่อสีหน้าอมทุกข์ของมึงจะตายห่าอยู่ละ”

 

“ใครหน้าอมทุกข์ กูออกจะสดใส” พูดพร้อมฝืนยิ้มยิงฟัน

 

“โอ้โห…ดูฝืนสัดๆ” ไอ้ฟิวบ่นออกมาเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี

 

“…..” ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรมันไป ได้แต่มองหน้ามันนิ่งๆ

 

“ทำไมต้องทำหน้าดุด้วย” มันทำหน้าจ๋อย ไปหลบหลังไอ้เมฆ ก่อนค่อยๆโผล่ออกมาแค่เสี้ยวหน้า“แล้วจะเอาไงต่อ”

 

“ไม่รู้ ยังคิดไม่ออก”

 

“อืม ยังไงก็อย่าปล่อยทิ้งไว้นานละกัน”

 

“อืม” ผมตอบรับไอ้ฟิวไปสั้นๆ รู้สึกว่าร่างกายต้องการแอลกอฮอล์เป็นอย่างมาก เลยเอ่ยปากชวนพวกมัน “ไปแดกเหล้ากันเถอะ”

 

“เลิกเรียนเสร็จ มึงจะแดกเหล้าต่อเลยเหรอไอ้เนล”

 

“เออ! จะไปไหม กูเลี้ยง”

 

“ไปอยู่แล้ว ช่วงนี้เหงาปาก พี่ฟิวต้องการเหล้ามากระแทกปากแรงๆ”

 

 

-----------------------------------------

 

พวกเรามากินเหล้าที่ร้านไอ้แจ็ค ในร้านมีแต่กลุ่มพวกผมเท่านั้น เพราะเวลานี้ร้านมันยังไม่เปิด จัดการสั่งเหล้ามาประมาณ 7-8 ขวดได้ ตั้งใจจะกินจนตับแข็งตายไปข้างหนึ่ง ไอ้แจ็คเปิดเพลงคลอเบาๆให้ฟัง ผมก็นั่งฟังเงียบๆไป ส่วนพวกที่เหลือก็ผลัดกันเล่าปัญหาชีวิตของแต่ละคน ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง สายตามองไปที่โต๊ะมุมหนึ่ง ภาพเหตุการณ์ที่ไอ้ภีมโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เข้ามาต่อยผม ในวันที่ผมแย่งแฟนไอ้ทัศ ฉายมาในหัวเป็นฉากๆ

 

คิดแล้วอดขำไม่ไหว

ตัวก็แค่นั้น อวดเก่งเป็นบ้า ปากก็ร้าย แต่น่ารักฉิบหาย

 

ผมรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว คิดอะไรของกูวะ? พยายามทำใจให้ว่าง แล้วหันไปจดจ่อกับเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ แต่หน้าของใครบางคนกลับยังวนเวียนอยู่ในหัว จนรู้สึกหงุดหงิดใจไปหมด

 

ไอ้ภีม…มึงเป็นผีหรือไงวะ

 

รอไม่นานไอ้แจ็คก็เอาเหล้า และกับแกล้มเล็กๆน้อยๆมาเสิร์ฟ ผมหยิบขวดวอดก้าขึ้นมาจัดการเทใส่แก้ว แล้วกระดก ดื่มเพียวๆทีเดียวหมด ส่วนที่เหลือก็คอยๆริน แล้วเอามาผสมกับโซดาบ้าง โค้กบ้าง แล้วแต่ความชอบ

 

พวกเรานั่งกินไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเปิดร้าน คนเริ่มเข้ามาเยอะขึ้น ไอ้ฟิวก็พยายามชวนผมไปหลีหญิง โต๊ะ 10 ที่หุ่นน่าปล้ำมาก อกเป็นอก ก้นเป็นก้น จับทีเดียวเต็มมือ แต่ผมเลือกที่จะปฎิเสธมันไป เพราะไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น ไอ้ฟิวทำหน้างอเดินลากแขนไอ้แจ็คไปแทน ส่วนไอ้ฟงก็นั่งเล่นโทรศัพท์ของมันไป ตอนนี้มีแต่ผมกับไอ้เมฆที่ยังนั่งดื่มอยู่

 

ขวดที่2 หมดไป ไอ้ฟิวเดินกลับมาพร้อมผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่ง ส่วนไอ้แจ็คก็ควงสาวนมโตเท่าลูกแตงโมมานั่งด้วย ตอนนี้ผมเริ่มมึนๆเบลอ แต่ยังสามารถประคองสติของตัวเองได้อยู่

 

ขวดที่3 ค่อยๆหมดไป สติเริ่มเลือนลาง ไอ้ฟิวตอนนี้ได้นอนหมดสติอยู่บนพื้นแล้ว ส่วนผู้หญิงที่มันพามาเริ่มขยับมานั่งใกล้ๆ มือไม้เริ่มเลื้อยไปตามตัวผมอย่างถือวิสาสะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ยกแก้วดื่มต่อ

 

“ชื่อเนลสินะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียยั่วยวน มือค่อยๆไต่มาลูบต้นแขนผมเล่น

 

“ครับ” ผมตอบไปด้วยสภาพกึ่งหมดสติ

 

“หล่อจังเลยค่ะ มีแฟนรึยังคะ”

 

“ครับ”

 

“แย่จังเลย แต่ไม่เห็นพาแฟนมาด้วย แปลว่าวันนี้เราก็มีสิทธิ์สินะ”

 

“ครับ”

 

“งั้นก็พอก่อนเถอะค่ะ” เธอเอื้อมมือไปจับแก้วเหล้าออกจากมือผม มือบางก็ลูบต้นขาผมไปด้วย “อย่าดื่มเยอะ รินเป็นห่วง”

 

เป็นห่วงเหรอ…

 

‘ถ้าห่วงก็ช่วยอยู่ห่างๆจะดีต่อผมมาก’

 

‘ต่อจากนี้ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่อีก ยกเว้นพวกงานต่างๆที่เรามีสัญญาต่อกันเท่านั้น ส่วนพี่ก็เลิกยุ่งกับผมนอกจากเวลางานได้แล้ว’

 

หึ! การที่มีตัวตนของกูอยู่ในชีวิตมึง มันคงแย่มากสินะ ไอ้ภีม… การที่กูเป็นห่วงมึงเป็นเรื่องผิดมากเหรอ

 

‘หวังว่าพี่จะเคารพข้อตกลง’

ข้อตกลงบ้าอะไร!

 

ผมเอื้อมมือไปหยิบขวดที่ 4 ขึ้นมากระดกทั้งขวด เหมือนกับดื่มน้ำเปล่า  น้ำสีอำพันไหลลงคอเป็นสาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาติของมันเลย

 

‘ฝันดีนะครับ เจ้านาย’

 

“พอไอ้เนล มึงเมาแล้ว” ไอ้ฟงรีบเข้ามาดึงขวดจากมือไป สบัดมือมันออก แล้วไปแย่งคืน ยกดื่มต่อ

 

‘ทำให้เด็กนั่นหลงรักเนล แล้วทิ้งเพื่อฟ้าหน่อย’

 

‘ทำเพื่อฟ้า พิสูจน์ให้ฟ้าเห็นว่าเนลรักฟ้าจริงๆ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ มันก็แล้วแต่เนล แต่ถ้าเนลไม่ทำฟ้าก็คงคบกับเนลไม่ได้ เพราะเนลไม่สามารถทำให้ฟ้าเชื่อได้ว่าเนลรักฟ้าจริงๆ’

 

‘เนลไม่อยากคบกับฟ้าแล้วเหรอ’

 

‘งั้นก็ทำเพื่อฟ้า’

 

ปึง!!

ผมกระแทกขวดเหล้าในมือลงกับโต๊ะ เสียงดัง ทำให้คนที่นั่งดื่มอยู่หันมามองกันเป็นแถบๆ

 

“แฮ่กๆๆ” หอบหายใจถี่รัว รู้สึกลมหายใจติดขัด เหมือนมีอะไรจุกแน่นอยู่ในอก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมออกมาตามรูขุมขน

 

“ไอ้เนล เป็นไรวะ” ไอ้เมฆเข้ามาจับไหล่ผม ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ผมได้แต่โบกมือให้ เป็นการบอกว่า กูไม่เป็นไร

 

“กูว่ามันไม่ไหวแล้ว พามันกลับเถอะ” ไอ้แจ็คที่มองอยู่ พูดขึ้นมา

 

“เดี๋ยวกูพากลับเอง” เป็นไอ้ฟงที่อาสา มันหิ้วปีกผม ลากออกมาขึ้นรถอย่างยากลำบาก จริงๆกูยังไหวนะไอ้ฟง กูยังงงงงหวายยยยย ปล่อยยยยกู อย่าดูถูก คอกูแข็งจะตาย

 

ไอ้ฟงจับผมยัดเข้าไปในรถเสร็จ มันก็อ้อมไปฝั่งคนขับ และขับรถออกไปทันที ผมก็ได้แต่นั่ง สะลึมสะลือ พยายามประคองสติที่มีน้อยนิดให้ได้มากที่สุด อาจเป็นฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ผมตัดสินใจถามคำถามโง่ๆกับไอ้ฟงไป

 

“ไอ้ฟง…กู…สับสนว่ะ”

 

“หือ?”

 

“กูไม่รู้ว่าระหว่าง ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยมีไอ้ภีมยืนรออยู่หลังเส้น กับได้รับชัยชนะโดยที่ต้องเสียมันไป แบบไหนมันดีกว่ากัน”

 

“อยู่ที่มึงเลือกมากกว่า ว่าระหว่างแพ้ แต่มีน้องมันยืนให้กำลังใจหลังเส้น มีคนอยู่เคียงข้าง คอยจับมือมึงเวลาล้มให้ลุกขึ้นมา กับ หลังเส้นชัยไม่มีใครเลย มีแต่ถ้วยรางวัล ที่ไม่สามารถตีค่าอะไรได้ ในความรู้สึก…”

 

“….”

 

“ลองถามใจดู ว่ามึงอยากได้อะไร”

 

“หึ มึงพูดไม่รู้เรื่อง หรือกูเมาวะ…ไม่เข้าใจว่ะ” ผมเอามือขึ้นมาเกาหัว พลางหัวเราะแห้งๆให้มันไป

 

“เดี๋ยวสักวันมึงจะเข้าใจเอง”

 

หลังจากนั้นก็เกิดความเงียบเข้ามาครอบงำ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัว ผมก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งได้ยินไอ้ฟงคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ก่อนขับมาจอดนิ่งอยู่ร้านอะไรสักอย่าง

 

“ไอ้เนล มึงรอกูแปปนะ เดี๋ยวไปซื้อข้าวต้มให้น้องอาร์คก่อน”



“อืม” ผมตอบมันส่งๆ สายตาก็พยายามเพ่งชื่อร้านที่อยู่ข้างหน้า ‘ข้าวต้มชงเทพ’

 

เอ่อ..ไอ้คนที่นั่งตรงนั้นทำไมหน้าคุ้นๆวะ แต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จึงใช้สายตาเพ่งเล็งอีกครั้ง คราวนี้ชัดขึ้นมานิดหน่อย แต่ผมก็พอนึกได้แล้วว่าเป็นใคร

 

ไอ้ภีมนี่หว่า! ข้างๆนั่นก็คุณภัคพลพ่อมันไม่ใช่หรือไง?

 

คุณภัคพลมาหามันทำไมวะ?!
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (พาสเนล) |[18//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 18-09-2018 22:23:19
ความในใจ
(2/4)


ผมนั่งมองไอ้ภีมผ่านกระจก สติเริ่มเลือนรางลงไปทุกที เห็นมันกำลังยื่นเงินปึกหนึ่ง ให้คนที่เป็นพ่อ คุณภัคพลรับไป ยกยิ้มอย่างดีใจ รีบนับเงินในมือทันที

 

 หึ! คิดไว้ไม่มีผิด คนที่ได้หลวมตัวเข้าไปเล่นการพนันจนติดเป็นนิสัย หลุดออกจากบ่วงนี้ยาก ถ้าเคยได้ครั้งหนึ่งแล้ว มันยิ่งอยากได้ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสนองตัณหาของตัวเอง

 

 ภาพตรงหน้าผมเบลอ หนังตาเริ่มปิดลงช้าๆ ผมได้แต่ฝืนตัวเอง ไม่ให้หลับตอนนี้ เห็นไอ้ภีมหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ก็โดนฉกไปทันที สองคนนั่นพูดอะไรกันไม่รู้ เห็นแต่สีหน้าลำบากใจของลูกหมาชัดเจน

 

หน้าตาเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่คุณภัคพลมาขอเงินมันที่ ม.

 

ผมตะเกียกตะกายลงจากรถอย่างยากลำบาก พยายามทรงตัวเมื่อเท้าแตะพื้น รู้สึกเหมือนโลกหมุน โงนเงนไปหมด ผมเดินโซเซ ไปหาไอ้ภีม แต่หัวดันไปชนอะไรสักอย่างดังตุบ ก่อนล้มตัวลงไปกับพื้น สติที่มีดับวูบลงทันที

.

.

.

เสียงกุกกัก  ทำให้ผมที่นอนหมดสติอยู่ค่อยๆลืมตาตื่น พยุงร่างกายที่อ่อยเพลียให้ลุกขึ้นมาด้วยอาการมึน แถมปวดหัวจากอาการเมาค้างเมื่อคืน

 

 รู้สึกเหมือนมีอะไรมาติดตรงหางคิ้ว พอลองเอามือไปกดดู ความรู้สึกปวดแปลบก็ตีตื้นขึ้นมา

 

 “โอ๊ย” ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเป็นผ้าพันแผล ถูกพับทบกันหลายชั้นเอามาปิดตรงแผลที่ไม่รู้ว่าไปได้มายังไง

 

 จำได้ว่าครั้งสุดท้าย นั่งแดกเหล้ากับไอ้เมฆสองคนเงียบๆ โดยมีไอ้ฟงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ส่วนไอ้ฟิวกับไอ้แจ็คก็นั่งคุยกับผู้หญิงที่พึ่งไปตกมา แล้ว..ไงต่อวะ จำไม่ได้แล้ว

 

 “ไง ตื่นแล้วเหรอมึง” ไอ้ฟงที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ถามผมเสียงขุ่น หน้าตาดูหงุดหงิดใช้ได้เลย

 

 “….”

 

 “รู้ไหม เมื่อคืนก่อเรื่องอะไรไว้” มันถามเสียงเข้ม จ้องหน้าผมนิ่ง

 

 “….” ผมส่ายหัว อย่ามาถามกู แค่มานอนอยู่บนเตียงมึงได้ไงกูยังไม่รู้เลย ความทรงจำสุดท้ายคือนั่งแดกเหล้ากับไอ้หน้านิ่งเมฆเท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกลบออกไปจากความทรงจำหมดแล้ว

 

 ไอ้ฟงเดินมาหาผม “ทำอะไรกับกูไว้ รับผิดชอบด้วย”

 

 "กูไปทำอะไร?"

 

 “มึงดู สิ่งที่มึงทำกับกู” ไอ้ฟงชี้นิ้วไปที่กองหนังสือ 10 กว่าเล่มที่นอนตายในห้องน้ำ “หนังสือปรัชญากูต้องพลีชีพเพราะอ้วกมึง จะรับผิดชอบยังไง? หนึ่งในนั้นไม่มีตีพิมพ์เพิ่มแล้วด้วย กว่ากูจะหาซื้อมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น”

 

 “กูขอโทษ..”ผมทำได้แค่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้มัน “ก็กูเมา”

 

 “กูไม่รับฟังเหตุผล"

 

 “เอาน่า กูขอโทษ เดี๋ยวหาซื้อคืนให้” ผมเอามือไปตบไหล่เพื่อนเบาๆเป็นการปลอบใจก่อนรีบถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที“ว่าแต่ ไอ้แผลตรงคิ้วกูมาได้ไงวะ?”

 

“นี่มึงจำไม่ได้จริงๆเหรอ?” ไอ้ฟงเลิกคิ้งสงสัย

 

 “เอ่อ” ถ้าจำได้จะถามไหม

 

 “จะเริ่มเล่าตรงไหนดีวะ” มันทำท่านึกย้อน “เมื่อคืนมึงเมามาก กูเลยพากลับ น้องอาร์คโทรมาว่าหิวข้าว กูเลยแวะร้านข้าวต้ม ระหว่างรอ มึงก็ลงมาจากรถ เดินโซเซมาหากูที่ยืนรอข้าวต้มหน้าร้าน กูก็ยืนมองมึงนิ่งๆ อยากรู้ว่ามึงจะทำอะไรต่อ จู่ๆมึงก็เอาหน้าไปเฉี่ยวกับเสาไฟ หางคิ้วกระแทกโดนเต็มๆ หลังจากนั้นก็ล้มหน้าคว่ำไป ลำบากกูที่ต้องลากมึงกลับขึ้นมาที่รถ และนั่งทำแผลให้ มึงรู้ไหม กว่ากูจะทบผ้าพันแผลให้เท่ากันแบบไม่มีส่วนเกิน กับกะระยะปะเทปให้ความห่างของแต่ละเส้นเท่ากัน ตรงกลางต้องตัดที่เส้นผ่าศูนย์กลางพอดี มันยากขนาดไหน"

 

เอ่อ ถ้าจะลำบากขนาดนั้น ก็ปล่อยกูนอนเลือดไหลตายเหอะ กูยอม

 

ไอ้ฟงเล่ามาเป็นฉากๆ ทำไมกูถึงได้ทำเรื่องน่าอายแบบนั้น สัญญาเลยว่าวันหลังจะไม่ดื่มจนเมาแบบนั้นอีกแล้ว โคตรเสียภาพพจน์

 

 “เอ่อ! ไอ้เนล มึงรู้ไหม กูเจออะไร” จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

“เจอ?”

 

 “ก็ตอนกูไปสั่งข้าวต้มให้น้องอาร์ค ตั้งใจสั่งข้าวต้มกุ้ง แต่กุ้งหมด กูเลยต้องสั่งเป็นหมูแทน แล้วเขาถามว่าใส่ไข่ไหม กูก็ยืนคำนวนแคลอรี่ให้น้องมัน เพราะตอนนี้มันดึกแล้วไม่อยาก…”

 

 “เข้าเรื่องสักทีไอ้ห่า” พูดร่ายยาวเพื่อ กูไม่ได้อยากรู้!!

 

 “เอ่อ..กูเห็นน้องภีมอยู่กับพ่อในร้านด้วย จำได้ว่ามึงจ่ายหนี้ให้พ่อน้องมันหมดแล้วไม่ใช่?”

 

“อืม กูคืนให้หมดแล้ว ทบต้นทบดอก” พอไอ้ฟงพูดถึงใครบางคน ความทรงจำเมื่อวานที่เลือนหายไป เริ่มกลับมา ใช่! ผมเห็นไอ้ภีมกับพ่อมันในร้าน จึงตั้งใจจะเข้าไปหา แต่หัวไปชนกับอะไรสักอย่างจนหมดสติไปก่อน

 

 “ทำไมพ่อน้องถึงยังมาขอเงินไปจ่ายหนี้อีกวะ น้องมันก็เอาเงินจำนวนหนึ่งให้พ่อไป เหมือนจะไม่รู้เรื่องที่มึงจ่ายหนี้ให้แล้ว แถมพ่อยังถามน้องอีกว่า เงินเดือนออกเมื่อไหร่ จะมาเอาเงินอีก ใจคอจะไม่เหลือเงินให้ลูกใช้เลยหรือไง เงินเดือนที่มึงให้ก็เอาไปแล้ว ยังจะเอาเงินเดือนที่น้องทำงานร้านพี่อ้อยอีก”

 

 “!!!?”

 

 “เอ่อ! เห็นลูกมีโทรศัพท์ก็แย่งไปจากมือ ขอยืมไปจำนำ น้องภีมมันก็ต้องให้อย่างจำยอม เพราะสงสารพ่อ กูล่ะโคตรสงสารเลยว่ะ”

 

ผมว่าหนักละแบบนี้ ก็เคยบอกไปแล้วว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้มาติดต่อที่ผม จะพิจารณาเองว่าจะให้หรือเปล่า ทำไมถึงไปเอากับไอ้ภีมอีก หรือเพราะเอาจากลูกมันได้ง่ายกว่า?

 

เหอะ! เกลียดชะมัดเลยคนแบบนี้

 

“อืม” ผมพยักหน้ารับรู้ ในสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการสื่อ

 

“มึงไม่ห่วงน้องมันหรือไงวะ” ไอ้ฟงทำหน้าแปลกใจ

 

“ทำไมต้องห่วง”

 

“มึงไม่กลัวน้องมันไปขายตัวเหมือนรอบที่แล้วหรือไง”

 

“จะไปทำอะไรก็เรื่องของมันดิ”

 

“ไอ้เนล…มึงคิดอะไรอยู่วะ กูอ่านไม่ออกจริงๆว่ะ” ไอ้ฟงบ่นพึมพำ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของมัน ไม่เกี่ยวกับงาน เพราะฉะนั้นกูจะไม่ยุ่ง จะไปลำบากที่ไหนก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับกู ขอแค่ทำงานให้สำเร็จก็พอแล้ว แต่ถ้าการที่กูช่วยครั้งแรกแล้วครั้งที่สองยังทำอยู่ กูก็คงต้องปล่อยมันไป” ผมพูดปัดไป ถึงแม้ลึกๆจะไม่ได้คิดอย่างที่พูดก็ตาม ผมไม่อยากให้มันถามเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ไอ้ห่วงก็ห่วงอยู่หรอก แต่ผมไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงดีว่ะ

 

“กูว่ามึงตอนเมายังดีกว่ามึงตอนมีสติอีก รู้สึกอะไรก็พูดออกมาเลย”

 

“หมายความว่าไง”

 

“เปล่า…” ไอ้ฟงเลือกที่จะไม่บอก ตอนเมาไปพูดอะไรให้มันฟังหรือเปล่าวะ ชักหวั่นๆ

 

“งั้นก็แล้วแต่มึงเถอะ ถ้ามึงไม่คิดจะช่วย กูพูดไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่ามึงจะทำอะไร กูก็อยู่ข้างมึงอยู่แล้ว” มันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนิสิตออกมารีดอย่างใจเย็น

 

ผมก็ได้แต่นอนดูมันนิ่งๆ ในหัวก็คิดถึงเรื่องของไอ้ภีม บางทีผมก็ควรบอกเรื่องที่จ่ายหนี้ให้พ่อมันไปแล้ว ถึงไอ้ภีมจะมองว่าผมก้าวก่ายชีวิตมากเกินไป ยุ่งวุ่นวายโดยไม่จำเป็น ก็ช่างเถอะ มันคุ้มกว่าการที่ต้องเห็นมันทนทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อหาเงินมาให้พ่อตัวเองผลาญเล่นแบบนี้

 

ผมว่าถึงเวลาที่ไอ้ภีมต้องรู้เรื่องนี้ได้แล้ว



ปิดไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง

 

กว่าไอ้ฟงจะทำธุระตัวเองเสร็จ ผมก็หลับไปแล้วหลายตื่น ดีที่มันตื่นเช้า ตอนนี้จึงไม่ได้สายมาก พอรถจอดหน้าบ้าน ก็เอ่ยปากขอบคุณมัน สองข้าก้าวลงมา เดินเข้าไปในบ้าน

 

ได้ยินเสียงไอ้ลูกหมาคุยโทรศัพท์เสียงดังมาตั้งแต่หน้าประตู จึงเดินไปดูที่ห้องนั่งเล่น เห็นมันนั่งตรงโซฟา ในสภาพชุดนิสิตถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า มือก็ถือหูโทรศัพท์บ้านไปด้วย

 

“ผมสนใจสมัครงานนับสต็อก ยังรับคนเพิ่มอยู่ไหมครับ”

 

“ทำงาน 7วัน 2 ทุ่ม- ตี 5” ไอ้ภีมพูดทวน เอาโทรศัพท์บ้านหนีบหูไว้ มือก็จดรายละเอียดใส่กระดาษหยิกๆ

 

“ได้ครับ ผมไหว”

 

“โอเคครับ”

 

วางสายไป นิ้วก็กดเบอร์โทรใหม่แล้วต่อสายทันที

 

“สวัสดีครับ xx ก่อสร้างใช่ไหมครับ ยังรับคนแบกปูนช่วงเสาร์-อาทิตย์อยู่ไหมครับ”

“อ๋อ เหรอครับ ขอบคุณครับ”

 

วางสายไปอีกรอบ ก่อนหันมาสบตากับผมที่ยืนมองมันนิ่งหน้าประตู หน้าไอ้ภีมเริ่มซีด

 

“ขอโทษครับ ที่แอบใช้โทรศัพท์” มันก้มหน้างุด “คุณศิรกรจะหักเงินเดือนผมไปก็ได้”

ฟังสรรพนามที่มันใช้แล้วหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้

 

“เห็นกูเป็นคนยังไง จะใช้ก็ใช้ไปดิ กูไม่ได้ว่าอะไร”

 

“แต่ผมถือวิสาสะใช้โดยไม่ได้บอกคุณ…”

 

“ช่างมันเถอะ กูหิวแล้ว เตรียมข้าวให้กูด้วย” ผมพูดตัดบท ไม่อยากฟังถ้อยคำที่ห่างเหินจากปากคนตรงหน้า

 

“เตรียมเสร็จแล้วครับเจ้านาย ผมทำข้าวต้มไว้ให้บนโต๊ะ กวาดห้อง ถูพื้น เช็ดกระจกเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นจะกลับมาขัดรองเท้าให้นะครับ งั้นไปผมเรียนก่อนนะ”

 

ได้ฟังเมนูที่มันพูดออกมา ผมก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามมันออกไป

 

ไอ้ภีมหยิบกระเป๋าข้างโซฟาขึ้นมาสะพายบ่า เดินผ่านผมไป จึงเอื้อมมือไปรั้งแขนมันไว้ เจ้าตัวหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงง

 

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

“แต่ผมต้องไปเรียน”

 

“แป๊บเดียว”

 

“เอาไว้วันหลังนะครับ” มันแกะมือผมออก ก่อนสาวเท้าเดินไป ผมจึงรีบตะโกนไล่หลัง

 

“งั้นตอนเย็นกูไปหา เรื่องนี้สำคัญจริงๆ กูจะรอที่ตึกคณะนะ” ไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะหยุดฟังผมเลย ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าได้ยินไหมจึงพูดออกไปอีกครั้งด้วยเสียงดังกว่าเดิม

 

“กูจะรอที่ตึกคณะนะ กูจะรอ!”

-------------------------------------

 

หลังเลิกเรียน ผมมานั่งรอไอ้ภีมที่ตึกคณะแพทย์ ตอนนี้เวลา 17.00 น. เป็นช่วงเลิกเรียน ทำให้คนเยอะเป็นพิเศษ ผมถือใบเสร็จชำระเงิน ในหัวก็สรรหาคำพูดมากมาย มาบอกมัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดจากตรงไหนก่อนดี และจะพูดอย่างไรให้มันรู้สึกเสียใจน้อยที่สุด

 

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงที่นั่งรอมัน ชะโงกหน้ามองหาเจ้าตัว แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ในใจลึกๆยังเชื่อว่ามันต้องมาแน่ๆ จึงอดทนรอต่อ

 

ตอนนี้ 18.30 แล้ว ไอ้ภีมก็ยังไม่มา ท้องผมเริ่มร้อง แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปไหน เพราะกลัวมันมาแล้วจะไม่เจอ

 

20.40 น. ผมลุกขึ้นไปหาอะไรกินที่เซเว่น อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ รีบซื้อ แล้วรีบเอามานั่งกิน ตาก็มองหาไอ้ภีมไปด้วย ช่วงนี้ยังมีนักศึกษาแพทย์เดินเพ่นพ่านกันอยู่บางส่วน

 

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมเริ่มง่วง จึงพุบหน้าหลับกับม้าหินอ่อนด้วยอาการอ่อนเพลีย รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าที่มืดก็เริ่มสว่าง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาด้วยอาการงัวเงีย ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่มาแน่ๆ จึงขับรถกลับไปหามันที่บ้าน

 

เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องด้วยอารมณ์คุกรุ่น ที่ปล่อยให้ผมนั่งรอทั้งคืน รอไม่นานมันก็เปิดประตูให้ ในสภาพชุดนิสิตถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้ามีแว่นตาทรงกลม ในมือถือหนังสือเล่มหนา โดยเอานิ้วชี้คั่นหน้าหนึ่งไว้ คงจะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ระหว่างรอไอ้ซานมารับ

 

“ไอ้ภีม เมื่อวานกูบอกมึงว่าไง” ผมเข้าไปจับขอมือมันไว้ พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ ไม่ให้เผลอทำร้ายมัน

 

“ผมไม่ทราบครับ แม้แต่คุณเนลไม่ทราบ แล้วผมจะทราบได้อย่างไร” มันตอบเสียงเรียบ แววตาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

 

“กวนตีนกูอยู่เหรอ!”

 

“ผมจะกล้ากวนตีนคุณทำไมล่ะครับ”

 

“ไอ้ภีม!” ผมตะคอกใส่มัน เผลอออกแรงบีบข้อมือ จนเจ้าตัวนิ่วหน้า

 

“ปล่อยครับ ผมจะไปเรียน” คนตรงหน้ามองผมนิ่ง มืออีกข้างก็พยายามแกะมือผมออก

 

“แต่กูมีเรื่องต้องคุยกับมึง”

 

“แต่ผมไม่ว่าง”

 

ปี้นๆ

 

เสียงบีบแตรดังขึ้นขัดจังหวะ ไอ้ภีมหันไปดูตรงหน้าต่าง ก่อนนะหันมาพูดกับผมต่อ

 

“ไอ้ซานมารับแล้ว ผมขอตัวนะครับ” พูดจบก็หยิบกระเป๋า รีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้ผมตะโกนเรียกชื่อมันตามหลัง อย่างหัวเสีย

 

เดินเข้าไปในห้อง นั่งมองถุงกระดาษกับเงินอีก 8 พันที่มันเหลือเอาไว้อย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ร้อนเงินขนาดนั้น แต่ทำไมถึงไม่รับเงินที่ผมเผื่อเอาไว้ให้ เพราะมันนอกเหนือจากที่ตกลงไว้เหรอ? หรือเป็นเพราะศักดิ์ศรีที่มันยึดมั่น ว่าจะไม่รับเงิน ถ้าเงินส่วนนั้นไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

 

ไอ้ภีม…ทำไมมึงเข้าใจยากจังวะ

-------------------------------------

 

ช่วง 2 วันที่ผ่านมาผมพยายามหาทางบอกมันเรื่องพ่อและตั้งใจจะเคลียร์ปัญญาที่ค้างคาในใจให้จบๆ ไอ้ภีมแปลกไปตั้งแต่วันที่ผมไปส่งมันที่โรงพยาบาลวันนั้น หลังจากนั้นก็ทำตัวตึงใส่ บอกตรงๆว่าไม่สบายใจ ช่วงแรกผมก็พยายามไม่สนใจมัน แต่พอปล่อยไปนานๆเข้า ผมยิ่งหงุดหงิดใจ กับการกระทำของมัน ถ้าไม่ได้สะสางให้จบๆ ผมคงกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้แน่ๆ ผมไม่ชอบให้มีอะไรค้างคา

 

 

ผมหาทางเข้าไปคุยกับมันเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งไอ้ภีมจะพยายามหลบหน้าผม และหาทางบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง วันนี้ผมจึงชวนพวกแก๊งมากินข้าวที่คณะแพทย์ ตั้งใจมาเคลียร์กับไอ้ภีมให้รู้เรื่องไปเลย ทั้งเรื่องพ่อมัน และเรื่องที่มันพยายามหลบหน้าผม

 

หลังจากซื้อข้าว ผมก็กวาดสายตา หาไอ้ภีมจนทั่ว เห็นมันนั่งหัวเราะกับพวกน้องเหม่ยตรงโต๊ะที่ 4 ฝั่งขวา น่าแปลกที่ไม่มีไอ้ซานนั่งด้วย เห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินเข้าไป เอาข้าววางข้างๆมัน ไอ้ภีมหันมามองผม รอยยิ้มที่มีตอนแรกค่อยๆเลือนหายไป เปลี่ยนเป็นสีหน้าอมทุกข์เหมือนทุกครั้งที่เจอผมเท่านั้น

 

“นั่งด้วย โต๊ะเต็ม” พูดจบก็หย่อนตัวนั่งข้างๆมัน มองมันค่อยๆแทะกล้วยในมือ ก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจ ถึงถามออกไป

 

“ไม่กินข้าวเหรอ”

 

“ผมไม่หิว” มันตอบ แต่ตากลับไม่ได้มองผมเลย จึงแย่งกล้วยจากมือมันมา เลื่อนจากข้าวตัวเองให้แทน

 

“ตลกละ ใครเชื่อก็โง่แล้ว” ดูก็รู้ว่าไม่มีเงินซื้อข้าว ท้องร้องโครมครามขนาดนั้น บอกไม่หิว ใครเชื่อก็โง่เต็มแก่แล้ว “เดี๋ยวมึงมีเรียนต่อยาวยัน 4 โมง และมีแลปต่ออีก กินแค่นี้ไม่ไหวหรอก”

 

“โหโอ้…โอ้โห จำตารางเรียนได้ด้วย ไม่ธรรมดา” ไอ้ฟิวพูดลอยๆ ผมจึงอ้าปากงับกล้วยของไอ้ภีมจนหมดก่อนเอาเปลือกขว้างใส่หัวมัน จนมันร้องโวยวายออกมา ผมไม่สนใจ หันไปมองไอ้ภีมที่นั่งมองข้าวในจานนิ่งๆ

 

“กิน” ผมกดเสียงต่ำ บังคับมัน

 

“….” ไอ้ภีมก็ยังคงดื้อ ไม่ยอมถือซ้อนตักข้าวกินสักที ผมทนไม่ไหว จึงพูดออกไป

 

“กฎข้อที่ 5 ห้ามขัดใจกู กูสั่งอะไรก็ต้องทำ กูไม่ได้ขอให้มึงกิน แต่กูสั่งให้มึงกิน ในฐานะเจ้านาย อยากโดนหักเงินเดือนหรือไง!” ขู่แม่ง ขอดีๆไม่ยอมกิน ก็ต้องใช้ไม้แข็งแบบนี้แหละ ดื้อดีนัก

 

ไอ้ภีมหันมามองผม สีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมตักกินอย่างไม่เต็มใจนัก สักพักไอ้ซานก็เดินมาที่โต๊ะ ในมือถือจานข้าวสองจาน มันทำหน้าผิดหวัง เมื่อเห็นไอ้ภีมกำลังกินข้าวของผมอยู่ น้องเหม่ยเมื่อเห็นว่าเพื่อนยังยืนนิ่งไม่ไหวติง จึงบอกให้มันนั่งลง มันถึงยอมนั่งแต่โดยดี สายตายังมองไอ้ภีมไม่ละไปไหน ก่อนสลับมามองข้าวในจานตัวเอง

 

ใครไวก็ได้ไปนะ ไอ้น้อง

 

ผมหันไปสนใจคนข้างๆต่อ พยายามชวนมันคุย ถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบกลับสักเท่าไหร่ ผมไม่รู้หรอกว่ามันงอนอะไร แต่ลองพยายามง้อหน่อยก็ดี ผมไม่อยากให้มันทำตัวห่างเหินใส่เลย

 

พอไอ้ภีมกินอิ่ม มันก็ลุกจากโต๊ะไปทันที ทิ้งให้คนบนโต๊ะมองหน้ากันอย่างงุงงง ผมเห็นอย่างนั้น จึงรีบลุกตามไปทันที แล้วคว้าแขนไว้

 

“ภีมครับ ถามจริงๆเถอะ โกรธอะไรพี่” ผมถามคนตรงหน้า เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกแย่เป็นบ้าเลย

 

“….” มันไม่ได้ตอบอะไรผมออกมา มองผมนิ่งๆเหมือนทุกที

 

“ถ้ามึงไม่บอกกูจะรู้ไหม”

 

“…..”

 

“กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้นะโว้ย” ผมพูดในสิ่งที่ทนเก็บไว้ในใจออกไป

 

“….”

 

“จะให้กูทำไงวะ มึงถึงจะหายโกรธ ตอบกูดิ”

 

“เลิกยุ่งกับผมสักที” มันตอบเสียงเรียบ พอได้ยินคำนี้ พลางทำให้รู้สึกปวดหนึบไปหมด

 

“ทำไม…”

 

“เพราะผมเกลียดพี่ไง มีเหตุผลอื่นนอกจากนี้หรือไง!” มันตะคอกใส่ผมเสียงดัง จนรู้สึกหน้าชาไปหมด

 

“อย่าพูดคำนี้ให้กูได้ยินอีก” ผมเค้นเสียงลอดไรฟัน ฟังแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมา

 

“ทำไม ก็ผมจะพูด ผมเกลียด เกลียด!! เกลียดพี่!!”

 

“หุบปาก!!!” ตะคอกใส่มันเสียงดัง มือก็เอื้อมไปบีบแขนเจ้าตัวแน่นด้วยความเดือดดาล ไอ้ภีมพยายามสบัดแขนให้หลุด แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย ออกแรงบีบแน่นกว่าเดิม คนตรงหน้าจึงเหวี่ยงแขนสุดแรง จนมือมันมาโดนใส่แผลตรงหางคิ้วของผม เลือดซึมออกมา ไอ้ภีมทำหน้าตกใจ ทำท่าจะเดินเข้ามา แต่ผมก็เลือกถอยหนี

 

“กูขอโทษด้วยแล้วกัน ถ้าการที่มีกูอยู่ในชีวิต แล้วทำให้มึงรู้สึกแย่” พูดจบก็เดินออกมา โดยไม่หันกลับไปมองไอ้ภีมที่อยู่ข้างหลังอีกเลย

 

-------------------------------------

 

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ผมพยายามหากิจกรรมต่างๆนาๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเจอหน้ามัน บางวันก็ไปนั่งแดกเหล้าร้านไอ้แจ็คยาวยันเช้าจนมันต้องให้เด็กที่ร้านพาผมกลับบ้านแทบทุกครั้ง บางวันก็ไปนั่งสมาธิที่ชมรมพุทธกับไอ้ฟง เพื่อไม่ให้ตัวเองจิตฟุ้งซ่าน ต่อด้วยการฟังปรัชญาวันนี้ หลับยาวยันเช้าเลย บางทีก็ไปนั่งเล่นเกมที่หอไอ้ฟิว ไม่ก็ไปดูหนังกับไอ้เมฆ

 

หรือช่วงที่เพื่อนไม่ว่างจนผมต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว ผมก็หาอะไรทำแก้เบื่อไป แต่พอนานๆเข้าเริ่มไม่มีอะไรทำ ผมกลับต้องมานั่งรอมันกลับบ้าน ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด แม่ง! กลับบ้านดึกฉิบหาย บางวันเที่ยงคืน บางวันก็ตีห้า จนทำให้ผมนึกเป็นห่วง..

ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดถึงไอ้ภีมมากขึ้นเรื่อยๆ….

 

จนผมกลัว...

 

กลัวว่าจะเผลอไปมีใจให้มันแล้วจริงๆ

 

.

.

.

 

ผมแบกตัวเองกลับมานอนที่บ้านหลังจากดื่มโต้รุ่งมา เดินไปไกลสุดก็โซฟาห้องนั่งเล่น ล้มตัวลงไป นอนอย่างหมดสติ ในสภาพที่กลิ่นเหล้าหึ่งเต็มตัว เดี๋ยวค่อยลุกไปอาบน้ำแล้วกัน ตอนนี้ขอหลับก่อน

 

สักพักก็รับรู้ถึงอะไรเย็นๆตรงหางคิ้ว จึงลืมตาขึ้นมาดูอย่างสลึมสลือ เห็นไอ้ภีมกำลังนั่งทำแผลให้อย่างใจจดใจจ่อ จึงแกล้งหลับต่อ แล้วนอนนิ่งๆ ปล่อยให้มันทำไป

 

“ที่ผ่านมาไม่ได้ทำแผลเลยใช่ไหมครับ ผ้าพันแผลเปื้อนเลือดเต็มไปหมด ทำไมไม่เปลี่ยนล่ะครับ” จู่ๆมันก็พูดออกมาเสียงสั่น รับรู้ถึงหยดน้ำใสที่ตกลงมากระทบกับใบหน้า

 

มัน…กำลังร้องไห้

 

“ฮึก ถ้าว่างก็ไปทำแผลที่โรงพยาบาลบ้างนะ ปล่อยไว้ระวังแผลเน่านะครับ ผมเป็นห่วง” หยดที่สองกระทบกับเปลือกตา ไอ้ภีมเอากระดาษทิชชูมาซับให้เบาๆ

 

“ทำไมพี่ถึงไม่ดูแลตัวเองเลย” หลายหยดนับไม่ถ้วนตกลงมา จนหน้าผมชื้นไปหมด มันเอาผ้าผันแผลมาปิดแผล พร้อมเอาเทปมาติดให้

 

“ผมเอายาแก้อักเสบทิ้งไว้ให้ ถึงตอนนี้พี่จะไม่ได้ยินที่ผมพูด แต่ตื่นมาอย่าลืมกินนะครับ” พูดจบก็เดินถือกล่องปฐมพยาบาลออกไป

 

ผมลุกขึ้นมานั่ง มือซ้ายจับหน้าอกที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะแน่น ก่อนออกแรงขยำ

 

“กูควรจะทำยังไงดี…”




หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (พาสเนล) |[18//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 18-09-2018 22:30:51
พ่อภีม มันเลวจริงงงงงงงงงง
เลวมากกก
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (2/4) |[18//09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-09-2018 00:33:26
สงสาร ร้องไห้เลย,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (2/4) |[18//09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-09-2018 06:03:15
พ่อน้องเหมือนไม้แก่ผุๆ มีประโยชน์แค่ทำฟืน
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (2/4) |[18//09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-09-2018 10:36:06
ก็เข้าใจคนติดพนันนะ แต่แบบนี้ก็ไม่ไหวป่ะ ไม่คิดถึงลูกตัวเองเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (2/4) |[18//09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-09-2018 15:20:34
สงสัยคนแต่ง
แต่งเรื่องราวตอนนี้เพื่อเข้ามาแก้ตัวให้อิเนล
อย่างเดียวเลย ใช่ไหมๆ อิอิ

เชื่อดิ
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (3/4) |[19//09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 19-09-2018 16:17:27
(3/4)




วันนี้ทั้งวันผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย ในหัวคิดถึงแต่คนที่นั่งร้องไห้เมื่อเช้า ในใจรู้สึกสับสน ว้าวุ่นไปหมด

ถอนหายใจ จนไอ้แจ็คที่นั่งเรียนข้างๆ รําคาญหันมาถอนหายใจใส่บ้าง

 

“เป็นเหี้ยไรนักหนาวะ กูเรียนไม่รู้เรื่องเนี่ย”

 

“หนักใจว่ะ”

 

“หนักใจอะไรมึง”

 

“เฮ้อ ช่างเหอะ ฝากจดเลคเชอร์ด้วย” พูดจบก็หยิบกระเป๋า เตรียมเดินออกจากห้อง

 

“มึงจะไปไหน”

 

“ออกไปข้างนอก ไม่มีอารมณ์เรียนแล้ว”

 

“งั้นกูไปด้วย”

 

“มึงอยู่นี่แหละ”

 

“อะไรของมึงวะ” ไอ้แจ็คบ่นพึมพำ “เออ! อย่าเที่ยวเพลินจนลืมกูล่ะ 5 โมงมารับด้วย” มันย้ำ ช่วงนี้ไอ้แจ็คต้องติดรถผมกลับ เพราะรถอีแก่มันส่งซ่อมยังไม่เสร็จ

 

“เอ่อๆ” ผมตอบรับไอ้แจ็คส่งๆ ก่อนก้าวเท้าเดินออกมา โดยไม่สนใจอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าชั้นเรียน ขับรถวนเล่นใน ม. ไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย จนมาหยุดที่หน้าตึกคณะแพทย์ ผมเอารถไปจอด ก่อนมานั่งเล่นที่ม้าหินอ่อนข้างสระน้ำ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนเวลาล่วงเลยมา 5 โมงเย็น ไอ้แจ็คก็โทรมาให้ไปรับ ผมจึงต้องขับรถไปรับมันทันที

 

ตั้งใจจะเอาไอ้แจ็คไปปล่อยไว้ที่ร้านสักหน่อย สายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นคุณภัคพลเสียงก่อน จึงขับรถตามไปเงียบๆ คุณภัคพลเดินมาดักรอไอ้ภีมที่หน้าร้านพี่อ้อย ยืนมองลูกเสิร์ฟข้าวผ่านกระจกใส ไอ้ภีมหันไปพูดกับเจ๊อ้อยสักพัก เดินออกจากร้าน กดเงินจำนวนหนึ่งมาถือไว้

 

จู่ๆพ่อไอ้ภีมก็พุ่งเข้าใส่ แล้วแย่งเงินจากมือลูกทันที ไอ้ลูกหมาที่เห็นพ่อตัวเองทำหน้าตกใจ รีบขอเงินคืน

 

“พ่อครับ ผมขอล่ะ เงินส่วนนี้แม่เพิ่งโอนมาให้ผมเอาไปจ่ายค่าเทอม”

 

“ให้พ่อก่อนนะ ค่าเทอมยังไม่ต้องจ่ายหรอก”

 

“ไม่ได้ครับพ่อ ผมต้องใช้เงินส่วนนี้จริงๆ คืนให้ผมเถอะนะ เดี๋ยวพ่อค่อยมาเอาวันหลังก็ได้”

 

"ไม่ แกเห็นการเรียนดีกว่าพ่อที่เลี้ยงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรหรือไง ลูกไม่รักดี สำนึกบุญคุณหน่อย"

 

"เปล่านะครับ ยังไงพ่อก็สำคัญ แต่นี่มันอนาคตผมเลยนะ"

 

"แล้วอนาคตพ่อล่ะ ภีมจะปล่อยให้พ่อตายเหรอ เรียนน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตคนถ้าเสียไปแล้ว มันไม่สามารถเอากลับคืนมาแล้วนะ"

 

"แต่ผมต้องใช้เงินตรงนี้จริงๆ เขาให้จ่ายวันนี้ วันสุดท้ายแล้ว พ่อให้ผมเถอะ ส่วนที่เป็นหนี้ผมจะรีบหามาให้ทีหลัง นะครับ" ไอ้ภีมยกมือไหว้อย่างอ้อนวอน

 

“ไม่! ถ้ามันยุ่งยากขนาดนั้น ก็ดรอปเรียนแล้วออกมาทำงานหาเงินให้พ่อดีกว่า”

 

“ทำไมพ่อพูดแบบนั้นล่ะครับ” ไอ้ภีมอึ้ง เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากพ่อของตัวเอง

 

“ฉันพูดความจริง” คุณภัคพลพูดหนักแน่น “ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ที่ต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อหาเงินใช้หนี้ แกเป็นลูกก็ควรช่วยฉันแบ่งเบาภาระบ้าง ไม่ใช่อยู่สูบเงินไปวันๆ ลาออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงฉันไม่ดีกว่าเหรอ” คุณภัคพลตวาดใส่ไอ้ภีมเสียงดัง ก่อนเดินนับเงิน เดินออกมา โดยไม่สนใจลูกชายที่ยืนกัดริมฝีปากจนห้อเลือดอยู่หน้าร้าน

 

ผมได้ฟังแบบนั้นก็ขบกรามแน่นอย่างเดือดดาล ตามองพ่อมันเขม็ง รู้แล้ว…ที่ได้ภีมต้องนั่งกินกล้วยทุกมื้อ สาเหตุมาจากใคร!

 

คุณภัคพลเดินมาหยุดตรงรถ มือล้วงโทรศัพท์ที่ดังเป็นจังหวะ ออกมากดรับ

 

"ครับ ผมได้เงินมาแล้ว"

 

"ลูกผมมีเงินให้ผมใช้ตลอดนั่นแหละ ตราบใดที่มันยังมีรายได้ ผมจะไปแก้ตัวเมื่อไหร่ก็ได้"

 

"ฮ่าๆ แล้วเจอกันครับ" พูดปนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินออกไป

 

ผมจึงขับรถตามไปทันที พอเห็นว่าห่างจากร้านพี่อ้อยมากแล้ว จึงขับไปปาดหน้าพ่อมัน คุณภัคพลตะโกนด่าทอผมสารพัด จึงลดกระจกลง ให้คนเห็นว่าคือใคร พ่อมันหน้าซีดเมื่อเห็นว่าเป็นผมก่อนที่จะก้าวเท้าเดินหนี ผมก็รีบตะโกนเรียกให้ขึ้นมาคุยกันบนรถก่อน

 

"ผมให้เงินคุณไปแล้ว และคุณก็รับปากกับผมแล้วด้วย ทำไมถึงมาเอาเงินจากลูกตัวเองอีก!" พอพ่อไอ้ภีมเดินขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย ผมก็ถามตรงประเด็นทันที อารมณ์ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในโมทอยากคุยดีๆสักเท่าไหร่

 

"ก็ผมจำเป็นจริงๆ ผมไม่มีทางเลือก"

 

"แล้วลูกคุณล่ะ ไอ้ภีมมันลำบากแค่ไหนคุณเคยคิดบ้างไหม ถ้าคุณหิวเงินมาก ทำไมถึงไม่ไปลองหาเอง จะได้รู้ว่ามันหายากแค่ไหน กว่าจะได้แต่ละบาทให้คุณมาผลาญเล่น"

 

"แล้วคุณยุ่งอะไรกับลูกผมล่ะ เป็นแค่เพื่อนอย่ามาคิดแทนมัน"

 

"เป็นแค่เพื่อนงั้นเหรอ? หึ! อย่างน้อยๆผมก็สามารถทำให้มันไม่มีงานทำได้ คุณคงรู้ใช่ไหมว่าถ้าไอ้ภีมไม่มีงาน มันก็จะไม่มีเงินให้คุณ"

 

"ไม่ได้! คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด! ถ้าลูกผมไม่มีเงิน แล้วผมจะเอาอะไรกิน"

 

"เรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผม ในเมื่อผมให้เงินคุณไปแล้ว คุณก็ยังไม่หยุดขอเงินลูกตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้" ผมตอบอย่างไม่แยแสนัก

 

"คุณศิรากร!" อีกฝ่านขึ้นเสียงใส่ผม

 

"อ้อ! ผมขอโทรศัพท์ไอ้ภีมที่คุณใช้อยู่คืนด้วย" เอื้อมมือไปกระชากโทรศัพท์ในมือคุณภัคพลมา

 

"เอาโทรศัพท์ผมคืนมา!"

 

"มันไม่ใช่ของคุณ ผมไม่จำเป็นต้องคืน เชิญครับ!! ออกไปจากรถผมได้แล้ว!!!"

เมื่อเห็นว่าคุณภัคพลยังคงนั่งอยู่กับที่ จึงพูดย้ำคำเดิมเสียงดังขึ้น

 

"เชิญครับ!"

 

"ได้!!!" พูดเสียงดังกระโชกโฮกฮาก จ้องผมด้วยแววตาดุดัน เดินออกไป ปิดประตูเสียงดัง

ผมได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำของพ่อไอ้ภีม ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหา ‘พี่อ้อย’ ทันที

 

ยังไงผมก็ยอมให้ไอ้ภีมมันโดนขูดรีดจนตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้ไม่ได้หรอก ถึงมันจะมองว่าผมรังแกมันยังไง ผมก็ไม่สน ขอแค่พ่อมันเลิกมาขอเงินมัน ผมยอมทำทุกอย่าง ถึงแม้จะต้องบีบมันให้ออกจากงานก็ตาม

 

รอไม่นานปลายสายก็กดรับ

 

[ว่าไงคะ น้องเนล]

 

“พี่อ้อยครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง”

 

[ว่ามาเลย ถ้าอะไรที่พี่ช่วยได้ ก็จะช่วย]

 

"คือ… ให้ไอ้ภีมมันออกจากงานเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นมันลำบาก ถึงจะดูว่าก้าวก่ายชีวิตมันมากจนเกินไป แต่ช่วยผมที ที่เหลือผมรับผิดชอบเอง"

 

[ไม่ได้หรอก พี่ว่าถ้าพี่เอาน้องภีมออก น้องจะลำบากกว่าเดิมอีกน่ะสิ]

 

"แต่!"

 

[พอเถอะนะเนล พี่สงสารน้องภีม อย่ารังแกน้องไปมากกว่านี้เลย]

 

"ผมไม่ได้รังแกมันนะครับ แต่ถือว่าผมขอร้องล่ะ ไล่มันออกที"

 

[พี่ทำไม่ได้หรอก แค่นี้นะ]

 

ตู๊ดๆ

ปลายสายตัดไป ผมได้แต่ทุบพวงมาลัยอย่างหัวเสีย

 



“ไอ้เนล ทำแบบนี้จะดีเหรอวะ” ไอ้แจ็คที่นั่งเงียบอยู่หลังรถถามขึ้นมา ลืมไปเลยว่าเอามันมาด้วย…

 

“เอ่อ กูคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว” ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด ปกติก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องงานไอ้ภีมสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาถึงได้อดทนมาโดยตลอด เวลาเห็นมันฝืนตัวเองทำงานหนักๆ แต่ครั้งนี้ผมคงปล่อยผ่านเหมือนครั้งก่อนๆไม่ได้แล้ว

 

“ทำแบบนี้น้องมันไม่เกลียดมึงตายเหรอ”

 

“แล้วมึงจะให้กูทนดูเฉยๆ โดยไม่ทำไรเหรอวะ!” ผมหันไปตอบไอ้แจ็คที่นั่งอยู่หลังรถอย่างไม่สบอารมณ์นัก มันมองผมนิ่งๆ ในหัวเหมือนคิดอะไรอยู่

 

 “ไอ้เนล… กูไม่เชื่อหรอกนะ ว่าที่มึงช่วยน้องภีมขนาดนี้ เพราะอยากได้ใจ กับเงินล้านหนึ่งจากน้องมัน กูถามจริงๆเหอะ มึงทำไปทำไม ทั้งครั้งนั้น และครั้งนี้”

 

จู่ๆมันก็ถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก จึงบอกมันไปตามที่ตัวเองคิด



 

“ครั้งนั้นที่ทำไปเพราะไม่อยากให้มันไปทำงานพวกนั้น เพราะกลัวแม่จับได้ว่าเอาเด็กขายบริการมาทำเมีย ท่านรู้ทีหลังมีหวังล้มข้อตกลงทุกอย่าง แล้วจับกูแต่กับยัยพิมแน่ๆ กูยอมรับแมนๆว่าครั้งนั้นทำเพื่อปกป้องตัวเอง”

 

“อ๋อ” ไอ้แจ็คพยักหน้า ก่อนถามต่อ “แล้วครั้งนี้ล่ะ”

 

“….” ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะเหตุผลมันต่างออกไป ที่ทำเพราะอยากปกป้องมันจริงๆ

 

“มึงไม่จำเป็นต้องตอบกูก็ได้ ถ้ามึงไม่อยากบอก งั้นกูถามหน่อย ครั้งนี้มึงทำเพื่อตัวเองเหมือนครั้งก่อนไหม”

 

ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ ไอ้แจ็คยกยิ้ม เอามือมาตบหัวผมเล่น “กูถามจริงเถอะ ชอบน้องมันแล้วใช่ไหม”

 

“กู…ไม่รู้” แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดี

 

“ฮ่าๆ” ไอ้แจ็คหัวเราะร่วนออกมา มีอะไรน่าขำนักวะ “ช่างเถอะ ไม่ต้องตอบว่าชอบตอนนี้ก็ได้ แค่มึงไม่ปฏิเสธเหมือนเมื่อก่อนก็พอแล้ว”

 

“อืม” ผมยกยิ้ม

 

“กูจะชี้ทางสว่างให้มึงเอง”ไอ้แจ็คเข้ามากอดคอผม “มึงรู้จักคุณเมฆาวาติป่ะ ที่เมื่อวันก่อนไปแดกข้าวผัด แล้วรสชาติไม่ถูกปาก แม่งสั่งปิดร้าน จนร้านละแวกนั้นฮือฮากันยกใหญ่”

 

“….” เห้ย...ไอ้เมฆมันทำแบบนั้นจริงเหรอวะ โคตรอึ้ง...

 

ไอ้แจ็คตบไหล่ผมเบาๆ “เนี่ย! คนจริง ไม่พูดเยอะ”

 

เอ่อว่ะ ยังมีไอ้เมฆอยู่นี่หว่า

 

“ถึงจะผิดต่อน้องภีม แต่กูเห็นพ่อน้องมันแล้วทนไม่ไหวจริงๆว่ะ”

 

“เอ่อ แม่ง…” คิดถึงแล้ว รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

 

หลังจากนั้นผมก็ต่อสายไปหาไอ้เมฆทันที พูดนิดหน่อยมันก็ยอมทำให้ ผมยกยิ้มอยากสบายใจ แล้วไปส่งไอ้แจ็คที่ร้านตามระเบียบ ก่อนไปจ่ายค่าเทอมให้ไอ้ภีมและเปิดบัญชีใหม่ให้มันทันที ที่เปิดบัญชี จะได้โอนเงินเดือนให้สะดวก โดยเชื่อมข้อความไว้กับเบอร์โทรผม เพื่อให้ได้รู้ความเคลื่อนไหวบัญชีของมัน เวลากดเงินไปจำนวนมากๆจะได้รู้ว่าเอาไปทำอะไรบ้าง

 

พอจัดการทุกอย่างเสร็จ ผมนั่งคิดทบทวนปัญหาของไอ้ภีม ถือโทรศัพท์ตัวเองไว้ นั่งชั่งใจอยู่นานว่าจะโทรออกไปดีไหม แต่สุดท้ายผมก็เลือกกดโทรออกไป รอสายไม่นานมันก็รับ

 

[ฮัลโหล]

 

“ไอ้ฟง กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อย”

 

[อะไร]

 

“กูอยากให้มึงไปสืบเรื่องของพ่อไอ้ภีมให้หน่อย กูอยากรู้ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงหิวเงินตลอดเวลา ทั้งๆที่กูก็จ่ายหนี้ให้ไปแล้ว กูว่าอาการหนักขนาดนี้ ไม่น่ามีแค่การพนันแล้วล่ะ”

 

[เอ่อๆ เดี๋ยวตามสืบให้]

 

“เอ่อ ขอบใจมาก อ้อ! อีกคนหนึ่ง ชื่อมะนาว กูอยากให้มึงไปตามสืบประวัติให้หน่อย”

 

เรื่องของคนที่ชื่อมะนาว ไอ้ฟิวเอามาเล่าให้ฟังเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้อยากรู้หรอก เพราะเป็นอดีตของไอ้ภีมมัน แต่พอไอ้ฟงพูดขึ้นมาว่า ‘น้องมันจบมาจากโรงเรียนเดียวกับม่านฟ้า’เท่านั้นแหละ ถึงได้เอะใจขึ้นมา นึกถึงเรื่องที่ฟ้าให้ทำก็เกิดสงสัยขึ้นมา ว่าทำไปทำไม

 

เพราะเท่าที่สังเกตฟ้า ดูแล้วไม่น่าจะรู้จักไอ้ภีมเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ เดินผ่าน เจอหน้า ก็เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ทำไมฟ้าถึงให้ผมทำเรื่องโง่ๆ อย่างหลอกให้ไอ้ภีมรัก แล้วหักอกมันด้วย

 

[มึงยังติดใจเรื่องที่ไอ้ฟิวไปแอบฟังไอ้เบสกับไอ้ซานคุยกันอีกเหรอวะ]

 

“เอ่อ ที่ฟ้าให้กูมาหักอกไอ้ภีม ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ตอนนี้คิดแล้ว กูว่ามันแปลกๆแล้วว่ะ ไปสืบมาให้หน่อย”

 

[เอ่อๆ จะตามสืบให้แล้วกัน]



หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 19-09-2018 16:29:11
(4/4)




[ตาเนล! รู้ไหมวันนี้วันอะไร] ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงสดใส จนผมต้องถอนหายใจออกมา คงไม่ได้มีเรื่องอะไรวุ่นๆให้ผมอีกแล้วนะ ทุกวันนี้ปัญหาของไอ้ภีมก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ม๊าช่วยเงียบๆ แล้วหายไปจนว่าจะเคลียร์ปัญหาไอ้ลูกหมาจบก่อนได้ไหม อย่ามาเพิ่มปัญหาให้ผมอีกเลย

 

“วันศุกร์” ผมตอบไปด้วยความเหนื่อยหนาย

 

[นี่เล่นมุขอยู่เหรอ]

 

“ม๊าก็บอกมาสิครับ ผมไม่รู้หรอก ขี้เกียจเดา”

 

[อ่ะๆ เฉลยให้ก็ได้ วันนี้เป็นวันเกิดหนูพิมไง]

 

เห้อออออ ขอถอนหายใจ

 

“แล้วม๊ามาบอกผมทำไม”

 

[เอ้า ตาเนลจะได้มางานวันเกิดหนูพิมไง]

 

“ผมไม่ไป”

 

[ไม่ได้นะ ม๊าพูดกับเจ้าสัวธนชัยไว้แล้ว ว่าตาเนลจะมาเซอร์ไพรส์หนูพิมที่งาน]

 

“เฮ้ออ ม๊าก็บอกเขาไปสิครับ ว่าผมติดธุระด่วนมากกกกกก ไปไม่ได้”

 

[ไม่ได้! ยังไงตาเนลก็ต้องมา จะมาหักหน้าม๊าแบบนี้ไม่ได้นะ รีบไปแต่งตัวหล่อๆ มางานเดี๋ยวนี้เลย]

 

“โอ้ยย ม๊า เมื่อไหร่จะเลิกจับคู่ผมกับพิมสักที ผมมีเมียแล้วนะ”

 

[อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด หยาบคายจริงๆเลยลูกชายฉัน มงๆเมียๆอะไรกัน แค่เอาผู้ชายมาแสดงละครตบตาม๊า แล้วแอบอ้างว่าตัวเองเป็นเกย์ม๊าไม่เชื่อหรอกนะ จนกว่าจะพิสูจน์ให้ม๊าเห็นนู่นแหละ]

 

“ม๊าจะให้ผมพิสูจน์ยังไง พูดมาเลย” บอกตรงๆว่าเบื่อแพทเทิร์นเดิมๆของม๊าจะตายอยู่แล้ว

 

[ไม่รู้แหละ มันก็เรื่องของแก ตราบใดที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ชีวิตแกก็เป็นของฉัน รีบๆไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้!]

 

“ครับๆ” ผมตอบไปอย่างเอือมระอา เดินไปอาบน้ำ แต่งตัว เซตผมให้หล่อ ฉีดน้ำหอมนิดหน่อย ตามสไตล์ ก่อนเดินออกห้องไป เห็นไอ้ภีมยืนเม้มปากอยู่หน้าห้อง อารมณ์ฉุนเฉียวน่าดู เรื่องที่ให้ไอ้เมฆไปทำ ส่งผลแล้วสินะ โอ้ยยย ปัญหารุมเร้าจริง

 

“หลบไป” ผมเอ่ยปากไล่มัน

 

“พี่ทำแบบนี้ทำไม!! ต้องการอะไรจากผมอีก” มันรีบตะคอกใส่ผม มือเล็กกระชากเสื้อผมจนยับเยิน

 

“มึงพูดอะไร” ขมวดคิ้ว มือก็แกะมือมันออกจากเสื้อ

 

“พี่เป็นคนขู่ขึ้นค่าเช่าร้านพี่อ้อย เพียงแค่ต้องการบีบผมให้ออกจากงาน ใช่ไหม!” มันขึ้นเสียงใส่ผม

 

ผมกระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า “ใช่ กูเป็นคนบอกให้ไอ้เมฆทำเอง พอใจยัง? ”

 

“พี่ทำแบบนั้นทำไม!”

 

“ตอนแรกขอให้ไล่มึงออกดีๆแล้ว แต่พี่อ้อยแกไม่ยอม กูถึงต้องใช้วิธีนี้ เป็นไง ได้ผลดีใช่ไหม” ผมเลิกคิ้วถาม

 

“พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่ ทำไมถึงได้ลงทุนทำเรื่องชั่วขนาดนี้ แค่ทุกวันนี้ ที่ทำร้ายผมยังไม่สะใจพี่อีกเหรอ?”

 

ในหัวมึง ก็คิดได้แค่นี้แหละไอ้ภีม ถ้ากูต้องการทำร้ายมึงจริงๆ คงไม่ไปเปิดบัญชีใหม่ให้เสียเวลาหรอก ป่านนี้คงปล่อยให้มึงโดนสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดตัวไปแล้ว

 

“กูแค่อยากให้มึงลาออก” ผมตอบมันไปแค่นั้น

 

“พี่กำลังยุ่งเรื่องส่วนตัวผม จนเกินขอบเขต กฎของเรามีไว้ให้ใช้ ทำไมไม่รู้จักปฏิบัติ”

 

อ้างกฎกับกูอีกแล้ว เกลียดจริงๆเลย ปกติก็สร้างไว้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง ตอนนี้เสือกทรยศกู ไปปกป้องไอ้ภีมซะงั้น!

 

เอาไปเผาทิ้งดีไหมเนี่ย หงุดหงิดฉิบหาย

 

“หึ” ผมเค้นหัวเราะในลำคอ “กฎนั้น เดิมทีกูตั้งใจมีไว้ให้มึงปฏิบัติแค่คนเดียว” ผมก้มลงไป ให้หน้าเราเสมอกัน

 

“….”

 

“บ้านราคาตั้งเท่าไหร่ ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องเอา!” ถึงผมจะไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกไป แต่ก็เผลอพลั้งปากออกไปแล้ว และดูเหมือนคนที่ฟังจะโกรธจัดกว่าเดิมอีก

 

 “หลีกไป กูมีนัด”

 

ผัวะ!**

 

มันต่อยเข้าที่สันกรามมันเต็มๆ ในจังหวะที่ผมไม่ทันตั้งตัว โอ้ยยย เจ็บฉิบหาย ตัวก็แค่นี้ทำไมหมัดหนักจังวะ

 

ผมเอามือมาลูบสันกราม หันหน้าไปมองไอ้ภีม อย่างไม่สบอารมณ์นัก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนกัดริมฝีปากจนห้อเลือด

 

“มึงกล้าต่อยกูเหรอ?” ผมถามลอดไรฟัน

 

“ทำไมผมจะต่อยพี่ไม่ได้ ถ้าไม่พอใจก็ต่อยผมคืนเลย”

 

มันจับมือผมขึ้นมา ทั้งสองข้าง ก่อนทั้งทุบ ทั้งต่อยเข้าที่หน้าตัวเอง

ผมตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า รีบยั้งมือไว้ ก่อนจะทำให้ไอ้ภีมเจ็บไปมากกว่านี้

 

“เป็นบ้าอะไรของมึงหะ!!” ผมตะคอกใส่มันเสียงดัง

 

“หยุดทำไม ต่อยผมเลย ต่อยจนกว่าจะสมใจพี่ แล้วเลิกทำลายชีวิตผมสักที!” มันพูดติดสั่น

 

“ไอ้ภีมหยุด!” ผมเปลี่ยนมารวบมือผมไว้ทั้งสองข้างมันเอาไว้แน่น

 

“พอใจพี่หรือยัง ผมเสียแทบทุกอย่างไปแล้ว ทั้งบ้าน ทั้งงานประจำที่ทำอยู่ ต่อไปพี่จะเอาอะไรจากผมอีกล่ะ? บีบผมให้ลาออกจากมหาลัยเลยไหม!!” มันขึ้นเสียงใส่ ดึงแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของผม

 

มึงคิดได้แค่นี้จริงๆว่ะไอ้ภีม…ในสายตามึง กูไม่เคยมีดีอะไรเลยใช่ไหม?

 

ผมขบกรามแน่น อุ้มมันขึ้นพาดบ่าไว้ ผมว่าเรื่องนี้คงยาว ยืนคุยตรงนี้เห็นจะไม่เหมาะ

 

เดินเข้าไปในห้อง ก่อนทุ่มมันลงกับเตียงนุ่ม แล้วขึ้นคร่อมมันทันที ท่านี้แหละคุยสะดวก ถ้าพูดไม่เข้าหู กูปล้ำ เอาสิมึง!

 

“ออกไป ทำอะไรของพี่” มันโวยวายยกใหญ่

 

“ทำไมถึงคิดว่ากูเป็นฝ่ายทำลายมึงด้วย จะมองว่ากูเป็นฝ่ายปกป้องมึงบ้างไม่ได้หรือไง”

 

“พี่เคยปกป้องอะไรผม บีบให้ออกจากงานเนี่ยนะปกป้อง?”

 

ได้ยินแล้วหงุดหงิดใจเป็นบ้า ผมเอื้อมไปเปิดลิ้นชักตรงหัวเตียง ก่อนหยิบมือถือที่แย่งจากพ่อมัน โยนไปให้

 

“นี่ไงล่ะ!” มันรับไป ทำหน้างุนงง “คนให้มันเสียความรู้สึก ถึงกูจะเกลียดไอ้ซาน จนอยากเอามือถือเครื่องนี้ไปทำลายทิ้งก็เถอะ แต่ก็ทนเห็นมึงทำหน้าลำบากใจ ตอนเอาโทรศัพท์ให้พ่อไปไม่ไหว เลยเก็บไว้ให้ รักษาให้ดีๆล่ะ”

 

บอกตรงๆตอนแย่งโทรศัพท์จากพ่อมันมา คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเก็บไว้ดีไหม เพราะเป็นของไอ้ซาน แต่พอคิดกลับกัน ถ้าผมเป็นไอ้ซาน คงรู้สึกแย่น่าดูเลย ถ้าโดนแบบนี้ แถมหน้าลำบากใจของไอ้ภีมที่ติดตามา เห็นแล้วทิ้งไว้ลงจริงๆว่ะ

 

“…”

 

“แต่จะดีมากถ้ามึงเอาไปคืนมัน” แล้วให้กูซื้อเครื่องใหม่ให้

 

“แล้วมันมาอยู่กับพี่ได้ไง…” มันขมวดคิ้ว ถามออกมาอย่างสงสัย

 

“ก็เอาจากพ่อมึงน่ะสิ อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้…ว่าพ่อมึงมารีดไถเงินจากมึง” ผมเริ่มพูดเรื่องที่รู้ให้มันฟัง

 

“ระ…รู้ได้ไงครับ”

 

“กูรู้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ ตั้งแต่พ่อมึงมาดักรอที่ ม.แล้ว”

 

“…”

 

“จะให้กู ปล่อยมึงไปทำงานเหนื่อยฟรี ให้พ่อมึงรู้ว่ามึงมีเงิน แล้วมาขูดรีดทีหลังน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ คิดว่าตัวเองเป็นพ่อพระอยู่หรือไง ช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองลำบาก กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน มันเสียเวลากูที่ต้องมานั่งรอมึง”

 

“แต่พ่อกำลังลำบาก จะให้ผมอยู่เฉยๆหรือไง”

 

“หึ ลำบากอะไร หนี้ก้อนโต 1 แสนอะนะ กูใช้คืนให้ตั้งนานแล้วเถอะ”

 

“!!!?”มันทำหน้าตกใจ ผมจึงรีบพูดในสิ่งที่ต้องการจะบอกมันตลอดให้ฟัง

 

“กูจ่ายให้ตั้งแต่วันที่พ่อมึงมาดักเจอมึงที่มหาลัยวันนั้นแล้ว”

 

“ไม่จริง…”

 

“กูมีหลักฐานนะ จะดูไหมล่ะ” ผมลุกขึ้นไป หยิบใบเสร็จจ่ายเงินที่อยู่ในลิ้นชัก ยื่นให้มัน ไอ้ภีมทำหน้าอึ้ง ก่อนที่น้ำตาสีใสจะไหลลงมาอาบแก้ม ขี้แยจังวะมึง

 

“ขอโทษที่ทำให้มึงโดนไล่ออก แต่กูไม่อยากเห็นมึงลำบาก กูผิดมากไหม” ผมเดินไปนั่งข้างเตียงเอามือมาปาดน้ำตาให้มันช้าๆ

 

“ตอนแรกกูตั้งใจปล่อยผ่าน เพราะพ่อมึงรับปากกับกูไว้แล้ว ว่าจะไม่มาขอเงินมึงอีก แต่สุดท้ายก็มาเอาเงินมึงไป จะให้กูทำยังไง” เรื่องนี้กูคิดหนักมาหลายวันเลยนะโว้ย

 

“…..ฮึก” เมื่อเห็นมันร้องไห้อย่างอดกลั้นไว้ไม่ไหว จึงดึงเข้ากอดปลอบ ช่วงนี้มึงชักจะร้องไห้บ่อยเกินไปแล้วนะไอ้ภีม...

 

“จะปล่อยให้มารีดมึงที่ร้านพี่อ้อยเหมือนวันนั้นอีกเหรอ ยิ่งเป็นคนใจอ่อนแบบมึงแล้ว มีร้อยให้ร้อยมีพันให้พันอะ” แม้ตัวเองจะลำบากแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เห็นว่า มันเลือกครอบครัวมาก่อนเสมอ คนแบบนี้แหละเหมาะจะเป็นเมียกูในอนาคต หึๆ

 

“….”

 

“ถ้าพ่อมึงแต่งเรื่องมาหลอกอีก มึงมั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่ใจอ่อน ปล่อยเรื่องนี้ให้กูจัดการเองเถอะ”

 

“….”

 

“มึงเหนื่อยเกินไปแล้ว หยุดเถอะ อยู่ทำงานกับกูแค่คนเดียวก็พอ ส่วนเงินกูจะเพิ่มให้อีก เท่ากับจำนวนที่ไปทำงานที่ร้านพี่อ้อยเลย” ผมเอามือไปลูบหัวมันเบาๆ เป็นการปลอบ “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ”

 

ไอ้ภีมปล่อยให้ผมกอดอย่างนั้นนิ่งๆ ตอนมันไม่ดื้อแล้วยอมดีๆ ใจกูสั่นฉิบหาย แต่ผมไม่พูดออกไปหรอก เดี๋ยวแม่งได้ใจ ผมกอดมันอย่างนั้นสักพักเจ้าตัวก็พูดออกมา

 

“ที่พี่เอาผมออกจากงานเพราะเรื่องนี้เหรอครับ”

 

“ใช่ แต่แค่ 20% นะ”

 

“อ่าว…อีก 80% ล่ะ”

 

“อีก 80% คือกูไม่ชอบใจผู้หญิงที่มาขอเบอร์มึง จบนะ” คิดถึงแล้วอารมณ์เสียฉิบหาย อยากต่อยคน ไม่ๆ! ไอ้เนลจะไม่พาล

 

ไอ้ภีมมองผมนิ่ง มุมปากได้รูปค่อยๆยกยิ้มทีละนิด โอ้ยยยย! น่ารักจังวะมึง

 

“แน่ะ! ยิ้มๆ หายโกรธกูแล้วใช่ไหม” ผมเอามือไปดึงจมูกมันเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“….”

 

“งั้นคืนนี้ก็มานอนกับกูนะ” พร้อมส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้ อ้อนสักหน่อย หลังจากที่ทนนอนอย่างกล้ำกลืนฝืนทนมาหลายวัน

 

“ใช่เรื่อง ถึงแม้ผมจะหายโกรธพี่เรื่องนี้ แต่อย่าลืมสิครับ ข้อตกลงเรายังเหมือนเดิม”

อ่าว สัด…อย่างนี้ก็ได้เหรอมึง กูไม่ยอม!

 

“อะไรวะ มานอนกับกูหน่อยก็ไม่ได้ กูซื้อมึงมาแพงนะไอ้ภีม ทำงานให้สมกับราคาหน่อย” ได้ทีขอโวยวายสักหน่อย

 

“หัดเคารพข้อตกลงที่ตัวเองสร้างขึ้นมาหน่อย” อ่าว…อีเมีย พูดจาวอนซะแล้วนะมึง

 

“โอ้ยย ไอ้ภีม เห็นใจกูหน่อย กูไม่ได้นอนกกใครมาหลายวันแล้ว กูเหงากาย”

 

“ก็เห็นควงผู้หญิงไปทั่ว อย่ามาโกหกผม”

 

มึงไปเห็นตอนไหน ตอบกู!!!! ตอบ!!! ทุกวันนี้ถ้าไม่ขวดเหล้า ข้างกายกูก็มีแต่ไอ้เพื่อนหน้าเถื่อนอ่ะ แถมกูออกจะเป็นคนดี ประพฤติดี นั่งสมาธิ ฟังธรรม จะเอาเวลาที่ไหนไปนอนกกหญิงได้ พูดสิไอ้ลูกหมา!

 

“กูพูดความจริง”

 

“งั้นก็โทรเรียกผู้หญิงของพี่มาสิครับ เห็นคั่วตั้งหลายคน เลือกเอาสักคนสิ” หือ..นี่คงไม่ได้หึงกูอยู่หรอกนะ บ้าน่า เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนที่มึงโกรธกู อีหึงกูเอาไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายเลยนะ

 

มันโคตรเป็นไปไม่ได้ในหลักทฤษฎีไอ้เนล ก็ที่ผ่านมาพยายามอ่อยมัน ร้อยแปดวิธี พูดดีด้วยก็แล้ว หยอดไปก็หลายดอก ทั้งลวนลาม ทั้งเอาใจ กูก็ทำมาหมดแล้ว ไม่เห็นว่ามันจะหวั่นไหว มีแต่กูเนี่ยแหละ ที่ยิ่งใกล้ยิ่งหื่น

 

“หืออ เสียงแข็งเชียวว ยังไม่หายงอนกูหรือไง” เอามือไปบีบแก้มมันเล่นแม่ง

 

“….” ไอ้ภีมทำหน้าดุใส่ จนผมรู้สึกหวั่น... หวั่นไหว แม่ง ทำหน้าดุไม่ได้ทำให้มึงน่ากลัวเลยสักนิด

 

ในหัวก็ปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดวันที่มันทำตัวแปลกๆใส่ ผมพอจะเดาๆได้แล้วว่ามันรู้สึกยังไง คงไม่พอใจที่ผมสนใจน้ำหวาน แถมยัยนั่นยังชอบเข้ามาหอมแก้มผมเหมือนเด็กๆ แน่ๆ

 

โอ้ว … นี่หึงกูหรือเนี่ยย หึงได้น่ากลัวฉิบหาย นี่สาบานเลยว่าจะไม่ทำตัวให้มันหึงอีก กว่าจะรู้ ทำเอากูเป็นศพไปหลายวันเลย

 

“อ๋อ” ผมเหล่ตามอง ยกยิ้มมุมปาก “งั้นโทรเรียกน้ำหวานมานอนด้วยดีกว่า” ลองเชิงหน่อย ถ้ามันระเบิดใส่ ก็ฝากเก็บศพด้วย

 

“ตามสบายเลยครับ อยากทำอะไรก็เชิญ อ๋อ! วันหลังถ้ามีกับนัดผู้หญิงคนอื่น ก็อย่าพาผมไปด้วยนะ ขี้เกียจรอ”

 

อั้ยหยา… “ลูกหมา…”

 

“แล้วถ้าหอมแก้มกัน ก็ช่วยไปหอมในที่ลับตาคนหน่อย ไม่ใช่ทำในที่สาธารณะแบบนั้น หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง”

 

“ลูกหมาครับ” ไม่ธรรมดาแล้วว

 

“เลือกของให้กันตั้งนานสองนาน ได้มาแค่กำไลข้อมือ กับแหวนคู่ อ้าว! แล้วแหวนคู่หายไปไหนล่ะครับ ทำไมไม่ใส่ แบบนี้ฝ่ายหญิงไม่เสียใจแย่เหรอ” มันจับมือผมขึ้นไป สำรวจแหวน

 

มันจะมาอยู่ที่นิ้วกูทำไม! หวานซื้อไปให้แฟนเขา!

 

“เมียครับ ใจเย็น” ผมเอานิ้วมาแตะปากมันให้หยุดพูด ได้ทีมาเป็นกระสุนเลยนะ เอาซะตัวกูพรุนไปหมด

 

"ใครเมียมึง" โอ้โห มีขึ้นเสียง…

 

"เกรี้ยวกราดจัง" ผมเอามือมาขยี้หัวมันจนไม่เป็นทรงอย่างหมั่นไส้ ไอ้ลูกหมาจึงปัดมือผมออก พลางส่งสายตาเป็นนัยๆว่า อย่ามายุ่งกับกู!!

 

ผมจึงส่งสายตาตอบมันไปว่า กูไม่สน! กูจะยุ่ง มึงจะทำไม?

 

“ที่พูดมาทั้งหมด คือหึงกู?”

 

“หึงทำไม” อ่าว…ปากแข็ง เดี๋ยวตบด้วยปาก

 

“หึงชัดๆอะ โคตรหึงเลยด้วย อย่าบอกนะ ที่ทำตัวอึมครึมใส่เพราะหึงกูกับน้ำหวาน ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะร่วน ดังลั่นห้อง คิดได้ไงวะ ถ้าให้เอากับน้ำหวาน กูเลือกเอากับมึงดีกว่า บันเทิงกว่าเยอะ

 

ผมเอามือกุมท้อง “โอ้ยย น่ารักว่ะมึง”

 

“ขำอะไรนักหนาครับ” มันขมวดคิ้วไม่พอใจ เตรียมลุกจากเตียง ออกไปจากห้อง แต่ผมไวกว่า ดึงแขนให้ลงมานอน แล้วเอาตัวมาคร่อมไว้เหมือนเดิม น่ารักขนาดนี้ วันนี้มึงคงต้องเสร็จกูแล้วล่ะ ไอ้ภีม

 

“ทำกูเครียดตั้งหลายวันเลยนะมึง ถ้าบอกตรงๆว่าหึงกู ป่านนี้คงนั่งยิ้มยันฟ้าสาง” ผมก้มลงไปกระซิบข้างหู

 

“ไม่ได้หึงครับ” มันปฏิเสธ ผมจึงสบตากับมัน พลางยกยิ้มไปด้วย มือก็เริ่มลูบไล้ตั้งแต่ลำคอ ลงไปเรื่อยๆ ผิวเนียนโคตร!

 

“จะบอกอะไรให้…น้ำหวาน เป็นน้องกูเอง พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ กำลังตัดสินใจว่าจะต่อมหาลัยที่นู่น หรือกลับมาเรียนในไทย เรื่องนี้ยังคุยๆกันอยู่ คุณน้าอยากให้เรียนต่อนู่นเลย แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก” ผมเริ่มอธิบาย มือค่อยๆลูบลงมาที่หน้าท้อง อั๊ยหยา แค่หน้าท้องก็เสียวได้

 

“บอกผมทำไมครับ” มือที่ว่างก็พยายามดึงมือผมออก

 

“ก็มึงหึงกูอยู่” มือมันค่อยๆมาลูบลงไปที่หน้าขาบ้าง

 

“ไม่ได้หึงครับ” แต่หน้ามึงโคตรหึงเลยครับ

 

“กูจะบอกว่าน้ำหวานโตมาในสังคมที่ไม่ค่อยถือตัวแบบในไทย เธออาจจะทำอะไรโดยไม่คิดอยู่บ้าง มึงอย่าไปถือการกระทำบางอย่างของเธอเลย เรื่องหอมแก้มนั่นอีก เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เธอก็ชอบมาหอมกูแบบนี้แหละ โตมาอาจเพราะความเคยชิน จึงทำอะไรแบบนั้นออกไปจนทำให้มึงหึง”

 

“ผมไม่ได้หึง!!”

 

“ชู่ว เบาๆสิ” ผมเอามือขึ้นปิดปากมันไว้ แค่นี้ทำไมต้องขึ้นเสียง..

 

“!…แล้วเป็นพี่น้องกัน ปกติเขาจูบกันด้วยเหรอครับ”

 

“หะ? จูบอะไร” ผมทำหน้างง ไปจูบกับยัยหวานตอนไหนวะ

 

“กะ…ก็…จะ…จูบกันไงครับ จูบปาก” มันพูดตะกุกตะกัก หน้าก็เริ่มขึ้นสี

 

“หะ? ตอนไหน” ผมถามย้ำ จำไม่เห็นได้

 

“ก็ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเห็นเต็มสองตาเลย”

 

หะ? โอ้โห..งานยากเลย จูบในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย ระดับพี่เนล ถ้าจะจูบจริงไม่แอบไปกินในที่ลับตาคนหรอก กลางร้านพี่ก็ทำมาแล้ว แต่ขอย้อนคิดแปป…ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ จะมีแค่ครั้งเดียว ที่ยัยหวานติดกระดุมเสื้อเม็ดบนไม่ได้ จึงเรียกผมเข้าไปติดให้ เค้นอยู่นานจนน่าหงุดหงิด แถมเจ้าตัวก็ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้อีก ผมจึงเข้าไปใกล้ๆจนแทบคร่อมอยู่แล้ว กว่าจะติดได้เหงื่อซึมกันเลยทีเดียว นี่สาบานกับตัวเองไว้เลย ว่าจะไม่ไปส่งยัยหวานซื้อของอีกแล้ว

 

“อ๋ออออ มึงแน่ใจนะว่ากูจูบกับน้ำหวานจริงๆ” ผมถามออกไป พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้

 

“แน่ใจ” มันตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ดี!… น่ารักดี คนมีความมั่นใจแบบนี้กูก็ชอบนะ

 

“แน่ใจ?” ผมถามย้ำ

 

“นะ แน่” อ่าว แผ่นเริ่มสะดุด

 

“แน่เหรอ?” ถามย้ำอีก จะถามจนกว่ามึงจะเสียความมั่นใจนั่นแหละ

 

“เอ่อ…นะ แน่”

 

“กูไม่ได้จูบกับน้ำหวานสักหน่อย”

 

“อย่ามาโม้” เอ้า! โม้ไปกูจะได้อะไร

 

“ไม่ได้โม้ ไม่ได้จูบจริงๆ”

 

“จะ จูบ” เสียงมันแผ่วลง เริ่มหลบสายตาผม หันไปซุกหน้ากับหมอน จะมีแลๆมองมาเป็นบางครั้ง

 

โอ้โห! ตายแล้ว ตัวกู ความรู้สึกเหมือนตาแก่วัย 80 ที่กำลังมองเด็กอายุ 15 เลยสัด

รู้สึกเปล่งปลั่ง กระชุ่มกระชวยหัวใจ

 

“ไม่ได้จูบ!” ถึงไม่ได้จูบกับน้ำหวาน แต่ไอ้คนตรงหน้าเนี่ย! น่าจูบ

 

“….”

 

“ถ้าจูบต้องแบบนี้…”

 

ผมก้มลงไปประกบจูบมันทันที ใช้ริมฝีปากฉกชิมความหวานจากปากมันให้มากที่สุด หัวใจของผมเต้นรัว ผมไม่รู้ว่ามันจะทำให้คนใต้ร่างรู้สึกหรือเปล่า แต่สำหรับผมมันแทบหลุดออกมาจากอก สัมผัสวาบหวามที่ได้รับ ทำให้แก่นกายชูชันและแข็งตัวขึ้นมา

 

ผมจูบอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ก่อนถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ คนข้างล่างรีบกอบกวยอากาศ ผมส่งสายตาหื่นกระหายไปให้มัน เอาให้รู้กันไปเลย ว่าตอนนี้กูหื่นจริงๆ ส่วนล่างก็เริ่มอึดอัดไปหมดประกบลงไปอีกครั้ง ผมดูดเม้มปากล่างมันอย่างอ่อนโยน ก่อนย้ายไปริมฝีปากบนต่ออย่างเชี่ยวชาญ ปากไอ้ภีมหวานมาก หวานจนผมอยากฉกชิมไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักจบ ระหว่างที่คนใต้ร่างกำลังเคลิ้มอยู่ มือค่อยๆปลดเสื้อผ้ามันออกทีละชิ้นอย่างช่ำชอง

 

“อืมม” ผมเผลอครางออกมา มือเลื่อนขึ้นมาลูบไล้บริเวณอกมัน

 

มือไอ้ภีมพยายามดันอกผมออก เมื่อเจ้าตัวเริ่มหายใจไม่ออก ผมยังคงดื้อดึงเพราะรู้สึกว่ายังไม่พอ ทีนี้มันเลยเปลี่ยนมาทุบหน้าอกผมแรงๆบ้าง จึงยอมผละออกแต่โดยดี

 

ผมมองมัน พลางเลียริมฝีปากตัวเองไปด้วย “ไอ้ภีม…” ผมเรียกเสียงกระเส่า

 

“ครับ”

 

“กูขอได้ไหม” ไม่พูดเปล่า จับขามันแยก ก่อนเอาตัวเองมาแทรกกลาง เสร็จกู!

 

“ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา กูคิดถึงมึงมากนะ มาเติมเต็มช่วงที่ขาดหายให้กูหน่อย”

 

"พี่มีนัดไม่ใช่หรือไง รีบไปดิ" มันเอ่ยปากไล่ แหมมม ทีงี้มาไล่กู ตอนกูจะไปไม่ยอมให้ไป กูไม่ไปแล้วโว้ย

 

"ไม่เอา กูไม่ไปแล้ว"

 

ให้ไปงานวันเกิดอย่างทุกข์ทรมาน สู้อยู่บ้านกับมึงดีกว่า….

 

น่าสนุกกว่าเยอะ

 
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-09-2018 16:59:00
อิพี่เนลชัดเจนกับความรู้สึกแล้วแน่ ๆ นะ ไม่ใช่ว่าเจอยัยฟ้าอะไรนั้นเข้าแล้วไขว้เขว้อีกนะ จะตบกะบาลให้
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Aun282828 ที่ 19-09-2018 17:33:17
อร๊ายยยยยยยยยยยย เนล น่าย๊ากกกกกกกกกกกกก ลุยยย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: nidasu ที่ 19-09-2018 22:01:13
ค้างงงง :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-09-2018 22:17:49
เนลกำลังเคลียร์ตัวเองอยู่ใช่ไหม?เปิดใจตัวเองแล้วใช่ไหม?ไม่พนันกับน้องมันแล้วใช่ไหม? ถ้านังฟ้ามาอ้อนให้ทำร้ายภีมจะไม่ทำตามแล้วใช่ไหม?ไม่ไว้ใจเนลเลยอ่ะ :katai1: กลัวทำภีมเสียใจอีก
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-09-2018 22:30:31
เปิดอกคุยกันสักที
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-09-2018 23:56:32
กว่าจะลงตัว. เสียน้ำตาไปหลายรอบ,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-09-2018 18:04:06
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-09-2018 14:52:13
มันคือความจริง
ช่วยยืนยันหน่อย..อยากจะเชื่อนะ

คนแต่งหลอกเราหรือเปล่า
หุหุ

เนลเปลี่ยนไป..จริงดิ
ชั่วคราวหรือถาวร
ฮาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 24.5 ความในใจ (4/4) |[19//09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 22-09-2018 07:29:39
คุณเนลเปลี่ยนไป...นี้ถาวรหรือชั่วคราวคะ? แล้วเรื่องคุณฟ้าล่ะ?
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 25 นอนกับกู|[06//11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 06-11-2018 22:58:16
ตอนที่ 24 นอนกับกูนะ
(1/2)

“ภีมครับ…” พี่เนลก้มลงมากระซิบ พลางเป่าลมอุ่นข้างหู จนขนอ่อนลุกเป็นแถบๆ

 
“…” ผมหลับตาปี๋ เอาหน้าไปซุกกับหมอนใบใหญ่ที่หนุนอยู่ หัวใจเต้นรัวแรงอยู่ในอก ผมไม่รู้ว่าพี่เนลมาอารมณ์ไหนกันแน่ แต่สามารถรับรู้ถึงอันตรายที่จะมาถึงตัวชัดเจน เมื่อคนด้านบนเอาแกนกายที่แข็งโด่แทบทะลุเป้ากางเกง มาถูกับต้นขาของผม

 
จะรอดออกไหมกู...

 

“มองหน้ากู” มือหนาจับใบหน้าผมให้หันไปสบตา ออกแรงบีบแก้มเบาๆอย่างหยอกล้อ มุมปากได้รูปยกยิ้มพึงพอใจ เมื่อผมยอมสบตากับมันดีๆ

 
“มะ..มีอะไรครับ” ผมตอบมันเสียงสั่น

 
“ว่าไง กูขอนะ” มันพูดเสียงแหบพร่า สายตาน่าลุ่มหลงไล่มองลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ หางคิ้ว ดวงตา ปลายจมูก จนมาหยุดที่ริมฝีปาก คนด้านบนก้มลงมา หวังฉกชิมอีกหน ผมจึงรีบเอามือขึ้นมาบังไว้ ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบกัน

 

“ไม่เอาครับ ปล่อยผมได้แล้ว” รีบปฏิเสธเสียงแข็ง มือก็ดันหน้ามันออกไปด้วย ทำไมหื่นแบบนี้วะ

 “ขอเถอะ” พูดพร้อมส่งสายตาระยิบระยับมา มึงไม่ต้องมาแบ๊ว กูไม่ให้!

 
“ไม่เอาครับ เรื่องแบบนี้มันขอกันง่ายๆได้ด้วยหรือไง” พูดเหมือนขอผักขอปลา ตลกนะมึง อีกอย่างเรื่องแบบนี้ ผมถือ! ตราบใดที่แฟนยังไม่มี ซิงกูก็ต้องคงอยู่ ข้างหน้ายังบริสุทธิ์จะมาพรากข้างหลังกูไปแล้วเหรอ เลวทรามจริงๆ

 
“จะไม่ให้จริงๆเหรอ” มันถามย้ำ คือมึงจะเอาให้ได้เลยหรือไง ถอยไปให้ห่างเลย

 
“ไม่ครับ” รีบส่ายหัวรัวๆ ยังไงก็ไม่ยอม ในหัวคิดหาวิธีที่จะรอดจากสถานการณ์นี้ไปด้วย

 

“แต่กูซื้อมึงมาแพงนะครับ ไม่อยากให้อะไรตอบแทนหน่อยเหรอ?” พี่เนลเลิกคิ้วถาม ไอ้เรื่องเงินกับเรื่องนี้ มันคนละเรื่องกันโว้ย

 
“ไม่เอาครับ” ผมยังยืนยันคำเดิม “ไอ้ที่ช่วยพ่อผมชำระหนี้ยังไงก็ขอบคุณด้วยนะครับ เดี๋ยวผมรีบหาเงินมาคืนพี่ให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ปล่อยผมได้แล้ว” เก๊กหน้าโหดแบบพี่เมฆ ส่งสายตาดุที่สุดในชีวิตไปให้ เผื่อจะกลัวขึ้นมาบ้าง จะได้เลิกทำตัวหื่นกามใส่สักที เอามือไปดันตัวมันออก แต่ไอ้มือปลาหมึกของมันกลับเข้ามารวบตัวผมไว้แน่น จึงพยายามดิ้นรนให้หลุด แต่ยิ่งดิ้นพี่เนลก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม

 
“โอ้ยยย พี่เนลปล่อย!!”ผมโวยวายออกมา เมื่อเริ่มสู้แรงควายมันไม่ไหว พออยู่ใกล้ๆกลิ่นน้ำหอมที่มันใส่เริ่มแรงจนรู้สึกแสบจมูก พาลทำให้รู้สึกปวดหัวตุบๆ ผมไม่ชอบกลิ่นนี้เลย ได้กลิ่นแล้วเวียนหัวจวนจะอ้วกทุกที “ผมเหม็นกลิ่นน้ำหอมพี่ ปล่อย”

 
“กู ไม่ ปล่อย”พูดเน้นทีละคำ พร้อมยิ้มยียวนกวนประสาท ก้มลงมาฟัดแก้มเล่น ก่อนย้ายไปดูดเม้มทำรอยตรงต้นคอ มือที่รัดตัวผมค่อยๆคลายออก ลูบสะเปะสะปะตามร่างกายไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ลำคอ ลงมาที่หน้าอก จรดท้องน้อย แล้วมาหยุดตรงจุดยุทธศาสตร์ ตอนนี้เหลือแค่กางเกงในเท่านั้นที่ปกป้องเอาไว้ แทบกลั้นหายใจเมื่อมือหนาเลื่อนเข้าไปจับแกนกายที่เริ่มอึดอัดของผม ออกแรงบีบเบาๆ ก่อนใช้นิ้วโป้งลูบวนตรงส่วนปลาย รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาจนเผลอครางอย่างน่าอาย เคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่มอบให้ จนลืมตัวปล่อยให้มันทำตามใจชอบ

 
พี่เนลลากลิ้นลงมาตรงตุ่มใตด้านขวา ใช้ฟันคมฝังลงไป ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมา ผมร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เผลอขยำแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างลืมตัว เกร็งไปหมดทุกครั้งที่รับสัมผัสของมัน คนตัวสูงดูดเม้มส่วนที่พึ่งกัดไปซ้ำๆ ก่อนไล่จูบลงมาเรื่อยๆ มันละมือที่จับแก่นกาย ดึงกางเกงตัวสุดท้ายที่ปกปิดร่างกายผมออกอย่างรวดเร็ว พร้อมจับน้องชายผมถือไว้ เลื่อนหน้าลงไปหวังใช้ปากครอบงำส่วนแกนกายผมที่เริ่มแข็งตัวเอาไว้ หัวใจเต้นโครมๆในอก ยังไม่เคยมีอารมณ์แล้วคนอื่นมาช่วยแบบนี้เลย ยิ่งใช้ปากไม่ต้องพูดถึง ประสบการณ์เรื่องบนเตียงติดลบ แต่ตอนนี้กำลังจะโดนผู้ชายด้วยกันทำให้ บอกตรงๆว่าเกิดอาการกลัวขึ้นมา ปากก็บอกให้มันหยุดการกระทำบ้าๆนี้สักที แต่ไม่มีวี่แววว่ามันจะหยุดเลย จึงเอามือไปดันหน้ามันไว้

 

น้ำไสไหลลงอาบแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่ พี่เนลเงยหน้าขึ้นมามองสีหน้าตกใจ ผมขอร้องมันทั้งๆที่ตัวสั่นไม่หยุด

 
“ฮึก ปล่อยผมไปเถอะ ผมยังไม่พร้อม”

 
พี่เนลมองผมสักครู่ เอามือเสยผมที่ตกปรกหน้าขึ้น ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เฮ้ออออ กูก็ไม่ใช่คนดีซะด้วย แต่จะทนทำมึงต่อไปทั้งๆที่ตัวยังสั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ก็ไม่ได้จริงๆว่ะ”

 

“....”

 

“จะเอาไงต่อ ให้กูใช้มือช่วยไหม” พี่เนลมองส่วนแกนกายที่ชูชันสลับกับมองหน้าผมไปด้วย เช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนรีบเอามือปิดส่วนนั้นเอาไว้ พลางสายหัวให้มันเป็นคำตอบ

 

มันเห็นอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับ “งั้นกูไปช่วยตัวเองก่อนนะ” พูดเสร็จก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำ ไม่วายหันมาชี้หน้าคาดโทษผม “จำเอาไว้นะไอ้ภีม มึงเป็นคนเดียวที่ทำกูมีอารมณ์ถึงสองหนติด และต้องจบด้วยการช่วยตัวเองทั้งสองครั้ง แม่ง!จะจำไปจนวันตายเลย คนอะไรอันตรายฉิบหาย”

 

มึงนั่นแหละ อันตรายกว่าเพื่อน ไอ้หน้าไหนที่บอกเห็นกูแล้วเอาไม่ลงวะ นี่จ้องจะเผด็จศึกกูทุกวี่ทุกวัน คำพูดพี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ

 

พี่เนลเข้าห้องน้ำไป ปิดประตูสนิท ปล่อยให้ผมนั่งมองสิ่งที่มันพึ่งทำลงไป ระยำจริงๆ แล้วจะทำยังไงกับน้องชายดีวะเนี่ย ถูกปลุกให้ตื่นเสียแล้ว เฮ้อออ

 

ลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าที่นอนระเนระนาดให้เรียบร้อย เดินไปเปิดประตู กลับห้องด้วยความรู้สึกปั่นป่วนไปหมด จัดการใช้มือช่วยตัวเองเสร็จสรรพ ตั้งใจจะอาบน้ำชำระร่างกาย ล้างคราบขาวขุ่นที่พึ่งทำเปื้อนออกให้สะอาด สายตามองหาครีมอาบน้ำที่เคยอยู่บนชั้นวาง แต่ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว...เชี่ย! หายไปหมดเลย ทั้งแปรงฟัน ยาสีฟัน แชมพูสระผม หรือแม้แต่สบู่ตรานกแก้วกูก็ไม่อยู่! what the f*ck! รีบล้างมือ เอาผ้าเช็ดตัวพันเอวไว้ ก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ ก็ต้องตกใจอีกหนที่ตรงราวตากผ้าไม่มีเสื้อผ้าสักผืน เมื่อกี้ตอนเข้าห้องมาก็ไม่ได้ดูด้วย หาทั่วห้องก็ไม่พบ จึงเดินกลับไปหาพี่เนลที่ห้อง ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ไอ้นี่แน่นอน โจรที่ขโมยของกูไป

 

“พี่เนล!” เปิดประตูเข้าไป พร้อมตะโกนชื่อมันเสียงดังลั่น

 

“ว่าไงครับ ที่รัก” เจ้าตัวพูดด้วยท่าทางสบายๆในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว เอาแขนพาดกับหัวเตียง พลางกระดิกเท้าหยิกๆ

 

“ที่รักพ่อง! พี่เอาของผมไปใช่ไหม!”

 

“อืม ใช่” มันยักคิ้วให้ทีหนึ่ง “นี่ใจดีเหลือผ้าเช็ดตัวให้ผื่นหนึ่งเลยนะ กลัวเมียไม่มีอะไรปิดบังร่างกาย ไม่ขอบคุณหน่อยเหรอ”

 

หึ้ยยย โมโหจริงๆ ยังมีหน้ามาทวงบุญคุณอีก ไอ้ระยำ!

 

“เสื้อผ้าผมอยู่ไหน!” พี่เนลยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าของมัน ผมจึงรีบเดินไปเปิดดู ก็พบเสื้อผ้าของตัวเองถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบในตู้ หยิบออกมา ได้ยินเสียงล็อกประตู หันไปมอง ก็พบร่างสูงยืนขวางประตูเอาไว้ด้วยท่าทางกวนๆ

 

“พี่จะทำอะไร” ผมถามอย่างหวาดระแวง บอกตรงๆว่าไม่ไว้ใจ หยิบเสื้อผ้าในตู้มากอดแน่น

 

“ก็ไม่ได้ทำไร” มันยักไหล่ “แค่อยากให้มานอนเป็นเพื่อนเฉยๆ แต่แค่ขอดีๆแล้วมึงไม่ยอมแน่ๆ เลยกะย้ายข้าวของมานอนกับกูถาวรเลย”

 

โอ้โห....เห็นกูเป็นอะไร คิดจะย้ายก็ย้ายกันง่ายๆแบบนี้เลยหรือไง แล้วไอ้คำว่าถาวรที่มันพูดคือต้องมานอนห้องเดียวกับมันตลอดอะนะ เชี่ยยย แค่นอนคนละห้องก็โคตรอันตราย(ต่อประตูหลัง)จะแย่อยู่แล้ว แต่นี่ ต้องมานอนเตียงเดียวกับคนหื่นตลอด 24 ชั่วโมงแบบมัน ไม่เอาด้วยหรอก

 

“ไม่เอาครับ ผมไม่เชื่อหรอกว่าแค่นอนเฉยๆ หน้าตาอย่างพี่มันเชื่อไม่ได้ หลีกไป ผมจะออก” ผมเดินเข้าไปพยายามดันคนที่ขวางประตูไว้ ให้หลีกทาง แต่คนเจ้าเล่ห์ไม่มีท่าทีว่าจะหลีกให้เลย

 

 

“แค่อยากให้มึงนอนด้วยเฉยๆ สัญญาว่าจะไม่ปล้ำ ถ้ามึงไม่สมยอม โอเค?” มันยกมือขึ้นทั้งสองข้าง อย่างยอมแพ้

 

“โตขนาดนี้ ยังนอนคนเดียวไม่ได้หรือไง”

 

“ได้ แต่แค่ช่วงนี้ไม่อยากนอนคนเดียว มันเปลี่ยวๆ”

 

“เปลี่ยว?” อารมณ์เปลี่ยวของมันคืออะไร เปลี่ยว = เหงา หรือ เปลี่ยว = หื่น ช่วยขยายความให้ที

 

“เออ! ตกลงจะนอนไหม อย่าให้กูต้องสั่ง ขอดีๆไม่ชอบหรือไง” พี่มันเริ่มขึ้นเสียงใส่ อะไรว้า ผีเข้าผีออกนะมึง

 

“เอ่อ.....” ผมอ้ำอึ้ง บอกตรงๆว่าไม่ไว้ใจ

 

“แค่ช่วงนี้เท่านั้น สัญญาด้วยเกียรติ ว่าจะไม่หลวมตัวไปปล้ำมึง” มันชูนิ้วก้อยขึ้นมา ยืนยันคำพูด

 

“แน่นะครับ”

 

“อืม”

 

“ก็ได้ครับ” ผมเอานิ้วก้อยไปเกี่ยวสัญญากับมัน พี่เนลคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ในจังหวะที่ไม่ได้ตั้งตัว ดึงมือข้างที่เกี่ยวอย่างแรง ทำให้ตัวผมเซเข้าไปหามัน ไม่รอช้าแขนแกร่งก็อ้อมมาโอบรอบเอวผมเอาไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน

 

“ทำไรพี่เนี่ย”

 

“ขอกอดเฉยๆ จะไม่ทำอะไรมากกว่านั้น”

 

“อะไรวะ ยังพูดไม่ขาดคำ ผิดสัญญาอีกแล้ว”

 

“กูไปผิดสัญญากับมึงตอนไหน ก็บอกจะไม่ปล้ำ แค่กอดเองไม่ได้ผิดสัญญา”

 

“กอดก็ไม่ได้ครับ”

 

“กูไม่สน มึงเกี่ยวก้อยทำสัญญากับกูแล้ว ว่าจะนอนด้วยถ้ากูไม่ปล้ำมึง แต่ทำอย่างอื่นมันนอกเหนือจากนั้น แปลว่าทำได้”

 

โอ้ยยย! อย่างงี้ก็ได้เหรอวะ พี่เนลก็เปรียบเสมือนหมาป่าที่จ้องจะกินหนูน้อยหมวกแดงนั่นแหละ แค่รอวันที่นายพรานมายิงมันตายห่าเท่านั้นแหละ ฮึ้ย!เล่ห์แพรวพราวจริง ไม่น่ากลงกลมันเลย

 

มันเอาคางมาเกยไหล่ผมไว้ พลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ผมก็ได้แต่อยู่นิ่งๆปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ไม่มีทีท่าว่าคนตัวสูงกว่าจะปล่อย ในหัวก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป

 

ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องเกิดขึ้นมากมายจนแทบไม่มีเวลา ผมเอาเวลาไปเตรียมค่ายจนใกล้จะเสร็จหมดแล้ว วันไหนที่มีงานต่อก็จะลาพี่ท็อป พี่แกก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันเริ่มลงตัว เรื่องที่ผมไปทำงานพิเศษไม่ได้บอกไอ้ซาน ไม่อยากให้มันเป็นห่วง แต่มันก็แอบสงสัยอยู่บ้างที่เห็นผมเพลียจนผิดปกติ ได้แต่บอกปัดมันไปเหมือนทุกที

 

จะไม่ได้นอนหนักๆก็ตอนไปทำงานนับสต๊อก เข้างาน 2 ทุ่ม – ตี 5 หลังเลิกงานร้านพี่อ้อยก็ต้องรีบไปเข้างานต่อเลย งานไม่ได้หนักอะไรมาก สิ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้คือความง่วง เพราะต้องทำงานระยะยาว 9 ชั่วโมงเต็ม โชคดีที่มีพักเบรกกับข้าวฟรีให้ช่วง 4 ทุ่ม หลังจากนั้นก็ทำงานยาว ได้วันละ 300 ร้อย รวมๆที่เหนื่อยมาได้ 2,100 บาท แต่มันก็หมดไปกับพ่ออย่างรวดเร็ว เมื่อท่านมาดักรอเอาเงินที่ร้านพี่อ้อยวันถัดมา

 

หนักสุดคือเรื่องที่ผมต้องไปยื่นเรื่องดรอปเรียน อยากจะบอกเรื่องนี้กับแม่อยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ผมไม่อยากให้ท่านต้องมาคอยเป็นห่วงผม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเก็บเงียบไว้ดีกว่า....เสียเวลาแค่ปีเดียวเอง

 

แต่พอเมื่อเช้า เอาเรื่องนี้ไปคุยกับไอ้ซาน มันก็โวยวายยกใหญ่ ไม่ยอม แถมให้ผมไปยื่นเรื่องขอจ่ายค่าเทอมล่าช้า แทนดรอปเรียน มันอาสาออกค่าเทอมให้ก่อน ผมจึงต้องยอมเป็นหนี้มันอย่างช่วยไม่ได้ พอไปติดต่อก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าผมชำระไปแล้ว ในวันสุดท้าย ได้แต่สงสัยว่าใครเป็นคนจ่ายให้กันแน่ ในหัวผมมีอยู่คนเดียวที่พอจะเป็นไปได้คือ ‘พ่อ’ ท่านคงคิดได้เอาเงินจำนวนนั้นมาจ่ายค่าเทอมให้ผมก่อน... ถึงอย่างนั้น ผมก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาชดเชยให้ท่านอยู่ดี

 

ผมสงสัยจริงๆ ถ้าพี่เนลจ่ายหนี้ให้พ่อไปแล้ว ทำไมท่านถึงมาขอเงินจากผมไปชำระหนี้อีก...

ที่ผ่านมาท่านเอาเงินไปทำอะไรกันแน่....

 

แต่ที่สงสัยไปมากกว่านั้นคือไอ้คนที่กำลังกอดผมอยู่ตอนนี้ มันจะช่วยผมไปเพื่ออะไร ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องช่วยด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของผม

 

“พี่เนลครับ ผมถามอะไรหน่อย ช่วยพ่อผมทำไมเหรอ..” ผมถามออกไปหลังจากที่เงียบอยู่นาน

 

“กูมีเหตุผลของกู แต่เรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว ไม่ต้องถามหามันหรอก” มันเลือกที่ไม่บอกเหตุผล จึงไม่อยากถามเซ้าซี้ ถ้าคนจะไม่บอก​ถามไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ไม่ว่ามันจะช่วยผมด้วยเหตุผลอะไร มันก็ช่วยผมมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมรับรู้ก็พอ

 

“อ๋อ...ครับ ผมจะรีบเอามาคืนพี่ให้เร็วที่สุดนะครับ”

 

“กูไม่เอา”มันรีบปฏิเสธ

 

“ได้ไงเงินตั้ง 1 แสน ไม่ใช่น้อยๆนะครับ จะมาให้กันฟรีๆแบบนี้ได้ไง” สติยังดีอยู่หรือเปล่า? เข้าใจว่ามีเงิน แต่ตั้ง 1 แสนมึงไม่เสียดายมั่งหรือไงวะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกับมัน มาช่วยเฉยๆแบบนี้ไม่ได้หรอก

 

“แค่เศษเงิน” มันตอบอย่างไม่แยแสนัก โห...สำหรับมึงอาจจะแค่เศษเงิน แต่สำหรับกูคือเงินก้อนใหญ่โว้ย เศษเงินต้องเหรียญสลึง ไอ้พวกมีเงินล้นฟ้าคงไม่เข้าใจสินะ

 

“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมก็จะคืน” ผมยังยืนยันคำเดิม บอกตรงๆไม่อยากจะติดค้างบุญคุณใครไปนานๆ โดยเฉพาะคนแบบมัน

 

“ดื้อว่ะ” มันสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ที่เห็นผมยังดื้อดึง เห็นจนๆแบบนี้ก็ไม่รับเงินใครฟรีๆหรอกนะครับ อย่ามาดูถูก ศักดิ์ศรีผมมี

 

“ผมไม่สน ไม่ว่าพี่จะว่ายังไง ผมก็จะคืน”

 

“โวะ! งั้นก็แล้วแต่มึงเหอะ อยากคืนก็คืน” มันยอมแพ้ในความหัวรั้นของผม

 

“ครับ แล้วพี่จะคิดดอกเท่าไหร่” ผมถามออกไป เผื่อเจ้าตัวเรียกร้องเอาดอกเบี้ย จะได้รู้ว่าควรรีบคืนมันไหม

 

“พูดเหมือนมีปัญญาจ่าย”มันหัวเราะในลำคอ เอ้า! มีสิครับ สักวันก็ต้องคืนหมด แค่ต้องหางานทำ แต่ครั้งนี้จะไม่ฝืนตัวเองแล้ว คืนเท่าที่คืนได้เพราะดูเหมือนเจ้าหนี้คนนี้คงไม่รีบ หรืออาจจะทยอยคืนมันตอนเรียนจบก็ว่ากันไป

 

“มีครับ ยังไงผมก็ต้องคืนเงินพี่หมด”

 

“แต่ไม่ต้องรีบหรอกนะ อยู่กับกูจนกว่าหนี้จะหมดเนี่ยแหละ” มันละมือข้างหนึ่งที่กอดเอว มาลูบหัวผมเล่น “แต่กูคิดดอกเบี้ย ร้อยละ 30 ต่อเดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้”

 

“หะ! เยอะไปไหมวะ ผมเพิ่งโดนบีบออกจากงาน ไม่มีรายได้ กว่าจะคืนเงินต้นหมดก็เรียนจบมีงานทำนู่นแหละ เผลอๆอยู่กับพี่จนแก่ตายเพราะดอกเบี้ยห่านี่แน่ๆ” ได้ยินจำนวนที่มันเรียกมาถึงกับตกใจ คนอะไรวะ หน้าตาก็ดี แต่หน้าเลือดฉิบหายเลย ช่วยแบบนี้มึงอยู่เฉยๆดีกว่า ไอ้พี่เนล!

 

 “ก็ใช่ไง อยู่กับกูไปตลอดชีวิตเลย”

 

“!!!”

 

“กูล้อเล่น” มันใช่เวลามาล้อเล่นไหม เดี๋ยวกูเอาฟันเฉาะหน้าแหกเลยไอ้นี่ มึงเห็นไหม มองหน้ากู! จริงจังแค่ไหน อย่าหลอกกูให้ตกใจเล่นดิวะ

 

“ดอกเบี้ยนั่นน่ะ กูไม่เอาหรอก ถ้าอยากคืนก็คืนแค่เงินต้นพอ” เอ่อ ค่อยสบายใจหน่อย

 

“…”

 

 “แต่ที่อยากให้มึงอยู่ด้วยตลอดชีวิตน่ะ กูพูดจริงนะ”

ผมเงียบ รอฟังมันพูดขึ้นมาว่า ‘ล้อเล่น’ แต่ครั้งนี้มันก็เงียบเหมือนกัน จนเกิดเดดแอร์ขึ้น จนผมรู้สึกสับสน ว่าที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง หรือแค่เล่นละคร ถ้าเป็นอย่างหลังถือว่าแสดงได้เก่งมาก หน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมา จึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย

 

“เอ่อ…ผมว่าแอร์ห้องพี่เย็นๆนะ” พูดพร้อมเกาหัวไป อย่างทำตัวไม่ถูก

 

“กูไม่ได้เปิดแอร์”

 

“มิน่าล่ะ ทำไมร้อนๆ” เปลี่ยนไม่ทันเลยกู “แล้วนี่จะกอดผมอีกนานไหม ปล่อยไปได้แล้ว” ผมโมโหกลบเกลื่อนอาการเขิน

 

พี่เนลยอมคลายอ้อมแขน ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ได้ฤกษ์ไปอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าสักทีหลังจากที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปิดบังไว้ ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้า เข้าไปอาบที่ห้องน้ำพี่เนลเลย ไหนๆของทั้งหมดก็อยู่ที่ห้องมันแล้ว ไม่อยากย้ายไปมาให้เสียเวลา จัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ เดินออกมา เห็นพี่เนลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ก่อนจะเงยหน้ามามองผมที่กำลังเช็ดผมเปียกชุ่มอยู่หน้าห้องน้ำ

 

“ไอ้ภีม” จู่ๆมันก็เรียกชื่อผมออกมา

 

“ครับ?” ผมขานรับ มือยังคงวุ่นอยู่กับการเช็ดผม

 

“กูขอโทษ...สำหรับทุกๆอย่าง รวมถึงเรื่องทำงานร้านพี่อ้อยด้วย”

 

พอได้ยินมันพูดแบบนั้น มือที่เช็ดผมก็ชะงัก ยืนสบตากับมันนิ่งๆ ยอมรับว่าตอนแรกโกรธมันจนเลือดขึ้นหน้ามาก ที่ทำเรื่องแบบนี้ การลากคนอื่นมาลำบากหรือดึงผมออกจากงาน ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีในความคิดของผม ควรแก้จากต้นเหตุนั่นก็คือพ่อ ไม่ใช่ปลายเหตุ แต่มันคงอยากช่วยผมนั่นแหละ ถึงได้ทำเรื่องเหี้ยๆแบบนี้

 

“ครับ...แต่พี่กำลังทำให้ผมไม่มีรายได้เสริม ต่อไปผมต้องไปหางานใหม่ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้พี่”

 

“มึงหยุดความคิดนั้นลงเลย อยู่ทำงานให้กูคนเดียวก็พอ งานดีเงินดีแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้ว” มันลุกไปหยิบสมุดบัญชีแนบกับบัตรATMออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ผม จึงรับมาถือไว้อย่างงงๆ

 

“บัญชีกับบัตรของมึง หลังจากนี้กูจะโอนเงินให้มึงทางนี้ อยากใช้ก็ไปกดเอง ส่วนหนี้พ่อมึง...กูมานั่งคิดอย่างหนักหน่วงแล้ว กูจะหักจากเงินเดือนมึง 10% ของทุกเดือนเพื่อเอามากลบหนี้ มึงจะได้ไม่ต้องดิ้นรนไปหางานทำ อยู่บ้านกับกูเนี่ยแหละ โอเคไหม”

 

“ครับ...แล้วพี่ให้เงินเดือนผมเท่าไหร่” จะได้รู้ว่าอี 10% ของมันต่อเดือนมันเท่าไหร่ แล้วต้องอยู่ทำงานให้มันกี่ปี ถึงจะใช้หนี้แสนหมด

 

เจ้าตัวยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่บอก”

 

“เอ้า....แล้วผมจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปล่ะ ต้องอยู่กับพี่จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จ แล้วได้บ้านคืน แต่ถ้ายังจ่ายหนี้ไม่หมด ก็ต้องอยู่กับพี่ต่องี้เหรอ?” นี่คงไม่ได้หาเรื่องยื้อผมไว้หรอกนะ

 

“ถามทำไม ไม่อยากอยู่กับกูหรือไง?”

 

“เอ่อ....ก็” ผมอ้ำอึ้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากอยู่กับมันหรือเปล่า เพราะตอนนี้ผมก็ไม่ได้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ตามหลักที่ควรจะเป็น คือภารกิจจบแยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครของมันเหมือนเดิม....และหลังจากนั้นก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเจอกับมันอีก....ทำไมคิดแล้วหดหู่ยังไงก็ไม่รู้ ยังไม่ทันได้ตอบ พี่เนลก็พูดขึ้นมาสีหน้าสลด แววตาตาหม่นหมองลงทันที

 

“เข้าใจแล้ว ถ้ามึงทำภารกิจสำเร็จก่อน กูก็จะปล่อยมึงให้เป็นอิสระ ระหว่างนั้นก็หาเงินมาจ่ายกูจนกว่าจะหมดแล้วกัน แต่กูจะรับแค่ 10%ของเงินที่มึงได้มาทั้งหมดนะ”

 

“ทำไมเอาแค่ 10% ล่ะครับ” เอาไปเต็มจำนวน ใช้หนี้ให้มันหมดๆจะได้จบๆไปไม่ได้หรือไง แล้วเมื่อไหร่หนี้จะหมดวะ นี่คงไม่ได้หาเรื่องเจอผมหรอกนะ เป็นไปไม่ได้หรอก มันคงหาเรื่องแกล้งผมมากกว่า

 

“โวะ! ถามเยอะจริง กูบอกว่าเอาแค่ 10% ก็ 10% ดิวะ” มันเริ่มอารมณ์เสียใส่

"ครับ" พี่เนลว่ายังไงก็ตามนั้นแหละ สิบก็สิบ ถ้าเงินเดือน 10,000 ก็จ่ายให้มัน 1,000 บอกตรงๆว่าอีกนานกว่าจะคืนหนี้แสนมันหมด ถ้าจบไปทำงานอาจจคืนได้เร็วกว่าช่วงที่เรียน แต่ก็ต้องมีพันธะเกี่ยวข้องกับมันระยะยาวอยู่ดี ไม่ว่ายังไงก็หนีมันไม่พ้น การที่ขอคืนหนี้คนอย่างคุณศิรากรเป็นความคิดที่ดีแล้วใช่ไหมวะไอ้ภีม?

 

"แล้วตกลงเงินเดือนผมเท่าไหร่?"

 

"เงินออกก็จะรู้เองแหละ" มันยังคงเล่นตัวไม่บอก คนอะไรวะซับซ้อนจริง...

 

"...."

 

“เออ บัญชีนั้น เชื่อมกับเบอร์กูไว้ เพราะฉะนั้นกูจะรู้ความเคลื่อนไหวบัญชีมึงตลอดเวลา ถ้ากดเงินไปทีเดียวเยอะๆ คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่อมึงหิวเงินให้มาติดต่อที่กูอย่างเดียว โอเค้?”

 

“ครับ....”

 

หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 25 นอนกับกู|[06//11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 06-11-2018 22:58:35
(2/2)



หลังจากนั้นผมก็มานั่งเล่นโทรศัพท์กับพี่เนลบนเตียง เปิดเช็คดูในเครื่องว่าข้อมูลอยู่ครบไหม ดูๆแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร จะติดใจอยู่อย่างเดียวก็ตรง รูปวอเปเปอร์เนี่ยแหละ ไม่เห็นจำได้ว่าเอารูปมันขึ้น ทำไมรูปพี่เนลมันเด่นหราแบบนี้วะ หันไปถาม เจ้าตัวก็ตอบหน้าตาย ว่า ‘กูตั้งเอง มึงจะทำไม’ ยังไม่ทันได้ถามต่อมันก็บ่นหิวข้าว จึงลงไปทำข้าวไข่เจียวให้ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผม จนต้องไล่ให้มันไปนั่งเฉยๆตรงโต๊ะ

 

กินข้าวเสร็จ ก็มานั่งโง่ๆดูทีวีเป็นเพื่อนมัน ผมไม่ได้รู้สึกว่างแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน หลังจากที่เวลาทุกวินาทีต้องแบ่งไปสำหรับทำงานหาเงิน พอได้มีเวลาว่างก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ผมไม่นึกเลยว่าตัวเองจะได้มีเวลาแบบนี้ นั่งบิดขี้เกียจอยู่บนโซฟา ตาก็มองพี่เนลจากด้านข้างไปด้วย ดูมันทีไรก็รู้สึกอิจฉาทุกที ขนาดเห็นแค่ครึ่งเดียวยังหล่อสัดๆ ถึงแม้มันจะอยู่ในสภาพที่ผมยุ่งไม่เป็นทรง ใส่เสื้อกล้ามสีขาวลายอูฐหน้าโง่ๆ ที่เห็นแล้วเกลียดฉิบหาย กับกางเกงขาสั้นสีดำก็ตาม แม่ง....ลองให้ผมแต่งแบบมันดูดิ โคตรดับ!

 

“พี่เนลครับ” ผมหันไปเรียกคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังดูหนังอย่างตั้งใจ ในมือถึอขนมกรุบกรอบซองใหญ่ไซส์บิ๊ก มือก็ล้วงหยิบเข้าปากไปด้วย

 

“หือ?” พี่เนลขานรับ แต่สายตายังคงจดจ่อกับเนื้อหาในโทรทัศน์อยู่

 

“พี่...เคยบอกกับผมว่า จะไม่มีทางปล้ำผมเด็ดขาด ผมไม่ใช่สเปคพี่ แล้วทำไมเมื่อตอนเย็นพี่ถึง....เอ่อ...ทำแบบนั้นกับผม” แก้มร้อนผ่าว เมื่อคิดถึงเรื่องที่มันทำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ มันเคยยืนยันนอนยันกับผมนักหนาว่าจะไม่มีทางหลวมตัวมาลวนลามเด็ดขาด ไม่รู้ว่าช่วงนี้ผีอะไรเข้าสิง ถึงได้ทำตัวแปลกๆ

 

พี่เนลหันมามองผมสักครู่ ก่อนหันไปดูทีวีต่อ โดยไม่ได้ตอบคำถามที่ผมพึ่งถามออกไป อะไรวะ....เมินกูเหรอ!

 

“ว่าไงครับ พี่เนล?” ถามย้ำไปอีกรอบ อยากรู้จริงๆ อะไรดลใจให้พี่มันหน้ามืดตามัว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ทำตัวหื่นกามใส่ยอดชายคนที่หล่อที่สุดในแก๊ง แถมน่าหลงไหลไปหมด ตั้งแต่รากผมยันซอกเล็บตีน อย่างผมคนนี้

 

“ก็....” มันพูดแค่นั้น ก็เงียบไป ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมจึงรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ จ้องใบหน้าเพียงครึ่งหนึ่งของมันไปด้วย หัวใจก็เต้นรัว ลุ้นระทึกกับคำตอบ

 

“…..”

 

“เอ่อ....” พูดออกมาแค่นั้น ก็เงียบไปอีก รีบตอบดิวะ ลุ้นยิ่งกว่าคะแนนแอดมิชชั่นอีก ไอ้ห่าเอ้ยย

 

“.....”

 

“......” มองมันอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

 

“อืม...” อะไรวะ ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย ‘อืม’ เชี่ยไรมึง หันมาคุยกับกูก่อนน

 

“ตอบผมสิครับ ว่าพี่ทำแบบนั้นทำไม” พี่เนลเอาขนมมายัดใส่ปากผม เหมือนต้องการปิดปากไว้ จึงเคี้ยวตุ่ยๆ จนหมด ตั้งใจจะถามออกไปอีก มันก็ยัดใส่ปากผมอีก อะไรของพี่มันเนี่ย แค่ตอบคำถามเดียวจะเล่นตัวเพื่อ คิดว่าตัวเองเป็นดารามีชื่อเสียง ที่กำลังถูกนักข่าวสัมภาษณ์อยู่หรือไง

 

เคี้ยวขนมที่เต็มปากอย่างยากลำบาก ยังไม่ทันหมดดี มันก็ยัดเข้ามาอีก คราวนี้ไม่ปล่อยให้ผมได้หายใจเลย เมื่อมือหนาป้อนใส่ปากผมติดๆกัน จนต้องรีบยกมือขึ้นมาห้าม ก่อนที่จะสำลักขนมตายคาที่เสียก่อน

 

รู้สึกฝืดคอ จึงหยิบน้ำโค้กของพี่เนลที่วางอยู่บนโต๊ะ มายกดื่มเกือบหมดขวด คนที่ใส่เสื้อลายอูฐหน้าโง่ๆมองการกระทำผมอยู่ ยกยิ้มขำ สนุกมากเหรอมึง แกล้งกูเนี่ย? เห็นขวดโค้กในมือกูไหม เดี๋ยวพ่อจับฟาดฟันล่วงหมดปากเลย ขำมากใช่ไหมมึง

 

ว่าแต่ขนมอร่อยดีว่ะ กินกับโค้กแล้วโคตรเข้ากัน มองขนมที่มันถืออยู่ในมือ เผื่อวันไหนว่างๆจะไปหาซื้อมากินบ้าง เป็นภาษาญี่ปุ่นซะด้วย ดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าจะมีขายในไทย เชี่ย เหมือนอกหัก

 

“เป็นไง อร่อยไหม?” พี่เนลถามขึ้นมา จึงละสายตาจากขนมที่มันถือ ไปมองหน้ามันแทน

 

“อร่อยครับ”

 

“งั้นก็กินเยอะๆ” มันยื่นซองขนมมาให้ผม “ผอมลงมากเลยนะมึง กินเข้าไป”

วันนี้ใจดีแปลกๆว่ะ มึงมีแผนชั่วอะไรในใจหรือเปล่าวะ ปกติไม่มีหรอก ไอ้ที่จะทำดีกับผมเนี่ย วันนี้มาผิดแผกกว่าทุกที

 

“ครับ...” ผมรับขนมมันมาอย่างงงๆ เดี๋ยว....มันยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยยย! แม่งเอาขนมมาล่อ คิดเหรอว่าของแค่นี้จะทำอะไรกูได้

 

“พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะครับ!”

 

“กู....”

 

“.....” ผมรอฟังมันต่อ เข้าแพทเทิร์นเดิม เพิ่มเติมคือกูมีขนมกิน

 

“กูว่าสมรักเป็นคนฆ่าเสี่ยเก้งแน่ๆเลยว่ะ ดูๆ มึงดู” พี่เนลเอาแขนมากอดคอผม พลางชี้นิ้วไปที่โทรทัศน์

 

“.....” ผมยังคงมองหน้ามัน จนกระทั่งมือหนาจับหน้าผมให้หันไปมองหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ พร้อมสบถออกมาเบาๆ “เชี่ย...ใช่แน่ๆ”

 

“เอ่อ...พี่เนลครับ”

 

“ดู!” ออกแรงบีบแก้มไปด้วย ก่อนเลื่อนลงมาโอบไหล่ผมไว้ เนียนเลยนะมึง

 

พยายามดึงมือมันออกจากไหล่ไปด้วย แต่ยิ่งดึงออก พี่เนลยิ่งบีบแน่นขึ้น ซ้ำยังกระชากตัวผมให้เข้าไปใกล้มันจนเนื้อแทบแนบติดกัน “พี่เนล”

 

“ชู่” มันหันมามองหน้าผม พลางเอานิ้วชี้แตะปากไว้ เป็นเชิงบอกให้ผมเงียบ ทำอะไรต่อไม่ได้ จึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนมัน

 

เรื่องนี้ผมก็ติดตามอยู่ นั่งลุ้นตอนต่อตอนเลย เป็นหนังที่ปมซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนเดาเนื้อเรื่องไม่ถูก แต่เท่าที่สังเกตสมรักไม่น่าใช่คนร้ายแน่ๆ หน้าเฮียแกก็ออกจะเป็นคนดีขนาดนั้น แถมช่วยพระเอกรวบรวมหลักฐานอีก คนที่น่าสงสัยน่าจะเป็นชม้อยมือขวาของเสี่ยเก้งต่างหาก

 

“ผมว่าชม้อยเป็นคนฆ่า”

 

“มั่วละ ชม้อยจะฆ่าได้ไง มือขวาที่จงรักภัคดีไม่มีทางเป็นไปได้หรอก สมรักนั่นแหละที่น่าสงสัย ดึกๆดื่นๆจะเข้าไปห้องทำงานเสี่ยเก้งทำไม”

 

“สมรักยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยครับ ชม้อยนั่นแหละที่น่าสงสัย” อะไรที่ทำให้มึงมั่นใจว่าเป็นสมรัก เหมือนบทส่งเฮียแกมาเป็นวัตสันคู่หูเชอร์ล็อกโฮมชัดๆ ช่วยกันขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นคนร้ายหรอก ยังวิเคราะห์ได้ไม่เฉียบขาดนะไอ้น้อง

 

“มาพนันกับกูไหมล่ะ?” เอะอะพนัน เอะอะท้า ได้!

 

“เอาสิครับ ผมมั่นใจมากว่าเป็นชม้อย”

 

“ดี ถ้าเป็นสมรักมึงเลี้ยงไอติมกู แต่ถ้าเป็นชม้อยกูเลี้ยงมึง โอเคไหม”

 

“โอเคครับ”

 

งานนี้ผมมีแววได้กินไอติมฟรี พ่อจะสั่งหมดตู้ ให้หมดเป๋าไปเลย

 

ดูสักแป๊บก็เริ่มเคลิ้มหลับ ปล่อยให้พี่เนลมันนั่งลุ้นไปคนเดียวว่าใครเป็นคนฆ่าเสี่ยกันแน่



เปลือกตาที่หนักค่อยๆปิดลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยจากการไม่ได้นอนพักผ่อนติดต่อกันหลายวัน...
สติที่มีอยู่ค่อยๆดับวูบไปทันที โดยไม่รู้เลยว่าหัวของตัวเองกำลังอิงอยู่กับไหล่กว้างของใครบางคนอยู่



คร่อก...
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 25 นอนกับกู|[06//11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-11-2018 02:30:33
พ่อเอาเงินไปทำอะไรนะ :hao4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gansa ที่ 08-11-2018 00:58:51
ตอนที่ 25 เรื่องเล่า
(1/2)





ผมไม่รู้ว่าตัวเองมานอนบนเตียงของพี่เนลได้ยังไง และไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปไหนแล้ว ในห้องมีแต่ผมคนเดียวที่นอนอยู่ รู้สึกปวดฉี่ จึงลุกขึ้น พยายามองหาสวิตช์ไฟในห้องที่มืดสนิท งมๆอยู่อย่างงั้นสักพักก็เจอ ไฟถูกเปิดส่องสว่างไปทั่วห้อง ผมรีบเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จัดการทำธุระของตัวเองให้เรียบร้อย กำลังจะกลับมานอนต่อ ได้ยินเสียงพี่เนลคุยโทรศัพท์เสียงดังอยู่หน้าห้อง จึงเดินไปแง้มประตูดู

 

“ม๊าก็ห่วงแต่ตัวเอง เคยคิดถึงความรู้สึกผมบ้างไหม” พี่เนลหน้านิ่วคิ้วขมวด กรอกเสียงใส่ปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์

 

[….]

 

“ก็เพราะใครล่ะ ถึงทำให้ผมเป็นแบบนี้!!” มันเริ่มขึ้นเสียง

 

[….]

 

 

“แค่ไม่ไปวันเกิดพิมเอง ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทีวันเกิดลูกตัวเองล่ะ เคยสนใจบ้างไหม ป๊ากับม๊าเปลี่ยนไปมากเลยนะ รู้ไหม....” เสียงของพี่เนลเริ่มสั่น ผมไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรออกมา แต่รับรู้ถึงความเสียใจที่ผ่านแววตาที่สั่นไหวชัดเจน

 

[....]

 

“ป๊าเอาเรื่องนี้มาขู่ผมอีกแล้ว”

 

[….]

 

พี่เนลถอนหายใจออกมา ก่อนพูดตอบออกไปด้วยระดับเสียงที่อ่อนลง

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว ขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่ วันหลังจะไม่ทำอีก”

 

[….]

 

“ครับ เดี๋ยวผมจะไปขอโทษพิมทีหลัง”

 

[….]

 

“แต่นี่มันตีหนึ่งแล้วนะป๊า”

 

[….]

 

“ได้ครับ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”

 

พี่เนลกดวางสายไป สีหน้าและแววตาฉายแววเจ็บปวด ก่อนนั่งลงไปกับพื้น เอาหลังพิงพนังไว้ ยกมือสั่นๆขึ้นมาปิดหน้ามิด

 

“ตอกย้ำเรื่องนี้อีกทำไม ทั้งๆที่ลืมไปแล้ว...’”

“เพราะแบบนี้ไง ผมถึงไม่กล้าขัดใจพิม...”

 

ผมปิดประตู เดินมานั่งที่เตียงอย่างคิดไม่ตก ผมเคยเจอกับม๊าพี่เนลอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านก็ดูจะใจดีและเหมือนจะรักลูกชายตัวเองเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ใจอ่อนยอมให้ผมพิสูจน์กับท่านหรอก ถึงจะดูเจ้ากี้เจ้าการไปหน่อยก็เถอะ แถมได้ข่าวว่าคุณภูวกรก็ตามใจลูก จนพี่เนลมันเสียคนแบบนี้ ทั้งป๊าและม๊าก็ดูรักพี่เนลดี....

 

แต่แปลกใจอยู่อย่าง....ในวันที่ม๊ามันมาหาที่บ้าน แล้วพูดถึงคนที่ชื่อพิม สีหน้าพี่เนลก็เปลี่ยนไป มันดู...เจ็บปวด จนผมแปลกใจว่าผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะทำให้มันเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ

 

พี่มีอะไรติดค้างในใจกับคนที่ชื่อพิมกันแน่...

.

ผมพยายามข่มตานอน แต่ก็ไม่สามารถนอนได้เลย เป็นห่วงคนที่นั่งอยู่คนเดียวข้างนอก จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา มันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อโค้ทออกมา 1 หนึ่ง ก่อนไปหยิบกุญแจกับกระเป๋าเงินที่อยู่บนหัวเตียง รีบสาวเท้าออกไปอย่างรีบร้อน...

 

ผมลุกขึ้นมาเปิดไฟ เดินไปที่หน้าต่าง ชะโงกหน้าดู เห็นมันขับรถออกไป จนสุดสายตา ในใจก็นึกกังวลขึ้นมา ที่มันรีบร้อนตอนเย็นเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า....

 

เป็นเพราะผมใช่ไหมที่ไม่ยอมให้มันไปตอนนั้น.....

 

เป็นห่วงว่ะ...



------------------------------------------------------




เฮ้อออ...ได้นั่งถอนหายใจคนเดียวอยู่ในห้อง หันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียงบอกเวลา 01.45 น. เวลาป่านนี้แล้ว มีเรื่องอะไรสำคัญถึงขั้นต้องออกไปเดี๋ยวนี้เลยหรือไง...

 

ผมที่ตอนนี้นอนไม่หลับ ได้แต่นั่งรอมันกลับมา ในห้องสี่เหลี่ยมที่เงียบเหงานี้ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเบาบางเท่านั้นที่คอยส่งเสียงเป็นระยะ เวลาเริ่มผ่านไปเรื่อยๆ จากวินาทีเป็นนาที นาทีเป็นชั่วโมง ชั่วโมงก็เพิ่มเป็นสอง แต่ผมก็ยังคงนั่งรอมันอยู่อย่างนั้น

 

จะมีบ้างที่เดินออกไปดูตรงหน้าต่าง เห็นเพียงประตูรั้วที่ปิดสนิทกับสวนหย่อมที่ถูกจัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ กับแสงไฟจากทางเดินที่ช่วยให้ความสว่างเท่านั้น ไร้วี่แววว่าเจ้าตัวจะกลับมา เวลานี้ผมควรจะนอนได้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงเลือกรออยู่ รู้แค่ว่าเป็นห่วงมันจับใจ..

 

สีหน้าและแววตาหม่นหมองนั่น ผมไม่เคยเห็นมันแสดงออกมาเลยสักครั้ง เรื่องอะไรกัน ที่ทำให้มันแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาได้ อยากรู้จริงๆ...

 

เดินออกมารอมันหน้าบ้าน รู้สึกกะวนกระวายใจ ที่หายออกไปนาน เดินวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าประตูหลายนาที ก็เปลี่ยนเป็นนั่งแทน

 

ท้องฟ้าที่มืดเริ่มมีแสงสว่าง ได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น มองไปที่รั้วบ้าน รอรถคันสีขาวคุ้นตาขับมาจอดอยู่อย่างนั้นนานเนินนาน จนกระทั่งฟ้าสว่าง เริ่มมีแสงแดดอ่อนๆส่องลงมากระทบกับตา รั้วที่ผมนั่งจ้องมาหลายชั่วโมงก็ค่อยๆเลื่อนเปิด เผยให้เห็นรถสีขาวที่แสนคุ้นเคยขับเข้ามาจอด ผมรีบลุกขึ้น ชะเง้อมองคนที่ผมนั่งรออยู่ก้าวขาลงจากรถ

 

พี่เนลลงมาด้วยสภาพเปียกชุ่มทั้งตัว หน้าตาดูเหนื่อยล้าเหมือนคนที่พึ่งผ่านสนามรบมา

แค่กลับบ้านไปขอโทษคนที่ชื่อพิมเองไม่ใช่หรือไง ทำไมสภาพถึงเหมือนกับศพเดินได้แบบนั้น คนตัวสูงเดินเหม่อลอยมาทางผม จึงก้าวเท้าเดินเข้าไปหามันด้วยความเป็นห่วง

 

“ทำไมตัวเปียกแบบนี้ล่ะครับ” ผมเอ่ยปากถาม มือก็เช็ดหยดน้ำออกจากหน้ามันไปด้วย

ตาสำรวจร่างกายคนตรงหน้าไปพลาง มันเปียกน้ำตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างกับคนที่พึ่งเล่นน้ำมา เบิกตากว้างเมื่อเห็น มือหนามีเลือดสีแดงสดซึมไหลผ่านซอกนิ้ว หยดลงไปบนพื้นหญ้าทีละหยด

 

“มือพี่ไปโดนอะไรมาครับ” ผมจับมือมันขึ้นมาดูหวังสำรวจแผลไปด้วย แต่เจ้าตัวดึงมือกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

“เรื่องของกู ว่าแต่มึงเถอะ มาทำอะไรตรงนี้” มันเลิกคิ้วสงสัย ถามเสียงห้วน

 

“มารอพี่กลับมานั่นแหละ เห็นรีบร้อนออกไปตอนตีหนึ่ง....เลยมานั่งรอพี่กลับมา” ผมตอบเสียงเบา จนแทบคุยกับตัวเอง

 

“ตั้งแต่ที่กูออกไป” มันกดเสียงต่ำ

 

“ครับ” ก้มหน้างุด มีแววว่าจะโดนดุ ดูจากน้ำเสียงและสีหน้าของมันแล้ว ไม่น่ารอด

 

“ถ้าเกิดถ้ากูไม่ได้กลับมา มึงจะรออยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอ?”

 

“ครับ...คือ...ผมเป็นห่วง”

 

“ห่วงกูทำไม กูไม่ได้ขอ อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของกู ปัญหาของกู! ไม่เกี่ยวกับมึง ยุ่งไม่เข้าเรื่อง กูไม่ได้ขอให้มานั่งรอ จะอดหลับอดนอนรอกูทำไม วันหลังอย่าทำอีกเข้าใจไหม!” มันชี้หน้าดุผม ประหนึ่งสิ่งที่ผมทำมันผิดมากๆ ก็มันนอนไม่หลับนี่หว่า ใครสั่งใครสอนให้มันทำหน้าแบบนั้นแล้วรีบร้อนออกไปล่ะวะ เป็นห่วงนี่ผิดมากใช่ปะ แล้วดูสภาพตอนที่กลับมาดิ แม่ง! กัดหัวขาดเลยสัส! อย่าให้พี่ภีมอารมณ์เสีย

 

“.....”

 

“แล้วดูดิ อากาศเย็นขนาดนี้ เสื้อแขนยาวก็ไม่ใส่ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก หัดดูแลตัวเองให้รอดก่อนจะเป็นห่วงคนอื่นเหอะ” เจ้าตัวขมวดคิ้วยุ่ง มือหนาจับตัวผมพลิกไปมาอย่างสำรวจ

 

“ขอโทษครับ...” บอกตรงๆ พูดเป็นคำเดียว

 

“เฮ้ออ เข้าบ้านเถอะ” พี่เนลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จับมือผมเข้าไปในบ้าน ก็ได้แต่ตามไปเงียบๆ พามานั่งตรงเตียงนุ่มที่ห้องของมัน ก่อนจะถอดเสื้อออก โยนลงไปในตะกร้า เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทันที ผมได้แต่นอนนิ่งๆ มองตามแผ่นหลังมันจนสุด กระทั่งประตูห้องน้ำปิดลง

 

ผมนั่งชั่งใจอยู่นานว่าจะถามดีไหม ดูเหมือนยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันจนเกินเหตุ แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ รอพี่เนลออกมาจากห้องน้ำ ผมก็รวบรวมความกล้า ถามมันออกไปทันที

 

“พี่ไปไหนมาเหรอครับ..” มือที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าชะงัก มันหันมามองหน้าผมนิ่ง ก่อนพูดเสียงเรียบ

 

“กลับบ้าน...”

 

“กลับตอนตีหนึ่งเหรอครับ มีธุระด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

“เอ่อ! กลับไปเคลียร์ปัญหากับป๊าม๊านิดหน่อย โทรมาตำหนิกูเรื่องไม่ไปงานวันเกิดพิม แต่ตอนนี้เคลียร์เสร็จหมดแล้ว” มันตอบด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ต่างกับท่าทีตอนเช้าจนผมคิดว่ามันกำลังเก็บซ่อนความรู้สึกอะไรไว้

 

“อ๋อ..” ผมพยักหน้า “แล้วทำไมถึงเปียกกลับมาล่ะครับ ฝนก็ไม่ได้ตกสักหน่อย”

 

“เอ่อ...ช่างมันเถอะ กูซุ่มซ่ามเดินไม่ดูเอง”

 

“แผลตรงมือก็เพราะซุ่มซ่ามเหรอครับ”

 

“เอ่อ มีอะไรจะถามอีกไหม”

 

“ไม่มีแล้วครับ”

 

พี่เนลหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่ลวกๆ ก่อนสาวเท้าตรงมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนข้างๆทันที หยดน้ำจากเส้นผมกระเด็นโดนหน้า จึงลุกขึ้นมามองคนที่นอนหลับตาไปแล้วด้วยสีหน้าอ่อนล้า แต่จะปล่อยให้นอนทั้งๆที่ผมยังเปียกแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวก็ได้ไม่สบายกันพอดี จึงลุกไปหยิบผ้าขนหนูมา เอานิ้วไปสะกิดมันให้ตื่น แต่เจ้าตัวไม่ยอมลืมตามามองผมเลย

 

“พี่จะนอนทั้งๆที่ผมเปียกแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

 

“เรื่องของกู” มันตอบงึมงำ ตายังคงปิดสนิท

 

“ไม่ได้ครับ ลุกขึ้นมาเช็ดผมให้แห้งก่อน เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ผมเข้าไปดึงแขนมันให้ลุกขึ้น แต่คนบนเตียงไม่ยอมลุกสักที ซ้ำยังสบัดแขนผมออกอีก

 

“ไม่เอาขี้เกียจ” ดูมัน....เดี๋ยวก็มาสบายกันพอดี ไม่ใช่ห่วงไรลึกซึ้งหรอก คือขี้เกียจมาดูแลมันตอนป่วยหรอกนะ

 

“พี่เนล อย่าดื้อสิครับ” ผมไม่ยอมแพ้ เข้าไปดึงแขนมันอีกครั้งอย่างยากลำบาก ตัวอย่างกับควาย ยังจะมาทำตัวขี้เกียจแบบสล็อตอีก มึงคิดตัวตัวเองเบามากมั้ง แหม! มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้เนล มึงลุกขึ้นมา!

 

“ฮัดชิ้ว!” ไอ้ควายบนเตียงจามออกมาเสียงดัง ผมก็ได้แต่สายหัวให้กับความดื้อรั้นของมัน สิ่งที่ผมเคยเตือนมันผิดเสียเมื่อไหร่ โดนหวัดแดกเรียบร้อย

 

“พูดไม่ทันขาดคำเลย ลุกมาเช็ดเดี๋ยวนี้เลยครับ” ผมสั่งเสียงแข็ง พี่เนลลืมตามามองมองสักครู่ ก็จะขยับปากตอบเสียงอ้อนอ้อน

 

“อืมม ไม่เอา ขี้เกียจ ไม่มีแรงเลย เมื่อยไปหมด ยกแขนก็ไม่ขึ้น เนี่ยขนาดจะขยับตัวยังทำไม่ได้เลย” พร้อมส่งสายตาตอแหลขั้นสุดมาให้ มึงไม่ต้องมาเวอร์ เมื่อกี้กูยังเห็นมึงเดินตัวปลิวอยู่เลย

หน้าตาดูชั่วร้ายมาก แต่จะทำอะไรได้ ถ้าผมไม่ยอม เจ้าตัวก็ไม่มีทางยอมแน่ๆ

 

“งั้นเดี๋ยวผมเช็ดให้”

พี่เนลรีบเด้งตัวขึ้นมา นั่งจุมปุ๊กบนเตียง พร้อมยื่นหัวมาให้ผมเช็ดทันที ไหนบอกไม่มีแรง? เนี่ยย! ไอ้คนตอแหล

 

ผมใช้ผ้าในมือเช็ดผมให้มันอย่างบรรจง คนตัวเท่าควายก็ยอมอยู่นิ่งๆให้เช็ดอย่างเต็มใจ ทำหน้าผ่อนคลาย ก่อนสายตามีเสน่ห์นั่นจะเลื่อนมามองหน้าผมอยู่นาน ก่อนที่มุมปากได้รูปคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ผมพยายามไม่สบตากับมัน ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าผมมันแห้งดีแล้ว จึงหยุด ลุกขึ้น เอาผ้าไปวางไว้ที่เดิม

 

“หยุดทำไม” พี่เนลที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยปากถาม

 

“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวกินยาก่อน แล้วค่อยนอนนะ” ผมตอบมันส่งๆ เดินเข้าไป เอามือทาบหน้าผากคนตัวสูงเพื่อวัดอุณหภูมิไข้ ตัวอุ่นๆนิดหน่อย เดี๋ยวให้กินยาไปเลยแล้วกัน อาการจะได้ไม่หนัก

 

“กำลังเคลิ้มเลย ทำต่อสิ”

 

“ใช่เรื่อง ถ้าชอบก็ทำเองสิครับ”

 

“ไม่เอา ชอบที่มึงทำให้มากกว่า” มันพูดน้ำเสียงออดอ้อน วันนี้เป็นไรของมันวะ...แปลกๆนะมึง ผีเข้าหรือไง ขนลุกว่ะครับ

 

“พอเถอะครับ พี่ต้องพักผ่อนนะ” ผมตอบมันแค่นั้น ก่อนนะเดินไปหยิบยา กับน้ำมาให้พี่เนลกิน มันก็ยอมอย่างว่าง่าย ก่อนจะล้มตัวลงไปนอน ผมเอาผ้าห่มไปห่มให้มัน ก่อนจะลงนอนข้างๆคนตัวสูง

 

เฮ้ออ เหนื่อยเป็นบ้าเลย ได้นอนสักทีตัวกู...

 

...เสียงในห้องที่เงียบสงัด ทำให้เปลือกตาผมค่อยๆปิดลงช้าๆ สติที่มีอยู่ก็ค่อยๆดับลงทีละนิด

 

“กูไปดูหนังเรื่องหนึ่งมา เนื้อหาแม่งกินใจ...” จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาอีก นอนสักทีเถอะครับคุณชาย จากที่นอนบิ้วให้ตัวเองหลับมาสักพักเป็นอันต้องตื่นเพราะเสียงของคนข้างๆ

 

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ พี่ต้องพักผ่อนนะ”

 

“เรื่องมันเริ่มต้นที่..” คนที่นอนอยู่ข้างๆเริ่มขยับปากเล่าเนื้อหาหนังที่มันพึ่งไปดูมา แม่ง! ไม่ฟังผมเลย มันใช่เวลามาเล่าเรื่องหนังไหมหะ?

 

“....”

 

“ตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ ชื่อเสียง หรือแม้แต่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยความอบอุ่น ในชีวิตเขาแทบไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่ง ชะตาชีวิตก็เปลี่ยนไป เมื่อคุณปู่ที่เป็นเสาหลักเสียชีวิตลงไป บริษัทแม่ช่วงนั้นวุ่นวายไปหมด เพราะขาดประธานใหญ่ไป หุ้นบริษัทตกฮวบมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมยอดขายก็ต่ำลงจนตกใจ กิจการติดขัดไปหมด จนในที่สุดพ่อของเด็กคนนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคนต่อไป”

 

“....”

 

“หลังจากที่พ่อของเขาได้ตำแหน่งมา ก็ไม่มีเวลาว่างอยู่กับครอบครัวอีกเลย ส่วนแม่เขาก็ต้องอยู่ช่วยงานพ่อจนดึกดื่น...”

 

“.....”

 

“เด็กคนนั้นถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว ในบ้านหลังใหญ่ทุกวันด้วยอายุเพียง 4 ขวบ โชคยังดีที่ยังมีแม่บ้านประจำคอยดูแลอยู่ห่างๆ ทำให้เขารู้สึกไม่เหงามาก”

 

“....”

 

“แต่แล้ว..บริษัทที่พ่อเขาดูแลอยู่ เกิดวิกฤติใหญ่จนเกือบล้มละลาย พนักงานต่างขวัญเสียกัน คนที่มีความสามารถเมื่อเห็นว่าบริษัทไปต่อไม่ได้แล้วก็ชิงลาออก ตอนนั้นทุกอย่างมืดไปหมด แถมบ้านที่เป็นสมบัติยังจะถูกยึดไปอีก พ่อกับแม่ของเด็กคนนั้นทะเลาะกันทุกวัน ไม่มีวันไหนเลยที่เด็กคนนั้นจะนอนหลับสนิท โดยไร้เสียงตะโกนด่าทอของพ่อและแม่ เขาก็ได้นึกภาวนาในใจ ขอให้เรื่องแย่ๆแบบนี้ผ่านพ้นไปสักที ใครก็ได้ช่วยพาเขาให้ผ่านความเลวร้ายนี้ไปที...”

 

“....”

 

“โชคดีที่มีนายทุนรายใหญ่แห่งหนึ่งทุ่มเงินช่วยบริษัทไว้ ทำให้ครอบครัวของเขาพ้นวิกฤตไปโดยไม่ต้องปิดบริษัท ช่วงแรกๆอาจจะวุ่นบ้าง แต่ทุกครั้งที่กลับบ้าน ใบหน้าของท่านทั้งสองไร้ซึ่งรอยย้นตรงหว่างคิ้ว นั่นแสดงว่าพวกท่านไม่ได้เครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ช่วงวันหยุดก็มีเวลาให้ลูกมากขึ้น ถึงจะน้อยแต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าเขายังไม่ถูกทอดทิ้ง”

 

“โชคดีจังเลยนะครับ”

 

“นั่นสิ จะเรียกว่าโชคดีไหม ก็คงโชคดีมั้ง แต่ฟ้าหลังฝนที่คิดว่าสดใส กลับมืดมนกว่าเดิม...”

 

“ทำไมล่ะครับ?”

 

“เพราะนายทุนคนนั้นมีลูกสาวคนหนึ่ง ช่วงนั้นเธอกำลังสูญเสียมารดา และกำลังจิตตกเป็นอย่างมาก พ่อของเธอจึงไม่อยากให้ลูกห่างตัว เวลาไปที่ไหนก็พาไปด้วยเสมอ...”

 

“.....”

 

“วันนั้น..พ่อของทั้งสองต้องคุยธุรกิจกัน จึงพาเด็กสาวมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กชายที่บ้าน...เรื่องนี้ถือเป็นการพบกันที่เลวร้ายที่สุด เพราะเด็กหญิงได้ทำลายหุ่นยนต์ตัวโปรดที่สำคัญของเด็กชายกับมือเพียงแค่เด็กชายไม่สนใจเธอ เด็กชายร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่หุ่นตัวนั้นพัง และไม่ยอมเล่นกับเธอ เด็กหญิงเมื่อเห็นอย่างนั้นจึงโกรธ เข้าไปหวังทำลายหุ่นทุกตัวที่เด็กชายมีทั้งหมด เด็กชายจึงต้องยอมเล่นกับเธอเพื่อให้เธอหยุดการกระทำนี้ลง...”

 

“....”

 

“แล้วรู้อะไรไหม หลังจากที่เล่นกับเด็กหญิงคนนั้น เด็กชายก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนนี้จิตไม่ปกติแน่ๆ หลังจากที่เธอพยายามเอาเศษดินเศษหญ้ายัดใส่ปากเขา”

 

“โห...น่ากลัววะ”

 

“เรื่องนี้มันไม่น่ากลัว เท่าผลที่เกิดขึ้นหลังจากนี้หรอก”

 

“ทำไมล่ะครับ”

 

“หลังจากนั้น เด็กชายก็เอาไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ว่าตัวเองเจออะไรมาบ้าง แต่รู้ไหมว่าพวกท่านพูดกับเด็กชายว่าไง?”

 

“.....” ผมนอนฟังมันอย่างลุ้นระทึก

 

“ท่านพูดว่า ’หุ่นยนต์แค่ตัวเดียวเอง แกสละเพื่อเธอไม่ได้หรือไง อย่าทำตัวหวงของไปหน่อยเลย แกควรจำไว้นะว่าที่เรามีทุกวันนี้ก็เพราะใคร? อะไรที่ยอมได้ก็ยอมๆไป อย่าไปขัดใจเขา’ พูดเสร็จท่านก็ไล่เด็กชายออกจากห้องและทำงานต่อทันที”

 

“....”

 

“ในเมื่อพ่อพูดแบบนั้น เด็กชายก็ได้แต่รับฟังเงียบๆ และเดินกลับห้องไปทั้งน้ำตา หยิบหุ่นยนต์ที่ท่านไม่เคยรู้เลยมั้ง ว่ามันเป็นของที่ท่านซื้อให้เป็นของขวัญ และมันสำคัญต่อจิตใจเขาแค่ไหน เด็กชายหยิบสิ้นส่วนที่แตกขึ้นมาต่อทีละชิ้น แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว...หุ่นยนต์มันพังแล้ว..”

 

“....” ผมมองแผ่นหลังคนที่กำลังเล่า น้ำเสียงมันสั่น ทำให้คนฟังอย่างผมรับรู้ได้ชัดเจนเลย ว่าเด็กชายที่มันกำลังเล่าเสียใจแค่ไหน

 

“วันต่อมาเด็กหญิงมาเล่นกับเด็กชายอีกครั้งด้วยท่าทางร่าเริง ต่างกับเด็กชายที่พยายามขังตัวเองอยู่ในห้อง เพียงเพราะไม่อยากเจอเธอ เด็กหญิงเรียกเด็กชายให้ออกมาเล่นด้วย แค่เขาก็ไม่ยอม เธอโกรธมากจึงวิ่งออกไปฟ้องพ่อตัวเอง ร้องห่มร้องไห้ ว่าเด็กชายไม่ยอมเล่นด้วย แถมทำท่ารังเกียจเธอ รู้ไหมเกิดอะไรกับเด็กชายหลังจากนั้น...”

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ..”

 

“พ่อเด็กชายรู้ก็โกธรเขามากที่ทำเด็กหญิงร้องไห้ ลงโทษโดยการส่งเขาไปอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเธอที่บ้าน 1 อาทิตย์ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายที่สุดในชีวิตตั้งแต่เขาเกิดมาเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็รู้ความจริงบางอย่างที่ไม่สามารถบอกใครได้ มันทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเด็กหญิงมันเน่าเฟะขนาดไหน”

 

“....”

 

“หลังเหตุการณ์ที่ย่ำแย่นั้น เด็กชายพยายามบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนให้พ่อฟัง พยายามบอกท่านว่าเด็กหญิตจิตไม่ปกติ ควรพาเธอไปรักษาก่อนที่มันจะรุกรามไปมากกว่านี้ แต่มันก็เปล่าประโชยน์ เพราะท่านไม่คิดจะฟังเรื่องที่เด็กชายเล่าเลยแม้แต่น้อย”

 

“....”

 

“และที่แย่ไปกว่านั้น...คือพ่อของเด็กหญิงคอยเอาเธอมาฝากไว้กับครอบครัวเด็กชาย พ่อกับแม่เด็กชายคอยบอกเขาเสมอว่าเด็กหญิงเป็นคนน่าสงสารมาก เขาขาดความอบอุ่น เราต้องช่วยกันเติมเต็มความอบอุ่นให้เธอได้กลับมาเป็นคนธรรมดา เราต้องใส่ใจเขาให้มากๆ แต่พวกท่านคงลืมไปแล้ว ว่าการที่พวกท่านคอยเอาใจใส่เธอจนเกินไป กำลังลดสิ่งที่เด็กชายกำลังมีไป...จนในที่สุดเขาก็ไม่เคยได้สำผัสกับคำว่า ความอบอุ่นอีกต่อไป”

 

“….”

 

“ช่วงชีวิตของเด็กที่อายุเพียงไม่กี่ขวบมันขมขืนมากนะ แม้กระทั่งวันเกิดลูกตัวเองยังจำไม่ได้เลย...การที่ไม่มีเค้กวันเกิด หรือคำอวยพรใดๆมันอาจจะดูแย่ แต่พอมันเกิดขึ้นหลายครั้ง เขาก็เริ่มมองว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว..”

 

“…..” ฟังแล้วหดหู่ว่ะ

 

“เด็กชายคนนั้นแค่รู้สึกเหงา ต้องการมีคนใส่ใจเขาบ้าง จึงหาใครสักคนอยู่เคียงข้าง ควงผู้หญิงเป็นว่าเล่น ทำตัวเสเพไปวันๆ เพื่อที่จะลบความอ้างว้างในใจของให้หมดไป...ถึงแม้จะช่วยเยียวยาความเหงาได้เพียงชั่วคราวก็ตาม.. แต่พอนานๆเข้าก็เริ่มมีข่าวเสียๆหายๆ จนพ่อแม่ของชายคนนั้นทนไม่ไหว จับเขาแต่งงานกับเด็กหญิงคนนั้นเพื่อกลบข่าวลือเสียๆที่ลูกชายเป็นคนก่อ...จบ happy ending”

 

“happy ending ตรงไหนวะ! แล้วความรู้สึกของเด็กชายคนนั้นล่ะ”

 

“เขาไม่จำเป็นต้องมีความสุขหรอก ขอแค่ครอบครัวมีความสุข ทุกอย่างก็ happy ending แล้ว”

 

“แย่ว่ะ”

 

“นอนได้แล้วเด็กดี” พี่เนลหันมา เอามือลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะห่มผ้าห่มให้

 

“ทั้งหมดที่พี่เล่ามาคือเรื่องจริงที่เกิดกับพี่หรือเปล่า” ผมถามมันออกไปทันทีอดสงสัยไม่ได้จริงๆ เพราะมันดูอินกับการบรรยายของตัวเองมาก อย่างกับเล่าสาระคดีชีวิต ด.ช.ศิรากร

 

“...มันคือหนังที่กูไปดูมา แค่เอามาเล่าให้ฟังเฉยๆ”มันเลือกที่จะปฏิเสธ แต่ผมก็พอเดาๆได้ ว่ามีเรื่องจริงของมันผสมปนเปอยู่ด้วย

 

“เรื่องมันไม่ได้มีแค่นี้ใช่ไหมครับ”

 

“มึงรู้แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าอยากรู้มากกว่ามีก็ลองใช้ใจซื้อแผ่นมาเปิดดูเองสิ” พูดจบก็นอนลงไป ทิ้งให้ผมนอนโง่ๆ คิดถึงเรื่องที่มันเล่าอย่างค้างคา

 

บ้าบอที่สุด บัดนี้กูตาสว่างแล้ว

 
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-11-2018 01:20:32
สงสารพี่เนลอ่าาา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 08-11-2018 03:29:41
พี่เนลน่าสงสารจัง
ยัยพิมดูหลอนมากๆๆๆเลยอ่าา
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 08-11-2018 16:35:50
 :katai4: :katai4: :katai4:
มันต้องมีอาไยมากก่านี้... ไรท์ รีบมาาาาา  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 08-11-2018 19:59:58
พิมน่ากลัวอ่า!! :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 08-11-2018 20:23:54
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 09-11-2018 05:49:04
 :z10:
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 09-11-2018 17:56:07
 :sad4: ขอโทษนะเฮีย
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 09-11-2018 18:47:44
เดาไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 13-11-2018 00:11:26
น่าสงสารมาก,,,
หัวข้อ: Re: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-11-2018 07:45:53
อ่านมาตั้งแต่เริ่มแรกนี่คือเกลียดอิพี่เนลว่าเจ้าชู้มั่วไปทั่วนู้นนี่นั่น มาถึงสุดท้ายรู้เหตุผลของพี่เนลคือชีวิตโคตรรันทดมาก ไม่มีความสุขมาตั้งแต่เด็กเลย พี่เนล :กอด1: