#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)  (อ่าน 90104 ครั้ง)

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2018 19:33:46 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
we all hate MONDAYS ;(
it is kind of weird to see he does not
 



#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์



"ทำไมคุณถึงชอบวันจันทร์จังเลย"
"ผมไม่ได้ชอบวันจันทร์"
"..."
"ผมชอบคุณ"









start : 16/2/18
status : on going


#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


------- ♡ Monday in Love ♡  -------

สารบัญ






------- ♡ Monday in Love ♡  -------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2018 17:27:29 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
Intro 

 



ผมเกลียดวันจันทร์




ในสมัยเด็กวันจันทร์ถือเป็นเรื่องน่าเบื่อมากที่สุด การที่ต้องส่งสมุดการบ้าน วันที่รถมักจะติดที่สุด โรงอาหารมักจะคนเยอะ เสียงดัง และวุ่นวายไปหมด ทั้งที่ทุกคนก็เรียนวันจันทร์ถึงศุกร์ ไม่ได้เรียนแค่วันจันทร์วันเดียวสักหน่อย ไม่รู้ทำไมมันถึงได้วุ่นวายมากๆ แค่วันจันทร์



เมื่อโตขึ้นมาก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ วันที่มีประชุมแผนกในตอนเช้า มีความตามงาน และอีเมลมากมายจากทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกค้า บริษัทจะวุ่นวาย เพราะอะไร? เพราะว่ามันเป็นวันจันทร์ไง!!!



ทั้งที่วันเริ่มต้นสัปดาห์มีแต่เรื่องน่าปวดหัว

 






แต่ไม่รู้ทำไม



ใครคนนั้นถึงได้ดูเหมือนจะชอบวันจันทร์เหลือเกิน

 




------- TBC -------

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
1st Monday

 

 

“ขอโทษที่สายครับ”

 

 

อึ๋ย มองกันมาทั้งห้องเลยอะ

 

ผมทำหน้าแหย แอบเห็นนะว่าพวกเลขาฯ แอบหันไปยิ้มขำกัน คนมันขึ้นแกร๊บไบค์* (Grab bike : แอพเรียกรถมอเตอร์ไซต์ ขายดีมากเวลาที่รถติด บีทีเอสเสีย)  มาจะไปบอกว่าพี่ขับอย่าให้หน้าม้าแตกมันได้ที่ไหนกันเล่า ผมรีบเอามือจับ ๆ หน้าม้าให้มันเข้าที่เข้าทาง โอ้ย หน้าม้านี่ก็ขึ้นไม่ยอมลงสักที เอาบันไดมั้ย ลงมาาา

 

“เอาล่ะ มากันครบแล้วนะ”

 

คุณกฤติหันหน้ามามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจโปรเจคเตอร์อีกครั้ง เหมือนผมเป็นแค่ฝุ่นบนแก้วกาแฟ สไลด์ PowerPoint บนจอที่คุณเลขาฯแผนกทำไปบ่นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรากฏขึ้นมา และการประชุมที่น่าเบื่อแต่ต้องพยักหน้าเหมือนตั้งใจฟังอยู่ก็เริ่มขึ้น

 

คล้ายย้อนกลับไปนั่งเรียนในห้องบรรยายสมัยมหาลัยที่อาจารย์น่าเบื่อ ๆ สอน อาจารย์ป้าที่ยืนบรรยายเปิดสไลด์แล้วไปเรื่อย ๆ  ต่างกันตรงที่ตอนนั้นหลับได้ ตอนนี้แค่แม้แต่หาวยังต้องกลั้นเอาไว้ พยายามทำตาให้เหมือนกับคนที่สนใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนจอทั้งที่ความจริงแล้ว …

 

ฮื่อ ง่วง

 

แผนกที่ผมอยู่ค่อนข้างใหญ่ แบ่งย่อยลงไปเป็นฝ่ายต่างๆ แล้วก็เป็นสาขาอีกที ปกติมันก็จะมีประชุมย่อยด้วย แต่อันนี้รวมหมดทุกคน มันก็เลยจะนานแบบนี้แหละ คล้ายฟังมหากาพย์ของกราฟการขาย

 

    “เรื่องสุดท้าย”

 

ผมดึงตัวเองที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ กลับมา พร้อมสวมหน้ากาก ‘ตั้งใจฟังอยู่ครับ’ อีกครั้งหลังจากหลุดเหม่อมานาน

 

“วันที่ 22-24 นี้ที่บริษัทฯจัดให้มีเอาท์ติ้งน่ะ ทุกคนรู้ใช่มั้ยว่าต้องไป”

 

 

คุณกฤติหัวหน้าแผนกมองลอดแว่นกวาดสายตาไปทั่วห้อง สะดุ้งกันเป็นแถบครับงานนี้ คุณกฤติได้ชื่อว่าเป็นคนเนี้ยบและเป๊ะเรื่องงานขั้นมาก อะไรที่เกี่ยวกับงานแกเป๊ะหมด ขนาดเอาท์ติ้งยังมาบังคับกันอะ ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่ต้องไปแล้วนะเนี่ย

 

 

“วันที่ 22 จะมี Meeting ทุกคนต้องเข้าร่วม”

 

แหง่ะ

 

“อย่าให้เห็นว่าใครในแผนกผมดันป่วยขึ้นมานะ”

 

แหง่ะะะะะ

 

 



เสียงบ่นอุบดังขึ้นมาทันทีที่พ้นห้องประชุมไปไม่ไกล แอบได้ยินว่าพวกเซลล์ที่กะจะโดดยกกลุ่มต้องก้มหน้าก้มตาจัดกระเป๋าพับแผนที่จะได้นอนอยู่ที่บ้านหรือใช้วันหยุดที่ไม่ค่อยมีอยู่ออกไปหมด ไม่ใช่แค่พวกนั้นหรอก ผมเองก็วางแผนว่าจะไม่ไปเหมือนกัน

    ผมสะโหลสะเหลกลับมานั่งที่โต๊ะอย่างมึนๆ ยังรับความจริงเรื่องที่ลาป่วยวันเอาท์ติ้งไม่ได้ เฮ้อ ปกติผมไม่ใช่คนที่จะลาพร่ำเพรื่อนะ แต่วันที่ 23 น่ะ ผมมีนัดแล้ว นัดสำคัญด้วย

 

เฮ้อออออ ถ้าแคนเซิลตอนนี้ทั้งที่รับปากดิบดีไปแล้ว โดนบ่นอีกแน่ๆเลย

 

 

“ไม่อยากไปเอาท์ติ้งเลยว่ะ”

 

เสียงบ่นของเพื่อนร่วมแผนกด้านข้างดังขึ้น ผู้ชายคนนี้ชื่อซุกซนครับ ซุกซนพูดทั้งที่ปากยังเคี้ยวเยลลี่แบร์ที่ไปขโมยจากแผนกอื่นมาทั้งขวด ครับ ขโมยมาทั้งขวด ซุกซนเป็นคนที่สามารถเป็นแฝดคนละฝากับโคนันได้ เพราะซุกซนคือคนที่ตัวเป็นผู้ใหญ่แต่สมองยังเป็นเด็กที่แท้จริง



ซุกซนคนชอบเยลลี่กับผมเป็นบัดดี้กันเลยต้องนั่งข้างกันแบบนี้ ถ้าไม่นับเสียงเคี้ยวงุบงับทั้งวัน การนั่งทำงานข้างซุกซนก็ไม่แย่มากนัก และถ้าพูดตามตรง ผมสนิทกับเขาที่สุดแล้วครับในแผนกนี้นะ เพราะผู้ชายมีน้อย เกือบจะเป็นหญิงล้วนแล้ว



“เราก็ไม่อยากไป”

“กูกะว่าจะไปหาแฟนสักหน่อย ไอ้สัดล่มเว้ยยยยยยย”

 

ไอ้คนตัวเป็นผู้ใหญ่แต่สมองยังเด็กบ่นต่อ แฟนของหมอนี่อยู่เชียงใหม่ครับ นานๆทีจะได้เจอกัน (ตามคำบอกเล่าที่ซุกซนเล่ามาเองนะ ผมไม่ได้ช่างใส่ใจเรื่องคนอื่นขนาดนั้น) ช่วงวันหยุดยาวแผนต้องมาพังคงจะเซ็งไม่น้อย

 

เอาจริงบัดดี้ผมคนนี้หน้าตาไม่ได้จัดว่าหล่ออะไรแต่ดูโดยรวมแล้วดูดีครับ มันรู้ว่าตัวเองควรจะต้องแต่งตัวแบบไหนถึงเหมาะ เลยดูดีไปโดยปริยาย ถึงจะตัวสั้นๆ ดูตันๆ ไปบ้างก็ตาม

 

“เอากลับมาประชุมที่ออฟฟิศไม่ได้เหรอ ไม่เข้าใจ”

“นั่นดิ แบบนี้เราต้องเอาคอมไปมั้ยวะ”

    “แค่คิดก็หนักแล้ว— เชี่ย!!!! คุยแป๊ปเดียวเมลเข้าอีกแล้ว”

 

หลังจากงานเข้าไอ้ตัวกินเยลลี่มันหันไปทำงาน ผมก็ได้เวลาเคลียร์กองงานของตัวเองบ้าง ซึ่งเมื่อเปิดอีเมลมาก็ถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน คุณลูกค้าครับ คุณลูกค้าทุกคน ใจเย็นๆนะครับ แทนใจมีแค่สองมือครับ



แล้วก็ทำงานวนลูบไป งานประสานงานการขายไม่ได้มีอะไรซับซ้อนก็จริง แค่โคตรทับซ้อนเลยอะ งานเนี่ยทั้งทับทั้งซ้อน

 

แผนกผมคือแผนกการขายครับ ซึ่งจะประกอบด้วยกลุ่มพนักงานขาย หรือเซลล์ และคนคอยประสานงานการขาย คอยออกคอยเก็บเอกสารต่างๆ และคอยติดต่อลูกค้าหลังจากเซลล์ทำการปิดการขายได้แล้วคือเซลล์โคฯ ( Sale Coordinator) หรือพวกผมนั่นเองครับ

 

ได้คุยกับลูกค้าพอๆกับเซลล์เลยครับ แถมได้ออกเอกสารด้วยครับ สนุกสนาน เบิกบานทั้งน้ำตา

 

“แกเห็นพี่จิ๊บไอทีป้ะ เมื่อวันก่อนที่มีงาน Zap on sale อะ ฉันเจอเขามากับใครรู้มะ?”

“ใครๆๆๆๆๆ”

“ลองทายมาก่อน”

“ทายเทยอะไร! เรื่องมันต้องรู้! บอกมา”

“พี่เบิร์ดจ้า!”

“ต๊าย! พี่เบิร์ดทีมคุณเก่งป้ะ!!”

“นั่นแหละแก ไม่รู้ไปสนิทสนมกันได้ไงกับทีมนั้น คุยด้วยได้เหรอ”

 

พวกกลุ่มชมพูทวีปคุยกันเบา ๆ ได้ยินทั้งแผนก คือพวกเราเซลล์โคฯ จะแบ่งกันดูลูกค้ากันคนละประเทศครับ อย่างคุณฝนกะคุณนุ่นที่นั่งเมาท์กันเงียบๆ แต่คนรอเก็บข้อมูลกันเพียบอยู่มุมนั้นคอยดูแลลูกค้าอินเดียกับบังกลาเทศ ส่วนของผมกับไอ้ซุกซนเราดูเกาหลีกับญี่ปุ่นครับ

ความจริงไม่ใช่แค่ลูกค้า แต่รวมถึงการสั่งซื้อของจากบริษัทฯเราที่ตั้งอยู่ในประเทศนั้นๆ ด้วยเช่นกัน บางทีบริษัทใหญ่เกินไปมันก็วุ่นวายแบบนี้แหละครับ ท้อแท้

 

“กลุ่มนั้นดูไร้มนุษยสัมพันธ์จะตาย”



ยังครับ คุณฝนอินเดียยังไม่จบ เหมือนกับว่าวันนี้เป็นบ่ายวันศุกร์ชิว ๆ ที่งานไม่เยอะเท่าไหร่ ทั้งที่เมลผมเต็ม inbox จนจะร้องไห้แล้ว



“ห้องนั้นน่ะ เหมือนอยู่เป็นเกาะเลยเนอะแก แบบมีน้ำล้อมรอบปิดกั้นการสื่อสารกับโลกภายนอกงี้ เอาแต่ทำงานกันอย่างเดียว ไม่คุยกับใครซ้ากกกกกคน”

“จริง”



รอบนี้คือคุณนัตตี้ฟิลิปปินส์เข้ามาผสมโรงด้วย ทั้งที่นั่งอยู่กันคนละแถว พลังใส่ใจไม่มีใครยอมใครครับแผนกเรา นี่คือเรื่องที่ผมภูมิใจมากครับ มาทำงานอยู่ในหน่วยข่าวกรองของบริษัทฯ



“อย่างกับห้องแห่งความลับ จะไม่คบใครเลยหรือไง”

 



‘ห้องนั้น’ ที่พวกสาวๆ เขาเมาท์กันคือพวก โปรเจค เมเนเจอร์ (Project Manager) ครับ

 

โปรเจค เมเนเจอร์ (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า โปรเจคฯ) เนี่ยเขาจะคอยเกาะกลุ่มกันอยู่ที่ชั้น 30 นั่งแบ่งฝั่งกับไอที พวกนั้นจะนั่งอยู่กันในห้องหนึ่งแล้วขึ้นชื่อเรื่องที่ไม่สุงสิงกับใครทั้งสิ้น ไปกินข้าวก็จะเกาะกลุ่มกันไป เวลามีปาร์ตี้บริษัทฯพวกนั้นก็จะอยู่กันเองในกลุ่ม (จากคำบอกเล่าของพวกพี่ๆนะครับ เพราะผมยังไม่เคยไปสักงาน เห็นบ่นเป็นบ้าเป็นหลังนี่ยังทำงานไม่ถึงปีเลยครับ) ไม่คุยกับคนนอกเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ทั้งที่ประชากรในบริษัทใส่ใจเรื่องของกันและกันยิ่งกว่าอะไร ไม่เชื่อไปถามพวกกลุ่มชมพูทวีปที่นั่งเมาธ์กันอยู่ได้ รู้ทุกเรื่องจริงจัง

 

“แต่เห็นบอกโปรเจคเมเนเจอร์คนใหม่หล่ออยู่นาาาาา... ยังไม่ 30 เลยด้วยแก”

“จริงป้ะ!!!! ใคร!!! ผู้ชายในบริษัทนี้มีใครบริโภคได้ด้วยเหรอ?!”

 

    อ่าว เห้ย! ผมกับไอ้ซุกซนก็ผู้ชายนะครับ!! ไหนจะคุณโน๊ตด้านหลัง นั่นมีลูกแล้วนะผู้ชายแท้แน่นอน แถมมีคุณกฤติอีก นั่นก็ผู้ชายนะครับ! นั่นหัวหน้าด้วย!!

 

“แกรู้จักน้องเมฆป้ะ?”

“ที่เป็นวิศวะไฟฟ้าหล่อๆป้ะ!!!!! อย่าบอกนะว่าน้องมาเป็นโปรเจคฯ!!!!!”

 

เสียงคุณนุ่นบังกลาเทศดังแบบทุกคนต้องหันไปหา ถึงขนาดที่คุณกฤติโผล่หน้าออกมาจากในห้องส่วนตัว แต่อาจจะยกเว้นซุกซนที่ยังคงหงุดหงิดกระแทกแป้นพิมพ์ปั่กๆอย่างใส่อารมณ์ไว้สักคนละกัน มันทำงานไม่ทันครับ เจอลูกค้าที่เวลาเร็วกว่าก็แบบนี้

 

“เยสสสสสสสส”



คุณนุ่นบังกลาเทศก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยสักนิด ถ้าคุณฝนเป็นไฟ คุณนุ่นคือซื้อบ่อน้ำมันราดลงไปเลย ตู้ม!

 

“เห็นพวกช่างที่เข้าออฟฟิศมาส่งรีพอร์ต บอกว่าน้องเขาจะมาเร็วๆนี้แหละแก!!!”

“ในที่สุดฉันก็มีเหตุผลดีๆที่จะเข้าไปแถวๆห้องนั้นแล้ว 5555555”



นอกจากงาน อีกสิ่งที่เยอะไม่แพ้กันก็คือเรื่องเมาท์กันของเพื่อนร่วมงานนี่แหละครับ

 

 

“อะไรนักหนาวะ!!”

 

เสียงไอ้ซุกซนที่ไม่ได้อินกับโปรเจคฯคนใหม่เหมือนพี่ๆกลุ่มข้างหลัง (น่าจะไม่ได้ยินเพราะมันเคยบ่นว่าพวกนั้นคุยกันเสียงดังเลยชอบใส่หูฟัง) ว้ากขึ้นมาอีกรอบ น่าเห็นใจ ผมกำลังเคลียร์งานที่ค้างจนกระทั่งเจอกับตัวเอง โอ๊ย กุมขมับเลยครับ…ลูกค้าผู้น่ารักส่งเมลติดๆกันมา 5 เมล ทุกๆ 30 นาทีเพื่อขอราคา การส่งย้ำมันไม่ทำให้ได้ของไว เข้าใจมั้ย! ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับมาตีให้!!!

 

“ซน เราจะลงไปซื้อกาแฟ ไม่ไหวแล้วอะ ทำ PR* มือหงิกแล้วเนี่ย”  (PR = Purchase Requisition  หรือใบขอซื้อ ซึ่งฝ่ายขายจะส่งให้แผนกจัดซื้อ/ ลูกค้า เพื่อซื้อขายกันต่อไป)

 

ครับ ผมจะตายแล้ว

ความจริงมันก็เป็นเรื่องปกติแหละครับงานเซลล์โคฯ เซอร์วิสต่างๆ ลูกค้าทวงงานยิ่งกว่าเพจทวงคืนแนตตี้จากคุณแดนแฟนของเขา นี่อยากบอกคุณลูกค้าว่าใจเย็นๆนิดนึงก็ได้ครับ เอาฮอลคูลมั้ย พัดลมฮาตาริก็ได้ เปิดเบอร์สามไปเลย หรือเมื่อยขา นวดให้มั้ย อะไรก็ได้ขอร้องอย่าเพิ่งทวงงานตอนนี้ครับ

 

“ไปเลยๆ”



ซนพูดทั้งที่ยังทึ้งหัว ผมว่ามันใกล้บ้าจริงๆแล้ว 



“ตรงนี้มี PR ต้องเปิดอีกเยอะ ปวดฉี่ยังผละไปไม่ได้เลยเนี่ย ถ้าเป็นนิ่วนะ ไอ้คุณยะมาดะโตชิบ้ายามาฮ่า มึง กูจะเผาทิ้งให้หมด มึง!!!!”

 

ผมพยักหน้าไม่สนใจไอ้ซนที่มันยังว้าก ๆ ใส่คอมอยู่แบบนั้น เอาเถอะปล่อยมันสติแตกไปก่อน ซุกซนก็เป็นแบบนี้สัปดาห์ละห้าครั้งในทุก ๆ วันที่ลูกค้าผีใส่มาก ๆ เจอครั้งแรกก็แอบสะดุ้งเล็กน้อย แต่พอเห็นงานของซุกซนวันที่เขาไม่มาและผมต้องตามงานแทนให้ก็พอจะเข้าใจได้ ซึ่งมันก็เคยมาตบบ่าปลอบใจในวันที่ผมไข้ขึ้นแล้วมันต้องดูลูกค้าผมแทนเหมือนกัน



พักเรื่องตัวกินเยลลี่ไว้ก่อน เพราะตอนนี้ร่างกายต้องการคาเฟอีนมากกกกกก

 

ผมเดินมึนๆลงลิฟท์บริษัทมาข้างล่าง คือที่ออฟฟิศเราก็มีเครื่องทำกาแฟนะครับ แต่ผมไม่ค่อยใช้หรอกนอกจากจะยุ่งลงมาไม่ได้จริงๆ การลงมากินกาแฟข้างล่างถือเป็นการพักสมองด้วย ให้ผมเจออย่างอื่นนอกจากเรื่องราวของคนนั้นคนนี้และลูกค้าผู้น่ารักบ้างเถอะครับ ไหว้ก็ได้

 

“สวัสดีครับ”

 

ทั้งที่ร้านกาแฟบริเวณตึกของบริษัทมีมากกว่าสามร้าน แต่ทุกร้านคนแน่นเสมอ รวมถึงร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ราคาแพงกว่าร้านอื่นเท่าตัว แต่คนก็กินกันจัง รวมถึงผมด้วย

 

แต่วันนี้มาเพราะร้านนี้คนน้อยสุด ไม่ได้มาดื่มด่ำรสชาติหรือบรรยากาศใดๆ ลงมาเพื่อเอาฟังก์ชั่นมันอย่างเดียวพอครับ อะไรก็ได้อะตอนนี้ ขอแค่ทำให้ผมสู้กับวันนี้และลูกค้าต่อไปได้ก็พอ ถ้ามีคาเฟอีนฉีดเข้าเส้นเลือดผมก็เอาอะตอนนี้

 

พนักงานคนที่ออกมารับหน้ามีแค่คนเดียว ซึ่งเมื่อเห็นหน้าก็ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย ก็นะ เจอกันทุกวันที่ผมสายจนไม่ได้กินกาแฟก่อนออกมาจากห้องพักนั่นแหละ (ซึ่งก็บ่อยมากครับ สัปดาห์ละสามวันเป็นอย่างน้อย) น้องเขาก็ดีครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนมาขายหัวเราะมากกว่าขายกาแฟ

 

“เอาลาเต้เย็นไม่หวานแก้วนึงครับ”

“เพิ่มวิปครีมด้วยมั้ย? ราคาเท่าเดิมนะครับ”

“อืม…” คอเรสเตอรอลสูงอะ ความจริงล่าสุดที่ผมไปตรวจนี่ 190 กว่าแล้วนะ แอบอันตราย แต่... “เยอะๆ เลยครับ”

“พี่ใช้ AIS หรือเปล่าครับ...”

 

 พนักงานยังคงพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มเผื่อแผ่ไปให้คิวข้างหลังผมด้วยมั้งเนี่ย รู้สึกเหมือนเมื่อกี้มีคนเดินเข้าร้านมาเพิ่ม บอกแล้วน้องเขาไม่ได้ขายกาแฟ น้องเขาขายหัวเราะ

 

“ตอนนี้มีโปรซื้อ 1 แถม 1 อยู่นะครับ ถ้าพี่สนใจสามารถกดรหัสตามป้ายนี้ได้เลยครับ คุ้มมากเลยนะ”

“วันนี้มาคนเดียวน่ะครับ...ไว้คราวหน้า—“

“ผมใช้ครับ!”

 

ยังไม่ทันจะตอบน้องพนักงานเรียบร้อย ผู้ชายที่อยู่คิวหลังผมก็พูดขึ้นมาเสียงดัง เหวอกันทั้งผมและน้องพนักงาน อาจจะเพราะร้านมันเงียบ มีแค่เสียงพูดของผมกับน้องเขาแล้วก็เพลงคลาสสิคที่ร้านเปิดพอมีคนมาพูดชัดถ้อยชัดคำเลยตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง

 

ว่าแต่ ทำไมอยู่ดีๆพูดขึ้นมาแบบนี้อะ ... หรือว่า จะแซงคิว!

 

ไม่ให้แซงนะ!

 

“ขะ... ของคุณลูกค้ารอคิวหน้านะครับ”

 

เหมือนน้องเขาจะรับรู้ถึงความกลัวไม่ได้กินกาแฟของผม เลยพูดขัดคุณผู้ชายข้างหลังให้ตามแบบฉบับพนักงานร้านที่ดี เยี่ยมมากครับน้อง เดี๋ยวพี่ให้ติ๊บ

 

“ไม่ๆ ผมจะเอา 2 แก้ว ของผมกับคุณคนนี้”

 

คนที่ตอนแรกเหมือนจะแซงคิวทำสิ่งน่าตกใจกว่านั้น เขาสั่งกาแฟแล้วชี้นิ้วมาทางผม

อ่าว! เห้ย!! เดี๋ยวดิ ชี้มือมาทางนี้ทำไม! ผมเกี่ยวอะไร????

 

“เอ่อ...”

 

 ผมหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำไงเมื่อทั้งพนักงานและผู้ชายแปลกหน้ามองมาเป็นตาเดียว อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาพูดแบบนี้ในเช้าวันจันทร์ คือสมองประมวลผลไม่ทัน วันอังคารค่อยมาคุยกันได้มั้ย ผมจะได้กลับไปทำการบ้านก่อนว่าควรทำยังไง ตอนนี้สมองผมยังไม่ตื่นดีเลย

 




“เราทำงานที่เดียวกัน”



“...”



“ใช่มั้ยครับ… คุณแทนใจชั้น 27”





------- 70% -------





เขารู้ชื่อนี่ด้วย!!!?

 

หน้าผมคงตกใจเหมือนตอนที่คนแตะบัตร BTS เข้าสถานีแล้วค้นพบว่าตัวเองคือผู้โดยสารคนที่ 1ล้าน พร้อมรับบัตรขึ้นรถไฟฟ้าฟรีตลอดปี (แต่ถึงมีจริง ๆ คงใช้ได้ไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวมันก็เสียอีก) เพราะทุกคนมองหน้าผมแบบขำๆ ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วไปสนใจอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่า หรืออาจจะเพิ่งรู้ว่ามันทำให้ผมพูดไม่ออกหนักกว่าเดิมก็ได้ 

 

“ถ้าอย่างงั้น...”

 

น้องพนักงานที่ยังคงดูเหมือนสติไม่คืนแต่เมื่อเห็นผมพยักหน้างงๆอย่างจำยอม (ก็ไม่มีทางเลือกอื่นมั้ย เขารู้ชื่อผมแล้ว รู้ชั้นที่ทำงานด้วย ไม่แน่เขาอาจจะรู้นามสกุล รู้ชื่อพ่อแม่เราด้วยก็ได้ น่ากลัวครับ เขาอาจจะเป็นผู้ก่อการร้ายก็ได้ ยอม ๆ ไปก่อนดีกว่า) น้องเขาก็หันไปคว้ากระดาษจากด้านข้างเคาท์เตอร์ยื่นมาให้ผู้ชายอีกคน

 

“คุณลูกค้ารบกวนกรอกข้อมูลตามนี้นะครับ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีเป็นแก้วแถมครับ?”

“คาปูชิโน่เย็น”

“สักครู่นะครับ... ลาเต้เย็นไม่หวาน กับคาปูชิโน่เย็นนะครับ ทั้งหมด 150 ครับ”

“เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ”

 

เขาเพียงแค่เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าเมื่อผมออกปากแสดงความมีตัวตนอีกครั้งด้วยการยัดเงินที่ถือมาใส่มือพนักงานทั้งหมด ไงล่ะ คนมันรวย ป๋ามากเลี้ยงกาแฟได้ด้วย ดูดีมีชาติตระกูลมาก ซึ่งน้องพนักงานเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ ทำไมน้องไม่ไปกับพี่เลย

 

“ขาด 50 บาทครับ”

 

โอ้ย ขึ้นไปจะหยิกตัวเองสองที สามทีเลยก็ได้ แทนใจจะไม่เอาตังลงมาข้างล่างแค่ร้อยเดียวอีกแล้ว!

 

“นี่ครับ”

 

ตัวหารกาแฟยื่นแบงค์ห้าร้อยให้พนักงาน ซึ่งส่งแบงค์ร้อยคืนมาให้ผม เห็นนะว่าแอบอมยิ้มอะ! อะไรคือยิ้มทั้งน้องพนักงานและตัวหารกาแฟ! ห้ามยิ้ม!!  เป็นแค่คนหารกาแฟห้ามมายิ้มนะ!!

เมื่อเคลียร์เรื่องกาแฟเสร็จ ผมก็เดินเก้ ๆ กัง ๆ ตามคนที่ล้วงกระเป๋าเดินนำไปนั่งที่โต๊ะตัวที่ว่างอยู่ ให้ตาย แค่จะแว๊บลงมาหาคาเฟอีนแท้ๆ ยังอายเรื่องตัวเองเผลอหยิบเงินลงมาแค่นั้นไม่หาย

เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆเลย!

ผมละเกลียดวันจันทร์จริงๆ

 

“ปกติคุณชอบดื่มลาเต้เหรอ?”

 

ผมสะดุ้งเมื่ออีกคนเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำลายการบ่นกับตัวเองของผมเสียป่นปี้ วันหลังให้สัญญาณก่อนเริ่มบทสนทนาสิครับ ปัดโธ่ ไม่เป็นงานเลย ต้องให้บอก

 

“ใช่ครับ”

 

ผมฉีกยิ้มมารยาทให้เขา ยิ้มการค้าแบบที่ถ้าซุกซนเห็นจะต้องขมวดคิ้วใส่เพราะนึกว่าผมมาขายประกัน แล้วผมก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ถามสิ่งที่สงสัย

 

“ว่าแต่คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?

“แน่นอนสิ ทำงานที่เดียวกันนี่”

 

ไม่เห็นจะเกี่ยว นี่ไม่เห็นจะคุ้นเลย! คุณเป็นใครผมก็ไม่รู้ บอกตามตรงเพิ่งรู้เนี่ยว่าโลกเรามีคุณอยู่ด้วย … เป็นเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆ

 

“คงงั้นมั้งครับ แหะๆ... เอ่อ คุณ...”

“เมฆ”

“เมฆ?”

 

ผมทวนชื่อเขา เรื่องที่พวกกลุ่มผู้หญิงในแผนกพูดกันเมื่อสักครู่แว๊บกลับเข้ามาในหัว วันนี้แหละที่ผมเจอประโยชน์ของการนั่งฟังคนอื่นเมาธ์กันจริง ๆ เสียที ข่าวไวพอๆกับเพจใต้เตียงดาราที่พี่พวกสาวๆที่แผนกเคยพูดถึง

 

“คุณเป็นโปรเจคเมเนเจอร์คนใหม่เหรอครับ?”

“ข่าวไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดคุณยังรู้เลย”

 

เขาพูดพร้อมส่งยิ้มเห็นฟันมาให้ พอมีโอกาสสังเกตเครื่องหน้าอีกคนดี ๆ ผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสาว ๆ ถึงอยากจะเดินไปห้องนั้นเหลือเกิน ให้ตาย บอกว่าเป็นดาราก็เชื่ออะ

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารูปหน้าแบบคุณเมฆเขาควรเรียกว่าอย่างไร เป็นผู้ชายที่แม้แต่ผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็อดยอมรับว่าเขาดูดีไม่ได้ เหมือนกับเครื่องหน้าทั้งหมด ตา จมูก ปาก คิ้ว มันลงตัวจนเหมือนพ่อแม่ตั้งใจปั้นขึ้นมาละมั้ง? (พูดแล้วก็อดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ ของผมนี่เหมือนพ่อขี้เกียจให้แม่ทำอยู่คนเดียว ออกมาหน้าเหมือนแม่หมดทั้งสามคน)

 

“คุณเมฆ—“         

“มาเต็มยศเลยนะคุณ เรียกเมฆเฉย ๆ ก็ได้”

“ได้ไง! ถ้าคุณแก่กว่าผมก็ดูปีนเกลียวสิ!”

 

ผมถือเรื่องความอาวุโสมากครับ ผมแทบจะไม่เรียกใครด้วยชื่อเฉย ๆ เลยเพราะเราไม่รู้ว่าเขาอายุมากหรือน้อยกว่า ถ้าน้อยกว่าไม่เท่าไหร่ เพราะตัวผมเองก็ดูไม่ได้เป็นพี่ใครอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้ามากกว่าแล้วผมไปเรียกเสมอตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันมันก็แปลกๆอะ

 

“ไม่คิดว่าผมจะเด็กกว่าคุณมั่งเหรอครับ?... พี่แทนใจ?”

 

ห๊ะ???? จริงป้ะ???”

วินาทีที่กว่าจะรู้ตัวว่าพลาด ก็ตอนที่อีกคนหรี่ตามองผมมาด้วยแววตาขบขันนั่นแหละ อะไร?! มาทำยิ้มทำไม!! เห็นนะ!! ห้ามยิ้ม!!

และก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ กาแฟที่สั่งไว้ก็ได้ ผมเจาะหลอดแล้วเตรียมจะลุกขึ้น พอดีกับที่อีกคนลุกขึ้นเช่นเดียวกัน

 

“คุณหลอกผม”

 

ผมเปิดบทสนทนาเมื่อเดินมารอลิฟท์ ออฟฟิศเราอยู่ชั้น 27 ครับ (เราที่ว่าคือกลุ่มเซลล์ทีมและพวกจัดซื้อนะครับ แผนกอื่นก็อยู่ชั้นอื่นไป แค่นี้ผมก็ได้ยินเขาคุยกันทั้งวันแล้ว ให้โอกาสผมได้พักหูพักตาบ้าง) รอกันนาน คนก็เยอะ ขนาดเวลาอย่างสิบโมงที่ควรจะโล่งคนยังเยอะเลย

ลงมาข้างล่างทำไมกัน! ทำงานกันสิ! บริษัทไหนกัน อยู่ชั้นไหนจะจดแล้วไปบอก HR ให้หมดทุกคน! ลงมาข้างล่างเวลางานได้ที่ไหน!

ทุกทีไม่เห็นคนจะเยอะขนาดนี้ เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆ

ผมเกลียดวันจันทร์ชะมัด

 

“บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกคุณ”

“แล้วให้เรียกอะไร? น้องเมฆเหรอครับ?”

 

เขาเบิกตาเล็กน้อยที่เจอผมตอบกลับไปแบบนั้น โอ้ย อยากตบปากตัวเอง ผมปากไวอะ ไวเกินไป ไวกว่า wifi บริษัทอีก (อย่าให้บ่นครับเรื่องเน็ตบริษัทเนี่ย ผมสามารถร่ายโคลงสี่สุภาพบ่นได้เป็นหน้าเลย) ก่อนที่จะหัวเราะขำนิดหน่อยแต่ดังพอที่จะดึงความสนใจผมออกมาจากลิฟท์ไปที่หน้าหล่อๆของเขาแทน

 

“อยากเรียกอะไรก็ตามใจแทนใจเลย”

“...”

 

ไปไม่เป็นครับเมื่อเจอตอบมาแบบนี้ ใครเขาตามใจอะไรเรื่องแบบนี้กัน ท่าทางงานโปรเจคเมเนเจอร์จะเครียดนะ เขาถึงได้ว่างมากวนผมแบบนี้ หรือไม่ก็เพราะวันนี้วันจันทร์นั่นแหละ มันมีงานวิจัยหัวข้อที่ว่าคนเรามักไม่ค่อยมีสติถ้าเป็นวันจันทร์ วิจัยโดยใครเหรอครับ? อ๋อ ด็อกเตอร์แทนใจไง

 

“นี่ค่ากาแฟครับ”

 

ผมยื่นแบงค์ร้อยให้คนที่โบกมือเหมือนให้เก็บเอาไว้ แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม โหย โคตรเท่ เคยเจอมั้ยครับคนที่ขยับตัวก็เหมือนหลุดมาจากแม็กกาซีน คุณเมฆเป็นคนประมาณนั้นแหละ บอกแล้วว่าพ่อแม่ตั้งใจปั้นเขามาก

 

“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง”

“ได้ไง?! ไม่ได้ครับ!”

“ได้สิ ผมอายุมากกว่านะ”

“ไม่เกี่ยวอะ ทำงานมีเงินเดือนเหมือนกัน”

 

ผมเถียงหัวชนฝาทั้งที่ขึ้นลิฟท์มาจนจะถึงออฟฟิศอยู่แล้ว ผมไม่ชอบให้ใครมาเลี้ยง โดยเฉพาะคนเพิ่งจะรู้จักกัน เป็นใครก็ไม่รู้จะมาจ่ายค่ากาแฟให้ผมได้ไง ผมเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ! มีพี่มีน้องด้วย!! เอาสิ!!

 

ตึ้ง!

 

“คุณออกชั้นนี้นี่”

 

ผู้ชายที่ดึงดันจะเลี้ยงกาแฟผมบอกเมื่อลิฟท์มาถึงชั้น 27 บริษัทเรากินพื้นที่ 5 ชั้นของตึกนี้ครับ (ซึ่งตึกเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงานในย่านนี้) คนเยอะจนผมจำไม่หมดว่าใครเป็นใคร ตัวอย่างก็คนที่ยืนถือกาแฟอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ ผมเพิ่งรู้วันนี้ว่าโลกเรามีเขาอยู่ด้วย

 

“แต่—“

“ไว้วันหลังคุณค่อยเลี้ยงผมคืนละกัน”

 

อะไรเนี่ย?

ผมยังยืนทำหน้าหมางงอยู่หน้าลิฟท์ ในขณะที่อีกคนโบกมือยักคิ้วแล้วขึ้นไปชั้นอื่นแล้ว เดี๋ยวนะ สมองผมยังไม่ประมวลผล นี่จะมีครั้งหน้าด้วยเหรอ? เอาเงินไปคืนง่ายกว่ามั้ยอะ?

 

เฮ้อ ช่างเถอะ

 

กาแฟก็อร่อยดี เดี๋ยงคงเจอกันอีก ไว้วันจันทร์หน้าค่อยเลี้ยงคืนก็ได้มั้ง

 

-------TBC -------

 

 

สวัสดีค่ะ มาสวัสดีเป็นทางการ 5555

นี่เป็นวายไทยเรื่องแรกที่เราแต่ง พอดีไปทำงานแล้วมันเบื่อๆเลยได้นิยายมาเรื่องหนึ่ง (ลองเลยค่ะทุกคน สนับสนุนให้หนีเจ้านายไปทำอะไรอย่างอื่น ทำค่ะ สู้ๆ) พอดีพอคุยกับเพื่อนไปมา เฮ้ย อยากแต่ง ก็เอาเลยค่ะ 5555555

 

ที่มาแค่นี้ก็เพราะอีกที่เหลือยังต้องตบๆอีกเล็กน้อย แต่คิดว่าจะมาเร็วๆนี้แหละตัวเอง
เชื่อเถอะ งานมันน่าเบื่อจนต้องหาอย่างอื่นทำ เช่น แต่งน้องแทนใจไปวันๆค่ะ 555555

 

ถ้าอยากสกรีมก็ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ทางทวิตเตอร์เลยค่ะ

แต่ถ้าขี้เกียจก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แค่ให้ความรักน้องแทนใจเล็กๆก็พอแล้วค่ะ แฮ่

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^



ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
2nd Monday

 

วันจันทร์ที่ผมเกลียด วนกลับมาพร้อมเรื่องหนักใจอีกตามเคย


“พี่ผิดนัดผม”

“พี่ขอโทษ มันติดงานจริงๆ”

“พี่สัญญาแล้ว”

“พี่ขอโทษนะ ...”

“...”

“ให้พี่รักไปแทนมั้ย เดี๋ยวพี่คุยให้”

“พี่รักไม่ว่างหรอกครับ แค่นี้นะ”

 

ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อสายก็ตัดไปแล้ว คิดอยู่แล้วว่าคงต้องเจออะไรแบบนี้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซึ่งคงจะดังไปหน่อย ไอ้ซุกซนเลยละจากหน้าจอหันมาหา การที่หน้าตาจริงจังของมันมีเยลลี่อยู่ในปากนับว่าเป็นการลดความจริงจังลงไปได้ในระดับจริงจังเป็นจริงจังนะแต่ก็แอบกินเยลลี่อยู่ตรงนี้

 

“เครียดเหรอ? รอบนี้ใครอีกวะ? ปาร์ค? คิม? คัง? ลี? หรือโอ?”

 

ผมถอนหายใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เพราะเหมือนกับว่าซุกซนมันจะรู้จักผมดีเกินไป หากพูดกันตามจริง เวลามีเรื่องหนักใจ ถ้าไอ้ซนสายว้าก ผมก็สายถอนหายใจนี่แหละ

ปกติแล้วผมจะคอยดูแลพวกลูกค้าชาวเกาหลีใช่มั้ยล่ะ ทีนี้พวกป้าก ๆ คิมๆ ทั้งหลายนี่บางครั้งก็เยอะแยะจนน่าเหนื่อยใจ พอเห็นผมใจดียอมอะลุ่มอะหล่วยก็ใส่ใหญ่เลย บางครั้ง (หลายครั้ง ทุกชั่วโมง ในทุกวัน ตั้งแต่ทำงานมา) ก็มักจะมีปัญหาน่าเหนื่อยแบบนี้ให้ไอ้ซนมันหันมาใส่ใจเป็นระยะ

 

“ไม่ใช่ว่ะ”

“แล้วใคร? แฟนเหรอ? แต่มึงไม่มีแฟนนี่”

 

อย่างที่บอกเลยเห็นมั้ยครับ ซุกซนมันชอบใส่ใจเรื่องคนอื่น แม้แต่เรื่องในมุ้งในห้องของผองเพื่อนก็ยังไม่ละเว้น ทำให้เป็นเรื่องเด่นเย็นนี้ได้เสมอ

 

“ไม่คิดว่า เราจะมีแฟนแอบๆ ไว้แบบที่ไม่ให้ซุกซนรู้บ้างเหรอ?”

“ไม่อะ มึงสนใจทุกเรื่องแหละยกเว้นเรื่องความรัก”

“เรารักแม่ รักคุณครู รักโรงเรียน”

“มึงอย่ามากวนตีน ถามอะไรก็ตอบให้มันตรงประเด็นหน่อย”

 

                ทำไมผมได้ยินเสียง ‘ใช่!’ ‘เค้นเลยไอ้ซน’ ‘ฉันอยากรู้มานานแล้วแกว่าทำไมเด็ดดวงแบบน้องแทนใจถึงยังโสด’ แผ่วๆมาจากกลุ่มชมพูทวีป นอกจากเรื่องเด่นเย็นนี้ก็มีข่าว 360 องศาเข้าไปอีก

 

“ก็ไม่ได้ไม่สนใจ แค่มันยังไม่มีคนที่ใช่”

“คิดว่าชีวิตนี้จะมีไหมล่ะ คนที่ใช่น่ะ?”

“ไม่คุยด้วยละ งานเยอะ ยุ่งมากๆ เลยเนี่ย ทำไม่ทันแล้ว”

 

ผมพูดแค่นั้นแล้วยกหูโทรศัพท์ถึงลูกค้าที่เขียน *ASAP (*As soon as possible : เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในความหมายของลูกค้าคือไม่เกิน 30 วินาทีข้างหน้า) ใส่ในอีเมลตัวใหญ่มากพร้อมด้วยการใช้สีแดงแจ๊ดที่ทำให้รู้ว่ารีบจริงๆ ตอนผมเจอครั้งแรกผมตาลีตาเหลือกทำให้อย่างที่ทำปุ๊ปได้ปั๊ป หลังจากนั้นลูกค้าผู้น่ารักก็ใส่ ASAP มาในทุกอีเมลด้วยไซส์ 30 แม้กระทั่งของที่จะเอาในเดือนหน้าก็รีบเหมือนเดิม ผมเลยเลือกทำให้ตามความเหมาะสมแทน

 

“สรุปเมื่อกี้ใคร ตอนแรกกูนึกว่าลูกค้า”

“น้องกาย”

 

ในเมื่อเลี่ยงความสนใจเรื่องชาวบ้านของเพื่อนฝูงไม่ได้ ทางแก้ไขก็คือตอบๆ ไปครับ มันจะได้เลิกยุ่งกับเรา แล้วไปสนใจอย่างอื่นแทน ไปช่วย แฮร์รี่ พอตเตอร์ เปิดห้องแห่งความลับก็ได้ ไปช่วย เพอร์ซี่ แจ็คสัน ตามหาสายฟ้าที่หายไปก็ได้ หรือไปช่วยอเวนเจอร์กู้โลกก็ได้ ช่วยไปสนใจเรื่องอื่นที

 

“ยังไม่โตอีกเหรอเด็กนั่น”

 

เพื่อนร่วมงานผมพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเล็กน้อยถึงปานกลาง ความจริงมันทำเสียงเหมือนกับว่ากำลังสอนปลาให้ว่ายน้ำเพราะปลาตัวนั้นกากเกินกว่าจะรู้ว่าควรว่ายน้ำยังไงหรือขยับครีบองศาไหน ซึ่งแน่นอนมันทำให้ผมขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ นี่เพื่อนไงไม่ใช่ปลา ไม่มีเกล็ดไหมล่ะ 

 

“ซุกซน!”

“มึงอะตามใจน้องมากไป แถมน้องมึงแม่งอะไรๆ ก็พี่แทนใจ พี่แทนใจ ถ้าวันไหนมึงมีแฟนขึ้นมาน้องมึงอกแตกตายแน่นอน เพราะแบบนี้ไงเลยไม่มีใครสักที”

 

ที่ซนพูดมันเป็นความจริงส่วนหนึ่ง แทนกาย คือน้องชายคนเดียวของผม เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะติดผมมากถึงมากที่สุด อาจจะเพราะผมตามใจน้องด้วย แล้วก็ช่วงอายุที่ยังคุยกันรู้เรื่องด้วย ทำให้น้องติดผมหนุบหนับ ติดยิ่งกว่ารถติดบนถนนเส้นสุขุมวิทตอนห้าโมงเย็น

ความจริงเรามีกันสามพี่น้องครับ พี่สาวชื่อแทนรัก ผมแทนใจ แล้วก็น้องชายคนเล็กสุดชื่อน้องแทนกาย ผมไม่ได้อยู่กับแทนกายแล้วก็พี่แทนรัก เพราะว่าสองคนนั้นไปอยู่กับพ่อหลายปีแล้ว มีแค่ผมที่อยู่กับแม่ และตอนนี้แม่ก็กำลังเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด (เข้าคอร์สชีวจิตอะไรของเขาสักอย่าง ความสุขของผู้หญิงวัยเกษียณครับ) เหลือผมที่บ้านนี้คนเดียว ซึ่งตอนนี้ผมปล่อยบ้านให้เช่าแล้วหนีมาอยู่คอนโดฯใกล้ที่ทำงานแทน

บ้านพ่อผมอยู่ไม่ไกลกันมากหรอกครับ ตจอนประถมกับมัธยมต้นพวกเราก็เรียนโรงเรียนเดียวกันสามพี่น้องเหมือนเดิม เมื่อสมัยเด็กๆ เราเจอกันแทบจะทุกวัน แต่ตอนนี้ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ พ่อผมยังไม่วางมือจากงาน พี่แทนรักเองก็กำลังสนุกกับชีวิตการทำงานสถานฑูตฯ เหลือเพียงผมที่เพิ่งจบได้ไม่นาน กับแทนกายที่ใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัย สองคนเท่านั้นที่ยังคงเด็กกันอยู่

 

“ไม่เกี่ยวกับน้องกายหรอก”

“แล้วเพราะอะไร? หน้าอย่างมึงไม่มีทางไม่มีคนมาจีบแน่ๆ”

 

เพื่อนข้างๆ คงเก็บความสงสัยมานาน ถึงกับหันเก้าอี้มาทางผมอย่างไม่สนใจงานที่ต้องทำ อะไรของมันวะเนี่ย ถ้าว่างขนาดนี้มาช่วยกันสนใจ PR ที่ค้างเต็มระบบหน่อยได้มั้ยเล่า เกาหลีญี่ปุ่นลูกค้าก็คล้าย ๆ กันแหละน่า ช่วยเหลือกันบ้าง คนไทยเหมือนกัน มาเอางานเราไปทำที

เฮ้ย … รู้สึกไปเองป่ะวะ ว่าทั้งห้องเงียบเหมือนกับรอฟังคำตอบของผมด้วย ถึงพวกผมจะไม่ได้คุยกันเสียงดังเท่าไหร่ แต่เล่นเงียบขนาดนี้ อย่าว่าแต่พวกกลุ่มชมพูทวีปเลยครับตอนนี้ ฝั่งแปซิฟิกที่นั่งอยู่ไม่ไกลยังหันมามองเลยครับ 

ยืนยันคำเดิมครับ เยอะกว่างานคือเรื่องข่าวสารและความใส่ใจของคนในออฟฟิศนี่แหละ

 

“เราจะไปกินกาแฟ”

 

ผมเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ ไม่สนใจเสียงโหยเบาๆจากกลุ่มพวกชมพูทวีป ยุ่งอะไรกัน มีงานก็ทำไปสิครับพี่ๆ! มาแอบฟังคนอื่นคุยกันทำไมครับเนี่ย 

 

“เออๆ ฝากซื้อช็อกโกแล็ตเย็นแก้วนึงด้วย”

 

ซุกซนมันก็คงรู้ว่าผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ชอบเป็นจุดสนใจ คนที่ยังเคี้ยวเจลลี่แบร์หันกลับไปหน้าคอมแล้วสั่งผมเหมือนเพื่อนเป็นแทนใจไลน์แมน

 

                “เอาแค่อย่างเดียวนะ”

                “แค่นั้นก็พอ”

“โอเค เดี๋ยวมา”

 

ผมจัดการตอบเมลคุณคิมกลับไป พร้อมกับกำชับไปด้วยว่าถ้าไม่ยืนยันออเดอร์กลับมาภายในบ่ายโมงนี้ไม่มีทางที่ของจะถึงในวันพรุ่งนี้เด็ดขาด (ขีดเส้นใต้ให้ด้วยเลย เอาสิ) โทรไปไม่รับก็ใช้วิธีนี้แหละ ให้เกรงกลัวไปทั้งประเทศเลยว่าอย่ามาแหยมกับคุณแทนใจ!

 

“ถ้ามีสายเข้า รับให้ด้วยนะ”

“อืม”

 

 

 

เมื่อหยิบกระเป๋าตังเรียบร้อย ผมก็เดินออกไปจากออฟฟิศ เป้าหมายคือลาเต้สักแก้วครับ ร้านไหนคนน้อยก็กินร้านนั้นแหละ แต่อาจจะต้องเป็นร้านเดิม ถึงแม้ร้านกาแฟจะเยอะ แต่ทุกร้านล้วนแล้วแต่คนล้นครับ จากสถิติที่เคยกินๆมาร้านนั้นคนน้อยสุดแล้ว

 

“แทนใจ”               

“อ้าว คุณเมฆ สวัสดีครับ”

 

ผมยกมือไหว้คนที่โผล่มาอยู่หน้าลิฟท์ชั้นผมได้ไงไม่รู้ เพราะชั้นที่ผมทำงานแค่แผนกผมก็นั่งแทบจะไม่พออยู่แล้ว  เขาไม่มีทางนั่งทำงานที่นี่แน่นอน อีกอย่างพวกโปรเจคฯน่าจะอยู่ชั้นสูงกว่านี้หรือเปล่า ช่างเถอะ สงสัยเขาอาจจะมาคุยกับใครละมั้ง

 

“นี่จะไปไหนน่ะเรา?”

“ซื้อกาแฟครับ”

 

ผมตอบด้วยหน้าง่วงๆ ตอนเช้าที่ไม่มีกาแฟคือเช้าที่ไม่สดใสไม่ว่าอะไรใดๆจะเกิดขึ้นก็ตาม  โดยเฉพาะวันนี้ดันเป็นวันจันทร์ ทุกอย่างน่าเบื่อไปหมด แถมเป็นจันทร์ที่ยังไม่มีคาเฟอีนไปอีก บอกเลยว่าสมองทำงานได้ไม่ถึง 70% จากปกติก็ทำงานไม่ค่อยจะได้ถึง 90% อยู่แล้ว 

พูดก็พูด ส่วนใหญ่วันที่ผมจะลงมาซื้อกาแฟก็วันจันทร์นี่แหละ อย่าว่าแต่จะกินข้าวเช้ามาจากบ้าน แค่มาทำงานให้ทันยังเป็นเรื่องยากเลยครับ เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วมบีทีเอสเสีย หรือบางทีทุกอย่างปกติแต่รถติดมาก ติดมาตั้งแต่เชียงใหม่เลยมั้งไม่ขยับ บ้านอยู่แค่นี้แต่ต้องเผื่อเวลาอย่างนาน ท้อแท้มากครับ

 

“พอดีเลย ผมก็จะซื้อกาแฟ”

 

คุณเมฆเดินเข้าลิฟท์มากับผมด้วย ฮือ หุ่นดีจัง เพราะอยู่ไซต์งานมันต้องออกแรงหรือเปล่านะ กล้ามไม่เยอะมากเกินไปแต่ก็เยอะกว่าผมแน่ๆหล่ะ เล่นแน่นทะลุเสื้อเชิร์ตออกมาขนาดนี้ เหมือนพวกเนื้อไก่ที่ถูกพลาสติก wrap ไว้ตึงๆ อิจฉา แต่ก็ขี้เกียจเข้ายิมอะ เพราะงั้นได้แต่อิจฉาไปวันๆ ก็พอใจละ ให้ชีวิตมีเรื่องอย่างอื่นให้คิดนอกจากเรื่องชาวออฟฟิศเราที่ชมพูทวีปเมาธ์ให้ฟังทุกเช้าสายบ่ายเย็นบ้าง

 

“ก่อนเป็นโปรเจคฯ คุณเมฆเป็นช่างอะไรมาก่อนเหรอครับ?”

“บอกให้เลิกเรียกคุณไง”

“แต่ผม--”

“ถ้าคุณไม่เลิกเรียกแบบนี้ ไว้ผมจะเรียกคุณว่าพี่แทนใจบ้างนะ”

 

เดี๋ยวๆ ไอ้คุณโปรเจคฯเมเนเจอร์ไม่ควรพูดอะไรแบบนี้ด้วยหน้าระรื่นหรือเปล่าวะ มันแบบ ใช่เหรอ ทำไมผมรู้สึกเหมือนได้กลิ่นคนขี้แกล้งแถวนี้

 

“แต่คุณไม่ได้เป็นพี่ผมนี่”

“แล้วคุณรู้ได้ไง”

 

คุณเมฆถามพร้อมเลิกคิ้ว เอาแล้วไง ตอบผิดโดนลดเงินเดือนมั้ย เฮ้ย แต่ไอ้คุณเมฆไม่ใช่ HR ไม่เกี่ยวๆ หรือเขาจะเอาหัวผมไปยกแทนดัมเบลหรือเปล่า คุณเมฆอาจจะคิดได้ว่าเบื่อการต่อยมวยแล้วมาต่อยผมแทน เดี๋ยวนะ ผมควรมีสติมากกว่านี้ เขาจะมาต่อยผมทำไม ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆ

 

“ก็หน้าคุณ…”

 

ใช้คำว่าอะไรดีวะ ที่มันจะไม่ได้ดูว่าแก่อะ คำว่ามีอายุนี่มันแก่มั้ยวะ ยากจัง นั่นไง ถลึงตาใส่แล้วอะ ทำไงดี มีตัวช่วยมั้ย ขอเบิกตัวซุกซน ซุกซนช่วยเพื่อนด้วย

 

“ดูมีวุฒิภาวะอะครับ”

“แล้วแทนใจไม่มีเหรอครับ?”

“หือ? ครับ??”

“วุฒิภาวะน่ะ”

 “คุณ?!”

 

ลิฟท์เปิดพอดี ผู้ชายที่ผมเพิ่งจะเจอหน้าเขาครั้งที่สอง เดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งมีผมเดินตามต้อยๆออกไป ให้ตาย พอมาดูแบบนี้เหมือนผมจะเตี้ยกว่าเขานิดหน่อยด้วย ผมสูงแล้วนะ อย่างน้อยก็สูงกว่าไอ้ซนอะ รายนั้นเตี้ยม่อต้อเหมือนเยลลี่แบร์ที่มันกินทุกวันนั่นแหละ แขนขาสั้นพอกัน

 

“คุณว่าผมทำไม”

 

ผมตามมาหาเรื่องเขาต่อในร้านกาแฟร้านเดิมที่เราบังเอิญเจอกันเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว เอาตามตรงหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอเขาอีก ไม่ได้ตามหาด้วย (แล้วจะตามหาทำไม ทุกวันนี้แค่ตาม PO* (Purchase Order: ใบสั่งซื้อ) จากลูกค้าก็จะตายแล้วอะ อย่าว่าแต่ตามหาคุณเมฆ หรือตามฮอร์ครักซ์ หรือตามหาประชาธิปไตยอะไรเลย)

 

“หน้าคุณตลกดี”

 

มันไม่ใช่เหตุผลไม่ใช่หรือไง? อีกอย่าง คนบ้าอะไรบอกว่าหน้าคนอื่นตลกวะ!? ได้ดหรอ นี่เจอกันครั้งที่สองนะ ช่วยเกรงกลัวกันบ้าง

 

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?” 

 

พนักงานร้านที่วันนี้เป็นน้องผู้หญิงที่ท่าทางจะเป็นนักศึกษามาทำพาร์ทไทม์ต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม นี่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผมชอบทานกาแฟร้านนี้ พนักงานคือยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน เห็นแล้วรู้สึกดีถึงแม้ว่ากาแฟจะแพงหูฉี่ก็ตาม ถ้าเงินพี่ทำให้น้องยิ้มได้พี่ก็ยินดี

 

“คาปูฯเย็นแก้วนึงครับ แล้วอีกแก้วก็… ลาเต้?”

 

คุณเมฆหันมาหาผมที่พยักหน้ารับหงึกหงัก ความจำดีจังแฮะ หรือเขาอาจจะเดามั่วไปเรื่อยก็ได้ กาแฟมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรือเปล่า แต่ถ้าเขาสั่งอย่างอื่นมาผมก็กินได้นะ ยกเว้นอเมริกาโน่ ไม่ค่อยถูกโฉลกกันเท่าไหร่ เคยกินครั้งนึงในชีวิต แล้วก็รับรู้ได้ตอนนั้นว่าครั้งเดียวก็เพียงพอ

 

“ทั้งหมด 300 บาทค่ะ”

“นี่ครับ” 

 

ก่อนที่ผมจะได้ควักเงินตัวเอง (หรือเอาตามความจริง ก็กว่าผมจะรู้เรื่องว่าตอนนี้บนโลกกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง) คุณเมฆก็ยื่นแบงค์พันให้พนักงานที่รับและคิดเงินอย่างรวดเร็วเรียบร้อยแล้ว

 

“ได้ไงอะคุณ ครั้งนี้ผมต้องเลี้ยงคุณนะ”

 

คุณเมฆเลิกคิ้วเมื่อได้ยินผมพูดทวงสิทธิพร้อมกับแบมือขอใบเสร็จ เอาตามจริงก็ลืมไปแล้วแหละนะว่าจันทร์ที่แล้วเขาเลี้ยงกาแฟเอาไว้ เพิ่งมานึกได้ตอนที่เขาจ่ายค่ากาแฟให้ (อีกแล้ว) นี่แหละ รอบนี้ผมไม่พลาด ผมเอากระเป๋าตังลงมาทั้งใบ ไม่มีปัญหาเงินขาดมืออีกต่อไป เพราะงั้นเอาใบเสร็จมานี่เดี๋ยวนี้เลย ผมจะจ่ายเอง

 

“งั้นตอนเย็นนี้ไหมล่ะ?” 

“เย็นนี้เหรอครับ?”

 

“คุณเลิกงานแล้วไปเลี้ยงกาแฟผมไหม??





------- 50% -------







“แล้วคุณไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องเหรอครับ?”



ผมมองหน้าเขาที่กำลังมองผมเหมือนกับเห็นว่าแก๊งชมพูทวีปชวนคุณกฤติไปเต้นสามช่าหน้าออฟฟิศ อ่าว อะไรวะ ผมพูดอะไรผิดอีกเหรอ? อะไร



“นี่ตั้งใจกวนหรือสงสัยเฉยๆ”

“สงสัยสิคุณ อย่ามองโลกในแง่ร้ายสิครับ”



ก่อนที่เขาจะได้ตอบคำถามผม กาแฟสองแก้วของเราก็ได้พอดี ผมที่กำลังจะชวนเขาขึ้นข้างบนต้องหยุดความคิดเมื่ออีกคนหยิบกาแฟเดินนำไป ผมเลยต้องเดินตามคุณเมฆออกไปหน้าร้านอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่อยากจะขึ้นไปทำงานที่รักมากๆ เลย เชื่อสิ ลูกค้าที่น่ารักรอผมอยู่

อีกสิ่งที่ผมชอบของร้านกาแฟนี้คือบรรยากาศนี่แหละ ด้านนอกของร้านตกแต่งให้เป็นสวนหย่อมย่อยๆ มีโต๊ะ เก้าอี้ จัดวางไว้ ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียว โดยมีระยะห่างพอให้ไม่รู้สึกอึดอัด เพื่อให้ลูกค้าออกมานั่งจิบกาแฟชิวๆโดยเห็นอย่างอื่นนอกจากงาน ลูกค้า และหัวหน้าบ้าง



“คุณแพ้บุหรี่หรือเปล่า?”

“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้าประกอบคำพูดของตัวเอง “คุณจะสูบ?”

“อือ”



คุณเมฆพูดพร้อมทั้งล้วงกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ให้ตาย ตอนที่เขาคาบบุหรี่แล้วส่งยิ้มให้ผมนิดๆ นี่หล่อขนาดผู้ชายด้วยกันยังยอมรับเลย เออหล่อดี เป็นคนที่หล่อเรี่ยราดจนทำให้ผมนึกถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่รุ่นน้องกรี๊ดกันเหลือเกิน แต่เห็นชีวิตมันแล้วเหนื่อยครับ ดังไปก็ไม่ดี

ผู้ชายตรงหน้าผมเอาบุหรี่ออกจากปาก แล้วถามย้ำอีกครั้ง



“ไม่ถือใช่มั้ย?”

“ตามสบายเลยครับ”



ผมไม่ถือหรอก เป็นมนุษย์ประเภทไม่ชอบไม่เกลียดบุหรี่น่ะ เคยลองสูบตามเพื่อนบ้างเหมือนกันช่วงโปรเจคเร่งส่งสมัยเรียน แต่พอจบมาแล้วก็ไม่ค่อยได้สูบอีก ผมตามเพื่อนน่ะ ใครว่าอย่างไรก็อย่างนั้น เพื่อนสูบก็สูบด้วย ไม่ได้คิดอะไรหรอก



“งานเครียดสินะครับ”

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?”

“ก็ เอ่อ… “

 

เอาไงดีวะ งานยากอีกแล้ว คุณเมฆนี่พอๆกับมิสเตอร์คิม 5 เมลใน 30 นาทีเลย นั่นคือชอบให้อะไรยากๆ ส่วนนี่ก็ชอบพูดอะไรที่มันตอบยากๆ ผมแค่ชวนคุยมั้ยล่ะ นี่ผมส่งไอ้คุณเมฆไปอยู่กับพวกคิมๆ ป้ากๆ ดีมั้ย ชอบถามอะไรก็ไม่รู้ พูดก็พูดเถอะครับ



“ผมแค่ล้อเล่นน่าคุณ อย่าซีเรียสสิครับ”



ไอ้คุณเมฆหัวเราะพร้อมทั้งเคาะบุหรี่ลงที่เขี่ย ผมเห็นนะว่าเขาอมยิ้มตอนมองหน้าผมน่ะ อะไรมันตลกตรงไหนเนี่ย ถ้าชอบล้อเล่นมากไม่น่ามาทำงานออฟฟิศนะ น่าจะไปเป็นตลกคาเฟ่ พวกที่ตบมุกด้วยถาดอะไรอย่างนี้ ผมเคยดูตอนเด็กๆ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ถาด ทำไมไม่ลองใช้ถ้วย หรือช้อน หรือตะเกียบ หรือข้าวโพด อร่อยดีนะผมว่า



“ว่าแต่คุณแทนใจนี่เป็นเซลล์เหรอครับ?”

“ผมเป็นเซลล์โคฯน่ะครับ เป็นเซลล์ไม่ไหวหรอก อันนั้นมันต้องมีอายุหน่อย แค่นี้ผมก็เหนื่อยแล้ว”



พูดพร้อมหัวเราะเหมือนไม่ซีเรียสแต่ที่จริงเครียดมากครับ แต่ละวันคุณลูกค้าแต่ละเจ้าจะเอานั่นจะเอานี่เยอะเหลือเกิน บริษัทฯ ก็ดันใหญ่ขายของไปทั่วโลกอีก รับไม่หวาดไม่ไหวเลยเนี่ย เหนือยครับ ยิ่งพูดยิ่งเครียด ทดลองไปอยู่ดาวอังคารดีมั้ย? บริษัทผมคงไม่ขยายสาขาไปถึงนั่นหรอกมั้ง …



เฮ้ย! พูดถึงงาน!!!

   “ผมว่าเดี๋ยวผมต้องขึ้นไปแล้วแหละครับ” พูดพร้อมมองเวลาจากหน้าจอมือถือไปด้วย เลยครึ่งชั่วโมงแล้วอะ ป่านนี้เมลกองทับถมไปจนล้นอินบ๊อกซ์หมดแล้ว



“เอาสิ เดี๋ยวผมขึ้นด้วย”

“คุณอยู่ก่อนก็ได้นะครับ บุหรี่ยังไม่หมดมวนเลย”



ผมชี้ไปที่บุหรี่ที่เขาสูบอยู่ เจ้าตัวเลิกคิ้วนิดหน่อย เขาพ่นควันครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะดึงออกจากปากแล้วขยี้ลงที่เขี่ยบุหรี่ทันที



“หมดแล้วนะ” มีการชูมือสองข้างให้ดูอีกว่านี่คือบ๋อแบ๋แล้วจริงๆ “ไปครับ ขึ้นข้างบนกัน”



“ความจริงคุณอยู่ต่อก่อนก็ได้นี่”



ผมรีบเดินลิ่วๆ ไปกดลิฟท์ก่อน พอเห็นคลื่นมวลชนแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ โอ่ย คนเยอะอีกแล้วอะ ไม่ทำงานทำการกันหรือไงเนี่ย นี่ยังไม่เที่ยงเลยนะ ขึ้นข้างบนกันไปให้หมด เดินขึ้นบันไดไปด้วย เร็วครับ สู้ๆ ทุกคนต้องออกกำลังกาย



“ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำไมอีก บุหรี่ผมหมดแล้ว”

“เอาที่คุณเมฆสบายใจเลยครับ”

“นี่คุณกวนผมอีกแล้วนะ”

“ผมเปล่าสักหน่อย”



ลอยหน้าลอยตาเดินเข้าลิฟท์ไปเลยครับ ไม่รู้ไม่สน ตามมาด้วยคุณเมฆที่ท่าทางไม่ถือสาเอาความ ถือสาอะไรก็ไม่ทันแล้วแหละครับ ผมกวนไปแล้ว ถ้าคนไม่รู้จักจะคิดว่าผมเป็นพวกเงียบๆ อะไรก็ได้ยังไงก็ได้น่ะครับ แต่ถ้าคนที่รู้จักดี (หรือในกรณีนี้คือมากวนประสาทผมก่อน) ก็จะเจอแทนใจเวอร์ชั่นนี่แหละ ฮึ่ม เวอร์ชั่นที่ปั้กๆคิ้มๆก็จะกลัวกันทั้งเกาหลี ฮึ่มๆ

ผมไม่ยอมใครนะบอกไว้เลย ไม่งั้นทำงานตรงนี้ไม่ได้หรอก ลูกค้าแต่ละคนเขี้ยวเล็บเยอะทั้งนั้น ยอมหมดก็อดโบนัสสิครับ ฮึ่มๆๆๆ



“คุณนี่ท่าทางไม่เหมือนคนกวนประสาทเลยนะ”

“ผมเหมือนอะไร?”

“ก็เหมือนกับ--”



ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูด เสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน คุณเมฆเอาขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้ว ถอนหายใจ แล้วกดรับอย่างเสียไม่ได้

เท่าที่ฟังเหมือนจะเป็นเรื่องงานแฮะ ก็อย่างว่า พวกเอนจิเนียร์ ทีมลีดเดอร์ เซลล์ หรือแม้แต่โปรเจคเมเนเจอร์ต้องมีโทรศัพท์ของบริษัทไว้คนละเครื่องอยู่แล้ว (พวกเลขาฯเคยเมาธ์กับกลุ่มชมพูทวีปว่าบางทีคุณกฤติก็ส่งเมลมาตอนตี 4 น่ากลัวมากครับ ผมจะไม่เติบโตเด็ดขาด) ส่วนตำแหน่งต่ำต้อยอย่างผมน่ะเหรอ? ให้ก็ไม่เอาอะ แค่ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว พอเถ๊อะ



“ผมไปก่อนนะครับ”



ผมบอกเมื่อถึงชั้นตัวเอง แล้วเดินออกมาเลย ไม่สนใจหน้าตาเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ได้เพราะติดสายเรื่องงานอยู่ของคุณเมฆ ว่าแต่กาแฟอร่อยจังน้า คิดได้แล้วจึงดูดเข้าไปอีกคำนึงเน้นๆ



ฮือ ลาเต้ที่ดี








“ไงมึง นึกว่าลงไปช่วยเขาบดเมล็ดกาแฟด้วยแล้วเนี่ย ไปช่วยเขาบดที่เชียงใหม่ด้วยนะ บดเสร็จแล้ววิ่งรอบสนามกีฬาสามรอบแล้วค่อยมาน่ะ ประมาณนั้นเลย”



ผมยักไหล่ใส่คำพูดจิกกัดของไอ้ซุกซน ที่ท่าทางจะเคลียร์ตัวเองหมดแล้วถึงได้นั่งดูยูทูบสบายอารมณ์ได้ ว่าก็ว่าเถอะ ผมว่านี่คือข้อดีของบริษัทฯล่ะ พนักงานจะเล่นเกม ทำกับข้าว ปลูกผัก ดูหนัง ฟังเพลง ละเลงสี ตีปิงปองอะไรก็ย่อมได้ ตราบใดที่งานในความรับผิดขอบของตัวเองเสร็จก็ไม่มีใครมาว่าอะไรแล้ว



“แล้วช็อกโกแล็ตเย็นกูอะ?”



เฮ้ย!! มัวแต่เถียงกับไอ้คุณเมฆ ลืมไปเลยง่ะ อย่างนี้แหละนะ คนฝากมันขาสั้น ตัวไม่สูง พูดอะไรบ้งเบ้งก็จะลืมง่ายเป็นธรรมดาครับ ธรรมชาติของโลกใบนี้



“ทำหน้าหางลู่หูตกแบบนี้ลืมอีกแน่ๆ”

“แหะๆ”

“ยังมาแหะ”



ไอ้คนตัวเตี้ยม่อต้อข้ามมาเอาแฟ้มตบหัวผมไม่แรงมากนัก ทำเอาผมลูบหัวป้อยๆ ไม่มีการออมแรงเลย



“ซุกซน! ถ้าเราเบลอคิดเลขผิดไปทำไงเนี่ย!”
   “นี่ยังไม่สมที่มึงลืมช็อกโกแลตกูเลยนะ”

“ขอโทษ ก็รู้นิว่าเราขี้ลืม”



เพิ่งจะขี้ลืมขึ้นมาเมื่อกี้นี้แหละ แต่เหมือนซุกซนจะไม่ได้ถือสาเอาความ มันโยนเจลลี่แบร์ใส่หัวผมอีกครั้ง แล้วหันไปนั่งทำงานต่อ

เห็นแบบนี้ผมกับซุกซนสนิทกันระดับหนึ่งเลยครับ พวกผมเข้ามาทำงานในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ซุกซนผ่านโปรตอนผมมาสมัคร และเริ่มทำงานพอดี เป็นสองคนที่เด็กสุดในแผนกนี่แหละ มีผู้ช่วยเลขาอีกคนที่รุ่นเดียวกัน แต่เขาสนิทกับพวกกลุ่มผู้หญิงมากกว่า เอาตามตรง ถ้าไม่นับพวกเด็กฝึกงานพวกผมก็คงเป็นรุ่นเด็กสุดในบริษัทแล้วครับ ยังไม่รับปริญญากันเลยเนี่ย

 ที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับคนนอกครับ ที่มาสมัครก็มักจะมาจากคนรู้จักดึงกันมา (หรือไม่ก็ยกโขยงออกไปกันหมด) แล้วก็ไปซื้อตัวมาจากที่อื่นนั่นแหละ อย่างของผมนี่พี่รักฝากเพื่อนให้ เพื่อนพี่รักเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ที่นี่แหละครับ แต่พี่เขาเก่งมากเลยนะ ไอดอลผมเลย แต่ถ้าไม่เก่งก็อยู่กับพี่รักยากครับ

แต่ที่นี่ไม่ค่อยมีใครว่าเด็กเส้นให้ผมได้ยินนะ เพราะถึงสมัครเข้ามาได้ ก็ต้องมาทำข้อสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ สอบพิมพ์นั่นนู่นนี่อีกอยู่ดีนั่นแหละ

เหมือนคัดพนักงานโอลิมปิคด้วยเงินเดือนยาจกน่ะครับ



Rrrrrr



เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น ผมยกหูทันทีโดยไม่ดูว่าใครโทรมาทั้งที่มันโชว์เบอร์คนโทรเข้า (ถ้าเป็นเบอร์ในออฟฟิศนะครับ มันโชว์ชื่อเบอร์โต๊ะที่โทรเข้ามาในแผนก เช่นถ้าคุณกฤติโทรหาผม ทุกคนในแผนกก็จะเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองด้วยเช่นกัน) ก็โทรศัพท์เราเอาไว้โทร ไม่ได้เอาไว้ดูเบอร์นี่! เอาจริงๆนี่เป็นหนึ่งในนิสัยเสียของผมเลยครับ มือถือผมก็ไม่ดูว่าใครโทรมา ถ้ามันเป็นสายดูดวงก็ค่อยวางทิ้งครับ

เสียงวี๊ดว๊ายข้างหลังไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากเท่าไหร่ เขาคงเห็นละมั้งว่าใครเป็นคนโทรมา ไม่ก็อาจจะมีใครเจอจิ้งจกก็ได้



“ฮัลโหลครับ”

“แทนใจ คุณติดเลี้ยงกาแฟผมอยู่ 2 แก้วแล้วนะ”










---- TBC ----

คนเราอะ เอาของกินไปล่อคนอื่นเขา
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
3rd Monday

 #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

 

 

 





เบลอ

 

ไม่ใช่เบลอว่ารักแถบ

 

เบลอแบบกระพริบตาก็วันจันทร์อีกแล้ว



 

 

เมื่อวานผมไปหาน้องกายที่หอ แล้วก็นอนค้างกับน้องด้วยเพราะทนลูกอ้อนน้องไม่ไหว ทำให้เช้านี้ต้องรีบออกจากหอน้องเพื่อมาทำงาน บ้านพ่อไกลจากโรงเรียนน้องครับเลยขออยู่คอนโดฯ (ตอนแรกผมก็จะมาอยู่ด้วยแหละ แต่มันไกลจากที่ทำงานผมไปนิด) บ้านพ่อผมไม่ได้ไกลปืนเที่ยงอะไรขนาดนั้นก็จริง แต่เพราะพอพวกผมจบมัธยมมาแล้ว น้องผมก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนในเมืองที่มีบีทีเอสผ่าน

ปกติน้องผมอยู่คนเดียวครับ แล้วก็จะชอบให้ผมไปหาเพราะเหงา ซึ่งผมก็ไปทุกครั้งแหละถ้าไม่ได้ติดอะไร ถ้าไปวันศุกร์ หรือเสาร์ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไปวันอาทิตย์แล้วเช้าวันจันทร์ต้องมาทำงานมันก็จะไกลเล็กๆ แต่ถ้าพูดตามจริง คอนโดฯน้องสะดวกเลยแหละเมื่อเทียบกับมหาลัยชานเมืองที่ผมเคยอยู่ ตอนนั้นกว่าผมจะไปไหนมาไหนได้นี่คือพึ่งพารถตู้ความเร็วสูงอย่างเดียวเลยครับ ความเร็วคนขับน่ะครับสู๊งสูง เหยียบมิดลำ ปาดซ้ายขวาหน้าหลัง

และเมื่อเราต้องขึ้น BTS มาทำงานที่เรารักในเช้าวันนี้ก็มักจะเจอกับเรื่องเบลอๆ เสมอ



 

BTS Sky Train

@BTS_SkyTtain:

08.10 น. รถไฟฟ้าขัดข้องที่สถานีหมอชิต กำลังทำการแก้ไข ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ผู้โดยสารโปรดเผื่อเวลาการเดินทาง

 

ผมเม้มปากมองทวีตที่สมัครเอาไว้บ่นอะไรไปเรื่อยแต่ดันมีประโยชน์ขึ้นมาเมื่อต้องการรู้ว่าวันนี้จะไปถึงที่ทำงานหรือไม่ สลับกับมองคนล้นสถานี ต่อให้รถมาอีกห้าขบวนผมก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ดีอะ น่าเบื่อมาก หงุดหงิดแต่เช้าเลย แล้วทำไมบีทีเอสต้องเสียวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ด้วยเนี่ย! ยิ่งช่วงพีคๆนี่ตัวดี เหมือนเป็นบททดสอบจากเบื้องบนว่าเราจะโดน HR ตัดสายมั้ยวันนี้

 



ไลน์!

 



ในขณะที่ผมกำลังคิดหาเหตุผลร้อยแปดสิบล้านไว้บอกกับคุณกฤติในกรณีที่เข้าประชุมไม่ทัน เสียงโทรศัพท์ที่ถือไว้ดูทวีตเมื่อครู่ก็ดังขึ้นพร้อมสั่น ไลน์เด้งนี่เอง ตามปกติผมปิดเสียงโทรศัพท์แล้วเปิดโหมดสั่นวันทำงานนะ แต่เมื่อวานน้องกายเขาเอามือถือผมไปเล่นเกมเพราะแบตหมด น้องเปิดเสียงเอาไว้แล้วผมก็ลืมปิด

 



Sales Co Team (18)



คุณฝน อินเดีย : พี่กฤติคะ วันนี้ฝนสายนะคะ

คุณฝน อินเดีย : *สติกเกอร์ร้องไห้*

คุณนัตตี้ ฟิลิปปินส์ : เห้ย ชั้นก็สายแก

คุณนัตตี้ ฟิลิปปินส์ : บีทีเอสเสีย

คุณนัตตี้ ฟิลิปปินส์ : นี่อยู่สะพานควาย จะเดินไปทำงานแล้ว

คุณโน๊ต มาเลเซีย : *ส่งรูปสวัสดีวันจันทร์* 

 



เหมือนจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ประสบปัญหาบีทีเอสเสียจนเข้างานสายแล้วแฮะ เล่นมากันสามสี่คน หลังจากที่คุณโน๊ตส่งรูปไปแล้วก็มีผู้ช่วยเลขาแล้วก็เซลล์โคฯบางคนมาบ่นเรื่องรถไฟฟ้าพังเหมือนกัน ใจชื้นขึ้นมาเล็กๆแหะ อย่างน้อยถ้าจะตายเราก็จะๆม่ตายแต่เพียงผู้เดียวครับ มีหลายคนไปเป็นเพื่อน BTS Sky Train to ที่ทำงานก็แบบนี้ พังทีแทบจะต้องซื้อกระเช้าไปไหว้ HR

 

 

คุณกฤติ : ครับ

 

 

ยิ่งหัวหน้ารับรู้ยิ่งใจชื้นขึ้นมามากกกกกกกกกก ผมยิ้มออกมาเหมือนหมาซามอยด์อารมณ์ดีเมื่อแเห็นข้อความคุณกฤติ พูดก็พูดเถอะครับ น่ากลัวกว่าหนังผีอีกเวลาคุณกฤติโมโหเนี่ย ผมเคยเห็นเขาเรียกคุณโน๊ตไปคุยในห้อง บรรยากาศนี่อย่างมาคุครับ ขนาดแก๊งชมพูทวีปยังเงียบสนิท (แต่ได้ยินเสียงไลน์ดังแทน ไม่รู้เลยครับว่าย้ายฐานทัพไปเมาธ์กันในนั้นแทน) แต่วันนี้ดูเหมือนคุณกฤติเขาจะไม่ว่าอะไร

อย่างน้อยวันจันทร์ก็ไม่ได้เลวร้ายสักทีเดียว …

 





 

คุณกฤติ : แต่ประชุม 9 โมงตรงเหมือนเดิมนะครับ

 





ผมหน้าซีด แย่แล้ววววววววววววววววววว

 

 

 

------- 20% -------

 

 

วันจันทร์นี่ทำยังไงก็เป็นวันจันทร์!

 



สรุปผมก็กดแกร๊บไบค์เพื่อนรัก หน้าม้าเปิดแว๊นมาทำงานอีกตามเคย ไม่ดีใจหรอกครับถึงแม้ว่าคนขับครั้งนี้จะได้ซ้อนท้ายคนขับบิ๊กไบค์ แทนที่จะเสียค่าบีทีเอส 59 กลายเป็นต้องเสียค่ากดแกร๊บ 300 แทน ฮึ่มๆ 300 นี่ผมเลี้ยงข้าวน้องกายได้มื้อนึงเลยนะ!

รู้งี้ตอนสมัครงานบวกค่าบีทีเอสเสียไว้ด้วยก็ดี! แต่ยังดีที่บริษัทฯมีประกันอุบัติเหตุไว้ให้ ถ้าวันไหนขึ้นแกร๊บไบค์และเผลอตกกลิ้งหลุนๆลงมาบนถนนก็ไปโรงพยาบาลได้แบบไม่ต้องจ่ายเอง แต่คิดไปคิดมา ไม่ตกรถเลยน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงสับขามาแสกนนิ้วตอนเช้าไม่สะดวกแน่นอน อย่างเช่นวันนี้

 



ผมวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาแสกนนิ้ว เครื่องโชว์เวลา 08.59

แต้มบุญยังมี!!!!!!!!

ไม่สายครับสังคมมมมมม



 

ไม่เสียเวลาแม้แต่ทักคุณอะไรสักคุณที่เดินผ่านมาทางนี้ เขายิ้มให้ผมด้วย ทำท่าจะพูดอะไรนิดหน่อยแต่เพราะผมสายมากๆ ผมเลยทำได้แค่ส่งยิ้มพร้อมหน้าผากกว้างๆที่หน้าม้ากระจัดกระจายให้ทีหนึ่ง แล้วก็รีบสไลด์ตัวเข้าห้องประชุมทั้งกระเป๋าและมือถือในมือนั่นแหละ

 



   โชคดีที่ห้องประชุมกับประตูสแกนบัตรอยู่ไม่ไกลกันมาก ผมสลด์ไม่กี่ก้าวก็ถึง เคาะเป้นมารยาท 2 ป๊อก แล้วเปิดประตูพ่างเข้าไปเลย เพื่อพบกับเกือบทุกคนในแผนกที่นั่งประจำที่กันอยู่แล้ว มีบางคนที่ไม่เห็นหน้า ผมกวาดสายตาคร่าวๆบางคนก็ขำ บางคนส่งหน้าเมื่อยมาให้ (ยกตัวอย่างเช่นคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยซุก ลงท้ายด้วยซน) และพวกเลขาฯก็นั่งปิดปากหัวเราะท่าทางผมเหมือนเคย

   พวกคนไม่รีบไม่เข้าใจ ว่าการไม่มีเวลาแม้แต่จะเอาผมหน้าม้าลงมันเป็นยังไง!

 



“เส้นยาแดงผ่าแปดเลยนะครับแทนใจ”

 



คุณกฤติหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าผมที่เดินทำตัวลีบไปยังที่นั่งว่างข้างซุกซน หลายคนเห็นหัวหน้ายิ้มให้อาจจะโล่งใจ แต่ไม่ครับ มันไม่ได้ดูสบายใจขึ้น เป็นยิ้มของมัจจุราชที่เห็นเหยื่อใกล้ตายเพราะขับรถชนต้นไม้แต่ดันฟื้นขี้นมาพอดี เลยหมดโอกาสลากคอลงไปเดินเล่นที่นรกแลนด์แดนต้นงิ้วด้วยกัน แบบนั้นเลยครับ



 

“คุณณี รบกวนเปิดสไลด์ให้ผมด้วย”



 

คุณกฤติพูดกับคุณอัญมณีเลขาอาวุโสของแก แค่นั้นแล้วเริ่มการประชุมทันที ผมก็เข้าสู่ช่วงถ่างตายังไงไม่ให้เขาดูรู้ว่ากำลังง่วงอีกครั้ง แรกๆผมก็ตั้งใจฟังหรอก แต่ส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องของเซลล์มากกว่า ผมไม่เกี่ยว แค่อยู่ฝ่ายรับไม้ต่อจากเซลล์มาอีกทีแล้วรับมือลับมีดกับลูกค้าไปวันๆแค่นั้น

 



การประชุมกินเวลากว่าชั่วโมง เมื่อเลิกประชุมทุกคนแทบจะวาร์ปกลับไปยังโต๊ะทำงาน เพราะเช้าวันจันทร์งานมักจะเยอะล้นมือกันทุกคนนั่นแหละ แต่เลื่อนประชุมแผนกไปเวลาอื่นไม่ได้ เพราะตอนบ่ายเป็น Management meeting คุณกฤติต้องเอาข้อมูลหรือปัญหาและวิธีการแก้ไขจากประชุมตอนเช้า เพื่อเข้าไปคุยรอบบ่ายอีกที

ง่วง ง่วง ง่วง ง่วง

 



“เมื่อคืนนอนกี่โมงวะ”



 

หน้าผมคงดูเหมือนผ้ายับๆ ที่ขยำไว้ แล้วม้วนอีกสองทบ เพราะซุกซนมันเอาแฟ้มมาตบหัวเบาๆคล้ายจะปลุก (หรือจะตบให้สลบไปเลยก็ไม่รู้มัน เดาใจยากครับคนสมัยนี้) ผมไม่ถือหรอกครับ  มีคนบ้าเป็นเพื่อนต้องทำใจเล็กๆ ไอ้ซนมันตบไปเรื่อยครับ ไม่ได้กะทำร้ายอะไร เหมือนตบยุงแหละครับ เห้ย แต่คนตบยุงก็ตบเอาตายนี่หว่า …

ช่างเถอะ ถ้าผมตายมันก็ต้องเจอป้ากๆคิมแทนๆแทนผม เอาไปเลย ยกให้ เป็นคนใจดี

 



“ง่วงอะซน”

“ทำอะไรมา ทำไมง่วง”

“นอนกับน้องกาย”



ได้ยินเสียงวี๊ดว้ายเบาๆข้างหลังจากแถวชมพูทวีปที่ดังมาถึงฝั่งเอเชียตะวันออกอย่างผมกับซุกซน ไอ้ซนกลอกตา มันเองก็คงรำคาญเหมือนกัน คุยอะไรหน่อยไม่ได้ พี่ๆใส่ใจทุกเรื่อง แต่พี่เขาก็น่ารักดีนะครับ เหมือนเราเปิดสะเก็ตดาวตลอดเวลาที่นั่งออฟฟิศ รายงานทุกข่าวสารบ้านคนอื่น

 



“น้องโตจะตายแล้ว สูงกว่ากูอีก ดูแลเหมือนเป็นเด็กแบเบาะไปได้”

        “แค่ซุกซนเตี้ยไม่ได้หมายความว่าคนอื่นสูง”

“กวนตีน”

 



ว่าแล้วก็เอาแฟ้มมาตบหัวผมอีกที



หนักกว่าน้องกายก็ซุกซนนี่แหละ น้องกายจะเป็นสายติดผมครับ คือน้องเป็นเด็กน่ารักที่บางครั้งก็ยึดติดกับผมมากๆจนผมกลัวว่าถ้าน้องจะเข้ามหาลัยไปจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร เพราะขนาดตอนที่ผมเข้ามหาลัยแล้วต้องอยู่หอเพราะไปกลับไม่ไหว น้องกายมาหาผมทุกสัปดาห์เลยครับ บางครั้งมานอนค้างด้วย โชคดีที่ตอนนั้นผมอยู่หอนอกเลยเอาใครเข้าก็ได้

ส่วนซุกซน เพื่อนร่วมงานคนนี้ก็แกล้งจังเลย มันเคยบอกว่าแกล้งผมสนุกดี เหมือนแหย่ตัวอะไรสักอย่างที่ไร้ทางสู้ ก็ยังงงว่านี่สรุปเคยมองเป็นเพื่อนหรือเลี้ยงไว้แก้เหงาเฉยๆ



 

ไม่คุยด้วยละ นิสัยเสีย

 



“อ้าว งอนๆ”



 

มันพูดขำๆ เมื่อผมหันมาสนใจคอมที่เพิ่งเปิดแล้วเริ่มไล่เช็คอีเมลของตัวเองแทนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับซุกซน เมื่อเห็นตัวเลขใน inbox ผมเริ่มอยากไปคุยกับเพื่อนใหม่แล้ว นิสัยเสียยังไงก็ไม่รัวอีเมลขนาดนี้ ฮือ

 



แล้วมหกรรมเอกสารก็เริ่มต้นขึ้นครับ ต่างคนต่างทำงาน มีบ้างที่ซุกซนว้ากขึ้นมาหรือผมกุมขมับ แต่ไม่มีการคุยอะไรไปมากกว่านั้น นอกจากซุกซนที่กระแทกแป้นพิมพ์ไปสบถด่าไป แล้วก็ผมที่แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อาจจะยกเว้นคุณใหม่แปซิฟิกที่เหมือนวันนี้จะว่างเลยเดินไปนั่งอยู่แถวๆคุณนุ่นฟิลิปปินส์เรียบร้อย

 



“แกเห็นข่าวขวัญกับกอล์ฟหรือยัง เขาเลิกกันแล้วนะ”

“ว้ายเชย เขากลับมาคบกันแล้วแก”



สองสาวหัวเราะคิกคักโดยมีเสียงบ่นด่าโวยวาย ‘ถ้าอยู่ตรงหน้านะมึง กูจะเอาตัวมึงให้มึงคุยกับตัวเอง ไอ้ญี่ปุ่นซัง มึง! วันนี้กูจะไม่กินซูชิ โว๊ย! หงุดหงิด’ ลอยมาจากข้างๆ ผมเป็นระยะครับ เพื่อนผมใกล้บ้าแล้วครับ ช่วยด้วย

 

“เลิกกันใหม่แล้ว แม่ขวัญเรียกสินสอดแพง” คุณนุ่นฟิลิปปินส์ครับ

“บ้าเหรอวันก่อนฉันเดินเจอสองคนนั้นที่สยาม” คุณใหม่แปซิฟิก



“สั่งเมื่อวานตีสี่จะเอาวันนี้ก่อนเที่ยง รีบมากให้พ่อมึงมาเอา!” ซุกซนใจทราม

“ครับ ใช่ครับ ลูกค้าจะเอาเย็นนี้ ใช่ครับไปมาเลย์ สั่งเมื่อกี้ครับ ประมาณ 10 นาทีที่แล้ว แพ็คเดี่ยวนี้เลยครับ ขอตอนนี้ ยังไม่ได้กินกาแฟ? ไว้ก่อนครับ อันนี้ออเดอร์ด่วนครับ” คุณโน๊ตสวัสดีวันจันทร์ที่กำลังคุยกับโลจิสท์ติกครับ 

“ใบเสนอราคารอบที่ห้าแล้ว ส่งอะไรไปก็แก้ใหม่เปลี่ยนอยู่ได้ ตัดสินใจก่อนมั้ยแล้วค่อยมาสั่งน่ะ!” คุณเชนสยามประเทศทีมครับ

 



คุณเชนที่ดูลูกค้าไทยแลนด์แดนสยาม พวกลูกค้าไทยนี่ผมเองก็แบ่งไม่ค่อยถูกหรอก ถ้าเป็นประเทศเราจะเป็นคนหนึ่งดูประเทศเดียวใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเป็นกลุ่มสยามประเทศจะมีหลายคนแล้วเขาจะแบ่งลูกค้ากันด้วยวิธีการจับฉลากครับ จะเจอลูกค้าดีหรือลูกค้าผู้น่ารักก็แล้วแต่บุญแต่กรรมกันไป

 



“โอ๊ย แกไม่รู้อะไรอย่ามาทำพูด!”

“กูพูดจริงๆนะ กูจะไม่กินซูขิอีก แม่งเอ๊ย กูจะไม่ให้ลูกกูดูโดเรม่อน ลูกค้าญี่ปุ่น มึง!”

 



ผู้หญิงก็งุ้งงิ้งกันไปซุกซนก็แข่งกันบ่นกับคุณโน็ตครับ สนุกสนานเบิกบานเหมือนนั่งอยู่กลางคอนเสิร์ตคาราบาวที่คนข้างซ้ายตีกัน แต่ข้างขวากำลังนั่งตบเข่าเมาธ์ลูกสาวบ้านตรงข้าม

 



“เดี๋ยว กอล์ฟไหนขวัญไหน?”

“กอล์ฟช่างเครื่อง กับขวัญบัญชีไง ที่จูงมือกันเข้ามาทำงานพร้อมกันเมื่อปีที่แล้วอะแก”

“โอ้ย ฉันก็นึกว่าแกพูดถึงดารา!”

 



อย่าว่าแต่คุณนุ่นเลยครับ ผมเองก็เพิ่งรู้เนี่ยว่าในบริษัทมีคนชื่อขวัญกับชื่อกอล์ฟด้วย ถ้ามีไมค์อีกนี่ฟอร์มดูโอ้ได้เลยนะเนี่ย

สิ้นการเมาธ์เรื่องนั้น สาวๆเขาก็คุยเรื่องสายลมแสงแดดท่ามกลางเสียงสบถไปเรื่อย เอาจริงผมชอบบรรยากาศในออฟฟิศแบบนี้นะครับ ชั้นที่พนักงานสติหลุดก็จะประมาณนี้แหละครับ ลองไปชั้นบัญชีหรือเดินเอาคอมไปให้ IT ดูสิครับ เงียบแบบหายใจยังไม่กล้าทำแรงครับ มีแค่เสียงต๊อกแต๊กของแป้นพิมพ์เท่านั้นจริงๆ แต่ก็น่าจะมีสมาธิดี มันก็ดีกันคนละแบบ แค่ผมชอบแบบนี้มากกว่า 



 

Rrrr



“เฮ้ย!”

 



ผมสะดุ้งเฮือก! โทรศัพท์โต๊ะผมดังอีกแล้ว เวลาที่กำลังมีสมาธิกับงานแล้วโทรศัพท์ดังนี่โคตรดึงสมาธิเลยครับ ผมนี่สะดุ้งทุกรอบ แต่ไม่กล้าลดเสียงกลัวตัวเองไม่ได้ยิน คอยดู วันไหนผมสะดุ้งจนตกเก้าอี้เมื่อไหร่ จะแกล้งยกหูขึ้นไม่ให้ใครโทรติดเลย ฮึ่มๆ!



 

“ฮัลโหลครับ”

“แทนใจ?”

“ครับ?”



 

 ผมพยายามไม่ใส่ใจเสียงวี๊ดว้ายข้างหลัง แต่ด้วยความอยากรู้เลยก้มมองชื่อที่หน้าจอเครื่องโทรศัพท์ เพราะมันจะโชว์ชื่อคนที่โทรเข้ามาให้ทั้งแผนกเห็น (ไงล่ะ โทรศัพท์สายกระจายข่าว) ‘Sitthikorn Arunchaiwong’  ใครอะ? หรือเขาชื่อไมค์ แบบมาดูโอ้กับกอล์ฟช่างเครื่องงี้ไง ชมพูทวีปทั้งหลายเลยกรี๊ดกัน



 

“นี่ผมเอง”

“ผมไหนครับ?”

“ผมเมฆไง ทำไมไม่รู้ชื่อผมเนี่ยคุณ”

 

แล้วผมต้องรู้เหรอ?!

แต่พูดได้แค่ในใจ สิ่งที่ทำคือกรอกเสียง ‘ครับ คุณเมฆ’ อย่างงงๆ ลงไปในโทรศัพท์ ไม่ค่อยมีใครที่ผมไม่คุ้นชื่อโทรมาเท่าไหร่หรอกครับ ส่วนมากก็มีแค่ลูกค้า คุณกฤติ รีเซปชั่น วนอยู่แค่นี้ อ๋อ ซุกซนด้วย บางทีที่มันต้องการจะกวนประสาทผมเล่นน่ะครับ 



 

“ผมจะเอา USB ไปคืนน่ะ”



 

ก็เมื่อวันจันทร์ที่แล้วที่พี่แกโทรมาที่โต๊ะผม (ที่โทรมาทวงกาแฟนั่นแหละ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ดูชื่อ คือถึงดูก็ไม่รู้อยู่ดี) ความจริงคือจะโทรมาขอยืม USB ซึ่งพอเจ้าตัวโทรเสร็จก็รีบวิ่งปรู๊ดมาเอา แล้วก็วิ่งกลับไป เหลือแต่คำว่า ‘เดี๋ยวจันทร์หน้าเลี้ยงกาแฟ’ เอาไว้ ซึ่งความจริงไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ ผลัดกันเลี้ยงไปมาแบบนี้เมื่อไหร่จะหมดหนี้ล่ะะะ

 



“นี่คุณอยู่ที่โต๊ะใช่มั้ย?”

“คุณเมฆโทรเข้ามาเบอร์โต๊ะนะครับ ผมว่าก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก”

“กวนผมอีกแล้วนะคุณ”



 

อ่าว มาทำเสียงเข้มใส่อีก แค่พูดสิ่งที่คิดเอง กลายเป็นกวนอีกแล้ว เกิดเป็นแทนใจนี่ใช้ชีวิตยากมากครับ



 

 

“แป๊ปนึง เดี๋ยวผมจะลงไปดีดหน้าผาก ห้ามหนี ”

“... ครับ?”

“ผมบอกว่าจะลงไปหาไง รอนะ เดี๋ยวไป”

 





 

อ่า งั้นผมก็ต้องรอเขา ถูกมั้ย?

 

 





 

 

------- 60% ------- 


ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter

ต่อค่ะ

--------------------------------------------


คนต่างแผนกพูดแค่นั้นสายก็ตัดไป



 

ผมมองโทรศัพท์แล้ววาง จะทำอะไรก็ทำเลยครับถ้าจะให้ดีมาช่วยผมทำ PO หน่อยจะขอบคุณมาก ยังไม่ทันจะเคลียร์งานต่อก็มีสายตาจับผิดจากซุกซน (และทุกคนในแผนก— ผมชักสงสัยจริงๆ แล้วว่างานมันยุ่งที่ผมคนเดียวหรือเปล่า เพราะขนาดคุณกฤติยังเปิดประตูห้องเลยครับ หรือมันเปิดอยู่แล้วผมก็ไม่แน่ใจ)



 

“ใครโทรมาวะ?”

“คุณเมฆ โปรเจคฯ คนใหม่อะ ซุกซนรู้จักมั้ย?”

“รู้จักดิ ทุกคนเขารู้จักกันหมดอะยกเว้นมึง”

“...” อ่าว อันนี้มันว่าผมหรือเปล่า ว่าผมทำไม พาลอะ ไม่ตอบละกัน

“สนิทกันเหรอ?”

“เปล่าๆ”



 

ผมโบกมือไปมาประกอบคำพูดตัวเอง กดส่งเมลที่เขียนค้างอยู่พร้อมแนบใบเสนอราคาไปให้คุณป้ากๆ สักป้ากหนึ่งนี่แหละ ทุกวันนี้กังวลมากครับว่าจะส่งเมลให้ผิดป้าก คือแบบ ปาร์คที่หนึ่ง ปาร์คที่สอง ปาร์คที่สาม นี่ว่าจะทำสถิติอยู่ว่าถ้าทำงานครบปีนี่จะได้คุยกับกี่ปาร์ค ถ้าเป็นแสตมป์เซเว่นนี่ผมแลกเสื่อได้สามผืนแล้ว



 

“แต่พี่เห็นว่าน้องเมฆดูสนิทกับเรามากเลยนะ”

 



เสียงนี้ไม่ใช่ซุกซน แต่เป็นคุณฝนอินเดียที่ถามขึ้นมา พอสิ้นเสียงนั้นทุกคนในชมพูทวีปพร้อมใจกันผสมโรงเห็นด้วยกันหมด โดยแปซิฟิกและฟิลิปปินส์คอรัสอยู่ไม่ไกล โหย ปล่อยเรื่องของผมไว้บ้างก็ได้ครับ



 

“คุณเมฆเขาก็น่าจะสนิทกับทุกคนแหละครับ”

“ฮั่นแน่ เป็นอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย?”

“เพื่อนร่วมงานครับ”

“น่อววววววววววววว์ พี่ว่ามันมากกว่านั้นน้าาาาาา”

“พี่น้องครับ”

“ตอบเหมือนพวกดาราเวลาแอบคบกัน!”

“งั้นพ่อลูกก็ได้”

“โอ้ย เจ๊ล่ะเหนื่อยใจกับแทนใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกนะ เจ๊จะจับมาตี”



คุณฝนแกชี้นิ้วมาทางผมโดยมีซุกซนนั่งขำอยู่ข้างๆอย่างไม่เกรงใจ แต่เอาจริงมันก็ไม่ค่อยเกรงใจอะไรหรือใครเท่าไหร่ โดยเฉพาะผม 

 

เจ๊ฝนแกแต่งงานมาหลายปีแล้วครับแต่ไม่มีลูก เห็นหมอบอกว่าแกไม่สามารถมีลูกได้ เพราะฉะนั้นแกเลยยกให้ผมเป็นลูกครับ เหมือนว่าอยากมีลูกแบบผม ซึ่งผมโดนแกลูบหน้าลูบหัวจับเข้าสังกัดลูกเจ๊ฝนตั้งแต่ยังไม่ผ่านโปรโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิดว่าอยากมีแม่เพิ่มหรือไม่



 

“อย่างไอ้แทนต้องเจอผมนี่!”

“อุ๊กอนนนนนน เอ็บบบบบ” (ซุกซนนนนนน เจ็บบบบบ)



 

มันดึงแก้มผมอะ ดึงแก้ม!! ผมเป็นคนมีแก้มครับไม่ได้เยอะอะไรเท่าตอนเด็กแล้ว เมื่อก่อนเพื่อนชอบมารุมแก้มผม พวกป้าๆน้าๆก็เหมือนกัน เป็นความปวดร้าวของเด็กชายแทนใจมากๆ ตรงจุดนี้ผมอิจฉาน้องกายเลย น้องผมแก้มไม่เยอะเท่าผมอะ



 

“แทนใจ”

 



ในขณะที่ผมกับลังพยายามดิ้นให้หลุดจากไอ้เตี้ยพร้อมคิดวิธีแก้เผ็ดมันไปด้วย เสียงเทวดาช่วยชีวิตก็ดังขึ้นมาพอดี ไอ้ซุกซนคงตกใจจึงเผลอปล่อยแก้มผมทำให้หันไปมองหน้าคนมาใหม่ได้ อ๋อ คุณโปรเจค เมเนเจอร์ ที่เมื่อกี้บอกว่าจะมาหานี่เอง เร็วเหมือนกันนะเนี่ย ผมคิดว่าเขาจะใช้เวลาเคลียร์งานหรืออะไรสักพัก อันนี้แสดงว่าวางสายแล้วมาเลยแน่นอน



 

“ผมเอา usb มาคืน”

“ออบอุนอั๊บ” (ขอบคุณครับ)

 



ผมตอบคุณเมฆทั้งที่ยังเอามือกุมแก้ม ไม่มีหรอกการทะนุถนอม ซุกซนเพื่อนเลวเดี๋ยวแกล้งเดี๋ยวดึง มันบอกมันเขี้ยวผม ดูกลมๆเหมือนลูกหมาลูกกระต่าย อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คน อืม มันก็คงเลี้ยงผมไว้แก้เหงาจริงๆแหละครับ น่าสงสารตัวเองแท้ๆ

 

คุณเมฆที่เมื่อกี้ดูนิ่งๆขรึมๆตอนเห็นผมกับซุกซนเล่นกัน (แปลกตามาก ไม่เคยเจอเลยครับ หน้านิ่งน่ากลัวแหะ) ตอนนี้คลายสีหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย ซึ่งผมส่งยิ้มกลับไปแบบยังจับแก้มอยู่ ต้องเวอร์ชั่นนี้สิถึงจะเป็นคุณเมฆที่คุณคุ้นเคย



 

“เล่นกันดูสนุกจัง”



 

เขาพูดพร้อมกับลูบหัวผมอีก เห้ย นี่คิดค่าแตะต้องตัวด้วยดีมั้ย จับมือ 35 จับหน้า 50 ลูบหัว 200 บีบแก้มแรงช้างสารแบบซุกซนนี่ไปเลยครั้งละ 2,000 ผมคงรวยอะ น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว หาเงินแบบนี้ส่งน้องกายเรียนจบโทที่บอสตันก็ทำได้



 

“แผนกนี้สนิทกันดีจังนะครับ”



 

คุณเมฆพูดต่อด้วยเสียงนุ่มปนขำ เห็นพวกพี่ๆโดนดาเมจกันหมด ทั้งฝั่งชมพูทวีป และแปซิฟิก อาจจะมีแค่คุณโน๊ตมาเลเซียคนเดียวที่เป็นผู้เหลือรอด เพราะแกกำลังฉะกับฝ่ายโลจิสติกทางโทรศัพท์อย่างคร่ำเคร่งว่าด้วยเรื่อง ‘ของที่ต้องถึงเย็นนี้มันก็ต้องถึงเย็นนี้ถ้าช้ากว่านี้ลูกค้าจะมากินหัวเราแล้วเราก็จะกินหัวคุณต่ออีกที’

 



“ใช่ค่ะ เราทำงานกันด้วยความรัก”

 



คุณนุ่นฟิลิปปินส์ตอบพร้อมยิ้มหวาน โอ้ย คนนี้เวลาเห็นใครเบ้าดีหน่อยหวานไปหมด ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับผมกับซุกซน ตอนแรกแกก็พยายามอยู่แหละ พออยู่ไปอยู่มาเห็นนิสัยผมแบบนี้ กับมารยาทไม่มีของซุกซนแบบนั้น แกก็เปลี่ยนจากเสียงหวานๆเป็นการด่าการบ่นแทน

 



“ว่าแต่พี่เมฆสนใจมาอยู่แผนกเรามั้ยคะ? มีแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นเลยน้า”

 



หมิวหันมาคุยด้วยบ้าง มิ่วหมิวก็เข้ามาพร้อมผมนี่แหละครับ แต่เธอเป็นผู้ช่วยคุณอัญมณี หรือเลขาของคุณกฤตินั่นแหละ อายุเราเท่ากันครับผมเลยไม่เติมคุณไว้ข้างหน้า แต่ไม่อัพเกรดให้เป็นไอ้เหมือนซุกซน

หมิวเคยทักไลน์มาหาผมบ่อยๆอยู่ช่วงนึง ตอนผมข้ามาแรกๆ ทักมาเช้าสายบ่ายเย็น คอยเอาขนมมาให้ คอยเดินมาถามงานบ่อยๆ แล้วพอโดนแซวเรื่องที่ว่ากิ๊กกับผมนี่ก็เห็นขำๆนะครับ แต่ผมปฏิเสธอยู่แล้วเพราะไม่จริง

แต่ว่าไปก็แปลก อยู่ดีๆเขาก็หายไปเลย เห็น (พวกชมพูทวีปเขาเมาธ์กันเบาๆ)ว่า โดนคุณกฤติตักเตือนเรื่องชู้สาวในแผนก สงสัยเพราะแบบนั้นเลยไม่ค่อยอยากคุยกับผู้ชายคนอื่นเท่าไหร่ ซึ่งผมก็เข้าใจประเด็นนี้นะครับ มันคงดูไม่ดี อีกอย่างน้องกายก็ไม่ค่อยชอบให้ผมตอบเขาด้วย ผมเลยไม่ค่อยตอบครับ คุยที่ทำงานอย่างเดียวพอ

 



“โหย หมิวพูดแบบนี้บอยแบนด์แผนกเสียใจนะเนี่ย”

 



ซุกซนพูดขึ้นมา พลางทำหน้าจะร้องไห้ มันตั้งของมันคนเดียวครับ มีมัน คุณกฤติ คุณโน๊ต แล้วก็ผม มันบอกว่าพวกเราหล่อสุดในแผนกเลยสถาปนาเป็นบอยแบนด์เองเลย หน้าที่ก็ไม่มีอะไรครับ คอยทำหน้าหล่อไปวันๆ เห็นแบบนี้คุณกฤติกับคุณโน็ตนี่ไม่ใช่เล่นๆนะครับ หล่อแบบถ้าเป็นอาหารก็มิชลิน 5 ดาวเลย

 



“ตกกระป๋องตั้งแต่น้องเมฆเดินมาแล้วเถอะจ้ะ เนอะ น้องเมฆ”

 



คุณฝนอินเดียตอบแทนหมิว พร้อมทั้งหันไปยิ้มหวานให้หนุ่มต่างแผนกอีก รายนี้ใิชลิน 6 ดาวเลยครับ หล่อ หุ่นดี แถมยังใจดีอีก แบบนี้สาวติดตรึมแน่นอน คุณเมฆมีแฟนแล้วแบบไม่ต้องเสียเวลาถาม

 



“จริงด้วย พวกซุกซนสู้คุณเมฆไม่ได้หรอก”

“น้องพูดแบบนี้เอาเท่าไหร่ครับเนี่ย”

“ชื่อหมิวค่ะ” หมิวปิดปากหัวเราะ น่ารักดีครับ ผมชอบมองคนหน้าตาดีนะ มองแล้วสบายใจดี พี่แทนรักงี้ คุณเมฆงี้ คุณกฤติงี้ เวลาคุณกฤติดุนี่ผมไม่กล้าโกรธเลยครับ

 

“พี่เมฆใช่มั้ยคะ? ใช่เรียนที่ xxx หรือเปล่า เหมือนเคยเห็นพี่ใส่เสื้อบอลมหาลัยมาทำงานอยู่”

“ใช่ครับ” 

“หูย โปรเจคมีแต่คนเก่งๆ เนี่ยหมิวเคยอยากเข้าที่นั่นมากเลย”



 

หมิวพูดแล้วปิดปากหัวเราะ ไปๆมาๆกลายเป็นว่าหมิวมายืนอยู่ตรงพวกผมแล้วก็คุยกับคุณเมฆอยู่นานเลยครับ จนผมตามงานป้ากๆคิมๆเสร็จแล้ว ดูออเดอร์ให้ลูกค้า เคลียร์อินบ๊อกซ์จนหมด คุณเมฆก็ยังไม่ไปไหนแล้วหมิวก็ไปหาเก้าอี้มานั่งตรงนี้เรียบร้อย

 

ผมเคยเห็นเพื่อนมหาลัยที่ไปเป็นเลขาบ่นๆในเฟซนะครับว่างานเยอะมากทำไม่ทัน ขนาดตอนที่เขาเคยไลน์มาหาผมก็บ่นๆว่างานเยอะ ไหนจะปกติแล้วคุณกฤติเอางานเร็วจะตาย ไม่น่ามีเวลาว่างขนาดนี้ อาจจะลืม เดี๋ยวผมช่วยเตือนดีกว่า เผื่อเดี๋ยวคุณกฤติโมโหแล้วจะเดือดร้อนกันทั้งแผนก



 

“ทำไมหมิวมาคุยกับคุณเมฆ ไม่ทำงานเหรอครับ? ระวังคุณกฤติว่านะครับ”



 

เกิดเดธแอร์ขึ้นทันที ทุกอย่างเงียบกริ๊บ แม้แต่พวกชมพูทวีปเองก็เงียบ คุณเมฆอมยิ้ม ส่วนไอ้ซนขำออกเสียงมาเรียบร้อย ในขณะที่หมิวหน้าดำหน้าแดงเดินหนีไปเลย



 

 

อ่าว ผมทำอะไรผิดอีกเนี่ย



 

 

 

------- 100% -------







“ตกลงเราผิดอะไรอะ”

“มึงแค่เป็นมึงอะ

“นั่นไม่เรียกคำตอบนะเผื่อยังไม่รู้”

“ไม่คุยกับคนอ๊อง”

 

‘อ๊อง’ อีกละ

 

เวลามันเรียกผม ‘อ๊อง’ คือเหมือนจะน่ารักนะ แต่มันจะใช้คำนี้ตอนที่รู้สึกว่าผมตามอะไรใครเขาไม่ทัน ครับ เอาง่ายๆมันคือคำสุภาพของ ‘แทนใจเอ๊ย มึงมันโง่ว มึงมันแทนใจ’

 

สรุปพวกเราลงมาข้างล่างครับ เอาความจริงแค่ผมคนเดียวที่คิดได้ว่าบรรยากาศมันมาคุงงๆเลยลี้ภัยลงมาข้างล่างดีกว่า ก่อนจะเกิดเหตุสลดในออฟฟิศ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรก็เถอะ พอผมหยิบกระเป๋าตังกับโทรศัพท์เตรียมลี้ภัย คุณเมฆเลยบอกว่าตั้งใจจะชวนกินกาแฟอยู่แล้ว พอดูเวลาว่ามัน 11 โมงกว่าแล้ว เลยแอบหนีลงมากินข้าวข้างล่างเลยดีกว่า จะได้เสร็จไปเลย ซึ่งซุกซนใจทรามก็รอจังหวะนี้อยู่ เลยกวาดของส่วนตัวลงมากินข้าวพร้อมกัน โดยที่มีคุณเมฆเดินกดโทรศัพท์ชิวๆตามมา

 

แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกผิดนิดๆละ ที่ชวนซุกซนมันลงมาด้วยกัน ต้องมานั่งฟังมันว่าผมเนี่ย ถึงจะว่าอยู่สามเวลาหลังอาหารอยู่แล้วก็เถอะ ทำยังไงก็ไม่ชินสักที

 

“เราไม่ได้คุยกับซุกซน”

“ก็แล้วแต่เลย”

 

“เด็กๆ ทานอะไรกัน?”

 

ก่อนที่ผมกับซุกซนจะตีกันตาย คุณเมฆเสร็จลงมาห้ามทัพด้วยการยกเมนูขึ้นมาขั้นระหว่างพวกเราสองคน พร้อมทั้งยิ้มใจดี เป็นเหมือนคุณครูอนุบาลที่คอยห้ามเด็กเรียนกับเด็กเกเรตีกัน แน่นอนว่าถึงผมจะไม่ใช่เด็กเรียน แต่ซุกซนเป็นเด็กเกเรอยู่แล้ว มองปลายผม 15 เซ็นฯก็รู้เช่นเห็นชาติ

 

“อะไรได้เร็วที่สุดอะน้อง?”

 

ซุกซนหันไปถามเด็กเสิร์ฟ ปกติเราไม่เคยมาฝากท้องร้านนี้กันหรอกครับ มันเป็นร้านอาหารไทยฟิวชั่นในห้างฯ บรรยากาศค่อนข้างดี แต่ไม่แน่ใจว่าจะอิ่ม เห็นจานโต๊ะข้างๆมีอยู่นิดเดียว ไม่น่าได้ถึงครึ่งกระเพาะของชายโฉดทั้งหลาย ถ้าคุณเมฆไม่โฉดซุกซนนี่ก็เข้าข่ายละแหละ

 

“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขไทไข่ลาวาค่ะ” ชื่อเมนูดูไม่น่าทำได้เร็วนะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าน้องพนักงานเขายืนยันแบบนี้ผมก็จะไม่เถียงอะไร …

“เอาที่หนึ่งครับ เส้นเล็กนะ ใส่ถั่วงอกเยอะๆ ขอแบบ ครึ่งชามเป็นถั่วงอก”

“ได้ค่ะ”

“ส่วนผมเอาข้าวกะเพราแซลม่อนที่หนึ่งครับ”

“ค่ะ”

 

   ในขณะที่ผมยังไม่แน่ใจว่าเที่ยงนี้ควรจะกินอะไร ทั้งโต๊ะก็สั่งกันเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่ผมซึ่งทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว ก็แย่ละ กินไรดีอะ มีแต่เมนูไม่คุ้น คนเราควรกินอะไร ถ้าสั่งกะเพราะแซลม่อนมันก็ซ้ำมั้ยอะ คุณเมฆเขาจะด่าป่าววะว่าเป็นแทนใจขี้ลอก แล้วตอนนี้ผมก็อยากเข้าห้องน้ำด้วย ตอนแรกว่าจะสั่งอาหารเสร็จแล้วไป แต่ตอนนี้มันตีตื้นขึ้นมาแล้ว มันต้องไปแล้ว มันรอไม่ได้แล้ว!

 

“ผม...”

 

หันรีหันขวางมองรอบโต๊ะ คุณเมฆก็มอง ไอ้ซุกซนนี่จ้องเลยครับ จ้องแบบถลึงตาเลยครับเพราะมันช้าตรงผมไง มีน้องพนักงานมองมาอีก ก็คนมันไม่เคยกินที่นี่อะ ห้องน้ำก็อยากเข้า เอาไงดีอะ ให้ซุกซนช่วยละกัน

 

“ซุกซน สั่งให้เราหน่อย ข้าวผัดอะไรก็ได้ เข้าห้องน้ำแป๊ป”

“เฮ้ย ไปไหนวะ สั่งก่อน!!”

“ไม่รอแล้ว เราใกล้ตายแล้ว เขามาเคาะประตูแล้ว!!”

 

พูดปุ๊ปแล้วก็หยิบมือถือวิ่งปร๊าดแทรกกลุ่มนักศึกษาหญิงที่เดินคุยกันเข้ามาพอดี อย่าขวางทางสิเรารีบมากๆอยู่นะ จากไม่ปวดมาก พอเริ่มก้าวขามันก็ก็ปวดมากๆ เลยครับ

ทำธุระเสร็จแล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน ซุกซนกำลังคุยกับคุณเมฆอย่างออกรส ไม่สนใจกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่กระซิบกระซาบกันว่า ‘เขาเป็นป่าววะมึง’ ‘อีบ้า แค่ผู้ชายสองคนนั่งกินข้าวกันไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเป็นผัวเมียกันป่าววะ?’

 

“เมื่อกี้สั่งอะไรให้เรา?” เป็นผมที่เริ่มถามเมื่อสองคนนั้นหยุดคุยกันทันทีที่ผมนั่งลง เอาจริงพูดกันต่อก็ได้นะ ผมฟังได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันก็เถอะ การอยู่กับชมพูทวีปทีมทำให้เรามีนิสัยเก็บข้อมูลทุกเรื่องในชีวิตทั้งที่บางทีก็ไม่ไดมีส่วนไหนเกี่ยวข้องอะไรกับเราเลยครับ

 

“ข้าวอะไรไม่รู้ว่ะ มันอยู่ตรงหน้าข้าวผัดอะ เลยจิ้มๆมา”

 

ครับ ก็ดูไม่ใส่ใจ สมเป็นยอดชายนายซุกซนดี เข้าใจแล้วที่เขาว่าบางครั้งบาปกรรมก็มาในรูปแบบของเพื่อนร่วมงาน

ผ่านไปสิบกว่านาที อาหารของคุณเมฆกับซุกซนมาเสิร์ฟแล้ว ซึ่งคุณเมฆยังไม่ทำอะไรนอกจากนั่งมองมันเฉยๆ ส่วนไอ้ซุกซนน่ะเหรอ หักตะเกียบรอตั้งแต่น้องเขายังไม่วางชาม จนตอนนี้มันสวาปามเข้าไปเส้นอะไรหายหมดแล้วครับ เหลือแต่น้ำก๋วยเตี๋ยว

 

   และในที่สุด!

 

“ข้าวผัดน้ำพริกกะปิไข่เค็มหมูแดดเดียวค่ะ... รายการที่สั่งได้รับครบแล้วนะคะ”

 

น้องพนักงานวางอาหารที่หน้าตาน่าทานไว้ตรงหน้าผม ความอยากอาหารลดลงไปเกินครึ่งเมื่อเห็นว่าของที่มาเสิร์ฟคืออะไร

ผมไม่ทานกะปิ

ไม่ใช่แค่กะปิหรอก พวกอาหารมีกลิ่นต่างๆแบบเดียวกับกะปิผมมักจะกินไม่ค่อยได้ เป็นพวกจมูกไว้กับกลิ่นอาหารแรงๆ อย่างปลาร้านี่ก็ทานไม่ได้ครับ เคยลองแล้วนะแต่มันกินเข้าไปไม่ได้จริงๆอะ มันไม่หอมสำหรับผม ผมกินไม่ได้ จากนี้ก็เหมือนกัน กินไม่ได้อะ แต่ไม่กินก็น่าเกลียดใช่ไหมอะ แต่กลิ่นมันแบบ ..

 

“แทนใจ คุณไม่หิวเหรอ?”

คุณเมฆถามเมื่อเห็นผมเอาแต่นั่งจ้องจานแบบไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี ตอนนี้ซุกซนมันกดมือถือจึ๊กๆอยู่ครับ คงคุยกับแฟนมันเหมือนเคย เหลือแต่คุณเมฆกับผมนี่แหละที่ยังไม่กินข้าว

“พอดี..”  ข้ออ้างอะไรดีวะ แทนใจคิดเร็ว แทนใจสู้

“ผมกินเยลลี่ไปเยอะแล้วเมื่อเช้า ตอนนี้พองเต็มท้องเลยครับ ฮ่าๆ”

ขำมันทั้งๆที่ไม่ตลกเลย รู้นะว่าเป็นข้ออ้างที่โง่มาก แต่ไม่รู้จะพูดว่าอะไร มันดูเรื่องมากที่ไม่ยอมกินแล้วก็ไม่สั่งเองด้วย ผมคิดแบบนี้นะ

“จริงเหรอ?”

“ครับ”

พยักหน้าให้ไอ้คุณเมฆที่ยังมองมาเหมือนไม่เชื่อ มาจับผิดอะไรกับผู้ชายหนึ่งคนพร้อมจานข้าวเล่า รีบๆกินไปเลย คุณเมฆหรี่ตามองอีกนิดหน่อย สักพักเขาก็ยักไหล่ แล้วหันไปทางเดิม

“งั้นผมทานของคุณได้ใช่มั้ย? ไม่ถือเนอะ”

“ไม่เลยครับ”

ผมพูดพร้อมดันจานไปข้างหน้า เพราะเขานั่งตรงข้ามผมพอดี มันเลยทำให้การดันอาหารไปอีกฝั่งเกิดขึ้นง่ายและรวดเร็วมาก ผมนี่แทบจะประเคนให้ เชิญตามสบายเลยครับ ให้ป้อนใส่ปากทุกคำยังได้เลย เอาจานนี้ไปจากผมที

 

“โอเค ผมขอจานนี้นะ”

เขาพูดพร้อมทั้งย้ายจานไปฝั่งตัวเอง แล้วเลื่อนจานตัวเองข้ามมาทางนี้แทน... เดี๋ยว เลื่อนมาทำไมวะ? หน้าตาผมคงดูเด๋อด๋าอ่องอ๊องเหมือนที่ซุกซนชอบด่าคุณเมฆเลยเหมือนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ

“คุณทานกะเพราของผมแทนละกันถ้าไม่รังเกียจ ผมยังไม่ได้แตะเลยนะ แม้แต่พริกน้ำปลาก็ไม่ได้ใส่”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากถามในสิ่งที่สงสัย คุณโปรเจคเมเนเจอร์ที่ทำงานชั้นสูงกว่าก็พูดดักขึ้นมาเหมือนรู้ว่าผมจะต้องถามแน่ๆ

 

“จะดีเหรอครับ?” ผมถามพร้อมดึงจานเข้ามาหาตัว ให้แล้วผมไม่คืนนะครัย ขอเลย ไม่มีทางคืน ไม่ใช่ว่ากินไปสองคำแล้วคุณเมฆแลกกลับงี้แทนใจไม่ยอมนะครับ

“เอาเลยๆ” ในเมื่อเจ้าตัวส่งเสริมขนาดนี้แล้ว …

“เกรงใจจังครับ”

ปากพูดไปงั้นแต่มือนี่เตรียมอาวุธเลยครับ ผมไม่ใช่มนุษย์แซลม่อนที่ออกล่าบุฟเฟต์แซลม่อนทุกครั้งที่มีโอกาส ตอนนี้กินได้ครับ ได้ทั้งนั้นปลาทูก็กินได้ ปลาซาดีนก็ได้ครับ ถึงจะมาแบบเป็นเศษ แต่ก็ไม่ใช่กะปิอะ ตอนนี้มาม่าก็ได้ อะไรก็ได้ หิว

“กินเลยๆ”

คุณเมฆที่นั่งตรงข้ามเท้าคางมองมาที่ผมเหมือนจะขำๆนิดหน่อย อะไรวะ เขาขำอะไรผมก็ไม่แคร์โลกแล้วอะตอนนี้ หิวมากจริงๆ  ผมลงมือทานอาหารตรงหน้า ในขณะที่คุณเมฆพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะลงมือทานอดีตข้าวของผมเช่นกัน

 

“ไว้คุณค่อยเลี้ยงกาแฟผมคืนละกัน”

 

เอ้า! แล้วเมื่อไหร่จะหมดหนี้ล่ะเนี่ย!









------- 120% -------

ครบแล้ว!! *จุดพลุ*
คือช่วงนี้จะพยายามปูพื้นชีวิตของตัวละครก่อนนะคะ อาจจะเรื่อยๆนิดนึง แต่เมื่อเรื่องมันไม่เรื่อยเมื่อไหร่มันจะมาไวไปไวเหมือนวันเสาร์อาทิตย์เลยค่ะ พูดแล้วก็จะร้อง ทำไมวันหยุดมันสั้นขนาดนี้ TT
สามารถสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ นะคะ เราอ่านทุกอันค่า XD

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
4th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

 

 









 

ผมยังคงเกลียดวันจันทร์

 

ซึ่งบางครั้งผมก็เกลียดตั้งแต่ตื่นเลยครับ

 

อย่างเช่นครั้งนี้

 

 

 

‘อากาศวันนี้จะหนาวเย็นเป็นบางพื้นที่...’

 

 

เสียงผู้ประกาศข่าวคนเมื่อวานที่ผมนั่งดูอยู่กับแทนกายที่ห้องของน้อง (ครับ ผมไปหาน้องอีกแล้ว น้องเรียกก็ไป เป็นพี่ที่เรียกหาง่ายกว่าเรียกแท็กซี่ช่วงสี่โมงเย็น แต่คราวนี้ไม่แพ้ลูกอ้อนน้องกลับมานอนห้องตัวเอง) ลอยเข้ามาในหัว ยังคุยกันขำๆกันอยู่เลยว่ามันจะหนาวได้แค่ไหน เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศไทยน่ะครับ หนาวจนเหงื่อแตกอะครับทุกวันนี้ ทุกความสงสัยมีคำตอบเมื่อถึงเวลา ความหนาวนี้ก็เช่นกัน

 

หนาวเพราะฝนตกหนักมากจนน้ำท่วมไงครับ!

 

ฝนตกหนักขนาดไหนน่ะเหรอครับ? ก็หนักมากจนผมตกใจตื่น แล้วสั่นเป็นนกเตรียมโดนเชือดเลยครับ น่ากลัวมาก ฟ้าร้องเหมือนกับว่าจะถล่มลงมา ผมนั่งอยู่บนเตียงกอดผ้านุ่ม (ผ้านุ่มคือผ้าห่มนั่นแหละ แต่มันนุ่ม ผมใช้ดาวน์นี่ตลอดเลยหอมมาก นุ่มด้วย ดังนั้นมันคือผ้านุ่มของผม) อยากหยุดงานมากเลย แต่มีประชุมตอนเช้า ต้องไปแต่แบบ ถ้าเดินลุยน้ำไป …

 

 

ไม่เอา!!!!!!

 

   

   แค่คิดก็เครียดแล้ว ให้กินพริกทั้งเม็ดตามจำนวนอายุยังดีซะกว่า การเดินลุยน้ำที่ฝนตกโครมๆในกรุงเทพฯนี่ไม่ตลกเลยสักนิดครับ ครั้งล่าสุดที่ผมจำใจต้องเดินลุยน้ำคือมีสอบครับ แบบสอบไฟนอลที่ถ้าขาดคือ F แน่นอน เลยจำเป็นต้องเดินลุยน้ำไปขึ้นพี่วินไปสอบ น้ำสูงเท่าเข่าอะ คิดดู ไม่ตลกเลยสักนิด เดินไปแทบอยากร้องไห้ไป คือถ้าเกิดบังเอิญสะดุดล้มสลบก็ตายตรงนั้นเลยครับ น้ำดำกว่าจิตใจซุกซนอีก ขนาดนั่นเป็นคนใจทรามแล้วนะ

 

 

   พูดถึงซุกซน ผมเปิดไลน์ขึ้นมารัวข้อความหาบัดดี้ทันที จะทำการใหญ่แทนใจต้องมีทีมครับ ผมควรหาแนวร่วมในการหยุดงานวันนี้

 

 

   Tanjai:  ซุกซน

   Tanjai:  เราอยากนอนอยู่ห้องดูหนังเฉยๆอะ อากาศแบบนี้ไม่น่าทำงานเลย

   Tanjai:  รามาลางานกันมั้ย? เทประชุมกัน

   Tanjai:   ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าซุกซนไม่แค็ปไลน์

   Tanjai:  ลาเป็นเพื่อนเราหน่อย

   Tanjai:   ฝนตกขนาดนี้ใครไม่ป่วยก็บ้าแล้ว บ้าแน่นอน ซุกซนก็ต้องป่วยนะ เดี๋ยวเราป่วยด้วย ลาป่วยมีตั้งเยอะอาทิตย์นี้เรายังไม่ได้ป่วยเลย

   Tanjai:  ลาป่วยกัน เดี๋ยวเราปวดท้อง ซุกซนปวดอึนะ ดีลละ

 

 

 

Rrrrrrr

 

 

“ซุกซนนนน”

 

ผมร้องแง้ใส่คนที่โทรเข้ามาพอดี น่าจะเพราะว่าผมไลน์ไปง้องแง้งใส่มันว่าผมอยากจะนอนอยู่เฉยๆ แทนการที่จะฝ่าฟันน้ำรอระบายไปทำงานในวันนี้ ให้เดาคือซุกซนมันก็เห็นฝนตกระดับเลวทรามก็เลยโทรมาหาแนวร่วมโดดงานกันแน่นอน

 

“กูถึงที่ทำงานแล้วนะ มึงอยู่ไหน”

 

อ่าว ผมเดาผิดอะ ว่าแต่ …

 

“ทำงานเก้าโมง ไปทำอะไรที่ออฟฟิศตอนหกโมงครึ่ง”

“เมา”

“ห๊ะ???????????”

“ก็เมาไง เมาอะมึง เวลาที่คนไม่มีสติเพราะเหล้าไง แบบตอนที่มึงเอาแอลกอฮอล์เข้าเลือดเยอะเกินไปไง เคยเรียนป้ะวะ วิทยาศาสตร์มอสองอะ”

 

 

ซุกซนหาวใส่โทรศัพท์ ผมย่นจมูกเมื่อได้ยินเสียง แจ่บๆ นึกหน้ามันทำหน้ามึนๆ ออกเลย ผมเงียบใส่โทรศัพท์ จะมาอธิบายคำว่าเมาให้คนอื่นฟังทำไมวะ 

 

“ซุกซนเป็นบ้าเหรอ ใครเขากินเหล้ากันเช้าวันจันทร์”

“เมื่อวานมานั่งกินแถวนี้ไง แม่งไกล ขี้เกียจขับรถเลยมานอนที่ออฟฟิศแม่งเลย”

“ซกมก!”

“กูขี้เกียจ”

“ที่นั่นน้ำท่วมมั้ย?”

ผมเปลี่ยนเรื่องมาเป็นสิ่งที่ควรจะคุยกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่การมานั่งเถียงกันเรื่องความสะอาดของยอดชายนายซุกซน ทำไมเหรอครับ? เพราะมันไม่สะอาดไง เราเลยไม่จำเป็นต้องสนใจมากก็ได้

 

“ไม่รู้ว่ะ ท่วมมั้ง แถวนี้แมวฉี่ก็ท่วมแล้ว”

 

ก็จริง พื้นตรงนี้ต่ำมากครับ ต่ำจนงงมากว่านี่สร้างใต้ระดับน้ำทะเลหรือเปล่า แต่น่าจะต่ำกว่า คือฝนตกนิดหน่อยปกติก็มีน้ำขังเป็นแอ่งแล้ว ยิ่งนี่ตกแบบฟ้ารั่วขนาดนี้ ไม่ท่วมก็แปลกแล้ว

 

“กูไปล้างหน้าก่อนนะ ยังเบลอๆอยู่เลยว่ะ ฮ้าว”

“เดี๋ยว! ซุกซน อย่าเพิ่งเทเราดิ เฮ้ย ซุกซน--”

“ไม่รู้เว้ย ตัดสายแม่ง”

 

ตึ๊ด!

 

แล้วสายก็ตัดไป ตัดไปทั้งอย่างนั้น ตัดไปเฉยๆเลย โอโห รู้สึกดีมากครับ ดีแบบนี้ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้ เขี่ยๆมันทิ้งไว้แถวนั้นแหละครับ ถ้าน้ำยังรอระบายอยู่ก็อยากจะเอาซุกซนไหลลงไปในท่อน้ำทิ้งเลยครับ ไปเลย  ถ้ามีเลือกตั้งประทานเพื่อสวัสดิการของพนักงานบริษัทครั้งหน้าเมื่อไหร่ ใครมีนโยบายเอาซุกซนออกไปนี่ผมเลือกแน่นอน!

 

ในเมื่อแนวร่วม (เพียงหนึ่งเดียว) ของผมหนีหายไปแล้ว ผมนั่งทำใจไถโซเชี่ยลอยู่สักพักก็ขุดตัวเองไปอาบน้ำ ยิ่งไถยิ่งเบะปาก ในเฟซบุ๊คผมเห็นซุกซนโพสรูปไปเที่ยวเมื่อคืนของมันนั่นแหละ ก็ไม่แปลกใจที่มันจะเมาครับ ลงรูปตอนตีสี่ สติดีก็บ้าแล้ว ใครที่บอกว่าเราห้ามแอดเฟรเฟซบุ๊คของคนที่ทำงานเขาพูดถูกแล้วครับ ไม่งั้นก็ต้องมานั่งเห็นเมาแบบนี้

 

นอกจากซุกซนผมก็เห็น … ใครอะ?

 

‘Mek Sitthikorn’

 

รูปโปรไฟล์ดูคุ้นมากเลยนะ เป็นผู้ชายใส่เสื้อเชียร์ของมหาลัยหนึ่งซึ่งมีงานบอล แต่มันเป็นรูปเต็มตัวเหมือนถ่ายเอาไว้โปรโหมดเสื้องานบอลอะไรทำนองนั้น ผมกดรับแอดแล้วค่อยไปส่องรูปที่เพื่อนแท็ก อ๋อ คุณโปรเจคเมเนเจอร์ที่ชอบกินคาปูชิโน่นี่เอง ว่าแต่เขาเอาเฟซบุ๊คผมมาจากไหนอะ

 

Rrrrr

 

ตาย! ไถเฟซบุ๊คแป๊ปเดียวจะแปดโมงแล้ว ผมจะไปอาบน้ำก่อน เราควรอาบน้ำเผื่อไว้เพราะถ้าลาไม่ได้ยังไงก็ต้องไปทำงาน แต่ผมยังสองจิตสองใจว่าควรจะป่วยดีมั้ย แต่กลัวว่าลาป่วยวันนี้แล้วจะโดนลูกค้าถล่มอีเมลอะ เอาเถอะ ถ้าภายใน 8 โมงแล้วฝนยังไม่หยุดนะ ผมจะลาแน่นอน

 

 

ป้ากๆ คิมๆ อะไรก็หยุดผมไม่ได้

 

 

.

   .

.

 

7:15 น.

 

ถึงแม้ลูกค้าจะไม่สามารถหยุดไม่ให้เราลางานได้

 

แต่หัวหน้าเราทำได้ครับ

 

 

 

 

------- 20% -------

 

 

 

Sales Co Team (18)

คุณกฤติ : วันนี้ผมอนุโลมให้เป็นประชุมตอน 10:00 แทนนะครับ

คุณใหม่ แปซิฟิก : ใหม่รักพี่กฤติค่ะ ฮืออออ

คุณฝน อินเดีย :  ตอนนี้น้ำหน้าบ้านฝนท่วมสูงกว่าเงินเดือนอีกค่ะ

คุณฝน อินเดีย : ว่าจะรอน้ำลดก่อนแล้วค่อยออก ขอบคุณที่เลื่อนประชุมนะคะ

คุณฝน อินเดีย : *สติกเกอร์ขอบคุณ*

ซุกซน คนใจทราม : *สติกเกอร์โอเค*

คุณกฤติ : ตามนั้นครับ

คุณโน๊ต มาเลเซีย :*รูปภาพสวัสดีวันจันทร์*

คุณกฤติ : แต่วันนี้ใครป่วยไม่มีใบรับรองแพทย์ มาคุยกับผมในวันอังคารด้วยนะครับ



 

ผมมองแชทไลน์กรุ๊ปแผนกอีกครั้งด้วยหน้าเซ็งขั้นสุด หน้างอคอหักเหมือนปลาทูในเข่งไปแล้วครับ อะไรเนี่ย ขนาดคนจะลายังไม่ให้ลา ทำไมเราถึงป่วยแบบไม่มีใบรับรองแพทย์ไม่ได้ครับ ทำไมทุกครั้งเราต้องไปหาหมอด้วย? หัวหน้าคือไม่เคยแค่มึนๆวิ๊งๆนอนสามตื่นแล้วดีขึ้นอะไรแบบนี้เหรอครับ? ทำไม!

 

ผมอัดอั้นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ คิดดูสิว่าทำไมป่วยแล้วต้องขอใบรับรองแพทย์เสมอ ผมเข้าใจว่ามันเป็นหลักฐานการรับรองว่าป่วยจริง แต่การไม่มีใบรับรองแพทย์หมายความว่าเราไม่ได้ป่วยจริงได้ไงอะ? ผมเคยปวดท้องมากๆ เห็นชีวิตมีประกันสังคมเลยไปใช้สักหน่อย รอหมอสามชั่วโมงตรวจสามวินาทีพร้อมได้พาราฯแป้งมาแผงนึง นอนอยู่บ้านก็ได้ครับแบบนี้ แบกสังขารไปโรงพยาบาลเพื่อไปเอาใบรับรองแพทย์โดยแท้

 

โอ๊ย อันนี้มันกดขี่กันเกินไป กรมแรงงานควรเข้ามาอบรมจัดคอร์สให้คุณกฤติแอนด์เฟรนด์บ้างนะครับ ไม่ไหวๆ แบบนี้มันต้องออก! ต้องออกเท่านั้น!!!!

 

ออกไปเรียกแท็กซี่ครับ

 

ขึนมอไซต์วันนี้มีหวังผมต้องกลายเป็นลูกหมาเปียกน้ำไปจริงๆแน่กว่าจะถึงออฟฟิศแน่นอนครับ  แถมน้ำที่เปียกคือน้ำรอระบาย แค่หน้าม้าเปิดไปทำงานเกือบทุกวันจันทร์ก็ว่าแย่แล้ว นี่เป็นลูกหมาเปียกน้ำรอระบายหัวเหม่งหน้าม้าเปิดมันคงดูไม่น่ามองสุดๆไปเลย

 

ด้วยความพยายามของผม และความร่วมมือของฝนบนฟ้าที่ในที่สุดก็หยุดตกก่อน 8 โมงเล็กน้อย แทนใจใส่เกียร์ม้ารีบออกจากห้อง ด้วยความที่ออฟฟิศกับคอนโดฯของผมไม่ได้จัดว่าไกลกันมากอะไรขนาดนั้น นั่งรถเมล์ไปไม่ไกลก็ถึง แต่วันนี้ผมจะนั่งแท็กซี่ครับ เพราะขืนมายืนรอรถเมล์แบบนี้ไปไม่ทันประชุมแน่นอน

 

 

ซึ่งเหมือนจะคิดผิด

เพราะไปแท็กซี่ก็ไม่น่าประชุมทันเช่นกัน

ไม่ต้องลำบากลาออกเองเลย เดี๋ยวเขาก็ไล่เราออกให้ครับสายแบบนี้

 

 

ผมยืนกระสับกระส่ายอยู่แถวๆ ป้ายรถเมล์ที่รอประจำ วันนี้คนบางตาครับ อาจจะเพราะว่าผมออกเร็วกว่าปกติเยอะอยู่ ด้วยความที่กลัวรถจะติด ซึ่งรถก็ติดจริง ติดเหมือนที่น้องชายผมติดผมน่ะครับ ถนนนี่แทบไม่ว่างเลย แต่ที่หายากกว่าถนนว่างคือแท็กซี่ว่างครับ ท้อแท้มาก

 

 

หรือผมจะไปทำงานกับที่เดียวกับพี่รักดีนะ …

 

 

พี่แทนรัก พี่สาวคนเดียวของผมทำงานอยู่สถานฑูตฯ แห่งหนึ่งครับ ตำแหน่งอะไรผมไม่แน่ใจ เพราะเมื่อเปิดรับสมัครภายในพี่เขาก็สมัครใหม่อยู่บ่อยๆ จนผมเลิกติดตามแล้ว รู้แค่ว่าไม่ค่อยได้อยู่กับที่เท่าไหร่ แล้วก็งานเยอะมากๆเลย ครั้งล่าสุดที่ผมเจอกับพี่คือเมื่อเดือนก่อน ความจริงเดือนนี้ผมก็คิดว่าจะนัดพี่แทนรักกับน้องแทนกายกินข้าวด้วยเหมือนกัน แต่ต้องรอพี่รักกลับจากเทรนงานที่ต่างประเทศก่อน เพราะพี่เขาไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ครับ เข้าใจได้ๆ working woman ก็แบบนี้

 

 

พี่สาวผมเก่งมากครับ ตอนเรียนผมจำได้ว่าพี่เป็นประธานนักเรียนด้วย พอเข้ามหาลัยไปก็เป็นหลีดอยู่ปีหนึ่งมั้ง แล้วก็เข้าชมนุมเข้าบ้านอะไรสักอย่าง ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน เพราะอายุเราห่างกันค่อนข้างเยอะแถมเรียนกันคนละมหาลัยอีก รู้แต่ว่าพี่เก่งๆมากเลย ปลื้มครับ พี่สาวผมเองครับทุกคน พี่เขาเรียนบริหารธุรกิจอินเตอร์มาครับเก่งมั้ย พี่ผมเองครับทุกคน พี่สาวผม

 

 

แทนกาย น้องชายผมก็น่ารัก ถึงแม้จะติดผมไปหน่อยแต่น้องเป็นน้องชายที่น่ารักของผมครับ เป็นเด็กดีขี้อ้อนครับ ชอบอ้อนผมตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว อาจจะเพราะว่าน้องสนิทกับผมมากกว่าพี่รักก็ได้ มีอะไรน้องเลยชอบนึกถึงผมก่อนใคร ซึ่งผมก็ขอบครับ เพราะน้องกายน่ารัก ผมรักน้องกายของผม

 

 

ไงล่ะ แทนใจหล่อเลยใช่มั้ยครับ ผมก็ว่างั้น

 

“เฮ้ย!”

 

 

ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีคนมาสะกิดหลัง ทำให้ผมตกใจจนสะดุ้งตัวโยน แล้วยิ่งตกใจกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่กำลังยืนยิ้มโชว์ฟันเรียงสวยเหมือนเพิ่งถอดเหล็กดัดเมื่อวานตอนเย็น แถมยังแต่งตัวดูมีชาตืตระกูลกว่าทุกครั้งที่เจอ (คือเขาไม่เคยแต่งตัวแย่นะ แต่วันนี้มันดูดีแปลกๆ)

“คุณอยู่แแถวนี้เหรอครับ?”

 

เป็นผมที่ถามขึ้นก่อนเมื่ออีกคนดูเหมือนจะอารมณ์ดีสวนทางกับอารมณ์ของคนส่วนใหญ่ที่รอรถแล้วไม่มีอะไรโผล่มาสักทีนอกจากความสิ้นหวังของถนนที่รถไม่ขยับเลยสักนิด  แล้วก็อาจจะฝุ่นในปริมาณที่อาจจะระคายจมูกสักนิด แค่นั้นจริงๆครับ เขาบอกว่าใช้เวลาไม่นานประมาณ 11 ปีถึงจะหายหมด

 

 

“ผมตั้งใจจะแวะซื้อโจ๊กหม้อดินในซอยข้างๆนี่ แล้วบังเอิญเจอคุณพอดีน่ะ”

 

 

อะไรคือความบังเอิญซื้อโจ๊กในเช้าวันที่รถโคตรติด ติดแบบที่บริษัทกาวตราช้างควรมาเรียนงาน สุนทรีย์มาก ลองเป็นผมนี่โจ๊กคนอร์ 7-11 รสหมูก็หรูแล้วครับสำหรับเช้าน้ำท่วมแบบนี้ เอาจริงปกติผมจะมีขนมปังหรือของกินอะไรสักอย่างจากเมื่อวานครับ หรือไม่ก็บางวันถ้าซุกซนใจทรามกลับตัวได้ เขาจะมีซื้อขนมปังมาไว้ให้ผมสักก้อนรองท้องในตอนเช้าวันจันทร์ เพราะผมหน้าม้าเปิดมาทำงานตลอดทุกจันทร์

 

 

“โหย ปกติคุณออกเช้าขนาดนี้เลยเหรอครับ”

 

 

ผมก้มหน้าดูเวลาบนมือถืออีกครั้ง นี่มันยังไม่ 8 โมงเลยนะ ปกติป่านนี้ผมก็จะยืนเบ้ปากใส่ BTS ถ้าเป็นวันที่ไปนอนห้องน้องกาย ส่วนถ้านอนห้องตัวเองน่ะเหรอ? อ๋อ ตอนนี้คือเพิ่งตื่น เป็นตื่นมาตบนาฬิกาปลุกรอบที่สาม เลื่อน snooze สนุกเลยครับในทุกเช้า เหมือนเป็นการบริหารนิ้วทุกเช้าวันธรรมดา

 

มันยากนะครับการตื่นไปทำงานในเช้าวันจันทร์เนี่ย เชื่อเถอะครับ ประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้จริง

 

 

“ใช่ครับ ผมกลัวรถติด เราไม่สามารถคาดเดาอะไรกับการจราจรในกรุงเทพฯได้อยู่แล้วนี่ ออกเช้าหน่อยดีกว่า จะได้ไม่เข้าสาย”

 

โห ความคิดโคตรดี ลองเป็นผมนี่จะเบ้ปากใส่ทุกอย่างตั้งแต่พระอาทิตย์ยันนาฬิกาปลุก คุณหัวเราะนิดหน่อยประกอบคำพูดตัวเอง ดูเป็นคนอารมณ์แม้แต่ในสถานการณ์ที่คนรอบป้ายรถเมล์กำลังหงุดหงิดสบถด่าว่าทำไมรถไม่มาสักที ผมก็แหะๆ ตามเขาไป ทั้งที่พูดถึงการมาสายในวันจันทร์นี่จะโดนผมเต็มๆเลยก็ตาม นี่แทนใจเอง แทนใจผู้แตะนิ้วตอน 8.59 เอง

 

 

“ผมกำลังจะไปพอดี”

 

 

เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เฮ้ย นี่ของตัวเองหรือยืมเพื่อนมา? ดีนะผมไม่มีนาฬิกาไม่งั้นเสียวๆครับว่าจะโดนขอยืมหรือเปล่า คนเราเดี๋ยวนี้ชอบข้อยืมกันครับ ทั้งนาฬิกา ทั้งปืน ยากเลยครับ ทุกวันนี้ซุกซนก็ขอยืมอากาศผมหายใจอยู่นะ แค่เรายังไม่เอาคืนมาเฉยๆ

 

 

“แทนใจติดรถผมไปมั้ยครับ? ยังไงก็ทางเดียวกันอยู่แล้ว”

 

หือ?

 

ผมงงๆนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอามือล้วงกระเป๋าแล้วพูดชวนขึ้นมา เฮ้ย วันนี้โชคดีแหะ ถึงแม้ฝนจะตกแต่โลกก็ยังส่งคุณเมฆให้มาซื้อโจ๊กหม้อดินแถวๆนี้ พอดี วันหลังส่งคุณกฤติมาซื้อบ้างก็ได้ เวลาผมไปสายจะได้ไม่สายคนเดียว ถ้าซุกซนด่าผมจะเอาคุณเมฆมาอ้างว่าเพราะรอคุณเมฆผมเลยสาย โหย เก่งมากเจ้าแทนใจ

 

 

“แต่ว่ามันจะไม่รบกวนคุณเหรอครับ?”

“รบกวนอะไรกัน คนกันเองน่าคุณ” 

 

 

คุณเมฆเขาโบกมือปัดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออีกทีก้คล้ายกับโบกมือไล่ยุงที่บินผ่านหน้า เฮ้ย ถึงผมจะเตี้ยกว่าเขาจะก็ไม่ใช่ยุงที่จะบี้แล้วแบนตายคานิ้วมือนะ

 

 

“ เราไปด้วยกันเถอะครับ ยังไงคุณก็ต้องยืนรอรถไปบริษัทฯอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงกันครับ ไปด้วยกัุนนี่แหละเร็วดี”

 

มันก็จริง ที่เขาพูดมามันก็มีเหตุผล ยังไงเราก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่ดี ไม่รู้ว่าผมจะเล่นตัวทำไมในตอนแรก มันแค่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย จะว่าอย่างไรดี คือผมกับคุณเมฆเพิ่งจะเจอกันไม่กี่ครั้งเองหรือเปล่า อยู่ดีๆจะมานั่งรถเขา ถ้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ หรือเล่นหัวกันมาแบบซุกซนมันคงจะคลายความเกรงใจลงไปได้บ้างน่ะนะ

 

 

“ผม…”

 

“ไปด้วยกันครับ เดี๋ยวสาย คุณมีประชุมเช้าไม่ใช่เหรอ?”

 

 

ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง สงสัยมีประชุมทุกแผนกละมั้งเช้าวันจันทร์เนี่ย เอ๊ะ แต่ผมเคยได้ยินพวกชมพูทวีปทีมเมาธ์กันว่าเบื่อประชุมเพราะนอกจากเราแล้วไม่มีใครมีประชุมเช้าวันจันทร์อีกเลย (แล้วคุณฝนอินเดียก็มาเป็นหน้ากระดาษเลยครับว่าแผนกไหนมีประชุมภายในกันกี่โมงบ้าง อย่างโหด ถ้าบอกว่าทำพาร์ททามเป็นหน่วยข่าวกรองรัฐบาลก็ไม่แปลกใจอะ รู้ทุกเรื่องบนโลกจริงจัง) งงแหะ บางทีหน่วยข่าวชมพูทวีปอาจจะผิดก็ได้นะรอบนี้

 

เมื่อไม่เหลือเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธผมก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

 

 

“งั้นผมรบกวนด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ...พี่ยินดี”

 

 

เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินนำหน้าไป ซึ่งผมก็เดินตามต้อยๆ เหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่ไก่ไปหาอาหาร วันนี้อาจจะเป็นจันทร์แรกๆที่ผมไปทำงานโดยที่หน้าม้าไม่เปิดเลยก็ได้ ความจริงวันจันทร์ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวนี่นะ

 

 

 

 

เออ ว่าแต่แถวนี้มีร้านโจ๊กด้วยเหรอวะ?

 

 

 

 

 

--------50% -------


ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
 

 

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

 

ผมพูดกับคนที่อยู่ข้างๆบนลิฟท์ วันนี้ผมอารมณ์ดีมากครับ (ถึงแม้เมื่อเช้าจะรถโคตรติดก็ตาม) แต่ได้มาทำงานแบบหน้าม้าไม่แตก ผมรู้สึกดี วันนี้แหละแกร๊บไบค์จะไม่ได้กินเงินผมอีกต่อไป!

 

“คุณไม่ได้อยู่ชั้นนี้นี่ครับ”

 

ผมพูดกับผู้มีพระคุณที่บังเอิญเจอ และเดินตามผมแสกนบัตรเปิดประตูต้อยๆ งง ตามมาทำไม usb ก็เอาคืนไปแล้วนี่ หรือว่าเขาลืมอะไรเอาไว้ชั้นนี้ แต่ก็ไม่น่า เอาจริงตอนที่ผมเข้าออฟฟิศผมเจอเขาตลอดอะ ทุกวันจันทร์ แต่ก็แปลก วันอื่นไม่เคยเห็นเจอ ประหนึ่งหายตัวได้

 

“ผมซื้อโจ๊กมาสองถุง”

 

เขายื่นถุงโจ๊กหม้อดินที่อุตส่าห์ขับฝ่าน้ำท่วมไปซื้อมาเมื่อเช้าขึ้นมาให้ดู ผมกระพริบตาปริบๆแล้วเลิกคิ้ว ประมวลผลสามสี่วิก็ยังไม่เข้าใจที่อีกคนจะสื่อ คือซื้อโจ๊กมาก็กินสิครับ มาบอกผมทำไม คิดในใจคิดยาวมาก แต่เราก็ตอบได้แค่

 

“ครับ?”

“คุณจะปล่อยให้ผมทานข้าวคนเดียวเลยเหรอ?”

“ครับ???”

“อุตส่าห์ซื้อมาสองถุง กินด้วยกันมั้ย นายยังไม่ได้กินข้าวนี่”

 

คุณเมฆพูดแล้วยิ้มแปลกๆ ไม่รู้แปลกยังไงแต่มันไม่ปกติอะ ซึ่งผมปล่อยความคิดนั้นไป เพราะอาหารเช้าสำคัญกับชีวิตเรามากกว่ารอยยิ้มตีความหมายยากของเพื่อนร่วมงาน ปกติผมตีความอะไรไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว เรื่องนี้พี่รักเคยบอกไว้ครับ นานมากแล้ว น้องกายก็ชอบกลัวว่าผมจะโดนมาหลอกเหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเริ่มหลอกคนอื่นก่อนครับ ถือคติเปิดก่อนได้เปรียบ

 

“ได้สิครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าโจ๊กให้นะคุณ”

 

แค่ให้กินให้ เรื่องแบบนี้แทนใจถนัด ยิ่งถ้าอร่อยจะยิ่งถนัดครับ เจริญอาหารขึ้นมาทันตา

 

“เฮ้ยไม่ต้อง ผมตั้งใจซื้อมาให้”

“ไม่ได้ ผมทำงานมีเงินเดือนนะ”

“งั้นคุณเก็บไว้เลี้ยงกาแฟผมละกัน”

“ครั้งก่อนๆ ยังไม่ได้เลี้ยงเลย”

“วันนี้ไงๆ ตอนนี้มากินข้าวก่อนเถอะ เราค่อยคุยเรื่องกาแฟกันทีหลัง”

“งั้นผมไปวางของก่อนนะครับ คุณไปรอที่โต๊ะกินข้าวก่อนเลยก็ได้”

“โอเคครับ”

 

ผมให้คุณเมฆไปรอที่แพนทรี่ (Pantry) ก่อนตอนที่ผมวางกระเป๋าเก็บของที่พกมาเอาไวง้ที่โต๊ะแล้วถึงจะเดินตามไป ด้วยความที่แพนทรี่ของบริษัทเราจะอยู่กลางชั้นครับ โดยแบ่งระหว่างสองแผนกออกจากกัน (หรือในกรณีของชั้นผมคืออีกฝั่งเป็นเซลล์ ฝั่งผมเป็นเซลล์โค ประมาณนี้ครับ) ข้างๆแพนทรี่คือห้องประชุม ซึ่งเวลานั่งทานข้าวหรือนั่งทานกาแฟเราก็จะอยู่กันที่แพนทรี่นี่แหละครับ

 

ที่บริษัทเรามีแพนทรี่ให้พนักงานนั่งทานอาหารร่วมกันครับ ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีแพนทรี่ของตัวเองให้พนักงานมานั่งทานข้าว พักผ่อนหย่อนใจ มีตู้เย็น เครื่องทำกาแฟ และขนมขบเคี้ยววางไว้พร้อมครับ อยู่ที่ว่าใครจะมานั่งก็นั่งได้ ซึ่งผมเคยได้ยินพวกชมพูทวีปทีมคุยกันว่าชั้น 28 ที่เป็นชั้นของแผนกเกี่ยวกับด้านแทคนิคแบ่งฝั่งกับการตลาดนี่ปาร์ตี้กันในแพนทรี่ประจำครับ มีเรื่องเล่าด้วยว่าบนตู้กับข้าวชั้นนั้นมีแต่เหล้าครับ น่ากลัวมากแต่ผมค่อนข้างเชื่อนะ

 

ถ้าคุณคิดว่าชั้นผมเสียงดังแล้วบอกเลยว่าคิดผิดมาก การได้ขึ้นไปชั้น 28 เหมือนไปอยู่กลางงานรวมรุ่นครับ ทุกคนมีเรื่องคุยกันมากจนผมงงว่าทุกคนจบสื่อสารมวลชนมาหรือเปล่า สื่อสารกันเก่งมากจริงๆ หรือว่าชมพูทวีปทีมอยู่ผิดที่ผิดทางผมก็ไม่รู้นะ ความจริงพวกเขาอาจจะเหมาะกับข้างบนมากกว่า หรือไปตรงนั้นก็อาจจะแย่งพูดไม่ทัน ไม่แน่อาจจะเป็นหน่วยข่าวกรองจากข้างบนลงมาสืบราชการลับข้างล่างก็ได้นะครับ

 

“อ้าว ซุกซน”

“ทักเหมือนเห็นผี นี่เพื่อนเอง”

 

ผมถลึงตาใส่เพื่อนรักที่นั่งเล่นมือถืออยู่ในแพททรี่ ข้างๆมีคุณโน๊ตที่ห่อข้าวมากิน ข้างๆเป็นที่ว่างที่มีแก้วกาแฟวาง และจานที่ใส่ข้าวอยู่ อาจจะเป็นใครสักคนที่กินข้าวค้างไว้ ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ในสองแผนก และข้างๆซุกซนก็เป็นเจ้ามือผมที่กำลังเทโจ๊กใส่ชาม… ที่สอง?

 

“คุณเมฆ เทให้ผมทำไมเนี่ย”

“ก็คุณมาช้าไง ผมกลัวมันเย็น”

“พระเอกมาก!!”

 

ไม่ใช่ผมนะครับอันนี้ ซุกซนเอง ซุกซนเพื่อนผมที่วางมือถือแล้วปรบมือแซวคุณเมฆขึ้นมา ผมหัวเราะแล้วลงไปนั่งตรงข้ามเขา ข้างๆจานที่ว่างอยู่ น่าจะเป็นใครสักคนแถวๆนี้แหละ วันนี้คนรน้อยมากครับเพาะน้ำท่วม พวกที่มาได้นี่ไม่บ้านใกล้ ก็ต้องทำใจเดินลุยน้ำหรือขับฝ่าทะเลกรุงเทพมาทั้งนั้น

 

“ขอบคุณมากนะครับ”

 

ผมยิ้มให้เขาแล้วเราก็ลงมือทานกัน สักพักคุณโน๊ตมาเลเซียก็ลุกขึ้นมาเก็บจานของตัวเองเดินไปไว้ที่ซิงค์ล้างจาน นี่เป็นอีกอย่างที่เหมาะกับคนขี้เกียจแบบผมมากครับ เราไม่ต้องล้างเอง ไม่ใช่แค่การตื่นมาทำงาน แต่ล้างจานผมก็ขี้เกียจ

 

“พี่โน๊ตนี่โชคดี ได้แฟนดี ลูกก็น่ารักด้วย”

 

เป็นซุกซนอีกแล้วครับที่แซ็วขึ้นมา หมอนี่มันสนิทกับทุกคนจริงๆนะครับ มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก ไหนจะสัตว์สัมพันธ์อีก น้องแป้นหมาหน้าเซเว่นก็ติดซุกซนครับ ตอนเข้ามาแรกๆมันเคยบอกผมว่าความจริงชื่อเล่นชื่อซัน แต่ซนมากที่บ้านเลยเรียกซุกซนจนกลายเป็นชื่อเล่นแทนชื่อเดิม ตอนแรกผมก็คิดว่าอะไรจะขนาดนั้น แต่ตอนนี้เชื่อสนิทใจไร้ข้อกังหาเลยครับ

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เวอร์ไป”

“จริงนะพี่”

 

ซุกซนพูดตอบ ซึ่งมีผมพยักหน้าสนับสนุนคำพูดเพื่อน พี่โน๊ตแกเป็นชายหนุ่มที่มีครอบครัวแล้วครับ ผมเคยได้ยินกลุ่มชมพูทวีปแซวอยู่ว่าพี่แกห่อข้าวมากินทุกวัน น่าจะแฟนทำให้ แต่คุณโน๊ตไม่เคยว่าอะไรนอกจากหัวเราะอย่างเดียว ไงล่ะ หล่อมากป่าวคุณโน๊ตมาเลเซียของผม แผนกผมหล่อหมดครับ

 

“ถ้าแฟนผมทำข้าวมาให้บ้างนี่โคตรรัก จะขอแต่งงานวันพรุ่งนี้เลย เขาเหมาะจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต”

“เพราะนายทำกับข้าวไม่เป็นป่าว”

“โหยเฮียเมฆ อย่าว่ากันดิ”

 

มีเลื่อนยศให้เป็นเฮียด้วย?! ซุกซนไปสนิทกับคุณโปรเจคเมเนเจอร์เขาตอนไหนเนี่ย ผมงงครับ แต่งงก็ส่วนงง เพื่อนล้มเราต้องรีบทับถมก่อน

 

“จริง ทำไม่เป็นเองไง? เรื่องง่ายๆนะซุกซน”

“นี่กูไปจอดรถขวางหน้าบ้านมึงเหรอแทนใจ แซะกูจังเลย”

“ไม่ทำแค่จอดรถ เราจะทำตลาดล้อมรอบบ้านซุกซนเลย”

“มึงเจอขวานกูแน่! ไม่ได้เฉาะรถนะ เฉาะหัวมึง”

“ซุกซน อย่าแกล้งเพื่อนสิ”

“เนี่ย! ทั้งเฮียทั้งพี่โน๊ตแม่งทีมแทนใจมันหมดอะ อะไรวะ โคตรน้อยใจ!!!” ซุกซนทำหน้าบึ้งกอดอกแล้วพึมพัมว่า คนสมัยนี้คืออะไรทำไมแม่งชอบคนโง่กันจังวะ แต่ไม่มีใครสนใจอาการปากเบะน้อยใจของมันครับ เพราะทุกคนขำ ผมก็ขำไปกับบรรยากาศชิวๆในตอนเช้าครับ ไม่ได้ว่าอะไรที่มันด่าผมคนเดียวแต่ไม่ว่าอะไรคุณเมฆ ปกติผมไม่ค่อยได้สัมผัสการสนทนาในออฟฟิศยามเช้าหรอก ไม่ใช่เพราะเครียด ผมแค่มาสายเลยไม่มีเวลากินข้าวกับชาวบ้านเขาครับ เรื่องมันเศร้าขอเข้างานเที่ยงได้มั้ย

 

“คุยกันสนุกเลยนะ”

 

เสียงผู้มาใหม่ทำให้ผมหันมอง แล้วรีบยกมือขึ้นไหว้แทบไม่ทัน คุณกฤติตัวเป็นๆครับ หัวหน้าผมเอง วันนี้ขนาดน้ำท่วมคุณกฤติยังมาถึงที่ทำงานเร็วได้เลย โอโห ความเป็นหัวหน้านี่มันความรับสูงกว่าระดับน้ำรอระบายจริงๆ ยอมแล้วครับ

 

“พี่กฤติ หวัดดีครับ”

“ครับ”

 

อันนี้ซุกซนยกมือไหว้ซึ่งคุณกฤติพยักหน้ารับนิดหน่อย เมื่อเขาหันมามองผมก็รีบยกมือไหว้ทันที คุณกฤติยิ้มแบบที่ทำผมเบลอนิดนึงเลย
ยิ้มแบบเหมือนคนอารมณ์ดีในเช้าวันที่น้ำท่วม อย่างหล่อ เห็นมั้ย! ผมบอกแล้วว่าคุณกฤติน่ะหล่อ!

 

“คุณกฤติ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ แทนใจ”

“วันนี้มาเช้านะเรา รถไม่ติดเหรอครับ”

“โอ๊ย รถติดมากกกกกกกกครับคุณกฤติ สุขุมวิทนี่น้ำท่วมจนผมแทบลงไปช่วยวิดเลยครับ”

“แต่ยังมาประชุมทันนะเรา ใช้ได้ๆ”

 

คุณกฤษยิ้มแล้วลูบหัวผม นี่เป็นครั้งแรกที่คุณกฤติลูบหัวผมเลยครับ เขินแปลกๆแหะ เอาจริงผมชอบคุณกฤษนะครับ คนอะไรไม่รู้เก่งมากอะ ตั้งแต่เข้ามาทำงานผมยังไม่เคยเห็นคุณกฤติปล่อยเบลอเรื่องไหนเลยครับ คนอะไรไม่รู้อย่างรอบคอบ ทำงานเหมือนเป็นคอมพิวเตอร์เลย เนี๊ยบมาก แถมจำได้ทุกเคส อันไหนที่ลูกค้าเยอะ (ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ) คุณกฤติก็รับมือไหวทั้งหมดครับ ขนาดเจ้าที่ว่าโหดๆยังต้องยอมฟังคุณกฤติเลย แถมยังดูดีอีกต่างหาก

 

“แทนใจรีบกินสิ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”

 

คุณเมฆที่นั่งตรงข้ามดึงความสนใจของผมออกมาจากคุณกฤติได้ครับ เออ จริงด้วย ยังไม่ได้แตะไข่เลย หมูสับก็เหลือตั้งหลายชิ้น
ผมกินไปยังไม่ถึงครึ่งเลยอะ เริ่มอิจฉาคุณเมฆแล้วแหะ กินหมดอย่างไว เป็นญาติกับเดอะแฟลชหรือเปล่า อะไรมันจะกินเร็วขนาดนั้น

 

“คุณเมฆกินเร็วมากเลย”

“ผมไม่ได้เร็ว เราน่ะช้านะ”

 

เขาพูดแล้วยิ้มให้เหมือนกับเมื่อเช้าเลย ยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้งที่เจอ วันนี้เขาแต่งตัวดีจริงๆนะเนี่ย อย่างกับนายแบบ เบลอเลย ทำไมทุกคนถึงได้ดูมีออร่าในขณะที่ผมยังหน้าม้าเปิดมาทำงานล่ะ โลกไม่ยุติธรรม ฟ้องลุงตู่ได้มั้ย ที่แต่งเพลงเก่งๆน่ะครับ ...ตู่ ภพธรน่ะครับ

 

“เดี๋ยวเราต้องไปประชุมนี่ เห็นเมื่อกี้ยังบ่นอยู่เลย”

“โอ๊ยยยยย จริงด้วย”

 

ผมอวดครวญเมื่อถึงเลคเชอร์ที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณชั่วโมงข้างหน้า ว่าแล้วทำไมเช้าวันนี้มันดูชิวๆ ผมลืมไปแล้วว่าต้องเข้าประชุมด้วย
เมื่อกี้ตอนเช้าผมน่าจะปวดท้อง โอ๊ยๆ นี่เริ่มปวดท้องขึ้นมาแล้วเนี่ย ลาเลยได้มั้ย หัวหน้านั่งอยู่ข้างๆมาอนุมัติให้ที

 

“อ้าว รู้ด้วยเหรอว่าประชุมคืออะไร ไม่เคยเห็นคุณเข้าเลยนะครับ”

 

คุณกฤติหันไปพูดกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผม แล้วตัวเองที่นั่งอยู่ข้างก็เขยิบมาชิดผมมากๆ เอ๊ะ เดี๋ยว แล้วจะขยับเข้ามาหาผมทำไม อ๋อ รู้แล้ว คุณกฤติจะเอื้อมมาหยิบกระดาษทิชชู่ข้างโต๊ะผมแน่นอน มือถึงได้เอื้อมมาอยู่หลังผมแบบนี้ ความจริงเขาบอกผมก็ได้นะ จะได้หยิบให้ นั่งชิดเลย

 

“อรุณสวัสดิ์พูดแบบนี้นะคุณกฤติ”

 

คุณเมฆยังคงยิ้มนะครับ แต่มันดูไม่ใจดีเหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่ยิ้มแปลกๆแบบเมื่อเช้าด้วย เหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง โจ๊กอาจจะไม่ถูกปาก แย่เลย ผมชอบร้านนี้นะที่จริง หมูสับเขาหมักอร่อยดดี ว่าจะถามสักหน่อยว่าร้านอยู่ตรงไหนวันหลังจะไปซื้อบ้าง

 

“โปรเจคเมเนเจอร์ทำงานอยู่ชั้นบนนนี่ครับ มานั่งตรงนี้ทำไม”

“ปกติ MD ต้องเอาเวลาตอนเช้าไปเตรียมประชุมไม่ใช่เหรอครับ ไปเถอะ เดี๋ยวทำไม่ทันนะ”

“ผมเตรียมแล้วครับ เพราะเรามีประชุมทุกสัปดาห์ ไม่เหมือนบางแผนกที่ไม่ค่อยทำงานน่ะครับ ไม่เคยเห็นใช้ห้องประชุมเลย”

“เรามีนวัตกรรมที่เรียกว่า VDO conference แล้วนะครับ เผื่อคุณยังไม่รู้”

 

บรรยากาศมันเย็นแปลกๆนะครับว่ามั้ย

 

ผมหันซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหน คือทั้งสองคนยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้านะครับ แต่ความรู้สึกมันมาคุมากจริงๆ ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเลยครับ แต่เหมือนจะมีผมคนเดียวที่เครียดนะ คุณโน๊ตมองด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ (หรือสื่อแต่ผมไม่รู้ก็ไม่รู้่นะ
แต่ผมดูไม่ออกอะ จากใจเลย) ส่วนซุกซนนี่วางมือถือเลยครับ เหมือนคนเปิดโทรทัศน์เจอละครสนุกๆเลยครับ

 

ในที่สุดก็มีผู้กล้า

 

“คุณกฤติครับ ช่วยดูพรีเซนท์ให้ผมหน่อยครับ”

 

คุณโน๊ตพูดขึ้นมาแล้วลุกขึ้นไปยืนข้างๆคุณกฤติ ที่ยอมลุกขึ้นแล้วเดินออกไป หลังจากสองคนนั้นออกไป คุณเมฆนั่งอยู่อีกแป๊ปนึงก็ลุกเดินไปทำงานเช่นกัน เหลือทิ้งไว้แต่ผมกับซุกซนที่นั่งแช่กันอยู่ตรงนั้น แต่ผมว่าจะไปแล้วแหละครับ กินต่อไม่ลงแล้วแหะ แต่เมื่อกำลังจะลุกเห็นซุกซนมองเลยเลิกคิ้วถาม มันไม่ตอบแต่กลับถอนหายใจใส่ผมแทน

 

“เฮ้อ”

“...”

“มึงแม่งโคตรอ๊อง เคยรู้อะไรกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”

“อะไร??”

“อ๊องเอ๊ย คุยกับมึงแล้วเหนื่อยจริงๆ”

“เอ้า!”

 

 

เพื่อนร่วมแผนกพูดแค่นั้นแล้วลุกหนี ผมส่ายหัว วันนี้มีแต่อะไรแปลกๆ ไม่ต้องหาเหตุผลครับ เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่นอน

 

แต่อย่างน้อย วันนี้ก็ไม่แย่เหมือนจันทร์อื่นๆ… ละมั้ง?

 

 

------- TBC -------







 

ลากเลือดมากค่ะ สารภาพ


ที่ไม่ได้มาอัพเมื่อวานเพราะมันคือวันจันทร์ค่ะ
วันต้องคำสาป วันผีบ้า

วันที่ก้นแตะเก้าอี้ปุ๊ปงานก็ถาโถมปั๊ปค่า เร็วกว่าสี่จี

ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่มันท้อแท้มาก

 

ฝาก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ด้วยนะคะ

เราอ่านทุกทวีตและทุกคอมเมนท์ค่ะ ถ้าไม่ได้รีคือไม้่เห็นจริงๆค่ะ TT

ขอบคุณมากนะคะ ;D

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
5th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์





เรารักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์มีกาแฟฟรี

   

 

“ทำไมคุณชอบชวนผมลงมาทานกาแฟวันจันทร์ทุกที”   

“เพราะผมเข้าออฟฟิศแค่วันจันทร์วันเดียวไง”



 

คุณเมฆตอบสบายๆ เรานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟร้านเดิม โดยมีลาเต้เย็นของผม และคาปูชิโนของเขาเป็นพยานในการโดดงานในเวลาที่คนอื่นหัวหมุนกันเหมือนอย่างเคย ซึ่งถามว่าผมแคร์มั้ย? ก็แคร์นิดนึงนะ แต่ว่าเมื่อกี้ตอนผมจะลงมาผมเดินเข้าไปคุยงานกับคุณกฤติในห้อง เขาฝากซื้ออเมริกาโน่แก้วนึงด้วย (ความจริงตอนแรกพอผมบอกว่าจะลงมากับคุณเมฆเขาบอกว่าจะลงมาด้วย แต่คุณโน๊ตเดินเข้ามาเคาะประตูหน้าเครียดพอดี คุณกฤติก็เลยจำเป็นต้องคุยงานก่อน)



 

อันที่จริง คุณเมฆเขาโทรมาหาผมที่โต๊ะตั้งแต่เช้าๆแล้วแหละครับ แต่วันนี้ด้วยความที่ผมมาสาย หน้าม้าเปิดโล่งมาทำงานเหมือนเดิม แล้ววันจันทร์งานเข้าแบบเข้ามาเหมือนกับว่าชีวิตของคุณลูกค้าผู้น่ารักไม่มีอะไรนอกเหนือจากการตามของจากผม ถึงแม้จะพยายามเร่งแค่ไหนก็กินเวลาเสียเยอะอยู่ดี เพราะงั้นวันนี้ตอนแรกผมเลยบอกเขาไปว่าไม่สะดวก พ่อคุณก็เหมือนเข้าใจ เข้าใจอยู่ไม่กี่ชั่วโมง

 



พอตอนบ่ายก็มาหิ้วผมลงข้างล่างอยู่ดี

 



“แล้ววันอื่นคุณอยู่ไหนอะ บ้านเหรอครับ หรือลาออกแล้ววันจันทร์สมัครเข้ามาทำงานใหม่?”

“กวนนะคุณเนี่ย”

“เขาเรียกขี้สงสัย ตกลงคุณอยู่ไหนกัน”

“ผมอยู่หน้าไซต์งาน”

 



ผมพยักหน้าเข้าใจ เอาตามตรงผมไม่เคยออกไซต์เหมือนคนอื่นๆเลยครับ คุณกฤติมีไปบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่อย่างพวกผมกับซุกซนไม่ต้องไป ก็ไม่จำเป็นไหม พวกมีความรู้ก็ออกไป งานผมถ้าไปเจอลูกค้ายังพอจะเข้าใจได้มากกว่า ซึ่งนั่นก็หน้าที่เซลล์อีก สรุปคือเซลล์โคฯเราไม่ต้องออกไปไหนครับ ถ้าจะออกคงออกจากงานอะ วุ่นวายเหลือเกิน

 



แต่ตอนนี้ออกจากงานไม่ได้ครับ หนี้คือแรงผลักดัน

 



“เดี๋ยววันศุกร์นี้ก็ต้องเข้าออฟฟิศอีกรอบแล้วแหละ”

 



คุณเมฆยังคงพูดเรื่อยๆ เขาควรให้สัญญาณอะไรบ้าง ผมที่กำลังไถหน้าเฟสบุ๊คกดไลค์สเตเตัสคนอื่นเล่นไปเรื่อยอย่างที่คนโดดงานเขาทำกัน เลยไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ เพิ่งจะรู้ตัวว่ามันคงเป็นอะไรสำคัญก็ตอนที่บทสนทนามันจบลงตรงนั้น โดยไม่มีอะไรต่อมานั่นแหละครับ

 



“อะไรนะครับ?”

“วันศุกร์ไงคุณ เราต้องไป Outing กันนะ”

 



เหมือนท่องอยู่ในโลกแห่งความฝันแล้วโดนกระชากออกมา ขนาดอู้มานั่งกินกาแฟ outing บ้านี่ยังตามมาหลอกจนได้ ความรู้สึกตอนที่ผมโดนน้องกายบ่น แล้วผมต้องมาคอยตามง้อ แว๊บกลับมาทันที จนตอนนี้ยังชาไม่หายเลยเนี่ย น้องยังตัดพ้อผมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันผ่านสติกเกอร์ไลน์ที่ใช้ตังพี่ชายน้องซื้อนั่นแหละ พี่ที่หล่อๆหน่อยอะครับ ที่ชื่อแทนใจน่ะ มีพี่อย่างผมนี่ดีมาก

 



“คุณดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ”

 



คุณเมฆดูเหมือนไม่รู้ว่าต้องทำหน้าอย่างไร จะขำแต่ก็สงสารประมาณนั้น เมื่อมองสภาพผมที่ยับยู่ยี่เป็นผ้าที่เพิ่งออกจากเครื่องหลังซักทันทีโดยไม่คลี่ออก ตอนที่ใส่ลงเครื่องแบบยัดๆด้วย! ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วค่อยไถลตัวลงโต๊ะ

 



“ความจริง ผมไม่อยากไปเท่าไหร่“

“ทำไมล่ะ?”

 



เขาถามพร้อมเลิกคิ้ว เออ หล่ออะ ยอมรับครับ แค่เลิกคิ้วก็หล่อได้ เข้าใจอยู่ที่หมิวผู้ช่วยเลขาจะชอบเดินมาคุยกับคุณเมฆตอนที่คุณเมฆลงมาหาผม ซึ่งลงมาทุกวันจันทร์ นอกจากนั้นในวันอังคารถึงศุกร์ผมแทบจะไม่เห็นปลายผมหมิวเลยครับ มีแต่ชมพูทวีปที่รายล้อมผมกับซุกซนเท่านั้น

 



“ก็แบบ!... ”

 



นานๆทีจะมีคนให้พูดด้วยนอกจากซุกซน ผมก็ต้องจัดซักหน่อยครับ ฟ้องเลยครับ แบบนี้ต้องฟ้อง!

 



“แผนกผมมีประชุมต่อที่นู่นอีกอะ ไหนจะต้องมานั่งสรุปของตัวเองไปพรีเซนท์อีก ผมมีนัดกับน้องแล้วด้วย นี่ก็ต้องเลื่อนออกไปอะ น้องงอนผมใหญ่เลย กว่าผมจะง้อได้ตั้งนาน ผมอยากอยู่กับน้อง อยากนอน อยากดูหนัง ไม่อยากไปปปปปปป”

 



พูดพร้อมกับไถหน้าลงบนแขนอีกที ฮืออออ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องกายตอนสามขวบที่ติดผมอย่างกับตังเมแล้วน้องต้องเข้าโรงเรียนเลยแฮะ แต่ก็คนมันไม่อยากไปอะ ไม่อยากไป ไม่อยากไป ไม่อยากไป

 

ไม่อยากไป!

 



“หัวหน้าคุณรู้มั้ยเนี่ย?”

 



เฮ้ย!! ผมตัวชาวาบ ตาเบิกกว้างทันที ที่ได้ยินประโยคนั้นออกมาจากคุณเมฆด้วยเสียงนิ่งๆ แย่ละ!!! เขาดูรู้จักกันด้วยนี่หว่า!!!

 



“คุณเมฆ ไม่เอานะครับ อย่าบอกคุณกฤตินะครับ”

 



ผมเงยหน้ามองเขาตาโต อีกคนทำหน้าขรึมจนผมใจแป้ว ลืมไปเลยอะ คุณเมฆยังไงเขาก็เข้าทำงานมาก่อนผมอยู่แล้ว (เพราะพวกสาวๆในแผนกดูรู้จักเขาหมด) เขาต้องรู้จักคุณกฤติดีกว่าผมชัวร์ ถ้าเขาเอาไปบอกคุณกฤติผมคงต้องโดนดุแน่เลย



“...”

 



ผมคงทำหน้าแย่มากๆ เพราะคุณเมฆหันหน้าหนีไปอีกทางเลยอะ เห้ยย ไม่ได้นะคุณเมฆ แกล้งผมเรื่องอะไรก็ได้นะ ดึงแก้มก็ได้ ดีดเหม่งก็ไม่โกรธ แต่ห้ามไปฟ้องหัวหน้าผมเด็ดขาดเลยนะ ผมยอมไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวหัวผมขาด

 



“คุณเมฆครับ คุณเมฆที่ทั้งหล่อทั้งใจดี เท่ที่หนึ่งเลย หล่อกว่าทุกคนในบริษัทเลย คนอะไรทำไมถึงได้เพอร์เฟ็คระดับนี้ โหย อย่าบอกคุณกฤติเลยนะครับ”

 



ผมคว้ามืออีกคนเอาไว้ โอ้ย จับแรงไปอะโดนนาฬิกาเลย เจ็บ! ยืมใครมา เอาไปคืนเพื่อนเลยนะ! 

 

“...”



 

เงียบ สงสัยเตรียมปิดตลาดอยู่



 

ผมเขย่ามือคู่นั้นต่อ ใช้เสียงที่พี่รักเรียกว่าเสียงแทนใจไม่ยอมโต เสียงที่ผมเอาไว้ใช้อ้อนแม่ตอนที่ผมอยากกินขนมเค้กหลังกินข้าวเกินหนึ่งชิ้น (แม่ผมไม่ชอบให้ผมทานหวานมากครับ เพราะไม่ดีกับร่างกาย แม่ผมสายสุขภาพครับ ในขณะที่ผมเป็นสายทำลายสุขภาพ)

 



“นะครับนะ คุณเมฆไม่ทำแบบนั้นหรอกนะครับ คุณเมฆคนหล่อที่สุดในออฟฟิศไม่ใจร้ายกับผมนะครับ”

“...”



 

เหลือบตามามองแว๊บนึงแล้วหันหนีอีกแล้วอะ สงสัยผมต้องแย่แน่นอน …  เอ๊ะ หรือนี่เป็นโอกาสดีที่คุณกฤติจะได้ไม่ชอบผม แล้วเตะโด่งผมไปแผนกอื่น จะไม่ต้องเจอคิมๆป้ากๆอีกต่อไป ลาก่อน ASAP ทุกอีเมล ลาก่อนสมาคมแม่บ้านด้านหลังที่ใส่ใจทุกเรื่องในบริษัท ผมจะไปแตะขอบฟ้า

 

เออ ความจริงก็เข้าท่าแฮะ



ในขณะที่กำลังคิดถึงแผนการหนีลูกค้าเพลินๆ หน้าผากผมก็โดนเคาะดังเป๊าะ!



 

“โอ๊ย!”



 

ผมรีบเอามือลูบหน้าผากใต้ผมหน้าม้าทันที อย่าบวมนะ เดี๋ยวหัวโนทะลุหน้าม้า นี่กว่าจะเอาหน้าม้าลงได้ใช้ความพยามยามมากเลยนะเฮ่ย! ถ้าน้องแทนกายจำหน้าผมไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง! หน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ!



 

“หึๆ”

“คุณเมฆ!” ผมบึนปากใส่คนที่ยังทำหน้าตาอารมณ์ดี นั่นไง มียิ้มอีก สนุกอะไรเนี่ย เจ็บนะรู้ไหม!

“ผมแค่เรียกสติคุณเองนะ คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ ใจเย็นนะแทนใจนะ”



 

ผมตวัดตามองเขาอย่างเข้มมาก ขีดเส้นใต้เลยว่าเข้มมากๆ นี่คือการเรียกสติอะไร มันคือการทำร้ายร่างกาย! ผมจะฟ้อง … ใครอะ ใครสักคน!! ใครก็ได้!!! ถ้าไม่มีใครทำอะไรได้ผมจะเอารถไปปิดหน้าบ้านคุณเมฆ คอยดู!



 

“ก็เรียกดีๆสิครับ” 

“กลัวคุณไม่หัน”

“นี่แรงเอ็นจิเนียร์เป็นแบบนี้หมดเหรอครับ? แบบคุณนี่ เวลาไปหน้าไซต์งานคงไม่ต้องใช้กล่องเครื่องมือแล้วมั้งผมว่า คุณเอานิ้วก้อยสะกิดทีเดียวเดี๋ยวน็อตมันก็หลุดออกมาเองแหละครับ แรงฆ่าหมีตายด้วยมือเปล่าขนาดนี้”



 

ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆ อูยยย มือหนักชะมัด ยังเจ็บอยู่เลยอะ โหย แดงแน่ๆ



 

“เฮ้ยคุณ เวอร์ไปหน่อยมั้งนั่น” คนที่โดนว่ามีแรงมากกว่าคนดูไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิด กลับหัวเราะอีก “ฆ่าหมีอะไม่แน่ แต่ฆ่ากระต่ายนี่น่าจะได้ อีกอย่าง มันไม่ได้แรงขนาดนั้นสักหน่อย”

“ลองมาโดนเองมั้ยครับ?”

“ผมให้คุณเคาะคืนก็ได้”

“เฮ้ย!”

 

ผมผงะถอยทันทีเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้ คือหล่อนะ หน้านี่เนียนเหมือนสิวไม่กล้าขึ้นมาก่อน แต่ทำไมคนเราต้องการเห็นคนที่หล่อในระยะประชิดด้วยล่ะ เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็หันหน้าออกไปอีกทาง

 



“ไม่ครับ ผมไม่นิยมความรุนแรงแบบคุณ”



 

กอดอกแล้วมองคุณเมฆแรงๆ ผมว่าคุณนั่นแหละ! นั่นไง ยิ้มอะไร ไม่ยิ้ม ห้ามยิ้ม แทนใจจริงจัง! เมื่อเห็นผมหน้าบูดอีกฝ่ายดูยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่ คุณเมฆไม่หล่อแล้ว หล่อน้อยที่สุดในบริษัทเลยด้วย เอาสิ!!! 



 

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วครับ” เมื่อหัวเราะจนพอใจเขาก็ยกมือเป็นปางห้ามญาติ แล้วพูดต่อ

“ปกติผมเบื่อนะการออกเอาท์ติ้งน่ะ ไม่สิ ไม่เชิงเบื่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดซะว่าไปเที่ยวแบบทำงาน”

 



คุณเมฆยังคงพูดยิ้มๆ ผมชอบฟังเวลาเขาพูดนะ เสียงเขาจะดูทุ้มนุ่ม ฟังแล้วสบายดี เหมือนกำลังเป็นเด็กอนุบาลที่ฟังครูเล่านิทานเรื่องลูกหมีสามตัว ความจริงแล้วพี่ผมเกือบได้ชื่อน้องลูกหมีแล้วครับ เพราะคุณแม่ชอบชื่อลูกหมีมากๆ และชอบนิทานเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ดีที่พอเกิดมารู้สึกเหมือนพี่เป็นสายใยแทนรักของทั้งคู่เลยเปลี่ยนให้ชื่อแทนรักครับ ไม่อย่างนั้นพวกผมคงเป็น ลูกหมี ลูกกวาง ลูกเสือดำ สามพี่น้องอะไรแบบนี้ แล้วน้องผมก็จะโดนล่า น่ากลัวมากครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เป็นแทนรัก แทนใจ แทนกายแบบทุกวันนี้ดีกว่าเยอะมากๆ



 

“แต่ปีนี้ดู... “

 





ผู้ชายที่เหมือนจะเล่านิทานอยู่ดีๆก็มองผม ตาเขาดูเป็นประกาย ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหมือนกระต่ายโง่ที่กำลังจะโดนหมีป่าขยำแล้วไม่รู้จะทำยังไงเลยแกล้งตาย … เดี๋ยว เมื่อกี้ผมเพิ่งยอมรับว่าตัวเองโง่เหรอ?

 





 

“น่าสนุก”

 

 

บอกทีสิว่าเรื่องสนุกของคุณไม่เกี่ยวอะไรกับผมน่ะ!

 

 

 

 

 













-------- 30% ------





 

ผมเพิ่งรู้ว่าผมไม่ได้เบื่อแค่วันจันทร์  ความจริงผมเบื่อทุกวันที่ต้องมาออฟฟิศต่างหาก



 

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ผมควรจะได้ไปหาน้องแทนกายเพื่อขนของจากบ้านพ่อมาที่คอนโดน้องให้หมด (ของที่น้องใช้อยู่ส่วนใหญ่พ่อซื้อให้น้องใหม่ แต่มันจะมีพวกเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวของน้องบางส่วนที่ยังอยู่ที่บ้าน) แต่ผมกลับต้องมาอยู่บนรถบัสของบริษัทเนี่ย!



 

เอาท์ติ้งของบริษัทไงครับ

การประชุมนอกสถานที่คุณหัวหน้าของผมห้ามขาดไงครับ

นอกจากการต้องมาบริษัทจะทำให้ผมเซ็งแล้ว คนที่นั่งข้างๆ ผมอย่างซุกซนก็ไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลยสักนิด



ซุกซนที่หรี่ตามองผมแล้วถอนหายใจส่ายหัว แล้วก็มองใหม่เหมือนรู้ตอนจบหนังแล้วอยากสปอยล์แต่สปอยล์ไม่ได้เพราะโดนสาปไว้ว่าใครสปอยล์บ้านบึ้ม เลยทำได้แค่นั่งยิ้มแต่เพียงลำพัง หัวเราะแต่เพียงลำพัง แต่ที่ไม่ลำพังแต่น่ารำคาญกว่าการรถติดอยู่ลำลูกกา คือมันคอยมองหน้าผมเหมือนรอให้ผมคายอะไรบางอย่างออกมานี่แหละ



“ซุกซนง่วงก็นอนนะ อย่าเป็นภาระเราเลย”

“มึง ช่วงนี้มีความลับกับกูป่าววะ?”

“สำหรับซุกซนทุกเรื่องในชีวิตเราเป็นความลับหมดเลย— โอ๊ย เอ็บบบบบบบบ อ่อยยยยยย” (โอ๊ย เจ็บบบบบบ ปล่อยยยยย)



ผมโวยวายตบตีซุกซนที่เอามือมาดึงแก้มอีกแล้ว ทำไมช่วงนี้คนชอบวุ่นวายกับแก้มกับเหม่งผมจัง เออ เนี่ยพวกนิยมความรุนแรงเกิดมาถึงได้ขาสั้นแรงหมี ต้องแบบน้องแทนกายของผมนี่ น่ารักกกก น้องชายผมเอง เรียนเก่งมากเลยครับ เป็นเด็กดีมากครับ นี่แหละน้องผม น้องผมที่ดีกว่าซุกซนมากๆ อยากให้ซุกซนไปเรียนงานกับน้องผมบ้าง เผื่อจะเป็นคนดีกับโลกใบนี้ขึ้นมาสักนิด



“อิ๊อั๋ยอั่ยอี!!!!” (“นิสัยไม่ดี”)

“กวนนะ กวนตีนนะเดี๋ยวนี้”

“อ่อยยยยยยยยย” (‘ปล่อยยยยยยยย’)

 



ซุกซนคงทนแรงทุบตีของผมไม่ไหวเลยยอมปล่อยมือ ไอ้นี่ก็มือหนัก วันๆ ไม่ได้เจอแฟนหงุดหงิดหัวหน้าหุ้นตกรถติดโลกร้อนช้อนกลางล้างจานตลาดปิดคิดถึงเสือดำ อะไรก็มาลงที่ผมหมด ดูดิ ควรมีมั้ยอะเพื่อนแบบนี้ 

 

“เอ็บ” (‘เจ็บ’)

 

หน้าแดงแน่ๆเลยอะ ยังเจ็บอยู่เลย นี่นิ้วหรือคีมกันแน่

 

“ไม่ต้องมาทำหน้าตูด ตอบกูมาว่ามึงเป็นอะไรกับไอ้พี่เมฆ”

“เป็นไรอะ? เพื่อนร่วมงานที่อยู่กันคนละชั้นไง คำถามนี้ถามไปนานแล้วนะ ทำไมไม่ได้ฟังเวลาคนอื่นพูดเลย ซุกซนนี่ใช้ไม่ได้เลย”

“อย่ากวนตีน”

 

ซุกซนคนโหดยกมือขึ้นมาทำท่าจะบีบแก้ม ผมเลยรีบเอามือจับหน้าตัวเองไว้ป้องกันไว้ดีกว่ามาเจ็บตัวทีหลัง ผมควรจะได้นอนไม่ใช่มานั่งให้มันซักไซ้แบบนี้หรือเปล่าเนี่ย

 

“ทำไมอยู่ๆเขาถึงสนิทกับมึงจัง”

“ไม่รู้อะ อยู่ดีๆก็มาชวนกินกาแฟ นี่ยังติดเลี้ยงเขาอยู่หลายแก้วเลยเนี่ย ไม่ได้จ่ายคืนสักที เจอกันทีไรก็เลี้ยงแล้วนับทบตลอด ว่าจะไม่จ่ายคืนแล้วเนี่ย เยอะเกินไปเราไม่นับ”

 

 พูดถึงกาแฟ ผมนึกขึ้นได้ว่าผมติดกาแฟเขาอยู่หลายแก้วเลยเนี่ย ไม่รู้ถ้าวันทวงหนี้มาถึงผมจะต้องเอาเงินครึ่งเดือนมาเลี้ยงกาแฟคืน หรือไม่ก็อาจจะต้องซื้อร้านกาแฟคืนไปเลย สร้างงานสร้างอาชีพกันไป ถ้ารัฐบาลไม่เดี๋ยวแทนใจทำเอง


“ตลอด? แสดงว่าเจอกันบ่อย?”

“ก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น เจอกันไม่กี่ครั้งเอง”

“อูหู ดิสกว่าที่คีย์”

“ซุกซน พ็อยต์ของอันนี้คืออะไรอะ? ผวนทำไม? งง มันทำให้ดูเหมือนคนสิ้นคิดอะ”

“มึงกวนตีนอีกแล้ว แดกเข้าไป!!”

 



ผมส่ายหน้าปฏิเสธเยลลี่ซองที่อีกคนยื่นมาให้ ซึ่งซุกซนใจทรามก็ยัดเข้าปากผมเลยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือใดๆ ทั้งนั้น ซึ่งผมทำได้แค่อู้อี้ๆเพราะสู้แรงมันไม่ได้ นี่ขนาดไม่ได้อยู่ที่ทำงานก็ยังจะกินเยลลี่หมีอยู่ได้ พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดนึกไปถึงอีกคนที่มีความหมีเหมือนกันไม่ได้ ถ้าซุกซนเป็นหมากระเป๋าติดเยลลี่หมีขี้หงุดหงิด อีกคนก็หมีกรีซลีย์ติดกาแฟน่ะนะ



 

“นี่มึงไม่รู้หรือมึงอ๊องเนี่ย?”

“อะไร อ๊องอะไรอีก?”

“อ๊องเก่งนะเดี๋ยวนี้ ตกลงมีอะไรมีอะไรที่ยังไม่บอกอีก”

“ซุกซนจะใส่ใจเรื่องของเราทำไมนักหนาเนี่ย เราไม่รู้เรื่อง บอกแล้วไง”

“เหรอๆๆๆ”

 



บทสนทนาจบลงตรงที่ซุกซนเพื่อนรักรอวันเลิกคบทำเสียงเหมือนไม่เชื่อเท่าไหร่แต่เยลลี่ในมือคงสำคัญกว่าการต่อความที่ไม่ได้มีสาระใดใดเพิ่ม ผมก็นั่งเล่นมือถือของตัวเองไป ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายของพวกสาวๆ ที่จับกลุ่มเม้าขึ้นมาเป็นครั้งคราว เท่าที่จับได้คร่าวๆคือการรับบทของดาราผู้หญิงคนหนึ่งในละครย้อนยุค แล้วก็เรื่องผู้ชายที่เหมือนจะเป็นเกย์ในแผนกเรา แต่ผมไม่รู้ว่าใคร ความจริงผู้ชายในแผนกเราก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ผมขี้เกียจใส่ใจ มันไม่ไใช่เรื่องของผมสักหน่อย



ผมสลับมาไถหน้าโซเชียลที่ทุกคนเล่นกันอย่างเฟสบุ๊ค ตัวเฟสบุ๊คผมอะไม่ค่อยโพสอะไรเท่าไหร่ ได้แต่กดไลค์ไปเรื่อย ซึ่งแบบนี้สนุกดีครับได้เห็นชีวิตและการโวยวายของหลายๆคน รวมถึงได้อัพเดทเรื่องของเพื่อนตั้งแต่ประถมยันมหาลัยที่ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วผ่านสเตตัสด้วย

 

 

โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ -- 1 hour ago

ใกล้เปิดคอร์สใหม่แล้วนะครับ ภาษาอังกฤษกับครูพี่โล้งเล้ง เพียงชั่วโมงละ 300.- เท่านั้น!!! พิเศษ!!! สำหรับน้องๆ ที่สมัครเข้ามาตอนนี้ พี่ลดให้เลย เหลือเพียงชั่วโมงละ 250.- เท่านั้น!!! ส่วนน้องๆที่เป็นนักเรียนใหม่ เพียงชวนเพื่อนมาเรียนด้วยกันในแคมเปญ ‘ติดมหาลัยไป F ด้วยกันทั้งฉันและเธอ’ สมัครคอร์สวันนี้ฟรีแม็คฟิช!!! Inbox เข้ามาเลยครับ!!

Liked by You, ซุกซน ใจทราม, and 178 others    4 comments

 

พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : หยั่กเรียนจังเรยคร่าาาาาาา

     โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : เสือก!!! กลับเซคมึงไป รอด F สมศักดิ์หรือยังมึงอะ

     พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : กูลงใหม่เทอมนี้  คิดว่าน่าจะเรียน D ขึ้น

   Tanjai Kraikiratikulchai : สู้ๆน้า

 

โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ  อันนี้เฟสบุ๊ครุ่นน้องผมเองครับ น้องเคยมาค่ายที่ผมจัดแล้วตอนนี้ก็ติดมหาลัยเดียวกัน ชื่อโล้งเล้ง ไม่รู้แม่มันขายของเจ๊งจริงหรือเปล่า แต่สอนพิเศษเนี่ยเรื่องจริง เคยเห็นน้องมันโฟสรูปตอนสอนกับพวกเด็กนักเรียนของมันอยู่ ผมก็ทำได้แค่ ‘สู้ๆน้า’ เท่านั้น ยังเอาตัวเองจากลูกค้าไม่รอดเลยครับ





ซุกซน ใจทราม shared BNK48’ post -- 2 hours ago

ทำไมเอาสาวๆมาขายอาหารญี่ปุ่น อุตส่าห์ลั่นไว้ว่าจะไม่กินซูชิเพราะเบื่อลูกค้าญี่ปุ่น ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สงสัยต้องไปกินราเม็ง แต่ลดความอ้วนอยู่ พุงเยอะกว่าแก้มแทนใจแล้วแม่งเอ้ย แทนหส่เยนห่เยนห่ยเ่หยนเ่หยน่เยนห่ยเ

89 Likes       27 comments

Tanjai Kraikiratikulchai : แก้มเราเกี่ยวอะไรกับพุงซุกซน เราเห็นนะ -_-



 เนี่ย! ซุกซนก็ใจทรามสมชื่อจริงๆ เห็นแบบนี้ผมก็ต้องปกป้องแก้มตัวเองนะ ฮึ่มๆ





เรื่องของคนที่ดูหนังวันพฤหัส -- 2 hours ago

รีวิว Shape of Water ****ไม่สปอยล์ครับ จะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้แล้วแต่****

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวหนังที่โดนทั้งด่าทั้งชมเยอะกว่าโรงที่ฉายในประเทศ Shape of Water  นั่นเอง หนังคนกับปลาอย่างที่หลายๆคนเห็นในโปสเตอร์นั่นแหละ บอกก่อนเลยว่าสำหรับตัวผมชอบหนังของผู้กำกับคนนี้อยู่แล้ว Guillermo del Toro  เรื่องนี้ก็ยังคง…

671 Likes    27 comments    129 Shares





เพจ เรื่องของคนที่ดูหนังในวันพฤหัส เป็นเพจรีวิวหนังที่ผมกดไลค์ไว้ครับ แต่เขามาอัพตามอารมณ์มากๆ อยากรีวิวเรื่องไหนก็รีวิว บางทีมาบอกว่าดูเรื่องนี้มาแต่ขี้เกียจรีวิวก็เคย หรือมาแค่รูปตั๋วหนังพร้อมข้อความสั้นๆว่า ‘เหี้ย’ ก็เคยผ่านตาผมอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าโลกมันร้อนครับ คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ

ที่ผมชอบเพราะเขาไม่ดราม่า คือไม่สนใจดราม่าน่ะครับ เหมือนเปิดมารีวิวหนังก็รีวิวไปเรื่อยๆ ยกเว้นว่าช่วงนึงที่เพจร้างๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบหายไปนานเลย แต่ช่วงนี้กลับมาแล้วครับ ดีนะ ผมชอบอ่านที่เขาเขียน บางครั้งมันก็ออกจะห้วน แต่มันตรงกับความรู้สึกของผมหลังจากดูเสมอ อย่างเรื่องที่เขาเขียนแค่ ‘เปลืองเงิน’ ผมไปดูพร้อมน้องกายก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ





Mek Sitthikorn -- 6 hours ago -- feeling exciting

พรุ่งนี้เอาอะไรให้กระต่ายกินดีนะ ;D

1.3K Likes    501 comments    27 Shares

Pingpong kidteungtertookwan : พี่เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วย มึงมาดูพ่อของลูกกู โคตรอ่อนโยน @Vorawan T

          Vorawan T.: อีดอก เลิกมโน เขาอ่อนโยนกับกระต่าย ไม่ใช่มึง

          Pingpong kidteungtertookwan : กูก็แบ๊วๆได้อยู่นะ

          Vorawan T.: กระต่ายตัวเท่านิ้วโป้งเท้ามึงเอง ใจเย็นๆนะเพื่อนนะ

ซุกซน ใจทราม : กระต่ายนี่ใช่ตัวที่ซื่อๆหรือเปล่าอะะะะะ ให้กาแฟเสี่ยงทายกัน

          Mek Sitthikorn : ชงเก่ง ลาออกไปเปิดร้านกาแฟเถอะ

          ซุกซน ใจทราม : อันนี้ชมหรือด่า ไม่ค่อยแน่ใจ

Krit Jarujarunwan : เหรอครับ?

          Mek Sitthikorn : อิจฉาเก่งนะครับ

          Krit Jarujarunwan  : ครับ คุณเองก็แซะเก่งเหมือนที่นกเก่งหรือเปล่าครับ

MewMew’ Mew: พี่เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอคะ เหมือนหมิวหมิวเลยค่าาาาา

Bubu Bewithyouforever : นั่นแน่

Ball Natthakrit :  นั่นแน่

ปีโป้ ปะปะปีปีโป้ : นั่นแน่

Alexander T. : นั่นแน่

Mek Sitthikorn : พวกมึงนั่นแน่เหี้ยอะไรกันครับเพื่อนๆ 5555555



 

โอโห ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเมฆดังขนาดที่ว่าสเตตัสอะไรก็ไม่รู้ มีคนไลค์เยอะกว่าเพจรีวิวหนังที่ผมชอบอีก ไม่แฟร์เลยอะ เพจ เรื่องของคนที่ดูหนังในวันพฤหัส ของผมนี่เขาเขียนตั้งนาน มีการคิดอะไรเยอะแยะกว่าจะออกมาเป็นสเตตัสหนึ่ง แล้วคุณเมฆนี่อะไรเนี่ย ทำไมคนไลค์เยอะจังเลย ไม่เข้าใจพวกคนดังๆจริงๆ



คนแซวคุณเมฆเยอะมากเลย ผมไปแซวด้วยละกัน เห็นแล้วตลกดี มีทะเลาะกับคุณกฤติด้วย ครึกครื้นจัง ผมควรไปเม้นบ้างดีกว่า

 



Tanjai Kraikiratikulchai : นั่นแน่ XD

               Mek Sitthikorn : …

                              Tanjai Kraikiratikulchai : โกรธผมหรือเปล่า ผมเล่นไม่ดูเอง TT”

                           Mek Sitthikorn : ใครจะโกรธคุณลงครับ 5555 ว่าแต่วันนี้กินข้าวเช้าหรือยังเนี่ย?

                              Tanjai Kraikiratikulchai : ยังไม่ได้ทานเลยครับเมื่อเช้าผมสาย คิดถึงโจ๊กหม้อดินจังเลย ฮือ

                           Mek Sitthikorn : โถ่คุณ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวกลับมาผมซื้อให้ทานนะ







“อ่อยเก่ง”



ซุกซนพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมละจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังคุยกับคุณเมฆมามองหน้าเพื่อนที่หน้าทิ่มกับมือถือเหมือนกัน ผมยักไหล่เมื่อไม่มีคำอธิบายอะไรจากซุกซนใจทรามมากกว่านั้น มันอาจจะดูคลิปอะไรสักอย่างแล้วละเมอพูเขึ้นมาเองก็ได้ อย่างงี้แหละครับ เมื่อเรามีเพื่อนสติไม่ค่อยเต็มเต่ง เราต้องใจกว้างเข้าไว้



 

เมื่อเล่นมือถือไปสักพักผมเริ่มเคลิ้มละ กะจะนอนพักสายตาสักหน่อยแต่คนข้างๆดันเอาศอกมาถองเฉย



 

“แทน มึงอย่าพึ่งหลับ กลับมาอ่อยเขาต่อก่อน เฟสบุ๊คแตกไปแล้วเนี่ย!”

“งืม”



 

ผมหันไปทำตาปรือใส่มัน วุ่นวายอะไรง่ะคนจะนอน เฟสบุ๊คจะเป็นยังไงก็ปล่อยมันไป ผมง่วงเกินจะใส่ใจเรื่องชีวิตของคนอื่นแล้ว ความจริงผมเป็นคนที่ขึ้นรถแล้วหลับครับ แบบขี้ง่วงน่ะ นั่งไปสักพักก็จะเคลิ้มแล้วหลับปุ๋ยไปเลยในเวลาไม่นาน เพราะเป็นแบบนี้ผมเลยไม่เอารถมาขับไปทำงานครับ แล้วก็ไม่เอารถขับไปไหนเลยด้วยครับ คุณแม่กับน้องกายไม่อยากให้ขับ ผมก็เลยไม่ขับ ถึงแม้คุณพ่อกับพี่แทนรักจะอยากให้ผมลองขับดูบ้างก็ตาม แต่ฝั่งแม่กับน้องกลัวอุบัติเหตุ ผมยังไงก็ได้ ตามใจทุกคนครับ



 

“มึงว่าถ้าเขา—“

“ม่ายยย” เริ่มยานละครับ สติเริ่มไม่มี เอาไว้ค่อยคุยได้มั้ย ใครจะทำอะไรผมไม่สนใจแล้วแหละตอนนี้ ง่วงง

“เดี๋ยวมึงกูยังพูดไม่จบ ลุกก่อน ล้างหน้าล้างตา ลุกเว้ยลุก!!”



 

ซุกซนเคาะหัวผมเบาๆ มีดึงแก้มด้วย ซึ่งผมไม่สนใจ มากๆเข้าผมก็ขมวดคิ้วขู่ด้วยความน่ากลัวมากๆ แล้วก็หลับใส่มันไปเลยละกัน เราใช้วิธีประท้วงแบบอหิงสา ได้ยินเสียงถอนหายใจงึมงำโง่ๆอ๊องๆ ไอ้คนไม่รู้เรื่อง สงสารพี่เมฆ อะไรของมันไม่รู้ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วครับ ง่วงมากจริงๆ หนังตาหนักกว่าน้ำหนักตัวอีก 

 





ช่างเถอะ ตื่นแล้วค่อยฉลาดก็ได้มั้ง

 

 



------- 60% -------





 

ไม่ถึงที่หมายสักที ตอนแรกว่าจะไม่อัพแล้ว แต่พรุ่งนี้เราไม่อยู่ คงอัพไม่ได้ ฮือ เอาอันนี้ไปก่อนละกันนะคะ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

   เพราะว่าเราเบลอว่ารักแถบ แบบว่าแต่งเสร็จอัพเลย เพราะงั้นถ้าเจอคำผิดหรือสะกดตกอะไรสามารถบอกได้เลยนะคะ ได้ทุกทางยกเว้นบอกผ่านหัวหน้า อันนี้น่าจะโดนฆ่าทิ้ง(?) เอาไว้เราพอหาช่องว่างได้บ้างเราจะมาตรวจเช็คอีกครั้ง ขอบคุณมากๆสำหรับคนที่สะกิดเรามานะคะ

ปล. เราขอบคุณทุกคอมเมนต์ แล้วก็แท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์มากๆนะคะ สามารถคุยกับเราได้ที่ @babybapho นะคะ ถ้าเราไม่ตอบ สามารถหาศพได้จากใต้โต๊ะหัวหน้าค่ะ น่าจะเสียชีวิตไป ไม่ก็โดนจับแล้วเรียบร้อย 55555

 


ขอบคุณที่ชอบน้องแทนใจกันนะคะ XD 











 

ต่อจากนี้คือการ outing แล้วนะคะ อิ___อิ
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เชื่อซุกซนค่ะ ว่าอ่อยเก่งจริงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ gemgems

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แทนใจ หนูลู๊กกก ตื่นมาตอบพี่เค้าก่อนเร็ววว

ออฟไลน์ phunpk

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แทนใจนี่ไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยยย
สงสารพี่เมฆ แต่ทีมพี่เมฆนะ555555

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมาก แทนใจน่ารักมากเลยค่ะ อ่านไปขำไป 5555

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารัก :ling1: น้องแทนใจนี่ซื่อจริงๆใช่มั๊ยอะ สงสารคุณเมฆ ว่าแต่คุณหัวหน้านี่ชอบน้องเหมือนใช่มั้ย  :o8:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ๊องมากๆ อะรูกกกก 555555555555555555

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :mc4: จุกปะทัดให้น้องตื่น

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
แทนใจอ๊องมากๆ แต่ก็อ่อย(แบบอ๊องๆ)เก่งมากด้วย

เนี่ย สงสารคุณเมฆเขานะคะ (เอ๊ะหรือว่าคุณหัวหน้าด้วยนะ?)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
ต่อนะคะ
[/b]

----------------------------------------

กว่าจะมาถึงที่หมายก็ได้เวลาทานข้าวพอดี เที่ยงกว่าครับเวลากำลังสวย แต่อย่าถามผมนะว่าสวยยังไงอธิบายไม่ได้เหมือนกัน เหมือนภาพถ่ายที่สวยๆสดใส เหมือนไม่มีอยู่จริงอะครับ ซึ่ง outing ครั้งนี้เรามาที่เขาใหญ่กัน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินนะครับ ทางโรงแรมของกินเยอะ เขาไม่ปล่อยให้เราวิ่งขึ้นเขาเข้าป่าไปล่าเสือมาทำกินเองแน่นอน
 

สารภาพตามตรงว่าผมเพิ่งรู้ว่าเราจะมาเขาใหญ่กันก็ตอนถึงนี่แหละ ทุกคนเขารู้กันหมดนะ เพราะเหมือนจะไม่มีใครตื่นเต้นตกใจ มีแต่ผมนี่แหละที่ลงรถมาแล้วตื่นตาตื่นใจจนโดนซุกซนดีดเหม่งไปทีข้อหาวุ่นวายเกินหน้าเกินตา พร้อมเหน็บมาว่า นี่เคยอ่านอีเมลอะไรบ้างมั้ย? เขาเมลมาสามร้อยรอบแล้วว่าเราจะมาเขาใหญ่ อย่าบอกนะว่าคลิ๊กขวา Ctrl+A เลือกทั้งหมด แล้ว delete ทิ้งหมดทั้ง inbox น่ะ
 

สารภาพเลยก็ได้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมแทบไม่ได้อ่านอีเมลอะไรจาก HR เลยครับ เพราะบรรดาลูกค้าผู้น่ารักของผมงอแงงเนื่องจากใกล้วันหยุดประจำชาติเขา ASAP จะเอาของวันนี้แต่ใช้จริงไตรมาสหน้ากันหมดเลยครับ เหมือนสั่งซื้อไปสะสมกันหมดครับ สน่ารัก
 

แต่ถึงไม่มีเมลลูกค้าผมก็ไม่ค่อยอ่านเมลอื่นอยู่ดีครับ โดยเฉพาะเมลจาก HR ที่ชอบส่งพวกอะไรสำคัญแต่ยากต่อการเข้าใจมาอะ อย่างเช่นพพวกเอกสารยื่นภาษีที่ผผมยังงงๆ ชีวิตยันทุกวันนี้ มันน่าปวดหัวมากจริงๆนะครับ แทนที่เราจะต้องยื่นภาษี ทำไมไม่ให้ภาษีลองยื่นเราดูบ้างครับ เรื่องอาจจะง่ายขึ้นนะ ผมว่าตัวผมเข้าใจไม่ยากหรอก หรืออย่างน้อยก็ง่ายกว่าเอกสารการบัญชีแน่นอน
 

โรงแรมที่มาพักค่อนข้างใหญ่ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร โบนันซ่าปาทังก้าเซ็กซี่อะไรสักอย่าง ที่มันมีเครื่องเล่นด้วย อันนี้ก็รู้เพราะซุกซนคนใจทรามไลน์มาบังคับให้ผมเอากางเกงว่ายน้ำกับชุดพร้อมลุยมาครับ มันบอกว่าผมจะป่วยก็ได้แต่ต้องเล่นกับมันก่อน ครับ ย้่ำอีกทีว่าการคบซุกซนคนบ้าพาไปลำบาก

 
หลังจากที่ลงจากรถทัวร์ พวกเราโดนต้อนมาที่ล็อบบี้โรงแรมครับ. มีเวลาพักกลิ้งไปกลิ้งมาในห้อง (หรือจะกลิ้งหน้าห้องก็ได้ถ้าสบายใจ) จัดแจงเช็คอินเพื่ออาบน้ำอาบท่าชั่วโมงหนึ่ งก่อนที่การประชุมจะเริ่มต้นขึ้น หลายคนดูสนุกสนาน ทางฝั่งสาวๆ ในแผนกเริ่มออกถ่ายรูปกันแล้วครับ นำทีมด้วยชมพูทวีปที่เริ่มจะเซลฟี่ทั้งมือและไม้และเม้าไปเซลฟี่ไปด้วย พูดๆอยู่แล้วหยุดยิ้มตอนที่มีคนจะกดชัตเตอร์งี้ multitask เก่งมากจริงๆ นับถือครับ
 

“มึงรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวกูมา”

 
ซุกซนโยนทั้งผมที่ยังไม่ตื่นดีและกระเป๋าของเราสองคนไปแปะไว้ที่โซฟา ส่วนตัวเองไปจัดการเซ็นชื่อเช็คอิน การมาเป็นกรุ๊ปข้อดีคือเร็วครับ แค่บอกชื่อ แล้วเซ็นชื่อตัวเองเพื่อรับกุญแจแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็เรียบร้อย เพราะเรามีกลุ่มแอดมินมาช่วยด้วยแหละครับ เร็วมาก ที่ผมเคยไปติดต่อเองตอนไปเที่ยวบางโรงแรมถามประวัติซะเหมือนจะเอาไปทำพ็อกเก็ตบุ๊ค ชีวะประวัติแทนใจผู้พักห้อง 801 สองคืนในเดือนธันวาคม ที่คุณไม่เคยรู้ อะไรประมาณนี้
 

ผมยืดตัวเป็นแผ่นเหมือนชีสที่ถูกยืดออกมาจากขอบพิซซ่า แล้วพาดตัวเองไว้บนโซฟานุ่มๆ การทำงานติดต่อกันตั้งแต่วันจันทร์จนถึงเมื่อวานแล้วตื่นเช้ามาวันนี้ทำให้แบตหมดครับ เหนื่อยจัง อยากนอนเฉยๆบนเตียงจนวันกลับ นอนกลิ้งบนเตียงดูหนังกับน้องกายไปเรื่อย

ฮือ คิดถึงน้องกาย
 
 

“แทนใจ”
 

ในขณะที่ผมกำลังอยู่ในโหมดระหยัดพลังงาน เสียงทักคุ้นๆที่ดังอยู่ไม่ไกลเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ผู้ชายที่มักจะโผล่มาในวันจันทร์ดันมาให้เห็นหน้าในวันศุกร์ พร้อมส่งยิ้มใจดีเหมือนปกติที่เคยเห็นมาให้ ใช่ครับ ผู้ชายที่มีคนไลค์สเตตัสสัตว์เลี้ยงเยอะกว่าเพจหนังคนนั้นนั่นแหละ
 

“คุณเมฆ?”
 

ผมฉีกยิ้มง่วงๆ ส่งให้ผู้ชายที่ใส่เพียงเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วน ดูสบายกว่าทุกครั้งที่เห็น แต่ยังเซ็ตผมมานะครับ เหมือนตื่นมาเอาเจลแปะๆห้านาทีแล้วหล่อเลย โห น่าอิจฉาพวกเบ้าดีหุ่นเพอร์เฟ็ค ผมนี่แค่พยายามให้หน้าม้าไม่เปิดในเช้าวันจันทร์ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกับตัวเองในกระจกแล้วครับ
 

“ยังไม่ตื่นดีเหรอเรา”
 

เขาทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามานั่งด้วย แต่ที่นั่งข้างๆมีกองกระเป๋าที่ซุกซนมันโยนไว้ (พร้อมกับที่โยนเพื่อนมันนั่นแหละครับ) ผมพยายามจะกวาดของมาไว้บนตักคุณโปรเจคฯจะได้นั่งได้ แต่มันมึนอะ หยิบกระเป๋าใบที่หนึ่งขึ้นมาแล้วกลายเป็นผมไกลไปกองบนโซฟาตรงนั้นแทนกระเป๋า อย่างนี้แหละครับ มนุษย์ที่ง่วงงุน มักมีสภาพเป็นของเหลว ไหลลงไปแปะกับทุกอย่างที่แปะได้อยู่แล้ว
 

“ยังงงงงง”
 

ผมตอบพร้อมเอากระเป๋ามาไว้บนตักใบหนึ่งสำเร็จ ซึ่งนั่นเป็นที่ว่างมากพอให้คุณเมฆแทรกตัวมานั่งข้าง ฮือ เขาเอามือมาลูบหัวผมอีกแล้ว ซึ่งผมสู้นะ สู้โดยการทำหน้าง่วงใส่เขา สงสัยคงต้องจัดแถลงข่าวแล้วมั้งว่านี่แทนใจไม่ใช่ไซบีเรียน ทำไมชอบลูบหัวดึงแก้มกันจังเลย หรือผมควรกัดแบบไซบีเรียนบ้าง … ไปกันใหญ่แล้ว ความง่วงทำให้คนเป็นบ้า
 

“เมื่อกี้ผมไม่เห็นคุณบนรถเลย คุณมายังไงครับ?”

 
ผมพยายามตื่นเพื่อที่จะคุยกับเขามากกว่านี้ เผื่อคุณเมฆจะได้เลิกลูบหัวผมด้วย ลูบมากนี่จะเคลิ้มอีกแล้วนะ คนยิ่งงง่วงๆอยู่ ไม่รู้เรื่องเลย
 

“ผมขับรถมาเองน่ะ”

 
ผมพยักหน้ารับรู้ เออเนอะ เขาใหญ่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไหร่ หลายคนที่ไม่อยากนั่งเบียดเสียดรอคนอื่น หรือแม้แต่พวกที่เอาครอบครัวมาเอาท์ติ้งด้วยก็เลือกขับรถมากันเอง (อย่างเช่นคุณเชนที่อยู่แผนกผมน่ะครับ แต่คนนั้นดีแล้วที่ขับรถมาเอง ไม่งั้นผมคงได้ยินเสียงแกบ่นรัฐบาลบ่นทุกอย่างตลอดทั้งทางเลยครับ คือผมคุยได้นะ แต่เวลาเขาพูดกับเราเขาไม่ได้ต้องการการตอบรับน่ะครับ เหมือนแท็กซี่บางคันที่ต้องการคนฟัง แต่ไม่ได้ต้องการคนคุยด้วยอะ จะหลับก็ไม่ได้ คอยปลุกมานั่งฟังกาพย์แห่ของแกครับ ผมเคยติดรถแกกลับบ้านครั้งหนึ่งและอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ทรมานมาก)
 

ตอนแรกซุกซนมันก็จะขับรถมาเหมือนกัน แต่พ่อยืมรถไปใช้เลยอด ต้องนั่งรถทัวร์มาด้วยกันแบบนี้ ซึ่งมันก็แก้ปัญหาของมันโดยการเอาแผ่น BNK ไปให้รถเปิดครับ แต่รถมีอยู่แล้วครับ การเดินทางของผมมีเพลงคุ้กกี้เสี่ยงทายจังหวะสามช่าบ้าง เวอร์ชั่นหมอลำบ้างเป็นเพื่อนร่วมทาง
 

“ดีจัง ผมนอนหลับไม่สบายเลย บนรถทัวร์เปิดแต่คุ้กกี้เสี่ยงทาย ง่วงมากเลยครับ”
 

เขาหัวเราะนิดหน่อย ผมเพิ่งสังเกตว่าวันนี้คุณโปรเจคเมเนเจอร์ดูผ่อนคลายกว่าปกติที่ผมเจอ ทั้งการแต่งกายและบรรยากาศรอบตัว อาจจะเพราะว่าวันนี้เขาไม่ต้องนั่งมองโทรศัพท์เพื่อเช็คอีเมลจากลูกค้าก็ได้ละมั้ง ก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ดี ผมเข้าใจดีเลยครับว่าการต้องคุยกับลูกค้าสร้างความเหนื่อยได้แค่ไหน
 

“งั้นขากลับแทนใจกลับกับผมไหม?”
“หือ? คุณเมฆว่าไงนะครับ?”
“ยังไงผมก็รู้แล้วว่าคุณอยู่ตรงไหน กลับด้วยกันก็ได้เดี๋ยวผมไปส่ง” 

 
“อ้าว พี่เมฆ หวัดดีครับ”
 

ยังไม่ทันที่สมองผมจะประมวลผลเมื่อกี้ของคุณโปรเจคฯ รูมเมทที่ไปเช็คอินก็เดินควงกุญแจห้องกลับมา ยกมือไหว้คนอายุมากกว่าที่รีบรับไหว้แทบไม่ทัน วันนี้ซุกซนมันมาในเสื้อฮาวายครับ ลายดอกพร้อยเลย ดอกอะไรก็ไม่รู้ครับ ผมแยกดอกไม้ไม่ออก รู้แต่มันลายพร้อยมากจนผมไม่แน่ใจว่าซุกซนเดินออกจากปากซอยบ้านโดยปลอดภัยหมาไม่เห่าไล่หรือเปล่า

คนอายุมากกว่ารับไหว้ขำๆ ก็น่าขำอยู่หรอกครับ หน้าซุกซนในเสื้อลายดอกมันก็ตลกใช่เล่น แต่คุณเมฆมีมารยาทพอที่จะไม่ถามว่า ใช้ความมั่นใจไหนใส่เสื้อแบบนี้ออกมาวะ?
 
 
“ไงเรา วันนี้หล่อนะเนี่ย”

 
ผมบอกแล้วว่าคุณเมฆเป็นคนมีมารยาท
 

“นิดนึงพี่ ความจริงผมก็หล่อทุกวันอยู่แล้วนะ แต่เห็นว่าเป็นพี่อะเลยจะยอมถ่อมตัวหน่อยก็ได้”
 

ซุกซนขาสั้นหัวเราะพร้อมยักคิ้วกวนประสาท ในมือข้างหนึ่งมีกุญแจห้อง อีกข้างมีถุงเยลลี่ มองจากดวงจันทร์ยังรู้เลยว่าติ๊งต๊อง ไม่ได้คิดเลยว่าเขาอาจจะชมเพราะไม่รู้ว่าจะพูดกอะไรด้วยก็ได้ ซุกซนนี่ใช้ไม่ได้เลย อย่าบอกใครนะว่าผมรู้จักมัน
 

“เด็กยังรู้เลยนะว่าคุณเมฆเขาพูดตามมารยาท ซุกซนไม่ต้องดีใจจริงก็ได้”
“มึงนะ ตื่นมาแล้วก็กวนตีนกูเลยนะ”
“เอ็บบบบบบบบบ อุ๊กอน อก-อะ-อ๊กกกกกกกกกกก” (เจ็บบบบบบบบบ อุ๊กอน สกปรกกกกกกกกกกก”

 
มันเอามือที่ถือเยลลี่มาดึงแก้มผมอะ ดึงเหมือนหน้าผมเป็นขอบพิซซ่าชีสเยิ้มๆแล้วตัวมันยืดดูว่าชีสนี่เยิ้มได้ถึงไหน ดึงแรงไป จะดึงให้แก้มผมหลุดติดมือไปเลยหรือไง! โหดร้าย!! ผมจะบอกให้คุณกฤติย้ายมันไปนั่งทำงานในกล่อง!! คุยกับตัวเองไปเลยนะ ไม่คุยด้วยแล้ว!!
 

“อุน … อุ๊ก-อน แอ้ง อ๋ม” (คุณ… ซุกซนแกล้งผม)
 

 ผมกระตุกเสื้อคุณเมฆฟ้องเลยว่าโดนแกล้ง ฟ้องครับ! มันต้องมีคนได้รับโทษ คอยดูวันหลังถ้าซุกซนล้มนะ เราจะไม่ทำแค่ข้าม แต่จะกระโดดไปมาหัวเราะฮ่าๆแล้วเอาใบบัวมาปิด แน่นอนว่าปิดมิดเพราะว่าซุกซนขาสั้น ไม่รู้ว่ากางเกงที่ใส่ตอนซื้อมาตัดขาไปกี่นิ้ว แต่เท่าที่ดูน่าจะตัดออกไปเป็นเมตร!    

“...”
อ้าว คุณเมฆไม่ด่าซุกซนอะ

สิ่งที่ผมคิดไว้คือคุณเมฆหัวเราะแล้วก็แซวซุกซนกลับหรืออะไรประมาณนี้ ไม่ได้คิดว่าเขาจะมองหน้าผมแล้วนิ่งไปเลย นิ่งแบบ จังงังอะ จังงังแบบที่ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร เคยเห็นในโรงหนังครับ คิดว่าน่าจะเป็นแบบคุณเมฆตอนนี้แหละ

“อ๊องเก่ง แล้วยังอ่อยเก่งอีก” ซุกซนกลอกตา “มึงออกมาจากทุ่งลาเวนเดอร์บ้างเถอะ” 
“อะไรของซุกซน พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย งง”

ผมว่ามันกลับไป โหย แก้มตอนนี้แก้มต้องแดงแน่เลยอะ คนบ้าอะไรไม่เคยออมมือเลย คิดว่าผมเป็นมาชเมลโล่เผาที่ยืดๆได้หรือไง ผมไม่ไหม้นะ! ยืดไม่ได้ด้วย หยุดยืด!

“อ่า… พวกเรานอนห้องไหนกัน”
“นี่ก็เปลี่ยนเรื่องเก่ง”
 

ซุกซนพูดแล้วทำหน้าเหมือนเหม็นขี้หมา ผมเข้าใจดีเลยครับ เมื่อก่อนตอนเลี้ยงหมานี่ถ้าผมเจอว่าหมาผมอึเมื่อไหร่นี่ต้องปิดจมูกเลย ทำหน้าเหมือนซุกซนตอนนี้แหละ มันเหม็นมากครับ แต่ตอนนี้ผมก็ว่าตรงนี้มันไม่ได้มีหมาหรืออะไรมาอึไว้นะ หรือคุณเมฆเหยียบขี้หมามาแล้วไม่รู้ตัว แย่เลย ต้องล้างนะ
 

“พวกเรานอนตึกไหนกัน?”
 

คุณเมฆเมินเหมือนใบหน้าเหม็นอึกับประโยคของซุกซนไม่เคยมีอยู่บนโลก ซึ่งซุกซนก็ให้ความร่วมมือในการตอบครับ
 

“ตึก A ครับ พวกผมอยู่ห้อง A617 เป็นรูมเมทกัน”
 

คุณเมฆหรี่ตา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากเอากุญแจของตัวขึ้นมาโชว์ให้พวกผมดู ซึ่งคนที่ดูคือซุกซนเพราะผมกำลังพยายามตบแก้มแปะๆ เผื่อมันจะช่วยให้ความเจ็บจากการโดนดึงเมื่อกี้หายไป ซึ่งไร้ประโยชน์ครับ บอกไว้ตรงนี้เลย
 

“ตึกเดียวกันเลยนี่ พี่อยู่ห้องใกล้ๆพวกผมเลย A620”
“เฮ้ยดี ไว้เดี๋ยวดึกๆชวนมานั่งที่ห้องพี่ พี่ขนมาหมด ทั้งเบียร์ทั้งบลูฯ*มา” (*บลูเลเบอร์)
“เยี่ยม! พวกผมไปแน่!!”
 

ซุกซนหมายมั่นปั้นมือ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการนั่งดื่มอยู่แล้ว เรื่องปกติครับ สมัยเรียนนี่ก็มีบ้าง บางทีถ้าไม่ไปเองก็จะมีซากเพื่อนมาแปะอยู่ที่ห้องบ้างตอนเมา ซึ่งผมขี้เกียจดูแลเพื่อนตอนเมา วิธีตัดปัญหาเลยเมาก่อนเพื่อนเลยครับ หรือไม่ที่ทำบ่อยสุดคือเมาดิบแล้วแกล้งหลับไปเลยสบาย เพื่อนโตแล้ว อนาคตของชาติ สามารถดูแลตัวเองได้อยู่แล้วครับผมมั่นใจ
 

“โอเค ดีล ไว้เดี๋ยวถ้ายังไงจะเดินไปเคาะเรียกที่ห้อง”
 

บทสนทนาทำท่าเหมือนจะจบตรงนั้น ผมเองก็ยกกระเป๋าเตรียมแบกขึ้นห้อง ตอนนี้ตื่นแล้วครับ ตื่นตั้งแต่ซุกซนใช้มือเลอะเยลลี่มาดึงหน้าผมแล้วอันที่จริง ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะแกล้งเอาคืนผลักมันลงไปอยู่บนพื้นตอนที่หลับนั้น คุณเมฆที่ตอนแรกเหมือนจะเดินนำไปก่อน ก็หันหน้ามาเหมือนลืมอะไร
 

“พี่ขอไลน์พวกนายไว้หน่อย เผื่อมีอะไรจะได้คุยกันง่ายๆ แบบ… อย่างเช่นเรียกกินเหล้าน่ะ เผื่อเคาะห้องไม่ได้ยิน ทำนองนั้นแหละ”
 

คิดไปเองหรือเปล่าวะว่าโฟกัสสายตาคุณเมฆมาอยู่ที่ผมนานกว่ามองซุกซน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ครับ หน้าผมแดงข้างหนึ่งนี่นา คิดแล้วยังเซ็ง เมื่อกี้ซุกซนยืดผมเป็นพิซซ่าฮาวายเอี้ยนขอบชีสเพิ่มชีสจริงๆนะเนี่ย แหม่ พูดแล้วก็อยากกิน กลับกรุงเทพฯผมชวนน้องกายกินพิซซ่าดีกว่า ผมเลี้ยงเอง เพราะแทนใจหล่อและเป็นพี่ที่ดีมาก


คุณเมฆยื่นโทรศัพท์มาที่ผม ไอโฟนที่หน้าจอเป็นรูปกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆท่าทางน่ารักถูกยื่นมาให้
 


“ผมขอไลน์ของทั้งคู่เลยนะครับ”
 
 
 
 
 
 
------- 100% -------
 
 
 
ความจริงมันจะยาวกว่านี้ แต่ถ้าไม่ลงคงอีกนานเลย พรุ่งนี้วันจันทร์ด้วย มองจากทุ่งลาเวนเดอร์ก็รู้นะคะว่ายุ่งหัวบานแน่นอนค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ชอบน้องแทนใจนะคะ แล้วจะรีบมาต่อนะคะ ขอบคณมากค่า
สามารถสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์
หรือทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 11:02:52 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่เมฆคนเนียน 555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
แทนใจอ่อยเก่ง ส่วนคุณเมฆก็เนียนเก่ง

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
แทนใจอ่อยเก่งงง อ่อยแบบอ๊องๆนั่นแหละค่ะ
คุณเมฆก้ไหลลลเลย เนียนกริ๊ปปปป
ปรับตัวไปกับสิ่งแวดล้อมสุดด555555 ได้ทุกสภาพสถานการณ์
ซุกซนและคนทั้งแผนกที่รู้ทุกอย่าง
ภาพตัดไปที่เจ้าตัวอ๊องที่ไม่รู้อะไรเลยแต่อ่อยเก่งมาก
สงสารคุณเมฆจริงๆค่ะ555

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยย แทนใจ ทำไมหนูอ๊องขนาดนี้ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
6th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันจันทร์ แต่เราก็ยังต้องประชุมกันเหมือนเดิม



“ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม”

“แทนใจ มึงติดบั๊กเหรอ? เงียบก่อน”



ผมเงียบตามที่ซุกซนสั่ง ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในห้องเตรียมตัวออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยการประชุมรวมทั้งเอเชียแฟซิฟิกครับ ซึ่งขนาดแค่ประชุมแผนกขำๆทุกเช้าวันจันทร์ยังทำผมเป็นบ้าได้ นับประสาอะไรกับการประชุมใหญ่ขนาดนี้ล่ะ ยิ่งครั้งนี้จะมีคนจากประเทศอื่นมานี่แค่คิดก็ง่วงแล้วครับ



“ออกเถอะมึง ไปนั่งสงบสติอารมณ์ข้างนอกเถอะ”

“เราไม่อยากไป”

“งอแงอะไรของมึงเนี่ย กูไม่ง้อนะ ไม่ใช่แฟนกู”

“ซุกซน เห็นแบบนี้เราก็เลือกนะ”

“หยุดพูดแล้วออกไปสักที ก่อนที่กูจะตีหัวมึง”

“ตีเลย เราจะได้ไม่ต้องไปประชุม”

“หยุดเป็นมึงสักนาที แล้วออกไปเดี๋ยวนี้!”



 

บทสนทนาจบลงตรงนั้น เพราะมีเสียงเคาะประตูตอนที่พวกผมกำลังจะออกพอดี ซึ่งคนร้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณโปรเจคฯนั่นเองครับ ด้วยความที่มันใกล้เวลาประชุมแล้ว ทางที่ต้องเดินไป Hall ที่จัดการประชุมมันต้องผ่านห้องผม เขาเลยมาเคาะถาม เผื่อจะได้ไปด้วยกันเลย ซึ่งไม่ดีเลยสักนิด ผมไม่อยากไปประชุมอะ ถ้าไลน์ไปขอคุณกฤติลาป่วย ด้วยเหตุลขี้เกียจลงกระเพาะ จะโดนว่าแรงไหมนะ?

 
“หิวเหรอ ทำหน้าบูดเชียว”

 
คุณโปรเจคฯหันมาถามผม ตอนนี้พวกเราเดินเรื่อยๆครับ มันไม่ไกลหรอกแต่ก็ไม่ได้ใกล้ ต้องมีการสับขากันเล็กน้อย ระหว่างทางเจอคนในบริษัทบ้างประปรายแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ คิดว่าอาจจะยังไม่ไปกัน พวกที่ต้องมีพรีเซ็นท์หรือตำแหน่งสำคัญคงอยู่ที่นั่นแล้วแหละครับ แต่ผมไม่รีบไง ประชุมกันไปก่อนเลยก็ได้ไม่ต้องรอ
 

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หิว ผมแค่ไม่อยากประชุมอะคุณ” 

 
ผมทำหน้าเมื่อยใส่เขา ซึ่งเขาทำเพียงแค่ยิ้มเหมือนกับทุกทีที่เขาจะคุยกับผม ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบยิ้มแบบที่ผมไม่รู้ความหมายแต่มั่นใจว่ามันแปลกๆ ผมหรี่ตาใส่เขานิดหน่อย ซึ่งเขายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก ยิ้มไรอะ! ถ้าอยากเข้าประชุมก็ไม่ต้องมาอารมณ์ดีแถวนี้! 



“ขี้เกียจนะเนี่ยเรา”

“เท่าที่ผมจำได้ ในใบสมัครงานไม่ได้เขียนว่าต้องขยันประชุมนะคุณ ”

“ความจำดีนะเนี่ย”

“แน่สิ นี่ใคร แทนใจนะครับ”


ผมตอบคุณเมฆพร้อมยักคิ้วให้ทีนึงอย่างเท่ๆ คุณเมฆยิ้มเลย ยิ้มอะไรอีกเนี่ย ยิ้มแบบเหมือนวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ สิ้นเดือนที่ทำให้เรานี้มีแรงจ่ายหนี้กันต่อไป พอหลังจากนั้นผมหันขวาไปเห็นซุกซน คนใจทรามที่ตอนนี้มองมาทางผมด้วยสีหน้าเหม็นขี้หมาเหมือนเมื่อเช้า ทั้งที่ตอนอยู่ในห้องยังไม่เป็นเลย
 

ต้นเหตุการทำหน้าเหม็นของซุกซนต้องอยู่แถวนี้แน่นอน ผมรีบตวัดตามองคุณเมฆผู้
ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง(และหมายเลขเดียว)ทันที ซึ่งฝั่งนั้นก็ยังยิ้มอยู่ เออเนอะคนเรา ขี้หมาติดรองเท้าก็ยังไม่ยอมเช็ดอีก



“ขมวดคิ้วทำไมอีกเนี่ย ไม่อยากไปขนาดนั้นเลย?”


พอพูดเรื่องประชุมแล้วก็ เฮ้อออออออออออ เบื่อออออ อุตส่าห์ได้มาต่างจังหวัดทั้งที แทนที่จะได้กลิ้งหลุนๆไปมาบนเตียง กลับต้องมาอุดอู้นี่มันน่าเบื่อมากเลย คนที่ทนได้นี่โคตรเก่ง อย่างพวกคุณกฤติอะ เข้าประชุมเยอะพอๆ กับงาน ผมเห็นเขาถือแล็ปท็อปเดินไปเดินมาในบริษัทแล้วปวดหัวแทน เนี่ยหล่อแล้วยังเก่ง หัวหน้าผมเองครับ


“เบื่ออะคุณ ทำไมเราต้องเข้าด้วยอะ ผมไม่มีประโยชน์กับห่วงโซ่บริษัทเท่าไหร่หรอกจริงๆ คิมๆป้ากๆที่ผมคอยดูอยู่ เราทำเป็นไปสดไม่ทันมั้ยคุณ แล้วรอไปลงห้อง DVD แทน  เหมือนตอนเรียนพิเศษสมัยมอปลายงี้อะคุณ ผมนี่จองสดไม่เคยทันสักคอร์ส รู้สึกแพ้มาก”


“มอปลายนี่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วคุณ รู้ว่าหน้าเด็กแต่แบบนี้ก็ย้อนวัยไกลไปนะ”

“หัวเราะอะไรเล่า!”


ผมขมวดคิ้วใส่คนข้างๆที่ยิ้มเหมือนล้อ แถมปัดมือที่จะมาลูบแก้มออกด้วย ต้องใช้กำลังให้เกรงกลัวบ้างครับไม่งั้นเดี๋ยวลามปาม ถึงจะแก่กว่าก็ห้ามลามปามแทนใจ! แค่นี้ผมก็โดนลูบหัวดึงแก้มเยอะแยะไปหมดแล้ว เกรงใจกันบ้าง! นี่ลูกชายคนโตสุดของบ้านเลยนะ แค่มีพี่สาวอีกคนเท่านั้น!
 


ตอนนี้พวกผมเดินมาถึงหน้าห้องจัดประชุมแล้วครับ หลายคนเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง แต่พวกผมสามคนยังยืนอยู่หนย้าห้อง หมายถึงผม คุณเมฆ แล้วก็ซุกซนใจทรามที่ตอนนี้มันผละไปเข้าห้องน้ำครับ ทิ้งเพื่อนอย่างผมไว้กับคนติดกาแฟจากอีกแผนก กินเนสบุ๊คมีจัดสถิติคนโดนเพื่อนทิ้งดีเด่นมั้ย ผมว่าผมจะเสนอชื่อนายแทนใจเข้าไปให้เขาพิจารณา

 
“หน้าคุณเหมือนติ๊กต่อกตอนหิว”

“ติ๊กต่อก?”

“กระต่ายผมน่ะ เวลามันหิวมันชอบทำหน้ายุ่งแล้วก็ไม่ยอมให้เล่น แบบนี้เลย”


พูดเฉยๆไม่ต้องเอามือมาดึงแก้มได้มั้ย!


ผมเป็นคนแก้มเยอะครับ ตอนอนุบาลนี่โคตรเป็นปมด้อย ตัวเป็นก้อนๆแขนปล้องๆมีแก้มย้วยๆกับพุงกลมๆตั้งแต่เด็ก (จนตอนนี้พี่รักยังเอามาล้อเรื่องผมเป็นเด็กก้อนอยู่เลย อย่างอาย) พอโตมาส่วนอื่นไม่ก้อนแล้วครับ สูงชะลูดดูดีมากๆ เหลือแค่แก้มนี่แหละที่ไม่ยอมยุบสักที ขนาดน้องแทนกายที่ตอนเด็กๆดูคล้ายผมตอนยังเล็กมาก โตมาแก้มน้องก็หายอะ แล้วผมคือไร? ชาติที่แล้วตายตอนอมข้าวอยู่แน่เลย ถึงจะดูไม่เท่แต่น่าจะอร่อย ปล่อยไปก่อนก็ได้


“นี่แทนใจไงคุณ ไม่ใช่กระต่าย”

“เหรอ?”

“อะไรเนี่ยคุณ!”

ผมถอยหลังเมื่อคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆหยุดแล้วมองลงมาที่ผมด้วยสายตาขบขัน นี่ก็ตลกจังเลย ไปเปิดขำกลิ้งลิงกับเมฆเลยมั้ย อารมณ์ดีมาจากไหนนักหนา  ถูกรางวัลที่หนึ่งได้โดยไม่มีใครมาแย่งใช่มั้ยถึงได้ดูอารมณ์ดีจัง ผิดกับผมที่คิ้วขมวดตั้งแต่เขาเริ่มกวนผมเนี่ย จนตอนนี้ยังไม่หยุดเลย เนี่ยหน้าผมยับแล้วยับอีก ถ้าน้องกายจำผมไม่ได้ ใครจะรับผิดชอบ! ผมมีน้องคนเดียวนะ! 


“ไม่ใช่กระต่ายจริงเหรอ?”

“เฮ้ย!!!!!!”



 

ผมสะดุ้งเหมือนกุ้งโดนโยนเข้าหม้อสุกี้ ตกใจ!!!!! อยู่ดีๆยื่นหน้าเข้ามาทำไม!!!!! ใกล้จนจะเห็นขี้ตาผมอยู่แล้วมั้ง!!! ถ้าเสาร์อาทิตย์ว่างๆ ก็ไปเป็นพร็อบประกอบบ้านผีสิงดรีมเวิลด์เถอะจริงๆ นี่ยังตกใจอยู่เลยครับ อกสั่น ขวัญ อุษามณี!

 
ซึ่งตัวต้นเหตุก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยังมายิ้มอีก!


“เนี่ย ตอนตกใจติ๊กต่อกก็ถอยหลังตาโตแบบนี้เด๊ะเลย”

“ผมไม่คุยกับคุณดีกว่า เขาจะประชุมกันแล้ว”

 
“เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องเก่ง”


เพื่อนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังโดนแกล้งเดินกลับมาจากห้องน้ำ ตอนที่ผมกำลังจะถามว่ามันพูดอะไรเพราะผมไม่แน่ใจว่ามันจะสื่ออะไร แต่ซุกซนก็ยังคงเป็นหมีขี้โมโห มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร สะบัดน้ำใส่หน้าผมทันที!


“ซุกซน!!”

 
ผมพยายามเช็ดหน้าแต่มันสะบัดใส่อีก โอ๊ย แพร่เชื้อขาสั้นใส่มาหรือเปล่าเนี่ย! อยากด่าอะ! คนแบบนี้มันต้องโดนสักที!!!

 

“ไอ้บ้า!”



หงุดหงิดจริงๆนะเนี่ย แล้วไอ้คุณเมฆขำอีก ซุกซนก็เหมือนสนุกใหญ่ เอามือขยี้หัวผมจนยุ่งแล้วเดินหนี ทิ้งไว้กับหมีติดกาแฟอารมณ์ดีเนี่ย! หงุดหงิดง่ะ เมื่อกี้หงิดซุกซนนะ แต่ตอนนี้เริ่มหงิดคุณเมฆแทนแล้ว ชีวิตจะดี๊ดีมากอะไรขนาดนี้ รอยยิ้มมันต้องมีหรือไง สบายใจแบบนี้เหรอ! หงุดหงิด!!!


“โอ๋ๆ นี่ๆ ผมให้นี่”


ผู้ชายอีกคนยื่นสิ่งที่หยิบออกมาจากกระเป๋า (ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเอากระเป๋ามาด้วย เอามาทำไมอะ ผมกับซุกซนนี่มาตัวเปล่าแบบแยกกันตายแน่นอน เพราะกุญแจอยู่กับซุกซน … อ้าว คนตายมันผมคนเดียวนี่หว่า ไม่น่าล่ะ มันไม่ปล่อยกุญแจเลย กลับไปนี่ผมต้องทบทวนแล้วว่ายังคิดจะเป็นเพื่อนกับมันดีมั้ย)

 
“คุ้กกี้?”

“รสกาแฟด้วยนะ… อ่า พอดีผมมีติดกระเป๋าไว้น่ะ คุณเอาไปช่วยกินหน่อยละกัน ผมกลัวกินไม่หมด”

 
ผมกระพริบตาปริบๆ … การที่ผมมีแก้มมันทำให้ดูหิวขนาดนั้นเลยเหรอ หรือผมดูเป็นคนง่วง 2018 ที่ต้องมีกาแฟในการดำรงชีวิตตลอดเวลา

 

ดูถูก! ...ถูกแล้วนี่นา!!!

 

“เงียบเลยนะคุณ ไม่ต้องซึ้งขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมให้ด้วยใจไม่ต้องการของรางวัลอะไรตอบแทน”

“...”

“แต่ถ้าซึ้งมากขอกาแฟสักแก้วก็ได้ อย่าเพิ่งร้องไห้นะคุณ”

 
คือผมยังไม่ได้คิดอะไรมั้ยอะ แค่ประมวลผลอยู่ แล้วทำไมจะต้องซึ้งขนาดนั้นครับ แต่ถ้าหล่อแล้วจะคิดเองเออเองยังไงก็ได้ก็เอาเลยครับ สบายใจก็ทำเลย จินตนาการสำคัญกว่าความรู้อยู่แล้ว

 
“กินนี่แล้วจะอารมณ์ดี เชื่อสิ ผมทำบ่อย”


ถึงแม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ก็ยอมรับว่าความหงุดหงิดหายไปเยอะมาก กลายเป็นความงุนงงแทน เอาเถอะ นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี...ล่ะมั้ง?

 
“ขอบคุณครับ”



เขาลูบหัวผมอีกสองสามครั้งแล้วผละออกไปเข้าห้องประชุมบ้าง ก่อนเข้าผมเห็นเขาเดินไปทักใครไม่รู้แล้วพากันเดินเฮฮาเช้าไปด้วยกัน ถึงแม้เขาจะไปแล้วแต่เหมือนยังรู้สึกว่ามือคุณเมฆยังอยู่บนหัวเลยแหะ มันยังอุ่นๆอยู่เลย


ผมยักไหล่ อย่างน้อยถ้าเข้าห้องประชุมแล้วง่วง ก็มีอะไรเคี้ยวให้หายมึนแล้วล่ะ


เดี๋ยวนะ?!

 
ไม่ใช่ว่านี่เขานับเป็นกาแฟที่ผมติดเขาเพิ่มอีกแก้วแล้วหรือเปล่า!!!

ไม่เลี้ยงคืนทั้งหมดนะ ไม่มีเงินแล้ว!



———- 50%———-

อยากอัพเยอะกว่านี้ แต่วี๊คสิ้นเดือนแบบนี้งานถล่มเหมือนเขื่อนแตกเลยค่ะ น่ารักหมดทั้งหัวหน้าทั้งลูกค้า แง้้้้้้

 

ขอบคุณทุกคนทั้งคนเฟ๊บ คนอ่าน คนเมนต์ คนที่ติดแท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ นะคะ ขอบคุณที่ร่วมผ่านวันจันทร์ไปด้วยกันนะคะ ยิ้มเหมือนอีบ้าตอนที่นั่งอ่านคอมเมนต์กับแท็กจนพี่ที่ทำงานงง ขอบคุณจริงๆค่ะ :)

จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ

ป.ล. สามารถทักเราได้ที่ @babybapho และสกรีมผ่านทางคอมเมนต์หรือแท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ได้นะคะเราอ่านทุกอันค่ะ ในแท็กทวิตเตอร์ถ้าเราไม่ตอบคือไม่เห็นจริงๆ ขอบคุณมากค่า :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2018 20:49:38 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
แทนใจน่ารักมากกก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น้องก็มึนงงสงสัยต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 13:26:14 โดย Billie »

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
แทนใจน่ารักกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด