#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)  (อ่าน 90347 ครั้ง)

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
คุณพี่แมฆจะไม่ไปไหนแน่ ถ้าไปจะลากหัวกลับมาให้55555555555

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
Special Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์





วันจันทร์วนมาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทำไมมันแปลกๆ?




ผมมองรอบตัวอย่างงงๆ วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ต้องมาทำงานแล้วรู้สึกแปลกๆครับ ความประหลาดนี่เริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเท้าขวาออกจากห้องเลยครับ คนวันนี้ดูเยอะๆยั้วๆเยี้ยะๆ




ผมเป็นพวกไม่เช็กโซเชียลตอนเช้า คือกว่าจะมาทำงานได้ก็สายแล้วไง ไหนจะกลิ้งไปกลิ้งมาสองสามรอบ ลุกขึ้นมา รีบไปอาบน้ำ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อเอาตัวเองไปให้ทันประชุม ซึ่งผมเห็นคนคึกคักจอจ๊อกจอแจมาตั้งแต่ตรงฟุตบาทข้างถนนใกล้ๆรถไฟฟ้าแล้วครับ ตอนแรกก็นึกว่ามุงดูอะไรกัน พอมองหาที่มานี่แหละชัดเลย




BTS เสียอีกแล้ว มันเสียอีกแล้วแน่ๆ!




ผมเปิดทวิตเตอร์ที่มีไว้ตามข่าว ตามหาร้านอาหารน่าทาน แล้วก็หารีวิวหนังน่าดูใน Netflix แค่นั้น ตอนนี้ผมใช้ประโยชน์สูงสุดจากมันในการตามอ่านแอคออฟฟิศเชียลของรถไฟฟ้ามหานครที่มีไว้บอกว่าตัวเองเสียเมื่อไหร่ (แต่ไม่เคยคืนเงินให้)




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

06.15 น. ระบบอาณัติสัญญาณสถานีสยามขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ได้ช้า
ทีมงานกำลังแก้ไขโดยเร็วที่สุด อาจมีผู้โดยสารสะสมมากบนชานชาลา โปรดระมัดระวังการเข้าออกขบวนรถ




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

06.50 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ ขบวนรถจะล่าช้า 15 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

07.16น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

08.12 น.ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ กำลังทำการแก้ไข ขออภัยในความไม่สะดวก




ผมไล่ทวีตของ BTS จากล่างขึ้นบนครับ ชัดเลย ตอนนี้ 8 โมงครึ่งแล้วครับ ยังซ่อมกันไม่เสร็จเลย ใจนึงก็อยากไปช่วยนะ แต่อีกใจคิดว่าผมไปทำงานทางอื่นดีกว่า




เมื่อคิดได้ดังนั้นเลยรีบเปิดอแอพ Grab เลยครับ ใช้จนตอนนี้เป็น Platinum แล้วครับ คิดดูละกันว่าชีวิตผมทุกวันนี้ต้องพึ่งพาแอพเรียกรถแท็กซี่ที่ไม่ปฏิเสธหรือปิดมิตเตอร์ใส่ (เรียกแท็กซี่สิบคัน ได้ขึ้นหนึ่งครั้งถือว่ามีบุญครับ) ทุกคนส่งรถกันหมดครับน่าเห็นใจ ผมเลยต้องใช้ Grab--- นี่มันอะไรวะ!!




JustGrab

THB 4xx

Fares are higher due to high demand 




เกินราคาปกติมาสองเท่า ฮือ บ้าไปแล้วนี่มันสิ้นเดือนนะเว้ย!!!!!!!




หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยตัดสินใจยืนถอนหายใจอยู่ที่ป้ายรถเมล์ วันนี้ต้องไปทำงานสายอีกแน่ๆเลยครับ ตอนที่กำลังจะไลน์ไปบอกคุณกฤติในกลุ่ม Sale Co Team นั้น ไลน์ก็เด้งขึ้นมาพอดี




Mek: *ส่งสติกเกอร์*




นิ้วนี่เปลี่ยนทางเลยครับ ผมกดโทรหาคุณพี่เมฆทันที แล้วเขาก็รับสายผมทันทีด้วยเหมือนกัน ฮือ ผมจะร้องไห้




“ครับ? แทนใจ??”

“คุณพี่เมฆครับ อยากทานโจ๊กมั้ย?”

“... ห๊ะ?”

“มารับผมหน่อยนะ เดี๋ยวผมเลี้ยงโจ๊กหม้อดิน เอาไว้กินกับกาแฟไงครับ”




แล้วครึ่งชั่วโมงถัดมา ผมกับโจ๊กหม้อดินใส่ไข่เพิ่มหมูสับสองถุงก็มานั่งกันอยู่บนรถของผู้สนับสนุนคาเฟอีนหลักในชีวิตผมครับ คุณพี่เมฆคนเดียวคนเดิมนั่นเอง




“ขอบคุณนะครับที่มารับ”

“ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก” คุณพี่เมฆหันมายิ้มให้ “มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ”

“โทรไปยืมเงินก็ได้ใช่มั้ยครับ?”

“ถ้าไม่ใช่สิ้นเดือนก็โทรมาเถอะ”

“แต่นี่สิ้นเดือนนะ”

“งั้นเราโทรมาก็ได้ พี่มีแต่ใจ ให้เรากินแทนข้าวไปก่อนนะ”




ผมหัวเราะเมื่อเขาเล่นมุกอะไรก็ไม่รู้ไม่เข้ากับหน้าครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพี่เมฆเล่นมุกหน้าตายก็จริง แต่วันนี้หน้าเขาแบบ เหมือนคนที่เศร้าสร้อยอะครับ หรือว่าเขาเสียใจที่วันนี้ BTS เสีย? ผมว่าไม่น่าใช่ หรือว่าเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์? แต่เมื่อเจ็ดวันที่แล้วมันก็เป็นวันจันทร์นะ คุณพี่เมฆก็ไม่เห็นจะดูเหี่ยวขนาดนี้




หรือติ๊กต่อกลืมรดน้ำเจ้าของ? อันนี้ไม่ใช่แล้ว ผมว่าช่วงนี้น่าจะดูหนังเยอะเกินไปหน่อย แต่ไม่ให้ดูเลยก็ใช้ชีวิตไม่ได้อะครับ แค่รับมือกับงานก็แย่แล้ว ชีวิตต้องมีอะไรมาเอนเตอร์เทนบ้าง




“วันนี้คุณพี่เมฆดูเงียบๆนะครับ”




ผมพูดขึ้นมาเมื่อเรามาถึงที่ทำงานด้วยเวลาไม่นาน คิดถูกจริงๆที่ซื้อเวลาด้วยโจ๊กหม้อดิน (ถึงแม้จะรบกวนคุณพี่เมฆไปหน่อยก็เถอะ) เนี่ย ผมถึงที่ทำงานแล้ว มันก็ยังไม่หายขัดข้อง




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

08.40 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง  กำลังทำการแก้ไข ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วเดินตามคุณพี่เมฆเข้ามาที่แพนทรี่ เรามานั่งทานข้าวกันก่อนจะแยกย้ายไปทำงาน ผมเพิ่งรู้ตอนมาถึงที่ทำงานว่าคุณกฤติเลื่อนประชุมเป็นพรุ่งนี้แทน เพราะคนที่มาสายเยอะมาก พวกบ้านอยู่ติด BTS นี่ปั่นป่วนกันหมดครับ ผมด้วยเช่นกัน



พูดแล้วก็หันไปขอบคุณคุณพี่เมฆอีกที ถ้าไม่ได้เขานี่ผมลางานเช้าแล้วอะ ไม่มาแน่นอน บายครับ บายบ๊ายบาย




“สวัสดีครับคุณโน้ต คุณกฤติ”




ผมยกมือไหว้คุณกฤติกับคุณโน้ตมาเลเซียที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร ทั้งสองคนรับไหว้ครับ คุณกฤติยิ้มให้ผมเหมือนปกติ ส่วนคุณโน้ตเองก็รับไหว้นิดหน่อย แล้วหันไปคุยกับคุณพี่เมฆแทน




“คุณได้ดูเมื่อคืนมั้ย?”

“ … อย่าพูดถึงมันพี่ ผมนี่โคตรเจ็บ”

“สองศูนย์เต็มๆ”

คุณโน้ตถอนหายใจ ผมมองซ้ายมองขวาทีอย่างไม่เข้าใจ พอหันไปหาคุณกฤติเขาก็ยักไหล่กลอกตาเหมือนกับว่าสองคนนั้นคุยเรื่องน่าเบื่อ

“แม่งเว้นไว้ทำไมไม่รู้ตรงนั้น โหแม่ง ถามจริงๆ”

“ก็มันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว โกลเกาหลีเหนียวไป”

“ตกตั้งแต่รอบแรก ผมนี่แม่ง… “




จนทานข้าวเสร็จผมก็ไม่รู้อะไรครับ ไม่มีใครหันมาเฉลยผมเลย ขนาดคุณพี่เมฆที่หันมาเห็นผมมองหน้าเขาอยู่ก็แค่ลูบหัวเฉยๆอะ ไม่เอาลูบหัว เอาเลือกตั้ง!




ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่หยุดแปลกครับ




From: Mr. Kim, Sub Jang

Thank you so much for your help. Have a nice day.




อันนี้เป็นเมลจากเพื่อนร่วมงานที่ประเทศเกาหลี (ผมต้องซัพพอร์ตทั้งลูกค้า กับเพื่อนร่วมงานต่างประเทศ ซึ่งประสาทพอๆกัน) วันนี้มาเหนือมากครับ งานไม่กดดันเลย ปกตินี่เร่งยิกๆๆๆๆ อะไรวะเนี่ย แปลกมาก หรือทุกอย่างเสียตาม BTS ไปตั้งแต่เช้าแล้ว




From: Park, Chan Cha-la

Dear Kraikiratikulchai Tanjai,

Good Morning. Please update this soon. Thank you for your help to us as always!




วันนี้มี thank you for your help to us as always ด้วย ปกติป๊ากๆนี่ไม่มีหรอกครับอะไรแบบนี้ มาถึงก็ใส่ตัวแดงตัวหนาขนาด 72 เร่งยิกๆๆ จะเอาตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้ หนทหนหนยหยนหยหยอหอนห่อย ตลอดเวลา มาแบบนิ่มนวลชวนงงแนี่เป็นครั้งแรกเลยครับ




ประหลาดจริงๆ ให้ตายเถอะ

ผมนั่งทำงานไปสลับกับเล่นมือถือไปด้วย ทุกคนยังคงด่า BTS อย่างเมามันครับ ซึ่งตอนนั้นผมเริ่มขมวดคิ้วแล้ว จนงานผมเริ่มซาแล้วนะ BTS มันควรจะใช้ได้แล้วสิ โอ๊ะ! มีทวีตใหม่!!




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

10.03 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว การเดินรถกลับสู่สภาวะปกติ




นี่ก็ยังไม่หายเสียอีก เอาเข้าไป! ระหว่าง BTS หายเสียรายวันกับเราจะได้เลือกตั้งนี่ผมไม่รู้ว่าอะไรจะมาถึงก่อนกันเลยจริงๆนะ เลือกยากมากครับ ชีวิตทุกวันนี้




“แทนใจ ไปกันครับ”

“โอเคครับ”




ผมหันไปยิ้มให้คนที่เดินมาแตะไหล่เบาๆครับ วันนี้คุณพี่เมฆมาเงียบๆ ซึ่งผมก็ลุกตามเขาออกไปเงียบๆโดยไม่ต้องพูดอะไรเยอะแยะครับ ก็รู้อยู่แล้วว่ามาชวนกินกาแฟ วันนี้ผมว่างมากพอดี ไปพร้อมเขาเองได้โดยไม่ต้องเรียกหลายรอบครับ ของฟรีแทนใจไม่เคยเล่นตัว




เชื่อผมมั้ยล่ะ ว่าจนกินกาแฟเสร็จแล้ว BTS ก็ยังไม่หายเสีย




.

.

.




พูดเล่นๆ ไม่ต้องจริงขนาดนี้ก็ได้!




ผมถอนหายใจเมื่อไถทวิตเตอร์แล้วเจอทวิตอัปเดตสถานการณ์ปัจจุบันของหนูด่วนที่เดินเหมือนเต่าคลานในวันนี้




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

15.40 เนื่องจากระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง ในสายสุขุมวิท และ สายสีลม ส่งผลกระทบให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางล่าช้าประมาณ 10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก




เนี่ย!! จนผมลงมากินกาแฟแก้วที่สองกับคุณพี่เมฆในช่วงบ่ายแล้ว BTS ก็ยังไม่หายเสียอีก บ้าไปแล้วครับ 




“วันนี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูเงียบๆ”




ผมเปิดฉากขึ้นมาเมื่อเรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำตรงร้านกาแฟร้านเดิมที่ลงมานั่งกันทุกวันจนนเริ่มคิดว่าผมควรเก็บเงินซื้อที่ดินที่แรก คือโต๊ะตัวนี้แหละครับ เมตรคูณเมตรพอ ขอเอาไว้นั่งกินกาแฟได้เช้าสายบ่ายเย็นเป็นโอเค




“พี่แค่หงุดหงิดน่ะ เรื่องบอล”

“อ๋อ”




พอเข้าใจได้ ผมเห็นทั้งทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค พูดถึงเรื่องนี้เยอะมากเลยครับ นี่มันเป็นช่วงบอลโลก คนจะอินเยอะก็ไม่แปลก




“เราไม่ได้ดูเลยเหรอ?”

“ไม่อะ”

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ บ้านผมนี่ไม่มีใครดูบอลเลยครับ ทั้งสามคนพี่น้อง พ่อกับแม่ก็ไม่ดูทั้งคู่ พ่อผมถ้าดูก็คงดูพวกกอล์ฟล่ะทั้ง ผมแยกกับพ่อตั้งแต่เด็กๆเลยไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ส่วนแม่ผมนี่กีฬาอย่างเดียวที่ดูคือกีฬาสีพวกผมสมัยประถม

“คุณพี่เมฆชอบดูเหรอครับ?”

“ดูสิ ดูตลอดอะ”

“เมื่อคืนมีบอลมั้ยครับ?”

“มีดิ” พี่เขาพูดขึ้น ท่าทางเหมือนถูกรดน้ำเล็กน้อย คุณพี่เมฆที่ห่อเหี่ยวเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาเมื่อได้พูดสิ่งที่ชอบ  “ยิ่งเมื่อคืนยิ่งต้องดู เยอรมันพี่แข่งกับเกาหลี  สุดท้ายเป็นไง แพ้ยับ ทุเรศมาก พี่นี่ไม่รู้จะสงสารหรืออายแทนนอยเออร์ดี”



อะไรคือนอยเอ้อวะ?




“ดีจังเลยๆ ท่าทางจะแข่งกันมัน”

“... ก็ดีครับ ประตูนี่โล่งเลย”



คุณพี่เมฆพูดแค่นั้น แล้วพวกเราก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องดินฟ้าอากาศแล้วก็เรื่องงานแทน เขาดูยิ้มแห้งๆเมื่อผมบอกว่าลูกค้าเกาหลีของผมส่งนั่นนี่มาให้เหมือนกับพวกนั้นอารมณ์ดีนึกคึกอะไรขึ้นมากัน



พวกผมนั่งกับพักเดียวก็กลับขึ้นออฟฟิศไปทำงานต่อครับ พอช่วงบ่ายผมลืมไปว่าตัวเองต้องมานั่งเคลียร์งานในส่วนของซุกซนด้วย ซึ่งวันนี้ญี่ปุ่นไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนเกาหลี ดังนั้นผมนี่รับเละเลยครับ เหมือนเต้าหู้ไข่ที่ถูกสับด้วยครกหินยักษ์เลยครับ เละตุ้มเป๊ะ



“แทนใจ กลับด้วยกันมั้ยครับ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“กลับก่อนเลยครับ ขอบคุณมากๆ ผมน่าจะอีกสักพักเลย”




ผมยิ้มรับคำอบของคุณพี่เมฆที่เดินมาถามเหมือนกับทุกครั้งในช่วงหลัง ส่วนใหญ่ผมปฏิเสธไปเพราะว่าเกรงใจเขาครับ และเกือบทุกครั้งคือไม่สำเร็จ คุณพี่เมฆเห้นแบบนี้ดื้อมากครับ




“เย็นนี้เราไปไหนมั้ย?”

“ไม่อะ แค่เคลียร์งานอย่างเดียวครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่รอจนเราเสร็จงาน”

“ได้ไง” ผมหันไปแย้งกับคนที่ถือวิสาสะลงมานั่งที่เก้าอี้ของซุกซนข้างๆผม “กลับไปก่อนเลยครับ ไม่ต้องรอผมๆ”

“แล้วเราจะกลับยังไง แกร๊บอีกเหรอ? ไม่ต้องเรียกแล้วครับ มากับพี่ก็ได้ พี่ก็มีรถนะ”

“ผมคงกลับ BTS อะ”




ถ้ามันหายเสียแล้วน่ะนะ


พูดแล้วก็ไม่แน่ใจชีวิต ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กทวิตเตอร์ ซึ่งก็ต้องถอนหายใจเมื่ออ่านจบ




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

19.00 เนื่องจากระบบอาณัติสัญญาณขัดข้องในสายสุขุมวิท และสายสีลม กำลังทำการแก้ไข ส่งผลกระทบให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางล่าช้าประมาณ 15 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



ซื้อหวยไม่เคยถูกแบบนี้เลย บ้าเอ๊ย ใช้เวลาซ่อมนานประมาณเดินจากเชียงใหม่ไปยะลาสามรอบแล้วแวะวิ่งวนรอบบางหว้า BTS ยังมาไม่ถึงเลยครับ



โอ๊ย จะได้กลับมั้ยเนี่ยบ้านเนี่ย!




“ทำไมหน้าหงิกล่ะ เปลี่ยนสีหน้าไวเกินไปป้ะเนี่ยเรา”

“BTS ยังซ่อมไม่เสร็จเลยครับ”

“ยังอีกเหรอ?”




คุณพี่เมฆทวนคำผมอย่างไม่เชื่อ พอผมเอาทวีตให้ดูเขาเลยเหมือนจะเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้าง เข้าตัวถอนหายใจแล้วเอนตัวอยู่ในท่าสบาย




“งั้นเดี๋ยวพี่รออยู่เป็นเพื่อนจนกว่า BTS จะหายขัดข้อง โอเคมั้ยครับ?”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่--”

“ห้ามขัด”

“แต่---”

“ดื้อ พี่บอกจะอยู่ไง”

“พี่ก็ดื้ออะ”




พวกผมพูดกันแค่นั้น สุดท้ายแล้วผมก็ต้องก้มหน้ากลับไปทำงานต่ออยู่ดี ปฏิเสธผู้ชายคนนี้ไม่เคยชนะเลยครับ เก่งเกินไปในเรื่องอะไรแบบนี้


ให้ตาย แล้วแบบนี้เขาจะได้กลับบ้านกี่โมงกัน!




“เอ๊า ยังอยู่กันอีกเหรอเนี่ย?”



ผมสะดุ้งมองไปด้านหลัง เห็นกลุ่มชมพูทวีปทีมเดินเข้ามาพร้อมกับถุงเซเว่นใหญ่ๆสามสี่ถุงครับ พอถามไปถามมาเลยรู้ว่าพวกนั้นก็กลับไม่ได้เพราะบีทีเอสเสียครับ เลยมานั่งตั้งตี้พิซซ่ากันอยู่ที่นี่แทน (ซึ่งพิซซ่านั่นคุณกฤติสั่งให้ครับ เพราะเขาเองก็ยังไม่กลับเหมือนกัน ผมเพิ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าคุณกฤติปกติกลับดึกมาก แกปิดห้องเงียบเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้ไปส่องดูว่าเขายังนั่งทำงานอยู่ในนั้น… หรือเปล่านะ?)




“มาๆ น้องเมฆน้องแทนใจ มานั่งกินถั่วรอพิซซ่ากันก่อนดีกว่า”




คุณนุ่นฟิลิปปินส์เป็นคนชวนพร้อมแกะถุงโก๋แก่ครับ แกเล่าให้ฟังว่านอกจากพวกเราแล้ว ชั้นบนๆก็ยังไม่กลับกันเยอะ เพราะคนที่กลับไปก่อนอย่างคุณณีเลขาคุณกฤติไปติดแหง่กอยู่บนบีทีเอสครับ ออกไม่ได้ อยู่กองกับคนอีกหลายสิบเลยครับตอนนี้




สนับสนุนให้คนไทยได้ใช้เวลาร่วมกันมากๆ นี่แหละครับ ชีวิตดีๆที่กรุงเทพมหานคร




“ไหนๆๆๆๆ ใครมีอาหารบ้าง?”

“คุณเบิร์ด สวัสดีครับ”

“น้องแทนใจของพี่เบิร์ดดดดดดดด ขนาดไม่ได้เจอตั้งหลายวันยังน่ารักตะมุตะมิเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย”




ผมหัวเราะขำเมื่อคุณเบิร์ดเพื่อนคุณพี่เมฆที่มั่นใจว่าตัวเองหล่อในแบบตี๋ๆ เดินมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วทำท่าจะมากอดผม แต่โดนคุณพี่เมฆผลักออกแรงมากเลยครับ ที่ขำคือเพราะชมพูทวีปทีมเขาขำกัน ตลกดีครับ หน้าเขาฮามากเลย เหมือนกับพวกตัวตลกในหนังฮีโร่ที่มาเพื่อเล่นมุกอย่างเดียวเท่านั้น




“โอ๊ย เชี่ยเมฆ ถนอมกูมั่งก็ได้”

“มึงชื่อแทนใจหรือเปล่าล่ะ? กูว่าไม่ใช่นะ”

“น่อวววววววววววววว์”




เสียงโฮ่ดังขึ้นมารอบวงครับ ทั้งที่เป็นวงเล็กๆมีกันอยู่ไม่กี่คนแต่ทุกคนพร้อมใจกันโฮ่ แล้วในจุดนี้ผมทำอะไรได้นอกจากพยายามเอามือลูบแก้มตัวเองไม่ให้มันแดงมากครับ อะไรเนี่ย ฮื่อ



“เขินก็อย่าปิดแก้มครับ”

“นั่นไงครับ เมฆ สิทธิกรเบอร์ยี่สิบเก้า เลี้ยงลูกเข้ามาแล้วครับ!!! กองหน้าครับ!!! มาจังหวะนี้ครับ!!! บุกแหลกครับ ยิงหลุนๆมาเลยครับ มาแล้วครับมาแล้ว แล้วแทงทะลุยิงเข้าไปเลยครับ!!!! โอโห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กองเชียร์นี่เชียร์กันมันเลยครับ ตอนนี้เมฆ สิทธิกรทำประตูไปได้ 1 ประตูต่อ 0 เรียบร้อยแล้วนะครับ”



“นี่เมื่อคืนมึงดูบอลจนเป็นบ้าเหรอ?”




คุณเมฆถามเพื่อนคนหล่อในแบบตี๋ๆของตัวเองอย่างขำๆ หน้าเขายิ้มนะครับแต่เป็นยิ้มแบบขำอะ ไม่ใช่แค่คุณพี่เมฆนะผมก็ขำ คนอื่นก็ขำกัน ฮือ บ้าไปแล้ว ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ย




“จัดว่ายิงได้ดีนะครับ แหม่ อย่างว่าแหละนะครับ เมื่อคืนนี้แพ้ไปแล้วสองประตู”

“นั่นเยอรมันไม่ใช่กูมั้ย”

“ซึ่งผมขอบคุณมากนะครับ แม็กซิโกขอองผมได้เข้ารอบเพราะเยอรมันเลยจริงๆ แหม่”

“กูว่ามึงเริ่มอยากตายแล้ว”




ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วครับว่าสองคนนี้เขาเป็นเพื่อนรักกัน หรือที่จริงแล้วแอบเกลียดกันอยู่ลึกๆกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงสุดท้ายแล้ว ทั้งผมแล้วก็กองคนที่เหลือทั้งหมดก็ล้อมวงกินพิซซ่าเพราะกลับบ้านไม่ได้กันอยู่ดีครับ




“มาร้องเพลงกันมั้ย? ไหนๆใครเล่นกีตาร์เป็นบ้าง?”




คุณฝนอินเดียหยิบกีตาร์จากโต๊ะคุณเชนประเทศไทยออกมาถือ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเชนที่ดูวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันจะมีกีตาร์โปร่งอยู่ใต้โต๊ะด้วย โลกนี้ยังมีอะไรให้สำรวจอีกเยอะจริงๆครับ




“มาๆ เดี๋ยวผมเล่นเอง”

“กรี๊ดดดด น้องเมฆ หล่อมากค่า”




คุณพี่เมฆยิ้มเมื่อตัวเองยกมืออาสาเล่นกีตาร์แล้วพวกผู้หญิงกรี๊ดกันครับ ผมนี่ยืนมองอย่างทึ่งๆ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรไม่เป็นบ้างครับเนี่ย?




“เอาเพลงอะไรดี?”

“เอาเพลง เรื่องที่เธอแพ้เกาหลีใต้เมื่อคืนนั้น ฉันจะคิดว่าฝันไป”

“กูว่ามึงไม่ต้องกลับบ้านแล้วแหละเบิร์ด นอนตายอยู่ตรงนี้ก็ดีนะ”




พวกเขาล้อเล่นกันขำๆแล้วก็เริ่มร้องเพลงกันครับ ผมก็นั่งกินไปด้วยตบมือเปาะแปะตามไปด้วย เพราะบีทีเอสเสียในวันนี้ผมเลยรู้อะไรเกี่ยวกับคุณพี่เมฆเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ ถ้านับเป็นข้อดีก็คงได้ละมั้ง




ขอบคุณที่ BTS เสียในวันจันทร์นี้นะ แต่วันจันทร์หน้าไม่ต้องแล้วก็ได้นะ พอแล้วววววววว






------- Ending -------
[/b]









เอาตอนพิเศษมาเซ่นเนื่องจากหายไปนานนะคะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ



จบนี่คือแค่ตอนนี้นะคะ เรื่องหลักยังติดอยู่บนบีทีเอสค่ะ #ช่วยน้องด้วยนะคะ

เอามาเปลี่ยนบีทีเอสเสียให้เป็นโอกาสกันดีกว่า เสียนักใช่มั้ย ได้! แต่งนิยายเลยละกัน 55555


เจอกันเร็วๆนี้นะคะ



Babybaphomet


ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แทนใจไม่เคลียร์น้องกายเหรอ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
แทนใจไม่เคลียร์น้องกายเหรอ

เคลียร์ค่า แต่ว่าอันนี้เป็นแค่ตอนพิเศษที่แยกมาเฉยๆ เลยยังไม่ได้เคลียร์น้า

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
13th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 

ผมรักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์นี้ผมได้หยุด

10.14 น.

ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบโมงกว่าอย่างเหนือๆ คือถ้าเป็นปกติป่านนี้ผมต้องออกจากห้องประชุมดด้วยสภาพสโหลสะเหล แต่วันนี้คือรอดครับ ขอบคุณประเทศไทยที่มีวันหยุดเยอะขนาดนี้ โดยเฉพาะที่หยุดตรงกับวันจันทร์เนี่ย ผมรักมากเลยจริงๆนะครับ

สำหรับผม การเริ่มทำงานวันอังคารไม่แย่เท่าวันจันทร์นะ ถึงมันจะงานเหมือนๆกัน (แถมบางทีหนักกว่าเพราะดับเบิ้ลของวันจันทร์มาด้วย) แต่ก็ยังไม่รู้สึกขี้เกียจเท่าเลยครับ

เพราะวันจันทร์ มันคือวันจันทร์นั่นแหละ!

ที่ผมตื่นสาย ขี้เกียจทำงาน ที่ซุกซนลาออกไปแต่งงาน ที่สายชาร์จโทรศัพท์ผมพังเร็ว ที่น้ำแข็งละลายทันทีที่ออกจากตู้เย็น ที่วินมอเตอร์ไซต์กับแกร็บไบค์ทะเลาะกัน ที่ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนเต่า

ที่โลกเราร้อน
ที่ BTS ก็เสียนะ ซ่อมแล้วด้วยนะ แต่ไม่หายสักที
ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งของโลกใบนี้ไม่ได้เลือกตั้งสักที 

ทั้งหมดเป็นความผิดของวันจันทร์ทั้งนั้นแหละ!

กรุงโรมไม่ได้สร้างในคืนเดียว ความเกลียดวันจันทร์ของผมก็เช่นกัน ผมอัดอั้นมาตั้งแต่อนุบาลแล้วครับ ร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องตื่นไปเรียน พอประถมก็ร้องไห้น้อยลงมาหน่อยเปลี่ยนเป็นงอแง(แล้วก็โดนพี่แทนรักดุ) พอมัธยมทำอะไรไม่ได้เพราะการบ้านเยอะครับ ขาดวันนึงหมายถึงตามงานจนชีวิตดับสิ้น

 พอมหาลัยฯ ผมสามารถจัดตารางเรียนเองได้ ก็พยายามเลือกวิชาที่มันไม่ต้องเรียนวันจันทร์ครับ ปีหนึ่งเทอมหนึ่งทุกคนลงวิชาดูหนังเก็บเกรด ผมไม่เรียนเพราะมันเรียนวันจันทร์ สรุปเพื่อนทั้งในคณะ นอกคณะ กับทุกคนบนโลก ได้ A หมดเลย ยกเว้นผม ไปลงจิตวิทยาเบื้องต้น จบด้วยการถอนทิ้งเพราะอ่านมิดเทอมไม่ไหวครับ

เนี่ยวันจันทร์ทั้งนั้น ความผิดวันจันทร์หมดเลย! คอยดูนะถ้าผมได้เป็นนายกที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างแรกที่จะทำก็-----

‘ปิ้งป่อง’

หือ?

ใครอะ?

ผมกอดผ้านุ่มแล้วมองไปทางประตูอย่างไม่แน่ใจ ปกติแล้วถ้านิติฯหอผมนี่ไม่ค่อยเดินมาหาที่ห้องหรอกครับ ใบเสร็จต่างๆก็อยู่ในตู้ของแต่ละห้องด้านล่าง เอ๊ะ หรือว่าคนข้างห้องจะมาขอซื้อมาม่าวะ? แต่ว่าวันนี้เซเว่นก็ไม่ได้ปิดนี่นา หรือว่าเขาจะชวนไปประท้วงเรื่องมิตเตอร์ค่าไฟไม่เป็นธรรม

‘ปิ้งป่องๆ’

ผมสะดุ้งเมื่อมัวแต่ประมวลผลจนคนหน้าประตูกดกริ่งซ้ำอีกรอบ เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูโดยไม่ได้คิดจะมองตาแมวก่อนว่าใครมา พูดก็พูดเถอะ ผมไม่เคยมองเลยครับ ติดมาจากสมัยอยู่หอ ตอนนั้นมีแค่เพื่อนที่มาห้องผม พอมาทำงานก็จะเป็นแค่ครอบครัวที่นานน๊านทีจะมาหาสักครั้ง กับน้องแทนกายนี่ผมมักจะไปห้องน้องมากกว่า

“คุณพี่เมฆ???”

เสียงอุทานอย่างตกใจของผมคงทำให้อีกคนตกใจเหมือนกัน คุณพี่เมฆที่ผมไม่รู้ว่าวาร์ปมาที่นี่ทำไมก็ทำหน้างงที่เจอผมเหมือนกัน เขางงอะไรวะ? นี่ห้องผมหรือเปล่า คิดว่าคนที่เปิดประตูมาจะเป็นญาญ่าหรือไง

“มาไมง่ะ?”
“เรายังไม่อาบน้ำอีกเหรอ?”

ผู้มาใหม่ตอบคำถามผมด้วยคำถาม ซึ่งผมก็ไม่น้อยหน้าครับ ถามเขากลับด้วยคำถามเหมือนกัน

“หา?” ผมกะพริบตามองหน้าเขางงๆ ในขณะที่ก็หลบให้เขาเข้ามาในห้องแบบงงๆเช่นเดียวกัน “แล้วทำไมผมต้องอาบน้ำด้วยอะ?”

มันคงเป็นคำถามที่ดูค่อนข้างสิ้นคิด เพราะคุณเมฆมองผมเหมือนกับว่าผมพูดอะไรผิดไปมากๆ

“นี่กี่โมงแล้วครับ?”
“ตอนนี้น่าจะยังไม่สิบเอ็ดโมงนะครับ”
“เรานัดกันกี่โมงครับ?”

“เรา… นัดกันด้วยเหรอครับ?”

เกิดเดดแอร์ขึ้นในห้องผมครับ

ในห้องมีผมในสภาพที่พึ่งตื่นกำลังนอนกลิ้งอยู่กับผ้านุ่มและเตียงเน่าอย่างสนุกสนาน หน้าม้าเปิดจนหน้าผากผมมองเห็นตั้งแต่เชียงใหม่ทั้งที่ยืนอยู่ในกรุงเทพฯ ยืนจ้องหน้ากับคุณพี่เมฆ ผู้ที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงผ้าแล้วก็รองเท้าสนีกเกอร์

เอาจริงค่อนข้างแปลกตาครับ เพราะปกติอยู่ในออฟฟิศคุณพี่เมฆจะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงสแลครองเท้าหนังแบบเป็นทางการน่ะครับ แต่ตอนนี้ดูเด็กลงไปอีก แบบ เป็นผู้ใหญ่นะ แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ดูไม่แก่อะครับ แถมยังเท่มาก ดูดีเหมือนมีสไตล์ลิตส์ช่วยดูให้ก่อนออกจากบ้าน 

พอหันกลับมามองตัวเองแล้วจะร้องไห้ โอ๊ย ขอเวลานอกไปล้างหน้าก่อนได้มั้ย ฟันยังไม่ได้แปรงเลยเนี่ย เจ้าชายกับยาจกที่แท้จริง

“แทนใจจะเทนัดพี่เหรอครับ?”

ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าคุณพี่เมฆดูมีความน่ากลัวแปลกๆ

“ไม่ๆ ผมไม่ได้จะเท” ผมตอบไปตามที่คิด พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือปฏิเสธไปด้วย “ผมแค่งงว่าเรามีนัดกันด้วยเหรอครับ? วันนี้วันหยุดนะ”
“...”

เดดแอร์อีกแล้วอะ ไม่ชอบเลย แต่จะขอเวลานอกไปเปิด EDM ก็ดูเหมือนจะทำลายบรรยากาศไปหน่อย งั้นขอเปิด BNK48 ก็ได้

“เรานัดกันไว้ไงครับ ตอน 11 โมง”

เป็นคุณพี่เมฆที่พูดออกมาในที่สุด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอแชทระหว่างผมกับเขาโชว์ให้ดู ตั้งแต่เหตุการณ์เศร้าสร้อยแต่เฟรนช์ฟรายอร่อยเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว คุณพี่เมฆก็ทักแชทกับคอล (หรือบางครั้งก็โทร วิดีโอคอล แล้วแต่ครับ) มาหาผมทุกวัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากให้ผมเหงา

มันก็… ช่วยได้ค่อนข้างเยอะจริงๆแหละนะ

บางครั้งแค่ข้อความเล็กๆน้อยๆที่แสดงความใส่ใจ หรือเวลาที่เขาแชร์เรื่องตลกที่เจอให้ผมได้รับรู้ในแต่ละวันมันทำให้รู้สึกอุ่นๆข้างใน ฮื่อ พูดไม่ถูก แต่มันดีมากๆเลย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น!

11:30 p.m.

Mek: แทนใจ พรุ่งนี้เราว่างมั้ย?
Tanjai: งืม
Mek: ไปดูหนังกันนะ พี่ไม่ได้ดูหนังมาตั้งนานแล้ว
Mek: อยู่แต่หน้าไซต์ เจอแต่ลูกค้า อยากเจอคนอื่นบ้าง
Tanjai: งืม
Mek: โอเค งั้นพี่ไปรับนะครับ สักที่โมงดี
Mek: สิบเอ็ดโมง? โอเคมั้ยครับ?
Tanjai: งืม
Mek: โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะครับ
Tanjai: งืม

ผมเบิกตากว้างกว่าระยะห่างระหว่างไทยกับลอนดอน เฮ้ย! ใครพิมพ์!! ผมจำได้ว่าผมนอนกลิ้งดู ‘อั๊กเกรทซึโกะ’ การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งจบถึงตอนที่ห้า แล้วผมก็ไม่รับรู้โลกอีกเลย ตอนตื่นมาคือทีวีปิดไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วไฟปิดตอนไหนก็ไม่รู้

แล้วผมไลน์นัดไปดูหนังกับคุณพี่เมฆได้ไงอะ!!

ซึ่งพอผมกลับมาเช็กในมือถือตัวเองก็มีข้อความแบบเดียวกันปรากฏอยู่ อะไรอะ! ผมละเมอตอบตกลงไปดูหนังกับเขาได้ไงง่ะ

“ตอนแรกพี่นึกว่าเราจะเท” คุณพี่เมฆเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา ในขณะที่ผมกำลังไล่มองไลน์อย่างงงๆ “แต่พอมาเห็นแบบนี้ พี่ว่าเราน่าจะอ๊องตามปกตินั่นแหละ”

ความอ๊องนี่เป็นปกติได้ด้วยเหรอ?

“เรารีบไปล้างหน้าล้างตาก่อนละกัน” คุณพี่เมฆพูดแล้วเอามือมาคว้าแก้มผม นี่ก็ชอบจับจังเลย ตัดเอาไปเล่นที่บ้านเลยมั้ย คิดค่าเช่านะ ขอมัดจำล่วงหน้าด้วยสามเดือน
“ดูสิเนี่ยหน้าบวมแก้มย้อยกว่าเดิมอีก”
“อ่าอึงอิ!” (อย่าดึงดิ)

เขาดึงแก้มผมไม่แรงแต่ก็ไม่ได้เบานัก เราเลยสู้กันนิดหน่อย ผมก็ตีเขาเพี๊ยะๆจนคุณพี่เมฆยอมแพ้ไปเอง แล้วก็รีบวิ่งไปอาบน้ำเมื่อเห็นว่าตอนนี้มันเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ใกล้ถึงเวลานัดที่ผมละเมอตกลงแล้ว!

   ผมใช้เวลาแค่สิบนาทีในการอาบน้ำจัดการตัวเอง (รวมสระผมด้วย ตอนแรกว่าจะไม่สระแต่ความเคยชินในการเปิดน้ำราดหัวเลยต้องสระเฉยเลย ) ถือว่าทำเวลาได้ดีถึงแม้ผมจะรีบจนลื่นก้นจ้ำเบ้าในห้องน้ำกับทำแปรงสีฟันตกสองรอบก็ตาม ผมว่าผมเอาอยู่

ทั้งหมดโอเคดี จนมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้า

แย่ละ แย่มากๆ

ผมใส่เสื้อตัวไหนดี!!!!

   นึกเกลียดนิสัยประมวลผลนานของตัวเองก็ตอนนี้ ผมพยายามทาบเสื้อตัวเก่งบนตัว แต่มันเก่าไปมั้ยผมใส่มาตั้งแต่สมัยเรียนปีสามปีสี่ หรือจะเอาตัวที่พี่รักให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว แต่ว่ามันเป็นเสื้อเชิ้ตที่ดูเป็นทางการมาก ผมใช้ใส่สมัครงาน ไม่ควรๆๆๆ

โอ๊ย ควรจะแต่งตัวยังไงดี

หมุนตัวนั้นเลือกตัวนี้อยู่นาน แต่ไม่ได้อะไร สรุปผมเลยใช้วิธีสุดท้ายครับ

ในเมื่อคิดเองไม่ออกแล้ว ตอนนี้สมองผมมีแต่คำว่า ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี!!! วนอยู่จนไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเลือกใช้คำตอบสุดท้ายของชีวิตนี้ครับ กูเกิ้ลมันเลยแล้วกัน!!!!!

‘วิธีแต่งตัวไปดูหนังกับเพื่อนที่ทำงานที่เคยชูวับชูวับด้วย’

ซึ่งแน่นอนครับ คำตอบล้านแปดในนั้นไม่ได้ช่วยอะไรผมมากขึ้นกว่าเดิม ผมเลยโยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียง แล้วเลือกเสื้อตัวที่น้องแทนกายเคยบอกว่าเขาชอบเวลาผมใส่แต่งตัวแบบนี้ มันไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากเสื้อยืดสีเหลืองอ่อนกับกางเกงยีนสีอ่อนอีกตัวหนึ่งเท่านั้น

พูดถึงน้องกาย ตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้วที่ทะเลาะกันพวกผมสองพี่น้องก็ไม่เหมือนเดิมครับ ผมขอโทษน้องที่ตวาด ส่วนน้องก็ขอโทษที่เอาแต่ใจกับผม เราคุยกันแค่ในไลน์เท่านั้น มันรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตอนนั้น ผมคิดว่าน้องอาจจะยังเคืองๆผมอยู่ เพราะไม่งั้นน้องกายน่าจะโทรหาผมแล้ว นี่ไม่มีเลยครับ ขนาดผมชวนมาดูหนังที่ห้องของผมวันนี้น้องยังไม่มาเลยครับ ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไร

ไปๆมาๆ จากนัดกับน้องแทนกาย กลายเป็นหาชุดไปดูหนังกับอีกคนได้ไงก็ไม่รู้

ผมยังเลือกอยู่ครับ ยืนเเลือกนานพอๆกับไปสัมภาษณ์งานครั้งแรกเลยครับ  ผมแค่อยากดูดีขึ้นมาบ้างตอนออกไปเที่ยวกับคุณพี่เมฆก็แค่นั้น ก็เขาดูดีอะ! ผมอยากหล่อๆกับเขาบ้างเหมือนกันนะ ถึงจะหุ่นดีไม่เท่าก็เถอะ อย่างน้อยเดินด้วยกันจะได้แบ่งราศีจากเขามาบ้างก็แค่นั้น

 “รอนานมั้ยครับ?”
“ไม่เลย”

ผมเปิดประตูห้องนอนแล้วแอบเอาหัวออกไปก่อนโดนซ่อนตัวไว้หลังประตู คุณพี่เมฆที่เหมือนกับจะเพิ่งวางโทรศัพท์หันมาส่ายหัวพร้อมกับยิ้มใจดีให้แบบทุกครั้ง ผมไม่กล้าดูนาฬิกาเลยครับ สายแล้วแน่ๆ แต่จะเทนัดก็ไม่ใช่เรื่อง เขาอาจจะจับผมเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาแล้วทุ่มออกนอกห้องก็ได้นะครับ

คุณพี่เมฆเห็นดูใจดีแบบนั้น แต่น่าจะมีความน่ากลัวสองตัวสามบาทซ่อนอยู่แหละ ไม่งั้นเป็นโปรเจคเมเนเจอร์ไม่ได้หรอกครับ ไหนจะต้องคุยกับลูกค้า ดีลกับคนในบริษัทหลายแผนกมากๆ ทั้งคุมหน้างานอีก ตอนเขาเล่าให้ฟังช่วงที่คอลคุยกันผมยังปวดหัวเลย

ผมทำแบบเขาไม่ได้แน่ๆ แค่ป้ากๆคิมๆทุกวันนี้ก็ไม่เอาแล้วครับ ไม่อยากคุยกับคนแล้ว ลูกค้าผมน่าจะเป็นตู้เย็นเนอะ ปัญหาแค่มีน้ำแข็งเกาะตามช่องฟรีซเลยงอแงบ้างเท่านั้นเอง ไม่เยอะสิ่งดี ไม่มี PO ด้วย มีแค่ค่าไฟเท่านั้น

“แสดงว่าผมอาบน้ำไม่นาน”
“แล้วแต่เราเลยครับ”

ผมยิ้มเผล่ให้กับคำตอบของเขา ก่อนจะเอาตัวเองออกจากหลังประตูห้องนอน แล้วกระย่องกระแย่งไปใกล้ๆอีกคนที่ยังมองผมอยู่นั่น

“ไปกันเลยมั้ยครับ?”

เป็นผมที่ถามขึ้นมาก่อนเมื่อมั่นใจว่าตัวเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมออก พอมาถึงรองเท้านี่ผมไม่เลือกมากแล้วครับ ปกติผมชอบใส่ผ้าใบ เพราะงั้นผมมีผ้าใบคู่ที่คิดจะใส่เรียบร้อยแล้ว

“แป๊บนึงๆ”
“อ่าว ทำไมอะ?”

‘ปิ้งป่อง’

ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตูอีกครั้ง ผมรีบวิ่งไปเปิดพร้อมบ่นตัวเองในใจ ใครอีี๊กกกกกกกก ใครมันจะรักผมถึงขนาดอยากมาเยี่ยมอะไรกันขนาดนี้  นี่เมื่อคืนไปทำอะไรไว้วะเนี่ย เผลอไปนัดใครมาห้องอีกหรือเปล่าเนี่ย แค่คุณพี่เมฆนี่ก็เซอร์ไพรส์แล้วนะ

“ครับ?”

ผู้ชายที่ผมไม่รู้จักยืนอยู่หน้าห้อง คือนิติคอนโดก็ไม่ใช่ ใครวะเนี่ย?

“แกร็บครับ”
“แต่ผมไม่ได้--”
“อ้าว น้องที่ขาดแรงบันดาลใจในชีวิตนั่นเอง!!”

คุณแกร็บเขายิ้มครับ ผมจำได้แล้ว!! นี่มันคุณแกร็บไบค์ที่ปรัชญาชีวิตจัดเต็มใส่ผมเมื่อวันก่อนนี่หว่า! แกร็บไบค์ที่ไม่มองทางเพราะเอาแต่เล่าเรื่องชีวิตแถมยังเล่นมุกแป้กใส่ผมคนนั้น! จำแม่นเลย มุกท้อมีไว้ให้ลิงกิน เขากล้าเล่นได้ยังไง แม้แต่ซุกซนยังไม่กล้าเล่นเลยนะมุกแบบนี้

“สวัสดีครับ”

ผมทักทายแบบแห้งๆ ในใจกำลังคิดว่าเขาอาจจะมาเคาะผิดห้อง

“ตอนนี้น้องยังใช้ชีวิตเหี่ยวๆแบบมนุษย์เงินเดือนอยู่เหมือนวันจันทร์ที่แล้วมั้ย?”
“อ่า…”
เขาคิดว่าผมจะขึ้นแกร็บไบค์ไปที่ทำงานเพื่อลาออกเหรอ?
“เราเป็นคนเราห้ามเหี่ยวนะ เพราะเหี่ยวนั้นเอาไว้สำหรับใบไม้เท่านั้น ฮ่าๆ!”
“แหะๆ … ครับ”

ขณะที่ผมกำลังประมวลผลว่าจะบอกพี่เขายังไงดีอยู่นั้น มือที่แตะไหล่ทำให้ผมหันไปมองครับ คุณพี่เมฆกับรอยยิ้มที่คุ้นเคยยืนอยู่ข้างหลังครับ แต่เขาไม่ได้มองไปที่ผม

“พอดีเลย”

เขาพูดพร้อมกับแทรกตัวมาข้างหน้าผม แล้วหยิบถุงอาหารจากมือของพี่แกร็บมุกแป้กไป กลายเป็นว่าตอนนี้ผมยืนอยู่หลังเขาอีกทีครับ แล้วตัวคุณพี่เมฆก็ใหญ่ไง โห แผ่นหลังนี่กว้างเชียว สงสัยมากว่าประเทศจีนกับแผ่นหลังคุณพี่เมฆอะไรกว้างกว่ากัน

“ขอบคุณนะครับ กำลังหิวพอดี เงินตัดในบัญชีนะครับ”

‘ปัง’

เขาพูดแค่นั้น แล้วก็ปิดประตูครับ โดยที่ผมยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย คือคุณพี่เมฆเป็นคนสั่งแกร็บมาที่นี่เหรอ? แล้วอะไร

“ความจริงตอนแรกว่าจะพาเราไปทานข้าวที่สยามเลย แต่ไหนๆก็จะเที่ยงแล้ว ทานที่นี่เลยดีกว่าเนอะ”
“ผมนึกว่าเขาส่งผิดซะอีก”

ผมพูดตอนที่เตรียมจัดจานใส่อาหารครับ พอได้กลิ่นหอมๆท้องมันก็เริ่มร้องค่อกๆคั่กๆแล้วครับ ผมยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าเลยครับ ไม่ได้จะไดเอทนะ แต่ว่ามัวแต่กลิ้งอยู่บนเตียงกับผ้าเน่าครับ แต่ก็มันวันหยุดหรือเปล่า ผมจะกินมื้อแรกตอนสามทุ่มโดยที่ยังไม่อาบน้ำมันก็เรื่องของผม!

“พี่สั่งมาเองแหละ”

ผมมองถุงร้านอาหารชื่อดัง สลับกับมองหน้าคุณพี่เมฆที่ยังคงยิ้มอยู่ ดีจังเลยนะที่สามารถยิ้มได้ทั้งวันแบบนี้ มันไม่ใช่ยิ้มที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลาก็จริง แต่มันดูอบอุ่นแบบที่ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน

ผมรู้แค่ว่าชอบรอยยิ้มนี้จังเลย ถ้าได้เห็นทุกวันก็คงดีเนอะ

“มีข้าวกะเพราแซลม่อน กับก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เราทานอะไรดี?”
“คุณพี่เมฆทานอะไรครับ ผมเอาอีกอันได้”

ผมพูดกับคนที่หยิบอาหารทั้งสองกล่องออกมาจากถุงกระดาษที่มีชื่อร้านเด่นหราอยู่ข้างหน้า

“ความจริงพี่สั่งกะเพราแซลม่อนให้เรา ส่วนก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยของพี่ เพราะพี่ไม่แน่ใจว่าเราชอบทานก๋วยเตี๋ยวหรือเปล่า” คุณพี่เมฆเดินมาหยิบจานจากมือผม แล้วเทกะเพราจากกล่องลงไปในนั้น เขาพูดต่อทั้งที่ไม่ได้ละสายตาจากอาหาร
“แต่กะเพราแซลม่อนนี่เราชอบอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะ?”

ชั่วแว๊บนึงผมดันไปคิดถึงตอนที่เขาเอาข้าวมาให้ผมทานแทนกะปิซุกซน แต่คุณพี่เมฆจะไปจำได้ยังไง นั่นมันเพิ่งจะเจอกันครั้งสองครั้งเองนะ ขนาดเพื่อนรักผมมันยังไม่รู้เลยว่าผมทานกะปิไม่ได้

“ใช่ครับ” ผมเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชามให้เขา พร้อมกับหาตะเกียบไปด้วย (ที่ร้านไม่ได้ให้มาด้วย สงสัยเพราะเลือกแบบที่ไม่รับช้อนส้อมครับ) ไม่รู้ไปเก็บไว้ไหน ปกติผมเนี่ยใช้ส้อมทานก๋วยเต๊๋ยวครับเวลาอยู่บ้าน มันสะดวกกว่า ยกเว้นว่าถ้าทานอาหารกับคนอื่นถึงจะใช้ตะเกียบ “คุณพี่เมฆเป็นอับดุลเหรอ รู้ได้ไงเนี่ย เก่งจัง”
 
“พี่ไม่ได้เก่ง พี่ใส่ใจแค่เรื่องของเราเท่านั้นแหละ”

โอ้โห หมัดฮุก

   ทั้งที่กลิ่นกะเพราตลบอบอวลไปทั่วห้องแบบนี้ ผมยังมารู้สึกกะยึกกะยักอะไรอีกเนี่ย 

“คะ… คือ … เอ๊ย คุณพี่.. เอ๊ย”
“อ้าวๆ ใจเย็นครับ ลิ้นพันกันหมดแล้ว”
“ฮื่อ”

ผมพูดได้แค่นั้น ก่อนจะยัดตะเกียบใส่มือเขาแล้วเดินถือจานตัวเองออกมาจากห้องครัวไปนั่งในโต๊ะทานข้าวโดยที่ได้ยินเสียงคุณพี่เมฆหัวเราะไล่หลังตามมาให้ได้ยิน บ้าบอไปหมด คิดจะพูดออะไรแบบนี้ตอนไหนก็ได้เหรอ อย่างน้อยรอให้ผมอิ่มก่อนไม่ได้หรือไง จะได้รับมือได้ถูกอะ

“คุณพี่เมฆเอาน้ำอะไร?”
“หายเขินแล้วเหรอ?”

ผมถลึงตาใส่เขา นี่ไง! พอคนจะเปลี่ยนเรื่องก็มาแซวแบบนี้มันถูกที่ไหนเล่า น่าจับไปวางไว้บนพื้นแล้วขับรถถังทับให้แบนจริงๆเลย ให้ตาย คนบ้าอะไร!

“เรามีน้ำอะไรบ้างครับ?”
“มีน้ำเปล่าครับ”
“อย่างเดียว?”
“อือ” ผมพยักหน้า “ตอนแรกมันก็มีกาแฟติดอยู่บ้างแหละ แต่เพิ่งจะหมดไป แล้วผมก็ขี้เกียจซื้อเข้ามาใหม่ด้วย”
“แล้วจะถามทำไม”
“ก็ให้ทางเลือกไงครับ”

ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเขาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม ซึ่งมันดูตลกแม้จะเป็นคนที่ผมถือว่าหล่อที่สุดแล้วในบริษัทก็เถอะ (อย่าบอกคุณกฤติ คุณโน้ตมาเลเซีย คุณเชนประเทศไทย แล้วก็ผู้ชายคนอื่นๆทั้งหมดนะครับ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ เขาเป็นคนที่มีความดูดีแบบผู้ใหญ่ที่ผมชอบละมั้ง) 

“น้ำเปล่าก็ได้ครับ” ผมหยักหน้า ตอนที่กำลังจะเดินหันหลังไปหยิบให้ อีกคนก็เสริมขึ้นมาด้วยเสียงนุ่มทุ้มตามสไตล์

“น้ำอะไรจากเราพี่ก็ชอบทั้งนั้นแหละ”

เอ๊ะ?

ผมหันกลับไปมองคุณพี่เมฆที่เหมือนกับจะเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เราสองคนมองหน้ากัน ซึ่งตอนนี้หน้าผมคงร้อนจนไหม้ไปหมดแล้ว มันคงไม่ขนาดนี้ถ้าคุณพี่เมฆเองก็ไม่ได้หลบตาผมแล้วหันไปมองข้างตัวพร้อมกับทำมือเก้ๆกังๆเหมือนกัน

ต่อให้เป็นเด็กปอสองก็มองออกว่าคุณพี่เมฆเองก็ เขิน

“… เอ่อ…คุณพี่ … พี่… อ่า...”
“...”

หูแดง! ผมกะพริบตามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ใบหูคุณพี่เมฆเป็นสีระเรื่อขึ้นมา ตอนนี้ผมเองก็เขินนะ แต่การมองเห็นคุณพี่เมฆเขินแบบนี้มันรู้สึกว่าเขาน่ารัก

คุณพี่เมฆ… น่ารักมาก

หัวใจผมกะตุกอีกแล้ว

ตั้งแต่รู้จักกัน หัวใจผมกะยึกกะยักเพราะเขาไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย!




   
-------- 50% -------
[/b]


มาเร็ว งงมั้ยคะ 5555555555555555
หลังจากตอนนี้เราอาจจะหายไปสักพักนะคะ
อย่าเพิ่งลืมน้องแทนใจน้า ยังไม่ได้อ่านเลยส่าทำไมคุณเมฆถึงได้ชอบน้อง อิ___อิ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2018 17:16:07 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ moonny07

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รักแทนใจและคุณเมฆ มากคร่า  :-[

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
13th Monday - 70%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 

ผมรักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์นี้ผมได้หยุด

“จอดรถไว้ที่หอผมก็ได้นะครับ”

ผมพูดกับคนที่กำลังนั่งมองถนนอยู่ คุณพี่เมฆกำลังขับรถในขณะที่ผมนั่งไร้ประโยชน์อยู่ด้านข้าง หลังจากที่พวกเราทานอาหารเสร็จก็ได้ฤกดิ์ออกจากบ้านเสียที ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเราจะเดินทางกันอย่างไรเลยได้แต่เดินตามคนเกิดก่อนต้อยๆ จนคุณพี่เมฆเขาต้อนผมไปขึ้นรถของเขานั่นแหละ

“แล้วเราจะไปสยามกันยังไงครับ? เดินไปเหรอ?” คุณ
พี่เมฆหันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนปกติ แต่ผมว่ามันดูออกจะกวนประสาทแปลกๆแล้วครับ
“กวนอะ”
ผมละสายตาจากกระโปรงรสสีแดงคันข้างหน้าที่ติดสติกเกอร์ว่า ‘รถคันนี้สีสันบันเทิง’ แล้วหันไปมองหน้าหล่อๆของคนด้านข้าง อะไรวะขับรถแล้วจะหล่อทำไมเนี่ย
“ประเทศเรามี BTS นะครับ”
“เราชอบขึ้น BTS เหรอ?”
“มันก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ” ผมถอนหายใจ เมื่อนึกถึงรถไฟฟ้ามหานครตอนแปดโมงเช้าวันจันทร์
“ถึงแม้จะต่อคิวแลกเหรียญนาน แล้วเครื่องก็ไม่รับเหรียญสองบาท แบงค์ก็รับบางสถานีบางสถานีก็เหมือนว่าจะลดโลกร้อนด้วยการไม่รับแบงก์ครับ อ๋อ แล้วก็เสีย 7 ครั้งเป็นอย่างต่ำในหนึ่งเดือน ก็แค่นั้นเองนะครับ เราไม่เห็นจำเป็นต้องขับรถเลย”
“ก็เห็นเราดูง่วงๆ พี่เลยกะจะให้เรานอนเต็มที่ไงครับ”
“โหยคุณ ผมไปนอนบน BTS ก็ได้นะ”

ผมประท้วงออกมา อย่าดูถูกสกิลผมนะครับ เห็นแบบนี้สมัยที่เรียนอยู่มหาลัยแล้วกลับไปมหาลัยวันเรียนหรือวันสอบ ผมนี่ทำบ่อยครับ นั่ง BTS ไปช่วงเช้าๆ เบียดๆ คนเยอะๆ พอง่วงๆแล้วก็หลับไปเลย ยืนหลับก็เคย พอถึงสถานีที่คนลงเยอะๆก็ตื่นทีนึงครับ ถึงแม้จะงงๆไปบ้าง แต่ก็เข้าสอบทันทุกครั้งนะ ภูมิใจกว่าเรียนจบเกียรตินิยมอีกครับ

อย่าบอกพ่อผมนะว่าผมคิดแบบนี้

“หลับบนนั้นก็ไม่สบายเท่านอนบนรถหรอก”
“ก็จริง”
“เราจะไปยืนโหนทำไม คนเยอะอยู่แล้ววันนี้วันหยุด แถม BTS ก็เสียอีก”
“ได้ไง! เสียอีกแล้วเหรอ? เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะเสียไปเองไม่ใช่เหรอครับ? เดือนนี้เสียกี่รอบแล้วเนี่ย?”
“วันนี้ก็เสียอีกแล้วๆ เมื่อเช้าพี่เห็นเพื่อนมันมาโพสต์บ่นๆบนหน้าเฟสบุ๊คอยู่ แล้วลองคิดดูว่าถ้าเราต้องไปติดอยู่บนนั้นทั้งวัน ขอเงินคืนก็ไม่ได้ มันคุ้มแล้วถูกต้องไหมครับ?” 
“...” ผมรู้สึกตัวเล็กลงเรื่อยๆเมื่อคุณพี่เมฆเริ่มเลคเชอร์ครับ ให้ตาย เพิ่งรู้สึกว่าเขากับคุณกฤติหัวหน้าผมอายุใกล้ๆกันก็ครั้งนี้แหละ
“อีกอย่าง” เขาพูดพร้อมกับคว้ามือผมไปจับ “นั่งเป็นกระต่ายหน้ารถแบบนี้ พี่จะได้มีกำลังใจจ่ายค่าทางด่วนไง ไม่ต้องไปเบียดกับใครด้วย”

ผมหันหน้าหนี ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกคนที่มองมา แถมความอบอุ่นตรงฝ่ามือก็ยังอยู่ ผมว่าผมจะได้ใช้ประกันสุขภาพของบริษัทเร็วๆนี้แน่นอนครับ หัวใจชักจะกระเด้งกระโดดเยอะเกินจนผมว่าผมอาจจะหัวใจวายตายได้ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่

ซึ่งเรื่องนี้คนผิดมีคนเดียวเลย

คนที่นั่งกุมมือผมแล้วฮัมเพลงอยู่ทั้งๆที่รถในถนนโคตรจะติดแบบนี้นี่แหละ!

.
.
.



“คุณพี่เมฆอยากดูเรื่องอะไรครับ?”

พวกเราสองคนยืนอยู่หน้าโรงหนังที่พารากอนครับ ผมหันไปมองคนข้างๆ ซึ่งกำลังมองหน้าผมอยู่ เฮ้ย คือคุณพี่เมฆต้องเข้าใจว่าหน้าผากผมไม่ได้มีรอบหนังบอกนะ เลิกจ้องได้แล้ว!

“แทนใจอยากดูอะไร?”
“ผมดูได้หมดครับ”
“งั้น…เรื่องนี้มั้ย?” คุณพี่เมฆชี้ไปที่เรื่องหนึ่ง โปสเตอร์นี่ทะมึนมาเลย มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันต้องมีคนตาย ผี และวิญญาณอาฆาตลอยเต็มไปหมดสองชั่วโมงที่หนังฉาย
“ผมบอกว่าดูได้หมด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรวมหนังผีเข้าไปด้วยนะครับ”
“พี่ล้อเล่นนะครับ”

เขายิ้มอีกแล้ว รอบนี้ยิ้มเห็นฟันตาปิด แต่มันดูเหมือนหมีรอตะครุบเหยื่อด้วยการแกล้งให้อีกฝ่ายตายใจก่อนน่ะครับ ท่าทางแบบนี้หลอกผมไม่ได้หรอก นี่ใคร! แทนใจเลยนะ! ผมรู้ผมดูการ์ตูนเยอะ ดูหมดแล้วครับทั้งช่องเก้าการ์ตูน ทั้งการ์ตูนเน็ตเวิร์ค ไหนจะยูบีซีคิดส์ ที่ตอนหลังเป็นชื่อเป็นยูบีซีสปาร์ค

หลอกผมไม่ได้หรอกครับ!

เอ๊ะ? นี่ผมเปรียบตัวเองเป็นเหยื่อคุณหมีพี่เมฆนี่เหรอ?

หรือว่าเขาจะหลอกผมได้วะ? ไม่ดิ ไม่ได้! ห้ามหลอกผมนะ เห็นแก่เงินค่าไฟที่ใช้เปิดทีวีในตอนเช้าเมื่อสมัยเด็กๆกันบ้าง

“ตกลงว่าไงครับ เหม่ออะไรอีกเนี่ยเรา คิดนานจัง”

ผมสะบัดหัวสองสามทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองชักจะประมวลผลไป มือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่โปสเตอร์หนังไดโนเสาร์เรื่องดังภาคที่สิบล้าน ซึ่งคุณพี่เมฆก็หายไปพร้อมกับตั๋วหนังสองใบพร้อมกับบอกว่าหนังจะเข้าแล้ว ผมก็อือๆออๆเดินมึนๆตามแรงจูงของอีกคน

“เรากินป๊อปคอร์นรสอะไร”
“ผมเหรอ?” ผมชี้เข้าหาตัวเองอย่างโง่ๆ “เอ่อ… คาราเมล”
“คาราเมล?” คุณพี่เมฆเลิกคิ้ว เขาทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะหันไปสั่งพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ตรงเค้าเตอร์ป๊อปคอร์น “ขอคาราเมล ผสมกับรสชีสครับ ส่วนเครื่องดื่มเป็นโค้กละกันครับ”

พนักงานรับคำอย่างอารมณ์ดีทั้งที่ลูกค้าโคตรเยอะ ผมนี่อิจฉามากครับ อยากขอยืมอารมณ์ดีๆแบบนี้มาใช้ในเช้าวันจันทร์ที่ต้องดีลกับลูกค้ามากเรื่องในวันที่ยุ่งสุดๆบ้างจัง คิดไปก็เท่านั้นเพราะกว่าจะรู้ตัวพวกผมก็เดินเข้าโรงหนังแล้วครับ

ที่ที่พวกผมนั่งเป็นที่นั่งคู่ธรรมดา ไม่ใช่เก้าอี้ฮันนีมูนหรูหราอะไร ซึ่งผมโอเคมากๆ ตามปกติการดูหนังผมนั่งดูบนเตียงที่บ้านกับทีวีจอแบนแคนั้นเอง ไม่ได้มีอะไรหวือหวา เพราะงั้นนั่งไหนก็เหมือนกัน คุณพี่เมฆเองก็คงคิดเหมือนกันครับ

ตลอดการดูหนังเป็นไปด้วยความเงียบ พวกเราสองคนต่างคนต่างดูหนัง แทบจะไม่แตกต่างจากตอนที่ผมมาดูกับน้องแทนกายเลยสักนิด … ยกเว้นแต่ว่า ปกติน้องแทนกายไม่เอาที่เท้าแขนออกแล้วกุมมือผมไว้ตลอดเรื่องแบบที่คุณพี่เมฆทำครับ

อย่าถามผมนะว่าไดโนเสาร์ในหนังเป็นยังไง

ผมไม่รู้อะไรนอกจากว่ามือของคนข้างๆ ‘อุ่น’ มากๆเลย



.
.
.





“หิวยัง?”

ผมออกมาจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ที่สามคุณพี่เมฆก็ถามขึ้นครับ หลังจาากที่ดูหนังเสร็จพวกผมก็อารมณ์ไม่จบเลยเดินคุยกันมาเรื่อย พอมาเดินแบบนี้แล้วรู้เลยว่าทำไมคุณพี่เมฆเขาถึงได้แต่งตัวดี คุณโปรเจคฯเป็นผู้ชายประเภทที่เดินดูของแล้วก็เลือกเสื้อผ้าใส่เองน่ะครับ

ในขณะที่ผมนั้น ไม่น้องซื้อให้ ก็พี่สาวซื้อให้ ไม่ค่อยมีหรอกที่จะเลือกอะไรใส่เองจริงจังแบบนี้

เดินข้างๆเหมือนเขาจูงลูกมาเดินเล่นเลยครับ เขาเดินดูพวกแบรนด์กีฬา แล้วก็ไปเดินดูเสื้อผ้าแบบร้านที่ผมเห็นชื่ออยู่แต่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไร ตัวผมใส่อะไรก็ได้ ในขณะที่คุณพี่เมฆโคตรพิถีพิถันในการแต่งตัว เออ มากับเขาก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาคอยบอกว่าผมน่าจะใส่ตัวไหนแล้วเหมาะ ซึ่งผมก็เชื่อครับ ของเต็มสองแขนเลยตอนนี้ มีทั้งเสื้อใส่ทำงาน แล้วก็เสื้อใส่เล่น

พูดก็พูด ผมเหมือนเป็นหนูทดลองให้เขาจับแต่งตัวอะ

“ตอนเด็กๆคุณพี่เมฆชอบเล่นตุ๊กตาเหรอครับ?”
“ห้ะ????”

ผมถามในสิ่งที่สงสัย เมื่อเขาหันมามองหน้าผม ได้คำตอบเป็นใบหน้างงงวยของอีกคนตอบกลับมา ผมเลยใจดีขยายความเพิ่มให้อีกหน่อย

“ก็ดูดิ คุณพี่เมฆจับผมลองนั่นลองนี่เต็มไปหมด”
“อ๋อออ”

เขาลากเสียงยาวดูอารมณ์ดี แม้ผมจะขาลากแล้วก็ตาม แถมยังหัวเราะอีก อะไรของเขาวะ ไม่เป็นไรนะ ผมรับได้ว่าใครจะชอบเล่นตุ๊กตาหรืออะไร ตอนเด็กๆผมยังชอบเล่นไพ่ยูกิเลย ถึงแม้จะแพ้ตลอดก็เถอะ

“ตอนเด็กๆไม่เล่นหรอกครับ” เขาหยุดแค่นั้นแล้วมองหน้าผม คิดไปเองหรือเปล่าว่าดูมีความเอ็นดูอยู่ในน้ำเสียง “แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วครับ พี่ว่าแต่งตัวกระต่ายมันก็สนุกดีนะ”

นี่ผมเป็นคนในสายตาใครมั่งวะ?


ยังไม่ทันที่จะได้เถียงหรืออะไร เสียงเรียกจากข้างหลังก็ดังขึ้นมา

“เมฆป้ะ?...”

ทั้งผมทั้งคนที่มาด้วยกัน (ที่กำลังเอามือลูบหัวผมอยู่) ก็หันไปตามเสียงนั้นครับ เป็นเสียงของผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง คือสวยเลยอะ แต่งตัวแบบคุณหนูนิดหน่อย ถ้าเทียบกับพี่แทนรักแล้วคงรุ่นราวคราวเดียวกันแต่เขาดูสดใสกว่า เหมือนพวกไอดอลในเน็ตที่มีคนตามเยอะๆอะไรแบบนี้

“บิว...”


------- 70% --------

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
12th Monday - 100%



ผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?



ผมยืนมองคนสองคนที่คุยกันอย่างออกรสครับ ผู้หญิงสวยๆที่เดินเข้ามาหาคุณพี่เมฆคือสวยจนผมมองหน้าเขาอย่างเดียวเลยครับ เขายืนยิ้มข้างกันโคตรเหมาะสมกันเลยอะ คล้ายๆกับผมเป็นต้นไม้ในขณะที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเขากำลังคุยกัน




ต้นไม้อาจจะดีไป ก้อนหินละกัน




“เหี้ยเมฆ”

“สัดบิว”

“หน้าหล่อแต่เลวเหมือนเดิม”

“มึงก็ยังปากแดงเหมือนเดิม ไปกินเลือดที่ไหนมา”

“ปากเสีย! นี่ MAC เลยนะ Ruby Woo น่ะมึง หยาบคายมากดูหมิ่นลิปกู มึงแม่งสายตาไม่ได้เรื่อง ตาต่ำจริงๆ พวกตาไม่มาราคา พวกสายตารากหญ้า”




โอเค เขาอาจจะไม่ใช่เจ้าชายเจ้าหญิงขนาดนั้นแล้วแหละครับผมว่า




“อุ้ยตาย! นี่มึงไปหลอกเด็กที่ไหนมาหิ้วด้วยคะเนี่ย”




ในที่สุดเจ้าหญิงกับปากสีแดง MAC อะไรบูๆวูดูสักอย่างหันมาเห็นผมแล้วครับ หลังจากที่ซ้อมเป็นก้อนหินประกอบฉากอยู่สักพัก




ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่ยิ้มกว้างให้ผมครับ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย เหมือนกับเห็นพี่แทนรักเลย พูดแล้วก็คิดถึงพี่นะครับ เอาไว้สุดสัปดาห์นี้ผมแวะไปหาพี่แทนรักบ้างดีกว่า





“แทนใจครับ” เป็นคุณพี่เมฆที่พูดขึ้นมา แล้วผายมือไปทางหญิงสาวในส้นสูง ที่ดูสูงพอๆกับผมเลยครับ นี่ผมไม่ได้เตี้ยแต่เขาสูงใช่มั้ย

“นี่คือบิวครับ เพื่อนที่คณะพี่เอง”

“โอโหย มีพูดคงพูดครับ” คุณบิวพูดพร้อมกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ คล้ายกับว่าคุณเมฆไม่ได้พูดเพราะอะไร

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้าน้องแทนใจ”




พี่ผู้หญิงรับไหว้พอเป็นพิธีพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนที่เขาจะไปคุยกับคุณพี่เมฆต่อครับ




“มึงเทนัดพวกกูเพราะมาเดทเหรอ?”




ผมสะดุ้งตาเหลือกเมื่อถูกพาดพิง เฮ้ย อะไรอะ?! นอกจากผมจะแอบชูวับชูวับกับเขาแล้ว ยังเป็นตัวการทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนมีรอยร้าวอีกเหรอ?




“นัดอะไรของมึง?”

“รียูเนียนไง รียูเนี่ยนน่ะ” คุณบิวพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพไลน์โชว์ใส่หน้าผู้ชายข้างๆผม “เนี่ย พวกกูนัดกันไปกินข้าวเย็นนี้เนี่ย ดูสิคะมึง”

“กูไม่เล่นไลน์”

“แล้วมึงสื่อสารกับชาวโลกยังไง โทรเลขเหรอ?”

“พ่อมึง---”

“แทนใจ”

อยู่ดีๆคุณบิวเขาก็หันมาถามผมครับ ซึ่งผมก็เบิกตากว้างเต็มที่เพราะไม่ทันตั้งตัว มันคงูตลกเพราะอีกคนยิ้มกว้างจนเห็นฟันเลย

“ครับ?”

“ไอ้เหี้ยเมฆมันติดต่อหนูยังไงลูก มันใช้โทรเลข หรือโทรจิต?”

“ครับ??????”




งง อะไรอะ? เดี๋ยวนะ แล้วผมควรจะตอบอะไร?




“แทนใจ อย่าไปยุ่งกับมันครับ”




คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับเอาผมไปไว้ข้างหลัง เหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าชายปกป้องหมาคู่ใจจากมังกรร้ายที่ใช้ลิปบูๆวูๆ




“มึงอันตรายกว่ากูอีก แทนใจ มาหาแม่มา มานี่เร็วลูก โมะๆ”




ผู้หญิงสวยๆ นี่ต้องไม่มีสติเหรอครับ งงใจ ผมเริ่มคิดแล้วนะว่าเวลาพี่แทนรักอยู่กับเพื่อนเขาจะเป็นแบบนี้มั้ย …




“แล้วมึงมาทำอะไรที่สยามเนี่ย?”



คุณพี่เมฆเปลี่ยนเรื่องครับ ผมเลยได้รู้ว่าความจริงแล้ววันนี้เพื่อนสมัยมหาลัยของคุณพี่เมฆเขานัดทานข้าวกันตอนเย็นๆ แต่คุณบิวมาทำธุระที่สยามเลยบังเอิญเจอพวกผมครับ (ซึ่งพอจะรู้ว่าธุระคืออะไร ป้าย Mid Year Sale เต็มห้าง แถมถุงช็อปปิ้งยังเต็มมืออีกต่างหาก)




ผมไม่ได้จะแอบฟังนะ! แต่ก้อนหินประกอบฉากมันขยับไม่ได้ ข้อมูลเลยลอยเข้าหูมาเอง




“มึงเดทเสร็จยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ไปเร็วมึง ไปค่ะ กูบังคับ”

“ไม่ไปได้มั้ย ไม่อยากคุยกับมึง”

“น้องแทนใจคะ?”




คุณบิวหันมาถามผมอีกแล้ว ฮือ




“ครับ?”

“ไม่รำคาญไอ้เหี้ยนี่บ้างเหรอคะ? พี่นี่รำค๊าญรำคาญ คบมันแค่เพราะมันหล่อนี่แหละ แต่หล่อไม่มีประโยชน์เลยตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา”

“...”

“เลิกเลยค่ะ พี่เชียร์”

“ไอ้เหี้ยนี่ กูจีบอยู่”

“ว๊ายยยย เพื่อนหล่อจีบคนเป็นด้วยว่ะ ปกติมีแต่คนมาอ่อยก่อน น้องแทนใจไม่ธรรมดาจริงๆ กูว่ากูต้องเอาไปบอกในกรุ๊ปไลน์รุ่นละ โลกต้องรับรู้เรื่องนี้”




แล้วพวกเขาก็คุยกัน (โอเค ด่ากัน) ต่อเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเพราะผมไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งครับ แต่มีสะดุ้งบ้างหลายๆครั้งเมื่อมีชื่อผมผสมอยู่ในการด่ากันของพวกเขา




“แทนใจครับ”

“ครับ?”




ผมกะพริบตาเมื่อทั้งสองคนหันมามองทางผมเป็นตาเดียวครับ ทั้งที่ผมตัวพอๆกับคุณบิวนะ แต่พอมาอยู่แบนนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเล็กกว่าอีกคนเยอะเลย หรือว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะตัวเท่าผุ้หญิงที่ใส่ส้นสูง? น่าจะแบบนั้นครับ เพราะถ้าซุกซนยืนอยู่ตรงนี้น่าจะเป็นหลุมไร้ก้นไปเลยแน่นอน




“เดี๋ยวพี่ว่าจะไปทานข้าวต่อกับเพื่อน พอดีไม่เจอกันมานานแล้ว…”




ผมรู้สึกเหมือนกับลูกบอลที่พองๆอยู่ในใจตลอดทั้งวันหล่นไปอยู่ตรงเท้า มันก็แปลกๆนิดหน่อยที่มาดูหนังกับคุณพี่เมฆ แต่ตอนกลับจะต้องโหน BTS กลับคนเดียว ผมกลับได้แหละครับไม่ใช่เรื่องแปลก




มันแค่… เหงาๆหน่อยละมั้ง




“แทนใจจะดูอะไรต่ออีกมั้ย?”




ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ




“งั้นไปเลยแล้วกัน” เขาพูดกับผม แล้วก็หันไปพยักหน้ากับคุณบิวที่ยืนมองอยู่ โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะกำลังเล่นมือถืออยู่ “เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านเลยนะ มึงขับรถมาใช่ป้ะ?”

“ไม่อะ รถกูทำสีอยู่อู่ เอากูไปด้วย”

“ไม่ หาทางไปเอง”

“ไอ้สัด”

“ป้ะครับแทนใจ เราไปกันเถอะ”




อะไรวะ?




สรุปคือผมถูกจูงมาที่รถของคุณพี่เมฆแบบยังงงๆ โดยที่เพื่อนของเขาถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นเหมือนเดิม แต่ดูเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องช่วยเหลือตัวเองครับเพราะเพื่อนไม่สนใจ ทั้งที่ปกติเขาดูเป็นคนมีน้ำใจมากเลยนะ




 ผมควรบอกคุณพี่เมฆให้เขาเอาคุณบิวมาด้วยมั้ยนะ? ความจริงที่ว่างก็ยังเหลืออยู่เยอะ เพราะว่าผมนั่งหน้ากับคุณพี่เมฆ ข้างหลังมันก็ยังว่างๆอยู่ คุณบิวสูงก็จริงแต่ไม่ใช่คนตัวใหญ่แบบต้นไทรสามคนโอบอะไร ยังไงก็ขนไปด้วยกันได้นะ




“คุณพี่เมฆครับ”

“ว่าไง?”

“เราไม่ให้คุณบิวไปด้วยกันเหรอครับ?”

“ไม่ล่ะ พี่รำคาญเสียงมัน”



คุณพี่เมฆตอบยิ้มๆ ซึ่งอันนี้เป็นยิ้มแบบที่เขาพูดเล่นครับ




น่าแปลกเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้เป็นประเภทยิ้มตลอดเวลาครับ แต่รอยยิ้มไม่เหมือนกัน ทั้งที่ยิ้มแต่บางทีดูอบอุ่น  ดูน่ากลัว ดูใจดี ดูอารมณ์ดี ดูใจเย็น ดูมีอำนาจ ดูขี้แกล้ง และ… เอ่อ …




ดูโคตรเซ็กซี่เลย


ผมไม่ได้พูดนะว่าคิดถึงรอยยิ้มตอนไหนของเขา




“คิดอะไรอยู่เนี่ย”




คุณพี่เมฆทัก ผมถึงได้รู้ตัวว่าเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้




เขาหันมามองหน้าผม  ผมตกใจจนเผลออุทาน ‘เฮ้ย!’ ออกมาเมื่อเห็นว่าหน้าเขาใกล้มากกกกกก ดีที่ยังขยับมือไม่ไปเพราะไม่งั้นคงโดนข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าของรถที่เคยชูวับชูวับด้วยแน่นอน แต่มันใกล้จริงๆนะ ตกใจหมดเลย




ผมเอาแต่คิดเรื่องนี้ตอนที่คุณพี่เมฆเขายื่นมือมาช่วยคาดเข็มขัดให้ เพราะเห็นว่ามือผมค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับเหมือนคอมพิวเตอร์ผมเวลารีบๆ เนี่ยสมองผมนี่หมุนติ้วๆ




“เราหิวเหรอ? เมื่อกี้ยังทันได้ทานอะไรเลยก็ดันเจอบิวมันก่อน โทษทีนะ”

“ไม่ครับๆ ไม่ได้หิว” ผมรีบปฏิเสธ เมื่อนึกออกลางๆว่าเขาก็ถามผมเรื่องของกินอยู่เหมือนกัน

“หรือเราอยากเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบเบรกก่อนที่คุณพี่เมฆจะยกเรื่องอื่นขึ้นมาอีก

“โอเคๆ”

“คุณพี่เมฆจะให้ผมกลับเลยมั้ยครับ? ผมลงข้างหน้านี้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวเดินไปขึ้น BTS”




ผมเลือกถามคนตัวสูงกว่าที่ยืนเอาตัวบังผมอยู่แทนครับ ก็เขานัดกับเพื่อนเขา ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปด้วยมั้ย ว่ากันตามตรงที่นัดกันแค่ดูหนังไงครับ ซึ่งก็ดูหนังจบแล้ว ผมแยกกลับเลยก็ได้เผื่อเขาจะได้มีเวลากับเพื่อนเพิ่มอะไรแบบนี้ ผมเข้าใจนะ เพราะคนเราก็ต้องอยากคุยกับเพื่อนแบบแค่เฉพาะกลุ่มเหมือนกัน




“กลับไปไหน?” คุณพี่เมฆถามผมกลับ “เราไม่อยากไปกับพี่เหรอ?”

“ไม่ใช่ดิ ผมหมายถึง… พี่อยากจะใช้เวลากับเพื่อนหรือเปล่า?”

“ก็อยากนะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

“ใช่มั้ยล่ะ”



“แต่พี่อยากใช้เวลากับเราไปด้วยไม่ได้เหรอ?”




คิดว่าผมจะเขินเหรอ?

คิดถูกแล้วล่ะ ไอ้คุณพี่เมฆเว้ย ไอ้บ้าเอ้ย หยอดอยู่ได้!!!




“ตะ.. เอ่อ แต่แบบ--”

“แต่?”

“ตกลงคุณพี่เมฆจะให้ผมไปด้วยเหรอ?”

“ใช่ไงครับ หรือเราไม่อยากไปกับพี่?”

“งั้นหมายความว่าเราอยากไปกับพี่”

“ก็ใช่…” เอ๊ะ เขาไม่ได้หลอกให้ผมพูดอะไรใช่มั้ย เอาเถอะ ตอนนี้งงมากเลย เอาเรื่องคุณพี่เมฆก่อน งงอะ “คุณพี่เมฆนี่เข้าใจยากจัง”

“หือ?”

“เข้าใจยากมากเลยอะ เหมือนโจทย์เลขเลย งงไปหมด”




เขาเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เหมือนที่กำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันครับ เห็นแบบนี้ผมก็ใช้ความคิดได้นะ!




คุณพี่เมฆเหมือนเป็นโจทย์เลข โจทย์งงๆที่ไม่รู้ว่าต้องใช้สูตรอะไรในการหาคำตอบ นั่งอ่าน นอนอ่าน ตีลังกาอ่านก็ไม่เข้าใจสักทีว่าเขาต้องการอะไร



ผมเหลือบมองคนข้างๆอีกครั้ง ภายใต้ใบหน้าโคตรหล่อที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่มันยากจะคาดเดาจริงๆ ให้ตาย ไม่เข้าใจเลยอะ ไม่เข้าใจมากๆ




คุณพี่เมฆคือโจทย์เลขที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยล่ะ


เอ๊ะ หรือว่าผมโง่เองวะ?





------- Monday In Love -------



.
   .


หลังจากที่จอดรถ ผมก็เดินตามคุณพี่เมฆต้อยๆเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

   .



ร้านนี่คือร้านนั่งชิวที่ผมไม่เคยมา บรรยากาศก็คคล้ายๆร้านนั่งชิวทั่วไปครับ มีเสียงดังๆจากดนตรีสด มีเสียงจ๊อกแจจอแจของบทสนทนาจากผู้คน แล้วก็มืดๆหน่อย  การที่ขับรถออกจากสยามตอนเย็นนี่เป็นความคิดที่ผิดมากครับ เพราะพวกผมเสียเวลาส่วนใหญ่บนถนน ออกจากสยามไม่ถึงทุ่ม เจอการจลาจลไทยแลนด์แดนแห่งรอยยิ้มเข้าไป มาถึงที่หมายก็เลยสองทุ่มไปแล้วทั้งที่ไม่ได้ไกลเลย




ยังดีที่คุณพี่เมฆเป็นคนใจเย็น หรืออาจจะไม่ใช่คนหัวร้อนเท่าไหร่ตอนขับรถ เพราะว่ารถมันกระดิ๊บๆ แต่เขาก็ยังหาเรื่องมาคุยกับผมได้ตลอดทางเลยครับ พอหมดเรื่องคุยเขาก็ฮัมเพลงไปเรื่อย มันเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปด้วยทั้งที่ใช้เวลากระดึ๊บๆบนถนนโง่ๆอย่างนาน




“เฮ้ย เชี่่ยเมฆ แม่งมาจริงด้วยว่ะ!!”




ผมและคุณพี่เมฆหันตามเสียงทางขวามือ โต๊ะมุมที่ส่งเสียงโหวกเหวกได้ดังมากทั้งที่มีอยู่ไม่กี่คนครับ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นโต๊ะของเพื่อนคุณพี่เมฆเพราะทางนั้นโบกไม้โบกมือให้เต็มที่มากครับ




“กูบอกแล้วว่ามันมาแน่ๆ”




ผู้ชายหน้าตี๋ที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนถูกใจมากครับ ทำไมคุ้นตาน่ะเหรอ? ก็นี่มันคุณเบิร์ด! หนึ่งในโปรเจคฯเมเนเจอร์ที่คุณพี่เมฆเตะออกจากกรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย เขาตัดผมใหม่ แถมวันนี้ยังใส่แว่นอีก ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าที่เจอครั้งที่แล้วเยอะเลย เพิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย




“สวัสดีครับคุณเบิร์ด”




ผมยกมือไหว้เขาเป็นคนแรกตอนที่เข้าไปนั่ง แล้วก็ยกมือไหว้อีกคน แล้วก็คุณบิวเป็นคนสุดท้าย ลิปวูบูของเขายังแดงอยู่เลยครับ




 โชคดีที่ตรงนี้มันเป็นมุมชั้นลอยที่ถึงแม้จะมีเสียงรอบข้างดังรบกวนบ้าง แต่ยังถือว่าคุยกันรู้เรื่องอยู่ นอกจากเขาผมก็ยกมือไหว้รอบวง รวมถึงคุณบิวที่ยิ้มกว้างรับไหว้ผมด้วยครับ คิดไว้ก่อนว่าถ้าเขาเป็นรุ่นคุณพี่เมฆแสดงว่าต้องแก่กว่าผมแน่นอน




“น้องแทนใจของพี่ ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีไอ้เหี้ยเมฆเพิ่มเติมเข้ามา”

“ช่างเครื่องเป่าขวดที่มึงขอยืมตัวจากไซต์กูไปนี่คงไม่เอาแล้วใช่มั้ย ได้นะ กูโทรบอกให้พี่เขากลับปทุมฯตอนนี้ได้นะ”

“ผมล้อเล่นครับคุณเมฆครับ อย่าทำผมเลย เครื่องมันหยุดอยู่นะเว้ย กูคุยกับลูกค้าจนหูจะหลอมติดกับโทรศัพท์แล้ว”




คุณเบิร์ดที่เมื่อกี้หัวเราะเอิ้กอ้ากหน้าหดเหลือสองนิ้ว แล้วยกมือไหว้คุณพี่เมฆปลกๆ เป็นภาพที่ตลกจนผมออดขำออกมาไม่ได้ครับ คือหากไซต์งานของลูกค้าเครื่องหยุดทำงานนั่นถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆสำหรับพวกเราทุกแผนก อย่างเช่นของผม ถ้าเกาหลีโทรหานั่นคือสุดๆแล้ว เครื่องจักรไม่หยุดทำงานก็ใกล้จะหยุดเต็มที ส่วนไอ้ที่ ASAP ในเมลธรรมดามันแค่เกิดปัญหานิดหน่อยแต่เกาหลีเล่นใหญ่ใส่ครับ




“ว๊ายยยยยยยยยยยย กากกกกกกกก”



คนเดิมที่เอ่ยทักคุณโปรเจคของผมว่า ‘เชี่ยเมฆ’ พูดขึ้น เขาเป็นผู้ชายที่ให้ลุคสบายๆ ผิวแทนหน่อยๆ ข้างๆเขาคือคุณบิวสวยที่เพิ่งเจอไป (ไหนเขาบอกไม่มีรถ แล้วมาถึงก่อนผมได้ไงวะ หรือว่าคุณพี่เมฆขับอ้อม? หรือว่าประเทศไทยรถติดจนเดินมาเร็วกว่าขับรถ?) ทั้งโต๊ะมีแค่นี้ รวมผมกับคุณพี่เมฆก็เป็นห้าคนครับ




 คนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดี เพราะถ้าเยอะกว่านี้ผมคงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน




“กากแต่ก็ได้แดกเบียร์ฟรีนะครับ อย่าลืม”

“เออแม่ง เชี่ยเมฆมึงมาทำไมวะเนี่ย?”

“คิดถึงมึงเหมือนกันนะโป้”

“ฮ่าๆ”




รอบนี้ผมหัวเราะออกมาจังๆเลยครับ คุณบิวเล่าให้ผมกับคุณโปรเจคฯฟังว่าสองคนนั้นเขาพนันกันว่าคุณพี่เมฆจะมาหรือไม่มา เพราะเขาเป็นคนที่แทบจะไม่มารียูเนียนกับเพื่อนฝูงเลยครับ ไลน์ก็ไม่อ่าน รู้แค่ว่ายังมีชีวิตอยู่จากเฟสบุ๊คที่นานๆอัพเดตทีนึงเท่านั้น




 “นี่เองเหรอเด็กมึงอะเมฆ” คนที่คุยกับคุณโปรเจคเมื่อสักครู่หันมาทางผม ที่รีบปิดปากเพราะหัวเราะดังเกินไป “พี่ชื่อโป้นะครับ เป็นเพื่อนสมัยเรียนของไอ้เมฆ--”

“เราเคยเป็นเพื่อนกันเหรอ? กูว่าไม่นะ” อันนี้เป็นเสียงคุณพี่เมฆที่พูดแทรกขึ้นมา ผมไม่ทันได้ยินว่าคุณโป้สวนอะไรกลับหรือเปล่า เพราะว่าคุณบิวลุกขึ้นยืนเรียกเด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินถือแก้วผ่านดังมาก

“น้องคะ น้องเว๊ย น้องงงงงงงงงงงงงงงงง เมนูหน่อยยยยยยยยยย”

“เสียงดังจังวะ”

“ก็แม่งไม่ได้ยินอะ กูต้องขึ้นไปยืนบนโต๊ะมั้ย?”

“ไอ้สัดอย่า!”




พวกผู้ชายทั้งสามคนห้ามคุณบิวอย่างจริงจัง โดยที่ผมได้แต่นั่งขำ เพราะท่าทางคุณพี่แกทำจริงแน่




บทสนทนาต่อจากนั้นเป็นไปด้วยความสนุกครับ กลุ่มของคุณพี่เมฆดูสนิทกันแบบแปลกๆ ผมรู้เพิ่มว่าความจริงแล้วมีอีกสองคนที่สนิทกันครับ คนหนึ่งติดงาน อีกคนแต่งงานแล้วย้ายสำมโนครัวไปอยู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว




ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พวกเขาสามารถทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวได้ครับ ไม่ถึงขนาดเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูดกัน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในวงนี้ขนาดนั้น (แม้ผมจะนั่งขำ กับนั่งแทะเฟรนช์ฟรายแค่นั้นก็ตาม) หรืออาจจะเพราะเบียร์สดในมือด้วยเลยทำให้ทุกอย่างมันดูสนุกไปหมด 


ผมไม่ได้เมานะ คุณพี่เมฆไม่ยอมให้ผมเติมเยอะ ตอนผมยกแก้วนี่มองดุเลยครับ ยิ้มนะแต่ยิ้มแบบดุอะ น่ากลัวมากผมไม่กล้าเสียงกินต่อเลย อีกอย่าง ผมยังเข็ดจากคราวที่แล้วอยู่เลย 




“มึงจะไปงานแต่งหวานมั้ย?”

“หวานไหนวะ?”

“หวานไง หวานคณะเราอะ”

“อ๋อ กูก็นึกว่าหวานอักษร”

“หวานนั้นยังไม่แต่งงาน”

“มีความตามข่าวคราวเขาเนอะมึงเนี่ยเชี่ยเมฆ”




ผมนั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที ส่วนใหญ่เขาคุยกันเรื่องในอดีตกับอัปเดตข่าวคราวของชีวิตตามภาษาคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนัดรียูเนียน ตอนนี้คุณพี่เมฆนั่งจิบเบียร์คุยกับเพื่อน เขาดูผ่อนคลายกว่าที่เห็นในออฟฟิศเยอะเลยครับ




ผมเพิ่งรู้ว่าเขามีมุมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ยังมีอีกกี่ด้านของเขาที่ผมไม่เคยเห็น




“วันก่อนกูเข้าไซต์ลูกค้าที่บางประกง เจอไอ่เล็กด้วย”

“เอ้า มันเปลี่ยนงานแล้วเหรอ? ตอนแรกเห็นอยู่บริษัท....”

“ย้ายไปเป็นผู้จัดการโรงงาน ลูกค้าจ่ายให้มันหนักอยู่ พวกมึงก็รู้มันเทพ”




เหมือนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณพี่เมฆในตอนนี้ดูกลืนไปกับเพื่อนเขาครับ ดูเป็นกลุ่มเดียวกัน ดูเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ก็เป็นยิ้มที่ดูผ่อนคลาย ที่ทำให้ผมเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ความคิดเดียวในหัวคือเขาดูเป็นตัวของตัวเอง




อีกนัยหนึงก็คือ เขาดูเป็นใครสักคนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย


หรือว่าการที่คนเราเจอกันแค่วันจันทร์ มันจะน้อยเกินไปสำหรับการทำความรู้จักใครสักคนกันนะ?





------- TBC -------


อากาศแย่มากเลยตอนนี้
ระวังอย่าป่วยกันนะคะ ไม่งั้นจะเปื่อยไปเลยแบบเรา ฮือ


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

 

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องแทนใจน่ารักจังงงงงงงงงงงง ดูตะมุตะมิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
14th Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





วันนี้คือวันจันทร์ที่ผมแฮปปี้




เพราะวันนี้คุณพี่เมฆบอกว่าจะพาไปกินข้าวข้างนอก




8:30 น.




ผมมาถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพครับ วันนี้รถไม่ติดมากเท่าไหร่ (คือติดนะ แต่ติดปกติ ไม่ได้มากมายจนอยากจะบ่น) พอมาถึงที่ทำงานผมก็เปิดคอมฯดูงาน เห็นแล้วยิ้มเลยครับ วันนี้อีเมลอย่างน้อย พวกงานค้างจากวีคที่แล้วก็ไม่ค่อยมีครับ  ออเดอร์อะไรก็ทำหมดแล้ว  เหลือแค่ต้องตามงานกับฝั่ง Logistics ครับ




วันจันทร์ชิลๆแบบนี้ หายากกว่าโอกาสที่จะได้เลือกตั้งอีกครับ 




“คุณกฤติ คุณณี สวัสดีครับ”

“น้องแทนใจ สวัสดีจ้ะ”



ผมยกมือไหว้คุณคุณกฤติ กับคุณณีเลขาคุณกฤติ ที่เดินตามกันออกมาจากทางห้องทานข้าวครับ ซึ่งทั้งสองก็ยกมือรับไหว้ผมพร้อมกับยิ้มให้ทั้งคู่ครับ คุณณีทักนิดหน่อยแล้วเดินออกไปอีกทาง ส่วนคุณกฤติเดินตรงมาทางโต๊ะผม แล้วดึงเก้าอี้เก่าของซุกซนมานั่งครับ




ตอนนี้ออเดอร์ของฝั่งญี่ปุ่นถูกโอนไปให้หมิ่วหมิวดูครึ่งหนึ่ง ส่วนผมดูอีกครึ่งหนึ่งครับ เพราะว่าจากที่ประชุมเมื่อวันก่อนหมิ่วหมิวอยากจะย้ายมาเป็นเซลล์โคฯ ซึ่งพอดีกับช่วงนี้ที่ซุกซนไม่อยู่ คุณกฤติเลยให้เขาลองทำดูก่อนโดยมีพวกแปซิฟิกทีมช่วยสอนงานเพราะนั่งใกล้กันครับ มีบางทีเหมือนกันที่เขาเดินมาถามผมบ้าง ซึ่งผมก็ยินดีช่วยนะ เพราะผมเคยนั่งกับซุกซนมาก่อน บางงานที่มันทำค้างไว้ผมก็พอรู้เรื่องบ้าง




“เป็นไงมั่งเรา วันนี้ดูอารมณ์ดี”

“นิดหน่อยน่ะครับ”

“มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเหรอครับ?”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับคุณกฤติ แค่วันนี้ตอนเที่ยงผมจะออกไปทานแซลม่อนน่ะครับ”




หลังจากนั้นบทสนทนาก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปครับ ผมเพิ่งรู้ว่าตอนนี้คุณกฤติเขาหาคนมาทำแทนซุกซนได้แล้ว ส่วนหมิ่วหมิวจะกลับไปอยู่ในส่วนของเลขา เพราะลองทำไปแล้วไม่ชอบงานตรงนี้ ผมก็เข้าใจได้นะ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่ชอบงานนี้ครับ ไม่ชอบวันจันทร์ ไม่ชอบอะไรเลย ไม่ทำแล้วครับ ลาออกมันเลยแล้วกัน




“แล้วคนใหม่จะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ?”

“น่าจะเข้ามาบ่ายนี้แหละ”

“ดีจังเลยนะครับ ถ้าเข้ากับพวกเราได้เหมือนซุกซนก็คงดี”




คุณกฤติยิ้มนิดหน่อยแล้วก็เดินไปคุยงานกับคุณนุ่นฟิลิปปินส์ที่เหมือนจะถามอะไรสักอย่าง ผมเลยนั่งจัดๆพวกไฟล์กับอีเมลที่ปล่อยให้รกในช่วงก่อนหน้านี้ที่ยุ่งๆครับ




“แทนใจ”

“คุณพี่เมฆ สวัสดีครับ”




ผมทักคนที่เดินมาท่าทางเหมือนเพิ่งจะวิ่งมา ไม่แน่ข้างนอกอาจจะร้อน เห็นเขาพูดตอนที่คอลกันเมื่อคืนว่าวันนี้ไม่ต้องรีบเข้าบริษัทนีนา ทำไมมาเร็ว




“ทำไมมาเช้าจัง?”

“ผมมีประชุมเก้าโมงนะครับ” ผมบอกในสิ่งที่เป็นเรื่องปกติของชีวิต “ถึงแม้จะมาไม่ค่อยทันก็เถอะ”

“เมื่อเช้าพี่ขับรถไปหาแทนใจมา กะจะเซอร์ไพรส์รับมาทำงานสักหน่อย นิติคอนโดฯดันทักว่าแทนใจออกไปแล้ว พี่เลยรีบออกมาเลยเนี่ย”

“อ้าว โธ่ คุณพี่เมฆน่าจะบอกก่อน”

“บอกก่อนก็ไม่เรียกเซอร์ไพรส์สิ”

“แล้วแบบนี้เซอร์ไพรส์เลยมั้ยล่ะครับ?”



ผมถามขำๆ ท่าทางยิ้มแบบอ่อยๆของเขาตลกดี พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะโดนคุณกฤติเดินมาลากเข้า weekly meeting เหมือนทุกเช้าวันจันทร์ครับ ซึ่งก่อนที่คุณพี่เมฆเขาจะขึ้นไปทำงานชั้น 28 (ใช่ครับ เขาทำงานชั้น 28 ในขณะที่ผมอยู่ชั้น 27 มาบ่อยจนน่าจะมีโต๊ะประจำชั้นนี้ได้แล้วผมว่า) เขาก็ทิ้งท้ายเอาไว้




“เดี๋ยวเลิกประชุมแล้ว ไปกินกาแฟกันนะ พี่เลี้ยงเอง”




ไม่ต้องชวนผมก็ไปตลอดอยู่แล้วนะ



“แทนจะ--”

“แป๊บนะครับ ผมงานเข้า”




ผมหันไปบอกคุณพี่เมฆที่ทำท่าจะเดินมาคุยด้วยพอดี ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะมาชวนไปกินกาแฟ ตอนแรกมันก็เป็นวันจันทร์ที่ไม่ยุ่งดีอยู่หรอก พอออกจากห้องประชุมมาเท่านั้นแหละ งานก็โถมตู้มๆเข้ามาเหมือนกับว่าเมื่อเช้าที่ว่างๆนี่ไม่มีอยู่จริง




“โอเคๆ”




ผมหันไปส่งยิ้มเล็กๆให้คนที่โตกว่า ก่อนจะหันกลับมาสนใจออเดอร์ลูกค้าตรงหน้าตัวเองต่อ จนประมาณห้านาทีให้หลังที่ผมพอจะเคลียร์เรื่องวุ่นวายตรงหน้าได้ถึงหันกลับไปหาคุณพี่เมฆ เพื่อพบว่าเขายืนคุยกับหมิ่วหมิวที่เมื่อกี้เดินมาถามงานผม




“เสร็จแล้วเหรอ?”

“ครับ”

“งั้นเรา--”

“แทนใจ ออเดอร์นี้ลูกค้าด่วนแค่ไหน ถ้าไม่ขอยืมตัว product นี้ให้…”




พอคุณพี่เมฆอ้าปากจะพูด คุณเชนประเทศไทยก็แทรกขึ้นมาเลยครับ โดยทั้งคุณพี่เมฆกับผมได้แต่ทำตาปริบๆ ก็พอเข้าใจแกอยู่ เพราะลูกค้าที่คุณเชนประเทศไทยเขาดูบางเจ้าเป็น key customer แกค่อนข้างจะช่วยลูกค้าแกมากๆครับ




“ไม่ได้เลยครับ ของผมก็ด่วน ลูกค้าเร่งยิกๆเลยเนี่ย”

“งั้นขอยืมของ xxxx ที่ญี่ปุ่นมาก่อนได้มั้ย เราดูญี่ปุ่นใช่ป้ะแทนใจ?”

“ครับ แต่อันนี้ผมว่าน่าจะยาก พี่ก็รู้เนเจอร์คนญี่ปุ่น…”




หลังจากนั้นก็ยาวครับ จนพวกผมเสร็จกันแล้ว (สรุปว่าให้ยืมไม่ได้ครับ ให้เขายืมคอผมขาดแน่ๆ และคุณกฤติก็จะมาฆ่าผมอีกรอบครับ อาจจะเป็นการฆ่าล้างโคตรเลยก็ได้ น่ากลัวมากจริงๆ) คุณพี่เมฆก็ยังยืนระรั้งระรอเหมือนว่าธุระยังไม่เสร็จ




“แทนใจครับ เราไป--”

“แทนใจ ลูกค้าที่สั่งของด่วนไปส่งวันนี้ DN ออกหรือยัง?”




คุณกฤติที่มาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆก็ป๊อปอัพขวางหน้าผมกับคุณพี่เมฆที่กำลังคุยกันครับ ซึ่งผมก็รีบหา DN ให้คุณกฤติก่อน โดยไม่ได้สนใจว่าคุณกฤติกับคุณพี่เมฆเขาคุยอะไรกัน ฟังได้คร่าวๆประมาณว่า “แทรกเก่ง” แล้วก็ “ตอนคุณนกนี่ตลกดีนะครับ” แต่ไม่รู้ว่าใครพูดอะไร เพราะ DN ผมหายไปไหนก็ไม่รู้




“นี่ครับคุณกฤติ ให้ผมจดหรือเมลให้ดีครับ?”

“ส่งมาในแชทบริษัทก็ได้”

“โอเคครับ”




หัวหน้ายิ้มให้แล้วก็เดินกลับไปในห้องทำงาน ผมเกาหัวนิดหน่อยว่าออเดอร์นี้มันมีปัญหาตรงไหน หรือผมอาจจะตกอะไรไป แต่เท่าที่เช็กดูใน SAP มันก็ถูกหมดนะ หรือว่าลืมอะไร หรือคุณกฤติจะต้องการ DN ไปเก็บสะสมไว้ เหมือนสะสมแสตมป์อะไรอย่างงี้




“ทะ---”




Rrrrrr




“แป๊บนึงนะครับคุณพี่เมฆ”




ตอนที่คุณพี่เมฆกำลังจะพูด โทรศัพท์ผมดันดังพอดี ผมเลยต้องไปรับโทรศัพท์ก่อน อันนี้ลูกค้าจากเกาหลีโทรมาครับ ขึ้นต้นเป็นรหัสประเทศมาเลย ผมนี่แทบจะคว้างหูทิ้ง แต่ไม่ได้ครับ เราต้องรับทุกสาย เพื่อ KPI ที่ดี และโบนัสที่หนาครับ



 

“Hello. แทนใจ Speaking”




.

.

.



11.58 น.




สรุปกว่าผมจะว่างลงไปกับคุณพี่เมฆได้ก็เกือบจะเที่ยงพอดี



“กินกาแฟตอนนี้เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน ทานข้าวเลยละกันนะครับ”



คุณพี่เมฆพูด ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย คือตอนที่ผมทำงานคุณพี่เมฆเขาก็ไม่ได้ว่างนะ หลังจากที่ผมรับโทรศัพท์เขาก็ไลน์มาบอกว่าจะไปนั่งทำงานก่อน เสร็จแล้วให้ทักไป ซึ่งผมก็ยุ่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จนเที่ยงนั่นแหละคุณพี่เมฆถึงมาเคาะป๊อกๆเรียกทานข้าวครับ



“กาแฟเอาไว้ตอนบ่ายเนอะ”

“เราอยากกินขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็สัญญาแล้วนี่ ว่าคุณจะเลี้ยงกาแฟผมอะวันนี้”




ผมพูดพร้อมหัวเราะ เรากำลังเดินไปลานจอดรถครับ ด้วยความที่ตึกสำนักงานนี้ที่จอดรถเขาแบ่งเป็นล็อกของแต่ละบริษัท ซึ่งบริษัทผมได้อยู่ตึกใหม่ ที่ต้องเดินเท้าไปไกลหน่อยครับ




“แทนใจ…”

“ครับ?”




ผมหันมองหน้าคุณพี่เมฆที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง จนสุดท้ายเหมือนรวบรวมลมออกมาได้




“ปะ---”


“อ๊อง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! กูกลับมาหามึงแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว”




สั้นๆป้อมๆแบบนี้ มีคนเดียวครับ




“ซุกซน!!!!”




ซุกซนครับ ซุกซนตัวเป็นๆกลับมาหาผมแล้ว!!!!









------- 50%-------




อิ_________อิ


#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
[/b]


ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
สงสารคุณพี่เมฆเค้านะคะ คนแทรกตล๊อดดดดดด 555555555555

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตลกพี่เมฆ 555555555555555555555 ไม่ร้องนะ  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่าสงสารคุณพี่เมฆ  :laugh:
ซุกซนกลับมาแล้ว ป่วนกันเต็มที่จากนี้ไป

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
14th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ : 100%


“ซุกซนนนนนนนนนนนน”
“อ๊อง พอแล้ว”
“ซุกซนนนน เราคิดถึงซุกซนนนน”
“เออ กูรู้ กูกลับมาแล้วนี่ไง”
“ซุกซนนนนนนนนน เงินที่ยืมเราไป 2,000 เดือนที่แล้ว---”
“กูคืนแล้ว ไอเหี้ย!”


ตอนนี้ผม คุณพี่เมฆ และซุกซนใจทราม กำลังนั่งรออาหารอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างใกล้บริษัทครับ ตอนนี้ผมเกาะซุกซนเป็นหมีโคอาล่าเกาะต้นยูคาลิปตัสเลยครับ ฮือ เพื่อนตัวสั้นของผมกลับมาแล้ว ตอนแรกผมคิดว่ามันจะกลับมาเก็บของเล็กๆน้อยๆที่ยังเหลืออยู่ (อย่างเช่น เยลลี่ในโถ) แต่กลายเป็นว่ากลับมาทำงานเลยครับ


วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ดีจริงๆด้วย


“ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้อะ? เรานึกว่าซุกซนจะหายไปเหมือนดาวพลูโตที่โดนตัดออกจากวงโคจรโลกแล้ว”
“กูไปแค่เชียงใหม่ ไม่ใช่ดาวอังคาร”


ถึงแม้นาซ่าจะเอาซุกซนกลับมาไม่ได้
แต่นกแอร์ทำได้ครับ ถึงแม้เครื่องจะดีเลย์หลายชั่วโมงหน่อยก็ตาม


“สรุปคือ มึงไม่ได้ลาออก--”
คุณพี่เมฆที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมถามซูกซนที่นั่งข้างๆผมครับ ซึ่งรายนั้นดูดชาเขียวอั่กๆ เหมือนกับว่าไม่เคยกินชาเขียวรีฟิลมาก่อนในชีวิต ก่อนจะตอบ
“ลาออกไปแล้ว แต่คุณกฤติยังไม่เซ็นอนุมัติ”
“เออ มึงลาออกไปแล้ว แต่ไอ้แว่นกฤตินั่นให้ลายาวแทนที่จะลาออก แบบนี้ป้ะ?”
“เยสสสสสสสสสส”
มันคว้าชาเขียวมาดื่มอีกครั้งตอนที่พนักงานมาเติมแก้วเดิมที่หมดไป แล้วยกขึ้นมาดื่มอั่กๆต่อ “ใช้วันลาพักร้อนกับลากิจไป ดีนะปีที่แล้วแทบไม่ได้ลาเลย มันมารวมๆกับของปีนี้ก็ได้ 20 กว่าวัน นี่หยุดไป 15 วันเป๊ะ”


   ก่อนที่จะได้พูดกันต่อ พนักงานก็เดินเข้ามาดับความหิวในท้องของพวกเราพอดีครับ


“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”


ซูชิโรล ซาซึมิ และอื่นๆที่มีแซลม่อนเป็นส่วนประกอบถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงามครับ ผมน้ำลายสอ แต่ว่าอยากคุยกับซุกซนมากกว่า ตั้งแต่ตอนนั้นซุกซนก็ไม่ตอบไลน์ผมอีกเลย ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนที่ทักทายคนอื่นเก่งอะไรเลยไม่ได้โทรไปครับ คิดว่ามันต้องกระอักกระอ่วนแน่ๆ เลยปล่อยให้เพื่อนไปใจทรามตามทางของเพื่อน


จนเพื่อนโคจรกลับมาหาผมครับ ดีใจมากจริงๆ ดีใจที่ได้กินแซลม่อนด้วย โส๊ดดดดสด เคี้ยวๆนี่ดึ๊บๆเลย สดเหมือนปลาในตลาดไทเลย ทำไมไม่ไปเปิดอยู่ข้างตึกสำนักงานที่ผมทำงานนะ … เอ๊ะ แต่ถ้ากินแบบนี้ทุกวันผมจะมีตังไว้ใช้จนถึงสิ้นเดือนหรือเปล่า


“เหม่ออีกละ เหม่อตลอดอะมึง”
“อุ๊กอนอ่อยอิ่” (ซุกซนปล่อยดิ)


ผมตีมือเพื่อนที่เอามาดึงแก้มอีกแล้ว เจ็บอะ ไม่ได้เจอตั้งหลายอาทิตย์ยังใจทรามเหมือนเดิม อะไรของมันเนี่ย!


“ทำไมกลับมากรุงเทพฯล่ะ นี่มาอยู่ถาวรเลยเหรอ?”


คุณพี่เมฆที่คีบแซลม่อนโรลมาวางไว้บนจานให้ผมพูดขึ้นครับ ท่าทางเขาดูไม่ตกใจเท่าไหร่ หรืออาจจะตกใจแต่เก็บอาการเอาไว้ข้างในลึกๆ หรือไม่ก็เป็นผมที่ตกใจเวอร์ไปเอง


“เมียไล่ลงมา” ซุกซนคีบยำสาหร่ายใส่ปาก เคี้ยวหงุบๆแล้วพูดต่อ “เมียถามว่าจะไปเปิดร้านกาแฟนี่ถามมันหรือยัง จะเปิดทำไม ร้านกาแฟรอบบ้านแล้ว พอเปิดร้านกาแฟไม่ได้ก็เลยไม่เปิดแม่งละ กลับมาทำงานที่เดิมต่อดีกว่า”


“ง่ายๆงี้เลย?”
“ทำอะไรให้ยาก ชีวิตมีแค่นี้  ใช้หนี้บัตรเครดิตอย่างเดียวก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องคิดอะไรเยอะแยะ”
“แต่กูว่ามึงคิดบ้างก็ได้นะ”


คุณพี่เมฆพูดพร้อมทั้งหัวเราะไปด้วย คีบปลาใส่จานผมไปด้วย ผมเห็นด้วยกับซุกซนครึ่งนึงคุณพี่เมฆครึ่งนึงครับ อยู่ในส่วนของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่กาไม่ออกความเห็น เพราะอาหารเต็มปากครับ


“แล้วแฟนมึงทำไร?”
“ทำงานแถวบ้านนั่นแหละ ดีเพราะอยู่ตรงนั้นกับครอบครัวเลยหมดห่วงไปหน่อย กำลังคิดกันว่าอาจจะให้ย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน…”


มื้ออาหารนี้กลายเป็นเรื่องของซุกซนและครอบครัวครับ ส่วนใหญ่เป็นคุณพี่เมฆที่คุยกับซุกซนมากกว่าผม อย่างแรกคือผมหายคิดถึงเพื่อนแล้ว ตั้งแต่มันมานี่โดนด่าอ๊องไปสามรอบ เจอกันก็อ๊อง คีบซูชิแล้วหล่นก็อ๊อง ทำน้ำหกก็อ๊อง เหม่อก็อ๊อง เออ! รู้แล้วเว้ย


อีกส่วนคือ ตอนที่กำลังฟังเขาพูดคุยกัน ผมรู้สึกว่าทั้งสองคนดูคุยกันเรื่องที่ผมแทรกไม่ได้ครับ เรื่องการสร้างครอบครัว เรื่องการเลี้ยงลูก เรื่องการวางแผนการศึกษาของเด็ก หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งผมไม่รู้เรื่องเลยครับ ให้ตาย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กปอสี่ในชั้นเรียนแคลคูลัส 1 ของนักศึกษามหาลัยเลยแฮะ


.
.
.


13.01 น.


พวกเราอิ่มหมีพีมันจากร้านกันเรียบร้อย พร้อมกับหน้าบานๆที่แปะด้วยรอยยิ้มกว้างของผม เพื่อนผมกลับมาแล้ว ตอนมันไม่อยู่นี่ผมเหงามากจริงๆ


ตอนนี้พวกผมเดินกลับข้ามาในออฟฟิศแล้วครับ อยู่ในลิฟต์ที่กำลังรอจะขึ้นข้างบน อย่างที่บอกว่าตอนกลางวันคนนี่แน่นมากกกกกกก เหมือนคนทั้งโลกทำงานอยู่ตึกนี้อะ ต่อแถวกันไปสิ ขดเป็นงูแล้วเนี่ย


“แทนใจ”


คุณพี่เมฆที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก้มลงมากระซิบครับ มีแค่ผมที่ได้ยินเพราะว่าตอนนี้ซุกซนที่อยู่ด้านหน้ากำลังคุยกับพวกชมพูทวีปทีมอย่างเมามัน เสียงหัวเราะอร่อยมากจนคนข้างหน้าหันมามองว่าพวกบ้านี่คุยอะไรกัน 


“ครับ?”
“เดี๋ยวบ่ายนี้พี่มารับไปกินกาแฟกันนะ”


เออ จริงด้วย!


“คุณพี่เมฆมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ? เห็นเหมือนมีอะไรตั้งแต่เช้า”
“อ่า… ก็มี”


เขายอมรับสั้นๆ แต่เพราะแถวเลื่อนให้ไปขึ้นลิฟต์พอดีพวกผมเลยเดินต่อแถวเหมือนเด็กประถมที่กินข้าวเสร็จแล้วโดนต้อนเข้าแถวไปเก็บจาน


“ว่าไงครับ ทำไมดูลึกลับจัง”
“พี่อยากพูดกับเราเงียบๆสองคนน่ะ”
“เพื่ออะไรอะ?”


ผมกระซิบกับคุณพี่เมฆตอนที่อยู่ในลิฟต์ ซึ่งเมื่ออีกคนอ้าปากจะพูด โทรศัพท์คุณพี่เมฆก็เข้าพอดี เขาส่งสายตาขอโทษมาให้ผมเล็กน้อยก่อนจะรับแล้วคุยครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไร มันเข้าใจได้ งานน่ะ ผมเกลียดการตอบอีเมลจะตาย แต่ทุกวันนี้พิมพ์คล่องปรื๋อ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ช่วยดูอีเมลก่อนหน้าที่ส่งใบเสนอราคาไปได้มั้ย มาขอทำไมบ่อยๆ ส่งไปแล้วเว้ย!’  ในภาษาสุภาพๆน่ะครับ


คุณพี่เมฆพูดโทรศัพท์ไป ในมือเขาหยิบโทรศัพท์เครื่องส่วนตัวขึ้นมาเล่นครับ ผมรู้ได้ไงอะเหรอ? ก็เพราะเขาเอามาส่งไลน์หาผมไง

Mek: บ่ายสามเจอกันหน้าลิฟต์นะ เดี๋ยวพี่มารับ


แค่เห็นข้อความกับรอยยิ้มของอีกคนที่ส่งมา ทั้งที่ตัวเองกำลังคุยงานซีเรียสกับลูกค้า ทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ให้ตาย


Tanjai: จองคิวแล้วนะครับ
Tanjai: บ่ายสามโมง พี่เป็นของผมนะ



พิมพ์เสร็จแล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นครับ แต่มันยากจังแฮะ ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มตอนเขากระซิบข้างหูว่า ‘โอเคครับ น้องแทนใจ’


ฮือ ผมจะห้ามตัวเองไม่ให้หูแดงได้ยังไง ในเมื่ออีกคนยังยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ แบบนี้อะ



.
.
.


15.00 น.


“แทนใจ”


พอนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงปุ๊บ คุณพี่เมฆก็โผล่มาอยู่ตรงโต๊ะผมปั๊บตามสัญญา ความจริงตอนแรกผมจะต้องดูงานให้หมิ่วหมิวอีก แต่พอดีว่าซุกซนกลับมา ทางนั้นเลยคุยกันไปครับ ฝั่งเพื่อนผมก็บ่นยับ เพราะต้องมาต่องานจากผมกับหมิ่วหมิว มันก็แอบน่ารำคาญใจอยู่ จุดนี้ผมเข้าใจนะ เพราะการที่เราทำเองทั้งหมด กับมาต่องานคนอื่นอะ ความน่ารำคาญใจมันต่างกัน


“ไปกันครับ”
“เฮ้ย! อ๊องมึงจะลงไปข้างล่างเหรอ?”
“อือ เราจะเบรกอะ”
“กูฝากซื้อโกโก้แก้วนึง”


ซุกซนพูดครับ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับคำแป๊บนึง แล้วพยักพเยิดหน้ากับคุณพี่เมฆเพื่อที่จะได้ลงไปข้างล่างสักที เห็นแบบนี้ผมก็แอบอยากกาแฟเหมือนกันแฮะ อาจจะเป็นเพราะวันนี้อารมณ์ดีเลยไม่ได้รู้สึกง่วงอะไรมากมาย ลองเป็นวันอื่นสิ ขาดคาเฟอีนนานขนาดนี้ผมเป็นศพที่นั่งตอบเมลเรียบร้อยแล้ว


“อ้าว จะไปไหนกันครับ”


ผมเดินสวนกับคุุณโน้ตมาเลเซีย และคุณกฤติตรงหน้าประตู พวกเขาสองคนเหมือนเพิ่งจะลงไปข้างล่างแล้วขึ้นมาพอดี โหย ผมว่าคุณโน้ตต้องรีดเสื้อเองแน่ๆ เพราะมันยับมากเลยครับ ผมเคยต้องรีดเสื้อนักศึกษาเวลาที่ร้านซักรีดปิดครับ โหย ออกมายับยู่ยี่แบบนี้เลยอะ


“ทานกาแฟครับ” ผมตอบคุณโน้ต โดยไม่ได้สนใจคุณพี่เมฆกับคุณกฤติที่เหมือนจะสนทนากันทางสายตา “คุณโน้ตจะเอาอะไรมั้ยครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเพิ่งลงไปกับคุณกฤติเขามา”
“อ๋อ โอเคครับ”


พวกผมลากันตรงนั้นแล้วเดินลงลิฟต์ไป ระหว่างทางที่เดินไปร้านกาแฟทั้งที่แค่ไม่กี่เมตรแต่เจอคนในบริษัทเพียบครับ คือบางทีก็เริ่มคิดแล้วนะ ว่าที่พนักงานบริษัทเราบ่นเรื่องโบนัสน้อย เพราะเขาเสียค่ากาแฟกันเยอะหรือเปล่า เช้า สาย บ่าย เย็น ผมเห็นมีแต่บริษัทผมเนี่ย กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่เลย


“รับอะไรดีครับ?”


พนักงานผู้ชายที่ผมเจอประจำส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกที ผมก็ส่งยิ้มกว้างกลับไป มากินบ่อยจนจำหน้าได้แล้วครับ บางครั้งเขาก็ทักผมนะ บริการทุกระดับประทับใจใส่วิปครีมจริงๆ


“อะ--”
“เอาคาปูชิโน่แก้วหนึ่งครับ”


คุณพี่เมฆพูดแทรกขึ้นมาตอนที่ผมกำลังจะพูด พร้อมทั้งยืนซ้อนหลังผมแบบที่หลังผมชนแผ่นอกเขาเลยอะ “ส่วนอีกแก้วขอเป็นลาเต้เย็น … เนอะแทนใจ”


“ใช่ครับ”
“อะ… เอ่อ คุณลูกค้าใช้ AIS หรือ---”
“ใช้ครับ” คุณพี่เมฆนี่ท่าทางจะพูดเร็วทำเร็วนะครับ สั่งก่อนพนักงานพูดจบตลอดเลย เป็นผมนี่น่าจะพรุ่งนี้ถึงได้สั่ง “กดสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว 1 แถม 1 ใช่มั้ยครับ?”
“เอ่อ… คือตอนนี้ เป็นแก้วแรก---”
“เอามาครับ เท่านี้แหละ จะลดจะแถมหรือจะราคาเต็มผมได้หมดครับ อ่อ! ขอเค้กกาแฟชิ้นหนึ่งด้วย อันนี้แหละ ที่อยู่ข้างหน้าเนี่ย แทนใจชอบใช่มั้ยครับ? ใช่แหละเนอะ โอเค นี่เงินนะครับ”


คุณพี่เมฆพูดรวบรัดทุกอย่างด้วยเวลาโคตรเร็ว เหมือนกับว่าตัวเองเป็นญาติ Eminem หรืออาจจะเป็น Eminem เองเลยด้วยซ้ำ ถ้า Eminem สามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ที่ประเทศไทยได้โดยที่ยังไม่ต้องตายก่อนอะนะ


“ไปแทนใจ เราไปหาโต๊ะนั่งก่อนนะ เดี๋ยวพี่รับตังทอนแล้วตามไป”


เสร็จจากตรงนั้นแล้ว เขาก็หันหน้ามาหาผม พร้อมกับเอามือดุนหลังให้ไปให้ไกลจากเค้าน์เตอร์ครับ ผมก็พยักหน้ามึนๆ แล้วเดินไปนั่งโต๊ะประจำของพวกผมทุกวันจันทร์ที่ได้เจอกัน


พูดแล้วก็คิดถึงครั้งแรกที่เจอเหมือนกันนะครับ
คนอะไรไม่รู้ เดินเข้ามาเลี้ยงกาแฟคนอื่นหน้าตาเฉยเลย ไม่รวยมาก ก็ต้องชอบกาแฟมากเลยนะครับ แบบอยากแชร์ให้คนอื่นได้ดื่มด้วยสิทธิ์ 1 แถม 1 อะไรแบบนี้


หรือ… เขาจะชอบผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ?


“คิดอะไรอีกแล้วเรา ทำไมทำหน้าแบบนี้”
“แบบไหนอะ?”
“หน้าเหมือนติ๊กต่อก”


นี่ผมไม่เคยเป็นคนในสายตาคนอื่นจริงๆหรือใช่มั้ย? เดี๋ยวต้องหาเวลาไปเจอเจ้าติ๊กต่อกของคุณพี่เมฆหน่อยแล้ว มันน่าเหมือนผมจริงๆเหรอ หรือว่าผมหน้าเหมือนเจ้านั่นนะ


“อะไรคือหน้าติ๊กต่อก?”
“หน้ากระต่าย” คุณพี่เมฆดึงแก้มผมเบาๆ รอบนี้ผมไม่ได้ประท้วงอะไรเพราะมันไม่เจ็บครับ แค่เขินๆนิดหน่อยเท่านั้น “น่ารัก”


ไม่สิ ไม่ใช่นิดหน่อยแล้ว
เขินมากเลยต่างหากล่ะ!!!!!!


เมื่อเริ่มคิดปะติดปะต่อเอาเองว่าคุณพี่เมฆอาจจะชอบผมมานานแล้ว แต่เพิ่งเริ่มจีบตอนนั้นมันก็เขินอะ เขินแบบ ยนห่ยนห่เนยห่เหนยยหเนยหเาหาเยาหเยา ฮืออออออออออออออ ตอนนี้ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่มองเว้ย หูนี่แดงแบบอยู่กรุงเทพฯมองจากกรุงโรมก็เห็นอะว่าแดง


“แทนใจครับ เอาหน้าขึ้นมาหน่อยเร็ว”
“ฮือ”
“ทำไมไม่เงยหน้าครับ เขินเหรอ?”
“อือๆๆๆ”
“เขินอะไร เราเขินลาเต้เหรอครับ?”
“อือๆๆๆ”
“หรือเขินคาปูชิโน่?”
“อือๆๆๆๆ”


ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องแล้วครับ ผมอือๆๆๆ อย่างเดียวอะ


“งั้นเขินพี่เหรอ?”
“อือๆๆๆๆ”
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“อือๆๆๆๆ”


เอ๊ะ?


ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเจอกับรอยยิ้มแบบขี้แกล้งปกติของคุณพี่เมฆครับ แต่แววตาพี่เขาดูจริงจังกับสิ่งที่พูดมากเลยอะ


“เงยหน้าแล้วใช่มั้ย งั้นฟังอีกครั้งชัดๆนะครับ”


พูดก็พูดเฉยๆสิ! จะมาทำสายตาแบบนั้นทำไม หัวใจเต้นดังจนไม่ได้ยินอะไรแล้วเนี่ย!


“แทนใจครับ เป็นแฟนกับพี่เมฆนะครับ”


ผมก้มหน้าหูแดงหมดแล้ว แถมเม้มปากเพราะไม่กล้าพูดอะไร คือมันแบบ มัน อื้ออออออออออออออ ตอนที่ซุกซนโดนแฟนขอคบ หรือตอนที่พี่แทนรักขอคบแฟนพี่เขานี่ทุกคนตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแบบผมหรือเปล่านะ?


“เราจะปฏิเสธพี่เหรอ?”

“ไม่นะ!!!”

“งั้นเป็นแฟนพี่นะ”


“อือ…” ผมพยักหน้ายอมในที่สุด รอยยิ้มกว้างของคุณพี่เมฆเป็นเหมือนกับสิ่งที่ยืนยันว่าผมพูดถูกต้อง “คือ เอ่อ ก่อนที่จะ… ฮือ เป็นแฟนกันอะ ผมแบบ เรา … คือ … แต่… อ่า ผมมีเรื่องสงสัยอยู่นิดหน่อย”


“ว่าไงครับ?”


“เราเป็นแฟนกันแล้ว” ผมพูดรัวเร็ว พยายามหยุดอาการหัวสมองเบลอลิ้นรัวจนไม่รู้เรื่อง ฮึ้บกับตัวเองแรงมากครับ พอคุยกับตัวเองรู้เรื่องแล้วเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าเขา โอ๊ย อย่ายิ้มหล่อดิ เดี๋ยวลืมหมด!


“อันนี้หมายความว่าผมเป็นสามีพี่ หรือพี่เป็นภรรยาผมอะครับ?”


เอ้า ขำทำไมอะ? นี่เรื่องซีเรียสนะ!!



------- TBC -------


ซีเรียสกับแทนใจเขาหน่อยนะคะ น้องเขาจริงจัง
ปล. ยังไม่ใกล้จบนะคะ นี่ยังมีอีกเยอะเลยเตง อิ____อิ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2018 17:25:22 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องแทนใจลูกกกกก หนูถามอะไรแบบน้านน เอ็นดูน้องง น่าร้ากกก
ให้พี่เมฆตอบเองละกันเนอะะ
ชอบที่เวลาพี่เมฆมองน้องละเห็นเหมือนกระต่ายขนฟูๆ ตัลล้ากกกกก
รักน้องแทนใจจ น้องน่ารักกกก :mew1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
15th Monday -- 50%

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์



เรารักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์ผมจะได้เจอหน้าแฟนครับ



พอเป็นแฟนกันปุ๊บ คุณพี่เมฆก็ต้องไปขลุกอยู่ไซต์ลูกค้าถึงสองสัปดาห์เพราะมีเรื่องด่วน ได้คุยกันแค่บางๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่ก็ถามสารทุกข์สุกดิบธรรมดา จะคุยนานก็เกรงใจคุณพี่เมฆเขาครับ ไหนจะต้องเฝ้าโรงงาน กลับเที่ยงคืนบ้างตีสองบ้าง แต่ต้องตื่นเจ็ดโมงเช้าเข้าไซต์งาน แค่ฟังเขาพูดยังเหนื่อยเลยครับ



จนวันนี้แหละที่เขากลับมากรุงเทพ เลยมารับผมที่หอเพื่อจะได้ไปทำงานพร้อมกัน



“คิดถึง”



นั่นคือคำทักทายแรกทันทีที่ผมก้าวขาขึ้นรถก่อนที่จะถูกอีกคนคว้ามือไปจับ ผมมองหน้าเขาเต็มตา คุณพี่เมฆโกนหนวดเกลี้ยงมาก ดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ชีวิตตรากตรำปลุกปล้ำกับเครื่องจักรอยู่หน้าไซต์งานเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่มันก็แค่สองอาทิตย์อะเนอะ ถึงแม้จะเหมือนนานมากๆ เลยก็เถอะ



นานมาก … นานมากจริงๆ



“คิดถึงเหมือนกัน”



ผมไม่ได้ถอยหนีเมื่อคนขับรถยื่นหน้าเข้ามา ริมฝีปากของคุณพี่เมฆไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นน้อยลงจากครั้งแรกที่เราจูบกัน มือของคุณพี่เมฆที่เอื้อมมาแตะตรงแก้มยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบ ขอบคุณตัวเองมากที่ยังไม่ได้ทานอะไรหลังจากแปรงฟันแล้ว ผมไม่อยากให้คุณพี่เมฆได้กลิ่นขิงตอนจูบกับผมนะ



มันต้องเป็นฝันร้ายแน่นอน เพราะคุณพี่เมฆเขาไม่ทานขิงครับ



เรื่องนี้คุณพี่เมฆไม่ได้บอก แต่ผมเห็นตั้งแต่ตอนที่ทานอาหารกันรอบก่อนๆ ครับ เขามักจะเขี่ยขิงออกจากจาน เอากระดาษทิชชู่ห่อ แล้ววางไว้มุมโต๊ะให้พ้นสายตา ตอนแรกผมกะจะถามแล้วแต่ลืม ไปๆ มาๆ เลยไม่ต้องทำอีกต่อไป ผมเข้าใจนะ เพราะอะไรที่เป็นกะปิผมก็ทานไม่ได้เหมือนกัน มันไม่อร่อยเลยสักนิด



“น่ารัก”

“อือ”



ผมครางรับเมื่อเขากระซิบคำว่า น่ารัก ติดริมฝีปากผมตอนที่ผละออกมา เราจูบกันต่อ มันเหมือนจะลอยได้เลยครับ วูบๆ ตรงท้อง แล้วก็ร้อนๆ ที่ร่างกาย มือของคุณพี่เมฆที่ประคองแก้มผมเอาไว้ทำให้ยิ่งรู้สึกดีมากเลยครับ ในหัวตอนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากความต้องการคุณพี่เมฆ และผมต้องการมากกว่านี้



คุณพี่เมฆก็คงคิดเหมือนกัน เพราะเขาเล่นดึงผมไปหาตัวเขามากกว่าเดิม



“อื้อ!”



ผมประท้วงนิดหน่อยเมื่อเขาดึงผมเข้าไปแล้วแขนผมไปโดนเข็มขัดนิรภัยฝั่งเขา ตัดทิ้งไปได้มั้ยเนี่ย ทำผมเจ็บตัวอะ อยากฟ้องคุณพี่เมฆนะแต่เดี๋ยวอารมณ์เราจะหายกันทั้งคู่ ผมจัดการเองได้เรื่องนี้



“ซนนะเนี่ย”

“ก็มันเกะกะ”



พวกผมกระซิบกันเบาๆ เมื่อผมถอนเข็มขัดนิรภัยฝั่งคนขับ ดีที่ผมยังไม่ได้คาดของตัวเอง ไม่งั้นต้องเสียเวลามาถอดอีก เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็ย้ายตัวเองไปวางอยู่บนตักอีกคน (ปีนครับ ใช่ครับปีนไปฝั่งคนขับเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเด็กห้าขวบทั้งที่เลยวัยอนุบาลมายี่สิบปีแล้ว) โดยคุณพี่เมฆก็ปรับเบาะเอนจนสุดทันที ถึงแม้หน้าเขาจะดูตกใจนิดๆ แต่ไม่ได้ห้ามอะไร



แบบนี้จูบถนัดกว่าเยอะ ไม่เจ็บแล้วด้วย



ผมคิดขณะที่เอามือคล้องคออีกคนไว้ แล้วก็เริ่มต้นจูบไปด้วย มือคุณพี่เมฆที่ไล้วนอยู่แถวสะโพกยิ่งทำให้ผมอยากนั่งขยับตัวบนตักเขามากขึ้น ผมพยายามจะลืมตาตอนที่จูบไปด้วยเพราะอยากมองหน้าเขา แต่การจินตนาการหน้าคุณพี่เมฆตอนหลับตาก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่





Rrrr

เฮือก!



พวกเราผละออกจากกันทันทีที่เสียงโทรศัพท์คุณพี่เมฆดัง ผมปีนกลับมานั่งที่ของตัวเองดีๆ เมื่ออีกคนปรับเบาะขึ้นแล้วจัดแจงเสื้อผ้าตอนคุยไปด้วย พอสติกลับมาแล้วเพิ่งจะสำนึกครับ เมื่อกี้ผมปีนไปได้ยังไงวะ ที่นั่งมันไม่ได้แคบก็จริงแต่การที่ผู้ชายสองคนนั่งตักกันมันไม่ปกติหรือเปล่าวะ



“ว่าไงพี่… เอ้า เมื่อวันเสาร์เพิ่งจะปรับเครื่องไปเองไม่ใช่เหรอวะ ใครแม่งไปทำอะไรอีก ทำไมมันกลับมามีปัญหาอีกแล้ว”



คุณพี่เมฆคุยโทรศัพท์ไปด้วยสตาร์ทรถไปด้วย น่าจะเป็นปัญหาจากไซต์ที่ทำให้เขาไม่ได้กลับมาที่กรุงเทพฯ นั่นแหละ ท่าทางหงุดหงิดของเขาทำให้ผมไม่กล้าทำอะไรมากนอกจากนั่งนิ่งๆ พลางเหลือบมองคนที่กำลังเลี้ยวรถออกจากลานจอดรถหอผมครับ



โคตรเท่

ท่าทางขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้าดุแต่เมื่อสบตากับผมก็ส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้นี่มันเท่มากเลยนะ ให้ตาย แฟนผมนี่หล่อจัง



“ผมฝากด้วยนะพี่ ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้ เดี๋ยวจะรีบเข้าไปดู”



ผมมองหน้าเขาจนกดวางโทรศัพท์ ถอนหายใจเหมือนหงุดหงิด แล้วก็หลุดปากพูดสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกมา



“คุณหล่อจังเลย”

“อะไรของเราเนี่ย อยู่ดีๆ นึกจะชมก็ชมหรือไง ฮ่าๆ”



เขาหัวเราะนิดหน่อย ดูท่าทางเหมือนจะหายหงุดหงิดจากงานไปได้เยอะ เพราะบรรยากาศบนรถกลับมาเป็นปกติแล้ว เหมือนก้อนเมฆเครียดๆ เมื่อกี้ละลายไปพร้อมเสียงหัวเราะของคุณพี่เมฆ ขำอะไรไม่รู้แต่ผมก็รู้สึกดีที่ทำให้เขาหายเครียดนะครับ



ก็นะ แฟนทั้งคนที่นา



ระหว่างทางนั่งรถเราก็คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันเรื่อยๆ (ผมเพิ่งรู้นี่แหละว่าเมื่อเช้าก่อนมารับผม คุณพี่เมฆเขาเอาติ๊กต่อกไปไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้าน เพราะว่ามันป่วยแบบไม่รู้สาเหตุครับ คุณพี่เมฆบอกว่ามันไม่ยอมกินอะไรมาเป็นวันเลย น่าสงสารมากครับ ผมเคยเห็นหน้าบ่อยมากเพราะคุณโปรเจคชอบส่งมาให้ดูตลอด ตัวปุยๆ ขาวๆ น่าเอ็นดูมากครับ)



แปลกดีที่การคุยกันธรรมดาแต่ว่ามันกลับพิเศษ แค่นั่งคุยกันเฉยๆ นี่แหละ แปลกแต่ว่าดี ผมชอบจังเลย การได้เป็นแฟนคุณพี่เมฆเนี่ย

ครับ และผมจะย้ำอีกครั้ง เราเป็นแฟนกันแล้ว



ว่าแต่ เป็นแฟนแล้วต้องทำอะไรบ้าง?



หลังจากเป็นแฟนกับคุณพี่เมฆแล้ว ผมก็พยายามทำรีเสิร์ชด้วยกูเกิ้ลครับว่าเป็นแฟนกันมันต้องทำอะไรบ้าง การกูเกิ้ลว่า เป็นแฟนกับคนที่เคยชูวับชูวับกันต้องทำอะไรบ้าง นั้นไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดครับ มีแต่เนื้อเพลงกับนิยายอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมา ไม่ช่วยเลย ผมเลยลองเสิร์ชๆ ด้วยคีย์เวิร์ดสั้นๆ พบว่าคำตอบเกือบทั้งหมดก็คือ



คุยกัน ไปดูหนังด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน โทรศัพท์หากัน ไม่รู้สึกเบื่อเวลาที่คุยกันทั้งคืน ผมก็ทำทั้งหมดนั่นมาตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนแล้วนี่หน่า เหลือแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ … มีอะไรกัน



ผมมองหน้าคุณพี่เมฆที่กำลังบ่นเรื่องว่าควรจะเอารถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้แล้วให้ผมฟังพร้อมบรรยายสรรพคุณของการดูแลรักษารถ (ซึ่งมันกระเด้งออกจากหัวผมทั้งหมด) ในหัวคิดเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้มาตลอดเวลาที่มีคู่แล้ว จนเมื่อหาจังหวะได้ ผมเลยถามออกไป





“เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่เหรอครับ?”




เอี๊ยด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



“โอ๊ะ!”



ทันทีที่ผมถามจบ คุณพี่เมฆที่คงกำลังจะวนรถเข้าลานจอดรถเบรคกะทันหัน ทำให้รถคันข้างหลังที่เลี้ยวตามมาเบรคตามแล้วทุบแตรดังมาก



ปริ๊น!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



“พ่อมึงยึดอำนาจกรมการขนส่งไว้เองเหรอ?!!!!! ใบขับขี่เขาต้องเรียนถึงจะได้มา ไม่ใช่โดนซ้อม ไม่ตาย แล้วค่อยได้มาเว้ย กากหมูเอ๊ย บอกจะคืนความสุขอะไรอยู่ได้ไอ้บ้าประชาธิปไตยยังไม่รู้จัก จะได้เลือกตั้งมั้ยวะชาตินี้ กรุงเทพฯ ก็เหมือนกัน อ่อนแอฉิบหายฝนตกคืนนึงก็ตายแล้ว รถติดไปหมดเลย ปัดโถ่เว๊ย!!!!”





ท่าทางคันนั้นจะอัดอั้นมาก นอกจากกระทืบแตรแล้วยังสาดคำด่ามาเป็นชุด ซึ่งฝั่งผมได้แต่ขอโทษขอโพยครับ เถียงไม่ได้ เราผิดจริง



“เรา.. อ่า” คุณพี่เมฆที่กำลังจอดรถเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร “เราไปจำจากไหนมาเนี่ย”

“พันทิปอะ”

“พี่ว่าพันทิปต้องกำหนดเรตอายุคนเล่นให้ชัดกว่านี้แล้วแหละ”

“ทำไมอะ ผมว่า 24 ก็ไม่ได้แก่เกินอ่านพันทิปนะครับ”



พูดไปพูดมาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาเรื่องพันทิปครับ ผมว่าผมยังมีเรื่องสงสัยอีกเยอะเลยนะ แล้วผมถามคุณพี่เมฆได้หรือเปล่า? ต้องได้สิ เขาเป็นแฟนผมนี่



“เราไม่ไปขึ้นลิฟต์เหรอครับ?”

“ทานข้าวเช้าก่อนสิ เราต้องทานอะไรก่อนนะ นี่ถ้าพี่ไม่เตือนเราก็จะไม่ทานอะไรเลยใช่มั้ยเนี่ย”

“ก็ปกติผมชอบสายอะ”



ผมเดินตามคุณพี่เมฆไปที่โรงอาหารในตึกสำนักงานครับ คนบางตาแบบแปลกๆ คือส่วนใหญ่ผมมักจะมาตอนเที่ยงที่คนล้นหลามน่ะครับ ล้นจนบางทีแค่เห็นคนความหิวก็หายแล้วเราไม่กินก็ได้ เชิญทุกคนตามสบายเลย ไม่เป็นไรเราโอเค



ตามปกติคนทานข้าวกับแฟนเขาทานกันอย่างไรผมไม่รู้ แต่มื้อนี้คู่ผมนี่จ้วงเอาๆ เลยครับ ถึงแม้เราจะมาไม่สายแต่เวลาผ่านไปเร็วมากครับ จากนั่งกินชิลๆ กลายเป็นจุดที่แข่งกันสวาปามครับ



“เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงพี่ไปหานะ”

“ครับ ผมรอนะ”



ผมพูดแล้วเดินเข้าประตูไปครับ โหยทำเวลาดีเหมือนเดิม 8.54 น. แหม่ เดือนนี้มาเช้าทุกวันเลยครับ โบนัสสามเดือนแน่ๆ แม่จะต้องภูมิใจ



“เอ้าอ๊อง ทำไมมึงมาเช้า”

“เรามาก่อนซุกซนอะ ดีใจจัง”

“ไอ้สัด กูจะบอกให้เฮียจัดหนักมึง”



เพื่อนผมบ่นงึมงำอะไรไม่รู้แล้วค่อยนั่งลงครับ ตั้งแต่เมื่อก่อนคือผมจะมาช้ากว่าซุกซนตลอด พอวันไหนมาเร็วกว่าหน่อยถือเป็นเรื่องที่อวดได้สามซอยแปดร้อยหลังคาเรือน



“จัดหนักอะไร ทำไมเป็นคนคิดแต่เรื่องใต้สะดืออะซุกซน ใจทรามเหมือนชื่อไลน์”

“อย่าบอกว่ามึงไม่คิด”

“คิด แต่เราไม่ได้ใจทรามเหมือนซุกซน”

“เพราะมึงอ๊อง”



พวกผมตบตีกันอยู่สักพักจนคุณกฤติเดินนำไปที่ห้องประชุมนั่นแหละครับ เลยได้สติว่าจะต้องเดินตามไปด้วย ประชุมก็เดิมๆ ครับ ผมพยักหน้าทำเหมือนตั้งใจฟัง ออกห้องมาก็ยังไม่รู้โลกรู้ราวอะไรกับเขาเหมือนเคย นอกจากเรื่องงานที่ไม่เข้าหัวแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องที่รบกวนจิตใจมากๆ ด้วยครับ



“ซุกซน”

“หือ?”

“คือ--”



“แทนใจครับ เข้ามานี่หน่อย”



ทั้งผมทั้งซุกซนสะดุ้งเมื่อคุณกฤติเปิดประตูห้องออกมาเรียกผมครับ ผมเดินถือแล็ปท็อปเข้าไปในห้องคุณกฤติแบบงงๆ แล้วก็งงหนักตรงพวกออเดอร์ที่ผมคีย์เมื่อกี้หลุดอยู่เหมือนกัน นับพาร์ทผิดบ้าง ใส่วิธีการขนส่งผิดบ้าง ดีที่คุณกฤติละเอียด (ฉิบหาย) ครับเลยเจอว่าผมหลุด



“ปกติเราไม่เบลอขนาดนี้นี่ เมื่อคืนนอนดึกหรือไง?”

“ไม่ครับ… คือไม่ดึกเท่าไหร่ เอ๊ะ แต่ก็ดึก”

“...”

“ไม่ดึกดีกว่า ไม่ดึกครับ”



คุณกฤติถอนหายใจนวดขมับเหมือนกำลังเจอเรื่องปวดหัวแล้วแก้ไม่ได้ ท่าทางคล้ายๆ ผมตอนเจอว่าลูกค้าอยากให้ของถึงทันทีทั้งที่เพิ่งสั่งของไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว



“แทนใจ มีเรื่องกลุ้มใจอะไร บอกผมได้นะ”

“อันที่จริงก็มีครับ”

“...”

“เรื่องส่วนตัวนะครับ”



เมื่อเห็นคุณกฤติพยักหน้าเชิงว่าให้พูดออกมา ผมเลยพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกไป



“ต้องเป็นแฟนกันนานแค่ไหนถึงจะมีอะไรกันได้เหรอครับ?”





------- Monday In Love -------
[/b]







“เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”



คุณพี่เมฆเปิดฉากถามเมื่อผมกับเขานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟเหมือนอย่างเคย แต่เมื่อกี้ผมกำลังคุยกับคุณกฤติอยู่ตอนที่คุณพี่เมฆเดินมาเรียกครับ บรรยากาศระหว่างคุณพี่เมฆกับคุณกฤติแปลกมากเลย เหมือนสองคนนี้จะสามารถสื่อสารกันทางสายตาแล้วรู้เรื่องกันทั้งคู่โดยที่ยังไม่ต้องพูดอะไรเลยครับ



โคตรเท่ นี่ความสามารถของผู้ชายที่เป็นหัวหน้าคนแน่ๆ เลยครับ



“ผมถามเขาเรื่องที่ถามคุณพี่เมฆเมื่อเช้าอะครับ”



พูดแล้วก็ดูดลาเต้ไปด้วย งืม คาเฟอีนตอนเช้านี่ช่วยชีวิตผมได้เสมอเลย เมื่อกี้ทำใบเสนอราคาไปก็คิดแต่เรื่องนี้ไป ให้ตาย จิตใจหมกมุ่น บางทีผมอาจจะทรามกว่าซุกซนก็ได้ แล้วนั่นแย่มากๆ เลยนะ



“ถามอะไรครับ เรื่องข้าวเช้าเหรอ?”

“บ้าเหรอคุณ!” ผมหันไปเหวคุณพี่เมฆที่ยิ้มขำ เอาเข้าไป นี่ก็ขี้แกล้งขึ้นทุกวัน “หมายถึงเรื่องมีอะไรกันต่างหากเล่า”

“ถามอะไรครับ?”

“เราจะมีอะไรกับแฟนได้ต้องคบกันนานเท่าไหร่”

“พี่ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลาหรอก ถ้ารักกันก็ทำได้นะครับ”

“แต่คุณกฤติบอกว่าไม่ต้องรักกันก็ทำได้นะครับ” ผมแย้งคุณพี่เมฆตามสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ “คุณกฤติเขาบอกว่า อย่างเช่นผมไม่ต้องคบกับเขา แต่ก็มีอะไรกันได้นะ---”

“ไม่ได้!!”



คุณโปรเจคเมเนเจอร์ค้านขึ้นมาเสียงดังมาก ระดับที่โต๊ะอื่นหันมาทางนี้หมดเลยครับ เขาถอนหายใจใส่ผมที่กะพริบตาปริบๆ



“อย่าไปเชื่อมันมาก ไอ้แว่นนั่นน่ะ มันกวนตีน”

“แต่คุณพี่เมฆก็กวนนะครับ”

“พี่เริ่มคิดว่าเรากวนตีนตามไอ้แว่นนั่นแล้ว ย้ายมาแผนกพี่มั้ย?”

“ถ้าย้ายไปอยู่กับคุณพี่เมฆ ผมไม่ได้ทำงานแน่เลยอะ”

“น้องแทนใจไม่ทำงาน แล้วจะทำอะไรกับพี่ครับ?”



Rrrrr



ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรไป โทรศัพท์ของบริษัทก็เสียงดังขึ้นครับ คุณพี่เมฆยกขึ้นมารับแล้วลุกขึ้นไปคุยที่อื่น ทำให้ผมไม่ได้ยินอะไร แต่ท่าทางจะเครียดอยู่เพราะเขาเล่าให้ผมฟังเหมือนกันว่าช่วงนี้งานมีปัญหา แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร



ไลน์!



ไลน์จากโทรศัพท์ส่วนตัวของผู้ชายที่เพิ่งจะลุกไปคุยงาน แอบทดไว้ในใจว่าคุณพี่เมฆเขาก็ขี้ลืมพอตัวนะเนี่ย เพราะทั้งโทรศัพท์ส่วนตัว ทั้งกระเป๋าเงิน กุญแจรถ อะไรอยู่ตรงนี้หมดเลย ถ้าเกิดผมโดนไล่ออกจากงานโทษฐานลงมากินกาแฟนานเกินไป ก็จะขโมยพวกนี้ไปขายแล้วบล็อกเฟสบล็อกไลน์หนีไปเลย ง่ายดี น่าจะอยู่ได้อีกหลายปีครับ



ไลน์!



เด้งอีกแล้ว แต่ผมจะไม่อยากรู้ครับ จะไม่หยิบมาดู



ไลน์!



ไม่ครับ เราจะมีมารยาท ถึงแม้ผมจะแอบอยากรู้เล็กๆ ว่าใครไลน์มา



ไลน์!

ไลน์!

ไลน์!



ใครวะ!!!



ผมหยิบโทรศัพท์ที่เด้งดึ๋งๆ พร้อมกับเสียงเตือนไลน์ต่อเนื่อง อะไรเนี่ย ใครจะไลน์อะไรมาถี่ๆ ขนาดนี้ คุณพี่เมฆเป็นแฟนผมนะ ห้ามใครไลน์หาเขาเยอะกว่าผมสิ!



หวาน อักษร: เมฆนะ ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*




ใครคือ หวาน อักษร?



ผมว่าผมเคยได้ยินชื่อนี้นะ แต่นึกไม่ออกว่าได้ยินมาตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ไปรียูเนียนกับพวกคุณพี่เมฆ เพราะตอนนั้นเขาก็พูดถึงเพื่อนอยู่นะ เอ๊ะ หรือว่าเป็นคนที่บริษัทนะ อาจจะมีคนชื่อหวานที่เรียนอักษรก็ได้ แต่ถ้าแบบนั้นเขาน่าจะเมมฯ เป็นชื่อตำแหน่ง หรือชื่อแผนกมากกว่า



ว่าแล้วก็สงสัย เขาเมมชื่อผมว่าอะไรนะ?



เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยเอาจริงๆ เพราะใครจะเมมชื่อใครว่าอะไรก็แล้วแต่เลยครับ ปกติผมก็เมมตามที่เขาเป็น อย่างเช่นซุกซนเมื่อก่อนก็เป็น ซุกซน ใจทราม หรือว่า พี่แทนรัก น้องแทนกาย อะไรปกติเลยครับ



แต่พอเป็นคุณพี่เมฆ ผมกลับอยากรู้แฮะ

ทดลองง่ายๆ ด้วยการกดสติกเกอร์โง่ๆ ส่งไปหาคุณพี่เมฆครับ เป็นตัวโคนี่กอดกับหมีบราวน์ครับ



แฟน: *ส่งสติกเกอร์*



โอเค ได้คำตอบแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย ตัวไม่อยู่ก็ยังทำให้ผมหน้าร้อนได้ตลอดเลย อะไรเนี่ย



“แหน่ะ เดี๋ยวนี้หัดเช็กโทรศัพท์เหรอเรา”



ผมสะดุ้งปล่อยโทรศัพท์หลุดมือเมื่ออีกคนมาใกล้ๆ แล้วพูดอยู่ข้างหลัง ไอ้คุณโปรเจคหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อแกล้งผมได้ เออ ดี มีเพื่อนเพื่อนก็ดึงแก้ม มีแฟนแฟนก็แกล้ง





“ไม่ได้ตั้งใจจะเช็กนะครับ ผมแค่เห็นว่ามีคนไลน์มา--”

“เลยหยิบมาดู”

“เลยจะหยิบให้คุณ”

“ไม่เนียนนะครับ”



ผมย่นจมูกทำหน้าบี้ใส่คนที่มานั่งข้างๆ แทนที่ฝั่งตรงข้ามผมเหมือนตอนแรก ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าส่งยิ้มหล่อมาให้ แฟนใครเนี่ยทำไมหล่อจัง





“ที่ไซต์ยังมีปัญหาเหรอครับ”

“อืม” คุณพี่เมฆรับคำสั้นๆ พร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ท่าทางเครียดจริงแฮะ เท่าที่สังเกตมาเขาจะสูบบุหรี่ก็เพราะเรื่องงานนี่แหละ

“อยากเล่าให้ผมฟังมั้ย?”

“...”

“ผมไม่ได้อยากจะยุ่งนะ แต่แบบ คือเผื่อผมช่วยอะไรได้ไง ถึงแม้ว่าผมจะตกคณิตตลอดหกปีมอปลาย แต่ๆ แบบ อย่างน้อยอาจจะช่วยแนะนำร้านอาหารอร่อยอะไรอย่างงี้ หรือว่า--”



ผมยังพูดอะไรไม่ทันจบ คุณพี่เมฆก็เอาหัวพิงกับไหล่ผมครับ ซึ่งผมก็คว้ามือเขาไปจับครับ มือคุณพี่เมฆไม่ได้นุ่มอะไร แต่ผมไม่ได้อยากได้แฟนมือนุ่มอยู่แล้ว จะแบบไหนผมก็โอเคทั้งนั้น



“แค่อยู่กับเรา พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”





การมีแฟนนี่มันทำให้หัวใจพองฟูจนเหมือนจะลอย หรือเพราะว่าเป็นคุณพี่เมฆเลยทำให้ผมรู้สึกได้ขนาดนี้กันนะ







------- 50% -------





อย่างที่บอกนะคะ เหลืออีกเยอะ ใจเย็นๆ 5555555

สุขสันต์วันหยุดยาวค่ะ ไหนใครเอางานกลับมาทำบ้านแบบเราบ้าง TT_TT

ใครไปเที่ยวก็เที่ยวเผื่อด้วยนะคะ เดี๋ยวเราทำงานแทนเอง ไม่ต้องห่วง ฮือ TTTTTTTTTTTTTTTT



สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แทนใจ คนใสๆใช่มั้ยนะ พพี่เมฆอดใจไม่จับฟัดไหวได้ไงเนี่ยะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องแทนใจลูกกก หนูถามอะไรแบบน้านน พี่เมฆช็อคเลย 5555

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
น้องแทนใจน่ารักจังเลยหนู อ๊อง ๆ ดีแท้

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ผญ.คนน้านนนจะมีอะไรมั้ยยน้า ระแวงไว้ก่อน 555

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
แทนใจหวาย ๆ หวายแทนใจ
… อิอิ สงสารคุณพี่เมฆจริง ๆ เลยนะเนี่ย

เอาว่า ขอให้พี่เมฆมีคำตอบให้ในเร็ววันนะจ๊ะ สาธุ!

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
15th Monday -- 100%

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์




“เรื่องงานอีกแล้วเหรอครับ?”





ผมถามคุณพี่เมฆที่ถอนหายใจทันทีที่ขึ้นมาบนรถ เมื่อสักครู่เขาออกไปคุยโทรศัพท์ พวกผมมีแผนที่จะไปทานข้าวกันหลังเลิกงาน น่าจะดูหนังต่อด้วย แต่คงไม่ดึกมากเพราะว่าพรุ่งนี้คุณพี่เมฆจะต้องไปไซต์งาน ขับรถนานครับ กลับดึกนอนน้อยเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเหนื่อยเกินไป





“นิดหน่อยน่ะ”

“เล่าได้นะ เล่าได้จริงๆนะครับ”

“...”

“คุณสมมุติเหมือนที่ผมเคยสมมุติก็ได้นะ… เฮ้ย แต่รอบนั้นเรื่องสมมุติจริงๆนะ”

“น่ารัก”





คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้ หน้าตาเขาคลายกังวลลงไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมเล่าปัญหาให้ฟัง





“เรื่องที่พี่ต้องเข้าไปแก้นั่นแหละ ปัญหาเก่าเพิ่งแก้ก็เจอเรื่องใหม่เพิ่มอีกน่ะ” คุณพี่เมฆเล่าขณะที่วนรถออกจากลานจอดรถ เพื่อไปติดอยู่ตรงถนนหน้าบริษัท เอาเข้าไปประเทศกรุงเทพฯ รถจะติดมันทุกที่เลยหรือไง



“เอาแค่เมื่อเช้าละกัน เครื่องจักรหยุดเดิน ช่างก็แก้กันจนมันผลิตต่อได้ พอเสร็จแล้วดันเจอปัญหาเพิ่มอีกจุด ช่างหน้างานก็ไม่กล้าทำ พี่เลยขอคนจากไซต์ไอ้เบิร์ดมาช่วย เพราะพี่คนนั้นเขาเป็นงาน...”





ผมนั่งฟังปัญหาเรื่องงานของคุณพี่เมฆเงียบๆ เพราะไม่รู้ว่าจะออกความเห็นอะไร มานั่งคิดดูนี่ผมเป็นแฟนที่ดีพอหรือยังนะ ทำไมตอนที่เขามีปัญหาผมดูไม่สามารถช่วยเขาได้เหมือนที่เขาพูดเตือนสติผมเลย ผมน่าจะช่วยอะไรเขาได้บ้างนะ





“... แทนใจ?”

“ครับ?”

“เหม่อบ่อยนะเราเนี่ย” คุณพี่เมฆพูดขำๆ ซึ่งผมได้แน่ยิ้มแหยเพราะไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอะไร เรื่องจริงทั้งนั้น

“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ?”

“พี่ถามว่าทานข้าวเสร็จแล้วเรารีบไปไหนหรือเปล่า พี่จะชวนไปรับติ๊กต่อกที่โรงพยาบาลด้วยกัน”

“ไม่รีบนะครับ ไปได้นะ ผมก็อยากเจอติ๊กต่อก”





ไม่บอกเขาหรอก ว่าผมอยากจะรู้ว่ามันหน้าเหมือนผมขนาดนั้นเลยหรือไง ติดลิขสิทธิ์นะ แทนใจมีแค่คนเดียวเท่านั้น แม้แต่ติ๊กต่อกถ้าจะเหมือนผมต้องมาเช็นสัญญาขอใช้ลิขสิทธิ์ก่อน!... เอ๊ะ หรือผมจะเกิดหลังติ๊กต่อกนะ? บ้าแล้ว อันนี้ไม่น่าใช่





พวกเราแวะทานข้าวกันนิดหน่อย ก่อนจะไปรับติ๊กต่อกซึ่งกว่าจะถึงก็มืดแล้ว เพราะโรงพยาบาลค่อนข้างไกลจากที่ทำงานเราครับ พอถามคุณพี่เมฆเขาก็บอกว่าเจ้าของไข้ติ๊กต่อกอยู่ที่นี่ เขารู้จักกับหมอที่อยู่กับน้องมาตั้งแต่ต้น ถ้าไม่จำเป็นเลยไม่ค่อยอยากพาไปหาที่อื่นเท่าไหร่





ยังดีที่โรงพยาบาลยังเปิดอยู่ เราใช้เวลากันที่โรงพยาบาลพักใหญ่ๆเลย เพราะว่าคิวเยอะมากเลยครับ อาจจะเพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยน มั้งนะ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสุขภาพสัตว์เท่าไหร่ สุขภาพตัวเองยังเอาไม่ค่อยรอดเลย





 ซึ่งเมื่อรับติ๊กต่อกกลับมาแล้ว เจอเรื่องที่ยากกว่านั้นอีก





‘ซ่า’





ฝนตก … ผมมองฝนตกปรอยๆที่ตั้งเค้าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลอย่างเซ็งๆ ถ้ามันหยุดเร็วๆนี้ก็คงดี





“ซ่า!!!!!!!!!!!!!’





ยิ่งคิดเหมือนยิ่งยุ ทีงี้ล่ะตกแบบฟ้ารั่วเลยครับ ลมเอยอะไรเอย พัดจนที่ปัดน้ำฝนปัดแทบจะหักแล้วฝนก็ไม่หายไป รถก็ติด ถนนตายไปเลย แถมยังต้องกลัวว่าถ้าน้ำท่วมอีกจะขับรถไปได้มั้ย ชีวิตดีๆที่กรุงเทพฯจริงๆให้ตาย





“ฝนตกแบบนี้อากาศชอบเย็นอะ เนอะติ๊กต่อกเนอะ ติ๊กต่อกหนาวมั้ยครับ?”





ผมก้มลงไปคุยกับกระต่ายอ้วนบนตัก น้องนอนกินหญ้าแห้งอยู่ในกรงของเจ้าตัวครับ ตอนนี้กลับมากินเก่งเหมือนเคยแล้วครับ ต่างจากคำบอกเล่าของคุณพี่เมฆเมื่อเช้ามากๆ เคี้ยวหญ้าแก้มตุ่ยไม่สนใจผมเลยเนี่ย





“คุณพี่เมฆลดแอร์หน่อยมั้ย เดี๋ยวติ๊กต่อกหนาว”

“ติ๊กต่อกหนาว หรือเพื่อนติ๊กต่อกหนาวครับ?”

“บอกว่าติ๊กต่อกหนาวไงคุณ”





ไอ้คุณพี่เมฆที่มีความสุขกับการกวนประสาทผมหัวเราะ ก่อนที่จะยอมปรับแอร์ให้ ผมเลิกสนใจคุณพี่เมฆแล้วไปดูติ๊กต่อกต่อครับ น้องน่ารักมากเลย เข้าใจแล้วทำไมคุณพี่เมฆถึงได้ชอบเลี้ยง นิ่งมากไม่ดื้อไม่ซนเลย แถมยังเคี้ยวหญ้าแห้งตุ้ยๆตลอดเวลา ตัวปุยๆสีขาว ก้อนๆ น่ารัก





“สรุปทำไมน้องไม่กินข้าวอะ?”

“น้อง?”

“ติ๊กต่อกไง ติ๊กต่อกเป็นน้องผมแล้ว คุณห้ามแกล้งน้องผมนะ”





ผมพูดแล้วกอดกรงติ๊กต่อกเอาไว้ ซึ่งน้องก็ดีมากเลยครับ ไม่สนใจเลย ก้มหน้าก้มตากินหญ้าแห้งอย่างเดียว หัวใจพี่ช่างเจ็บช้ำ แต่กินก็ดีครับ น่ารักดี เคี้ยวตุ้ยๆ





“นับญาติได้ดีจริงๆ หน้าเหมือนกันเลยเนี่ย”

“คุณพี่เมฆว่าผมมีหางเหรอ? หรือว่าผมมีขน หรือว่าว่าผมกินหญ้า? เฮ้ ซิสเลอร์เขาเรียกสลัดนะไม่ใช่หญ้า เผื่อคุณไม่รู้”

“เถียงเก่งจังเลยนะครับ”

“อ่อยยยย อิ๊กอ่อกอ้วยอ้วยยยยยยยย” (“ปล่อย ติ๊กต่อกช่วยด้วย”)





ถึงแม้จะเป็นแฟนกันแล้วเขาก็ไม่ได้เลิกดึงแก้มผมครับ อะไรเนี่ยถ้ามันยืดขึ้นกว่าเดิมจะทำไงอะ แค่นี้ก็เยอะจะตายอยู่แล้ว ทุุกวันนี้แก้มผมเยอะกว่าเงินเดือนอีกเนี่ย ปล่อยนะ ปล่อยสิ!





“มันเขี้ยว”

“คอยดูนะ ผมจะฟ้องคุณกฤติ คุณแกล้งผมอะ จะฟ้องซุกซนด้วย”

“มันเขี้ยว”





ฝนก็ตก รถก็ติด แต่ผมกับคุณเมฆก็สามารถตีกันไปได้เรื่อยๆ (โอเค อาจจะเป็นผมเองที่ตีกับเขาอยู่คนเดียว เพราะเขาเอาแต่เดี๋ยวดึงแก้มเดี๋ยวลูบหัว เขาเล่นกับผมเหมือนที่เล่นกับกระต่ายตัวเองจริงๆนะเนี่ย) ที่มันนานส่วนหนึ่งเพราะว่าเรามากันไกลมากครับ ผมนี่ไม่อยากจะคิดค่าแกร๊บเลยหากวา่จะต้องนั่งจากตรงนี้กลับไปที่หอเนี่ย





ผมนั่งร้องเพลงในรถครับ คุณพี่เมฆบอกว่าปกติตัวเขาชอบฟังเพลงไทยมากกว่า แต่วันนี้เขาให้ผมเลือกเพลง ผมก็จัดเพลงที่ชอบเลย





“I'm not looking for somebody with some superhuman gifts. Some superhero, Some fairy tale bliss. Just something I can turn to. Somebody I can miss. I want something just like--”





“แทนใจ”

“ครับ…”





ผมเลิกร้องเพลงหันไปมองคนข้างๆ คุณพี่เมฆเวลาใช้ความคิดบนรถเขาชอบเคาะพวงมาลัยครับ แล้วตอนนี้พี่แกก็กำลังทำแบบนั้นอยู่





“ไปนอนบ้านพี่มั้ย”

“ได้นะ”





เขาหันมามองผมท่าทางประหลาดใจนิดๆ คงไม่คิดว่าผมจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้ หรืออาจจะตกใจที่ถนนประเทศไทยสามารถติดไม่ขยับแบบนี้ก็ได้ อันนี้อาจจะไม่น่าตกใจมากเท่าไหร่ เพราะมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมเกิดแล้วครับ ยิ่งช่วงหลังๆนี่บ้าไปแล้ว ฝนตกทีรถติดแบบกรุงเทพฯพังไปเลย





“ทำไมง่ายจัง”

“ก็รถมันติดเลวร้ายขนาดนี้ แถมถ้าคุณต้องขับวนไปส่งผมที่ห้องแล้วค่อยขับกลับคอนโดอีกรอบมันต้องดึกมากแน่ๆ ผมไม่อยากให้คุณขับรถนานๆอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องออกไปไซต์เกิดป่วยขึ้นมาจะทำยังไงเล่า”





ผมพูดในสิ่งที่คิด ขณะที่เลือกเพลงในโทรศัพท์มือถือไปด้วย อ๊ะ ได้แล้ว





“อีกอย่าง เป็นแฟนกันแล้วนี่ ยังต้องกลัวอะไรอีกเหรอครับ?”





คุณพี่เมฆไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เพียงแค่หันมายิ้มให้พร้อมคว้ามือผมไปจับไว้เท่านั้น ซึ่งผมเองก็ประสานมือกลับไป

ถ้าเราจับมือกันแบบนี้ตลอดไปก็คงดีเนอะ





.
.
.




“ผมนึกว่าคุณจะพาไปคอนโดฯคุณซะอีก”





ผมพูดเมื่อเรามาถึงบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลสัตว์ของติ๊กต่อกเท่าไหร่ ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะปกติเขาอยู่คอนโดฯใกล้ที่ทำงานครับ เพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่าที่เขาบอกจะพาผมมาบ้าน คือบ้านจริงๆ แบบบ้านเป็นหลังๆอะ ไม่ใช่ห้องที่เรียกว่าบ้านเหมือนของผม





หรือคนอื่นเขาเรียกคอนโดฯกับหอเป็นห้อง ผมนี่เรียกทุกอย่าที่นอนว่าบ้านครับ





บ้านของคุณพี่เมฆเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรปกติครับ บ้านหลังไม่ได้เล็กเลยจริงๆ ผมมองนั่นมองนี่อย่างสนใจ นี่เขาอยู่คนเดียวในบ้านใหญ่ขนาดนี้ไม่เหงาหรือไงนะ? ถ้าเป็นผมนะ ผมคงต้องเหงามากแน่ๆเลย คุณพี่เมฆนี่เก่งจริงๆ





คนอะไรทั้งหล่อทั้งเก่ง อ๋อ แฟนผมเองแหละ





“มันไกล กลับมาที่นี่ใกล้กว่า”





ผมพยักหน้าเห็นด้วย ไกลจริง คนละเส้นเลย เป็นผมถ้าได้ทำงานที่นั่งผมก็อยู่คอนโดนะ ขับไปขับมาแบบระยะทางเกือบยี่สิบกิโลทุกวันล้าพอดี





“นี่ คุณยังไม่บอกผมเลยนะว่าติ๊กต่อกป่วยเป็นอะไร”

“ยังไม่ลืมอีกเหรอเนี่ย?”





เขาพูดขำตอนที่เอาน้ำมาให้ผมอย่างที่เจ้าบ้านที่ดีควรทำ ตอนนี้พวกเรานั่งกันอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ทีวีจอแบนตรงหน้าผมนี่ใหญ่มากเลยครับ น่าเอาหนังมาเปิดดูมากเลย โหยถ้าที่ห้องผมมีทีวีใหญ่ขนาดนี้นะ ผมต้องฟินมากแน่ตอนเปิด netflix ดูอะ





“ติ๊กต่อกเครียดน่ะ”

“เครียด?” ผมทวนคำเขางงๆ “กระต่ายมีเรื่องเครียดอะไรอะครับ? หญ้าไม่อร่อยเหรอ?”

“เรานี่นะ”





เขาดึงผมไปหอมหัว ก่อนที่จะปล่อยออกอย่างรวดเร็ว ก็ลองเขาไม่ปล่อยสิ เราน่าจะได้จูบกันต่อแน่นอน แล้วอาจจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นเลยก็ได้





ผมมองบ้านคุณพี่เมฆอย่างสนใจ ทุกอย่างดูเหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด ทั้งเฟอร์นิเจอร์และของประดับตบแต่ง ดูไม่เก่าเลยครับ แถมฝุ่นก็ไม่มีเลย น่าจะเข้ามาทำความสะอาดเป็นประจำ





“ไม่ได้อยู่กับเจ้าของนานเลยเหงา พอเหงาก็เลยเครียดไม่ทานข้าวน่ะ”





เขาตอบยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นหยิบกรงไปวางไว้ตรงโต๊ะใกล้ๆ พลางลูบหัวกระต่ายอ้วนที่ตอนนี้ยังไม่หยุดกินเลยครับ ท้องจะแตกมั้ยนั่น





“เป็นความเครียดที่ทั้งน่าสงสาร แล้วก็น่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันเลยอะ”

“ใช่มั้ยล่ะ แบบนี้พี่จะกล้าไปไหนนานๆเนี่ย”





ผมมองคุณพี่เมฆที่ก้มลงไปเล่นกับติ๊กต่อกในกรง เจ้าตัวอ้วนดูไม่ใช่ก้อนอะไรที่จะเหงาเวลาคุณพี่เมฆไม่อยู่เลยครับ เพราะมันดูไม่สนใจเลย เอาแต่กินอย่างเดียว เล่นด้วยก็ไม่เล่นด้วย มันอาจจะรักของมันแบบเงียบๆล่ะมั้ง อยู่ด้วยกันทุกวันอะเนอะ





ขนาดผม ไมเ่จอเขาแค่สองอาทิตย์ยังคิดถึงเขามากๆเลย





“ถ้าวันไหนคุณพี่เมฆต้องไปไซต์นานๆ เอามาฝากไว้ที่ผมก็ได้นะ เดี๋ยวผมช่วยดูแลให้”





เขาละออกจากกระต่ายมามองหน้าผม สายตาเขาดูมีอะไรมากมายอยู่ในนั้นแต่ผมไม่สามารถแปลออก ขนาดเป็นแฟนกันแล้วคุณพี่เมฆก็ยังคงคอนเส็ปความเข้าใจยากสำหรับผมไว้เหมือนก่อนที่จะคบกัน ในที่สุดเขาก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยเบาๆ





“ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง”





ผมส่งยิ้มให้เขา เรานั่งกันอยู่แบบนั้นครับ เขาเล่นกับกระต่ายที่เอาแต่กินโดยมีผมนั่งมอง ถ้าวันหนึ่งผมเกิดไม่ได้อยู่กับเขานานๆแล้วจะเครียดแบบที่ติ๊กต่อกเป็นมั้ยนะ นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ ไม่อยากนึกด้วย ขอจินตนาการน้อยสักวันละกัน





“ทำไมถึงได้ตั้งชื่อน้องว่าติ๊กต่อกอะครับ?”

“อ๋อ เพราะมันชอบมองนาฬิกาไง เจ้าตัวอ้วนนี่มองนาฬิการอเวลาอาหารตลอด พอกินเสร็จแล้วนาฬิกาดังมันก็จะมาตะล่อมขอกินอีก สนใจอยู่เรื่องเดียวเนี่ยคือเวลาที่จะได้กินข้าว เลยชื่อติ๊กต่อกไปแล้วกัน”

“ฮ่าๆ เหมาะจังเลย”





ดูจากตัวมันก็ไม่แปลกใจอะ ตอนที่เห็นในรูปครั้งแรกดูเหมือนจะตัวกลมๆเล็กๆ พอมาเจอของจริงตัวใหญ่มากครับ อุ้มแล้วหนักมาก แขนผมแทบหักแหน่ะ (ไม่แฟร์เลย คุณพี่เมฆอุ้มมันแบบสบายๆ ในขณะที่ผมเหมือนยกกระสอบทรายและความหวังของคนทั้งประเทศเอาไว้ นี่สินะสิ่งที่ได้มาจากการเข้ายิมเป็นประจำ) แต่น่ารักให้อภัยได้





หืม? เสียงรถ?





“คุณพี่เมฆครับ มีใครมาหาหรือเปล่า? ผมเหมือนได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้านนะ ออกไปดูหน่อยมั้ย?”

“ไม่มีอะไรหรอก บ้านนี้พี่อยู่คนเดียว เขาอาจจะจอดผิดบ้าน”





ตอนนี้คุณพี่เมฆวางกระต่ายไว้ในกรงเหมือนเดิม ล้างมือ แล้วมานั่งข้างผมบนโซฟาเรียบร้อย  โหย ขนาดหน้าที่ทำงานมาทั้งวันแล้วยังหล่อเลย แฟนผมเองครับทุกคน อยากจับใส่หิ้วอวดคนทั่วโลกเลย นี่แฟนผมครับ แฟนผมมมมมมม





“แล้วทำไมแทนใจ ถึงได้ชื่อแทนใจล่ะ?”

“ก็ตอนนั้นพ่อแม่มีพี่แทนรัก … ตามชื่อนั่นแหละครับ แทนความรักของพ่อกับแม่ พอมีผมก็เลยชื่อแทนใจ แทนใจพ่อแม่นั่นแหละตรงๆตัวเลย ส่วนน้องกายก็เหมือนกัน แทนร่างกาย เพราะงั้นเราสามคนเลย--”





‘กริ๊ก’





เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในบ้าน น้องท่าทางตกใจนิดหน่อยเหมือนไม่คิดว่าจะเจอพวกผมกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา แต่สักพักใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง มาสังเกตดีๆน้องน่ารักมากเลยครับ หน้าตาเหมือนตุ๊กตาเลย ยิ่งเวลายิ้มดูใจดีเหมือนคุณพี่เมฆเลยครับ





“พี่เมฆสวัสดีค่ะ” น้องไหว้แฟนผมด้วยท่าทางน่ารักครับ เมื่อหันมาเห็นผมน้องก็ยิ้มแล้วยกมือไหว้ผมด้วย





“เพื่อนพี่เมฆสวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ”





ดูจากขนาดตัวแล้วก็ชุดนักเรียนน้องน่าจะไม่เกินชั้นประถมครับ น่ารักอะ ฮือ ผมชอบเด็กมากเลย น่าร้ากกกกกกก





“หนูชื่ออะไรเอ่ย พี่ชื่อแทนใจนะครับ”





ผมลุกขึ้นไปหาเด็กน้อยที่ยังยืนยิ้มอยู่ น้องถักเปียสองข้างด้วย นึกถึงพี่แทนรักสมัยเด็กๆเลยครับ โรงเรียนเราบังคับให้เด็กผู้หญิงถักเปียผูกโบว์ ตอนนั้นพี่แทนรักบ่นทุกวันเพราะต้องตื่นก่อนพวกผมมาให้คุณแม่ถักเปียให้ ตอนนี้มาเห็นเด็กหญิงถักเปียแล้วเข้าใจเลยทำไมโรงเรียนถึงได้บังคับ มันน่ารักมากๆ ระบงระเบียบอะไรชั่งมันก่อน ความน่ารักมาเหนือทุกอย่าง





“หนูชื่อสายฝนค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ?”

“พี่ชื่อแทนใจครับ”





ยิ่งมองยิ่งชอบครับ ผมชอบเด็กน่ารัก น้องเข้าข่ายมากๆ ตอนเล็กๆผมเคยคิดว่าถ้าโตขึ้นมีครอบครัวแล้วมีลูกสาวน่ารักๆสักคนน่าจะดี แต่ตอนนี้มีลูกเองอาจจะยากแล้ว เพราะคุณพี่เมฆไม่น่าจะตั้งท้องได้ แต่ก็ไม่แน่ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอนครับ โลกนี้อาจจะมีวิธีการให้ผู้ชายตั้งท้องได้





คุณพี่เมฆต้องอุ้มท้องลูกของผมสบายๆแน่นอน กล้ามขนาดนั้น ให้โหนบาร์ไปอุ้มท้องไปยังไม่เหนือบากกว่าแรงแน่นอนครับ แฟนผมนี่แข็งแรงที่หนึ่งเลย





“หนูเป็นน้องสาวของพี่เมฆค่ะ พี่แทนใจเป็นเพื่อนของพี่เมฆเหรอคะ?”





จะตอบว่าเป็นสามีของพี่เมฆแล้วน้องจะตกใจมั้ยนะ ผมมั่นใจมากๆว่าตัวเองเป็นสามีแน่นอน ถึงแม้ว่าตอนถามแฟนผมจะหัวเราะแล้วไม่ตอบก็เถอะ





“นั่นสินะครับ คุณพี่เมฆครับ เราเป็นอะไรกะ--”





ผมไม่แน่ใจว่าคุณพี่เมฆอยากจะให้ผมบอกน้องว่าอะไรเลยจะหันไปถามความเห็นของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา



สีหน้าของคุณพี่เมฆทำให้ผมชะงัก คำพูดทั้งหมดถูกกลืนกลับลงไปในลำคอ





คุณพี่เมฆนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าคมที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอเรียบตึงเหมือนกำลังซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อย่างเต็มที่ สายตาของเขาที่มองน้องสายฝนเหมือนกับคนที่มองสิ่งปฏิกูล ท่าทางเย็นชาที่แฝงไปด้วยความรังเกียจนั่นทำให้ผมขนลุกอย่างประหลาด 





ผมกลัว





ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมทั้งห้อง แม้แต่น้องสายฝนเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก น้องหน้าเสียเหมือนกับทำความผิดมหันต์ มือที่เมื่อครู่ไหว้ผมตอนนี้กำกระโปรงแน่นเหมือนกำลังกลัวมากๆ





นี่มันอะไรกัน?





“เธอมาทำอะไรที่นี่?”





คุณพี่เมฆพูดเบาๆแต่กลับดังมากในความรู้สึกของผม เด็กหญิงถอยกลับไปที่ประตูเมื่อคุณเมฆมองไปทางน้อง ผมมองหน้าเรียบนิ่งของอีกคน ผมคิดว่าคุณพี่เมฆเข้าใจยากผมเลยอยากทำความเข้าใจเขาให้เยอะๆ อยากเห็นสีหน้าท่าทางทุกแบบอยากรู้จักเขาเพิ่มขึ้น อยากเรียนรู้มากขึ้น





ตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจว่าอยากจะเห็นเขาในมุมแบบนี้ด้วยหรือเปล่า





 เขาเหมือนคลื่นใต้ท้องทะเล ที่น่ากลัวและเป็นปริศนา ผมไม่เคยรู้ว่าเขามีน้องสาว ผมไม่เคยรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย





ผมหันกลับไปมองคุณพี่เมฆอีกรอบ ความคิดหลากหลายประเดประดังเข้ามาในหัว แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นคำถามที่วนอยู่ในสมองซ้ำๆ





ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?



ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลย ไม่รู้จักเลยจริงๆ





------- TBC -------





สิงหาสุขสันต์ค่า อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด