[want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [want] มาเป็นเมียกูเถอะ|update! ตอนที่ 26 เรื่องเล่า(1/2)|[08/11/2018]  (อ่าน 47612 ครั้ง)

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
รอน้องภีมที่ท่าน้ำทุกวัน
กดบวกลอยตามน้ำไปจ้า
 :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หายไปนานจังเลย

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ฟ้านี่ร้ายกาจมาก,,,

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 21 คำตอบของผม
(2/2)



หลังจากที่ฟ้ากลับไป ผมก็รอไอ้ลูกหมาสักพัก แต่เห็นไม่มีวี่แววเจ้าตัวเลย คงจะกลับไปแล้วนั่นแหละ เมื่อคิดได้อย่างนั้น จึงขับกลับบ้านทันที เดินไปห้องนั่งเล่น หาแผ่นหนัง เปิดดูจบไปเรื่องหนึ่ง เจ้าตัวก็ยังไม่กลับบ้าน เหงนดูนาฬิกา ที่บอกเวลา 20.30 น. ก็ได้แต่คิดทวนว่า ร้านพี่อ้อยแม่งปิดตอนสองทุ่มไม่ใช่เหรอวะ ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมมันยังไม่กลับบ้านอีก

 

สงสัยช่วยพี่อ้อยเคลียร์ร้านละมั้ง

 

ดูหนังจนเบื่อแล้ว จึงเดินไปหาอะไรทำฆ่าเวลา เดี๋ยวมันกลับมาจะคิดว่าผมรอมันอีก ความจริงไม่ได้รอเล๊ย (เสียงสูงโคตร)

 

เดินไปหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแก้เบื่อสักหน่อย จนเวลาล่วงเลยมา 21.15 น. ก็ไม่เห็แม้แต่เงา เอ่อ! สงสัยรถแท็กซี่ที่มันนั่งมาแก๊สหมด

 

เดินไปเปิดเพลงฟังสักหน่อย เพื่อให้โลกรู้ว่ากูโคตรอารมณ์ดีเลย (ประชดขั้นสุด)

 

21.30 น. อารมณ์เริ่มไม่ดี เพลงที่นั่งฟังเริ่มไม่สนุก ชะเง้อหน้าออกไปดูที่หน้าต่างเป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว แต่หมาน้อยก็ยังไม่กลับบ้าน

 

21.50 น. ตอนนี้กูเริ่มคิดแล้วล่ะ ว่ามันจะแอบหนีผมไปทำงานที่ Sun pub อีก เห็นช่วงนี้ร้อนเงิน แถมยังมาขอเบิกเงินเดือนจากผมล่วงหน้าอีก แต่กูใจเย็นไง เลยยังไม่ให้

 

คิดได้อย่างนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายหา ‘พี่ซัน’ เพื่อนพี่รหัสของผมทันที

 

พี่ซันเป็นประธานค่าย‘ส่องสว่างสู่การศึกษา พาอนาคตน้องก้าวไกล’ ที่เอาตำแหน่งประธานมาบังหน้าเพื่อตามเต๊าะเด็กหน้าตาน่ารักเท่านั้นแหละครับ ถือคติที่ว่า หญิงก็ได้ชายก็ดี พี่เอาหมด เห็นว่าปีที่แล้วได้เด็กค่ายมาหลายคนแล้ว  ยิ่งเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักพี่แกจะเล็งเป็นพิเศษเลย ผมพอรู้เรื่องนี้มาจากไอ้ฟง แต่ก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม

 

แถมพี่แกยังควบตำแหน่งเจ้าของผับดังอย่าง Sun Pub อีกด้วย โชคดีที่พี่มันไม่ค่อยได้เข้าไปดูกิจการสักเท่าไหร่ เพราะติดเรียนจึงจ้างคนอื่นมาดูแลแทน ถ้าพี่มันเห็นไอ้ภีมเข้าไม่รู้จะยอมปล่อยให้ลาออกไหม ยิ่งหน้าตาตรงสเปค ทั้งรูปร่าง สัดส่วน หน้าตา นิสัย เรียกมาครบเครื่องมาก ไม่รู้ว่าทุกวันนี้รอดสายตาเสืออย่างพี่ซันไปได้ยังไง

 

แต่ก็ดีแล้วล่ะ ผมไม่คอยอยากให้สองคนนี้เจอกันสักเท่าไหร่ ไม่ได้หวงไอ้ภีมนะครับ แต่แค่กลัวว่าจะเป็นอุปสรรคต่อแผนการเท่านั้น เพราะถ้าพี่ซันมันถูกใจใครเข้า แม่งกัดไม่ปล่อยแน่ๆ จนกว่าเหยื่อจะติดเบ็ด โคตรอันตรายเลย

 

ถึงพี่มันจะมีนิสัยเหมือนผม แค่สเปคเราก็ไม่เหมือนกัน

 

ยังยืนยันคำเดิมครับ ไอ้ภีมไม่ใช่สเปคผม.. (แค่ก ๆ สำลักน้ำลาย)

 

[เห้ย ไอ้เนลน้องรัก ไม่พูดสักแอะ แล้วจะโทรมาทำซากอะไรครับ] เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย ทำให้ผมไม่รู้ตัวว่าปลายสายกดรับเรียบร้อยแล้ว

 

“เอ่อ พี่ซัน อยู่ไหนครับ”

 

[อยู่ผับ วันนี้มาตกเหยื่อ โทรมามีอะไร ขอเนื้อๆเลยนะครับ เข้าประเด็ดตรงๆเลย กูไม่มีเวลาคุย] แปลกที่พี่มันอยู่ผับ ไอ้ข่าวว่าวันนี้นัดทำค่ายไม่ใช่เหรอวะ ทำไมประธานอย่างพี่ถึงไปอยู่ที่ผับได้ งานการไม่ทำ เอาเวลาไปหาความสุขใส่ตัว ทุกคนควรโหวตมันออกจากประธานครับ

 

“ไอ้ภีมได้ไปทำงานที่นั่นไหม”

 

[ภีมไหนวะ กูไม่รู้จักสัด! วันนี้มีคนเอ่ยชื่อนี้กับกูสองคนแล้ว เป็นอะไรมากปะ เมื่อเย็นนี้ ไอ้ 583388xx พีรวัตร รัตน์ฐิพัฒกุล ก็ตามมาเอาเรื่องกูถึงผับเพราะชื่อนี้แหละ ห่า! ไม่รู้จักโว้ย]

 

ทำไมต้องเกรี้ยวกราด…

 

“ไอ้ภีมเคยเป็นพนังงานผับพี่ ไปตรวจสอบให้หน่อยว่าคนชื่อภัคพงษ์มาทำงานวันนี้ไหม ถ้าพี่ไม่ทำ ผมจะไประเบิดถึงที่” ผมไม่ได้ขู่นะ ทำจริง กรณีไอ้หน้าปลวกสักลายปอมๆที่ผมไปต่อยมันจนหน้ายับ ผับพี่มันก็เสียหายไปหลายตังค์อยู่เหมือนกัน

 

[เอ่อ เดี๋ยวกูดูให้ โว้ย!! ลำบากกูจริงๆเลย] พี่มันบ่นอุบอิบ ก่อนจะกดวางสายไป รอได้ไม่นาน แกก็โทรมาอีกครั้ง

 

[ไม่มีโว้ย คนชื่อภัคพงษ์ลาออกไปนานแล้ว เช็คจากรายชื่อพนักงานที่มาทำงานวันนี้ก็ไม่มีครับน้องรัก มีอะไรอีกไหมกูจะไปเต๊าะเด็ก] เอ่อ งั้นก็ตามสบายเลยครับ กูไม่กวนพี่มึงละ

 

แม่ง! หายไปไหนของมันวะ หรือพี่อ้อยยังไม่ปิดร้าน? ปกติเลิกดึกขนาดนี้เลยหรือไง ไม่ได้การละ กูจะพามันไปลาออก!!!! ถ้าเลิกดึกแบบนี้ทุกวันไม่ไหวครับ

 

หลังจากวางสายพี่ซันไป ผมก็ออกมานั่งรอมันข้างนอก ลมหนาวพอสมควร  แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร ที่ออกมาไม่ใช่อะไรหรอกครับ หันไปมองหน้าต่างจนคอแทบเคล็ด เลยออกมานั่งรอเลยดีกว่า ถ้ากลับมาพ่อจะระเบิดใส่จนกลับบ้านไม่ถูกเลย แม่ง! โทษฐานทิ้งผมให้อยู่บ้านคนเดียว

 

22.00 น. โคตรแย่เลยว่ะ ไอ้ภีมไม่มีโทรศัพท์แบบนี้ ติดต่ออะไรไม่ได้เลย เดี๋ยวเสาร์นี้ต้องพามันไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ละ จะได้หมดปัญหาสักที แอบรู้สึกผิดนิดๆที่โยนโทรศัพท์มันทิ้งลงสระน้ำ

 

ยืนเคาะเท้าเล่นฆ่าเวลาก็แล้ว เดินไปถอนหญ้าเล่นก็แล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมผ่านไปก็หลายด่าน ไอ้ภีมก็ยังไม่กลับบ้าน เลยมานั่งขัดสมาธิ เอามือเท้าคาง รอที่หน้าประตูอย่างเซ็งๆ

 

22.50 น. อารมณ์ตอนนี้เดือดดานมาก ทำงานเลิกดึกขนาดนี้เลยหรือไง อารมณ์พี่ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะครับ ถ้ากลับมารับรองจะลากไปลาออกเดี๋ยวนี้แหละ เหตุผลห่าเหวอะไรก็จะไม่ฟังทันนั้น!!! บัดนี้ กูเกรี้ยวกราดมาก

 

บอกเลย อีก 10 นาทีแล้วยังไม่โผล่หัวมา พ่อจะตามไปหาถึงร้านเลยสัด! โมโห

 

แล้วทำไมผมต้องมานั่งรอมันกลับบ้านด้วยวะ !?

 

เอ่อ...นั่นดิ

 

แสงไฟจากรถยนต์ส่องกระทบกับม่านตา ทำให้รู้ชัดว่าคนตัวเล็กที่กำลังรออยู่กลับมาแล้ว

ผมรีบยืนเต็มความสูงก่อนจะพุ่งหลาวเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว รีบสาวเท้าขึ้นบันไดอย่างลืมตาย แล้วมายืนหอบอยู่ในห้อง ขอมาตั้งหลักก่อน..

 

เมื่อรวบรวมสติได้ ผมก็นึกเรื่องสำคัญบางอย่างออก

 

ฉิบหาย! ลืมปิดไฟที่ห้องนั่งเล่น

 

คลื่น ~ คลื่น  ~

 

ขณะที่พะวงเรื่องไฟที่ลืมปิด เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา หน้าจอแสดงชื่อ ‘ไอ้แจ็ค’ ที่นานๆจะโทรมาที ปกติถ้าเรื่องไม่สำคัญมากมันจะส่งข้อความมาทางไลน์ ถ้าโทรมาแบบนี้เรื่องต้องสำคัญมากพอสมควร

 

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า โทรมาดึกๆดื่นๆแบบนี้” ผมกดรับ และถามมันทันที

 

[เอ่อดิ มึงรีบมาเลยนะไอ้เนล แฮ่กๆ] ปลายสายพูดไป หอบไป เหมือนกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อมันหลุดออกมาจากปลายสายด้วย

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ?”

 

[ชลากร แฮ่กๆ สะ..] กูว่ามึงหยุดหายใจก่อนแล้วค่อยมาคุยกับกูนะไอ้แจ็ค แม่ง! ฟังไม่รู้เรื่องครับ [งานกลุ่มที่อาจารย์ชลากรสั่ง ส่งก่อนหกโมงเช้า แฮ่กๆ]

 

“หะ!!! ไอ้สัดทำไมไม่รีบบอกกูให้เร็วกว่านี้” ผมใจหล่นถึงตาตุ่ม เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่แสดโหดร้าย ระย่ำ ต่ำช้า ที่ไอ้แจ็คเล่าให้ฟัง ตอนแรกเหมือนประธานบอกว่าส่งสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอวะ หรือกูฟังผิด..?

 

[ตอนแรกประธานบอกว่าส่งสิ้นเดือน เนี่ย! พึ่งมาขอโทษขอโพยในกลุ่มว่าฟังมาผิด จังไรฉิบหาย]

 

บัดซบ! ใครจะไปปั่นทันวะ

 

[รีบมาช่วยกันเลยนะไอ้เนล สมศรีรอมึงอยู่] อู้หู ขนลุกเลยครับ

 

‘สมศรี’ เป็นกระเทยตัวใหญ่ก้ามยักษ์ ที่กระดี๊กระด๊าทุกครั้งที่เห็นผู้ชายหล่อ พวกผมโคตรซวยที่นัดกับไอ้แจ็คโดดเรียน วันที่อาจารย์แกให้จับกลุ่มแบ่งงาน เพื่อนในเซคจึงจับกลุ่มกันไปหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่มสมศรีกระเทยโหดเนี่ยแหละที่อ้าแขนต้อนรับพวกเรา เพราะแบบนี้แหละครับ จึงทำให้ผมต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนั้น

 

เข้าใกล้ทีไรโคตรเปลืองตัว กูกลัวว่ะครับ ไม่ไปได้ไหม

 

[มึงไม่ต้องคิดที่จะทิ้งกูไว้ในดงกระเทยเลยนะ] ไอ้แจ็ครีบพูดเหมือนอ่านความคิดผมออก เทพสาด

 

“เอ่อ จะรีบไป ขออาบน้ำก่อน” ผมตอบมันไปอย่างไม่เต็มใจนัก ไปก็ไปวะ แต่ผมขออาบน้ำก่อน เมื่อกี้ไปนั่งคลุกดินคลุกฝุ่น จนเนื้อตัวเหนียวไปหมด ผมอยู่ไม่ได้หรอกในสภาพแบบนี้โดยไม่ได้อาบน้ำ

 

[ไม่ได้ รีบมาเลย สมศรีสั่งมาว่าให้มาภายใน 10 นาที ไม่งั้นจะตัดชื่อมึงออกจากกลุ่ม] ขู่ได้น่ากลัวว่ะ...แต่ผมไม่กลัวหรอก ผมรู้จักสมศรีดี มันไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก

 

ผมสำรวจตัวเองไปพลาง ไม่น่าไปนั่งถอนหญ้าเล่นเลยกู แรกๆก็หยิบออกมาทีละนิดเพราะมันส์มือดี แต่เพลินไง รู้ตัวอีกทีหญ้าก็หายไปเกือบทั้งสนาม ให้กูอยู่ในสภาพที่เปื้อนดิน แถมเหงื่อเต็มตัวอีกเนี่ยนะ กูรับไม่ได้

 

“แต่กูจะอาบน้ำ” ผมยังยืนยันคำเดิม

 

[พ่อยอดขมองอิ่มของศรี รีบๆมาช่วยงานนะฮ้า ถ้าไม่มา นอกจากจะตัดชื่ออกแล้ว แถมโปรโมชั่นติดป้ายแดงคือ มึงจะได้กูเป็นเมียค่ะ] นี่ไม่ใช่เสียงของไอ้แจ็คครับ แต่เป็นเสียงกระเทยร่างหนา ฟังทีไรขนลุกทุกที [ศรีจะรอแค่สิบนาทีนะคะ ถ้าเกินกว่านั้นเราคือผัวเมียกัน]

 

กูกลัวววววววววววววววววว

 

[กูจะรอมึงนะครับ เกินสิบนาทีกูจะส่งแก๊งกระเทย ไปบุกจับตัวมึงมาทำผัวแน่ๆ โทษฐานทำศรีรอ ฮ่าๆ ชาตินี้กูจะมีผัวเป็นไอ้เนลแล้วโว้ย ตายอย่างสงบแล้ว ไม่ต้องรีบนะครับ แต่กูจะรอ] ไอ้สมศรีขู่ผมเสียงเข้ม เหมือนจะพูดเล่นนะครับ แต่ผมเชื่อว่ามันทำจริง ไอ้นี่มันจ้องจะจับผมมานานแล้ว ชอบหาเหตุผลต่างๆนาๆ ยกมาให้ผมยอมสยบ ตอนนี้ตัวผมสั่นไปหมด สยองว่ะ

 

[เร็วครับ กูไม่อยากเป็นยอดชายเพียงคนเดียวในดงกระเทย มาด่วนๆเลย เก็บของมาอาบน้ำที่นี่เอา กูก็ขนมาเหมือนกัน เชื่อกู กูขอร้องงงงง เป็นห่วงเพื่อนหน่อย อย่าพึ่งห่วงอาบน้ำ] เป็นเสียงไอ้แจ็คเจ้าของโทรศัพท์ที่พูดขึ้นมา มันคงจะลำบากมากๆเลยนะนั่น...

 

ถ้ากูไปอาบน้ำที่นั่น มึงจะรับรองความปลอดภัยให้กูสักกี่เปอร์เซ็นต์ครับเพื่อน แต่ก็เห็นใจเพื่อน กูจะเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อมึงก็แล้วกัน

 

[ศรีจะเริ่มจับเวลาแล้วนะคะ 1 2 3 เริ่มค่ะ รีบๆมานะฮ้า อยากเจอ จุ๊บ] เมื่อได้ยินคำนี้ ผมก็รีบเก็บของอย่างไม่คิดชีวิตเลยครับ ในใจก็ก่นด่ากระเทยถึกสมศรีไปด้วย รอกูอาบน้ำ10-20นาที พวกมึงจะตายหรือไงวะ เสียเวลาโว้ย

 

เก็บเสร็จก็ยกเป้ขึ้นสะพายบ่า สองเท้าก็ก้าวออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว เห็นลูกหมายืนมองตาแป๋วอยู่ตรงบันได จึงเดินไปหา พร้อมเอามือลูบหัวมันเบาๆ

 

มือที่ผมเอาไปถอนหญ้าเมื่อกี้ยังไม่ได้ล้างเลยครับ

หลอกเช็ดแม่ง 55555555555

 

“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม กูไปก่อนนะ” กูจะพยายามรอดชีวิตออกมาให้ได้ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วย

 

“จะกลับเมื่อไหร่ครับ” ไอ้ภีมรีบดึงแขนผมเอาไว้ ขณะผมกำลังจะก้าวลงบันได

 

“ไม่รู้” ผมตอบ เห็นมันส่งสายตาอาลัยอาวอนมาให้ แล้วใจกูสั่นแปลกๆ “ทำไมมองกูแบบนั้น ไม่อยากให้กูไปหรือไง”

 

"ถ้า..บอกว่าใช่ล่ะครับ พี่จะไปอยู่ไหม" มันหลุบตาต่ำ ไม่มองหน้าผม คือถ้าไม่จำเป็น ถึงมึงไล่กูก็ไม่ไปอ่ะครับ ใครจะโง่พาตัวเองไปลงนรกกัน

 

"กูก็จะไป" ถ้าไม่ไปชีวิตกูจบแห่แน่ ยังไม่อยากได้เนื้อคู่เป็นไอ้สมศรี กูขอเถอะ เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมตอบมันเสียงเรียบ ก่อนจะแกะมือมันออก เดินลงบันไดไปได้สองขั้น ก็ต้องหันไปชี้นิ้วขู่มันสักหน่อย เดี๋ยวหนีไปนอนกับไอ้ซานเหมือนเมื่อวานอีก

 

“อยู่คนเดียวแล้วอย่าดื้อล่ะ อย่าให้กูรู้นะว่าตอนที่กูไม่อยู่แอบเอาชู้มานอนกก ไม่งั้นมึงตาย”

 

“ครับ”

 

รอกูก่อน พรุ่งนี้จะกับมาเคลียร์ปัญหากับมึงอีกทีไอ้ลูกหมา

 

ถ้ากูรอดอะนะ...

 

-------------------------------------------- 

 





    ตอนนี้เวลา 6.00 น. เป็นเวลาที่พวกผมอัพโหลดงานเสร็จพอดี แบบฉิวเฉียด สภาพแต่ละคนแทบดูไม่ได้หลังจากทนโต้รุ่งทำงาน ข้าวปลาไม่ได้กิน น้ำสักหยดก็ไม่ตกถึงท้อง ในที่สุดงานที่ทนปั่นก็เสร็จสมบูรณ์

 

ตอนแรกไอ้สมศรีคะยั้นคะยอให้ผมนอนพักผ่อนที่ห้องมันก่อน แต่ผมเลือกปฏิเสธมันไป เรื่องอะไรที่ผมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วย กูยอมอดนอนแล้วขับรถกลับบ้านดีกว่า

 

แต่คนจะซวย อะไรก็ไม่สามารถช่วยได้ ดันลืมกุญแจบ้านไว้ในห้อง ทำให้ตอนนี้ผมต้องแหกปากตะโกนเรียกไอ้ลูกหมาที่นอนอยู่ชั้นสอง จนเจ็บคอ ไม่คิดเลยว่าจะหลับลึกขนาดนี้ เรียกไปเป็นสิบครั้งแล้ว ก็ได้ยินแม้แต่เสียงเท้าที่กระทบกับพื้น โคตรหมดหวังเลย

 

สายตาสอดส่องหาก้อนหิน ก้อนเล็กๆที่ตกพื้นขึ้นมา โยนขึ้นไปกระทบหน้าตาห้องไอ้ภีม ดังเปาะ ปากก็ตะโกนเรียกไปด้วย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าตัวจะออกมาเปิดเลย บางทีกูก็คิดนะว่ามึงนอนหรือไหลตาย

 

อีกนิดกูจะปีนขึ้นไปละนะ ออกมาสิโว้ย

 

สายตาไปปะทะเข้ากับก้อนหินขนาดพอดีมือก้อนหนึ่ง คือตอนนี้ยอมรับว่าสิ้นคิดมาก ถ้าก้อนเล็กๆ มันไม่ตื่น ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบไปเลย งานนี้แตกเป็นแตกละวะ

 

ถามว่าอะไรแตก กระจกเหรอ ? ไม่ใช่ครับ หัวไอ้ภีมนั่นแหละ แม่ง โมโห!

ไหนๆ วันนี้ก็ต้องพามันไปโรงพยาบาลอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักแผลละกัน

 

เพล้ง!

 

เต็มๆ

เศษกระจกจากหน้าต่างชั้นสองแตกกระจุยกระจายไปทั่ว สักครู่ก็เห็นมือขาวของคนตัวเล็ก ดันหน้าต่างออก พร้อมชะโงกหน้าลงมาดู

 

ตอนนี้ผมก็แต่สบถเบาๆว่า โอ้โห...

 

โคตรน่ารักเลย

 

ไอ้ภีมในชุดฮูตน้องหมาหูตก ขนปุยสีน้ำตาลอ่อน กำลังงัวเงีย เอามือขึ้นมาขยี้ตาช้าๆ กำลังเมาขี้ตาได้ที่อยู่ข้างบน

 

“กูเข้าบ้านไม่ได้ ลงมาเปิดประตูให้หน่อย”

 

มันไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินลงมาเปิดประตูให้ผมแต่โดยดี

 

ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็เห็นไอ้ลูกหมาเต็มๆตัว มันใส่ชุดมาสคอตน้องหมาทั้งตัวเลยครับ ไอ้เหี้ยเอ้ย มีหางด้วย

 

ใจกูเต้นแรงมาก รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ไอ้ภีมเวอร์ชั่นนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ หมาในชุดหมา

ดูเหมือนเจ้าตัวจะหายเมาขี้ตาแล้วนะครับ มันมองผมอึ้งๆ ก่อนจะถามออกมาเสียงเบา

 

“พี่เนล..มาได้ไงครับ?” งงเลยกับคำถาม นี่กูทำงานจนเมา หรือไอ้ภีมมันยังไม่ตื่นเต็มตา

 

“ถามอะไรของมึง กูก็ขับรถมาดิ”

 

“พี่ไม่ได้มีธุระไปไหนเหรอครับ” เอ้า งงเข้าไปอีก

 

“นี่กูพึ่งมาถึงบ้าน มึงจะไล่กูอีกแล้วเหรอ?”

 

“ปะ เปล่าครับ”

 

“แล้วใครสั่งใครสอนให้มึงใส่ชุดนี้” โวยครับ ต้องรีบโวย

 

ลูกหมาทำตาโต ท่าทางร้อนรน หน้าเริ่มขึ้นสี “เอ่อ...คะ คือผมไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว เลยต้องหยิบชุดนี้มาใส่อย่างจำยอม มันไม่มีทางเลือก” เจ้าตัวพูดตะกุกตะกัก คงจะอายน่าดูที่ต้องมาให้ผมเห็นสภาพแบบนี้

 

“...” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่มองมันนิ่งๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไอ้ภีมโคตรเหมาะกับชุดนี้

 

“อย่าจ้องผมแบบนั้นสิครับ”

 

“...” ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆ เชี่ย...น่ารัก

 

“เอ่อ...มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เจ้าตัวถามผมอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

 

“ทุเรศมาก มึงอย่าใส่มาให้กูเห็นอีกนะ ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย” ผมตะคอกใส่มันเสียงดังจนเจ้าตัวตกใจ ก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของตัวเองทันที ไม่วายได้ยินคนตัวเล็กบ่นตามมา

 

“มึงคิดว่ากูอยากใส่ชุดนี้มากเลยหรือไง อายโว้ย อาย ถ้าไม่ได้ซักผ้าจนไม่มีให้ใส่ ก็ไม่คิดจะใส่หรอกไอ้ชุดเฮงซวยเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าไอ้เหม่ยซื้อให้เป็นของขวัญ จะเอาไปเผาทิ้งโดยไม่ลังเลเลย อีกอย่างผมทำอะไรผิดอีกแล้ววะ ทำไมต้องตะคอกใส่ด้วย”

 

ไปลงนรกเลยไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 23:28:50 โดย Gansa »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่เนลแกนี่มันน่า :z6:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
แหมทนมองน้องน่ารักไม่ไหวกร่างไล่น้องไปเปลี่ยนชุดอีก รออ่านต่อค้าบ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
มาเจอสถานการณ์ฝั่งคุณเนลแล้ว...ดิฉันให้อภัยคุณ(แค่ครั้งนี้)ค่ะ ฮ่าๆๆขำอ่ะ หนังคนละม้วนกับภีมเลย อืม เกือบล่ะ เกือบได้เมียเพิ่มแล้วคุณเนล :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
นึกว่าจะไปหาผู้หญิง,,,

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
งือ หมายั่วแล้วเร็วๆ 555 อยากเห็นเลยว่าน่ารักมั้ย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คำตอบของเนลที่ส่งไปไม่ถึงภีม
แล้วมันจะมีค่า มีความหมายอะไร

แทงกั๊กอ่ะดิ..ไม่ว่า
หุหุ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
พี่เนลลลลลลลลลลลล
พี่ต้องปากตรงกะใจได้ละนะ
 :katai1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ น่ารักก็บอกว่าน่ารักซิจะเป็นไรไป

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อิพี่เนลเจอชุดน่ารักๆ บวกความคิ้วท์เข้าไป
หลงโงหัวไม่ขึ้นเลยอ่ะดิ
บวกรัวๆ เด๋วจะไลน์บอกเพื่อนซื้อชุดมาเพิ่มอีก

ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
บันทึกพิเศษซัน หน้าที่ 1
(ซาน x ซัน)
'ผับเฮงซวย'




Chan San: หางานให้เพื่อนครับ พอดีเพื่อนร้อนเงิน ขอเป็นช่วงเวลาสองทุ่มขึ้นไปนะครับ ใกล้ ม.xx ยิ่งดี

 

Sun Chan: มาทำงานผับพี่ก็ได้ พอดีพนักงานคนเก่าพึ่งลาออก ต้องการพนักงานใหม่อยู่พอดี ทำงาน 2 ทุ่ม – ตี 2 สอบถามรายละเอียดที่เบอร์ 094-55x-xxx ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไปสัมภาษณ์งานกับผู้จัดการร้านได้เลยครับ ปล.ไม่ต้องกังวล เด็กม.เดียวกันพี่รับหมดครับ

 

 

ไม่คิดว่าการที่หวังดี โพสช่วยเหลือใครคนหนึ่งไป จะเป็นปัญหาขนาดนี้…

 

.

.

 

 

Chan san: @Sun Pub เบื้องหน้าเป็นผับชื่อดังรายได้หลักล้าน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้อหลังอันดำมืดนั้นจะเป็นแหล่งขายบริการทางเพศขนาดใหญ่ หลอกคนบริสุทธิ์ไปขายตัว วอนเจ้าหน้าที่ไปตวรจสอบหน่อยครับ ช่วยเอาคนจิตใจต่ำตมลงไปนอนในคุกที

ปล.ช่วยรีทวิตนี้ให้คนที่ไม่รู้เรื่อง ได้รู้ด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องตกไปเป็นเหยี่อพวกมิฉาชีพที่หากินกับเรื่องพวกนี้

-แอคเก่าโดนแฮก อยากติดตามข่าวสารฟอลแอคนี้แทน-

#ซานรู้โลกรู้ #ต่อต้านซันผับแหล่งขายบริการทางเพศ #ป้องกันการถูกหลอก

 

 

นี่เป็นข้อความที่ผมได้อ่านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว และทำให้รู้สึกหงุดหงิดมาจนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าแอคต้องการอะไรกันแน่ แต่เท่าที่รู้ ผับกูไม่เคยมีบริการแบบนั้นครับ เดิมทีก็เปิดให้ลูกค้าได้สังสรรค์กันอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เห็นภาพลูกค้านัวเนียกันเป็นเรื่องปกติ

 

ผมใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างดี มีทั้งเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่ไวน์ ก็ของดีทั้งนั้น บางยี่ห้อที่สั่งตรงจากต่างประเทศ แถมยังห่วงความปลอดภัยของลูกค้าที่เมาไม่ได้สติ โดยการเปิดบริการห้องพักที่ชั้นสามของผับอีกด้วย  ถึงแม้รายได้ตรงส่วนนั้นจะน้อยจนแทบเจ๊ง แต่ก็ไม่ได้กระทบเงินในกระเป๋าผมสักเท่าไหร่

 

ส่วนพนักงานผมก็สั่งผู้จัดการให้ดูแลสวัสดิการเขาอย่างดี แต่ทำไม!!!!!! ไอ้เจ้าของแอคนี้มันถึงได้โพสโจมตีผับผมในทางเสียๆหายๆแบบนี้

 

ถึงตัวผมไม่ได้อยู่ดูแลกิจการเลย แต่ผู้จัดการก็รายงานความเลื่อนไหวให้ผมฟังตลอดนะครับ

 

แม้แต่เรื่องที่ไอ้เนลรุ่นน้องสุดที่รักของผม เมาหนักจนอาละวาด ไปต่อยหน้าลูกค้าคนสำคัญจนหน้าแหก พี่เขาก็รายงานให้ผมได้ทราบ ผู้จัดการคนนี้ผมไว้ใจมาก เลยให้ดูแลกิจการทั้งหมดแทน ให้อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง และผมก็เชื่อใจ พี่เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน

 

ไอ้เจ้าของแอค Chan san อย่าให้กูรู้นะมึงเป็นใคร พ่อจะจับหักนิ้วให้ไม่มีปัญญาพิมพ์อะไรได้อีกเลย

 

ภาพลักษณ์ผับของผมเสียหายมากงานนี้

 

“ทำไมไอ้ฟิวไปตามน้องเบสนานจังวะ” เสียงของน้องแจ็คทำให้ผมหลุดจากภวัง ตอนนี้พวกผมอยู่ที่สนามบาสในม. ใกล้กับหอใน เพื่อรอบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่อเมื่อกี้ไปตามรุ่นน้องหน้าใสนามว่าเบส มาเล่นบาส นี่ก็รอมาจะชั่วโมงได้ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวแม่ตีนมันเลย

 

 

“เอ่อนั่นดิ ไอ้ซันไปตามให้หน่อย” ไอ้ท็อปที่นั่งคุยแชทกับสาวอย่างอารมณ์ดี หันมาสั่งผม

 

“ทำไมต้องเป็นกูวะ มึงก็ไปเองดิ” ผมโยนขี้คืนให้มัน เรื่องอะไรผมจะไป ขี้เกียจครับ

 

“มึงนั่นแหละ ถ้าน้องมันไม่มา เราไม่ได้เล่นบาสนะโว้ย รีบๆออกไปตามได้ละ” ไอ้ท็อปโบกมือไล่ผมยิกๆ

 

“ไอ้ห่าท็อป มึงไม่รู้จักนวัตกรรมที่เรียกว่ามือถือใช่ไหม โทรไปสิครับ จะให้กูออกไปตามเพื่อ?” เพื่อนรักที่สูงกว่าผมไม่กี่เซนติเมตร ไม่รอช้า หยิบโทรศัพท์ข้างตัวชูขึ้นมา ก่อนจะพูดหน้าตายว่า “ของไอ้ฟิว”

 

เจริญแล้วไงไอ้ฟิวน้องรัก

จะออกไปไหน ทำไมไม่พกโทรศัพท์ไปครับ มันลำบากตัวกูเนี่ยที่ต้องออกไปตามมึง

 

“มึงแหกตาให้กว้างๆ และหัดใช้สมองด้วยนะครับ ว่าพื้นที่มหาลัยเรามันใหญ่ขนาดไหน”

 

“มึงก็ใช้ความสามารถส่วนตัวหาสิวะ ทีเด็กรุ่นน้องที่หน้าตาน่ารักต่อให้หลบอยู่ในซอกหลืบ มึงยังหาเจอเลย อีกอย่างไอ้ฟิวก็จัดว่าเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่งด้วย อย่างมึงหาได้สบาย เรดาร์มีไม่รู้จัดใช้ ไปได้ละ ไป ไป กูอยากเล่นบาส” ไอ้ท็อปที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวยาว ยกเท้าขึ้นมาเขี่ยผมให้ออกไป ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนก้อนอึเลยวะครับ ช่วยปฏิบัติกับกูดีๆหน่อย คนอะไรหยาบคายจริง

 

ไอ้น้องฟิวมันก็น่ารักจริงๆนั่นแหละครับ แต่ผมไม่กล้าจีบหรอก แม่งกวนตีนเกินไป

 

“กูไม่ไปครับ”

 

“แต่กูมีเบอร์น้องอัสนะ” ไอ้ท็อปเมื่อเห็นว่าออกปากสั่งเฉยๆ ผมไม่ยอมทำตาม จึงเอาอย่างอื่นมาล่อแทน

 

แต่ไม่อยู่ดีครับ น้องอัสกูได้มามากกว่าเบอร์อีก แค่มึงยังไม่รู้

 

“กูมีไลน์น้องหมวยด้วย”

 

ไม่สนครับ น้องหมวยกูก็ได้มาแล้ว แต่นิสัยเอาแต่ใจโคตรๆ ตามใจไม่ไหว เลยบอกเลิกไปแล้วเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน แต่มึงยังไม่รู้

 

“กูรู้จักกับน้องที สหเวช”

 

รายนั้นกูก็รู้จักครับ ตัวเล็กน่ารักสเปคผมเลย แต่เรื่องบนเตียงห่วยมาก ลาขาด

 

ดูเหมือนไอ้ท็อปเริ่มจะอารมณ์เสียที่ผมไม่ยอมออกไปตามสักที ขมวดคิ้ว หายใจออกมาเสียงดัง “ตกลงมึงจะไม่ไปใช่ไหม”

 

“เอ่อ แต่ถ้ามึงยอมให้กูควงน้องเหม่ยวันหนึ่ง จะพิจารณาเป็นพิเศษ” ผมพูดทีเล่นทีจริง แต่ในใจก็แอบหวังนิดๆว่ามันจะตอบตกลง น้องเหม่ยแม่งโคตรน่ารัก ถึงจะชอบใช้ความรุนแรงอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าผมเอาอยู่นะ อยากลองควงคนแบบนั้นมานานแล้ว แต่โชคร้ายที่น้องมันเจอกับไอ้ท็อปก่อน ไม่งั้นเสร็จผมไปนานแล้ว

 

“ไม่เอา คนนี้กูจริงจัง” ไอ้ท็อปพูดหนักแน่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรก็ไม่รู้ พร้อมยื่นมาให้ผมดู

 

หน้าจอปรากฏรูปผู้ชายคนหนึ่ง กำลังยิ้มหวานให้กล้อง

นาทีนี้ เหมือนมีลูกศรกามเทพแทงทะลุผ่านหัวใจ พร้อมมีผีพรายกระซิบข้างหูว่า นี่แหละเนื้อคู่ที่หามานาน

โอ้โห น่ารักสัดๆ เห็นแล้วใจพี่สั่นไปหมด

 

 

“แล้วถ้ากูบอกว่ารู้จักกับน้องคนนี้ล่ะ มึงจะออกไปตามไอ้ฟิวไหม”

 

“โอเค มึงรออยู่อยู่ตรงนี้นะ อีก 5 นาทีมึงได้เล่นบาสแน่ๆ” จะรออะไรล่ะครับ รีบไปสิ คือกูอยากรู้จักคนในรูปมากๆเลย โคตรตรงสเปค

 

สองขาก้าวฉับๆ ไปที่ลานจอดรถทันที ตั้งใจจะขับรถหาเอา แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นน้องฟิวพอดี มันกำลังทำตัวลับๆล่อๆ หลบอยู่มุมเสาข้างลานจอดรถ เลยเอานิ้วไปสกิดสองที จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

 

“เห้ย! อุปส์” น้องมันหันมาอุทานเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที

 

“มาทำอะไรตรงนี้วะ ไอ้ท็อปไล่พี่มาตามน้องแล้วเนี่ย แล้วไหนน้องเบสวะ?” ผมถามน้องฟิวออกไปเสียงดัง จนเจ้าตัวต้องรีบเอามือขึ้นมาปิดปากผมเอาไว้ พร้อมดึงให้เข้าไปหลบมุมเสาเป็นเพื่อน

 

“แหวะ นี่เหงื่อคนหรือน้ำทะเลเดดซี เค็มฉิบหาย!” ผมบ่นทันที เมื่อน้องฟิวปล่อยมือออกจากปาก

 

“โหพี่ โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง กระบวนการเสือกผมบกพร่องหมด”

 

เอ่อ…นั่นความผิดกูใช่ไหมครับ?

 

ผมชะโงกหน้าออกดูว่าอะไรคือสิ่งที่น้องมันกำลังเสือกอยู่ ก็พบร่างเล็กๆของน้องเบสยืนคุยกับผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ไอ้นี่สูงมากครับ สูงกว่าไอ้ท็อปเพื่อนกูอีก น่าจะตัวพอๆกับไอ้เนลเลยละมั้ง โห…เห็นแล้วอยากจับมันเข้าทีมบาสกูเลย ช่วงนี้กำลังขาดแคลนคนสูงๆแบบนี้ เดี๋ยวจะฝึกน้องมันรีบาวลูกแข่งกับไอ้เนล น่าจะเหมาะ

 

“อย่ามาให้กูเห็นหน้ามึงอีก” ไอ้หน้าหล่อมองน้องเบสด้วยสายตาชิงชัง ผมว่าไอ้สองคนนี้ต้องเคยมีปัญหากันมาก่อนแน่ๆ และปัญหานั้นต้องใหญ่มากด้วย

 

“กูไม่ได้มาหามึง อย่าสำคัญตัวผิดไป” น้องเบสตอบเสียงแข็ง

 

“มึงจะบอกว่ามาหาเพื่อนที่คณะแพทย์ว่างั้น?”

 

“ใช่”

 

“ใครเชื่อก็โง่แล้ว มึงไม่มีเพื่อนอยู่คณะนี้”

 

“มันก็เรื่องของมึง กูไม่ได้อ้อนวอนขอให้มึงเชื่อสักหน่อย” น้องเบสเริ่มขึ้นเสียง

 

“…” ชายหนุ่มร่างสูงชลูดได้แต่กอดอกมองน้องมันนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆออกมา

 

น้องเบสจ้องตาตอบ ก่อนจะค่อยๆยกยิ้มมุมปาก “หึ! น่าตกใจนะที่มึงรู้แม้กระทั่งกูมีเพื่อนอยู่คณะไหนบ้าง สนใจเรื่องของกูขนาดนั้นเลยหรือไง”

 

“กูก็ตามสืบเรื่องของทุกคนที่กูรังเกียจนั่งแหละ จะได้เลี่ยงไม่ต้องเจอ แต่วันนี้คงซวยที่เศษขยะมูลฝอยอย่างมึงปลิวมาตกถึงคณะกู จะปล่อยไว้เฉยๆก็ไม่ได้ เดี๋ยวอากาศที่ไอ้ภีมหายใจจะเป็นพิษ” โอ้โห แรง!

หน้าตาก็จัดว่าหล่อสัดๆ แต่ปากร้ายฉิบหายเลย

 

“คำก็ไอ้ภีมสองคำก็ไอ้ภีม มึงเป็นอะไรกับคำนี้มากปะ!! พูดแต่คำนี้ทุกครั้งที่เจอกูเลย เบื่อ กูเบื่อ!!!! เบื่อทั้งมึงทั้งมันนั่นแหละ” เบสเริ่มเดือดดาล แต่ไฟในอกกูเองก็เริ่มสุมแล้วเหมือนกัน โกรธแทนครับ กล้าดียังไงมาว่าน้องเบสของกู เดี๋ยวมึงเจอง้ามตีนเลยไอ้นี่

 

“ทำไมกูจะพูดชื่อคนที่กูรักไม่ได้” ไอ้หน้าหล่อพูดออกมาหนักแน่น น้องเบสเริ่มตัวสั่นแล้วครับ น้ำตาก็เริ่มคลอแล้ว ผู้พิทักษ์คนน่ารักแบบผมก็ทนดูไม่ไหว รีบลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที เดี๋ยวต้องเจอกันสักหน่อยแล้ว น้องฟิวที่เห็นผมกำลังจะเดินออกไปก็รีบห้ามเอาไว้ก่อน

 

“ใจเย็นๆสิครับ”

 

“จะให้กูใจเย็นได้ไงวะ เห็นไหมน้องรักกูน้ำตาคลอแล้ว” ผมหันไปโวยใส่น้องฟิว

 

“เอาน่าพี่ ทนดูไปก่อน” ไอ้ฟิวพยายามพูดให้ผมใจเย็น มือก็ตบไหล่ผมไปด้วย

 

“ถ้าสมมุติว่าไม่มีไอ้ภีม..มึงจะรักกูได้ไหม” น้องเบสถามเสียงติดสั่น

 

“ต่อให้ไม่มีไอ้ภีม คนสุดท้ายบนโลกที่กูจะเลือกรักก็ไม่ใช่มึง” เสียงทุ่มของคนตรงหน้าตอบแบบไร้เยื่อใย ขนาดคนฟังอย่างผมยังรู้สึกเจ็บแทนเลย

 

คนอะไร โคตรใจร้ายว่ะ

 

“วันหลังอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก น่าเสียดาย..ถ้ามึงไม่ไปทำเรื่องเลวร้ายกับพี่มะนาวจนไอ้ภีมต้องเดือดร้อน กูกับมึงคงเป็นเพื่อนกันได้” ไอ้หน้าหล่อพูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย น้องเบสได้แต่ยืนนิ่ง มองตามหลังร่างสูงไปจนลับสายตา

 

เข่าร่างเล็กทรุดลงไปกับพื้นเหมือนคนหมดแรง ยกมือขึ้นปิดหน้า ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร

 

ผมเห็นน้องมันเป็นแบบนี้ก็ทนไม่ไหวจริงๆ รีบหันไปพูดกับไอ้ฟิวทันที

“ไอ้ฟิว ฝากบอกไอ้ท็อปด้วยว่ากูไม่ว่างไปเล่นบาสแล้ว และเย็นนี้กูก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานค่ายอาสาด้วย ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ตามไปเต๊าะเด็กก็เถอะ แต่น้องเบสต้องการคนเยียวยาหัวใจ”

 

“โห ดูเหมือนจะหล่อนะครับ แต่ถ้ามองกลับกัน ถ้าไอ้เบสมันไม่ได้หน้าตาน่ารัก พี่มึงคงไม่แลแล้วปล่อยให้ร้องไห้อยู่อย่างนั้นใช่ไหมครับ ผมเข้าใจสันดานพี่ดี” ไอ้ฟิวยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมเบาๆ “ผมจะบอกพี่ท็อปให้นะครับ”

 

เกลียด!!! เกลียดมัน

 

เกลียดคนรู้ทัน

 

--------------------------------------------

 

   

    หลังจากน้องฟิวมันกลับไป ผมก็เข้าไปกอดปลอบน้องเบสแน่นเลยครับ น้องมันร้องไห้ไม่หยุดอยู่เป็นชั่วโมง ผมไม่รู้หรอกว่าข้างในใจน้องมันเสียหายขนาดไหน ที่โดนปฏิเสธแบบนั้น ไอ้หน้าหล่อนั่นก็พูดไม่ถนอมน้ำใจเลย จิตใจทำจากก้อนอิฐก้อนปูนหรือไงวะ เด็กน่ารักขนาดนี้น้ำตานองหน้า แทนที่จะเข้ามาปลอบกลับพูดจาเสียดแทงให้เจ็บหนักกว่าเดิมอีก

 

เห็นน้องมันเป็นแบบนี้แล้วอดสงสารไม่ได้เลยจริงๆ …

อย่าไปรักเลยคนแบบนั้น เดี๋ยวพี่จะช่วยเยียวยาหัวใจของน้องเองนะ อกหักครั้งแรกก็แบบนี้แหละ

 

“เวลาก็ผ่านไปตั้งหลายปี ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่พอมาเห็นหน้ามันแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าผมยังไม่ลืมมันเลย เกลียดตัวเองว่ะ” น้องมันพูดไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย

 

“รักแรกเหรอ”

 

“ประมาณนั้น”

 

รักแรกมันก็เป็นแบบนี้แหละ ยากที่จะลืม ถึงผมไม่เคยมีก็เถอะ แต่คนรอบข้างผมเป็นทุกคน บางคนยึดติดกับรักแรกจนไม่ยอมเปิดใจให้ใครเลย…แต่บางคนกลับทำตัวเจ้าชู้เพื่อที่จะได้ลืมรักแรกก็มีเหมือนกัน

 

แต่น้องเบสคงเป็นประเภทที่ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร

 

 ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาขอให้น้องมันลืมไอ้หน้าหล่อไวๆ ผมจะไม่ขอให้ไอ้งั่งนั่นใจอ่อนกลับมารักน้องมันหรอก คนแบบนั้นไม่คู่ควรกับสิ่งที่ดีงามแบบนี้

 

และได้แต่สาปแช่งขอให้มันอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต คือกูหมั่นไส้มันมาก ที่ได้ใจของน้องเบสไป

 

 

--------------------------------------------

 

   ผมขับรถมาส่งน้องเบสที่หอพักไม่ใกล้จากตัวเมืองมาก ตอนแรกตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อน แต่น้องมันบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมไม่อยากขัดใจ เลยปล่อยให้น้องมันอยู่คนเดียว ให้ได้คิดทบทวนกับตัวเองเผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง

 

หลังจากส่งน้องเขาเสร็จ ผมขับรถเปลี่ยนเส้นทาง ตรงดิ่งไปยัง Sun Pub ทันที เพื่อไปตรวจสอบเรื่องที่โดนไอ้เจ้าของแอค Chan San กล่าวหาเสียๆหายๆ ครั้งนี้ผมไม่ได้โทรบอกพี่กิติก่อนว่าจะเข้าไป ตั้งใจไปดูเท่านั้นว่าเรื่องที่เจ้าของแอคนั่นพูดจริงไหม

 

ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจพี่เขานะครับ แค่อยากไปตัวสอบให้แน่ใจเท่านั้นเอง จะทำอะไรมันต้องมีข้อมูลก่อนจริงไหม ถ้าเกิดไม่จริงอย่างที่โดนกล่าวหา ผมพร้อมแจ้งความ ลากคอเจ้าของแอคเข้าคุกแน่ๆ เรื่องนี้ผมยอมปล่อยผ่านเหมือนเรื่องอื่นไม่ได้จริงๆ มันกระทบต่อกิจการ และชื่อเสียงของผมมากพอสมควร

 

ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของผับ หยิบแว่นกันแดดสีดำขึ้นมาใส่ ถึงแม้ตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดสนิดแล้วก็ตาม แต่กูอยากเท่ครับ ถึงใครจะมองว่าบ้า แต่มันคือแฟชั่น พวกไม่บรรลุไม่มีสิทธิ์ว่าได้ เอามือขึ้นเซ็ตผมให้เป็นทรง ส่องกระจกให้แน่ใจว่าตัวเองหล่อสัสรัสเซียแล้ว จึงก้าวเท้าลงจากรถทันที

 

โอ้โห เดินเซเลยครับ มืดฉิบหาย

เมื่อความมืดเป็นอุปสรรคต่อความหล่อ เลยเปลี่ยนเอาแว่นตามาคาดหัวไว้แทน แล้วเดินหมุนตัวเข้าไปในผับทันที

 

ยังเดินไม่ถึงปากทางเข้า ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาแต่ไกลเลย

 

“ผมว่าคุณกลับไปเถอะครับ”

 

“ไม่ จนกว่าผมจะเจอเจ้าของผับ”

 

“คุณไม่เจอหรอก เขาไม่ได้เข้ามาดูกิจการมาเป็นปีๆแล้ว กลับไปเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ”

 

สายตาปะทะเข้ากับใครหนึ่ง ที่นั่งเหยียดขาอยู่ตรงบันไดทางเข้า กำลังถูกไอ้เจ๋งหนึ่งในพนักงานของผับเอ่ยปากไล่อยู่ โชคดีนะที่มันหน้าตาดี นั่งแบบนั้นเลยดูไม่น่าเกียจ มึงลองตัดหัวออกดูสิ ไอ้ห่า กูนึกว่าขอทาน

 

ผมว่า…ผมเคยเห็นหน้าไอ้นี่มาก่อนนะ ไอ้หล่อที่หักอดน้องเบสเมื่อเย็นนี้ไง

 

“คุณซัน” ไอ้เจ๋งทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผม รีบยกมือไว้อย่างร้อนรน “จะมาทำไมไม่โทรแจ้งคุณกิติก่อนล่ะครับ จะได้เคลียร์ห้องให้” ห้องที่ว่าเป็นห้องทำงานของผมที่ปล่อยให้ทิ้งร้างไว้ครับ ถ้าวันไหนผมมาตรวจความเรียบร้อย จะโทรแจ้งพี่กิติไว้ แล้วพี่แกจะให้คนมาทำความสะอาดห้องให้

 

“ไม่ต้องหรอก วันนี้ผมมาเที่ยวเฉยๆ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหานะ” ผมตอบพลางเหล่มองคนที่นั่งอยู่ตรงบันได ซึ่งมันก็หันมามองผมเหมือนกัน แววตาเอาเรื่องเลย

 

“ครับ น้องมันต้องการมาพบคุณ ผมไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปสักที” ไอ้เจ๋งเข้ามากระซิบกระชาบให้ผมฟัง

 

“เอ่อ ไปทำงานเลย เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง” ผมโบกมือไล่ลูกน้อง ก่อนจะหันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งตบยุงอยู่ตรงบันไดเสียงเรียบ “เข้าไปคุยกันข้างใน”

 

ดูจากแววตาของหมอนี่พร้อมบวกกับกูมากเลยครับ จึงเรียกมันไปคุยในทีลับตาคน

 

ผมเดินนำไอ้หน้าหล่อมาตรงห้องรับรองแขกของผับ ยืนผายมือเชิญให้ร่างสูงนั่งลงตรงโซฟาตัวยาว พร้อมพูดเข้าประเด็นทันทีจะได้ไม่เสียเวลา ไม่อยากมองหน้ามันนานๆครับ เห็นแล้วไม่เจริญตา คุยเสร็จจะได้รีบเดินไปขอเบอร์น้องผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งคนเดียว ตรงโต๊ะ 12 ด้วย

 

“มีธุระอะไร” ผมถามมันห้วนๆ

 

“พี่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมทำแบบนี้” ไอ้หน้าหล่อถามเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรผ่านสีหน้า เอามือขึ้นพาดพนักโซฟาท่าทางสบาย

 

“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ” ผมเอียงคอ ขมวดคิ้วเข้าหากัน พลางถามออกไปอย่างงงๆ คือถามออกมาโต้งๆแบบนี้ ไม่มีเกริ่นนำอะไรเลย มึงคิดว่ากูจะบรรลุไหมครับ ไอ้หน้าส้นตีน

 

“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย พี่ซันเจ้าของผับเฮงซวย ที่หลอกเพื่อนผมมาขายบริการ ตอนแรกนึกว่าหวังดี เพราะเห็นเป็นเด็กมอเดียวกัน ที่ไหนได้ หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองล้วนๆ” ไอ้หน้าหล่อยังคงพูดเสียงเรียบ แต่ละคำช่างเสียดแทงใจกูเหลือเกิน

 

ผับเฮงซวยพ่อง เดี๋ยวตบด้วยหลังแหวน

 

“…”

 

“ทำไมครับ หาเงินจากเหล้าจวนจะเจ๊ง จนต้องหากินบนร่างกายคนอื่นแทนแล้วเหรอ” มันด่าผมหน้าตาย

คำพูดที่ออกมาจากปากนั่น น่าต่อยจนเลือดกบปากมาก

 

“ผมไม่เข้าใจที่คุณจะสื่อครับ” ผมนั่งไขว่ห้าง กอดอกมองมันนิ่งๆ พยายามใจเย็นไม่ตอบโต้อะไรไป เอาสิ มึงจะเล่นสงครามประสาทกับกูเหรอ

 

“เข้าประเด็นเลยดีกว่า พี่ทำแบบนี้ทำไม โพสบอกว่าต้องการพนักงาน รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนผมมันต้องการเงิน แต่กลับจิตใจต่ำช้า หลอกมันมาขายตัวเนี่ยนะ ถึงมันจะร้อนเงินแต่ก็ใช่ว่าจะยอมขายศักดิ์ศรีให้เขาย่ำยีเสมอไป ไอ้ภีมมันเป็นคนขยัน ยอมเอาแรงกายสู้งาน หยาดเหงื่อแลกเงิน ไม่ใช่เอาร่างกายแลกตังค์” ไอ้หน้าหล่อยังคงมองผม ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน

 

“....” รู้สึกกดดันฉิบหายเลย

 

“พี่หลอกมันมาทำงานแบบนี้ทำไม มันเข้าใจมาตลอดว่า ‘บริการ’ ของที่นี่คือ เสริฟเหล้า เสริฟเบียร์ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า บริการที่เด็กเสริฟทั่วๆไปเป็น แต่ไม่คิดว่าต้องมาบริการอย่างอื่นด้วย”

 

“บริการที่คุณกำลังพูดถึง คือบริการอะไร พูดให้มันชัดๆเคลียร์ๆครับ”

 

“บริการทางเพศไง”

 

หะ อะไรนะ? ...มันยากจะเชื่อนะครับ ที่คนแปลกหน้ามาพูดจาอะไรก็ไม่รู้ กล่าวหาผับตัวเองเสียๆหายๆแบบนี้ พูดเหมือนผับผมเป็นที่มั่วสุ่มเซ็กส์ เปิดเป็นช่องอย่างนั้นแหละ กูรับไม่ได้ครับ

 

“หุบปาก! คุณไม่รู้อะไรอย่ามาใส่ร้ายผมดีกว่า ผับผมไม่เคยมีบริการแบบนั้น คุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน!” เป็นผมเองที่โดนมันยั่วจนโมโห จนอารมณ์เดือดขึ้นมา

กล้าดียังไงมากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ ฟ้องหมิ่นประมาทได้เลยนะครับ

 

“ก็เอามาจากคนที่โดนหลอก อย่างเพื่อนผมไงครับ” เจ้าตัวส่งยิ้มเหี้ยมมาให้

 

“เรื่องแบบนี้มันแต่งกันได้ หลักฐานที่พูดปากเปล่า มันจะเชื่อได้สักกี่เปอร์เซ็นต์กัน” ไม่เข้าใจเลยว่าคนตรงหน้าผม ต้องการอะไรกันแน่ มันมีจุดประสงค์อะไร ถึงได้พูดจาโจมตีผับผมได้ขนาดนี้ เดี๋ยวค่อยไปตรวจสอบอีกทีว่าข้อมูลมันจริงเท็จยังไง

 

แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน “คุณต้องการเท่าไหร่?”

 

“อะไรนะ?” เจ้าตัวทำหน้าไม่เข้าใจ หรือสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันยังไม่ชัดพอ

 

“ต้องการเงินเท่าไหร่ ลงทุนแต่งเรื่องโกหกให้ผมฟัง คุณคงหิวเงินมากสินะ” ผมหยิบเช็คเงินสด กับปากกาที่อยู่ตรงลิ้นชัก ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ “ต้องการเท่าไหร่ก็เขียนยอดเงินลงบนเช็คนี้ ผมจะให้ทุกบาททุกสตางค์ที่คุณเรียกร้องมาเลย แล้วช่วยเลิกพูดจาโจมตีผับผมเสียๆหายๆได้แล้ว ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้า มันจะกระทบต่อกิจการของผม”

 

เจ้าตัวยกยิ้มพึงพอใจ มือหนาหยิบปากกาขึ้นมา จรดเขียนเช็คอย่างบรรจง ก่อนยื่นมาให้ผม

 

หึ! พวกเห็นแก่เงิน ผมยังไม่เคยเห็นปัญหาไหนที่เงินแก้ไขไม่ได้เลย

ในโลกนี้เงินคือทุกอย่าง

เงินมาข่าวเงียบน่ะ พวกคุณเคยได้ยินไหม

 

ไหนขอดูหน่อย คนแบบมันเรียกร้องเท่าไหร่ ผมก้มลงไปดูยอดเงินในเช็คที่อีกฝ่ายพึ่งยื่นมาให้

มันไม่มีตัวเลขเลยครับ มีแต่ข้อความที่บรรจงเขียน กับภาพวาดตัวการ์ตูนหน้าเห่ยๆหลังข้อความ

 

‘เก็บเงินของพี่ไว้เข้าคอร์สบำบัดนิสัยเสียๆของตัวเองเหอะ ผมไม่ต้องการเงินที่หามาด้วยวิธีสกปกหรอก (•¸• )’

 

โอ้ยยยย กูอยากระเบิดมากตอนนี้ หัวร้อนปุดๆเลย ไอ้เหี้ย!



 

ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยำเช็คทิ้งลงพื้น แล้วหันไปจ้องตากับไอ้หน้าตีนไก่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้าง มองผมนิ่ง

 

“พี่คงจะเป็นแฟนของไอ้เบสสินะ เห็นกอดกันกลมเลยตรงลานจอดรถ”

 

“…” ผมเลือกไม่ตอบออกไป คือไม่ได้เป็นแฟนน้องมันครับ แต่ไม่อยากพูดปฏิเสธออกไป ปล่อยมันเข้าใจผิดแบบนี้แหละดีแล้ว

 

“ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กับมันวางแผนอะไรไว้ แต่ผมจะปกป้องไอ้ภีมเอง อย่าหวังว่าแผนชั่วๆในหัวจะสำเร็จ”

 

อะไรวะ ไม่รู้เรื่อง! ภีมไหนกูยังไม่รู้จักเลยครับ

 

“แผนเชี่ยไร ไม่รู้โว้ย! ภีมไหนกูยังไม่รู้จักเลย แล้วจะไปสุมหัวทำร้ายเพื่ออะไรวะ” ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับมันทันที หงุดหงิดครับ

 

ใส่ร้ายกูไม่พอ ยังใส่ร้ายน้องเบสอีก มาต่อยกับกูตอนนี้เลยมะ เรื่องจะได้จบๆ

 

“…”

 

“ถึงกูไม่รู้เรื่องที่มึงพูด แต่มีอย่างหนึ่งที่กูรู้ คือน้องเบสกูจะเป็นคนปกป้องเอง กูไม่ยอมปล่อยให้คนดีๆแบบนั้น ต้องมาเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคนเหี้ยๆแบบมึงอีกเป็นครั้งที่สองแน่”

 

อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก “หึ! พี่ไม่รู้อะไร อย่ามาพูดเลยดีกว่า รู้จักสันดานมันดีแล้วเหรอ? ถึงบอกว่ามันเป็นคนดี”

 

“ก็รู้จักดีกว่ามึงก็แล้วกัน”

 

“…” มันเงียบ ไม่ตอบโต้อะไร แต่สายตาที่ส่งมาให้ผม บอกเป็นนัยๆว่า ‘เดี๋ยวมึงก็รู้’

 

ผมไม่สนครับ ผมเข้าข้างคนน่ารัก

 

มันจ้องหน้าผมเหมือนคิดอะไรอยู่ ซึ่งกูเองโคตรกดดันเลยครับ จะพูดอะไรก็รีบๆพูด แล้วช่วยออกไปสักที

คนตรงหน้ายกนาฬิกาขึ้นมาดู ปากก็พึมพำ“ต้องไปรับไอ้ภีมแล้ว” ไปด้วย ก่อนลุกเต็มความสูง เดินตรงไปที่ประตู โดยไม่บอกลาสักคำ

 

“เดี๋ยว! มึงชื่ออะไร” ผมตะโกนเรียกมัน มือหนาที่เอื้อมไปจับลูกบิดชะงัก

 

ถามไปงั้นแหละ ชื่อปักติดหราตรงเสื้อรุ่นที่มันใส่อยู่ เห็นไม่ค่อยชัด ใช้เวลาเพ่งอยู่นานกว่าจะอ่านออก แต่อยากถามย้ำเพื่อความมั่นใจ จะได้เขียนชื่อป้ายหลุมศพมันถูก ปากแบบนี้อายุไม่ยืนแน่ๆ พรุ่งนี้มึงจะโดนชายชุดดำที่เป็นการ์ดของผับดังแห่งหนึ่งอุ้มไปฆ่า เชื่อกู

 

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้ารู้” มันตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ก่อนเปิดประตูออกไป

 

ไอ้เด็กเปรต!

 

“ไอ้เจ๋ง มึงเอารูปไอ้ห่านั่น ไปทำเป็นป้ายไวนิลขึ้นหน้าผับให้กูด้วย เขียนข้อความตัวใหญ่ๆเลยว่า ห้ามเข้า!! ถ้าการ์ดคนไหนปล่อยให้มันเข้ามาอีก กูจะไล่ออกให้หมดเลย!!” ผมเอ่ยปากสั่งลูกน้องที่โผล่หน้าเข้ามาในห้อง หลังจากไอ้หน้าหล่อนั่นออกไปได้ไม่นาน

 

ไอ้พวกที่ปริ้นรูปใส่ A4 ติดหน้าร้านมันเชยไปแล้วครับ ระดับซันไม่ชอบทำอะไรที่มันเล็กๆแบบนั้น จะทำทั้งทีต้องจัดชุดใหญ่ไปเลย

 

คนอะไรกวนตีนฉิบหาย!!!

ผมจะยกให้ไอ้นั่นเป็น the most ของบุคคลที่ทำให้ผมอารมณ์เสียที่สุดของวันนี้

 

'583388xx พีรวัตร รัตน์ฐิพัฒกุล'


---------------------------------


น่าแปลก....


เวลา  21.50 น.วันเดียวกัน ไอ้เนลน้องรัก โทรมาโวยวายกับผม พร้อมกับเอ่ยชื่อบุคคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้านามว่า ‘ภีม’ เป็นคนที่สอง


จนตอนนี้ผมเริ่มอยากเห็นหน้าเด็กคนนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2018 17:37:32 โดย Gansa »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เบสคือใคร อิน้อง งง :hao4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาละสิ. เห็นหน้าภีมแล้วจะรู้สึกยังไงนะ,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gansa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 22

รอ..



    เซ็งเป็นบ้าเลย…โดนพี่เนลตะคอกใส่อย่างไม่มีเหตุผล แถมโดนบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกอีก คือผมไม่มีใส่แล้วครับ เมื่อคืนคิดแล้วคิดอีกว่าจะใส่ชุดนี้ หรือนอนเป็นชีเปลือยดี แต่พอคิดว่าพี่เนลมันไปภูเก็ต ก็ค่อยวางใจ เพราะมันจะได้ต้องมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ คือโคตรอายครับ ขนาดเจอกระจกยังต้องหลบ กลัวเห็นตัวเองแล้วจะช็อกตาย

 

แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าผมตอนนี้จะชิงช็อกไปก่อนนะครับ หน้ามันตอนเห็นผมโคตรตลกเลย ยืนอ้ำๆอึ้งๆเหมือนเห็นผีอย่างนั้นแหละ

 

“เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” พี่เนลยังคงคะยั้นคะยอให้ผมเปลี่ยนชุด ไม่รู้ทำไมพี่มันถึงอยากให้เปลี่ยนนัก ตัวก็ตัวผม ชุดก็ชุดผม ถ้าทุเรศลูกตามากก็แค่ไม่ต้องมอง ไม่เห็นต้องทำตัวเดือดร้อนกับการแต่งตัวผมขนาดนี้เลย

 

“ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว” ผมบอกพี่มันไปตรงๆ ตั้งแต่มาอยู่กับพี่เนลก็แทบไม่มีเวลาซักผ้าเลย มีปัญหาเข้ามาตลอด วันนี้จึงเป็นวันดี ที่ผมจะได้ซักสักที ทั้งของตัวเองและของพี่เนลนั่นแหละ ตำแหน่งเบ๊ประจำตัวพี่มันค้ำคออยู่

 

“งั้นเอาชุดกูไปใส่” พี่เนลยังไม่ยอมแพ้

 

“ไม่เอาพี่ตัวใหญ่”

 

“เรื่องมากจังวะ” พีเนลสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก คนที่เรื่องมากคือพี่นั่นแหละ จะอะไรมากกับผมเนี่ย เจ้าตัวไม่สนใจคำปฏิเสธของผม เดินดุ่มๆไปหยิบเสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน ในตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นมาให้ผม“เปลี่ยนซะ กูไม่ยอมให้มึงใส่ชุดนี้ออกไปข้างนอกหรอกนะ”

 

พี่มันกระแอม ก่อนจะพูดต่อ “สงสารลูกตาคนที่ต้องมาเห็นมึงในสภาพนี้  ใส่ให้กูเห็นคนเดียวก็พอละ”

ผมรับมาอย่างว่าง่าย แต่ไม่ได้เดินไปเปลี่ยนทันที ยังมองพี่มันนิ่งๆ อยู่หน้าประตูห้อง คือสมองประมวลผลไม่ทันครับ ยังงงๆอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

พี่เนลที่เห็นว่าผมยังไม่ยอมไปเปลี่ยนชุด รีบตะคอกไล่ทันที “รีบไปเปลี่ยนได้แล้ว จะได้ไปหาหมอ!!”

 

เอ่อว่ะ ต้องไปหาหมอนี่หว่า นึกว่าพี่มันลืมไปแล้วนะ ยังจำได้อยู่เหรอวะ ผมพยักหน้าให้ ก่อนเดินเข้าห้องไป ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ หยิบเสื้อมันมาใส่ พับแขนขึ้นให้เรียบร้อย ก่อนใส่กางเกงตาม ดีที่เป็นขาสามส่วน จึงไม่ต้องพับให้เสียเวลา เพราะยาวถึงตาตุ่มพอดี เชี่ย เห็นความต่างของส่วนสูงชัดเจน

 

เดินลงมาเห็นมันนั่งกระดิกนิ้วเท้า ดูทีวีรออยู่ข้างล่างอย่างสบายใจ อยากถามออกไปมากๆ ว่าทำไมถึงโผล่หน้ามาได้ เมื่อวานเห็นเก็บของอย่างร้อนรนออกไปแล้วนี่หว่า หรือตกเครื่อง?

 

ช่างเถอะ ถามไปได้โดนมันซักไซ้ยาวแน่ๆ

 

มันโผล่หัวมาสร้างความเดือดร้อน ประเดิมด้วยหน้าต่างด้านซ้าย ที่แตกกระจุยกระจาย ก็เป็นหลักฐานชัดเจนแล้วว่ามันไม่ได้ไปภูเก็ตกับพี่ฟ้า

 

ก็แอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆเหมือนกัน …

 

พี่เนลพาผมมากินข้าวเช้า ที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งก่อนพาไปโรงพยาบาล ระหว่างรอข้าว พี่มันก็หยิบโทรศัพท์มากดเล่นฆ่าเวลา เห็นอย่างนั้นผมจึงหยิบขึ้นมาเช็คข่าวสารบ้าง เลื่อนดูข่าวหน้าฟีตได้ไม่ถึงสองนาที โทรศัพท์ของผมก็โดนฉกไปต่อหน้าต่อตา

 

“มีโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมกูไม่รู้” พี่มันจ้องผมด้วยแววตาขุ่น พลางถือโทรศัพท์ที่พึ่งแย่งขึ้นมาถือแน่น ตั้งใจจะเข้าไปฉกคืน แต่พี่มันไม่ยอมง่ายๆ ปัดมือผมออกอย่างแรง

 

“พึ่งได้ไม่กี่วัน”

 

“ใครเอาให้” พี่เนลกดเสียงต่ำ

 

 

แย่แล้วครับ รู้สึกเหมือนงานเข้า…

‘ไอ้ซาน’ ถูกจัดเป็นคำต้องห้าม ที่อย่าพูดให้พี่เนลมันได้ยินเด็ดขาด ไม่งั้นอารมณ์พี่มันเดือดทุกครั้ง

 

“ไอ้ซานเอาให้ พอดีมันได้มาฟรี” ไม่อยากโกหกครับ เลยเลือกบอกไปตรงๆ ทีนี้แหละ พี่มันตบโต๊ะเสียงดัง ปึง! จนคนในร้านหันมามองหน้ามันพึบพับ

 

“แล้วมึงก็รับของมันเนี่ยนะ รู้จักมันดีแค่ไหน ถึงได้รับของจากมัน คนสมัยนี้มันไว้ใจไม่ได้หรอก ที่ให้มาหวังอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ รีบเอาไปคืนมันเดี๋ยวนี้เลย!”

 

รู้จักมาตั้งแต่ ม.1ยันปี2 อะครับ ไว้ใจได้มากกว่าพี่อีก

 

“ไม่เอาครับ ถ้าเอาไปคืนผมก็ไม่มีมือถือใช้ดิ” อุส่าห์ได้มาแล้ว เรื่องอะไรจะเอาไปคืนวะ

 

“เดี๋ยวกูซื้อให้”

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะใช้ของไอ้ซาน” ดูเหมือนคำตอบของผมจะทำให้คนตรงหน้าหงุดหงิดไม่น้อยเลย มันหายใจฟืดฟาดออกมาเสียงดัง ดวงตาน่ามองนั่นจ้องผมอย่างไม่พอใจนัก

 

“มึงเลือกมันเหรอ”

 

“ครับ ผมเลือกไอ้ซาน”

 

“….” พี่เนลดูอึ้งๆกับคำตอบผมอยู่เหมือนกัน พูดอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ? ก็เลือกโทรศัพท์ไง..

 

“เอาคืนมาได้แล้วครับ” ผมแบมือไปข้างหน้า เพื่อขอโทรศัพท์คืน แต่เจ้าตัวยังคงนิ่ง ไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมาให้ “พี่เนลครับ ขอของผมคืนด้วย” ผมกดเสียงต่ำ ส่งสายตากดดันไปให้ แต่ก็ไม่เป็นผล

 

ดื้อว่ะ ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจเลย

 

“กฎข้อที่ 2 ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ พี่กำลังก้าวก่ายชีวิตผมอยู่นะครับ” ผมพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง พลางกระดิกนิ้วยิกๆให้มันคืนของมาให้ พี่เนลเดาะลิ้นไม่พอใจ แต่ก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้ผมแต่โดยดี

 

มันหยิบมือถือมันขึ้นมากดเล่น ทำหน้าถมึงทึงใส่ ไม่พูดไม่จา

นั่นคงไม่ได้งอนอยู่ใช่ไหม…

 

รอไม่นานผัดกะเพรากุ้งตัวโตๆของผม กับ ข้าวหมูทอดกระเทียมของพี่เนลก็มาเสริฟบนโต๊ะ

พี่เนลวางโทรศัพท์ หยิบซ้อนกับส้อมขึ้นมาตักกินอย่างเงียบๆ เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วพี่ภีมรู้สึกใจไม่ดีเลยครับ

 

ผมจึงตักกุ้งในจานตัวเองยื่นไปใส่จานมัน เป็นการบอกอ้อมๆว่าผมง้อนะ มันเงยหน้าขึ้นมามองผมนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะก้มลงไปกินข้าวต่อเหมือนเดิม ไม่ได้ผลแฮะ…

 

กุ้งตัวที่สองถูกตักใส่จานมันในเวลาต่อมา เห็นวันนั้นแย่งผมกิน มันน่าจะชอบนะครับ แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่สนใจกุ้งของผมเลย ก้มหน้าก้มตาตักหมูกินอย่างเดียว

 

ผมไม่ยอมแพ้ ตักตัวที่สามสี่ใส่จามมันตามลำดับ ถ้ามึงยังไม่หายงอล มื้อนี้กูจะได้กินแค่ข้าวเปล่ากับใบกะเพราแล้วนะ เห็นใจกันหน่อย อย่าเล่นตัวมาก กุ้งในจานพี่มีจำกัด

 

พี่เนลเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง ริมฝีปากค่อยๆยกยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนจะตักกุ้งคืนมาให้ผม แถมหมูอีกสองสามชิ้นติดสอยห้อยตามมาด้วย

 

“ไม่ต้องแบ่งให้กูหรอก มึงควรกินเยอะๆ จะได้น้ำมีน้ำมีนวล น่าปล้ำหน่อย” ดูมันพูด

หลังจากนั้นผมก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวทันที โดยไม่สนใจคนที่นั่งตรงข้ามอีกเลย ช่วงนี้เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ชอบพูดแหย่เข้าเรื่องบนเตียงตลอด

 

--------------------------------------------

 

พี่เนลพาผมมา X- ray ที่โรงพบายเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าค่ารักษาแพงตูดฉีก ตอนแรกผมปฏิเสธพี่มันไป เพราะไม่มีปัญญาจ่าย แต่พี่มันไม่ยอมท่าเดียว แถมเป็นคนออกค่ารักษาให้ ชดเชยความผิดที่ตัวเองก่อ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเหมือนทุกที

 

ผลออกมา ไม่มีกระดูกหัก หรือร้าว อาจจะมีอาการฟกช้ำของก้ามเนื้อบ้าง แต่โดยรวมไม่น่าเป็นห่วง อาจใช้เวลาอยู่บ้าง แต่จะค่อยๆหายไปตามลำดับ

 

ผมเดินออกมาจากห้องตรวจ ก่อนเอาใบสั่งยาไปยื่นห้องรับยา สายตาสอดส่องหาร่างสูงของพี่เนล ที่ตอนแรกนั่งรอผมอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้หายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว

 

ผมทำได้เพียงนั่งรอมันอยู่อย่างนั้น จนถึงคิวผมรับยามันก็ยังไม่มา เลขคิวค่อยๆรันขึ้นเรื่อยๆจาก 39  เป็น65  ยัน80 ยาวมาที่ 105 ในที่สุดก็เห็นร่างสูงของคนที่ผมรออยู่ เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี ในมือถือกาแฟมาด้วยแก้วหนึ่ง

 

“อ่าว เสร็จแล้วเหรอ” มันถามผมอย่างสบายอารมณ์ ผิดกับคนที่นั่งรอมาร่วมชั่วโมงอย่างผม

“ไปไหนมาเหรอครับ”

 

“คุยโทรศัพท์” มันยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมเดินนำผมไปที่รถคันหรู

 

ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกัน มีแต่พี่เนลที่เปิดเพลงเสียงดัง ร้องเพลงไป เคาะจังหวะกับพวงมาลัยไปด้วย ช่วงที่รถติดไฟแดง ท่าทางอารมณ์ดี ผมก็ได้แต่มองมันเงียบๆไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่ง

 

“อ่าว พี่เนลผิดทางแล้วครับ” ผมเอ่ยบอกกับคนขับรถ เมื่อเห็นว่าทางที่มันขับ เป็นคนละเส้นกับทางที่จะกลับบ้าน

 

“ใครบอกว่ากูจะกลับบ้าน” เจ้าตัวตอบผม สายตายังคงมองถนนอยู่

 

“อ่าวแล้วพี่จะไปไหน”

 

“ไปห้าง”

 

ไปทำไมวะ… ผมเลือกที่จะเก็บคำถามนี้ไว้ในใจ ไม่ถามออกไป จนกระทั่งรถของพี่เนลเคลื่อนมาจอดที่ลานจอดรถ d12 เรียบร้อย เจ้าตัวเดินนำผมเข้าไปในห้าง ก่อนจะพบร่างผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นั่งรออยู่ข้างในก่อนแล้ว เธอหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักมากครับ แต่งตัวก็เรียบร้อย ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่พี่เนลเคยควงมาก

 

เธอวิ่งเข้ามากอดพี่เนล ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้มซ้ายที ขวาที อีกฝ่ายก็ยื่นแก้มรับสัมผัสอย่างเต็มใจ

 

บางทีผมก็คิดนะครับ ว่าทำไมกูมาเห็นภาพอะไรพวกนี้ด้วย

 

“ทำไมถึงปล่อยให้น้ำหวานรอนานจังคะ” เธอทำเสียงกะเง้ากะงอด

 

“ขอโทษนะครับ พอดีต้องพาเพื่อนไปหาหมอก่อน ไม่โกรธพี่ใช่ไหมที่ปล่อยให้รอนาน” พี่เนลเอื้อมมือไปดึงจมูกอีกฝ่ายเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว เธอหันมามองผมพร้อมส่งยิ้มหวานๆให้ ผมจึงยิ้มตอบไปตามมารยาท

 

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่พี่เนลมาหวานก็ดีใจแล้ว” เธอตอบพลางควงแขนคนตัวสูงแน่น เดินนำหน้าไป คุยกันอย่างสนิทสนม โดยไม่สนใจหมาหัวเน่าอย่างผมเลย ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามไปเงียบๆ

 

สองคนนั้นเดินมาหยุดที่ร้านเครื่องสําอางค์เป็นอันดับแรก ร่างเล็กของน้ำหวานเดินเข้าไป ก่อนจะหยิบลิปสติกที่วางหลายเฉดสีขึ้นลองกับมือของพี่เนล จนมือหนาของคนตรงหน้าถูกแต่งสีจนลายไปหมด

 

“งือ หวานเลือกไม่ได้เลยค่ะ” เธอจับมือพี่เนลขึ้นมามองเฉดสีของลิปสติก ที่ถูกตนเองละเลงทาจนแทบไม่เหลือสีเนื้อ “พี่เนลว่าสีไหนเหมาะกับหวานคะ” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มหันไปขอความเห็นจากพี่เนล

 

รู้สึกหงุดหงิดว่ะ ถ้ารู้ว่าจะมาเที่ยวกับผู้หญิง จะขอลงข้างทางโดยไม่ลังเลเลย รู้สึกเป็นส่วนเกินมากครับ เหมือนวิญญาณตามติด ที่มนุษย์ปกติไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นธาตุอากาศที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาโผล่ตรงนี้ทำไม…

 

“พี่เลือกไม่เป็น สีมันเหมือนกันหมด” พี่เนลตอบ พลางหันมาขอความเห็นจากผม “ไอ้ภีม มึงว่าสีไหนเหมาะกับหวาน ช่วยเลือกให้หน่อย” มันยื่นมือหนาของตัวเองมาตรงหน้าผม

 

“ไม่รู้ ดูไม่เป็นเหมือนกัน” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด ตอนตอบมันออกไป

เรื่องแบบนี้ไม่ต้องมาถามผมครับ ดูไม่ออกเหมือนกัน เห็นเป็นสีเดียวกันหมด แดงก็คือแดง ส้มก็คือส้มครับ

 

“งั้นก็เอาหมดนี่แหละ” พี่เนลไม่รอช้า ตอบน้ำหวานออกไป

 

“แต่หลายสีเลยนะคะ”

 

“ไม่เป็นไร พี่มีปัญญาเปย์อยู่แล้ว”

 

“น่ารักที่สุดเลย” มือบางเอื้อมขึ้นไปหยิกแก้มพี่เนลเล่นอย่างถือวิสาสะ “น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้หวานรักได้ยังไงเนี่ย มา ขอหอมที” ร่างสูงโน้มตัวลงมาให้คนตรงหน้าหอมอย่างเต็มใจ

 

เอาเลย หอมกันจนแก้มเปือยไปข้างหนึ่งเลย ตามสบายครับ ในโลกนี้มีแค่คุณสองคน

 

หลังจากช็อปที่ร้านสําอางค์จนพอใจแล้ว สองคนนั้นก็ไปต่อที่ร้านเครื่องประดับ น้ำหวานได้สร้อยข้อมือที่พี่เนลเลือกให้เป็นชั่วโมงมาอันหนึ่ง แหวนคู่อีกสองวง กับของจุกจิกอีกเป็นขบวน

 

ช็อปเยอะขนาดนี้ ถามว่าใครเป็นคนถือ คำตอบคือผมเองครับ โดยให้เหตุผลว่า หวานเป็นผู้หญิง ส่วนตัวมันเองก็ต้องอยู่เลือกของให้เธอ ผมว่างที่สุดจึงต้องรับภาระนี้ไป ..ขอบคุณสำหรับเกียรติอันสูงส่งนี้

 

ต่อจากนั้นก็เดินเข้าร้านเสื้อผ้า น้ำหวานเลือกชุดอยู่นานพอสมควร ผมจึงออกมานั่งรอข้างนอก ปล่อยให้สองคนนั้นได้เลือกชุดกันตามสบาย ไม่อยากอยู่เป็น ก.ข.ค ครับ ขนาดผมออกมาแล้วพี่เนลยังไมรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าไม่มีผมอยู่ในร้านแล้ว เป็นไงล่ะ ไร้ตัวตนขนาดไหนถามใจเธอดู

 

หยิบยาแก้ปวดสองแผงที่พึ่งได้มาแดกประชดชีวิตดีไหม เกลียดอารมณ์แบบนี้มาก

 

ตอนนี้…ผมอยากกลับบ้านแล้ว…

 

“มานั่งทำไมตรงนี้” พี่เนลเดินออกจากร้านมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้น “ปะ ไปเลือกเสื้อผ้า เดี๋ยวกูซื้อให้”

 

“ไม่เอาครับ”

 

“เอาน่า เดี๋ยวชื้อให้ ไม่ชอบของฟรีเหรอ?”

 

“ไม่ชอบครับ” ไม่รู้ว่าตัวเองตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน แต่คงจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน

 

มันยืนมองผมนิ่ง ก่อนจะถามเสียงแข็ง “เป็นอะไร”

 

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”

 

“ถ้าไม่เป็นอะไรก็เข้าไปด้วยกัน กูจะเสื้อชุดให้” มันเอามือมาจับแขนผมให้ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ผมไม่ลุกครับ นั่งตรงนี้อากาศดีกว่าข้างในเยอะเลย

 

“…”

 

“อย่าทำตัวดื้อกับกูนะไอ้ภีม ลุก” เสียงทุ่มต่ำสั่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก

 

“พี่เนลคะ มานี่หน่อย” น้ำหวานเดินออกมาจากหน้าร้าน กวักมือเรียกร่างสูงยิกๆ

 

“คนของพี่เรียกแล้ว ไปเถอะครับ” ผมเอ่ยไล่ มันถึงยอมปล่อยมือ แล้วเดินเข้าไปในร้านทันที โดยไม่คิดหันมามองผมอีก

 

นั่งรอมาเกือบ 2 ชั่วโมง…

แต่ไม่มีวี่แววว่าสองคนนั้นจะออกมาสักที ท้องเริ่มร้อง เลยเดินไปหาอะไรกินตรงฟู้ดคอร์ท ด้วยยอดเงินในกระเป๋ามีจำกัด จึงเลือกกินเมนูที่ถูกสุดอย่างข้างราดแกง มานั่งกินคนเดียวตรงโต๊ะติดกระจก เห็นวิวข้างนอกแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง

 

รับรู้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่าน เมื่อมีใครไม่รู้เอาน้ำเย็นมาแนบกับแก้มผม จึงหันไปมองหน้า

 

“ไอ้เบส..” ผมพึมพำออกมาเสียงเบา ยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นเพื่อนสมัยมัธยม ในเวลาแบบนี้

รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยว่ะ

 

“ไง” มันยกมือทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผม

 

“…”

 

“มาคนเดียวเหรอ”

 

“…”

 

“เจอเพื่อนเก่าไม่เห็นต้องทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นก็ได้นะไอ้ภีม ฮ่าๆ” มันพูดไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข มือข้างหนึ่งเอื้อมมาตบไหล่ผมเบาๆ

 

“แล้วนี่ไอ้ซานไม่มาด้วยเหรอ” มันถามพลางมองซ้ายมองที ขวาที

 

“…” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ก้มลงไปกินข้าวต่อให้ไว จะได้ไปจากตรงนี้สักที

 

“ว้า แย่จัง ถามทำไมไม่ตอบล่ะครับ เป็นใบ้เหรอ?”

มันพยายามพูดยั่ว ผมเลือกทำหูทวนลม ปากยังคงลิมิตเดิม ไม่ต่างจากตอนมัธยมเลย รู้สึกโชคดีที่ได้ต่อยกับมัน

 

“อ้อ! กูมีอะไรให้มึงดู นี่ไง นี่ๆ” มันเอามือเปิดหน้าม้าขึ้น พลางเอานิ้วชี้ตรงรอยสักรูปนกที่อยู่ไม่ห่างจากหัวคิ้วมาก

 

“น่ารักใช่ไหมล่ะ” มันยิ้มระรื่น “กูไปสักมา เพื่อกลบรอยแผลเมื่อ 3 ปีก่อนไง”

รอยยิ้มตรงหน้าค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงแววตาที่เจ็บปวด “แผลที่ไอ้ซานมันเอาไม้หน้าสามมาฟาดใส่กู เพราะปกป้องมึงไง ยังจำได้ไหม”

 

ผมยังจำเรื่องวันนั้นได้ดี ไอ้ซานโดนพักการเรียนไปตั้งหลายวัน… ผมเรียนอย่างโคตรเหงาเลย โชคดีที่เจ้าตัวยังมานั่งเป็นเพื่อนช่วงพักเที่ยง แต่ต้องคอยระแวงไอ้เบสตลอด ว่ามันจะหาเรื่องอะไรมาแกล้งผม

 

ไม่เข้าใจมันจริงๆว่าทำไมถึงเกลียดผมนัก ผมไม่เคยไปทำอะไรให้มันเดือดร้อนเลยนะ ลำพังไอ้เบสคนเดียวผมก็สู้ไหวอยู่หรอก แต่เพราะมันควบตำแหน่งนักเลงหัวโปกหลังห้องเนี่ยแหละ มันถึงมีพรรคพวกเยอะ มีเรื่องแต่ละทีต้องยกโขยงกันไปเป็นฝูง

 

ถ้ามึงไม่เอาพวกมารุมตีกับกู เรื่องวันนั้นมันจะจบที่เราต่างคนต่างเจ็บ…

แล้วมึงจะไม่ได้บาดแผลนั้นจากไอ้ซาน…

 

“มึงจำพี่มะนาวได้ไหม” หัวใจผมกระตุกวูบ เมื่อเจ้าตัวพูดชื่อผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา เป็นชื่อที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ทุกครั้งที่ได้ยิน

 

ความรู้สึกผิดที่ผมทำกับเธอยังเกาะกุมหัวใจไม่หายไปไหน มันยังคงตามเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนผมมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะเข้าไปขอโทษเธอ

 

ภาพสุดท้ายที่เธอเดินมาร้องห่มร้องไห้ น้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด ตะโกนด่าทอผมสารพัด ผมยังจำได้ทุกคำ

 

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้นเหตุก็มาจากไอ้คนตรงหน้าผมเนี่ยแหละ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไอ้ซานผูกใจเจ็บไม่ใช่น้อยเลย

ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาขอให้มันยังไม่เจอไอ้เบสก็พอ…

 

“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ไอ้เบสเอามือขึ้นมาดึงแก้มผมเล่น อย่าหยอกล้อ

 

“…”

 

“ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นไงบ้างเนาะ” มันยังคงพล่ามต่อไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันมาทักวันนี้มีจุดประสงค์อะไร แต่ผมไม่อยากคุยกับมันครับ จึงตักข้าวกินเงียบๆ ปล่อยให้มันพูดไป กินเสร็จสัญญาว่าจะรีบลุกทันที

 

 

“กูเห็นแววตาที่มึงมองพี่เนลนะ ระวังใจไว้เถอะ ถ้าพลาดขึ้นมา คนที่เจ็บหนักก็คือมึง” ผมชะงักมือที่ถือซ้อน เหงยหน้าขึ้นไปมองไอ้เบส เมื่อมันเอ่ยชื่อใครบางคนออกมา ผมไม่เข้าใจสิ่งที่มันต้องการจะสื่อ จึงถามออกไป

 

“ทำไมกูถึงต้องเป็นฝ่ายเจ็บ”

 

“โอ้โห พูดได้แล้วเหรอครับ” มันยกมือขึ้นมาตบแปะๆ ประหนึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ผมยอมพูดกับมัน

 

“…”

 

“จะบอกอะไรให้เอาบุญนะ เพราะเห็นเป็นเพื่อนกัน”

 

“มึงมั่นใจสักกี่เปอร์เซ็นต์ ว่าจะไม่ถูกพี่เนลหลอก”

 

“…” ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ แต่ไม่อยากถามออกไป เดี๋ยวจะโดนมันยั่วจนอารมณ์เสียอีก ถ้ามันอยากพูดเดี๋ยวก็พูดเอง

 

 

“กูรู้จักพี่เขาดี พี่เนลน่ะชอบผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่มีทางหันมาชอบผู้ชายแน่ๆ”

 

“…” ฟังคำนี้แล้วรู้สึกเจ็บแปลกๆ แต่มันก็คือความจริงนั่นแหละ พี่เนลมันไม่ได้เป็นเกย์ แถมยังเป็นเสือผู้หญิงอีก ไม่มีทางที่เสืออย่างมันจะออกล่าผู้ชายด้วยกันหรอก เรื่องนี้ผมเข้าใจดี

 

“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอ ว่ามันมาทำดีกับมึงทำไม”

 

“….” มันไม่ได้ทำดีกับผมครับ ทำตัวเหี้ยใส่ทุกวัน มึงไปเอาข้อมูลนั้นมาจากไหน ล่าสุดก็ทิ้งกูเป็นหมาหัวเน่าอยู่เนี่ย แบบนี้เรียกว่าดีแล้วเหรอ? ตลกสัด!

 

 “พูดลอยๆให้เก็บเอาไปคิดนะ”

 

“…”

 

“อ้อ! เมื่อกี้เห็นพี่มันจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งในห้องลองเสื้อ ร้านxx ด้วย พอดีบังเอิญไปเห็นมา” ไอ้เบสไม่พูดเปล่า ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอปรากฏภาพถ่ายรูปหนึ่งมาให้ผม

 

ในรูปเห็นร่างเล็กของน้ำหวานนั่งบนเก้าอี้ในห้องแต่งตัว มีผ้าม่านบังไว้ แต่ถ้าซูมเข้าไปดีๆ จะเห็นพี่เนลยืนค่อมตัวเธออยู่ และสองคนนั้นก็กำลังจูบกันจริงๆอย่างที่ไอ้เบสว่า

 

เหมือนถูกมีดคมกระหนำแทง หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ เริ่มถูกความเจ็บปวดรวดร้าวเข้าแทนที่อย่างช้าๆ…

 

“เอามาให้ดูเล่น” พูดจบเจ้าตัวก็เดินจากไป โดยทิ้งขวดน้ำไว้เป็นของดูต่างหน้า

 

เอ่อ…อย่างน้อยไอ้เบสก็มีประโยชน์ตรงนี้แหละ กำลังหิวน้ำอยู่พอดี

 

ผมยกขวดน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย สองขาก้าวออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย ในหัวคิดหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้วเป็นฉากๆ รวมถึงเรื่องของใครบางคนที่กำลังช็อปปิ้งอยู่ในห้างนั่นด้วย..

 

รู้สึกแย่ชะมัดเลย ทำไมผมต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้ด้วยวะ เสียเวลามากเลย เสียเวลาที่ต้องทนรอมันอยู่หน้าร้านตั้งนานสองนาน เพื่อรอมันจูบกับคนอื่นเนี่ยนะ เจริญไหมล่ะ

 

ผมเดินออกมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้อยู่ในห้างแล้ว ผมไม่สามารถบังคับให้ตัวเองหยุดเดินได้ สองเท้ายังคงทำหน้าที่ก้าวต่อไปเรื่อยๆ

 

หยาดฝนเริ่มตกลงมา กระทบร่างกายผมจนเปียกชื้น ขอยืนทำ MV ให้กับชีวิตบัดซบที่เกิดขึ้นวันนี้

แต่ก็นั่นแหละครับ หยดฝนสามารถเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย แต่ไม่สามารถชำระล้างความหมองหมนที่อยู่ในใจผมได้

 

น้ำตาที่ทนกลั้นอยู่ ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ทำไม รู้แค่ว่ารู้สึกเจ็บ

เจ็บปวดไปหมด ขาเริ่มล้า จึงทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างคนหมดแรง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินมาไกลถึงไหนแล้ว รู้แค่ว่า.. แถวนี้เงียบ.. ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถผ่าน หรือเสียงฝีเท้าของฝูงชน มีเพียงสายฝนเท่านั้นที่คอยกลอมให้เปลือกตาผมค่อยๆปิดลง

 

 

ว่าแต่

 

ของที่วางทิ้งไว้หน้าร้าน…

 

ปานนี้จะโดนขโมยไปหรือยังนะ…

 

ถ้าพี่เนลออกมาแล้วไม่เจอ

 

คงโกรธผมน่าดู ที่ไม่อยู่รักษาของให้มัน….

 

คงโดนบ่นจนหูชาไปตามระเบียบนั่นแหละ



.

.

.

ขนาดเวลานี้ผมยังคิดถึงแต่เรื่องของมัน รู้สึกสมเพชตัวเองชะมัดเลย


ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สมเพชตัวเองด้วย งื้อ ๆ5555 น่าสงสารอะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :o12: :o12: :o12: หนีลูก หนี



ป.ล. รอตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
มะนาว กับ น้ำฟ้า ?????
รุ้จักกันรึเปล่า
ถึงอยากให้เนลมาแก้แค้นภีม
แต่ลำไยพี่เนลมาก
ทำตัวหวงภีม แต่ก็มั่วกะคนอื่นไปทั่ว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่เนลเอาสักทาง

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เรื่องนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย น่าติดตามมากครับ,,,

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
อิเนลแย่มากอ่ เปลี่ยนพระเอกเลยนะ ขอฝห้กรรมตามสนองนางเนลอย่างสามสม !!!!!!! โมโหหหหหหหห

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อยากจะบอกว่า....เอาตามที่เมิงสบายใจเลยไอ่เนล
อยากจะทำเหี้ยห่าอะไรก็ได้ตามใจเมิงเลย
ก็พระเอกแมร่งงงงง ทำตัวได้เลวทรามชั่วช้าขนาดนี้

เป็นพระเอกของเรื่องที่มีแต่หัวฆวยเท่านั้น
เชี่ยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เนลคะ ตอนก่อนเราพึ่งรู้สึกกับนายดีขึ้น(จึ๋งนึง)เองนะคะ แต่มาตอนนี้...หักคะแนนรัวๆค่ะ!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด